Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี 262

ตอนที่ 262

บทที่ 262 – ฉันจะไปที่ไหนก็ได้ (4)

คังมิเรย์ได้ถามยูอิลฮานที่อยู่ตรงหน้าขึ้น

“นายคิดยังไงล่ะอิลฮาน? จากที่ฉันเห็น ความสัมพันธ์ของนายกับกองทัพสวรรค์ดูจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว นายไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะไปมอบพลังให้กับกองทัพสวรรค์โดยไร้เงื่อนไขแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“เธอจะคิดแบบนั้นก็ได้นะ ในตอนนี้ฉันไม่คิดว่าฉันจะเอาตัวเองไปอยู่ในอันตรายเพื่อนช่วยพวกนั้น”

ทูตสวรรค์ได้ตะโกนออกมาทันที

[พวกเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันมากๆนะ! ในตอนนี้กองทัพสวรรค์กำลังตกอยู่ในวิกฤติ! ฉันไม่รู้ว่าทำไมนายถึงได้มาเป็นศัตรูกับกองทัพสวรรค์เราแบบนี้? แต่ว่าถ้ากองทัพปีศาจวิบัติได้ยึดเอาโลกส่วนหนึ่งของเราไป ถ้างั้นสิ่งต่างๆจะย้อนคืนไม่ได้แล้วนะ!]
“ฉันเข้าใจนะว่ามิเรย์ได้ทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อลงไป… แต่ว่าพลังของเธอจะส่งผลให้ต่อการต่อสู้ของพวกนายได้ขนาดนั้นเลย?”
[นั่นมันแน่อยู่แล้ว!… ช่วยรอเดี๋ยวก่อนจะได้ไหม? ดูเหมือนว่าตอนนี้คนที่มีอิทธิพลมากกว่าฉันกำลังตรงมาที่นี่]

เมื่อดูจากวงแหวนบนหัวทูตสวรรค์ที่กำลังกระพริบอยู่ นี่มันเหมือนกับว่าได้มีการส่งสัญญาณมาถึงทูตสวรรค์คนนี้ ยูอิลฮานได้มองไปรอบๆตัวเขาและส่ายหัวออกมาหลังจากที่เห็นประชาชนของเมืองนี้กำลังมองมาที่ป้อมปราการลอยฟ้าที่โผล่ขึ้นมาหลังจากเสาแสงหายไป

“ถ้างั้นก็เปลื่ยนสถานที่ก่อนแล้วกัน”
“ได้ ถ้างั้น…”

เมื่อคังมิเรย์ได้สะบัดมือของเธอ มานาที่อยู่ภายในห้องก็ถูกดูดกลับคืนมา นี่มันเหมือนกับดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่เคลื่อนไหวไปตามการไหลของจักรวาล

“โอ้”
“เป็นการขยับของมานาที่สวยงามมาก ฉันไม่เคยรู้เลยว่ามันทำแบบนี้ได้…”
“มิเรย์คืออัจฉริยะ… แต่ว่านี่มันน่าทึ่งมาก”

อนุภาคมานาส่วนหนึ่งที่เรืองแสงสีน้ำเงิน ดพ แดง หรือกระทั่งสีเหลือง ที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนได้ไหลเข้าไปในร่างของเธอ และส่วนที่เหลือได้รอยรอบๆตัวเธอราวกับมันกำลังป้องกันเธออยู่ พวกเขาได้แต่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นภาพนี้ การกระทำนี้ของเธอเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงจำนวนมากมายไม่อาจจะทำได้ด้วยซ้ำไป

แม้กระทั่งทูตสวรรค์ที่เฝ้าดูอยู่ตลอดก็ได้แต่นิ่งงันไป และทันใดนั้นคังมิเรย์ก็ได้หันไปโค้งให้กับห้องนั้น

“จักรพรรดินี ขอบคุณนะสำหรับทุกๆอย่างนะ”
“…ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอจะไปแบบนี้”

แม้ว่าจะมีออร่าจำนวนมหาศาลในห้องและเธอถูกบดบังเอาไว้อยู่ แต่ว่าจักรพรรดินีเออร์ม่าแอนอิลต้าก็ยังคงอยู่ภายในห้อง แม้ว่าชุดของเธอจะเต็มไปด้วยฝุ่นจากความปั่นป่วนของมานาก็ตาม แต่ยูอิลฮานได้ตัดสินใจจะทำเป็นไม่เห็นฝุ่นพวกนั้น

“นี่ รับไปสิ”
“อ่า จักรพรรดินี?”

เออร์ม่าแอนอิลต้าได้ยิ้มแห้งๆออกมาเมื่อเห็นสายตาของยูอิลฮานและเธอได้โยนไอเทมมาให้กับคังมิเรย์ คังมิเรย์ได้ให้มานารอบตัวเธอแหวกออกจากกันและรับเอาไอเทมนี้ไว้เบาๆ

“นี่คือ…?”

มันคือกล่องขนาดเล็กๆ และเมื่อเธอเปิดมันออกมาภายในก็มีแหวนระดับสูงอยู่สองวงศ์ ดวงตาของคังมิเรย์ได้เบิกกว้างขึ้นเมื่อจักรพรรดินีได้เกาหัวพูดออกมา

“แม้ว่านี่จะเทียบไม่ได้เลยกับอาร์ติแฟคที่ท่านยูอิลฮานทำ… แต่นี่คือสมบัติอาณาจักรที่เป็นส่วนสำคัญของทั้งอาณาจักร แล้วก็ยังตกทอดมารุ่นต่อรุ่นภายในจักรวรรดิ เธอสามารถจะใส่มันได้โดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องขีดจำกัดการใส่อาร์ติแฟคเลย เพราะงี้อย่าลืมแบ่งให้กับท่านยูอิลฮานซักอันนะ”
“จักรพรรดินี…”

ไม่มีทางเลยที่คังมิเรย์จะไม่รู้ว่าเธอกำลังจะบอกอะไร คังมิเรย์ได้หน้าแดงขึ้นมาและยูอิลฮานได้ยิ่งเหนื่อยใจมากกว่าเดิม คังมิเรย์ได้ปิดกล่องลงไปและเก็บมันเอาไว้ในอกเธอก่อนจะโค้งอีกครั้งหนึ่ง

“ไว้ฉันจะกลับมานะ”
“ได้เลย นั่นแหละคือคำลาที่ฉันรออยู่ เราทั้งสองคนจะได้เจอกันอีกในอนาคตสินะ?”
“แน่นอนสิ”
“ฟุฟุ ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ท่านยูอิลฮาน ฉันจะจัดการความวุ่นวายภายนอกให้เองดังนั้นท่านช่วยจัดการเรื่องระหว่างมิเรย์กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ไหม?”
“ได้เลย”

มันดูเหมือนว่าเออร์ม่าแอนอิลต้าที่เคยดูขี้เล่นจะได้โตขึ้นมากหลังจากได้กลายมาเป็นจักรพรรดินีแล้ว

ยูอิลฮานได้รู้สึกถึงเวลาที่ผ่านไปอีกครั้งหนึ่งอย่างคาดไม่ถึงและยิ้มแห้งๆออกมา

“ถ้างั้นก็ลาก่อนนะ”

ยูอิลฮานได้โค้งให้กับเออร์ม่าแอนอิลต้าและพาทูตสวรรค์รวมถึงคนอื่นๆไปที่ป้อมปราการลอยฟ้า เมื่อทูตสวรรค์ได้เข้ามาใกล้ป้อมปราการลอยฟ้า เขาก็อดไม่ได้เลยที่จะแสดงความตกตะลึงออกมา

[นี่คือป้อมปราการที่กำลังลอยอยู่… มันเป็นไปได้ยังไงกัน การใช้วัตถุดิบเกรดต่ำมาสร้างปาฏิหาริย์แบบนี้มันเป็นไปได้ยังไงกัน!]
[เกรดต่ำ!? แกกล้าเรียกสุภาพสตรีว่าเกรดต่ำงั้นหรอ!?]
[นั่นเป็นคำชมอย่าโกรธไปเลย]

แม้ว่าโอโรจิจะปลอบมิสทิคแล้ว แต่ตัวเธอก็ยังสั่นด้วยความโกรธอยู่ แค่การที่เธอไม่ใช้ร้อยนัยน์ตายิงใส่ทูตสวรรค์ก็ดีมากแล้ว และหลังจากที่ทูตสวรรค์เห็นว่าป้อมปราการมีความรู้สึกเขาก็ตกตะลึงไปอีคกรั้งหนึ่ง แต่ว่าเขาก็พยายามรักษาท่าทีสงบเอาไว้และถามยูอิลฮานหลังจากได้มายืนบนป้อมปราการ

[เธอใกล้จะมาแล้ว]
“คนที่ไม่ได้รับอนุญาติจะถูกโจมตีเมื่อเข้ามาใกล้ป้อมปราการ ดังนั้นบอกให้เธอรออยู่ข้างนอก อย่ารีบเข้ามานะ”
[..ฉันจะบอกให้]

กองทัพสวรรค์ได้รู้เป็นอย่างดีว่าป้อมปราการลอยฟ้าคืออาร์ติแฟคที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเป็นอย่างดี ทูตสวรรค์ได้รีบบอกกับเบื้องบนถึงเรื่องนี้อย่างเหงื่อตกในทันที แล้วนี่หากเขาได้รู้ว่าป้อมปราการทั้งสองแห่งนี้ยังจะถูกอัพเกรดขึ้นอีกในเร็วๆนี้จากซากศพสิ่งมีชีวิตชั้นสูงนับไม่ถ้วนที่เหลืออยู่จะเป็นยังไงกันนะ? แต่แน่นอนว่ายูอิลฮานไม่มีวันบอกเรื่องนี้ไปแน่

“พี่ พี่ปลอดภัยสินะ”
“มิเรย์ เธอก็ด้วย… เธอ… เปลื่ยนไปเยอะเลยนะ”

หลังจากคังฮาจินได้เจอกับคังมิเรย์เขาก็ต้องประหลาดใจ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปมาก แต่ว่าตัวเขาก็ไม่ได้เปลื่ยนไปเลยในขณะที่น้องสาวของเขากลับเติบโตขึ้นมามากมาย

มันไม่เพียงแต่เธอได้รับคลาส 4 แต่เธอยังดูโตขึ้นมากจากสายตาที่เธอมองและทัศนคติของเธอ คังฮาจินได้แต่ถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ยูอิลฮานเป็นคนที่น่าทึ่งมาก”
“ทำไมอยู่ๆถึงมาพูดถึงฉันล่ะ?”

แม้ขณะเขาตอบกลับไป ยูอิลฮานก็ยังแอบคิดถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ของคังฮาจินและอยากจะร้องไห้ออกมา

แค่จัดการกับนายูนาเขาก็ลำบากมาแล้ว แล้วทีนี้เขาจะปฏิเสธคังมิเรย์ยังไงอีกล่ะ? ยูอิลฮานเป็นคนที่มีประสบการณ์ในด้านความรักที่น้อยมาก และในตอนนี้มันก็เหมือนหายนะสำหรับเขา เวรเอ้ย!

“พี่สาวมิเรย์ ผมอยากเจอพี่มากเลย!”
“มิล พี่สาวก็อยากจะเจอมิลเหมือนกัน!”
“คังมิเรย์ เธอดูสวยขึ้นนิดนะ”
“เลียร่า… ฉันดีใจนะที่เธอปลอดภัย”

ในเวลาเดียวกันกับที่คังมิเรย์ได้มาเจอกับคนอื่นๆและได้เริ่มคุยกัน สีหน้าของทูตสวรรค์ก็ได้แย่ลงไปตามเวลาที่ผ่านไป นี่มันก็เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่าคังมิเรย์ไม่ได้สนิทแค่กับยูอิลฮานเท่านั้น แต่เธอยังสนิทกับคนอื่นๆในกลุ่มของยูอิลฮานอีกด้วย ในตอนนี้เองวงแหวนบนหัวของเขาก็กระพริบออกมา

[อ่า ดูเหมือนเธอจะมาแล้ว]
[ออร่านี่ดูจะอยู่คลาส 6 สินะ? นายท่าน ฉันไม่ต้องยิงใส่ใช่ไหม]
“ใช่แล้ว อนุญาติให้เธอเข้ามาชั่วคราว”

ประตูป้อมปราการลอยฟ้าได้ถูกเปิดขึ้น และทูตสวรรค์หญิงสาวที่มีปีกคู่หนึ่งก็ได้บินเข้ามาช้าๆ สำหรับยูอิลฮานแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเธอ แต่ว่าใบหน้าของเลียร่าได้เปล่งประกายขึ้นเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เจอ

“ทิเทร่า”
[ไม่เจอกันนานเลยนะเลียร่า ไม่สิเดี๋ยวนะ ตอนนี้ชื่อเธอเปลื่ยนไปหรือยัง?]
“ยังเป็ฯชื่อมเดิมอยู่ โอ้ ฉันไม่คิดเลยว่ากองทัพสวรรค์จะส่งมาที่นี่!”

ยูอิลฮานได้ลดระดับความระแวงลงเมื่อได้เห็นใบหน้าสดใสของเลียร่า นี่ดูเหมือนว่ากองทัพสวรรค์จะไม่โง่ พวกเขาได้เลือกส่งคนที่สนิทกับเลียร่ามากๆมา

เธอคนนี้ได้ยิ้มทักทายกับเลียร่าก่อนที่จะหันหน้ามามองยูอิลฮานและหยักหน้าให้เขาเล็กๆ

[แล้วก็สำหรับคุณ… คุณคือชายผู้มีศักยภาพยูอิลฮาน ชายที่ได้เอาทูตสวรรค์ของเราไปอยู่ด้วยถึงสองคน]
“แล้วฉันก็ฆ่าไปคนหนึ่งด้วย”
[แค่กๆ…]

ใบหน้าของทิเทร่าได้มืดมนลงไปครู่หนึ่ง แต่ว่าไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ หืม เลือกคนมาได้ถูกเลยนี่

[แล้วก็ตอนนี้เรามาคุยกันดีกว่า]

เพราะแบบนี้โต๊ะเจรจาก็ได้ถูกเตรียมขึ้นมา ยูอิลฮาน คังมิเรย์ คิมเยซอล เลียร่า เอิลต้า ทิเทร่าและคนสุดท้ายคือทูตสวรรค์คลาส 5 เคะดุต้า พวกเขาทั้งหมดต่างก็นั่งลงอยู่บนเก้าอี้

[ถ้างั้นฉันจะขอเข้าเรื่องเลยนะ]

ทิเทร่าได้พูดออกมาตรงๆ

[ถ้าคราวนี้คุณช่วยเรา เราก็จะลืมทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างคุณ คุณยูอิลฮาน กับพวกเรา กองทัพสวรรค์]
“นั่นหมายความว่าพวกเธอก็จะลืมเรื่องที่พวกเธอทอดทิ้งโลกหลังจากไปเจรจากับกองกำลังอื่นๆเพียงแค่เพราะข้ออ้างเรื่อง ‘สมดุล’ งั้นสิ?”

ในเวลานี้คังมิเรย์จะยืนขึ้นทันที แต่ว่าคิมเยซอลได้ทำให้คังมิเรย์นั่งลงด้วยรอยยิ้มอย่างสงบๆ เลียร่าที่ถึงแม้จะเคยได้ยินมาก่อนแล้วก็ยังได้แต่ก้มหน้าลง เมื่อเห็นแบบนี้แล้วทิเทร่าก็ได้แต่ปากสั่น

[…แน่นอนว่าข้อเสนอของฉันไม่ถูกพิจารณาในการตัดสินใจครั้งนั้น และไม่ว่ายังไงการตัดสินของกองทัพสวรรค์ก็จะเป็นไปในทิศทางนั้นอยู่ดี แต่ยังไงก็ตาม… คุณก็สร้างความเสียหายให้เรามากเหมือนกัน นายคงจะไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ใช่ไหมล่ะ?]
“ใช่ แน่สิ แต่ว่าสิ่งที่ฉันอยากจะบอกไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะ”

ยูอิลฮานได้พูดออกไปราวกับว่าเรื่องนี้มันบ้ามาตั้งแต่แรกแล้ว

“แล้วฉันจะได้อะไรบ้างจากการตกลงทำสัญญานี้กับเธอ? นอกไปจากนี้มิเรย์ด้วย… ถึงเธอจะบอกว่าเธอจะใช้พลังเพื่อฉัน แต่ว่าอย่างน้อยพวกเธอก็ควรจะเสนออะไรที่ทำได้ให้กับคังมิเรย์ ที่เป็นคนครอบครองพลังที่ช่วยพวกเธอได้เหมือนกันไม่ใช่หรอ?”
[เดิมทีเราตั้งใจที่จะรับเธอเข้ามาในกองทัพสวรรค์เป็นรางวัล…]

ดวงตาของคังมิเรย์ได้มีประกายความเศร้าออกมา คริสตัลมานาที่อยู่รอบๆตัวเธอก็ดูเหมือนจะหม่นแสงลงไปด้วย

“ฉัน… ไม่ต้องการที่จะไปเข้าร่วมที่แบบนั้น”
[ฉัน… ก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ ยูอิลฮานคนที่เกี่ยวข้องกับนายต่างก็ถูกนายดึงดูดไปหมด]
“ฉันไม่ได้อยากจะมาฟังคำชมแบบนั้นนะ ตราบใดที่เธออยากจะยืมพลังของคังมิเรย์ พวกเธอก็ควระบอกถึงสิ่งที่คังมิเรย์จะได้ด้วย นี่น่าจะเป็นพื้นฐานของสัญญาณนะ”
“อิลฮานเท่มาก…”
“เธอน่ะเงียบไปเลย”
[เลียร่า…]

ทิเทร่าได้มองไปที่เลียร่าเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ว่าเลียร่าก็แค่เอียงหัวออกมา เธอไม่มีวันช่วยทิเทร่าชักจูงยูอิลฮานแน่ ในด้านความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้ สำหรับเธอแล้วยูอิลฮานคือยืนหนึ่ง

ทิเทร่ารู้ได้ทันทีและถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง

[ในสถานการณ์ตอนนี้เรากำลังเร่งรีบกันมากๆ แม้ระหว่างที่เรากำลังคุยกันอยู่นี้ก็ยังมีสงครามอยู่ที่กำแพงแห่งความโกลาหลอยู่… ถ้าเป็นไปได้เราก็ยังอยากจะยืมพลังของคุณอีกด้วยเหมือนกัน]
“ถ้างั้นหากฉันจะขอรางวัลเพิ่มอีกหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหาสินะ เธอน่าจะรู้ถึงพลังรบของเราดีใช่ไหมล่ะ?”
[…เรายังไม่รู้แน่ชัดนัก ในทุกๆครั้งที่เราคิดว่าเรารู้ถึงพลังจริงๆของคุณแล้วก็จะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ยังไงก็ตามในตอนนี้… ฉันได้ตัดสินว่าคุณมีพลังประมาณหนึ่งในสิบของกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูง]

กองกำลังที่มีพลังเท่ากับพลังหนึ่งในสิบของพลังจากกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่มีอยู่มาหลายต่อหลายปีนี้… นี่คือการประเมินที่สูงมาก

ยูอิลฮานไม่คิดว่ากลุ่มของเขาจะแกร่งขนาดนั้นเลย แต่ว่าหากคิดจากความสามารถพิเศษที่พวกเขามีอยู่ คุณค่าของพวกเขาในฐานะหน่วยจู่โจมน่ะสูงพอแน่

[…คุณต้องการอะไรล่ะ? อาร์ติแฟค? แต่จากที่ฉันรู้มา คนที่อยู่ตรงหน้าฉันนี้ก็คือผู้สร้างอาร์ติแฟคที่ยอดเยี่ยมมากๆคนหนึ่งแล้ว]
“ยังไงก็ตาม ฉันก็ยังไม่อาจจะสร้างของอย่างนาฬิการทรายแห่งกาลเวลาได้อยู่ดี อาร์ติแฟคนั่นได้ขึ้นมาจากขอบเขตพลังที่คนๆเดียวไม่อาจจะข้ามผ่านไปได้ สำหรับตอนนี้มันยังเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะทำมันขึ้นมา”
[นี่คุณกำลังจะบอกว่าคุณต้องการอาร์ติแฟคระดับพระเจ้างั้นหรอ?]
“งั้นพวกเธอก็มีของพวกนั้นอยู่สินะ?”

โอ้ ริมฝีปากของยูอิลฮานได้ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เมื่อทิเทร่าได้เห็นรอยแสยะยิ้มนี้ทำให้เธอรู้ตัวว่าเธอได้เผลอพูดบางสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปแล้ว เธอได้พยายามเปลื่ยนเรื่องทันทีเพื่อไม่ให้แสดงอาการออกมามากเกินไป

[ไม่ ต่อให้เราจะอยากมอบให้คุณ เราก็ไม่ได้มีมัน เพราะงั้นเรามาคุยกันเรื่อง…]
“มิสทิค!”

แน่นอนว่าลูกไม้นี้ใช้ไม่ได้ผลกับยูอิลฮานที่มีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ยูอิลฮานได้ลุกพรวดและตะโกนออกมาทันที

“ลูกค้ากำลังจะไปแล้ว เปิดประตู”
[เข้าใจแล้วนายท่าน]

ประตูป้อมปราการลอยฟ้าได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในเวลาเดียวกันมานาภายในป้อมปราการลอยฟ้าก็ปะทุขึ้น! ถ้าหากว่าพวกเธอไม่ออกไปจากที่นี่ เขาก็จะส่งพวกเธอลงนรกแน่นอน

[เข้าใจแล้ว]

ทูตสวรรค์ระดับสูงได้ประกาศยอมแพ้ออกมา

[เราจะส่งอาร์ติแฟคระดับพระเจ้าให้คุณ]

ยูอิลฮานได้มองคังมิเรย์และถามออกมา

“เธอคนนี้บอกว่าเป็นอาร์ติแฟคระดับพระเจ้า เธอไม่มีปัญหานะมิเรย์?”
“ถ้าเป็นสิ่งที่ฉันทำได้ก็ไม่มีปัญหหา ฉันอยากที่จะทำมัน ยังไงสุดท้ายการที่กองทัพสวรรค์กำลังพยายามรักษาสมดุลของโลกอยู่ก็เป็นเรื่องจริงแหละนะ”

คังมิเรย์ได้ตอบคำถามกลับมาในแง่พวก ยูอิลฮานได้หยักหน้าอย่างเข้าใจและมองไปที่ทิเทร่าอีกครั้งหนึ่ง สีหน้าของเธอได้สดใสมากยิ่งขึ้น

[ถ้างั้นแสดงว่าคุณยอมรับข้อเสนอแล้วใช่ไหม?]
“แน่นอนสิ หากมันเป็นสิ่งเกินกำลังเราก็คงจะไม่รับข้อเสนอ แต่ว่านี่มันคือสิ่งที่เราทำได้ล่ะนะ”
[ขอบคุณมาก!]
“เธอจะขอบคุณฉันทำไม ฉันสิที่ต้องขอบคุณ อาร์ติแฟคระดับพระเจ้าตั้งสองชิ้นแน่ะ ฉันยินดีจะรับมันมานะ”
[สองชิ้น…!?]

เมื่อเห็นใบหน้าตกตะลึงของทูตสวรรค์ ยูอิลฮานได้เอียงหัวออกมาอย่างไร้เดียวสาและชูนิวขึ้นมา

“ถ้างั้นเป็นสามชิ้นงั้นหรอ?”
[สะ สองชิ้นนั่นแหละ!]

ทิเทร่าได้รีบหยักหน้าทันที ยูอิลฮานก็ผงกหัวอย่างพอใจและคนอื่นๆก็ได้คิดว่าทูตสวรรค์คนนี้ดูน่าสงสารมากๆ

“ถ้างั้นเราก็มาคุยถึงเรื่องการร่วมมือกันของเราดีกว่านะ”

การเจรจาได้สำเร็จลงแล้ว

Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี

Everyone Else is a Returnee โดดเดี่ยว 1000 ปี

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 260 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


ถูกทิ้งจากการเข้าค่ายในมัธยมต้น

ถูกทิ้งจากการเข้าท่องเที่ยวในมัธยมปลาย

ในท้ายที่สุดแล้วฉันก็กลายมาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้วยังไงล่ะ? ฉันก็ยังถูกมนุษยชาติทิ้งเอาไว้อีกงั้นหรอ? ถูกพระเจ้าเมินจนทำให้ยูอิลฮานต้องฝึกฝนทักษะของตัวเองเป็นเวลาถึงหนึ่งพันปี เฝ้ามองดูโลกอย่างอ้างว้างในขณะที่ทุกๆคนต่างก็ไปอยู่ในโลกอื่นกัน

ตำนานของเขาได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่มนุษยชาติได้กลับมาและเจอกับหายนะครั้งยิ่งใหญ่


 

Options

not work with dark mode
Reset