Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 319

ตอนที่ 319

บทที่ 319

เกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5

 

“หลี่ฟู่เฉิน ยินดีด้วย!” ชูมู่หยูส่งข้อความถึงหลี่ฟู่เฉิน

ในบรรดาทุกคน เธอประหลาดใจน้อยที่สุด

 

ย้อนกลับไปที่หลุมฝังศพในดินแดนแห่งหมอก เธอได้รับเทคนิคลับระดับ 6 ดาวมา พลังฉีสมัชชาหลอมรวม ซึ่งเทคนนิคนี้เองเธอก็ฝึกฝนจนมาถึงขั้นที่สอง

 

แม้ว่าเธอจะไม่สามารถติดอันดับหนึ่งในสิบได้ แต่เธอพอใจกับอันดับที่ 15 ของเธอแล้ว

 

แต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ฟู่เฉินได้รับเทคนิคลับอย่างน้อยๆ ก็น่าจะเป็นระดับ 6 ดาว นอกจากนี้ เขาอาจจะฝึกฝนมันไปจนถึงขั้นสูงๆ แล้วด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงจะไม่สามารถเป็นอันดับที่ 1 ในการจัดอันดับดาราครั้งนี้ได้

 

แต่ เธอเลือกที่จะไม่เปิดเผยความลับของหลี่ฟู่เฉินก็เพราะเธอก็มีความลับของตัวเองเช่นกัน

 

หากมีการบอกว่ามีคนครอบครองเทคนิคลับระดับ 6 ดาวอยู่ มันจะทำให้นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดทั้งหมดบ้าคลั่ง

 

แม้ว่าเธอจะเป็นศิษย์ของหุบเขานิรันดร์ แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะปกป้องเธอจากเทคนิคลับระดับ 6 ดาวนี้ได้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหุบเขานิรันดร์ไม่ได้เป็นเพียงกองขุมอำนาจชั้นยอดเดียวในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก และแม้แต่พวกเขาเองคงอยากได้เทคนิคลับระดับ 6 ดาวของเธออย่างแน่นอน

 

ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจว่าก่อนที่เธอจะไปถึงขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด เธอจะไม่เปิดเผยเทคนิคลับระดับ 6 ดาวนี้ของเธอ แม้ว่าเธอจะสามารถไปถึงอันดับที่สูงกว่านี้ได้ แต่เธอก็จะเปิดเผยพลังฉีสมัชชาหลอมรวมแค่ขั้นแรกเท่านั้น เมื่อเธอไปถึงขอบเขตสวรรค์ เธอเชื่อว่าเธอจะสามารถเรียนรู้เทคนิคลับระดับ 5 ดาวของหุบเขานิรันดร์ได้ ซึ่งมันก็เพียงพอแล้วที่จะให้เธอใช้ไปจนถึงตอนนั้น

 

หลี่ฟู่เฉินมองไปที่ชูมู่หยูและเห็นเจตจำนงที่ลึกซึ้งในดวงตาของเธอ ในขณะที่เขาเองก็ยิ้มตอบด้วยเจตจำนงที่ลึกซึ้งเช่นกัน “เหมือนกับเจ้า”

 

ดูจากรูปการณ์แล้ว ชูมู่หยูต้องได้รับเทคนิคลับระดับ 6 ดาวมาแน่นอน เนื่องจากเธอเป็นโครงกระดูกระดับ 6 ดาว

 

เมื่อค่ายกลชุบสวรรค์หายไป ผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดบินเข้าด้านใน

 

“ฟู่เฉิน ทำได้ดี!” จ้าวหวูจินหัวเราะสุดเสียง

 

หลี่ฟู่เฉินป้องมือและกล่าว “ท่านเจ้านิกาย ผู้อาวุโสสูงสุด ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าโชคดีพอที่จะไม่นำความอับอายมาสู่นิกายวารีครามเรา”

 

หนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายวารีครามหัวเราะและกล่าวว่า “มันคงไม่ดีหากจะเจียมเนื้อเจียมตัวเกินไป อันดับที่ 1 ของการแข่งขันจัดอันดับดาราเป็นสิ่งที่นิกายวารีครามของเราไม่เคยได้รับมาก่อน ท่านเจ้านิกาย ข้าคิดว่าเขาควรได้รับรางวัล”

 

โอหยางเหวินเทียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ มีรางวัลแน่นอน เราจะกลับไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ทีหลัง”

 

แม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่าข่าวลือเรื่องโชคชะตาดาราเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่สิ่งเหล่านี้น่าเชื่อถือและหากโชคชะตาดารามีอยู่จริง โชคชะตาดาราของหลี่ฟู่เฉินก็จะสมควรนำโชคชะตาดารามาสู่นิกายวารีครามเช่นกัน โอหยางเหวินเทียนไม่ต้องการให้นิกายวารีครามกลายเป็นขุมกำลังชั้นยอดในอนาคตแต่อย่างใด แต่อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องการที่จะเหนือกว่านิกายสวรรค์ปีศาจก็พอแล้ว

 

“เจ้านิกายโอหยาง นิกายวารีครามของท่านมีต้นอ่อนที่ดีในครั้งนี้!”

 

เจ้านิกายวายุเหมันต์เป็นสาวงามวัยกลางคน ริมฝีปากของเธอขยับเล็กน้อย ขณะที่เสียงของเธอผ่านออกมา

 

“เจ้านิกายต้วนสุภาพเกินไปแล้ว นิกายวารีครามในปีนี้ก็แค่โชคดีกว่าเดิมเล็กน้อย” โอหยางเหวินเทียนยิ้มและตอบกลับ

 

นิกายวายุเหมันต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังชั้นยอดมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนิกายต่างๆ และนิกายวารีครามเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

ในช่วงที่เกิดภัยพิบัติในอดีต นิกายวายุเหมันต์ส่งความช่วยเหลือมาให้นิกายวารีคราม

 

“เด็กคนนี้มีพรสวรรค์และยังฉลาดยิ่ง เขาต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม และอาจจะได้รับความช่วยเหลืออย่างมากในอนาคตอีกด้วย” สาวงามวัยกลางคนกล่าว

 

โอหยางเหวินเทียนกล่าว “เจ้านิกายต้วนกล่าวถูกแล้ว เด็กคนนี้ต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม”

 

ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกไม่ได้สงบสุขและอิทธิพลของเต๋าปีศาจกำลังกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ขณะนี้พวกมันกำลังรวบรวมกองกำลังที่ทรงพลังกว่าเดิมแตกต่างจากอดีต นอกจากนี้ มันก็ยังมีความขัดแย้งมากมายระหว่างนิกายและบางนิกายก็เข้ากันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง อาจมีสักวันที่เกิดสงครามขึ้นและมันก็คงเป็นเรื่องดีที่หากจะได้รับความช่วยเหลือจากตัวตนที่ทรงพลังก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้นจริงๆ มันน่าเสียดายที่หลี่ฟู่เฉินอาจไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเติบโตและที่สำคัญที่สุดก็คือ โอหยางเหวินเทียนไม่ทราบแล้วว่าในท้ายที่สุดหลี่ฟู่เฉินผู้เป็นโครงกระดูก 1 ดาวจะเติบโตไปได้อีกซักเท่าใด

 

หากหลี่ฟู่เฉินไปถึงได้แค่ขอบเขตสวรรค์ เช่นนั้นแล้วตัวหลี่ฟู่เฉินเองคงก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้มากซักเท่าใด อย่างน้อยๆ เขาต้องอยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดถึงจะช่วยเหลือสิ่งต่างๆ ได้

 

แน่นอนว่าในตอนนี้โอหยางเหวินเทียนมั่นใจในตัวหลี่ฟู่เฉินมาก ไม่มีโครงกระดูก 1 ดาวคนใดที่ได้รับเกียรติเป็นถึงอันดับ 1 ในการจัดอันดับดาราแน่นอน แต่หลี่ฟู่เฉินเป็นคนแรก

 

“สารเลวเอ้ย” เจ้านิกายสวรรค์ปีศาจ หลี่เซี่ยเทียนดูไม่ดีนัก

 

หลี่ฟู่เฉินที่ได้รับตราประทับมังกรแท้จริงมาแล้วก็ตัดสินได้ว่าเขาจะไปถึงขอบเขตสวรรค์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ เมื่อเขาก้าวขึ้นสู่ขอบเขตสวรรค์ เขาจะสามารถก้าวไปสู่ระดับที่ 3 ของขอบเขตสวรรค์หรือสูงกว่านั้นได้ทันที ด้วยผลลัพธ์ที่เป็นอันดับ 1 ของเขาในการจัดอันดับดารา แม้ว่าเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับจะหายไปในอนาคต มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าเขา ถ้าหลี่ฟู่เฉินมีเวลาเติบโตมากขึ้น พวกเขาอาจจะต้องส่งนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดไปเพื่อรับประกันการตายของเขา

 

บูม!

 

เวลาเดียวกับที่ทุกคนกำลังสนทนากันอยู่ คลื่นพลังที่รุนแรงระเบิดออกมา ซึ่งมาพร้อมกับเสียงสะท้อนดังสนั่น

 

ทุกคนมองไปที่ต้นตอของความปั่นป่วนทันที

 

“มันคือสือตูเหล่ย?”

 

“เขากำลังจะตัดผ่าน”

 

“มันปกติแล้ว เขากดพลังฝึกฝนของเขามานานมาก มันสมควรถึงเวลาแล้วที่เขาจะก้าวหน้าต่อ”

 

ในวิสัยทัศน์ของทุกคน สภาวะพลังฉีของสือตูเหล่ยเพิ่มขึ้นอย่างมากและเขาก็ก้าวหน้าจากครึ่งก้าวสวรรค์ไปยังระดับที่ 1 ของขอบเขตสวรรค์ในทันที

 

เขาที่ฝึกฝนเทคนิคอัสนีและมีโครงกระดูกอัสนี เมื่อเขาตัดผ่าน ยอดเขาโชคชะตาดาราก็มีเมฆสีดำขนาดยักษ์ที่หมุนวนเป็นรูปทรงกรวยปรากฏมา ตรงกลางของกรวยสีดำ สายฟ้าที่รุนแรงระเบิดออกพร้อมกับรูปร่างของมังกรน้ำ ให้ความรู้สึกราวกับว่ามันกำลังจะแยกสวรรค์และโลกออกจากกัน ซึ่งน่ากลัวอย่างผิดปกติ

 

“เป็นปรากฏการณ์ตัดผ่านที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้ สภาวะพลังฉีนี้บริสุทธิ์และโดดเด่นกว่านักสู้ระดับ 3 ของขอบเขตสวรรค์มาก!”

 

“สือตูเหล่ยฝึกฝนเทคนิคเทพอัสนีศักดิ์สิทธิ์จนถึงขั้นที่ 17 แล้วและเขาก็มีโครงกระดูกอัสนีระดับ 6 ดาว แน่นอนว่าโดยธรรมชาติแล้วมันย่อมไม่ธรรมดา จะเอาเขาไปเทียบกับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ปกติได้อย่างไร?”

 

ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน สภาวะพลังฉีของสือตูเหล่ยก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และตราประทับพลังฉีชุบสวรรค์กลางหน้าผากของเขาก็ปรากฏตัวขึ้น

 

ตราประทับพลังฉีชุบสวรรค์ซึ่งเป็นมังกรแท้จริงที่มีเขากำลังปล่อยพลังฉีลึกลับออกมา

 

จุดสูงสุดของระดับที่ 1 ขอบเขตสวรรค์

 

ระดับที่ 2 ขอบเขตสวรรค์

 

จุดสูงสุดของระดับที่ 2 ขอบเขตสวรรค์

 

ระดับที่ 3 ขอบเขตสวรรค์

 

จุดสูงสุดของระดับที่ 3 ขอบเขตสวรรค์

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ สภาวะพลังฉีของสือตูเหล่ยได้เพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดของระดับที่ 3 ขอบเขตสวรรค์ก่อนที่มันจะหยุดลง ขณะนี้เอง เมฆกรวยสีดำก็เข้าใกล้ยอดเขามากขึ้น สายฟ้าที่น่ากลัวเหล่านั้นมีความยาวอย่างน้อยหลายหมื่นฟุตและเมื่อพวกมันผ่าลงมา มันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าพวกมันสามารถทำลายโลกได้ นักสู้ขอบเขตสวรรค์ที่ระดับสูงกว่าหลายคนรู้สึกได้ถึงความรู้สึกชาบนร่างกายของพวกเขาขณะที่เขาเผชิญหน้ากับสายฟ้าที่น่ากลัวเหล่านี้

 

“สภาวะพลังของเด็กคนนี้ในระหว่างการตัดผ่านน่ากลัวเกินไปแล้ว”

 

จ้าวหวูจินที่เป็นนักสู้ระดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

 

โอหยางเหวินเทียนกล่าว “เขาอยู่ในระดับสูงสุดของระดับที่ 3 ขอบเขตสวรรค์ ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา เขาอาจจะสามารถต่อสู้กับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับที่ 6 หรือ 7 ได้ ก่อนที่เขาจะสั่งสมประสบการณ์ได้มากพอ เมื่อพลังบ่มเพาะของใครคนหนึ่งมาถึงขอบเขตสวรรค์ ความเร็วในการฝึกฝนเทคนิคและทักษะต่อสู้ของพวกเขาจะเร็วขึ้นอย่างมาก”

 

เช่นเดียวกับที่ทุกคนตกตะลึงในปรากฏการณ์ตัดผ่านของสือตูเหล่ย ฉีเหิงและจินซูตงก็ตัดผ่านอยู่ในอีกด้านนึงเช่นกัน

 

ปรากฏการณ์ตัดผ่านของฉีเหิงและจินซูตงไม่ได้น่ากลัวเท่ากับสือตูเหล่ย แต่ก็ไม่ได้เป็นปรากฏการณ์เล็กๆ เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว ฉีเหิงและจินซูตงต่างก็ก้าวหน้าและก้าวไปสู่ระดับที่ 3 ของขอบเขตสวรรค์

 

ต่อจากนั้น ทุกคนก็มองไปยังเจียงหรั่วหลิวและซูหลิน เพื่อดูว่าพวกเธอตัดสินใจตัดผ่านในตอนนี้หรือไม่

 

แต่พวกเขาก็ได้รับความผิดหวังกลับมา ทั้งสองคนไม่ได้ตั้งใจที่จะตัดผ่านในตอนนี้

 

‘สามารถก้าวไปสู่ระดับที่ 3 ของขอบเขตสวรรค์ได้ในพริบตา ดูเหมือนตราประทับพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์จะเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ’ ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินกระพริบด้วยความสดใส

 

อย่างที่คนพูดกันว่า ไม่เห็นกับตาก็ไม่เชื่อ เนื่องจากข่าวลือก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น หลี่ฟู่เฉินอาจจะรู้ถึงความสามารถของตราประทับเทพยุทธ์ชุบสวรรค์อยู่แล้ว แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้เห็นมันเป็นการส่วนตัว

 

หลังจากที่เห็นสือตูเหล่ยตัดผ่านและก้าวขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดของระดับที่ 3 ขอบเขตสวรรค์ ขณะที่ฉีเหิงและจินซูตงเองก็ตัดผ่านและก้าวหน้าขึ้นไปสู่ระดับที่ 3 ของขอบเขตสวรรค์ มันก็ได้สะท้อนสะเทือนหัวใจของหลี่ฟู่เฉินอย่างแท้จริง

 

ในสถานการณ์ปกติ เพื่อที่จะตัดผ่านจากระดับที่ 1 ของขอบเขตสวรรค์ไปยังระดับที่ 3 ของขอบเขตสวรรค์ได้นั้น มันจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามปีสำหรับผู้ฝึกฝนที่เร็วกว่าคนอื่นๆ แต่มันอาจต้องใช้เวลาสิบปีหรือหลายสิบปีสำหรับคนธรรมดาๆ

 

โดยทั่วไปแล้วโครงกระดูกระดับ 4 ดาวมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะก้าวขึ้นสู่ขอบเขตสวรรค์ แต่หลังจากตัดผ่านไปแล้ว หากไม่มีโอกาสและโชคชะตาๆ พวกเขาก็จะติดอยู่ที่ระดับ 1 เป็นเวลานานมาก

 

จ้าวหวูจินอาจจะเป็นโครงกระดูกระดับ 4 ดาว แต่เขาก็เป็นคนที่มีโครงกระดูก 4 ดาวชั้นยอดและเขาได้พบกับโอกาสมากมาย ดังนั้นแล้ว เขาถึงสามารถไปถึงระดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ได้ในช่วงชีวิตนี้ และได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายวารีครามมา หากเป็นโครงกระดูก 4 ดาวคนอื่นๆ พวกเขาจะไม่สามารถไปถึงระดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ได้ด้วยซ้ำ

 

ดังนั้นจึงมีเพียงโครงกระดูกระดับ 5 ดาวเท่านั้นที่สามารถก้าวขึ้นไปสู่ขอบเขตสวรรค์ได้อย่างรวดเร็วและมีโอกาสมากกว่าเดิมที่จะทะลุไปยังขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้ ตัวอย่างเช่น โอหยางเหวินเทียนและผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายวารีคราม

 

แต่โอหยางเหวินเทียนและผู้อาวุโสสูงสุดอาจจะต้องติดอยู่ในระดับล่างถึงระดับกลางของขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดไปตลอดชีวิตนี้ มันยากเหมือนขึ้นสวรรค์สำหรับพวกเขาในการก้าวขึ้นไปแม้ว่าจะเป็นเพียงระดับเดียว
ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก มีเพียงโครงกระดูกระดับ 6 ดาวเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงระดับสูงๆ ของขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้และพวกเขาก็ยังมีโอกาสที่จะทะลุผ่านขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดและเข้าถึงขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณในตำนานได้ น่าเสียดายที่ทรัพยากรในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกนั้นมีอยู่น้อยนิดและพลังงานสวรรค์และโลกก็เองก็ยังเบาบาง ไม่เช่นนั้นแล้ว ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกคงจะมีนักสู้ขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณแล้วก็ได้
หลี่ฟู่เฉินมีความทะเยอทะยานเป็นของตัวเองและด้วยเครื่องรางทองคำ เขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองติดอยู่ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดแน่นอน

 

แน่นอนว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่ในขอบเขตสวรรค์ด้วยซ้ำ เขายังคงอยู่ห่างไกลจากขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดและขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณในตำนานมาก

 

“กลับกันเถอะ!” โอหยางเหวินเทียนเรียกสัตว์วิญญาณและกล่าวกับทุกคน นับตั้งแต่ที่การแข่งขันจัดอันดับดาราสิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่อีกต่อไป

 

หลังจากขี่สัตว์วิญญาณ พวกเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว

 

ในเวลาเดียวกัน นิกายอื่นๆ ก็ได้จากไปทีละนิกายๆ

 

เพียงไม่กี่อึดใจ ยอดเขาโชคชะตาดาราที่แต่เดิมคึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวาได้กลายเป็นที่ว่างเปล่าและรกร้าง แผ่ประกายความหนาวเย็นอันเป็นนิรันดร์ออกมา

 

สัตว์วิญญาณปีกเร็วมากและในเวลาเพียงไม่กี่วัน พวกเขาก็กลับมาที่นิกายวารีครามแล้ว

 

ในทันใดนั้นเอง นิกายวารีครามทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

 

เมื่อเหล่าเบื้องบนและศิษย์ของนิกายวารีครามได้รู้ว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นอันดับที่ 1 ในการแข่งขันจัดอันดับดาราครั้งนี้ พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงและภาคภูมิใจอย่างมาก

 

ด้วยภาพลักษณ์อันดับดาราอันดับ 1 ที่อยู่ในนิกายวารีคราม มันก็หมายความว่านิกายกำลังจะเจริญรุ่งเรืองและไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์จากมันเช่นกัน

 

ในห้องโถงใหญ่วารีคราม โอหยางเหวินเถียนนั่งอยู่ที่นั่งสูงสุดของเจ้านิกาย ในขณะที่หลี่ฟู่เฉิน หลี่เซียงหรู เฉินหยวนหู และเซี่ยเฟิงต่างก็อยู่ข้างล่างเขา

 

โอหยางเหวินเทียนให้รางวัลแก่หลี่เซียงหรู เฉินหยวนหู และเซี่ยเฟิง ตามลำดับก่อน จากนั้นเขาก็มองไปที่หลี่ฟู่เฉินและกล่าวว่า “หลี่ฟู่เฉิน ครั้งนี้เจ้าทำผลงานได้ดีที่สุด ข้าจะให้เจ้าเข้าถึงหุบเขาอนุสาวรีย์ดาบได้ไม่จำกัด และมอบเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5 ให้แก่เจ้าด้วย”

 

“เกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5?” หลี่เซียงหรู เฉินหยวนหู และเซี่ยเฟิงต่างก็หันมามอง

 

สัตว์ปีศาจระดับ 5 มีค่าสำหรับนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกราะหนังสัตว์ มันอาจไม่สามารถป้องกันการโจมตีของนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดได้ แต่หากมีพลังฝึกฝนที่เพียงพอ การสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดจากนักสู้ขอบเขตสวรรค์ก็อาจเป็นไปได้

 

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5 นั้นเพียงพอที่จะทำให้นักสู้ในขอบเขตสวรรค์บ้าคลั่งได้ ก็ในเมื่อผู้ฝึกฝนขอบเขตสวรรค์ไม่สามารถฆ่าสัตว์ปีศาจระดับ 5 ได้ ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับชุดเกราะหนังสัตว์ปีศษจระดับ 5 มา แม้แต่กระทั่งตลาดภายนอก โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5

 

“ขอบคุณท่านเจ้านิกาย”

 

หลี่ฟู่เฉินก็หันไปมองด้วยเช่นกัน ผู้บ่มเพาะลพังได้สูงที่สุดนิกายวารีครามก็อยู่แค่ระดับที่ 3 ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเท่านั้น และมันก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับการที่คนๆ เดียวจะไปสังหารสัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นต่ำได้ มันเป็นที่คาดเดากันได้ว่านักสู้หลายคนอาจจะต้องร่วมมือกันเพื่อฆ่าหนึ่งในสัตว์ปีศาจเหล่านั้น ดังนั้น ชุดเกราะหนังสัตว์ปีศาจระดับ 5 นี้จึงเป็นรางวัลที่มีมูลค่าสูงสุดอย่างแน่นอน

 

“พลังฝึกฝนในตอนนี้ของเจ้าต่ำเกินไป เมื่อเจ้าก้าวขึ้นสู่ขอบเขตสวรรค์ จะมีรางวัลมากกว่านี้” โอหยางเหวินเทียนยิ้มและกล่าว

 

เนื่องจากหลี่ฟู่เฉินมีศักยภาพโดยกำเนิดมากเกินพอ โดยธรรมชาติแล้วโอหยางเหวินเทียนก็ย่อมเต็มใจที่จะเลี้ยงดูเขาให้มากยิ่งขึ้น

 

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset