Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 295

ตอนที่ 295

บทที่ 295

 

ว่าที่อัจริยะชั้นยอดทั้งสี่

 

 

ศิลปะรองจิตวิญญาณต่อสู้ เปลี่ยนเป็น ทักษะรองจิตวิญญาณต่อสู้นะครับ

 

 

ทักษะรองจิตวิญญาณต่อสู้ เป็นเทคนิคลับระดับ 4 ดาวที่สามารถถ่ายทอดพลังปราณของผู้ฝึกฝนให้กลายเป็นพลังฉีจิตวิญญาณต่อสู้ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นได้ หลังจากที่ฝึกฝนมาหลายปี เซี่ยฮัวไห่ก็เข้าใจถึงทักษะรองจิตวิญญาณต่อสู้จนเข้าใกล้ขั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว ด้วยสิ่งนี้เองทักษะนี้จึงถือเป็นไพ่ตายของเขาด้วยเช่นกัน

 

 

กลับมาปัจจุบัน หลังจากที่เขาเปิดใช้งานทักษะรองจิตวิญญาณต่อสู้แล้ว พลังฝึกฝนของเขาที่แต่เดิมอยู่ในขั้นสูงสุดของขอบเขตปฐพีอยู่แล้วนั้นตอนนี้ได้ถูกส่งเสริมจนไปถึงขั้นครึ่งก้าวขอบเขตสวรรค์เรียบร้อยแล้ว หากไม่ใช่เพราะเขายังไม่เข้าใจเจตจำนงทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูง เขาอาจจะติดอันดับ 1 ใน 20 ได้อย่างง่ายดาย

 

 

“กรงเล็บแยกภูผา!”

 

 

เมื่อเขาใช้ท่าสังหารระดับลึกลับขั้นกลางท่าเดิมของเขาอีกครั้ง แสงไฟจากกรงเล็บที่แต่เดิมมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ทว่าตอนนี้มันกลับมีขนาดเท่าบ้านและมีแสงสีเหลืองลอยอยู่เป็นชั้นๆ พลังของกรงเล็บนี้สำหรับหลี่ฟู่เฉินแล้วนั้นมันเหนือกว่าหลู่เซียงตงและหวังซินมาก ผู้คนส่วนใหญ่กลับเหงื่อตกแทนหลี่ฟู่เฉินเสียเองเมื่อเห็นฉากเช่นนี้

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเต็มกำลังของเซี่ยฮีวไห่ หลี่ฟู่เฉินกลับไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเปิดใช้งานเทคนิคลับระดับ 4 ดาว พลังฉีหยางบริสุทธิ์ของเขา เขายังคงใช้เทคนิคลับระดับ 3 ดาว ฝ่ามือกระจ่างแรกเริ่มและทักษะดาบเพลิงปีศาจเพื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ของเขาเช่นเดิม

 

 

ดาบถูกเคลือบกลายเป็นสีแดงสดและชั้นของสีแดงนั้นก็ถูกขยายออกไปเรื่อยๆ ท่าสังหารของเซี่ยฮัวไห่ กรงเล็บแยกภูผา มันเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง

 

 

ดาบที่ถูกเคลือบด้วยพลังฉีเปลี่ยนไปเป็นเคลือบด้วยเจตจำนงแห่งดาบ

 

 

หลักการของมันนั้นคล้ายกับการเคลือบด้วยพลังฉี

 

 

โดยทั่วไปแล้วมีเพียงทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูงเท่านั้นที่สามารถระเบิดพลังฉีออกมาในรูปแบบที่เคลือบพลังฉีลงไปในตัวดาบ

 

 

แต่แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าเคลือบพลังฉีลงดาบจะแข็งแกร่งกว่าดาบพลังฉี พวกมันต่างกันเพียงแค่รูปแบบเท่านั้น มีทักษะดาบบางทักษะที่เวลาเคลือบพลังฉีแล้วจะแข็งแกร่งกว่า ขณะที่บางทักษะเองก็ใช้ดาบพลังฉีแล้วจะแข็งแกร่งกว่าเช่นกัน นอกจากนี้ การที่เคลือบพลังฉีลงดาบนั้นมันมีระยะโจมตีที่น้อยกว่าดาบพลังฉี แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องต่อสู้ระยะประชิด พลังจากการเคลือบพลังฉีลงดาบนั้นแข็งแกร่งกว่ามากนัก

 

(****เพื่อใครงง การเคลือบพลังฉีลงดาบก็คือเอาพลังมาเคลือบดาบนั้นแหละ แล้วรูปแบบก็จะมีแค่นั้น ส่วนดาบพลังฉีคำที่เราคุ้นกันมันเป็นในลักษณะการปล่อยพลังผ่านดาบและโจมตีออกมาภายนอก อย่างเช่น จื่อหยูเย่ที่ใช้ทักษะดาบของตัวเอง ทำให้มีดาบพลังฉีออกมาเป็นลักษณะที่เป็นรูปร่างของมังกร ง่ายๆ ก็คือ เคลือบดาบไว้โจมตีใกล้ๆ ดาบพลังฉีเอาไว้โจมตีไกลได้)

 

 

“หัวใจเพลิงปีศาจ”

 

 

ในความว่างเปล่า แสงสีแดงเข้มตัดผ่านเข้ามา และมันก็ได้เข้าไปต่อต้านแสงกรงเล็บทำให้แสงที่มีขนาดเท่าบ้านนั้นหายไป

 

 

ในสายตาของหลี่ฟู่เฉิน กรงเล็บของเซี่ยฮัวไห่อาจจะมีพลังที่บริสุทธิ์ แต่มันกลับไม่ละเอียดอ่อนมากพอ

 

 

บางทีเมื่อต่อสู้กับคนอื่น กรบเล็บนี้มันจะไร้ข้อบกพร่องใดๆ แต่เมื่อต้องสู้กับหลี่ฟู่เฉินแล้ว กรงเล็บนี้กลับนับว่ามีข้อบกพร่องมากมาย

 

 

หากท่าสังหารไม่ละเอียดอ่อนมากพอ มันก็จะมีข้อบกพร่องข้อใหญ่ปรากฏอยู่ ด้วยเหตุนี้หลี่ฟู่เฉินจึงสามารถใช้พละกำลังเพียงเล็กน้อยเพื่อต่อต้านท่าสังหารนี้ได้

 

 

แต่มีเพียงหลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งนี้ได้ ด้วยความตระหนักรู้ที่น่าประหลาดใจของเขา เขาสามารถตรวจจับข้อบกพร่องในกระบวนท่าของผู้อื่นและก็วิเคราะห์จุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดได้ทันที เขาไม่ได้แตกต่างจากนักสู้ขอบเขต

 

หวนคืนต้นกำเนิดเลย เพียงแต่ว่าการตอบสนองทางร่างกายของเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดก็เท่านั้น

 

 

หลังจากที่ทำให้ท่าสังหารของเซี่ยฮัวไห่หายไปแล้ว ดาบดำของหลี่ฟู่เฉินก็พุ่งไปข้างหน้า ขณะที่ดาบเคลือบพลังฉีสีแดงเข้มยืดออกมาราวกับงูพิษที่กำลังแลบลิ้นของมัน

 

 

นี่เป็นหนึ่งในกระบวนท่าของทักษะดาบเพลิงปีศาจ งูเพลิงลิ้นตวัด

 

 

ปิสส!

 

 

หลังจากโดนเจาะทะลุเกราะพลังฉี เซี่ยฮัวไห่ก็มองลงมาด้วยอาการเหลือเชื่อ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าอกของเขาถูกเจาะทะลุตั้งแต่เมื่อใดเพราะรอบๆ นี้มันมีควันสีเขียวคลุ้งอยู่

 

 

“ข้า แพ้?” เซี่ยฮัวไห่สติยังไม่กลับคืนมา

 

 

หลังจากเปิดใช้งานทักษะรองจิตวิญญาณต่อแล้ว พลังฝึกฝนของเขาก็ก้าวขึ้นไปอยู่ขั้นครึ่งก้าวสวรรค์ แม้ว่าเจตจำนงทักษะของเขาจะไม่สูงมากนัก ระดับพลังฝึกฝนของเขาก็เพียงพอที่จะชดเชยขอเสียของเขาได้ แต่ทำไมเขาถึงพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเช่นนี้กันเล่า?

 

 

ทั้งยังทุกกระบวนท่าของเขาเหมือนคู่ต่อสู้เหมือนจะมองออกมันทั้งหมด

 

 

“แม้แต่กระทั้งเซี่ยฮัวไห่ก็ยังพ่ายแพ้ หลี่ฟู่เฉินผู้นี้จะต้องไม่ประมาท!”

 

 

“คงต้องเป็นเช่นนั้น ข้าคิดว่านอกเหนือจากอัจฉริยะชั้นยอดแล้ว ก็มีเพียงเฉพาะผู้ที่มีความแข็งแกร่ง 30 อันดับแรกเท่านั้นที่จะสามารถต่อสู้กับเขาได้ในระดับหนึ่ง”

 

 

ที่หลี่ฟู่เฉินเอาชนะเซี่ยฮัวไห่ได้เป็นเรื่องที่น่าตกใจสำหรับทุกคน แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่มากเกินไป เนื่องจากชื่อเสียงของคนๆ หนึ่งมีน้ำหนักมาก และชื่อเสียงของหลี่ฟู่เฉินก็ค่อนข้างโด่งดังอยู่เช่นกัน ขณะที่ก่อนหน้านี้เองเขาก็เอาชนะหยุนเยี่ยที่อยู่ในอันดับ 48 ได้ในดาบเดียว

 

 

“ชนะเซี่ยฮัวไห่ได้… แน่แท้แล้วว่าเขาย่อมต้องมีความสามารถ!” เซี่ยฮัวชือเห็นทุกอย่างและเขาก็ดูมีสีหน้าที่มืดมน

 

 

ศักยภาพโดยกำเนิดของเซี่ยฮัวไห่อาจไม่ดีเท่าของเขา แต่ความแข็งแกร่งของเซี่ยฮัวไห่ก็ไม่ได้อ่อนแอเลย แม้แต่กระทั้งเซี่ยฮัวชือก็ไม่สามารถเอาชนะเซี่ยฮัวไห่ได้เด็ดขาด

 

 

จริงๆ แล้วเขาตั้งใจที่จะตามล่าหลี่ฟู่เฉินและขโมยโชคชะตาของเขา แต่ถ้าหลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งเกินไป โอกาสที่เขาจะสังหารหลี่ฟู่เฉินก็จะน้อยลงอย่างไม่ต้องสงสัยและนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

 

 

“หืม!”

 

 

ราชาดาราอัสนี สือตูเหล่อยมองไปที่หลี่ฟู่เฉินอีกครั้ง

 

 

เขาจะไม่เห็นระดับการรับรู้เหนือชั้นที่หลี่ฟู่เฉินมีได้อย่างไร? ถ้าเป็นคนอื่นที่มีความสามารถอยู่ในระดับเดียวกับหลี่ฟู่เฉิน มันคงเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้สำหรับการที่พวกเขาจะเอาชนะเซี่ยฮัวไห่ได้ง่ายดายเช่นนี้

 

 

หลังจากเอาชนะเซี่ยฮัวไห่ได้แล้ว พลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ตรงเสาหินชุบสวรรค์ของหลี่ฟู่เฉินก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนและมันก็ดูมีพลังมากยิ่งขึ้น

 

 

“ข้าสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากข้าสะสมพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ทั้งหมดจาก 107 คนได้ พลังมันจะไปถึงระดับใดกัน?” หลี่ฟู่เฉินคิดในใจ

 

 

ในนัดที่ 28 มันคือตาของราชาดาราไร้เคลื่อนไหว ฉีเหิง คู่ต่อสู้ของเขาเลือกที่จะยอมแพ้

 

 

ในนัดที่ 33 ถึงคราวของราชาดาราอัสนี สือตูเหล่ย แต่ทว่าคู่ต่อสู้ของเขากลับไม่ยอมแพ้ ก็ในเมื่อคู่ต่อสู้ของเขาคืออันดับที่ 20 ในการแข่งขันครั้งก่อน จ้าวเฟิง

 

 

“สือตูเหล่ย ข้ารู้ว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าความสามารถในปัจจุบันของเจ้าจะน่ากลัวถึงระดับใดกัน” จ้าวเฟิงกล่าวอย่างช้าๆ บนเวที

 

 

สือตูเหล่ยเย้ยหยัน “แค่เจ้าไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้าใช้ความสามารถทั้งหมดออกมาได้”

 

 

“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็อยากลองดู”

 

 

เมื่อจ้าวเฟิงลงมือ หอกของเขาก็ดูคล้ายกับมังกรพิษที่โผล่พ้นออกมาจากทะเล เขามุ่งหน้าไปยังสือตูเหล่ยพร้อมทั้งพลังจากกาหมุนวนที่รุนแรง จ่าวเฟิงเหมือนกับพายุทอร์นาโดในแนวนอนซึ่งจากสิ่งนี้เองสภาวะพลังฉีที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น

 

 

สือตูเหล่ยกำหมัดขวา ก่อนที่จะชกเบาๆ ออกไป

 

 

บูม!

 

 

พายุทอร์นาโดถูกทำลายและหอกในมือของจ้างเฟิงก็โค้งผิดรูปร่าง มีเสียง ‘ปิสส’ ดังออกมา ขณะที่จ้าวเฟิงกระอักเลือดและกระเด็นออกไป

 

 

หมัดเดียวก็เพียงพอที่จะเอาชนะจ้าวเฟิงได้แล้ว

 

 

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนมองไปที่สือตูเหล่ยอย่างหวาดกลัว

 

 

ความสามารถที่มากเกินไป

 

 

จ้าวเฟิงที่อยู่ในอันดับ 20 ไม่สามารถรับได้แม้แต่หมัดเดียวจากสือตูเหล่ย แม้แต่กระทั้งอาวุธระดับลึกลับขั้นสูงของเขาก็ยังโค้งงอ หมัดนั้นมีพลังถึงขั้นไหนกันแน่?

 

 

“แข็งแกร่งจริงๆ อันดับ 1 ของการแข่งขันครั้งนี้อาจจะยังคงเป็นของเขาเช่นเดิม” จ้าวหวูจินถอนหายใจ

 

 

โอหยางเหวินเทียนพยักหน้า “ศักยภาพโดยกำเนิดของเด็กคนนี้อยู่ในระดับแนวหน้าและเขาเองก็มีประสบการณ์ในช่วงอายุแล้วเช่นกัน มันจึงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสู้กับเขา”

 

 

ผู้เชี่ยวชาญของนิกายเทพอัสนี นักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดกำลังยิ้มอยู่ สือตูเหล่ยอยู่ในอันดับที่ 1 ของการแข่งขันจัดอันดับดาราครั้งก่อนและหากเขาได้อันดับหนึ่งอีกครั้ง พลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ที่เขาสะสมไว้ก็จะมีมากมาย

มหาศาล หากเขาก้าวขึ้นสู่ขอบเขตสวรรค์เมื่อใด เขาก็อาจจะทะลุระดับติดต่อกันได้ถึงสามระดับ และขั้นไปยังระดับที่ 4 ของขอบเขตสวรรค์ได้ทันที

 

 

นอกเหนือจากนี้ หากข่าวลือเกี่ยวกับโชคชะตาดาราเป็นจริง มันก็จะส่งผลต่อโชคชะตาของนิกายเทพอัสนีด้วยเช่นกัน ซึ่งหมายความว่าตำแหน่งของนิกายเทพอัสนีจะไม่มีวันถูกสั่นคลอน

 

 

ในนัดที่ 38 มันเป็นรอบของนายน้อยวายุ ฮันยี่หมิง ต่อสู้กับ ฉินเค่อชือ มันจบลงด้วยการที่ฮันยี่หมิงเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

 

 

ในนัดที่ 42 นายน้อยหุบเขานิรันดร์ เถิงฉิงหยุน ชนะ

 

 

ในนัดที่ 45 เทพธิดาไตรสิกขา เจียงหรัวหลิว ชนะ

 

 

ในนัดที่ 48 เทพธิดาพิรุณกระจ่าง ชูมู่หยู ชนะ

 

 

การแข่งขันกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็ถึงตาของหลี่ฟู่เฉินอีกครั้ง

 

 

คราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาอ่อนแอมากและเขาก็รับยอมแพ้ในทันที

 

 

เสาหินชุบสวรรค์ของหลี่ฟู่เฉินมีพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่พลังลึกลับนี้เองก็ได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง

 

 

สามส่วน สี่ส่วน ห้าส่วน …

 

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

 

โดยไม่รู้ตัว หลี่ฟู่เฉินชนะมาแล้วเก้ารอบติดต่อกัน และพลังฉีเทพยุทธ์ชุบสวรรค์ที่อยู่ตรงเสาใต้เท้าเขาก็เผยให้เห็นกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาของมัน เหมือนงูยักษ์ที่มีจิตวิญญาณยังไม่ชัดเจน

 

 

ในตอนนี้เอง มันไม่ได้อ่อนแอหรือแข็งแกร่งแต่อย่างใด แต่มันเป็นแค่ข้อบ่งชี้เบื้องต้นก็เท่านั้น

 

 

นอกเหนือจาก 13 อัจฉริยะชั้นยอดแล้ว คนที่โดดเด่นที่สุดก็คือเซี่ยฮัวชือ หลี่ฟู่เฉิน และผู้เยาว์ที่ดูเข้าตาอีกสองคน

 

 

ขณะนี้เอง ทั้งสี่คนยังรักษาชัยชนะติดต่อกันเอาไว้ได้

 

 

ในการแข่งขันครั้งนี้ พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะม้ามืดทั้งสี่ หรือบางทีอาจจะเป็นว่าที่อัจฉริยะชั้นยอดทั้งสี่คนเลยก็เป็นได้

 

 

ในนัดที่ 500 ถึงคราวของหลี่ฟู่เฉินอีกครั้ง และคู่ต่อสู้ของเขาก็คือหนึ่งในว่าที่อัจริยะชั้นยอดทั้งสี่ ซึ่งชื่อของเขาก็คือ ซุนไห่หลง

 

ติดตามความสนุกได้ก่อนใครที่ /indynovels  (กลุ่มลับถึงตอนที่315แล้วนะครับ)

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset