Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 280

ตอนที่ 280

บทที่ 280

ขอบเขตปฐพีระดับที่ 7

 

ด่านแรก ด่านสอง…

ตั้งแต่ด่านแรกถึงด่านที่สี่ หลี่ฟู่เฉินผ่านพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย

 

เพียงแค่ส่วนที่ห้าของเส้นทางดวงดาวเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกกดดันเล็กน้อย หลังจากทั้งหมดแล้ว จุดทั้งหมดเหล่านี้เขาก็เคยพ่านพวกมันมาแล้วครั้งนึง

 

หลังจากผ่านด่านที่ห้าแล้ว หลี่ฟู่เฉินมาถึงส่วนที่หกของเส้นทางดวงดาว

 

ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น หลี่ฟู่เฉินเดินไปได้เพียงครู่เดียวก่อนที่จะทรุดตัวลงกับพื้น และถูกเคลื่อนย้ายออกจากเขตแดนเส้นทางดวงดาว ครั้งนี้ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันเพียงแค่ครึ่งเดียวจากที่เขารู้สึกในครั้งก่อนเท่านั้น ดูเหมือนว่าความพยายามครั้งที่สองของเขาในเส้นทางดวงดาวจะง่ายกว่ามาก

 

ยิ่งไปกว่านั้น พลังบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินครั้งนี้ก็สูงขึ้นกว่าเดิมหนึ่งระดับ

 

สนามพลังฉีเส้นทางดวงดาวที่น่าหวาดกลัวกำลังกดดันหลี่ฟู่เฉินอยู่ และหลังจากที่ใช้เวลาสักครู่ ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็มาถึงเกาะโดดเดี่ยวที่หก ซึ่งเป็นที่ๆ ด่านที่หกตั้งอยู่

 

โดยไม่คาดคิด ด่านที่หกไม่มีการทดสอบใดๆ ทันทีที่หลี่ฟู่เฉินมาถึง พลังงานเส้นทางดวงดาว 32 ส่วนก็ลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน

 

รู้สึกถึงพลังงานเส้นทางดวงดาวที่ไร้ขอบเขตในร่างกายของเขา หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง ‘หากด่านที่หกให้พลังงานเส้นทางดวงดาว 32 ส่วน เช่นนั้นแล้วด่านที่เจ็ดก็สมควรให้ 64 ส่วน ข้าคิดว่านั่นน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการที่ข้าจะก้าวขั้นสู่ระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพี’

 

หลังจากที่ใช้พลังงานเส้นทางดวงดาวมากเกินไป ร่างกายก็จะต้านทานพลังที่ว่านั้น หลี่ฟู่เฉินได้ใช้พลังงานเส้นทางดวงดาวเพื่อเพิ่มระดับบ่มเพาะสองระดับในทันที สำหรับการก้าวหน้าครั้งต่อไปในระดับการบ่มเพาะของเขา มันอาจจะต้องใช้พลังงานเส้นทางดวงดาวจำนวนมหาศาล

 

แน่นอนว่าต้องเป็นหลังจากที่หลี่ฟู่เฉินผ่านด่านที่เจ็ดไปแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้ว พลังงานเส้นทางดวงดาวในปัจจุบันก็คงไม่เพียงพอสำหรับการที่หลี่ฟู่เฉินจะก้าวขึ้นสู่ระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพี

 

เมื่อมาถึงช่วงที่เจ็ดของเส้นทางดวงดาวสนามพลังฉีที่น่ากลัวก็ทำให้จิตใจของหลี่ฟู่เฉินสั่นสะท้าน

 

‘เป็นสถานที่ๆ น่ากลัวอะไรเช่นนี้’

 

ราวกับว่าหลี่ฟู่เฉินมาถึงจุดที่ที่มืดมนที่สุด หากไม่ได้เป็นเพราะจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของเขา วิญญาณของเขาจะพังทลายลงทันทีและเขาจะถูกเคลื่อนย้ายออกจากเขตแดนเส้นทางดวงดาว

 

บางทีหลังจากได้รับการชุบหลอมใหม่มาจากประตูเทพยุทธ์เร้นลับบานที่หก หลี่ฟู่เฉินตระหนักได้ว่าความสามารถในการอดทนของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม หลังจากเดินไปได้ครึ่งทาง เขาก็ยังอดทนได้ และยังไม่ถึงขีดจำกัด
เมื่อเขาเกือบจะถึงเกาะที่เจ็ดอันโดดเดี่ยวแล้วนั้น ในที่สุดขีดจำกัดของเขาก็มาถึง

 

ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ความอดทนทั้งทางร่างกายและจิตใจของเขาเองก็ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว

 

ทุกย่างก้าวรู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นวันสำหรับหลี่ฟู่เฉิน และมันยากมากที่จะก้าวเดินต่อไป

 

ปั้ง!

 

เกาะที่เจ็ดที่โดดเดี่ยวอยู่ใกล้แค่เอื้อม หลี่ฟู่เฉินก้าวขึ้นไปบนเกาะ ขณะที่เสียงก้าวท้าวของเขาส่งเสียงสะท้อนดังก้องและสะท้อนไปมา

 

เมื่อแรงกดดันหมดลง หลี่ฟู่เฉินก็จับหัวเข่าของตัวเองและหอบหายใจรุนแรง

 

‘ช่วงที่เจ็ดของเส้นทางดวงดาวเป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่ง’

 

หลังจากพักสักครู่ ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็สามารถทรงตัวได้

 

มาถึงใจกลางเกาะ เมื่อได้รับรางวัลเป็นพลังงานถนนดวงดาว 64 ส่วน หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ถึงพลังงานเส้นทางดวงดาวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในร่างกายของเขา

 

“ตอนนี้ข้าทำมันได้แน่!” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินสว่างขึ้น

 

พลังงานของเส้นทางดวงดาวทำให้เขารู้สึกถึงคอขวดได้ก่อนเวลา ตอนนี้ ด้วยความรู้สึกของเขา คอขวดของระดับ 7 ขอบเขตปฐพีก็เหมือนกับกระดาษบางๆ ที่จะแตกได้ทุกเมื่อ เมื่อถูกสะกิด

 

หลี่ฟู่เฉินนั่งขัดสมาธิทันทีและโคจรเทคนิคเพลิงกันต์แท้จริงขั้นที่ 16

 

หลังจากบริโภคยาอายุวัฒนะและสมุนไพรไปจำนวนมาก พลังบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินก็เพิ่มขึ้นไปทีละเล็กทีละน้อย

 

ขั้นสูงของระดับที่ 6 ขอบเขตปฐพี ขั้นสูงสุดระดับที่ 6 ขอบเขตปฐพี จากนั้นก็ขีดจำกัดของระดับที่ 6 ขอบเขตปฐพี

 

โชคดีที่หลี่ฟู่เฉินมียาอายุวัฒนะและสมุนไพรอยู่เป็นจำนวนมาก มีตัวช่วยมากมายที่ช่วยเพิ่มพลังฉีของเขา หากปราศจากพวกมัน พลังงานเส้นทางดวงดาวอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการเลื่อนระดับ

 

พลังงานเส้นทางดวงดาวอาจไม่เพียงพอสำหรับการตัดผ่าน แต่พลังงานเส้นทางดวงดาวก็เป็นพลังทางจิตประเภทนึง ซึ่งเสริมสร้างจิตวิญญาณของนักสู้

 

บูมม!

 

ไม่ทราบว่ามีการบริโภคยาอายุวัฒนะและสมุนไพรมากแค่ไหน แต่ในที่สุดการบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินก็ทะลุไปถึงระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพี

 

ไม่เพียงแต่ความสามารถในด้านการไหลเวียนพลีงฉีของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก แต่แม้แต่กระทั้งคุณภาพของพลังฉีของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน

 

ทุกระดับของขอบเขตปฐพีจะมีความแตกต่างกันอย่างมาก

 

และเมื่ออยู่ในขอบเขตสวรรค์ แต่ละระดับก็จะมีความแตกต่างที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

 

ว่ากันว่าเมื่ออยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด การต่อสู้ข้ามระดับแทบจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจิตการกันได้ ยกตัวอย่างเช่นนิกายวารีคราม พลังบ่มเพาะของผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ที่ระดับ 3 ขอขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด ในขณะที่เจ้านิกายโอหยางเหวินเทียนอยู่ในที่ระดับ 2 ของขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด พวกเขาไม่มีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับที่ 4 เลยซักคน

 

นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้นิกายวารีครามอ่อนแอกว่านิกายสวรรค์ปีศาจ

 

นิกายสวรรค์ปีศาจมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดระดับที่ 4 อยู่คนนึง

 

ขณะที่หลี่ฟู่เฉินยังอยู่ในเขตดินแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาวอยู่ หลี่เซียงหรูก็ได้ออกจากมันซักแล้ว

 

พลังบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าอย่างน่าประทับใจจากระดับที่ 9 ของขอบเขตไปจนถึงระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพี ความสามารถของเขาตอนนี้แข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งขึ้น

 

ในระดับของการบ่มเพาะ ความก้าวหน้าในปัจจัยใด ก็น่ายกย่องแล้วและถ้าหลี่เซียงหรูคนปัจจุบันต้องต่อสู้กับหลี่ฟู่เฉินในการแข่งขันคัดเลือกในนิกาย หากไม่เปิดใช้งานบทดาบเหล็กดำ หลี่ฟู่เฉินก็จะต้องระเบิดท่าสังหารระดับลึกลับขั้นสูง เพลิงมังกรออกมาสู้กับหลี่เซียงหรู ผลของการต่อสู้ก็อาจจะไม่แน่ชัดนัก

 

แน่นอนว่าที่หลี่เซียงหรูสามารถก้าวไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตปฐพีได้ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะการที่เขาตัดผ่านเพียงแค่หนึ่งระดับเมื่อตอนที่ได้รับพลังงานเส้นทางดวงดาวเมื่อก่อนหน้านี้ดังนั้นเขาจึงสามารถพัฒนาอีกครั้งได้ในตอนนี้

 

หลังจากทั้งหมดแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่เหมือนหลี่ฟู่เฉิน ที่สามารถก้าวไปสู่ด่านที่ห้าได้ในความพยายามครั้งแรกและได้รับพลังงานจากเส้นทางดวงดาวมากมาย

 

หลังจากมาถึงส่วนที่แปดของเส้นทางดวงดาว หลี่ฟู่เฉินรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สนามพลังฉีบนเส้นทางดวงดาวนี้ทรงพลังมากจนรู้สึกราวกับว่ามันเป็นของจริง แทบจะทันที มีพลังงานที่เข้มข้นซึ่งลงมาและห่อหุ้มหลี่ฟู่เฉินเอาไว้

 

หลังจากเดินไปได้ประมาณ 100 ก้าว หลี่ฟู่เฉินก็ไม่สามารถต้านทานมันได้อีกต่อไป และถูกเคลื่อนย้ายออกจากเขตแดนเส้นทางดวงดาวและก็กลับไปยังลานบ้านของตัวเอง

 

“เขตแดนเส้นทางดวงดาวนี้น่ากลัวยิ่งกว่าเขตแดนเทพยุทธ์เร้นลับเสียอีก มันเป็นการทดสอบขีดจำกัดที่แท้จริง” หลี่ฟู่เฉินถอนหายใจ

 

“ระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพีนั้นยังไม่เพียงพอ มันจำเป็นสำหรับข้าที่จะเพิ่มเจตจำนงแห่งดาบที่อนุสาวรีย์แห่งดาบต่อไป” หลี่ฟู่เฉินไม่มั่นใจนักว่าเขาจะสามารถเอาชนะการแข่งขันจัดอันดับดาราได้หรือไม่

 

นอกเหนือจากการรับรู้โดยธรรมชาติแล้ว เขายังด้อยกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบด้านระดับการบ่มเพาะ

 

ในการแข่งขันการจัดอันดับดารานี้ ผู้เข้าร่วมชั้นยอดส่วนใหญ่น่าจะอยู่ที่ระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพี พลังบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพีซึ่งยังถูกนับเป็นพวกอันดับล่างๆ อยู่

 

นอกจากนี้ นอกเหนือจากระดับที่ 9 ของขอบเขตปฐพีแล้วยังมีระดับสูงสุดของขอบเขตปฐพีและก็ครึ่งก้าวขอบเขตสวรรค์

 

ความหมายของครึ่งก้าวขอบเขตสวรรค์นั้น นั่นก็คือการที่นักสู้ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์แล้วครึ่งก้าว และก็อักไม่นานก่อนที่จะก้าวขึ้นไปเต็มตัว

 

แน่นอนว่ามีบางคนที่ตั้งใจจำกัดพลังบ่มเพาะของตัวเองไว้ที่ครึ่งก้าวขอบเขตสวรรค์ พวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงการก้าวเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์เพื่อที่พวกเขาจะได้มีคุณสมบัติมนการเข้าร่วมการแข่งขันการจัดอันดับดารา

 

มันมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบมากมายในการเข้าร่วมการแข่งขันการจัดอันดับดารา ผู้ที่เข้าสู่การจัดอันดับดาราทุกคนจะได้รับรางวัลเป็นหินดวงดาว ผู้ที่สามารถเข้าสู่อันดับ 72, 36, 10, 3 และอันดับ 1 ได้ก็จะได้รับรางวัลมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

 

เนื่องจากดาบคลั่ง หลี่เซียงหรู เข้าใจถึงเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูงแล้ว หลี่ฟู่เฉินจึงคิดว่าคนอื่นๆ ก็ทำได้เช่นกัน อาจมีผู้เข้าร่วมมากมายที่เข้าใจเจตจำนงแห่งดาบระดับลึกลับขั้นสูง เมื่อถึงตอนนั้นข้อได้เปรียบของเขาก็จะเป็นเพียงข้อได้เปรียบเล็กๆ น้อย

 

มาถึงหุบเขาอนุสาวรีย์แห่งดาบ หลี่ฟู่เฉินทุ่มเทสมาธิเต็มที่เพื่อทำความเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบทันที

 

เจตจำนงแห่งดาบปีศาจเพลิงปีศาจของเขาอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงขั้นที่สมบูรณ์และขณะนี้อยู่ในขั้นที่สุกงอมก็เท่านั้น

(หมายเหตุ TL: ผู้เขียนไม่ได้อธิบายขั้นเจตจำนงแบบจริงๆ จังๆ แต่ก็แบ่งระดับได้เป็น เริ่มต้น สุกงอม และสมบูรณ์)

 

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset