Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 183

ตอนที่ 183

บทที่ 183

เจียงหนัวไห่

 

 

“ผู้บัญชาการฝ่ายสาขา มีศิษย์หลักสองคนมาที่นี่เพื่อรายงานขอรับ”

 

ในห้องประชุมฝ่าย ผู้ดูแลฝ่าขสาขารายงาน

 

“สองคน?”

 

ผู้บัญชาการฝ่ายสาขาคือหวังกาน เป็นนักสู้ขอบเขตสวรรค์ขั้นต่ำ

 

เขามักจะปวดหัวเมื่อมีสิ่งต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับศิษย์หลัก พวกเขาน่ากลัวจริงๆ และยังบ้าบิ่นเกินไปเช่นกัน พวกเขาจะรับออกไปยังสถานที่ๆ อันตรายอยู่เสมอๆ นิกายแท้จริงแล้วกำหนดอัตราการเสียชีวิตกับฝ่ายสาขามา สำหรับศิษย์หลัก อัตราการเสียชีวิตของพวกเขามีโควต้า 1 คนต่อปี และด้วยความบังเอิญ ในปีนี้ ศิษย์หลักระดับเงินเพิ่งถูกดูดเลือดจนเกลี้ยงไป หากตายไปอีกคน เขาในฐานะผู้บัญชาการฝ่ายสาขาจะถูกหักคะแนน และถ้าคะแนนของเขาต่ำกว่ามาตราฐานเขาจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการของเขาเอง

 

“ให้พวกเขาเข้ามา!” หวังกานกล่าวอย่างไม่สามารถทำอย่างไรได้

 

แม้ว่ามันจะเป็นปัญหา เขาก็รู้อยู่กับใจว่าศิษย์หลักต้องผ่านการต่อสู้เพื่อพัฒนา และเนื่องจากเขาเป็นผู้บัญชาการฝ่ายสาขาในตอนนี้ เขาจะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

 

หลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงเดินเข้าไปในห้องประชุม

 

“ศิษย์หลักหลี่ฟูเฉิน ศิษย์หลักเซียงเทียนเชียง ทักทายผู้บัญชาการหวัง”

 

พวกเขาทั้งสองทักทายอย่างพร้อมเพรียง

 

“งั้นแล้วเจ้าก็คือหลี่ฟู่เฉิน” ได้ยินชื่อของหลี่ฟู่เฉิน หวังกานตกตะลึง เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของหลี่ฟู่เฉินมานานแล้ว ในช่วงที่เข้าไปในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ เขาพึ่งพาความสามารถของตนเองสร้างการบาดเจ็บล้มตายอย่างหนักกับอีกสามนิกาย เขาโดดเด่นยิ่งกว่าดาบคลั่งเมื่อก่อนหน้านี้

 

“เป็นข้าเอง” หลี่ฟู่เฉินตอบ

 

หวังกานขมวดคิ้ว “เจ้าเพิ่งเป็นศิษย์หลักเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำไมเจ้าถึงต้องรีบไล่ล่านักสู้เต๋าปีศาจ? เจ้าไม่สมควรขาดคะแนนสะสมใช่หรือไม่?”

 

ระดับการบ่มเพาะปัจจุบันของหลี่ฟู่เฉินต่ำเกินไป หากเขาเป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับกลาง หวังกานจะไม่คัดค้าน หากเขาเป็นนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับกลาง เขาจะสามารถต่อต้านศัตรูที่อยู่ขอบเขตปฐพีระดับสูงได้ ตราบเท่าที่ไม่มีศัตรูขอบเขตสวรรค์ปรากฏ เขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ

 

หลี่ฟู่เฉินตอบ “เฉพาะสภาวะอันตรายเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าสู่สภาวะจิตแห่งตนได้ หากไม่เช่นนั้นแล้ว การมาที่นี่ของข้าก็ไม่มีความหมายใดๆ”

 

หากเขาไปตามเส้นทางปกติและฝึกฝนไปเรื่อยๆ หลี่ฟูเฉินก็ยังคงพัฒนาไปสู่จุดสูงสุดของขอบเขตปฐพี ถึงขอบเขตสวรรค์ ถึงขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด หรืออาจเกินขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด แต่มันจะช้าเกินไปและในช่วงเวลาที่เขาทำเช่นนั้น มันจะเป็นหลายสิบปีต่อไป

 

นอกเหนือจากนี้ โลกเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป แน่นอนว่านิกายวารีครามจะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตในเวลาที่ขับคัน ใครจะรู้ได้จริงๆ ว่าสงครามสี่นิกายจะเกิดขึ้นเมื่อใด ตอนนี้เขาหวังแค่ว่า เขาจะมีความสามารถในการป้องกันตัวเองได้บ้าง

 

แม้ว่าเซียงเทียนเชียงจะไม่เชิญเขาในเวลานี้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะออกมาฝึกฝนด้วยตนเองหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง

 

หวังกานส่ายหัว เขาคาดไว้ว่าคำแนะนำของเขาจะไร้ประโยชน์

 

“เป็นครั้งแรกของเจ้าสำหรับการมาที่นี่ มาทำแบบนี้กันดีกว่า ข้าจะจัดให้เจ้าสองคนอยู่ในกลุ่มที่ 10 ทีมที่ 3 และทีมที่ 5 ตอนนี้พวกเขาบังเอิญอยู่ที่นี่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ” สาขาที่เจ็ดมีทั้งหมด 10 กลุ่ม แต่ละกลุ่มนำโดยหัวหน้ากลุ่มที่อยู่ในช่วงสูงสุดของขอบเขตปฐพี เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น กลุ่มที่ 10 มีงานน้อยที่สุด และส่วนใหญ่เขาก็จัดให้ศิษย์หลักไปที่นั่นด้วยเช่นกัน

 

“ขอบคุณผู้บัญชาการหวัง” หลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงขอบคุณด้วยการป้องมือ

 

กลุ่ม 10 ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคฤหาสน์

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาทั้งสองมาถึงที่ลานขนาดใหญ่

 

ลานแห่งนี้ถูกแยกออกเป็นห้องโถง หนึ่งใหญ่และอีกห้าเล็ก แต่โถงถูกแยกออกเป็นห้องเล็กๆ ห้าห้อง

 

ในห้องโถง…

 

“ศิษย์หลักหลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงรายงานตัว”

 

ในห้องโถงเป็นชายร่างใหญ่ที่เงยหน้าขึ้นและกล่าว “เข้ามา!”

 

“ทักทายผู้นำกลุ่มเฉิน!”

 

ได้ยินเสียง หลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงเดินเข้าไปในห้องโถงและทักทายชายร่างใหญ่ราวกับหมี

 

ชายผู้นี้ถูกยกให้เป็นหัวหน้าของกลุ่ม 10 เฉินต้าเซียง ขอบเขตปฐพีระดับสูงสุด สถานะของเขาสูงกว่าผู้อาวุโสชั้นนอกและเจ้าเมือง เขาถือว่าเป็นผู้อาวุโสชั้นนอกระดับสูง

 

“ผู้บัญชาการหวัง มีข้อตกลงอะไรสำหรับพวกเจ้าสองคน?” เฉินต้าเซียงหาวขณะที่เขาถาม

 

หลี่ฟู่เฉินตอบ “ผู้บัญชาการหวังขอให้เราเข้าร่วมทีมที่ 3 และทีมที่ 5”

 

“โอ้.. งั้นแล้วเจ้าก็เข้าร่วมทีมที่ 3 และทีมที่ 5” เฉินต้าเซียงพยักหน้า

 

“หัวหน้าเฉิน เราไม่รู้ว่าผู้นำทีมที่ 3 และที่ 5 คือใคร” เซียงเทียนเชียงกล่าว

 

เฉินต้าเชียงโบกมือของเขา “อย่าได้กังวล เจ้าจะรู้ว่าจักพวกเขาในอีกไม่กี่วัน กลุ่มที่ 10 ของเรามีงานน้อยที่สุดอยู่แล้ว”

 

หลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงมองหน้ากัน

 

หลังจากหลี่ฟู่เฉินและเซียงเทียนเชียงออกไป เฉินต้าเซียงพึมพำกับตัวเอง “กลุ่มที่ 10 ของข้าเกือบจะกลายเป็นค่ายสำหรับศิษย์หลัก สิ่งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไป ข้าต้องพูดคุยกับผู้บัญชาการหวัง เพื่อให้ข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มในกลุ่มอื่น”

 

หลี่ฟู่เฉินเป็นสมาชิกของทีมที่ 3 ดังนั้นเขาจึงไปลานที่สาม

 

เช่นเดียวกัน เซียงเทียนเชียงเป็นสมาชิกของทีมที่ 5 ดังนั้นเขาจึงไปลานที่ห้า

 

เป็นอย่างที่เฉินต้าเซียงกล่าว พวกเขารู้จักหัวหน้าทีมของพวกเขาหลังจากนั้นสองสามวัน

 

หัวหน้าทีมที่ 3 คือซูฉิงไห่ นักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่เจ็ด แต่เดิมเขาเป็นผู้อาวุโสชั้นนอก แต่เขาไม่สามารถแบกรับชีวิตที่สงบสุขในนิกายวารีครามได้ ดังนั้นเขาจึงมายังสาขาที่เจ็ดของฝ่ายวายุศักดิ์

 

“เจ้าคือศิษย์หลักคนที่สองของทีมเรา ก่อนหน้านี้ทีมของเรามีศิษย์หลักสองคนเหมือนกัน แต่หนึ่งในนั้นตายไปแล้ว” หลี่ฟูเฉินอยู่ในสนามหลังบ้าน มีชาและเขากำลังพบปะกับซูฉิงไห่

 

“กลุ่ม 10 ไม่ใช่ว่ามีงานน้อยที่สุด? เขาตายอย่างไร?” หลี่ฟู่เฉินสอบถาม

 

ซูฉิงไห่หัวเราะอย่างขมขื่น “ศิษย์หลักผู้นั้นพบว่ากลุ่ม 10 ของเราสงบสุขเกินไป เขาจึงออกไปตามล่านักสู้เต๋าปีศาจเดียวตัวคนเดียว เขาลงเอยด้วยการถูกดูดเลือดของตน ถูกดูดเลือดด้วยนักสู้เต๋าปีศาจที่เทคนิคการดูดโลหิต เมื่อถึงเวลาที่เราพบเขา เขาก็เป็นศพตายซากที่ไม่มีแม้แต่ฟันหรือผมเส้นแม้แต่เส้นเดียวแล้ว”

 

หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นเงียบลง เวลาและชีวิตดำเนินต่อไปตามความพึงพอใจ ตั้งแต่ที่ตอนนี้เขามาอยู่ที่ฝ่ายสาขาวายุศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาจำเป็นต้องเตรียมตัวตาย แน่นอน เขาจะไม่ทำตัวเหมือนศิษย์หลักผู้นั้น ออกเดินทางด้วยตัวคนเดียวเพื่อล่านักสู้เต๋าปีศาจ มันไม่จำเป็น

 

เขาเชื่อว่าจะต้องมีโอกาสได้ไปล่านักสู้เต๋าปีศาจแน่นอน

 

“โอ้ใช่แล้ว เจียงหนัวไห่กำลังฝึกฝนอย่างสันโดษ เมื่อเขาออกมา เจ้าสองคนจะได้รู้จักกัน” เจียงหนัวไห่เป็นศิษย์หลักอีกคนที่ซูฉิงไห่กล่าวถึง

 

“แน่นอน” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า

 

เมื่อวันเวลาผ่านไป เพียงพริบตาเดียว หลี่ฟูเฉินก็อยู่ที่สาขาที่เจ็ดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว

 

กลุ่มอื่นๆ จะมีภารกิจทุกวันๆ เฉพาะกลุ่มที่ 10 เท่านั้นที่ยังคงอยู่เช่นเดิม

 

หลี่ฟู่เฉินไม่รีบร้อน เขาฝึกฝนเทคนิคเพลิงโลกันต์อยู่ในห้องของเขาระหว่างวัน

 

จากนั้นเขาจะมุ่งหน้าไปที่ด้านนอกของสาขาที่เจ็ดเพื่อฝึกฝนวายุทมิฬสามกาย

 

วายุทมิฬสามโคลนเป็นเทคนิคตัวเบาลึกลับขั้นกลาง เมื่ออยู่ในขั้นดีเลิศย่อย ผู้ฝึกฝนสามารถสร้างร่างหลอกขึ้นมาได้ เมื่อถึงขั้นดีเลิศ ผู้ฝึกฝนสามารถสร้างได้สองร่าง เมื่อรวมร่างกายที่แท้จริงแล้ว มันจะเป็นสามร่าง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ชื่อของเทคนิคคือวายุทมิฬสามกาย

 

“เจ้าคือหลี่ฟู่เฉิน?”

 

ในวันนี้ ขณะที่หลี่ฟู่เฉินฝึกฝนเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงของเขา เขาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงจากด้านบนกำแพง

 

หลี่ฟูเฉินขมวดคิ้ว “เจียงหนัวไห่”

 

เขาสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยความเกลียดชังจากเจียงหนัวไห่

 

ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาจะถูกกระแทกออกไปแล้ว แต่เจียงหนัวไห่ยังสามารถยืนอยู่บนกำแพงได้อย่างปกติ

 

“เจ้าควรจะห่างจากเฉินฟางหัวซิเหม๋ยในอนาคต” เจียงหนัวไห่กล่าวอย่างเฉยเมย

 

“ทำไมข้าต้องทำ?”

 

เขาไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างเจียงหนัวไห่และเฉินฟางหัว แต่มันไม่เกี่ยวข้องกับเขา

 

“เพราะเจ้าไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของข้าในตอนนี้”

 

“นั่นอาจไม่เป็นเช่นนั้น”

 

หลี่ฟูเฉินไม่สนใจเฉินฟางหัว จนถึงขณะนี้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถเป็นเพื่อนกับเฉินฟางหัวได้ หากพวกเขาเป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่าต้องมีบางครั้งที่พวกเขาเดินทางด้วยกัน

 

“เจ้าลองดูไหมละ?” เจียงหนัวไห่ปลดปล่อยสภาวะพลังฉีออกมาอย่างรุนแรง

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset