Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 167

ตอนที่ 167

บทที่ 167

ผู้นำนิกาย

 

 

“ต้อนรับผู้นำนิกาย!”

 

ลดหัวของพวกเขาลง หลี่ฟูเฉินและคนอื่นๆ กล่าวอย่างพร้อมเพรียง

 

ชายชุดคลุมขาวยิ้ม “ข้ารู้สิ่งที่พวกเจ้าไปเผชิญมาแล้ว ทำได้ดี เจ้าไม่ได้นำความอับอายมาสู่นิกายวารีครามเรา เมื่อบริจาคมา ก็จะมีรางวัลให้ หากไม่ก็จะมีบทลงโทษ ยกเว้นเพียงหลี่ฟู่เฉิน พวกเจ้าทั้งสี่สามารถเข้าฌานที่อนุสาวรีย์แห่งดาบได้ฟรีสิบวัน หลี่ฟู่เฉิน เจ้าสามารถเข้าณานได้ฟรีเป็นเวลาหนึ่งเดือน”

 

“อนุสาวรีย์แห่งดาบ?” หลิวหวูหวงและคนอื่นๆ กลายเป็นตื่นเต้น

 

อนุสาวรีย์แห่งดาบเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายวารีคราม มันทำจากวัสดุที่มีชื่อเสียงระดับปฐพีที่เรียกว่า ศิลาเต๋าเทพยุทธ์ ตัวศิลาเองไม่ได้พิเศษอะไรเลย แต่มันสามารถเก็บเจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้ชนิดหนึ่งไว้ได้ นับตั้งแต่ก่อตั้งนิกายวารีครามมา อนุสาวรีย์แห่งดาบนี้ก็มีมาอยู่ก่อนแล้ว รอยจากดาบนับไม่ถ้วน และรอยเหล่านี้แต่ละรอยก็ถูกสร้างขึ้นโดยนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายวารีคราม

 

เข้าณานในอนุสาวรีย์แห่งดาบดาบอาจทำให้เต๋าแห่งดาบของผู้คนนึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ศิษย์หลักหลายคนอาศัยการเข้าณานที่อนุสาวรีย์แห่งดาบสำหรับการเข้าถึงขั้นภวังค์ และทำความเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบของทักษะลึกลับขั้นต่ำ

 

แม้ว่าหลิวหวูหวงและเซี่ยวหลี่ไบ๋จะเข้าใจเจตจำนงแห่งดาบแล้ว แต่เต๋าแห่งดาบนั้นเป็นขอบเขตที่ไร้สิ้นสุด แค่สิบวันก็เพียงพอที่จะเพิ่มพื้นฐานของเต๋าแห่งดาบของพวกเขาอย่างใหญ่หลวงแล้ว เช่นเดียวกับเจตจำนงแห่งดาบของพวกเขา หากพวกเขาไม่ได้ใช้อนุสาวรีย์แห่งดาบ แม้แต่กระทั่งร้อยวันก็จะไม่สามารถบรรลุผลได้เช่นเดียวกับตอนที่อยู่อนุสาวรีย์แห่งดาบสิบวัน

 

เพื่อเข้าณานที่อนุสาวรีย์แห่งดาบ มันต้องการคะแนนสะสม 100,000 คะแนนต่อวัน

 

เห็นได้ชัดว่ามันมีประสิทธิภาพเพียงใด

 

“100,000 ต่อวัน ในหนึ่งเดือนก็จะเท่ากับ 3 ล้าน”

 

ประหยัด 3 ล้านคะแนนสะสม หลี่ฟู่เฉินยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

เขาตัดสินใจว่าจะไม่รีบใช้เดือนฟรีๆ นี้ เขาจะรอจนกว่าเต๋าแห่งดาบของเขาถึงคอขวด เช่นนั้นแล้วเขาถึงจะมานั่งสมาธิที่อนุสาวรีย์แห่งดาบ เขาต้องพิจารณาวิธีที่ดีที่สุดในการใช้โอกาสอันดีครั้งนี้

 

“ทำไมพวกเจ้ายังไม่รีบขอบคุณผู้นำนิกาย?” จ้าวหวูจินกล่าว

 

“เราขอบคุณท่านผู้นำนิกาย!” พวกเขาทั้งห้าตอบพร้อมกัน

 

ชายเสื้อคลุมสีขาวโบกมือของเขา “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ”

 

มองไปยังหลี่ฟู่เฉิน ชายเสื้อคลุมขาวถาม “เจ้าใช่โครงกระดูกปกติหรือไม่?”

 

หลี่ฟู่เฉินตอบ “ท่านผู้นำนิกาย เมื่อตอนที่ข้าอยู่ในเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ ข้ากินองุ่นเจ็ดสีเคลือบเงาเข้าไป ตอนนี้ฉัข้าสมควรจะเป็นโครงกระดูกระดับ 1 ดาว”

 

“องุ่นเจ็ดสีเคลือบเงา หือ?”

 

ชายเสื้อคลุมขาวแสดงความประหลาดใจ สมุนไพรระดับปฐพีชนิดนี้เป็นสิ่งที่หายากแม้แต่กระทั่งในนิกายวารีคราม หากพบมัน มันจะถูกเก็บไว้ในห้องเก็บสมบัติทันที

 

แน่นอน ถ้าเป็นสมุนไพรระดับปฐพีอื่นๆ เขาอาจจะอิจฉา แต่องุ่นเจ็ดสีเคลือบเงานั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เขามีอารมณ์ใดๆ

 

แม้ว่าเขาจะมีตระกูลของตัวเอง และมีสมาชิกตระกูลมากมายอยู่ในโครงกระดูกระดับ 3 ดาวและต่ำกว่า แต่สำหรับเขา ไม่ว่าจะเป็นโครงกระดูก 3 ดาวหรือ 2 ดาว เขาก็ไม่ได้ใช้ความพยายามในการพยายามเลี้ยงดูพวกนั้นอยู่ดี เพราะมันไม่คุ้มค่า

 

“นั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้เจ้าเคยเป็นโครงกระดูกธรรมดา น่าสนใจ” ชายเสื้อคลุมขาวเดินไปที่ด้านข้างของหลี่ฟู่เฉิน “อย่าได้กังวล ฉันจะตรวจร่างกายของเจ้า”

 

เขาไม่เชื่อว่าหลี่ฟูเฉินจะเป็นเพียงแค่โครงกระดูกธรรมดา บางทีอาจเป็นโครงกระดูกพิเศษบางอย่างที่การทดสอบโครงกระดูกปกติไม่สามารถตรวจพบได้

 

เขาผู้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด อาจสามารถตรวจสอบลักษณะที่แปลกประหลาดบางอย่างได้ ถ้าหากมันมีอยู่จริง

 

หลี่ฟู่เฉินไม่ได้กล่าวใดๆ แต่เขาก็ยังค่อนข้างเป็นกังวล มันเป็นการดีกว่าที่จะวางแผนสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด จะเกิดอะไรขึ้นหากผู้นำนิกายค้นพบเกี่ยวกับเครื่องรางทองคำของเขา? เขาควรทำอย่างไร?

 

ด้วยมือขวาที่กดไหล่ของหลี่ฟู่เฉิน ชายเสื้อคลุมสีขาวส่งพลังฉีที่ดูนุ่มนวลและบอบบางเข้าไปสำรวจภายในร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน

 

สภาวะพลังฉีอันน่าทึ่ง สภาวะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินไม่สามารถปฎิเสธใดๆ ได้ มันคล้ายกับว่าสภาวะพลังฉีที่เข้ามาแทรกซึมร่างกายของหลี่ฟู่เฉินน่าจะเป็นของเขาเอง ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเครื่องรางทองคำภายในจิตวิญญาณของหลี่ฟูเฉินกำลังหมุนไปรอบๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

ชายเสื้อคลุมขาวค่อยๆ ขมวดคิ้ว หลังจากวนเวียนไปมาอยู่ในร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน เขาก็ยังไม่พบสิ่งใด หลี่ฟู่เฉินในปัจจุบันแน่แท้แล้วว่าเป็นโครงกระดูกระดับ 1 ดาว

 

“เด็กคนนี้มีการรับรู้สูงผิดปกติ บางทีอาจมีความผิดปกติบางอย่างในหัว”

 

ชายเสื้อคลุมขาวไม่กลัวว่าการสภาวะพลังฉีที่อ่อนโยนจะทำให้หลี่ฟู่เฉินเจ็บปวด เขามั่นใจมาก ด้วยความที่กำลังควบคุมพลังฉีของเขา สภาวะพลังฉีค่อยๆ เดินทางไปยังหัวของหลี่ฟู่เฉินอย่างช้าๆ

 

หลังจากนั้นไม่นาน ชายเสื้อคลุมสีขาวส่ายหัวพร้อมทำหน้าผิดหวัง แต่ความผิดหวังก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 

“ดูเหมือนว่าโครงกระดูกของเจ้าจะปกติอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากจิตวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งแต่กำเนิด นี่จึงเป็นเหตุผลที่เจ้ามีการรับรู้ที่แข็งแกร่งผิดปกติ” เขาไม่สามารถตรวจจับสิ่งต่างๆ ของจิตวิญญาณได้ สำหรับมนุษย์ จิตวิญญาณเป็นพื้นที่ต้องห้าม มันเป็นขอบเขตของพระเจ้า

 

“ถึงแม้ว่ากระดูกของเจ้าจะธรรมดา แต่ไม่ต้องคิดมาก ตราบใดที่เจ้ายังทำได้ดี นิกายจะไม่ทำร้ายเจ้าและเลี้ยงดูเจ้าเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ข้าอยากจะดูว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหนกัน”

 

ที่เขาเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อมาดูหลี่ฟู่เฉินเป็นพิเศษ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ค้นพบสิ่งใดที่แตกต่าง

 

“เอาหล่ะ อาวุโสจ้าว ข้าจะปล่อยหน้าที่ที่เหลือให้เจ้าจัดการ ข้าคงต้องลาแล้ว” ชายเสื้อคลุมขาวหมดความสนใจและไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ที่นี่ต่อ

 

“ผู้นำนิกายโปรดสบายใจ”

 

จ้าวหวูจินส่งชายเสื้อคลุมขาวออกไปด้วยความเคารพ

 

หลังจากที่ผู้นำนิกายจากไปแล้ว เครื่องรางทองคำภายในจิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินก็หยุดหมุน เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาจากร่างกายของหลี่ฟู่เฉินมากมาย

 

สัมผัสถึงความกังวลใจของหลี่ฟู่เฉิน จ้าวหวูจินหัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องกังวล สถานะของผู้นำนิกายแน่นอนว่าเป็นที่เคารพ สำหรับการที่มาตรวจร่างกายของเจ้าเป็นการส่วนตัวย่อมหมายความว่าเจ้าได้รับการยกย่องอย่างสูง แม้แต่กระทั่งดาบคลั่งก็ไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้ในอดีต”

 

โดยปกติแล้วดาบคลั่งย่อมไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เขาเป็นโครงกระดูกระดับ 4 ดาว ไม่ว่าความสามารถของเขาจะท้าทายสวรรค์อย่างไร มันก็ยังถือว่าอยู่ในบรรทัดฐาน หลี่ฟูเฉินเป็นความผิดปกติอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมคนระดับสูงเช่นเขาถึงเกิดความอยากรู้อยากเห็น

 

มองไปรอบๆ จ้าวหวูจินกล่าวกับคนทั้งห้า “พวกเจ้าทุกคนจงพยายามอย่างหนัก การเป็นศิษย์หลักนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น โลกนี้ใหญ่และกว้างขวาง มันยิ่งกว่าที่พวกเจ้าจะจินตนาการได้ หากเจ้าต้องการสำรวจความลึกลับของโลกนี้ อย่างแรกเจ้าจะต้องเพิ่มพลังบ่มเพาะของเจ้าเองเป็นอันดับแรก อย่านิ่งนอนใจและละเลยการบ่มเพาะของเจ้าไป”

 

จบคำกล่าวของเขา จ้าวหวูจินส่งพวกเขาทั้งห้าคนไปให้ผู้ดูแลฝึกหัดนำไปยังที่พักของพวกเขา

 

เช่นเดียวกับศิษย์ชั้นในขั้น 1 ลานของศิษย์หลักก็อยู่ในภูเขาเช่นกัน

 

แต่ภูเขาภายในเขตของศิษย์หลักนั้นอยู่สูงกว่าเมฆทั้งหมด วิญญาณพลังฉีจะมีความหนาแน่นสูงกว่าที่อื่น

 

“รอบล่างของภูเขาจะเป็นที่อยู่ของศิษย์หลักระดับเงิน เหนือภูเขาขึ้นไปนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของศิษย์หลักระดับทอง” ผู้ดูแลฝึกหัดที่นำหลี่ฟู่เฉินมาอธิบาย

 

หลี่ฟู่เฉินเงยหน้าขึ้นมอง ภูเขาทะลุผ่านเมฆ ยอดเขาไม่สามารถมองเห็นได้ จากรอบๆ ภูเขาดูแล้วคล้ายวงแหวนของเมฆที่อยู่ซ้อนเหนือกันและกัน ส่งฉากเหนือจริงผ่านเข้าสู่สายตา

 

“ชิเซียง ที่พักของท่านอยู่ที่นี่”

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้ดูแลฝึกหัดก็นำหลี่ฟู่เฉินไปยังลานด้านล่างของรอบภูเขา

 

“ขอบคุณเจ้ามาก” หลี่ฟู่เฉินผงกหัว ผลักประตูเพื่อเปิด และเดินเข้าไป

 

ภายในลานมันสะอาดและเป็นระเบียบ มันไม่ต้องการคนงานเพื่อเพิ่มเติมใดๆ

 

มองไปที่สภาพแวดล้อมของลาน ความคิดของหลี่ฟู่เฉินก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว

 

หลังจากมาถึงนิกายวารีครามเป็นเวลาหลายปี เขาก็ยังไม่ได้กลับบ้านเลย มันสมควรถึงเวลาที่จะต้องกลับไปแล้ว

 

แต่ก่อนที่เขาจะมุ่งหน้ากลับ เขาต้องผ่านด่านแรกของหอคอยสืบทอดสายตรงเสียก่อน ก็เพื่อเป็นศิษย์หลักระดับทองและแลกเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง

“เมืองหมอกเมฆา มันช่างเป็นเวลาที่ยาวนาน ข้าสงสัยว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรือไม่” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินมีร่องรอย

แห่งความเยือกเย็น

 

***

 

เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ฟูเฉินมาถึงที่หอคอยสืบทอดสายตรง

 

หอคอยสืบทอดสายตรงเป็นหอคอยที่ยิ่งใหญ่มาก มันมีทั้งหมดสิบระดับและภายนอกของมันเป็นศิษย์หลักที่กำลังต่อคิว

 

“หืม? ชิตี๋ผู้นี้ดูเหมือนจะเพิ่งมา” ศิษย์หลักสองสามคนตรงไปที่หลี่ฟู่เฉิน

 

“เจ้าคงล้าช้าจากข่าวปัจจุบัน ชิตี๋ผู้นี้คือหลี่ฟู่เฉินชิตี๋และเป็นดาบปีศาจที่มีชื่อเสียง ระหว่างอยู่ในเขตแดนร้อยพฤกษาลึกลับ เขาฆ่าศิษย์จากทั้งสามนิกาย เขาแท้แต่กระทั้งดุร้ายยิ่งกว่าดาบคลั่งชิเซียงในอดีต”

 

ในวันเดียว ความสำเร็จของหลี่ฟู่เฉินแพร่กระจายไปทั่วเขตศิษย์หลักแล้ว คาดว่าในอีกไม่กี่วัน มันจะขยายไปถึงนิกายชั้นในและแม้แต่กระทั้งเขตชั้นนอก

 

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset