Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 131

ตอนที่ 131

บทที่ 131
ความหมายของคำว่าเหนือกว่า

 

 

บูม บูม บูม…

 

หลังจากที่เกิดเสียงปะทะกันหลายครั้ง สมาชิกตระกูลหม๋าที่วิ่งไปยังหลี่ฟู่เฉิน ต่างก็ถูกส่งบินกลับมาพร้อมกับกระดูกที่หักหรือไม่ก็หน้าอกที่ไหม้เกรียม

 

“เจ้าเป็นคนตายแล้วอย่างแท้จริง แม้แต่สวรรค์ก็จะละทิ้งเจ้าเพราะการฆ่าตระกูลหม๋าของข้า คุกเข่าและขอการให้อภัยในขณะที่เจ้ามีโอกาส หากข้าจับเจ้าได้ ข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสกับนรก” การแสดงออกของหม๋าชิงหยางกลายเป็นโหดเหี้ยม

 

“แม้แต่กระทั้งนิกายเอง ก็ย่อมไม่กล้าใช้คำเหล่านั้น ตระกูลหม๋าที่น่าสงสารของเจ้าถึงกับใช้ชื่อเดียวกับสวรรค์?”

 

หลี่ฟู่เฉินไม่สนใจเกี่ยวกับตระกูลหม๋าหรือไม่ว่าใครก็ตาม ด้วยสถานะและความสามารถในปัจจุบันของเขา ตระกูลที่อยู่ในเมืองเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา แม้แต่กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตปฐพีที่สนับสนุนพวกเขา ก็ยังสงผลกระทบต่อหลี่ฟู่เฉินเพียงเล็กน้อย

 

“ตั้งแต่ที่เจ้ามาถามหาความตายด้วยตนเอง ให้ข้าชายชราได้ทุบตีให้เจ้าสำนึก”
ชายชราที่มาจากตระกูลหฒ่าเองก็อยู่ในขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่เก้า ชักดาบของตนเองและหันปลายแหลมไปยังหลี่ฟู่เฉิน

 

บูม!

 

ชายชราพุ่งทยานไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ถูกส่งบินออกไปด้วยฝ่ามือเดียวของหลี่ฟู่เฉิน

 

“พวกเจ้าทั้งสามออกไป! อย่าได้แสดงความเมตตาใดๆ” หม๋าชิงหยางสั่งด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว

 

ต่อหน้าคนทั้งหมดของเขา หม๋าชิงหยางไม่สามารถรับความอับอายนี้ได้

 

“ฆ่า!”

 

นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่เก้าทั้งสามคนร่วมโจมตีประสานใส่หลี่ฟู่เฉิน

 

ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่เก้าในตระกูลหม๋าเป็นสิ่งหายาก พวกเขามีกันอย่างน้อยไม่กี่สิบคน และหม๋าชิงหยางก็พามาด้วยสี่คนเพื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน(เหมือนลูกสมุนก่อนหน้านี้ทางอิงจะแปลระดับผิด)

 

คนที่โจมตีก่อนเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในพวกเขา

 

“ประเมินตัวเองสูงเกินไป!”

 

หลี่ฟูเฉินไม่เคลื่อนไหวใดๆ แต่กลับกันเขาโคจรเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับ ชั้นพลังฉีสีแดงชัดเจนปรากฏขึ้นจากร่างกายและก่อตัวเป็นเกราะพลังฉี

 

ทั้งสามคนหยุดกลางอากาศ ดาบยาวทั้งหมดของพวกเขาไม่สามารถเจาะทะลุเกราะพลังฉีของหลี่ฟู่เฉินได้

 

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” หนึ่งในสามคนนั้นไม่เชื่อสายตาตัวเอง

 

“เจ้าเป็นศิษย์ชั้นในของนิกายวารีครามหรือไม่?” ทันใดนั้นอีกคนหนึ่งก็รู้และกล่าวออกมาด้วยความกลัว

 

มีเพียงศิษย์นิกายวารีครามชั้นในเท่านั้นที่จะมีความแข็งแกร่งอย่างล้มหลามเช่นนี้ได้ ใช้เกราะพลังฉีเพื่อต่อต้านการโจมตีจากพวกเขาทั้งสาม ถ้ามันเป็นการต่อสู้ระหว่างขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่หกด้วยกัน พวกเขาคงจะตายไปแล้ว

 

“ไป!”

 

หลี่ฟูเฉินตะโกนออกมาคำหนึ่งและระเบิดพลังฉี เพลิงสีแดงที่ลุกโชติช่วงและปลดปล่อยสภาวะพลังฉีออกมาอย่างรุนแรงได้สร้างคลื่นกระแทกต่อทั้งสามคน ทำให้พวกเขาอาเจียนเป็นเลือด

 

“แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!”

 

ตระกูลเจิ้งถูกสั่นคลอนจากเหตุการณ์นี้ และทุกคนก็อ้าปากค้าง

 

ในเวลาเดียวกัน หัวใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความชื่นชม

 

ถ้าพวกเขาแข็งแกร่ง ตระกูลหม๋าจะกล้ามาทำให้พวกเขาขายหน้าหรือไม่?

 

“เจ้า เจ้า…”

 

หม๋าชิงหยางชี้ไปที่หลี่ฟู่เฉิน แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว

 

“หยุดพูดคำว่า ‘เจ้า’ และลงมาจากหลังม้าเดี๋ยวนี้!”

 

ด้วยคลื่นฝ่ามือ หลี่ฟู่เฉินทำให้หม๋าชิงหยางต้องกลิ้งลงจากม้าเลือดปีศาจในลักษณะที่น่าสมเพช

 

เขาเกลียดคนหยิ่งยโสและไร้เหตุผลเช่นหม๋าชิงหยาง ย้อนกลับไปที่เมืองหมอกเมฆา ทุกคนจากเฉินตู่ หยาง และตระกูลกั่วเองก็เป็นเชกเช่นเดียวกัน แต่หม๋าชิงหยางแย่กว่านั้นมาก
(TL หมายเหตุ: เมืองหยุนหวู = เมืองหมอกเมฆา)

 

“เจ้ากล้าโจมตีข้า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าปู่ของข้าเป็นผู้นำตระกูลหม๋า และอยู่ในระดับที่สองของขอบเขตปฐพี ลูกพี่ลูกน้องของข้าผู้ดูแลชั้นในฝึกหัดของนิกายวารีคราม และลุงของข้าก็เป็นผู้ดูแลชั้นใน เจ้าตายแน่นอน”

 

หม๋าชิงหยางเคยเป็นคนที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เขาต้องทนทุกข์เช่นนี้? เขาโกรธมากจนจิตใจของเขาพร่เลือนและดวงตาของเขาแดงก่ำ

 

บูม!

 

หลี่ฟู่เฉินส่งลูกเตะเข้าไปที่ท้องของหม๋าชิงหยาง และทำให้เขาบินขึ้นไปในอากาศ เพลิงพลังฉีสีแดงบินตามเข้ามา และทำลายเส้นชีพจรส่วนล่างของหม๋าชิงหยาง

 

จะไม่มียาวิเศษหรือผู้เชี่ยวชาญที่รักษาสิ่งนี้ให้หายขาดได้ เขาจะใช้ชีวิตที่เหลือแบบไร้ความใคร่และไร้ความสนใจต่อผู้หญิง

 

“หากเจ้ายังไม่รีบออกไป ต่อไปข้าจะเอาหัวของเจ้า” หลี่ฟู่เฉินกล่าวเสียงเย็นชา

 

“นายน้อยชิงหยาง ไปกันเถอะ!”

 

นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับเก้าที่ได้รับบาดเจ็บจากหลี่ฟู่เฉินก่อนหน้านี้ ช่วยหม๋าชิงหยางขึ้นมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก

 

ผู้ชายควรต่อสู้บนความได้เปรียบ ด้วยความสามารถในปัจจุบันของพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการกับหลี่ฟูเฉิน

 

พวกเขากลัวว่าหม๋าชิงหยางจะกระทำบางอย่างที่รุนแรงขึ้นและทำให้หลี่ฟู่เฉินเข้ามาฆ่าพวกเขา

 

ตราบใดที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะมีโอกาสแก้แค้น กลับไปที่ตระกูลหม๋าคือความสำคัญอย่างแรกที่พวกเขาต้องทำ

 

“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อนเถอะ”

 

หม๋าชิงหยางรู้สึกเจ็บปวดที่ส่วนล่างของเขาและคำรามออกมาอย่างเดือดดาล จากนั้นเขาก็ควบม้าและหายไป

 

โดยไม่ต้องใช้ความพยายามากนัก ตระกูลหม๋าทั้งหมดก็ออกไป ทิ้งศพที่ไหม้เกรี้ยมไว้ข้างหลัง

 

“ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของวีรบุรุษหมุ่นหลี่”

 

ผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสเจิ้งคำนับด้วยความซาบซึ้ง หญิงสาวของตระกูลเจิ้ง เจิ้งเหว่ยยังโค้งคำนับ ใบหน้าที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและการชื่นชม

 

ความงามย่อมชมชอบวีรบุรุษ

 

นี่เป็นความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่สมัยโบราณ

 

ในโลกที่ผู้มีอำนาจสูงสุดปกครอง ใครจะไม่อยากให้สามีเป็นวีรบุรุษที่ไร้ใดเปรียบบ้าง ใครผู้ซึ่งสามารถปกป้องพวกเขาให้มีชีวิตรอดอยู่ได้

 

หลี่ฟู่เฉินป้องมือของเขากลับ “ข้าจะยังคงอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง แค่ให้ไวน์และอาหารอร่อยๆ แก่ข้าก็พอ”

 

จบคำพูดของเขา เขาก็หันกลับไปที่ลานบ้าน

 

***

 

“เส้นชีพจรของเทคนิคลับมังกรเร้นลับขั้นสาม นั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นรูปร่างมังกร มันจะมีความลึกลับของมังกรซ่อนอยู่หรือไม่?”

 

เมื่อมองไปยังเส้นชีพจรหลายร้อยจุดที่สว่างขึ้นภายในพระพุทธรูปหยก หลี่ฟู่เฉินตกอยู่ในห้วงลึกของความคิด

 

มังกร มันเป็นสัตว์ปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดภายใต้ฟ้าสวรรค์ สามารถเรียกลมและเรียกฝน มันสามารถรังสรรค์สิ่งต่างๆและสำรวจไปในทุกๆ ที่ได้ มันเป็นสิ่งที่เหนือกว่าจักรวรรดิ และสามารถเข้าไปในนรกสื่อสารกับเหล่าเทพเจ้าและปีศาจได้ มันเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับพระเจ้า

 

การเรียกมังกรว่าสัตว์ปีศาจนั้นจริงๆ แล้วไม่ถูกวรมากนัก ควรรู้จักกันว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์

 

แต่ ไม่มีใครเคยเห็นมังกรของจริงมาก่อน จึงไม่ทราบว่ามังกรมีอยู่จริงหรือไม่ มันมีอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นตำนานหรือนิทานปรัมปรา

 

หลี่ฟูเฉินมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการพยายามประติดประต่อสัมพันธ์ระหว่างเทคนิคลับมังกรเร้นลับระดับ 3 ดาว กับมังกร

 

หลังจากทั้งหมดแล้ว ทั้งสองก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก แนวคิดดังกล่าวควรใช้สำหรับเทคนิคลับระดับ 9 ดาว คงจะเหมาะสมกว่า

 

***

 

สามวันต่อมา หลี่ฟูเฉินยังไม่เข้าใจขั้นที่สามของเทคนิคลับมังกรเร้นลับ

 

ในขณะเดียวกัน หม๋าชิงหยางและคนของเขาก็กลับไปถึงตระกูลหม๋าแล้วในที่สุด

 

“ปู่ ท่านต้องช่วยข้า”

 

หม่าชิงหยางคุกเข่าและร้องไห้ต่อหน้าชายชราที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูหรูหราสง่างาม

 

ชายชราพยุ่งหม๋าชิงหยางขึ้นมาและกล่าวว่า “จะกล้าได้อย่างไร! แล้วถ้าเขาเป็นศิษย์ชั้นในของนิกายวารีครามล่ะ? ตระกูลหม๋าของข้ามีความสัมพันธ์มากมายอยู่ภายในนิกายวารีคราม”

 

ชายชราผู้นี้เป็นผู้ก่อตั้งตระกูลหม๋า หม๋าไท่ชง ระดับที่สองของขอบเขตปฐพี

 

“ปู่ ข้าถูกเตะโดยเขา ร่างกายส่วนล่างของข้ารู้สึกชาด้านและบวมเป่ง” หม๋าชิงหยางเล่าเรื่องนี้และเล่าเรื่องทุกอย่างให้หม๋าไท่ชงฟัง

 

“มาดูกันเถอะ” หม๋าไท่ชงเอื้อมมือออกไปที่หน้าท้องของหม๋าชิงหยาง

 

หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของหม๋าไท่ชงก็ปรากฏเจตนาสังหารขึ้น “สารเลวนั้นช่างเลวร้าย! เขากล้าทำลายการสืบพันธ์ของหลานชายคนเดียวของข้าจริงๆ ตัดวงศ์ตระกูลของข้าทิ้ง! หากข้าไม่ได้รับการชำระแค้น ข้าไม่ขอเป็นชายอีกต่อไป!”

 

ใช้พลังฉีของเขาเพื่อสัมผัสสิ่งที่ผิดปกติภายในร่างกายของหม๋าชิงหยาง หม๋าไท่ชงรู้สึกได้ว่าเส้นชีพจรบริเวณท้องของหลานชายเขาถูกเผาและเหือดแห้ง ถูกพลังฉีทำลายอวัยวะภายใน การรักษาให้เป็นเหมือนเดิมทั้งหมดจะไม่ง่าย ก็ในเมื่อล่างกายส่วนร่างเส้นชีพจรได้เหือดแห้งลงไปแล้ว

 

“ปู่ ข้าเสียหน้าที่พื้นฐานในฐานะผู้ชายไปแล้วใช่หรือไม่?”

 

ได้ยินคำกล่าวของปู่ ความคิดของหม๋าชิงหยางจางหายไปหมด

 

“อย่าตกใจไป ยังมีความหวังในการรักษาอยู่ ตามข้าไปที่ตระกูลเจิ้ง ข้าต้องการชำระหนี้นี้กับสารเลวน้อยนั้น!” หม๋าไท่ชงขบฟัน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตระกูลคือความสามารถในการสืบทอดสายเลือด ถ้าคนในยุคนี้ไม่ดีพอ มันย่อมมีคนรุ่นต่อไปเสมอ แต่เมื่อสายเลือดถูกทำลาย ความบาดหมางนี้ก็พอๆ กับการแก้แค้นให้กับบุคคลที่ฆ่าพ่อแม่ของพวกเขา

 

***

 

สามวันต่อมา…

 

ตึ๋ง!

 

พื้นที่ประตูหลักของของผู้นำตระกูลเจิ้งถูกบดขยี้ เมื่อตอนที่หม๋าไท่ชงพาคนของเขาเข้ามา ชายหลายสิบคนเข้ามาที่บ้านของผู้นำตระกูลเจิ้ง “สารเลวนั้นอยู่ไหน? ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

 

ด้วยเสียงที่คล้ายกับฟ้าร้องดังสะท้อนไปทั่วทั้งตระกูลเจิ้ง เสียงได้เดินทางไปที่ลานบ้านของหลี่ฟู่เฉิน

 

“ทำไมถึงมีคนโง่เง่ามากมายในโลกนี้?” หลี่ฟู่เฉินเดินออกจากบ้านอย่างช้าๆ

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset