Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 126

ตอนที่ 126

บทที่ 126
นมศิลาอายุหนึ่งพันปี

 

 

บนภูเขาที่หิมะตกพอกพูน หลี่ฟูเฉินนั่งไขว่ห้าง ขณะที่ย่างเนื้อสัตว์ปีศาจด้วยมือขวา

 

เมื่อเนื้อสัตว์ปีศาจเริ่มที่จะสุก กลิ่นหอมถูกปล่อยออกมา

 

หลี่ฟู่เฉินเริ่มกินเนื้อเป็นอาหารมื้อใหญ่

 

“หืมม?”

 

มองไปตามทาง หลี่ฟู่เฉินเห็นร่างสีดำอยู่ห่างออกไปหลายไมล์

 

ผลักสายตาของเขาไปสู่ขีดจำกัด หลี่ฟู่เฉินมองเห็นใบหน้าของร่างดำ

 

“มันเป็นน้องคนสุดท้องของพี่น้องหวัง” สายตาของหลี่ฟู่เฉินเปล่งประกายด้วยความยินดี

 

มีคำกล่าวไว้ว่า “เมื่อท่านต้องการค้นหาบางสิ่ง ท่านจะไม่พบมันไม่ว่าท่านจะพยายามมากแค่ไหน แต่มันจะปรากฏเฉพาะที่ท่านคาดหวังเกี่ยวกับมันน้อยที่สุด”

 

กลืนส่วนที่เหลือของเนื้อสัตว์ไปสามอึก หลี่ฟู่เฉินใช้ออกเทคนิคเคลื่อนไหวและลงจากยอดเขา

 

พี่น้องหวังมีชื่อที่ถูกเรียก หวังต๋า หวังเอ้อ และหวังซาน
(หวังต๋าพี่ใหญ่ หวังเอ้อคนสอง หวังซานคนสาม)

 

หวังซานตระเวนไปอยู่สักพักและเจอเข้ากับหมูหิมะ

 

หมูหิมะเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 1 ชั้นกลางที่มีเนื้อแน่นและรสชาติอร่อย

 

ไม่ได้ใช้กำลังออกอย่างเต็มที่ หวังซานใช้ฝ่ามือเดี่ยวสังหารหมูหิมะ จากนั้นเขาก็หยิบซากขึ้นมาแล้วรีบกลับ
หลี่ฟู่เฉินติดตามไปอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่เผยตัวตน

 

ที่ด้านหลังของภูเขา พายุหิมะไม่สามารถไปถึงหน้าผาที่ดูแปลกๆ ได้

 

หวังซานคุ้นเคยกับเส้นทางและเข้าไปในถ้ำที่ราบเรียบ

 

“พี่ใหญ่ พี่สอง ข้ากลับมาแล้ว!”

 

หวังซานโดยธรรมชาติแล้วเขาเป็นคนที่มีเสียงดัง เขาตะโกนออกไป

 

“ตะโกนอยู่ได้ทุกวันทุกคืน เจ้านี้น่ารำคาญเสียจริง” หวังเอ้อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความสุข

 

หวังซานตะโกนว่า “ถ้าเจ้าแน่จริงก็อย่ากินมัน”

 

“แล้วจะแบ่งปันส่วนกับข้าอย่างไร” เสียงกระจ่างใสดังขึ้น

 

“ใคร?!”

 

ทั้งสามคนหันหัวไปในทิศทางที่เกิดเสียงทันที

 

หลี่ฟู่เฉินสวมเสื้อผ้าสีขาวเดินออกมาอย่างไม่สนใจใดๆ

 

“เจ้าเป็นใคร? เจ้าพบที่นี้ได้อย่างไร?” หวังเอ้อถามด้วยน้ำเสียงดุดัน

 

หลี่ฟูเฉินมองไปที่หวังซาน “ผลงานเขาเลย”

 

หวังซานดูโกรธเกรี้ยว “เจ้ากล้าแอบตามข้ามา?”

 

ขณะนี้เอง หวังต๋าที่เงียบอยู่ก็กล่าวขึ้น “ตั้งแต่ที่เจ้ามาที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็อย่าได้หวังที่จะกลับไป พวกเราสามหวังได้ฆ่านักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดมามากมาย แต่ถึงเป็นเช่นนั้นก็ยังไม่เคยฆ่าศิษย์ชั้นในของนิกายคังหลุนมาก่อน”

 

อยู่ในระดับที่หกของขอบเขตต้นกำเนิดตั้งแต่ยังหนุ่ม แม้แต่คนปัญญาอ่อนก็สามารถเข้าใจได้ว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นศิษย์ชั้นในของนิกายคังหลุน

 

“ฮี่ ฮี่ ข้าสงสัยว่าศิษย์ชั้นในของนิกายคังหลุนจะกลายเป็นอย่างไรหลังจากถูกโจมตีด้วยเทคนิคโลหิตเร้นลับของข้า” หวังเอ้อเลียริมฝีปากของตัวเอง

 

เทคนิคลับรูปแบบโลหิต จะทำให้เหยือกลายเป็นกองเลือด มันโหดเหี้ยมและเหมาะสมกับบุคลิกของหวังเอ้อ

 

“จริงๆ แล้วข้าแค่จะทำให้พวกเจ้าสามคนพิการ แต่เมื่อพวกเจ้าไม่รู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับพวกเจ้าเอง เช่นนั้นอย่าได้โทษดาบของข้า เพราะมันไม่มีความเมตตาใดๆ” หลี่ฟู่เฉินชักดาบเหล็กสีดำของเขาและเดินไปหาพี่น้องสามหวัง

 

“มาหาความตาย!”

 

มือของหวังซานเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ราวกับมันถูกย้อมสีเลือดใส่

 

ทักษะฝ่ามือลึกลับขั้นต่ำ วิชาฝ่ามือประทับโลหิต!

 

แต่แน่นอน หวังซานสามารถปลูกฝึกฝนวิชาฝ่ามือประทับโลหิตได้ถึงขั้นสมบรูณ์ย่อยแต่เพียงเท่านั้น

 

“เทคนิคลับรูปแบบโลหิต!”

 

ร่างกายของหวังเอ้อมีพลังฉีสีแดงคล้ายเลือดปรากฏ พลังฉีของเขาเดือดราวกับน้ำทะเลที่ระเหยกลายเป็นไอ

 

เทคนิคลับรูปแบบโลหิตเป็นเทคนิคลับระดับ 2 ดาวและสามารถอนุญาตให้ผู้ฝึกฝนทำให้พลังฉีเดือดได้ และหากโดนโจมตี แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับเก้าตามค่าเฉลี่ย พลังฉีของพวกเขาก็จะระเหยไปในทันที และจะถูกกัดกร่อนโดยเทคนิคลับรูปแบบโลหิต จากนั้นไม่นานก็จะกลายเป็นกองเลือด

 

ในทันที เงาเลือดรูปฝ่ามือก็บินไปพร้อมกับพลังฉีสีแดงเลือด ห้อมล้อมหลี่ฟู่เฉินไว้

 

“ดาบดาวตก ตายในดาบเดียว!”

 

ภายใต้อิทธิพลของเจตจำนงแห่งดาบ ดาบของหลี่ฟู่เฉินก็คล้ายกับดาวหาง ข้ามผ่านทะยานไปด้วยความเร็ว
หวังซานจับคอของตัวเองและล้มลงไปกับพื้น ขณะที่เงยหน้าขึ้นไปในท้องฟ้า

 

เทคนิคลับรูปแบบโลหิตของพลังเอ้อถูกเจาะ หน้าอกของเขาถูกใบมีดพุ่งเข้าใส่ ขณะที่เลือดสดพุ่งออกมาและทำให้พลังฉีของเขาเหือดแห้งลงไป

 

“อะไร? เขาเจาะทะลุเทคนิคลับรูปแบบโลหิตของน้องสอง?”

 

หวังต๋าผู้ซึ่งกำลังจะเคลื่อนไหวรู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาชาซ่า มึนงง

 

วิชาฝ่ามือประทับโลหิตของหวังซานนั้นน่าเกรงขาม แต่การฝึกฝนของเขาต่ำเกินไป

 

หวังเอ้อแตกต่างออกไป เทคนิคลับรูปโลหิตของเขานั้นถึงขั้นสมบรูณ์ย่อยแล้วเรียบร้อย

 

ขั้นสมบรูณ์ย่อยของเทคนิคลับระดับ 2 ดาวไม่สามารถประเมินค่าต่ำไปได้

 

มันเป็นความจริงที่รู้กันว่าเทคนิคลับระดับ 1 ดาวนั้นเพียงพอแล้วที่นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดจะต้องให้ความชื่นชม เทคนิคลับระดับ 2 ดาวนั้นเป็นสิ่งที่ผู้คนปรารถนา แม้แต่กระทั้งนักสู้ขอบเขตปฐพีเองก็เช่นกัน

 

“หนี!”

 

คว้าพระพุทธรูปหยก หวังต๋าเริ่มหนีอย่างบ้าคลั่ง

 

หลี่ฟู่เฉินยื่นมือออกมาและดูดคู่มือสองเล่มออกมาจากร่างของหวังเอ้และหวังซาน ไม่แม้แต่จะมองไปที่พวกเขา จากนั้นเขาก็ไล่ตามหวังต๋าไป

 

มีอุโมงค์แห่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

หวังต๋าอยู่ด้านหน้า ทุบหินสีเทาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขัดขวางเส้นทางของหลี่ฟู่เฉิน

 

สังเกตว่าความเร็วนั้นไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป หลี่ฟู่เฉินเปลี่ยนมาเปิดใช้งานเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับและใช้เกราะพลังฉีเพื่อบดหินสีเทา ถ้าเขาเจอหินขนาดใหญ่ เขาจะใช้ฝ่ามือทลายศิลาเพื่อเปลี่ยนให้เป็นผุ่ยผง

 

หนึ่งคนหลบหนีหนึ่งคนไล่ตาม ชั่วโมงผ่านไปก่อนที่พวกเขาจะมาถึงถ้ำใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ

 

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นครั้งแรกที่หวังต๋ามาที่นี่ ก็ในเมื่อเขาดูเหมือนเขาจะตกใจ

 

แต่สิ่งสำคัญที่สุดของเขาก็คือการกำจัดหลี่ฟู่เฉิน

 

“พระพุทธหยกนี้เป็นของเจ้า!”

 

อาศัยแขนที่แข็งแกร่ง พระพุทธรูปหยกถูกขว้างออกไปคล้ายเส้นเส้นไปยังหลี่ฟู่เฉิน

 

หลี่ฟู่เฉินใช้มือซ้ายจับพระพุทธรูปหยกอย่างนุ่มนวล

 

“กระบี่โลหิตสับ!”

 

ชั่วขณะนี้เอง หวังต๋าวาดกระบี่ยาวสีเลือดขนาดมหึมาไปยังหลี่ฟู่เฉิน

 

กระบี่นี้ดูโหดเหี้ยม ด้วยการกวัดแกว่งกระบี่เพียงครั้ง มันก็พุ่งออกไปด้วยความสูงและดูเหมือนว่ามันจะสามารถสับและฆ่าอะไรก็ได้ สิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามจะต้องตกดาบภายใต้คมดาบนี้

 

ทักษะกระบี่ลึกลับขั้นต่ำ วิชากระบี่โลหิต!

 

ด้วยเอาใจใส่กับกระบี่แหลมคมนี้ซึ่งเป็นสมบัติรักของตนเอง กระบี่ของหวังต๋าจึงยอดเยี่ยมยิ่งกว่าหวังเอ้อและกระบี่ของหวังซานมารวมกัน

 

เขาไม่เชื่อว่าหลี่ฟู่เฉินจะสามารถจับพระพุทธรูปหยกและปิดกั้นดาบของเขาได้ในเวลาเดียวกัน

 

กระบี่นี้ควรจะเพียงพอที่จะทำร้ายหลี่ฟูเฉินอย่างจริงจัง

 

หากเขาโชคดี กระบี่อาจจะฆ่าหลี่ฟู่เฉินได้ด้วย

 

หากเป็นเช่นนั้น พระพุทธรูปหยกก็ยังคงเป็นของเขา

 

คิดถึงข้อสรุปนี้ ดวงตาของหวังต๋าเบิกโตอย่างน่ากลัว

 

หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว ศัตรูของเขาโลภมากเกินไป

 

คนโลภ โดยปกติแล้วไม่ได้มีชีวิตยืนนานนัก

 

ใช้มือซ้ายจับพระพุทธรูปหยก มือขวาของหลี่ฟู่เฉินเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว และแสงทั้งสองปรากฏขึ้น

 

ชิ๋ง!

 

ปิสส!

 

แสงแรกเบี่ยงกระบี่โลหิตออกไปและอีกแสงหนึ่งเจาะทะลุคอของหวังต๋า

 

“ทำไมถึงเร็วได้เช่นนั้น!”

 

แม้จะถึงแก่ความตาย หวังต๋าก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าดาบของหลี่ฟู่เฉินนั้นรวดเร็วขนาดไหน

 

สิ่งนี้ได้ทะลายขีดจำกัดของนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดไปแล้ว พึ่งพาเพียงแค่พลังฉีและกลไกของร่างกาย มันไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้

 

“นี่คือเจตจำนงแห่งดาบ” หลี่ฟูเฉินกล่าวอย่างนุ่มนวล

 

การดำรงอยู่ของเจตจำนงแห่งดาบจะเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ว่ากันว่าเจตจำนงแห่งดาบระดับสวรรค์สามารถเปลี่ยนเป็นความจริงและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสวรรค์และโลก
ใช้ฝ่ามือของเขา หลี่ฟู่เฉินดูดอีกสองวิชาออกมาจากหวังต๋า

 

หากรวมทั้งวิชาที่หวังเอ้อและหวังซานใช้งาน หลี่ฟูเฉินก็มีวิชาทั้งหมดสี่เล่มแล้ว

 

พวกมันมี เทคนิคพลังฉีโลหิต ทักษะกระบี่โลหิต เทคนิคลับรูปแบบโลหิต และวิชาฝ่ามือประทับโลหิต

 

“ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับเลือดและเป็นทักษะที่ไร้ความปราณีเกินไป มันไม่เหมาะสำหรับนักสู้ที่มีความชอบธรรม”

 

หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้ว เมื่อเขาตระหนักได้ว่าวิชาทั้งสี่นี้ไม่เหมาะสำหรับตัวเขาเองและตระกูลหลี่

 

ใครจะไปรู้ว่าพี่น้องตระกูลหวังได้รับวิชาทั้งสี่นี้จากที่ไหน

 

“หืมม? นี้ใช้นมศิลาหรือไม่?”

 

เก็บพระพุทธรูปหยกและวิชาลงไป หลี่ฟู่เฉินเริ่มมองไปรอบๆ ถ้ำใต้ดิน

 

ถ้าใต้ดินนี้ดูแล้วน่าหลงไหล มันสูงหลายสิบฟุต ทำให้มนุษย์ที่ยืนอยู่ที่นี่กลายเป็นตัวเล็กจ้อย

 

ด้านบนของถ้ำใต้ดินเป็นหินย้อยยาวหลายสิบฟุต ย้อยลงมาจากด้านบน ยิ่งเข้าใกล้ผิวน้ำ หินย้อยยิ่งมายิ่งเบาบาง ที่ปลายหินย้อย หยดของเหลวสีขาวหยดลงมา

 

“นมศิลาเป็นสมบัติที่มีแม่เป็นธรรมชาติ นมศิลาหนึ่งร้อยปีมีผลเท่ากับยาบรรเทาร่างกายสีเหลืองระดับกลาง นมศิลาอายุหนึ่งพันปีอยู่ในระดับเดียวยาบรรเทาร่างกายสีเหลืองระดับสูงสุด แม้ว่าสระนี้จะประกอบไปด้วยน้ำสะเป็นส่วนใหญ่ แต่มันก็ได้ผสมไปกับนมศิลาและเปลี่ยนเป็นน้ำนมศิลา ดูปริมาณของมันสิ!”

 

หัวใจของหลี่ฟู่เฉินเต้นแรงอย่างเร่งร้อน

 

เขากังวลว่าจะมีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะฝึกฝนเทคนิคร่างกายเร้นโลหิต เขาไม่คิดว่าจะมีนมศิลาอยู่ที่นี่ ดูขนาดของหินย้อย นมศิลาที่หยดมานั้นดูเหมือนจะเป็นนมศิลาที่มีอายุหนึ่งพันปี

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset