Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 124

ตอนที่ 124

“สารเลวนั้น!”

 

ชายผู้ที่มีผมแซมสีขาวชุดเทากลายเป็นโกรธ ควันที่คล้ายกับเมฆหมอกแยกออกจากกัน จากนั้นเขาก็ปล่อยพลังฉีออกมาจากมือทั้งซ้ายและขวา

 

วูสส!

 

เมื่อตอนที่ควันหายไปทั้งหมด เงาของหลี่ฟู่เฉินก็ไม่ปรากฏให้เห็นอีกแล้ว

 

“สารเลวน้อย รอจนกว่าข้าจะจับเจ้าได้ ข้าจะให้เจ้าเข้าใจว่าความทรมานที่แท้จริงคืออะไร” ร่างของชายผมแซมขาววูบหายไป และถอยกลับเข้าไปในป่า

 

นอกเหนือจากป่า มันก็ไม่มีที่ใดอื่นให้หลบซ่อนเร้นตัวแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ชายผู้มีผมแซมขาวถึงสันนิษฐานว่าหลี่ฟูเฉินกลับเข้าป่าไป

 

หลังจากนั้นไม่นาน…

 

ร่างสองร่างที่ทับซ้อนกันก็ถูกผลักออกไป ขณะที่หลี่ฟู่เฉินยืนขึ้นมา

 

“ช่างเป็นเด็กที่ฉลาด”

 

บนท้องฟ้า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของชิ่วฮัว

 

ถึงแม้เขาจะหลอกตาด้วยวิธีเช่นนี้ แต่ถ้าเขาไม่ได้มองจากด้านบนและได้เห็นมุมมองโดยรวมเช่นนี้ เขาก็อาจเป็นเหมือนชายผมแซมขาวผู้นั้น ผู้ซึ่งคิดว่าหลี่ฟู่เฉินเข้าไปในป่า

 

อย่างไม่รีรอ หลี่ฟู่เฉินขี่ม้าเลือดสัตว์ปีศาจระดับ 2 แล้วหนีออกจากที่แห่งนี้

 

‘หากข้าไม่ได้มีความสามารถปกปิดสภาวะพลังฉี มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสลัดหลุดนักสู้ขอบเขตปฐพีออกไป’ หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเองขณะที่อยู่บนหลังม้า

 

หลี่ฟู่เฉินยังไม่ได้สัมผัสความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนักสู้ขอบเขตปฐพี

 

แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ต้องกาสัมผัสกับมันเช่นกัน.

 

ถึงแม้ว่าเหลาเทียนจุนจะปล่อยพลังฉีออกมาได้ แต่ก็ปล่อยออกมาได้ขอบเขตปฐพีระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ในเรื่องการตอบสนอง หรือความหนานแน่ของพลังฉี เขายังคงอยู่ห่างไกลจากขอบเขตปฐพีที่แท้จริงมากนัก

 

หากต้องเผชิญหน้ากับนักสู้ขอบเขตปฐพี มันเป็นที่แน่นอนแล้วว่าหลี่ฟู่เฉินจะต้องตายไปเก้าครั้งจากสิบครั้ง ถ้าได้เผชิญหน้าโดยตรง

 

***

 

ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ขณะมันหายไปในเส้นทางข้างหน้า

 

วืส!

 

มีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากป่า เป็นชายผมแซมขาวชุดคลุมเทา

 

เขากวาดสายตา และตระหนักได้ว่ามีม้าเลือดปีศาจหายไปตัวนึง

 

“บ้าเอ้ย!”

 

ชายผมแซมขาวจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกหลอก

 

ในขณะที่เขาเตรียมไล่ตามหลี่ฟูเฉินต่อ ทันใดนั้นเองเขาก็หยุดเดิน ร่างกายเริ่มมีเหงื่อออกมาอย่างมากมาย

 

กลางอากาศ ร่างที่โออ้าเริ่มลงมา

 

“อาวุโสชิ่ว…” ชายผมแซมขาวดูเหมือนจะหวาดกลัว

 

“ใครให้เจ้าฆ่าศิษย์นิกายชั้นใน?” อาวุโสชิ่วปลดปล่องสภาวะพลังฉีเพื่อหยุดชายผมแซมขาว ซึ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนที่ได้

 

ชายผมแซมขาวแก้ต่าง “อาวุโสชิ่ว โปรดอย่ากล่าวหาข้าอย่างผิดๆ ข้าเพียงต้องการจับตัวเขา ไม่ใช่ฆ่าเขา”

 

“เป็นเช่นนั้น? งั้นเจ้าก็ได้ยอมรับมันแล้ว”

 

แรงกดดันจากสภาวะพลังฉีทวีความรุนแรงขึ้น มันราวกับภูเขาทั้งลูกถูกกดลงชายผมแซมขาวชุดคลุมเทา

 

ชายผมแซมขาวเข้าใจได้ในทันทีว่าอาวุโสชิ่วกำลังฆ่าเขา เขาเปลี่ยนน้ำเสียงของตัวเองทันที “ชิ่วฮัว จะดีกว่าถ้าเจ้าปล่อยข้าไป หากไม่ทำเช่นนั้น ตระกูลเหลาของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่…”

 

ปิส!

 

ก่อนที่เขาจะได้กล่าวจนจบประโยค ชายผมแซมขาวก็หยุดลง มันเป็นเพราะเขาได้กลายเป็นกองโคลนเปื้อนเลือดไปแล้ว

 

นักสู้ขอบเขตสวรรค์เหนือกว่าอย่างแท้จริง เพียงแค่สภาวะพลังฉีจากนักสู้ขอบเขตสวรรค์เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการนักสู้ขอบเขตปฐพีลง แต่อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้นมันเป็นเพราะความมุ่งมั่นของชายผมแซมขาวนั้นอ่อนแอ่เกินไป

 

เมื่อจิตวิญญาณของใครคนนึงพังทลายลง ร่างกายก็จะกลายเป็นอ่อนแอ

 

“เจ้าจงฝึกฝนให้หนักขึ้น ข้าหวังว่าสักวันเจ้าจะสามารถควบคุมโชคชะตาของเจ้าเองได้อย่างแท้จริง” มองไปยังทิศทางที่หลี่ฟู่เฉินจากไป ชิ่วฮัวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายไป

 

***

 

หลายวันถัดไป หลี่ฟู่เฉินไม่กล้านิ่งนอนใจและเหน็บระเบิดพิษสีขาวสองลูกไว้อยู่ข้างตัวเสมอ

 

มันเป็นเพียงหลังจากวันที่สาม ที่หลี่ฟู่เฉินได้ลดทอนความระมัดระวังของเขาลง

 

หากศัตรูของเขาไม่ได้ไล่ล่าเขาจนกระทั่งตอนนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ศัตรูจะปรากฏตัวในภายหลัง

 

นิกายคังหลุนตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือจากแคว้นคังหลุน และต่อจากนั้นก็เมืองหลินช๋าง ระยะทางระหว่างสถานที่ทั้งสองนี้ไม่ไกลเท่าที่หลี่ฟู่เฉินจินตนาการเอาไว้ ภายในเวลาครึ่งเดือน หลี่ฟู่เฉินก็มาถึงเมืองหลินช๋าง

 

เมืองหลินช๋างเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรน้อยกว่า 200,000 คน

 

มันมีการผสมผสานกันระหว่างนักสู้ที่มาจากแคว้นคังหลุนกับแคว้นเทียนช๋า

 

เจ้าเมือง ซี่ปิง เป็นถึงนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่เก้า และแข็งแกร่งกว่าเหล่าขุนนางในเมืองใหญ่ส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามเวลาที่นั่งในตำแหน่งนี้มันเต็มไปด้วยความกลัวและความกังวลใจ เขากลัวว่าสักวันหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญแท้จริงที่มาจากนิกายคังหลุนจะมารบกวนการดำรงอยู่ของเขา

 

เขาไม่สามารถถูกรบกวนใจเพียงเพราะเรื่องที่พี่น้องหวังขโมยพระพุทธรูปหยกได้ เขาจึงออกคำร้องขอภารกิจไปที่นิกายคังหลุน และอนุญาตให้คนอื่นจัดการแทนเขา

 

***

 

ตระกูลเจิ้งเป็นตระกูลเล็กๆ แม้กระทั่งนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็เป็นเพียงนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่เก้า

 

เป็นวันนี้เอง ที่หลี่ฟู่เฉินมาถึงตระกูลเจิ้ง

 

ผู้นำตระกูลเจิ้งออกมาเพื่อตอนรับหลี่ฟู่เฉินเป็นการส่วนตัว

 

สัมผัสได้ว่าหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่หก ใบหน้าของเขาจึงไม่สามารถเป็นอย่างไรได้ ได้แต่ดูไม่มีความสุข

 

นักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่หกจะสามารถบรรลุผลเป้าหมายได้อย่างไร? เขาคิดว่านิกายคังหลุนจะส่งอัจฉริยะที่อยู่ในระดับที่เก้าของขอบเขตต้นกำเนิดมา

 

“ศิษย์ชั้นในนิกายคังหลุน หลี่ฟูเฉินทักทายผู้นำตระกูลเจิ้ง” หลี่ฟู่เฉินป้องกำปั้น

 

“วีรบุรุษหนุ่มหลี่ สุภาพเกินไปแล้ว” แม้ว่าเขาจะไม่มีความสุข แต่ผู้นำตระกูลเจิ้งก็ไม่กล้าเพิกเฉยต่อหลี่ฟูเฉินและเชิญเขาเข้าตระกูล

 

ในห้องโถงตระกูลเจิ้ง ผู้อาวุโสของตระกูลเจิ้งทั้งหมดอยู่รอบๆ

 

“ทำไมเขาถึงอยู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่หก?”

 

“เป็นไปได้ไหมที่เราจะให้รางวัลน้อยเกินไป ศิษย์ชั้นในเก่งๆ ไม่เต็มใจที่จะทำภารกิจนี้หรือไม่?”

 

ผู้อาวุโสเจิ้งสทนากันอย่างดุเดือด

 

ภารกิจนี้ไม่ได้ริเริ่มโดยเจ้าเมือง แต่กลับกันมันถูกจ้างวานโดยตระกูลเจิ้ง รางวัล 30,000 เหรียญทองเป็นรางวัลและมันไม่ได้เป็นเงินก้อนเล็กๆ สำหรับตระกูลเจิ้ง

 

รายได้ต่อปีทั้งหมดของตระกูลเจิ้งมันเป็นเพียงไม่กี่หมื่นเหรียญทอง

 

ล้างคอของตนเอง ผู้นำตระกูลเจิ้งถามหลี่ฟู่เฉิน “วีรบุรุษหนุ่มหลี่ ภารกิจนี้ไม่ง่ายดายนัก เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวหรือ?”

 

โดยธรรมชาติแล้วหลี่ฟู่เฉินย่อมเข้าใจว่าผู้นำตระกูลเจิ้งคิดอะไรอยู่ เขาตอบ “ผู้นำตระกูลเจิ้ง มันมีเพียงแค่ข้า”

 

ผู้นำตระกูลเจิ้งถอนหายใจและกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะมอบหมายให้เจ้าและคนบ้างส่วนไปนำพระพุทธรูปยกกลับมา”

 

ไม่ว่าหลี่ฟู่เฉินจะเก่งซักเพียงใด อย่างมากสุดเขาคงจัดการพี่น้องหวังได้แค่หนึ่งคนเท่านั้น อีกสองคนยังคงมีอิสระที่จะโจมตีใดๆ

 

หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว “ข้าจะทำมันแค่คนเดียว”

 

“วีรบุรุษหนุ่มหลี่ พี่น้องหวังอยู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่เก้า ฝึกฝนเทคนิคพลังฉีสีเหลืองขั้นสูงสุด เทคนิคพลังฉีโลหิต ฉันเกรงว่าท่านจะไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง” อาวุโสตระกูลเจิ้งคนนึงยืนขึ้น

 

หลี่ฟู่เฉินหัวเราะเบาๆ “ในหมู่พวกท่านทุกคน ใครยอดเยี่ยมที่สุด?”

 

“เป็นชายชราไร้ฝีมือผู้นี้เอง” มันเป็นคนที่กล่าวออกมาก่อนหน้านี้

 

“หากท่านสามารถรับการโจมตีจากหนึ่งฝ่ามือข้าได้ ข้าจะไม่กล่าวอะไรและจากไปทันที แต่หากท่านไม่สามารถรับฝ่ามือของข้าได้ ทุกอย่างต้องยกให้ข้าตัดสินใจ” หลี่ฟูเฉินเสนอ

 

ผู้อาวุโสดูโกธรเล็กน้อยจากคำพูดเหล่านั้น เขาก้าวเข้าสู้ขอบเขตต้นกำเนิดได้ตั้งแต่หลายปีที่แล้ว พลังฉีหนาแน่น หากไม่ใช่เพราะว่าเทคนิคพลังฉีของเขานั้นเป็นระดับต่ำ เขาอาจจะผ่านเข้าไปสู้ขอบเขตปฐพีแล้ว ครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อใดกันที่เขาถูกดูแคลน

 

“ตั้งแต่ที่วีรบุรุษหนุ่มหลี่มั่นใจมาก เป็นเช่นนั้นอย่ากล่าวโทษชายชราผู้นี้”

 

อาวุโสตระกูลเจิ้งยืนอยู่ต่อหน้าหลี่ฟู่เฉินและเริ่มโคจรเทคนิคบ่มเพาะของเขา พลังฉีที่หนาแน่เริ่มกระจายตัวอออกมา

 

ย๊ะ!

 

ตะโกนเสียงต่ำ อาวุโสตระกูลเจิ้งส่งผ่ามือไปที่หลี่ฟู่เฉิน กลางฝ่ามือมีลูกบอลแสงซึ่งเต็มไปด้วยพลังงานซึ่งดูแล้วช่างน่าประหลาดใจ

 

“ไป”

 

หลี่ฟู่เฉินกล่าวเบาๆ ขณะที่เขาเองก็ส่งฝ่ามือไปที่อาวุโสตระกูลเจิ้งเช่นกัน

 

เจตจำนงเปลวเพลิงลุกโชดช่วงออกมาจากร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน ขณะที่มันทำให้อากาศในห้องโถงตระกูลเจิ้งดูบิดเบี้ยวไปภายในบัดดล

 

อาวุโสเจิ้งบินออกไปข้างหลังและนั่งลงที่เก้าอี้ด้วยสีหน้าตกใจ

 

แข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผล!

 

ดังนั้นนี่คือความสามารถของศิษย์ชั้นในนิกายคังหลุน?

 

ไม่… ค่าเฉลี่ยของศิษย์ชั้นในนิกายคังหลุนไม่ได้โดดเด่นนัก เด็กหนุ่มคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในอัจฉริยะของนิกายคังหลุน

 

“วีรบุรุษหนุ่มหลี่ทักษะของท่านนั้นช่างน่างทึ่ง ชายชราผู้นี้ประทับใจยิ่ง”

 

ผู้อาวุโสเจิ้งมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาในที่สุด

 

มองไปยังใบหน้าที่ดูนับถือของทุกคน หลี่ฟู่เฉินหัวเราะเบาๆ “หยุดการกล่าวที่ไม่สำคัญทั้งหมดเถิด บอกข้าเกี่ยวกับเรื่องพี่น้องหวังเพิ่มเติม!”

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 200 อ่านนิยาย

( อ่านตอนต่อไปข้างล่าง )


เป็นเวลากว่า 1 ปี ที่หลี่ฟู่เฉินสูญเสีย “พรสวรรค์” ไป ชีวิตเขาดุจดั่งคนไร้ค่า ถูกข่มเหงและถูกโจมตีโดยผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรองเขา อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไป ก็ในเมื่อเขาได้หมั้นหมายกับหญิงงามที่แข็งแกร่งจากตระกูลทรงพลังยุทธ แต่ทว่า…ท้ายสุดแล้ว การแต่งงานก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน มันได้นำพาความอับยศมาสู่ตระกูล และชีวิตของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดหมองหม่น และช่วงเวลานั้นเองที่แสงแห่งความหวังทะลวงสาดส่องมาจากฟากฟ้า..


Options

not work with dark mode
Reset