Eternal Martial Sovereign 70 – เริ่มเดินทาง

ตอนที่ 70 – เริ่มเดินทาง

Chapter 70 – เริ่มเดินทาง

ด้วยส่วนผสมสมุนไพรที่ถูกจัดเตรียมโดยพันธมิตรผู้ค้าเมฆาสมุทร เซี่ยวหยุนก็ได้ปรุงเม็ดยาต้นกำเนิด เม็ดยาระบายปราณ ผงละลายโลหิตและเม็ดยากับผงต่างๆ ขึ้นมาเป็นให้ตระกูลของเขาเป็นกองอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังมอบบางส่วนให้กับตระกูลอื่นๆ เพื่อที่จะได้สร้างความสัมพันธ์ขึ้นมา

หลังจากได้เม็ดยาแล้ว ตระกูลอื่นๆ ทั้งหมดต่างก็พารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเซี่ยว และจึงไม่กล้ากระทำการต่อต้านพวกเขาแบบที่ตระกูลฝางทำ

วันนี้หลังจากที่เซี่ยวหยุนได้ปรุงเม็ดยาแก่นแท้บริสุทธิ์แล้วสองสามเม็ด เขาก็เตรียมพร้อมที่จะมอบพวกมันให้กับตระกูลของเขา แต่ในขณะนี้ก็ได้มีเด็กสาวสองคนเดินเข้ามา เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วเมื่อเขาได้เห็นผู้หญิงสวยที่อยู่ข้างเด็กสาวทั้งสอง

“ผู้ฝึกตนขอบเขตแกนกลางแก่นแท้?” เซี่ยวหยุนรู้สึกถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งจนเหลือเชื่อจากคนๆ นี้

ผู้หญิงคนนี้ดูมีอายุน้อยกว่า 30 ปี และยังมีเอวที่สมส่วนอันมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่งดงาม แถมยังไม่มีริ้วรอยแม้แต่นิดเดียวบนใบหน้าของนาง และรูปร่างที่ได้สมดุลของนางกำลังปลดปล่อยเสน่ห์ผู้ใหญ่ออกมา ซึ่งทำให้ทุกคนต้องมองไปที่นางเป็นพิเศษเล็กน้อย ซึ่งข้างผู้หญิงคนนี้ก็คือหยานซือเฟยและหยานซือหยัน

“พี่ใหญ่เซี่ยวหยุน” หยานซือหยันได้มองผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อนางเห็นเซี่ยวหยุนและก็ดูไม่พอใจอยู่มากเหมือนกัน

“เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยวหยุนรู้สึกค่อนข้างสับสนเมื่อเขาเห็นการแสดงออกของหยานซือหยัน

ที่เบื้องหลังของนาง หยานซือเฟยก็ดูกังวลเล็กน้อยเช่นกัน

“เจ้าคือเซี่ยวหยุน?” ก่อนที่หยานซือเฟยจะได้พูดออกมา ผู้หญิงคนนั้นก็เดินผ่านมาแล้วมองไปยังเซี่ยวหยุน

“ใช่แล้ว” เซี่ยวหยุนตอบกลับ

“ไม่เลว พรสวรรค์ของเจ้าดีมากทีเดียวที่สามารถก้าวเข้าสู่ขั้นกลางของขอบเขตต้นกำเนิดได้ตั้งแต่ยังเยาว์วัยเช่นนี้” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวขณะที่นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“นับว่าท่านใจดีแล้ว” เซี่ยวหยุนยิ้มขณะตอบกลับ

“ข้าคือป้าของซือเฟยและซือหยัน” ผู้หญิงคนนั้นกล่าว “ข้ามาเพื่อพาพวกนางเข้าสู่นิกายทะเลหมอก”

“นิกายทะเลหมอก?” สายตาของเซี่ยวหยุนกลายเป็นจริงจังขณะที่เขาตระหนักได้ว่าทำไมพวกนางถึงมาที่นี่

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับนิกายนี้มาก่อน มันเป็นนิกายใหญ่เหมือนกับนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ แต่มันค่อนข้างอยู่ไกลจากราชอาณาจักรจันทราวายุ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยเลือกศิษย์จากที่นี่กันนัก แต่เพราะว่าตระกูลหยานมีคนของพวกเขาอยู่ภายในนิกายอยู่แล้ว พวกเขาจึงสามารถสร้างจดหมายแนะนำแก่คนอื่นได้ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หยานซือเฟยได้รับโอกาสเข้าสู่นิกายทะเลหมอก แต่ไม่สามารถเข้าได้เพราะว่าพิษในร่างกายของนาง

“เจ้ากำลังจะไปตอนนี้เลยหรือ?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปยัง 2 สาว ตอนนี้เขาเข้าใจได้แล้วว่าทำไมสองพี่น้องจึงดูเศร้ากัน

“ใช่” หยานซือเฟยพยักหน้าและดูไม่เต็มใจที่จะจากไปอย่างเหลือเชื่อ

“ท่านป่า ท่านสามารถพาพี่ใหญ่เซี่ยวหยุนเข้าร่วมนิกายทะเลหมอกได้รึไม่?” ดวงตาชื้นแฉะของหยานซือหยันกระพริบขณะที่นางเกาะแขนเสื้อของผู้หญิงผู้งดงาม ตามการกระทำของเด็กสาวแล้ว เห็นได้ชัดว่านางไม่อยากจะแยกจากกับเซี่ยวหยุน

“ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้เข้าสู่นิกายทะเลหมอก แล้วเด็กสาวทั้งสองจะสามารถบ่มเพาะได้อย่างเหมาะสมหรือ?” ผู้หญิงผู้งดงามขมวดคิ้ว นางเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของเซี่ยวหยุนกับหยานซือเฟยมาก่อน เลยปฏิเสธทันที “พี่ใหญ่เซี่ยวหยุนของเจ้ามีเส้นทางเป็นของตัวเอง เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องเข้าร่วมนิกายทะเลหมอก”

“เพราะเหตุใดกัน?” หยานซือหยันบุ้ยปาก นางดูไม่ค่อยพอใจมาก

ผู้หญิงผู้งดงามกล่าวว่า “เขาได้ล่วงเกินผู้อาวุโสจากนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ ถ้านิกายทะเลหมอกของเรารับเขาเข้าไป มันจะไม่เป็นกรณีพิพาทระหว่างสองนิกายรึ? ป้าไม่สามารถตัดสินใจสิ่งสำคัญเช่นนี้ได้ และถ้าเราพาเขาไป มันอาจจะเป็นการทำร้ายเขาแทนด้วยซ้ำไป”

“ฮึ่ม มันเป็นตระกูลฉิวน่ารังเกียจนั้นอีกแล้ว” หยานซือหยันขมวดคิ้วขณะที่แค่นเสียงเล็กน้อย ราวกับว่าตอนนี้นางได้เกลียดตระกูลฉิวไปแล้ว

“ซือหยัน ท่านป้าก็มีปัญหาเป็นของตัวนางเอง อย่าทำเรื่องยากลำบากให้นางเลย” หยานซือเฟยมีความเข้าใจที่มากกว่า และก็รู้ด้วยว่าตำแหน่งของป้านางในนิกายทะเลหมอกก็ธรรมดา นางไม่ได้มีอิทธิพลมากนัก – มิฉะนั้นหยานซือเฟยจะสามารถเข้าสู่นิกายได้แม้ว่านางจะถูกพิษก็ตาม นอกจากนี้นางยังไม่สามารถได้รับเม็ดยาแก้พิษ!

ตอนนี้ป้าของนางได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแกนกลางแก่นแท้แล้วและก็ได้มีสถานะในนิกายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สิ่งนี้อนุญาตให้นางสามารถพาสองพี่น้องเข้าสู่นิกายได้

“ข้าได้ยินมาว่าคนของตระกูลหยวนได้เตรียมพร้อมที่จะทำตามบรรพบุรุษของพวกเขา สิ่งนี้เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่และมีเพียงแค่การเข้าสู่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์เท่านั้นที่จะทำให้เจ้าสามารถชำระความกับตระกูลฉิวได้ ในอนาคตเมื่อเจ้าได้ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะของตนเอง เจ้าก็จะสามารถพบซือเฟยอีกครั้งได้” ท่านป้าหยานกล่าว “ถ้าเข้ามีสิ่งใดจะพูด ก็จงพูดมันซะตอนนี้ ข้ากำลังจะพาพวกนางไปในอีกไม่ช้า”

เซี่ยวหยุนยกคิ้วขึ้นและมองไปยังผู้หญิงคนนั้น รู้สึกไม่ค่อยพอใจ ด้วยการที่นางอยู่ที่นี่ เขาควรจะพูดอะไรกัน?

“พี่ใหญ่เซี่ยวหยุน ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้เจ้าชู้กับพี่สาวใหญ่ที่น่ารักคนอื่นๆ ในขณะที่ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่” เป็นหยานซือหยันที่เดินไปหาเซี่ยวหยุนและเงยหน้ามองเขาอย่างจริงจัง

“เด็กคนนี้” ท่านป้าหยานขมวดคิ้ว – นี่ไม่ใช่สิ่งที่พี่สาวใหญ่ของนางควรจะพูดรึ?

หยานซือเฟยยิ้มสง่างามออกมา แต่ไม่ได้พูดสิ่งใดเลย

เซี่ยวหยุนรู้สึกอึดอัดมากเพราะว่าเด็กสาวคนนี้ได้พูดออกมาอย่างเหี้ยมหาญ ในขณะนี้หยานซือหยันจู่ๆ ก็เขย่งเท้าของนางและแอบจูบแก้มของเซี่ยวหยุน

เซี่ยวหยุนรู้สึกตื่นตกใจมากกับความนุ่มนวลและความชิ้นแฉะบนใบหน้าของเขา เขาจ้องมองไปที่เด็กสาวด้วยความสับสน

“ฮี่ฮี่ ถ้าท่านกล้าเจ้าชู้ไปรอบๆ ละก็ข้าไม่ปล่อยท่านไปแน่” หลังจากประสบความสำเร็จในการลอบโจมตี หยานซือหยันก็ยิ้มยินดีและโบกกำปั้นของนางขณะที่นางพูดกับเซี่ยวหยุนอย่างน่ากลัว

“ข้าดูเหมือนคนที่จะเจ้าชู้ไปทั่วรึไง?” เซี่ยวหยุนกลอกตาของเขา แล้วซ่อนหัวใจของเขาที่กำลังเต้นอย่างผิดปกติไว้ สำหรับเหตุผลแล้ว ก็เพราะว่ารอยยิ้มของเด็กสาวดูเหมือนจะค่อนข้างสวยงาม

“เกิดอะไรขึ้น? หยานซือหยันก็ชอบเด็กคนนี้เหมือนกัน?” ด้านข้างพวกนาง ท่านป้าหยานตกตะตลึงไปโดยสมบูรณ์

“เอาล่ะ” หยานซือเฟยก็เดินไปข้างหน้าอย่างสง่างาม จ้องมองไปที่เซี่ยวหยุนด้วยความเสน่หาขณะที่นางกล่าวเสียงต่ำ “ข้าจะรอเจ้า จงอย่าลืมข้าไปล่ะ” มีน้ำเสียงยั่วสวาทอยู่ในคำพูดของหญิงสาวและเสียงของนางก็ฟังดูสวยงามจนทำให้ทุกคนต้องรู้สึกอ่อนแอ ทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้มจากโฉมงามนางนี้สามารถเปลี่ยนให้วิญญาณของคนยุ่งเหยิงได้ (จริงๆ ตรงนี้ eng ใช้หยานซือหยัน แต่ผมคิดว่ามันต้องเป็นหยานซือเฟยครับ)

“ฮ่าฮ่า ข้าจะไปลืมพี่สาวใหญ่ซือเฟยได้อย่างไรกันล่ะ?” เซี่ยวหยุนหัวเราะ จากนั้นเขาก็พูดเบาๆ ข้างหูของหญิงสาว “ข้ายังไม่ได้ ‘ครอง’ ท่านเลย” แก้มของหยานซือหยันป่องออกมาด้วยความโกรธเมื่อนางเห็นว่าพวกเขาดูสนิทสนมกันขนาดไหน

เหตุใดนางจึงไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้บ้าง?

“พูดได้ดีจริงๆ” หยานซือเฟยกลอกตาของนางไปที่เซี่ยวหยุนและพูดน้ำเสียงเบาๆ ว่า “แต่เจ้าจำเป็นต้องดูแลตัวเอง”

เซี่ยวหยุนมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามเขาขณะที่เขากล่าวอย่างเอาจริงเอาจังว่า “ข้าจะดูแลตัวเอง! เพื่อท่าน ข้าจะมีชีวิตอยู่เช่นกัน”

“เอาล่ะ เราควรไปกันได้แล้ว” ท่านป้าาหยานรู้สึกขนลุกขึ้นตามร่างกายของนางเมื่อนางได้ยินคำพูดอันรักใคร่ระหว่างพวกเขา “พวกเจ้าทั้งคู่ต้องพยายามอย่างหนักในการบ่มเพาะของตัวเองหรือมิเช่นนั้นพี่ใหญ่เซี่ยวหยุนของเจ้าก็อาจจะถูกขโมยไปโดยคนอื่น”

“ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครขโมยเขาไป” หยานซือหยันบุ้ยปาก

ท่านป้าหยานจ้องมองด้วยความประหลาดใจขณะที่นางพึมพำกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าความสนในในเรื่องความรักของเด็กคนนี้จะตื่นขึ้นแล้ว”

หลังจากการร่ำลาของพวกเขา ท่านป้าหยานก็พาทั้งสองสาวจากไป เซี่ยวหยุนโบกมือไปให้กับหญิงสาวที่จากไป รอยยิ้มเล็กน้อยได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ตอนนี้เป็นเวลาที่แท้จริงสำหรับเริ่มการพยายามอย่างหนักแล้ว!

เซี่ยวหยุนส่ายหัวและปรับโครงสร้างความคิดของเขา จากนั้นก็ไปมอบเม็ดยาให้กับผู้อาวุโสในตระกูล ด้วยเม็ดยาเหล่านี้ ตระกูลเซี่ยวก็จะมีผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงเพิ่มขึ้นมาอีก 3 คน ในขณะที่การบ่มเพาะของเซี่ยวไห่และเซี่ยวหงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตระกูลต่างๆ ก็ส่งส่วนผสมสมุนไพรมาและเซี่ยวหยุนก็ได้รับหนึ่งในส่วนผสมสมุนไพรที่เขาต้องการมาเป็นเวลานาน – ส่วนผสมสำหรับการปรุงเม็ดยาวิญญาณสวรรค์ แต่อย่างไรก็ตาม มันน่าเสียดายเพราะว่าแค่หนึ่งอันมิเพียงพอต่อการปรุงเม็ดยา

แต่อย่างไรก็ตาม มีส่วนผสมสมุนไพรสำหรับเม็ดยาระบายลึกลับอยู่เยอะพอสมควร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมาจากพันธมิตรผู้ค้าเมฆาสมุทร

เมื่อเขาได้ปรุงเม็ดยาระบายลึกลับ เซี่ยวหยุนก็ได้เพิ่มหยดน้ำค้างจากใบของจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาลงไปอีกครั้ง

คราวนี้ นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนได้ใช้เม็ดยาระบายลึกลับตอนก่อนหน้านี้ เขาก็ได้ทะลวงผ่านและได้รับความหยั่งรู้ นี้ทำให้นกสีชาดต้องรู้สึกตกใจอย่างเหลือเชื่อแล้วจึงได้รู้สึกเคารพต่อพรสวรรค์ของเซี่ยวหยุนในการปรุงยามากกว่าเดิมมันไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอัจฉริยะด้านปรุงยาประเภทนี้อีกต่อไปแล้ว

ด้วยความช่วยเหลือจากหยดน้ำค้างจากจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา เม็ดยาระบายลึกลับ – ซึ่งควรจะเป็นไปไม่ได้ที่เซี่ยวหยุนจะปรุงมันออกมา – ก็ได้ประสบความสำเร็จโดยสมบูรณ์ อัตราความสำเร็จนี้ทำให้นกกระจอกกลืนกินสวรรค์แปลกใจและตกใจโดยสิ้นเชิง และมันก็ร้องออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องกลายเป็นปรมาจารย์เม็ดยาแน่นอน

หลังจากสร้างเม็ดยาแล้ว เซี่ยวหยุนก็คิดชั่วครู่ก่อนที่จะส่งมอบให้ดยุคหยานหนึ่งเม็ด ส่วนอีกเม็ดส่งมอบให้กับผู้นำตระกูลหลินคนก่อน

นี่เป็นเพราะว่าตระกูลเซี่ยวต้องการพันธมิตรที่ทรงพลังในกรณีที่พวกเขาจำเป็นต้องจัดการกับสิ่งใดก็ตาม มิฉะนั้นด้วยแค่ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนที่อยู่ขอบเขตแกนกลางแก่นแท้คนเดียว เซี่ยวหยุนก็ไม่สามารถผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง

“นี่คือเม็ดยาระบายลึกลับหรือ?” ขณะที่เขาถือเม็ดยาที่เซี่ยวหยุนมอบให้ ผู้นำตระกูลหลินคนก่อนก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งชีวิตอันเข้มข้นจากเม็ดยาเม็ดนี้ ตลอดจนร่องรอยของกฎแห่งสวรรค์และปฐพี ซึ่งสามารถมอบความหยั่งรู้ให้เขาได้ แม้แต่ภายในเม็ดยาระบายลึกลับเม็ดนี้ก็ไม่ใช่เม็ดยาธรรมดา

“ด้วยเม็ดยาเม็ดนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตแกนกลางแก่นแท้!” ดยุคหยานรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ

“เจ้ามอบเม็ดยาเหล่านี้ให้พวกเราจริงรึ?” ผู้นำตระกูลหลินคนก่อนรู้สึกราวกับว่าเขากำลังฝันอยู่ – เม็ดยาประเภทนี้เป็นสิ่งที่ทำได้แค่แสวงหาแต่มิอาจได้รับมา!

เซี่ยวหยุนพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ แต่อย่างไรก็ตามได้โปรดอย่าประกาศเรื่องมันออกไป ถ้าคนอื่นค้นพบเกี่ยวกับเม็ดยาประเภทนี้ มันก็จะทำให้เกิดปัญหาได้”

“เรารู้แล้ว” ผู้นำตระกูลหลินคนก่อนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเข้าใจเช่นกันว่าบางครั้งการครอบครองสมบัตินั้นก็ถือว่าเป็นความผิดมหันต์

เซี่ยวหยุนกล่าวว่า “เม็ดยาระบายลึกลับเม็ดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น ถ้าข้าปรับปรุงได้ ข้าก็จะช่วยทุกท่านต่อแน่นอน”

ผู้นำตระกูลหลินคนก่อนกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “อย่าได้กังวลเลย นายน้อยเซี่ยวหยุน ตราบเท่าที่ชายชราคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลหลินของข้าก็จะติดตามตระกูลเซี่ยวอย่างเปิดเผย”

“ฮ่าฮ่า ด้วยซือเฟยของตระกูลข้าที่ติดตามเจ้า ข้าก็จะไม่ต้องกังวลในอนาคตแล้ว!” ดยุคหยานหัวเราะ

ตอนนี้เขาได้มีความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว เขาจึงสามารถมองเห็นความหวังอันไร้จุดสิ้นสุดได้ เนื่องจากเขาได้หยุดอยู่ที่ขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงมาเป็นเวลานานแล้ว!

ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับโอกาสในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตแกนกลางแก่นแท้เท่านั้น แต่เขาอาจจะสามารถไปไกลกว่านี้ได้อีกในอนาคต หลังจากที่สนทนากันสักครู่แล้ว พวกเขาทั้งสองก็ไปปิดประตูฝึกตน

หลังจากจบเรื่องนี้แล้วเซี่ยวหยุนก็ทิ้งเม็ดยารวมทั้งทักษะปรุงยาไว้กับผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อน

ด้วยทักษะเหล่านี้ ตราบเท่าที่ตระกูลเซี่ยวพยายามฝึกฝนบางคนอย่างดีที่สุด มันก็จะไม่ยากลำบากกับพัฒนานักปรุงยาคนอื่นขึ้นมาภายในตระกูล

“อย่างกังวลเลยน้องเซี่ยว ชายชราคนนี้จะดูแลเม็ดยาทั้งหมดที่จำเป็นต่อตระกูลของเจ้าในอนาคตเอง” ปรมาจารย์หยวนรู้ดีว่าเซี่ยวหยุนกำลังจะจากไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงมาอำลาเช่นกัน เพราะว่าทักษะนั่น การควบคุมเปลวไฟของเขาจึงได้พัฒนาขึ้น และเขาก็สามารถปรุงเม็ดยาระดับ 2 ได้อย่างง่ายดาย

ในอนาคต เขาจะสามารถพัฒนาได้มากขึ้นกว่านี้ สำหรับนักปรุงยาแล้วสิ่งนี้นับเป็นความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผู้คนจะสามารถแสดงให้พวกเขาได้

“ข้าต้องลำบากปรมาจารย์หยวนแล้ว” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่เขากำหมัด

“ฮ่าฮ่า เจ้าสุภาพเกินไปแล้ว” ปรมาจารย์หยวนตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันใหญ่

“ท่านปู่ ตอนนี้ข้าจะต้องไปแล้ว ข้าจะต้องหาท่านพ่อให้พบอย่างแน่นอน” หลังจากมั่นใจแล้วว่าทุกสิ่งได้รับการดูแล้ว เซี่ยวหยุนก็กล่าวอำลากับตระกูลของเขา

“ดูแลตัวเองด้วย” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ เขารู้สึกไม่เต็มใจที่จะหลานชายจากไป

“ท่านลุงใหญ่ ท่านลุงสอง ข้าจะต้องพึ่งพาพวกท่านในการดูแลท่านปู่แล้ว” เซี่ยวหยุนกล่าวกับลุงของเขา

หลังจากออกเดินทางแล้ว เซี่ยวหยุนก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่เขาถึงจะสามารถได้พบกับตระกูลของเขาอีกครั้ง ซึ่งทำให้เขาต้องรู้สึกเศร้า ครั้งต่อไปที่เขาพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง บางทีผมของท่านปู่ก็อาจจะกลายเป็นสีขาวไปโดยสมบูรณ์แล้ว

“จงออกไปเพื่อสำรวจโลกจนกว่าเจ้าจะพึงพอใจ ทิ้งทุกสิ่งในตระกูลให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา” เซี่ยวไห่กล่าว “หากเจ้าเหนื่อยล้า เจ้าก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา”

“เด็กน้อย จงอยากรู้สึกกดดันจนเกินไป ขอแค่เจ้าทำให้ดีที่สุดก็พอ” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกล่าว ถึงแม้ว่าเขาจะอยากรู้ว่าลูกชายของเขายังอยู่หรือตายไปแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากให้หลานชายของเขาต้องพบเจอกับอันตรายใดๆ ทั้งหมดที่เขาก็แค่อยากให้เด็กหนุ่มเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัย

“ข้าจะระวังตัว” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่เขาโบกมือ “ท่านปู่ ท่านปู่ ข้าต้องไปแล้ว”

ทุกคนกำลังเฝ้ามองเด็กหนุ่มเดินทางออกไปไกลและไกลขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขาได้เริ่มการออกผจญภัยอันยาวไกลของเขา

Eternal Martial Sovereign

Eternal Martial Sovereign

Score 10
Status: Completed

เนื้อเรื่องโดยย่อ เซี่ยวหยุนซึ่งเป็นอัจฉริยะผู้ปลุกจิตสำนึกของจิตวิญญาณการต่อสู้ ถูกระบุว่าเป็นคนธรรมดาหลังจากการบ่มเพาะของเขาหยุดลง อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาคือจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 จิตวิญญาณการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ ในสมัยโบราณ หลังจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิตได้รับการพัฒนา มันสามารถดูดซับแก่นแท้ปราณของสวรรค์และโลกได้ รวมทั้งรักษาบาดแผลและแก้พิษที่รุนแรงได้

 

ด้วยศิลปะกลืนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่พ่อของเค้าทิ้งไว้ให้ ทำให้เซี่ยวหยุนสามารถรวบรวมจิตวิญญาณการต่อสู้ไว้ใช้ได้เป็นจำนวนมาก เด็กหนุ่มผู้สิ้นหวังได้ท้าทายชะตากรรมและล้างความอัปยศอดสูของตนเอง แล้วก้าวไปบนโลกที่ไร้จุดสิ้นสุดด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิตของเค้า เพื่อกลายเป็นราชันการต่อสู้อมตะ แล้วมีอำนาจเหนือเก้าสวรรค์และเก้าโลก!!!

Options

not work with dark mode
Reset