Eternal Martial Sovereign 11 – บีบบังคับ

ตอนที่ 11 – บีบบังคับ

Chapter 11 – บีบบังคับ

 

ผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยวทั้งหมดขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำข่มขู่ของฝางเฮ่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจอย่างมาก แต่พวกเขาก็ได้แค่กล้ำกลืนความโกรธลงไป หลังจากคนที่เป็นเด็กหนุ่มในรุ่นของพวกเขาได้ปลุกขยะจิตวิญญาณการต่อสู้รักษาออกมา

 

ลุงสองของตระกูลเซี่ยวขมวดคิ้วอยากจะตำหนิเขา อย่างไรก็ตามเซี่ยวหงนั่งอยู่ที่ที่นั่งหลักได้โบกมือให้เขาเพื่อบ่งบอกว่าเขาจะไม่พูด

 

ดูเหมือนว่าลุงคนโตของตระกูลเซี่ยว ผู้รับผิดชอบดูแลตระกูลได้ให้ความระมัดระวังกับตระกูลฝาง

 

ผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลเซี่ยวยิ้มอย่างขอโทษขณะที่ภายในของพวกเขาสาปแช่งอยู่

 

“ทำไมต้องให้ขยะเซี่ยวหยุนทำให้เกิดความบาดหมางกับคนตระกูลฝางทั้งหมด?!”

 

บางคนบ่นอยู่ภายในใจ “เขานำความโชคร้ายมาสู่ตระกูลอย่างแท้จริง ทำไมเขาไม่สามารถอยู่บ้านและเป็นหมอ?”

 

เมื่อพวกเขาเห็นพวกผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยวทำแบบนี้ คนตระกูลฝางยิ้มอย่างเย็นชา มีลักษณะของการเสียดสีบนใบหน้าของพวกเขา เมื่อฝางเฮ่าออกจากเขตเมฆาม่วงและก้าวเข้าสู่โลกแห่งการต่อสู้ เขตเมฆาม่วงนี้จะกลายเป็นของพวกเขา

 

คนนั่งหรือยืนอยู่ที่นี่ แต่หลังจากครึ่งชั่วโมง เซี่ยวหยุนยังไม่ได้ปรากฏตัว

 

ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากตระกูลของฝาง มีแสดงออกที่ดำคล้ำเมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องโถง “มีอะไรเกิดขึ้น ทำไมเจ้าสารเลวเซี่ยวหยุนยังไม่มาอีก?”

 

เซี่ยวหงยิ้มอย่างขอโทษและกล่าวว่า “เซี่ยวหยุนออกไปเมื่อวานก่อนหน้านี้ ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถหาเขาได้ในเร็วๆนี้ ข้าคงจะต้องขอให้ทุกคนรอสักหน่อย”

 

กางจ้องมองของฝางเฮ่ากลายเป็นน่ากลัวและเขาก็ตะโกนออกมา “รอ? น้องชายของข้าได้รับความทุกข์ทรมานจากพิษที่ร้ายแรงนี้อย่างเหลือเชื่อและสามารถตายได้ทุกเมื่อ เหตุใดเราจึงควรรอ?”

 

“หยุดพูดไรสาระ รีบหาเศษขนะเซี่ยวหยุนได้แล้วและขอให้เขาเอายาแก้พิษให้เรา” ฝางซุนกล่าวขณะที่เขาเค้นเสียงต่ำที่เย็นชา

 

ดวงตาของเซี่ยวไห่แคบลงขณะที่กล่าว “ฝางซุนระวังคำพูดของเจ้าไว้ด้วย หยุนเอ๋อไม่ใช่ขยะ นอกจากนี้เราจำเป็นต้องได้ยินเรื่องของทั้งสองฝ่าย เจ้าคิดว่าเราจะยอมรับทุกสิ่งที่เจ้าพูด? อย่าคิดว่าตระกูลเซี่ยวของเราสามารถถูกรังแกได้อย่างง่ายดาย”

 

“หมายความว่าคุณกำลังเตรียมพร้อมที่จะปกป้องเซี่ยวหยุน ขยะนั้น?” ฝางเฮ่าจ้องเขม็ง ขณะที่การแสดงออกของเขากลายเป็นน่ากลัว

 

“เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพูดคุย ไอ้เด็กสารเลว” เซี่ยวไห่โกรธมาก เมื่อใดกันที่ตระกูลเซี่ยวตกลงมาอยู่ในสถานะแบบนี้?

 

“เซี่ยวหงนี่คือท่าทีของตระกูลเซี่ยวของเจ้า” ฝางซุนถามขณะที่เขามองไปที่ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลัก

 

เซี่ยวหงหัวเราะ, ก่อนที่จะมองข้ามและพูด “ฮ่า ๆ มันเป็นความเข้าใจผิด มันก็เป็นเพียงความเข้าใจผิด เซี่ยวไห่เรามีแขกที่นี่ โปรดอย่าพูดมากเกินไป”

 

“ฮึ่ม! พี่ใหญ่ ท่านกลายเป็นคนอ่อนแอ!” เซี่ยวไห่พูดอย่างเย็นชา ขณะที่เขาสะบัดแขนเสื้อและออกไป

 

“ทุกท่าน โปรดอย่าได้ถือโทษ” เซี่ยวหงกล่าวขณะที่เขายิ้ม

 

ฝางเฮ่ายืนขึ้นขณะที่มองไปรอบๆ ต้องการจะท้าประลองหนึ่งในคนรุ่นเยาว์ตระกูลเซี่ยว “ข้าได้ยินมาว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของตระกูลเซี่ยวนั้นไม่ธรรมดา หลานชายหคนนี้อยากจะเป็นพยานในเรื่องนี้ ข้าสงสัยว่ามีสมาชิกรุ่นเยาว์คนใดของตระกูลเซี่ยวเต็มใจที่จะสู้กับข้า”

 

พวกผู้อาวุโสตระกูลฝางพยักหน้า “นั้นมันดีที่สุด มิฉะนั้นก็น่าเบื่อมากที่จะนั่งรอบๆและรอ”

 

“ตกลง อย่างนั้นได้โปรดไปที่สังเวียนศิลปะการต่อสู้” เซี่ยวหงขมวดคิ้วเล็กน้อย, และขอร้องให้คนบางคนพาคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเซี่ยวออกไป

 

ปัง!

 

มีเวทีซ้อมต่อสู้ภายในสังเวียนศิลปะการต่อสู้ ซึ่งใช้สำหรับการแข่งขันในตระกูล ผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยวและตระกูลฝางอยู่ด้านตรงข้ามของเวทีซ้อมต่อสู้

 

ใต้เวทีซ้อมการต่อสู้มีคนนับไม่ถ้วนจากตระกูลเซี่ยว

 

คนเหล่านี้เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น และทั้งหมดได้มาดู – หลังจากทั้งหมดนี้มีผลต่อชื่อเสียงตระกูลของพวกเขา

 

บนเวที ฝางเฮ่ายืนอยู่พร้อมมือของเขาอยู่เบื้องหลัง ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าเขามองทุกสิ่งอย่างเหยียดหยาม

 

“นั่นคือฝางเฮ่า? ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นความภาคภูมิใจและความปลาบปลื้มของตระกูลฝางและปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็งขึ้นมาได้”

 

เด็กหนุ่มในตระกูลเซี่ยวคนหนึ่งมองไปฝางเฮ่าด้วยความชื่นชมและกล่าวว่า “ภายในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดในเขตเมฆาม่วง มีเพียงฝางเฮ่าเท่านั้นที่สามารถปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ได้ เขาเป็นคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของพวกเราโดยไม่ต้องสงสัย! เขาถูกกำหนดให้เป็นคนพิเศษ”

 

มีคนถามด้วยเสียงไม่พอใจ, “ไม่มีใครในตระกูลเซี่ยวของเราปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ได้ด้วยเช่นกัน?”

 

เด็กหนุ่มตอบ “เจ้ากำลังพูดถึงถังขยะนั้นใช่ไหม เซี่ยวหยุน? สิ่งที่เขาปลุกขึ้นมานับว่าเป็นวิญญาณการต่อสู้หรือไม่?”

 

“เขาเป็นได้แค่หมอ ศักยภาพประภทไหนกันที่เขามี?”

 

“อ่า น่าเสียดาย!” คนอื่น ๆ ยังส่ายหัวด้วยความผิดหวัง

 

วูซซซ!

 

ในขณะนี้เด็กหนุ่มกระโดดขึ้นไปบนเวทีซ้อม

 

“นั่นคือเซี่ยวเฉียน”

 

“เขาจะไปสู้กับฝางเฮ่า?”

 

“บางทีคนเดียวในรุ่นของเราในตระกูลเซี่ยว ที่สามารถลุกขึ้นยืนไปเผชิญหน้ากับฝางเฮ่าได้ก็คงมีแต่เซี่ยวเฉียนเท่านั้น”เยาวชนของตระกูลเซี่ยวยิ้มเมื่อเห็นเขากระโดดขึ้นไปขณะที่พวกเขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นและหวังว่าเขาจะนำพวกเขารุ่งโรจน์มาได้

 

การท้าทายของฝางเฮ่าเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดว่าคือการเสียดสีต่อตระกูลเซี่ยว – ใครจะอดทนต่อสิ่งนั้นได้?

 

เซี่ยวเฉียนสวมชุดสีขาวและเขาดูพิเศษขณะที่ผมของเขาลอยเป็นคลื่นบนอากาศ เขาก็อยู่ในก็ “สมบูรณ์” ของระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกายเช่นกัน และกำลังจะเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด เขายังเป็นอัจฉริยะภายในเขตเมฆาม่วงอีกด้วย

 

ก่อนหน้าเซี่ยวเฉียนได้ปิดประตูฝึกตนเพื่อพยายามทะลวงผ่านไปสู่ขอบเขตต้นกำเนิด  อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินว่าฝางเฮ๋าได้ท้าทาย เขาก็ได้ออกมาเพื่อต่อสู้

 

“ฮ่าฮ่า เซี่ยวเฉียนไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน!” ฝางเฮ่ายังคงยืนอยู่พร้อมมือของเขาอยู่เบื้องหลัง คิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อยในขณะที่เขามองไปที่เด็กหนุ่มที่กระโดดขึ้นมาบนเวทีซ้อมต่อสู้ แม้ว่าเขาจะยิ้ม, เห็นได้ชัดว่าเขาได้ดูถูกเซี่ยวเฉียน แม้ว่าทั้งสองจะเป็นอัจฉริยะ แต่ฝางเฮ่าไม่ได้เห็นเซี่ยวเฉียนอยู่ในสายตา

 

“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี เริ่มกันเลย” การจ้องมองของเซี่ยวเฉียนกลายเป็นจริงจังขณะที่เขาเดินตรงไปยังจุดนั้น

 

เขารู้ถึงเจตนาของฝางเฮ่า จึงไม่จำเป็นต้องหยอกล้อกัน

 

ฝางเฮ่าหัวเราะเสียงดังขณะที่เขาลดแขนลงและสายตาของเขาก็กลายเป็นเย็นชา “ฮ่า ๆ คุณยังคงหยิ่งเหมือนเดิม ข้าไม่จำเป็นต้องโจมตีก่อนเพื่อจัดการกับเจ้า” ฝางเฮ่ายกคิ้วขณะที่เขามองไปที่เยาวชนคนอื่นๆ อย่างไม่สนใจ

 

“ฝางเฮ่าหยิ่งอะไรขนาดนี้?”

 

หนึ่งในเยาวชนตระกูลคนเซี่ยวคนหนึ่งได้โกรธและกล่าวว่า “ผู้ชายคนนี้ไม่เห็ฯใครอยู่ในสายตาเขาเลย” เซี่ยวเฉียนเป็นอัจฉริยะในรุ่นของพวกเขา และเกือบจะเป็นตัวแทนคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเซี่ยวทั้งหมด และเขายังได้รับการปฏิบัติเช่นนี้โดยฝางเฮ่า มันไม่ใช่การตบหน้าของพวกเขา?

 

“รับมือ!” การแสดงออกของเซี่ยวเฉียนก็เย็นชาเมื่อเขาก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างขยับขึ้นไปบนอากาศ มองดูกล้าหาญและยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อขณะที่เขาโจมตีฝางเฮ่า

 

ลมแกว่งไกวไปมาขณะที่มือของเซี่ยวเฉียนฉีกอากาศให้ขาดออก ทำให้หนังศีรษะของผู้ชมมึนงง

 

“นี่คือทักษะการต่อสู้ระดับสีดำของตระกูลเซี่ยวของพวกเรา ศิลปะจิตมังกรงู!”

 

“ศิลปะจิตวิญญาณนี้เป็นบางสิ่งที่ผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำดนิดเท่านั้นสามารถเรียนรู้ได้และมันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พี่ใหญ่เซี่ยวเฉียนเรียนรู้มันอย่างเต็มที่ขณะอยู่ที่ระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกาย เขาสมควรแล้วที่ได้รับชื่อเสียงว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลเซี่ยว ถ้าเขาก้าวเข้าไปในขอบเขตต้นกำเนิดและใช้มัน มันคงจะเหมือนกับว่ามังกรและงูปรากฏตัวขึ้นอย่างแท้จริง”

 

“พี่ใหญ่เซี่ยวเฉียน ล้มฝางเฮ่าลงมา” เมื่อพวกเขาเห็นเซี่ยวเฉียนโจมตี ทุกคนในตระกูลเซี่ยวรู้สึกว่าเลือดของพวกเขาเดือดพล่าน

 

“พรสวรรค์ของเซี่ยวเฉียนคนนี้ดีทีเดียว อย่างไรก็ตามก็น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของตระกูลเซี่ยวขึ้นมาได้” หนึ่งในอาวุโสของตระกูลเซี่ยวพยักหน้าเล็กน้อย ขณะที่ร่องรอยของความผิดหวังปรากฏในดวงตาของเขา ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้ได้ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของตระกูลเซี่ยวขึ้นมาได้ จะไม่ใช่แค่ในเขตเมฆาม่วง มันจะมีคนน้อยมากที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ในราชอาณาจักรจันทราวายุ

 

ย้อนกลับไปเมื่อเซี่ยวซางทียนได้ใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ที่ถูกปลุกขึ้นมาของเขา กวาดไปทั่วแผ่นดินในการปกครองและเข้าสู่โลกแห่งการต่อสู้!

 

“คู่มังกรงูเพนจร!” บนเวที ฝางเฮ่าหัวเราะอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เขาปล่อยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “เทคนิคเหล่านี้ล้วนไร้ประโยชน์ต่อข้า มองดูให้ดีขณะที่ข้ามอบความปราชัยให้แก่เจ้าที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะของตระกูลเซี่ยว”

 

หลังจากพูดแล้ว มือของเขาเดินขณะที่ปราณเย็นเริ่มปรากฏขึ้นภายในฝ่ามือของเขา ดูเหมือนว่าอากาศภายในสังเวียนศิลปะการต่อสู้จะแข็งตัวและลมที่หนาวเย็นไปถึงขั้วกระดูกก็พัดออกมา

 

“ช่างเป็นกลิ่นอายที่เย็นเช่นนี้”

 

“นี่คือพลังจากจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็ง?” เมื่อพวกเขารู้สึกถึงปราณเย็น เยาวชนที่อยู่ใต้เวทีซ้อมต่อสู้รีบก้าวถอยหลังออกไป มองขึ้นไปบนเวทีด้วยความตกใจและความกลัว การแสดงออกของฝางเฮ่ายังคงเย็นชาเหมือนฝ่ามือของเขา ทำให้น้ำค้างแข็งปรากฏในอากาศ

 

“เวร!” เซี่ยวเฉียน ผู้ที่ซึ่งเพิ่งโจมตีไป ได้ขมวดคิ้วลึกและรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังจะถูกแช่แข็ง ร่างกายของเขาเข้มแข็งและแข็งแรง และขณะที่ฝ่ามือของเขาประสานกันแล้วปล่อยผ่านอากาศไป มันดูเหมือนมีมังกรและงูที่พุ่งผ่านอากาศ

 

แต่ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกแช่แข็งและสูญเสียโอกาสชี้ขาดที่เขามี

 

ต่อจากนี้ เงาของฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังเย็นถูกที่ปล่อยมาจากฝ่ามือของฝางเฮ่าพุ่งไปยังร่างของเซี่ยวเฉียน

 

กับร่างกายของเขาเกือบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้จากปราณเย็น เซี่ยวเฉียนไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีนี้ได้

 

ปัง!

 

ในขณะที่เสียงระเบิดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเซี่ยวเฉียนสั่นสะท้าน, ราวกับว่าเขาโดนธารน้ำแข็งโจมตี เขาลอยขึ้นไปในอากาศในขณะที่เขากระแทกลงบนพื้นด้านล่างเวทีซ้อมต่อสู้ เขาพูดเสียงต่ำๆในลำคอแล้วเลือดไหลก็ออกมาจากปากของเขา ดวงตาของเขาปิดลงและฝ่ามือของเขาถูกปกคลุมด้วยคริสตัลน้ำแข็ง

 

“จิตวิญญารการต่อสู้พิเศษจริงๆ” เซี่ยวเฉียนถอนหายใจ, ความต้องการต่อสู้ในดวงตาของเขาหายไป ในขณะที่ แต่ยอมรับการสูญเสียของเขาอย่างช่วยไม่ได้

 

“พี่ใหญ่เซี่ยวเฉียนแพ้จริงๆ!”

 

เยาวชนทุกคนในตระกูลก็ส่ายหน้าของพวกเขาและถอนหายใจ “คนที่ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้เป็นมังกรอย่างในหมู่มนุษย์อย่างแท้จริง!”

 

พวกผู้อาวุโสบนเวทีทุกคนมองด้วยสายตากว้างขณะที่อารมณ์ของพวกเขาดิ่งลง

 

เซี่ยวหงโบกมือของเขา ส่งสัญญาณให้กับผู้อาวุโสคนหนึ่งข้างๆเขาเพื่อเอาตัวเซี่ยวเฉียนออกไปและถอนพิษปราณเย็น

 

พวกผู้อาวูโสของตระกูลฝางกำลังยิ้มแย้มแจ่มใสและพวกเขาก็หยิ่งยิ่งขึ้น

 

ฝางเฮ่ามองไปรอบๆ ด้วยมือข้างหลังและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า มีคนอื่นอยู่ในตระกูลเซี่ยวจากคนรุ่นเดียวกันที่อยากจะท้าทายข้าอีกไหม?”

 

คำพูดของเขาหยิ่งและสีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงการดูถูก ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกรังเกียจต่อเขา อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายเขา

 

แม้แต่เซี่ยวเฉียนก็ยังพ่ายแพ้ –  คนอื่นในรุ่นของพวกเขาใครจะสามารถต่อสู้ฝางเฮ่าได้?

 

ฝางเฮ่าเป็นคนที่ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ขึ้นมาได้ เป็นเรื่องที่ยกไม่ได้ว่าเขาจะไม่อยู่เพียงแค่ขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้น

 

“ดูเหมือนว่าไม่มีใครในตระกูลเซี่ยวของเข้า” ฝางเฮ่ายิ้มเย้ย

 

คำพูดของเขาหยิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ และใบหน้าของผู้อาวุโสตระกูลเซี่ยวแสบร้อนราวกับว่าพวกเขาถูกตบหน้า

 

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

 

“ฮ่าฮ่า หลานชายฝางมีพรสวรรค์มากมายและไม่สามารถเปรียบเทียบกับคนธรรมดาได้” เซี่ยวหงกล่าวในขณะที่เขาหัวเราะ

 

“เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายินดีจะส่งมอบขยะเซี่ยวหยุนหรือไม่?” ฝางเฮ่าตะโกนออกมาขณะที่เขาจ้องมองที่เซี่ยวหง

 

“นี่….” ฝางเฮ่าขมวดคิ้ว

 

ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่มีเคราสีขาวข้างเซี่ยวหงกล่าว “เมื่อนายน้อยฝางกล่าวเช่นนั้น เราจะส่งมอบเซี่ยวหยุนให้อย่างแน่นอน ลูกชายที่ไร้ยางอายให้แก่ท่าน อย่างไรก็ได้โปรดรอ ข้าได้ส่งคนไปหาขยะนั้นแล้ว และเขาควรจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้”

 

เซี่ยวหงขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ยินผู้อาวุโสกล่าว

 

อย่างไรก็ตามมีบางคนได้กระโดดเข้ามา

 

“เด็กสารเลวที่น่าชังเซี่ยวหยุนไม่เคยฝึกอย่างเหมาะสมและไปเรียนรู้เทคนิคชั่วเหล่านั้นเท่านั้น เขาควรถูกลงโทษอย่างถูกต้อง”

 

คนเหล่านี้เป็นผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลเซี่ยว แต่หลังจากที่ได้เห็นว่าพลังฝางเฮ่าเป็นเช่นไร พวกเขาตัดสินใจที่จะยอมแพ้ในตัวเซี่ยวหยุน

 

เซี่ยวหงเม้มริมฝีปากของเขา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ตัดสินใจที่จะไม่พูดออกไป

 

ถ้าเขาไม่ยอมมอบเซี่ยวหยุนให้พวกเขา เด็กหนุ่มคนนี้แน่นอนจะแก้แค้นพวกเขาในอนาคต นำภัยพิบัติในตระกูลเซี่ยว

 

Eternal Martial Sovereign

Eternal Martial Sovereign

Score 10
Status: Completed

เนื้อเรื่องโดยย่อ เซี่ยวหยุนซึ่งเป็นอัจฉริยะผู้ปลุกจิตสำนึกของจิตวิญญาณการต่อสู้ ถูกระบุว่าเป็นคนธรรมดาหลังจากการบ่มเพาะของเขาหยุดลง อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาคือจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 จิตวิญญาณการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ ในสมัยโบราณ หลังจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิตได้รับการพัฒนา มันสามารถดูดซับแก่นแท้ปราณของสวรรค์และโลกได้ รวมทั้งรักษาบาดแผลและแก้พิษที่รุนแรงได้

 

ด้วยศิลปะกลืนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่พ่อของเค้าทิ้งไว้ให้ ทำให้เซี่ยวหยุนสามารถรวบรวมจิตวิญญาณการต่อสู้ไว้ใช้ได้เป็นจำนวนมาก เด็กหนุ่มผู้สิ้นหวังได้ท้าทายชะตากรรมและล้างความอัปยศอดสูของตนเอง แล้วก้าวไปบนโลกที่ไร้จุดสิ้นสุดด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้แห่งชีวิตของเค้า เพื่อกลายเป็นราชันการต่อสู้อมตะ แล้วมีอำนาจเหนือเก้าสวรรค์และเก้าโลก!!!

Options

not work with dark mode
Reset