Home › Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร › Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 398 Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 398 ตอนที่ 398 Posted by , ? Views, Released on December 18, 2020 Prev All Chapter Next Options Facebook Twitter WhatsApp Pinterest [ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ] บทที่ 398 : โอสถไร้ใจ! “อาจารย์คะ.. นี่.. คืออะไร?” เฉิงเม่ยเฟิงจ้องมองยาเม็ดสีใสราวกับคริสตัลที่อยู่ในฝ่ามือ แต่จู่ๆก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้ จึงได้แต่เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย แม่ชีมี่ยื่อตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “นี่เป็นโอสถเฉพาะที่ปรุงขึ้นสำหรับศิษย์สำนักจิ้งซินเท่านั้น และโอสถนี่จะช่วยให้กำลังภายในของเจ้าก้าวหน้าไปยี่สิบปีล่วงหน้า แม้เจ้าจะมีพรสวรรค์พื้นฐานที่ยอดเยี่ยม แต่เจ้าเพิ่งจะเริ่มมาฝึกเอาตอนอายุยี่สิบเอ็ด นับว่ายังช้าไปมาก! อาจารย์จึงต้องให้เจ้ากินโอสถเม็ดนี้..” แต่เมื่อเห็นสายตาลังเลของเฉิงเม่ยเฟิง แม่ชีมียื่อจึงอธิบายต่อว่า “เจ้าอย่าได้กังวลไป โอสถเม็ดนี้ไม่มีผลข้างเคียงใดๆกับเจ้าอย่างแน่นอน..” ในเมื่อรับหญิงสาวที่มีความรักมาเป็นศิษย์ แม่ชีมี่ยื่อจึงต้องใช้วิธีนี้ แม้นางจะเฝ้าถามเฉิงเม่ยเฟิง แต่ดูเหมือนเฉิงเม่ยเฟิงก็ไม่ต้องการจะลืมคนรัก อีกทั้งยังสามารถยอมตายแทนชายที่รักได้ เช่นนี้แล้ว.. เธอจะยินยอมตัดใจและลืมคนรักได้อย่างไรเล่า? จริงอยู่ที่โอสถในมือของเฉิงเม่ยเฟิงนั้น สามารถทำให้กำลังภายในของเธอรุดหน้าได้รวดเร็วถึงยี่สิบปี นั่นเป็นความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียว.. แต่ที่ถูกน่าจะเป็นความจริงเพียงแค่เสี้ยวเดียวมากกว่า! เพราะความจริงแล้ว โอสถเม็ดนี้ก็คือ ‘โอสถไร้ใจ’ ของสำนักจิ้งซินที่ปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะ หากหญิงสาวผู้ใดได้กินโอสถนี้เข้าไป ไม่เพียงแค่จะทำให้ลืมความรักและชายคนรักจนหมดสิ้น แต่นับจากนี้ไป โลกของหญิงสาวผู้นั้นจะไร้ซึ่งบุรุษไปจนตราบชั่วชีวิต เพราะจะกลายเป็นหญิงสาวที่ไม่มีอารมณ์ความรักให้กับชายใดอีก! หากเฉิงเม่ยเฟิงรู้ เธอคงจะยอมตายมากกว่าที่จะยอมกินโอสถเม็ดนี้แน่ แต่ปัญหาก็คือเธอไม่รู้..! “อาจารย์คะ.. คือฉันอยากฝึกวรยุทธด้วยตัวเองมากกว่าที่จะอาศัยโอสถที่ทำให้ก้าวหน้าเม็ดนี้..” สัญชาติญาณของเฉิงเม่ยเฟิงบ่งบอกอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ เธอจึงเกิดความรู้สึกต่อต้านและไม่อยากกินโอสถเม็ดนี้เข้าไป หากหลิงหยุนหายตัวไปและไม่กลับมาอีกตลอดกาล เธอก็ยินยอมที่จะอยู่สำนักจิ้งซินไปจนชั่วชีวิตเช่นกัน แต่หากหลิงหยุนกลับมา ยังไงเธอก็ต้องกลับไปอยู่กับหลิงหยุนให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และไม่มีกฏเกณฑ์และข้อบังคับใดๆ ที่จะสามารถหยุดยั้งเธอได้! ยิ่งไปกว่านั้น หลิงหยุนเก่งกาจเพียงใด เฉิงเม่ยเฟิงก็ได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว หากเธอต้องการฝึกวรยุทธ เธอก็ต้องการที่จะฝึกกับหลิงหยุนมากกว่าที่จะฝึกกับผู้อื่น! เฉิงเมี่ยนเห็นว่าพี่สาวของเธอ มักได้รับแต่สิ่งดีๆมากกว่าเธอ ด้วยความอิจฉาริษยา จึงได้โพล่งออกไปว่า “อาจารย์คะ ฉันก็อยากเป็นลูกศิษย์และไปอยู่ที่สำนักจิ้งซินด้วยเหมือนกัน ฉันเป็นน้องสาวของเธอ ถ้าเธอไม่อยากกินยาเม็ดนั้น ให้ฉันกินแทนก็ได้ค่ะ!” ดูเหมือนเฉิงเมี่ยนจะสะกดคำว่าตายไม่เป็นจริงๆ! แม่ชีมี่ยื่อตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ห้วน “พรสวรรค์ของเจ้ายังไม่เพียงพอ หากเจ้ากินโอสถนี่ลงไป ลมปราณในร่างกายของเจ้าจะแตกซ่าน และถึงตอนนั้นต่อให้เป็นเซียนก็ช่วยเจ้าไม่ได้!” เฉิงเมี่ยนได้ฟังก็ถึงกับหวาดกลัวจนต้องดึงมือที่ยื่นออกไปกลับคืน.. “เม่ยเฟิง.. ต่อหน้าครอบครัวของเจ้า อาจารย์คงไม่กล้าทำร้ายเจ้าหรอกนะ เจ้าจะกินหรือไม่กิน?” แม่ชีมี่ยื่อเห็นเฉิงเม่ยเฟิงที่ดูเหมือนจะไม่ยอมกิน ก็ได้แต่กระวนกระวายใจ และรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ภายใน เฉิงเม่ยเฟิงคิดในใจว่า ที่ผ่านมาเธอผ่านความทุกข์มามากมาย อันตรายถึงชีวิตก็เคยผ่านมาแล้ว กับเพียงแค่กินยาเม็ดช่วยให้การฝึกฝนก้าวหน้าแค่เม็ดเดียว จะเป็นอะไรไป? เมื่อคิดได้เช่นนั้น.. เธอกัดฟันแน่น แล้วจึงยอมกลืนโอสถไร้ใจลงไปทันที! ในที่สุดแม่ชีมี่ยื่อก็ทำสำเร็จ เธอพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่มีความสุข “เจ้าเป็นศิษย์ที่ว่านอนสอนง่าย เอาล่ะ.. ดื่มน้ำตามเข้าไปจะได้กลืนลงคอได้ง่ายๆ” เฉิงเม่ยเฟิงดื่มน้ำและกลืนโอสถเม็ดนั้นลงไปในท้อง จากนั้นโอสถไร้ใจก็ได้กลายเป็นไอสีขาวกระจายอยู่ทั่วท้องของเฉิงเม่ยเฟิง แต่แทนที่จะไหลเข้าสู่จุดตันเถียน ไอสีขาวกลับพุ่งเข้าสู่จิตใจของเธอแทน! “โอ๊ะ!” จู่ๆ ใบหน้าของเฉิงเม่ยเฟิงก็ซีดราวกับศพ เธอรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งศรีษะ คล้ายกับมีเข็มนับพันกำลังทิ่มแทงอยู่! เฉิงเม่ยเฟิงเจ็บปวดมากจนต้องเอามือสองข้างกุมศรีษะไว้แน่น ร่างกายของเธอของเธอขดงอเข้าหากันจนกลมคล้ายลูกบอล ก่อนจะลงไปดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นพรมเปอเชีย เพราะความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ยากจะทนได้! สมาชิกตระกูลเฉิงได้แต่ยืนมองเฉิงเม่ยเฟิงดิ้นรนไปมาเพราะความเจ็บปวดนั่น จนในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหว! “ซือไท่.. ใหนท่านบอกว่ายานี่จะช่วยให้การฝึกฝนก้าวหน้า แต่ตอนนี้ลูกสาวของผม.. ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้?!” เมื่อเห็นลูกสาวดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด เฉิงเทียนก็รู้สึกกระวนกระวายใจจนต้องร้องถามแม่ชีมี่ยื่อออกมา “ไม่ผ่านช่วงเวลาแห่งพายุและลมฝน ไฉนเล่าจะได้พบสายรุ้งที่สวยงาม? หากไม่เจาะเปลือกที่แข็งแกร่งออก เหตุใดจึงจะกลายเป็นผีเสื้อแสนสวยได้!? ทักษะล่วงหน้ายี่สิบปี พวกเจ้าคิดว่าอยากจะได้ก็ได้ง่ายๆอย่างนั้นรึ?” แม่ชีมี่ยื่อมองเฉิงเม่ยเฟิงที่กลิ้งไปมาอยู่บนพื้นด้วยสายตาที่ปราศจากความรู้สึกใดๆ พร้อมกับดุเฉิงเทียน นางไม่ได้รู้สึกประทับใจในตัวเฉิงเทียนเลยแม้แต่น้อย แต่นางก็รู้ดีว่า หากไม่ใช่เพราะเฉิงเทียนบังคับลูกสาวแต่งงานเพื่อความรุ่งเรืองทางธุรกิจของตัวเอง นางก็คงจะไม่มีโอกาสได้รับลูกศิษย์ที่เพียบพร้อมอย่างเฉิงเม่ยเฟิง หลังจากที่ยืนมองลูกสาวดิ้นทุรนทุรายเพราะความเจ็บปวด จ้าวฝัวหมี่ก็ไม่อาจทนดูได้อีก เธอวิ่งเข้าไปคุกเข่าข้างลูกสาว และอยากจะดึงตัวเธอเข้ามากอด แต่ก็ไม่กล้า.. จึงได้แต่เงยหน้าขึ้นถามด้วยสีหน้าตกอกตกใจ “ซือไท่.. ลูกสาวของฉันจะต้องเจ็บปวดแบบนี้อีกนานไม๊?” น้ำตาแห่งความทุกข์ระทมได้ไหลอาบแก้มคนเป็นแม่อย่างจ้าวฝัวหมี่ และหากไม่มีคนนอกอยู่ในที่นี้ด้วย เธอคงต้องทะเลาะกับเฉิงเทียนใหญ่โตอย่างแน่นอน! แม่ชีมี่ยื่อยังคงมีสีหน้าที่นิ่งเรียบและไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เมื่อไหร่ที่นางสลบไป ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง? นี่เป็นวิธีการฝึกอย่างหนึ่งของสำนักจิ้งซิน ข้าเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว!” แม่ชีมี่ยื่อเองก็เคยกินโอสถไร้ใจมาแล้วเช่นกัน แต่ตอนนั้นนางเพิ่งจะโตเป็นสาว และยังไม่มีความรู้สึกระหว่างชายหญิง จึงไม่เจ็บปวดเท่ากับเฉิงเม่ยเฟิงในยามนี้ สำหรับการชำระใจนั้น ยิ่งในใจมีอารมณ์ ความรัก ความรู้สึกมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลืมยากมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อลืมยากขึ้น ก็ยิ่งต้องเจ็บปวดเพราะฤทธิ์ของยาสลายใจมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งเฉิงเม่ยเฟิงรักและผูกพันกับหลิงหยุนมากเพียงใด และลึกซึ้งเพียงใด เธอก็จะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น แต่นั่นก็มี ‘ประโยชน์’ เพราะจะยิ่งทำให้โอสถไร้ใจออกฤทธิ์รุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย และยิ่งโอสถไร้ใจออกฤทธิ์รุนแรงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้กำลังภายในของเธอก้าวหน้าเร็วมากขึ้นตามไปด้วย! ผ่านไปสองชั่วโมง.. เฉิงเม่ยเฟิงต้องทนเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสอยู่นานถึงสองชั่วโมง นอกเหนือจากเหงื่อที่ท่วมตัวจนเสื้อผ้าเปียกไปหมดแล้ว ในที่สุดเธอก็สลบไป เหลือเพียงลมหายใจที่แผ่วเบา และร่างทั้งร่างก็แน่นิ่งไป.. ช่วงเวลาสองชั่วโมงนั้น สมาชิกทั้งสามคนของตระกูลเฉิงต่างก็ใจเต้นแรง และเมื่อได้เห็นผลลัพธ์จากการกินโอสถที่น่าสยดสยองนั่นแล้ว เฉิงเมี่ยนก็ได้แต่หวาดกลัวจนขนหัวลุก ไม่มีอะไรในโลกที่ได้มาฟรีๆ! เมื่อเห็นว่าโอสถไร้ใจสามารถออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ แม่ชีมี่ยื่อก็คาดเดาได้ว่า หลังจากนี้หนึ่งเดือน อย่างน้อยเฉิงเม่ยเฟิงก็ต้องเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-9 ได้ หรือไม่ก็อาจจะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนเลยก็เป็นได้ แม่ชีมี่ยื่อสูดลมหายใจเข้าลึก และในที่สุดก็คลายฝ่ามือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของตนเองออก.. มีคำพูดหนึ่งที่นางเองก็ไม่ได้บอกกับทุกคน นั่นก็คือ.. หากเฉิงเม่ยเฟิงไม่สามารถผ่านความเจ็บปวดที่แสนสาหัสนี้ได้ เธอก็ต้องตาย! แม่ชีมี่ยื่อใช้ชีวิตของเฉิงเม่ยเฟิงเป็นเดิมพัน! แต่นางหารู้ไม่ว่า.. ที่เฉิงเม่ยเฟิงสามารถผ่านพ้นความเจ็บปวดที่ยากจะทนมาได้นั้น เป็นเพราะพลังอมตะที่หลิงหยุนเคยถ่ายเทเข้าไปในร่างกายให้ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางเลยที่เฉิงเม่ยเฟิงจะก้าวข้ามความเจ็บปวดไปได้! นั่นเพราะเฉิงเม่ยเฟิงรักและผูกพันในตัวหลิงหยุนอย่างลึกซึ้ง หากจะให้ลืมหลิงหยุน แน่นอนว่ามีทางเดียวคือต้องแลกกับชีวิตของเธอเท่านั้น “พวกเจ้าออกไปนอกห้องได้แล้ว และบอกกับทุกคนที่อยู่ข้างนอกว่า ใครก็ตามที่กล้าเข้ามาในห้องนี้ ข้าจะฆ่ามันทิ้งซะ!” แม่ชีมี่ยื่อสั่งให้พ่อแม่ลูกทั้งสามคนออกไปข้างนอก! หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว แม่ชีมี่ยื่อก็มองเฉิงเม่ยเฟิงที่นอนสลบไสลอยู่บนพรมพร้อมกับพูดว่า “เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมา เจ้าจะลืมเด็กผู้ชายคนนั้นจนหมดสิ้น อย่าตำหนิอาจารย์เลย เพราะนี่จะเป็นผลดีต่อเจ้า!” ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง แม่ชีมี่ยื่อก็อุ้มร่างของเฉงเม่ยเฟิงขึ้นมาจากพื้น และพาเธอขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสอง แม่ชีมี่ยื่ออาศัยประโยชน์จากการเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-2 ของตนเอง ถ่ายเทพลังชี่ที่ได้บ่มเพาะมานานหลายสิบปีลงไปในร่างของเฉิงเม่ยเฟิง เพื่อให้พลังชี่นี้เคลื่อนเข้าสู่จุดตันเถียน และเส้นลมปราณต่างๆ แต่แม่ชีมี่ยื่อก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก เมื่อพบว่าหลังจากที่ได้ถ่ายเทพลังชี่ให้กับเฉิงเม่ยเฟิงแล้ว เธอก็สามารถเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-7 ได้ในทันที! แม่ชีมี่ยื่อทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน นางรู้ได้ทันทีว่า.. เฉิงเม่ยเฟิงจะเป็นศิษย์ที่เก่งกาจอย่างที่สุด! สำหรับแม่ชีมี่ซินนั้น ดูเหมือนว่าคงจะพบกับชะตากรรมที่เลวร้ายไปแล้ว นางจึงไม่สนใจอีก.. ในที่สุด เฉิงเม่ยเฟิงก็เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นโฮ่วเทียน-7 และแม่ชีมี่ยื่อก็หยุดถ่ายเทพลังชี่ และนั่งรอเฉิงเม่ยเฟิงที่กำลังจะฟื้นขึ้นมา เพียงไม่นาน เฉิงเม่ยเฟิงก็รู้สึกตัว เธอค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายสดใส แววตาของเธอนั้นใสราวกับบ่อน้ำ เป็นแววตาที่ไร้ซึ่งตัณหา ไร้ซึ่งความคิด ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ เฉิงเม่ยเฟิงได้ลืมหลิงหยุนไปจนหมดสิ้นแล้วจริงๆ ภายในใจของเธอไม่เหลือร่องรอยความประทับใจในตัวหลิงหยุนอีกเลย และชื่อ ‘หลิงหยุน’ ในเวลานี้ก็ไม่มีความหมายใดๆกับเธอแม้แต่น้อย “อาจารย์..” เฉิงเม่ยเฟิงมองแม่ชีมี่ยื่อ และริมฝีปากบางก็เอ่ยเรียกด้วยความเคารพ “เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ? ไป.. ไปบอกลาครอบครัวของเจ้าได้แล้ว อาจารย์จะพาเจ้ากลับไปที่สำนักจิ้งซิน” แม่ชีมี่ยื่อไม่ต้องการล่าช้าเพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมา เธอจึงรีบสั่งเฉิงเม่ยเฟิงให้ไปเก็บกระเป๋าและตามนางลงไปชั้นล่าง เฉิงเม่ยเฟิงเอ่ยลาพ่อแม่และน้องสาวของตนเองด้วยท่าทีห่างเหิน แล้วเดินตามแม่ชีมี่ยื่อออกไปอย่างว่าง่าย “พี่ใหญ่.. พี่ไม่รอให้หลิงหยุนกลับมาก่อนเหรอ?!” เฉิงเมี่ยนไม่เคยเห็นท่าทางที่สงบและเย็นชาจากพี่สาวของเธอเช่นนี้มาก่อน จึงได้แต่เอ่ยปากถามออกไป แววตาของเฉิงเม่ยเฟิงเต็มไปด้วยความสงสัย พร้อมกับถามขึ้นว่า “ใครคือหลิงหยุน?” “เอ่อ..?! เขาก็เป็น..” เฉิงเมี่ยนกำลังจะหลุดปากออกไป แต่จู่ๆก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบยกมือขึ้นตบปากตัวเอง.. แม่ชีมี่ยื่อมองคนในตระกูลเฉิงด้วยแววตาเป็นประกายพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เม่ยเฟิงเป็นศิษย์สำนักจิ้งซินแล้ว หลังจากนี้สามปี ข้าจะให้นางกลับมาเยี่ยมเยียนพวกเจ้า” หลังจากให้สัญญาแล้ว แม่ชีมี่ยื่อก็โอบร่างของเฉิงเม่ยเฟิงไว้ใต้แขน และพากระโดดหายไปต่อหน้าผู้คนอย่างรวดเร็ว! “ลูกแม่!” “พี่ใหญ่!” จ้าวฝัวหมี่และเฉิงเมี่ยนต่างก็ร้องตะโกนออกไปพร้อมกัน! “ซันเทียนเปียว.. จากนี้ไปตระกูลเฉิงอยู่ในความคุ้มครองของสำนักจิงซิน หากท่านกล้าทำอะไรพวกเขา อย่าได้ตำหนิข้าและสำนักจิ้งซินก็แล้วกัน!” หลังจากที่ร่างหายลับไปแล้ว แต่เสียงของแม่ชีมี่ยื่อกลับดังขึ้นที่บ้านตระกูลเฉิง และทุกคนต่างก็ได้ยินกันเต็มสองหู ซันเทียนเปียวได้แต่หรี่ตาเข้าหากัน! Favorite Prev Next Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Score 10 Status: Completed นิยาย จีน นิยาย ดราม่า นิยาย ตลก นิยาย ผจญภัย นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย ฮาเร็ม นิยาย แอคชั่น ตอนที่ 1 – 505 อ่านนิยาย (อ่านตอนต่อไปด้านล่าง) ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร.. Recommended Series นายน้อยเจ้าสำราญ Ch. 1391 ล้วนเป็นความฝัน 10 นายน้อยเจ้าสำราญ สามีข้า คือพรานป่า Ch. 405 แทงใจดํา 10 สามีข้า คือพรานป่า รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น Ch. 115 ไม่กังวลอีกต่อไป (ตอนจบ) 10 รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น บุปผาเคียงบัลลังก์ Ch. 654 คำพูดข้างหมอน / 655 ชมเหมยกลางหิมะ 10 บุปผาเคียงบัลลังก์ 1,460 วัน… ฉัน เขาและเธอ 10 1,460 วัน… ฉัน เขาและเธอ