Doombringer the 5th 107

ตอนที่ 107

Ch.107 – แมงเม่า

Translator : YoyoTanya / Author

Ch. 103

แมงเม่า

 

Part 1

 

“น่าจะใกล้ได้เวลาแล้วรึเปล่า? นี่ก็เป็นราคาสามเท่าของราคาปกติแล้วนะ เจ้าตัวการนั่นมันคงไม่กล้าผลักดันราคาสินค้าต่อไปมากกว่านี้แน่ พวกผู้ค้ารายย่อยก็ไม่มีใครประกาศซื้อสินค้าเลยสักคนด้วย”

ไคโรไม่ได้ตอบคำถามนั้นของที่ปรึกษาซึ่งนั่งอยู่ฝั่งขวา แต่หันไปพูดกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่บริเวณหน้าบัลลังก์แทน

“ยังไม่ได้ข่าวจากอีเว่นสตาร์อีกเหรอ?”

“เอ่อ… จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลยครับ แต่คนของเราก็กำลังเร่งสืบหาข้อมูลอยู่ การติดต่อกับเส้นสายที่อยู่ในตัวเมืองชั้นในของพวกเอลฟ์มีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยาก คงต้องรอสักพักหนึ่งครับ”

“แล้วไปสืบดูมารึยังว่าพวกพ่อค้าที่ทำการซื้อขายหญ้ามายาสีขาวในตอนนี้อยู่น่ะเป็นใคร”

“เราให้คนไปจับตาดูทั้งในบาซ่าและศูนย์บริการของกระดานแลกเปลี่ยนทั้งสามสิบแห่งแล้วครับ พบว่าผู้ค้าที่นำสินค้าเข้ามาขายเป็นพวกพ่อค้าเร่จากนอกเมืองที่เข้ามาขายเพราะได้ข่าวว่าตอนนี้ราคาของหญ้ามายาสีขาวกำลังขึ้น ส่วนคนที่ซื้อไปก็เป็นพ่อค้าเร่ที่มาจากนอกเมืองเช่นกัน แต่เป็นพ่อค้าที่เรายืนยันรูปพรรณกับฐานข้อมูลไม่ได้ ไม่น่าจะเป็นพ่อค้าจากในจูริสน่ะครับ”

“ยืนยันไม่ได้เฉพาะพวกผู้รับซื้องั้นเหรอ? แต่พวกผู้ขายน่ะเป็นพ่อค้าที่เคยทำการค้าเป็นประจำแน่นะ? มีการหมุนเวียนเข้ามาขายของซ้ำบ้างรึเปล่า?”

“ครับ พวกผู้ขายน่ะเราตรวจสอบรูปพรรณกับฐานข้อมูลแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นพ่อค้าเร่หรือพ่อค้าจากต่างเมืองภายในจูริสเอง แต่ละคนขายของเสร็จแล้วก็จากไป ไม่มีการหมุนเวียนกลับเข้ามาขายของซ้ำครับ แต่พวกผู้ซื้อน่ะนั่งเฝ้ากระดานแลกเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา แถมรูปพรรณก็ไม่มีในฐานข้อมูลของเรา รู้สึกว่าบางคนจะเป็นคนของเผ่าเอลฟ์ด้วยครับ”

เมื่อได้ฟังคำพูดนั้นแล้ว ไคโรเลิกคิ้วขึ้นด้วยความรู้สึกสนใจเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาครุ่นคิดอีกครั้ง ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าเรื่องนี้ยังมีอะไรมากกว่าที่เห็น ทำให้เขาอยากจะรอดูสถานการณ์ไปอีกหน่อย

“ยังไงการปั่นราคานี่ก็คงไม่สำเร็จอยู่แล้ว ไม่มีผู้ค้ารายย่อยคนไหนติดกับเลยสักคนเดียว เจ้าตัวการนั่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามปั่นราคาต่อไปเรื่อย ๆ หรือไม่ก็หยุดการปั่นราคา ทันทีที่ราคาหยุดนิ่ง เราจะเทขายสินค้าที่อยู่ในมือเราทันที แต่ถ้ามันยังพยายามปั่นราคาต่อไปอีกละก็…

การจะปั่นราคาด้วยการซื้อขายกับตัวเองไปเรื่อย ๆ แบบนี้ไม่มีทางที่จะดึงดูดผู้ค้ารายย่อยให้มาติดกับได้แน่ ตัวการของการปั่นราคาสินค้าในครั้งนี้จะต้องมีวิธีการอะไรสักอย่างที่จะเปลี่ยนกระแสของตลาดให้เป็นไปดังที่มันต้องการ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการปล่อยข่าวลวงเพื่อเพิ่มมูลค่าของหญ้ามายาสีขาว สั่งคนของเราให้คอยฟังข่าวลือในตลาดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นข่าวแบบไหน…”

ยังไม่ทันที่ไคโรจะพูดได้จบประโยค ก็มีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง และมาหยุดที่หน้าบัลลังก์ ทำให้ไคโรและที่ปรึกษาทั้งสองต่างก็หันไปมองยังชายหนุ่มโดยพร้อมเพรียงกัน

เขารวบรวมลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยืนตัวตรงแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้บัลลังก์ที่ทั้งสามนั่งอยู่ และกล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

“ตอนนี้ในเมืองกำลังมีข่าวลือว่า ที่อีเว่นสตาร์มีการพัฒนาเอริกเซอร์ (Elixir) ตัวใหม่ขึ้นมา ซึ่งเอริกเซอร์ตัวนี้ใช้หญ้ามายาสีขาวเป็นวัตถุดิบ ทำให้มีพวกพ่อค้าจากอีเว่นสตาร์เดินทางมาเพื่อกว้านซื้อหญ้ามายาสีขาวทั้งหมดไป เพราะถ้าหากมีการเปิดตัวเอริกเซอร์ตัวนี้อย่างเป็นทางการแล้ว มูลค่าของหญ้ามายาสีขาวจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเกือบยี่สิบเท่าเลยครับ!”

เมื่อได้ฟังคำพูดของชายหนุ่ม ที่ปรึกษาทั้งสองต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน

มีเพียงไคโรที่เริ่มแสยะยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมา

“หึหึ… หึหึหึหึ… ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ”

เสียงหัวเราะในลำคอที่ค่อย ๆ กลายเป็นการหัวเราะลั่นของไคโร ทำให้ที่ปรึกษาทั้งสองรวมไปถึงผู้คนในห้องหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน ซึ่งไคโรก็ยังคงหัวเราะต่อไปอีกครู่หนึ่งจึงจะสงบลง แล้วเขาก็เอ่ยคำพูดออกมา

“เฮ้อ… อุตส่าห์คาดหวังเอาไว้ตั้งเยอะ สุดท้ายก็เป็นแค่เล่ห์กลกระจอก ๆ รึเนี่ย… น่าผิดหวังจริง ๆ … ไม่สิ ฉันเองนี่แหละที่หวังสูงเกินไป…”

ไคโรพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่ยังแสดงความรู้สึกขบขันออกมา ก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าและออกคำสั่งกับทุกคนอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงอันทรงอำนาจ

“สั่งคนของเราให้เอาหญ้ามายาสีขาวทั้งยี่สิบตันออกมาจากคลังได้… ถึงเวลาที่จะจบเรื่องน่ารำคาญนี่ซะที”

 

——————————————————————————–

 

Part 2

 

เมื่อได้รับคำสั่ง หนึ่งในผู้ประสานงานก็แยกตัวออกไปเพื่อดำเนินการ แต่ก็ยังมีผู้ประสานงานอีกกลุ่มหนึ่งยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ที่ด้านหน้าของพื้นยกระดับเพื่อรอรับคำสั่งอื่น ๆ ส่วนไคโรก็ลุกขึ้นยืนและจ้องมองหน้าจอที่แสดงภาพรายการซื้อขายของกระดานแลกเปลี่ยน พลางพูดกับที่ปรึกษาทั้งสองไปด้วย

“ข่าวลือเรื่องเอริกเซอร์คงทำให้พวกพ่อค้ารายย่อยเกินความแตกตื่นไม่น้อยทีเดียว ถึงไม่ใช่ทุกคนที่จะหลงกลในทันที แต่เมื่อมีคนที่หลงเชื่อและเริ่มลงประกาศรับซื้อหญ้ามายาสีขาวมาเก็บไว้ คนอื่น ๆ ก็จะเริ่มนึกอยากที่จะถือครองสินค้าเก็บไว้เพื่อความอุ่นใจบ้าง โดยเฉพาะราคาของมันตอนนี้ ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นจากเดิมร่วมสามเท่า แต่ก็ยังไม่นับว่าเป็นสินค้าราคาแพงอยู่ดี การซื้อมาถือเก็บไว้ย่อมไม่ใช่เรื่องเสียหาย

พอมีคนประกาศรับซื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นกระแสความต้องการลวงที่ช่วยผลักดันให้ข่าวลือเรื่องเอริกเซอร์ยิ่งฟังดูมีมูลความจริงมากขึ้นอีก พวกพ่อค้ารายย่อยที่รอดูท่าทีอยู่เมื่อเห็นกระแสนี้ก็จะรี่เข้าไปประกาศรับซื้อของมากักตุนด้วย ไม่ต่างจากแมงเม่าบินเข้ากองไฟเลย เมื่อได้จำนวนการรับซื้อที่ต้องการแล้ว เจ้าตัวการของเรื่องนี้ก็จะปล่อยสินค้าทั้งหมดออกมาและเชิดเงินหนีไป เป็นการจบแผนการปั่นราคาหญ้ามายาสีขาวครั้งนี้”

ที่ปรึกษาทั้งสองต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย ในขณะที่ไคโรก็พูดต่อ

“อีกวิธีที่มันจะทำก็คือการแอบปล่อยของออกมาในระหว่างที่ราคากำลังขึ้นอยู่ แม้จะมีการประกาศขาย แต่ถ้าอัตราการขายยังต่ำกว่าปริมาณการซื้อ ผู้คนก็จะไม่เกิดความสงสัยนัก เพราะคิดว่าเป็นแค่คนที่พอใจกับราคานี้แล้ว ทั้งยังจะแย่งกันซื้อมาเก็งกำไรอีก เนื่องจากคิดว่าราคาสินค้ายังอยู่ในช่วงขาขึ้น วิธีนี้ค่อนข้างจะปลอดภัยกว่าวิธีแรก แถมการตรวจสอบยังทำได้ยากด้วย แต่ก็ทำให้ปล่อยสินค้าได้ช้ากว่าเช่นกัน”

“ถ้างั้นเราก็ควรจะเริ่มการทุบราคาทันทีที่เริ่มมีการปล่อยสินค้าออกมารึเปล่า?”

ที่ปรึกษาฝั่งซ้ายเอ่ยพูดขึ้น แต่ไคโรก็ส่ายหน้า

“ไหน ๆ ก็มีคนช่วยขุดหน้าดิน หว่านเมล็ด มาให้เราตั้งขนาดนี้แล้ว ถ้าเราแค่ไล่มันไป เมล็ดที่หว่านไว้มิเสียเปล่าหรอกรึ? เราควรรอให้เมล็ดผลิดอกออกผลซะก่อนแล้วค่อยไล่มันไป จะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตที่ทิ้งเอาไว้โดยไม่ต้องเปลืองแรงไงล่ะ”

ไคโรกล่าวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มอันชั่วร้าย เช่นเดียวกับที่ปรึกษาทั้งสองที่พยักหน้าและยิ้มตอบกลับมาด้วยสีหน้าแบบเดียวกัน

“ด้วยราคาตอนนี้บวกกับอัตราของราคาที่กำลังปรับขึ้น ขอแค่ปล่อยสินค้าออกมาได้สัก 15 ตัน พวกมันก็จะมีกำไร เจ้าพวกนั้นอาจไม่ฝันหวานถึงขนาดปล่อยของออกมาหมดทั้ง 50 ตันแล้ว เพราะท่าทีของพวกพ่อค้ารายย่อยในตลาดน่าจะทำให้มันเห็นแล้วว่าพ่อค้าในจูริไพร์มมีความระวังตัวแค่ไหน จำนวน 15 ตันนี่แหละคือจุดตายของมัน ดังนั้นเราจะทำการทุบราคาทันทีที่มีคำประกาศซื้อถึง 15 ตัน!”

เมื่อพูดจบ ไคโรก็หันไปสั่งการกับเหล่าผู้ประสานงานที่ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่เบื้องหน้า         “พวกแกคอยจับตาดูปริมาณการรับซื้อให้ดี เมื่อไหร่ที่ยอดรวมการรับซื้อขึ้นถึง 15 ตัน ให้ทำการเทขายหญ้ามายาสีขาวที่เรามีอยู่ออกไปให้หมด ส่วนของที่เหลือก็ให้เอาขึ้นไปประกาศขายบนกระดานแลกเปลี่ยนในทันที เหลืออยู่กี่ตันก็เอาขึ้นไปวางขายตามจำนวนนั้น”

ชายสองคนในกลุ่มพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะแยกตัวและเดินออกจากห้องไป

“ส่วนพวกแก ทันทีที่การเทขายเกิดขึ้น ให้ปล่อยข่าวออกไปว่า ‘ข่าวลือเรื่องเอริกเซอร์ชนิดใหม่น่ะเป็นข่าวลวง เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นความพยายามปั่นราคาสินค้าของคนที่กว้านซื้อไปก่อนหน้า’ ทำการกระจายข่าวนี้ให้ทั่วทุกแห่ง และให้ทุกคนรับรู้โดยเร็วที่สุด”

ชายอีกสองคนพยักหน้ารับ ก่อนจะแยกตัวและเดินออกจากห้องไปเช่นกัน

“เราจะปล่อยให้ตัวการของความวุ่นวายนี้หนีไปเฉย ๆ ไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าในมือของพวกมันยังถือหญ้ามายาสีขาวอีก 50 ตันอยู่ด้วย… สั่งคนของเราให้แอบซุ่มปิดล้อมศูนย์บริการของกระดานแลกเปลี่ยนทุกแห่งเอาไว้ รวมทั้งปิดล้อมทางเข้าออกของบาซ่าด้วย ในเวลาที่เกิดการทุบราคาน่ะ คนทั่วไปต้องอยู่ในอาการสับสนจนไม่มีใครคิดจะออกจากพื้นที่หรอก โดยเฉพาะคนที่ซื้อสินค้ามาตุนไว้ก่อนหน้านี้คงยิ่งทำอะไรไม่ถูกที่ราคาสินค้าตกลงอย่างฮวบฮาบ มีแต่พวกกลุ่มผู้ปั่นราคาเท่านั้นที่คิดจะหนีเพราะรู้ว่าแผนถูกเปิดโปงแล้ว หากพวกผู้ซื้อที่เราจับตาดูอยู่มีท่าทีว่าจะหนี ก็ให้รีบจับตัวพวกมันมาซะ จำไว้ว่าต้องจับเป็นเท่านั้น เราจะสาวไปให้ถึงต้นตอขบวนการของมัน แล้วยึดสินค้าที่มันครอบครองอยู่มาเป็นของเราแทน”

ชายอีกสองคนสุดท้ายพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

เมื่อสั่งการให้ทุกคนไปดำเนินงานตามแผนการแล้ว ไคโรก็กลับมาจ้องมองหน้าจอของกระดานแลกเปลี่ยนและเริ่มพูดกับที่ปรึกษาทั้งสองอีกครั้ง

“ทันทีที่ทุกคำสั่งซื้อหายไปจากกระดาน และมีคำประกาศขายปริมาณมหาศาลปรากฏขึ้นมาแทน พวกพ่อค้ารายย่อยก็จะต้องหยุดชะงักและเริ่มคิดได้ว่ากำลังหลงกลใครบางคนเข้าแล้ว ในเวลาเดียวกันเมื่อมีข่าวใหม่ที่เปิดโปงข่าวลือก่อนหน้าว่าเป็นการหลอกลวงขึ้นมา ทุกอย่างก็จะลงล็อค จะไม่มีใครเชื่อข่าวลือนั้นอีกและรู้ว่าตัวเองกำลังถูกหลอก ทุกคนที่ถือครองหญ้ามายาสีขาวอยู่ก็จะแห่กันเทขายสินค้าที่อยู่ในมือทันที แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครคิดที่จะซื้อแล้วล่ะนะ ราคาของมันน่าจะตกลงไปจนต่ำกว่าราคาปกติพอสมควรทีเดียว ถึงตอนนั้นเราจะช้อนซื้อกลับมาให้หมด เท่านี้เราก็จะเป็นผู้ครอบครองหญ้ามายาสีขาวรายใหญ่ที่สุดอย่างแท้จริง และสามารถตั้งราคาได้ตามใจชอบ นอกจากนี้เรายังอาจได้หญ้าอีก 50 ตันที่พวกมันถือครองอยู่ด้วย รวม ๆ แล้วการค้าครั้งนี้เราน่าจะมีกำไรราว ๆ 5,000 โกลด์ได้ ก็นับเป็นค่าเสียเวลาที่ไม่เลวทีเดียว…”

เมื่อได้ยินคำพูดของไคโร ที่ปรึกษาซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ฝั่งซ้ายก็หัวเราะและกล่าวคำพูดออกมาบ้าง

“ฮ่ะ ๆ ๆ สมกับเป็นท่านไคโร พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ขนาดนี้ น่าเสียดายที่สินค้าที่มีการปั่นราคาครั้งนี้มันเป็นของที่มีต้นทุนต่ำไปหน่อย ถ้าเป็นสินค้าที่มีราคาเริ่มต้นสัก 2-3 โกลด์ละก็ งานนี้เราอาจมีกำไร 20,000 – 30,000 โกลด์เลยก็ได้”

“จะเรียกว่าเป็นวิกฤติก็ดูจะเกินจริงไปหน่อย ของแบบนี้น่ะ ต่อให้เป็นพ่อค้าข้างถนนก็ยังพอจะดูออกเลย พวกที่หลงกลคงมีแต่พวกพ่อค้าเร่มือใหม่ที่ไม่รู้กลโกงในวงการเท่านั้นแหละ”

ทั้งสามคนแลกเปลี่ยนบทสนทนาพลางหัวเราะไปด้วย โดยไม่มีท่าทีเคร่งเครียดเลยสักนิด

แม้จะมีบางเรื่องที่ไคโรยังรู้สึกข้องใจอยู่เล็กน้อย แต่เขาคิดว่าตัวเองคงประเมินอีกฝ่ายสูงเกินไปมากกว่า

ในระหว่างนั้น ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานสถานการณ์อีกด้าน

“ท่านครับ ตอนนี้คนของเราพบส่วนหนึ่งของกองคาราวานที่มากว้านซื้อสินค้าเมื่อวานนี้แล้วครับ”

การรายงานนั้นทำให้ไคโรเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะถามรายละเอียดจากชายหนุ่ม

“ส่วนหนึ่งเหรอ? หมายความว่ายังไง?”

“คือ กองคาราวานกองนี้ได้แยกตัวกันเป็นหลายกลุ่มแล้วกระจายตัวไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อซื้อสินค้าครับ เราลองสืบดูแล้ว ของที่พวกมันซื้อคือหญ้ามายาสีขาวครับ”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ไคโรก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

การที่กลุ่มผู้ปั่นราคายังพยายามกว้านซื้อสินค้ามากักตุนอยู่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่บางทีคนกลุ่มนี้อาจพยายามตัดตอนสินค้าจากเมืองอื่นที่อาจหลั่งไหลเข้ามาจนมีผลกับการควบคุมราคาตลาดในจูริสไพร์มได้ พฤติกรรมนี้จึงไม่นับว่าขัดแย้งกับแผนการปั่นราคาซะทีเดียว

อย่างไรก็ตาม การได้พบกองคาราวานที่มากว้านซื้อสินค้าก็นับเป็นเรื่องดี เพราะการดักจับพวกผู้ขายที่ปะปนอยู่ในกลุ่มพ่อค้าทั่วไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ถ้าคนพวกนี้ฉลาดพอก็อาจทำตัวกลมกลืนไปก่อน จากนั้นก็รอให้เหตุการณ์ซาลงแล้วค่อยหลบหนีออกไปจากเมืองก็ได้ การจับตัวคนจากกองคาราวานมาโดยตรงจึงน่าจะเป็นเรื่องที่คาดหวังได้มากกว่า

“สั่งคนของเราให้จับตัวพวกมันกลับมาซะ จำไว้ว่าต้องจับเป็นเท่านั้น พามันกลับมาที่นี่ ฉันจะสอบสวนมันด้วยตัวเอง”

เมื่อได้รับคำสั่ง ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปดำเนินการในทันที

เรื่องนี้ได้มากระตุ้นความรู้สึกข้องใจของไคโรให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น แต่เขาก็ยังไม่คิดว่าเรื่องราวจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ได้ เพราะทุกอย่างก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว กลุ่มผู้ปั่นราคาพยายามกว้านซื้อสินค้าทั้งหมดและทำการสร้างภาวะซื้อขายลวงเพื่อปั่นราคาสินค้า พร้อมกับปล่อยข่าวลือให้คนเชื่อว่าราคาสินค้ากำลังจะขึ้น เพื่อรอขายสินค้าทั้งหมดในจังหวะที่มีการรับซื้อเป็นจำนวนมาก ก่อนจะเชิดเงินหนีไป นี่เป็นเล่ห์กลง่าย ๆ ที่มีคนเคยใช้มาหลายครั้งแล้ว

แต่ก็เพราะความง่ายของมันนี่แหละ ที่ทำให้ไคโรเกิดความรู้สึกข้องใจ ว่าจะมีคนกล้าใช้เล่ห์กลง่าย ๆ แบบนี้ในดงเสืออย่างตลาดของจูริไพร์มจริง ๆ น่ะเหรอ? เพราะถึงพวกพ่อค้าเร่ หรือผู้ค้ารายย่อยจะติดกับ กลุ่มการค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะสมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์ม ก็ไม่มีทางหลงกลแน่ แถมยังจะดักซ้อนแผนเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ตัดหน้าได้อีกด้วย

ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งคือ คนกลุ่มนี้อาจมั่นใจในข้อมูลของตนเองมากเกินไป และคิดว่าหญ้ามายาสีขาวจำนวน 50 ตันนั้นคือจำนวนทั้งหมดในตลาดของจูริสไพร์มแล้ว จึงไม่คิดว่าจะมีใครที่มีสินค้าในครอบครองเป็นจำนวนมากพอที่จะทำลายแผนการของพวกมันได้ และหญ้าจำนวน 20 ตันที่ทางสมาพันธ์ครอบครองอยู่นั้นก็เป็นของที่อยู่ในโกดังสำรอง ซึ่งคนทั่วไปไม่น่าจะรู้จริง ๆ

หากเป็นเช่นนั้นจริง งานนี้ก็ถือว่าเป็นลาภลอยสำหรับสมาคมการค้าแห่งจูริสไพร์มเลยทีเดียว

ในระหว่างที่ทบทวนเรื่องต่าง ๆ อยู่ ที่ปรึกษาทั้งสองก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งและเดินขึ้นมายืนเคียงข้างไคโร เพื่อจ้องมองดูหน้าจอข้อมูลโดยพร้อมเพรียงกัน

เพราะจำนวนการรับซื้อของหญ้ามายาสีขาวบนกระดานแลกเปลี่ยนนั้น มียอดรวมครบ 15 ตันแล้ว

 

——————————————————————————–

 

Part 3

 

ทันทีที่ยอดการสั่งซื้อครบ 15 ตัน คนของสมาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มก็เริ่มดำเนินการตามแผนการของไคโรในทันที

กลุ่มที่ได้รับมอบหมายให้ขายหญ้ามายาสีขาว ได้ทำการเทขายสินค้าให้กับผู้ซื้อทุกคนจนครบจำนวนในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที ทำให้ประกาศรับซื้อซึ่งเคยมีอยู่เต็มหน้ากระดานแลกเปลี่ยนหายไปจนหมด

ในเวลาเดียวกัน ทางฝั่งประกาศขายที่เคยว่างเปล่าก็เริ่มมีคำประกาศขายหญ้ามายาสีขาวเด้งขึ้นมาเป็นจำนวนมากจนเต็มหน้ากระดาน ทั้งหมดนี้เป็นคนของสาพันธ์การค้าแห่งจูริสไพร์มที่แยกกันยื่นคำประกาศขาย เพื่อให้ดูว่าผู้คนจำนวนมากเลิกถือครองสินค้าและหันมาเทขายแทนแล้ว

อีกด้านหนึ่ง ภายในบาซ่าและในตัวเมืองจูริสไพร์มก็มีคนวิ่งตะโกนประกาศข่าวด่วน ว่าการขึ้นราคาของหญ้ามายาสีขาวนั้นเป็นแค่กลลวงของผู้กักตุนสินค้า ส่วนข่าวลือที่ว่ามีการค้นพบเอริกเซอร์ชนิดใหม่ที่อีเว่นสตาร์นั้นไม่เป็นความจริงแต่ประการใด

สถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเวลาเกือบจะพร้อมกันนี้ทำให้เหล่าพ่อค้าทั้งในบาซ่าและตามศูนย์บริการของกระดานแลกเปลี่ยนเกิดความตื่นตระหนก จนทำให้ทุกที่ตกอยู่ในความโกลาหลในทันที

การที่คำสั่งซื้อทั้งหมดหายไป แถมยังมีประกาศขายจำนวนมากขึ้นมาแทน ทำให้ข่าวด่วนที่มาเปิดโปงข่าวลือก่อนหน้ายิ่งเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือ เพราะทุกอย่างต่างก็เชื่อมโยงกัน เมื่อความจริงถูกเปิดเผยแล้ว จึงไม่มีใครคิดจะถือครองหญ้ามายาสีขาวเอาไว้อีก ทุกคนที่มีหญ้าอยู่ในครอบครองจึงแห่พากันเทขายสินค้าของตัวเองลงไปในกระดาน ทำให้ราคาของหญ้ามายาสีขาวลดลงอย่างฮวบฮาบ จากที่เคยมีราคาสูงถึง 18 ซิลเวอร์ต่อกิโลกรัม ภายในเวลาไม่กี่นาทีก็มีการตัดราคากันจนลดลงมาอยู่ที่ 10 ซิลเวอร์ต่อกิโลกรัมแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีคนซื้อ จึงเกิดการขายตัดราคากันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคายิ่งลดลงเรื่อย ๆ

ไคโรและเหล่าที่ปรึกษาเฝ้าดูความโกลาหลในสถานที่ต่าง ๆ ผ่านทางหน้าจอสอดแนมด้วยสีหน้าพึงใจ แค่การขายหญ้ามายาสีขาว 15 ตันนี้ ทางสหพันธ์ก็ได้เงินมาร่วม 2,700 โกลด์แล้ว ทั้งที่เดิมทีหญ้า 15 ตันนี้มีมูลค่าเพียง 750 โกลด์โดยประมาณเท่านั้น และในขณะนี้ราคาของมันก็ยังดิ่งลงไปเรื่อย ๆ ผ่านมาเพียงสิบนาที ราคาของหญ้ามายาสีขาวก็เหลือเพียง 5 ซิลเวอร์ต่อกิโลกรัมแล้ว

เขากำลังคิดว่าราคาของมันอาจลดลงไปจนถึงหลักคอปเปอร์เลยก็ได้ เพราะตอนนี้ในตลาดกำลังเกิดความตื่นตระหนกและมีสินค้าเอ่อล้นอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก ถึงตอนนั้นทางสมาพันธ์ก็จะช้อนซื้อหญ้ามายาสีขาวทั้งหมดมาเก็บไว้เอง เท่านี้ก็จะสามารถตั้งราคาได้ตามใจและทำกำไรจากมันได้อีกรอบ ซึ่งต่อให้นำมาขายในราคาปกติก็น่าจะมีกำไร 5-6 เท่าอยู่ดี นับเป็นความสำเร็จอย่างงดงาม

ในระหว่างที่จ้องมองหน้าจอข้อมูลพลางครุ่นคิดอยู่นั้น ไคโรก็รู้สึกว่าเวลาผ่านมาพักหนึ่งแล้ว คนของสมาพันธ์ที่ไปปิดล้อมที่ต่าง ๆ อยู่ควรจะมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง จึงเอ่ยถามกับผู้ประสานงานที่อยู่ใกล้ ๆ

“ยังไม่มีข่าวจากคนที่ไปปิดล้อมพื้นที่อยู่อีกเหรอ?”

“พวกเขาแจ้งมาว่าสถานการณ์ยังปกติครับ ไม่มีใครพยายามออกจากพื้นที่ในช่วงนี้เลย ทุกคนล้วนแล้วแต่พยายามนำหญ้ามายาสีขาวที่ถือครองอยู่เข้าไปขายบนกระดานแลกเปลี่ยนกันทั้งนั้น แม้แต่คนที่เราจับตามองเป็นพิเศษก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเลยครับ”

ไคโรไม่รู้สึกแปลกใจมากนัก เพราะนี่เป็นเรื่องที่อยู่ในการคาดการณ์ของเขาอยู่แล้ว เขาจึงหวังกับกลุ่มที่ส่งไปจับตัวคนจากกองคาราวานมากกว่า

ทันใดนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานพอดี แต่สีหน้าของเขากลับไม่สู้ดีนัก เขามีท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

“ท่านครับ… กลุ่มที่ไปจับคนจากกองคาราวานรายงานกลับมาแล้ว… คือ… พวกมันหนีรอดไปได้ครับ…”

คำพูดนั้นทำให้ไคโรขมวดคิ้วขึ้น เช่นเดียวกับที่ปรึกษาทั้งสองซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง ทำให้บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดขึ้นมาทันที

“ไหนลองอธิบายมาให้ชัด ๆ ซิ”

ไคโรพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นและน่าเกรงขาม จนทำให้ชายหนุ่มที่มารายงานเกิดอาการสั่นอยู่เล็กน้อย เขารวบรวมความกล้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายเหตุการณ์ให้ฟังอย่างละเอียด

“คนของเราบอกว่า… ทีแรกก็ใกล้จะจับตัวพวกมันได้แล้ว แต่เพราะท่านไคโรสั่งให้จับเป็นเท่านั้น ทุกคนจึงพยายามออมมืออย่างเต็มที่ ทว่าในจังหวะที่กำลังจะเข้าไปจับนั้นเอง พวกมันก็หยิบขวดยาขวดหนึ่งออกมาดื่ม ทันใดนั้นพวกมันก็เหมือนกับได้รับกำลังวังชามหาศาลจากไหนก็ไม่รู้ ความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้สามารถตีฝ่าและหลบหนีการไล่ตามของพวกเราไปได้ในที่สุดครับ…”

ไคโรเลิกคิ้วขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ขวดยา’ แถมเมื่อได้ฟังคุณสมบัติของมัน เขาก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น ในขณะเดียวกันที่ปรึกษาซึ่งนั่งอยู่ฝั่งขวาก็ระเบิดโทสะออกมา

“บ้าที่สุด! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ ! สมาพันธ์ของเราจะเลี้ยงคนไม่ได้เรื่องอย่างพวกแกเอาไว้ทำไมอีก!?”

เสียงตวาดของที่ปรึกษาฝั่งขวาทำให้ชายหนุ่มมีอาการสั่นมากขึ้น แต่ไคโรก็ยกมือปรามไว้ ก่อนจะกล่าวคำถามกับชายหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง

“พวกมันมีกันกี่คน? แล้วพวกแกไปกันกี่คน? พาใครไปบ้าง?”

“เอ่อ… พวกมันมีกันทั้งหมดสี่คนครับ ทั้งหมดเป็นชาวเอลฟ์ ส่วนคนของเรามีกันเกือบยี่สิบคน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นนักผจญภัยระดับ 4-5 และสามคนในนั้นยังเป็นนักผจญภัยระดับ 6 ด้วย…”

“ว่าไงนะ!? นี่พวกแก…!?”

ที่ปรึกษาฝั่งขวาระเบิดโทสะขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ถูกไคโรหันไปมองด้วยแววตาอันเย็นเยียบ ทำให้เขาต้องสงบปากสงบคำในทันที

เมื่อสะกดที่ปรึกษาฝั่งขวาไว้ได้แล้ว ไคโรก็หันมาพูดกับชายหนุ่มอีกครั้ง

“แล้วพวกมันทิ้งอะไรเอาไว้บ้างรึเปล่า? ของที่พอจะใช้เป็นเบาะแสน่ะ”

“เอ่อ… สัมภาระของพวกมันก็เป็นเครื่องใช้สำหรับพ่อค้าเร่ทั่วไปครับ ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษ แต่คนของเราเก็บขวดยาที่พวกมันใช้ดื่มก่อนจะหลบหนีไปมาได้ ด้านในยังพอมีตัวยาเหลืออยู่นิดหน่อยด้วยครับ”

ไคโรเลิกคิ้วด้วยความสนใจขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกสะกิดใจกับเรื่องยาขวดนี้ตั้งแต่ได้ยินในทีแรกแล้ว จึงเอ่ยกำชับกับชายหนุ่มเป็นพิเศษ

“รักษายาขวดนั้นเอาไว้ให้ดี ให้คนของเรารีบนำมันกลับมา พอกลับมาถึงแล้วก็ให้ส่งไปให้นักเคมีของเราทำการตรวจสอบส่วนประกอบซะ”

“รับทราบครับ”

เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็ก้าวถอยหลังก่อนจะหันตัวเดินออกจากห้องเพื่อไปจัดการตามคำสั่ง ส่วนไคโรก็เริ่มมีท่าทีครุ่นคิดอีกครั้ง

ยาที่พวกเอลฟ์ใช้ก่อนจะหลบหนีไปนั้นเริ่มสะกิดความสงสัยของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ องค์ประกอบหลายอย่างนี้เริ่มเชื่อต่อกันจนเกิดเป็นความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งขึ้นมา แต่เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นความจริงอยู่ดี

ทันใดนั้น ที่ปรึกษาฝ่ายซ้ายก็เอ่ยคำพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง

“ทะ.. ท่านไคโร! ดูนั่นสิครับ!”

ที่ปรึกษาตะโกนขึ้นพลางชี้ไปยังหน้าจอการซื้อขาย ซึ่งเมื่อไคโรหันมองตามไป เขาก็ต้องตกตะลึงจนตาค้างเช่นกัน

เพราะหญ้ามายาสีขาวที่ถูกประกาศขายอยู่เป็นจำนวนมากกว่า 20 ตันบนกระดานแลกเปลี่ยนนั้นถูกคนกว้านซื้อไปจนหมด ไม่มีเหลือแม้แต่รายการเดียว แถมยังมีประกาศรับซื้ออันใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วย

“อะไรกัน!? ทำไมถึง? …นี่มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมากว้านซื้อแล้วนี่นา”

ในระหว่างที่ไคโรกำลังตกอยู่ในความงุนงง บนกระดานแลกเปลี่ยนก็มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ผู้คนที่ยังตื่นตะลึงกับความผันผวนของราคาไม่หายต่างก็ทยอยขายสินค้าที่ตัวเองถืออยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ประกาศรับซื้อก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย แถมยังมีการเพิ่มราคาขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ตอนนี้ราคาของหญ้ามายาสีขาวพุ่งกลับไปที่ 9 ซิลเวอร์ต่อกิโลกรัมแล้ว

“พยายามปั่นราคากลับขึ้นไปอีกครั้งงั้นเหรอ? แต่ในตลาดไม่น่าจะมีคนกล้าซื้อสินค้าที่มีความผันผวนของราคาขนาดนี้แล้วนี่นา ให้ปั่นราคาขึ้นไปเท่าไหร่ก็ไม่มีคนคล้อยตามหรอก… ไม่ถูก… แบบนี้มันไม่ถูก… นี่พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่?”

Options

not work with dark mode
Reset