Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 299.2

ตอนที่ 299.2

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

••••••••••••••••••••

บทที่ 299: โต้ตอบอสูรกาย (2)

“โอ้!” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นายหงยืนขึ้นแล้วถอนหายใจออกมา รอยยิ้มของเขาไม่สู้ดีนัก “แน่นอนว่าจะต้องมีปัญหา เรียกได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่เลยแหละ เด็กน้อยเอ๋ยเจ้าบอกข้าซิว่าข้าควรทำอย่างไร? ข้าคิดว่าก็คงจะมีปัญหากับฮัวอวิ๋น ซึ่งมันเป็นเพียงคนทรยศเท่านั้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับข้าแล้ว ข้าดูไม่มีอำนาจใดเลยงั้นเหรอ? ซึ่งฮัวอวิ๋นนั้นเป็นสิ่งที่ข้ารำคาญมาตลอดชีวิตและถ้าหากจะต้องรำคาญต่อไปก็คงไม่มีผลอะไรนักหรอก!”

“ใช่แล้ว มาดามหงกล่าวอย่างเศร้าซึม “โดยเฉพาะหอเฉวียนจี้และกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก เจ้าไม่ควรจะลงมือเด็ดขาดเช่นนี้ ผู้นำของพวกเขาในตอนนี้กลายเป็นคนบ้าไปเสียแล้ว ในตอนนี้เทือกเขาใหญ่นั้นเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนมากมาย แล้วพวกเขาถูกรุกรานจนไร้ที่อยู่อาศัย เจ้าจะให้ข้าพูดกับพวกเขาอย่างไรดี?”

“นี่ไม่ใช่การบังคับใช่ไหม?” ซ่งจงผู้ที่ต้องทุกข์ทรมานเพราะความอยุติธรรมาเนิ่นนานเริ่มกล่าว “ฮัวชิงหยุนใส่ร้ายข้า อีกทั้งยังช่วยเหลือบุตรสาวของตนเองปกปิด ข้าทำทุกอย่างไปเพราะความโกรธ อีกทั้งเหล่ากลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกนั้นกระทำตนน่ารังเกียจ พวกเขาร่วมมือกันโจมตีข้าอีกด้วย แล้วข้าต้องทำเช่นไร ข้าหนีตายมาไกลกว่าหมื่นลี้ หนีจากวงล้อมของพวกเขา ถ้าหากไม่มีข้าไม่มีสมบัติที่แข็งแกร่ง ข้าจะสามารถมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ได้หรือไม่? หรือถ้าหากเป็นพวกท่านอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน พวกท่านจะอดทนได้ไหวงั้นหรือ?”

“แน่นอนว่าไม่!” นายหงกล่าวออกมาอย่างไม่คิดนาน

“ท่านบอกข้าว่าบุรุษที่แท้จริงย่อมไม่หลั่งน้ำตา ข้านั้นไม่ได้หลั่งน้ำตาแม้แต่น้อย แต่ข้าเพียงทำให้พวกเขาหลั่งเลือดแทนน้ำตาของข้า!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างเจ็บปวด

“ฮ่า!” นายหงที่ได้ยินเช่นนั้น หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี มาดามหงก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นกัน จากนั้นนางกล่าวว่า “เจ้านั้นซุกซนเหลือเกิน! อย่างไรก็ตามเรายังคงมีความโชคดี แม้ว่าเราจะไม่อาจต่อสู้กับสำนักเสวียนเทียนได้ แต่กุญแจสำคัญในตอนนี้ก็คือความแข็งแกร่งของเจ้า ถ้าหากเจ้ากลับไปพร้อมกับเราที่สำนักงานใหญ่ของเสวียนเทียน ข้าคิดว่าทุกอย่างจะสามารถเบาบางลง ถ้าหากว่าเจ้าไม่ยินยอม แน่นอนว่าเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับสำนักพันปีศาจและหอเฉวียนจี้ที่แข็งแกร่งแน่นอน!”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาเกาศีรษะของตนพร้อมยิ้มออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก “สิ่งที่ข้าต้องการก็คือการกลับไปที่เทือกเขาใหญ่อีกครั้งแน่นอน แต่ปัญหาก็คือข้าจะสามารถจัดการความยุ่งเหยิงภายในทะเลตะวันออกนี้ได้อย่างไร?”

“มีอะไรงั้นหรือ? เจ้าต้องการที่จะเป็นสหายกับเหล่าอสูรกายพวกนี้จริงๆเหรอ?” นายหงกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด

“อาวุโสได้โปรดฟังข้าก่อน!” ซ้งจงเห็นเช่นนั้นเขารีบอธิบายออกมาอย่างรวดเร็ว “เมื่อครั้งที่ข้าถูกไล่ล่าโดยผู้ฝึกตนมนุษย์ เหล่าอสูรกายนั้นช่วยเหลือข้าไว้ จากนั้นพวกเขาตั้งให้ข้าอยู่ในตำแหน่งเจ้าชายแห่งทะเลตะวันออก พวกเขาช่วยข้าแก้แค้นให้หมดความเศร้าโศก พวกเขามีน้ำใจอย่างมาก เช่นนี้ข้าซ่งจงจะสามารถปล่อยให้พวกเขาเคว้งคว้างได้อย่างไรกัน?”

“เดี๋ยวก่อนนะ เจ้ากลายเป็นเจ้าชายแห่งทะเลตะวันออกตอนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!” นายหงกล่าวออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น “เท่าที่ข้ารู้มานั้นจะต้องเป็นอสูรกายโดยมีสายเลือดแห่งจักรพรรดิเท่านั้นจึงจำอยู่ในตำแหน่งของเจ้าชาย แต่ทว่าเจ้าเป็นมนุษย์และไม่มีสายเลือดเหล่านั้น จะกลายเป็นเจ้าชายได้อย่างไร?”

“อ่า เรื่องมันเป็นเช่นนี้!” ซ่งจงรีบกล่าวพร้อมอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างซื่อตรง

หลังจากที่คู่สามีภรรยาได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองได้แต่ตกตะลึงกับสิ่งที่ซ่งจงพูดออกมา นายหงเผยรอยยิ้มขมขื่นพร้อมกล่าวว่า “เอาล่ะเด็กน้อย เหตุใดเจ้าจึงโชคดีเช่นนี้กันนะ? ทั้งเส้นสายธารโลหิน ทั้งไฟต้นกำเนิด โอ้ ข้านั้นอิจฉาเจ้าเหลือเกิน ยังมีชาวิถีเต๋าอีกด้วยสินะ!”

ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้นออกมา บรรยากาศโดยรอบกดดันด้วยพลังมหาศาลทันที ซึ่งนายหงรู้สึกว่าตนเองได้กล่าวผิด เขารีบหุบปากของตนเองพร้อมหันไปหาภรรยาและกล่าวว่า “ภรรยา ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นนะ!”

“แล้วเจ้าหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ?” มาดามหงส่องสายตากลับมาระหว่างตอบ แม้ว่านางจะกล่าวด้วยยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มแต่ทว่าแฝงความเย็นเยือกไว้ในพลังที่ถูกส่งออกมาเช่นกัน นางหงกังวลอย่างมาก เขารีบอธิบายทันที “ข้าหมายความว่าข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะเย้ยหยันเจ้าจริงๆเรื่องที่เจ้าเอาชาวิถีเต๋าไปล้างเท้า!”

ซ่งจงได้ยินเช่นนี้ เขาเผยรอยยิ้มกว้างออกมาทันที จากนั้นเขาหัวเราะและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า ข้าชอบบทสนทนาเหล่านี้เหลือเกิน!”

มาดามหงหันไปดุสามีของตนเองจนแทบจะหยุดหายใจ “เจ้ามันพูดจาไม่เข้าท่า คิดเพียงแต่จะเย้ยหยันข้า!” เมื่อกล่าวเช่นนั้น นายหงแทบจะกระอักเลือดตายจากน้ำเสียงที่บาดลึกของภรรยาตนเอง

นายหงหลบอยู่ด้านหลังซ่งจงพร้อมกับรีบอธิบายทันที “ภรรยา ภรรยาข้า นี่เรากำลังอยู่กับเด็กนะ ได้โปรดรักษาใบหน้าของข้าไม่ได้งั้นหรือ?”

น่าสงสารที่ในตอนนี้คำพูดของนายหงนั้นกลายเป็นลมพัดไปเสียแล้ว เพียงเพราะเขานั้นไปเย้าแหย่นางในเรื่องที่ไม่ควรทำ

ซ่งจงนั้นไม่กล้าที่จะละลาย แม้ว่าภายในหัวใจของเขาจะมีความสุขกับภาพตรงหน้า แต่เขาก็พยายามเอ่ยปากขอร้อง “อาวุโสได้โปรดหยุดก่อน ช่วยระงับความโกรธของท่านลงก่อน!”

“เหอะ!” มาดามหงที่เห็นซ่งจงออกรับแทนเช่นนั้นหยุดลงทันที พร้อมกล่าวต่อ “วันนี้ข้าเห็นแก่เด็กน้อย ข้าจะทำเป็นลืมมันไปก่อนแล้วเราค่อยกลับมาคิดบัญชีเรื่องนี้กันใหม่ภายหลัง!” จากนั้นนางหยุดสร้างแรงกดดันพร้อมกับนั่งลงทันที

นายหงเผยรอยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้พร้อมนั่งลงทันที หลังจากนั้นเขากล่าวกับซ่งจง “ข้ารู้ว่าเจ้านั้นมีภาระอันใหญ่ยิ่งในที่แห่งนี้ แต่การที่เจ้าเข้าร่วมกับสำนักเสวียนเทียน ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะต้องออกจากการเป็นเจ้าชายแห่งทะเลตะวันออกสักหน่อย”

“เช่นนั้นจริงหรือ?” ซ่งจงได้ยินประโยคนั้น เขารู้สึกประหลาดใจทันที “สำนักเสวียนเทียนกับอสูรกายนั้นเป็นศัตรูกันไม่ใช่หรือ?”

“อ่า บนโลกนี้ศัตรูนั้นนับว่าเป็นเรื่องงี่เง่า เพราะไม่มีศัตรูที่ถาวรไม่ใช่หรือ? อีกทั้งหอเฉวียนจี้และสำนักพันปีศาจนั้นนับเป็นสหาย แต่สุดท้ายกลับวิ่งไล่ตามสังหารเจ้าอย่างดุเดือดไม่ใช่หรือ?” นายหงกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด

“เยี่ยม!” มาดามหงกล่าวต่อ “ในอดีตพวกเรานั้นต่อสู้กับกองทัพอสูรกายเพียงเพราะไม่ต้องการให้พวกมันรุกรานพื้นที่ แต่ในตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้นำของพวกมันแล้ว ข้าคิดว่าเราควรจะหาข้อพิพาทกันอย่างสันติ เช่นนี้ไม่ดีกว่างั้นหรือ?”

ซ่งจงเกาหัวตนเองจากนั้นกล่าวว่า “ข้ายังไม่กล้าคิดเรื่องนี้มากนัก แต่ถ้าหากผู้ฝึกตนมนุษย์ยอมที่จะสงบศึก ข้าคิดว่าเหล่าอสูรกายก็จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน!”

“เป็นเช่นนี้ถูกแล้ว เมื่อถึงเวลาเราจะเจรจากับพวกมัน!” นายหงโบกมือพร้อมกล่าวต่อ “แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่พวกข้าต้องจัดการ เจ้าจงไปบอกกล่าวกับพวกพ้องเสีย พวกเราต้องรีบแล้ว!”

“หืม?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างแปลกใจ “ไปแล้วงั้นหรือ?”

“แน่นอนว่าจะต้องเดินทางกลับสำนักงานใหญ่ของเสวียนเทียน สถานที่แห่งนั้นมีเหล่าอาวุโสคอยชี้นำการฝึกฝนให้กับเจ้า ตอนนี้หงหยิงนั้นเป็นศิษย์คนโปรดของผู้ฝึกตนระดับเลี่อนจื่อ เจ้าไม่อิจฉานางงั้นหรือ?” นายหงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

“แน่นอนว่าพรสวรรค์ของเจ้านั้นไม่ธรรมดาเช่นกัน ความอัจฉริยะที่เจ้ามีนั้นล้นเหลือ เจ้าจะมีอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมคอยชี้แนะ บางทีมันอาจเป็นโอกาสอันดีของเจ้าที่จะได้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น อนาคตของเจ้านั้นจะสดใสอย่างมากภายใต้สิ่งเหล่านี้ แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับต้าเชิงก็ยังอยากจะได้เจ้าเป็นศิษย์!” มาดามหงกล่าวเสริม

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวตอบ “สิ่งที่ท่านทั้งสองกล่าวมานั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ แต่คำถามก็คือในตอนนี้ศิษย์จะออกไปจากสถานที่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน?”

“แล้วมันมีสิ่งใดที่สำคัญไปกว่านี้อีกงั้นหรือ?” นายหงกล่าวพร้อมขมวดคิ้วแน่น

“อ่า เรื่องมันค่อนข้างยาวน่ะ!” ซ่งจงตอบกลับพร้อมกล่าวต่อ “เหล่าอสูรกายมากมายในตอนนี้ไม่อาจลอยแพพวกเขาได้ ข้าจะต้องจัดการ อีกทั้งในตอนนี้ข้ายังรอข่าวจากอีกสองคนซึ่งเป็นสหายของข้า แน่นอนว่าข้าจะพาทั้งสองไปด้วย!” ซ่งจงกล่าวถึงคู่แฝดซูหยูและซูหยุน เขาจะไม่อาจสบายใจได้ถ้าหากไม่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาจึงไม่สามารถค้นหาข่าวเกี่ยวกับทั้งคู่ได้เลย

สองสามีภรรยาได้ยินสิ่งที่ซ่งจงกล่าวเช่นนั้น ทั้งสองขมวดคิ้วพร้อมมองตากันชั่วขณะ จากนั้นนายหงกล่าวโน้มน้าวอีกครั้ง “อ้วนน้อย ข้าคิดว่าเจ้าควรจะติดตามพวกเราไปโดยเร็วที่สุด!”

“หืม?” ซ่งจงนั้นไม่ใช่คนโง่เขลา ทันทีที่เขาได้ยินเช่นนั้นเขารู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ จากนั้นเขารีบถามออกไปทันที “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

“โอ้ ข้าจำเป็นต้องพูดแล้วสินะ!” มาดามหงกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ในตอนนี้ที่เราเดินทางมาที่นี่นั้นคือความลับ สถานการณ์ปัจจุบันนั้นย่ำแย่มากสำหรับเจ้า เช่นนี้เจ้าควรจะกลับไปพร้อมกับพวกเรา ด้วยใบหน้าของข้าทั้งสอง รวมกับพรสวรรค์ของเจ้า จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น!”

“แต่ถ้าข้าไม่กลับไปล่ะ?” ซ่งจงถามกลับ

“เจ้าจะพบกับปัญหาใหญ่!” นายกงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ผู้คนในหอเฉวียนจี้และสำนักพันปีศาจนั้นต่างต้องการตัวเจ้า เรื่องราวทั้งหมดนั้นใหญ่โตอย่างมาก สำนักเสวียนเทียนนั้นจะยอมแพ้ต่อเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

“ใช่แล้ว เนื่องจากสถานะของเจ้านั้นเป็นสิ่งที่เปราะบางอย่างมาก อีกทั้งเจ้ายังครอบครองสิ่งสำคัญไว้อีก ในตอนนี้ผู้นำแห่งสำนักพันปีศาจกำลังปรารถนาที่จะได้ตัวเจ้าเช่นกัน!” มาดามหงกล่าวต่อ “แต่อาวุโสภายในสำนักเสวียนเทียนนั้นยังไม่ยอมให้พวกเขาเหล่านั้นแตะต้องตัวเจ้าได้ เพราะทุกสิ่งนั้นเป็นชื่อเสียงของสำนักเสวียนเทียน อีกทั้งพรสวรรค์ของเจ้านั้นเป็นที่เลื่องลือและควรค่าแก่การรักษาไว้อย่างยิ่ง แต่เจ้านั้นไม่มีท่าทีใดเลยหลังจากวันนั้น พวกเขาจึงไม่อาจทำสิ่งใดได้ พวกข้านั้นอดใจรอไม่ไหวจึงรีบมาหาเจ้าในวันนี้!”

“ถ้าหากดำเนินการช้ากว่านี้ ข้าเกรงว่าสำนักพันปีศาจจะต้องออกค้นหาเจ้าอย่างแน่นอน!” นายหงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ในครั้งนี้ถ้าหากพวกเขามาถึง แน่นอนว่าเจ้าคงไม่อาจรอดไปได้ ดังนั้นเจ้าจะต้องอยู่ในความดูแลของพวกเราทั้งสองคนเพื่อที่จะกลับไปอย่างปลอดภัย ภายใต้สำนักงานใหญ่เสวียนเทียนแน่นอนว่าเจ้าจะปลอดภัย!”

หลังจากที่ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ข้าจำเป็นต้องค้นหาทั้งสองคนนั้น พวกเขาสำคัญมากสำหรับข้า แต่ในตอนนี้ไร้ซึ่งข่าวสารใดๆ ซึ่งข้าไม่อาจทิ้งให้พวกนางจะต้องหลบหนีไปเพียงลำพังอย่างแน่นอน!”

“ทั้งสองคนนั้นเป็นภรรยาของเจ้างั้นหรือ?” มาดามหงถามออกมา

“อะไรนะ? ภรรยางั้นเหรอ? นอกจากหงหยิงแล้ว เจ้ากล้าที่จะแต่งงานกับหญิงสาวอื่นงั้นเหรอ?!” นายหงโกรธจัดพร้อมถามออกมาทันที “เจ้าทำเช่นนี้มันไม่ใจร้ายกับหงหยิงไปหน่อยงั้นหรือ?”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้นเลย!” ซ่งจงรีบอธิบาย “พวกนางเป็นสหายร่วมทุกข์ร่วมสุขกับข้ามาก แล้วปัจจุบันพวกนางกำลังมีปัญหา จะให้ข้าเมินเฉยได้อย่างไรกัน?”

“แน่ใจนะว่าเป็นเพียงสหาย?” นายหงถามออกมาอย่างสอดรู้

“แน่นอน ข้ากล้าสาบานต่อสวรรค์ว่าพวกเรานั้นบริสุทธิ์ใจต่อกัน!” ในตอนที่กล่าวออกมา ซ่งจงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ในความจริงแล้วเขากับซูหยู่และซูหยุนนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน นั่นนับว่าทุกสิ่งยังคงบริสุทธิ์อยู่(มั้ง)

คู่สามีภรรยาจ้องมองที่ซ่งจงด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายลง จากนั้นนายหงกล่าวออกมา “เจ้าจะต้องใช้เวลาสำหรับเรื่องนี้นานเท่าไหร่?”

“อืม!” ซ่งจงคิดก่อนที่จะกล่าวออกไป “ในตอนนี้ทาสของข้ากำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับนาง ซึ่งเขาน่าจะค้นพบเบาะแสอะไรสักอย่างแล้ว ข้าคิดว่าหนึ่งถึงสองเดือนโดยประมาณ!”

“หนึ่งถึงสองเดือนงั้นหรือ?” นายหงขมวดคิ้วพร้อมกล่าวต่อ “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ในเวลานี้พวกเราจะช่วยถ่วงเวลาไว้ให้เจ้าก่อน อย่างไรก็ตามเจ้าจงจำเอาไว้ให้ดีว่าสำนักพันปีศาจและหอเฉวียนจี้เป็นพันธมิตรกันแล้ว พวกเขาจับมือกันอย่างเหนียวแน่น ข้าเกรงว่าพวกเขาจะบุกมาที่ประตูในไม่ช้านี้ เจ้าจะต้องระวังตัวให้มาก!”

“ศิษย์รับทราบแล้ว!” ซ่งจงถามต่อ “พวกเขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนเมื่อมาถึงประตู?”

“คำนวณคร่าวๆแล้วว่ากองทัพของเจ้าน่าจะต้านทานไว้ได้ แต่ทว่าในครั้งนี้จะมีผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินเข้าร่วมด้วย ถ้าหากเป็นเช่นนั้นเจ้าจะต้องพบการต่อสู้ที่ยากลำบากเพราะผู้นำของพวกเขาอยู่ในระดับเฟินเสิน!” นายหงกล่าวตอบ

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

กดติดดาวไว้ด้วยน้า มันจะได้แจ้งเตือนค่ะ
ใครอยู่ กทม ใส่แมสกันด้วยนะคะ ผู้แปลจะตายแล้วค่ะ ภูมิแพ้หนักมาก
ฝากกด like เพจด้วยนะคะ

*ผู้แปลขี้โรค

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 234 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


อัจฉริยะทั้งสองแห่งสำนักถูกลอบสังหาร!
บุตรชายกลับกลายเป็นตกอับ!
ชีวิตนับแต่นั้นเสมือนตกนรก
มีแต่ถูกกลั่นแกล้งสารพัด
เขาสาบาน สักวันหนึ่งจะเอาคืน
จะทวงคืนต่อความอยุติธรรมที่เขาและครอบครัวได้รับ
กาลเวลาผันผ่าน เวลาแห่งการเป็นผู้ใหญ่มาถึง
เขาที่ถูกทอดทิ้งโดยสำนัก
จะต้องโดนเฉดหัวออกเพราะไม่คืบหน้าในการฝึกฝน
ครั้งอับจน เขากลับได้พบมรดกชิ้นหนึ่ง
เป็นไข่มุกดำ บิดาและมารดาของเขาหลงเหลือเอาไว้งานที่เขาถูกกลั่นแกล้งให้กระทำ กลับกลายเป็นสิ่งช่วยชีวิต
ซ่งจงจะทวงคืนความยุติธรรมแก่ตนเองและครอบครัวได้หรือไม่! โปรดติดตามต่อใน โกลาหลแห่งอสนีบาต


Options

not work with dark mode
Reset