Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 244

ตอนที่ 244

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่ 244: ปีศาจเข้าสู่ร่างกาย

จากการที่ตาเฒ่าเฟิงใช้ทุกอย่างที่มีทำให้ซ่งจงรู้สึกกดดันทันที ท้องฟ้าที่สดใสนั้นเต็มไปด้วยร่างเงานับร้อยพร้อมอาวุธนับพัน มันพุ่งเข้ามาเพื่อจะโจมตีระฆังทองแดงของซ่งจง

ใบมีดขนาดใหญ่ หอกแหลมและค้อนยักษ์ ทุกอย่างร่วงหล่นจากฟ้าราวกับดาวตก การโจมตีทุกครั้งหนักหน่วงและรุนแรงอย่างมาก เปลือกนอกของลมทองแดงนั้นเริ่มทนไม่ไหวและหลุดออกมา

ระฆังทองแดงในตอนนี้เต็มไปด้วยบาดแผลซึ่งทำให้มันน่าสงสารมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามหลังจากที่สร้างพื้นผิวให้มันมายาวนานหลายปี พื้นผิวด้านนอกที่ถูกเคลือบไว้นั้นหนามาก แม้ว่าจะถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องโดยอาวุธเหล่านั้นแต่ก็ยังคงไม่สามารถทำให้มันหลุดออกไปทั้งหมดโดยง่ายดาย

ดังนั้นซ่งจงจึงไม่ได้กังวลอะไรมากนัก อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาอยู่ใต้ระฆังทองแดงและกำลังฟังเสียงปะทะกันของอาวุธกับระฆัง เขากังวลเล็กน้อย ปัญหาก็คือนอกจากการทำเช่นนี้แล้ว ซ่งจงไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไรดี

ก่อนอื่นเลยคือซ่งจงนั้นแข็งแกร่งเร็วเกินไปและเขาไม่มีเวลาที่จะค้นหาสมบัติ เขาครอบครองสมบัติไม่มากนักในตอนนี้ นอกเหนือจากระฆังทองแดงและภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า เขามีเพียงดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งธาตุทั้งห้าเท่านั้น และตอนนี้ดาบศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ในมือของแม่มดเทวะซึ่งกำลังจัดการกับพายุอสรพิษอยู่ ซ่งจงทำได้เพียงป้องกันตนเองด้วยระฆังทองแดงเท่านั้น ในตอนนี้ซ่งจงอยู่ในสภาวะไม่มีสมบัติจะใช้ เขายืนดูการโจมตีที่พุ่งเข้ามาโดยไม่มีอะไรจะโต้กลับเลย

ความจริงด้วยสถานะผู้ฝึกตนสายฟ้า เขาควรจะปลดปล่อยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เพื่อตอบโต้ แต่ปัญหาก็คือหลังจากที่ได้ต่อสู้กับราชาฉลามดำและในระหว่างหนีลูกน้องของราชาฉลามดำนับหมื่นตัว เขาโยนสายฟ้าออกไปจำนวนมาก สายฟ้าที่เขาสะสมมานานหลายปีนั้นแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว ในตอนนี้เขามีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งได้รับการปรับแต่งขึ้นมาใหม่เพียงนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าหากโยนมันออกไปตอนนี้ เขาจะไม่เหลืออะไรเพื่อหนีในภายหลัง ซ่งจงได้แต่ยืนหัวเราะอย่างขมขื่นเมื่อเขาไม่อาจทำอะไรได้เลย

แต่ตาเฒ่าเฟิงไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น เขาปลดปล่อยเวทมนตร์ทุกอย่างออกมา ส่งอาวุธนับพันเพื่อโจมตีซ่งจงอย่างอิสระ เมื่อเห็นว่าชั้นของลมทองแดงได้หลุดรุ่ยออกไป ตาเฒ่าเฟิงอดไม่ได้ที่จะมีความสุข สิ่งเดียวที่ทำให้เขาทุกข์ใจคือจำนวนเมฆที่เขาส่งออกไป แม้มันจะสามารถทำลายพื้นผิวของระฆังได้ แต่กลับไม่สามารถทำลายมันได้อย่างสมบูรณ์เสียที

แล้วเจ้าอ้วนก็ยังแสดงท่าทียียวนด้วยการยืนอยู่เฉยๆ ราวกับเขากำลังพูดว่า ‘ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าขอมีเพียงระฆังใบนี้ใบเดียวก็พอ’ นั่นราวกับว่าเขาไม่กลัวสิ่งใดบนโลกนี้แล้วเพียงมีแค่ระฆังทองแดง!

เมื่อเห็นเช่นนั้น ตาเฒ่าเฟิงที่ยังทำอะไรไม่ได้ถึงกับโกรธจัดอย่างรวดเร็ว เขาเปลี่ยนท่าทีพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “ไขมันบัดซบ ถ้าหากชายชราผู้นี้ไม่สามารถทำลายกระดองเต่าของเจ้าได้ ข้าจะยอมรับว่าเจ้านั้นมีความสามารถจริง ๆ!”

ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น ตาเฒ่าเฟิงยกมือขึ้นพร้อมกับร่ายเวทมนตร์อีกครั้ง อาวุธทุกชิ้นเข้ามาหลอมรวมกันทันที มันกว้างใหญ่ราวกับภูเขาสูงตระง่านกว่าห้าลี้

เมื่อเห็นเงาที่ปรากฏอยู่เหนือศีรษะของตน ใบหน้าของซ่งจงแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความตกใจ อาวุธยาวเพียงไม่กี่ร้อยฟุตก็เพียงพอแล้วสำหรับการทำลายชั้นลมทองแดง แต่นี่คือภูเขายาวกว่าห้าลี้ เขาจะไม่กลายเป็นหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่งั้นหรือ? แม้ว่าระฆังทองแดงจะสามารถต้านทานได้ แต่เขาที่อยู่ด้านในด้วยฐานะเจ้าของไม่สามารถต้านทานแรงกระแทกนั้นได้อย่างแน่นอน!

ไม่ว่าร่างกายของซ่งจงจะแข็งแกร่งมากเพียงใด เขาก็รู้ดีว่าขีดจำกัดของตนนั้นอยู่ที่ใด อย่างน้อยเขาก็ไม่อาจทัดเทียมกับภูเขาได้อย่างแน่นอน!

ดังนั้นเมื่อเขาเห็นภูเขาเช่นนั้น ซ่งจงไม่กล้าที่จะอยู่ในการป้องกันอย่างเดียวอีกต่อไป โชคดีที่ตาเฒ่าเฟิงต้องใช้เวลาในการเรียกใช้งานเวทมนตร์พอสมควร ซ่งจงใช้จังหวะนี้เพื่อหยิบสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบขึ้นมาพร้อมกับรวมกันให้กลายเป็นสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าอย่างรวดเร็วที่สุด จากนั้นจึงโยนมันออกไป

สำหรับตาเฒ่าเฟิงที่เห็นเช่นนั้น เขาอดที่จะหัวเราะเยาะไม่ได้ แต่เขาก็ยังไม่ได้ปลดปล่อยเวทมนตร์ของตนเอง ในเวลานั้นเขากล่าวออกมาอย่างยินดี “งี่เง่า นี่คือภูเขาที่กลั่นออกมาจากเมฆ เจ้าคิดงั้นหรือว่าสายฟ้าเพียงแค่นี้จะสามารถทำลายภูเขาลูกนี้ได้? เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่หรือเปล่า?”

เมื่อตาเฒ่าเฟิงพูดเช่นนั้น สายฟ้าที่ซ่งจงโยนออกไปนั้นระเบิดเต็มอากาศ ทำลายเมฆที่อยู่รอบ ๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเมฆจำนวนมากจะถูกทำลาย แต่ขนาดของภูเขาได้ลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ด้วยความแข็งแกร่งของตาเฒ่าเฟิงทำให้เขาซ่อมแซมส่วนที่เสียหายอย่างรวดเร็วในเวลาชั่วพริบตา

เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น ถ้าหากบอกว่าเขาไม่เคร่งเครียดคงจะเป็นการโกหก อย่างไรก็ตามเขาฟื้นสติอย่างรวดเร็วพร้อมกับหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ในขณะที่ข้าไม่สามารถทำลายภูเขาลูกนี้ได้ ข้าก็ไม่เชื่อเช่นกันว่าเจ้าจะสามารถป้องกันตนเองจากสายฟ้าของข้าได้!”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาสร้างสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าอีกครั้งพร้อมกับโยนไปที่ตาเฒ่าเฟิงโดยตรง

แม้ว่าตาเฒ่าเฟิงจะเห็นเช่นนั้น เขากลับหัวเราะออกมาดังลั่น “เด็กน้อย ให้ชายชราผู้นี้สอนบทเรียนให้กับเจ้าว่าอย่าโยนอะไรก็ตามใส่ผู้ฝึกตนธาตุลม เพราะไม่เช่นนั้นคนที่จะลำบากใจก็คือเจ้า! ฮ่าฮ่า!”

ในขณะที่ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะเช่นนั้น ร่างกายของเขาก็ปกคลุมไปด้วยการระเบิดของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเขาเดินออกมาจากกลุ่มควันพร้อมกับใบหน้าที่สดใส “อ้วนน้อย ถ้าหากเจ้าต้องการให้สิ่งนี้มันเป็นอันตรายกับข้า เจ้าควรโยนมันออกมาสองถึงสามร้อยลูก! ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็ไม่เกิดผลอะไรหรอก! ฮ่าฮ่า!”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดจนแทบจะตายทันที ในมือของเขาไม่มีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มากขนาดนั้น แล้วเขาจะสามารถใช้มันโจมตีได้อย่างไร?

ในตอนนี้ตาเฒ่าเฟิงพร้อมที่จะใช้งานเวทมนตร์แล้ว ภูเขาลูกใหญ่ที่สร้างจากเมฆ รัศมีของมันยาวกว่าห้าสิบลี้ รวมกับปราณจิตวิญญาณของตาเฒ่าเฟิงที่แข็งแกร่งทำให้เมฆนั้นแข็งราวกับก้อนหินและมีน้ำหนักเท่ากับภูเขาจริง!

ตาเฒ่าเฟิงเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา “ไขมันน้อย ลองดูว่ากระดองเต่าของเจ้าจะอดทนต่อสิ่งนี้ของข้าได้หรือไม่!”

ในขณะที่พูดออกไปเช่นนั้น ตาเฒ่าเฟิงโบกมือเพื่อสั่งให้ภูเขาพุ่งเข้าหาซ่งจงทันที

ซ่งจงรู้ตัวดีว่าเขาไม่อาจหลบมันได้ และเขาก็ไม่ได้พยายามที่จะหลบ เขาเรียกให้ระฆังทองแดงเผชิญหน้ากับภูเขาลูกนั้นทันที จากนั้นเขาหมุนเวียนปราณจิตวิญญาณของตนเองเพื่อสร้างยันต์สีเทาขึ้นมากลางอากาศพร้อมทุบฝ่ามือลงบนระฆังและคำรามว่า “ทำลาย!”

หลังจากที่เขาใช้ปราณจิตวิญญาณทั้งหมดทุบลงบนระฆังทองแดง เกิดคลื่นเสียงรุนแรงออกมาจากระฆังทองแดงทันที คลื่นเสียงที่แข็งแกร่งกระแทกเข้ากับภูเขายักษ์ราวกับมังกรที่ดุร้าย

ภูเขาลูกนี้เคยถูกทำลายไปบางส่วนด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้มันเริ่มสลายกลายเป็นหมอกเมื่อปะทะกับคลื่นเสียง การปะทะนี้ทำให้เกิดหมอกหนาทั่วพื้นที่ทันที อย่างไรก็ตามทั้งหมดจางหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับปรากฏท้องฟ้าที่สดใสออกมาอีกครั้ง

เหตุผลที่ทำให้เมฆเหล่านั้นก่อตัวกันไว้มีเพียงอย่างเดียวคือการที่ตาเฒ่าเฟิงใช้เวทมนตร์ควบคุมไว้ แน่นอนว่าระฆังทองแดงนั้นมีความสามารถในการทำลายล้าง คลื่นเสียงผ่านทุกสิ่งอย่างไปทุกหนแห่งทำให้สิ่งที่ตาเฒ่าเฟิงพยายามทำได้ถูกทำลายลงทันที ภูเขาลูกนั้นที่ดูอันตรายจึงกลายเป็นเมฆที่ไร้พิษสงอย่างรวดเร็ว

เมื่อตาเฒ่าเฟิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาตกใจมาก เขาไม่ได้ทุกข์ใจที่ภูเขาถูกทำลาย แต่ว่าเขาแปลกใจที่ระฆังที่น่าสมเพชใบนั้นสามารถปล่อยคลื่นเสียงที่รุนแรงเช่นนั้นออกมาได้

“โจมตีด้วยคลื่นเสียง? การทำเช่นนี้ได้แน่นอนว่ามันย่อมไม่ใช่อุปกรณ์วิเศษธรรมดาทั่วไป!” ตาเฒ่าเฟิงคำรามออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ไขมันบัดซบ เสียงของระฆังเมื่อครู่คืออะไรกันแน่? มันไม่ได้ทำมาจากลมทองแดงอย่างแน่นอน!”

ในโลกของผู้ฝึกตนสมบัติที่สามารถสร้างคลื่นเสียงเพื่อโจมตีได้นั้นเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งอย่างมาก และหาได้ยากยิ่งที่มันจะมีความสามารถในการป้องกันไปพร้อมกันอีกด้วย การปรับแต่งสมบัติเช่นนี้เป็นไปได้ยากมาก เพราะถ้าหากมีความผิดพลาดเล็กน้อยคลื่นเสียงที่ถูกส่งออกมาจะทำลายตัวมันเองให้กลายเป็นเศษโลหะ

ดังนั้นจึงยากมากถ้าหากต้องการสร้างอาวุธประเภทโจมตีด้วยคลื่นเสียง วัสดุจะต้องถูกเลือกสรรอย่างดีเยี่ยมและต้องดีที่สุดเท่านั้น อีกทั้งยังต้องได้รับการปรับแต่งจนกลายเป็นสมบัติวิญญาณเพื่อให้สามารถโจมตีด้วยคลื่นเสียงได้ ถ้าไม่เช่นนั้นมันก็เป็นได้เพียงของเล่นหลอกเด็ก การโจมตีด้วยคลื่นเสียงนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนทั้งหมดชื่นชอบเพราะว่ามันแทบจะทรงพลังที่สุด

เช่นนี้มันจึงเป็นสมบัติที่อยู่ในระดับขั้นที่สูงมาก และอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะไม่ทำจากลมทองแดงแน่นอน ในความจริงแล้วจากการโจมตีที่สามารถทำลายภูเขาได้ ไม่ต้องกล่าวถึงลมทองแดง แม้แต่สมบัติที่ทำมาจากวัสดุที่ยอดเยี่ยมยังไม่อาจทำได้ จึงไม่แปลกที่ตาเฒ่าเฟิงอดไม่ได้ที่จะถามซ่งจงออกไปเช่นนั้น

แน่นอนว่าซ่งจงนั้นไม่คิดจะเปิดเผยความลับของระฆังทองแดงให้ตาเฒ่าเฟิงรู้แน่นอน เขาจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ลองเดาดูสิ!”

“ไอ้เด็กสารเลวซ่งจง!” ตาเฒ่าเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้น คำรามออกมาด้วยความโกรธ “จงเย่อหยิ่งต่อไปเถิด เมื่อไหร่ที่ชายชราผู้นี้สามารถจับกุมเจ้าได้ เจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!”

“ฮ่าฮ่า!” ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะจนเสียงดังไปทั่วท้องฟ้า “ตาเฒ่าเฟิง ถ้าหากเจ้าไม่ได้ถูกจับกุมโดยสำนักเสวียนเทียน มันก็ไม่ผิดที่เจ้าจะกล่าวเช่นนั้น แต่ตอนนี้เจ้าใช้พลังแทบทั้งหมดแล้วแต่ยังไม่สามารถจับกุมข้าได้ ให้ข้าพูดเถอะนะว่าวันนี้เจ้าคงจับข้าไม่ได้หรอก!”

ขณะที่ตาเฒ่าเฟิงได้ยินเช่นนั้นแล้ว เขาได้แต่กรีดร้องในหัวใจอย่างทำอะไรไม่ได้ ‘เจ้าไขมันนี้มันรู้บางสิ่ง ถ้าไม่ใช่ว่าข้าถูกจับโดยสำนักเสวียนเทียน ข้าก็คงมีสมบัติวิเศษอย่างน้อยก็นับสิบและสามารถจัดการกับมันได้อย่างง่ายดาย แต่ในเวลานี้สมบัติของข้าได้ถูกยึดและทำลายไปจนหมดสิ้น หลังจากผ่านมาไม่กี่ปีข้าสามารถสร้างสมบัติวิเศษขั้นแปดได้ แต่กลับต้องถูกหยุดลงโดยภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า ข้ามีเพียงหมัดเท่านั้นที่จะต่อสู้ แต่มันกลับมีระฆังลลมทองแดงที่อันตรายเช่นนั้น การเคลื่อนไหวทั้งหมดที่ข้าทำลงไปไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ จะทำยังไงดี? อย่าบอกนะว่าข้าจะปล่อยให้มันหนีไปเช่นนี้? สวรรค์ ข้าบอกมันไปหมดทุกสิ่งอย่างแล้วในตอนนี้ ถ้าหากว่าซ่งจงหนีไปและเผยแพร่เรื่องราวทุกอย่าง แน่นอนว่าความตายย่อมมาถึงตัวข้าอย่างแท้จริง!’

เมื่อคิดเช่นนี้ ตาเฒ่าเฟิงอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อออกมา ในตอนนี้การต่อสู้ของพายุอสรพิษและภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าได้เปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าพายุอสรพิษจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับหยวนหยินและหญิงงามทั้งเก้าอยู่ในระดับจินตัน แต่ทว่าพายุอสรพิษนั้นสติปัญญาน้อยเกินไป

แน่นอนว่าสมบัติวิเศษนั้นไร้ความรู้สึก มันต่อสู้ด้วยความสามารถของมันเท่านั้น แต่ภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้านั้นแตกต่าง พวกนางเป็นสมบัติวิญญาณและต่อสู้ด้วยความรู้ความสามารถทั้งหมดที่นางมี เมื่อรวมกับดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งธาตุทั้งห้าทำให้พวกนางแข็งแกร่งอย่างมาก ชัดเจนว่าพวกนางสามารถเอาชนะพายุอสรพิษได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

นักบวชทั้งสี่นั้นทำสำเร็จ ลำแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองสามารถจับกุมพายุอสรพิษได้แล้ว ไม่ช้าจิตวิญญาณของมันถูกทำลายลงไปมากกว่าครึ่ง สิ่งนี้ทำให้มันเจ็บปวดอย่างมากและถูกทุบตีโดยแม่มดเทวะทั้งเก้าอย่างน่าเวทนา

ผู้ฝึกตนดาบทั้งห้าก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน เมื่อสังเกตเหตุการณ์สักครู่หนึ่ง ทั้งหมดเข้าใจการเคลื่อนไหวของพายุอสรพิษอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งห้าจึงสร้างกรงขึ้นมาเพื่อจับกุมมันอีกครั้ง ทำให้พายุอสรพิษบาดเจ็บสาหัสทันที พายุอสรพิษดิ้นอยู่นานจนสุดท้ายแล้วหมดแรงที่จะต่อสู้ไปโดยปริยาย

เมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่งจงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ตาเฒ่าเฟิง ดูเหมือนว่าลูกน้องของเจ้าจะไม่ได้ฉลาดดังที่เจ้าได้คุยโวไว้เลยนะ! ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวลา!”

เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงแสดงท่าทีว่าเขาจะละทิ้งจากตรงนี้ไปจริง เนื่องจากเขาไม่สามารถทำอะไรกับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินได้ ตอนนี้เขาไม่คิดจะกำจัดตาเฒ่าเฟิงเพื่อล้างแค้นให้กับครอบครัว เขาเพียงต้องการหนีไปจากตรงนี้และรอการฝึกฝนของเขาเพิ่มระดับมากพอที่จะแก้แค้นได้เสียก่อน

แต่ตาเฒ่าเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้น โกรธจัดพร้อมกับคำรามออกมาทันที “ไขมันบัดซบ แม้ว่าข้าจะตาย เจ้าก็ไม่มีวันที่จะหนีไปได้!”

“โถตาเฒ่าเอ๋ย!” ซ่งจงกล่าวอย่างสงบ “เจ้าใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีแล้ว ในตอนนี้เจ้าจะเอาอะไรมาหยุดข้างั้นหรือ?”

“เหอะ! เด็กเหลือขออย่างเจ้าไม่เข้าใจหรอกว่าข้านั้นมีอะไรมากกว่านั้น!” ตาเฒ่าเฟิงกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ชั่วร้าย “ในเมื่อตอนนี้เจ้ารู้ความลับมากมาย แน่นอนว่าข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าข้าจะต้องจ่ายสักหน่อย ข้าก็ยินยอม!”

เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เขาเรียกพายุอสรพิษทั้งสองตัวทันที “ปีศาจจงเข้าสู่ร่างกาย!”

จากที่ตาเฒ่าเฟิงคำรามออกมา พายุอสรพิษตื่นเต้นทันทีพร้อมเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกมันพุ่งเข้าหาตาเฒ่าเฟิงทันที

หลังจากที่พายุอสรพิษทั้งสองเข้าไปแล้ว ร่างกายของเขาขยายออกพร้อมใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด อย่างไรก็ตามปราณจิตวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาสั้น ๆ มันเพิ่มขึ้นมากถึงสามเท่า ซึ่งมันมากพอที่จะจัดการกับซ่งจงให้ตายตกไปอยู่ตรงนั้นได้เลย!

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 234 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


อัจฉริยะทั้งสองแห่งสำนักถูกลอบสังหาร!
บุตรชายกลับกลายเป็นตกอับ!
ชีวิตนับแต่นั้นเสมือนตกนรก
มีแต่ถูกกลั่นแกล้งสารพัด
เขาสาบาน สักวันหนึ่งจะเอาคืน
จะทวงคืนต่อความอยุติธรรมที่เขาและครอบครัวได้รับ
กาลเวลาผันผ่าน เวลาแห่งการเป็นผู้ใหญ่มาถึง
เขาที่ถูกทอดทิ้งโดยสำนัก
จะต้องโดนเฉดหัวออกเพราะไม่คืบหน้าในการฝึกฝน
ครั้งอับจน เขากลับได้พบมรดกชิ้นหนึ่ง
เป็นไข่มุกดำ บิดาและมารดาของเขาหลงเหลือเอาไว้งานที่เขาถูกกลั่นแกล้งให้กระทำ กลับกลายเป็นสิ่งช่วยชีวิต
ซ่งจงจะทวงคืนความยุติธรรมแก่ตนเองและครอบครัวได้หรือไม่! โปรดติดตามต่อใน โกลาหลแห่งอสนีบาต


Options

not work with dark mode
Reset