Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 146

ตอนที่ 146

บทที่ 146: หนึ่งต่อสาม!

หากประเมิณอย่างจริงจัง บุรุษทั้งสามนั้นมาจากสำนักพันปีศาจ ซึ่งบุคคลที่มาจากสำนักพันปีศาจและสำนักไผ่ขื่นขมล้วนไม่อ่อนแอ ความจริงคือพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาเต็มไปด้วยสมบัติวิเศษและเป็นบุคคลที่ให้ความสำคัญกับการฝึกฝน พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเสี่ยวไป่หลงหรือดาบเทวะไร้ผู้ต้านจากสำนักเสวียนเทียนเท่าใดนัก ในบรรดาศิษย์ที่เข้ามาภายในหุบเขาเหล่านี้ แน่นอนว่าทั้งสามคนนี้ย่อมแข็งแกร่งมากกว่าค่าเฉลี่ยอย่างแน่นอน ถ้าไม่เช่นนั้น พวกเขาก็คงไม่สามารถเข้ามายังพื้นที่แห่งนี้ได้

ตอนนี้พวกเขาทั้งสามเป็นบุคคลชั้นนำของสำนัก ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาย่อมมีมาก แน่นอนว่าพวกเขาสามารถเดินไปมาในหุบเขาได้อย่างอิสระ แต่ในตอนนี้พวกเขาพบเจอกับหานปิงเอ๋อภายในหุบเขา แม้ว่าจะมั่นใจในตนเองมากเพียงใด พวกเขาทำได้เพียงถอนหายใจเท่านั้นเมื่อต้องพบเจอกับผู้ที่ครอบครองดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ ซึ่งนี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสักเท่าไหร่!

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของหานปิงเอ๋อ ทั้งสามคนตกอยู่ในสภาวะหดหู่ พวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้เลย และการที่จะหลบหนีไปก็มีแต่จะเร่งให้เวลาตายเข้ามาใกล้มากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์จะไม่รวดเร็วดังเช่นกระบี่เฟิ่งหมิง แต่มันก็ยังเป็นสมบัติวิญญาณที่มีความเร็วถึงหนึ่งหมื่นลี้ต่อชั่วโมง ซึ่งไม่มีประโยชน์แม้ทั้งสามคนจะวิ่งอย่างสุดกำลัง ความจริงคือพวกเขาจะถูกสังหารทีละคน ดังนั้นทั้งสามคนไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากร่วมมือกันและต่อสู้กับสิ่งที่กำลังเผชิญ บางทีถ้าหากพวกเขาสามารถทำให้หานปิงเอ๋อบาดเจ็บได้ โอกาสรอดของพวกเขาก็จะสูงขึ้น

แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงกลางกำลังกล่าวกับหานปิงเอ๋ออย่างมีความหวัง “แม่นางปิงเอ๋อ ข้าทราบถึงความแข็งแกร่งของเจ้าดี แต่พี่น้องของเราคงไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน แม้ว่าเราจะไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ แต่พวกเราสามารถสร้างปัญหาให้กับเจ้าได้! มีผู้คนมากมายในหุบเขาแห่งนี้ เหตุใดเจ้ายังต้องการที่ก่อปัญหากับเราล่ะ? ขอให้เราจบกันเพียงเท่านี้และแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตนเองเถิด!”

แต่หานปิงเอ๋อกล่าวออกมาอย่างสบาย ๆ “ในสายตาของข้า ข้ามองไม่เห็นปัญหาใด ข้ามองเห็นเพียงแต่ความตายของบุคคลตรงหน้าทั้งสามเท่านั้น!” เมื่อได้ยินที่หานปิงเอ๋อกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายความว่านางต้องการที่จะสังหาร!

เจ้าอ้วนที่กำลังมองดูพวกเขาจากระยะไกลพร้อมกับปีศาจเทวะที่ไร้ตัวตน อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “หญิงสาวผู้นี้ช่างน่าสนใจ ข้าไม่คิดว่าหญิงสาวที่เยือกเย็นเช่นนั้นกลับมีอารมณ์ขันได้ถึงเพียงนี้ ชักรู้สึกชอบนางแล้วสิ!”

“งั้นจับตัวนาง และเล่นกับความอัปยศของนางเลยดีหรือไม่นายท่าน!” แม่มดสาวกล่าวอย่างรวดเร็ว “ถ้าหากนายท่านสั่งมา เราจะทำให้ท่านทุกอย่าง!”

“รอก่อน ยังไม่ถึงเวลา!” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เหตุใดเราจึงไม่ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันไปก่อนแล้วค่อยหาประโยชน์ช่วงที่อ่อนแอล่ะ!”

“นายท่านฉลาดมาก!” นักบวชสาวตอบกลับอย่างชื่นชม

“นี่มันเรื่องปกติของข้า!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ

ในขณะที่เจ้าอ้วนกับหญิงงามกำลังลูบไล้กัน บุรุษทั้งสามได้แต่ก้มหน้ามองพื้นดินคล้ายว่ากำลังสื่อสารกันอยู่ ตามที่คาดคิดไว้พวกเขาเริ่มโจมตีก่อน คนผอมย้ายตนเองไปที่ด้านหน้า ชายคนกลางถอยหลังไปเล็กน้อย ชายทางด้านขวาเริ่มขยับมือของเขาเล็กน้อย

แน่นอนว่าคนที่เห็นสถานการณ์เช่นนี้รับรู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังจะหลบหนี แม้แต่หานปิงเอ๋อก็รับรู้ได้เช่นกัน ขณะที่นางเห็นเช่นนั้นนางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจ “แม้ว่าศิษย์พี่ซ่งจงที่มาจากสำนักเสวียนเทียนจะดูเป็นคนกลับกลอกและทำร้ายน้องสาวของข้าจนต้องนอนเป็นผัก แต่เขายังมีความกล้าหาญที่จะต่อสู้กับข้าอย่างชอบธรรม ในขณะที่พวกเจ้ามีถึงสามคนแต่กำลังคิดจะหลบหนี! อย่าบอกนะว่าศิษย์ที่มาจากสำนักพันปีศาจล้วนไร้ยางอายและศักดิ์ศรี?”

เมื่อทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของพวกเขาแสดงถึงความโกรธเกรี้ยว แต่พวกเขาไม่ได้ชะลอการหลบหนีเลย อีกทั้งพวกเขายังเร่งความเร็วขึ้นอีก

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หานปิงเอ๋อได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยาม “เพราะพวกเจ้าไม่คิดสู้ ข้าคงต้องจัดการโดยเร็วที่สุด!” หลังจากที่นางกล่าวเช่นนั้น มือขวาของนางยกขึ้น ทันทีมีหินย้อยออกมาจากมือของนางยาวประมานหนึ่ง รูปร่างของมันโปร่งแสงโดยสมบูรณ์ราวกับคริสตัล สิ่งที่เห็นทำให้พวกเขาที่กำลังมองอยู่รู้สึกเหน็บหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง

สมบัติวิญญาณชิ้นนี้เกิดขึ้นจากธรรมชาติ มันไม่ได้มีเพียงความสวยงาม แต่กลับมีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เพียงแค่มันปรากฏออกมาพื้นที่โดยรอบถูกแช่แข็งไปแล้วเป็นรัศมีหนึ่งร้อยฟุต ซึ่งความหนาวเย็นเช่นนี้ทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกสั่นสะเทือนทันที

สำหรับทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านหน้าของหานปิงเอ๋อ พวกเขาสั่นจนถึงจุดที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้แล้ว พวกเขาพยายามร่ายอาคมทั้งหมดที่มีเพื่อป้องกัน ในขณะนี้พวกเขากำลังตกใจกับพลังของดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์โดยสมบูรณ์และรีบเพิ่มความเร็วในการหลบหนีให้มากขึ้นอีก หานปิงเอ๋อไม่ลังเลที่จะสั่งการให้ดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์พุ่งตรงไปยังบุคคลทั้งสามทันที

ในขณะนั้นผู้ฝึกตนทั้งสามถอยร่นลงไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเปิดใช้งานสมบัติวิเศษทันทีเพื่อรับการโจมตีของหานปิงเอ๋อ คนแรกที่เปิดฉากการโจมตีคือเด็กหนุ่มที่มาจากสำนักพันปีศาจ ซึ่งสำนักพันปีศาจเป็นสำนักที่ใหญ่และถือกำเนิดมามากกว่าพันปี เป็นสำนักที่เชี่ยวชาญด้านการฝึกฝนและกล่าวกันว่าเป็นสำนักที่มีเคล็ดวิชาการฝึกฝนที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าสำนักพันปีศาจ

การฝึกฝนของชายหนุ่มผู้นี้คือเคล็ดวิชาการปรับแต่งปีศาจ สิ่งที่เขาถืออยู่ในมือนั้นสามารถดึงวิญญาณของมนุษย์และทำลายระดับการฝึกฝนได้ พร้อมทั้งเปลี่ยนคนผู้นั้นให้กลายเป็นปีศาจสีเขียว ขณะที่มันถูกปลดปล่อยพลังออกมา ปีศาจเหล่านี้จะแสดงพลังที่น่าเกรงขามและทรงพลังอย่างยิ่ง

ขณะที่เขากำลังถ่มเลือดออกมาสองสามคำเพื่อเรียกวิญญาณออกมา ปีศาจกำลังงุนงง ภายใต้สถานการณ์เลือดเช่นนี้มีควันสีดำพวยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว สภาพแวดล้อมของหานปิงเอ๋อรายล้อมไปด้วยหมอก ภายใต้หมอกหนาเช่นนั้นมีเหล่าปีศาจมากมายกำลังเรียกร้องให้นางชดใช้อยู่

แต่ในขณะนั้น บุคคลจากสำนักพันปีศาจยังคงคำรามออกมาอย่างต่อเนื่องพร้อมด้วยมือที่ขยายออกเป็นสามสิบฟุตเพื่อทำการโจมตีหานปิงเอ๋อ สำนักพันปีศาจนั้นนับได้ว่ามีเคล็ดวิชาการต่อสู้ของปีศาจนับพันอยู่ภายในสำนัก มันจึงถูกเรียกว่าสำนักพันปีศาจ เคล็ดวิชาที่ชายหนุ่มผู้นี้ใช้ถูกเรียกว่า หัตถ์ปีศาจทมิฬ มือทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยยาพิษซึ่งแม้แต่ผู้ฝึกตนปีศาจด้วยกันก็ไม่อาจต้านทานได้ อีกทั้งเขายังมีสมบัติวิญญาณที่เป็นถุงมืออีกด้วย มันจึงเพิ่มพลังของอาคมที่เขาใช้ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่สัมผัสกับพลังที่เขาปล่อยออกมาโดยไม่ต้องสัมผัสร่างกายก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนตายตกไปได้อย่างง่าย

แม้หานปิงเอ๋อแข็งแกร่ง แต่นางทำได้เพียงแค่ป้องกันตนเองจากออร่าที่ถูกปลดปล่อยออกมาเพียงเท่านั้น ไม่เช่นนั้นนางคงได้รับบาดเจ็บจากพิษ และมันก็เพียงพอที่จะพรากชีวิตของนางได้

สำหรับคนที่ผอมที่สุด เขาไม่ได้น้อยหน้าแต่อย่างใดแม้ว่าจะมาจากสำนักไผ่ขื่นขม สำนักนี้จะเน้นเรื่องของการฝึกฝนร่างกาย แม้ว่าเขาจะมีลักษณะผอมแห้งแต่ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาสามารถเทียบเท่ากับอุปกรณ์วิเศษได้ อีกทั้งเขายังครอบครองสมบัติวิเศษที่ปรับแต่งขึ้นโดยเฉพาะของสำนักไผ่ขื่นขมอีกด้วย นั่นคือตะบองไผ่ขม ในขณะที่มันถูกเรียกใช้งาน มันจะเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาขึ้นหนึ่งระดับ กล่าวก็คือในขณะที่เขาคือผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นสิบสาม ถ้าหากเรียกใช้งานเขาจะก้าวเข้าสู่ระดับปฐมภูมิทันที

นอกเหนือจากช่วยให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น มันยังมีอีกความสามารถหนึ่งนั่นคือการหลบซ่อนตัว ดังนั้นผู้ที่มาจากสำนักไผ่ขื่นขมมักจะเป็นนักลอบสังหารที่ร้ายกาจที่สุด

เมื่อหานปิงเอ๋อติดอยู่ในหมอก ชายหนุ่มจากสำนักไผ่ขื่นขมเรียกใช้งานอุปกรณ์โดยทันที ร่างกายนั้นเริ่มสั่นไหวขณะเลือนหายไป แม้แต่เจ้าอ้วนและนักบวชสาวข้างกายยังไม่อาจจับตำแหน่งได้ เมื่อเห็นสถานการณ์พลิกผลันเจ้าอ้วนอดไม่ได้ที่จะหวั่นใจและคิดภายใน ‘ผู้คนจากสำนักไผ่ขื่นขมถึงกับครอบครองตะบองไผ่อันอัศจรรย์นัก ในอนาคตคงต้องระวังให้มากขึ้นหากพบเจอผู้คนจากสำนักนี้!’

ขณะที่เจ้าอ้วนและหานปิงเอ๋อกำลังเข้าใจอะไรบางอย่าง การเคลื่อนไหวทั้งหมดก่อนหน้านั้นกลายเป็นเรื่องตลก พวกเขาไม่ได้คิดจะหลบหนี ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแสดงขึ้นมาเพื่อที่จะซุ่มโจมตี อีกทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสามคนร่วมกันต่อสู้ พวกเขาเข้าขากันได้อย่างดีในการสู้รบ ชายผู้หนึ่งปิดกั้นการมองเห็นของนาง อีกคนหนึ่งเตรียมใช้พิษกับนาง ถ้าทุกอย่างผิดพลาดยังมีชายหนุ่มจากสำนักไผ่ขื่นขมซุ่มโจมตีนางอยู่

ชัดเจนว่าทั้งหมดเป็นแผนการที่ตระเตรียม พวกเขาอาจถึงขั้นฝึกผสมร่วมกันด้วย เพราะเหตุนี้การกระทำจึงลื่นไหลราวสายน้ำหลากและไร้ซึ่งข้อผิดพลาดใด

ขณะรับชม เจ้าอ้วนที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็อดเป็นห่วงความปลอดภัยของหานปิงเอ๋อไม่ได้ ภายในการประสานงานของคนทั้งสาม แม้เป็นเจ้าอ้วนยังไม่อาจพูดได้ว่าจะป้องกันได้

แต่เจ้าอ้วนไม่ได้ประเมินหานปิงเอ๋อต่ำนัก ด้วยความสามารถของนางแน่นอนว่านางย่อมทำได้ แม้ว่าจะพบเจอกับการซุ่มโจมตีที่ไม่อาจคาดคิด ปฏิกิริยาของนางไม่ได้ชักช้าแต่อย่างใด ในความจริงอาจกล่าวได้ว่านางรวดเร็วกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะคาดคิด!

หรือก็คือหานปิงเอ๋อเตรียมตัวตั้งรับเสร็จสิ้นแล้วในขณะที่พวกเขากำลังเคลื่อนไหว ดูจากคลื่นพลังจากมือของนาง ดาบดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์นั้นไม่สนใจสิ่งใด มันตัดผ่านปีศาจทุกตนภายในหมอกหนานี้ เกิดเป็นแสงสีขาวขึ้นภายในพร้อมทั้งเสียงกรีดร้องของเหล่าปีศาจ จากนั้นชายหนุ่มที่มาจากสำนักไผ่ขื่นขมปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของนาง ร่างนั้นถูกตัดขาดออกเป็นสองท่อนแทบทันที ชีวิตที่สูญไปนั้นเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเคล็ดวิชาของสำนักไผ่ขื่นขมไม่อาจเอาชนะดาบเทวะจิตวิญญาณเหมันต์ได้แม้เพียงนิด!

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 234 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


อัจฉริยะทั้งสองแห่งสำนักถูกลอบสังหาร!
บุตรชายกลับกลายเป็นตกอับ!
ชีวิตนับแต่นั้นเสมือนตกนรก
มีแต่ถูกกลั่นแกล้งสารพัด
เขาสาบาน สักวันหนึ่งจะเอาคืน
จะทวงคืนต่อความอยุติธรรมที่เขาและครอบครัวได้รับ
กาลเวลาผันผ่าน เวลาแห่งการเป็นผู้ใหญ่มาถึง
เขาที่ถูกทอดทิ้งโดยสำนัก
จะต้องโดนเฉดหัวออกเพราะไม่คืบหน้าในการฝึกฝน
ครั้งอับจน เขากลับได้พบมรดกชิ้นหนึ่ง
เป็นไข่มุกดำ บิดาและมารดาของเขาหลงเหลือเอาไว้งานที่เขาถูกกลั่นแกล้งให้กระทำ กลับกลายเป็นสิ่งช่วยชีวิต
ซ่งจงจะทวงคืนความยุติธรรมแก่ตนเองและครอบครัวได้หรือไม่! โปรดติดตามต่อใน โกลาหลแห่งอสนีบาต


Options

not work with dark mode
Reset