Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 110

ตอนที่ 110

บทที่ 110: คนกลับกลอก

“ที่จริงแล้วเจ้าไม่สามารถตัดสินหนังสือได้จากปกของมัน ใครจะไปคาดคิดว่าโชคชะตาของอ้วนน้อยจะเป็นเช่นนี้!” จ้าวสำนักไม่อาจทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจออกมาดัง ๆ “ไม่แน่ใจว่าเจ้าไปสะดุดเข้ากับเคล็ดวิชาเทวะจันทราวารีได้อย่างไร วิชาดั่งกล่าวเป็นวิชาที่ศักดิ์สิทธิ์และมีมาตั้งแต่โบราณ และยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์เช่นนี้ในหนึ่งพันปีจะเกิดขึ้นสักครั้ง ที่จะมีผู้ใดเล็ดลอดเข้าไปในวิชาเทวะจันทราวารีได้! แน่นอนว่าอนาคตของเจ้าในตอนนี้มันไม่สามารถคาดเดาได้อีกต่อไป!”

จ้าวสำนักและภรรยาของเขารู้สึกยินดีกับเจ้าอ้วนอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามนักบวชฮัวอวิ๋นที่นั่งอยู่ด้านข้าง ภายในจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา เขาไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากสบถออกมาอย่างหยาบคาย “เหอะ ถังขยะใบนี้กับร่างกายที่เต็มไปด้วยธาตุทั้งห้า กำลังฝันถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดงั้นหรือ? ข้าอยากจะหัวเราะให้ตายตกไปซะเดี๋ยวนี้!”

ในขณะที่จ้าวสำนักกำลังมีความสุข เขารู้สึกโกรธทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นพร้อมกับคำรามออกมาดังสนั่น “แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่รีบไปตายซะ?”

เมื่อได้ยินการตอบกลับที่โหดร้ายเช่นนั้น นักบวชฮัวอวิ๋นไม่พอใจอย่างมาก เขาเตรียมที่จะอ้าปากตอบโต้กลับโดยทันที แต่ทุกอย่างกลับต้องหยุดลงเพราะภรรยาจ้าวสำนักได้ตวาดขึ้นมาดังลั่น “พวกเจ้าจงหยุดปาก หยุดทำเรื่องไร้สาระกันเสียที!”

นักบวชฮัวอวิ๋นและจ้าวสำนักกลับสู่สภาวะเจียมตัวอีกครั้ง มีแต่เพียงส่งสายตาเพื่อเชือดเฉือนกันเท่านั้น ราวกับว่าพวกเขากำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอำนาจสูงสุด

ภรรยาจ้าวสำนักเลิกสนใจพวกเขาทั้งสองคน พร้อมกับหันหน้ากลับมาคุยกับเจ้าอ้วน “สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ เราสามารถสรุปเรื่องราวเหล่านี้ได้อยู่แล้วไม่มากก็น้อย แต่สำหรับระฆังของเจ้า สิ่งนี้ยังคงไม่อาจหาข้อสรุปได้! ตามที่เหล่าศิษย์ซึ่งเป็นพยานในที่แห่งนั้น ความสำเร็จของพวกเขามาจากระฆังใบใหญ่นั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้ามีสิ่งใดจะอธิบายหรือไม่?”

“ไม่มีขอรับ!” เจ้าอ้วนทำได้เพียงยิ้มและตอบกลับ “ระฆังของข้าเป็นเพียงของเล่นที่สร้างขึ้นมาจากเหล็กสีดำเท่านั้น นอกเหนือจากความหนา ก็ไม่มีคุณสมบัติอื่น สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นอาจจะเป็นเพียงความบังเอิญ!”

“สมบัติล้ำค่ามากมายในโลกนี้ล้วนแต่ถูกปลอมแปลงให้ดูเป็นของที่ไร้คุณค่าและมันจะถูกทำให้ดูเหมือนกับขยะที่ไม่ว่าอย่างไรก็ดูไม่คุ้มค่า!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวแทรกขึ้นมาอย่างไร้มารยาท “มีความเป็นไปได้สูงว่าระฆังใบนี้เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์!”

“นั่นเป็นไปไม่ได้ขอรับ” เจ้าอ้วนยิ้มอย่างขมขื่นในขณะที่กล่าว

“ไม่ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ มันก็ไม่ควรอยู่ในมือของไก่อ่อนระดับเซียนเทียน ข้ากล่าวถูกหรือไม่?” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างดูถูก

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนรู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่ไม่ให้เขาตายตกไปเพราะความโกรธในครั้งนี้ เขาเลือกที่จะหันไปมองทางอื่นและไม่สนใจในคำพูดเหล่านั้น

“แค่ก ๆ” เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ ภรรยาจ้าวสำนักกระแอมไอขึ้นมาเพื่อแทรกบรรยากาศในคราวนี้ พร้อมกับพูดออกมาเบาๆ “เด็กน้อย แม้ว่าอาจารย์ลุงของเจ้าจะเป็นคนหยาบคายและชอบกล่าววาจาไร้สาระ แต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง สำหรับพวกเรา เรารู้สึกว่าระฆังนี้เป็นสมบัติล้ำค่าซึ่งเจ้าไม่เคยรู้!”

ภายในจิตใจของเจ้าอ้วนร่ำร้องอยู่อย่างโศกเศร้า ‘แน่นอนมันคือสมบัติล้ำค่าและความจริงก็คือมันเป็นของข้า!’

หัวใจของเขารู้สึกไม่เต็มใจ แต่ด้วยการเผชิญหน้ากับจ้าวสำนักและภรรยาของเขา เขาจึงเรียกระฆังยักษ์ออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างขื่นขม “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้ารบกวนนายหญิงตรวจสอบเรื่องนี้ให้กับข้าด้วย ว่ามันเป็นสมบัติจริงหรือไม่?” เมื่อกล่าวจบประโยค เขาวางระฆังลงบนพื้นเพื่อให้พวกเขาร่วมกันวิเคราะห์

ขณะที่เจ้าอ้วนวางระฆังลงตรงหน้าของเขา จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งทั้งสามเพ่งเล็งระฆังทันทีเพื่อค้นหาความลับของมันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าระฆังจะมีความสูงกว่าร้อยฟุต แต่มันเหมือนกับกระดาษเพียงแผ่นเดียวเมื่ออยู่ภายใต้จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญระดับหยวนหยิน พวกเขาใช้เวลาเท่ากับการทานมื้อกลางวันในการตรวจสอบระฆัง ตัวระฆังทุกตารางนิ้วถูกจิตวิญญาณของผู้คนเหล่านี้ตรวจสอบอย่างละเอียด

หลังจากตรวจสอบอยู่สักพักหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญระดับหยวนหยินดึงจิตวิญญาณกลับมาอย่างไม่เต็มใจ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง เห็นได้ชัดเจนว่าการค้นหาของพวกเขาไม่มีประโยชน์ใด

เจ้าอ้วนกำมือแน่นพร้อมกับความรู้สึกโล่งใจ พร้อมกับถามออกไปอย่างร่าเริง “เป็นอย่างไรบ้างขอรับ ท่านอาวุโสพบสิ่งใดหรือไม่?”

“ไม่เลย!” ภรรยาจ้าวสำนักตอบกลับอย่างหดหู่ “มันเป็นแค่ระฆังเหล็กดำเท่านั้น มีเพียงความหนาที่ผิดปกติ นอกนั้นไม่มีสิ่งใดพิเศษมากกว่านี้”

อย่างไรก็ตาม นักบวชฮัวอวิ๋นอุทานออกมา “มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้!”

“โอ้ ศิษย์พี่พบสิ่งใดงั้นหรือ?” ภรรยาจ้าวสำนักถามกลับอย่างตื่นเต้นหลังจากที่ได้ยินนักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวเช่นนั้น

“ข้าไม่ได้ค้นพบสิ่งใด แต่หากสรุปว่ามันเป็นระฆังธรรมดามันก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาเบา ๆ “จากความรู้ของข้า สมบัติวิญญาณจำนวนมากจะจัดการจิตวิญญาณของตนเองได้ แม้กระทั่งระดับเฟินเสินยังไม่สามารถที่จะใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อค้นหาความลับของมันได้ ให้พวกเราคุยกันโดยลำพัง!”

“คำพูดของเจ้านับว่ามีส่วนที่เป็นจริงอยู่บ้าง!” จ้าวสำนักและภรรยาตอบกลับหลังจากเข้าใจทุกอย่าง

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนกรอกตาไปมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี อย่างไรก็ตาม วินาทีถัดมาสมองของเขาปั่นป่วน และเขาตั้งใจจะเปิดเผยความกังวลบนใบหน้าของเขาทั้งหมด

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้นักบวชฮัวอวิ๋นมองเห็นอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเมล็ดแห่งความสงสัยได้เติบโตขึ้นภายในใจของเขาทันที เขาจึงถามออกมาอย่างจงใจ “นี่เจ้าอ้วน เจ้ากำลังซ่อนสิ่งใดไว้งั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น เจ้าอ้วนตกใจพร้อมกับรีบตอบกลับอย่างทันควัน “ไม่มี ไม่มีขอรับ ไม่มีอะไรจริง ๆ!”

เมื่อกล่าวคำเช่นนั้นออกไป ท่าทางและคำพูดของเจ้าอ้วนสวนทางกับความคิดของเขาอย่างบ้าคลั่ง สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ปลุกความสงสัยในนักบวชฮัวอวิ๋นเท่านั้น แต่กลับปลุกความสงสัยภายในใจของภรรยาจ้าวสำนักอีกด้วย

นักบวชฮัวอวิ๋นจ้องมองเขาพร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง “งั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยงั้นหรือ?”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นขอรับ!” เจ้าอ้วนกระทืบเท้าไปด้านหน้าหนึ่งครั้ง พร้อมทุบหน้าอกตนเองและกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น “ระฆังนี่พังแล้ว ศิษย์ผู้นี้ยากจนข้นแค้น สมบัติอันใดหามีไม่ ส่งมอบให้ท่านคงจะดีกว่า!”

“ยินดี!” เมื่อมองเห็นความตั้งใจของเขา นักบวชฮัวอวิ๋นเหยียดมือออกไปเพื่อจะหยิบระฆังที่อยู่บนพื้นทันที

ประกอบกับความจริงที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหยวนหยิน การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วและไม่มีใครคาดคิด นักบวชฮัวอวิ๋นจึงจัดการระฆังใบนี้อย่างไร้ยางอายและไม่แยแสต่อสายตาของทุกคนที่จับจ้องมา

จ้าวสำนักและภรรยาพร้อมเจ้าอ้วนล้วนมึนงง! เขาไม่เคยคาดคิดว่านักบวชฮัวอวิ๋นที่อยู่ในระดับหยวนหยินซึ่งเป็นอาวุโสผู้สูงส่งจะมีพฤติกรรมไร้ยางอายเช่นนี้!

หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ จ้าวสำนักฟื้นคืนสติและกลับสู่สภาวะปกติ เขาตะโกนออกมาทันที “ฮัวอวิ๋น นี่เจ้ากำลังคิดจะทำสิ่งใด?”

“ข้าทำอะไร?” เขาตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสา นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมา “เจ้าก็ได้ยินไม่ใช่หรือ เขาบอกว่าต้องการมอบระฆังให้ข้า ข้าก็ขอบคุณเขาและเก็บของขวัญ ไม่ถูกงั้นหรือ!”

“บัดซบ! นี่เจ้าไม่มียางอายเลยงั้นหรือ?!” จ้าวสำนักโกรธจัดพร้อมกับคำรามออกมา “เจ้าไม่อายงั้นหรือที่รับของจากศิษย์ผู้น้อย?”

“ศิษย์ไม่ควรแสดงความกตัญญูต่ออาวุโสงั้นหรือ?” นักบวชฮัวอวิ๋นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ศิษย์ของเจ้าได้มอบของขวัญให้แก่เจ้ามากมายเช่นกัน! อีกอย่างระฆังใบนี้เป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่าได้ บอกข้าสิว่าเจ้าก็ไม่อายเช่นกัน?”

“เจ้า… เจ้า… เจ้า! ไอ้คนกลับกลอก!” จ้าวสำนักโกรธจัดจนแทบจะสติแตก

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 234 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


อัจฉริยะทั้งสองแห่งสำนักถูกลอบสังหาร!
บุตรชายกลับกลายเป็นตกอับ!
ชีวิตนับแต่นั้นเสมือนตกนรก
มีแต่ถูกกลั่นแกล้งสารพัด
เขาสาบาน สักวันหนึ่งจะเอาคืน
จะทวงคืนต่อความอยุติธรรมที่เขาและครอบครัวได้รับ
กาลเวลาผันผ่าน เวลาแห่งการเป็นผู้ใหญ่มาถึง
เขาที่ถูกทอดทิ้งโดยสำนัก
จะต้องโดนเฉดหัวออกเพราะไม่คืบหน้าในการฝึกฝน
ครั้งอับจน เขากลับได้พบมรดกชิ้นหนึ่ง
เป็นไข่มุกดำ บิดาและมารดาของเขาหลงเหลือเอาไว้งานที่เขาถูกกลั่นแกล้งให้กระทำ กลับกลายเป็นสิ่งช่วยชีวิต
ซ่งจงจะทวงคืนความยุติธรรมแก่ตนเองและครอบครัวได้หรือไม่! โปรดติดตามต่อใน โกลาหลแห่งอสนีบาต


Options

not work with dark mode
Reset