Breakthrough with the Forbidden Master 10

ตอนที่ 10

ในห้องห้องหนึ่ง องค์จักรพรรดิและหัวหน้าอัศวินหลวง ผู้ที่ถูกยอมรับว่าอยู่บนจุดสูงสุดแห่งนักรบของทั้งจักรวรรดิ กำลังดื่มชากันอยู่

 

โดยปกติแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะเป็นเจ้านายและผู้ใต้บังคับบัญชา

 

อย่างไรก็ตาม มันไม่มีความคิดเหล่านั้นในระหว่างพวกเขา บรรยากาศในห้องเลยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะระหว่างสหายเก่าแก่

 

”เออนี่นะ วันก่อนนะ…เอิร์ธมาเหวี่ยงใส่ฉันหละ…มันคงเป็นความก้าวร้าว…ของช่วงอายุแบบนี้สินะ”

 

คนที่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาที่พบได้ในครอบครัวทั่วไป คือบุรุษที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของอัศวินหลวงและถือนามของผู้กล้าไว้

 

ฮิโระ ลากัน

 

เขาเป็น1ใน7วีรชนของโลก และเป็นผู้ที่โจมตีปิดฉากจอมมาร

 

“ให้ตายสิ แค่คิดว่านายเป็นเป็นหัวหน้าอัศวิน นายมีหลายอย่างจะ…ฉันจะพูดไงดีหละ แต่ฉันก็เหมือนกัน ทั้งในเรื่องที่ดีและก็ไม่ดีเลย มันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากทันทีถ้ามันเป็นเรื่องของฟิอันเซ่”

 

ผู้ที่ตอบฮิโระไปด้วยรอยยิ้มเฟื่อนๆ คือองค์จักรพรรดิผู้ที่ครองแผ่นดินทั้งจักรวรรดิ

 

โซเลีย ดีปาลเทีย

 

เขาก็เป็นหนึ่งใน ‘7วีรชน’ ผู้ภาคภูมิของโลก และสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับจอมมารร่วมกับฮิโระ

 

ถ้าฮิโระมีรูปลักษณ์ที่คล้ายชายวัย20ทั้งที่เขา30กว่าแล้ว ชายคนนี้ก็อายุ30กว่า แต่เขาดูดีพอที่จะคิดว่าเป็นวัยรุ่นตอนปลายเสียด้วยซ้ำ

 

ด้วยผมสีทองทีมัดอยู่ด้านหลังศีรษะ ทำให้ดูคล้ายผู้หญิง เป็นความหล่อเหลาที่อยู่ตรงกลางระหว่างเด็กน้อยและชายหนุ่มที่ยังคงมีความไร้เดียงสา

 

”แต่ฟิอันเซ่น้อยก็ยังเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ความเคารพในแง่นั้น เอิร์ธไม่ค่อยดีนัก ฉันละหวังว่าเขาจะทำลายกำแพงได้สักที”

 

”เอิร์ธไม่ได้โง่อย่างนายหรอก…ฉันคิดว่าสถานการณ์ของเขามันแค่ยากที่จะก้าวผ่าน อย่างไรก็ตาม ในอนาคตคุณสมบัติพวกนั้นคงจะมีประโยชน์แน่า”

 

”ยังงั้นหรอ? ฉันเป็นพวกต้องฝึกหนักหลายด้าน แต่…เขาควรจะทำได้ดีกว่านี้…นี่ฉันเป็นพวกพ่อแม่ที่คาดหวังสูงเกินไปมั้ยถ้าจะคิดแบบนี้?”

 

”ไม่หรอกน่า สำหรับฉัน…และ…ฉันต้องคิดหนักเกี่ยวกับฟิอันเซ่ในเรื่องนั้น”

 

”ใช่แล้ว แต่…พอไปเทียบกับฟิอันเซ่ หรือแม้แต่ ‘รีเบล’ หรือ ‘ฟุ’ ที่ไปเรียนแลกเปลี่ยน…”

 

พวกเขาเป็นองค์จักรพรรดิและหัวหน้าอัศวินหลวง อย่างไรก็ตามถ้าไม่ใช่ที่สาธารณะ การสนธนาของพวกเขาก็จะเป็นเหมือนกับพ่อแม่ที่กังวลเกี่ยวกับการเติบโตของลูก

 

”เออแล้ว เรื่องนั้นหละ? นั่นนะ…เอ…หลังจากที่ฟิอันเซ่และเอิร์ธเรียนจบจากสถาบัน…นั่น…”

 

“เอิร์ธ…ให้เป็นคู่หมั้นของฟิอันเซ่…นายหมายความแบบนั้นสินะ?”

 

“เอ นายจำได้มั้ย…ตั้งนานแล้ว ตอนที่เราดื่มกันแล้วพูดเล่นกันเรื่องนี้…ฟิอันเซ่ดันแอบฟังอยู่แล้วเก็บไปคิดจริงจังแต่ในตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจมันเพราะเหมือนเป็นแค่ความฝันจินตนาการของเด็กน้อย”

 

และฮิโระก็พูดคุยกับโซเลียเกี่ยวกับอนาคตของลูกๆด้วยอาการอึดอัดเล็กน้อย

 

การตอบสนองต่อคำถามคือ โซเลียยิ้มอย่างขมขื่น

 

”ฮ่าฮ่า ฟิอันเซ่ยังคงคิดจริงจังกับเรื่องนั้นแม้จะอายุปาเข้าไป15แล้ว…ฉันหมายถึง เพราะว่าเข้าใกล้ช่วงเรียนจบแล้ว และก็การที่มายืนยันเรื่องนั้นกับฉันหลายครั้ง เธออยากจะประกาศเรื่องนั้นในการประลองที่จะมาถึง”

 

”จริงหรอ…? แล้วนายหละ~ เอิร์ธยังไม่ได้รู้เรื่องนี้ แต่นายโอเคกับเรื่องนี้หรอ?”

 

“มันโอเค ในทางกลับกันด้วยซ้ำ มันคงจะดีถ้าเป็นอย่างนั้น ลูกของเราสนิทสนมกันมา และถ้าทุกคนกลายเป็นครอบครัวเดียวกันได้…ฉันคิดว่ามันคงจะวิเศษมาก…หลังจากนั้นความรักที่พวกนั้นมีต่อกัน…มันคงขับเคลื่อนผู้คนรอบๆตัว”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้านายพูดงั้น ฉันคงตื่นเต้นมาก แต่…มันแค่ เจ้านั่น…พูดตามตรง เขาตกหลุมรักซาดีซ”

 

”ซาดีซอะไร?”

 

”……เด็กสาวคนนั้น [ถ้านายน้อยรับรู้เกี่ยวกับความรู้สึกของเจ้าหญิงและคิดมันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ถ้าเขายังคงเลือกฉันอยู่…เราอาจจะหนีไปด้วยกัน] เธอเคยพูดไว้…ด้วยรอยยิ้มที่ร้าย”

 

”นะ-นั่นชักเป็นปัญหาแล้วสิ”

 

”เอ่อ พูดตามตรง ฉันก็ไม่รู้ว่าซาดีซจริงจังขนาดไหน…ถึงงั้นเธอก็สวยแปลกๆ”

 

เป็นการสนธนาระหว่างผู้ใหญ่ที่เอิร์ธไม่ได้รู้

 

มันเป็นภาพของชาย2คนที่พูดถึงอนาคตที่สุขสงบและมีความสุขในขณะที่ภายในหัวค่อนข้างเครียด

 

แล้วในตอนนั้น

 

”ขออนุญาติครับ โอ้…ฝ่าบาท…หัวหน้าอัศวิน ผมคงต้องพูดว่า ผมประหลาดใจที่คุณมาทุกทางที่ไปยังสถาบัน”

 

”อาจารย์!”

 

ทั้งสองคนเรียกผู้ที่อยู่ดีๆก็เปิดประตูเข้ามา และไม่เหลือการแสดงออกแบบพ่อแม่ที่กังวลกับการเติบโตของลูกเลย แต่กลับมีรอยยิ้มเหมือนเด็กน้อยแทน

 

”โปรดหยุดเถอะครับ อาจารย์ ถ้าอาจารย์ยังเอาแต่เรียกผมว่าหัวหน้าอัศวินอยู่ ผมคงต้องบ้าแน่ๆ”

 

”เราอยู่กันแค่นี้เอง เพราะงั้นอย่าเรียกผมว่า ‘ฝ่าบาท’ เลย”

 

”ฮ่าฮ่า พวกนี้ก็ยัง~ เอาละถึงนี่จะไม่ใช่ที่สาธารณะ แต่มันก็ยัง…แล้วนี่พวกนาย…”

 

“ใช่ครับ ผมกับฝ่าบาทกำลังปรึกษากันเกี่ยวกับการสร้างตึกโรงเรียนใหม่ที่จะมาเป็นสถาบันพี่น้องนะครับ”

 

”แผนงานนี้ยังจะช่วยกระชับความสัมพันธ์กับต่างประเทศด้วย เพราะงั้นผมเลยให้ทำงานอย่างเต็มที่”

 

”ดีแล้ว เจ้าพวกนี้…กลายเป็นคนที่สุดยอดไปแล้วจริงๆด้วย”

 

คนๆนี้เคยเป็นอาจารย์ของพวกเขามาก่อนตอนยังเป็นนักเรียนอยู่ที่สถาบัน และ…

 

”แล้ว ท่านสอนลูกๆเราด้วยมั้ยครับ?”

 

”เป็นไงบ้างละ? ลูกๆเรานะ”

 

”อ้อ เราพึ่งเรียนเสร็จในห้องและ…มันเกี่ยวกับทั้งสองคน…”

 

อาจารย์สอนลูกของทั้งคู่ ทั้งเอิร์ธและฟิอันเซ่

 

ชายที่เป็นอาจารย์ของทั้งรุ่นพ่อและรุ่นลูก มีใบหน้าที่จริงจังต่อหน้าพวกพ่อแม่

 

”อย่างแรกเลย ฟิอันเซ่ดูน่าจะคล้ายกับโซเลีย เธอสมควรถูกเรียกว่า’เด็กเทพ’ และยังทุ่มเทมีความพยายามโดยที่ไม่ได้ทะนงตนที่มีพรสวรรค์เลย เธอยังได้รับความไว้ใจจากพวกเพื่อนร่วมห้องด้วย และแน่นอนว่าคงเป็นผู้นำจักรวรรดิในอนาคตได้ดีแน่ๆ แต่ก็โชคไม่ค่อยดีที่จะมีบางครั้งที่เธอจะสับสนเล็กน้อย และไม่ค่อยสนสิ่งรอบตัวนัก แล้วเธอก็ดื้อจริงๆด้วย”

 

”ยังงั้นหรอ…”

 

”และเอิร์ธก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ไม่ต้องสงสัยเกี่ยวกับมันเลย ความพยายามของเขาก็น่านับถือมากๆ แต่ทุกคนยกเว้นฉัน พยายามสร้างความเป็นฮีโร่เหมือนฮิโระให้เขา มันจะกลายเป็นภาระให้กับเขา และฉันก็กังวลที่สุดท้ายแล้วฉันก็เห็นพฤติกรรมต่อต้านจากเขาเล็กน้อย”

 

”จริงหรอ…”

 

หลังจากได้รู้สถานการณ์ของลูกๆ โซเลียและฮิโระก็พยักหน้าเพื่อตอบสนองต่อเรื่องราว

 

พวกเขาพึ่งมีความรู้สึกชื่นชมลูกๆเมื่อไม่นานมานี้

 

การได้ยินเกี่ยวกับปัญหาและความกังวลของพวกเขาจากบุคคลที่มามันทำให้พวกเขากลับมาคิดว่าจะเอายังไงกับมันใหม่

 

”แต่ ยิ่งกว่านั้น ฟิอันเซ่นะไม่มีปัญหาหรอก ปัญหาล่าสุดเลยคือเอิร์ธ“

 

”อาจารย์?”

 

”ประเด็นสำคัญเลยนะ เอิร์ธจะตอบคำถามฉันด้วยคำตอบแปลกๆ ท้ายที่สุดแล้วฉันเลยให้บทเรียนเสริมกับเขาไป!”

 

“อ่าใช่ ฮ่าฮ่าฮ่า ผมก็เคยได้บทเรียนเสริมมาเพียบจากอาจารย์เหมือนกัน ช่วงเวลาดีๆพวกนั้น…”

 

”ใช่แล้วละ เอาละนี่มันก็ถึงเวลาแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะ”

 

อาจารย์ก็บ่นเบาๆเกี่ยวกับงานที่เขาต้องทำหลังจากนี้

 

และก่อนที่เขาจะออกจากห้อง เขาก็นึกได้

 

”อ้อใช่ เอิร์ธก็พูดอะไรแปลกๆด้วย”

 

”ห๊ะ?”

 

เกี่ยวกับเมื่อคาบก่อน

 

”[เนตรอะไรที่เป็นของจอมมารเทร ไอน่า] คำตอบที่เขาตอบมาดันเป็น ‘เนตร6วิถี’ หรืออะไรสักอย่างประมาณนี้ เอาจริงดิ เจ้าเด็กนั่น…”

 

““เอ๋!!!???””

 

”ยังไงก็เถอะ ไปละนะ ถ้านายว่าก็ไปให้กำลังใจพวกนักเรียนสักหน่อยละกัน”

 

”อา นะ-แน่นอนครับ!”

 

อาจารย์ก็ออกจากห้องไปหลังจากพูดคุยเสร็จ แต่เรื่องที่พูดไว้มันยังทำให้ตะลึงอยู่ ทั้งกับฮิโระและโซเลียก็ตัวแข็งทื่อและไม่ขยับอยู่พักหนึ่ง

 

หลังจากไม่กี่วินาทีที่เงียบไป พวกเขาก็เริ่มเปิดปากพูด ปากของพวกเขาสั่นในขณะที่พวกเขามองหน้ากัน

 

”…นะ-นี่…ฮิโระ…ตะ-ตะกี้นี้…อาจารย์พูดว่าอะไรนะ? เอิร์ธตอบว่าอะไรนะ?”

 

”นะ…เนตร6วิถี…ใช่มั้ย?”

 

”…นะ-นี่นายเคยเล่าให้เขาฟังรึเปล่า”

 

”ก็บ้าแล้ว! ไม่ต้องมาเตือนฉันหรอก! แต่มีเพียงพวกเราเจ็ดวีรบุรุษที่รู้เรื่องนั้น ทำไม…เอิร์ธถึงรู้ได้?”

 

”…มันคงจะดีกว่าที่จะปิดบังการมีอยู่ของเนตรที่น่ากลัวนั่น นั่นเป็นเหตุผลที่เราตกลงกันว่า ให้พวกเราที่อยู่ที่นั่นเก็บเป็นความลับ”

 

”…แล้วใครทำมัน?” ใครมันบอกอะไรประหลาดๆกับเอิร์ธ? โอ้ไม่นะ…ไอสิ่งที่ฉันพูดไปมันเสียเปล่ามาตลอดหรอเนี่ย?”

 

เพราะว่าพ่อและลูกไม่เคยมาคุยกันตรงๆ…ความจริงที่ว่าเขาไม่ได้เจอลูกบ่อยนัก…เส้นทางที่พ่อต้องการให้ลูกดำเนินรอยตามเลยเปลี่ยนไปทีละน้อย

________________________________________________________

Options

not work with dark mode
Reset