Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์ 2249-2250

ตอนที่ 2249-2250

การแข่งขันชิงแชมป์โลก

ฟึ่บ!

ไม่รอให้จ้าวซานพั่งพูดจบ

ฉินมั่วเอาช่อดอกกุหลาบโยนลงถังขยะทันที ก่อนจะเดินไปที่ประตู ความเร็วสูงจนจ้าวซานพั่งไม่อาจมโนเรื่องราวต่อไปได้

ตรงไปตรงมาเกินไปแล้ว

ทางด้านป๋อจิ่วกำลังซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป๋ากางเกง ใบหน้าหล่อหันไปด้านข้างเล็กน้อย รอยยิ้มที่มุมปากไม่ว่าอย่างไรก็ดูร้ายกาจ แม้จะย้อมผมให้เป็นสีดำแล้วก็ยังเหมือนเดิม “ท่านอ้วน ฉันรู้ว่านายอิจฉาเราสองคน อยากใช้วิธีเลวร้ายมาทำลายความรักของฉันกับหัวหน้า ถ้าว่างขนาดนี้ก็ไปคิดวิธีหาแฟนให้ได้เหอะ แล้วถ้ายังเป็นอย่างนี้อีก ฉันจะทำร้ายร่างกายนายล่ะนะ”

ทะ ทำร้ายร่างกาย?

จ้าวซานพั่งได้ยินเช่นนี้ก็กุมหน้าท้องตัวเองทันที เรียกว่ากลัวหัวหดได้เลย

ไม่สิ! เดี๋ยวนะ!

เจ้าแบล็กเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เขาไม่ได้เป็นคนส่งดอกไม้มาให้สักหน่อย!

แต่วันนี้เรื่องเล็กๆ ดังกล่าวไม่สำคัญ

เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงการแข่งขันเกมเลเจนด์ชิงแชมป์โลกก็จะได้เวลาเปิดฉากแล้ว

สนามแข่งขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ภายในสิ่งปลูกสร้างทรงกลมมีคนมานั่งเต็มไปหมดเรียบร้อย

มีระแบบเสียงสเตอริโอรอบทิศทาง หน้าจอยักษ์ตั้งอยู่รอบด้าน ใช้คบเพลิงเป็นจุดแบ่งแยกเขตด้านซ้ายและขวาออกจากกัน ถ้วยรางวัลสีทองระยิบระยับวางอยู่ตรงกลางนั้น!

สนามแข่งขันแบบนี้ย่อมไม่มีใครอื่นปรากฏตัวแล้ว

และเสียงเพลงหลักของเกมกำลังดังสนั่นกึกก้องทั่วสนามแข่ง!

ผู้ที่เข้ามาดูการแข่งขันล้วนไม่ได้มาเพราะต้องการสัมผัสกับความครึกครื้นแต่อย่างใด

ในฐานะที่เป็นผู้ชอบเล่นเกม ทุกคนต่างโบกไม้โบกมือ

แน่นอนว่าย่อมมีคนที่ต่างไปจากนั้น

เช่นโหลวลั่วและป๋ออิ่นที่สวมเสื้อโค้ทสีดำนั่งอยู่ข้างเธอ

ฝ่ายหลังไม่ชอบวันที่ท้องฟ้าสดใสสักเท่าไร ทว่าฝ่ายแรกเพิ่งมาชมการแข่งแบบนี้เป็นครั้งแรก ความรู้สึกไม่เลวเลยทีเดียว

เสียงที่ดังเข้าหูไม่ทำให้คนรำคาญ แต่กลับทำให้รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

พิธีกรออกมาแล้ว สวมสูทเรียบกริบและถือไมโครโฟน มุมปากยกยิ้ม “บอกผมดังๆ หน่อยว่าครั้งนี้พวกเราต้องการอะไร?”

“แชมเปี้ยน!”

เสียงผู้คนนับพันตะโกน ดังสะท้อนกึกก้องทั่วทั้งสนามแข่ง

การแข่งระดับสุดยอดเช่นนี้มีความหมายไม่ธรรมดาต่อผู้ที่มีใจรักในอีสปอร์ต!

ธงของแต่ละชาติล้วนแต่ทำเป็นสติกเกอร์ แล้วนำมาแปะบนใบหน้าผู้ชม

ด้านล่างเวที นักกีฬาที่เข้าแข่งขันต่างกำลังเตรียมตัว

ป๋อจิ่วก็เช่นกัน

เธอส่งข้อความสุดท้ายออกไปก่อนที่จะส่งมอบมือถือให้ ‘ถ้าหม่ามี้มองหนูคนเดียวก็ดีสิ สงสารตัวเองจัง’

หลังจากที่ได้รับข้อความข้างต้น โหลวลั่วก็หลุดยิ้มออกมา

ป๋ออิ่นเห็นข้อความดังกล่าวแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย ทว่าแสงอาทิตย์จ้ามาก เขาขี้เกียจจะลงมือ

โหลวลั่วมองออกว่าชายหนุ่มไม่ชอบใจนัก จึงเอียงไหล่ไปหาให้เขาพิงเธอ “การแข่งจะเริ่มแล้ว ตั้งใจดูกันเถอะ”

ป๋ออิ่นได้กลิ่นจากปลายผมของคนรัก อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ได้”

ไม่มีใครสนใจเธอและเขาทางนี้

ผู้ชมในสนามล้วนแต่จับจ้องกลางสนามแข่ง

ส่วนพิธีกรตะโกนออกมา “ขอเชิญทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันเดินเข้าสนามได้”

หน้าจอยักษ์รอบด้านปรากฏคบเพลิงออกมาเป็นระลอกๆ แต่ละคบเพลิงเป็นสัญลักษณ์แทนหนึ่งทีม

เมื่อชื่อประเทศจีนปรากฏขึ้น ก็ได้ยินเสียงดังข้างหู!

ฉินมั่วคลุมชุดทีมสีดำแดงเดินเข้ามาจากด้านขวา เพราะมีธงชาติประดับที่บ่า ทำให้แขนเสื้อของพวกเขาเหมือนมีไฟลุกโชน เหมือนจะทำให้คนได้ยินเสียงหัวใจเต้นกระหน่ำได้

ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงกลาง

ป๋อจิ่ว เซียวจิ่ง หลินเฟิง อวิ๋นหู่ ลั่วลั่ว เฟิงซ่าง โคโค่ หลินเฉินทาว อินอู๋เย่า จ้าวซานพั่ง

พวกเขาสวมชุดทีมแบบเดียวกัน

มีสัญลักษณ์ของประเทศประดับอยู่ที่ปลายแขนเสื้อ

พวกเขาเรียงหน้ากระดาน เดินออกมาพร้อมกัน

แรงจู่โจมที่ส่งมาให้ราวกับสร้างคลื่นยักษ์ถาโถมได้เลย!

………………………………………..

พวกเราคือแชมป์เปี้ยน!

เซวียเหยาเย่ามองดูจากด้านล่างเวที นิ้วมือสั่นเทานิดๆ

กล้องจับจ้องที่ใบหน้าของฝ่าบาทจิ่ว

เธอคนนั้นในตอนนี้ไม่ได้มีผมสีเงินอีกต่อไป แค่ซุกมือข้างหนึ่งในกระเป๋ากางเกง มุมปากหยักยิ้มเท่ เหมือนตอนเจอกันครั้งแรก

เซวียเหยาเย่าคิดว่าเธอคงไม่มีวันลืมว่าตอนที่ฝ่าบาทจิ่วหันมาพูดกับเธอว่า ‘เหยาเย่า เรามาเล่นเกมด้วยกัน เป็นไง?’

ก่อนที่จะได้เจอฝ่าบาทจิ่ว เธออ่อนแอ ขี้ขลาด อ้วนจนดูไม่ได้ เธอถึงขั้นรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม

ทำไมความมืดมนมันทรมานแบบนี้ตลอด

แต่หลังจากที่ได้เจอฝ่าบาทจิ่ว เธอก็เข้าใจว่าคนเราต้องก้าวข้ามอุปสรรค

มือต้องถือดาบมังกรลุกขึ้นจากความมืดมิดให้ได้ นี่ต่างหากคือสิ่งที่เธอควรจะทำ

แม้ว่าจะเป็นผู้หญิง แต่ก็สามารถมีความหวังที่อยากเป็นฮีโร่ได้

เหมือนในตอนนี้ที่มีตัวอักษรโลดแล่นอยู่บนแผ่นหลังของเธอ ซึ่งก็คือชื่อประเทศจีน!

เมื่อเธอช้อนสายตาขึ้น บุคลิกตอนที่มองกล้องไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

จนเมื่อมาถึงในวันนี้ ไม่รู้ว่าพวกที่บอกว่าชอบฝ่าบาทจิ่วจะเข้าใจหรือยังว่า ไม่ว่าสีผมของเธอคนนั้นจะเป็นสีอะไร ใส่ตุ้มหูสีไหน งับอมยิ้มหรือไม่ ก็ล้วนไม่สำคัญ

สำคัญตรงที่นัยน์ตาดำขลับของเธอคนนั้นยังมีแสงประกาย

เวลาเดียวกัน ทีมอื่นๆ ไม่สนใจคนพวกนี้นัก เพราะในสนามแข่งระดับโลกแล้ว ผลงานของทีมจีนไม่ได้ดีเด่นสักเท่าไร

ในฐานะที่เป็นนักกีฬาตัวจริงที่ถูกเลือก ป๋อจิ่วไม่ตื่นเต้นแต่อย่างใด เธอนั่งตรงหน้าคอมพิวเตอร์ นิ้วเรียวเกี่ยวหูฟัง ผิวสีขาวผ่องและใบหน้าที่คมคายรับกันกับเส้นผมสีดำของเธอ ดูทั้งร้ายกาจและเจ้าเล่ห์

เธอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ วางมือไว้ด้านข้าง แนวคางดูสวยน่ามองเหลือเกิน

จากนั้นคนอื่นๆ ต่างทยอยกันนั่งลงประจำตำแหน่ง

กล้องเตรียมพร้อม ทั้งยังซูมภาพ

หลายคนต่างกลั้นลมหายใจ รวมถึงจ้าวซานพั่งที่เดินลงสนาม เขากำมือแน่นตามไปด้วย

ในเวลานี้นี่เอง

เสียงของฉินมั่วดังผ่านไมโครโฟนหูฟังมาถึงหูของทุกคน “อย่าลืมนะว่าพวกเราเป็นตัวแทนประเทศจีน”

ชายหนุ่มหันมอง ใบหน้าคมสันชัดเจนนั้นยังคงให้ความรู้สึกกับทุกคนเหมือนเดิม ทั้งสูงส่งและเย็นชา

มีเพียงแววตาที่เหมือนมีอะไรลุกโชนรางๆ

นั่นคือความมุ่งมั่นของลูกผู้ชายคนหนึ่ง เขาจะทำให้ธงชาติของประเทศโบกสะบัดทั่วสนามแห่งนี้

ในชั่วอึดใจเดียว จ้าวซานพั่งก็นิ่งสงบอย่างมีสมาธิ

แม้ว่าเสียงรอบด้านจะอึกทึกครึกโครมแค่ไหนก็ตาม

ราวกับเมื่ออยู่ข้างตัวฉินมั่วแล้วทุกอย่างจะสงบลงได้ เหลือเพียงแต่การแข่งขันเท่านั้น

พวกเขา…จะต้องชนะ!

“พร้อมแล้วใช่ไหม?” ฉินมั่วกดบนหูฟังพลางถาม

ไม่มีใครตอบเพราะต่างรู้ใจกันดี

มือซ้ายของชายหนุ่มพรมลงบนคีย์บอร์ด ก้นบึ้งนัยน์ตาเคร่งขรึม “งั้นก็ลงแข่งกันเลย”

ประโยคนั้นสั้นมาก แต่กลับเหมือนปลุกอะไรบางอย่างให้ลุกฮือ

เลือดแห่งความมุ่งมั่นที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจระเบิดขึ้นมาทันที!

ในสายตาของผู้ชม คล้ายจะมีร่างเงาของเด็กหนุ่มเหล่านั้นวูบไหวออกมาได้

พวกเขาคลุมชุดทีม สวมหูฟังไว้บนศีรษะ แรงที่ขยับเมาส์แต่ละครั้งสามารถสะท้านเข้าสู่หัวใจ!

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น

ตัวละครฮีโร่บางตัวถูกห้ามใช้ในการแข่งขัน

นอกจากคนจีนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่นี่แล้ว ไม่มีใครรู้สึกว่าทีมหน้าใหม่ทีมนี้จะชนะ จึงมาดูความครึกครื้นกันเท่านั้น

รอจนเมื่อแสงสีเงินผ่ากลางหน้าจอ ผู้คนถึงเริ่มได้รู้ว่าพวกเขามาเพื่ออะไร

ทำไมถึงมีทีมแบบนี้อยู่ด้วย?

ทุกคนต่างเป็นตัวหลักของทีมได้ เมื่อมีใครถูกเล่นงานอีกคนจะรุดเข้าช่วยเสมอ

ผู้เล่นเลนกลางอย่าเหราหรงเดินทั่ว แสดงแสนยานุภาพให้เห็น!

ผู้เล่นเลนบนอย่างเซียวจิ่งทั้งหลบและสร้างความเสียหายให้คู่แข่ง รับประกันผลการโจมตี!

ส่วนฉินมั่วใช้สกิลสามพันดาบประหารบุกโจมตี ป้องกันป้อมคริสตัลของเมืองเอาไว้!

ส่วนแบล็กพีช Z ตกหลุมมังกร ก็เปลี่ยนไอเทมแล้วแย่งมังกรอย่างเต็มกำลัง!

พวกเขายืนอยู่ที่นั่นเพื่อบอกทั้งโลกว่า

ปีนี้ พวกเขาประเทศจีน…จะมาคว้าแชมป์!

…………………………………………………..

ลูกชอบแย่งความรักของคุณไปจากผม

 “เขา?” นัยน์ตาเข้มลึกของป๋ออิ่นปรากฏหมอกดำที่ใครๆ เห็นได้ไม่ง่าย “ชอบแย่งความสนใจของคุณไปจากผม อายุน้อยๆ แต่ซนสุดๆ เป็นลูกบังเกิดเกล้าที่ชอบทำให้ความรักของเราวุ่นวาย”

บุคลิกของโหลวลั่วหนักไปทางด้านการเป็นนักธุรกิจ เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวก็เลิกตาขึ้น ดูหยิ่งยโสแต่ก็สวยมาก “คุณป๋อ ตอนนี้คุณกล้าว่าร้ายลูกสาวเราต่อหน้าฉันเหรอคะ?”

ป๋ออิ่นหัวเราะ เอ่ยเสียงแช่มช้า “ก็ไม่ควรจริงๆ แหละ”

“อะไรที่ไม่ควร” โหลวลั่วเอียงคอมอง

นิ้วเรียวยาวของป๋ออิ่นยังคงจับคันร่มเอาไว้ ตอนเขายืนที่มุมถนนอย่างสุภาพและลึกลับ ดวงไฟของทั้งเมืองส่องสว่างอยู่ด้านหลังเขา ทำให้เขาดูไม่เหมือนคนบนโลกนี้ เพราะจะมีใครที่กางร่มกันฝนในตอนกลางคืน แถมร่มยังเป็นสีดำอีก

เขาเหมือนจะยิ้ม กลิ่นอายร้ายกาจปรากฏ “ไม่ควรให้คุณเจอกับลูกเลย”

โหลวลั่วหยุดเดินทันที “ฉันเคยเจอลูกหรือคะ เมื่อไรกัน?”

แล้วเจอกันที่ไหน?

หากความทรงจำของเธอไม่ผิดพลาด วันนี้เธอได้เจอเด็กหญิงอายุสามสี่ขวบแค่สองคนเท่านั้น

แถมพ่อแม่ของแม่หนูยังยืนขนาบข้างลูกด้วย อีกอย่างในนั้นไม่มีคนจีนสักคน

และไม่มีไฝเสน่ห์ด้วย

นอกเสียจากเด็กสาวน่ารักน่าชังคนนั้น…

โหลวลั่วฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่ายังไงก็ไม่เอาเด็กโตแล้วมาเชื่อมเข้ากับลูกสาวตัวเอง

แม้ว่าเด็กคนนั้นจะมีส่วนคล้ายผู้ชายตรงหน้าอยู่บ้าง โหลวลั่วก็ไม่อยากคิดเชื่อมโยงไปเช่นนั้น

ป๋ออิ่นย่อมรู้ว่าเธอคิดอะไร จึงยิ้มแย้ม ทำท่าไม่พอใจอย่างเอื่อยเฉื่อย “เดาจริงจังขนาดนั้นเชียว วันนี้คุณมองผมไม่กี่ครั้งเอง เอาแต่สนใจเขา จนผมหึงแล้วนะ”

โหลวลั่วมองเขา นัยน์ตาดำขลับเหลือเกิน เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น จึงยื่นมือขวาไปจับใบหน้าหล่อไร้ที่ตินั่น “ก็มองคุณอยู่นี่คะ”

ลมอ่อนๆ พัดเข้ามา

ผู้คนที่เดินตามถนนอดหันมามองทั้งสองไม่ได้ คงเพราะไม่เคยเห็นคู่รักแบบนี้

ผู้หญิงที่สวมชุดสูทนักธุรกิจมีบุคลิกเย็นชา เรียวขาเหยียดยาว ข้อเท้าขาวเนียนถูกสวมสร้อยเงินที่ผลุบๆ โผล่ๆ ให้เห็น ขับให้เธอดูสูงส่งห้ามแตะต้อง

ส่วนผู้ชายที่เธอลูบหน้าอยู่กลับถือร่มสีดำ เสี้ยวหน้าคมสันดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณขาวซีด มุมปากหยักยิ้ม

หากว่ากันตามเหตุผลแล้ว คนแบบนี้น่าจะชอบผู้หญิงสาวๆ ขี้อ้อนไม่ใช่เหรอ

ทุกคนที่เห็นต่างคิดว่าสองคนนี้ต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาแน่ แม้จะเป็นคู่รัก แต่ก็เหมือนว่าฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเลี้ยงดูผู้ชายที่หนุ่มกว่า

ดูจากท่าทางแล้ว เขาเหมือนจะเชื่อฟังเธอทุกอย่าง เพราะไม่มีใครที่สามารถทำกิริยาเมื่อครู่โดยไม่อิหลักอิเหลื่อหรือไร้ความเขินอายได้เหมือนเธอ

ยังไงก็เหมือนลูบผู้ชายที่อยู่ใต้อาณัติตัวเองอยู่ดี

ตรงกันข้าม เธอกล่อมเขาด้วยบุคลิกแห่งความเป็นนักธุรกิจ เหมือนสัมผัสริมฝีปากตัวเอง

“ตอนนี้บอกฉันได้หรือยังคะว่าลูกอยู่ที่ไหน หรือว่าเราไม่ได้มีลูกด้วยกันจริงๆ”

ป๋ออิ่นซุกใบหน้าไว้กับมือของเธอ ก่อนจะเอียงคอจูบอุ้งมือเธออย่างแผ่วเบา “ไม่เชื่อผมอีกแล้ว?”

โหลวลั่วไม่รู้ว่าผู้ชายในวัยอย่างเขาเกาะติดคนคนหนึ่งแล้วยังทำให้อีกฝ่ายอ่านใจไม่ออกได้หรือไม่ ใบหน้าที่ซีดขาวของเขาทำให้ต้องเกรงว่าจะทำร้ายน้ำใจอีกฝ่ายหรือเปล่า

“เรื่องนี้มันลี้ลับมหัศจรรย์มาก เป็นใครก็ต้องสงสัย”

เธอลองอธิบายก่อน เพราะก่อนหน้านี้ เรื่องรถที่เธอให้เขาดูจะทำร้ายเขามาก

ป๋ออิ่นเอ่ยด้วยเสียงเซ็กซี่ “รอวันแข่งรอบสุดท้ายของมิลานจบลง ผมจะบอกคุณว่าลูกเราคือใคร แต่ก่อนหน้านั้น…คุณต้องมองผมคนเดียวเท่านั้น”

โหลวลั่วช้อนสายตามอง “ได้”

ป๋ออิ่นกล่าวเย้า “ฟังก็รู้ว่าคุณรับปากไปงั้นเอง”

โหลวลั่วหัวเราะเสียงเบา หยิกแก้มเขา “งั้นต้องทำยังไงคุณถึงจะไม่คิดว่ารับปากไปงั้นๆ?”

…………………………………..

ส่งดอกไม้ให้ฉินมั่ว

ป๋ออิ่นไม่ตอบแต่ย้อนถาม “ดูเหมือนคุณจะไม่เคยโพสต์อะไรในโมเมนต์วีแชทเลย?”

“หือ?” โหลวลั่วเลิกคิ้ว

ป๋ออิ่นยิ้ม ยื่นมือไปคว้ามือถือจากกระเป๋าเสื้อตัวนอกของเธอมา เอ่ยช้าๆ ว่า “เงยหน้าหน่อย”

โหลวลั่วอ่านความคิดของชายหนุ่มไม่ออก “จะทำอะไร…”

พูดยังไม่ทันจบ รอยจูบก็ประทับที่ซีกแก้มของเธอ

จากนั้นเสียงกดปุ่มถ่ายรูปพลันดังขึ้น หน้าของทั้งสองปรากฏในกล้องด้วยกัน

ป๋ออิ่นส่งยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้มให้ “คุณควรจะบอกทุกคนหรือเปล่าว่าผมเป็นของคุณแล้ว เอารูปนี้โพสต์ลงในโมเมนต์ของวีแชทนะ”

เพื่อนๆ ของโหลวลั่วก็เหมือนเธอ นอกจากเรื่องธุรกิจแล้วก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่นอีก เพราะแอดพนักงานและคู่ธุรกิจในแอคเคาท์ตัวเองด้วย

ทว่าโหลวลั่วกลับหัวเราะเสียงเบา หยิบมือถือมาโพสต์รูปพร้อมเพิ่มเติมข้อความลงไปว่า “ผู้ชายของฉัน”

พอจะนึกออกว่า แค่โพสต์เดียวก็ก่อให้เกิดความตะลึงกันมากเท่าไร

เรียกได้ว่าพอโหลวลั่วโพสต์เสร็จ เพื่อนๆ ก็ส่งข้อความมาหา “ประธานโหลวที่รัก ฟังฉันนะ เจ้าลูกหมาป่าของเธออะ ไม่ธรรมดาจริงๆ! เอางี้ คนทั้งวงการเขาพูดกันว่าเธอซ่อนผู้ชายไว้ในบ้าน ชอบเลี้ยงดูผูกปิ่นโตผู้ชายหนุ่มๆ แล้ว…”

โหลวลั่วไม่ดูเนื้อหาที่เหลือ เธอแค่หันหน้ามาหาเขา “พอใจหรือยัง?”

ป๋ออิ่นยื่นมือทัดเส้นผมไว้หลังหูให้เธอ เรียวปากบางยิ้มขึ้น “พอใจมากๆ”

เพื่อนๆ พูดอย่างหนึ่งไว้ไม่ผิดเลย

พวกลูกหมาป่าชอบประกาศความเป็นเจ้าของ

โหลวลั่วยิ้ม มองตามขอบร่มคันดำของเขาไปหยุดตรงหน้าจอยักษ์ที่กำลังฉายข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งในวันพรุ่งนี้

ภาพนั้นหยุดที่ใบหน้าของป๋อจิ่ว

ดูร้ายกาจ เอ้อระเหย ทรงเสน่ห์เจ้าเล่ห์

มีตุ้มหูสีดำอยู่ภายใต้เส้นผมสั้นเซอร์

นัยน์ตาเป็นประกายแทบจะสะท้อนแสงออกมาได้ เหมือนภาพที่เธอเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว

แต่เวลานั้นร่างที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเพียงเด็กน้อยตัวเล็กที่ชอบส่ายหางเสือ…

ป๋ออิ่นสังเกตว่าเธอกำลังมองอะไร เขาหันไปมอง ท้องฟ้าเหมือนจะมืดมากขึ้น “กลับโรงแรมไหม?”

โหลวลั่วตอบรับเพียงว่า “อื้ม” แต่สายตากลับไม่คลาดคลาจากร่างของเด็กคนนั้นแม้แต่น้อย

เมื่อมาถึงกลางดึก

ค้างคาวบินจากโคมไฟด้านนอกโรงแรมมาหยุดลงที่บ่าของผู้ชายคนหนึ่ง

“เจ้านายไม่ชอบอุปกรณ์การสื่อสารของพวกมนุษย์นี่ เพื่อมาดามแล้ว อะไรก็ทำได้จริงๆ”

ป๋ออิ่นเอียงคอมอง แสงสีแดงขยับเบาๆ

เจ้าค้างคาวพลันหวาดกลัว

ป๋ออิ่นหัวเราะ “เตรียมดอกไม้ไปส่งที่ห้องของฉินมั่ว”

เจ้าค้างคาวเหวอ “ส่งดอกไม้ให้คุณชายฉิน?”

เขาฟังผิดหรือเปล่า

ป๋ออิ่นหัวเราะเสียงเบา “ท่านจิ่วของพวกเราเป็นคนขี้หวงมาก”

ค้างคาว…คุณก็เลยแก้แค้นที่นายน้อยแย่งความสนใจของมาดามไปงั้นเหรอ?

เรื่องแบบนี้คนรับใช้ย่อมไม่พูดออกมา

การส่งดอกไม้ให้ถึงห้องในโรงแรมไม่ยากสำหรับพวกมัน

ทว่าคุณชายฉินเป็นคนที่มีนิสัยประหลาดมาตั้งแต่เด็ก พวกมันไม่กล้าเข้าใกล้

เวลาที่นายน้อยอยู่ด้วยยังพอว่า แต่ถ้านายน้อยไม่อยู่ พวกมันรู้สึกว่าชายหนุ่มอาจยกปืนยิงพวกมันได้เลย

ในการแข่งครั้งนี้ คุณชายฉินน่าจะไม่ได้เอาปืนมาด้วย

เจ้านายก็ช่างมอบหมายงานที่พวกมันไม่อยากทำมากที่สุดให้พวกมันจริงๆ

วันนี้ กล้องวงจรปิดของโรงแรมประหลาดมาก เป็นภาพขาวไปหมด บันทึกภาพไม่ได้สักนิด

แต่เมื่อท้องฟ้าสว่าง ช่อกุหลาบแดงก็ตั้งอยู่ที่หัวเตียงของชายหนุ่ม มันสวยสดงดงาม มีการ์ดสีขาวแนบมาด้วย

เขาที่สวมชุดทีมไล้นิ้วผ่าน เลิกคิ้วขึ้นอย่างสูงส่ง

ฝั่งจ้าวซานพั่งเอาแขนพาดบ่าป๋อจิ่ว เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าแบล็กเอ๊ย แค่แข่งชิงแชมป์โลกในวันแรกเอง ฉันไม่ได้ยุแยงตะแคงรั่วจริงๆ นะ แต่ฉินมั่วต้องนอกใจนายแน่นอน ไม่งั้นจะรับดอกไม้จากคนอื่นทำไม!”

………………………………………….

โหลวลั่วไม่รู้หรอกว่าปกติแล้วเด็กคนนี้เป็นอย่างไร

แค่เวลาที่เธอดูคลิป ก็จะได้เห็นภาพคนเท่ระคนร้ายกาจที่กล้องจับภาพโดยบังเอิญ

เมื่อได้คุยกันในเวลานี้ก็รู้สึกว่าเป็นเด็กดี ทำให้เธอคีบอาหารให้อีกฝ่ายอยู่ด้านข้างเป็นระยะๆ อย่างอดไม่ได้ ไม่สนใจคุณป๋อเลย

ป๋ออิ่นนั่งอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มที่มุมปากยังไม่หายไป ทว่านัยน์ตากลับเฉยชากว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อมองป๋อจิ่วที่กินอย่างเอร็ดอร่อย

ส่วนลูกสาวย่อมสังเกตเห็นสายตาของพ่อ เรียวปากบางหยักโค้ง หันไปยิ้มให้คนเป็นแม่ “อร่อยจัง”

“อร่อยก็กินเยอะๆ นะคะ” หากดูจากการแต่งตัวและออร่าของโหลวลั่ว ดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนคีบอาหารให้คนอื่นเป็นด้วย

จ้าวซานพั่งรู้สึกเช่นกันว่าเดี๋ยวนี้ก็มีสาวสวยลุคท่านประธานคนเก่งเป็นแฟนคลับเกมเมอร์อย่างพวกเขาด้วย เหลือเชื่อจริงๆ

บอกได้แค่ว่าหน้าของเจ้าแบล็กหลอกสาวได้เยี่ยมมาก

ยิ้มเมื่อกี้พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ขายภาพลักษณ์ว่าเป็นเด็กดีสุดๆ

อันที่จริงป๋อจิ่วไม่ได้จงใจ แต่นานมากแล้วที่ไม่กินข้าวกับครอบครัว ดังนั้นทุกอากัปกิริยาจึงเหมือนตอนเป็นเด็กตามอัตโนมัติ

การได้กินข้าวแบบนี้ก่อนแข่ง ได้เห็นคุณพ่อผู้โหดหน้ายิ้มที่อยากแย่งแม่กับเธอแท้ๆ ทว่าทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ได้แต่นั่งสง่าอยู่กับที่ ป๋อจิ่วจึงหัวเราะไปตามธรรมชาติ

เธอมีความสุขมาก ราวกับหัวใจได้รับการเติมเต็ม ฟองแห่งความสุขลอยเต็มไปหมด

คงเพราะไม่มีอะไรที่โชคดีไปกว่าการมีคนที่รักตัวเองที่สุดอยู่รายล้อมแล้ว

พอป๋อจิ่วอารมณ์ดีก็กินเยอะกว่าเดิม

นี่ถ้าประธานคนสวยไม่ได้อยู่ด้วยล่ะก็ จ้าวซานพั่งหรือไม่ก็หลินเฟิงต้องเล่นงานเธอแล้ว พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆ เป็นผู้หญิงแท้ๆ ต่อให้เท่กว่าพวกเขาก็ไม่น่ากินเยอะอย่างนี้

หลินเฟิงไม่มีอารมณ์จะคิดว่าทำไมหัวหน้าถึงไม่สมกับเป็นหัวหน้า อนุญาตให้คนอื่นคีบอาหารให้เจ้าแบล็กอยู่ได้

ตอนนี้เขาคิดแต่จจะคีบเนื้อตามปกติเท่านั้น

โหลวลั่วก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน จึงเอ่ยอย่างมีมารยาท ทำนองว่าการที่เธอมาด้วยเป็นการรบกวนการกินอาหารของพวกเขา

หลินเฟิงยอมรับว่าตัวเองช่วยแก้ปัญหาให้ครอบครัวมาไม่น้อย ทั้งยังมีออร่านักธุรกิจเช่นกัน

แต่หากเทียบกับคนตรงหน้า เขารู้สึกว่าสู้เธอไม่ได้จริงๆ

บุคลิกเธอดูเป็นผู้ทรงอิทธิพล ขนาดกินข้าวอยู่ เขาก็ยังเอาแต่มองเธอ

โหลวลั่วนิ่งสงบตลอด ก็เหมือนนาฬิกาเงินบนข้อมือของเธอที่อวดบารมีได้เต็มที่

ในฐานะที่เป็นผู้จัดการทีม เฟิงอี้ตรวจสอบสถานะของเธอมาแต่แรกแล้ว ตอนที่จะรายงานให้คุณชายฉินทราบ ชายหนุ่มกลับบอกว่าไม่เป็นไร ซึ่งต่างไปจากเมื่อก่อนจริงๆ

แต่ท่านประธานโหลวที่ลือกันในวงการธุรกิจว่าเป็นเทพแห่งความตาย กลับไม่ให้ความรู้สึกเช่นนั้นเมื่อได้พบหน้ากัน แถมแฟนที่เธอพามายิ่งดูลึกลับ

เพราะอย่างไรไม่น่าจะมีคนเกาะผู้หญิงกินที่เมื่อเงยหน้ามองพวกเขา แววตาก็ยังคงนิ่งไม่หวั่นไหว ท่าทีสง่างามอย่างร้ายกาจ เหมือนเป็นคนที่ทำงานอยู่ในโลกมืด สิ่งสำคัญคือท่าทีของคุณชายฉินที่ราวกับเห็นอีกฝ่ายเป็นญาติผู้ใหญ่?

เฟิงอี้ยิ่งงงหนักขึ้น

ฉินมั่วออกปากเตือนเป็นครั้งที่สองว่า ถ้าเธอยังไม่กินเองอีก คุณอาป๋อจะคิดบัญชีกับเธอแล้ว

ป๋อจิ่วหัวเราะเสียงเบาตอบกลับ เขายังไม่ได้หม่ามี้มาอย่างเป็นทางการ จะแย่งจากฉันไปได้ยังไง

ต่อให้เสียงจะเบาแค่ไหน คนเป็นพ่อก็ยังคงได้ยิน หันมามองด้วยแววตาเย็นชานิดๆ

แต่ลูกสาวหรือจะสนใจ ยังคงกินเนื้ออย่างมีความสุข

โหลวลั่วชะงักมือเมื่อได้เห็น เศษภาพเล็กน้อยๆ วาบผ่านในสมอง รูปเด็กน้อยสวมชุดนอนเสือน้อยกำลังเอียงคอกินสเต็ก ทำตาโตอย่างเด็กน้อยไร้เดียงสา ใต้ดวงตามีไฝเสน่ห์เหมือนเด็กคนนี้

……………………………………..

 “มีอะไรเหรอ?” ป๋ออิ่นจับจ้องเธอด้วยเห็นว่าอีกฝ่ายพลันหยุดชะงัก

โหลวลั่วจึงค่อยได้สติ “เปล่าค่ะ”

แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่หัวใจกลับหลอกตัวเองไม่ได้

ทำไมถึงมีภาพเหล่านั้นลอยอยู่ในหัวของเธอ?

โหลวลั่วบริหารบริษัทใหญ่ เธอมักพินิจทุกอย่างด้วยความใจเย็น วันนี้ก็เช่นกัน

มีบางเรื่องที่ไม่เหมาะจะพูดในตอนนี้

การกินข้าวไม่ได้ล่วงเลยจนดึกมากมาย

หลังจากที่คนในทีมกลับไป ยังต้องพักผ่อนให้เต็มที่ เพราะที่นี่ไม่เหมือนในประเทศจีน

ความแตกต่างเรื่องเวลาทำให้ลำบากในบางครั้ง

ในขณะที่จะกลับไป ป๋อจิ่วยืนอยู่ใต้แสงไฟริมถนน รั้งตัวคนไว้อย่างหลักแหลม “พรุ่งนี้ต้องแข่งนัดแรก เครียดจัง”

เมื่อได้ยินคำว่าเครียดจากปากของท่านจิ่ว คุณป๋อที่นั่งถือร่มสีดำอยู่ด้านหนึ่งยิ้มเย็นชาตรงมุมปาก

ทว่าป๋อจิ่วไม่สน นัยน์ตาดำขลับวาววับ อ้อนเต็มที่ว่า “อยากให้คนไปดูแข่งจังเลย”

โหลวลั่วนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อครู่ สายตาจับจ้องไฝเสน่ห์อีกฝ่าย กำลังคิดว่าจะทิ้งงานไว้ก่อนชั่วคราวดีไหม

เสียงนั้นก็ดังต่อมาว่า “หนูกลัวแพ้ ถ้าแพ้แล้ว ต้องมีคนหัวเราะเยาะแน่ๆ เลย”

นี่คงเป็นคำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุดเท่าที่คุณป๋อเคยได้ยินมา

กลัวแพ้?

ท่านจิ่วเก่งด้านใช้มุกนี้ต่อหน้าผู้คนมาตั้งแต่เด็กจนโตจริงๆ

โหลวลั่วเคยเห็นคลิปการแข่งของเธอ นึกถึงนัดที่เธอแพ้ซึ่งยืนไปคอตกอยู่หน้าจอ พูดอะไรไม่ออก หัวใจก็แสนเวทนา

เธอที่สวมรองเท้าบูทส้นสูงสีดำยื่นมือไปลูบศีรษะป๋อจิ่ว “วางใจเถอะ พรุ่งนี้มีคนอยู่เป็นเพื่อนหนูตั้งมากมาย ฉันก็จะไปดูหนูเหมือนกัน”

“งั้นหนูจะรอนะ” ป๋อจิ่วยิ้ม ออดอ้อนสุดฤทธิ์

โหลวลั่วตอบรับสั้นๆ “ค่ะ”

ป๋อจิ่วไม่รบเร้าเซ้าซี้ออีก

สองตามองตามคนสองคนที่เดินจากไป ผ่านไปพักหนึ่งก็หันมากอดเอวฉินมั่ว “ฉันรู้ว่าพวกเขาต้องไม่เป็นอะไร”

“ฉันก็รู้เหมือนกัน” กระทั่งแรงที่กอดยังเพิ่มหนักขึ้น เสียงเหมือนจะสั่นเครือ ความรู้สึกของเธอในตอนนี้ ไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าเจ้าตัว

นี่เป็นภาพที่เธอไม่กล้าฝันถึงมาหลายปี แต่มันกลับปรากฏตรงหน้าแล้วในเวลานี้

มุมปากของป๋อจิ่วยังคงหยักยิ้ม เธอดีใจเหลือเกิน ความสุขที่เกิดขึ้นเหมือนไม่ใช่ของจริง

ฉินมั่วปล่อยให้ป๋อจิ่วกอดตัวเองไป ใบหน้าหล่อเหลาสูงส่งอ่อนโยนขึ้นท่ามกลางความมืด

เขาวางบนมือศีรษะของเธอ ก่อนจะลูบครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนตอนที่เขากล่อมเธอนอนเมื่อยังเป็นเด็ก

เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่พ่อแม่เธอดูไม่แก่ลงเลย เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญเท่ากับ

สิ่งสำคัญคือทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่

อีกด้านหนึ่ง สองคนเดินเคียงกัน หิมะยังไม่ตกลงมา

ป๋ออิ่นกางร่มเดินข้างเธอ

โหลวลั่วหันไปมอง สายตาจับจ้องยังไฝเสน่ห์ของอีกฝ่าย “ลูกสาวของเราก็มีไฝเสน่ห์เหมือนกันเหรอ?”

ป๋ออิ่นไม่ตอบแต่ถามกลับ “คุณจำได้แล้วเหรอ?”

โหลวลั่วไม่ได้ตอบตรงๆ แต่พูดเพียงว่า “เมื่อไรคุณจะพาฉันไปเจอเขา?”

“ท่าทางจะยังจำไม่ได้” ป๋ออิ่นยิ้มร้าย “ไม่ต้องรีบร้อน เขาก็มีไฝเสน่ห์เหมือนกัน”

โหลวลั่วได้ยินแล้วอึ้งไป เอ่ยขอร้องเพียง “คุณเล่าให้ฉันฟังเยอะๆ หน่อยสิคะ”

“อะไรเหรอ” ป๋ออิ่นเอียงคอมอง

โหลวลั่วช้อนสายตามอง “ก็เรื่องของลูกไงคะ…”

…………………………………………………

ในขณะที่ป๋อจิ่วถูกคนข้างหลังกระชากมากอดไว้ในอ้อมแขน

ชายหนุ่มเองก็มอง ‘แฟนคลับ’ ที่เธอเพิ่งกอดคนนั้นให้ชัดตา

เขาตะลึงงันอยู่ตรงนั้นในวินาทีถัดมา หยุดคำพูดถัดจากนั้นได้อย่างไม่ง่ายเลย

ป๋อจิ่วรู้ดีว่าเขาคิดอะไร ครั้งนี้เธอพูดอย่างกล้าหาญ “พี่มั่วมาขัดจังหวะคุยของฉันกับแฟนคลับทำไม”

หากเป็นเวลาปกติ ฉินมั่วคงใช้ร่างกายเตือนให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของใครแล้ว

คุยกันก็ต้องกอดด้วยเหรอ?

ทว่าครั้งนี้ฉินมั่วไม่ได้พูดออกไป เพราะเขาจำหน้าเธอคนนั้นได้

ตอนนั้น ทุกครั้งที่เขาไปเล่นบ้านยัยเสือน้อย มาดามป๋อจะก้มตัวลงมาพลางยิ้มให้เขา ‘มั่วมั่ว บางครั้งจิ่วของเราก็ซนมาก หนูดูๆ เขาหน่อยนะ ถ้าเขาก่อเรื่องขึ้นมาจนรบกวนหนู หนูก็มาบอกน้าเลยนะ’

ตอนนั้นเขาแค่ตอบรับเธอไป

ไม่ได้รู้สึกว่ายัยเสือน้อยรบกวนเขา

แค่ชอบทำตัวไม่เรียบร้อยเท่านั้นเอง เอาแต่กระโจนใส่คนอื่นอยู่ได้

ทว่ามาดามป๋อไม่น่าจะสอนเธอให้ทำแบบนี้

ดังนั้นฉินมั่วจึงไม่ได้เล่าให้ฟัง

บ้านตระกูลป๋อมักดื่มชาแดงในตอนกลางคืน

เพราะมาดามป๋อที่เปิดบริษัทส่วนตัวจะกลับบ้านในเวลานี้เท่านั้น

เมื่อได้เห็นใบหน้าของมาดามป๋อที่ยังเหมือนกับภาพในความทรงจำ ฉินมั่วก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา

เพียงแต่เวลาผ่านมาตั้งหลายปี คนเราจะไม่เปลี่ยนเลยสักนิดเลยเหรอ?

ไม่ใช่แค่หน้าตา กระทั่งสภาพผิวพรรณก็ยังคงเดิม…

ด้วยเหตุที่ถูกฉินมั่วจับจ้อง โหลวลั่วจึงช้อนสายตามอง ก่อนจะมาที่นี่ ผู้ช่วยได้ส่งรูปที่เด็กคนนี้ถ่ายร่วมกับคนอื่นให้เธอดูหลายรูป ทั้งยังเอ่ยด้วยเสียงตื่นเต้นว่า ‘ประธานโหลวคะ คนออร่าแรงที่สุดที่ยืนข้างแบล็กพีชเป็นหัวหน้าทีมชาติจีน เทพฉินค่ะ แล้วก็เป็นแฟนของน้องด้วย’

วันนั้นโหลวลั่วจึงเพิ่งรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นผู้หญิง

ผู้ช่วยยังเน้นย้ำอีกว่า ‘ประธานโหลวคะ ถ้าคุณไปเจอแบล็กพีชในเวลาที่มีเทพฉินอยู่ด้วย คุณห้ามแตะต้องตัวน้องเค้าเชียวนะคะ จริงๆ นะ สายตาเทพฉินนี่อย่างกับน้ำแข็งเลย’

โหลวลั่วกลับไม่รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกอะไรทั้งนั้น

บางทีเธอคงถึงวัยนั้นแล้ว การรับรู้จึงไม่ดีเหมือนเก่า

หากเหล่าแฟนคลับที่อยู่ข้างหลังรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ต้องตะโกนบอกว่าไม่ใช่หรอกแน่นอน!

พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า วันหนึ่งเทพฉินจะเห็นแบล็กพีชกอดคนอื่น แต่ไม่ลงโทษเจ้าหล่อน

มันช่าง…ไม่สมกับที่เป็นเทพฉิน!

จ้าวซานพั่งเองยังคิดว่าวันนี้ฉินเจ้าแผนการอ่อนแอไปหน่อย

อะไรกัน? แค่นี้?

ปกติแค่เขาพาดแขนที่บ่าเจ้าแบล็ก ฉินมั่วก็แทบไล่ฆ่าเขาทั่วเกมแล้ว

ทำไมพอแฟนคลับทำบ้าง เจ้านั่นกลับสองมาตรฐาน

เหล่าแฟนคลับยิ่งอยากเป็นพยานให้ได้แบบไม่สองมาตรฐาน!

แค่พวกเขาแตะต้องแบล็กพีช เทพฉินก็แผ่ไอเย็นเยือกออกมาแล้ว

วันนี้จริงๆ เลย…ตอนเริ่มพูดก็ปกติ แต่พอพูดต่อก็ไม่ปกติแล้ว!

สิ่งที่น่าประหลาดที่สุดก็คือ ฉินมั่วปล่อยคอเสื้อของแบล็กพีช เท่ากับอนุญาตให้เจ้าหล่อนกอดแฟนคลับต่อไปนี่?

จ้าวซานพั่งที่อยู่ด้านข้างอึ้งตะลึงไปแล้ว

เขารู้สึกว่าไม่เพียงแต่แบล็กพีชที่โดนผีสิง กระทั่งฉินเจ้าแผนการยังเหมือนเปลี่ยนวิญญาณ

เล่นอะไรกัน แบบนี้ยังจะแข่งได้อีกไหม?

ฉินมั่วไม่เหมือนกับเวลาปกติจริงๆ เขาอนุญาตให้เจ้าแบล็กกอดคนอื่นต่อตั้งแต่เมื่อไร?

ขนาดช็อกโกแล็ตรูปคีย์บอร์ดที่แฟนคลับส่งมาให้ คนที่ไม่ชอบของหวานอย่างเขายังกินแทนแบล็กพีชเลย

เวลานี้เขากลับเปี่ยมไปด้วยมารยาทยิ่งกว่าตอนอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสในเขตทหาร มองไปทางเธอคนนั้น “คุณมาคนเดียวเหรอครับ?”

จ้าวซานพั่ง “…”

……………………………………………

คนฉลาดอย่างโหลวลั่วเงยหน้ามองดูเด็กวัยรุ่นตรงหน้า ออร่านักธุรกิจยังจับตัวไม่เสื่อมคลาย ถึงขั้นยิ่งเจิดจรัสมากขึ้น “พวกเรารู้จักกันด้วยเหรอคะ?”

ทันทีที่ได้ยิน ฉินมั่วมองคนในอ้อมแขน ป๋อจิ่วก็แสดงสีหน้าว่าเธองง

ฉินมั่วยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เป็นปกติแล้ว “ผมเคยเห็นคุณบนนิตยสารธุรกิจครับ”

“เหรอ?” คนที่ตอบคือป๋ออิ่น

เขาเดินออกมาจากกลุ่มผู้คนแล้วสาวเท้าเข้าไปอยู่ข้างตัวโหลวลั่ว มือที่กางร่มอยู่เอียงไปด้านข้าง

นัยน์ตาดอกท้อที่ดูเรียบเฉยกลับไม่เห็นใครสำคัญในสายตา

ใบหน้าไร้สีเลือดหล่อเหลาจนดูเหมือนไม่มีอยู่จริง

ฉินมั่วมองดูผู้ชายตรงหน้าที่เขาเคยต้องเงยหน้าสูงมากเพื่อจะได้เห็นใบหน้าชัดเจน นิ้วเรียวยาวชะงักไปนิด แล้วหันไปมองป๋อจิ่วอีกครั้ง

ครั้งนี้ป๋อจิ่วหัวเราะ ดูว่าง่ายน่ารักอย่างที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็น “หม่ามี้ คนนี้ใครเหรอ?”

แม่เจ้า เรียกหม่ามี้อีกแล้ว!

จ้าวซานพั่งรู้สึกว่าตัวเองจ้องสงบจิตสงบใจสักหน่อย!

ป๋ออิ่นเลิกตาเล็กน้อยมองมายังลูกสาว

ฝ่ายลูกสาวก็มองเมินความน่าเกรงขามของคนเป็นพ่อ เอาแต่มองคนเป็นแม่อย่างออดอ้อนต่อ

โหลวลั่วมองดวงตาของเด็กคนนี้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงใจอ่อนขึ้นมาง่ายๆ

ลูกใครกันนะ ทำไมน่ารักอย่างนี้

เธอยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ “เป็นแฟนฉันเองน่ะ”

“แฟนเหรอ?” ป๋อจิ่วทวนคำ ยิ้มที่มุมปากชัดยิ่งขึ้น “ที่แท้ก็ยังไม่อยู่หมัดนี่เอง”

โหลวลั่วไม่เข้าใจ “อะไรนะคะ?”

“เปล่า” ป๋อจิ่วทำท่าซึม “แค่กลัวว่าเดี๋ยวพาหม่ามี้ไปกินข้าว แฟนหม่ามี้จะมีปัญหาหรือเปล่า”

ป๋ออิ่นได้ยินแล้ว สองตาหรี่ลงทีละน้อย

โหลวลั่วยั้งใจไว้ไม่ลูบหัวเด็กคนนี้ “ไม่หรอกค่ะ”

“งั้นก็ดี” เมื่อป๋อจิ่วเงยหน้าอีกครั้ง สีหน้าไม่เศร้าซึมอีกต่อไป “ตอนนี้ก็ใกล้จะเซ็นเสร็จแล้ว หม่ามี้รอหนูแป๊บหนึ่งนะ”

โหลวลั่วรับคำ “ได้ค่ะ”

หลังจากคำนี้ ร่มคันสีดำก็เหมือนมีบางอย่างสั่นไหว

ฉินมั่วมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ด้านช้าง ไม่คิดจะเอ่ยปากพูดอะไร

ทว่าป๋ออิ่นที่กำร่มอยู่หันไปมองชายหนุ่มทันที เสียงพูดไม่เดือดเนื้อร้อนใจพอจะให้คนสองคนได้ยินเท่านั้น “ได้ยินว่าคุณชายบ้านฉินขี้หึง ตอนนี้คงไม่จริง ไว้ใจให้เขาเชิญแฟนคลับไปกินข้าวได้ตามสบายเชียวนะ”

ความเย็นชาจากตัวฉินมั่วไม่ได้ถูกกลบ เพียงแต่เขาแสดงความอ่อนน้อมอย่างที่ควรกระทำต่อผู้ใหญ่ “คุณอาป๋อพูดตลกแล้ว”

ป๋ออิ่นมองมาอย่างเนิบๆ เจ้าเด็กบ้านฉินยังเหมือนตอนเป็นเด็กเลย ไม่ว่าเห็นอะไรก็สุขุมไปหมด

“ถ้าตอนนี้นายไม่ห้ามเขาอีก เขาก็จะเอาแต่เกาะคนอื่น”

ตอนแรกฉินมั่วไม่เชื่อคำนี้ แต่พอเริ่มกินข้าว ก็เห็นว่าเจ้าหล่อนไม่ยอมอยู่ห่างจากคุณน้าโหลวเลย ดูอ้อนยิ่งกว่าตอนเป็นเด็กอีก

เขาจึงเคาะข้อมือเตือนเธอ “อย่าอ้อนมาก เธอเป็นแบบนี้จะทำให้คนอื่นตกใจหมด”

ป๋อจิ่วยิ้ม “ไม่หรอก หม่ามี้ฉันชอบเด็กดีขี้อ้อน”

ต้องบอกเลยว่าป๋อจิ่วเล่นบทไอ้หนุ่มหน้าอ่อนได้เก่งชนิดสืบทอดทางพันธุกรรม อ้อนได้ดูดีมีระดับ

ด้วยพรุ่งนี้จะแข่งกันแล้ว จ้าวซานพั่งที่นั่งด้านข้างไม่กล้าดื่มเหล้า ได้แต่กรอกน้ำเข้าปาก เตือนตัวเองว่าเจ้าแบล็กที่ดูเป็นเด็กดีเหลือเกินในเวลานี้ ต้องไม่ใช่เจ้าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าหล่อนที่พอได้ถือดาบก็คว้าเฟิร์สคิลได้ทันทีแน่นอน

ปกติแล้วเธอไม่ได้ว่าง่ายนัก กระทั่งเวลาอยู่ต่อหน้าฉินเจ้าแผนการ ยังหลุดความเจ้าเล่ห์ออกมาเป็นระยะๆ

แต่ทำไมกลับไร้เขี้ยวเล็บเมื่ออยู่ตรงหน้าประธานหญิงคนนี้?

……………………………………….

ผู้ชายคนนั้นยังคงเหมือนตอนที่เขาจากไปทุกอย่าง สวมเสื้อกันลมสีดำ ยิ้มมุมปาก นัยน์ตาดำขลับ มีกลิ่นอายเกียจคร้านอย่างคนที่เกาะเมียกิน

นอกจากพ่อของเธอแล้ว ไม่มีใครอีกที่จะมีบุคลิกแบบนี้

ขนาดคิงที่รู้ประวัติเธอดีเพียงหนึ่งเดียว ก็ยังปลอมตัวเป็นพ่อเธอแบบนี้ไม่ได้

การคาดเดาส่วนหนึ่งของเธอได้รับการพิสูจน์แล้ว

พวกเขาไม่แก่ขึ้นเลยจริงๆ กระทั่งผิวพรรณก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป

ตอนนี้สาเหตุอะไรไม่สำคัญอีกแล้ว

สำคัญตรงที่พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่

ป๋อจิ่วหวนนึกถึงเรื่องในอดีต บวกกับเมื่อเงยหน้าสบตากับแววตาที่ไม่คุ้นเคย ก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่า หม่ามี้ของเธอเหมือนจะจำเธอไม่ได้ ดังนั้นพ่อเธอจึงพาแม่มาหาเธอด้วยวิธีนี้

ราวกับจะพิสูจน์ความคิดของเธอ โหลวลั่วยิ้มให้ “ดูเหมือนจะอยู่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้นะคะ”

“เปล่า” ป๋อจิ่วจัดระเบียบความคิดแล้ว เรียวปากบางก็ค่อยๆ แย้มยิ้ม “เมื่อกี้หนูแค่ใจลอย หม่ามี้จะให้หนูเซ็นที่ตรงไหน ตรงหมอนหรือเปล่า?”

แม้โหลวลั่วจะคล่องแคล่วด้านธุรกิจ แต่พอได้ยินคำเรียกว่าหม่ามี้ นิ้วนาวนวลก็ชะงัก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าแฟนคลับด้านหลังที่ตกตะลึงมากกว่า

“หม่ามี้?” จ้าวซานพั่งยกมือกะจะตบกะโหลกคืน “เจ้าแบล็ก นายบ้าไปแล้วหรือเปล่า?”

ป๋อจิ่วตอบโต้รวดเร็ว กันมืออีกฝ่ายไว้ทันเวลา แต่เมื่อกี้ที่เรียกเช่นนั้นเพราะไม่ทันระวัง เมื่อเห็นแฟนคลับด้านหลังทำหน้าช็อก เธอก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ แถมยังเจ้าเล่ห์เป็นพิเศษ “โอ๊ย แฟนคลับรุ่นแม่รุ่นน้ารุ่นพี่สาวของฉันเยอะจะตาย แฟนคลับก็ถือว่าเป็นพ่อแม่ของฉัน ฉันเรียกว่าหม่ามี้แล้วจะเป็นอะไรไป?”

จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วมุมปากกระตุก

นี่เป็นสิ่งที่คนอย่างแบล็กพีช Z พูดออกมาได้ด้วยเหรอ?

เจ้านี่มีนิสัยอย่างนี้เหรอ?

ถ้ามีนิสัยแคร์แฟนคลับมากกว่าการแข่งขันจริงๆ มีหวังทีมไดมอนด์แพ้ตั้งนานแล้ว

นักกีฬาอาชีพควรต้องทำอะไรมากที่สุด มีแค่ตัวเองเข้าใจเท่านั้น ถึงจะเดินบนเส้นทางนี้ต่อไปได้

แพ้แล้ว อะไรก็เป็นข้ออ้างหมด

ชนะแล้ว ก็จะกลายเป็นอดีต

สิ่งที่ต้องทำคือ พยายามเอาชนะในการแข่งขันนัดถัดไป

หากเราเอาความฝันของตนไปฝากไว้กับคนอื่น ย่อมเป็นเรื่องอันตรายมาก

พาความศรัทธาของพวกเขาไปแข่งให้เต็มที่ก็พอแล้ว

เพื่อขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนเรา

แต่พอเดินมาถึงท้ายที่สุด การต้องพึ่งพาทีมและความเคารพต่อคู่แข่ง เป็นเรื่องที่ตัวเองเข้าใจแจ่มชัดกว่าใคร

แล้วตอนนี้คืออะไร!

รู้จักปากหวานกับพวกแฟนคลับด้วย?

จ้าวซานพั่งส่ายหน้า “เพื่อนเอ๊ย นายนี่มันจริงๆ เลย หน้าหนาสุดๆ เลยว่ะ ฉันช่วยนายกลับมาไม่ไหว อย่างนี้นายถือว่าตบหน้าตัวเองหรือเปล่าวะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา มุมปากของโหลวลั่วเหมือนจะยิ้มขำ

เด็กคนนี้ไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้เท่าไร

เวลาเล่นเกมก็จะเจ้าเล่ห์และไม่กลัว แต่ปกติไม่ค่อยปรากฏตัวออกมา เป็นคนหนึ่งที่ให้ความรู้สึกห่างเหินมาก

โหลวลั่วได้ข้อมูลจากผู้ช่วยมาเยอะ รู้ว่ามีครั้งหนึ่งที่เด็กคนนี้ถูกกล่าวหาว่าไม่ถนอมน้ำใจแฟนคลับ

เด็กคนนี้ก็ตอบเพียงว่า ‘สนับสนุนฉันเหรอ ฉันขอบคุณมากนะ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องเรียกว่าพ่อนี่ ฉันแข่งอาชีพ ไม่ได้เป็นเด็กนั่งคุยมืออาชีพ’

ดังนั้นจ้าวซานพั่งถึงได้บอกว่าตบหน้าตัวเอง คงเพราะมาจากเรื่องนี้นี่เอง

โหลวลั่วไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร แต่ในสายตาของเธอ เด็กคนนี้แค่กำลังทำตัวเจ้าเล่ห์

ทว่าเธอเดาไม่ออกเช่นกันว่าทำไมจู่ๆ เด็กคนนี้ถึงเรียกเธอว่าหม่ามี้?”

…………………………………………………………

ฉินมั่วปรากฏตัว

ในระหว่างที่โหลวลั่วคิดเช่นนี้

เด็กคนนี้ก็ร้องขึ้นมา “หม่ามี้ หนูเซ็นเสร็จแล้ว จะให้ทำอย่างอื่นอีกไหม?”

นัยน์ตาดำขลับคู่นั้นสวย หางตามีไฝเสน่ห์

แต่หากความเจ้าเล่ห์ลดลงจะน่าเอ็นดูมาก

จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วอยากอ้วกแล้ว สีหน้าสับสนงุนงง

เขาทนต่อไปไม่ได้อีก จึงกระชากป๋อจิ่วไปอีกทาง เอ่ยเสียงแผ่วต่ำว่า “เฮ้ย เจ้าแบล็ก นายโดนผีสิงเหรอฮะ?”

ป๋อจิ่วทำแค่กวาดตามอง “เซ็นชื่อของนายไป”

ฉันจะบ้าตาย?

อะไรวะเนี่ย! เจ้าเด็กนี่มันเป็นอะไรไป!

ป๋อจิ่วไม่ได้สนใจใบหน้าอวบอ้วนที่กำลังงงงัน ผลักอีกฝ่ายให้ถอยห่าง มองหน้าโหลวลั่วและเสนอว่า “กอดได้นะ”

เมื่อพูดออกไป เหล่าสาวๆ ต่างยกมือปิดปากด้วยความตื่นเต้น

“กอดได้เหรอ?”

“เมื่อไรกัน?”

“รู้สึกเหมือนไม่เป็นความจริงเท่าไรเลย?”

โหลวลั่วเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน

จ้าวซานพั่งยิ่งทำหน้าแบบนายอยากตายหรือไง ลืมฉินเจ้าแผนการของตัวเองไปแล้วเหรอ

และแล้วก็เห็นเด็กสาวยื่นมืออกอดประธานหญิงที่สวยเหลือเกินตรงหน้า

นี่คือการนอกใจครั้งใหญ่

เจ้าแบล็กต้องโดนคนที่บ้านสั่งสอนแน่!

จ้าวซานพั่งนึกภาพออกเลยว่าเจ้านี่จะโดนอะไรบ้าง!

เพราะฉินมั่วกำลังเดินมาแล้ว!

เขาในชุดทีมสีดำกำลังคุยบางเรื่องกับคนข้างตัว

ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมชาติจีน เขาจึงจัดลำดับการเซ็นชื่อ และผู้จัดการทีมกำลังคุยกับเข้าเรื่องรายละเอียด

เมื่อฉินมั่วเดินใกล้เข้ามา สายตาของเขาหันมามองเธอแล้ว

รอจนจับตานิ่งที่เป้าหมาย นิ้วเขาก็ชะงัก คิ้วขมวดนิดๆ

จ้าวซานพั่งที่ยืนอยู่ที่เดิมยังรับรู้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากทางนั้น จึงสะกิดหลังป๋อจิ่ว

แต่เธอกลับไม่หันไปมอง จมูกดมกลิ่นอย่างแผ่วเบา มุมปากยกยิ้มชัดเจนกว่ายามปกติ

เธอเงยหน้าขึ้นมอง คนที่ถูกมองไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นคุณป๋อที่กำลังยืนถือร่มคันสีดำท่ามกลางผู้คน

บนใบหน้าหล่อเหลาผุดรอยยิ้ม แฝงความร้ายกาจไว้นิดๆ

คุณป๋อยกร่มสีดำขึ้นมา มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับฟ้า ก่อนจะเก็บร่ม สองตาหรี่ลง

ป๋อจิ่วไม่สนใจสีหน้าของคนเป็นพ่อว่าตอนนี้เป็นอย่างไร พูดตรงนั้นว่า “เดี๋ยวพวกเราเซ็นชื่อเสร็จก็จะไปกินข้าวกัน คุณสะดวกไปกับพวกเราไหม?”

ขอบคุณสวรรค์ที่เจ้าแบล็กไม่เรียกเธอคนนั้นว่าหม่ามี้อีก แต่นายล้อเล่นป่ะ? เจ้าแบล็ก!

การกินข้าวที่พาแฟนคลับไปด้วยเนี่ยนะ?

จ้าวซานพั่งไม่อยากพูดอะไรแล้ว เมื่อก่อนเขามองไม่ออกได้ยังไงว่าเจ้าแบล็กชอบคนหน้าตาดี

ไม่ ไม่สิ ดูเรื่องเงินด้วย

สาวสวยคนนี้มีบุคลิกไม่เหมือนใคร กลิ่นอายนักธุรกิจแผ่กระจายทั่วตัว จะต้องรวยมากแน่นอน

จริงๆ เลย จะว่าไป เจ้าแบล็กชอบคนประเภทบุคลิกท่านประธานมาแต่เกิดเลยหรือเปล่า

ดูแค่ที่เจ้าตัวชอบฉินเจ้าแผนการก็เดาออกแล้ว

จ้าวซานพั่งไม่สนแล้ว หลีกทางให้กับฉินมั่วที่เดินเข้าใกล้ระดับหนึ่งเลย

ส่วนพวกแฟนคลับที่ต่อแถวกันอยู่เห็นฉินมั่วแล้ว ต่างกระแอมไอ

ใบหน้านั้นยังหล่อสูงส่งไร้ที่ติ เจือความเฉยชาไว้จางๆ

เขาซุกมือลงกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งพลางเดินเข้ามาหา ทำแค่มองยอดศีรษะของป๋อจิ่ว ก่อนละมือข้างหนึ่งออกมาดึงคอเสื้อด้านหลังของเจ้าหล่อน เอ่ยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว่า “มิสซิสฉิน ลืมแล้วหรือว่าตัวเองมีครอบครัวแล้ว?”

…………………………………………

จิ่ว มาเจอกันหน่อย

ทางทีมชาติจีนมีเพียงเหล่าแฟนคลับทยอยกันเข้ามา บนใบหน้ามีสัญลักษณ์แปะอยู่

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ได้ส่งผลต่อความตื่นเต้นบนใบหน้าพวกเขา

ผู้คนเริ่มมาเยอะขึ้น บางคนถึงขั้นปิดปากอยู่ข้างหน้า

เสียงเอฟเฟกต์ของเกมดังขึ้นมา หน้าจอโชว์เริ่มภาพทีมที่เข้ารอบการแข่งขันครั้งนี้ เหมือนเป็นการอุ่นเครื่อง

การตกแต่งเวทีเองก็เข้าสู่ความเสร็จสมบูรณ์ขั้นสุดท้าย

ทั้งหมดตรงหน้าแปลกใหม่สำหรับโหลวลั่ว เพราะปกติเธอไม่ค่อยติดตามพวกดาราด้วยซ้ำ

การเดินด้วยกันพวกเด็กวัยรุ่นแบบนี้ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่

เธอไม่มีแปะอะไรบนใบหน้า

หลังจากคนเยอะขึ้น เธอก็ยืนอยู่ในกลุ่ม

เธอในชุดสูทมีแววตาเฉยเมยแต่กลับไม่ทำให้คนอยากอยู่ห่าง

แฟนคลับหลายคนที่มาด้วยกันต่างมองมายังเธอกันแล้ว

ถึงอย่างไรคนส่วนใหญ่ของที่นี่ก็เป็นเด็กที่มาเรียนต่างประเทศ อายุจึงค่อนข้างน้อย

โหลวลั่วดึงดูดสายตาอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่คนที่ดึงดูดสายตาเสียยิ่งกว่าเธอก็คือผู้ชายคนที่กางร่มสีดำอยู่ข้างเธอ

เขายิ้มเหมือนกำลังพูดอะไรสักอย่าง

มากางร่มอะไรตอนนี้?

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เดินออกไปเหมือนจะไปซื้อของ

เด็กสาวสองคนที่ต่อแถวด้วยกันถึงออกปาก “พี่คะ พี่มาดูการแข่งเป็นเพื่อนแฟนใช่ไหมคะ?”

ผู้ชายหล่อๆ คนนั้นน่าจะชอบ พี่ผู้หญิงก็เลยมาเป็นเพื่อน เพราะดูท่าทางแล้วพี่ผู้ชายคนนั้นน่าจะชอบเล่นเกม

โหลวลั่วหัวเราะเสียงเบา “เขามาเป็นเพื่อนพี่ค่ะ”

“พี่ดูไม่เหมือนแฟนคลับอีสปอร์ตเลยนะคะ” สาวๆ มองตากันอย่างแปลกใจ

เธอจึงตอบตรงๆ “พี่เพิ่งมาดูช่วงนี้เอง ที่มาที่นี่ก็เพราะอยากเจอ Z”

ห้วงเวลานั้น สองสาวตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ “คนกันเอง!”

โหลวลั่วเลิกคิ้ว ออร่านักธุรกิจสาวยังไม่เปลี่ยนแปลง

“พี่คะ พวกเราก็เป็นแฟนคลับของแบล็กพีชค่ะ” หนึ่งในนั้นยิ้ม “ฉันเป็นแฟนคลับของเขาค่ะ”

เด็กสาวอีกคนหนึ่งกระแอมไอ “ถ้าเธอไม่กลัวเทพฉินเอาตาย ก็พูดต่อได้เลย”

“ฉันรู้สึกว่าแฟนคลับระดับพี่สาวของแบล็กพีชเยอะขึ้นทุกที มีความสุขจัง”

โหลวลั่วได้ยินเด็กสาวสองคนพูดกัน มุมปากก็แย้มยิ้ม

เมื่อฝูงชนเดินไปข้างหน้า โหลวลั่วมองเห็นภาพข้างหน้าจากมุมนี้แล้วเพราะสูงมากพอ

มีเด็กวัยหนุ่มสาวเจ็ดแปดคนนั่งเรียที่โต๊ะยาว ต่างสวมเสื้อทีมสีแดงสลับดำ บ้างก็ดื่มน้ำ บ้างก็กำลังยิ้มนิดๆ

หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งเสี้ยวหน้าหล่อเหลา รูปหน้าขับให้เห็นถึงความอ่อนเยาว์ภายใต้แสงสว่าง เส้นผมสั้นเซอร์ปรกใบหู ไม่ใช่สีเงินอีกต่อไป แต่เป็นสีดำในแบบคนเอเชีย

ในหมู่คนมากมาย เด็กคนนี้เซ็นชื่อช้าสุดในทีม

พอจะได้ยินเสียงคนเย้าหยอกจากทางนั้น “ความเร็วมือเอาไว้ใช้เล่นเกมอย่างเดียวหรือไง?”

“ไม่เหมือนพี่หลินที่เอาไว้ชักว่าวก็พอแล้ว” ป๋อจิ่วเอนหลัง ยิ้มมองคนข้างตัวอย่างร้ายกาจ “อ้อ เป็นความเศร้าของพวกฝ่ายรับอะนะ”

หลินเฟิงได้แต่คิดว่า…ถ้าเขาอัดเจ้าเด็กนี่ จะมีชีวิตรอดออกไปได้ไหม?

“เซ็นชื่อก็เซ็นไป จะมาพูดเรื่องลามกทำไม!” หลินเฟิงโมโหที่ไม่ได้ดั่งใจ “ระวังภาพลักษณ์หน่อย เดี๋ยวคนอื่นจะได้ยิน”

ป๋อจิ่วสะบัดมือ “รู้สึกว่าเหนื่อยกว่าตอนเรียนมอปลายซ้ำอีก น่าจะทำตราปั๊มนะ”

“ลองพูดดูสิ รับรองว่าถูกแฟนคลับเทครั้งใหญ่แน่” หลินเฟิงเตือนเธอ

ป๋อจิ่วหัวเราะทันที “คนที่ยืนต่อแถวยิ่งเมื่อยกว่า ฉันเข้าใจ แค่ขี้เกียจเท่านั้นเอง…”

“คนที่กล้าบอกว่าตัวเองขี้เกียจอย่างออกหน้าออกตาอย่างนายนี่หายากนะ” หลินเฟิงประสานมือคารวะ “ขอนับถือ”

นี่เป็นการหยอกล้อกันระหว่างเซ็นชื่อ

เมื่อกระเซ้าเย้าหยอกจบ ป๋อจิ่วก็วางขวดน้ำแร่ หลุบตาลง จากนั้นเตรียมจะ…

…………………………………………

ตอนที่ 1839

จิ่วที่อึ้งตะลึง

เสียงหนึ่งใกล้เข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ดังขึ้นข้างหูเธอว่า

“ช่วยเซ็นชื่อตรงนี้ให้หน่อยได้ไหมคะ”

ตอนแรกป๋อจิ่วไม่ได้สังเกตหน้าตาของอีกฝ่าย

แค่รู้สึกว่ากลิ่นคุ้นจมูกมาก

คุ้นมากจนเธอเริ่มใจลอย

จากนั้นเธอก็มองชุดสูทที่อยู่ใกล้แค่คืบ ยิ้มพลางเงยหน้าขึ้น ตอนกำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้เห็นใบหน้าที่ไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึง

ทว่าบางครั้งที่เธอกดคีย์บอร์ดก็จะนึกถึงขึ้นมา

มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มักทำซาลาเปาหมูใส่ถั่วฝักยาวให้เธอ และมักจะอุ้มเธอตอนยังเด็กมากไว้ในอ้อมแขน อีกมือหนึ่งเซ็นเอกสาร ทั้งยังจับมือเธอกดตัวอักษรบนคีย์บอร์ดเป็นครั้งแรก

ต่อมา ทุกอย่างหายไปภายในคืนเดียว

ทุกอย่างไม่มีเหลืออยู่ เหลือเพียงป้ายแผ่นหินที่อยู่ตรงภูเขาด้านหลัง

ยิ่งเป็นคนที่สำคัญมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรับไม่ได้กับจากการไปเท่านั้น

เทศกาลที่แสนสุขเคยเป็นเทศกาลที่ป๋อจิ่วไม่อยากฉลองมากที่สุด

ในฤดูหนาว เมื่อที่บ้านไม่มีเธอคนนั้นแล้ว มันก็ช่างหนาวจับใจ

ในฐานะที่เป็นนายน้อยของโลกแฮกเกอร์ ป๋อจิ่วใช้ชีวิตอย่างมีสติปัญญามาตั้งแต่ยังเด็ก

ทว่าสติปัญญาของเธอถูกซ่อนอยู่ภายใต้ความร้ายกาจชนิดที่ไม่กลัวใคร

มีเพียงยอมรับการสูญเสียคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต ถึงทำให้เธอยืนหยัดเพียงลำพังได้

ไม่ใช่ไม่เคยคิดเลย

แต่อยากให้ความฝันในก้นบึ้งจิตใจเป็นจริงก่อน

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ป๋อจิ่วตะลึงงันต่อหน้าผู้คน เหมือนเป็นเด็กซื่อบื้อเหลอหลา

ความเอื่อยเฉื่อย เจ้าเสน่ห์ อวดเก่ง โอหัง เหมือนถูกคนกดปุ่มหยุดในเวลานี้

เสียงที่ดังข้างหูถอยห่างออกไปเรื่อยๆ ไม่อาจจัดระเบียบความคิดได้เลย

ตอนที่ได้สติป๋อจิ่วก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้ว เส้นผมสีดำสั้นเซอร์ชี้โด่เด่ด้วยเหตุที่เซ็นชื่อมานานแล้ว ทว่าไม่กระทบต่อความเท่ของเจ้าหล่อนแม้แต่นิด

จ้าวซานพั่งที่นั่งข้างป๋อจิ่วหันหน้ามามอง “เจ้าแบล็ก ทำอะไรของนาย เด้งเป็นศพคืนชีพเชียว?”

คนที่ขี้เกียจกระทั่งเซ็นชื่อกลับลุกขึ้นยืนเพื่ออะไร?

จ้าวซานพั่งมองตามสายตาเธอไป ก่อนจะผิวปากโดยอัตโนมัติ “อุว้าว สาวสวยนี่หว่า แถมยังเป็นระดับท่านประธานด้วย”

เพียะ!

ป๋อจิ่วตบกะโหลกอีกฝ่ายเข้าให้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะคุมเสียงให้เหมือนเดิมได้ “พูดจาระวังหน่อย”

 “ฉันแค่บอกว่าเขาสวย ไม่ระวังตรงไหนวะ?” จ้าวซานพั่งถลึงตาใส่ “เมื่อกี้นายตะลึงงันอย่างนั้น หายแล้วเรอะ ขอบอกนะเจ้าแบล็ก ถึงแฟนคลับนายจะหน้าตาดี แต่นายก็ห้ามยุ่งกับทรงผมฉัน เข้าใจป่ะ”

ป๋อจิ่วไม่สนใจอีกฝ่าย จ้องเธอคนนั้นเหมือนเดิม

ส่วนโหลวลั่วมองเด็กวัยรุ่นที่ผมสีดำชี้โด่เด่ พลันอยากจะลูบศีรษะอีกฝ่ายกะทันหัน รู้สึกว่าน่าเอ็นดูเหลือเกิน

แต่ด้วยความที่กลัวว่าจะรบกวนเวลาของคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลัง โหลวลั่วจึงไม่หยุดอยู่นาน ออร่าความเป็นนักธุรกิจไม่จางหายไปไหน เปี่ยมด้วยความสวยสูงส่ง เธอผลักหมอนข้างไปด้านหน้า “ได้ไหมคะ? หรือว่าทางทีมไม่อนุญาต”

ป๋อจิ่วฉลาด รู้ถึงความผิดปกติบางอย่างทันที

เธอคนนั้นสาวเกินไป เหมือนกับเมื่อตอนที่จากไปเลย

ต่อให้บำรุงดีอย่างไรก็ไม่น่าเป็นถึงขั้นนี้ได้

หรือว่าแค่มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกัน?

แต่หากมีหน้าตาเหมือนกัน แล้วทำไมสไตล์การแต่งตัว วิธีการพูด รวมถึงน้ำเสียงถึงได้เหมือนกันขนาดนี้

ป๋อจิ่วเกิดอยู่ท่ามกลางโลกมืด ไม่มีวันเชื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าในทันที

จนกระทั่งหางตาเธอเห็นร่างหนึ่งที่กำลังถือร่มสีดำอยู่ท่ามกลางฝูงชน…

…………………………………………….

พาคุณไปหาหนุ่มน้อยรูปหล่อ

ไม่รู้เป็นเพราะอยู่ใกล้ใบหูมากหรือไม่ เสียงนั้นต่ำทุ้มระคนแหบเครือ ดึงดูดหัวใจเหลือเกิน

โหลวลั่วไม่รู้ว่าคนรุ่นหนุ่มสาวเป็นแบบนี้กันหมดหรือเปล่า

ทุกคำที่พูดออกมาเหมือนหลอมละลายเข้าถึงหัวใจได้ จนทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลย

อุณหภูมิในรถลดลงได้อย่างยากลำบาก

รอจนเมื่อเขาอุ้มเธอขึ้นมาวางบนเตียงแล้วก้มลงระดมจูบ ทุกอย่างก็เหมือนฝันที่ไม่อยากจะตื่นขึ้น

ทว่าครั้งนี้โหลวลั่วเข้าใจแล้ว เขาไม่ชอบให้เธอพูดถึงของขวัญที่มีราคากับเขา

เธออ่านใจเขาไม่ค่อยออก วันต่อมาเธอจึงไปถามเพื่อน และได้คำตอบมาเพียงว่า

“มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง ถ้าไม่วางแผนร้ายไว้ ประเภทรถคันเดียวมันกระจอกไป วิเคราะห์ตามหลักเศรษฐศาสตร์ คงเห็นว่าต้องอยู่กับเธอนานๆ ถึงจะได้มากกว่านั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ ผู้ชายคนนี้ก็นับว่าฉลาดและอดทนเก่ง หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะชอบเธอมาก คนเขาพูดเรื่องความรักกับเธอ แต่เธอดันไปคุยเรื่องเงินกับเขา นี่มันช่าง…เดี๋ยวก่อน เธอคุยเรื่องเงินกับเขาแล้วเขาไม่พอใจงั้นเหรอ?”

โหลวลั่วส่งเสียงตอบยืนยันในลำคอ ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ตัดสินใจส่งข้อความไปหาเสียเลย “ฉันให้รถคุณ คุณไม่พอใจเหรอ?”

อีกฝ่ายตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ถ้ายังไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไร ก็ไม่ดีใจหรอก ท่านประธานโหลวจะทำเหมือนผมเป็นสัตว์เลี้ยงไม่ได้นะครับ ผมเป็นแฟนคุณนะ”

โหลวลั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดแป้นพิมพ์ “ยังมีอย่างอื่นอีกไหม?”

“อย่างอื่นงั้นเหรอ” ป๋ออิ่นนอนอยู่บนเตียง ยื่นมือออกไปสัมผัสแสงแดดที่ลอดเข้ามา คิ้วขมวดมุ่น เมื่อไม่มีเธออยู่ด้วย แสงตะวันก็ยิ่งชวนให้เขาไม่ชอบเข้าไปใหญ่

โหลวลั่วเซ็นเอกสารเสร็จก็ว่างมาตอบ “อย่างอื่นคุณที่ไม่ชอบ”

“หลายอย่างเลย” ป๋ออิ่นส่งข้อความเสียงตอบกลับ จงใจทำให้เสียงสั่นเครือเหมือนถูกเจ้าของทอดทิ้ง “คุณไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่น ปล่อยให้ผมรออยู่ที่บ้านคนเดียว ผมเลยไม่อยากนอนแล้ว”

โหลวลั่วชะงักนิ่ง “งานเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจแบบนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก”

ตอบแบบนี้อย่างที่คิด

ป๋ออิ่นพูดต่อด้วยเสียงเอื่อยเฉื่อย “ทีดูคนอื่นเล่นเกม ดูได้เป็นชั่วโมง”

เรื่องนี้เป็นความผิดของโหลวลั่วจริง ตั้งแต่รู้จักเด็กหนุ่มผมเงินคนนั้น เธอก็เอาแต่ค้นหาคลิปการแข่งของเขามาดู

เมื่อก่อนเธอไม่รู้สึกว่าเกมน่าสนใจอะไร ทว่าหลังจากที่รู้จักแบล็กพีช Z เธอเป็นต้องอยากหัวเราะทุกครั้งที่เห็นอีกฝ่ายเล่นหนึ่งต่อสาม

ถึงแม้จะเล่นเกมได้เท่แบบนี้ ทว่ากลับน่าเอ็นดูเหมือนเสือน้อย

ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า

“แถมยังซื้อสติกเกอร์ส่งในห้องที่เขาไลฟ์สดด้วย” ป๋ออิ่นพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงก็ยิ่งเฉยชา “ดูเหมือนเขาจะไม่เคยไลฟ์สดนี่นา”

โหลวลั่วหัวเราะเบาๆ “ขี้หึงจริงๆ นะเนี่ย”

“หึงเหรอ กับเขาเนี่ยนะ? ไม่มีวันหรอก” ป๋ออิ่นพูดเช่นนั้น พลางเบือนหน้ามองดูหมอนข้างที่อยู่ในห้องรับแขกด้วยแววตาเฉยชา “ต่อไปถ้าคุณอยากกอดหมอนข้าง ผมจะไปถ่ายรูปตัวเองมาทำเป็นหมอนให้คุณกอด”

โหลวลั่วได้ยินอีกฝ่ายพูด ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร

“ช่างเถอะ คุณไปถ่ายมาสักภาพแล้วเอามาทำเป็นหมอนให้ผมกอดแล้วกัน” ป๋ออิ่นรับรู้ถึงแสงที่แรงกล้าขึ้นทุกขณะ ในที่สุดก็ขมวดคิ้วมุ่น เปลี่ยนตำแหน่ง น้ำเสียงของเขาแหบต่ำดึงดูดใจ “ถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วย ก็ไม่น่านอนแล้ว”

นิ้วขาวนวลของเธอชะงัก เอ่ยปลอบแผ่วเบาว่า “วันนี้ฉันจะกลับเร็วหน่อย”

“ว่าง่ายอะไรอย่างนี้” ป๋ออิ่นหัวเราะ ทำให้บรรยากาศรอบด้านมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปเจอหนุ่มน้อยรูปหล่อของคุณที่มิลาน”

…………………………………….

 “พรุ่งนี้?” โหลวลั่วมองตารางงานในช่วงสองวันที่จะมาถึง หยิบปากกามาทำสัญลักษณ์ลงบนการประชุมหนึ่งในนั้นแล้วเอ่ยขึ้น “อีกสี่ห้าวันถึงจะเป็นวันแข่งชิงแชมป์โลกไม่ใช่เหรอคะ”

ป๋ออิ่นลุกขึ้นดึงม่านปิด “มีงานมีทติ้งน่ะครับ”

โหลวลั่วเลิกคิ้ว ไม่ได้ถามว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร ท่าทางเธอจะทำหน้าที่ตามข่าวไอดอลได้ไม่ดีพอ

แต่เมื่อทางทีมชาติเองไม่ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขัน ก็หมายความว่าไม่อยากให้รู้แผนการเดินทางของพวกเขา

เลขาของเธอก็เคยบอกว่า พวกนักกีฬาอีสปอร์ตต้องรับแรงดกดดันหนักมากในช่วงก่อนการแข่งขัน

ครั้งนี้คงเพราะเป็นการแข่งขันระดับโลก เมื่อถึงที่หมายจึงเริ่มมีข่าวปล่อยออกมา

งานมีทติ้งเป็นการภายในเหรอ?

โหลวลั่วหาอ่านข้อมูลมามากมายแต่ก็ไม่เห็นข้อมูล บางทีคนบางคนอาจซื้อข่าวมาจากพวกเอาตั๋วมาขายต่อ

การเดินทางไปมิลานล่วงหน้าวันหนึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องไม่ดี

เธออยากเห็นเด็กคนนั้นจริงๆ ว่าตัวจริงจะเป็นอย่างไร

นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับโหลวลั่วมาก่อน

วันที่ 28 เดือนตุลาคม นี่เป็นวันหนึ่งที่เหล่าแฟนคลับอีสปอร์ตรอคอยมากที่สุด

ข่าวทางการแจ้งว่า ทีมนักกีฬาทุกคนเดินทางมาถึงมิลานแล้ว ทั้งยังส่งภาพในสนามบินให้ดู

ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ทำไมถึงไม่ประกาศข่าวล่วงหน้า แบบนี้พวกเขาจะได้ตามมาดูตัวจริงได้

“อิจฉาพวกนักเรียนที่ไปเรียนต่อที่นั่นอะ”

“ฉันเห็นแค่แผ่นหลังของพี่แบล็ก ไม่เห็นหน้าเลย”

“พวกเขาต้องปรับตัวให้เข้ากับเวลาที่ต่างกัน ถึงได้ไม่เตรียมคนไปต้อนรับ”

“การแข่งขันอีสปอร์ตไม่ต้องการคนไปรับที่สนามบินนะ ทุกคนมีสติกันด้วย”

แต่ด้วยเหตุจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน คนอื่นยังพอว่า

แต่จ้าวซานพั่งได้แต่นอนแผ่ที่โรงแรมอย่างอ่อนแรง ทั้งยังบอกทุกคนว่าค่อยเรียกเขาตอนไปกิน ถ้าไม่ใช่เรื่องกิน แต่เป็นการไปเดินเล่นชมเมืองอะไรทำนองนี้ เขาไม่สนใจสักนิดเดียว

“มีกิจกรรม เป็นงานมีทติ้ง” ป๋อจิ่วตบบ่าอีกฝ่าย “ไม่ออกไปแสดงความหล่อหน่อยเหรอไง”

จ้าวซานพั่งโบกมือ “งานนี้เฮียไม่ไหวจริงๆ ให้โอกาสฉินเจ้าแผนการก็แล้วกัน”

ฉินมั่วยืนอยู่ที่เดิม เสี้ยวหน้าดูสูงส่งมาก ทำเหมือนไม่ได้ยินเขา แค่สั่งเล็กน้อยก่อนเดินออกไป “ตอนนี้สภาพกระเพาะของเทพอ้วนกินได้แค่โจ๊ก พวกกินของดีๆ อะไร พวกเราก็ไม่ต้องชวนเขานะ แค่ดูๆ เขาหน่อย อย่าให้เขากินของพร่ำเพรื่อล่ะ”

“นั่นแน่นอนอยู่แล้วครับ” คุณหมอที่ดูแลทีมขยับแว่นบนดั้งจมูก

จ้าวซานพั่ง…เฮ้ย เขากำลังจะเปิดกล่องบะหมี่สำเร็จรูปมากินแก้อยากเสียหน่อย แต่เจ้าฉินจอมแผนการดันมาเบรกแผนเขาเสียได้!

ตอนห้าโมงเย็น

ยามเย็นของมิลานช่างสวยงาม ใต้สิ่งปลูกสร้างแบบยุโรป พอจะเห็นนกพิราบข้าวได้ตามบ่อน้ำพุของโรงแรม กำลังแสดงความละเอียดอ่อนมีชีวิตชีวาอย่างแช่มช้า

ด้วยเหตุที่การแข่งระดับโลกใกล้จะมาถึง ย่อมมีการทำโฆษณาตามลานจัตุรัสต่างๆ

แฟนคลับทยอยเข้ามาถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกไว้ล่วงหน้า

ยิ่งไปว่านั้น หลังจากที่ทุกทีมให้สัมภาษณ์เสร็จก็มีการพบปะกันเป็นการภายใน

ทางฝ่ายประเทศจีนก็เช่นกัน

เพียงแต่พวกเขาไม่ได้แจ้งข่าว อีกทั้งยังอยู่ต่างประเทศ คนที่มาที่นี่จึงมีไม่เยอะ

ส่วนใหญ่จะวิ่งไปที่โซนสนามแข่งของทีม CST ทางซ้ายมือ

ถึงอย่างไรในสายตาของพวกเขา ทีมจีนก็ไม่น่ากลัว

แถมทางเอเชียก็ได้ทีมจีนทีมนี้ที่ลงแข่ง นั่นเท่ากับว่าเป็นโอกาสให้ทีม CST ของพวกเขาคว้าแชมป์ชัดๆ

หากดูผลงานของทีมจีนในอดีต ก็ไม่ใช่คู่แข่งของพวกเขาเลย

ทีมนี้จะมีใครกัน ไม่คุ้มให้พวกเขาเสียเวลาไปดูหรอก

…………………………….

“หือ?” ป๋ออิ่นเลิกคิ้ว ไม่พูดอะไรมาก

ทว่าแวมไพร์อย่างคุณป๋อยังทำท่าเหมือนผมก็หิวเหมือนกันขึ้นมาได้

ทักษะการแสดงยอดเยี่ยมมากจริงๆ

โหลวลั่วมองเขา แล้วยกตะเกียบให้สูงขึ้น

ป๋ออิ่นยิ้มแล้วก้มหน้ากินทันที

บะหมี่ถ้วยเดียว กินกันสองคน

แม้แต่ค่ำคืนที่หิมะตกยังดูสวยงามเหลือเกิน

ข้อความของเพื่อนๆ ยังค้างอยู่ในมือถือของโหลวลั่ว พูดประมาณว่าทำไมผู้ชายคนนี้ไม่เคยแนะนำให้เพื่อนรู้จักบ้าง

โหลวลั่วหันไปมองบรรยากาศนอกหน้าต่างบานยาวระพื้น

เธอยากหาเวลาคุยกับเขาสักหน่อย เพียงแต่เธองานยุ่งมาก น้อยครั้งจะมีเวลาคิดตริตรองตอนกลางคืน

ตัวการก็คือคนข้างตัวเธอนั่นเอง

เขาชอบมองเธอจากด้านหลังเวลาที่เธอทำกับข้าว

โหลวลั่วไม่รู้ว่าคนอื่นที่มีแฟนอายุน้อยกว่าจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ แต่แฟนของเธอคนนี้เกาะติดเธอมาก ทั้งยังบ้าอำนาจอีกด้วย

ขณะที่นึกถึงคุณสมบัติอย่างหลัง ก็มีคนส่งข้อความให้เธอ ไม่ใช่ใครอื่น เป็นแฟนเก่าเธอคนนั้นนั่นเอง

ข้อความดังกล่าวทำให้ป๋ออิ่นนัยน์ตาขรึมลึก

แม้ข้อความนั้นจะเป็นแค่เรื่องงานก็ตาม

โหลวลั่วแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเป็น เธอออกไปพบผู้ชายคนนั้น

แต่ตอนเจอกันไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว คนอื่นๆ ก็อยู่ด้วย

ตอนเธอออกไปแฟนหนุ่มก็ยังดีๆ อยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อกินเลี้ยงเสร็จเดินออกมาก็เจอป๋ออิ่นเลย

คงเพราะใกล้จะถึงวันฮาโลวีนแล้ว ขนาดการประดับประดาตามท้องถนนก็ยังได้บรรยากาศ โคมไฟฟักทองมีอยู่ทุกที่ ทั้งยังมีคนสวมหูปลอมและหน้ากาก

มีเพียงป๋ออิ่นที่ยืนถือร่มสีดำอยู่ท่ามกลางหิมะ สายลมเย็นเฉียบพัดผ่าน

ชายหนุ่มยืนท่ามกลางผู้คน ดูโดดเด่นจากคนอื่น

เมื่อโหลวลั่วเห็นว่าเขาอยู่ที่นั่นก็ทอดสายตามอง

ผู้ชายที่ยืนข้างเธอขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเราจะไปคุยเรื่องความเสี่ยงด้านการลงทุนกับประธานหลี่”

โหลวลั่วยังไม่ได้เปิดปาก ก็เห็นป๋ออิ่นช้อนสายตาขึ้นมองเธออยู่อย่างนั้น จึงหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้น “ไม่ละ วันหลังฉันค่อยไปกับเลขาแล้วกัน”

เมื่อพูดจบ เธอก็ก้าวเดินไปหาแฟนหนุ่ม

ครั้งนี้เขาไม่รอเธอ เมื่อเห็นเธอเดินมาหาก็หมุนตัวเดินออกไป เธอจึงรีบเดินตามหลัง ดูออกว่าเขากำลังงอน

นักธุรกิจหญิงในชุดสูทสีครีม มีเสื้อโค้ทคลุมตัว ทั้งยังสวมรองเท้าส้นสูง

ความสวยของโหลวลั่วมีกลิ่นอายอย่างนักธุรกิจ ต่างจากคนเดินถนนทั่วไปโดยรอบ

เธอเดินตามเขามาช่วงหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คุณจะเดินอย่างนี้ต่อไปอีกนานไหม ฉันตามไม่ทัน”

ป๋ออิ่นหันมามอง ด้วยสีผิวของเขา ใบหน้านั้นทำให้คนเห็นแล้วนึกถึงคำว่าจอมปีศาจเสมอ

เขายืนจ้องเธออยู่ตรงนั้น ราวกับกำลังอธิบายข้อเท็จจริง “ผมรอคุณมานานแล้ว แต่คุณก็ไม่กลับมา”

โหลวลั่วชะงัก เดินไปกุมมือเขา รู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบ “ฉันส่งข้อความให้คุณแล้วว่ามีงานสังสรรค์ ต้องไปกินข้าวข้างนอก”

“ไปกินกับพวกนั้นจะอร่อยอะไรล่ะ วันนี้เป็นวันฮาโลวีนด้วย แต่คุณไม่ยอมฉลองกับผม” พูดได้ต่อต้านกันไปหน่อย “ผมยังไม่กินอะไรเลย รอคุณมาตั้งแต่ลืมตาตื่น”

โหลวลั่วชะงัก “คุณอยากกินอะไรล่ะ?”

“ไม่หิว” อย่างนี้เรียกว่างอน

โหลวลั่วมองดูเสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย เขายังเดินต่อไปเรื่อยๆ แต่ความยาวของช่วงก้าวที่เดินก็สั้นลง เหมือนจะรอคอยเธอ

โหลวลั่วใจอ่อน พูดกล่อมเขาว่า “อย่าโกรธเลยนะ จะชดเชยให้”

เขาจึงหยุดฝีเท้า หลุบตามองเธอ “ชดเชยยังไง?”

…………………………………..

ชดเชยงั้นเหรอ

โหลวลั่วคิดดูแล้วเอ่ยขึ้น “รถที่อยู่ในโรงรถน่ะ คุณชอบคันไหน?”

เธอเคยถามคนอื่นๆ ในเมื่อมีความสัมพันธ์กันในรูปแบบนี้ หากไม่ให้อะไรบ้างก็จะทำให้คนรู้สึกว่าเราเป็นสายเปย์ที่ไม่ใจกว้าง

ครั้งนี้เธอไม่คิดว่าเขาจะน้อยใจขนาดนี้

เดิมทีเขาสามารถเข้าไปได้เลย แต่เพราะครั้งที่แล้วเธอพูดว่าอย่าไปปรากฏตัวที่ออฟฟิศอีก เขาก็เลยรออยู่ด้านนอกตลอด

เธอสู้คนอายุน้อยไม่ได้ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับงานเทศกาลต่างชาติ

วันฮาโลวีนเป็นโอกาสทองทางธุรกิจ แผนงานกิจกรรมทั้งหลายเหมาะที่จะจัดในเวลาแบบนี้

และคงเพราะมีช่องว่างด้านอายุ จึงทำให้เขาเป็นแบบนั้น

หลังจากที่เธอพูดจบ เขาก็หัวเราะขึ้นมาทันที “ชอบคันไหนงั้นเหรอ?”

“อื้อ เลือกมาสักคัน ต่อไปคุณก็ขับออกไปข้างนอกไง” โหลวลั่วมองเขา

ป๋ออิ่นยื่นมือไปทัดผมยาวของเธอไว้หลังหู มุมปากฉายแววร้ายกาจ แววตาไร้ความอบอุ่น ทั้งยังแดงเรื่อเล็กน้อย

มีน้อยครั้งที่เขาจะมีอารมณ์เป็นจริงเป็นจังแบบนี้

ถึงอย่างก็อยู่มานานมากแล้ว มากจนทำให้เขาไม่คิดใส่ใจอะไรมากมาย

เว้นแต่ตอนที่หาเธอไม่เจอ

คราวนี้เขาโกรธอยู่นิดๆ จริงๆ

ตอนก้มตัวลงมา มุมปากกดยิ้มลึก “ได้ งั้นผมจะเลือกสักคัน เอาคันที่ใหญ่หน่อย”

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง

เธอก็ถูกเขากดไว้ใต้ร่างอยู่ในตัวรถ ไม่มีโอกาสผลักชายหนุ่มให้ถอยห่างเลย

ยิ่งไปกว่านั้นลมหายใจของเขาที่โชยลงมา ทำให้เธออ่อนยวบจนรู้สึกเพียงว่าแผ่นหลังชาวาบ

ตอนมือเย็นเฉียบสอดเข้ามา โหลวลั่วชะงัก รู้สึกได้เพียงแต่รอยจูบของเขาบนซอกคอ

“อย่าทำตรงนี้สิ” ลมหายใจของเธอสับสนเป็นพัลวัน ชุดยับยู่ยี่จนขับให้ซอกคอเธอดูขาวนวลยิ่งขึ้น ทั้งยังงามระหง ชวนให้คนอยากละเมิดในเวลานี้

เธอยั้งมือเขาเอาไว้ แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าไร

เพราะเขาอุ้มเธอขึ้นมากอดไว้ ให้นั่งบนร่างเขาอย่างแนบชิดเป็นที่สุด พื้นที่ในรถไม่ได้แคบมาก เหมาะจะให้เขาทำเรื่องบางอย่างพอดี

โหลวลั่วรับรู้ได้ถึงความร้อนระอุของอีกฝ่ายได้โดยตรงที่สุด

เธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เขาล่วงล้ำเข้าสู่ร่างเธอแล้ว

อีกทั้งได้ยินเสียงแหบเครืออยู่บ้างบอกว่า “คุณให้ผมเลือกรถเองไม่ใช่เหรอ หือ?”

ลมหายใจของเธอสับสนเป็นพัลวัน ใบหน้าแดงก่ำ เธอไม่ได้พูดอะไร ด้วยหากอ้าปากเสียงก็จะหลุดออกมากระท่อนกระแท่น

บทรักอันร้อนเร่าระคนหนักหน่วงของชายหนุ่มทำให้สมองของเธอขาวโพลน

ไม่มีใครเข้ามาในโรงรถส่วนตัวของเธอ ต่อให้ตัวรถเขย่าแรงแค่ไหนก็ไม่มีใครเห็น

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่ออยู่ในสถานที่แบบนี้ก็ยังได้ยินเสียงอยู่บ้าง ความรู้สึกต้องห้ามที่ต่างออกไปทำให้โหลวลั่วได้แต่พิงคนที่อยู่ด้านหลัง

เขาแทรกกายเข้ามาจากด้านหลัง เหมือนมาพร้อมกับหิมะจากนอกหน้าต่างรถ ทำให้ทั้งตัวสั่นสะท้านอย่างยั้งไม่อยู่

เมื่อความวาบหวามจู่โจมทั้งตัวเธอ โหลวลั่วก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มโกรธ โดยเฉพาะตอนที่พูดเช่นนี้

“ต่อไปก็ยกรถคันนี้ให้ผมแล้วกัน” เสียงของเขาดังข้างหูเธอ มันแหบพร่าอย่างเซ็กซี่ “ผมชอบทำกับคุณในรถ”

เส้นผมยาวของเธอปรกอยู่ข้างมือเขา เสื้อผ้าของทั้งสองยับยุ่งไปหมด

เขาจูบที่หลังหูเธอ ไม่ยอมให้เธอได้โอกาสพูดปฏิเสธ แล้วเริ่มบทรักระลอกที่สอง

เขาใช้อำนาจอย่างไม่เหลือความออดอ้อนอีกต่อไป

ตอนโหลวลั่วตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าตอนกี่โมง เธอถึงรู้ว่ายังอยู่ในรถ

เขายังคงฝังร่างไว้ในตัวเธอ หลุบตามมองเธอ หัวเราะเสียงเบาอย่างออดอ้อน “ท่าทางผมจะรุนแรงเกินไปหน่อย แต่ทำไงได้ ก็อยากกินคุณนี่นา”

…………………………………….

จิ่ว? ป๋ออิ่นชะงักไป นิ้วเรียวยาวจิ้มลงบนหมอนข้าง

โหลวลั่วรู้สึกได้ว่าเขาต่างไปจากปกติ “ทำไมเหรอคะ”

“เปล่า” เขายิ้มมุมปาก “แค่รู้สึกว่าไม่เลวเลย”

โหลวลั่วยิ้ม “คุณชมคนอื่นเป็นด้วยเหรอ น้อยครั้งจะได้ยินนะเนี่ย”

“อันนี้ต้องชมกันหน่อย” ป๋ออิ่นไม่หยุดยิ้ม เพียงแต่เสียงเบาลงเยอะมาก “เพราะเขาแย่งความรักคนอื่นเก่งมาตั้งแต่เด็กแล้ว”

โหลวลั่วไม่เข้าใจ “หือ?”

“คุณชอบเจ้าเด็กคนนี้เพราะเขามีไฝเสน่ห์หรือเปล่า” ป๋ออิ่นเอ่ยเสียงแผ่วต่ำ “ดูดีๆ แล้วมีส่วนเหมือนผม”

อธิบายอย่างนี้ก็ได้เหรอ?

แต่ดูตอนนี้ก็เหมือนอยู่นิดหนึ่งจริงๆ

โหลวลั่วมองดูหมอนข้าง

ป๋ออิ่นเอียงร่มนิดหนึ่งแล้วจูบอีกฝ่ายในท่านี้

ถึงแม้จะมีร่มกันเอาไว้ แต่พวกคนทำงานที่เดินทางอยู่ต่างสูดลมหายใจอย่างอดไม่ได้

ภาพแบบนั้นสวยงามเหลือเกิน

ส่วนโหลวลั่วอึ้งไป ได้ยินแต่เสียงหัวเราะของเขาดังข้างหูอย่างแผ่วเบา “แต่เมื่อมีผมแล้ว ก็ห้ามคิดถึงคนอื่นนะ เพราะผมจะขี้หึง”

คนที่คบผู้ชายอายุน้อยกว่าเป็นแฟนคงเป็นแบบนี้เอง อีกฝ่ายพูดอะไรได้หมด แล้วก็ต้องปิดบังเธอได้ด้วย

เหมือนกับที่พวกเพื่อนๆ พูดไว้เลยว่า เขาเคยเจอเพื่อนของเธอแล้ว แต่กลับไม่เคยพาเธอไปพบเพื่อนๆ ของเขา

พวกผู้หญิงอายุน้อยๆ คงคิดไม่ถึงในจุดนี้

เพราะหากต้องการให้ความสัมพันธ์ยืนยาว จะต้องทำให้เราก้าวเข้าไปอยู่ในชีวิตของเขา

โหลวลั่วเข้าใจดี แต่เธอเข้าใจในหลักการหนึ่งเช่นกัน

เธอและเขาไม่อาจอยู่ได้ยั่งยืน ดังนั้นแม้จะถูกจูบ เธอก็ยังยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะลูบผมเขา ท่าทางเต็มไปด้วยความเป็นนักธุรกิจ

ป๋ออิ่นเลิกคิ้วพลางยกมือขึ้น “ผมช่วยถือหมอนข้างให้คุณแล้วกัน”

“คุณถือร่มอยู่นะ” โหลวลั่วชอบหมอนข้างนี้มากจริงๆ “ผู้ช่วยบอกว่าบางอย่างก็ไม่มีวางขายทั่วไป ต้องไปดูการแข่งขันถึงจะได้ ตอนไปมิลานแล้วเจอลูกสาวเรา พวกเราก็พาแกไปดูหน่อยนะคะ”

ป๋ออิ่นมองอย่างไม่แยแส “พวกเราคงไม่ต้องพาแกไปหรอก”

โหลวลั่วได้ยินแล้วจิตใจหดหู่เล็กน้อย เธออยากมีลูกจริงๆ

แต่คำตอบนี้กำลังบอกว่าลูกที่เขาพูดถึงอาจไม่มีตัวตนก็ได้

ต่อให้ก่อนหน้านี้จะไม่ได้เชื่อจนหมดใจ ยังมีบางความรู้สึกที่พูดไม่ออก

แถมเมื่อทั้งสองขึ้นรถไปแล้ว มือถือก็เข้ามาตลอด

ทั้งหมดมาถามเรื่องความรักของเธอ

โหลวลั่วหันหน้ามา ช่วยพันผ้าพันคอให้เขาอีก “ต่อไปอย่าไปที่บริษัทอีกนะคะ”

ป๋ออิ่นได้ยินแล้วยิ้มช้าๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความร้ายกาจ ทว่าทั้งหมดถูกเขาสะกดไว้ เหลือเพียง “ครับ”

ภายใต้แสงไฟจากข้างทาง ยังมีค้างคาวบินผ่านมาอยู่บ้าง

คืนวันนั้น โหลวลั่วโดนก่อกวนจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว

ผู้ชายคนนี้ก็ยังมีท่าทีเหมือนจอมปีศาจ แม้เธอร้องขอให้หยุด เขากลับไม่มีความคิดจะหยุด

กระทั่งเหมือนฟันจะกัดลงเส้นเลือดที่ซอกคอของเธอแล้วจริงๆ

เมื่อความวาบหวามจู่โจมเข้ามา อารมณ์ความรู้สึกและความคิดทั้งหมดก็ล่องลอย “พอแล้ว”

เขาดันเธอไว้กับหัวเตียง เอ่ยเสียงแหบต่ำเหมือนบรรยากาศท้องฟ้าค่ำคืนด้านนอก ลมหายใจผสมผสานไปกับกลิ่นกุหลาบ “ไม่พอ”

“ฉันหิวค่ะ” ลมหายใจของเธอปั่นป่วน เส้นผมสีดำแผ่กระจาย ในความสวยงามแฝงความอ่อนโยนไว้

เขาจูบลงที่ใบหูเธอแล้วหัวเราะ “กินผมสิ”

จากนั้นก็จมดิ่งลงไปอย่างไม่อยากจะถอนตัว…

…………………………………………….

เวลาตีสอง

หมอกลอยขึ้นหนาทึบอยู่นอกหน้าต่าง

ค้างคาวยังคงอยู่ด้านนอกบ้านหลังนั้นใต้เสาไฟริมทาง

โหลวลั่วนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

เธอหลับลึกมากจนไม่รู้ว่าคนที่กอดเธอหายตัวไปแล้ว กลิ่นกุหลาบหอมฉุนเหลือเกิน ราวกับผสมกลิ่นคาวเลือดไว้ด้วย

ค้างคาวตัวหนึ่งในนั้นกลายร่างเป็นเด็กน้อย คุกเข่าข้างหนึ่งลงต่อหน้าป๋ออิ่น “นายน้อยจะเริ่มแข่งวันที่ 10 ครับ แล้ววันที่ 8 จะมีงานมีทติ้งกับแฟนคลับที่มิลานด้วย ผมใส่รายชื่อคุณผู้หญิงเข้าไปแล้วครับ”

ป๋ออิ่นรับคำสั้นๆ อย่างเกียจคร้าน ก่อนจะพ่นเอาถุงเลือดออกมาจากช่องปาก

เด็กน้อยนั่นลุกขึ้นมา ก้มศีรษะบอก “ทำไมนายท่านถึงไม่ให้ผมแปลงร่างเป็นนายน้อยตอนเป็นเด็กล่ะครับ ทำแบบนี้แล้ว ถึงตอนนั้นนายท่านจะได้ไม่ต้องอธิบายอะไร นายหญิงเองก็จำไม่ได้แล้ว นายท่านก็สร้างความทรงจำให้เธอได้ เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกครับที่ยอมรับได้ว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว นายท่านเป็นคนพูดเองนี่ครับ”

นิ้วเรียวยาวขาวผ่องของป๋ออิ่นกำร่มสีดำแน่น เขาในเวลานี้ต่างไปจากตอนกลางวัน ก้นบึ้งนัยน์ตาไร้ความอบอุ่น ซึ่งเป็นลักษณะโดยกำเนิด

เขาแย้มยิ้มอย่างร้ายกาจ “ห้ามปลอมเป็นจิ่วเด็ดขาด เขาเป็นลูกของพวกเรา”

“แล้วความทรงจำล่ะครับ?” เด็กน้อยทำแก้มป่อง เขายังไม่เข้าใจ

ป๋ออิ่นโยนถุงเลือดลงถังขยะ “ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่”

“ทำไมล่ะ?” เด็กน้อยเป็นประเภทฆ่าคนได้ก็ฆ่า เพราะพวกมนุษย์เป็นแค่อาหารสำหรับพวกเขา นับประสาอะไรกับความทรงจำของมนุษย์

ป๋ออิ่นสูงโปร่ง เสื้อกันลมตัวดำสะบัดไปตามแรงลม “เพราะความทรงจำของเธอมีแต่ฉัน ความทรงจำที่สร้างขึ้นก็คือของปลอม”

เด็กน้อยเริ่มจะเข้าใจบ้างแล้ว แต่ก็ยังงงอยู่ดีว่าทำไมนายท่านถึงได้รักมนุษย์คนนี้มาก

เมื่อก่อนท่านเคยบอกว่าเป็นเพราะอุณภูมิในกายของผู้หญิงคนนั้น

ทว่าเพื่อจะชุบชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง แล้วทำให้ตัวเองต้องตื่นตลอดเวลาเช่นนี้ ต้องไม่ใช่เพราะอุณหภูมินั่นแน่นอน

ป๋ออิ่นไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องความรักของตัวเองให้ผู้อื่นฟัง

พวกแวมไพร์มักเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร

ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นป๋ออิ่น

หากไม่เพราะมีฮู้ป้องกันตัวที่ท่านจิ่วให้ไว้ บางทีโลกนี้อาจเหลือเขาเพียงคนเดียว

ตอนนี้เธอแค่สูญเสียความทรงจำไปเท่านั้น

ทั้งที่วินาทีที่แล้วป๋ออิ่นยังอยู่ใต้เสาไฟริมทาง วินาทีถัดมากลับปรากฏตัวที่ข้างเตียงได้

นี่เป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของพวกแวมไพร์ เคลื่อนย้ายในพริบตา

ป๋ออิ่นในสภาพนี้ยินดีปิดบังทุกอย่างเพื่อคนคนหนึ่ง

เขาไม่รู้ชัดว่าความรักของมนุษย์เป็นเช่นไร แต่ตั้งแต่เธอเก็บเขากลับไป เขาก็ไม่อยากปล่อยมือจากเธอไปอีกแล้ว

ป๋ออิ่นกลับไปนอนบนเตียงอย่างไร้สุ้มเสียง เอื้อมมือไปโอบกอดเธอจากด้านหลัง

ตอนแรกก็คิดว่าเธอกำลังละเมอ แต่ข้างหูกลับได้ยินว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณออกไปไม่หนาวเหรอ?”

ป๋ออิ่นถึงกับมือชะงัก ก่อนจะเกลี่ยเส้นผมยาวๆ ของเธอออก พูดกลั้วยิ้มว่า “หนาวมาก รู้ว่าผมไม่อยู่ตั้งแต่เมื่อไร”

“เมื่อกี้” โหลวลั่วหันมามอง

ป๋ออิ่นกอดเธอไว้ เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “กลัวว่าคุณจะหิว ก็เลยต้มบะหมี่ให้คุณ”

เดิมคิดว่าเป็นแค่คำแก้ตัวของเขา แต่เมื่อเธอถูกเขาอุ้มโดยมีผ้าห่มคลุมตัวมาถึงหน้าโต๊ะ ก็เห็นว่ามีบะหมี่วางอยู่บนโต๊ะจริงๆ “รสหมักซอสน้ำแดงเหรอคะ”

“คุณไม่ชอบเหรอ” ป๋ออิ่นปล่อยให้เธอนั่งในอ้อมแขนเขา

“เปล่า” โหลวลั่วไม่คุ้นเคยกับความใกล้ชิดแบบนี้ “คุณไปนั่งฝั่งตรงข้ามสิ?”

“ฝั่งตรงข้ามหนาวเกินไป” ป๋ออิ่นยื่นตะเกียบให้เธอ “ลองชิมดูสิ?”

โหลวลั่วยิ้มจางๆ “คุณต้มบะหมี่เป็นอย่างเดียวเหรอไง”

“ใช่” ป๋ออิ่นเกยคางบนบ่าของเธอ เอ่ยอย่างเป็นปกติ “ถ้าคุณอยากกินอย่างอื่น ผมจะลองหัดทำดู”

โหลวลั่วหัวใจเต้นกระตุก ก้มหน้ากินซุป “ไม่ต้องหรอก แบบนี้ก็ดีแล้ว”

……………………………………..

เด็กคนนี้หล่อดี

ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาโหลวลั่วคือแม่น้ำและพุ่มไม้ในเกม รวมถึงตัวละครที่เธอดูแล้วไม่เข้าใจ

เดิมทีโหลวลั่วยิ้มนิดๆ พลางส่ายศีรษะ กำลังคิดจะปิดคลิป

แต่ในเวลานี้เอง ในคลิปมีร่างหนึ่งโผล่ออกมา วิ่งไปข้างหน้าอย่างคล่องแคล่วว่องไว

แม้ว่าปกติแล้วเธอจะไม่ดูการแข่งเกม แต่พอจะเข้าใจภาพรวมการแข่งอยู่บ้าง

ฝ่ายน้ำเงินซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามดูจะมีพลังมาก จำนวนคนก็เยอะกว่า โอกาสที่ฝ่ายแดงจะชนะมีน้อยมาก

แต่เด็กคนนั้นจะบุกเดี่ยวทั้งอย่างนี้เหรอ?

โหลวลั่วขมวดคิ้ว ไม่ได้กดปิดอีก ทว่าจิบกาแฟนิดหนึ่งก่อนจะดูไปอย่างเงียบๆ

และเวลานี้ร่างนั้นอำพรางตัวโฉบผ่านอยู่ท่ามกลางผู้คน ก่อนจะโจมตีศัตรูคนแรกก่อนอย่างไม่บอกไม่กล่าว จากนั้นก็หมุนตัวหลบการทำร้ายจากฝ่ายตรงข้ามแล้วทะยานไปข้างหน้า เกิดดับเบิลคิลและทริปเปิลคิลขึ้นตามลำดับ!

ในเวลาเดียวกัน ร่างนั้นก็ปรากฏขึ้น มาถึงแล้ว

แต่วินาทีเดียวเขาก็ยืนขึ้น พาตุ๊กตากลุ่มหนึ่งด้านหลังไปทำลายเมืองของคู่แข่ง

ได้ชัยชนะมาอย่างสวยสดงดงาม

นัยน์ตาของโหลวลั่วยิ้มไม่หยุด ทว่าเธอยังไม่ชอบเกมอยู่ดี

เพียงแต่หน้าจอวูบไหวเล็กน้อย จากนั้นกล้องจับไปที่ใบหน้าเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่หางตามีไฝเสน่ห์ มุมปากหยักยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มเบ่งบาน

สายตาของโหลวลั่วชะงักอย่างน่าประหลาด ภาพกระจัดกระจายปรากฏขึ้นในหัวเธอ แต่มันคืออะไรกันแน่ เธอจำไม่ได้สักนิด

โหลวลั่วตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วค้นหาข้อมูลมากมายของเด็กคนนั้น

มีทั้งข่าวด้านดีและไม่ดี

โหลวลั่วเป็นนักธุรกิจ เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ก็แค่ข้ามมันไป นอกจากจะมีคลิปที่เด็กคนนี้ปรากฏ ซึ่งเธอจะดูอยู่หลายรอบ ที่เหลือก็ไม่เปิดดูแล้ว

เพียงแต่เดิมทีคิดว่าจะกดลิงก์ดูแป๊บเดียว แต่ทำไปทำมากลับติดหนึบไม่เลิกรา

เมื่อสาวผู้ช่วยเข้ามา ใบหน้าหล่อนฉายแววประหลาดใจ รู้อยู่นานแล้วว่าท่านประธานของพวกเธอไม่ค่อยดูคลิปหรือโพสต์บนอินเทอร์เน็ตพวกนี้ วันนี้ท่าทางจะดูแบบไม่จบไม่เลิกรา แถมยังถามเธอเรื่องเกี่ยวกับเกมบ้างเป็นบางครั้ง

เล่นเอาเธอรู้สึกเหมือนยืนอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เพราะปกติท่านจะเป็นคนเย็นชาไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป ซึ่งไม่ได้มีความหมายไม่ดี อันที่จริงเพราะท่านประธานเป็นคนมีบุคลิกแบบนี้ สามารถตัดสินใจงานได้เด็ดขาด เน้นประสิทธิภาพสูง สวมชุดสูทเป็นทางการ ขนาดเดินตามท้องถนนยังทำให้เกิดลมได้ด้วย

ทว่าท่านกลับไม่ทำให้คนอื่นไม่สบายใจ มักจะยิ้มบางให้นิดๆ เป็นการยิ้มแบบที่เราเห็นแล้วจะรู้ว่าอีกฝ่ายไว้ตัว แต่ก็ไม่รู้สึกว่าขัดแย้งกัน

ท่านประธานโหลวของพวกเธอก็เป็นผู้หญิงแบบนี้

ผู้ช่วยสาวคิดไม่ออกจริงๆ ว่าวันหนึ่งจะได้เห็นท่านประธานโหลวดูอย่างอื่นที่ไม่ใช่รายงานข้อมูลธุรกิจอยู่ในห้องประชุม

ตอนแรกเธอก็ไม่กล้าทำอะไรโดยพลการ รอจนผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง เธอหยิบของเข้ามาอีกทีก็อดแอบมองไม่ได้

จากนั้นก็ร้อง “อ๊ะ!” อย่างกลั้นไม่อยู่

โหลวลั่วหันไปมองทางอีกฝ่าย สาวผู้ช่วยรีบพูดว่า “ขอโทษค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ประธานโหลว”

“ไม่เป็นไร” โหลวลั่วมองเธอยกกาแฟอเมริกาโน่มาให้ “วางกาแฟไว้ก็พอแล้ว”

สาวผู้ช่วยทำตามคำสั่ง ลังเลสักพักถึงพูดขึ้น “ประธานโหลว คุณก็ชอบแบล็กพีช Z เหรอคะ”

โหลวลั่วยิ้มบางๆ ตอบว่า “อื้อ”

สาวผู้ช่วยตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ แต่ไม่กล้าแสดงออกอย่างเด่นชัด เพราะเป็นเวลาทำงานจึงต้องพูดเสียงเบา “ฉันก็ชอบค่ะ”

“อ้อ?” โหลวลั่วจิบกาแฟแล้ววางแก้วลง “งั้นก็ดีเลย เธอดูของพวกนี้สิ คนอื่นมี แต่ทำไมฉันถึงไม่มี?”

……………………………

ครอบครัวเดียวกัน

ผู้ช่วยสาวได้ยินก็ยื่นหน้าเข้าไปหา จากนั้นก็ร้อง “อ๊ะ!” แล้วเอ่ยว่า “นี่เป็นสติกเกอร์ที่แจกให้ตอนดูแข่งรอบที่แล้วค่ะ!”

“จะซื้อได้จากที่ไหน?” โหลวลั่วถามตรงๆ

ผู้ช่วยสาวอธิบายว่าสติกเกอร์เหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อขาย แต่ตอนนั้นทางทีมแจกให้ฟรี ส่วนสติกเกอร์ที่วางขายข้างนอกล้วนแต่เป็นของปลอม

“ท่านประธานไปดูในออฟฟิเชียลเวยป๋อได้ค่ะ ว่าเขามีจับรางวัลให้หมอนข้างหรือเปล่า!”

ผู้ช่วยสาวให้คำแนะนำน่าเชื่อถือเหมือนเคย

โหลวลั่วกลับคิดว่าตัวเองคงจับไม่ได้ แค่ลองๆ ทำไปอย่างนั้นเอง

ไม่คิดว่าจะได้มาจริงๆ เล่นเอาผู้ช่วยสาวอิจฉาจนอยากร้องไห้!

 โหลวลั่วเองอารมณ์ดี ทว่าหมอนข้างมีขนาดใหญ่ไปหน่อย ไม่เหมาะกับบุคลิกเธอ เมื่อประคองไว้ในอ้อมแขนย่อมต้องสะดุดตา

ดังนั้นจึงส่งผลให้เกิดคำซุบซิบขึ้นมาเป็นธรรมดา

“ท่านประธานโหลวกำลังมีความรักจริงมั้ง?”

“ชัวร์ ไม่งั้นจะกอดหมอนข้างทำไม”

“ไหนบอกว่าแฟนของท่านอายุน้อยกว่าไง เป็นคนที่ให้หมอนข้างท่านได้จริงๆ นั่นแหละ”

“เหมือนเขาจะอยู่ข้างล่างตึกนะ”

“ใคร?”

“ลูกหมาน้อยของท่านประธานไง โคตรหล่อเลย!” คนพูดมีสีหน้าเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ตอนนี้เขาอยู่นอกตัวตึกน่ะ”

เมื่อเห็นผู้ชายคนนั้นมาปรากฏตัวที่นี่ โหลวลั่วก็แปลกใจอยู่บ้าง เพราะอย่างไรเขาก็ไม่เคยมาที่ทำงานของเธอ

ต่อให้มาจริง แต่ตามที่คบกันมาก่อนหน้านี้ เขาต้องบอกเธอก่อนล่วงหน้าสักคำ

ทว่าโหลวลั่วไม่ได้คิดเรื่องนี้ให้ละเอียดนัก

ชายหนุ่มเดินมาหา โดยถือร่มสีดำไว้ในมือ

ตอนเดินอยู่ท่ามกลางหิมะแรกที่ตกโปรยปราย ช่างเหมือนภาพที่จะเกิดขึ้นในการ์ตูนเท่านั้น

ทว่าเวลานี้คนที่กางร่มในเวลาแบบนี้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย จึงยิ่งทำให้ชายหนุ่มสูงเพรียวยิ่งขึ้น

“หิมะตกแล้ว ผมมารับคุณกลับบ้าน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โหลวลั่วก็ไม่อาจพูดได้ว่าชายหนุ่มผิดข้อตกลง ทำแค่มองเสื้อกันลมตัวบางที่อยู่บนร่างของเขา แล้วช่วยพันผ้าพันคอให้เขาอีกทบหนึ่งโดยไม่สนว่าใครจะนินทาแต่อย่างใด

ถึงยังไงคนรอบข้างก็ล้วนเป็นลูกน้องเธอ

ป๋ออิ่นยิ้มมุมปาก ดูเหมือนจะชอบวิธีประกาศตัวแบบนี้

หลายคนต่างมองดูอยู่ เพราะไม่ว่าจะเป็นป๋ออิ่นหรือโหลวลั่ว ตอนยืนอยู่ตรงนั้นก็เป็นภาพที่สวยงามมาก

นับประสาอะไรกับมีข่าวลือผสมโรงอยู่ด้วย

 “หล่อจริงๆ”

“หวังว่าประธานโหลวจะไม่เป็นเหมือนประธานหร่าน”

“เลี้ยงผู้ชายให้คนอื่นอะ ต่อให้หล่อแค่ไหน แต่จะไปมีประโยชน์อะไร”

“จริงด้วย ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบคนที่อายุมากกว่าตัวเองหรอก ไม่แน่ว่าอาจมีแฟนอยู่ในมหาวิทยาลัย แล้วก็หาคนเปย์ให้ตัวเองอยู่ข้างนอกด้วย”

ป๋ออิ่นยืนนิ่งตรงนั้น กดยิ้มมุมปากให้ลึกขึ้น ทำแค่หันไปหลุบตามอง

จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องจากทางนั้น ไม่รู้ว่าฝูงค้างคาวดูดเลือดโผล่มาล้อมพวกเขาจากที่ไหน ทำให้ตกใจกันหมด

โหลวลั่วหันไปมองตามเสียงเหล่านั้น แต่ยังไม่ได้มองให้ชัด ชายหนุ่มก็เอาร่มมากางไว้เหนือศีรษะเธอ “คุณอุ้มอะไรไว้น่ะ?”

“อันนี้เหรอ?” โหลวลั่วก็ไม่มีอารมณ์จะไปมองคนอื่น แต่ฝูงค้างคาวเหล่านั้นดึงดูดความสนใจเธออยู่บ้าง ช่วงนี้เธอเห็นค้างคาวบ่อยครั้งมากขึ้น แถมยังอยู่กลางเมืองด้วย ด้วยเหตุที่กำลังคิดเรื่องในใจ จึงตอบชายหนุ่มไปอย่างใจลอย “เป็นหมอนข้างของหนุ่มน้อยรูปหล่อคนหนึ่ง น่ารักมากเลย”

หนุ่มน้อยรูปหล่อ? น่ารักมากเลย?

นัยน์ตาดำขลับของชายหนุ่มเบือนออกไป หางตาปรากฏแสงแวววับ

ทั้งที่มุมปากเหยียดยิ้ม แต่กลับทำให้คนนึกถึงคำว่ามืดมิดได้

ทว่าในขณะที่เขาเห็นหน้าตรงของหมอนข้าง หมอกดำในก้นบึ้งนัยน์ตาก็หยุดลง…

………………………………..

เธอต้องดูคลิปของสุดหล่อของฉัน

แม่หมอตัวแข็งทื่อไปแล้ว เพราะที่เธอให้จี้พระกับโหลวลั่วก็เพื่อป้องกัน ‘เจ้าหมาน้อย’ ตรงหน้าต่างหาก หากฝ่ายนั้นเป็นคนที่ไม่มีที่มาที่ไป ก็จะได้รู้เสียทีว่าโหลวลั่วมีของป้องกันตัว

แต่เขากลับไม่กลัวพระที่ปลุกเสกแล้ว แถมยังรับเอาไปดูกับมือตัวเอง

ในขณะที่แม่หมอกำลังสงสัยว่าตัวเองคิดมากไปหรือไม่ ป๋ออิ่นก็หันไปสวมสร้อยพระให้โหลวลั่ว

สาวๆ เห็นแล้วไม่พูดอะไรกันอีก

ทว่าเมื่อโหลวลั่วจะเดินออกไป แม่หมอก็กระซิบข้างหูเธอว่า “ระวังหน่อย หมาน้อยของเธอมองยากจริงๆ”

โหลวลั่วรู้ดีว่าเพื่อนหมายถึงอะไร จึงยิ้มให้แล้วตอบว่า “ฉันเข้าใจ”

“ส่วนคลิปสุดหล่อของฉัน เธอต้องดูให้ได้นะ แล้วฉันจะส่งลิงก์ไปให้ ในเมื่อเธอจะไปมิลาน เธออาจจะได้เจอสุดหล่อของฉันก็ได้”

แม่หมอรู้ว่าโหลวลั่วเป็นคนฉลาด บางอย่างเธอไม่ต้องพูดให้มากความ

เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเป็นกังวล

ยิ่งในบรรดาพวกเธอแล้ว ตอนที่รู้จักโหลวลั่วใหม่ๆ ก็รู้ว่าเพื่อนเป็นคนใจเย็นและฉลาดรู้จักแยกแยะดีร้าย

คนทั่วไปหลอกเธอไม่ได้

ตอนนี้แม่หมอกังวลว่าพ่อลูกหมาน้อยจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

เมื่อเดินออกมาจากร้านกาแฟ ข้างนอกก็มืดแล้ว

ท้องฟ้าในตอนเหนือมักจะมีหมอกลอยเสมอ ขนาดอ้าปากยังมีควันลอยออกมา

ทว่าผู้ชายคนนี้กลับเหมือนไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็น เสื้อตัวนอกสีดำตัวบาง เสี้ยวหน้าที่ขาวเกินไป รวมถึงกลิ่นอายจางๆ ที่พัดพาเข้ามามีกลิ่นกุหลาบ แต่ก็เหมือนกลิ่นคาวเลือดอีกด้วย

ไม่รู้ใครที่เคยบอกว่าบางครั้งเลือดก็มีกลิ่นหอมเช่นกัน

และผู้ชายคนนี้กำลังมีกลิ่นจางๆ ที่ว่านั้น

“เมื่อกี้ผมทำตัวได้ผ่านในสายตาของเพื่อนคุณไหม?” ป๋ออิ่นหลุบตาลง เหมือนถามไปอย่างนั้น

โหลวลั่วเหลือบมองเขา ก่อนจะปลดผ้าพันคอที่เขาให้ นำมาพันคอของเขาแทนทบหนึ่งแล้วตามด้วยทบที่สอง “โอเคอยู่”

ผู้หญิงที่หยิ่งทระนงอย่างโหลวลั่วเป็นที่เห็นได้น้อยมาก

รูปโฉมแบบนี้ รัศมียังเจิดจรัสเหมือนเดิม

ในชีวิตจริงมีคนมากมายพูดกันว่า ไม่ว่าผู้หญิงจะเก่งกาจแค่ไหนในอาชีพการงาน ก็ต้องรู้จักอ่อนให้ผู้ชายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เพราะผู้หญิงที่ออดอ้อนเก่งจะเป็นพวกมีชะตาดี

แต่ชัดเจนว่าโหลวลั่วไม่ใช่ผู้หญิงประเภทดังกล่าวมาแต่ไหนแต่ไร

คนที่ตัวสูงอย่างเธอ เมื่อได้สวมเสื้อโค้ทก็มีออร่าเย็นชา ราวกับหิมะแรกที่พัดพาเข้ามา

ทว่าใบหน้าของเธอกลับไม่เย็นชา กลับยิ้มอ่อนๆ ดูเหมือนจะตามใจให้

แค่ต้องดูว่าอีกฝ่ายว่านอนสอนง่ายไหม ฉลาดหรือเปล่า

ก่อนนี้แม่หมอพูดไว้ไม่ผิด ประธานโหลวทั้งผมยาวขายาว เอวบางอกอิ่ม เดิมก็มีสัดส่วนที่ยั่วเย้า แต่บุคลิกของเจ้าตัวกลับเหมือนดอกบัวบนยอดภูเขาหิมะ กระทั่งแววตายังเฉยชาเหมือนสายน้ำ

ในวงการธุรกิจมีคนวิจารณ์เรื่องเธอ เพราะว่าเธอไม่ยอมลงสนามแข่งด้านความรักกับผู้หญิงคนนั้น จึงย่อมถูกหาว่าเป็นพวกดอกบัวขาวร้ายลึก

เธอสนใจแต่เรื่องหาเงิน เป้าหมายในชีวิตไม่ได้อยู่ในแนวทางเดียวกับคนอื่น

แต่ขนาดเธอเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าในวันหนึ่ง

เธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์พัฒนาจนลึกซึ้ง ทว่ามันก็เกิดขึ้นแล้ว

หากเขาบอกว่าเขาต้องการอะไร เธอย่อมไม่ใจร้ายกับเขา เพราะอย่างไรเขาก็อายุน้อยกว่าเธอ

“ต่อไปอย่าซื้อผ้าพันคอแพงขนาดนี้เองอีกนะ” โหลวลั่วมองดวงตาลุ่มลึกคู่นั้น “ฉันไม่ใช่คนเห็นค่าข้าวของนอกกายพวกนี้ และก็ไม่จำเป็นด้วย”

…………………………………………

ป๋ออิ่นยกยิ้ม “ทราบแล้วครับ มาดาม”

คำว่ามาดามทำให้เธอมองเขาแวบหนึ่ง นิ้วมือหยุดชะงัก “คุณ…”

ไม่รอให้เธอพูด ป๋ออิ่นแย่งพูดทันที “มาดามได้ตัวผมแล้วคิดจะทิ้งงั้นเหรอ?”

โหลวลั่วรู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร ถอนมือออกมา รู้สึกขำเล็กน้อย “คำว่าได้แล้วทิ้งนี่ใช้ในความหมายอย่างนี้เหรอ?”

ป๋ออิ่นเกี่ยวเส้นผมที่ยุ่งนิดๆ ของเธอ “ผมเป็นหมาน้อยของคุณนี่นา เจ้านายเล่นทิ้งหมาน้อยไว้ในบ้าน ถ้าไม่เรียกว่าได้แล้วทิ้งแล้วจะใช้คำไหน”

ผู้ชายคนนี้พูดสบายๆ ส่วนเธอกลับชะงัก “คุณได้ยินมามากน้อยเท่าไร?”

“ให้คุณระวังผมไง” ป๋ออิ่นดึงมือเธอมาสอดเข้าในเสื้อกันลมของเขา “อะไรที่ควรได้ยินก็ได้ยินหมดแล้ว”

โหลวลั่วหันมอง “พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย”

“ผมเข้าใจ” ป๋ออิ่นตอบเสียงราบเรียบ “พวกเขาเป็นห่วงคุณ เป็นเพื่อนที่ดีมากเลยทีเดียว”

เธอหัวเราะ ก่อนจะยื่นมือลูบศีรษะเขา “คุณเป็นผู้ใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้อีก”

“เพราะงั้นคุณก็อย่าไปดูคลิปไอดอลหนุ่มน้อยที่พวกเขาให้มานะ” ป๋ออิ่นยิ้มบางๆ “พวกเขาไม่น่ารักเท่าผมหรอก”

โหลวลั่วไม่คิดว่าจะวกมาคุยหัวข้อเรื่องนี้แทน แต่เมื่อได้พูดกัน เธอถึงพบว่า ‘ลูกหมาน้อย’ ก็ชอบแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเหมือนกัน

“คุณน่ารักตรงไหน?” โหลวลั่วมองดูเขาที่เดินอยู่ด้านนอกสุด ภายใต้แสงไฟริมทาง ใบหน้านั้นดูสูงส่งสง่างามยิ่งขึ้น

เขายิ้มบอก “ผมเชื่อฟังคุณจะตาย พอตอนเช้าคุณออกจากบ้าน ผมก็เอาแต่อยู่ในบ้าน ไม่ได้ไปไหนเลย”

“ไม่ต้องทำงาน?” โหลวลั่วมองอีกฝ่าย

เขาตอบเสียงเอื่อยว่า “จะพาคุณไปหาลูกไง เรื่องงานน่ะค่อยกลับมาทำก็ได้”

โหลวลั่วอึ้งไปนิด ยืนมองเขาท่ามกลางความมืด “เรามีลูกด้วยกันจริงๆ เหรอ”

“จริงสิ” ป๋ออิ่นที่สวมเสื้อกันลมยื่นมือรั้งเธอมากอดไว้อ้อมแขน “เมื่อก่อนเขาชอบดึงความสนใจของคุณไปจากผม  ไม่ยอมเชื่อฟังผมเลย”

โหลวลั่วได้กลิ่นหอมจากตัวของชายหนุ่ม ความคิดเริ่มจะสับสน

แต่สิ่งที่ทำให้เธอได้สติก็คือฝูงค้างคาวที่บินไปมาอยู่ใต้เสาไฟริมทาง ดูเหมือนว่านับแต่เมื่อครู่พวกมันก็ติดตามพวกเธอมาโดยตลอด

ป๋ออิ่นมองตามสายตาของเธอไป จากนั้นดวงตาก็มีแสงแดงเรื่อวาบผ่านอย่างรวดเร็ว!

พวกค้างคาวพลันบินจากไปท่ามกลางความมืดเหมือนกับได้รับคำสั่งอะไรมา

ป๋ออิ่นถอนสายตากลับ ถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ “ทำไมเหรอ?”

“เปล่า ฉันน่าจะคิดมากไปเอง” โหลวลั่วหันมองเขา “หิวแล้ว อีกเดี๋ยวจะกินอะไรดี”

ป๋ออิ่นเหมือนไม่สนใจ “อะไรก็ได้”

โหลวลั่วกดกุญแจในมือ เปิดประตูรถออก “เลือกสักอย่างสิ”

“คุณไง” เขาจับมือเธอเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เวลานี้เขาย่อตัวลง ลมหายใจกระทบใบหูเธอ นิ้วเรียวยาววาดผ่านร่องรอยบนซอกคอของเธอ “อยากกินคุณ”

ใช่ว่าจะไม่ต่อต้านเขา แต่ดูเหมือนว่าชายคนนี้มักทำให้คนสูญเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ไป

ว่ากันว่าความงามล่อใจคน ก็คงเป็นเช่นนี้เอง

คืนนั้น โหลวลั่วก็เข้าใจในสิ่งที่คนเขาพูดกันว่าร่างกายที่อ่อนวัยดีอย่างไร แต่ก็ต้องแลกกับการที่ต้องสวมเสื้อสเวตเตอร์ปิดคอ รวมถึงเอวที่ปวดเมื่อยนิดๆ

เขาเหมือนจะไม่ชอบแสงอาทิตย์เอามากๆ เธอจึงไม่ดึงผ้าม่านเปิดออก

ทว่าด้วยคิดถึงเรื่องลูกสาวที่เขาพูดถึงอยู่เสมอ เธอจึงใส่ใจเรื่องการแข่งชิงแชมป์โลกที่มิลานมาก

ดังนั้นเมื่อพักกินข้าวกลางวัน เธอจึงเปิดคลิปที่แม่หมอส่งให้เธออย่างอดไม่ได้

นั่นเป็นคลิปการแข่งอีสปอร์ตนั่นเอง…

……………………………………..

 “ดีใจจังเลยที่ได้ยินคุณชมผมแบบนี้”

เสียงนั้นแหบเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก

แทบจะดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ในทันที

ไม่ว่าใครหันกลับมามอง ต่างก็ตะลึงกันทั้งนั้น

ผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ กางเกงยาวถึงข้อเท้า เผยให้เห็นถึงความขาวด้านใน ส่งผลให้คนรู้สึกถึงความลึกลับและเซ็กซี่

ร่วมด้วยใบหน้าของเขาที่หล่อเหลาคมสันจนไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไร

ร่างเขาสูงชะลูดแต่ไม่ทำให้รู้สึกถึงความเปราะบาง กลับดูลึกลับดำมืดชนิดบรรยายไม่ถูก และยิ่งเด่นชัดขึ้นตามจังหวะที่เขาเดินใกล้เข้ามา

เวลานี้ พวกเพื่อนๆ ต่างรู้สึกตรงกัน

ผู้ชายคนนี้เหมือนหมาน้อยที่ตรงไหน นี่มันหมาป่าชัดๆ

ดูแววตาก็ไม่เหมือนพวกที่ชอบออดอ้อนออเซาะเสียหน่อย

ผู้ชายคนนี้ดูอ่อนวัย แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาเป็นคนจริงจังมุ่งมั่นต่อทุกสิ่ง

โดยเฉพาะเวลาที่สายตาของเขาจับจ้องสาวน้อยคนนั้น ความรู้สึกที่ว่ายิ่งชัดเข้าไปใหญ่ เขาหยักยิ้มมุมปาก จากนั้นก็เดินมาหยุดข้างตัวโหลวลั่ว

“ข้างนอกหนาวมาก ผมไปซื้อผ้าพันคอให้มาเพื่อนคุณคนละผืนแล้ว” ป๋ออิ่นว่าพลางยกมือขึ้น

ผ้าแต่ละผืนล้วนแต่เป็นยี่ห้อดัง แต่ราคาไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะซื้อได้

ผู้ชายคนข้างๆ เอ่ยขึ้น “เอาเงินของโหลวลั่วมาซื้อของให้เพื่อนเขา อืม น่าสนใจจริงๆ”

ป๋ออิ่นเหลือบตามองราวกับจะหัวเราะ “สามีภรรยาใช้กระเป๋าเดียวกัน เราสองคนไม่เคยแบ่งกระเป๋าเงินกัน”

สีหน้าเยาะหยันของชายคนนั้นเด่นชัดเข้าไปใหญ่ “นายยังมีหน้าพูดอีก?”

“ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเกาะเมียเก่ง” ป๋ออิ่นพูดออกมาพลางหมุนแหวนสีดำวงเล็กบนนิ้วหัวแม่มือ “คนแบบคุณชายจางคงกำลังวุ่นอยู่กับการจัดการตัวเลขในบัญชี”

ชายคนนั้นตัวแข็งทื่อในพริบตา เจ้าหมอนี่รู้เรื่องของเขาได้อย่างไร

แต่ยังไม่ทันได้ตะคอกถาม มือถือในมือของคุณชายจางก็ดังขึ้น เป็นสายจากพ่อเขานั่นเอง ซึ่งเขาไม่กล้าที่จะไม่รับ

“ตอนนี้ผู้ชายที่มีไฝเสน่ห์ที่หางตาอยู่ตรงหน้าแกใช่ไหม”

คุณชายจางเพิ่งจะตอบยืนยัน พ่อเขาก็ลดเสียงลง “แกหาเรื่องใครไม่หา รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร!”

คนเป็นลูกชายกำลังจะพูด แต่พ่อกลับขัดจังหวะขึ้นมาก่อน “แกรู้ว่าเขาไม่ธรรมดาก็พอ ตอนนี้แกอ่อนข้อให้เขาหน่อย แล้วรีบกลับมา”

คุณชายจางได้ยินแล้ว ก็ไม่กล้าพูดอีกแม้จะสงสัยมากแค่ไหน

คนที่ทำให้พ่อเขาต้องยำเกรงเช่นนี้ เขาถึงขั้นไม่รู้ว่าจะจินตนาการอย่างไร

แต่เจ้านี่ดูยังไงก็เหมือนเด็กที่โหลวลั่วเลี้ยงไว้นี่นา!

“พ่อไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่ไหม?”

คนเป็นพ่อตอบเพียงว่า “ฉันสั่งให้แกกลับมา!”

คุณชายจางต้องพึ่งพาครอบครัว พ่อเขาพูดอะไร มีหรือที่เขาจะไม่เชื่อฟังได้

เมื่อช้อนสายตามอง กำลังจะเอ่ยขึ้น

ฝ่ายนั้นก็พูดอีกว่า “ดูท่าพ่อคุณคงโทรมา”

สีหน้าของคุณชายจางใช้คำว่าไม่น่าดูมาบรรยายไม่ได้แล้ว ทั้งยังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง

ผู้ชายคนนี้ช่าง…

สาวน้อยคนนั้นอยากพูดขึ้นบ้าง แต่โดนคุณชายจางลากกลับไปอย่างรีบร้อน ราวกับมีสัตว์ร้ายไล่ตามหลังมา

ส่วนคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแต่ลูกหมาน้อยที่โหลวลั่วเลี้ยงดูกำลังพูดอะไรกับฝ่ายนั้นก็ไม่รู้ แต่ทำให้คุณชายจางผู้ถือตัวว่าดีกว่าคนอื่นต้องถอยหนีและมีสภาพแบบนี้ได้

ทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ขี้อ้อนสักนิด แถมยังลึกลับจนคนอ่านไม่ออกอีกด้วย

……………………………………..

โหลวลั่วไปเจอคนคนนี้จากที่ไหน

ได้ยินว่าเก็บมาจากข้างทาง

มีผู้ชายหล่อเหลาเอาการแบบนี้อยู่ตามริมทางตั้งแต่เมื่อไร?

ผู้หญิงเหล่านั้นสมกับเป็นคนเก่งในวงการอาชีพ หลอกยากเป็นที่สุด

ถ้าพวกเธออายุยังน้อยอยู่ คงเชื่อว่าโหลวลั่วเก็บผู้ชายมาเลี้ยงจริงๆ

แต่พวกเธออายุขนาดนี้ มีสติปัญญามากพอแล้ว

‘ลูกหมาน้อย’ คนนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่?

นี่คือสิ่งที่พวกเธอคิดในใจเป็นอย่างแรก

การสวมผ้าพันคอเป็นเรื่องที่พวกหนุ่มๆ ต่างคิดไม่ถึงแน่

ก่อนหน้านี้ พวกเธอได้ยินว่าโหลวลั่วเลี้ยงดูหมาน้อย ใช่ว่าจะไม่เดาว่าเขาหวังเงินตราของโหลวลั่ว

อย่างไรพวกเธอก็เคยเจอคนแบบนี้มาเยอะมาก ปกติแล้วก็เป็นเช่นนั้น

ทว่าตอนนี้พวกเธอไม่แน่ใจแล้ว

เพราะบุคลิกของอีกฝ่ายที่แม้จะเรียกตัวเองว่าเกาะเมียกินอย่างเต็มความภาคภูมิ กลับไม่อ่อนปวกเปียกเสียเลย

เรียกว่าหาได้น้อยมากในโลกนี้

หร่านชิงไม่คิดจะเก็บความสงสัยไว้กับตัว กำลังจะพูดออกไป

แต่แม่หมอที่อยู่ด้านหลังกลับกระตุกแขนเธอไว้ ใบหน้าใสซื่อซีดจนสีเลือดจางหายจากใบหน้าไปเยอะ

“ทำไม?” หร่างชิงหันกลับมามอง

แม่หมอกลัวว่าคนอื่นจะเห็นพิรุธ จึงพูดเพียงว่า “ฉันไม่ค่อยสบาย”

เดิมทีคิดว่าเป็นอย่างนี้แล้วจะไม่ถูกอีกฝ่ายจับพิรุธได้

เพราะว่าเธออ่านดวงลูกหมาน้อยของโหลวลั่วไม่ออกจริงๆ

นี่ชวนให้คนเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

ทว่าแม่หมอคิดไม่ถึงว่า เมื่อเธอจะพูดขึ้น ป๋ออิ่นก็จ้องมองมา

แม้จะมีท่าทีไม่แยแส แต่หางตากลับเห็นถึงความมืดทะมึนที่ทำให้คนขนลุกได้

ส่งผลให้แม่หมอตัวแข็งทื่อ จู่ๆ ก็อยากถามประธานโหลวขึ้นมาว่า เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นพวก ‘ลูกหมาน้อย’ ได้อย่างไร

หากว่ากันตามหลักการแล้ว คนที่ไม่มีชะตา หากไม่ใช่คนตายก็ต้องเป็นปีศาจ

แต่คนคนนี้ไม่ใช่วิญญาณที่ตายไปแล้ว มีทั้งเงาและจิตวิญญาณ

แม่หมออ่านอีกฝ่ายไม่ออก ก็ยิ่งใจหายวาบ

โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นใครแล้ว

นี่ทำให้แม่หมอต้องฝืนใจ อาศัยจังหวะที่คุยกันยื่นมือส่งของให้เพื่อน “ประธานโหลว เอาอันนี้ไป”

โหลวลั่วหันไปมอง นั่นคือจี้พระสบสลักจากไม้จันท์ ทว่ากลับมีกลิ่นหอมโชยออกมารางๆ

นี่เป็นกลิ่นของธูปที่มักปรากฏตามวัดวาอาราม หากเห็นเพียงสีก็จะรู้ว่าจี้พระนี้มีคุณภาพต่างจากที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไป

“นั่นมันเป็นของที่ประธานซางสั่งไว้กับเธอคราวก่อนไม่ใช่เหรอ?” โหลวลั่วไม่ได้รีบรับมา

แม่หมอว่า “ฉันค่อยไปเอาของใหม่ให้เขา ตอนนี้เธอจำเป็นต้องใช้มากกว่า”

โหลวลั่วเลิกคิ้ว “ฉันเหรอ จี้พระเนี่ยนะ?”

 คนอื่นๆ ต่างหันมามอง

เพราะพวกเธอต่างรู้จักแม่หมอเป็นอย่างดี

การที่เธอให้จี้พระคนอื่นก็เพราะฝ่ายนั้นมีของสกปรกติดตัว

ทว่าโหลวลั่ว?

ป๋ออิ่นทำแค่นั่งยิ้มร้ายอยู่ที่เดิม

ราวกับสิ่งที่พูดในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาสักนิด

แต่แม่หมอที่พูดเช่นนี้ขึ้นมาขนหัวลุกแล้ว

“เอ่อ ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องไม่ดีหรอก แค่เอาไว้คุ้มครองเธอเท่านั้น” เธอพูดพลางหลบสายตาลุ่มลึกมืดมิดนั่นตามจิตใต้สำนึก

โหลวลั่วกำลังพินิจพิเคราะห์ ส่วนป๋ออิ่นที่นั่งข้างเธอกลับยื่นมือออกไป ข้อนิ้วขาวเห็นข้อกระดูกชัดเจนราวกับเครื่องเคลือบหยกรับจี้พระไว้ รอยยิ้มไม่น้อยลงเลย “เพื่อนคุณพูดถูก เก็บเอาไว้ป้องกันตัวเอง”

………………………………

พวกผู้หญิงแสนจะชาญฉลาด

เบอร์ส่วนตัวของโหลวลั่วดังขึ้นในเวลาอย่างนี้ แสดงว่าต้องไม่ใช่เรื่องงาน

“ลูกหมาน้อยของเธอเหรอ”

โหลวลั่วส่งเสียงตอบในลำคอ ปลายนิ้วจิ้มลงบนขอบมือถือ กดปุ่มอัดเสียงตอบ “ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บริษัท กำลังคุยกับเพื่อน คุณอยากโดนคนมุงดูไหมล่ะ?”

วินาทีถัดมาก็มีข้อความส่งเข้ามาอีก

‘ไม่เป็นไร รู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำ’

โหลวลั่วหยักยิ้มมุมปากเมื่อเห็นคำตอบ พวกเพื่อนๆ พูดไว้ไม่ผิด ลูกหมาน้อยของเธอเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมาก

แต่หากมองจากมุมการจ้างงาน ใครบ้างที่จะไม่ชอบคนที่พูดจาให้เราชอบใจ

เธอยังรู้สึกอีกด้วยว่าตลาดแรงงานยังขาดคนแบบนี้อีกเยอะ

หากเธอเจอล่ะก็ จะซื้อตัวมาทำงานในบริษัทตัวเองแน่นอน

“ประธานโหลวยิ้มด้วย” แม่หมอแซว “นั่นไง พลังแห่งความรัก”

“พูดอะไรกัน อ้อนเธออีกแล้วใช่ไหม? พวกเด็กหนุ่มตอนแรกๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ท่าทางกับเธอจะอยู่นานหน่อย”

หลังจากแชร์ที่อยู่ให้ผ่านแอพลิเคชัน โหลวลั่วก็เก็บมือถือ สบตาเพื่อนๆ  “เขาจะมารับฉัน เดี๋ยวพวกเธอจะได้เห็นแล้ว”

พวกเธอสี่คนได้รู้จักกันโดยบังเอิญมาสองปีแล้ว

ไม่ว่าชีวิตครอบครัวเป็นอย่างไร เมื่อพามาพบหน้าพวกเธอ อย่างน้อยสุดก็ได้รับการยอมรับแล้ว

“ได้เห็นตัวจริงหน่อยก็ดีเหมือนกัน ดูซิว่าเจ้าลูกหมาน้อยหน้าตาเป็นยังไงถึงกระชากใจของประธานโหลวได้”

โหลวลั่วหัวเราะเสียงเบา “ก็อยากถามความเห็นพวกเธอเหมือนกัน”

“ฉันรู้น่ะว่าประธานโหลวไม่ทอดทิ้งฉันหรอก” แม่หมอเอียงตัวซบบ่าอีกฝ่าย ก่อนจะ “วางใจได้ ฉันจะวิเคราะห์ให้เธอเป็นอย่างดีเลยละ!”

โหลวลั่วหันมามองอย่างไม่ใส่ใจนัก “เขาเรียนด้านภาษาซี น่าจะเพิ่งจบ”

คนที่นั่งด้วยกันต่างเข้าใจ

ก่อนหน้านี้เวลาพวกเธอคบใครก็ตามก็ล้วนมาเจอหน้ากันเสมอ

ต่อให้มีฐานะแตกต่างกัน แต่ก็ไม่เยอะมาก

ทว่าหนุ่มของโหลวลั่วคงจะไม่เหมือนกับผู้คนที่พวกเธอรู้จักเมื่อก่อน

เพราะพฤติกรรรมที่ไม่ชอบออกเที่ยว ชอบแค่รอคอยคนกลับบ้าน ไม่มีหนุ่มน้อยที่ไหนทำได้

พวกเธอเคยได้ยินโหลวลั่วรับสายจากฝ่ายนั้นสองสามครั้ง ต่างรู้สึกว่าชายหนุ่มว่านอนสอนง่ายมากอย่างน่าแปลก

แถมโหลวลั่วยังบอกด้วยว่าชายหนุ่มจบด้านภาษา C น่าจะเป็นพวกเด็กเนิร์ดสายวิทย์ที่สวมแว่นตา?

ไม่เพียงแต่พวกเธอที่คิดอย่างนี้

กระทั่งสาวน้อยคนหนึ่งที่เดินมาก็คิดเช่นเดียวกัน

หล่อนกำลังควงแขนชายที่ดูหน้าตาดีคนหนึ่ง ทว่าสายตาของชายคนนั้นเอาแต่จับจ้องที่โหลวลั่ว

และด้วยเหตุนี้ สาวน้อยคนนั้นจึงหัวเราะ “ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะได้เจอพี่โหลวและพี่หร่านที่นี่ด้วย เมื่อกี้พี่หร่านกำลังพูดถึงแฟนใหม่ของประธานโหลวเหรอคะ เรียนภาษา C ด้วย?”

แม่สาวคนนั้นเอ่ยพลางย่นหัวคิ้วนิดๆ “ดูไม่เหมาะกับพี่โหลวเลยนะคะ พวกที่เรียนด้านนี้ที่มหาวิทยาลัยพวกเรา ส่วนมากไม่ค่อยมีอนาคตหรอกค่ะ”

โหลวลั่วจึงออกปากบ้าง โดยยังคงถือถ้วยชาไว่ “ฉันรู้สึกว่าเหมาะสมก็พอ”

“เรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่ที่เหมาะหรือไม่เหมาะหรอกนะคะ” สาวน้อยว่าพลางหันไปมอง เห็นสายตาของชายหนุ่มยังคงจับจ้องที่ตัวโหลวลั่ว “ต่อให้หาแฟนใหม่มารักษาแผลใจก็ควรจริงจังหน่อย เพราะพี่โหลวก็อายุตั้งขนาดนี้แล้ว”

“รักษาแผลใจ แผลของใครเหรอ?” บุคลิกของโหลวลั่วยังเป็นเช่นเดิม

แม้เธอจะนั่งอยู่ แต่ออร่าของความเป็นนักธุรกิจยังคงไม่ลดทอน

ราวกับกำลังบอกว่า หล่อนประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปนะ

สำหรับฉันแล้ว หล่อนมันก็แค่ของเล่นเท่านั้น

มีผู้หญิงน้อยคนที่จะสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้คนอื่น

ทว่าโหลวลั่วไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา

…………………………………….

คุณป๋อมารับ

ตัวเธอเองก็ทำให้คนสงสัยใคร่รู้ได้อยู่แล้ว เธอสามารถใช้เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปีทำให้บริษัทรุดหน้าได้อย่างที่น้อยคนจะทำได้

เวลานี้แค่เธอเลิกคิ้ว ก็ทำให้ผู้ชายคนนั้นรู้ตัวว่าไม่เคยได้เข้าใกล้เธอเลยแม้แต่น้อย

กระทั่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ออร่าของเขายังถูกบดบังไปกว่าครึ่ง

พูดกันตามจริง ถ้าเอาชนะผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้ ความภาคภูมิใจในตัวเองย่อมหายไปแน่

 “คุณไม่เปลี่ยนเลยสักนิดจริงๆ” ใบหน้าของชายคนนั้นหม่นหมอง แม้แต่พูดยังต้องเหน็บแนม “เธอก็แค่เสนอความเห็นเท่านั้นเอง”

สาวน้อยคนนั้นรีบคว้าโอกาส เอ่ยปลอบเสียงเบา “อย่าโกรธเลยค่ะ” พูดแล้วก็หันไปมองโหลวลั่ว “บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจพี่โหลวเลยนะคะ ยอมทิ้งผู้ชายดีๆ ไปอย่างไม่แยแส แต่กลับไปเลี้ยงดูไอ้หน้าอ่อน เดี๋ยวนี้คนที่อายุมากขึ้นชอบคนที่อ่อนกว่าทั้งนั้น หวังว่าพี่โหลวจะไม่โดนผู้ชายหลอก ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งตัวเหมือนเพื่อนข้างๆ นะคะ”

หร่านจิ่งได้ยินแล้วอยากหยิบไม้ทันที

ทว่าโหลวลั่วตอบโต้อย่างเฉยชา “พวกเราคบกับแฟน ก็เหมือนที่ผู้ชายข้างเธอคบเธอนั่นแหละ ชอบแบบเอ๊าะๆ มันเป็นเรื่องปกติน่ะ”

สาวน้อยคนนั้นได้ยินแล้ว สีหน้าดูไม่ได้ทันที “หมายความว่าไง เอาฉันไปเปรียบเทียบกับผู้ชายที่พวกพี่เลี้ยงงั้นเหรอ?”

หากไม่ใช่เพราะคนบางคนใกล้มาถึงแล้ว ตามปกติโหลวลั่วคงไม่โต้ตอบอีกฝ่าย เพราะเห็นว่ามันน่าเบื่อและไร้สาระมาก

แต่คนบางคนกลับเห็นความสำคัญ ก็เลยคิดว่าคนอื่นต้องเป็นอย่างตัวเอง

นอกจากเพื่อนๆ แล้ว คนที่มามุงดูต่างมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นกันหมด เหมือนกลัวว่าจะไม่มีเรื่องอย่างนั้น

คล้ายจะเอาเรื่องไปเล่าต่อกันเรื่อยๆ

หากเธอไม่ต่อปากต่อคำ ก็โดนกล่าวหาว่าเธอยังอาลัยอาวรณ์ในตัวผู้ชายคนนี้ แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้แย่งผู้ชายคนนั้นกลับมาจากสาวน้อยก็ตาม

หากเธอต่อปากต่อคำ ก็จะโดนหาว่าไม่สำเหนียกตัวเอง ไปแย่งผู้ชายสู้กับสาวน้อย

ตลก เธอจะไปแย่งชิงอะไร ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เธอไม่สนใจทั้งนั้น

แม้แต่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าก็เช่นกัน

แต่เพราะช่องว่างระหว่างวัย จึงมีสภาพจิตใจที่ต่างกัน

การที่ยังไม่รู้เรื่องให้ชัดเจนก็อาละวาดจนคนเข้ารู้กันหมด ในสายตาของคนอื่นอาจมองว่านี่คือความกล้าหาญ กล้าที่จะเอาสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ได้

เสียงดังเท่ากับมีเหตุผล ความคิดเช่นนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถูกกำจัดไปได้

ส่วนพวกที่ชอบซุบซิบส่งต่อข่าว คนก็ยังรู้สึกว่าไม่เลวและน่าสนุกดีเหมือนกัน

โหลวลั่วกวาดตามองคนที่เดินเข้ามาจากด้านข้าง เธอเห็นพวกนั้นกำลังถ่ายรูป รู้ว่าคนบางคนมีความสุขกับการซุบซิบนินทา กระทั่งเอาความเห็นตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วส่งต่อข่าวสารในทางไม่ดี

เธอหันไปมองพลางเอ่ยเสียงเย็นชาดังเดิม “เธอคิดมากไปแล้ว”

“พี่ไม่ต้องเอาฉันไปเปรียบเทียบ” สาวน้อยส่งเสียงหยัน “ฉันเป็นคนที่เขาเลือก นี่เป็นเรื่องจริง”

โหลวลั่วคิดว่าตัวเองอาจจะอายุมากไปแล้วจริงๆ เลยคุยกันไม่รู้เรื่อง เธอวางถ้วยชาลง “ไม่มีใครเอาเธอไปเปรียบเทียบหรอกนะ เธอไม่คิดหรือว่าวันนี้เธอพูดอย่างนี้กับฉัน พรุ่งนี้จะมีคนเอาไปลือต่อว่าพวกเราทะเลาะกันใหญ่โตเพื่อจะแย่งผู้ชายคนหนึ่ง? มันใช่เหรอ? ความจริงก็คือฉันกำลังปกป้องแฟนฉัน เขาอายุน้อยก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นไอ้หน้าอ่อน ในสายตาของฉัน เขาดีกว่าผู้ชายข้างๆ เธอมากกว่าสิบเท่าอีกนะ…”

แทบจะทันทีที่โหลวลั่วพูดจบ เสียงจากอีกฝั่งหนึ่งก็ลอยเข้ามา…

…………………………………….

ตอนที่ 2219

ความสัมพันธ์ของคุณพ่อป๋อและคุณแม่ป๋อก้าวหน้าอีกขั้น

 “งั้นต้องชดเชยหน่อยไหม?”

ในที่สุดก็พูดถึงเรื่องชดเชยแล้ว

โหลวลั่วกลับโล่งอก เพราะเธอจะได้บริหารความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้อย่างสมเหตุสมผลต่อไปได้

ในเมื่อเขาให้ความอบอุ่นแก่เธอ อยู่ข้างกายเธอ เธอก็จะให้ของที่เท่าเทียมกันกับเขา แบบนี้ถึงจะถูก

“อืม ควรจะให้” เธอวางมือบนศีรษะเขาอีกครั้ง รู้ว่าบางเรื่องไม่ควรพูดให้ตรงเกินไป

ก่อนหน้านี้ไม่ได้ระวัง

แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย

ตอนโหลวลั่วกำลังหาจุดสมดุล เธอไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้

เมื่อมาถึงที่หมาย คนขับรถก็กลับไป

บ้านทางตะวันตกไม่ได้ใหญ่มาก เป็นแบบค่อนข้างโบราณ แต่ก็ยังเป็นบ้านเดี่ยวอยู่ดี

โหลวเพิ่งผลักประตูเข้าไป เตรียมจะคุยกับเขาสักหน่อย ก็ถูกเขาโอบจากด้านหลัง จากนั้นจูบเข้าที่ต้นคอ

ลมหายใจของเขาเย็นราวกับไร้ซึ่งอุณหภูมิ

ทว่ากลับทำให้เธอสะท้านไปทั้งตัวอย่างน่าประหลาด

คงเพราะตอนฟันของเขาสัมผัสเส้นเลือดของเธอ จะทำให้เกิดความรู้สึกที่แปลกออกไปเสมอ ส่งผลให้เธอไร้แรงจะต้านทาน

“อย่าดื้อสิ อื้อ พอแล้ว” โหลวลั่วยังครองสติไว้ได้ เตือนให้เขาหยุดเพียงเท่านี้

ทว่าป๋ออิ่นกลับเอียงหน้า ลมหายใจกระทบใบหูเธอ “เมื่อกี้ทำร้ายผมแล้ว ก็ควรจะชดเชยให้ผมไม่ใช่เหรอ?”

โหลวลั่วไม่นึกว่าเขาจะใช้วิธีนี้เป็นการชดเชย พอเธอจะเงยหน้า มือของเขาก็คืบคลานเข้ามากระโปรงเธอแล้ว

เมื่อเรียวขาสัมผัสความเย็นของเขา เธอถึงกับสะดุ้ง มองแววตาอีกฝ่าย

ป๋ออิ่นหลุบตาลง ยิ้มให้นิดๆ “วางใจเถอะ แล้วคุณจะชอบ”

เสียงนั้นเหมือนการสะกดจิต ทั้งแหบต่ำและน่าลุ่มหลง คล้ายไวน์แดงที่เทลงบนก้อนน้ำแข็ง

โหลวลั่วไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไร แต่เท่าที่จำได้ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอมาก่อน

เนิ่นนานที่ผ่านมา เวลาเขาอยู่กับเธอ อย่างมากก็แค่หอมแก้ม หรือไม่ก็อิงแอบ

ทว่าวันนี้กลับต่างออกไป

เธอไม่รู้ว่าตัวเองได้เตรียมใจพร้อมไว้หรือเปล่า

พูดจากในบางด้าน เธอไม่หวังให้พวกเขาพัฒนาจนมีความสัมพันธ์ประเภทนี้

เธอรู้ดีว่ามันเป็นปฏิกิริยาทางกาย

ร่างกายที่อ่อนวัยมักทำให้คนหลงใหลจริงๆ

เดิมทีเขาก็มีอิทธิพลต่อเธออยู่แล้ว

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป โหลวลั่วก็ไม่แน่ใจว่าตอนเขาจะจากไป เธอจะปล่อยเขาไปได้ไหม

“ชดเชยแบบนี้ไม่ได้” เธอมองไม่เห็นหน้าเขา เพราะเป็นจุดที่หันหลังให้ เธอได้แต่รั้งข้อมืออีกฝ่ายไว้ “ฉันไม่สะดวก”

ป๋ออิ่นเลิกคิ้ว “ไม่สะดวก?”

“ประจำเดือนฉันมา” โหลวลั่วอ้างเหตุผล เธอที่สวมชุดสูทถอยห่างจากเขาก้าวหนึ่ง ด้วยเหตุที่สวมรองเท้าส้นสูงมานานแล้ว เมื่อมาถึงโถงทางเข้าก็คิดจะเปลี่ยนไปสวมรองเท้าแตะก่อน

ยังไม่รอให้เธอก้มตัว ก็มีคนเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว จับข้อเท้าขาวนวลของเธอเอาไว้ แล้วถอดเอารองเท้าส้นสูงออกมา

เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น ทำให้เธอจับบ่าเขาทันทีตามสัญชาตญาณ

คงเพราะหน้าตาหล่อเหลาเกินไป ทำให้แม้จะทำกิริยาดังกล่าว เขาก็ยังไม่ดูต่ำต้อย แต่กลับร้ายกาจเหมือนพ่อบ้านปีศาจจากในการ์ตูน ออร่าไม่ถูกกลบเลยสักนิด กลับยังทำให้คนอื่นรู้สึกเกรงใจไปเสียทุกครั้ง

แม้แต่โหลวลั่วก็เช่นกัน “ต่อไปฉันถอดเองนะ”

“ได้สิ” เขาตอบรับ ทว่าในวินาทีถัดมาก็อุ้มเธอมากดไว้ที่โซฟา ก่อนจะคร่อมตัวลงมา ค้ำแขนข้างหนึ่งไว้ข้างเธอ พลางยิ้มให้นิดๆ “คุณไม่ได้ประจำเดือนมาสักหน่อย”

………………………………

ตอนที่ 2220

บทคุณพ่อป๋อ ความหวานที่ยั้งใจไม่อยู่

โหลวลั่วยังไม่ทันถามว่า ‘รู้ได้ยังไง’ เขาก็จูบเธอแล้ว

ลมหายใจจากปากของเขาเหมือนน้ำหอมที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร

โหลวลั่วยังคิดอยู่ว่าร่างกายคนหนุ่มสาวเป็นอย่างนี้กันหมดหรือเปล่า

ชุดสูทธุรกิจบนร่างถูกเขาปลดออกแล้ว

สามารถรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้น ไม่ได้มาจากเขาหรอก แต่มาจากตัวเธอนี่แหละ

เขาเหมือนไร้อุณหภูมิ ทว่าเพราะความเย็นที่ลุกล้ำเข้ามาถึงทำให้เธอตัวสั่น

โหลวลั่วไม่ได้ตั้งใจจะต่อต้าน แค่นึกสงสัยว่ามีใครบ้างที่ต่อต้านเขาได้

ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจหรือน้ำเสียง รวมถึงใบหน้าของเขา ล้วนทำให้ยากที่จะปฏิเสธ

เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ย่อมไม่ตกใจลนลาน

เหตุผลสำคัญที่สุดก็เป็นเพราะนิสัยของเธอเอง

เพียงแต่เธอไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

คนนิสัยกระด้างเย็นชาย่อมไม่กระตือรือร้นในเรื่องทำนองนี้

เธอไม่เคยคิดมาก่อน ทั้งยังไม่เคยสนิทชิดเชื้อกับใครแบบนี้

ทว่าเธอเคยมีคู่หมั้นที่ต้องจบความสัมพันธ์ลงโดยยังไม่ทันเริ่มต้น

เพราะเขาคนนั้นเคยบอกว่าเธอดีต่อเขาไม่มากพอ

เวลายุ่งก็ไม่รู้จักตามหาเขา และยังเป็นฝ่ายรุกก่อนเองไม่เป็น

ดังนั้นทั้งสองคนอย่างมากสุดก็แค่ไปดูหนังด้วยกัน

ต่อมาเธอรู้ความคิดจิตใจของเขา หากจะบอกว่าโดนคนอื่นเข้ามาแทรกกลาง สู้บอกว่าความรักที่มีระหว่างกันมันช่างเปราะบางจะดีกว่า

บางครั้งความแปลกของผู้ชายก็อยู่ตรงที่ว่าเมื่อเราค้นพบความผิดของเขา แล้วเราจะเลิกกับเขา เขากลับอาลัยอาวรณ์ ถึงกับออกปากรั้งเอาไว้ พูดว่า ‘ผมไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย เพราะคุณชอบเป็นแบบนี้แหละ ทำให้ผมหมดความรู้สึกสดชื่น ทำไมคุณไม่ยอมให้ผมแตะต้องคุณล่ะ’

โหลวลั่วไม่ได้เข้มงวดกับเรื่องทำนองนี้

ในเมื่อเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น นี่เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว

เธอมองดูผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเช่นเดียวกับเธอ ก่อนจะวางปากกาลง ‘พวกเราไม่เหมาะสมกัน’

ชายคนนั้นเคยโกรธแค้น หาว่าเธอใจดำ

ทำให้ในระยะเวลาต่อมา คนที่ได้พบเธอก็ล้วนแต่บอกว่าเธอด้านชากับเรื่องนั้นหรือเปล่า

เรื่องนั้นผ่านมานานแล้ว ตอนนี้โหลวลั่วเองก็จำไม่ค่อยได้อีก

เธอจำได้ว่าตอนนั้นมีคนเสนอให้หาเด็กหนุ่มสักคน

ตอนนี้ก็สมพรปากแล้ว

โหลวลั่วเงยหน้าขึ้น ลำคอยาวระหงน่ามอง

ป๋ออิ่นกลับไม่พอใจ งับใบหูเธอเบาๆ “กำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่ใส่ใจเลยล่ะ”

โหลวลั่วไม่รู้ว่าตัวเองควรจดจ่ออย่างไรแล้ว เมื่อความวาบหวามกระจายมา สมองเธอก็ขาวโพลน

โดยเฉพาะเมื่อเขาแทรกกายเข้ามา ยิ่งร้อนเร่าเข้าไปใหญ่

เขาเหมือนจะทนได้มากกว่า ซบศีรษะอยู่ที่ซอกคอเธอ “อย่าขยับนะ ผมกลัวว่าผมจะทนไม่ไหวแล้วกัดคุณเข้า”

โหลวลั่วรู้สึกได้ถึงฟันของเขา มันแหลมและระคายเคืองอยู่บ้าง เหมือนจะสูบพลังออกจากตัวจนหมดได้

เธออยากมอง ทว่าโดนเขากดข้อมือไว้ ก่อนจะประสานนิ้วทั้งสิบเข้าด้วยกัน

ความเจ็บแปลบนิดๆ ทำให้เธอสั่นเทาทั้งตัว

เขาเหมือนจะชอบปฏิกิริยาแบบนี้ของเธอมาก

จึงหัวเราะเสียงต่ำข้างหูเธอ เสียงทั้งแหบเครือและเซ็กซี่

เขาอุ้มเธอขึ้นมานั่งอยู่ในอ้อมกอดเขา เสื้อผ้ายับยุ่งไปหมดแล้ว

ลมหายใจของเขายังไล้อยู่ข้างหูเธอ เสียงนั้นไม่หยุดเอ่ย “เมื่อก่อนคุณชอบท่านี้ที่สุด”

โหลวลั่วไม่พูดอะไร ด้วยหากเผยอปาก เสียงของเธออาจจะดังกระท่อนกระแท่นออกมาได้

ร่างกายร้อนระอุ ความวาบหวามจู่โจมเข้ามาเป็นระยะๆ เขาเหมือนจะไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด

ทว่าเรี่ยวแรงของโหลวลั่วค่อยๆ หายไป เมื่ออยากถอนตัวออกมา เขาก็รั้งเธอกลับไปอยู่ในอ้อมแขน ริมฝีบางประทับที่ซอกคอเธออีก

“อึก…” โหลวลั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ถูกจู่โจมเข้ามาอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ความรู้สึกที่ผู้ชายคนนี้นำมาให้ราวกับสามารถกลบลบทุกอย่างไปได้ทั้งหมด…

…………………………………………

ตอนที่ 2070
คนที่เข้าใจเธอมากที่สุด ก็คือเขา
ตอนที่จ้าวซานพั่งเอ่ยประโยคนั้น เสียงเขาแหบนิด ๆ แต่เซียวจิ่งไม่ได้
พูดอะไรนอกจากยอมรับสั้น ๆ
มีหลายครั้งที่จ้าวซานพั่งอยากถามหัวหน้าว่าไม่ผิดหวังเหรอ?
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการกระทำเหล่านั้น เขาไม่ผิดหวังบ้างเลยหรือ
ไง แต่กลับพูดประโยคเหล่านั้นไม่ออก
ตอนที่หัวหน้าบอกว่าอย่าให้ความฝันของลั่วลั่วถูกทำลายจนหัวใจ
สลาย จ้าวซานพั่งถึงได้เข้าใจเหตุผลข้อหนึ่ง
ทำไมชายหนุ่มถึงได้ออกจากวงการ ก็เพื่อเธอคนนั้น
ทำไมออกจากวงการแล้วไม่บอกเธอ ก็เพื่อจะได้รักษาความตั้งใจ
เดิมของเธอเอาไว้
ทำให้เธอคนนั้นยังได้คิดถึงในวันต่อมาที่ตื่นขึ้น หลังจากต้องแบก
รับสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ
เมื่อตื่นขึ้นมาเธอจะยังทำต่อไปได้
ไม่ว่าความเป็นจริงจะโหดร้ายอย่างไร พอหวนคิดถึงยามเยาว์วัยก็ยัง
ยิ้มออกมาได้
เขาไม่อยากให้พวกที่แข่งร่วมกันมา ไม่อยากให้ลั่วลั่วรู้ว่ามันไม่คุ้มค่า
นี่เหมือนกับเมื่อสามปีที่แล้ว แต่บางอย่างไม่พูดออกมา เพราะรู้ว่าไม่
อาจพูด
ไม่มีใครรู้ดีมากกว่าคนคนนี้ว่าเขากับลั่วลั่วคิดอะไรอยู่กันแน่
ไม่ว่าจะเป็นความชอบอย่างบริสุทธ์ิ หรือว่าความชอบที่สั่งสมมานาน
เขา…เป็นหัวหน้าของคนเหล่านั้น บางครั้งเขาก็มองว่าตัวเองสำคัญ
เกินไป ได้รับความชอบมากมาย คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
อีกไม่ช้านานในยุคนี้ จะไม่มีใครจำได้ว่าพวกเขาเป็นใคร
การพลาดตำแหน่งแชมป์ เป็นเรื่องปกติมาก
ทางคลับเข้าใจดีว่าไม่อาจเรียกตัวหัวหน้ากลับไปได้ เริ่มเตรียมจะทิ้ง
ลูกทีมเก่า ๆ ปล่อยให้ลั่วลั่วไม่รู้จะดีกว่า
นักเวทคนใหม่ได้รับความชื่นชอบมาก
สิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้ แต่คนใหม่ทำได้
ดังนั้นจึงอยู่ในทีมต่อไปได้
แบบนี้ยิ่งจะให้ลั่วลั่วรู้เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เข้าไปใหญ่ คนอื่นอาจไม่
เข้าใจ แต่จ้าวซานพั่งรู้ดีว่าทำไมหัวหน้าถึงทำแบบนี้
ตอนไปก็หวังจะพาเธอกลับมาเพราะอยากอยู่ด้วยกันอีก
ตอนนี้ คิดว่าให้เธออยู่ที่นั่นโดยมีเขาเป็นเพื่อนจะดีกว่า
ใช่! จะกลับมาอีกทำไม?
จ้าวซานพั่งช้อนสายตามองข่าวที่ทางคลับประกาศออกมา
รวมถึงคอมเมนต์ต่าง ๆ นานา “ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเทพเซียวทำ
แบบนี้?”
“เทพเซียวเสแสร้งจัง”
“จ้าวซานพั่งก็เหมือนกัน”
“คนเล่นเลนกลางคนใหม่กำลังปรับตัวให้เข้ากับทีมอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“เกินไปแล้ว ไม่ให้คำตอบอะไรกับแฟนคลับอย่างพวกเราเลย”
อ่านจนมาถึงตรงนี้ จ้าวซานพั่งก็หมดอารมณ์แล้ว เขาปิดคอมพิวเตอร์
แล้วลุกขึ้นมา ถามอีกฝั่งหนึ่งอย่างอดรนทนไม่ได้ “หัวหน้า เคยเสียใจ
ที่เล่นอีสปอร์ตไหม?”
เซียวจิ่งที่อยู่ปลายสายชะงัก ตอบเพียงว่า “เคย”
จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วทรมานใจ ทรมานใจจริง ๆ
เซียวจิ่งหันไปมองท้องฟ้ามืดมิดด้านนอก “เคยเสียใจตอนที่ลั่วลั่ว
ลาออก ฉันเห็นคนพวกนั้นพูด เห็นทางคลับตัดสินใจ แล้วเห็นเขา
เดินจากไป ฉันเสียใจมาก แต่ถ้าไม่ใช่เพราะอีสปอร์ต ฉันก็คงไม่ได้
เจอพวกนาย”
จ้าวซานพั่งนิ่ง เซียวจิ่งหัวเราะเสียงเบา “แค่นี้ก็พอแล้ว”
จ้าวซานพั่งร้องไห้เหมือนคนบ้า
ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกนี้คืออะไร
วันต่อมา ลั่วลั่วตื่นแต่เช้า เดิมคิดว่าจะไม่ได้เจอชายคนนั้นอีก แต่พอ
มาถึงลานบ้านก็เจอเขากำลังดูแลดอกไม้ของเธอ ทั้ง ๆ ที่พันผ้าพันแผล
ไว้บนมือ
ด้านนอกมีฝนตกลงมานิด ๆ โดนเส้นผมของเขา ชายหนุ่มในชุดขาว
ช่างไม่เหมาะกับโลกมนุษย์เลย
ลั่วลั่วมองออร่าความเป็นนักวิชาการจากตัวเขาก็คิดขึ้นมาได้เช่นนี้
“ฉันจะไปส่งเธอ” เขาเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรก
ลั่วลั่วหลุบตาลง “เป็นเพื่อนเก่าฉันทั้งนั้น”
“ฉันจะไม่เข้าไป แต่จะรออยู่ข้างนอก” เซียวจิ่งหันไปมอง เมื่อมือเขา
สัมผัสศีรษะเธอก็พบว่าวันนี้เธอแต่งหน้า จริง ๆ เครื่องหน้าเธอก็
สวยพออยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งโดดเด่นขึ้น เขากำมือก่อนจะลดมือลง หยิบ
ร่มที่วางด้านข้างมา “ไปกันเถอะ”
ตอนที่ 2071
โดนเข้าแล้ว
ทั้งสองอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน ไม่ได้เดินไปไกลนัก
ลั่วลั่วมีรถแต่ขับไม่เก่ง ตอนที่เธอขับรถบนถนนหวนเต่าครั้งแรก รถ
ก็ดับ
ตอนนั้นจ้าวซานพั่งยังหัวเราะตั้งนาน
ทว่าตอนนี้เธอยังขับไม่เก่งเหมือนเดิม โดยเฉพาะเมื่อมีคนคนนี้อยู่
ด้วย
เซียวจิ่งมองออก จึงหันหน้ามาพูดกับเธอ “เปลี่ยนที่กัน”
ลั่วลั่วถอยให้อย่างไม่ว่าอะไร และย้ายมายังที่นั่งข้างคนขับ คอยมอง
เขาเป็นระยะ ๆ
พอได้ยินเสียงเขาไอก็อดยื่นยาอมให้เขาไม่ได้
เซี่ยวจิ่งอมไปเม็ดหนึ่ง เขาต่างจากกับฉินมั่วอย่างสิ้นเชิง กระทั่งจ้าว
ซานพั่งยังบอกเลยว่า หัวหน้า ถ้าหัวหน้าหน้ามึนได้ครึ่งหนึ่งของฉิน
มั่ว รับรองจีบสาวได้อยู่หมัดแล้ว
แต่…คนเราไม่มีวันเหมือนกัน
เซียวจิ่งที่ลั่วลั่วชอบคือเซียวจิ่งที่เป็นแบบนี้
ตั้งแต่เป็นหนุ่มน้อยจนเป็นชายหนุ่ม เธอเคยเห็นมาหมดแล้ว พูดน้อย
หน้านิ่ง
“ที่อยู่?” เซียวจิ่งไอก่อนจะกดระบบจีพีเอส
ลั่วลั่วบอกที่อยู่ซึ่งอยู่ใกล้มาก ขับรถเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เซียวจิ่งกลับไม่ได้รีบขับรถ แค่กวาดตามองเธอ ก่อนจะหันไปคาด
เข็มขัดนิรภัยให้
เธอหายใจติดขัด หัวใจก็เช่นกัน
ทว่าชายหนุ่มยังเป็นสุภาพบุรุษ พอคาดเข็มขัดให้ก็ผละออก
เสี้ยวหน้าเขาซีดขาวเกินไปบ้าง
จนเมื่อหญิงสาวเดินเข้าโรงแรมไป เธอก็ยังไม่อาจสลัดภาพเขาออก
จากหัวตัวเองได้
“ลั่วลั่ว” มีคนเข้ามาทัก เมื่อช้อนสายตามองก็เห็นเป็นเพื่อนแซ่เหลิ่ง
นั่นเอง
“มากันเกือบครบแล้ว เธอรีบเข้าไปเถอะ ฉันรอคนอื่น ๆ ก่อน” เขา
ยังคงยิ้มสดใส
ลั่วลั่วรับคำ “ได้”
อันที่จริงเธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร
รอจนเข้าไปด้านในก็มีคนทักทายเธอไม่ขาดสาย เธอต้องพยายามตั้ง
สติยิ้มให้
ทว่าการมาของลั่วลั่วกลับทำให้คนบางคนไม่พอใจ เช่นหลี่ซ่วนที่
ชอบเพื่อนแซ่เหลิ่ง เจ้าหล่อนมองชุดที่หญิงสาวสวม รวมถึงใบหน้า
แช่มช้อยที่ไม่มีริ้วรอยของวัย จากนั้นก็หยิบแก้วเหล้ามา พูดกลั้ว
เสียงหัวเราะเบา ๆ “ผ่านมาตั้งหลายปี ลั่วลั่วไม่เปลี่ยนเลยเนอะ น่า
อิจฉาจัง แต่ฉันคิดว่าเธอจะอยู่เมืองใหญ่แล้วไม่กลับมาเสียอีก ยังไง
ตอนแรกที่เธอไปก็ยังบอกว่าอยู่เมืองใหญ่ไม่ง่ายเลยนี่”
ลั่วลั่วหันไปมองพลางตอบรับสั้น ๆ “ก็ไม่ง่ายจริง ๆ”
“ฉันรู้จักหลายคนที่ไปอยู่เมืองใหญ่ไม่ไหว แล้วกะจะกลับมาอยู่
อย่างเฉิดฉายในที่แคบ ๆ อย่างบ้านเกิดพวกเรา” หลี่ซ่วนเอ่ยยิ้ม ๆ “ก็
เมืองเล็กข่าวมันมาไม่ถึงนี่นา”
โลกออนไลน์เป็นสังคมประหลาดมาก มันจะฝึกฝนคุณได้ดีว่าสังคม
จริงเสียอีก
ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมา ลั่วลั่วพลันเข้าใจทันทีว่าหล่อนต้องการ
พูดอะไร จึงลดมือวางแก้วเหล้าแล้วโคลงมันเล่นเบา ๆ “อยากพูด
อะไรก็ว่ามาตรง ๆ เลย”
“ฉันจะมีอะไรอยากพูด” หลี่ซ่วนขยับนิ้ว “แต่พูดแล้วคงเข้าใจลำบาก
เอาเรื่องของเธอแชร์ลงในกรุ๊ปวีแชทเลยดีกว่า เพื่อน ๆ จะได้รู้ว่าคน
เขาวิจารณ์ลั่วลั่วคนสวยว่ายังไง”
ลั่วลั่วยิ้ม “ตามสบาย”
หลี่ซ่วนไม่คิดว่าเธอจะไม่แคร์ ต้องรู้กันว่าเจ้าหล่อนอุตส่าห์ค้นหา
ข้อมูลของลั่วลั่วมาตั้งมากมายก่อนมางานนี้ จะได้ให้ทุกคนรู้ว่าผู้หญิง
คนนี้เป็นยังไง ทำไมถึงกลับมาอยู่ที่นี่ นั่นก็เพราะแม่คนนี้ไม่มีที่ไป
และได้ผลอยู่จริง ๆ เพราะไม่ถึงสามนาที หลายสายตาที่จ้องลั่วลั่วก็
เปลี่ยนไป…

ตอนที่ 2066
อยู่เป็ นเพื่อนเธอ
“ลั่วลั่วคงแคร์มาก ถึงได้ถามฉันแบบที่ไม่คำนึงอะไรทั้งนั้น” ฉินมั่ว
พูดจบก็ปักอีกดาบ “ตอนนั้นนายทำอะไรอยู่”
เซียวจิ่งนิ่งไป ตอนนั้นเขาน่าจะกำลังคุยเรื่องวิจัย แต่เมื่อพยายามนึก
ก็เหมือนจะจำไม่ได้ เพราะคงอยู่ในมุมอับที่มองอะไรไม่เห็นอย่างที่
อีกฝ่ายว่า
“ดูจากการแต่งตัวของลั่วลั่วแล้ว น่าจะมาสารภาพรักนั่นแหละ” ฉิน
มั่วเฉยเมยมาก “หลายปีที่ผ่านมานายมันก็แย่จริง ๆ ลั่วลั่วไม่เคยขาด
คนมาจีบ ประโยคหลังนี้มีคนฝากให้ฉันพูด”
เจ้าของคำพูดที่แท้จริงเป็นใคร ไม่ต้องถามก็คงรู้
ฉินมั่วหัวเราะ พูดต่อเหมือนไม่ได้พูดกับเซียวจิ่ง แต่เหมือนพูดกับ
คนข้างตัวมากกว่า “เซียวจิ่งทำเพื่อลั่วลั่ว เรื่องที่ออกจากวงการก็
พิสูจน์ให้เห็นว่าเซียวจิ่งไม่ได้แย่ เขาทุ่มเทกับเรื่องอีสปอร์ตจนถอน
ตัวไม่ขึ้น ขนาดมรดกทางบ้านก็ไม่เอา ลองคิดดูเองสิ”
หลายคนไม่ชอบเอาความรักมาผูกติดกับมรดกที่เป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
แน่ล่ะ ไม่รู้เช่นกันว่าการที่คนอย่างฉินมั่วหรือเซียวจิ่งยอมทิ้งมรดก
ตระกูลเพื่อสิ่งที่ตัวเองรัก น่าจะต้องชอบวงการนี้มาก ทว่าเพื่อใคร
บางคน พวกเขากลับยอมทิ้งความฝัน ยอมเอาตัวเองมาเดิมพันกับ
ความรัก ยิ่งไปว่านั้นฉินมั่วรู้ดีว่าเซียวจิ่งคิดจะทำอะไร ตอนที่แยก
จากกันก็บอกแล้วว่า ความศรัทธากับความรักไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
การศรัทธาใครสักคนจะทำให้เราไม่เห็นถึงข้อบกพร่องของเขา
แต่ถ้าในอนาคตใช้ชีวิตร่วมกันได้ไม่ยาวนาน จะทำอย่างไร
และลั่วลั่วศรัทธาในตัวเซียวจิ่งมากเกินไป…
ในตำบลเล็ก ๆ แห่งนั้น มักจะได้ยินเสียงทำอาหารในช่วงเที่ยง ที่
บ้านขาดผักบางอย่าง คุณแม่ลั่วสั่งให้เธอออกไปซื้อมา การให้เซียว
จิ่งอยู่คนเดียวก็จะเป็นการทอดทิ้งแขกจนเกินไป ทั้งสองจึงต้องไป
ด้วยกัน
เมื่อคนที่ตลาดเห็น ต่างก็จ้องมองชายหนุ่ม
ลั่วลั่วหันมามอง “หัวหน้าจะรอตรงนี้ไหม ข้างในสกปรกนะ มีพวก
ไก่เป็ดอะไรแบบนี้”
“ไม่ล่ะ” เซียวจิ่งเดินตามหลังเธอไป
แรกเริ่มลั่วลั่วก็ไม่รู้สึกอะไร ต่อมาเขาเป็นคนถือข้าวของทั้งหมด
ตัวเองมีหน้าที่เลือกก็พอ ก็รู้สึกว่าสนิทสนมกันเกินไปหน่อย
ที่สำคัญก็คือเขาเล่นมาอยู่นานแบบนี้ ทางทีมเซียนหนานน่าจะยุ่ง
วุ่นวาย ทางคลับคงไม่ยอมให้เขามานานแบบนี้แน่
เมื่อหันกลับไปก็เห็นนิ้วขาวนวลของเขาที่ถือถุงพลาสติกสามถุง
บุคลิกผู้มีความรู้กระจายทั่วร่าง เขาไม่เหมาะสมกับที่นี่เอาเสียเลย
เธอรู้ว่าเขาเรียนมาทางด้านนั้น ย่อมต้องบ้าความสะอาด ไม่อย่างนั้น
คงไม่ล้างมือวันละหลาย ๆ รอบ
ทว่าคนที่รังเกียจความสกปรกเป็นที่สุด กลับเดินตามเธอผ่านแผงขาย
พวกสัตว์ปีกโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย แค่หน้าขาวซีดต่างจากเวลา
ปกติเท่านั้น ซึ่งอาจมาจากอาการหวัด
เซียวจิ่งอมยาอยู่ จึงยิ่งพูดน้อยเข้าไปใหญ่ ทว่าแนวคางภายใต้แสงแดด
ที่สาดเข้ามาดูสะอาดเกลี้ยงเกลามาก
มีผู้ชายประเภทหนึ่งที่มักจะทำให้เราหวั่นไหว
เพราะเขามีกลิ่นอายของความเยาว์วัยเสมอ ไม่มีวันมอดไหม้ไม่ว่าจะ
ผ่านไปนานเท่าไร
แม้เขาจะหิ้วถุงพลาสติกอยู่แบบนี้ แต่เวลาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เขา
เป็นอย่างไร ใครต่อใครก็น่าจะเดาออก
คนคนนี้ไม่ควรจะอยู่ที่นี่
“หัวหน้าจะกลับไปเมื่อไร?”
เซียวจิ่งหันไปมอง ตอบเสียงแหบเล็กน้อยว่า “ไม่กลับ”
“หือ?” ลั่วลั่วคิดว่าตัวเองได้ยินผิด
ชายหนุ่มยังคงทำหน้าไร้อารมณ์ “จะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอ”
ตอนที่ 2067
เทพเซียวหึง
ลั่วลั่วถึงกับมือสะดุดกึก
หากเธอเป็นคนถือถุงเอง ป่ านนี้คงหล่นลงพื้นไปแล้วแน่
หัวใจเหมือนถูกบีบแน่นเล็กน้อย เธอเดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดอีกครั้ง
“หัวหน้าอย่าทำแบบนี้เลย”
“ทำแบบไหน?” เซียวจิ่งหันมามอง
ลั่วลั่วสูดหายใจลึก “ฉันไม่คิดจะกลับไปจริง ๆ ไม่ใช่ว่างอน ฉัน…”
“เหนื่อยแล้ว” เขาต่อท้ายให้ ลั่วลั่วจึงส่งเสียงในลำคอเป็นการยอมรับ
เซียวจิ่งยืนนิ่งที่เดิม อยากลูบศีรษะเธอเหมือนเมื่อก่อน
ตอนนั้นเขาคิดว่าเพราะเธอเป็นลูกทีมเขา ถึงได้ดูแลเป็นพิเศษ
เขาเพิ่งเข้าใจในตอนนี้ เพียงเพราะคนคนนั้นเป็นลั่วลั่วต่างหาก เขา
ถึงได้อยากดูแล
ตอนที่เล่นเกม พวกเขาได้นอนค่อนข้างน้อย บางครั้งหลังจากเล่น
เสร็จเกมหนึ่ง หันหน้ามาก็เห็นเธอนอนซบคีย์บอร์ดเสียแล้ว จากนั้น
เขาจะถอดเสื้อตัวนอกมาคลุมให้เธอแล้วชวนซานพั่งไปสูบบุหรี่
เขายังจำได้ดี ตอนนั้นจ้าวซานพั่งพูดว่า ‘หัวหน้า ลั่วลั่วทุ่มเทขนาดนี้
ยังมีคนด่า หัวหน้าว่าทำไมพวกเรายังอยู่ในวงการนี้ต่อ ลั่วลั่วบอกว่า
เพื่อเงิน แต่ถ้าทำเพื่อเงินจริง ๆ ก็ต้องไม่เป็นแบบนี้สิ’
เขาไม่ได้ตอบ เพราะไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไร ขอแค่คนที่ชอบเธอ
เข้าใจก็พอแล้ว
แต่วงการนี้ไม่มีการชอบตลอดกาล ต่อให้ชอบก็ไม่เห็นว่าจะเข้าใจ
จริง
ต่อให้เป็นเขาก็เถอะ ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ถึงจะรู้ว่าเธอเหนื่อยมาก
กระทั่งยอมทิ้งในสิ่งที่ตัวเองรักมากที่สุด
นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวจิ่งเจ็บปวดหัวใจ ไม่ใช่เพราะเธอที่กำลังวางมือ
จากเขา แต่เขาก็เคยถามตัวเองว่า หลายปีที่ผ่านมาเขาทำอะไรอยู่
เล่นเกม คว้าแชมป์ ในสายตาเขา นอกจากสิ่งเหล่านั้นก็ไม่มีอะไรอีก
จนถึงตอนท้ายที่สุด เขายังรักษาเธอผู้ซึ่งนำเกียรติยศสู่ทีมเซียงหนาน
ไว้ไม่ได้
มือที่ทิ้งไว้ข้างตัวของเซียวจิ่งกำแน่น เสียงที่พูดต่อยังเรียบเฉย
เหมือนเดิม “เหนื่อยก็พัก แค่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอ ไม่ใช่เพราะจะทำ
นั่นนี่ให้เธอกลับไป แค่อยากอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น”
ลั่วลั่วตะลึง หัวใจเต้นแรง อยากถามว่า แล้วทีมเซียงหนานจะทำ
ยังไง นักเวทคนใหม่เพิ่งจะมาไม่ใช่เหรอ การเข้ากันได้ของทีมล่ะ?
ทว่าเธอยังไม่ได้ออกปาก ก็พลันได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังจาก
ด้านหลัง “ลั่วลั่ว บังเอิญจัง”
เซียวจิ่งหันไปดูตามลั่วลั่ว จึงได้เห็นคนที่จับข้อมือเธอไว้ในวันนั้น
แววตาเขาหนักอึ้งอย่างอดไม่ได้
ลั่วลั่วก็รู้สึกว่าบังเอิญ “นายมาซื้อกับข้าวเหมือนกันเหรอ?”
“เปล่า” ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาหา ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเพิ่มก็มีคน
ทางโน้นเรียกเขาไว้ ผู้ชายคนนั้นตอบรับ ก่อนจะหันกลับมา ใบหน้า
หล่อเหลาถูกแสงอาทิตย์ฉาบไว้ “อย่าลืมวันพรุ่งนี้ล่ะ…”
ลั่วลั่วส่งเสียงตอบรับ ทั้งยังยิ้มให้
คุณลุงขายผักเห็นชายที่ถูกเรียกชื่อเดินจากไปก็พูดขึ้นว่า “เด็กคนนี้
ไปได้ดีที่ต่างเมือง กลับมาบ้านทีไร ต้องซื้อข้าวของการเรียนกลับมา
ให้เด็ก ๆ เป็นกองทุกครั้งเหมือนลั่วลั่วเลย คิดถึงบ้านเกิดเสมอ เธอ
สองคนเป็นเหมือนเทวดานางฟ้าของตำบลเราเลยนะเนี่ย”
ลั่วลั่วไม่ได้พูดอะไร ถูกชมจนเขินอาย สินค้าในตำบลเล็ก ๆ แบบนี้
ราคาถูกมาก ของที่เธอซื้อให้ทางโรงเรียนก็ราคาไม่เท่าไร
ภาพดังกล่าวในสายตาของเซียวจิ่งกลับมีความหมายต่างกัน เพราะ
เขาเข้าใจเธอมาก
คนเป็นทหารย่อมมีจิตใจเมตตา ไม่ลืมกำพืดเดิม ทำได้หลายอย่าง
แถมแต่ละอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เธอชอบด้วย
เซียวจิ่งกำมือแน่นจนเป็นรอยแดง ราวกับทำแบบนี้ถึงจะข่มความ
เจ็บปวดที่ส่งมาจากหัวใจไว้ได้

ตอนที่ 2064
บรรยากาศห้องนอนเงียบไปชั่วอึดใจ
ลั่วลั่วเอ่ยขึ้นมาก่อน “ลองดูก่อนว่าใส่ได้ไหม ถ้าเล็กไป ฉันจะไปหา
ตัวใหม่ให้”
ในอดีตเธอทำอะไรมากมาย รวมถึงการซื้อเสื้อเชียร์ แต่ไม่กล้าสวม
ออกไปข้างนอก เพราะอย่างไรเธอก็เป็นทีมเซียงหนาน การปรากฏ
ตัวข้างนอกในฐานะแฟนคลับจะเกิดผลเสียเอาได้
เวลานั้น เธอไม่มีปัญญาจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้คนอื่น
เห็น จึงยิ่งไม่กล้าสร้างปัญหาให้เขา
หากว่ากันตามจริง ตอนแรกเธอไม่ได้ชอบเขาแบบคนรัก
มันเป็นแค่ความชอบอย่างบริสุทธ์ิ เป็นความศรัทธา
ทั้ง ๆ ที่เขาอายุมากกว่าเธอแค่ปีเดียว แต่กลับเก่งมาก
เธอได้แต่แอบเป็นแฟนคลับอย่างเงียบ ๆ
ลั่วลั่วรักษาท่าที อยู่ในสถานะแฟนคลับได้นานมาก
ต่อมาเมื่อเธอไม่ได้เข้าทีมเซียงหนาน แทบจะล้มเลิกการเล่นเกม
เขากลับพูดต่อคนที่ว่าร้ายเธอเพียงว่า ‘ให้ฉันดูวิธีการเล่นของเขา
ก่อนแล้วค่อยว่ากัน’
แล้วเขาก็ให้โอกาสเธอเข้าทีมเซียงหนาน ดูเหมือนว่านับจากนั้นเป็น
ต้นมา การแอบเป็นแฟนคลับก็กลายเป็นแอบชอบ เธอชอบเขานาน
ถึงสามปี
พูดไม่ได้และไม่กล้าพูด
กระทั่งไม่กล้าแสดงความรู้สึกออกมา เพราะตอนนั้นการมีความรัก
กันเองภายในทีมไม่เป็นที่ยอมรับ
ตอนนี้มาเห็นเสื้อเชียร์ตัวนี้ ความเก่าของมันเหมือนจะเปิดเผย
ความรู้สึกทั้งหมดของเธอออกไป
เซียวจิ่งเองก็รู้ว่าลั่วลั่วไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีตเช่นกัน เขารับเสื้อ
ตัวนั้นมา แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ด้วยมือข้างเดียว จากนั้นถอด
ออก ก่อนจะก้มลงสอดเสื้อตัวใหม่สวมบนตัว
ลั่วลั่วหันมาเห็นก็ภาพนี้
แม้ตอนที่อยู่บริษัท ทุกคนอาศัยอยู่ในอพาร์เมนต์เดียวกันก็จริง แต่ก็
แยกห้องส่วนตัวกัน ทั้งยังมีข้อตกลงตั้งแต่แรกแล้วว่า แม้จะอยู่ใน
สถานที่ฝึกซ้อมก็ขอให้สวมเสื้อให้เรียบร้อย เนื่องจากมีเธออยู่ด้วย
ดังนั้นลั่วลั่วจึงไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน
ใจเธอย่อมเกิดความหวั่นไหว
เพียงแต่พอเห็นแล้ว เธอก็รีบหันกลับไป
เซียวจิ่งย่อมเห็นภาพนี้ มุมปากแย้มยิ้มและหัวเราะออกมา
ลั่วลั่วได้ยินเสียงหัวเราะนั่นแล้ว ดวงตาคู่สวยก็หันกลับไปมอง คน
ถอดเสื้อยังไม่อาย แล้วเธอจะอายอะไร
เพียงแต่สายตาของชายหนุ่มลึกซึ้งเหลือเกิน ลึกซึ้งมากจนเธอเตือน
ตัวเองว่าอย่าไปหลงใหล
“ใส่ได้” เซียวจิ่งหลุบตาลง
ลั่วลั่วเอาหมอนมาจัดวางให้ “อื้อ เห็นแล้ว ถ้าผ้าห่มไม่พอก็ส่งข้อความ
หาฉันนะ”
“ลั่วลั่ว” เซียวจิ่งเห็นเธอจะเดินออกไป จึงรั้งข้อมือเธอไว้ “ตอนนี้
อาจจะดึกแล้ว แต่ฉันอยากบอกเธอว่าฉันไม่อยากให้เธอไป ลอง
พิจารณาดูสักนิดว่าจะกลับไปกับฉันไหม”
ลั่วลั่วมองหน้าเขา จากนั้นก็ส่ายศีรษะเบา ๆ “ฉันแข่งมาหลายปี
ตอนนี้เหนื่อยแล้ว อยากอยู่เป็นเพื่อนแม่สักหน่อย”
ลูกกระเดือกของเซียวจิ่งขยับเล็กน้อย รู้ดีว่าว่าสายไปหน่อยแล้ว
ทว่าคำตอบที่ได้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดเอาไว้ เขาคิดว่าหากเขาคิดได้เธอ
คงจะกลับไปเพื่อเขา
แต่เมื่อเห็นเสื้อเชียร์ตัวนี้ เซียวจิ่งพลันเข้าใจขึ้นมาว่าเธอรอเขามานาน
แล้ว ไม่ใช่แค่รอ ยังหวังให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เธอทุ่มเทลงไปในหลายปี
ที่ผ่านมา และตอบรับสิ่งที่วาดหวังมายาวนานด้วย
ความหวาดกลัว ความกังวล การต้องเผชิญหน้ากับเสียงที่ไม่สนับสนุน
ทั้งหลายในระยะเวลานั้น ไม่ได้ทำให้เธอล้มเลิกความตั้งใจ
จนมาถึงตอนนี้ เธอเหนื่อยแล้ว
เสื้อตัวนี้น่าจะมีอายุได้สี่ปี
หากเป็นสี่ปีที่สงบสุขก็คงไม่เป็นอะไร แต่เขารู้ดีกว่าใครว่าความรัก
ของเธอ…ไม่สงบสุข
ตอนที่ 2065
“ได้” เซียวจิ่งเอ่ยขึ้น
ลั่วลั่วไม่พูดอีก สิ่งที่เคยคาดเดาไว้ได้รับการพิสูจน์แล้ว
เขามาที่นี่ก็เพราะอยากให้เธอกลับไป
คืนนั้นเธอนอนหลับสบาย คงเพราะปล่อยวางความรู้สึกได้สำเร็จ
เมื่อความรักของเธอเป็นที่รับรู้กันเยอะขึ้นก็ยิ่งวางลงได้
ทว่าเมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา ลั่วลั่วกลับไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยัง
ไม่มีทีท่าจะกลับไปอีก แถมยังไปตลาดที่อยู่ไกล ๆ ของตำบลกับแม่
เธอด้วย
เขาไปซื้อเสื้อมาสามตัว ทำเหมือนจะอยู่นาน
ดีนะที่เป็นเซียวจิ่ง หากคนอื่นมาสวมเสื้อที่มีสีและสไตล์แบบนี้คงดู
ไม่ได้แน่นอน
แต่สำหรับบางคนแล้ว เรียกว่าสียิ่งเข้ม ยิ่งขับความเด่น
เพราะหน้าตาเป็นเหตุ หลายคนเห็นเป็นต้องถามว่า “ลั่วลั่ว เพื่อน
หรือแฟนน่ะ หน้าตาดีมากเลย”
ลั่วลั่วรีบตอบ “เปล่า เพื่อนสนิทต่างหาก ไม่ใช่แฟน”
เซียวจิ่งเดินมาได้ยินเข้าพอดี หัวใจเจ็บปวดเหมือนโดนกรีดแทง อุตส่าห์
เคยมีโอกาสได้เป็นแฟนตลอดไป ก่อนหน้านี้เขามัวแต่พิสูจน์อะไรอยู่
เมื่อคืนเซียวจิ่งนอนกระสับกระส่ายด้วยคิดถึงเรื่องนี้
เมื่อก่อนตอนเขาได้พบเธอ ก็รู้สึกว่าเธอไม่เลว วิธีการเล่นไม่ธรรมดา
ไม่ว่าจะเป็นฝีมือหรือเซ้นส์ในการเล่น
แต่พอเห็นเธอหลุบตาลงคล้ายจะเหนื่อยอ่อน เขาก็รู้ว่าเธอไม่ใช่แค่
นักเวท แต่ยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย
ดังนั้นจึงเริ่มดูแลเธอ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม
ใครกันที่พูดว่าการใส่ใจดูแลจะเป็นการชอบไม่ได้
กระทั่งตัวเขาก็ยังติดอยู่ในความคิดเช่นนี้ด้วย
แต่เมื่อวานเขาเพิ่งรู้ว่าเธอกำลังเรียนรู้ที่จะวางมือจากเขาแล้ว แค่นึก
ถึงเรื่องนี้ หัวใจเขาก็ว้าเหว่อย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อวานเขาอุตส่าห์ส่งข้อความหาฉินมั่ว ฝ่ายนั้นยังคงแล้งน้ำใจเหมือน
เดิม “เรื่องความรักนี่ กรุณาอย่ามาถามแฟนฉัน นายทำใจเถอะ ยังไง
คนอย่างนายนอกจากอีสปอร์ตกับวิชาการแล้ว ทำอะไรก็เนือย ๆ ไป
หมด เรื่องนี้ลั่วลั่วคงไม่รู้ล่ะมั้ง เพราะในสายตาเขานายเป็นคนเพอร์
เฟกต์มาก ตอนนี้เขาคงรู้แล้วล่ะว่านายไม่ได้เพอร์เฟกต์อย่างนั้น ไม่
ผิดหรอก อุตส่าห์รอนายมาตั้งนานหลายปี จนไม่รออีกต่อไปแล้ว
การจะพิจารณาคนอื่นก็เป็นเรื่องดีออก”
เซียวจิ่งไม่สนใจคำพูดอีกฝ่าย เพราะรู้ถึงความปากร้ายของชายคนนี้
เป็นอย่างดี จึงถามเพียงว่า “นายรู้ได้ยังไงว่าเขารอฉันมานานหลายปี ?”
“บังเอิญ” ตอนที่ฉินมั่วพูดเช่นนี้ขึ้นมา ก็ไม่ลืมกวดขันคนข้างตัว
“ท่านจิ่ว อีก 8 วันก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว อย่าเอาแต่เล่นกับ
แมว ไม่อยากมาแต่งฉันเข้าบ้านแล้วใช่ไหม หรือจะทำข้อสอบวิชา
ฟิสิกส์ต่อ?”
และในระหว่างที่เซียวจิ่งคิดว่าอีกฝ่ายลืมเรื่องเขาไปแล้ว ฉินมั่วก็
เหมือนเดินออกมาจากที่เดิม เสียงเรียบเฉยดังขึ้นว่า “เมื่อนานมาแล้ว
ก็ตอนที่พวกนายได้เป็นแชมป์ ประเทศครั้งแรก ตอนนั้นฉันออกจาก
โรงพยาบาลแล้วกำลังไปหาหมอที่คณะนาย นายน่าจะรู้ว่าตอนนั้น
ฉันต้องไปเจอจิตแพทย์เป็นประจำ แล้วขอบเขตวิจัยของพวกนายก็
กว้างมาก
วันนั้นฉันเห็นลั่วลั่วแต่งตัวสวย แต่งหน้าด้วย แค่ไม่ได้สวมชุดทีม
เท่านั้น เขากำลังถือกล่องของขวัญไปหานาย วันนั้นนายกับรุ่นน้อง
ผู้หญิงกำลังคุยเรื่องหัวข้อวิจัย คงไม่เห็นว่ามีคนยืนที่นอกหน้าต่าง
แล้วฉันบังเอิญสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้นพอดี พอสูบเสร็จก็เห็นว่าลั่วลั่วยัง
อยู่ พอเห็นหน้าฉันเขาก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แถมยังมาถามว่า
ประวัติการศึกษาของฉันเป็นยังไง ตอนนั้นฉันอยู่มอปลาย จะไปมี
ประวัติดีเด่อะไรได้”

ตอนที่ 2062
หัวหน้าเซียวติดเครื่องแล้ว
เซียวจิ่งพอจะมองท่าทีของคุณแม่ลั่วออกว่าไม่ต้อนรับตัวเองสักเท่าไร
อย่างน้อยก็ไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนเมื่อตอนเขาเข้าบ้านมาใหม่ ๆ
แต่ก็ยังมีมารยาท กระทั่งถามด้วยว่าเขาอยากกินอะไร ทว่าไม่ให้เขา
ได้มีโอกาสอยู่กับลั่วลั่วสองต่อสอง
ในฐานะหัวหน้าทีมเซียงหนาน แม้จะพูดน้อย แต่ก็มาจากครอบครัว
มีสกุล ย่อมมองวิถีธรรมชาติของมนุษย์ออก
ดังนั้นตอนที่คุณแม่ลั่วเข้าครัว เขาก็เข้าไปช่วย นั่งคัดผักป่ าทั้งที่
ไม่ได้สวมผ้ากันเปื้อน
คุณแม่ลั่วคิดว่าผู้ชายคนนี้เสแสร้งเก่ง คนแบบนี้จะเลือกผักป่ าเป็นได้
อย่างไร แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มก้มหน้า ไม่กลัวว่าเสื้อสีขาวที่สวมจะ
เปื้อน แถมเขายังเลือกเอาผักสดมาวางในตะกร้าไม้ทีละอัน ๆ
คุณแม่ลั่วก็ละอายใจที่จะแสดงท่าทีไม่ชอบใจให้ออกนอกหน้านัก
ลั่วลั่วรินชาเสร็จ เมื่อออกมาก็เห็นภาพดังกล่าวเข้าพอดี
ตอนที่รินชาอยู่นั้น เธอปรับอารมณ์ตัวเอง
การปรากฏตัวของผู้ชายคนนี้ทำให้เธอแปลกใจ
หากคำนวณจากเวลา เขาน่าจะเล่นปรับตัวให้เข้ากับเด็กใหม่ แถมยัง
ต้องเข้าสัมภาษณ์อีกมากมาย ทำไมถึงได้โผล่มาที่บ้านเกิดเธอ แถม
ยังช่วยแม่เธอเลือกผักอีก
ภาพที่เห็นเหมือนไม่ใช่ภาพที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง เพราะปกติแล้วหาก
ชายหนุ่มไม่อยู่ที่คลับ ก็ต้องอยู่ในห้องวิจัยหรือไม่ก็ร้านกาแฟสุดหรู
บางครั้งยังสวมชุดกาวน์และแว่นตากรอบทอง มือถือหนังสือที่เธอ
อ่านไม่เข้าใจ กำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่น จะบรรยายว่า
เขามาจากตระกูลบัณฑิตที่มีสกุลก็ไม่เกินจริงไป
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นเลยทีเดียว
คุณแม่ลั่วยิ่งมองยิ่งเห็นว่าเขาคล่องตัวมาก “เวลาคุณเซียวอยู่บ้านก็
เลือกผักเหมือนกันเหรอ?”
“คุณป้าเรียกผมว่าเซียวจิ่งก็พอครับ แม่ผมชอบกินผักป่ าเหมือนกัน
แต่เมืองที่ใกล้ทะเลจะหาผักป่ าได้ยากมาก ไม่เหมือนทางเหนืออย่าง
ที่นี่หรอกครับ บ้านเกิดผมก็อยู่ทางเหนือ คุณปู่คุณย่าชอบกินมาก ตอน
เด็ก ๆ ผมเคยช่วยเลือกผักให้ ตอนหลังมาเรียนด้านหมอก็เลยรู้จักผัก
ป่ าเยอะขึ้น บางครั้งก็เอามาสกัดยา” เซียวจิ่งเปลี่ยนคำว่าทดลองเป็น
สกัดยาได้ทันท่วงที เพื่อให้คุณแม่ลั่วไม่รู้สึกถึงระยะห่างที่แตกต่างกัน
คุณแม่ลั่วได้ยินแล้วสองตาเป็นประกายทันที “ก็ว่าแล้วเชียวว่า ผัก
บ้านป่ ามีสรรพคุณทางยา ผู้เชี่ยวชาญก็บอกเอง แต่ลั่วลั่วไม่ยอมเชื่อ”
ลั่วลั่วที่ถูกเอ่ยถึง…แม่เปลี่ยนท่าทีเร็วไปหน่อยไหม
“ลั่วลั่วเป็นห่วงคุณป้าน่ะครับ แต่ถ้าคุณป้าเห็นโพสต์ของผู้เชี่ยวชาญ
ในโมเมนต์ล่ะก็ ต้องเลือกอ่านนะครับ เช่น ผักที่เราเลือกอยู่ในตอนนี้
จะมีสรรพคุณด้านลดน้ำตาลกับไขมันในเลือด แล้วยังลดอาการร้อน
ในได้ แต่มันเป็นของฤทธ์ิเย็น คนที่กระเพาะไม่ดีไม่ควรจะกิน เพราะ
ถ้ากินมากเกินไปอาจทำให้ระบบย่อยมีปัญหา…”
คุณแม่ลั่วเจอคนพูดจาถูกใจในที่สุด เดี๋ยว ๆ ก็ได้ข้อควรระวัง เดี๋ยว ๆ
ก็โดนชมว่าคุณป้ารู้เยอะจังครับ เดี๋ยว ๆ ก็ได้ความรู้ด้านผักป่ ามากมาย
เธอจะเอาสิ่งที่รู้มาไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง มีประโยชน์มาก!
ลั่วลั่วมองดูอยู่ข้างเหมือนมองภาพลวงตา หัวหน้า…ไม่เคยพูดเยอะ
ขนาดนี้มาก่อน เท่าที่เธอจำได้ เขาเป็นคนพูดน้อย บางทีก็ลูบหัวเธอ
แต่ไม่เคยทำอะไรมากไปกว่านี้
เวลาที่พูดคุยกัน ปกติแล้วคนอื่นจะเป็นคนพูดนำมากกว่า
และในระหว่างที่คิดอยู่ ผู้ชายคนนั้นเห็นแม่เธอเดินออกไปแล้วถึง
หันมามอง มือจัดคอเสื้อ แววตาลึกซึ้ง เสียงยังแหบพร่านิด ๆ “น้ำ
แก้วนี้ให้ฉันใช่ไหม?”
ตอนที่ 2063
เมื่อเซียวและลั่วอยู่ด้วยกัน
ลั่วลั่วรับคำอย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดา กำลังจะส่งแก้วน้ำให้เขา
แต่กลับเห็นชายหนุ่มก้มตัวลง ริมฝีปากบางสัมผัสกับแก้วจนชุ่มชื้น
ด้วยน้ำ ทั้งที่เธออยู่ค้างในท่าทางนั้น
ลั่วลั่วไม่ใช่เด็กสิบกว่าปีหรือเพิ่งจะยี่สิบหมาด ๆ เอะอะก็หันหน้า
หนีตลอด
แม้กิริยาดังกล่าวจะทำให้หัวใจเธอหยุดเต้น แต่ไม่ได้แสดงสีหน้า
ออกมา รอจนเขาดื่มหมดก็เก็บแก้ว แล้วนั่งเลือกผักด้วยกันอยู่ข้างเขา
ถ้าคิดแค่ว่าชายหนุ่มเป็นเพียงเพื่อน ก็จะทำอะไรเป็นปกติได้
หลายปีที่ผ่านมา เธออุตส่าห์เล่นละครได้สำเร็จ
ตอนนี้เหมือนจะยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ คงเพราะปลงตกแล้ว
แต่เมื่อเขามา ลั่วลั่วก็ดีใจเหมือนกับที่เทพอ้วนมา เธอคิดว่าในที่สุด
เธอก็สามารถคิดกับเขาเป็นแค่หัวหน้าที่ต่อสู้ร่วมกันมาเหมือนอย่าง
ที่เขาคิดกับเธอ
เป็นแค่หัวหน้า ไม่ใช่อื่นใด
เซียวจิ่งเองก็รู้สึกถึงความแตกต่างเล็กน้อยนั่นเช่นกัน
แต่ต่างกันที่ตรงไหน เขาก็บอกไม่ถูก เพราะคนตรงหน้าก็ไม่ได้ทำ
ตัวห่างเหิน
กระทั่งตอนที่กินข้าวด้วยกันก็ยังคีบกับข้าวให้เขาอีก “หัวหน้า ลอง
ชิมอันนี้ดู จานเด็ดของแม่ฉันเอง อร่อยมาก”
“ได้” เซียวจิ่งพูดน้อยมากในเวลานี้ คงเพราะคุณแม่ลั่วพูดเยอะ เขาก็
รู้สึกไม่ค่อยสบายที่ลำคอ ลองคิดดูก็คิดว่าคงเพราะเปียกฝนนี่เอง
ลั่วลั่วตักซุปให้เขา ทั้งยังยิ้มให้เขาบ่อย ๆ ดวงตาสวยมาก
เซียวจิ่งชะงักมือที่ถือตะเกียบ นัยน์ตาลึกซึ้ง
บางครั้งคุณแม่ลั่วเองก็เข้าใจอะไรถ่องแท้ จึงไม่ได้ให้เขาไปอยู่ใน
โรงแรมเล็ก ๆ ประจำตำบล เพราะท่าทางผู้ชายคนนี้จะรักความสะอาด
มาก แม้จะโมโหที่เขาทำให้ลูกสาวเธอเปลี่ยนไป แต่ในบางมุมก็ถือ
เป็นการเติบโต
ลูกสาวเธอดีเด่นมากก็จริง แต่ไม่แน่หรอกว่าใครจะชอบทั้งหมด
การที่คนไม่ชอบถือว่าเป็นเรื่องปกติ
คนเป็นแม่ได้แต่หวังว่าลูกสาวจะได้แต่งงานกับคนที่เธอรักและรัก
เธอด้วย มีความสุขโดยไม่เสียใจภายหลังเป็นพอ
หลังจากที่กินข้าว ลั่วลั่วก็ตอบข้อความหนึ่ง
เพื่อนแซ่เหลิ่งเป็นคนส่งมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานเลี้ยง
เธอตอบตกลงไป เวลาผ่านมาหลายปี ก็ย่อมอยากพบกับเพื่อน ๆ ใน
วัยเด็กอยู่แล้ว
เซียวจิ่งเติมชาให้คุณแม่ลั่วพลางมองทางเธอ เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มุมปาก
แผ่นอกก็เหมือนมีอะไรกดทับไว้ เธอกำลังตอบข้อความของใคร เขา
รู้ดีเอามาก ๆ ก็คนที่ดึงข้อมือเธอในวันนี้ไง
เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน แต่รู้ดีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือต้องพาตัว
ลั่วลั่วกลับไป
การดูตัวไม่เหมาะกับเธอ การแต่งงานกับเพื่อนเก่าก็ไม่เหมาะกับเธอ
เช่นกัน
คุณแม่ลั่วอายุตั้งเท่าไรแล้ว เห็นภาพตรงหน้าก็ไม่พูดอะไร ก้มหน้า
ดื่มชาอย่างเดียว
ปกติเวลาสามทุ่มในตำบลเล็ก ๆ แห่งนี้จะไม่มีคนเดินตามท้องถนน
แถมยังได้ยินเสียงแมลงร้องเป็นบางครั้ง ทั้งนี้เมื่อฤดูการสอบเข้า
มหาวิทยาลัยใกล้เข้ามาถึง ฤดูร้อนก็จะตามมาเยือน
ลั่วลั่วหั่นแตงโมแล้วนำมาวางไว้ตรงหน้าเซียวจิ่ง “บางครั้งสัญญาณ
อินเทอร์เน็ตของที่นี่จะไม่ค่อยดี ถ้าเบื่อ หัวหน้าจะไปดูทีวีก็ได้”
“อื้อ” เซียวจิ่งหันไปมองหน้าเธอ
ลั่วลั่วชะงักก่อนจะหันไปเปิดตู้เสื้อผ้า หอบเอาผ้าห่มออกมา “อันนี้
เป็นขอใหม่ ไม่เคยใช้มาก่อน” พูดแล้วก็หันไปมองบ่าเขา เห็นว่าเสื้อ
ยังไม่แห้งดี จึงรีบหยิบเสื้อยืดสีขาวมาให้
“หัวหน้าใส่ตัวนี้เถอะ ฉันซื้อไซส์ใหญ่มา เป็นเสื้อเชียร์ที่แฟนคลับ
ใส่กัน หัวหน้าน่าจะใส่ได้”
“เสื้อเชียร์? เธอซื้อของแบล็กพีช Z เหรอ” เซียวจิ่งพูดจบก็เห็นตัวอักษร
‘เซียว’ ด้านหลัง มันเป็นของเขา…

ตอนที่ 2062
หัวหน้าเซียวติดเครื่องแล้ว
เซียวจิ่งพอจะมองท่าทีของคุณแม่ลั่วออกว่าไม่ต้อนรับตัวเองสักเท่าไร
อย่างน้อยก็ไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนเมื่อตอนเขาเข้าบ้านมาใหม่ ๆ
แต่ก็ยังมีมารยาท กระทั่งถามด้วยว่าเขาอยากกินอะไร ทว่าไม่ให้เขา
ได้มีโอกาสอยู่กับลั่วลั่วสองต่อสอง
ในฐานะหัวหน้าทีมเซียงหนาน แม้จะพูดน้อย แต่ก็มาจากครอบครัว
มีสกุล ย่อมมองวิถีธรรมชาติของมนุษย์ออก
ดังนั้นตอนที่คุณแม่ลั่วเข้าครัว เขาก็เข้าไปช่วย นั่งคัดผักป่ าทั้งที่
ไม่ได้สวมผ้ากันเปื้อน
คุณแม่ลั่วคิดว่าผู้ชายคนนี้เสแสร้งเก่ง คนแบบนี้จะเลือกผักป่ าเป็นได้
อย่างไร แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มก้มหน้า ไม่กลัวว่าเสื้อสีขาวที่สวมจะ
เปื้อน แถมเขายังเลือกเอาผักสดมาวางในตะกร้าไม้ทีละอัน ๆ
คุณแม่ลั่วก็ละอายใจที่จะแสดงท่าทีไม่ชอบใจให้ออกนอกหน้านัก
ลั่วลั่วรินชาเสร็จ เมื่อออกมาก็เห็นภาพดังกล่าวเข้าพอดี
ตอนที่รินชาอยู่นั้น เธอปรับอารมณ์ตัวเอง
การปรากฏตัวของผู้ชายคนนี้ทำให้เธอแปลกใจ
หากคำนวณจากเวลา เขาน่าจะเล่นปรับตัวให้เข้ากับเด็กใหม่ แถมยัง
ต้องเข้าสัมภาษณ์อีกมากมาย ทำไมถึงได้โผล่มาที่บ้านเกิดเธอ แถม
ยังช่วยแม่เธอเลือกผักอีก
ภาพที่เห็นเหมือนไม่ใช่ภาพที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง เพราะปกติแล้วหาก
ชายหนุ่มไม่อยู่ที่คลับ ก็ต้องอยู่ในห้องวิจัยหรือไม่ก็ร้านกาแฟสุดหรู
บางครั้งยังสวมชุดกาวน์และแว่นตากรอบทอง มือถือหนังสือที่เธอ
อ่านไม่เข้าใจ กำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่น จะบรรยายว่า
เขามาจากตระกูลบัณฑิตที่มีสกุลก็ไม่เกินจริงไป
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นเลยทีเดียว
คุณแม่ลั่วยิ่งมองยิ่งเห็นว่าเขาคล่องตัวมาก “เวลาคุณเซียวอยู่บ้านก็
เลือกผักเหมือนกันเหรอ?”
“คุณป้าเรียกผมว่าเซียวจิ่งก็พอครับ แม่ผมชอบกินผักป่ าเหมือนกัน
แต่เมืองที่ใกล้ทะเลจะหาผักป่ าได้ยากมาก ไม่เหมือนทางเหนืออย่าง
ที่นี่หรอกครับ บ้านเกิดผมก็อยู่ทางเหนือ คุณปู่คุณย่าชอบกินมาก ตอน
เด็ก ๆ ผมเคยช่วยเลือกผักให้ ตอนหลังมาเรียนด้านหมอก็เลยรู้จักผัก
ป่ าเยอะขึ้น บางครั้งก็เอามาสกัดยา” เซียวจิ่งเปลี่ยนคำว่าทดลองเป็น
สกัดยาได้ทันท่วงที เพื่อให้คุณแม่ลั่วไม่รู้สึกถึงระยะห่างที่แตกต่างกัน
คุณแม่ลั่วได้ยินแล้วสองตาเป็นประกายทันที “ก็ว่าแล้วเชียวว่า ผัก
บ้านป่ ามีสรรพคุณทางยา ผู้เชี่ยวชาญก็บอกเอง แต่ลั่วลั่วไม่ยอมเชื่อ”
ลั่วลั่วที่ถูกเอ่ยถึง…แม่เปลี่ยนท่าทีเร็วไปหน่อยไหม
“ลั่วลั่วเป็นห่วงคุณป้าน่ะครับ แต่ถ้าคุณป้าเห็นโพสต์ของผู้เชี่ยวชาญ
ในโมเมนต์ล่ะก็ ต้องเลือกอ่านนะครับ เช่น ผักที่เราเลือกอยู่ในตอนนี้
จะมีสรรพคุณด้านลดน้ำตาลกับไขมันในเลือด แล้วยังลดอาการร้อน
ในได้ แต่มันเป็นของฤทธ์ิเย็น คนที่กระเพาะไม่ดีไม่ควรจะกิน เพราะ
ถ้ากินมากเกินไปอาจทำให้ระบบย่อยมีปัญหา…”
คุณแม่ลั่วเจอคนพูดจาถูกใจในที่สุด เดี๋ยว ๆ ก็ได้ข้อควรระวัง เดี๋ยว ๆ
ก็โดนชมว่าคุณป้ารู้เยอะจังครับ เดี๋ยว ๆ ก็ได้ความรู้ด้านผักป่ ามากมาย
เธอจะเอาสิ่งที่รู้มาไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง มีประโยชน์มาก!
ลั่วลั่วมองดูอยู่ข้างเหมือนมองภาพลวงตา หัวหน้า…ไม่เคยพูดเยอะ
ขนาดนี้มาก่อน เท่าที่เธอจำได้ เขาเป็นคนพูดน้อย บางทีก็ลูบหัวเธอ
แต่ไม่เคยทำอะไรมากไปกว่านี้
เวลาที่พูดคุยกัน ปกติแล้วคนอื่นจะเป็นคนพูดนำมากกว่า
และในระหว่างที่คิดอยู่ ผู้ชายคนนั้นเห็นแม่เธอเดินออกไปแล้วถึง
หันมามอง มือจัดคอเสื้อ แววตาลึกซึ้ง เสียงยังแหบพร่านิด ๆ “น้ำ
แก้วนี้ให้ฉันใช่ไหม?”
ตอนที่ 2063
เมื่อเซียวและลั่วอยู่ด้วยกัน
ลั่วลั่วรับคำอย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดา กำลังจะส่งแก้วน้ำให้เขา
แต่กลับเห็นชายหนุ่มก้มตัวลง ริมฝีปากบางสัมผัสกับแก้วจนชุ่มชื้น
ด้วยน้ำ ทั้งที่เธออยู่ค้างในท่าทางนั้น
ลั่วลั่วไม่ใช่เด็กสิบกว่าปีหรือเพิ่งจะยี่สิบหมาด ๆ เอะอะก็หันหน้า
หนีตลอด
แม้กิริยาดังกล่าวจะทำให้หัวใจเธอหยุดเต้น แต่ไม่ได้แสดงสีหน้า
ออกมา รอจนเขาดื่มหมดก็เก็บแก้ว แล้วนั่งเลือกผักด้วยกันอยู่ข้างเขา
ถ้าคิดแค่ว่าชายหนุ่มเป็นเพียงเพื่อน ก็จะทำอะไรเป็นปกติได้
หลายปีที่ผ่านมา เธออุตส่าห์เล่นละครได้สำเร็จ
ตอนนี้เหมือนจะยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ คงเพราะปลงตกแล้ว
แต่เมื่อเขามา ลั่วลั่วก็ดีใจเหมือนกับที่เทพอ้วนมา เธอคิดว่าในที่สุด
เธอก็สามารถคิดกับเขาเป็นแค่หัวหน้าที่ต่อสู้ร่วมกันมาเหมือนอย่าง
ที่เขาคิดกับเธอ
เป็นแค่หัวหน้า ไม่ใช่อื่นใด
เซียวจิ่งเองก็รู้สึกถึงความแตกต่างเล็กน้อยนั่นเช่นกัน
แต่ต่างกันที่ตรงไหน เขาก็บอกไม่ถูก เพราะคนตรงหน้าก็ไม่ได้ทำ
ตัวห่างเหิน
กระทั่งตอนที่กินข้าวด้วยกันก็ยังคีบกับข้าวให้เขาอีก “หัวหน้า ลอง
ชิมอันนี้ดู จานเด็ดของแม่ฉันเอง อร่อยมาก”
“ได้” เซียวจิ่งพูดน้อยมากในเวลานี้ คงเพราะคุณแม่ลั่วพูดเยอะ เขาก็
รู้สึกไม่ค่อยสบายที่ลำคอ ลองคิดดูก็คิดว่าคงเพราะเปียกฝนนี่เอง
ลั่วลั่วตักซุปให้เขา ทั้งยังยิ้มให้เขาบ่อย ๆ ดวงตาสวยมาก
เซียวจิ่งชะงักมือที่ถือตะเกียบ นัยน์ตาลึกซึ้ง
บางครั้งคุณแม่ลั่วเองก็เข้าใจอะไรถ่องแท้ จึงไม่ได้ให้เขาไปอยู่ใน
โรงแรมเล็ก ๆ ประจำตำบล เพราะท่าทางผู้ชายคนนี้จะรักความสะอาด
มาก แม้จะโมโหที่เขาทำให้ลูกสาวเธอเปลี่ยนไป แต่ในบางมุมก็ถือ
เป็นการเติบโต
ลูกสาวเธอดีเด่นมากก็จริง แต่ไม่แน่หรอกว่าใครจะชอบทั้งหมด
การที่คนไม่ชอบถือว่าเป็นเรื่องปกติ
คนเป็นแม่ได้แต่หวังว่าลูกสาวจะได้แต่งงานกับคนที่เธอรักและรัก
เธอด้วย มีความสุขโดยไม่เสียใจภายหลังเป็นพอ
หลังจากที่กินข้าว ลั่วลั่วก็ตอบข้อความหนึ่ง
เพื่อนแซ่เหลิ่งเป็นคนส่งมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานเลี้ยง
เธอตอบตกลงไป เวลาผ่านมาหลายปี ก็ย่อมอยากพบกับเพื่อน ๆ ใน
วัยเด็กอยู่แล้ว
เซียวจิ่งเติมชาให้คุณแม่ลั่วพลางมองทางเธอ เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มุมปาก
แผ่นอกก็เหมือนมีอะไรกดทับไว้ เธอกำลังตอบข้อความของใคร เขา
รู้ดีเอามาก ๆ ก็คนที่ดึงข้อมือเธอในวันนี้ไง
เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน แต่รู้ดีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือต้องพาตัว
ลั่วลั่วกลับไป
การดูตัวไม่เหมาะกับเธอ การแต่งงานกับเพื่อนเก่าก็ไม่เหมาะกับเธอ
เช่นกัน
คุณแม่ลั่วอายุตั้งเท่าไรแล้ว เห็นภาพตรงหน้าก็ไม่พูดอะไร ก้มหน้า
ดื่มชาอย่างเดียว
ปกติเวลาสามทุ่มในตำบลเล็ก ๆ แห่งนี้จะไม่มีคนเดินตามท้องถนน
แถมยังได้ยินเสียงแมลงร้องเป็นบางครั้ง ทั้งนี้เมื่อฤดูการสอบเข้า
มหาวิทยาลัยใกล้เข้ามาถึง ฤดูร้อนก็จะตามมาเยือน
ลั่วลั่วหั่นแตงโมแล้วนำมาวางไว้ตรงหน้าเซียวจิ่ง “บางครั้งสัญญาณ
อินเทอร์เน็ตของที่นี่จะไม่ค่อยดี ถ้าเบื่อ หัวหน้าจะไปดูทีวีก็ได้”
“อื้อ” เซียวจิ่งหันไปมองหน้าเธอ
ลั่วลั่วชะงักก่อนจะหันไปเปิดตู้เสื้อผ้า หอบเอาผ้าห่มออกมา “อันนี้
เป็นขอใหม่ ไม่เคยใช้มาก่อน” พูดแล้วก็หันไปมองบ่าเขา เห็นว่าเสื้อ
ยังไม่แห้งดี จึงรีบหยิบเสื้อยืดสีขาวมาให้
“หัวหน้าใส่ตัวนี้เถอะ ฉันซื้อไซส์ใหญ่มา เป็นเสื้อเชียร์ที่แฟนคลับ
ใส่กัน หัวหน้าน่าจะใส่ได้”
“เสื้อเชียร์? เธอซื้อของแบล็กพีช Z เหรอ” เซียวจิ่งพูดจบก็เห็นตัวอักษร
‘เซียว’ ด้านหลัง มันเป็นของเขา…

ตอนที่ 2060
หัวหน้าเซียวหึงหวง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนหรือเกม
ปัญหาหนึ่งที่ลั่วลั่วคำนึงถึงมานาน นั่นคือการเลือกเล่นอาชีพเป็น
การตัดสินใจที่ผิดหรือเปล่า
เธอไม่เคยเสียใจ แต่เสียดายมากกว่า
มันไม่เหมือนอย่างที่เคยคิดไว้
หลายเรื่องไม่อาจพูดออกมาได้ชัดเจน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอใช้
เวลาฝึกซ้อมมากกว่าใช้ชีวิตส่วนตัวเสียอีก
เมื่อยุคทองของการเป็นดาราในวงการอีสปอร์ตมาถึง ก็หมายความ
ว่าจะต้องติดต่อสื่อสารกับผู้คน
จะว่าไปก็น่าขำ ถ้าให้หัวหน้าต้องพูดคุยกับแฟนคลับ เขาจะพูดอะไร
เช่นว่า “เทพเซียว ฉันชอบคุณค่ะ”
หัวหน้าคงนิ่งเฉย
ลั่วลั่วคิดมาถึงตรงนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะ
ไม่เพียงแค่เธอหรอกที่ปรับตัวไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นก็เช่นกัน
แต่เขาเข้มแข็งเสมอ ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้ ก็น่าจะอยู่ตลอดไป
ลั่วลั่วไม่เสียใจที่ชอบเขา ไม่เสียใจเลยสักนิด แต่ไม่อยากจะเดินหน้า
ต่อ
ทว่าเธอก็รับคนอื่นเข้ามาในชีวิตไม่ได้อีกเช่นกัน จึงปฏิเสธผู้ชายคน
อื่นอย่างเด็ดขาด
เพื่อนหนุ่มก็เข้มแข็ง อาจเพราะเป็นทหาร นิสัยก็ดีมาก “รู้แล้ว ไปกิน
ไอติมกันไหม”
ลั่วลั่วพบว่าคนที่ชำนาญด้านการสื่อสารกับคนอื่นจะมีคุณสมบัติ
พิเศษ พวกเขาจะเบี่ยงประเด็นที่ทำให้คนอึดอัดได้อย่างแนบเนียน
ชายคนนั้นหัวเราะ “เพราะเธอไม่ชอบฉัน ดังนั้นเธอต้องเลี้ยงฉันนะ”
ข้างหน้าเป็นร้านโชว์ห่วยขนาดเล็กของตำบล ลั่วลั่วตอบรับ เธอซื้อ
ไอติมมาสองอัน ต่างคนต่างกินพลางเดินไปพลาง บรรยากาศเป็นไป
อย่างสบาย ๆ
คนเรา…ย่อมต้องการเพื่อน
ในขณะที่คิดได้เช่นนี้ มือถือพลันดังขึ้นมา แม่เธอโทรมานั่นเอง แถม
ยังลอบถามอย่างรู้กันดี “เป็นยังไง? โอเคไหม? ไม่ได้รีบกลับมาแสดง
ว่าน่าสนใจ แม่กับน้าไม่ได้หลอกหนู เหลิ่ง…”
เสียงมือถือของเธอไม่เบา รู้ว่าคนข้างตัวต้องได้ยินแน่ จึงกุมขมับ
อย่างอ่อนใจ “แม่คะ”
“เอาน่ะ ๆ ๆ ไม่ถามแล้ว อ้อ! แม่จะบอกหนูว่าที่โทรมาเนี่ยไม่ได้จะ
มาเม้าท์หรอกนะ แต่มีคนมาหาที่บ้าน บอกว่าเล่นเกมทีมเดียวกับ
หนู” คุณแม่ลั่วพูดพลางหันไปมองร่างสูงเพรียวที่ลานบ้าน “แม่คุ้น
หน้าอยู่นะ เหมือนจะเคยถ่ายรูปกับหนูน่ะ”
“พี่อ้วน! พี่อ้วนมาแล้วเหรอ?” เร็วอะไรอย่างนี้ ลั่วลั่วดีใจอย่างเห็น
ได้ชัด
พี่อ้วน? คุณแม่มองดูคนตรงหน้าอย่างงุนงง ไม่เห็นจะอ้วนเลย
“หนูมาถึงแล้ว ตอนนี้จะเข้าบ้าน” ลั่วลั่วพูดจบก็ตัดสายไป
ทว่าชายหนุ่มด้านข้างเอ่ยขึ้นว่า “ดูข้างหน้าหน่อย มันมีหลุมน้ำ” แต่
เตือนช้าไป ชายหนุ่มจึงฉุดมือเธอไว้อย่างอ่อนใจ “คุณเพื่อน ดูทางด้วย”
ลั่วลั่วได้ยินเสียงล้อเลียนของเพื่อนก็อยากหัวเราะ “ขอโทษที”
“เชื่อเขาเลยจริง ๆ” ชายหนุ่มหัวเราะ “ดูท่าทางวันนี้น่าจะมีฝนตก
อีก”
ลั่วลั่วแหงนหน้ามอง เห็นท้องฟ้ามืดทึบ
‘เธอมองดูท้องฟ้า ส่วนฉันมองดูเธอ’ คำบรรยายนี้เหมือนกับชายหนุ่ม
มาก
เพื่อนแซ่เหลิ่งคงไม่ได้สังเกตสายตาตัวเองที่ผสมปนเปไปด้วยอารมณ์
มากมาย เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาชอบ
สายตาเช่นนี้ ลั่วลั่วไม่เห็น แต่เซียวจิ่งที่ยืนตรงลานบ้านกลับเห็น
คุณแม่ลั่วหัวเราะอยู่ข้างตัวเขา “ท่าทางลั่วลั่วจะชอบนะ”
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร แววตาเขาหนักอึ้ง เดินออกไปอย่างทนไม่
ไหวในที่สุด ส่วนลั่วลั่วยืนหันหลังให้ตัวบ้านจึงไม่เห็นคนข้างหลัง
เธอ
ที่นี่มีหลุมน้ำบนพื้นเยอะ ก็เพราะช่วงนี้ฝนตกบ่อย
เซียวจิ่งนั่งรถไฟฟ้าหัวจรวดมาก็จริง แต่การจะมาถึงที่นี่ได้ นอกจาก
โดยสารรถไฟแล้วยังต้องขึ้นรถต่ออีก
ท้ายที่สุดเขายังต้องจ้างรถมาด้วย ตอนที่เข้าตัวตำบลมา หลายคนต่าง
มอง เพราะตอนมาเขาถือร่มที่ทำจากเนื้อพลาสติกใส แถมบุคลิกยัง
ไม่เหมือนคนที่นี่อีก…
ตอนที่ 2061
ฉันเป็นแฟนเขา
ท้องฟ้ามืดลงแล้ว เม็ดฝนใกล้จะร่วงลงมา
ลั่วลั่วรู้สึกว่ามีบางอย่างตกต้องใบหน้าตัวเอง แต่กลับมีร่มที่ทำจาก
พลาสติกใสปรากฏเหนือศีรษะเธอทันใด
เพื่อนแซ่เหลิ่งที่อยู่ตรงข้ามเธอจ้องตัวผู้มาใหม่
ลั่วลั่วรู้สึกผิดปกติจึงหันไปมอง และเกิดอาการตะลึงงันในวินาทีถัด
มา ร่างชะงักงัน แม้แต่สายตายังหวั่นไหวเพราะไม่อยากเชื่อ
คนที่มาคือพี่อ้วนไม่ใช่เหรอ ทำไมกลายเป็นเขาไปได้
ชายหนุ่มยืนถือร่มภายใต้ละอองสายฝนยังคงสวมชุดทีม ใบหน้ายัง
หล่อเหลาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าด้วยเหตุที่ช่วยกางร่มให้
เธอ หัวไหล่จึงเปียกฝนไปแล้ว
ลั่วลั่วไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ สมองเธอขาวโพลนไปหมด
กลับได้ยินเขาพูดข้างหูว่า “ออกไปเจอเพื่อนทั้งที ทำไมถึงไม่ใส่เสื้อ
ให้เยอะหน่อย”
เธอทำเหมือนเมื่ออยู่ที่บริษัท “ตอนที่ออกไป ฟ้ายังใสอยู่”
“อื้อ” เซียวจิ่งว่าพลางถอดเสื้อออกด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะคลุมไว้
บนร่างเธอ “จะคุยกับเพื่อนต่อไหม?”
เพื่อนแซ่เหลิ่งมองผู้ชายอีกคนอย่างจริงจัง
“สวัสดีครับ” เซียวจิ่งยื่นมือออกไป “ผมเป็นแฟนลั่วลั่ว ขอบคุณที่มา
ส่งเขา”
แฟน? เพื่อนแซ่เหลิ่งยิ้มให้ “ไม่น่าจะใช่นะ ได้ยินคุณน้าบอกว่าตอนนี้
ลั่วลั่วยังโสด”
เซียวจิ่งเป็นคนที่ไม่ชอบคุยกับคนอื่น แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว
“คุณป้ายังไม่รู้น่ะ ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะจะให้ท่านดูตัวว่าเหมาะสมไหม”
บ้าน่ะ! ลั่วลั่วอยากเถียง แต่กลับถูกเขาคว้ามือไว้เสียก่อน นัยน์ตาที่
มองมาลึกซึ้ง “กลับเลยไหม?”
ลั่วลั่วปฏิเสธสายตาแบบนี้ไม่ลง ทุกครั้งที่เธอซ้อมจนถึงดึก เขาจะ
ปรากฏตัวและมองเธอด้วยแววตาเช่นนี้เสมอ พร้อมพูดว่า ‘กลับ
เถอะ’
“อื้อ” ลั่วลั่วมองเพื่อนเก่าอย่างขอโทษ
เพื่อนแซ่เหลิ่งกลับเดินเข้ามา “ถ้าคุณน้าไม่ชอบเขา เธอติดต่อฉันได้
ตลอดเวลานะ อ้อ เรื่องงานเลี้ยงรุ่นด้วย ไม่ไปไม่ได้นะ”
“รู้แล้ว” ลั่วลั่วพูดเพิ่ม “ฉันไปแน่”
อันที่จริงหัวหน้ามาก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องอธิบายอีกว่าตอนนี้
เธอไม่เหมาะจะมีความรัก แต่ลั่วลั่วคิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงมาอยู่
ที่นี่ในตอนนี้ แถมสิ่งที่เขาพูดทำให้หัวใจของเธอเหมือนถูกบีบรัด
อีก
ทว่าคุณแม่ลั่วเห็นเหตุการณ์นี้ไกล ๆ ขณะยืนอยู่ตรงลานบ้าน ก็พลัน
รู้สึกสับสนในใจ
ในฐานะที่เป็นแม่ เธอย่อมรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ลูกเธอน่าจะชอบ
ก่อนหน้านี้ คุณแม่ลั่วคิดว่าโลกนี้ไม่น่าจะมีผู้ชายแบบนี้ ผู้ชายคนนี้
บุคลิกดี แค่เห็นก็รู้ว่ามาจากครอบครัวนักวิชาการ ต่างไปจากพวก
เธอมาก
หากผู้หญิงคนไหนได้แต่งกับเขาจะต้องโชคดีมากแน่ เพราะชาย
หนุ่มดูมีการอบรมเป็นอย่างดีจากทางบ้าน
แต่ตอนนี้เธอไม่คิดอย่างนั้นแล้ว เพราะเขากับลูกเธออยู่คนละโลก
กันโดยสิ้นเชิง
คนเป็นแม่ย่อมเป็นห่วงอยู่แล้ว
เมื่อเห็นชายคนนี้ก็นึกถึงสภาพครอบครัวของเขาออก พ่อแม่ธรรมดา
ทั่วไปสอนลูกออกมาไม่ได้อย่างนี้หรอก
ปกติแล้ว คนแบบนี้จะรู้จักใส่ใจคนอื่นได้อย่างไร
หากเขาจริงใจ ลูกเธอคงไม่กลับบ้านมาคนเดียว แถมยังมีสภาพแบบ
พ่ายแพ้หมดรูปจนลุกไม่ขึ้นอีกต่างหาก
คนเป็นแม่เห็นแล้วเจ็บปวดหัวใจ สรุปแล้วไม่เหมาะกันอยู่ดี
คุณแม่ครุ่นคิดดีแล้ว การจะแต่งลูกเข้าบ้านใครก็เลือกที่รู้หลักรู้ฐาน
รู้จักปูมหลังย่อมดีกว่า!

ตอนที่ 2058
พวกเขาต้องอยู่ด้วยกัน ถึงจะเป็ นเซียงหนาน
ผู้จัดการไม่คิดว่าแค่ให้อีกฝ่ายกล่อมจ้าวซานพั่งให้พูดจาเบาลงหน่อย
จะลงเอยแบบนี้
รอจนเมื่อเขาได้รับข่าวอีกครั้ง หน้าเพจก็ปรากฏข่าวยกเลิกสัญญา
ของชายหนุ่ม
แต่เดิมสัญญาปัจจุบันยังเหลือเวลาอีกครึ่งปีถึงจะสิ้นสุด
ผู้จัดการคิดถึงเรื่องนี้ได้ ก็อาศัยข้อผูกมัดนี้รั้งเขาเอาไว้
แต่จากนั้นทนายความตระกูลเซียวซึ่งขึ้นชื่อว่าเก่งสุดยอดก็ประกาศ
ออกมาว่า จากเงื่อนไขสัญญา ขอแค่ไม่เอาไอดีนี้ไปใช้ที่อื่นก็ไม่จำเป็น
ต้องจ่ายค่าปรับ
ผู้เล่นของทีมเซียงหนานต่างใช้สัญญาแบบนี้ เพราะหากคิดจากมุม
ของบริษัท เวลานั้นไม่ได้คิดว่าตัวบุคคลจะสำคัญอะไร แต่ไอดีใน
เกมจะทำรายได้มากกว่า
ดังนั้นผู้จัดการจึงอึ้งตะลึงงันไปเลย
เซียวจิ่งโพสต์ในแพลตฟอร์มสาธารณะสั้นๆ ว่า “ลาออก”
เหล่าแฟนคลับยังไม่ทันฮือฮา
หลินเฟิงก็ประกาศในกลุ่มวีแชททันที “ยินดีต้อนรับเซียวหน้านิ่งเข้า
สู่ทีมท่านเทพที่ลาออกแล้ว ฉันอยากถามนิดหนึ่ง เพราะลั่วลั่วไป
แล้วหรือเปล่า นายถึงได้เข้าใจหลักการที่ว่าเกมกับแฟนไม่อาจมี
พร้อมกันได้ คิดถึงตอนนั้น ฉันก็เอาแต่เล่นเกมเลยหาแฟนไม่ได้สัก
คนเหมือนกัน”
อวิ๋นหู่เอ่ยบ้าง “นายจะให้ฉันหาให้สักคนไหมล่ะ พี่หลินเฟิง”
หลินเฟิงหดคอทันที ไอ้นี่ ล้อเล่นไม่ได้จริงๆ อันตรายมาก!
เหราหรงรีบว่าต่อทันที “บอกตรงๆ นะ เซียวหน้านิ่งก็แก่แล้วจริงๆ”
เซียวจิ่งว่า “คอมเมนต์บน พวกเราอายุเท่ากันนะครับ”
เหราหรงยิ้มสุภาพ “ผม 18 ครับ ขอบคุณ”
“ฉันเกิดหลังปี 2000 อายบ้างไหม” หลินเฟิงทนไม่ไหว “อายุ 16 ก็
จะขอพูดบ้าง หลังจากลาออกแล้วคิดจะทำอะไร บริษัทฉันรับคนอยู่
นะ เซียวหน้านิ่งจะมาสมัครหรือเปล่า มาป่ะ”
เซียวจิ่งตอบ “ไม่ล่ะ จะไปตามหาคน”
ป๋อจิ่วส่งอิโมจิรูปคาบข้าวฟ่างหางหมามา “ตื่นสักที”
หลินเฟิงดึงคอเสื้อ นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน “งั้นฉันจะรอนายนะ ฉัน
อยากได้คนเก่งๆ อย่างนายมา ฉันหน้าอ่อนมากเกินไป ข่มคนอื่นไม่
อยู่ พูดแล้วเหงื่อตกเลย”
อ้วนหล่ออันดับหนึ่งของโลก “ทำไมถึงลาออก?”
เมื่อเขาประโยคนี้ปรากฏ กลุ่มวีแชทนิ่งสงบไปหลายวินาที เพราะไม่
เหมือนสไตล์ประจำตัวของชายหนุ่ม
“เพราะไลฟ์ สดสนามนั้นเหรอ ทางคลับพูดอะไร?” จ้าวซานพั่งใจร้อน
“เพราะฉันหรือเปล่า?”
แสงในแววตาของเซียวจิ่งหมองลง “เปล่า”
“งั้นเพราะอะไร ฟอร์มของหัวหน้าก็ยังไม่ตกนี่นา หัวหน้า…” จ้าว
ซานพั่งกำมือ
เซียวจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ก็ตำนานสามเหลี่ยมมรณะไม่อยู่แล้วนี่นา ฉัน
เองก็ปรับตัวให้เข้ากับกฎใหม่ไม่ได้ จะเล่นต่อไปก็ไม่มีความหมาย”
จ้าวซานพั่งอึ้ง “ฉันเข้าใจแล้ว งั้นฉันออกด้วย”
เขาไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อน รีบประกาศตามเซียวจิ่งทันทีว่า
‘ลาออก’
สัญญาของสมาชิกแต่ละทีมจะไม่เหมือนกัน สัญญาของจ้าวซานพั่ง
หมดไปตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว แต่ด้วยมีคนสำคัญสำหรับเขา จึงอยากอยู่
ในทีมต่อ
แต่ตอนนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว เมื่อเสาหลักทั้งสองของทีมเซียงหนาน
ประกาศลาออกจากวงการพร้อมกัน ทั้งยังไม่แสดงท่าทีอะไรต่อ จึง
มีทั้งคนที่อยากได้คำอธิบาย มีทั้งคนที่ไม่เชื่อ เอาเป็นว่าฮือฮากันใหญ่
ภาพคลาสสิคที่เซียวจิ่งเคยเล่นไว้ถูกขุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ทว่าเวลานี้ ทุกคนจะเห็นจากในภาพว่า มีคนคนหนึ่งที่ข้ามป้อมฆ่า
ตรงเลนกลาง ซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ พร้อมทั้งฆ่ากราดเมื่อมีคนมาแย่งมอน
สเตอร์จากทีมตัวเองไป
คนคนนั้นก็คืออดีตนักเวทของทีมเซียงหนาน ลั่วลั่วนั่นเอง
แฟนคลับของเธอที่เงียบงันอยู่นานรู้สึกทนไม่ไหวแล้วในเวลานี้
“พวกเธอปฏิเสธทุกอย่างของเขา แต่ความตั้งใจของเขาจะถูกบันทึก
ไว้ในอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน ถึงจะเป็นเซียงหนาน”
ตอนที่ 2059
ไม่อยากชอบอีกต่อไป
เสียงวิจารณ์แบบนี้ใช่ว่าจะไม่มี
แน่นอนว่ายังมีพวกที่กล่าวหาว่านี่เป็นคำพูดของพวกสมองปรุ
จะอย่างไรก็แล้วแต่ การถูกชื่นชมและรังเกียจทั้งยามมีเกียรติและ
ยากไร้เป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องลิ้มรสเอาเอง
เพียงแค่หลังจากลาออกจากทีม ลั่วลั่วก็ไม่ไปอ่านอีก จึงไม่รู้ว่าเซียว
จิ่งลาออกแล้ว
คืนนี้ต้องไปกินข้าวข้างนอกอีก
ใช่ว่าลั่วลั่วจะไม่เคยไปนัดดูตัว ครั้งนี้เธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน
ทว่าชายหนุ่มได้ยินแล้วกลับยิ้มให้ “ไม่เป็นไรหรอก”
ไม่เป็นไรแปลว่าอะไร?
ลั่วลั่วช้อนตามองคนที่นั่งตรงหน้าเธอ ชายหนุ่มพับแขนเสื้อ เท้าคาง
ยิ้มให้ “ตอนแรกก็นึกว่าเธอมีคนชอบอยู่แล้ว แต่ตอนนี้น่าจะยังมี
โอกาสอยู่ ขอแค่มีโอกาส ฉันรอได้เสมอ”
ลั่วลั่วชะงัก
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน “ไปเดินเล่นด้วยกันไหม พวกเราอยู่ตรงนี้มัน
สะดุดตาเกินไป”
เธอย่อมอยากออกไปจากที่นี่แน่นอน จึงยิ้มให้ “ไปเถอะ”
“นิสัยเธอไม่เปลี่ยนเลยนะ” ชายหนุ่มหน้าตาไม่เลว โดยเฉพาะตอน
ยิ้ม…สามารถเยียวยาจิตใจได้บ้าง “ตรงไปตรงมา เวลาอยู่บ้านตัวเอง
อยู่ถิ่นตัวเองยังพอว่า ตอนอยู่ข้างนอกล่ะ คงโดนรังแกไม่น้อยล่ะสิ?”
นี่เป็นครั้งที่สองที่ลั่วลั่วคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดเช่นนี้ออกมา
ชายคนนั้นหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหน้าเพจที่แสดงข่าวของเธอ “เพราะ
เธอเล่นเกมไง บางครั้งตอนยืนเวรยาม ฉันก็อ่านบ้าง แต่ไม่เชื่อหรอก”
ลั่วลั่วนิ้วมือเกร็ง
ชายหนุ่มหัวเราะก่อนจะเก็บมือถือ “ที่ฉันพูดตั้งเยอะขนาดนี้ ก็แค่
อยากจะบอกเธอว่าฉันเข้าใจเธอมาก เข้าใจมากตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว
หลังจากนั้นก็ยังเข้าใจอยู่ดี ตอนที่เธอไป ฉันเองก็อยากตามหาเธอ
แต่ไม่ใช่จะห้ามไม่ให้เธอเล่นเกมนะ แค่รู้สึกว่าเป็นผู้หญิงอยู่ตัวคน
เดียวนอกบ้านต้องระวังหน่อย ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก ไม่รู้ว่าเวลา
ชอบคนหนึ่งจะชอบได้นานขนาดนี้”
ลั่วลั่วมองหน้าอีกฝ่าย เอ่ยเพียงว่า “ขอบคุณ”
ชายหนุ่มมองหน้าเธอ “จะกอดคนที่เห็นเธอเป็นรักแรกพบสักหน่อย
ไหม? คุณเพื่อนลั่วลั่ว”
“ถ้าฉันกอดนายตอนนี้ รับรองว่ารู้กันทั่วตำบลแน่” ลั่วลั่วยิ่งหัวเราะ
ยิ่งสวย “เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงคุณเพื่อนเหลิ่ง ไม่เอาดีกว่า”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ผู้ชายเถื่อนๆ อย่างฉันจะไปอยากได้ชื่อเสียงทำไม
เพื่อนๆ อยากจะรุมล้อมเธอทั้งนั้น ฉันก็กันให้ เธอกลับมาน่าจะนัด
เล่นไพ่กันนะ จะได้ชิน ในฐานะที่ต้องเจอนัดดูตัวมาหลายครั้ง ขอ
บอกเธอว่าทำตัวตามสบายเถอะ”
“ไปดูตัวมาหลายครั้งเหรอ” ลั่วลั่วอยากหัวเราะ
ชายหนุ่มปวดหัว “ปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังหนีไม่รอด”
“เพราะนายโดดเด่นมากไง” ลั่วลั่วหักกิ่งไม้เล่น “แม่ฉันบอกว่านาย
เป็นคนเก่งที่สุดในตำบลเลย ตอนนี้มีใครบ้างที่รู้ว่านายอยู่กองทัพ
ไหน เป็นความลับขนาดนี้ หน้าที่ต้องไม่ธรรมดาแน่”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ไม่เก่งเท่าเธอหรอก ถ้าตอนนั้นเธอไม่ไปจาก
ที่นี่ ฉันก็ไม่ได้สิทธิพิเศษสำหรับนักเรียนคนเก่งหรอก ลั่วลั่ว วุฒิการ
ศึกษาสำคัญก็จริง แต่บางครั้งก็ไม่ได้สำคัญมาก กองทัพฉันมีบางคน
เข้ามาตั้งแต่ยังเด็ก พวกเราที่รักษาความปลอดภัยของประเทศก็ไม่ได้
จบจากมหาวิทยาลัยดังๆ ด้วย”
ลั่วลั่วไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องที่เป็นปมของเธอ “นายอ่านเรื่องของฉัน
มามากแค่ไหนเนี่ย?”
“อ่านทุกโพสต์ที่เธอลงในโมเมนต์วีแชทเลย สนุกออก แต่เธอคงเศร้า
ที่ต้องลาออกสินะ?” ไม่เคยมีใครถามคำถามนี้กับลั่วลั่ว
เมื่อมีคนที่ออกไปทำงานต่างเมืองถาม เธอจึงหันมามองแล้วตอบเสียง
เรียบ “เศร้าสิ แต่มันผ่านแล้ว พอมาคิดดูตอนนี้ก็รู้ว่าความชอบบาง
อย่างต้องแลกกับการสูญเสียมากมาย เลยไม่อยากเล่นอีกต่อไปแล้ว”

ตอนที่ 2056
“เธอไม่อยู่ด้วย ก็ไม่สนุกแล้ว” จ้าวซานพั่งไม่อยากให้พวกในเน็ตไป
รังควานลั่วลั่ว หากเป็นไปได้ เขาอยากหาใครสักคนช่วยซ่อนข้อมูล
ของลั่วลั่วให้หมด
หลังจากที่นักเวทคนใหม่ป่ าวประกาศออกไป ทำให้คนบางกลุ่มไม่
พอใจก็ว่าไป
แต่นี่ลั่วลั่วลาออกไปแล้วก็ยังไม่เลิกราอีก ยังคิดว่าเธอจะกลับมาจริง ๆ
อันที่จริงก็ใจห่อเหี่ยวนานแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ จะกลับมาอีกทำไม
ต่อให้ชอบขนาดไหน แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ใครก็รับไม่ไหว
ลั่วลั่วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอได้ยินคำพูดของจ้าวซานพั่งแล้วก็
รู้สึกดีขึ้น เหมือนเมื่อก่อนตอนแรกเริ่ม
“ใช่ละ เธอไม่รู้ว่าพอเธอไปนะ หัวหน้าผิดปกติมาก” จ้าวซานพั่งเผย
ให้รู้นิด ๆ “แต่เขาน่าจะสำรวจตัวเองหน่อยว่าอีคิวมีปัญหา เธอกลับ
บ้านไปก็ดีเหมือนกัน จะได้กระตุ้นเขาบ้าง”
ลั่วลั่วไม่คิดว่าจ้าวซานพั่งจะพูดเรื่องนี้กับเธอ เมื่อได้ยินข่าวของชาย
หนุ่มอีกครั้ง เธอก็ดื่มน้ำอย่างไม่รู้ตัว “น่าจะเพราะช่วงนี้ยุ่งมาก เขา
ยังรับไม่ได้กับเรื่องของฉัน เดี๋ยวชินแล้วก็ดีเอง”
จ้าวซานพั่งได้ยินเสียงจากปลายสายก็เห็นใจอย่างไม่รู้สาเหตุ “เธอ
พูดถูก รอให้เขาชินเองก็อาจจะดีขึ้น เอ่อ ลั่วลั่ว เดี๋ยวนี้เธออยู่ที่ไหน
อ่ะ ห้องชุดในตัวเมืองใช่ป่ ะ ฉันอยากไปพักผ่อนหย่อนใจหน่อย คิด
อยู่นานก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี จะไปเจียงเฉิง แต่พอนึกถึงฉินมั่วคนบ้า
แฟนก็ขี้เกียจจะไปแล้ว”
ได้ยินแค่เสียงของอีกฝ่าย ลั่วลั่วก็พอจะนึกสีหน้าของเจ้าตัวออก หัวเราะ
ออกมาทันที “ฉันไม่ได้อยู่ในตัวเมือง อยู่บ้านเกิดในหมู่บ้าน นายจะ
มาเที่ยวไหมล่ะ?”
“แหงสิ อย่าเห็นว่าฉันหล่อจนเกินไปนะ งานใช้กำลังจำพวกผ่าฟืน
แบบนี้อ่ะ ฉันถนัดที่สุดเลย” จ้าวซานพั่งพยายามหลอกถามที่อยู่ให้
ได้ ชนิดขุดทุกวิถีทางมาใช้
ลั่วลั่วหัวเราะอีก “ตอนนี้มันสมัยไหนกันแล้ว ยังจะผ่าฟืนอีก? เดี๋ยว
ฉันจะแชร์ที่อยู่ให้ นายมาถึงที่ตำบลแล้วก็โทรหานะ ฉันจะไปรับเอง”
“ขอที่อยู่ชัด ๆ นะ เพราะฉันโง่เรื่องแผนที่มาก” จ้าวซานพั่งพูดตบท้าย
ลั่วลั่วตอบรับ “งั้นวางสายก่อนนะ เดี๋ยวจะแชร์ที่อยู่ผ่านวีแชทให้”
หลังจากได้ที่อยู่มา เขาส่งไปให้เซียวจิ่ง “หัวหน้า ครั้งนี้ต้องคว้าโอกาส
ไว้ให้ได้นะ ตอนที่ฉันคุยกับลั่วลั่ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกแปลกไป
เหมือนยัยคนนี้โตขึ้นหลังจากผ่านไปแค่คืนเดียว”
เซียวจิ่งไม่เห็นข้อความวีแชทนั่นเพราะกำลังรับสายจากผู้จัดการคลับ
“ขอโทษ? ทำไม?” หลังจากที่ได้ยินคำขอจากอีกฝ่าย เขาถามกลับด้วย
เสียงเรียบ เมื่ออยู่ในรถไฟความเร็วสูงจึงแทบไม่ได้ยิน
ผู้จัดการตาลีตาเหลือก “ไม่เข้าใจอีกเหรอ เซียวจิ่ง ลั่วลั่วไปแล้ว พวก
เราปล่อยเด็กใหม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจเพราะคนที่ลาออกไปแล้วไม่ได้
ฉันรู้ว่าเด็กใหม่ยังมีข้อบกพร่องในการเล่นอยู่มาก แต่ทุกทีมก็ต้องมี
ช่วงเวลาปรับตัวให้เล่นเข้ากันได้ นายเป็นหัวหน้า จะต้องรู้จักบาลานซ์
ความสำคัญของลูกทีมในระหว่างที่ปรับตัวกัน ฉันไม่ได้ให้ซานพั่ง
ขอโทษเสียหน่อย เรื่องนี้เขาไม่ผิด ฉันหมายความว่าให้เขายอมรับ
ผิดบ้าง พูดจาเบาลงหน่อย จะได้รักษาหน้าทุกฝ่าย โดยเฉพาะพวก
แฟนคลับที่คอยดูเหตุการณ์นี้ดู นายน่าจะรู้ว่าทางทีมไม่ควรเจอ
ผลกระทบเลวร้ายอีกแล้ว”
ตอนที่ 2057
“ผมไม่เข้าใจว่าอะไรคือการบาลานซ์ความสำคัญของลูกทีม” เซียว
จิ่งเอ่ยเสียงแผ่วต่ำ “ผมรู้แค่ว่า คนที่ลาออกไปแล้วในคำพูดของคุณ
เขาเป็นนักเวทที่เก่งที่สุดของเซียงหนาน เพราะมีเขาอยู่ในทีม เซียง
หนานถึงได้แชมป์สามปีรวด ส่วนคนที่คุณจะให้พูดจาเบาลง เป็น
คนเล่นเลนบนที่สำคัญที่สุดของทีมเซียงหนาน คนเล่นเกมต่างรู้ดีว่า
ตำแหน่งเลนบนต้องแบกรับความกดดันมากที่สุด เมื่อมีเขาอยู่ โซน
ป่าของผมถึงได้ปลอดภัย ช่วงปรับตัวเข้าหากันถือว่าสำคัญมาก เลือด
ใหม่ก็ขาดไม่ได้ แต่ผู้จัดการเหมือนจะลืมไปแล้วว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า
คือ ควรจะปฏิบัติตัวยังไงกับคนที่อุตส่าห์ทุ่มเทชีวิตให้กับทีมเซียง
หนาน พวกเขาสร้างเกียรติยศให้กับทางทีมมามากเท่าไร ดูเหมือน
คุณจะลืมไปแล้ว”
ผู้จัดการคนดังกล่าวไม่ได้ฟังคำพูดยืดยาวของชายหนุ่ม รู้ว่าเรื่องนี้
จัดการยาก จึงบดกรามเอ่ยต่อว่า “งั้นฉันจะต้องทำยังไง ทางบริษัทก็
สั่งการมาแล้วนะว่า เด็กใหม่…”
“ผมขอฝากบอกเด็กใหม่ด้วย” เซียวจิ่งเบรกคำพูดอีกฝ่าย “คนคน
หนึ่ง ถ้าไม่รู้จักเคารพรุ่นพี่ในวงการเดียวกัน กล้าพูดในสิ่งที่ไม่มี
หลักฐานเพื่อการชิงดีชิงเด่นที่ไร้ค่า ถือว่าไม่ผ่านสำหรับผม”
“เซียวจิ่ง ทำไมถึงไม่เข้าใจล่ะว่าแต่ละยุคมันไม่เหมือนกัน ทางคลับ
ต้องพิจารณาความอยู่รอดด้วย” ผู้จัดการพูดจากใจจริง “อันที่จริงพวก
นายก็ควรจะสำนึกตัวบ้าง ทำไมถึงได้รักษาช่องว่างกับพวกแฟนคลับ
เดี๋ยวนี้ไม่นิยมทำแบบนี้กันแล้วนะ นายควรทำให้พวกเขาเป็นหนึ่ง
เดียวกันกับพวกเรา พวกเขาถึงจะได้มีที่พักใจ นายกับลั่วลั่วแพ้กัน
ตรงนี้นี่แหละ”
แววตาชายหนุ่มเฉยชา “พูดไปพูดมาก็เพราะเรื่องแพ้นี่เอง”
“ไม่งั้น นายว่าใครควรจะเป็นฝ่ายเบาลง จะให้ลั่วลั่วมาพูดไม่ได้มั้ง
ฉันยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย รู้น่ะว่านายปกป้องเขา ถึงให้ซานพั่งออก
มาพูด ยังไงเจ้านั่นก็ชอบพูดเล่นอยู่แล้ว ให้พูดพอเป็นพิธีก็พอ”
ผู้จัดการพยายามกล่อม หนึ่ง อยู่ด้วยกันมานาน ย่อมต้องผูกพันกัน
อยู่แล้ว สองคนเหล่านี้ยังมีมูลค่า ยังดังกันอยู่มาก อย่างน้อยเซียวจิ่งก็
เป็นผู้มีมูลค่าสูงสุด
ผู้จัดการพูดมาถึงตรงนี้ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงเข้าใจ เพราะความสามัคคี
ของทีมสำคัญที่สุด
ทีมเซียงหนานและทีมไดมอนด์ไม่เหมือนกัน ทีมนั้นสลายได้ แต่ทีม
นี้ไม่ได้ เขาเห็นวิธีการจัดการปัญหาของทีมไดมอนด์แล้ว หากมอง
จากสายตานักธุรกิจก็เห็นว่าฝ่ายนั่นจัดการปัญหาได้อย่างไม่มีอีคิว
เอาเสียเลย จิ้งจอกหน้ายิ้มเฟิงอี้ก็ชักจะไม่เหมือนนักธุรกิจเข้าไปทุก
วันแล้ว
ผู้จัดการคิดอยู่อย่างนี้ ก็ได้ยินปลายสายพูดขึ้นทันที “ถ้าไม่มีใครพูด
ล่ะ คุณจะทำยังไง?”
“นายกำลังทำให้ฉันลำบากใจ ใช่ไหม เซียวจิ่ง” เหงื่อบาง ๆ ผุดกลาง
หน้าผากผู้จัดการ
เซียวจิ่งมองดูนอกตัวรถไฟ แค่หลับตานิดเดียวก็เห็นภาพที่พวกเขา
สามคนยืนอยู่บนแท่นรับรางวัล ตอนนั้นไม่ได้มีคนชอบพวกเขา
เยอะแยะอย่างนี้ พวกเขายังไม่ได้เด่นดัง อีสปอร์ตในเวลานั้นเป็นที่
รู้จักน้อยมาก
เวลานั้น เขาถึงได้รับมิตรภาพที่สำคัญที่สุดและ…ความรักในตอนนี้
“ไม่ต้องลำบากใจหรอก” เซียวจิ่งลืมตาขึ้น ลูกกระเดือกขยับนิดหน่อย
“แค่พวกเราลาออก ก็ไม่มีปัญหาว่าใครจะกลับมาแล้ว แถมยังหมด
ปัญหาเรื่องการปรับตัวให้เล่นด้วยกันได้ งั้นก็ไม่ต้องพูดเรื่องใครจะ
เป็นฝ่ายเบานี่”
ผู้จัดการถึงกับอึ้ง ทำไมเขาคิดไม่ถึงนะว่าเซียวจิ่งที่เห็นความสำคัญ
ของทีมมากที่สุดจะพูดแบบนี้ออกมาได้
และในขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินเสียงตัดสายเบา ๆ
จากนั้นก็โทรไม่ติด…อีกเลย?

ตอนที่ 2056
“เธอไม่อยู่ด้วย ก็ไม่สนุกแล้ว” จ้าวซานพั่งไม่อยากให้พวกในเน็ตไป
รังควานลั่วลั่ว หากเป็นไปได้ เขาอยากหาใครสักคนช่วยซ่อนข้อมูล
ของลั่วลั่วให้หมด
หลังจากที่นักเวทคนใหม่ป่ าวประกาศออกไป ทำให้คนบางกลุ่มไม่
พอใจก็ว่าไป
แต่นี่ลั่วลั่วลาออกไปแล้วก็ยังไม่เลิกราอีก ยังคิดว่าเธอจะกลับมาจริง ๆ
อันที่จริงก็ใจห่อเหี่ยวนานแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ จะกลับมาอีกทำไม
ต่อให้ชอบขนาดไหน แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ใครก็รับไม่ไหว
ลั่วลั่วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอได้ยินคำพูดของจ้าวซานพั่งแล้วก็
รู้สึกดีขึ้น เหมือนเมื่อก่อนตอนแรกเริ่ม
“ใช่ละ เธอไม่รู้ว่าพอเธอไปนะ หัวหน้าผิดปกติมาก” จ้าวซานพั่งเผย
ให้รู้นิด ๆ “แต่เขาน่าจะสำรวจตัวเองหน่อยว่าอีคิวมีปัญหา เธอกลับ
บ้านไปก็ดีเหมือนกัน จะได้กระตุ้นเขาบ้าง”
ลั่วลั่วไม่คิดว่าจ้าวซานพั่งจะพูดเรื่องนี้กับเธอ เมื่อได้ยินข่าวของชาย
หนุ่มอีกครั้ง เธอก็ดื่มน้ำอย่างไม่รู้ตัว “น่าจะเพราะช่วงนี้ยุ่งมาก เขา
ยังรับไม่ได้กับเรื่องของฉัน เดี๋ยวชินแล้วก็ดีเอง”
จ้าวซานพั่งได้ยินเสียงจากปลายสายก็เห็นใจอย่างไม่รู้สาเหตุ “เธอ
พูดถูก รอให้เขาชินเองก็อาจจะดีขึ้น เอ่อ ลั่วลั่ว เดี๋ยวนี้เธออยู่ที่ไหน
อ่ะ ห้องชุดในตัวเมืองใช่ป่ ะ ฉันอยากไปพักผ่อนหย่อนใจหน่อย คิด
อยู่นานก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี จะไปเจียงเฉิง แต่พอนึกถึงฉินมั่วคนบ้า
แฟนก็ขี้เกียจจะไปแล้ว”
ได้ยินแค่เสียงของอีกฝ่าย ลั่วลั่วก็พอจะนึกสีหน้าของเจ้าตัวออก หัวเราะ
ออกมาทันที “ฉันไม่ได้อยู่ในตัวเมือง อยู่บ้านเกิดในหมู่บ้าน นายจะ
มาเที่ยวไหมล่ะ?”
“แหงสิ อย่าเห็นว่าฉันหล่อจนเกินไปนะ งานใช้กำลังจำพวกผ่าฟืน
แบบนี้อ่ะ ฉันถนัดที่สุดเลย” จ้าวซานพั่งพยายามหลอกถามที่อยู่ให้
ได้ ชนิดขุดทุกวิถีทางมาใช้
ลั่วลั่วหัวเราะอีก “ตอนนี้มันสมัยไหนกันแล้ว ยังจะผ่าฟืนอีก? เดี๋ยว
ฉันจะแชร์ที่อยู่ให้ นายมาถึงที่ตำบลแล้วก็โทรหานะ ฉันจะไปรับเอง”
“ขอที่อยู่ชัด ๆ นะ เพราะฉันโง่เรื่องแผนที่มาก” จ้าวซานพั่งพูดตบท้าย
ลั่วลั่วตอบรับ “งั้นวางสายก่อนนะ เดี๋ยวจะแชร์ที่อยู่ผ่านวีแชทให้”
หลังจากได้ที่อยู่มา เขาส่งไปให้เซียวจิ่ง “หัวหน้า ครั้งนี้ต้องคว้าโอกาส
ไว้ให้ได้นะ ตอนที่ฉันคุยกับลั่วลั่ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกแปลกไป
เหมือนยัยคนนี้โตขึ้นหลังจากผ่านไปแค่คืนเดียว”
เซียวจิ่งไม่เห็นข้อความวีแชทนั่นเพราะกำลังรับสายจากผู้จัดการคลับ
“ขอโทษ? ทำไม?” หลังจากที่ได้ยินคำขอจากอีกฝ่าย เขาถามกลับด้วย
เสียงเรียบ เมื่ออยู่ในรถไฟความเร็วสูงจึงแทบไม่ได้ยิน
ผู้จัดการตาลีตาเหลือก “ไม่เข้าใจอีกเหรอ เซียวจิ่ง ลั่วลั่วไปแล้ว พวก
เราปล่อยเด็กใหม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจเพราะคนที่ลาออกไปแล้วไม่ได้
ฉันรู้ว่าเด็กใหม่ยังมีข้อบกพร่องในการเล่นอยู่มาก แต่ทุกทีมก็ต้องมี
ช่วงเวลาปรับตัวให้เล่นเข้ากันได้ นายเป็นหัวหน้า จะต้องรู้จักบาลานซ์
ความสำคัญของลูกทีมในระหว่างที่ปรับตัวกัน ฉันไม่ได้ให้ซานพั่ง
ขอโทษเสียหน่อย เรื่องนี้เขาไม่ผิด ฉันหมายความว่าให้เขายอมรับ
ผิดบ้าง พูดจาเบาลงหน่อย จะได้รักษาหน้าทุกฝ่าย โดยเฉพาะพวก
แฟนคลับที่คอยดูเหตุการณ์นี้ดู นายน่าจะรู้ว่าทางทีมไม่ควรเจอ
ผลกระทบเลวร้ายอีกแล้ว”
ตอนที่ 2057
“ผมไม่เข้าใจว่าอะไรคือการบาลานซ์ความสำคัญของลูกทีม” เซียว
จิ่งเอ่ยเสียงแผ่วต่ำ “ผมรู้แค่ว่า คนที่ลาออกไปแล้วในคำพูดของคุณ
เขาเป็นนักเวทที่เก่งที่สุดของเซียงหนาน เพราะมีเขาอยู่ในทีม เซียง
หนานถึงได้แชมป์สามปีรวด ส่วนคนที่คุณจะให้พูดจาเบาลง เป็น
คนเล่นเลนบนที่สำคัญที่สุดของทีมเซียงหนาน คนเล่นเกมต่างรู้ดีว่า
ตำแหน่งเลนบนต้องแบกรับความกดดันมากที่สุด เมื่อมีเขาอยู่ โซน
ป่าของผมถึงได้ปลอดภัย ช่วงปรับตัวเข้าหากันถือว่าสำคัญมาก เลือด
ใหม่ก็ขาดไม่ได้ แต่ผู้จัดการเหมือนจะลืมไปแล้วว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า
คือ ควรจะปฏิบัติตัวยังไงกับคนที่อุตส่าห์ทุ่มเทชีวิตให้กับทีมเซียง
หนาน พวกเขาสร้างเกียรติยศให้กับทางทีมมามากเท่าไร ดูเหมือน
คุณจะลืมไปแล้ว”
ผู้จัดการคนดังกล่าวไม่ได้ฟังคำพูดยืดยาวของชายหนุ่ม รู้ว่าเรื่องนี้
จัดการยาก จึงบดกรามเอ่ยต่อว่า “งั้นฉันจะต้องทำยังไง ทางบริษัทก็
สั่งการมาแล้วนะว่า เด็กใหม่…”
“ผมขอฝากบอกเด็กใหม่ด้วย” เซียวจิ่งเบรกคำพูดอีกฝ่าย “คนคน
หนึ่ง ถ้าไม่รู้จักเคารพรุ่นพี่ในวงการเดียวกัน กล้าพูดในสิ่งที่ไม่มี
หลักฐานเพื่อการชิงดีชิงเด่นที่ไร้ค่า ถือว่าไม่ผ่านสำหรับผม”
“เซียวจิ่ง ทำไมถึงไม่เข้าใจล่ะว่าแต่ละยุคมันไม่เหมือนกัน ทางคลับ
ต้องพิจารณาความอยู่รอดด้วย” ผู้จัดการพูดจากใจจริง “อันที่จริงพวก
นายก็ควรจะสำนึกตัวบ้าง ทำไมถึงได้รักษาช่องว่างกับพวกแฟนคลับ
เดี๋ยวนี้ไม่นิยมทำแบบนี้กันแล้วนะ นายควรทำให้พวกเขาเป็นหนึ่ง
เดียวกันกับพวกเรา พวกเขาถึงจะได้มีที่พักใจ นายกับลั่วลั่วแพ้กัน
ตรงนี้นี่แหละ”
แววตาชายหนุ่มเฉยชา “พูดไปพูดมาก็เพราะเรื่องแพ้นี่เอง”
“ไม่งั้น นายว่าใครควรจะเป็นฝ่ายเบาลง จะให้ลั่วลั่วมาพูดไม่ได้มั้ง
ฉันยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย รู้น่ะว่านายปกป้องเขา ถึงให้ซานพั่งออก
มาพูด ยังไงเจ้านั่นก็ชอบพูดเล่นอยู่แล้ว ให้พูดพอเป็นพิธีก็พอ”
ผู้จัดการพยายามกล่อม หนึ่ง อยู่ด้วยกันมานาน ย่อมต้องผูกพันกัน
อยู่แล้ว สองคนเหล่านี้ยังมีมูลค่า ยังดังกันอยู่มาก อย่างน้อยเซียวจิ่งก็
เป็นผู้มีมูลค่าสูงสุด
ผู้จัดการพูดมาถึงตรงนี้ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงเข้าใจ เพราะความสามัคคี
ของทีมสำคัญที่สุด
ทีมเซียงหนานและทีมไดมอนด์ไม่เหมือนกัน ทีมนั้นสลายได้ แต่ทีม
นี้ไม่ได้ เขาเห็นวิธีการจัดการปัญหาของทีมไดมอนด์แล้ว หากมอง
จากสายตานักธุรกิจก็เห็นว่าฝ่ายนั่นจัดการปัญหาได้อย่างไม่มีอีคิว
เอาเสียเลย จิ้งจอกหน้ายิ้มเฟิงอี้ก็ชักจะไม่เหมือนนักธุรกิจเข้าไปทุก
วันแล้ว
ผู้จัดการคิดอยู่อย่างนี้ ก็ได้ยินปลายสายพูดขึ้นทันที “ถ้าไม่มีใครพูด
ล่ะ คุณจะทำยังไง?”
“นายกำลังทำให้ฉันลำบากใจ ใช่ไหม เซียวจิ่ง” เหงื่อบาง ๆ ผุดกลาง
หน้าผากผู้จัดการ
เซียวจิ่งมองดูนอกตัวรถไฟ แค่หลับตานิดเดียวก็เห็นภาพที่พวกเขา
สามคนยืนอยู่บนแท่นรับรางวัล ตอนนั้นไม่ได้มีคนชอบพวกเขา
เยอะแยะอย่างนี้ พวกเขายังไม่ได้เด่นดัง อีสปอร์ตในเวลานั้นเป็นที่
รู้จักน้อยมาก
เวลานั้น เขาถึงได้รับมิตรภาพที่สำคัญที่สุดและ…ความรักในตอนนี้
“ไม่ต้องลำบากใจหรอก” เซียวจิ่งลืมตาขึ้น ลูกกระเดือกขยับนิดหน่อย
“แค่พวกเราลาออก ก็ไม่มีปัญหาว่าใครจะกลับมาแล้ว แถมยังหมด
ปัญหาเรื่องการปรับตัวให้เล่นด้วยกันได้ งั้นก็ไม่ต้องพูดเรื่องใครจะ
เป็นฝ่ายเบานี่”
ผู้จัดการถึงกับอึ้ง ทำไมเขาคิดไม่ถึงนะว่าเซียวจิ่งที่เห็นความสำคัญ
ของทีมมากที่สุดจะพูดแบบนี้ออกมาได้
และในขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินเสียงตัดสายเบา ๆ
จากนั้นก็โทรไม่ติด…อีกเลย?

ตอนที่ 2052
จ้าวซานพั่งมั่นใจว่าตัวเองกำลังกินอาหารหมาอยู่แน่นอน
“ไม่ หัวหน้า ต่อให้ไม่มีอารมณ์จะเล่นให้เข้าขากัน ก็…”
เซียวจิ่งไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ “ฉันจะไปรับลั่วลั่วกลับมา นายอยาก
จะทำให้ฉันเสียเวลาต่อไป หรือเข้าไปตรึงสถานการณ์ข้างใน?”
“เฮ้ย ยังต้องพูดอีกเหรอ!” จ้าวซานพั่งดับบุหรี่ในมือ “ท่านอ้วนอย่าง
ฉันถนัดด้านการตรึงสถานการณ์เอามาก ๆ ฉันไม่อยากว่าหัวหน้า
หรอกนะ ตอนที่ลั่วลั่วเดินทาง หัวหน้าก็ไม่ควรให้เขากลับไป เราจะ
ทนทุกข์ไปทำไม เพิ่งผ่านมาแค่ไหนเอง วันเดียวใช่ไหม วันเดียวเอง
หัวหน้าก็จะเอาเขากลับมาแล้ว หัวหน้า…”
“ทำไมต้องเอาตัวพี่ลั่วลั่วกลับมา ฉันเล่นไม่ดีพอเหรอ” นักเวทคนใหม่
เห็นทั้งสองออกจากห้องฝึกก็เดินตามมา ทว่าเธอคิดไม่ถึงว่าจะได้ยิน
คำพูดเหล่านั้น “พี่ลั่วลั่วลาออกแล้ว ก็ไม่ควรอยู่ในบริษัทอีกนี่คะ”
เซียวจิ่งทอดสายตาออกไป ไม่แสดงสีหน้าอะไร ต่อให้แววตาเขา
เย็นชามากแค่ไหน ก็พูดกับจ้าวซานพั่งเพียงว่า “นายบอกเขาทีว่าลั่ว
ลั่วมีดีที่ตรงไหน” จากนั้นหายลับไปจากระเบียงทางเดิน
แม่สาวนักเวทไม่เข้าใจจริง ๆ “เมื่อกี้คะแนนฉันไม่ดีเหรอ?”
“ดีจะตาย” จ้าวซานพั่งคิดแล้ว แต่ให้เสแสร้งยังไงก็ทำไม่เป็น “แต่
ถ้าเทียบกับลั่วลั่วแล้วยังอยู่คนละชั้น แต่ไม่ต้องกลัวนะ หัวหน้าบอก
ว่าจะรับลั่วลั่วกลับมา ไม่ได้ให้เขากลับทีมหรอก ลาออกแล้วก็คือ
ลาออก นอกจากฉุกเฉินจริง ๆ ไม่งั้นก็ไม่กลับทีมแน่”
เด็กใหม่หัวเราะหึ ๆ “หมดคำพูดจริง ๆ ฉันกับเขาไม่อยู่ระดับเดียวกัน
ได้ยังไง ฉันรู้คะแนนเขาเมื่อก่อน ตอนแข่งมาใหม่ ๆ ก็เก่งอยู่หรอก
แต่พอเจอทีมไดมอนด์เข้าเขาก็ไร้ประโยชน์ คะแนนไม่ดีเท่าตอน
เริ่มต้นด้วยซ้ำ ฟอร์มก็ย่ำแย่ ยังจะหาว่าฉันไม่อยู่ระดับเดียวกับเขาอีก?
พูดตรง ๆ นะท่านอ้วน ได้ยินพวกนายว่าฉันลับหลังแบบนี้ ฉันเสียใจ
มากนะ มีอะไรก็พูดต่อหน้าไม่ได้เหรอ ไม่ต้องแอบพูดลับหลัง”
“ข้างในกำลังไลฟ์ สดอยู่ ฉันพูดต่อหน้าไม่ได้หรอก” จ้าวซานพั่งพูด
ด้วยน้ำเสียงนุ่ม “ถ้าเธออยากรู้ว่าตัวเองมีข้อเสียตรงไหน ฉันจะ
วิเคราะห์ต่อหน้าเธอเลยแล้วกัน เธอไม่คล่องแคล่วเท่าที่ควร เอาแต่
อยู่เลนกลาง เธอบอกว่าเธอเล่นได้มั่นคง แต่การเล่นได้มั่นคงของ
เธอแลกมาด้วยความเร็วที่ลดลงของฉันกับหัวหน้า เราต้องแบกรับ
แรงกดดันมากขึ้น แน่นอนว่าอาจมองจากเกมนี้ไม่ออก พอเข้าแข่ง
ลีกส์อาชีพแล้วเกิดอะไรขึ้นมา งานนี้มีหนาวแน่”
เด็กใหม่ชะงักไป
จ้าวซานพั่งจึงร่ายต่อ “ใช่ ตอนนี้ลั่วลั่วไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอ
เด็กกว่าเขา ความพร้อมดีกว่าเขา ได้เข้าวงการในเวลาที่ดีกว่าเขา
เพราะตอนนี้เริ่มนิยมนักกีฬาอีสปอร์ตเหมือนเป็นดารา แค่ขายความ
แบ๊ว พวกแฟนคลับก็หลงแล้ว เรียกว่ารุ่งในวงการได้เลย เธอไม่ผิด
หรอกที่เป็นแบบนี้ เพราะฉันก็ขายบุคลิกตัวเองเหมือนกัน
แต่ว่านะคุณน้อง ฉันอยากบอกเธอสักนิด ตอนที่ลั่วลั่วเข้าวงการน่ะ
ไม่เหมือนตอนนี้หรอกนะ ตอนที่หลายคนยังไม่รู้จักอีสปอร์ตเลยว่า
คืออะไร เขาก็ลงแข่งแล้ว ประวัติน่าอับอายเอย เดินผิดทางอะไรเอย
เขาเจอมาหมด เขาไม่ได้ใสซื่อบริสุทธ์ิจนคนหลงรัก แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง
คือต่อให้ตอนนี้ฟอร์มเขาตกต่ำลง แต่ก็ยังเก่งกว่าเธอ เขาไม่สร้างแรง
กดดันให้เพื่อนเพื่อคะแนนสวยหรูอย่างเธอหรอก นี่แหละเป็นความ
เจ๋งจริงของนักเวทที่เก่งที่สุดของเซิร์ฟเวอร์ประเทศเรา เข้าใจ๊?”
ตอนที่ 2053
หัวหน้าเซียวง้อแฟน
นักเวทคนใหม่กำมือแน่น “ดูถูกฉันอย่างนี้ งั้นฉันลาออกก็น่าจะโอเค
ใช่ไหม?”
จ้าวซานพั่งไม่ได้ว่าอะไร เขารู้สึกว่าบางเรื่องพูดออกไปอีกฝ่ายก็ไม่
เข้าใจ
แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วก็ไม่จบ
ก่อนที่นักเวทคนใหม่จะมาที่นี่ ก็ย้ำเป็นนักเป็นหนาว่าตัวเองเป็น
แฟนคลับทีมเซียงหนาน เข้าทีมมาในฐานะแฟนคลับ ประมาณว่าดี
ใจมาก ๆ
เมื่อก่อนเธอชอบทีมเซียงหนานมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเทพทั้งสองที่เธอ
ชอบจะเป็นคนแบบนี้
จึงไปโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต “คนบางคนต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง
แถมยังมาพูดว่าไลฟ์ สดอยู่เลยไม่อยากว่าฉัน แต่กลับเอาไปโพนทะนา
ข้างนอกว่าฉันไม่ดียังไง แถมยังบอกว่าเป็นเพราะแฟนคลับ ทำให้
นักเวทคนเดิมออกจากทีมไป โยนให้แฟนคลับแบกรับทุกเรื่อง ฉันละ
อยากหัวเราะ มีแฟนคลับเท่าไรที่ยังเป็นนักเรียน ไม่มีเงินสนับสนุน
พวกเขาล่ะ บอกว่าตัวพวกเขาเองไม่ได้อยากได้อะไร ผลสุดท้ายไม่รู้
ว่าลับหลังจะเป็นยังไงอีก ขนาดไลฟ์ สดยังต้องระวังเลย ลาออกไป
แล้วก็ออกไปสิ ยังจะไปตามตัวกลับมาอีก ฉันไม่ได้จะว่าร้ายใคร แค่
อยากให้ทุกคนรู้ว่าทีมนี้เป็นยังไงกันแน่”
ตอนที่โพสต์นี้ถูกโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต
เซียวจิ่งอยู่ที่สถานีรถไฟความเร็วสูงพอดี
คำพูดบางอย่างดูเกินจริงไปนิด แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
เซียวจิ่งไม่ค่อยได้นั่งพาหนะแบบนี้ นอกจากจะไปร่วมการแข่งกับ
คนในทีม การจะนั่งรถแบบนี้ไปตามหาคนอย่างมีเป้าหมายชัดเจน
เหมือนตอนนี้ถือเป็นครั้งแรกในชีวิต ดังนั้นจึงไม่คล่องสักเท่าไร
ตอนมาเขาสวมชุดทีม แต่ด้วยความที่มันเด่นเกินไปเลยขอเปลี่ยนชุด
กับคนขับรถแท็กซี่ ทั้งยังเพิ่มเงินให้อีกร้อยกว่าหยวน
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ยังต้องสวมผ้าปิดปากอยู่ดี ต่อให้สถานีรถไฟ
ความเร็วสูงจะไม่เคยขาดคนหล่อ แต่หล่ออย่างเซียวจิ่งนับว่ามีน้อย
มาก มาดเขาเหมือนมาจากตระกูลบัณฑิต คำบรรยายนี้มักจะใช้กับ
ผู้หญิงเสียมากกว่า ทว่าก็ไม่ขัดกับบุคลิกของเขา
โดยเฉพาะตอนที่เขาหลุบตาดูข้อมูลในตั๋ว แผ่นหลังที่โค้งงอน้อย ๆ
กลับดูหล่อสะอาดสะอ้าน ยิ่งทำให้คนต้องเผลอหยุดมองเขาอยู่นาน
เซียวจิ่งกุมมือถือไว้ในมืออีกข้าง
เมื่อเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่เพียงทางคลับจะต่อสายถึงเขา กระทั่ง
จ้าวซานพั่งก็ไม่เว้น
ฝ่ายหลังพูดตรง ๆ เลย “ยัยนั่นเป็นโรคมโนหรือเปล่า ตอนนั้นฉัน
บอกว่าไลฟ์สดอยู่เลยไม่เหมาะจะพูดกับคุณเธอ ไม่ได้หมายความ
อย่างที่เจ้าหล่อนว่าซะหน่อย หรือเขาคิดว่าให้ฉันชี้ข้อบกพร่องเขา
ต่อหน้าในการไลฟ์ สดเลยจะรู้สึกแฮปปี้กว่า? เป็นเด็กใหม่ก็ต้องถ่อม
ตัวหน่อยป่ ะ ฉันอุตส่าห์เป็นสุภาพบุรุษทั้งที หรือฉันทำผิดไป?”
“ไม่ผิด” เซียวจิ่งตอบสั้น ๆ
เห็นได้ชัดว่าสองคำนั้นทำให้จ้าวซานพั่งฉีกยิ้มได้ “ฉันเห็นคอมเมนต์
ตามมาเพียบเลย ก็เลยอยากให้หัวหน้าปลอบใจ ฉันมันชอบยั่วโมโห
คนอื่นตรง ๆ จะตาย ดันโดนหาว่าต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง เชื่อ
เขาเลย ทางบริษัทสั่งให้ฉันเงียบหน่อยช่วงนี้”
“ไม่ต้อง” เซียวจิ่งพูดจบก็เสริมต่อ “ฉันกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ เดี๋ยวจะ
โทรกลับ”
จ้าวซานพั่งส่งเสียงรับรู้ “หัวหน้าไปตามตัวลั่วลั่วแล้ว ยังต้องแบ่ง
สมาธิมาดูเรื่องฉันอีก”
“ฉันเป็นหัวหน้าทีมเซียงหนาน” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าคิดว่า
ฉันต้องเสียสมาธิ ก็ช่วยถามลั่วลั่วทีว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน เมื่อก่อนฉัน
เคยจดไว้ แต่ตอนหลังเขาน่าจะย้ายบ้าน อย่าบอกเขาว่าฉันให้นายไป
ถาม แล้วอย่าถามจนมีพิรุธล่ะ นายเก่งเรื่องเจ้าแผนการที่สุดนี่”
ตอนที่ 2054
จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม “ไม่มีปัญหา ปล่อยให้เป็น
หน้าที่ฉันเอง” เขาติดต่อลั่วลั่วเป็นการส่วนตัวทันทีที่วางสายจาก
หัวหน้า
“ทำอะไรอยู่อะ” และทักอย่างนี้เป็นสิ่งแรก
บ้านเกิดลั่วลั่วอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมด้วยสายน้ำทั้งสี่ด้าน
หลายปีที่ผ่านมา เธอมีเงินเก็บจากการเล่นลีกส์อาชีพเหมือนกัน แต่
คนแก่ชอบเป็นแบบนี้ ยิ่งอายุมากขึ้นก็อยากอยู่บ้านเดิมของตัวเอง
มากกว่า
แม้ว่าลั่วลั่วจะซื้อห้องชุดแบบสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่นในตัว
เมืองให้แล้วก็ตาม แต่คนที่บ้านไม่อยากไปอยู่
ครั้งนี้เธอกลับมาบ้านเกิด
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อกลับถึงบ้านแล้วรู้สึกสบายขึ้นมาก แม้ที่นี่จะมี
สัญญาณอินเทอร์เน็ต ไม่ได้ล้าหลังมาก กระทั่งในชนบทก็ยังมีการ
สั่งอาหารเดลิเวอรี่ด้วย
แต่สิ่งเดียวที่ต่างกันก็คือเรื่องที่ผู้คนชอบพูดคุย ที่นี่ไม่มีใครรู้ว่า
นักกีฬาอีสปอร์ตอาชีพคืออะไร
ทัศนคติและความคิดของคนรุ่นก่อนยังหยุดอยู่แค่ว่ามันคือการเล่น
เกมธรรมดา ๆ เท่านั้น
คุณแม่ของลั่วลั่วเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ แต่พอจะเห็นได้ว่าเธอสวย
มากทีเดียวตอนยังสาว
ต่างกับลั่วลั่วตรงที่แม่เธอชอบร้องเพลง แถมยังเลียนแบบคนอื่นด้วย
การร้องเพลงลงแอพพลิเคชันคาราโอเกะชื่อว่า ‘ชั่งปา’ (ร้องเพลงกัน
เถอะ) ด้วย
“ดูสิลูก ดูสิ มีแฟนคลับกดไลก์ให้แม่ด้วย” คุณแม่ดึงลูกสาวให้มอง
มือถือของเธอ
ลั่วลั่วพูดกลั้วยิ้ม “จริงเหรอ”
“เดี๋ยวแม่จะร้องอีกเพลง แต่ตอนนี้จะไปเก็บผักในป่ ากับพวกน้าสวี
ก่อน” คุณแม่ลั่วพูดจบก็สะพายกระเป๋ า “กินผักป่ าดีต่อร่างกายนะลูก
แม่เห็นผู้เชี่ยวชาญโพสต์ในวีแชท”
ลั่วลั่วเหลือบมอง “แม่ มันไม่น่าเชื่อถือหรอก”
“บ้า จะไม่น่าเชื่อถือได้ยังไง” คุณแม่ลั่วจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อย
ต่อให้ไปเก็บผักที่ป่ าก็ต้องสวยหน่อย
ลั่วลั่วขำอยู่ข้าง ๆ “ข้างนอกแดดร้อนจะตาย”
“พวกเราขับรถไป น้าสวีเปิดแอร์ให้ด้วย”
ทันสมัยจริง ๆ ขับรถไปเก็บผักป่ ากันด้วย
“อ้อ มือถือลูกดังอยู่นั่นแหละ ลองดูหน่อยไหม?” คุณแม่พูดเสร็จก็
พลันนึกอะไรขึ้นได้ “น้าสวีแนะนำผู้ชายคนหนึ่งให้ลูก ไม่เลวเลย
นะ เดี๋ยวแม่กลับมาแล้วจะพาลูกไปเจอ เขาเพิ่งไปเป็นทหารกลับมา
เป็นเพื่อนหนูตอนประถมด้วย พอได้ยินว่าหนูกลับมาแล้วก็เลยอยาก
เจอให้ได้ ลูกว่าเป็นวาสนาไหมล่ะ”
“แม่” ลั่วลั่วเพิ่งจะพูดออกมา คนเป็นแม่ก็ขัดทันที “ลั่วลั่ว อย่าคิดว่า
พวกคนแก่อย่างแม่ชอบแนะนำแฟนให้ลูกเลย ถือเสียว่าเป็นงาน
อดิเรกของพวกเราก็แล้วกัน แต่พวกเราไม่ได้แนะนำมั่ว ๆ นะ คน
เขาถามถึงลูกก่อน ลูกก็ไปดูสิ แม่เคยเห็นรูปถ่ายแล้ว เป็นหน้าตา
แบบที่ลูกชอบเลยล่ะ ถ้าลูกไม่ชอบจริง ๆ ก็ค่อยบอก ไม่รู้จักน้าสวี
เหรอ เป็นคนตรงไปตรงมาจะตาย ในเมื่อกลับมาแล้วก็ควรทิ้งคนใน
หัวใจไปนะ”
ลั่วลั่วได้ยินคำพูดในช่วงแรกก็อยากหัวเราะ แต่เมื่อมาถึงประโยค
ท้ายก็ชะงัก “แม่ ทำไมถึง?”
“สามปีที่ผ่านมา ลูกกลับมาวันสิ้นปีก่อนวันตรุษจีนทีไรก็เอาแต่รอ
สาย ขอแค่คนเขาโทรมาก็ยิ้มเชียว” คุณแม่พูดแล้วก็เอาหมวกไปด้วย
“ลูกสาวแท้ ๆ ของแม่ แม่จะไม่รู้จักดีได้ยังไง ลูกต้องมีคนที่ชอบอยู่
แล้ว แม่ถึงได้บอกปัดคนที่มาคุยเรื่องลูกไปตั้งเยอะ แม่คิดว่าในเมื่อ
ลูกชอบเล่นเกมมาก คงต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปแน่ ไม่กลับมาหรอก
แต่ในเมื่อกลับมาแล้วก็ดีเหมือนกัน”
ประโยคท้ายเป็นสิ่งที่อ่อนโยนที่สุด ทำให้ลั่วลั่วนึกขึ้นมาได้
หันหลังออกจากบ้านไปหลายปีเพื่อไขว่คว้าอาชีพที่ไม่มีใครยอมรับ
ด้านหลังยังมีบางสิ่งที่รออยู่
และตอนนี้ถึงเวลายอมรับมันแล้ว…
ตอนที่ 2055
ลั่วลั่วสูดหายใจลึก “หนูไปก็ได้ แต่บอกก่อนนะ หนูยังไม่ได้เตรียม
ใจคิดจะรีบหาแฟน”
“พวกเราแค่อยากให้คบเป็นเพื่อนกันก่อน ถ้าเข้ากันได้ก็ค่อยคบกัน
ไม่ได้บอกว่าต้องคบเป็นแฟนให้ได้สักหน่อย” คุณแม่ก็พูดอย่างนี้
แต่ในสายตาของลั่วลั่ว เธอย่อมมองออกว่าพอเธอตอบตกลง หน้า
แม่ก็ยินดีมาก ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่ไม่อยากให้ลูกมีแฟน ทั้งที่
อายุก็สมควรแก่เวลาแล้ว
ลั่วลั่วรู้ดีแก่ใจ เมื่อก่อนเธอต่อต้านมาก
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะอยู่นอกบ้านนานเกินไปหรือเปล่า หลังจาก
กลับมาอยู่ในบ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ ได้เห็นการใช้ชีวิตที่มีจังหวะช้าลง
พอกลับไปติดตามพวกที่ชอบอ่านข่าวไม่ดีของคนอื่นบนโลก
ออนไลน์ กลับไม่ได้รู้สึกทรมานใจขนาดนั้น
คงเพราะเหนื่อยแล้วจริง ๆ
ลั่วลั่วหลับตาลง เธอยังจำได้ดีว่าตอนที่ผลักประตูเข้าบ้านมา แม่มี
ท่าทีตะลึงอย่างไร
คงเพราะแม่ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการลาออกจากวงการคืออะไร
คิดง่าย ๆ เพียงว่าลูกสาวทำงานในเมืองมาหนัก จากนั้นก็ลาออก
กลับมาอยู่บ้านเกิด
ทว่าแม่ยังรู้ดีว่าเธอเศร้าเพียงใด กระทั่งเข้ามากอดบ่าเธอตอนกลางคืน
พลางพูดว่า “ไม่เล่นต่อไปก็ดีนี่ลูก จะได้มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนแม่ ลูก
ไม่รู้หรอกว่าพ่ออยากให้ลูกกลับมาแค่ไหน”
นี่ไม่เหมือนกับที่เธอโทรกลับบ้านทุกครั้ง
พวกท่านมักจะพูดว่า “ที่บ้านสบายดี อยู่ข้างนอกก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ”
เมื่อก่อนเธอกลัวการออกจากวงการ เธอถึงขั้นไม่รู้ว่าหากออกจาก
วงการไปแล้วจะทำอะไรได้
หากไปสมัครงาน คนเขาถามวุฒิการศึกษาเข้า เธอต้องตอบว่าไม่มี
ใบปริญญางั้นเหรอ หรือถ้าคนเขาถามถึงประสบการณ์การทำงาน
เธอต้องตอบว่าเล่นเกมงั้นสิ
ลั่วลั่วเคยคิดถึงเรื่องพวกนี้ อันที่จริงเธอทำงานที่เกี่ยวกับอาชีพเดิม
ของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกร ผู้บรรยาย หรือรับจ้างเล่นแทน แต่
ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่สนใจเลย ดังนั้นหลายวันก่อน แม้เธออยากจะ
ให้ชายหนุ่มคนนั้นรับปากคบกับเธอแค่ไหน เธอก็ยังหวั่น ๆ ว่าจะ
สูญเสียความรักนั่นไป
นั่นเป็นปัญหาของเธอเอง ไม่เกี่ยวกับเขา
เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ อาจเป็นเพราะโดนด่ามาเยอะ เธอจึงไม่กล้าอีก
ไม่ใช่เพราะคนเหล่านั้น แต่เพราะเธอกลัวว่าหลังจากที่ตัวเองลาออก
เธอจะไม่เหลือสิ่งที่ชายหนุ่มชื่นชมอีก น่าจะเป็นอย่างนี้มากกว่า
ลั่วลั่วกุมขมับ มุมปากยกยิ้ม
เธอคิดว่าจะแก้ไขความรู้สึกด้อยค่าของตัวเองสำเร็จได้ในหลายปีที่
ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเราชอบใครสักคน ความรู้สึกดังกล่าวก็ยิ่ง
ปะทุขึ้นมา เวลานี้เธอไม่กลัวที่จะลาออก เมื่อไม่มีอินเทอร์เน็ต ถอน
ตัวจากเกม ความสงบสุขที่ไม่เคยพบเจอก็ตามมา คงเพราะรู้ว่าเขา
ไม่ได้รู้สึกกับเธอในด้านนั้น จึงอยากให้ความรู้สึกลดน้อยถอยลง
หัวใจจะได้พักผ่อนด้วย
เดิมลั่วลั่วกะลิ้มรสกับการใช้ชีวิตในจังหวะที่ช้าลง แต่คำพูดของแม่
ที่ให้เธอดูมือถือ ทำให้เธอเปิดหน้าจอออกมา ใช่ว่าเธอไม่คาดหวังว่า
จะได้เห็นชื่อของเขา ทว่าหลังจากที่เปิดดูกล่องสนทนา ก็ยิ้มขึ้นมา
อย่างพิกล “จริง ๆ เลย ยังจะฝันอยู่อีก”
แต่การได้รับข้อความจากท่านอ้วนก็ทำให้เธอดีใจได้อยู่
เธอกดปุ่มอัดข้อความเสียง “เพิ่งตื่น กำลังอยู่ที่ลานบ้าน ท่านอ้วนมี
อะไรเหรอ หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ถามจบก็นึกขึ้นได้ว่า วันนี้น่าจะ
เป็นวันที่นักเวทคนใหม่เข้ามา ดีจัง
ลั่วลั่วชะงักนิ้ว ก่อนจะยิ้ม “ที่นี่ไม่มีอินเทอร์เน็ต เลยไม่ได้ดูพวกนาย
แข่งไลฟ์สด”

ตอนที่ 2051-1
หัวหน้าเซียว ‘ตื่น’ แล้ว
เมื่อเซียวจิ่งมาถึง รถไฟความเร็วสูงก็เคลื่อนขบวนไปแล้ว
คนของทีมไดมอนด์กำลังจะกลับ หลินเฟิงเห็นชายหนุ่มเข้าก็ตบบ่า
อีกฝ่าย “เซียวหน้านิ่ง จริง ๆ เลยนะ ไม่ใช่จะว่านายหรอก แต่นายคบ
แฟนไม่เป็นอะ”
อวิ๋นหู่ไม่แสดงความเห็นกับเรื่องนี้ เพราะคนบางคนก็เหมือนกระดาษ
เปล่าในเรื่องความรักเหมือนกัน
“ถ้าฉันเป็นนายนะ ตอนนี้ฉันจะใช้อิทธิพลของทั้งตระกูลสั่งให้รถไฟ
หยุดเดิน” พูดจบก็หันไปมองป๋ อจิ่ว “บทมันเป็นแบบนี้ใช่ปะ?”
ป๋อจิ่วพูดอย่างเป็นปกติ “อ่านนิยายเยอะเกิน ไม่มีใครสั่งให้รถไฟ
ความเร็วสูงหยุดได้หรอก แต่ถ้าแฮกระบบน่ะพอไหว”
“อยู่ให้เรียบร้อยหน่อย ทั้งสองคนนั่นแหละ” ฉินมั่วดึงคอเสื้อด้านหลัง
ของคนบางคน หันหน้าหล่อ ๆ ไปอีกทาง “ฉันพาตัวคนกลับก่อน
ต่อไปนายจะทำยังไงก็คิดดูแล้วกัน”
ประโยคนี้พูดกับเซียวจิ่งอย่างเห็นได้ชัด
เซียวจิ่งยืนนิ่ง เงยหน้าขึ้นมองทางเข้ารถไฟความเร็วสูง
คิดว่าเขาก็ไม่ชินจริง ๆ
นอกจากไม่ชินแล้วก็อยากรู้ด้วยว่ายังมีอะไรอีก
เมื่อเปิดมือถือออกดูไม่เห็นข้อความอะไร ก็รู้สึกเหมือนจะไม่ชิน…
ทีมเซียงหนานได้ตัวนักเวทคนใหม่มาร่วมทีม นักเวทคนนี้เป็นคนที่
แฟนคลับชอบมาก ทางคลับพิจารณาอย่างรอบคอบ จึงปฏิบัติตามที่
แฟนคลับต้องการด้วยการชวนให้เธอคนนี้เข้าทีม ป้องกันไม่ให้เกิด
ปัญหาเหมือนตอนที่ลั่วลั่วอยู่
นักเวทคนใหม่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน นิสัยเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน รู้
ว่าจ้าวซานพั่งชอบกินก็ซื้อขนมมาให้เยอะแยะ ตอนที่เซียวจิ่งกำลัง
ฝึกซ้อม เธอก็ไม่ลืมถือขวดน้ำแร่มาให้ สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มี
ปัญหา การมาแทนที่คนอื่นดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ก็แค่เอาคนใหม่มา
นั่งเล่นเกมไลฟ์สดด้วยกันสามคน
เวลานี้เธอออนไลน์มานานแล้ว เปิดกล้องคู่ อธิบายให้ทุกคนฟังด้วย
รอยยิ้มหวาน
จ้าวซานพั่งยังคงเล่นเลนบนอย่างโหด ส่วนเซียวจิ่งเป็นนักฆ่าอยู่ที่
โซนป่า ที่เหลืออีกสองเป็นบุคคลทั่วไปที่สุ่มมาร่วมเล่นด้วย
ด้วยเหตุที่เป็นนักเล่นอาชีพ ฝีมือของเธอย่อมใช้ได้ ทว่า…เธอเข้ามา
ช่วยเหลือช้าไป เจ้าหล่อนเล่นพลางหันมาถามเซียวจิ่ง “เทพเซียว ฉัน
ซัดสกิลนี้ถูกไหม?”
“อื้ม” เซียวจิ่งตอบ มือชะงักครู่หนึ่ง
เธอยังพูดอีกว่า “เพื่อนอีกสองคนที่เข้ามาร่วมเล่นด้วย ต้องช่วยปกป้อง
ฉันนะคะ”
จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วอยากจบเกมไว ๆ หน่อยทันที
ส่วนเซียวจิ่งเข้าฆ่าคู่แข่งโดยไม่พูดอะไร ทำให้จ้าวซานพั่งเยือกเย็น
ลงได้
เกมนี้ทั้งสามชนะก็จริง แต่ให้ความรู้สึกต่างจากเดิม แนวความคิดไม่
เหมือนกัน สนับสนุนกันช้าเกินไป เอาแต่ให้คนปกป้องอยู่ได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ด้วยเหตุที่ต้องฝึกเล่นให้เข้าขากับคนใหม่ ส่งผล
ให้จ้าวซานพั่งสงสัยว่าฟอร์มการเล่นตัวเองมีปัญหาหรือเปล่า
เมื่อออกจากห้องฝึกก็เอียงคอจุดบุหรี่ เป็นการแข่งที่น่ารำคาญมาก
อันที่จริงแฟนคลับเก่าแก่ของทีมเซียงหนานมองออกว่า ฟอร์มการ
เล่นของท่านอ้วนผิดปกติ
ไม่ ไม่ใช่แค่ท่านอ้วน กระทั่งเทพเซียวที่ฐานะไม่สูงเท่าแต่ก่อนด้วย
ชนะแล้วน่ะใช่ ทว่าความเร็วที่ลดลงนี่มันอะไรกัน?
ทว่าคะแนนยังสวยหรูอยู่หรอก
แฟนคลับที่เลือกผู้หญิงคนนั้นยิ่งรู้สึกว่าเธอนำพลังใหม่ ๆ มาให้ทีม
เซียงหนาน
ดีกว่าเดิมที่ทื่อมะลื่อเยอะ
ทว่าคนที่แข่งจริงจังคือจ้าวซานพั่งและเซียวจิ่ง
โดยเฉพาะฝ่ายแรก ต้องแบกรับความกดดันที่เลนบนสูงกว่าเดิมถึง
เท่าตัว
นักเล่นธรรมดาย่อมมองไม่ออก นี่เป็นเกมที่ต้องรักษาป้อมไม่ใช่
เหรอ ก็แค่เทคนิคเสริมทัพง่าย ๆ
ตอนที่ 2051-2
หัวหน้าเซียว ‘ตื่น’ แล้ว
ผู้หญิงที่มาใหม่อยู่คนละชั้นกับลั่วลั่ว
ทั้งนี้ใช่ว่านักเล่นระดับเก่ง ๆ จะมองไม่ออก แต่พอเห็นแค่คะแนน
หรู ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองแค่ไม่ชินกับคนใหม่ ไม่เกี่ยวกับอย่างอื่น
ไม่เกี่ยวกับอย่างอื่นบ้าอะไร
จ้าวซานพั่งทึ้งผมตัวเองอย่างแรง บางครั้งก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคน
เหล่านี้ไล่คนเล่นเก่งออกไปทำไม
เดิมที่คิดจะเก็บอารมณ์ไว้ก็ทนไม่ไหวแล้ว เตะถังขยะเข้าอย่างแรง
ก่อนจะหันหน้ามา และได้พบกับเซียวจิ่งที่เดินออกมาจากห้องฝึกซ้อม
“อารมณ์ไม่ดีเหรอ?” ใบหน้าชายหนุ่มยังสง่า ไม่เห็นอารมณ์ใด ๆ
หากไม่ได้พูดอะไร จ้าวซานพั่งคงยังอัดอั้น “ใครเอาคุณเธอมาวะ เอา
กลับไปได้ไหม จะเล่นอย่างนี้จริงอะ? เล่นระดับอาชีพ แต่กลับร้อง
ให้คนอื่นปกป้อง พวกนั้นยังจะรู้สึกโอเคอีก ใจดีจังเนอะ คนพวกนั้น
ไม่ได้ดูฝีมือหรอก ชอบหน้าคนมากกว่า นั่นก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่นี่
พวกเราแข่งอยู่นะ!”
เซียวจิ่งรับฟัง ไม่พูดอะไรออกมา
จ้าวซานพั่งอัดบุหรี่เข้าปอด “รวมทีมสู้ศึกหนักที่เลนบนถึงสามครั้ง
แม่คุณก็ไม่มารวมทีมสักนิด ใช่ ไม่ผิดหรอก ฉันเล่นเลนบนระดับ
มืออาชีพเลยพอจะกันไว้ได้ แต่ถ้าไปเกิดขึ้นตอนเราแข่งกับทีมอาชีพ
ด้วยกันล่ะจะทำยังไง จะเอาแต่เฝ้าเลนกลางงั้นเหรอ? ปกป้องป้อม
ด้วยชีวิตสินะ ยังไงก็ไม่ตาย คะแนนสวยอีกต่างหาก!
เซียวจิ่งยังคงเงียบ ไม่ว่ามองอะไรอยู่ สีหน้าถึงได้แข็งกระด้าง
จ้าวซานพั่งรู้สึกผิดปกติ จึงเก็บอารมณ์บ้าง “หัวหน้า ฉันไม่ได้แขวะ
นะ รับไม่ไหวแล้ว ต่อไปพวกเราจะแข่งยังไง ขี้ขลาดจนไม่มีเพื่อน?
ถึงลั่วลั่วจะขี้ขลาดเรื่องรักหัวหน้า แต่ไม่เคยกลัวเวลาเล่นเกม หัวหน้า
ก็รู้ว่าเขาช่วยสนับสนุนเร็วแค่ไหน มีเขาอยู่เลนกลาง หัวหน้าก็ล่า
มอนสเตอร์ได้เร็วมาก แถมยังช่วยฟันดาบสุดท้ายเลยวิ่งไปเลนบนทัน
นักเวทดี ๆ เฮ้อ นักเวทดี ๆ ไม่ได้อยู่ที่คะแนนดี คนพวกนั้นเข้าใจปะ
วะ” พูดมาถึงตรงนี้ จ้าวซานพั่งก็ไม่หวังจะให้หัวหน้าตอบรับอะไร
ทั้งสิ้น เพราะหัวหน้าตัวเองโด่งดังไปทั้งวงการว่าเป็นพ่อหน้านิ่งพูด
น้อย
กระทั่งเจ้าหนูคนเก่งของทีมไดมอนด์ น่าจะได้อยู่กับหัวหน้าเขา
มากกว่า ได้แต่มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ไม่ต้องพูดกับใคร
ในระหว่างที่จ้าวซานพั่งถอนหายใจอีกเฮือก ก็เตรียมปิ ดการสนทนา
อย่างมีสติ
เซียวจิ่งเอ่ยขึ้นในที่สุด เสียงราบเรียบมาก “ฉันไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้
เลย”
จ้าวซานพั่งทำหน้าแบบไม่ใช่แล้วมั้ง จากนั้นโมโหจริงจัง “หัวหน้า
อย่าพูดไม่มีมโนธรรมแบบนี้ดิ เรื่องอื่นไม่ต้องพูด ลั่วลั่วเล่นเกมเก่ง
ขนาดไหน หัวหน้าน่าจะรู้ดี ฉายาสามเหลี่ยมมรณะนั่นไม่ได้ได้มา
มั่ว ๆ นะ ตอนที่ทีมเราไม่มีตัว ADC เขายังทำแทนได้ เขา…”
“ที่ไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ เพราะฉันคิดถึงเขาแค่คนเดียว” เซียวจิ่ง
แทรกคำพูดของจ้าวซานพั่ง
จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วอ้ำอึ้งทันที “หัวหน้า หมายความว่า ว่า…”
“คิดถึงเขามาก” นัยน์ตาเซียวจิ่งเริ่มหวั่นไหว “ไม่ใช่เพราะเขาเป็น
สมาชิกทีมเซียงหนาน ไม่ใช่เพราะฝีมือการเล่นของเขาด้วย”
จ้าวซานพั่งตัวเกร็งเลยทีเดียว “ก็ ก็ปกตินี่” เฮ้ย เขากำลังโดนสาด
อาหารหมาใช่ไหม?
“ที่เหลือพวกนายก็แข่งเองแล้วกัน” เซียวจิ่งรูดซิปเสื้อทีมออก
จ้าวซานพั่งเป็นงง “พวกฉัน? ฉันกับใครอะ?”
“เด็กใหม่ไง” ชายหนุ่มตอบพลางโยนเสื้อคลุมให้อีกฝ่าย
จ้าวซานพั่งงับบุหรี่ เบลอไปแล้ว “เฮ้ย หัวหน้า ไหนบอกว่าช่วงนี้
ต้องเล่นให้เข้าขากันไง เล่นจัดอันดับสามคนอ่ะ”
“ไม่มีอารมณ์เล่น”

ตอนที่ 2051-1
หัวหน้าเซียว ‘ตื่น’ แล้ว
เมื่อเซียวจิ่งมาถึง รถไฟความเร็วสูงก็เคลื่อนขบวนไปแล้ว
คนของทีมไดมอนด์กำลังจะกลับ หลินเฟิงเห็นชายหนุ่มเข้าก็ตบบ่า
อีกฝ่าย “เซียวหน้านิ่ง จริง ๆ เลยนะ ไม่ใช่จะว่านายหรอก แต่นายคบ
แฟนไม่เป็นอะ”
อวิ๋นหู่ไม่แสดงความเห็นกับเรื่องนี้ เพราะคนบางคนก็เหมือนกระดาษ
เปล่าในเรื่องความรักเหมือนกัน
“ถ้าฉันเป็นนายนะ ตอนนี้ฉันจะใช้อิทธิพลของทั้งตระกูลสั่งให้รถไฟ
หยุดเดิน” พูดจบก็หันไปมองป๋ อจิ่ว “บทมันเป็นแบบนี้ใช่ปะ?”
ป๋อจิ่วพูดอย่างเป็นปกติ “อ่านนิยายเยอะเกิน ไม่มีใครสั่งให้รถไฟ
ความเร็วสูงหยุดได้หรอก แต่ถ้าแฮกระบบน่ะพอไหว”
“อยู่ให้เรียบร้อยหน่อย ทั้งสองคนนั่นแหละ” ฉินมั่วดึงคอเสื้อด้านหลัง
ของคนบางคน หันหน้าหล่อ ๆ ไปอีกทาง “ฉันพาตัวคนกลับก่อน
ต่อไปนายจะทำยังไงก็คิดดูแล้วกัน”
ประโยคนี้พูดกับเซียวจิ่งอย่างเห็นได้ชัด
เซียวจิ่งยืนนิ่ง เงยหน้าขึ้นมองทางเข้ารถไฟความเร็วสูง
คิดว่าเขาก็ไม่ชินจริง ๆ
นอกจากไม่ชินแล้วก็อยากรู้ด้วยว่ายังมีอะไรอีก
เมื่อเปิดมือถือออกดูไม่เห็นข้อความอะไร ก็รู้สึกเหมือนจะไม่ชิน…
ทีมเซียงหนานได้ตัวนักเวทคนใหม่มาร่วมทีม นักเวทคนนี้เป็นคนที่
แฟนคลับชอบมาก ทางคลับพิจารณาอย่างรอบคอบ จึงปฏิบัติตามที่
แฟนคลับต้องการด้วยการชวนให้เธอคนนี้เข้าทีม ป้องกันไม่ให้เกิด
ปัญหาเหมือนตอนที่ลั่วลั่วอยู่
นักเวทคนใหม่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน นิสัยเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน รู้
ว่าจ้าวซานพั่งชอบกินก็ซื้อขนมมาให้เยอะแยะ ตอนที่เซียวจิ่งกำลัง
ฝึกซ้อม เธอก็ไม่ลืมถือขวดน้ำแร่มาให้ สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มี
ปัญหา การมาแทนที่คนอื่นดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ก็แค่เอาคนใหม่มา
นั่งเล่นเกมไลฟ์สดด้วยกันสามคน
เวลานี้เธอออนไลน์มานานแล้ว เปิดกล้องคู่ อธิบายให้ทุกคนฟังด้วย
รอยยิ้มหวาน
จ้าวซานพั่งยังคงเล่นเลนบนอย่างโหด ส่วนเซียวจิ่งเป็นนักฆ่าอยู่ที่
โซนป่า ที่เหลืออีกสองเป็นบุคคลทั่วไปที่สุ่มมาร่วมเล่นด้วย
ด้วยเหตุที่เป็นนักเล่นอาชีพ ฝีมือของเธอย่อมใช้ได้ ทว่า…เธอเข้ามา
ช่วยเหลือช้าไป เจ้าหล่อนเล่นพลางหันมาถามเซียวจิ่ง “เทพเซียว ฉัน
ซัดสกิลนี้ถูกไหม?”
“อื้ม” เซียวจิ่งตอบ มือชะงักครู่หนึ่ง
เธอยังพูดอีกว่า “เพื่อนอีกสองคนที่เข้ามาร่วมเล่นด้วย ต้องช่วยปกป้อง
ฉันนะคะ”
จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วอยากจบเกมไว ๆ หน่อยทันที
ส่วนเซียวจิ่งเข้าฆ่าคู่แข่งโดยไม่พูดอะไร ทำให้จ้าวซานพั่งเยือกเย็น
ลงได้
เกมนี้ทั้งสามชนะก็จริง แต่ให้ความรู้สึกต่างจากเดิม แนวความคิดไม่
เหมือนกัน สนับสนุนกันช้าเกินไป เอาแต่ให้คนปกป้องอยู่ได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ด้วยเหตุที่ต้องฝึกเล่นให้เข้าขากับคนใหม่ ส่งผล
ให้จ้าวซานพั่งสงสัยว่าฟอร์มการเล่นตัวเองมีปัญหาหรือเปล่า
เมื่อออกจากห้องฝึกก็เอียงคอจุดบุหรี่ เป็นการแข่งที่น่ารำคาญมาก
อันที่จริงแฟนคลับเก่าแก่ของทีมเซียงหนานมองออกว่า ฟอร์มการ
เล่นของท่านอ้วนผิดปกติ
ไม่ ไม่ใช่แค่ท่านอ้วน กระทั่งเทพเซียวที่ฐานะไม่สูงเท่าแต่ก่อนด้วย
ชนะแล้วน่ะใช่ ทว่าความเร็วที่ลดลงนี่มันอะไรกัน?
ทว่าคะแนนยังสวยหรูอยู่หรอก
แฟนคลับที่เลือกผู้หญิงคนนั้นยิ่งรู้สึกว่าเธอนำพลังใหม่ ๆ มาให้ทีม
เซียงหนาน
ดีกว่าเดิมที่ทื่อมะลื่อเยอะ
ทว่าคนที่แข่งจริงจังคือจ้าวซานพั่งและเซียวจิ่ง
โดยเฉพาะฝ่ายแรก ต้องแบกรับความกดดันที่เลนบนสูงกว่าเดิมถึง
เท่าตัว
นักเล่นธรรมดาย่อมมองไม่ออก นี่เป็นเกมที่ต้องรักษาป้อมไม่ใช่
เหรอ ก็แค่เทคนิคเสริมทัพง่าย ๆ
ตอนที่ 2051-2
หัวหน้าเซียว ‘ตื่น’ แล้ว
ผู้หญิงที่มาใหม่อยู่คนละชั้นกับลั่วลั่ว
ทั้งนี้ใช่ว่านักเล่นระดับเก่ง ๆ จะมองไม่ออก แต่พอเห็นแค่คะแนน
หรู ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองแค่ไม่ชินกับคนใหม่ ไม่เกี่ยวกับอย่างอื่น
ไม่เกี่ยวกับอย่างอื่นบ้าอะไร
จ้าวซานพั่งทึ้งผมตัวเองอย่างแรง บางครั้งก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคน
เหล่านี้ไล่คนเล่นเก่งออกไปทำไม
เดิมที่คิดจะเก็บอารมณ์ไว้ก็ทนไม่ไหวแล้ว เตะถังขยะเข้าอย่างแรง
ก่อนจะหันหน้ามา และได้พบกับเซียวจิ่งที่เดินออกมาจากห้องฝึกซ้อม
“อารมณ์ไม่ดีเหรอ?” ใบหน้าชายหนุ่มยังสง่า ไม่เห็นอารมณ์ใด ๆ
หากไม่ได้พูดอะไร จ้าวซานพั่งคงยังอัดอั้น “ใครเอาคุณเธอมาวะ เอา
กลับไปได้ไหม จะเล่นอย่างนี้จริงอะ? เล่นระดับอาชีพ แต่กลับร้อง
ให้คนอื่นปกป้อง พวกนั้นยังจะรู้สึกโอเคอีก ใจดีจังเนอะ คนพวกนั้น
ไม่ได้ดูฝีมือหรอก ชอบหน้าคนมากกว่า นั่นก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่นี่
พวกเราแข่งอยู่นะ!”
เซียวจิ่งรับฟัง ไม่พูดอะไรออกมา
จ้าวซานพั่งอัดบุหรี่เข้าปอด “รวมทีมสู้ศึกหนักที่เลนบนถึงสามครั้ง
แม่คุณก็ไม่มารวมทีมสักนิด ใช่ ไม่ผิดหรอก ฉันเล่นเลนบนระดับ
มืออาชีพเลยพอจะกันไว้ได้ แต่ถ้าไปเกิดขึ้นตอนเราแข่งกับทีมอาชีพ
ด้วยกันล่ะจะทำยังไง จะเอาแต่เฝ้าเลนกลางงั้นเหรอ? ปกป้องป้อม
ด้วยชีวิตสินะ ยังไงก็ไม่ตาย คะแนนสวยอีกต่างหาก!
เซียวจิ่งยังคงเงียบ ไม่ว่ามองอะไรอยู่ สีหน้าถึงได้แข็งกระด้าง
จ้าวซานพั่งรู้สึกผิดปกติ จึงเก็บอารมณ์บ้าง “หัวหน้า ฉันไม่ได้แขวะ
นะ รับไม่ไหวแล้ว ต่อไปพวกเราจะแข่งยังไง ขี้ขลาดจนไม่มีเพื่อน?
ถึงลั่วลั่วจะขี้ขลาดเรื่องรักหัวหน้า แต่ไม่เคยกลัวเวลาเล่นเกม หัวหน้า
ก็รู้ว่าเขาช่วยสนับสนุนเร็วแค่ไหน มีเขาอยู่เลนกลาง หัวหน้าก็ล่า
มอนสเตอร์ได้เร็วมาก แถมยังช่วยฟันดาบสุดท้ายเลยวิ่งไปเลนบนทัน
นักเวทดี ๆ เฮ้อ นักเวทดี ๆ ไม่ได้อยู่ที่คะแนนดี คนพวกนั้นเข้าใจปะ
วะ” พูดมาถึงตรงนี้ จ้าวซานพั่งก็ไม่หวังจะให้หัวหน้าตอบรับอะไร
ทั้งสิ้น เพราะหัวหน้าตัวเองโด่งดังไปทั้งวงการว่าเป็นพ่อหน้านิ่งพูด
น้อย
กระทั่งเจ้าหนูคนเก่งของทีมไดมอนด์ น่าจะได้อยู่กับหัวหน้าเขา
มากกว่า ได้แต่มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ไม่ต้องพูดกับใคร
ในระหว่างที่จ้าวซานพั่งถอนหายใจอีกเฮือก ก็เตรียมปิ ดการสนทนา
อย่างมีสติ
เซียวจิ่งเอ่ยขึ้นในที่สุด เสียงราบเรียบมาก “ฉันไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้
เลย”
จ้าวซานพั่งทำหน้าแบบไม่ใช่แล้วมั้ง จากนั้นโมโหจริงจัง “หัวหน้า
อย่าพูดไม่มีมโนธรรมแบบนี้ดิ เรื่องอื่นไม่ต้องพูด ลั่วลั่วเล่นเกมเก่ง
ขนาดไหน หัวหน้าน่าจะรู้ดี ฉายาสามเหลี่ยมมรณะนั่นไม่ได้ได้มา
มั่ว ๆ นะ ตอนที่ทีมเราไม่มีตัว ADC เขายังทำแทนได้ เขา…”
“ที่ไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ เพราะฉันคิดถึงเขาแค่คนเดียว” เซียวจิ่ง
แทรกคำพูดของจ้าวซานพั่ง
จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วอ้ำอึ้งทันที “หัวหน้า หมายความว่า ว่า…”
“คิดถึงเขามาก” นัยน์ตาเซียวจิ่งเริ่มหวั่นไหว “ไม่ใช่เพราะเขาเป็น
สมาชิกทีมเซียงหนาน ไม่ใช่เพราะฝีมือการเล่นของเขาด้วย”
จ้าวซานพั่งตัวเกร็งเลยทีเดียว “ก็ ก็ปกตินี่” เฮ้ย เขากำลังโดนสาด
อาหารหมาใช่ไหม?
“ที่เหลือพวกนายก็แข่งเองแล้วกัน” เซียวจิ่งรูดซิปเสื้อทีมออก
จ้าวซานพั่งเป็นงง “พวกฉัน? ฉันกับใครอะ?”
“เด็กใหม่ไง” ชายหนุ่มตอบพลางโยนเสื้อคลุมให้อีกฝ่าย
จ้าวซานพั่งงับบุหรี่ เบลอไปแล้ว “เฮ้ย หัวหน้า ไหนบอกว่าช่วงนี้
ต้องเล่นให้เข้าขากันไง เล่นจัดอันดับสามคนอ่ะ”
“ไม่มีอารมณ์เล่น”

ตอนที่ 2049
อาจารย์ท่านนั้นไม่เคยเห็นลูกศิษย์คนโปรดรีบร้อนขนาดนี้ จึงหัน
ไปหาอีกคน “รุ่นพี่เธอจะไปส่งใครเหรอ”
“ฉันก็ไม่ทราบค่ะ” หญิงสาวนัยน์ตาขรึม ก่อนจะหัวเราะ “น่าจะเป็น
เพื่อนร่วมทีมน่ะค่ะ ได้ยินว่าทีมเขามีคนลาออก อาจารย์ก็รู้นี่คะว่า
รุ่นพี่ดูแลลูกทีมทุกคนดีแค่ไหน”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง” อาจารย์หัวเราะ “รุ่นพี่เธอเป็นคนเข้าถึงยาก
ไม่เคยคิดเรื่องความรัก เธอก็อย่าใจร้อน ปล่อยให้เป็นไปตามวาระ
และโอกาส อาจารย์หวังว่าพวกเธอจะได้คบกันอยู่แล้ว แต่ขอเตือน
หน่อยว่าอย่าฝืนนะ”
หญิงสาวชะงัก จากนั้นจึงพยักหน้าบอก “อาจารย์ล่ะก็ คิดว่าฉันเป็น
คนแบบไหนแล้ว ฉันชอบรุ่นพี่ก็จริง แต่ไม่เคยจะฝืนใจเขา เดี๋ยวนี้
เขาเน้นกันที่เป็นฝ่ายรุกไม่ใช่เหรอคะ อาจารย์ก็รู้ สภาพอย่างรุ่นพี่
ถ้าไม่รุกเขาก็คงไม่สนใจใครตลอดชีวิต”
“เธอพูดถูก” อาจารย์ลุกขึ้นยืน “เอาละ รุ่นพี่เธอก็กลับไปแล้ว เราไป
ดูที่ห้องวิจัยดีกว่า”
หญิงสาวส่งเสียงตอบรับ สภาพที่ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
สาเหตุมาจากปฏิกิริยาของชายหนุ่มเมื่อครู่
เธอได้ข่าวมาว่าผู้หญิงคนนั้นจะไปวันนี้
ในความเห็นของเธอ ผู้หญิงบางคนก็ไม่เหมาะกับเขา แต่กลับได้อยู่
ข้างตัวเขาในสถานะพิเศษ แถมยังได้รับการดูแลจากเขา
คนแบบนั้นต้องรู้ตัวเสียบ้างว่า อย่าถือเอาความใส่ใจที่ได้รับมาเป็น
ความรัก
ตอนนี้เธอคนนั้นคงเข้าใจเสียที
เธอคอยสังเกตลูกทีมคนนั้นของรุ่นพี่เสมอ แม้จะไม่เกี่ยวข้องและอยู่
ไกลจากแวดวงชีวิตเธอ
แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนอย่างไร เธอก็ยังได้รู้จากคำวิพากษ์วิจารณ์
ของคนพวกนั้น
ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในเส้นทางนี้อย่างบริสุทธ์ิสักเท่าไร การศึกษาก็
ไม่สูง แค่พอจะมีชื่อเสียงอยู่ในโลกออนไลน์บ้าง ก็คิดว่าตัวเองเป็น
นางฟ้าแล้ว
พอออกจากวงการ ทุกอย่างก็น่าจะหายไป เดี๋ยวก็ไม่มีชื่อเสียง ต้อง
กลายเป็นคนไร้ค่า ไม่เหมือนพวกผู้ชาย
แต่ยังดีที่ไม่หน้าด้าน ยังรู้ตัวว่าต้องจากไปเสียที
ทั้งหมดนี้คือความคิดของรุ่นน้องเซียวจิ่ง
สถานีรถไฟหัวจรวด ลั่วลั่วผ่านด่านตรวจเรียบร้อยแล้ว
หลายคนไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง
จนถึงวันนี้ ป๋ อจิ่วเงยหน้าขึ้นก็ยังได้เห็นเธอยิ้ม
ลั่วลั่วเป็นคนใจกว้างเหมือนเดิม
ตอนนั้นหลายคนไม่กล้าออกมายืนข้างเธอ แต่ลั่วลั่วเป็นเกมเมอร์
อาชีพหญิงเพียงคนเดียวที่ออกมาช่วยเธอไว้คนแรก
ไม่ว่าเธอจะอยู่ในเพศไหนก็ตาม ลั่วลั่วมักเรียกเธอว่า ‘ไอดอลสุด
หล่อ’ ทั้งอ่อนหวานและสนิทสนม
ป๋ อจิ่วรับปากกับผู้กำกับหวงไว้ว่าเธอจะไม่ทำอะไรมั่วซั่วระหว่างที่
เขาอยู่ในตำแหน่ง
แต่เมื่อเห็นแผ่นหลังของลั่วลั่วก็อดไม่ได้ จึงคว้าข้อมือเธอ พูดกระซิบ
ริมหูว่า “อย่าไปเลย ฉันจะจัดการสิ่งที่ทำให้เธอเสียใจ ฉันจะทำลาย
มันเอง”
“อันที่จริงมันไม่สำคัญหรอก” ลั่วลั่วคิด ๆ แล้วเอ่ย “มันทำให้คนเรา
เสียใจก็จริง แต่ไม่สำคัญ เพราะสิ่งสำคัญคือการที่ฉันเคยรู้จักพวก
เธอ ฉันไม่เคยเสียใจที่ได้เล่นลีกส์อาชีพ ถึงจะต้องเจออะไรมากมาย
จนรู้สึกว่าเดินต่อไปไม่ไหว แต่มันก็ทำให้ฉันรู้คุณค่าของตัวเองและ
ได้มาอยู่ตรงนี้ ได้รับความชอบจากผู้คนมากมาย ต่อไปถ้าทนไม่ไหว
ขึ้นมา ก็จะตามเธอมาเล่นด้วยสักยก ฉันรู้ว่าพวกเธอก็เหนื่อยมาก แต่
ก็หวังว่าจะได้เห็นเธอเล่นต่อไปนะ ถึงเวลานั้นฉันจะได้ชี้ที่หน้าจอ
คอมพิวเตอร์แล้วบอกว่า ดูสิ ฉันรู้สักคนเท่ ๆ คนนั้น แถมฉันยังเป็น
นางฟ้าของเขาด้วย”
ตอนที่ 1830
“เอาล่ะ ส่งแค่นี้เถอะ”
ลั่วลั่วพูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป
ป๋อจิ่วมองดูด้วยนัยน์ตาที่ขรึมลง
ลั่วลั่วดีใจมากที่คนคนนี้มาส่งตัวเอง
มีหลายต่อหลายครั้งที่เหนื่อยมาก แต่ก็อยากยังสู้ต่อไป
เคยมีช่วงเวลาพักหนึ่งที่คิดว่าจะทิ้งวงการนี้ไปเลยดีไหม
สภาพดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้เล่นอาชีพต่างได้เจอกันทั้งนั้น
บางครั้งถูกด่าว่าจนอยากจะปิดช่องทางสื่อสารทั้งหมด
เหนื่อยล้า ไม่อยากโดนชอบอีกแล้ว แบบนี้คุ้มหรือไม่คุ้ม
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเธอมานานแล้ว
หากไม่ใช่เพราะผู้เล่นชุดใหม่ของทีมไดมอนด์ เธอคงพิจารณาเรื่อง
ลาออกตั้งแต่การแข่งขันในฤดูใบไม้ผลิแล้ว
คำว่าสภาพการณ์เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากสำหรับนักเล่นอาชีพ
หลายคนแทบกระอักเลือดจนเกิดความระแวงในหัวใจ จนขนาด
เวลาแข่งขันต้องกลัวว่าหากเล่นแบบจะแพ้ราบคาบหรือไม่
ยิ่งเป็นห่วงมาก ผลก็จะไม่ยิ่งได้ดั่งใจ
ลั่วลั่วเคยผ่านวันเวลาแบบนั้นมา ไม่รู้ว่าตอนหลังเคยชินไปแล้วหรือ
ว่าเฉยชากับมันไป
และในเวลานี้เอง เธอได้เห็นคนคนนั้น
พอรู้ว่าแบล็กพีช Z เป็นผู้หญิง ก็เหมือนมีพลังหนึ่งบอกเธอว่าผู้หญิง
ก็อาศัยความสามารถของตัวเองได้
ดังนั้นจึงหวังว่าเมื่อเงยหน้าขึ้น ก็จะได้เห็นเธอคนนั้นข้ามป้อมฆ่าอีก
หลายคนไม่เข้าใจว่าความชอบคืออะไรกันแน่
ลั่วลั่วคิดว่าคงเป็นความปรารถนาที่จะให้คนคนนั้นได้ยืนในตำแหน่ง
นั้นตลอดกาล
หรือบางทีตอนหยุดกะทันหัน ก็ได้รู้ข่าวว่าพวกเขาได้รับการยอมรับ
สิ่งที่เธอทำไม่สำเร็จก็อยากให้คนอื่นทำให้สำเร็จ
ถึงไม่มีคนที่ชอบ แต่ก็ไม่เคยเสียใจที่ได้รู้จักกัน
ตอนที่ถูกพวกนั้นรุมล้อม ลั่วลั่วยังไม่รู้สึกอะไร
รอจนขบวนรถไฟเคลื่อนที่ เธอหันหน้าไปพิงกับหน้าต่าง ร้องไห้
โดยไม่มีเสียงออกมา
เธอดึงฮู้ดมาคลุมศีรษะไว้กันไม่ให้ใครเห็น
ผู้หญิงก็คงเป็นแบบนี้ แต่หากเป็นเกมเมอร์อาชีพกลับทำไม่ได้
เหมือนอย่างที่หลินเฟิงพูดไว้ มักจะมีคนมากมายมาดูพวกเขาแข่งขัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในชีวิตจริงเลยว่าจะแสดงออกมาอย่างไร
เมื่อลาออกจากวงการไปแล้ว จะต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งกว่าจะทำใจได้
สำหรับลั่วลั่วแล้ว เธอไม่กลัวว่าจะถูกคนหลงลืม ทว่า…ก็ยังมีความรู้สึก
ประเภทนี้บ้าง ประเภทที่เราต้องแยกจากคนที่สนิทสนม ไม่อาจคุย
เรื่องเดียวกันได้อีก
เราอาจจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง เขา
จะรู้จากปากคนอื่นหรือไม่ก็ไม่รู้
ด้วยสภาพชีวิตของแต่ละคนต่างกันไป พอไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมทีม
กันอีก ความสัมพันธ์ก็จะเหินห่างกัน ไม่รู้ว่าต่อไปจะอึดอัดบ้างไหม
เวลาเจอหน้ากัน
ลั่วลั่วเงยหน้ามองภาพที่สะท้อนบนกระจก เธอชอบคนคนหนึ่งมา
นานหลายปี แม้เธอมุ่งมั่นแต่กลับขลาดกลัวตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้ง ๆ ที่รู้
ว่าการกลับไปแบบนี้จะต้องเจอกับความคาดหวังของครอบครัว แต่
ลั่วลั่วยังคงเลือกเส้นทางนี้
หญิงสาวที่ขัดความต้องการของทางบ้านควรจะกลับไปได้แล้ว
ลั่วลั่วไม่รู้ว่าอีสปอร์ตได้เผาผลาญความกล้าหาญและความรักทั้งหมด
ของเธอไปหรือเปล่า
ไม่ว่าจะโดนเย้ยหยันอย่างไรก็ยังรั้งรออยู่ต่อ อยากแข่ง อยากบอกทุก
คนว่าเธอยังทำได้ แต่แค่ชอบคนอื่น เธอกลับไม่มีความกล้าหาญ
ต่อมาเธอคิด ๆ แล้ว ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่มั่นใจในความรู้สึกที่มีต่อเธอว่า
คืออะไรกันแน่ เธอก็ยังอยากลิ้มรสกับความใส่ใจนั้น
ดูเหมือนจะหน้าไม่อายเท่าไร เพราะนั่นเป็นหัวหน้าทีมของเธอ
ถึงเป็นคนรักไม่ได้ แต่เขาก็ยังเป็นหัวหน้าเธออยู่ดี

ตอนที่ 2047
เซียวแอนด์ลั่ว 2
ไม่น่าจะคิดแค่เป็นเพื่อนร่วมทีมทั่วไป แต่ป๋อจิ่วรู้ดีว่าตัวเองไม่เหมาะ
ที่จะพูดเรื่องแบบนี้
นี่เป็นปัญหาหัวใจของสองคนนั้น หัวหน้าเซียวต้องแก้ไขเองจะ
เหมาะสมกว่า
หลินเฟิงก็รู้เหมือนกันว่าปัญหาอยู่ที่ไหน ที่ผ่านมาถึงภายนอกลั่วลั่ว
จะเข้มแข็งทุกด้าน แต่เธอกลับใส่ใจในทุกจุด
เซียวหน้านิ่งไม่ยอมพูดให้ชัดเจนแน่
แต่ว่า… “ลั่วลั่ว ในเมื่อเซียวหน้านิ่งคบกับเธอ ฉันคิดว่าเธอก็น่าคิด
ในทางที่ดีนะ ถ้าไม่ชอบเธอจริง ๆ แล้วเขาจะคบกับเธอทำไม”
หลินเฟิงพูดเสียงเบามากเพราะไม่อยากให้เซียวจิ่งได้ยินเข้า เจ้านั่นก็
เหลือเชื่อจริง ๆ จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่สำเหนียกถึงปัญหาอีก?
ใช่ว่าเซียวจิ่งจะทำตัวไม่ดีพอ แต่เมื่อผ่านอะไรมามากมาย ลั่วลั่วหวัง
เหลือเกินว่าจะมีคนคนหนึ่งบอกเธอชัด ๆ ว่า ฉันชอบเธอ ฉันอยาก
อยู่กับเธอตลอดไป เหมือนหลินเฟิงกับอวิ๋นหู หากอยากอยู่ด้วยกัน
ตลอดไปจริง จะต้องตอกย้ำเรื่องนี้ให้มั่นใจ
เพราะหลินเฟิงเข้าใจเธอเป็นอย่างดีในเรื่องความแตกต่างระหว่างคน
รักกับตัวเอง ความแตกต่างนั่นชัดเจนมาก
ถึงขั้นที่คนสองคนเชื่อมั่นกันไม่มากพอ
หากเทียบกับหลินเฟิง ลั่วลั่วดูจะลำบากกว่า เพราะตอนนี้มีเสียง
ต่อต้านอยู่มากมาย
ลั่วลั่วหัวเราะแผ่วเบา “ฉันรู้ดีว่าเขาไม่ได้รังเกียจฉัน แต่ความชอบ
มันแบ่งได้หลายประเภท ความชอบของเราสองคนไม่เหมือนกัน
ฉันมันโลภเกินไป อาลัยอาวรณ์ที่เขายอมรับฉันได้สารพัดตั้งแต่
เมื่อก่อน แม้แต่ตอนลาออกแล้วเกิดเรื่องนัดดูตัว เขาก็เป็นฝ่ายกำจัด
ข่าวเสียหายในโลกออนไลน์ให้หมด ฉันเป็นลูกทีมของเขา ส่วนเขา
ก็ทนไม่ได้ที่เห็นลูกทีมโดนรังแก จำได้ว่าตอนที่มีคนว่าร้ายฉันใน
อินเทอร์เน็ตครั้งแรก เขาก็ออกรับแทน พอฉันไปถามเขาก็ตอบฉัน
อย่างนี้”
“เซียวหน้านิ่งเป็นคนพูดไม่เป็น เธอก็รู้ดีนี่” หลินเฟิงรู้สึกอย่างจริงใจ
ว่าอีคิวของเซียวจิ่งตกต่ำจนน่ากลัว
ป๋ อจิ่วหันไปมอง “ดังนั้นเธอเลยรู้สึกว่าเขาไม่ได้เห็นเธอเป็นแฟน?
เพราะคำพูดนั้น?”
“ก็ไม่เชิงหรอก” ลั่วลั่วเสยผม “ฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้น สิ่งที่สำคัญ
ที่สุดคือความรู้สึกในตอนนี้ ก่อนหน้านี้ฉันกับเขาไม่เหมือนเป็น
แฟนกัน ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ฉันจะตื่นเต้นแทบตาย แต่เขายังเหมือนเดิม
บางครั้งยังเหมือนห่างเหิน ไม่ใช่ความรู้สึกของคนเป็นแฟน เหมือน
เป็นแค่เพื่อนร่วมทีมกันมากกว่า”
หลินเฟิงงง “ทำไมฉันไม่เข้าใจวะ”
ลั่วลั่วยิ้มอย่างใจกว้าง “พูดตรง ๆ ก็คือ ฉันอยากให้ความสัมพันธ์
คืบหน้ากว่านี้ แต่เขาไม่อยาก เอาจริง ๆ นะ นี่ถือเป็นความล้มเหลว
ของลูกผู้หญิงหนึ่งเลย”
“หา เพราะเรื่องนั้น…” หลินเฟิงหน้าแดงแปร๊ดทันที “เอ่อ ทำไม
กลายเป็นเรื่องอย่างว่าแล้วล่ะ?”
ลั่วลั่งยังยิ้มได้อีก “ทำไงได้ เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว การชอบใครสักคน
หนึ่งก็ต้องอยากอยู่ใกล้ชิดเขา อยากนอนกับเขา”
ป๋อจิ่วได้ยินแล้วพลันหัวเราะ ก่อนจะไฮไฟว์กับลั่วลั่ว พูดด้วย
น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “เห็นด้วย”
“น่ากลัวจริง ๆ ผู้หญิงอย่างพวกเธอนี่น่ากลัวจริง ๆ” หลินเฟิงส่าย
หน้า
ลั่วลั่วหัวเราะ จิ้มนิ้วที่ซอกคออีกฝ่าย “นายกับเทพอวิ๋นต่างหากที่น่า
กลัว รอยจูบก็เห็นชัดอยู่นะ”
“ลั่วลั่ว เธอเป็นนางฟ้านะ ทำไมหื่นแบบนี้” หลินเฟิงหลบไปทาง
ด้านขวาอย่างเท่
ลั่วลั่วหัวเราะอยู่สักครู่ จากนั้นเอ่ย “ดังนั้นตอนนี้พวกนายคงเข้าใจ
แล้วใช่ไหม ระหว่างเราไม่ได้มีความรู้สึกอย่างนั้น ถ้าฉันคนเดียวที่มี
ความสัมพันธ์นี้ก็ไม่นับแล้ว”
ตอนที่ 2048
ไม่รั้งเธอไว้
หลินเฟิงได้ยินแล้วถามขึ้น “เธอกลับไปครั้งนี้ เขาไม่ห้ามเธอเหรอ?”
ลั่วลั่วตอบรับแค่ “อืม” ยิ้มสวยเหมือนเดิม “คงเพราะเขารู้ตัวแล้วว่า
รู้สึกยังไงกับฉันกันแน่ เลยไม่สะดวกพูดออกมา พอเราอยู่ไกลกัน
ความรู้สึกจะค่อย ๆ จืดจางไป เขาเองก็อยากให้ฉันรู้สึกห่างกันด้วย”
ป๋ อจิ่วเหลือบมองร่างสูงเพรียว คิดในใจว่าคนอย่างเซียวจิ่งยังได้รับ
การกระตุ้นไม่มากพอ
ฝั่งทางโน้นคงดื่มกันอยู่ ตอนนี้ไม่มีการแข่งแล้ว ทุกคนไม่จำเป็นต้อง
กังวลมาก
ฉินมั่วเป็นคนไม่สนใจเรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องความรัก แต่
เมื่อเห็นคนบางคนอ้าแขนจะกอดลั่วลั่ว เขาก็เริ่มเปิดโหมดเตือนทันที
เขย่าแก้วเหล้าในมือ มองเซียวจิ่งที่มีท่าทีเฉยเมย “ลั่วลั่วจะไปแล้ว
นายไม่ห้ามเลยเหรอ?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ” เซียวจิ่งเอ่ยเสียงเบา “หลายปีที่ผ่านมาฉันชินกับการ
ดูแลเขา เขาก็คงจะรู้เหมือนกัน เลยซื้อตั๋วกลับบ้าน น่าจะกลับไม่กี่
วัน”
ฉินมั่วชะงักมือ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
เซียวจิ่งจิบเหล้า “อยู่ด้วยกันมานาน เลยแยกไม่ออกว่าชอบหรือนับ
ถือ”
“นายคิดว่าลั่วลั่วนับถือนาย” ฉินมั่วยิ้มอย่างสนใจ “นับถือมากจริง ๆ”
เซียวจิ่งหันไปมอง “ต้องอยู่ห่างสักหน่อย ฉันเองก็อยากมั่นใจว่า
ตัวเองเหมาะกับเขาหรือเปล่า”
“รอจนนายแน่ใจ คนอื่นก็จีบลั่วลั่วแล้ว” ฉินมั่วแววตาราบเรียบ “ลั่ว
ลั่วไม่เคยขาดคนมาชอบ”
เซียวจิ่งอึ้ง ได้ยินแล้วกำแก้วเหล้าในมือแน่น
อาการของชายหนุ่มไม่หลุดไปจากสายตาของฉินมั่ว ทว่าเรื่องบาง
เรื่องเขาก็ทำได้แค่นี้ ไม่อยากยุ่งมากไปกว่านี้
ทว่าก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อเหมือนเดิม คนอย่างเซียวจิ่งถึงกับกังวลว่าจะมี
คนเปลี่ยนความรู้สึกไปจากเขา
หากเป็นคนอื่นคงไม่อะไรหนักหนา แต่กลับเป็นลั่วลั่วนี่สิ
ในเมื่อแคร์ขนาดนี้แล้วยังจะต้องยืนยันอะไรอีก?
นี่น่าจะเหมือนคำที่เขาพูดกันว่า คนนอกย่อมมองออก
กลุ่มคนยังคงดื่มเหล้า
การเลี้ยงส่งดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เมื่อใกล้เวลาที่ลั่วลั่วต้องขึ้นรถ
คนที่ควรจะกอดก็มา แต่ละคนล้วนกอดเธอ
เว้นแต่เซียวจิ่ง
เพราะในระหว่างที่กินข้าวกันอยู่เมื่อกี้ มีสายต่อมาถึงเขา เป็นอาจารย์
ที่อยู่ในแวดวงการแพทย์ แจ้งว่าจู่ ๆ ก็ไม่สบาย อยากให้เขาไปหา
ตอนแรกก็คิดว่าท่านป่ วยหนัก กลับนึกไม่ถึงว่าท่านจะทำตัวเป็น
พ่อสื่อแม่ชัก
อาจารย์ผมขาวสวมแว่นตา ดูเป็นผู้มีความรู้ผมขาวที่แสนเมตตา
“พวกเธอเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ทั้งนั้น อาจารย์อยากพูดมานานแล้ว
แต่ตอนหลังเธอเอาแต่มุ่งมั่นกับงานวิจัยแล้วก็เกมออนไลน์เลยไม่ได้
พูด ตอนนี้อาศัยที่ยังสุขภาพดีอยู่ ก็เลยอยากจะเชื่อมสัมพันธ์ให้เธอทั้ง
สองสักหน่อย เซียวจิ่ง ถ้ารู้สึกว่ารุ่นน้องเธอไม่เลว ก็ลองคบกันดูสิ”
“อาจารย์ ทำไมอยู่ ๆ ก็พูดเรื่องนี้กับรุ่นพี่ล่ะคะ” หญิงสาวหน้าแดง
ช้อนสายตามองเซียวจิ่งอย่างเขิน ๆ ระคนยินดี
เซียวจิ่งไม่ได้มองเธอ ลุกขึ้นเอ่ยเพียงว่า “อาจารย์ครับ ผมไม่เคยคิด
เรื่องแบบนี้เลยครับ”
อาจารย์ท่านนั้นอึ้ง กลัวว่าบรรยากาศจะเสีย “อย่าพูดอะไรเด็ดขาด
อย่างนั้นสิ อาจารย์จะไม่รู้จักคนอย่างเธอดีได้ยังไง เธอนี่ไม่แตกฉาน
ด้านนี้สักที ยังไงพวกเธอก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ลองคบกันดู ถึงเวลา
นั้น…”
“ไม่มีเวลานั้นหรอกครับ” เป็นครั้งแรกที่เซียวจิ่งไร้มารยาทกับผู้ใหญ่
“ถ้าอาจารย์สบายดีแล้ว ผมก็ขอตัวก่อนนะครับ พอดีต้องไปส่งคนน่ะ
ครับ”

ตอนที่ 2043
เมื่อตอนเป็นเด็ก
ฉินมั่วหันหน้าไปหา ยัดหนังสือเล่มหนึ่งใส่มือคนถาม “ที่มาของ
แรงบันดาลใจ”
เหราหรงตะลึงงันทันทีที่เห็นชื่อหนังสือ ‘เดือนโรงเรียนสุดเถื่อน
หลงรักฉัน’
เมื่อเปิดอ่านอารัมภบทก็วิงเวียนเล็กน้อย การสืบทอดมรดกร้อยล้าน
บ้างล่ะ เจ้าหญิงในปราสาทบ้างล่ะ ขับเครื่องบินส่วนตัวบ้างล่ะเป็น
ต้น
ชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ รู้สึกว่าตัวเองแก่มากจริง ๆ เข้าไม่ถึงรสนิยม
ของวันรุ่นสมัยนี้
อาหารมื้อนี้เป็นหม้อไฟ เวลาทีมไดมอนด์กินข้าวด้วยกันทีไร ถ้า
ไม่ใช่ปิ้งย่างก็ต้องเป็นหม้อไฟ เมื่อกินหม้อไฟเสร็จอารมณ์จะดี ครั้ง
นี้ก็ไม่ต่างกัน
หลินเฟิงดื่มเยอะกว่าเดิมเล็กน้อย เอาพาดแขนที่บ่าของป๋อจิ่วก็ไม่ได้
สังเกตสายตาของฉินมั่ว
แต่วันนี้ดูเหมือนฉินมั่วจะไม่เข้มงวดมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นหลินเฟิง
หรืออวิ๋นหู่ ทั้งสองต่างไม่ได้สวมชุดทีม กลับสวมสูทแทน
หลินเฟิงกำลังเล่าเรื่องที่ตัวเองสอบเข้ามหาวิทยาลัย “ฉันจะเล่าให้ฟัง
นะเจ้าแบล็ก ไม่ต้องตื่นเต้นเลย ยังเหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนใช่ป่ ะ ที่
ควรกินก็กิน ที่ควรเล่นก็เล่น ที่ควรเรียนก็ค่อยเรียน อย่ากดดันตัวเอง
ไม่แน่นะว่าอาจทำได้ดีกว่าปกติ แต่วิชาเรียนในมหาวิทยาลัย A น่ะ
มันวิกลจริตนา รอนายเข้าไปก็คงรู้เอง ไม่มีมหาวิทยาลัยไหนเหมือน
ที่นี่หรอก มีแต่เด็กเก่ง ๆ”
ป๋อจิ่วหัวเราะเสียงเบา “พี่หลินสุดสวยประจำทีม อย่าลืมว่านายก็อยู่
มหาวิทยาลัยนี้นะ”
“กว่าจะสอบเข้าได้ ฉันแทบรากเลือดเลย” หลินเฟิงเอ่ยเสียงเบา “ถ้า
ไม่ใช่เพราะเจ้าอวิ๋นหู่นะ อย่างมากฉันก็เรียนไปงั้น ๆ แหละ ฉันไม่ได้
ชอบสักหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ต้องเรียนพวกบริหารเศรษฐศาสตร์
การจัดการทั้งหลาย ไม่งั้นจะอยู่ห่างชั้นกับเขามากเกินไป”
ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “นายก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันเหรอ”
“ก็เป็นฝ่ายรุกนี่หว่า ยังไงก็ต้องเตรียมป้องกันไว้ก่อน” หลินเฟิงพับ
แขนเสื้อ กำลังจะลวกเนื้อวัว แต่อวิ๋นหู่กลับเอาเนื้อใส่จานเขาก่อน
ท่าทางเป็นปกติมาก
ป๋อจิ่วเห็นแล้วกดบ่าคู่สนทนา “รุกเรอะ?”
หลินเฟิง…เฮ้ย จะคีบเนื้อให้ตอนไหนไม่คีบ ดันมาคีบให้ตอนนี้!
“ชนกันหน่อย” ป๋อจิ่วยิ้มพลางชนกระป๋องเบียร์กับอีกฝ่าย
หลินเฟิงหัวเราะ
ส่วนโคโค่โหวกเหวกอยู่ด้านข้าง “พวกนายห้ามแย่งกุ้งฉัน มันยังไม่
สุกเลยนะ เฮ้ย เฟิงซ่าง นายเป็นผีหิวโหยกลับชาติมาเกิดเหรอ!”
“เงียบเหอะ” เฟิงซ่างยังคงหน้าแดงง่ายเหมือนเดิม ยิ่งดื่มเหล้าเข้าไป
แล้วด้วย “รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันน่ะเป็นเกมเมอร์ผู้ร่ำรวยอันดับ
หนึ่งของโซน C เลยนะเว้ย!”
โคโค่หัวเราะ “จะพาฉันโบยบินว่างั้น?”
เหยาเย่ามองทั้งสองคว้ามือถือออกมาเข้าหน้าเกมเหมือนเด็กน้อย อด
หัวเราะไม่ได้
จากนั้นหันไปมองคนที่นั่งเป็นแถวซึ่งไม่ได้สวมชุดทีมกันอีกต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นเฮียเย่า กระทั่งเทพหลินและเทพอวิ๋นก็เหมือนกัน แม้จะ
สวมสูทที่ตัดเย็บด้วยมือ ก็ยังปลดคอเสื้อดื่มเหล้าเป็นเด็กวัยรุ่นเหมือน
เมื่อก่อน แถมยังแย่งเนื้อในหม้อไฟเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอกัน
ไม่มีใครเปลี่ยนไปเลย ดีจริง ๆ
วันนี้ดูจะได้สนุกกันทั้งคืน แม้ไม่มีใครเอ่ยเรื่องที่ทำลายบรรยากาศ
แต่ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจว่ามื้อนี้คือการเลี้ยงส่ง
เพราะหลังจากนี้หลินเฟิงจะรับช่วงต่อธุรกิจทางบ้านเต็มตัว ไม่ข้อง
เกี่ยวกับการแข่งขันรวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกับอีสปอร์ตอีก
ทางด้านเฮียเย่าก็ซื้อตั๋วไปเที่ยวธิเบตแล้ว บอกว่าอยากไปเดินเที่ยว
บ้าง เพราะปกติได้แต่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ลองไปเผชิญชีวิตจริงก็
ดีเหมือนกัน
สำหรับป๋อจิ่วก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย เจ้าหล่อนน่าจะดีใจมากที่สุด
เพราะการเข้ามหาวิทยาลัย A ได้ หมายถึงการที่เจ้าหญิงน้อยจะได้
เป็นของเธออย่างเป็นทางการเสียที
ตอนที่ 2044
ป๋อจิ่ว ฉินมั่ว
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำคัญมากสำหรับหลาย ๆ คน
ป๋ อจิ่วไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ทว่าเวลานี้กระทั่งคุณตาพ่อบ้าน
เห็นยังบอกว่าใกล้จะไม่รู้จักนายน้อยเสียแล้ว
เพื่อจะได้แต่งฉินมั่วเข้าบ้าน ท่านจิ่วตั้งใจเหลือเกิน
แน่นอน เธอย่อมอ่านหนังสือนอกเวลาก่อนนอนบ้าง จะได้ช่วยให้
แต่งเรื่องหลอกคนอื่นและเป็นแม่สื่อได้
ดังนั้นในวันต่อมา ท่านเทพจึงยื่นมือมาตรงหน้าเธอ “เอามือถือมา”
“ทำไมอะ” ป๋ อจิ่วเป็นคนใจกว้างขนาดนี้ มีรึจะยอมให้มือถือตัวเอง
กับคนอื่น ถึงคนคนนั้นจะเป็นเจ้าหญิงน้อย ก็ไม่ได้
แต่ท่านเทพไม่เคยยอมแพ้หากไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เธอจึงต้องควักมือ
ถือจากกระเป๋ากางเกงนักเรียนมา
ป๋ อจิ่วพูด “…พี่มั่ว พี่ทำเหมือนผู้หญิงที่กำลังตรวจว่าแฟนตัวเอง
นอกใจหรือเปล่าเลย”
“งั้นเหรอ?” ฉินมั่วเลิกคิ้วให้อย่างไม่แคร์ นิ้วก็สไลด์ดูหนังสือหลาย
เล่มนั่น กำลังจะกดลบทิ้ง คนบางคนจะได้ไม่เอาใจไปไว้ที่อื่นจน
หลงลืมแฟนตัวเองอย่างเขา
ป๋อจิ่วรีบห้าม “อย่าลบนะ พี่มั่ว ฉันเอาวิธีในหนังสือนี่แหละมาใช้
จีบพี่ ยังใช้ไม่หมดเลย”
“เรอะ?” ฉินมั่วเคลื่อนนิ้วออก “ท่าทางยังมีประโยชน์อยู่”
ป๋อจิ่วยิ้ม “แน่นอน” อ่านแล้วจะได้เข้าใจความคิดของลั่วลั่วกับเหยา
เย่ามากยิ่งขึ้น เวลาผู้หญิงชอบใครสักคนหนึ่งมักไม่มั่นใจในตัวเอง
สักเท่าไร
คงเพราะหนังหน้าเธอทนทาน หรืออาจเพราะผู้ชายตรงหน้าไม่เคย
ทำให้เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ก่อนหน้านี้เขาก็แทบจะประคองเธอไว้
อย่างทะนุถนอมในอุ้งมืออยู่แล้ว แถมตอนเด็ก ๆ ชอบว่าเธอว่าโง่ก็
จริง แต่กลับช่วยล้างมือผูกเชือกรองเท้าให้ อบอุ่นจริง ๆ เชียว จน
เมื่อได้เขามาแล้วก็ยังห่วงหาอาทร มิน่าล่ะ ตอนที่ดื่มเหล้าอยู่ The
Fifth Avenue ทีไรเป็นต้องเหงาทุกที ที่แท้ก็คนที่อยากเจอไม่อยู่ด้วย
นั่นเอง
ตอนนี้ดีเลย ป๋ อจิ่วก้มตัวหอมคนที่นั่งโซฟาเบา ๆ จากนั้นก็เหวี่ยง
กระเป๋ าที่ใส่เครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นสะพาย นัยน์ตาใสดูเจ้าเล่ห์
“ทำงานก่อนนะ อยู่บ้านรอฉันดี ๆ ล่ะ”
ผู้ช่วยคนเก่งที่มารับเห็นฉากดังกล่าวเข้า ก็หันไปมองประธานของ
ตัวเองที่สวมเสื้อสบาย ๆ พลางยิ้มมุมปาก ทำให้เขาต้องไอเบา ๆ
“ท่านประธานครับ ท่าทางคุณหนูจิ่วเหมือนเป็นฝ่ายเลี้ยงดูคนใน
บ้านเลยนะครับ ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
“จะไปมีปัญหาอะไร?” เสี้ยวหน้าชายหนุ่มดูสง่า สไลด์หน้าจอต่อ
แล้วเอ่ยขึ้น “คนที่ต้องวิ่งวุ่นทำงานแทบทุกวันอย่างคุณผู้ช่วย คงไม่
เข้าใจความรู้สึกสุขสบายที่แฟนตัวเองเลี้ยงหรอก ไม่เคยใช้ชีวิตแบบ
นั้นก็เลยไม่เก็ทไง”
คุณผู้ช่วย…ท่านประธานสาดอาหารหมาให้อย่างหน้าไม่อาย แถม
ภาคภูมิอีกด้วย มันน่านักเชียว!
“หาเจอแล้ว” ฉินมั่วชะงัก
ผู้ช่วยคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร “หาอะไรอยู่เหรอครับ?” ว่าแล้วก็หัน
ไปมอง แต่พอเห็นสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอ สีหน้าก็ยากจะบรรยาย
“อันนี้คือ…”
“หนังสือที่คนบางคนชอบอ่านในช่วงนี้ เห็นบอกว่าได้วิธีจีบฉันมา
จากเล่มนี้ นี่น่าจะเป็นไอดีเขาที่ใช้อ่านอยู่” ฉินมั่วพูดเสียงเรียบ
ส่วนผู้ช่วย “ประธานฉินจะเอาไอดีไว้อ่านทำไมล่ะครับ คุณไม่อ่าน
หนังสือประเภทนี้สักหน่อย?”
“ไม่มีอะไรหรอก” ฉินมั่วช้อนสายตามองอย่างเป็นปกติ “ให้ทุกคนรู้
ว่าเป็นไอดีคู่แฟนกัน แล้วให้รางวัลคนแต่งสักหน่อย ให้เขียนช่วย
ผู้หญิงจีบผู้ชายเยอะ ๆ”
คุณผู้ช่วยพูดไม่ออก
ตอนที่ 2045
วันพุธเป็นวันที่ทีมเซียงหนานไม่อยากให้มาถึงมากที่สุด
เพราะต้องส่งเพื่อนคนหนึ่งกลับบ้าน เพื่อนคนนั้นอยู่ที่นี่ถึงสามปี
สามปีที่ผ่านมาหมายถึงอะไร
หมายถึงการที่เด็กมอปลายคนหนึ่งกลายเป็นเด็กมหาวิทยาลัย
หมายถึงเด็กที่อยู่ในวัยหน่อมแน้มกลายเป็นวัยรุ่น
หมายถึงการเจริญเติบโต
และยังหมายถึงการจากลาด้วย
ลั่วลั่วไม่อยากให้เอิกเกริก แต่ก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่ประกาศการลาออก
ออกไป ทำไมคนของทีมไดมอนด์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้
เจ้าหลินเฟิงใส่สูทมาเลยทีเดียว หลินสุดสวยผอมเพรียวดูดี ทำให้คน
เห็นแล้วตาเป็นประกาย แทบจำเจ้าตัวไม่ได้
พี่อ้วนของเธอยังคงเหมือนเดิม เจอฉินมั่วก็ราวกับเจอศัตรูคู่แค้น
“ฉินหน้าน้ำแข็ง ใครให้นายมา ขอร้องล่ะ ช่วยมีเซ้นส์ของการเป็น
คู่แข่งหน่อยเถอะ นี่ไม่ใช่ทีมไดมอนด์ แต่เป็นทีมเซียงหนาน ทีม
เซียงหนาน! นายพาคนมาหาพวกเราทำไมเนี่ย?”
ฉินมั่วสวมเสื้อกันลมสีครีม เลิกเปลือกตาขึ้นอย่างไร้อารมณ์ ก่อนจะ
ช้อนสายตาดูเวลา “เที่ยงครึ่ง”
“อะไรเที่ยงครึ่ง? ฉันถามนายอยู่นะ นายมาบอกเวลาอะไรกับฉัน”
จ้าวซานพั่งเป็นงง
แววตาของฉินมั่วยังคงเย็นชา เดิมทีก็ไม่ได้อบอุ่นอยู่แล้ว “ก็พี่อ้วน
หล่ออันดับหนึ่งของโลกออกจะใจกว้าง น่าจะไม่สนใจเรื่องคู่แข่งไม่
คู่แข่ง”
“เฮอะ แหงอยู่แล้ว!” จ้าวซานพั่งยืดตัวทันที “ไม่ลองไปถามบ้างล่ะ
ว่าท่านอ้วนเป็นใคร ใจกว้างมากแค่ไหน แค่หน้าตาก็เรียกเสียงกรี๊ด
ได้แล้ว นั่นแหละคือฉันเอง แต่จะไปแคร์อะไรกับคู่แข่ง ปีหน้าพวก
เราก็ชนะได้เหมือนเดิม”
ฉินมั่วไม่สนใจประโยคท้าย เช็ด ๆ มือตัวเอง “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้น
ท่านอ้วนก็คงไม่แคร์ที่จะเลี้ยงใหญ่ให้พวกเรา”
“ก็แค่กินข้าวไหม จะไป…” จ้าวซานพั่งพูดมาถึงตรงนี้ก็ชะงัก ทึ้งผม
ตัวเอง “ถึงว่า ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาชมฉันเฉยเลย เจ้าแบล็ก แฟนนายทำ
แบบนี้ถูกต้องเหรอ?”
ป๋ อจิ่วยิ้ม ตอบสั้น ๆ อย่างเป็นปกติว่า “ถูกดิ ท่านอ้วนต้องทำตัวเป็น
เจ้าถิ่นที่ดีอยู่แล้ว”
จ้าวซานพั่ง…พวกนายไม่ได้มาส่งลั่วลั่วหรอก แต่พาทีมไดมอนด์มา
ขอข้าวกินฟรีต่างหาก อีกอย่างทำไมเขาถึงถามเจ้าแบล็กอย่างนี้เนี่ย
ในสายตาของเจ้าเด็กนี่ ฉินมั่วคนหน้าไม่อายทำอะไรก็ถูกหมดแหละ!
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ท่านอ้วนก็ช่วยจ่ายค่าตั๋วรถไฟฟ้าหัวจรวดขามา
ให้พวกเราด้วยดิ” โคโค่งับหูกระต่าย “ช่วงนี้ฉันจนกรอบ”
จ้าวซานพั่งหายใจเฮือก ชี้ตัวเองแล้วชี้อีกฝ่าย “คุณชายผู้ร่ำรวยใช้
แบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างนาย แถมยังอยู่ทีมไดมอนด์ มาร่ำ
ร้องบอกว่าตัวเองจนกับคนในเซียงหนานอย่างฉันเรอะ? มีมโนธรรม
บ้างไหม!”
“อย่าไปสนเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย นายก็รู้ว่าต่อไปฉันเล่นเกมไม่ไหว
แล้ว ก็ต้องกลับไปรับมรดกทางบ้าน ตอนนั้นล่ะลำบากแน่” โคโค่
จริงจัง
จ้าวซานพั่งแทบคลั่ง จะว่าไปคนจากทีมเซียงหนานลาออกนะ ทีม
ไดมอนด์มาเฮฮาทำไม!
แต่ดูท่าทางของลั่วลั่วแล้วน่าจะดีใจมาก เขาหันไปมอง และก็ได้เห็น
ป๋ อจิ่วที่ซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป๋ ากางเกง ส่วนมืออีกข้างส่งช่อกุหลาบ
ขาวให้ลั่วลั่ว มุมปากยิ้มสวย ดูสะอาดและหล่อเหลามาก “นางฟ้าของ
ฉันจะกลับไปแล้ว ไม่อยากให้กลับเลยอะ”
“ถ้าแบล็กพีชรูปหล่อของฉันง้อให้ฉันอยู่ต่อล่ะก็ ฉันต้องอยู่ต่อแน่”
ลั่วลั่วรับมุกเก่ง หน้าเธอยังแดงอีกด้วย
ป๋อจิ่วยิ้ม ก่อนจะยื่นมือออกมา “ขอกอดหน่อย?”
ตอนที่ 2046
เซียวแอนด์ลั่ว
ลั่วลั่วยังไม่ทันได้อนุญาต ก็มีคนกระชากป๋ อจิ่วจากด้านหลัง
ฉินมั่วนั่นเอง!
เสี้ยวหน้าชายหนุ่มดูสูงส่ง แต่น้ำเสียงกลับเรียบเรื่อย “ลองเธอกอด
เข้าคนหนึ่ง ที่เหลือต้องร้องมาขอกอดด้วยแน่ ๆ ลั่วลั่วเป็นผู้หญิง จะ
ให้กอดทุกคนเลยเหรอไง ผู้ชายตั้งโขยง เพราะงั้นอย่ากอดเลย”
แววตาของป๋ อจิ่วสะดุดกึก รู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ได้พูดเพราะหึง แต่คำพูด
เขามีเหตุผล
ช่างเหอะ ไม่ต้องกอดแล้ว
ลั่วลั่วยิ้มให้ โคโค่รู้สึกว่าหัวหน้าจะทำเกินไปหนักขึ้นเรื่อย ๆ เอา
พวกเขามาเป็นข้ออ้าง มีใครบ้างในหมู่พวกเขาที่ขอกอดเธอ
จ้าวซานพั่งรู้สึกว่าไม่เป็นจะเป็นอะไร แค่กอดเอง! จึงเข้าไปยืน
ข้างหน้า “เจ้าแบล็กไม่กอด ฉันกอดเอง”
หลินเฟิงชอบดู ‘ของดี’ จึงเอ่ยขึ้น “กอดเหอะ กอดแล้วนายจะหนาว
ไปทั้งตัว เพราะแน่ใจนะว่าหัวหน้าหน้านิ่งของนายจะไม่ชู้ตนายขึ้น
สวรรค์”
แขนจ้าวซานพั่งที่ยื่นออกไปชะงักกลางอากาศทันที
เฮ้ย ทำไมเขาคิดไม่ถึงจุดนี้!
จากนั้นก็หันไปมองหัวหน้าตัวเองโดยอัตโนมัติ กำลังจะหาข้ออ้าง
ดึงมือกลับมา ไม่คิดว่าลั่วลั่วจะโอบกอดเขา ลมหายใจของเธอรินรด
เข้าใส่ “ท่านอ้วน ขอบคุณที่ดูแลฉันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ขนมที่
วางไว้บนโต๊ะน่ะ นายวางไว้ให้ฉันกินใช่ไหมล่ะ ฉันรู้นะ”
จ้าวซานพั่งเห็นเธอเป็นเหมือนญาติมานานแล้ว เมื่อได้อยู่ร่วมกันมา
หลายปี ไปไหนมาไหนด้วยกันมานาน จึงคิดว่าการกอดถึงจะเป็น
การถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีที่สุด “ต่อไปต้องดูแลตัวเองนะ อย่าฝืน
ทนอย่างนั้นอีก อย่าเก็บกลั้นไว้คนเดียว เชื่อพี่อ้วนนะ เป็นผู้หญิงต้อง
อ้อนเป็น เราจะได้ไม่ลำบาก อย่าเอาแต่กินน้ำเย็น มันไม่ดีสำหรับ
ผู้หญิง ต่อไปไม่เล่นเกมแล้วก็อย่านอนดึก รีบนอนไว ๆ ฉันเอาเก๋ากี้
ใส่กระเป๋าเธอแล้ว อย่าลืมเอามาต้มกินด้วย อีกอย่างเวลาคบแฟน
อย่าตามใจแฟนมากนัก ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ผู้ชายน่ะ ถ้าเราดีต่อเขา
มากเท่าไร เขาก็ยิ่งไม่เห็นค่าของเราเหมือนกันทั้งนั้น ผู้ชายอย่างฉิน
มั่วน่ะไม่ต้องพูดถึงเลย ช่วงนี้กำลังเกาะแฟนหนัก แต่คนอื่นไม่ได้
เหมือนเขาหรอกนะ เชื่อพี่อ้วนเถอะ”
ราวกับเมื่อจะแยกจากกัน ก็รู้สึกมีเรื่องอยากพูดด้วยมากเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน
ยิ่งพูดก็ยิ่งเยอะ ลั่วลั่วไม่อยากให้บรรยากาศการจากกันดูเศร้า จึงยิ้ม
พลางย้อนถาม “พี่อ้วนคงลืมว่าตัวเองยังไม่มีแฟน”
“ฉันโสดเพราะเก๋าต่างหาก” จ้าวซานพั่งยังคงยืนยันประโยคทอง
หลินเฟิงที่ยืนตรงนั้นก็เอ่ยว่า “ฉันว่านายต้องเหงาเพราะความเก๋า
มากกว่า ไม่กลัวเหรอว่าเซียวหน้านิ่งจะเล่นงานนาย? เชื่อเลย ใน
ฐานะที่มีประสบการณ์มาก่อน ฉันขอบอกนะเด็กชายซานพั่ง นายรู้
สถานการณ์ของฉันในตอนนี้ไหมว่าเป็นยังไง ฉันแค่เกาะบ่าเจ้า
แบล็ก หัวหน้าก็ส่งสายตาพิฆาตทันทีเลย”
จ้าวซานพั่งกำลังจะเอ่ยปาก แต่เสียงลั่วลั่วกลับดังขึ้นอย่างแผ่วต่ำ
“เขาไม่ทำหรอก”
“หือ?” หลินเฟิงเลิกคิ้ว
ลั่วลั่วหัวเราะ “ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราไม่เหมือนฉินมั่วกับ
แบล็กพีช มันเป็นแค่ความเข้าใจผิด”
ประโยคที่ว่าทำให้ป๋ อจิ่วหันมามอง “เข้าใจผิด?”
“เขาแค่ไม่อยากให้ฉันลาออกเท่านั้นเอง” ลั่วลั่วหลุบตาลง “แถมมารู้
เรื่องที่ฉันแอบรักก็เลยรับไว้ ยังไงฉันก็เป็นลูกทีมของเขา เป็นคนที่
เขาดูแลมานาน”

ตอนที่ 2041-3
ทริปเปิลคิล! ตบหน้าเปรี้ยง!
จ้าวซานพั่งรู้สึกว่า Bey เป็นเด็กใสซื่อไร้พิษสง ไม่เหมาะกับ…กับ
เขายังไม่ทันได้พูดออกมา ก็เห็นร่างในหน้าจอย่อตัวก้าวเตรียม เดิม
คิดว่า Bey จะพุ่งตัวผ่านไปที่พุ่มไม้ แต่ใครจะคิดล่ะว่าเด็กนั่นไม่ได้
ทำเช่นนั้น แต่เดินตำแหน่งไปกลับสองช่วง หลอกให้อีกฝ่ายใช้พลัง
ชุดใหญ่แล้วค่อยเหาะไปหา
จ้าวซานพั่งบอก “อุว้าว เล่นแบบนี้เลยเหรอ!”
“เหมือนของแบล็กพีช Z?” แฟนคลับถาม
จ้าวซานพั่งกัดขนมล่าเถียวในปากอย่างแรง “บ้าดิ วิธีไร้ยางอายแบบนี้
เจ้าแบล็กจะสอนได้ยังไง ต้องเป็นฉินมั่วอยู่แล้วที่ทำแบบนี้ได้ ปีนั้น
เจ้านั่นใช้วิธีการเดินตำแหน่งแบบนี้หลอกให้ฉันซัดพลังไปฟรี ๆ !”
เมื่อจ้าวซานพั่งพูดจบ เด็กฝึกที่เล่นเป็นนักเวทก็น่าจะรู้ตัว ร่างนั่น
โผล่มาด้านหลังเขาและตวัดดาบ แสงสีเงินสาดกระจาย ได้ยินเสียง
เอฟเฟกต์เกมดังขึ้น
First Blood!
ยังไม่จบ!
หลังจากที่ Bey เปิดเผยร่องรอยของตัวเอง สองคนนั้นก็รีบเข้ามาช่วย
หนึ่งในนั้นสร้างความเสียหายให้เธอ แต่เธอกุมเมาส์เหมือนจะบังคับ
ให้ตัวละครของตัวเองหลบในพุ่มไม้ทั้งที่เหลือเลือดเพียงครึ่งหลอด
การต่อสู้กับอีกสองคนด้วยจำนวนเลือดแค่นี้ แถมหนึ่งในนั้นเป็นตัว
แทงค์ อีกหนึ่งเป็นตัว ADC ย่อมทำให้โอกาสชนะเหลือน้อยเป็น
ธรรมดา
จ้าวซานพั่งไม่ได้อธิบาย เพราะเขารู้ดีว่าไม่มีใครเป็นฉินมั่วคนที่ 2
ได้
หากเมื่อกี้เป็นฉินมั่วย่อมไม่เสียเลือดสักหยด แต่ทำได้ถึงขั้นนี้ก็เรียก
ได้ว่า Bey ไม่ธรรมดาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเด็กคนนี้กลับไม่ลน
ลาน ใช้แผนที่ในเกมเดินตำแหน่งอย่างหลักแหลม
เด็กฝึกสองคนนั้นเหมือนจะไล่ตาม Bey ได้แล้ว ไม่คิดว่าวินาทีถัดมา
สกิลรองของ Bey จะฟื้นกลับมา จากนั้นเดินตำแหน่งไปยังจุดกำเนิด
ฆ่ามอนสเตอร์กินเลือด เธอกดด้วยความเร็วสูงจนผู้ชมไลฟ์ สดตาม
ไม่ทัน
มั่วเป่ ยเริ่มพุ่งตัวเป็นระลอกที่สอง เด็กฝึกสองคนนั้นกะจะระเบิดใส่
Bey แต่เธอเดาตำแหน่งการเดินของอีกฝ่ายได้
ในขณะที่เสกบ่อไฟฟ้า ฝ่ายนั้นคิดว่าเธอจะใช้พลังชุดใหญ่ แต่ที่ไหน
ได้ เธอกลับวิ่งไปประจันหน้าทั้งสอง
“เดินตำแหน่งผิดหรือเปล่า?”
“วิ่งไปหาคู่ต่อสู้เนี่ยนะ”
“เล่นแบบนี้กระจอกไปหน่อยปะ ไม่เห็นว่าจะมีพรสวรรค์ตรงไหน
เลย”
เด็กฝึกทั้งสองคิดอย่างนี้ ฉวยโอกาสจะใช้สกิลหลักฆ่า Bey มือซ้าย
จึงกดซัดพลังทั้งหมดออกมา
และในเวลานี้เอง!
Bey เหมือนถูกปกคลุมร่างด้วยรังสีปกป้อง ดูดเอาความเสียหาย
ทั้งหมดไว้โดยไม่เสียเลือดสักนิด
มันคือโล่ทองคุ้มกันตัวนั่นเอง
Bey ที่เพิ่งจะพุ่งเข้ามาไม่ได้เล่นห่วย!
ทว่าพวกนั้นไม่มีโอกาสแล้ว ตัว ADC ที่ใช้สกิลจนหมดจะสู้กับนัก
ฆ่าได้อย่างไร แถมนักฆ่าก็จะฆ่าโหดชนิดที่ไม่เหลือเพื่อนสักคน
ชั่วพริบตานั้นเธอสามารถฆ่าอีกฝ่ายไป แถมฆ่าได้สองชีวิต วิธีการ
เล่นแบบนี้ คนที่ไม่คุ้นกับแผนที่ในเกมย่อมทำไม่ได้ และหากมือไม่
เร็วมากพอก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรจะเปลี่ยนไอเทมอย่างไรก็ทำไม่ได้
ไม่มีเซ้นส์ในเกมก็ทำไม่ได้เข้าไปใหญ่
แต่ Bey ทำได้!
Double kill! Triple kill!
ในการต่อสู้ 1 ต่อ 3 เชียวนะ ชนะอย่างสะอาดหมดจด ไม่มีคำพูดบ่น
ว่าเวิ่นเว้อ ชนะใส ๆ จนทำให้ทุกคนต้องเงียบกริบ
ตอนที่ 2041-4
ทริปเปิลคิล! ตบหน้าเปรี้ยง!
แน่นอน คนที่เย้ยหยันก็ยังคงเย้ยหยันต่อไป หาว่าวิธีเล่นของ Bey มี
ปัญหา ไม่ใช่เทคนิคของตัวเองด้วยซ้ำ ลอกเอาของฉินมั่วมา จะตัด
เด็กฝึกทั้งสามทิ้งไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่สำคัญต่อทีมไดมอนด์ และไม่สำคัญต่อมั่ว
เป่ยด้วย
เธอหลุบตาลงมองผ้ารัดข้อมือที่สวมไว้ที่มือขวาของตน แม้จะไม่ได้
เริ่ม แต่ก็จบลงแล้ว ต่อให้ครั้งนี้เธอจะได้ปกป้องทีมที่เธอรักเพียง
ครั้งเดียว ทว่าความฝันเหมือนได้กลายเป็นจริง เธอได้สวมผ้ายืดนั้น
ไว้ รู้สึกเหมือนมีเธอคนนั้นคอยกุมมือที่จับเมาส์ของเธอไว้ เสมือน
ได้แข่งร่วมกับเธอคนนั้นเลยทีเดียว
ด้านหลังใบหูของมั่วเป่ยแดงเรื่อ เธอไม่ได้พูดอะไร สู้ต่อไปจนผล
ในท้ายที่สุดออกมา
ผู้เล่น MVP ของการแข่งนัดนี้เป็นของจริง แต่ด้วยคะแนนในรอบที่
แล้ว หากว่ากันตามกติกา มั่วเป่ ยจะหมดสิทธ์ิเข้าทีม เพราะหากเธอมี
สิทธ์ิก็แสดงว่าผู้เล่น MVP ของรอบที่แล้วต้องมีสิทธ์ิด้วย
ในระหว่างที่ผู้คนคุยกันว่าจะเลือกอย่างไร ฉินมั่วก็กดปุ่ม “ไม่มีอะไร
ต้องคิดมาก ให้ดูคะแนนการสร้างดาเมจ ใครสูงที่สุดก็เอาคนนั้น”
เด็กฝึกที่เป็นผู้เล่น MVP ของการแข่งรอบที่แล้วอาละวาดทันที รู้ว่า
เป็นการไลฟ์ สด จึงถามออกมา “เทพฉินเลือกคนอย่างนี้เหรอ? มัน
ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ไหม?”
ทุกคนต่างคิดว่าชายหนุ่มจะอธิบายออกมา เขาก็คิดเช่นกัน ไม่งั้นคง
ไม่ถามไปแบบนั้น
แต่คิดไม่ถึงว่าฉินมั่วทำแค่เลิกคิ้ว เอ่ยเสียงเรียบ ออร่าสูงส่งจับตัว
“ฉันเป็นคนสร้างทีมไดมอนด์เอง จะเลือกคนยังไง ใช้หลักเกณฑ์
แบบไหน ฉันเป็นคนตัดสิน นายเกี่ยวข้องอะไรด้วย?” ประโยคเดียว
ที่แฝงความเย้ยหยันไว้ ทำให้เด็กฝึกคนนั้นตัวแข็งทื่อ
จ้าวซานพั่งที่ดูอยู่ที่หน้าจอแทบจะหัวเราะงอคว่ำงอหาย “เป็นครั้งแรก
ที่ฉันรู้สึกว่าฉินมั่วใช้ความปากร้ายได้เยี่ยมมาก ก็เป็นเจ้าของทีมนี่
ถึงมั่นใจได้แบบนี้ ฉันเหรอ? ฉันไม่กล้าพูดอย่างนั้นหรอก เพราะทีม
เซียงหนานยังมีรุ่นพี่อีก ไม่เหมือนทีมไดมอนด์ที่เขาสร้างเอง เขาจะ
เลือกใครยังไง บอกตรง ๆ ก็ไม่เกี่ยวกับคนอื่นทั้งนั้น”
แฟนคลับถาม “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมเทพฉินถึงไม่รีบพูดแต่แรก
ล่ะ”
จ้าวซานพั่งเพิ่งจะคิดออก ส่ายหน้า เอ่ยอมยิ้มว่า “พวกนายคิดใช่ไหม
ว่าฉินมั่วจะไม่รู้สึกอะไรกับการที่เห็นหลายคนลาออก การที่หลินเฟิง
ลาออก คนที่สะเทือนใจที่สุด นอกจากอวิ๋นหู่แล้วก็มีเขานี่แหละ เขา
เป็นหัวหน้าทีมไดมอนด์เชียวนะ พอหลินเฟิงออกแล้ว อวิ๋นหู่ก็จะ
ออกด้วย เหราหรงก็เล่นได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกว่าพวก
นายไม่เข้าใจความรู้สึกอย่างนี้ แบบคนที่เดินบนเส้นทางนี้ด้วยกัน
ลาออกกันหมดแล้ว พวกนายคิดว่าใคร ๆ จะไม่มีความรู้สึกงั้นเหรอ
พวกนายถามว่าฉันรู้สึกยังไง ก็ต้องบอกว่ามีมากมายเต็มไปหมด
ขนาดฝันก็ยังฝันถึงตอนยังเป็นวัยรุ่น ที่ฉันกับลั่วลั่วแล้วก็หัวหน้า
สามคนได้เห็นเจ้าคนกวนประสาทนั่งบนม้านั่งตัวยาว ไม่ผิดหรอก
ฉินมั่วนั่นแหละ ฉันรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเขาเป็นคู่แข่งตัวร้ายของ
ฉันแน่ ๆ ลองถามเขาดูสิว่าทีมไหนเล่นยากที่สุด ต้องเป็นทีมเซียง
หนานของพวกเราอยู่แล้ว สามปีเชียวนะ สามปีที่พวกเราเป็นคู่แข่ง
กันมา”
3ปี? นานขนาดนี้เลยเหรอ?
ได้ยินเสียงจ้าวซานพั่งที่อยู่ห้องข้าง ๆ แล้ว ลั่วลั่วพิงผนังพลางยิ้ม
เพราะถึงจะเป็นเวลานี้ ขอแค่หลับตาลงก็นึกถึงตอนที่พวกเธอเจอ
ฉินมั่วเป็นครั้งแรกได้ เขากวนจริง ๆ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง แต่มันก็
เป็นช่วงเวลาที่โชคดีเหลือเกินที่พวกเธอได้สู้ร่วมด้วยกันในวัยอัน
แสนสุข
ตอนที่ 2042
ทำไมถึงเรียกว่านายน้อย
ในวันนั้น Bey กลายเป็นสมาชิกใหม่เพียงหนึ่งเดียวที่ทีมไดมอนด์
รับไว้ก่อนจะยุบทีม
ตอนนั้นหลาย ๆ คนยังไม่รู้ว่าทีมไดมอนด์จะยุบทีม คนที่เยาะหยันก็
ทำกันไป เพิ่มเติมเสริมแต่งคำกล่าวหาว่าร้ายอย่างไม่ขาดสาย
แฟนคลับบ้างก็ผิดหวังกัน บ้างก็อยู่ต่อไป แต่ที่มีมากกว่าคือพวกที่
สนับสนุน
หากต้องพูดแบบโหดร้ายที่สุดคือ ไม่มีใครหรอกที่จะชอบทีมทีม
หนึ่งตลอดเวลา แบบนี้ถึงจะเป็นเรื่องปกติ
แต่ผู้คนก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่า ความชอบในอดีตก็พอจะทำให้คนที่
ได้รับความชอบนี้ซาบซึ้งได้ใจแล้ว
เมื่อหลินเฟิงปรากฏตัวอีกครั้ง เขาเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว คนคนนี้
เหมาะที่จะสวมชุดสูทอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนที่อวิ๋นหู่พูดไว้ คงเพราะ
ผิวที่ขาวมาก กระทั่งตอนที่ผลักประตูเข้ามา ข้อมือที่มีนาฬิกาสวม
อยู่ยังให้ความรู้สึกพิเศษมาก
“นายน้อย แขกมาครบแล้วครับ” คุณตาพ่อบ้านนั่นเอง เขายังคงสวม
ทักซิโดสไตล์คนอังกฤษเหมือนเดิม ทั้งยังทัดดอกกุหลาบไว้ที่หน้าอก
ดูเป็นสุภาพบุรุษมาก ๆ “ผมไปเตรียมอาหารก่อนนะครับ”
“ค่ะ” ตอนที่ป๋อจิ่วส่งเสียงตอบรับ เธอกำลังช่วยสร้างชื่อไอดีให้มั่ว
เป่ ย “เป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ก็อย่าใช้ชื่อที่มันทื่อ ๆ เลย เรียกลูก
ศิษย์แสนดีแล้วกัน น่ารักจะตาย”
หลินเฟิงคลายคอเสื้อ “เจ้าแบล็ก คุณตาพ่อบ้านมาจากยุคไหนวะ?
ทำไมชอบเรียกนายว่านายน้อย”
เหราหรงที่กำลังเตรียมของสดได้ยินแล้วหันไปมอง มุมปากแยกยิ้ม
อยากรู้เหมือนกันว่า Z จะตอบยังไง
ป๋อจิ่วยิ้มบอก “ตอนแรกไม่อยากจะบอกทุกคนเลย แต่เห็นแก่ที่นาย
สงสัยอยากรู้มาก งั้นฉันพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน” หลินเฟิงได้ยินแล้ว
ตั้งอกตั้งใจมาก
ป๋ อจิ่วกดเสียงให้ต่ำลง “คืออย่างนี้ พ่อแท้ ๆ ของฉันน่ะไม่ใช่ฟู่จงอี้
หรอก นายดูสภาพเขาดิ หน้าตาแย่จะตายจริงป่ะ?”
สองตาหลินเฟิงเบิกกว้าง “หรือว่าคุณป้า…”
“เปล่า” ป๋ อจิ่วขัดการมโนต่อของอีกฝ่าย “แค่รับเลี้ยงแทน คุณแม่เฮ่อ
ช่วยเลี้ยงดูฉันแทนพ่อแม่ที่แท้จริงน่ะ จริง ๆ แล้วฉันเป็นเชื้อพระวงศ์
แล้วมีอยู่ปีหนึ่งเกิดสงครามในเชื้อพระวงศ์ขึ้น พ่อกับแม่กลัวว่าฉัน
จะมีอันตราย นายอ่านนิยายมาเยอะ คงเข้าใจใช่ป่ะ”
หลินเฟิงพยักหน้ารับรู้เต็มที่ “ฉันเข้าใจ เข้าใจดีเลยละ”
ป๋ อจิ่วจึงส่งเสียงในลำคอแล้วเอ่ยต่อ “ตอนนั้นสถานการณ์ไม่นิ่ง คุณ
ตาพ่อบ้านเลยส่งฉันมาอยู่ที่นี่ ตอนที่มา ฉันยังเล็กมากเลยไม่รู้ว่า
ตัวเองเป็นใคร ไม่ได้ติดต่อทางบ้านมานานหลายปี แถมสถานการณ์
ตอนนั้นก็วุ่นวายมาก รับประกันความปลอดภัยให้ฉันไม่ได้ คุณตา
เลยไม่ได้ตามหาฉัน ตอนนี้ทางโน้นสงบลงแล้ว คุณตาก็เลยมาหา ที่
เรียกฉันว่านายน้อยก็เพราะตอนนี้ฉันเป็นใหญ่ที่สุดอยู่ทางโน้น ได้รับ
มรดกมาหมดเลย”
หลินเฟิงนึกถึงเค้าโครงเรื่องนิยายที่เห็นกันชินตา ตาโตเล็กน้อย
“อย่าบอกนะว่า มรดกบ้านนายจะมีปราสาทในป่าด้วย?”
“มันเป็นของที่ต้องมีไม่ใช่เหรอครับ?” คุณตาพ่อบ้านผลักรถเข็นอาหาร
เข้ามาพอดี หันหน้ามายิ้มให้
หลินเฟิง “…”
เหราหรง “…”
โคโค่… ปราสาทในป่ าเป็นของที่ต้องมี? งั้นคุณชายบ้านรวยอย่างเขา
ดูเหมือนจะรวยไม่พอซะแล้ว
“แล้วมรดกแบบนี้เขารับกันยังไง วันหลังฉันต้องลองบ้าง” โคโค่
อิจฉาสุดฤทธ์ิ เขาอยากลองอยู่ปราสาทในป่ าบ้าง!
เหราหรงมุมปากกระตุก ถามฉินมั่วที่ยืนข้างตัวว่า “พวกเขาไม่น่าจะ
เชื่อจริง ๆ หรอกมั้ง? สงครามระหว่างราชวงศ์? Z ไปเอาแรงบันดาล
ใจจากไหนมาแต่งเรื่องแบบนี้?

ตอนที่ 2041-1
ผู้เล่น MVP ของทั้งสนาม
ท่าทางที่เดิมก็เท่อยู่แล้ว
ไม่คิดว่าหลังจากที่ป๋ อจิ่วพูดกับมั่วเป่ ยเสร็จ กำลังยืดตัวขึ้นมา ก็ถูก
คนหิ้วคอเสื้อด้านหลังไว้
ฉินมั่วนั่นเอง เขายืนอยู่ด้านหลังป๋อจิ่ว เอ่ยเสียงเรียบกับเจ้าหน้าที่ว่า
“ฉันจะเอาตัวเขาไป คะแนนของการแข่งเมื่อกี้ พวกนายเอาไปคำนวณ
เป็นสถิติแล้วทำเป็นกราฟออกมา ฉันอยากรู้ว่าถ้าคำนวณคะแนน
การทำดาเมจของแต่ละคน ใครจะเป็นที่หนึ่งของการแข่งเมื่อกี้ แล้ว
ผู้เล่น MVP ควรเป็นใครกันแน่”
ไม่บอกว่าอนุมัติการออกจากทีมของป๋ อจิ่วหรือไม่ แค่สั่งให้ทำกราฟ
คะแนนใหม่
และด้วยการตัดสินใจของเขาในเวลานี้ ทำให้เด็กฝึกทั้งสามถึงกับ
หน้าถอดสี
เพราะรู้ดีว่าหากคำนวณคะแนนพวกเขาเป็นกราฟ แน่นอนว่าจะต้อง
ได้เปรียบด้านการรวมทีมสู้และการฆ่า แต่หากคำนวณการสร้าง
ดาเมจให้คู่แข่ง Bey ย่อมได้คะแนนสูงสุด
เทพฉินก็พิจารณาแค่ความสามารถรายบุคคล ไม่พิจารณาความเป็น
ทีมเวิร์คเหรอ?
คนที่ยินจากการไลฟ์ สดไม่เข้าใจ “เทพฉินทำอะไรเนี่ย กราฟคะแนน
ของเกมก็ไม่เชื่อแล้วหรือไง? คะแนนโชว์อยู่ให้เห็นจะจะโอเคป่ะ”
ในฐานะที่เป็นผู้บรรยาย จ้าวซานพั่งเอ่ยขึ้นบ้างในเวลานี้ “ผู้เล่น MVP
ของการแข่งรอบนี้จะเป็นผู้สร้างประโยชน์มากที่สุดของทีม ถ้าวิเคราะห์
ตั้งแต่แบกรับความเสียหายไปจนถึงการสร้างความเสียหายให้คู่แข่ง
คนนั้นจะมีคุณประโยชน์มากที่สุดเวลารวมทีมแข่ง คนที่ดูการแข่ง
ตลอดทั้งเกมกับคนแข่งจะรู้ดี บางครั้งชัยชนะของทีมหนึ่งก็เป็นเพราะ
ตัวแทงค์กึ่งสนับสนุนออกพลังชุดใหญ่ในเวลาสำคัญ ไม่เพียงจะ
ปกป้องตัวทำดาเมจที่อยู่ด้านหลัง แต่ยังสนับสนุนให้นักฆ่าทำการ
ฆ่าได้ ต่อให้ถึงเวลานั้นเขาต้องตาย ก็ยังถือว่าเป็นผู้เล่น MVP สูงสุด
ของการแข่งอยู่ดี”
“พูดตามตรง การแข่งในครั้งนี้ ถ้าไม่มีคนเอาแต่จะขายเพื่อน ตำแหน่ง
ผู้เล่น MVP ของรอบนี้จะเป็นใคร ทุกคนล้วนแต่เห็นกันหมด กราฟ
คะแนนของเกมที่ออกมา คนที่เชื่อก็เชื่อ คนที่ไม่เชื่อก็ดูการแข่งต่อไป”
“ฉินมั่วอยากได้กราฟคะแนนการทำดาเมจ ก็เพราะอยากได้ผู้เล่น MVP
ของรอบนี้ตัวจริง ทางทีมเลือกตัวผู้เล่นแบบนี้ ขืนเลือกพวกที่เจ้าเล่ห์
มั่วเข้ามาก็ย่อมไม่มีประโยชน์”
“อื้อ พูดเรื่องนี้ไป พวกผู้หญิงบางคนก็ไม่เข้าใจหรอก พวกเธอลอง
เข้าใจง่าย ๆ แค่ว่า ฉินมั่วออกมาลากตัวแบล็กพีชกลับก็พอ เพราะเจ้า
หมอนี่ขี้หึงสุดยอด”
“เอาละ ไม่พูดแล้ว การแข่งรอบที่สองมาแล้ว” ผู้คนกำลังจมดิ่งกับ
เรื่องที่แบล็กพีชจะลาออกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ก็เห็นการเข้าสู่หน้า
เกมอีกครั้ง
การแข่งในครั้งนี้มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดสิบคน ต่างกันตรงที่เปลี่ยน
จากการแข่งประเภททีมมาเป็นเดี่ยว!
แต่ละคนต้องสู้เพื่อตัวเอง แถมแผนที่ที่ให้ใช้ก็เป็นแผนที่ซึ่งเต็มไป
ด้วยหมอก นี่เป็นการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เล่น
ผู้เล่นต้องมีความเชี่ยวชาญเกมในมากเท่านั้น ถึงจะกล้าใช้แผนที่
แบบนี้ เพราะหลังจากที่เข้าเกมแล้ว ตำแหน่งของแต่ละคนจะไม่
เหมือนกัน
บางคนพอเข้ามาก็จะเจอคู่แข่งทันที ต้องสู้กันโดยที่ยังไม่ทันได้ล่า
มอนสเตอร์ไว้สะสมเงินไปซื้อไอเทม
ในสถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นการทดสอบเทคนิคการเล่นของแต่ละ
คน ใครก็ตามที่เดินตำแหน่งดี มีเซ้นส์เยี่ยม จะขจัดคู่แข่งได้ใน
สถานการณ์เดียวกัน
แต่เด็กฝึกทั้งสามไม่คิดอย่างนั้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเป็นเพื่อนรัก
กัน พอเข้าหน้าเกมก็บอกตำแหน่งตัวเองเพื่อให้หาเจอกัน จากนั้นก็
เริ่มรุมฆ่า ให้คนหนึ่งเป็นคนตีหลัก อีกสองเป็นผู้ช่วย
ก็กติกาไม่ได้ห้ามไว้นี่นา
ไม่นานหนุ่มน้อยคนหนึ่งก็ถูกกำจัดออกจากเกม รู้สึกไม่เป็นธรรม
เป็นที่สุด พอปลดหูฟังออกก็ทุ่มคีย์บอร์ดลงพื้นทันที
ตอนที่ 2041-2
ทริปเปิลคิล! ตบหน้าเปรี้ยง!
เล่นใช้วิธีแบบนี้ ช่างหน้าด้านเอามาก ๆ
โคโค่นับไม่ถูกเลยว่าตัวเองกัดหูกระต่ายในอ้อมแขนไปกี่ครั้งแล้ว
เด็กใหม่สามคนนั้นวางแผนมาล่วงหน้านี่นา ไม่งั้นคงไม่พูดแบบนั้น
ตั้งแต่แรก ทำให้ทีมไดมอนด์ไม่อาจพูดอะไรได้
ถ้าตอนนี้ทีมไดมอนด์บอกว่าคะแนนจากเกมไม่นับ ก็เท่ากับยอมรับ
ว่ากติกาของตนมีปัญหา
แต่หากยอมรับว่ากติกาของตนมีปัญหา ก็เท่ากับตบหน้าตัวเองที่
ประกาศไว้อย่างนั้นตั้งแต่แรก
โคโค่โกรธหนักมาก “นี่ต่างหากที่เป็นเป้าหมายของพวกมัน อุตส่าห์
อ้อมไปอ้อมมา ที่แท้วางแผนดักเอาไว้แล้ว”
เหราหรงส่งเสียงแสดงความเห็นด้วย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้าเป็นอย่าง
นี้ต่อไป สุดท้ายแล้วก็จะเหลือเด็กสามคนนี้ที่เข้าทีมไดมอนด์”
ซึ่งก็เป็นอย่างนี้จริง ๆ คนที่ผ่านการคัดเลือกภายในของทีมไดมอนด์
ได้ย่อมต้องมีฝีมือเหนือคนธรรมดา
เมื่อสามคนนี้รวมหัวกัน คนอื่น ๆ ที่เข้ามาแข่งด้วยต้องเล่นยากอยู่แล้ว
แต่ทว่า คนที่ไม่เชื่อถือในทีมไดมอนด์อีกต่อไปกลับเห็นว่าเด็กฝึกทั้ง
สามไม่ได้ทำผิดแม้แต่นิดเดียว
ใครใช้ให้กติการการแข่งไม่เป็นธรรมล่ะ ในเมื่อไม่เป็นธรรม ก็ต้อง
ใช้วิธีของตัวเองมาเอาชนะน่ะสิ ที่พวกเขาทำแบบนั้นก็เพราะทีมได
มอนด์ไม่เคารพคนที่พยายามเข้ามาด้วยความมานะ
ทว่าในความเป็นจริง เด็กสามคนนั้นรู้จุดอ่อนของกติกา แต่ไม่ได้พูด
อะไร เพราะต้องการใช้ช่องโหว่ดังกล่าวมาทำให้ตัวเองชนะ ถึงได้
ออกมาพูดปาว ๆ ว่ากติกาไม่เป็นธรรม แต่ไม่ระบุถึงจุดอ่อนที่ว่า
ช่างเป็นแผนที่ลึกล้ำจริง ๆ
“แต่จุดอ่อนแบบนี้ ฉินมั่วไม่น่าจะไม่รู้นะ” จ้าวซานพั่งแสดงความ
สงสัยออกไป นอกเสียจากว่า…จ้าวซานพั่งยังไม่ทันได้แสดงความคิด
ตัวเองออกมา ก็เห็นหน้าจอโชว์ภาพผู้เล่นคนที่สองที่ถูกเด็กฝึกสาม
คนนั้นรุมกักตัวเอาไว้
แต่ครั้งนี้ พวกเขายังไม่ทันโจมตีก็มีคนมาขวางไว้เสียก่อน
Bey นั่นเอง
เวลานี้ ทุกคนต่างเห็น Bey เล่นเป็นนักฆ่าอีกครั้ง เสื้อขาวของตัวละคร
เธอโบกสะบัด เหาะไปยังโซนป่ า เกือบทุกคนที่ดูไลฟ์ สดต่างเห็น
ประโยคหนึ่งผ่านด้านล่างของหน้าจอ “1 ต่อ 3 มา!”
ปกติมั่วเป่ยเป็นคนพูดน้อย หากเป็นป๋อจิ่วต้องพูดอะไรสบาย ๆ เช่น
‘พวกนายชอบเล่น 1 ต่อ 3 ไม่ใช่เหรอ ป๊ะป๋าจะเล่นเป็นเพื่อนเอง’
ประมาณนี้
ทว่าผลที่ได้กลับไม่ต่างกัน เพราะเด็กฝึกสามคนนั้นเห็นแล้วปรับ
ตำแหน่งการเดินทันที
ในเมื่อเสนอตัวมาตายเอง พวกเขาก็จะให้อีกฝ่ายสมความปรารถนา
ยังไงเสียเป้าหมายในท้ายที่สุดของพวกเขาก็คือ Bey อยู่ดี
มันไม่มาหาพวกเขา พวกเขาก็จะไปหามันเอง
ตอนนี้พวกเขาอาศัยฟอร์มการเล่นที่กำลังมาคุฆ่ามันเสีย จะได้หมด
ตัวยุ่งยากในตอนท้าย
นักเวทในกลุ่มเด็กฝึกสามคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้อย่างมีแผนการ
เพื่อจะได้ร่ายเวทคุมตัว Bey ไว้ ส่วนที่เหลืออีกสองยืนตรงกลางเพื่อ
ลวงอีกฝ่ายเอาไว้
วิธีการเล่นแบบนี้ชั่วร้ายไปหน่อย แต่การเล่นเกมก็มักเป็นแบบนี้ วิธี
ดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นปัญหา
หากไม่ค้นพบว่านักเวทในพุ่มไม้นั่นมีฝีมือสู้คู่แข่งไม่ได้ ก็คงไม่มี
อะไรต้องพูดแล้ว
เมื่อ Bey เหาะเข้าไป จ้าวซานพั่งที่รอคอยมานานก็เริ่มตื่นเต้น
หากเวลานี้คนที่อยู่ในสนามแข่งเป็นแบล็กพีช เขาย่อมไม่ตื่นเต้น เพราะ
เรื่องแบบนี้ถือเป็นปกติของเจ้าแบล็ก ต่อให้ฝ่ายนั้นเจ้าเล่ห์แค่ไหน
มืออาชีพอย่างเจ้าแบล็กย่อมมองออก
ทว่า Bey ไม่เหมือนกัน เพราะเป็นเด็กใหม่ แถมได้ยินมาว่าเด็กมาก
อีกต่างหาก

ตอนที่ 2039
แล้วจะเอายังไง แบล็กพีช Z?
ชัยชนะที่ได้ทำให้เด็กฝึกทั้งสามต่างมองตากัน รู้สึกว่าผลที่ได้ไม่เลว
เลยทีเดียว
โคโค่โกรธจัด เขายังคิดว่าถ้าต่อไปคนพวกนี้เข้าทีมไดมอนด์จริง ๆ
ก็สลายทีมเลยยังจะดีกว่า
พอความคิดนี้แวบขึ้นมาในหัว โคโค่ก็อึ้งไป เพราะไม่เคยมีความคิด
แบบนี้มาก่อน
แม้จะเจอปัญหามากมายก็อยากจะยืนหยัดต่อไป
อันที่จริง หากพินิจให้ดี ดูเหมือนเขาเองก็มีความคิดนี้มาตั้งแต่ตอนที่
หลินเฟิงประกาศออกจากทีมอย่างเป็นทางการแล้ว
ทีมไดมอนด์เป็นที่รักของคนมากเกินไป
พวกเขาเหมือนจะยอมรับคำก่นด่าได้ แต่ไร้ปัญญาจะแบกรับความชอบ
เหล่านั้น
เพราะการถูกชอบก็ต้องห้ามขัดใจคนชอบ
ดังนั้นจึงได้แต่จำกัดตัวเอง บางเรื่องไม่อาจพูดออกไป
แบบนี้ถึงจะสามารถรักษาภาพลักษณ์อันดีงามในหัวใจของผู้คนได้
สำเร็จ
มัน…ดูจะ…ไม่ใช่ความตั้งใจดั้งเดิมที่มีต่อการเล่นเกม
โคโค่ขยับนิ้ว นั่งอยู่ที่เดิม คล้ายจะยืนไม่ไหว ส่วนป๋ อจิ่วหันไปมอง
เพื่อนแวบหนึ่ง “พักครึ่งแล้ว? ไม่กินข้าวเหรอ?”
โคโค่ก้มหน้างุด “ไม่อยากอาหารเลย ต่อไปพวกเราต้องเล่นเกมกับ
คนอย่างนี้เหรอ?”
“โคโค่ ต้องให้ฉันเตือนนายไหม?” ป๋ อจิ่วลุกขึ้นมา เสี้ยวหน้าเจ้าเล่ห์
“การแข่งยังไม่สิ้นสุดนะ”
โคโค่กัดหูกระต่ายแน่น “เจ้านั่นได้ตำแหน่ง MVP แล้วนะ?”
“แล้วยังไง” ป๋ อจิ่วยืนหันหลังให้ เงาเธอทอดยาวลงไป “ตอนเป็นเพื่อน
ร่วมทีมกันเท่านั้นแหละ พวกนั้นถึงจะโอหังได้ แต่พอเป็นคู่แข่งก็ไม่
ง่ายแล้ว” พูดมาถึงตรงนี้ เธอก็เอามือป้องปาก ตะโกนเสียงดังว่า “Bey
มานี่ซิ!”
โคโค่หน้าถอดสีทันที รีบรั้งเธอไว้ “เจ้าแบล็ก นายบ้าไปแล้วเหรอ
เล่นไปสนิทชิดเชื้อกับเด็กในตอนนี้ พวกเขาก็ยิ่งเชื่อในสิ่งที่สามคน
นั้นพูดน่ะสิว่าน้องเป๋ ยเป่ ยเข้ามาเพราะเส้น”
“งั้นถ้าฉันถอดเสื้อทีมออกล่ะ?” ป๋ อจิ่วว่าแล้วก็รูดซิปออก ก่อนจะทิ้ง
เสื้อคลุมตัวดำไว้ที่เก้าอี้ ค้ำมือที่รั้วกั้น กระโดดเข้าไปในสนามแข่ง
คัดเลือกสมาชิกใหม่ของทีมไดมอนด์ ซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป๋ า
กางเกง ยิ้มร้ายกว่าปกติ “ฉันลาออกก็โอเคแล้วไหม”
โคโค่ตะลึง ห้องไลฟ์สดต่างได้ยินเสียงป๋อจิ่วกันทั่วหน้า
และเพราะได้ยิน ดังนั้นคอมเมนต์จึงฟลัดเต็มหน้าจอ
“เฮ้ย อะไรกัน?”
“หลอกกันป่ะ แบล็กพีชจะลาออก? ลาออกเชียวนะ?”
“ทำไม? บอกว่าจะออกก็จะออกงั้นเหรอ ทำอะไรกันนี่?”
“เทพฉิน อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย รีบแก้คำพูดของแฟนตัวเองที่บอกว่า
จะลาออกก่อน แล้วอ้างว่าเสียงดังเอะอะเถอะ!”
“รู้สึกว่าสมาชิกของทีมไดมอนด์พูดเรื่องลาออกเหมือนเด็กเล่นของ
เล่นเลย”
“ไม่ได้เล่น ไม่ใส่เสื้อทีมแล้ว แถมเทพฉินก็อยู่ด้วยกัน ไม่ได้ห้ามอีก
ด้วย”
ฉินมั่วยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ยังคงมีท่าทีดังเดิม สวมชุดทีมสีดำสนิท
มองเด็กวัยรุ่นที่ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด แถมตายังอบอุ่นกว่าปกติ
ป๋ อจิ่วยืนตรงนั้นอย่างไม่แคร์เสียงฮือฮา
เด็กฝึกทั้งสามไม่คิดว่าเธอจะใช้ไม้นี้มาขวางพวกเขาเอาไว้
“ก่อนจะออก ฉันขอพูดหน่อย ทีมไดมอนด์ไม่ใช่ของพวกนาย คนที่
สร้างทีมนี้ขึ้นมาคือฉินมั่วกับเฟิงอี้ สมาชิกรุ่นแรกก็คือกลุ่มเฟิงอวิ๋น
โคโค่ ไม่ใช่คนอื่น ใช้คำว่าชอบมาเป็นข้ออ้างน่ะไม่มีประโยชน์หรอก
คนที่สนับสนุนทีมนี้จนถึงปัจจุบันก็คือคนที่เชื่อมั่นในทีมอย่างเงียบ ๆ
ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าทีมไดมอนด์จะเป็นยังไง พวกเขาก็
ไม่เคยเกาะกระแสตอนที่ทีมขึ้นถึงจุดสูงสุด แล้วหนีไปหลังจากที่
ทีมตกต่ำ นี่แหละคือสิ่งที่พวกเขาทำกัน”
ตอนที่ 2040
1 ต่อ 3 น่าจะไม่มีปัญหาใช่ไหม?
“พวกเธอเอาศีลธรรมมาผูกมัดทีมไดมอนด์ได้ แต่ไม่มีประโยชน์
สำหรับฉัน เพราะฉันก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร”
พูดมาถึงตรงนี้ ป๋ อจิ่วหันหน้าไป แล้วเอ่ยเรียกอีกครั้ง “Bey มานี่ซิ”
เพราะไลฟ์สดปล่อยมาแต่เสียง ทุกคนที่มาดูจึงไม่เห็นท่าทางของป๋อ
จิ่ว แต่แค่เสียงของเธอ ก็ทำให้คนนึกภาพออกว่ายังคงยืนเท่อย่างที่
คิดไม่ถึง เส้นผมสีเงินยุ่งนิด ๆ ไม่มีสิ่งใดมาบังคับเจ้าตัวได้
จ้าวซานพั่งที่อยู่อีกฝั่งของคอมพิวเตอร์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“สมกับที่เป็นแบล็กพีชจริง ๆ เกรียนมาก กล้าถอดเสื้อทีมต่อหน้าคน
ทั้งสนาม? ดูซิว่าเจ้านี่จะทำอะไรอีก?”
มั่วเป่ยมึนงงแล้ว
อันที่จริงเรื่องอื่น ๆ ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ
การที่เธอมาทีมไดมอนด์ นอกจากเพราะความชอบเล่นเกมแล้ว ก็
เพราะคนคนหนึ่ง ซึ่งก็คือแบล็กพีช Z
ผู้เล่นที่เธอชอบมากที่สุด
ถ้าจะมีแฟนคลับสมองปรุจริง ๆ ละก็ เธอก็คงเป็นคนคนนั้น เธอคิด
ไว้ว่าจะได้เข้าทีมนี้ในสักวันหนึ่ง แล้วจะได้แข่งร่วมกับเธอคนนั้น
แค่นี้เธอก็เต็มไปด้วยความหวังแล้ว
ตอนนี้เธอคนนั้นจะลาออกอย่างกะทันหันชนิดที่ไม่มีเค้าลางมาก่อน
หากเทียบกับเรื่องราวทั้งหลาย ไม่มีอะไรสู้เรื่องนี้ได้ มั่วเป่ ยเดินไป
ข้างตัวป๋อจิ่ว กำลังจะเอ่ยปาก แต่กลับถูกลูบศีรษะเสียก่อน มุมปาก
ของเธอคนนั้นยังมีรอยยิ้มประดับอยู่ พลางหลุบตามองเธอที่ตัวเล็ก
กว่า “ลูกศิษย์ของฉันโดนรังแกแล้วยังน่ารักอยู่เลย”
ใบหน้าไร้อารมณ์ของมั่วเป่ยแดงเล็กน้อย “เปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเห็นหมดแล้ว” ป๋อจิ่วส่งของในมือให้มั่วเป่ย
มั่วเป่ ยแบมือออก ก็เห็นผ้ายืดรัดข้อมือนอนบนอุ้งมือตัวเอง
ผ้ายืดรัดข้อมือเป็นสีดำสนิท สลักชื่อทีม ‘ไดมอนด์’ ไว้ด้านในด้วย
ด้ายสีเข้ม
มั่วเป่ ยชะงัก มองดูของในมือด้วยนัยน์ตาหวั่นไหว
ป๋ อจิ่วก้มตัว ไม่รู้ว่าพูดอะไรข้างหูเด็ก เสียงเบามาก แต่ยังพอจะได้
ยินแว่ว ๆ ว่า “เข้าใจความหมายของฉันแล้วใช่ไหม”
มั่วเป่ยกำมือ พูดน้อยเหมือนเดิม “เข้าใจ”
“งั้นก็ไปแข่งเถอะ” ป๋ อจิ่วยิ้มมุมปาก ส่วนมั่วเป่ ยรับคำด้วยสีหน้า
จริงจัง
บนหน้าจอยังมีคอมเมนต์ที่ไล่ถามแบล็กพีชว่าลาออกจริงหรือเปล่า
เพราะเธอไม่เหมือนสมาชิกอื่นที่ฝีมือถอยหลัง หากยังไม่ออกอีกก็
เล่นต่อไปลำบาก แต่แบล็กพีชกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ ไม่ว่าจะเป็น
อายุหรือความเร็วมือ ในหนึ่งปีข้างหน้านี้ย่อมไม่มีใครล้ำหน้าเธอได้
แน่ หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงจะลาออก
อันจริงก็เข้าใจง่าย เพราะเธอรู้ว่าทีมนี้สำคัญสำหรับใครคนหนึ่งมาก
อุตส่าห์มุ่งมั่นมาตั้งหลายปี เธอไม่อยากเห็นเขาต้องทนเห็นคนกลุ่ม
นั้นเข้าร่วมทีม แล้วยังต้องหาทางแก้ไขปัญหาอีก
ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน เป็นปัญหาที่ทีมแต่ละทีมต้องเจอเมื่อเดินมา
ถึงตอนท้าย เพราะความชอบสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
ได้ และยังทำให้รู้สึกว่าตัวเองทำถูกด้วย
ความชอบที่มีมานานจะต้องตามมาด้วยความปรารถนา
นี่เป็นธรรมชาติของคน
เมื่อแก้ไขเนื้อแท้ไม่ได้ก็มาแลกเปลี่ยนกัน
หากคนบางกลุ่มคิดจะใช้วิธีนี้เข้าทีมไดมอนด์ หรือติดชื่อทีมไว้กับ
ตัวเองอย่างนี้
ถ้าอย่างนั้นก็รอให้เธอหรือพวกเธอไม่อยู่ดูแล้วก็แล้วกัน
ป๋ อจิ่วทำอะไรไม่เคยซับซ้อน
กระทั่งโคโค่ยังอัดอั้นตันใจ
งั้นก็ไม่ต้องเข้าทีมสักคนเลยเถอะ!

ตอนที่ 2038-1
เทพอ้วนเทียบตัวเองกับ Z ผลสุดท้าย…
ในสายตาของหลาย ๆ คน เด็กฝึกทั้งสามกลายเป็นตัวแทนของคำว่า
‘จิตวิญญาณของความเป็นทีม’ เพราะหากไม่ใช่สามคนนี้ พวกเขาคง
ไม่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของทีมไดมอนด์!
ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาล้วนแต่เหม็นขี้หน้าไปหมดไม่ว่าจะ
เป็น Bey หรือแบล็กพีช Z
แม้กระทั่งทั้งทีม พวกเขาก็รู้สึกว่าหากไม่ใช้วิธีของพวกเขาในการ
เลือกสมาชิกใหม่ ก็สมควรเหยียบย่ำทั้งนั้น
ดังนั้นจึงไม่ได้ดูการแข่งขันด้วยความเป็นธรรมอย่างแท้จริง
จะว่าไปแล้ว พฤติกรรมของเด็กฝึกทั้งสามสามารถสรุปด้วยคำสั้น ๆ
ว่า เกาะกลุ่มกันเอง
ไม่เพียงแต่จ้าวซานพั่งจะมองออก ป๋ อจิ่วเห็นตั้งแต่แรกแล้ว เธอทำ
แค่เอียงศีรษะ ไฝเสน่ห์ใต้ตาดูสวยเป็นพิเศษ ทว่าก้นบึ้งนัยน์ตากลับ
เย็นชาเหมือนไม่เหลือความอบอุ่นใด ๆ
โคโค่ที่อยู่ด้านข้างถึงกับหนาวสั่นไปทั้งตัวอย่างพิกล เขาไม่เคยเห็น
เจ้าแบล็กในสภาพแบบนี้มาก่อน
ต้องรู้นะว่าเจ้านี่ถือเป็นอาวุธศักด์ิสิทธ์ิด้านการอ่อยสาว เท่แบบเกียจ
คร้านเฉื่อยชา ก็ทำให้คนที่นั่งข้าง ๆ หัวใจเต้นไม่เป็นระส่ำได้
แต่วันนี้กลับดูเย็นชาอย่างน่าประหลาด
ทั้งสามเริ่มนำฟอร์มการเล่นในเกม
เมื่อโดนเพื่อร่วมทีมขายไปแล้วครั้งหนึ่ง มั่วเป่ ยที่ฟื้นคืนชีพยืนอยู่ที่
พุ่มไม้ราวกับกำลังพิจารณาอะไรสักอย่าง รอจน Bey ออกตัวอีกครั้ง
ทุกคนก็เห็นว่าเธอเอาไอเทมจู่โจมอย่างเดียวที่มีมาเปลี่ยนเป็นสกิล
กึ่งแทงค์กึ่งโจมตี จากนั้นก็เริ่มสร้างฐานะอย่างบ้าคลั่ง
หากจะบอกว่าตอนแรก Bey พกแค่ทีมมินเนี่ยนตามอยู่เลนบน ตอนนี้
เธอก็ล่าครึ่งหนึ่งของโซนป่ าจนเกลี้ยงแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงได้คำเยาะหยันว่า “เมื่อกี้บอกว่าพวกเขาขาย Bey เพราะ
ต้องการจะกดหัว Bey เอาไว้ ดูเอาแล้วกันว่าตอนนี้ Bey ทำอะไร ไม่
ไปรวมทีมสู้ แถมยังแย่งมอนสเตอร์ในโซนป่ า อย่างนี้ไม่เรียกว่ากด
หัวเพื่อนเหรอ?”
“โอะโอ เทพอ้วนไม่พูดอะไรบ้างล่ะ เทพอ้วนอย่าทำตัวสองมาตรฐาน
สิ ระวังโดนตบหน้านะ”
จ้าวซานพั่งกำลังเคี้ยวขนมล่าเถียวหัวเราะขึ้นมา “มา จะเล่าให้เพื่อน ๆ
ผู้ชมที่เข้าใจง่ายฟังนะ วิธีการเล่นตามปกติเนี่ย อย่างแรก ถูกแล้วที่เรา
ต้องทิ้งโซนป่ าไว้ให้นักฆ่า แต่ต้องเป็นการเล่นตามปกตินะ ตอนนี้
มันไม่ปกติชัด ๆ Bey อายุน้อยแล้วโง่เหรอไง? แบบโดนหลอกมา
ครั้งหนึ่งแล้วยังไม่รู้ตัว จะแล่นไปรวมกลุ่มสู้ให้เพื่อนหักหลังเป็น
ครั้งที่สองเนี่ยนะ ขึ้นชื่อว่าคน ย่อมต้องมองสถานการณ์ในตอนนี้
ออก อยากจะลากฉันลงไปจมน้ำตาย ฉันไม่ลงว่ะ พอสร้างฐานะเสร็จ
ก็อาศัยการเดินตำแหน่งกับการพิมพ์เร็วไว้ดีกว่า ถ้าเกิดถูกหักหลัง
อีกครั้งก็ยังสู้แบบ 1 ต่อ 5 ได้สบาย นี่แหละคือแผนการสู้ของเขา ไม่
ผิดปกตินี่ มีปัญหาที่ตรงไหนไม่ทราบ?”
“น่าละเหี่ยใจเนอะ อุตส่าห์ช่วยฟอกตัว Bey ให้ขาว”
จ้าวซานพังกลืนขนมในปากหมดก็เอ่ยขึ้น “ในสายตาของพวกนาย
แบล็กพีชชั่ว Bey ก็ชั่ว ลั่วลั่วก็ชั่ว มีใครบ้างที่ขาว พวกเราเป็นคนผิว
เหลืองโอเคป่ะ?”
“ได้ยินตอนท้ายแล้ว อยากร้องว่าเทพอ้วนของฉันแซ่บมาก”
“เทพอ้วนบรรยายได้เจ๋งเป็นบ้า”
“เทพอ้วนอย่ากินเยอะนะ หัวหน้าเซียวมีแฟนแล้ว พูดตรง ๆ เมื่อไร
จะคิดถึงอนาคตเรื่องครอบครัวของตัวเอง อย่าฝันว่าตัวเองมีแฟนคลับ
ผู้หญิงเลย พี่มีแค่แฟนคลับผู้ชายดิบเถื่อนอย่างพวกเราเท่านั้นแหละ”
“พี่อ้วน ขออัพเดทให้พี่รู้ ฉันเห็นที่เขาเขียนกันปุ๊บ ก็รู้ว่าพวกแฟนคลับ
ผู้หญิงมาด่าพี่โดยเฉพาะ ไม่มีเรื่องอื่นปน”
“พวกเรารู้ว่าลั่วลั่วลาออกแล้ว นายรับไม่ได้ เรามีเหล้านะ มีอะไรที่
ไม่สบายใจก็พูดออกมาได้ ทุกคนจะได้แฮปปี้”
ตอนที่ 2038-2
เทพอ้วนเทียบตัวเองกับ Z ผลสุดท้าย…
จ้าวซานพั่งรู้สึกว่าแฟนคลับของเขาผิดปกติ มองดูแฟนคลับของเขา
แล้วมองดูของแบล็กพีชที่สาว ๆ หน้าตาสวย ๆ ต่างว่ากันว่า “หลัวจ๋า
วันนี้หล่อจังเลย เมื่อกี้ฉันเห็นเธอด้วย ตอนไลฟ์ สด โชคดีจนต้องขอ
ออกซิเจนเยอะ ๆ หน่อย”
“ฉันต่างหากที่เป็นแฟนหมายเลข 1 ของแบล็กพีช ทำไมถึงมีศัตรู
หัวใจเยอะจัง ทำไงดี?”
“เมื่อไรหลัวจะออกมาบรรยายบ้างนะ? จ้าวซานพั่งข้างบ้านเรากำลัง
ทำอยู่ ถ้าเธอทำบ้างนะ แค่ได้เห็นหน้าเธอ ฉันก็ตายสงบแล้ว”
บรรยากาศช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
ไม่มีอะไรที่แตกต่างกันได้รุนแรงขนาดนี้อีกแล้ว!
จ้าวซานพั่งแคปหน้าเจอส่งเข้าไปที่บอร์ดสนทนารวม เพื่อเตือน
แฟนคลับชายดิบเถื่อนของตน “แตกต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว ฉัน
ต้องการได้รับความรักและการปกป้องบ้าง รู้ไหม?”
“แบล็กพีชหนักกี่โล แล้วนายหนักกี่โล ตื่นเถอะ”
“เปรียบเทียบกับผู้หญิงแล้วแพ้อะ พี่อ้วน บอกตรง ๆ นะ นายหล่อสู้
แบล็กพีช Z ไม่ได้หรอก”
“พี่อ้วนจะพูดเรื่องตลกให้เราฟังเหรอ?”
พูดต่อด้วยไม่ไหวแล้วเว้ย!
จ้าวซานพั่งกอดร่างอ้วน ๆ ของตัวเอง หันไปทุ่มความสนใจต่อการ
แข่งอีกครั้ง
“การรวมทีมสู้ระลอกสองเริ่มแล้ว!”
“Bey ไม่รวมทีมสู้ด้วยหรอก? พวกนายเข้าใจผิดแล้ว”
“ดูแผนที่สิ การรวมทีมครั้งนี้อยู่ใกล้ Bey”
เมื่อเสียงของจ้าวซานพั่งสิ้นสุด ผู้คนก็ได้เห็นจากหน้าจอว่า Bey ถือ
ดาบยาวเหาะไปใกล้ จากนั้นก็เล็งตัว ADC ที่เหลือเลือดน้อยของฝ่าย
ตรงข้าม จากนั้นต่อด้วยคนที่เข้ามาช่วยสนับสนุนของคู่แข่ง
Bey หันตัวฟันดาบสามครั้งติด ๆ ยับยั้งฝ่ายตรงข้ามได้สองคน จากนั้น
อาศัยจังหวะสตันที่ยังส่งผลอยู่ซัดพลังชุดใหญ่ แค่ชั่วพริบตา เสียง
เอฟเฟกต์พลันดังขึ้นมา
Double kill ฆ่าได้สองชีวิต!
เวลานี้ ตำแหน่งที่ Bey อยู่ถือว่าอันตรายมาก มั่วเป่ ยที่ใช้สกิลใหญ่
จนหมดแล้ว แม้ว่าฝ่ายโน้นจะเหลือเลือดนิดเดียวก็ยังเก็บกวาดไม่ได้
สามคนนั้นจงใจเล่นวิธีนี้อย่างเห็นได้ชัด ให้มั่วเป่ ยตายอีกครั้งแล้ว
เข้าไปเด็ดหัวคู่แข่งเอง ทำแบบนี้แม้มั่วเป่ ยจะได้ดับเบิลคิล คะแนนก็
ยังวิ่งตามไม่ทัน เพราะจำนวนที่ตายเยอะเกินไป
แต่ในวินาทีถัดมา มั่วเป่ยเปลี่ยนวิธีทันที
เธอไม่ได้ลงมือกับคู่แข่งที่เหลือเลือดน้อย แต่กินพลังชุดใหญ่ของอีก
ฝ่ายก่อนจะหนีไป เดินตำแหน่งอย่างแม่นยำ เข้าไปหลบในพุ่มไม้
อาศัยความคุ้นเคยต่อแผนที่และการประเมินจังหวะเดินตำแหน่งของ
คู่แข่ง ก่อนจะกระโดดกลับเข้าไปอยู่ในป้อม
เวลานี้ นักฆ่าของฝ่ายเธอฆ่าคู่แข่งจนได้ทริปเปิลคิลมาอยู่ในกำมือ
เมื่อทำได้แบบนี้ ผลที่สุดคือนักฆ่าของฝั่งมั่วเป่ ยมีคะแนนนำสูงที่สุด
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาโกรธจัดก็คือ ลำดับที่สองกลับเป็นของมั่วเป่ ย
ผลที่พวกเขาปรารถนากลับไม่เป็นไปตามคาด แต่หนึ่งในนั้น
สมหวังแล้ว อย่างน้อยตำแหน่ง MVP ก็เป็นของพวกเขา
ขอแค่การแข่งในรอบถัดไป นักฆ่าก็ยังได้ตำแหน่ง MVP อีก หนึ่ง
ในพวกตนก็จะได้กลายเป็นจุดเด่นของทั้งการแข่งขัน ถึงเวลานั้นจะ
ได้อยู่ในทีมไดมอนด์ต่อไปหรือไม่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะ
ย่อมมีนักข่าวและทีมอื่น ๆ ตามหาตัวพวกเขาแน่นอน
สำหรับผลที่ออกมาเช่นนี้ ย่อมมีคนเย้ยจ้าวซานพั่ง “เทพอ้วนควรจะ
ชวน Bey ไปอยู่เซียงหนานจริง ๆ แหละ ก็อันดับ 2 อะเนอะ เหมาะ
จะตาย”
“งานนี้ขายตัวเองว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ไม่ออกล่ะสิ เล่นไปเล่นมาก็ยัง
ได้แค่ลำดับสอง”
“ถ้าทีมไดมอนด์เห็นคะแนนแค่นี้แล้วอยากจะยืนยันตัวเลือกของ
ตัวเองล่ะก็ ฉันคงต้องลาแล้ว ไม่ต้องมาพูดเหตุผลกับฉัน ฉันชอบ
พวกเขามานานกว่าพวกเธออีก เวลาฉันซื้ออุปกรณ์เชียร์ก็ซื้ออย่าง
จริงใจ แต่พวกเขาหัวดื้อเกินไป แค่ยอมรับผิดเอง ไม่เห็นเป็นอะไร
เลย ดูจากเคสของแบล็กพีชจนถึงตอนนี้สิ สักวันทีมไดมอนด์จะต้อง
เข้าใจว่าเป็นความผิดพลาด ตั้งแต่ที่ออกตัวปกป้องแบล็กพีช Z จน
มาถึงตอนนี้ที่จะเอาตัว Bey ไว้ในทีมให้ได้น่ะ”

ตอนที่ 2036
เมื่อจ้าวซานพั่งเดินออกไป ห้องหัวหน้าทีมในตึกออฟฟิศของทีม
เซียงหนานก็เหลือเพียงแค่สองคน
เมื่อกี้ยังไม่รู้สึกอะไร
ตอนนี้ลั่วลั่วถึงเริ่มรู้สึกแล้วว่าเธอกับเขานั่งใกล้กันเกินไปหน่อย ทั้ง ๆ
ที่เมื่อก่อนก็เคยดูการไลฟ์ สดของทีมอื่นแบบนี้ คงเพราะสถานะ
เปลี่ยนไปแล้ว หรืออาจเป็นเพราะประโยคนั้นในกลุ่มวีแชท
ลั่วลั่วพยายามทำให้หัวใจเต้นปกติ หันไปมองชายหนุ่มอีกที คิดว่าที่
เขาไล่จ้าวซานพั่งออกไปก็เพราะอยากพูดอะไรกับเธอ
แต่ผลคือ 1 นาทีผ่านไป 2 นาทีผ่านไป 3 ก็ผ่านไปแล้ว
เขายังคงนั่งดูการแข่งผ่านไลฟ์ สดอยู่
จะว่าไป ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์หรือการปฏิบัติต่อกัน เธอกับเขา
ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ
เขาจะรู้ไหมนะว่าการเป็นแฟนหนุ่มกับหัวหน้าทีมมันต่างกัน?
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะพัฒนาความสัมพันธ์ต่อกันได้เหรอ…
ใช่ว่าลั่วลั่วไม่คิดจะเป็นฝ่ายเริ่มเอง แต่เธอรู้ดีกว่าใครว่าเขาไม่ชอบ
การรุก
กระทั่งทุกครั้งที่เธอไลฟ์ สด เขายังแค่โยนเสื้อตัวนอกให้ ช่างแข็งทื่อ
จริง ๆ
นอกจากจะรู้ว่าเขาไม่ชอบอะไร เธอก็ได้แต่กังวลมากกว่า กลัวว่าเขา
จะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาไม่คิดอย่างนั้นก็ตาม
ลั่วลั่วคิดมาถึงตรงนี้จึงยืดตัวขึ้น เส้นผมสะบัด อยากจะพูดบางอย่าง
แต่เขากลับชิงชี้นิ้วไปยังหน้าจอก่อน “เธอว่าเด็กใหม่คนนี้เล่นเป็น
ยังไงบ้าง”
ลั่วลั่วชะงัก หัวเราะว่า “ศิษย์ที่ Z สอนเอง จะต้องมีวิธีเล่นที่ทำให้คน
นึกไม่ถึงแน่ แต่ไม่ว่าจะเล่นยังไงก็ไม่เป็นไปตามแผนร้ายของสาม
คนนั่นหรอก เกมนี้นอกจาก Bey จะไม่ตกรอบ ยังทำให้คนรู้จักเขา
เยอะขึ้นผ่านสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยวิชามาร เกมอีสปอร์ตก็อย่างนี้
ถึงมีค่าให้คนขยัน”
การโดนกีดกัน ไม่รับเข้ากลุ่ม ถูกประเมินในทางร้าย ทุกครั้งที่โดน
แบบนี้จะรู้สึกว่าล้มเลิกมันไปเถอะ อย่างไรเสียก็ไม่มีใครเชื่อเวลาที่
เราดิ้นรนพยายามจนมาถึงจุดนี้
แต่เสียงหนึ่งก็จะลอยตามมาว่า ฝีมือของเราต้องได้รับการพิสูจน์ที่
สนามแข่งเท่านั้น การเล่นให้คนอื่นเห็นเมื่อได้เป็นสมาชิกของทีม
ลีกส์อาชีพ
นั่นแหละคือเธอในอดีต
เวลานี้ได้เห็นวิธีชั่วช้าเหล่านั้นกับลูกศิษย์ของ Z ลั่วลั่วมีความรู้สึกที่
พูดไม่ออก เธอคิดว่าการที่เธออยู่ตรงนี้เหมือนไม่ได้รักอาชีพนี้สัก
เท่าไร
บางอาชีพจะเผาผลาญความกระตือรือร้นของเรา
เธอชอบอีสปอร์ตก็เพราะมีเพื่อนเยอะแยะอยู่ข้างตัว เขาคงเหมือนกัน
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าเธอจะออกจากวงการ ถึงได้เสนอว่าถ้าเธออยาก
หาแฟน ลองพิจารณาเขาได้ไหมประมาณนี้
ทว่าหลังจากที่ได้คบหากัน ถึงได้รู้ว่าเขาแค่ไม่อยากให้เธอออกจาก
วงการเท่านั้น
ลั่วลั่วไม่รู้ว่าเธอควรจะดีใจหรือเสียใจดี ดีใจที่เขาเป็นหัวหน้าเธอ
ตลอดไป เสียใจที่เขาจะเป็นได้แค่หัวหน้าเธอตลอดกาล ถามคำถาม
เธอเหมือนเมื่อก่อน ให้เธอวิเคราะห์ตัวผู้เล่นของทีมไดมอนด์แต่ละ
คน ทั้งยังพยายามแอบฝึกสกิลสร้างความเสียหายให้ทีมศัตรูด้วย
เธออยากบอกเขาเหลือเกินว่า แม้เธอจะชอบเขามาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แต่
หากเขายังปฏิบัติกับเธอเหมือนดูแลลูกทีมเพราะไม่อยากให้เธอออก
จากวงการล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องเสนอเงื่อนไขนั่นมาหรอก
หากเป็นไปได้เธอก็อยากอยู่ต่อ แต่เข้าใจดีว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายฉุด
ฟอร์มของทีมให้ต่ำลง ถึงเวลานั้นจะมีคนว่า ดูสิ ทีมเซียงหนานที่
พยายามรั้งตัวเธอไว้ก็ไม่เท่าไร
แต่ถึงอย่างนั้นลั่วลั่วก็ไม่ได้บอกไป
เพราะเธอยังปรารถนาความอ่อนโยนที่จะได้จากเขาเวลาอยู่ด้วยกัน
แม้จะแค่สามวันก็ยังดี
หลายวันมานี้เธอรอเขาเอ่ยปากมาตลอด
ตอนที่ 2037
จิตวิญญาณความเป็นทีมคืออะไร
เซียวจิ่งที่ดูการไลฟ์การแข่งขันรู้ไม่เท่าทันถึงอารมณ์ของลั่วลั่ว
ต้องรู้นะว่าการจะให้เซียวจิ่งดักจับอารมณ์แบบนี้ได้ไม่ง่ายเลยทีเดียว
ส่วนจ้าวซานพั่งที่ว่างก็บรรยายในห้องไลฟ์ สด “ฮัลโหล ฮัลโหล ได้
ยินไหม?”
“ฮัลโหล ไม่รู้ว่าคำวิจารณ์ทางอินเทอร์เน็ตไปได้รับอิทธิพลจากอะไร
มา บรรยายได้ผิวเผินมาก ๆ ตอนนี้เทพอ้วนอย่างฉันจะขอบรรยาย
บ้าง คะแนนในสนามตอนนี้เป็น 1 ต่อ 0 ไม่ได้โม้นะ แล้วก็ไม่ได้ใส่
ร้ายใครด้วย เฟิร์สบลัดครั้งนี้ได้มาไม่ง่ายเลย”
“พวกนายทั้งหลายอย่าพูดพร่ำเพื่อ ดูก็รู้ว่าเพื่อนร่วมทีมปล่อยเกาะ
Bey”
“แต่จะว่าไป พวกนายก็ไม่เข้าใจทีมไดมอนด์ ไม่ ไม่สิ ต้องบอกว่า
พวกนายไม่รู้จักเจ้าแบล็ก ลูกศิษย์ที่เขาเลือกเองจะมีดีแค่หน้าตาได้
ยังไง คิดอะไรกันอยู่เนี่ย”
“หน้าตาอย่างฉัน? หน้าตาอย่างฉัน ทำไมถึงเข้าทีมไดมอนด์ไม่ได้?
ฮ่า ๆ ๆ คนที่บอกว่าฉันอ้วนมากน่ะ เงียบไปเลย เทพอ้วนอย่างฉัน
แค่อ้วนไปงั้นแหละ รอให้ฉันมีแฟนเหมือนหัวหน้าก่อนเถอะ จะรีบ
กลายร่างเป็นจินเฉิงอู่ดาราลูกครึ่งไต้หวันญี่ปุ่นสุดดังทันที เอาละ
ขอกลับมาพูดแบบจริงจัง ถึง Bey จะคว้าเฟิร์สบลัดไว้ได้ แต่กติกา
การแข่งก็บอกชัดแล้วว่าใครจะเข้ารอบสุดท้ายต้องดูที่คะแนนรวม”
“หาว่าฉันเข้าข้าง Bey? ขอเชิญทำความเข้าใจนะเจ้าเด็กน้อย ฉัน
อยากดึงตัว Bey มาอยู่ทีมเซียงหนานจะแย่ ไม่ใช่แค่เข้าข้างหรอก?
ใช่ ๆ ๆ พวกนายไม่เข้าใจความคิดของอัจฉริยะอย่างฉัน”
“ผิดหวัง? ตามสบายเลย เทพอ้วนอย่างฉันหากินกับหน้าอยู่แล้ว”
“ปีนี้ทีมเซียงหนานไม่ได้แชมป์ สมาชิกทีมเลยอารมณ์ไม่ดี? ฮ่า ๆ ๆ
ๆ ๆ ช่วงนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีหรอก แต่ไม่เกี่ยวกับการแพ้ชนะ แค่
เพื่อนที่สำคัญที่สุดลาออกจากวงการไปแล้วต่างหาก”
“เอาละ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว พวกเรากลับไปดูการแข่งเถอะ ส่วน
Bey จะต้องระวังสักหน่อยว่าตอนที่รวมทีมสู้ เพื่อนจะ…” จ้าวซาน
พั่งพูดยังไม่ทันจบ ก็เห็นการรวมทีมสู้ที่โซนป่ าเป็นครั้งแรกเริ่มต้น
ขึ้นผ่านหน้าจอ
มั่วเป่ยไปช่วยสนับสนุน ทว่าหลังจากที่มั่วเป่ยใช้สกิลหมดจน ได้
ชีวิตคนมาหนึ่งชีวิต สามคนนั้นก็ยังไม่ออกมาช่วย เอาแต่ซุ่มดูในพุ่ม
ไม้อยู่นั่น รอจนมั่วเป่ ยโดนฆ่าถึงโผล่หน้าออกมา ทำเหมือนเป็นนัก
ฆ่าที่มาเก็บเกี่ยวผลงานตอนจบพอดี
ทว่าเมื่อกี้พวกเขาน่าจะออกมาตั้งแต่แรก อย่างน้อยก็รับความเสียหาย
แทนมั่วเป่ยได้ แต่ดันไม่มีใครออกมา
จ้าวซานพั่งจึงอดว่าไม่ได้ “สุดยอด ชั่วช้าขนาดนี้เลยเหรอ”
จากนั้นก็มีคนไม่ดูต่อ หันมาว่าจ้าวซานพั่งใส่ร้าย
เป็นเด็กฝึกด้วยกันทั้งนั้น ทำไมถึงเข้าข้าง Bey อีกอย่างการสู้เมื่อกี้
นักฆ่าฆ่าได้เยอะที่สุด จะชั่วช้าได้ยังไง? การแข่งเขาก็เล่นกันอย่างนี้
นั่นแหละ การได้ชัยชนะต่างหากถือเป็นกุญแจสำคัญ
สิ่งเหล่านี้เป็นความเห็นของคนวงนอก หากเกิดขึ้นกับผู้เล่นธรรมดา ๆ
ที่เล่นอยู่ในบ้าน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ไม่มีปัญหาจริง ๆ
หรือหากทีมอื่นสอนให้เล่นแบบนี้ก็ยังไม่เป็นอะไร
แต่นี่คือทีมไดมอนด์ ทีมที่ไม่มีวันสอนให้ลูกทีมตัวเองเล่นแบบนั้น
เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทั้งสามคนทำไปไม่ใช่เพื่อชัยชนะ แต่เป็น
การขายเพื่อน ฉุดคะแนนเพื่อนให้ต่ำลง
นอกจากนั้น ขนาดทีมไดมอนด์ที่เป็นผู้จัดยังพูดอะไรไม่ได้เลย เพราะ
หากบอกว่าการเล่นด้วยวิธีดังกล่าวไม่ถูกต้อง ก็จะก่อให้เกิดคำครหา
หนักยิ่งขึ้น
คนเหล่านั้นเชื่อว่าการรับสมาชิกใหม่ของทีมมีปัญหา เด็กฝึกทั้งสาม
ต่างหากที่เป็นผู้รักในอีสปอร์ตอย่างแท้จริง อุตส่าห์ฝ่าฟันกับความ
ยากลำบากมานาน ทำไมจะเด่นดังไม่ได้
ส่วน Bey นั่นเป็นผู้ที่คนในทีมถูกใจ คนที่ไม่มีจิตวิญญาณของความ
เป็นทีมเลยอย่างนี้ ย่อมไม่ใช่ผู้เล่นอีสปอร์ตอย่างแท้จริง
จิตวิญญาณของความเป็นทีม
พวกเขาเหมือนจะเข้าใจผิดแล้ว คนนอกย่อมไม่เข้าใจจิตวิญญาณ
ความเป็นทีม
จิตวิญญาณความเป็นทีมคืออะไรกันแน่ มีแต่คนที่อยู่ในทีมนี้อย่าง
แท้จริงเท่านั้นถึงจะเข้าใจ

ตอนที่ 2036
เมื่อจ้าวซานพั่งเดินออกไป ห้องหัวหน้าทีมในตึกออฟฟิศของทีม
เซียงหนานก็เหลือเพียงแค่สองคน
เมื่อกี้ยังไม่รู้สึกอะไร
ตอนนี้ลั่วลั่วถึงเริ่มรู้สึกแล้วว่าเธอกับเขานั่งใกล้กันเกินไปหน่อย ทั้ง ๆ
ที่เมื่อก่อนก็เคยดูการไลฟ์ สดของทีมอื่นแบบนี้ คงเพราะสถานะ
เปลี่ยนไปแล้ว หรืออาจเป็นเพราะประโยคนั้นในกลุ่มวีแชท
ลั่วลั่วพยายามทำให้หัวใจเต้นปกติ หันไปมองชายหนุ่มอีกที คิดว่าที่
เขาไล่จ้าวซานพั่งออกไปก็เพราะอยากพูดอะไรกับเธอ
แต่ผลคือ 1 นาทีผ่านไป 2 นาทีผ่านไป 3 ก็ผ่านไปแล้ว
เขายังคงนั่งดูการแข่งผ่านไลฟ์ สดอยู่
จะว่าไป ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์หรือการปฏิบัติต่อกัน เธอกับเขา
ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ
เขาจะรู้ไหมนะว่าการเป็นแฟนหนุ่มกับหัวหน้าทีมมันต่างกัน?
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะพัฒนาความสัมพันธ์ต่อกันได้เหรอ…
ใช่ว่าลั่วลั่วไม่คิดจะเป็นฝ่ายเริ่มเอง แต่เธอรู้ดีกว่าใครว่าเขาไม่ชอบ
การรุก
กระทั่งทุกครั้งที่เธอไลฟ์ สด เขายังแค่โยนเสื้อตัวนอกให้ ช่างแข็งทื่อ
จริง ๆ
นอกจากจะรู้ว่าเขาไม่ชอบอะไร เธอก็ได้แต่กังวลมากกว่า กลัวว่าเขา
จะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาไม่คิดอย่างนั้นก็ตาม
ลั่วลั่วคิดมาถึงตรงนี้จึงยืดตัวขึ้น เส้นผมสะบัด อยากจะพูดบางอย่าง
แต่เขากลับชิงชี้นิ้วไปยังหน้าจอก่อน “เธอว่าเด็กใหม่คนนี้เล่นเป็น
ยังไงบ้าง”
ลั่วลั่วชะงัก หัวเราะว่า “ศิษย์ที่ Z สอนเอง จะต้องมีวิธีเล่นที่ทำให้คน
นึกไม่ถึงแน่ แต่ไม่ว่าจะเล่นยังไงก็ไม่เป็นไปตามแผนร้ายของสาม
คนนั่นหรอก เกมนี้นอกจาก Bey จะไม่ตกรอบ ยังทำให้คนรู้จักเขา
เยอะขึ้นผ่านสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยวิชามาร เกมอีสปอร์ตก็อย่างนี้
ถึงมีค่าให้คนขยัน”
การโดนกีดกัน ไม่รับเข้ากลุ่ม ถูกประเมินในทางร้าย ทุกครั้งที่โดน
แบบนี้จะรู้สึกว่าล้มเลิกมันไปเถอะ อย่างไรเสียก็ไม่มีใครเชื่อเวลาที่
เราดิ้นรนพยายามจนมาถึงจุดนี้
แต่เสียงหนึ่งก็จะลอยตามมาว่า ฝีมือของเราต้องได้รับการพิสูจน์ที่
สนามแข่งเท่านั้น การเล่นให้คนอื่นเห็นเมื่อได้เป็นสมาชิกของทีม
ลีกส์อาชีพ
นั่นแหละคือเธอในอดีต
เวลานี้ได้เห็นวิธีชั่วช้าเหล่านั้นกับลูกศิษย์ของ Z ลั่วลั่วมีความรู้สึกที่
พูดไม่ออก เธอคิดว่าการที่เธออยู่ตรงนี้เหมือนไม่ได้รักอาชีพนี้สัก
เท่าไร
บางอาชีพจะเผาผลาญความกระตือรือร้นของเรา
เธอชอบอีสปอร์ตก็เพราะมีเพื่อนเยอะแยะอยู่ข้างตัว เขาคงเหมือนกัน
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าเธอจะออกจากวงการ ถึงได้เสนอว่าถ้าเธออยาก
หาแฟน ลองพิจารณาเขาได้ไหมประมาณนี้
ทว่าหลังจากที่ได้คบหากัน ถึงได้รู้ว่าเขาแค่ไม่อยากให้เธอออกจาก
วงการเท่านั้น
ลั่วลั่วไม่รู้ว่าเธอควรจะดีใจหรือเสียใจดี ดีใจที่เขาเป็นหัวหน้าเธอ
ตลอดไป เสียใจที่เขาจะเป็นได้แค่หัวหน้าเธอตลอดกาล ถามคำถาม
เธอเหมือนเมื่อก่อน ให้เธอวิเคราะห์ตัวผู้เล่นของทีมไดมอนด์แต่ละ
คน ทั้งยังพยายามแอบฝึกสกิลสร้างความเสียหายให้ทีมศัตรูด้วย
เธออยากบอกเขาเหลือเกินว่า แม้เธอจะชอบเขามาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แต่
หากเขายังปฏิบัติกับเธอเหมือนดูแลลูกทีมเพราะไม่อยากให้เธอออก
จากวงการล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องเสนอเงื่อนไขนั่นมาหรอก
หากเป็นไปได้เธอก็อยากอยู่ต่อ แต่เข้าใจดีว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายฉุด
ฟอร์มของทีมให้ต่ำลง ถึงเวลานั้นจะมีคนว่า ดูสิ ทีมเซียงหนานที่
พยายามรั้งตัวเธอไว้ก็ไม่เท่าไร
แต่ถึงอย่างนั้นลั่วลั่วก็ไม่ได้บอกไป
เพราะเธอยังปรารถนาความอ่อนโยนที่จะได้จากเขาเวลาอยู่ด้วยกัน
แม้จะแค่สามวันก็ยังดี
หลายวันมานี้เธอรอเขาเอ่ยปากมาตลอด
ตอนที่ 2037
จิตวิญญาณความเป็นทีมคืออะไร
เซียวจิ่งที่ดูการไลฟ์การแข่งขันรู้ไม่เท่าทันถึงอารมณ์ของลั่วลั่ว
ต้องรู้นะว่าการจะให้เซียวจิ่งดักจับอารมณ์แบบนี้ได้ไม่ง่ายเลยทีเดียว
ส่วนจ้าวซานพั่งที่ว่างก็บรรยายในห้องไลฟ์ สด “ฮัลโหล ฮัลโหล ได้
ยินไหม?”
“ฮัลโหล ไม่รู้ว่าคำวิจารณ์ทางอินเทอร์เน็ตไปได้รับอิทธิพลจากอะไร
มา บรรยายได้ผิวเผินมาก ๆ ตอนนี้เทพอ้วนอย่างฉันจะขอบรรยาย
บ้าง คะแนนในสนามตอนนี้เป็น 1 ต่อ 0 ไม่ได้โม้นะ แล้วก็ไม่ได้ใส่
ร้ายใครด้วย เฟิร์สบลัดครั้งนี้ได้มาไม่ง่ายเลย”
“พวกนายทั้งหลายอย่าพูดพร่ำเพื่อ ดูก็รู้ว่าเพื่อนร่วมทีมปล่อยเกาะ
Bey”
“แต่จะว่าไป พวกนายก็ไม่เข้าใจทีมไดมอนด์ ไม่ ไม่สิ ต้องบอกว่า
พวกนายไม่รู้จักเจ้าแบล็ก ลูกศิษย์ที่เขาเลือกเองจะมีดีแค่หน้าตาได้
ยังไง คิดอะไรกันอยู่เนี่ย”
“หน้าตาอย่างฉัน? หน้าตาอย่างฉัน ทำไมถึงเข้าทีมไดมอนด์ไม่ได้?
ฮ่า ๆ ๆ คนที่บอกว่าฉันอ้วนมากน่ะ เงียบไปเลย เทพอ้วนอย่างฉัน
แค่อ้วนไปงั้นแหละ รอให้ฉันมีแฟนเหมือนหัวหน้าก่อนเถอะ จะรีบ
กลายร่างเป็นจินเฉิงอู่ดาราลูกครึ่งไต้หวันญี่ปุ่นสุดดังทันที เอาละ
ขอกลับมาพูดแบบจริงจัง ถึง Bey จะคว้าเฟิร์สบลัดไว้ได้ แต่กติกา
การแข่งก็บอกชัดแล้วว่าใครจะเข้ารอบสุดท้ายต้องดูที่คะแนนรวม”
“หาว่าฉันเข้าข้าง Bey? ขอเชิญทำความเข้าใจนะเจ้าเด็กน้อย ฉัน
อยากดึงตัว Bey มาอยู่ทีมเซียงหนานจะแย่ ไม่ใช่แค่เข้าข้างหรอก?
ใช่ ๆ ๆ พวกนายไม่เข้าใจความคิดของอัจฉริยะอย่างฉัน”
“ผิดหวัง? ตามสบายเลย เทพอ้วนอย่างฉันหากินกับหน้าอยู่แล้ว”
“ปีนี้ทีมเซียงหนานไม่ได้แชมป์ สมาชิกทีมเลยอารมณ์ไม่ดี? ฮ่า ๆ ๆ
ๆ ๆ ช่วงนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีหรอก แต่ไม่เกี่ยวกับการแพ้ชนะ แค่
เพื่อนที่สำคัญที่สุดลาออกจากวงการไปแล้วต่างหาก”
“เอาละ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว พวกเรากลับไปดูการแข่งเถอะ ส่วน
Bey จะต้องระวังสักหน่อยว่าตอนที่รวมทีมสู้ เพื่อนจะ…” จ้าวซาน
พั่งพูดยังไม่ทันจบ ก็เห็นการรวมทีมสู้ที่โซนป่ าเป็นครั้งแรกเริ่มต้น
ขึ้นผ่านหน้าจอ
มั่วเป่ยไปช่วยสนับสนุน ทว่าหลังจากที่มั่วเป่ยใช้สกิลหมดจน ได้
ชีวิตคนมาหนึ่งชีวิต สามคนนั้นก็ยังไม่ออกมาช่วย เอาแต่ซุ่มดูในพุ่ม
ไม้อยู่นั่น รอจนมั่วเป่ ยโดนฆ่าถึงโผล่หน้าออกมา ทำเหมือนเป็นนัก
ฆ่าที่มาเก็บเกี่ยวผลงานตอนจบพอดี
ทว่าเมื่อกี้พวกเขาน่าจะออกมาตั้งแต่แรก อย่างน้อยก็รับความเสียหาย
แทนมั่วเป่ยได้ แต่ดันไม่มีใครออกมา
จ้าวซานพั่งจึงอดว่าไม่ได้ “สุดยอด ชั่วช้าขนาดนี้เลยเหรอ”
จากนั้นก็มีคนไม่ดูต่อ หันมาว่าจ้าวซานพั่งใส่ร้าย
เป็นเด็กฝึกด้วยกันทั้งนั้น ทำไมถึงเข้าข้าง Bey อีกอย่างการสู้เมื่อกี้
นักฆ่าฆ่าได้เยอะที่สุด จะชั่วช้าได้ยังไง? การแข่งเขาก็เล่นกันอย่างนี้
นั่นแหละ การได้ชัยชนะต่างหากถือเป็นกุญแจสำคัญ
สิ่งเหล่านี้เป็นความเห็นของคนวงนอก หากเกิดขึ้นกับผู้เล่นธรรมดา ๆ
ที่เล่นอยู่ในบ้าน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ไม่มีปัญหาจริง ๆ
หรือหากทีมอื่นสอนให้เล่นแบบนี้ก็ยังไม่เป็นอะไร
แต่นี่คือทีมไดมอนด์ ทีมที่ไม่มีวันสอนให้ลูกทีมตัวเองเล่นแบบนั้น
เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทั้งสามคนทำไปไม่ใช่เพื่อชัยชนะ แต่เป็น
การขายเพื่อน ฉุดคะแนนเพื่อนให้ต่ำลง
นอกจากนั้น ขนาดทีมไดมอนด์ที่เป็นผู้จัดยังพูดอะไรไม่ได้เลย เพราะ
หากบอกว่าการเล่นด้วยวิธีดังกล่าวไม่ถูกต้อง ก็จะก่อให้เกิดคำครหา
หนักยิ่งขึ้น
คนเหล่านั้นเชื่อว่าการรับสมาชิกใหม่ของทีมมีปัญหา เด็กฝึกทั้งสาม
ต่างหากที่เป็นผู้รักในอีสปอร์ตอย่างแท้จริง อุตส่าห์ฝ่าฟันกับความ
ยากลำบากมานาน ทำไมจะเด่นดังไม่ได้
ส่วน Bey นั่นเป็นผู้ที่คนในทีมถูกใจ คนที่ไม่มีจิตวิญญาณของความ
เป็นทีมเลยอย่างนี้ ย่อมไม่ใช่ผู้เล่นอีสปอร์ตอย่างแท้จริง
จิตวิญญาณของความเป็นทีม
พวกเขาเหมือนจะเข้าใจผิดแล้ว คนนอกย่อมไม่เข้าใจจิตวิญญาณ
ความเป็นทีม
จิตวิญญาณความเป็นทีมคืออะไรกันแน่ มีแต่คนที่อยู่ในทีมนี้อย่าง
แท้จริงเท่านั้นถึงจะเข้าใจ

ตอนที่ 2034
ครบทุกด้าน
นักรบเลนบน!
ทุกคนต่างรู้กันว่าบทบาทนี้จะต้องรับแรงกดดันมากที่สุด เพราะใน
สถานการณ์ปกติ การเล่นในตำแหน่งที่ว่า จะต้องเจอคู่แข่งถึงสองคน
แถมยังต้องได้นักฆ่ามาช่วยจับคู่แข่งที่เลนบนด้วยบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้น
จะตายได้ง่าย ๆ
แต่หากดูจากฟอร์มการเล่นแล้ว มั่วเป่ ยน่าจะเลือกบทบาทนี้ เพราะ
ทั้งทีมขาดตำแหน่งคนที่เฝ้าเลนบน
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังทำให้คนที่เคยดูคลิปของมั่วเป่ ยเริ่มพูดกัน
แล้วว่า “เฮ้ย Bey เล่นเลนบนได้เหรอ?”
“ไม่เล่นแล้วจะทำยังไงได้ เหลือแค่ตำแหน่งเดียวนี่นา”
“น่าเบื่อจริง ๆ ยังมีคนหาว่า Bey โดนแย่งบทบาทอีกแล้วเหรอ?”
“เขาให้เล่นบทบาทไหนก็เล่นไปสิ นี่แหละถึงเรียกว่าอีสปอร์ต”
“แต่ถ้า Bey เล่นเลนบนได้ งั้นก็ถือเป็นท่านเทพตัวจริงแล้ว ประเภท
บุคคลรวมทุกบทบาทเลย ว้าว อยากดูจัง!”
สามคนนั้นเห็นตัวละครที่มั่วเป่ ยเลือกแล้ว มุมปากกลับกดยิ้มลึก
เพราะเป็นไปตามที่พวกเขาวางแผนไว้
พวกเขารู้จักเด็กนั่นดี เก่งแค่ฆ่ามอนสเตอร์ ไม่เห็นจะทำอะไรได้
อย่าหาว่าพวกเขาอิจฉาเลย แค่ไม่ชอบใจพวกที่อาศัยหน้าตาเส้นสาย
มาสร้างความดังเท่านั้น
เล่นเก่งนักไม่ใช่เหรอ แบบนั้นก็ให้ทุกคนดูหน่อยว่าพอไม่ได้เล่น
เป็นนักฆ่าแล้วจะเก่งแค่ไหน?
เสียงเอฟเฟกต์ของเกมดังขึ้นมา การแข่งเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!
โคโค่เอาแต่จ้องมั่วเป่ ยและแผนที่ของทั้งเกม คนที่ถนัดเล่นเป็นนักฆ่า
กลับต้องมาเล่นที่เลนบน ย่อมต้องไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง
ต่อให้เล่นเก่งแค่ไหนก็ตาม ย่อมรู้สึกอย่างนี้กันหมด เพราะไม่ใช่ว่า
ใคร ๆ จะเก่งเหมือนเจ้าแบล็กและหัวหน้า สองคนนี้เล่นตำแหน่ง
ไหนก็คล่องไปหมด
คนที่มีทั้งเซ้นส์ ความเร็วมือ และพรสวรรค์รวมกันอย่างเพอร์เฟกต์
ไม่ได้มีมากมาย ไม่มีใครทำได้เหมือนหัวหน้าที่ประเมินล่วงหน้าได้
อย่างแม่นยำ คำนวณกระทั่งเวลาสตันได้ มั่วเป่ ยคงทำได้ไม่ถึงขั้นนั้น
จากการฝึกซ้อมในช่วงเวลาสั้น ๆ
โคโค่ร้อนใจจริง ๆ จึงหันไปมองป๋ อจิ่วที่เท้าคางด้วยมือข้างหนึ่ง เห็น
แต่อีกฝ่ายเนิบนาบเหลือเกิน เขาถึงกับตะลึงงัน “เจ้าแบล็ก ทำไมนาย
นิ่งได้ขนาดนี้”
“ไม่นิ่งแล้วจะทำไง? ลงไปเล่นเองให้ฝ่ายนั้นเรียกป๊ ะป๋ าเหรอ” ป๋ อจิ่ว
หัวเราะ “ฉันก็อยาก แต่หัวหน้าไม่อนุญาต”
โคโค่ชะโงหน้าเข้าใกล้ “คนที่เล่นเป็นนักฆ่าไม่ยอมไปช่วยสนับสนุน
มั่วเป่ยที่เลนบนแน่ น้องเองก็ไม่มีสกิลล่ามอนสเตอร์ นายฝึกอะไร
ให้เด็กเขาบ้าง”
“อือ เกมเมอร์ที่ฝึกมาเล่นลีกส์อาชีพโดยเฉพาะอย่างนาย ต้องไม่เข้าใจ
แน่ว่าเกมเมอร์บ้าน ๆ อย่างพวกเราจะเอาชนะสักเกมน่ะยากแค่ไหน”
ป๋อจิ่วยิ้มร้าย
โคโค่หัวเราะหยัน “เกมเมอร์บ้าน ๆ ? เอาชนะสักเกมยังยาก? แชมป์
เฟิร์สคิลโซน C กล้าพูดแบบนี้หน้าไม่แดงเนอะ ช่วงแรก ๆ ที่นาย
เล่นเกม หลายคนอยากร้องไห้จะตาย เจอนายทีไรเป็นต้องแพ้ทุกที”
“ให้ฉันพูดประสบการณ์ในฐานะเด็กใหม่ดิ” ป๋ อจิ่วตั้งอกตั้งใจอย่าง
ที่เห็นได้ยาก
โคโค่เห็นแล้วเตรียมฟังทันที
ป๋อจิ่วหันหน้าเท่ ๆ ตัวเองมาหา นัยน์ตาดำขลับเหลือเกิน “เวลาที่เจอ
เพื่อนร่วมทีมมาแย่งมอนสเตอร์ไป ก็ต้องใช้วิธีล่าทีมมินเนี่ยนมา
ช่วยสร้างฐานะ เป๋ยเป่ยอยู่เลนบนน่ะเหมาะสมแล้ว”
“ฉันว่านายรู้แต่แรกแล้วใช่ไหมว่าเด็กจะต้องเจอแบบนี้ ถึงได้สอน
เด็กไว้ล่วงหน้า” โคโค่คิดออกในทันใด
ป๋อจิ่วปฏิเสธอย่างถ่อมตน “ไม่หรอก”
“ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่” โคโค่บ่นเล็กน้อย แสงในแววตาลดลง “มั่วเป่ย
ส่งสัญญาณรวมตัว ไม่มีใครมาเลย! บ้าชะมัด เล่นกันยังไงวะ อยู่เลน
บนตั้งสามคน?”
ป๋อจิ่วมองดูด้วยแววตาเคร่งขรึม “ฝ่ายโน้นเตรียมข้ามป้อมฆ่า แค่
ดวลกันในตอนต้นของเกมก็ต้องรู้ว่าทางนี้จะไม่มีใครมาช่วยมั่วเป่ ย
เลยสักคน”
ตอนที่ 2035-1
ตบหน้าชา
ข้ามป้อมฆ่าเอาตรง ๆ จริง ๆ ด้วย
เพราะเมื่อป๋อจิ่วพูดจบ นักฆ่าที่ซ่อนตัวในพุ่มไม้เลนบนก็เคลื่อน
ตำแหน่ง
หากได้ดูจากจุดที่เห็นทุกอย่างชัดเจนก็จะพบว่านั่นเป็นสัญญาณ
โจมตี
ตัวแทงค์ของคู่แข่งอาศัยจังหวะที่ทีมมินเนี่ยนมา ส่งสัญญาณรวมทีม
สู้ นักฆ่าตรงเข้าจัดการ จากนั้นตัว ADC ตามมาสร้างความเสียหาย
ให้ ครั้งนี้มั่วเป่ ยน่าจะรอดยาก
คนนอกสนามว่ากันอย่างนี้
ในวินาทีถัดมากลับเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ “เดี๋ยว! หลบได้ด้วย เขาเดิน
ตำแหน่ง! เขาเดินตำแหน่งอีกแล้ว! สุดยอด! เดินตำแหน่งเป็นงูเลื้อย
สองจังหวะ หมุนเป็นตัว Z? เจ๋งมาก!”
เมื่อขยายหน้าจอ ผู้คนก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า Bey ใช้คมดาบกัน
พลังจากตัวแทงค์ของคู่แข่ง จากนั้นหมุนตัวหลบการโจมตีรุนแรง
และที่หน้าคอมพิวเตอร์ มั่วเป่ยกำลังคุมเมาส์ มือซ้ายกดคลิกรัวเร็ว
แน่นอนว่าย่อมหลบความเสียหายจากตัว ADC ของคู่แข่งไม่พ้น
ทว่าเธอยังอยู่ใต้ป้อม สามารถหลบพลังชุดใหญ่ที่อันตรายร้ายแรง
พ้น จึงรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้
เดิมคิดว่าคงจะจบแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่า ในเวลานี้มั่วเป่ ยจะกระโดด
ขึ้นมาซัดพลังใส่เป้าหมายอย่างเจาะจง สร้างความเสียหายทั้งหมดให้
ตัวแทงค์ที่อยู่ใต้ป้อมตัวเองซึ่งอยู่ใกล้กับตัวเธอมากที่สุด
“KO!”
เฟิร์สบลัด!
ฐานะสูงสุดในสนาม!
เด็กฝึกอีกสามคนถึงกับอึ้ง พวกเขานั่งข้างมั่วเป่ ย ต่างกำเมาส์แน่น
กับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไอ้เด็กบ้านี่ทำได้ยังไง ไม่ได้ไปช่วยมันสักนิด มันก็ยังฆ่าได้อีก?
พวกแฟนคลับที่ดูการแข่งขันผ่านไลฟ์สดเงียบงันทันที่ภาพดังกล่าว
ปรากฏขึ้นมา
เพราะพวกเขาได้ยินมาว่าทีมไดมอนด์รับสมาชิกใหม่ในครั้งนี้โดย
ยึดหลักหน้าตาและเส้นสาย จึงออกมาแสดงความเห็นเช่นนั้น
แต่เวลานี้ Bey เดินตำแหน่งที่ว่านี้ แถมยังขยับตำแหน่งสองครั้งหลบ
พลังของฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ
ทั้งนี้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเล่นเป็นงานอดิเรก แต่ก็ดูออกว่าเก่งมาก การ
จะหลบซัดพลังของคู่แข่งได้ต้องรู้ล่วงหน้าว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่ไหน
ต้องข้ามป้อมเมื่อไร ต้องประเมินอย่างแม่นยำ เจ้าตัวถึงจะรอด
ทว่าการฆ่ากลับของ Bey ยิ่งทำให้พวกเขานิ่งชะงัก เธอสามารถอาศัย
การโจมตีจากตัวป้อมแล้วคว้าเฟิร์สบลัดมาได้ ไม่ใช่ว่าใคร ๆ จะทำ
ได้
“ก็ยังเล่นโหดแฮะ” ป๋ อจิ่วหัวเราะ เอนตัวไปด้านหลัง มุมปากหลุด
ความร้ายกาจออกมา “มั่วเป่ยโกรธแล้ว”
โคโค่เอียงคอ “นายสอนวิธีนี้ให้เขาล่ะสิ”
“ก็เป็นอาจารย์ของน้องเขาอะ ต้องสอนบ้างเล็กน้อย” ป๋ อจิ่วยังดู
เอื่อยเฉื่อยเหมือนเดิม ซุกมือข้างหนึ่งในกระเป๋ าพลางลุกขึ้นยืน ไม่
สนคำครหาว่าเธอลำเอียง ไม่แคร์ว่าสิ่งที่เธอจะพูดออกไปจะถูกบันทึก
ในการไลฟ์สด “Bey รีบ ๆ แข่งให้เสร็จนะ แล้วไปกินกุ้งเครย์ฟิช
เป็นเพื่อนอาจารย์”
คนที่ดูไลฟ์สดจำนวนไม่น้อยฟังออกว่าเป็นเสียงของแบล็กพีช Z
คอมเมนต์จึงฟลัดเต็มจอ
“กินเป็นเพื่อนอาจารย์?”
“อาจารย์?”
“เฮ้ย อะไรกัน เทพ Z ของฉันรับลูกศิษย์ด้วย”
“ก่อนหน้าที่ที่บอกว่าพึ่งเส้นสาย ก็คนนี้น่ะสิ?”
“ประจบบ้าอะไร ได้เทพ Z มาเป็นอาจารย์ให้ แสดงว่าต้องเจ๋งมาก
คิดไม่ถึงจริง ๆ”
มั่วเป่ยไม่เห็นคอมเมนต์บนหน้าจอ แต่ได้ยินเสียงอาจารย์ของตัวเอง
ชัด และด้วยหูฟังอันนี้ยังได้ยินเสียงหัวหน้าสั่งรองหัวหน้าให้หยุด
กะทันหัน
ตอนที่ 2035-2
ตบหน้าชา
ทว่าเธอไม่อาจคุยกับอาจารย์ของตัวเอง ได้แต่อาศัยจังหวะที่กลับ
เมืองพิมพ์ว่า ‘โอเค’
วินาทีถัดมา แพลตฟอร์มไลฟ์สดก็ส่งข้อความประกาศว่าแบล็กพีช
Z ถูกฉินมั่วเอาออกจากแพลตฟอร์ม ด้วยเหตุผลว่า ‘เอะอะเสียงดัง’
ป๋อจิ่วไม่อาจพูดกับลูกศิษย์ตัวเองได้ เธอหันไปถามโคโค่ “ฉันเสียง
ดังเหรอ?”
โคโค่ยังไม่ได้ตอบเธอ เสียงข้อความเข้าในกลุ่มวีแชทท่านเทพดังขึ้น
รัว ๆ
ป๋ อจิ่วจึงกดดู “ฮ่า ๆ ๆ ๆ หึง Bey ล่ะสิ ยังมาว่าเจ้าแบล็กเสียงดังอีก
ฉินมั่วนายนี่มันแอ๊บขรึมนี่หว่า”
ป๋อจิ่วส่งจุดหลายจุดออกไป
อ้วนหล่ออันดับหนึ่งของโลก “เจ้าแบล็ก ได้ข่าวว่าลูกศิษย์นายเป็น
เด็กหน้านิ่ง พูดก็น้อย ถามเขาหน่อยดิว่าจะมาอยู่ทีมเซียงหนานไหม
หัวหน้าเราก็พูดน้อย จะให้อยู่ทีมนายก็คงไม่เหมาะ เดี๋ยวรบกวน
พวกนายสวีทกัน คงไม่ดีหรอก”
ป๋อจิ่วหลุบตาพิมพ์ข้อความส่งไป “เอาไปอยู่ทีมนายสักไม่กี่วันน่ะ
ได้ แต่ต้องสอนอะไรหน่อยนะ ไม่งั้นก็ไม่ไหวอ่ะ”
“เฮ้ย เจ้าแบล็ก อายเป็นป่ ะ คนก็ไม่ให้ ยังจะให้เราสอนอีก” อ้วน
หล่ออันดับหนึ่งของโลกบอก “ฉันคิดดูก่อน เพราะเทพอ้วนอย่างฉัน
ก็มีหลักการโว้ย”
ป๋ อจิ่วถอนใจยาว “ลูกศิษย์ฉันทำกับข้าวอร่อยมาก น่าเสียดาย น่า
เสียดายที่เทพอ้วนมีหลักการ”
“นัดกันวันไหนดี? พวกนายจะมาเซียงหนานหรือให้ฉันไปหาที่ทีม
ไดมอนด์ดี ช่างเถอะ ฉันไปหาพวกนายก็แล้วกัน อยู่เซียงหนานต่อไป
ไม่ไหว ตั้งแต่หัวหน้ากับลั่วลั่วเป็นแฟนกัน ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเอง
เป็นก้างขวางคอชิ้นยักษ์ ถึงสองคนนี้จะดูไม่ต่างไปจากปกติก็เหอะ”
ป๋อจิ่ว “ไม่ต้องรู้สึกหรอก นายน่ะใช่เลยล่ะ”
หลินเฉินทาว “ไม่ต้องรู้สึกหรอก นายน่ะใช่เลยล่ะ”
เหราหรง “ไม่ต้องรู้สึกหรอก นายน่ะใช่เลยล่ะ”
หลังจากที่ข้อความนี้ถูกส่งตามกันมาสิบกว่าครั้ง
ลั่วลั่ว “ไม่ต้องรู้สึกหรอก นายน่ะใช่เลยล่ะ”
“เจ้าของเรื่องโผล่มาแล้ว! เทพอ้วน นายควรจะรู้ตัวเร็วหน่อย อย่าบื้อ
ทำตัวเป็นก้างอยู่ตรงนั้น”
ลั่วลั่วเห็นประโยคดังกล่าว มือก็ชะงักไปทันที เธอแค่ล้อเลียนตาม
เพื่อน ๆ เหมือนเมื่อก่อน ไม่คิดว่าพอไล่ข้อความขึ้นไปดู ถึงจะรู้ว่า
พูดกันเรื่องเธอกับหัวหน้า
แต่พอกำลังจะลบทิ้งก็ไม่ทันแล้ว และสำคัญตรงที่ว่าพอเธอตอบปุ๊บ
ก็มีประโยคหนึ่งตามมาทันที
หัวหน้าเซียวจากเซียงหนาน “ซานพั่ง นายไปพักเถอะ”
อ้วนหล่ออันดับหนึ่งของโลก “หัวหน้า ฉันเพิ่งมาเอง ยังอยากดูไลฟ์
สดอยู่”
หัวหน้าเซียวจากเซียงหนาน “ไปพัก”
แบล็กพีช Z “ยังไม่รีบไปพักอีก เทพอ้วนก้างชิ้นโต”
ลั่วลั่วไม่ได้อ่านข้อความด้านหลังแล้ว เพราะเธอใจจดใจจ่อกับคน
คนหนึ่ง เขาให้ตาอ้วนไปพักเพื่ออะไร ถ้าตานั่นไปจริง ๆ ห้องที่ใช้ดู
ก็จะเหลือเขากับเธอสองคน
ลั่วลั่วช้อนสายตาขึ้นมอง ก็เห็นเขาที่นั่งข้างเธอมองมาเช่นกัน
เซียวจิ่งเก็บมือถือ หันหน้ามองด้วยก้นบึ้งนัยน์ตาที่ลึกซึ้ง
จ้าวซานพั่งเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วรู้สึกเหมือนหัวใจถูกทิ่มแทง
“หัวหน้า งั้นฉันไปพักก่อนนะ”
“อืม” หัวหน้าเซียวเป็นคนพูดน้อย แต่จ้าวซานพั่งกลับรู้สึกประหนึ่ง
หมาโสดถูกทำร้าย
แต่จะว่าไป ลั่วลั่วเหลือเวลาอีกสามวันที่จะได้อยู่ที่นี่ หลังจากนั้นเธอ
ก็จะจากไป คงไม่กลับมาอีก เธอจะได้สวมเสื้อทีมอีกแค่สามวันเท่านั้น
จ้าวซานพั่งที่ถือคีย์บอร์ดอยู่รู้สึกหนักมือขึ้นในทันใด แล้วหัวเราะ
ในท้ายที่สุด
ดังนั้นจึงคิดจะให้เวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ไม่อย่างนั้น
สองคนนี้คงดูไม่เหมือนเป็นคนรักกันสักนิด

ตอนที่ 2032-1
ป๋ อจิ่วได้ยินคำถามนี้แล้วถึงกับชะงัก ก่อนจะหลุบตายิ้ม ต่างหูสีดำ
สะท้อนแสงแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างดูร้ายกาจว่า “ฉันสอนเธอมานานแล้ว
ถือเป็นอาจารย์เธอได้ ต้องเป็นจริงอยู่แล้ว”
มั่วเป่ ยได้ยินแล้วหลังหูแดงยิ่งขึ้น หน้าเล็ก ๆ นั่นตั้งอกตั้งใจ “ฉันจะ
ตั้งใจ จะทุบพวกเขาให้ราบคาบเลย”
“อื้อ ไปได้แล้ว” ป๋ อจิ่วจัดคอเสื้อให้เด็กน้อย
โคโค่มองแผ่นหลังเย็นชาของเด็กหญิงที่แบกคีย์บอร์ดไว้กำลังเดินห่าง
ไปไกลเรื่อย ๆ หันมาพูดว่า “ทำไมฉันรู้สึกว่าเด็กนั่นไม่เหมือนนาย
เลย เจ้าแบล็ก หน้านายอะบอกทุกอารมณ์ แต่ของยัยหนูนี่ไม่แสดง
อะไรสักอย่าง ดูเหมือนหัวหน้ามากกว่า โดยเฉพาะวิธีการเล่นของ
มั่วเป่ย ฆ่าคนแบบไม่พูดอะไรเลย โหดเป็นบ้า ทายาทหัวหน้าชัด ๆ”
ป๋อจิ่วเหลือบมอง เรียวปากแยกยิ้ม “พี่มั่วสอนเขาอยู่เหมือนกัน ไม่รู้
ว่าหลังจากรวมสิ่งที่ฉันกับพี่มั่วสอนไปแล้ว เขาจะเล่นได้เป็นยังไง
บ้าง”
โคโค่ได้ยินแล้วรู้สึกสะท้านเล็กน้อย “เรียนรู้หมดเลยเหรอ?”
“เป็นไปได้ยังไง?” ป๋ อจิ่วยิ้ม “มั่วเป่ ยมีวิธีเล่นเป็นของตัวเอง เราแค่
สอนประสบการณ์ของเราให้เขาเท่านั้น”
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเวลานายยิ้มทีจะต้องมีคนซวย” โคโค่อ้าปากงับ
หูตุ๊กตากระต่ายในมือ
ป๋ อจิ่วซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป่ า เส้นผมสีเงินไหวเบา ๆ “นายต้องคิด
ไปเอง ฉันแค่หวังว่าจะได้เห็นวิธีการเล่นที่น่ารักของลูกศิษย์ฉัน
เท่านั้น”
“เข้าเกมได้ก็ไล่ฆ่า วิธีแบบนี้น่ารักเนอะ?”
ป๋ อจิ่วยิ้มจนนัยน์ตาโค้งเป็นเพระจันทร์เสี้ยว “คำว่าน่ารักอยู่ที่ใช้กับ
ใคร ไม่ได้อยู่ที่วิธีเล่น”
โคโค่รู้สึกว่าต่อไปอย่าหาเรื่องเจ้าแบล็กเด็ดขาด คนที่เอาหัวหน้าอยู่
น่ากลัวเป็นบ้า
การแข่งยังไม่เริ่ม สมาชิกทีมไดมอนด์ทั้งปัจจุบันและที่ลาออกไป
แล้วต่างนั่งประจำที่ นอกจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็มีแค่ผู้เข้าแข่งขัน
เท่านั้น
ทั้งหมดมี 4 ทีม 20 คน
มีทั้งผู้เล่นที่ผ่านการคัดเลือกรอบที่แล้ว และผู้เล่นปกติที่อยู่อันดับสูง
ในบอร์ดซึ่งทีมไดมอนด์คัดเลือกมา
ก่อนอื่นจะเริ่มคัดเลือกให้เหลือสองทีม
หมายความว่ารอบแรกจะเป็นการแข่งประเภททีม ผู้ที่ได้คะแนนใน
สี่อันดับแรกของทีมที่ชนะและผู้เล่น MVP ของทีมแพ้อีกสองคน
รวมจำนวนทั้งหมดสิบคนจะเข้ารอบชิงชนะเลิศ
กฎกติกาการแข่งไม่มีปัญหา การแข่งรอบคัดเลือกจะทดสอบความ
เป็นทีมเวิร์ค
ส่วนการแข่งแบบผสมในรอบชิงชนะเลิศ นอกจากตัวเองแล้ว ที่
เหลืออีก 9 คน ล้วนแต่เป็นคู่แข่ง นี่เป็นการทดสอบความสามารถ
เฉพาะบุคคล
ผู้เล่นที่ได้ตำแหน่ง MVP ของทุกสนาม จะได้รับการคัดเลือกให้เป็น
ผู้เล่นลีกส์อาชีพทันที
อันที่จริงก็ต่างไปจากเมื่อก่อน จะเน้นความสมบูรณ์รอบด้านมากกว่า
ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาลือกัน
กฎกติกาแบบนี้เป็นสิ่งที่ผู้รอบรู้เท่านั้นถึงจะเข้าใจ
คนที่รู้ซึ้งถึงจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่า การแข่งแบบนี้เน้นคัดเลือกคน
เก่งมากกว่า
ทั้งสี่ทีมเข้าสนามแล้ว กลุ่มแรกแข่งก่อน กลุ่มที่สองแข่งทีหลัง
รอบนี้มั่วเป่ ยไม่ได้เป็นคู่แข่งของสามคนนั้น แต่ด้วยเหตุที่จับฉลาก
หมายเลข ทำให้ต้องอยู่ทีมเดียวกัน
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ปฏิกิริยาของทั้งสามคนกลับเห็นได้ชัด
พวกเขารู้แก่ใจว่ามั่วเป่ ยถนัดบทบาทนักฆ่ามากที่สุด แต่หนึ่งในนั้น
ดันเลือกเป็นนักฆ่าทันทีที่เข้าหน้าเกม
คุณชายโคโค่ที่ร่ำรวยเห็นแล้วร้องว่า “โอ้โห!” เลียนแบบหลินเฟิง
ทันที
“อะไรวะ? ตอนที่สามคนนั้นฝึกซ้อมก็ไม่เคยเล่นเป็นนักฆ่าสักครั้ง”
ตอนที่ 2032-2
แม้จะเป็นเด็กฝึกของทีมไดมอนด์ แต่เด็กฝึกสามคนนั้นกลับคิดว่า
ตัวเองถูกละเลยความสำคัญ
อันที่จริงหากมองจากมุมของทีม เด็กฝึกที่ผ่านการคัดเลือกภายในทุก
คนล้วนแต่เป็นสายเลือดใหม่ของทีม พวกเขาย่อมต้องวิเคราะห์
บทบาทที่ถนัดและคะแนนของแต่ละคน
ไม่ได้เป็นอย่างที่เด็กฝึกทั้งสามคิดกัน
แต่ประเด็นคือ คนเก่งมีแววดีย่อมได้รับการดูแลเป็นพิเศษ มันก็เป็น
เรื่องธรรมดา
ถ้าสามคนนี้เห็นแค่ว่า ‘มั่วเป่ ยประจบแบล็กพีช Z เก่ง’ อย่างนั้นก็ไม่
มีอะไรต้องคุยกันแล้ว
เพราะบางครั้งคนมีพรสวรรค์มักถูกชื่นชอบ นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ
ของมนุษย์
แถมเด็กที่มีพรสวรรค์คนนี้ยังเอาแต่ใจจดใจจ่อกับกีฬาประเภทนี้อีก
ป๋ อจิ่วชอบคนแบบนี้ ประเภทที่พอเข้าเล่นเกมก็ไม่หวั่นไหว ไม่
หวาดกลัว เล่นโหดสุด ๆ ฟอร์มดุเดือด
พอเล่นเสร็จก็ตั้งใจฝึกซ้อม ไม่แอบขี้เกียจ ไม่คิดอะไรไร้สาระ
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น นักข่าวย่อมไม่ได้สัมภาษณ์เพียงแค่เด็กสามคน
นั้น ทีมอื่น ๆ ที่มาดูตัวเด็กใหม่ก็ใช่ว่าจะดูแค่สามคนนี้ คะแนนของ
Bey โชว์อยู่ตรงหน้า แม้จะไม่มีใครรู้ว่า Bey เป็นใคร แต่ก็มีสายต่อ
มาหาเธอไม่น้อย แถมมีคนเสนอเงื่อนไขงาม ๆ ให้
ต่อให้เป็นตอนที่อยู่บ้านตระกูลฉินก็ตาม ป๋ อจิ่วยังเห็นมั่วเป่ ยหยิบ
มือถือรุ่นเก่าแบบเติมเงินมา ก้มหน้าส่งข้อความ แค่กวาดตามองอย่าง
ไม่ใส่ใจก็ยังเห็นประโยคว่า ‘ขอโทษด้วย ฉันไม่ไปจากทีมไดมอนด์
หรอก มันไม่เกี่ยวกับเงิน’
ฝ่ายโน้นก็ตอบกลับทันควัน ‘Bey ลองพิจารณาใหม่นะ ฉันรับประกัน
ว่าถึงพวกเราจะต่างกับทีมไดมอนด์มาก แต่ภายในสามปี หมายความ
ว่าไม่พ้นสามปีนี้ พวกเราต้องกลายเป็นทีมที่เก่งที่สุดในวงการแน่
ถ้าดูจากอนาคต ฉันว่านายเหมาะกับทีมพวกเรามากกว่า’
‘แต่ทีมพวกคุณไม่มีหัวหน้า ไม่มีเทพ Z แล้วพวกคุณก็ไม่ใช่ทีมได
มอนด์’
หลังจากที่ส่งข้อความดังกล่าวออกไป เด็กนั่นก็ทำเหมือนไม่มีอะไร
เกิดขึ้น ถามเธอว่าทำยังไงถึงมีฐานะเป็นอันดับหนึ่งในเวลาที่สั้นที่สุด
การสร้างฐานะถือว่าง่ายมากสำหรับป๋ อจิ่ว น่าจะเป็นตอนนั้นเองที่
ทำให้ป๋ อจิ่วอยากรับลูกศิษย์ขึ้นมา
แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กฝึกทั้งสามยังไม่เข้าใจว่าตัวเองแย่ที่ตรงไหน แค่
เรื่องฝีมือการเล่นหรือ?
ไม่…
ดูจากการเลือกบทบาทตัวละครก็มองออกแล้ว
พวกเขาสนใจแค่การถีบมั่วเป่ยออกจากทีม
พูดมากไปก็เลยเถิด แสดงตัวอยู่นั่นแหละว่ารักอีสปอร์ตมากแค่ไหน
แต่กลับอยากจะถีบมั่วเป่ยให้ตกลงมา ให้คนที่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว
ที่สุดไม่มีโอกาสโดดเด่น
“ไม่ได้ ล่า…มอนสเตอร์ แล้ว…มั่วเป่ ย จะทำยังไง?” เฟิงซ่างเริ่มสนใจ
จะรักษาอาการติดอ่างแล้ว ตอนนี้พยายามพูดทีละคำ ๆ
เหราหรงเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ไม่เคยคิดว่าเรื่อง
แบบนี้จะเกิดกับทีมไดมอนด์ จึงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “วิธีแบบนี้ทำ
ให้คนเกลียดจริง ๆ”
“แต่ทำให้คนจำได้แม่นเลย” เฮียเย่ามากประสบการณ์ แค่เหลือบมอง
ก็รู้ว่าฝ่ายนั้นคิดอะไร “ได้เป็นนักฆ่าก็เท่ากับได้ตำแหน่ง MVP ของ
การแข่งนัดนี้ เพราะพวกที่เหลือ คนหนึ่งเลือกเป็นตัวสนับสนุนกึ่ง
แทงค์ที่มีสกิลควบคุม อีกคนเลือกเป็นตัว ADC หมายความว่า ตำแหน่ง
MVP ต้องอยู่ในมือคนใดคนหนึ่งในสามคนนี้แน่ เพราะพอรวมทีม
สู้ สามคนนี้เล่นบทบาทที่เสริมกัน แถมการเล่นแบบนี้ยังจงใจลด
ความสำคัญของมั่วเป่ ยชัด ๆ ทำให้เขาไม่ได้แสดงความสามารถ
กลายเป็นหมายเลข 5 ในทีมชนะที่ต้องตกรอบในที่สุด”
ตอนที่ 2033
เริ่มตบหน้า
“ถ้าเป็นอย่างนั้น มั่วเป่ ยก็แย่แล้ว” โคโค่โกรธระคนกังวล อยากจับ
เจ้าสามคนนี้มากัดเหมือนที่กัดตุ๊กตาในอ้อมแขน
“เกมนี้ยากจริง ยากตรงที่จะต้องป้องกันตัวเองจากเพื่อนร่วมทีมยังไง
ไม่ได้อยู่ตรงที่จะเอาชนะคู่แข่งยังไง” เหราหรงกอดอก ไม่อยากเห็น
เหตุการณ์แบบนี้เลย
บางทีเขาน่าจะลาออกจากวงการได้แล้ว เพราะคนรอบข้างเริ่ม
เปลี่ยนแปลงไป
หากเปลี่ยนจนไม่เหลือสภาพเดิม ทีมนี้อาจจะไม่ใช่ทีมไดมอนด์ของ
แท้อีก
เขาคือคนที่เคยทำผิดร้ายแรงมาก่อน
เหราหรงออกจากคุกมาได้เพราะสร้างความดีความชอบไว้
เขาไม่เหมือนพวกโคโค่ เคยผ่านด้านลบของวงการมาแล้ว ดังนั้นพอ
เห็นตัวต้นเหตุก็ไม่อยากเข้าไปใกล้
อาจจะเล่นอีกครึ่งปี หลังจากนั้นค่อยยกเลิกไอดี ถอนตัวจากวงการ
ฉินมั่วกับ Z เองคงไม่เล่นแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ถ้าอยู่ก็อยู่ด้วยกัน ถ้าออกก็ออกด้วยกัน
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เหราหรงก็ยังไม่อยากเห็นคนที่กล้าใช้แผนร้าย
เข้าทีมไดมอนด์มาได้
ทว่าสามคนนี้น่าจะเข้ามาได้ เพราะหากวิเคราะห์จากความเป็นไปได้
ความสามารถของทั้งสองทีมต่างกันมากเกินไป ทีมพวกนั้นต้องชนะ
แน่ เล่นเกาะกลุ่มกันแบบนี้ พอมาถึงการแข่งรอบชิงชนะเลิศ พวกนี้
ย่อมต้องเกาะกลุ่มกันอีก
ถึงเวลานั้นอาจพูดได้ว่าพวกเขามีความเป็นทีมเวิร์ค
และที่สำคัญที่สุดคือ คนที่เก่งโดดเด่นกลับต้องแพ้ในการแข่งใน
รูปแบบนี้
เหราหรงกำมือแน่น คงเพราะสิ่งที่เขาคิดชั่วร้ายมาก ทำยังไงได้ล่ะ
ใครใช้ให้เขาผ่านอะไรมามากมาย จึงอดคิดในทางลบไม่ได้
เรื่องจริงก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเหราหรงไม่ได้คิดมากเกินไป เพราะเด็กฝึก
สามคนนั้นต่างมองตากัน ความยินดีปรีดาที่ฉายออกมาฟ้องทุกสิ่ง
ใช่ว่าพวกแฟน ๆ ที่ดูการแข่งผ่านไลฟ์สดจะมองไม่ออก “แปลกจัง
ตอนที่ดูคลิปการแข่งคัดเลือกสมาชิกทีมเมื่อครั้งที่แล้ว Bey ถนัดเป็น
นักฆ่านี่นา เล่นได้เจ๋งมากด้วย คะแนนที่ได้ก็สูง นำฟอร์มได้ตลอด
ได้คะแนนเป็นที่หนึ่งจากการสู้กันตัวต่อตัวจนได้เป็นเด็กฝึกของทีม
แล้วทำไมเพื่อนร่วมทีมถึงเอาตำแหน่งเขาไป ไม่เข้าใจเลยว่าทำไม
เพื่อนเขาถึงคิดไม่ออก การเล่นแบบนี้ไม่ได้ขัดคู่แข่งนี่ แต่เป็นการ
ขวางตัว Bey ต่างหาก”
“คนบางคนที่ไม่เข้าใจก็อย่าพูดมั่ว ๆ ไม่เข้าใจจริง ๆ แค่สู้ตัวต่อตัว
ตัวจนได้ที่หนึ่งแล้ววิเศษนักเหรอ จะต้องยกตำแหน่งนักฆ่าให้ จะ
อยากได้บทบาทนี้ไปทำไม ประจบแบล็กพีช Z ก็ได้แล้ว ทีมไดมอนด์
ชอบทำตัวแบบนี้แหละ Bey เก่งด้านประจบสอพลอ เล่นแบบไหนก็
ไม่เป็นไร ยังไงก็อยู่ในทีมได้อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เยินยอเขาไปก็ช่าง
เถอะ บอกว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ ตอนนี้เป็นไง แค่เลือกตัวละครก็หาว่า
ขัดขวางเขา เด็กนั่นเก่งนักไม่ใช่เหรอ งั้นเล่นบทบาทไหนก็นำได้สิ
ฉันจะดูว่าครั้งนี้ทีมไดมอนด์จะทำตามกฎหรือให้เลือกบทบาทใหม่
ไหม ถ้าเป็นอย่างหลังก็ขอโทษด้วยนะ ฉันจะไม่เป็นแฟนคลับทีมนี้
อีกต่อไป อุตส่าห์ติดตามอยู่นาน น่าผิดหวังเป็นบ้า”
“อย่างอื่นไม่รู้ คนเล่นลีกส์อาชีพที่ดี อย่างน้อยต้องรองรับการเล่นตัว
ละครสำรอง เรื่องขัดขวางอะไรนั่นมันก็กล่าวหาเกินไป บังเอิญมา
อยู่ทีมเดียวกัน ใคร ๆ ก็อยากจะชนะกันทั้งนั้น คนเขาไม่มาขัดขวาง
เพื่อนร่วมทีมหรอก ถ้าเป็นตัวละครสำรองไม่ได้ก็ถือว่าไม่เป็นมือ
อาชีพ…”
คนคนนั้นยังพูดไม่จบก็ได้ยินเสียงดังขึ้น
หน้าจอโชว์ว่า ผู้เข้าแข่งขันที่ใช้ไอดี Bey กดคอนเฟิร์มบทบาทตัว
ละครแล้ว!

ตอนที่ 2030
แข่งแล้ว
ยิ่งเป็นอย่างนี้ก็ยิ่งน่าสัมภาษณ์
มีคนบอกว่าจะต้องให้คำตอบกับทุกคน ดังนั้นจึงมารอกันที่ใต้ตึก
ของคลับ
ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าหลินเฟิงจะออกมาหรือไม่ก็ไม่มีวัน
เปลี่ยนอะไรได้
เดิมทีทีมไดมอนด์ไม่อนุญาตให้คนบางกลุ่มเข้ามาด้านใน แต่เด็กฝึก
สามคนที่เคยให้สัมภาษณ์กลับคิดว่าตัวเองต้องถนอมความรู้สึกของ
แฟนคลับ จะให้คนบางกลุ่มเข้ามาก็ไม่เห็นเป็นอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่มีชนักติดหลัง ทำไมคนในทีมถึงไม่กล้า
เผชิญหน้า
การแข่งในรอบนี้เป็นการไลฟ์ สด คนในบริษัทต่างอยู่ในงาน กำลัง
ปรึกษากันว่าจะใช้กฎเกณฑ์ไหนเลือกสมาชิก
ก่อนอื่นเริ่มพิจารณาจากการให้ความร่วมมือกันในทีม แน่นอนว่าสิ่ง
ที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ความสามารถเฉพาะบุคคล
ไม่ว่าจะเป็นทีมไหน ต่างก็อยากได้สมาชิกที่มีความสามารถในการ
เล่นเดี่ยว
เมื่อเลือกคนแบบนี้ออกมาได้แล้ว ก็เข้าสู่การพิจารณาด้านความรู้ใจ
กับเพื่อน ๆ ในการเล่นประเภท ซึ่งเป็นมาตรฐานในการคัดเลือก
สมาชิกเข้าทีม
แต่เด็กฝึกทั้งสามกลับไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาคิดว่าทางบริษัทเลือก
คนด้วยอคติ ไม่เป็นไปตามหลักการที่ประกาศไว้แต่แรก ไหนบอก
ว่าจะเน้นที่ทีมไง ทำไมชอบหลอกคนอื่นตลอด
เด็กฝึกทั้งสามปรึกษากันแล้ว จึงเอาเรื่องไปเล่าให้พวกแฟนคลับที่
ตัวเองพาเข้ามาฟัง
พวกแฟนคลับที่อยากได้คำอธิบายพอดีได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วต่าง
รู้สึกผิดหวัง เสียใจ และโกรธเกรี้ยว
พวกเด็กฝึกก็รู้สึกอย่างเดียวกัน ถ้าใช้มาตรฐานนี้เลือกสมาชิก คนได้
ที่หนึ่งก็ต้องเป็นเจ้า Bey ที่โอหังไม่เบานั่นอยู่ดี
ทำไมพวกเขาต้องมาโดนเด็กคนหนึ่งกดหัวตลอดด้วย
เพียงเพราะมันประจบเอาใจแบล็กพีช Z เก่งงั้นเหรอ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ พวกเขาก็ผิดหวังกับแบล็กพีช Z มาตั้งแต่แรกแล้ว
เป้าหมายของพวกเขาในตอนนี้ชัดเจน อุตส่าห์ขยันมานานหลายปี
จะมาโดนเขี่ยทิ้งอย่างนี้ไม่ได้ อย่างไรเสียพวกเขาสามคนได้อยู่กลุ่ม
เดียวกัน ถึงเวลานั้นก็หาแผนการเล่นเจ๋ง ๆ ขอแค่ลากคนอื่นให้อยู่
ด้วยกันถึงตอนท้ายได้ก็พอ
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ การแข่งเปิดสนามใกล้เข้ามาถึง
แต่ในเวลานี้กลับมีคนโพสต์รูปภายในบริษัท พร้อมระบุว่ากติกาการ
แข่งในครั้งนี้มีปัญหา
เมื่อป๋อจิ่วและโคโค่เดินมาถึง แฟนคลับที่เข้ามาก็เอาแต่ถ่ายรูป ป๋อจิ่ว
ซุกมือข้างหนึ่งในกระเป๋ ากางเกง หันไปถามผู้ช่วยข้างตัว “พวกเขา
เป็นคนจากแผนกไหน เราน่าจะบอกแล้วนะว่าห้ามถ่ายรูปภายใน
บริษัท”
“เอ่อ ผมก็ไม่ทราบ” ผู้ช่วยทำหน้างง “ผมจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ล่ะ
ครับ”
ป๋ อจิ่วหันไปมองทางนั้น สายตาจับจ้องใบหน้าพวกเขา เอ่ยช้า ๆ ว่า
“ไม่ต้องตรวจสอบ ไม่ใช่คนใน”
เวลานี้ คนเหล่านั้นก็เห็นป๋ อจิ่วและโคโค่
สายตาจับจ้อง ทั้งยังเดินเข้ามาหา
ผู้ช่วยคิดจะกันไว้ ทว่ากันไม่ไหว ถ้าเรียกยามมาเอาตัวออกไปก็คงมี
เสียงด่ามากมายในโลกออนไลน์ เช่นว่าไม่ถนอมน้ำใจแฟนคลับ
ยามของไอดอลผลักคนเป็นต้น ข่าวแบบนี้มีให้เห็นออกมากมาย
หากเป็นตัวป๋อจิ่วเองก็คงไม่สนใจอะไรแล้วเดินจากไปทันที แต่นี่
เธอมาเป็นตัวแทนทีมไดมอนด์จึงทำอะไรตามใจตัวไม่ได้
แบบนี้มันเซ็งจริง ๆ
ป๋ อจิ่วยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่พูดอะไร ทำแค่ยิ้มมุมปาก สายตาจับจ้อง
หน้าจอมือถือของคนเหล่านั้น ในดวงตาพอจะเห็นความร้ายกาจอยู่
ราง ๆ
คงเพราะเห็นนัยแฝงจากรอยยิ้มนั่น คนที่โพสต์รูปจึงเปิดฉากทันที
“น่าผิดหวังจริง ๆ พวกเรารอทีมไดมอนด์มานานหลายวันก็ไม่ยอม
ออกมาอธิบายสักที ตอนนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ แก้กติกาการแข่งขัน
เฉยเลย พวกเธอตั้งกฎกันอย่างนี้เหรอ?”
ตอนที่ 2031
ฉันเอาจริง
ป๋อจิ่วได้ยินแล้วเอียงศีรษะ “เปลี่ยนกติกา? เมื่อไร?”
“ก่อนหน้านี้บอกว่าเน้นเรื่องทีมเวิร์คไง ตอนนั้นเปลี่ยนมาเป็นตัว
บุคคลแล้ว”
ป๋อจิ่วเงยหน้ามองทันทีที่ได้ยิน “ดูเหมือนพวกเธอจะเข้าใจทีมได
มอนด์ผิดไปนะ หลักการคัดเลือกสมาชิกของเราก็เป็นแบบนี้มาแต่
ไหนแต่ไรแล้ว มา ดูฉันสิ ระดับปรมาจารย์ยอดนักฆ่าเลยนะ หรือจะ
ดูท่านเทพก็ได้ คนเดียวนำฟอร์มได้ทั้งเกม พวกเราอยากได้คนแบบ
นี้ ไม่งั้นจะแข่งไปทำไม เล่นอยู่บ้านสนุกกว่าเยอะ”
“เธอ…ช่างเถอะ” คนคนนั้นไม่อยากพูดอีก “เกิดเรื่องเยอะขนาดนี้
พวกเธอไม่สำนึกเลยนะ”
ป๋อจิ่วยิ้ม ๆ
โคโค่อยากพูดบ้าง แต่ถูกเธอห้ามไว้ ด้วยอยากให้พวกนั้นออกไป
แต่โคโค่เข้าใจว่าไร้ประโยชน์
หากเทียบกับเรื่องนี้แล้ว ป๋ อจิ่วสนใจมากกว่าว่าใครเป็นคนพาคน
นอกเข้ามา เมื่อหันไปมองก็เห็นร่างสามคนนั้นที่อยู่ไม่ไกล
เป็นอย่างนี้นี่เอง
ป๋ อจิ่วหันหน้าจะเดินจากไป ก็พลันได้ยินคนข้างหลังพูดขึ้นก่อน
“เรื่องของหลินเฟิง พวกเธอจะเอาแต่เงียบหรือไง เอาแต่เงียบอย่าง
เดียวใช่ไหม?”
ป๋อจิ่วซุกมือลงในกระเป๋ากางเกง “หลินเฟิงลาออกจากวงการไปแล้ว
ไม่เงียบแล้วจะให้ทำอะไร?”
“เก่งจังเนอะ โยนความรับผิดชอบให้พวกเรา ถ้าเขาไม่ทำอะไรผิดจะ
ลาออกทำไม!”
ป๋ อจิ่วหยักยิ้ม “พูดอะไรไปก็มีคนบิดเบือนความหมายหมด ถ้าเลือก
ที่จะเงียบมันผิดตรงไหน”
“เธอ! ฉันจะให้ทุกคนได้รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเธอ”
ป๋ อจิ่วหันกลับมา ก่อนจะก้าวเดินอีกครั้ง “ตามสบาย”
เวลานี้มีอีกคนร้องตะโกนว่า “พวกเราสนับสนุนพวกเธอมาตั้งนาน
นี่เราสนับสนุนใครกัน แน่ใจเหรอว่าพอมีคนที่นำฟอร์มได้ทั้งเกม
ตามที่เธอว่าแล้ว ทีมไดมอนด์จะไปรอด”
“ไม่แน่ใจหรอก” ป๋อจิ่วตอบเสียงเรียบ “แต่เจอพอดีเลย จะได้แนะนำ
ให้พวกเธอรู้จัก ลูกศิษย์ฉันเอง Bey ที่ลือกันว่าเข้ามาได้เพราะ
หน้าตา อันที่จริงพวกเราก็ชอบเขามากนะ ฉันเลือกเขามา ไม่ได้จะ
ให้เขาแบกทีมไดมอนด์ตลอดไป เขาทำได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น ทีมได
มอนด์ไม่ใช่ทีมที่ผูกมัดใคร”
“พวกเธอก็เลยไม่รับผิดชอบต่อทีมแบบนี้น่ะเหรอ!”
ป๋ อจิ่วไม่ได้ตอบคำถามนี้ เธอเดินจากไปจริง ๆ
แต่ตอนที่จะเลี้ยวก็เห็นร่างเล็ก ๆ นั่น
ร่างนั้นไม่ได้สวมชุดของตัวเอง แต่เป็นชุดยูนิฟอร์มที่มีสัญลักษณ์
ทีมและแบกเป้เหมือนเดิม ในเป้มีคีย์บอร์ด red switch ด้วย
เมื่อก่อนเจ้าหล่อนมักมีสีหน้าไร้อารมณ์ ทำให้โคโค่เห็นทีไรเป็น
ต้องหยิกแก้มเธอ ทั้งยังล้อว่าเด็กหน้านิ่ง ตอนนี้เจ้าหล่อนยิ้มออก
แล้ว หูยังแดงอีกด้วย
โคโค่มีสีหน้าตกใจ ลากป๋อจิ่วมาคุยด้วย “แบล็กพีช รีบไปดูซิว่าเด็ก
มันไข้ขึ้นหรือเปล่า ยิ้มอยู่นั่นแหละ เฮ้ย! ฉันละนึกว่าเด็กนั่นจะยิ้ม
ไม่เป็น”
ป๋ อจิ่วกลับอ่อนใจ “ขึ้นชื่อว่าเป็นคนก็ต้องยิ้มเป็นทั้งนั้นแหละ นาย
ตื่นเต้นไปทำไม”
“ว้าว นายใจเย็นเกินไปแล้ว หยิบมือถือมาถ่ายรูปมั่วเป่ ยเร็ว” โคโค่
กอดตุ๊กตากระต่ายตัวเองไว้ หยิบมือถือไม่ได้ จึงตัดสินใจยัดตุ๊กตา
ใส่อ้อมแขนของเด็กน้อยแล้วหยิบมือถือขึ้นมา “ฉันต้องส่งให้พวก
หลินเฟิงกับเฮียเย่าดู มั่วเป่ยยิ้มที น่ารักมาก พวกที่ฆ่าคนในเกมโหด ๆ
นี่หน้าตาน่ารักกันหมดเลยเหรอ?”
ป๋ อจิ่วยื่นมือขยี้ศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ มุมปากยังคงแยกยิ้ม เธอคิดในใจ
ว่านายไม่เคยเห็นท่านเทพยิ้มตอนเด็ก ยิ่งน่ารักจนอยากกอดเลย
ทีเดียว
มั่วเป่ ยยังคงหน้าแดง ทว่าสีหน้ายังเท่เหมือนเดิม เธอเงยหน้าพูดกับ
ป๋ อจิ่ว “รองหัวหน้า ฉันเป็นลูกศิษย์ของรองหัวหน้าตั้งแต่เมื่อไร?
ฉันได้เป็นจริง ๆ งั้นเหรอ…”

ตอนที่ 2028
ออกจากวงการ
เฟิงอี้ดับบุหรี่ในมือเมื่อพูดถึงตรงนี้
เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สวมชุดสูทยืดตัวตรง เหมือนไม่เคยเปลี่ยนไป
เลย “เอาละ ประกาศเรื่องที่นายลาออกจากวงการก่อนดีกว่า”
การตัดสินใจดังกล่าว คนทั้งทีมย่อมได้ข่าวแล้ว รวมถึงพวกอินอู๋เย่า
ที่ดูพวกโคโค่กินบะหมี่อยู่ด้วย
บรรยากาศนิ่งงันอยู่นานไม่ใช่แค่แป๊บเดียว
ราวกับเมื่อถึงเวลานี้ ไม่ว่าจะเจออะไร พวกเขาก็ไม่แสดงอะไรออกมา
ได้แต่เงียบอย่างเดียว
แม้กระทั่งโคโค่ก็เช่นกัน มีเพียงอินอู๋เย่าที่เอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะบอกเฟิงอี้
เรื่องออกจากวงการภายในสองวันนี้เหมือนกัน ถ้าประกาศพร้อมกัน
คงจะดีกว่า”
โคโค่ถือส้อมพลาสติกนิ่งอึ้ง ก่อนจะรับคำง่าย ๆ ส่วนเซวียเหยาเย่า
กลับก้มหน้า คงเกรงว่าจะแสดงอารมณ์ออกมา
ทางด้านเฟิงซ่างก็สไลด์หน้าจอมือถือด้วยนิ้วมือสั่นเทา
อินอู๋เย่าเห็นแล้วจุดบุหรี่ขึ้น “มันเป็นเรื่องปกตินะ”
แม้จะรู้ว่าปกติและรู้มานานแล้ว แต่การจะยอมรับได้ถือเป็นเรื่องยาก
เมื่อข่าวออกมา คำวิจารณ์ทั้งดีและร้ายต่างทะลักทลายเข้ามาหา
บ้างก็ว่า ‘เสียดายจัง’ บ้างก็หาว่าหลินเฟิงสันหลังหวะ
เป็นอย่างที่เฟิงอี้คาดการณ์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงวิพากษ์แบบใด ย่อม
ไร้ผลต่อหลินเฟิงแล้วในเวลานี้ แต่ลูกบอลหิมะยิ่งกลิ้งก็ยิ่งโต เริ่มมี
คนวิจารณ์ว่าหลินเฟิงทำอะไรมา หัวข้อว่าเป็นเกย์กลายเป็นหัวข้อ
ร้อนแรง ตามมาด้วยข่าวลือต่าง ๆ ไม่ได้วิเคราะห์กันเลยว่าเป็นจริง
หรือไม่
เหล่าแฟนคลับมายืนด้านล่างของบริษัทด้วยต้องการคำอธิบาย พวก
นักข่าวก็มา เพราะรู้ว่าวันนี้ทางทีมจะมีการยืนยันสมาชิกลูกทีมคน
ใหม่ เด็กฝึกหลายคนต่างรอคอยการแข่งในครั้งนี้
แน่นอน พวกเขาหวังจะได้สัมภาษณ์หลินเฟิงมากที่สุด
ไม่ว่าหลินเฟิงจะตอบอย่างไรก็ต้องเป็นประเด็นฮอทแน่ แต่น่า
เสียดายที่หลินเฟิงไม่ออกมา
หลินเฟิงไม่ได้คิดว่าจะมีคนสัมภาษณ์ตนหรือไม่ เพราะกำลังคุกเข่า
มองร่างของคนที่อยู่บนโซฟาที่บ้าน พูดขึ้นว่า “คุณแม่ ขอโทษด้วย
ครับ ต่อไปผมมีหลานให้แม่อุ้มไม่ได้แล้ว”
คุณแม่หลินแต่งตัวด้วยชุดทำงานเสมอ เธอกำลังสูดหายใจลึก นับแต่
เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ เธอไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตัวเองอย่างไรดี
ไม่ใช่ว่าหู่ไม่ดี เธอเห็นอีกฝ่ายมาแต่เล็กจนโต
ทว่าเธอยังไม่เข้าใจ
ก็ดี ๆ กันอยู่ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
“แม่จำได้ว่าลูกชอบผู้หญิงนี่นา เฟิง แก้ไขไม่ได้เหรอลูก แม่รู้ว่าลูก
โตมากับหู่เลยรักกันมาก แต่พวกลูกยังอายุน้อย อาจจะเข้าใจว่าความ
รู้สึกในเวลานี้เป็นความรักแบบอื่น ลูก…” คุณแม่หลินพูดมาถึงตรงนี้
ก็สบตาหลินเฟิง
ลูกเธอ เธอย่อมรู้ดี มันแก้ไม่ได้แล้ว
“แม่รับไม่ได้” คุณแม่หลินกุมขมับ “อย่าเพิ่งพูดเรื่องที่ว่าแม่รับได้
หรือไม่ได้ก่อน หลังจากพ่อของลูกเสียไป คุณย่าก็หวังจะให้ลูกมี
ครอบครัว อยู่ ๆ มาเกิดเรื่องเข้าตอนนี้ แม่ก็ช่วยลูก ไม่ให้ลูกค้าของ
หลินกรุ๊ปเอาข่าวไปเล่าให้คุณย่าฟัง แต่เราจะปิดบังได้นานเท่าไรกัน”
“ขอโทษครับ” นอกจากประโยคนี้แล้ว หลินเฟิงก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
คุณแม่หลินลุกขึ้นมา “แม่ต้องไปบริษัท ตระกูลเหลียงโกรธหนัก
มาก คงต้องคุยเรื่องสัญญากันใหม่”
“ผมไปคุยเองครับ” คงเพราะคุกเข่ามานาน เมื่อหลินเฟิงลุกขึ้นมา ขา
ก็พลันอ่อนแรง
คุณแม่หลินกวาดตามอง “อย่าเลย ลูกจะไปพูดอะไร จะยอมรับเรื่อง
นี้เหรอ?”
ตอนที่ 2029-1
จิ่วตอบตกลง
ปลายนิ้วของหลินเฟิงชะงัก ทว่าเขาไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเห็นลูกชายเป็นอย่างนี้ คุณแม่หลินถอนใจเฮือกอีกครั้ง “แม่จะไป
บอกพวกเขา ลูกชายแม่ไปดูตัวเพราะต้องการบอกให้คุณหนูเหลียง
เข้าใจว่าลูกกับเขาไม่เหมาะสมกัน ไม่เคยคิดจะหลอกลวง แต่ที่ตระกูล
เหลียงเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของคนอื่นแบบนี้ ต่อไปตระกูลหลินคง
ร่วมมือกันไม่ได้แล้วละ”
หลินเฟิงอึ้งงัน เงยหน้ามองแม่ด้วยสายตาตะลึง พูดเสียงแหบออกมา
ว่า “แม่ แม่เท่จัง”
“ไม่ต้องรีบดีใจ เรื่องของลูกกับหู่ แม่ยังรับไม่ได้” คุณแม่หลินร้องไห้
“ทำไมพวกลูกสองคนถึงชอบทำให้คนที่บ้านต้องเป็นห่วงด้วยนะ”
หลินเฟิงกลัวแม่ร้องไห้เป็นที่สุด เขาละล้าละลังอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะ
ยื่นมือไปกอดแม่ “แค่เรื่องนี้แหละ ต่อไปจะไม่ให้แม่เป็นห่วงอีกแล้ว”
คุณแม่หลินไม่ได้พูดอะไรอีก แต่หลินเฟิงรู้ดีว่าต้องใช้เวลาอีกนาน
กว่าจะรับเรื่องนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ดีว่าแม่เขาเป็นแม่ที่แสนดี เขาช่างโชคดีที่เกิดมาใน
ครอบครัวนี้ เพียงแค่เรื่องทำนองนี้อาจจะรับได้ยากไปหน่อย หาก
เกิดขึ้นกับคนที่ไม่รู้จัก อย่างมากเราก็คิดว่าเป็นเรื่องความชอบของ
แต่ละบุคคล แต่พอเกิดขึ้นกับคนที่เรารัก เราจะยอมรับได้อย่างไร
ด้วยรู้ซึ้งเลยเข้าใจดี หนทางในอนาคตยากลำบากนัก
หลายคนบอกว่าผู้ชายกับผู้ชายรักกันถือเป็นรักแท้ แต่ในความเป็น
จริง เพราะเหตุที่เป็นความรักจากเพศเดียวกันนี่เอง จึงไม่ค่อยตระหนัก
ถึงความรับผิดชอบ
บางคนแม้จะมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ยังไปหวานกับคนอื่น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเป็นอย่างไรตอนที่หมดรักกันแล้ว
คุณแม่หลินไม่ได้กลัวว่าทั้งสองจะรักกัน แต่หวั่นเกรงว่าหากพวกเขา
ไม่รักกันแล้วจะทำอย่างไร?
หลินเฟิงได้ยินแล้วแววตาหม่นหมองลง “ผมจะไม่ซี้ซั้ว แล้วจะไม่
คบซ้อนด้วย ถ้าเขาเบื่อเราก็แยกกัน ถึงจะเจ็บปวด แต่ผมไม่เสียใจที่
เลือกเส้นทางนี้”
คงเพราะได้ยินคำพูดของคนเป็นลูก คุณแม่หลินจึงเข้าใจเสียที เธอ
ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร
แต่ในเวลาเดียวกัน ด้วยความที่เป็นแม่คน ก็ยิ่งรู้สึกว่าลูกที่อยู่ตรงหน้า
เธอเวลานี้เติบโตเป็นผู้ชายแล้ว
เป็นผู้ชายที่ยอมรับได้ทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่เลวร้าย
เมื่อสองแม่ลูกคุยกันเสร็จ หลินเฟิงจึงไปหาคุณย่า คุณย่าหลินอาศัยที่
บ้านสไตล์สี่ประสาน มีต้นหวายต้นใหญ่ปลูกอยู่กลางลานบ้าน คุณ
ย่าไม่ยอมย้ายไปจากที่นี่ด้วยความประสงค์ของท่านเอง เพราะพวก
เพื่อน ๆ คนแก่ด้วยกันก็อยู่ที่นี่ และการได้อยู่ที่นี่ ทำให้ท่านได้รำลึก
ถึงสมัยที่คู่ชีวิตยังอยู่ด้วยตอนยังหนุ่มยังสาว
ปกติแล้วหลินเฟิงจะมาที่นี่วันละครั้ง วันนี้คุณย่าหลินปอกเปลือก
ส้มรอหลานชายมาเยี่ยม แต่กลายเป็นว่าลูกบ้านอวิ๋นกลับมาถึงก่อน
คุณย่าหลินเงยหน้าขึ้น “เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องทะเลาะอีกแล้วล่ะสิ?”
หน้าผากของอวิ๋นหู่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ ทว่าไม่ใช่มาจากการทะเลาะ
วิวาท แต่เป็นเพราะคนเป็นพ่อเอาปี่เซียะหยกที่วางประดับไว้ในบ้าน
ขว้างใส่
“เปล่าครับ” อวิ๋นหู่ยิ้ม เพื่อให้คุณย่าหลินเห็นตัวเองถนัดขึ้น จึงย่อขา
พลางก้มตัวลง “ผมช่วยปอกให้คุณย่ากินดีไหมครับ?”
คุณย่าหลินยิ้มร่า “เฟิงเอ๋อร์ไปก่อเรื่องขึ้นล่ะสิ เลยให้เราออกหน้าก่อน”
“ครั้งนี้ไม่ใช่เขาหรอกครับ แต่เป็นผมเอง” อวิ๋นหู่ปอกเปลือกส้มพลาง
ก้มหน้าพูด “พ่อคิดว่าผมทำผิดเลยด่าผมว่าไอ้ลูกบ้า ผมคิด ๆ ดูแล้วก็
ผิดจริง เลยอยากมาขอโทษคุณย่าครับ”

ตอนที่ 2028
ออกจากวงการ
เฟิงอี้ดับบุหรี่ในมือเมื่อพูดถึงตรงนี้
เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สวมชุดสูทยืดตัวตรง เหมือนไม่เคยเปลี่ยนไป
เลย “เอาละ ประกาศเรื่องที่นายลาออกจากวงการก่อนดีกว่า”
การตัดสินใจดังกล่าว คนทั้งทีมย่อมได้ข่าวแล้ว รวมถึงพวกอินอู๋เย่า
ที่ดูพวกโคโค่กินบะหมี่อยู่ด้วย
บรรยากาศนิ่งงันอยู่นานไม่ใช่แค่แป๊บเดียว
ราวกับเมื่อถึงเวลานี้ ไม่ว่าจะเจออะไร พวกเขาก็ไม่แสดงอะไรออกมา
ได้แต่เงียบอย่างเดียว
แม้กระทั่งโคโค่ก็เช่นกัน มีเพียงอินอู๋เย่าที่เอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะบอกเฟิงอี้
เรื่องออกจากวงการภายในสองวันนี้เหมือนกัน ถ้าประกาศพร้อมกัน
คงจะดีกว่า”
โคโค่ถือส้อมพลาสติกนิ่งอึ้ง ก่อนจะรับคำง่าย ๆ ส่วนเซวียเหยาเย่า
กลับก้มหน้า คงเกรงว่าจะแสดงอารมณ์ออกมา
ทางด้านเฟิงซ่างก็สไลด์หน้าจอมือถือด้วยนิ้วมือสั่นเทา
อินอู๋เย่าเห็นแล้วจุดบุหรี่ขึ้น “มันเป็นเรื่องปกตินะ”
แม้จะรู้ว่าปกติและรู้มานานแล้ว แต่การจะยอมรับได้ถือเป็นเรื่องยาก
เมื่อข่าวออกมา คำวิจารณ์ทั้งดีและร้ายต่างทะลักทลายเข้ามาหา
บ้างก็ว่า ‘เสียดายจัง’ บ้างก็หาว่าหลินเฟิงสันหลังหวะ
เป็นอย่างที่เฟิงอี้คาดการณ์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงวิพากษ์แบบใด ย่อม
ไร้ผลต่อหลินเฟิงแล้วในเวลานี้ แต่ลูกบอลหิมะยิ่งกลิ้งก็ยิ่งโต เริ่มมี
คนวิจารณ์ว่าหลินเฟิงทำอะไรมา หัวข้อว่าเป็นเกย์กลายเป็นหัวข้อ
ร้อนแรง ตามมาด้วยข่าวลือต่าง ๆ ไม่ได้วิเคราะห์กันเลยว่าเป็นจริง
หรือไม่
เหล่าแฟนคลับมายืนด้านล่างของบริษัทด้วยต้องการคำอธิบาย พวก
นักข่าวก็มา เพราะรู้ว่าวันนี้ทางทีมจะมีการยืนยันสมาชิกลูกทีมคน
ใหม่ เด็กฝึกหลายคนต่างรอคอยการแข่งในครั้งนี้
แน่นอน พวกเขาหวังจะได้สัมภาษณ์หลินเฟิงมากที่สุด
ไม่ว่าหลินเฟิงจะตอบอย่างไรก็ต้องเป็นประเด็นฮอทแน่ แต่น่า
เสียดายที่หลินเฟิงไม่ออกมา
หลินเฟิงไม่ได้คิดว่าจะมีคนสัมภาษณ์ตนหรือไม่ เพราะกำลังคุกเข่า
มองร่างของคนที่อยู่บนโซฟาที่บ้าน พูดขึ้นว่า “คุณแม่ ขอโทษด้วย
ครับ ต่อไปผมมีหลานให้แม่อุ้มไม่ได้แล้ว”
คุณแม่หลินแต่งตัวด้วยชุดทำงานเสมอ เธอกำลังสูดหายใจลึก นับแต่
เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ เธอไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตัวเองอย่างไรดี
ไม่ใช่ว่าหู่ไม่ดี เธอเห็นอีกฝ่ายมาแต่เล็กจนโต
ทว่าเธอยังไม่เข้าใจ
ก็ดี ๆ กันอยู่ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
“แม่จำได้ว่าลูกชอบผู้หญิงนี่นา เฟิง แก้ไขไม่ได้เหรอลูก แม่รู้ว่าลูก
โตมากับหู่เลยรักกันมาก แต่พวกลูกยังอายุน้อย อาจจะเข้าใจว่าความ
รู้สึกในเวลานี้เป็นความรักแบบอื่น ลูก…” คุณแม่หลินพูดมาถึงตรงนี้
ก็สบตาหลินเฟิง
ลูกเธอ เธอย่อมรู้ดี มันแก้ไม่ได้แล้ว
“แม่รับไม่ได้” คุณแม่หลินกุมขมับ “อย่าเพิ่งพูดเรื่องที่ว่าแม่รับได้
หรือไม่ได้ก่อน หลังจากพ่อของลูกเสียไป คุณย่าก็หวังจะให้ลูกมี
ครอบครัว อยู่ ๆ มาเกิดเรื่องเข้าตอนนี้ แม่ก็ช่วยลูก ไม่ให้ลูกค้าของ
หลินกรุ๊ปเอาข่าวไปเล่าให้คุณย่าฟัง แต่เราจะปิดบังได้นานเท่าไรกัน”
“ขอโทษครับ” นอกจากประโยคนี้แล้ว หลินเฟิงก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
คุณแม่หลินลุกขึ้นมา “แม่ต้องไปบริษัท ตระกูลเหลียงโกรธหนัก
มาก คงต้องคุยเรื่องสัญญากันใหม่”
“ผมไปคุยเองครับ” คงเพราะคุกเข่ามานาน เมื่อหลินเฟิงลุกขึ้นมา ขา
ก็พลันอ่อนแรง
คุณแม่หลินกวาดตามอง “อย่าเลย ลูกจะไปพูดอะไร จะยอมรับเรื่อง
นี้เหรอ?”
ตอนที่ 2029-1
จิ่วตอบตกลง
ปลายนิ้วของหลินเฟิงชะงัก ทว่าเขาไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเห็นลูกชายเป็นอย่างนี้ คุณแม่หลินถอนใจเฮือกอีกครั้ง “แม่จะไป
บอกพวกเขา ลูกชายแม่ไปดูตัวเพราะต้องการบอกให้คุณหนูเหลียง
เข้าใจว่าลูกกับเขาไม่เหมาะสมกัน ไม่เคยคิดจะหลอกลวง แต่ที่ตระกูล
เหลียงเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของคนอื่นแบบนี้ ต่อไปตระกูลหลินคง
ร่วมมือกันไม่ได้แล้วละ”
หลินเฟิงอึ้งงัน เงยหน้ามองแม่ด้วยสายตาตะลึง พูดเสียงแหบออกมา
ว่า “แม่ แม่เท่จัง”
“ไม่ต้องรีบดีใจ เรื่องของลูกกับหู่ แม่ยังรับไม่ได้” คุณแม่หลินร้องไห้
“ทำไมพวกลูกสองคนถึงชอบทำให้คนที่บ้านต้องเป็นห่วงด้วยนะ”
หลินเฟิงกลัวแม่ร้องไห้เป็นที่สุด เขาละล้าละลังอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะ
ยื่นมือไปกอดแม่ “แค่เรื่องนี้แหละ ต่อไปจะไม่ให้แม่เป็นห่วงอีกแล้ว”
คุณแม่หลินไม่ได้พูดอะไรอีก แต่หลินเฟิงรู้ดีว่าต้องใช้เวลาอีกนาน
กว่าจะรับเรื่องนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ดีว่าแม่เขาเป็นแม่ที่แสนดี เขาช่างโชคดีที่เกิดมาใน
ครอบครัวนี้ เพียงแค่เรื่องทำนองนี้อาจจะรับได้ยากไปหน่อย หาก
เกิดขึ้นกับคนที่ไม่รู้จัก อย่างมากเราก็คิดว่าเป็นเรื่องความชอบของ
แต่ละบุคคล แต่พอเกิดขึ้นกับคนที่เรารัก เราจะยอมรับได้อย่างไร
ด้วยรู้ซึ้งเลยเข้าใจดี หนทางในอนาคตยากลำบากนัก
หลายคนบอกว่าผู้ชายกับผู้ชายรักกันถือเป็นรักแท้ แต่ในความเป็น
จริง เพราะเหตุที่เป็นความรักจากเพศเดียวกันนี่เอง จึงไม่ค่อยตระหนัก
ถึงความรับผิดชอบ
บางคนแม้จะมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ยังไปหวานกับคนอื่น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเป็นอย่างไรตอนที่หมดรักกันแล้ว
คุณแม่หลินไม่ได้กลัวว่าทั้งสองจะรักกัน แต่หวั่นเกรงว่าหากพวกเขา
ไม่รักกันแล้วจะทำอย่างไร?
หลินเฟิงได้ยินแล้วแววตาหม่นหมองลง “ผมจะไม่ซี้ซั้ว แล้วจะไม่
คบซ้อนด้วย ถ้าเขาเบื่อเราก็แยกกัน ถึงจะเจ็บปวด แต่ผมไม่เสียใจที่
เลือกเส้นทางนี้”
คงเพราะได้ยินคำพูดของคนเป็นลูก คุณแม่หลินจึงเข้าใจเสียที เธอ
ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร
แต่ในเวลาเดียวกัน ด้วยความที่เป็นแม่คน ก็ยิ่งรู้สึกว่าลูกที่อยู่ตรงหน้า
เธอเวลานี้เติบโตเป็นผู้ชายแล้ว
เป็นผู้ชายที่ยอมรับได้ทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่เลวร้าย
เมื่อสองแม่ลูกคุยกันเสร็จ หลินเฟิงจึงไปหาคุณย่า คุณย่าหลินอาศัยที่
บ้านสไตล์สี่ประสาน มีต้นหวายต้นใหญ่ปลูกอยู่กลางลานบ้าน คุณ
ย่าไม่ยอมย้ายไปจากที่นี่ด้วยความประสงค์ของท่านเอง เพราะพวก
เพื่อน ๆ คนแก่ด้วยกันก็อยู่ที่นี่ และการได้อยู่ที่นี่ ทำให้ท่านได้รำลึก
ถึงสมัยที่คู่ชีวิตยังอยู่ด้วยตอนยังหนุ่มยังสาว
ปกติแล้วหลินเฟิงจะมาที่นี่วันละครั้ง วันนี้คุณย่าหลินปอกเปลือก
ส้มรอหลานชายมาเยี่ยม แต่กลายเป็นว่าลูกบ้านอวิ๋นกลับมาถึงก่อน
คุณย่าหลินเงยหน้าขึ้น “เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องทะเลาะอีกแล้วล่ะสิ?”
หน้าผากของอวิ๋นหู่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ ทว่าไม่ใช่มาจากการทะเลาะ
วิวาท แต่เป็นเพราะคนเป็นพ่อเอาปี่เซียะหยกที่วางประดับไว้ในบ้าน
ขว้างใส่
“เปล่าครับ” อวิ๋นหู่ยิ้ม เพื่อให้คุณย่าหลินเห็นตัวเองถนัดขึ้น จึงย่อขา
พลางก้มตัวลง “ผมช่วยปอกให้คุณย่ากินดีไหมครับ?”
คุณย่าหลินยิ้มร่า “เฟิงเอ๋อร์ไปก่อเรื่องขึ้นล่ะสิ เลยให้เราออกหน้าก่อน”
“ครั้งนี้ไม่ใช่เขาหรอกครับ แต่เป็นผมเอง” อวิ๋นหู่ปอกเปลือกส้มพลาง
ก้มหน้าพูด “พ่อคิดว่าผมทำผิดเลยด่าผมว่าไอ้ลูกบ้า ผมคิด ๆ ดูแล้วก็
ผิดจริง เลยอยากมาขอโทษคุณย่าครับ”

ตอนที่ 2026-2
ป๋อจิ่ว ฉินมั่ว
ไอดอลหญิงที่หล่อเท่ร้ายกาจกลับเอาแต่กินอย่างเดียว มั่วเป่ยคิดไม่
ถึงว่าเวลาอยู่บ้านเทพ Z จะเป็นแบบนี้
แต่เวลาเทพ Z อยู่กับหัวหน้าดูจะผ่อนคลายมาก ขนาดยิ้มที่ติดมุม
ปากยังต่างไปจากปกติ
มั่วเป่ ยน้อยไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไร รู้สึกเพียงบรรยากาศแบบนี้ดี
มาก
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ ทั้งสองพากันเข้าห้องหนังสือเพื่อฝึกต่อ
มั่วเป่ ยรู้สึกตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วว่าการตกแต่งของห้องนี้ไม่สมดุลกัน
สักเท่าไร ครึ่งหนึ่งของห้องเป็นหนังสือทั้งหมด โดยมากจะเป็น
หนังสือด้านจิตวิทยา ส่วนอีกด้านวางคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสองเครื่อง
บวกกับแล็บท็อปอีกสี่เครื่อง ทั้งยังเห็นโมเดลบางอย่างที่ไม่รู้จักชื่อ
วางอยู่บนพื้น
ต่อมาตอนที่เธอไปดื่มน้ำก็รู้จากน้าจางว่า เมื่อก่อนห้องหนังสือของ
บ้านฉินไม่ได้เป็นแบบนี้ หัวหน้าแบ่งพื้นที่ให้เทพ Z วางข้าวของ
ของตัวเอง
มั่วเป่ ยยังไม่เคยได้สัมผัสกับความรัก
ทว่าเธอที่เรียนชั้นมัธยมต้นก็เคยเห็นเพื่อน ๆ แอบชอบกันไปมา
เธอคิดว่าความชอบที่สวยงามที่สุดต้องเป็นแบบหัวหน้ากับเทพ Z
ทั้งที่ชายหนุ่มเป็นคนเย็นชาสูงส่ง แต่กลับยอมให้คนอีกคนยึดครอง
พื้นที่ส่วนตัว
ถึงแม้ว่าของที่วางในห้องหนังสือจะไม่เข้ากับการตกแต่ง แต่หัวหน้า
ก็ยังยอมให้เทพ Z จัดวางตามที่ต้องการ กระทั่งวางขนมหวานไว้ที่
โต๊ะทำงานด้วย
มั่วเป่ยหลุบตาลง ในฐานะที่เป็นแฟนคลับ เธอย่อมรู้ดีว่าเทพ Z ชอบ
อมอมยิ้มเวลาเล่นเกม
ขนมหวานเหล่านี้น่าจะเตรียมไว้ให้เทพ Z แน่
ด้วยความที่ใจลอย ทำให้ตัวละครในเกมของมั่วเป่ ยเกือบถูกจับได้
เธอเคลื่อนเมาส์นิดหน่อยจนชนท่อนแขนของเทพ Z ถึงรู้ว่าอีกฝ่าย
หลับไปแล้ว
ในระหว่างที่กำลังลังเลว่าจะปลุกดีหรือไม่ หัวหน้าที่นั่งบนโซฟา
ด้านข้างก็เดินมาหา ก่อนจะก้มตัวช้อนตัวเทพ Z ขึ้นอุ้ม เขามองเธอ
ด้วยสายตาเฉยชา “วันนี้ฝึกเท่านี้ก่อน ต่อไปถ้ายังมีปัญหาอะไรอีก
มาหาฉันได้”
“หัวหน้าคิดว่าฉันแย่งเวลาของเทพ Z ไปหรือเปล่า” ตอนมั่วเป่ยถาม
ประโยคนี้ไป ต้องรวบรวมความกล้าหาญมาก
ฉินมั่วมองร่างเล็ก ๆ นั่น เอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม่เกี่ยวกับเรื่องเวลา แต่
เธอมาแย่งคนไปจากฉัน”
ต่อให้มั่วเป่ ยจะหน้านิ่งไร้อารมณ์ แต่เวลานี้กลับไม่รู้ว่าจะบรรยายสี
หน้าตัวเองอย่างไร
ฉินมั่วอุ้มคนในอ้อมแขนยืนอยู่กับที่ หันหลังให้อีกฝ่าย เรียวขาเขาดู
ยาว หันหน้ามานิดหน่อย “ต่อให้เขาไม่สอนเธอ เธอก็น่าจะเล่น 1
ต่อ 3 ได้ อย่าเสียชื่อเด็กใหม่ที่มีพรสวรรค์ของทีมไดมอนด์”
มั่วเป่ ยส่งเสียงตอบรับ แบกเป้ขึ้นมา “ฉันจะพยายาม”
“บนโต๊ะมีแฟ้มเอกสารอยู่” เสียงฉินมั่วยังคงเรียบเหมือนเดิม “นอกจาก
สัญญาที่ต้องเซ็นอย่างเป็นทางการ ยังมีข้อมูลเรื่องปัญหาการเล่นของ
เธอ อ่านแล้วอย่ามาหาเขาอีก เวลาอยู่ในทีมก็ให้เขากินน้ำเยอะ ๆ
เข้าใจไหม?”
มั่วเป่ยเข้าใจความหมายของหัวหน้าแล้ว คือไม่ให้เธอมาหาเทพ Z
เป็นการส่วนตัว เวลาอยู่ในทีมก็ช่วยเขาดูแลเทพ Z ด้วย
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา มั่วเป่ ยจึงมีหน้าที่คอยเฝ้าให้ป๋ อจิ่วดื่มน้ำ
แน่ละว่าย่อมเป็นเรื่องที่ว่ากันทีหลัง
ที่บ้านตระกูลฉินในเวลานี้ ฉินมั่วก้มตัววางป๋ อจิ่วไว้บนเตียง เธอตื่น
ขึ้นมา เส้นผมสีเงินยุ่งนิด ๆ เพราะนอนเมื่อครู่นี้ เธอยกมือขยี้นัยน์ตา
ซ้ายอย่างเกียจคร้าน “ฉันหลับเหรอ? แล้วเป๋ยเป่ยล่ะ”
“ท่านจิ่ว ไม่คิดหรือว่าช่วงนี้ละเลยแฟนตัวเองมากเกิน หือ?”
ตอนที่ 2027-1
นี่แหละคือสุดยอดหัวหน้าของทีมไดมอนด์
เรียกเธอว่าท่านจิ่วเหรอ… ป๋ อจิ่วไม่ต้องมองดูใบหน้าที่ทำให้คน
หลงใหลก็รู้ว่าท่านเทพหึงอีกแล้ว
ตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะอ้างที่เธอเอาคนอื่นมากินข้าวที่บ้านมารังแก
เธออย่างหนักหน่วง แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วห่มพร้อม
กอดเธอไว้ในอ้อมแขน เอ่ยเสียงเรียบว่า “รอเธอตื่นก่อน ค่อยว่ากัน”
ต้องการกล่อมเธอนอนล่ะสิ ป๋อจิ่วอยากนอนจริง ๆ การลูบกล่อม
นอนเริ่มแล้ว เธอไม่ใช่ประเภทที่อ่านหนังสือถึงห้าทุ่มเสียหน่อย
ฮึ ขยันเกินไปแล้ว
ป๋ อจิ่วขยับตัวอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่ม
ฉินมั่วเลิกคิ้ว โน้มหน้าหล่อ ๆ เข้าใกล้ “ไม่อยากนอนเหรอ? งั้นก็ทำ
อย่างอื่น”
ป๋อจิ่วได้ยินแล้วรีบหลับตาทันที “ฉันแค่อยากถามว่า จิ้งจอกเฟิงจะ
แก้ไขปัญหาเรื่องพี่หลินสุดสวยยังไง”
“ไม่แก้” ฉินมั่วจ้องอีกด้านหนึ่ง เวลานี้นัยน์ตาเขาดำทะมึน “คืนนี้
หลินเฟิงจะประกาศลาออกจากวงการ เทียบกับคำวิจารณ์ของคนอื่น
แล้ว ตระกูลหลินคิดยังไงกับเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญต่อเขามากกว่า”
ป๋ อจิ่วตัวเกร็ง “ออกจากวงการ? วันนี้?”
“ยังไงก็ต้องออกอยู่แล้ว แค่ประกาศก่อนกำหนดเดิมประมาณเดือน
หนึ่ง” แววตาฉินมั่วเฉยเมย “เขาเป็นคนตัดสินใจเอง คงไม่มีอะไรที่
ต้องเสียดายอีก มันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพราะเขาต้องหาเวลาแก้ไข
ปัญหาทางบ้านอยู่ดี”
“อื้อ” ป๋ อจิ่วส่งเสียงรับรู้ ไม่พูดอะไรอีก
“นอนเถอะ” ฉินมัวหลุบตาจูบศีรษะเธอ
ป๋ อจิ่วเพิ่งจะรู้ว่าการลาออกของหลินเฟิงทำให้เธอเสียใจแค่ไหน แต่
สำหรับท่านเทพแล้วมีความหมายต่างออกไป
พวกเขาสู้มาร่วมกันถึงสามปี ตั้งแต่ทีมไดมอนด์ย่ำแย่จนถึงเวลานี้
คนในรุ่นเดียวกับเขาต่างทยอยลาออก
ใช่ว่าป๋ อจิ่วจะไม่คิดถึงเรื่องว่าคนข้างกายเธอจะเอ่ยขึ้นมา แค่คิดไม่
ถึงว่าจะใช้วิธีนี้
วันนี้หลินเฟิงกลับถึงบ้านดึก ไม่ใช่เพราะต้องการหนีหน้า แต่อยาก
จัดการเรื่องอื่นก่อน แล้วถึงจะไปพบแม่และย่าของตัวเองได้
ดังนั้นหลังจากเกิดเรื่องขึ้นได้ไม่นาน เขาก็ไปแจ้งกับเฟิงอี้เรื่องที่จะ
ลาออกตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ให้ฉินมั่วรู้ข่าวดังกล่าว
หากมองจากมุมของผู้จัดการทีม เฟิงอี้ไม่เห็นด้วยที่หลินเฟิงจะออก
“ถ้านายมาลาออกในเวลาอย่างนี้ บางเรื่องจะยิ่งแก้ตัวไม่ขึ้นนะ”
“อยากคิดอะไรก็คิดไปเถอะ บอกตรง ๆ นะว่ารำคาญแล้ว” หลินเฟิง
ช้อนสายตาขึ้นมองหน้าต่างบานยาวระพื้น มีรถราวิ่งสัญจรอยู่ภายนอก
เต็มไปหมด “การยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์จะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ
ตามมา ตั้งแต่เข้าทีมไดมอนด์มาจนถึงตอนนี้ก็เกิดเรื่องไม่หยุด ตอน
ที่หัวหน้าสูญเสียความทรงจำ พวกนั้นก็ไม่ยอมให้หัวหน้ากลับมา
เพราะกลัวว่าจะส่งผลเสียต่อการแข่ง ฉันก็ไม่อยากเล่นต่อแล้ว เรื่อง
นี้ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่น แต่เป็นเพราะตัวเองปลงไม่ตกในบางเรื่อง ดู
เหมือนฉันจะไม่เคยมีอารมณ์นี้มาก่อนเมื่อครั้งที่อีสปอร์ตยังไม่ได้
รับการยอมรับ ตอนนั้นแค่หวังว่าวงการนี้จะได้รับการยอมรับเท่านั้น
จนทำเรื่องบ้า ๆ เพื่อเป้าหมายนี้ ยุคที่คนวงการนี้จะกลายเป็นดาราดัง
ใกล้มาถึงแล้ว นิสัยอย่างฉันไม่เหมาะจะเป็นคนสาธารณะ ยุคแบบนี้
ไม่เหมาะกับฉัน ยิ่งตอนนี้ฟอร์มของฉันก็ตกแล้วด้วย”
พูดมาถึงตรงนี้ หลินเฟิงก็ชะงักไปนิด “นายคงรู้มานานแล้ว”
ตอนที่ 2027-2
นี่แหละคือสุดยอดหัวหน้าของทีมไดมอนด์
เฟิงอี้ได้ยินแล้วไม่ได้พูดอะไร นอกจากเอียงศีรษะจุดบุหรี่ขึ้นสูบนิด
หน่อย ก่อนจะดึงคอเสื้อตัวเองออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มอย่างอ่อน
ล้า แต่บุคลิกยังไม่เปลี่ยนไป “รู้สิ ไม่ใช่แค่นายหรอก กระทั่งทั้งทีมก็
ยังปรับตัวไม่ได้ คุณชายฉินเองก็คิดหาทางออกของเรื่องนี้อยู่
เหมือนกัน”
“ยังไง?” หลินเฟิงรู้สึกว่าคำตอบที่จะได้เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยิน
เฟิงอี้หันไปมองอีกทาง ควันบุหรี่ลอยห้อมล้อม “ยุบทีมไดมอนด์”
หลินเฟิงตัวแข็งทื่อ “คิดเรื่องนี้กันตั้งแต่เมื่อไร?”
“ก่อนหน้านี้ก็คุยกันแล้ว” เฟิงอี้ผ่อนคลายขึ้นเยอะเมื่อพูดออกมา
“ไม่ได้ผิดไปจากพวกที่เคยวิจารณ์ไว้หรอก ทีมไดมอนด์ขาดช่วงต่อ
ถ้าพูดกันจริง ๆ พวกนายถือเป็นท่านเทพรุ่นเก่าแล้ว จะลาออกก็ถือ
เป็นเรื่องปกติ กระทั่งคุณชายฉินก็เหมือนกัน อย่างมากประคองได้
แค่ปีเดียวเท่านั้น แต่ปีเดียวสั้นไป ใครล่ะจะมาแทนเฮียเย่า นาย แล้ว
ก็คุณชายฉิน?”
หลินเฟิงอ้าปาก พูดอะไรไม่ออก “ฉันไม่เคยคิดว่าหัวหน้าจะคิดอย่างนี้”
“ถ้ามองกันในบางมุม ช่วงพีคของเขาจบลงแล้ว ที่ไม่พูดก็เพราะรอ
ให้คนอื่นพูดก่อน” เฟิงอี้หันไปดีดเถ้าบุหรี่ “ก่อนหน้านี้ทีมไดมอนด์
ก็เริ่มไม่ไหวแล้ว หลายทีมเสนอเงื่อนไขให้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเงิน
หรือทรัพยากรด้านอื่นเพื่อจะซื้อตัวเขาไป แต่ยังดีที่เขาคือฉินมั่ว บ้าน
ตระกูลฉินไม่เคยขาดเงิน ไม่เหมือนสมาชิกทีมอื่น ๆ ที่ทำตามความ
ต้องการตัวเองไม่ได้ เขาอยู่ที่นี่เพราะไม่เคยคิดว่าจะออกจากทีมได
มอนด์ไปไหน พอเงินทุนไม่เหลือเขาก็เติมเงินตัวเองเข้าไป”
เฟิงอี้พูดมาถึงตรงนี้ก็พลันหัวเราะเบา ๆ “อันที่จริง ตอนแรกที่เขาอยาก
เข้าทีมอาชีพก็ด้วยเหตุผลง่าย ๆ คนที่เขาตามหาชอบเล่นเกมมาก ถึง
ได้มายืนในสนามแข่ง คนคนนั้นจะได้เห็น แม้ถึงตอนนี้ก็ยังมีคนสงสัย
ว่าความตั้งใจดั้งเดิมของเขาคืออะไร รู้สึกว่าเขาไม่ได้รักวงการนี้สัก
หน่อย แต่จะยังไงก็ตาม เขาเป็นหัวหน้าที่สมตำแหน่งที่สุดของทีม
ไดมอนด์ในหัวใจของฉัน หลินเฟิง จำได้ไหมว่าตอนที่นายเพิ่งจะ
เข้าทีม เขาพูดว่าอะไร?”
หลินเฟิงชะงักมือ “จำได้ ตอนนั้นทีมไดมอนด์รับสมาชิกใหม่ได้ไม่
ง่ายนัก”
“ใช่ ไม่ง่ายเอามาก ๆ หนึ่งเพราะฉันไม่มีเส้นสาย บ้านตระกูลเฟิงทำ
เกี่ยวกับวงการบันเทิง สองเพราะเขายังเป็นเด็กมอปลายอยู่เลย นอกจาก
เขาแล้ว ทีมไดมอนด์ก็ไม่มีสมาชิกคนไหนที่ออกมาเชิดหน้าชูตาได้
ถ้าเทียบทีมใหญ่หลาย ๆ ทีม เราย่อมสู้พวกเขาไม่ไหว แต่…”
“แต่ตอนนั้นเขากลับพูดกับฉันแล้วก็อวิ๋นหู่ว่า ฉันจะพาพวกนายเข้า
ไปแข่งรอบชิงชนะเลิศของการแข่งระดับประเทศเอง” หลินเฟิงพูด
ต่อจากเฟิงอี้ บางส่วนของหัวใจร้อนผ่าวขึ้นมา
เฟิงอี้ยิ้มบอก “เท่ใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นสัญญากับฉันหรือพวกนาย เขา
ก็ทำได้แล้ว”
หลินเฟิงหลุบตาเล็กน้อย “ใช่ ทำได้แล้ว”
“ฉันถึงไม่ห้ามที่นายจะลาออกจากวงการ แม้เป็นนักธุรกิจ ฉันย่อม
ไม่อยากให้ทีมไดมอนด์ต้องมาเสียนักเล่นประเภทคู่มือทองในช่วง
เวลาที่ทำเงินได้สูงสุด แต่ถ้ายืนเหนือความรู้สึกนั้น การได้รับความ
ชอบจากหลาย ๆ คนก็ต้องมีเสียงทางลบเกิดขึ้นบ้าง เช่นนายห้ามแพ้
ห้ามเล่นห่วย ไม่งั้นจะมีการคาดเดาบ้าบอออกมา ชีวิตส่วนตัวนายจะ
ถูกขุดค้น กลายเป็นหัวข้อสาธารณะที่ใคร ๆ ก็วิจารณ์ได้ ยุคของการ
เป็นดาราดังในวงการจะมาถึงแล้วเหมือนอย่างที่นายพูดไว้นั่นแหละ
คนในทีมเราก็เหนื่อยแล้ว ต้องพักผ่อนสักหน่อย…”

ตอนที่ 2025-1
ป๋อจิ่วถามว่าเล่น 1 ต่อ 3 ได้ไหม
ผู้หญิงคนนั้นอึ้งไป มุมปากยิ้มค้าง แต่ไม่คิดจะยอมแพ้ เธอกำมือแน่น
“จะเหมาะสมหรือเปล่าก็ต้องคบกันก่อนถึงจะรู้ ฉันชอบคุณมาตั้งนาน
ดูทุกนัดที่คุณแข่งเลยนะคะ”
“ในเมื่อคุณดูผมแข่งทุกนัดก็น่าจะรู้ว่าคนที่ผมชอบเป็นใคร” หลินเฟิง
พูดแบบนี้เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายดูการแข่งของเขามาตลอด ย่อมต้องรู้เรื่อง
มาบ้าง ยังไงก็มีคนชอบจับคู่จิ้นเขากับอวิ๋นหู่อยู่ในโลกออนไลน์ไม่
ขาดสาย
สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย “อย่าบอกนะว่าที่เขาพูดกัน
ในโซเชียลจะเป็นเรื่องจริง คุณกับเทพอวิ๋นเป็นแค่…เพื่อนรักกัน
ไม่ใช่เหรอ?”
“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้เป็นคนรักแล้ว” แววตาของหลินเฟิง
เปลี่ยนไป กระทั่งสีหน้ายังดูจริงจังกว่าเดิม “หวังว่าคุณจะช่วยปิด
เรื่องนี้เป็นความลับ ส่วนเรื่องอื่นผมคงตอบรับคุณหนูเหลียงไม่ได้
แต่ขอขอบคุณมากที่ชอบผมมาโดยตลอด”
ฟึบ!
หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนจากโต๊ะเหมือนควบคุมตัวเองไม่อยู่ “ไม่ต้อง
มาขอบคุณฉัน เพราะต่อไปฉันจะไม่ชอบนายอีกแล้ว ไม่คิดเลยว่า
นายจะชอบผู้ชายจริง ๆ พวกนายมันอะไรกัน หลอกลวงความรัก
ของพวกเรางั้นเหรอ?”
หลินเฟิงรู้สึกว่าใช้วิธีผิด เขาคงประเมินพลาดไปจริง ๆ “คุณหนูเหลี
ยง คุณดูจะเข้าใจผิดนะ”
“ช่างเถอะ ถือว่าฉันเข้าใจผิดเอง” หญิงสาวคว้ากระเป๋ าเดินออกไป
ความชอบในอดีตกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับเธอในเวลานี้ ในเมื่อ
ชอบผู้ชายด้วยกัน อย่างนั้นเมื่อก่อนตอนที่แฟนคลับถามเขา ทำไม
ถึงไม่ยอมรับล่ะ
แถมยังหวังจะให้เธอเก็บเป็นความลับให้ด้วย
เขาคงกลัวล่ะสิว่าถ้าทุกคนรู้เรื่องเข้า ภาพลักษณ์ที่สร้างไว้จะพังทลาย
หญิงสาวโมโหเหลือเกิน จึงโทรไปนินทากับเพื่อนสนิทของตัวเอง
ตอนหลินเฟิงพูดออกไป เขาไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ในเวลาต่อมา
เขาไม่หวังว่าใครจะมาเข้าใจ
แต่อย่างไรเขาก็ใสซื่อเกินไป เอาแต่มุ่งมั่นเล่นเกมจนรู้เท่าไม่ทันคน
ถึงได้ไม่รู้ว่าตัวเองมีสถานะทางสังคมอย่างไร อีกทั้งด้วยสถานะของ
ฝ่ายตรงข้าม ทำให้เขาคิดว่าพูดตรง ๆ ออกไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
เธอย่อมมีดุลพินิจอยู่แล้ว
ทว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
กว่าจะรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นก็เป็นตอนที่อวิ๋นหู่มารับพอดี
ตอนนั้นหลินเฟิงยังคงไม่มีกระจิตกระใจ แต่ไม่ได้แสดงออกไปต่อ
หน้าอวิ๋นหู่ คิดว่าต่อไปคงได้เจอกับเรื่องแบบนี้บ่อยแน่
ทว่าผลของเรื่องนี้กลับเลวร้ายเกินกว่าที่เขาจะคาดถึง
ข่าวฮือฮาถูกเปิดเผยในโลกออนไลน์
‘เกมเมอร์ชื่อดังคนหนึ่งเป็นเกย์แท้ ๆ ยังมานัดดูตัวอีก จงใจหลอกลวง
ชัด ๆ ’
หัวข้อนี้ปรากฏออกมา ย่อมเรียกความสนใจจากผู้คน
จากนั้นก็มีคอมเมนต์ตาม ๆ กันมา “ใคร ใครเหรอ?”
“ไม่กล้าพูดหรอก ฉันกลัวแฟนคลับเขาจะฉีกอก งั้นขอแอบใบ้ให้
นะ ทุกคนลองเดาดูกันได้ เมื่อก่อนก็ฝีมือธรรมดานี่แหละ ไม่รู้ไปทำ
อีท่าไหนถึงได้ชื่อว่าเป็นเทพ คงเพราะอาศัยการจับคู่จิ้น ชอบแข่ง
ประเภทคู่ แถมยังเป็นแชมป์ ของปีนี้ด้วย”
ตอนที่ 2025-2
ป๋อจิ่วถามว่าเล่น 1 ต่อ 3 ได้ไหม
“เฮ้ย เป็นไปไม่ได้”
“เฟิง? อวิ๋น?”
“เป็นหลินเฟิงหรืออวิ๋นหู่ล่ะ?”
“เทพอวิ๋นของฉันเก่งมาตลอดโอเคปะ”
“งั้นก็หลินเฟิง?”
“ฟังแล้วเหมือนใช่”
“ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเทพหลินของฉันไม่น่าทำเรื่องแบบนี้หรอก”
“งั้นไปถามเทพหลินของเธอดิว่าเป็นเกย์หรือเปล่า ตลกเป็นบ้า”
“อันที่จริงฉันก็อยากจะแฉหลินเฟิงมานานแล้ว รู้มาว่าเขาเคยก่อเรื่อง
แบบนี้มาก่อน แบบนัดแฟนคลับอะไรทำนองนี้”
“ไม่น่าเลย ฉันคิดว่าทีมไดมอนด์ดีมาตลอดนะเนี่ย”
“ทีมไดมอนด์น่ะดี แต่ตั้งแต่รู้ว่าพวกเขาชอบเน้นเรื่องหน้าตา ฉันก็
ชอบคนคนนี้ไม่ลง การแข่งเขาดูกันที่ฝีมือไม่ใช่หน้าตาไหมล่ะ?”
“เทพหลินของฉันแค่พูดเล่น พวกนายแยกแยะเรื่องให้ถูกด้วย”
“ได้ งั้นก็ถามเขาสิว่าเป็นเกย์หรือเปล่า”
เรื่องดังกล่าวย่อมต้องกระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว
กระทั่งนักข่าวมากมายยังมารวมตัวกันที่ใต้ตึกของบริษัทฉินกรุ๊ป
พวกเด็กฝึกที่ไม่ชอบใจกติกาการคัดเลือกรีบคว้าโอกาสทันที ไม่ว่า
ใครถาม พวกเขาก็แสดงความไม่ชอบใจออกมาเต็มที่ “พวกเราทุก
คนหวังว่าจะได้เข้าทีมที่ดีที่สุดของประเทศ แต่ทีมนี้เวลาอยู่ต่อหน้า
คนอื่นทำตัวแบบหนึ่ง ลับหลังทำอีกแบบ เวลาคัดเลือกคนก็ดูหน้าตา
ไม่ดูฝีมือ ใครให้คนหน้าตาดีเรียกแฟนคลับได้มากมายล่ะ”
“นั่นยังพอว่า แต่ตอนนี้คืออะไร ทีมนี้ไม่มีความเป็นมืออาชีพสักนิด
อาศัยเส้นสายกันหมด ยังมีหน้ามาบอกว่าให้โอกาสทุกคนเท่าเทียม
กัน คิดว่าพวกเราไม่รู้หรือไงว่าก่อนหน้านี้พี่หลินไม่ได้เก่งอะไร
หรอก อาศัยใบบุญเทพอวิ๋นเข้ามาต่างหาก”
“พวกเรารู้สึกยังไงเหรอ? ผิดหวัง ผิดหวังเอามาก ๆ”
“ตอนนี้หลินเฟิงรู้สึกยังไง พวกเธอรู้ไหม?”
“ไม่รู้ เขาไม่ได้มาที่คลับ คงเพราะกำลังหาวิธีรับหน้ากับคนในสังคม
ยังไง”
อันที่จริงพวกเขาคิดผิด เรื่องรับหน้าคนในสังคมไม่ใช่เรื่องที่สมาชิก
ทีมต้องทำ เป็นหน้าที่ของเฟิงอี้ต่างหาก ใช่ว่าหลินเฟิงไม่อยากพูด
เรื่องนี้ให้เห็นดำเห็นแดงไปเลย
แต่เฟิงอี้กลับบอกแค่ว่า “พูดไม่รู้เรื่องหรอก”
บรรยากาศภายในบริษัทเปลี่ยนไป มั่วเป่ ยที่กินหมั่นโถวทุกวันยังรู้สึก
ได้ แต่เหมือนจะไม่กระทบต่อการฝึกซ้อมของเธอ คนที่เฝ้าอยู่ใต้ตึก
ก็มาสัมภาษณ์เธอเหมือนกัน
ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่า เด็กผมสั้นที่มาอยู่ในคลับจะเป็น Bey ที่มี
พรสวรรค์ด้านเกมจนได้รับความชื่นชมถ้วนหน้า ดังนั้นผู้สัมภาษณ์
จึงไม่เปิดกล้อง เอาแต่ถามว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับรุ่น
พี่
คนเหล่านั้นคงไม่รู้จักนิสัยของเธอ
มั่วเป่ ยมองอีกฝ่าย สะพายคีย์บอร์ดของตัวเองไว้ ใบหน้าเย็นชา ไม่
พูดอะไรออกมา
ใช่ ไม่ได้พูดสักคำ ดังนั้นถึงเป็นโอกาสให้คนพวกนั้นได้พูด
ตอนที่มั่วเป่ ยได้ยิน เธอชักขาที่จะก้าวขึ้นข้างบนกลับมา กำลังจะ
ตรงไปพูดบ้าง แต่กลับถูกคนที่อยู่หัวมุมดึงตัวไว้
ท่ามกลางแสงยามพลบค่ำ ยังพอจะเห็นเส้นผมสีเงินของคนคนนั้น
ได้ รวมถึงแนวคางได้รูป ใบหน้าเท่เอาการ เธอคนนั้นค้อมตัวลง วาง
นิ้วมือที่เรียวปากบาง ทำท่า ‘จุ๊ ๆ’
เธอก็คือเทพ Z นั่นเอง บุคลิกเท่สุด ๆ
มั่วเป่ ยไม่เข้าใจ เดินตามป๋ อจิ่วไปอย่างเงียบ ๆ ได้ช่วงหนึ่ง ก่อนจะ
หยุดเดินอีก
ป๋ อจิ่วหันมาดู มุมปากหยักยิ้ม “อยากจะไปพูดอะไรสักอย่างใช่ไหม?”
มั่วเป่ยตอบรับว่าใช่
“ไม่มีประโยชน์” ป๋ อจิ่วซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป๋ ากางเกง นัยน์ตาดำ
สนิท “มั่วเป่ ยยังเด็กมาก พี่หลินเฟิงของเธอเข้าใจว่าความชอบของ
คนอื่นคือความชอบอย่างบริสุทธ์ิใจ ปัญหาพวกนี้เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็
ต้องเจอ เพราะงั้นอย่าได้กลายเป็นความศรัทธาของคนหมู่มาก เพราะ
มันจะเหนื่อยมากเลย อีกไม่นานเขาจะได้เป็นตัวของตัวเองสักที ส่วน
เรื่องอื่นที่บอกว่าทีมไดมอนด์รับคนที่หน้าตาหรือฝีมือ คงต้องให้เธอ
ต้องพิสูจน์เอา สู้ 1 ต่อ 3 ไหวไหม? ถ้าไม่ไหว ฉันจะสอนให้”
ตอนที่ 2026-1
ป๋อจิ่ว ฉินมั่ว
ด้วยเหตุนี้ คืนนั้นมั่วเป่ ยจึงถูกป๋ อจิ่วพากลับบ้านตระกูลฉิน
ฉินมั่วเห็นเด็กคนนี้เดินตามหลังคนบางคนเข้ามา มือที่แก้กระดุม
แขนเสื้อก็หยุดกึกอย่างไม่เด่นชัด
ฝ่ายน้าจางก็ยินดีเอามากมาย “หนุ่มน้อยน่ารักจากบ้านไหนคะเนี่ย
หล่อจังเลย”
มั่วเป่ ยยังคงสะพายคีย์บอร์ด red switch ของตัวเอง ใบหูแดงทันทีที่
ได้ยินคำทักทายของแม่บ้าน
ป๋ อจิ่วจึงวางมือข้างหนึ่งไว้บนไหล่เล็ก หัวเราะอย่างเริงร่า “ฮ่า ๆ น้า
จาง เป๋ ยเป่ ยเป็นเด็กผู้หญิง”
“เป็นสาวน้อยเหรอ?” น้าจางมองแม่หนูอีกรอบ “ลองดูอีกทีก็รู้สึกว่า
น่ารักกว่าพวกทโมนจริง ๆ นะคะ”
“ใช่ไหมล่ะ เป๋ยเป่ยเป็นเด็กว่าง่ายจะตาย แค่หน้านิ่งเหมือนพี่มั่วตอน
เป็นเด็ก เห็นแล้วอยากหยิกแก้ม”
แม่หนูหันหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น และเห็นไอดอลของตนยิ้มอย่าง
สดใสและอบอุ่น
เธออยากมองนานกว่านี้ แต่ก็เห็นหัวหน้าเดินมาหาเสียก่อน ถึงเขาจะ
สวมชุดสบาย ๆ แต่รัศมีกลับเจิดจ้ามาก
มั่วเป่ ยโค้งคำนับ เรียกขานว่า “หัวหน้า”
ฉินมั่วส่งเสียงรับรู้ ไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาสื่อความหมายบางอย่าง
ประมาณว่าอย่ามองคนที่ไม่ควรจะมอง
มั่วเป่ ยรับรู้สายตาดังกล่าว ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์ได้อยู่ แต่กลับคิด
ในใจว่าพวกพี่ ๆ พูดไว้ไม่ผิดว่าหัวหน้าหวงเทพ Z มากแบบออก
หน้าออกตา
“ไปกันเถอะ เป่ ย ให้ฉันดูวิธีเล่นเกมของเธอสักหน่อย” ป๋ อจิ่วยังคง
ยิ้มเรื่อยเฉื่อยเหมือนเดิม
มั่วเป่ ยพยักหน้า เดินตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างว่าง่าย
ดวงตาลุ่มลึกของฉินมั่วหรี่ลงเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ขายาว ๆ
เดินตามไป
ตอนแรกป๋ อจิ่วคิดจะสอนเด็กคนนี้ตามลำพัง ไม่เข้าใจว่าท่านเทพ
ตามขึ้นมาทำไม แถมนั่งไขว่ห้าง วางนิตยสารไว้บนตักอยู่ตรงข้าม
กับพวกตน
เธอเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่สนใจอะไร นั่งข้างตัวมั่วเป่ ย
และมองดูเด็กน้อยเข้าสู่หน้าเกม
เวลาที่คนตัวเล็กกับตัวโตทำอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นต้องลืมสิ่งรอบ
ข้าง โดยเฉพาะตอนที่มั่วเป่ยที่เข้าใจในสิ่งที่ป๋อจิ่วสอน เธอเดิน
ตำแหน่งแบบวกมาสู้กลับ ใช้สกิลรองโจมตีระยะประชิด สามารถ
ฆ่ากลับได้ทั้งที่เหลือเลือดเพียงน้อยนิด
ป๋อจิ่วยื่นมือมาลูบหัวเธอ “ฉลาดจัง มา เป๋ยเป่ย ฉลองสักนิด ยิ้ม
หน่อย”
มั่วเป่ ยยังไม่ทันได้ขยับ ก็มีคนนั่งไม่ติดที่ ซึ่งก็คือท่านเทพนั่นเอง
เขาคว้าข้อมือของคนบางคนเอาไว้ “ได้เวลากินข้าวแล้ว น้าจาง
เตรียมของกินให้เยอะแยะเลย”
ป๋ อจิ่วได้ยินคำว่ากิน นัยน์ตาดำขลับสว่างวาบทันที หันหน้าไปมอง
นาฬิกาบนผนัง บิดขี้เกียจ เส้นผมสั้นเซอร์ขยับเบา ๆ “ค่ำมืดขนาดนี้
แล้วเหรอ ควรจะกินข้าวได้สักที”
มั่วเป่ ยได้ยินแล้วลุกขึ้นมา กะว่าจะกลับไป
ป๋ อจิ่วกลับกดร่างอีกฝ่ายไว้บนเก้าอี้ไม้ “วันนี้จะได้ให้เธอกินบำรุง
ร่างกายด้วย เอาแต่กินหมั่นโถวไม่สูงหรอกนะ แล้วน้าจางทำของกิน
อร่อยมากด้วย”
มั่วเป่ ยปฏิเสธน้ำใจของไอดอลไม่ลง หัวหน้าเองก็ไม่ว่าอะไร
ฉินมั่วไม่สนใจอะไรกับเรื่องของกิน เขาไม่ว่าอะไรถ้าคนบางคนเป็น
ห่วงเรื่องความสูงของเจ้าหนูนั่นเกินไป เพราะการดูแลเด็กย่อมต้อง
ระวังถึงศักด์ิศรีของอีกฝ่ายด้วย
ดังนั้นมั่วเป่ ยจึงได้เห็นเทพ Z ถูกหัวหน้าพาตัวไปล้างมือ
กระทั่งตอนกินข้าว หัวหน้าก็เป็นคนคีบปีกไก่ใส่ถ้วยของเทพ Z

ตอนที่ 2023
ฉันรักนาย
“ไม่งั้นพี่หลินเฟิงก็ให้ฉันรู้ซึ้งตอนนี้เลยสิ?” อวิ๋นหู่ว่าพลางหลุบตา
ลง
หลินเฟิงถึงเพิ่งรู้ตัวว่าขาของตัวเองถูกยกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ร่าง
เขาเอนไปด้านหลัง ถูกดันเข้าไปข้างในตู้เสื้อผ้าทั้งอย่างนั้น
เสื้อผ้าหลุดร่วงจากไม้แขวนเสื้อจนเกิดเสียงดัง คงเพราะที่ลับตายิ่ง
ทำให้ฝ่ายรุกลงมือได้ง่าย หลินเฟิงไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกจูบชิงลม
หายใจไป
ครั้งนี้หนักหน่วงกว่าครั้งที่แล้วมา เหมือนถูกกลืนลงท้องอีกฝ่ายไป
ทั้งตัว กระทั่งลมหายใจยังร้อนระอุ
ว่ากันว่าผู้ชายชอบใช้ร่างกายคิดแทน
ประโยคนี้เมื่อก่อนหลินเฟิงไม่เชื่อสักเท่าไร แต่ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว
เพราะบางครั้งเขาก็ไร้สติ พอตรงนั้นทั้งเร่าร้อนทั้งตื่นตัว ก็อยากจะ
ให้อีกฝ่ายช่วยปลดปล่อย
แถมอวิ๋นหู่ยังจงใจให้เขาเป็นแบบนี้อีก ตอนเจ้าตัวยิ้มมุมปากดูโหด
หน้านิ่งมาก “แค่เจอหน้ากัน ห้ามเกินหนึ่งชั่วโมง เสร็จเรื่องแล้วก็
โทรหาฉัน ฉันจะรอนายอยู่แถวนั้น ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นสวยแค่ไหน
ก็ห้ามชอบ พอจบเรื่องก็ลบแอคเคาท์เธอทิ้งทันที”
“อวิ๋นหู่ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ นี่มันใช่เวลาไหม?” หลินเฟิงร้อนผ่าวไปทั้งตัว
จนต้องการแต่จะปลดปล่อย แต่คนที่กำเขาไว้ในอุ้งมือกลับหยุดทุก
การกระทำ
อวิ๋นหู่รั้งมือของที่จะจัดการตัวเองของเขาไว้ เอ่ยเสียงเรียบว่า “นาย
รับปากก่อน แล้วฉันจะปรนนิบัตินาย นายน่าจะรู้นะว่าถ้าฉันช่วย
นายจะรู้สึกกว่าเยอะเลย”
“แม่ง!” หลินเฟิงแทบคลั่ง ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มแดงขึ้นมา ลมหายใจ
ก็ร้อนผ่าว “ฉันรับปากว่าแค่เจอหน้ากันเท่านั้น พอกลับมาก็จะลบ
แอคเคาท์ของเขาทันที”
อวิ๋นหู่กอดร่างที่เหมือนคว้าขึ้นมาจากน้ำไว้แน่น จากนั้นออกแรงที่
มือ พลางหลุบตาจูบซอกคอของอีกฝ่าย
เขาต้องเป็นคนเดียวที่ได้เห็นหลินเฟิงในสภาพนี้เท่านั้น สภาพที่
หล่อเหลาตอนเผยความต้องการแบบนี้
ต้องเป็นเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็น
เขายอมไม่ได้หรอกที่คนอื่นจะมาเห็น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง
นัยน์ตาอวิ๋นหู่เคร่งขรึม คล้ายกับกำลังพูดอะไรข้างหูหลินเฟิง
เห็นเพียงฝ่ายหลังตาโต จากนั้นเหมือนจะอ่อนแรงแล้วเอนหลังในตู้
เสื้อผ้า ความร้อนที่ตกค้างอยู่ในร่างกายยังไม่ลดทอนลง แต่กลับรับรู้
ถึงลมหายใจและสิ่งที่อีกฝ่ายกระซิบข้างหูเมื่อครู่อย่างชัดเจน
“ฉันรักนาย หลินเฟิง ฉันรักนาย”
เชื่อเขาเลยจริง ๆ
หลินเฟิงยกมือขึ้นกดเส้นผมบนหน้าผาก
มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเขาไม่พูดอะไรก็คงแย่มาก “ฉันก็เหมือนกัน”
อวิ๋นหู่ที่กำลังจูบไหล่ซ้ายของเขาถึงกับชะงัก แววตาสั่นไหวก่อนจะ
แปรเปลี่ยนไปหนักอึ้ง ขาข้างที่งอครึ่งหนึ่งของหลินเฟิงก็แข็งทื่อ
เพราะถูก ‘บางสิ่ง’ ดุนดันอย่างรู้สึกได้ชัดเจน
“เฮ้ย กลางวันแสก ๆ นาย…”
อวิ๋นหู่กดร่างอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้ขยับ เอ่ยข้างหูว่า “นายจงใจนี่ รู้ว่า
เวลามันไม่เหมาะสม ยังจะมาอ่อยฉันอีก”
“ฉันแค่ตอบรับนายเท่านั้น” หลินเฟิงพูดขึ้นบ้าง “ใครจะไปรู้ว่านาย
ไปกินยาโด๊ปที่ไหนมา”
เสียงของอวิ๋นหู่แหบเครือขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังอดกลั้นอะไรเอาไว้
“เรื่องอยากได้ตัวนาย ไม่ต้องไปกินยาโด๊ปหรอก จะบอกนายเรื่องหนึ่ง
ฉันเคยคิดว่าถ้านายไม่ยอมจะทำยังไงดี อาจจะรออีกสักห้าปี หลังจาก
นั้นตระกูลหลินคงต้องขอแรงสนับสนุนด้านเงินจากตระกูลอวิ๋น ถึง
เวลานั้นฉันจะเสนอเงื่อนไขให้นายเอาตัวเข้าแลก แล้วฉันอยากทำ
อะไรกับตัวนายก็ได้ทั้งนั้น…”
ตอนที่ 2024
ฉันให้นายปลํ้าคืนก็ได้
“โอ้โห!” หลินเฟิงร้องแทรกกลางคำพูดของอวิ๋นหู่ หลังจากกลับมา
เหมือนเดิม ก็กระชากคอเสื้ออีกฝ่าย “ลองทำแบบนั้นสิ นายเละแน่”
อวิ๋นหู่หัวเราะเบา ๆ “ก็ยังรอไม่ครบห้าปีเลยนี่”
หลินเฟิงอยากพูดอีก แต่อวิ๋นหู่กลับเอียงหน้าจูบเรียวปากเขาอีกครั้ง
“ตอนนี้อยากทำอะไรก็ทำได้ เพราะท่านี้กำลังดีเลย”
ความร้อนเร่าบนตัวจางไปจากตัวหลินเฟิงแล้ว “ดีบ้าอะไรล่ะ ฉันยัง
ไม่ได้ปล้ำนายคืนเลย”
“จะเอาคืนตอนนี้เลยไหมล่ะ?” อวิ๋นหู่เพิ่งจะยื่นมือ ก็ได้ยินเสียงเคาะ
ประตูจากด้านนอกดังขึ้นก่อน จากนั้นประตูถูกผลักเข้ามา
หลินเฟิงตัวแข็งทื่อไปเลย ส่วนอวิ๋นหู่ตั้งสติได้เร็ว รีบปิดตู้เสื้อผ้าทัน
ควัน ก่อนจะหันหน้าไป
คุณแม่หลินนั่นเอง แต่เธอยังไม่ได้เข้ามา แค่เอ่ยขึ้นหลังจากเปิด
ประตูห้อง “ลงมากินข้าวกันเถอะ หลินเฟิงล่ะ? ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”
อวิ๋นหู่เอาตัวบังเอาไว้ ยิ้ม ๆ มุมปาก “อยู่ในห้องน้ำครับ”
คุณแม่หลินพยักหน้า พูดต่อว่า “น้าทำบะหมี่ใส่ไข่ที่พวกลูกชอบ
ไว้น่ะ”
อวิ๋นหู่เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง “ผมขอล้างหน้าล้างตาหน่อยนะครับ
แล้วจะรีบลงไป”
คุณแม่หลินตอบเพียงว่า “โอเคจ้ะ” จากนั้นก็เดินลงไปอย่างอารมณ์ดี
ในฐานะที่เป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง พอทำงานเสร็จกลับถึงบ้าน เธอไม่
ค่อยทำกับข้าว แต่ด้วยเด็ก ๆ อยู่พร้อมหน้ากัน จึงยินดีลงมือทำกับข้าว
ด้วยตัวเอง
อวิ๋นหู่ไปล้างมือจริง ๆ แต่พอล้างเสร็จก็พูดกับหลินเฟิงที่ทำหน้าเซ็ง ๆ
อยู่ด้านหลังตัวเอง “มือฉันเปื้อนของของนายหมดเลย”
หลินเฟิงรู้สึกว่าอีกฝ่ายกวนประสาทจริง ๆ ตอนแปรงฟันยังคิดเลย
ว่าต้องกดมันคืนให้ได้
จากนั้นทั้งสองก็ออกจากบ้านไปพร้อมกัน
คุณแม่หลินให้อวิ๋นหู่มาหาบ่อย ๆ เวลาว่าง
อวิ๋นหู่นั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ หันไปมอง “ต่อไปคงต้องมารบกวน
แม่บุญธรรมบ่อย ๆ แล้วล่ะครับ”
“รบกวนอะไรกัน” คุณแม่หลินว่า “บ้านตัวเองแท้ ๆ”
หลินเฟิงรัดเข็มขัดนิรภัย แทรกกลางคันว่า “อื้อ นายนี่เป็นลูกแท้ ๆ
ส่วนฉันถูกเก็บมาเลี้ยง”
คุณแม่หลินหัวเราะร่วน ไม่ลืมสำทับลูกชาย “วันนี้ตอนเจอหน้ากันก็
คุยดี ๆ นะ อย่าพูดจาเหลวไหล เอาอย่างหู่บ้าง รู้ไหม”
“ครับ” หลินเฟิงเงยหน้า คิดดูแล้วก็ไม่ได้บอกว่า ‘จบไม่สวยแน่ครับ
แม่’
ทำแค่สตาร์ทรถและพูดน้อยตลอดทาง
ตอนลงรถ อวิ๋นหู่กดมือขวาของเขาไว้ “ฉันเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วจะ
มารับนาย”
“รู้แล้ว นายรีบเข้าบ้านไปเถอะ” หลินเฟิงรับรู้ได้ถึงจิตใจที่ไม่สงบ
สุขของอีกฝ่าย บางครั้งเขาก็คิดว่าคนที่ทำให้จิตใจของอวิ๋นหู่ไม่สงบ
จะต้องวิเศษมากแน่ ๆ
สถานที่นัดเจอกันเป็นร้านกาแฟหรูแห่งหนึ่ง
หลินเฟิงไม่ได้ไปสาย แต่มาถึงก่อนล่วงหน้า เขาสั่งเครื่องดื่มมาสอง
แก้วทั้งยังจ่ายเงินให้ล่วงหน้าด้วย
เหมือนอย่างที่อวิ๋นหู่พูดไว้ เขาในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีสูททับดูโดดเด่น
มาก โดยเฉพาะเมื่อคอเสื้อถูกดึงให้เปิ ดอ้า ยกข้อมือมาดูเวลา ยิ่งดู
หล่อเท่มาก
ทำให้ผู้หญิงที่เพิ่งมาถึงหน้าแดงเลยทีเดียว
เธอสูดหายใจลึกก่อนจะเอ่ยทัก “เทพหลิน”
หลินเฟิงหันกลับไปดู จึงเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนยิ้มให้ “คุณหนูเหลียง
ใช่ไหมครับ? นั่งคุยกันก่อนสิครับ?”
หญิงสาวตื่นเต้นดีใจเหลือเกิน เพราะครั้งนี้เธอไม่เพียงจะได้ใกล้ชิด
ไอดอลชาย แต่ยังมีโอกาสได้พัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นแฟน
กันด้วย
เธออุตส่าห์เตรียมตัวมานาน ให้คุณปู่ไปช่วยพูดให้ เพื่อที่จะได้มีวันนี้
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนั้นจะพูดขึ้นในทันทีที่เจอกัน
“คุณหนูเหลียง เราสองคนไม่เหมาะสมกัน”

ตอนที่ 2021
อ่อยเฉยเลย
การอ่อยที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้หลินเฟิงไอออกมา “เรื่องฉันหล่อ
นายไม่ต้องพูดหรอก”
อวิ๋นหู่หัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรอีก ทว่าสายตายังคงจับจ้องอีกฝ่าย
หลินเฟิงหันหน้าไป หลังใบหูยังแดงอยู่ “พรุ่งนี้พอเจอกันแล้ว ฉันจะ
บอกจิ้งจอกเฟิงเรื่องที่ลาออกในช่วงสองวันนี้ ต่อไปคงได้แต่บริหาร
บริษัทแล้วก็นั่งเรียน ไม่มีเวลาไปที่ทีมอีกแล้ว แต่ก็แฮปปี้ดีนะ อย่าง
น้อยก็ยังได้อยู่จนถึงรับเด็กใหม่เข้ามา ตอนฉันเห็นมั่วเป่ ยก็นึกถึงลั่ว
ลั่วกับเจ้าแบล็กเมื่อครั้งแรก ๆ เลย รวมถึงหัวหน้าด้วย เรื่องพรสวรรค์
นี่มีอยู่จริง ๆ ทีมไดมอนด์คงไม่สลายกันหรอก ใช่ไหม?” ตอนที่พูด
หลินเฟิงก้มหน้าเล็กน้อย เส้นผมสีดำปรกลงมาบดบังนัยน์ตาของเจ้า
ตัว
ทุกคนล้วนไม่ชอบคำว่าออกจากวงการ หากเป็นไปได้ก็อยากเล่นอีก
สักนัด แม้เสียงเย้ยหยันจะมีมาก แถมยังต้องเจอความกดดันมหาศาล
ในแต่ละการแข่ง แต่หลายปีที่ผ่านมาพวกเขากลับคุ้นเสียแล้ว
ทั้งนี้มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่เป็นเพื่อนเราเสมอมา ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
จนเราโต ตั้งแต่เรายังไร้เดียงสาจนเติบโตจนกลายเป็นลูกผู้ชาย ถ้า
เป็นไปได้ก็หวังว่าจะไม่แยกจากกัน
อวิ๋นหู่ส่งเสียงรับรู้ พูดขึ้นราวกับจะพูดให้ตัวเองฟัง “ไม่สลายหรอก”
เขารู้ดีว่าที่หลินเฟิงทำแบบนี้ เพราะระหว่างอีสปอร์ตกับเขา หลินเฟิง
เลือกเขา ยอมทิ้งเวลาที่ยังแข่งได้อีกปีครึ่ง มาแบกรับความรับผิดชอบ
ต่อหลินกรุ๊ป เพื่อชดใช้หนี้ที่พวกเขาคบกัน
อวิ๋นหู่ทำให้ความรู้สึกผิดของหลินเฟิงหายไปไม่ได้ การพักด้วยกัน
ในวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้หลินเฟิงจะหัวใจเต้นแรง แต่สบายใจ
มากกว่าเมื่อมีคนอยู่เป็นเพื่อน พวกเขานอนเตียงเดียวกัน พิงศีรษะ
กัน เหมือนเมื่อก่อนที่ทำการบ้านและฝึกด้วยกัน ตอนนั้นพวกเขายัง
เป็นเด็กฝึกของทีมไดมอนด์ คิดแค่ว่าจะได้แข่งเร็ว ๆ ตอนนี้ทุกอย่าง
ก็สมหวังหมดแล้ว
วันต่อมา หลินเฟิงได้รับข้อความจากแบล็กพีชว่า “นายเดาซิว่าฉันจะ
เชื่อนายไหม หลินสุดสวย”
หลินเฟิงก้มหน้า ถ่ายภาพอวิ๋นหู่อย่างเท่ ก่อนจะส่งข้อความต่อ “ตอนนี้
เขายังอยู่บนเตียงฉัน แต่ฉันตื่นแล้ว เรื่องอื่นฉันคงไม่พูดล่ะนะ นาย
น่าจะเข้าใจ”
เมื่อส่งเสร็จก็หยิบชุดสูทออกมา เขากะจะไปกินข้าวกับฝ่ายหญิงแล้ว
ไปประชุมในตำแหน่งผู้จัดการตัวเล็ก ๆ ที่บริษัท กลับคิดไม่ถึงว่าใน
ระหว่างที่ถอดเสื้อยืดออกมา คนด้านหลังจะลืมตาขึ้น นัยน์ตาคู่ดำ
ลุ่มลึกมาก
“ตื่นเช้าจัง?” คงเพราะเพิ่งตื่น เสียงของอวิ๋นหู่จึงแหบพร่า
หลินเฟิงลังเล ไม่รู้ว่าทำไม ใช่ว่าเมื่อก่อนจะไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อ
หน้าเจ้านี่สักหน่อย แต่เวลานี้กลับเขินอายเหมือนมีคนจ้องอยู่ด้านหลัง
จนมีไฟลุกท่วมตัว กระทั่งหน้ายังร้อนฉ่า ช่างเถอะ! จะไปสนเขาทำไม
หลินเฟิงจัดแจงเสื้อผ้าก่อนจะถอดออกจากศีรษะ เมื่อโผล่หน้าอีกที
เสื้อยืดยังค้างที่ท่อนแขน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาใกล้เขาแล้ว แม้
พอจะรับรู้ได้แต่ยังไม่ทันได้หันไปมอง แผ่นหลังที่ก้มโค้งพลันถูก
ความนุ่มร้อนบางอย่างแนบชิด
ตอนที่ 2022
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ
จูบนั้นเหมือนสายลมเย็นสบายที่พัดผ่านเข้ามา
แต่กลับทำให้ไหล่ของหลินเฟิงสั่นสะท้าน มือไม้อ่อนแรง ลำคอแดง
เรื่อ “เฮ้ย นายทำอะไร?”
“จูบนาย” แม้อีกฝ่ายจะโมโห ทว่าอวิ๋นหู่ไม่หยุดการกระทำ ทั้งยัง
เลื่อนเรียวปากขึ้นไปยังหลังหูของอีกฝ่าย
หลินเฟิงไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดี เอวเขาถูกคลำสำรวจแถมกำลังจะ
โดนจูบอีก
เล่นแบบนี้ใครจะทนไหว
เขาโดนจูบจนแทบจะมีปฏิกิริยาแล้ว
อวิ๋นหู่ก็รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคนบางคนเช่นกัน เขาหัวเราะเบา ๆ
เสียงแผ่วต่ำเล็กน้อย จากนั้นก็รุกคืบ
หลินเฟิงรีบผลักอีกฝ่าย ก่อนจะถอดเสื้อยืดโยนทิ้งไว้ด้านข้าง “อย่า
หื่นตอนกลางวันแสก ๆ สิ”
“หื่น?” อวิ๋นหู่มองอีกคนด้วยแววตาลึกซึ้ง “หลินจอมรุกจะกดฉันคืน
ในอีกสองวันข้างหน้านี่ เจอจูบแบบนี้คงไม่เป็นปัญหามั้ง”
คำเรียกว่า ‘หลินจอมรุก’ ทำให้หลินเฟิงปลื้มปริ่มมาก คลุมเสื้อยืดสี
ขาวลงบนตัวอย่างมั่นใจ “ไม่มีปัญหาแน่นอน”
“ในเมื่อไม่มีปัญหา ทำไมไม่จูบเพิ่มล่ะ” ว่าแล้วอวิ๋นหู่ก็ใช้มือขวาค้ำ
ตู้เสื้อผ้าข้างเขา ก้มหน้าหลุบตาประกบเรียวปากของหลินเฟิงแน่น
ที่ตรงนี้เหมาะจะทำเรื่องลับ ๆ อยู่แล้ว
ด้วยเสียงหายใจที่ได้ยินชัด แถมยังดังขึ้นเรื่อย ๆ อีก ส่งผลให้หลินเฟิง
รู้สึก ‘แบบนั้น’ อีกแล้ว อากาศเหมือนจะถูกสูบออกไปหมด ขาอ่อน
ยวบ หัวใจเต้นแรงจนหน้ารวมถึงใบหูแดงก่ำไปหมด
พอจะได้ยินเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกัน
“หลินเฟิง”
“…”
“นายตอบสนองแล้ว”
เสียงหัวเราะเบา ๆ นั่นเหมือนสาดไฟเข้าใส่จนสติของหลินเฟิงมอด
ไหม้
เดิมทีอวิ๋นหู่แค่อยากทิ้งร่องรอยบนตัวคนคนนี้ โดยเฉพาะเมื่อหลินเฟิง
ต้องไปพบผู้หญิง
เขารู้ดีถึงเสน่ห์ของเพื่อน เห็นหน้าตาท่าทางแบบหนุ่มสายหมาน้อย
[1] แบบนี้ แต่ความสูงที่โดดเด่น ขายาว และบั้นท้ายแน่นกระชับนั่น
ถ้าไลฟ์สดผ่านแอพลิเคชันไหน รับรองว่าต้องดังระเบิดแน่ หลินเฟิง
ถือเป็นสไตล์ที่สาว ๆ ชอบมากที่สุด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่เจ้าตัวใส่เสื้อเชิ้ตขาวสวมสูททับ แถมยังสวม
นาฬิกาข้อมือเลย
อวิ๋นหู่ยอมรับว่าตัวเองเกิดความริษยา ดังนั้นจึงออกแรงจูบที่ซอกคอ
อย่างหนักหน่วงเป็นพิเศษ
บางครั้งหลินเฟิงก็รู้สึกเหลือเชื่อ
เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่งแท้ ๆ แต่ทำไมถึงได้ลุ่มหลงกับบทรักของอีก
ฝ่าย
อวิ๋นหู่คงไม่ได้แอบไปสร้างเสริมความรู้ด้านนี้ลับหลังเขาหรอกนะ
หรือว่า…หลินเฟิงอาศัยช่วงที่อวิ๋นหู่ผละออก เงยหน้าพลางหอบ
หายใจนิด ๆ “นายไปเรียนบทรักมาจากไหน ทำไมถึงเชี่ยวอย่างนี้?”
อวิ๋นหู่ได้ยินแล้วหัวเราะเบา ๆ มือขวาจับท่อนขาอีกฝ่าย “ทำไม? หึง
เหรอ”
“หึงบ้าอะไร ฉันแค่ถามไปงั้นแหละ” นัยน์ตาของหลินเฟิงฉายแวว
โกรธ “ครั้งที่แล้วก็เหมือนกัน นายเริ่มเดินเข้าออกสถานที่แบบนั้น
แล้ว ไม่ชินตานิดหน่อย”
อวิ๋นหู่ก้มตัวลงเล็กน้อย เหมือนกำลังกระซิบข้างหูหลินเฟิง “จริง ๆ
แล้วมีคนส่งเด็กให้ฉันบ่อย โดยเฉพาะในสถานบันเทิง แต่ฉันไม่เคย
แตะ มีช็อตเค้กเนื้อนุ่มอย่างนายอยู่แล้ว ก็เลยไม่อยากไปกินเศษเค้ก”
หลินเฟิงหัวเราะสองที “เปรียบเทียบอะไรวะเนี่ย แถมใครจะกินใคร
ก็ยังไม่แน่เลย รอให้ฉันกลับมาก่อนเถอะ แล้วนายจะรู้ซึ้งถึงคำว่า
ช็อตเค้ก!”
[1] หมาน้อย เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึงผู้ชายหน้าตาดีที่มีบุคลิก
น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนลูกหมา

ตอนที่ 2019-2
นอนกับฉันแล้ว ต้องรับผิดชอบนะ
หลินเฟิงได้ยินแล้ว ก็อ้าปากค้าง “ตอนนั้นนายจงใจเหรอ”
“ใช่” แววตาอวิ๋นหู่หนักอึ้งยิ่งขึ้นคล้ายกับกำลังจะเทหมดหน้าตัก จะ
หาว่าเขามั่นใจในตัวเองก็ได้ หาว่าเขาถือตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางก็ดี
หาว่าเขาลากคนรักไปสู่เส้นทางที่ยากลำบากก็ไม่เป็นไร เขาจะไม่
ยอมปล่อยมือเด็ดขาด เมื่อก่อนเขายังบอกตัวเองได้ว่าขอแค่อยู่ข้าง
ตัวหลินเฟิงเป็นพอ แต่เมื่อได้ตัวอีกฝ่ายอย่างแท้จริง ได้ลิ้มรสความ
หวานละมุน ก็จะรู้ดีว่าการบอกว่าขอให้อีกฝ่ายมีความสุขก็พอน่ะ
มันเพ้อเจ้อ ความสุขของหลินเฟิง เขาจะต้องเป็นฝ่ายให้เอง
หลินเฟิงมองดูสีหน้าของอีกฝ่าย ความคุ้นเคยค่อย ๆ ถาโถมเข้ามา
เขาจำได้ดีว่าเคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของอวิ๋นหู่เมื่อตอนไหน ก็ตอนที่
เขาทำการบ้านกับผู้หญิงที่ชอบตรงร้าน KFC ไง ตอนนั้นเขาและเธอ
นั่งทำการบ้านที่ชั้นสอง ไม่เหมือนเด็ก ม.ปลายสมัยนี้ที่ไปทำการบ้าน
ในร้านกาแฟ เมื่อทำการบ้านเสร็จ เขาย่อมต้องเลี้ยงของกินเธอ
เขาเริ่มเล่นเกมเมื่อตอนอยู่ ม.4 จึงโปรดปรานตู้เกมออนไลน์ในห้าง
สรรพสินค้ามาก แถมเธอคนนั้นก็อยากไปเล่นด้วย ดังนั้นเมื่อพวก
เขากินข้าวเสร็จจึงเดินขึ้นชั้นบน ตอนแรกไม่มีอะไร แต่ตอนหลังเขา
จับตุ๊กตาได้แล้วให้เธอ เธอก็หน้าแดงกอดเขาด้วย ตอนนั้นหลินเฟิง
เป็นงง แต่ไม่รู้ตัวว่าควรจะทำอย่างไรดี พลันเห็นอวิ๋นหู่ที่เดินอยู่ไม่
ไกล เจ้านั่นไม่ได้สวมชุดนักเรียนแต่เป็นชุดทีมไดมอนด์ กำลังซุก
มือลงกระเป๋ากางเกง ยืนมองเขาอยู่โดยไม่พูดอะไร
ตอนนั้นหลินเฟิงกระอักกระอ่วน เพราะเวลาพวกวัยรุ่นโดนเพื่อน
เห็นตัวเองอยู่กับผู้หญิงก็มักจะต้องเขินกันบ้าง แถมอวิ๋นหู่เพิ่งส่ง
ข้อความถามว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาเองเพิ่งตอบว่าจะรีบกลับ ทว่าเขา
ตอบกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงกว่าที่ผ่านมา
ตอนแรกหลินเฟิงคิดจะเรียกอวิ๋นหู่ไว้ แต่เจ้านั่นทำหมุนตัวเดินจาก
ไปเหมือนไม่เห็นเขา หลินเฟิงยังจำสีหน้าเพื่อนในตอนนั้นได้ดี
ต่อมาผู้หญิงคนนั้นเริ่มจากส่งข้อความหาเขาวันละครั้ง กลายมาเป็น
สามวันครั้ง ตามมาด้วยอาทิตย์ละครั้ง จากนั้นก็หากเบื่อ ๆ ถึงจะส่ง
ให้
หลินเฟิงอยากเข้าทีมอาชีพจึงไม่เคยคิดมากเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่
ถึงกับไม่สนใจโดยสิ้นเชิง
เวลาเธอคนนั้นฉลองวันเกิด เขายังอยากหาของขวัญให้ ทว่าในวัน
นั้นเองอวิ๋นหู่กลับพาแฟนกลับมา ซึ่งก็คือผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง
แน่ละ หลินเฟิงย่อมตะลึง แต่เขารู้สึกว่าโดนเพื่อนไปแย่งมากกว่า
ถึงกับบอกอวิ๋นหู่ว่า ‘ต่อไปนายชอบใคร ก็ช่วยบอกฉันล่วงหน้า
ด้วย’
เขายังจำได้ดีว่าตอนนั้นอวิ๋นหู่แค่หันหน้าไปถอดเสื้อทีมออกจากตัว
‘ทำไม? กลัวว่าคนที่ฉันชอบจะไม่ชอบนายหรือไง?’
หลินเฟิงจึงทะเลาะกับอีกฝ่าย แต่ไม่ได้ซัดหมัดโดนหน้าเพื่อน ‘นาย
จริงจังหน่อย ฉันแค่รู้สึกว่าในเมื่อจะมีความรักก็ต้องจริงจังกับผู้หญิง
ยิ่งถ้านายบอกฉันล่วงหน้าว่าชอบใคร ฉันก็จะได้ไม่ไปแตะต้อง ไม่
ดีหรือไง? ฉันละเชื่อนายเลย’
‘มันก็ดีแหละ แต่ถ้าฉันบอกว่า ฉันชอบคนที่นายรู้สึกดีด้วยแทบทุก
คนล่ะ นายจะทำไง หลินเฟิง?’
‘นายนี่นะ จริง ๆ เลย…’
‘ล้อเล่นหรอกน่ะ แล้วฉันจะบอกล่วงหน้า นายจะได้ไม่โกรธฉัน
สำหรับเรื่องในวันนี้ก็ขอโทษด้วยละกัน ฉันรู้ว่านายชอบเขา รู้ตั้งแต่
ตอนที่เห็นนายกับเขาที่ตู้เกมออนไลน์ แต่ควบคุมตัวเองไม่ไหว’
หลินเฟิงคิดมาตลอดว่าการที่อวิ๋นหู่สารภาพว่าควบคุมตัวเองไม่ไหว
หมายความว่าเจ้าเพื่อนยากชอบผู้หญิงคนนั้นมากถึงได้จีบเธอ…
ตอนที่ 2020
ห้ามเสียใจภายหลัง
หลินเฟิงไม่รู้ตัวว่าควรจะทำสีหน้าอย่างไร ยื่นมือกดศีรษะตัวเอง หู
แดงหน่อย ๆ ทว่าวินาทีถัดมากลับเงยหน้า เอ่ยอย่างจริงจังเหมือน
ไม่ใช่ตัวเขาในยามปกติ “มันเป็นการนัดดูตัวที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้
มานานแล้ว ฉันต้องไป แต่ฉันไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนั้น ฉันจะไป
ปฏิเสธเขา อย่างน้อยก็ต้องพูดให้ชัดเจน ผู้หญิงคนนั้นแอดวีแชทของ
ฉันผ่านคุณปู่เขา การบอกตรง ๆ จะทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลา ฉันไม่
ไปงานนัดดูตัวอื่น ๆ หรอก ในเมื่อจะคบกับนาย ฉันก็จะไม่ไปคบ
คนอื่น นายก็เหมือนกัน ตระกูลอวิ๋นต้องจัดการนัดดูตัวให้นายแน่นอน
เทียบกับฉันแล้วนายน่าจะคิดสักหน่อยนะ เพราะตระกูลอวิ๋นมีนาย
แค่คนเดียว การงานก็อยู่คนละสาย นายยังเหมาะที่จะเป็นแฟนฉันอีก
หรือเปล่า”
“นายน่าจะรู้ว่าสภาพของฉันเป็นยังไง ก่อนหน้านี้นายบอกว่าชอบฉัน
แต่ไม่เคยให้ฉันรู้จักคนในแวดวงของนาย ตอนที่นายไปเมืองนอก
ฉันเองก็ศึกษาดูเหมือนกัน หลายคนที่ชอบผู้ชายแล้วยังทำร้ายผู้หญิง
ไปด้วย ผู้หญิงหลายคนแต่งงานไปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าสามีมีแฟนอีกคน
ที่เป็นผู้ชาย แล้วยังมีหลายคนที่รู้สึกว่าจนปัญญาต้องเลือกวิธีนี้ เพราะ
ต้องการมีทายาทสืบทอดตระกูลต่อไป ซึ่งฉันเข้าใจไม่ลง เพราะถ้า
เป็นฉันเอง ในเมื่อชอบผู้ชายก็คือชอบผู้ชาย ใครให้ฉันชอบนายที่
เป็นผู้ชายล่ะ แต่ฉันจะไม่ทำร้ายผู้หญิงหรอก ต่อให้ต้องอยู่คนเดียว
จนแก่เฒ่า ไม่ได้รับการให้อภัยจากแม่ฉัน ฉันก็จะเป็นแบบนี้”
“บางทีอาจจะทำให้แม่ผิดหวัง เพราะแม่ฉันถามฉันมาแต่เด็กแล้วว่า
จะแต่งงานกับผู้หญิงแบบไหน คุณย่าก็รักฉันมาก ให้ทุกอย่างที่ฉัน
ต้องการ ฉันอยากเล่นอีสปอร์ตก็ให้ฉันเล่น ฉันบอกว่าจะอยู่ที่
มหาวิทยาลัยอีกหนึ่งปีก็อนุญาต ฉันยังกลัวที่จะบอกพวกเขาถึง
ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับนายเลย แม่ฉันใจกว้างก็จริง แต่ต่อให้
พ่อแม่ใจกว้างแค่ไหน ถ้ารู้เรื่องนี้เข้าเป็นต้องร้องไห้แน่ ชาตินี้ฉันผิด
ต่อแม่มาก ตอนนี้ตระกูลหลินถดถอยลงแล้ว จะว่าไปก็เพราะฉันทำ
ทุกอย่างตามความต้องการตัวเอง ฉันยังอยากเล่นอีสปอร์ตต่อไป แต่
มันไม่เหมาะสม ความเร็วมือฉันลดลง ฉันไม่อาจทุ่มสมาธิให้การ
แข่งทั้งหมดได้ ฉันไม่ได้กลัวว่าในโลกออนไลน์จะพูดว่า ดูสิ หลิน
เฟิงน่ะไม่ไหวแล้ว หรือหลินเฟิงทำให้พวกเราผิดหวังจริง ๆ บอก
ตามตรงฉันไม่กลัวเรื่องพวกนี้หรอก”
“ฉันกลัวว่าตัวเองจะไม่รักในงานที่ทำอยู่ตอนนี้อีกต่อไป แถมแม่กับ
ย่าฉันยังต้องการฉันด้วย ฉันรู้ดีว่าเวลาอยู่ในแวดวงธุรกิจ แม่ฉันจะ
เก่งแพรวพราวมาก คนทั่วไปทำอะไรไม่ได้ แต่พวกงานเลี้ยงที่ต้อง
กินเหล้านี่สิยังไงก็ขาดไม่ได้ ฉันหวังว่าฉันจะไปเอง คงเพราะฉันไม่
มีวันจะทำให้แม่สมหวังในเรื่องที่ให้ฉันแต่งงานมีหลาน แต่ฉันต้อง
แบกรับความรับผิดชอบบางอย่าง ถ้าเราคบกันจริง ๆ ฉันจะต้องยุ่ง
มาก นายรับฉันในสภาพแบบนั้นได้ไหม ประเภทที่ต้องตะลอนคุย
เรื่องโปรเจกต์ไปทั่ว แถมยังต้องทำตัวประจบประแจงเพื่อให้ได้งาน
โปรเจกต์มา หรืออาจจะเห็นแก่เงินเป็นหลัก แล้วถึงเวลานั้น…”
“ถึงเวลานั้นก็ยังมีฉันไง” อวิ๋นหู่หลุบตามองเขา วางมือไว้บนศีรษะ
อีกฝ่าย “นายพูดมาตั้งเยอะ ทำไมถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเวลาที่นายต้อง
ตะลอนคุยเรื่องโปรเจกต์ ฉันย่อมต้องมีเส้นสายให้นายได้ใช้ เวลาที่
เห็นแต่เงินเป็นหลัก ฉันอาจเสนอเงินทุนให้นาย เวลาที่ต้องประจบก็
ต้องเป็นคนอย่างนั้นจริง ๆ จัง ๆ งั้นเหรอ ผู้ชายที่ไหนก็ทำแบบนั้น
ฉันชอบนายที่เป็นแบบนี้ นายคิดว่าฉันชอบแค่หน้าตาหรือไง ต่อให้
นายจะมีเสน่ห์น่าหลงใหลก็เถอะ”

ตอนที่ 2019-2
นอนกับฉันแล้ว ต้องรับผิดชอบนะ
หลินเฟิงได้ยินแล้ว ก็อ้าปากค้าง “ตอนนั้นนายจงใจเหรอ”
“ใช่” แววตาอวิ๋นหู่หนักอึ้งยิ่งขึ้นคล้ายกับกำลังจะเทหมดหน้าตัก จะ
หาว่าเขามั่นใจในตัวเองก็ได้ หาว่าเขาถือตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางก็ดี
หาว่าเขาลากคนรักไปสู่เส้นทางที่ยากลำบากก็ไม่เป็นไร เขาจะไม่
ยอมปล่อยมือเด็ดขาด เมื่อก่อนเขายังบอกตัวเองได้ว่าขอแค่อยู่ข้าง
ตัวหลินเฟิงเป็นพอ แต่เมื่อได้ตัวอีกฝ่ายอย่างแท้จริง ได้ลิ้มรสความ
หวานละมุน ก็จะรู้ดีว่าการบอกว่าขอให้อีกฝ่ายมีความสุขก็พอน่ะ
มันเพ้อเจ้อ ความสุขของหลินเฟิง เขาจะต้องเป็นฝ่ายให้เอง
หลินเฟิงมองดูสีหน้าของอีกฝ่าย ความคุ้นเคยค่อย ๆ ถาโถมเข้ามา
เขาจำได้ดีว่าเคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของอวิ๋นหู่เมื่อตอนไหน ก็ตอนที่
เขาทำการบ้านกับผู้หญิงที่ชอบตรงร้าน KFC ไง ตอนนั้นเขาและเธอ
นั่งทำการบ้านที่ชั้นสอง ไม่เหมือนเด็ก ม.ปลายสมัยนี้ที่ไปทำการบ้าน
ในร้านกาแฟ เมื่อทำการบ้านเสร็จ เขาย่อมต้องเลี้ยงของกินเธอ
เขาเริ่มเล่นเกมเมื่อตอนอยู่ ม.4 จึงโปรดปรานตู้เกมออนไลน์ในห้าง
สรรพสินค้ามาก แถมเธอคนนั้นก็อยากไปเล่นด้วย ดังนั้นเมื่อพวก
เขากินข้าวเสร็จจึงเดินขึ้นชั้นบน ตอนแรกไม่มีอะไร แต่ตอนหลังเขา
จับตุ๊กตาได้แล้วให้เธอ เธอก็หน้าแดงกอดเขาด้วย ตอนนั้นหลินเฟิง
เป็นงง แต่ไม่รู้ตัวว่าควรจะทำอย่างไรดี พลันเห็นอวิ๋นหู่ที่เดินอยู่ไม่
ไกล เจ้านั่นไม่ได้สวมชุดนักเรียนแต่เป็นชุดทีมไดมอนด์ กำลังซุก
มือลงกระเป๋ากางเกง ยืนมองเขาอยู่โดยไม่พูดอะไร
ตอนนั้นหลินเฟิงกระอักกระอ่วน เพราะเวลาพวกวัยรุ่นโดนเพื่อน
เห็นตัวเองอยู่กับผู้หญิงก็มักจะต้องเขินกันบ้าง แถมอวิ๋นหู่เพิ่งส่ง
ข้อความถามว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาเองเพิ่งตอบว่าจะรีบกลับ ทว่าเขา
ตอบกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงกว่าที่ผ่านมา
ตอนแรกหลินเฟิงคิดจะเรียกอวิ๋นหู่ไว้ แต่เจ้านั่นทำหมุนตัวเดินจาก
ไปเหมือนไม่เห็นเขา หลินเฟิงยังจำสีหน้าเพื่อนในตอนนั้นได้ดี
ต่อมาผู้หญิงคนนั้นเริ่มจากส่งข้อความหาเขาวันละครั้ง กลายมาเป็น
สามวันครั้ง ตามมาด้วยอาทิตย์ละครั้ง จากนั้นก็หากเบื่อ ๆ ถึงจะส่ง
ให้
หลินเฟิงอยากเข้าทีมอาชีพจึงไม่เคยคิดมากเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่
ถึงกับไม่สนใจโดยสิ้นเชิง
เวลาเธอคนนั้นฉลองวันเกิด เขายังอยากหาของขวัญให้ ทว่าในวัน
นั้นเองอวิ๋นหู่กลับพาแฟนกลับมา ซึ่งก็คือผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง
แน่ละ หลินเฟิงย่อมตะลึง แต่เขารู้สึกว่าโดนเพื่อนไปแย่งมากกว่า
ถึงกับบอกอวิ๋นหู่ว่า ‘ต่อไปนายชอบใคร ก็ช่วยบอกฉันล่วงหน้า
ด้วย’
เขายังจำได้ดีว่าตอนนั้นอวิ๋นหู่แค่หันหน้าไปถอดเสื้อทีมออกจากตัว
‘ทำไม? กลัวว่าคนที่ฉันชอบจะไม่ชอบนายหรือไง?’
หลินเฟิงจึงทะเลาะกับอีกฝ่าย แต่ไม่ได้ซัดหมัดโดนหน้าเพื่อน ‘นาย
จริงจังหน่อย ฉันแค่รู้สึกว่าในเมื่อจะมีความรักก็ต้องจริงจังกับผู้หญิง
ยิ่งถ้านายบอกฉันล่วงหน้าว่าชอบใคร ฉันก็จะได้ไม่ไปแตะต้อง ไม่
ดีหรือไง? ฉันละเชื่อนายเลย’
‘มันก็ดีแหละ แต่ถ้าฉันบอกว่า ฉันชอบคนที่นายรู้สึกดีด้วยแทบทุก
คนล่ะ นายจะทำไง หลินเฟิง?’
‘นายนี่นะ จริง ๆ เลย…’
‘ล้อเล่นหรอกน่ะ แล้วฉันจะบอกล่วงหน้า นายจะได้ไม่โกรธฉัน
สำหรับเรื่องในวันนี้ก็ขอโทษด้วยละกัน ฉันรู้ว่านายชอบเขา รู้ตั้งแต่
ตอนที่เห็นนายกับเขาที่ตู้เกมออนไลน์ แต่ควบคุมตัวเองไม่ไหว’
หลินเฟิงคิดมาตลอดว่าการที่อวิ๋นหู่สารภาพว่าควบคุมตัวเองไม่ไหว
หมายความว่าเจ้าเพื่อนยากชอบผู้หญิงคนนั้นมากถึงได้จีบเธอ…
ตอนที่ 2020
ห้ามเสียใจภายหลัง
หลินเฟิงไม่รู้ตัวว่าควรจะทำสีหน้าอย่างไร ยื่นมือกดศีรษะตัวเอง หู
แดงหน่อย ๆ ทว่าวินาทีถัดมากลับเงยหน้า เอ่ยอย่างจริงจังเหมือน
ไม่ใช่ตัวเขาในยามปกติ “มันเป็นการนัดดูตัวที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้
มานานแล้ว ฉันต้องไป แต่ฉันไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนั้น ฉันจะไป
ปฏิเสธเขา อย่างน้อยก็ต้องพูดให้ชัดเจน ผู้หญิงคนนั้นแอดวีแชทของ
ฉันผ่านคุณปู่เขา การบอกตรง ๆ จะทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลา ฉันไม่
ไปงานนัดดูตัวอื่น ๆ หรอก ในเมื่อจะคบกับนาย ฉันก็จะไม่ไปคบ
คนอื่น นายก็เหมือนกัน ตระกูลอวิ๋นต้องจัดการนัดดูตัวให้นายแน่นอน
เทียบกับฉันแล้วนายน่าจะคิดสักหน่อยนะ เพราะตระกูลอวิ๋นมีนาย
แค่คนเดียว การงานก็อยู่คนละสาย นายยังเหมาะที่จะเป็นแฟนฉันอีก
หรือเปล่า”
“นายน่าจะรู้ว่าสภาพของฉันเป็นยังไง ก่อนหน้านี้นายบอกว่าชอบฉัน
แต่ไม่เคยให้ฉันรู้จักคนในแวดวงของนาย ตอนที่นายไปเมืองนอก
ฉันเองก็ศึกษาดูเหมือนกัน หลายคนที่ชอบผู้ชายแล้วยังทำร้ายผู้หญิง
ไปด้วย ผู้หญิงหลายคนแต่งงานไปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าสามีมีแฟนอีกคน
ที่เป็นผู้ชาย แล้วยังมีหลายคนที่รู้สึกว่าจนปัญญาต้องเลือกวิธีนี้ เพราะ
ต้องการมีทายาทสืบทอดตระกูลต่อไป ซึ่งฉันเข้าใจไม่ลง เพราะถ้า
เป็นฉันเอง ในเมื่อชอบผู้ชายก็คือชอบผู้ชาย ใครให้ฉันชอบนายที่
เป็นผู้ชายล่ะ แต่ฉันจะไม่ทำร้ายผู้หญิงหรอก ต่อให้ต้องอยู่คนเดียว
จนแก่เฒ่า ไม่ได้รับการให้อภัยจากแม่ฉัน ฉันก็จะเป็นแบบนี้”
“บางทีอาจจะทำให้แม่ผิดหวัง เพราะแม่ฉันถามฉันมาแต่เด็กแล้วว่า
จะแต่งงานกับผู้หญิงแบบไหน คุณย่าก็รักฉันมาก ให้ทุกอย่างที่ฉัน
ต้องการ ฉันอยากเล่นอีสปอร์ตก็ให้ฉันเล่น ฉันบอกว่าจะอยู่ที่
มหาวิทยาลัยอีกหนึ่งปีก็อนุญาต ฉันยังกลัวที่จะบอกพวกเขาถึง
ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับนายเลย แม่ฉันใจกว้างก็จริง แต่ต่อให้
พ่อแม่ใจกว้างแค่ไหน ถ้ารู้เรื่องนี้เข้าเป็นต้องร้องไห้แน่ ชาตินี้ฉันผิด
ต่อแม่มาก ตอนนี้ตระกูลหลินถดถอยลงแล้ว จะว่าไปก็เพราะฉันทำ
ทุกอย่างตามความต้องการตัวเอง ฉันยังอยากเล่นอีสปอร์ตต่อไป แต่
มันไม่เหมาะสม ความเร็วมือฉันลดลง ฉันไม่อาจทุ่มสมาธิให้การ
แข่งทั้งหมดได้ ฉันไม่ได้กลัวว่าในโลกออนไลน์จะพูดว่า ดูสิ หลิน
เฟิงน่ะไม่ไหวแล้ว หรือหลินเฟิงทำให้พวกเราผิดหวังจริง ๆ บอก
ตามตรงฉันไม่กลัวเรื่องพวกนี้หรอก”
“ฉันกลัวว่าตัวเองจะไม่รักในงานที่ทำอยู่ตอนนี้อีกต่อไป แถมแม่กับ
ย่าฉันยังต้องการฉันด้วย ฉันรู้ดีว่าเวลาอยู่ในแวดวงธุรกิจ แม่ฉันจะ
เก่งแพรวพราวมาก คนทั่วไปทำอะไรไม่ได้ แต่พวกงานเลี้ยงที่ต้อง
กินเหล้านี่สิยังไงก็ขาดไม่ได้ ฉันหวังว่าฉันจะไปเอง คงเพราะฉันไม่
มีวันจะทำให้แม่สมหวังในเรื่องที่ให้ฉันแต่งงานมีหลาน แต่ฉันต้อง
แบกรับความรับผิดชอบบางอย่าง ถ้าเราคบกันจริง ๆ ฉันจะต้องยุ่ง
มาก นายรับฉันในสภาพแบบนั้นได้ไหม ประเภทที่ต้องตะลอนคุย
เรื่องโปรเจกต์ไปทั่ว แถมยังต้องทำตัวประจบประแจงเพื่อให้ได้งาน
โปรเจกต์มา หรืออาจจะเห็นแก่เงินเป็นหลัก แล้วถึงเวลานั้น…”
“ถึงเวลานั้นก็ยังมีฉันไง” อวิ๋นหู่หลุบตามองเขา วางมือไว้บนศีรษะ
อีกฝ่าย “นายพูดมาตั้งเยอะ ทำไมถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเวลาที่นายต้อง
ตะลอนคุยเรื่องโปรเจกต์ ฉันย่อมต้องมีเส้นสายให้นายได้ใช้ เวลาที่
เห็นแต่เงินเป็นหลัก ฉันอาจเสนอเงินทุนให้นาย เวลาที่ต้องประจบก็
ต้องเป็นคนอย่างนั้นจริง ๆ จัง ๆ งั้นเหรอ ผู้ชายที่ไหนก็ทำแบบนั้น
ฉันชอบนายที่เป็นแบบนี้ นายคิดว่าฉันชอบแค่หน้าตาหรือไง ต่อให้
นายจะมีเสน่ห์น่าหลงใหลก็เถอะ”

ตอนที่ 2018-3
หลินเฟิงนึกถึงข้อมูลที่ตัวเองเสิร์จเจอในอินเทอร์เน็ต เช่นการเป็น
ฝ่ายรุกที่สมบูรณ์แบบ เมื่อตื่นขึ้นในวันต่อมาจะต้องตุ๋นโจ๊กตุ๋นซุป
ให้คนที่อยู่บนเตียง ตอนนั้นเขายังคิดจะอ่อนโยนต่อเจ้าหู่แบบนั้น
ด้วยซ้ำ
ทว่าเวลานี้ตัวเองกลายเป็นฝ่ายที่กินซุปเอง หลินเฟิงรู้สึกอย่างไรก็คง
เข้าใจดี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับของโปรดเต็มโต๊ะ แต่ตัวเองกลับกิน
ไม่ได้ ย่อมต้องเศร้าใจอยู่แล้ว แถมหู่ยังบอกว่าจะค้างที่นี่ด้วย!
ถึงอีกนานกว่าจะได้นอน แต่ตอนนี้แค่เห็นเตียงหรือตอนที่ผู้ชายคน
นี้ม้วนแขนเสื้อ ก็เป็นต้องเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน น่าอายเหลือเกิน
คุณแม่หลินเองก็สังเกตเห็นลูกชายตัวเองว่าวันนี้ดูจะพูดน้อยกว่าปกติ
ไม่รู้ว่าเพราะเป็นหวัดหรือเปล่า ตอนที่ยกจานผลไม้ไปให้เพื่อนลูกก็
เอ่ยปาก “ลองถามเขาดูหน่อยซิว่า ช่วงนี้มีอะไรในใจหรือเปล่า?”
อวิ๋นหู่รับจานมา “น่าจะไม่สบายครับ พรุ่งนี้คงหายเอง”
“เหรอ?” คุณแม่หลินโล่งอก “น้าล่ะนึกว่าเขาไม่แฮปปี้เพราะจะต้อง
ไปดูตัวเสียอีก”
อวิ๋นหู่ชะงัก “ดูตัวเหรอครับ?”
“เป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนด้วยกัน แล้วก็เป็นเพื่อนเก่าด้วย เขาร่วมงาน
กับหลินกรุ๊ปบ่อย” คุณแม่ว่า “ทางนั้นบอกว่าหลานสาวเป็นแฟนคลับ
ของหลินเฟิง อยากเห็นหน้ามานาน ชอบหลินเฟิงมาก เลยจะให้เด็ก
สองคนได้ดูตัวกัน ถ้าความสัมพันธ์พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง เวลาทำ
ธุรกิจกันจะได้ง่ายขึ้น พูดตรง ๆ นะน้าไม่อยากเห็นหลินเฟิงต้องวิ่ง
สองทาง ทางบ้านเราไม่ขาดเงินก็จริง แต่หลานน่าจะรู้ว่าตอนนี้เรา
ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว คนบางคนเห็นหลินเฟิงก็ขออยู่ห่าง ๆ คง
เพราะกลัวหลินเฟิงไปขอร้องให้ช่วย คนพวกนี้ก็ไม่เข้าใจหลินเฟิง
เลย”
“หลานโตมากับลูกน้าก็น่าจะรู้ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เขาไม่มีวันขอร้อง
ใครหรอก ยิ่งหลินกรุ๊ปยังไม่ขั้นที่ต้องลดตัวขอให้ใครช่วย หลายปีที่
ผ่านมาน้าไม่เคยควบคุมหลินเฟิง เขาอยากทำอะไรก็ทำไป เพราะเขา
เคยบอกว่าชอบเล่นเกม ก่อนที่หลานจะไปเมืองนอก เขาก็คุยกับน้า
ว่ารอเขาแข่งชิงแชมป์ เอเชียก่อนแล้วจะออกจากวงการ ตอนนี้เขา
กำลังเตรียมการอยู่ แต่ในฐานะที่เป็นแม่ น้ามองออก อย่าเห็นว่าเขา
เป็นอย่างนี้นะ เวลาที่บ้านเราต้องการเขาเมื่อไร เขาก็จะเข้ามา
รับผิดชอบทันที มีเรื่องหนึ่งนะหู่ที่หลานต้องบอกเขา ถึงตอนนี้
ตระกูลหลินจะเหลือแต่น้ากับคุณย่า แต่ไม่ได้หมายความว่าภาระทุก
อย่างจะตกอยู่ที่เขา เขาอยากทำอะไรก็ไปทำ จะแข่งอีกสักสองปีก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นน้าหรือคุณพ่อของเขา พวกเรารอคอยให้เขามาเกิดมา
ความหวังของเราก็คืออยากให้เขาเดินตามทางที่ตัวเองอยากเดิน
เท่านั้น”
ยิ่งได้ยิน นัยน์ตาของอวิ๋นหู่ก็ยิ่งลุ่มลึก…ลึกขนาดที่ไม่เห็นก้นบึ้ง ใช่
ว่าเขาจะไม่รู้สึกผิดต่อคุณแม่หลิน แต่หากเทียบกับความรู้สึกผิดแล้ว
เขาไม่อยากไปจากหลินเฟิง
พ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกมีความสุข ความสุขนั้นก็คือการได้เห็น
ลูกตัวเองแต่งงานมีทายาทสืบต่อไป เรื่องนี้ย่อมไม่เกิดกับหลินเฟิง
แน่ ถ้าหากเกิดขึ้นจริง ๆ อวิ๋นหู่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรบ้าง เพราะ
แค่นึกถึงว่าคนรักจะไปดูตัว หัวอกของเขาก็เหมือนมีก้อนหินยักษ์
ทับไว้จนต้องหายใจอย่างทุกข์ทรมานแล้ว…
ตอนที่ 2019-1
นอนกับฉันแล้ว ต้องรับผิดชอบนะ
อวิ๋นหู่กำลังจะพูด แต่เมื่อช้อนสายตาขึ้น ก็เห็นคนคนหนึ่งยืน
ตรงหน้าบันได ส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อย
แต่อวิ๋นหู่ก็เข้าใจ วันนี้ไม่เหมาะที่จะสารภาพเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น แต่
เพราะเข้าใจ ถึงได้รู้สึกเหมือนกินอะไรที่ขมมาก ลุกลามจากปลาย
ลิ้นไปถึงหัวใจ
อวิ๋นหู่มองดูอีกฝ่ายเดินกลับไปที่ห้อง ก่อนจะปลอบใจคุณแม่หลิน
อันที่จริง ด้วยสภาพนี้ เขาพูดอะไรไปก็ยังไม่รู้ตัวเลย
เหมือนอย่างที่คุณแม่หลินว่าไว้ คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจหลินเฟิง แต่
เขาเข้าใจดี คนคนนั้นเหมือนจะทำอะไรผิวเผิน แต่กลับรู้จักแบก
ความรับผิดชอบเป็นอย่างดี ทั้งยังเข้มแข็งมาก
อวิ๋นหู่ยังจำได้ดี ตอนเด็ก ๆ ทั้งสองต่างตัวไม่สูง พวกเขาโดนรังแก
บ่อย ๆ ทว่าหลินเฟิงมักจะยืนข้างหน้าบังเขาเอาไว้ ตอนนั้นเจ้านั่น
ไม่ได้แข็งแกร่งมากหรอก แต่มักพูดว่า ‘ห้ามพวกนายรังแกหู่’ ถึงแม้
จะสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ หลินเฟิงก็ยังทำเช่นนี้เสมอ
ตอนแรก อวิ๋นหู่รู้สึกว่าหลินเฟิงโง่จริง ทั้งที่ตัวเล็กยังกะซาลาเปา
น้อย แต่กลับมายืนขวางอยู่หน้าเขา เจ้านั่นไม่รู้จักวิ่งหนีเอาตัวรอด
ก่อนหรือไง? ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถามอีกฝ่าย แต่หลินเฟิงกลับจ้อง
ตาโตอย่างจริงจัง ‘ถ้าฉันหนีไป แล้วใครจะปกป้องนาย’
ดูเหมือนตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา อวิ๋นหู่รู้สึกว่าตัวเองมีคนที่สำคัญ
สำหรับตัวเองแล้ว แม้จะอายุแค่ห้าหกขวบ ทว่ากลับอยากให้หลินเฟิง
อยู่ข้างกาย
ใครกันเป็นคนบอกว่า พวกเราเกิดมาบนโลกนี้ล้วนแต่โดดเดี่ยว
ความรู้สึกแบบนี้ยากจะขจัดทิ้ง
แม้เรามีพ่อแม่ที่รักมากแค่ไหน แต่ท่ามกลางกลางคืนที่เงียบสงัดเรา
ย่อมอยากได้ใครสักคนที่ดีต่อเรา ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้วหลินเฟิง
ไม่ใช่คนเรียนดี ทว่าเพื่อจะได้ถูกคัดให้เรียนห้องเดียวกับเขา เจ้านั่น
จึงขยันมากกว่าใคร สิ่งที่เราได้มาอยู่ในมือไม่ใช่ว่าสวรรค์ประทาน
ให้ แม้ในสายตาหลาย ๆ คน การได้ใช้ชีวิตในครอบครัวที่ร่ำรวย
นับว่าโชคดีมาก แต่เมื่อเราได้อยู่ท่ามกลางความร่ำรวยนั่นจริง ๆ เรา
จะอยากได้เพื่อนและคนที่อยู่เหนือคำว่าเพื่อน
ตอนเด็ก ๆ ไม่มีใครอยากได้คนรักหรอก เขาไม่ได้มีความรักฉันท์ชู้
สาวรุนแรงขนาดนั้น แต่หากเทียบกับคนรักแล้ว เขาอยากอยู่กับหลิน
เฟิงตลอดไปมากกว่า ความคิดนี้เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ดังนั้นอวิ๋นหู่จึง
กลัว…กลัวว่าหลินเฟิงจะต้องถอยห่าง เพราะความรับผิดชอบใน
บางอย่าง
ดังนั้นเมื่อถือจานผลไม้เข้าห้อง เขาไม่ได้พูดอะไรก็ดันอีกฝ่ายชิด
กำแพง ก่อนจะจูบอย่างหนักหน่วง แต่ไม่ได้พัวพันอะไรมากไปกว่า
นี้ เอ่ยเสียงหนักตามการกระทำดังกล่าว “ต่อฟ้าผ่าถล่มทลาย นายก็
ห้ามเสียใจ นายปล้ำฉันแล้ว ต้องรับผิดชอบ”
หลินเฟิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ร้อง เฮ้ย ๆ ๆ ๆ แต่ขยับตัวลำบาก
ด้วยถูกอีกฝ่ายใช้หน้าผากดัน จึงคำรามเสียงต่ำ “นายเป็นฝ่ายปล้ำฉัน
เองแท้ ๆ อย่าเว่อร์”
อวิ๋นหู่ไม่ได้หยุดพูดแค่นี้แต่ก้มหน้าลง เอ่ยเสียงเรียบ “ฉันไม่ให้นาย
ไปดูตัว ถ้านายไปจริง ๆ ฉันจะทำลายความรักของนายเหมือนเมื่อ
ตอนอยู่มัธยม นายชอบใคร ฉันก็จะแย่งคนนั้น นายน่าจะรู้ว่าเรื่อง
แบบนี้มันง่ายมากสำหรับฉัน”

ตอนที่ 2018-3
หลินเฟิงนึกถึงข้อมูลที่ตัวเองเสิร์จเจอในอินเทอร์เน็ต เช่นการเป็น
ฝ่ายรุกที่สมบูรณ์แบบ เมื่อตื่นขึ้นในวันต่อมาจะต้องตุ๋นโจ๊กตุ๋นซุป
ให้คนที่อยู่บนเตียง ตอนนั้นเขายังคิดจะอ่อนโยนต่อเจ้าหู่แบบนั้น
ด้วยซ้ำ
ทว่าเวลานี้ตัวเองกลายเป็นฝ่ายที่กินซุปเอง หลินเฟิงรู้สึกอย่างไรก็คง
เข้าใจดี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับของโปรดเต็มโต๊ะ แต่ตัวเองกลับกิน
ไม่ได้ ย่อมต้องเศร้าใจอยู่แล้ว แถมหู่ยังบอกว่าจะค้างที่นี่ด้วย!
ถึงอีกนานกว่าจะได้นอน แต่ตอนนี้แค่เห็นเตียงหรือตอนที่ผู้ชายคน
นี้ม้วนแขนเสื้อ ก็เป็นต้องเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน น่าอายเหลือเกิน
คุณแม่หลินเองก็สังเกตเห็นลูกชายตัวเองว่าวันนี้ดูจะพูดน้อยกว่าปกติ
ไม่รู้ว่าเพราะเป็นหวัดหรือเปล่า ตอนที่ยกจานผลไม้ไปให้เพื่อนลูกก็
เอ่ยปาก “ลองถามเขาดูหน่อยซิว่า ช่วงนี้มีอะไรในใจหรือเปล่า?”
อวิ๋นหู่รับจานมา “น่าจะไม่สบายครับ พรุ่งนี้คงหายเอง”
“เหรอ?” คุณแม่หลินโล่งอก “น้าล่ะนึกว่าเขาไม่แฮปปี้เพราะจะต้อง
ไปดูตัวเสียอีก”
อวิ๋นหู่ชะงัก “ดูตัวเหรอครับ?”
“เป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนด้วยกัน แล้วก็เป็นเพื่อนเก่าด้วย เขาร่วมงาน
กับหลินกรุ๊ปบ่อย” คุณแม่ว่า “ทางนั้นบอกว่าหลานสาวเป็นแฟนคลับ
ของหลินเฟิง อยากเห็นหน้ามานาน ชอบหลินเฟิงมาก เลยจะให้เด็ก
สองคนได้ดูตัวกัน ถ้าความสัมพันธ์พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง เวลาทำ
ธุรกิจกันจะได้ง่ายขึ้น พูดตรง ๆ นะน้าไม่อยากเห็นหลินเฟิงต้องวิ่ง
สองทาง ทางบ้านเราไม่ขาดเงินก็จริง แต่หลานน่าจะรู้ว่าตอนนี้เรา
ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว คนบางคนเห็นหลินเฟิงก็ขออยู่ห่าง ๆ คง
เพราะกลัวหลินเฟิงไปขอร้องให้ช่วย คนพวกนี้ก็ไม่เข้าใจหลินเฟิง
เลย”
“หลานโตมากับลูกน้าก็น่าจะรู้ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เขาไม่มีวันขอร้อง
ใครหรอก ยิ่งหลินกรุ๊ปยังไม่ขั้นที่ต้องลดตัวขอให้ใครช่วย หลายปีที่
ผ่านมาน้าไม่เคยควบคุมหลินเฟิง เขาอยากทำอะไรก็ทำไป เพราะเขา
เคยบอกว่าชอบเล่นเกม ก่อนที่หลานจะไปเมืองนอก เขาก็คุยกับน้า
ว่ารอเขาแข่งชิงแชมป์ เอเชียก่อนแล้วจะออกจากวงการ ตอนนี้เขา
กำลังเตรียมการอยู่ แต่ในฐานะที่เป็นแม่ น้ามองออก อย่าเห็นว่าเขา
เป็นอย่างนี้นะ เวลาที่บ้านเราต้องการเขาเมื่อไร เขาก็จะเข้ามา
รับผิดชอบทันที มีเรื่องหนึ่งนะหู่ที่หลานต้องบอกเขา ถึงตอนนี้
ตระกูลหลินจะเหลือแต่น้ากับคุณย่า แต่ไม่ได้หมายความว่าภาระทุก
อย่างจะตกอยู่ที่เขา เขาอยากทำอะไรก็ไปทำ จะแข่งอีกสักสองปีก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นน้าหรือคุณพ่อของเขา พวกเรารอคอยให้เขามาเกิดมา
ความหวังของเราก็คืออยากให้เขาเดินตามทางที่ตัวเองอยากเดิน
เท่านั้น”
ยิ่งได้ยิน นัยน์ตาของอวิ๋นหู่ก็ยิ่งลุ่มลึก…ลึกขนาดที่ไม่เห็นก้นบึ้ง ใช่
ว่าเขาจะไม่รู้สึกผิดต่อคุณแม่หลิน แต่หากเทียบกับความรู้สึกผิดแล้ว
เขาไม่อยากไปจากหลินเฟิง
พ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกมีความสุข ความสุขนั้นก็คือการได้เห็น
ลูกตัวเองแต่งงานมีทายาทสืบต่อไป เรื่องนี้ย่อมไม่เกิดกับหลินเฟิง
แน่ ถ้าหากเกิดขึ้นจริง ๆ อวิ๋นหู่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรบ้าง เพราะ
แค่นึกถึงว่าคนรักจะไปดูตัว หัวอกของเขาก็เหมือนมีก้อนหินยักษ์
ทับไว้จนต้องหายใจอย่างทุกข์ทรมานแล้ว…
ตอนที่ 2019-1
นอนกับฉันแล้ว ต้องรับผิดชอบนะ
อวิ๋นหู่กำลังจะพูด แต่เมื่อช้อนสายตาขึ้น ก็เห็นคนคนหนึ่งยืน
ตรงหน้าบันได ส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อย
แต่อวิ๋นหู่ก็เข้าใจ วันนี้ไม่เหมาะที่จะสารภาพเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น แต่
เพราะเข้าใจ ถึงได้รู้สึกเหมือนกินอะไรที่ขมมาก ลุกลามจากปลาย
ลิ้นไปถึงหัวใจ
อวิ๋นหู่มองดูอีกฝ่ายเดินกลับไปที่ห้อง ก่อนจะปลอบใจคุณแม่หลิน
อันที่จริง ด้วยสภาพนี้ เขาพูดอะไรไปก็ยังไม่รู้ตัวเลย
เหมือนอย่างที่คุณแม่หลินว่าไว้ คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจหลินเฟิง แต่
เขาเข้าใจดี คนคนนั้นเหมือนจะทำอะไรผิวเผิน แต่กลับรู้จักแบก
ความรับผิดชอบเป็นอย่างดี ทั้งยังเข้มแข็งมาก
อวิ๋นหู่ยังจำได้ดี ตอนเด็ก ๆ ทั้งสองต่างตัวไม่สูง พวกเขาโดนรังแก
บ่อย ๆ ทว่าหลินเฟิงมักจะยืนข้างหน้าบังเขาเอาไว้ ตอนนั้นเจ้านั่น
ไม่ได้แข็งแกร่งมากหรอก แต่มักพูดว่า ‘ห้ามพวกนายรังแกหู่’ ถึงแม้
จะสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ หลินเฟิงก็ยังทำเช่นนี้เสมอ
ตอนแรก อวิ๋นหู่รู้สึกว่าหลินเฟิงโง่จริง ทั้งที่ตัวเล็กยังกะซาลาเปา
น้อย แต่กลับมายืนขวางอยู่หน้าเขา เจ้านั่นไม่รู้จักวิ่งหนีเอาตัวรอด
ก่อนหรือไง? ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถามอีกฝ่าย แต่หลินเฟิงกลับจ้อง
ตาโตอย่างจริงจัง ‘ถ้าฉันหนีไป แล้วใครจะปกป้องนาย’
ดูเหมือนตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา อวิ๋นหู่รู้สึกว่าตัวเองมีคนที่สำคัญ
สำหรับตัวเองแล้ว แม้จะอายุแค่ห้าหกขวบ ทว่ากลับอยากให้หลินเฟิง
อยู่ข้างกาย
ใครกันเป็นคนบอกว่า พวกเราเกิดมาบนโลกนี้ล้วนแต่โดดเดี่ยว
ความรู้สึกแบบนี้ยากจะขจัดทิ้ง
แม้เรามีพ่อแม่ที่รักมากแค่ไหน แต่ท่ามกลางกลางคืนที่เงียบสงัดเรา
ย่อมอยากได้ใครสักคนที่ดีต่อเรา ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้วหลินเฟิง
ไม่ใช่คนเรียนดี ทว่าเพื่อจะได้ถูกคัดให้เรียนห้องเดียวกับเขา เจ้านั่น
จึงขยันมากกว่าใคร สิ่งที่เราได้มาอยู่ในมือไม่ใช่ว่าสวรรค์ประทาน
ให้ แม้ในสายตาหลาย ๆ คน การได้ใช้ชีวิตในครอบครัวที่ร่ำรวย
นับว่าโชคดีมาก แต่เมื่อเราได้อยู่ท่ามกลางความร่ำรวยนั่นจริง ๆ เรา
จะอยากได้เพื่อนและคนที่อยู่เหนือคำว่าเพื่อน
ตอนเด็ก ๆ ไม่มีใครอยากได้คนรักหรอก เขาไม่ได้มีความรักฉันท์ชู้
สาวรุนแรงขนาดนั้น แต่หากเทียบกับคนรักแล้ว เขาอยากอยู่กับหลิน
เฟิงตลอดไปมากกว่า ความคิดนี้เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ดังนั้นอวิ๋นหู่จึง
กลัว…กลัวว่าหลินเฟิงจะต้องถอยห่าง เพราะความรับผิดชอบใน
บางอย่าง
ดังนั้นเมื่อถือจานผลไม้เข้าห้อง เขาไม่ได้พูดอะไรก็ดันอีกฝ่ายชิด
กำแพง ก่อนจะจูบอย่างหนักหน่วง แต่ไม่ได้พัวพันอะไรมากไปกว่า
นี้ เอ่ยเสียงหนักตามการกระทำดังกล่าว “ต่อฟ้าผ่าถล่มทลาย นายก็
ห้ามเสียใจ นายปล้ำฉันแล้ว ต้องรับผิดชอบ”
หลินเฟิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ร้อง เฮ้ย ๆ ๆ ๆ แต่ขยับตัวลำบาก
ด้วยถูกอีกฝ่ายใช้หน้าผากดัน จึงคำรามเสียงต่ำ “นายเป็นฝ่ายปล้ำฉัน
เองแท้ ๆ อย่าเว่อร์”
อวิ๋นหู่ไม่ได้หยุดพูดแค่นี้แต่ก้มหน้าลง เอ่ยเสียงเรียบ “ฉันไม่ให้นาย
ไปดูตัว ถ้านายไปจริง ๆ ฉันจะทำลายความรักของนายเหมือนเมื่อ
ตอนอยู่มัธยม นายชอบใคร ฉันก็จะแย่งคนนั้น นายน่าจะรู้ว่าเรื่อง
แบบนี้มันง่ายมากสำหรับฉัน”

ตอนที่ 2017
อวิ๋นหู่ หลินเฟิ ง
“อะไรที่เรียกว่าอยู่เป็นแล้วอะไรที่เรียกว่าอยู่ไม่เป็น” ป๋อจิ่วตัดสินใจ
ที่จะถามก่อน ถึงเวลานั้นเขาจะได้ไม่หึงอีก
ฉินมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบว่า “เธอถามคำถามเยอะเกินไปแล้ว”
ป๋ อจิ่วเพิ่งจะเอ่ยปาก ฉินมั่วก็ก้มจูบเธออย่างแนบแน่น ทำให้เธอสงบ
เงียบ แถมยังไม่ต้องไปสนใจเรื่องอื่นอีก ดังนั้นป๋ อจิ่วจึงพลาดข้อความ
ที่หลินเฟิงส่งมาให้
ความจริงแล้ว ตอนหลินเฟิงเห็นข้อความที่แบล็กพีชส่งมาถาม ก็คิด
อยู่ว่าจะตอบอย่างไรดี
ตอบตามจริง? จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะมันพัวพันถึงชื่อเสียง
ลูกผู้ชายคนหนึ่งเลยนะ!
แต่ถ้าไม่ตอบล่ะ? เจ้าแบล็กจะต้องคิดว่าเขาเอาเจ้าหู่ไม่อยู่หมัด ตอน
พูดล่ะอวดเสียดิบดี แต่กลับไม่ทำให้คนเชื่อ
หลินเฟิงขยับพิมพ์ข้อความส่ง “กำลังดูแลหู่ เขาเจ็บเอว แค่นี้นะ ไม่
พูดต่อล่ะ” เมื่อตอบเช่นนี้ เขาก็รู้สึกว่าน่าเชื่อถือมาก ก่อนหน้านี้หนึ่ง
วันเขายังคิดอยู่ว่าจะโม้ฝีมือตัวเองอย่างไรในเช้าวันนี้ ทว่าเวลานี้เขา
เองก็ไม่รู้ว่าจะโม้อย่างไร แต่จะบอกเจ้าแบล็กไม่ได้เด็ดขาดว่าเขา
เป็นฝ่ายอยู่ข้างล่าง!
หลังจากที่ส่งข้อความเสร็จก็คิดจะพักเสียหน่อย ด้วยสภาพเขาใน
เวลานี้ ไม่ควรจะไปพบหน้าคนอื่นจริง ๆ
เมื่อตอนที่เข้าบ้านมา แม่ก็ถาม เขาได้แต่ตอบว่าเป็นหวัดไม่สบาย
พูดได้แค่นี้แหละ จะบอกได้ไงล่ะว่าเขากับหู่นอนด้วยกันแถมเขายัง
เป็นฝ่ายรับด้วย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาพลันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ตอนที่เจ้านั่นก้ม
หน้าลงมา ทำไมเขาถึงไม่ปฏิเสธ? รู้สึกเพียงว่าอีกฝ่ายเป็นเหมือน
แม่เหล็กที่มีแรงดึงดูดเขามหาศาล จะบอกว่าเท่ดีหรือว่าฝีมือเจ้านั่น
เยี่ยมดีล่ะ
หลินเฟิงสะบัดศีรษะ คิดจะสลักภาพในหัวทิ้งไปให้หมด ไม่คิดว่า
สะบัดยังไม่จบ มือถือก็พลันดังขึ้น หน้าจอโชว์ชื่อของอวิ๋นหู่ หลิน
เฟิงเห็นชื่อนั้นก็ชะงักสักพักหนึ่งก่อนจะกดปิดเสียง มองสภาพมือ
ถือเหมือนสัตว์ร้ายที่มากับน้ำท่วม ดวงตากลมโต
ในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง ศักด์ิศรีประจำตัวบอกเขาว่าถ้ายังไม่
รับสายอีกก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย
แค่นอนกับผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ
แค่ถ้าไม่รุกก็ต้องรับ
แค่ตอนหลังของที่เขาซื้อมากลับถูกนำมาใช้กับตัวเอง?
จะมีอะไร จริงไหม? อย่างไรเสียเขาก็กลับถึงบ้านแล้ว ยังต้องกลัว
อวิ๋นหู่ที่อยู่ห่างไกลอีกเหรอ ไม่ต้องกลัว รับสายสิ!
หลังจากที่หลินเฟิงทำใจก็สูดหายใจลึก หยิบมือถือมากดปุ่มรับแล้ว
แนบเข้าหู พยายามเอ่ยเสียงเข้ม เพื่อให้อีกฝ่ายได้ยินแล้วรู้สึกว่าเขา
สุขุมหนักแน่น “ฮัลโหล”
ใช่ คะแนนมาดเขาต้องมาเต็ม ห้ามโดนข่ม หลังจากหลินเฟิงให้
คะแนนตัวเอง ก็ได้ยินปลายสายเอ่ยขึ้นว่า “นอนตื่นแล้วก็หนีเลยนะ
จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม เทพหลิน?”
เรียกเทพหลินบ้านแกสิ หลินเฟิงรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจแน่นอน ขณะที่
กำลังจะอาละวาด เสียงอวิ๋นหู่กลับดังขึ้นอีก “ไม่สบายหรือเปล่า?”
“ยังโอเค” หลินเฟิงขยับตัวเขิน ๆ
อวิ๋นหู่ยังพูดเสียงเรียบ “ฉันลืมตาตื่นก็ไม่เห็นนายแล้ว นึกว่าเมื่อคืน
ฝันไปซะอีก เพราะหลายปีที่ผ่านมาก็ฝันจนชินแล้ว”
หลินเฟิง…หนอย นายเล่นฝันว่าทำอย่างนั้นกับฉันมาหลายปี ยังกล้า
พูดอีก!
ตอนที่ 2018-1
“ฉันซื้อยามาให้นาย” อวิ๋นหู่ที่อยู่ปลายสายกดเสียงให้ต่ำลง จึงฟังดู
เหมือนแหบเครือ “ต้องทายาตรงนั้นถึงจะดีขึ้น”
เดิมก็ไม่มีอะไรหรอก แต่คนแก่วิชาพูดเสียจนหลินเฟิงหน้าแดง ต้อง
หันหน้าไปอีกทาง “ไม่ต้อง นอนสักหน่อยก็ดีขึ้น แถมฉันไม่ได้อยู่
ตรงนั้นด้วย”
“นายอยู่ไหน? บ้านหลิน?” อวิ๋นหู่เหมือนแค่ถามไปงั้น ๆ
หลินเฟิงตอบรับ “อื้อ”
ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เจ้านั่นจะทำอะไรเขาได้
แต่ใครจะคิดล่ะว่าอวิ๋นหู่กลับพูดขึ้น “รอเดี๋ยวนะ” หลินเฟิงได้แต่คิด
ในใจ…ขออย่าได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลย
ความคิดดังกล่าวยังไม่ทันได้ถ่ายทอดออกมา ก็เหมือนจะมีเสียงดัง
จากด้านล่าง
อวิ๋นหู่มาจริง ๆ ด้วย นอกจากเอายามาแล้วยังถือผลไม้มาสองถุง
เป็นของโปรดของคุณแม่หลินทั้งสิ้น
คุณแม่หลินเห็นอวิ๋นหู่แล้วดีใจสุดฤทธ์ิ “ทำไมวันนี้หู่ถึงว่างมาที่นี่
ได้ล่ะ?”
“มาเยี่ยมคุณแม่บุญธรรมน่ะครับ” อวิ๋นหู่พูดเก่งเสมอ
คุณแม่หลินยิ้มสวยยิ่งขึ้น “เพิ่งจะมาไม่นานนี้เอง วันนี้อย่าเพิ่งรีบ
กลับล่ะ คืนนี้จะทำปลาให้กิน”
“ครับ” อวิ๋นหู่พูดพลางทำเป็นบังเอิญถาม “หลินเฟิงล่ะครับ?”
“เขานอนอยู่ข้างบนจ้ะ ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ทำตัวแปลก ๆ จะออกไป
อยู่เองให้ได้ เป็นหวัดก็ไม่ยอมให้น้าเข้าไปดูแลในห้อง” คุณแม่ส่าย
หน้า “โตแล้วจริง ๆ รู้จักอายด้วย”
หลินเฟิงยืนฟังแม่อยู่ที่กรอบประตู สงสัยเหลือเกินว่าเธอเป็นแม่ของ
ใครกันแน่ นี่ล่อหมาป่าเข้าห้องเลยนะ หลินเฟิงกระโดดลงจากเตียง
ลังเลอยู่ว่าจะล็อคประตูด้านนอกดีไหม
ไม่ล็อคเหรอ ให้เขาเห็นอวิ๋นหู่ในเวลาอย่างนี้ มันก็กระอักกระอ่วน
นะ
ถ้าล็อค มันก็จงใจเกินไป
ในระหว่างที่หลินเฟิงกำลังลังเล เสียงแผ่วต่ำพลันดังขึ้นจากด้านล่าง
“งั้นผมขอขึ้นไปดูเขาหน่อยนะครับ”
“ไปเถอะ ไปเถอะ” คุณแม่หลินดีใจจริง ๆ “น้าจะไปเตรียมผลไม้
ให้”
หลินเฟิงได้แต่คิดในใจ…แม่เขาก็ช่างส่งเขาเข้าปากหมาป่าจริง ๆ เมื่อ
ก่อนเป็นยังไง เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้น หลินเฟิงรู้สึกว่า ‘อาการหวัด’
ของตัวเองคงไม่หายแล้วล่ะ ในเมื่อหลบไม่พ้นก็สู้เผชิญหน้าไปเลย
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเสียอะไรไปก็ตาม ห้ามเสียหน้าเด็ดขาด กลัว
อะไรวะ!
ในระหว่างที่อวิ๋นหู่เดินเข้ามา เขารีบปรับสีหน้าก่อนจะแกล้งนั่งเล่น
เกมไลฟ์ สดอยู่บนเก้าอี้ ส่วนอวิ๋นหู่ที่ขึ้นมาแล้วได้เห็นภาพดังกล่าว
ก็คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะนอนบนเตียง แต่นี่ยังเล่นเกมอีก?
หลินเฟิงรู้สึกว่ามีคนเข้ามา จึงแสร้งหันไปมองอย่างเฉยชา “นาย
มาแล้วเหรอ?”
อวิ๋นหู่ไม่ได้พูดอะไร เดินไปยื่นมือแนบหน้าผากอีกฝ่ายตรง ๆ
หลินเฟิงชะงัก มาดที่เก๊กไว้อย่างดุดันลดน้อยลดลงทันที “นายจะพูด
ก็พูดดิ มาแตะเนื้อต้องตัวทำไม” เฮ้ย เกินไปแล้วนะเว้ย
“ไม่แตะเนื้อต้องตัว?” อวิ๋นหู่เลิกคิ้วก่อนจะหลุบตาก้มลงเอาหน้าผาก
ของตัวเองชนกับหน้าผากอีกฝ่าย ทำให้หลินเฟิงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ
คืนอีกครั้ง เขินนะ!
“ฉันไม่ได้มีไข้” หลินเฟิงผลักอีกฝ่ายออก แต่เมื่อทำแบบนี้ก็ส่องผล
ให้ให้เอวขยับเขยื้อน เจ็บจนตัวเกร็งเลยทีเดียว
อวิ๋นหู่มองออกว่าหลินเฟิงเจ็บจึงแตะนิ้วที่บั้นเอว ทำให้หลินเฟิงตก
ตะลึง รู้สึกว่าหน้าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แต่แรงนวดของอวิ๋นหู่ที่ส่งมากลับ
กำลังพอเหมาะ
ตอนที่ 2018-2
ไม่ผิดคาด เสือร้ายตกภูเขาย่อมโดนหมากัด โอกาสหน้าเขาจะไม่
ยอมอยู่ด้านล่างอีกแล้ว แล้วถ้าเจ้าของร้านนั่นในครั้งหน้า เขาจะสั่ง
ให้หาสินค้าปกติให้เขา พวกเร่งอารมณ์กำหนัดน่ะ ไม่เอาอีกแล้ว ถ้า
ไม่ใช่เพราะมัน เขาคงไม่ถึงกลับหมดแรงต่อต้านหรอก เสียแผน
หมด ใช่ เสียแผน!
หลินเฟิงไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าตัวเองฝีมือสู้เขาไม่ได้ “ครั้งหน้าฉันจะ
เอาคืน” ฝ่ายอวิ๋นหู่ได้ยินแล้ว เลิกคิ้วครู่หนึ่ง มุมปากซ่อนรอยยิ้มไว้
“โอเค”
ครั้งหน้า? เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่ฝีมือของแต่ละคน เจ้านี่คงไม่รู้ตัวถึง
ตำแหน่งแห่งหนของตัวเองสักที แต่ไม่เป็นอะไร สำหรับอวิ๋นหู่แล้ว
เขาออกจะสนับสนุนความฝันของหลินเฟิง เพราะปกติแล้ว สิ่งที่ไม่
มีวันเกิดขึ้นได้ตลอดกาลถึงจะถูกเรียกว่า ‘ความฝัน’
“ขึ้นเตียงเถอะ”
หลินเฟิงได้ยินแล้วถอยหลังหนึ่งก้าว “เฮ้ย นายจะให้ฉันขึ้นเตียงไป
ทำอะไร?”
“ทายาไง” อวิ๋นหู่จ้องอีกฝ่าย เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่งั้นนายคิดว่าฉันจะ
ทำอะไร?”
หลินเฟิงเขินเล็กน้อย แต่จากนั้นก็พูดขึ้นอีก “ต่อไปอย่าพูดอะไรที่
ชวนคิดลึกแบบนี้อีกนะ ทายาก็ทายา”
อวิ๋นหู่กวาดตามองอีกฝ่าย “ได้”
หลินเฟิงเขินนิด ๆ ตอนเจ้านั่นทายาให้เขา ทาที่ลำคอเขาด้วย “ลด
บวม”
หลินเฟิงได้แต่พูดในใจว่า นายยังรู้ตัวนี่ว่าเวลาจูบคนทีแทบจะสิ้นชีวิต
กันเลย
แต่เขาพูดตรง ๆ อย่างนั้นไม่ได้ จะต้องเป็นฝ่ายรุกเอง
อวิ๋นหู่ก็ไม่ได้พูดอะไร เอายามาวางไว้ในมือก่อนจะกวาดตามอง
เตียงที่ยับยู่ยี่ คนบางคนก็ช่างเสแสร้งเก่ง เล่นเกมบ้าอะไร เป็นไปได้
เหรอ อวิ๋นหู่หันไปมองยังร่างที่นอนบนเตียง
ฝ่ายหลินเฟิงโดนมองจนไม่รู้ว่าจะขยับอย่างไรดี พลันได้ยินอีกฝ่าย
พูดขึ้นว่า “ถอดกางเกงด้วย”
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ได้วู่วาม “ถอดกางเกงทำไม”
“นายว่าจะทำไมล่ะ?” อวิ๋นหู่กดขาเพื่อนไว้ “ฉันจะช่วยทายาให้นาย
ที่ตรงนั้น มันสะดวกกว่า”
หลินเฟิงมองดูใบหน้าคมสันที่เข้าใกล้ทุกขณะ…ใกล้จนเขาไม่อาจ
ขัดขืน ได้แต่ห่มผ้าห่ม กระทั่งหลังคอยังแดงเรื่อ ไม่มองดูคนที่นั่งริม
เตียง จากนั้นเขาก็หลับจริง ๆ
จนถึงเวลากินข้าว
คุณแม่หลินย่อมเป็นฝ่ายมาเรียกทั้งสอง “อุ๊ย พอหู่มา เราก็หายไข้เลย
นะ”
หลินเฟิงพูดอย่างลำบากใจ “คนสวยครับ ผมกำลังฝืนสังขารเพราะ
ต้องกินข้าวเป็นเพื่อนคุณนะครับ”
“อย่าพูดบ้า ๆ ลงมากินข้าว” คุณแม่หลินลงไปด้านล่างอย่างอารมณ์ดี
หลินเฟิง…เขาพูดล่ะหาว่าบ้า ทีอวิ๋นหู่พูดกลายเป็นฉลาด คุณแม่ที่
เคารพอย่างสูงนี่เหลือเชื่อจริง ๆ พูดอะไรทีเป็นต้องแบ่งแยกสายเลือด
หรือไง!
เขาไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้จึงหิวมาก เมื่อเห็น
อาหารบนโต๊ะก็คุมตัวเองไม่อยู่ ขยับตะเกียบทันที ไม่ว่าจะเป็นไก่
ผัดพริกใส่มันฝรั่ง ปลาราดพริก รากบัวยัดหมูนึ่ง ล้วนแต่เป็นของที่
พวกเขาชอบกินทั้งนั้น ปกติแล้วแม่เขาชอบบ่นว่าทำยากจะตายเลย
ไม่ทำ นี่เพราะลูกชายตัวจริงมาล่ะสิ!
หลินเฟิงแขวะในใจพลางก้มหน้ากะจะกินให้เต็มที่ ทว่าไม่รู้ว่าอวิ๋น
หู่เป็นอะไร ไม่ว่าเขาจะยื่นตะเกียบไปที่ไหน เจ้านั่นก็ยื่นตามเหมือน
เป็นศัตรูกับเขา จนเมื่อเขาอยากคีบเนื้อไก่มากิน อวิ๋นหู่ก็มาแย่งจาก
ตะเกียบเขาไปเป็นครั้งที่สาม ทำให้เขาโมโหจะอาละวาด ก็เห็นอวิ๋น
หู่คีบผักมาใส่ถ้วยเขา “นายไม่สบาย อย่ากินของเผ็ดเลย”
คุณแม่หลินคิดว่าอวิ๋นหู่หมายถึงว่าลูกตัวเองเป็นหวัด “หู่พูดถูกแล้ว
ไป ไปตักซุปมากินเอง”

ตอนที่ 2015
ในระหว่างที่มั่วเป่ยสงสัยว่าตัวเองตาฝาดหรือเปล่า ฉินมั่วก็สาวเท้า
เข้ามาดึงคอเสื้อด้านหลังของป๋ อจิ่ว “อย่าบังคับให้เด็กกินของที่เขา
ไม่ชอบสิ”
ป๋ อจิ่วเอียงศีรษะ แววตาเปลี่ยนไป มองดูคนตรงหน้าอีกครั้ง “มั่วเป่ ย
ไม่ชอบกินไข่ไก่เหรอ?”
มั่วเป่ยมองสายตาที่หัวหน้าส่งมา แล้วหันไปมองไอดอลของตัวเอง
ใบหูพลันแดงขึ้น เอ่ยเสียงใสอย่างจริงจังว่า “ชอบ”
“งั้นก็กินเยอะ ๆ” ป๋ อจิ่วคีบให้เธออีก
เวลานี้ฉินมั่วจิกตาใส่เลยทีเดียว ไม่พูดอะไร อาศัยกลิ่นอายเย็นชาบน
ตัวก็ทำให้ผู้ช่วยที่ตามมาดันแว่นบนดั้งจมูก คุณชายหึงอีกแล้ว?
อันที่จริงก็ไม่ถึงกับหึง เมื่อก่อนคนบางคนอยู่เป็นเพื่อนตัวเอง แต่
ตอนนี้ดูเหมือนจะเอาใจใส่เจ้าเด็กนี่มากเกินไปแล้ว
ป๋ อจิ่วปฏิบัติต่อมั่วเป่ ยต่างจากคนอื่นจริง ๆ เพราะตอนนั้นถ้ามั่วเป่ ย
ไม่ให้ตั๋วเธอ เธอคงเข้าสนามแข่งได้ไม่รวดเร็วหรอก อีกทั้งบุคลิก
ของเด็กคนนี้ยังเหมือนฉินมั่วเมื่อตอนเป็นเด็กอีก ป๋ อจิ่วย่อมต้อง
ดูแลอีกฝ่ายให้มากหน่อย
แต่หลังจากที่ดูแลก็พบว่าเด็กคนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่น ชอบไปไหน
มาไหนคนเดียว เวลาซื้ออาหารก็จ่ายเงินให้น้อยที่สุด ไม่ค่อยพูด
เวลาฝึกซ้อมก็ขยันกว่าใครเพื่อน
การแข่งกีฬาอีสปอร์ตวัดกันที่พรสวรรค์ของผู้เล่นจริง ๆ และไม่ใช่
ว่าคนที่ชอบเล่นเกมจะเหมาะกับวงการนี้
บางคนเล่นเกมได้ดีมาแต่กำเนิด แต่บางคนไม่ว่าจะฝึกมากแค่ไหนก็
ยังมีฝีมือคงเดิม
ดังนั้นพวกที่จะทิ้งอนาคตการเรียนมาเอาจริงเอาจังด้านนี้จะต้อง
พิจารณาดูให้ดี เพราะไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็จะประสบความสำเร็จได้ ต้อง
ดูว่ามีสภาพจิตใจแข็งแกร่งเพียงใด มีพรสวรรค์หรือเปล่า เข้าใจถึง
หลักการเล่นที่สำคัญที่สุดไหม ความเร็วในการกดเป็นอย่างไร ประเมิน
เหตุการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำแค่ไหน เป็นเหตุให้เวลาทีมไดมอนด์
รับสมาชิกใหม่ทีไรจะต้องคัดคนอยู่หลายรอบ แม้การเลือกกันถึงขั้น
นี้จะทำให้คนครหาว่าพอทีมไดมอนด์ได้แชมป์ ก็ดูถูกคนทันที แต่
พวกเขายังคงใช้วิธีนี้ได้การคัดเลือกอยู่ดี
แต่ละวงการอาชีพล้วนแต่มีด้านสดใสของตัวเอง เช่นเดียวกันกับที่มี
ด้านที่ไม่อยากให้ใครรู้ แม้จะเป็นทีมไดมอนด์ ก็ใช่ว่าจะทำให้คน
ชอบได้หมด พวกที่เล่นกันมาถึงตอนนี้แต่ยังไม่อาจประสบความ
สำเร็จ บ้างก็เพราะชอบมาก บ้างก็อยากเห็นทีมไดมอนด์ล้ม
ดังนั้นเมื่อได้รู้เงื่อนไขคัดเลือกสมาชิกของทีมไดมอนด์ก็กระแซะกัน
ว่า “ขอพูดเลยนะ แฟนคลับทีมไดมอนด์จะได้ไม่หาว่าอิจฉา ฉันเข้า
แข่งอีสปอร์ตเพราะชอบ จะดังไหมหรือชนะไหมไม่ใช่เรื่องสำคัญ
แค่เล่น ๆ แต่ฉันไม่ชอบพวกที่พอได้แชมป์ ก็ดูถูกผู้เล่นทั่วไป บ้า
ชะมัด”
คำพูดแบบนี้ต่างแพร่กันในกลุ่มเด็กฝึก ใช่ว่าป๋ อจิ่วจะไม่เคยได้ยิน
ในช่วงสองวันที่ดูแลพวกเขา และรู้ด้วยว่าบางคนรู้สึกว่าได้รับการ
ให้ความสำคัญไม่เพียงพอ กำลังคิดว่าจะอยู่ทีมไดมอนด์ดีไหม
หลังจากที่รับรู้ เธอเพียงยืนพิงกำแพงยิ้มนิด ๆ ราวกับไม่แคร์ว่าใคร
จะไปหรือใครจะอยู่ แต่ก่อนที่เธอจะเดินจากไป ก็เห็นร่างเล็ก ๆ ยืน
ตรงหน้าเด็กฝึกทั้งหมด ใบหน้ายังคงเรียบเฉย “ถ้าเข้าแข่งแล้วไม่
อยากชนะ แล้วเขาจะเข้าวงการมาเล่นลีกส์อาชีพทำไม? ถ้าชอบก็
เล่นเป็นงานอดิเรกอยู่ที่บ้านดิ พูดแบบนี้ย้อนแย้งชัด ๆ”
ตอนที่ 2016-1
ถ้าต่อไปมีลูก
“เด็กอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร? หลายคนที่เข้าวงการนี้ก็เพราะชอบ
เข้าใจปะ” เด็กฝึกหลายคนไม่ชอบหน้ามั่วเป่ย
“จะไปไหนก็ไปไป๊ หน้านิ่งอยู่ทั้งวันแล้วยังจะหยิ่งอีก ถือดีว่าได้
โอกาสแสดงฝีมือตอนแข่งเลยถูกรับเข้ามา พวกเราไม่เหมือนนาย
หรอก พวกเราขยันตั้งเท่าไรถึงมาจุดนี้ได้ ไม่เหมือนนายที่ไม่เคย
ผ่านอุปสรรคสักอย่าง แค่ซี้กับเทพ Z ก็โอเคแล้ว วิธีแข่งก็เลียนแบบ
คนอื่นเขา ไม่มีลักษณะเฉพาะของตัวเองสักนิด ตำแหน่งรองหัวหน้า
ก็ไม่ควรให้ผู้หญิงมารับเลย ต่อให้เป็นเทพ Z ก็เถอะ ตอนคัดเลือก
พวกเราก็ผิดหวังแล้วที่เลือกอย่างนายเข้ามา ตลกเป็นบ้า ยังมีหน้ามา
บอกว่าโอกาสมีไว้ให้คนที่ขยัน ทีมไดมอนด์เล่นยึดหลักการไม่
จริงจังแบบนี้ คงอยู่ไม่ได้นานหรอก”
ร่างเล็กนั่นได้ยินประโยคสุดท้าย ใบหน้าที่เย็นชาก็ยิ่งเย็นยะเยือก
“ในเมื่อทีมไดมอนด์ไม่ดีอย่างนั้น แล้วพวกนายมาทำไม ในเมื่อเข้า
มาแล้วก็ยังมาว่าร้ายเขาอีก ใครบ้างที่ไม่ได้เริ่มเล่นเกมเพราะความชอบ
เทพ Z เลือกฉันเพราะฉันเล่นดีกว่าพวกนาย ถ้าพวกนายรับไม่ได้ก็
มาแข่งโซโล่กับฉันสิ แต่ฉันรู้ดีว่าคนที่ชอบพูดลับหลังอย่างพวกนาย
ก็คงเป็นอย่างนี้ตลอดทั้งชาติแหละ บอกว่าตัวเองทุ่มเทมาก แต่กลับ
ไม่สนใจที่ตัวเกม คนที่ชอบจริง ๆ พอว่างก็รีบไปฝึกซ้อมแล้ว ไม่มา
นั่งนินทาคนอื่นเขาหรอก ยังจะบอกว่าตัวเองไม่ได้อิจฉาอีก ฉันขอ
พูดเหมือนเดิม ถ้าไม่อยากชนะก็เล่นเป็นงานอดิเรกซะ ไม่ต้องมา
เล่นลีกส์อาชีพหรอก ทุกคนที่เข้าทีมลีกส์อาชีพ ไม่มีใครหรอกที่ไม่
อยากยืนให้สูงขึ้น แล้วก็ไม่มีใครอยากแพ้ด้วย พวกนายเข้าทีมได
มอนด์มาก็เพราะชื่อเสียงของทีม พวกนายน่ะอยากให้คนรู้จักหลาย ๆ
คน ยังมีหน้าพูดแบบนี้อีกเนอะ?”
“ขอร้องเหอะ พวกเราไม่อยากดังเหมือนเธอสักหน่อย”
ร่างเล็กนั่นยังคงนิ่ง “ไม่เหมือนฉัน? ฉันต่างหากไม่เหมือนพวกนาย
ฉันอยากได้อะไรที่ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เช่น อยากชนะ ฉันอยากให้
ทีมไดมอนด์ยืนในตำแหน่งนี้ตลอดไป ไม่ให้ใครลากลงมา นี่แหละ
คือเป้าหมายที่ฉันอยากเล่นลีกส์อาชีพ แถมยังได้หาเงินเลี้ยงตัวเอง
ด้วย คนที่ไม่อยากเข้ารอบชิงชนะเลิศในระดับประเทศเพราะกลัว
การเรียนไม่เสียก็ถือว่าโอเค เพราะเส้นทางของอีสปอร์ตมันยากลำบาก
คนที่ผ่านมาก่อนถึงจะรู้ อีกอย่างทีมไดมอนด์จะไม่รับใครก็เป็นเรื่อง
ปกติ พวกนายเหยียดทีมขนาดนี้ ไม่ได้เพราะไม่อยากดังหรอก แต่
เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีวันได้อันดับหนึ่งในการแข่งรอบสุดท้าย แล้ว
พวกนายจะไม่ดังด้วย”
“ตลกแล้ว คิดว่าพวกเราจะเป็นเหมือนนายหรือไง ขาดเงินจนต้องใช้
วิธีแบบนี้มาพิสูจน์ตัวเอง เอาเหอะ ไม่อยากพูดกับพวกโง่”
เด็กคนนั้นเหลือบมอง “ถ้ารู้ว่าฉันโง่ ก็อย่าเล่นแอคเคาท์สำรองอยู่
ที่นี่ แล้วใช้สถานะแฟนคลับมาด่าเทพ Z ดิ”
จากจุดที่ป๋ อจิ่วยืนอยู่ จะเห็นผู้ชายคนนั้นโกรธจนหน้าเขียว คงเพราะ
ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้ความลับตัวเอง ถึงได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป
ตอนที่ 2016-2
ถ้าต่อไปมีลูก
เด็กคนนั้นถอนสายตากลับมา “โลกนี้ไม่ใช่ที่ที่นายอยากกระทืบคน
อื่นให้ต่ำลงแล้วตัวเองจะได้สูงแทน พวกนายย่อมพูดได้ว่าไม่ได้คิด
แบบนั้นหรอก แค่โมโห รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม คิดว่าเทพ Z ทำไม่ถูก
ใช่ป่ะล่ะ? รอจนแข่งรอบสุดท้ายก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากัน”
พูดเสร็จก็หันมามองราวกับไม่กลัวว่าอีกฝ่ายตัวสูงกว่า เอ่ยเสียงเรียบ
ว่า “ฉันต้องชนะ แล้วก็จะเล่นงานพวกนายให้ย่อยยับเลย”
“แก!” ชายคนนั้นจะลงไม้ลงมือ แต่คนข้างตัวเตือนว่ามีกล้องวงจร
ปิดอยู่เหนือศีรษะเขา ชายคนนั้นจึงได้แต่ส่งสายตาอาฆาตให้
เด็กฝึกเหล่านั้นไม่รู้เลยว่า ป๋ อจิ่วเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง นับแต่วัน
นั้นเป็นต้นมา ก็มีหลายเสียงลือกันว่า เด็กฝึกที่อายุน้อยที่สุดของทีม
ไดมอนด์หยิ่งสะบัด ไม่รู้จักให้ความร่วมมือกับคนในทีม พอเป็นที่
รู้จักก็ทำตัวหยิ่ง ชอบพูดอะไรที่ตบหน้าตัวเองอยู่เรื่อย
แฟนคลับบางคนบอกว่าผิดหวังกับวิธีคัดเลือกคนของทีมไดมอนด์
มาตั้งแต่ต้นจนจบ นี่ไม่ใช่ทีมไดมอนด์ที่เขารู้จัก กระทั่งมีคนหาว่า
แบล็กพีช Z เลือกคนจากหน้าตา บ้างก็ว่ารับผลประโยชน์บางอย่าง
มา ส่งผลให้มีคนแสดงความผิดหวังกันใหญ่
ต่อมาเด็กหญิงเริ่มทนไม่ไหว และนี่แหละคือเหตุที่ป๋อจิ่วเริ่มจับตา
มองเธอ เด็กนั่นน่าเอ็นดูจริง ๆ แต่การตรงไปหน่อยย่อมโดนหัก
ก่อนหน้านี้ป๋ อจิ่วเคยคิดจะคุยกับเด็ก แต่เมื่อสบตาอีกฝ่ายแล้วก็คิดว่า
ช่างเถอะ ยังไงพวกเธอก็ยังอยู่ อย่างน้อยก็เลี้ยงเด็กคนนี้เอาไว้ ต่อไป
ทีมไดมอนด์จะไปได้ไกลแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ เพราะวงการนี้เปลี่ยน
แปลงได้ง่ายดาย
ป๋ อจิ่วค้ำคาง ยิ้มทรงเสน่ห์ การป้อนอาหารเด็กทำให้เธอรู้สึกประสบ
ความสำเร็จ ทว่าฉินมั่วนั่งอยู่ตรงที่เดิมกลับมีออร่าที่เย็นจัดกว่าปกติ
จนมั่วเป่ยรับรู้ได้ หลังจากที่กินข้าวเสร็จ เธอก็ไปซ้อมต่อ
ฉินมั่วเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะดึงสายตากลับมา แล้วหันไปมอง
คนบางคนที่เดินตรงมายังห้องทำงานเขา
ป๋ อจิ่วง่วง การตื่นแต่เช้าไม่ค่อยดีเลย พอเข้าห้องทำงานไป ฉินมั่วก็
ถาม “ชอบเด็กมากเหรอ?”
“อื้อ” เมื่อก่อนป๋ อจิ่วก็ไม่ได้ชอบเด็กนักหรอก แต่เมื่อได้เห็นใครบาง
คนผ่านหน้าต่างเมื่อตอนที่เป็นเด็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าทำไมที่เห็นเด็กเย็น
ชาพูดน้อยทีไรเป็นต้องลืมระวังตัวเอง กระทั่งด้วยเหตุนี้ทำให้เธอลืม
ไปว่าเด็กก็เป็นหนึ่งในแผนลวงได้เหมือนกัน แต่เธอในเวลานี้มอง
ทุกอย่างออกแล้ว คงเพราะได้เจอมั่วเป่ยที่เหมือนท่านเทพเมื่อยาม
เป็นเด็ก และเด็กก็มักดูบริสุทธ์ิเหมือนเทวดานางฟ้า โดยเฉพาะหน้า
นิ่ง ๆ แค่หยอกล้อนิดเดียวก็หูแดง แถมยังมีความคิดเป็นของตัวเอง
ไม่ปล่อยไปตามกระแสของคนอื่น นี่แหละคือเสน่ห์ของเจ้าตัว
ฉินมั่วเดินเข้ามาใกล้ ค้ำมือข้างหนึ่งข้างเธอ ก้มตัวลงมา “ในเมื่อชอบ
มากก็คลอดมาสักคนสิ” ป๋ อจิ่วยังตั้งตัวไม่ทัน ฉินมั่วก็เอ่ยขึ้นเสียง
เรียบ “รอเธอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว พวกเราก็ไปที่ The Fifth Avenue
อยู่ที่นั่นจะได้ไม่มีใครต่อใครมาให้เธอป้อนข้าว สะดวกต่อการอุ้ม
ท้องดี”
ป๋อจิ่วอยากถามว่าพี่หึงใช่ไหมล่ะ แต่ท่านเทพกลับก้มลงจูบปากเธอ
ก่อน ลมหายใจเขาห้อมล้อมปลายจมูกเธอ พอจะได้ยินเสียงของเขา
“ต่อไปถ้าอยากป้อนคนอื่นอีก รบกวนคิดถึงสามีตัวเองบ้าง มิสซิส
ฉิน”
ป๋ อจิ่วหัวเราะขึ้น เส้นผมสีเงินสั่นเล็กน้อย “ได้ แต่พี่มั่ว พี่เอาแต่หึง
แบบนี้ ต่อไปถ้าเรามีลูกด้วยกัน พี่จะหึงลูกไหมเนี่ย”
ฉินมั่วหลุบตาลง แนบเรียวปากบางไว้ที่ใบหน้าเธอ เอ่ยอย่างเฉยเมย
ว่า “ต้องดูว่าเขาอยู่เป็นหรือเปล่า”
ป๋อจิ่ว…ตอบเสียงจริงจังเชียว

ตอนที่ 2013-1
ใช้กับตัวเอง
“ระ เริ่มเหรอ?” หน้าของหลินเฟิงถูกลมหายใจของอีกฝ่ายรินรดจน
หน้าร้อนฉ่า
อวิ๋นหู่หลุบตาลง “อุตส่าห์เตรียมตัวไว้เรียบร้อยแล้ว จะไม่เริ่มหรือ
ไง?”
“ต้องเริ่มอยู่แล้วสิ” หลินเฟิงยื่นมือขวาดันอีกฝ่ายชิดกำแพง เอ่ยเสียง
แหบว่า “แต่ต้องให้ฉันเป็นฝ่ายเริ่มนะ”
พูดเป็นเล่น ใช่ว่าเขาจะไม่เคยโดนอวิ๋นหู่จูบมาก่อน แต่ละครั้งที่โดน
จูบ เขาเป็นต้องขาอ่อนยวบ สมองขาวโพลน อย่าว่าแต่จะเป็นฝ่าย
เริ่มเลย เขามีหวังต้องเป็นฝ่ายนอนราบแน่ ดังนั้นต้องเริ่มก่อน แล้ว
เขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มเท่านั้น
อวิ๋นหู่ไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงคิดอะไร แต่เขาย่อมไม่ปฏิเสธที่คนบางคน
จะเป็นฝ่ายเริ่ม “โอเค งั้นนายเริ่ม” อวิ๋นหู่ว่าพลางหลุบตาเล็กน้อย
หลินเฟิงชะโงกหน้าเข้าใกล้ เขากลับรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง คงเพราะหัว
ใจเต้นรัวเร็ว ไม่รู้ว่าทำไม เขายังไม่แตะต้องเลย กลิ่นอายของอีกฝ่าย
ก็ห้อมล้อมทั่วร่างเขาแล้ว
อวิ๋นหู่เห็นหลินเฟิงลังเล ถึงกับกำมือแน่น จนถึงบัดนี้เขาก็ยังกังวล
ว่าอีกฝ่ายจะรับไม่ได้ แม้จะเป็นฝ่ายเสนอเอง แต่พอถึงเวลากลับทำ
อะไรไม่ถูก
แต่ละครั้งเขาล้วนแต่เป็นฝ่ายจูบหลินเฟิง แถมยังเป็นการบังคับให้
อีกฝ่ายรับจูบ หลินเฟิงจะยอมรับการร่วมรักกับผู้ชายได้ไหม? เป็น
การยอมรับที่ไม่ได้จำกัดแค่ในความคิดเลยนะ
“ไม่ไหว” เมื่อหลินเฟิงพูดออกมาเช่นนี้ หัวใจของอวิ๋นหู่ก็เหมือน
โดนมีดกรีด เขาพยายามข่มอารมณ์ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขารู้สึก
อย่างไร “เรื่องแบบนี้รับได้ยากจริง ๆ …”
“นายเล่นจ้องฉันอย่างนี้ ไม่ไหวนะ” หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นอีก คงเพราะ
ผิวขาวนวลมาก ทำให้ลำคอกลายเป็นสีชมพูชัด แต่ออร่ายังไม่ลดลง
“หลับตาก่อน หู่ นายเข้าใจปะวะ ใครบ้างโดนจูบแบบลืมตาเฉยเนี่ย”
อวิ๋นหู่ชะงักครู่หนึ่งก่อนจะยิ้ม “ฉันลืมไป จะหลับตาเดี๋ยวนี้แหละ”
หลินเฟิงเขินนี่เอง ยังอุตส่าห์อ้างว่าเข้าใจไม่เข้าใจอีก ยังดีที่เป็นเพราะ
อาย หากเป็นเพราะรับไม่ได้จริง ๆ เขาจะทำอย่างไรดี อวิ๋นหู่คิดแล้ว
ก็รู้สึกหัวใจห่อเหี่ยวทันที
แต่หลินเฟิงก็หลุบตาลงก่อนจะจูบแบบแตะ ๆ
หากอวิ๋นหู่ลืมตาขึ้น แววตาจะต้องลึกซึ้งแน่นอน เขาพยายามไม่โต้
ตอบกลับเพราะยังไม่ถึงเวลาสำคัญ ถ้าเวลานี้ยังห้ามใจตัวเองไม่ได้ ก็
ไม่อาจได้ลิ้มรสที่หวานที่สุด
หลินเฟิงจูบได้นิดหนึ่ง ดูเหมือนจะติดใจเพราะลมหายใจหนักขึ้นทุก
ที ๆ
เมื่อเขาจะจูบอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเกิดความผิดพลาดที่ตรงไหน แค่อวิ๋นหู่
จูบกลับ สมองเขาก็อื้อจนทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าเวลา
อื่นใด ลมหายใจก็ไม่นิ่ง รอจนได้สติก็ถูกรั้งเอวไว้แน่น ทว่าตอนนี้
การจูบกลับไม่สำคัญแล้ว
หลินเฟิงจำต้องยอมรับว่าเจ้าหู่จูบเก่ง บางทีอาจไม่ใช่แค่จูบเก่ง มือ
ของฝ่ายนั้นแตะไปที่ตรงไหน ตรงนั้นก็ลุกเป็นไฟ ราวกับทำอย่างไร
ก็ดับไม่ได้
ความวาบหวามที่ลามจากบั้นท้ายไม่หยุดทำให้ขาทั้งสองอ่อนยวบ
ผ้าห่มนุ่มอยู่ใต้ร่างตน เมื่อนาฬิกาข้อมือทาบทับลงไป หลินเฟิง
ถึงกับสะดุ้ง ถูกคนจับจุดอ่อนได้
เขาเพิ่งจะร้องตะโกนว่า “อย่า”
อวิ๋นหู่ก็พลันก้มลงมา เอ่ยรดใบหน้าเขาก่อนจะไล่ไปที่หลังหู “แล้ว
นายจะชอบ”
ตอนที่ 2013-2
ใช้กับตัวเอง
เขาชอบจริง ๆ นั่นแหละ
ไม่มีใครไม่อยากโดนปฏิบัติแบบนี้หรอก มันไม่เหมือนกับมือของ
เขาจริง ๆ
หลินเฟิงบรรยายไม่ถูก สติเริ่มล่องลอย ไม่อาจคิดวิเคราะห์ได้ ยิ่งไม่
ต้องพูดถึงเรื่องรุกหรือรับเลย นิ้วและกลิ่นอายทำให้เขาร้อนผ่าวได้
ยังรวมถึงความร้อนที่ปะทะบนบ่าเขาเมื่ออีกฝ่ายหลุบตาลง
อุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงขึ้น
หลินเฟิงไม่มีโอกาสเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน นับจากเริ่มต้น
จนถึงตอนนี้ เขาอยากให้อีกฝ่ายหยุดอยู่ตรงนี้ให้มากหน่อย
นัยน์ตาของอวิ๋นหู่นิ่งขรึมราวกับอดกลั้นอะไรบางอย่างไว้ เขาจูบที่
ริมหูอีกฝ่าย ทั้งยังไม่ลืมยื่นมือไปหยิบบางสิ่งมา
ทางด้านหลินเฟิงก็เคลิ้มจนได้แต่มองเพดานห้อง ร่างกายยังไร้
เรี่ยวแรง
ทันใดนั้นหลินเฟิงก็ถูกอุ้มขึ้นมา
ใช่ว่าจะไม่เจ็บ เขาเบิกตากว้างทันที เพิ่งจะอุทานว่า “เชี่ย!” ก็คิดจะ
ผลักอีกฝ่ายออกไปแล้ว!
ทว่าอวิ๋นหูกลับหยุด เหงื่อผุดบนหน้าผากมากกว่าเวลาไหน “ขอ
โทษนะ ฉันคงหยุดไม่ได้แล้ว”
หลินเฟิงตาโตกว่าเดิม จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงจูบของอีกฝ่ายที่ไม่หยุดลง
เลยสักนิด
ไม่เพียงเท่านั้น ยังรู้สึกด้วยอีกว่าอวิ๋นหู่แทบจะกลืนกินเขาลงไปทั้งตัว
ของแบบนี้เมื่อปรับตัวได้ สิ่งที่ไม่คาดคิดคือความรู้สึกอ่อนยวบที่
มากกว่าเดิม
หลินเฟิงตัวอ่อนไปหมด เหมือนถูกคว้าตัวขึ้นมาจากน้ำ สติความคิด
วุ่นวายไปหมด
ทว่ายังคงได้ยินเสียงข้างหู “นายพูดไม่ผิด รุ่นนี้ใช้ดีจริง ๆ”
หลินเฟิงรู้สึกถึงแรงจากอีกฝ่ายที่ผสมปนเปกับสิ่งอื่นด้วย สร้าง
ความหวามไหวที่มากขึ้น
หลินเฟิงนึกถึงคำพูดลึกลับของเฮียเจ้าของร้านที่ว่า ‘ลองใช้กับผู้ชาย
ของคุณลูกค้าดูสิ จะรู้สึกผลดีอย่างคิดไม่ถึงเลยทีเดียว’
ตอนนี้หลินเฟิงรู้สึกแล้วว่าผลดีนั้นเป็นอย่างไร เพราะเขาต้องการ…
ต้องการมากขึ้นอีก
อวิ๋นหู่ก็รู้สึกเช่นกันว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่เหมือนกับสิ่งอื่นที่เขาใช้ในยาม
ปกติ ชะงักแค่นิดเดียวก็ไม่ได้เก็บอาการอีก
กระจกบานยาวระพื้นสะท้อนให้เห็นเจ้าของร่างผิวขาวนวล หน้าตา
สวย กำลังถูกอีกร่างหนึ่งที่ยึดเอวไว้จากด้านหลัง เส้นผมสีดำปรกลง
มา ทำให้ดูเหมือนเจ้าตัวรับไม่ไหวจนต้องแหงนหน้าขึ้น
อวิ๋นหู่ไม่ลังเลอีกต่อไป ก้มหน้าลงจูบบนแอ่งชีพจร
ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป
นับตั้งแต่ที่รู้ว่าหลินเฟิงจะทำอะไรกับตน อวิ๋นหู่ก็ตัดสินใจที่จะทำ
เช่นนี้
จะหาว่าเขาชั่วช้าก็ได้ ต่อให้มีอย่างอื่นที่ดีแค่ไหน ขอเพียงได้ตัวอีก
ฝ่ายมาครอบครอง ย่อมสำคัญกว่าทุกสิ่ง
หลินเฟิงเข้าใจในที่สุดว่าอะไรที่เรียกว่าติดกับดักตัวเอง
ทว่าทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว
ใครจะรู้ล่ะว่าสิ่งที่ตระเตรียมมาเป็นอย่างดีกลับถูกนำมาใช้กับตัวเอง
แถมใครกันที่บอกว่าถ้าเป็นฝ่ายเริ่มก็จะไม่กลายเป็นฝ่ายรับ!
หากจะบอกว่าหลินเฟิงไม่โกรธก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่จะอย่างไร
เขาก็ได้ลิ้มรสแล้วว่าใช่ว่าจะรับไม่ได้เหมือนอย่างที่คิดไว้ แค่เขิน
อายมากเท่านั้นเอง
ทำให้ในเช้าวันต่อมา ทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่างดี…เขาก็แอบหนีไปแล้ว
ตอนที่ 2014
หลินเฟิงที่หนีออกมาไม่ได้ไปที่ไหน ตรงกลับบ้านตระกูลหลิน
ทันที
มีร่องรอยบนร่างแบบนี้ย่อมไปสถานที่ก่อสร้างไม่ได้ เจ็บทั้งเอว
ปวดทั้งขา แค่เห็นก็มองออกแล้ว
แถมเสียงยังแหบแห้งเอาการ
เมื่อคืนเจ้าหู่ไม่คิดจะให้เขานอนสบาย ๆ เลย ชายหนุ่มคิดมาถึงตรงนี้
ก็ดึงผ้าห่มมาคลุมถึงศีรษะ
แย่แล้ว จะว่าไปถ้าเป็นเขา เขาก็ไม่ให้อีกฝ่ายได้นอนสบาย ๆ เหมือนกัน
ทว่าเมื่อเขากลายเป็นคนที่ไม่ได้นอนสบาย ๆ เสียเอง ทุกอย่างย่อม
ต่างออกไป
เขาเพิ่งรู้ว่าเจ้าหู่เกิดปีหมา ดุโหดหน้าตาดีแบบลูกครึ่งหมาป่ าเหมือน
คำนิยมที่ใช้ในสมัยนี้
หลินเฟิงไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ได้ใช้คำนี้กับอวิ๋นหู่
เขาไม่ได้ไข้ขึ้น อันที่จริงเมื่อตื่นขึ้นมาร่างกายเขาก็สะอาดสะอ้าน
เมื่อคืนหลังจากที่หลับใหล อวิ๋นหู่น่าจะพาเขาไปล้างตัว
หลินเฟิงกำมือแน่น หน้ายังร้อนฉ่า คงเพราะลมหายใจที่รินรดเนื้อ
ตัวเขามันหนักหน่วง จนมาถึงตอนนี้เมื่อหลับตาลง ก็เหมือนยังได้
ยินเสียงหอบแผ่วต่ำข้างหู รวมถึงเสียงครางและความร้อนเร่านั่น…
บ้าจริง!
หลินเฟิงขยับตัวจะไปอาบน้ำ แต่มือถือในกระเป๋ ากลับดังขึ้นก่อน
แบล็กพีชส่งข้อความมาถามสารทุกข์สุขดิบ “เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง?
เล่นงานเทพอวิ๋นอยู่หมัดเลยใช่ไหม?”
ป๋ อจิ่วส่งข้อความเหล่านี้ในขณะที่นั่งอยู่โรงอาหารของทีม เธอเท้า
คางอย่างเนิบนาบ ตั้งแต่รับสมาชิกใหม่เข้ามา ฉินกรุ๊ปก็สร้างครัว
เล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพื่อให้เด็กฝึกที่อายุน้อยได้รับสารอาหารครบถ้วน
เพราะหลังจากที่อีสปอร์ตได้รับการยอมรับในสังคม อายุของผู้เรียน
ก็น้อยขึ้นเรื่อย ๆ
เดิมทีป๋อจิ่วไม่ได้สนใจอะไร เธอชอบนอน เวลาอยู่ในโรงเรียนเธอ
ยังฟุบลงกับโต๊ะอย่างไม่แคร์ใครเพื่อเก็บแรง
แฮกเกอร์ต้องลงมือในยามกลางคืน ทำให้ตอนกลางวันต้องง่วงนอน
ป๋อจิ่วกะจะอาศัยช่วงที่เด็กใหม่ทานอาหารมางีบหลับสักนิด
แต่เห็นร่างเล็ก ๆ ถือหมั่นโถวและมีแก้ววางด้านข้าง แก้วนั้นใส่น้ำ
ร้อนไว้ ยัยหนูนั่นอ่านหนังสือพลางกัดหมั่นโถวและดื่มน้ำ ใบหน้า
ขาวนวลไร้อารมณ์
คงเพราะยัยหนูยังไม่โต แถมตัวก็เล็กมาก ป๋ อจิ่วจึงรู้สึกว่าเด็กคนนี้
น่ารักเหลือเกิน
มือที่กำลังกดข้อความชะงักไป จากนั้นก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ลุก
ขึ้นพลางซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ า เส้นผมสีเงินโปรยตัวลงมา
ก่อนจะเก็บมือถือแล้วยกถาดอาหารเดินมานั่งตรงข้ามกับเด็กน้อย
มั่วเป่ ยที่กำลังกินหมั่นโถวเห็นคนที่นั่งตรงข้ามตัวเอง หูพลันแดงขึ้น
โดยไม่รู้สาเหตุ ส่วนป๋ อจิ่วเลิกคิ้ว “กินแต่หมั่นโถวได้ยังไง ตอนฉัน
อายุเท่าเธอก็กินซาลาเปาเนื้อใส่ถั่วฝักยาวถึงห้าลูกเชียวนะ”
มั่วเป่ ยเพิ่งจะอ้าปาก ป๋ อจิ่วก็ใช้ตะเกียบคีบไข่ไก่ส่วนหนึ่งมายื่นที่
ปากอีกฝ่าย
เด็กหญิงเห็นแล้วตาลอย แต่หน้ายังไร้อารมณ์เหมือนเดิม
ป๋ อจิ่วยิ้มให้อย่างมีเสน่ห์ “มั่วเป่ ยนิ่งอยู่ทำไม มา อ้าปาก”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับไอดอลย่อมไม่มีใครปฏิเสธ มั่วเป่ยก็เช่นกัน
แต่พอเธออ้าปากกำลังจะกินอาหาร หัวหน้าก็ปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล
แววตาเฉยชานั่นกำลังจ้องมาที่พวกเธออย่างไม่ค่อยจะเป็นมิตรสัก
เท่าไร

ตอนที่ 2013-1
ใช้กับตัวเอง
“ระ เริ่มเหรอ?” หน้าของหลินเฟิงถูกลมหายใจของอีกฝ่ายรินรดจน
หน้าร้อนฉ่า
อวิ๋นหู่หลุบตาลง “อุตส่าห์เตรียมตัวไว้เรียบร้อยแล้ว จะไม่เริ่มหรือ
ไง?”
“ต้องเริ่มอยู่แล้วสิ” หลินเฟิงยื่นมือขวาดันอีกฝ่ายชิดกำแพง เอ่ยเสียง
แหบว่า “แต่ต้องให้ฉันเป็นฝ่ายเริ่มนะ”
พูดเป็นเล่น ใช่ว่าเขาจะไม่เคยโดนอวิ๋นหู่จูบมาก่อน แต่ละครั้งที่โดน
จูบ เขาเป็นต้องขาอ่อนยวบ สมองขาวโพลน อย่าว่าแต่จะเป็นฝ่าย
เริ่มเลย เขามีหวังต้องเป็นฝ่ายนอนราบแน่ ดังนั้นต้องเริ่มก่อน แล้ว
เขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มเท่านั้น
อวิ๋นหู่ไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงคิดอะไร แต่เขาย่อมไม่ปฏิเสธที่คนบางคน
จะเป็นฝ่ายเริ่ม “โอเค งั้นนายเริ่ม” อวิ๋นหู่ว่าพลางหลุบตาเล็กน้อย
หลินเฟิงชะโงกหน้าเข้าใกล้ เขากลับรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง คงเพราะหัว
ใจเต้นรัวเร็ว ไม่รู้ว่าทำไม เขายังไม่แตะต้องเลย กลิ่นอายของอีกฝ่าย
ก็ห้อมล้อมทั่วร่างเขาแล้ว
อวิ๋นหู่เห็นหลินเฟิงลังเล ถึงกับกำมือแน่น จนถึงบัดนี้เขาก็ยังกังวล
ว่าอีกฝ่ายจะรับไม่ได้ แม้จะเป็นฝ่ายเสนอเอง แต่พอถึงเวลากลับทำ
อะไรไม่ถูก
แต่ละครั้งเขาล้วนแต่เป็นฝ่ายจูบหลินเฟิง แถมยังเป็นการบังคับให้
อีกฝ่ายรับจูบ หลินเฟิงจะยอมรับการร่วมรักกับผู้ชายได้ไหม? เป็น
การยอมรับที่ไม่ได้จำกัดแค่ในความคิดเลยนะ
“ไม่ไหว” เมื่อหลินเฟิงพูดออกมาเช่นนี้ หัวใจของอวิ๋นหู่ก็เหมือน
โดนมีดกรีด เขาพยายามข่มอารมณ์ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขารู้สึก
อย่างไร “เรื่องแบบนี้รับได้ยากจริง ๆ …”
“นายเล่นจ้องฉันอย่างนี้ ไม่ไหวนะ” หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นอีก คงเพราะ
ผิวขาวนวลมาก ทำให้ลำคอกลายเป็นสีชมพูชัด แต่ออร่ายังไม่ลดลง
“หลับตาก่อน หู่ นายเข้าใจปะวะ ใครบ้างโดนจูบแบบลืมตาเฉยเนี่ย”
อวิ๋นหู่ชะงักครู่หนึ่งก่อนจะยิ้ม “ฉันลืมไป จะหลับตาเดี๋ยวนี้แหละ”
หลินเฟิงเขินนี่เอง ยังอุตส่าห์อ้างว่าเข้าใจไม่เข้าใจอีก ยังดีที่เป็นเพราะ
อาย หากเป็นเพราะรับไม่ได้จริง ๆ เขาจะทำอย่างไรดี อวิ๋นหู่คิดแล้ว
ก็รู้สึกหัวใจห่อเหี่ยวทันที
แต่หลินเฟิงก็หลุบตาลงก่อนจะจูบแบบแตะ ๆ
หากอวิ๋นหู่ลืมตาขึ้น แววตาจะต้องลึกซึ้งแน่นอน เขาพยายามไม่โต้
ตอบกลับเพราะยังไม่ถึงเวลาสำคัญ ถ้าเวลานี้ยังห้ามใจตัวเองไม่ได้ ก็
ไม่อาจได้ลิ้มรสที่หวานที่สุด
หลินเฟิงจูบได้นิดหนึ่ง ดูเหมือนจะติดใจเพราะลมหายใจหนักขึ้นทุก
ที ๆ
เมื่อเขาจะจูบอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเกิดความผิดพลาดที่ตรงไหน แค่อวิ๋นหู่
จูบกลับ สมองเขาก็อื้อจนทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าเวลา
อื่นใด ลมหายใจก็ไม่นิ่ง รอจนได้สติก็ถูกรั้งเอวไว้แน่น ทว่าตอนนี้
การจูบกลับไม่สำคัญแล้ว
หลินเฟิงจำต้องยอมรับว่าเจ้าหู่จูบเก่ง บางทีอาจไม่ใช่แค่จูบเก่ง มือ
ของฝ่ายนั้นแตะไปที่ตรงไหน ตรงนั้นก็ลุกเป็นไฟ ราวกับทำอย่างไร
ก็ดับไม่ได้
ความวาบหวามที่ลามจากบั้นท้ายไม่หยุดทำให้ขาทั้งสองอ่อนยวบ
ผ้าห่มนุ่มอยู่ใต้ร่างตน เมื่อนาฬิกาข้อมือทาบทับลงไป หลินเฟิง
ถึงกับสะดุ้ง ถูกคนจับจุดอ่อนได้
เขาเพิ่งจะร้องตะโกนว่า “อย่า”
อวิ๋นหู่ก็พลันก้มลงมา เอ่ยรดใบหน้าเขาก่อนจะไล่ไปที่หลังหู “แล้ว
นายจะชอบ”
ตอนที่ 2013-2
ใช้กับตัวเอง
เขาชอบจริง ๆ นั่นแหละ
ไม่มีใครไม่อยากโดนปฏิบัติแบบนี้หรอก มันไม่เหมือนกับมือของ
เขาจริง ๆ
หลินเฟิงบรรยายไม่ถูก สติเริ่มล่องลอย ไม่อาจคิดวิเคราะห์ได้ ยิ่งไม่
ต้องพูดถึงเรื่องรุกหรือรับเลย นิ้วและกลิ่นอายทำให้เขาร้อนผ่าวได้
ยังรวมถึงความร้อนที่ปะทะบนบ่าเขาเมื่ออีกฝ่ายหลุบตาลง
อุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงขึ้น
หลินเฟิงไม่มีโอกาสเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน นับจากเริ่มต้น
จนถึงตอนนี้ เขาอยากให้อีกฝ่ายหยุดอยู่ตรงนี้ให้มากหน่อย
นัยน์ตาของอวิ๋นหู่นิ่งขรึมราวกับอดกลั้นอะไรบางอย่างไว้ เขาจูบที่
ริมหูอีกฝ่าย ทั้งยังไม่ลืมยื่นมือไปหยิบบางสิ่งมา
ทางด้านหลินเฟิงก็เคลิ้มจนได้แต่มองเพดานห้อง ร่างกายยังไร้
เรี่ยวแรง
ทันใดนั้นหลินเฟิงก็ถูกอุ้มขึ้นมา
ใช่ว่าจะไม่เจ็บ เขาเบิกตากว้างทันที เพิ่งจะอุทานว่า “เชี่ย!” ก็คิดจะ
ผลักอีกฝ่ายออกไปแล้ว!
ทว่าอวิ๋นหูกลับหยุด เหงื่อผุดบนหน้าผากมากกว่าเวลาไหน “ขอ
โทษนะ ฉันคงหยุดไม่ได้แล้ว”
หลินเฟิงตาโตกว่าเดิม จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงจูบของอีกฝ่ายที่ไม่หยุดลง
เลยสักนิด
ไม่เพียงเท่านั้น ยังรู้สึกด้วยอีกว่าอวิ๋นหู่แทบจะกลืนกินเขาลงไปทั้งตัว
ของแบบนี้เมื่อปรับตัวได้ สิ่งที่ไม่คาดคิดคือความรู้สึกอ่อนยวบที่
มากกว่าเดิม
หลินเฟิงตัวอ่อนไปหมด เหมือนถูกคว้าตัวขึ้นมาจากน้ำ สติความคิด
วุ่นวายไปหมด
ทว่ายังคงได้ยินเสียงข้างหู “นายพูดไม่ผิด รุ่นนี้ใช้ดีจริง ๆ”
หลินเฟิงรู้สึกถึงแรงจากอีกฝ่ายที่ผสมปนเปกับสิ่งอื่นด้วย สร้าง
ความหวามไหวที่มากขึ้น
หลินเฟิงนึกถึงคำพูดลึกลับของเฮียเจ้าของร้านที่ว่า ‘ลองใช้กับผู้ชาย
ของคุณลูกค้าดูสิ จะรู้สึกผลดีอย่างคิดไม่ถึงเลยทีเดียว’
ตอนนี้หลินเฟิงรู้สึกแล้วว่าผลดีนั้นเป็นอย่างไร เพราะเขาต้องการ…
ต้องการมากขึ้นอีก
อวิ๋นหู่ก็รู้สึกเช่นกันว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่เหมือนกับสิ่งอื่นที่เขาใช้ในยาม
ปกติ ชะงักแค่นิดเดียวก็ไม่ได้เก็บอาการอีก
กระจกบานยาวระพื้นสะท้อนให้เห็นเจ้าของร่างผิวขาวนวล หน้าตา
สวย กำลังถูกอีกร่างหนึ่งที่ยึดเอวไว้จากด้านหลัง เส้นผมสีดำปรกลง
มา ทำให้ดูเหมือนเจ้าตัวรับไม่ไหวจนต้องแหงนหน้าขึ้น
อวิ๋นหู่ไม่ลังเลอีกต่อไป ก้มหน้าลงจูบบนแอ่งชีพจร
ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป
นับตั้งแต่ที่รู้ว่าหลินเฟิงจะทำอะไรกับตน อวิ๋นหู่ก็ตัดสินใจที่จะทำ
เช่นนี้
จะหาว่าเขาชั่วช้าก็ได้ ต่อให้มีอย่างอื่นที่ดีแค่ไหน ขอเพียงได้ตัวอีก
ฝ่ายมาครอบครอง ย่อมสำคัญกว่าทุกสิ่ง
หลินเฟิงเข้าใจในที่สุดว่าอะไรที่เรียกว่าติดกับดักตัวเอง
ทว่าทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว
ใครจะรู้ล่ะว่าสิ่งที่ตระเตรียมมาเป็นอย่างดีกลับถูกนำมาใช้กับตัวเอง
แถมใครกันที่บอกว่าถ้าเป็นฝ่ายเริ่มก็จะไม่กลายเป็นฝ่ายรับ!
หากจะบอกว่าหลินเฟิงไม่โกรธก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่จะอย่างไร
เขาก็ได้ลิ้มรสแล้วว่าใช่ว่าจะรับไม่ได้เหมือนอย่างที่คิดไว้ แค่เขิน
อายมากเท่านั้นเอง
ทำให้ในเช้าวันต่อมา ทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่างดี…เขาก็แอบหนีไปแล้ว
ตอนที่ 2014
หลินเฟิงที่หนีออกมาไม่ได้ไปที่ไหน ตรงกลับบ้านตระกูลหลิน
ทันที
มีร่องรอยบนร่างแบบนี้ย่อมไปสถานที่ก่อสร้างไม่ได้ เจ็บทั้งเอว
ปวดทั้งขา แค่เห็นก็มองออกแล้ว
แถมเสียงยังแหบแห้งเอาการ
เมื่อคืนเจ้าหู่ไม่คิดจะให้เขานอนสบาย ๆ เลย ชายหนุ่มคิดมาถึงตรงนี้
ก็ดึงผ้าห่มมาคลุมถึงศีรษะ
แย่แล้ว จะว่าไปถ้าเป็นเขา เขาก็ไม่ให้อีกฝ่ายได้นอนสบาย ๆ เหมือนกัน
ทว่าเมื่อเขากลายเป็นคนที่ไม่ได้นอนสบาย ๆ เสียเอง ทุกอย่างย่อม
ต่างออกไป
เขาเพิ่งรู้ว่าเจ้าหู่เกิดปีหมา ดุโหดหน้าตาดีแบบลูกครึ่งหมาป่ าเหมือน
คำนิยมที่ใช้ในสมัยนี้
หลินเฟิงไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ได้ใช้คำนี้กับอวิ๋นหู่
เขาไม่ได้ไข้ขึ้น อันที่จริงเมื่อตื่นขึ้นมาร่างกายเขาก็สะอาดสะอ้าน
เมื่อคืนหลังจากที่หลับใหล อวิ๋นหู่น่าจะพาเขาไปล้างตัว
หลินเฟิงกำมือแน่น หน้ายังร้อนฉ่า คงเพราะลมหายใจที่รินรดเนื้อ
ตัวเขามันหนักหน่วง จนมาถึงตอนนี้เมื่อหลับตาลง ก็เหมือนยังได้
ยินเสียงหอบแผ่วต่ำข้างหู รวมถึงเสียงครางและความร้อนเร่านั่น…
บ้าจริง!
หลินเฟิงขยับตัวจะไปอาบน้ำ แต่มือถือในกระเป๋ ากลับดังขึ้นก่อน
แบล็กพีชส่งข้อความมาถามสารทุกข์สุขดิบ “เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง?
เล่นงานเทพอวิ๋นอยู่หมัดเลยใช่ไหม?”
ป๋ อจิ่วส่งข้อความเหล่านี้ในขณะที่นั่งอยู่โรงอาหารของทีม เธอเท้า
คางอย่างเนิบนาบ ตั้งแต่รับสมาชิกใหม่เข้ามา ฉินกรุ๊ปก็สร้างครัว
เล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพื่อให้เด็กฝึกที่อายุน้อยได้รับสารอาหารครบถ้วน
เพราะหลังจากที่อีสปอร์ตได้รับการยอมรับในสังคม อายุของผู้เรียน
ก็น้อยขึ้นเรื่อย ๆ
เดิมทีป๋อจิ่วไม่ได้สนใจอะไร เธอชอบนอน เวลาอยู่ในโรงเรียนเธอ
ยังฟุบลงกับโต๊ะอย่างไม่แคร์ใครเพื่อเก็บแรง
แฮกเกอร์ต้องลงมือในยามกลางคืน ทำให้ตอนกลางวันต้องง่วงนอน
ป๋อจิ่วกะจะอาศัยช่วงที่เด็กใหม่ทานอาหารมางีบหลับสักนิด
แต่เห็นร่างเล็ก ๆ ถือหมั่นโถวและมีแก้ววางด้านข้าง แก้วนั้นใส่น้ำ
ร้อนไว้ ยัยหนูนั่นอ่านหนังสือพลางกัดหมั่นโถวและดื่มน้ำ ใบหน้า
ขาวนวลไร้อารมณ์
คงเพราะยัยหนูยังไม่โต แถมตัวก็เล็กมาก ป๋ อจิ่วจึงรู้สึกว่าเด็กคนนี้
น่ารักเหลือเกิน
มือที่กำลังกดข้อความชะงักไป จากนั้นก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ลุก
ขึ้นพลางซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ า เส้นผมสีเงินโปรยตัวลงมา
ก่อนจะเก็บมือถือแล้วยกถาดอาหารเดินมานั่งตรงข้ามกับเด็กน้อย
มั่วเป่ ยที่กำลังกินหมั่นโถวเห็นคนที่นั่งตรงข้ามตัวเอง หูพลันแดงขึ้น
โดยไม่รู้สาเหตุ ส่วนป๋ อจิ่วเลิกคิ้ว “กินแต่หมั่นโถวได้ยังไง ตอนฉัน
อายุเท่าเธอก็กินซาลาเปาเนื้อใส่ถั่วฝักยาวถึงห้าลูกเชียวนะ”
มั่วเป่ ยเพิ่งจะอ้าปาก ป๋ อจิ่วก็ใช้ตะเกียบคีบไข่ไก่ส่วนหนึ่งมายื่นที่
ปากอีกฝ่าย
เด็กหญิงเห็นแล้วตาลอย แต่หน้ายังไร้อารมณ์เหมือนเดิม
ป๋ อจิ่วยิ้มให้อย่างมีเสน่ห์ “มั่วเป่ ยนิ่งอยู่ทำไม มา อ้าปาก”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับไอดอลย่อมไม่มีใครปฏิเสธ มั่วเป่ยก็เช่นกัน
แต่พอเธออ้าปากกำลังจะกินอาหาร หัวหน้าก็ปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล
แววตาเฉยชานั่นกำลังจ้องมาที่พวกเธออย่างไม่ค่อยจะเป็นมิตรสัก
เท่าไร

ตอนที่ 2011
ใช้กับฉันไหมล่ะ?
หลินเฟิงตรงเข้าไปแย่งมือถือจากอวิ๋นหู่อย่างไม่ลังเล ยิ่งปกปิด สีหน้า
ก็ยิ่งมีพิรุธชัด ส่วนอวิ๋นหู่แค่เลิกตา จ้องคนที่ยืนอยู่ด้วยแววตาเข้มข้น
ดูท่าจะจริงแฮะ กะจะปล้ำเขาจริง ๆ ?
หลินเฟิงโดนจ้องจนไอออกมาเบา ๆ เริ่มปากแข็งอธิบาย “ฉันแค่
อ่านดู ก็คนมีแฟนแล้วจะต้องรู้ก่อนว่าขั้นตอนมันเป็นมาอย่างไร ยิ่ง
ฉันเป็นพวกชอบเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ด้วย ไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็จะมี
คุณสมบัตินี้นะ”
เอาคำว่าชอบเรียนรู้ทุกอย่างมาใช้ในด้านนี้ด้วย อวิ๋นหู่เชื่อสนิทใจว่า
อีกฝ่ายเฉไฉอย่างมีพิรุธ “นายอยากรู้ว่าขั้นตอนเป็นยังไง ฉันสอนนาย
ได้นะ” อวิ๋นหู่เดินเข้ามาใกล้อีกฝ่าย กลิ่นเหล้าอ่อน ๆ ผสมผสานกับ
ลมหายใจ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หอมอย่างนี้
แต่ด้วยเหตุนี้แหละ หลินเฟิงยิ่งรู้สึกอันตราย “นายไม่ต้องสอน ฉันรู้
แล้ว” บ้าอ่ะดิ คิดว่าเขาเป็นไอ้โง่ที่ใคร ๆ ก็หลอกได้งั้นเรอะ เขาเคย
สอบถามมาก่อนแล้วว่า ถ้าอยู่ ๆ มีคนมาบอกว่าจะสอนขั้นตอนให้
เรา ห้ามตกลงเด็ดขาด เพราะพอมีความสุขกันไป ๆ เราก็จะกลายเป็น
ฝ่ายรับโดยไม่รู้ตัว เรื่องนี้เขารู้ดี!
“เหรอ? เป็นหมดแล้ว” อวิ๋นหู่ขยับเข้ามาใกล้อีก “งั้นนายลองใช้กับ
ฉันดีไหม?”
ชัวร์อยู่แล้ว! เสนอตัวเองนะ! ต้องบอกว่าเจ้าหู่รู้ตัวดีเหมือนกันนี่!
หลินเฟิงยิ้มก่อนจะพาดแขนไว้ที่บ่าอีกฝ่ายอย่างเป็นเพื่อนซี้กันมาก
“นายก็คิดว่าเราควรจะมากำหนดตำแหน่งกันแล้วใช่ไหม”
การใกล้ชิดกันเหมือนเป็นเพื่อนซี้ไม่ได้ทำให้อวิ๋นหู่รู้สึกผิดปกติ
เพราะอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย อย่าหวังว่าเขาจะเขินอายแต่อย่างใด “ใช่
เราควรต้องวางตำแหน่งกันสักที” อวิ๋นหู่ฉวยจังหวะหันหน้าไปมอง
ด้วยแววตาลึกซึ้ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดความสัมพันธ์ลึก
ล้ำขึ้น เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ชายของแท้ กลัวว่าตัวเองจะทำให้ความ
สัมพันธ์พังทลาย แต่เพื่อดูอย่างนี้แล้ว เจ้านั่นดูเหมือนไม่วิตกแต่
อย่างใด และหากยังไม่ฉวยจังหวะดี ๆ อย่างนี้อีก ต่อไปจะมีโอกาส
อีกเหรอ การทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นของตัวเองเป็นสิ่งที่เขาคิดมานาน
แล้ว อวิ๋นหู่คิดได้เช่นนั้น แววตาก็ยิ่งลุ่มลึก ร่างกายพลอยขยับ “แต่
จะต้องไปซื้อของบางอย่างก่อน”
หลินเฟิงรู้สึกขึ้นมาทีเดียวเลยว่าตัวเองเป็นคนมองการณ์ไกล “ไม่
ต้อง ฉันซื้อมาหมดแล้ว”
“ซื้อมาหมดแล้ว” อวิ๋นหู่เลิกคิ้ว
หลินเฟิงคิดว่า การให้อีกฝ่ายรู้ความคิดของเขาก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
เลย ต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ การจัดวางตำแหน่งให้เรียบร้อยจึง
ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าแต่อย่างใด แต่ก่อนเขาคิดมากเกินไป ตอนนี้เขา
ปลงตกแล้ว จึงเอาถุงมาวางตรงหน้าอวิ๋นหู่ “ทั้งหมดอยู่ในนี้ ครบ
ถ้วนทุกอย่าง”
อวิ๋นหู่กวาดตามองถุงนั่น พอจะรู้จักของที่อยู่ด้านในอยู่บ้าง เพราะ
สิ่งที่หลินเฟิงเสิร์จหา เขาก็เคยเสิร์จเหมือนกันเมื่อตอนเรียนหนังสือ
นับตั้งแต่อยากได้ใครบางคน เขาก็ทำการบ้านมาก่อน ไม่คิดเลยจริง ๆ
ว่าภาพที่เจ้านั่นโพสลงในโมเมนต์ของวีแชท จะเป็นการเสิร์จหา
ล่วงหน้า อ้อ คิดอะไรกับเขางั้นเหรอ? แววตาของอวิ๋นหู่เข้มขึ้นทุกที ๆ
มีบางอย่างที่เก็บซ่อนมานาน ได้ถูกปลดปล่อยออกมา…
ตอนที่ 2012
พวกเรามาเริ่มกันเถอะ
“ของที่ซื้อมาไม่เลวนี่” อวิ๋นหู่เข้าไปรื้อของ แต่คิดอะไรในใจไว้เยอะ
ทีเดียว
หลินเฟิงได้ยินคำชมตัวเองก็เหลิงเข้าไปใหญ่ อะไรที่ควรตกลงกัน
ก่อนย่อมต้องคุยกัน “แหงสิ เฮียเจ้าของร้านเป็นคนแนะนำเองนะ
นักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพอย่างฉันไปซื้อของอย่างนี้ที ไม่ให้ผ้าปิด
ปากหลุดเลยสักนิด”
ถึงได้แต่งตัวอย่างนี้ใช่ไหม อวิ๋นหู่พอจะเดาออก
“ฉันไม่รู้ว่านายจะคิดอย่างนี้กับฉัน”
หลินเฟิงได้ยินแล้วไอเล็กน้อย “เรื่องตำแหน่งอะ ยังไงก็ต้องคุยกัน
อยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว”
อวิ๋นหู่ได้ยินอีกฝ่ายพูดแล้ว นึกถึงข้อความที่แบล็กพีชส่งให้ตัวเอง
ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อเจ้านี่ หากไม่มีใครกระตุ้นละก็ รับรองคิด
เองไม่ได้เด็ดขาด ท่าทางหลังจากวันนี้เขาจะต้องเลี้ยงข้าวแบล็กพีช
เสียหน่อยแล้ว
หลินเฟิงอ่านความคิดของอวิ๋นหู่ไม่ออก รู้สึกแค่ว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว
ขาดแต่ลมตะวันออกที่จะทำให้สำเร็จ จึงต้องว่ากันตามกระบวนการ
“พวกเราจะแยกย้ายไปอาบน้ำกันก่อนไหม”
“ได้” อวิ๋นหู่ยิ้ม คนเขาอุตส่าห์เสนอตัวมาขนาดนี้ ย่อมไม่มีเหตุผล
ให้ปฏิเสธ
หลินเฟิงเห็นอีกฝ่ายตอบตกลงอย่างว่าง่าย ก็หาชุดนอนแล้วโยนให้
อวิ๋นหู่ ส่วนตัวเองไปที่ห้องน้ำอีกห้อง เขาอ่านเรื่องบทเรียนด้านนี้
อีกรอบ เตรียมทุกอย่างพร้อมมูลแล้วพูดกับตัวเองในกระจกว่า “ทั้ง
รุกทั้งเท่แบบนี้ เจ้าหู่ต้องรับมือไม่ไหวแน่”
หากป๋อจิ่วได้ยินในสิ่งที่เขาพูดต้องหัวเราะใส่แน่ แต่น่าเสียดาย
เท่น่ะใช่
แต่รุก?
ขอโทษด้วย ไม่ใช่สักนิด
หลินเฟิงเดินออกมาอย่างมั่นใจ หมายมั่นว่าจะปล้ำอวิ๋นหู่ให้สำเร็จ
กระทั่งท่าเดินยังดูเท่ ทว่าความเท่ที่ว่ากลับเหมือนลูกโป่ งที่ถูกเจาะ
ในทันทีเมื่อมาอยู่ตรงหน้าอวิ๋นหู่
อวิ๋นหู่ก็เดินออกมาพอดี เขาสวมชุดนอนที่มีขนาดเล็กกว่าตัวเล็กน้อย
จึงไม่ได้กลัดกระดุมบนถึงสองเม็ด ปล่อยให้เปิดอ้าจนเห็นร่อง
กล้ามเนื้อที่สวยน่าชม จนหลินเฟิงเห็นแล้วรู้สึกริษยา
เจ้าหู่ทำไมแข็งแรงอย่างนี้ล่ะ เป็นพวกเล่นลีกส์อาชีพด้วยกันแท้ ๆ ที่
น่าจะขาวมาก แถมไม่ค่อยมีแรงด้วยสิ แต่ดันมามีรูปร่างเลิศเพอร์เฟกต์
ช่างไม่มีคุณสมบัติของพวกเล่นลีกส์อาชีพเอาเสียเลย ไหนบอกว่า
เป็นพวกชอบอยู่บ้านที่เอาแต่เล่นเกมไง
หลินเฟิงลืมว่าอีกฝ่ายมีสถานะอย่างไร และเวลาที่อยู่หอพัก อวิ๋นหู่
จะต้องให้ตัวเองออกมาวิ่งทุกเช้า
ตอนนั้นเขาตอบว่ายังไงนะ ‘ขอนอนอีกหน่อย’ ประมาณนี้ เพราะ
รู้สึกว่าการตื่นเช้าไม่ใช่วิสัยของพวกเล่นลีกส์อาชีพ ดูอย่างหัวหน้า
สิ! เป็นคนขี้โมโหแต่เช้าตัวต้นแบบเลยล่ะ ใครกล้าปลุกแต่เช้านะ
รับรองว่าต้องโดนลงโทษให้ซ้อมเพิ่มหนึ่งชั่วโมง
แต่หลินเฟิงก็เข้าใจ หากมีอะไรกัน การวิ่งในตอนเช้าย่อมมีประโยชน์
มาก!
ด้วยเหตุที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผมสีดำของอวิ๋นหู่จึงยังเปียกชื้น หยดน้ำ
ไหลมาเกาะที่ใบหน้า จากนั้นก็ค่อย ๆ ไหลไปยังซอกคอ ดวงตาเขา
ในเวลานี้ดูลุ่มลึกขึ้น
หลินเฟิงรู้สึกว่าจู่ ๆ หัวใจพลันก็แรงขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ทั้งที่เมื่อ
กี้ยังไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เวลานี้ อวิ๋นหู่ก้าวเข้าไปหาแล้วหลุบตามอง
“พวกเราเริ่มกันเลยไหม หือ?”

ตอนที่ 2008-2
กินเหล้าปลุกใจ
คนเรามักจะไม่พึงพอใจสักที เมื่อยังไม่ได้ตัวเขามา อาจคิดว่าขอเป็น
เพื่อนอยู่ข้างกายก็พอ ขออย่าให้โดนรังเกียจก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
รอจนถึงตอนเรียนมัธยมปลาย หลินเฟิงพาผู้หญิงคนหนึ่งมาหาเขา
เขาถึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวด พอทนไม่ไหวมากขึ้น ๆ ก็จงใจท้าทาย
หลินเฟิง จนมาถึงเวลาสำคัญในตอนท้ายที่เห็นสีหน้าตกตะลึงของ
เพื่อน เขาก็กลัว…กลัวว่าอีกฝ่ายจะผลักไสเขาตลอดกาล และเป็นไม่ได้
แม้กระทั่งเพื่อนสนิท ถึงได้คิดหาวิธีมากมาย รวมถึงหาคนมาเล่นละคร
ตบตา
เขาเพิ่งคิดได้ว่า คงเพราะเขาทำแบบนั้น จึงเป็นการเปิดโอกาสให้
บางคนได้เข้าใกล้หลินเฟิง
ความชอบเป็นสิ่งที่ปิดไม่มิด จะอดทนหรือหยุดยั้งได้อย่างไร
เขาอยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าหลินเฟิงเป็นของเขา และอยากจะ
ได้อีกฝ่ายมาอยู่ในกำมือตัวเองให้เร็วที่สุด
เขาเคยคิดถึงวิธีการและแผนการมากมาย กระทั่งคิดจะใช้ออเดอร์ที่
หลินเฟิงอยากได้เสียเหลือเกินมาแลกเปลี่ยนกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธ
เมื่อมีคนเอาหลินเฟิงมายื่นให้ถึงตรงหน้า
อวิ๋นหู่พยายามข่มความเคร่งขรึมในดวงตาลง กดพิมพ์ตอบกลับ
“ฉันไม่เคยไปห้องส่วนตัวนาย”
หลินเฟิงไม่ได้คิดให้ละเอียดถี่ถ้วน ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
“เดี๋ยวจะแชร์ที่อยู่ให้”
“อื้อ” อวิ๋นหู่เก็บมือถือ เงยหน้ามองดูบรรดาคุณชายที่นัดจะกินข้าว
กันอีก “พวกนายไปกันเองเถอะ ฉันมีธุระพอดี”
มีคนบอกว่า “อย่าเพิ่งดิ คุณชายอวิ๋น ไปด้วยกันเถอะ”
“ใช่ ไปด้วยกันสิ เราอุตส่าห์จะเลี้ยงรับที่นายกลับมาเชียวนะ”
อวิ๋นหู่ซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ า “ฉันกลับมาจะเดือนหนึ่งแล้ว
เอาแต่เลี้ยงข้าวต้อนรับอยู่ได้ พอได้แล้ว พวกนายไปกันเองเถอะ”
เมื่อเห็นเขาเอ่ยปากเช่นนี้ คนอื่นก็ไม่กล้ารั้งให้อยู่ต่อ
อวิ๋นหู่คิดอะไรรอบคอบ พอขับรถออกไปก็ถามหลินเฟิง “คืนนี้
อยากกินอะไร จะซื้อกลับไปให้”
“ไม่ต้อง ฉันซื้อไว้หมดแล้ว นายมาเถอะ” หลินเฟิงจงใจซื้อเหล้าขาว
มาขวดหนึ่ง จะปลุกใจได้ดีเชียวล่ะ แต่เดี๋ยวตอนที่ดื่มกัน เขาต้องระวัง
ให้อวิ๋นหู่มึน ไม่ใช่ตัวเองเมาก่อน
หลินเฟิงคิดดี ต้องบอกว่าทุกอย่างพร้อมมูล ขาดแต่ลมตะวันออกที่
จะช่วยโหมพัดให้ส่วนที่เหลือสำเร็จ
ยังดีที่อวิ๋นหู่ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องจุดเทียนไขกินข้าวกัน หลินเฟิงเอา
อาหารจำพวกผัดที่ซื้อมามาวางไว้บนโต๊ะ
วันนี้กินข้าวไม่สำคัญ สำคัญที่กินเหล้า เขาอุตส่าห์คว้ามือถือมาเสิร์จ
หาบทเรียนเรื่องนั้นอีกหนึ่งรอบ เพื่อกันไม่ให้เกิดพิรุธเมื่ออวิ๋นหู่
มาถึง
พูดตามตรง เขายังกลัว ๆ อยู่ในใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อนึกถึงว่าอีก
ฝ่ายคืออวิ๋นหู่ กลับคิดว่ารับมือได้ง่ายดาย
ระหว่างที่คิดเช่นนี้อยู่ เสียงกริ่งประตูพลันดังขึ้น
หลินเฟิงชะงัก กดมือถือให้ดับลง รีบลุกขึ้นมาปรับอารมณ์ตัวเอง
แล้วเดินไปเปิดประตูอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่จริงแล้วกลับไม่กล้ามองอีก
ฝ่าย “ทำไมนานจัง?”
อวิ๋นหามองหลินเฟิงแบบสำรวจตรวจสอบ “เมื่อกี้อยู่กับพวกที่เขต
ทหาร แล้วทำไมนายแต่งตัวแบบนี้?”
“แบบไหน?” หลินเฟิงเพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้เปลี่ยนชุดที่สวมอำพราง
ตัวตอนไปซื้อของ “เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว อย่าเพิ่งรีบถอดชุดกันหนาว
ฉันเลยใส่เยอะหน่อย จะได้ไม่เป็นหวัด”
ตอนที่ 2008-3
กินเหล้าปลุกใจ
“จะได้ไม่เป็นหวัด แต่แต่งตัวอย่างกับจะปล้นธนาคาร?” อวิ๋นหู่
หัวเราะเบา ๆ “นายหน้าแดงขนาดนั้น เพราะร้อนล่ะสิ”
หลินเฟิงส่งเสียงตอบรับ แต่ด่าในใจว่านายมันรู้อะไร ฉันหน้าแดง
เพราะอยากจะปล้ำนายโว้ย แค่ใจเต้นเร็วเท่านั้น
แต่หลินเฟิงย่อมไม่พูดออกไป เวลานี้เขาต้องทำให้ทุกอย่างสะดวก
ราบรื่น
“วันนี้เป็นวันอะไร นายถึงได้ซื้อเหล้ามา” อวิ๋นหู่เดินมาถึงโต๊ะ เห็น
ขวดเหล้าแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หลินเฟิงแสร้งทำเป็นสุขุม “ลั่วลั่วจะออกจากวงการแล้ว ฉันอารมณ์
ไม่ค่อยดีเลยซื้อเหล้ามาย้อมใจ”
“อารมณ์ไม่ดี” อวิ๋นหู่หันไปมอง ทั้งสองมีความสูงไม่ต่างกันเท่าไร
แต่เทียบกันเรื่องออร่าไม่ได้
คงเป็นเพราะหน้าตาแต่ละคน อวิ๋นหู่ค่อนข้างคมสัน “ฉันเห็นนาย
กับเจ้าแบล็กช่วยกันจับคู่ให้ลั่วลั่วกับเซียวจิ่งสนุกสนานกันเชียว”
หลินเฟิงชะงัก “อ้อ นายไม่พูด ฉันก็เกือบลืมแล้ว คิดไม่ถึงว่าลั่วลั่ว
จะชอบเจ้าคนหน้านิ่งได้ คิดไม่ถึงจริง ๆ”
อวิ๋นหู่ทำเป็นมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องการเปลี่ยนเรื่องพูด เขานั่งลง
บนเก้าอี้พลางเออออตาม “คิดไม่ถึงจริง ๆ”
หลินเฟิงพูดในใจ ในที่สุดก็เป็นไปตามแผนเสียที
ไม่ผิดคาด พอเอาเหล้ามาก็รินให้อวิ๋นหู่จนเต็มแก้ว แต่ของตัวเอง
กลับรินชนิดพอดีคำ “หมดแก้ว?”
อวิ๋นหู่มองเหล้าในแก้วอีกคน ก่อนจะดูของตัวเอง “หมดแก้วอย่างนี้
เนี่ยนะ?”
“อย่าจู้จี้นักสิ” หลินเฟิงว่าแล้วยกแก้วตัวเอง
อวิ๋นหู่ไม่แคร์ว่าตัวเองจะดื่มเข้าไปเท่าไร ทำแค่ดึงคอเสื้อ แววตา
ลึกลับเดาอะไรไม่ออก
หลินเฟิงเห็นเพื่อนดื่มสบาย ๆ แต่ก็จะกรอกเหล้าให้มากจนเวอร์ไม่ได้
เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการหลอกล่อ “กินข้าวกันให้มีอะไรรองท้อง
หน่อย แล้วค่อยกินเหล้าต่อ” หลินเฟิงคีบเนื้อที่ราดน้ำจิ้มชิ้นหนึ่งไป
วางในจานอวิ๋นหู่ ส่วนตัวเองทำเป็นไม่มองอีกฝ่าย ทั้งที่จริง ๆ แล้วก็
เผลอมอง
อวิ๋นหู่คีบเนื้อชิ้นนั้นกินอย่างไม่กระโตกกระตาก ส่วนมืออีกข้างล้วง
เอามือถือออกมาสไลด์หน้าจอดูเล็กน้อย
หลินเฟิงเอาแต่ตั้งอกตั้งใจกับเรื่องที่ตัวเองจะทำโดยไม่สังเกตอาการ
ของอวิ๋นหู่ ไม่รู้เลยว่าในเวลานี้ฝ่ายหลังจะส่งข้อความหาป๋ อจิ่ว
“แบล็กพีช หลินเฟิงคิดทำอะไรในช่วงนี้ รู้ไหม?”
ป๋ อจิ่วที่เฝ้าพวกเด็กใหม่เล่นเกมอยู่ได้รับข้อความนี้ก็เท้าคางยิ้ม
“เป็นเรื่องดีกับเทพอวิ๋นก็แล้วกัน นายเจอเขาแล้วใช่ป่ ะ? งั้นขอให้มี
ความสุขนะ เสร็จธุระแล้วอย่าลืมขอบคุณฉันล่ะ”
ประโยคนี้ดูประหลาด แต่พอจะเข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ข้อมูลอะไรจาก
แบล็กพีชสักนิด จึงหันไปมองคนบางคน เห็นฝ่ายนั้นเติมเหล้าให้
“เจ้าหู่ มา กินเหล้าอีกแก้ว”
หนนี้เกินไปจริง ๆ แก้วหนึ่งเป็นน้ำเปล่า อีกแก้วเป็นเหล้าขาว คน
บางคนอยากให้เขาเมาอย่างชัดเจนเชียวนะ?
คิดหรือว่าเขาจะมองเล่ห์กลนั้นไม่ออก ทว่าอวิ๋นหูไม่ได้ปฏิเสธเหล้า
แก้วนั้น พอยกขึ้นดื่มก็จงใจเอียงแก้วปล่อยให้เหล้าเทลงพื้นไปกว่า
ครึ่ง เขาดื่มเหล้าได้ แถมดื่มได้เยอะด้วย แต่หากเทียบกันแล้ว เขา
อยากรู้แผนการของอีกฝ่ายมากกว่า…
ตอนที่ 2009
จูบแรก
อวิ๋นหู่วางแก้วเหล้าลงอย่างเป็นปกติ ทำเหมือนว่าเดาความคิดอีก
ฝ่ายไม่ออก ก่อนจะเอ่ยถามไปงั้น ๆ “นายโพสรูปนั้นลงในโมเมนต์
ถุงในรูปใส่อะไรเอาไว้เหรอ?”
หลินเฟิงผงะแรง อวิ๋นหู่พูดอะไรไม่พูดดันมาพูดถึงเรื่องนี้ “เปล่า กิน
เหล้า กินเหล้าเถอะ”
อวิ๋นหู่ได้ยินแล้วก็เลิกตามองดูสายตาอีกฝ่ายที่หลุกหลิก ท่าทางของ
ในถุงนั่นจะสำคัญมาก แต่อะไรที่ทำให้อีกฝ่ายผิดปกติได้ขนาดนี้
แม้อวิ๋นหู่จะเป็นคนสุขุมแต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงมีแผนกับตัวเอง
เพราะผู้ชายแท้อย่างหลินเฟิงบางครั้งก็บื้อเกิน ทั้งสองนั่งคนละฝั่ง
ของโต๊ะอาหาร กินอาหารอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หลินเฟิงเอาแต่คิดว่าทำไมเจ้าหู่ถึงได้ไม่เมาสักที เขากินน้ำไปตั้งห้า
แก้วแล้ว เกิดจะทำอะไรอีกก็ดูมีพิรุธ ที่สำคัญที่สุดคือมันเงียบเกินไป
ยิ่งเงียบหลินเฟิงก็ยิ่งมีพิรุธ จึงลุกขึ้นมา “ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” กิน
น้ำเข้าไปเยอะย่อมต้องไปปล่อยเบาบ้าง แต่บังเอิญจริง ๆ พอหลิน
เฟิงลุกไป มือถือพลันดังพอดี
อวิ๋นหู่ถือแก้วเหล้า กวาดตามองหน้าจอมือถือของเพื่อน นัยน์ตา
ถึงกับเคร่งเครียด จนมาถึงตอนนี้แล้ว สองคนนั่นยังติดต่อกันอีก
เหรอ? แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก เพราะผู้ชายคนนั้นมีหน้าที่สอน
หลินเฟิง แม้สติจะบอกเขาเช่นนี้ แต่ยังคงรับไม่ได้อยู่ดี
บางครั้งอวิ๋นหู่ก็สงสัยว่า ตัวเองหึงหวงมากเกินไปหรือเปล่า แต่หาก
ชายคนนั้นไม่คิดอะไรกับคนบางคนก็ยังพอว่า แต่ถ้าคิดล่ะ? เหมือน
เมื่อตอนอยู่ม.ปลาย ผู้หญิงที่ถูกเขาดึงเปียแล้วหน้าแดงคนนั้น มักทำ
ให้เขาไม่สบายใจ ตอนนั้นเขาคิดได้อย่างเดียวว่าต้องเบี่ยงเบนความ
สนใจของเจ้าหล่อนไป ถึงได้ตามจีบเธอ มันเป็นเรื่องตลกมาก ทว่า
ในวัยดังกล่าว เขาไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากทำเช่นนั้น จนเธอตกลง
เป็นแฟนเขาในที่สุด
อวิ๋นหู่เห็นเจ้านั่นตะลึงงัน ก่อนจะกำหมัดชกบ่าเขา ‘เชื่อเขาเลย
เพื่อนยาก’
เขายังจำได้ดีในสิ่งที่ตัวเองพูด ‘อย่าโทษฉัน’
เจ้านั่นไม่เข้าใจ ‘โทษเรื่องอะไร?’
‘ฉันมองออกว่านายรู้สึกดีกับเขา’ อวิ๋นหู่พูดไปแบบนั้น ตัวเขาใน
เวลานั้นก็เริ่มมีแผนกลซ่อนเร้นในใจ
อีกฝ่ายลูบท้ายทอยตัวเองก่อนจะกำเส้นผมตัวเอง ‘นายมันแน่นี่ ฉัน
รู้สึกดีกับเขาจริง ๆ แต่เขาเลือกนาย แล้วมันก็แค่ชอบป่ะวะ ไม่ได้คิด
อะไรมาก ตอนนี้ฉันยิ่งคิดว่าจะทำยังไงถึงชนะในการแข่งขัน’
เมื่อได้ยินเพื่อนพูดเช่นนี้ เขาจึงเลิกกับเธออย่างรวดเร็ว ดังนั้นไม่ว่า
เจ้าหล่อนจะขออะไร เขาย่อมให้ทั้งสิ้น
ใช่ เขามันเลว แต่เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสมยอมกัน ผู้หญิงคนนั้นได้
กระเป๋ าหลายใบจากเขา แถมยังขอให้เขาบอกคนอื่นว่าเธอเป็นฝ่าย
ทิ้งเขาไปเอง
อวิ๋นหู่ไม่แคร์ว่าใครจะเป็นคนทิ้งใคร ต่อมา ไม่คิดว่าเขาจะได้กำไร
เพราะเจ้านั่นมาปลอบโยนเขาเหมือนในวันนี้เลยทีเดียว หลินเฟิง
เตรียมเหล้าและอาหาร จากนั้นก็ตบบ่าเขาแล้วเริ่มดื่ม‘ผู้หญิงมีเยอะ
จะตาย เขาเลิกกับนายก็แสดงว่าเขาไม่มีบุญ’ พูดจบเจ้านั่นก็ดื่มจน
เมา และในวันนั้นนั่นเองที่เขาอดรนทนไม่ไหวจึงจูบเจ้านั่นไป
ตอนที่ 2010
อวิ๋นหู่รู้แล้ว
แค่จูบนั้น ก็ทำให้อวิ๋นหู่สงสัยว่าตัวเองมีปัญหาหรือเปล่า หากไม่มี
ปัญหาแล้วทำเขาถึงได้คิดอะไรที่ไม่ควรคิดกับคนที่เป็นผู้ชายเหมือน
กับเขา เขาฝันถึงอีกฝ่ายในสภาพแบบนั้นทั้งคืน ส่วนเจ้านั่นกลับไม่รู้
เรื่องอะไรสักอย่าง จนวันต่อมาก็ยังงงอยู่ว่าตัวเองไปกระแทกอะไรมา
ทำไมถึงได้เจ็บอย่างนี้ และนับแต่วันนั้นเป็นต้น ใช่ว่าเขาจะไม่คิดอยู่
ห่างจากอีกฝ่ายแล้วหาทางแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด แต่เจ้านั่นกลับคิดว่า
เขาอารมณ์ไม่ดีเพราะเลิกกับผู้หญิง
สำหรับผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนตอนแรกเขาไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี
เดิมคิดว่าเมื่อคบกันแล้วก็จะดีขึ้น แต่หลินเฟิงกลับไม่รู้ตัว จึงทำให้
ผู้ชายคนนั้นมีโอกาสเข้าใกล้หลายต่อหลายครั้ง
อวิ๋นหู่มองดูหน้าจอที่ดับไปแล้วสว่างขึ้น ก่อนจะยื่นมือไปเอามือถือ
แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ “มือถือนายดังอยู่นั่นแหละ”
หลินเฟิงตื่นเต้นทีไรเป็นต้องชอบล้างมือ ตอนนี้น้ำไหลไม่หยุด เขา
คิดว่าจะปล้ำอีกฝ่ายอย่างไร เมื่อได้ยินเสียงของอวิ๋นหู่ดังขึ้นมาอย่าง
นี้จึงเปิดน้ำให้ไหลแรงขึ้น “มีสายเข้าเหรอ? นายรับแทนฉันทีซิ”
อวิ๋นหู่ส่งเสียงรับคำ พูดในใจว่า นายเป็นคนพูดเองนะ จากนั้นก็เอา
โทรศัพท์แนบหูโดยไม่ลังเล
“ฮัลโหล” เสียงฝ่ายโน้นเบา แต่ยังพอได้ยินเสียงพลิกกระดาษ “ว่าง
ไหม กินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อ จะได้คุยเรื่องโปรเจคสักหน่อย”
อวิ๋นหู่ไม่รีบร้อน ปล่อยให้ปลายสายพูดจบก่อนจึงเอ่ยขึ้นมา “ขอ
โทษด้วยนะ ฉันไม่ใช่เขา ตอนนี้เขาอยู่ในห้องน้ำ ไม่สะดวกรับสาย”
อีกฝ่ายชะงักอย่างเห็นได้ชัด “คุณชายอวิ๋น?”
“ฉันเอง” อวิ๋นหู่ไม่แคร์ที่จะเปิดเผยสถานะตัวเองต่ออีกฝ่าย โดยเฉพาะ
เวลาอย่างนี้
ปลายสายหัวเราะอย่างมีดูดี “เวลาแบบนี้ เขาล้างมือในห้องน้ำเหรอ?”
อวิ๋นหู่หรี่ตาลงเพราะอีกฝ่ายเดาถูก ดังนั้นก้นบึ้งนัยน์ตาถึงได้เข้มขึ้น
เจ้านั่นมันปล่อยปละละเลยขนาดทำให้คนอื่นรู้นิสัยตัวเองหมดเลย
หรือ เขาช้อนสายตามองด้วยแววตานิ่ง “เปล่า กำลังอาบน้ำ”
ปลายสายชะงักอยู่นาน “แสดงว่าไม่สะดวกรับสายจริง ๆ เดี๋ยวเขา
ออกมาแล้ว รบกวนคุณชายอวิ๋นบอกเขาให้โทรหาผมหน่อยละกัน”
“ได้” อวิ๋นหู่ตอบด้วยเสียงเย็นดังเดิม อันที่จริงอยากขว้างโทรศัพท์
ทิ้งด้วยซ้ำ เขาอยากดูว่า ถ้าเขาทำมือถือพังแล้ว เจ้านั่นจะโทรกลับ
ยังไง แต่ทำได้แค่คิด
อวิ๋นหู่วางสายกะจะเอามือถือคืนให้เจ้าของ แต่กลับเห็นอะไร
บางอย่าง จึงดึงเอามือถือกลับคืนมา
“จะรุกคนที่ตัวสูงกว่าเราได้อยางไร?”
“พื้นฐานฝ่ายรุกที่ควรรู้?”
“ขั้นตอนการรุก?”
“ขอแบ่งปันประสบการณ์ว่า ปล้ำผู้ชายอย่างไรให้อยู่หมัด”
อวิ๋นหู่กดเข้าไปดูทีละหัวข้อ ๆ จนมาหยุดที่ “กำหนดตำแหน่ง เริ่ม
จากวันนี้” เล่นเอาชะงักมือเลยทีเดียว นัยน์ตาเขาเปลี่ยนไป ที่เจ้านี่
อัพเดทในโมเมนต์ของวีแชท ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้เหรอ? มิน่าล่ะถึงได้
ให้เขาดื่มเหล้าอยู่นั่นแหละ อยากให้เขาเมาจะได้ทำอะไรกับเขาล่ะสิ
อวิ๋นหู่หยุดมือไว้ที่ตรงนั้น มุมปากยกยิ้ม
ฝ่ายอีกด้าน เมื่อหลินเฟิงจะเช็ดตัวจนสะอาดหมดจด ก็ออกมาเจอ
อวิ๋นหู่ที่ถือมือถือตัวเองเหมือนกำลังอ่านหน้าประวัติเพจที่เคยเข้า
อะไรสักอย่าง
เดี๋ยว! หน้าเพจเรอะ อ่านประวัติหน้าเพจ แย่แล้ว!

ตอนที่ 2008-2
กินเหล้าปลุกใจ
คนเรามักจะไม่พึงพอใจสักที เมื่อยังไม่ได้ตัวเขามา อาจคิดว่าขอเป็น
เพื่อนอยู่ข้างกายก็พอ ขออย่าให้โดนรังเกียจก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
รอจนถึงตอนเรียนมัธยมปลาย หลินเฟิงพาผู้หญิงคนหนึ่งมาหาเขา
เขาถึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวด พอทนไม่ไหวมากขึ้น ๆ ก็จงใจท้าทาย
หลินเฟิง จนมาถึงเวลาสำคัญในตอนท้ายที่เห็นสีหน้าตกตะลึงของ
เพื่อน เขาก็กลัว…กลัวว่าอีกฝ่ายจะผลักไสเขาตลอดกาล และเป็นไม่ได้
แม้กระทั่งเพื่อนสนิท ถึงได้คิดหาวิธีมากมาย รวมถึงหาคนมาเล่นละคร
ตบตา
เขาเพิ่งคิดได้ว่า คงเพราะเขาทำแบบนั้น จึงเป็นการเปิดโอกาสให้
บางคนได้เข้าใกล้หลินเฟิง
ความชอบเป็นสิ่งที่ปิดไม่มิด จะอดทนหรือหยุดยั้งได้อย่างไร
เขาอยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าหลินเฟิงเป็นของเขา และอยากจะ
ได้อีกฝ่ายมาอยู่ในกำมือตัวเองให้เร็วที่สุด
เขาเคยคิดถึงวิธีการและแผนการมากมาย กระทั่งคิดจะใช้ออเดอร์ที่
หลินเฟิงอยากได้เสียเหลือเกินมาแลกเปลี่ยนกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธ
เมื่อมีคนเอาหลินเฟิงมายื่นให้ถึงตรงหน้า
อวิ๋นหู่พยายามข่มความเคร่งขรึมในดวงตาลง กดพิมพ์ตอบกลับ
“ฉันไม่เคยไปห้องส่วนตัวนาย”
หลินเฟิงไม่ได้คิดให้ละเอียดถี่ถ้วน ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
“เดี๋ยวจะแชร์ที่อยู่ให้”
“อื้อ” อวิ๋นหู่เก็บมือถือ เงยหน้ามองดูบรรดาคุณชายที่นัดจะกินข้าว
กันอีก “พวกนายไปกันเองเถอะ ฉันมีธุระพอดี”
มีคนบอกว่า “อย่าเพิ่งดิ คุณชายอวิ๋น ไปด้วยกันเถอะ”
“ใช่ ไปด้วยกันสิ เราอุตส่าห์จะเลี้ยงรับที่นายกลับมาเชียวนะ”
อวิ๋นหู่ซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ า “ฉันกลับมาจะเดือนหนึ่งแล้ว
เอาแต่เลี้ยงข้าวต้อนรับอยู่ได้ พอได้แล้ว พวกนายไปกันเองเถอะ”
เมื่อเห็นเขาเอ่ยปากเช่นนี้ คนอื่นก็ไม่กล้ารั้งให้อยู่ต่อ
อวิ๋นหู่คิดอะไรรอบคอบ พอขับรถออกไปก็ถามหลินเฟิง “คืนนี้
อยากกินอะไร จะซื้อกลับไปให้”
“ไม่ต้อง ฉันซื้อไว้หมดแล้ว นายมาเถอะ” หลินเฟิงจงใจซื้อเหล้าขาว
มาขวดหนึ่ง จะปลุกใจได้ดีเชียวล่ะ แต่เดี๋ยวตอนที่ดื่มกัน เขาต้องระวัง
ให้อวิ๋นหู่มึน ไม่ใช่ตัวเองเมาก่อน
หลินเฟิงคิดดี ต้องบอกว่าทุกอย่างพร้อมมูล ขาดแต่ลมตะวันออกที่
จะช่วยโหมพัดให้ส่วนที่เหลือสำเร็จ
ยังดีที่อวิ๋นหู่ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องจุดเทียนไขกินข้าวกัน หลินเฟิงเอา
อาหารจำพวกผัดที่ซื้อมามาวางไว้บนโต๊ะ
วันนี้กินข้าวไม่สำคัญ สำคัญที่กินเหล้า เขาอุตส่าห์คว้ามือถือมาเสิร์จ
หาบทเรียนเรื่องนั้นอีกหนึ่งรอบ เพื่อกันไม่ให้เกิดพิรุธเมื่ออวิ๋นหู่
มาถึง
พูดตามตรง เขายังกลัว ๆ อยู่ในใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อนึกถึงว่าอีก
ฝ่ายคืออวิ๋นหู่ กลับคิดว่ารับมือได้ง่ายดาย
ระหว่างที่คิดเช่นนี้อยู่ เสียงกริ่งประตูพลันดังขึ้น
หลินเฟิงชะงัก กดมือถือให้ดับลง รีบลุกขึ้นมาปรับอารมณ์ตัวเอง
แล้วเดินไปเปิดประตูอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่จริงแล้วกลับไม่กล้ามองอีก
ฝ่าย “ทำไมนานจัง?”
อวิ๋นหามองหลินเฟิงแบบสำรวจตรวจสอบ “เมื่อกี้อยู่กับพวกที่เขต
ทหาร แล้วทำไมนายแต่งตัวแบบนี้?”
“แบบไหน?” หลินเฟิงเพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้เปลี่ยนชุดที่สวมอำพราง
ตัวตอนไปซื้อของ “เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว อย่าเพิ่งรีบถอดชุดกันหนาว
ฉันเลยใส่เยอะหน่อย จะได้ไม่เป็นหวัด”
ตอนที่ 2008-3
กินเหล้าปลุกใจ
“จะได้ไม่เป็นหวัด แต่แต่งตัวอย่างกับจะปล้นธนาคาร?” อวิ๋นหู่
หัวเราะเบา ๆ “นายหน้าแดงขนาดนั้น เพราะร้อนล่ะสิ”
หลินเฟิงส่งเสียงตอบรับ แต่ด่าในใจว่านายมันรู้อะไร ฉันหน้าแดง
เพราะอยากจะปล้ำนายโว้ย แค่ใจเต้นเร็วเท่านั้น
แต่หลินเฟิงย่อมไม่พูดออกไป เวลานี้เขาต้องทำให้ทุกอย่างสะดวก
ราบรื่น
“วันนี้เป็นวันอะไร นายถึงได้ซื้อเหล้ามา” อวิ๋นหู่เดินมาถึงโต๊ะ เห็น
ขวดเหล้าแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หลินเฟิงแสร้งทำเป็นสุขุม “ลั่วลั่วจะออกจากวงการแล้ว ฉันอารมณ์
ไม่ค่อยดีเลยซื้อเหล้ามาย้อมใจ”
“อารมณ์ไม่ดี” อวิ๋นหู่หันไปมอง ทั้งสองมีความสูงไม่ต่างกันเท่าไร
แต่เทียบกันเรื่องออร่าไม่ได้
คงเป็นเพราะหน้าตาแต่ละคน อวิ๋นหู่ค่อนข้างคมสัน “ฉันเห็นนาย
กับเจ้าแบล็กช่วยกันจับคู่ให้ลั่วลั่วกับเซียวจิ่งสนุกสนานกันเชียว”
หลินเฟิงชะงัก “อ้อ นายไม่พูด ฉันก็เกือบลืมแล้ว คิดไม่ถึงว่าลั่วลั่ว
จะชอบเจ้าคนหน้านิ่งได้ คิดไม่ถึงจริง ๆ”
อวิ๋นหู่ทำเป็นมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องการเปลี่ยนเรื่องพูด เขานั่งลง
บนเก้าอี้พลางเออออตาม “คิดไม่ถึงจริง ๆ”
หลินเฟิงพูดในใจ ในที่สุดก็เป็นไปตามแผนเสียที
ไม่ผิดคาด พอเอาเหล้ามาก็รินให้อวิ๋นหู่จนเต็มแก้ว แต่ของตัวเอง
กลับรินชนิดพอดีคำ “หมดแก้ว?”
อวิ๋นหู่มองเหล้าในแก้วอีกคน ก่อนจะดูของตัวเอง “หมดแก้วอย่างนี้
เนี่ยนะ?”
“อย่าจู้จี้นักสิ” หลินเฟิงว่าแล้วยกแก้วตัวเอง
อวิ๋นหู่ไม่แคร์ว่าตัวเองจะดื่มเข้าไปเท่าไร ทำแค่ดึงคอเสื้อ แววตา
ลึกลับเดาอะไรไม่ออก
หลินเฟิงเห็นเพื่อนดื่มสบาย ๆ แต่ก็จะกรอกเหล้าให้มากจนเวอร์ไม่ได้
เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการหลอกล่อ “กินข้าวกันให้มีอะไรรองท้อง
หน่อย แล้วค่อยกินเหล้าต่อ” หลินเฟิงคีบเนื้อที่ราดน้ำจิ้มชิ้นหนึ่งไป
วางในจานอวิ๋นหู่ ส่วนตัวเองทำเป็นไม่มองอีกฝ่าย ทั้งที่จริง ๆ แล้วก็
เผลอมอง
อวิ๋นหู่คีบเนื้อชิ้นนั้นกินอย่างไม่กระโตกกระตาก ส่วนมืออีกข้างล้วง
เอามือถือออกมาสไลด์หน้าจอดูเล็กน้อย
หลินเฟิงเอาแต่ตั้งอกตั้งใจกับเรื่องที่ตัวเองจะทำโดยไม่สังเกตอาการ
ของอวิ๋นหู่ ไม่รู้เลยว่าในเวลานี้ฝ่ายหลังจะส่งข้อความหาป๋ อจิ่ว
“แบล็กพีช หลินเฟิงคิดทำอะไรในช่วงนี้ รู้ไหม?”
ป๋ อจิ่วที่เฝ้าพวกเด็กใหม่เล่นเกมอยู่ได้รับข้อความนี้ก็เท้าคางยิ้ม
“เป็นเรื่องดีกับเทพอวิ๋นก็แล้วกัน นายเจอเขาแล้วใช่ป่ ะ? งั้นขอให้มี
ความสุขนะ เสร็จธุระแล้วอย่าลืมขอบคุณฉันล่ะ”
ประโยคนี้ดูประหลาด แต่พอจะเข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ข้อมูลอะไรจาก
แบล็กพีชสักนิด จึงหันไปมองคนบางคน เห็นฝ่ายนั้นเติมเหล้าให้
“เจ้าหู่ มา กินเหล้าอีกแก้ว”
หนนี้เกินไปจริง ๆ แก้วหนึ่งเป็นน้ำเปล่า อีกแก้วเป็นเหล้าขาว คน
บางคนอยากให้เขาเมาอย่างชัดเจนเชียวนะ?
คิดหรือว่าเขาจะมองเล่ห์กลนั้นไม่ออก ทว่าอวิ๋นหูไม่ได้ปฏิเสธเหล้า
แก้วนั้น พอยกขึ้นดื่มก็จงใจเอียงแก้วปล่อยให้เหล้าเทลงพื้นไปกว่า
ครึ่ง เขาดื่มเหล้าได้ แถมดื่มได้เยอะด้วย แต่หากเทียบกันแล้ว เขา
อยากรู้แผนการของอีกฝ่ายมากกว่า…
ตอนที่ 2009
จูบแรก
อวิ๋นหู่วางแก้วเหล้าลงอย่างเป็นปกติ ทำเหมือนว่าเดาความคิดอีก
ฝ่ายไม่ออก ก่อนจะเอ่ยถามไปงั้น ๆ “นายโพสรูปนั้นลงในโมเมนต์
ถุงในรูปใส่อะไรเอาไว้เหรอ?”
หลินเฟิงผงะแรง อวิ๋นหู่พูดอะไรไม่พูดดันมาพูดถึงเรื่องนี้ “เปล่า กิน
เหล้า กินเหล้าเถอะ”
อวิ๋นหู่ได้ยินแล้วก็เลิกตามองดูสายตาอีกฝ่ายที่หลุกหลิก ท่าทางของ
ในถุงนั่นจะสำคัญมาก แต่อะไรที่ทำให้อีกฝ่ายผิดปกติได้ขนาดนี้
แม้อวิ๋นหู่จะเป็นคนสุขุมแต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงมีแผนกับตัวเอง
เพราะผู้ชายแท้อย่างหลินเฟิงบางครั้งก็บื้อเกิน ทั้งสองนั่งคนละฝั่ง
ของโต๊ะอาหาร กินอาหารอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หลินเฟิงเอาแต่คิดว่าทำไมเจ้าหู่ถึงได้ไม่เมาสักที เขากินน้ำไปตั้งห้า
แก้วแล้ว เกิดจะทำอะไรอีกก็ดูมีพิรุธ ที่สำคัญที่สุดคือมันเงียบเกินไป
ยิ่งเงียบหลินเฟิงก็ยิ่งมีพิรุธ จึงลุกขึ้นมา “ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” กิน
น้ำเข้าไปเยอะย่อมต้องไปปล่อยเบาบ้าง แต่บังเอิญจริง ๆ พอหลิน
เฟิงลุกไป มือถือพลันดังพอดี
อวิ๋นหู่ถือแก้วเหล้า กวาดตามองหน้าจอมือถือของเพื่อน นัยน์ตา
ถึงกับเคร่งเครียด จนมาถึงตอนนี้แล้ว สองคนนั่นยังติดต่อกันอีก
เหรอ? แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก เพราะผู้ชายคนนั้นมีหน้าที่สอน
หลินเฟิง แม้สติจะบอกเขาเช่นนี้ แต่ยังคงรับไม่ได้อยู่ดี
บางครั้งอวิ๋นหู่ก็สงสัยว่า ตัวเองหึงหวงมากเกินไปหรือเปล่า แต่หาก
ชายคนนั้นไม่คิดอะไรกับคนบางคนก็ยังพอว่า แต่ถ้าคิดล่ะ? เหมือน
เมื่อตอนอยู่ม.ปลาย ผู้หญิงที่ถูกเขาดึงเปียแล้วหน้าแดงคนนั้น มักทำ
ให้เขาไม่สบายใจ ตอนนั้นเขาคิดได้อย่างเดียวว่าต้องเบี่ยงเบนความ
สนใจของเจ้าหล่อนไป ถึงได้ตามจีบเธอ มันเป็นเรื่องตลกมาก ทว่า
ในวัยดังกล่าว เขาไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากทำเช่นนั้น จนเธอตกลง
เป็นแฟนเขาในที่สุด
อวิ๋นหู่เห็นเจ้านั่นตะลึงงัน ก่อนจะกำหมัดชกบ่าเขา ‘เชื่อเขาเลย
เพื่อนยาก’
เขายังจำได้ดีในสิ่งที่ตัวเองพูด ‘อย่าโทษฉัน’
เจ้านั่นไม่เข้าใจ ‘โทษเรื่องอะไร?’
‘ฉันมองออกว่านายรู้สึกดีกับเขา’ อวิ๋นหู่พูดไปแบบนั้น ตัวเขาใน
เวลานั้นก็เริ่มมีแผนกลซ่อนเร้นในใจ
อีกฝ่ายลูบท้ายทอยตัวเองก่อนจะกำเส้นผมตัวเอง ‘นายมันแน่นี่ ฉัน
รู้สึกดีกับเขาจริง ๆ แต่เขาเลือกนาย แล้วมันก็แค่ชอบป่ะวะ ไม่ได้คิด
อะไรมาก ตอนนี้ฉันยิ่งคิดว่าจะทำยังไงถึงชนะในการแข่งขัน’
เมื่อได้ยินเพื่อนพูดเช่นนี้ เขาจึงเลิกกับเธออย่างรวดเร็ว ดังนั้นไม่ว่า
เจ้าหล่อนจะขออะไร เขาย่อมให้ทั้งสิ้น
ใช่ เขามันเลว แต่เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสมยอมกัน ผู้หญิงคนนั้นได้
กระเป๋ าหลายใบจากเขา แถมยังขอให้เขาบอกคนอื่นว่าเธอเป็นฝ่าย
ทิ้งเขาไปเอง
อวิ๋นหู่ไม่แคร์ว่าใครจะเป็นคนทิ้งใคร ต่อมา ไม่คิดว่าเขาจะได้กำไร
เพราะเจ้านั่นมาปลอบโยนเขาเหมือนในวันนี้เลยทีเดียว หลินเฟิง
เตรียมเหล้าและอาหาร จากนั้นก็ตบบ่าเขาแล้วเริ่มดื่ม‘ผู้หญิงมีเยอะ
จะตาย เขาเลิกกับนายก็แสดงว่าเขาไม่มีบุญ’ พูดจบเจ้านั่นก็ดื่มจน
เมา และในวันนั้นนั่นเองที่เขาอดรนทนไม่ไหวจึงจูบเจ้านั่นไป
ตอนที่ 2010
อวิ๋นหู่รู้แล้ว
แค่จูบนั้น ก็ทำให้อวิ๋นหู่สงสัยว่าตัวเองมีปัญหาหรือเปล่า หากไม่มี
ปัญหาแล้วทำเขาถึงได้คิดอะไรที่ไม่ควรคิดกับคนที่เป็นผู้ชายเหมือน
กับเขา เขาฝันถึงอีกฝ่ายในสภาพแบบนั้นทั้งคืน ส่วนเจ้านั่นกลับไม่รู้
เรื่องอะไรสักอย่าง จนวันต่อมาก็ยังงงอยู่ว่าตัวเองไปกระแทกอะไรมา
ทำไมถึงได้เจ็บอย่างนี้ และนับแต่วันนั้นเป็นต้น ใช่ว่าเขาจะไม่คิดอยู่
ห่างจากอีกฝ่ายแล้วหาทางแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด แต่เจ้านั่นกลับคิดว่า
เขาอารมณ์ไม่ดีเพราะเลิกกับผู้หญิง
สำหรับผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนตอนแรกเขาไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี
เดิมคิดว่าเมื่อคบกันแล้วก็จะดีขึ้น แต่หลินเฟิงกลับไม่รู้ตัว จึงทำให้
ผู้ชายคนนั้นมีโอกาสเข้าใกล้หลายต่อหลายครั้ง
อวิ๋นหู่มองดูหน้าจอที่ดับไปแล้วสว่างขึ้น ก่อนจะยื่นมือไปเอามือถือ
แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ “มือถือนายดังอยู่นั่นแหละ”
หลินเฟิงตื่นเต้นทีไรเป็นต้องชอบล้างมือ ตอนนี้น้ำไหลไม่หยุด เขา
คิดว่าจะปล้ำอีกฝ่ายอย่างไร เมื่อได้ยินเสียงของอวิ๋นหู่ดังขึ้นมาอย่าง
นี้จึงเปิดน้ำให้ไหลแรงขึ้น “มีสายเข้าเหรอ? นายรับแทนฉันทีซิ”
อวิ๋นหู่ส่งเสียงรับคำ พูดในใจว่า นายเป็นคนพูดเองนะ จากนั้นก็เอา
โทรศัพท์แนบหูโดยไม่ลังเล
“ฮัลโหล” เสียงฝ่ายโน้นเบา แต่ยังพอได้ยินเสียงพลิกกระดาษ “ว่าง
ไหม กินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อ จะได้คุยเรื่องโปรเจคสักหน่อย”
อวิ๋นหู่ไม่รีบร้อน ปล่อยให้ปลายสายพูดจบก่อนจึงเอ่ยขึ้นมา “ขอ
โทษด้วยนะ ฉันไม่ใช่เขา ตอนนี้เขาอยู่ในห้องน้ำ ไม่สะดวกรับสาย”
อีกฝ่ายชะงักอย่างเห็นได้ชัด “คุณชายอวิ๋น?”
“ฉันเอง” อวิ๋นหู่ไม่แคร์ที่จะเปิดเผยสถานะตัวเองต่ออีกฝ่าย โดยเฉพาะ
เวลาอย่างนี้
ปลายสายหัวเราะอย่างมีดูดี “เวลาแบบนี้ เขาล้างมือในห้องน้ำเหรอ?”
อวิ๋นหู่หรี่ตาลงเพราะอีกฝ่ายเดาถูก ดังนั้นก้นบึ้งนัยน์ตาถึงได้เข้มขึ้น
เจ้านั่นมันปล่อยปละละเลยขนาดทำให้คนอื่นรู้นิสัยตัวเองหมดเลย
หรือ เขาช้อนสายตามองด้วยแววตานิ่ง “เปล่า กำลังอาบน้ำ”
ปลายสายชะงักอยู่นาน “แสดงว่าไม่สะดวกรับสายจริง ๆ เดี๋ยวเขา
ออกมาแล้ว รบกวนคุณชายอวิ๋นบอกเขาให้โทรหาผมหน่อยละกัน”
“ได้” อวิ๋นหู่ตอบด้วยเสียงเย็นดังเดิม อันที่จริงอยากขว้างโทรศัพท์
ทิ้งด้วยซ้ำ เขาอยากดูว่า ถ้าเขาทำมือถือพังแล้ว เจ้านั่นจะโทรกลับ
ยังไง แต่ทำได้แค่คิด
อวิ๋นหู่วางสายกะจะเอามือถือคืนให้เจ้าของ แต่กลับเห็นอะไร
บางอย่าง จึงดึงเอามือถือกลับคืนมา
“จะรุกคนที่ตัวสูงกว่าเราได้อยางไร?”
“พื้นฐานฝ่ายรุกที่ควรรู้?”
“ขั้นตอนการรุก?”
“ขอแบ่งปันประสบการณ์ว่า ปล้ำผู้ชายอย่างไรให้อยู่หมัด”
อวิ๋นหู่กดเข้าไปดูทีละหัวข้อ ๆ จนมาหยุดที่ “กำหนดตำแหน่ง เริ่ม
จากวันนี้” เล่นเอาชะงักมือเลยทีเดียว นัยน์ตาเขาเปลี่ยนไป ที่เจ้านี่
อัพเดทในโมเมนต์ของวีแชท ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้เหรอ? มิน่าล่ะถึงได้
ให้เขาดื่มเหล้าอยู่นั่นแหละ อยากให้เขาเมาจะได้ทำอะไรกับเขาล่ะสิ
อวิ๋นหู่หยุดมือไว้ที่ตรงนั้น มุมปากยกยิ้ม
ฝ่ายอีกด้าน เมื่อหลินเฟิงจะเช็ดตัวจนสะอาดหมดจด ก็ออกมาเจอ
อวิ๋นหู่ที่ถือมือถือตัวเองเหมือนกำลังอ่านหน้าประวัติเพจที่เคยเข้า
อะไรสักอย่าง
เดี๋ยว! หน้าเพจเรอะ อ่านประวัติหน้าเพจ แย่แล้ว!

ตอนที่ 2006-3
ป๋อจิ่วและศิษย์ตัวน้อย
แต่เจ้าตัวกลับโพสต์ลงเวยป๋อเองว่า “ฉันเป็นแฟนคลับของลั่วลั่วมา
ตั้งแต่เข้าวงการนี้แล้ว เมื่อก่อนเป็นอย่างไร ต่อไปก็จะเป็นอย่างนั้น
เขาได้คบกับเทพเซียวก็ดี หวังว่าเทพเซียวจะดีต่อเขา ไม่งั้นแฟนคลับ
อย่างพวกเราจะแย่งลั่วลั่วมานะ”
แค่นี้ก็แสดงให้เห็นความจริงทั้งหมด
ป๋อจิ่วเห็นแล้ว รีบส่งข้อความให้หลินเฟิงเป็นการส่วนตัว “เพื่อน
นายไม่เลวเลย”
“แหงสิ” หลินเฟิงทำหน้าหยิ่ง “พวกเดียวกันถึงคบกันได้นี่นา คนที่
เฮียรู้จักจะแย่ได้ยังไง? เห็นลั่วลั่วกับเซียวหน้านิ่งคบกันแบบนี้ก็เรียก
ว่าสมบูรณ์แล้ว ถือว่าเป็นของขวัญให้ลั่วลั่วที่ลาออกจากวงการ”
ป๋ อจิ่วมองประโยคนั้นแล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ “พวกเขาสมหวังแล้ว นาย
กับเทพอวิ๋นล่ะ? ฉันว่านะ พี่หลินสุดสวย วันก่อนที่ฉันพูด นายคงไม่
ลืมหรอกนะ ใครเริ่มก่อน คนนั้นเป็นคนกำหนดตำแหน่งได้ก่อน”
“ใครว่าฉันลืม เฮียจะบอกให้นะ เฮียเตรียมการทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว
วันนี้จะลงมือ รอข่าวดีจากเฮียในวันพรุ่งนี้ได้เลย” หลินเฟิงส่งข้อความ
นี้เสร็จ ก็เสิร์จหาร้านที่เชื่อถือได้
ปลายสายอย่างป๋ อจิ่วยิ้มเจ้าเล่ห์หนักขึ้น “ไปเหอะ ขอให้เฮียรุกจน
สำเร็จ”
“รุกจนสำเร็จ?” มั่วเป่ยที่นั่งข้างเธอเพิ่งจะถอดหูฟังหลังจากเล่นเสร็จ
ไปตาหนึ่ง ใบหน้าไร้อารมณ์ กำลังคิดว่าประโยคดังกล่าวเป็นสำนวน
คำพังเพยอะไรหรือเปล่า?
ป๋อจิ่วไม่อยากสอนเรื่องไม่ดีให้กับเด็ก หันหน้าเท่ ๆ ไปหา “หือ?
ฉันพูดอย่างนั้นเหรอ เธอต้องฟังผิดแน่ มั่วเป่ ย หิวไหม?”
มั่วเป่ ยส่ายหน้า ช้อนสายตามองพลางเอ่ยอย่างตั้งใจ “หัวหน้าบอกว่า
ห้ามกินของในห้องฝึก”
“หัวหน้ามีกฎเกณฑ์เยอะจะตาย แค่ฟัง ๆ ไว้ก็พอ ไม่ต้องเชื่อมาก”
ป๋ อจิ่วหยิกแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ “มั่วเป่ ย เราเป็นเด็กผู้หญิง อย่าทำตัว
เหมือนหัวหน้า คิดยังไงก็ทำหน้าแบบนั้นไปเลย น่ารักจะตาย ไหน…
ยิ้มให้ดูหน่อย แล้วบอกฉันมาว่าเธอชอบกินอะไร?”
เมื่อไอดอลที่ตัวเองชอบอยู่ใกล้ขนาดนี้ มั่วเป่ ยย่อมหูแดง เอียงหน้า
ถามว่า “เทพ Z อยากกินอะไร?”
“เนื้อ เนื้อ เนื้อ เหล้า เหล้า เหล้า” ป๋ อจิ่วพูดจบก็หันไปสบสายตา
“เหล้าไม่นับ เอาเป็นว่าเนื้อก็พอ”
มั่วเป่ ยส่งเสียงรับรู้ หูยังแดงอยู่
ที่ป๋ อจิ่วบอกว่าอยากกินอะไร เพราะหนึ่งเธอชอบกินจริง ๆ สอง
เพราะไม่รู้ว่าเป็นอย่างที่หลินเฟิงพูดไว้หรือเปล่า ค่าอาหารของที่นี่
เด็กน้อยน่าจะจ่ายได้ไม่เยอะ
การเป็นเด็กฝึกของทีมไดมอนด์ ย่อมมีโรงอาหารภายใน อาหารก็
ราคาถูก แต่แม้ราคาจะเป็นอย่างนั้น เด็กหญิงกลับไม่กินข้าวเลยใน
ตอนเที่ยง เอาแต่กินหมั่นโถวอย่างเดียว
ป๋ อจิ่วหันไปเท้าคางมองมั่วเป่ ยแวบหนึ่ง ทั้งที่ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นไม่
แสดงความรู้สึกอะไร แต่ดูมีความสุขมาก
มีความสุข?
งั้นก็ดี เด็กคนนี้เหมือนท่านเทพตอนเด็ก เวลาแสดงออกว่าตัวเองมี
ความสุขย่อมต่างไปจากคนอื่น
สถานการณ์ของหลินเฟิงในเวลานี้ต่างไปจากป๋ อจิ่ว
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ตัดใจเดินเข้าร้านหนึ่งไป
เวลาแบบนี้ คนที่มาร้านขายของสำหรับตอนกลางคืนจะน้อยมาก
เขาจงใจเลือกเวลานี้ ทั้งยังปลอมตัวทั้งตัว รูดซิปเสื้อตัวนอกเพื่อ
ปิดบังหน้าตัวเอง
ยังไงเขาก็เป็นคนมีแฟนคลับ คนจำได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว!
ตอนที่ 2007
หลินเฟิ งจะปลํ้าอวิ๋นหู่
ตอนแรกเจ้าของร้านขายของพิเศษไม่ได้สังเกตเห็นหลินเฟิง ปกติ
แล้วคนที่มาซื้อของก็ดูปกติกันทั้งนั้น
ทว่าการแต่งตัวของลูกค้าคนนี้ ยากที่จะไม่ให้เจ้าของร้านเอะใจ
เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาจากด้านนอก แถมด้านข้างเป็นโรงแรม
แบบแฟรนไชส์ เจ้าของร้านจึงคิดว่าเขามาปล้นหรือเปล่า
แต่เมื่อคิดอีกที ร้านขายของสำหรับเรื่องตอนกลางคืนจะมีอะไรให้
ปล้น จึงสงบใจลงได้
หลินเฟิงคิดว่าพอได้สินค้าที่ต้องการแล้วจะรีบจ่ายเงินแล้วออกไป
ใครจะคิดว่าเมื่อเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก แม้เสิร์จหาทั่วในอินเทอร์เน็ต
มาแล้ว ก็ยังหาสิ่งที่ต้องการไม่เจอ “อันนั้นกับอันโน้น แล้วอันโน้น
กับอันนั้น”
หลินเฟิงสำรวจสินค้าทั้งหลายด้วยสภาพหูแดง
บ้าเอ๊ย เดี๋ยวนี้พัฒนาขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อนพวกเขาเคยดูแค่หนัง
แต่ตอนนี้มีแบบจัดเต็มแล้ว จัดเต็มแบบที่เขาไม่รู้จักสักอย่าง แต่ยังไง
ก็ต้องซื้อถุงยางแน่นอน
ในอินเทอร์เน็ตบอกว่าต้องเอาคุณภาพดีหน่อย ลื่นหน่อย อวิ๋นหู่จะ
ได้ไม่เจ็บ
ยิ่งคิด หลินเฟิงก็คิดว่าตัวเองฉลาดและอ่อนโยนมาก
สำหรับผู้ชายแล้ว เรื่องอย่างนี้ต้องฉลาดโดยไม่ต้องมีประสบการณ์!
เมื่อต้องมาเจอกับลูกค้าที่ฉลาดแบบไม่มีประสบการณ์มาก่อน
เจ้าของร้านได้แต่หยิบผ้าขี้ริ้วด้วยมือขวา เช็ดกล่องที่อยู่ในมือซ้าย
กำลังคิดว่า เจ้านี่….จะจ้องสินค้าเขาอีกนานแค่ไหนเนี่ย
“เฮีย” หลินเฟิงกระชับคอเสื้อตัวเองแน่น หยิบของเหมือนเป็นโจร
ก่อนจะผลักไปให้ “ห่อให้ด้วย”
เจ้าของร้านได้ยินคำพูดที่ต่างไปจากคนมาซื้อคนอื่น แต่ยังหยิบถุงมา
ใส่ให้
“ถุงพลาสติกใส?” หลินเฟิงตาเหลือก “ไม่มีสีดำหรือไง เอาแบบมอง
ไม่เห็นของด้านในอะ”
เจ้าของร้านแอบบ่นในใจ เป็นเด็กผู้หญิงแอบมาซื้อผ้าอนามัยหรือไง
วะ?
“ผมจะหาให้” เดาว่าลูกค้าคนนี้คงมาซื้อเป็นครั้งแรก เจ้าของร้านได้
แต่แสดงความมีอัธยาศัยออกไป “คุณลูกค้าวางมือลงก่อนดีไหม ที่นี่
มีผมคนเดียว ผ้าปิดปากก็บังหน้าคุณจนมิดแล้ว ไม่ต้องดึงคอเสื้อ
หรอก ตอนนี้อากาศร้อนจะตาย”
หลินเฟิงได้ยินแล้วส่ายหน้าทันที “ฉันชอบแบบนี้”
จะให้คนอื่นจำเขาไม่ได้ นี่หลอกเขาให้โผล่หน้าออกมาล่ะสิ
ตอนที่ทีมไดมอนด์ก่อตั้งขึ้น เขาเคยสวมชุดผู้หญิงแล้วทุกคนบอกว่า
จะไม่ถ่ายรูปเด็ดขาด แล้วเป็นยังไง?
ตอนนี้มาซื้อของใช้เวลามีเซ็กส์ แถมเขายังจำได้ว่าข้างนอกมีกล้อง
วงจรปิดด้วย ถึงเวลานั้นเกิดมีข่าวว่า ‘นักกีฬาอีสปอร์ตชื่อดังมาซื้อ
ของใช้ร่วมเพศ’ ขึ้นมา ชื่อเสียงเขาไม่ป่ นปี้หมดเหรอ!
เมื่อเห็นหลินเฟิงพูดแบบนั้น เจ้าของร้านก็ไม่ฝืนใจ ค้นของในกล่อง
อยู่นานกว่าจะหาถุงกระดาษได้ “อันนี้น่าจะไม่เห็นด้านใน”
“อ้อ ได้ ขอบคุณนะ” หลินเฟิงพูด ตัดสินใจเอาออร่าตัวเองออกมาใช้
“เฮีย ที่ร้านมีอันนั้นไหม?”
เจ้าของร้านไม่เห็นสีหน้าของลูกค้า แต่เมื่อได้ยินก็เหมือนจะเข้าใจ
หยิบแส้ออกมาให้ “รุ่นใหม่ล่าสุด คนที่ใช้แล้วบอกว่าเยี่ยม ฟาดถึง
ตัวก็ไม่เจ็บ”
หลินเฟิงมองแส้นั่น ตาค้างไปครู่หนึ่ง “ฉันหมายความว่า นั่น เอ่อ
อันที่สบายหน่อย ไม่เจ็บ อันนั้นอะ”
“คุณลูกค้า” เจ้าของร้านยิ้ม “ไม่รู้จะบอกคุณดีหรือเปล่า จะสบาย
หรือไม่ขึ้นอยู่ที่เทคนิคของแต่ละคน แต่คุณมาถูกที่แล้ว อันนี้ผู้หญิง
ชอบ”
หลินเฟิงกระชับคอเสื้อ นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยอย่างจริงใจ “เฮีย
บอกตามตรง ฉันจะเอาไปใช้กับแฟนผู้ชาย”
ตอนที่ 2008-1
กินเหล้าปลุกใจ
ใช้กับแฟนที่เป็นผู้ชาย?
ห้วงเวลานั้น สีหน้าของเจ้าของร้านช่างยากจะบรรยาย
แต่เมื่อเปิดร้านประเภทนี้ ย่อมได้เจอกับคนทุกประเภทอยู่แล้ว แค่
พยายามทำหน้าให้นิ่ง แล้วหยิบของที่คุณลูกค้าต้องการออกมาให้
หลินเฟิงเห็นฝ่ายนั้นหยิบสินค้ามาจากกล่องที่บรรจุเป็นอย่างดี แถม
ยังมีใบส่งของอีกเป็นกอง จึงชะโงกหน้าถาม “เฮียส่งของพวกนี้ทาง
ไปรษณีย์ด้วยเหรอ?”
“ของปกติไม่ต้องหรอก แต่สินค้าเฉพาะแบบพวกคุณจะสั่งซื้อ
ออนไลน์กันค่อนข้างเยอะ เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ไงล่ะ” เจ้าของ
ร้านมีทัศนคติที่เปิ ดกว้าง “ผมถึงได้เขียนป้ายติดบนกล่องว่าเป็น
ขนมไงล่ะ”
หลินเฟิงได้ยินแล้วรู้สึกเสียใจทันที ทำไมเขาถึงไม่คิดจะซื้อทาง
อินเทอร์เน็ตนะ “เฮีย ของข้อมูลติดต่อหน่อยสิ”
“หือ?”
“ต่อไปน่าจะได้ซื้ออีก เฮียจะได้ส่งให้ไง”
“ได้สิ”
เมื่อคุยกันดีแล้ว หลินเฟิงที่ซื้อของที่ตัวเองต้องการได้ดีใจมาก
เจ้าของร้านมาส่งถึงหน้าประตู ก่อนจะไอเล็กน้อย “ขอถามนิดหนึ่ง
คุณลูกค้าเป็นดาราเหรอ? ทำไมต้องปิดตัวมิดชิดขนาดนี้ ขอบอกตาม
ประสบการณ์นะ ยิ่งคุณทำตัวแบบนี้ คนก็ยิ่งสนใจมาก ทำตัวเป็น
ปกติหน่อยสิ ไม่เป็นอะไรหรอก”
หลินเฟิงไม่ยอมปลดผ้าปิดปากออกเด็ดขาด พูดเพียงว่า “แล้วเจอกัน
ครั้งหน้า”
จากนั้นหอบของที่ซื้อมา กระโดดขึ้นรถตัวเองทันที
เมื่อเข้าตัวรถมาได้เขาก็คลายมือ ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นหยิบมือ
ถือมาถ่ายรูป
ถึงดูไม่ออกว่าของในถุงคืออะไร แต่ก็ทำให้เขาสะดวกจะโพสต์ลง
โมเมนต์ของวีแชท แถมด้วยประโยคที่ว่า “วันนี้แหละ!” ด้วยท่าที
กล้าหาญสุดมั่นใจ ทำให้กลุ่มเพื่อนต่างเข้าไปถาม
เหราหรง “วันนี้ทำไมเหรอ?”
ลั่วลั่ว “เหมือนจะทำอะไรสักอย่างเลย หลินสุดสวย”
โคโค่ “ข้างในถุงเป็นอะไรอะ?”
พี่อ้วนหล่ออันดับหนึ่งขอโลก “หลินฝ่ายรับ ฉันเหมือนมีลางสังหรณ์
ไม่รู้ว่าควรบอกนายหรือเปล่า ช่างเถอะ คำพระท่านว่าไว้บรรยาย
ลำบาก”
ท่ามกลางเสียงหยอกเย้า ข้อความของป๋ อจิ่วกลายเป็นสิ่งดึงดูดผู้คน
มากที่สุด “สู้ ๆ นะ ฉันหวังกับพี่มาก”
ทำให้ใคร ๆ ต่างอยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่?
และที่น่าสนใจที่สุดคืออวิ๋นหู่ก็มาด้วย เขาพิมพ์เครื่องหมายคำถาม
เป็นชุด ก่อนจบลงที่ “นายอยู่ไหน?”
“เฮ้ย!” หลินเฟิงมีพิรุธหนัก พอเห็นข้อความนั้นก็กำมือถือแทบไม่
อยู่ กดรูปโปรไฟล์ของอวิ๋นหู่
หลังจากสงบจิตสงบใจได้ถึงส่งข้อความไปหา “อยู่ข้างนอก กำลังจะ
กลับ นายมาบ้านฉันไหม?”
อวิ๋นหู่ออกจะประหลาดใจที่อีกฝ่ายเป็นคนนัดเขาเอง
นับตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาให้หลินเฟิงมาเจอกัน จากนั้นก็ถูกบอกปัดนัด
ด้วยสารพัดเหตุผลมาตลอด
“ได้สิ ฉันอยู่แถวบ้านหลิน” อวิ๋นหู่พิมพ์เสร็จ เขาบอกเพิ่มอีกประโยค
“ให้ไปรับนายไหม?”
หลินเฟิงกดอัดข้อความเสียง “ไม่ต้อง ฉันไม่ได้อยู่บ้านหลิน แต่อยู่
ห้องส่วนตัวใกล้บริษัท”
“ห้องส่วนตัว?” อวิ๋นหู่เอ่ยช้า ๆ
ใช่ว่าจะไม่ติดใจที่คนบางคนออกไปอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่บอกเขา
สักนิด แต่แคร์มากกว่าก็ตรงที่ได้ยินว่าอยู่ใกล้บริษัท ผู้ชายที่ดูแล
หลินเฟิงคนนั้นเคยไปที่นั่นหรือเปล่า…เขาบรรยายความรู้สึกตัวเอง
ไม่ถูกเลยทีเดียว
ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกเหมือนคนเป็นแฟนรู้สึกกัน
หากไม่ใช่เพราะหลินเฟิงนัดเขาในตอนนี้ เจ้านั่นจะบอกเขาเมื่อไรว่า
มีที่อยู่ส่วนตัว?

ตอนที่ 2006-3
ป๋อจิ่วและศิษย์ตัวน้อย
แต่เจ้าตัวกลับโพสต์ลงเวยป๋อเองว่า “ฉันเป็นแฟนคลับของลั่วลั่วมา
ตั้งแต่เข้าวงการนี้แล้ว เมื่อก่อนเป็นอย่างไร ต่อไปก็จะเป็นอย่างนั้น
เขาได้คบกับเทพเซียวก็ดี หวังว่าเทพเซียวจะดีต่อเขา ไม่งั้นแฟนคลับ
อย่างพวกเราจะแย่งลั่วลั่วมานะ”
แค่นี้ก็แสดงให้เห็นความจริงทั้งหมด
ป๋อจิ่วเห็นแล้ว รีบส่งข้อความให้หลินเฟิงเป็นการส่วนตัว “เพื่อน
นายไม่เลวเลย”
“แหงสิ” หลินเฟิงทำหน้าหยิ่ง “พวกเดียวกันถึงคบกันได้นี่นา คนที่
เฮียรู้จักจะแย่ได้ยังไง? เห็นลั่วลั่วกับเซียวหน้านิ่งคบกันแบบนี้ก็เรียก
ว่าสมบูรณ์แล้ว ถือว่าเป็นของขวัญให้ลั่วลั่วที่ลาออกจากวงการ”
ป๋ อจิ่วมองประโยคนั้นแล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ “พวกเขาสมหวังแล้ว นาย
กับเทพอวิ๋นล่ะ? ฉันว่านะ พี่หลินสุดสวย วันก่อนที่ฉันพูด นายคงไม่
ลืมหรอกนะ ใครเริ่มก่อน คนนั้นเป็นคนกำหนดตำแหน่งได้ก่อน”
“ใครว่าฉันลืม เฮียจะบอกให้นะ เฮียเตรียมการทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว
วันนี้จะลงมือ รอข่าวดีจากเฮียในวันพรุ่งนี้ได้เลย” หลินเฟิงส่งข้อความ
นี้เสร็จ ก็เสิร์จหาร้านที่เชื่อถือได้
ปลายสายอย่างป๋ อจิ่วยิ้มเจ้าเล่ห์หนักขึ้น “ไปเหอะ ขอให้เฮียรุกจน
สำเร็จ”
“รุกจนสำเร็จ?” มั่วเป่ยที่นั่งข้างเธอเพิ่งจะถอดหูฟังหลังจากเล่นเสร็จ
ไปตาหนึ่ง ใบหน้าไร้อารมณ์ กำลังคิดว่าประโยคดังกล่าวเป็นสำนวน
คำพังเพยอะไรหรือเปล่า?
ป๋อจิ่วไม่อยากสอนเรื่องไม่ดีให้กับเด็ก หันหน้าเท่ ๆ ไปหา “หือ?
ฉันพูดอย่างนั้นเหรอ เธอต้องฟังผิดแน่ มั่วเป่ ย หิวไหม?”
มั่วเป่ ยส่ายหน้า ช้อนสายตามองพลางเอ่ยอย่างตั้งใจ “หัวหน้าบอกว่า
ห้ามกินของในห้องฝึก”
“หัวหน้ามีกฎเกณฑ์เยอะจะตาย แค่ฟัง ๆ ไว้ก็พอ ไม่ต้องเชื่อมาก”
ป๋ อจิ่วหยิกแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ “มั่วเป่ ย เราเป็นเด็กผู้หญิง อย่าทำตัว
เหมือนหัวหน้า คิดยังไงก็ทำหน้าแบบนั้นไปเลย น่ารักจะตาย ไหน…
ยิ้มให้ดูหน่อย แล้วบอกฉันมาว่าเธอชอบกินอะไร?”
เมื่อไอดอลที่ตัวเองชอบอยู่ใกล้ขนาดนี้ มั่วเป่ ยย่อมหูแดง เอียงหน้า
ถามว่า “เทพ Z อยากกินอะไร?”
“เนื้อ เนื้อ เนื้อ เหล้า เหล้า เหล้า” ป๋ อจิ่วพูดจบก็หันไปสบสายตา
“เหล้าไม่นับ เอาเป็นว่าเนื้อก็พอ”
มั่วเป่ ยส่งเสียงรับรู้ หูยังแดงอยู่
ที่ป๋ อจิ่วบอกว่าอยากกินอะไร เพราะหนึ่งเธอชอบกินจริง ๆ สอง
เพราะไม่รู้ว่าเป็นอย่างที่หลินเฟิงพูดไว้หรือเปล่า ค่าอาหารของที่นี่
เด็กน้อยน่าจะจ่ายได้ไม่เยอะ
การเป็นเด็กฝึกของทีมไดมอนด์ ย่อมมีโรงอาหารภายใน อาหารก็
ราคาถูก แต่แม้ราคาจะเป็นอย่างนั้น เด็กหญิงกลับไม่กินข้าวเลยใน
ตอนเที่ยง เอาแต่กินหมั่นโถวอย่างเดียว
ป๋ อจิ่วหันไปเท้าคางมองมั่วเป่ ยแวบหนึ่ง ทั้งที่ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นไม่
แสดงความรู้สึกอะไร แต่ดูมีความสุขมาก
มีความสุข?
งั้นก็ดี เด็กคนนี้เหมือนท่านเทพตอนเด็ก เวลาแสดงออกว่าตัวเองมี
ความสุขย่อมต่างไปจากคนอื่น
สถานการณ์ของหลินเฟิงในเวลานี้ต่างไปจากป๋ อจิ่ว
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ตัดใจเดินเข้าร้านหนึ่งไป
เวลาแบบนี้ คนที่มาร้านขายของสำหรับตอนกลางคืนจะน้อยมาก
เขาจงใจเลือกเวลานี้ ทั้งยังปลอมตัวทั้งตัว รูดซิปเสื้อตัวนอกเพื่อ
ปิดบังหน้าตัวเอง
ยังไงเขาก็เป็นคนมีแฟนคลับ คนจำได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว!
ตอนที่ 2007
หลินเฟิ งจะปลํ้าอวิ๋นหู่
ตอนแรกเจ้าของร้านขายของพิเศษไม่ได้สังเกตเห็นหลินเฟิง ปกติ
แล้วคนที่มาซื้อของก็ดูปกติกันทั้งนั้น
ทว่าการแต่งตัวของลูกค้าคนนี้ ยากที่จะไม่ให้เจ้าของร้านเอะใจ
เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาจากด้านนอก แถมด้านข้างเป็นโรงแรม
แบบแฟรนไชส์ เจ้าของร้านจึงคิดว่าเขามาปล้นหรือเปล่า
แต่เมื่อคิดอีกที ร้านขายของสำหรับเรื่องตอนกลางคืนจะมีอะไรให้
ปล้น จึงสงบใจลงได้
หลินเฟิงคิดว่าพอได้สินค้าที่ต้องการแล้วจะรีบจ่ายเงินแล้วออกไป
ใครจะคิดว่าเมื่อเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก แม้เสิร์จหาทั่วในอินเทอร์เน็ต
มาแล้ว ก็ยังหาสิ่งที่ต้องการไม่เจอ “อันนั้นกับอันโน้น แล้วอันโน้น
กับอันนั้น”
หลินเฟิงสำรวจสินค้าทั้งหลายด้วยสภาพหูแดง
บ้าเอ๊ย เดี๋ยวนี้พัฒนาขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อนพวกเขาเคยดูแค่หนัง
แต่ตอนนี้มีแบบจัดเต็มแล้ว จัดเต็มแบบที่เขาไม่รู้จักสักอย่าง แต่ยังไง
ก็ต้องซื้อถุงยางแน่นอน
ในอินเทอร์เน็ตบอกว่าต้องเอาคุณภาพดีหน่อย ลื่นหน่อย อวิ๋นหู่จะ
ได้ไม่เจ็บ
ยิ่งคิด หลินเฟิงก็คิดว่าตัวเองฉลาดและอ่อนโยนมาก
สำหรับผู้ชายแล้ว เรื่องอย่างนี้ต้องฉลาดโดยไม่ต้องมีประสบการณ์!
เมื่อต้องมาเจอกับลูกค้าที่ฉลาดแบบไม่มีประสบการณ์มาก่อน
เจ้าของร้านได้แต่หยิบผ้าขี้ริ้วด้วยมือขวา เช็ดกล่องที่อยู่ในมือซ้าย
กำลังคิดว่า เจ้านี่….จะจ้องสินค้าเขาอีกนานแค่ไหนเนี่ย
“เฮีย” หลินเฟิงกระชับคอเสื้อตัวเองแน่น หยิบของเหมือนเป็นโจร
ก่อนจะผลักไปให้ “ห่อให้ด้วย”
เจ้าของร้านได้ยินคำพูดที่ต่างไปจากคนมาซื้อคนอื่น แต่ยังหยิบถุงมา
ใส่ให้
“ถุงพลาสติกใส?” หลินเฟิงตาเหลือก “ไม่มีสีดำหรือไง เอาแบบมอง
ไม่เห็นของด้านในอะ”
เจ้าของร้านแอบบ่นในใจ เป็นเด็กผู้หญิงแอบมาซื้อผ้าอนามัยหรือไง
วะ?
“ผมจะหาให้” เดาว่าลูกค้าคนนี้คงมาซื้อเป็นครั้งแรก เจ้าของร้านได้
แต่แสดงความมีอัธยาศัยออกไป “คุณลูกค้าวางมือลงก่อนดีไหม ที่นี่
มีผมคนเดียว ผ้าปิดปากก็บังหน้าคุณจนมิดแล้ว ไม่ต้องดึงคอเสื้อ
หรอก ตอนนี้อากาศร้อนจะตาย”
หลินเฟิงได้ยินแล้วส่ายหน้าทันที “ฉันชอบแบบนี้”
จะให้คนอื่นจำเขาไม่ได้ นี่หลอกเขาให้โผล่หน้าออกมาล่ะสิ
ตอนที่ทีมไดมอนด์ก่อตั้งขึ้น เขาเคยสวมชุดผู้หญิงแล้วทุกคนบอกว่า
จะไม่ถ่ายรูปเด็ดขาด แล้วเป็นยังไง?
ตอนนี้มาซื้อของใช้เวลามีเซ็กส์ แถมเขายังจำได้ว่าข้างนอกมีกล้อง
วงจรปิดด้วย ถึงเวลานั้นเกิดมีข่าวว่า ‘นักกีฬาอีสปอร์ตชื่อดังมาซื้อ
ของใช้ร่วมเพศ’ ขึ้นมา ชื่อเสียงเขาไม่ป่ นปี้หมดเหรอ!
เมื่อเห็นหลินเฟิงพูดแบบนั้น เจ้าของร้านก็ไม่ฝืนใจ ค้นของในกล่อง
อยู่นานกว่าจะหาถุงกระดาษได้ “อันนี้น่าจะไม่เห็นด้านใน”
“อ้อ ได้ ขอบคุณนะ” หลินเฟิงพูด ตัดสินใจเอาออร่าตัวเองออกมาใช้
“เฮีย ที่ร้านมีอันนั้นไหม?”
เจ้าของร้านไม่เห็นสีหน้าของลูกค้า แต่เมื่อได้ยินก็เหมือนจะเข้าใจ
หยิบแส้ออกมาให้ “รุ่นใหม่ล่าสุด คนที่ใช้แล้วบอกว่าเยี่ยม ฟาดถึง
ตัวก็ไม่เจ็บ”
หลินเฟิงมองแส้นั่น ตาค้างไปครู่หนึ่ง “ฉันหมายความว่า นั่น เอ่อ
อันที่สบายหน่อย ไม่เจ็บ อันนั้นอะ”
“คุณลูกค้า” เจ้าของร้านยิ้ม “ไม่รู้จะบอกคุณดีหรือเปล่า จะสบาย
หรือไม่ขึ้นอยู่ที่เทคนิคของแต่ละคน แต่คุณมาถูกที่แล้ว อันนี้ผู้หญิง
ชอบ”
หลินเฟิงกระชับคอเสื้อ นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยอย่างจริงใจ “เฮีย
บอกตามตรง ฉันจะเอาไปใช้กับแฟนผู้ชาย”
ตอนที่ 2008-1
กินเหล้าปลุกใจ
ใช้กับแฟนที่เป็นผู้ชาย?
ห้วงเวลานั้น สีหน้าของเจ้าของร้านช่างยากจะบรรยาย
แต่เมื่อเปิดร้านประเภทนี้ ย่อมได้เจอกับคนทุกประเภทอยู่แล้ว แค่
พยายามทำหน้าให้นิ่ง แล้วหยิบของที่คุณลูกค้าต้องการออกมาให้
หลินเฟิงเห็นฝ่ายนั้นหยิบสินค้ามาจากกล่องที่บรรจุเป็นอย่างดี แถม
ยังมีใบส่งของอีกเป็นกอง จึงชะโงกหน้าถาม “เฮียส่งของพวกนี้ทาง
ไปรษณีย์ด้วยเหรอ?”
“ของปกติไม่ต้องหรอก แต่สินค้าเฉพาะแบบพวกคุณจะสั่งซื้อ
ออนไลน์กันค่อนข้างเยอะ เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ไงล่ะ” เจ้าของ
ร้านมีทัศนคติที่เปิ ดกว้าง “ผมถึงได้เขียนป้ายติดบนกล่องว่าเป็น
ขนมไงล่ะ”
หลินเฟิงได้ยินแล้วรู้สึกเสียใจทันที ทำไมเขาถึงไม่คิดจะซื้อทาง
อินเทอร์เน็ตนะ “เฮีย ของข้อมูลติดต่อหน่อยสิ”
“หือ?”
“ต่อไปน่าจะได้ซื้ออีก เฮียจะได้ส่งให้ไง”
“ได้สิ”
เมื่อคุยกันดีแล้ว หลินเฟิงที่ซื้อของที่ตัวเองต้องการได้ดีใจมาก
เจ้าของร้านมาส่งถึงหน้าประตู ก่อนจะไอเล็กน้อย “ขอถามนิดหนึ่ง
คุณลูกค้าเป็นดาราเหรอ? ทำไมต้องปิดตัวมิดชิดขนาดนี้ ขอบอกตาม
ประสบการณ์นะ ยิ่งคุณทำตัวแบบนี้ คนก็ยิ่งสนใจมาก ทำตัวเป็น
ปกติหน่อยสิ ไม่เป็นอะไรหรอก”
หลินเฟิงไม่ยอมปลดผ้าปิดปากออกเด็ดขาด พูดเพียงว่า “แล้วเจอกัน
ครั้งหน้า”
จากนั้นหอบของที่ซื้อมา กระโดดขึ้นรถตัวเองทันที
เมื่อเข้าตัวรถมาได้เขาก็คลายมือ ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นหยิบมือ
ถือมาถ่ายรูป
ถึงดูไม่ออกว่าของในถุงคืออะไร แต่ก็ทำให้เขาสะดวกจะโพสต์ลง
โมเมนต์ของวีแชท แถมด้วยประโยคที่ว่า “วันนี้แหละ!” ด้วยท่าที
กล้าหาญสุดมั่นใจ ทำให้กลุ่มเพื่อนต่างเข้าไปถาม
เหราหรง “วันนี้ทำไมเหรอ?”
ลั่วลั่ว “เหมือนจะทำอะไรสักอย่างเลย หลินสุดสวย”
โคโค่ “ข้างในถุงเป็นอะไรอะ?”
พี่อ้วนหล่ออันดับหนึ่งขอโลก “หลินฝ่ายรับ ฉันเหมือนมีลางสังหรณ์
ไม่รู้ว่าควรบอกนายหรือเปล่า ช่างเถอะ คำพระท่านว่าไว้บรรยาย
ลำบาก”
ท่ามกลางเสียงหยอกเย้า ข้อความของป๋ อจิ่วกลายเป็นสิ่งดึงดูดผู้คน
มากที่สุด “สู้ ๆ นะ ฉันหวังกับพี่มาก”
ทำให้ใคร ๆ ต่างอยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่?
และที่น่าสนใจที่สุดคืออวิ๋นหู่ก็มาด้วย เขาพิมพ์เครื่องหมายคำถาม
เป็นชุด ก่อนจบลงที่ “นายอยู่ไหน?”
“เฮ้ย!” หลินเฟิงมีพิรุธหนัก พอเห็นข้อความนั้นก็กำมือถือแทบไม่
อยู่ กดรูปโปรไฟล์ของอวิ๋นหู่
หลังจากสงบจิตสงบใจได้ถึงส่งข้อความไปหา “อยู่ข้างนอก กำลังจะ
กลับ นายมาบ้านฉันไหม?”
อวิ๋นหู่ออกจะประหลาดใจที่อีกฝ่ายเป็นคนนัดเขาเอง
นับตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาให้หลินเฟิงมาเจอกัน จากนั้นก็ถูกบอกปัดนัด
ด้วยสารพัดเหตุผลมาตลอด
“ได้สิ ฉันอยู่แถวบ้านหลิน” อวิ๋นหู่พิมพ์เสร็จ เขาบอกเพิ่มอีกประโยค
“ให้ไปรับนายไหม?”
หลินเฟิงกดอัดข้อความเสียง “ไม่ต้อง ฉันไม่ได้อยู่บ้านหลิน แต่อยู่
ห้องส่วนตัวใกล้บริษัท”
“ห้องส่วนตัว?” อวิ๋นหู่เอ่ยช้า ๆ
ใช่ว่าจะไม่ติดใจที่คนบางคนออกไปอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่บอกเขา
สักนิด แต่แคร์มากกว่าก็ตรงที่ได้ยินว่าอยู่ใกล้บริษัท ผู้ชายที่ดูแล
หลินเฟิงคนนั้นเคยไปที่นั่นหรือเปล่า…เขาบรรยายความรู้สึกตัวเอง
ไม่ถูกเลยทีเดียว
ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกเหมือนคนเป็นแฟนรู้สึกกัน
หากไม่ใช่เพราะหลินเฟิงนัดเขาในตอนนี้ เจ้านั่นจะบอกเขาเมื่อไรว่า
มีที่อยู่ส่วนตัว?

ตอนที่ 2005
ถือว่าเธอตอบตกลง
เซียวจิ่งไม่ได้รีบตอบ ราวกับกำลังคิดทบทวน
เขาเป็นคนระมัดระวังมาแต่ไหนแต่ไร
ไม่เหมือนฉินมั่วหรือป๋อจิ่ว และยิ่งไม่เหมือนอวิ๋นหู่กับหลินเฟิง
“ฉันไม่เคยคิดเรื่องความรักมาก่อน” เขาวางนิ้วบนเส้นผมของลั่วลั่ว
“เพิ่งจะมาคิดเมื่อไม่กี่วันมานี้ ถ้าการได้ข่าวว่าเธอไปเจอกับคนอื่น
แล้วสงบจิตสงบใจอ่านหนังสือกับซ้อมเล่นเกมต่อไม่ได้คือความรัก
งั้นก็น่าจะใช่”
ลั่วลั่วสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิบนปลายนิ้วของเขา ใบหน้าร้อนฉ่า แต่ก็
เข้าใจความหมายของเซียวจิ่ง
และเข้าใจดีว่าเธอชอบเขามากกว่าเขาชอบเธอ
ใครเป็นคนพูดไว้ว่าผู้หญิงอย่ารักผู้ชายมากเกินไป ไม่อย่างนั้นจะ
เสียเปรียบ
ทว่าอุตส่าห์ได้โอกาสมาอย่างไม่ง่าย แล้วเขายังเป็นฝ่ายบอกรักเธอ
เองอีก
ลั่วลั่วกำลังลังเล ไม่ใช่เพราะเธอรักเขามาก แต่เพราะ…
“ฉันเรียนไม่สูง”
เซียวจิ่งส่งเสียงตอบรับ “ฉันรู้”
ลั่วลั่วคิดในใจ…นี่ฉันอยากได้คำตอบว่า ‘รู้แล้ว’ งั้นเหรอ?
“ฉันชอบเงินมาก”
เซียวจิ่งมองเธอ “อยากให้ฉันซื้อสติกเกอร์ให้ตอนไลฟ์ สดให้เหรอ”
ลั่วลั่วรู้ดีว่าหัวหน้าอีคิวแย่มาก วัน ๆ หากไม่คิดเรื่องเกมก็นึกถึงแต่
ฉินมั่วที่เป็นคู่แข่ง
“อื้อ ให้หัวหน้าซื้อสติกเกอร์ให้ตอนไลฟ์ สด” ลั่วลั่วเผยยิ้ม “ซื้อเยอะ
หน่อย นี่หัวหน้า ไม่เข้าใจจริง ๆ เหรอว่าฉันชอบเงินแปลว่าอะไร
เช่นแม่หัวหน้าอาจจะจ่ายสักห้าล้านหยวนให้ฉันเลิกกับหัวหน้า ฉัน
อาจทำไม่ได้เพราะในบัญชีฉันยังเหลือเงินเยอะอยู่ แต่ถ้าแม่หัวหน้า
จ้างฉันให้เลิกกับหัวหน้าด้วยเงินห้าล้านไม่ได้ แต่จะให้ฉันชดใช้ค่า
ผิดสัญญาสิบล้านหยวนแทน ฉันอาจจะโบกมือลาหัวหน้าไปเลย”
เซียวจิ่งนิ่วหน้า เอ่ยขึ้นราวกับทนไม่ได้ “ช่วงนี้แบล็กพีชให้เธออ่าน
หนังสือจำพวกนั้นเหรอ?”
รายชื่อหนังสือของป๋อจิ่วประเภท ‘ประธานจอมเถื่อนหลงรักฉัน’
หรือ ‘เมียจ๋า เธอจะหนีไปไหน’ เป็นที่เลื่องชื่อในกรุ๊ปวีแชทจะตาย
แถมลั่วลั่วสนิทกับจิ่วอีก
เซียวจิ่งจะคิดเช่นนี้ย่อมไม่แปลก…สักเท่าไร
ระหว่างที่ลั่วลั่วคิดจะเลิกพูดแล้ว
เซียวจิ่งก็เริ่มบรรยายวิชาการอย่างเคร่งครัด “แม่ฉันก็เป็นหมอ ปกติ
ต้องสอนเยอะมาก แต่ไม่ได้มีเงินเยอะอะไร น่าจะมีน้อยกว่าเธออีก
แต่ต่อให้แม่ฉันมีเงินก็ไม่น่าทำเรื่องแบบนี้ลง ตอนนี้แม่ยิ่งกลัวว่าฉัน
จะเป็นเกย์อยู่ด้วย เพราะเห็นฉันเกาะติดฉินมั่วมาก อยากให้ฉันหา
แฟนจะแย่อยู่แล้ว ทีมเซียงหนานไม่ให้เธอจ่ายค่าปรับหรอก ต่อให้
ต้องจ่ายฉันก็มีเงิน ถึงเธอจะเรียนไม่สูงหรือชอบเงิน มันก็เป็นสิ่งที่
ฉันมีหมดแล้ว”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาพลันชะงัก ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “เวลามีแฟนต้อง
พูดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ไม่รู้ว่าทำไมลั่วลั่วถึงอยากหัวเราะ “บ้าน
ฉันไม่ได้อยู่ในเจียงเฉิง อยู่ที่ตำบลเล็ก ๆ แถวถนนทางหลวง ห่าง
จากที่นี่มาก”
“เธอเขียนรายละเอียดไว้ในใบสมัครแล้วนี่” เซียวจิ่งมองดูเรียวปาก
ซีดของเธอ จากนั้นดึงผ้ามาห่มให้ “ถือว่าเธอตกลงแล้วกัน คนป่ วย”
ลั่วลั่วโดนอีกฝ่ายรุกจนหัวใจเต้นเร็วเร็วไปครึ่งจังหวะ ด้วยเพราะอยู่
ใกล้กันมาก เขานั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ คิด ๆ ดูแล้วคงเพราะหัวหน้าไม่
อยากพูดอีกก็เลยสรุปเอาเองเสร็จสรรพ
เธอรับถ้วยน้ำขิงมาจากมือเขามา มองเขาที่โยนยาแก้ปวดบนหัวเตียง
ลงถังขยะ
ยังรู้สึกเหมือนไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
เพราะไม่ว่าจะก่อนหรือหลังโดนบอกรัก ก็รู้สึกว่าความใกล้ชิด
ระหว่างกันยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
เวลาคนอื่นมีแฟน น่าจะไม่ได้เป็นแบบนี้…
ตอนที่ 2006-1
ป๋อจิ่วและศิษย์ตัวน้อย
เขายังมีท่าทีเหมือนเดิม มองเธอดื่มน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดง จากนั้น
ก็นั่งทำอะไรของตัวเองไป
นอกจากจะไม่กลับห้องตัวเองแล้ว
เมื่อก่อนแค่พูดไม่กี่คำ ตอนนี้ก็ยังพูดแค่ไม่กี่คำเหมือนเดิม
แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน หากหัวหน้าถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
เหมือนจ้าวซานพั่ง เธอคงไม่ชิน
ถึงแม้เวลานี้ รู้สึกว่าเขากลายเป็นแฟนตัวเองแล้ว เธอกลับขัดเขินจน
พูดไม่ค่อยออก
หากเป็นเมื่อก่อน ตอนนี้เธอคงเลิกผ้าห่มออกแล้วเดินไปทำธุระใน
ห้องน้ำแล้ว ทำไมตอนนี้ถึงหัวใจเต้นแรงก็ไม่รู้
คงเพราะอากัปกิริยาของเธอดึงดูดความสนใจเขา
เซียวจิ่งวางหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ในมือลง หันมามองเธอ
“ทำไมยังไม่ไปห้องน้ำอีก?”
ยังจะอายอะไรอีก เป็นแฟนกันทั้งทีถามผู้หญิงแบบนี้เหมาะสมไหม?
ลั่วลั่วส่งสายตาให้เขา เดิมอยากให้เขารู้ตัวเรื่องอีคิวของตัวเองบ้าง
ไม่คิดว่าเขาจะเดินเข้ามาหา ก่อนจะก้มตัวอุ้มเธอจากเตียงขึ้นมาเลย
เสี้ยวหน้าของเขาที่เธอได้เห็นจากมุมนี้คมสันชัดเจนมาก
นิ้วมือลั่วลั่วชะงักไปนิด พยายามเอ่ยเสียงเรียบ ทั้งที่หัวใจเต้นแรงจน
ตัวเองยังได้ยินชัด “ทำอะไรน่ะ?”
“เธอคิดว่าไง?” เซียวจิ่งพยักเพยิด “ไปเปลี่ยนสิ”
ลั่วลั่วเอ่ยเสียงเบา “ฉันหมายถึงจู่ ๆ หัวหน้ามาอุ้มทำไม?”
“เมื่อกี้เธอมองฉัน” เซียวจิ่งตอบสั้นมาก
ลั่วลั่วจึงค่อยเข้าใจว่าหัวหน้าตัวเองตีความสายตาของเธอผิด
พอเข้าห้องน้ำไป เธอล้างหน้าก่อนเพื่อลดความขัดเขิน เมื่อเดินออก
มาก็เห็นเขานั่งดูมือถือ เธอจึงเดินไปหา นี่เขาเล่นเกมอยู่เหรอ?
หากไม่เหลือบไปดูคงไม่เท่าไร แต่พอมองก็เห็นข้อความสั้น ๆ ที่เขา
ส่งไป แล้วดันส่งในออฟฟิเชียลเวยป๋ อ แถมยังแอดเธอด้วย ข้างหลัง
เขียนไว้สามคำว่า ‘คบกันแล้ว’
ชั่วเวลานั้น
ลั่วลั่วไม่รู้ว่าเธอควรจะดึงศีรษะกลับมาดีหรือไม่
ทั้งตัวเหมือนจมอยู่กับความหอมหวานบางอย่าง ปลายนิ้วยังคงเหลือ
รสชาติของน้ำหวานที่กินไปเมื่อครู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่า
รสชาติดีทีเดียว
เธอกำลังจะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น จากนั้นแอบยิ้มหวานอยู่ใต้ผ้าห่ม
ก็เห็นเขาหลุบตามอง “บอกทุกคนแล้ว ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“อื้อ” ลั่วลั่วชอบจัดทรงผมตัวเองเวลาประหม่า แม้ท่าทางจะดูสวย
แต่จริง ๆ แล้วหูขาวนวลแดงก่ำไปแล้ว
เขายังคงอ่านหนังสือการแพทย์ต่อ ราวกับแค่ทำอะไรที่ควรทำไป
เท่านั้น
ทว่าลั่วลั่วกลับมีสภาพจิตใจไม่เหมือนเดิม ตอนกลับไปนอนที่เตียงก็
อดคว้ามือถือมาดูไม่ได้ ระหว่างมองหน้าจอที่ฮือฮากันเพราะข่าว
ออฟฟิเชียลนั้น ยังแอบแคปภาพข้อความของเขาไว้ด้วย
ทว่าแค่คิดดูก็รู้ เมื่อเซียวจิ่งโพสต์ไปจะก่อเกิดความร้อนแรงอย่างไร
แค่สั้น ๆ ประโยคเดียวก็ล่อแฟนคลับออกมาได้เยอะแยะ ไม่ต้องพูด
ถึงว่าแอดลั่วลั่วตามหลังด้วยเลย
ตอนที่ 2006-2
ป๋อจิ่วและศิษย์ตัวน้อย
“อุว้าว ๆ ๆ ๆ วันนี้ฉันกินข้าวเย็นผิดวิธีแน่เลย ฉันเห็นอะไรเนี่ย!”
“ขอเช็ดดวงตาไทเทเนี่ยมอัลลอยด์ของหมาโสดอย่างฉันก่อน ไม่ได้
ตาฝาดไป พี่เซียว@เจ้ลั่วของฉันด้วย”
“คบกันแล้ว ต้องไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดไว้แน่เลย”
“สองคนนี้คบกันได้ยังไง ไม่น่าเป็นไปได้เลย เพราะวันเอพริลฟูล
เดย์ชัวร์ พี่เซียวถึงได้ล้อเล่นแบบนี้!”
“คอมเมนต์บนตลกจัง พี่เซียวจะรู้เรื่องวันเอพริลฟูลเดย์ที่ไม่สำคัญ
ด้วยเหรอ”
“ก่อนหน้านี้ที่สัมภาษณ์กันอะ ก็ไม่เห็นมีวี่แววสักนิด นางฟ้าลั่วลั่ว
บอกว่าจะไม่หาแฟนในวงการเดียวกัน ฮ่า ๆ กล้าลงมือกับเทพเซียว
ด้วย อยู่ทีมเดียวกันอีกต่างหาก”
“อยู่ทีมเดียวกันแล้วไง ขนาดทีมไดมอนด์ยังคบกันเองเลย ทำไมทีม
เซียงหนานจะทำไม่ได้ คนบางคนก็ช่าง… ขอสนับสนุนเทพเซียวนะ
ถ้าจะถูกผู้หญิงอื่นที่ไหนก็ไม่รู้แย่งไป สู้คบกับลั่วลั่วดีกว่า สองคนนี้
รู้จักกันมานาน จะรักกันก็เป็นเรื่องปกติ”
“เอาเทพเซียวของฉันไปแล้ว ถึงจะไม่สนับสนุนเรื่องความรัก แต่ไม่
กระทบต่อความรักที่ฉันมีให้เขาหรอก”
“ยังไงฉันก็รับไม่ได้”
“ยินดีด้วยนะ”
“ชอบที่สองคนนี้คบกันมากที่สุด”
“เทพเซียว ดูแลลั่วลั่วดี ๆ นะ”
ลั่วลั่วสไลด์มือถืออ่านไปเรื่อย ๆ มีทั้งคอมเมนต์ดีและไม่ดี
ตอนแรกเธอคิดว่าแค่นี้คงจบ ไม่คิดว่าเซียวจิ่งจะโพสต์ความเห็นลง
ไปอีก ‘ที่โพสต์ลงไป แค่เป็นการบอกให้รู้’
หมายความว่า ไม่สนว่าคนอื่นจะรับได้หรือไม่
แฟนคลับบางคนเสียใจมาก บอกว่าจะเลิกเป็นแฟนคลับแล้ว
ลั่วลั่วไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นเข้า ราวกับว่าหากเราอยู่ในวงการนี้นาน ๆ
เข้าก็จะเข้าใจ
การที่ทุกคนบอกว่าชอบ จริง ๆ แล้วไม่ได้ชอบ พวกเขาเปลี่ยนใจได้
เพราะคำวิจารณ์ของคนอื่นที่มีต่อเรา เมื่อไม่ได้ตัวเราก็จะแสดงความ
ผิดหวัง
อันที่จริงก็พอเข้าใจได้
ตอนเป็นเด็ก เธอพยายามสุดแรงเกิดเพื่อให้ได้รับความชอบจากทุก
คน คำวิจารณ์ในทางลบเพียงประโยคเดียว จะส่งผลต่ออารมณ์ของ
เธอมากมาย แต่เมื่อผ่านอะไรมาเยอะ เธอจึงเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้
ขอแค่คนที่ชอบเธอไม่เกลียดเธอก็พอแล้ว
เหมือนในเวลานี้ ดีออกจะตาย…
ลั่วลั่วเอียงคออ่านข้อความเหล่านี้จนหมด และหันไปมองผู้ชายที่
อ่านหนังสืออยู่
เขาคงจับสายตาเธอได้ จึงเงยหน้าขึ้น ชะงักเล็กน้อยก่อนเอ่ย “ลั่วลั่ว”
“หือ?” ลั่วลั่วที่โดนจับได้เขินอายเล็กน้อย
เซียวจิ่งเอ่ยปาก “ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรัก ถ้าตรงไหน
ทำได้ไม่ดี เธอก็บอกฉันแล้วกัน”
ลั่วลั่วไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ เธอกอดเอวเขาไว้อย่างอดไม่ได้
หน้าแดงนิด ๆ “ไม่หรอก หัวหน้าทำดีแล้ว”
เซียวจิ่งอยากกอดเธอกลับหรือไม่ก็ขยี้ผมเธอเบา ๆ เหมือนเมื่อก่อน
แต่ดันเห็นเสื้อนอนเธอหลุดลง มือที่ยื่นออกไปชะงัก แววตาหนักอึ้ง
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “สายเสื้อ”
สายเสื้ออะไร?
ลั่วลั่วกำลังคิด เมื่อมองตามสายตาของชายหนุ่มก็เห็นสายเสื้อชั้นใน
ตัวเอง หน้าแดงฉ่าทันที
เธอดึงสายเสื้อในกลับคืน ขัดเขินอยู่พักหนึ่ง ยังดีที่หน้าหล่อเหลา
นั่นไม่แสดงอาการอะไรออกมา ไม่งั้นเธอคงต้องหาที่มุดหนีแล้ว
เซียวจิ่งหันมาดึงผ้าห่มคลุมตัวเธอ เอ่ยอย่างไม่รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน
“ต่อไปอย่าใส่เสื้อนอนแบบนี้อีก”
“อื้อ…” ลั่วลั่วจะพูดอะไรได้อีก เธอยึดผ้าห่มไว้ หัวใจเต้นรัวเร็ว
สถานการณ์ในโลกออนไลน์ต่างไปจากทางนี้ โดยเฉพาะข้อความที่
หลินเฟิงโพสต์ “เซียวหน้านิ่งเจ๋งเป็นบ้าเลยว่ะ ท่าทางฉันกับเจ้าแบล็ก
จะเป็นพ่อสื่อจอมเสี้ยมได้สำเร็จ ต้องขอขอบคุณผู้มีบทบาทสูง เฟิง
หยาง”
แฟนคลับบางคนเย้ยหยัน “เมื่อกี้ยังบอกว่าเทพหยางของพวกเราชอบ
ลั่วลั่ว ตอนนี้รู้แล้วล่ะสิว่าเขาแค่ช่วยเฉย ๆ”

ตอนที่ 2003-2
เธออยากมีแฟนมากเลยเหรอ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลั่วลั่วกดท้องน้อย เธอกำลังดื่มด่ำกับความอบอุ่น
จนถอนตัวไม่ขึ้น ถึงได้เป็นเช่นนี้ ทั้งที่รู้ว่ารักไม่ได้ แต่กลับควบคุม
ตัวเองไม่อยู่…
“ขึ้นรถ” เสียงชายหนุ่มดังเข้าหู
ลั่วลั่วเงยหน้าขึ้น เห็นรถสปอร์ตคันเล็ก เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปก็ได้
กลิ่นน้ำหอม มือเธอแข็งเกร็ง ไม่ได้นั่งข้างคนขับ แต่เปลี่ยนไปนั่ง
ด้านหลังแทน
รถคันนี้ต้องเป็นของผู้หญิงคนนั้นแน่ ด้านหน้ารถมีรูปถ่ายแปะอยู่
ส่วนด้านหลังมีหนังสือด้านการแพทย์อีกเพียบ เธอเคยเห็นคนในรูป
ถ่ายมาก่อน เพราะเคยเห็นถึงได้หันหน้าไปมองด้านนอก
เธอเคยคิดอยู่หลายครั้ง หากเขามีแฟนแล้วจะเป็นอย่างไร
ตอนนี้เข้าใจดี ยังดีที่เธอลาออกจากวงการมาแล้ว ไม่งั้นคงต้อง
เผชิญหน้ากันอีก
เธอจะยังอวยพรเขาทุกวันปีใหม่ และคงจะได้เจอใครสักคนหลังจาก
ที่เลิกเล่นแล้ว
บางทีอาจจะได้เจอกับคนที่ไม่เคยอ่านโพสต์เกี่ยวกับเธอ หรือไม่ก็
ไม่ดูถูกอาชีพหรือประวัติการศึกษาอันน้อยนิดของเธอ
แม้จะหาได้ยาก แต่ก็น่าจะมี
เมื่อบอกตัวเองเช่นนี้ ลั่วลั่วก็ยิ้มบาง ๆ เพราะเคยคาดเดาหลายครั้ง
แล้ว ดังนั้นเธอจึงรับได้เมื่อทุกอย่างเข้ามาเยือน
เธอยังไม่ต้องไปร่วมงานแต่งงานเขาในเวลานี้นี่นา เมื่อก่อนเธอเคย
เห็นเขากับผู้หญิงคนนั้นที่มหาวิทยาลัยของเขา ก็รู้สึกว่าทั้งสอง
เหมาะสมกันดี
สามปีแล้ว ก็น่าจะพิสูจน์สัญชาตญาณของเธอได้ กลับมีความรู้สึกว่า
โล่งใจอย่างหนึ่ง
ต่อไปจะต้องรักษาระยะห่างระหว่างกัน แม้เธอจะเป็นลูกทีมเขา แต่
จะอาศัยที่เขาดูแลคนเก่งจนอาลัยกับความอ่อนโยนที่ว่าจนถอนตัว
ไม่ขึ้นไม่ได้
รอกลับไปกินเลี้ยงส่งแล้ว เธอจะเตรียมเดินทาง
อันที่จริงเธอกังวลเช่นกันว่าอีกไม่นานจะได้รับบัตรเชิญ คนมีการศึกษา
สูงอย่างเขา หากจะแต่งงานก็ไม่น่าแปลกอะไร
เมื่อมาถึงโรงแรม ลั่วลั่วไม่ได้แสดงความเจ็บปวดออกมาเหมือน
เมื่อก่อนหน้านี้ ยิ้มพลางจะขึ้นไปข้างบน
แต่กลับโดนเซียวจิ่งดึงตัวไว้ “ปวดท้องเหรอ?”
“ยังพอไหว ไม่ปวดมาก” ลั่วลั่วไม่ลืมอาชีพของเขา แต่ก็พูดเชิง
ปฏิเสธ “ฉันนอนแป๊บเดียวก็หาย”
เซียวจิ่งมองดูปากสีซีด “ท่าทางเธอไม่เหมือนนอนเดี๋ยวเดียวแล้วจะ
หายเลย”
“เหรอ?” ลั่วลั่วลูบหน้าตัวเอง “วันนี้ไม่ได้แต่งหน้าเลยดูซีดไปหน่อย
ฉันกะจะขึ้นไปนอน ง่วงจะแย่แล้ว”
เซียวจิ่งได้ยินแล้วจึงปล่อยมือ ไม่ได้พูดอะไรอีก
ลั่วลั่วคิดว่าน่าจะหลอกเขาได้ หลังจากเข้าห้องก็จัดการตัวเอง เปลี่ยน
กางเกงที่เปื้อนเลือดมาสวมกางเกงนอน จากนั้นจึงกินยาแก้ปวด
ทว่าเมื่อกำลังจะดึงผ้าห่มขึ้น ก็เห็นเขาถือของเดินเข้ามาหา ลั่วลั่ว
ไม่ได้โง่ขนาดถามว่าทำไมเขาถึงมีการ์ดเข้าห้องเธอได้
ในฐานะที่เป็นหัวหน้า เขามีการ์ดสำรองของทุกห้อง
แต่พอเซียวจิ่งเห็นกล่องยาที่หัวเตียงก็ย่นหัวคิ้วนิด ๆ
ลั่วลั่วถือแก้วน้ำร้อนไว้ เมื่อเห็นหน้าจอมือถือสว่าง ก็หลุบตามองดู
โดยไม่ทันได้พูดอะไรกับเขา แล้วตอบข้อความกลับ
เซียวจิ่งเห็นชื่อของหยางเฟิง แววตาพลันหนึกอึ้งขึ้นมา เอ่ยเสียง
เรียบว่า “เธออยากมีแฟนมากเลยเหรอ?”
ตอนที่ 2004
งั้นฉันเป็ นไง?
ลั่วลั่วไม่คิดว่าเขาจะถามเธอด้วยคำถามแบบนี้ นิ้วชะงักไป “ก็ไม่
หรอก”
“3 วันเจอ 2 คนเนี่ยนะ” เซียวจิ่งพูดไม่เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
ลั่วลั่วอึดอัด รวมผมไว้ข้างหนึ่ง พยายามอธิบาย “ที่บ้านเร่งหนักเลย
ปฏิเสธนัดดูตัวครั้งที่แล้วไม่ไหว ครั้งนี้ถือว่าคบกันเป็นเพื่อน ฉันดี
ต่อพวกเด็กที่ชอบฉันเสมอ ฉันเป็นพวกชอบปกป้องแฟนคลับนี่”
ในที่สุดลั่วลั่วก็บอกจนหมด อันที่จริงเขาเห็นเธอนัดดูตัวมาสองครั้ง
แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องเสียหน้า
เธอยิ้มให้ “จะหาแฟนสักคนนี่มันเหนื่อยจริง ๆ แต่ไม่เลือกพวกแฟน
คลับหรอก พวกเขา…”
“งั้นเธอว่าฉันเป็นยังไง?”
ลั่วลั่วพูดยังไม่ทันจบ พลันถูกประโยคดังกล่าวแทรกกลาง
เล่นเอาเธออึ้งงันไปหมด สงสัยว่าฟังผิดหรือเปล่า กำลังจะดึงหูฟัง
ออกข้างหนึ่ง
เซียวจิ่งมองอีกฝ่าย เมื่อเห็นเธอไม่ตอบ ก็ยื่นมือไปช่วยดึงหูฟังออก
ด้วยระยะห่างที่ใกล้กันมาก “เมื่อกี้ไม่ได้ยินเหรอ?”
ลั่วลั่วมือเกร็งเมื่อลมหายใจที่คุ้นเคยรินรดอยู่ข้างหู เขาเคยพูดแบบนี้
กับเธอมาหลายครั้งแล้ว ล้วนแต่เป็นตอนที่เขาแก้ไขความผิดพลาด
ของเธอในเกม รวมถึงตอนทดสอบความเร็วมือของเธอ
เขาไม่เคยถามคำถามส่วนตัวแบบนี้ แถมอยู่ในทีมย่อมต้องสนิทชิด
เชื้อกัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติ กระทั่งตอนที่เธอกระโดดกอดเขาเมื่อ
ครั้งได้แชมป์ เขาเองยังย่อตัวกอดเธอด้วยเลย
นี่ไม่ได้มีความหมายแต่อย่างใด
เวลานั้นพวกเธอเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมกันอย่างบริสุทธ์ิใจ ทว่าเวลานี้

ลั่วลั่วไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี หัวใจเต้นเร็วราวกับจะกระโดดออกมา ลืม
ความเจ็บปวดตรงท้องน้อย เหลือเพียงเสียงเขาที่ดังข้างหูเธอ
“งั้นฉันขอถามเธออีกครั้ง เธอคิดว่าถ้าฉันเป็นแฟนเธอ จะโอเคไหม?”
เซียวจิ่งหลุบตามองหน้าเธอ “ถ้าเธออยากมีแฟนนะ”
ลั่วลั่วยื่นมือนวดหูตัวเองพลางมองเซียวจิ่ง เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มา
ก่อน ไม่เคยคิดจริง ๆ เพราะไม่กล้าคิด กลัวว่าคิดแล้วจะกล้าทำอะไร
ขึ้นมาจริง ๆ
แต่คนคนนี้มีอิทธิพลต่อเธอมากเกินไปแล้ว
“หัวหน้า อยู่ห่าง ๆ ฉันหน่อยดีกว่า” อย่างน้อยหัวใจเธอจะได้ไม่เต้น
แรงขนาดนี้
เซียวจิ่งมองปฏิกิริยาของเธอ แววตาเคร่งขึ้น “รับไม่ได้หรือไง?”
“เปล่า” ลั่วลั่วสูดหายใจลึก “หัวหน้ายังโสดอยู่ไหมล่ะ?”
เซียวจิ่งพูดเสียงเบา “ใช่ แต่พรุ่งนี้อาจไม่โสดแล้ว”
ลั่วลั่วไม่ได้พิจารณาประโยคล่าสุดของเขา “แล้วเจ้าของรถของวันนี้
ล่ะ เขา…”
“ใคร?” เซียวจิ่งเบือนสายตามอง “เธอสนใจเรื่องผู้ช่วยที่ทาง
มหาวิทยาลัยส่งมาให้ฉันตั้งแต่เมื่อไร บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันไม่
หาแฟนจากอาชีพเดียวกัน?”
ลั่วลั่วอึ้งไป “ที่หัวหน้าบอกว่าไม่หาแฟนจากอาชีพเดียวกัน ก็คือไม่
หาในวงการหมอเรอะ?”
“อื้อ” เซียวจิ่งพูดน้อย แม้จะเป็นในสถานการณ์นี้ก็ตาม
ลั่วลั่วอยากจะ…เธอสูดหายใจเข้าลึก ชันตัวขึ้นนั่ง ทึ้งผมตัวเอง
เซียวจิ่งเลิกคิ้ว ยื่นมือจัดผมให้ “มีอะไรอยากถามอีกไหม?”
“เมื่อกี้ที่หัวหน้าบอกว่าอยากมีแฟนไหม ก็คือจะเป็นแฟนฉันเหรอ”
ลั่วลั่วกัดริมฝีปากบาง “คงไม่ใช่ว่าชอบฉัน ง่าย ๆ อย่างนั้นหรอกนะ
…”
ประโยคนี้ลั่วลั่วถามตรงเข้าประเด็นอย่างชัดเจน

ตอนที่ 2002-2
เทพเซียวมาแล้ว
ชั่วเวลานั้น กลุ่มคนที่เฝ้าชมต่างฮือฮา
“เดี๋ยวก่อน ฉันเห็นอะไรผิดไปหรือเปล่า? การเดินตำแหน่งแบบนี้
ไม่เหมือนเทพลั่วเลย?”
“เฉียบแหลมไม่เหมือนคนอื่น ทำให้ฉันคิดถึงเทพเซียวเลย”
“อยากรู้ความจริงตามที่คอมเมนต์บนทัก”
“ฆ่าสามชีวิตติดต่อกัน ต้องเป็นเทพเซียวแน่”
“ทำไมเทพเซียวมาเล่นในไอดีของเทพลั่ว?”
“นั่นแหละปัญหา รู้สึกเจ็บในหัวอกแทนเทพหยาง ทำไงดี?”
“เทพหยางอุตส่าห์รอเล่นร่วมกับนางฟ้ามานาน แต่ดันมาเจอเทพ
เซียวเข้า?”
“เห็นเทพหลินเฟิงบอกว่าเทพหยางน่าจะมีเดทกับเทพลั่ว บังเอิญ
เซลล์ในสมองมีน้อยเลยคิดไม่ออก”
“มีอะไรที่คิดไม่ออก หรือเทพเซียวจะบุกเข้าไปกวนการเดทของคน
อื่นไม่ได้หรือไง! โปรดเรียกฉันว่าเทพแห่งความจริง”
“เป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปไม่ได้+1!”
“อย่ามโนกันเกินไป เทพเซียวกับลั่วลั่วไปกันไม่ได้หรอก แค่อยู่ทีม
เดียวกันเท่านั้นเอง”
เมื่อพูดออกไป ผู้คนเริ่มเห็นว่าสิ่งที่คิดในตอนแรกเป็นไปไม่ได้ แถม
ยังใกล้ชนะในการแข่งแล้วด้วย
เฟิงหยางเข้าใจ แม้จะนั่งต่อไปไม่ไหว แต่กลับแก้อะไรไม่ได้ รู้สึก
เจ็บปวดนิด ๆ ในหัวใจ ทว่ายังไม่ยอมแพ้
เมื่อเห็นสิ่งที่โพสต์กันในอินเทอร์เน็ต ในฐานะที่เป็นแฟนคลับ เขา
รู้สึกว่านางฟ้าของเขาไม่เหมาะกับคนอื่น จึงอาศัยจังหวะที่ทั้งสอง
กำลังจะเดินจากไป โพล่งขึ้นมาด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก แต่พอจะได้ยิน
กันทั้งสามคน “ลั่วลั่ว ผมจะติดต่อพี่ต่อได้ไหม?”
ลั่วลั่วชะงัก ก่อนจะยิ้มให้ “ได้สิ ส่งวีแชทมา ต่อไปเราค่อยใช้แอค
เคาท์สำรองเล่น ใช้แอคเคาท์จริงมันสะดุดตาเกิน”
“ครับ” เฟิงหยางมีนิสัยค่อนข้างทระนงตัว พูดจบหน้าก็แดงจัด ยังไง
เขาก็บรรลุจุดหมายแล้ว ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นเทพเซียวหรือไม่
ย่อมน่าจะเข้าใจแล้วว่านางฟ้าของพวกเขามีคนชอบมากมาย
แววตาสีอ่อนของเซียวจิ่งเริ่มจะหวั่นไหวตามคำพูดของอีกฝ่าย เขา
คิดว่าสองคนนี้แอดเฟรนด์กันในเกมเท่านั้น นี่แอดวีแชทกันด้วย
เหรอ?
แม้กระทั่งลั่วลั่วยังไม่รู้เลยว่าหัวหน้ามาที่นี่ทำไม กำลังจะถาม แต่
เห็นเขาถอดเสื้อกาวน์ออกก่อนแล้วโยนให้เธอ “คลุมไว้ซะ”
หัวหน้าใจดีขนาดนี้ ลั่วลั่วไม่เคยชินจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่ได้
หนาวสักหน่อย จึงกะพริบตา ไม่ขยับเขยื้อน
เซียวจิ่งมองเธอ รู้ว่าเธอยังไม่รู้ตัว คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงย่อตัวเล็กน้อย
แล้วดึงเอาเสื้อกาวน์สีขาวกลับมา
ลั่วลั่วตกตะลึงกับการเข้ามาใกล้ของชายหนุ่ม ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก
ตำแหน่งที่เธอยืนอยู่เห็นขวัญกลางศีรษะของเขาพอดี ลมหายใจเต็ม
ไปด้วยกลิ่นอายความเป็นนักวิชาการ
เซียวจิ่งไม่ได้พูดอะไร แต่เอาเสื้อกาวน์อ้อมตัวอีกฝ่ายแล้วมัดโบว์ให้
ที่เอว
เมื่อรู้ว่าเขาทำอะไร เธอก็ตะลึง มองเขาด้วยหน้าแดงเรื่อ “วันนั้นของ
เดือนมาเหรอ?”
“อื้อ” น้อยครั้งที่เซียวจิ่งจะเห็นเธอในสภาพแบบนี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็
เหมือนจะยิ้ม “แดงเป็นแถบเลย”
ลั่วลั่วยกมือกุมหน้า คนสวยสวยลึกถึงเนื้อในเป็นคำบรรยายที่
เหมาะสมกับเธอมาก “น่าขายหน้าจริง ๆ มาดฉันหมดเลย หัวหน้า
เมื่อกี้เฟิงหยางไม่น่าจะเห็นใช่ไหม?”
“เขามองเห็นหรือเปล่า มันสำคัญมากเหรอ?” เซียวจิ่งพูดพลางซุกมือ
ข้างหนึ่งลงกระเป๋ ากางเกง ก่อนจะเงยหน้ามองดูลิฟต์ แววตาหนักอึ้ง

ตอนที่ 2003-1
เธออยากมีแฟนมากเลยเหรอ?
“เขาเป็นแฟนคลับฉันนะ” ลั่วลั่วก้มหน้ามัดเสื้อกาวน์ให้แน่น “จะให้
คนเขาผิดหวังไม่ได้หรอก”
เซียวจิ่งไม่ได้พูดอะไร ลั่วลั่วรู้ว่าหัวหน้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้
ตอนแรกอยากจะถามเขามาว่ามาที่นี่ได้ยังไง แต่พอเขาทักขึ้นมา ลั่วลั่ว
ก็รู้สึกเหนียวเหนอะไม่สบายตัว เธอรู้ว่าวันนั้นของเดือนใกล้จะมา
แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมาวันนี้ เมื่อกี้เธอดื่มกาแฟเย็นด้วย หาเรื่องแท้ ๆ
เชียว
“ฉันไปซื้อของก่อน” ลั่วลั่วพูดเสียงต่ำ “หัวหน้า เสื้อหัวหน้าคงซัก
ไม่ออก”
เซียวจิ่งหันไปอีกทาง ยังคงพูดเสียงเรียบเหมือนเดิม “ฉันกะจะใส่
ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายพอดี ไปกันเถอะ ของที่เธออยากได้ ไว้ไปถึง
โรงแรมแล้วค่อยสั่งทางเน็ตแล้วกัน”
ลั่วลั่วไม่ยื้อต่อ หากอยู่ต่อหน้าคนอื่น เธออาจจะรู้สึกไม่ดี แต่ต่อหน้า
เขา เธอไม่รู้สึกขัดเขิน
เหตุผลง่าย ๆ ก็เพราะพวกเธออยู่ในทีมด้วยกันทุกวัน แถมนี่ยังไม่ใช่
ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอมีประจำเดือน
ลั่วลั่วยังจำตอนแรกที่โดนเขาเห็นได้ ตอนนั้นพวกเธอชนะการแข่ง
เขาเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าว พอกินได้แค่ครึ่งเดียว เธอกำลังยกถาดเนื้อมา
เขาก็โยนเสื้อตัวนอกครอบศีรษะเธอ ‘เอาไปคลุมไว้’
ตอนนั้นเป็นฤดูร้อน เธอสวมกระโปรงลูกไม้สีครีม ไม่ได้รู้ตัวว่าวัน
นั้นของเดือนมาเหมือนวันนี้
ตอนแรกเธอไม่เข้าใจเจตนาของเขา ตอนหลังรู้ตัวก็เขินจะแย่ จ้าว
ซานพั่งยังแซวเธอเลยว่าอากาศร้อนจะตาย มาสวมเสื้อตัวนอกทำไม
ถึงได้บอกว่าพวกผู้ชายในวงการอีสปอร์ตไม่อ่อนโยนเอาเสียเลย เอา
แต่ทุ่มเทให้เกม เรียกเฮียเรียกน้องยังพอว่า แต่ดันทำเหมือนเธอเป็น
เพศเดียวกันนี่สิ
ตอนนั้นเธอนอนในหอพักของทีม ได้ห้องเดี่ยว เธอปวดท้องมาก
พอกลับไปก็นอนเลยจึงไม่ได้กินขนมที่จ้าวซานพั่งซื้อมาให้ ต่อมา
ได้ยินเสียงเคาะประตู เป็นหัวหน้านี่เองที่ยกถ้วยเข้ามาให้ ถ้วยนั้น
เป็นน้ำขิงผสมน้ำตาลทรายแดง แถมยังมียาอูจีไป๋ เฟิ่งซึ่งเป็นยาบำรุง
เลือดกล่องหนึ่ง
เวลานั้นลั่วลั่วไม่เข้าใจว่าทำไมหัวหน้าถึงรู้เรื่องผู้หญิงดีขนาดนี้
ต่อมารู้ว่าเขาเรียนด้านการแพทย์ก็เข้าใจ ตอนที่สบตาเขา เธอยังหอบ
ผ้าห่มติดตัวไม่ยอมปล่อยเลย
พอจ้าวซานพั่งรู้ว่าชายหนุ่มดูแลเธอ ก็ยังไม่ลืมแซว
หลังจากวันนั้น เขาเห็นเธอทีไรต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า ใช้ข้อศอกสะกิด
หัวหน้าตัวเอง “หัวหน้าคงไม่ได้เห็นว่าเจ้ลั่วสวยก็เลยหวั่นไหวหรอก
นะ? ฉันเห็นจะได้กินขนมแต่งงานก่อนล่วงหน้า พอได้กินแล้วก็จะ
เก็บความลับไง ดีไหม?”
“หมายความว่าไง?” ลั่วลั่วได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังอย่างไม่ธรรมดา “ถ้า
นายมีเมนส์ละก็ ฉันจะดูแลนายเหมือนอย่างนี้เลย”
จ้าวซานพั่งบอก “ฉันเป็นผู้ชาย เกิดมีเมนส์ก็คงลำบากแย่เลย”
“ถึงได้บอกว่าอย่าได้คิดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะเช็ก
ความเร็วมือนาย”
“โอ้โน! หัวหน้า เราคุยกันได้นะ เปลี่ยนวันพรุ่งนี้ดีไหม…”
นั่นหมายความว่า นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา จ้าวซานพั่งก็แทบหัวใจ
แหลกสลาย เพราะพูดผิดเลยถูกหัวหน้าสั่งให้ซ้อมเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง
ทำให้ไม่แซวสองคนนี้อีกต่อไป
เช่นเดียวกัน ลั่วลั่วเข้าใจโดยพลันว่าที่เขาดูแลเธอ เหตุผลหลัก ๆ มา
จากการดูแลลูกทีมเท่านั้น แถมเธอเป็นผู้หญิงก็เลยต้องอดทนต่อเธอ
มากหน่อย

ตอนที่ 2001
บอกรักกับนางฟ้า
“ตายแล้ว ตาฉันไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม ลั่วลั่วกับเฟิงหยางกำลังแข่ง
จัดอันดับ?”
“ทำไมหนนี้ไม่เล่นกับพี่อ้วนของฉันล่ะ?”
“สองคนนั้นไม่ได้อยู่ทีมเดียวกัน แต่มาเล่นจับอันดับกัน ท่าจะมี
ปัญหาแฮะ”
“เทพหยางของฉันสมหวังแล้ว ในที่สุดก็ได้แข่งร่วมกับนางฟ้า”
“ขอมโนความในใจของเทพหยางหน่อย ต้องหวานเยิ้มแน่ ๆ เลย”
“ได้เวลาของลูกหมาป่ า[1]แล้ว เทพหยางของฉันต้องทำอะไรสัก
อย่างแน่!”
แฟนคลับของเฟิงหยางรู้กันว่าไอดอลหญิงในหัวใจเขาคือลั่วลั่ว
เพราะในเวยป๋ อของเขาโพสต์แต่เรื่องของลั่วลั่วทั้งนั้น
อย่าเห็นว่าเทพหยางมีบุคลิกแบบเดียวกับที่อยู่ต่อหน้าลั่วลั่ว เวลา
ปกติเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น ถือเป็นเด็กที่ทระนงตัวไม่เบาเลย
แต่ลั่วลั่วไม่ได้เดาผิด เขาอายุยังน้อย เพิ่งจะครบ 18 ปีเท่านั้น
การแข่งจัดอันดับของทั้งสองทำให้พวกแฟนคลับไม่ค่อยกล้าคิดกัน
นัก
ทว่าเมื่อได้มโนขึ้นมาก็รู้สึกถึงความหวานเล็กน้อย
ลูกหมาป่ าน้อยได้เข้าใกล้นางฟ้าในดวงใจแล้ว ทำให้ทุกคนอยากรู้
จริง ๆ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
แม้ว่าทั้งสองไม่ได้ไลฟ์ สด แต่ปิดกั้นไม่ให้คนอื่นมาดูการแข่งไม่ได้
คนเข้ามาดู เมื่อได้เห็นไอดีของทั้งสองก็ตาค้างทันที
“นักกีฬาอาชีพถึงสองคนเชียวนะ”
“ยังจะเล่นกันอีกไหม?”
“เล่นก่อน อย่าลืมว่าพวกเราเป็นเกมเมอร์มือโปรเชียวนะ! ต้องมั่น
หน้าเข้าไว้!”
นี่คือคำปลอบใจตัวเองชัด ๆ ไม่อย่างนั้นคนทางนั้นคงไม่พูดใน
บอร์ดรวม
แต่เหล่าแฟนคลับที่เข้ามาดูไม่สนคำพูดของพวกเขา ถ่ายภาพหน้าจอ
ที่ทั้งสองยืนด้วยกันในเกมแล้วล้อมกรอบด้วยรูปหัวใจ
“รู้สึกถึงบรรยากาศแห่งความรักเลยละ”
เมื่อพูดออกมาแบบนี้ ก็มีคนเยาะเย้ย
“ขอบคุณนะ แต่เทพหยางของพวกเราไม่อินด้วยหรอก แค่ชอบสกิล
ของลั่วลั่วเท่านั้น ไม่คิดจะเชื่อมสัมพันธ์ในชีวิตจริง”
“หลายปีที่ผ่านมา ลูกหมาป่าน้อยที่ลั่วลั่วถูกใจมีน้อยที่ไหน บอกตรง ๆ
นะ ลาออกไปแล้ว อายุก็ไม่น้อย จะไปก็ไปให้มันเด็ดขาดหน่อย”
“ต่อไปถ้าหาแฟนไม่ได้ ฉันจะไปเล่นเกมบ้าง ยังไงก็อ่อยได้หลายคน”
เดิมทีคำพูดเหล่านี้ก็เย้ยหยันกันไปตามเรื่อง เพราะเมื่อก่อนพวกเขาก็
พูดกันแบบนั้น
ไม่คิดว่าในอึดใจถัดมา แบล็กพีช Z จะแสดงตัวบ้าง “เป็นครั้งแรกที่
ได้ทำหน้าที่แม่สื่อ ลั่วลั่วเอาแต่เล่นเกมอยู่ได้ เป็นเด็กดีเกินไปแล้ว”
หลินเฟิงตามมาติด ๆ “คนบางคนเอาแต่ถามฉันอยู่นั่นแหละว่าคุยกับ
นางฟ้ายังไงดี ถึงจะไม่เขิน”
จ้าวซานพั่งยั่วโมโหเอาตรง ๆ “คนบางคนอย่าคิดจะเล่นเกมเพราะ
อยากหาแฟนเลย ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบหรอก เชื่อเฮียเหอะ สมัยนี้
เป็นยุคดูหน้าตา แล้วคิดว่าผู้ชายเล่นเกมอย่างพวกเรามองไม่ออกหรือ
ว่าใครตั้งใจจริงกันแน่?”
คนที่ชอบเรา ดูเหมือนจะดูออกจริงว่าเราเป็นคนยังไงกันแน่
ตอนที่เฟิงหยางให้สัมภาษณ์ เขาโดนถามว่าไอดอลหญิงในดวงใจ
เป็นใคร พอตอบว่าลั่วลั่ว มีกลุ่มแฟนคลับมองเขาอย่างเย้ยหยัน พวก
แฟนคลับหญิงบางคนบอกว่าให้เขาล้างลูกตาเสียบ้าง อ่านโพสต์ใน
อินเทอร์เน็ตเมื่อก่อนหน่อย จะได้รู้ว่าลั่วลั่วเป็นคนยังไง
เฟิงหยางคิดว่าเธอเป็นคนยังไง ฉันรู้ดีกว่าใครเพื่อน
ตอนที่หลาย ๆ คนล้มเลิก แต่เธอกลับฝึกความเร็วมือ แถมยังไม่เคยดู
ถูกคนที่แพ้เธอ และตอนที่คนอื่นอยู่สูงกว่าก็ไม่เคยคิดจะฉุดเขาลง
มาด้วย
เวลานี้เธอจะลาออกจากวงการแล้ว
เฟิงหยางเงยหน้ามองผู้หญิงที่กำลังก้มหน้าก้มตาเล่นเกม สูดลม
หายใจลึก มือที่วางด้านข้างแข็งเกร็ง กำลังจะเอ่ยขึ้น…
[1] ลูกหมาป่า เป็นแสลงหมายถึงหนุ่มน้อยหน้าตาดี มักมีอายุน้อย
กว่า แต่มีสไตล์ร้าย ๆ ชอบรุกและปกป้องแฟน
ตอนที่ 2002-1
เทพเซียวมาแล้ว
ทันใดนั้นเอง ร่างสูงร่างหนึ่งก้มลงมา บนตัวมีกลิ่นอายอย่างนักวิชาการ
เต็มเปี่ยม
คนคนนั้นยืนอยู่ด้านหลังลั่วลั่ว เสื้อกาวน์เปิดออกครึ่งหนึ่ง แว่นตา
กรอบทองตั้งอยู่บนสันจมูกสูงโด่ง
ทำให้คนนึกไม่ออกในทันทีว่าเขาเป็นเทพเซียวผู้เป็นจิตวิญญาณ
ของทีม
ทว่าใบหน้าที่หล่อเหลานั้น คนเล่นอีสปอร์ตทุกคนต่างรู้จักดี
เฟิงหยางอึ้งอยู่ตรงนั้น สายตาจ้องเซียวจิ่งที่ปรากฏตัวออกมา
สัญชาตญาณของผู้ชายบอกเขาว่า ชายหนุ่มไม่ได้บังเอิญโผล่มาอยู่
ที่นี่แน่
แม้ว่าเขาจะเคารพนับถือชายหนุ่มมาก แต่ก็ไม่คิดจะรามือจากบางสิ่ง
ทว่า ลั่วลั่วที่เล่นเกมอยู่รู้สึกว่ามีคนอยู่ด้านหลังจึงหันไปมอง ดวงตา
คู่สวยเผยแววประหลาดใจ “หัวหน้า?”
“อื้อ” เซียวจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
หลังจากบังคับตัวละครไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้ เธอก็พูดขึ้น “มีนัดกิน
ข้าวกับพวกอาจารย์แถวนี้เหรอ”
เซียวจิ่งพิงเก้าอี้ ไม่ได้ตอบเธอ แต่กลับชี้นิ้วที่ไปหน้าจอ “แข่งจัด
อันดับ?”
“ใช่” ลั่วลั่วไม่เข้าใจว่าทำไมหัวหน้าถึงมาอยู่ตรงนี้ได้
เซียวจิ่งว่าต่อ “งั้นรอพวกเธอเล่นเสร็จ เราค่อยคุยกัน”
เมื่อโดนจ้องแบบนั้น ลั่วลั่วก็เล่นต่อได้ไม่เต็มที่แล้ว หัวหน้ามาอยู่
ตรงนี้ได้ยังไง
พอเล่นได้ครึ่งหนึ่ง ลั่วลั่วจึงนึกขึ้นได้ และมองคนตรงหน้า “หัวหน้า
นี่เฟิงหยาง”
“ดีใจที่ได้เจอกัน” เซียวจิ่งพยักหน้าให้เฟิงหยาง แววตาหนักอึ้ง
เฟิงหยางเข้าใจนัยที่ซ่อนไว้ทันที มือถึงกับเกร็ง
เขาคิดว่าการที่เซียวจิ่งมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะกลัวว่าลั่วลั่วจะเจอผู้ชาย
ชั่วเข้า
เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองให้เห็น แต่กลับพบว่าไม่ใช่
ในฐานะแฟนคลับ เขาอ่านแววตาของลั่วลั่วที่มองหัวหน้าตัวเองออก
ว่าซ่อนอะไรไว้มากมาย มีทั้งความเคารพ ปรารถนา และอย่างอื่น
ทว่าเขาไม่คิดว่าอย่างอื่นนั้นจะเป็นความชอบ คงเพราะนี่คือสถานที่
สาธารณะ เธอจึงซ่อนไว้ลึก ๆ กระทั่งเทพเซียวเองก็ยังซ่อนความรู้สึก
ตัวเองไว้ลึกเช่นกัน
หลายคนคิดว่าพวกเขาเป็นเพียงหัวหน้าและลูกทีม ไม่คิดว่าทั้งสอง
จะชอบกัน จนเมื่อถึงสถานที่นัดส่วนตัว เฟิงหยางจึงรู้ว่าทั้งสองสนิท
กันมากอย่างไม่รู้ตัว ต่างไปจากคนที่อยู่ด้วยกันมานาน คงเพราะเจอ
อะไรด้วยกันมาหลายปี ถึงได้เป็นเช่นนั้น
แม้จะไม่ใช่ความรัก แต่คนอื่น ๆ ก็ยากจะแทรกกลางได้
เซียวจิ่งมองลั่วลั่วเล่นเกม เห็นว่าเธอไม่มีสมาธิจึงออกปาก “ฉันเล่น
เอง จะได้เร็วหน่อย”
ลั่วลั่วเล่นต่อไปไม่ไหว ยื่นมือถือให้เขา แววตาก็จับจ้องเสี้ยวหน้า
ชายหนุ่ม แล้วหันมามองนิ้วขาวนวลที่เคลื่อนไปมาบนหน้าจอมือถือ
ราวกับตั้งใจมาก จึงถามต่อไม่ออกว่า ‘พวกศาสตราจารย์อยู่ที่ไหน’
คนอย่างฉินมั่วหรือเซียวจิ่งต่างมีเอกลักษณ์ในการเล่นเกม
สิ่งนั้นมาจากการเดินตำแหน่งและความเร็วมือ
คนทั่วไปเลียนแบบไม่ได้
ท่ามกลางวงล้อมการต่อสู้ระลอกใหม่ เซียวจิ่งเดินตำแหน่งแบบอ้อม
แวบหลบสกิลที่คู่แข่งซัดมาก่อน จากนั้นบุกเข้ากลุ่มคน ระหว่างที่
ยืดเยื้อกันก็ก่อร่างเป็นค่ายกล เก็บไปได้สองชีวิตอย่างงดงาม

ตอนที่ 1999
นัดมาเจอกัน
หลินเฟิงทำมือสื่อว่า OK “ไม่มีปัญหา”
“ฉันต้องขออนุญาตเทพเซียวหน่อย” ป๋อจิ่วยิ้ม “เพราะลั่วลั่วเป็นคน
ของทีมเซียงหนาน พวกเราจะนัดคนก็ต้องรักษามารยาท”
หลินเฟิงหัวเราะ “นายหาเรื่องเขาชัด ๆ”
ป๋อจิ่วก็ไม่ปฏิเสธ
ชายหนุ่มนัดคนด้วยความกระตือรือร้น “ฉันจะปรึกษาในกรุ๊ปสักหน่อย
เอ่อ ฉันบอกเจ้านั่นแล้วด้วยว่า ต่อให้เจอหน้ากัน ลั่วลั่วก็เป็นได้แค่
เพื่อน เจ้านั่นรับปากด้วย บอกว่าอยากได้โอกาส ลั่วลั่วเองก็ใจกว้าง
บอกว่ามีรุ่นน้องในวงการเดียวกันมาชอบแฮปปี้ดีจะตาย”
“เจอกันตอนบ่ายเลยหรือเปล่า?” ป๋อจิ่วถามเวลา
หลินเฟิงยืนยัน เธอจึงเข้าหน้าสนทนาในวีแชทแล้วส่งข่าวบอกเซียว
จิ่ง
หลังจากการแข่ง คนจากทีมเซียงหนานยังกลับไปไม่หมด บริษัทสาขา
ที่นี่มีธุระให้จัดการ แถมเซียวจิ่งก็มีงานสัมมนาทางการแพทย์ จึง
ต้องรั้งอยู่ที่นี่ ส่วนจ้าวซานพั่งก็ต้องให้สัมภาษณ์
ตั๋วเครื่องบินกลับของทั้งสามคนมีกำหนดในวันพรุ่งนี้
ลั่วลั่วยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะพูดกับเพื่อนร่วมทีมยังไงเรื่องจะลาออกจาก
วงการ หากได้ออกไปเดินเล่น คงปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นสักหน่อยได้
เมื่อเซียวจิ่งที่ได้รับข้อความ มือก็แข็งเกร็ง เขาอยู่ที่ตึกกลางของ
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในฐานะแขกพิเศษที่ต้องขึ้นบรรยายในอีกไม่ช้า
ทางด้านผู้ช่วยยืนมองเขาขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง เดิมคิดจะจดบันทึกเนื้อหา
ที่รุ่นพี่เซียวบรรยายสักหน่อย ไม่คิดเลยว่าเขาจะบรรยายสั้นนิดเดียว
เดิมทีทางมหาวิทยาลัยกำหนดเวลาไว้หนึ่งชั่วโมง แต่เขาแค่กางภาพ
โครงร่างสำคัญ ก่อนจะบรรยายแต่เนื้อเรื่องที่ตรงประเด็นอยู่ประมาณ
20 กว่านาที ทำให้นักศึกษาหลายคนยังฟังไม่หนำใจ
ทางมหาวิทยาลัยยิ่งยินดี เพราะเวลายิ่งสั้นก็ยิ่งดี
เมื่อจบลง พวกศาสตราจารย์ต่างเข้ามาชวนเซียวจิ่งกินข้าวด้วย ทางนี้
เองก็ไม่เคยขาดผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
ทว่าเซียวจิ่งเก็บข้าวของเสร็จก็หันมาเอ่ยเพียงว่า “ขอโทษด้วยนะ
ครับ พอดีมีเรื่องด่วน แล้ววันหลังผมจะขอเชิญทุกท่านเองนะครับ”
ทางมหาวิทยาลัยเองอยากให้เขาอยู่ต่อ อุตส่าห์เกลี้ยกล่อมสารพัด แต่
ยังได้รับคำตอบเดิม จึงจำต้องปล่อยตัวอีกฝ่ายไป
เซียวจิ่งยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดกาวน์ ก็ขอกุญแจรถจากผู้ช่วย “เดี๋ยว
พรุ่งนี้คืนให้”
ผู้ช่วยเป็นผู้หญิงที่ทางบ้านมีฐานะดี ยิ้มบาง ๆ ให้ “พี่เซียวเอาไปขับ
เถอะ บ้านฉันอยู่แถวนี้ เดี๋ยวฉันมีเรื่องวิชาการที่ต้องคุยกับพวกผู้ใหญ่
ที่นี่ แต่พี่จะไปอย่างนี้จะดีเหรอคะ ทางนี้มีผู้เชี่ยวชาญในวงการแพทย์
เยอะมาก ว่าแต่จะรีบไปทำอะไรคะ แข่งเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ได้แข่งหรอก” เซียวจิ่งเอ่ยตอบเสียงเรียบ “มีคนจะไปดูตัวอีกแล้ว”
ผู้ช่วยหญิงตะลึง คิดว่าตัวเองได้ยินผิด เธอนึกถึงลูกทีมหญิงที่เคยมา
หาพี่เซียวที่มหาวิทยาลัยแล้วยิ้มให้ “เป็นหัวหน้าก็ลำบากจริง ๆ นะ
คะ ต้องเป็นห่วงเรื่องความรักของลูกทีม คงกลัวว่าเขาจะเจอผู้ชายไม่
ดีล่ะสิ”
เซียวจิ่งตอบรับสั้น ๆ ไม่พูดมากความ ผู้ช่วยหญิงมองดูแผ่นหลังเขา
อย่างไม่สนใจมาก
ได้ยินว่าเธอคนนั้นประกาศลาออกจากวงการแล้ว ต่อไปคงไม่มาอยู่
ข้างตัวพี่เซียวอีก
วงการอีสปอร์ตเป็นวงการที่เน้นเรื่องวัย เมื่อก่อนเธอเคยบอกผู้หญิง
คนนั้นเอาไว้ ต่อไปรุ่นพี่เซียวต้องทำงานในวงการแพทย์ ไม่เหมือน
พวกหล่อน
ผู้หญิงคนนั้นน่าจะฟังเอาไว้ถึงจะถูก…
ตอนที่ 2000
นางฟ้า
อากาศในช่วงต้นเดือนเมษายนของประเทศจีนเหมาะกับการนัด
หมายมาเจอกัน
เจียงเฉิงไม่ได้หนาวมากอีกต่อไป สวมแค่เสื้อกันลมเวลาออกข้าว
นอกก็เพียงพอ
ลั่วลั่วแต่งตัวสบาย ๆ เธอปล่อยผมยาวเหมือนใยไหมสยายไว้ด้านหลัง
หน้าตาที่โดดเด่นดึงดูดสายตาผู้คนได้มากมายเมื่อเดินเข้าร้านกาแฟ
เธอหันไปมอง ดึงแขนเสื้อขึ้น หลังจากมองรอบด้าน ก็กำลังคิดจะ
ส่งข้อความให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
กลับเห็นคนยกมือช่วยถือกระเป๋าที่กำลังจะหล่นให้ ในรอยยิ้มบาง ๆ
แฝงความเขินอายเอาไว้ “เทพลั่ว”
ลั่วลั่วชะงักไป มองทางผู้ชายคนนั้น อายุน้อยกว่าเธออย่างชัดเจน แต่
หน้าตาสะดุดตามาก เวลายิ้มจะเห็นฟันเขี้ยวทั้งสอง
เพื่อนของหลินเฟิงก็มีดีแบบนี้ด้วย?
“ทางซ้ายมือครับ” ชายคนนั้นพูดเพิ่มอีกประโยค ก่อนจะซุกมือลง
กระเป๋ากางเกง
ลั่วลั่วถึงเพิ่งสังเกตว่าตอนเขายืนขึ้นแล้วดูไม่เตี้ยเลย น่าจะสูงประมาณ
180 เซนติเมตร
ทั้งสองนั่งประจันหน้ากัน หนุ่มคนนี้หน้าแดง ยิ่งดูอ่อนวัยกว่าเดิม
ลั่วลั่วหัวเราะเบา ๆ “เธอน่าจะยังไม่โตนะเนี่ย”
หนุ่มคนนั้นหันมามอง “ผมโตแล้วนะครับ จะดื่มอะไรหน่อยไหม?”
“ได้” ลั่วลั่วมองใบหน้าอีกฝ่าย รู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว
ชายคนนั้นหยิบเมนูมา ก่อนจะผลักมาให้ “พี่สั่งเถอะ”
ตอนแรกลั่วลั่วไม่เชื่อคำพูดหลินเฟิงที่บอกว่าหนุ่มน้อยคนนี้เห็นเธอ
เป็นนางฟ้าของเขา แต่ตอนนี้เห็นท่าทางของเขาก็เชื่อแล้ว
“เธอชอบอะไร แบบหวานหรือไม่หวาน?” ลั่วลั่วพลิกหน้าเมนูพลาง
ถาม
“ไม่หวาน”
ลั่วลั่วจึงสั่งอเมริกาโนเพียวสองแก้ว มองดูหนุ่มน้อยที่ไม่ค่อยกล้า
สบตากับเธอ ยิ้มพลางเสนอว่า “เล่นเกมกันไหม?”
“ได้” เป็นนักกีฬาลีกส์อาชีพก็ดีตรงนี้ เมื่อไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรก็เล่น
เกมกัน
ลั่วลั่วเหมือนนึกอะไรออก “เพิ่มเพื่อนในวีแชทกันไหม? ยังไม่ถาม
เลยว่าเธอชื่ออะไร”
“เฟิงหยาง ชื่อไอดีก็ชื่อนี้ครับ” หนุ่มน้อยพูดจบ หน้าตาหล่อใสเริ่ม
แดงอีกครั้ง เพราะเขาไม่คิดว่านางฟ้าลั่วลั่วจะแอดวีแชทของเขา
ลั่วลั่วเคยได้ยินชื่ออีกฝ่าย ก่อนหน้านี้ก็เคยแข่งกันมาก่อน ตอนแรก
คิดว่าเขาน่าจะมีอายุหน่อย เพราะเล่นเกมได้โหดและคล่องมาก ไม่
คิดว่าตัวจริงจะเป็นแบบนี้ ว่าแล้วเชียว ห้ามตัดสินอายุ เพศ และ
หน้าตาจากวิธีการเล่นของคนในวงการอีสปอร์ต
เมื่อเพิ่มเพื่อนในวีแชทสำเร็จ ลั่วลั่วกำลังจะละมือออก ก็เห็นรูปโปร
ไฟล์ที่อีกฝ่ายใช้
รูปนั้น…เป็นรูปของเธอนั่นเอง แถมเขียนว่า ‘นางฟ้าของฉัน’
ลั่วลั่วถึงกับอึ้ง
เฟิงหยางเหมือนจะรู้สึกว่ามีตรงไหนผิดปกติ รีบยื่นมือปิดหน้าจอมือ
ถือของเธอ
ทว่าลั่วลั่วหัวเราะเบา ๆ “รูปโปรไฟล์ของฉันอันนี้ คนรุ่นเธอใช้กัน
เยอะ”
“อื้อ” เฟิงหยางหน้าแดงไปถึงลำคอ ไม่เหมาะกับบุคลิกเขาเอาเสียเลย
“พวกเราเป็นแฟนคลับพี่ทั้งทีมเลยครับ”
ลั่วลั่วยกมือถือขึ้นมาดู “งั้นฉันจะทำให้แฟนคลับเสียหน้าไม่ได้ ต้อง
เล่นดี ๆ แล้ว”
ประโยคที่พูดทำให้คลายความอึดอัดลงเยอะ เฟิงหยางเข้าหน้าเกม
พลางแอบมองคนตรงข้ามตัวเอง บอกไม่ถูกว่าดีใจเพราะเป็นแฟน
คลับหรือเพราะรู้สึกดีกับเธอมาก แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่อยากให้
เธอออกจากวงการ
เมื่อนักกีฬาอาชีพทั้งสองเข้าเล่นพร้อมกัน แถมยังมาจากคนละทีม
ย่อมเป็นที่ฮือฮาอยู่แล้ว
สองคนนี้เพิ่งเข้าห้องการแข่งไป ก็เรียกความสนใจจากแฟนคลับ
ของทั้งสองฝ่ายได้ทันที…

อย่าสนเลขตอนคะมันผิดแต่เนื้อหาต่อเนื่องกันจากตอนที่แล้ว

ตอนที่ 1997
สมาชิกใหม่ทีมไดมอนด์
ที่แท้ก็หึงแรง?
ป๋อจิ่วรู้สึกว่าท่านเทพช่างน่ารักเหลือเกิน ต้องรู้กันว่าหลังจากที่เขา
โตแล้ว เธอก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้อีกเลย
เว้นแต่ตอนที่โฮชิโนะอยู่ด้วย จึงยังพอจะเห็นได้บ้าง
ปกติแล้วท่านเทพมักจะทำให้เธอรู้สึกว่าไม่เหมือนมีแฟน แต่เหมือน
มีคนที่คุมให้เธอเรียนหนังสือมากกว่า
ตอนนี้เห็นที เขายังคงมีความเป็นเจ้าหญิงน้อยขี้หึงอยู่เหมือนเดิม
ป๋ อจิ่วไม่เคยลืมว่าตอนนั้นข่มขู่เธออย่างไร เช่นว่า ‘ป๋ อเสียวจิ่ว ถ้า
เธอออกไปเล่นกับคนอื่นอีกนะ ก็ไม่ต้องมาเล่นกับฉันอีก’
เวลานี้ก็ยังพูดเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนน้ำแต่ไม่เปลี่ยนตัวยาที่ต้ม
ป๋อจิ่วยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ไม่สนว่าตัวเองจะถูกควบคุมมากมาย
เพราะหลายปีที่ผ่านมา กว่าเธอจะมีคนมาคอยคุม เรียกว่าไม่ง่ายเลย
แม้แต่หัวใจก็มีที่ที่วางใจมอบให้ได้แล้ว…
พวกเรามักพูดกันว่า เวลามีความรัก อย่าเอาทุกสิ่งทุกอย่างของเรา
มอบให้อีกคน
แต่ป๋ อจิ่วคิดว่านั่นเป็นเพราะเรายังไม่ได้เจอคนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เลยสักนิดตั้งแต่เด็กจนโต คนที่มักมีลูกอมให้เราเสมอเมื่อเราอยากกิน
คนที่ไม่เคยบังคับให้ทำอะไรที่ไม่ชอบ ไม่ว่าคนอื่นจะมองอย่างไร
แต่ในหัวใจเขาเราก็ยังเป็นเรา
ป๋ อจิ่วกังวลใจมานานว่าหากตัวตนของเธอถูกเปิดเผยจะทำอย่างไรดี
มาเวลานี้เธอเข้าใจแล้ว เพราะไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไร เขาก็รับได้
ทั้งนั้น
การถูกกอดช่างให้ความรู้สึกดี แม้ว่าจะต้องทำแบบทดสอบวิชาฟิสิกส์
ที่เธอแสนจะเกลียด แต่ก็ยังได้กลิ่นมินต์อ่อน ๆ จากตัวเขา
เมื่อหวนคิดดู เธอต้องสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างไป
โลกนี้เคยแตกสลาย ยังดีที่มีเขาอยู่ด้วย…
หากเทียบกับบรรยากาศหอมหวานในห้องทำงานแล้ว การรับสมาชิก
ใหม่ดูจะตึงเครียดยิ่งกว่า แต่ละคนมองคะแนนตัวเอง คนที่อยู่ในห้า
อันดับแรกจะมีโอกาสเท่านั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าได้
หลินเฟิงถือบันทึกคะแนนไว้พลางค้ำมือข้างหนึ่งบนโต๊ะ กวาดสายตา
มองไปโดยที่คลุมเสื้อทีมไว้บนตัว ก่อนจะอ่านชื่อของผู้เข้ารอบ
คนที่ถูกเรียกชื่อต่างรู้สึกเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด โดยเริ่มจากที่ 5
จนถึงที่ 2 พวกนี้อายุไม่เยอะ น่าจะเพิ่งเข้ามัธยมปลาย แต่สิ่งที่พวก
เขาอยากรู้ก็คือใครได้ที่ 1
“Bey” หลินเฟิงดึงมือกลับมา สายตาจ้อง ‘เด็กผู้ชาย’ ที่สะพายเป้ มุม
ปากแฝงแววสนุก
มั่วเป่ ยอึ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินเข้าไปหา
คนแถวนั้นเข้าใจว่าเมื่อกี้ตัวเองสู้กับตัวประหลาดแบบไหน
กดเร็วเป็นอันดับ 1 ผลงานดีเลิศเหนือใคร เด็กคนนี้ทำได้อย่างไร?
“เอาละ คนที่ถูกเรียกชื่อตามฉันมากรอกแบบฟอร์ม” หลินเฟิงตบมือ
เดินนำเด็กใหม่ทั้งห้าไป
เมื่อมาถึงครึ่งทางก็หันไปมองมั่วเป่ ยครู่หนึ่ง “น่าสนใจแฮะ”
มั่วเป่ยรู้สึกว่าอีกฝ่ายมองตัวเองอย่างแปลก ๆ แต่คนหน้านิ่งอย่างเธอ
ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไป
หลินเฟิงยิ่งยิ้มกว้างขึ้น ไม่รู้ว่าถ้าหัวหน้ารู้ว่าหนึ่งในเด็กใหม่มีเจ้าหนู
คนนี้อยู่ด้วยจะรู้สึกอย่างไร
“เขียนชื่อ อายุ เพศ แล้วก็ข้อมูลติดต่อ รวมถึงที่อยู่ทางบ้านลงไปใน
ฟอร์มฉบับนี้” หลินเฟิงวางกระดาษลงบนโต๊ะ “แล้วก็ขอข้อมูลผู้
ติดต่อหนึ่งคน”
เดิมก็เป็นเพียงขั้นตอนปกติ แต่เมื่อหลินเฟิงเดินไปอยู่ข้างตัวเจ้าหนู
ก็เห็นเจ้าตัวก้มหน้าเขียนคำว่า ‘ผู้หญิง’ ปากเขาถึงกับอ้ากลมเป็นรูป
ตัวโอ เมื่อกี้เจ้าแบล็กพูดถูกจริงด้วย…
ตอนที่ 1998
ให้แบล็กพีชดูแลน้องแล้วกัน
เพศของเด็กคนนี้อยู่เหนือความคาดหมายของหลินเฟิง
ดังนั้นเขาจึงได้แต่ให้ 4 คนที่เหลือกลับไปก่อน
ในห้องเก็บเอกสารเหลือแค่หลินเฟิงและมั่วเป่ยจ้องตากันอยู่ ฝ่าย
หลังแบกเป้ของตัวเอง เงยหน้ามองดูนาฬิกาบนผนังเป็นครั้งที่สาม
หลินเฟิงส่งเครื่องหมายคำถามและตกใจเป็นชุดลงในกรุ๊ปวีแชท
อยากถามเพื่อนคนอื่น ๆ ว่าได้มาเจอสมาชิกใหม่ที่เป็นเด็กผู้หญิง
หน้าน้ำแข็ง ทำไงดี?
หอพักก็ไม่ได้เตรียมไว้ให้
ก่อนหน้านี้สูบบุหรี่ก็ตามอำเภอใจ ตอนนี้คงต้องระวังแล้ว
ดูท่าทางยังเด็กอยู่มาก…
“น้องอายุ 13 ปีเหรอ?” หลินเฟิงถาม
มั่วเป่ ยตอบ “13 ปีครึ่ง”
“ตอนพี่เป็นเด็กก็ชอบบอกอายุตัวเองให้มากกว่าเดิม จะได้ดูเป็นผู้ใหญ่
พี่เข้าใจดี” หลินเฟิงทำหน้าแบบเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
ยื่นมือออกไปกะจะตบบ่าอีกฝ่าย แต่ท้ายสุดเมื่อนึกถึงเพศของเธอ ก็
ดึงมือกลับมา “ครอบครัวอนุญาตให้เล่นเกมเหรอ?”
“แม่ไม่สน” มั่วเป่ ยพูดมาถึงตรงนี้ก็ชะงัก “แต่พี่ชายสนับสนุนมาก
เดี๋ยวเขากับแม่จะมารับ”
หลินเฟิงเลิกคิ้ว “พ่อน้องล่ะ?”
“ไม่เห็นด้วย” มั่วเป่ ยช้อนตามอง “พ่อคิดว่าเล่นเกมจะทำให้เสียการ
เรียน ผู้ชายเล่นไม่เป็นไร แต่ผู้หญิงไม่ควรเล่น”
หลินเฟิงสะอึก มั่วเป่ ยรู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของเธอ จึงเอ่ยต่อว่า “พ่อ
ไม่สนหรอก ถ้าหาเงินได้”
ตอนแรกที่เห็นฝีมือเด็กคนนี้เล่นเกม หลินเฟิงก็คิดว่าคงเหมือนเจ้า
แบล็ก
ตอนนี้ดูท่าทาง ทุกคนคงโตมาในครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน
ทำให้เขานึกถึงลั่วลั่วขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด เธอคนนั้นก็คงเป็น
อย่างนี้ คงเริ่มจากไม่มีเงินตอนที่เป็นเด็กฝึก
ใครล่ะจะอยากขาดเงิน
หลินเฟิงเก็บเอกสารมา “วันมะรืนมารายงานตัว แล้วจะให้เซ็นสัญญา
ต่อไปน้องจะเป็นเด็กฝึกของทีมไดมอนด์ เงินเดือนอาจไม่เยอะ แต่
ถือว่าสูงที่สุดในบรรดาทีมทั้งหลายแล้ว เพราะหัวหน้าทีมพวกเรา
รวยมาก”
มั่วเป่ ยได้ยิน จึงถามขึ้นว่า “คือฉันเข้าทีมได้แล้วใช่ไหมคะ?”
“ตรงช่องผู้ปกครองอนุญาตก็มีแม่กับพี่ชายรับรองให้ไม่ใช่เหรอ?”
หลินเฟิงยิ้ม “พ่อพี่ก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน แต่แม่พี่เป็นคนอนุญาต”
มั่วเป่ ยในเวลานี้มีสภาพเป็นเด็ก เธอสะพายเป้ เส้นผมปรกสีดำปรก
ลงมา ทำให้ดูตัวเล็กและเย็นชายิ่งขึ้น
“ต่อไปแบล็กพีชจะเป็นคนดูแลน้อง” หลินเฟิงพูดพลางแบ่งกลุ่มให้
เด็ก จะให้ผู้ชายห่าม ๆ อย่างพวกเขาดูแลได้ไงล่ะ! ยังไงก็เป็นเด็ก
ผู้หญิง
จะว่าไป เด็กผู้หญิงสมัยนี้เล่นโหดกว่าผู้ชายเยอะ ต่อไปเกมเลเจนด์
จะกลายเป็นบัลลังก์ของผู้หญิงหรือเปล่า คิดแล้วก็ตัวสั่น
ต่างไปจากอาการคิดมากของหลินเฟิง มั่วเป่ ยได้ยินคำพูดของเขา
แล้ว มุมปากยกยิ้มทันที ก่อนจะลูบศีรษะตัวเอง
หากเทพ Z เป็นคนดูแลเธอ ต่อไปต้องโดนลูบหัวบ่อยแน่ …
ในวันเดียวกัน ฉินกรุ๊ปประกาศคะแนนความเร็วมือ พวกนักข่าวจะ
ได้ไม่ตามขุดค้นอีก ทุกคนต่างจับตามองอายุลูกทีมคนใหม่โดย
ละเลยเพศไป ทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้ว่า Bey เป็นผู้หญิง
หลังจากที่หลินเฟิงจัดเก็บเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็พูดกับป๋อจิ่วคร่าว ๆ
“เด็กคนนี้เหมือนลั่วลั่วเลย”
ป๋ อจิ่วแววตาหวั่นไหวเมื่อได้ยิน “ได้เวลานัดคนมาเจอกันแล้ว เอา
วันนี้แล้วกัน อาศัยที่ทีมเซียงหนานยังอยู่ในเมืองเจียงเฉิง รีบนัด
เพื่อนนายมา”

อย่าสนเลขตอนคะมันผิดแต่เนื้อหาต่อเนื่องกัน

ตอนที่ 1995
ลากไปคุยในห้องทำงาน
“แข่งเสร็จแล้ว?” เสียงฉินมั่วดังขึ้นมาช้า ๆ หากฟังให้ดีจะรู้สึกถึง
ความเย็นชา
ป๋ อจิ่วเอนหลัง จากนั้นราวกับนึกอะไรออกจึงสไลด์เก้าอี้ไปอยู่คู่กับ
ฉินมั่ว ก่อนจะลุกขึ้นมาค้ำมือบนเก้าอี้ หันหน้ามาจูบเสี้ยวหน้าชาย
หนุ่มต่อหน้าทุกคน เส้นผมสีเงินปรกลงบนใบหน้าแสนโอหังของ
เธอ “แข่งเสร็จแล้ว ก็เลยมาขอรางวัลจากหัวหน้า”
ฉินมั่วยิ้ม ดึงตัวเธอให้มาอยู่ข้างตัว แล้วหันไปมองพวกเด็กใหม่ที่อึ้ง
ตะลึงอยู่ “คนที่คะแนนอยู่ในห้าอันดับแรกอยู่ต่อ”
มั่วเป่ ยลุกขึ้นสะพายเป้มาต่อแถวหน้าสุด ฉินมั่วกวาดตามองโดยไม่
พูดอะไร แต่รู้ว่า ‘เด็กชาย’ คนนั้นอารมณ์ดีมาก
มั่วเป่ยก็อารมณ์ดีมากจริง ๆ แม้ใบหน้าเล็กนั่นจะไม่แสดงอะไรออกมา
ทว่าภายในดีใจมาก อุตส่าห์ได้เล่นเกมกับเทพ Z นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่ได้
คาดคิดมาก่อน เมื่อกี้เหมือนโดนลูบหัวด้วย มั่วเป่ ยคลำศีรษะตัวเอง
ในเวลานี้
ฉินมั่วเห็นแล้วแววตาคร่ำเคร่ง ปล่อยให้หลินเฟิงจัดการเรื่องที่เหลือ
ส่วนตัวเองลากคนบางคนขึ้นไปยังชั้นบนของตึก พร้อมล็อคประตู
ด้วย
ป๋ อจิ่วยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกท่านเทพจับกดจูบบนโซฟา
กลิ่นมินต์ฟุ้งเต็มจมูกเธอ เรียวปากบางของชายหนุ่มแนบใบหู เสียง
ที่ทำให้สะท้านทั้งตัวดังขึ้น “เมื่อกี้เล่นเกมสนุกไหม? หือ?”
“ธรรมดา” ป๋อจิ่วตัวสั่น รู้สึกได้ถึงมือชายหนุ่มที่ล้วงเข้ามา แม้แต่
สองตายังมีน้ำเอ่อคลอ
ฉินมั่วรัดเอวเธอแน่น หลุบตาลงมอง “เห็นเด็กหน้าตาน่ารักก็อยาก
เอากลับไปเลี้ยงอยู่เรื่อยเลย นิสัยแบบนี้เมื่อไรจะแก้?”
“อยากเลี้ยงแค่คนเดียว” ป๋ อจิ่วเข้าใจเหตุที่หึงแล้ว
ฉินมั่วเลิกคิ้ว “งั้นเธอยังช่วยสนับสนุนเขาอีก”
“พี่มั่ว นั่นเป็นเด็กผู้หญิงจริง ๆ นะ” ป๋ อจิ่วคิดว่าเธอต้องพูดให้ชัดเจน
ฉินมั่วหัวเราะหยัน “ตอนเธอเห็นฉันครั้งแรก ก็หาว่าฉันเป็นผู้หญิง”
ป๋ อจิ่ว…แค้นฝังหุ่นขนาดนั้นเลยเหรอ?
“หลินเฟิงก็อยู่ตรงนั้น พี่ให้เขาไปถามได้เลย” ป๋ อจิ่วเสนอ
ฉินมั่วเอนตัว “เขาถามแน่ ส่วนปัญหาเธอ เราจะค่อย ๆ จัดการ”
“ฉันยังมีอะไร อุ๊บ…” สิ่งที่ป๋ อจิ่วจะพูดต่อกลับถูกชายหนุ่มจูบสกัด
ไว้จนสิ้น
ฉินมั่วหึงจริง ๆ ขนาดตอนที่เป็นเด็ก เขายังไม่ยอมให้ใครอยู่เหนือ
เขาเลย
ความวาบหวามกระจายมาจากบั้นท้าย ป๋ อจิ่วถูกเขารัดในอ้อมแขน
แน่น ยิ่งขยับก็ยิ่งแนบชิด มือของเขาล้วงเข้าข้างในเสื้อผ้าเธอ แรง
เค้นคลึงทำให้เธอต่อต้านไม่ไหว แม้จะเสียดสีผ่านกางเกงขายาวก็
เช่นกัน
ป๋ อจิ่วอยากขยับ ทว่ากลับถูกเขากดขาเอาไว้ ยังคงเอ่ยข้างหูเธอ
“ต่อไปอย่าเที่ยวไปลูบหัวใครอีก เข้าใจไหม?”
ลมหายใจที่เอ่ยออกมาหนักหน่วงมาก อากาศภายในห้องค่อย ๆ
ร้อนขึ้นมา ยิ่งเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งเห็นด้านที่เย้ายวนของฉินมั่ว เมื่อ
ใบหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มสิ่งอื่น ชายหนุ่มก็ยิ่งเหมือนเทพที่ลงมาใน
โลกมนุษย์ กลิ่นอายอันตรายจาง ๆ แบบนั้นทำให้อยากโดนเขา
ควบคุมมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ฉินมั่วไม่คิดจะปล่อยเธอไป เขาปลดชุดทีมสีดำบนตัวเธอออก ก่อน
จะก้มตัวใช้มือข้างหนึ่งช้อนหลังเธอ แล้วบรรจงจูบจากไหล่ลงมา
ตอนที่ 1996
เทพฉินหึง หึง หึง
ความวาบหวามโหมซัดป๋อจิ่วเหมือนคลื่นทะเล
ครั้งนี้ดูจะรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา ทั้งยังลงมือในจุดที่เธอทนทาน
ไม่ไหว
นี่คงเพราะท่านเทพต้องการลงโทษเธอ
กระจกฝ้ากั้นไว้อยู่หลายชั้น อากาศข้างนอกหนาวแล้ว แต่ด้านใน
กลับร้อนระอุอย่างห้ามไม่อยู่
ฉินมั่วแนบตัวลงไปอีกครั้ง ถึงขั้นเห็นเหงื่อที่ไหลลงมาจากเสี้ยว
หน้าของเขา
เมื่อเห็นเธอในชุดทีม ก็อยากจะฉีกทึ้ง และกักร่างเธอให้อยู่ในอ้อม
กอดเขา
ป๋ อจิ่วไม่รู้จะว่ามือไว้ที่ตรงไหน นอกจากโอบรอบคอเขา สมองว่าง
เปล่า รู้สึกถึงชีพจรที่เต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
การสอดประสานเป็นพัก ๆ ผสมปนเปไปกับเสียงหัวใจเต้นของทั้ง
สอง ร่างกายเธอเหมือนโดนคนจุดไฟเผา กระทั่งไฝเสน่ห์ใต้ตายัง
เปล่งประกาย
ฉินมั่วมองเจ้าหล่อนด้วยแววตาที่เข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงระดับหนึ่ง
ก็หยุดทุกการกระทำ กอดเธอแน่น ซุกหน้าไว้ที่ไหล่เธอ ลมหายใจ
หนักนิด ๆ “รอจนเธอเข้ามหาวิทยาลัย A ให้ได้ก่อน ฉันจะไม่หยุด
แน่ เหลือเวลาอีกแค่สองเดือนกว่า”
ป๋ อจิ่วนอนทับเสื้อทีม นอกจากนี้เสื้อเชิ้ตตัวขาวยังถูกปลดมากองที่
ช่วงเอว เรียวแขนขาวนวลผล็อยตกอยู่ด้านข้าง ดวงตาคู่สวยเคลิบเคลิ้ม
ราวกับหงส์ดำที่ถูกดึงขึ้นจากน้ำ เส้นผมสีเงินและผิวขาวเหมือนหิมะ
ทำให้คนปรารถนาจะลิ้มรสเธอต่อ
ฉินมั่วดึงเสื้อทีมของตัวเองมาคลุมร่างเธอ ก่อนอุ้มไว้ในอ้อมแขนอีก
ครั้ง
ป๋อจิ่วรับรู้ได้ถึงความร้อนจากตัวเขา รู้ด้วยว่าอย่าได้แตะต้องอะไร
อีกในเวลานี้ อุณหภูมิค่อย ๆ ลดลง ทว่าการจะให้ความรู้สึกปรารถนา
สลายอย่างหมดจด ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
ฉินมั่วมองเธอแวบหนึ่ง ลุกขึ้นยืนก้าวเข้าไปในห้องน้ำประจำห้อง
ทำงาน
ป๋ อจิ่วได้ยินเสียงน้ำดังจากด้านใน พอจะเดาได้ว่าเขาทำอะไร หน้า
เธอร้อนฉ่าอย่างที่น้อยครั้งจะเป็น จึงตัดสินใจเบี่ยงเบนความสนใจ
ด้วยการไปหยิบน้ำแร่จากตู้เย็นออกมา
รอจนความร้อนในร่างลดทอนลง ฉินมั่วก็เดินออกมา เส้นผมสีดำยัง
ชื้นอยู่
เขาไม่ได้สวมเสื้อ ใส่แค่กางเกงขายาวเท่านั้น ร่องกล้ามเนื้อท่อนบน
ยังคงมีหยดน้ำเกาะอยู่ นัยน์ตาของเขาช่างลุ่มลึกจนทำให้ยากที่จะ
เบนสายตาไปทางอื่น
ป๋ อจิ่วกลืนน้ำทันที จะหลงใหลกับความหล่อเหลาของเขาไม่ได้
เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่ปวดเอวยอกหลังก็คือเธอคนเดียว แต่สภาพ
เธอในตอนนี้ไม่เหมาะจะเดินออกไป ร่องรอยบนแอ่งชีพจรและ
ลำคอชัดขนาดนี้ เสื้อเชิ้ตก็ยับยู่ยี่ คนจะมองออกทันทีว่าพวกเธอไป
ทำกิจกรรมอะไรมา
คนฉลาดอย่างป๋อจิ่วรู้ดีว่าท่านเทพจงใจ
ฉินมั่วไม่ปล่อยให้เธอนิ่ง แย่งขวดน้ำแร่จากมือเธอไป “กำลังคิด
อะไรอยู่ เด็กคนเมื่อกี้?”
“เปล่า” ป๋อจิ่วยิ้ม ชะโงกหน้ากะจะแต๊ะอั๋งท่านเทพเสียหน่อย เพราะ
ท่านเทพที่เพิ่งออกจากห้องน้ำดูยั่วยวนจนทำให้คนตบะแตก “กำลัง
คิดถึงพี่”
ฉินมั่วแววตาหวั่นไหว เอียงคอมองอีกฝ่าย จากนั้นยิ้มขึ้นมาทันใด
ละมือมาเชยคางอีกฝ่ายแล้วเข้าไปใกล้
ทว่าไม่ได้จูบ ลมหายใจเขารินรดลงบนเรียวปากเธอ “เธอน่าจะคิด
เรื่องคะแนนวิชาฟิสิกส์นะ เดี๋ยวเรามาติวกัน”
ป๋อจิ่ว…แฟนฉันนี่ ตัวจริงหรือเปล่า?
ฉินมั่วจับใบหน้าที่เซ็ง ๆ รั้งเธอมากอดในอ้อมแขน เอ่ยเสียงเรียบว่า
“ต่อไปอยู่ให้ห่างจากเด็กนั่นหน่อย จะได้ทำแบบฝึกหัดน้อยลงสัก
ข้อ”

อย่าสนเลขตอนคะเนื้อหาต่อเนื่องกัน ไม่รู้ทำไมตอนถึงย้อนกลับ

1773-2 vs 1774
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1773-2

เป็นตัวสนับสนุนก็เล่นให้นายเรียกป๊ะป๋าได้นะ

ฝ่ายคู่แข่งต่างตะลึงงันกับฝีมือการเล่นของฝั่งแบล็กพีช เมื่อก่อนตอนดูการแข่งขันก็ยังไม่รู้สึกอะไร เพราะคิดว่าพวกคู่แข่งที่แล้วมาถูกแบล็กพีช Z เล่นงานหนักได้ น่าจะเป็นเพราะบทบาทกับวิธีการเล่น หากเป็นพวกเขา รับรองว่าไม่เล่นแบบนั้น เพราะใช่ว่าจะหาวิธีรับมือกับเทคนิคเล่นของแบล็กพีชไม่ได้

แต่เมื่อได้มาแข่งเองถึงได้รู้ว่า มีบางอย่างเราคิดไม่ถึง

ต่อให้คิดถึงก็ตามไม่ทัน มันต่างไปจากเมื่อเราเป็นแค่ผู้ชมที่ดูแผนที่ตลอดการแข่ง

พวกเขาเดาไม่ออกด้วยซ้ำว่าแบล็กพีชต้องการทำอะไร

ตอนแรกที่แข่ง พวกเขาคิดว่าแบล็กพีชน่าจะเล่นแบบสงบเสงี่ยม เพราะเป็นการสู้แบบ 2 ต่อ 4 ไม่น่าจะบุกโหด แต่ไม่คิดว่าคนที่ฝ่ายนั้นเล็งเอาไว้จะไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นนักฆ่านั่นเอง

การเล่นเกมแบบนี้มีหลักอยู่ว่า ขอแค่คุมนักฆ่าของฝ่ายคู่แข่งได้ โซนป่าก็จะกลายเป็นของเรา เมื่อเห็นแบล็กพีชไม่ได้ระวังมาก พวกเขาก็คิดว่าเธอจะเล่นแบบปกติ แต่คิดผิดไปเสียแล้ว…

ไม่รู้ว่าใครร้องออกมา “แชมป์เฟิร์สคิล เทพ Z!”

เสียงร้องดังกล่าวดังไปทั่ว

ฝ่ายคู่แข่งคิดจะตัดกำลังของแบล็กพีช พอเห็นเลือดเธอไม่ลดลงเลยก็ล้มเลิกความคิด เพราะต่อให้เราไม่ขวางก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่โจมตี เธอที่ฆ่าพวกเขาสำเร็จ ย่อมต้องมีฐานะห่างจากพวกเขา แถมนักฆ่าของพวกเขายังซ่อนอยู่ในพุ่มหญ้าอีก

ป๋อจิ่วกระโดดเหาะขึ้นไป ใช้สกิลสตันพิเศษได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้คนถึงได้สังเกตเห็นว่า การเล่นที่ดูเหมือนง่าย กลับซ่อนสกิลที่น่าตะลึงเอาไว้ เพราะจนถึงเวลานี้ ไม่มีใครสร้างความเสียหายตรงตัวแบล็กพีชได้เลย

ทว่าความเสียหายที่เธอสร้าง กลับสตันคู่แข่งได้ถึงสองคนอย่างอยู่หมัดโดยไม่เสียสกิลไปเปล่าๆ

คนที่ทำได้ถึงขั้นนี้ แม้พูดแล้วเหมือนจะทำได้ง่าย แต่การจะทำได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบต้องมีความแม่นยำด้านความเร็วมือ การประเมินล่วงหน้า เซนส์การเล่น สกิลตั้งรับ ความคุ้นเคยในแผนที่ รวมถึงคล่องสกิลหลักของคู่แข่งเอามากๆ!

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ และใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนแบล็กพีช

แม้จะเล่นด้วยกันเป็นครั้งแรก ทว่ามั่วเป่ยที่รู้ใจกับแบล็กพีชได้ดีมากก็อาศัยจังหวะที่สองคนนั้นสตัน เหาะไปหาตัว ADC ที่เลือดน้อย ด้วยความที่ตัว ADC ไม่มีเรดบัฟกับตัว จะต่อสู้อย่างไรก็สร้างความเสียหายได้แค่นิดเดียว

ส่วนป๋อจิ่วก็ตามมาในเวลานี้ เธอเรียกสกิลล่ามอนสเตอร์เต็มสปีดมาใช้ลดความเร็วของคู่แข่งเสียดื้อๆ

ครั้งนี้ ตัว ADC ไม่รอด มั่วเป่ยหมุนข้อมือ เดินตำแหน่งโจมตีทันทีอย่างสวยงามและปลิดชีวิตฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ

คิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วใช่ไหม?

จะเป็นไปได้อย่างไร ป๋อจิ่วที่กำลังมันส์สวมหูฟังสีดำและยิ้มมุมปาก เธอนั่งตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แสดงให้เห็นว่าเล็งเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว

ตัวแทงค์อย่างแบล็กพีชจะตัดกำลังทัพหลังของฝั่งคู่แข่ง แม้เพื่อนร่วมทีมคู่แข่งจะพยายามคุ้มครองนักเวท แต่คิดไม่ถึงว่าแบล็กพีชจะไม่ได้ทำร้ายนักเวท แต่หันกลับมาสตันชายคนนั้น

มั่วเป่ยเห็นแล้วจะยังรีรออะไรอีก ให้ความร่วมมือทันที สร้างความเสียหายเป็นชุด ทว่าแม้จะเป็นตัวแทงค์ แต่ย่อมต้องเสียเลือดบ้าง

ฝ่ายคู่แข่งที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเห็นแล้วรีบปรี่ออกไป กะว่าแม้จะฆ่าแบล็กพีชไม่ได้ แต่ต้องฆ่าเจ้าเด็กโอหังนั่นมากู้หน้าคืนให้ได้! เพราะเมื่อนักฆ่าสร้างความเสียหายแล้วก็ถือว่าหมดกำลัง

ทว่าเมื่อเขาคว้าทวนจะเข้ามา กลับต้องตะลึงเพราะโดนสกิลลดความเร็ว!

สองคนนี้มีสกิลฆ่ามอนสเตอร์ แต่จะเอามาฆ่ามอนสเตอร์หรือว่าลดความเร็วพวกเขากันแน่!

……………………………………………….

ตอนที่ 1774

จิ่วที่โคตรเท่

ฝ่ายคู่แข่งเข้าช่วยเหลือเพื่อนไม่สำเร็จ ต้องจบชีวิตไปอีกหนึ่ง!

เมื่อเห็นว่าการลอบโจมตีไม่สำเร็จจึงคิดถอย

ทว่าเมื่อเขาหมุนตัวไป ถึงจะพบว่าตัวเองทั้งโง่และซื่อ แบล็กพีชที่ใช้พลังชุดใหญ่แล้วจะปล่อยเขาหนีไปได้อย่างไร?

เธอกระโดดลอยตัว ใช้สกิลติดตัวกักอีกฝ่ายไว้ที่เดิม ผู้ชายคนนั้นเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต ขยับไม่ได้สักนิด อีกทั้งมั่วเป่ยยังอยู่ตรงนั้น ต่อให้หมดสกิลแล้วแต่ก็ตวัดทวนสร้างความเสียหายไปได้พอควร ทว่าความเสียหายที่ร้ายแรงยังคงมาจากพลังชุดใหญ่ของแบล็กพีช

ผู้ชายคนนั้นต้องมองดูตัวเองเลือดหมดตัวตาปริบๆ ไม่มีแม้แต่โอกาสจะเอาคืน ยิ่งไม่อาจกระโดดข้ามกำแพงได้

“ไม่น่าล่ะแบล็กพีชถึงได้เลือกตัวละครอย่างนั้น เพราะตัวแทงค์สนับสนุนมีไว้เพื่อดักนักฆ่า คนที่เป็นนักฆ่ากลัวการถูกควบคุมไว้ทั้งนั้นแหละ”

“ฉันอยากรู้จังว่าตอนนี้ผู้ชายคนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง กระโดดไม่ขึ้น น่าสงสารจัง”

“โดนเล่นงานไว้จนเริ่มสงสัยในชะตาชีวิตตัวเองอยู่มั้ง”

“เล่นสกิลฆ่ามอนสเตอร์ แต่แบล็กพีชกลับเอามาใช้กักตัวคู่แข่ง”

“เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าเที่ยวท้าดวลเทพ Z”

สรุปสถานการณ์ทั้งเกม หากไม่ใช่มั่วเป่ยก็เป็นป๋อจิ่วที่ซ่อนตัวในพุ่มหญ้า ล่าทรัพยากรของคู่แข่งจนเกลี้ยง แถมล่าทีมมินเนี่ยนเกลี้ยงทั้งสองเลน โดยไม่ต้องคว้าของโซนป่าบ้านตัวเอง เอาแค่ถล่มป้อมตรงเลนบน ออกไอเทมดูดเลือดเสร็จโดยไม่คิดจะกลับเมือง

ส่วนผู้ชายคนนั้น พอเริ่มปล่อยตัวก็เหมือนตบหน้าตัวเอง อย่าโม้เลยว่าไม่ปล่อยมอนสเตอร์ของตัวเองให้คนอื่น ขนาดตัวเองก็ยังคว้าไว้ไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวอยากจะไปแย่งมอนสเตอร์ที่บ้านเขาคืน กลับลืมตัวว่าการไปมาจะเสียเวลามากแค่ไหน ทำให้เล่นไม่ถึงช่วงกลางของเกม ฐานะของทั้งสองทีมก็ห่างกันไกลโพ้นแล้ว ท่านจิ่วเองไม่คิดจะเล่นจนถึงช่วงท้ายเกม ด้วยการ เอา มัน ให้ตาย!

เล่นเอาตัว ADC ของฝ่ายตรงข้ามตัวสั่นงันงกแล้ว

เทพ Z เล่นตัวสนับสนุนโหดแบบนี้เลยเหรอ?

แต่หากได้นั่งวิเคราะห์เกมแบบมืออาชีพอย่างใจเย็น เราจะพบว่าหากตัวสนับสนุนเล่นได้ดี จะเป็นกุญแจสำคัญของการคว้าชัยชนะ เกมแบบนี้เล่นแบบต่างฆ่ากันและกัน แค่ดูว่าเราเล่นอย่างไร ทุกคนคิดว่าแค่ล้มป้อมได้ก็โอเค แต่ไม่คิดว่าแบล็กพีชกับมั่วเป่ยจะซุ่มในพุ่มหญ้าริมแม่น้ำพร้อมกันโดยไม่ขยับเขยื้อน ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร

ในเวลาเดียวกันก็เห็นผู้ชายคนนั้นเหาะมาจะทำลายป้อม แต่ยังไม่ได้กระโดดข้าม กลับถูกแบล็กพีชสกัดให้อยู่กับที่ โดยปกติแล้ว เธอมักจะฆ่าศัตรูทันทีที่สกัดคู่แข่งได้

นับแต่เริ่มเกมจนถึงตอนท้าย คะแนนของฝ่ายตรงข้ามเป็นศูนย์ตลอดมา

ในฐานะที่เป็นนักฆ่า ผู้ชายคนนั้นไม่อาจแสดงศักยภาพของบทบาทนี้ได้ เพราะถูกกดดันอย่างหนักหน่วง เมื่อเห็นเมืองตัวเองถูกทำลาย หน้าเขาก็เปลี่ยนสี ขนาดเล่นกัน 2 ต่อ 4 ยังแพ้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาดวลเดี่ยว ผู้ชายคนดังกล่าวรู้เช่นกันว่า หากดวลเดี่ยวเขาจะต้องโดนเล่นงานจนย่อยยับกว่านี้แน่

ตอนนี้แบล็กพีชเล่นเป็นตัวสนับสนุน หากเธอเล่นเป็นนักฆ่าที่ถนัดที่สุดล่ะ?

ชายคนนั้นไม่กล้าคิดต่อ ได้แต่ปลดหูฟัง ใบหน้าแสบร้อนมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงบัดนี้

ป๋อจิ่วยิ้มเก๋ๆ ตอนแรกคิดจะพิมพ์ว่า ‘เรียกป๊ะป๋าได้แล้ว’ กลับกวาดตามองคนตัวเล็กที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นยอมปล่อยไป

อื้ม จะสอนสิ่งไม่ดีให้กับเด็กไม่ได้

และที่สำคัญที่สุดคือ ท่านเทพกำลังจ้องอยู่ด้านหลัง รู้สึกเหมือนโดนควบคุมสองเท่าเลยทีเดียว…

…………………………………

อย่าสนเลขตอนคะเนื้อหาต่อเนื่องกัน ไม่รู้ทำไมตอนถึงย้อนกลับ

1772 vs 1773-1
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1772

2 ต่อ 4

หลินเฟิงสันหลังวาบเมื่อได้ยิน แอบถอยหลังไปครึ่งก้าว เวลาหัวหน้ามีความรักนี่ขี้หึงจริงๆ

เมื่อก่อนเขาเคยคุยกับโคโค่ว่า ใครก็ตามที่ดวงซวยโดนหัวหน้าหลงรัก จะต้องไม่เหลืออิสระแน่

แต่ต่อมาเห็นหัวหน้าดีกับเจ้าแบล็กมาก ประมาณว่าเจ้านั่นอยากทำอะไรก็ปล่อยตามใจ พวกเขาเลยไม่ได้คิดในด้านนี้ให้ลึกซึ้งแต่อย่างใด

ทว่าเวลานี้ พวกเขามาเห็นว่าหัวหน้ายังหึงเหมือนเดิม ทางด้านฉินมั่วเองก็ไม่มองหลินเฟิงที่ยืนเยื้องตัวเองอีก แต่ก้าวเข้าไปยังยังบริเวณที่ผู้คนมุงดู เหมือนจะได้ยินเสียงใสระคนยิ้มบอกว่า “ไม่ต้องตื่นเต้นนะ” เป็นเสียงของป๋อจิ่วนั่นเอง

เธอสวมหูฟังสีดำ มือขวากุมเมาส์ เหาะไปยังโซนป่า ทั้งยังไม่ลืมปลอบเด็กนั่น

มั่วเป่ยรับคำ ใบหน้าเล็กๆ ไม่ฉายอารมณ์ออกมา หน้าแข็งทื่อเลยทีเดียว เจ้าตัวกดเมาส์ตามไป

ผู้คนต่างเห็นสถานการณ์การแข่งผ่านหน้าจอใหญ่

ฉินมั่วไม่สนใจสักเท่าไร เขาลากเก้าอี้มานั่งเยื้องไปทางข้างหลังของป๋อจิ่ว ส่งผลให้เห็นช่วงขาเรียวยาวและเสี้ยวหน้าหล่อเหลา

สถานการณ์การแข่งดูเป็นปกติ แต่ไม่มีใครกล้าบุก

ห้วงอึดใจนั่น แม้แต่บรรยากาศรอบข้างยังเงียบงันลงไปเยอะ

จากระดับหนึ่ง นี่ก็รับประกันแนวคิดของคนเล่นเกมทุกคนได้แล้ว

คนที่อยู่แถวนั้นเดินไปเดินมา แม้เสียงวิจารณ์ไม่ได้ทะลุเข้าหูฟังก็จริง แต่กระทบกับสมาธิคนเล่นไม่น้อย

ภายในเกม ป๋อจิ่วข้ามแม่น้ำมาซ่อนตัวในพุ่มไม้ เล็งบลูบัฟของฝ่ายตรงข้าม ส่วนอีกทีมหนึ่งยังคงลังเลที่จะสั่งการ เพราะเดาไม่ถูกว่าฝ่ายป๋อจิ่วจะบุกมาหรือไม่

ถึงอย่างไรสายหมอกก็ห้อมล้อมอยู่ภายในเกม ต้องข้ามไปหาอีกฝ่ายถึงจะเห็นตำแหน่งของคู่แข่งได้

เนื่องจากตอนนี้ไม่รู้ว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหน พวกเขาจึงอยู่ที่เดิม

คนใหม่คนนั้นก็ไม่กล้าวู่วาม

ด้วยวิธีการเล่นของแบล็กพีชแล้ว จะต้องเข้ามาแย่งมอนสเตอร์ของคู่แข่งตั้งแต่เริ่มเล่นแน่

แต่สถานการณ์เวลานี้คือฝ่ายแบล็กพีชจะมาแย่งเรดบัฟหรือบลูบัฟของฝั่งเขากันแน่ มอนสเตอร์ทั้งสองประเภทก็ไม่ได้อยู่ในเขตเดียวกันด้วย

ในระหว่างที่ฝ่ายผู้ชายคนนั้นยังตัดสินใจไม่ถูก ก็โดนวงแสงสตันซัดเข้าใส่

ป๋อจิ่วอยู่ที่โซนป่าก็จริง แต่เธอไม่ได้แย่งเรดหรือบลูบัฟ ทว่าโจมตีตัวนักฆ่าทันที

ผู้ชายคนนั้นรีบสั่งให้รวมตัวกัน พวกที่เหลือต่างวิ่งตามมาด้วยเกรงกว่าจะโดนแบล็กพีชฆ่า เพราะใครก็ตามที่เคยเล่นในโซน C ล้วนแต่รู้กันทั้งนั้นว่าแบล็กพีชฆ่าโหดขนาดไหน

ตอนแรกผู้ชายคนนั้นถอยหลัง แต่พอเห็นเพื่อนร่วมทีมมาสมทบก็รีบรุกกะจะเอาคืนป๋อจิ่ว จะทำเหมือนอย่างที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากฝ่ายนั้นมาที่โซนป่าพวกเขาก็รุมฆ่าเสีย

แต่คิดไม่ถึงว่าแบล็กพีชจะเปลี่ยนแผนการเล่นโดยกลับไปยังเมืองตัวเอง

หมายความว่าอย่างไร? ไม่มีใครอ่านใจเธอออก

หากไม่เพราะแบล็กพีชนั่งอยู่ตรงหน้า พวกเขายังคิดเลยว่าอาจเป็นตัวปลอม เพราะคนอย่างแบล็กพีช เวลาลงเล่นทีเป็นต้องจ้องมอนสเตอร์ของฝ่ายตรงข้าม ทว่าวันนี้กลับไม่กล้าเปิดฉากสู้?

“ท่าทาง แบล็กพีชก็งั้นๆ แหละ” ผู้ชายคนนั้นทำหน้าสะใจพลางคว้าบลูบัฟของตัวเอง “เมื่อก่อนไม่เคยเจอ ตอนนี้ได้มาเห็นแล้ว เราจะไม่ยอมปล่อยมอนสเตอร์ของเราให้เธอหรอก”

ทว่าหลังจากที่เขาพูดจบ…

………………………………….

ตอนที่ 1773-1

เป็นตัวสนับสนุนก็เล่นให้นายเรียกป๊ะป๋าได้นะ

เสียงฮือฮาดังขึ้นจากลุ่มผู้คน

เพราะต่างเห็นบนหน้าจออย่างชัดเจนว่า เรดบัฟที่โซนป่าของพวกเขาถูกล่าจนหมดแล้ว

เดิมทีแบล็กพีชมาที่โซนบลูบัฟของคู่แข่ง ไม่ได้ต้องการล่าบลูบัฟ แค่จะดึงความสนใจจากคู่แข่งด้วยกลยุทธ์ป่าวร้องที่ทิศตะวันออกแต่บุกจริงที่ทิศตะวันตก เพื่อให้มั่วเป่ยล่ามอนสเตอร์อีกครึ่งโซนป่าให้เกลี้ยง

สนามแข่งแทบจะระเบิดลง แต่ยังไม่จบแค่นี้

แบล็กพีชล่าทีมมินเนี่ยนเสร็จก็ข้ามไปที่โซนเรดบัพ ก่อนจะขวางตัว ADC ของคู่แข่งแล้วใช้สกิลของตัวเองสตันอีกฝ่าย ทำให้สามคนนั้นตะลึงงันอยู่กับที่

เวลานี้ มั่วเป่ยที่ล่าเรดบัพเสร็จก็กระโดดเข้าไปทำร้ายตัว ADC จนเหลือเลือดนิดเดียว!

ผู้ชายคนนั้นได้สติก็รีบเข้าไปช่วยทันที

ADC สามารถเดินตำแหน่งได้อย่างไม่มีปัญหา ใช้สกิลวิ่งเร็วถอยทันที จากนั้นรีบกดปุ่มกลับเมือง ถึงได้หลบอันตรายของการเสียเฟิร์สบลัดได้

ส่วนนักเวทของฝ่ายตรงข้ามก็โดนทำร้ายอย่างรุนแรง ตกใจจนไม่กล้าออกจากป้อม

ต้องรู้ไว้ว่าแบล็กพีช Z ไม่ธรรมดา ความโหดมักจะมาโดยที่คู่แข่งไม่ทันตั้งตัว ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ว่าเธอจะระเบิดพลังเมื่อไร กระทั่งข้ามป้อมก็ยังทำได้อย่างบ้าคลั่ง

ด้วยเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ ป๋อจิ่วจึงไม่คิดจะถอย เมื่อเห็นชายคนนั้นเข้ามา เธอก็เดินตำแหน่งอย่างหลักแหลม หลบการสร้างความเสียหายจากคู่แข่งได้ แล้วเลี้ยวที่พุ่มไม้ กระโดดเข้าไปสตันนักฆ่าคนนั้นทันที

มั่วเป่ยเห็นแล้วโจมตีทันควัน พอสกิลล่ามอนสเตอร์มาเต็มพิกัด เธอรีบลดความเร็วของอีกฝ่ายลง

ทางด้านคู่แข่งที่โดนสตัน ลดความเร็ว และโดนทำร้ายเป็นชุดจนเหลือเลือดน้อยนิด ก็ร้องขอความช่วยเหลือ

เพื่อนร่วมทีมต่างรีบวิ่งมา แต่ด้วยความที่ไม่มีทรัพยากรโซนป่าและทีมมินเนี่ยนอยู่ในมือ ทั้งยังเอาแต่ขัดขวางแบล็กพีชไว้ บวกกับสเตตัสของพวกเขาจะเป็นตัวตัดสินไอเทม เซนส์ในการเล่นเกมก็ไม่ได้ดีมาก ความเร็วยังไม่สูงอีก จึงให้ความช่วยเหลือได้ช้าไป

ชายคนนั้นกัดฟัน กำลังจะกดปุ่มสกิลล่ามอนสเตอร์ให้ลดความเร็วของฝ่ายป๋อจิ่วอย่างเต็มที่ ไม่คิดว่าจะโดนสตันอีกครั้ง!

แบล็กพีชสามารถเล่นสกิลสนับสนุนได้อย่างโดดเด่น สร้างความเสียหายให้คู่แข่งจากระยะทางไกล

ชายคนนั้นกำลังรอให้ตัวเองฟื้นขึ้น กลับต้องชะงักในวินาทีถัดมา เขาเห็นฝ่ายนั้นเหาะเข้ามาข้างตัวเขา ใช้สกิลฆ่ามอนสเตอร์ลดความเร็วเขาไม่พอ ยังสร้างความเสียร้ายอย่างอำมหิตประชิดตัวเขาอีกด้วย ทำให้เขาต้องกลายเป็นตัวละครที่หนีไปทั่วโซนป่า ไม่ให้โอกาสกระโดดข้ามเลยแม้แต่น้อย

จากนั้นเสียงเอฟเฟกต์เกมดังขึ้นสนั่นหู First Blood!

First Blood เชียวนะ!

ใครเป็นคนฆ่า? ทุกคนต่างมองดูและเห็นตัวอักษรบนหน้าจอชัดเจน

แบล็กพีช Z!

แบล็กพีชเล่นเป็นตัวสนับสนุนก็ยังได้ First Blood อีกเหรอ? แถมยังฆ่านักฆ่าอีกต่างหาก?

เสียงฮือฮาดังสนั่นหูก้องสนามแข่งเล็กๆ แห่งนั้น เป็นการพิสูจน์ในสิ่งที่แฟนคลับขนามนามให้แบล็กพีชไว้ว่า ‘ใครบอกว่าฉันจะล่ามอนสเตอร์จากบ้านนาย ฉันเล่นงานนายต่างหาก แล้วแย่งเอาเรดกับบลูไปจากนายด้วย’

…………………………………..

อย่าสนเลขตอนคะเนื้อหาต่อเนื่องกัน ไม่รู้ทำไมตอนถึงย้อนกลับ

1770 vs 1771
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1770

ท้าแบล็กพีช Z

ป๋อจิ่วก้มตัวเล็กน้อย เอามือเท้าคาง ยิ้มออย่างเกียจคร้าน “หน้าตาดี เลยดึงดูดสายตาให้มองง่ายหน่อย”

หลินเฟินช็อก “ฉันก็คิดว่านายชอบฝีมือเด็กผู้ชายนั่น”

“เด็กผู้ชายอะไร” ป๋อจิ่วช้อนสายตามอง ตั้งอกตั้งใจแก้ความเข้าใจผิดของเขา “เขาเป็นเด็กผู้หญิงที่หล่อมากต่างหาก”

หลินเฟิงจ้องตาโต ‘เด็กผู้หญิง?’ ไม่เหมือนแฮะ

ทว่าฉินมั่วกลับไม่คิดแบบนั้น คนบางคนเห็นเด็กหน้าตาดีทีไร ต้องเหมาว่าเป็นเด็กผู้หญิงทุกที แถมเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว คำพูดของเธอจึงไม่น่าเชื่อถือ

ป๋อจิ่วพยายามเพิ่มความน่าเชื่อถือของตัวเอง “ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวฉันเรียกตัวมาให้พวกนายถามเลย”

“ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ก็เอากลับไปเลี้ยงที่บ้านไม่ได้ เพราะงั้น…” พูดมาถึงตรงนี้ ฉินมั่วบีบคางเธอ “ดูผลการเล่น แล้วให้คะแนน”

ป๋อจิ่วหมุนปากกาในมือ “พี่มั่ว ไม่ต้องให้คะแนนแล้ว พี่ก็เห็นว่าเด็กนั่นกดเร็วจะตาย อย่างน้อยก็เทียบเท่าจ้าวซานพั่งเลย”

จ้าวซานพั่งที่ไม่ได้อยู่ในสนามด้วย… What!

ฉินมั่วไม่แยแส “ฟังดูแล้ว เธอจะชอบเขามากนะ”

“พี่มั่ว” ป๋อจิ่วชะโงกเข้าใกล้ “อย่าหึงเด็กสิ ไม่เอาน่า”

ฉินมั่วกำมือแน่น เล่นเอาปลายปากกางอเล็กน้อย “นั่งดีๆ”

ป๋อจิ่วหัวเราะ ประเมินข้อเด่นของเด็กคนนั้นอย่างไม่รู้ไม่ชี้ “เดินตำแหน่งเด่น พลิกสถานการณ์เยี่ยม มีเซนส์ในการนำฟอร์มเกม เด็กแบบนี้เหมาะจะอยู่โซนป่า ถ้าเอาเข้าทีมเราจะเพิ่มคะแนนหน้าตาดีได้ด้วย”

หลินเฟิงพูดแทรก “ถ้าพูดเรื่องคะแนนหน้าตา เดี๋ยวคนจะหาว่าเรารับเด็กที่หน้าตานะ”

ป๋อจิ่วหันไปมองพลางครุ่นคิด “แค่ดูหน้าสวยๆ ของพี่ ก็คงรู้แล้วว่าใช่”

หลินเฟิง…คุยต่อไปไม่ไหวแล้ว!

พวกคนที่เข้ามาสมัครต่างสวมหูฟัง จึงไม่ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสาม

ทว่าแค่มองหน้าจอตรงหน้า พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าเจ้าไอดี Bey เจ๋งเป็นบ้า

ไม่รู้ว่าจงใจหรือเปล่า ถึงได้เอาแต่ไล่ล่าคนคนหนึ่ง

ตอนนี้คนที่ประกาศว่าจะมาแทนที่แบล็กพีช Z คลั่งแล้ว “ฝ่ายตรงข้าม นายเป็นบ้าอะไรวะ”

มั่วเป่ยไม่พูดอะไร เหาะต่อไป ในสายตาของเธอ คนคนนั้นไม่มีสิทธิ์จะท้าเทพ Z ด้วยซ้ำ

ส่วนชายคนนั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ผ่านการทดสอบ

แถมยังแพ้ให้กับคนที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อน

ต้องรู้ไว้ว่าเขามีฐานแฟนคลับ

เด็กใหม่คนนั้นคิดจะเอาคืนเพื่อสั่งสอนอีกฝ่าย แต่การแข่งขันถูกสั่งให้ยุติด้วยกฎที่ว่าใครได้เฟิร์สบลัด คนนั้นเป็นฝ่ายชนะ

เด็กใหม่ไม่ยอม คิดว่าตัวเองอายุยังน้อย มีอนาคตไกล ถอดหูฟังร้องขอแข่งใหม่

ป๋อจิ่วกวาดตามองเขา จากนั้นลุกขึ้นยืน เส้นผมสีเงินปรกลงมา “นายคิดจะแข่งยังไง?”

เด็กใหม่ตกใจจนถอยหลัง

เขาไม่เข้าใจจริงๆ อีกฝ่ายแก่กว่าเขาแค่ปีเดียว ทำไมออร่าถึงแรงขนาดนี้

แต่ในเมื่อประกาศไปแล้วย่อมไม่คืนคำ “แข่งทีม 5 ต่อ 5”

ป๋อจิ่วขยับข้อมืออย่างใจเย็น “ไม่ต้องแข่งประเภททีม 5 ต่อ 5 หรอก” ว่าแล้วเธอก็หลุบตามอง “Bey มานี่สิ มาแข่งแบบ 2 ต่อ 4 กับฉันกัน”

เทพ Z รู้จักฝ่ายนั้น?

ทุกคนต่างสงสัย แล้วก็ได้เห็น ‘เด็กชาย’ ลุกขึ้นจากหน้าคอมพิวเตอร์แล้วสะพายเป้เดินมาหา

………………………

ตอนที่ 1771

แบล็กพีช Z ออกโรงเอง

‘เด็กผู้ชาย’ คนนั้นตัวไม่สูง แต่งตัวเชยนิดๆ สวมชุดกีฬาที่ไม่รู้ว่าเป็นของยุคไหน

โชคดีที่หน้าตาเจ้าตัวดูไปแล้วขาวและเท่ ไม่งั้นแต่งตัวแบบนี้อาจโดนคนค่อนแคะเอาได้

ทว่านี่กลับไม่ใช่จุดสำคัญ

จุดสำคัญอยู่ที่ว่า เจ้าหนูนี่คือ Bey ที่เมื่อกี้เล่นได้โหดจนสุดยอดมาก?

มองไม่ออกเลย! แถมอายุยังน้อยไปหน่อยอีก?

ตอนที่ทุกคนมองมั่วเป่ย ต่างต้องก้มหน้ามอง

ปกติแล้วพวกฝาแฝดชายหญิงที่เกิดจากไข่ใบเดียวกันมักจะไม่ค่อยสมบูรณ์เหมือนคนอื่น ตอนเด็กจะตัวเล็กมาก แถมขนาดของเสื้อผ้าที่สวม ยังทำให้คนสงสัยว่าเจ้าหนูนี่ไปยืมใครมา ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูอายุน้อยกว่าเดิม

ทุกคนต่างมีสีหน้าเหลือเชื่อ ไม่อาจเชื่อมโยงตัวนักฆ่าคนเก่งในเกมเมื่อครู่เข้ากับเด็กคนนี้ได้เลย

ป๋อจิ่วกลับแย้มยิ้ม กวักมือเรียกให้มาหา

มั่วเป่ยกำลังจะเดินไป เงยใบหน้าเล็กๆ ที่ไร้อารมณ์ขึ้น “ถ้าแข่ง 2 ต่อ 4 ต้องเปลี่ยนไปใช้คีย์บอร์ดที่ฉันเอามาเอง”

“ถนัดแบบ Red Switch เหรอ? ได้สิ” ป๋อจิ่วดึงคีย์บอร์ดนั่นออกมาจากเป้ ก่อนจะก้มลงเลือกคอมพิวเตอร์ แล้วเอาคีย์บอร์ดของอีกฝ่ายมาเปลี่ยนด้วยความเร็วสูง จนทำเอาคนอื่นคิดว่าเธอเป็นมืออาชีพ

สำหรับป๋อจิ่วแล้ว การเปลี่ยนคีย์บอร์ดเป็นเรื่องง่ายเหลือเกิน หลังจากปรับเปลี่ยนเรียบร้อย เธอก็กดปุ่มเปิดเครื่องแล้วพิงตัวตรงนั้น ยิ้มมุมปาก “เมื่อกี้ใครที่พูดว่าจะแข่ง มาเถอะ”

เด็กใหม่คนนั้นมองอยู่ด้านข้าง ไม่รู้ทำไมถึงอยากถอนตัว เขามั่นใจว่าในบรรดาคนที่อายุเท่ากัน เขาถือว่าเก่งมาก แต่ไม่คิดว่าคนที่เอาชนะเขาได้เมื่อครู่นี้จะเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง

ตอนนี้สองคนนั้นร่วมมือกันแล้ว แต่หากเขาเอาชนะได้ ก็จะป่าวประกาศว่าเขาเอาชนะแบล็กพีช Z ได้

ความคิดนี้ดึงดูดใจเขามาก

เด็กใหม่คนนั้นจึงพูดขึ้นเลย “ฉันเอง”

“นั่งสิ” ป๋อจิ่วหันไป เส้นผมสีเงินสะบัดตามการเคลื่อนไหว

เขานั่งลง และเรียกเพื่อนอีกสามคนที่ชอบเล่นด้วยกันบ่อยๆ ซึ่งเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ด้วยมาเข้าทีม

เมื่อต้องลงแข่งกับแบล็กพีช พวกเด็กใหม่ที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ต่างตื่นเต้นระคนกังวลว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ ต่างคนต่างมองหน้ากัน สีหน้าเคร่งเครียดอย่างไม่ต้องสงสัย

“จะไปกลัวอะไร พวกเราฝีมือดีจะตาย แต่ที่ยังไม่ได้เล่นลีกส์อาชีพก็เพราะยังไม่เคยเข้าทีม ยิ่งตอนนี้แข่งกันแบบ 4 ต่อ 2 ก็ไม่แน่ว่าฝ่ายไหนจะชนะกันแน่” ความคิดเขาดีเยี่ยม “ยิ่งสองคนนั้นเล่นเป็นนักฆ่า เป็นตัวที่ซ้ำกันเอง โซนป่าก็มีทรัพยากรเยอะ ถ้าพวกเขากล้ามาโซนป่าของเราจริงๆ พวกเรารุมฆ่าให้เขากลับไปไม่ได้ก็จบ”

ตอนเขาคนนั้นพูด เขาลืมไปว่าแบล็กพีช Z เป็นผู้เล่นแบบรวมทุกความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งอะไรก็เล่นได้หมด ดังนั้นเธอจึงเลือกเล่นเป็นตัวแทงค์กึ่งสนับสนุน ส่งผลให้ผู้ชายคนนั้นตะลึงงัน

อะไรกัน?

ไม่เพียงเท่านั้น เลือกเป็นตัวแทงค์กึ่งสนับสนุนยังพอว่า แต่ดันเลือกสกิลฆ่ามอนสเตอร์ด้วย

ดังนั้นฝั่งแบล็กพีชจึงมีตัวฆ่ามอนสเตอร์ถึงสองตัว?

ในระหว่างที่ทุกคนอึ้ง ต่างก็มองป๋อจิ่วและ ‘เด็กชาย’ คนนั้น

ท่ามกลางสนามแข่งคัดเลือก ผู้เข้ารอบ 20 คนแรกต่างยืดคอดู กระทั่งหลินเฟิงยังตื่นเต้น “หัวหน้า นอกจากหัวหน้าแล้ว ก็มีเด็กนี่แหละที่เจ้าแบล็กยอมเป็นตัวสนับสนุนให้ ใช่ปะ?”

ฉินมั่วตอบเสียงเฉยชา ฟังดูแล้วเหมือนคุณชายสูงศักดิ์แสนยโส “รู้แล้วยังมาถามอีก หลินเฟิง นายคิดว่าตอนนี้ฉันจะรู้สึกยังไง?”

……………………………………

อย่าสนเลขตอนคะเนื้อหาต่อเนื่องกัน ไม่รู้ทำไมตอนถึงย้อนกลับ

1768 vs 1769
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1768

เทพฉินหึงเด็ก

ป๋อจิ่วกดมุมปากยิ้มกว้างขึ้น “เหมือนกันเป๊ะเลย”

“เหมือนกับอะไรเหรอ” คนตัวเล็กไม่เข้าใจ

ป๋อจิ่วดื่มน้ำ พิงอยู่แถวนั้นอย่างสบายอารมณ์ “แฟนพี่ตอนเด็กๆ ก็เหมือนเธอนี่แหละ หน้านิ่งมาก แต่ก็น่ารักเหมือนกัน”

คนตัวเล็กขยับตัว สะพายเป้ไว้ “ฉันเป็นเด็กผู้หญิง”

“หือ?” ป๋อจิ่วหลุบตามองเส้นผมสั้นของเด็กตัวเล็ก “ดูไม่ออกเลยนะนี่”

คนตัวเล็กสังเกตเห็นสายตาเธอ จึงลูบๆ ศีรษะตัวเอง “ตัดผมให้เหมือนพี่ชาย จะได้ช่วยกันทำงานได้”

“มีพี่ชายด้วยเหรอ?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

คนตัวเล็กตอบเพียงว่า “อื้อ”

ป๋อจิ่วชอบเด็ก คงเพราะได้รับอิทธิพลจากท่านเทพในวัยเด็ก ทำให้สนใจเด็กตรงหน้ามากขึ้น “ชื่ออะไร? แล้วอายุเท่าไรแล้ว?”

“มั่วเป่ย อายุ 13 ปี ครึ่ง” เด็กน้อยตอบคำถามด้วยสีหน้าดังเดิม

ป๋อจิ่วเย้าแหย่อีกฝ่ายกำลังสนุก จิ้มนิ้วที่แก้มเจ้าหล่อน เอ่ยลากเสียงยาวว่า “ทีมไดมอนด์ไม่รับเด็กนะ”

ไม่ผิดคาด คนตัวเล็กย่นหัวคิ้ว “งั้นเป็นเด็กฝึกก่อนได้ไหม?”

“ได้สิ” ป๋อจิ่วขยี้ศีรษะอีกฝ่ายอย่างอดทนไม่ไหว

แต่เด็กน้อยยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงเย็นๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “ยังซื้อน้ำไม่เสร็จอีกเหรอ?”

ป๋อจิ่วหยุดมือ หันไปมอง จึงได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่พอจะทำให้เด็กใหม่ทุกคนยอมทำตามคำสั่ง “ใกล้เสร็จแล้ว พอดีเจอเด็กน่ารักเข้า”

ฉินมั่วมองตามมือเธอ เห็น ‘เด็กชาย’ ที่ก้มหน้างุด กำลังถูกใครบางคนลูบผมอยู่ ใบหน้านั้นไร้อารมณ์ก็จริง ทว่าแม้คนอื่นจะมองไม่ออก แต่ฐานะโปรไฟลเลอร์อย่างเขาย่อมดูออกว่า ‘เด็กชาย’ มีสภาพจิตใจที่ไม่สงบ ไม่อย่างนั้นคงไม่กำมือแน่น กระทั่งแววตายังตึงเครียดเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง

ยัยป๋อเสียวจิ่วชอบเด็กน้อยหน้าตาดีมาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่มีแรงต้านทานอะไรเลย

ฉินมั่วยื่นมือดึงเธอมา เอ่ยเสียงเรียบว่า “อย่าไปลูบคนอื่น มันจะเหมือนเจ้โรคจิต”

เจ้โรคจิต? ป๋อจิ่วโดนโจมตีด้วยคำเรียกดังกล่าว เธอหล่อจะตาย เหมือนเจ้โรคจิตตรงไหน?

“เอาละ ซื้อน้ำเสร็จก็กลับได้แล้ว” ฉินมั่วจูงเธอ ก้าวขาเดินไป

ป๋อจิ่วหันกลับไปมอง ไม่ลืมส่งยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ “เดี๋ยวเจอกันนะ”

ฉินมั่วสังเกตเห็นคีย์บอรด์ปุ่มแดงของ ‘เด็กชาย’ คนนั้น พอจะเดาออกว่ามาร่วมการคัดเลือกสมาชิกแน่ จึงไม่พูดอะไรมาก ทว่าเสียงของป๋อจิ่วยังคงดังอยู่ “เด็กคนนั้นน่าหยิกแก้มจัง”

ฉินมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย หันไปมองด้านหลัง เห็น ‘เด็กชาย’ คนนั้นกำลังจับแก้มตัวเองเหมือนถนอมอะไรบางอย่าง

ทำให้เทพฉินแววตาเคร่งเครียดกว่าเดิม “อายุเท่าไร?”

“หือ?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

“เขาอายุเท่าไร?” ฉินมั่วถามอย่างไม่ร้อนใจ

เรียวปากบางของป๋อจิ่วแย้มยิ้ม “13 ปีครึ่ง เด็กมาก ไม่ถึงอายุขั้นต่ำที่ทีมเรากำหนดด้วยซ้ำ ก็ถูกเรียกตัวมาทดสอบภายในแล้ว ท่าทางไม่เลวเลย”

ฉินมั่วไม่พูดอะไรอีก ได้แต่มอง ‘เด็กชาย’ คนนั้นเป็นเชิงตักเตือน

มั่วเป่ยน้อยสะพายเป้ยืนนิ่งหลังจากสัมผัสได้ถึงสายตาของเทพฉิน หน้าเย็นชายังเหมือนเดิม กำลังเสียดายที่ความรู้สึกตอนถูกไอดอลลูบศีรษะเมื่อครู่หายไปแล้ว…

………………………………

ตอนที่ 1769

หึง

โดยปกติแล้วการคัดเลือกสมาชิกภายในของทีมไดมอนด์จะไม่เป็นที่เปิดเผย

ตอนแบล็กพีชเข้ามารับการทดสอบในปีนั้นก็เช่นกัน แต่ปีนี้กระแสของทีมไดมอนด์ต่างออกไป ด้วยเป็นแชมป์ประเทศและเอเชีย ทำให้ทีมนี้แทบจะกลายเป็นทีมที่เด็กวัยรุ่นผู้รักอีสปอร์ตอยากเข้ามาก

มาก…เสียยิ่งกว่าทีมเซียงหนานเสียอีก

หลายคนบอกว่าเวลาของการเป็นดาราอีสปอร์ตใกล้จะมาถึงแล้ว ชื่อของฉินมั่วและแบล็กพีช Z กลายเป็นคำที่ถูกเสิร์จหาบ่อยมา เหล่านักข่าวก็มารวมตัวกันที่ใต้ตึกฉินกรุ๊ปเพื่อรอคอยว่าใครจะได้เข้ารอบ

ด้วยเหตุที่มีคนสมัครมาเยอะ จึงแบ่งการทดสอบออกเป็นสามกลุ่ม

ทุกคนจะเห็นฉินมั่วและป๋อจิ่วซึ่งนั่งด้านหน้าในทันทีที่ก้าวเข้ามา ทั้งสองต่างมีออร่าเจิดจรัส ทุกคนคิดกันว่าหากพวกเขาต้องเจอคู่แข่งแบบนี้ในโซนป่า คงไม่กล้าสู้ด้วยแน่

ทว่าก็ยังมีคนใจกล้าแบบเด็กน้อยเพิ่งเกิดย่อมไม่กลัวเสือ อย่างเช่นมีเด็กใหม่บางคนที่เข้ามาก็ประกาศเลยว่าจะมาแทนที่แบล็กพีชให้ได้

ในสายตาของเขา กับอีแค่ ‘โซนป่าของคู่แข่งก็คือบ้านเรา’ เป็นเรื่องที่เขาทำได้ง่ายๆ

คนที่ได้ยินต่างอยากเห็นสีหน้าของแบล็กพีชว่าเป็นอย่างไรเมื่อได้ยินคำประกาศนั้น จึงจ้องกันใหญ่ แต่ใครจะคิดว่าเธอกลับอมอมยิ้ม ทำเหมือนไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่ามองอะไรอยู่ ถึงได้เพ่งยังจุดจุดหนึ่ง

เด็กใหม่คนนั้นรู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูกจึงเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ “รอเดี๋ยวเถอะ ฉันจะให้เธอดูฝีมือที่แท้จริงของฉัน แบล็กพีช Z”

หลินเฟิงฟังอยู่ด้านข้าง อดแชร์ในกรุ๊ปวีแชทไม่ได้ “มีเด็กใหม่จะท้าเจ้าแบล็กว่ะ”

“เด็กใหม่อะ ยังเด็ก ไม่เคยโดนหลอก จะคิดแบบนี้ก็ไม่แปลก” อ้วนหล่ออันดับหนึ่งโลกถอนหายใจ “แล้วเจ้าแบล็กว่าไง จะเล่นงานนายให้เรียกปะป๊าหรือเปล่า”

หลินเฟิงส่งอิโมจิรูปส่ายนิ้วให้ “ไม่ได้พูด ท่าทางเหมือนใจลอย คงคิดว่าเดี๋ยวจะกินอะไรดี เพราะกินอมยิ้มในกระเป๋าหัวหน้าหมดแล้ว”

โคโค่ “แล้วนายไปนั่งเป็นก้างทำไมอะ”

หลินเฟิง “พูดอะไรแทงใจปานนั้น”

อ้วนหล่ออันดับหนึ่งของโลก “ง่ายจะตาย อวิ๋นหู่ก็ไปด้วยกันสิ”

หลินเฟิงกดปิดมือถือ ก่อนจะกดให้สว่าง “คุยกันให้เป็นปกติหน่อยซิ”

“ได้ยินว่าเด็กใหม่คนนั้นเล่นได้ไม่เลวนี่” มีคนพูดแทรกเข้ามา

อ้วนหล่ออันดับหนึ่งของโลก “คุ้นชื่อไอดีจัง เมื่อก่อนเคยมาเซียงหนานนี่นา”

“มาทั้งสองทีม?” หลินเฟิงเลิกคิ้ว

อ้วนหล่ออันดับหนึ่งของโลก “ไม่ คนเขาดูถูกทีมพวกเรา บอกว่าจะไปทีมแชมป์เปี้ยน”

หลินเฟิง “รู้สึกว่าตัวเองโง่บริสุทธิ์เลย ตอนเด็กๆ ฉันยังไม่เคยคิดแบบนี้เลยว่ะ เดี๋ยว เหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น”

“อะไร? เกิดอะไรเหรอ?” จ้าวซานพั่งอยากรู้จนติดต่อไปเป็นการส่วนตัว “เฮ้ย หลินเฟิงพูดครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ทำไมวะ”

“เจ้าแบล็กสู้กับเด็กใหม่เหรอ?”

“บอกน้องมันว่าอย่าใจอ่อนนะเว้ย เด็กแบบนี้ต้องเล่นให้หนักๆ”

“หลินเฟิง?”

“หลินฝ่ายรับ”

“ฝ่ายรับของอวิ๋นหู่?”

หลินเฟิง “เฮ้ย พูดอะไรวะ ฉันเป็นคนเลี้ยงเขาเว้ย เข้าใจ๊?”

จ้าวซานพั่งหัวเราะ กะจะเย้ยเน้นๆ แต่กลับได้ยินเสียงจากทางโน้นดังมา “ฮ่าๆๆ เจ้านั่นโดนเด็กฆ่าว่ะ”

จ้าวซานพั่ง “เด็ก?”

หลินเฟิงไม่ตอบอีก เพราะกำลังมองหน้าจออย่างเมามัน หันไปถามป๋อจิ่วว่า “เมื่อกี้นายมองเด็กคนนั้นเหรอ”

แต่กลับได้เห็นสายตาของหัวหน้าแทนเย็นเยือกขึ้นด้วย เจ้าแบล็กนายมันแน่มาก

…………………………………

อย่าสนเลขตอนคะเนื้อหาต่อเนื่องกัน ไม่รู้ทำไมตอนถึงย้อนกลับ

1766 vs 1767
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1766

วันรับเด็กใหม่ แจกอาหารหมา

วันนี้ที่ทีมต้องมีกิจกรรมแน่ๆ ป๋อจิ่วไม่ได้สวมชุดนักเรียน แต่เป็นชุดทีมสสีดำล้วน ดูเด่นกว่าทุกคนเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางเด็กมัธยมปลาย

ป๋อจิ่วในเวลานี้ไม่เหมือนกับตอนที่เธอเพิ่งเข้ามาใหม่ๆ อีกต่อไป

ไม่เพียงแต่จะได้ตำแหน่งเดือนโรงเรียน ลักษณะคล้ายดารา แต่ลึกลับกว่าดาราเสียอีก

ในฐานะนักกีฬาอีสปอร์ตที่ได้แชมป์มา เธอจึงไม่ค่อยมาโรงเรียน แถมยังใกล้จะเรียบจบ จึงไม่ได้มีคาบเรียนที่เคร่งครัด นักเรียนบางคนที่มีความสามารถโดดเด่นเป็นพิเศษจะออกจากโรงเรียนก่อนเวลา เพราะค่อนข้างอิสระกว่า

เมื่อได้เห็นป๋อจิ่วในครั้งนี้ พอจะนึกออกได้ว่านักเรียนทั้งโรงเรียนเป็นอย่างไร

กลุ่มคนต่างมารุมล้อมมุงดู แถมยังมีเสียงร้อง “อ๊ายๆๆ”

บางก็อดถามไม่ได้ว่า “เทพ Z ทำไมถึงใส่ชุดทีมล่ะ”

ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้คำตอบ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหยุด เอ่ยเพียงว่า “ทีมไดมอนด์กำลังรับสมัครสมาชิกใหม่ ถ้าแต่งตัวไม่เรียบร้อยจะโดนลงโทษ”

รับสมาชิกใหม่?

คำนี้ทำให้นักเรียนทั้งโรงเรียนต่างสงสัยใคร่รู้

กระทั่งแพลตฟอร์มอีสปอร์ตบางแห่งยังกระตือรือร้นด้วย ทีมไดมอนด์จะรับสมาชิกใหม่งั้นเหรอ?

ใครๆ ต่างก็รู้ว่าการรับสมาชิกใหม่ในครั้งที่แล้วก็ได้แบล็กพีช Z เข้ามา การแข่งคัดเลือกครั้งนั้นยังสดใหม่อยู่เสมอ

ราชันโซน C โดดเด่นในสายตาผู้คนเป็นครั้งแรก ทั้งยังลากตัวทิศอุดรแห่งอินซานและเฟิงซ่างผู้เล่นที่รวยจนเลื่องชื่อมาร่วมทีมได้อีก

การรับสมาชิกใหม่ในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้บรรยากาศเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วหรือไม่

พอจะนึกภาพออกว่า เวลาผ่านมาถึงหนึ่งปีแล้วที่พวกเขาได้เห็นแบล็กพีช Z เป็นครั้งแรก

เวลาหนึ่งปีช่างเร็วเหลือเกิน มิน่าล่ะเทพลั่วถึงจะลาออกจากวงการ ข่าวที่แพร่สะพัดกันในสองวันนี้ทำให้เหล่าเกมเมอร์ต่างไม่สบายใจ

เทพลั่วเริ่มจะลาออก แล้วจ้าวซานพั่ง เทพเซียว เทพฉินล่ะ?

พวกเขาล้วนแต่เป็นนักกีฬาลีกส์อาชีพรุ่นเดียวกัน คลิปของพวกเขาในปีนั้นยังคงถูกฉายในโลกออนไลน์จนถึงเวลานี้

ไม่ว่าจะเป็นการเดินตำแหน่งหรือเซนส์ของเกม สามคนนั้นเจ๋งมาก ไม่ว่าจะเข้าล้อมใครก็ทำได้หมด แต่ปีนั้นพวกเขาดันมาเจอเทพฉิน

คลิปนั้นกลายเป็นคลิปที่ทุกคนต่างชื่นชมอย่างไม่ต้องสงสัย

ต่อให้แพ้ก็ยังรู้สึกว่าโอกาสทองของทีมเซียงหนานมาถึงแล้วแล้ว

จากนั้นก็เป็นการพิสูจน์คำพูดดังกล่าว ฉินมั่วบาดเจ็บที่มือ ไม่มีใครในประเทศอีกที่จะขวางสามเทพแห่งทีมเซียงหนานไว้ได้ ลั่วลั่วลองเล่นมาหมดตั้งแต่ตัวนักเวทจนถึงตัวสกิล ADC

ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงต่างจำได้แม่น

นี่ถือเป็นเกียรติยศของพวกเขา สลักไว้ในช่วงเวลาแรกรุ่น ยังมีอีกหลายคนยังจำวันเวลาที่พวกเขาฝ่าฟันกันมาได้

ยากที่จะทำให้อารมณ์สงบลง

แฟนคลับของแต่ละบ้านก็เช่นกัน เพราะต่างมีลางสังหรณว่าพวกท่านเทพที่พวกเขาชอบเริ่มถอนตัวจากวงการกันแล้ว

แม้ผลลัพธ์เช่นนี้ยากที่จะรับได้ แต่พวกเขาต่างเข้าใจดีว่าบางเรื่องก็ฝืนกันไม่ได้

ในเวลานี้เอง ก็มีข่าวหนึ่งมา

ทีมไดมอนด์กำลังรับสมาชิกใหม่

ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นคือ คนที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการคัดเลือกหลักไม่ใช่เทพฉิน แต่เป็นแบล็กพีช Z

มีนักข่าวถามว่า “เทพฉิน ทำไมครั้งนี้ไม่เป็นกรรมการตัดสินเองล่ะคะ หรือเตรียมการอย่างอื่นไว้แล้ว”

เมื่อถูกถามเช่นนี้ เหล่าแฟนคลับต่างนึกถึงเรื่องลาออกจากวงการ จึงพากันไม่สบายใจขึ้นมา ทว่ากลับเห็นฉินมั่วเบือนหน้าหล่อๆ มาอย่างไม่ร้อนใจ “เปล่า ผมกลายเป็นผู้ช่วยให้ภรรยา มีอะไรผิดปกติเหรอครับ?”

นักข่าวพูดไม่ออก ส่วนเหล่าแฟนคลับรับมุกทันที “ใช่ๆๆ ท่าเทพฉินสาดอาหารหมาถูกต้องที่สุด!

………………………………………..

ตอนที่ 1767

ป๋อจิ่วล้อลูกศิษย์ตัวน้อย

“ฮ่าๆๆๆ ตลกแทบตาย ขอทราบหน่อยว่าตอนนี้นักข่าวมีสภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง”

“พูดตรงๆ นะ ไม่ควรถามคำถามอะไรกับเทพฉินเลย เพราะเขาหาเรื่องอวดได้หมดละ”

“ดูเหมือนเทพฉินจะรู้สึกไม่ปลอดภัย ใครใช้ให้มีแฟนเท่ล่ะ”

“ช่วงนี้กินอาหารหมาเยอะเลย แต่ไม่ถือสาที่จะกิน”

“อ๊ากๆๆ! เล่นเอาฉันอยากเห็นการแข่งรับสมาชิกใหม่เลย ไม่รู้ว่าจะมีคนที่ทำให้เราเซอร์ไพร์สมาอีกหรือเปล่า”

หลังจากกระแสร้อนแรงของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ข่าวทีมไดมอนด์รับสมาชิกใหม่กลายเป็นประเด็นร้อนที่ไม่มีใครมองข้าม

ทุกปีทีมไดมอนด์จะเปิดรับสมาชิกใหม่ ป๋อจิ่วจำได้ว่าการรับสมาชิกภายในรอบที่แล้ว เธอได้เจอกับเฟิงซ่าง แต่เธอไม่ผ่านเลยด้วยซ้ำ เพราะยังวัยรุ่นจึงใจร้อนอยู่มาก

อือ ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนไป…

สำหรับป๋อจิ่วแล้ว การเป็นกรรมการหลักก็คือให้เธอนั่งนิ่งๆ โดยไม่ลุกไปไหน เมื่อนั่งได้ 15 นาที เธอก็เริ่มขี้เกียจ จึงหันไปหาฉินมั่ว “พี่มั่ว ฉันไปซื้อน้ำสักขวดนะ”

“นี่แค่กลุ่มแรกเอง” ฉินมั่วพูดเสียงเรียบ “แค่กลุ่มแรกเธอก็นั่งไม่ไหวแล้ว ไปเถอะ ซื้อเสร็จแล้วรีบกลับมานะ อย่าเถลไถลไปที่ไหน”

“ไม่มีปัญหา” ป๋อจิ่วยืนขึ้น ซุกมือทั้งสองในกระเป๋ากางเกง ยิ้มเหมือนจะออกไปเดินเล่น

ฉินมั่วมองดูหน้าจอทั้งหลายที่อยู่ตรงหน้า หน้าจอเหล่านั้นฉายคลิปที่แต่ละคนส่งมาทางอีเมล

กฎมีอยู่ว่าต้องเป็นคลิปการแข่งจัดอันดับเดี่ยวในเกมระดับสูง ต้องแข่งกับผู้เล่นที่ทางระบบเกมรันให้ และต้องเล่นตำแหน่งตัวสำรอง[1]

อีกอย่างการรับสมาชิกใหม่ในปีนี้ ทีมไดมอนด์ให้ความสำคัญกับความเชี่ยวชาญในตัวละครเกมเลเจนด์มาก

เห็นได้ชัดว่าต้องการรับคนที่เล่นได้ทุกบทบาท

ทว่าป๋อจิ่วดูแค่ครึ่งเดียวก็ออกไปแล้ว พอจะเห็นว่าไม่มีอะไรที่ดึงดูดความสนใจของเธอได้เลย

ท่านเทพให้เธอเป็นกรรมการหลัก คงเพราะจะได้เห็นเธอในสายตา ป๋อจิ่วสะบัดผมตัวเอง เดินไปยังตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ จากนั้นหยอดเหรียญ ยังไม่ได้กดปุ่ม เสียงของไถลลงมาก็ดังขึ้น

มีอะไรบางอย่างส่งเสียงตรงเท้าตัวเอง

เวลานั้นเธอถึงเห็นคนคนหนึ่ง ตัวไม่โตแต่ก็ไม่เล็ก กำลังก้มลงหยิบขวดน้ำแร่ สะพายเป้สีเดียวกันกับชุดเอาไว้ สังเกตเห็นได้ยากมาก

ทั้งสองประสานสายตากัน ป๋อจิ่วเห็นใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือที่ดูหยิ่งนิดๆ

เมื่อคนตัวเล็กเห็นเธอเข้าก็ตะลึงโดยพลัน

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว หันมามอง แววตาเข้มขึ้นเล็กน้อย เอ่ยน้ำเสียงหยอกล้อเหมือนคุณอา “หน้าตาคุ้นจัง? คีย์บอร์ดปุ่มแดงที่อยู่ในเป้โผล่ออกมาแล้วน่ะ”

เด็กคนนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร ตอบรับสั้นๆ แล้วเริ่มจัดกระเป๋าตัวเอง แต่ก็เหมือนคิดอะไรออก จึงยื่นขวดน้ำให้

และด้วยกิริยาที่ว่า ทำให้แววตาป๋อจิ่วเปล่งประกาย จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ถึงว่าทำไมถึงคุ้นตา ที่แท้ก็น้องนี่เองที่ให้ตั๋วพี่เมื่อวันแข่งระดับเอเชีย”

“เทพ Z” น้ำเสียงของเด็กน้อยออกจะเย็นชา แต่หูกลับแดง

ป๋อจิ่วรู้สึกสนุก รับขวดน้ำมาก็เอ่ยขอบคุณ จากนั้นเริ่มสำรวจอีกฝ่าย “แบกคีย์บอร์ดมาเหนื่อยไหม?”

เด็กตัวเล็กหยิบขวดน้ำ ตอบว่า “ชินแล้ว”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว ยื่นนิ้วจิ้มใบหน้าเด็กน้อย อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าดังเดิม มองป๋อจิ่วด้วยอารมณ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง และใบหูยังคงแดงเหมือนเดิม

…………………………………………

[1] ตัวสำรอง ในที่นี้หมายถึงตัวที่ระบบเกมเลือกมาให้ ในกรณีที่ตัวละครซึ่งเก็บสะสมไว้ถูกเพื่อนร่วมทีมเลือกไปแล้ว หรือว่าอาจโดนห้ามใช้งาน

อย่าสนเลขตอนคะเนื้อหาต่อเนื่องกัน ไม่รู้ทำไมตอนถึงย้อนกลับ

1764 vs 1765
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1764

ผู้หญิงอย่างลั่วลั่ว

บริษัทในวงการบันเทิงที่ติดต่อเข้ามาล้วนแต่สะเทือนไปกับคำพูดของฉินมั่วจนไม่กล้าติดต่อมาอีก

แค่ฉินกรุ๊ปยื่นมือเข้ามาก็ล้มพวกเขาได้ง่ายๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือทรัพยากรด้านอื่น ฉินกรุ๊ปเป็นตัวท็อปในวงการเลยทีเดียว

อีกอย่าง…ว่าที่สามี แค่กๆๆๆๆ!

แค่คิดดูก็รู้ว่าท่านประธานคนเก่งของบริษัทเหล่านั้นต่างอยู่ในสถาการณ์พูดไม่ออก

ทั้งนี้ผู้ช่วยคนเก่งได้แต่ยิ้มอยู่ด้านข้าง พูดในใจว่า เรื่องอวดรวยไม่ใช่ประเด็นของคุณชาย แต่เป็นเรื่องการขอแต่งงานต่างหาก

ท่านประธานฉินอยากให้คนทั้งวงการธุรกิจรู้ว่าตอนนี้เขามีเจ้าของแล้ว…

ท่านประธานหลี่ที่เคยถูกฉินมั่วถามถึงวิธีดูแลน้องชาย ไม่เคยได้รับการสอบถามอีกเลย ทว่าบางคนกลับแน่วแน่มาก อยากจะติดต่อป๋อจิ่วเป็นการส่วนตัว

แต่ท้ายที่สุดก็รู้ว่าตัวเองทั้งโง่เขลาและใสซื่อเหลือเกิน คนบางคนใช่ว่านักข่าวอยากติดต่อก็จะติดต่อได้ เขตทหารไม่ใช่สถานที่ที่ใครๆ จะเข้าได้ตามใจชอบ

ทั้งนี้พวกท่านๆ ที่เกษียณไปแล้วมักจะเห็นเจ้าหนุ่มฉินพาเด็กน้อยของตัวเองไปเดินเล่นบ่อยๆ มีบางครั้งก็ให้เด็กตัวเองมาช่วยย้ายกระถางต้นไม้ แล้วถามว่า “ทำการบ้านหรือยัง?”

ในฐานะที่ได้รับการเอาใจจนเคยชิน ป๋อจิ่วถูกถามแบบนี้ทีไรเป็นต้องตัวแข็งทื่อทุกที “อันที่จริงเราคุยเรื่องอื่นก็ได้นะ” หลังจากที่ไปโรงเรียน ป๋อจิ่วก็ไม่ได้นอนอีกเลย เธอหยิบหนังสือมาทบทวน จะปล่อยให้ตัวเองตอบคำถามของท่านเทพว่า ‘วันนี้เรียนอะไร’ ไม่ได้ทุกครั้งที่กลับบ้านได้อย่างไร

เจ้าหัวเกรียนจากเจียงเฉิง 2 มาหาเธออีกแล้ว บอกประมาณว่า ‘ฉันจะตั้งใจเรียนสักที’

ป๋อจิ่วถึงกับช็อก มองดูอีกฝ่าย “เรียนหนังสือ? นายเนี่ยนะ?”

หัวเกรียนทำหน้าสื่อว่า ทีนายยังตั้งใจเรียนเพื่อคนรักได้ แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้ “งั้นใครเขาอยากเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ เลยให้ฉันตั้งใจเรียนหน่อย”

ป๋อจิ่วทำเสียงในลำคอ “ใครเหรอ?”

“นายก็รู้” หัวเกรียนเขินอายทันใด

ป๋อจิ่วเคาะนิ้ว “นายอยากให้ฉันติวให้?”

“ก็งั้นสิ” หัวเกรียนหันไปมองด้านหลัง “ตอนแรกฉันอยากให้พวกเขาติวฉัน”

ป๋อจิ่วมองตามไป ก็เห็นพวกเด็กเกรียนที่ไม่รู้เรื่องกระทั่งภาษาอังกฤษระดับมอต้นกำลังยืนคลำหน้าเกาคอ “งั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรก้าวหน้าหรอก”

“บอกคำตอบฉันผิดหมดเลยอีกต่างหาก” เจ้าหัวเกรียนโมโห

ป๋อจิ่ว…นายต้องการติวหรือต้องการคำตอบกันแน่เนี่ย

“คนเก่ง นายต้องช่วยฉันนะ” เด็กหัวเกรียนคลำท้ายทอยตัวเอง “ฉันจะสอบได้คะแนนแย่ไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่เห็นอะไร แม่บอกว่าถ้าเข้าสังคมทำงานก็จะมีแต่คนดูประวัติการศึกษา”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “ผิดแล้ว เข้าสังคมทำงานก็จะมีแต่คนดูว่าพ่อนายเป็นใครต่างหาก”

เด็กหัวเกรียนทำหน้าขึงขัง “รอจนฉันทำอะไรไม่สำเร็จก่อน ค่อยกลับไปรับมรดกที่บ้าน”

ป๋อจิ่วซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป๋ากางเกงเหมือนกำลังคิดอะไร ก้มตัวลงเล็กน้อย “ประวัติการศึกษาสำคัญมากเหรอ?”

“ก็พวกเพื่อนๆ เขาอะคิดว่าฉันไม่เก่งอะไร ฉันไม่แคร์แววตาพวกนั้นหรอก” เด็กหัวเกรียนเอียงคอ “แต่ไม่อยากให้เขาอาย”

แววตาของป๋อจิ่วเรียบนิ่ง “แล้วถ้าผู้หญิงมีการศึกษาไม่สูงล่ะ?”

“พอเข้าสังคมทำงานก็คงมีคนว่า” เด็กหัวเกรียนคิดหนัก “ฉันไม่สนใจหรอก แต่บางคนเรียนสูง เวลาคุยด้วยก็เหนื่อย นายรู้ไหมว่าพวกนั้นจะคุยอะไรกับนาย พวกเขาจะพูดถึงเรื่องความเป็นไปของมนุษย์ แถมถามฉันว่ามนุษย์เกิดมาได้ยังไง พอเห็นว่านายไม่เข้าใจก็หาว่าไม่มีความรู้ เฮ้อ เจ็บปวดจัง”

ป๋อจิ่วได้ยินถึงตรงนี้ก็หันไปมอง “ถ้าเป็นผู้หญิงอย่างลั่วลั่วล่ะ?”

……………………………..

ตอนที่ 1765

ขอร้องล่ะ อย่าหล่ออย่างนี้

“แม่เจ้า แค่ได้คุยเรื่องเกมกับนางฟ้า ฉันก็ดีใจแล้ว” เด็กหัวเกรียนเบิกตาโต “ยังต้องคุยเรื่องอื่นอีกเหรอ?”

ป๋อจิ่วเอ่ยช้าๆ ว่า “คนที่มีแฟนแล้วเรียกผู้หญิงอื่นว่านางฟ้า เหมาะสมไหม?”

“แฟนฉันก็เป็นแฟนคลับของลั่วลั่ว ฉันก็เลยเป็นแฟนคลับตามเขาไง” เด็กหัวเกรียนมีสีหน้าจริงจัง

ป๋อจิ่วส่งเสียงรับรู้ “งั้นนายคิดว่าไง เรื่องที่เขาจะออกจากวงการ?”

“หวังว่าจะไม่เร็วขนาดนั้น” เด็กหัวเกรียนจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ป๋อจิ่วเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่รู้ว่าคิดอะไร ส่วนเด็กหัวเกรียนมองดูอยู่ด้านช้าง รู้สึกว่าผู้หญิงอะไรวะ ทำไมถึงหล่อเท่อย่างนี้ ช่างไม่เป็นธรรมเลย

ที่สำคัญคือ เขากลับทำเหมือนเธอเป็นผู้ชายไปโดยปริยายแล้ว คิดแล้วก็รู้สึกแย่ จึงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ใช่แล้ว ขอร้องสักอย่างเถอะ คนเก่ง ต่อไปเวลานายโผล่หน้ามาก็อย่าได้หล่อขนาดนี้จะได้ไหม?”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “หือ?”

“นายโผล่หน้ามาทีไร แฟนฉันไม่ยอมมองหน้าฉันเลย เอาแต่ดูคลิปนายอยู่นั่นแหละ” เด็กหัวเกรียนถอนใจยาว “ฉันอุตส่าห์ไปตัดผมมาเพื่อเขานะเนี่ย แต่ไม่มีประโยชน์เลย”

ป๋อจิ่วสำรวจอีกฝ่ายอย่างเป็นปกติ “มิน่าล่ะ ทรงผมนายถึงได้เหมือนฉัน”

“หล่อป่ะล่ะ?” เด็กหัวเกรียนลูบศีรษะ ทำหน้าทำตาใส่ป๋อจิ่ว

เธอหัวเราะเบาๆ “กล้าพูดว่าหล่อต่อหน้าฉันเรอะ หาเรื่องดูถูกตัวเอง?”

เด็กหัวเกรียน “…”

“เอาละ มาพูดเรื่องจริงจังกัน” ป๋อจิ่วเล่นไฟแช็กในมือ “เรื่องติวอะ ไม่ต้องมาหาฉันหรอก ฉันแนะนำให้ไปหาแฟนนายไป จะได้ติวหนังสือไปพร้อมกับเพิ่มความสนิทกันด้วย”

เด็กหัวเกรียนถึงกับตาเป็นประกาย “คนเก่ง ทำไมนายคิดวิธีเจ๋งๆ ได้แบบนี้เนี่ย!”

“ไม่งั้น นายคิดว่าทำไมฉันถึงได้ให้ท่านเทพติวให้ล่ะ” ป๋อจิ่วยิ้ม “ไล่จีบสาวสวยทั้งที ถ้าไม่มีแผนการดีๆ จะจีบยังไง”

เด็กหัวเกรียนสะอึก “คนเก่ง นายเรียกเทพฉินแบบนี้ เขารู้หรือเปล่า?”

“จะไปสนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำไม” ป๋อจิ่วพลิกไฟแช็กในมือเล่น ท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจ

เด็กหัวเกรียนมองออกว่าเธออยากสูบบุหรี่ จึงส่งให้มวนหนึ่ง ทว่าป๋อจิ่วกลับกวาดตามองเขาและงับอมยิ้ม “ไม่เอา”

“เฮ้ย คนเก่ง ไม่โดดเรียนก็พอว่า กระทั่งบุหรี่ก็ไม่สูบแล้วเหรอ” เด็กหัวเกรียนตะลึง

ป๋อจิ่วเลยตอบอีกฝ่าย “จะแต่งสะใภ้ทั้งทีก็ต้องทำตัวให้สะอาด แค่เลิกบุหรี่จะเป็นไรไป”

เด็กหัวเกรียน…เทพฉินคงยังไม่รู้ล่ะสิว่านายคิดว่าเขาเป็นสะใภ้

แต่การมาหาคนเก่งเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าการติวหนังสือเพิ่มความสนิทชิดเชื้อได้ด้วย อย่างนี้เขาก็จะได้พาเธอคนนั้นไปที่บ้านด้วย

เด็กหัวเกรียนหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ อย่าเห็นว่าเขาเป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วเขาบริสุทธิ์จะตาย

คิดได้ครู่หนึ่ง หูก็แดง พรรคพวกเจียงเฉิง 2 เห็นเข้าถึงกับแปลกใจ “ลูกพี่เป็นอะไรไป?”

“เป็นบ้าเป็นบออะไรล่ะ กลับไปเรียน เร็ว” เด็กหัวเกรียนออกคำสั่ง

พวกนั้นเริ่มลืมตัว พอจะนึกภาพออกว่า พวกเด็กเจียงเฉิง 2 ต้องถือหนังสือภาษาอังกฤษทุกวัน ก็รู้สึกว่าสุดยอด ออกไปทะเลาะกับใครไม่เป็นแล้ว จะว่ายังไงดี พลังแห่งความรักยิ่งใหญ่จริงๆ

ทว่าฝ่ายเจียงเฉิง 1 ทุกคนที่ได้เห็นป๋อจิ่ว ต่างเอามืออุดปาก เพราะเธอหล่อล้นเหลือ!

โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวเพิ่งจะตัดผม แถมยังมีที่คาดผมสีดำด้วย เส้นผมสีเงินถูกเสยไปด้านหลัง ทำให้ใบหน้าเธอกระจ่างชัด หล่อเหลาเหนือใคร

……………………………………

อย่าสนเลขตอนคะเนื้อหาต่อเนื่องกัน ไม่รู้ทำไมตอนถึงย้อนกลับ

1762 vs 1763
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1762

จะกลับบ้านไปรังแกคนบางคน

“ครึ่งเดียว” ป๋อจิ่วยิ้มเหมือนเดิม “ในฐานะที่เป็นรองหัวหน้า ก็ต้องใส่ใจเรื่องความรักของลูกทีม ยิ่งคบกันเองได้ก็ยิ่งดี น้ำดีๆ จะได้ไม่ไหลเข้านาคนอื่นไง”

ฉินมั่วส่งเสียงตอบรับ พูดอย่างเป็นปกติ “แค่น้ำดีไม่ไหลเข้าที่นาคนอื่นคนเหรอ? เธอให้หลินเฟิงรุกเอง? แน่ใจนะว่าไม่ได้ซนอยู่?”

“ฉันเห็นเขาอารมณ์ไม่ดี เลยอยากให้เขาไปสนใจอย่างอื่นบ้าง” ป๋อจิ่วพูดจบก็ชะงัก “ลั่วลั่วลาออกกะทันหันเกินไป”

ฉินมั่นเดินหน้าไปอย่างไม่สนใจสักเท่าไร แต่เมื่อได้ยินประโยคท้ายก็หันมามอง “ไม่เร็วขนาดนั้นหรอก”

ไม่เร็วขนาดนั้นเหรอ? หมายความว่าไง?

ป๋อจิ่วยังไม่ทันได้ถาม ฉินมั่วก็เอาป๊อบคอร์นวางไว้ในมือเธอ “ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอให้ทำหน้าที่เป็นคิวปิดเรียบร้อยแล้ว เธอควรจะทำอะไรที่ฉันชอบตอนถึงบ้าน ใช่ไหม มิสซิสฉิน”

คนบางคนหากไม่เคยมีความรักย่อมไม่เข้าใจ แต่หากได้มีแฟนก็จะรู้ว่าเวลาเขาไม่มีแข่ง ชีวิตเขานอกจากนอนกับเลี้ยงแมวแล้วก็ผูกอยู่กับตัวเรา

ท่านเทพเป็นแบบนั้นอย่างไร้ข้อกังขา

ป๋อจิ่วมองฉินมั่วที่เปิดประตูรถ ใบหน้านั้นหล่อจนไม่เหมือนคนจริงๆ

เขาไม่ชอบออกนอกบ้าน เอาแต่อยู่ในบ้านชนิดคนอื่นคิดไม่ถึง แต่เวลาตัดสินใจอะไรก็ทำให้ธุรกิจของทั้งเมืองสะเทือนได้เลย

เวลาที่ชายหนุ่มประชุมผ่านวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ ก็ให้เธอนอนรอที่โซฟา มีขนมหวานวางไว้ด้านข้าง ไม่ยอมให้เธอหลุดจากสายตาของเขา แถมยังให้เจ้าหญิงจับตามองเธอด้วย

แต่ให้แมวเฝ้าเธอเนี่ยนะ ดูถูกความสามารถเธอเกินไปแล้ว

ดังนั้นในสภาพการณ์แบบนี้ ป๋อจิ่วย่อมนั่งไม่คิด แต่ท่านเทพมีหลากหลายวิธีที่จะจัดการเธอ พอเธอเริ่มนั่งไม่นิ่ง เขาก็เลิกคิ้วใส่ “เล่นเดี่ยวสักเกม?”

“ได้” ป๋อจิ่วชอบเล่นเกมแข่งกับท่านเทพ แต่เห็นได้ชัดว่าคุณชายฉินไม่คิดจะเอาจริง เพราะเขาเอาเธอมานั่งบนตักทุกครั้งแล้วเล่นเกมด้วยกัน แม้จะเล่นเวอร์ชั่นมือถือ แต่ท่าทางแบบนี้ออกจะทำให้ป๋อจิ่วเล่นได้ไม่เต็มที่

นับตั้งแต่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน เขาก็ยั่วยวนเก่งขึ้นทุกวัน

ดีที่เธอได้เขามาอยู่ในกำมือแล้ว

แต่การจะทำให้อยู่หมัดในช่วงนี้ถือเป็นเรื่องยากหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะอ่อยหนักไปหน่อยหรือเปล่า

ตอนนี้ท่านเทพถึงได้ชอบกอดเธอเล่นเกมแถมพูดข้างหู แล้วยังจะให้เธอเข้าห้องน้ำพร้อมกันอีก!

พอเธอไม่ไป เขาก็หัวเราะ “ทำไม? ไม่เข้าไปเทียบขนาดกันเหรอ?”

หลุมพรางที่เธอขุดไว้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องถมให้มันเต็ม เธอเข้าใจดี

แต่ด้วยเป็นป๋อจิ่ว จึงไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว

เขาเข้าห้องน้ำ เธอก็อิงประตูผิวปาก ดูเหมือนจะผิวปากได้แค่สามครั้งเท่านั้น เขาก็ไม่พาเธอเข้าห้องน้ำอีก แต่คร่อมร่างเธอแล้วรังแกกันอย่างหนักหน่วง คงเพราะอดกลั้นจนทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน หรือไม่ก็เพราะพอเข้าฤดูใบไม้ผลิเธอใกล้จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว

ทางด้านฉินมั่วมักรู้สึกว่าลำคอร้อนผ่าวเหมือนไฟแผดเผา รวมถึงตอนนี้ด้วย เขาคลายคอเสื้อ หมุนพวงมาลัย หันไปมองคนบางคนที่กินป๊อปคอร์น แววตาเริ่มเข้มขึ้นทีละน้อย

ป๋อจิ่วที่ส่งข้อความให้หลินเฟิงอย่างสบายใจจึงไม่ได้เห็นภาพนี้ รู้สึกเพียงความเร็วของรถที่เพิ่มขึ้น

รอจนถึงบ้านตระกูลฉิน ป๋อจิ่วอยากเปิดคอมพิวเตอร์ดูว่าลั่วลั่วพูดอะไรระหว่างที่ไลฟ์สด กลับถูกฉินมั่วกระชากตัวมานั่งบนเก้าอี้ทำงานที่ทำจากหนัง

……………………………

ตอนที่ 1763

ท่านเทพหลังจากมีความรัก

ป๋อจิ่วตะลึงงันด้วยตั้งตัวไม่ทัน มองเขากระชากเสื้อตัวนอกแล้วถอดทิ้งไว้ด้านหลัง เธออยากจะหมุนตัวหนี แต่ดูเหมือนชายหนุ่มเดาได้ว่าเธอจะทำเช่นนี้ จึงกดขาเธอไว้ข้างหนึ่ง ใบหน้าเขาหล่อเหลาสูงส่งจนทำให้คนใจเต้น “บอกแล้วไม่ใช่เหรอ พอดูหนังเสร็จก็ต้องกับมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน หือ?”

ป๊อปคอร์นในมือเธอกระจายมาตั้งแต่แรก แต่เขากลับหยิบเม็ดหนึ่งมาวางไว้บนเรียวปากเธอ ก่อนจะก้มลงจูบอย่างอ่อนโยน ลมหายใจในช่องปากแฝงกลิ่นมินต์อ่อนๆ เอาไว้

ใช้อุบายหนุ่มงามอีกแล้ว นี่เป็นความคิดเดียวของป๋อจิ่ว

ปฏิเสธไม่ได้เลย

ทุกครั้งที่โดนฉินมั่วรังแกเสร็จ เธอจะเหมือนถูกฉุดขึ้นมาจากน้ำ แม้ชายหนุ่มจะไม่เดินหน้าต่อจนถึงที่สุดก็ยังเป็นเช่นนี้ ผมบนหน้าผากที่ยาวเกินไปปิดบังบริเวณดวงตา ป๋อจิ่วกำลังกลับคืนสู่สภาพปกติก็ได้ยินเขาพูดข้างหู “ต้องตัดผมแล้ว”

ป๋อจิ่วไม่สนใจสักเท่าไร หนุนศีรษะไว้บนแขนเขา ใบหน้าเท่เหลือร้ายดูว่าง่ายเล็กน้อยในเวลานี้

“ไม่อยากตัดผมเหรอ?” ฉินมั่วเลิกเส้นผมเธอ หลุบตาลงมอง

ป๋อจิ่วหลับตา “ขี้เกียจออกจากบ้าน” อาการติดบ้านแพร่เชื้อได้เหมือนกันแฮะ

ฉินมั่วพูดว่า “พรุ่งนี้จะให้น้าจางเตรียมอุปกรณ์ เดี๋ยวฉันตัดให้เธอเอง”

“พี่ทำเป็นเหรอ?” ป๋อจิ่วลืมตาช้าๆ

ฉินมั่วขยี้เส้นผมเธอ เอ่ยเสียงปกติ “มีประสบการณ์”

ป๋อจิ่วอยากรู้ “เคยตัดให้ใครอะ?”

“เจ้าหญิงไง” ท่านเทพยังคงสีหน้าได้เหมือนเดิม

ป๋อจิ่วลืมตาทันที “พี่มั่ว เอาจริงปะเนี่ย?”

“เธอคิดว่าไงล่ะ?” ฉินมั่วย้อนถาม

เอาจริงแฮะ ป๋อจิ่วลองถาม “ฉันอยากได้ทรงเท่ๆ ห้ามทำพังนะ”

“มีแฟนแล้ว จะเท่ไปทำไม” ฉินมั่วเอ่ยช้าๆ “ตอนนี้ทางคลับรับของขวัญที่แฟนคลับส่งมาให้เธอแทบไม่ไหวแล้ว”

ป๋อจิ่ว…แฟนขี้หึงของฉันกำลังจะทำให้ทรงผมฉันพัง ทำไงดี

ออนไลน์รอคำตอบนะ ด่วนมาก

วันต่อมา ฉินมั่วไม่ได้ทำทรงผมของใครบางคนพัง แต่เกิดการตัดผมในบ้านขึ้นจริงๆ มีช่างตัดผมแนะนำอยู่ข้างๆ ฉินมั่วสวมเสื้อขาวตัวยาว ถือกรรไกรไว้ ดูสง่าสูงส่งเหนือใคร

หลังจากตัดผมแล้ว ป๋อจิ่วดูสดใสขึ้นมาก

เมื่อบนหน้าผากไม่มีผมเซอร์ๆ แล้ว เธอก็ดูสมกับเป็นเดือนโรงเรียน หล่อจนช่างตัดผมต้องทอดถอนใจอยู่นาน

ฉินมั่วดีดเส้นผมสั้นๆ นั้น ก่อนจะถอดเสื้อขาวตัวยาวออกแล้วคลุมเสื้อทีมไดมอนด์แทน แววตาของเขาดูเข้มอ่อนสลับกัน เท่แล้วไง นอกจากเขาแล้ว คนอื่นก็ไม่ได้ตัวเธอไป

ท่าทางแบบนี้ต้องอยู่ด้วยกันตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยแน่

หลังจากที่หนังฉายเรียบร้อยแล้ว หลายคนต่างถามว่าเด็กเอเชียที่เล่นเป็นแฮกเกอร์คือใคร โพสต์ถามหากันมากมายก่ายกอง แต่ไม่นานโพสต์เหล่านั้นก็หายไปเฉยๆ ในเวลาแค่คืนเดียว

ทางผู้กำกับเป็นคนตอบเองว่า นักแสดงเป็นเพื่อนของเขาที่ให้เกียรติมาร่วมงาน แต่ไม่คิดจะเดินสายเส้นทางบันเทิง ที่พูดเช่นนั้นเป็นเพราะได้รับสายจากป๋อจิ่วที่ประกาศว่าจะไม่เข้าวงการบันเทิงโดยเด็ดขาด

ฉินมั่วเห็นด้วยกับเรื่องนี้มาก เพราะก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่ในคลับของบริษัทตัวเอง เขาก็ได้รับสายจากหลายๆบริษัท

“จะลงทุนให้เขาเข้าวงการบันเทิง?” คุณชายฉินวางปากกาลงบนโต๊ะทำงาน เอนหลังพิงพนัก ดึงคอเสื้อตัวเอง คลายออกพลางยิ้มมุมปาก “ประธานจางคงได้ข่าวมาไม่แม่นยำเท่าไร สามวันก่อนหน้านี้เขาเพิ่งขอผมแต่งงานเอง แล้วผมก็ตอบตกลงไปแล้วด้วย ถ้าเขาอยากเข้าวงการบันเทิง ในฐานะว่าที่สามี ผมมีเงินส่งเขาเข้าวงการบันเทิงอยู่แล้ว บริษัทวงการบันเทิงในเครือข่ายของฉินกรุ๊ปไม่ได้ตั้งมาเล่นๆ คุณคิดว่ายังไง?”

……………………………….

อย่าสนเลขตอนคะเนื้อหาต่อเนื่องกัน ไม่รู้ทำไมตอนถึงย้อนกลับ

1760 vs 1761
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1760

ประกาศลาออกจากวงการ

ความผิดพลาดโดยบังเอิญจะนำมาซึ่งเสียงด่า

เช่นเดียวกัน ยังมีคนมากมายสนับสนุนเป็นแนวหลังให้เธอ

นานวันเข้าลั่วลั่วก็เริ่มกลัว กลัวว่าเธอจะกดแป้นพิมพ์ไม่เร็ว เล่นเกมได้ไม่เต็มที่ สิ่งเหล่านี้เหมือนจะซ่อนอยู่ภายใต้การฝึกซ้อมในแต่ละวัน

มีเพียงคุณฝีมือถึงจริงๆ จึงจะสามารถยืนหยัดได้เมื่อทุกอย่างถาโถมเข้ามาพร้อมกัน

มักเป็นเช่นนี้ แต่ละวันผ่านไป แต่ละปีผ่านพ้น

มีเรื่องหนึ่งที่เธอไม่อาจแก้ไข นั่นก็คือฟอร์มการเล่น

เมื่อเธอได้เห็นเซวียเหยาเย่าก็วางใจได้

เพราะเชื่อว่าสักวันหนึ่งต้องมีคนมาแทนที่เธอได้ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เธอเห็นแล้วรู้สึกชอบทันที ราวกับได้เห็นเงาของตัวเอง

ได้เวลาตัดสินใจแล้ว

ไม่ว่าจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน ลั่วลั่วก็หยุดพิมพ์ก่อนจะปรับกล้องให้จับจ้องหน้าเธอชัดๆ แล้วปรับไมโครโฟนสีดำที่สวมครอบศีรษะ “ต่อจากนี้ไป ฉันจะพูดเรื่องหนึ่งนะคะ”

“ฉันเริ่มเล่นเกมตอนอายุ 16 มาถึงเวลานี้ก็ผ่านไปแล้ว 6 ปี”

“6 ปีแล้วที่ฉันได้รู้จักหลายๆ คน พวกเขาน่ารักมาก ตอนที่ยังไม่มีใครรู้จักฉัน พวกเขาก็บอกฉันว่าสู้ ๆนะ เธอต้องทำได้แน่ พอฉันเล่นรอบชิงชนะเลิศด้วยการเป็นนักเวทอันดับหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์ พวกเขาก็จะบอกว่า ดูสิ นี่และผู้เล่นที่พวกเขาชอบ และเวลาที่ฉันตกที่นั่งลำบาก พวกเขาก็บอกว่าจะไม่มีวันไปไหน”

“ดังนั้นฉันคิดว่ามีเรื่องหนึ่งที่ควรบอกต่อหน้าพวกเขา ถึงจะดีที่สุด”

“ฉันตัดสินใจจะออกจากวงการค่ะ”

เมื่อประโยคดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป คนที่เฝ้าอยู่หน้าจอถึงกับชะงักงัน เหล่าแฟนคลับที่จำภาพตัวละครออกไอเทมอยู่ยิ่งทำหน้าช็อก คอมเมนต์บนหน้าจอทะลักทลายเข้ามา

“ออกจากวงการ?”

“ทำไมอะ?”

“ต้องล้อเล่นแน่เลย?”

“นางฟ้า บอกเราหน่อยสิว่าเธอล้อเล่น”

“พูดเป็นเล่น ต้องสร้างกระแสให้ตัวเองแน่เลย”

“หรือไปเล่นต่อให้ทีมอื่น พวกแฟนคลับก็ยังเชื่ออีก หมดคำพูดจริงๆ”

“คอมเมนต์บนอย่าพูดก่อนได้ไหม? แอดมิน แอดมินล่ะ?”

แอดมินก็เป็นแฟนคลับด้วยกันนี่เอง แถมเป็นแฟนคลับตัวยงด้วย

เธอพอจะรู้เรื่องนี้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เทพลั่วเคยเกริ่นกับพวกเธอไว้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

ทุกคนที่เคยชอบเกมเมอร์ ล้วนแต่ไม่อยากให้เกมเมอร์เหล่านั้นออกจากวงการ ไม่ว่าจะชอบใครก็ล้วนเหมือนกัน

ในฐานะที่เป็นนักเวทระดับเซิร์ฟประเทศ ข่าวที่ลั่วลั่วจะออกจากวงการจึงเหมือนระเบิดลง

มีคนรีบติดต่อผู้จัดการทีมเซียงหนานทันที ทางด้านผู้จัดการก็ตอบเพียงว่า “เคารพในการตัดสินใจของผู้เล่น” ส่งผลให้หัวข้อ ‘ลั่วลั่วทีมเซียงหนานประกาศลาออกจากวงการกะทันหัน’ ปรากฏอยู่ทั่วทุกที่

หลินเฟิงไม่คิดว่าพอดูหนังจบ ยังไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรกับอวิ๋นหู่ผู้ซึ่งกลายเป็นแฟนไปแล้ว กลับต้องรีบโทรเช็กกับเซียวจิ่งในทันทีที่ทราบข่าวดังกล่าว

เล่นตลกอะไรกัน

ลั่วลั่วออกจากวงการ จะออกไปทั้งอย่างนี้เนี่ยนะ?

ต่อให้จะออกก็ควรออกหลังจากการแข่งชิงแชมป์ประเทศ ไม่สิ ชิงแชมป์โลกต่างหาก

หลินเฟิงไม่ทันได้โทรออกไป ก็ถูกป๋อจิ่วรั้งข้อมือไว้ “ทำอะไร?”

“โทรไปเช็กน่ะสิ จะทำอะไรได้? เซียวจิ่งทำอะไรลงไป ตอนไปส่งลั่วลั่วต้องพูดอะไรแน่เลย ทำให้เขาลาออกทั้งอย่างนี้?”

……………………………………

ตอนที่ 1761

ต้องรีบตัดสินใจเรื่องนี้

“ไม่น่าจะเกี่ยวกับเซียวจิ่งหรอก” ป๋อจิ่วสไลด์หน้าจอมือถือ หลุบตาอ่าน ทำให้เห็นขนตาที่ยาวเฟื้อย เสี้ยวหน้าไร้ความเจ้าเล่ห์ตามปกติ ทว่าปลายคางกลับดูเย็นชาแวบหนึ่ง “น่ากลัวว่าลั่วลั่วอยากลาออกตั้งนานแล้ว คงอยากประกาศตั้งแต่ตอนแข่งชิงแชมป์ประเทศ แต่พอดีทีมเขาแพ้เลยคิดว่าไม่เหมาะที่จะลาออก เพราะคนที่แพ้ต้องแบกรับคำครหาหนักมาก ถึงไม่ได้ประกาศออกมาในตอนนั้น แต่รอจนถึงตอนนี้ เขาคงไม่อยากให้ทีมเซียงหนานแย่ขึ้นไปอีก คงกลัวว่าคนจะด่าว่าทีมเซียงหนานไม่ไหวแล้ว ถึงได้ประกาศวันนี้ซะเลย ไม่เร็วไม่ช้าเกินไปหรอก เวลากำลังเหมาะเลย”

หลินเฟิงได้ยินแล้วทึ้งผมตัวเอง ก่อนจะสงบลงมาอย่างเห็นได้ชัด

เพราะเขารู้ดีว่าพวกเขาทุกคนจะต้องออกจากวงการในที่สุด แค่ช้าหรือเร็วเท่านั้น ย่อมหลีกหนีความโศกเศร้าไม่ได้

ป๋อจิ่วพาดแขนไว้บนบ่าอีกฝ่าย เปลี่ยนสีหน้า “คิดมากไปมันก็เปล่าประโยชน์ สู้ให้ลั่วลั่วลาออกแบบไม่เสียใจภายหลังดีกว่า”

หลินเฟิงไม่เข้าใจ “ทำยังไงล่ะถึงจะไม่เสียใจภายหลัง”

“เรามีเทพผู้ชายตั้งหลายคนในวงการ ก็หาแฟนให้เขาไง ยากนักเหรอ?” ป๋อจิ่วขยิบตาซ้าย ดูร้ายกาจเลยทีเดียว

หลินเฟิงกระปรี้กระเปร่าทันที รีบสไลด์มือถือติดต่อ

อวิ๋นหู่เห็นแล้วรีบยื่นมือออกมา “เอากุญแจรถให้ฉัน ฉันจะไปสตาร์ทรถรอ”

หลินเฟิงไม่สนใจว่าการกระทำดังกล่าวสนิทชิดเชื้อกันมากแค่ไหน โยนกุญแจให้

ทว่าป๋อจิ่วที่เห็นอยู่ด้านข้างกลับเอียงคอหัวเราะ แล้วจึงพยักเพยิด “ก่อนแนะนำแฟนให้ลั่วลั่ว จะให้ฉันบอกวิธีจัดการเทพอวิ๋นให้อยู่หมัดก่อนไหม?”

หลินเฟิงเบิกตากว้าง “ว้าว เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันยังไม่ได้เตรียมใจเลย”

เดิมทีป๋อจิ่วคิดจะสอนเทคนิคให้สักหน่อย แต่พอได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายคิดล่วงหน้าไปเยอะแล้ว “บางเรื่อง เรารีบจองตำแหน่งแห่งหนไว้ก่อนจะยิ่งดีไม่ใช่เหรอ?” ป๋อจิ่วยิ้มออกมาจนเห็นเขี้ยวเสน่ห์ตามที่ชายหนุ่มพูด เพิ่มความร้ายกาจให้เจ้าตัวหลายเท่า

หลินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างมีเหตุผลว่า “นายว่าอวิ๋นหู่จะคิดว่าฉันบีบบังคับเขาหรือเปล่า”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วเกือบหลุดขำ “คนที่ชอบ จะหาว่าบีบบังคับได้ไง?” เทพอวิ๋นฝันหวานมานานแล้วล่ะสิไม่ว่า

หลินเฟิงหายใจเข้าลึก ทำเหมือนตัดสินใจครั้งใหญ่ “ฉันรู้แล้ว”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย นายรู้แล้วเหรอ?”

“แค่เตรียมของให้พร้อมก็โอเค” หลินเฟิงหัวเราะ ดูมั่นใจเหลือแสน “อวิ๋นหู่สู้ฉันไม่ได้หรอก”

ป๋อจิ่วยิ้มบางๆ “งั้นขอให้นายชนะตั้งแต่เปิดศึกนะ”

“รอข่าวดีจากฉันก็แล้วกัน” หลินเฟิงยังอยากจะกำหมัดชนกับป๋อจิ่วอีก แต่มีคนมาขวางไว้ เป็นฉินมั่วนั่นเอง

เขากวาดตามองหลินเฟิงทั่วตัว “ไม่อยากมีมือแล้วเหรอ?” น้ำเสียงนั้นเรียบเฉยเหมือนพูดเรื่องธรรมดา

หลินเฟิงรีบเหยียดตัวยืนขึ้น ก่อนจะเขยิบออกห่างจากป๋อจิ่วประมาณหนึ่งเมตร เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เจ้าแบล็ก บอกกี่ครั้งแล้วว่าผู้ชายกับผู้หญิงแตกต่างกัน เอ่อ หัวหน้า ฉันไปดูก่อนนะว่าอวิ๋นหู่อุ่นรถเป็นยังไงบ้าง แล้วเจอกันที่คลับของบริษัทวันมะรืนนี้”

หนีเร็วกว่าใครเพื่อนจริงๆ

ตอนนี้เอง ฉินมั่วกลับหันไปถามคนบางคนว่า “ลงทุนเยอะขนาดนี้ อวิ๋นหู่ฝากฝังไว้เหรอ?”

ตอนที่ 1958

คุณแฟน

หนังยังคงฉายต่อไปเรื่อยๆ

หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็ได้ดูอย่างมีสมาธิเสียที

ในระหว่างที่เขาตัดสินใจจะดูอย่างสบายๆ และผ่อนคลาย เสียงของอวิ๋นหู่กลับดังข้างหู “ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ครั้งนี้พูดค่อนข้างใกล้ตัวเขา เหมือนกำลังถือเครื่องดื่มในมือ แต่ความจริงกลับถามเขาอยู่

หลินเฟิงพยักหน้าโดยอัตโนมัติ

แต่กลับได้ยินเขาพูดอีกว่า “คิดให้ดีๆ ก่อนตอบนะ คุณแฟน”

คะ คุณแฟนอะไร

หลินเฟิงถึงกับหัวใจเต้นผิดจังหวะเมื่อได้ยินคำนี้

เมื่อเหลือบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลานั้น ก็ไม่ได้ถึงขั้นบื้อแบ๊วจนมองจากสีหน้าไม่ออก

จึงไอเบาๆ แล้วเปลี่ยนคำพูด “ไม่ได้ชอบ แค่ชื่นชมจากใจจริง ก็เหมือนที่ฉันชื่นชมจ้าวซานพั่งนั่นแหละ ดูเถอะ เขาอ้วนจะตาย ฉันยังชื่นชมเขาเลย”

อวิ๋นหู่ได้ยินคำอธิบายที่ว่าจึงค่อยรู้สึกสบายใจขึ้น วางแก้วเครื่องดื่มลง ทว่าไม่ได้ดึงมือกลับ แต่ยังอยากกุมมือหลินเฟิงไว้แบบนั้น

ดังนั้นเด็กชายหลินเฟิงที่เป็นชายแท้ จึงได้แต่กระชากคอเสื้ออย่างขัดเขิน แถมยังไม่เคยชินอีก

นอกจากรู้สึกเขินแล้ว หัวใจยังเต้นรัวเร็ว อย่างกับเป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติ

อวิ๋นหู่มองออก รู้ว่าบางเรื่องต้องใช้เวลาตอบสนองช้าๆ

หลินเฟิงเป็นชายแท้ขนาดไหน เขาย่อมรู้ดี เมื่อก่อนใช่ว่าจะไม่มีคนชอบเจ้านั่น

และมักจะโดนหลินเฟิงเตะกระเด็นอย่างแรง ‘แม่งเอ๊ย ดูดีๆ เว้ย ฉันเป็นผู้ชายนะ มันชวนอ้วกไหมล่ะ’

เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายแท้มักไม่ชอบเกย์

ไม่ได้เป็นพวกแสดงความเป็นผู้ชายแท้อย่างบ้าคลั่งเหมือนที่คนเขาพูดกัน

ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครอยากโดนนึกถึงอยู่ตลอดแบบที่ยอมรับไม่ได้

ดังนั้นเมื่อมาถึงขั้นนี้ อวิ๋นหู่ก็รู้จักพอแล้ว

ส่วนอย่างอื่นเขาจะค่อยๆ สอนเอง

เขาไม่ใช่พ่อพระอะไร

ความรักไม่แบ่งแยกเพศอยู่แล้ว

เขาอยากได้หลินเฟิงมาครอง

ตั้งแต่ตอนยังวัยรุ่น จนมาถึงตอนนี้ หลินเฟิงก็ยังไม่ได้สังเกตสายตาของเพื่อนเลย

เขาทุ่มสมาธิให้กลับกรุ๊ปวีแชทเพื่อจะได้เบี่ยงเบนความสนใจ แถมยังจะได้ขับให้เห็นมาดอันดุดันเขาด้วย

อ้วนหล่ออันดับหนึ่งของโลก “นายมีมาดดุไม่พอหรอกเวลาอยู่ต่อหน้าอวิ๋นหู่ หลินเฟิง เอาอย่างนี้ พอถึงเวลาที่นายเจ็บปวดก็มาร้องไห้ในอ้อมกอดเฮียแล้วกัน เฮียน่ะปลงตกกับเรื่องความรักแล้ว เดี๋ยวนี้คนเขาดูกันที่หน้าตา ไม่ใช่เพศ เฮียหล่อจะตายยังไม่มีอะไรให้คนอื่นสนใจเลย เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนเห็นความสามารถของเฮียเข้าสักวัน นั่นแหละถึงจะเป็นรักแท้ของฉัน”

ป๋อจิ่วเห็นช่องว่างก็รีบเสียบ “งั้นนายคงหารักแท้เจอยากหน่อย”

อ้วนหล่ออันดับหนึ่งของโลก “เจ้าแบล็ก ต่อไปอยู่ห่างจากฉินมั่วหน่อย ไปเรียนรู้อะไรมาก็ไม่รู้ เฮ้อ!”

เดิมก็เป็นแค่การพูดคุยกันธรรมดา

แต่อยู่ๆ ก็มีคนโพล่งประโยคหนึ่ง “เอ้อ มีคนบอกว่าลั่วลั่วมีนัดดูตัว? แถมพวกนายยังเข้าไปเห็นด้วย เรื่องจริงปะ?”

ป๋อจิ่วตอบเรียบๆ “จริงหรือไม่ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ลั่วลั่วโสดมานาน แค่จะกินข้าวเจอหน้าผู้คนบ้างก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ ใครเป็นคนเอามาเล่าเนี่ย”

คนคนนั้นร่ายต่อ “แสดงว่าจริงล่ะสิ? ท่าทางข่าวเสียหายของลั่วลั่วในตอนนั้นก็เป็นเรื่องจริงล่ะสิ”

ป๋อจิ่วหรี่ตาลง แววตาจ้องมอง เรียวปากฉายความเย็นชา

จากนั้นก็ได้เห็นข้อมูลเด้งเตือนว่า คนที่ถามคำถามดังกล่าวถูกบล็อกออกจากกลุ่มโดยคนสองคน

หนึ่งในนั้นคือฉินมั่วที่นั่งข้างเธอ ส่วนอีกคนหนึ่ง…

………………………………………….

ตอนที่ 1759

ลั่วลั่วจะทำอะไร

เซียวจิ่ง

ป๋อจิ่วเลิกคิ้วเมื่อเห็นชื่อนี้ กระทั่งแววตายังแฝงแววขำ ก่อนจะกระทุ้งๆ หลินเฟิง “พี่หลิน”

หลินเฟิงหันมามอง “ทำไม?”

“รีบนัดเพื่อนมาเจอหน้าลั่วลั่วเถอะ รู้สึกว่ามีความบันเทิงรออยู่”

หลินเฟิงไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เจ้าแบล็กถึงได้สนใจเรื่องแนะนำคนให้ลั่วลั่วรู้จัก แต่เขาต้องโพสต์ลงในกลุ่มให้ได้ว่า “ดีดออกไปได้ดีมาก”

แบล็กพีช Z “ดีดออกไปได้ดีมาก +1”

กรุ๊ปวีแชทนี้สร้างกันมานานแล้ว อาจเป็นเพราะเพิ่งจะมีทีมลีกส์อาชีพก็เลยสร้างกลุ่มไว้ไว้คุยกัน ต่อมาหลังเมื่อกลุ่มนี้ถูกส่งต่อให้ฉินมั่วและเซียวจิ่งดูแล เลยกลายเป็นกลุ่มนินทากาเล ทว่าพวกที่มีจิตใจไม่ดี ย่อมไม่เป็นที่ต้องการ

ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหน หากเริ่มแตะต้องเรื่องส่วนตัวคนอื่น กระทั่งนำมาบูลลี่ใช้ในชีวิตจริงหรือเอามาค่อนแคะรูปร่างหน้าตาและประวัติการศึกษา มันต้องไม่ดีแน่

คนที่เล่นเกมจริงจังจะไม่ใช่คนแบบนั้น กรุ๊ปนี้มีไว้เพื่อผ่อนคลายและแลกเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด รวมถึงหยอกล้อกันระหว่างทีมทั้งหลาย แม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ในทีมเดียวกัน แต่ก็อยู่ในวงการอาชีพเดียวกัน จึงยิ่งต้องเคารพอีกฝ่าย ทั้งยังเข้าใจตรงกันด้วยว่าการเดินบนเส้นทางนี้ไม่ง่าย นี่คือเจตนาแรกของการตั้งกลุ่ม

แต่เห็นได้ชัดว่าบางคนเริ่มจะแตกแถว แถมยังเอาเรื่องที่ตัวเองถูกดีดออกจากกลุ่มไปโพสต์ลงในบอร์ดออนไลน์ ทำให้ลั่วลั่วมีข่าวไม่ดีมากขึ้น

บางคนก็หาว่าบ้าอำนาจ ทำตัวเองแท้ๆ แต่ไม่ยอมให้คนอื่นพูดถึง เทพเซียวปกป้องคนแบบนี้ คิดจะให้อนาคตอันรุ่งโรจน์ดับลงไปใช่ไหม

บางคนก็ว่าลั่วลั่วคือนางฟ้าของพวกเขาตลอดกาล

แต่ไม่ว่าจะพูดกันอย่างไร ทุกอย่างต้องจบลง เพราะเมื่อลั่วลั่วกลับถึงบ้าน ไม่รู้ด้วยเหตุใด เธอที่ควรจะได้ไลฟ์สดในวันต่อมากลับเล่นเกมจัดอันดับเพียงลำพัง

เธอเล่นตัวละครที่มีบทบาทนักเวทครบทุกตัว

การเล่นในครั้งนี้ มีคนสังเกตลำดับนักเวทที่เธอเลือกเล่น

นักเวทตัวแรก เป็นตัวที่เธอเล่นเมื่อครั้งเข้าทีมเซียงหนาน

นักเวทตัวที่สอง เป็นตัวที่เธอเล่นเมื่อเข้าแข่งชิงแชมป์ประเทศ

นักเวทตัวที่สาม เป็นตัวที่เธอเลือกใช้ในการสู้กับฉินมั่ว ร่วมกับจ้าวซานพั่งและหัวหน้าเซียว

นักเวทตัวที่สี่ เป็นตัวที่เธอใช้เล่นเมื่อแข่งรอบชิงชนะเลิศจนได้แชมป์ประเทศมา

มีคนบอกว่า ปีนั้นผู้คนได้รู้จักฝีมือนักเวทอย่างเทพลั่วอย่างแท้จริง ร่ายมนต์เก่งและยังทำดาเมจรุนแรง เล่นได้อย่างมีเซนส์ของเกมอย่างเต็มตัว

นับจากนั้นมาก็ไม่มีใครพูดอีกว่าผู้หญิงเล่นเป็นอาชีพไม่ได้

เวลานี้เธอเล่นถึงสี่นัดด้วยกัน แต่ละนัดล้วนแต่พิถีพิถันในการออกไอเทม ใช้สกิลต่อสู้ สร้างสเตตัส ช่วยสนับสนุนที่โซนป่า

เธอเหมือนจะไม่เปลี่ยนไป ในหลายปีที่ผ่านมาเธอยังมีคงบุคลิกของความเป็นแชมป์หญิง เวลายิ้มยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ “เข้าใจแล้วใช่ไหม?”

คอมเมนต์ชุดหนึ่งลอยขึ้นกลางจอ “กำลังจำอยู่ พี่ลั่ว รอเดี๋ยวนะ”

หลายคนเคยบอกว่าพวกนั้นเอาแต่คิดว่าเทพลั่วอาศัยหน้าตาอยู่ในวงการ เอาละไม่ผิดหรอก ยอมรับจริงๆ ว่าเธอสวยมาก ทว่าแม้จะได้รับการยอมรับว่าสวย บางคนยังโพสต์ภาพที่เธอดูน่าเกลียด หรือหาว่าจะเล่นเกมก็เล่นไปสิ ตอนนี้มาอาศัยหน้าตาทำไม นี่มันค่านิยมอะไรกัน

แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงว่า เธอเป็นคนเดียวที่ไม่เคยขายความแบ๊วหรือขอให้ซื้อสติกเกอร์สนับสนุนในการเล่นไลฟ์สด ทั้งยังเป็นเกมเมอร์หญิงมืออาชีพที่เน้นเรื่องความสามารถและประสบการณ์เพียงอย่างเดียว…

…………………………………..

ตอนที่ 1957-1

ช่วยจับคู่เซียว-ลั่ว

เมื่อมาถึงในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยจริงๆ ลั่วลั่วถึงรู้ตัวว่าเขากับเธออยู่คนละโลกโดยแท้

ตอนอยู่ในทีมก็ยังไม่เป็นอะไร เพราะส่วนใหญ่ต่างคุยกันเรื่องเกม และไม่มีเวลาไหนเลยที่เธอจะคุยกับเขาไม่ได้

ทว่าเมื่ออยู่ในมหาวิทยาลัยกลับต่างออกไป เธอมองดูผู้หญิงที่นั่งข้างเขา ทั้งสองคุยกันในสิ่งที่เธอไม่รู้เรื่อง

อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบว่าเขายิ้มเมื่ออยู่นอกสนามแข่งได้ด้วย

ลั่วลั่วนั่งอยู่ตรงนั้น มองคนสองคนที่มีบุคลิกเหมือนกัน เห็นแวบเดียวก็รู้ว่ามีสถานะทางครอบครัวไม่ต่างกัน แถมหญิงสาวคนนั้นยังดูเป็นคุณหนูน่าถนอม สวมชุดเรียบร้อยน่ารัก ดูเป็นผู้มีความรู้

ช่างไม่เหมือนเธอเอาเสียเลย

ลั่วลั่วที่ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจได้รู้สึกถึงความแตกต่างแล้วในเวลานี้

เธอคนนั้นมองเธอพลางยิ้มบางๆ ให้ “เธอเป็นลูกทีมของรุ่นพี่สินะคะ เขาเป็นคนเข้มงวดกับตัวเองมาก แต่ไม่เคยเรื่องมากกับคนอื่น เมื่อกี้เราคุยกันเรื่องการแพทย์ ลืมเธอไปเลย เธอคงไม่โกรธหรอกนะ?”

“ไม่หรอก” ลั่วลั่วลุกขึ้น สองขาเรียวยาว

มองเขาหยิบหนังสือมาเสร็จสรรพก็เดินออกมา มองเธอแวบหนึ่งก่อนบอก “ไม่ไปเหรอ?”

ลั่วลั่วรีบตามไป เธอเดินตามหลังเขาตลอดเหมือนทุกครั้งที่แข่ง ก่อนจะโพล่งออกไป “หัวหน้าคิดยังไงกับเรื่องคนในวงการเดียวกันรักกัน?”

“ไม่น่าสนใจหรอก” ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ยังคงพูดน้อยเหมือนเดิม

เพียงไม่กี่คำนี้ทำให้เธอเข้าใจจุดหนึ่ง โชคดีนะที่เธอไม่ได้รีบสารภาพรัก

เพราะหากทำเช่นนั้นมีหวังกระอักกระอ่วนกันน่าดู

“ทำไมเหรอ?” เซียวจิ่งหันมามอง พลางขมวดคิ้วเบาๆ

ลั่วลั่วส่ายหน้า เดินตามไป ทว่าเธอผิดปกติไปตลอดการซ้อมช่วงบ่าย กระทั่งเล่นไลฟ์สดยังทำได้ไม่ดี

นับจากวันนั้นเป็นต้นมา เธอก็เข้าใจดีว่าในฐานะลูกทีมหญิงเพียงหนึ่งเดียวของทีมเซียงหนาน เขาย่อมดูแลเธอ  ด้วยได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี

เขาไม่เคยมีท่าทีสนิทกับเธอ อย่างมากสุดก็แค่ช่วยจัดคอเสื้อให้เธอในระหว่างการแข่งเป็นบางครั้ง

เขาเป็นหัวหน้าของเธอ เป็นแค่หัวหน้าเท่านั้น

แม้ว่าเธอจะปรารถนาแค่ไหน แต่ไม่อาจจะทำลายสมดุลนี้ได้

แถมเธอใกล้จะออกจากทีมแล้ว ยิ่งทำเรื่องโง่ๆ ไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อเป็นแบบนี้ ต่อไปถึงจะมีโอกาสได้เจอหน้ากัน และจะไม่กระอักกระอ่วนด้วย

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลั่วลั่วก้มหน้าดื่มเครื่องดื่มในมือ คู่เฟิงอวิ๋นนั่งทางซ้ายของคู่เธอ ส่วนคู่ฉินมั่วนั่งทางขวา

ถูกนั่งขนาบเช่นนี้ อาจทำให้ถูกเข้าใจผิดได้ง่ายๆ

ลั่วลั่วจึงได้แต่เอียงตัวไปพิงป๋อจิ่ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมชายหนุ่มคนนั้นถึงมองมาทางเธอ

เขาทำแค่มอง ไม่พูดอะไร ยิ่งทำให้ลั่วลั่วอึดอัด เดาว่าในโลกของหัวหน้าคงไม่รู้จักคำว่านัดดูตัว ถึงได้พินิจมองเธอแบบนี้

ทำให้เธอได้แต่หาเรื่องพูด “อย่าเล่าเรื่องวันนี้ให้จ้าวซานพั่งฟังนะ ไม่งั้นต้องรู้กันทั้งทีมแน่”

เซียวจิ่งเห็นความไม่สบายใจบนใบหน้าสวยๆ นั่น น้ำเสียงราบเรียบมาก “เป็นครั้งแรกที่เธอโกหก”

“หือ?” ลั่วลั่วตามอารมณ์อีกฝ่ายไม่ทัน

เซียวจิ่งคร้านจะพูดต่อ ได้แต่เคาะข้อมือตัวเอง ลั่วลั่วถึงนึกออกว่าเธอหาข้ออ้างออกมานัดดูตัว จึงไม่ได้พูดความจริง

“ไปกันเถอะ” เซียวจิ่งยืนขึ้นมาก่อน

………………………………………………………..

ตอนที่ 1957-2

ช่วยจับคู่เซียว-ลั่ว

ลั่วลั่วคิดว่าเพราะตำแหน่งที่นั่งดูเหมือนจะสวีทหวานเกินไป เขาจึงไม่อยากนั่งนานๆ

ทว่าหลินเฟิงกลับเอ่ยเสียงต่ำว่า “เอ๋? เซียวใบ้ นายจะไปไหน? หนังยังไม่จบเลย”

“กลับ ต้องซ้อม” เซียวจิ่งตอบสั้นๆ

หลินเฟิงหันไปพูดกับลั่วลั่ว “หัวหน้าเธอเขาไม่โรแมนติกเลยนะ? เดาว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่มาดูหนังกับผู้หญิง ยังไม่รู้อีกว่าต้องวางมือยังไง?”

ลั่วลั่วเลิกคิ้ว “นายรู้งั้นสิ?”

เวลานี้หลินเฟิงไม่อายอีกแล้ว ชูมือที่ประสานกับอวิ๋นหู่ขึ้นมา “สาธิตตัวอย่างให้เธอดู”

ลั่วลั่วหยุดเดิน “อย่าล้อเล่นสิ หลินฝ่ายรับ”

หลินเฟิงอยากพูดอะไรบ้าง แต่ป๋อจิ่วกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน มือซ้ายเท้าคางไว้ ตุ้มหูดำเปล่งประกาย “เอาน่า รุ่นพี่หลิน ลั่วลั่วกับเทพเซียวน่าจะมีธุระที่ต้องไปทำ”

พอพูดถึงธุระ แววตาของป๋อจิ่วลึกลับเป็นพิเศษ

หลินเฟิงรอให้ทั้งสองออกไปก่อน จึงชะโงกหน้าถาม “ทำไมถึงปล่อยสองคนนั้นไปล่ะ โรงหนังเป็นที่ที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด ก้อนหินอย่างเซียวใบ้จะได้เกิดเปิดโลก ลิ้มรสความรักบ้าง”

“เรื่องสร้างความสัมพันธ์อะไรเนี่ย พี่ทำกับเทพอวิ๋นก็พอ” ป๋อจิ่วยิ้มร้าย “บางครั้งก่อนหินก็ต้องการอะไรที่มันตื่นเต้นๆ”

หลินเฟิงถอนใจยาว “พูดตรงๆ เมื่อก่อนฉันยังไม่รู้สึกว่าลั่วลั่วชอบเซียวจิ่ง เขาชอบนายมากที่สุดไม่ใช่เหรอ นายเป็นไอดอลชายหนึ่งเดียวของเขาเชียวนะ”

“พี่จะโง่ในเรื่องนี้ก็โง่ไป อย่าโยนกรรมให้ฉันรับสิ” ป๋อจิ่วส่งสัญญาณให้เขากลับไปอยู่ข้างอวิ๋นหู่

หลินเฟิงกลับเหมือนเป็นเจ้าแม่ในวงการ กังวลไม่หยุด “ฉันรู้จักเขามานานหลายปี เจ้าเซียวใบ้นั่นคงคิดกับลั่วลั่วว่าเป็นแค่ลูกทีมนั่นแหละ ไม่เคยคิดด้านอื่นหรอก สงสัยว่าลั่วลั่วจะผิดหวังแล้ว แต่ยังไงก็ให้เธอออกมานัดดูตัวอีกไม่ได้ หรือวงการพวกเราไม่มีผู้ชายแล้ว? ครั้งก่อนมีแฟนคลับที่ชอบเขา อุตส่าห์จ่ายเงินส่งสติกเกอร์เรือยอชท์ตั้งสิบอันให้ลั่วลั่วตอนที่ไลฟ์สด คนที่ฉันรู้จักก็เคยบอกว่าลั่วลั่วเป็นนางฟ้าหนึ่งเดียวของเขา”

“เรอะ?” ป๋อจิ่วใช้นิ้วลูกคาง ยิ้มเท่ขึ้นมา “เป็นใครอะ? นายเป็นพ่อสื่อในกรุ๊ปวีแชทให้เขาสองคนหน่อยสิ นัดให้เจอหน้ากัน”

หลินเฟิงตบศีรษะตัวเอง “ทำไมฉันถึงคิดไม่ออกนะ ให้ลั่วลั่วออกมาหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น เพื่อนฉันเอาใจเก่งจะตาย หน้าตาก็ดี แถมชอบลั่วลั่วมานานแล้ว”

“โอเคนี่” ป๋อจิ่วเหมือนคิดอะไรได้ ยิ้มมุมปากบางๆ “ยิ่งหล่อก็ยิ่งกระตุ้นคนได้ดี”

ฉินมั่วผู้สง่างามไม่พูดอะไรสักคำ นอกจากเหลือบมองบางคน

ทว่าหลินเฟิงกลับย่นหัวคิ้วพูด “ทำไมฉันรู้สึกว่านายยิ้มร้ายชอบกล?”

 “จริงอะ?” ป๋อจิ่วไม่ใส่ใจ “ฉันจะทุ่มเททุกอย่างเพื่ออนาคตของลั่วลั่ว เพราะยังไงเขาก็เป็นเกมเมอร์น้อยคนที่ฉันชอบ หรือว่านายไม่คิดอย่างนั้น?”

หลินเฟิงตอบหน้าจริงจัง “ในบรรดาผู้เล่นผู้หญิง ฉันชอบเขามากที่สุด ไม่มีใครเทียบเท่า”

“เรอะ?” อวิ๋นหู่มองเพื่อน

หลินเฟิงไม่รู้สึกถึงอันตรายที่จะมาเยือน พยักหน้าบอก “ใช่สิ”

แววตาของอวิ๋นหู่เคร่งขรึมหนัก คงเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย

คนรักเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ย่อมต้องชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้ชอบในแบบเดียวกัน แต่ยังทำให้เขาอิจฉาได้อยู่ดี

อวิ๋นหู่บี้ป๊อปคอร์นเม็ดหนึ่งเล่น คิดว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้หลินเฟิงกลายเป็นของเขาเพียงคนเดียว

และหมดซึ่งความชอบผู้หญิงทั้งปวงไป…

…………………………………..

ตอนที่ 1955

ความรู้สึกของการมีความรัก

เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ชายคนนั้นก็ไม่มีหน้าอยู่ตรงนั้นต่อไป เขารีบหนีไปอย่างรวดเร็ว

พอหลินเฟิงเห็นก็พูดกับอวิ๋นหู่ “นายเคยได้ยินเซียวจิ่งพูดเยอะขนาดนี้ไหม?”

“ไม่” อวิ๋นหู่เห็นอีกฝ่ายเข้าใกล้ จึงถือถังป๊อปคอร์นเขยิบเข้าไปชิด

ฝ่ายหลินเฟิงกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ เอาแต่กระซิบว่า “พวกเราแข่งกับเขามาตั้งหลายนัด ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดเยอะขนาดนี้เลย วันนี้เจ้าหมอนี่คงเอาโควตาพูดทั้งปีมาพูดเลยมั้ง”

“น่าจะใจร้อนมาก” ป๋อจิ่วยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง เข้าทีมกระซิบด้วย “เขารู้ได้ยังไงว่าลั่วลั่วอยู่ที่นี่?”

หลินเฟิงยืดอก ยิ้มเห็นเขี้ยวเสน่ห์ “ย่อมเป็นคนรู้การณ์ล่วงหน้าอย่างฉันที่บอกเขา”

“ทำได้ดีมาก” ป๋อจิ่วพูดเสียงดึงดูดใจ “ไม่คิดว่าพี่หลินจะฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย”

หลินเฟิง…ทำไมถึงไม่รู้สึกเหมือนถูกชมเลยล่ะ

วันนี้ช่างไม่เหมือนกับทุกวัน ทีมสองคนกลายเป็นสี่ จากนั้นก็กลายเป็นหก แถมยืนเด่นอยู่ตรงนั้น หน้าตาของแต่ละคนยังอยู่ในระดับแถวหน้าด้วย ย่อมทำให้ทุกคนจ้องมาทางนี้

“เฮ้ คงไม่มีใครจำพวกเราได้หรอกนะ?” หลินเฟิงถามอีก

ป๋อจิ่วเหลือบมอง “พี่รู้ตัวช้าจัง”

“เฮ้ย ทำไงดีล่ะ” หลินเฟิงไม่อยากโดนวิ่งไล่ตาม ยิ่งตอนนี้สภาพของเขายังไม่ดีอยู่ด้วย

ป๋อจิ่วเหยียดตัวตรง “พอถึงเวลาตรวจตั๋วเข้าโรงหนัง ก็จะไม่มีใครจ้องพี่อีก”

หลินเฟิงรู้สึกว่าความคิดของเธอใช้ได้ แถมพอนั่งลง ย่อมต้องเหมือนคนอื่นๆ แน่

ทว่าเมื่อผ่านไปครึ่งนาที ก็รู้สึกถึงสิ่งทีผิดปกติ

เพราะแถวที่นั่งนั้นมีแค่คู่ชายหญิง มีแค่เขากับอวิ๋นหู่ที่เป็นคู่ชายชาย

เขายังรู้สึกด้วยว่าสาวสองคนที่นั่งข้างหน้าชอบหันหลังมาดูพวกเขา เขาช่างใสซื่อจริงๆ ทำไมถึงไปเชื่อคำพูดเจ้าแบล็กไปได้!

นี่เหรอที่บอกว่าไม่มีใครจ้อง?

หลินเฟิงอยากจะกลบเกลื่อนความรู้สึกกระอักกระอ่วน จึงยื่นมือกะจะคว้าป๊อปคอร์นเข้าปาก แต่ใครจะคิดล่ะว่าเขาจะเผลอจับมืออวิ๋นหู่โดยบังเอิญ จึงสะดุ้งราวกับสัมผัสโดนกระแสไฟฟ้า รีบอธิบายว่า “เอ่อ ฉันแค่อยากกินป๊อปคอร์น”

“ฉันรู้” อวิ๋นหู่พูด แต่ไม่ปล่อยมืออีกฝ่าย แถมยังประสานนิ้วกับหลินเฟิงด้วย

ในโรงหนังมืดมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ไม่มีใครเห็นสิ่งที่พวกเขาทำกัน

แต่หลินเฟิงรู้สึกว่าความอบอุ่นที่ประสานมือกันร้อนขึ้นทุกที ร้อนจนเขาต้องเบือนหน้าออกไป หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็น หรือแค่คิดว่าพวกเขากำลังประสานมือกัน

คนทั้งหกต่างดูหนังไม่รู้เรื่อง ฉินมั่วเอามือทาบหลังป๋อจิ่ว เล่นเส้นผมเธอเหมือนจงใจแต่ก็เหมือนเผลอ

จู่ๆ ก็เอียงตัวมาหาเธอเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นได้ พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ต่อไปเวลามาดูหนัง พวกเรามากันแค่สองคนเถอะ”

ป๋อจิ่ว “หือ?” เลิกคิ้วนิดๆ เหมือนถาม

ฉินมั่วตอบอย่างมีจังหวะจะโคน ยกขวดน้ำขึ้นดื่มอย่างสง่า “เอาก้างขวางคอมาเยอะขนาดนี้ ทำอะไรก็ไม่สะดวก แต่ไม่จำเป็นหรอก บางอย่างเราทำที่บ้านดีกว่า เพราะที่บ้านมีแค่เธอกับฉันสองคน จะทำอะไรก็ได้…”

……………………………………………..

ตอนที่ 1956

สามคู่ชู้ชื่น

ป๋อจิ่วชะงัก หันไปไอเบาๆ คนที่หน้านิ่งพูดเรื่องแบบนี้ได้คงมีท่านเทพแค่คนเดียว

แม้ทั้งสองจะไม่ได้จับมือกัน แต่ฉินมั่วกลับแกะอมยิ้มให้ส่งให้ถึงปากป๋อจิ่ว

ลั่วลั่วคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งคนที่หยิ่งยโสจนไม่เห็นคนอื่นในสายตาจะทำอะไรแบบนี้เป็น แถมไม่ขัดกับบุคลิกตัวเองสักนิด แถมสองคนนี้อยู่ด้วยกันยังดูเหมาะสมกันอีกต่างหาก

ป๋อจิ่วสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำเหมือนพวกพังก์ ดูเท่เหลือเกิน

และเมื่อมองดูเช่นนี้ มือขวาของลั่วลั่วก็เผลอไปโดนไหล่ของเซียวจิ่งเข้าพอดี

เซียวจิ่งเอียงศีรษะ พูดน้อยเหมือนเดิม “ป๊อปคอร์น?”

ลั่วลั่วโบกมือปฏิเสธ เธอรู้จักกับเขามาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกระอักกระอ่วน

คงเพราะเพิ่งเจอกับเรื่องนัดดูตัว ทำให้เธอจนปัญญาจะมองหน้าเขา

อันที่จริงหากได้อยู่ข้างตัวผู้ชายคนนี้ ย่อมยากที่จะมองผู้ชายคนอื่น

เมื่อก่อนเขาชอบสวมชุดทีม แต่เดี๋ยวนี้เขากลับสวมเสื้อกาวน์ตัวยาวสีขาว

ลั่วลั่วรู้ดีถึงความแตกต่างระหว่างเธอกับเขา นับตั้งแต่เธอรู้ประวัติครอบครัวชายหนุ่มก็ไม่ละเมอเพ้อพกคิดเรื่องอื่น แต่หากเทียบกับสถานะครอบครัวที่น่าตกใจของชายหนุ่มแล้ว ประวัติการศึกษาของเธอออกจะน่าหดหู่ น้อยคนที่อายุเกิน 20 ปีแล้วจะเล่นกีฬาชนิดนี้ได้ดีอีก เธอเข้าวงการเร็วเกินไป ตอนนั้นเป็นเพราะความชอบแท้ๆ ทำให้เธอเลิกคิดเรื่องเรียนเพื่อจะเข้าทีมอาชีพให้ได้ แต่เมื่อได้สัมผัสกับตัวเอง ถึงได้รู้ว่ามีเด็กใหม่ๆ เข้ามาไลฟ์สดและเข้าคลับลีกส์อาชีพมากมาย

เธอเล่นได้ไม่เลวก็จริง แต่ก็อุตส่าห์ฝึกซ้อมนานกว่าเพื่อนเพื่อที่จะได้โดดเด่นกว่าคนอื่น ไม่เพียงแต่เธอ คนส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นเช่นนี้

คนนอกไม่ข้าใจว่าพวกเธอกดดันที่ตรงไหน ในเมืองเล็กๆ อาชีพที่เกี่ยวกับโลกออนไลน์ยังไม่เจริญมาก ฉะนั้นไม่ว่าจะพัฒนาขนาดไหน ในสายตาของผู้คนก็เห็นแค่ว่าเราเล่นเกมบ้าๆ บอๆ เท่านั้น

หากเทียบกับคนรุ่นเดียวกันที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ การเล่นเกมระดับลีกส์อาชีพถือเป็นเรื่องฝันกลางวัน

เวลานั้นไม่เหมือนตอนนี้ที่เรายังได้เงินเดือนประจำ

ด้วยเหตุที่ยังไม่ได้ลงแข่งขัน หลายๆ คนบอกตัวเองว่าต้องสู้ให้ได้ ขอแค่ผ่านมันไปก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้แล้ว

ลั่วลั่วไม่เคยกล่าวโทษการตัดสินทำเรื่องบางอย่างของเด็กสาวบางคน คนที่ไม่เคยผ่านมาก่อนย่อมไม่เข้าใจว่าพวกเธอต้องแบกรับแรงกดดันมากแค่ไหน ทั้งยังคิดเพียงอย่างเดียวว่าต้องสู้ต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ

เมื่อมาถึงสนามแข่ง เหล่าแฟนคลับจะเห็นเพียงด้านที่สดใสที่สุดของเรา

พวกเธอต้องซ้อมมากกว่าสิบชั่วโมงต่อวัน แต่ละสนามแข่งล้วนมีข้อมูลบันทึกเอาไว้

เราจะต้องอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด เกมเมอร์ที่ซ้อมร่วมกันในจำนวนกว่าห้าสิบคน จะเหลือแค่คนสองคนที่เป็นตัวสำรองในท้ายที่สุด ส่วนคนที่เหลือจะได้รับเงินซื้อตั๋วรถไฟกลับบ้าน นี่แหละคือชีวิตที่แท้จริงของพวกเธอ

เธอกับเขาเหมือนอยู่กันคนละโลก เขาคือคนที่เล่นเกมทั้งยังทำวิจัยได้ กระทั่งยังสร้างผลงานเป็นเลิศให้วงการแพทย์ได้อีก

เธอชอบเงินมาก เพราะหากไม่มีเงินก็จะไม่มีความรู้สึกปลอดภัย แต่เขาสิไม่เคยขาดเงิน เป็นคนที่เก่งกาจเหนือใคร

ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดจะบอกรักเขา

จำได้ว่าเมื่อแข่งชิงแชมป์ประเทศครั้งแรกแล้วทีมเซียงหนานชนะ เธอเคยไปหาเขาที่มหาวิทยาลัย ทว่า…

…………………………………………..

ตอนที่ 1952-2

องครักษ์พิทักษ์คนสวย

หลายคนเกาะกระแสทันที ส่วนมากจะถามรายละเอียด

ในวงการนี้มักมีคนชอบให้คำตอบมากมาย มีผู้หญิงคนหนึ่งในทีมกระโดดออกมาทำเหมือนไม่รู้เรื่อง ‘มิน่าล่ะ คืนนั้นพี่ลั่วถึงไม่ไปกับพวกเรา ที่แท้ก็มีนัดนี่เอง น่าแปลกจัง ท่าทางพี่ลั่วไม่ได้เป็นคนแบบนั้นซะหน่อย ว่าละ โบราณว่าไว้ว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ’

จนถึงตอนนี้ ลั่วลั่วยังไม่รู้ว่าเวลานั้นมีคนแอบว่าเธอมากแค่ไหน แต่ทุกการแข่งเธอมักจะได้รับสายตาแปลกๆ

สายตาเหล่านั้นเอาแต่จับจ้องจนเธออยากจะพูดอะไรบ้าง ทว่าในขณะเดียวกันเธอก็รู้ดี ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่มีใครฟัง เพราะพวกเขาจะถามกลับว่าทำไมถึงไม่พูดออกมาในตอนนั้น แถมยังว่าด้วยว่าถ้าไม่ยอมก็อย่าไป หรือบ้างก็บอกว่าเธอทำเพื่อเงิน ไม่งั้นต้องออกมาแฉนานแล้วเป็นต้น

นับตั้งแต่เกิดเรื่องจนลาออกจากทีมนั้น เธอต้องเจอวันเวลาแห่งความหดหู่ถึงสามเดือน แต่ก็ไม่คิดจะท้อถอย เวลาอยู่คนเดียวเธออยากร้องไห้ แต่เธอจะร้องไม่ได้ เพราะหลายคนจับจ้องอยู่ รอให้เธอแพ้ชนิดลุกไม่ขึ้น แม้พวกเขาจะมาแทนที่เธอไม่ได้ แต่ก็ยังเอาเรื่องเธอมานินทาได้ เพราะถือว่าเป็นศัตรูของพวกเขา

เวลาไลฟ์สด คำด่าก็จะกระจายเต็มหน้าจอ ถึงแม้เป็นอย่างนั้น แต่เธอยังต้องไลฟ์สดตรงตามเวลา ไม่อย่างนั้นจะโดนหาว่าวัวสันหลังหวะ ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น

เรื่องนี้ติดตัวเธอจนมาเข้าทีมเซียงหนาน

หลังจากที่ผลการแข่งออกมา สถานการณ์ก็ดีขึ้น ลั่วลั่วยังคิดว่าในที่สุดเธอก็พิสูจน์ตัวเองได้สักที แต่เวลานี้มันกลับไม่ใช่ ผู้คนยังเห็นแต่สิ่งที่ตัวเองอยากจะเห็น

ห้วงเวลาดังกล่าว ลั่วลั่วคิดว่าเธอจะสู้เพื่ออะไร การจะยอมรับว่าตัวเองเล่นเกมบ้าๆ มันยากเหลือเกิน การจะถือว่าการเล่นเกมเป็นอาชีพก็ช่างลำบากเกินทน

แล้วจะทำยังไงได้ ไม่มีใครเชื่อว่าเรารักมันจริงๆ

ชายคนนั้นเห็นลั่วลั่วหน้าซีดก็ยิ่งได้ใจ “ถึงได้บอกว่าอย่าทำตัวโอหังนัก เรื่องของคุณน่ะเล่าลือกันจนคนเขาเบื่อหมดแล้ว ยังทำตัวเป็นนางฟ้าอีก โดนคนแย่ง…”

ทว่าครั้งนี้เขายังพูดไม่ทันจบ น้ำเสียงเนิบนาบก็แทรกกลางขึ้นมา “เขาเป็นนางฟ้ามานานแล้ว”

ป๋อจิ่วนั่นเอง เธอเดิมล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามา เสี้ยวหน้าหล่อเหลา ไม่เห็นความเป็นผู้หญิงเลยสักนิด

ทว่าเส้นผมยุ่งๆ นั่นกลับเข้ากันกับเสื้อกันลมตัวดำ ทำให้รู้สึกถึงอำนาจบารมีที่โจมตีเข้ามาหา เธอพาดแขนบนไหล่ลั่วลั่วราวกับเป็นองครักษ์พิทักษ์คนงาม เท่สุดๆ

“คุณคนนี้คงเข้าใจฐานะของตัวเองผิด อันดับแรก คุณยังสูงไม่เท่าฉันเลย ไม่เหมาะกับเทพลั่วแน่นอน ข้อที่สอง ฝีมือของลั่วลั่วติดอันดับท็อปของประเทศ เขาเคยเป็นตัวแทนประเทศ ได้แข่งกับทีมญี่ปุ่น ไม่ได้เล่นเกมบ้าบออย่างที่คุณพูด นอกจากนี้ ถ้าการที่คนเราหน้าตาดีถือเป็นกรรม งั้นพวกเราก็จนปัญญาละ เพราะคุณคงรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ไม่ได้ คนเราขี้เหร่ยากจนก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พอได้ยินคนเขาว่าไม่เหมาะสม ก็โจมตีความเป็นคนของเขาแทน เอ่อ คุณจางใช่ไหม? แม่คุณไม่เหมือนคนทำงานด้านการศึกษาเลยนะ เพราะแค่เรื่องพื้นฐานคุณยังไม่รู้เลย ถึงคุณจะไม่ชอบบางอาชีพ แต่ก็อย่าดูถูกคนอื่นเขาสิ”

………………………………………..

ตอนที่ 1953

ฮีโร่รูปหล่อมาช่วยคนสวยแล้ว

ชายคนนั้นถูกยั่วให้โมโหจนใบหน้าเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์

เขาโดนยกยอจนเคยชิน ไม่เคยเจอะเจอกับเหตุการณ์แบบในตอนนี้ เขายังได้ยินเสียงนินทารอบด้านเหมือนกำลังด่าทอเขา ชายคนนั้นอับอายจนโมโห “คุณลั่ว ตลกจริงนะ ในเมื่อมีผู้ชายของตัวเองอยู่แล้วจะมานัดดูตัวทำไม”

ป๋อจิ่วที่นัยน์ตาโค้งเป็นรอยยิ้มกลับกลายเป็นหรี่ตาลง เข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย ยิ้มให้อย่างร้ายกาจ “ท่าทางคุณจางจะสายตาไม่ดี ดูยังไงว่าฉันเป็นผู้ชาย? แต่ก็จริง เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ตัวสูงสู้ผู้หญิงไม่ได้ จะดูไม่ออกก็ไม่แปลก”

“แก!” ชายคนนั้นเกลียดที่สุดเวลามีคนว่าเขาเรื่องความสูง แทบจะฉีกเนื้ออีกฝ่าย แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากแถวๆ นั้นก็เอ่ยเสียงหนัก “สมัยนี้ก็ประหลาดเนอะ พวกไม่ใช่ผู้ชายแล้วก็ไม่ใช่ผู้หญิงมีเยอะมาก คิดๆ ดูแล้วก็มีแต่แบบคุณลั่วนั่นแหละที่เหมาะสมกับนาย”

ลั่วลั่วแววตาเปลี่ยนไปเมื่อได้ยิน เธอก้าวเดินไปหา แต่กลับโดนฉุดข้อมือจากด้านหลัง

จากนั้นแผ่นหลังพลันกระแทกเข้ากับอ้อมแขนที่มีกลิ่นน้ำยาทดลอง กลิ่นนั่นคุ้นจมูกมาก เธอจะได้กลิ่นมันทุกครั้งที่เจอปัญหาในระหว่างการฝึกซ้อม ชายหนุ่มจะกำเมาส์ของเธอจากด้านหลังเพื่อแสดงการเล่นที่แม่นยำให้เธอดู

ลั่วลั่วมองนิ้วมือของชายหนุ่มที่กำลังจับเธอโดยอัตโนมัติ แม้จะอยู่ด้วยกันบ่อยๆ แต่ไม่เคยใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน

หญิงสาวก้มหน้า เส้นผมไล้ที่ข้อมือเขา ส่งผลให้ตัวเกร็งทื่อ

เขามาที่นี่ได้ยังไง? แล้วได้ยินมากแค่ไหน? เห็นตลอดเหตุการณ์เลยหรือเปล่า?

ลั่วลั่วไม่อยากให้เขาเห็นเธอในสภาพอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตาม

“ที่เธอบอกว่ามีธุระ นี่เหรอธุระเธอ” เซียวจิ่งยังสวมชุดกาวน์ตัวยาวสีขาว น่าจะเพิ่งออกจากห้องวิจัยมา ชายหนุ่มเอียงศีรษะ เสี้ยวหน้าดูสง่าหล่อเหลา

ลั่วลั่วรู้สึกถึงเรียวปากบางของอีกฝ่ายที่เข้ามาใกล้ตัว ชะงักเล็กน้อย “ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ”

เซียวจิ่งมองเธอด้วยแววตาลุ่มลึก ไม่ได้พูดอะไรและไม่ปล่อยมือเธอไป จากนั้นหันไปจ้องผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ

ชายคนนั้นตอนแรกยังเดือดดาลหนัก ทว่าพอเห็นหน้าตาของเซียวจิ่งชัดก็ชะงักงัน ไม่ใช่เพราะอะไร ต่างก็ทำงานด้านวงการแพทย์เหมือนกันทั้งนั้น ทว่าความแตกต่างอยู่ตรงที่พวกเขาต้องพยายามยื้อแย่งกันเพื่อฟังอีกฝ่ายสอน

ผู้ชายคนนี้อายุน้อยๆ ก็ได้เป็นศาสตราจารย์แล้ว เรียกว่าแทบจะหาคนแบบนี้ในประเทศจีนไม่ได้อีก

เขาคนนี้นี่แหละที่ทำการวิจัยด้านการแพทย์ได้เยี่ยมยอดมาก แถมที่สุดยอดไปกว่านั้นก็คือ ฝีมือการปลูกถ่ายอวัยวะของเขาถือว่าอยู่ในระดับโลกเลยทีเดียว

ชายคนนั้นคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าในหมู่คนเล่นเกมจะมีคนเก่งสุดยอดแบบนี้ด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยรับรู้ข่าวในวงการอีสปอร์ตเลย ไม่งั้นคงไม่รู้ว่าคนที่ตนอุตส่าห์ประจบประแจงจะเป็นหัวหน้าทีมเซียงหนาน

“อาจารย์เซียว…” ชายคนนั้นยิ้มเจื่อน พยายามจะแก้ตัว “เข้าใจผิดน่ะครับ เข้าใจผิดจริงๆ”

เซียวจิ่งช้อนสายตามอง คนที่พูดน้อยอย่างเขากลับเอ่ยขึ้นในตอนนี้ว่า “เข้าใจผิดจริงๆ ด้วย ที่ลั่วลั่วมาพบคุณก็เป็นเพราะเขาไม่ได้บอกกับทางบ้านไว้ ไม่งั้นคุณคิดว่าทำไมเขาถึงไม่มาหาผม แต่กลับมาพบคุณได้?”

…………………………….

ตอนที่ 1954

ตบหน้าผู้ชายคนนั้น

หากเมื่อครู่บอกว่าสีหน้าของชายคนนี้มีหลากหลายอารมณ์น่าชม

ตอนนี้เขาก็หน้าแข็งจนยิ้มไม่ออก

คนที่มีตาต่างมองออกว่าชายทั้งสองต่างกันมากแค่ไหน ต่อให้เป็นคนไม่เล่นเกมก็ยังเห็นถึงความแตกต่างที่ว่า

อุตส่าห์มีแฟนหล่อเหลาแล้วก็ไม่ต้องออกมาดูตัวหรอก แถมเซียวจิ่งที่สวมแว่นตากรอบทองและใส่ชุดกาวน์สีขาวในเวลานี้ ยิ่งเหมือนคุณหมอที่ออกมาจากการ์ตูน ทำให้คนรู้สึกถึงบุคลิกที่เลอเลิศ เหมาะสมกับลั่วลั่วที่เขากุมมืออยู่ชนิดที่เรียกได้ว่าหนุ่มหล่อสาวสวย

ไม่ว่าจะส่วนสูงหรือหน้าตา ล้วนแต่ทำให้คนตรึงตราตรึงใจ ราวกับมีเพียงผู้ชายคนนี้เท่านั้นที่จะเอาความสวยของลั่วลั่วอยู่

ถึงได้บอกว่าผู้หญิงหน้าตาสวยไม่ใช่กรรม แต่ต้องดูว่าจะเข้าคู่กับใคร แถมหลังจากที่เซียวจิ่งพูดจบก็ไม่ได้มีเพียงแค่เขาที่ยืนข้างเธอ กระทั่งหลินเฟิง อวิ๋นหู่ และฉินมั่วยังเดินเข้ามายืนข้างเธอด้วย บวกกับเด็กผมสีเงินอย่างป๋อจิ่วอีกคน

ทั้งหมดยืนเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน หน้าตาครบทุกสไตล์ บรรยากาศที่นั่นโดดเด่นยิ่งกว่าดารามารวมตัวกันเสียอีก แค่ใบหน้าของฉินมั่วก็เรียกเสียงกรี๊ดได้แล้ว

น่าเสียดายที่วันนี้เขาสวมผ้าปิดปาก ไม่อย่างนั้นคงสะกดได้ทุกสายตา

“สวรรค์ นั่นเทพฉินนี่!”

“ว้าว ฉันได้เห็นเขาแล้วในที่สุด แถมยังมีคู่เฟิงอวิ๋นกับแบล็กพีชด้วย”

“เท่อะ ได้เห็นท่านเทพของฉันตั้งเยอะขนาดนี้ โชคดีจนอยากเป็นลม”

“บอกตรงๆ ท่าทางแบบนี้ ช่วยหาเสียงให้เจ้ลั่วคนสวยชัดๆ เมื่อกี้ฉันก็อยากจะพูดอยู่แล้วเชียว ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกเทพลั่ว ใครบ้างที่ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น แต่จากคำพูดของเขาก็พอจะมองออกมาเป็นพวกถือตัวเองว่าเป็นชายแท้อย่างบ้าๆ แถมยังเป็นลูกแหง่ติดแม่ เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ดันให้ผู้หญิงหาเงิน แถมพูดอย่างกับตัวเองดีเลิศเลอ รังเกียจการศึกษาของผู้หญิง เทพลั่วก็ช่างมีการอบรมดี ถ้าเป็นฉันละก็นะ รับรองเอากาแฟสาดหน้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าคนที่เชื่อถือผู้ชายคนนี้คิดอะไรกันแน่”

“เดาว่าวันนี้เขาได้เจอเทพเซียว คงโดนตบหน้าจนเจ็บระบม”

ชายที่มาดูตัวได้ยินเสียงวิจารณ์รอบด้านจึงหันมามองคนกลุ่มนี้ และรู้สึกร้อนฉ่าที่หน้าโดยพลัน เพราะแต่ละคนที่ยืนอยู่ล้วนสูงกว่าเขาถึงหนึ่งช่วงศีรษะ จึงคิดจะเดินหนีไป

ทว่าเซียวจิ่งไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป ช้อนตามอง “อีกอย่าง รบกวนคุณจากทำความเข้าใจเสียใหม่ ที่ลั่วลั่วมาถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะเธอตั้งใจกว่าทุกคน เวลาที่ผู้หญิงคนอื่นนัดไปกินข้าวเธอก็นั่งฝึกซ้อม เวลาผู้หญิงคนอื่นไปช้อปปิ้งเธอก็ไปแข่ง เธอเป็นนักเวทที่เก่งที่สุดในทีมเซียงหนาน ไม่มีใครเทียบได้ เวลาไปแข่งที่เมืองนอก ต่อให้มีแรงกดดันถาโถมนับไม่ถ้วนเธอก็ไม่เคยล้มเลิก เพราะอยากเห็นธงชาติจีนโบกสะบัดเหนือประเทศอื่น เวลากรรมการลืมเปิดเพลงชาติจีนเธอก็เป็นคนไปเตือน เธอไม่ได้เล่นเกมบ้าๆ บอๆ แต่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เล่นนักเวทได้จนติดบอร์ดโลก ต่อให้เธอไม่เล่นกีฬาประเภทนี้ต่อไป เธอก็สมควรจะได้รับความเคารพจากคนอื่น เธอที่เป็นแบบนี้ ขอโทษนะที่พูดตรงๆ คุณไม่มีสิทธิ์รังเกียจ”

แต่ละตัวอักษรดังขึ้นข้างหูลั่วลั่ว ทำให้ความขัดเคืองเมื่อครู่ก็ดี ความน่าน้อยใจเมื่อครู่ก็ดี เหมือนจะสลายหายไปในเวลานี้

ขอแค่มีคนเห็นความตั้งใจและความรักในอาชีพของเธอก็พอแล้ว

………………………………….

ตอนที่ 1951-1

ป๋อจิ่วแนะกลยุทธ์ให้หลินเฟิง

เหราหรง  “เสียงดังชัดมาก อุตส่าห์ยอมเป็นเกย์เพื่อนาย”

โคโค่ “บอกรักสำเร็จแล้ว ควรจะเลี้ยงซักมื้อไหมอะ”

อินอู๋เย่า “เราสู้เด็กสมัยใหม่ไม่ได้จริงๆ”

หลินเฉินทาว “ยอมเป็นเกย์เพื่อนาย วันนี้เปิดประโยคนี้วนไปเลย”

เฟิงซ่าง “เปิด เปิดวนด้วย +1”

มือถือในกระเป๋าสั่นอยู่นั่น หลินเฟิงรู้ทันทีว่าในกรุ๊ปวีแชทว่ากันยังไงโดยไม่ต้องเปิดดู อยากร้องตะโกนออกมา

ในฐานะที่เป็นเพื่อนสุดสนิท ป๋อจิ่วย่อมไม่ยอมปล่อยหลินเฟิงผู้ที่น่าเอ็นดูไปอยู่แล้ว “จะเป็นเกย์ทั้งทีก็ไม่สำเร็จ งั้นวันนี้ให้จับเทพอวิ๋นล้างตัวให้สะอาดแล้วส่งเข้าห้องนายดีไหม”

หลินเฟิงไม่อยากพูด หันหน้าไป เริ่มใจเย็นขึ้น

ป๋อจิ่วกระโดดลงจากบันไดมา ชายเสื้อปลิวสะบัด ก่อนยื่นมือมาตบบ่าอีกฝ่าย เอ่ยเสียงต่ำว่า “ลองคิดถึงความแตกต่างระหว่างรุกเองหรือจะเป็นฝ่ายรับ มันเป็นการตัดสินตำแหน่งของเราเวลาอยู่บนเตียงเชียวนะ อย่าหาว่าเพื่อนสุดสนิทของนายไม่ช่วย บอกเลยว่าถ้านายเป็นคนนัดก่อน นายจะได้อยู่ด้านบนแน่…”

หลินเฟิงยังปรับอารมณ์ไม่ได้ก็ถูกกรอกหูเสียแล้ว สวมควรตายที่สุด แต่เขาฟังไปจนหมดแล้ว!

“เอ๊ะ เจ้าแบล็ก นายเป็นผู้หญิง แต่มาคุยเรื่องแบบนี้กับฉัน มันใช่ไหมเนี่ย?” เสียงพูดของหลินเฟิงยังเบาเหมือนเดิม

ป๋อจิ่วหัวเราะเสียงเบา “ก็โตๆ กันแล้ว นายอยากจะเปลี่ยนจากฝ่ายรับมาเป็นฝ่ายรุกไหมล่ะ?”

หลินเฟิงสูดลมหายใจลึก “อยาก”

“งั้นก็โอเค” ป๋อจิ่วดึงมือกลับมา “เอาละ ลองวางแผนจริงๆ จังๆ กันหน่อย ถ้าไม่เข้าใจก็ส่งวีแชทหาฉัน ตอนนี้พวกเราไปดูหนังก่อนเถอะ”

หลินเฟิงก้มหน้าอ่านกรุ๊ปวีแชทของทีมที่รุมว่าหลินเป็นฝ่ายรับกันใหญ่ จากนั้นจึงมองอวิ๋นหู่อย่างตัดสินใจได้

อวิ๋นหู่ไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคุยกัน เพราะประโยคที่ว่า ‘ฉันอุตส่าห์ยอมเป็นเกย์เพื่อนาย นายก็ต้องให้เวลาฉันทำใจบ้างสิ” มันมากพอจะทำให้เขาดีใจจนไม่ได้ยินสิ่งใดอีก

หากไม่ใช่ว่าข้างๆ มีคนอยู่ด้วย เขาคงดันอีกฝ่ายติดกำแพงแล้วจูบให้หนำใจไปแล้ว

ฉินมั่วพอจะเดาออกว่าป๋อจิ่วพูดอะไรบ้าง จึงหันไปขยี้ศีรษะอีกฝ่ายหลังจากเจ้าหล่อนเดินกลับมาอยู่ข้างตัว “ได้ทะเล้นแล้วดีใจงั้นสิ?”

“จะเรียกว่าทะเล้นได้ยังไง ฉันกำลังช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาต่างหาก ไม่งั้นเมื่อไรจะได้เห็นฝ่ายรับหลินเจ็บเอวล่ะ” ป๋อจิ่วพูดเป็นจริงเป็นจัง แต่แววยิ้มในดวงตากลับเผยความร้ายกาจของเจ้าตัว

หลินฝ่ายรับคงไม่มีวันเข้าใจ ใครเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าย่อมเป็นผู้กำหนดตำแหน่งต่างหาก คนอย่างอวิ๋นหู่ไม่มีวันอยู่ด้านล่างแน่ ไม่มีวันชัวร์

หลินฝ่ายรับช่างบื้อแบ๊ว แต่เมื่อเห็นเขาพยายามจะเปลี่ยนตัวเองก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกไม่น้อย

เมื่อคนทั้งสี่เดินออกมาจากประตูหนีไฟ ก็มีคนข้างหลังเดินชนหลินเฟิงด้วยมองไม่เห็น ทว่ากลับไม่กล่าวคำขอโทษ เดินตรงต่อไปข้างหน้าเลย

หลินเฟิงเลิกคิ้วกำลังจะเรียกให้มาขอโทษ แต่กลับเห็นชายคนนั้นลากเก้าอี้มานั่งตรงกันข้ามกับเจ้ลั่วคนสวย  มุมที่นั่งอยู่ทำให้คนข้างในไม่อาจเห็นข้างนอกได้ แต่สี่คนที่อยู่ข้างนอกสามารถเห็นด้านใน

ป๋อจิ่วเห็นแล้วเลิกคิ้วขึ้น “อะไรเนี่ย?”

“ไม่เห็นในกรุ๊ปท่านเทพเหรอ?”  หลินเฟิงเหลียวมอง “ลั่วลั่วกำลังนัดดูตัว”

นัดดูตัว?

 …………………………………..

ตอนที่ 1951-2

ป๋อจิ่วแนะกลยุทธ์ให้หลินเฟิง

ป๋อจิ่วชะงัก รู้ทันทีว่าคงไม่มีใครอยากให้คนอื่นเห็นสถานการณ์แบบนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ลูกผู้หญิงไม่อยากประสบพบเจอมากที่สุด โดยเฉพาะผู้หญิงประเภทเจ้ลั่ว

เธอก้าวเท้าจะเดินผ่านไป แต่คำสนทนากลับลอยเข้าหู

ผู้ชายคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่จืดชืด ทว่าน่าจะมีฐานะ พอนั่งลงก็เอ่ยขึ้นว่า “แม่สื่อพูดจริงไม่ได้โม้เลย คุณลั่วสวยมาก สูงอีกต่างหาก เหมาะกับผมจริงๆ”

ลั่วลั่วยิ้มให้โดยไม่พูดอะไร เธอมองไม่ออกจริงๆ ว่าคนสูง 168 จะเหมาะกับคนสูง 169 เซนติเมตรที่ตรงไหน หรือว่าต่างกันแค่หนึ่งเซนฯ ก็ถือว่าเหมาะกันแล้ว?

ทว่าเธอยังรักษามารยาทที่มักปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าไว้

ชายคนนั้นดื่มน้ำ แต่สายตาไม่ละไปจากตัวลั่วลั่ว ทั้งยังมองสำรวจเธอทั่วตัว “แต่ผมไม่เหมือนกับคนอื่น ผมไม่ดูหน้าตา เน้นที่บุคลิกกับการศึกษา ได้ยินว่าคุณลั่วเรียนไม่สูงสักเท่าไรใช่ไหมครับ?”

“อื้ม” ลั่วลั่วคิดว่าเธอจะกลับเมื่อไรดี

ชายคนนั้นย่นหัวคิ้ว “ถึงได้ไปเล่นเกมล่ะสิ แม่สื่อบอกผมแล้วว่างานหลักของคุณคือเล่นเกม”

ลั่วลั่วมือแข็งเกร็ง ช้อนสายตามอง “อีสปอร์ตค่ะ”

“ใช่ อีสปอร์ต” ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่ชายคนดังกล่าวกลับทำหน้าแบบว่าไม่เห็นจะต่างกันเลย “การงานของครอบครัวค่อนข้างใหญ่โต ก่อนมาคุณคงได้ศึกษามาบ้าง แม่ผมทำงานด้านการศึกษา แถมยังมีความคิดเปิดกว้าง แต่เรื่องเล่นเกมเหมือนจะเหมาะกับผู้ชายมากกว่า เพราะวงการนี้เน้นขายหน้าตากับอายุ ได้ยินว่าในทีมคุณไม่มีลูกทีมผู้หญิงเลยใช่ไหมครับ?”

ลั่วลั่วตอบแค่ “ใช่ค่ะ”

“งั้นก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนะ” สายตาที่มองลั่วลั่วแฝงบางอย่างราวกับกำลังสอบสวน ทั้งยังเหมือนเตือนอยู่ในที “การรักษาระยะห่างกับคนต่างเพศเป็นสิ่งสำคัญ”

ลั่วลั่วเลิกคิ้ว เธอดูสวยเป็นพิเศษในเวลาที่เฉยเมย “คุณจางหมายความว่าไงคะ?”

“คุณลั่วอย่าเข้าใจผิด ผมแค่ถามไปงั้นๆ” อีกฝ่ายยิ้ม ทำเหมือนมีอารมณ์ขัน

ลั่วลั่วหันไปส่งข้อความให้แม่สื่อ “เราไม่เหมาะสมกัน” จากนั้นจึงลุกขึ้น

แต่ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะพูดออกมาอีก “ได้ยินมาว่าคุณเล่มเกมทำเงินได้เยอะมาก แม่สื่อก็บอกผมเหมือนกัน อันที่จริงผมไม่ชอบให้ผู้หญิงออกไปเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอกเท่าไร แต่ผมให้เกียรติผู้หญิงที่ทำงานได้ ถึงงานคุณจะไม่เป็นหลักเป็นฐานสักเท่าไร แต่ยังดีที่แม่สื่อบอกว่าคุณจะลาออกแล้ว ลาออกก็ได้ ผมเห็นหลายคนที่เล่นลีกส์อาชีพ พอเลิกเล่นแล้วก็ไลฟ์สดเล่นเกมอยู่ในบ้าน หาเงินได้เยอะเหมือนกัน ขอแค่คุณระวังเรื่องการแต่งตัวเวลาไลฟ์สดหน่อยก็แล้วกัน

ผมเป็นคนใจกว้าง เรื่องในบ้านพอจะทำความเข้าใจกันได้ สำหรับงานผมคุณก็คงเข้าใจดี อย่างป้าสะใภ้คุณที่มาจากตำบลนั่นน่ะก็มารักษากับผม ผมมีห้องสามชุดอยู่ในเมืองนี้ มีชุดหนึ่งที่เอาไว้อยู่หลังแต่งงาน คุณตกแต่งได้ตามใจชอบเลย ปกติแล้วค่าตกแต่งฝ่ายหญิงต้องเป็นคนออก คุณเล่นเกมมาตั้งหลายปีน่าจะเก็บเงินได้เยอะ เรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหา ขอแค่ใจกว้างหน่อย

ผมออกจะสนใจตัวคุณนะ ส่วนเรื่องอื่นผมจะไปคุยกับแม่เอง คุณก็รู้นี่ว่าในสายตาของคนที่ทำงานด้านการศึกษาน่ะ วุฒิการศึกษาถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพวกเราก็ไปดูของกันหน่อย จะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น…”

“ขอโทษนะ”

…………………………………….

ตอนที่ 1952-1

องครักษ์พิทักษ์คนสวย

ลั่วลั่วขัดคำพูดอีกฝ่าย ลุกขึ้นยืน “ฉันคิดว่าเราไม่ต้องทำความรู้จักกันให้มากขึ้นหรอกค่ะ พวกเราไม่เหมาะกัน”

ฝ่ายชายไม่คิดว่าตัวเองจะโดนปฏิเสธ สองตาเบิกกว้าง ก่อนจะหายใจลึก พูดเสียงดังว่า “ก็แค่เล่นเกมห่วยๆ จะโอหังอะไรให้มาก”

ลั่วลั่วหันมามองด้วยแววตาเย็นชา “ขอบอกคุณอีกครั้งนะคะว่า ฉันเล่นกีฬาอีสปอร์ตค่ะ”

ชายคนนั้นหัวเราะ แฝงความหยามใจไว้ “คุณลั่วคงไม่รู้ว่าผมทราบเรื่องของคุณมาหมดแล้ว ผู้หญิงที่ไม่มีสถานะอะไรเลยอย่างคุณ ได้มาเล่นลีกส์อาชีพจากการเล่นเกมบ้านๆ มาก่อน ก็เพราะกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า เดี๋ยวนี้ดังแล้วนี่ แต่ใครจะรู้ว่าคุณได้เงินมายังไง เลียนแบบเทคนิคคนอื่น เกาะพวกนักกีฬาลีกส์อาชีพตัวจริง แถมอาศัยว่าตัวเองหน้าตาดีเข้าหน่อยเลยเข้าตาพวกคนไฮโซ อย่ามาพูดเลยว่าเล่นกีฬาอีสปอร์ต พูดให้น่าฟังหน่อยก็แค่พวกหากินชั้นสูงที่เล่นเกมนั่นเอง”

ด้วยเหตุที่ลั่วลั่วหน้าตาดี ตอนเธอเข้ามาในร้านจึงมีผู้คนมองมากมาย แถมแค่เห็นแวบเดียวก็รู้ว่าสองคนนี้มาดูตัวกัน คนรอบข้างจึงสงสัยใคร่รู้

ดังนั้นเมื่อฝ่ายชายพ่นคำพูดออกมาเช่นนี้ ทุกสายตาจึงจับจ้องยังตัวเธอ มีบางคนที่ชอบเล่นเกมด้วย

ตำแหน่งที่เธอนั่งทำให้พวกเขาเห็นแค่แผ่นหลัง เวลานี้ได้เห็นหน้าตาครบถ้วน แววตาจึงฉายความอยากรู้อยากเห็น

“เทพลั่วนี่นา”

“ที่เขาว่ากันในเน็ตก็เป็นจริงน่ะสิ”

“ฉันว่าแล้ว มีผู้หญิงที่เล่นเกมคนไหนบ้างที่ไม่มีจุดประสงค์แอบแฝง”

“ก็ไม่ใช่ข่าวใหม่อะไรนี่ เรื่องแอบลอกเลียนแบบเทคนิคคนอื่นมา แถมเป็นเด็กของพวกไฮโซ”

“แต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เก่งเนอะ ไม่มีใครรู้เลย”

เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้น ลั่วลั่วหน้าซีด บางเรื่องไม่ว่าจะพูดหรือไม่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะคนเลือกเชื่อแต่ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

จนถึงตอนนี้ ลั่วลั่วก็ยังไม่ลืมถึงตอนที่เธอเข้าทีมอาชีพใหม่ๆ คนดังในวงการคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าชอบช่วยเหลือนักกีฬาหน้าใหม่นั่งอยู่ที่โต๊ะเหล้า พูดสื่อนัยว่าหากเธอยินยอม จะเอาเงินเท่าไร เส้นใหญ่แค่ไหนก็ย่อมได้

ด้วยนิสัยของเธอแล้ว ย่อมปฏิเสธแน่นอน เธอเอ่ยคำขอโทษก่อนจะเดินจากไป ทว่าคนคนนั้นเป็นคนในวงการ แถมทางคลับเป็นฝ่ายนัดแนะให้ เธอจึงสาดน้ำใส่หรือทำอย่างอื่นเหมือนในซีรีส์ไม่ได้

อันที่จริง ตอนนั้นลั่วลั่วกลัวเหมือนกัน เธอคิดไม่ถึงว่าวงการที่เธอรักจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย มือซ้ายยังสั่นเทาในระหว่างที่ปฏิเสธอีกฝ่าย เธอคิดว่าผู้จัดการทีมรู้เรื่องนี้แล้วจะเอาเรื่องผู้ชายคนนั้นเพื่อเธอ แต่ไม่คิดว่าผู้จัดการจะพูดเพียงว่า ‘ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน ลั่วลั่ว มันจะดีต่อเธอมากกว่า’

ลั่วลั่วไม่ยอมแพ้ ยิ่งมาได้ยินคนคนนั้นว่าเธอในอินเทอร์เน็ตว่า ‘ไม่มีมารยาท ฝีมือก็ธรรมดา’ เธอจึงโต้ตอบผ่านโลกออนไลน์ไปบ้าง แต่ฝ่ายนั้นกลับเปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ‘เป็นผู้หญิงก็ต้องอยู่ให้เรียบร้อยหน่อย ทำตัวเปรี้ยวแบบนั้น คนอื่นจะเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ก่อนหน้านี้แสร้งทำตัวเป็นคนเก่งแสนหยิ่ง แต่พอมาโต๊ะเหล้าก็เปลี่ยนไปทันที แต่งตัวโป๊ไม่พอ ยังยั่วยวนจนทำให้คนไม่สบายใจอีก’

……………………………………………….

ตอนที่ 1950-1

ยอมเป็นเกย์เพื่อนาย

เมื่อรู้ว่ามีคนเข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ หลินเฟิงรีบสวมผ้าปิดปาก หมุนตัวจะวิ่งหนี

แต่อวิ๋นหู่กลับขวางทางไว้ “ฉันไม่เคยมีแฟน” แววตาเขาหนักแน่น “ถ้านายยังไม่ตกลงเป็นแฟนฉัน ฉันก็จะไม่หาแฟนทั้งนั้น ไม่ว่าชายหรือหญิง ฉันคิดว่านายน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว”

หลินเฟิงได้ยินก็เหมือนจะทนไม่ไหว กระชากคอเสื้ออีกฝ่าย ผลักเข้าชนกำแพง “นายไม่มีแฟนเรอะ? แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ เป็นตัวปลอมงั้นดิ? อวิ๋นหู่ ฉันจะบอกอะไรให้ ไม่ว่านายจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็อย่าทำตัวชั่ว” ชายหนุ่มรุนแรงจนสาวน้อยด้านข้างตกใจ

“ฝ่ายรับหึงเหรอ?”

“ชัดเลย แต่ฝ่ายรับหึงได้เท่อะ”

“ยังไม่ทันเห็นหน้าตา เธอก็บอกว่าเท่แล้ว”

“รูปร่างกับบุคลิกดีจะตาย ต้องหล่อแน่นอน ยิ่งใส่ผ้าปิดปากแบบนี้ ยิ่งคุ้นหน้าแฮะ”

“เอาเหอะ อย่าพูดอีกเลย คิดถึงเทพบุตร 2D ของเธออีกแล้วล่ะสิ”

“แต่คุ้นหน้าจริงๆนะ”

หลินเฟิงได้ยินเสียงด้านข้างจึงสะบัดอวิ๋นหู่ออก “พวกเราไปหาที่เงียบๆ คุยกัน”

“ได้”

ว่าง่ายแบบนี้ ทำเอาหลินเฟิงถึงกับอึ้ง เขาอยากต่อยหน้าอีกฝ่ายจริงๆ อวิ๋นหู่เป็นอะไรไป ล้อเล่นกับความรักเหรอ?

การจะหาที่เงียบๆ ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ถือว่าไม่ง่าย

หลินเฟิงกระชากเพื่อนเดินตรงไปข้างหน้า สุดท้ายอวิ๋นหูเหลือบเห็นด้านข้าง “ทางซ้ายเป็นประตูหนีไฟ”

หลินเฟิงได้สติ เขาลากอวิ๋นหู่เข้าไปตรงทางเดินหนีไฟ เมื่อผลักประตูหนีไฟเปิด ตรงนั้นมีคนสูบบุหรี่อยู่สองคน เมื่อเห็นสภาพพวกเขาแล้วคิดว่าจะต้องมีเรื่องกันแน่ จึงรีบดับบุหรี่ก่อนจะเดินออกไป

หลินเฟิงสูดลมหายใจลึก กำลังจะพูดออกมา ทว่าอวิ๋นหู่กลับขัดขึ้นก่อน เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันดีใจมาก”

ดีใจ? หลินเฟิงยิ่งเดือดดาลหนักเข้าไปใหญ่ “นายยิ้มบ้าอะไร มีอะไรให้น่าดีใจ?”

อวิ๋นหู่มองเพื่อน แววตาลึกซึ้งยิ่งขึ้น “เพราะนายหึงฉันไง ถือเป็นเรื่องน่าดีใจไม่ใช่เหรอ?”

หลินเฟิงฟังแล้วสะอึก เอ่ยเสียงหนักเล็กน้อย “ฉันเปล่าซะหน่อย”

“ถ้าเปล่าแล้วทำไมนายถึงแสดงออกแบบนั้น” อวิ๋นหู่ปล่อยให้อีกฝ่ายกระชากคอเสื้อไป “ตอนนี้เรามาพูดถึงผู้ชายคนนั้นดีกว่า เขาไม่ใช่แฟนฉัน แต่เป็นคนที่ฉันให้มาแสดงละคนตบตาเท่านั้น”

“แสดงละครตบตา?” หลินเฟิงรู้สึกว่ายังไม่เข้าใจอีกฝ่าย

อวิ๋นหู่ก้าวเข้าไปหา “เพราะฉันกลัวว่านายจะผลักไสฉัน จนเป็นเพื่อนกันก็ยังไม่ได้ เลยไปหาคนมาช่วยเล่นละคร นายจะได้ไม่รังเกียจฉันยังไงล่ะ”

หลินเฟิงผ่อนแรงลงไปกว่าครึ่ง สีหน้าอึ้งตะลึงชัดเจนมาก เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้

อวิ๋นหู่กลับเป็นฝ่ายกักตัวเพื่อนไว้ที่หัวมุม “ตอนนั้นฉันก็คิดนะว่าถ้านายเห็นเข้าจะรู้สึกยังไง ขอแค่นายผิดปกติสักนิด ฉันก็อยากลอง แต่นายกลับอวยพรฉัน แถมยังทำท่าโล่งใจด้วย เหมือนรู้สึกว่าไม่ต้องโดนฉันก่อกวนอีกแล้ว นายน่าจะไม่เข้าใจว่าฉันรู้สึกยังไง คนที่เราชอบกลับไม่ชอบเรา แถมยังผลักให้เราไปจับคู่กับคนอื่นอีก ฉันถึงได้บอกว่าดีใจยังไงล่ะ ในที่สุดนายก็หึงแล้ว ยอมรับมาเถอะว่านายก็ชอบฉันเหมือนกัน”

 ……………………………………………….

ตอนที่ 1950-2

ยอมเป็นเกย์เพื่อนาย

หลินเฟิงตัวแข็งทื่อ ไม่รู้ว่าเพราะกิริยาของเขาหรือคำพูดของอวิ๋นหู่ ไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ที่ตรงไหนแล้ว

อวิ๋นหู่กลับไม่กลัวสิ่งใด ไล้นิ้วตามเอวขึ้นไปเรื่อยๆ ในสายตาของเขา หากหลินเฟิงไม่รังเกียจ ทุกอย่างก็ไม่ยาก

หลินเฟิงเหมือนถูกจับจุดตาย เอวอ่อนยวบจนหูแดงไปหมด

อวิ๋นหู่หลุบตามอง แนบชิดกับเสี้ยวหน้าอีกฝ่าย “วันนั้นพอนายกลับ ฉันก็ให้เขาออกไป เพราะนอกจากนายแล้วฉันจะไม่มีวันนอนกับใคร เมื่อก่อนเป็นยังไง ต่อไปก็จะเป็นยังงั้น”

“นอน นอนบ้านนายสิ ใครพูดเรื่องนี้กับนายวะ” หลินเฟิงเบือนหน้าไปอีกทาง บ่นว่า “บ้าเอ๊ย แม่ง นายอย่าซี้ซั้วลูบสิวะ”

อวิ๋นหู่ยิ้มหนักขึ้น “จะไม่ซี้ซั้วลูบ”

“งั้นก็เอามือออกไปสิ ไอ้บ้า” หลินเฟิงทึ้งผมตัวเองแล้วผลักอีกฝ่ายออก “ต่อไปอย่าเล่นพิเรนทร์แบบนี้อีกนะ อุตส่าห์ไปหาคนมาเล่นละคร นึกว่าถ่ายหนังอยู่หรือไง?”

อวิ๋นหู่ตอบสั้นๆ ก่อนจะซบหน้าใกล้ๆ “แล้วนายจะคบกับฉันไหม?”

หลินเฟิงอึ้งงัน มองหน้าอวิ๋นหู่โดยไม่รีบตอบรับ

ตระกูลหลินมีเขาเพียงคนเดียว ส่วนตระกูลอวิ๋นก็มีเจ้าหู่คนเดียว

อวิ๋นหู่เห็นหลินเฟิงไม่พูด รอยยิ้มทที่มุมปากจึงเลือนหาย

เมื่อเวลาผ่านไปนาน เขาเริ่มจะเย็นชาแล้ว “พูดกันขนาดนี้แล้ว นายยังจะเป็นแบบนี้อีก หลินเฟิง เมื่อไรนายจะรู้ตัวสักที ต่อให้ชอบมากแค่ไหน คนเราก็เลิกชอบได้เหมือนกัน” ว่าแล้วอวิ๋นหู่ก็สะบัดตัวจะเดินไป

เขาเห็นหลายสิ่งหลายอย่างจากใบหน้าของเพื่อน ต่อให้ชอบก็รับไม่ได้หรือไง?

แบบนี้ต่างหากที่ทำให้คนหมดกำลังใจที่สุด

หลินเฟิงมองแผ่นหลังอีกฝ่าย กระชากข้อมือเพื่อนโดยอัตโนมัติ

อวิ๋นหู่ชะงักฝีเท้า อยากจะสลัดมือเพื่อนทิ้ง ไม่ใช่เพราะเหตุใด แต่เพราะมือถือในกระเป๋าดังขึ้น น่าจะเป็นผลจากการแชร์ที่อยู่เมื่อครู่นี้ ทว่าหลินเฟิงกลับเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าหู่จะพูดเองเออเอง จึงร้อนรน “นายต้องให้เวลาฉันคิดก่อนตัดสินใจบ้างสิ แม่ง ฉันเป็นผู้ชายแท้มายี่สิบกว่าปี อุตส่าห์ยอมเป็นเกย์เพื่อนายทั้งที จะไม่ให้ลังเลใจได้เหรอ มันต้องเตรียมใจกันบ้าง นายรู้ว่าฉันแอบชอบมานาน….นาย”

ยังไม่ทันพูดจบ หลินเฟิงพูดไม่ออก เขานิ่งตะลึงงันไม่ใช่เพราะเหตุอื่นใด แต่เป็นเพราะเมื่อเขาร้องตะโกนว่า ‘อุตส่าห์เป็นเกย์เพื่อนาย’ ก็มีคนผลักประตูเข้ามาสูบบุหรี่พอดี

เมื่อสบตาเข้ากับหลินเฟิงก็ปิดประตูทันที! สีหน้านั่นเหมือนจะบอกว่า ‘คนในเมืองใหญ่อย่างพวกนายก็รู้จักเล่นเนอะ’

หลินเฟิงอยากทึ้งผมตัวเองอีก

แต่ยังไม่จบแค่นี้ เพราะมีเสียงปรบมือดังขึ้นเหนือศีรษะ พอหลินเฟิงหันไปดูก็เห็นเด็กผมสีเงินยืนพิงอยู่แถวนั้นพลางยิ้มร้ายให้ เธอปรบมือเบาๆ “พี่หลินสุดสวย พี่ประกาศรักได้ไม่เหมือนใครเลยแฮะ อุตส่าห์ยอมเป็นเกย์เพื่อนาย เล่นเอาคนมาสูบบุหรี่หนีไปเลย รูปแบบประกาศความรักของพี่ช่างสดใหม่ไม่เหมือนใคร”

หลินเฟิงอ้าปากค้าง เฮ้ย เจ้าแบล็กมาตั้งแต่เมื่อไรวะ แถมหัวหน้ายังยืนอยู่ด้านหลังด้วย!

ทำไมถึงไม่พูดสักนิด

เดี๋ยวก่อน! เหมือนหัวหน้าจะเปิดลำโพงให้กรุ๊ปรวมฟังด้วย หมายความว่า….ไอ้เวรๆๆๆ!

ชื่อเสียงของเขา!

หลินเฟิงอยากมุดดินเหลือเกิน! มาดูหนังในครั้งนี้เสียเปรียบจริงๆ!

……………………………………..

ตอนที่ 1949-1

 “นัดดูตัวเหรอ? เอาจริงดิ?” หลินเฟิงไม่อยากจะเชื่อ กระทั่งอวิ๋นหู่ที่ยืนข้างตัวยังย่นหัวคิ้ว

เจ้ลั่วคนสวยหัวเราะเบาๆ “แปลกมากเหรอ ฉันถือว่าเป็นผู้เล่นลีกส์อาชีพที่อายุมากเลยละมั้ง ยิ่งพวกนายน่าจะรู้ว่าฉันมาจากไหน คนที่ตำบลเล็กๆ พออายุเท่าฉันก็เริ่มมีว่าที่สามีกันแล้ว”

“เปล่า คือว่า เซียวหน้านิ่งรู้หรือเปล่าว่าเธอมานัดดูตัว?” หลินเฟิงทึ้งผมตัวเอง รู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงเล็กน้อย

เจ้ลั่งวางเครื่องดื่มในมือลง ดูเหมือนไม่แยแส “หัวหน้าไม่มีหน้าที่เรื่องความรักของลูกทีมนะ ยิ่งฉันใกล้จะลาออกอยู่แล้วด้วย ชีวิตส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับทีม”

เมื่อคำว่าลาออกจากวงการปรากฏขึ้นมา หลินเฟิงพลันเหมือนถูกอุดปาก เขานั่งตรงนั้นไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

คู่แข่งตลอดกาลของพวกเขาคือทีมเซียงหนาน และลั่วลั่วยังเป็นนักกีฬาลีกส์อาชีพหญิงที่มีจำนวนน้อยมากในวงการ ถือเป็นนักเวทที่ติดบอร์ดระดับประเทศ ผลงานที่สร้างไว้ก็มีน้อยคนที่เอาชนะได้

แน่ละ เว้นแต่คนประหลาดอย่างเจ้าแบล็กสักคน แต่คนเก่งแบบนี้จะลาออกจากวงการแล้วเหรอ?

“นี่ หลินฝ่ายรับ นายทำหน้าอะไรอย่างนั้นล่ะ” เจ้ลั่วหันมามอง เผยฟันขาวสะอาดให้เห็นเล็กน้อย ออร่าดูสดชื่น “คนในวงการเราจะลาออกจากวงการก็ถือเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?”

แค่หาเหตุผลที่จะอยู่ใกล้คนคนหนึ่งต่อไม่ได้แล้ว เมื่อรู้ว่าจะต้องมาถึงจุดนี้ก็อย่าพูดให้เปิดเผยนักเลย

“ฉันรู้ว่าปกติ” หลินเฟิงลุกขึ้น อยากสูบบุหรี่ขึ้นมากะทันหัน

ทว่าอวิ๋นหู่กดร่างเขาไว้ “หัวหน้าจะมาถึงแล้ว พวกเราไปเอาตั๋วกันก่อนเถอะ”

“ฉินมั่วก็มาเหรอ?” เจ้ลั่วเลิกคิ้ว “งั้นเทพ Z ของฉันต้องมาด้วยสิ พวกนายนัดเดทเป็นคู่เลยหรือไง?”

หลินเฟิงยื่นมือเคาะศีรษะอีกฝ่าย “อย่าพูดมั่วๆ”

“เอาเหอะ เดี๋ยวหนังจะเริ่มฉายแล้ว” เจ้ลั่วไม่โกรธ “พวกนายไปเอาตั๋วไป๊ อย่ามาอวดหวานตรงหน้าฉัน”

หลินเฟิงกำลังปรับอารมณ์ เขารู้สึกดีขึ้นมากว่าเมื่อครู่ ในเมื่ออีกฝ่ายปลงตกได้ ที่เหลือก็คงไม่มีอะไรแล้ว

ลั่วลั่วพูดถูก การลาออกจากวงการถือเป็นเรื่องปกติสำหรับวงการพวกเขา เพียงแค่งานเลี้ยงนี้ ไม่มีใครอยากให้มันสิ้นสุด

หลินเฟิงรู้สึกว่าเขาควรต้องทำอะไรบ้าง เมื่อเดินตามอวิ่นหู่ไปรับตั๋ว หลินเฟิงก็สไลด์มือถือส่งข้อความวีแชท “เซียวหน้านิ่ง อย่าโทษที่ฉันไม่ได้เตือนนาย รีบมาที่ถนนซางอู้เร็ว ลั่วลั่วกำลังนัดดูตัว ถ้าสำเร็จขึ้นมารับรองว่านายจบเห่แน่” ส่งเสร็จก็ยัดมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง ทว่าพอเงยหน้าก็เห็นสายตาของอวิ๋นหู่ทันที

“พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะ” อวิ๋นหู่เอ่ยเสียงเรียบ “พวกหัวหน้าอยู่ตรงที่จอดรถชั้นใต้ดินแล้ว”

หลินเฟิงตอบ “ได้” แต่สายตายังคงวนเวียนอยู่แถวนั้น ทำให้อวิ๋นหู่โพล่งออกมา “ฉันเพิ่งรู้ว่านายสนิทกับพวกทีมเซียงหนานนะเนี่ย”

สนิท? หลินเฟิงทำหน้าสงสัย

อวิ๋นหู่หันมามอง “คนไม่รู้ คงคิดว่านายชอบเขา”

“จะเป็นไปได้ยังไง” ปฏิกิริยาของหลินเฟิงเป็นไปตามสัญชาตญาณ

อวิ๋นหู่ได้ยินแล้ว นิ้วมือที่เกร็งถึงคลายลง ทว่าสีหน้ายังเฉยชาอยู่ “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ลั่วลั่วถือเป็นนางฟ้าของวงการเชียวนะ”

“บ้าเหรอ นายโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ ดูไม่ออกหรือว่าลั่วลั่วชอบเซียวหน้านิ่ง?” สีหน้าของหลินเฟิงเป็นอิโมจิได้เลย

อวิ๋นหู่ถือตั๋วหนังไว้ในมือ ถามกลับอย่างเรียบเรื่อย “แล้วนายโง่จริงหรือแกล้งโง่ ที่ไม่รู้ว่าฉันยังชอบนายอยู่?”

เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น

ทันใดนั้น สีหน้าหลิงเฟิงเหมือนโดนคำสาปก็ว่าได้ เขาตะลึงงันอยู่กับที่ เสียงที่อยู่รอบๆ ถูกกลบไป

ไม่ว่าจะเป็นเสียงโฆษณาหนังหรือเสียงผู้คนเดินไปมา ก็เหมือนอันตธารหายไปในเวลานี้ เหลือเพียงเสียงของเพื่อนที่ดังก้องในหัวและเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง

ตึก!

ตึก!

ตึกตัก!

 ……………………………………

ตอนที่ 1949-2

หลินเฟิงอ้าปากค้าง อยากจะเอ่ยขึ้น แต่อวิ๋นหู่กลับขัดจังหวะเสียก่อน “ไม่ได้ล้อเล่นนะ ให้เลือกอีกครั้ง ระหว่างเป็นแฟนหรือเลิกคบกัน ไม่มีทางเลือกที่สาม ไม่อยากจะเป็นเพื่อนซี้หรือพี่น้องด้วย เลือกซะ”

หลินเฟิงโดนเสียงหัวใจเต้นแรงของตัวเองรบกวนจนหงุดหงิดสุดๆ เมื่อได้ยินคำขาดของอีกฝ่ายก็เดือดดาลทันที “เลือกบ้าอะไร! แม่งเอ๊ย อวิ๋นหู่ นายลืมแล้วหรือว่าตัวเองมีแฟนแล้ว! นายกำลังทำอะไร เจ้าชู้หลายใจเหรอ? ฉันรู้ว่าพวกนายมั่วกันเยอะประเภทนอนกันเสร็จก็ถือว่าไม่มีอะไร แค่ถูกใจก็มีเซ็กส์กันในห้องน้ำได้เลย แต่นายจะทำแบบนี้ไม่ได้ นาย…”

ยังไม่ทันได้พูดจบ เสื้อตัวนอกพลันคลุมลงบนศีรษะ มีกลิ่นบุหรี่และป๊อปคอร์นเจืออยู่ จากนั้นเขาก็ถูกกระชากไปยังที่แห่งหนึ่ง

หลินเฟิงมองไม่เห็น รู้เพียงอย่างเดียวว่าตัวเองถูกอีกฝ่ายดันติดกำแพง ท้ายทอยสัมผัสเข้ากับผนัง ขณะที่คิดจะขยับ ลมหายใจที่ไม่คุ้นเคยก็ปะทะลงบนเรียวปากเขา

ทั้งสองคนเพิ่งดื่มชากันมา จึงยังมีกลิ่นชาหลงจิ่งอ่อนๆ ติดมาด้วย แต่กลิ่นอ่อนๆ นี่ทำให้หลินเฟิงโมโหเดือด

เพราะรู้ชัดแจ้งว่าอีกฝ่ายกำลังจูบตัวเอง

ในสถานที่แบบนี้ โรงหนังที่มีคนเดินพลุกพล่าน

แม้จะมีเสื้อคลุมครอบศีรษะเขาอยู่ แต่การที่คนสองคนอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ย่อมต้องมีคนเห็นแน่ แม้จะมองไม่เห็น แต่หัวใจของหลินเฟิงก็เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา จังหวะหัวใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ยิ่งเร็วยิ่งเร่าร้อน

ดูเหมือนอวิ๋นหู่ตัดสินใจแต่แรกแล้วว่าจะไม่มีวันปล่อยตัวเขาไปแน่ ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ

ความรู้สึกขาดอากาศหายใจทำให้หลินเฟิงผลักอีกฝ่ายให้ถอยห่าง เอวอ่อนยวบอยู่บ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคราบน้ำที่ไหลจากมุมปากเลย แม่งบ้าจริงๆ!

หลินเฟิงกำลังจะเช็ดปากเพื่อขจัดความรู้สึกเร่าร้อนนั่น แต่สุดท้ายทำแค่สลัดเสื้อตัวนอกนั่นออก ลมหายใจยังไม่นิ่ง เขาถามเสียงต่ำว่า “นายบ้าแล้วหรือเปล่า ที่แบบนี้…”

อวิ๋นหู่เห็นเส้นผมของเพื่อนที่ยุ่งเหยิงเพราะฝีมือตัวเอง จึงเข้าไปใกล้อีก “นายหมายความว่า ขอแค่ไม่ใช่สถานที่แบบนี้ก็ได้หมด”

ทั้งสองมีความสูงไม่ต่างกันมากนัก แต่หากเทียบจริงๆ จะรู้ว่าอวิ๋นหู่สูงกว่าสามเซนติเมตร เมื่อคนที่สูงมากสองคนยืนด้วยกัน บรรยากาศจึงประหลาด

ต้องมีคนหยุดมองแน่

“นาย…” หลินเฟิงพูดด้วยเสียงที่เบาลงทุกที เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอวิ๋นหู่อันตรายและบีบคั้นกันหนัก

ถึงอย่างไรอวิ๋นหู่ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แม้จะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่เคยอาการแบบนี้เลยสักครั้ง…

……………………………………

ตอนที่ 1948-1

มั่ว-จิ่ว หลินเฟิง

รักกันมานานก็ไม่ดีแบบนี้ เจ้าหญิงน้อยฉินไม่ยอมหูแดงในทันทีที่เธอพูดอีกต่อไป

ป๋อจิ่วหันไปมอง ไม่ยอมติดกับดักลวงของท่านเทพ เธอค้ำมือข้างหนึ่งบนเก้าอี้ทำงาน จูบชายหนุ่มผ่านผ้าปิดปากอย่างนั้น ท่าทางของเธอดูไปแล้วเท่เหลือเกิน

แบบนี้คงจะสยบท่านเทพได้บ้างล่ะมั้ง

ในระหว่างที่คิดเช่นนี้

ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ชายหนุ่มก็เอียงตัวเข้ามากดเธอไว้บนเก้าอี้ จากนั้นผ้าปิดปากถูกปลดโยนทิ้งลงพื้นแทบจะทันที

ต่อให้ป๋อจิ่วฉลาดแค่ไหน ก็ไม่เข้าใจว่าผู้ชายในวัยท่านเทพจะมีแรงปรารถนาลึกซึ้งแค่ไหน

บางอย่างหากไม่เริ่มต้นยังพอว่า หากไม่ได้ลิ้มรสก็จะไม่โหยหาสักเท่าไร แต่เวลานี้เมื่อคนที่ชอบมาอยู่ในอ้อมแขนแถมยังแตะต้องไม่ได้

ถึงอย่างไรอายุของคนบางคนในตอนนี้ก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอ

ความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเกิดขึ้นเพราะเขาทนไม่ไหวจริงๆ อีกทั้งยัยคนนี้ยังชอบยั่วยวนอยู่ด้วย

ช่วงนี้ฉินมั่วพยายามข่มใจไม่จูบเธอมานาน เพื่อจะได้ควบคุมสติให้มั่น แต่กลายเป็นว่าการกระทำนี้ได้กระพือไฟให้ลุกโหมขึ้นแล้ว

ป๋อจิ่วรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งสูงบนฝ่ามือ ลมหายใจที่กระทบเรียวปากช่างร้อนเร่า แม้จะมีกลิ่นมินต์แซมมาด้วย แต่ก็ยังทำให้เธอร้อนรุ่มไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่ได้

มือที่เขาสอดเข้ามายิ่งไม่ยั้งแรง ตอนปลายนิ้วไล้ผ่านช่วงเอวด้านหลัง ความวาบหวามลามมาจากบั้นท้าย

ป๋อจิ่วได้แต่โอบคอเขาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองร่วงหล่นจากเก้าอี้ไม้ ใบหน้าแดงก่ำ กระทั่งเรียวปากยังชื้นเล็กน้อย

ฉินมั่วมองดูคนในอ้อมแขน แววตาลุ่มลึกยิ่งขึ้นจนมาถึงระดับหนึ่ง นิ้วเรียวยาวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอ ก่อนจะก้มลงประทับจูบบนแอ่งชีพจรขาวนวล

ป๋อจิ่วตัวสั่น ความสุขสมที่ไม่อาจต้านทานได้เข้าห้อมล้อมเธอเหมือนโดนคลื่นสาดซัด

จูบเดียวที่ว่าทำให้ทั้งสองออกเดินทางช้ากว่าเดิมครึ่งชั่วโมงโดยประมาณ

ยังไม่ทันทำจนถึงที่สุด รอยจูบก็เกลื่อนทั่วร่างเธอแล้ว

 โดยเฉพาะตรงคอที่ชัดที่สุด

พวกเขาใช้เวลาไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป เพียงแค่ 34 นาทีเท่านั้น

เวลาท่านเทพเอาจริงขึ้นมา ย่อมไม่มีคำว่าเล่นๆ จนกระทั่งตอนนี้ป๋อจิ่วยังรู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่วาบหวามอยู่เลย ทว่าตัวการกลับยังดูสูงส่งไฮโซ เขาหันหน้ามาสวมผ้าปิดปากให้เธอ เอ่ยเสียงเรียบระคนแหบพร่าเล็กน้อยว่า “ตอนนี้ไปได้แล้ว เดี๋ยวค่อยกลับมาต่อ”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว ต่ออะไร? ชิ น่ากลัวจัง

“ทำไม? ไม่โอเค?” ฉินมั่วโน้มเข้าใกล้หน้าเธอ “งั้นไม่ไปแล้ว”

ป๋อจิ่วโน้มตัวเข้าไปหอมเขา ก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “พี่มั่วเข้าใจผิดแล้ว”

ยังไงก็ดีกว่ากลับมาติวฟิสิกส์ให้เธอแน่นอน

ฉินมั่วดึงเธอเข้ามาใกล้ เตือนอย่างไม่ร้อนใจว่า “อย่าอ่อยอีกนะ ไม่งั้นคงไม่ต้องออกไปกันแล้ว”

ป๋อจิ่วจึงเก็บไม้เก็บมือ เพราะหากโดนปล้ำจูบคาเก้าอี้อีกครั้งคงไม่สนุกแน่

กลิ่นอายบนตัวท่านเทพยั่วยวนใจเกินไป

ป๋อจิ่วคิดว่าเขาจงใจทำให้เธอร้อนรุ่มไปทั้งตัวแล้วไม่ใยดีแน่นอน

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ การออกไปข้างนอกก็ลำบากอยู่ เพราะรอยจูบบนคอเด่นชัดเกิน แถมหากสวมผ้าพันคอในอุณหภูมิแค่นี้ย่อมแปลกเอาการ

ป๋อจิ่วจึงได้แต่สวมเสื้อเชิ้ตคอตั้งสูงแล้วค่อยสวมผ้าปิดปาก ตามด้วยเสื้อกันลมตัวบาง ทำให้ไม่เห็นร่องรอยอะไรอีกต่อไป

ทว่าหลินเฟิงที่ไปถึงโรงหนังแล้วกลับรู้สึกเสียใจนิดๆ ใครช่วยบอกเขาทีได้ไหมว่าทำไมถึงมีคู่รักเข้าไปดูหนังเกี่ยวกับแฮกเกอร์เยอะอย่างนี้!

 ……………………………………..

ตอนที่ 1948-2

มั่ว-จิ่ว หลินเฟิง

ในหมู่ฝูงชน คู่ของหลินเฟิงและอวิ๋นหู่โดดเด่นมากอย่างไม่ต้องกังขา หลายๆ คนต่างหันมามอง แถมตอนนี้ยังเป็นเวลาสองทุ่มของวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ต้องคิดเลยว่าคนจะเยอะมากขนาดไหน

สาวๆ หลายคนเอาแต่มองทางหลินเฟิง แม้เขาจะสวมผ้าปิดปากอยู่แต่ก็ยังเขิน

เวลานี้ เจ้าอวิ๋นหู่ยังจะหันมาถามเขาอีกว่า “จะกินป๊อบคอร์นไหม?”

จริงที่เขาชอบกินขนมหวาน แต่การที่ผู้ชายตัวเบ้อเร่อจะมาหิ้วถังป๊อบคอร์นคงดูไม่ดีแน่?

หลินเฟิงคิดได้เช่นนี้ก็กำลังจะปฏิเสธ ทว่าอวิ๋นหู่กลับเอ่ยขึ้นมาก่อน “ซื้อซักถัง ฉันถือเอง”

“ได้” หลินเฟิงพยักหน้า เพราะหากดูหนังโดยไม่มีป๊อบคอร์นย่อมไม่ได้บรรยากาศ

แต่รอจนอวิ๋นหู่ซื้อเสร็จกลับมาก็รู้สึกว่าแย่แล้ว เพราะมือของอีกฝ่ายไม่ได้ถือแค่ป็อปคอร์น ยังมีเสื้อตัวนอกถึงสองตัว รวมถึงชามะนาวอีกแก้วหนึ่ง

เมื่อเดินมาอยู่ข้างตัวเขา หลินเฟิงได้ยินเสียงสาวๆ กระซิบกันอย่างชัดเจน

“เอาใจเก่งจัง”

“ถึงว่า โชคดีมากเลยนะที่มีแฟนแบบนี้ แฟนฉันยังไม่เคยจะซื้อป๊อปคอร์นให้ฉันสักนิด”

หลิงเฟิงได้แต่คิดในใจ…กับอีแค่ซื้อป๊อบคอร์นก็เป็นแฟนได้แล้วเหรอ? เดี๋ยวนี้ผู้ชายกับผู้ชายจะเป็นเพื่อนกันอย่างบริสุทธิ์ใจไม่ได้แล้วหรือไง อีกอย่าง จะนินทาก็นินทาไปเถอะ ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้น กลัวฉันไม่ได้ยินเรอะ?

หลินเฟิงยืนนิ่งอย่างกระอักกระอ่วน ก็แค่ไปดูหนังกับเพื่อนในทีม ทำไมรู้สึกเหมือนนัดเดทเลย

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจ้าตัวก็สะบัดศีรษะสลัดความรู้สึกพิกลนี้ทิ้งไป

ยังเหลือเวลาพอควรกว่าจะได้เข้าไปดูหนัง พวกเขาจึงหลบสายตาที่คนอื่นมองมาไม่สำเร็จ พอจะไปหาที่นั่งกินขนม ก็พบว่าคนที่นั่งล้วนแต่เป็นคู่รักกัน นี่มัน…กระอักกระอ่วนจริงๆ!

ไม่ง่ายเลยกว่าจะนั่งลงอย่างสงบจิตสงบใจ ก็ดันมาเจอคนรู้จักเข้า!

เมื่อหลินเฟิงเห็นเจ้ลั่วคนสวยเจ้าของตำแหน่งนางฟ้านักเวทมองพวกเขาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง หลินเฟิงพลันรู้สึกถึงปัญหาทันที!

ไม่ผิดจากที่คาด เจ้คนนั้นยิ้ม แถมก้มหน้ากดปุ่มมือถือด้วย

วินาทีถัดมา หลินเฟิงก็เห็นข้อความที่ส่งในกรุ๊ปวีแชทของท่านเทพว่า “ฉันจับคู่เฟิงอวิ๋นได้คาหนังคาเขา ชอบอ้างว่าเป็นเพื่อนรักกัน แหม…”

“เฮ้ ยกเลิกข้อความเดี๋ยวนี้เลยนะ” หลินเฟิงกุมขมับ

วันนี้เจ้ลั่วคนสวยมัดผมสองข้าง ดูสดใสเหลือเกิน “แคร์ขนาดนี้? แสดงว่าต้องมีอะไรกันชัวร์”

“มีบ้าอะไรล่ะ” หลินเฟิงจนปัญญา ก่อนจะนั่งลงตรงนั้น “เป็นคนทีมเซียงหนานแท้ๆ มาอยู่เจียงเฉิงทำไมเนี่ย?”

เจ้ลั่วยิ้มบอก “มารับสมัครเด็กใหม่น่ะสิ ที่เจียงเฉิงมีคนเก่งเยอะ ถ้าเรามีสาขาย่อยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ละก็ เทพ Z ของฉันจะถูกพวกนายฉกมาเรอะ?”

“ตั่วเจ้ เจ้าแบล็กเข้าทีมเราเพราะหลงรักหัวหน้าทีม โอเคปะ”

เจ้ลั่วคนสวยหรี่ตาลง โผเข้าหาอย่างดุร้ายทันที “เรียกใครว่าตั่วเจ้ยะ?”

“คุณน้อง” หลินเฟิงเปลี่ยนคำเรียกทันที “คุณพี่นางฟ้า!”

เจ้ลั่วจิบชา “หลินฝ่ายรับน่ารักจัง”

หลินเฟิง “…”

“อุ้ย พวกนั้นตอบกลับแล้ว” เจ้ลั่วเปิดมือถือออกดู “เดี๋ยวส่งรูปคู่จิ้นของนายกับอวิ๋นหู่อีกดีกว่า อวยพรให้พวกนายแต่งงานมีความสุขล่วงหน้า”

หลินเฟิงเปิดมือถือพิมพ์ข้อความเพียงว่า “หึๆ!” จากนั้นพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ “เจ้มาคนเดียวเหรอ? แล้วมาทำอะไรที่นี่”

เจ้ลั่วกัดหลอดพลางเอ่ยอย่างไม่จริงจัง “นัดดูตัว”

หลินเฟิง… เขาต้องฟังผิดแน่เลย!

…………………………………………….

ตอนที่ 1946

เฟิงอวิ๋น 4

 “วันหลังถ้าอยากเจอกัน ก็ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก” หลินเฟิงถือถ้วยชาในมือเล่น เมื่ออยู่ต่อหน้าอวิ๋นหู่ เขาไม่เคยแก้นิสัยตัวเองได้สักที

แม้เวลาอยู่ในสนามธุรกิจ เขาจะไม่พูดอะไรออกมาตรงๆ ก็จริง เพราะคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ พูดเยอะก็ยิ่งสร้างความผิดพลาดแยะ

ทว่าหลินเฟิงกลับคิดว่านี่คืออวิ๋นหู่ ไม่ใช่คนอื่น จึงตัดสินใจพูดตรงๆ

อวิ๋นหู่ยิ้ม ตอบเพียงว่า “ได้”

ครั้งนี้ทั้งสองกลับด้วยกัน

อวิ๋นหู่ไม่ได้ขับรถมา นี่มาจากความจงใจสักแปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้

คนที่อยู่รอบข้างต่างมองออก

เมื่อไปอวิ๋นหู๋กลับ ซ่งเจียเหอยังคงยิ้มอยู่ มองอวิ๋นหู่ด้วยแววตารู้เท่าทัน

อวิ๋นหู่ทำแค่เหลือบมองเขา แต่ซ่งเจียเหอสำรวมขึ้นมากทันที

อีกอย่างการกระทำของหลินเฟิงยิ่งอธิบายได้ว่า จะยังไงเขาก็เป็นหลินเฟิงคนเดิมอยู่ดี แม้บ้านตระกูลหลินจะล้ม แต่ศักดิ์ศรียังคงอยู่

หลินเฟิงเข้าไปตบบ่าเจียเหอ ทั้งยังจงใจโยนบุหรี่ให้ พูดเพียงว่า “ว่างๆ ก็ค่อยคุยกัน”

เขายังทระนงตัวเหมือนเดิม ใบหน้านั่นยังสวยเช่นเคย แต่หากดูดีๆ จะยิ่งเห็นเหลี่ยมมุมคมสัน

ซ่งเจียเหอพอจะรู้ว่าทำไมเพื่อนผู้ทรงอิทธิพลของเขาถึงได้อาลัยอาวรณ์บ้านหลินนัก แนะนำคนให้ตั้งเยอะ แต่อวิ๋นหู่กลับไล่ตะเพิด

ทว่าเวลาอยู่ต่อหน้าหลินเฟิง อวิ๋นหู่ไม่เคยพูดรุนแรงใส่เลย คงเพราะแม้จะผ่านอะไรมามาก แต่หลินเฟิงกลับยังคงไว้ซึ่งความเป็นหนุ่มน้อยคนเดิม

แน่ล่ะ ใช่ว่าจะไม่มีพวกหน้าตาสวยใส แต่มันไม่เหมือนกัน

สิ่งที่อยู่ในตัวหลินเฟิงต่างไปจากคนอื่น คนในวงการพวกเขา หากตระกูลล้มย่อมถูกลบเหลี่ยมคมไปหมด จนกลายเป็นคนหมดความมั่นใจ

แม้หลินเฟิงจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่น่าแปลกมาก หลังจากเขายอมรับทุกอย่างแต่โดยดีแล้วก็ยังเป็นแบบนี้ได้

ซ่งเจียเหอเป็นคนกว้างขวาง รู้ดีว่าคนอื่นปฏิบัติต่อหลินเฟิงอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นทำลายคนได้ไม่น้อย เมื่อก่อนเขาคิดว่าอวิ๋นหู่ชอบหน้าตาอีกฝ่าย เพราะรูปร่างหน้าตาสวยแบบนั้น ในวงการนั้นมีน้อยมาก

แต่ก็ต้องดูใครเป็นคนอยากได้ด้วย เพราะขึ้นชื่อว่าคุณชายอวิ๋น ย่อมมีคนเรียงคิวเข้าหาโดยไม่ต้องเอ่ยปาก เวลานี้ซ่งเจียเหอเข้าใจแล้วว่าไม่เกี่ยวกับหน้าตา คงเพราะชอบมานานมาก หรืออาจจะเป็นอย่างที่เขาว่ากันว่า ‘คนหน้าตาดีเลิศมีมากมาย แต่จิตวิญญาณที่น่าตรึงใจกลับมีเพียงหนึ่งในหมื่น’

คุณชายอวิ๋นชอบหลินเฟิงที่ตรงไหน คงมีแต่เจ้าตัวที่รู้

ซ่งเจียเหอรู้ดีว่า ในสายตาของคนอื่นเขาคือพวกจัดหาผู้หญิงและผู้ชายให้คนที่ต้องการ

จะว่าไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจัดหาคนให้อย่างบริสุทธิ์ใจ

แค่อยากเจอหน้ากัน?

ซ่งเจียเหอมองดูเสี้ยวหน้าของทั้งสอง ก่อนจะคาบบุหรี่

เสียชื่อเสียงเขาหมด ก็คนอย่างเขาเคยทำการค้าที่บริสุทธ์ใจตั้งแต่เมื่อไร

หลายคนอาจไม่เข้าใจ ด้วยเห็นการแลกเปลี่ยนเนื้อตัวเพื่อผลประโยชน์มามากมาย แต่เมื่อเห็นสองคนนี้ จะรู้ว่านี่แหละคือความรัก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ลงเอยกันก็ตาม

อันที่จริงอ ย่าเห็นว่าหลินเฟิงรับเพื่อนกลับอย่างสบายอารมณ์ รอจนอวิ๋นหู่เข้าไปนั่งข้างตัว เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดอะไรด้วย

ด้วยระยะห่างอยู่ใกล้กันเหลือเกิน ใกล้มากจนได้กลิ่นชาจากตัวอีกฝ่าย แถมเมื่อนั่งด้วยกันในรถ ก็รู้สึกว่าเงียบพิกล บวกกับก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายหาเรื่องมาคุยด้วยเสมอ “จิ้งจอกเฟิงให้พวกเราไปรวมตัวกันที่คลับ นายได้ข้อความแล้วใช่ไหม?”

อวิ๋นหู่มองเพื่อนแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างเป็นปกติ “ฉันเป็นคนบอกเรื่องนี้กับนายเอง”

หลินเฟิง…เขาอยากศึกษาดูว่าเวลาคนอื่นกระอักกระอ่วนน่ะ ต้องทำอย่างไรกัน ทำไมเขารู้สึกว่าแสดงออกยากจัง!

………………………………………….

ตอนที่ 1947

มั่วจิ่ว

 “ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง สมองเลยมึนๆ ไปหมด” หลินเฟิงไอเบาๆ แล้วกดปุ่มเปิดกระจกหน้าต่าง “ปล่อยให้ลมพัดเข้ามาเถอะ ในรถมันอึดอัด”

อวิ๋นหู่ไม่อยากเปิดโปงแผนหลินเฟิง เขารู้นิสัยขี้โมโหของเพื่อนดี จึงได้แต่ทอดสายตามองยังนอกหน้าต่าง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ หลินเฟิงก็ยังรู้สึกว่าบรรยากาศยังไม่ดีขึ้น เพราะไม่อาจคุยต่อทั้งที่หน้าแตกอย่างนี้ได้

และในระหว่างที่คิดว่าจะทำอะไรต่อดี ข้อความทางมือถือก็ช่วยชีวิตเขาไว้

ก่อนหน้านี้เขาไม่ชอบข้อความทำนองนี้นัก ใครล่ะจะชอบถูกโชว์หวานป้อนอาหารหมา แต่เจ้าแบล็กอุตส่าห์นับถือเขาเป็นพี่น้อง แถมยังแอบถามบ่อยๆ ว่าหัวหน้าชอบอะไร พอถามจบก็ยิ้มถามเขาอีก ยิ้มนั่นช่างดูไม่เหมือนยิ้มจริงๆ “เมื่อไรจะคบแฟนอะ?”

หลินเฟิงรู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าหล่อนถามก่อนหน้านี้คือการปูพรม จากนั้นก็กระแทกใจหมาโสดเช่นเขาอย่างแรง

แต่ข้อความในวันนี้มาในรูปแบบใหม่ “ได้ยินว่านายอยู่กับเทพอวิ๋น? ฉันมีตั๋วหนังสี่ใบ ในฐานะที่เป็นตัวประกอบคนสำคัญ ขอเชิญนายกับเทพอวิ๋นมาช่วยเพิ่มรายได้ให้หนังอย่างจริงใจหน่อย”

เพิ่มยอด?

อุตส่าห์มีนางฟ้าของเขาช่วยเพิ่มกระแสแล้ว ยอดจะแย่ได้อย่างไร?

ยิ่งไปว่านั้น ใครบ้างจะไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้ดังระเบิดระเบ้อขนาดไหน เจ้าแบล็กไม่ได้ชวนเขาเพราะต้องการเพิ่มยอดแน่ เขาจะติดกับเจ้านั่นไม่ได้!

แต่…

“เอ้อ ลืมบอกไปว่าฉันมีเสื้อทีมที่นางฟ้าของนายเซ็นชื่อให้ด้วย พอมาแล้วฉันจะให้นายนะ”

จาก…เจ้าแบล็กคนชอบอวดผัว

ชื่อนั่นหลินเฟิงเป็นคนตั้งให้ป๋อจิ่วเอง พอได้เห็นข้อความเธอ เขาก็ยิ่งว้าวุ่นใจ พยายามเทียบกันระหว่างไปที่บ้านตระกูลอวิ๋นหรือไปดูหนังดี เพราะหากไปบ้านตระกูลอวิ๋นแล้วได้เจอแม่บุญธรรมเขา รับรองว่าไม่ได้แค่เข้าไปนั่งแน่ เรื่องดื่มชาอะไรเนี่ย เขาไม่กลัวหรอก แต่ตามวิถีปกติแล้ว จะต้องให้เขานอนค้างชัวร์

หากเทียบกันแล้ว การไปโรงหนังน่าจะไม่ทำให้อึดอัด

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินเฟิงก็เอ่ยปาก “นายว่างใช่ไหม? เจ้าแบล็กนัดพวกเราไปดูหนัง ไปป่ะ?”

อวิ๋นหู่กดปิดหน้าจอมือถือ เอ่ยตอบตามปกติ “อื้อ”

หลินเฟิงที่บื้อแบ๊วมองออกว่าเป็นแผนนัดเขาออกไป แต่คิดไม่ถึงว่าหลุมพรางของจริงอยู่ตรงนี้ต่างหาก

ป๋อจิ่วที่ได้รับข้อความแล้วหัวเราะเบาๆ เรียวปากแย้มยิ้ม ตอบกลับอวิ๋นหู่เพียงว่า “ไม่ต้องเกรงใจ เจอกันที่โรงหนังนะ”

จะว่าไปเธอกับท่านเทพไม่เคยดูหนังด้วยกันสักที ครั้งนี้ได้โอกาสแล้ว ป๋อจิ่วเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว ด้วยเพราะฝึกฝนมาดี หลังจากที่สวมเสื้อกันลม ก็สวมผ้าปิดปากสีดำให้ตัวเอง ก่อนจะสวมให้ท่านเทพด้วย

ฉินมั่วเลิกคิ้ว วางหนังสือในมือลง “ทำอะไร?”

“อุตส่าห์ตั้งใจอ่านหนังสือมาตั้งนาน ฉันกะจะให้รางวัลตัวเอง” ในระหว่างที่หัวเราะ ใฝเสน่ห์ใต้ตายิ่งเด่นชัด “ไปดูหนังกัน”

ฉินมั่วช้อนสายตามอง ดูสูงส่งไฮโซ เสียงที่เอ่ยขึ้นออกจะทุ้มต่ำเพราะพูดผ่านแมสก์ “เด็กหญิงป๋อเสียวจิ่ว ขอเตือนนะว่าอีกไม่กี่วันก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วใช่ไหม? หรือไม่อยากจะแต่งงานกับฉันแล้ว คิดจะทิ้งกันหรือไง?”

คนที่เรียกร้องให้ฝ่ายหญิงมาขอตัวเองแต่งงานได้โดยไม่หน้าแดงแบบนี้ คงมีท่านเทพเพียงคนเดียว

ป๋อจิ่วทำหน้าจริงจัง “ฉันคิดว่าเราควรจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้สนิทขึ้น พวกแฟนคลับบอกว่าช่วงนี้อาหารหมาน้อยไป”

“จะพัฒนาความสัมพันธ์เหรอ?” ฉินมั่วหัวเราะ ละมือข้างหนึ่งมาตบแก้มเธอเบาๆ ใบหน้ามีแมสก์กั้นเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงแววตาที่ลุ่มลึก “รอเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัย A ได้ แล้วมีอายุเท่าฉันตอนนี้ รับรองว่าฉันจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอบนเตียงทุกวันเลย”

………………………………….

ตอนที่ 1944

เฟิงอวิ๋น 2

แค่พริบตาเดียว หลินเฟิงก็เข้าใจทันทีว่าอะไรเป็นอะไร

ต่อให้แบ๊วซื่อบื้ออย่างไร ย่อมต้องรู้ว่าใครเป็นคนวางแผนนี้

ซ่งเจียเหอเป็นคนรู้จักพูด ไม่งั้นธุรกิจของตระกูลซ่งจะก้าวไกลได้เหรอ

เมื่อเห็นผู้ที่เข้ามาใหม่ เขาก็วางถ้วยชาลง “คุณชายหลินที่ยุ่งหนักหนา จะยืนตรงหน้าประตูทำไม รีบเข้ามาสิ!”

หลินเฟิงเดินเข้าไป จะอย่างไรก็มาจากเขตทหารด้วยกัน แม้วันนี้จะไม่รุ่งเรืองเหมือนในอดีต แต่ก็ไม่ถึงกับล่มจม

หลังจากที่ตระกูลหลินเริ่มตกอับ ใช่ว่าหลินเฟิงจะไม่ได้เจอคนพวกนี้ ทั้งยังรู้ซึ้งถึงความลำบากตอนขอร้องให้คนช่วย

ไม่ได้กระแนะกระแหนกันซึ่งๆ หน้าเหมือนที่เขียนกันในนิยายทั่วไป

ทว่าพวกเพื่อนที่เคยกินเหล้าด้วยกันมาก่อน จู่ๆ กลับขาดการติดต่อไป เวลามีงานเลี้ยงก็พากันหลีกเลี่ยงเขา

พูดจากบางมุมมอง พวกนั้นคงมองว่าเขาเป็นสัญลักษณ์ของความซวย

ซ่งเจียเหอเป็นคนที่ไม่แคร์เรื่องนี้มากที่สุดในวงการ เวลามีเทศกาลอะไร ซองแดงต้องมาถึงทันที แต่ไม่ได้ทำตัวเหมือนในวันนี้

หลินเฟิงรู้สึกว่ามันไร้ความหมาย คนที่ไม่เคยเจอสภาพแบบนี้ย่อมไม่เข้าใจ

เวลาที่เรารุ่งเรืองก็มักตามพะเน้าพะเนอ

แต่พอเราไม่เหลืออะไร กลับรู้สึกว่าซวยจริงๆ ที่รู้จักเรา

ทว่าเมื่อมีอวิ๋นหู่อยู่ด้วย คุณค่าของหลินเฟิงย่อมต่างออกไป

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกที ก็สามารถเก็บอารมณ์ทุกอย่างได้อย่างมิดชิด จากนั้นจึงเดินไปนั่งข้างอวิ๋นหู่

มีเก้าอี้ที่เดียวว่างอยู่ เขาถอดเสื้อกันลมออกมาแขวนไว้หลังเก้าอี้ ก่อนจะหยิบบุหรี่จากโต๊ะออกมาสูบ

เมื่อภารกิจนัดคนมาเจอกันสำเร็จ หากซ่งเจียเหอจะสอดมือต่อไป ย่อมเกรงว่าชายหนุ่มคนนั้นจะไม่ชอบใจแน่ เขาจึงเติมชาให้เต็ม สร้างบรรยากาศพูดคุยให้สนุกยิ่งขึ้น เพื่อให้ทั้งสองได้คุยกันเป็นการส่วนตัว

อวิ๋นหู่ถามอย่างไม่อ้อมค้อม “โกรธเหรอ?”

หลินเฟิงที่กำลังดื่มชาชะงักไปนิด แล้วหันไปมองอีกฝ่าย

อวิ๋นหู่ก็มองเขาเช่นกัน แววตาเคร่งขรึมมาก “ก็ฉันนัดนายแล้วนายไม่มา เลยต้องเปลี่ยนวิธี”

“เวียนหัวจริงๆ” หลินเฟิงจิบชา “นายอยากเจอฉัน แค่โทรมาก็หมดเรื่องแล้วไหม?”

อวิ๋นหู่ยังสุขุมเหมือนเดิม “ก็มันไม่ได้บรรยากาศคุย”

หลินเฟิงนึกถึงคำสอนของบ้านตระกูลอวิ๋นที่มีมากมายหลายข้อขึ้นมาได้ “ตอนนี้ได้บรรยากาศแล้วสิ” หลินเฟิงหัวเราะ “ยังไงทุกคนก็ต้องไว้หน้านาย”

อวิ๋นหู่ฟังออกว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ แต่จะทำอย่างไรได้ อยากเจอเหลือเกิน

ไม่รู้ว่าเจ้านั่นจงใจหรือไม่ หากจะบอกว่าหลบก็ไม่ใช่ แต่ถ้าบอกว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรก็เป็นไปไม่ได้

ถ้าเป็นคนอื่น อวิ๋นหู่ใช้เล่ห์กลไปนานแล้ว การที่ทำให้ซ่งเจียเหอยอมรับใช้ได้ ต้องไม่ใช่เพียงเพราะสายสัมพันธ์ของตระกูลอวิ๋นแน่

จะเห็นสไตล์การจัดการเรื่องราวของอวิ๋นหู่ได้เลย

ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับเป็นหลินเฟิน

อวิ๋นหู่กำถ้วยในมือ ก่อนจะคลายลงทีละนิ้ว นิ้วของเขาเรียวสวย เอ่ยขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ “ยังดีที่ฉันมีหน้าตาพอให้ใช้ประโยชน์ได้”

หลินเฟิงไม่พูดอะไร เพราะรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ไม่อาจโทษใครแค่ฝ่ายเดียวได้

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มมีช่องว่างระหว่างกัน นี่เป็นความจริงที่แก้ไขไม่ได้ แต่อวิ๋นหู่กลับไม่คิดเช่นนั้น “แข่งชิงแชมป์เอเชียจบแล้ว นายไม่คิดจะกลับทีมแล้วใช่ไหม”

“กลับสิ” ในที่สุดก็มีเรื่องให้หลินเฟิงอบอุ่นใจขึ้นบ้าง “ฉันจะบอกก่อนลาออกจากทีม อย่างน้อยจิ้งจอกเฟิงจะได้หาคนมาแทนฉัน ตอนนี้ทางทีมกำลังรับคนใหม่ไม่ใช่เหรอ จะว่าไป นายยังจำได้ไหมว่าตอนนั้นจิ้งจอกเฟิงหลอกพวกเราให้เข้าทีมยังไง?”

……………………………….

ตอนที่ 1945

เฟิงอวิ๋น 3

“จำไม่ได้แล้ว” อวิ๋นหู่ตอบเสียงเรียบนิ่ง

หลินเฟิงเลิกคิ้ว “นายจำไม่ได้เหรอ? เขาบอกว่าอีสปอร์ตดี จะได้เล่นเกมทุกวัน แค่พูดอธิบายก็มีพวกสาวๆ มาชอบแล้ว แถมยังบอกด้วยว่ามีผู้หญิงเต็มทีม รับรองว่าหาแฟนได้แน่นอน แล้วยังมีคนเก่งๆ อย่างหัวหน้าอยู่ด้วยอีก จากนั้นผลก็คือไม่มีผู้หญิงสักคน มีแต่ชายโสดจนแทบผุพังทั้งทีม บ้ายิ่งกว่าอยู่หอพักมหาวิทยาลัยอีก ฉันเกือบจะคบคอมพิวเตอร์เป็นแฟนแล้ว แต่ละวันก็ได้นอนน้อยจะตาย ใช้ชีวิตเหมือนเป็นนักบวชเลย”

“ดีออกไม่ใช่เหรอ ยังไงก็ได้แชมป์ประเทศมาแล้ว” อวิ๋นหู่พูดอย่างนี้ก็จริง แต่คิดในใจว่าฉันเข้าทีมนี้ไม่ใช่เพราะเหตุผฃอื่นใด แต่เพราะเมื่อเฟิงอี้โน้มน้าวนายเสร็จ เขาก็เข้าใจว่านั่นเป็นการชวนฉันทางอ้อมด้วย

หลินเฟิงวางถ้วยชาลง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “ดีจริงๆ แหละ ได้เป็นแชมป์ประเทศ แชมป์เอเชีย มันเป็นสิ่งที่พวกเราอยากได้มากมาหลายปีแล้ว ในที่สุดก็ได้มาสักที แต่วงการอีสปอร์ตเป็นอาชีพที่รุ่งในช่วงวัยรุ่นเท่านั้น ฉันคงไม่มีวันฟอร์มดีตลอดไป นายน่าจะรู้สึกแล้วว่าฝีมือฉันเริ่มถอยหลังแล้ว ไม่เกี่ยวกับสาเหตุอื่นหรอก แต่คนเราเมื่อมาถึงอายุหนึ่ง สมรรถภาพร่างกายย่อมเปลี่ยนแปลง”

อวิ๋นหู่เงียบไป เพราะรู้ดีว่าหลินเฟิงพูดจริง

เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาป้องกันไม่ได้ แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม

หลินเฟิงมองเพดาน “วัยเด็กนี่ดีจังเลย ได้เล่นเกมออนไลน์ก็ดีมาก แต่ทำไงได้ ฉันต้องโตขึ้นในสักวัน นายก็เหมือนกัน ตั้งแต่ทีมไดมอนด์ตั้งขึ้นมาจนถึงตอนนี้ พวกเราก็ได้เจออะไรมาเยอะแยะ เวลาย่ำแย่ คนบางคนก็ดูถูกเรา ใครๆก็จะแยกเราออกจากทีม เพราะวงการของพวกเราไม่ได้รับการยอมรับ อุตส่าห์สู้มาจนถึงการแข่งระดับเอเชีย พวกนั้นยังพยายามไล่หัวหน้ากับเจ้าแบล็กออกไปเลย จะได้สมใจพวกเขา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกนี้ไม่ใช่ความมืดมิดหรอก พวกเราทนผ่านมาได้แล้ว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือมันจะอาจมืดหม่นอีกครั้ง ฉันสู้ต่อไม่ไหว และไม่อยากกังวลชื่อเสียงกับผลประโยชน์อีกต่อไป ฉันอยากออกจากวงการ”

มืออวิ๋นหู่ไปชะงักเล็กน้อย

“แน่ล่ะ รอจนถึงปีหน้าก่อน” หลินเฟิงยกแขนขึ้นมา “ฉันยังคิดถึงทุกคนอยู่”

อวิ๋นหู่หันไปมองใบหน้าอีกฝ่าย แต่กลับไม่เห็นอะไร คงเหมือนอย่างที่เจ้านั่นพูด คนคนนี้โตขึ้นแล้ว แม้จะดูอ่อนล้าไปบ้าง แต่กลับไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าเหมือนที่เคยเป็น

แค่ยิ้มให้เมื่อมองเขา

อวิ๋นหู่บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร เขาทรมานใจจริงๆ แต่พอหวนคิดดูอีกที รู้สึกว่าอีกฝ่ายกลายเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวแล้วดูเท่จริงๆ

หลินเฟิงจิบชาอีก “ไม่รู้ว่าปีนี้จิ้งจอกเฟิงจะใช้วิธีไหนมาหลอกคน”

“ไม่ต้องหลอก” อวิ๋นหู่ยิ้มอย่างที่น้อยครั้งจะยิ้ม

หลินเฟิงพอจะเดาอะไรได้ “ก็จริง ไม่ต้องหลอกแล้ว เพราะถ้าเวลานั้นหาแฟนไม่ได้จริงๆ ก็คบกันเอง หัวหน้ากับเจ้าแบล็กเป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่ นายรู้ไหมว่าจ้าวซานพั่งแทบจะทะลุโทรศัพท์ออกมาอาละวาดเลย”

อวิ๋นหู่มองเพื่อน “นายก็รู้จักคำว่าคบกันเองด้วย?”

หลินเฟิงหัวเราะ “ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง”

อวิ๋นหู่ระวังตัวด้วยมีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่อยากพูดเรื่องลึกต่อ

เขาน่ะไม่เป็นอะไร แต่รู้ดีว่าหลินเฟิงคิดมาก

เขาไม่อยากให้เกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้น โดยเฉพาะในสถานที่แบบนี้

อวิ๋นหู่ยกมือนวดหัวคิ้ว พออีกฝ่ายโตขึ้นแล้วก็ไม่ดีตรงนี้ คิดอะไรลึกซึ้งจนเขามองไม่ออกแล้ว…

……………………………………………..

ตอนที่ 1942

ฉันเลี้ยงพี่เอง

คนทั้งโลกรู้ว่าป๋อจิ่วปรารถนาที่จะเอาฉินมั่วไปเลี้ยงที่บ้านมากที่สุด

ซึ่งก็สมหวังแล้วในเวลานี้

เธอดีใจจะแย่ “อื้อ ฉันจะเลี้ยงพี่เอง ต่อไปพี่ตามฉันกลับ The Fifth Avenue ไหม?”

“ได้” ฉินมั่วหัวเราะ “รอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก่อน เธอจะไปไหน เราก็ไปด้วยกัน”

ดวงตาของป๋อจิ่วสว่างไสว “อยากไปตั้งหลายที่แน่ะ คุนหลุน ภูเขาเอเวอร์เรส เขอเข่อซีหลี่ในมองโกเลีย แล้วก็ยังมีที่อื่น…”

“ไปปีละที่พอ” ฉินมั่วหยิกแก้มเธอ “ต้องอยู่บนเงื่อนไขว่า คนบางคนต้องไม่ซน”

ป๋อจิ่วหัวเราะ หล่อเท่เป็นที่สุด “ฉันเป็นเด็กดีจะตายเวลาอยู่กับคนสวย”

ฉินมั่วเลิกคิ้ว คนสวย? ยัยคนนี้ไม่วันรู้เลยว่าคนสวยตัวจริงเป็นใครกันแน่?

ป๋อจิ่วอยากพูดอีก ด้วยดีใจเหลือเกิน

แต่ยังไม่ทันได้เอ่ย ก็ถูกสูบลมหายใจไป

จูบในครั้งนี้ต่างจากเมื่อครั้งที่แล้ว อุกอาจจนขัดขืนไม่ได้

 ริมฝีปากบางเย็นนิดๆ ไม่ได้อ่อนโยนอีก เหมือนต้องการจะดึงสติของเธอออกไป

กระทั่งปลายลิ้นยังมีกลิ่นมินต์ตกค้างอยู่ จนกระทั่งเมื่อเธอวาบหวามไปทั้งตัว เขาถึงยอมปล่อยไป

เขาละมือข้างหนึ่งมาส่งวีแชทกลับ เนื้อความประมาณว่า “พวกนายกำลังรบกวนฉันที่ตอบรับคำขอแต่งงานจากใครบางคนอยู่”

ได้ยินน้ำเสียงของเขาที่เย็นนิดๆ ป๋อจิ่วถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเสื้อเชิ้ตบนตัวถูกแกะกระดุมไปแล้วหลายเม็ด หากพูดจากมุมนี้พวกนั้นก็รบกวนจริงๆ

ฉินมั่วมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะกลัดกระดุมคืนให้เธอทีละเม็ด แววตาลึกซึ้งมาก

ทางด้านกรุ๊ปวีแชทเหมือนระเบิดลงตู้ม

แค่นึกดูก็รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร

จ้าวซานพั่งออกมาประกาศคนแรก “ดีดเขาออกจากกลุ่ม!”

“เห็นด้วย!”

“เห็นด้วย +1!”

แล้วยังไง ใครแคร์?

ฉินมั่วส่งข้อความไปว่า “อิจฉาล่ะสิ?”

ก็ทำให้ความแค้นไต่ระดับขึ้นสูงสุดอีกครั้ง

แต่ยังไม่จบแค่ไหน

ประโยคถัดมาของฉินมั่วคือ “โฮชิโนะก็น่าจะอยู่ในกรุ๊ปนี้ด้วย คงไม่ต้องบอกเรื่องที่ฉันถูกขอแต่งงานกับเขาผ่านช่องทางอื่นแล้ว จ้าวซานพั่ง นายได้ทำในสิ่งที่ผู้สนับสนุนควรทำสำเร็จแล้ว”

จ้าวซานพั่ง “…”

โฮชิโนะ “…”

ยูกิชิน “…”

สมาชิกจากแต่ละทีมรู้สึกว่าตัวเองได้สัมผัสความหน้าไม่อายของฉินมั่วอีกครั้ง

สำหรับเรื่องนี้ ป๋อจิ่วคิดว่าท่านเทพขุดหลุมล่อเธอมากกว่า

ไหนบอกว่ารอให้เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก่อนไง

ตลอดราวหนึ่งเดือนนี้ ผู้คนจะเห็นคนบางคนที่เท่เหลือร้ายถือหนังสือเดินไปทั่วทุกที่

แถมมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เด็กหัวเกรียนจากเจียงเฉิง 2 มาเจอเข้า ถึงกับตกใจเลยทีเดียว

ต้องรู้ไว้ว่าคนเก่งๆ ถึงแม้จะได้คะแนนดี แต่การรักเรียนแบบนี้ไม่เหมาะกับเจ้าตัวเลย

ถึงอย่างไรเขากับเธอต่างก็เคยกระโดดกบด้วยกัน

นี่เป็นอภิสิทธิ์ของคนที่โดดเรียนเท่านั้น!

“ไอดอล นายเปลี่ยนไป!” เด็กหัวเกรียนเจ็บปวดหัวใจมาก “นายเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ!”

ป๋อจิ่วคาบหญ้าหางหมาไว้ในปากพลางหัวเราะ คิดในใจว่านายมันจะไปรู้อะไร ฉันกำลังเตรียมแต่งท่านเทพเข้าบ้านต่างหาก

หลังจากแข่งชิงแชมป์เอเชีย ทีมไดมอนด์ก็ได้พักผ่อนทั้งทีม มีสัมภาษณ์ที่ต้องเข้าร่วมมาบ้าง แต่เธอไม่ไป

การพักเป็นระยะเวลานานเช่นนี้ เธอย่อมใช้โอกาสต้องอ่านหนังสือให้เต็มที่

แต่ไม่ว่าทีมไดมอนด์จะแข็งแกร่งขนาดไหน โด่งดังจากการได้ชัยชนะมาเพียงไร

พวกชาวเน็ตที่ไม่ชอบแบล็กพีช Z ก็ยังมีเยอะเหมือนเดิม

ถึงขั้นมีคนบอกว่า “ทีมไดมอนด์ไปไม่ไหวมานานแล้ว ตอนนี้ข้อเสียทุกประเภทของพวกเขาก็เห็นกันแล้ว แค่เฟิงอี้กลบไว้มิดดีเท่านั้น คนอื่นไม่รู้ก็ว่าไป แต่ภายในทีมกันเองเป็นยังไง มีแต่พวกเขาที่รู้ดีแก่ใจ…”

……………………………………..

ตอนที่ 1943

เฟิงอวิ๋น

ทีมไดมอนด์มีจุดอ่อนจริงๆ

แต่จุดอ่อนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ

เมื่อมาถึงจุดพีคสุดจุดอ่อนของทุกทีมจะปรากฏออกมา ฝั่งทีมไดมอนด์ก็ยิ่งเป็นอย่างนั้น

พวกเขาทุ่มกำลังแข่งทุกนัดราวกับเป็นสนามสุดท้าย ไม่ใช่เพียงเพราะความชอบอย่างเดียว แต่เป็นเพราะอายุของทีมเหลืออีกไม่นานแล้ว

ยังไม่ต้องคำนึงถึงอายุของอินอู๋เย่าก่อน

 โดยปกติพวกที่แข่งจะอยู่ในรุ่น 18-19 ปี

จนเมื่ออายุถึง 24 สภาพของพวกเขาจะแย่ลงทุกวันๆ พูดอย่างนี้ออกจะโหดร้ายไป แต่มันเป็นเรื่องจริงที่สุด

บอกได้ว่าอายุทีมไดมอนด์จะมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่อินอู๋เย่า แม้แต่หลินเฟิง อวิ๋นหู หรือฉินมั่ว เส้นทางลีกส์อาชีพของพวกเขาเหลืออีกเพียงสองปีเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนจะแข่งชิงแชมป์เอเชีย อวิ๋นหู่และหลินเฟิงก็คิดจะออกจากวงการแล้ว

บ้านหลินกำลังประสบปัญหา ต้องพึ่งพาธุรกิจหลินกรุ๊ปเพียงอย่างเดียว

แม้หลินเฟิงจะดูแบ๊วบื้อ แต่ก็มีความรับผิดชอบมากกว่าทุกคน

เมื่อก่อนตอนที่ตระกูลหลินยังดีๆ อยู่ เขาอาจไม่ต้องใส่ใจอะไรมาก ทำตัวเป็นคุณชายจากเขตทหารได้สบายๆ แต่ตอนนี้ต่างไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนหรือเรื่องงาน หลินเฟิงล้วนแต่รู้อย่างลึกซึ้ง

แม้ภายนอกเขาเหมือนจะไม่แยแส ทว่าอันที่จริงเขาไม่ได้เอาแต่มีความสุขกับการลงแข่ง จนไม่ใยดีความรับผิดชอบต่อทางบ้าน

เมื่อทีมไดมอนด์คว้าชัยระดับเอเชียได้ เขาก็จะเริ่มไปที่โครงการก่อสร้างด้านนอกทันที

อวิ๋นหู่นัดเขาหลายครั้ง แน่อนอนว่าไม่ได้นัดเจอกันตามลำพัง แต่เป็นการนัดเจอกันของเพื่อนๆ ในเขตทหาร หลินเฟิงยังต้องบอกปัดหลายครั้งเพราะยุ่งกับงาน

คนข้างตัวอวิ๋นหู่คงมองอะไรออก

หนึ่งในหลายคนที่นั่งในร้านน้ำชาจึงหัวเราะ “ช่วงนี้ประธานหลินยุ่งจริงๆ เอางี้ เดี๋ยวฉันโทรไปตามเขาดีกว่า จะได้คุยกันเรื่องโปรเจกต์ที่เคยคุยกันเมื่อครั้งที่แล้วด้วย” พูดแล้วก็ต่อสายตรงหน้าอวิ๋นหู่ จุดประสงค์คือเพื่อจะให้อีกฝ่ายสมหวัง

ส่วนอวิ๋นหู่ถือถ้วยชาในมือโดยไม่มองคนพูด

ทว่าชายคนนั้นพอจะเข้าใจว่าอวิ๋นหู่ทนไม่ไหวแล้ว อยากเจอคนคนหนึ่งมาก ไม่งั้นคงไม่ไว้หน้าเขาแบบนี้

หลินเฟิงรับสายช้า เสียงที่เอ่ยขึ้นยังแทรกด้วยเสียงลมพัด “เจียเหอ มีอะไร?”

“ก็ไม่ได้มีอะไร แค่อยากชวนนายมาเจอกันหน่อย พวกเราโตมาด้วยกันที่เขตทหาร ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว ก่อนหน้านี้นายต้องลงแข่ง บอกว่าจะต้องถนอมร่างกาย ตอนนี้ได้พักแล้วก็มาเจอกันหน่อยสิ คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ซ่งเสียเหอฝีปากดี “เชื่อฉันแล้วจะดีเอง ฉันมีอะไรดีๆ มานำเสนอ”

หลินเฟิงเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ชะงักเล็กน้อย “ก็ได้ นายอยู่ไหน?”

“ที่เดิม ร้านน้ำชาที่พวกเรามากันบ่อยๆ ไง” ซ่งเจียเหอพูดจบก็หันไปมองอวิ๋นหู่

เวลาขับรถหลินเฟิงมักพูดน้อย แถมตอนนี้ไม่ได้อยู่ในทีม นิสัยเขาจึงสุขุมขึ้นมาก พูดจาก็ไม่มากขนาดนั้นแล้ว

อย่างไรซะเวลาอยู่ในวงการธุรกิจเรื่องนี้ก็สำคัญยิ่ง

พูดน้อยผิดน้อย พูดมากผิดมาก

เพราะไม่ว่าคุณจะพูดอะไร ขอแค่ฝ่ายตรงข้ามจงใจ ย่อมหาเรื่องเราได้จากคำพูดของเรา ดังนั้นเวลาทำธุรกิจจึงต้องทำงานให้เยอะแล้วพูดให้น้อย

หากป๋อจิ่วได้มาเห็นหลินเฟิงในตอนนี้คงคิดไม่ถึงแน่นอน แต่ดูเหมือนคนเราก็เป็นอย่างนี้ นิสัยมีหลายด้าน เราจำต้องอำพรางตัวตนเอาไว้ เพื่อให้กลมกลืนอยู่ในสังคมได้ดียิ่งขึ้น

เมื่อหลินเฟิงเดินเข้าร้าน ก็เห็นอวิ๋นหู่ที่นั่งด้านซ้ายทันที ฝีเท้าชะงักโดยไม่รู้ตัว….

……………………………………

ตอนที่ 1940

ขอแต่งงาน 2

 “ฉินมั่ว แต่งเข้าตะกูลฉันเถอะ”

ด้วยแสงเงา บวกกับพลุที่สว่างไสว

ทำให้ประโยคดังกล่าวไม่ใช่แค่เกิดความเปลี่ยนแปลง แต่เหมือนแผ่นฟิล์มสไลด์ที่แสดงภาพกลีบกุหลาบบานออก แล้วกลับเข้ามารวมตัวกันใหม่ คล้ายกับแสดงผลสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ของเกมบนตัวตึก ทำให้เด็กๆ แถวลานกว้างต่างเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาเบิกโต ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “แม่ นั่นคืออะไร”

“นั่น…” คนเป็นแม่ชะงัก ลืมตอบโดยพลัน แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคู่รักวัยหนุ่มสาวที่กำลังเดินเล่นกัน แววตาของฝ่ายหญิงเต็มไปด้วยความอิจฉา เธอเอามือปิดปาก เอ่ยอย่างทอดถอนใจ “ถ้ามีผู้ชายมาทำแบบนี้กับฉัน รับรองว่าฉันแต่งแน่” พูดจบก็หันไปมองค้อนแฟนตัวเอง

ฝ่ายชายถือถังหู่ลู่ที่เพิ่งซื้อมา คิดเพียงว่าแม่เจ้า ไม่รู้ว่าผู้ชายคนไหนทำแบบนี้ ยอมเปลืองเงิน ยอมยุ่งยาก แถมยังยอมเปลืองสมองอีก คิดจะปล่อยโอกาสให้คนอื่นบ้างไหม แต่ผ่านไปเพียงครึ่งนาที เขากลับพบว่า “เมียจ๋า..”

 “ถอยไป ใครเป็นเมียเธอ” หญิงสาวหรี่ตาลงอย่างไม่พอใจ

“เปล่า ฉันหมายถึง เอ่อ ลองคิดดูสิ ลองคิดดูสิว่ามีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ชื่อฉินมั่ว?” ฝ่ายชายพยายามอธิบาย

ส่วนฝ่ายหญิงตะลึง…เธอลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย!

ประโยคนั้นยังไม่ดับ ครึ่งนาทีหลังจากนั้นก็สว่างต่อ ทั้งยังสวยจนยากที่จะมองผ่าน

ฝั่งตรงข้ามของตึกเป็นส่วนที่กำลังทำการสัมภาษณ์ เวลาอย่างนี้ย่อมมีคนอยู่ด้วย

ทีมเซียงหนานเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ เดิมมีคนกำลังคุยกับผู้จัดการทีมเล่นๆ ผู้จัดการทีมของทีมนี้ต่างไปจากทีมไดมอนด์ เขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ชอบยิ้มบางๆ ลักษณะเหมือนพระสังกัจจายน์

ตอนแรกจ้าวซานพั่งก็ฟังพวกเขาคุยกันอยู่ แต่ด้วยเป็นคนที่ไม่ชอบนั่งนานๆ กำลังจะถามว่าเมื่อไรหัวหน้าทีมจะกลับ เพราะพวกแฟนคลับที่ชอบหน้าตาเขากำลังรอให้เขาเล่นไลฟ์สดอยู่

ไม่คิดเลยว่าแค่หันไปก็จะเห็นประโยคที่ส่องแสงสีทองระยับไม่หยุด ทำอย่างกับให้ฟรีอย่างนั้นแหละ!

‘พึ่บ!’ เขายืนตัวตรง ส่วนคนสัมภาษณ์มองมาที่ตัวเขา กระทั่งผู้จัดการทีมยังส่งสัญญาณให้เขาสำรวมหน่อย

จ้าวซานพั่งลุกลี้ลุลนหนัก ควักมือถือออกมาส่งข้อความ โดยแอดชื่อคนสองคน “พวกนายจงใจใช่ไหม! เจ้าแบล็ก เจ้าแบล็ก ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

ตัวต้นเรื่องยังไม่ออกมา คนอื่นๆ ก็ส่งอิโมจิรูปหาวมาให้ ทั้งยังมีคนถามอย่างเป็นห่วง “สะเทือนใจอีกแล้วล่ะสิ”

จ้าวซานพั่งตอบกลับ “ตรงฝั่งถนนคนเดิน! รีบเปิดหน้าต่างดูด้านนอกเร็ว!”

ไม่ถึงวินาที กรุ๊ปวีแชทก็เหมือนโดนระเบิดลง

“เฮ้ยๆๆๆๆ”

“ให้ฉันทำใจก่อน”

“รู้สึกว่าทีมเซียงหนานสะเทือนใจอย่างแรง พวกเขากำลังให้สัมภาษณ์ที่ฝั่งตรงข้าม”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันหล่อขนาดนี้ ยังไม่เคยมีใครมาขอแต่งงานเลย!”

ตอนที่มือถือสั่น เจ้ลั่วคนสวยและหัวหน้าเซียวต่างได้เห็นข้อความดังกล่าว จากนั้นหันไปดูฝั่งตรงข้าม งานนี้ไม่ต้องสัมภาษณ์กันอีกต่อไป

ต่อให้จ้าวซานพั่งใจลอยก็ยังพอว่า แต่ที่เหลืออีกสองนี่สิ

คนสัมภาษณ์จึงมองตามสายตาอีกฝ่ายไป เล่นเอาตะลึงงันเลยทีเดียว!

ขะ ขอ ขอคุณชายฉินแต่งงาน?

ขอแต่งงาน?

ขอแต่งงาน?

พวกเขาอ่านไม่ผิดใช่ไหม!

ใครกัน? เจ๋ง…ขนาดนี้?

จ้าวซานพั่งเห็นแล้วก็ไม่กลัวอะไรอีก คุยกับพวกของตัวเอง “เจ้ลั่ว หัวหน้า เจ้าแบล็กมันจงใจแน่! เจ้านี่ชอบโชว์หวานอวดชาวบ้านอยู่ด้วย!”

……………………………………

 ตอนที่ 1941

เธอเลี้ยงฉันนะ

ขนาดจ้าวซานพั่งที่อยู่สถานที่จริงยังพูดได้ขนาดนี้ แค่คิดก็รู้ได้ว่าสถานการณ์ในกรุ๊ปวีแชทเป็นอย่างไร

เข้าใจลูกไม้ที่ใช้โดยพื้นฐานแล้ว

นี่ก็แค่กำลังอวดหวาน ไม่มีอะไรอื่น

สำหรับเรื่องนี้ ป๋อจิ่วยอมรับ ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเธอก็ได้แต่โชว์หวานต่อหน้ารถ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เพราะเธอได้ประกาศความเป็นเจ้าของให้ทุกคนรู้แล้ว

แต่จะว่าไป ป๋อจิ่วก็ไม่แน่ใจ

เพราะเธอรู้ดีตั้งแต่แรก อย่างตระกูลฉินจะยอมให้เกิดเรื่องที่เขาแต่งเข้าตระกูลเธอได้อย่างไร

แถมยังมีนิสัยขององค์หญิงน้อยฉินอีก…

เมื่อพิจารณามาถึงตรงนี้ ป๋อจิ่วจะเอ่ยอะไรขึ้น

แต่กลับมีเสียงดังขึ้นข้างหูอย่างไม่เร็วไม่ช้าไป “สวยดี”

แล้วจะตอบตกลงไหมล่ะ?

เธออยากถามให้รู้ผลชัดๆ ไปเลย

ทว่ากลับเห็นเขายื่นมือมา นิ้วลูบไล้บนใบหน้าเธอ ราวกับจะเช็ดสิ่งที่เปรอะเปื้อนให้ สัมผัสที่เย็นนิดๆ ทำให้รู้สึกสบายอย่างประหลาด

“ไปกันเถอะ”

แค่นี้?

ป๋อจิ่วมองดูมือที่จูงมือเธอไว้ ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาวขาวนวล ดูสวยมากจริงๆ แต่เขาตอบตกลงหรือเปล่าเนี่ย?

หลังจากขึ้นรถ ป๋อจิ่วรู้สึกว่าควรจะได้คำตอบชัดเจนเร็วๆ หน่อย จึงส่งมือข้างหนึ่งออกไป ในสายตามีความรู้สึกนิรนามอยู่ เมื่อกำลังจะเอ่ยขึ้น ริมฝีปากของชายหนุ่มพลันประกบลงที่ปากเธอ

ป๋อจิ่วชะงักไปทันที

ฉินมั่วรวบเธอมาไว้ในอ้อมแขนทั้งแบบนี้ นัยน์ตาเขาแวววาว “ไม่หนาวเหรอ?”

“ยังไหว” แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เมื่อยังไม่สำเร็จตามความต้องการ ป๋อจิ่วก็รู้สึกว่า…ยังไงดีล่ะ “เมื่อกี้…”

ฉินมั่วขัดจังหวะ เอ่ยเสียงนุ่มว่า “ก็เอาทะเบียนบ้านให้เธอแล้วไม่ใช่เหรอ”

“หือ?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

ชายหนุ่มเลิกผมให้เธอ “เธอเพิ่งจะรู้เหรอว่า ฉันเป็นของเธอมาตั้งนานแล้ว?”

ป๋อจิ่วแววตาสว่างวาบ ใบหน้าสวยหล่อได้ใจเล็กน้อย “ก็ไม่เชิงหรอก แต่อยากให้มันถูกกฎหมายหน่อย”

แม้เธอใช่ว่าจะเคารพกฎเกณฑ์สังคมสักเท่าไร

ทว่าเรื่องจะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าหญิงน้อยเป็นสิ่งเดียวที่เธออยากทำให้ถูกต้องตามประเพณี

“ถูกต้องตามกฎหมาย” ฉินมั่วไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ใจอ่อนยวบไปหมด คนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาชอบเป็นแบบนี้ ดูท่าทางเหมือนจิ้งจอกที่พร้อมจะหนีได้ทุกเวลา ความจริงกลับมีความรู้สึกลึกซึ้งกว่าใคร

เวลานี้ฉินมั่วรู้สึกโชคดีที่สุดที่ได้รู้จักคนแบบนี้ตั้งแต่เด็ก และยึดครองไว้แต่เพียงผู้เดียว

เพราะเมื่อมีคนแบบนี้ ก็เสมือนมีไข่มุกดำที่เปื้อนฝุ่น

ถึงแม้สีสันจะทึบ แต่กลับส่องสว่างในยามกลางคืน

“รอให้เธออายุครบ แล้วพวกเราจะแต่งงานกัน” ฉินมั่วหัวเราะเสียงเบา เสียงนั้นราวกับกระทบลงในหัวใจของป๋อจิ่ว “ฉันจะแต่งกับเธอ แล้วจะใช้แซ่เธอด้วย”

ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร ป๋อจิ่วเข้าใจดี

ต่อไปถ้าพวกเขามีลูกด้วยกัน จะต้องใช้แซ่ป๋อเท่านั้น ไม่ได้ใช้แซ่ฉิน

นอกจากนั้นโลกแฮกเกอร์ต้องมีทายาทสืบต่อไป

และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่อาจเข้ากองทัพได้อีก เป็นการขัดต่อกฎของตระกูลฉิน “แล้วตระกูลฉิน…” ป๋อจิ่วดีใจอยู่แล้ว ดีใจมากจนถึงกับชะงักเล็กน้อยเมื่อต้องถามคำถามสำคัญ

ฉินมั่วกลับไม่ร้อนใจอะไรมาก “ถ้าแฟนคลับรุ่นแม่ของเธออยากจะได้ทายาทสืบทอดตระกูลฉิน ก็รีบอาศัยจังหวะที่อายุยังไม่มากรีบมีลูกอีกคนกับมิสเตอร์ฉินได้ ก็แค่ว่า…”

“อะไรเหรอ?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

ฉินมั่วมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง “ฉันที่ไม่สามารถสืบทอดตระกูลฉินได้ จะต้องให้เธอเลี้ยงดูแล้ว”

………………………………………

ตอนที่ 1938

ทว่าโลกนี้มีความมหัศจรรย์อยู่อย่างหนึ่ง

ในห้วงเวลาดังกล่าว ไม่รู้ทำไมคำอำอวยพรในฮู้กันภัยกลับเรืองแสงอ่อนๆ ขึ้นมา

บางทีอาจมีคนประเภทนี้อยู่จริง แม้เขาจะลืมเราแล้ว จำไม่ได้ว่าเรารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เสียงเป็นแบบไหน รวมถึงเราชื่ออะไร แต่เมื่อได้สบตากัน เขาจะสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่แท้จริงของเรา ไม่ว่าจะมีคนหาว่าเราเป็นอย่างไร เขาย่อมไม่หวั่นไหว

เมื่อเรายืนอยู่ตรงกลางระหว่างแสงสว่างและความมืดมิด

ต่อให้โง่เขลา ไม่มีจุดใดในร่างกายที่สะอาดบริสุทธิ์ เขาก็จะปฏิบัติต่อเราต่างจากคนอื่น

เพราะเขาเข้าใจเรามากกว่าเข้าใจตัวเองเสียอีก

เพราะเขารักเรายิ่งกว่ารักตัวเขาเอง

เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ เขาที่สะอาดกว่าทุกคนเหมือนเป็นโคมไฟเทพเจ้า ยืนอยู่ในจุดที่เด่นตาที่สุด ไม่ใช่เพื่อเหตุผลใด

แต่เพื่อคนที่เขาพยายามตามหามาหลายปี แต่กลับทำหายไป

และเมื่อเขายืนในจุดนั้น คนคนนั้นย่อมหาเขาเจอได้

เวลาผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง

ในวันที่ 28 เดือนกันยายน เมื่อนัยน์ตาดำขลับลืมขึ้นอีกครั้ง ยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าแสนเท่อีกหน

ฉายา Z ก็ปรากฏตัวอีกครั้งในร่างที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ฟันเฟืองของชะตาชีวิตเริ่มหมุนอีกครั้ง

Z กลับมาแล้ว และยัยเสือน้อยของเขาก็กลับมาแล้วเช่นกัน หากลืมอดีตไปแล้วก็ไม่เป็นไร หากจะมืดมิดตลอดไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

มีใครคนหนึ่งรออยู่ตรงนี้เสมอ ใช้วิธีการเฉพาะตัวของเขารอจนได้พบคนของตัวเองในตอนนี้

“แฮมเบอร์เกอร์ต้องกินคู่กับเป๊บซี่ ถึงจะอร่อย” ฉินมั่วหันมามองเมื่อได้ยินคำพูดของใครบางคน ก่อนจะช่วยพับแขนเสื้อให้อีกฝ่าย

ป๋อจิ่วถาม “เมื่อกี้ใครโทรมาเหรอ?”

“แม่ฉันเอง” ฉินมั่วตอบสั้นๆ ละมือข้างหนึ่งมาถือแก้วเป๊บซี่แล้วส่งให้

ป๋อจิ่วส่งเสียง “อ้อ” แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงดีใจกับเรื่องที่เก็บไว้ในใจ ก็เรื่องที่คุณตาไปสู่ขอไง น่าจะสำเร็จ เธอเชื่อฝีมือด้านพิธีรีตองคุณตามาก

แต่ตอนนี้จะให้เจ้าหญิงน้อยรู้ไม่ได้ เพราะเธอจะได้พาเขาไปยังสถานที่ขอแต่งงานอย่างแนบเนียน จากนั้นก็จะแสดงสิ่งที่เธอเตรียมไว้ให้เขาดู

ทุกอย่างเพอร์เฟกต์ ถือเป็นหนึ่งในวิธีคลาสสิคของท่านประธานจอมโหดที่ไล่จีบสาวน้อยคนรักจริงๆ เธอไม่รู้สึกกดดันสักนิด

ป๋อจิ่วคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไปที่หนึ่งกับฉันหน่อยสิ”

ฉินมั่วรู้ล่วงหน้าแล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อย “ที่ไหน”

“คลับของฉินกรุ๊ป” ป๋อจิ่วกินเสร็จก็เอียงตัวอย่างมีเลศนัย “ตำแหน่งนั้นไม่เลว ได้ยินมาว่าพวกจ้าวซานพั่งมีนัดสัมภาษณ์ทางทีวีที่ฝั่งตรงข้าม”

ฉินมั่วอยากถามเหลือเกินว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่เธอจะขอฉันแต่งงานล่ะ

แต่หากถามออกไป มีหวังบรรยากาศคงกร่อยพิลึก

เสี้ยวหน้าเขาหล่อเหลา ตอบเสียงเรียบว่า “อื้ม”

ป๋อจิ่วยังคงก้มหน้าคิด อีกเดี๋ยวจะเซอร์ไพร์สเจ้าหญิง เขาต้องยอมแต่งงานกับเธอแน่

ยิ่งคิดก็ยิ่งยิ้มร่า สนุกกับเรื่องที่ตัวเองคิด เมื่อก่อนเธอไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เธอสวมกอดเขา ดวงตามองไปนอกหน้าต่าง ท่วงท่าสุดเท่ กระจกหน้าต่างสะท้อนใบหน้านั้น ใฝเสน่ห์ช่างโดดเด่น ยิ้มอย่างได้ใจ ราวกับเด็กน้อยที่ได้ลูกอม

แน่นอนว่าเธอย่อมต้องยินดีเอามากๆ

เดิมฉินมั่วพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ แต่เห็นท่าทางเธอแล้วก็อดถามไม่ได้ “มีความสุขอะไรขนาดนั้น?”

“อ๊ะ? ฉันดูเป็นอย่างนั้นเหรอ?” ป๋อจิ่วยังคงยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ “สงสัยได้กินของอร่อย”

ฉินมั่วละมือข้างหนึ่งมาดันหน้าผากเธอ “ยัยโง่”

ฉันก็มีความสุขเหมือนกัน…

……………………………………………………..

ตอนที่ 1939

ขอแต่งงาน 1

สองทุ่มครึ่ง เป็นเวลากำลังพอดี พวกที่ทำโอทียังไม่กลับบ้าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจียงเฉิงที่ไม่เคยหลับใหล ผู้คนเพิ่งจะมาถึงร้านรวงต่างๆ บ้างก็พาเด็กๆ ไปเล่นที่ลานกว้าง

ป๋อจิ่วคิดว่าตัวเองเป็นถึงท่านประธานจอมโหด เมื่อจะขอแต่งงาน ย่อมทำเงียบๆ ไม่เป็น

ดังนั้นเธอจึงเลือกทำอย่างนี้ ยิ่งเธอได้ยินว่าสมาชิกทีมเซียงหนานจะให้สัมภาษณ์ที่ฝั่งตรงข้าม ก็ยิ่งรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสดี จะรอฤกษ์งามยามดีย่อมไม่สู้เอาเวลาที่สะดวกสุดแสน ในเมื่อเตรียมตัวมมาล่วงหน้าแล้ว เธอจึงพุ่งเป้าไปที่ตึกฉินกรุ๊ป

เวลาปกติ หากเธอคิดจะเจาะระบบอินเทอร์เน็ตของบริษัทสักแห่งย่อมเป็นเรื่องง่าย แต่ครั้งนี้ เฮ้อ เธอยอมจ่ายเงินก็เพราะเป็นการขอแต่งงาน

เธอจ่ายเงินล่วงหน้าให้ฉินกรุ๊ป จากนั้นค่อยแฮกระบบนิดหน่อย เพื่อจะได้อำนาจควบคุมสถานที่ภายนอกอาคาร

ต้องบอกว่าคนที่บอกแบบตึกแห่งนี้ตาถึงมาก

เพราะกระจกทุกชั้นมีหลอดไฟคู่กัน แม้ว่าเป็นตอนกลางคืนก็ยังเห็นได้ชัดทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ย่อมเป็นประโยชน์ต่อกิจกรรมบางอย่างของพวกแฮกเกอร์ ขอแค่ควบคุมวงจรไฟฟ้าได้ ทุกอย่างย่อมไม่เป็นปัญหา

ป๋อจิ่วยืนตรงนั้น สวมเสื้อตัวนอกของฉินมั่ว เป็นเสื้อกันลมสีเข้ม ดูเท่ไปอีกแบบ

ทางด้านฉินมั่วเห็นใครบางคนยกมือเตรียมจะปีนกำแพง ก็ลากตัวอีกฝ่ายกลับมา นัยน์ตาเรียบเฉย “จะซนอะไร?”

“ก็มันเตี้ยจะตาย” ป๋อจิ่วยิ้มร่า มือข้างหนึ่งดึงแฟลชไดรฟ์มาเสียบที่แล็ปท็อปเครื่องเล็กเครื่องหนึ่ง

ฉินมั่วกวาดตามองเธอ จงใจถามทั้งที่รู้ดี “ทำอะไร?”

 “จุดไฟแช็กไง” ป๋อจิ่วแบมือให้เห็นไฟแช็กโลหะที่วางอยู่บนอุ้งมือ

หากเป็นเวลาปกติ ด้วยระดับความปากร้ายของฉินมั่ว เขาต้องเปิดโปงเธอไปนานแล้ว ไฟแช็กนั่นซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอ คิดเหรอว่าเขาจะไม่เห็น?

แต่พอเห็นเธอเริงร่า ก็ปล่อยให้เธออวดเต็มที่ดีกว่า

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าวันนี้เจ้าหญิงน้อยว่าง่ายเป็นพิเศษ จะต้องคว้าโอกาสนี้ขอแต่งงานให้ได้ “พี่มั่ว รอเดี๋ยวนะ”

พูดจบ เธอก็วิ่งไปทางซ้ายมือด้านหน้า โดยยังสวมเสื้อกันลมสีเข้มไว้ เส้นผมสีเงินยุ่งนิดๆ

ฉินมั่วมองดูคนที่คุกเข่า อาจเป็นครั้งแรกที่ทำแบบนี้จึงดูไม่คล่องตัวนัก เธอหันหน้าไป ใบหน้าจริงจังจนเหมือนมีอะไรกำลังลุกไหม้ขึ้นมา

จากนั้นก็เงยหน้า ส่งสายตามา ยิ้มสดใสให้เขา

ห้วงเวลานั้น พลุดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นมา

แสงไฟที่ส่องสว่างเต็มเมือง เหมือนกำลังสะท้อนในดวงตาดำขลับของเธอ

ฉินมั่วเข้าใจดี ยัยคนนี้จะเอาสิ่งที่ตัวเองชอบมากที่สุดมามอบให้เขา เพื่อให้เขาดีใจ

ใบหน้าของเธอมีรอยเปื้อนฝุ่น แถมยังดูน่าเอ็นดู แต่กลับไม่กระทบกับความเป็นเธอในสายตาเขา

ถ้าหากต้องบรรยายล่ะก็ คงเป็นเธอเดินผ่านทางช้างเผือก ย่ำบนกองธุลี มือเปื้อนสิ่งสกปรก แล้วมาหยุดต่อหน้าทั้งที่เปรอะเปื้อนไปทั้งตัว

สิ่งที่เราสัมผัสได้ไม่ใช่เธอตัวสกปรกแค่ไหน แต่เป็นป๋อเสี่ยวจิ่วที่งดงามน่าตะลึง

และเธอ…เป็นของเขา

ฉินมั่วยื่นมือออกไป อยากดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอด แต่คิดไม่ถึงว่าฉากสำคัญจะมาถึงแล้ว!

ตึกฉินกรุ๊ปที่อยู่ด้านหลังเธอสว่างไสวขึ้นมา มีเพียงแถบป้ายอันเดียวที่มืดลง

บริเวณที่ความมืดและสว่างตัดกันปรากฏประโยคหนึ่ง

และประโยคนี้ คนที่อยู่ตามถนนซางเยี่ยที่แสนจะคึกคักต่างเห็นกันทั้งสิ้น

………………………………..

1936 vs 1937
โดย
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1936

ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่น่าเสียใจไปกว่าคำว่า ‘คลาดกัน’ ด้วยเหตุที่ไม่เชื่อใจใคร ป๋อจิ่วจึงซ่อนตัว และในเวลาเดียวกัน ฉินมั่วเองก็หาเบาะแสของ Z ไม่เจออีก เหมือนมลายหายไปในคืนเดียว จนกระทั่งบางคนยังคิดว่า Z ไม่มีตัวตนจริงๆ

ใช่ว่าฉินมั่วไม่อยากหาเบาะแสเธอ ทว่าสิ่งที่ได้มากลับเป็นของปลอม แต่เขาก็ไม่ล้มเลิก ค่อยๆ เสาะหาไป ไม่คิดว่าหลังจากที่เขาแสดงออกว่าใส่ใจในตัวคนคนหนึ่งมากจะเกิดปัญหาขึ้น คงเป็นเพราะทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกที่เขาว่ากัน พวกที่จับจ้องเขาอยู่ย่อมต้องหาแผนการที่รัดกุม ลงมือกับคนที่เขาแคร์เพื่อให้เกิดผลที่ดีที่สุด ดังนั้นม่านของเกมดังกล่าวจึงค่อยๆ เปิดฉาก เริ่มจากฝานเจียเข้าใกล้

เหตุการณ์เป็นอย่างไรต่อนั้นทุกคนต่างรู้กันแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แผนการของเธอไม่สำเร็จ

ฉินมั่วก็ยังเป็นฉินมั่ว แต่นั่นเป็นก้าวแรกของการฝังคำสั่งทางจิต และยังเป็นก้าวแรกที่ฝ่ายตรงข้ามล่วงรู้ว่า Z มีอิทธิพลต่อเขามาก ซึ่งไม่ว่าฉินมั่วทำอะไรขึ้นมา จะต้องส่งผลต่อไปแน่นอน

ดังนั้นหนึ่งเดือนให้หลัง มีข่าวของ Z ที่บริเวณชายแดน ป๋อจิ่วไปที่นั่นจริงๆ ฉินมั่วก็ไปด้วย แต่เธอไปถึงก่อน ฉินมั่วตามไปเมื่อเธอกลับมาเรียบร้อยแล้ว

มีคนให้ข่าวเกี่ยวกับคุณป๋อกับ Z เธอจึงไปที่นั่นและเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์ที่เธอตกลงไปในทะเลจะถูกถ่ายเก็บเป็นคลิปไว้ ทั้งยังมีการตัดต่อ รอจนฉินมั่วไปถึงก็ฉายคลิปนั้นให้เขาดู

สำหรับฉินมั่วแล้ว ปฏิบัติการครั้งนี้อันตรายมาก หากเทียบกับการต่อสู้ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ การทำสงครามทางจิตวิทยากลับเป็นกุญแจสำคัญเสียยิ่งกว่า เมื่อเขาแฝงตัวเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นก็เข้าใจว่าจะต้องเจอกับอะไร

การช่วยเหลือผู้คนถือเป็นภารกิจแรก เพียงแค่เขาไม่รู้ว่าควรจะช่วยใครดี

หรือพูดอีกแบบได้ว่า เขาแยกแยะระดับของการฝังคำสั่งทางจิตไม่ออก

ภารกิจที่ว่าก็เหมือนกับที่บรรยายก่อนหน้านี้ ไม่มีใครอยากไป สถานการณ์ไม่เพียงจะรุนแรงวุ่นวาย แต่ยังทำให้จิตใจคนพังทลายด้วย

ตอนแรกฉินมั่วแฝงตัวได้อย่างแนบเนียน เขาเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร

ต่อมาเขาได้เห็นข้อมูลที่ถูกทิ้งไว้ในคอมพิวเตอร์ของฝ่ายศัตรู ถึงรู้ว่าพวกมันต้องการตามหาเป้าหมายคนเดียวกันกับเขา และดูเหมือนจะได้คำตอบทั้งหมด กระทั่งเบาะแสที่เขาได้มาจากการติดตามหาอย่างจริงจังเมื่อตอนไป The Fifth Avenue ทำให้พวกนั้นรู้ว่า Z เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย แถมยังมีการวิเคราะห์โดยยึดข้อมูลของเขาเป็นฐาน

ฝ่านนั้นยังรู้เรื่องของคุณป๋อด้วย แล้วใช้ข้อมูลของคุณป๋อล่อให้ Z เกิดความสนใจ ซึ่งหากเขาเป็นเธอล่ะก็ ย่อมต้องไปที่นั่นแน่นอน

หลังจากที่รู้ตัวเรื่องนี้ ฉินทั่วจึงไม่อาจทุ่มสมาธิทั้งหมดกับภารกิจ แม้จะรู้ว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับคนที่ฝังเมล็ดแห่งคำสั่งทางจิตให้เขาก็ตาม เมื่อถูกฝังเมล็ดนั่นมันก็จะแตกราก ก่อให้เกิดปัญหาทางสภาพจิตใจ

เขาไม่ควรเดินหน้าต่อ เพราะไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายในสถานการณ์แบบนี้ได้แน่

ฉินมั่วพิงกำแพง เส้นผมสีดำยุ่งเหยิง ถึงแม้สติจะบอกเขาว่าไม่ไหว แต่เมื่อมาถึงจุดนั้น เขาก็ไม่คำนึงถึงอะไรอีกแล้ว

พอคิดถึงว่าข้อมูลที่เขาวิเคราะได้ตอนไป The Fifth Avenue ทำให้อีกฝ่ายได้เบาะแสของเธอ

คงเพราะสภาพจิตใจดังกล่าว ทำให้ในท้ายที่สุดเรื่องทุกอย่างจบสิ้น

หลังจากที่เห็นคลิปนั้น ฉินมั่วแช่อยู่ในแม่น้ำพลางกำลังคิด

เขาไม่ได้ยื่นมือช่วยเธอไว้ เป็นเพราะเขาไม่ได้ช่วยเธอ

ทั้งหมดเป็นเพราะเขา

ในวันนั้น ปรากฏการณ์จิตใต้สำนึกในตัวเขาจึงบรรลุผลของมัน ความทรงจำเขาสับสน ไม่เป็นรูปเป็นร่างอีกต่อไป…

……………………………………………

ตอนที่ 1937

ส่วนเรื่องในอดีตของ Z

เมื่อมีคนมาเจอฉินมั่ว พบว่าเขานั่งอยู่บนพื้น บาดเจ็บที่ข้อมือ

ภารกิจนั้นเสร็จสิ้นลงแล้ว สามารถฆ่าตัวการของฝ่ายตรงข้ามสำเร็จ

แต่วันนั้นฉินมั่วไข้ขึ้นสูง ทำให้ใครบางคนหนีไปได้

ฝานเจียถูกคิงพาตัวไป ในความคิดของเขา ลูกศิษย์ที่ตายไปของเขาทำผลงานไว้ดีมาก

การเพาะเมล็ดพันธุ์ในจิตใจของฉินมั่วจนสำเร็จได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด

ในเวลาเดียวกัน แววตาของคิงยังเย็นยะเยือกเพราะเรื่องการตายของลูกศิษย์คนโปรดนี้

ฉินมั่วฟื้นขึ้นมาเมื่ออยู่บนเครื่องบิน ตอนรู้สึกตัวเขาดูเหมือนปกติ แต่คล้ายสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป

คนเรามักเป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ ยิ่งแคร์มากเท่าไรก็จะกลายเป็นไข้ใจ ไม่ว่าโตแค่ไหนก็ยืนหยัดไม่ไหว เพราะคนที่ใส่ใจมักจะใส่ใจอย่างนั้นตลอดไป

เมื่อเห็นสภาพแบบนั้นของฉินมั่ว ตอนแรกผู้คนยังไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ

กระทั่งคนเป็นแม่ก็ยังไม่รู้ เธอกังวลแต่อาการบาดเจ็บที่ข้อมือของลูก

จนกระทั่งลูกลืมหลายๆ อย่างไปทีละน้อย รวมถึงไม่หยิบรูปที่ถ่ายตอนอยู่บ้านตระกูลอานขึ้นมาดูอีก ทั้งยังจำเหตุผลที่ตั้งชื่อแมวตัวผู้ว่า ‘เจ้าหญิง’ ไม่ได้ ว่าเป็นเพราะการที่ใครคนหนึ่งปฏิบัติเหมือนเขาเป็นเจ้าหญิงน้อย

เขาลืมสิ่งเหล่านี้จนหมดสิ้น

คุณท่านอานเป็นผู้สังเกตทุกสิ่งอย่างลึกซึ้งที่สุด แต่คุณหมอแนะนำว่าอย่าไปแตะสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจของหลานชายเพราะจะทำให้จิตใจเขาสูญสลายอย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะกับนักโปรไฟเลอร์อย่างฉินมั่วยิ่งส่งผลหนัก

หากเขาไม่ได้ฉลาดมากมายหรือวิเคราะห์เก่งอย่างลึกซึ้ง ก็อาจจะไม่เป็นเช่นนี้

แต่เพราะเขารู้ทุกอย่างดี จึงก้าวออกมาไม่ได้

คุณท่านอานค้นพบว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ยังเชื่อมโยงเขาไว้กับอดีต นั่นคือฮู้กันภัยที่สวมไว้ที่คอ ส่วนอย่างอื่นกลับเลือนหายไปหมดแล้ว

กระทั่งยังลืมแม้แต่ว่าทำไมถึงได้เล่นเกมออนไลน์

เรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี แต่ท่านจะเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกขึ้นได้

ส่วนป๋อจิ่วที่กลับไปถึง The Fifth Avenue ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าคนที่ใช้อุบายหนุ่มงามกับตัวเองไม่อยู่ที่นั่นแล้ว เธอรู้เพียงเท่านี้ ไม่รู้เลยว่าคนคนหนึ่งต้องเจออะไรมากมายเพื่อตามหาเธอ

สมิธพูดไว้ไม่ผิด

ตัวตนของ Z ไม่อาจถูกยอมรับให้มีอยู่ได้

โลกใบนี้ต้องถ่วงให้สมดุลด้วยพวกเขา หากใครพยายามทำลายความสมดุลที่ว่าจะต้องจบลงด้วยความตาย

หลังจากคิงรับช่วงต่อองค์กรมาก็เก็บตัวเงียบอยู่ช่วงหนึ่งก่อน จากนั้นคลำหาเบาะแส ค่อยๆ คัดแยกข้อมูล จนหาช่องโหว่ในโลกแฮกเกอร์พบในที่สุด

คนพวกนี้กลัวข้อมูลส่วนตัวหลุดมากที่สุด วิธีการที่คิงใช้ใช่ว่าจะไม่เคยถูกใช้

และเพราะเป็นห่วงมากเกินไป

เมื่อแผนการที่ทำลายครอบครัวเธอถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง ป๋อจิ่วจึงค่อยแฝงตัวเข้าไป โดยไม่ได้คิดถึงว่าสุดท้ายแล้วฝ่ายนั้นต้องการอะไรกันแน่

จนเมื่อเธอไปถึงสถานที่จริง ทุกอย่างก็เริ่มขึ้น

ความสามารถในการประเมินจิตใจผู้อื่นของคิงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครป้องกันได้

เขารู้ดีว่าจะต้องวางแผนเป็นลำดับขั้นตอนอย่างไร ถึงจะทำให้คนหลงกล

อันที่จริง คนชอบกินลูกอมมักจะซ่อนด้านที่บริสุทธิ์ไว้ในหัวใจ

คิงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ทว่าป๋อจิ่วกลับไม่รู้เรื่องดังกล่าว หรือไม่ได้คิดรอบคอบอย่างที่จินตนาการไว้

ดังนั้นเมื่อมีเด็กหญิงตัวน้อยเดินถือลูกโป่งมา จึงกลายเป็นการโจมตีที่ร้ายแรงถึงชีวิตสำหรับ Z

หลายๆ คนเตือนเธอว่า อย่าได้กลายเป็นคนชั่วร้ายไปโดยสิ้นเชิง

ทั้งที่ในความเป็นจริงคนประเภทนี้แหละที่ไม่มีจุดอ่อน และจะไม่เจ็บปวด

บริเวณนั้นเป็นซอยที่ไม่มีใครสนใคร แม้ก่อนหน้านี้จะมีคนเดินผ่านไปมา แต่ก็ไม่มีใครเห็นบาดแผลเลือดไหลไม่หยุดภายใต้ชุดกันลมที่เธอสวม

ป๋อจิ่วยังคิดว่า ในที่สุดทุกอย่างก็จบลงแล้ว ความอ้างว้างที่ไม่มีใครเข้าใจยุติลงได้เสียที

เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจะได้ไปเจอพ่อกับแม่ในขณะที่ยังไม่ได้กลายเป็นคนชั่วร้ายเต็มตัว…

………………………………………..

1934 vs 1935
โดย
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1934

Z โทรมา…

เหมือนจะมีรูป 3D ปรากฏในสมองของฉินมั่ว ทันใดนั้นเขาลืมตาขึ้น สายตาจับจ้องที่แผนที่ของ The Fifth Avenue นัยน์ตาวาววับ “หาเจอแล้ว”

“เอ๊ะ?” อีริกไม่เคยท่านเทพในสภาพนี้มาก่อน

ฉินมั่วพูดเสียงเรียบ “เป็นที่ที่พวกคนทำงานใต้ดินมารวมตัวกัน แล้วก็เป็นพื้นที่สีเทาทั่วทั้งถนน ซึ่งก็คือถนนหลังความตาย”

ถนนหลังความตายเป็นชื่อที่นิยมใช้เรียกทางอินเทอร์เน็ต โดยถูกแปลเป็นภาษาจีน เหตุที่นิยามไว้เช่นนี้ก็เพราะต้องการเปรียบเทียบว่าเป็นเขตที่เชื่อมต่อระหว่างแสงสว่างและความมืดมิด เราจะเห็นคนจากทุกวงการอาชีพจากที่นั่น

อีริกขมวดคิ้ว “Z จะอยู่ในสถานที่แบบนั้นเหรอ? คุณภาพชีวิตตรงนั้นแย่มากเลยนะ Z น่าจะรวยมาก ก่อนหน้านี้มีคนเคยคำนวณทรัพย์สินของเขาไว้”

ต้องรวยอยู่แล้ว เพราะ Z จะยึดทรัพย์จากคนที่ตัวเองส่งเข้าคุก ไอ้ชั่วนั่นว่าไว้ไม่ผิด Z ได้เงินมาอย่างไม่บริสุทธิ์ แต่ก็น่าแปลกตรงที่คนจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ได้ยากจนกลับได้เงินจากเธอ ทว่าพวกขอทานกลับไม่ได้อะไรจากเธอสักนิด

อีริกไม่เข้าใจความคิดของ Z จริงๆ จึงเอาเรื่องนี้ไปถามฉินมั่ว ฝ่ายหลังมองหน้าเขา “ไม่เห็นจะมีตรงไหนไม่เข้าใจเลย เงินเป็นของเขา เขาให้ใครก็เป็นเรื่องของเขา”

“ผมหมายความว่า ทำไม Z ถึงไม่ให้พวกขอทาน?” ก็ไม่เข้าใจจริงๆ นี่

ฉินมั่วอธิบายเสียงเรียบ “พวกเร่ร่อนมีอวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยสี่สิบปีขึ้นไป การจะช่วยใคร ก็ควรต้องช่วยคนที่รู้สึกสำนึกบุญคุณคน พวกที่ไม่สำนึกบุญคุณน่ะ ถึงคุณจะให้เขาฟรีๆ เขาก็ยังหาว่าคุณให้น้อย พวกคนละโมบก็เหมือนงูที่จะเขมือบช้าง การช่วยเหลือไม่ใช่การเลี้ยงปีศาจ คนไม่มีเงินใช่ว่าจะเป็นคนอ่อนแอ พวกขี้เกียจที่เอาแต่นอนรอความช่วยเหลือก็มีอยู่เยอะ ขโมยของคนอื่นก็ยังมีหน้าบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับชาติกำเนิด อายุแล้วก็การศึกษา ดังนั้นการจะช่วยครอบครัวไหน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ารวยหรือจน แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายนั้นต้องการจริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้ควรจะมีคนอื่นช่วยจัดการด้วย”

“คนอื่น?” อีริกตาโต “คุณหมายความว่า Z ไม่ได้ลงมือเพียงคนเดียว?”

ฉินมั่ววิเคราะห์ลึก “ตอนที่ลงมือน่ะทำคนเดียว เพราะ Z ชอบทำให้คนอื่นรู้สึกว่าไปไหนมาไหนคนเดียว ส่วนเรื่องที่เขา…”

“เขาทำไมเหรอ?” อีริกไม่เข้าใจว่าทำไมท่านเทพถึงหยุดพูด เจ้าของใบหน้างามสง่ายืนอยู่ริมหน้าต่างบานยาวจรดพื้น เหมือนจะมีอารมณ์อื่นแฝงอยู่

ฉินมั่วยังพูดไม่จบจริงๆ ส่วนเรื่องเพื่อนสนิท เธอน่าจะไม่มี เพราะการจะเป็น Z ให้สมบูรณ์แบบต้องรู้จักการปลอมตัวและรักษาระยะห่างกับทุกคน ถึงจะไม่มีใครล่วงรู้ตัวเธอ หากสนิทกับใครมากเกินไป ก็จะก่อให้เกิดความผูกพัน ในฐานะที่เป็นนายน้อย เธอจะใช้อารมณ์ส่วนตัวปฏิบัติงานไม่ได้ ยิ่งมีความสามารถเยอะก็ยิ่งต้องรับผิดชอบสูงขึ้น หากไม่ระวังจะกลายเป็นสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนแทน

ฉินมั่วเงยหน้าขึ้นมา สายตาจับจ้องกระแสรถที่ขับบนถนน เขาเจ็บปวดในหัวใจ เรื่องที่เขาคิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้นกับยัยเสือน้อยจริงๆ

หลังจากที่เธอย้ายบ้าน ก็ไม่เคยมีใครถามเธอว่าอยากกินลูกอมเลยใช่ไหม แค่คิดเรื่องนี้ เสี้ยวหน้าหล่อเหลาก็จมอยู่ในความมืด ทำให้อีริกงงงัน

และในเวลานี้นี่เอง โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมา หมายเลขที่ไม่คุ้นตาปรากฏบนหน้าจอมือถือ เมื่อกดปุ่มรับสาย เสียงหัวเราะแผ่วเบาก็ดังออกมา “ฉันเอง Z”

……………………………………..

ตอนที่ 1935

ความรักเหมือนลูกอม

แค่อึดใจเดียว อีริกเบิกตากว้าง มือขวาแข็งเกร็ง ตอบไปทันทีว่า “ได้เบอร์โทรของฉันไปได้ยังไง?”

“ขนาดเบอร์ภายในของสถานีตำรวจพวกคุณฉันยังหาได้เลย เรื่องแค่นี้ประหลาดมากนักเหรอ?” ป๋อจิ่วนั่งบนเก้าอี้ เส้นผมยุ่งเหยิงถูกทับด้วยหูฟัง “ตอนนี้พวกคุณฉลาดดีนี้ รู้จักใช้อุบายหนุ่มงามด้วย หึ แต่อีริก เกรงว่าคุณเองก็ยังไม่รู้สินะว่าเขาเป็นใคร?”

คงเพราะสีหน้าของอีริกประหลาดมาก ทำให้ฉินมั่วที่ยืนริมหน้าต่างถอนสายตากลับมาจ้องหน้าอีกฝ่าย

แต่เมื่ออีริกจะพูด ปลายสายกลับหัวเราะขึ้นมาเสียก่อน “ใช้อุบายหนุ่มงามได้ไม่เลวนี่ ฉันต้องตามหาเขาแน่” พูดจบ เสียงตัดสายก็ดังขึ้น

จากนั้นอีริกหันมามองแววตาเย็นยะเยือกของท่านเทพ และรายงานทันที “Z”

ก้นบึ้งนัยน์ตาของฉินมั่วเหมือนมีคลื่นซัดโหมโดยพลัน แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายโทรผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สืบหาร่องรอยไม่ได้แน่ แต่เขาไม่ยอมแพ้ ในที่สุดก็กำมือถือแน่น แผ่นหลังดูอ้างว้าง อารมณ์ดังกล่าวของเขาหนักมากขึ้นหลังจากที่มาถึงถนนหลังความตาย

แน่ล่ะ เพราะเบาะแสขาดหายไปหมดแล้ว แม้จะประเมินได้แม่นยำแค่ไหน ก็เอามาใช้กับ Z ไม่ได้

พูดอีกแบบคือหลังจากที่ฉินมั่วตรวจสอบได้สามวัน ก็รู้สึกอย่างแน่ชัดว่าเธอไม่อยู่ที่นี่แล้ว

ฉินมั่วคิดไม่ผิด ป๋อจิ่วไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วจริงๆ เธอโตแล้ว หลังจากที่เป็นนายน้อยของโลกแฮกเกอร์ ก็รู้ว่าตัวเองควรต้องทำอะไร ต้องทำเรื่อง ‘สนุกๆ’ ให้น้อยลง โดยเฉพาะเมื่อเธอเป็นอัจฉริยะที่หน้าตาดีด้วย

ตำบลเล็กๆ ในซีกโลกตะวันตกจะเงียบสงบมาก แม้มีปราสาทเก่าๆ ตั้งอยู่ก็ตาม ปราสาทหลังนี้น่าจะมีประวัติมายาวนาน ภายในสวนของปราสาท ร่างหนึ่งสวมชุดสูททักซิโดกำลังตัดเล็มกิ่งไม้ ใบหน้ามีหนวดเคราแซม ทว่าดูสง่าและสุภาพ ร่างนั้นคอยดูล็อกเก็ตนาฬิกาเป็นระยะๆ

นายน้อยกลับมาเมื่อคืน มีน้อยครั้งที่เธอจะกลับมาบ้าน นอกจากจะถึงวันนี้ วันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่สถานะที่แท้จริงของพวกแฮกเกอร์ถูกเปิดเผย หลังจากนายใหญ่ออกไปก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

นับจากวันนั้นเป็นต้นมา นายน้อยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

คุณตาพ่อบ้านเงยหน้ามองดูร่างที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ คงเพราะนอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่านายน้อยกำลังคิดอะไร ตอนนี้เธอกำลังแจกลูกอมให้กับเด็กๆ ที่ฟาร์ม คงมีแต่ตอนที่นายน้อยอยู่ด้วย เด็กเหล่านั้นถึงจะยอมมา

เธอนั่งแหงนหน้าอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่ามองดูท้องฟ้าหรือสิ่งอื่น มีเด็กเข้ามาถามว่า “ป๋อ ทำไมถึงชอบแจกลูกอมให้พวกเราล่ะ?”

ป๋อจิ่วไม่ได้พูดอะไร ยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ “เรื่องนี้มันซับซ้อนมาก คงเพราะฉันคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องมีคนพกลูกอมติดมาให้ฉันแน่”

“พกติดตัวเหรอ? แบบพร้อมควักออกมาจากกระเป๋ากางเกงใช่ไหม?” เด็กน้อยตาโต แววตาใสกระจ่างเหมือนท้องฟ้าสีคราม

ป๋อจิ่วส่งเสียงตอบรับและยิ้มให้ “ถ้าควักกระเป๋ามาให้ได้ทันที ก็ถือว่าโชคดีเข้าไปใหญ่”

“ว้าว” เด็กๆ ต่างฝันหวาน น้ำลายไหลกันเลยทีเดียว

ป๋อจิ่วในเวลานั้นไม่เคยคิดว่าความฝันของเธอจะสมปรารถนา ที่แท้ โลกของเราก็ยังมีคนคนหนึ่งที่ไม่ว่าเขาจะสวมชุดทีมหรือเครื่องแบบทหาร กระทั่งเสื้อลายพรางที่สวมเวลาฝึกซ้อม กระเป๋าของเขามักพกลูกอมติดไว้เสมอ เหมือนปืนที่ไม่เคยห่างกาย…

………………………………………………..

1932 vs 1933
โดย
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1932

ป๋อจิ่วที่กำลังขับแลมโบกินี่ท่ามกลางสายธารรถก็ดูแปลกไปจากปกติเล็กน้อย ระบบจีพีเอสปรับระบบอัตโนมัติ สะท้อนความรู้สึกออกมา “เจ้านายครับ ที่นั่งของคุณส่งผลให้ผมรู้ว่าตอนนี้หัวใจคุณเต้นผิดปกติอยู่ครับ เมื่อกี้วิ่งเร็วมากเลยหรือครับ?”

ต้องบอกว่าเสี่ยวเฮยพูดไม่ถูกเวลาเลยทีเดียว เป็นครั้งแรกที่ป๋อจิ่วโดนจับหน้าอก แถมฝ่ายตรงข้ามยังเป็นคนแปลกหน้าด้วย ทำให้เธอรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก จึงกระชากคอเสื้อตัวเองแรงๆ เหมือนอย่างที่เคยทำ “หุบปากไปเลยนะ”

เสี่ยวเฮยที่โดนว่าไม่เข้าใจ ก็มันห่วงเจ้านายนี่ ผิดที่ตรงไหน?

ป๋อจิ่วหน้าร้อนฉ่า เธอเปิดกระจกหน้าต่าง ยื่นมือออกไป เส้นผมสีดำถูกลมพัดจนยุ่งเหยิง ใบหน้าที่ยากจะแยกออกว่าเป็นหญิงหรือชายค่อยๆ เห็นเด่นชัดภายใต้แสงจันทร์

เพื่อเป็นการลบเบาะแสร่องรอย เธอต้องดึงหน้ากากขนนกสีดำออก ตอนนี้รอบด้านไม่มีรถตำรวจติดตามมาแล้ว ซึ่งก็อธิบายได้ว่าปลอดภัยมาก ทว่าป๋อจิ่วไม่ได้วางใจ เธอขับรถไปถึงตู้โทรศัพท์สีดำแซมน้ำเงิน จากนั้นถึงจะกดนาฬิกาข้อมือสีดำ

เสียงหนึ่งดังขึ้น รูปร่างของตู้โทรศัพท์เปลี่ยนไปเป็นซุ้มประตูทรงกลม

เมื่อเธอขับรถผ่านเข้าไป ก็เห็นมีคนคนหนึ่งนั่งกุมแก้วกาแฟไว้ในมือ เจ้าตัวสวมสเวตเตอร์สีขาว เอียงศีรษะมองดูแสงจันทร์ด้านนอก ร่างสูงโปร่ง เสี้ยวหน้าขาวสะอาดแสนสง่านั้นหันมามองในทันทีที่ได้ยินเสียงดังขึ้น “กลับมาแล้วเหรอ?”

“เกือบกลับมาไม่ได้” ป๋อจิ่วค้ำประตูรถ กระโดดออกมาลงสู่พื้นอย่างเท่ เมื่อเห็นอีกฝ่าย แววตาเธอเป็นประกาย “พวกนั้นถึงกับใช้กลหนุ่มงามกับฉัน ทุเรศเป็นบ้าเลย ว่าไหมโฮชิโนะ?”

อีกฝ่ายได้ยินแล้วหัวเราะเสียงเบา นึกถึงร่างสูงสง่าที่เห็นตรงถนนสายใหญ่ “คุณชอบผู้ชายแบบนั้นเหรอ?”

“อื้อ ก็พอโอเค ใสกิ๊งดี” ป๋อจิ่วหยิบนมรสช็อกโกแล็ตมา ก่อนจะส่งเข้าปาก

ฝ่ายโฮชิโนะจิบกาแฟนิดหนึ่ง “เขาดูไม่ใสกิ๊งอย่างที่คุณพูดเลยนะ”

ต่อให้สวมชุดนักเรียน คนแบบนั้นขอแค่ยืนนิ่งก็รู้สึกถึงอำนาจอีกฝ่ายแล้ว ดูลุ่มลึกชนิดที่เราเดาอะไรไม่ออก ส่วนคำว่าใสกิ๊งที่ Z บรรยายอีกฝ่าย โฮชิโนะก็แค่รับฟัง เพราะมีเพียงเธอคนเดียวที่คิดแบบนั้น

ทว่าป๋อจิ่วยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่ เมื่อเธอดื่มนมหมดก็โยนทิ้งอย่างเท่ ก่อนจะหันมามอง “เป็นครั้งแรกที่ฉันถูกคนขัดขวางสำเร็จ”

โฮชิโนะเข้าใจทันที “ผมจะไปเช็คประวัติเขา”

“ต้องเช็คหน่อยว่าทางตำรวจไปหาคนแบบนี้มาจากไหน ทำไมถึงประเมินได้แม่นอย่างนี้ กระทั่งฝีมือการต่อสู้…” พูดมาถึงตรงนี้ ป๋อจิ่วอึ้งไป ก่อนโยนเม็ดช็อกโกแลตเข้าปาก “แต่ทหารจีน น่าจะเช็คประวัติยาก”

โฮชิโนะได้ยินแล้ว มือเกร็งทื่อ “พวกคุณสู้กันแล้ว?”

“อื้ม” ป๋อจิ่วเอนหลังอย่างเป็นปกติ

โฮชิโนะย่นหัวคิ้ว “บาดเจ็บที่ตรงไหนหรือเปล่า?”

“ไม่ถึงกับเจ็บหรอก แต่…” ป๋อจิ่วชะงักเล็กน้อย จากนั้นหัวเราะ “ไม่มีอะไร แค่ลองประมือดูว่าฝ่ายนั้นจะเป็นใคร”

เธอต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้คนที่แต๊ะอั๋งเธอมันหน้าตาเป็นยังไง…

…………………………………….

ตอนที่ 1933

ยัยเสือน้อยของเขาโตแล้ว

ป๋อจิ่วคิดจะเช็คประวัติฉินมั่ว ฉินมั่วเองก็ยิ่งอยากหา Z ให้เจอให้ได้

แม้ว่ารสสัมผัสนั้นยังตกค้างอยู่ที่ปลายนิ้ว รบกวนอารมณ์ของฉินมั่ว แต่ความสามารถเดิมยังคงไม่เปลี่ยน จากความมั่นใจเดิม 90% ที่คิดว่าเป็นเธอคนนั้นแน่ๆ ก็เพิ่มเป็น 99% แล้ว

ภายในห้องน้ำ ฉินมั่วมองดูฝ่ามือตัวเอง สติล่องลอยไปไกล แต่กลับไม่ส่งผลกระทบต่อการประเมินของเขา

อืม ยัยเสือน้อยของเขาโตแล้ว

เขายิ้มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ใบหูของฉินมั่วก็แดงเรื่อ เจ้าตัวหัวเราะเบาๆ

อีริกที่ยืนรอด้านนอกถือข้อมูลล่าสุดอยู่ในมือ คิดว่าเดี๋ยวจะให้ท่านเทพดู บางทีอาจช่วยท่านเทพได้ บรรยากาศการไขคดีในสมัยนั้นไม่เหมือนในสมัยนี้ เอาละ นี่อาจไม่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่โรงแรมที่อีริกหาให้เก็บเสียงได้ไม่ค่อยดีนัก

อีริกล่ะไม่เข้าใจ หรือว่าพวกไอคิวสูงจะไม่เหมือนกับพวกเขา ต้องแอบปลดปล่อยความเครียดด้วยการหาอะไรสนุกๆ ทำในห้องน้ำ? ท่านเทพกำลังฝันหวานอะไรอยู่ในนั้น? และในระหว่างที่อีริกกำลังคาดเดา ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ฉินมั่วก้าวเดินออกมา เส้นผมสีดำรับกันกับผ้าขนหนูขาว หยดน้ำยังคงไหลจากปลายเส้นผมลงไปถึงร่องกล้ามเนื้อหน้าท้อง อีริกเห็นแล้วตะลึงทันที

เดี๋ยวนะ ท่านเทพยังเป็นเด็กมัธยมปลายอยู่เลยไม่ใช่เหรอ เวลาสวมชุดนักเรียนก็ดูขาวสะอาดและหยิ่งยโส เหมือนเป็นเจ้าชายที่ไร้พิษสง แต่ทำไมพอไม่มีชุดนักเรียนติดตัวแล้วกลายเป็นอีกแบบล่ะ!

ต้องบอกว่าชุดนักเรียนในประเทศจีนถือเป็นของมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ทำให้คนภาพลักษณ์ของคนแตกต่างกันเมื่อสวมใส่และถอดออก ความแตกต่างที่ว่าคงมีแต่คนที่เคยสวมมาก่อนถึงจะเข้าใจ ทว่าฉินมั่วก็ยังไม่เหมือนกับคนอื่น หากจะบอกว่าเมื่อไม่สวมแล้วเขาดูเปลี่ยนไปอย่างไร ก็คงต้องบอกว่าเขาดูมีออร่าของความเป็นผู้นำทั่วตัว เล่นเอาอีริกทำอะไรไม่ถูกเลยในเวลานี้

ฉินมั่วโยนผ้าขนหนูไปอีกทางหนึ่ง หยิบเสื้อยืดตัวดำมาสวม แววตาลุ่มลึกเหลือเกิน “เจออะไรบ้างไหม?”

อีริกจึงยื่นข้อมูลในมือไปให้ นิ้วเรียวขาวของฉินมั่วพลิกอ่านอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่งามสง่าเอียงนิดๆ กระทั่งหยดน้ำยังไม่ทำลายความหล่อเหลาของเขาเลยสักนิด

อีริกได้รู้ซึ้งถึงคำว่าอ่านแวบเดียวได้เนื้อความมาเพียบ

ฉินมั่วไม่เพียงแต่อ่านไว แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือหลังจากที่อ่าน เขาจะจำได้หมดอย่างแม่นยำ แววตาใสของเด็กหนุ่มเหมือนจะสะท้อนตัวอักษรเหล่านั้น หลักการประเมินทางจิตวิทยาบอกว่า เราจะสามารถวิเคราะห์ที่อยู่ของพวกผู้ร้ายได้จากสถานที่ที่เจ้าตัวชอบก่อคดี รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของสถานที่เหล่านั้น

หากเขาเป็นเธอ ไม่ ไม่สิ เขาสวมตัวเป็นเธอไม่ได้

หากพิจารณาถึงความทะเล้นของคนบางคนแล้ว ร่องรอยบางอย่างที่เห็นเธอน่าจะจงใจสร้างขึ้นมา ดังนั้นเราจะต้องแยกแยะให้เจอว่าเบาะแสไหนที่ที่เป็นของจริง และเบาะแสไหนที่เธอจงใจสร้างขึ้นด้วยความซุกซน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินมั่วก็พลิกอ่านข้อมูลใหม่ เห็นได้ชัดว่ารอบนี้เขามีเป้าหมายชัดเจน แยกแยะอย่างละเอียด วิเคราะห์ในรูปเส้นกราฟ

หลายคนบอกว่าการประเมินจะต้องพึ่งหลักการทางจิตวิทยา ซึ่งไม่ผิด แต่การประเมินในระดับสูงจะต้องเพิ่มการคำนวณทางคณิตศาสตร์ไปด้วย คนที่เคยดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง Suspect X ล้วนแต่รู้ว่าอิชิกามิคือตัวอย่างที่ดีที่สุดในการอธิบายเรื่องนี้ พวกอัจฉริยะมักจะโดดเดี่ยว เพราะคณิตศาสตร์ไม่ใช้ศาสตร์วิชาที่ง่าย น้อยคนถึงจะรู้หลักการนี้ การใช้คณิตศาสตร์มาคำนวณความเป็นไปได้จะเป็นขั้นตอนท้ายที่สุด

………………………………………………….

 

ตอนที่ 1930

ทั้งสองประจันหน้ากันแล้ว

ป๋อจิ่วกำลังใช้ความคิด แต่ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของเธอ

สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นคงนึกภาพเหล่านี้ไม่ออก ทั้งนี้แม้ว่าเธอจะอยู่ในฝูงชน แต่ยังดึงหมวกจากคนอื่นมาสวมไว้บนศีรษะตัวเองได้ จากนั้นก็ตลบเสื้อกันลมมาคลุมบนร่าง เปลี่ยนบุคลิกของตัวเอง

ใช่ว่าแฮกเกอร์ทุกคนจะปลอมตัวอย่างรวดเร็วได้ ทว่าในฐานะที่นายน้อย ป๋อจิ่วจึงเหมือนมีพรสวรรค์ด้านการปลอมตัว

เหลือเวลาอีกห้าวินาที ระเบิดยังคงอยู่ในมือของอีริก เขาหลับตาปี๋ ได้แต่วอนขอพระเจ้าช่วย

“5 4 3 2 1…ตูม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน มีเสียงแต่ไม่เกิดความเสียหาย กลับมีริบบิ้นกระจายอยู่บนท้องฟ้า อีริกตกใจแทบตาย เพราะยังมีเสียงร้องว่า ‘ระเบิด’ ดังอยู่ ตามมาด้วยเสียงที่ยากจะแยกว่าเป็นหญิงหรือชาย เอ่ยอย่างน่าดึงดูดใจ “เพื่อนรัก ขอให้มีความสุขมากๆ นะ”

มีความสุขบ้านแกสิ!

อีริกปาดเหงื่อที่หน้าผาก ต้องบอกว่าท่านเทพเก่งฉกาจมาก หากเป็นคนอื่นย่อมไม่มีวันเชื่อว่าเป็นระเบิดปลอมได้ในเวลาสั้นๆ ท่านเทพอ่านเกม Z ออกจริงๆ

ทว่าป๋อจิ่วกลับไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ ตัวเองอุตส่าห์ทะเล้นทั้งที แต่กลับไม่ได้ผล พอจะรู้ได้ว่าอารมณ์เธอเป็นอย่างไร ทางสถานีตำรวจได้คนแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไร ไม่สนุกเลย

เธอหรี่ตาลง ใฝเสน่ห์เปล่งประกาย

เธอเดินออกจากฝูงชน กำลังใกล้จะมาถึงปากซอยแล้ว ขอแค่เข้าไป เสี่ยวเฮยก็จะมารับเธอ แต่จู่ๆ กลับมีคนปรากฏตัวอยู่ด้านหลัง

เธอโต้ตอบเร็ว เมื่อรู้ว่ามีคนเข้าใกล้ เธอตวัดขายาวๆ ออกไป ท่าเอียงตัวเตะดูเท่มาก แถมยังแรงจนเกิดเสียงลม แต่ฝีมือของอีกฝ่ายก็ไม่ธรรมดา ป้องกันการโจมตีจากเธอได้อยู่หมัด ร่างนั้นทั้งสูงและสง่า

เมื่อมองจากมุมของป๋อจิ่วจะเห็นหน้าเขาไม่ชัด ทว่าพอจะเห็นเค้าโครงได้ ดวงตาของเขาช่างทำให้คนหลงใหล มีดวงตาแบบนี้อยู่ได้โลกด้วยหรือ ทั้งที่ดำขลับ แต่กลับสุกสกาวเหมือนทางช้างเผือก

หากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เธอคงจะหยุดชมให้สมใจอยาก แต่ว่าเวลานี้ไม่เหมาะสม คนคนนี้อันตรายมาก เธออยู่ในที่มืด เขาอยู่ในที่สว่าง

ท่ามกลางแสงไฟที่สาดลงมา เธอเห็นแค่รูปคางของเขา ดูเหมือนเขาจะพูดขึ้นมา ซึ่งไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือเปล่า “กลับไปกับฉัน”

อะไรนะ? ป๋อจิ่วเลิกคิ้วสวยๆ ขึ้น กำลังจะฟังให้ชัดเจนเพราะเสียงรอบข้างดังเหลือเกิน ทว่าเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา “Z คนจากทางตำรวจกำลังไปหาคุณ”

อย่าลุ่มหลงกับความหล่อ ทางตำรวจฉลาดขึ้นมาแล้วแฮะ รู้จักใช้กลหนุ่มงามกับเธอ

เป็นครั้งแรกที่ป๋อจิ่วรู้จักคำว่าอันตรายในระหว่างการลงมือ เธอหมุนตัวถีบท่อนแขนเขาออกไป ไม่คิดว่าฝ่ายนั้นจะเร็วเสียยิ่งกว่าเธอ ทั้งยังโหดอีกด้วย หากเทียบกับเธอแล้ว เขาน่าจะได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นจริงเป็นจังมา

คนคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ เป็นทหารเหรอ?

ความคิดนี้ผุดขึ้นมา แต่ป๋อจิ่วไม่ได้ครุ่นคิดนาน เมื่อได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจที่ใกล้เข้ามา เธอกระชากเสื้อกันลมจนกระดุมขาด ฝ่ายนั้นรู้ว่าเธอต้องการทำอะไร มือขวาจึงโฉบเข้ามาหา…

………………………………………..

ตอนที่ 1931

ด้วยตำแหน่งที่ทั้งสองยืนอยู่ บวกกับที่ป๋อจิ่วทิ้งเสื้อกันลมไว้ที่พื้นแล้ว ร่างเธอจึงเหลือเพียงสเวตเตอร์สีขาว

ฝ่ายฉินมั่วอยากจะคว้าตัวเป้าหมายให้ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าพออีกฝ่ายเบี่ยงตัว เขากลับสัมผัสถูกความนุ่มหยุ่นบางอย่าง มือจึงแข็งเกร็งทันใด ลืมว่าต้องทำอย่างไรต่อไป

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว อาศัยตอนที่ฝ่ายตรงข้ามเผลอถอยฉากออกมาได้ โดยก้าวขายาวๆ กระโดดถีบสิ่งที่อยู่ด้านข้างแรงๆ และในระหว่างที่ร่างเธอลอยขึ้น รถแลมโบกินี่รูปร่างปราดเปรียวก็แล่นเข้ามา สะบัดท้ายอย่างสวยงาม จากนั้นป๋อจิ่วคว้าประตูรถไว้แน่น ก่อนจะเหวี่ยงตัวเข้าไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ “เพิ่มความเร็วรถ”

“ได้ครับ เจ้านาย” ระบบจีพีเอสที่ทำทุกอย่างโดยอัตโนมัติถูกเปลี่ยนมาเป็นกึ่งอัตโนมัติ แผนที่ถูกโชว์ขึ้นมา สีเขียวแสดงถึงความโล่ง สีแดงแสดงถึงความหนาแน่น รวมถึงภาพโครงสร้างสิ่งปลูกสร้างแบบสามมิติ

ป๋อจิ่วปิดเพดานด้านบน หมุนพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว บังคับให้ตัวรถเลี้ยว 180 องศา สลัดการไล่ตามของรถตำรวจ

ท้องฟ้ามืดขึ้นเรื่อยๆ และในระหว่างที่ฉินมั่วยังคงตกตะลึง เขารู้ทันทีว่าขวางทางอีกฝ่ายไม่ได้

แน่นอน ข้อมูลที่ได้มามีความผิดพลาด ถูกต้องที่ Z ชอบปฏิบัติการคนเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีผู้ช่วย

ฉินมั่วนึกถึงเสียงผู้ชายที่ได้ยินท่ามกลางฝูงชน มือเขาถูกลมพัดจนเย็น

เวลานี้ อีริกวิ่งเข้ามาหาด้วยอาการหอบหายใจ รู้ทันทีเมื่อเห็นฉินมั่นยืนอยู่ตามลำพังภายในซอยว่าจับ Z ไม่ได้ “ถือว่าดีมากแล้ว อย่างน้อยก็ยังรู้ตัวก่อนที่จะเป็นข่าววันพรุ่งนี้ ถือได้ว่า Z ลงมือไม่สำเร็จ คุณลองดูเวลาสิ เหมือนกับที่เขาเคยประกาศไว้ก่อนเลยใช่ไหมล่ะ ใครๆ ก็รู้ว่า Z ทำอะไรตรงตามเวลาเสมอ แต่เพราะครั้งนี้มีคุณอยู่ด้วย เขาเลยโอหังไม่ได้มาก” อีริกพูดจริงๆ ไม่ได้ปลอบใจ เขาคิดว่าเมื่อมีท่านเทพอยู่ด้วย จะต้องจับ Z สำเร็จในครั้งหน้าแน่นอน

ฉินมั่วเอียงศีรษะ เอ่ยเสียงเรียบว่า “Z เป็นผู้หญิง”

“หา?” อีริกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณว่าไงนะ?”

ฉินมั่วช้อนสายตามอง ไม่พูดย้ำ ทว่าเขาดูเหมือนไม่เร่งร้อน ทำให้เป็นที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

อีริกร้อนรนเลยทีเดียว แม้ว่าก่อนหน้านี้ท่านเทพจะวิเคราะว่าคนสวมเสื้อกันลมขับมอเตอร์ไซด์อาจไม่ใช่ผู้ชายก็ได้ แต่ว่านั่นน่ะ Z เชียวนะ

อย่างไรก็เถอะ ผู้นำโลกแฮกเกอร์ที่ทำให้ผู้คนใน The Fifth Avenue หลงใหล แท้จริงแล้วเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ?

ไม่ผิด แฮกเกอร์หญิงเก่งๆ มีอยู่จริง แต่ในเวลาปกติพวกเธอจะออกแนวน่ารักน่าเอ็นดู ทั้งยังใสซื่อบริสุทธิ์ ทำให้คนไม่กล้าสงสัย แถมหลายคนยังได้เคยเห็นระดับผลงานพวกเธอในบอร์ดจัดอันดับอีก

เว้นแต่ Z เท่านั้นที่ไม่เคยมีใครเห็นอันดับของเธอ ทว่ากลับอยู่ฐานะพิเศษชนิดที่ไม่มีใครสู้ได้

อีริกเคยให้คนตรวจสอบ แต่ไม่ได้ข้อมูลอะไร นอกจากรู้แค่ว่าเจ้าคนนั้นคือ ‘นายน้อย’ ทั้งนี้คนที่ถูกเรียกขานด้วยตำแหน่งดังกล่าวควรจะเป็นผู้ชายเสียมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การทำงานของ Z  รวมถึงร่างที่ปรากฏตัวในชุดเสื้อกันกลมเป็นบางครั้งบางคราวก็ดูเท่จับใจ ไม่เห็นจะเหมือนผู้หญิงเลยสักนิด เรื่องนี้สำคัญมาก

อีริกจึงย้ำให้มั่นใจ “ฉิน คุณรู้ได้ไงว่า Z เป็นผู้หญิง?”

ฉินมั่วชะงัก รู้สึกถึงรสสัมผัสอ่อนนุ่มที่ค้างตรงปลายนิ้ว เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้วิเคราะต่อ แต่ตอบด้วยเสียงเรียบว่า “ผมรู้ก็แล้วกัน”

………………………….

ตอนที่ 1928

ความทรงอำนาจที่พลันปะทุขึ้นมาทำให้สมิธตะลึง พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ส่วนป๋อจิ่วมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง เป็นแวบสุดท้าย “ฉันไม่เคยขาวสะอาดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เราต่างกันชัดเจนมาก”

ความมืดโปรยตัวลงมา ป๋อจิ่วเปิดประตูรถแลมโบกินี่ มูร์เซียราโก เธอตั้งระบบเวลา ก่อนจะตบๆ หน้าต่าง “เสี่ยวเฮย ต้องให้นายช่วยแล้วล่ะ”

“ไม่มีปัญหา เจ้านายของผม” ระบบจีพีเอสส่งคลื่นกระเพื่อม พร้อมทั้งเพิ่มความเร็วในเวลาเดียวกัน

สมิธไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ทุกอย่างมืดไปหมด ในขณะเดียวกันป๋อจิ่วหันไปขี่มอเตอร์ไซด์ จะต้องดึงขบวนรถตำรวจออกไปให้ได้

เร็วจริงแฮะ ป๋อจิ่วหัวเราะเสียงเบา เธอสวมหมวก ก้มตัวบึ่งเข้าสู่บริเวณที่ครึกครื้นที่สุด

รถมอเตอร์ไซด์ Dodge Tomahawk เข้าซ่อนตัวในความมืด จากนั้นเมื่อตัวเธอออกมาอีกครั้ง ก็เข้าไปอยู่กลางฝูงชนแล้ว

รายการแสดงของโรงละครเริ่มขึ้นแล้ว รถฟักทองคันใหญ่ปรากฏอยู่กลางถนน มีเจ้าชายสวมหมวก รวมถึงนักมายากลที่มีนกพิราบเกาะแขนอยู่

บรรยากาศเทศกาลคึกคักมาก เหมือนเฉลิมฉลองอะไรสักอย่าง ป๋อจิ่วที่สลัดตำรวจอออกไปถือตั๋วใบหนึ่งไว้ ราวกับกำลังรอตรวจตั๋วเข้าชม ยิ่งเป็นเวลาแบบนี้ เธอควรจะต้องเขาไปชมละครเวทีไม่ใช่เหรอ?

แต่กระนั้นเมื่อเธอจะเดินตรงไปข้างหน้า กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในบริเวณที่เธออยู่

รถตำรวจบุกเข้ามา ไม่เพียงเท่านั้น ด้านหลังของเธอยังถูกกั้นเอาไว้ นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อป๋อจิ่วเงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากเธอ ร่างนั้นสวมชุดนักเรียน

ด้วยเหตุที่แสงตรงนั้นจ้ามาก จึงเห็นหน้าตาอีกฝ่ายไม่ชัด

สัญชาตญาณที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ทำให้เธอรับรู้ถึงอันตรายบางอย่าง จึงไม่ได้เดินหน้าต่อ เธอหละหลวมจริงๆ ทำไมถึงไม่ฉุกใจที่เห็นเด็กมัธยมปลายที่ติดตามเพื่อนเก่าอย่างอีริกมากัน

เห็นทีฝ่ายโน้นจะไม่ธรรมดา เธอฉวยโอกาสแหวกวงล้อมด้านทางขวา ฝีเท้าจึงเดินได้ช้าลง

และในเวลาเดียวกัน เธอเปิดอุปกรณ์ที่ติดอยู่หูซ้าย เป็นต่างหูสีดำส่องประกายนิดๆ ที่เชื่อมต่อกับแหล่งกระจายสัญญาณ ซึ่งก็คือกีตาร์ที่วางไว้ในร้านกาแฟนั่นเอง

ทว่าเวลานี้มันไม่ได้เป็นแค่กีตาร์ แต่เป็นแล็บท็อปที่ซ่อนรูปร่างเอาไว้ เมื่อเปิดออกมาก็จะไม่เหลือสภาพเดิมอีก และคนที่นั่งข้างๆ มันก็คือหนุ่มน้อยที่สวมสเวตเตอร์ตัวขาว

ไม่ผิด หนุ่มน้อยคนนั้นคือโฮชิโนะในวัย 19 นั่นเอง เมื่อเขายิ้มออกมาจะให้ความรู้สึกสดชื่น

ตอนนี้เขาถือกาแฟไว้ในมือ กดหูฟังบลูทูธทันทีที่เห็นหน้าจอสว่าง “Z”

“ทิศ 9 นาฬิกา มีคนใส่ชุดนักเรียน” ป๋อจิ่วหันไปคำนวณสภาพพื้นที่รอบด้าน “ช่วยกันเขาเอาไว้ด้วย”

นัยน์ตาโฮชิโนะกระตุก “เข้าใจแล้ว” เขารีบเดินไปยังเส้นทางสู่ถนนใหญ่ มีระเบิดเวลาซ่อนไว้ในแขนเสื้อสเวตเตอร์

ส่วนป๋อจิ่วกำลังเอาของวางไว้บนตัวโจ๊กเกอร์ เมื่อช้อนสายตามองอีกทีก็เห็นคนสวมชุดนักเรียนเดินเข้ามา

ฉลาดถึงกับดักเธอได้อย่างนี้ จะต้องหาเธอจากฝูงชนเจอแน่ ดังนั้นเมื่อร่างของเขาเดินมุ่งตรงมาหาเธอ เธอจึงไม่ประหลาดใจ แต่การจะจับเธอไว้ มันง่ายอยู่เหรอ?

……………………………………..

 ตอนที่ 1929

 “โฮชิโนะ” ป๋อจิ่วหันไปเคาะข้อมือ ในเวลาเดียวกันโฮชิโนะก็กดปุ่มระเบิดตั้งเวลาที่มือ พร้อมทั้งตะโกนอย่างรู้ใจ “ระเบิด!” ก่อนจะเข้าไปเอียงตัวแทรกกลางกลุ่มคนที่เดินออกันเข้ามา

เสียงร้องของเขาทำให้ทุกคนหยุดชะงัก ทั้งยังอลหม่านกันอีก!

อีริกรีบชูมือขึ้น “อยู่ในความสงบ อยู่ในความสงบ!”

ไม่มีใครสงบ เวลาอย่างนี้จะมีใครสงบได้อีก เกิดความอลหม่านในสถานที่ดังกล่าว หากไม่ใช่เพราะเด็กมัธยมปลายบางคนวิ่งไปแล้วใช้มือซ้ายกระชากตัวโจ๊กเกอร์ที่เดินผ่านใครบางคนมา ก็คงไม่มีใครรู้ว่า ‘ระเบิด’ อยู่ที่ไหนกันแน่

อีริกเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ก็เคร่งเครียดจนเหงื่อเจียนจะท่วม ที่นี่เป็นโรงละครนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาต้องบาดเจ็บกันไม่น้อยแน่ ทำยังไงดี! ทำยังไงดี!

และในระหว่างที่อีริกจะให้ผู้เชี่ยวชาญด้านแกะสลักระเบิดเข้าไปใกล้โจ๊กเกอร์ ก็พลันได้ยินเสียง ‘พลั่ก’ เป็นเสียงที่ฉินมั่วคว้าท่อนเหล็กฟาดเข้าที่รถฟักทอง ดังสนั่นจนทำให้ทุกคนเงียบสนิทและหันมามองเขา

แววตาของฉินมั่วยังคงเฉยชาดังเดิม เหมือนบุคลิกเขาเลยทีเดียว แม้จะยืนอยู่ตรงนั้นก็ยังทำทุกสิ่งได้ตามประสงค์ “ระเบิดปลอม Z แค่ใช้มันเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน”

อีริกชะงัก เขาเชื่อคำพูดของฉินมั่ว ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ เพราะนับตั้งแต่ท่านเทพปรากฏตัวออกมา ก็สามารถคาดการณ์ได้ว่า Z จะทำอะไรบ้าง ราวกับรู้จักฝ่ายนั้นมานาน ทั้งยังเข้าใจเป็นอย่างดี

แต่นี่มันสถานการณ์ไหนกันแล้ว จะอาศัยการประเมินความคิดอีกฝ่ายไม่ได้หรอก เกิดเป็นของจริงขึ้นมาจะทำอย่างไร?

“เริ่มนับเวลาถอยหลังแล้วนะ” อีริกเหงื่อไหลมากขึ้นเรื่อยๆ ฉินมั่วโยนของนั่นไว้ในมือเขา “เชื่อผม มันไม่ระเบิดหรอก”

“เอาล่ะ เพื่อนยาก ถ้ามันไม่ใช่ระเบิด แล้วทำไมคุณถึงไม่ถือมันเองล่ะ” อีริกแทบจะตะโกนออกมา

แววตาฉินมั่วเปล่งประกาย “ผมต้องไปหาเธอ”

“เธอ?” พอพูดเป็นภาษาอังกฤษ อีริกจึงรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะไปหาผู้หญิง โธ่เอ๊ย ฉิน นี่มันเวลาไหนกัน คุณยังจะไปหาสาวสวยอีกเหรอ?

ฉินมั่วชี้ไปที่มัน “ดูระเบิดปลอมนี่ให้ดีๆ เถอะ”

“เฮ้? เดี๋ยวก่อน ถ้ามันเป็นของจริงขึ้นมา จะทำยังไง?” อีริกคุมตัวเองไม่อยู่ “แล้วมันกำลังนับเวลาถอยหลังอยู่นะ!

ฉินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าไม่นับเวลาถอยหลังแล้วจะหลอกพวกคุณได้ยังไง ถ้าเป็นเธอคนนั้นจริงๆ ก็จะถนัดเรื่องความทะเล้น แต่ผมเชื่อ ไม่ว่า Z จะเป็นเธอคนนั้นหรือเปล่า แต่จากนิสัยของเธอต้องไม่มีวันทำร้ายผู้บริสุทธิ์แน่ ฉะนั้นระเบิดนี่จะต้องเป็นของปลอมชัวร์”

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความเป็นไปได้สูงว่าเธอคนนั้นจะเป็นยัยเสือน้อยที่เขาเคยเลี้ยงแน่ เพราะเป็นยัยเสือน้อย ฉะนั้นต่อให้เธอจะทำเรื่องร้ายแค่ไหนก็จะไม่กินคน

“เฮ้ย ฉิน ฉิน!” อีริกไม่คิดว่าหนุ่มน้อยคนนั้นจะยัดระเบิดใส่มือเขาแล้วก็ไม่สนอะไรอีกต่อไป เขาจึงสั่นไปทั้งตัว

ส่วนเด็กวัยรุ่นที่สวมหน้ากากขนนกสีดำอยู่ท่ามกลางฝูงชน ได้ยินคำสนทนาเหล่านั้นแล้วได้แต่สบถเบาๆ ทั้งยังเร่งความเร็วฝีเท้า ล้มเลิกความต้องการดู ‘รายการสนุกๆ’ ทันที ร่างในชุดกันลมสีดำก็เหมือนจะสะบัดสร้างลมได้

วันนี้ทุกอย่างดูจะไม่ราบรื่น นับตั้งแต่ที่เธอเห็นเด็กมัธยมปลายคนนั้น คนโบราณว่าไว้ไม่มีผิดเลย ความงามก่อให้เกิดความผิดพลาดเสมอ…

…………………………………………..

ตอนที่ 1926-2

แค่หลับตาก็เหมือนจะเห็นร่างเล็กๆ นั่นขึ้นมา เป็นภาพที่เธอกลิ้งบนเตียงเขา เวลาทะเล้นขึ้นมาทีก็จะกอดเขา พลางเรียกมั่วมั่ว เวลาปวดฟันก็จะกุมแก้มด้วยมือซ้าย แต่ยังไม่ลืมรินนมให้เขา แถมพยายามบอกว่าตัวเองจะเป็นเด็กดี ชอบอุ้มกระปุกออมสินมาบอกว่าจะซื้อเขา บางครั้งเวลาเขานอนแล้วมองออกนอกหน้าต่าง มือนุ่มเล็กๆ ก็จะทาบบนเสี้ยวหน้าเขา พูดเสียงนุ่มว่า ‘มั่วมั่ว อยากกลับบ้านที่จีนใช่ไหม คิดถึงแม่แล้วใช่ไหม? งั้นเธอก็คิดถึงไปนะ ฉันจะอยู่ข้างเธอเอง’

เธอโง่ที่คิดว่าเขาเป็นผู้หญิง ไม่ยอมพับแขนเสื้อ อุ้มคีย์บอร์ดละเลงไปทั่วพื้น แต่อบอุ่นเหมือนเป็นเตาผิงน้อย

ทว่าอยู่ๆ เตาผิงน้อยก็หายตัวไป

ฉินมั่วคิดอยู่เสอว่า หากตอนนั้นเขาเป็นผู้ใหญ่ทางความคิดสักนิด อาจจะไม่จบลงแบบนั้นก็ได้

เธอชอบซน ในเมื่อเขาเลี้ยงเด็ก จะตามใจเธอเสียหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ทำไมตอนนั้นต้องทะเลาะกับเธอด้วยนะ

ในปีแรกที่เธอจากไป เขาโมโหที่หาเธอไม่เจอ โกรธที่เธอจะไปก็ไปเสียอย่างนั้น ไม่ยอมบอกเขาสักคำ เธอไม่คิดบ้างหรือไงว่าเขาทำผิดจริงๆ ที่เข้าใจผิดว่าเธอไปเที่ยวเล่นกับวิลเลี่ยมจูเนียร์ แค่ลงโทษเขานิดหน่อยก็น่าจะพอแล้ว อาจจะไม่มาหาสักเดือน สามเดือนหรือครึ่งปีก็พอ แต่อย่าไปนานขนาดนั้นได้ไหม เธอคงไม่มีวันเข้าใจว่าเขาเสียใจเรื่องอะไร ไม่รู้ว่าเธอไปเจอของเล่นสนุกอะไรมาบ้าง กินขนมอร่อยๆ ที่ไหน คบกับเพื่อนอย่างไร สูงขึ้นบ้างหรือเปล่า น่าจะยังซนอยู่ไหม ไม่รู้ว่าจะมีคนซื้อลูกอมให้เวลาที่เธออยากกินบ้างหรือไม่…

ตอนนี้ก็โตกันมากแล้ว เธอน่าจะพับแขนเสื้อเป็น คงไม่สะดุดล้มในทุกครั้งที่เดินแล้ว

ฉินมั่วคิดมาถึงตรงนี้ก็หยุดเดิน เอียงคอเหมือนกำลังยิ้ม

หากอีริกได้เห็นเข้า คงต้องตกใจจนพูดอะไรไม่ออกแน่ ท่านเทพที่ประหนึ่งเป็นอัจฉริยะจะยิ้มเป็นด้วย

ฉินมั่วยิ้มจริงๆ ไม่รู้ตัวด้วยว่าทำไมถึงยิ้ม คงเพราะคิดถึงเธอคนนั้น หัวใจจึงอ่อนโยนขึ้นมา น่าจะเป็นไปได้ถึง 90%  แถมยัยเสือน้อยก็มีใฝเสน่ห์ใต้ตาเหมือนกัน ตอนนั้นอาจจะไม่ชัด แต่ตอนนี้เธอคงสวยขึ้นมาก…

“ฮัดเช้ย” ป๋อจิ่วจามด้วยถูกลมพัด เมื่อครู่เธอพลาดเล็กน้อยบนเวที แทบจะมองข้ามกันได้เลย ไม่รู้ว่าเพื่อนเก่าเธอไปหาเด็กมัธยมปลายมาจากที่ไหน หน้าตาหล่อเหลาเอาการ ป๋อจิ่วชอบมองใบหน้าผู้คน ไม่รู้ว่าเกิดความชอบแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไร

เมื่อได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจ เธอก็ยิ้มนิดๆ อย่างเจ้าเล่ห์ มีดในมือเธอจ่อประชิดใบหน้าของสมิธที่ถูกเธอมัดไว้กับเสาไฟฟ้า

ตั้งแต่ออกจากคุกมา สมิธก็ไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอเรื่องแบบนี้ เขารู้สึกถึงคำว่ากลัวขึ้นมาแล้ว แต่ยังสารเลวไม่เปลี่ยน “แกก็แค่อยากได้เงินไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันให้แกตอนนี้เลยก็ได้ ปล่อยฉันไป ไม่งั้นแกจะไม่มีวันได้อะไรเลย!”

ป๋อจิ่วยิ้ม ก้มตัวลง “แกคิดว่าฉันเป็นอันธพาลกระจอกตามถนนเหรอ ใครบอกแกว่าฉันอยากได้เงิน? คนชั่วอย่างแกน่าจะอยู่ในนรกมากที่สุด อย่าไปไหนเลย ฉันจะให้โอกาสแก แกเลือกที่จะตายหรือจะถูกฉันมัดแล้วไปส่งหน้าสถานีตำรวจ?”

……………………………………….

ตอนที่ 1927

สมิธพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด ใครมันบ้าฉิบหาย กล้ามาแตะต้องเขา “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร กล้ามาขู่ฉันแบบนี้!”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วหัวเราะ “สมิธ สร้างตัวจากธุรกิจน้ำมัน ตอนนี้บริษัทเป็นไปได้ด้วยดี แต่มือไม่ค่อยสะอาดเท่าไร เช่นถึงจะทำธุรกิจด้านน้ำมัน แต่ก็ยังทำธุรกิจอย่างอื่นด้วย”

สมิธได้ยินประโยคท้ายแล้วหน้าซีดทันที สองตาหรี่ลง

“เมื่อกี้แกถามฉันว่า รู้หรือเปล่าว่าแกเป็นใคร” ป๋อจิ่วเอียงคอ “งั้นตาฉันถามนายบ้างล่ะว่า รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

สมิธไม่แน่ใจในสถานะของอีกฝ่าย จึงไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่รู้เรื่องราวของเขามาจากที่ไหน!

“จำชื่อนี้ให้ดี” ป๋อจิ่วใช้สเปรย์พ่นที่หน้าอกเขา เอ่ยช้าๆ ว่า “Z”

เมื่อตัวอักษรดังกล่าวเป็นรูปเป็นร่าง สมิธเบิกตากว้าง ตัวสั่นงันงก เพราะไม่มีใครใน The Fifth Avenue ไม่รู้ว่า Z เป็นใคร  คนที่ถูกฝ่ายนั้นจ้องล้วนแต่หนีไม่รอด ถูกส่งเข้าคุกกันถ้วนหน้า แต่สมิธคิดไม่ถึงว่า Z จะยังเด็กมาก!

เวลานี้เขากลัวของจริง เพราะหาก Z ลงมือเอง ย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้หาทนายความแน่ เพราะหลักฐานที่หามาได้ล้วนแต่เชื่อมถึงความผิดของเป้าหมายทุกชิ้น ชนิดที่ต้องโดนจองจำชั่วชีวิตเลยทีเดียว

เมื่อต้องเจอหลักฐานเหล่านั้น ต่อให้ทนายฝีปากเป็นเอกแค่ไหน ก็ยากที่จะล้มล้างความผิดได้ “Z ขอร้องล่ะ ฉันล่วงเกินนายที่ตรงไหน พูดมาเถอะ เราคุยกันได้” สมิธวอนขอชีวิต เหงื่อผุดทันที “บอกฉัน บอกฉันสิ สินค้าพวกนั้นใช่ไหม ฉันให้นายได้นะ พวกเรามาแบ่งกัน เดี๋ยวฉันจะเอาให้นายเดี๋ยวนี้เลย!”

ป๋อจิ่วหัวเราะเบาๆ “สมิธ แกคงไม่รู้นิสัยฉันสินะ ฉันรับช่วงสินค้าแทนแกได้ แต่แกยังต้องกลับเข้าตะรางอยู่ดี”

สมิธได้ยินแล้ว ความคั่งแค้นปรากฏในแววตาทันที “ทำไมแกต้องกัดไม่ปล่อยด้วยวะ! Z แกก็อยู่ในวงการที่ไม่สะอาดนี่หว่า แกไม่กลัวเหรอว่าทำอะไรเด็ดขาดเกินไป แกก็จะเอาชีวิตไม่รอด”

“นั่นมันเป็นเรื่องของฉัน ส่วนทำไมฉันถึงทำกับแกแบบนี้” แววตาป๋อจิ่วเย็นเฉียบ “พวกผู้หญิงที่โดนแกย่ำยี ไม่ว่าจะเป็นชาติไหน แกอยากจะนอนกับเขาก็นอน ไม่อยากนอนก็ขายทิ้ง แถมยังบีบให้คนตายอีก ขนาดเข้าคุกไปก็ไม่สำนึก คำพูดที่แกพูดเมื่อตอนออกมา มันมากพอจะทำให้ฉันกัดนายไม่ปล่อยได้เลยล่ะ”

สมิธคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ Z ก็เป็นผู้ร้ายเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมมันจะต้องช่วยคนพวกนั้นด้วย…

“โอ้ เจ็บปวด เจ็บปวดดีว่ะ” สมิธหัวเราะเยาะเย้ย พยายามทำให้อีกฝ่ายเสียสมาธิ “Z  แกไม่คิดว่าตัวเองจอมปลอมไปหน่อยเหรอวะ ทั้งที่ทำเรื่องชั่วเหมือนกัน เงินที่แกได้มาก็ใช่ว่าจะบริสุทธิ์ ยังออกหน้ามาช่วยคนอื่นอีก ทำไม? แกคิดว่าคนพวกนั้นจะถือว่าแกเป็นฮีโร่หรือไง? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คนจากทางการคงไม่คิดจะจับแกมากมายขนาดนั้น แกทำให้พวกเขากลัว ต่อให้เป็นยังไงแกก็ยังเป็นพวกตัวร้ายอยู่ดี แกไม่เข้าใจหลักการนี้เหรอวะ?”

เวลานี้ป๋อจิ่วลุกขึ้นยืน หลอดไฟฟ้าอยู่ด้านซ้ายของเธอ พอหันหลังให้แสงทำให้เธอเหมือนแวมไพร์ที่ลึกลับ ดูสง่าจนน่าตะลึง “ใครบอกแกว่าฉันเป็นพวกขาวสะอาด?”

……………………………………

ตอนที่ 1925

ในระหว่างที่ฉินมั่วหลุบตาลง เขาไม่ได้สังเกตว่าเด็กวัยรุ่นที่ร้องเพลงบนเวทีมองผ่านเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ไม่สิ ต้องบอกว่าตอนแรกป๋อจิ่วไม่ได้มองเขา แต่เป็นอีริกที่อยู่ข้างเขามากกว่า เพราะนั่นคือเพื่อนเก่าเธอนี่นา แต่เพื่อนเก่าเธอกลับมีเด็กหนุ่มรูปหล่อสวมชุดนักเรียนมาด้วย ทำให้ป๋อจิ่วที่ไม่เคยร้องพลาดมาก่อนต้องสะดุดนิดหนึ่ง ถึงจะร้องต่อได้

เอาล่ะ ได้เวลาเอาเหยื่อในวันนี้ไปจัดการแล้ว ป๋อจิ่วหยิบกีตาร์กระโดดลงจากเวที เป็นเวลาเดียวกันกับที่สมิธกำลังหลงใหลกับเด็กมหาวิทยาลัยคนหนึ่งอย่างแทบจะลืมตัว คิดเพียงแต่จะพาตัวเจ้าหล่อนไป ไม่ได้นึกเลยว่าเด็กวัยรุ่นตาดำขลับติดเครื่องติดตามตัวไว้กับร่างเขาในระหว่างที่เดินสวนกัน

แถมการที่ตำรวจโผล่มาที่นี่ก็ขัดลาภปากเขาจริงๆ สมิธยิ่งอยากจะออกไปเร็วๆ

ไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรให้เด็กมหาวิทยาลัยนั่นดื่ม เธอจึงตัวอ่อนอยู่ในอ้อมกอดเขา ดังนั้นจะโทษเขาไม่ได้ ใครให้เจ้าหล่อนมาติดกับเองล่ะ

สมิธกึ่งประคองกึ่งลากเธอไปยังด้านนอก การจะพาใครออกไปไหนในสถานที่แบบนี้ ย่อมไม่โดนขวาง แถมเขาเองยังมีชนักติดหลัง ต้องหาทางหลบสายตาของตำรวจอยู่แล้ว

ช่างไม่รู้เสียเลยว่าการออกไปจากที่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความซวย

เวลานี้ที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดด้านหลังเวที ฉินมั่วกำลังจ้องจอทั้งแปด เสี้ยวหน้าเขายังหล่อเหลาดังเดิม “เร่งสปีด”

พนักงานเพิ่มความเร็วให้เขา สายตาของฉินมั่วไม่ขยับ “เอาความเร็วสูงสุด”

พนักงานชะงัก ก่อนทำตาม

ส่วนอีริกตาลายไปหมดแล้ว ดูภาพเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเนนี้ สายตาใครบ้างจะรับไหว พอดูได้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีก็ขยี้ตาอย่างทนไม่ไหว ทว่าฉินมั่วยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด กระทั่งสมองเขายังกลั่นกรองและขจัดภาพที่ไม่ต้องการได้ กำลังเข้าสู่บทสรุป

ทว่าก็ยังไม่เจอ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ต้องหลุดอะไรสักอย่างไปไหน ฉินมั่วตัดสินใจพิจารณาใหม่ การประเมินก็คือจับเบาะแสที่สำคัญ ผู้ร้ายที่ประสบความสำเร็จสูงจะยิ่งเหมือนนักมายากล เวลาที่เราทุ่มความสนใจให้กับสิ่งใดมากเกินไป มักจะลืมข้อมูลที่สำคัญที่สุดเสมอ ด้วยเหตุนี้มายากลที่ผู้เล่นแสดงออกมาจึงประสบความสำเร็จ โดยคนดูก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ลองสมมติว่า Z ไม่จำเป็นต้องปลอมตัว ไม่ใช่พนักงานทำความสะอาดหรือลูกค้าที่มาที่นี่ ทั้งยังไม่ได้ปลอมตัวเป็นเด็กมหาวิทยาลัยที่หลงกลสมิธ แล้ว Z จะเป็นคนไหนกัน?

บางทีเขาอาจต้องเปลี่ยนวิธีคิด เช่นหาจุดที่มีทัศนวิสัยที่ดีที่สุด นัยน์ตาฉินมั่วลุ่มลึก พลันเอ่ยออกมาว่า “ย้อนกลับไปเมื่อสามสิบวินาทีที่ก่อนหน้านี้ แล้วหยุดภาพ”

อีริกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นภาพหนึ่งหยุดนิ่ง เป็นภาพเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่กำลังถือกีตาร์อยู่บนเวที เด็กคนนั้นสวมหน้ากากขนนกสีดำไว้บนใบหน้า รวมถึงแจ็กเก็ตตัวดำแสนเท่ กำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงไปด้วย อีริกไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมท่านเทพถึงให้หยุดที่ภาพนี้

“ย้อนไปก่อนหน้านี้อีกห้าสิบวินาที” ฉินมั่วไม่สนสายตาอีกฝ่าย น้ำเสียงยังเรียบดังเดิม อีริกอ้าปากอยากจะพูดขึ้น แต่กลับตะลึงกับภาพบนหน้าจอนั่น

ไม่ ไม่สิ คงไม่บังเอิญอย่างนั้นหรอกน่ะ?

………………………………………………..

ตอนที่ 1926-1

เมื่อหน้าจอโชว์ภาพตอนที่ป๋อจิ่วชนกับสมิธ ก่อนหน้านี้อีริกไม่ได้เชื่อมโยงความเกี่ยวข้องกันระหว่างสองคนนี้ คิดว่าน่าจะบังเอิญชนกันเท่านั้น เพราะยังมีคนอื่นๆ ที่เดินชนสมิธด้วย แต่ท่านเทพไม่คิดเช่นนั้น เพราะเมื่ออีริกตั้งใจมองดูภาพนั่นอีกครั้ง สายตาของท่านเทพที่สวมชุดนักเรียนปรากฏแสงแวววับ “คนคนนี้น่าจะเป็น Z”

“อะไรนะ?” อีริกรับไม่ได้ที่นักร้องประจำร้านที่เขาชอบจะกลายเป็น Z ผู้ชอบปั่นหัวพวกเขาเล่น เด็กคนนั้นเหมือนแฮกเกอร์ตรงไหน แฮกเกอร์น่าจะสวมเสื้อติดฮู้ดตัวดำ ถือแล็บท็อปไว้ในมือไม่ใช่เหรอ? “ฉิน คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า? ผมคิดว่า…”

ฉินมั่วหันหน้ามาเอ่ยด้วยเสียงเย็น “จุดที่มองเห็นสถานการณ์ทั่วร้านที่ดีที่สุด อยู่ตรงไหน?”

“บนเวที” อย่างไรอีริกก็เป็นตำรวจ แม้สมองจะแล่นไม่เร็วสักเท่าไร

เสียงของฉินมั่วยังคงเรียบเรื่อย “ไม่ผิดหรอก เขาไม่เพียงแต่จะจับตำแหน่งของสมิธได้ตลอดเวลาจากบนเวที แถมทำให้คนอื่นไม่เห็นถึงความผิดปกติเวลาเขาเตรียมล่าเหยื่อ เพราะนักร้องย่อมต้องมองคนฟังที่อยู่ด้านล่าง แถมยังเห็นตำแหน่งกับความเป็นไปของตำรวจได้ด้วย ถ้าผมเป็น Z จะต้องเลือกยืนบนเวทีแน่นอน”

อีริกอ้าปาก “แต่บนเวทีไม่ได้มีเขาแค่คนเดียวนี่ ยังมีอีกหลายคน…”

“เขาดูเด่นชัดที่สุด” ดูเหมือนฉินมั่วจะนึกถึงแววตานั้นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาอาศัยลางสังหรณ์มากกว่าการประเมิน ภาพในจอหยุดตอนที่เดินชนกัน ซึ่งดูเหมือนบังเอิญ แถมยังเหมือนเดินหลีกทางไม่ทันอีกด้วย แต่อันที่จริงแล้ว จังหวะเอียงตัวของคนเราจะส่อให้เห็นถึงสภาพจิตใจของเจ้าตัว

นักร้องคนนั้นไม่ได้หลบไม่ทัน แต่มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะจงใจชนถึง 80%

ฉินมั่วหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับอีริกต่อ “ตอนนี้สมิธอยู่ที่ไหน”

คนจากทางการผงะ อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง  “สมิธเหมือนจะออกไปแล้ว”

อีริกได้ยินแล้วถึงกับสีหน้าเปลี่ยน วิ่งออกไป

ฉินมั่วไม่ห้ามอีกฝ่าย แต่หันไปมองภาพของเด็กวัยรุ่นที่ถือกีตาร์อีกครั้ง ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังฝั่งตรงข้ามกับทางตำรวจ แม้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จะอยู่เหนือความคาดหมาย แต่สุดท้ายเขาก็เป็นคนควบคุมการปฏิบัติการอยู่ดี Z จะต้องเลือกเส้นทางและจุดทัศนวิสัยที่ดีที่สุดในการลงมือ

ในเมื่อเป็นจะเป็นเช่นนั้น ก็ให้ตำรวจที่ร่วมมือกับเขาทำตัวเป็นเข็มทิศ ขอแค่เดินคนละทางกับทางตำรวจน่าจะได้เจอเป้าหมาย ฉินมั่วบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร นิ้วมือถูกลมพัดจนเย็น ทว่าเขากลับไม่รู้สึกหนาว ความรู้สึกที่ไม่เคยเล่าให้คนอื่นมาก่อน พรั่งพรูจากทรวงอก เขาไม่น่าจะคิดเชื่อมโยงกับเธอ เพราะไม่ใช่ว่าแฮกเกอร์ทุกคนจะต้องเป็นเธอ

ทว่าเพลงจีนเพลงนั้นกลับทำให้จิตใจของฉินมั่วเปลี่ยนไป ที่ The Fifth Avenue ไม่ได้มีแต่คนอเมริกันอาศัยอยู่ จึงแน่ใจได้เลยว่าหากเป็นคนเชื้อชาติอื่น ต้องไม่รู้จักเพลงกวงฮุยซุ่ยเยวี่ยแน่ ดังนั้นจะเป็นเธอหรือเปล่า?

ยัยเสือน้อยที่เขาตามหามาสิบสามปี แต่ก็หาไม่เจอ

 ………………………………

ตอนที่ 1923

จากบนเวทีจนถึงด้านล่าง เห็นบ้างไหม

เสียงดนตรีดังขึ้น! เป็นเสียงมาจากกีตาร์ เด็กวัยรุ่นกระโดดขึ้นเวที มุมปากแย้มยิ้ม ใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากขนดำ ใฝเสน่ห์ใต้ตากลับโดดเด่น

เมื่อป๋อจิ่ววางนิ้วบนสายกีตาร์ สถานที่แห่งนั้นก็ครื้นเครงทันที!

แต่นอกจากนี้แล้ว ตำรวจอเมริกันก็มาอยู่ที่หน้าประตูเช่นกัน ไม่รู้ว่ามาตรวจตราเวรยามตามปกติหรือเกิดอะไรขึ้น ป๋อจิ่วที่ยืนบนเวทีเห็นแล้วกลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด แจ็กเก็ตตัวดำบวกกับท่าถือไมโครโฟนของเธอดูเท่เหลือหลาย เสียงเพลงดังกระหึ่มตามมา

เธอร้องเพลงจีน

“เสียงปลุกเตือนให้รู้ว่าได้เวลากลับบ้าน คล้ายบางเบาในชีวิตของเขา ผิวสีดำมอบความหมายให้เขา สิ่งนี้คือการอุทิศตัว วันเวลาแห่งการต่อสู้กันด้านสีผิว ทำให้สิ่งที่มีกลับต้องมลายหาย ดวงตาอ่อนล้าฉายแววรอคอย…”

มันคือเพลงกวงฮุยซุ่ยเยวี่ยในเวอร์ชันร็อก ดนตรีไร้เขตแดน สามารถสร้างบรรยากาศครึกครื้นได้

ผู้คนด้านล่างต่างโยกตัวโบกมือ ทว่ากลับขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะพวกเขาไม่มีหลักฐานในมือ ตอนนี้แค่มั่นใจได้ว่าสมิธมาถึงตั้งแต่ 15 นาทีที่แล้ว ทั้งยังล่อเหยื่อมาได้คนหนึ่ง กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกในฝูงชน

ตามที่สถานีตำรวจระบุไว้ Z จะต้องมาปรากฎตัวที่นี่ แต่ท่ามกลางคนเยอะขนาดนี้ Z จะอยู่ที่ตรงไหน?

ตำรวจที่มาปฏิบัติงานต่างมีใบหน้าขึงขัง เพราะพวกเขาอยากจับตัว Z ให้ได้ กว่าจะได้โอกาสมาไม่ง่ายเลย จะปล่อยทิ้งได้อย่างไร?

แต่ทว่า พวกเขาที่มุ่งมั่นเหลือเกินกลับไม่ได้สังเกตเด็กวัยรุ่นที่ถือไมโครโฟนในบริเวณที่มืดสลัว แววตานั้นเปล่งประกายราวกับแมวหยอกหนู เป็นการประกาศว่าเกมเริ่มแล้ว!

อีริกเข้ามาด้านใน มีฉินมั่วติดตามมาด้านหลัง เด็กหนุ่มสวมชุดนักเรียนของประเทศจีน ทำให้คนในไนต์คลับเห็นแล้วประหลาดใจ แต่เมื่อนึกถึงว่าธีมงานของวันนี้เป็นงานแฟนซีก็พอจะรับได้

หนุ่มชาวตะวันออกคนนี้ แม้จะสวมชุดกีฬา แต่ออร่าของเขากลับทำให้บรรยากาศรอบด้านเย็นเฉียบ ส่วนทำไมคนต่างชาติถึงรู้สึกว่าชุดที่ฉินมั่วสวมคือชุดกีฬา ก็ลองหลับตานึกภาพชุดนักเรียนของประเทศจีนดู…

อีริกคิดเช่นเดียวกันว่าการแต่งตัวของฉินมั่วไม่เหมาะกับสถานที่ครึกครื้นแบบนี้ เขาต้องปวดหัวอีกแล้ว จะบอกท่านเทพดีไหมว่าสถานบันเทิงใน The Fifth Avenue ต่างกับประเทศจีนมาก

“เสียงดังเกินไปใช่ไหม?” อีริกตะโกนถาม

ฉินมั่วซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป๋ากางเกง เสี้ยวหน้าเรียบเฮย ทั้งยังสง่างามจนทำให้คนเหลียวมอง แต่เขากลับเดินเข้ามาเหมือนเดินเข้าห้องเรียน “สมิธอยู่ที่ไหน?”

เด็กหนุ่มสำทับเรื่องนี้กับอีริกตั้งแต่แรกแล้วว่าให้จับตามองสมิธ เพราะฝ่ายนั้นจะต้องสวมเสื้อผ้าต่างจากเดิมในงานปาร์ตี้แฟนซีแบบนี้ ถึงเวลานั้นจะหาตัวได้ยาก แล้ว Z ก็อาจจะเอาตัวไปโดยอาศัยความชุลมุน

ส่วนสมิธจะเป็นอย่างไรเขาไม่สน เขาอยากรู้แค่ว่า Z เป็นใครเท่านั้น

ใช่ นี่แหละคือสาเหตุที่ฉินมั่วตัดสินใจมายัง The Fifth Avenue ทันทีที่ได้อ่านข้อมูลเหล่านั้น ทางกองทัพเองก็ยังสั่งให้เขากลับไปในเร็ววัน

ก่อนที่จะไปที่นั่น หากไม่ได้มายัง The Fifth Avenue เขาคงตัดใจไม่ลง ด้วยอีกฝ่ายเป็นแฮกเกอร์ แถมยังเป็น์แฮกเกอร์ที่ฉลาดมากด้วย

…………………………………….

 ตอนที่ 1924

อีริกมองดูหน้าท่านเทพ รู้สึกว่าเขาคิดมากเกินไป ไม่ว่าเสียงดนตรีที่นี่จะดังมากแค่ไหน แต่ท่านเทพก็คือท่านเทพ ไม่เคยเปลี่ยนสีหน้าเลยตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้

อีริกในตอนนั้นยังไม่รู้ โลกเรามีนักโปรไฟลเลอร์ระดับอัจฉริยะจริงๆ เวลาที่พวกเขาประเมินอย่างเงียบๆ ก็เหมือนเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง

หากวิเคราะห์จากมุมมองทางจิตวิทยา มีสถานการณ์สองอย่างที่ส่งผลดีเยี่ยมต่อการวิเคราะห์

นั่นคือหากไม่เงียบไร้เสียง ก็ต้องดังให้สนั่น

ในสถานการณ์ทั้งสองอย่าง จะทำให้สมองแล่นเป็นอย่างดี แน่นอนว่ายังต้องรวมถึงคุณสมบัติดังต่อไปนี้

อันดับแรกเราจะต้องเป็นคนเก่ง อันที่จริงตอนที่เข้ามา ฉินมั่วก็ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ แล้ว ว่ากันว่าคนที่ไขคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จะคิดสมมติว่าเราเป็นผู้ร้าย เช่นนั้นหากเขาเป็น Z เขาจะทำอย่างไร?

บรรยากาศที่นี่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย คนยิ่งเยอะก็ยิ่งสามารถก่อความวุ่นวายได้ สามารถฉวยโอกาสลงมือในเวลาที่ผู้คนคิดไม่ถึง

ทั้งนี้ใช่ว่าที่นี่จะไม่ติดตั้งกล้องวงจรปิด แถมยังมีสายที่ลงพื้นที่เรียบร้อยแล้ว Z จะหนีอย่างไร?

แน่ล่ะ Z เป็นแฮกเกอร์ จะต้องดักข้อมูลการลงมือปฏิบัติการของทางการได้ และหากทางการให้ข้อมูลปลอมล่ะ?

ไม่ผิดหรอก ฉินมั่วมาโดยไม่ได้เตรียมตัว เขาเตรียมการขัดขวางอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้การวางแผนเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เป้าหมายในท้ายที่สุดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือหากตรวจตราเข้มงวดล่ะก็ Z จะปรากฏตัวในสถานที่ที่แตกต่างจากที่นี่ ถ้าขวางการลงมือของ Z ไม่ได้ ก็แค่ถ่วงเวลาเอาไว้

“ขอตำแหน่งสมิธให้ผม” เมื่อคิดได้เช่นนี้ ใบหน้าสง่าของฉินมั่วเบือนหนีเล็กน้อย ออร่าความสูงส่งต้องห้ามพราวระยับทั่วตัว

อีริกชี้ไปยังตัวคนผิวขาวหน้าแดงที่กำลังเริงร่ากับชัยชนะที่ได้มาหลายครั้ง ผู้ซึ่งอยู่ท่ามกลางผู้คนในเวลานี้ “ไอ้คนชั่วแบบนี้สมควรโดนอัดจริงๆ!”

ฉินมั่วตอบรับเสียงเรียบ ก่อนจะหลับตา ขจัดเสียงทั้งหมดที่ดังรอบข้างออกจากหัว เริ่มเข้าสู่การประเมิน ทว่าเมื่อเขากำลังทำเช่นนี้ กลับพบว่าแม้เสียงดนตรีและเสียงเอะอะวุ่นวาย รวมถึงเสียงผิวปากจะหายไป ทว่าเหลือเพียงเสียงเดียวที่ไม่ถูกลบออก

เสียงเพลงนั่น!

 ฉินมั่วลืมตา ก้นบึ้งนัยน์ตาเขาสว่างวาบ แล้วหันไปมองเวทีที่สูงที่สุด ก่อนจะย่นหัวคิ้ว “เพลงจีน?

“เพราะมากใช่ไหม นักร้องคนนี้ไม่เลว เขาเป็นคนแรกที่กล้าร้องเพลงจีนในนี้” อีริกว่าพลางฮัมตามไปด้วย

ฉินมั่วเอ่ยเสียงต่ำ “เพลงกวงฮุยซุ่ยเยวี่ย รบกวนสมาธิผมมาก”

“รบกวนสมาธิคุณเหรอ?” อีริกไม่เข้าใจโลกของคนเก่ง

แววตาฉินมั่วแข็งกระด้าง “ภาษาจีนเป็นภาษาแม่ของผม แล้วเพลงนี้ผมก็ฟังบ่อย” ยิ่งเป็นสิ่งที่คุ้นเคยก็ยิ่งลบออกยาก ทว่าอีริกยังไม่เข้าใจ ฉินมั่วจึงเปลี่ยนวิธี “เราไปที่หลังเวทีได้ไหม?”

“ได้สิ” อีริกโชว์ตราสัญลักษณ์ “ผมขอตราตรวจค้นมาเป็นกรณีพิเศษ”

ฉินมั่วมองดูคนบนเวทีแวบหนึ่ง ด้วยเหตุที่มีหน้ากากบังหน้า จึงทำให้เห็นรูปลักษณ์ไม่ชัด สิ่งเดียวที่จำได้คือดวงตาที่ดำขลับเหมือนยามกลางคืน รวมถึงใฝ่เสน่ห์ใต้ตา

ว่ากันว่าสิ่งที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ย่อมทำให้คนจำได้ง่าย

สำหรับฉินมั่ว เพลงดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมาก จำเป็นต้องสลัดทุกอย่างทิ้งถึงจะวิเคราะห์ได้จริงจัง ทว่าเมื่อมีสิ่งรบกวน เห็นทีคงต้องอาศัยกล้องวงจรปิดมาหาตำแหน่ง Z ว่าอยู่ที่ไหนกันแน่…

……………………………………..

ตอนที่ 1921

ใกล้จะเจอหน้ากันแล้ว 3

 “สไตล์ของ Z คุณหมายความว่าการที่เขาลงมืออย่างไม่กลัวอะไรเหรอ?” อีริกรู้สึกอย่างนี้จริงๆ Z ทำเหมือนสถานีตำรวจของพวกเขาเป็นบ้านตัวเองเลย อยากมาก็มา อยากไปก็ไป กระทั่งบางครั้งยังส่งของขวัญให้พวกเขาด้วย! ส่งของขวัญคริสมาตร์มาให้เชียวนะ! เขาเคยเห็นผู้ร้ายก็จริง แต่ไม่เคยเห็นผู้ร้ายที่โอหังอย่างนี้มาก่อนเลย!

อีริกไม่มีวันลืมการ์ดคริสมาสต์ที่ Z ส่งให้พวกเขา เขียนข้อความไว้ว่า ‘กินลูกอมแล้วก็พยายามเข้าล่ะ ไม่งั้นจะจับฉันได้ยังไง’

มันกวนมาก มันกวนจริงๆ!

ฉินมั่วมองดูท่าทีขัดเคืองใจของคนข้างตัว เลิกคิ้วขึ้น “สไตล์ของ Z ที่ผมพูดถึงก็คือ ทุกครั้งที่ Z เอาตัวคนร้ายมาส่งให้คุณ จะต้องเป็นพวกที่ควรเข้าคุก แต่กลับรอดออกมาได้เพราะอาศัยช่องโหว่ หมดปัญญาจะลงโทษพวกมันต่างหาก”

“เป็นอย่างนั้นจริงๆ” ชายผมทองถอนหายใจยาว “เขาถึงได้รับความชื่นชอบจากผู้คนยังไงล่ะ คุณไม่รู้หรอก ตอนที่เขาปรากฏตัวใหม่ๆ นะ มีคนให้สัมภาษณ์เลยล่ะว่าจะแต่งงานกับเขาให้ได้! แถมยังบอกว่าการที่เขาเอาคนร้ายกับหลักฐานส่งมอบถึงหน้าสถานีตำรวจเนี่ย เท่มาก เขาเท่ แล้วพวกเราล่ะ? พวกเราทำคดีมามากมาย ไม่เห็นจะมีใครชมอย่างนี้บ้างเลย”

ฉินมั่วเสมองอีกทาง ชายผมทองรู้ตัวว่าตัวเองเลยไปเรื่องอื่นแล้ว กำลังจะกลับมาพูดเรื่องเดิม แต่ได้ยินอีกฝ่ายว่า “หน้าตาคุณหล่อไม่พอจริงๆ”

อีริก… โปรดหาคู่หูคนใหม่ให้ท่านเทพได้ไหม!

“สำหรับเรื่องอื่น เช่นการ์ดกับของขวัญคริสมาสต์แล้ว ถ้าดูจากรูปการณ์ Z…” ฉินมั่วพูดมาถึงตรงนี้ นิ้วเรียวพลันก็ชะงัก

อีริกใจร้อน “ทำไมเหรอ?”

ฉินมั่วเหมือนจะกลับมาได้สติ แววตาผุดบางสิ่งออกมา น้ำเสียงยังคงเรียบเฉย “ออกจะทะเล้นไปหน่อย”

“เขาไม่ได้แค่ทะเล้นนะ” อีริกทุกข์ตรมมาก เขาพูดไปเรื่อยๆ จนทึ้งผมตัวเอง แสดงให้เห็นว่าเจ็บปวดเหลือเกิน “ยังดีที่ Z ไม่ได้ฆ่าใคร ไม่ ไม่สิ เขาน่าจะเคยฆ่าคน เคยมีคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ฝ่ายตรงข้ามเป็นอาจารย์ในโรงเรียนดัง อันนี้เป็นสิ่งที่เราสืบเจอ แต่คดีนี้ไม่ได้อยู่ในท้องที่เรา มันเกิดขึ้นในมลรัฐเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ตอนนั้นพวกเราเช็คการโจมตีโลกออนไลน์ขนาดใหญ่ แล้วบังเอิญไปเจอคดีนี้ขึ้นมา แต่รายละเอียดไม่ชัด บ้างก็บอกว่าอาจารย์ทนรับแรงกดดันไม่ไหว เดินพลัดตกตึกไป ตอนที่พวกเราไปตรวจสอบแล้วทำการจำลองสถานการณ์ขึ้น ซึ่งก็เหมือนอย่างที่ว่าจริงๆ คือพลัดตกตึก แต่…ตอนนั้น Z ต้องอยู่ในที่เกิดเหตุแน่”

ฉินมั่วได้ยินแล้ว ดวงตาฉายแววสงสัย “แน่ใจไหมว่านี่เป็นครั้งแรกที่ Z โจมตีทางอินเทอร์เน็ต?”

“ไม่น่าจะบอกว่าเป็นครั้งแรกที่โจมตีทางอินเทอร์เน็ตหรอก น่าจะปรากฏตัวออกมามากกว่า” อีริกสรุปข้อมูลที่ตัวเองได้มา “ก่อนหน้านี้เหมือนจะเป็นการต่อสู้กันเล็กน้อย มันเหมือน… จะว่ายังไงดีล่ะ ในฐานะที่เป็นหน่วยสืบสวน ผมคิดว่ามันเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของเขา ไม่งั้นเขาไม่น่าจะเปลี่ยนสไตล์การเล่นงานเป้าหมายมาเป็นแบบนี้ จะบอกว่ายังไงดีล่ะ มันบังเอิญมั้ง”

ฉินมั่วกลับเอ่ยปากในเวลานี้ แม่นยำไร้ข้อผิดพลาด “นับจากที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง จนมาถึงรู้แล้วว่าต้องทำอะไร”

“ใช่!” ชายผมทองดีดนิ้ว “ประมาณนี้เลย”

ฉินมั่วช้อนสายตาขึ้น เอ่ยเสียงเรียบ “งั้นก็ตรวจสอบเถอะ”

“ตรวจสอบอะไร?” ชายผมทองกะพริบตาอย่างไม่เข้าใจ

………………………………………….

ตอนที่ 1922

จิ่วโคตรเท่

เดิมทีนัยน์ตาของฉินมั่วค่อนข้างใสกระจ่าง แต่เวลานี้กลับเข้มขึ้นมา “ตรวจสอบดูว่า อาจารย์โรงเรียนนั้นเคยทำอะไรมา คนเรามีจุดพลิกผลันได้ ก็ล้วนแต่มาจากการลงมือกับคนใกล้ตัว ตามหาคนที่มีความสัมพันธ์กับอาจารย์คนนั้นได้ ก็จะเจอ Z”

อีริกเป็นใบ้ไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ย “นี่คือวิธีไขคดีวิธีไหนเหรอ?”

“จิตวิทยา” ฉินมั่วเอ่ยปากช้าๆ “เวลาที่ทุกคนจะทำอะไร มักจะหนีสิ่งแวดล้อมไม่พ้น จิตใจของผู้ร้ายฆ่าคนต้องผูกพันธ์กับสถานที่เกิดเหตุแน่ สภาพจิตในพฤติกรรมของ Z ก็ต้องผูกอยู่กับที่นั่น”

อีริกคิดว่าท่านเทพที่พวกตนไปเชิญมาโคตรเทพเลยจริงๆ “แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้ว”

“โทรไปขอความร่วมมือจากทางนั้น” ในระหว่างที่พูดเช่นนั้น ฉินมั่วก็มองไปที่ถนน “อีกอย่าง ผมขอแผนที่แบบ 3D ของ The Fifth Avenue ด้วย”

อีริกรับคำ “คุณจะเอาแผนที่ไปทำอะไร?”

“ตามหาคน” ฉินมั่วตอบสั้นๆ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก

อีริกยุ่งมาก ทั้งติดต่อผู้คน ทั้งยื่นความจำนง จนท้ายที่สุดก็ยังต้องขับรถตามไอ้ชั่ว เพราะ Z ต้องจับมันแน่นอน

หากเด็กมัธยมปลายคนนี้ประเมินไม่พลาด เจ้า Z นั่นน่าจะอยู่ใกล้ตัวสมิธ

ต้องบอกว่าครั้งนี้อีริกฉลาดกว่าเดิมมาก ใครว่าเจ้านั่นจะไม่ปรากฏตัวออกมาล่ะ คนอย่างสมิธมันบ้าผู้หญิง ชอบสาวเอ๊าะๆ  หลังจากที่ถูกขังมาหนึ่งอาทิตย์ มีอยู่ที่หนึ่งที่มันต้องไปแน่ๆ คือไนต์คลับแบดดิ่งสตรีทอันเลื่องชื่อใน The Fifth Avenue

สมิธชอบสาวเอเชีย ภายใต้แสงไฟสลัวที่นี่จะได้เจอกับชาวเอเชียได้ง่ายๆ วัยรุ่นมาที่นี่เยอะมาก เขาย่อมต้องไปที่นั่นแน่นอน ในเมื่ออยากจะล้างคราบเสนียด ต้องมาดื่มให้สนุก แถมวันนี้ยังเป็นวันเทศกาล บรรยากาศฉลองได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดมิด

ด้านข้างไนต์คลับเป็นโรงละคร ว่ากันว่าวันนี้จะเล่นเรื่องโรมิโอกับจูเลียตซึ่งเป็นบทประพันธ์ของเชคสเปียร์ ทั้งนี้การตกแต่งของไนต์คลับแห่งนี้เป็นสไตล์งานปาร์ตี้หน้ากาก ดังนั้นทุกคนจึงแต่งตัวประหลาดมาก

ที่นั่งด้านขวาสุดของร้าน เด็กผมดำสวมแจ็กเก็ตกำลังเขย่าขวดใส่ลูกเต๋า ปลายนิ้วเหมือนจะเปล่งแสงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแสงแวววับดำจากติ่งหูซ้าย คนนั่งด้านข้างเป็นนักเรียนผมแดง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เด็กผมดำยิ้มพลางเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษว่า “เดาสิว่าเท่าไร?”

“เดาไม่ออก” เป็นใครก็เดาออก เพราะทุกครั้งที่เด็กคนนี้ทอยลูกเต๋าออกมา ลูกเต๋าหกลูกนั่นหากไม่ใช่  0 ถ้วนก็ต้องเป็น 1 ล้วน

“ท่าทางมันจะยากไปสำหรับพวกเธอ” ป๋อจิ่วลุกขึ้นมา ชายเสื้อสะบัดจนเห็นเอว ผิวบริเวณนั้นยังมีรอยสีดำ แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น เพราะเป็นตัวอักษรขนาดเล็กมาก ทั้งยังมีดอกกุหลาบประดับบนผิวขาวเนียน

Z ชื่อที่ก่อความวุ่นวายได้มากกำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืด เด็กคนนั้นไปหยิบกีตาร์ที่อยู่ด้านข้าง ด้วยความที่สวมแหวนสีดำไว้ถึงสามวง จึงมักทำให้คนอยากรู้กับเพศสภาพที่แท้จริงของเจ้าตัว เด็กคนนี้เป็นคนเดียวที่เท่จนเรียกเสียงกรี๊ดได้

ผู้คนว่ากันว่านักร้องประจำร้านคนนี้ต่างจากคนอื่น เพราะกล้าที่จะร้องเพลงภาษาจีน ทั้งยังสามารถสร้างบรรยากาศเร้าใจได้

……………………………………………..

ตอนที่ 1919

จะได้เจอหน้ากันแล้ว 1

 “เป็นพลเมืองอเมริกัน ใช้อำนาจบีบให้ลูกน้องนอนกับตัวเอง ทางตำรวจได้รับการร้องเรียนก็รีบสืบสวน แต่โจทย์ไม่ได้มาที่ศาล จากการวิเคราะห์พบว่าทนายของผู้ชายคนนี้ใช้เล่ห์กล เป็นที่รู้กันว่าคนเอเชียระวังเรื่องชื่อเสียงมาก หลังจากที่ได้คุยกับคู่กรณี เรื่องก็เปลี่ยนแปลง สมิธจะถูกปล่อยตัวเพราะไร้ความผิดในเวลาบ่ายสามของวันนี้…”

ระหว่างที่เสี่ยวเฮยอธิบาย หน้าจอก็ฉายภาพที่สมิธเดินออกจากตึก มีนักข่าวตามติดตามสัมภาษณ์ “คุณรู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ?”

สมิธมีรูปร่างสูงใหญ่ คงเพราะถูกปล่อยตัวจากศาลได้สักที จึงทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่อง ถูกใส่ร้าย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “รู้สึกยังไงหรือครับ ผมถูกปล่อยตัวออกมา นี่แหละคือความรู้สึกของผม ทุกคนก็คงรู้ดีว่าคนเอเชียบางคนมีนิสัยขี้อาย ผมแค่แสดงความชื่นชมต่อเขา แต่กลับทำให้เขาเข้าใจผิด ตอนนี้ก็น่าจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว ถ้าจะใช้คำพูดของพวกเขามาอธิบายล่ะก็ คงต้องบอกว่าเต็มใจทั้งสองฝ่าย ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด อีกอย่างทำไมเขาไม่ออกมาพูดแต่แรกล่ะ พอผ่านไปครึ่งเดือนแล้วถึงได้บอกว่าทนไม่ไหว แบบนี้ศาลไม่เชื่อหรอกครับ”

ใช่ว่าที่นั่นจะไม่มีตำรวจที่รับผิดชอบคดีด้านนี้อยู่ พวกเขายืนมองด้วยสายตาแค้นเคือง พอจะเข้าใจที่โจทก์ไม่มาศาล  และด้วยความเข้าใจ ดังนั้นจึงได้แต่ต่อยกำแพงแรงๆ

ชายผมทองโกรธมาก มองอีกฝ่ายผ่านฝูงชน เขาต้องพาท่านเทพที่เป็นแค่เด็กมัธยมปลายไปสถานีตำรวจถลกแขนเสื้อขึ้น ทำท่าเหมือนอยากต่อยเจ้าสมิธมาก

สมิธกลับไม่รู้สึกอะไร ถ้าเขาแคร์เสียงด่าของคนอื่นจะกล้าทำเรื่องแบบนั้นเหรอ?

เวลานี้สถานการณ์ชัดเจนแล้ว ใครๆ ต่างรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงเป็นเพศที่เสียเปรียบ ไม่กล้าพูดในบางเรื่องออกไปให้ชัดเจน เลยเป็นช่องให้พวกชั่วเอาเปรียบ และเจ้าชั่วคนหนึ่งก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว แถมยังไม่สำนึกผิดอีก กระทั่งพูดต่อหน้ากล้องว่า “ผมอยากจะขอแนะนำคนเอเชีย โดยเฉพาะพวกผู้หญิง อะไรที่เล่นไม่ได้ก็อย่าไปเล่น”

ป๋อจิ่วที่ได้ยินพลันเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะกำพวงมาลัย เร่งความเร็วสูงสุดจนเกิดเสียงดัง

และบริเวณที่สัมภาษณ์ในเวลานี้ ชายผมทองโกรธสมิธจนหายใจหอบ ในขณะที่ฉินมั่วผู้นั่งด้านข้างหันหน้ามองสมิธที่กำลังรับการสัมภาษณ์อยู่ผ่านกระจกหน้าต่าง เมื่อได้ยินเสียงภาษาอังกฤษลอยเข้าหู ก็เคาะนิ้วลงบนกระจกตามความเคยชินของเจ้าตัวเมื่อใช้ความคิด แววตายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม

ชายผมทองหันมาหาคนเพื่อให้ช่วยก่นด่า “คุณว่าทำไมคนชั่วแบบนี้ยังถูกปล่อยตัวออกมาได้อีก?”

“ก็โจทก์ถอนฟ้อง หลักฐานไม่ครบ” เสียงเรียบเรื่อยดังขึ้น ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ

ชายผมทองรู้สึกว่าท่านเทพผู้ไขคดีเก่งเย็นชาไปหน่อย “ฉิน โอ้ ท่านเทพ หรือคุณจะไม่แสดงท่าทีอะไรกับเรื่องที่น่าโกรธแบบนี้?”

ฉินมั่วถาม “แสดงท่าทีอะไร?”

“อารมณ์ไง ความรู้สึกของคุณ?” ชายผมทองพูดจบก็ถามอีก “คนเก่งอย่างพวกคุณเป็นแบบนี้กันหมดเหรอ”

ฉินมั่วไม่ได้พูดอะไร ราวกับคำถามที่ชายผมทองเอ่ยขึ้นมีค่าสู้การสัมภาษณ์ด้านนอกไม่ได้

…………………………………………….

 ตอนที่ 1920

ใกล้จะเจอหน้ากันแล้ว 2

ชายผมทองอยากพูดอีก แต่ฉินมั่วถอนสายตากลับมา ดูสูงส่งต้องห้าม “คนคนนี้จะไปไหนต่อ?”

ฝ่ายแรกส่งเสียงในลำคอ ทำหน้าตางงๆ “ใคร?”

“ก็ไอ้ชั่วที่คุณพูดไง” เสียงของฉินมั่วยังเรียบเรื่อยเหมือนเดิม

ชายผมทองจึงรู้สึกดีขึ้น “ฉิน คุณก็อยากต่อยมัน ใช่ไหม?”

“เปล่า” ฉินมั่วมองหน้าเขา ออร่าสูงส่งจับทั่วตัว “แตะต้องคนแบบนี้ สกปรกมือแย่”

ชายผมทอง… นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าพูดแบบนี้ก็ได้ สะใจยิ่งกว่าลงมือลงไม้ลงมืออีก

ชายผมทองพยายามควบคุมมุมปากไม่ให้ฉีกยิ้ม ก่อนจะถามขึ้นอย่างสงสัย “ฉิน คุณไม่อยากต่อยเขา แล้วทำไมถึงถามว่าเขาจะไปไหน?”

“เพราะว่า” ฉินมั่วพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดเคาะนิ้ว “เขาเป็นเหยื่อของ Z ในวันนี้”

เอี๊ยด! เสียงเบรกดังลั่น! ชายผมทองหักรถจอดลงข้างทาง ก่อนจะหันหน้าไป ดวงตาสีฟ้าเบิกโต “คุณว่าอะไรนะ?”

“ผมบอกว่า วันนี้เขาจะกลายเป็นเหยื่อของ Z” ฉินมั่วเอ่ยซ้ำอย่างสบายๆ พูดไม่เร็วหรือช้าไป แตกต่างจากอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง

ชายผมทองกลับไม่รู้ว่าจะถามอะไรก่อน คิดอยู่นานกว่าจะคว้ามือถือต่อสายเข้าสถานีตำรวจ

“ฮัลโหล?”

“ผมเอง วันนี้ Z ส่งใบเตือนสีดำมาไหม?”

ฝ่ายนั้นรื้อค้นเอกสาร เอนหลังพิงพนัก จากนั้นยักไหล่ “ขอร้องนะ อีริก เวลา Z ส่งคำเตือนมา มีครั้งไหนบ้างที่ผมไม่บอกคุณ ทางสถานีตำรวจต้องแจ้งข่าวทุกคนนั่นแหละ” ระหว่างที่พูดเช่นนั้น เขาไม่รู้ตัวเลยว่าด้านล่างสุดของข้อมูลมีกระดาษสีดำปรากฏอยู่

ทางด้านอีริกที่อยู่ปลายสายได้แต่พยักหน้า “ก็จริง เอาล่ะ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” หลังจากที่วางสาย ชายผมทองหันไปมองฉินมั่ว “ฉิน คุณเพิ่งจะมาที่นี่ คงไม่รู้ว่ารูปแบบของคดีเป็นยังไง ก่อนที่ Z จะเล่นงานใครก็จะส่งใบเตือนสีดำมาก่อน แล้วจับเป้าหมายในตอนกลางคืน ทางสถานีตำรวจยังไม่ได้รับ…” ชายผมทองยังพูดไม่จบ มือถือพลันดังขึ้นอีก ฝ่ายนั้นส่งเสียงชัดแจ๋ว “Z! ใบเตือน ใบเตือน อีริก คุณรู้ได้ไงว่าวันนี้ Z จะส่งใบเตือนมา?”

ชายผมทองตะลึงงัน คนที่เดาว่า Z จะส่งใบเตือนมาไม่ใช่เขา แต่เป็น…

อีริกหันหน้าไปมองใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์ ผู้เป็นนักเรียนมัธยมปลาย

หลังจากวางสาย เขาสูดลมหายใจลึก กลบความตื่นเต้นที่มีไว้ไม่มิด มิน่าล่ะเบื้องบนถึงได้ให้เขารับตัวเด็กคนนี้มาอย่างเงียบๆ

บังเอิญหรือ? เก่งมากขนาดนี้เชียว?

อีริกเตรียมตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองฉินมั่วอีกครั้ง “เอ่อ ฉิน คุณรู้ได้ยังไงว่าสมิธจะกลายเป็นเหยื่อของ Z ในวันนี้?”

“เมื่อกี้คุณถามผมไม่ใช่เหรอว่า ทำไมผมไม่รู้สึกอะไร?” ฉินมั่ววางมือถือลง คว้าแฟ้มข้อมูลที่วางไว้ด้านข้าง “อารมณ์ทั้งหมดของผมวางอยู่ตรงที่ จะทำยังไงถึงเอาไอ้ชั่วกลับเขาคุกได้ Z ก็คงเหมือนกัน ก่อนมาผมเคยอ่านข้อมูลที่คุณเขียนมาก่อน ถึงจะไม่มีประโยชน์สักนิด แต่ก็พอเห็นสไตล์ของ Z ได้ไม่ยาก”

อีริก… เอ่อ ที่พูดมาน่ะ ไม่ผิดหรอก แต่ไอ้คำว่าไม่มีประโยชน์สักนิดนี่อย่าพูดได้ไหม?

………………………………………..

ตอนที่ 1917

จิ่วมาแล้ว

ในระหว่างที่ชายผมทองกำหมัด ก้มศีรษะอย่างท้อแท้ ก็ได้ยินเสียงที่ไม่เน้นหนักอีก “ยังมีข้อมูลอย่างอื่นอีกไหม ในเมื่อเคยผ่านเจอเรื่องแบบนี้มาหลายครั้ง น่าจะได้ข้อมูลอื่นบ้าง ถ้าไม่มีก็ลองเล่าลำดับเหตุการณ์ให้ฟังหน่อย”

“ลำดับเหตุการณ์มีชัวร์!” ชายผมทองรีบตอบ “เพราะมันเหลือเชื่อทุกครั้งเลยทีเดียว พวกเราเลยเตรียมถ่ายคลิปในหลายสถานที่ เวลาที่ Z จะจับคน เขาจะประกาศล่วงหน้า นี่แหละที่ทำให้เราปวดหัว เขาใช้วิธีได้ไม่เลว แถมทำสำเร็จทุกครั้ง พวกคนที่มีเงินมีอำนาจไม่กล้าเล่นตุกติกให้ผลการตัดสินถูกกระทบ บางคนใช้ช่องว่างทางอินเทอร์เน็ตได้เก่งมาก”

ฉินมั่วเปิดประตูรถตามการนำทางของอีกฝ่าย หลังจากฟังคำพูดเหล่านั้นแล้วเลิกคิ้วพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ฟังดูแล้ว ดูเหมือนคุณจะชื่นชม Z มาก”

“พูดยาก เพราะพวกเรายังอยากจับเขาอยู่” ชายผมทองอยากเก็กทำขรึม ทว่าฉินมั่วไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดต่อ  เอ่ยอย่างเรียบเรื่อยว่า “ขอดูคลิปที่เกิดเหตุก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

คงเพราะบุคลิกที่สง่าของอีกฝ่าย ทำให้ชายผมทองรู้สึกว่าเข้าถึงตัวฉินมั่วได้ไม่ง่าย ทั้งที่เป็นแค่เด็กม.ปลาย แต่ท่าทีเย็นชาเหลือเกิน

ทว่าเมื่อนึกถึงสถานะของอีกฝ่าย ชายผมทองก็เปลี่ยนความคิดอีกครั้ง หากไม่ใช่คนที่มีความสามารถ รับรองว่าไขคดีที่สุมเป็นกองไม่ได้แน่

ยิ่งไปกว่านั้น หากดูจากข้อมูลที่พวกเขาได้มา พบว่าทุกคดีเก่าหรือคดีต้องสงสัย เมื่อผ่านมือเด็กหนุ่มแล้วเป็นต้องจับคนร้ายตัวจริงได้ ทั้งยังใช้เวลาแค่สั้นๆ อีกด้วย แถมยังเดาพฤติกรรมของคนร้ายได้เร็วกว่าก้าวหนึ่งอีก ราวกับมีแค่คนอย่างนี้ที่จะไม่หลงกล Z

ยิ่งคิด ชายผมทองก็รู้สึกว่าพวกเขาต้องประสบความสำเร็จสูงแน่ เพราะเขาอุตส่าห์แอบเชิญคนคนนี้มา ไม่ได้ใช้วิธีทางอินเทอร์เน็ต และยิ่งไม่มีการแพร่งพรายแต่อย่างใด แถมเขายังเป็นคนมารับเอง ดังนั้น Z ไม่น่าจะรู้

เวลาผ่านไปอีกนิด ใกล้จะถึงช่วงพลบค่ำแล้ว ท้องฟ้าที่ The Fifth Avenue เป็นสีฟ้าเสมอ นกพิราบสีขาวและน้ำพุเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วทุกที่ ถนนที่กว้างใหญ่เหมาะต่อการแล่นรถมาก ดังนั้นจึงเป็นที่พบว่าสถานที่นี้จะปรากฎในหนังภาพยนตร์เสมอ แต่หากไม่ใช่คนท้องถิ่นย่อมไม่รู้ว่าที่นี่มีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งเรียกว่า Street culture แล้วยังมีเขตหนึ่งที่เรียกว่าเขตสีเทา ที่นั่นจะมีคนจากทุกวงการมารวมตัวอยู่ด้วยกัน

ช่วงพลบค่ำใกล้เข้ามาเยือน ท้องฟ้าเริ่มมืด ท่ามกลางแสงไฟอันโชติช่วง ตู้โทรศัพท์สาธารณะข้างถนนดูเป็นปกติ ทว่าพวกคนผิวสีที่กำลังวาดรูปอยู่ อยากจะยึดพื้นที่อีกฟากฝั่งของกำแพงนี่เหลือเกิน แต่จู่ๆ ตู้โทรศัพท์นั่นเหมือนมีคนกดปุ่มอะไรบางอย่าง จากนั้นถึงแยกออกจากกัน

เสียงหนึ่งดังขึ้น ประตูหนึ่งม้วนตัวเปิด

จากนั้นรถแลมโบกินี่สีดำที่มีประตูเหมือนปีกค้างคาวพุ่งออกมาจากที่นั่น เสมือนสิงโตที่สง่างามที่สุดในโลก มันส่งสัญญาณว่าจะออกมาแล่นแล้ว

เหล่าคนผิวสีต่างตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นมันออกมา ก่อนจะกระโดดไปอยู่ด้านข้างทันที

ต้องรู้กันว่าอย่าไปแหยมเจ้าของรถคันนี้! แต่เจ้าของมันกลับทะเล้นนัก คนอื่นยิ่งกลัวก็ยิ่งน่าทักทาย “ว้าว บังเอิญจัง”

………………………………………..

ตอนที่ 1918

Z ในวัย 18

กระจกหน้าต่างลดลงตามจังหวะเสียงที่ดังขึ้น พวกคนผิวสีอยากจะหนีแต่ก็จนปัญญา เพราะเส้นทางหนึ่งเดียวถูกขวางกั้นไว้แล้ว ได้แต่หันหน้าไปดูรถสปอร์ตคันดังกล่าว

เมื่อกระจกติดฟิล์มกรองแสงถูกลดลงมา

เด็กวัยรุ่นผู้เป็นเจ้าของผมสั้นเซอร์ดำที่ย้อมเป็นสีเงินไม่กี่กระจุกยื่นมือออกมา นิ้วเรียวยาวสวมแหวนสีดำไว้ มุมปากเหยียดยิ้ม ดูร้ายกาจมาก แต่สิ่งที่ทำให้ดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งกว่าก็คือใฝเสน่ห์ใต้ตานั่นเอง ใฝของคนอื่นจะเป็นสีดำ แต่ของเธอกลับเป็นสีดำออกแดง ทำให้ดูสวยแฝงกลิ่นอายแบบศาสนาพุทธ

ป๋อจิ่วเวลานี้อายุ 18 ปี แม้จะเป็นเด็กสาวชัดๆ แต่กลับมีหน้าตาที่เหมือนทั้งชายและหญิง

นี่ไม่เกี่ยวข้องกับทรงผมสักนิด แต่เป็นเพราะบุคลิกเธอมากกว่า

อันที่จริงอิทธิพลของคนผิวสีเป็นที่รู้กันในบริเวณนั้น

พวกเขาช่วยให้คนแต่ละกลุ่มติดต่อกันได้สะดวกในหลากหลายช่องทาง

เขตเก่าแก่แบบนี้เป็นที่รวมตัวของคนที่พวกคุณพอจะนึกออก เช่นหัวขโมย นักหลอกลวง และพวกต้มตุ๋น

แต่ละคนจัดการยากมาก เพราะเรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่ที่ฝีมือ

คนผิวสีชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม พวกเขามีพลังเสียงดีอันเป็นผลจากกรรมพันธุ์

อย่าคิดว่าใครจะดีไปเสียทุกอย่าง และอย่าคิดว่าใครจะเลวร้ายไปเสียทุกอย่าง เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์

พรสวรรค์ด้านเสียงเพลงและกำลังวังชาในการวิวาทล้วนมีพร้อมสรรพในตัวกลุ่มคนผิวสี ทำให้คนจำพวกขโมย นักหลอกลวง และนักต้มตุ๋น ต่างต้องหลีกทางให้เมื่อเจอพวกคนผิวสี แต่คนที่ทำให้พวกผิวสีต้องเดินอ้อมทางไปกลับเป็นเจ้าคนตรงหน้านี่เอง!

 “อากาศดีจัง” ป๋อจิ่วแหงนหน้าอย่างเอื่อยเฉื่อย มองดูท้องฟ้าที่มืดมิดแล้ว

หากได้เห็นฉากดังกล่าวจะต้องรู้สึกว่ามันเป็นภาพคลาสสิก

ใน The Fifth Avenue ฟ้าเพิ่งมืดลง

เด็กวัยรุ่นกำลังแย้มริมฝีปากบางยิ้มนิดๆ ราวกับมองเห็นลมกำลังพัดผ่าน

นี่คือ Z ในวัย 18 ปี เธอทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด ทั้งยังลึกลับมาก

คงเพราะไม่มีใครคอยห้ามปรามและตามใจเธออีก ดังนั้นแววตาเธอจึงไร้แสงแวววับ ทั้งยังดำขลับจนมืดทะมึน แม้จะยิ้ม แต่กลับทำให้คนนึกถึงจอมปีศาจในการ์ตูนเสียมากกว่า

พวกคนผิวสีหนีไม่ได้แล้ว ถูกเธอกั้นไว้ที่กำแพง แม้จะทำด้วยความเป็นมิตรก็ตาม แต่ลองคิดดูสิว่าฟ้ามืดขนาดนี้ ทำไมถึงยังบอกว่าอากาศดีได้อีก!

ทว่านี่ก็เป็นเรื่องปกติแล้ว

พวกคนผิวสีรู้ดีว่าเวลาเผชิญกับเธอจะต้องมุ่งมั่นมากชนิดห้ามเปลี่ยนสีหน้าเลยทีเดียว

ไม่ผิดคาด ป๋อจิ่วรู้สึกเบื่อแล้ว เธอหมุนพวงมาลัย สะบัดท้ายอย่างสวยงาม ก่อนจะมุ่งสู่ท้องถนนที่แสนคับคั่ง ส่งผลให้พวกเขาผ่อนคลายได้สักที นี่มันช่าง…นับตั้งแต่เจ้านี่ย้ายมาเข้ามาอยู่ พวกเขาก็อดทำตัวเป็นมาเฟียเลย!

“ปรับเปลี่ยนเส้นทางให้เรียบร้อยแล้วครับ เจ้านาย วันนี้พวกเราจะไปไหนกันดี?” ระบบจีพีเอสแผ่คลื่นเป็นชั้นๆ เสี่ยวเฮยนั่นเอง แต่เวลานี้ดูเหมือนมันจะได้รับอิทธิพลจากเจ้านาย ทำให้เสียงดูหนักทุ้มร้ายกาจ เหมือนไม่ใช่คนดี

ป๋อจิ่วม้วนผมเข้านิ้ว “ตอนนี้ยังหัววันอยู่ ชีวิตกลางคืนเพิ่งจะเริ่ม เราไปวนเล่นๆ สักรอบดีกว่า”

“OK” เสี่ยวเฮยเปิดเพลง เปลี่ยนเกียร์เพิ่มความเร็ว ไม่นานก็สลัดรถคันหน้าให้ไปอยู่ด้านหลัง

ป๋อจิ่วหันไปมอง พลางยิ้มบางๆ “เอาข้อมูลของเหยื่อในวันนี้ออกมาดูหน่อยซิ”

“ได้ครับ เจ้านายสุดเท่ของผม”

เสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้น หน้าจอ 3D เปลี่ยนจากแผนที่กลายเป็นภาพหนึ่ง เสี่ยวเฮยบรรยายช้าๆ ราวกับเป็นเสียงพากย์หนัง “สมิธ อายุ 57…”

…………………………………..

ตอนที่ 1915

หญิงสาวคนนั้นฟังคำพูดของฉินมั่วจนจบพลันหน้าซีด แต่เธอยังฝืนหัวเราะหยัน “แกมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าฉันฆ่าคน ตลกแล้ว ฉันอยู่ตรงนี้มาตลอด”

“หลักฐานก็อยู่ในมือเธอนั่นไง” ฉินมั่วหลุบตาลง แววตาแข็งกระด้าง “ตอนนี้เทคโนโลยีออกจะทันสมัย การจะพิสูจน์คราบเลือดบนมือเธอที่ถึงแม้จะเหลือแค่นิดเดียวก็ยังทำได้นะ”

หญิงสาวคนนั้นพยายามดิ้นรนอย่างไม่ยอมแพ้ เธออุตส่าห์ทำอย่างลับตาคน ไม่น่าจะมีคนรู้

ผู้กำกับหวงเป็นตำรวจผู้มีประสบการณ์โชกโชน แค่เห็นสีหน้าก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีพิรุธ จึงให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนำตัวไป แล้วหันกลับมาถามฉินมั่วอย่างประหลาดใจ “รู้ได้ยังไงว่าคนร้ายเป็นผู้หญิง”

“คนที่วางแผนฆ่าคนได้แบบนี้ แสดงให้เห็นว่าคนฆ่าเป็นคนที่ทำให้คนอื่นหมดความระแวงได้ง่ายๆ ฉะนั้นคนฆ่าจะต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน” ฉินมั่วพูดอย่างเรียบเรื่อย หันหน้าไปรับกาแฟที่สั่งให้คนเตรียมให้ กิริยาท่าทางเป็นคุณชาย

ผู้กำกับหวงเจ็บใจ “ฉันเข้าใจแล้ว ตอนนี้มีคนที่เพิ่งจบจากโรงเรียนตำรวจมา นายก็ลองเปิดคอร์สสอนพวกเขาหน่อยสิ”

“คุณอาหวง” ฉินมั่วดื่มกาแฟอึกหนึ่ง “ผมราคาแพงนะครับ นอกเสียจากว่าทางคุณอามีคดีที่ผมสนใจ”

ผู้กำกับหวงหัวเราะ “ฉันต้องมีอยู่แล้ว ฟังให้ดีนะ ช่วยดูแลคนจบใหม่ครึ่งเดือน แล้วฉันจะเสนอชื่อให้นายไปดูคดีสากล ไม่งั้นฉันจะให้คนอื่นไป”

ฉินมั่วนัยน์ตาวาววับ “สามวัน”

“นายเล่นลดจากครึ่งเดือนเป็นสามวันเลยเรอะ” ผู้กำกับอยากด่ากราด!

ฉินมั่วเลิกคิ้ว มือยังคงถือแก้วกาแฟอยู่ “วันเดียว”

ผู้กำกับกัดฟัน “สามวันก็สามวันวะ!”

ฉินมั่วได้ยินเช่นนั้นก็โยนแก้วกาแฟที่ดื่มจนหมดลงถังขยะ เอ่ยเสียงเรียบว่า “ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ แต่คุณอาหวงเล่นใช้อำนาจในการงานมาข่มขู่ลูกน้องแบบนี้ ผมคงต้องรายงานให้ทางสถานีตำรวจทราบนะครับ”

ผู้กำกับหวงพูดไม่ออก อยากต่อยคนจริงโว้ย!

เมื่อมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย ย่อมทำให้คนเหม็นขี้หน้า กระทั่งเวลาอธิบายคดีก็ยังทำให้คนขัดใจ เพราะฝ่ายนั้นยังเป็นแค่เด็กมัธยมปลาย ทว่าอาศัยเพียงการวิเคราะห์รูปคดีและความสามารถในการประเมินระดับเทพ รวมถึงการประเมินความคิดของผู้ร้าย ก็ทำให้คนรู้ซึ้งถึงหลักการที่ว่าพวกมีพรสวรรค์ติดตัวมาย่อมมีความหยิ่งทระนง

สามวัน…ฉินมั่วอธิบายรูปคดีนี้ถึงสามวันเต็ม ในวันที่สี่ เขาสวมเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลาย นั่งเครื่องบินไปยัง The Fifth Avenue

จะทำยังไงได้ อีกยี่สิบกว่าวันก็ต้องสอบเขามหาวิทยาลัยแล้ว อย่างไรเขาก็ยังเป็นแค่นักเรียน แต่ถึงอย่างนั้นรูปร่างหน้าตาเขากลับดึงดูสายตาผู้คน ส่งผลให้แอร์โฮสเตสเดินผ่านเขาหลายครั้ง เพราะมีน้อยคนที่จะสวมชุดนักเรียนนั่งเฟิร์สคลาส

ฉินมั่วเร่งเดินทางขนาดนี้ เพราะเขาเห็นแฟ้มคดีจากผู้กำกับหวง ในขณะเดียวกันทางฝั่ง The Fifth Avenue เองก็ตรวจดูประวัติเขา รู้ว่าเขาเคยไขคดีในประเทศมาก่อน และรู้ดีด้วยว่าเขาจบจากที่ไหน ยิ่งเข้าใจด้วยว่าทำไมเขาถึงสนใจคดีนี้ ดังนั้นจึงเตรียมแฟ้มมาอย่างรัดกุม

ผู้ร้ายสากล:  Z

เพศ: ไม่แน่ชัด

กรุ๊ปเลือด : ไม่แน่ชัด

อายุ: ไม่แน่ชัด

สัญชาติ: ไม่แน่ชัด

หนึ่งเดียวที่ระบุไว้คือความสามารถของอีกฝ่ายในการใช้อินเทอร์เน็ตโจมตีอย่างหนักหน่วง ไม่มีทิ้งร่องรอย ทั้งยังมีคอมเมนต์ทิ้งท้ายไว้ว่า “เขาต้องเป็นนักมายากลแน่ เพราะมีแต่นักมายากลที่ทำอะไรได้อย่างไร้ร่องรอย!”

……………………………………………….

 ตอนที่ 1916

Z ตัวละครจากหนังภาพยนตร์

นับว่าเป็นแฟ้มคดีที่ไร้คุณค่าเป็นอย่างยิ่ง นอกจากฉายาแล้วก็ไม่มีข้อมูลอื่นอีกเลย แต่สำหรับฉินมั่วแล้วเขาสนใจมาก ไม่สิ อาจเรียกได้ว่านอกจากสนใจแล้ว ยังมีสิ่งอื่นที่มองไม่ออกแฝงอยู่ในความรู้สึกเขาด้วย

เมื่อได้มาเยือนต่างประเทศอีกครั้ง สีหน้าของฉินมั่วดูไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แววตายังคงเรียบเฉย แต่เมื่อจับฮู้กันภัยที่สวมบนคอก็จะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เหมือนลึกซึ้ง เหมือนหนักอึ้ง เป็นแววตาที่มักแสดงออกมาในเวลาที่คิดถึงคนคนหนึ่ง

ที่นี่อยู่ใกล้ลอสแอนเจลิสมาก และยังอยู่ใกล้กับสถานที่ที่เขาเคยพักด้วยเช่นกัน เมื่อฉินมั่วลงจากเครื่องบิน มีชายผมทองคิ้วหนากำลังโบกมือทั้งสอง “เฮ้ ทางนี้ ทางนี้!”

ฉินมั่วหันไปมอง ซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกงพลางเดินไปหา

ชายผมทองยื่นมือออกมาทักทายตามสไตล์คนต่างชาติ “ผมชื่ออีริก คุณคือฉินใช่ไหม? ถ้าไม่ใช่คนจากฝั่งของพวกคุณบอกผมว่าคุณยังเป็นนักเรียนอยู่ ผมก็คงนึกไม่ถึง พระเจ้า คุณเก่งมากเลยทีเดียว ผมเคยเห็นคดีที่ผ่านมือคุณแล้ว แต่ละคดีน่าตะลึงมาก สมองคุณบรรจุอะไรเอาไว้เนี่ย อุ๊บ ขอโทษด้วย ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมหมายความว่า คณสามารถจำลองสถานการณ์ได้เหมือนจริงมาก เหนือมนุษย์จริงๆ คุณรู้ไหมว่าคนแบบคุณน่ะ ผมเคยเห็นแค่ในหนังเท่านั้น…”

 “คุณเป็นคนเขียนคำวิเคราะเรื่อง Z ใช่ไหม?” ฉินมั่วแทรกกลางขึ้นมา ก่อนท่องคำวิเคราะห์ที่ว่าครบถ้วน “เขาต้องเป็นนักมายากลแน่ เพราะมีแต่นักมายากลที่ทำอะไรได้อย่างไร้ร่องรอย!”

ชายผมทองได้ยินแล้วตาโต “คุณรู้ได้ไงว่าผมเป็นคนเขียน!”

ฉินมั่วไม่ได้ตอบ เพราะมันทายได้ง่ายมาก เขาเปลี่ยนน้ำเสียงเอ่ย “ในสายตาของคุณ Z ก็เป็นคนที่คุณเห็นแค่ในหนังเหมือนกันใช่ไหม?”

“ใช่!” ชายผมทองตอบด้วยสีหน้าจริงจัง จมูกเขาโด่งมาก “ฉิน ตั้งแต่ Z ปรากฏตัวก็จับผู้ร้ายมาส่งเราถึงหน้าประตูได้ ตอนแรกก็ดีหรอก เพราะมีคนช่วยเราไขคดี แต่พอนานไปมันกระทบต่อความน่าเชื่อถือของเรา ยิ่งฝ่ายนั้นมักจะลงมือในพื้นที่สีเทา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อระหว่างโลกถูกกฎหมายกับโลกผิดกฎหมาย พวกเราเลยอยากจับเขามาเจรจากันหน่อย แต่! ไม่เคยจับได้เลยสักครั้ง คุณพอจะนึกภาพออกไหม มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมต้องมองดูเขาหนีไปต่อหน้าต่อตาเลยล่ะ!”

ฉินมั่วนิ่งอึ้ง “คุณเคยเห็นเขาเหรอ?”

“เอ่อ เรื่องนี้ น่าจะเคยเห็นนะ” ชายผมทองพูดด้วยความลังเล

ฉินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ถึงจะไม่เห็นหน้า แต่น่าจะแยกออกว่าเป็นชายหรือหญิง”

“แน่นอน! ผมมั่นใจว่าเขาต้องเป็นผู้ชายแน่” ชายผมทองพูดมาถึงจุดที่น่าตื่นเต้นก็พูดได้เยอะขึ้น “เขาชอบสวมเสื้อกันลมสีดำ หมวกกันน็อครุ่นล่าสุด แถมยังขี่มอเตอร์ไซด์ที่เท่ที่สุดแล่นผ่านหน้าผมไป”

ฉินมั่วซึมซับข้อมูลเหล่านั้น ก่อนจะย้อนถาม “คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นผู้ชาย?”

“นี่ยังไม่ชัดอีกเหรอ! รถมอเตอร์ไซด์สุดเท่ไง” ชายผมทองเน้นย้ำ

ฉินมั่วส่งเสียงรับรู้ ก่อนจะบุ้ยใบ้ให้มองด้านซ้ายมือของตัวเอง ผู้หญิงผมสีฟ้าคนหนึ่งกำลังสวมหมวกกันน็อคระหว่างที่นั่งบนมอเตอร์ไซด์ เขาว่าเสียงเรียบ “รถมอเตอร์ไซด์สุดเท่”

ชายผมทอง “…”

ดูเหมือนเขาจะสรุปเพศของ Z เร็วเกินไป!

………………………………………

ตอนที่ 1913

ไม่ได้มาจับเธอ แต่มาหาเธอต่างหาก 1

 คงเพราะชอบมากเกินไป ทำให้ท่านเสธฉินยังพอจะรู้ความในใจของลูกชาย คุณท่านอานไม่ได้เป็นคนบอก ทว่าหลังจากที่กลับจากภูเขาอู่ไถ ฉินมั่วก็ไข้ขึ้นสูง ก่อนที่จะตามท่านไปกองทัพ ลูกชายดึงแขนเสื้อ บอกว่าต่อไปถ้าเห็นคนที่เล่นคอมพิวเตอร์ก็อย่าทำอะไรคนคนนั้น

อันที่จริง เวลานั้นคนที่รู้จักฉินมั่วเป็นอย่างดีจะรู้ว่าเขารับมาหลายคดี หากเป็นคดีที่เกี่ยวกับแฮกเกอร์เขาจะยิ่งสนใจมาก

เวลานั้นฉินมั่วยังสวมชุดนักเรียนของนักเรียนมัธยมเจียงเฉิง 1 กำลังอยู่ในวัยหนุ่ม หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกก็เท่ ไม่มีใครคิดว่าเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาเกินใครจะเป็นคนเดียวกันกับท่านเทพที่ไขคดีประหลาดได้ หลายคนบอกว่าไม่รู้ว่าท่านเทพคิดอะไร อารมณ์เขานิ่งจนคนอื่นอ่านไม่ออก ทั้งยังสูงส่งสง่างาม และสามารถอ่านใจคนร้ายได้แม่นยำมาก ไม่เหมือนเด็กมัธยมปลายสักนิด แถมเขายังเป็นคนเย็นชา เหมือนภูเขาน้ำแข็งที่ยากจะละลายมานับพันปี ไม่มีใครเคยเห็นเขายิ้ม ทว่ากลับพบเขาตอนป้อนอาหารให้แมวข้างถนน

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่ง ตั้งชื่อให้ว่าเจ้าหญิง  ไม่มีใครเข้าใจเลยว่าทำไมแมวตัวผู้ถึงได้ชื่อว่าเจ้าหญิง

ถึงกระนั้น ฉินมั่วเป็นอัจฉริยะอย่างไร้ข้อกังขา เขามักถูกชื่นชมแบบนี้เสมอ

“ไม่คิดเลยว่าตระกูลฉินที่เก่าแก่จะมีลูกหลานเย็นชาเป็นน้ำแข็ง” นี่คือคำพูดกลั้วเสียงหัวเราะของผู้กำกับหวงที่เอ่ยขึ้นเมื่อได้เจอเขาเป็นครั้งแรก

เวลานั้นฉินมั่วยังก้มหน้าก้มตาดูศพที่อยู่ข้างเท้าตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงทักของผู้ใหญ่ มือที่สวมถุงมืออยู่ก็ปาดเลือดบนพื้น เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

ตอนนั้นผู้กำกับยังไม่ได้มีหน้าท้องโตเท่าปัจจุบันนี้ ใหญ่เท่าลูกโป่งลูกเล็กเท่านั้น เมื่อเห็นเจ้าน้ำแข็งฉินมองหน้าเขายังนึกว่าเจ้านี่จะพูดอะไรบ้าง อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ใหญ่ แถมยังเป็นผู้กำกับด้วย?

“รบกวนขยับหน่อยนะครับ” เสียงนั่นเรียบนิ่ง ยิ่งคนพูดสวมชุดเด็กม.ปลายด้วยยิ่งให้อารมณ์ แต่เดี๋ยว นั่นมันเป็นสิ่งที่คนเป็นผู้กำกับพูดมากกว่า เจ้าเด็กฉินนี่ต้องโดนสั่งสอนเสียบ้างแล้ว

ใช่ ต้องสั่งสอนมัน! ผู้กำกับหวงคิดจะขุดบารมีของผู้กำกับออกมา แต่ฉินมั่วกลับพูดเสริมอย่างเป็นปกติมาก “หน้าท้องคุณใหญ่เกินไป รบกวนการหาเบาะแสของผมครับ”

ผู้กำกับหวงบ่นในใจ…เด็กเดี๋ยวนี้ แค่ฉลาดหน่อยก็ใหญ่คับฟ้าแล้วหรือวะ!

“คุณอาหวงคงรู้ดีว่าคดีนี้สำคัญมาก” ฉินมั่วเหมือนจะเดาความคิดเขาออก ดึงถุงมือออกอย่างไม่รีบร้อน กิริยาท่าทางของเขาเหมือนพวกผู้คุมกฎในการ์ตูน ความหล่อเหลาของเขาทำให้พวกนักเรียนที่อยู่อีกฝั่งไม่หวาดผวาเลยว่าตรงนี้มีคนตายอยู่ด้วย

ผู้กำกับกระแอมเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เสียงเด็กนั่นดังขึ้นอีก ครั้งนี้แฝงความเย็นชาเล็กน้อย “ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่โดนฆ่า คราบเลือดผิดปกติ ไม่น่าจะมีร่องรอยเลือดอยู่ตรงนี้ อีกอย่างผู้ร้ายยังพาตัวอีกคนไปด้วย”

ผู้กำกับหวงรู้ว่าไม่ใช่การฆ่าตัวตาย เพราะเขาก็มากด้วยประสบการณ์ ย่อมมองออกอยู่แล้ว แต่การที่คนร้ายพาตัวคนไปด้วยนี่สิ หมายความว่ายังไง?

“มือถือ” ฉินมั่วหันมามองที่พุ่มไม้ด้านข้าง “ตรงนี้มีมือถือที่ไม่ใช่ของคนร้าย แล้วก็ไม่ใช่ของคนตายด้วย”

ผู้กำกับหวงไม่เชื่อ “รู้ได้ไงว่ามันไม่ใช่ของคนร้าย”

“คุณอาหวง นี่เป็นคดีฆ่าต่อเนื่องนะครับ คนร้ายจะโง่เง่าขนาดทิ้งมือถือไว้ในที่เกิดเหตุเชียวเหรอครับ?” ฉินมั่วย้อนถามเสียงเรียบ

ผู้กำกับโดนสวนเข้าให้จนสะอึก เจ้าเด็กเมื่อวานซืนหน้าน้ำแข็งนี่ โคตรจะไม่น่ารักเลย! เห็นแก่ที่นายไขคดีนะ ฉันจะยอมนายก็แล้วกัน!

ทั้งนี้…

……………………………………………………..

ตอนที่ 1914

ไม่ได้มาจับเธอ แต่มาหาเธอต่างหาก 2

ในเวลาเดียวกัน ผู้กำกับหวงเห็นฉินมั่วเดินตรงไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนจะหลุดปาก “คนร้ายยังอยู่ที่นี่”

“อยู่ที่นี่เหรอ?” ผู้กำกับไม่เชื่อ “จะเป็นไปได้ยังไง?”

ฉินมั่วเบือนไปมองอีกทาง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เพราะการอยู่ที่นี่จะทำให้ล้างข้อสงสัยได้ทั้งหมด ในสภาวะที่คนร้ายสามารถฆ่าคนได้คนหนึ่งแล้วยังจับตัวอีกคนไปได้ แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้กระทำมีความสนิทสนมกับเหยื่อ คนร้ายฉลาดพอที่จะรู้ว่าตำรวจเดาได้ถึงขั้นนี้ ถึงได้จงใจปรากฏตัวในสถานที่เกิดเหตุ เพื่อจะแสดงให้เห็นว่าตัวเขาไม่เกี่ยวข้องกับคดี แถมยังสร้างหลักฐานว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่นี่ในเวลาเกิดเหตุได้อีก เพราะถ้าคนร้ายอยู่ที่นี่ด้วย จะทำให้คนอื่นไม่สงสัยว่าเขาลักพาตัวคนไป”

เสียงเขาไม่ดังและไม่เบามาก ลอยมาช้าๆ ทำให้ผู้กำกับหวงสีหน้าเปลี่ยนทันที แล้วหันไปพูดใส่หูฟังเสียงเบา “ล้อมสถานที่เกิดเหตุให้มิดชิด ให้นักเรียนทั้งหมดที่มาที่นี่ ห้ามออกไป!”

“รับทราบ!” แม้จะไม่รู้ว่าทำไมผู้กำกับหวงถึงได้ออกคำสั่งเช่นนี้ แต่เจ้าหน้าที่กองคดีพิเศษต่างทำหน้าที่แข็งขัน

ทว่า…คนมามุงดูเยอะมาก คนไหนที่เป็นคนร้าย?

ในระหว่างที่ผู้กำกับหวงคิดเช่นนี้ ก็เห็นเด็กหนุ่มในชุดม.ปลายเดินไปยังกลุ่มผู้คคน ทั้งยังทำสัญญาณมือห้ามไม่ให้เขาติดตามไปด้วย ทั้งที่ดูยังเด็กว่าพวกนักเรียนที่มามุงดูเสียอีก แต่กลับออร่าเจิดจรัส บารมีดูสูงกว่าพวกนี้เป็นเท่าตัว

พวกที่มามุงดูยังไม่รู้ว่าคนมาไขคดีจะเป็นแค่เด็กม.ปลาย ดังนั้นเมื่อฉินมั่วเดินเข้าไปหา นักเรียนหญิงบางคนก็หน้าแดง กระซิบกระซาบกัน ท่าทางเหมือนไม่เคยเห็นผู้ชายหล่อแบบนี้จริงๆ

และเมื่อฉินมั่วจับจ้องตัวเด็กคนหนึ่ง แววตาที่จับจ้องนั้นขรึมลง ก่อนจะกดหูฟังบลูทูธ “เจอตัวคนร้ายแล้ว”

ผู้กำกับหวงได้ยินแล้วรีบไปหาทันที พยายามมองหาตัวเด็กนักเรียนชายที่รูปร่างล่ำสัน แต่หายังไงก็เจอแต่เด็กผู้หญิง ไม่มีผู้ชายสักคน “คนร้ายอยู่ที่ไหน?” เขากดเสียงให้ต่ำลง

ฉินมั่วเห็นเป้าหมายกำลังจะเดินจากไป “อยู่ข้างหน้าผม”

ผู้กำกับอึ้ง ไม่กล้าเชื่อ เพราะฝ่ายนั้นไม่เพียงเป็นเด็กผู้หญิง แต่ยังแต่งตัวน่ารักด้วย แถมตัวไม่สูงอีกต่างหาก คนแบบนี้จะเป็นคนร้ายไปได้ยังไง? อย่าลืมสิว่านี่เป็นคดีฆ่าต่อเนื่อง

“ยังไม่ทำอะไรอีก” ฉินมั่วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันตัวไป ถีบขายาวๆ ไปที่โคนกิ่งไม้ “งั้นผมลงมือเอง”

ผู้หญิงที่แสร้งทำเป็นเดินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยินเพียงเสียงลม จากนั้นแผ่นหลังเธอเหมือนโดนอะไรกระแทกเข้าหนักๆ แล้วถูกตำรวจกดให้นอนราบกับพื้น เธอตกตะลึง เหมือนจะเดาอะไรออก ร้องตะโกนขึ้นว่า “พวกคุณทำอะไรน่ะ? เป็นตำรวจแล้ววิเศษนักหรือไง ถือสิทธิ์อะไรมาจับฉัน?”

“หุบปาก” คนจากกองคดีพิเศษไม่อยากทำให้เป็นที่เอิกเกริก

แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับดิ้นไม่หยุด “ฉันจะฟ้องพวกแก”

“ก่อนจะฟ้อง เธอคงโดนตัดสินโทษประหารไปแล้ว” น้ำเสียงเรียบเรื่อยดังตามจังหวะที่ก้าวเข้ามาหา เสียงนั้นเป็นของเด็กมัธยมปลายคนหนึ่ง ทำให้หญิงสาวตะลึงอีกครั้ง

เสียงของฉินมั่วเรียบมาก “ตั้งแต่เมื่อกี้ สายตาของเธอไม่เหมือนกับของคนอื่น พอฉันเดินมาหาเธอก็ไม่มองฉันสักนิด พวกผู้หญิงปกติเห็นฉันแล้วไม่มีแก่ใจมองสถานที่เกิดเหตุได้อีกหรอก”

ผู้กำกับหวง…อ้อ ใช้อุบายหนุ่มงามเรอะ?

…………………………………

ตอนที่ 1911

โปรดเขียนคำอำนวยพรให้ผมด้วย

 “ได้” คุณท่านอานพูดเสียงเครือ เดิมคิดว่าหลานท่านจะปลงตกแล้ว จนเมื่อเห็นร่างของหลานชายยืน จ้องหน้าต่างบานเดิมอยู่หน้าบ้านตระกูลป๋อตลอดช่วงบ่าย ท่านจึงได้รู้ว่าหลานยังอาลัยอาวรณ์อยู่

ฉินมั่วกำฮู้ป้องกันภัยไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างลากกระเป๋าเดินทางรูปแพนด้าของตัวเอง ใบหน้าที่สูงส่งต้องห้ามดูจะเย็นชากว่าเมื่อก่อน ตอนที่ขึ้นรถไปแล้ว เด็กน้อยก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณตาครับ พอกลับไปแล้ว ผมอยากไปภูเขาอู่ไถ”

 “อู่ไถ?” คุณท่านอานหันมามอง เพราะหลานท่านไม่เคยสนใจศาสนาพุทธมาก่อน?

ฉินมั่วยืนยัน ก่อนจะหลุบตามองดูฮู้ในมือตัวเอง “ครับ ภูเขาอู่ไถ”

คุณท่านอานไม่เคยปฏิเสธคำขอของหลานรัก โดยเฉพาะในเวลานี้ เพราะหลานท่านหันไปมองทิวทัศน์นอกรถที่เริ่มมืดลงในสภาพคอตก

สามวันหลังจากนั้น ที่ภูเขาอู่ไถมีคนไปกราบไหว้ไม่มาก คนที่เคยศึกษาด้านศาสนาพุทธต่างรู้ว่าทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าของทุกเดือนตามปฏิทินจันทรคติจะมีคนมาไหว้อย่างเนืองแน่น

ทว่าวันนี้เป็นวันที่เจ็ดของเดือนตามปฏิทินจันทรคติ ตามความเชื่อของคนจีน ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้มีนัยพิเศษ ทว่าในวันนี้มีร่างเด็กน้อยสีหน้าเรียบนิ่ง เหงื่อผุดบางๆ บนหน้าผาก เด็กน้อยเดินขึ้นบันไดนับพันก้าว เดินไปก้าวหนึ่งก็กราบไหว้ก้าวหนึ่งจนครบ 999 ครั้ง เหงื่อซึมเสื้อสเวตเตอร์ แต่กลับไม่ส่งผลอะไรกับบุคลิกสูงส่งของเขา แต่คงเพราะอายุยังเด็กมาก ทำให้สามเณรน้อยมามุงดู

หิมะโปรยปรายบนยอดเขา เมื่อตกต้องบนศีรษะก็ละลายกลายเป็นน้ำ เหล่าเณรน้อยเห็นร่างนั้นเข้ามาใกล้ บางคนก็วิ่งเข้าไปในตัววัด “พระอาจารย์ พระอาจารย์ ข้างนอกมีคน มีคนขอรับ”

ภิกษุชราที่กำลังสวดมนตร์เคาะก้อนไม้ที่ทำเป็นรูปปลา วางหนังสือสวดมนตร์ลง ช้อนสายตามองดูสามเณรคนดังกล่าว “ทำอะไรรุ่มร่ามจริง วันไหนบ้างที่ไม่มีคนขึ้นเขา? คัมภีร์พระธรรมที่เรียนมา เอาไปทิ้งไว้ไหนหมด”

“เปล่าขอรับ ท่านออกไปดูสิขอรับ เป็นเด็ก”

เณรน้อยก็เป็นเด็กเช่นกัน ยังหาว่าคนอื่นเป็นเด็กอีก? ภิกษุชราได้แต่ส่ายศีรษะ เดินออกไปทีได้กลิ่นไม้จันทร์ทั่วร่าง

ตอนแรกท่านไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไร จนเมื่อท่านเห็นเด็กน้อยที่กราบไหว้ทุกหนึ่งก้าวเดินก็ถึงอึ้งไป ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อมิตตาพุทธ” ลมเย็นพัดผ่านเขาถ้ำ สะเก็ดหิมะตกต้องบ่าพ่อหนูน้อย เด็กคนนี้ดูสะดุดตาเสียยิ่งกว่าหิมะที่ปกคลุมทั่วทั้งภูเขา ภาพที่เห็น ช่างเหมือนบทกวีของท่านดาไลลามะที่ว่า ‘ในปีนั้นข้าพเจ้ามิได้กราบคำนับมาตลอดทางขึ้นเขาเพื่อกราบไหว้พระพุทธองค์ แต่เพื่อได้รับความอบอุ่นของท่านอย่างใกล้ชิด ในชาติภพนั้น ข้าพเจ้ามิได้ธุดงค์อ้อมภูเขา เดินรอบสายน้ำหรือกระทั่งก้าวนพระเจดีย์ เพื่อจะสั่งสมบุญกุศลเพื่อเอาไว้ใช้ในชาติภพหน้า แต่เพื่อให้ได้พานพบกับท่านในเส้นทางการเดินทาง เมื่อข้าพเจ้าได้กลายเป็นเทพเซียน มิได้เป็นเพื่อจะอยู่ยงคงกระพัน แต่เพื่อปกปักรักษาให้ท่านสุขสงบ’

ภิกษุชรารอจนร่างของเด็กน้อยผู้งามสง่ามาหยุดลงที่ตรงหน้าท่าน ทั้งนี้ฉินมั่วเข้าใจหลักธรรมเนียมเป็นอย่างดี แม้จะมีเหงื่อเต็มกาย แต่ยังก้มลงคำนับ ทั้งยังเอ่ยทัก “ไต้ซือ”

อุตส่าห์เดินสลับกราบไหว้มาถึง 999 ก้าวเดิน ไม่ว่าจะมาถึงในเวลาใด ย่อมต้องอำนวยพรให้อีกฝ่ายสมหวัง ภิกษุชราหลุบตาลง แววตาแสดงถึงการยอมแพ้ให้กับความมุ่งมั่นของเด็กชาย “ประสกน้อยต้องการสิ่งใดหรือ”

ฉินมั่วดึงด้ายแดงที่สวมบนคอออกมา โดยด้ายแดงนั่นรัดฮู้กันภัยไว้ “นี่เป็นของที่มีคนขอให้ผมครับ ท่านไต้ซือพอจะเขียนคำอำนวยพรให้ผมได้ไหมครับ”

“ประสกน้อยเชื่อในศาสนาหรือ?” ท่านถาม

ฉินมั่วส่ายหน้า “ผมเชื่อตัวเองครับ”

ท่านถามอีก “แล้วเหตุใดจึงมาขอคำอำนวยพร?”

“เพราะเขาเชื่อครับ”

……………………………………..

ตอนที่ 1912

เธอยังเด็กมาก

ภิกษุชราได้ยินแล้วอึ้งไป เอ่ยอมิตาพุทธอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำฉินมั่วเข้าไปยังอุโบสถ พลิกคัมภีร์พระธรรมม้วนที่สิบ ชายผ้าจีวรสะบัด ปลายพู่กันจรดบนกระดาษว่า ‘หวังว่ายัยเสือน้อยที่สวมชุดนอน จะมีความสุขสงบตลอดกาล’

ฉินมั่วเก็บรักษาฮู้ไว้อย่างดี นำมาสวมใกล้หัวใจ จากนั้นไม่ว่าจะอยู่ในกองทัพหรือไปเรียนต่อต่างประเทศ กระทั่งเรียนจบต้องไปทำหน้าที่ที่เขตชายแดน เขาก็มักจะสวมฮู้ที่ว่าไว้ ซึ่งดูไม่สมกับสถานะของตนเองสักนิด

วันที่ทะเลาะกัน เด็กน้อยทั้งสองต่างไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กระทั่งยัยเสือน้อยยังคิดว่าพอจัดการเรื่องเสร็จ เธอจะได้มาหามั่วมั่ว จนมาถึงตอนค่ำ พ่อพาเธอมาที่หลุมศพ ลูบผมเธอแล้วบอกว่า “จิ่ว วิธีปกป้องคนที่สำคัญที่สุดของเราก็คือ การทำให้คนอื่นเห็นว่าเขาคนนั้นไม่สำคัญ”

“ไม่งั้นลูกต้องเข้มแข็งให้มาก อย่าทิ้งร่องรอยตัวเองไว้ ลูกน่าจะรู้ว่าการเปิดเผยร่องรอยกับชีวิตส่วนตัวเป็นเรื่องอันตรายต่อแฮกเกอร์ที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์มาก”

“ลูกก็เหมือนกัน แฮกเกอร์คนอื่นก็เหมือนกัน”

“ต่อไปลูกจะเป็นนายน้อย พ่อบอกลูกมานานแล้วเรื่องกฎการเป็นนายน้อย”

“ปกป้องคนที่ลูกต้องปกป้องเขาให้ได้ ใช้คีย์บอร์ดของลูกทวงความเป็นธรรมให้กับคนที่โดนรังแก”

ดังนั้นยัยเสือน้อยจึงอดทนเสมอมา เธอเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้น สร้างเกมที่ยากกว่าเดิม ไม่ใช่เพียงแค่สารภาพรักแบบธรรมดา แต่ยังใส่ไวรัสเข้าไปได้ด้วย เธอยังเรียนรู้การเขียนพู่กันจีนด้วยตัวเอง อ่านนิทานก่อนนอน พับแขนเสื้อและพันผ้าพันคอด้วยตัวเอง เธอไม่สวมชุดนอนเสือน้อยอีกต่อไป เพราะไม่จำเป็นต้องทำตัวน่ารักหรือส่ายหางตามหลังใครอีก ไม่ใช่ว่าทุกคนจะให้ลูกอมเวลาเธอซุกซน และไม่ใช่ว่าทุกคนจะคอยตรวจกระเป๋าเสื้อเพราะกลัวว่าเธอจะปวดฟันอีก

รสชาติของการถูกความมืดมิดกลืนกินคงเป็นแบบนี้ เวลานอน เธอได้แต่กอดคีย์บอร์ดตัวเองเอาไว้ ป๋อจิ่วมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากพอ เข้าใจดีว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร เธออดทนได้ 101 วันจนสามเดือนมาแล้วก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอนั่งรถคนเดียวเป็นครั้งแรกเพื่อมาที่บ้านตระกูลอาน ทั้งที่รู้ว่าไร้ประโยชน์ แต่ยังวิ่งไปที่หน้าต่าง

เธอไม่เห็นใคร เขาน่าจะกลับจีนไปแล้ว

เธอสวมเสื้อยืดตัวดำ บุคลิกเปลี่ยนไป ร่างเล็กกลมกลืนกับความมืดมิด คุณตาพ่อบ้านมองดูอย่างข้างๆ เดินถือร่มมาหาอย่างทนดูไม่ได้ “นายน้อย กลับกันเถอะครับ”

เธอถึงกับคอตก ไม่พูดอะไร ส่วนคุณตาพ่อบ้านหันไปมอง ก่อนจะขรึมลง

ต่อมามีช่วงเวลาหนึ่ง นายน้อยมักจะจูงมือเขาพลางเล่าให้ฟังว่าเจ้าหญิงน้อยดีกับเธอมากแต่ไหน แต่จะหยุดชะงักบ้างเป็นบางครั้ง

คุณตาพ่อบ้านยังจำได้ดีว่าตอนนั้นนายใหญ่อุ้มลูกสาวมาขี่คอตัวเอง ปล่อยให้เธอซึ่งหลับอยู่ดึงผมตัวเองเต็มที่  ร่างในชุดกันลมตัวดำดูตลก ทั้งยังให้ความรู้สึกอย่างอื่น “แอลเลน ถ้าเราจำบางเรื่องได้ดีเกินไปจะยิ่งเจ็บปวด จิ่วยังเด็กเกินไป”

คำพูดลอยๆ ของเขา ทำให้คุณตาพ่อบ้านเข้าใจนายใหญ่เป็นอย่างดี การสะกดจิตเพียงเล็กน้อยจะทำให้คนซ่อนความทรงจำไว้ได้ รอจนเมื่อได้เจอเขาอีกครั้ง ความทรงจำนั้นจะค่อยๆ กลับมา

คุณป๋อก้มลงจูบหน้าผากยัยเสือน้อย “จิ่ว ลูกต้องเข้าใจนะว่าตัวเองเป็นใคร” การเข้าใจในสถานะตัวเอง จะทำให้ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ได้

คุณเคยอยากเลี้ยงใครสักคนไหม?

ป๋อจิ่วเคย  เธอเคยอยากเลี้ยงเจ้าหญิงน้อย

ฉินมั่วเองก็เคย เขาเคยอยากเลี้ยงยัยเสือน้อย…

…………………………………………….

ตอนที่ 1909

ฉินเสี่ยวมั่ว

แต่กระนั้น เหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง คืนนั้นบ้านตระกูลป๋อยังคงมืดสนิท ฉินมั่วมองดูกล่องขนมที่หมดอายุไปแล้ว ก่อนจะวางไว้ด้านหนึ่ง คุณพ่อบ้านหนุ่มยืนข้างเขา เพราะเอาแต่ตามหาคน ทำให้ไม่ได้เอาหนังสือพิมพ์ออกจากกล่องไปรษณีย์

บรรยากาศบ้านตระกูลอานไม่เคยหดหู่ขนาดนี้มาก่อน คุณชายของเขาไม่กินอะไรมาสองวัน คุณพ่อบ้านผมทองทนไม่ไหว รีบโทรแจ้งคุณท่านอานทันที

ทางด้านท่านประธานอานได้ทราบข่าวก็ทิ้งงานในมือเพื่อเตรียมจะเดินทางทันที แต่ท่านเลื่อนงานประชุมใหญ่ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อผ่านไปอีกห้าวัน ท่านถึงได้บินมาหา ช่วงระหว่างนี้ท่านก็วิดีโอคอลหาหลาน หลานท่านก็เข้าใจดีว่าท่านมีธุระจริงๆ จึงบินไปหาไม่ได้

ฉินมั่วยังคงเหมือนเดิม มองสีหน้าไม่ออก หากเทียบกับการไม่พูดอะไรเลย ไม่สู้จะบอกว่าเขาไม่อยากยอมรับความเป็นจริง ทั้งที่พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่ากลับไม่กล้ายอมรับ

เด็กน้อยก็เป็นแบบนี้ หวังว่าจะสมความปรารถนาในบางอย่างเสมอ เมื่อก่อนคุณท่านอานไม่คิดว่าหลานคงไม่เป็นแบบนั้น ทว่าเมื่อเห็นเด็กน้อยตรงหน้าในเวลานี้ ท่านถึงรู้ว่าเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ หลานชายจะไม่ต่างอะไรจากเด็กคนอื่นๆ

ห้าวันผ่านไป อาหารที่ฉินมั่วขนมาฝากยัยเสือน้อยก็กินไม่ได้อีกแล้ว เขายังจำได้ดีว่าตอนที่จะกลับจีน ยัยเสือน้อยยังขดตัวนอนในกระเป๋าเดินทาง มองเขาตาโตพลางถามว่า เอาเธอไว้ใต้เครื่องแล้วพากลับไปด้วยได้ไหม ทำไมตอนนั้นเขาไม่ยอมสู้เพื่อเธอให้มากอีกสักหน่อย ฉินมั่วถามตัวเองในสภาพเรียวปากซีดขาว

หลังจากที่เห็นสภาพหลานรัก ท่านก็ให้ห้องครัวเตรียมอาหาร ก่อนจะถอนใจยาว “ตาจะลองหาทางติดต่อคุณอาป๋อเอง”

การกลับมาของคุณตาทำให้ฉินมั่วมีความหวังขึ้นมา วันนั้นทั้งวัน คุณตาโทรไม่ติดเลย ได้แต่จ้างให้คนตรวจสอบให้ กลับหาไม่เจอ แต่ได้ความอย่างเดียวคือ ไม่รู้ว่าบ้านเดี่ยวข้างๆ ทิ้งทะเบียนบ้านให้ท่านตั้งแต่เมื่อไร ตอนที่รู้เรื่องนี้ คุณตาก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ตระกูลป๋อจากไปแล้ว จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน ถึงคุณป๋อจะเป็นเพื่อนต่างวัยที่สนิทของคุณตา แต่คุณตากลับไม่มีที่อยู่ของปราสาทเขา ดังนั้นท่านจึงหาตระกูลนี้ไม่เจอ การจะอธิบายเรื่องนี้ต่อหลานท่านอย่างไร ถือเป็นปัญหาหนึ่ง

คุณท่านอานไม่คิดเลยว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ นับตั้งแต่หลานท่านรู้จักจิ่วก็เปลี่ยนแปลงไปมาก คงเพราะเปลี่ยนแปลงมากไป ทำให้เขาหยิบเกมมาเล่นเมื่อไม่อ่านหนังสือ ส่งผลให้คุณท่านอานถึงกับอึ้ง หลานชายนั่งหันหลังไว้อยู่บนพื้น จากนั้นก็วางคอนโซลเกมลง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติว่า “คุณตา ผมผิดไปแล้ว”

“ผมไม่ควรหยิ่งอย่างนั้น”

“ทั้งที่รู้ว่าเขาแค่เล่นคีย์บอร์ดของตัวเอง เล่นเกม เขียนโปรแกรม ไม่เข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ ผมยังรอเขามาขอโทษอีก”

“คุณตาครับ คุณตาช่วยไปบอกคุณอาป๋อว่า ผมรู้ตัวว่าผมผิดไปแล้ว ให้เขาเอาพาตัวเสือน้อยกลับมา คราวนี้ผมจะดูแลเขาดีๆ ต่อให้เขาอยากไปเล่นกับวิลเลี่ยมจูเนียร์อีก ผมก็จะไม่ห้ามเขา อย่างมากก็แค่ไปตีวิลเลี่ยมให้ขาหักเท่านั้น”

“คุณตาครับ ผมผิดไปแล้ว”

…………………………………………

ตอนที่ 1910

เล่นเกมที่เธอเคยเล่น ปีนกำแพงที่เธอเคยปีน

ทุกคนต่างไม่รู้ว่าคุณท่านรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินหลานชายกล่าวว่า ‘ผมผิดไปแล้ว’ หลานท่านเป็นอย่างไร ท่านย่อมรู้จักดี คงเพราะเหตุจากสถานะทางครอบครัว ต่อให้ทางบ้านสั่งสอนให้ถ่อมตัว แต่เรื่องความหยิ่งทระนงที่หลานมี ดูเหมือนจะแก้ไม่ได้ นอกจากจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็กแล้ว ต่อให้หลานท่านทำความผิดแบบหน้ายิ้ม โดนส่งเข้าไปอยู่ในกองทัพ ก็ไม่มีวันพูดออกมาว่า ‘ผมผิดไปแล้ว’

คุณตาที่รักหลานเสมอมาถึงกับเจ็บปวดในอก แต่จะทำอย่างไรได้ บ้านตระกูลป๋อสาบสูญไปเลย ไม่น่าจะมีใครหาเจอ เพราะนี่คือกฎในวงการพวกเขา

เวลานี้คุณท่านอานนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ อันเป็นเรื่องที่มีคนทุ่มเงินซื้อข่าวแฮกเกอร์ จะเกี่ยวกับตระกูลป๋อหรือเปล่า? แต่ต่อให้เกี่ยว ท่านก็ติดต่อพวกเขาไม่ได้อยู่ดี

บ้านตระกูลอานตกอยู่ในความเงียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อันที่จริงมันถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าหากยัยเสือน้อยไม่เคยปรากฏตัวที่นี่ สภาพดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นปกติของตระกูลอาน เพราะฉินมั่วชอบอ่านหนังสือ เล่นหมากล้อม ไม่ชอบเล่นกับใคร การที่บ้านหลังนี้เงียบเชียบ ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เมื่อยัยเสือน้อยปรากฏตัว ลิ้นชักในห้องเขาก็เต็มไปด้วยขนม และด้วยเหตุที่ยัยเสือน้อยชอบปีนกำแพง ปีนป่ายไม่หยุดนิ่ง ทำให้ตัวเธอสกปรกเป็นประจำ ต้องล้างมือให้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ดังนั้นในตู้เสื้อผ้าประจำห้องฉินมั่วยังต้องเตรียมชุดเสื้อน้อยให้เธอถึงสามชุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถุงมือเสือน้อยที่เขาซื้อให้เธอสวม

ผู้คนต่างพูดกันว่า เวลาที่เห็นของที่เราคุ้นเคย แต่กลับไม่เห็นคนที่เราคุ้นเคยอยู่ด้วย หัวใจจะวูบโหวง ฉินมั่วไม่ได้รู้สึกวูบโหวง เขาเล่นเกมที่เธอเคยเล่น ปีนกำแพงที่เธอเคยปีน กระทั่งทำเรื่องแบบเดียวกันซ้ำๆ กันเป็นสิบวัน ทำหน้าต่างแตกบ้าง บางครั้งสิ่งที่อยู่ในหนังภาพยนตร์ก็เป็นเรื่องจริง เขาสามารถนอนในที่ของเธอได้จนถึงฟ้าสว่างเลย

ถ้ายัยเสือน้อยอยู่ด้วยล่ะก็ ต้องคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้ได้ นัยน์ตาอ้างว้างของฉินมั่วเหม่อมองนอกหน้าต่าง นิ้วมือลูบหมอนที่เธอชอบหนุน

สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินมานานถึงครึ่งเดือน คุณท่านอานรู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องแย่แน่นอน ตอนแรกที่ท่านพาหลานมาอยู่เมืองนอก ก็เพื่อให้หลานสดชื่นขึ้นบ้าง แต่สภาพของหลานในเวลานี้กลับทำให้ท่านกลัวว่าเจ้าตัวจะเกิดเรื่องขึ้น แต่ก็พูดไม่ออก

จนเมื่อล่วงเลยมาถึงวันที่ยี่สิบ คุณท่านอานเอ่ยขึ้นในระหว่างที่กินอาหารกลางวัน “มั่วเอ๋อร์ พ่อแม่ของหลานกลับบ้านแล้วนะ พ่อหลานบอกว่าจะพาหลานเข้ากองทัพในรอบนี้ด้วย ตาก็คิดว่าถ้าหลานได้อยู่ที่นั่น ก็น่าจะมีคนอยู่เป็นเพื่อนหลานเยอะแยะเชียวล่ะ”

คุณท่านอานอยากให้หลานเปลี่ยนสภาพแวดล้อม จะอย่างไรก็ยังเด็กอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ลืมบางเรื่องได้ เขาจะได้ไม่จับเจ่าเศร้าซึมอีก คุณท่านอานเกรงว่าหลานท่านจะล้มเสียก่อนที่ยัยเสือน้อยจะปรากฏตัวอีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าหลานตัวน้อยของท่านจะวางมีดและส้อมในมือลง เอ่ยด้วยใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์ “ครับ”

แค่ ‘ครับ’ คำเดียว ก็ทำให้ท่านตะลึงงัน ท่านไม่คิดว่าหลานจะตอบตกลงเร็วเช่นนี้ “แต่คุณตาต้องสัญญากับผมก่อน” ฉินมั่วกดเสียงต่ำลง “อย่าขายที่นี่ทิ้งนะครับ เดี๋ยวเขากลับมา แล้วจะหาไม่เจอ”

……………………………………..

ตอนที่ 1907

ไปหาจิ่ว

นาฬิกาที่ห้องรับแขกเคลื่อนตัวจากเลข 6 ไปยังเลข 10 หมอกข้างนอกขึ้นหนาจนมองไม่เห็นคนที่เดินออกมา ความมืดครอบคลุมทั่วฟ้า นี่เป็นครั้ง3ที่คุณพ่อบ้านส่ายหน้าให้ฉินมั่ว “ยังไม่มีใครอยู่เลยครับ”

ฉินมั่วไม่พูดอะไร แต่คุณพ่อบ้านผมทองมองออกว่า ครั้งนี้คุณชายของเขาผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด หากจะบอกว่าเมื่อคืนคุณชายพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ วันนี้ดูจะหนักยิ่งกว่าเดิม

เวลาตีสอง ฉินมั่วลุกขึ้นมาโดยไม่บอกใคร สวมเสื้อขนเป็ดตัวดำเสร็จก็เดินไปยังบ้านตระกูลป๋อ เขาตัวเล็กก็จริงแต่ดูสง่า เริ่มจากกดกริ่งก่อน ทว่าไม่มีใคร วันนี้ไม่กลับมาเหรอ?

ฉินมั่วคิดเช่นนั้น จากนั้นจึงยื่นมือออกไปส่งตัวเองปีนกำแพง เขาได้นิสัยไม่ดีของเธอมาแล้ว

ฉินมั่วยืนที่ระเบียง มองผ่านหน้าต่างบานยาวระพื้นเข้าไปด้านใน ไม่เหมือนมีคนอยู่เลย เขาผลักหน้าต่างแต่ก็ไม่เปิด เขาสู้เสือน้อยในเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นประตูแบบไหน เธอล้วนแต่ไขได้ทั้งนั้น

เขาไม่ได้อะไรกลับมาเลย ได้แต่เดินกลับยังเส้นทางเดิมสามสิบสองชั่วโมงแล้วที่เขาไม่ได้เจอเธอ ไม่อยากจะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นเอาเสียเลย เขาสู้อุตส่าห์บินมาจากจีนเพื่อจะได้เจอกับยัยเสือน้อยเร็วขึ้น

ฉินมั่วหลุบตาลงนาน บอกตัวเองว่าให้รอก่อน เขาเป็นคนเลี้ยงเธอนะ ไม่ใช่ว่าเธอเลี้ยงเขา รอจนเธอกลับมาในวันพรุ่งนี้ เขาจะไปขอคืนดีกับเธอ เพราะหากคำนวณถึงความโง่ของยัยนั่นแล้ว อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธ และนี่คือความคิดของฉินมั่วในคืนนั้น

วันต่อมา เขาให้คนทำเสี่ยวหลงเปาตั้งแต่เช้า แล้วเตรียมข้าวของไปหา

ด้านคุณพ่อบ้านหนุ่มเห็นท่าทางคุณชายแล้ว ไม่อยากบอกเลยว่าไม่มีใครอยู่บ้านตระกูลป๋อ เขาเห็นรอยยิ้มที่ค่อยๆ หายไปจากใบหน้าเล็กๆ นั้น

คุณชายยืนหน้าประตูบ้านตระกูลป๋อ มือยังถือของไว้ แต่มุมปากกลับคว่ำ ทำให้คนรู้สึกถึงคำว่าอ้างว้าง ยังดีที่คุณชายไม่ได้ยืนนาน โดยหันหลังไปเดินยังเส้นทางอื่น

คุณพ่อบ้านหนุ่มถึงกับตะลึง รีบติดตามไป “คุณชายจะไปไหนครับ?” ต้องรู้นะว่าคุณชายเก่งเรื่องการจำเส้นทาง โดยเส้นทางข้างหน้าสายหนึ่งตรงไปบ้านตัวเอง ส่วนอีกสายเป็นเส้นทางไปบ้านตระกูลป๋อ นอกจากจะพาคุณหนูจิ่วไปเดินเล่นหลังกินข้าวแล้วก็ไม่เคยไปที่ไหนอีกแล้ว แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น?

ฉินมั่วไม่พูด เขาที่สวมเสื้อขนเป็ดตัวดำ ทำให้คนรู้สึกเหมือนได้เห็นเจ้าชายน้อย คุณพ่อบ้านมองดูร่างนั่นโดยไม่กล้าถามซ้ำ เดี๋ยว นั่นเป็นทางไปบ้านคุณวิลเลี่ยมจูเนียร์นี่นา? เพิ่งจะนึกได้เช่นนี้ คุณชายก็กดกริ่งเสียแล้ว

เช้าวันนั้น เด็กชายวิลเลี่ยมกำลังกอดหมอนข้างรูปไอ้แมงมุม ฝันว่าตัวเองกำลังกู้โลกอยู่ เอาเป็นว่ากำลังนอนหลับฝันหวานก็แล้วกัน เพราะเวลานี้ยังเช้าอยู่ นาฬิกาปลุกยังไม่ทำงาน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกคนกระชากลงจากเตียง

ใคร? ใครวะ ที่ไม่มีมารยาทเลย มารบกวนฝันอันแสนหวานของเขา

เด็กชายวิลเลี่ยมตัวโตลืมตาขึ้น อยากจะอาละวาดด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นใบหน้าสวยตรงหน้าก็อึ้งไปเลย แม่จ๋า! ทำไมไอ้ปีศาจจากเอเชียเจ้าแผนการถึงได้มาอยู่ข้างเตียงเขาเนี่ย!

……………………………………

 ตอนที่ 1908

เธอแค่โกรธเขา

วิลเลี่ยมจูเนียร์กลืนน้ำลาย พยายามวางมาดเต็มที่ “นายมาที่บ้านฉันทำไม?”

ฉินมั่วเหลือบมองแวบหนึ่ง ก่อนจะผลักอีกฝ่าย ในระหว่างที่วิลเลี่ยมจูเนียร์ยังไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายไม่พูด คุณปู่ก็เดินเข้ามา มองทั้งสองพลางอมยิ้ม “วิลเลี่ยมไม่เคยตื่นเช้าแบบนี้มาก่อน ฉินเก่งจริงๆ”

วิลเลี่ยมจูเนียร์นั่งมองเจ้าปีศาจนั่นทำความเคารพตามมารยาทอย่างถ่อมตัว แล้วที่เมื่อกี้กระชากคอเสื้อเขาอย่างโหดล่ะ เจ้าปีศาจจากเอเชียนี่ช่างเสแสร้งเก่งมาก! วิลเลี่ยมจูเนียร์ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ได้แต่ทึ้งผมตัวเองแล้วยืนขึ้นมา

พอคุณปู่เดินออกไป เจ้าปีศาจนั่นก็เผยโฉมหน้าแท้จริงออกมา ไม่เพียงแต่จะพูดด้วยเสียงเข้ม กระทั่งสีหน้ายังแข็งกระด้างอย่างกับมีคนค้างหนี้ “จิ่วอยู่ที่ไหน?”

“นายมาถามฉันทำไม?” วิลเลี่ยมจูเนียร์น่าเวทนาเหลือเกิน “ตั้งแต่นายมาที่นี่ จิ่วก็ไม่มาเล่นกับฉันอีกแล้ว ถึงเมื่อก่อนเขาจะไม่ค่อยเล่นกับฉันสักเท่าไร นายไม่รู้ตัวอีกจริงเหรอว่าตัวเองใช้เล่ห์กลอะไร?”

ฉินมั่วจ้องอีกฝ่ายพลางเอ่ยเสียงเรียบ “การไม่ให้จิ่วมาเล่นกับนาย ถือว่าเป็นเล่ห์กลงั้นเหรอ?”

 วิลเลี่ยมจูเนียร์…นายเล่นพูดโต้งๆ ออกมาแบบนี้ ไม่อายหรือไง?

“ฉันขอถามนายอีกครั้ง จิ่วอยู่ที่ไหน?” ฉินมั่วย้ำอีกครั้งอย่างเหี้ยม ทำให้คนตัวโตอย่างวิลเลี่ยมจูเนียร์ต้องขยี้ผมแดงๆ ของตัวเอง “ฉิน ลูกพี่ ฉันไม่รู้จริงๆ”

ฉินมั่วเริ่มจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ราวกับนึกอะไรออก “ทำไมคุณอาป๋อถึงให้จิ่วมานอนที่บ้านนาย?” บ้านตระกูลป๋อติดตั้งระบบป้องกันไว้ด้านนอกมากมาย แถมยัยเสือน้อยยังเคยให้เขาดูการติดตั้งด้วย มันปลอดภัยมาก

วิลเลี่ยมจูเนียร์ทึ้งผมตัวเอง “เจ้าพ่อฉิน นายจะถามฉัน ก็ควรให้ฉันใส่กางเกงก่อนสิ”

ฉินมั่วเลิกคิ้ว ส่งผลให้วิลเลี่ยมจูเนียร์ได้แต่ยักไหล่ จมูกยังแดงอยู่ “เอาเหอะ ฉันไม่ใส่ก็ได้ คำถามสำคัญกว่า ว่าแต่ทำไมนายถึงมาถามฉันล่ะ ฉันไม่รู้เรื่องนี้หรอก คุณอาป๋อบอกแด็ดดี้ว่าช่วงนี้เขายุ่งมาก ดูแลจิ่วไม่ไหว อยากให้แด็ดดี้ฉันช่วยหน่อย ถ้าจะให้ดีก็พาจิ่วไปกองถ่ายหนังด้วย อย่าเอาแต่อยู่ที่เดิม แต่พอนายพูดแบบนี้ฉันก็ยิ่งแปลกใจ เมื่อก่อนถึงคุณอาป๋อจะยุ่งแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยทำแบบนี้”

ฉินมั่วได้ยินมาถึงตรงนี้ มือถึงกับสะดุด รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี สังหรณ์ใจแบบนี้ติดตัวมาแต่เกิด มันรุนแรงมาก แถมยังวูบโหวงอย่างบรรยายไม่ออก เขาไม่อาจอยู่บ้านวิลเลี่ยมจูเนียร์ต่อไปแล้ว รู้ดีว่าถึงถามต่อไปก็ไม่ได้ความแต่อย่างใด

ทว่าวิลเลี่ยมจูเนียร์กลับมีเครื่องหมายคำถามเต็มหน้า? อะไรกัน? เจ้าปีศาจทำเหมือนใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ส่วนคุณพ่อบ้านที่อยู่ด้านล่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นเพียงคุณชายเดินลงมาในสภาพเหมือนโดนสูบวิญญาณออกไป สีหน้าดูหมองหม่น

หมองหม่น? เขาไม่แน่ใจว่าใช้คำนี้จะถูกหรือไม่

ทั้งสองกลับบ้านตระกูลอานอีกครั้ง ฉินมั่วมองดูขนมตรุษจีนที่ซื้อมาเป็นกอง เขาจะรอ รอให้เธอกลับมา เมื่อวานเธอไม่อยู่บ้าน วันนี้ตอนค่ำก็ต้องอยู่ อย่าคิดมาก บ้านตระกูลป๋อยังอยู่ที่นี่ เขาก็อยู่ที่นี่ นอกจากที่นี่แล้ว ยัยเสือน้อยจะไปไหนได้ เขาจะรอเธอ เพราะเดี๋ยวยัยเสือน้อยกลับแล้วไม่เจอเขา จะต้องซึมคอตกและเงียบแน่

ฉินมั่วบอกตัวเองว่าจะใจร้อนไม่ได้ อย่าคิดมากแล้วทุกอย่างจะดีเอง เธอแค่โกรธเขาเท่านั้น…

……………………………….

ตอนที่ 1905-4

รุ่งเช้าที่มีหมอกคอบครองบนฟ้า ยัยเสือน้อยยืนหูตั้งที่กล่องจดหมาย มองดูประตู “คุณตาขา คุณตาว่าเจ้าหญิงน้อยจะตอบจดหมายหนูไหมคะ?

“ต้องสิครับ” นายน้อยของเขาน่ารักขนาดนี้ ใครจะใจแข็งไม่ยอมตอบจดหมายเธอ

ยัยเสือน้อยอาลัยอาวรณ์ หลังจากที่ขึ้นรถก็พิงศีรษะที่หน้าต่างหันหลังมอง เธอคิดอยู่หลายครั้งว่า หากเธอกับเจ้าหญิงน้อยไม่ได้ทะเลาะกันในครั้งนั้นก็คงดี หลังจากทะเลาะกัน วันต่อมาก็ไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะขอโทษ นี่แหละคือเรื่องที่น่าเสียดายที่สุด เธออยากกอดเขาอีกครั้ง

จนกระทั่งเมื่อมาถึงปราสาท เธอยังเคยฝันว่าเขาอุ้มเธอนั่งบนเก้าอี้และแปรงฟันให้เธอ จำกัดจำนวนลูกอมที่เธอกิน เพราะกลัวว่าเธอจะเจ็บฟัน เมื่อเธอฟันหลุด เวลายิ้มทีกลายเป็นเสือน้อยฟันหลอ เขาก็ไม่เคยรังเกียจ แถมยังหาอะไรให้เธอกัดอีกต่างหาก

ทั้งหมดนี้มลายหายไปเมื่อฟ้าสาง วันนี้ในเวลาเก้าโมงเช้า ยัยเสือน้อยจึงเห็นพ่อกลับมาที่ปราสาท ทว่ามีพ่อเพียงคนเดียว ไม่เห็นเงาของคนเป็นแม่ เหลือแค่พ่อที่บอกว่าจะรับแม่กลับมาเท่านั้น เวลานั้น ยัยเสือน้อยยังไร้เดียงสา คิดว่าแม่เธอยุ่งมากเหมือนเวลาปกติ จึงไม่ได้กลับมากับพ่อ

เลือดไหลท่วมมือคนเป็นพ่อ เขายันมอเตอร์ไซด์ไว้บนพื้น เสื้อกันลมตัวดำถูกลมพัดจนเกิดเสียง เมื่อถอดหมวกกันน็อคออกมา สภาพเขาดูอ่อนล้าและโหดเหี้ยมชนิดที่บรรยายไม่ถูก

คุณพ่อบ้านกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นนายใหญ่ แววตาก็เปล่งประกายออกมาต่างไปจากปกติ ส่วนยัยเสือน้อยกอดคีย์บอร์ดพลางร้องเรียก “พ่อจ๋า”

คุณป๋อจึงได้สติกลับมา ใบหน้าเปื้อนเลือด ร่างสูงนั่นคุกเข่าลงพื้นข้างหนึ่ง ก่อนจะซบหน้าที่ไหล่ลูกสาว เอ่ยเสียงแหบแห้ง “ท่านจิ่ว ขอโทษนะลูก ครั้งนี้พ่อคงทำตามสัญญาไม่ได้แล้ว”

ทำตามสัญญาไม่ได้แปลว่าอะไร? ยัยเสือน้อยไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องร้องไห้ด้วย คงเพราะเธอรู้สึกว่าพ่อกำลังตัวสั่น มันประหลาดมาก ยัยเสือน้อยไม่ได้ถามว่าแม่ไปไหน เธอไม่กล้าถาม เพราะกลัวนิดๆ

ไม่ ไม่นิดหน่อย กลัวมากเลยทีเดียว

เธอกอดคีย์บอร์ดไว้ในอ้อมแขน ปล่อยให้พ่อจูงเธอเดินไปยังที่ที่หนึ่ง เธอเห็นคนมากมาย และเห็นพ่อยิ้มอย่างเย็นชา “ส่งพวกเขาไปยังที่ที่พวกเขาควรจะไป”

มันเป็นความแค้น ความแค้นที่ยากจะสูญสลายได้ และในเวลานี้นี่เอง ยัยเสือน้อยเข้าใจหลักการหนึ่ง และเกลียดคนประเภทหนึ่ง อย่าเอาแต่ยืนอยู่บนหลักการแห่งคุณธรรมสูงสุดแล้วร้องเรียกให้คนเขาให้อภัย หากไม่โดนเอง ย่อมไม่เข้าใจว่าคนที่โดนทำร้ายผ่านอะไรมาบ้าง จงหุบปากเสียเถอะ การทำลายครอบครับคนอื่นหรือแย่งของคนอื่นไป ถือว่าเป็นสิ่งมีเหตุผลตั้งแต่เมื่อไร? คนที่เอาของของเธอไป เธอจะไม่มีวันให้อภัย พวกที่เอาของของคนอื่นไป ยังจะแสร้งทำตัวน่าสงสารหรือไม่ก็เอาแต่ใส่ร้ายคนไปทั่ว คิดเหรอว่าพวกนั้นจะรู้สึกว่าตัวเองผิด?

ไม่ พวกมันแค่กลัวว่าภาพลักษณ์จะเสีย แถมยังพูดเรื่องที่ตัวเองทำได้อย่างยิ้มร่า

สวรรค์ต้องสนองกรรมคืนคนทำ ในเมื่อสวรรค์ไม่ช่วยเธอ เธอก็จะจัดการเอง!

………………………………………………………

ตอนที่ 1906

ฉินมั่วรอให้เธอมาหาเขา

เวลานั้นฉินมั่วที่นั่งบนโต๊ะอาหารในบ้านตระกูลอานยังไม่รู้ว่ายัยเสือน้อยซึ่งเขาเลี้ยงดูผ่านอะไรมาบ้าง เพียงแค่เงยหน้ามองดูนาฬิกาติดผนังเป็นครั้งที่สาม ยังไม่ได้แตะโจ๊กไข่เยี่ยวม้าสักนิด คุณพ่อบ้านจึงกลายเป็นฝ่ายร้อนรนเสียเอง เพราะท่านประธานอานสั่งไว้ว่า สองวันนี้ให้เขาดูแลคุณชายให้ดี ที่นี่นอกจากพ่อครัวแล้ว ก็มีแค่เขาเท่านั้น ทำไมคุณชายไม่กินอาหารล่ะ

คุณพ่อบ้านผมทองพอจะรู้ถึงสาเหตุที่คุณชายไม่อยากอาหาร จึงเอ่ยเสนอเป็นภาษาอังกฤษ “พวกเราไปรับคุณหนูจิ่วที่บ้านตระกูลป๋อไหมครับ เพราะคุณป๋อเองก็ไม่ชอบทำอาหารเช้า”

ฉินมั่วหันมามองคุณพ่อบ้าน เอ่ยเสียงกระด้าง “แล้วมันเกี่ยวกับผมตรงไหน?”

คุณพ่อบ้านผมทองสะอึก ไม่รู้ควรจะพูดอย่างไรดี เดิมที่คิดว่าเรื่องนี้จะจบแล้ว แต่ผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กน้อยก็ลุกขึ้นมาเหมือนไม่ร้อนใจ “คุณไปเอาขนมที่ผมขนมาจากเมืองจีน แล้วก็โจ๊กไข่เยี่ยวม้าไปให้เขาด้วย”

คุณพ่อบ้านอยากพูดเหลือเกินว่า ไหนบอกว่าไม่เกี่ยวกับคุณ สุดท้ายแล้วก็สั่งผมให้เอาไปให้อยู่ดี

ฉินมั่วคิดว่า ต่อให้ยัยเสือน้อยจะไม่ว่านอนสอนง่ายอย่างไร ก็จะปล่อยให้เธอหิวไม่ได้ การเลี้ยงเด็กต้องเป็นแบบนี้แหละ พอสั่งคุณพ่อบ้านให้เอาไปให้ เขาจึงเดินเข้าห้องรับแขก หยิบหนังสือมาแต่อ่านไม่ลง จนเมื่อคุณพ่อบ้านกลับมา เขาจึงเงยหน้าขึ้น “เขาว่ายังไงบ้าง?”

คุณพ่อบ้านอึกอักในลำคอ ก่อนจะวางของทั้งหมดลงตรงหน้า ฉินมั่วก้มมอง มันล้วนแต่เป็นของที่เขาสั่งให้ไปส่งบ้านนั้น ซึ่งยังสมบูรณ์หมดจดดังเดิม คิ้วของเด็กน้อยค่อยๆ ขมวดขึ้น คุณพ่อบ้านเห็นใบหน้าของนายตัวเองเย็นชาขึ้นมา รีบพูดทันที “ไม่ใช่ว่าคุณหนูจิ่วไม่รับนะครับ แต่ที่บ้านนั้นไม่มีคนเลย”

ไม่มีคน เช้าอย่างนี้เนี่ยนะ?

ฉินมั่วตอบเพียง “รู้แล้ว” สายตาจับจ้องที่ของเหล่านั้น แม้จะเป็นขนมบรรจุกล่อง แต่ก็มีวันหมดอายุ ขนมนั้นเขาหาร้านดีๆ ทำให้ แถมยังต้องนั่งเครื่องบินมาหลายชั่วโมง เด็กชายหลุบตาลง ยังเหลืออีกสองวัน ช่างเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ค่อยเอาไปให้อีก

ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ฉินมั่วทำอะไรไม่ลงตลอดทั้งวัน ท่าทางเหมือนกำลังอ่านหนังสือ แต่ผ่านไปตั้งนาน กลับไม่พลิกหน้ากระดาษสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องกินข้าว ทางด้านคุณพ่อบ้านเห็นสเต๊กเนื้อที่ไม่ได้รับการแตะต้องแล้วก็เดินวุ่น แต่บ้านตระกูลอานไม่มีใครอีกเลยจริงๆ จนล่วงเลยมาถึงยามพลบค่ำ คุณชายของพวกเขาถึงค่อยมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย โดยลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะเอาของเหล่านั้นใส่ถุงอีกครั้ง “คุณไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง”

“ครับ” คุณพ่อบ้านรับคำทันที เขาออกไปไม่ถึงสองนาทีก็กลับมา ฉินมั่วเห็นของในมืออีกฝ่าย แววตาก็หนักอึ้ง “ยังไม่มีคนอยู่อีกเหรอ?”

“วันนี้คุณป๋อน่าจะกลับดึกล่ะครับ คงพาคุณหนูจิ่วไปเที่ยว เดี๋ยวผมเอาไปให้ตอนสี่ทุ่มดีกว่า” คุณพ่อบ้านผมทองช่างใสซื่อ ส่วนฉินมั่วพยักหน้า นั่งลงที่โต๊ะอาหาร กำลังจะดึงผ้ากันเปื้อนออกมา แต่พลันคิดอะไรขึ้นมาได้ก็วางลง เขาไม่ได้เจอยัยเสือน้อยมายี่สิบชั่วโมงแล้ว เธอไปกับคุณอาป๋อ คุณอาป๋อจะพาเธอไปกินอะไรนะ ขอแค่ไม่ใช่พวกอาหารขยะเป็นพอ ครั้งที่แล้วที่เธอไปกิน ท้องเธออืดจนเขาต้องช่วยนวดให้ตั้งนาน ถึงจะสบายตัวขึ้นจนนอนได้ เวลานี้ฉินมั่วคิดเยอะมาก รอให้ดึกกว่านี้สักหน่อย ถึงเวลานั้นยัยเสือน้อยจะต้องมาหาเขาแน่…

……………………………………….

ตอนที่ 1905-2

“ฉันจะรีบกลับมาทำไม” เมื่อความคิดดังกล่าวโผล่ออกมา เขาก็คิดไม่หยุด บางเรื่องพวกเราหวังจะให้มันพัฒนาต่อไป ทว่าโลกเรามักไม่มีความแน่นอน ทุกเรื่องราวล้วนไม่อาจบังคับได้ เป็นครั้งแรกที่ฉินมั่วตัวน้อยรู้จักคำว่านอนไม่หลับ แต่ด้วยทางบ้านกวดขันเรื่องมารยาท ทำให้เขาไม่อาจพลิกไปพลิกมา นอกจากเบิกตาจ้องมองข้างตัว

ยัยเสือน้อยชอบไม่เหมือนกับเขา เขาชอบยึดครองไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่เธอไม่ใช่ หากเป็นเช่นนั้น ทุกอย่างก็ไร้ความหมาย ทั้งๆ ที่เขาทำทุกอย่างตามปกติวิสัย แค่อยากเลี้ยงยัยเสือน้อยมากไป ไม่ใช่นิสัยเอาแต่ใจสักนิด ในเมื่อยัยนั่นยังเด็ก ไม่เข้าใจถึงความแตกต่าง งั้นเขาจะค่อยๆ สอนเธอเอง

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินมั่วตัดสินใจที่จะเย็นชากับยัยเสือน้อยสักหน่อย เพราะเธอชอบไม่เชื่อฟังเขา

แน่นอน หากวันพรุ่งนี้ยัยนั่นมาง้อเขา เขาก็จะไม่แข็งกระด้างต่อเธอแล้วจะไม่พาลโกรธต่อด้วย แม้ว่าเขาจะโกรธจนไร้สติเมื่อได้ยินในสิ่งที่วิลเลี่ยมจูเนียร์พูด แต่หากยัยเสือน้อยเป็นคนมาขอคืนดีกับเขาเอง เขาจะยอมจบเรื่อง

ท้องฟ้ามืดสนิทยิ่งขึ้น คงเพราะตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าบางเรื่องหากลงมือไม่ทันกาล อาจต้องเสียใจตลอดกาล

ไม่รู้ว่าหมอกขึ้นกลางฟ้าตั้งแต่เมื่อไร กระเป๋าเดินทางที่คุณป๋อติดมือมาส่งเสียงเตือน ทำให้เขาที่นอนหลับไม่สนิทลืมตาโดยพลัน  เพราะกระเป๋าใบนี้ติดระบบติดตามตัว เมื่อจับเป้าหมายได้จะส่งเสียงดัง เขาไม่ปล่อยให้เสียเวลา กระเป๋าใบนั้นถูกปลดล็อค หน้าจอโผล่ออกมา มีสิ่งที่คล้ายคีย์บอร์ดอยู่ด้านล่าง นิ้วเรียวขาวเคาะบนนั้นเล็กน้อย หน้าจอที่ปกติเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นแผนที่ที่มีเส้นทางชัดเจน

หลังจากที่กดปุ่มขยาย หน้าหล่อเหลือร้ายของคุณป๋อก็ซีดเผือดทันที

คุณป๋อที่คุมสถานการณ์ได้ทุกอย่างกลับสิ้นสภาพเอ้อระเหยลอยชาย เขาหยิบกระเป๋าพุ่งออกไปนอกประตูโดยไม่สวมกระทั่งเสื้อโค้ท

ส่วนยัยเสือน้อยที่ได้ยินเสียงดังเดินงัวเงียมาหา พลางขยี้ตาถามพ่อ “พ่อจะไปไหน?” ใช่ว่าพ่อจะไม่เคยออกไปตอนกลางคืน แต่ท่าทีเร่งรีบแบบนี้ กระทั่งแผ่นหลังยังฉายรังสีบางอย่าง นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เมื่อได้ยินเสียงลูกสาว ร่างสูงนั่นก็ชะงัก ก่อนจะหันมา ละมือข้างหนึ่งมาลูบศีรษะลูก “พ่อไปรับมาดามป๋อจ้ะ”

“แม่เหรอ?” ยัยเสือน้อยรู้ว่าแม่ไปทำงานที่ต่างเมือง บอกว่าไปหลายวันถึงจะกลับมา แต่ถ้าได้กลับมาก่อนก็ถือว่าดีไม่น้อย เวลาแม่อยู่ด้วย พ่อจะได้เก็บเขี้ยวเล็บหน่อย แถมเวลาที่แม่อยู่ข้างตัวพ่อ พ่อก็จะได้ไม่ไปทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย

ป๋อจิ่วตัวน้อยยังจำวันนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะวันนั้นตระกูลป๋อเกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน อากาศข้างนอกหนาวเหลือเกิน ทว่าคุณป๋อกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เขาบึ่งมอเตอร์ไซด์ออกไปโดยไม่มีอะไรป้องกัน เสี้ยวหน้าของเขายังคงไม่หลุดอารมณ์ออกมา แววตาเหมือนโดนความมืดมิดหล่อหลอมเอาไว้ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนพวกนั้นจะโผล่หน้ามาในเมืองที่มาดามป๋อไปทำงาน บังเอิญเกินไปหรือเปล่า มันไม่น่าจะบังเอิญอย่างนี้!

ทางด้านคุณพ่อบ้านได้รับสายจากเจ้านายก็เมื่อตอนรุ่งอรุณในวันต่อมา เขาไม่เคยได้ยินเสียงเจ้านายเย็นเยือกเช่นนี้ ชนิดที่ไร้ความรู้สึกเลยทีเดียว “มารับจิ่วไปอยู่ที่ปราสาทด้วย”

 ………………………………………….

ตอนที่ 1905-3

“แล้วคุณผู้หญิงล่ะครับ…” คุณตาพ่อบ้านทราบดีว่ามาดามป๋อเดินทางไปทำงานที่ต่างเมืองชั่วคราว นายใหญ่เคยพูดว่าจะหลอกมาดามป๋อให้ไปอยู่ปราสาทด้วยกัน ทั้งยังแต่งบทละครทำนองว่า ตัวเองบังเอิญได้มรดกจากคุณตาของคุณตาของคุณตา…อีกที แล้วให้คุณพ่อบ้านปลอมตัวเป็นทนายความ แล้วทำไมวันนี้ถึงได้เปลี่ยนความคิดเสียล่ะ?

คุณป๋อยืนที่หัวมุมถนน ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยรถ ทว่าท้องฟ้ายังไม่สวาง แต่ดวงไฟกลับโชติช่วงทั่วท้องถนน และในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้ ชายชาวเอเชียแสนลึกลับถือกระเป๋าเดินทางเข้าสู่เขตสีเทาอันเลื่องชื่อ เสื้อกันลมตัวดำทำให้เขาเหมือนผู้ที่คลานออกจากนรกมาแก้แค้น ใบหน้าเขางามสง่าระคนเย็นชา “แล้วฉันจะพาเขากลับไป”

คุณพ่อบ้านรู้สึกถึงความผิดปกติ แต่สิ่งที่สำคัญในเวลานี้คือต้องจัดการภารกิจที่นายใหญ่สั่งไว้ ไอหมอกยังครอบคลุมท้องฟ้า

หลังจากที่คุณป๋อออกจากบ้านไป ยัยเสือน้อยขดตัวนอนที่โซฟา รอจนเมื่อได้ยินเสียงด้านล่าง เธอหูตั้ง ก่อนจะหยิบคีย์บอร์ดตัวน้อยที่วางด้านข้างขึ้นมา

เดิมคิดว่ามีขโมยลอบเข้ามา เธอคิดจะใช้ค่ายกลที่วางเอาไว้ ก็ข้างนอกยังไม่สว่างเลยนี่นา ไม่คิดว่าหลังจากที่เดินลงชั้นล่างมา จะได้พบกับคุณตาพ่อบ้าน เธอจึงส่ายหางเล็กน้อย ใบหน้างุนงง “คุณตามาที่นี่ได้ยังไงคะ?”

“นายน้อย” คุณตาเดินไปหาด้วยท่าทีผู้ดีอังกฤษ “เกิดเรื่องฉุกเฉินครับ ผมต้องรีบพาตัวนายน้อยไปจากที่นี่”

ยัยเสือน้อยตาสว่างเลยทีเดียว “ตอนนี้เลยเหรอคะ?”

“ตอนนี้ครับ” คุณพ่อบ้านมองรอบๆ “นายน้อยเอาเสื้อตัวเองไปตัวสองตัวก็พอ ไม่ต้องเอามาก เรามีทุกอย่างที่ปราสาทพร้อมแล้ว ผมขอไปจัดการของที่ห้องใต้ดินซักหน่อย”

ยัยเสือน้อยเห็นคุณตาพ่อบ้านลงไปด้านล่าง ในของอื่นๆ ห้องไม่ถูกแตะ เว้นแต่เสื้อผ้าที่คุณตาใช้วิธีพิเศษเผาหมด

ยัยเสือน้อยเอาของติดตัวไปน้อยมาก เธอกอดคีย์บอร์ดและรูปที่วางในห้องนอนไว้ในอ้อมแขน ซึ่งเป็นรูปที่คุณตาอานถ่ายให้เธอกับมั่วมั่ว แม้ว่าตอนนั้นหน้าของมั่วมั่วจะไม่ชัด เห็นแต่มือที่ยื่นออกไปเพื่อรับเธอ ทว่ายัยเสือน้อยถือเป็นสมบัติล้ำค่า เธอกอดไว้ในมือแล้วหันไปมองบ้านตระกูลอาน ด้วยอยากเดินทางออกไปตอนท้องฟ้าสว่าง จะได้บอกมั่วมั่วว่าเธอจะไปไหน

คุณตาพ่อบ้านเดาความคิดนายน้อยของตนออก เอ่ยเสียงเบาว่า “นายน้อยครับ เราไม่สะดวกจะให้คนรู้ว่าจะไปไหนนะครับ รอให้ตั้งตัวติด นายใหญ่จะหาทางให้คุณติดต่อบ้านตระกูลอานเองล่ะครับ”

ยัยเสือน้อยส่างหาง คิดครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูด “คุณตาขา คุณตามีกระดาษกับปากกาไหมคะ” คุณตามักใจอ่อนกับนายน้อยเสมอ รู้ว่าเธออยากทำอะไร แต่ไม่ได้ห้าม คุณตามองดูนายน้อยที่ก้มลงเขียนตัวอักษรที่ไม่ถนัด ในจดหมายมีทั้งภาษาอังกฤษและจีน ตัวอักษรยังไม่สวย หากคนที่ไม่รู้จักนายน้อยดี จะไม่เข้าใจว่าเธอต้องการเขียนอะไร เพราะเธอเขียนภาษาจีนไม่เป็น ได้แต่ใช้การวาดภาพแสดงความหมาย

คุณพ่อบ้านเห็นแค่ “ต่อไปฉันจะไม่ซนแล้ว มั่วมั่วอย่าโกรธต่อไปเลย ฉันจะขยันหาเงิน ต่อไปจะมาซื้อเธอนะ” เธอเขียนเงอะงะ แล้วเอาจดหมายกับแฟลชไดร์ฟวางไว้ในกล่องจดหมาย

 …………………………………………..

ตอนที่ 1904-3

เด็กสองคนเจอกันแล้ว

ฉินมั่วได้ยินแล้วไม่พูดอะไร ขึ้นไปชั้นบนต่อ ส่วนคุณพ่อบ้านหนุ่มมองดูเหตุการณ์ด้วยความตะลึงงัน เพราะเขาไม่เคยเห็นเด็กน้อยทั้งสองทะเลาะกันมาก่อน ต้องรู้นะว่าทั้งสองดีต่อกันมาก พลอยทำให้คนคิดว่าเป็นพี่น้องแท้ๆ ด้วยคุณชายมักจะตามใจคุณหนูจิ่วเสมอมา ทำให้ไม่ว่าคุณหนูจิ่วทำอะไร เขาก็ไม่เคยโกรธ อย่างมากแค่ขมวดคิ้ว แล้วหลุบตาจัดเก็บข้าวของให้เธอ ส่วนคุณหนูจิ่วที่นอกจากจะหาของนั่นของนี่มาฝากคุณชายแล้ว ยังมักจะระวังความรู้สึกของคุณชายมาก ฉะนั้นเธอมักจะยกของจำพวกน้ำและผลไม้มาให้เขาเสมอ

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองทะเลาะกัน คุณพ่อบ้านอยากจะพูดสักอย่างออกมา แต่มันไม่เข้าหูคุณหนูจิ่วแล้ว เธอยืนนิ่งอย่างไม่ดื้อ ศีรษะเล็กๆ ก้มงุด ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็อุ้มคีย์บอร์ดวิ่งออกนอกบ้านไปอย่างห่อเหี่ยว เธอเคยคิดเหมือนกันว่า ตัวเองเริงร่ามากเกินไปหรือเปล่า แต่เธอคิดว่าเขาชอบ ไม่งั้นเขาคงไม่ปล่อยให้เธอซนมหากาฬหรอก เธอรู้ดีว่าตัวเองซน แต่ถูกเขาดูแลมานาน จู่ๆ จะมาบอกว่าไม่สนเธอแล้วก็จะไม่สนงั้นเหรอ ทำไมถึงไม่มีสัจจะแบบนี้

ยัยเสือน้อยทุ่มคีย์บอร์ดด้วยความโมโห คิดว่าจะไม่เอาแล้ว แต่พอทุ่มเสร็จก็นึกถึงตอนที่เขาแกะมันออกมาแล้วประกอบเข้าไปใหม่ จึงวิ่งกลับไปหยิบคีย์บอรด์จากพื้น

คุณป๋อที่เห็นภาพดังกล่าว ยันมอเตอร์ไซด์เอาไว้ ก่อนจะดันหมวกกันน็อคขึ้นเหนือศีรษะตัวเอง พลางผิวปากอย่างเท่ระคนเอื่อยเฉื่อย “ใครทำให้ท่านจิ่วโกรธเนี่ย”

“ต่อไปหนูจะไม่เล่นกับเจ้าหญิงน้อยแล้ว เขาไม่ชอบหนูสักนิด” ยัยเสือน้อยอุ้มคีย์บอร์ดตัวเอง เม้มปากแน่น แต่คุณป๋อยังไม่ทันได้พูดอะไร ยัยเสือน้อยก็พูดต่อ “พ่อ หนูลักพาตัวเจ้าหญิงน้อยไปด้วยดีไหม ยังไงเขาก็ไม่มีวันชอบหนู พอเอาเขาไป นานวันเข้าก็อาจใจอ่อนได้”

คุณป๋อเอียงหมวกกันน็อค แล้วเคาะที่ศีรษะลูกตัวเอง “นี่หนูจะให้พ่อถูกประกาศจับทั่วโลกใช่ไหม ข้อหาลักพาตัวเจ้าหญิงน้อยของหนูเนี่ย”

“งั้นจะทำยังไงดีล่ะ เฮ้อ หงุดหงิดจริงๆ” ยัยเสือน้อยหันหน้าเอาเอ่ยเสียงต่ำ “หนูไม่ได้เจอมั่วมั่วมานานแล้ว แต่เขาหาว่าหนูไม่เป็นกุลสตรี ไม่ควรเอาแต่กระโจนใส่คนอื่น”

คุณป๋อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจของลูกสาวจนชิน เริ่มจะเห็นด้วย เสียงก็เรียบเรื่อย เจ้าตัวสวมแจ็กเก็ตที่เข้ากับกางเกงยีนส์มาก “หนูก็ไม่ควรรุกก่อนจริงๆ แหละ คนอย่างเจ้าเด็กหน้าน้ำแข็งนั่น มันน่า…นักเชียว”

“ห้ามพ่อว่ามั่วมั่วเสียๆ หายๆ นะ” ยัยเสือน้อยออกจะปกป้องคนของตัวเอง “ถ้าจะว่า หนูต้องเป็นคนว่าเอง”

คุณป๋อ…นี่ลูกสาวแท้ๆ ของเขาหรือเปล่า?

“เอาล่ะ ท่านจิ่วของพ่อ มีเรื่องอะไรเราค่อยคุยกันวันพรุ่งนี้นะ” คุณป๋อยื่นมือไปอุ้มลูกสาวขึ้นมาขี่บนคอ “กลับบ้านไปนอนดีกว่า”

ยัยเสือน้อยรับคำ และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงดึงเส้นผมพ่อตัวเอง แล้วควักฮู้ป้องกันภัยอีกอันออกมา “พ่อ”

คุณป๋อ “พ่อไม่อยากฟังลูกชมเจ้าหญิงน้อยอีกแล้ว”

ยัยเสือน้อย “…”

………………………………………

ตอนที่ 1905-1

ยัยเสือน้อยเบิกตากว้าง ท่าทางจริงจังหนักแน่น “หนูชมเจ้าหญิงน้อยเพราะเขาเก่งมาก เช่นเรื่องที่พ่อไม่รู้แต่เขารู้ แม่บอกว่าเขาดูเป็นนักวิชาการ ไม่เหมือนพ่อที่เสแสร้งยังไงก็ทำไม่ได้ เขาไม่ใช่แค่ป้อนข้าวหนูนะ ก่อนนอนก็เล่านิทานให้ฟัง สอนหนูเขียนพู่กันจีนด้วย ขนาดพ่อยังเขียนไม่เป็นเลย”

คุณป๋อจอดมอเตอร์ไซด์ทิ้งไว้ในบ้านที่ล้อมด้วยรั้วขาว ดูไม่เป็นระเบียบเหมือนผู้ใหญ่ “ท่านจิ่ว เกินไปแล้วนะ อะไรที่เรียกว่าเสแสร้ง พ่อเป็นนักเรียนป.เอกเชียวนะ เข้าใจปะ?”

“ก็จ่ายเงินซื้อมา” ยัยเสือน้อยนั่งบนคอพ่อ จับผมพ่อพลางเอียงคอหลุบตามอง “พ่อไม่ต้องพูดเรื่องนี้นะ หนูต้องรักษาหน้าอยู่ เพราะแม่ชอบบอกว่าหนูเหมือนพ่อ”

คุณป๋ออ้าปากหาว มุมปากแฝงความเจ้าเล่ห์ “เหมือนพ่อไม่ดีหรือไง? เจ้าเด็กฉินหน้าน้ำแข็งนั่นคงปีนกำแพงไม่เป็น น่าเบื่อจะตาย”

ยัยเสือน้อยกะพริบตา “มั่วมั่วไม่ทำเรื่องแบบปีนกำแพงหรอก”

“เหรอ” คุณป๋อกดนาฬิกาเรือนดำบนข้อมือ จึงเห็นภาพเด็กหน้าน้ำแข็งปีนกำแพง

บ้านตระกูลป๋อติดกล้องวงจรปิดไว้ด้านหน้า เป็นเหตุให้คุณป๋อออกไปปฏิบัติงานข้างนอกได้อย่างไว้วางใจ เพราะมีสามารถตรวจดูสถานการณ์ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

ยัยเสือน้อยเห็นภาพแล้ว แอบคิดในใจว่าต่อไปจะห้ามไม่ให้เจ้าหญิงน้อยปีนกำแพงอีกแล้ว เพราะมันอันตรายเกินไป

ทว่าเมื่อถูกคนเป็นพ่อขัดจังหวะ เธอจึงลืมส่งฮู้ให้พ่อ ยังที่ตอนเปลี่ยนชุดนอน เธอจึงนึกขึ้นได้ รีบวิ่งไปยังห้องข้างๆ

คุณฟู่กำลังนอนขวางอยู่บนโซฟา ยัยเสือน้อยรู้ดีถึงนิสัยของพ่อ เวลาแม่ไม่อยู่พ่อก็ชอบนอนแบบนี้ เหมือนเสือดาวที่เตรียมล่าเหยื่อ

“พ่อ อันนี้ให้พ่อกับแม่” ยัยเสือน้อยวางฮู้กันภัยไว้ในอุ้งมือพ่อตัวเอง

คุณป๋อเลิกคิ้ว ก่อนจะสวมบนคอ เขาไม่ศรัทธาต่อสิ่งใด แต่เหมือนตระกูลเขาจะมีดวงกับเรื่องแบบนี้ มีเรื่องหนึ่งที่ถูกต้อง จิ่วเหมาะที่จะรับช่วงต่อจากเขาจริงๆ แม้เส้นทางชีวิตสายนี้จะลำบาก แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ คนบางคนที่เกิดมา กลับถูกกำหนดชะตาให้รับภาระที่ว่า

คุณป๋อลุกขึ้นมานั่งพิงพนัก ถ้าจิ่วเป็นเด็กหญิงสไตล์เจ้าหญิงแสนอ่อนหวาน บางทีเขาอาจจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอไม่รู้อะไร แต่ท่านจิ่วของเขากลับชอบคีย์บอร์ดมาก ทั้งยังฉลาดหลักแหลม ที่สำคัญคือเธอชอบมันเหลือเกิน

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน นัยน์ตาเข้มเชียว และด้วยเงาของร่างนี้ ทำให้ฉินมั่วทิ้งความคิดที่จะให้คุณพ่อบ้านไปเรียกยัยเสือน้อยมานอนที่บ้านเขา เพราะบ้านตระกูลฟู่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเป็นห่วงเธอ

ฉินมั่วก้มดูมือตัวเอง เขาคิดว่าเธอจะเห็นบาดแผลเขาตั้งแต่แรก ทว่าเปล่าเลย เขามองดูของฝากที่ซื้อมาจากประเทศจีน นัยน์ตาหนักเด็กชายอึ้ง ยื่นมือไปดับไฟ ไม่อยากจะล้างแผล รวมทั้งไม่อยากนอนด้วย คงเพราะยังมีอาการเจ็ทแล็ก[1] หากมองผ่านแสงจันทร์ จะเห็นฉินมั่วที่นอนบนเตียงมีสภาพเหมือนเจ้าชายน้อย ดูไม่ผิดปกติอะไร แต่อันที่จริงพอเขายื่นมือออกไป แต่สัมผัสไม่โดนยัยเตาผิงน้อย ก็พลันลืมตาขึ้นมา

…………………………………………………….

[1] เจ็ทแล็ก เป็นอาการของผู้ที่เดินทางข้ามประเทศที่มีเวลาต่างกันมาก ทำให้ปรับตัวยังไม่ทัน อาจเกิดอาการปวดศีรษะหรือนอนไม่หลับ เป็นต้น

ตอนที่ 1903

เจ้าชายน้อยที่ผิดหวัง

แต่กลับไม่มีการตอบรับ หรือว่าทำภารกิจที่คุณอาป๋อสั่งอย่างตั้งใจมาก ฉินมั่วนึกถึงยัยเสือน้อยที่น่าจะสวมหูฟังเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดูระเบียงที่เชื่อมกันของทั้งสองบ้าน เขาที่สวมเสื้อขนเป็ดกำลังทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน  คือการปีนกำแพงเลียนแบบยัยเสือน้อย แต่คงเพราะไม่คล่องตัว ทำให้ฉินมั่วปีนได้อย่างทุลักทุเลมาก

เมื่อคุณพ่อบ้านผมทองกลับมาก็เห็นเข้าพอดี ตอนแรกเขาเห็นร่างเล็กนั่น ยังนึกว่าคุณหนูจิ่วซนอีกแล้ว รีบตะโกนเป็นภาษาอังกฤษว่า “โอ้โน คุณหนูจิ่ว คุณชายใกล้จะกลับมาแล้ว คุณทำแบบนี้จะโดนคุณชาย คุณช้าย?!”

คุณพ่อบ้านผมทองเห็นใบหน้าเย็นชานั่น ถึงกับขนหัวลุกด้วยความตกใจ เป็นไปได้ยังไง? ใครจะรู้ว่าคุณชายผู้เคารพในกฎกติกามารยาทเสมือนเป็นต้นแบบเด็กดี จะมาปีนกำแพงบ้านคนอื่นเขา?

“เอะอะอะไรกัน” ฉินมั่วหลุบตามองอีกฝ่าย เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ

คุณพ่อบ้านสวมสูทยืนที่เดิม “เปล่า เปล่าครับ” อยากให้คุณหนูจิ่วได้เห็นคุณชายของพวกเขาปีนกำแพงจังเลย อยากหัวเราะ ทำยังไงดี?

ฉินมั่วไม่สนใจ เมื่อยืนบนระเบียงก็เข้าไปใกล้หน้าต่างบานยาวระพื้น มองเห็นข้างในผ่านกระจกอย่างชัดเจน ในนั้นไม่มีใครสักคน ไม่เพียงแต่จะไม่เห็นคุณอาป๋อและคุณอาผู้หญิง กระทั่งยังเสือน้อยยังไม่อยู่เลย

ภายในตัวบ้านก็ไม่ยุ่งเหยิง เก็บข้าวของได้เรียบร้อย เหมือนผู้เป็นเจ้าของจะไม่เคยกลับมา แน่ละ ฉินมั่วในเวลานั้นยังไม่โตมากพอที่จะมีความสามารถในการประเมินที่เหนือคนอื่น ก็ยังเป็นเด็กอยู่นี่นา แต่ความรู้สึกผิดปกติของเขาถูกต้องเลยทีเดียว

ฉินมั่วมองดูมุมหนึ่งผ่านกระจกหน้าต่าง มุมนั้นควรจะมีร่างยัยเสือน้อยที่กำลังพิมพ์คีย์บอร์ด และจะต้องไม่ได้พับแขนเสื้อแน่ ทั้งยังจะเกาหน้าตัวเองบ้างเป็นบางครั้ง ทำท่าแบบ ‘ฉันกำลังจริงจังนะจะบอกให้’ หรือก็อาจจะคลานไปคลานมาหาขนมกิน หากไม่เพราะเขาสั่งให้เธอนั่งบนเก้าอี้ เธอย่อมซนสุดๆ อยู่อย่างนั้น

ฉินมั่วคิดไม่ถึงว่า เมื่อห้องนี้ไร้วี่แววยัยเสือน้อยที่ปีนไปปีนมาจะดูว่างเปล่าขนาดนี้…

ด้านล่าง คุณพ่อบ้านผมทองมองดูร่างที่ยืนบนระเบียงบ้านคนอื่น ไม่เข้าใจว่าทำไม หากมองคุณชายจากมุมเขา เหมือนจะผิดหวัง?

แต่ไม่ทันได้เห็นให้ชัดเจน ฉินมั่วก็รูดตัวลงมาจากกำแพง

ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับบ้านตระกูลป๋อ? ไม่รู้ว่าเป็นเพราะครุ่นคิดกับปัญหาดังกล่าวมากเกินไป หรืออาจเป็นเพราะไม่มีประสบการณ์การปีนกำแพง มือของฉินมั่วจึงขูดกับกำแพงอย่างไม่ระวัง

คุณพ่อบ้านผมทองร้องเสียงหลง ปรี่เข้าไปหา “คุณชาย ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”

“แค่มือขูดกำแพงเอง จะไปมีอะไรมากมาย กลับก่อนเถอะ” ฉินมั่วหันไปดูหลังมือตัวเอง สีหน้ายังคงราบเรียบเหมือนเดิม เสื้อขนเป็ดยังคงติดตัวอยู่ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ายัยเสือน้อยจะไม่อยู่ในเวลานี้ ไม่ใช่เป็นอย่างที่คุณตาพูดหรอกว่าเขาคิดถึงเธอ ถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ทำไมเขาถึงได้เซ่อซ่าอย่างนี้

ฉินมั่วที่ปฏิเสธในสิ่งที่คุณตาเคยพูดไว้ กลับหันไปมองด้านหลัง เขาซื้อของให้เธอตั้งเยอะ เดิมอยากจะให้เธอได้เห็นเขาเร็วๆ จึงปรี่มาที่บ้านตระกูลป๋อทันที ไม่กลับเข้าบ้านตัวเองก่อน เห็นทีเขาคงต้องรอตอนค่ำแล้ว…

………………………………………..

ตอนที่ 1904-1

เด็กสองคนเจอกันแล้ว

คุณพ่อบ้านรู้สึกว่าคุณชายของตัวเองผิดหวังมาก หรือว่านี่เป็นความแตกต่างกันด้านวัฒนธรรมตะวันตกกับตะวันออก เขาถึงได้หาคำบรรยายที่ดีกว่านี้ไม่ได้? หรือว่าวันนี้ไม่มีคุณหนูจิ่วอยู่ข้างตัว ทำให้รู้สึกว่าร่างเล็กๆ นั่นต่างไปจากเวลาปกติ

คิดดูแล้วก็น่าจะใช่ แล้วปกติในเวลาอย่างนี้ คุณชายจะทำอะไร?

หากไม่ช่วยคุณหนูจิ่วพับแขนเสื้อก็ต้องพันผ้าพันคอให้เธอ ก็งับหมวกคุณหนูจิ่วลงเพื่อให้เธอไม่เห็นทาง จะได้ไม่ซนมาก แล้วยอมให้คุณชายจูงมือเธอเดิน ทว่าวันนี้คุณชายกลับไม่ได้ทำ

เมื่อเดินตรงไปข้างหน้า คุณชายดูเหมือน เอ…ภาษาจีนเรียกกันว่าอะไรนะ ลืมแล้ว เอาเป็นว่าดูเหงาหงอยมาก

และในเวลานี้นี่เอง ดวงไฟหน้ารถก็ส่องเข้ามา ทำให้ฉินมั่วรู้สึกตัวว่าท้องฟ้ามืดแล้ว เขาหันไปมอง และพบว่ารถคันนั้นจอดลงหน้าบ้านตระกูลป๋อ แต่รถคันนี้ไม่ได้เป็นของบ้านเธอนี่นา

ในระหว่างที่ฉินมั่วขมวดคิ้ว ประตูรถพลันเปิดออก ยัยเสือน้อยกระโดดลงมาจากตัวรถ ปากก็เอาแต่ร้อง “มั่วมั่ว มั่วมั่ว” แล้วกระโจนไปหาเขาด้วยความดีใจมาก ดังนั้นเธอจึงลืมคุมแรงของตัวเอง ทำให้ฉินมั่วล้มไปกองบนพื้น “มั่วมั่ว ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้” ดวงตากลมโตของเธอดำขลับ ปิดบังความยินดีไว้ไม่มิด

ฉินมั่วไม่ได้เตือนเรื่องเรี่ยวแรงของเธอ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้พูดว่า ‘ป๋อเสียวจิ่วอย่าเอาแต่กระโจนใส่คนอื่นได้ไหม’ แต่หันไปกอดเอวเธอ อาจเป็นเพราะนานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน อยากอยู่ใกล้ชิดกันหน่อย แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นเห็นอารมณ์ของตัวเอง จึงซบหน้าที่บ่าของเธอ เอ่ยเสียงเรียบว่า “ก็แค่กลับมาแล้ว”

นี่เป็นครั้งแรกที่ยัยเสือน้อยเห็นเจ้าหญิงน้อยของเธอเป็นฝ่ายกอดเธอ แถมยังเขินอีกด้วย จึงรีบควักเอาฮู้กันภัยที่ขอมาจากท่านไต้ซือ แล้วคล้องด้ายแดงที่ผูกกับฮู้นั่นไว้บนคอเขาโดยไม่ตริตรองอะไร “มั่วมั่ว ฉันให้ของขวัญเธอนะ”

ฉินมั่วส่งเสียงรับรู้สั้นๆ น้ำเสียงไม่แสดงอะไร แต่คุณพ่อบ้านหนุ่มเห็นแล้วพอจะมองออกว่ายิ้มบนหน้าของคุณชายชัดมาก ต้องดีใจขนาดนั้นเชียวเหรอ? อย่าคิดว่าคุณชายส่งเสียงรับรู้แล้วจะไม่มีอะไร มีแต่ของที่คุณหนูจิ่วให้เท่านั้นแหละที่เขายอมรับ ของที่คนอื่นให้น่ะเหรอ เขาปฏิเสธอย่างมีมารยาทหมด แต่ทุกสิ่งที่คุณหนูจิ่วให้ ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน เห็ดป่า รวมถึงกระปุกออมสินใบโตที่ไม่ได้เป็นของสวยงามมีค่าแต่อย่างใด กลับถูกวางโดดเด่นอยู่ในห้องคุณชายเสมอ โดยไม่ยอมให้คนอื่นได้แตะต้อง แถมคุณชายยังชอบให้คนอื่นถามประมาณนี้กับเขาเป็นที่สุด อันได้แก่ ‘ไปซื้อกระปุกออมสินเสือน้อยนี่มาจากไหนเหรอ ใหญ่จัง ไม่เคยเห็นมีขายที่ไหนมาก่อนเลย’

คุณชายจะตอบเป็นปกติว่า ‘มีเสือน้อยบางตัวเอามาให้ผมครับ” แต่มุมปากแยกยิ้มชัดเชียว คุณพ่อบ้านจึงเข้าใจทันทีว่า ทำไมของพวกนี้ถึงได้วางอยู่ในที่เด่นชัดมาก ก็เพราะต้องการอวดนี่เอง ตอนนี้เห็นทีคุณชายได้ของอวดเพิ่มอีกแล้ว

เด็กน้อยทั้งสองกอดกันนานมาก ยัยเสือน้อยยังสั่งอีกว่า “มั่วมั่ว ห้ามถอดฮู้ออกจาตัวนะ ไม่งั้นจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ มั่วมั่วเธอต้องเชื่อฉันนะ อื้อ เชื่อฉัน…” พูดมาถึงตอนท้าย เธอก็ยื่นมือไปลูบศีรษะของฉินมั่ว

 ………………………………………….

ตอนที่ 1904-2

เด็กสองคนเจอกันแล้ว

คุณตาพ่อบ้านไม่อยู่ ในรถนอกจากโชเฟอร์และบอร์ดี้การ์ดแล้ว ยังมีวิลเลี่ยมจูเนียร์อีกด้วย เขารู้สึกว่าจิ่วช่างมีความสามารถพิเศษ เช่น พอเห็นเจ้าปีศาจจากเอเชียแล้ว เธอจะหลงลืมคนรอบข้างจนสิ้น

วิลเลี่ยมจูเนียร์ตามลงมา เรียกชื่อป๋อจิ่ว ก่อนจะเอ่ยต่อ “จิ่ว พรุ่งนี้เราค่อยไปที่อื่นกันนะ แล้วถ้าวันนี้คุณอาป๋อไม่กลับมา เธอก็ต้องมานอนที่บ้านฉัน คุณตาพ่อบ้านบอกว่า ห้ามอยู่บ้านคนเดียว”

ยัยเสือน้อยได้ยินแล้วไม่รู้สึกอะไร สองวันนี้วิลเลี่ยมจูเนียร์พูดประโยคนี้บ่อยที่สุด แต่ยัยเสือน้อยเคยฟังเสียที่ไหน ทว่าฉินมั่วเห็นฝ่ายนั้นอึดใจเดียว แววตาก็ถมึงทึง ยัยเสือน้อยลงจากรถของมัน แถมยัง นอน…นอน?

เป็นครั้งแรกที่ฉินมั่วเข้าถึงความรู้สึกหินกดทับหัวใจ โกรธ? ผิดหวัง? เดือดดาล? อาจรวมกันหมด ทำให้ฉินมั่วทนไม่ไหว ก็กระชากตัวป๋อจิ่วโดยไม่รอให้วิลเลี่ยมจูเนียร์พูดอะไรอีกอย่างไม่มีเหตุผล เขากระชากข้อมือเธอเข้าบ้านตระกูลอานชนิดที่ไม่ควบคุมแรง

แต่ฉินมั่วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนลากเธอแท้ๆ แต่ทำไมกลับเจ็บนิ้วมือเสียเอง บริเวณที่โดนขูดเมื่อครู่นี้แสบร้อนเหมือนโดนไฟเผา ทั้งนี้เหมือนมีบางอย่างกำลังถูกลุกโหมในหัวใจของด้วย เขาเคยคิดว่าเธอจะเชื่อฟังคำพูดของเขา ด้วยการไม่ไปเที่ยวเล่นไหนกับคนอื่น เขายอมรับว่า ความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของของเขามันรุนแรงอย่างผิดปกติ ในฐานะที่เป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง จะไม่ไปเล่นกับคนอื่นได้อย่างไร

ทว่าฉินมั่วควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้ เช่นเขาคิดว่าเธอคือยัยเสือน้อยที่เขาเลี้ยงดู ยัยเสือน้อยควรจะมองแต่เขา เล่นกับเขาเท่านั้น ต้องไม่ไปเล่นกับคนอื่น เขายังเลี้ยงยัยเสือน้อยแค่คนเดียว ไม่เคยสนใจคนอื่นเลย ในเมื่อเขาทำได้ ยัยเสือน้อยก็ต้องทำได้สิ แต่นอกจากเธอจะไม่ยอมเชื่อฟังเขา ยังสนิทกับเจ้าวิลเลี่ยมจูเนียร์นั่นถึงขั้นนี้อีก ฉินมั่วหลุบตาลงข่มอารมณ์ให้นิ่งสนิท ทว่าไม่สำเร็จ “ป๋อเสียวจิ่ว ฉันเคยบอกเธอหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่า เธอเป็นผู้หญิง แค่ทำตัวให้เป็นกุลสตรีนี่ทำไม่ได้เหรอ?”

ยัยเสือน้อยตอบอย่างตั้งใจ “ฉันก็เป็นกุลสตรีอยู่นี่ไง”

“เธอเห็นใครก็กระโจนเข้าใส่ อย่างนี้เรียกว่ากุลสตรีหรือไง?” ฉินมั่วรู้ว่าตัวเองพาล แต่ควบคุมไม่อยู่นี่นา

ยัยเสือน้อยตากลมโตเชียว เธอเริ่มเศร้า “มั่วมั่ว เธอไม่ชอบให้ฉันทำแบบนั้น งั้นต่อไปฉันจะไม่กระโจนใส่เธออีกแล้ว”

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพูดแบบนี้ เธอยังเคยบอกว่าจะเชื่อฟังฉันเลย” ฉินมั่วพูดแล้วมือผล็อยตก เสียงพลอยเย็นชา “ช่างเถอะ ทำไมฉันต้องพูดเรื่องนี้กับเธอด้วย ป๋อเสียวจิ่ว ฉันเคยบอกว่า ถ้าเธอไปเล่นกับคนอื่นอีกก็ไม่ต้องมากับฉันอีก” พูดจบฉินมั่วก็หมุนตัวขึ้นบันไดไป ยัยเสือน้อยรีบกอดเขาทันที

“อย่ามาใช้วิธีนี้กับฉัน” ฉินมั่วเอียงศีรษะ ใบหน้างามสง่าเย็นยะเยือก “เธออยากไปเล่นกับคนอื่นก็ไปเลย ฉันจะไม่อยากจะสนเธออีก”

ยัยเสือน้อยได้ยินแล้วเจ็บปวด “ฉันไม่เคยบอกให้เธอมาสนฉันเสียหน่อย เธอดุกับฉันมากเกินไปแล้วนะ ฉันแค่ซน ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายสักหน่อย”

 …………………………………….

 

ตอนที่ 1902-2

และในวันเดียวกันนี่เอง ฉินมั่วเดินทางขึ้นเครื่องบินโดยไม่มีคุณตาไปด้วย เพราะหากรอต่อไปต้องรอนานถึงสิบวันถึงจะกลับไปได้ ซึ่งฉินมั่วทนรอต่อไม่ไหว ไม่ใช่เพราะเหตุอื่นใด แต่เพราะคิดว่าควรจะกลับได้แล้ว

ณ สนามบินนานาชาติเจียงเฉิง เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วเห็นเด็กน้อยเข้ามา ก็ถามเพื่อเช็คอีกครั้ง “ขึ้นเครื่องคนเดียวเหรอ?”

“ฮะ” ฉินมั่นตอบสั้นๆ ยังถือกระเป๋าเดินทางรูปแพนด้าด้วย ด้วยมันมีขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องฝากใต้เครื่อง และคงเพราะบารมีที่เจิดจ้า ทำให้เจ้าหน้าที่เก็บอารมณ์ทางสีหน้าไว้

อันที่จริงคุณท่านอานได้มาส่งหลานที่สนามบินด้วย ตอนที่ลงรถ ท่านยังบอกว่า “รีบกลับอย่างนี้ เพราะคิดถึงจิ่วใช่ไหม?” ใบหน้าเล็กๆ ของฉินมั่วไม่ได้แสดงสีหน้าออกไป “แค่ได้เวลากลับแล้วเท่านั้นล่ะครับ”

“อ้อ?” คุณท่านอานพยายามอ่านสีหน้าหลาน ยิ้มร่า “ตาล่ะคิดถึงจิ่ว พอถึงแล้วหลานอย่าลืมโทรหาตาด้วยนะ ตาได้ยินแม่บ้านหลานบอกว่า ช่วงนี้หลานเฝ้าโทรศัพท์หนักมาก”

ฉินมั่วรู้ว่าคุณตาหยอกเย้า แต่ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อนั่งบนเครื่องบิน เขาก็คิดว่ายัยเสือน้อยจะชอบของที่เขาเอามาฝากไหม เป็นขนมกินในวันตรุษจีนที่อร่อยทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออบแห้ง ขาหมูรมควัน แถมยังมีขนมอีกส่วนหนึ่ง

พอเหล่าท่านนายพลที่อยู่ในแดนทหารได้ยินว่าฉินมั่วให้หาของพวกนี้ ต่างก็แปลกใจ ด้วยเป็นที่รู้กันว่าฉินมั่วเป็นเด็กเย็นชา แม้จะมีมารยาทครบถ้วน หากเทียบกับหลานพวกท่านเองก็เรียกได้ว่าโตเกินวัย แต่เด็กชายไม่กินของพวกนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงสั่งให้คนไปซื้อขนมหมาฮวาที่เป็นขนมแป้งมัดเป็นเกลียวทอดกับน้ำมันถั่วลิสงมาถึงสามถุงใหญ่ แถมยังสั่งขนมลวี๋ต๋ากุ่นซึ่งเป็นขนมทำจากแป้งข้าวเจ้า ทั้งยังเป็นขนมประจำถิ่นของเมืองเจียงเฉิงมาอย่างน้อยห้ากล่อง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของงานฉลองตรุษจีน

ว่าแต่เขาจะเอาไปให้ใครกิน?

ไม่มีใครรู้เพราะฉินมั่วขึ้นเครื่องบินไปแล้ว

อีกฟากฝั่งหนึ่งของมหาสมุทร วิลเลี่ยมจูเนียร์ดีใจมาก เขาได้ยินมาว่าเจ้าปีศาจจากเอเชียนั่นกลับไปแล้วจะไม่กลับมาในช่วงนี้ เขาจะได้คบกับจิ่วสบายๆ เสียที

ขอบอกนะว่าเขาไม่ได้กลัวมันหรอก ใช่ เขาไม่ได้กลัวมันสักนิด

“นายกำลังทำอะไร?” ป๋อจิ่วไม่เข้าใจที่วิลเลี่ยมจูเนียร์อ้อมเส้นทางข้างหน้า

วิลเลี่ยมจูเนียร์ไอเล็กน้อย “เปล่า” ไม่อยู่จริงด้วยแฮะ ดีจัง…

“เหมือนนายโล่งอกเลย” ป๋อจิ่วเอ่ยเสียจริงจังต่อหน้าวิลเลี่ยมจูเนียร์

วิลเลี่ยมจูเนียร์ “เปล่า เปล่าจริงๆ อย่าพูดเรื่องนี่ดีกว่า จิ่ว พวกเรารีบไปกันเถอะ”

“อื้อ” ยัยเสือน้อยไม่ได้สวมชุดนอนรูปเสือ แต่สวมชุดเทควันโดแทน สายสีดำเด่นชัดมาก นี่แหละเป็นเหตุที่วิลเลี่ยมจูเนียร์ไม่กล้าลงไม้ลงมือกับเธอ ทว่าเขาก็ไม่ชอบใจอยู่ดี ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าเจ้าปีศาจนั่น จิ่วไม่เห็นแผลงฤทธิ์บ้างเลย! คิดมาถึงตรงนี้ วิลเลี่ยมจูเนียร์ก็อดถามสิ่งที่กังขาอยู่ในใจ

ป๋อจิ่วมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบ “มั่วมั่วไม่เหมือนนายนี่ เขาสวยออก แถมยังสุภาพด้วย แถมยังขี้อายอีกต่างหาก เกิดฉันแสดงฝีมือขึ้นมา มีหวังตกใจตาย”

  ……………………………………………

ตอนที่ 1902-3

วิลเลี่ยมจูเนียร์ได้แต่คิดในใจ แล้วตอนที่เธอต่อยฉันหน้าเขียว ทำไมถึงไม่คิดว่าฉันจะตกใจตายบ้าง อีกอย่าง โปรดมองดูดวงตาของฉัน มันเป็นสีฟ้าเชียวนะ! พวกคนเอเชียชอบตาสีน้ำทะเลแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?

ว่าแล้วไง แดดดี้หลอกเขา จิ่วไม่เหมือนกับพวกนักแสดงที่มาเอาดีที่ต่างประเทศพวกนั้นเลย วิลเลี่ยมจูเนียร์เจ็บปวดไม่ใช่น้อย ยังดีที่เป็นเด็กก็เลยหายไว ไม่ถึงสิบนาทีก็เริ่มเป็นเพื่อนซี้กับเจ้าหล่อนได้อีก

ทุกครั้งที่ป๋อจิ่วมายังกองถ่ายหนัง เธอจะช่วยจัดการความยุ่งยากให้เพื่อนคนนี้เสมอ วิลเลี่ยมจูเนียร์ไม่ชอบพวกที่มาประจบเอาใจเขาเพราะพ่อเขา แต่ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวจึงพูดไม่ออก จิ่วที่ยืนด้านข้างเห็นแล้วจะเข้ามาชวนเขาว่า ไปนั่นกันไหม ไปเล่นกันเถอะ ซึ่งก็แก้ไขปัญหาได้เรียบร้อย

ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่ที่ต่างจากเดิมคือ วิลเลี่ยมจูเนียร์ยังคงเดินเล่นไปทั่ว แม้จะสนใจต่อความศรัทธาของคนเอเชีย แต่ก็หวั่นเกรงไม่น้อย อีกทั้งเขายังไม่ได้อยากขอพร ส่วนป๋อจิ่ววิ่งไปวิ่งมาจนเหงื่อออก ทว่าเจ้าหล่อนกลับไม่ใส่ใจ ทำตัวเหมือนลูกเสือ เวลาเธอนั่งบนเบาะไหว้พระ พนมมือ ดวงตากลมโตไม่กะพริบสักนิด เด็กน้อยคนจะทำได้อย่างเธอ เว้นแต่สามเณรน้อยในวัด

ด้วยความที่อายุน้อยมาก ภิกษุชราที่เดินผ่านมาพอดี เอ่ยอมิตตาพุทธ ท่านเคยพบเห็นผู้คนมากมาย แต่น้อยครั้งที่จะเห็นคนที่มีชะตาเช่นนี้ เหี้ยมโหดเหลือคณา ทว่ามีดวงทางพระธรรม ไม่รู้ว่าต่อไปจะกลายเป็นเช่นไร

คงเพราะได้ยินเสียงดังกล่าว ป๋อจิ่วจึงเอียงศีรษะ กะพริบตาเหมือนลูกเสือเลยทีเดียว “ท่านไต้ซือ”

ภิกษุชรามองเธออย่างตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องที่ใฝเสน่ห์ใต้ตา เอื้อมมือไปด้วยอยากจะลูบศีรษะอีกฝ่าย ส่วนป๋อจิ่วยังคงนั่งนิ่งดังเดิม สีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ท่านไต้ซือคะ หนูขอฮู้สองอันได้ไหมคะ?”

“สองอันหรือ?” ภิกษุชราถาม “ให้ตัวเองหรือเปล่า? สีกาน้อย ขอฮู้กันภัยมากไป จะไม่ศักดิ์สิทธิ์นะ”

ยัยเสือน้อยส่ายหน้า “ไม่ได้ให้ตัวเองค่ะ อันหนึ่งให้พ่อกับแม่ อีกอันให้มั่วมั่ว หนูอยากให้พวกเขาสุขสงบ ท่านไต้ซือ หนูขอพรแค่อย่างเดียวเอง จะไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือคะ?”

ภิกษุชรามองดูแววตากลมโตนั่นอยู่นานกว่าจะเอ่ยขึ้น “สีกาน้อยขอพรอย่างอื่นได้นี่ นอกจากคุณพ่อคุณแม่แล้ว ทำไมถึงขอความสุขให้คนอื่น แต่ไม่ขอให้ตัวเองล่ะ?”

“ขอแค่มั่วมั่วมีความสุขสงบ ถือเป็นความสุขสำหรับหนูแล้วล่ะค่ะ” ยัยเสือน้อยตาโต ทำให้คนเอ็นดู แม้จะมีชะตากรรมโหดร้าย ทว่าคำพูดดังกล่าวทำให้ภิกษุชราตะลึง “ในเมื่อจะเอาอย่างนี้ อาตมาจะให้ฮู้กับสีกาน้อยสองอัน ถ้าสีกาน้อยเสียดายภายหลัง ก็ไม่ต้องให้เขานะ”

ยัยเสือน้อยถือฮู้กันภัยไว้สองอัน นัยน์ตาสว่างโรจน์ “หนูไม่เสียดายภายหลังหรอกค่ะ ขอบคุณท่านไต้ซือมากนะคะ” พูดจบยังไหว้คารวะตามมารยาททางศาสนา

ภิกษุชรายืนพูดอมิตตาพุทธอยู่ที่เดิม จนเมื่อเสียงของยัยเสือน้อยหายไป ท่านจึงได้ถอนสายตากลับมา ควรจะเรียกได้ว่า เด็กน้อยมีจิตพิสุทธิ์ใช่ไหม ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น แค่คนคนหนึ่งเห็นค่าของอีกคนมาก เลยเอาความสุขสงบของเขามาตั้งเป็นความสุขของตน ภิกษุชราเงยหน้ามองดูพระพุทธรูปที่อยู่ตรงกลาง สามเณรน้อยมาเชิญท่านไปยังอุโบสถด้านหน้า แจ้งว่าศิษยานุศิษย์ต่างมากันหมดแล้ว ท่านจึงโบกมือ “วันนี้อำนวยพรจนหมดแล้ว ให้พวกเขาทั้งหลายมาเดือนหน้าเถอะ”

 ……………………………………………

ตอนที่ 1902-4

อวยพรจนหมดแล้ว? สามเณรน้อยเกาศีรษะที่ล้านโล่งของตัวเอง อวยพรไปตั้งแต่เมื่อไร? ท่านอาจารย์เพิ่งออกมาเองไม่ใช่หรือ? อีกทั้งเดือนหนึ่งจะอำนวยพรได้สามครั้ง ท่านเพิ่งจะอนุญาตเอง แต่พอออกมากลับเลื่อนให้มาเดือนหน้า? สามเณรน้อยไม่เข้าใจ “ท่านอาจารย์ ท่านเพิ่งจะอำนวยพรไปครั้งเดียวเอง ยังเหลืออีกสองนี่ขอรับ”

“ไม่เหลือแล้ว” ท่านพูดจบก็ลูบๆ ศีรษะลูกศิษย์ “ไปเถอะ บอกพวกเขาตามตรง”

สามเณรน้อยรับคำสั่ง แต่ไม่เข้าใจว่าใครกันนะที่ได้รับการอำนวยพรจากท่านอาจารย์ถึงสามพรด้วยกัน เนื่องจากคำให้พรของท่านศักดิ์สิทธิ์มาตลอด จึงเป็นเหตุให้หลายต่อหลายคนมายังที่นี่ ดังนั้นต่อมาทุกคนต่างรู้แต่ว่าฉินมั่วเขียนลงในฮู้ว่า ขอให้ยัยเสือน้อยมีความสุขและปลอดภัยตลอดไป ช่างไม่รู้เลยว่าป๋อจิ่วขอพรอะไรให้เขา

วิลเลี่ยมจูเนียร์ไม่ได้มองมาทางนี้ เขารู้สึกว่าดูลึกลับจึงไม่กล้าเดินเข้าไป ที่นี่ช่างไม่เหมือนสิ่งปลูกสร้างและสไตล์ของฝรั่งสักนิด ยังมีที่คุณตาพ่อบ้านอยู่ด้วย จะว่าไปก็แปลก ก่อนหน้านี้เวลาจิ่วออกมาข้างนอกกับเขาก็ไม่เคยพาใครมาด้วย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหน จะต้องมีคุณตาคอยติดตาม? ดีที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวเล่นของพวกเขา

วิลเลี่ยมจูเนียร์สงสัยในสิ่งที่จิ่วขอ “จิ่ว เธอเข้าไปขอพรอะไรกับเทพเจ้าของคนเอเชียเหรอ พวกเขาแกว่ง แกว่งอะไรนี่แหละ จำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าขอพรเรื่องคู่”

“ฉันมีมั่วมั่วแล้ว จะไปขอพรเรื่องคู่ทำไม” เสียอย่างเดียวคือ จนถึงตอนนี้มั่วมั่วก็ยังไม่ตกลงปลงใจขายตัวเองให้เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอสักที

วิลเลี่ยมจูเนียร์กลายเป็นหินไป จิ่วพูดแบบนี้ คิดถึงความรู้สึกฉันบ้างไหม? ไม่เลยสักนิด

เด็กสองคนกินไอศกรีมภายใต้การดูแลของคุณตาพ่อบ้าน วิลเลี่ยมจูเนียร์รู้ทันทีว่าอะไรคือความหมายของคำว่ากินไม่หยุดปาก ของอร่อยๆ มาถึงปากพวกเขาเสมอ แถมยังไม่กำหนดเวลาอีก พวกเขาเล่นกันอย่างนี้จนถึงค่ำ

ฉินมั่วลงเครื่องในตอนเที่ยง โดยมีโชเฟอร์ที่คุณตาเตรียมไว้มารับ สำหรับใครจะมารับเขานั้นไม่สำคัญ ยัยเสือน้อยยังเล็กมาก ไม่น่าจะมารับเขาได้ แถมจนมาถึงตอนนี้ เธอยังไม่รู้เลยว่าเขาจะกลับมาแล้ว

เด็กน้อยมองดูถุงของฝากที่อยู่ที่นั่งตอนหลัง ส่ายศีรษะเล็กน้อย พอจะจินตนาการออกว่าเดี๋ยวยัยเสือน้อยเห็นกองขนมกับตัวเขาเข้าจะมีสีหน้าเป็นอย่างไร เธอต้องกระโจนเข้ามาหา กอดเอวเขา พร่ำบอกว่าคิดถึงเขามากแน่ๆ เขาคุ้นเคยกับวิถีทางของเจ้าหล่อนดี

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินมั่วก็เบือนหน้าไปอีกทาง หลุดยิ้มนิดๆ ออกมา โชเฟอร์มองดูผ่านกระจกส่องหลังไม่เข้าใจ “คุณชายยิ้มอะไรหรือครับ?” ด้านนอกมีเรื่องอะไรน่าตลกหรือ? ไม่มีสักหน่อย มันเป็นแค่สะพานยาว รอบข้างก็มีแต่รถทั้งนั้น แล้วคุณชายยิ้มอะไร?

ฉินมั่วย่อมไม่ตอบว่าแค่คิดถึงยัยเสือน้อยเขาก็กลั้นยิ้มไม่ได้แล้ว ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “เปล่า” ทว่ายิ่งใกล้ถึงบ้านเท่าไร มุมปากยิ่งเผยรอยยิ้มอย่างหุบไม่อยู่ เป็นยิ้มบางๆ ที่ผุดขึ้นเป็นระยะ

เขาใกล้จะได้เห็นยัยเสือน้อยแล้ว เวลาอย่างนี้เธอน่าจะทำภารกิจที่พ่อเธอสั่งอยู่ ดังนั้นเมื่อลงจากรถ ฉินมั่วไม่ได้รีบเข้าบ้านตัวเอง แต่เดินไปกดกริ่งที่หน้าบ้านตระกูลป๋อ

………………………………………

ตอนที่ 1901-3 คุณป๋อและมาดามของเขา

เมื่อเห็นยัยเสือน้อย ลุงว่านก็หัวเราะ นี่เป็นครอบครัวแสนสุขและดูไม่ธรรมดาที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น ทว่าปกติท่านประธานจะยุ่งมาก ส่วนคุณป๋อ…พูดยาก เขาชอบทำตัวติดกับท่านประธาน แต่ก็ไม่เหมือนกับพวกไอ้หนุ่มหน้าอ่อนที่ไม่เอาไหน เอาเป็นว่าขอแค่คุณป๋อไม่ทำร้ายจิตใจท่านประธานเป็นพอ

การได้กินปีกไก่ทอดถือเป็นเรื่องที่มีความสุข  บนโต๊ะยังมีเป๊บซี่ เฟรนช์ฟรายส์และแฮมเบอร์เกอร์อีกด้วย เดิมมาดามป๋อกะจะพับแขนเสื้อให้ลูกสาว แต่พอเงยหน้าเห็นแฮมเบอร์เกอร์อยู่ตรงหน้าจึงกัดคำหนึ่ง

เขาหัวเราะ หัวเราะแบบนั้นยังไม่เท่าไร ทว่าพวกที่มากินต่างเป็นนักศึกษากันทั้งนั้น หลายคนมองจนตาเคลิ้มเลยทีเดียว

ทว่าไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มพลันชะงักมือในวินาทีถัดมา สองตามองด้านนอก แววตาเคร่งขรึมทันที เสียงรถตำรวจที่ขับผ่านดังขึ้นข้างหู แต่ไม่สำคัญเท่ากับมีกลุ่มคนสวมชุดดำกำลังถามไถ่ผู้คนอยู่ที่ใต้ร่มไม้

“ทำไมเหรอคะ?” มาดามป๋อมองตามสายตาสามี แต่ไม่เห็นอะไร

คุณป๋อกัดแฮมเบอร์เกอร์ “เปล่า พอดีบ่ายนี้มีเรียน ผมคงไปส่งคุณไม่ได้นะ”

มาดามป๋ออึ้ง ก่อนจะยิ้ม “โอเคค่ะ กินเยอะหน่อยนะคะ” คงเพราะมีเรื่องที่ต้องกังวล เพราะมีคนมองพวกเธอเยอะมาก มื้อนี้จึงต้องเร่งกินกันหน่อย เวลามาดามป๋ออยู่ด้วย คุณป๋อดูสบายๆ แต่พอมาดามป๋อออกเดินทาง เขาก็ต่อสายโทรศัพท์ทันที “มารับจิ่วกลับไปที”

“ครับ บอส” เสียงภาษาอังกฤษสำเนียงบริติชนั่นดึงดูดใจเหลือเกิน ป๋อเสียวจิ่วเคยได้ยินมาก่อน แต่ครั้งนี้กลับต่างไปจากเดิม เสียงนั่นดูจะกังวลมาก

ห้านาทีผ่านไปโดยประมาณ รถแลมโบกินีคันดำจอดลงตรงหน้าประตูมหาวิทยาลัย มีคนคนหนึ่งเดินลงมา พร้อมถือสิ่งที่คล้ายกระเป๋าเดินทางติดตัวมาด้วย แค่เราจะไม่ใช้มือหิ้วกระเป๋าเดินทางเท่านั้นเอง แถมคนคนนั้นยังสวมสูททักซิโด ทั้งยังสวมถุงมือสีขาว เหมือนพวกผู้ดูแลราชวงศ์ชั้นสูงในภาพยนตร์ แม้เจ้าตัวจะเลยวัย 40 มาแล้ว แต่คนในวัยนี้คนน้อยรายจะสวมได้เท่เหมือนเขา ชายคนนั้นถ่ายทอดความเป็นสุภาพบุรุษออกมาได้อย่างเต็มความภาคภูมิ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถือกล่องขนมเค้กกล่องเล็กอีกด้วย เมื่อเห็นป๋อจิ่วก็ไพล่มือซ้ายไว้ด้านหลัง เอ่ยเสียงเบากลั้วหัวเราะว่า “นายน้อย ผมได้เจอคุณสักที”

ป๋อจิ่วรู้สึกแปลกอยู่บ้างกับคำเรียกดังกล่าว แต่แม้จะเป็นเวลานี้ เธอก็รู้ดีว่าในอนาคตต้องทำงานอะไร เธอกะพริบตา มองดูคนตรงหน้าด้วยท่าทีน่ารัก คุณตาพ่อบ้านหัวใจแทบละลาย ต่างไปจากนายใหญ่จริงๆ นายน้อยเหมือนลูกเสือตัวน้อย เป็นลูกเสือแสนน่ารักเสียด้วย แต่คนเป็นพ่อต่างออกไป กลับดูเหมือนมาเฟียมาตั้งแต่ยังเด็ก

คุณป๋อปล่อยให้ทั้งสองทำความรู้จักกัน รับกระเป๋ามาจากมือคุณตาพ่อบ้าน ก่อนจะเปิดออกดูทันที เพราะเวลานี้คนในมหาวิทยาลัยมีค่อนข้างน้อย ความมหัศจรรย์ของกระเป๋านี้อยู่ตรงที่เราจะเดาไม่ออกเลยว่า เมื่อเปิดออกมาแล้วมันจะมีหลายชั้น ด้านในนอกจากจะมีเสื้อกันลมตัวดำยังมีแล็ปท็อปเครื่องเล็กรวมถึงอาวุธจำนวนหนึ่ง

………………………………………..

 ตอนที่ 1901-4 คุณป๋อและมาดามของเขา

คุณป๋อสวมเสื้อกันลมก่อน จากนั้นจึงหิ้วกระเป๋า เขาที่สวมแว่นตาจะดูสุภาพมาก ไม่เหมือนคนจะไปทำการใหญ่ใดๆ แต่หากทุกคนรู้ว่าเขาถืออะไรไว้ในมือ ย่อมต้องรู้ว่าเขาจะทำอะไร?

เขาก็กำลังจะไปกำจัดพวกแมลงตัวร้ายไง

สำหรับยัยเสือน้อย คุณตาพ่อบ้านย่อมเอากลับไปด้วย โดยนำไปส่งที่บ้านวิลเลี่ยมจูเนียร์ที่น่าไว้ใจมากที่สุด เพราะบ้านนั้นมีชีวิตที่ผูกติดกับหนังและละคร เห็นทุกเรื่องราวเป็นเรื่องธรรมดาจนไม่คิดอะไรมาก

ทั้งนี้คุณตาพ่อบ้านกลับมีมารยาทเหลือเกิน โค้งให้กับวิลเลี่ยมจูเนียร์ “ต้องรบกวนให้นายน้อยอยู่บ้านคุณสักวันล่ะครับ” เล่นเอาเจ้าหนูตาโต เพราะเขาเคยเห็นคนแบบนี้แค่ในหนังที่แดดดี้ถ่ายทำเท่านั้น

ทางด้านยัยเสือน้อยกลับไม่อยากรบกวนคนอื่น แต่รู้ดีว่าพ่อเธอมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ เธอเป็นคนคิดอะไรรอบคอบ เมื่อได้กลิ่นอายที่ต่างไปทุกครั้งที่ผ่านมาก็ปีนหน้าต่างแอบดู

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงดึก พ่อเธอถึงกลับมา คุณป๋อมารับลูกสาวกลับบ้าน อันที่จริงนอกจากบ้านตระกูลฉินแล้ว เขาไม่ไว้ใจให้ลูกอยู่กับใครถึงวันหนึ่งเต็ม ใช่ว่าบ้านอื่นจะไม่ดี แต่พูดตรงๆ บ้านอื่นฉลาดไม่มากพอ

เช่นในเวลานี้ วิลเลี่ยมจูเนียร์ยังดูไม่ออกเลยว่าคุณป๋อได้รับบาดเจ็บที่มือ เพราะเขายังมีท่าทีเหมือนเดิม ไม่ผูกเนคไทให้เรียบร้อย สภาพเหมือนคนเกาะเมียกินเต็มที่ แค่เรียวปากซีดขาวเท่านั้น มีเพียงยัยเสือน้อยที่ดูออกว่าพ่อผิดปกติไป จึงไม่ยอมให้พ่ออุ้ม กลับจูงมือพ่อกลับบ้าน

เมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง คุณป๋อก็เกาะต้นไม้ หายใจไม่เป็นปกติ “จิ่ว ลูก…” ทว่ายัยเสือน้อยเก่งมาก แม้จะเป็นเด็กน้อย แต่พอเห็นสภาพคนเป็นพ่อ เธอก็ทรมานใจ ทว่าไม่ตื่นตระหนก

เมื่อเห็นพ่อหมดแรงก็คว้ามือถือออกมาจากกระเป๋าพ่อ ก่อนจะต่อสายถึงคุณตาพ่อบ้าน เธอจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่โทรเรียกคุณตา ตลอดจนคุณตามาถึงบ้าน ไม่เหมือนเด็กห้าขวบทั่วไปจะทำได้เลยสักนิด เว้นเสียแต่มือที่สั่นเล็กน้อย ทว่าศีรษะไม่ได้เงยขึ้นเลย

หลังจากที่คุณตามาถึงก็จัดการทำแผลให้คนเจ็บ อาการบาดเจ็บที่มือยังไม่เท่าไร แต่กระสุนที่ฝังไหล่นี่สิต้องเอาออก ทว่าแม้นายใหญ่จะเดินเองได้ตลอดเส้นทาง แต่ก็ยังหาเวลาต่อสายหาภรรยา หัวเราะเสียงเบาบอกว่า “ท่านจิ่วเหรอ? นั่งเล่นคีย์บอร์ดอยู่ชั้นล่าง วางใจเถอะ ผมจะดูแลลูกให้ดี”

หลังจากวางสาย อาการหอบหายใจก็ปรากฏชัด ตัวเขาร้อนมาก คุณตาจัดยาให้มากมาย เมื่อจัดการบาดแผลเสร็จก็เอ่ยขึ้น “โชคดีที่นายน้อยโทรหาผมทันเวลาพอดี” คุณป๋อพิงอยู่ที่เดิม มีผ้าพันแผลพันที่ไหล่ นัยน์ตาเรียวเลิกขึ้น ฉายบุคลิกความเป็นผู้นำอย่างที่ไม่เคยทำให้ใครเห็นมาก่อน “ถึงได้บอกว่าลูกเหมาะที่จะมาอยู่ในตำแหน่งฉัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝีมือหรือสภาพจิตใจ”

………………………………………………….

ตอนที่ 1902-1

ชั้นล่าง ยัยเสือน้อยกำลังจิ้มคีย์บอร์ดตัวเอง เหมือนอยากจะติดต่อมั่วมั่วด้วยคอมพิวเตอร์ของเธอ แต่เมื่อเข้าซอฟต์แวร์ที่ใช้สื่อสารกัน ก็เห็นเวลาที่แสดงออกมา ตอนนี้ที่จีนคงยังไม่สว่าง มั่วมั่วต้องนอนแล้วแน่นอน เสือน้อยชะงัก ก่อนจะเกาหน้าตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองดูชั้นบน

ช่วงนี้พ่อดูลึกลับกว่าเมื่อก่อน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้ามั่วมั่วอยู่ด้วย เขาอาจช่วยเธอวิเคราะห์หาสาเหตุได้ เขาเหมือนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง

ยัยเสือน้อยกอดคีย์บอร์ดตัวเอง หันไปดูรูปโปรไฟล์สีเทา ก่อนจะกระตุกหางเสื้อบนตัวเสื้อ พึมพำอย่างยั้งใจไม่อยู่ “มั่วมั่ว ฉันคิดถึงเธอจัง”

เวลานั้นป๋อจิ่วยังเล็กมาก เสียงพูดอ้อนๆ เรียกความเอ็นดูจากผู้คน ลืมเลือนสิ่งที่เจ้าหล่อนซนมหากาฬจนสิ้น

ฉินมั่วเคยถามตัวเองว่ายัยคนนี้มีอะไรดี แต่ดูเหมือนจะตอบไม่ได้

ทว่าไม่มีใครที่เหมือนเธอ

ทว่าหัวใจของเขาจะบรรจุอะไรบางอย่างเต็มไปหมด จนหาที่ว่างไม่ได้

ทว่าแม้ห่างกันครึ่งโลก ภาพเธอกลับลอยอยู่ตรงหน้า

เมื่อมาถึงบ้านเกิด หลังจากที่ฉลองวันตรุษจีนเสร็จ งานเลี้ยงและธรรมเนียมเดิมที่ต้องปฏิบัติก็มีมากอยู่ โดยฉพาะด้วยสถานะที่สูงส่งของตระกูลอานและตระกูลฉินด้วยแล้ว ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้เมื่อฉลองวันตรุษจีนเสร็จ ฉินมั่วก็ต้องเดินทางไปยังหลากหลายสถานที่มาก ต้องเยี่ยมบ้านท่านนายพลเก่าแก่แต่ละคนที่อยู่ในแดนทหารด้วยกัน ทางจีนตอนเหนือเรียกธรรมเนียมนี้ว่าการไปสวัสดีปีใหม่ ทั้งนี้ตระกูลฉินเป็นคนพวกหัวอนุรักษ์ ให้ความสำคัญกับประเพณีมาก แต่ปีนี้ฉินมั่วไปสวัสดีปีใหม่ตามบ้านต่างๆ อย่างใจลอย เวลาที่เห็นเด็กน้อย เป็นต้องชะงักครู่หนึ่ง กระทั่งเด็กที่ชอบต่อยตีกันในเขตทหารแบบนัดตีกันยังต้องสำรวมท่าทีเมื่อเห็นฉินมั่ว

เพราะเด็กในเขตทหารต่างรู้ดี อย่าเห็นว่าฉินมั่วสุภาพเหมือนเจ้าชายน้อยเชียว เวลาลงมือทีเล่นเอาคนเจ็บกันทั่วหน้า ทว่าฉินมั่วกลับทำเหมือนไม่เห็นพวกเขาที่อยู่ตรงนี้

อะไรกัน? เด็กเหล่านั้นไม่เข้าใจจริงๆ ส่วนเด็กผู้หญิงที่วิ่งเข้ามาเรียก ‘พี่มั่ว’ เขาก็ยังไม่หันกลับไปมอง ไม่ใช่พฤติกรรมที่แสนมีมารยาทของเจ้าตัวเลย

และในระหว่างที่เด็กๆ ต่างรู้สึกว่าฉินมั่วผิดปกติไป เด็กชายกลับมองพวกนั้น พลางคิดว่ายัยเสือน้อยกำลังทำอะไรอยู่ กินข้าวเป็นปกติหรือไม่ แต่ไม่น่าหรอก เพราะตอนที่เขาจะออกเดินทางก็บอกเธอว่า ถ้าหิวก็ไปเอาขนมที่ห้องเขา นอกเหนือจากนี้ ปกติแล้วน้อยครั้งที่โทรศัพท์ในบ้านจะมีเสียงดัง เขาจึงสั่งน้าจางไว้ว่าหากมีคนโทรเข้ามา ก็ให้บอกเขาด้วย

สถานการณ์ในอินเทอร์เน็ตสงบนิ่ง แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่กลับมีความคิดหนึ่งที่รุนแรงขึ้นทุกที กลัวว่าในช่วงที่เขาไม่อยู่ด้วย เธอจะเล่นสนุกจนลืมเขาเสียสิ้น เพราะเธอชอบเล่นอยู่ด้วย

ช่วงนี้ยัยเสือน้อยอยากออกไปเล่นจริงๆ ล่ะ ทว่าเธอไม่ได้ตอบตกลงไปเที่ยวกับวิลเลี่ยมจูเนียร์ด้วยเหตุผลนี้ แต่เป็นเพราะวิลเลี่ยมจูเนียร์บอกว่าทางคณะถ่ายหนังจะไปสถานที่ที่ขอฮู้กันภัย

ในต่างประเทศยังพอจะมีสถานที่แบบนี้ ที่นั่นมีโบสถ์วิหารทุกประเภท ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าจะไปขอพรพระ ยัยเสือน้อยตอบตกลงโดยไม่คิดเลยทีเดียว

 ………………………………………………….

ตอนที่ 1901-1 คุณป๋อและมาดามของเขา

มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างไร้ข้อกังขา สถานะของคุณป๋อจึงไม่เป็นที่ต้องสงสัย โดยเฉพาะตอนที่คนตัวใหญ่กับคนตัวเล็กดูดนมเปรี้ยวจากถุง นั่งรอมาดามป๋อมารับตรงขั้นบันได ยัยเสือน้อยส่ายหางบอก “พ่อ หนูอยากกินปีกไก่ทอด”

“ท่านจิ่วลูกพ่อ ไอ้นิสัยนอนตื่นแล้วก็กินนี่ ต้องเปลี่ยนแล้วนะ” คุณป๋ออ้าปากหาวอย่างขี้เกียจ “เดี๋ยวหนูกลิ้งตัวนะ พ่อจะให้ภรรยาพ่อพาหนูไปกิน”

ยัยเสือน้อยคิดว่าเธอควรต้องสั่งสอนผู้ใหญ่บ้างแล้ว “พ่อ หนูห้าขวบแล้วนะ ไม่ใช่ขวบเดียว จะให้กลิ้งตัวทำท่าแบ๊วแบบบนั้น มันจะน่าเกลียดไปปะ”

“งั้นหนูจะเอายังไง?” คุณป๋อพูดอย่างสบายอารมณ์ “มาดามป๋อเคยบอกแล้วว่า ไม่ให้หนูกินอาหารขยะ”

ยัยเสือน้อยใช้ความคิด “งั้นหนูกลิ้งตัวก็ได้”

“กลิ้งหลายๆ ตลบหน่อยนะ พ่ออยากกินเหมือนกัน” คุณป๋อหัวเราะ ดึงคอเสื้อ ดูเจ้าเล่ห์จริงๆ

ยัยเสือน้อยพยักหน้า ทำมือว่าโอเค จากนั้นเด็กโตกับเด็กเล็กก็นั่งรอกันเหมือนเดิม ใบหน้าทั้งสองช่างดึงดูดความสนใจ ทำให้นักศึกษาหลายคนมองมาด้วยติดใจในความน่าเอ็นดู

คุณป๋อค่อนข้างมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอาลูกมานั่งรอภรรยาที่นี่ แต่ครั้งนี้พวกฝรั่งที่เห็นต่างประทับใจมาก อยากมีลูกน้อยที่น่ารักอย่างนี้เลย

มาดามป๋อในชุดทำงานและสวมรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาเห็นภาพสองพ่อลูกกำลังดื่มนมเปรี้ยวพอดี อาหารที่มหาวิทยาลัยไม่อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?

มาดามป๋อยิ้มขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่ พลางสาวเท้าเดินเข้าไปหา

ยัยเสือน้อยเห็นแม่ปุ๊บ ดวงตาใสปิ๊งได้ไอเดียทันที รีบวิ่งโผไปหาแม่ “แม่จ๋า”

“วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่า” มาดามป๋อมองการแต่งตัวของลูกสาว ก่อนจะพับแขนเสื้อให้

ส่วนยัยเสือน้อยรายงานอย่างตั้งใจ “หนูเป็นเด็กดีมากๆ ส่วนพ่อเอาแต่นอน”

“เฮ้” คุณป๋อยิ้มอย่างเจ้าเสน่ห์ ละมือข้างหนึ่งมาเขกหัวลูกสาว ก่อนจะเดินไปซุกศีรษะที่บ่าภรรยา “ไม่ได้ตั้งใจหลับเสียหน่อย แต่เขียนบทความวิจัยเยอะไปหน่อยเลยเวียนหัว”

บุคลิกอย่างมาดามป๋อถือว่าหาได้ยาก เมื่อเธอปรากฏตัวขึ้น หลายคนต่างหันมามอง นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและนักศึกษาที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ให้ความรู้สึกต่างกันจริงๆ และยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งตอกย้ำว่านักศึกษาปริญญาเอกอย่างคุณป๋อคนเก่งถูกนักธุรกิจสาวเลี้ยงดู พวกสาวเปรี้ยวและนักศึกษาใหม่ต่างรู้สึกเสียดาย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ทำไมต้องหาผู้หญิงที่แก่ตัวเองด้วย

แน่ล่ะ หน้าตาของหญิงสาวดูดีไม่มีที่ติ ทั้งยังดูอ่อยวัยเท่าพวกเธอ กระทั่งบุคลิกที่ฝึกฝนจนดูเป็นสาวสวยเย็นชาแบบนี้ ทำให้แตกต่างจากพวกเธอเหล่านั้น เมื่อสวมชุดสูทยิ่งทำให้เธอดูเป็นผู้นำ ไม่เพียงสวย แต่ยังดูสูงส่งอีกต่างหาก “ทำไมถึงได้เวียนหัวล่ะคะ?” มาดามป๋อพูดพลางยื่นมือนวดศีรษะอีกฝ่าย

ทางด้านยัยเสือน้อยรู้ทันว่าพ่อเธอเก่งเสมอเรื่องแย่งความรักของแม่ เพราะอย่างไรเขาก็ไม่กลัวคนอื่นจะหาว่าเขาถูกผู้หญิงเลี้ยงดู

ในบางด้านคุณป๋อก็เหมือนเจ้าลูกหมาน้อยที่เปรียบเสมือนหนุ่มน้อยน่ารัก กิริยาเมื่อครู่ของเจ้าตัวทำให้คนแถวนั้นเห็นแล้วย้อมถามตัวเองว่า นั่นเป็นรุ่นพี่แสนเจ้าเล่ห์ที่พวกเธอรู้จักจริงเหรอ?

รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมือนนะ

………………………….

ตอนที่ 1901-2 คุณป๋อและมาดามของเขา

คุณป๋อไม่แคร์สายตาคนอื่น ช่วงนี้มาดามป๋อเฉยชากับเขามาก จึงต้องเรียกร้องความสนใจเข้าไว้ ส่วนยัยเสือน้อยยังไม่ลืมเรื่องที่ตกลงกันเอาไว้ เจ้าหล่อนส่ายหางเสือ กะพริบตาปริบๆ “เมื่อกี้พ่ออยากกินปีกไก่ทอดค่ะแม่ สงสัยว่าหิวจนเวียนหัวค่ะ”

คุณป๋อหันไปยักคิ้ว ท่านจิ่วอยู่กับเจ้าเด็กบ้านฉินจนรู้จักใช้คนอื่นมาเป็นโล่กำบังเสียแล้ว

“ปีกไก่ทอดเหรอคะ?” มาดามป๋อจนปัญญากับเด็กตัวโตและตัวเล็ก ถอนหายใจเบาๆ “กินแค่มื้อเดียวนะ เดี๋ยวแม่ต้องไปสนามบิน มื้อเย็นทั้งพ่อทั้งลูกต้องกินผักหน่อย จะเอาแต่กินเนื้อไม่ได้”

คุณป๋อโอบเอวภรรยา ก่อนจะจุ๊บที่เรียวปากเธอ “สบายใจได้ ผมจะดูแลท่านจิ่วเอง”

มาดามป๋อคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าจุ๊บเธอ คนรอบข้างต่างมองพวกเขา เขานี่ช่าง…ไม่สนเลยว่าคนอื่นจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างกัน? หรืออาจเป็นเพราะยังหนุ่มมากเลยทำอะไรตามความรู้สึกตัวเอง

มาดามป๋อพอจะเข้าใจตัวสามีอยู่บ้าง พยายามที่จะไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างกันออกไป ไม่ใช่ว่าเขาบอกตรงๆ หรอก ทว่าเธอรู้สึกได้จากการที่เขาไม่เคยแนะนำเธอให้รู้จักอาจารย์ที่ปรึกษากับพวกเพื่อนในมหาวิทยาลัย มาดามป๋อเข้าใจดี แต่ก็น่าแปลกที่เธอแต่งงานกับเขามาตั้งหลายปี กลับยังแคร์เรื่องแบบนี้บ้างในบางครั้ง หนนี้ยังดีหน่อย เพราะเมื่อครั้งที่แล้วที่เธอมารับเขา ก็ได้เห็นสาวน้อยคนหนึ่งพยายามนัดเดทกับสามีเธอ แต่เขาปฏิเสธ สาวน้อยคนนั้นบอกว่า ‘พี่จะเกาะเมียกินตลอดไปไม่ได้หรอก’

มาดามป๋อเข้าใจดีถึงศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่ปรากฏตัวออกไป หากคิดให้ดีถึงสถานการณ์ในครอบครัว สถานะทางการศึกษา เขาก็เป็นคนสอบได้เอง ถูกล่ะ เธอเป็นคนซื้อเสื้อผ้าให้เขา ทว่าเขาไม่เคยแสดงออกมาว่าชอบหรือไม่ชอบ กระทั่งมอเตอร์ไซด์ Dodge Tomahawk เขาก็เป็นคนซื้อมาเอง เขาไม่น่าจะรู้สึกด้อยค่าถึงจะถูก ใช่ว่าคนรอบข้างจะไม่เคยว่าเธอมีนิสัยแข็ง ผู้ชายอย่างเขาส่วนใหญ่ชอบหญิงสาวน่ารักสดใสหรือพวกสวยเหมือนเทพธิดาที่ต้องพึ่งพาเขา แถมยังโรแมนติก

มาดามป๋อไม่เคยถามเรื่องพวกนี้กับเขา เพราะเวลาที่เขาเห็นเธอเป็นต้องเข้ามา ‘แนบชิด’ จนลืมคำว่าไม่เหมาะสมไปเลย

ส่วนยัยเสือน้อยที่ตอนแรกอยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นแม่ ไม่รู้ว่าจู่ๆ ลอยไปอยู่บนคอพ่อตั้งแต่เมื่อไร ยัยเสือน้อยจิกเส้นผมเท่ๆ ของพ่อ ส่ายหางไปมา เธอไม่ได้คิดทำตัวแบ๊ว แต่ผู้ชายหล่อเหลาคนหนึ่งมีเสือน้อยขี่คออยู่ เป็นภาพที่ใครๆ ก็อยากมอง

“ประธานโหลวครับ?” มาดามป๋อแซ่เดิมว่าโหลว

โชเฟอร์ที่ทำงานกับเธอมานานเห็นท่านประธานเดินออกมาก็เข้าไปต้อนรับ ในขณะที่จะเปิดประตูรถ มาดามป๋อกลับห้ามเขาไว้ก่อน “พวกเราจะไปหาอะไรกินแถวนี้ ลุงว่านไปหาอะไรกินก่อนเถอะ”

“ได้ครับ ท่านประธาน” พูดมาถึงตรงนี้ ลุงว่านก็หันไปมองคุณป๋อ เรียกขานอย่างให้เกียรติ “คุณผู้ชาย” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมท่านประธานโหลวถึงได้เลือกผู้ชายคนนี้เป็นคู่ชีวิต แต่ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายเลือกเอง เขาในฐานะที่เป็นคนขับรถก็ไม่พูดมาก คุณหนูจิ่วออกจะน่าเอ็นดู

 …………………………………………

ตอนที่ 1901-1 คุณป๋อและมาดามของเขา

มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างไร้ข้อกังขา สถานะของคุณป๋อจึงไม่เป็นที่ต้องสงสัย โดยเฉพาะตอนที่คนตัวใหญ่กับคนตัวเล็กดูดนมเปรี้ยวจากถุง นั่งรอมาดามป๋อมารับตรงขั้นบันได ยัยเสือน้อยส่ายหางบอก “พ่อ หนูอยากกินปีกไก่ทอด”

“ท่านจิ่วลูกพ่อ ไอ้นิสัยนอนตื่นแล้วก็กินนี่ ต้องเปลี่ยนแล้วนะ” คุณป๋ออ้าปากหาวอย่างขี้เกียจ “เดี๋ยวหนูกลิ้งตัวนะ พ่อจะให้ภรรยาพ่อพาหนูไปกิน”

ยัยเสือน้อยคิดว่าเธอควรต้องสั่งสอนผู้ใหญ่บ้างแล้ว “พ่อ หนูห้าขวบแล้วนะ ไม่ใช่ขวบเดียว จะให้กลิ้งตัวทำท่าแบ๊วแบบบนั้น มันจะน่าเกลียดไปปะ”

“งั้นหนูจะเอายังไง?” คุณป๋อพูดอย่างสบายอารมณ์ “มาดามป๋อเคยบอกแล้วว่า ไม่ให้หนูกินอาหารขยะ”

ยัยเสือน้อยใช้ความคิด “งั้นหนูกลิ้งตัวก็ได้”

“กลิ้งหลายๆ ตลบหน่อยนะ พ่ออยากกินเหมือนกัน” คุณป๋อหัวเราะ ดึงคอเสื้อ ดูเจ้าเล่ห์จริงๆ

ยัยเสือน้อยพยักหน้า ทำมือว่าโอเค จากนั้นเด็กโตกับเด็กเล็กก็นั่งรอกันเหมือนเดิม ใบหน้าทั้งสองช่างดึงดูดความสนใจ ทำให้นักศึกษาหลายคนมองมาด้วยติดใจในความน่าเอ็นดู

คุณป๋อค่อนข้างมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอาลูกมานั่งรอภรรยาที่นี่ แต่ครั้งนี้พวกฝรั่งที่เห็นต่างประทับใจมาก อยากมีลูกน้อยที่น่ารักอย่างนี้เลย

มาดามป๋อในชุดทำงานและสวมรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาเห็นภาพสองพ่อลูกกำลังดื่มนมเปรี้ยวพอดี อาหารที่มหาวิทยาลัยไม่อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?

มาดามป๋อยิ้มขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่ พลางสาวเท้าเดินเข้าไปหา

ยัยเสือน้อยเห็นแม่ปุ๊บ ดวงตาใสปิ๊งได้ไอเดียทันที รีบวิ่งโผไปหาแม่ “แม่จ๋า”

“วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่า” มาดามป๋อมองการแต่งตัวของลูกสาว ก่อนจะพับแขนเสื้อให้

ส่วนยัยเสือน้อยรายงานอย่างตั้งใจ “หนูเป็นเด็กดีมากๆ ส่วนพ่อเอาแต่นอน”

“เฮ้” คุณป๋อยิ้มอย่างเจ้าเสน่ห์ ละมือข้างหนึ่งมาเขกหัวลูกสาว ก่อนจะเดินไปซุกศีรษะที่บ่าภรรยา “ไม่ได้ตั้งใจหลับเสียหน่อย แต่เขียนบทความวิจัยเยอะไปหน่อยเลยเวียนหัว”

บุคลิกอย่างมาดามป๋อถือว่าหาได้ยาก เมื่อเธอปรากฏตัวขึ้น หลายคนต่างหันมามอง นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและนักศึกษาที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ให้ความรู้สึกต่างกันจริงๆ และยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งตอกย้ำว่านักศึกษาปริญญาเอกอย่างคุณป๋อคนเก่งถูกนักธุรกิจสาวเลี้ยงดู พวกสาวเปรี้ยวและนักศึกษาใหม่ต่างรู้สึกเสียดาย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ทำไมต้องหาผู้หญิงที่แก่ตัวเองด้วย

แน่ล่ะ หน้าตาของหญิงสาวดูดีไม่มีที่ติ ทั้งยังดูอ่อยวัยเท่าพวกเธอ กระทั่งบุคลิกที่ฝึกฝนจนดูเป็นสาวสวยเย็นชาแบบนี้ ทำให้แตกต่างจากพวกเธอเหล่านั้น เมื่อสวมชุดสูทยิ่งทำให้เธอดูเป็นผู้นำ ไม่เพียงสวย แต่ยังดูสูงส่งอีกต่างหาก “ทำไมถึงได้เวียนหัวล่ะคะ?” มาดามป๋อพูดพลางยื่นมือนวดศีรษะอีกฝ่าย

ทางด้านยัยเสือน้อยรู้ทันว่าพ่อเธอเก่งเสมอเรื่องแย่งความรักของแม่ เพราะอย่างไรเขาก็ไม่กลัวคนอื่นจะหาว่าเขาถูกผู้หญิงเลี้ยงดู

ในบางด้านคุณป๋อก็เหมือนเจ้าลูกหมาน้อยที่เปรียบเสมือนหนุ่มน้อยน่ารัก กิริยาเมื่อครู่ของเจ้าตัวทำให้คนแถวนั้นเห็นแล้วย้อมถามตัวเองว่า นั่นเป็นรุ่นพี่แสนเจ้าเล่ห์ที่พวกเธอรู้จักจริงเหรอ?

รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมือนนะ

………………………….

ตอนที่ 1901-2 คุณป๋อและมาดามของเขา

คุณป๋อไม่แคร์สายตาคนอื่น ช่วงนี้มาดามป๋อเฉยชากับเขามาก จึงต้องเรียกร้องความสนใจเข้าไว้ ส่วนยัยเสือน้อยยังไม่ลืมเรื่องที่ตกลงกันเอาไว้ เจ้าหล่อนส่ายหางเสือ กะพริบตาปริบๆ “เมื่อกี้พ่ออยากกินปีกไก่ทอดค่ะแม่ สงสัยว่าหิวจนเวียนหัวค่ะ”

คุณป๋อหันไปยักคิ้ว ท่านจิ่วอยู่กับเจ้าเด็กบ้านฉินจนรู้จักใช้คนอื่นมาเป็นโล่กำบังเสียแล้ว

“ปีกไก่ทอดเหรอคะ?” มาดามป๋อจนปัญญากับเด็กตัวโตและตัวเล็ก ถอนหายใจเบาๆ “กินแค่มื้อเดียวนะ เดี๋ยวแม่ต้องไปสนามบิน มื้อเย็นทั้งพ่อทั้งลูกต้องกินผักหน่อย จะเอาแต่กินเนื้อไม่ได้”

คุณป๋อโอบเอวภรรยา ก่อนจะจุ๊บที่เรียวปากเธอ “สบายใจได้ ผมจะดูแลท่านจิ่วเอง”

มาดามป๋อคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าจุ๊บเธอ คนรอบข้างต่างมองพวกเขา เขานี่ช่าง…ไม่สนเลยว่าคนอื่นจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างกัน? หรืออาจเป็นเพราะยังหนุ่มมากเลยทำอะไรตามความรู้สึกตัวเอง

มาดามป๋อพอจะเข้าใจตัวสามีอยู่บ้าง พยายามที่จะไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างกันออกไป ไม่ใช่ว่าเขาบอกตรงๆ หรอก ทว่าเธอรู้สึกได้จากการที่เขาไม่เคยแนะนำเธอให้รู้จักอาจารย์ที่ปรึกษากับพวกเพื่อนในมหาวิทยาลัย มาดามป๋อเข้าใจดี แต่ก็น่าแปลกที่เธอแต่งงานกับเขามาตั้งหลายปี กลับยังแคร์เรื่องแบบนี้บ้างในบางครั้ง หนนี้ยังดีหน่อย เพราะเมื่อครั้งที่แล้วที่เธอมารับเขา ก็ได้เห็นสาวน้อยคนหนึ่งพยายามนัดเดทกับสามีเธอ แต่เขาปฏิเสธ สาวน้อยคนนั้นบอกว่า ‘พี่จะเกาะเมียกินตลอดไปไม่ได้หรอก’

มาดามป๋อเข้าใจดีถึงศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่ปรากฏตัวออกไป หากคิดให้ดีถึงสถานการณ์ในครอบครัว สถานะทางการศึกษา เขาก็เป็นคนสอบได้เอง ถูกล่ะ เธอเป็นคนซื้อเสื้อผ้าให้เขา ทว่าเขาไม่เคยแสดงออกมาว่าชอบหรือไม่ชอบ กระทั่งมอเตอร์ไซด์ Dodge Tomahawk เขาก็เป็นคนซื้อมาเอง เขาไม่น่าจะรู้สึกด้อยค่าถึงจะถูก ใช่ว่าคนรอบข้างจะไม่เคยว่าเธอมีนิสัยแข็ง ผู้ชายอย่างเขาส่วนใหญ่ชอบหญิงสาวน่ารักสดใสหรือพวกสวยเหมือนเทพธิดาที่ต้องพึ่งพาเขา แถมยังโรแมนติก

มาดามป๋อไม่เคยถามเรื่องพวกนี้กับเขา เพราะเวลาที่เขาเห็นเธอเป็นต้องเข้ามา ‘แนบชิด’ จนลืมคำว่าไม่เหมาะสมไปเลย

ส่วนยัยเสือน้อยที่ตอนแรกอยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นแม่ ไม่รู้ว่าจู่ๆ ลอยไปอยู่บนคอพ่อตั้งแต่เมื่อไร ยัยเสือน้อยจิกเส้นผมเท่ๆ ของพ่อ ส่ายหางไปมา เธอไม่ได้คิดทำตัวแบ๊ว แต่ผู้ชายหล่อเหลาคนหนึ่งมีเสือน้อยขี่คออยู่ เป็นภาพที่ใครๆ ก็อยากมอง

“ประธานโหลวครับ?” มาดามป๋อแซ่เดิมว่าโหลว

โชเฟอร์ที่ทำงานกับเธอมานานเห็นท่านประธานเดินออกมาก็เข้าไปต้อนรับ ในขณะที่จะเปิดประตูรถ มาดามป๋อกลับห้ามเขาไว้ก่อน “พวกเราจะไปหาอะไรกินแถวนี้ ลุงว่านไปหาอะไรกินก่อนเถอะ”

“ได้ครับ ท่านประธาน” พูดมาถึงตรงนี้ ลุงว่านก็หันไปมองคุณป๋อ เรียกขานอย่างให้เกียรติ “คุณผู้ชาย” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมท่านประธานโหลวถึงได้เลือกผู้ชายคนนี้เป็นคู่ชีวิต แต่ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายเลือกเอง เขาในฐานะที่เป็นคนขับรถก็ไม่พูดมาก คุณหนูจิ่วออกจะน่าเอ็นดู

 …………………………………………

ตอนที่ 1899-1 วัยเด็กแสนสุข

ฉินมั่วเพิ่งจะลืมตาขึ้น ป๋อจิ่วก็เอามือมาทาบบนหน้าผากเขาแล้ว

จากนั้นเจ้าหล่อนก็ขมวดคิ้วมุ่น ไม่ส่ายหางอีกต่อไป วิ่งไปหยิบเอากล่องยาที่ชั้นล่างแล้ววิ่งกลับขึ้นมา

คงเพราะปกติเธอซุกซนมาก หากเทียบกับฉินมั่ว ร่างกายของยัยเสือน้อยมีบาดแผลเล็กจนไปถึงใหญ่อยู่เรื่อย แต่ไม่รุนแรง ส่วนมากจะมาจากการปีนกำแพงแล้วจนโดนโน่นนี่ขูดหน้าบาดมือไปหมด ไม่ก็ปวดฟันหรือท้องอืด เป็นปัญหาที่เจอบ่อยในหมู่เด็กน้อย

เหตุที่ยัยเสือน้อยรู้ดีว่ากล่องยาของบ้านนี้วางไว้ที่ไหน ก็เพราะเวลาเธอป่วยหรือบาดเจ็บ ฉินมั่วจะเป็นคนป้อนยาให้

ส่วนฉินมั่วไม่รู้ว่ายัยเสือน้อยไปทำอะไร เขามึนศีรษะ เห็นอะไรโคลงเคลงไปหมด อยากจะลุกขึ้นมาเรียกหาคน แต่เมื่อเห็นยัยเสือน้อยหอบเอากล่องยามาหา ก็ถึงกับชะงักมือ

ป๋อจิ่วหยิบเอากล่องยามาก่อน จากนั้นวิ่งไปถือกระติกใส่น้ำร้อนมาให้ ทั้งยังก้มหน้าก้มตาชงยารักษาหวัดให้ฉินมั่ว แล้วดึงเอายาเม็ดออกมา

นัยน์ตาดำขลับจ้องมองฉินมั่ว สื่อให้เขารู้ว่าเขาต้องกินยา

นับว่าเป็นครั้งแรกที่ฉินมั่วได้รับการดูแล เขามองดูยัยเสือน้อยวิ่งขึ้นลงวุ่นวาย ไปหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งมาพลิกดูไม่กี่หน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้น “มั่วมั่ว ฉันเล่านิทานก่อนนอนไม่เป็น งั้นฉันเล่านิทานที่แต่งเองให้ฟังดีไหม”

“หือ?” ฉินมั่วรู้สึกว่ามันยากนะที่เจ้าหล่อนจะไม่ซน รู้จักเล่านิทานก่อนนอนให้เขาฟังด้วย มุมปากอดแยกยิ้มไม่ได้

เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น ยัยเสือน้อยก็หลุบตา จุ๊บแก้มเขาทีหนึ่งโดยที่ฉินมั่วไม่ทันระวัง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะป่วยหรือว่าเหตุผลอื่น ทว่าหลังหูเขาแดงเถือกเลยทีเดียว จนเมื่ออารมณ์เปลี่ยน ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ยัยเสือน้อยเริ่มแต่งนิทาน

บ้านตระกูลป๋อชำนาญในพระธรรมคำสอนของศาสนาพุทธและคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ แม้จะเป็นคนละลัทธิความเชื่อก็ตาม แต่พอจะสังเกตได้จากสิ่งที่ยัยเสือน้อยพูดออกมา จึงส่งผลให้มีนิทานตามนี้

“กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว มีคนหนึ่งศึกษาวิชามาร ส่วนอีกคนศึกษาวิชาเซียน คนที่ศึกษาวิชามารเป็นผู้มีโทษทัณฑ์ที่ไม่อาจได้รับการยกโทษให้ ต้องอยู่อย่างตกต่ำ ไร้ร่องรอย ส่วนคนที่บำเพ็ญเซียนได้กลายเป็นเซียนลอยขึ้นฟ้า เป็นอมตะ ไม่มีใครรู้ว่าสองคนนี้รู้จักกัน แถมยังสนิทกันมากด้วย พวกเขาเจอกันเมื่อตอนแปดขวบตอนที่ไปคารวะขอเป็นลูกศิษย์เซียนท่านหนึ่งที่ภูเขาหิมะคุนหลุน แต่คนบำเพ็ญมารกลับมีนิสัยดื้อด้าน ชอบก่อเรื่อง เขามักเอายาวิเศษที่ได้มไปให้คนบำเพ็ญเซียนจนหมด เพราะคนบำเพ็ญเซียนต้องสูญเสียพลังมาก แล้วยังต้องบรรลุหลักธรรม ถึงจะเมตตาสัตว์โลกได้

ทั้งสองคนต่างมีความสามารถทัดเทียมกัน แต่มาวันหนึ่งคนบำเพ็ญมารทำความผิดครั้งใหญ่ เขาละเมิดศีลข้อการห้ามฆ่าสัตว์เพื่อช่วยศิษย์พี่ที่บำเพ็ญเซียน เลยถูกกักขังที่เทือกเขาคุนหลุนสามปี ตอนนั้นศิษย์พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนเขาทุกวัน กลายเป็นฝ่ายให้ยาวิเศษเขาแทน แต่เขากลับปฏิเสธ คนบำเพ็ญมารบอกว่าข้ายั้งมือไม่อยู่ในเวลาที่เห็นท่านถูกทำร้าย อีกทั้งยังเมตตาต่อสัตว์โลกไม่ได้ คงเพราะเหตุนี้เขาจึงหมดคุณสมบัติที่จะกลายเป็นเซียน

 ………………………………………

ตอนที่ 1899-2 วัยเด็กแสนสุข

นับจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็กลายเป็นมาร เดินท่องโลกมนุษย์ ลิ้มรสความทุกข์ยาก เห็นทุกสรรพสิ่ง แปลงร่างเป็นคุณชายไม่ได้เอาไหนที่คอยอาศัยนอนตามโรงน้ำชา เขาจำได้เพียงคนที่สั่งสอนเขาเมื่อพบกันเป็นครั้งแรกที่ใต้เขาคุนหลุน ทว่าทั้งสองเจอหน้ากันอีกไม่ได้ หากที่ไหนที่มีศิษย์พี่ เขาก็จะพยายามเลี่ยง ทว่าหลายคนไม่เข้าใจ คนที่บำเพ็ญมารไม่จำเป็นต้องเป็นคนเลว ส่วนคนที่บำเพ็ญเซียนก็ไม่น่าจะเป็นคนดี หลายคนทำความผิดแล้วไม่กล้ายอมรับก็ถือว่าแย่มากแล้ว แต่บางคนกลับโยนความผิดไปให้คนอื่น นี่แหละคือสันดานมนุษย์ที่ไม่แยกแยะในวิถีมารหรือวิถีเซียน เพราะคนที่บำเพ็ญมารเป็นคนทำอะไรเปิดเผย กระทั่งกำความลับของผู้คนมากมายไว้ในมือ แต่ว่าคนที่มีความผิดมักคิดจะกัดคนอื่นก่อน พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยทำอะไรมาบ้าง ได้แต่ด่าว่าคนที่บำเพ็ญมาร เริ่มใส่ร้าย วางแผนล่อ

เมื่อพวกเขาได้รู้ข่าวว่าคนบำเพ็ญมารต้องผจญเคราะห์กรรมทุกรอบสิบปี ก็ฉวยโอกาสล่อให้เกิดสายฟ้ามหาประลัย นับจากนั้นเป็นต้นมา คนบำเพ็ญมารถูกทำลาย เดิมที่จิตวิญญาณน่าจะสูญสลายหมดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อจะลงนรกไป เขาเหลือจิตวิญญาณเพียงเล็กน้อย พวกนั้นบอกว่าคนที่ทำลายเขาไม่ใช่พวกคนที่บำเพ็ญเซียน แต่เป็นตัวเขานั่นแหละที่ไม่ยอมรับชะตากรรม ทว่าในวันเดียวกัน ก็มีอีกคนที่ไม่ยอมรับชะตากรรม ด้วยการใช้เลือดเนื้อความเป็นเซียน แลกมาซึ่งการเปลี่ยนชะตา แต่ไม่ได้เปลี่ยนชะตาให้ตัวเองนะ เปลี่ยนให้อีกคนต่างหาก ก็คนที่ควรจบชีวิตลงนั่นไง พระยูไลถามเขาว่า เขาจะเสียใจไหมเมื่อต้องเปลี่ยนจากเซียนมาเป็นสิ่งที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาบอกว่าไม่เสียใจ เขาคิดถึงตอนอายุแปดขวบที่ได้เจออีกคนมากที่สุด ตอนนี้เขามีบุญบารมีและความสุขอย่างพรั่งพร้อม แล้วขอให้มอบทั้งหมดให้อีกฝ่าย พระยูไลส่ายหน้าอย่างสลดใจที่มหาเซียนเช่นเขาที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณกลับต้องมามีจุดจบเช่นนี้ เขาไม่ตอบ บอกเพียงว่ามันเป็นชะตาลิขิต เขาหัวเราะ ดาบขาวในมือกลายเป็นเงา แล้วใช้เลือดเป็นตัวนำ ชะล้างนรก ก่อความสะเทือนต่อสามโลก

คืนนั้นบนเส้นทางแปดร้อยลี้สู่นรกไม่มีวิญญาณเลย มีก็แต่สัญลักษณ์แห่งธรรมอันโชติช่วง ทอดตัวเป็นเส้นทาง ราวกับจะเรียกให้ใครกลับมา เจ้าแม่กวนอิมเห็นแล้วถึงกับหลั่งน้ำตา ระฆังที่วัดเหลยอินส่งเสียงเป็นระยะ พระยูไลได้แต่พึมพำว่า อมิตตาพุทธ”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ยัยเสือน้อยก็เอียงศีรษะ ทำท่าเหมือนรอคำชม “มั่วมั่ว เรื่องนี้สนุกไหม?”

“เธอแต่งต่อไปสิ” ฉินมั่วหันมามอง

ยัยเสือน้อยส่ายหาง “งั้นขอฉันคิดก่อนแล้วจะมาเล่าให้เธอฟังในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้เธอนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะได้สบายดี”

ฉินมั่วมองดูใบหน้าเล็กๆ ที่เข้ามาใกล้ ก่อนจิ้มนิ้วที่หน้าเธอ “ยัยโง่ สบายใจได้”

“หือ?” ยัยเสือน้อยกะพริบตาอย่างงงงวย

ยาออกฤทธิ์แล้ว เด็กน้อยกำลังจะนอนหลับ ส่งเสียงดังออกมา “ต่อให้พวกเราโตแล้วไม่เหมือนกัน ฉันก็จะไม่ให้ใครทำร้ายเธอ”

ยัยเสือน้อยได้ยินในสิ่งที่เขาพูด นัยน์ตาเจิดจ้า

อันที่จริงเธอรู้มาว่าสิ่งที่ต้องทำในอนาคตจะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่ยอมรับ เธอเคยดูการ์ตูนและหนังมามากมาย ก็ล้วนแต่บอกว่าคนที่ไม่ได้อยู่โลกเดียวกันย่อมอยู่ร่วมกันไม่ได้

เธอเคยถามคุณตาอาน รู้ว่าบ้านเจ้าหญิงน้อยเป็นตำรวจ

ไม่ ไม่สิ น่าจะโหดกว่าตำรวจอีก ยังไงเสียก็เป็นพวกที่มาจับเธออยู่ดี ทั้งนี้เธอไม่อยากให้เขาเป็นคนมาจับเธอ และยิ่งไม่อยากให้เขาเกลียดเมื่อรู้ว่าเธอทำอะไร ถึงได้แต่งเรื่องที่สื่อความหวังนี้ออกไป

แต่สิ่งที่ทำให้เธอยินดีเหลือเกินก็คือคำพูดของเขา ยัยเสือน้อยหันไปมองดูเจ้าชายน้อยที่นอนบนเตียง

เอ เขาถือได้ว่าเป็นของของเธอหรือยังนะ?

…………………………………………………

ตอนที่ 1898-1

เมื่อเห็นการกระทำที่ไม่น่าเชื่อถือของใครบางคน ฉินมั่วลากป๋อจิ่วเข้ามาหาตัวโดยไม่แสดงออกทางสีหน้า ก่อนจะลูบหัวอีกฝ่าย คุณป๋อเห็นแล้วรู้สึกขำ เจ้าเด็กบ้านตระกูลฉินนี่จะเลี้ยงลูกแทนเขาจริงๆ แฮะ? คุณป๋อเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะอุ้มตัวท่านจิ่วของตัวเองขึ้นมา “เอาละ หนูคงต้องนัดกับเจ้าหญิงน้อยตอนบ่ายแล้วล่ะ ไปกับพ่อก่อน”

“ไปไหน?” ยัยเสือน้อยถามจบ ก็เสริมอีกประโยค “พ่อมาไม่ถูกเวลาเลยอะ”

คุณพ่อหัวเราะ วางลูกนั่งบนมอเตอร์ไซด์ “ต้องขอโทษจริงๆ นะ แต่ท่านจิ่วลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”

ยัยเสือน้อยเอียงศีรษะ วันศุกร์เป็นวันที่มหาวิทยาลัยที่พ่อเรียนอยู่ชอบจัดงานอะไรก็ไม่รู้ ครั้งที่แล้วเป็นโต้วาที ส่วนครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นงานอะไร พ่อจะเข้าร่วมเป็นบางครั้งเพื่อให้แม่ตามไปให้กำลังใจ ยัยเสือน้อยรู้ดีว่าพ่อตามหาเธอเพราะอะไร ก็เพราะอยากให้เธอไปทำตัวแบ๊วเรียกความสนใจนั่นเอง แต่เธออยากอยู่มั่วมั่วนี่นา

ฉินมั่วมองดูยัยเสือน้อยที่เอาแต่มองเขาอยู่บนมอเตอร์ไซด์ ตอนแรกก็คิดว่าแค่ออกมาเดินเล่น เลยไม่ได้สวมหมวกออกมาด้วย ยิ่งคิด คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดมุ่น จึงปลดผ้าพันคอขอตัวเองออกมาพันให้อีกฝ่าย ราวกับเป็นพี่ชายที่แสนดี ทั้งยังเอ่ยเสียงเรียบ “ไปกับคุณอาป๋อ ต้องเป็นเด็กดีนะ อย่าซนล่ะ แล้วอย่าดึงผ้าพันคอทิ้ง เข้าใจไหม?”

“อื้อ” ยัยเสือน้อยพยักหน้าแรง

ฉินมั่วหันมาเอาลูกอมรสมินต์มาใส่ในกระเป๋าเสื้อยังเสือน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองผู้ใหญ่ เอ่ยขึ้นว่า “คุณอาคงต้องคุมเขาหน่อยนะครับ เขาชอบกินลูกอม ฟันก็ยังไม่หายดีเลยกินเยอะไม่ได้ อันนี้เป็นโควตาของวันนี้ อย่าซื้อให้เขาอีกนะครับ ครั้งที่แล้วคุณอาซื้อมาเยอะมาก พอเขากินหมดก็ไม่ยอมนอนเลย”

เด็กโข่งผู้มีประสบการณ์ลึกล้ำได้ยินแล้วหยักยิ้มมุมปาก เจ้าเด็กนี่มันเตือนเขา?

เขาไม่ได้เอาใจใส่จิ่วมากมายสักเท่าไร แต่สิ่งที่เจ้าเด็กนี่พูดควรจะเป็นคำพูดของเขาต่างหาก เพราะท่านจิ่วเป็นลูกเขา “หนนี้เราไม่ไปร้านขายลูกอม ไม่มีโอกาสซื้อให้เขาแน่ สบายใจได้” คุณป๋อพูดจบก็ก้าวขาขึ้นนั่ง ก่อนจะประคองรถ สวมหมวกกันน็อก ชนิดที่ไม่กลบความเท่ของเจ้าตัวเลย

เขาเคลื่อนรถออกไปจนชายเสื้อสะบัด ด้วยความที่มีเด็กน้อยนั่งอยู่ด้านหลัง จึงทำให้ภาพนั้นน่าดูมาก

ฉินมั่วมองดูรถที่เคลื่อนตัวห่างออกไปจนมองไม่เห็น แล้วถอนสายตากลับมา ทางด้านคุณพ่อบ้านได้ยินว่าคุณหนูจิ่วถูกคุณป๋อรับตัวไปแล้ว ก็เดาว่าวันนี้คุณชายคงไม่อยากทานอาหารสักเท่าไร

ไม่ผิดคาด ถึงขั้นที่ไม่สั่งให้ครัวทำขนมหวานเลย

ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะฉินมั่วอารมณ์ไม่ดี แต่เพราะใครบางคนไม่อยู่ด้วย หากเขาต้องกินของพวกนี้เพียงคนเดียวย่อมไม่อร่อย ยังดีที่เดี๋ยวคุณตามีงานเลี้ยงที่จะพาเขาไปด้วย ฉินมั่วจึงมีอะไรให้ทำ

 ……………………………………………

ตอนที่ 1898-2

เวลาที่ต้องตามคุณตาไปงานเลี้ยงสังสรรค์ของนักธุรกิจ ฉินมั่วมักจะแต่งตัวเสมือนเป็นเจ้าชายน้อย นี่เป็นเรื่องที่วิลเลี่ยมจูเนียร์ยังสู้ไม่ได้

ดังนั้นเมื่อทั้งสองเจอหน้ากัน วิลเลี่ยมจูเนียร์ได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจ ไม่กล้าพูดอะไร เพราะอีกฝ่ายหลอกลวงเก่ง แถมจิ่วยังสั่งเขาว่า หากได้เจอกับเจ้าหญิงน้อยของเธอในงานเลี้ยงล่ะ ก็ให้ช่วยปกป้องด้วย เพราะเจ้าหญิงน้อยของเธอหน้าตาดีมาก กลัวว่าจะมีอันตราย

วิลเลี่ยมจูเนียร์ได้ยินแล้วอยากโพล่งอะไรในใจเหลือเกิน แต่กลับสรุปได้เพียงประโยคเดียวว่า แดดดี้หลอกเขา ไหนบอกว่าร่างกายแข็งแกร่งแล้วจะมีผู้หญิงมาชอบไงล่ะ? ผิดเลย ขอแค่หน้าตาดี อย่างอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว แถมไอ้คนหน้าตาดีมันยังเล่นละครเก่ง แทบจะไม่ปล่อยโอกาสให้คนอื่น

ดูจากเด็กๆ ที่มาร่วมงานวันนี้สิ ต่างหลงมันกันหมด นี่แหละที่น่าจะเป็นจุดประสงค์ที่มางานในวันนี้ของมัน น่าโมโหจริงเชียว นี่เขาจะหาเพื่อนจากงานนี้ไม่ได้เลยเหรอ?

วิลเลี่ยมจูเนียร์เห็นแผ่นหลังเย็นชาของคนที่ถูกห้อมล้อม เวลาที่เด็กๆ พูดด้วย เจ้านั่นจะตอบบ้างเป็นบางครั้ง ทำตัวเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็ง มันต้องรู้แน่นอนว่าตอนนี้สไตล์แบบนี้กำลังฮิต ถึงได้แกล้งเล่นละคร เวลาอยู่ต่อหน้าจิ่ว ไม่เห็นมันจะทำแบบนี้เลย แถมยังเข้าถึงไม่ยากด้วย!

สำหรับเรื่องนี้ วิลเลี่ยมจูเนียร์เข้าใจผิดอย่างแรง เพราะนี่แหละคือตัวตนแท้จริงของฉินมั่ว เขามักปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเย็นชาและมีมารยาท เว้นแต่ยัยเสือน้อยเท่านั้นที่ทำให้เขายอมอดทนโอ๋เอาใจ ทั้งยังเกิดอารมณ์ดีใจและโมโหเหมือนเด็กในวัยเดียวกัน

ทว่าพวกเขายังอายุน้อยมาก จึงไม่รู้ว่าตอนนั้นตัวเองรู้สึกอย่างไรในเวลานั้น

งานเลี้ยงดำเนินไปเป็นเวลานานจนถึงห้าทุ่ม จึงจะจบงาน ตอนแรกฉินมั่วไม่รู้สึกอะไร เพราะเวลาแบบนี้ที่ประเทศจีนยังถือว่าไม่ดึก แม้ว่าเด็กวัยห้าหกขวบย่อมง่วงนอนกันหมดแล้ว

ฉินมั่วที่ลงรถมาที่ตาเลื่อนลอยหน่อยๆ จนกระทั่งเห็นยัยเสือน้อยที่นั่งอยู่หน้าบ้านเขา ก็ตื่นตัวขึ้นทันที รีบถอดเสื้อตัวนอกมาพันตัวยัยหนู “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”

“ฉันมารอเธอไง” ยัยเสือน้อยเอาคางเกยบ่าอีกฝ่าย พอเห็นว่ามีคนมาแล้ว ดวงตากลมโตก็เริ่มง่วงงุน เสียงนั่นง่วงเหลือเกิน “ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวมั่วมั่วก็กลับมาแล้ว ไม่คิดว่านาน ไม่คิดว่า…”

จากนั้นยัยเสือน้อยค่อยๆ หลับตาลงเหมือนวูบหลับ เพราะไม่นานฉินมั่วก็ไม่ได้ยินเสียงพูดของคนในอ้อมกอดอีก เหลือแต่เสียงลมหายใจ

เขายื่นมือสัมผัสใบหูเธอ และรู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบ จากนั้นจึงอุ้มเธอขึ้นมา แต่ด้วยเหตุที่อุ้มคนตัวเท่ากัน ฉินมั่วจึงเดินโซซัดโซเซ ทว่าเมื่อโชเฟอร์ยื่นมือเข้าช่วย เขากลับเบี่ยงตัวหนี

เวลานั้นคุณพ่อบ้านไม่อยู่ด้วย ทางด้านคุณท่านอานเองยังตกใจกับความมุ่งมั่นรับผิดชอบจากสีหน้าหลานชายเช่นกัน และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา เวลามีธุระอะไร หลานท่านจะต้องกลับก่อนสามทุ่ม แม้ว่าจะไปร่วมงานเลี้ยง ด้วยเหตุที่ว่าเขาต้องเลี้ยงดูเด็กน้อย

เวลานี้ยัยเสือน้อยตัวเย็น เธอคงรออยู่ข้างนอกจนหนาวไปหมด

วันต่อมา ฉินมั่วหาพ่อบ้านมาเพิ่มเพื่อดูแลเปิดประตูให้กับยัยเสือน้อยโดยเฉพาะ แถมยังทำกุญแจเสริม เอาไปใส่ในกระเป๋าของเธอ หากจะบอกว่าเด็กสองคนนี้ตัวติดกันก็คงไม่เกินจริง เพราะไม่เพียงเท่านี้ บางครั้งเวลาที่ฉินมั่วออกไปข้างนอกก็จะพาตัวเธอไปด้วย ทั้งยังทำตัวเป็นพี่ชายที่ดูแลน้องตลอดเวลา จนทุกครั้งที่ผู้คนเห็นเด็กทั้งสอง เป็นต้องเปรียบเทียบกับลูกหลานตัวเอง และเมื่อยิ่งเปรียบเทียบก็จะยิ่งเห็นความแตกต่างมากมาย

…………………………………..

ตอนที่ 1898-3

นับจากนั้นเป็นต้นมา พวกแองเจลิน่าก็เข้าใจแล้วว่าพวกเธอหมดโอกาสแล้ว คนทั้งวงการธุรกิจต่างรู้ดีว่า ทายาทตระกูลอานมีคู่หมายเรียบร้อย แถมยังดีต่อกันมาก ขนาดที่ยัยหนูกินข้าวทีไร ฉินมั่วต้องพับแขนเสื้อให้ทุกที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่เชือกผูกรองเท้าของเธอหลุด เขายังก้มลงผูกให้อีก ก่อนจะลูบหัวยัยหนูนั่นตบท้าย

ยิ่งได้เห็นภาพเหล่านี้ สามีภรรยาหลายคู่ต่างอยากมีลูกสาวกันทั้งนั้น ภาพคนเป็นพี่ชายดูแลน้องสาวนี่ช่างอบอุ่นเหลือเกิน

นอกจากนี้ยังมีบางเรื่องที่คนอื่นไม่รู้ เช่นในช่วงสองวันก่อนจะถึงวันสิ้นปีของวันตรุษจีน ฉินมั่วได้รับสายจากพ่อแจ้งว่า ช่วงนี้ภารกิจที่กองทัพยุ่งมาก เกรงว่าจะกลับบ้านมาอยู่ฉลองด้วยไม่ได้

วันเทศกาลที่สำคัญที่สุดของคนจีนก็คือวันตรุษจีน เป็นวันที่คนในครอบครัวมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่ฉินมั่วไม่เคยได้ฉลองท่ามกลางบรรยากาศที่ว่า ตอนที่อยู่ในเขตทหาร คุณปู่จะอยู่ฉลองเป็นเพื่อนเขา แต่ด้วยเหตุที่คุณปู่เกษียณแล้ว คุณพ่อย่อมต้องรับหน้าที่ทางการงานแทน ส่วนแม่เขาก็กำลังรุ่งพุ่งแรงในด้านการงาน หาเวลาว่างไม่ได้

หากว่ากันตามหลักแล้ว ฉินมั่วน่าจะชิน

แต่ปีนี้ เขาอยากแนะนำยัยเสือน้อยให้พ่อแม่เขารู้จัก แถมนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอพวกท่าน จึงรู้สึกวูบโหวงในใจ จะว่าไปเขาก็ยังอายุน้อยอยู่ ต่อให้รู้คิดแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี

ฉินมั่วไม่ใช่คนที่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า ดังนั้นคุณท่านอานจึงไม่รู้ ประจวบกับในช่วงปลายปี ทางบริษัทลูกเกิดเรื่องขึ้นพอดี ท่านจึงต้องไปจัดการ

เมื่อท่านขึ้นรถไปก็สั่งลูกจ้างทุกคนให้ดูแลหลานท่านเป็นอย่างดี ทว่าคุณท่านอานไม่เข้าใจ ฉินมั่วไม่ได้อยากได้คนดูแล แต่อยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อน ยังดีที่มีคุณพ่อบ้านอยู่ด้วย ท่านจึงรู้ท่าทีของหลานได้ทันท่วงที

พอได้ยินว่าตั้งแต่ที่ท่านขึ้นรถมา ฉินมั่วก็ไม่ได้ลงจากห้องมาเลย คุณท่านอานจึงรีบโทรเข้าบ้านตระกูลป๋อ โดยมียัยเสือน้อยเป็นคนรับ “ฮัลโหล คุณตาอาน”

คุณตาอานพูดเสียงนุ่ม “ตาเองลูก จิ่ว วันนี้ตาไปติดต่องานที่ต่างเมือง ที่บ้านไม่มีใครเลย ถ้าทำการบ้านของหนูเสร็จแล้ว ก็ช่วยไปดูพี่มั่วหน่อยได้ไหม?”

“หนูจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” ยัยเสือน้อยได้ยินว่าที่บ้านนั้นมีเพียงเจ้าหญิงน้อยเพียงคนเดียว แถมเธอก็ทำภารกิจที่ได้รับจนเสร็จเรียบร้อย จึงอุ้มคีย์บอร์ด สวมเสื้อขนเป็ด เดินไปยังบ้านฉินมั่ว เธอวางแผนไว้ว่าจะให้มั่วมั่วลองชิมอาหารฝีมือเธอ ไม่แน่ว่าเจ้าหญิงน้อยอาจจะยอมให้เธอเลี้ยงก็เป็นได้ คิดแล้วมีความสุขดีออก

ป๋อจิ่วคิดเช่นนี้พลางผลักประตูชั้นสอง

ส่วนฉินมั่วกลับคิดว่าเป็นคุณพ่อบ้าน เขานอนห่มผ้าห่มคลุมหน้า เอ่ยเสียงเรียบว่า “ออกไป”

ป๋อจิ่วได้ยินเสียงที่ไร้ความอบอุ่นแล้วก็วางคีย์บอร์ดลง ก่อนจะกระโจนลงบนเตียงไปกอดเจ้าหญิงน้อยผ่านผ้าห่ม “มั่วมั่ว ฉันเอง”

ฉินมั่วตะลึง เขาไม่คิดว่ายัยเสือน้อยจะเป็นคนที่เข้ามา เพราะเวลาแบบนี้เธอน่าจะทำภารกิจของตัวเองเสียมากกว่า แถมเขายังดูออกด้วยว่า ช่วงนี้คุณอาป๋อสั่งการบ้านเธอเยอะมาก

แล้ว…ทำไมยัยเสือน้อยถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่?

………………………………………………

ตอนที่ 1897-2 เทพฉิน…เอกการละคร

เขาลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ยัยเสือน้อยยังคิดว่าเขากำลังโกรธเธออยู่ ถึงได้เดินตามติดเขาไป แล้วก็เห็นเขาดึงลิ้นชัก หยิบถุงมันฝรั่งทอดที่เตรียมไว้ให้เธอ “มั่วมั่ว เธอไม่กินขนมแบบนี้นี่นา?”

ฉินมั่วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบ “เธอไม่อยู่ ฉันกลัวว่าเธอหิว เลยไม่ได้กินข้าวเย็น” ในขณะที่เขาพูดเช่นนี้ออกมา คุณพ่อบ้านก็ถือถาดใส่จานผลไม้มาให้พอดี เพราะทุกคืนคุณชายต้องป้อนผลไม้ให้คุณหนูจิ่วกิน เนื่องจากเธอชอบกินเนื้อมาก หากจะพูดตามที่คุณชายได้เคยกล่าวไว้ก็คือ เกรงว่าเธอจะขาดสารอาหารจำพวกวิตามิน จึงเอาผลไม้มาเสริม

ด้วยเหตุนี้เขาที่บังเอิญได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของคุณชายเข้า ถึงกับพูดในใจว่า…คุณชายปากไม่ตรงกับใจนี่

คุณหนูจิ่วตามผู้กำกับวิลเลี่ยมออกไปข้างนอก จะหิวได้ยังไง คุณน่ะกินไม่ลงเพราะรู้ว่าคุณหนูจิ่วไปเที่ยวเล่นกับคนอื่น ไม่ยอมอยู่เล่นกับคุณต่างหาก

ทว่าในฐานะที่เป็นคุณพ่อบ้านมืออาชีพ ถึงจะอายุยังน้อย แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ออกไป

ป๋อจิ่วเป็นพวกเข้าอกเข้าใจความรู้สึกคนอื่นมาก ดวงตากลมโตมองยังนอกหน้าต่าง ฝนยังคงตกอยู่ เมื่อกี้ตอนที่เธอกลับมา ฟ้าก็ร้องคำรามแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าหญิงน้อยเกลียดที่สุด เธอรู้ดีว่าปกติแล้วตระกูลอานกินอาหารตรงต่อเวลา เจ้าหญิงน้อยไม่ได้กินข้าวเย็นเพราะเธอ แต่เธอกลับเที่ยวสนุกอยู่นอกบ้าน ยัยเสือน้อยรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก จึงยื่นมือโอบรัดเอวอีกฝ่ายจากด้านหลัง ส่ายหางไปมา “มั่วมั่ว ฉันผิดไปแล้ว”

เมื่อเห็นสภาพอีกฝ่าย ฉินมั่วก็เห็นว่าพอควรแล้ว จึงพูดออกไปจากใจจริง “ป๋อเสียวจิ่ว ถ้าเธอออกไปเล่นกับคนอื่นอีกก็อย่ามาเล่นกับฉัน เข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้ว ต่อไปฉันจะเชื่อฟังเธอ” ยัยเสือน้อยส่ายหาง พูดอย่างจริงจัง

ฉินมั่วหันกลับมาพันนิ้วบนเส้นผมเธอ “ครั้งนี้จะยกโทษให้”

ยัยเสือน้อยพยักหน้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี ไม่ต้องให้ฉินมั่วเตือน จึงเข้าไปอาบน้ำจนตัวหอม แล้วมานอนข้างๆ ดวงตากลมโตจ้องฉินมั่วพลางฟังนิทานที่เขาอ่าน

ต้องบอกว่าวิธีของฉินมั่วได้ผลมาก เพราะในวันต่อมา เมื่อวิลเลี่ยมจูเนียร์อุ้มลูกบาสมาหาเธอ ยัยเสือน้อยปฏิเสธอย่างหนักแน่น “ไม่ไป”

เดิมทีวิลเลี่ยมจูเนียร์ก็หน้าแดงอยู่แล้ว เขาออกจะคาดหวังกับการนัดเดทที่สนามบาสมาก เพราะเขาพอจะเข้าใจตัวเจ้าปีศาจเอเชี่ยนนั่นแล้ว มันไม่ชอบกีฬาที่ออกเหงื่อ ย่อมไม่ออกไปข้างนอกกับจิ่ว งั้นเขาก็จะได้อยู่กับจิ่วสองคน แต่ไม่คิดเลยว่าจะกลับกลายเป็นเช่นนี้

“พวกเรานัดกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?” วิลเลี่ยมจูเนียร์พยายามกลั้นความโกรธไว้

ทว่าป๋อจิ่วกอดคีย์บอร์ด เอ่ยอย่างเป็นเรื่องจริงจัง “เมื่อคืนฉันทิ้งมั่วมั่วให้อยู่คนเดียว เขาเลยไม่ได้กินข้าว แถมเขากลัวความมืดด้วย ฉันจะต้องอยู่เป็นเพื่อนเขา”

กลัวความมืด? เจ้าปีศาจจากเอเชียเนี่ยนะ? เป็นไปได้อย่างไร ไม่ได้การล่ะ วันนี้เขาจะต้องฉีกหน้ากากมันให้ได้ “จิ่ว เจ้าฉินนั่นไม่มีวันกลัว…”

 ……………………………………..

ตอนที่ 1897-3 เทพฉิน…เอกการละคร

ในระหว่างที่วิลเลี่ยมจูเนียร์รวบรวมความกล้า กะจะฉีกหน้ากากของคนบางคน ทว่าคนที่เขาจะฉีกหน้ากากกลับปรากฏตัวออกมา

เจ้านั่นสวมชุดสูทสีดำ แต่งผมอย่างดีจนเหมือนเจ้าชายน้อย มันกวาดตามองเขา ท่าทางหยิ่งผยองนั่นเจือแววข่มขู่

วิลเลี่ยมจูเนียร์ได้แต่ขยับลำคอ กลืนคำพูดตัวเองกลับไป

ไม่สิ! นี่เขากลัวอะไร! ต่อให้เจ้าปีศาจนั่นตัวโตขึ้น แต่ก็แข็งแรงสู้เขาไม่ได้ เขาไม่จำเป็นต้องกลัว! แต่ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อวิลเลี่ยมจูเนียร์เจอกับฉินมั่ว เป็นต้องนึกเรื่องตอนที่มันยืนด้านหลังเขาในร้านแฮมเบอร์เกอร์ ทำให้อยากถอยหนีอัตโนมัติ

แต่เมื่อคิดให้ดี คงมีแต่จิ่วเท่านั้นที่อยู่ใกล้อีกฝ่ายได้ ถึงพวกแองเจลิน่าจะเรียกมันว่าเจ้าชายน้อย แต่พอจะดูออกว่าเวลาอยู่ต่อหน้ามัน พวกเขาล้วนแต่หวาดกลัวอยู่ร่ำไป

ฉินมั่วสังเกตเห็นแววตาของวิลเลี่ยมจูเนียร์แน่นอน คุณตาบอกว่าเราจะต้องมีมารยาทต่อพวกคนต่างชาติ แสดงให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมของชาวจีนที่มีมานานนับพันปี ฉินมั่วไม่เคยเสียมารยาทต่อคนอื่น แต่เจ้าคนผมแดงที่คิดจะฉกยัยเสือน้อยที่เขาเลี้ยงดูไป เขาย่อมต้องคิดบัญชีกับมัน

วิลเลี่ยมจูเนียร์เห็นอีกฝ่ายหรี่ตามองตัวเอง ทั้งยังเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันไม่น่าจะ…ยังไง?”

“กลัวความมืดไง” วิลเลี่ยมจูเนียร์ฝืนใจตอบ อย่างไรเสียก็ต้องโดนเล่นงานอยู่ดี สู้พูดให้จบเลยจะดีกว่า “โตขนาดนี้แล้ว แถมเป็นผู้ชายด้วย นายว่าเป็นไปได้ไหมที่จะกลัวความมืด?” น่าเสียดายที่วิลเลี่ยมจูเนียร์ประเมินความแข็งแรงของผิวหน้าคุณชายฉินได้อย่างผิดมหันต์

 “ใครๆ ก็ต้องมีเรื่องที่ตัวเองกลัวกันบ้าง” ฉินมั่วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหงาหงอย “ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ฉันก็ไม่อยากกลัวความมืดหรอก เพราะจะถูกคนหัวเราะเยาะเอา แต่จะทำยังไงได้ล่ะ”

วิลเลี่ยมจูเนียร์…เฮ้ย ทำไมมาไม้นี้วะ!

ส่วนคุณพ่อบ้านที่ได้ยินทุกอย่างจบหมด ได้แต่เงยหน้ามองเพดาน เขาไม่มีวันบอกใครๆ หรอกว่า คุณชายของเขากล้าเดินลงห้องใต้ดินในเวลากลางดึกกลางดื่น แถมเวลาดูหนังผีทีไร ทำเหมือนอย่างกับดูหนังไซไฟ ไม่กลัวเรื่องภูตผีปีศาจงูเงี้ยวเขี้ยวขอเสียชนิดที่เก่งกว่าผู้ใหญ่อีก ดังนั้นเรื่องกลัวความมืดอะไรเนี่ย รับรองว่าต้องเสแสร้งแน่นอน คงมีแต่คุณชายของเขาเท่านั้นแหละที่เสแสร้งได้หน้าไม่อายเอามากๆ แต่กลับได้ผล เพราะเขาได้ยินคุณหนูจิ่วพูดว่า “มั่วมั่ว ไม่ต้องกลัว ต่อไปฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ”

“แต่วิลเลี่ยมจูเนียร์คงอยากพาเธอออกไปเล่นข้างนอก”

“เขามีเพื่อนเยอะจะตาย แถมเขาแข็งแรงขนาดนี้ ไม่มีอะไรที่เขากลัวหรอก”

วิลเลี่ยมจูเนียร์รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ แต่ด้วยเหตุนี้ นับจากนั้นเป็นต้นมา ป๋อจิ่วก็ไม่ได้ไปไหนกับใครตามลำพังอีก ด้วยเหตุจากฉินมั่ว แน่ละ แถมเธอกำลังเปลี่ยนฟันน้ำนมไปเป็นฟันแท้

พูดมาถึงตรงนี้ เนื่องจากปวดฟัน ทำให้ยัยเสือน้อยกินอะไรไม่ได้มากเหมือนเก่า ฉินมั่วจึงร้อนใจเอามาก ทุกเย็นเขาต้องกล่อมให้เธอกินข้าว เวลาแปรงฟันตอนเช้า เขาก็ยังยืนแปรงฟันให้เธออีก

 ………………………………………….

ตอนที่ 1897-4 เทพฉิน…เอกการละคร

ดังนั้นในสิบกว่าวันหลังจากนั้น คุณท่านอานจึงได้เห็นภาพที่หลานท่านเลี้ยงเด็ก ส่วนคุณพ่อบ้านผมทองไม่ได้นึกถึงเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมของทั้งสองชาติอีกแล้ว เพราะเขาพอจะเข้าใจแล้วว่าคุณชายทำเหมือนคุณหนูจิ่วเป็นตุ๊กตากระเบื้อง นอกจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันแล้ว กระทั่งเวลาอ่านหนังสือ คุณหนูจิ่วยังนั่งเล่นคีย์บอร์ดเป็นเพื่อนอยู่ด้านข้างด้วย

เด็กทั้งสองสนิทกันจนถึงขั้นไหนหรือ ก็ขออธิบายได้ว่า เมื่อก่อนในห้องของคุณชาย นอกจากเตียง ชั้นวางหนังสือแล้วก็ไม่มีอะไรอีก

แต่เมื่อรู้จักกับคุณหนูจิ่ว ทั้งขนมขบเคี้ยว เบาะนั่ง รวมถึงกล่องอุปกรณ์ขนาดเล็กและคอมพิวเตอร์อีกสองตัวก็ตามมา

หากพูดตามภาษาของคุณชาย ของเหล่านี้ก็คือของเล่นของคุณหนูจิ่ว ทว่าคุณพ่อบ้านหนุ่มผมทองคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่ากล่องอุปกรณ์นี่จะเป็นของเล่นได้อย่างไร?

แน่ละ พกเขาย่อมมีเวลาที่เงียบสงบ เมื่อถึงสิบโมงเช้า เด็กทั้งสองจะอยู่ในห้องหนังสือ ทุกครั้งเมื่อมาถึงตอนนี้ เวลาจะผ่านไปช้ามาก ฉินมั่วสวมสเวตเตอร์ตัวขาว มือหนึ่งกดลงบนกระดาษเซวียนจื่อที่ใช้เขียนพู่กันจีน ส่วนมืออีกข้างก็กุมป๋อจิ่วให้เขียนตัวอักษรทีละขีด ทีละเส้น เพื่อสอนหนังสือให้เธอ

แสงแดดทอดตัวเข้ามาส่งกระทบเด็กทั้งสอง คุณพ่อบ้านดูอยู่ด้านข้าง แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขารู้มานานแล้วว่าคุณชายหน้าตาดีมาก แต่คงจะมีเวลานี้นี่แหละที่คุณชายจะอยู่ในสภาพอ่อนโยน หากจะบอกว่าคุณชายเหมือนเจ้าชายเชื้อพระวงศ์อังกฤษ ไม่สู้บอกว่าเหมือนคุณชายจากตระกูลชั้นสูงในประวัติศาสตร์จีนเสียมากกว่า แต่ละท่วงท่าล้วนสง่าเหมือนอยู่ในภาพวาด ดูสูงส่งอย่างเป็นธรรมชาติ

หากมีแต่เด็กชายเพียงคนเดียว อาจทำให้คนอื่นไม่เปลี่ยนสายตาไปมองที่อื่น ทว่าข้างตัวเขากลับมียัยเสือน้อยด้วยนี่สิ เด็กที่อายุเท่ากัน แต่คนสูงกว่ากำลังสอนคนที่เตี้ยกว่าให้เขียนหนังสือ

หางเสือน้อยแกว่งไปมา ปลายจมูกเปื้อนน้ำหมึกเหมือนจงใจแต้ม ขาดอีกแค่สามขีดก็จะกลายเป็นหนวดแมวแล้ว แต่ท่าทางของยัยตัวเล็กดูจริงจังเหมือนกำลังปฏิบัติภารกิจที่ยิ่งใหญ่ คงเพราะท่าเธอน่าเอ็นดู ทำให้คุณชายหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ แล้วยิ้มขึ้นมา

ห้วงเวลาดังกล่าว คุณพ่อบ้านนึกถึงบทกวีจีนที่เคยเจอในวรรณกรรมเอเชียอันยิ่งใหญ่ ไม่ผิดหรอก ในนิยายเทพเซียนนั่นแหละ พวกนิยายยุคโบราณที่เห็นเกลื่อนในอินเทอร์เน็ต ถือเป็นเป็นวรรณกรรมเอเชียที่ยิ่งใหญ่ในความคิดของเขา

ในบทกวีนั่นเขียนไว้ว่า ‘หนุ่มน้อยขี่ม้าไม้ ดึงกิ่งเหมยเล่นกับสาวน้อย’ คงเป็นภาพความพิสุทธิ์เช่นนี้นี่เอง หากเปรียบเทียบม้าไม้และเหมยเขียวทั่วไปแล้ว คู่นี้ดูจะพิเศษกว่า เพราะเรียกได้ว่าความรู้และความเคยชินในการใช้ชีวิตของป๋อจิ่วได้มาจากการสั่งสอนของฉินมั่วทั้งนั้น

ตัวหนังสือตัวแรกที่เธอเขียนเป็น เขาก็เป็นคนสอน

บทกวีโบราณที่เธอท่องได้ เขาก็เป็นคนสอน

กระทั่งนิทานก่อนนอน เขาก็เป็นคนแรกที่เล่าให้เธอฟัง ทั้งกล่อมให้เธอนอน กินข้าว กินยา เขาดูแลอย่างครบถ้วนกระบวนความ ทว่าป๋อจิ่วก็ยังทะเล้นอยู่ดี การเรียนเขียนพู่กันจีนแล้ว เป็นโอกาสที่เธอได้ใกล้ชิดความงามของเขา

“มั่วมั่ว ขนตาเธอย้าวยาว ยาวกว่าฉันอีก”

หลังจากเขียนได้สี่คำ ยัยเสือน้อยก็ยื่นมือไปสัมผัสใบหน้างามสง่าอย่างอดใจไม่อยู่

ฉินมั่วชะงัก รู้ดีว่าแก้นิสัยที่ชอบมือถึงไม้ถึงของเธอไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้บังคับ นอกจากเอาผ้าพันคอมาพันให้เธอแล้วพาออกนอกบ้าน เพราะเราควรไปเดินเล่นผ่อนคลายในเวลาที่เหมาะสม แค่วันนี้มาเร็วไปหน่อย ครึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอว่านอนสอนง่ายมาก ทว่าไม่นานการออกไปเล่นผ่อนคลายกลับถูกขัดจังหวะ

“ท่านจิ่ว ลืมพ่อไปแล้วเรอะ? หือ?”

คุณป๋อนั่นเอง วันนี้เขาแต่งตัวเหมือนเป็นนักเรียนปริญญาเอก สวมเชิ้ตขาวไว้ด้านใน แถมผูกเนคไท มีแว่นตากรอบทองตั้งอยู่บนดั้งจมูก มือยังถือหนังสืออีก เขาใช้มือข้างนั้นเคาะศีรษะลูกสาว

………………………………………………

ตอนที่ 1896-1 ความรู้สึกเปลี่ยนไป

ฉินมั่วเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณตาต้องถามถึงเรื่องนี้แน่ จึงวางมีดและส้อมลง เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ใช่หลานสะใภ้สักหน่อย แต่ต่อไปผมจะเลี้ยงป๋อเสียวจิ่วเอง คุณตาไปบอกบ้านตระกูลป๋อก็ได้นะครับว่า เวลาที่เขาไม่มีอะไรกิน ก็ให้มากินที่บ้านเรา เพราะบ้านเขาไม่ค่อยมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย”

“หือ?” คุณท่านอานได้ยินแล้วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ นี่จะเลี้ยงลูกให้คนอื่นเขาแล้วยังไม่ยอมรับอีก ท่านเข้าใจตัวหลานดี น่าจะไม่ได้คิดเรื่องชู้สาวหรอก อีกอย่างอายุเท่าไรเอง ท่าจะชอบยัยเสือน้อยมาก ชอบแบบพี่น้อง

เวลานั้นคุณท่านอานยังไม่รู้ ที่หลานบอกว่า ‘เลี้ยง’ คือเลี้ยงดูจริงๆ เด็กน้อยสองคนจึงได้อยู่ด้วยกันเป็นประจำ ยัยเสือน้อยชอบเล่นเกม เวลามาที่บ้านตระกูลอานทีไร เจ้าหล่อนในชุดนอนเสือน้อยมักปีนโน่นปีนนี่ บางครั้งมีนกเค้าแมวมาเกาะที่ยอดกิ่งไม้ ยัยเสือน้อยก็มองดูเจ้าหญิงน้อยที่เล่นหมากล้อมเพียงคนเดียว ก่อนจะได้ไอเดียเด็ด วิ่งลงตึกไปปีนกำแพง

คุณพ่อบ้านผมทองยืนอยู่บนพื้น เอ่ยภาษาอังกฤษเสียงเบาว่า “คุณหนูจิ่ว อันตรายมากนะครับ” แต่เธอไม่ฟัง คุณพ่อบ้านจนปัญญา ต้องงัดไม้ตายมาใช้ “คุณชายมา”

ยัยเสือน้อยหูตั้ง ก้มลงมองทันที พอเห็นว่าไม่มีใครก็แย้มยิ้ม “คุณพี่พ่อบ้าน ซนอีกแล้วนะ เจ้าหญิงน้อยไม่ได้มาสักหน่อย”

คุณพ่อบ้าน…ใครกันแน่ที่ซน!

ป๋อจิ่วยังป่วนครั้งใหญ่ต่อ ช่างไม่รู้เลยว่ามีคนเห็นหมดแล้ว แถมยังได้แต่ถอนใจเบาๆ ก่อนจะนวดหัวคิ้ว ใบหน้าหยิ่งดูเอือมระอา จากนั้นจึงเดินไปที่ใต้ต้นไม้ ยืดตัวเหยียดตรง “ลงมา”

ยัยเสือน้อยตะลึงงัน เกาหน้าตัวเองพลางมองดูเจ้าของเสียง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉินมั่วดื่มนมในระหว่างหนึ่งเดือนที่ผ่านมาหรือเปล่า เขาในเวลานี้ถึงสูงเท่ากับจิ่วแล้ว เวลายืนจึงสง่ามาก

“มั่วมั่ว ตรงนี้มีนกเค้าแมวด้วย ฉันขึ้นมาเพราะเห็นมันเหงาอยู่บนต้นไม้คนเดียว อยากจะพามันไปเล่นข้างล่างด้วยกัน”

คุณพ่อบ้านได้ยินแล้วเงยหน้ามองฟ้า ข้ออ้างแบบนี้ยังอุตส่าห์หามาได้ นกเค้าแมวไม่ยอมแบกรับความซวยนี้เด็ดขาด

ฉินมั่วชินแล้วกับความทะเล้นของเธอ จึงยื่นมือทั้งสองออกไป สำทับซ้ำด้วยสีหน้าเย็นชา “ลงมา”

เมื่อใช้ความแบ๊วไม่สำเร็จ ยัยเสือน้อยได้แต่เกาะต้นไม้แล้วรูดตัวลงมา

เด็กชายรัดตัวอีกฝ่ายแน่น ทั้งที่ตัวเท่ากัน แต่เวลาที่เขาอุ้มเธอกลับมีท่าทีเหมือนพี่ใหญ่ น่าจะเพราะบุคลิกเป็นเช่นนั้น แต่คุณพ่อบ้านจะเข้าไปช่วยกลับโดนถลึงตาใส่ คุณชายที่เลี้ยงดูเด็กช่างน่ากลัวจริงๆ

ฉินมั่วหยิบใบไม้ออกจากศีรษะของป๋อจิ่ว เอ่ยเสียงเรียบว่า “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าปีนต้นไม้”

“ก็มันอดไม่ได้อะ” ป๋อจิ่วพูดตามตรง

ฉินมั่วอึ้งไป ไม่ได้พูดอะไร ทางด้านคุณพ่อบ้านอยากรู้เหลือเกินว่าคุณชายกำลังคิดอะไรอยู่ หากจะบอกว่าใครที่ทำให้คุณชายระอาใจได้มากที่สุด คิดว่านอกจากคุณหนูจิ่วแล้วคงไม่มีคนที่สอง

ช่วงนี้คุณหนูจิ่วกำลังอยู่ในช่วงฟันหลุด หน้าบวมครึ่งซีก คุณชายของเขารับคุณหนูจิ่วจากบ้านตระกูลป๋อมาอยู่ด้วย คอยเฝ้าดูเธอล้างหน้าแปรงฟัน จนคุณพ่อบ้านอยากบอกเหลือเกินว่าพ่อเขายังเลี้ยงดูเขาได้ไม่ดีเท่านี้เลย หรือว่านี่เป็นความแตกต่างของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก? ขนาดเลี้ยงเด็กก็ยังไม่เหมือนกัน?

……………………………………………..

ตอนที่ 1896-2 ความรู้สึกเปลี่ยนไป

ต่อมาไม่นาน คุณพ่อบ้านได้รู้จักครอบครัวเอเชียครอบครัวอื่น ถึงได้เข้าใจแล้วว่าวิธีการเลี้ยงดูเด็กของคุณชายพิเศษเพียงหนึ่งเดียว เพราะหากเป็นครอบครัวปกติเขาจะไม่พูดกันดังต่อไปนี้

ฉินมั่ว “ป๋อเสียวจิ่ว”

ป๋อจิ่ว “หือ?”

ฉินมั่ว “อ้าปาก”

ป๋อจิ่ว “มั่วมั่ว ฉันไม่ได้ปวดฟันแล้ว ไม่กินยาได้ป่ะ?”

ฉินมั่ว “ไม่ได้”

ป๋อจิ่ว “งั้นถ้าฉันกินยาเสร็จแล้ว หอมเธอได้ไหม?”

ฉินมั่ว “อื้อ”

คุณชายของเขายอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อเอาใจเพื่อน นับจากที่บอกว่า ‘ป๋อเสียวจิ่ว เธออย่ามาจูบฉันนะ ไม่งั้นฉันจะโยนเธอออกไปทางหน้าต่าง’ กลายเป็นยอมอนุญาตให้อีกฝ่ายใกล้ชิดกับตัวเองในเวลานี้

เวลาที่ไม่มีใครอยู่ยบ้านตระกูลป๋อ คุณหนูจิ่วจะมาค้างที่นี่ โดยมีคุณชายดูแลทุกครั้ง แต่ในฐานะที่เป็นต้นเรื่อง ยัยเสือน้อยไม่เห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าว เธอต่างหากที่ดูแลมั่วมั่ว เพราะเขาไม่ชอบความมืดและก็ไม่ชอบฟ้าร้อง เธอต้องนอนกอดเขาอยู่ด้านข้าง แสดงความเป็นแฟนผู้แข็งแกร่งให้เป็นที่ประจักษ์

เมื่อวิลเลี่ยมจูเนียร์ได้ยินเรื่องแล้วอดโพล่งขึ้นมาไม่ได้ “จิ่ว เธอคิดให้ดีนะ ครั้งนี้แดดดี้ฉันไปถ่ายทำที่ป่าดิบชื้นเชียวนะ เธอจะไม่ไปจริงเหรอ?” เจ้าปีศาจจากเอเชียนั่นจะกลัวความมืดได้ไง จิ่วต้องโดนหลอกมาแน่นอน!

“ป่าดิบชื้น?” ยัยเสือน้อยเงยหน้าจากคีย์บอร์ด “โอเค ต้องไปเช้าเย็นกลับนะ แล้วฉันจะไป”

วิลเลี่ยมจูเนียร์รีบตอบ “มันอยู่ที่ชานเมืองเอง แค่สี่ชั่วโมงก็กลับแล้ว”

เดิมทีก็สี่ชั่วโมง แต่เวลาถ่ายทำงานทีไรเป็นต้องควบคุมเวลาไม่อยู่ทุกที ฉินมั่วไปที่บ้านตระกูลป๋อตอนสี่โมงเย็น เพื่อจะพาตัวยัยเสือน้อยไปกินข้าวเย็นด้วยกันเหมือนที่เคยทำ ไม่คิดว่าเธอจะไม่อยู่ คนที่อยู่กลับเป็นคุณอาป๋อซึ่งกำลังเตรียมตัวออกนอกบ้าน เขาสวมเสื้อนอกตัวดำมีฮู้ด แถมสวมถุงมือหนังสีเดียวกัน ไม่เข้ากันกับสถานะเกาะเมียกินสักนิด

“คุณอาป๋อครับ” ไม่ว่าคุณป๋อจะมีท่าทีเป็นอย่างไร ฉินมั่วล้วนรักษามารยาทเป็นอย่างดี

หลังจากที่ได้เจอฉินมั่วที่นอกประตู คุณป๋อก็ยันมือข้างหนึ่งไว้ที่กรอบประตู ดูเจ้าเล่ห์เหลือเกิน “มารับจิ่วเหรอ? วันนี้ไม่อยู่นะ เขาไปเล่นกับวิลเลี่ยมจูเนียร์ โกรธไหม?”

ฉินมั่วชะงัก ตอบเสียงเรียบว่า “เปล่าครับ”

“หือ?” คุณป๋อเลิกคิ้วยิ้มใส่ “งั้นอาจะให้จิ่วเที่ยวนานหน่อยนะ”

ฉินมั่วส่งเสียงรับรู้อย่างเป็นปกติ แล้วเดินกลับคฤหาสน์ตัวเองโดยยังคงสวมผ้าพันคอไว้ คิดจะเล่นหมากฮอสจีนที่ตัวเองเล่นคนเดียวให้จบ แต่เมื่อเห็นคีย์บอร์ดบนโซฟาก็ได้แต่หงุดหงิด

จนมาถึงตอนหกโมงเย็น บ้านตระกูลอานเริ่มทานข้าวมื้อเย็นแล้ว บังเอิญวันนี้คุณท่านอานอยู่กินเย็นที่บ้านพอดี พอเห็นที่นั่งข้างตัวหลานว่าง ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “จิ่วล่ะ?”

คุณพ่อบ้านผมทองพยายามขยิบตาให้ท่าน ทว่าท่านยังคงเดาสาเหตุต่อไป หลานที่นั่งตรงข้ามจึงเอ่ยขึ้น “ออกไปเล่นกับคนอื่นแล้วครับ”

คุณท่านอานรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจผิดที่เห็นนัยน์ตาหลานเย็นชาขึ้นตอนที่ตอบ ไม่รู้ว่าเพราะขาดสมาชิกกินข้าวไปคนหนึ่งหรือเปล่า ทำให้แม้จะมีอาหารเต็มโต๊ะ แต่บรรยากาศกลับไม่ดีขึ้นเลย ทั้งนี้คุณพ่อบ้านหนุ่มผมทองสังเกตเห็นว่าวันนี้คุณชายดูจะไม่เจริญอาหารสักเท่าไร…

…………………………………………..

ตอนที่ 1897-1 เทพฉิน…เอกการละคร

หนึ่งทุ่ม ปกติเวลาแบบนี้ ฉินมั่วจะพาป๋อจิ่วออกไปเดินเล่น การจะเลี้ยงเสื้อน้อยสักตัวก็ต้องพาไปเล่นหลังกินอิ่ม ทว่าวันนี้ฉินมั่วไม่ได้ออกไป กลับนั่งในห้องหนังสือ เปิดหนังสืออ่านได้ไม่กี่หน้าก็ช้อนสายตามองดูนาฬิกาข้างผนัง

สองทุ่ม ถ้าใครบางคนกลับมาในเวลานี้ เขาจะไม่ถือโทษที่เธอไม่เชื่อฟังคำสั่งเขา เด็กน้อยไม่เคยรู้สึกว่าเวลาช้าขนาดนี้มาก่อน

หนึ่งทุ่ม หนึ่งทุ่มครึ่ง สองทุ่ม สองทุ่มครึ่ง เขาล้มความคิดเดิม เปลี่ยนใจว่าจะรอเธอจนถึงสามทุ่ม

สามทุ่มแล้ว แสงไฟฟ้านอกหน้าต่างส่องสว่าง ต้นคริสมาสต์สวยดังเดิม แต่ฉินมั่วไม่มีอารมณ์จะชื่นชมมัน เขาหยิบหนังสือขึ้นไปชั้นบน

คุณพ่อบ้านตกใจกับเสี้ยวหน้าเย็นชาของคุณชายตัวเอง รีบหยิบมือถืออ่านนิยายเทพเซียนทันที

ฝนตกโปรยปรายอยู่ด้านนอก แต่หลอดไฟบ้านตระกูลป๋อยังดับสนิท ป๋อจิ่วไม่รู้ว่าเจ้าหญิงน้อยของเธอโกรธเธอด้วยเรื่องนี้ เมื่อกลับถึงบ้านแล้วเห็นว่าบ้านตัวเองมืด ก็เดินไปที่บ้านตระกูลอาน เธอไม่ได้ปีนกำแพงเพราะมีสิ่งกีดขวางเยอะมาก ได้แต่หิ้วเห็ดที่เก็บจากในป่าเดินไปยังประตูใหญ่

เมื่อป๋อจิ่วมาถึง คุณพ่อบ้านรีบให้เธอขึ้นชั้นบน ฉินมั่วยินเสียงนั้นในระหว่างที่นอนอยู่บนเตียง แต่ยังไม่หลับ ทว่าใบหน้าของเขากลับเย็นชากว่าปกติไม่ใช่น้อยๆ

ป๋อจิ่วหันไปมองคุณพ่อบ้าน กะพริบตาปริบๆ ฝ่ายหลังแอบสื่อให้เธอเดินเข้าไป

อันที่จริงต่อให้ไม่บอก เธอก็เดินเข้าไปอยู่แล้ว อุตส่าห์เอาเห็ดที่เก็บจากในป่ามาด้วยเชียวนะ

“มั่วมั่ว ฉันเอาของขวัญมาให้” แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ป๋อจิ่วเกาหน้าพลางเดินไปนั่งนิ่งที่ริมเตียง ก่อนจะวิ่งเตาะแตะเข้าห้องน้ำไป เมื่อออกมาก็สวมชุดนอนเสือน้อยเรียบร้อย เธอเดินไปรินนมแล้วเขย่งเท้ายื่นให้ฉินมั่วที่อ่านหนังสือเรื่องอาหรับราตรีอยู่ นัยน์ตาดำขลับแสดงความตรงไปตรงมา “มั่วมั่วโกรธเหรอ?”

ฉินมั่วไม่สนใจเธอสักนิด เพราะยัยเสือน้อยไม่ยอมเชื่อฟังเขา

พออเห็นเป็นเช่นนั้น ป๋อจิ่วก็ส่ายหางเสือ โน้มตัวจุ๊บฉินมั่ว  ในเมื่อเล่นทำแบบนี้ เด็กชายจะไม่กลับมาสนใจเธอได้อย่างไร? เขาหันหน้ามาเอ่ยด้วยเสียงเฉยชา “ป่าดิบชื้นสนุกไหม?”

มั่วมั่วรู้ได้ไงว่าเธอไปที่ไหนมา? ป๋อจิ่วสงสัย ก่อนจะตอบ “สนุกอยู่หรอก แต่เสียดายที่ไม่มั่วมั่วไม่ได้ไปด้วย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความหงุดหงิดหัวใจก็น้อยลงไปเยอะ เขาเอ่ยต่ออย่างไม่ใส่ใจ “ต่อไปเวลาจะไปไหน ให้บอกฉันด้วย ฉันอุตส่าห์บอกครัวให้ทำซาลาเปาเนื้อใส่ถั่วฝักยาว กลายเป็นสิ้นเปลืองไปเลย”

ยัยเสือน้อยได้ยินแล้วรู้สึกผิดมาก เธอก้มหน้าลง ฝ่ายฉินมั่วเอ่ยต่อว่า “ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้เธอไปเที่ยวเล่น แต่ต่อไปอย่าไปที่ไกลๆอย่างนั้นอีก เอาล่ะ นอนได้แล้ว” เรียกได้ว่า เรื่องแผนลึกล้ำแบบนี้ต้องฝึกกันมาตั้งแต่เด็ก คุณชายฉินรู้วิธีเลี้ยงคนแล้วว่า ต้องรู้จักถอยสลับรุก

ยัยเสือน้อยที่เริ่มสำนึกผิด เงยหน้าขึ้น เห็นแผ่นหลังที่เหงาหงอยของฉินมั่ว ก็ยื่นมือไปกอดเอวอีกฝ่าย ก่อนจะสาบานอย่างจริงใจ “ต่อไปไม่ว่าจะไปไหน ฉันจะพามั่วมั่วไปด้วย”

ฉินมั่วอึ้ง ก่อนส่งเสียงตอบรับ “อืม”

ยัยเสือน้อยเห็นเขาไม่โกรธหนักแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดหนักขึ้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าความเย็นชาในแววตาของเด็กผู้ชายที่หันหลังให้เธอคลายลงแล้ว แต่มีอย่างอื่นแอบแฝงแทน

 ………………………………………………..

 

ตอนที่ 1895-1 ว่าที่ภรรยา

ฉินมั่วโยนกระดาษทิชชูที่ใช้เช็ดมือลงถังขยะ หันหน้ามามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา ชนิดที่ไม่เห็นวิลเลี่ยมจูเนียร์ตัวใหญ่อยู่ในสายตา ส่งผลให้ฝ่ายหลังโมโหอย่างน่าประหลาด! “ไม่ฉันจะไปบอกจิ่วเหรอว่า เมื่อกี้นายเสแสร้ง?”

หนอย เจ้าปีศาจนี่กล้าบีบให้เขาเล่นบทโหดใช่ไหม ถึงจะได้รู้ว่าเขาน่ากลัวแค่ไหน! วิลเลี่ยมจูเนียร์ส่งเสียงขึ้นจมูก

ฉินมั่วหันไปมอง แววตาเย็นชาขึ้นฉับพลัน ทั้งที่เตี้ยกว่า แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่น่ากลัวกว่าแดดดี้อีกแฮะ เพราะประโยคที่ว่า “นายลองไปพูดดูสิ ฉันจะหักขานาย”

ฝ่ายถูกขู่คิดแต่ว่าทำไมไม่เหมือนอย่างที่เขาวางแผนไว้เลย เจ้าปีศาจนี้ควรต้องกลัวเขาตัวสั่นต่างหาก ทำไมถึงดูน่ากลัวแบบนี้ ตกลงใครเป็นฝ่ายข่มขู่กันแน่!

“ฉัน ฉันจะไปบอกเดี๋ยวนี้แหละ” เจ้าตัวใหญ่ยืดตัวขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสูงของตัวเอง ช่างไม่รู้เลยว่าฉินมั่วเกลียดเรื่องนี้เป็นที่สุด ด้วยเจ้าคนที่ยัยเสือน้อยรู้จัก ดันมาสูงกว่าเขา “นายลองไปพูดดูก็ได้” ฉินมั่วหัวเราะหยัน มุมปากปรากฏรอยยิ้มโหดอย่างที่วิลเลี่ยมจูเนียร์เพิ่งจะเห็น “แต่ นายคิดว่าจิ่วจะเชื่อไหมล่ะ”

วิลเลี่ยมจูเนียร์ตัวโตผ่านอะไรมาน้อย เด็กน้อยไม่คิดเลยว่าโลกเราจะมีคนหน้าด้านขนาดนี้ “นะ นาย…”

ฉินมั่วเอ่ยแทรกคำพูดอีกฝ่าย “ฉันยังอยากบอกนายอีกด้วยว่า นายเป็นผู้ชาย เขาเป็นผู้หญิง ที่ประเทศจีนมีคำพูดที่ว่าผู้ชายกับผู้หญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิกัน ต่อไปอย่าทำอะไรที่สนิทชิดเชื้อกับเขาอีกนะ”

วิลเลี่ยมไม่ยอมแพ้  “เมื่อกี้นายจูงมือเขา!”

ฉินมั่วเหลือบมอง “นายกับฉันเหมือนกันเรอะ?”

คนตัวโตกว่าคิดในใจ เขากับมันไม่เหมือนกันได้ยังไง ไม่ได้แล้ว เขาต้องฉีกหน้ากากเจ้าปีศาจตัวนี้!

แต่เขาก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าตัวเองคิดได้เหนือมนุษย์มาก เพราะประเด็นอยู่ที่ตัวจิ่วเอง “มั่วมั่ว อันน่าอร่อยมากเลยล่ะ แค่เผ็ดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร เธอลองชิมคำหนึ่งสิ แล้วฉันจะป้อนเป๊บซี่ให้ จะได้ผสมกันไง”

วิลเลี่ยมจูเนียร์…จิ่ว เธอตาสว่างหน่อยได้ไหม ถึงเจ้าปีศาจจากเอเชียนั่นจะหน้าตาดี แต่ก็เป็นผู้ชาย เธอจะป้อนเป๊บซี่ให้เขาไปทำไมกัน? แล้วที่สำคัญ ทำไมเธอป้อนแล้วยังจุ๊บหน้าเจ้านั่นอีก!

ไม่ถูกนี่นา ไหนว่าที่ประเทศจีน ผู้ชายกับผู้หญิงจะอยู่ใกล้ชิดกันไม่ได้!

ฉินมั่วเข้าใจความในใจของวิลเลี่ยมจูเนียร์ เขาเริ่มจากหลุบตาดื่มเป๊บซี่ รอจนยัยเสือน้อยจุ๊บเขา ก็หันไปมอง บริเวณที่โดนจุ๊บจนร้อนฉ่า แต่ยังคงมองเย้ยวิลเลี่ยมจูเนียร์ได้ไม่เป็นปัญหา แถมบุคลิกยังแข็งกระด้างอีกด้วย หมายความว่าฉันรักษาขนบธรรมเนียมจีนอยู่นะ แต่จนปัญญาจะรับมือกับการที่จิ่วชอบจุ๊บฉัน

วิลเลี่ยมจูเนียร์ไม่อยากพูดแล้ว ได้แต่กัดกินแฮมเบอร์เกอร์เนื้อในมือ ทว่ายัยเสือน้อยต่างออกไป เธอแฮปปี้เหลือเกิน โดยเฉพาะตอนที่เธอประคองแก้วป้อนเขา เจ้าหญิงน้อยน่ารักเอามากๆ ทำให้เธอยับยั้งชั่งใจไม่ไหวจุ๊บเขาไป ตอนนี้คงได้แต่ฝึกป้อนอาหาร รอจนเจ้าหญิงน้อยยอมเป็นของเธออย่างเต็มตัวเมื่อไร เธอจะป้อนอาหารให้เจ้าหญิงน้อยกินทุกวันเลย

ฉินมั่วมองดูคนที่ตาโตที่ป้อนเป๊บซี่ให้เขา ไม่รู้ว่ายัยนี่คิดอะไร กระทั่งไม่ยอมกินของตัวเอง เขาทนมองไม่ไหว จึงหยิบเฟรนช์ฟรายส์จิ้มซอสสมะเขือเทศมาป้อนถึงปากของยัยเสือน้อย

…………………………………………

ตอนที่ 1895-2 ว่าที่ภรรยา

ป๋อจิ่วก็กินทีละอันๆ ราวกับติดใจ หากบอกว่าการที่ยัยเสือน้อยป้อนคนยังถือว่าเป็นสกิลเริ่มต้น งั้นการป้อนอาหารของฉินมั่วย่อมต่างออกไป เขาทำทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อยัยเสือน้อยกินแฮมเบอร์เกอร์จนเปื้อนปาก เขาก็หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดให้

กระทั่งแองเจลิน่าที่นั่งอยู่ด้านข้างยังไม่ยอมเบือนสายตาไปมองทางอื่น รอจนฉินมั่วลุกขึ้นยืนไปหยิบของอย่างอื่นถึงถามป๋อจิ่วอย่างอดไม่ได้ “เฮ้ พวกเธอสองคนเป็นอะไรกัน?”

“เป็นอะไรเหรอ?” ป๋อจิ่วแย้มยิ้ม ตากลมโต แถมยังทะเล้นอีกด้วย “ต่อไปมั่วมั่วจะแต่งเข้าบ้านฉัน ตอนนี้กำลังฝึกหัดอยู่”

แต่งเข้าบ้านเธอ?

วิลเลี่ยมจูเนียร์ที่ฟังอยู่ด้านข้างทนนั่งต่อไปไม่ไหว “จิ่ว เธอไม่รู้หรอกว่าเจ้าปีศาจนี้พูดกับฉันว่ายังไง ถ้าเธอรู้นะ เธอ…”

ปัง! ป๋อจิ่ววางแก้วเป๊บซี่ลง ก่อนจะกระชากคอเสื้อคนพูดด้วยมือข้างเดียว “หาเรื่องใช่ไหม ลองหาว่ามั่วมั่วไม่ดีอีกสิ ฉันจะเอานายไปโยนให้เสือกิน”

“เปล่านะ เขา” อีกฝ่ายพยายามดิ้นรน

ฝ่ายฉินมั่วถือถุงเฟรนช์ฟรายส์กลับมาพอดี ก้มตัวเล็กน้อยแล้วจูงมือยัยเสือน้อย “อย่าทะเลาะกัน”

ป๋อจิ่วอธิบายอย่างชาญฉาด “มั่วมั่ว ปกติแล้วฉันเป็นคนอ่อนโยนจะตาย วันนี้แค่บังเอิญเฉยๆ”

วิลเลี่ยมจูเนียร์…อ่อนโยน เธอเนี่ยนะ? วันนี้ที่เธอไม่เล่นงานฉันก็ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แล้ว เธออ่อนโยนที่ตรงไหน จิ่วของเขาโกหก เขาเจ็บปวดหัวใจจริงๆ

แองเจลิน่าไม่คิดอะไรให้มากกว่านั้น แค่หันไปหลุดปากถาม “ฉิน เขาเป็นคนที่คุณตาอานหมั้นให้เธอเหรอ? คนจีนอย่างพวกเธอชอบมีธรรมเนียมแต่งงานแบบโบราณๆ อ้อ พระเจ้า เธอต้องดูแลภรรยาตั้งแต่เด็กเลยเหรอ? ไม่สนุกสักนิด…”

ฉินมั่วได้ยินแล้วเลิกคิ้ว “คนที่คุณตาหมั้นเหรอ”

“เมื่อกี้เขาพูดเอง เขาบอกว่าเดี๋ยวพอเธอโตขึ้นก็จะแต่งเข้าบ้านเขา หรือเขาใช้คำพูดผิด?” แองเจลิน่ารู้สึกประหลาด

ฉินมั่วกวาดตามองยัยเสือน้อยที่ทะเล้นไปเมื่อครู่ เห็นเธอกำลังเคี้ยวแก้มตุ่ยอย่างจริงจัง จากนั้นก็พับแขนเสื้อให้เธอ “เขาใช้คำพูดผิด”

แองเจลิน่าหัวเราะ เธอรู้อยู่แล้ว เจ้าชายน้อยจะยอมตกลงแต่งงานตามธรรมเนียมโบราณได้ไง

ฉินมั่วเงยหน้าขึ้น “น่าจะเป็นเขาที่แต่งเข้าบ้านฉันมากกว่า ไม่ใช่ฉันแต่งเข้าบ้านเขา”

เด็กน้อยทุกคน….แองเจลิน่าอึ้งอย่างชัดเจน ส่วนวิลเลี่ยมจูเนียร์เดือดดาลจนอยากจิกโต๊ะ แต่นับจากวันนั้นเป็นต้นมา เจ้าชายน้อยจากเอเชียมีภรรยาที่กำหนดให้แต่งงานตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำให้ภรรยาตัวน้อยถึงยังไม่เข้าเรียนสักที ทั้งที่ได้ยินจากวิลเลี่ยมจูเนียร์พูดว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ช่วงหนึ่งแล้ว ข่าวดังกล่าวคุณตาของแองเจลิน่าเป็นคนเผยแพร่ไปถึงหูคุณท่านอาน

ในฐานะที่เป็นผู้กำหนดตัวภรรยาให้หลายชาย?

คุณท่านอานแทบสำลักน้ำชาออกมา “ภรรยาที่กำหนดให้แต่ง? หลานผมพูดเหรอ?”

“อาน คุณยังไม่ยอมรับอีก มาถึงตอนนี้แล้วยังไม่ยอมพูดความจริงอีก”

คุณท่านอานได้แต่ร้องในใจว่า ก็ผมพูดความจริงอยู่นี่ไง? คนเป็นตาอย่างผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมีหลานสะใภ้แล้ว ดังนั้นในงานปาร์ตี้ตอนกลางคืนของวันดังกล่าว คุณท่านอานที่สวมสูทมองดูหลานชายที่นั่งหั่นสเต๊กเนื้ออย่างสง่างามเหมือนเจ้าชายน้อย “มั่วเอ๋อร์ ได้ยินมาว่าหลานไปมีภรรยาอยู่นอกบ้านเหรอ?”

…………………………………..

ตอนที่ 1893 คนแซ่ฉินโหดหน้ายิ้ม

อะไรที่เรียกว่ามองเขาก็พอแล้ว จิ่ว ตอนที่เธอซ้อมฉันอะ ยังคำนับทำความเคารพก่อนด้วยซ้ำ! ทำไมพอมีเจ้าปีศาจแล้วกลับไม่ทำอีก ฮือๆๆ

วิลเลียมเสียใจมากจนจะเหลวกลายเป็นแม่น้ำอยู่แล้ว แต่เขาจะอ่อนแอต่อหน้าศัตรูไม่ได้ เขายังไม่รู้ตัวว่ากำลังได้เจอกับคู่แข่งแบบไหน ก็บอกแล้วว่าเด็ก ยังมองหน้าฉินมั่วอีก

ทางด้านฉินมั่วยังคงสูงส่งเหมือนเดิม ทว่าเมื่อป๋อจิ่วหลุบตาลง เขาก็ช้อนสายตามองไปยังวิลเลี่ยมจูเนียร์ด้วยความเย็นชา ทำให้คนถูกมองหนาวเลยทีเดียว จิ่วไปเจอเจ้าคนนี้จากที่ไหน เหมือนจอมมารเลย!

ราวกับได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือในหัวใจของวิลเลี่ยมจูเนียร์ เสียงใสที่พูดภาษาอังกฤษดังขึ้น “ฉินเหรอ? มาที่นี่ได้ยังไง?”

ฉิน? ยัยเสือน้อยขยับตัวก่อนเพื่อน นัยน์ตาคู่โตมองไปยังต้นทางของเสียง เด็กผู้หญิงสวมเสื้อขนสัตว์และกระโปรงพองบานสามคนยืนอยู่ที่นั่น คนที่พูดก็คือแองเจลิน่า เจ้าหล่อนมีนัยน์ตาสีฟ้าและผมสีทอง เมื่อแสงแดดส่องทำให้เรือนผมเธอเหมือนทอประกายแสง ส่งผลให้ยัยเสือน้อยที่ชอบของสวยๆ งามๆ มองแล้วหันไปพูด “มั่วมั่ว เพื่อนใหม่เธอเหรอ? สวยจัง”

ฉินมั่วรู้ความชอบของเพื่อน เวลาที่เห็นใครสวยหน่อยนัยน์ตาจะเป็นประกาย ทว่าเธอควรต้องแก้นิสัยนี้เสียบ้าง ฉินมั่วหันไปบังยัยเสือน้อยที่กำลังยืนตะลึงให้อยู่ด้านหลัง

เวลานี้แองเจลิน่าและเพื่อนอีกสองคนเดินเข้ามาหา ต่างถือไอศกรีมคนละโคน “ฉิน เธอก็มาเล่นเหมือนกันเหรอ?” แองเจลิน่ากินไอศกรีมที นัยน์ตาสีฟ้าดูจะสวยเชียว

ทว่ายัยเสือน้อยคิดแล้วคิดอีก พบว่าคนมาใหม่ไม่สวยเท่าเจ้าหญิงน้อย นัยน์ตาของเจ้าหญิงน้อยเป็นสีดำก็จริง แต่เวลาอยูใต้แสงแดดจะเป็นสีอำพัน อื้อ…เทียบกันไม่ได้หรอก

ฉินมั่วไม่รู้ว่าป๋อจิ่วคิดอะไรอยู่ เห็นแค่ยัยเสือน้อยที่อยู่ตรงหน้าเอาแต่วนเวียนมองคนอื่นอยู่ได้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือดึงหมวกของยัยเสือน้อยให้ต่ำลง จากนั้นเงยหน้าพูดกับแองเจลิน่าด้วยเสียงเรียบ “อื้ม”

หลังจากงานปาร์ตี้ในคืนนั้น แองเจลิน่าชินกับการพูดน้อยของอีกฝ่ายแล้ว เธอหันหน้าไปอีกทางด้วยสีหน้าตะลึง “วิลเลี่ยมจูเนียร์ เธอก็รู้จักฉินด้วยเหรอ? ตอนที่อยู่โรงเรียน เธอเคยบอกว่าไม่รู้เรื่องที่มีคนเอเชียย้ายเข้ามาอยู่ด้วยนี่นา”

คนถูกทักได้ยินแล้วมีสีหน้าบอกไม่ถูก เพราะเพิ่งจะรู้ว่าเจ้าปีศาจก็คือเด็กเอเชียที่เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ แถมยังมีฉายาว่าเจ้าชายน้อยด้วย! ตอนนี้ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว นอกจากฝืนใจตอบ “ฉันเก็บเป็นความลับต่างหาก”

“อ๋อ” แองเจลิน่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าก็ไม่ได้ส่งผลต่อความดีใจที่ได้เห็นฉินมั่ว กระทั่งเสียงยังพลอยร่าเริงไปด้วย “ฉิน ไปเล่นที่สวนสนุกกันไหม? ข้างในน่าสนุกออก”

“ไม่ล่ะ ขอบคุณ” ฉินมั่วพูดเช่นนี้ แต่สายตาไม่ได้มองคนถาม หันไปกดมือของยัยเสือน้อยที่ซนอีกแล้ว

ยัยเสือน้อยที่มองอะไรไม่เห็นเริ่มเซ็ง พยายามยื่นมือดันคิดจะเสยหมวกให้ไปทางด้านหลัง “มั่วมั่ว ฉันมองไม่เห็นอะ”

……………………………………………………….

ตอนที่ 1894

 มองไม่เห็นนั่นแหละถึงจะดี

นอกจากเขาแล้ว เธอจะยังอยากเห็นใครอีก จะเหมาเจ้าหญิงเพิ่มอีกคนหรือไง?

ฉินมั่วคิดมาถึงตรงนี้ก็กำข้อมือใครบางคนแน่น จะได้ไม่ต้องไปตบบ่าใครอีก “อย่างนี้ล่ะ?”

“ยิ่งมองไม่เห็นเข้าไปใหญ่” ป๋อจิ่วยื่นมือไปด้านหน้า ราวกับกำลังวัดระยะห่าง

ฉินมั่วจูงมือเธอ “ฉันจูงเธอแล้วกัน อย่าสะบัดหมวกอีก ลมพัดแรง เดี๋ยวจะพัดเข้าหน้าเอา”

“อื้อ ดีจัง” ยัยเสือน้อยรู้สึกว่าเจ้าหญิงน้อยของเธอช่างเป็นคนเอาใจใส่คนอื่น เรื่องแบบนี้ก็ยังระวังได้อีก

วิลเลี่ยมจูเนียร์ที่เห็นตัวตนที่แท้จริงของฉินมั่วตลอดตั้งแต่ต้นจนจบรู้สึกโมโหเหมือนมีคลื่นซัดโหมอยู่ในใจ เจ้าหมอนี่มันเจตนานี่นา ทำเหมือนจิ่วเป็นอะไร เป็นสมบัติของมันเหรอ?

ไม่ได้! เขาจะต้องเตือนเจ้าปีศาจนั่น แต่ห้ามทำต่อหน้าจิ่ว วิลเลี่ยมจูเนียร์ตัวใหญ่ไม่ได้โง่ ตอนนี้จิ่วกำลังหลงใหลกับความหน้าสวยของมันจนโงหัวไม่ขึ้น ย่อมไม่เห็นความจริง เขาจะต้องเตือนลับหลัง

การแอบทำย่อมต้องหาสถานที่ดีๆ ดังนั้นวิลเลี่ยมจูเนียร์จึงออกปากเอง “ไฮ แองเจลิน่า ตอนนี้สวนสนุกมีคนเยอะแล้ว ฉันกับฉินไม่อยากไป พวกเราไปกินของที่ร้านกันดีกว่า”

“งั้นก็ดี” ตอนที่หนูน้อยแองเจลิน่าตอบ สายตาก็ไม่คลาดจากร่างเล็กๆ ที่สวมหมวกอยู่ เด็กคนนั้นน่าจะมาจากเอเชียเหรอ? เป็นคนบ้านตระกูลฉินมั้ง ไม่งั้นด้วยนิสัยของฉินไม่น่าจะสนิทกับใครได้ง่าย และด้วยยังเป็นเด็กอยู่ เธอจึงซ่อนความรู้สึกไม่ได้ “ฉิน น้องเธอเหรอ?”

“No” เขาตอบเหมือนรำคาญ ทว่ายังมีมารยาทอย่างที่ไม่มีใครจับผิดเรื่องมารยาทได้ นี่แหละคือฉินมั่ว

แองเจลิน่าเศร้าใจ ยังไงก็ยังเป็นเด็ก ความตื่นเต้นเมื่อครู่หายไป แต่เธอยังอยากกินข้าวกับฉินมั่ว ดังนั้นทีมกินแฮมเบอร์เกอร์จากสามคนจึงกลายเป็นหก มีฉินมั่วเดินนำหน้า แต่คนสั่งอาหารคือป๋อจิ่ว เรื่องนี้เธอยืนกราน เพราะไม่เคยลืมว่าครั้งนี้เธอจะแสดงความเป็นมหาอำนาจด้านการเงิน ซึ่งฉินมั่วเองก็ไม่ได้แย้งแต่อย่างใด

เมื่อผ่านวันนี้ไป เขาก็เข้าใจหลักการหนึ่ง มิน่าคุณอาป๋อถึงได้ทำตัวแบบนั้นเวลาอยู่ในครอบครัว บางครั้งการทำตัว ‘อ่อนแอ’ เสียบ้างก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะเมื่อค้นพบว่ายัยเสือน้อยเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง เขาก็รู้ด้วยว่าเธอเข้าใจสถานะตัวผิดอย่างแรง

ส่วนยัยเสือน้อยกลับไม่คิดว่าตัวเองเข้าใจผิด เพราะเธอตั้งใจว่าโตมาจะเป็นท่านประธานแบบแม่ ต้องบอกว่าเรื่องนี้ป๋อจิ่วเท่จริงๆ เมื่อเข้าแถวรอสั่งอาหาร หากมองดูจมูกจากเสี้ยวหน้าเธอจะเห็นว่าโด่งสวย ขนตาก็ดำยาว หลายต่อหลายคนต่างมองเธอ ทว่าเธอไม่รู้ตัว

ฉินมั่วเห็นภาพดังกล่าวแล้วถึงกับยิ้มมุมปาก ยัยเสือน้อยชอบคิดว่าคนนั้นสวย คนโน้นสวย ไม่สู้กลับไปส่องกระจกที่บ้านดู คนพวกนั้นเหรอจะสู้เธอได้

เวลาที่เด็กน้อยรออาหารย่อมไม่มีทางเงียบสงบ ฉินมั่วลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ วิลเลี่ยมจูเนียร์จึงรีบตามไป ซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็น

ใช่ ต้องลงมือเวลานี้นี่แหละ!

ฉินมั่วรู้ตัวว่ามีคนเดินตามหลังมา แต่ก็ยังล้างมืออย่างสบายอารมณ์ พอล้างเสร็จจะเดินกลับไป วิลเลี่ยมจูเนียร์กลับค้ำมือข้างหนึ่งข้างกำแพงเหมือนเลียนแบบมาจากผู้ใหญ่ ก่อนจะยื่นขาข้างหนึ่งมาขวางทางฉินมั่วไว้ “ฉันอยากคุยกับนาย”

………………………………………………………….

ตอนที่ 1891

พวกฝรั่งจะมีโครงร่างกายที่สูงใหญ่กว่าชาวเอเชียอยู่แล้ว ยิ่งได้เปรียบเรื่องความสูงตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ดังนั้นหลังจากที่ตงิดใจถึงปัญหานี้ ดวงตารูปดอกท้อของคุณชายฉินจึงหรี่ลง

วิลเลี่ยมจูเนียร์ก็รู้ถึงข้อได้เปรียบนี้เช่นกัน ดังนั้นสายตาที่หลุบตามองเจ้าปีศาจน้อยนี่จึงเต็มไปด้วยกองเพลิง แต่บอกตรงๆ มาดของวิลเลี่ยมจูเนียร์ย่อมไม่ใช่คู่แข่งของคุณชายฉินอยู่แล้ว เรียกได้ว่าน้อยคนที่จะฉลาดเหนือฉินมั่ว

ฉินมั่วกวาดตามองอีกฝ่าย ไม่พูดอะไร ทำเหมือนมองไม่เห็น แม้ว่าฝ่ายนั้นจะสูงกว่าเขา แต่ไม่มีวันล้มความสูงส่งของคุณชายฉินได้ กระทั่งแต่เขาขยับนิดเดียว วิลเลี่ยมจูเนียร์ก็ริษยาสุดชีวิตแล้ว ทั้งที่อากัปกิริยานั้นไม่ได้มีอะไร แค่หันไปยิ้มให้ยัยเสือน้อยเท่านั้น จากนั้นก็ถูกยัยเสือน้อยโอบเอวเอา “มั่วมั่ว เธอต้องหิวมากแน่เลย พวกเรารีบเข้าไปกินกันเถอะ” ว่าแล้วป๋อจิ่วก็ทำการแนะนำอย่างมีมารยาท “นี่คือวิลเลี่ยมจูเนียร์ วิลเลี่ยมจูเนียร์ นี่คือมั่วมั่ว เจ้าชายน้อยของฉัน”

กอดก็กอดแล้ว ยังอุตส่าห์เรียกมันว่าเจ้าชายน้อยอีก วิลเลี่ยมจูเนียร์น้อยใจจนอยากร้องไห้! นี่มันไม่ใช่นัดเดทในแบบที่เขาวาดฝัน! แต่เขาจะไม่ยอมแพ้เรื่องฟอร์มหรอก ตอนนี้จิ่วแค่หลงใหลในความสวยงามของมันอย่างโงหัวไม่ขึ้น ไม่นานเธอต้องรู้ว่า ผู้ชายประเภทเขาต่างหากที่เรียกว่าลูกผู้ชาย ฝ่ายนั้นเตี้ยกว่าเขาตั้งหนึ่งช่วงศีรษะ เขาไม่ต้องร้อนรนตามหรอก

หลังจากที่คิดได้เช่นนั้น วิลเลี่ยมจูเนียร์จึงเป่าผมแดงๆ ของตัวเอง คิดจะแสดงความร้ายกาจของตัวเองให้เจ้าปีศาจนั่นประจักษ์ จึงยื่นมือออกไปด้วยมารยาทของฝรั่ง “ไฮ เพื่อน ยินดีต้อนรับนะ”

ฉินมั่วมองเจตนาอีกฝ่ายออก ยิ้มมุมปาก กำลังจะยื่นมือออกไปตอบรับตามมารยาท แต่ใครจะรู้ ยัยเสือน้อยที่ยืนด้านข้างกลับเอาตัวเองบังข้างหน้าเขาแล้วหรี่ตาลง “วิลเลี่ยมจูเนียร์ นายจะทำอะไร”

ฝ่ายถูกถามใจสั่น กลัวจิ่วจะทำร้ายตัวเอง จึงเอ่ยแค่ “ฉันแค่อยากจับมือมั่วมั่วเท่านั้นเอง”

“รู้ล่ะว่านายยินดีต้อนรับเขา แต่ไม่ต้องจับมือหรอก นายพลังเยอะจะตาย เดี๋ยวทำมั่วมั่วเจ็บ” ยัยเสือน้อยพูดเป็นจริงเป็นจัง

วิลเลี่ยมจูเนียร์ที่ถูกรังเกียจพลังของตัวเองพยายามหดตัว เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจิ่วจะชอบผู้ชายอ่อนแอ แล้วเขาจะฝึกรักบี้ทุกวันไปทำไม? สู้ความหล่อเด็กนั่นไม่ได้สักนิด อีกอย่างเจ้านั่นเป็นตุ๊กตาบาร์บี้หรือไง? แค่จับมือก็เจ็บแล้ว? แม้เขาคิดจะแผลงฤทธิ์ให้อีกฝ่ายดู แต่การพูดแบบนี้ทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจจริงเชียว เป็นเด็กเหมือนกันแท้ๆ ทำไมถึงได้ปฏิบัติต่อเขาไม่เหมือนกันล่ะ!

สีหน้าของเด็กฝรั่งเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ ฉินมั่วมองดูยัยเสือน้อยที่คุ้มกันเขาอยู่ตรงหน้า กดยิ้มลึกขึ้น ทำให้เจ้าถิ่นเห็นยิ้มนั่นแล้วแทบจะลงไม้ลงมือทันที เพราะเขาเลือดร้อน เอ่อ ไม่สิ เพราะเขามีเลือดนักสู้ต่างหาก เมื่อกี้เจ้าปีศาจจากเอเชียยิ้มแล้วยังยักคิ้วให้เขาอีก จงใจหาเรื่องชัดๆ

แต่ทำไงได้ จิ่วไม่ยอมให้เขาจับมืออีกฝ่าย เขาก็ไม่กล้าจับ ท่าทางต่อไปคงต้องหาโอกาสสั่งสอนมันเสียหน่อย อย่างไรเสีย เจ้าเด็กนั่นก็ต้องไปเรียนที่โรงเรียนอยู่ดี เขาไม่รีบร้อน พอถึงโรงเรียนมันก็เป็นถิ่นของเขาแล้ว ฮึ!

…………………………………………….

 ตอนที่ 1892

วิลเลี่ยมจูเนียร์คิดแบบนั้น ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเสนอตัวเอง เพราะเจ้าปีศาจจากเอเชียออกปากเสียงเรียบว่า “แค่จับมือเช็กแฮนด์เอง ไม่เห็นเป็นอะไร”

ฝ่ายตรงข้ามยืดตัวตรง ผมสีแดงขยับเล็กน้อย มีรังสีแบบ ‘ในเมื่อนายหาเรื่องเอง ฉันก็จะสั่งสอนนายให้รู้ซึ้ง’ แผ่ซ่านออกมา!

ฉินมั่วสวมเสื้อขนเป็ดตัวดำ ผ้าพันคอสีขาวที่คลุมรอบคอดูดีมีชาติตระกูล เขายื่นมือออกไป ส่วนวิลเลี่ยมจูเนียร์ยิ้มอย่างที่คิดว่าร้ายกาจที่สุด แถมเส้นผมของเด็กคนนี้ยังเป็นสีแดงอีก

ในระหว่างที่นิ้วสัมผัสกัน วิลเลี่ยมจูเนียร์จงใจออกแรง กะจะให้เจ้าปีศาจร้องขอให้ปล่อยมือ

แต่เดี๋ยว อะ…อะไรกันเนี่ย มันผิดไปจากที่คาด ความเจ็บปวดส่งทอดจากนิ้วมือเขา ทำให้แววตาเปลี่ยนไป เด็กน้อยย่อมรักษาสีหน้าไว้ไม่อยู่ เขาตกตะลึง อยากจะเอาคืน แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่ให้โอกาสเขา ทำเอามือขวาชาเลยทีเดียว

ทว่าในระหว่างที่วิลเลี่ยมจูเนียร์เจ็บจนตัวงอ ฝ่ายนั้นพลันปล่อยมือแล้วยิ้มเอ่ยเสียงเรียบ “เจ็บมือนิดหนึ่ง วิลเลี่ยมจูเนียร์ นายแรงเยอะจริง”

ฝ่ายคนที่โดนเช็กแฮนด์จนมือชาคิดในใจเพียงว่า Excuse me? เขาต่างหากที่ควรจะร้องเจ็บ! ในขณะที่จะกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายด้วยความฉุนเฉียว กลับถูกป๋อจิ่วกุมข้อมือไว้เสียก่อน นัยน์ตาคู่โตของเธอดำขลับ ถามอย่างเอาเรื่องว่า “วิลเลี่ยมจูเนียร์ นายอยากให้ฉันชกนายใช่ไหม?”

วิลเลี่ยมจูเนียร์…นี่มันไม่ใช่การนัดเดทอย่างที่เขาคิดไว้เลย อยากบอกจิ่วเหลือเกินว่าเจ้าปีศาจนี่มันเล่นละคร ทว่าเมื่อเห็นเจ้าปีศาจหันหน้าไปหาป๋อจิ่ว สีหน้าเหมือนเป็นฝ่ายถูกบีบมือจนเจ็บเสียเอง เขาก็อยากจะร้องให้ คนจีนอย่างพวกเธอเล่นละครเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?

“จิ่ว” เขาตาแดงเลยทีเดียว

ยัยเสือน้อยไปตบบ่าอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “วิลเลี่ยมจูเนียร์ อย่าทำเป็นอ่อนแอ ไป เข้าไปกันเถอะ ไปสั่งบิ๊กแมคที่เธอชอบกัน”

คนเจ็บคิดในใจ…ทำไมเขาร้องไห้แล้วกลายเป็นแกล้ง? น่าโมโหจริงๆ เดี๋ยว ตอนที่เจ้าปีศาจนั่นมองดูไหล่เขา ทำไมแววตามันถึงฉายรังสีอาฆาต หมายความว่าไง?

หึๆๆ ไม่คิดจะเสแสร้งต่อหรือ?

ในระหว่างที่เขาหายใจลึกเพื่อเตรียมสู้ต่อ ไม่คิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะหรี่ตาลง สะบัดมือ หากมองจากมุมของเขาจะเห็นถึงความว้าเหว่ ซึ่งถ้าเขาไม่ใช่คู่กรณีด้วยต้องคิดว่าฝ่ายนั้นได้รับบาดเจ็บแน่! ก็เขารู้นี่ว่าฝ่ายนั้นไม่ได้เจ็บอะไรเลย อยากประจานออกมาจริงๆ แต่จะทำยังไงได้ เพราะจิ่วออกอาการแล้ว “มั่วมั่ว ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“อืม” ฉินมั่วเหมือนเศร้าราวกับเจ็บมาก “แต่ยังกินแฮมเบอร์เกอร์ได้อยู่”

วิลเลี่ยมจูเนียร์อยากโพล่งออกไปบ้าง นายเสแสร้งเก่งขนาดนี้ ไม่สะเทือนมโนธรรมบ้างเหรอ? มันไม่สะเทือนมาแต่แรกแล้วไหม ถ้าสะเทือนก็บ้าไปแล้ว อย่าคิดว่าฉันอ่านแผนนายไม่ออก นายน่ะเรียกว่าทำให้คนหลงใหลเท่านั้นแหละ

เขามองไปอีกทางอย่างหมดอาลัย แต่กลับเห็นจิ่วที่มองอีกฝ่ายอย่างสงสาร

เขาเห็นกับตาตัวเองว่าจิ่วดึงมือมันมาไว้ที่ปาก ก่อนจูบให้ แถมพูดเสียงออดอ้อนว่า “มั่วมั่ว ฉันช่วยจูบแล้ว จะไม่ได้ไม่เจ็บ ต่อไปถ้าวิลเลี่ยมจูเนียร์ขอเช็กแฮนด์ เธอก็อย่าไปจับมือเขานะ แค่มองก็พอ เขาแรงเยอะ เดี๋ยวทำให้เธอเจ็บ”

วิลเลี่ยมจูเนียร์โดนแทงเข้าแผลอย่างจัง

………………………………………

ตอนที่ 1889-3

ประจวบเหมาะกับที่วันนี้คุณท่านอานออกจากบ้านสาย เมื่อเห็นหลานโดนกอดแล้วยังไม่ผลักไสฝ่ายตรงข้ามอีก ความตะลึงพรึงเพริดในแววตาจึงเด่นชัดเข้าไปใหญ่ ท่านรู้ว่าหลานชายปฏิบัติต่อยัยเสือน้อยบ้านตระกูลป๋อไม่เหมือนคนอื่น แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงขั้นนี้ แค่สามวันครึ่งก็ดีกันขนาดนี้เชียวหรือ? บุคลิกของหลานที่หยิ่งยโส ไม่ค่อยใกล้ชิดใคร จะพังทลายแล้วใช่ไหม?

แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน การได้คบเพื่อนตั้งแต่เด็กจะยิ่งทำให้หัวใจอ่อนโยน

หากคุณท่านอานรู้ว่าหลานชายไม่ได้คบเพื่อน แต่เลี้ยงเด็กต่างหาก จะต้องกระอักกระอ่วนแน่ ทว่าคุณพ่อบ้านผมทองที่อยู่ข้างๆ รู้สึกว่าคุณชายวางแผนการเลี้ยงเด็กไว้อย่างรัดกุมแล้ว น่ากลัวจริงๆ

ทว่ายัยเสือน้อยกลับเห็นต่าง เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกเลี้ยง เพราะพ่อเคยบอกว่าใครมีเงินเยอะกว่า คนนั้นคือคนดูแลครอบครัว เช่นบ้านเธอที่แม่เลี้ยงเธอกับพ่อ วันนี้เธอวางแผนให้แล้วว่า พอไปที่ร้านแฮมเบอร์เกอร์ เธอจะเป็นคนจ่ายเอง เธอจะต้องแสดงศักยภาพทางการเงินของครอบครัวให้เจ้าหญิงน้อยได้ประจักษ์ นี่แหละคือเป้าหมายของเธอที่อยู่นอกเหนือจากการกินเนื้อให้เยอะๆ!

บ้านตระกูลอานมีคนขับอย่างเพียงพอ นี่เป็นครั้งแรกที่หลานชายจะได้เดินทางไปนอกบ้าน หลังจากมาถึงที่นี่ คุณท่านอานวิตกเช่นกันว่าหลานจะไม่ชอบที่นี่ แต่ชอบบ้านเกิดมากกว่า จึงส่งรถลินคอนคันยาวมาให้

หากบอกว่าคุณท่านอานเอาใจหลานชายมากก็อาจจะโอเว่อร์ไปหน่อย เพราะฉินมั่วเห็นรถแล้วก็สั่งให้โชเฟอร์ที่สวมหมวกทรงสูงเปลี่ยนคัน  เพราะรถคันนั้นมันใหญ่เกินไป เขานั่งอยู่ด้านหลังจะไม่สามารถให้ยัยเสือน้อยนั่งตักเขาได้ เมื่อวานเขาอ่านหนังสือ ในหนังสือบอกว่าเวลาดูแลเด็กจะต้องเอามานั่งตัก เด็กจะได้รู้ว่าเราให้ความสำคัญต่อเขา

ฉินมั่วคิดแล้ว เห็นว่าการทำแบบนี้ตอนนั่งรถจะสะดวกที่สุด เจ้าหญิงน้อยให้ความสำคัญเรื่องความสูงมาก แต่ไม่แสดงออกมา ทว่ายัยเสือน้อยที่ถูกกอดเมื่อขึ้นรถก็ถึงกับแปลกใจ ต้องรู้ว่าเธอเอาแต่หาทางกระโจนใส่เขา แต่นี่เขากลับเป็นฝ่ายมากอดเธอเอง ไม่ปกติอย่างแรง หรือว่าเจ้าหญิงน้อยไม่อายแล้ว?

ป๋อจิ่วหันไปวิเคราะห์สีหน้าอีกฝ่าย เห็นแค่สีหน้าเย็นชาเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นเจือปน ตอนแรกๆ ฉินมั่วก็เขินเหมือนกัน เพราะเขาไม่เคยกอดใครมาก่อน แต่หลังจากที่ขับรถได้สามนาที เขาได้กลิ่นนมจากตัวยัยเสือน้อยจึงรู้สึกชิน ส่งผลให้ป๋อจิ่วตาโต เธอนั่งในอ้อมกอดของเขา พลางมองซ้ายขวา ทั้งยังอธิบายให้ฉินมั่วฟังเวลาผ่านไปยังตามถนนเส้นต่างๆ “มั่วมั่วจะต้องมาเล่นที่นี่นะ พ่อเคยมาฉันมาด้วย สนุกมากเลย มั่วมั่ว ตรงนั้นเป็นแม่น้ำ ตรงข้ามแม่น้ำก็คือมหาวิทยาลัยที่พ่อฉันเรียนอยู่ ตอนที่เธอยังไม่ได้มาที่นี่ ฉันต้องเล่นอยู่คนเดียว เพราะพ่อฉันต้องทำวิจัย เธอเชื่อไหมว่า คนอย่างพ่อฉันจะเรียนดอกเตอร์ด้วย พ่อฉันเจ้าชู้จะตาย ฉันต้องคอยจับตาดูแทนแม่ บางครั้งเฝ้าๆ ไปพ่อก็หลับเฉยเลย แถมยังให้ฉันนอนที่บนโต๊ะเรียนด้วย แต่เวลาอาจารย์โรเบิร์ตเครายาวมาสอนทีไร ต้องทำให้คนง่วงนอนทุกที พูดยาก”

บรรยากาศด้านนอกกำลังดี แถมยังมีเสียงเด็กน้อยพูดอยู่ในอ้อมกอด เหมือนภาพวาดสไตล์ยุโรป คนที่ใช้ชีวิตที่ต่างประเทศต่างรู้ดีว่าสภาพอากาศทำให้ถนนของที่นี่สะอาด แถมหิมะเพิ่งจะตก อากาศจึงสดชื่น เวลาเดินไปยังลานกว้างก็จะเห็นนกพิราบขาวบินมาเป็นฝูง คนที่เดินตามท้องถนนชอบถือกาแฟในมือ สิ่งปลูกสร้างแบบตะวันตกสูงเด่นให้สีสันชัดเจน นี่น่าจะเป็นเสน่ห์ของเมืองนี้

 ……………………………………….

ตอนที่ 1889-4

ทว่าฉินมั่วไม่ได้ดูบรรยากาศ แต่กลับทุ่มเทความสนใจต่อยัยเสือน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดตัวเอง นอกจากพับแขนเสื้อให้แล้ว ยังสรุปบางเรื่องได้จากคำพูดของเธอ เช่นความทรงจำของยัยเด็กที่เขาเลี้ยงดูอยู่ช่างดีเยี่ยม ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะจำถนนหนทางได้ กระทั่งผู้ใหญ่ยังหลงทางได้เลย อย่างเช่นแม่เขาที่ยังแยกทิศเหนือใต้ออกตกไม่ออก ทว่ายัยเสือน้อยไม่เพียงแต่จะมีความจำดี เธอยังจำแม่นถึงสภาพถนนและเส้นทางเชื่อมต่อ รวมถึงมีสถานที่อะไรบ้างชนิดไม่ตกหล่นเลย ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเซนส์ด้านเส้นทาง แต่เป็นเรื่องความจำต่างหาก

ฉินมั่วเลิกคิ้วครู่หนึ่ง ต้องบอกว่าเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับยัยเสือน้อย เขายิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ไม่ได้พิเศษแต่อย่างใด เพราะที่นี่มีคนที่เก่งพอๆ กับเขาอยู่ด้วย

ดูเหมือนเขาต้องการมั่นใจในบางอย่าง จึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากช่องเสียบของด้านหลังเก้าอี้ตัวหน้า เป็นหนังสือด้านธุรกิจที่คุณตาชอบอ่านบ่อยๆ โดยเป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษล้วน ซึ่งไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการอ่านของยัยเสือน้อย เขาจึงเลือกหน้าที่หนึ่ง “ป๋อเสียวจิ่ว”

“หือ?” ยัยเสือน้อยกำลังซน คิดว่าจะหอมแก้มยังไงไม่ให้เจ้าหญิงน้อยรู้ตัว

“ในนั้นเขียนว่าอะไร?” ฉินมั่วชี้ย่อหน้าหนึ่ง ป๋อจิ่วหลุบตามอง อ่านย่อหน้าดังกล่าวให้ฟัง ขนตาเธอช่างยาวเหลือเกิน

ฉินมั่วฟังจนจบก็ปิดหนังสือ ป๋อจิ่วถึงได้รู้สึกว่าเมื่อกี้เจ้าหญิงน้อยต้องการถามเธอ น่ารักจัง เธอไม่เยาะเย้ยหรอกว่าเจ้าหญิงน้อยภาษาอังกฤษไม่ดี ก็เธอยังเริ่มเรียนภาษาจีนอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่นี่นา!

แต่ในขณะที่เธอจะหอมแก้มเพื่อปลอบใจเขา เจ้าหญิงน้อยพลันเอ่ยขึ้นอีกว่า “เมื่อกี้ที่เธออ่านไป ตอนนี้ยังจำได้อยู่ไหม?” ยัยเสือน้อยพูดในใจว่า ดูสิ ถามเธออีกแล้ว ช่างเป็นคนที่น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน เธอทบทวบข้อความที่อ่านไปอย่างจริงจังหนึ่งรอบ และรอคอยแววตาชื่นชมของเขา แต่ว่า…ไม่มี

ฉินมั่ววางหนังสือลง ยิ้มมุมปาก “เหมือนอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ” ยัยเสือน้อยเหมือนเขาที่อะไรที่เคยผ่านตาย่อมไม่ลืม แน่นอนว่าความสามารถในการจำเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน แต่ถ้าเรามีพรสวรรค์ช่วยด้วย และพยายามนึกภาพเชื่อมโยงกัน ก็ใช่ว่าจะไร้ความสามารถที่ว่า

คนที่เคยดูรายการโทรทัศน์ ‘The Brain’ ล้วนรู้ว่าทุกเรื่องราวและสถานที่ต่างมีความเชื่อมโยงกัน ขอแค่จำความเชื่อมโยงนี้ได้ การจำอะไรต่อมิอะไรย่อมเป็นเรื่องง่าย เพราะสมองเราได้สร้างแผนผังสามมิติไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราจะต้องสัมผัสแผนผังดังกล่าวด้วยตัวเอง

เมื่อก่อนเวลาที่เขาแสดงความสามารถด้านนี้ออกมา ทุกคนเป็นต้องตะลึง คนพวกนั้นควรต้องมาเห็นยัยเสือน้อยที่เขาเลี้ยงดูสักครั้ง เพราะความสามารถด้านนี้ของเธอเก่งกว่ามาก

ป๋อจิ่วหูตั้งกับยิ้มที่เห็น แต่เธอคิดว่ายิ้มนั่นสวยเหมือนหิมะที่เพิ่งละลาย เจ้าหญิงน้อยยิ้มอย่างนั้นเพราะอยากให้เธอหอมเหรอ?

ไม่ได้ วันนี้เธอต้องสงวนท่าทีหน่อย เดี๋ยวยังต้องกินแฮมเบอร์เกอร์ หากวันนี้เธอรีบหอมเขาเร็วไป เกิดเธอกินอาหารแล้วมีความสุขขึ้นมา เจ้าหญิงน้อยอาจไม่ยอมให้เธอหอมอีก จะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเอา

ในระหว่างที่ป๋อจิ่วคิดเช่นนี้ รถก็มาถึงสถานที่นัดหมาย รถธรรมดาคันดำจอดที่ริมถนนอันเป็นสวนสนุกที่เต็มไปด้วยเสียงเพลงและเสียงหัวเราะ แถมยังมีลูกโป่งล่องลอย

……………………………………………………

ตอนที่ 1890

ฉินมั่วและป๋อจิ่วลงจากรถตามกันมา แม้ชุดที่พวกเขาสวมไม่ได้สะดุดตา แต่เพราะหน้าตาน่ารัก แถมดวงตาดำขลับ ทำให้ชาวตะวันตกเหลียวมองโดยไม่รู้ตัว หนูน้อยจากเอเชียสองคนนี้ช่างน่ารักเหลือเกิน โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่บุคลิกดูดีมาก

หลังจากที่ลงจากรถ ฉินมั่วก็ไม่ได้รีบเดินไป ทั้งยังไม่ให้ยัยเสือน้อยซี้ซั้ววิ่ง เขาหลุบตารูดซิปเสื้อขนเป็ดให้เธอ ทั้งยังช่วยจัดผ้าพันคอให้เรียบร้อย เหล่าชาวตะวันตกที่เห็นต่างรู้สึกว่าน่ารักเหลือเกิน เด็กชาวเอเชียดูแลเอาใจใส่เพื่อนขนาดนี้เชียวเหรอ?

แม้ลุงหวังที่เป็นโชเฟอร์ได้อาศัยอยู่ที่นี่มานาน แต่ก็พอจะเข้าใจตัวคุณชายอยู่บ้าง ได้เห็นภาพดังกล่าวก็อยากจะใช้มือถือมาอัดคลิปส่งให้ท่านประธานดู มันช่าง…เหลือเชื่อจริงๆ หากเทียบกับการที่คุณชายกอดคุณหนูจิ่วอยู่ในรถแล้ว นี่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เหลือเชื่อยิ่งกว่า เพราะคุณชายไม่เคยปรนนิบัติใครมาก่อน

ฉินมั่วกลับไม่รู้สึกอะไร เด็กที่เขาเลี้ยงย่อมต้องได้รับการดูแลอย่างถี่ถ้วน ยิ่งอากาศข้างนอกหนาวขนาดนี้  แถมยัยเสือน้อยชอบสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย หากไม่พับแขนเสื้อก็ลืมรูดซิปเสื้อ ถ้าเขาไม่ใส่ใจแล้วใครจะทำ?

ฉินมั่วจัดแจงแต่งตัวอีกฝ่ายให้รัดกุม จากนั้นจึงจูงมือเธอ ทางด้านป๋อจิ่วก็ดีใจเป็นหนักหนา เจ้าหล่อนเดินไป หากยังสวมชุดนอนเสือน้อยล่ะก็ต้องส่ายหางแน่

หากเทียบกับในประเทศจีน สวนสนุกของเมืองนอกจะมีคนสวมชุดโจ๊กเกอร์และนักมายากลด้วย ทว่าเด็กทุกคนต่างชอบเหมือนกัน เมื่อเห็นคนที่มีสีผมและสีผิวต่างๆ เดินผ่านตรงหน้า ฉินมั่วจึงดึงให้ยัยเสือน้อยเดินตามเขา

วิลเลี่ยมจูเนียร์สวมชุดเสื้อโค้ทสีส้ม สวมหมวกไหมพรมคริสมาสต์ กำลังซุกมือไว้ในกระเป๋ากางเกง รออยู่ที่จุดนัดพบ

ในความคิดของเขา จิ่วน่าจะมาคนเดียวต่างหาก แต่คิดไม่ถึงว่าพอเงยหน้าขึ้นมองจะไม่ได้เห็นแค่จิ่ว ยังมีคนที่เขาไม่รู้จักอีกด้วย แถมเจ้านั่นหน้าตาดีผิดมนุษย์มนาอีกต่างหาก! ตาดำ ผมดำ แถมหน้ายังหล่ออีก

วิลเลี่ยมจูเนียร์ชอบทุกสิ่งที่เป็นเอเชีย เขารู้ดีเช่นกันว่าจิ่วก็ชอบทุกอย่างที่เป็นเอเชีย พูดตามหลักแล้วจิ่วก็ชอบทุกสิ่งที่เป็นเอเชียเช่นกัน!

แต่ตามหลักแล้ว ในเมื่อเธอเป็นคนเอเชีย น่าจะยิ่งชอบชาวตะวันตกอย่างเขาไม่ใช่เหรอ แต่คนหล่อๆ อย่างเขาเดินเตร็ดเตร่ตรงหน้าเธอ เธอกลับไม่สนใจ

วิลเลี่ยมจูเนียร์ยังจำได้ดีตอนที่เขาหลงรักเธอ เดิมมาพร้อมพวกเพื่อสารภาพรักด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าจิ่วจะนึกว่าเขาพาพวกมาหาเรื่อง ผลสุดท้ายกลายเป็นเขาโดนเล่นงาน เด็กตัวใหญ่อย่างเขากลับโดนต่อย

นับจากนั้นเป็นต้นมา วิลเลี่ยมจูเนียร์ที่ชื่นชมพวกฮีโร่ก็ยิ่งศรัทธาและชอบจิ่วมากขึ้น ดังนั้นแม้ว่าเจ้าเด็กนั่นจะหน้าตาจะหล่อเหลาเอาการ เขาก็ไม่สนใจ เขากลัวก็แต่จิ่วของเขาจะชอบฝ่ายนั้น!

ดูเหมือนวิลเลี่ยมจะคาดเดาอะไรได้ จึงเดินไปหาจิ่วอย่างฉุนเฉียว นั่นไง สองตาของเธอมีแต่เจ้าปีศาจนั่น บ้าที่สุด!

วิลเลี่ยมจูเนียร์สูดหายใจลึก จมูกยังคงแดงอยู่ เขาน้อยใจ แต่ไม่แสดงออกมา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าปีศาจที่มาจากเอเชียนี่! วิลเลี่ยมจูเนียร์มองฉินมั่วด้วยความคิดเช่นนี้

เช่นเดียวกัน ฉินมั่วเองก็จับตามองเจ้าเด็กผมแดงตั้งแต่ป๋อจิ่วเดินพาเขามาที่นี่ ทว่าสิ่งที่ฉินมั่วติดใจมากก็คือ ความสูงที่ต่างกันของทั้งสอง…

……………………………………………..

ตอนที่ 1888-4

ฉินมั่วเฉยๆ กับเรื่องเกม แต่เขาเป็นเด็กผู้ชาย ย่อมรู้สึกสนใจบ้าง เขาคลิกปุ่มหนึ่ง ซอมบี้บนหน้าจอก็กระโดดขึ้น  เมื่อระบบไม่ซับซ้อนจึงเล่นได้ง่าย

เดิมทีคิดว่าพอกระโดดออกจากโลงศพก็จะได้ผลไม้เลือด สำหรับฉินมั่ว มันไม่ได้ท้าทายความสามารถเขาสักเท่าไร แต่ไม่คิดว่าพอซอมบี้ตัวนั้นได้ผลไม้เลือดไป ประโยคหนึ่งก็กระโดดออกมา “ยินดีที่เจ้าชายมั่วมั่วชนะได้เกมนี้ ฉันเอามอบตัวเองให้ จุ๊บ”

จากนั้น ดวงดาวเอฟเฟกต์ก็ปรากฏบนหน้าจอ แต่ละดวงล้วนแต่เขียนชื่อเขาเอาไว้ ฉินมั่วเกร็งนิ้ว แววตาสะท้อนแสงที่ระยิบระยับ ต้องบอกว่ายัยเสือน้อยเก่งด้านการเอาใจคนจริงๆ แต่…  “เกมถูกตั้งระบบไว้เรียบร้อยแล้วนี่ เธอเพิ่งจะแก้ให้เป็นชื่อฉันใช่ไหม?”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วเลิกตาขึ้น “มั่วมั่ว เธอฉลาดจัง”

ฉินมั่วไม่พูดอะไร ถ้าเกมถูกสร้างระบบไว้ดีแล้ว ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อว่าอะไร? ป๋อจิ่วไม่รู้เลยว่า เจ้าหญิงน้อยที่อยู่ข้างตัวจะมีความอยากเป็นเจ้าของสูงมาก ยังแสดงสีหน้าอวดผลงานอีกต่างหาก “ฉันเก่งมากใช่ไหม?”

ฉินมั่วดึงสายตากลับมา เอ่ยเสียงเรียบ “อื้ม”

อื้ม? แค่เนี้ย? ยัยเสือน้อยยังคิดว่า พอเจ้าหญิงน้อยเล่นเกมนี้แล้วจะยอมตกลงปลงใจเป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอ เธออุตส่าห์โทรไปถามพ่อเรื่องนี้แล้ว พ่อบอกว่านี่คือแผนระดับยุทธศาสตร์ แต่ทำไมเธอใช้มันแล้วถึงไม่สำเร็จ

เป็นครั้งแรกที่ให้คนอื่นได้เล่นเกมของเธอ แต่กลับไม่รู้สึกประสบความสำเร็จ เมื่อก่อนเธอทำให้ตัวเอง ชื่อก็เลยเป็นของตัวเอง เธอไม่เคยเปลี่ยนไปใช้ชื่อคนอื่น แล้วเกมที่เธอสร้างขึ้นก็น่าสนุกออก

ตอนแรกเธอเห็นเจ้าหญิงน้อยยิ้มมุมปากชัดๆ แต่ยิ้มนั่นอยู่ไม่นานก็จางหาย กลายเป็นความเย็นยะเยือกแทน เห็นทีจะเชื่อในสิ่งที่พ่อพูดมากนักไม่ได้ บุคลิกความเป็นประธานมากเกินไปก็ไม่ดี ไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ความเรียบร้อยของเธอ เธอจะต้องอาศัยความสามารถตัวเองให้เจ้าหญิงน้อยยอมรับตัวเธอให้เร็วที่สุด

ป๋อจิ่วกำหนดบทบาทให้ตัวเองใหม่ ไม่รู้เลยว่าในหัวใจของเจ้าหญิงน้อยกลับคิดเพียงอย่างเดียว เขาอยากเห็นหน้าวิลเลี่ยมจูเนียร์ที่ยัยเสือน้อยพูดถึงเสียหน่อย เพราะไม่ชอบความรู้สึกที่คนอื่นมีความสุขที่เขาควรจะได้ก่อนหน้าเขา

สรุปแล้วก็คือ มันเป็นความเข้าใจผิดที่สวยงาม ทว่าวิลเลี่ยมจูเนียร์ซึ่งกระโดดลงจากรถโรงเรียนกลับจามหนักถึงสองครั้ง เมื่อหันไปมองด้านหลัง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หนาวที่ต้นคอ เขาต้องรู้สึกไปเองแน่ๆ

วิลเลี่ยมจูเนียร์บี้จมูกตัวเอง เขามีเส้นผมสีทอง ตาสีฟ้า แถมยังเป็นชาวตะวันตก ทำให้รู้สึกว่าเขาทระนงตัวเสียเหลือเกิน พรุ่งนี้เขานัดไปกินแฮมเบอร์เกอร์กับจิ่ว หนนี้ต้องขอเงินจากแดดดี้เยอะหน่อย ไม่งั้นคงไม่พอกิน

เขาได้ยินมาว่าแถวนี้มีเด็กจีนย้ายมาอยู่ด้วย ลือกันทั้งโรงเรียนเลยว่าหน้าตาดีเหมือนเป็นเจ้าชายน้อย

อย่าหาว่าเขาโม้เลยนะ แต่หากมีเขาอยู่ด้วย จะมีใครกล้าเรียกตัวเองว่าเจ้าชายน้อยได้อีก ฮึ!

………………………………………

ตอนที่ 1889-1

เวลานั้น วิลเลี่ยมจูเนียร์ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองช่างใสซื่อ

รอจนมาถึงวันต่อมา

ยัยเสือน้อยที่ชอบกินแฮมเบอร์เกอร์ แถมได้ออกจากบ้านน้อยครั้ง ทั้งยังจะได้พาเจ้าหญิงน้อยไปด้วยจึงตื่นเต้นมาก ขนาดที่ท้องฟ้ายังไม่สว่างก็ปีนกำแพงบ้านฉินมั่วแล้ว น่าเสียดายที่หลังจากโดนจับได้ เจ้าหญิงก็ไม่ยอมพูดกับเธอตั้งหนึ่งชั่วโมง ป๋อจิ่วได้แต่ลูบจมูก วิ่งวนรอบตัวอีกฝ่าย จนในที่สุดฉินมั่วได้ยินเสียงท้องร้องก็ขมวดคิ้ว “มานี่”

ป๋อจิ่วกำลังยืนบนขอบเตียง รีบเข้าไปหาทันทีที่ได้ยินคำสั่ง โดยฉินมั่วเริ่มจากถอดหมวกให้ ก่อนจะถามเธอว่า “รู้ตัวว่าผิดหรือยัง?”

ป๋อจิ่วกะพริบตา “รู้แล้ว” ดูจากท่าทีซุกซนของเธอ ไม่น่าจะรู้หรอก ฉินมั่วจึงคิดว่าจะให้เอากระถางต้นไม้ไปวางไว้ด้านนอกให้มากหน่อย อยากจะเห็นเหลือเกินว่า พอวางเข้าไปเยอะขนาดนี้แล้ว ยัยเสือน้อยยังจะกล้าทำอะไรที่มันอันตรายไหม?

ยัยเสือน้อยกำลังตื่นเต้นกับการจะได้กินแฮมเบอร์เกอร์ ไม่รู้ความคิดของเจ้าหญิงน้อยเลยสักนิด แต่ต่อมาเธอก็ดีใจมาก เพราะเจ้าหญิงน้อยหยิบขนมมาป้อนให้เธอชิ้นหนึ่ง

“อร่อยจัง” แป้งด้านนอกกรอบ แต่ข้างในนุ่ม แถมยังหวานนิดๆ ไม่เหมือนกับขนมที่เธอเคยกินมาก่อนเลย ท่าทางน่าจะเป็นขนมในประเทศจีน ยัยเสือน้อยชอบของที่มาจากประเทศจีนตั้งแต่เด็กจนโจ ตากลมๆ มองดูอย่างสดใส อยากกินอีกชิ้น แต่เธอต้องเรียบร้อย

ฉินมั่วอ่านความคิดอีกฝ่ายออกจึงยิ้มขึ้น มองดูยัยเสือน้อยที่ทำตัวเป็นเด็กดี ก่อนจะบิอีกชิ้นเข้าปากเธอพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ต่อไปต้องกินข้าวเช้าด้วย รู้ไหม”

ป๋อจิ่วพยักหน้าอย่างเอาใจ ทุ่มเทความสมาธิไปที่อาหาร “มั่วมั่ว ขนมนี้เรียกว่าอะไรเหรอ?”

ฉินมั่วชะงัก ดูจะไม่อยากพูดถึงชื่อ แต่เมื่อเห็นยัยเสือน้อยกินไปสามอันอย่างไม่คิดจะลดละ ถึงเช็ดมือพลางพูดออกมาว่า “เหล่าผอปิ่ง[1]”

เหล่าผอปิ่ง? เหล่าผอคืออะไร?

เวลานั้นป๋อจิ่วยังรู้ศัพท์ภาษาจีนไม่เยอะ ที่สำคัญคือคุณป๋อไม่เคยเรียกภรรยาด้วยคำคำนี้ เอาแต่เรียกว่ามาดามป๋อ ดังนั้นยัยเสือน้อยจึงไม่รู้จักคำศัพท์ที่ว่า แต่เธอไม่อยากให้สัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่จะซื้อมาเลี้ยงรู้สึกว่าเธอไม่มีความรู้ จึงพยายามสีหน้าปกติ แต่คิดในใจว่า พอกลับไปจะต้องไปถามพ่อให้ได้ว่าเหล่าผอหมายความว่าอะไร?

อันที่จริงที่ฉินมั่วไม่อยากพูด ไม่ใช่เพียงเพราะชื่อของมันเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีที่มาของขนมนี้อีก ต้องบอกว่านี่แหละคือฉินมั่ว เด็กคนอื่นที่อยู่ในวัยเดียวกันยังไม่น่าจะรู้ถึงประวัติของขนมเหล่าผอปิ่ง คุณสมบัตินี้ของเขามาจากการอบรมสั่งสอนทั้งนั้น คุณท่านฉินที่ลาโลกไปแล้วเป็นนายพลใหญ่ผู้บุกเบิกประเทศ สั่งสอนหลานชายจนได้สิ่งดีๆ หลายอย่างติดตัวมา สามารถบอกที่มาของทุกสิ่ง ใช่ว่านายพลใหญ่ทุกคนจะทำได้ แต่คุณท่านฉินเป็นผู้ให้ความสำคัญต่อความเป็นมาของประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับพันปี นานวันเข้าจำนวนหนังสือที่ฉินมั่วอ่านจึงเยอะมาก

 ………………………………….

ตอนที่ 1889-2

เมื่อคุณท่านฉินยังมีชีวิตอยู่ ทุกครั้งที่เห็นฉินมั่วตัวน้อยนั่งอ่านหนังสือ เป็นต้องเรียกให้หลานไปวิ่งเล่น ตอนนั้นฉินมั่วมักจะสวมเสื้อลายพราง ไม่เหมือนกับที่ใส่เวลาอยู่ที่นี่ ทำให้ดูเป็นลูกผู้ชายมาก เขาบอกคุณท่านฉินว่าเขาชอบอ่านหนังสือหลังจากฝึกเสร็จมากกว่า ทำให้หลายคนได้แต่ชื่นชมว่าหลานเพียงคนเดียวของตระกูลฉินถือเป็นต้นแบบของทุกคน และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณพ่อบ้านพูดไม่ผิดหรอก คุณชายของเขามีบุคลิกเหมือนคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ในสมัยโบราณ แถมยังเหมือนพวกองค์ชายอีกด้วย

ไม่ผิด เด็กเก่งๆ ในสมัยนี้มีมากมาย แต่ประเภทที่มีออร่าติดตัวแบบนี้ ไม่เพียงจะต้องเกิดมาบนกองเงินกองทอง ยังต้องได้รับการอบรมสั่งสอนและซึมซับจากสิ่งแวดล้อม ถึงจะมีความสง่าสูงศักดิ์ด้วย ทั้งยังรวมถึงคุณลักษณะส่วนตัวของเด็กด้วย ฉินมั่วเป็นเช่นนั้นเอง

 เขามองดูยัยเสือน้อยที่กินเหล่าผอปิ่ง พลันนึกถึงตำนานในอดีตขึ้นมาได้ ยังดีที่ยัยเสือน้อยไม่รู้ว่าการที่ผู้ชายมอบเหล่าผอปิ่งให้ผู้หญิงสื่อความนัยว่าอะไร ไม่อย่างนั้นเธออาจแสดงอิทธิฤทธิ์ประหลาดได้ แม้ว่าเขาคิดจะเลี้ยงเธอ แต่คุณชายฉินที่หยิ่งผยองไม่ชินกับการที่ถูกใครจุ๊บแก้ม เพราะเขาแค่อยากเลี้ยง ไม่ได้อยากแต่งงานด้วย

ทางด้านป๋อจิ่วไม่รู้ว่าเจ้าหญิงน้อยคิดอะไร ทว่าเหล่าผอปิ่งอร่อยมากเลย แถมเจ้าหญิงน้อยยังเอาชามาป้อนเธอด้วย ทำให้เธอเผลอกินไปตั้งหกชิ้นรวด รอจนเธอขอจะกินอีก ฉินมั่วก็หน้านิ่วพลางดันถาดไปไว้อีกด้าน ยัยโง่ไม่รู้เอาเสียเลยว่าการกินขนมหวานมากๆ ไม่ดีต่อฟัน

    ฉินมั่วเข้าใจความรู้สึกรำคาญเวลาเลี้ยงเด็กแล้ว ยัยเสือน้อยไม่มีอะไรให้กินก็ตบๆ เสื้อตัวเองพลางลุกขึ้นยืน วันนี้เธอไม่ได้สวมชุดนอน แต่เป็นเสื้อสเวตเตอร์ตัวขาว และสวมเสื้อขนเป็ดสีดำที่ฉินมั่วให้เธอเมื่อวานทับไว้ ซึ่งก็รับกันกับชุดที่ฉินมั่วสวมใส่ ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ

พอจะออกจากบ้าน เขากลัวว่ายัยเสือน้อยจะหนาว จึงเอาผ้าพันคอที่พันรอบคอตัวเองออกมาคิดจะพันให้เธอ และความอึดอัดก็เข้ามาเยือน เพราะเขาเตี้ยกว่าเธอ ถึงจะไม่ต้องเขย่งเท้าก็เถอะ แต่ทำให้ฉินมั่วเลิกคิ้วได้อยู่ดี เขาเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า “ต่อไปอย่ากินนมตอนเช้านะ”

ดวงตากลมโตของป๋อจิ่วดูสว่างสดใสมากขึ้นเมื่อสวมผ้าพันคอ ทั้งยังน่าเอ็นดูอีก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหญิงน้อยถึงไม่ยอมให้เธอกินนมอีก

ฉินมั่วเห็นความสงสัยจากสีหน้าอีกฝ่ายจึงพูดเป็นปกติ “นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันจะให้คุณพ่อบ้านทำโจ๊กให้เธอ แล้วก็เสี่ยวหลงเปาด้วย เธอชอบกินไม่ใช่เหรอ?”

หากเทียบกับนมแล้ว เสี่ยวหลงเปาย่อมน่าสนใจมากกว่า!

ป๋อจิ่วคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหญิงน้อยจะเอาใจใส่เธอขนาดนี้ จึงยื่นมือโอบเอวเขา “มั่วมั่ว เธอดีกับฉันจริงๆ”

ฉินมั่วร้อนไปทั้งหน้า ไม่รู้ว่าเพราะมีเจตนาร้ายที่จะส่งอาหารเช้าให้เธอหรือว่าถูกเจ้าหล่อนกอด เด็กสองคนกอดกันแบบนี้ค่อนข้างตรึงตาตรึงใจ

 ……………………………………..

[1] เหล่าผอปิ่ง เป็นขนมชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมในประเทศจีน คำว่าเหล่าผอแปลว่าภรรยา มีตำนานเล่าถึงที่มาของขนมชนิดนี้มากมาย บ้างก็ว่าในอดีต ผู้หญิงคนหนึ่งทำขนมชนิดนี้ให้สามีเอาไปขายและขายดีมาก จึงได้ชื่อนี้มา บ้างก็ว่าในอดีตมีผู้หญิงคนหนึ่งยอมขายตัวเองเป็นทาสเพื่อเอาเงินไปรักษาสามี ต่อมาสามีพยายามคิดค้นขนมชนิดนี้ แล้วเอาไปขายเพื่อหาเงินไปไถ่ภรรยากลับมา

ตอนที่ 1888-1

“มั่วมั่ว นั่งก่อน” ยัยเสือน้อยพูดจบก็กวาดตามองดูห้องตัวเอง แต่ก่อนไม่รู้สึกอะไร แต่พอมาดูตอนนี้ก็รู้สึกว่าสู้ห้องที่เธอนอนกับเจ้าหญิงน้อยไม่ได้ ดังนั้นเจ้าหล่อนจึงส่ายหางเล็กน้อย ดึงดันอธิบาย “ปกติแล้วฉันชอบทำความสะอาดจะตาย แต่เมื่อวานเป็นหวัดเลยกวาดห้องไม่ไหว ทำเอาห้องเละเลย งั้นเธอนั่งตักฉันดีไหม” ว่าแล้วก็ตบขาตัวเอง

ฉินมั่วไม่สนใจความทะเล้นของอีกฝ่าย เดินเข้าไปหยิบถุงใส่มันฝรั่งทอด เอ่ยด้วยสีหน้าหยิ่งๆ “นี่ไม่น่าจะเป็นของเมื่อวานนะ” เมื่อโดนรู้ทัน ยัยเสือน้อยพลันเปลี่ยนเรื่องพูด “มั่วมั่ว ฉันจะแนะนำของรักให้เธอรู้จักนะ นี่เป็นเจ้าซิลเวอร์หมายเลขหนึ่ง ส่วนอันนี้เป็นเจ้าซิลเวอร์หมายเลขสอง…”

ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ฉินมั่วกวาดตามอง รู้ดีว่าเด็กต้องการได้รับคำชม จึงเอ่ยขึ้นตามมารยาท “ตั้งชื่อได้ดีมาก” หากเครื่องคอมพิวเตอร์มีความรู้สึก มันคงกระโจนเข้าไปถามเจ้าชายน้อยคนนี้แล้วล่ะว่า ชื่อซิลเวอร์หมายเลขหนึ่ง หมายเลขสอง มันดีที่ตรงไหน!

ทว่ายัยเสือน้อยรู้สึกว่ารสนิยมของตัวเองได้รับการชม จึงพูดด้วยความรู้สึกหวานแหวว “ฉันยังทำการบ้านของวันนี้ไม่เสร็จเลย มั่วมั่วรอก่อนนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

ป๋อจิ่วน้อยครั้งจะเชื่อใจคนอื่นอย่างจริงจัง เหมือนอย่างที่มาดามป๋อพูดนั่นแหละว่าเด็กคนนี้เหมือนพ่อ อย่าเห็นว่าเรื่อยเฉื่อยกับคนเขาไปทั่ว แต่จริงๆ แล้วเข้าถึงได้ยาก ทว่าเมื่ออยู่กับฉินมั่ว ป๋อจิ่วเหมือนจะปล่อยวางความระวังทุกอย่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม น่าจะเป็นเพราะได้เจอกับคนที่มีวิถีชีวิตที่ต่างไปจากตัวเอง หรืออาจเป็นเพราะไม่ว่าจะเห็นอะไร เจ้าหญิงน้อยก็ยังเหมือนเดิม ต่อให้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาเป็นต้องมาม้วนแขนเสื้อให้ทุกที

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าการได้มาเจอเจ้าหญิงน้อยถือเป็นบุญที่เธอสะสมมาตั้งแต่ชาติก่อน จึงดูแลสัตว์เลี้ยงตัวน้อยในอนาคตของตนด้วยความเอาใจใส่ พ่อเคยบอกว่า เราอาจจะเสแสร้งทำตัวไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่เมื่อเจอคนที่รักอย่างจริงใจ ย่อมจะต้องเชื่อฟังคำพูดอีกฝ่าย เอาใจแลกใจ แล้วยอมอ่อนข้อให้

ป๋อจิ่วคิดว่าตัวเองคือประธานจอมโหด เรื่องแบบนี้ต้องแสดงออกให้เห็นด้วยการกระทำ เธอจะต้องโอ๋เจ้าหญิงน้อยให้เต็มที่ ให้เขารู้ว่าปกติแล้วเธออาจจะยุ่งบ้าง จึงอยู่เป็นเพื่อนเขาบ่อยๆ ไม่ได้ เจ้าหญิงน้อยจะได้เข้าใจ ไม่คิดน้อยใจ ยัยเสือน้อยคิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองฉลาดเหลือเกิน ถึงกับส่ายหางพลางยิ้มออกมา

ฉินมั่วยืนดูคนบางคนก้มตัวต่อสายคีย์บอร์ด มือทั้งคู่ที่พรมบนแป้นพิมพ์ดูขาวและเล็กนิดเดียว แต่กลับพิมพ์ได้เร็วมากจนเห็นตัวโค้ดที่พิมพ์ออกมาได้ไม่ชัด ภาพแบบนี้คงจะเห็นไปแค่ในการ์ตูนเท่านั้น เพราะคนพิมพ์ยังเด็กเหลือเกิน

ก่อนที่จะได้เจอยัยเสือน้อย ฉินมั่วคิดว่าค่อยมีเด็กคนไหนหรอกที่มีระดับไอคิวเทียบเท่าเขา แต่เมื่อได้เห็นท่าพิมพ์ของยัยเสือน้อย สมองเขาก็ผุดคำว่า ‘อัจฉริยะ’ ขึ้นมา ยัยเสือน้อยที่เขาจะเลี้ยงดูถือเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง เห็นทีต่อไปเขาต้องระวังเรื่องอาหารการกินเสียหน่อย

คุณชายฉินสมกับที่เป็นคุณชายตระกูลฉินจริงๆ ยังอุตส่าห์เอาแต่คิดเรื่องจะดูแลคนของตัวเองให้ดีอย่างไร

 …………………………………………

ตอนที่ 1888-2

เวลานี้ป๋อจิ่วพิมพ์ด้วยความเร็วสูง พูดเป็นเล่นไป ก็เจ้าหญิงน้อยรอเธออยู่ เธอจะต้องโชว์ความตั้งใจในการทำงานให้แฟนเห็นสิ! ยัยเสือน้อยก้มหน้าก้มตาจัดการระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ได้สังเกตเห็นแววตาที่ฉินมั่วมองเธอเหมือนเธอเป็นสัตว์เลี้ยง คงเพราะจมดิ่งอยู่ในการแก้ปริศนาบางอย่าง กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าผ่านไปถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว

แย่แล้ว เธอลืมไปเลยว่าเจ้าหญิงน้อยอยู่ข้างตัว เขาจะรู้สึกว่าเธอทอดทิ้งเขาหรือเปล่านะ ป๋อจิ่วคิดเช่นนี้ก่อนจะกลิ้งตัวนั่ง ทว่าเมื่อเธอหันหลังกลับไปก็ถึงกับตาโตเลยทีเดียว เพราะห้องเธอถูกจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นเยอะ ก่อนจะหันไปมองฉินมั่วที่หยิบหนังสือของเธอมาอ่านอยู่ด้านข้าง

ห้วงเวลาดังกล่าว สีหน้าของป๋อจิ่วเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระโดดใส่เด็กชายที่หยิ่งยโสเต็มแรง แค่นั้นไม่พอ ยังเอาหน้าไปถูไถ “มั่วมั่ว ทำไมเธอถึงได้เป็นกุลสตรีแบบนี้ ต่อไปฉันจะแต่งเธอเข้าบ้าน ดีไหม”

ฉินมั่วไม่ชอบใจที่โดนกระโจนใส่แบบนี้ เพราะการทำเช่นนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกถึงความสูงที่ต่างกัน ทว่ายัยเสือน้อยกลับไม่เก็บงำความรู้สึก แถมยังจะแต่งเขาเข้าบ้านอีก “ป๋อเสียวจิ่ว คำว่ากุลสตรีเขาใช้กับผู้หญิงเท่านั้น”

ฉินมั่วพูดในสภาพกัดฟันกรอดๆ ทว่าป๋อจิ่วไม่เก็ท เธอช้อนสายตาแวววาวขึ้นมอง หูเสือตั้งขึ้นมา “แต่เธอเก่งมากเลยนะ ก็ต้องเป็นกุลสตรีสิ” พูดจบก็หลุบตาก่อนจะกระทำสิ่งหนึ่งที่ส่งเสียงดัง ‘จ๊วบ’ เบาๆ อย่างเป็นธรรมชาติ “ฉันจุ๊บเธอแล้วกัน ถือเป็นคำชม”

ห้วงเวลาดังกล่าว ฉินมั่วนิ้วเกร็งเลยทีเดียว สิ่งที่อยากจะพูดออกมากลับถูกเสียงจุ๊บของอีกฝ่ายทำให้ต้องกลืนกลับไป บริเวณที่โดนจุ๊บร้อนฉ่า ใบหน้าเธออ่อนนุ่มมาก ให้ความรู้สึกเหมือนขนนกที่ไล้หัวใจ คันๆ อย่างบอกไม่ถูก แถมยังมีกลิ่นลูกอมด้วย จึงยากที่จะเมินเฉย

ฉินมั่วผลักตัวอีกฝ่ายออกไป ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง ส่วนป๋อจิ่วที่ถูกผลักก็ไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด ตบชุดนอนของตัวเอง ยิ้มมองดูเด็กชายตัวน้อยที่หูเริ่มแดง

เจ้าหญิงน้อยของเธอมีข้อเสียตรงที่ขี้อายเกินไป เมื่อเทียบกันแล้วเธอเลยเหมือนคนโฉดเถื่อนก็ว่าได้ แต่เธอพอเข้าใจความรู้สึกส่วนลึกของเจ้าหญิงน้อยอยู่บ้าง เพราะเมื่อทำความดีออกมาแล้วโดนจุ๊บ ต่อไปเขาต้องทำดีให้มากยิ่งขึ้นแน่นอน

โชคยังดีที่ตอนนั้นคุณชายฉินมั่วยังไม่ได้มีความรู้ด้านจิตวิทยา ไม่อย่างนั้น หากรู้ความคิดของเจ้าหล่อนเข้าจะต้องสูดหายใจลึกแน่

ป๋อจิ่วดื่มด่ำกับความหวานไปเอง เอ่ยอย่างตั้งใจว่า “มั่วมั่ว ต่อให้เธอไม่ใช่กุลสตรี ฉันจะยังจะหอมเธอ”

ฉินมั่วตอบเพียง “หึ” สมกับเป็นเจ้าชายน้อยแสนหยิ่ง

ป๋อจิ่วกลับแปลอาการดังกล่าวว่าเป็นความเขินอาย ไม่เป็นอุปสรรคต่อการกระทำของเธอที่จะรุดหน้ายิ่งขึ้น!

ฉินมั่วมองดูยัยเสือน้อยที่หรี่ตาลงอย่างมุ่งมั่น เข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายยังแยกชายกับหญิงไม่ออก ทั้งยังคิดว่าหากชอบใครก็หอมคนนั้นได้ ซึ่งมันไม่ดีเลย เพราะยังมีเด็กฝรั่งที่ชื่อวิลเลี่ยมจูเนียร์นั่น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินมั่วก็ส่งมือไปบีบหูเสือของเจ้าหล่อน

 …………………………………………………..

ตอนที่ 1888-3

เขารู้ตัวทันทีว่าพอทำแบบนี้แล้วไม่สะดวกอย่างแรง เพราะเมื่อยืนด้วยกัน เขากลับเตี้ยกว่าเธอนิดหนึ่ง ทำให้พอฉินมั่วเอ่ยอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา “ต่อไปอย่าเห็นใครชอบใครก็ไปจุ๊บเขา ห้ามทำแบบนี้เชียวนะ”

ป๋อจิ่วเอียงศีรษะ “ไม่ให้ทำแบบนี้ แล้วจะให้ทำแบบไหน? ปกติแล้วเขาจูบมือกันด้วยนะ”

“จูบมือน่ะ เขาให้ผู้ชายทำกับผู้หญิง แล้วในประเทศจีนก็ไม่มีการทำแบบนี้ด้วยนะ” นี่ยังอยากจูบคนอื่นอีกเหรอ?

ป๋อจิ่วกะพริบตา “แต่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในจีนนี่นา ยังไงเราก็ต้องทำตามธรรมเนียมเขานี่”

“ปกติแล้วเธอเคยไปงานเลี้ยงหรือเปล่า” ฉินมั่วขัดจังหวะอีกฝ่าย

ยัยเสือน้อยส่ายหน้า “ไม่อะ”

“แม้กระทั่งไปต้อนรับแขกอย่างที่ฉันไปกับคุณตา?” ฉินมั่วถามอีก

ป๋อจิ่วส่ายหน้า

“แล้วทำไมเธอจะต้องสนใจเรื่องการจูบมือด้วย” ฉินทั่วพูดจบก็เติมอีก “เวลาจูบมือกันอะ จะทำให้คนขยะแขยง”

เอาเถอะ ป๋อจิ่วไม่อยากถูกมองเป็นตาแก่น่าขยะแขยง เธอน่ารักจะตาย

“งั้นฉันไม่จูบแล้ว” ยัยเสือน้อยพูดอย่างว่าง่าย อันที่จริงสีหน้ายังแฝงความทะเล้นอยู่

ฉินมั่วกลับชินเสียแล้ว สีหน้ายังคงยะโสเหมือนเดิม แต่ไม่พูดอะไรต่อ การเลี้ยงเด็กไม่ใช้เรื่องที่ทำกันประเดี๋ยวกระด๋าว ยิ่งยัยเสือน้อยคนนี้ ต้องค่อยๆ ปรับนิสัยเอา

ยัยเสือน้อยเหมือนนึกอะไรออก พลันดึงมือเจ้าหญิงน้อยมา ก่อนจะเลือกเล่นคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง โดยที่มือข้างหนึ่งกำลังแก้ระบบอยู่

ต่อให้ฉินมั่วไอคิวสูงแค่ไหน แต่ก็ไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากนัก ไม่รู้เหมือนกันว่ายัยเสือน้อยจะทำอะไร ได้แต่มองดูชื่อของเขากะพริบระยิบระยับ จากนั้นยัยเสือน้อยก็ส่ายหาง “มั่วมั่ว เธอลองใช้เมาส์เล่นดูสิ เกมนี้สนุกนะ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีหรอก”

ถึงฉินมั่วจะไม่รู้เรื่องโค้ด แต่พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายสร้างเกมที่เล่นง่ายขึ้นมาเกมหนึ่ง “ที่เธอบอกว่าเป็นการบ้าน ก็คืออันนี้เหรอ?”

ป๋อจิ่วส่งเสียงยอมรับ “พ่อสั่งให้ฉันทำ ถ้าทำไม่ดี พ่อจะให้กินต้มบะหมี่ฝีมือพ่อ ฉันยอมตายดีกว่ายอมกิน”

พอจะเห็นได้ว่าฝีมือการทำครัวของคุณป๋อย่ำแย่แค่ไหน ถึงฉินมั่วไม่ชอบนินทาผู้ใหญ่ แต่ป๋อจิ่วชอบ แถมกว่าจะหาคนมานั่งฟังก็ยากจะตาย

ป๋อจิ่วคลี่นิ้วนับจุดอ่อนของพ่อตัวเอง “เราเล่นเป่ายิงฉุบกันทุกครั้งที่ต้องทำกับข้าวเลยละ พ่อชอบบอกแม่ว่าบะหมี่ที่ฉันต้มเป็นฝีมือพ่อเอง แม่จะได้รักพ่อมากขึ้น เพราะบะหมี่ที่พ่อต้มน่ะไม่อร่อยเลย ครั้งที่แล้วพ่อใส่ปลาหมึกเข้าไปด้วย มันไม่อร่อยอย่างแรง เพราะพ่อต้มไม่สุก ขนาดเอาไปให้แมวกินเพราะไม่อยากให้สิ้นเปลืองอาหาร ปรากฏว่าเจ้าเหมียวมันยังไม่แลเลย แต่ดันบอกว่าตัวเองชอบเข้าครัว” พูดมาถึงตรงนี้ เจ้าหล่อนก็ส่ายหางพลางพูดกับเจ้าหญิงน้อยอย่างตั้งใจ “มั่วมั่ว เดี๋ยวถ้าพ่อหยิบอะไรให้กินแล้วบอกว่าเป็นฝีมือพ่อที่ช่วยแม่เข้าครัว เธออย่ากินนะ มันมีพิษ”

“ได้” ฉินมั่วรับคำสบายๆ แต่คิดในใจว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง งั้นปกติแล้วยัยเสือน้อยจะกินอะไร

แต่เขาเตรียมแผนรองรับปัญหานี้ไว้แล้ว ความทรงจำที่ตอนที่เธอกับคุณอาป๋อมาขอข้าวที่บ้านเขากินยังสดใหม่เสมอ

ยัยเสือน้อยยังไม่รู้ว่าแผนการในวันนั้นแตกแล้ว ยังคงจิ้มนิ้วที่หน้าจอ ก่อนจะพูดกับเพื่อน “มั่วมั่ว เธอเคลื่อนเมาส์ได้เลย”

…………………………………………..

ตอนที่ 1887-3

เวลานี้ป๋อจิ่วสวมเสื้อของฉินมั่วได้อย่างไม่รู้สึกหวั่นกลัว แถมเสื้อตัวนั้นยังขับให้เธอดูน่ารักขึ้นอีกด้วย ทั้งสองต่างสวมเสื้อตัวนอกยี่ห้อเดียวกัน คุณชายฉินมีรสนิยมด้านเสื้อผ้าสูง คงเพราะได้อิทธิพลจากคนเป็นแม่ ตอนนี้เด็กน้อยทั้งสองต่างสวมเสื้อขนเป็ดในคอลเล็กชันเดียวกัน พากันเดินย่ำบนหิมะ เหมือนสง่าเหมือนรูปหยกสลักเลยทีเดียว

ป๋อจิ่วดีใจจะแย่อยู่แล้ว เพราะเจ้าหญิงน้อยยอมให้เธอจูงมือ แต่มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือไม่รู้ว่าทำไมเขาเห็นบ่าเธอแล้ว แววตาถึงเปลี่ยนไป

ส่วนเรื่องนี้ คุณพ่อบ้านหนุ่มผมทองที่ยืนส่งทั้งสองตรงประตูรู้ทันทีว่าทำไมคุณชายถึงให้เขาเก็บความลับเรื่องที่เปลี่ยนอาหารเช้าให้เป็นนมแทน คุณชายติดใจเรื่องความสูงนี่เอง!

ดูจากสภาพดังกล่าว คุณชายเตี้ยกว่าคุณหนูจิ่วจริงๆ คุณพ่อบ้านจับประเด็นได้ก็รีบโทรหาคุณท่านอานทันที ส่วนคุณท่านอานได้ยินแล้ว ถึงกับยิ้มจนรอยเหี่ยวย่นเพิ่มขึ้นไม่น้อย โอ หลานท่านก็มีเวลาแบบนี้เหมือนกัน อุตส่าห์เร่งดื่มนมเพราะเตี้ยกว่าเพื่อน ท่านยิ้มอย่างยินดีที่เอาหลานมาอยู่ที่นี่

อ้อ ไม่สิ ต้องบอกว่าได้มาเจอแม่เสือน้อยของตระกูลป๋อต่างหาก นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ส่วนอีกด้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ป๋อจิ่วตัวน้อยพาเพื่อนมาที่บ้าน พ่อเธอเก็บซ่อนความลับไว้เยอะมากจึงไม่สะดวกให้ใครมาเห็น ในฐานะที่เป็นเจ้าแม่ทั่วละแวกนี้อย่างเธอ ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบคีย์บอร์ด แน่ละ คนที่ไม่เข้าใจ เธอย่อมไม่พามาที่บ้าน

แต่มั่วมั่วไม่เหมือนคนอื่น รู้ดีว่าคีย์บอร์ดสำคัญต่อเธอมาก แถมยังช่วยเช็ดทำความสะอาดให้ก่อน ถึงจะยอมให้เธอกอดมัน อย่างไรเสียเธอยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าหญิงน้อยของเธอแสนดีเหลือเกิน

ทางด้านคุณป๋อเองก็ไม่คิดว่าท่านจิ่วของเขาจะพาคุณชายฉินมากินข้าวที่บ้านด้วย อุตส่าห์สร้างภาพเป็นพวกเกาะเมียกิน พอเห็นฉินมั่วเข้าก็เลิกคิ้วอย่างเกียจคร้าน

ฉินมั่วเป็นเด็กฉลาด เห็นผู้ใหญ่สวมที่คาดผม แต่งตัวเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัย ก็เอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ “คุณอาป๋อ”

คุณป๋อยิ้ม “เด็กดี” เออ เจ้าเด็กบ้านตระกูลฉินฉลาดดี แต่จะฉลาดอย่างไรก็ต้องตกอยู่ในเงื้อมมือท่านจิ่ว เขารู้ดีว่าเวลาลูกสาวอยากได้อะไรก็ตาม แค่แสดงความความน่ารักออกไปก็ทำให้หัวใจคนละลายได้แล้ว เรื่องนี้เหมือนพ่อไม่มีผิด

คุณป๋อให้แขกนั่งลงอย่างใจดี ส่วนมาดามป๋อยังคงสวมชุดสูท เท้าเหยียบบนรองเท้าส้นสูงคู่ดำ ท่าทางเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่พอเห็นลูกสาว ความเย็นกระด้างในแววตาพลันละลายลง เธอก้มลงอุ้มลูกขึ้นมา “วันนี้ลูกจิ่วเป็นเด็กดีหรือเปล่าคะ?”

“เป็นค่า” ป๋อจิ่วรับประกันด้วยสีหน้าว่านอนสอนง่าย “หนูไม่ซนเลย”

มาดามป๋อหัวเราะพลางบีบจมูกลูก ทว่าเมื่อหันไปเห็นฉินมั่วที่อยู่ข้างตัวลูกเธอ ความสงสัยก็พาดผ่านแววตาทันที ต้องรู้ว่าลูกจิ่วของเธอไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้าน พ่อหนูคนนี้เป็นคนแรก แถมยังเป็นเด็กเชื้อสายจีนอีกต่างหาก มาดามป๋อเป็นนักธุรกิจ เคยเห็นผู้คนหลากหลายประเภท แต่ไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายคนไหนที่โดดเด่นเท่าเด็กน้อยตรงหน้าก่อน ทำให้เธอนึกถึงบทกวีโบราณที่เคยเรียนในประเทศจีนก่อนจะมาอยู่เมืองนอกที่ว่า

คุณชายผู้งามสง่า ยืนเด่นเป็นประจักษ์

วัยท่านช่างเยาว์นัก กลับเด่นเหนือผู้ใด

ลูกจิ่วของเธอไปรู้จักเพื่อนแบบนี้จากที่ไหน?

………………………………………….

ตอนที่ 1887-4

เมื่อเห็นสายตาของคนเป็นแม่ ป๋อจิ่วฉุกคิดขึ้นได้ กระโดดลงจากอ้อมกอดแล้ววิ่งไปอยู่ตรงหน้าฉินมั่ว ก่อนจะจูงมือเพื่อน “แม่จ๋า นี่คือมั่วมั่ว เมื่อคืนเขาดูแลหนูทั้งคืนเลย แถมยังป้อนยาให้หนูด้วย”

มาดามป๋อรู้ดีว่าลูกสาวเธอไม่ชมใครง่ายๆ แน่ พ่อลูกคู่นี้เฉยๆ กับทุกคน น้อยครั้งที่จะชมคนอื่น เวลานี้แววตาของลูกเธอไม่ได้แค่ชอบที่เด็กชายคนนี้ดูแลทั้งคืนแต่อย่างเดียวหรอก แต่พอจะเอ่ยปากกลับเห็นว่าเด็กชายทำสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ก็แค่ยื่นมือมาพับแขนเสื้อให้ลูกจิ่ว ลูกเธอฉลาดจะตาย ความจำยังดีกว่าเด็กคนอื่น

เวลาที่เธอไม่อยู่บ้าน บางครั้งก็อดคิดว่าความสามารถในการจดจำมากจากการซึมซับจากคนใกล้ชิดหรือไม่ แต่มันถือเป็นเรื่องดีสำหรับเด็ก ไม่ใช่ว่าไม่ดี แม้การมีไอคิวสูงอาจทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนในวัยเด็ก เธอจึงชอบกังวลว่าลูกเธอจะไม่มีใครเข้าใจ ตอนนี้เห็นทีเธอคงไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะในบรรดาเด็กที่มีรุ่นราวคราวเดียวกัน ยังมีคนที่เข้าใจลูกเธอ ไม่เพียงเท่านั้น ยังทำหน้าที่แม่แทนเธอได้ด้วย

“ขอบคุณเจ้าชายน้อยมั่วมั่วมากเลยนะคะที่ช่วยดูแลลูกจิ่ว” มาดามป๋อก้มตัวลูบศีรษะฉินมั่วเบาๆ “ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันใช่ไหมคะ เดี๋ยวน้าไปทำให้หนูกับจิ่วนะคะ”

ฉินมั่วยังไม่พูดอะไร คุณป๋อก็โพล่งขึ้นมาก่อน “เมื่อกี้บอกว่าต้องรีบไปประชุมไม่ใช่เหรอ ที่แท้ก็หลอกผมนี่”

มาดามป๋อมองสามีแวบหนึ่ง หมายความว่าเพราะมีเด็กตัวน้อยอยู่ด้วยหรอก เด็กตัวใหญ่อย่างเขารอไปก่อนเถอะ

คุณป๋อจึงวางมือบนพนักเก้าอี้ “ท่าทางผมคงหมดความหมายไปแล้ว”

แค่สองประโยคสั้นๆ ฉินมั่วก็รู้สภาพของครอบครัวนี้ทันที ช่างไม่เหมือนที่บ้านเขาสักนิด แม่เขาเป็นฝ่ายถูกพ่อดูแลอย่างครบถ้วน แถมยังอ่อนโยนเอาใจมากด้วย ไม่เหมือนเวลาอยู่ในกองทัพสักนิด แต่ยังมีอำนาจเหนือทุกคนในครอบครัว แถมพ่อยังกุมหัวใจแม่อยู่หมัดอีกด้วย

เมื่อหันมาดูคุณอาป๋อที่รอให้ภรรยาเลี้ยง ทั้งยังพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ คุณอาผู้หญิงรับหน้าที่โอ๋เด็กสองคน คนหนึ่งคือยัยเสือน้อย ส่วนอีกคนก็คุณอาป๋อ

ฉินมั่วคิดว่าเขาอาจช่วยแบ่งเบาภาระให้คุณอาหญิงได้ ก่อนจะกินข้าว เขาพายัยเสือน้อยไปกินที่อื่น ปล่อยให้คุณอาป๋ออ้อนภรรยาได้เต็มที่

นี่แหละที่เป็นเหตุให้ผู้ชายตัวโตถูกชะตากับผู้ชายตัวเล็กยิ่งขึ้น ไม่ผิดหรอก เรียกว่ารู้ดีเชียวล่ะ คุณป๋อหาทางยื้อเวลาอยู่กับภรรยาให้มากหน่อย จะได้บอกท่านประธานหญิงของเขาด้วยการกระทำว่า เธอไม่ต้องดูแลเด็กตัวเล็กสองคนนี้หรอก แต่ควรจะดูแลเด็กตัวใหญ่อย่างเขามากว่า

และเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะยัยเสือน้อยไม่เกาะติดแม่แล้ว เอาแต่แนะนำข้าวของทั้งหลายให้เจ้าหญิงน้อยอย่างเดียว พ่อเธอไม่ได้แนะนำให้ทำแบบนี้ เธอแค่อยากจะสนิทกับเจ้าหญิงน้อยให้มากขึ้นเท่านั้น

เมื่อฉินมั่วเดินตามยัยเสือน้อยเข้าห้องเธอไป พบว่าห้องนี้ต่างไปจากห้องเด็กน้อยคนอื่น ไม่ใช่เพราะตกแต่งไม่เหมือนกัน แต่ห้องเด็กน้อยไม่น่าจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องถึงสามเครื่อง แถมแต่ละเครื่องยังเป็นรุ่นใหม่เอี่ยม ยิ่งไปกว่านั้น หนังสือเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ที่เรี่ยราดบนพื้น แม้จะอ่านง่าย แต่คนที่มีความรู้ภาษาอังกฤษระดับดีอย่างเขา ย่อมอ่านหน้าปกออกว่ามันคืออะไร แม้ว่าจะเข้าใจคร่าวๆ แต่ก็ยังรู้ว่ายัยเสือน้อยที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เสือน้อยธรรมดาเสียแล้ว

…………………………………………………………..

ตอนที่ 1887-1

คุณพ่อบ้านยังไม่ทันได้โทรไปรายงานคุณท่านอาน ก็ถูกคุณชายเรียกไปที่ห้องหนังสือเสียก่อน คุณชายของเขาช่างเหมือนตัวละครในนิยายเทพเซียน เพราะมีเด็กคนไหนบ้างที่ชอบเรื่องตำรา หมากล้อม พิณโบราณ และภาพวาดตั้งแต่ตัวยังน้อยนิด ก็มีแต่คุณชายของเขานี่แหละ!

มีห้องหนังสือส่วนตัวยังไม่พอ กระทั่งยังวางเครื่องเขียนพู่กันจีนไว้ด้วย คุณพ่อบ้านรู้สึกอย่างลึกซึ้งเลยล่ะว่า ตัวเองทำถูกแล้วที่มาทำงานบ้านตระกูลอาน

พวกแฟนๆ หนังสือคงไม่เข้าใจ การมีคนที่สร้างบรรยากาศเหล่านี้ให้เราจะมีความรู้สึกอย่างไร คุณชายของเขาถือเป็นยอดฝีมือเชียวนะ แต่ในขณะที่คุณพ่อบ้านยังไม่รู้ว่าคุณชายเรียกเขามาทำไม คิดไปคิดมาก็คิดออกเพียงอย่างเดียวว่า คุณชายน้อยจะต้องเตือนไม่ให้เขาพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป โปรดอย่าถามว่าเขารู้ได้อย่างไร? ก็นิยายในอินเทอร์เน็ตเขียนกันแบบนั้น แต่ฉินมั่วกลับไม่ได้เอ่ยถึง นอกจากถามว่า “คุณเคยเลี้ยงเด็กน้อยไหม?”

คุณพ่อบ้าน “…”

ฉินมั่วเลิกคิ้ว “หือ?”

หือ? คุณพ่อบ้านปรับท่าทีตัวเอง คิดเสียว่าคุณชายกำลังถามความรู้จากเขา “เวลาชาวตะวันตกเลี้ยงดูเด็ก เราจะเน้นเรื่องการฝึกให้เด็กทำอะไรด้วยตัวเองเป็น” ว่าแล้วก็สำรวจสีหน้าคุณชายราวกับยินดีมาก ก่อนจะเอ่ยต่อ “อย่างเรื่องกินข้าวอะไรทำนองนี้ เด็กจะต้องกินด้วยตัวเอง”

ฉินมั่วได้ยินมาถึงตรงนี้ก็เงยหน้ามอง “งั้นขอถามหน่อย ปีนี้คุณอายุเท่าไรแล้ว?”

“รายงานคุณชาย ผมอายุ 24 ครับ” คุณพ่อบ้านตอบเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อฉินมั่วได้ยินเข้าก็วางกระดาษตัวอักษรที่เขียนด้วยพู่กันลงบนโต๊ะ “อายุ 24 น่าจะยังไม่ได้แต่งงาน ผมเคยอ่านเจอในหนังสือของพวกฝรั่ง ท่าทางคุณจะไม่เคยมีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมาก่อน”

แล้วยังไง? คุณพ่อบ้านไม่เข้าใจ ฉินมั่วดูเหมือนกำลังจะวางแผนอะไรสักอย่าง เอ่ยพึมพำขึ้นมาว่า “ยังต้องป้อนข้าวอยู่ เพราะยัยเสือน้อยยังเด็กอยู่มาก”

คุณพ่อบ้าน…คุณชายครับ ในเมื่อตัดสินใจแล้ว จะยังถามผมทำไมอีก? ยิ่งไปว่านั้นอะไรคือการบอกว่ายัยเสือน้อยยังเด็กอยู่มาก พวกคุณอายุเท่ากันนะครับ!

“นอกจากนี้ ต่อไปอาหารเช้าของผม ขอเปลี่ยนเป็นนมนะ” ฉินมั่วพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

คุณพ่อบ้านยิ่งงงเข้าไปใหญ่ “คุณชายไม่ชอบดื่มนมไม่ใช่เหรอครับ?” เรื่องนี้ท่านประธานอานเป็นคนมาย้ำเองกับทางครัวว่า คุณชายชอบกินอาหารจีน ไม่ชอบนมหรือของที่มีกลิ่นคาวนมเนย ปกติเด็กชายดื่มนมน้อยมาก แต่ทำไมจู่ๆก็สั่งเปลี่ยนเฉยเลย

ฉินมั่วได้ยินคำถามของคุณพ่อบ้านก็ชะงักมือ จะเพราะอะไรล่ะ ก็เพราะสามเซนติเมตรที่เตี้ยกว่ายัยเสือน้อยไง

 “คุณชายครับ?” คุณพ่อบ้านหันมามองพลางถามซ้ำ

ฉินมั่วตอบอย่างเรียบเฉย “ผมชอบกินตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

คุณพ่อบ้านเงียบพลางคิดในใจว่าคุณชายช่างเป็นคนที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ และในเวลานี้ เสียงเด็กน้อยคนหนึ่งดังข้างหู “มั่วมั่ว”

 คุณพ่อบ้านหันไปมอง นั่นไง คุณหนูจิ่วนั่นเอง ฉินมั่วมองดูยัยเสือน้อยที่ประคองน้ำร้อนมาให้ แล้วเงยหน้าส่งสายตาให้คุณพ่อบ้านอีกครั้ง ฝ่ายหลังปฏิบัติตามได้เป็นอย่างดี พอเห็นปุ๊บก็หายไปปั๊บ รู้ตัวเป็นอย่างดี ทว่าเขามีเรื่องจะรายงานท่านประธานอานเป็นกระบุงโกยเลยทีเดียว กำลังเรียบเรียงเรื่องราวอย่างใจเย็น!

 …………………………………………

ตอนที่ 1887-2

ป๋อจิ่วที่อยู่ในห้องหนังสือ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหล่อนส่ายหางเสือ มองดูเจ้าหญิงน้อยที่ดื่มน้ำร้อนที่เธอเอามาให้จนหมด รู้สึกปลื้มปริ่มในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อวานมั่วมั่วไม่ยอมดื่มของที่เธอยกมาให้ แต่วันนี้ไม่ปฏิเสธแล้ว ถือเป็นสัญญาณดี เชื่อว่าหลังจากนี้ไม่นานเจ้าหญิงน้อยจะต้องยินดีขายตัวเองให้เธอแน่ สมหวังจริงๆ

ฉินมั่วดื่มน้ำร้อนจนหมด ลำคอก็สบายขึ้นมาก หันมามองดูยัยเสือน้อยที่ส่ายหางอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ปฏิเสธในสิ่งที่คุณพ่อบ้านพูดอย่างสิ้นเชิง ยัยเสือน้อยดูแลเขาเก่งออก ไม่ต้องฝึกให้ทำอะไรด้วยตัวเอง ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ฉินมั่วคาดไว้!

ยัยเสือน้อยเห็นเขาดื่มยาจนหมดก็บอกว่าจะกลับบ้าน เจ้าหล่อนพูดพลางส่ายหาง “แม่กลับมาแล้ว สงสัยว่าพ่อต้องตื๊อแม่สะบัดแน่ ฉันต้องรีบกลับไปทำตัวน่ารัก ไม่งั้นแม่จะเป็นห่วง”

แม้ว่ายัยเสือน้อยจะพูดถูก แต่เขาวางแผนไว้ว่าจะสอนเธอเขียนหนังสือ หากเป็นเช่นนี้ เขาคงต้องอยู่ในห้องหนังสือคนเดียวแน่นอน แต่ฉินมั่วก็บอกตัวเองว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย อย่างน้อยก็เงียบดี

ป๋อจิ่วเห็นเจ้าหญิงน้อยส่งเสียงรับรู้ก็เข้าไปยืนที่ข้างโต๊ะ แล้วหยิบพู่กันที่วางด้านข้างขึ้นมา มองดูเพื่อนที่เอียงหน้าอยู่ตรงกลางระหว่างบริเวณที่มีแสงตกต้องและร่มแสง เห็นแล้วอยากกอดมาก

ป๋อจิ่วคิดเช่นนี้แล้ว จึงโผเข้าไปกอดด้วยแรงที่เยอะกว่าอย่างหักห้ามใจไม่ได้ แต่ทำเอาพู่กันพลอยหลุดมือและขีดเข้าที่ใบหน้าของฉินมั่ว

หนึ่งวินาทีแห่งความกระอักกระอ่วน ป๋อจิ่วรู้สึกว่าตัวเองเถื่อนไปหน่อยจึงเกาใบหูตัวเอง เจ้าหญิงน้อยจะต้องตะโกนเรียกชื่อเธออีกแน่

ไม่คิดเลยว่า อีกฝ่ายจะแค่มองเธอแวบเดียว ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดหน้าที่เปื้อนเพราะเธอ ยิ่งเป็นเช่นนี้ ป๋อจิ่วยิ่งรู้สึกผิด

ฉินมั่วแสดงท่าทีชัดเจน เขามีหลักปฏิบัติอยู่สองอย่างต่อเด็กที่เขาเลี้ยงและไม่ได้เลี้ยง หากเป็นเด็กที่เขาเลี้ยง เขาจะค่อยๆสอน “ต่อไปอย่ากระโดดเข้ามาแบบนี้อีกนะ”

ป๋อจิ่วพยักหน้า เอ่ยขึ้นอีก “มั่วมั่ว เธออย่าเพิ่งเขียนก่อนได้ไหม”

“ทำไม?” ฉินมั่วเช็ดหน้าเสร็จ ก็ให้ออร่าของความเป็นเจ้าชายน้อย

ป๋อจิ่วลากแขนเขา “ฉันอยากพาเธอไปเจอพ่อกับแม่ของฉัน ฉันต้องบอกพ่อกับแม่เรื่องเธอดูแลฉันทั้งคืน” เธอเดินตามประวัติศาสตร์ที่เป็นมา ส่วนเรื่องจะทำอย่างไรต่อไป คงต้องไปศึกษาต่อจากพ่อ

ฉินมั่วได้ยินแล้วอึ้ง เมื่อคิดว่าต่อไปเธอต้องมาบ่อยแน่ เขาก็ควรจะไปบอกคุณอาป๋อสักคำตามมารยาท

หากคุณท่านอานรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องหัวเราะชัวร์ เพราะหลานท่านเคยเป็นฝ่ายไปเยี่ยมคนอื่นเสียที่ไหน ตอนนี้แค่ยัยเสือน้อยพูดแค่นิดเดียวก็ขยับทันที มหัศจรรย์เอามากๆ

แต่วันนี้ฉินมั่วไม่เหมือนคนที่เอาแต่อยู่ในห้องหนังสือจริงๆ เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้หรอก นี่คงเพราะมียัยเสือน้อยมาอยู่ด้วย ถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศในห้องหนังสือช่างเงียบเหงาเย็นกระด้าง หลังจากที่หาเหตุผลให้ตัวเองได้แล้ว คุณชายฉินก็จัดเก็บข้าวของ เตรียมเสื้อขนเป็ดที่มีขนสัตว์ติดคอเสื้อของตนเองมาสวมให้ยัยเสือน้อย

 ……………………………………

ตอนที่ 1885 ฉินมั่วที่เริ่มจะเลี้ยงเด็ก

ฉินมั่วหรี่ตาลง เอ่ยอย่างเย็นชาราวกับเป็นเจ้าชายว่า “พวกเธอนัดกันเมื่อไร?”

“มะรืนนี้” ป๋อจิ่วไม่เคยปกปิดอะไรกับเจ้าหญิงน้อย

ฉินมั่วอ่านความอยากกินแฮมเบอร์เกอร์ในแววตาเธอออก หลังจากที่พับแขนเสื้อให้ ก็พูดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไร “วันมะรืนนี้เธอน่าจะหายจากหวัดแล้ว ไปกินได้”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ แววตาสดใสทันที “มั่วมั่ว ไปกับฉันไหม?” พ่อเธอเคยบอกว่า หากจะเลี้ยงคนที่ชอบ เราต้องแสดงความจริงใจให้เห็น ปฏิบัติต่อกันด้วยความรัก ป๋อจิ่วคิดดูแล้ว นอกจากนอนด้วยกัน การออกไปกินเนื้อนอกบ้านก็ถือเป็นการเพิ่มความรู้สึกดีที่ได้ผลมากที่สุด

แต่ใครจะรู้ ฉินมั่วรอประโยคนี้ของเธออยู่ มุมปากหยักยิ้มทันที “ได้”

เขารับปากแล้ว? ป๋อจิ่วกะพริบตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะเมื่อวานมั่วมั่วรังเกียจเธอจะตาย แทบจะโยนเธอทิ้งออกนอกหน้าต่างแล้ว ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนไป?

เหมือนอย่างที่พ่อพูดไว้เปี๊ยบ การนอนด้วยกันสามารถเพิ่มความรักได้ ป๋อจิ่วคิดหวานอยู่ครู่หนึ่ง รอจนรู้สึกตัวก็พบว่าเจ้าหญิงน้อยกำลังเช็ดมือให้เธอ ดูเหมือนว่าตั้งแต่อยู่กับเขา เธอจะสะอาดขึ้นกว่าเดิมเยอะ คงเหมือนอย่างที่พ่อสอนเธอไว้ว่า คนเราพออยู่กับหมึกดำเราก็จะดำไปด้วย ป๋อจิ่วน้อยช่างมีความสามารถในความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้มากทีเดียว ทำให้ฉินมั่วต้องปวดหัวกับความเข้าใจในภาษาจีนที่เพี้ยนๆ ของเธอ

คุณพ่อบ้านหนุ่มผมเธอเตรียมที่จะพาตัวคุณหนูจิ่วไปส่งที่บ้านเธอตั้งแต่เช้า ด้วยแอบได้ยินคุณชายพูดด้วยน้ำเสียงอดกลั้นว่าเมื่อครู่ว่า ‘ป๋อเสียวจิ่ว’ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะฝันก็คือ นอกจากคุณชายจะไม่สั่งให้เขาเอาคุณหนูกลับไปส่งที่บ้าน ยังปลอกเปลือกไข่ไก่ให้เธอที่นั่งอยู่ตรงข้ามในขณะที่ทานข้าวเช้าด้วย

สิ่งที่ทำให้ตะลึงงันมากที่สุดก็คือ คุณชายเป่าถ้วยโจ๊กที่อยู่ข้างมือแล้วดันไปยังฝั่งตรงข้าม เดี๋ยวก่อนนะ คุณพ่อบ้านระลึกถึงความรู้ด้านวัฒนธรรมจีนที่ตนเองค้นเจอจากอินเทอร์เน็ต ดูเหมือนตัวเอกของเรื่องจะไม่ได้ทำแบบนี้ คุณชายไม่ได้ทำเหมือนดูแลคนอายุรุ่นเดียวกับตัว แต่เหมือนเลี้ยงลูกต่างหาก ไม่ ไม่สิ เอาใจใส่ยิ่งกว่าเลี้ยงลูกอีก เพราะคนตะวันตกมักจะเลี้ยงดูเด็กด้วยการฝึกให้เด็กทำอะไรด้วยตัวเอง เรื่องเป่าโจ๊กให้เย็นหรือลอกเปลือกไข่ให้ ต้องไม่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเขาแน่นอน!

ไม่รู้ว่าเพราะเขาเผลอหลุดสีหน้าหลากหลายอารมณ์ออกไปหรือไม่ คุณชายที่กำลังกินเสี่ยวหลงเปาเงยหน้ากวาดตามองเขา คุณพ่อบ้านฉลาดลึกล้ำ รีบถือถาดยืนตัวตรงด้วยท่ายืนสง่า

ฉินมั่วจึงดึงสายตากลับมา ก้มหน้ากินเสี่ยวหลงเปาจากปลายตะเกียบ

ส่วนป๋อจิ่วที่ไม่ได้กินอาหารเช้าที่สมบูรณ์ขนาดนี้มานานแล้ว มีเรื่องหนึ่งที่พูดแล้วเธอก็อาย เธอชอบใช้ช้อนกินอาหาร ไม่ค่อยมีโอกาสใช้ตะเกียบสักเท่าไร เธอจึงคีบเสี่ยวหลงเป่าด้วยท่าที่ตลกมาก

พอคีบครั้งแรก มันก็ร่วง

พอคีบครั้งที่สอง มันก็ร่วงต่อ

เมื่อมาถึงครั้งที่สาม ยัยเสือน้อยใช้ตะเกียบปักตรงกลาง แล้วยกเข้าปากทีเดียวจนแก้มตุ่ย กลิ่นหอมของเนื้อหมูกระจายทั่วช่องปาก ด้วยเหตุที่ผสมถั่วฝักยาวไว้ในไส้จึงไม่มันเลี่ยน แถมยังอร่อยจนอยากกินเป็นคำที่สอง…

………………………………………………

ตอนที่ 1886

ยัยเสือน้อยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจนอยากจะลอยขึ้นฟ้าเลยทีเดียว เธอกำลังจะปักตะเกียบลงบนลูกที่สอง กลับถูกเจ้าหญิงน้อยห้ามไว้ “เขาไม่ได้ใช้ตะเกียบกันแบบนั้น” เสียงนั้นราบเรียบ พูดจบก็กำมือเธอ เริ่มสอนว่าต้องใช้อย่างไร

ป๋อจิ่วเอียงศีรษะมองดูเขาแล้วขยับปลายตะเกียบอีกครั้ง จากนั้นเธอก็คีบได้ แต่มันช้าเหลือเกิน ทว่าเมื่อมองดูเจ้าหญิงน้อยที่ใช้ตะเกียบคีบอาหารได้สวยและแม่นยำ ก็รู้สึกว่าไม่ใช่เพราะตะเกียบเป็นปัญหา เธอเกาศีรษะตัวเองอย่างหดหู่ “ฉันโง่เอง”

แม้ฉินมั่วจะชอบว่ายัยเสือน้อยโง่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้ยัยเสือน้อยในความดูแลรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ยิ่งเธออาศัยอยู่ในต่างประเทศ การใช้ตะเกียบไม่เป็นย่อมเป็นที่น่าเห็นใจ เขาไม่เคยเลี้ยงเด็กก็จริง แต่รู้ดีว่าเด็กก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาจึงเงยหน้าออกคำสั่งต่อพ่อบ้าน “คุณลองใช้ตะเกียบดูซิ”

คุณพ่อบ้านหนุ่มผมทองได้ยินคำสั่งที่ว่าก็งงงวย ไม่รู้ว่าคุณชายคิดมีเจตนาอะไร ทว่าในฐานะที่เป็นพ่อบ้านมืออาชีพ เมื่อเจ้านายสั่งเขาก็ต้องทำ แม้คนต่างชาติอย่างเขาจะไม่เคยใช้มันมากก่อน แต่เคยอ่านเจอในนิยายอยู่หลายครั้ง เขาล่ะนับถือคนจีนจริงๆ ที่ไม่เพียงแต่จะใช้เอาไม้เล็กๆ สองอันมาเป็นอุปกรณ์กินอาหาร พวกยอดฝีมือยังเอาอันหนึ่งมาฆ่าคนได้อีกด้วย คุณพ่อบ้านเชื่อมั่นว่าขอแค่เขาค่อยๆ เรียนรู้ เขาต้องทำได้สักวันหนึ่งแน่

ดังนั้นเมื่อฉินมั่วเอ่ยปากออกมา คุณพ่อบ้านก็ยินดีจะลองใช้ เขาหยิบตะเกียบจากโต๊ะมาด้วยความเคารพอย่างสูง ก่อนจะคีบเสี่ยวหลงเปาที่ร้อนกรุ่น

ครั้งแรก หยิบไม่ขึ้น

ครั้งที่สอง หลุด

ครั้งที่สาม เขานึกถึงสิ่งที่คุณชายสอนคุณหนูจิ่ว แต่ด้วยใช้แรงที่ไม่พอเหมาะ ทำให้ตะเกียบข้างหนึ่งหลุดร่วง เล่นเอาเครื่องหมายคำถามกระจายเต็มใบหน้าเลยทีเดียว ทำไมถึงยากอย่างนี้? สีหน้าของคุณพ่อบ้านฉงนจนน่าเอามาทำเครื่องหมายอิโมจิ

ฉินมั่วจึงพูดกับป๋อจิ่วอย่างเป็นเรื่องธรรมดา “เห็นแล้วใช่ไหม ผู้ใหญ่หลายคนก็ใช้ตะเกียบไม่เป็น เธอใช้ไม่เก่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างน้อยเธอยังคีบอาหารได้”

“อื้อ!” ป๋อจิ่วยิ้มออกทันที ส่ายหางเสือพลางพยักหน้า

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินมั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคีบเสี่ยวหลงเปามาให้ถึงปากยัยเสือน้อย ในเมื่อเป็นเด็กที่เขาจะเลี้ยง ย่อมต้องต้องรับผิดชอบป้อนอาหารให้ แม้จะไม่ถนัดสักเท่าไร แต่ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน ยังดีที่ยัยเสือน้อยฉลาดกว่าคนทั่วไป ต้องฝึกใช้เป็นอย่างรวดเร็วแน่

ส่วนคุณพ่อบ้านที่ยังฝึกใช้ไม่เป็น… เขารู้สึกได้ถึงความชั่วร้ายในโลกนี้ ด้วยการทดสอบการใช้ตะเกียบของคนต่างชาติอย่างเขา เดี๋ยวนะ คุณชายไม่รู้สึกหรือครับว่าตัวเองดีต่อคุณหนูจิ่วเกินไป! คุณจะเลี้ยงลูกให้คุณป๋อเหรอครับ? ถ้าท่านประธานรู้เข้าจะต้องตะลึงแน่

คุณพ่อบ้านมีอะไรอยากจะบอกนายใหญ่ของตัวเองอย่างมากมาย เขามีหน้าที่รับผิดชอบการใช้ชีวิตประจำวันของคุณชาย ท่านเคยบอกว่าถ้าคุณชายเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นสักเพียงนิดต้องรีบโทรแจ้งท่านทันที เรื่องเลี้ยงลูกให้คนอื่น น่าจะนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ได้นะ?

………………………………………….

ตอนที่ 1883

ไปฉี่ด้วยกัน? ฉินมั่วได้ยินแล้วหน้านิ่วอย่างแรง เขาหันหน้าไปก็เห็นยัยเสือน้อยคลานลงจากเตียง เจ้าหล่อนคลานเข่าพลางโอบคีย์บอร์ดไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ขยี้ตาตัวเอง เตรียมจะกระโดดลงสู่พื้น

ฉินมั่วไม่อยากหายใจเข้าลึกอีกแล้ว เขาเอ่ยเสียงกระด้างเตือนเธอ “ป๋อเสียวจิ่ว เธอเป็นเด็กผู้หญิง ส่วนฉันเป็นเด็กผู้ชาย ไหนลองบอกหน่อยซิว่าจะไป ฉี่ กับ ฉัน ยัง ไง? หา?”

เล่นพูดเสียงแบบนี้ ท่าทางจะโกรธแฮะ ป๋อจิ่วตาสว่างเลยทีเดียว เธอหยุดทุกการกระทำแล้วยิ้มขึ้นมา “ฉันลืมอีกแล้ว มั่วมั่ว เธออย่าโมโหสิ ฉันผิวปากเป็น ฉันยืนผิวปากให้เธออยู่หน้าห้องน้ำได้นะ”

ฉินมั่วหันไปยิ้มเย็นชา ก่อนจะจับเจ้าหล่อนยัดไว้ใต้ผ้าห่ม บอกแค่ว่า “อยู่เฉยๆ”

พูดบ้าอะไร เล่นผิวปากอยู่หน้าห้องน้ำ ใครมันจะฉี่ออก เขาเคยบอกแล้วไงว่าที่ยอมทนยัยลูกเสือได้ก็เพราะเธอเชื่อฟังทุกสิ่งที่เขาพูด รอจนฉินมั่วทำธุระส่วนตัวเสร็จ ป๋อจิ่วก็ยังอยู่บนเตียง เจ้าหล่อนคงรอจนเบื่อเลยตีลังกาเล่น พอเห็นเขาเสร็จธุระส่วนตัวก็กลิ้งลงจากเตียงมายืนตรง ฉินมั่วไม่มีรองเท้าแตะสำรอง เธอต้องสวมของตัวเอง

ทีแรกเขาเองก็ไม่คิดจะยุ่งอะไรกับเธอให้มาก แต่พอยัยนี่เข้าห้องน้ำก็ก้มลงล้างหน้าทันที ฉินมั่วต้องลากเจ้าหล่อนกลับมา ก่อนจะก้มหน้าพับแขนเสื้อให้ เพราะทนมองกิริยาโง่เง่าของเธอไม่ไหว

ทว่าป๋อจิ่วรู้ว่าดูเหมือนเจ้าหญิงน้อยจะไม่สบายที่คอ คงไม่ใช่เพราะเธอแพร่หวัดให้หรอกนะ แต่ด้วยคิดถึงปัญหานี้ ทำให้เธอล้างหน้าอย่างไม่ตั้งใจ แค่ปาดๆ เล็กน้อยก็วิ่งออกมาหาที่โต๊ะหนังสือ เธอจำได้ว่าเมื่อคืนเจ้าหญิงน้อยเอากล่องยามาวางไว้ที่นี่ ป๋อจิ่วไม่รู้หรอกว่ายาอะไรเป็นยาอะไร ยิ่งฉลากยาเป็นภาษาจีนด้วย จึงยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ แต่ดีที่จำรูปภาพบนฉลากได้ อาศัยว่าความทรงจำดีเยี่ยม จำกล่องยาที่เมื่อวานเจ้าหญิงน้อยเอามาป้อนเธอได้ เมื่อคืนเธอกินยานี่เสร็จคอก็ไม่เจ็บมากแล้ว เธอจึงแกะมาเม็ดหนึ่ง

ฉินมั่วมองดูการกระทำของยัยเสือน้อยอย่างไม่ใส่ใจสักเท่าไร แค่รู้สึกว่ายัยเสือน้อยไม่โง่ รู้จักหายาให้ตัวเอง แต่วินาทีถัดมา ฉินมั่วก็ตะลึงไปหมด เพราะยัยเสือน้อยอาศัยว่าตัวเองสูงกว่าเชยคางเขาขึ้นมา ก่อนจะยัดยาเม็ดหนึ่งเข้าปากให้ รสหวานระคนขม กลิ่นยาสมุนไพรจีนค่อยๆ กระจายจากปลายลิ้น

ฉินมั่วเบิกตากลมโต ไม่ใช่เพราะเหตุอื่นใด แต่หลังจากที่ยัยนั่นป้อนยาให้ยังจะลูบหัวเขาอีกต่างหาก “เป็นเด็กดีนะ ไม่ขมหรอก”

เด็กผู้ชายอย่างเขากลัวขมหรือไง? ยิ่งไปกว่านั้น ยัยป๋อเสียวจิ่ว เธอทำท่าอะไรของเธอเนี่ย

คุณชายฉินยิ้มเย็นชาอีกครั้ง ตอนนี้ท้องฟ้าสว่างแล้ว หากเขาจะโยนเธอออกไปก็คงไม่เป็นอะไร แต่เขายังไม่ทันพูด ยัยเสือน้อยก็จ้องเขาเสียก่อน “มั่วมั่ว ถ้าเธอไม่สบายตรงไหนต้องบอกฉันนะ เช่นปวดหัวอะไรแบบนี้ เมื่อวานฉันปวดหัวก่อนแล้วไข้ถึงจะขึ้น เวลาไข้ขึ้นนะ ทรมานมากเลย เลยออกมาเล่นกับเธอไม่ได้ แต่เรื่องนี้ต้องโทษตัวฉัน ทั้งที่เธออ่อนแอมากฉันยังมาหาเธออีก”

เยี่ยม อีกครั้งแล้วนะที่ว่าเขาว่าอ่อนแอมาก!

……………………………………..

ตอนที่ 1884 เขาจะเลี้ยงยัยเสือน้อยตัวนี้

ฉินมั่วมองเธอ เป็นครั้งแรกที่คิดจะเถียง “ป๋อ เสียว จิ่ว”

“หือ?” ป๋อจิ่วเกาหูตัวเองแล้วลูบหัวอีกฝ่าย แต่ดูท่าทางของเจ้าหญิงน้อยแล้ว ท่าทางจะไม่ชอบ จึงดึงมือกลับมา

ฉินมั่วเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “ฉันไม่ได้อ่อนแอ เธอจำไว้ให้ดี”

“โอเค ไม่อ่อนแอก็ไม่อ่อนแอ แต่ฉันไม่อยากเห็นเธอป่วยนี่นา” ป๋อจิ่วพูดอย่างมีเหตุผล “เวลาป่วยน่ะทรมานจะตาย นอกจากต้องกินยาแล้วยังออกไปเล่นที่ไหนก็ไม่ได้ กินเนื้อก็ไม่ได้อีก กินได้แค่โจ๊กกับผัก ทรมานจะตาย แล้วถ้าเธอป่วย ฉันจะเจ็บปวดหัวใจมากเลยล่ะ”

แววตาของฉินมั่วสะดุดในทันทีที่ได้ยิน มองดูหน้ายัยเสือน้อยที่อยู่ใต้แสงอรุณ คงเพราะวันนี้แสงอาทิตย์ดีมากหรืออาจเป็นเพราะนัยน์ตาเธอไม่ขุ่นมัว ทำให้เขาอบอุ่นไปถึงหัวใจ ไม่มีใครรู้ว่าเขาป่วยในทันทีที่เริ่มมีอาการ ตั้งแต่เล็กจนโต แม่เขาถูกพ่อโอ๋อย่างกับเป็นเจ้าหญิง ถึงได้รับรู้เรื่องอื่นช้าไปหมดแล้วยังดูแลไม่เป็นเขาอีกด้วย แต่เขารู้ดีและไม่เคยโทษใคร แค่รู้สึกเหงาบ้างในบางครั้ง โดยเฉพาะตอนที่ต้องทรมานทั้งคืน กว่าคนอื่นจะรู้ว่าเขาไม่สบายก็ล่วงเข้าสู่วันถัดมา ดังนั้นพอเขาคุ้นกับอาการป่วย จึงไม่สนใจว่าจะมีคนอยู่เป็นเพื่อนหรือไม่ กระทั่งตอนที่คุณปู่ที่ยังไม่เสียชีวิตในเวลานั้นยังไม่รู้ว่าเขาเริ่มจะไม่สบาย แต่ยัยเสือน้อยกลับรู้ แถมยังรีบป้อนยาให้เขาอีก และบอกเขาด้วยว่าเขาป่วยแล้วเธอจะปวดใจ

ฉินมั่วขยับเล็กน้อย นิ้วมือรั้งอะไรบางอย่างโดยอัตโนมัติ มือที่ซุกซนของเธอเข้าไปอยู่ในอุ้งมือเขา ช่างนุ่มนิ่มเหมาะกับมือเขาจริงๆ เว้นแต่เรื่องเจ้าหล่อนสูงกว่าเขาแล้ว เจ้าหล่อนก็หน้าตาดูดี เวลาไม่พูดก็น่าเอ็นดู ส่วนเรื่องอื่นๆ เขาจะค่อยๆ สอนเธอไป ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง เขาย่อมไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ จริงไหม?

อย่างไรเสียพ่อแม่เธอก็ไม่ค่อยดูแลเธอ ฉะนั้นการที่เด็กคนนี้จะกลายเป็นของเขาย่อมไม่เป็นปัญหา แม้เขาจะไม่รู้ว่าการเลี้ยงเด็กต้องทำอย่างไร แต่การจะเลี้ยงยัยเสือน้อยน่าจะไม่ยาก ยิ่งยัยนี่ยังโง่มาก เอาแต่จะซื้อตัวเขาอยู่นั่นแหละ

ฉินมั่วคิดมาถึงตรงนี้ก็มั่นใจในบางอย่าง เขาหันหน้าไปพับแขนเสื้อให้เจ้าหล่อน พลางเอ่ยเสียงเรียบ “เธอคิดว่าใครต่อใครจะชอบเนื้อเหมือนเธอหมดหรือไง?”

“ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ชอบเนื้อนะ วิลเลี่ยมจูเนียร์ผมแดงที่อยู่ข้างหน้าห่างจากที่นี่ไปสิบก้าวก็ชอบมากเหมือนกัน แต่เขากลัวฉัน ทุกครั้งที่บ้านเขาทำไก่งวงย่างนะ จะต้องส่งมาเอาใจฉันอยู่เรื่อยเลย แถมหน้ายังแดงด้วย” ป๋อจิ่วพูดเป็นจริงเป็นจัง “เบคอนย่างอร่อยมากเลย”

ฉินมั่วขมวดคิ้ว เอ่ยชื่อหนึ่งขึ้นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “วิลเลี่ยมจูเนียร์?”

“อื้อ เขาอยู่แถวนี้นี่แหละ พวกเรานัดกันไปกินแฮมเบอร์เกอร์กัน แต่ตอนนี้ต้องรอให้ฉันหายหวัดก่อน” ป๋อจิ่วเอาแต่เล่าเรื่องตัวเอง ไม่ได้สังเกตว่าแววตาของฉินมั่วต่างไปจากเมื่อกี้แล้ว

ก่อนหน้านี้เขามั่นใจอย่างยิ่งยวดว่า นอกจากเขาเธอคงไม่มีเพื่อนอีก แต่เห็นทีจะไม่ใช่ ยังมีเจ้าของชื่อวิลเลี่ยมจูเนียร์นั่น ซึ่งจะต้องเป็นชื่อของผู้ชายแน่ ผู้ชายคนหนึ่งให้อาหารผู้หญิงอีกคน แถมยังชอบหน้าแดงอีกต่างหาก หรือว่า…

………………………………………………

ตอนที่ 1881 คุณป๋อ

คุณท่านอานพลอยหัวเราะไปด้วย “ผมได้ยินคุณพ่อบ้านของผมบอกมา พอหลานผมรู้ว่าที่บ้านคุณไม่มีใครอยู่ก็สั่งให้เอาอาหารมื้อดึกไปให้ แถมเมื่อเช้านี้ยิ่งตลกเข้าไปใหญ่ เขาตื่นมาไม่เห็นว่ายัยเสือน้อยก็ไม่พอใจเลย”

คุณป๋อเอียงศีรษะสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะทำอะไร เขาก็เหมือนจะใจไม่สงบ “งั้นก็ดีครับ ช่วงนี้ผมมีธุระค่อนข้างเยอะ ถ้าลูกผมได้อยู่ที่บ้านคุณ ผมจะยิ่งสบายใจ”

คุณท่านอานพอจะรู้เรื่องของอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “คุณถึงไม่ได้กลับปราสาท?”

“อ่า” คุณป๋อดีดเถ้าบุหรี่ พลันหัวเราะขึ้น “ที่ผมไม่กลับไปเพราะมีความสุขกับการให้เมียเลี้ยงน่ะครับ แน่ล่ะ คุณอานคงไม่เข้าใจ เพราะภรรยาผมเก่งมากจริงๆ”

คุณท่านอานคบเพื่อนต่างวัยคนนี้ได้อย่างเอือมระอาจริงๆ ให้เมียเลี้ยงยังไม่อาย ถือเป็นเกียรติอีกต่างหาก จะว่าไปก็นานแล้วที่ชายหนุ่มไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ช่วงนี้เขาเริ่มขยับ แสดงให้เห็นว่าข้างนอกไม่ค่อยสงบเท่าไร ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ต้องออกไปปกป้องคนในบ้าน อีกอย่างตอนนี้เขาไม่ได้เป็นยอดฝีมือที่อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป ผู้ชายคนนี้ถือเป็นตำนานที่สั่นสะเทือนหลายวงการ แต่กลับถูกเลี้ยงไว้ในบ้านเหมือนเป็นลูกหมาน้อย[1] ไม่ ไม่สิ คนที่ทำให้เขาเป็นหมาน้อยได้ เห็นทีจะมีก็แต่แม่ของจิ่วเท่านั้น

คุณป๋อเข้าใจในสิ่งที่แววตาของคุณท่านอานสื่อ แต่เขาไม่แคร์ เอ่ยฝากไว้เพียงว่า “พรุ่งนี้ผมจะมารับท่านจิ่วน้อยนะครับ” จากนั้นจึงหายไปท่ามกลางความมืด แต่แม้จะยืนที่ใต้แสงไฟข้างทาง เขาก็ยังเห็นเงาบนชั้นสอง เด็กน้อยทั้งสองนอนไม่ได้นอนใกล้กัน แต่อยู่บนเตียงด้วยกัน

คุณป๋อหัวเราะเบาๆ น้อยครั้งที่จะเห็นท่านจิ่วน้อยชอบใครมากขนาดนี้ แต่เจ้าหนูบ้านตระกูลฉินก็เก่งมาก รู้ดีว่าการเล่านิทานจะทำให้เด็กน้อยมีความสุข ทั้งนี้เขาไม่เคยเล่านิทานให้ลูกฟังเลย คุณป๋อดีดบุหรี่ลงถังขยะภายในบ้าน ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าไฟในบ้านสว่าง มุมปากก็หยักยิ้ม เตรียมเดินเล่นอยู่ข้างนอกสักสองรอบเพื่อให้กลิ่นบุหรี่จางหายก่อนแล้วค่อยเดินเข้าตัวบ้าน

อันดับแรกเขาต้องไม่ให้ตัวเองมีกลิ่นคาวเลือดติดตัว คุณป๋อขายาว เวลาปฏิบัติงานในตอนกลางคืนจะเหมือนโจรลึกลับที่เดินชนิดไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่นานเขาก็มาเปลี่ยนชุดที่ห้องใต้ดิน รอจนปรากฏตัวในห้องรับแขกอีกครั้งก็อยู่ในชุดเสื้อยืดขาวกับกางเกงผ้าฝ้าย ทั้งยังสวมแว่นตาไว้บนหน้า

การแต่งตัวแบบนี้ทำให้เขาดูเหมือนเป็นนักศึกษาผู้ใสซื่อ แถมยังเก่งด้านการออเซาะ

ไม่ผิด การออเซาะ เพราะเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็กลับมาอยู่ในสภาพคนที่ยังไม่ตื่นนอนดี เอื้อมมือไปกอดร่างอรชรในชุดกระโปรงสูทที่กำลังชงยาตรงเคาน์เตอร์กระจก แล้วเกยคางตัวเองไว้บนไหล่เธอ สูดดมความหอมสดชื่น ทั้งยังลากเสียงยาวเนิบนาบ “ทำไมวันนี้กลับมาค่ำจัง? ผมกับท่านจิ่วเลยไม่มีข้าวกินเลย”

ร่างนั้นถูกเขากอดจนหน้าแดงเรื่อ แต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมยังรู้สึกเหมือนเพิ่งรู้จักกันเป็นครั้งแรก คงเพราะเธอแก่กว่าเขากว่าสามปี ดังนั้นเวลาอยู่ใกล้ชิดกันถึงได้รู้สึกวาบหวามไปทั้งตัว เธอเหมือนเอาเปรียบอีกฝ่าย โดยเฉพาะเวลาที่ใบหน้าหล่อเหลาเอียงข้างทีไร ความรู้สึกนี้จะยิ่ง…

……………………………………………………

[1] ลูกหมาน้อย หมายถึง ผู้ชายหนุ่มหน้าตาน่ารัก นิสัยขี้อ้อน

ตอนที่ 1882-1 จิ่วบอกว่าไปด้วยกัน

“ก็มีแม่บ้านอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ?” ในฐานะที่เป็นท่านประธานหญิงที่เก่งกาจในการทำงานที่บริษัท เวลาอยู่ต่อหน้าคนนัก มักมีความอดทนเป็นพิเศษ ไม่เหมือนหยิ่งยโสเหมือนที่ลือกัน แต่เธอยังคงมีบารมี เมื่อหันหน้ามาก็เห็นสัดส่วนที่สวยมาก

คุณป๋อไม่ยอมปล่อยมือ รู้ดีว่าเธอขวยเขิน ลมหายเขายังอ้อยอิ่งที่ซอกคอขาวนวลของเธอ “ก็แม่บ้านทำไม่อร่อย”

ไม่ผิดคาด ร่างนั้นสั่นนิดๆ “เดี๋ยวต้มโจ๊กให้นะคะ”

“ตอนนี้ไม่อยากกินโจ๊กแล้ว…” คงเพราะนัยซ่อนเร้นชัดเจนเหลือเกิน นิ้วเรียวของชายหนุ่มวางบนกระดุมเธอ แถมยังยิ้มกรุ้มกริ่มระคนเอ่ยเสียงหนักหน่วง “วันนี้จิ่วไม่อยู่”

เธอต่อต้านการเล้าโลมของเขาไม่ได้ แม้จะมีคนเล่าว่าเขาไม่ธรรมดาเหมือนที่เห็น แต่เธอยังคงต่อต้านไม่ได้ เวลาอยู่ต่อหน้าเธอเขาจะเหมือนเจ้าหมาน้อย ทำให้เธอสบายตลอดเวลา แต่ในเรื่องแบบนี้กลับเผยความร้ายกาจออกมา

เมื่อรู้ตัวว่าถูกอุ้มมานั่งตรงเคาน์เตอร์ อุณหภูมิภายในห้องก็ร้อนแรงขึ้น ราวกับไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดมาบรรยาย เหลือเพียงเสียงหัวใจเต้นอยู่ข้างหู รวมถึงความรู้สึกที่เธอไม่อาจควบคุมได้ กระทั่งยังไม่ทันได้ถามว่าวันนี้เขาไปไหนมา ก็ถูกอุ้มร่างไปไว้ในผ้านวมเสียแล้ว

คงเพราะทั้งสองไม่ได้คบหาเป็นแฟนกันมาก่อน ดังนั้นบางครั้งเธอก็ปล่อยวางไม่ได้ ทว่าชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าเธอกลับไม่ยอมให้เธอไม่ปล่อยวาง หาทุกวิธีทางไม่ให้เธอเย็นยะเยือก เสียงกระดุมที่หล่นกระทบพื้นดังกังวาน ทำให้คนรู้สึกเขินอายทุกครั้งที่ความหวามไหวมาเยือน ทำให้รู้สึกว่าชายหนุ่มเชี่ยวชาญอย่างไม่น่าเชื่อ จะถือว่าเขาเป็นลูกหมาน้อยได้อย่างไร

ความทรงจำเมื่อเจอกันเป็นครั้งแรกยังตราตรึงอยู่ในใจอย่างลึกซึ้ง เธอเอาตัวเขากลับมาเลี้ยงไว้ในบ้านราวกับกลายเป็นสมบัติของเธอไปโดยปริยาย นับตั้งแต่รู้จักกันจนได้แต่งงานกันก็เป็นระยะเวลาเพียงสามวันเท่านั้น เธอไม่เคยถามว่าเขายินดีหรือไม่ แต่ตอนนี้ลูกสาวอายุสี่ขวบครึ่งแล้ว หากถามคำถามเหล่านี้ย่อมไม่เหมาะสม ในขณะที่ชายหนุ่มตรงหน้าเธออ่อนเยาว์ขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอที่อายุมากกว่าเขาสามปีกลับใกล้จะแก่แล้ว ไม่รู้ว่าทำไมเขาเหมือนมองไม่ออกหรือคนในวัยหนุ่มสาวจะมีความต้องการสูง เมื่อคิดได้ดังนี้อารมณ์เธอก็เตลิดไปไกล

แต่เขาไม่พอใจที่เธอไม่ตั้งใจ ก้มหน้ากัดแอ่งชีพจรของหญิงสาว “มาดามป๋อครับ ข้างนอกมันเย้ายวนมากเลยเหรอ ทำไมกลับบ้านมาถึงไม่ตั้งใจเลย”

เธอควรจะเป็นคนถามเขาเสียมากกว่า? เขากำลังเรียนปริญญาเอก เหล่ารุ่นน้องสาวๆ ก็เปรี้ยวไม่เบา ครั้งที่แล้วเธอขับรถไปรับเขาก็ได้เห็นคาตาว่าแม่พวกนั้นห้องล้อมผู้ชายของเธอ โดยไม่แคร์ว่าลูกจิ่วกำลังขี่คอคนเป็นพ่ออยู่

ว่ากันว่าผู้ชายมีลูกแล้วจะยิ่งทรงเสน่ห์ มีคนบอกว่าวัยของเขาไม่น่าจะมีลูกแล้ว เขาไม่เหมือนคนที่กลายเป็นพ่อได้จริงๆ

 ………………………………………….

ตอนที่ 1882-2 จิ่วบอกว่าไปด้วยกัน

ตอนนั้นเธอจำได้ว่าสองพ่อลูกนั่งมองเธอด้วยสีหน้าน่าสงสารอยู่ตรงบันไดของมหาวิทยาลัย ราวกับเธอปล่อยให้ทั้งสองรอเก้อ กลายเป็นคนชั่วช้าที่ไม่น่าให้อภัย นิสัยของลูกจิ่วเหมือนเขาถึง 80%  เธอรู้ดีว่าเหล่ารุ่นน้องแสนเปรี้ยวเห็นเธอไปรับเขาแล้วต่างคิดว่าเธอเป็นพี่สาวของเขา แต่เธอไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้ เพราะนักศึกษาวัยหนุ่มมักเป็นที่รักใคร่

ทว่าช่วงนี้ดูเหมือนเขาจะยุ่งมาก…

เมื่อเห็นใบหน้าของภรรยาที่ไม่ได้ดื่มด่ำตาม คุณป๋อก็หรี่ตาลง เพิ่มแรงที่มือหนักขึ้น

เธอพยายามดิ้นรน “อย่าค่ะ ชุด…”

“บ้านเรามีชุดแบบนี้อีกตั้งเยอะ” ลมหายใจร้อนรุ่มกระทบร่างเธอ หิมะยังตกอยู่ด้านนอก ท่ามกลางค่ำคืนนี้ มีเพียงอุณหภูมิจากร่างกายทั้งสองร่างทวีขึ้นเรื่อยๆ เธอถูกเขารักจนเหงื่อผุดบางๆ เขาเลิกเส้นผมเธอขึ้น ปล่อยให้เรียวแขนของเธอคล้องคอเขาไว้ นัยน์ตาลุ่มลึกเหมือนค่ำคืนด้านนอก

บอกตรงๆ เมื่อไรภรรยาเขาจะไม่คิดถึงเรื่องอายุเสียที ใช่ว่าเขาจะยินดีที่อายุน้อยกว่าอีกฝ่าย แต่ในสายตาของเธอ เขาดูเหมือนเด็กไม่รู้จักโต หลังจากที่ก้มหน้าหัวเราะ คุณป๋อก็อุ้มคนสวยที่เหนื่อยหมดแรงขึ้นมา ท่าทางเหมือนลูกหมาน้อย

สภาพอากาศด้านนอกปลอดโปร่งในเช้าวันต่อมา แสงแดดสาดส่องจนทุกสิ่งอย่างมีชีวิตชีวา สวนภายในบ้านสไตล์ยุโรปถูกตัดแต่งอย่างสวยงามเป็นพิเศษ ผืนหญ้าและต้นไม้เป็นสิ่งที่ต้องมี รวมถึงรั้วสีขาว ทั้งยังมีไม้เลื้อยเขียวขจีเกาะตามกำแพงบ้าน สร้างเงากระจัดกระจายภายใต้แสงตะวัน

ฉินมั่วยกมือบังแสง ทว่าก็ยังสาดส่องนัยน์ตาอยู่ เขาจึงพลิกตัวไป ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นใบหน้าขาวนุ่ม

เวลายัยเสือน้อยนอนหลับ เธอดูเหมือนนางฟ้าตัวน้อย ขนตาดำยาวดกดำมาก กลายเป็นเงาทาบบนใบหน้า แก้มก็ยุ้ย อ้าปากดูดนิ้วโป้งตัวเองอยู่เรื่อยๆ ดูซนเหลือเกิน ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังวางมือไว้ที่เอวของเพื่อน ทำเหมือนปกป้องเขาอย่างไรอย่างนั้นแหละ

ฉินมั่วสูดลมหายใจเข้าลึก ยัยเสือน้อยคิดว่าสูงกว่าเขาถึงได้กอดเขาอย่างนี้ใช่ไหม? หลังจากที่เก็บงำอารมณ์ได้ เขาเลิกผ้าห่มที่คลุมทั้งสองไว้ กำลังจะลงจากเตียง ทว่าแค่ขยับนิ้วก็ได้ยินเธอเรียก “มั่วมั่ว”  แต่เธอยังไม่ตื่น เสียงนั่นน่าจะเป็นเสียงละเมอ อาจจะฝันถึงอะไรอยู่ก็เป็นได้ แต่เสียงหนูน้อยที่น่าเอ็นดูแบบนั้น ทำให้ฉินมั่วใจอ่อนอย่างที่ไม่ควรจะอ่อนเลย

เขาไม่ปลุกให้เธอตื่น กลับยื่นมือออกไปทาบหน้าผากแทน ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจึงสามารถยื่นมือไปสัมผัสได้ สำหรับฉินมั่วแล้ว เขาไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับเด็กในวัยเดียวกันแบบนี้มาก่อน

หลังจากที่วัดอุณหภูมิให้เธอก็เบือนหน้าไปอีกทาง

ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อคืนถึงนอนท่านี้กันได้ แต่ห้ามยัยเสือน้อยรู้เด็ดขาด สงสารก็แต่คุณชายฉินของพวกเราจริงๆ ก่อนรู้จักยัยเสือน้อย เขาไม่รู้เลยว่าประวัติดำมืดคืออะไร แต่ตอนนี้เมื่อคิดถึงส่วนสูงที่ต่างกัน ก็คิดถึงตอนที่ถูกยัยเสือน้อยอุ้มออกมาจากอ่างน้ำเมื่อวานนี้ แถมยังนึกถึงการที่อีกฝ่ายคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงจากใบหน้าแล้วเห็นตอนที่โป๊ทั้งตัว ฉินมั่วอดหรี่ตาลงไม่ได้ ตอนลุกขึ้นมาก็รู้สึกไม่สบายที่คอจึงปลดคอเสื้อออก คิดจะเข้าไปล้างหน้าล้างตา

 แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขา เสียงก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ด้วยเธอยังตื่นไม่เต็มที่ เสียงจึงสะลึมสะลือ “มั่วมั่ว ทำไมเธอตื่นแล้วล่ะ จะไปฉี่เหรอ ฉันก็อยากไปเหมือนกัน พวกเราไปด้วยกันนะ”

…………………………………………………………

ตอนที่ 1879 การดูแลจากเจ้าหญิงน้อย

 ฉินมั่วรู้ตัวถึงข้อนี้ก็หยุดชะงัก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไปนั่งตรงนั้น”

ป๋อจิ่วไม่รู้ถึงความในใจของเจ้าหญิงน้อย จึงกอดคีย์บอร์ดไปนั่งตรงที่เพื่อนชี้ จากนั้นมีคนเอาผ้าขนหนูมาคลุมศีรษะแล้วเช็ดอย่างอ่อนโยน แรงเช็ดผมจากอีกฝ่ายทำให้คนง่วงงุนได้ง่ายๆ แถมยังได้กลิ่นหอมสบู่เข้าจมูก ยิ่งรู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิม

ป๋อจิ่วสวมชุดนอนตัวเล็กพลางโอบคีย์บอร์ด ปล่อยให้คนอื่นเช็ดผมให้ตัวเอง น่าเอ็นดูมากมาย แต่เสียอย่างเดียว เธอซุกซนมากไปหน่อย จึงไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะลงมืออยู่แล้ว

เมื่อฉินมั่วเช็ดผมให้ เธอก็เล่นชายเสื้อเขา หลังจากที่โดนรู้ทันและได้สบแววตาเย็นชาคู่นั่น เจ้าหล่อนจึงยิ้มหลุดเขี้ยวเสน่ห์ออกมา ก่อนจะก้มหน้าเล่นต่อไป

ฉินมั่วไม่คิดจะเอาเรื่องยัยเสือน้อยกับเรื่องแบบนี้ เพราะเรื่องที่มันยิ่งกว่านี้เจ้าหล่อนก็ทำมาแล้ว ทว่าเมื่อเช็ดได้ครึ่งทาง ยัยคนตรงหน้าก็ไออย่างรุนแรง กระทั่งหายใจยังไม่ปกติ ฉินมั่วครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วป้อนยาให้อีก

หลังจากที่กินยาอาบน้ำเสร็จ ก็ได้เวลาเข้านอนอย่างเป็นทางการสักที เวลานี้ป๋อจิ่วง่วงนอนจะแย่ คงเพราะไม่สบาย เธอจึงนอนไม่หลับ เมื่อเห็นเจ้าหญิงน้อยหยิบผ้าห่มไปที่โซฟาก็รู้สึกเศร้าในใจ

แม้เธอจะเดาได้ว่าเจ้าหญิงน้อยไม่ชอบนอนกับเธอ แต่เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองพยายามไม่มากพอ รอจนเธอหายหวัดก่อนเถอะ จะเล่นบทรุกบ้าง แต่ตอนนี้ไม่ไหว ถ้าทำแบบนั้นมีหวังแพร่เชื้อหวัดให้เจ้าหญิงน้อยแน่

ป๋อจิ่วคิดอย่างนี้ เธอกอดคีย์บอร์ดนอนด้วยกัน ส่วนฉินมั่วก็นอนที่โซฟา ทั้งห้องมีเพียงไฟข้างผนังส่องสว่าง

หิมะยังคงตกอยู่ด้านนอก นกเค้าแมวกระพือปีกทีมักจะสะเทือนหิมะบนต้นคริสมาสต์ บางทีก็ได้ยินเสียงหมาเห่าหอน ส่งผลให้คนยิ่งง่วงงุน แต่คนที่มีไข้จากฤทธิ์หวัดล้วนรู้กันดีว่าการมีไข้ไม่ได้หายกันภายในวันเดียว โดยเฉพาะเด็กน้อย อีกทั้งป๋อจิ่วยังคออักเสบอย่างเห็นได้ชัด ไม่งั้นเธอคงไม่เอาแต่ไอ เธอนอนหลับไม่สนิทจริงๆ และเพราะเป็นเช่นนั้น เธอถึงได้กอดคีย์บอร์ดไว้แน่นเพื่อห้ามตัวเองไม่ให้ไอ เพราะเกรงว่าจะรบกวนมั่วมั่วที่นอนอยู่

ในระหว่างที่ป๋อจิ่วกังวลด้วยเรื่องดังกล่าว มือเล็กขาวนวลก็แปะลงบนหน้าผากเธอ หลังจากสัมผัสได้ถึงความร้อน ใบหน้าของเด็กชายเย็นชากว่าเดิม แสดงว่าเจ้าหล่อนยังมีไข้อยู่ ยังดีที่ไข้ไม่ขึ้นสูง

ฉินมั่วเดินไปอยู่ด้านข้าง หยิบแก้วน้ำร้อนมาให้ รู้ว่าเธอยังไม่หลับจึงเขย่าตัวเธอ

“มั่วมั่ว” ป๋อจิ่วยังคงตาโต

ฉินมั่วจรดปากแก้วที่เรียวปากเธอ เอ่ยเพียงว่า “กินซะ”

ป๋อจิ่วก้มหน้าก้มตาดื่ม ฉินมั่วเห็นเธอดื่มหมดก็ให้ยาเธออีก จากนั้นจึงใช้มือซ้ายวัดความร้อนที่หน้าผากเธออีกครั้ง ซึ่งเวลานี้เธอดูเป็นเด็กดีออก

ฉินมั่วกวาดสายตามองดูสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนยัยเสือน้อย “คีย์บอร์ดมันเย็นนะ”

“แต่ถ้าไม่กอดอะไรเลย ฉันก็นอนไม่หลับ” ป๋อจิ่วพูดทุกอย่างที่อยากพูด “ไม่งั้น มั่วมั่ว เธอมาให้ฉันกอดสิ”

ฉินมั่วกวาดสายตามองอีกฝ่าย ยัยเสือน้อยในเวลานี้ไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อครู่ แต่นัยน์ตายังคงแฝงแววทะเล้น เขาจึงดึงหมอนกอดที่อยู่ด้านข้างมายัดเข้าอ้อมแขนเธอ “อย่าเอาแต่ฝันหวาน อยากกอดเหรอ เอามันไปกอดซะ”

……………………………………………

ตอนที่ 1880 ซื้อกลับไปเลี้ยงที่บ้าน

ป๋อจิ่วรู้สึกเสียดายที่แผนแตก เธอเปลี่ยนไปกอดอย่างอื่น แต่ผลก็ยังคงเหมือนเดิม

คงเพราะเห็นเธอเศร้า ฉินมั่วจึงเอ่ยอย่างเรียบเรื่อย “นอนไม่หลับเหรอ?”

“อืม” เสียงดูซึมหน่อยๆ น่าจะเพราะอยากไอออกมา ฉินมั่วเห็นแล้วจึงลุกขึ้นไปรินน้ำให้ นอกจากน้ำแล้วเขายังหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นวางหนังสือมาด้วย เล่มนั้นเป็นเล่มที่เขาอ่านในตอนปกติ

ป๋อจิ่วจำหน้านั้นได้ เพราะเมื่อวานเจ้าหญิงน้อยอ่านอยู่

“เขยิบหน่อยสิ” ฉินมั่วยืนข้างเตียง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงสักเท่าไร ส่วนป๋อจิ่วได้ยินคำพูดสั้นๆ นั่นแล้วก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เจ้าหล่อนเขยิบไปยังด้านซ้าย ทำให้พื้นที่เหลือกว้างไม่น้อย จากนั้นยังรับประกันด้วยสีหน้าจริงจังว่า “มั่วมั่ว เธอวางใจได้เลยนะ ต่อให้นอนด้วยกัน ฉันก็จะไม่แตะเนื้อต้องตัวเธอเหมือนเมื่อวานแน่นอน ไม่ต้องกลัว”

มือที่เลิกผ้าห่มขึ้นของฉินมั่วถึงกับกำแน่น เงยหน้าขึ้นสั่งแค่ “หุบปาก”

ทางด้านเสือน้อยกลับเริงร่า ไม่สนท่าทีไม่พอใจของอีกฝ่าย ก็คนเขาอาย เธอเข้าใจดี

หากฉินมั่วรู้ว่ายัยเสือน้อยโยนให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาเขินอายล่ะก็ รับรองว่าเส้นที่ขมับต้องระเบิดแน่ แต่ยังดีที่ตอนนี้ป๋อจิ่วว่าง่าย แถมตายังโตอีกด้วย เจ้าหล่อนมองจ้องเพื่อนที่ตาโต เบือนหน้าที่คล้ายเทวดาอยู่บ้าง

ฉินมั่วนอนพิงพนักเตียง เปิดหนังสือเรื่อง ‘พันหนึ่งราตรี’ ออก น้ำเสียงกังวานน่าฟังของเด็กชายจึงดังขึ้น เสียงนั่นยังแฝงความเป็นเด็กด้วย “เมื่ออดีตกาลนานมาแล้ว มีเกาะแห่งหนึ่งที่อยู่กลางระหว่างอินเดียในอดีตและประเทศจีน เกาะแห่งนั้นเป็นที่ตั้งของประเทศซาเซเนียน มีพระราชาชื่อพระเจ้าชาร์เรยาร์ด พระองค์จะทรงเข้าพิธีแต่งงานกับหญิงสาวทุกวัน และเมื่อไก่ตัวผู้ขันขึ้นในเช้าวันต่อมา ก็จะทรงฆ่าหญิงสาวผู้นั้นอย่างโหดร้าย…

พวกเด็กน้อยชอบฟังคนเล่านิทานให้ฟัง สำหรับป๋อจิ่วแล้ว เธอถือว่าเรื่องที่พ่อเล่าล้วนเป็นนิทานที่น่าสนุกของเธอ แต่ด้วยคุณป๋อไม่เคยว่าง ทำให้แทบจะไม่มีเวลาเล่านิทานให้ลูกฟัง

หากพูดให้ถูกต้องคือ นี่เป็นคนครั้งแรกที่มีคนเล่านิทานก่อนนอนกล่อมเธอ ป๋อจิ่วเริ่มตะลึง ไม่นานเธอก็ฟังเอาๆ แล้วไอน้อยลง มุ่งสมาธิไปยังเสี้ยวหน้าของเจ้าหญิงน้อยกับเรื่องราวที่เล่าออกมา

เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อยตามแสงจันทร์ ทั้งสองไม่เหมือนกับคนเด็กอื่น ด้วยความที่มีวิถีชีวิตเหมือนกันมาก เพราะฉินมั่วเองก็ไม่มีใครเล่านิทานให้ฟัง ถูกอยู่ที่เขาเหมือนเจ้าชายน้อย แต่ก็เป็นเจ้าชายน้อยที่หงอยเหงา ต้องอ่านหนังสือก่อนนอนอยู่คนเดียว ตอนนี้แม้จะไม่มีใครเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน ทว่าการที่ยัยเตาผิงตัวน้อยกำลังนอนเอียงศีรษะฟังเขาอ่านนิทานอยู่ข้างตัว ทำให้รู้สึกว่ามีเธอมานอนเป็นเพื่อนก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน

เสียงอ่านหนังสือยังคงดังต่อไป จนเมื่อเล่านิทานในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่สาม ก็มีคนมาเยือนที่ชั้นหนึ่งของบ้าน คนดังกล่าวไม่ใช่ใครอื่น เป็นคุณป๋อที่สวมชุดกันลมสีดำนั่นเอง มีดอกกุหลาบทัดบนเสื้อเขาด้วย ตอนแรกเขาจะมาพาตัวท่านจิ่วน้อยกลับบ้าน แต่คุณท่านอานบุ้ยใบ้ให้เขาฟังเสียงจากด้านบน คุณป๋อจึงหัวเราะอย่างร้ายกาจหน่อยๆ “ท่านจิ่วของผมนี่เร็วจริงๆ นอนบ้านคุณเร็วได้ขนาดนี้ เห็นทีต่อไปคงซื้อตัวหลานชายคุณกลับบ้านแน่”

……………………………..……….

ตอนที่ 1877

ดังนั้นคุณชายฉินที่เย็นชาจึงไม่คิดจะลุกขึ้นยืน เด็กผู้ชายคนไหนบ้างจะดีใจว่าตัวเองเตี้ยกว่ายัยเสือน้อย นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขาสั่งให้เธออยู่ให้ห่างจากเขา แต่ป๋อจิ่วไม่รู้ เธอจะไปอาบน้ำ แต่ต้องถอดชุดเสียก่อน ตอนนี้มั่วมั่วอยู่ด้วย เธอจะนอนกลิ้งนอกเกลือกถอดเสื้อผ้าเหมือนครั้งที่แล้วไม่ได้ ไม่ดีหรอก เดี๋ยวมั่วมั่วจะเข้าใจเธอผิดเข้าไปใหญ่ ยิ่งเธอเป็นคนขี้อายแล้วก็เรียบร้อยอยู่ด้วย แต่เธอรูดซิปที่อยู่ด้านหลังไม่ได้นี่ คนแขนสั้นก็ไม่ดีอย่างนี้นี่แหละ เมื่อกี้เธอกระโดดอยู่นาน แต่ก็รูดซิปยังไม่สุด เวลาอยู่ที่บ้านหากไม่นอนกลิ้งรูดซิป แม่ก็จะช่วยรูดให้เธอ แต่วันนี้ต้องรบกวนสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอแล้วล่ะ “รูดซิปให้ฉันหน่อยสิ”

ป๋อจิ่วว่าพลางก็เอียงตัวให้ ส่ายหางอย่างเป็นเด็กดี ซิปถูกรูดออกครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ด้วยความเจ้าเสื้อนี่มันยุ่งยาก หากไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่เห็นว่า ท่าทางเมื่อครู่นี้ของเธอส่งผลให้ฉินมั่วเห็นแผ่นหลังขาวนวล หูเขาแดงทันที “ป๋อ เสียว จิ่ว”

“ทำไมเหรอ?” ป๋อจิ่วหันกลับไปมอง เห็นใบหน้าของเพื่อนที่ดูเหมือนเจ้าชายน้อยแดงเรื่อ น่ารักเป็นที่สุด จึงกอดเอวอีกฝ่ายอย่างอดใจไม่อยู่ เอ่ยเสียงจริงจังว่า “มั่วมั่ว เธออายอีกแล้วเหรอ ไม่ต้องอายหรอก”

ขมับฉินมั่วแทบจะระเบิด เห็นยัยเสือน้อยที่อุ้มเขาลงมาจากเก้าอี้ แกว่งไปมาก่อนจะวางลง เด็กชายถึงกับโมโหจนแน่นอก “ป๋อ เสียว จิ่ว!”

ป๋อจิ่วเกาหูตัวเอง “ฉันอยู่ตรงนี้ไง ตรงนี้”

ฉินมั่วเห็นเธอแล้วไม่อยากพูดอีก มีเด็กผู้ชายที่ไหนบ้างที่ชอบให้เด็กผู้หญิงอุ้มไปอุ้มมา ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของเขา…มัน

ฉินมั่วปรับลมหายใจตัวเองเป็นพักๆ จนเมื่อใบหน้าเล็กกลับคืนสู่ความหยิ่งเย็นชา “เธอควรจะรู้นะว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน ต่อไปอย่าเที่ยวให้ผู้ชายคนอื่นมาช่วยรูดซิปให้ ถึงเธอจะเป็นเด็กก็เถอะ” ฉินมั่วพูดอย่างข่มความโมโห คงเพราะหน้าตาอีกฝ่ายน่าเอ็นดูมาก

ส่วนป๋อจิ่วได้ยินคำสั่งสอนก็พยักหน้า เอ่ยต่อ “ฉันรู้ แต่มั่วมั่ว เธอไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น จะช่วยรูดซิปให้ฉันก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ต่อไปพวกเรายังต้องนอนด้วยกันอีก”

ใครจะไปนอนกับเธอ ฉินมั่วกุมขมับที่เริ่มปวดหนัก มองดูชุดนอนเสือน้อยที่แทบจะหลุดจากร่างอีกฝ่าย ก็คิดว่าเขาไม่น่าใจอ่อนเลย ยิ่งไม่ควรให้เธอนอนที่บ้านเขา ไม่รู้ว่าโยนตัวเธอกลับไปจะยังทันไหม แต่เมื่อครู่เขาได้ยินแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้านตระกูลป๋อเลยสักคน เธอยังไอไม่หาย แถมยังเดินโซเซแบบโง่ๆ อีกต่างหาก

ป๋อจิ่วไม่รู้ว่าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอคิดอะไรอยู่ จิ้มนิ้วไปที่ด้านหลัง คงเพราะรู้สึกระคายเคือง ฉินมั่วเห็นอากัปกิริยาของเธอแล้วก็จ้องมองบริเวณดังกล่าว คงเพราะเนื้อผ้าของชุดนอนเป็นเหตุ พอรูดซิปออกก็ระคายเนื้อ ทำให้แผ่นหลังน้อยๆ ของเธอปรากฏรอยแดง

ฉินมั่วเห็นแล้วขมวดคิ้ว รั้งมือของคนที่จะซุกซนอีกแล้ว จากนั้นเอ่ยด้วยเสียงที่กลับมาเย็นชา อีกทั้งระคนรำคาญ “อย่าเกา ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ต่อไปต้องรูดซิปเอง”

………………………………..

 ตอนที่ 1878 ความสูงก็เป็นปัญหา (ตอนพิเศษ)

  “ได้” เวลาที่ควรเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เธอก็ทำได้เสมอ ท่านจิ่วน้อยปฏิบัติตามหลักการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

ฉินมั่วหลุบตาลง หลังจากที่ตกลงใจจะทำ เขาก็ไม่กระบิดกระบวน เสมือนเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ไม่เพียงแต่จะช่วยรูดซิปให้ป๋อจิ่ว ยังปลดฮู้ดบนชุดนอนให้อีกด้วย แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้กันมาก ทำให้เขาได้กลิ่นลูกอมรสนม

เด็กก็คือเด็ก ฉินมั่วคิดได้เช่นนี้ และพลันลืมไปอย่างหนึ่งว่าเขาเองก็เป็นเด็กเหมือนกัน

หลังจากที่รูดซิปออก ป๋อจิ่วจึงเข้าไปถอดชุดนอนออกในห้องน้ำได้ เธออาบน้ำอย่างตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษ ทั้งยังคิดว่าหากผ่านวันนี้ไป เธอคงกู้ภาพพจน์ในหัวใจของเจ้าหญิงน้อยได้บ้างล่ะ?

โดยสรุปแล้วน่าจะประสบความสำเร็จ

ป๋อจิ่วน้อยคิดเล่นนี้ พลางสาดน้ำเข้าศีรษะตัวเอง ทำให้ฟองขาวไหลเข้าตา เธอพยายามใช้มือขยี้แล้วอาบใหม่ด้วยวิธีของลูกผู้ชายแท้ ดีที่คุณชายฉินไม่เห็นวิธีอาบน้ำที่ว่า หากเห็นเข้าล่ะก็ต้องสั่งสอนเธอให้เปลี่ยนนิสัยแน่

ป๋อจิ่วที่อาบน้ำเสร็จก็ขาวกว่าเดิม ไม่ปล่อยคีย์บอร์ดน้อยของตน เธอสะบัดผมยังเปียกชื้นอย่างซุกซน แต่ยังมีบางกระจุกที่ย้อมเป็นสีเงินชี้โด่ เหมือนกับแมวน้อยที่ยังอาบน้ำอย่างไม่สะอาดหมดจดดี

กระนั้น ก็มักจะมีแมวน้อยที่ชอบแต่งตัวเป็นเสือน้อย และนี่ก็คือตัวอย่าง

ฉินมั่วมองดูแวบหนึ่ง ก่อนจับจ้องยังเส้นผมที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ ดีที่หนนี้เธอไม่ได้ตรงไปมุดเข้าผ้าห่ม ฉินมั่วรู้ดีว่าเป็นเพราะเหตุใด ด้วยเมื่อวานเขาเตือนไว้ก่อน เธอจึงกลัวว่าจะรบกวนเขา จึงนอนทั้งที่ผมยังเปียก เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความรำคาญใจของฉินมั่วคล้ายมลายหายไป เห็นได้ชัดว่ายัยเสือน้อยเช็ดผมตัวเองไม่เป็น เอาแต่กดผ้าแล้วดันไปดันมา เดี๋ยวๆก็ไอ แถมยังฮัมเพลง จนฉินมั่วทนดูต่อไปไม่ไหว “มานี่”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วไม่เข้าใจ จากนั้นก็เดินไปหาด้วยสีหน้างงๆ

ฉินมั่วไม่ได้ว่าอะไร หยิบผ้าขนหนูขาวด้วยท่าทีเย็นชา แต่กลับเปี่ยมด้วยอำนาจ พวกเด็กน้อยก็อย่างนี้นี่แหละ บางทีพวกเขาอาจไม่ฟังคำพูดของผู้ใหญ่ แต่เมื่อเจอกับคนรุ่นเดียวกันที่มีท่าทีดุดันกว่าตัวเอง แถมยังเดาความคิดอีกฝ่ายไม่ออก ก็จะยอมทำเชื่อฟังอัตโนมัติ

ต้องรู้กันว่าบารมีคุณชายฉินไม่เคยธรรมดาเลยตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อตอนที่อยู่ในเขตทหาร ไม่ว่าพวกเด็กวายร้ายจะซนมหากาฬขนาดไหน ยังต้องรู้จักสำรวมท่าทีต่อหน้าเขา ดังนั้นพวกคุณตาที่อยู่ที่นั่นต่างเรียกฉินมั่วว่าราชาในหมู่เด็กน้อย

แน่ละ ฉายานี้ย่อมไม่ได้มาจากแค่รูปลักษณ์ ต้องรวมฝีมือการต่อสู้ด้วย ฉินมั่วใช่จะเป็นคนที่ไม่สู้ มันเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชาย แต่สไตล์ของเขาไม่เหมือนกับป๋อจิ่ว โดยป๋อจิ่วจะเล่นงานจนกว่าเพื่อนจะยอมแพ้ แต่ของเขาเป็นประเภทมีเรื่องกันแค่ครั้งเดียว รวมถึงสภาพเย็นชาจากในถึงนอกของเจ้าตัวหลังเกิดเหตุ ก็จะไม่มีใครกล้าหาเรื่องอีกเลย

คำเล่าลือเหล่านี้มาจากใจจริงของเด็กวายร้ายในเขตทหารแห่งหนึ่ง ทว่าฉินมั่วคิดไม่ถึงว่าราชาในหมู่เด็กน้อยอย่างเขาจะต้องดูแลเด็กน้อยคนหนึ่ง

พอหยิบผ้าขนหนูได้ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายัยเสือน้อยสูงกว่าเขา ถ้าเช็ดผมให้อีกฝ่าย เขาไม่ต้องเขย่งเท้าหรอกเหรอ?

……………………………….

ตอนที่ 1875

ป๋อจิ่วได้ยินคำพูดอันหยิ่งยโสของเจ้าหญิงน้อย ก็ส่ายหางสองทีเหมือนเจ้าลูกหมาที่แสนภักดี ทว่าฉินมั่วไม่อยากได้ยินเสียงไอติดๆ กัน จึงสั่งให้คนต้มน้ำลูกแพร์มาให้ พอเห็นยัยเสือน้อยกินเข้าไปถ้วยหนึ่งก็เข้าสู่โหมดพักผ่อนอย่างแท้จริง

ครั้งนี้ก่อนจะเข้าห้องน้ำ ฉินมั่วสั่งไว้ว่า “อย่าเข้ามานะ”

ป๋อจิ่วมองดูแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยแรงต่อต้านแล้วลูบๆ หูตัวเอง คิดอย่างจริงจังว่าเจ้าหญิงน้อยของเธออายอีกแล้ว วันนี้เธอต้องสงบเสงี่ยมบ้าง แม้จะอยากเข้าไปอาบน้ำให้เจ้าหญิงน้อย แต่ตอนนี้เธอป่วยอยู่ จะแพร่เชื้อสู่เขาได้ง่าย แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธอต้องเตือนอีกฝ่าย “มั่วมั่ว เธอร่างกายอ่อนแอ เวลาแช่น้ำต้องระวังนะว่าอย่างแช่นานเกินไป เดี๋ยวจะหายใจไม่ออกเหมือนเมื่อวาน”

ยังมีหน้าพูดถึงเรื่องเมื่อวานอีก ฮึ่ม! ฉินมั่วที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวก่อนปิดประตูกำผ้าขนหนูในมือแน่น คร้านจะถอนหายใจ จึงตัดสินใจเหวี่ยงประตูเสียเลย จากนั้นก็ลงกลอน หน้าหล่อเหลาดูไฮโซไม่ลดทอนลงสักนิด

ครั้งนี้เขาไม่ได้เปิดน้ำแช่ในอ่าง แต่เปิดน้ำอาบจากฝักบัว เมื่อเปลี่ยนไปสวมชุดนอนแบบธรรมดาเสร็จ ก็เปิดประตูออกไป

แต่ในสายตาของป๋อจิ่ว ชุดนอนของเจ้าหญิงน้อยดูระรื่นตากว่าของเธอเยอะ ของเธอออกจะดูแบ๊วจนเว่อร์ ไม่เหมือนของเจ้าหญิงที่ดูสะอาดตา ไม่มีลวดลายสักนิด

ฉินมั่วเช็ดผมด้วยผ้าขนหนู เห็นอายุน้อยๆ อย่างนี้ แม้จะถูกคนมองจนชิน แต่เจ้าหล่อนเล่นมองตั้งแต่หัวจรดเท้า  จากเท้ามองขึ้นมาที่หัว แล้วมาหยุดมองเสี้ยวหน้าของเขา เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน เพราะคนอื่นล้วนแต่แอบมองเขา อีกทั้งเด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่ มักจะเอาแต่อาย ซึ่งคำว่าอายไม่เข้ากันกับยัยเสือน้อยสักนิด

ฉินมั่ววางผ้าขนหนูลง หันหน้ามาจะพูด แต่ยัยเสือน้อยกลับเอ่ยนำเสียก่อน “มั่วมั่ว เธอไม่ต้องอายหรอก ฉันจะรับผิดชอบเอง”

รับผิดชอบ? รับผิดชอบอะไร? ฉินมั่วขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาจะเตือนเจ้าหล่อนว่าอย่าซนอีกแล้วนั่งให้เรียบร้อย ยิ่งไม่พูดได้ยิ่งดี แล้วตอนนี้จะมารับผิดชอบอะไร?

ป๋อจิ่วเห็นเขาไม่เข้าใจในความหายของเธอ ก็ลูบหูอย่างเขินๆ “เมื่อวานฉันไม่รู้ว่าเธอไม่เหมือนกับฉัน ก็เลยเห็นเธอโป๊หมดเลย ฉันโทรไปถามพ่อแล้ว พ่อบอกว่าวิธีที่ดีที่สุดคือต้องรับผิดชอบเธอ ฉันก็คิดว่าใช่ ฉันจะไม่ทำตัวเป็นผู้ชายสารเลว จะเอาเปรียบเธอฟรีๆ ไม่ได้”

ฉินมั่วได้ยินคำอธิบายแล้ว สีหน้าเย็นชายิ่งกว่าเดิม เขาหยิบผ้าห่มจากตู้เสื้อผ้ามาโยนโครมใส่หัวของยัยเสือน้อย เป็นวิธีปิดปากเธอได้ดีที่สุด

แต่ใครจะคิดล่ะว่าเขาประเมินผลฤทธิ์ของเธอต่ำไป

ป๋อจิ่วกลิ้งตัว ดึงผ้าห่มบนหัวลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ทั้งยังยอมรับในความผิดของตนอย่างจริงใจ “อีกอย่าง ฉันไม่ควรกอดเธอ แล้วก็ไม่ควรหอมแก้มเธอ ฉันทำแบบนี้เหมือนลวนลามเธอเลย แถมเธอยังอ่อนแอมากอีกด้วย การที่ฉันเสียมารยาทกับเธอถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง จากนี้ไปถ้าฉันอยากจะหอมแก้มเธอ ก็จะถามเธอก่อนแล้วค่อยหอม ถึงฉันจะอยากจะหอมเธอมากแค่ไหนก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันเป็นหวัด น่าเสียดาย…”

…………………………………………………….

ตอนที่ 1876

 เพราะว่าเธออ่อนแอมาก

เพราะว่าเธออ่อนแอมาก

เพราะว่าเธออ่อนแอมาก

คำพูดนี้สะท้อนก้องสมองของฉินมั่วอยู่สามครั้ง เขามองดูหัวเสือน้อยที่โผล่ออกมา คิดจะกระชากตัวเธอแล้วโยนออกไปจริงๆ ทว่าเจ้าหล่อนกำลังคลี่นิ้วนับความผิดของตัวเองอยู่ ทั้งยังถอนใจเป็นระยะๆ

ฉินมั่วอดกลั้นแล้วอดกลั้นเล่า กว่าจะพูดออกมาได้แค่ว่า “ป๋อเสียวจิ่ว เธอมันโง่หรือเปล่า?”

เล่นเอาลูกผู้ชายอย่างน้องจิ่วยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ว่าตัวเองโง่ที่ตรงไหน ฉินมั่วจึงเบือนหน้าไปอีกทาง เขาในชุดนอนดูไฮโซมาก “เธอจะเสียดายอะไร? หรือว่าไม่เป็นหวัดแล้วก็จะซี้ซั้วมาหอมแก้มฉันได้? ฝันหวานเชียวนะ เมื่อวานฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่า อยู่ให้ห่างจากฉันหนึ่งเมตร”

“เธอให้ฉันอยู่ตั้งไกล เพราะไม่ยอมให้ฉันหอมแก้มงั้นเหรอ?” ป๋อจิ่วเหมือนจะเข้าใจแล้ว ตาโตเลยทีเดียว

ฉินมั่วเลิกคิ้ว “แล้วไม่งั้นจะทำไปเพื่ออะไรล่ะ?”

“อ้อ” ป๋อจิ่วเศร้าได้วินาทีเดียวก็เอ่ยต่อ “ยังไงเสียฉันต้องรับผิดชอบเธอ อีกอย่างมั่วมั่ว เธอเข้าใจผิดแล้ว ปกติฉันเป็นคนเรียบร้อยออก ฉันอยากให้เธอเห็นความจริงใจของฉัน เลยออกอาการมากไปหน่อย”

ฉินมั่วหันหน้าไป “ไม่ต้อง”

“ไม่ต้องอะไรเหรอ?” ป๋อจิ่วเกาหน้าตัวเองอย่างไม่เข้าใจ

ฉินมั่วมองเธอด้วยแววตากระด้าง “ไม่ต้องให้เธอมารับผิดชอบหรอก อีกอย่าง ไม่มีใครเขาใช้คำว่าผู้ชายสารเลวกับผู้หญิงหรอก เธอไปเรียนภาษาจีนจากที่ไหนกัน?”

“ฉันเรียนได้แย่มาก” ป๋อจิ่วพูดอย่างรู้สึกผิด ก็ตัวอักษรจีนน่ะเหมือนรูปภาพ แถมขีดยังเยอะแยะอีกด้วย บางครั้งพอจำตัวอักษรได้แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้ยังไงเลย

แต่ไม่ถูกนี่นา พ่อบอกทางโทรศัพท์ว่า มีแต่ผู้ชายสารเลวเท่านั้นแหละที่ไม่รับผิดชอบ ป๋อจิ่วไม่สนว่าคำดังกล่าวจะใช้กับผู้หญิงหรือผู้ชาย เธอจะไม่มีวันเป็นผู้ชายสารเลวเด็ดขาด ทว่าเจ้าหญิงน้อยไม่ยอมให้เธอรับผิดชอบ พ่อก็เคยบอกว่าเราอาจจะโหดได้ แต่จะบังคับคนอื่นไม่ได้ ป๋อจิ่วน้อยคิดแล้วคิดอีก ก่อนจะช้อนสายตามองพร้อมส่ายหาง “งั้น มั่วมั่ว เมื่อไรที่เธออยากให้ฉันรับผิดชอบ ก็บอกฉันแล้วกัน”

จะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด ตอนนั้นฉินมั่วคิดอย่างนี้ เขาไม่อยากพูดเรื่องนี้กับเธออีกแล้ว มันจะยิ่งทำให้เขาดูโง่เง่า

เด็กน้อยกวาดมอง พลันขมวดคิ้วขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งบนโซฟา “ฉันให้เธอไปนอนที่เตียงแล้วไม่ใช่เหรอ” โซฟาอยู่ใกล้หน้าต่างจะตาย ยัยโง่ไม่รู้เหรอว่าตรงนั้นมีลม

“ฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลย รอฉันอาบก่อนแล้วค่อยไปนอนที่เตียง” ป๋อจิ่วว่าพลางกระโดดงบนพื้น ตั้งแต่เจ้าหญิงน้อยอาบน้ำเสร็จ เธอก็ได้กลิ่นจากตัวเขา หอมจัง น่าดม เธอไปอาบบ้างดีกว่า

ฉินมั่วเห็นเธอวุ่นวายก็เข้าใจแล้วว่า การจะให้เธออยู่อย่างสงบเสงี่ยมย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะเมื่อครึ่งนาทีผ่านไป “มั่วมั่ว”

ตอนนั้นฉินมั่วนั่งบนเก้าอี้ มือถือหนังสือ ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน เขาจะต้องอ่านหนังสือก่อนแล้วค่อยเข้านอน ซึ่งเป็นความเคยชิน เด็กน้อยมองดูยัยเสือน้อยที่จับแขนเสื้อตัวเอง ดวงตาดำขลับนั้นเหมือนจะว่านอนสอนง่าย แต่ความจริงแล้วความพราวระยับที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่าเจ้าหล่อนพร้อมจะซนครั้งใหญ่อีกแล้ว

ทั้งสองคนอายุเพียงห้าขวบ ความสูงไม่ได้แตกต่างกันมาก หากเทียบกันแล้วจะเห็นว่าฉินมั่วเตี้ยกว่าป๋อจิ่วประมาณสามเซนติเมตร แม้เจ้าชายน้อยฉินมั่วจะไม่พูด แต่พอจะมองออกว่าเขาไม่พอใจความแตกต่างที่ว่า…

……………………………………………….

ตอนที่ 1873-2 จะนอนด้วยกันอีกแล้วนะ

ป๋อจิ่วอึ้งไป หลุบตาลง จากนั้นหยิบเอาถ้วยขึ้นมา หลังจากที่กินยาเสร็จก็มองดูหน้าต่างด้านข้างอีก “งั้นฉันจะออกไปทางประตูใหญ่” ป๋อจิ่วว่าแล้วก็กระโดดลงมาจากโซฟา อุ้มคีย์บอร์ดไว้ในมือ พูดทิ้งท้าย “มั่วมั่ว พรุ่งนี้ฉันจะมาหาเธออีกนะ” แล้วจะเดินออกไป แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น ฉินมั่วยิ่งรู้สึกรำคาญเสียงไอของเธอ เขาเคยบอกแล้วไงว่าไม่ยินดีที่มีคนมากชอบ เพราะความชอบทั้งหมดทั้งมวลจะต้องให้เราตอบแทน หากเราไม่ตอบแทนเท่ากับว่าเราผิด เขาจึงค่อนข้างระแวงเรื่องแบบนี้

ทว่ายัยเสือน้อยกลับโง่อย่างไม่ธรรมดา ป่วยแล้วก็ยังใช้จุดอ่อนนี้มาบีบเขา เขาให้เธอไป เธอก็ไป ราวกับเขาพูดอะไรเธอก็เชื่อฟัง ไม่ใช่เพราะเธอชอบเขาแล้วต้องการให้เขาชอบเธอกลับด้วย  แถมจะให้ของขวัญเขาอีกต่างหาก ฉินมั่วเบือนหน้าไปอยากจะอ่านหนังสือของตัวเอง จะได้ไม่ต้องคิดถึงยัยงั่งอีก นี่คือสิ่งที่เขาตัดสินใจเมื่อครู่นี้

เสียงของคุณพ่อบ้านหนุ่มดังเข้ามาจากประตูที่ยังไม่ได้ปิด เป็นสำเนียงชาวอเมริกันจ๋า “อ้อ คุณหนูจิ่ว จะกลับบ้านแล้วเหรอครับ? ข้างนอกหิมะยังตกอยู่เลย คุณป๋อกับมาดามก็ยังไม่กลับ เวลาอย่างนี้เตาผิงที่ห้องรับแขกคงจะเย็นแล้ว เอาอย่างนี้สิครับ คุณรอข้าน้อยก่อน เดี๋ยวข้าน้อยไปหยิบถ่านก่อนแล้วจะเดินไปกับคุณ”

“ข้าน้อยเหรอ?” ป๋อจิ่วได้ยินคำสรรพนามดังกล่าวแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย

คุณพ่อบ้านหนุ่มเขินเล็กน้อย “คนจีนชอบเรียกกันอย่างนี้ไม่ใช่เหรอครับ ผมไปเรียนมาจากนิยายอินเทอร์เน็ต เขามีแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย ได้เรียนรู้มาเยอะเชียวครับ”

ป๋อจิ่วยังเด็ก ไม่ค่อยเข้าใจ “อ๋อ ที่แท้เขาก็เรียกกันอย่างนี่เอง”

“ใช่ครับ!” คุณพ่อบ้านมั่นใจอย่างยิ่งยวด เล่นเอาฉินมั่วคิ้วขมวดมุ่น อ่านหนังสือไม่เข้าหัวสักเท่าไร นิ้วขาวเนียนกดต่อสายลงไปข้างล่าง

คุณพ่อบ้านเห็นสายที่เข้ามาก็ยังคงยิ้มอยู่ แต่สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไป “คุณชายเหรอครับ? ผมอยู่กับ อ้อ? ให้พาคุณหนูจิ่วกลับเข้าห้องเหรอครับ? ได้ ไม่มีปัญหาครับ” วางสายเสร็จ คุณพ่อบ้านก้มศีรษะลง ดูจะงงๆ “คุณหนูจิ่วครับ วันนี้คุณชายให้คุณนอนที่ห้องคุณชายครับ”

ป๋อจิ่วก็งงด้วย มีเรื่องเยี่ยมยอดแบบนี้ด้วยเหรอ?

ส่วนคุณพ่อบ้านก็คิดอะไรไปไกลแล้ว เช่นวันนี้เขาเห็นเด็กน่ารักตั้งมากมายอยู่ในงานเลี้ยง แต่ไม่เห็นคุณชายจะปฏิบัติต่อใครเป็นพิเศษ แก้วไหนที่มีคนแตะก็จะไม่แตะต่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาหาร คุณชายดูสุภาพจะตาย แต่ไม่ยอมเต้นรำกับใคร

คุณพ่อบ้านหนุ่มสงสัยว่าคุณชายน้อยที่มาจากประเทศจีนจะเหมือนพวกเจ้าสำนักจากพรรคต่างๆ กลับชาติมาเกิดใหม่หรือไม่ ดูทระนงตนและพิเศษมากจริงๆ  ทั้งยังพรั่งพร้อมด้วยมารยาทอย่างที่วัยเด็กแบบนี้ไม่น่าจะมี

เขาเคยศึกษาดูแล้วว่า คุณชายน่าจะเป็นโรคบ้าความสะอาดไม่ใช่น้อยๆ เพราะทุกครั้งที่เช็ดมือจะต้องทำอย่างละเมียดละไม วันหนึ่งต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสามหน ห้องน้ำต้องสะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ ขนาดรองเท้ายังไม่เปื้อนฝุ่นสักนิด หากจะบอกว่าเป็นเจ้าชายของแท้ ทุกคนย่อมเชื่ออย่างสนิทใจ

ทว่าเวลานี้คุณพ่อบ้านปวดหัวไม่น้อย คุณชายที่เป็นโรคบ้าความสะอาดเป็นที่สุดกลับให้คนอื่นนอนในห้องด้วย แม้เมื่อวานจะนอนด้วยกันแล้ว แต่วันนี้กับเมื่อวานไม่เหมือนกันนะ เมื่อวานประธานอานเป็นคนสั่ง ซึ่งคุณชายออกจะต่อต้านอย่างเย็นชา ทว่าวันนี้กลับสั่งด้วยตัวเอง! สั่งด้วยตัวเองเชียวนะ

คุณพ่อบ้านผมทองจนปัญญาที่จะคิดออกกว่า คุณชายที่สีหน้าเย็นชาสั่งมาด้วยตัวเอง!

………………………………………………

ตอนที่ 1874 ยิ่งไม่เหมือนตัวเขาเองเข้าทุกวัน

แต่ในเมื่อคุณชายเป็นคนสั่ง เขาย่อมต้องรับผิดชอบในการพาตัวคุณหนูจิ่วกลับไปที่ห้อง แม้ว่าจะมีคำถามในใจอยากถามมากมาย เขาจะไม่มีวันพูดออกมา!

ทว่าคุณพ่อบ้านผมทองยังไม่ทันคลี่ยิ้มตามหน้าที่ออกมา คุณชายก็ส่งสายตาให้เขา แววตานั่นอธิบายได้ยาก หากต้องอธิบายล่ะก็ คงบอกว่าต่อไปให้อยู่ห่างจากยัยเสือน้อยสักหน่อย คุณพ่อบ้านได้แต่มองดูประตูปิดอย่างงงๆ และเริ่มสำรวจตัวเองว่าผิดที่ตรงไหน เพราะในนิยายบอกว่าหากทำให้ยอดฝีมือไม่พอใจจะมีจุดจบที่น่าอนาถ ไม่ได้ เดี๋ยวเขาต้องไปเรียนความรู้ด้านวัฒนธรรมจีนที่ลึกซึ้งเสียแล้ว!

“มั่วมั่ว” ป๋อจิ่วกอดคีย์บอร์ดในอ้อมแขน ยิ้มอย่างสดใส “ฉันกลับมาแล้ว”

รู้แล้วน่ะว่าเธอกลับมาแล้ว ฉินมั่วหลุบตาลงด้วยไม่อยากสนใจ ผ่านไปได้พักหนึ่งถึงพูดขึ้น “คำว่าข้าน้อยน่ะ เดี๋ยวนี้เขาไม่ใช้กันแล้ว มันเป็นคำเรียกตัวเองที่ถ่อมตัวที่ใช้ในสมัยก่อน”

“เหรอ?” นัยน์ตาป๋อจิ่วเป็นประกายเชียว เธอเติบโตในต่างแดน ปกติแล้วนอกจากมีเรื่องวิวาทกับศึกษาคีย์บอร์ แถมยังมีโค้ดทั้งหลาย ทว่าความรู้ด้านอื่นก็ช่างงอกง่อยเหลือเกิน เมื่อก่อนเธอเคยคบกับพวกเพื่อนๆ ที่มาจากจีน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจเรื่องพวกนี้ เจ้าหญิงน้อยช่างไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ รู้เรื่องไปเสียทุกอย่าง

ป๋อจิ่วคิดมาถึงจุดนี้ ก็เริงร่าขึ้นมาอย่างประหลาด “มั่วมั่ว เธอเก่งจัง”

คำชมที่ได้มาอย่างกะทันหัน ทำให้ฉินมั่วหันไปมองเธอ “อย่ามาปากหวาน กลับไปนั่งที่ของเธอ”

“ได้” กลับกลายไปเป็นเด็กว่าง่ายอีกแล้ว แต่ก็ไม่วายจะทะเล้น “มั่วมั่ว หูเธอแดงจัง”

ฉินมั่วหายใจเข้าลึกๆ แล้ววางหนังสือลง “ร้อน”

“อ้อ” ป๋อจิ่วยิ้ม พูดในใจว่ามั่วมั่วต้องเขินแน่ ทั้งๆ ที่อายกลับบอกว่าตัวเองร้อน แต่เธอเป็นคนเข้าใจคนอื่นดี จึงไม่พูดแทงใจดำอีกฝ่าย เพราะเวลาที่เจ้าหญิงน้อยของเธอเขินจะยิ่งน่ารักเป็นพิเศษ ป๋อจิ่วเหมือนล้อสัตว์เลี้ยงตัวน้อยจนหนำใจ จึงเย้าแหย่ออกมาเป็นระยะๆ

ตอนแรกฉินมั่วยังสนเธออยู่บ้าง ต่อมาก็ปล่อยให้เธอซนเต็มที่ ข้างป๋อจิ่วก็ป่วนอย่างไม่ออมแรง แต่พอนึกถึงว่าตัวเองอาจรบกวนเจ้าหญิงน้อยอ่านหนังสือ จึงกลับไปขดตัวนอนที่โซฟาอย่างสงบ เริ่มจับคีย์บอร์ดตัวเอง

ฉินมั่วเห็นสภาพเธอแล้วพลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืน และเมื่อเจ้าหล่อนกินยาเสร็จก็ไอออกมา ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ทำให้เขาลุกขึ้น “ไปที่เตียง”

เตียง? ป๋อจิ่วยังสวมชุดนอนเป็นชุดเสือ เมื่อได้ยินแล้วหูถึงกับตั้งชัน “มั่วมั่ว เธอไม่ชอบให้คนอื่นนอนบนเตียงเธอไม่ใช่เหรอ?”

เธอไม่โง่นี่ ดูออกว่ามั่วมั่วตั้งด่านป้องกันตัวกับหลายคน คนอื่นเข้าใจหรือไม่เธอไม่รู้ แต่เธอเข้าใจแน่ๆ เพราะเธอก็เป็นแบบนี้ ไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะต้องของของเธอ แต่จากเมื่อวานนี้ เจ้าหญิงน้อยไม่ใช่คนอื่นสำหรับเธอ

ฉินมั่วได้ยินคำถามดังกล่าว มือถึงกับชะงัก “ไม่ชอบ ถึงได้ให้เธอนอนแค่ในวันนี้เท่านั้น ต่อไปห้ามมาแตะอีก” พูดจบก็ดูเหมือนจะนึกอะไรได้ เขาเริ่มจะเก็กไม่อยู่ เวลาอยู่ต่อหน้ายัยเสือน้อย เขาไม่น่าจะเป็นแบบนี้ เวลาปฏิบัติต่อแขก เขาควรต้องมีมารยาท จะพูดแบบนี้ไม่ได้ แต่เขาควบคุมตัวเองไม่ไหวจริงๆ ถึงกับหยิกแก้มเธอแล้วเอ่ยว่า “ถ้าไม่เชื่อฟังกัน ฉันจะโยนเธอออกไปข้างนอก”

……………………………………………….

ตอนที่ 1872-2

เวลานั้น ไม่รู้ว่าทำไมภาพของยัยนั่นที่นอนบนโซฟาถึงลอยอยู่ในหัวของเขา เธอไม่ได้เช็ดผม เพราะเขาไม่ให้เธอลุกขึ้นมาเป่าผมให้แห้ง เธอถึงได้เป็นหวัดใช่ไหม?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินมั่วหน้านิ่วเข้าไปใหญ่ แต่ยัยเสือน้อยกลับไม่รู้ตัว ยังพูดต่อไป “มั่วมั่ว เธอจะนอนใช่ไหม? งั้นวันนี้ฉันกลับก่อนนะ เดี๋ยวหายแล้วจะมาหาเธอ” พูดจบ ป๋อจิ่วกะจะเอาคีย์บอร์ดกลับด้วยวิธีเดิม ไม่คิดว่าพอเธอกำลังจะย่างเท้า หางเสือด้านหลังก็ถูกกระตุก เมื่อหันไปมองก็เห็นสีหน้าที่เย็นชาของเจ้าชาย

“มั่วมั่ว?” เวลาที่ป๋อจิ่วไม่เข้า ตาจะโตเป็นพิเศษ หูเสือพลอยตั้งชัน

ฉินมั่วพูดเสียงเข้ม “ป๋อเสียวจิ่ว เธอโง่หรือไง?”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วรู้สึกว่าตัวเองจะต้องอธิบายสักนิด แต่ฉินมั่วไม่ให้โอกาสเธอ ออกแรงที่มือ แล้วจึงกอดรัดยัยคนที่มีขนาดเท่ากับตัวเองไว้

ป๋อจิ่วยังงงๆ แต่เมื่อโดนกอดก็ไม่สนใจเรื่องที่เจ้าหญิงว่าเธอโง่อีกต่อไป หน้าเล็กๆ ยิ้มอย่างเบิกบาน ทว่าฉินมั่วกลับตีหน้ายักษ์ใส่ “เป็นหวัดแล้ว ยังจะวิ่งวุ่นวายอีก”

“วันนี้ไม่ได้วิ่งวุ่นวายสักหน่อย ฉันตื่นมาก็รู้สึกไม่สบายเลยกลับบ้านก่อน ไม่งั้นก็กินข้าวเช้าเป็นเพื่อนเธอแล้ว” ป๋อจิ่วพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ ว่าแล้วก็ไออีกอย่างกลั้นไม่อยู่

ฉินมั่วสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ยื่นมือไปต่อสายถึงข้างล่าง โดยคนรับสายคือพ่อบ้านที่อยู่ชั้นล่าง เขากำลังแปลกใจที่มีสายภายในดังขึ้นทั้งที่ดึกขนาดนี้ “คุณชาย?”

“ช่วยเอากล่องยาขึ้นมาที” ฉินมั่วออกคำสั่งที มักทำให้ผู้คนลืมอายุที่แท้จริงของเขาในเวลานี้

คุณพ่อบ้านผมทองได้ยินแล้ว เลิกคิ้วขึ้น “คุณชายเป็นอะไรหรือครับ?”

คุณชายน้อยโปรดอย่าได้เป็นอะไรเลยนะครับ ท่านประธานอานรักคุณชายน้อยคนนี้มากจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร เพิ่งจะมาถึงที่นี่เอง หากเกิดเรื่องขึ้น ท่านต้องรับพากลับประเทศจีนแน่

ฉินมั่วพอจะเดาจากน้ำเสียงออกว่า คุณพ่อบ้านคิดอะไรอยู่ “ไม่ใช่ฉันหรอก เอากล่องยาขึ้นมา แล้วอย่าบอกคุณตาล่ะ อีกอย่าง ขอน้ำอุ่นมากระติกหนึ่งด้วย”

น้ำร้อน? คนต่างชาติที่แสนน่ารักไม่เข้าใจว่าทำไมคนจีนถึงต้องดื่มน้ำอุ่นเวลาที่ป่วย ที่ประเทศจีน เวลาเป็นหวัด เราต้องดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ เวลาปวดกระเพาะก็ต้องดื่มน้ำอุ่น เวลาที่ป้าใหญ่มาเยือนก็ต้องดื่มน้ำอุ่นเหมือนกัน

ถึงแม้คุณพ่อบ้านจะได้ใกล้ชิดคุณชายน้อยแค่สองวัน แต่พอจะเข้าใจนิสัยอีกฝ่าย แถมด้วยท่านประธานอานเคยลั่นคำพูดไว้ ไม่ว่าเจ้านายตัวน้อยร้องขออะไรก็ขอให้ทำตาม ดังนั้นแม้ว่าคุณพ่อบ้านจะกังวลใจแค่ไหน ก็ไม่ได้รบกวนท่านประธาน เพราะท่านกำลังประชุมเรื่องธุรกิจอยู่

ทว่าเมื่อคุณพ่อบ้านเอากล่องยาขึ้นข้างบน กลับนึกขึ้นได้ว่าคุณชายบอกว่าไม่ใช่ตัวเอง แล้วจะเป็นใครได้?

 ……………………………………..

ตอนที่ 1872-3

เมื่อเปิดประตูออก ปัญหานี้ก็ได้รับคำตอบ เพราะไม่รู้ว่ายัยเสือน้อยที่มาอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อไร กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้อง เจ้าหล่อนสวมผ้าปิดปากพลางกอดคีย์บอร์ดทำหน้าสำนึกผิดอยู่ต่อหน้าคุณชาย ไม่รู้ว่าไปทำอะไรผิดมา แต่พอเห็นเขา นัยน์ตาใสก็สว่างไสว “ไฮ เราเจอกันอีกแล้ว”

พูดตรงๆ คุณพ่อบ้านหนุ่มก็งงเหมือนกัน เส้นผมสีทองชี้ขึ้น นี่มันอะไรกัน? ทำไมยัยหนูข้างบ้านถึงได้มาอยู่ที่นี่ เมื่อกี้เขาเพิ่งเอาของไปให้ เธอก็ยังอยู่ในบ้านตัวเองนี่นา ยิ่งเขาเก็บข้าวของอยู่ที่ชั้นล่างตลอดเวลา นอกจากจะส่งแขกกลับ ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามาอีก ยิ่งไม่เห็นยัยเสือน้อยด้วย แล้วทำไมอยู่ๆ เจ้าหล่อนถึงมาอยู่ในห้องของคุณชายได้ล่ะ?

คุณพ่อบ้านหนุ่มแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าจนหมด ในที่สุดก็เห็นคนที่แสดงอารมณ์ออกมาได้สักที ป๋อจิ่วกระโดดลงมาจากโซฟา ทำท่าจะเล่าให้อีกฝ่ายฟังมาตนเองมาได้อย่างไร

“ป๋อเสียวจิ่ว” คำเรียกสั้นๆ นั่นทำให้ยัยเสือน้อยไม่กล้าซ่าอีก ฉินมั่วเรียกเธอเสร็จก็หันมองคุณพ่อบ้านหนุ่มที่ยืนข้างประตูแวบหนึ่ง

ไม่รู้ว่าทำไมคุณพ่อบ้านถึงได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินเมื่อโดนคุณชายมองเช่นนั้น

ไม่ ไม่สิ มันมีความหมายมากกว่านั้น เหมือนจะบอกว่า คุณมาอยู่ที่นี่ทำอะไร พอคุณมานะ ยัยนี่ก็ไม่เรียบร้อยอีก

คุณพ่อบ้านหนุ่มพูดในใจ เขาเข้าใจที่คนจีนพูดแล้วว่า ‘ต่อให้นอนราบก็ยังโดนยิง’ น่ะมีความหมายว่ายังไง

ฉินมั่วรู้สึกว่าการปรากฏตัวของคุณพ่อบ้านส่งผลต่อยัยเสือน้อย คอเจ็บขนาดนั้น แถมยังไอไม่หยุด แต่ยังซ่าอยากจะพูดอีก

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินมั่วสูดลมหายใจลึกอีกครั้ง ก่อนจะหยิบกล่องยาจากมือคุณพ่อบ้านหนุ่ม แล้วดึงเอาปรอทวัดไข้ออกมา เดินไปหยุดตรงหน้าใครบางคน “ผ้าปิดปาก”

ป๋อจิ่วเห็นแล้ว รู้ทันทีว่าเจ้าหญิงน้อยจะวัดอุณหภูมิให้เธอ จึงถอดผ้าปิดปากออกอย่างให้ความร่วมมือ จากนั้นจึงอ้าปากงับปรอทวัดไข้

คุณพ่อบ้านจึงเข้าใจทันที ที่แท้คุณชายก็เอากล่องยามาใช้กับคุณหนูจิ่วนั่นเอง แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขาอยากรู้เหลือเกินว่า คุณหนูจิ่วเข้ามาได้ยังไง? แต่นั่นแหละ หน้าที่ของเขามีแค่ส่งกล่องยาและน้ำร้อนเท่านั้น เพราะคุณชายส่งสายตามองให้เขาเดินออกไปเอง แม้จะเป็นคนละเชื้อชาติ ใช้คนละภาษา แต่เรื่องความหมายซ่อนเร้นในสายตาแบบนี้ เข้าใจได้แบบไม่ขึ้นกับเชื้อชาติแน่นอน

เมื่อเห็นประตูปิดเรียบร้อยแล้ว ป๋อจิ่วตัวน้อยก็เสียดายนิดหน่อย ยังไม่ได้อวดวีรกรรมเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอปีนกำแพงสูงขนาดนี้ ยิ่งเธออยากถามอีกฝ่ายว่าเจ้าหญิงน้อยชอบอะไรอยู่ด้วย แต่เห็นทีเธอคงต้องหาโอกาสไปถามคุณตาอานเสียแล้ว

พอต้องงับปรอทวัดไข้ เธอย่อมพูดไม่ได้ นอกจากมองดูเจ้าหญิงน้อยที่เลือกยาให้เธออยู่ ป๋อจิ่วมองเอาๆ แล้วกะพริบตา เจ้าหญิงน้อยอดทนกับเธอจริงๆ ดูจากสีหน้าก็รู้ แต่เธอรู้สึกอบอุ่นจัง คนอื่นไม่เห็นจะดีกับเธอขนาดนี้ ขนาดเธอเป็นหวัดอยู่ เขาก็ไม่กลัวติดหวัดจากเธอ แถมยังหายาให้เธอกินด้วย

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มุมปากของเธอก็แยกยิ้ม จากนั้นกระโดดลงมาจากโซฟาเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังฉินมั่ว หางเสือส่ายไม่หยุด

ฉินมั่วหยิบยาแก้หวัดออกมา หันไปมองยัยคนที่ยิ้มสดใส ตอนนั้นเขาคิดว่า เด็กคนนั้นยิ้มเป็นอย่างเดียวหรือไง? จนเกิดความรู้สึกแบบเด็กๆ ขึ้น

น่าอิจฉาจริงๆ พ่อแม่เธอคงดีต่อเธอมาก เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินมั่วพลันหยุดชะงัก เพราะเขาคิดว่าตัวเองคิดผิด เมื่อตอนเช้าที่ตื่นขึ้น เขายังเห็นว่าแสงไฟในบ้านเธอยังไม่สว่างเลย จึงรู้ว่าเธอก็เหมือนกับเขานั่นแหละที่พ่อแม่งานยุ่งมาก ฉินมั่วเก็บความรู้สึก ยื่นมือออกไปข้างหนึ่งพลางเอ่ยเสียงเรียบอย่างรำคาญอีกฝ่าย “อ้าปาก”

…………………………………………………………….

  ตอนที่ 1873-1 จะนอนด้วยกันอีกแล้วนะ

 “อ้า…” ดูสิ ยัยเสือน้อยของพวกเราว่าง่ายจะตาย อ้าปากเห็นเขี้ยวเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เอาปรอทวัดไข้ออกมา เจ้าหล่อนนุ่มนิ่มไปทั้งตัว และในระหว่างที่กำลังอ้าปาก ดวงตารูปอัลมอนด์ยังคงจ้องฉินมั่วเหมือนกับมีเรื่องจะพูดด้วย

ฉินมั่วส่งสายตาให้เธอ แววตานั่นช่างเย็นชาเหมือนจะพูดว่า ลองพูดออกมาสิ!

ยัยเสือน้อยถึงได้รู้สึกตัวว่าผิดปกติ เจ้าหญิงน้อยเหมือนจะไม่ชอบใจเธอ เธอเศร้านะ

ฝ่ายฉินมั่วไม่สนอะไรอีก หยิบเอาปรอทออกมาดูแวบหนึ่ง “อุณหภูมิปกติ”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วพยักหน้า “ไม่มีไข้แล้ว แม่ให้ฉันกินยาตั้งแต่เช้า”

ฉินมั่วได้ยินเสียงแหบแห้งของอีกฝ่ายแถมพูดจบแล้วยังไอออกมาอีก คงเพราะไอแรงมาก กระทั่งไหล่ยังพลอยสั่น ไม่มีไข้แล้วก็เท่ากับไม่ป่วยงั้นสิ? ฉินมั่วคร้านจะพูดกับยัยงั่งอีก เปิดกระเป๋ายาเอายาอมมายื่นตรงปากอีกฝ่าย

“โอ้โห!” ป๋อจิ่วไม่ปฏิเสธคนป้อน ต่อให้ยาจะขมก็เถอะ แต่ยานี้เจ้าหญิงน้อยเป็นคนให้เองเชียว ทว่าหลังจากที่ป้อนเสร็จ ฉินมั่วก็ขมวดคิ้วมุ่นแล้ววางยาลงในมือเธอ “กินเองนะ”

เขาคงโดนผีเข้า ทำไมถึงได้ป้อนยาให้กับมือตัวเอง เมื่อครุ่นคิดถึงเหตุผล น่าจะเพราะยัยเสือน้อยยั่วให้โกรธจนเสียสติ

หลังจากที่ถอนใจยาว ฉินมั่วกลับสู่สภาพเจ้าชายน้อยสูงศักดิ์เหมือนเดิม เขาเดินไปดึงหน้าต่างปิด แถมล็อกสองชั้นด้วย

ป๋อจิ่วแบมือจับยาเล่นพลางมองดูด้านข้าง ตอนที่ส่ายหางไปมาก็รู้สึกว่าเจ้าหญิงน้อยไม่ได้อยากแค่ล็อกหน้า แต่อยากโยนเธอออกไปเสียมากกว่า

หากเป็นไปได้ ฉินมั่วก็อยากทำอย่างนั้นแหละ ไม่รู้ว่าทำไมถึงอนุญาตให้เธอลงมาอยู่ในห้องด้วยกัน แถมยังบอกให้คุณพ่อบ้านเอากล่องยาขึ้นข้างบนเพื่อป้อนยาให้กับมือด้วย หากเรื่องแบบนี้รู้เข้าถึงหูคุณตาก็ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นอย่างไร

นัยน์ตาฉินมั่วกระตุก หันร่างไปก็เห็นยัยเสือน้อยหักยา ก่อนจะกินห้าเม็ดในทีเดียว

ห้าเม็ดเลยเหรอ?

ฉินมั่วจับมือเธอ “ป๋อ เสียว จิ่ว”

“หือ?” ป๋อจิ่วตาโตมองเขาราวกับเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาทันที “มั่วมั่ว ทำไมเธอถึงเอาแต่ถอนหายใจล่ะ ตั้งแต่ฉันเข้ามาแล้วนะ เธอก็เอาแต่ถอนหายใจ เหนื่อยแล้วเหรอ? ยังจะมีเรื่องอะไรอีก ฉันจะบอกให้นะ คนเราน่ะต้องมีความสุขเข้าไว้ อย่างอื่นไม่สำคัญ ขอลูบหัวหน่อย”

ทำไมเขาต้องถอนหายใจ? ฉินมั่วมองดูมือน้อยๆ ที่ลูบไปมาบนหัวตัวเอง เขาบอกตัวเองว่า อย่ามีเรื่องกับคนป่วย เห็นทียัยนี่โง่อย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว ฉินมั่วมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก “ลูบพอหรือยัง?”

ป๋อจิ่วส่ายหน้า “ไม่ มั่วมั่ว ผมเธอนุ้มนุ่ม ไม่เหมือนของฉันเลย แข็งทื่อจนแทงมือจะแย่อยู่แล้ว”

ฉินมั่วส่งเสียงหยันขึ้นจมูก “กินยาซะ แล้วกลับบ้านเธอ อีกอย่าง ห้ามปีนกำแพงมาอีกนะ”

 ……………………………………….

 

ตอนที่ 1870-3

หลังจากที่พ่อบ้านหนุ่มกดกริ่งประตูบ้าน ก็เห็นยัยเสือน้อยออกมาเปิดประตูทั้งอย่างนี้ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังคงใจดีเหมือนเดิม “คุณสุภาพสตรีแสนสวยครับ มีอะไรที่ผมจะช่วยคุณได้บ้าง?” พ่อบ้านผมทองแสร้งทำเป็นให้เกียรติอย่างสูง เพื่อเอาใจแม่หนูน้อย “ผมเดาว่าคุณจะต้องชอบของในมือผมแน่เลย เพราะมันดึงดูดใจคนได้เยอะเชียวละ” ว่าแล้วก็เอาภาชนะรักษาอุณหภูมิมายื่นให้ตรงหน้า

ป๋อจิ่วมองแวบหนึ่ง สองตาสว่างแวบ “ซาลาเปาถั่วดำ”

“ที่แท้เจ้านี่ก็เรียกว่าซาลาเปาถั่วดำนี่เอง” พ่อบ้านผมทองหัวเราะเบาๆ “คุณชายให้ผมเอามาให้ครับ”

คุณชาย? เจ้าหญิงน้อยเหรอ? ป๋อจิ่วกลับมากระปรี้กระเปร่าทันที หางเสือส่ายไปมา เอ่ยอย่างมีมารยาท “เชิญเข้ามาก่อนนะคะ”

คุณพ่อบ้านถอดหมวกออก เดินตามเธอเข้าไป แล้ววางกล่องอาหารรักษาอุณหภูมิไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็คุยกันเล็กน้อยถึงได้ขอตัวกลับ

ป๋อจิ่วมองดูซาลาเปาไส้ถั่วดำและโจ๊กไข่เยี่ยวม้าแล้วจับหูตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอยังกลัวว่าเจ้าหญิงจะโกรธเธอเพราะเห็นเขาโป๊แล้ว เห็นทีมันคงไม่มีอะไร เจ้าหญิงน้อยเป็นคนอ่อนโยนจริงๆ อุตส่าห์ให้พ่อบ้านเอาซาลาเปามาให้เธอ คิดแล้วรอยยิ้มยิ่งกว้างเข้าไปใหญ่ ถึงตอนนี้จะไออยู่ แต่ไม่กระทบต่อสิ่งที่เธอกระทำ

หลังจากที่กินเสร็จ ป๋อจิ่วคิดอย่างลึกซึ้ง เธอจะต้องไปขอบคุณเจ้าหญิงน้อยด้วยตัวเอง แต่จะไปอย่างนี้ไม่ได้ มันเอิกเกริกเกินไป ต้องรอให้ฟ้ามืดเสียหน่อย ต้องปลอมตัวสักนิด แล้วค่อยเข้าไปหา เจ้าหญิงน้อยอุตส่าห์เอาของกินให้เธอ เธอจะไม่ให้อะไรตอบแทนก็คงจะไม่ดี ป๋อจิ่วมองดูคีย์บอร์ดตัวเล็กในอ้อมแขนตนเอง ตัดสินใจจะให้ของเล่นของโปรดของเธอกับเขา จากนั้นเธอจะบอกเจ้าหญิงน้อยว่าเธอจะรับผิดชอบเรื่องที่เห็นเขาโป๊เอง เอาอย่างนี้แหละ ไม่เลวแฮะ!

ป๋อจิ่วชูกำปั้นต่อหน้ากระจก รอยยิ้มที่มุมปากดูทะเล้นอย่างไรชอบกล

ฉินมั่วในเวลานี้ยังไม่รู้ว่า ความยุ่งยากจากเรื่องที่เขาส่งของกินให้ยัยเสือน้อยไม่ได้มาจากการที่คุณตาถาม แต่เป็นเพราะยัยเสือน้อยที่ถูกเสิร์ฟอาหารให้เริ่มแผลงฤทธิ์แล้วต่างหาก ปกติแล้วฉินมั่วจะไม่สนเวลาที่คนมาบอกชอบตัวเอง หลายคนอ้างว่าความชอบ ด้วยต้องการแสดงออกถึงความรู้สึกของตนเองเท่านั้น ไม่สนว่าคนที่ถูกชอบจะเป็นอย่างไร ชอบทำอะไรจากมุมมองของตัวเองฝ่ายเดียว เช่นเมื่อก่อนมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่าชอบเขา แต่เขาไม่ชอบเธอ ฝ่ายนั้นก็ร้องไห้แงๆ ทำอย่างกับว่าเขาไปรังแกเธอเสียอย่างนั้น

ฉินมั่วไม่รู้สึกสนใจเด็กผู้หญิงเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเช่นเดียวกัน เพราะมันไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง แถมยังน่าเบื่ออีกด้วย ดังนั้นเมื่อยัยเสือน้อยบอกว่าชอบเขา เขาก็ไม่ใส่ใจ แต่คงเพราะรู้สึกว่าบางครั้งยัยเด็กนี่ก็ว่าง่ายดี เขาถึงได้อดทนต่อเจ้าหล่อนได้บ้าง แต่หันมาคิดดูอีกครั้ง นั่นไม่ใช่ความว่าง่าย แต่เป็นความงั่งต่างหาก

หลังจากที่ฉินมั่วตามคุณตาไปส่งแขกกลุ่มสุดท้ายกลับบ้าน ก็ถอดเสื้อตัวนอกให้พ่อบ้านผมทองที่ยืนด้านข้าง ฝ่ายคุณพ่อบ้านก็ก้มหน้ารายงานภารกิจของตนเอง “คุณชายครับ คุณหนูจิ่วกินแล้วนะครับ น่าจะไม่หิวแล้วล่ะครับ สบายใจได้”

ฉินมั่วได้ยินแล้วขมวดคิ้ว “ฉันไปสนใจว่าเขาจะหิวหรือเปล่าตั้งแต่เมื่อไรกัน”

คุณพ่อบ้านถึงกับอึ้ง ฉินมั่วเอ่ยต่อเสียงเรียบ “แต่เห็นว่าเป็นเพื่อบ้านกัน แถมเรายังจัดงานเลี้ยงครึกครื้นแบบนี้ ถ้าไม่ให้อะไรเลยจะเสียมารยาท  แถมคุณอาป๋อยังเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของคุณตาด้วย”

คุณพ่อบ้านรับคำเล็กน้อย มองดูร่างเล็กๆ ที่เดินขึ้นชั้นบน รำพึงในใจว่าเด็กชาวจีนโตเกินวัยขนาดนี้เลยเหรอ? สง่ามาก แต่ประเทศจีนเป็นประเทศที่เน้นเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี อย่างพวกเขาคงคิดไม่ถึงว่าถ้าจัดงานเลี้ยงแล้วจะต้องเอาของกินไปให้เพื่อนบ้านตัวเล็กๆ ด้วย…

……………………………………………….

 ตอนที่ 1871

เมื่องานเลี้ยงตอนกลางคืนเสร็จสิ้น บรรดาแขกก็กลับไปหมดแล้ว คุณตาอานในฐานะที่เป็นเจ้างานล้ามาทั้งวัน จึงต้องเหนื่อยมากเป็นธรรมดา แต่เป็นเพราะทำธุรกิจ ต่อให้เป็นเวลาตอนกลางคืน ท่านย่อมมีงานด่วนที่ต้องจัดการ เช่น การประชุมข้ามประเทศที่จัดขึ้นกะทันหัน คุณท่านอานเกรงว่าวันนี้หลานท่านเหนื่อยเจียนจะแย่ จึงกำชับให้คนรับใช้อย่าเอะเอะเสียงดังเวลาเก็บกวาดห้องรับแขก

หลังจากงานเลี้ยง ย่อมมีคนมาคอยดูแลความสะอาดโดยเฉพาะ เมื่อฉินมั่วส่งแขกเสร็จก็ปลดเสื้อสูทออก ก่อนจะเดินเข้าห้อง กลับสู่สภาพเจ้าชายเสี้ยวหน้าเย็นชาที่ไม่ชอบพูดดังเดิม เส้นผมของเขาที่ทั้งดำและนุ่มแนบติดหลังหู พ่อหนูน้อยยังสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่ เมื่อหันตัวปลดกระดุมที่แขนเสื้อ ความสง่างามก็เพิ่มสูงขึ้นมา

เด็กห้าขวบแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ หากใช้คำพูดของราชินีจอเงินคนสวยก็ต้องบอกว่า บางครั้งลูกเธอไม่เหมือนมนุษย์บนโลก แต่ฉินมั่วยังเหลือความไร้เดียงสาเล็กน้อย เช่นว่าเขากำลังถอนหายใจ ดูน่ารักจริงเหลือเกิน

เดิมทีฉินมั่วคิดจะอาบน้ำ จึงถอดเสื้อเชิ้ตออก แต่พอวางเสื้อลง เขาพลันขมวดคิ้วขึ้น หันไปมองยังหน้าต่างบานยาวระพื้นซึ่งมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ทำให้เด็กที่เติบโตอยู่ในเขตทหารอย่างเขาถึงกับเลิกคิ้วสูง จากนั้นใบหน้าสูงส่งก็เข้าสู่โหมดเย็นชาเต็มที่ และในระหว่างที่เขาจะต่อสายเรียกบอดี้การ์ดขึ้นมา เสียงกระถางต้นไม้ตกพื้นก็ดังขึ้นในทันใด แถมยังมีเสียงลมดังจากด้านนอก รวมถึงเสียงบ่นพึมพำกับตัวเอง “หน้าต่างบานนี้เปิดยากแฮะ สงสัยต้องเจาะ ถึงตอนนั้นพ่อต้องหาว่าเราซนอีกแน่เลย ปวดหัวจัง”

หลังจากที่ได้ยินประโยคดังกล่าว คิ้วของฉินมั่วยังไม่คลายตัว กลับขมวดหนักขึ้น การเจาะหน้าต่างทำนองนี้ เธอยังจะมาปวดหัวอีก คนธรรมดาทั่วไปที่ไหนบ้างที่เขาเจาะหน้าต่าง

ฉินมั่วรับรู้ถึงการเริ่มหายใจลึกอีกครั้งของตัวเอง มองดูท่อนบนที่ไม่ได้สวมอะไร อุณหภูมิบนใบหน้าลดต่ำไปเยอะเชียว

ด้านนอกหน้าต่าง ป๋อจิ่วที่ส่ายหางเสืออยู่กำลังก้มหน้าก้มตาศึกษาหน้าต่างบานนั้น พลังรุนแรงเหมือนเสือประเภทตะลุยดะเลยทีเดียว! หลังจากงัดแงะมานานก็รู้สึกว่าตัวเองอ่อนโยนไป จึงตัดสินใจหยิบอุปกรณ์จากในกระเป๋ามา

ป๋อจิ่วตัวน้อยคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนเห็นตัวเอง เพราะฝีมือการปีนกำแพงของเธอเป็นที่เลื่องชื่อในละแวกนี้ แม้อากาศในวันนี้จะหนาว แต่เธอยังอุตส่าห์หลบหลีกคนที่ชั้นหนึ่งไว้ได้ กระทั่งอาศัยความได้เปรียบที่ร่างเล็กหลบกล้องวงจรปิดที่มุมบ้านตระกูลอาน จึงทำอะไรได้สมใจอยาก ใบหน้าเล็กๆ นั่นมีหมวกเสือน้อยครอบไว้  ดูตั้งอกตั้งใจเอามากๆ ทำให้ฉินมั่วเปิดหน้าต่างออกก็เห็นยัยเสือน้อยที่ปีนกำแพงมาหาทันที

ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงสวมผ้าปิดปากเล็กๆ ไว้บนหน้า ตัวเธอดูเอียงๆ อีกทั้งข้างตัวมีกระถางต้นไม้ที่หมิ่นเหม่จะร่วงลงไป แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัวอีก เมื่อนัยน์ตากลมโตเห็นฉินมั่วเข้าก็พลันตะลึงงัน ก่อนจะยิ้มเอาใจ ลักยิ้มบนหน้าบุ๋มลงไปอย่างเห็นได้ชัด “มั่วมั่ว!”

ฉินมั่วเริ่มปวดหัวอีกแล้ว…

…………………………………………………………

ตอนที่ 1872-1

ไม่มีทางที่จะไม่ปวดหัวเลย ยัยโง่นี่มีสัญชาตญาณเรื่องความปลอดภัยบ้างไหม? ฉินมั่วลากหน้าต่างให้เปิดออกจนเกิดเสียงดัง เอ่ยเสียงกระด้างว่า “ลงมา”

โกรธเหรอ? ป๋อจิ่วในเวลานั้นยังเล็กมาก ไม่เข้าใจว่าเจ้าหญิงน้อยโกรธอะไร? หรือว่าเธอมาดึกเกินไป เป็นการรบกวนเขา

เมื่อหวนคิดได้ว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว แถมเมื่อวานเธอก็วุ่นวายจนเขาไม่ได้นอนหลับตามเวลา รวมถึงเรื่องที่เห็นอีกฝ่ายโป๊อีก

ป๋อจิ่วยอมรับว่าเธอมีพิรุธในใจ เธอเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ให้ลงมาก็ลงมา แต่ขณะที่กำลังจะกระโดดก็ไม่ลืมหันไปคว้าคีย์บอร์ดของตัวเอง ท่าทางของเธอทำให้หน้าผากของฉินมั่วถึงกับมีเหงื่อบางๆ ผุด เอ่ยออกมาโดยไม่คิดว่รา “เธอกำลังทำอะไร!”

ป๋อจิ่วตาโต หางเสือส่ายอยู่อย่างนั้น “ฉันหยิบคีย์บอร์ดน่ะสิ” ว่าแล้วก็กระโดดลงมา สลัดเศษหิมะที่ติดศีรษะ ก่อนจะยื่นคีย์บอร์ดให้ตรงหน้าราวกับอวดของเด็ด เจ้าหล่อนยังคงสวมผ้าปิดปาก เอ่ยด้วยเสียงมึนๆ เหมือนเสือน้อย

เมื่อเห็นเธอลงมาอยู่บนพื้น ฉินมั่วก็กลับคืนสู่ความปกติ ขอพูดก่อนนะ เขาไม่ได้ห่วงว่าเธอจะเป็นอะไร แต่เด็กตัวเล็กนิดเดียว กล้าปีนระเบียงอย่างนั้น เคยกลัวบ้างไหมว่าจะตกลงมา?

ยิ่งคิดนัยน์ตาฉินมั่วก็ยิ่งเย็นยะเยือก ไม่ยื่นมือไปรับคีย์บอร์ด ทำให้ป๋อจิ่วเก้อเลยทีเดียว เธอช้อนสายตามองฉินมั่ว จากนั้นก้มศีรษะลงอีกครั้ง พลันนึกขึ้นได้ว่าใช่ว่าทุกคนจะชอบของขวัญที่ไม่ปกติประเภทคีย์บอร์ดเหมือนเธอ ดูเหมือนเธอจะให้ของผิด

เมื่อคิดได้ดังนี้ ป๋อจิ่วซึมเล็กน้อย แต่ก็ซึมได้ไม่นาน แค่หนึ่งวินาทีเท่านั้นก็เงยหน้าขึ้นใหม่ นัยน์ตาคู่นั้นยังคงสว่างไสว “มั่วมั่ว เธอไม่ชอบคีย์บอร์ดใช่ไหม งั้นเธอชอบอะไร ครั้งหน้าฉันจะได้เอามาให้เธอ ฉันมีของเล่นเยอะมากเลยนะ”

“ไม่ชอบสักอย่าง” ฉินมั่วหันหน้ากลับไป จากนั้นนิ้วก็เกร็งทื่อ เพราะไม่รู้ว่าทำไมยัยเสือน้อยถึงได้เริ่มไอ เสียงเบาๆ ดังต่อเนื่องกัน ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง สองตาจับจ้องยังใบหน้าที่ติดผ้าปิดปากเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างหยิ่งยโส “ดึกขนาดนี้แล้ว เธอจะใส่ผ้าปิดปากไปทำไม?”

“อันนี้เหรอ?” ป๋อจิ่วใช้แขนหนีบคีย์บอร์ดไว้ ละมือข้างหนึ่งมาจับหูตัวเอง “เมื่อคืนฉันเป็นหวัด ตอนแรกไม่คิดจะมาหรอก กลัวว่าทำให้เธอติดหวัดไปด้วย แต่พอให้คุณพ่อบ้านเอาของมาให้ ฉันก็เลยอยากมาขอบคุณ ที่ใส่ผ้าปิดปากเพราะจะได้ไม่แพร่เชื้อให้เธอไง เมื่อวานฉันเห็นว่าเธอร่างกายอ่อนแอกว่าฉันอีก แค่โดนฉันกระโจนเข้าใส่ เธอก็ล้มแล้ว ฉันจะปล่อยให้เธอติดหวัดจากฉันไม่ได้หรอก”

ฉินมั่วมองดูคนที่กำลังพูดพึมพำ เขาควรโกรธ ก็ผู้ชายคนไหนล่ะที่ชอบได้ยินคนอื่นพูดว่าตัวเองอ่อนแอ แต่เวลานั้นเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เป็นหวัดเมื่อวาน? ความจำของฉินมั่วดีมาตลอด ภาพที่เกิดขึ้นในสมองจึงชัดเจน

 ……………………………………………..

 

ตอนที่ 1869

ถึงคุณพ่อบ้านจะยังหนุ่ม แต่ปฏิบัติงานได้อย่างยอดเยี่ยม อาหารถูกนำมาวางไว้บนถาด เป็นอาหารเช้าสไตล์อเมริกันพรั่งพร้อมด้วยไข่ดาว นม ขนมปัง และมีจานเล็กๆ ใส่เนยไว้

ฉินมั่วนั่งข้างโต๊ะ ตอนที่หยิบเอาแก้วนมมา ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เผลอนึกถึงยัยเสือน้อยที่ประคองแก้วนมมาให้เมื่อวานนี้

คุณพ่อบ้านไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายตัวน้อยถึงได้หยุดชะงัก จึงเอียงศีรษะเรียก “คุณชาย”

ฉินมั่วเงยหน้าขึ้น ถามอย่างไม่ใส่ใจสักเท่าไรว่า “เขาล่ะ?”

เขา? ใครเหรอ? คุณพ่อบ้านหนุ่มงุนงง คงเพราะแนวความคิดของคนต่างชาติและคนจีนไม่เหมือนกัน หากว่ากันตามนิสัยของฉินมั่วแล้ว สิ่งได้ที่เคยถามย่อมไม่ถามซ้ำ แถมเจ้าตัวไม่ได้อยากรู้ให้ได้ว่ายัยเสือน้อยไปที่ไหน แค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายอายุยังน้อยเท่านั้น

คุณท่านอานเดินเข้ามาพอดี มีเพื่อนอเมริกันเดินตามหลังมาด้วย เพื่อนคนนี้เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยที่มีหนวดยาวเฟิ้ม เมื่อเห็นฉินมั่วเขาชอบใจมาก บอกว่าจะแนะนำหลานสาวให้รู้จัก คุณท่านอานยิ้มอยู่ด้านข้าง เพิ่งมาถึงที่นี่ ท่านย่อมต้องแนะนำหลานให้กับคนในแวดวง ดังนั้นบ้านแห่งนี้จึงไม่เคยสงบเอาเสียเลย แถมก่อนหน้านี้คุณท่านอานก็ส่งบัตรเชิญไว้แล้ว หลายๆ คนจึงสงสัยอยากรู้ว่าหลานของนักธุรกิจชาวจีนท่านนี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร

แน่นอน คนที่ได้บัตรเชิญย่อมมีสถานะไม่ธรรมดา แขกมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย  ฉินมั่วเปลี่ยนไปสวมสูทเนี้ยบ นัยน์ตาและเส้นผมสีดำทำให้เขาดูลึกลับกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แถมด้วยบุคลิกของเจ้าตัวที่ทำให้คนได้เห็นเด็กน้อยแสนสง่าคนนี้แล้วรู้สึกชอบใจทันที

“ฉินมั่วใช่หรือเปล่า? ฉันได้ยินคุณปู่ของฉันพูดถึงชื่อเธอ” ประโยคนี้มาจากหนูน้อยผมทองสวมกระโปรงฟูฟ่อง เจ้าหล่อนมีดวงตาสีฟ้า มองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ “เธอมาจากญี่ปุ่นใช่ไหม?”

ฉินมั่วหันไปมอง อายุน้อยก็รู้จักรักษาระยะห่างแล้ว “เปล่า ฉันเป็นคนจีน”

“น่าเสียดายที่ฉันเดาผิด” หนูน้อยผมทองหดหู่ ก่อนจะยิ้มขึ้น “ฉันชื่อแองเจลิน่า ตรงนั้นเป็นเพื่อนฉันเอง จะไปทักทายเขากับฉันไหม? ทุกคนจะได้เล่นด้วยกันไง แล้วจะได้กินเครปเค้กด้วยกันด้วย”

ฉินมั่วเย็นชาเป็นปกติวิสัย แต่รู้ว่าคุณตาจัดงานเลี้ยงนี้เพื่อตัวเองจึงไม่ปฏิเสธ ทว่าพูดน้อยตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้หนูน้อยชาวต่างชาติมองเขาด้วยความรู้สึกว่าเขาเหมือนเจ้าชายน้อยมากขึ้นทุกที ปกติเด็กๆ มักจะคบหากันไปเรื่อย หลายคนวิ่งไปวิ่งมา อย่างไรก็เป็นพวกเด็กน้อย เวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ ย่อมต้องครึกครื้นกันอยู่แล้ว

หากเทียบกันแล้ว เด็กผู้หญิงหลายคนชอบฉินมั่วที่ดูสง่างามมากกว่า ด้วยความที่เติบโตมาจากเขตทหาร ทำให้ท่ายืนของฉินมั่วต่างจากเด็กคนอื่น ทั้งนี้มีคนถามว่าเขาเคยได้รับการอบรมแบบตระกูลผู้ดีอังกฤษหรือเปล่า คุณท่านอานยิ้ม ตอบเพียงว่าเปล่า ไม่เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น

พวกผู้ใหญ่ต่างถือแก้วไวน์ กระทั่งลมยังพัดโชยกลิ่นหอมของอาหารมา รวมทั้งมีเนื้อไก่และพิซซ่าจัดวางอยู่บนโต๊ะล้วนแต่หอมกรุ่น แถมยังมีขนมหวานอีกเพียบ พร้อมพรั่งทุกรูปแบบ ที่นี่ประหนึ่งเป็นสวรรค์ของเด็กน้อย ฉินมั่วยืนอยู่ที่นั่น เมื่อมาถึงช่วงพักกลางงาน เขาที่เบื่อมานานแล้วจึงหาที่นั่งพัก เมื่อเงยหน้ามองดูข้างบ้านถึงเห็นว่าแสงไฟส่องสว่าง แสดงว่าที่นั่นมีคนอยู่

………………………………………………………….

 ตอนที่ 1870-1

ในเมื่อมีคนอยู่แล้วทำไมถึงไม่มา หรือวันนี้เธอไม่ต้องขอข้าวกิน หรือไม่ได้กลิ่นอาหารที่ลอยออกไป นิสัยมุ่งมั่นอย่างยัยเสือน้อย น่าจะไม่ยอมทิ้งโอกาสมาขอข้าวกินถึงจะถูก

เมื่อรู้ตัวว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ฉินมั่วถึงกับขมวดคิ้ว คงเพราะเบื่อจริงๆ เขาถึงได้นึกถึงยัยเสือน้อยที่ชอบกอดคนอื่น เขาเบือนหน้าออกไป เห็นเด็กในวัยเดียวกันที่กำลังกินขนมหวานอยู่

ฉินมั่วไม่ชอบคบหาใคร เวลาที่เด็กคนอื่น เล่นซนไปทั่ว เขากลับชอบต่อเลโก้ไม้กับค้นหาสมบัติห้องใต้ดิน

ตอนอายุสามขวบ เขาเคยไม่พูดทั้งวัน จนคนที่บ้านกังวลใจว่าจะเป็นโรคสันโดษ คงเพราะเด็กที่ฉลาดและอ่อนไหวง่ายจะยิ่งประสบภาวะแบบนี้ เริ่มจากเบื่อ ตามมาด้วยไม่เกิดความรู้สึกอะไรเลย สาเหตุมาจากสภาพแวดล้อมและตัวเด็กเอง

ฉินมั่วเป็นเด็กนิสัยนิ่งเงียบ มีวุฒิภาวะโตกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เขาจึงเก็บตัวมาก คุณท่านอานเองก็สังเกตถึงข้อนี้ จึงเสนอให้เปลี่ยนสภาพแวดล้อม เด็กต่างชาติล้วนแต่โตกว่าวัย ไม่แน่ว่าหลานท่านอาจหาเพื่อนได้ ทว่าเมื่อคุณท่านอานหันมามองหลานชายที่ดูสง่า พรั่งพร้อมด้วยมารยาทตั้งแต่หัวจรดเท้า ชนิดที่เด็กวัยเดียวกันยังทำไม่ได้ จึงรู้ดีว่าแผนที่วางไว้ได้ผลไม่ดีสักเท่าไร

ตามปกติแล้วงานเลี้ยงที่มีเด็กน้อยอยู่ด้วยจะไม่ยืดยาวจนถึงช่วงดึก ฉินมั่วส่งแขกพร้อมคุณตา เห็นแสงไฟของบ้านตรงข้ามสว่าง ก็เอ่ยเสียงใสตามวัย “คุณตาครับ ทำไมคุณอาป๋อถึงไม่มาด้วยล่ะครับ?” ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน เมื่อจัดงานเลี้ยงแบบนี้ ฝ่ายตรงข้ามต้องมาร่วมงานสิถึงจะถูก

คุณท่านอานไม่คิดว่าหลานชายจะถามปัญหานี้ขึ้นมา จึงหันมายิ้มบอก “คุณอาป๋อคงยังไม่กลับมา”

“ยังไม่กลับมาเหรอฮะ?” ฉินมั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย

คุณท่านอานส่งเสียงตอบรับ “บ้านนั้นน่าจะมีป๋อจิ่วอยู่คนเดียว แต่เดี๋ยวตอนค่ำแม่เขาก็กลับมาแล้ว พรุ่งนี้คุณอาป๋อคงจะเอาของขวัญมาฝาก เขาในเวลากลางวันกับกลางคืนจะไม่เหมือนกัน”

ฉินมั่วฟังอย่างไม่ใส่ใจสักเท่าไร หันไปมองฝั่งนั้นอีกครั้ง ยัยเสือน้อยอายุเท่าไรเองก็ถูกปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวแล้ว แต่เขาจะถามเรื่องแบบนี้ออกไปไม่ได้ เพราะรำคาญว่าหากเขาถาม คุณตาจะต้องส่งคนไปรับยัยเสือน้อยมาแน่หรืออาจคิดไปอีกอย่าง

ฉินมั่วคิดมาถึงตรงนี้ก็เดินกลับเข้าบ้านไปพร้อมกับคุณตา อุณหภูมิภายในห้องต่างจากด้านนอกมาก แขกที่เหลือยังไม่ได้ไปไหน คุณท่านอานต้องการแสดงน้ำใจของเจ้าของบ้าน จึงสั่งให้ห้องครัวจัดอาหารมื้อดึกแบบจีน

ซาลาเปาไส้ถั่วดำเป็นเข่งๆ แถมด้วยโจ๊กไข่เยี่ยวม้า รวมถึงบัวลอยงาดำที่เอามาจากจีนได้ถูกต้มให้หนูน้อยทั้งหลายกินอย่างอิ่มหนำ

พอแองเจลิน่าเห็นของเหล่านี้ ดวงตาสีฟ้าของเจ้าหล่อนเหมือนถูกจุดไฟสว่าง ดูน่ารักน่าชัง ส่วนเด็กคนอื่นต่างกรูกันเข้ามา

 ……………………………………….

ตอนที่ 1870-2

คุณพ่อบ้านหนุ่มเอาบัวลอยมาส่งถึงมือของฉินมั่ว มองดูเจ้าชายน้อยที่งามสง่าเหนือมนุษย์รับถ้วยไปพลางเอ่ยต่อเขาว่า “เอาซาลาเปาไส้ถั่วสองลูก แล้วเอาโจ๊กใส่ถ้วยเก็บอุณหภูมิไปส่งให้ข้างบ้านด้วย”

ข้างบ้าน? คุณพ่อบ้านหนุ่มผมทองถึงกับอึ้ง ก่อนจะลงมือทำตามทันที ฉินมั่วถึงค่อยเริ่มหลุบตาลง เคี้ยวบัวลอยทีละคำๆ เขาค่อยๆ ละเลียดอาหาร ทำให้พวกเด็กที่อยู่ด้านข้างต่างจ้องมอง แต่ฉินมั่วกลับไม่สนใจและไม่ได้อธิบายการกระทำของตนต่อคุณพ่อบ้านด้วย  คงเพราะที่นี่มีเด็กชาติเดียวกับตัวเองจึงอยากดูแลเธอ เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นนักหรอกเวลาอยู่ในประเทศจีน เพราะที่นั่นไม่มีเด็กเล็กคนขนาดนี้อยู่บ้านเพียงคนเดียว นอกจากเขา…

ไม่ผิดหรอก ยัยเสือน้อยมีสภาพเหมือนเขาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ถึงจะเป็นตอนค่ำก็เหมือนกัน ตอนที่ฉินมั่วกินบัวลอยคำแรก เขาได้สะกดความรู้สึกหลายอย่างที่พรั่งพรูทางแววตา

คุณตายังคงดูแลแขกที่มาร่วมงาน คงไม่ได้สังเกตเห็นทางนี้ ดีแล้ว เพราะหากคุณตารู้ว่าเขาสั่งให้คนเอาของกินไปให้ยัยเสือน้อยข้างบ้าน มีหวังต้องลากยัยเสือน้อยมามัดตัวเขาแน่ และจะกลายเป็นความยุ่งยากอันใหญ่โต ซึ่งเขาไม่ชอบเอาเสียเลย

ข้างนอกยังคงมีหิมะยังคงตกอยู่ อาหารมื้อดึกแบบจีนทำให้เด็กๆ มีชีวิตชีวาช่วงท้ายของงานเลี้ยง เหล่าเด็กน้อยต่างชื่นชมความอร่อยของอาหารจีน แต่ข้างบ้านกลับเงียบสงบเหลือเกิน อันที่จริงป๋อจิ่วอยู่บ้านนี่เอง เธอกำลังกอดคีย์บอร์ดอันเล็ก ก้มหน้าก้มตากินยา ก่อนจะไอออกมาเป็นพักๆ ไม่ได้รุนแรงอะไรหนักหนา เจ้าหล่อนยังคงสวมชุดนอนเสือน้อย หน้าแดงแบบคนไม่สบาย พอได้ยินเสียงรถข้างนอกก็วิ่งเตาะแตะมายังข้างหน้าต่าง ก่อนจะส่ายหางเล็กน้อยแล้วกลับไปนอนที่โซฟา

โทรศัพท์บนโต๊ะส่งเสียงดัง ป๋อจิ่วไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นสายของใคร เธอรับโทรศัพท์ พยักหน้าสองที ก่อนจะเน้นส่งท้าย “แม่คะ หนูกินยาเรียบร้อยแล้ว” ฝั่งทางโน้นได้ยินแล้วหัวเราะเบาๆ อยากจะบินกลับมาให้เร็วที่สุด แต่ยังมีงานที่ต้องจัดการ ป๋อจิ่วเสนอให้วางสายก่อน

เมื่อวางสาย เด็กน้อยก็กอดคีย์บอร์ดอันเล็กของตนเอง นั่งเคาะแคะอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกัดกินขนมปัง

ทางบ้านตระกูลป๋อ อาหารที่ปรุงเสร็จแล้วตั้งบนอยู่โต๊ะอาหาร โดยมีแม่บ้านที่จ้างมาดูแลเป็นระยะยาว ทว่าพวกเขาชอบทำกับข้าวกินเองมากกว่า แม้ของกินจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ตาม แต่วันนี้พิเศษกว่าหน่อยตรงที่คุณป๋อไม่ได้กลับมา มาดามฟู่ก็ยุ่งมาก จึงต้องให้แม่บ้านเป็นผู้เตรียมอาหารให้ ทั้งนี้ป๋อจิ่วไม่ชอบให้แม่บ้านดูแลตัวเอง ยิ่งที่บ้านมีความลับของพ่อเยอะแยะมากมาย ดังนั้นเธอจึงให้แม่บ้านกลับตั้งแต่บ่าย

เด็กหญิงเดินเล่นในห้องส่วนตัว แกะคีย์บอร์ดบ้าง ปกติเธอก็เล่นอย่างนี้ ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไม สงสัยวันนี้ข้างนอกจะครึกครื้นกันมาก เพราะเป็นหวัดเธอจึงออกไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงได้แต่อิจฉาพวกที่ไปบ้านเจ้าหญิงน้อย

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ป๋อจิ่ววิ่งไปดูที่หน้าต่างอีกครั้ง ก่อนจะไอเล็กน้อย

เจ้าหล่อนเบะปาก หูตกเลยทีเดียว

 ……………………………………………..

ตอนที่ 1868-1

เอาเป็นว่าวันนี้ทั้งวันถือเป็นฝันร้ายของเขา แต่ตัวการแห่งความฝันร้ายก็คือยัยเสือน้อยนั่นเอง

ในเมื่อโดนเห็นจนหมดแล้ว ฉินมั่วจึงไม่แคร์ แค่ดึงผ้าขนหนูมาพันตัวเตรียมจะเดินออกไป เพราะมันอึดอัดน่าดู

ป๋อจิ่วตัวน้อยคอตก พยายามอธิบายอย่างตั้งใจ “มั่วมั่ว ฉันไม่เคยเข้าใจผิดมาก่อนนะ คงเพราะเธอสวยมาก แถมชื่อเธอฟังแล้วน่ารักด้วย”

เมื่อมีอะไรติดกาย ฉินมั่วจึงไม่เป็นฝ่ายตั้งรับเหมือนเมื่อตอนอยู่ในอ่างอาบน้ำอีก เขากระชากมืออีกฝ่ายมา เอียงคอหลุบตา ออกแรงลากตัวอักษรบนมือน้อยๆ ของเธอ แต่ท้ายที่สุดก็เสียแรงที่อุตส่าห์เขียนเสียสวย เพราะพอเขียนเสร็จ เจ้าหล่อนมองเขาตาโตเต็มไปด้วยความพิศวง “มั่วมั่ว เมื่อกี้เธอเขียนภาษาจีนเหรอ? ทำไมมีหลายขีดจัง”

ฉินมั่วจึงรู้ในที่สุดว่า ยัยเด็กนี่ไม่เพียงแต่จะโง่ แต่ยังอ่านหนังสือภาษาจีนไม่ออกด้วย เขาจึงลากตัวเธอไปที่โต๊ะหนังสือ ก่อนจะหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง แล้วเขียนตัวอักษรลงไปสองตัว ‘ฉิน มั่ว’ เขาชี้ตัวอักษรนั่น หยดน้ำยังคงไหลจากเส้นผม “เธอจำไว้ให้ดีนะ นี่คือชื่อของฉัน มั่ว มาจากคำว่าทะเลทรายสุดกว้างใหญ่”

“เก่งจังเลย!” ป๋อจิ่วชมจากใจจริง เจ้าหญิงน้อยก็คือเจ้าหญิงน้อยอยู่วันยังค่ำ ลายมือยังสวยอีก ที่แท้ก็เป็น ‘มั่ว’ ตัวนี้นี่เอง เธอยื่นมือลูบบนกระดาษ ตัวอักษรนี้ขีดเยอะสุดๆ ยังดีที่เธอความทรงจำดีเยี่ยม เห็นรอบเดียวก็จำได้แม่น

ฉินมั่วมองดูยัยเสือน้อยที่ลูบชื่อเขาอยู่ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ชะงักนิ้ว ก่อนจะปิดหนังสือเล่มนั้น “ตอนนี้เธอคงรู้แล้วว่าผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันที่ตรงไหน ฉะนั้น” ฉินมั่วชี้ไปที่โซฟาด้านหลังเธอ “ไปนอนตรงนั้นแล้วอย่าวิ่งมาอีก”

ป๋อจิ่วรู้ตัวว่าตนเองเป็นแขก ต้องทำตามความประสงค์ของเจ้าของบ้าน เมื่อได้ยินฉินมั่วพูดเช่นนั้น ก็วิ่งเตาะแตะไปทิ้งตัวที่โซฟาแล้วห่มผ้าห่ม โผล่แค่ดวงตาออกมา

ที่แท้ไม่ใช่มั่วมั่วที่เป็นตัวอักษรของผู้หญิง แต่เป็นมั่วมั่วที่เป็นตัวอักษรของชื่อผู้ชาย เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่หน้าตาสวยมากขนาดนี้มาก่อน แต่เมื่อผ่านเรื่องราวเมื่อครู่แล้ว มั่วมั่วต้องไม่ชอบเธอแน่ คิดมาถึงตรงนี้ ป๋อจิ่วอดลูบจมูกไม่ได้ กระทั่งหูเล็กๆ นั่นยังตกไปด้วย ดูน่าสงสารทีเดียว

กว่ายัยเสือน้อยจะไม่ก่อเรื่องอีกก็ไม่ง่ายเลย ฉินมั่วคิดจะปิดไฟนอน ตามปกติแล้วในเวลาอย่างนี้เขาต้องได้นอนอ่านหนังสือเรื่อง ‘เจ้าชายน้อย’ อยู่บนเตียงแล้ว แต่เมื่อเห็นผมยุ่งๆ ที่ยังมีไอน้ำเกาะของอีกฝ่าย จึงหยุดทันทีเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ตอนหลังก็บอกตัวเองว่า ช่างเถอะ จะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้หรอก เขาไม่มีอารมณ์จะมาสนใจใคร

เสียงปิดสวิตช์ไฟดังขึ้น ไฟในห้องดับลง ป๋อจิ่วรู้ตัวว่าตัวเองทำผิดจึงไม่กล้าส่งเสียงอีก เอาแต่นอนบนโซฟา จากนั้นก็ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร ทว่าคุณชายฉินตัวน้อยที่อยู่อีกฟากฝั่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนในห้องหรือเพราะมีเรื่องคิดในใจ หรืออาจเป็นเพราะเขาไม่เพียงแต่จะถูกคนหอม ถูกกอด ถูกเห็นในสภาพโป๊ทั้งตัว เรื่องราวอกสั่นขวัญแขวนที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ทำให้เขาหลับตาลงก็เห็นภาพยัยตัวแสบลอยอยู่กลางหัวเขา ส่งผลให้นอนไม่หลับ เด็กน้อยจึงหันไปอีกทาง ประจันหน้ากับเธอพอดี จึงเห็นร่างเล็กๆ นั่นขดตัวกลม แม้ยัยเสือน้อยจะยังไม่โต แถมท่าทางน่าเอ็นดูแบบนี้ กลับกินคนได้ทั้งเป็น

 ……………………………………….

ตอนที่ 1868-2

ฉินมั่วมองเอาๆ จนน่าจะเหนื่อยแล้ว หนังตาถึงหย่อนลงสักที ตอนแรกเขานึกว่าจะฝันว่าตัวเองอยู่ในบ้านตระกูลฉินเพียงคนเดียว นอกจากแม่บ้านและผู้ช่วยของพ่อแล้วน่าจะไม่มีใครอีก เพราะคนในบ้านต่างยุ่งกันหมด การเล่นคนเดียวถือเป็นเรื่องปกติ ยิ่งตอนนี้ต้องมาอยู่ต่างประเทศแล้วด้วย

ทว่าคืนนั้นฉินมั่วกลับไม่ได้ฝันอย่างที่คิดไว้ บางทีด้วยเหตุที่ต้องใช้พลังกายและพลังสมองมาป้องกันยัยเสือน้อย ทำให้เขาหลับเสียสนิท

คืนหิมะตก ดวงจันทร์กระจ่างฟ้า เสียงนกเค้าแมวลอยเข้ามาจากด้านนอกเป็นระยะๆ นกชนิดนี้เห็นได้น้อยในประเทศจีนแล้ว ทว่ามันยังเห็นได้บ่อยในต่างประเทศ ราวกับมาอยู่ในโลกแห่งเวทมนตร์ กระทั่งยังเห็นป่านอกหน้าต่างได้ชัด

รุ่งอรุณมาเยือนได้กำลังดี แสงตะวันที่ส่องเข้ามาทำให้สว่างขึ้นเยอะ คฤหาสน์สไตล์ยุโรปสีขาวให้บรรยากาศต่างไปจากประเทศจีน คงเพราะเป็นเสน่ห์ของคนและสิ่งปลูกสร้าง ถนนหนทางสะอาดเป็นพิเศษ หิมะปูบนทางเดินเป็นชั้นๆ ด้วยเหตุที่ตกทั้งคืน ยังไม่ทันได้ปัดกวาด ทำให้เมื่อเหยียบลงไปก็เกิดเสียงขึ้น แต่รถตักหิมะมาแล้ว คนขับยังสวมหมวกที่มีขนหนานุ่ม ดูเข้ากับบรรยากาศมากด้วย

ฉินมั่วตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่มากับรถกวาดหิมะ เขายื่นมือบังแสงที่ส่องเข้ามา จากนั้นหันหน้าไปมอง และพบว่าไม่มีใครอยู่ที่โซฟาด้านซ้ายของตนแล้ว

ไม่น่าเชื่อว่ายัยเสือน้อยจะตื่นเช้ากว่าเขาเสียอีก ฉินมั่วเลิกคิ้ว ไม่อยากนึกถึงเรื่องเมื่อวานอีก เด็กน้อยในชุดนอนเดินเข้าห้องน้ำ ตอนที่แปรงฟันแล้วเห็นอ่างอาบน้ำเข้าก็ขมวดคิ้วมุ่น บางครั้งการมีความจำแม่นยำก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีเช่นกัน เขากำลังคิดว่าจะพูดกับคุณตาดีไหมว่าอยากเปลี่ยนห้องนอน เพราะแค่เดินเข้าห้องน้ำ ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ปรากฏ

แต่หลังจากคิดๆ ดูแล้วก็เห็นว่าไม่จำเป็น เพราะต่อให้เขาไม่อยากเจอยัยเสือน้อยแค่ไหน ย่อมต้องได้เจออยู่ดี เมื่อเห็นใบหน้าของหล่อนแล้ว ต่อให้เปลี่ยนห้อง แต่หากนึกขึ้นมาก็ย่อมเห็นภาพนั่นแน่นอน อีกอย่างเขาเคยบอกแล้วว่าแค่เมื่อคืนเท่านั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างจะกลับคืนเป็นปกติ

พอคิดมาถึงตรงนี้ ฉินมั่วใช้ผ้าขนหนูเช็ดมุมปาก ถึงแม้จะอายุยังน้อย แต่กิริยาท่าทางส่อให้เห็นถึงการอบรมมาอย่างดีจากทางบ้าน หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตัวเองก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่าง ฉินมั่วเตรียมใจไว้แล้วว่าต้องได้เจอกับยัยเสือน้อยแน่ เพราะเขายังไม่ลืมว่าเมื่อวานเธอมาที่นี่ทำไม ในเมื่อมาขอข้าวกิน จะขอมื้อเดียวหรือสองมื้อก็ล้วนแต่ขอเหมือนกัน ยิ่งเป็นอาหารเช้าแล้วด้วย เธอย่อมไม่น่าพลาด ทว่าฉินมั่วกลับคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะประเมินผิด เพราะไม่มีเงาของยัยเสือน้อยปรากฏบนโต๊ะอาหาร กระทั่งฝั่งที่วางขนมก็ไม่เห็น

มีเพียงคุณพ่อบ้านที่ยังหนุ่มเห็นเขาแล้วรีบถือถาดอาหารเข้ามาหาทันที “คุณชาย ตื่นแล้วเหรอครับ? ผมเตรียมขนมปังกับหมั่นโถวให้เป็นอาหารเช้า คุณอยากกินแบบไหนครับ?”

ฉินมั่วหันไปไปมองอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อไม่เห็นยัยเสือน้อยจึงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “ขนมปัง”

………………………………………………

ตอนที่ 1866

ฉินมั่วตัวแข็งอีกครั้ง มือและขาพลอยแข็งทื่อไปด้วย เขาไม่เคยมีสีหน้าแบบวันนี้มาก่อน

ทว่าตัวก่อเรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น โดยเอนหลังแล้วยกมือสาดน้ำในอ่างเข้าตัว ใบหน้าเล็กๆ โดนไอร้อนบ่มจนแดงเล็กน้อย ดูนุ่มนิ่มแถมยังมีความสุข “มั่วมั่ว น้ำในอ่างของเธอห๊อม หอม ใส่นมลงไปด้วยใช่ไหม? มิน่าล่ะ เธอถึงได้ขาวขนาดนี้ เพราะอาบน้ำนมนี่เอง เจ้าหญิงอย่างพวกเธอนี่เหมือนกันหมดเลยเนอะ ได้แช่น้ำแบบนี้สบายจัง จริงป่ะ?”

ฉินมั่วพยายามข่มความวู่วามที่จะถามอีกฝ่ายว่า ที่พูดถึงเจ้าหญิงอย่างพวกเธอนี่ มันหมายความว่าไง ทั้งยังพยายามอยู่ให้ห่างๆ ไม่ให้โดนตัวกันเลยจะดีที่สุด

ป๋อจิ่วย่อมมองอาการต่อต้านของอีกฝ่ายออก จึงไม่เข้าใจอย่างแรง “มั่วมั่ว จะอายก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง ฉันอยู่ห่างจากเธอขนาดนี้แล้ว ถ้าเธอยังถอยหลังอีก เดี๋ยวจะหงายหลังนะ” ว่าแล้วเธอก็ขยับ

ฉินมั่วเอ่ยปากทันทีที่เห็น เสียงพ่อหนูน้อยไม่น่าเกรงขามเหมือนตอนโตก็จริง แต่ยังแฝงแววตักเตือนหนักๆ “เธออย่าเข้ามานะ”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วรีบชูมือทั้งสองขึ้น สื่อความหมายว่าเข้าใจดี ไม่ว่าเธอพูดอะไร ฉันจะทำตามหมด อย่าปฏิเสธฉันอย่างนี้สิ”

สภาพจิตใจของฉินมั่วในเวลานี้คงเป็นที่รู้กันดี เขาถอยหลังทีละก้าว ทีละก้าว ไม่น่าใจอ่อนกับยัยเสือน้อยนี่เลย หากให้โอกาสเขาใหม่ล่ะก็ เขาจะต้องโยนเธอออกไปแน่นอน แสงไฟบ้านเธอสว่างหรือไม่ก็ช่าง

ป๋อจิ่วไม่รู้ว่าสัตว์เลี้ยงที่อยากอุ้มกลับไปเลี้ยงที่บ้านคิดอย่างไร ยังไงเสียต้องพยายามหาทางสนิทกันให้มากขึ้นให้ได้ เธอเอียงศีรษะอย่างใช้ความคิด ก่อนจะยิ้มหวานให้ “มั่วมั่ว ฉันถูหลังให้เธอนะ ฉันถูหลังเก่งนะเออ”

“ไม่ต้อง” ฉินมั่วแทบจะปฏิเสธในวินาทีถัดมาทันที

เป็นครั้งแรกที่ป๋อจิ่วได้พบกับเด็กที่เข้าใกล้ด้วยยากขนาดนี้ เฮ้อ แต่ก็สวยมากจริงๆ ป๋อจิ่วบอกตัวเองแบบนี้ แล้ววักน้ำเข้าตัวอีก ไม่เพียงเท่านั้น เธอหันไปบีบสบู่ใส่มือตัวเอง เพื่อให้ตัวเองดูสะอาดเหมือนเจ้าหญิงน้อย จะว่าไปเด็กอายุน้อยขนาดนี้ จะอาบน้ำเองก็ย่อมไม่คล่องแคล่วอยู่แล้ว ป๋อจิ่วก็เช่นกัน เธอเงอะๆ งะๆ เริ่มถูกท่อนแขนและขา ราวกับกระทำงานยิ่งใหญ่สำเร็จ ซึ่งฉินมั่วมองดูตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ แต่แค่เหลือบมอง เพื่อป้องกันไม่ให้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรจะเห็น เขาจึงเบือนสายตาไปมองที่อื่น

เวลานี้ยัยเสือน้อยสงบลงแล้ว เขาจะอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้ แถมยังลุกไม่ได้อีก เพราะหากลุกย่อมต้องเผชิญหน้ากับความอิหลักอิเหลื่อแน่ หากแต่คุณชายฉินในเวลานี้ ต่อให้จิตใจเป็นผู้ใหญ่แค่ไหนก็ยังเป็นเด็กน้อยอยู่ดี เขาแคร์เรื่องแบบนี้เอามาก แต่ด้วยความที่ฝึกนิสัยบางอย่างมาตั้งแต่เด็กจนโต เขาจึงดูสูงส่งมาตั้งแต่เด็กจนโตทุกสถานการณ์ ไม่วู่วามใจร้อน ทำเหมือนจะรอให้ยัยเสือน้อยจอมซื่อบื้ออาบน้ำเสร็จก่อน ถึงจะยอมลุกขึ้น ซึ่งนี่เป็นวิธีเดียวที่ฉินมั่วคิดออก เพราะเขาจะลุกขึ้นทั้งอย่างนี้ไม่ได้ มีหวังถูกคนเห็นหมด แต่ยัยนั่นก็โง่หลือเกิน มาถึงขั้นนี้แล้วยังดูไม่ออกอีกว่าเขาเป็นชายหรือหญิง เอาแต่วักน้ำเล่นอยู่นั่น นัยน์ตาคู่โตของเธอทำให้รู้สึกอยู่ร่ำไปว่าเจ้าตัวอยากจะก่อเรื่องวุ่นวาย

…………………………………..

 ตอนที่ 1867

“มั่วมั่ว ฉันอาบเสร็จแล้ว เธอก็น่าจะอาบเสร็จแล้วใช่ไหม” ป๋อจิ่วตัวน้อยบิดผ้าขนหนูในมือ “ให้ฉันเช็ดหัวให้เธอนะ แล้วเราค่อยออกไปพร้อมกัน”

ฉินมั่วสูดลมหายใจลึก รู้ว่าเธอไม่มีวันสงบเสงี่ยมต่อไปแน่ “ไม่ต้อง เธอออกไปก่อน”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว มองดูใบหน้าที่มีเหงื่อผุดบางๆ ของเพื่อน ซึ่งเป็นผลมาจากไอน้ำร้อน เวลานี้ฉินมั่วสวยเป็นพิเศษ เรียวปากบางเหมือนกลีบดอกไม้ เครื่องหน้าสวยเหมือนตุ๊กตาฝรั่ง เส้นผมสีดำเปียกชื้นแนบหลังหูอย่างอ่อนโยน เห็นแล้วป๋อจิ่วรู้สึกคันหัวใจ อยากกอด แต่ทำไม่ได้ เธอจะต้องควบคุมตัวเองไว้ เดี๋ยวทำให้เจ้าหญิงน้อยตกใจแล้วจะแย่เอา แต่ท่าทางเจ้าหญิงน้อยผิดปกติเหมือนใกล้จะเป็นลม ป๋อจิ่วฉลาดจะตาย เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ก็ก้าวเท้ายาวเข้าไปหา

ฉินมั่วรู้เหมือนกันว่าตัวเองอยู่ในอ่างน้ำนานเกินไป ลมหายใจไม่ค่อยจะปกติ แต่เขาไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นที่จะเป็นลม ทว่าป๋อจิ่วที่เอ็นดูสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของตนเองกลับไม่คิดเช่นนั้น “มั่วมั่ว ตอนนี้เธอหายใจไม่สะดวกใช่ไหม ตอนที่ฉันไปแช่บ่อน้ำร้อนที่ภูเขาหิมะก็เป็นแบบนี้แหละ เธอไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวฉันจะอุ้มเธอออกไป”

อุ้ม เขา ออก ไป เนี่ย นะ!

อุ้ม?

ฉินมั่วจะตอบตกลงได้อย่างไร ข้างป๋อจิ่วเห็นสีหน้าของเจ้าหญิงน้อย พลอยคิดไปว่าอีกฝ่ายคงกำลังหยิ่งระคนเขินอาย จึงไม่เปิดโอกาสปฏิเสธ ปราดเข้าไปอุ้มตัวฉินมั่วผู้อ่อนแอด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิงทันที

น้ำกระเซ็นไปทั่ว!

เวลานั้น ฉินมั่วยังเบิกตากว้าง เขาประเมินความสามารถด้านก่อเรื่องของยัยเสือน้อยต่ำไปจริงๆ! ทางด้านป๋อจิ่วยังอยากแสดงความแข็งแกร่งของความเป็นลูกผู้ชายของตัวเองเพื่อจะได้รับการไว้วางใจจากเจ้าหญิงน้อย เธอยืดตัวแล้วอุ้มตัวเขาออกไป ทว่าเมื่อเธออุ้มมั่วมั่วขึ้นมา กลับต้องเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น!

เอ่อ มันเหมือนจะเป็น… ป๋อจิ่วตะลึงงันไปหมด มองดูคนในอ้อมแขน แล้วเลื่อนมาจ้องหน้า ก่อนจะมองดูตัวเอง

เวลานั้นเหมือนจะเข้าใจทันที ศีรษะน้อยๆ ฉลาดขึ้นทันควัน เสียงน้ำกระเซ็นดังขึ้นอีกครั้ง ป๋อจิ่วปล่อยมือออก เด็กน้อยทั้งสองกลับไปอยู่ในอ่างน้ำอีกครั้ง หน้าของฉินมั่วเปื้อนน้ำไปหมด ป๋อจิ่วก็เช่นกัน แต่ฝ่ายหลังค่อนไปทางติดพิรุธ “มั่วมั่ว เธอเชื่อไหมว่า มันเป็นความเข้าใจผิด มันเป็นความเข้าใจผิดตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว”

เวลานี้ฉินมั่วไม่อยากพูดอะไร ใบหน้าเขาเย็นชาเหมือนเจ้าชายน้อยเลยทีเดียว ป๋อจิ่วยกมือขวาขึ้น เฉไฉหน้าตาย “เมื่อกี้ฉันไม่เห็นอะไรเลย”

ฉินมั่วหัวเราะหยัน “ไม่เห็นเหรอว่ามือเธอไปโดนอะไร?”

แหม มันก็อธิบายยาก ต่อให้ป๋อจิ่วน้อยในวัยห้าขวบจะเจ้าเล่ห์อย่างไร ก็ย่อมไม่กล้าใช้เล่ห์กลหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายโป๊จนหมดตัว ก็แค่ ใครจะคิดล่ะว่าเจ้าหญิงน้อยที่สวยขนาดนี้จะกลายเป็นผู้ชายไปได้

ทำไมถึงเป็นผู้ชายไปได้นะ?

ป๋อจิ่วคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งไม่ยอม ร่างเล็กๆ ตรงเข้าไปหา

แต่เมื่อจับความคิดอีกฝ่ายได้ ฉินมั่วหรี่ตาลงพลางเอ่ยเตือน “ป๋อ เสียว จิ่ว”

“ฉันแค่อยากจะดูให้มั่นใจ” ป๋อจิ่วน้อยลูบหัวตัวเอง ราวกับรู้สึกไม่ดี

เรื่องแบบนี้ยังจะกล้าดูให้มั่นใจอีกเหรอ! ไม่รู้ว่าฉินมั่วหายใจลึกๆ เข้าไปกี่ครั้งแล้ว!

…………………………………………………

ตอนที่ 1865-3

ป๋อจิ่วหันไปมองอีกทาง พ่อไม่เคยบอกเธอมาก่อนว่า เวลาที่เพื่อนเขินอาย เธอจะต้องทำยังไง

ทางด้านฉินมั่วที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็ไม่รู้ว่ายัยเสือน้อยที่อยู่ด้านนอกคิดอะไรอยู่ หลังจากที่ปิดประตูห้อง เจ้าตัวจ้องดูตัวเองในกระจก รสสัมผัสยังติดค้างอยู่กลางมือ แถมกลิ่นนมเด็กน้อยยังติดทั่วร่างเขาอีก สงสัยเป็นเพราะโดนเธออุ้มแน่ ฉินมั่วบีบยาสีฟันออกมา ใบหน้าเล็กๆ ที่เย็นชานั่น เริ่มแสดงอารมณ์อื่นอีกครั้ง

ส่วนยัยเสือน้อยที่รออยู่ด้านนอกคงจะเบื่อ แถมเธอเพิ่งนึกวิธีที่จะเพิ่มความสนิทสนมระหว่างเธอกับเจ้าหญิงน้อยออก จึงก้มลงวางกระปุกออมสินไว้บนโซฟา จากนั้นก็วิ่งเตาะแตะไปที่ข้างลิ้นชักแล้วหยิบผ้าขนหนูออกมา

อันที่จริงเมื่อเห็นในลิ้นชัก ป๋อจิ่วก็ทอดถอนใจ เจ้าหญิงน้อยช่างรักษาความสะอาดได้ดีเลิศเหลือเกิน ไม่เหมือนเธอเลยสักนิด ผ้าขนหนูของเธอไม่เคยถูกพับเป็นระเบียบแบบนี้มาก่อน แค่โยนไปกองสุมเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ พ่อจึงชอบทำโทษให้เธอยืนสำนึกผิด เมื่อก่อนป๋อจิ่วตัวน้อยคิดว่าพ่อเธอจงใจหาเรื่องแกล้งเธอ เพราะเขาชอบแพ้เธอเวลาเล่นทายหมัด ดูเอาเถอะ วิลเลียมจูเนียร์ที่อยู่ข้างบ้านไม่เรียบร้อยยิ่งกว่าเธอเสียอีก เห็นทีตอนนี้เธอน่าจะเห็นโลกแคบเกินไปจริงๆ ทุกอย่างของเจ้าหญิงน้อยจะถูกพับเป็นสี่เหลี่ยมอย่างเนี้ยบเสมอ แถมยังหอมด้วย หนังสือก็มีเยอะ

ป๋อจิ่วตัวน้อยเห็นตัวเปรียบเทียบแล้วหันมาดูตัวเอง ก็รู้สึกว่าเธอมีข้อบกพร่องเต็มไปหมด แต่ไม่คิดจะแก้ไข แค่จะต้องระมัดระวังด้านความสะอาดให้มากกว่าเดิม ไม่งั้น เจ้าหญิงน้อยจะต้องโยนเธอทิ้งเหมือนเป็นขยะชัวร์

หลังจากที่ป๋อจิ่วตัวน้อยบอกตัวเองเช่นนี้ ก็เริ่มจะต่อสู้กับเสื้อนอนชุดลูกเสือของตัวเอง ชุดนี้พ่อเป็นคนซื้อให้ เพื่อสร้างความน่ารักให้แม่เธอ

เจ้าพวกมือเสือ หูเสือ แถมยังมีหางเสือครบชุดแบบนี้ จะต้องมีคนช่วยใส่ เวลาถอดก็ยุ่งยาก เด็กน้อยแค่ห้าขวบธรรมดาทั่วไปไม่อาจสลัดมันหลุดหรอก แต่เชื่อเถอะ ท่านจิ่วเสือน้อยของพวกเราไม่เหมือนคนอื่น ในเมื่อใช้มือไม่ได้ก็ใช้วิธีกลิ้ง แถมยังใช้ฟันช่วยอีกด้วย ทำเหมือนจั๊กจั่นทองลอกคราบอย่างเท่ จากนั้นก็พันผ้าขนหนู เตรียมจะเข้าไปเซอร์ไพรส์เจ้าหญิงน้อยในห้องน้ำ ในเมื่อต้องนอนด้วยกัน ย่อมต้องอาบน้ำด้วยกันอยู่แล้ว จะได้เพิ่มความสนิทสนมให้มากขึ้น

ป๋อจิ่วคิดว่ามุกนี้แสดงถึงความฉลาดของเธอ ก่อนจะเข้าไป ยังอุตส่าห์ไม่ลืมยกนิ้วโป้งให้ตัวเองผ่านกระจก

ทว่าคุณชายฉินตัวน้อยที่ถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้ว ยังไม่รู้ถึงความคิดของยัยเสือน้อยสักนิด คิดว่าเธอเงียบไปนานขนาดนี้ จะต้องนอนหลับไปแล้วแน่ๆ

 …………………………………………..

ตอนที่ 1865-4

เจ้าตัวนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำที่คุณตาสั่งทำให้เข้ากับขนาดตัวเขา ก่อนจะนอนพิงอ่าง วางผ้าไว้บนหน้าผากตัวเอง เส้นผมสีดำชื้นหน่อยๆ  ขับให้เห็นเรียวปากแดงและฟันขาว กระทั่งนัยน์ตายังปริ่มน้ำ อย่าโทษที่ป๋อจิ่วตัวน้อยคิดว่าคุณชายฉินเป็นเด็กผู้หญิง ด้วยหน้าตาแบบนี้เรียกได้ว่าพระจันทร์ยังต้องหลบ ดอกไม้ยังต้องหุบ ด้วยสู้ความสวยของคนยังไม่ได้ อาจเป็นเพราะฉินมั่วดูสูงส่งเหมือนเทวดาก็ไม่ปาน แต่สภาพของเขาในเวลานี้ พอจะดูออกว่าเป็นเด็กผู้ชายอยู่

ด้วยทางบ้านสอนมาดี นอกจากจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองแล้ว ยังวางมาดไว้ได้อย่างเยี่ยมยอด เด็กน้อยยื่นไปกดเอาครีมอาบน้ำ หมายจะถูท่อนแขน แต่กลับได้ยินเสียเปิดประตูดังขึ้นในทันใด

ยัยเสือน้อย ไม่ ไม่ใช่สิ ไม่ควรจะเรียกว่ายัยเสือน้อย เพราะเจ้าหล่อนไม่สวมชุดนอนแล้ว แค่พันตัวด้วยผ้าขนหนูสีขาว รวบผมครึ่งศีรษะ แล้วเดินเข้ามาหาเขา

ฉินมั่วเกิดสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาทันที เขามองดูยัยเด็กที่ไม่ควรโผล่หน้าในห้องน้ำ คิ้วค่อยๆ ขมวดขึ้น

“มั่วมั่ว พวกเราอาบด้วยกันเถอะ ฉันจะช่วยอาบให้เธอสะอาดเลย” ป๋อจิ่วว่าแล้วก็ถอดผ้าขนหนูออก แต่ยังสวมกางเกงเสือน้อยอยู่ ร่างป้อมขาวสะอาดก็ก้าวลงอ่างอาบน้ำ

ด้วยการอบรมสั่งสอนของตระกูลฉิน ทำให้ฉินมั่วรู้ว่าอะไรคือความแตกต่างของชายและหญิงตั้งแต่ที่จำความได้ ทั้งยังมีไอคิวที่สูงกว่าคนในวัยเดียวกันเท่าตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพจิตใจที่นอกจากจะโตกว่าวัยแล้ว ยังไม่ยอมใกล้ชิดใครอีกด้วย

ตอนนี้ได้เห็นคนบางคนเดินเข้ามา เขาถึงกับแข็งทื่อไปทั้งตัว “ห้ามเข้ามานะ” ในระหว่างที่ร้อนรน ฉินมั่วกลับพูดได้แค่นั้น

ฝ่ายป๋อจิ่วเห็นเขาหูแดง แถมสีหน้ายังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ก็เอ่ยอย่างเข้าใจดี “มั่วมั่ว เธออายอีกแล้ว เมื่อกี้ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า พวกเราเป็นผู้หญิงด้วยกัน ถึงฉันจะตัวสูงกว่าเธอ ผมสั้นกว่าเธอ แต่ฉันก็เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่เชื่อก็เข้ามาใกล้อีกนิด เธอจะได้เห็นชัดขึ้น”

“ยัย เสือ น้อย” ฉินมั่วจ้องขาเล็กๆ ที่ไม่สงบเสงี่ยมแล้วยังย่าวเท้าเข้ามาอีก รู้สึกเสียใจที่เผลอใจอ่อนเมื่อครู่อย่างสุดซึ้ง

ป๋อจิ่วไม่ได้รับรู้อะไรเลย แถมยังแก้คำผิดของอีกฝ่ายด้วย “มั่วมั่ว ฉันไม่ได้ชื่อยัยเสือน้อยนะ แต่ชื่อว่าป๋อจิ่วต่างหาก ป๋อ จิ่ว เท่สุดๆ”

ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมยากที่จำชื่อคนคนหนึ่งได้ ฉินมั่วข่มลมหายใจลง “ป๋อ เสียว จิ่ว เธอลองเข้ามาใกล้สิ”

“ฉันไม่เข้าไปใกล้ๆ หรอก” ป๋อจิ่วแสดงออกถึงความว่าง่าย “ฉันนั่งข้างเธอก็พอ แต่เธออะ มั่วมั่ว ถ้าเอาแต่นั่งแช่ในน้ำเรื่อยๆ จะจมเอาแล้ว มีหวังต้องกินน้ำไม่สะอาดเข้าไปแน่ ในน้ำมีฟองขาวๆ เยอะจะตาย กินเข้าไปมีหวังปวดท้องแน่ จริงๆ แล้วเธออย่าคิดมากสิ ฉันรู้ว่าเธอเพิ่งมาต่างประเทศเลยไม่ชิน พ่อฉันบอว่าคนในประเทศเราเป็นพวกเก็บความรู้สึก อันที่จริงฉันก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

งั้นเหรอ? เขามองไม่ออกจริงๆ ว่าคนตรงหน้าเป็นพวกเก็บความรู้สึกกันยังไง? โชคดีที่เทนมไว้ในน้ำ ไม่งั้นเธอต้องเห็นเขาโป๊ทั้งตัวแน่

ฉินมั่วบอกตัวเองว่าอย่าไปถือสายัยโง่ แต่ทั้งสองกลับสัมผัสต้องตัวกัน นิ้วเท้าของเธอมาชนเข้ากับขาของเขา…

………………………………………..

ตอนที่ 1864-2

ฉินมั่วเห็นข้างบ้านไม่มีแสงไฟ หันมามองดูแผ่นหลังยัยเสือน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นพลางออกปาก “คุณป๋อยังไม่กลับมา”

“หือ?” ป๋อจิ่วไม่เข้าคำพูดของเขา

ฉินมั่วจึงหยิบหนังสือตามมา “รอให้ไฟสว่างก่อน แล้วฉันจะให้คุณพ่อบ้านพาเธอไปส่ง ตรงโน้นมีโซฟาอยู่ เธอไปนอนก่อนเถอะ”

“ได้” หากเทียบกับการกลับไปนอนที่บ้าน ป๋อจิ่วยินดีจะได้อยู่ในที่ที่มีเจ้าหญิงน้อยอยู่ด้วย เมื่อกี้เธอเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเจ้าหญิงน้อยอ่านหนังสือ แต่ธรรมชาติของคนเรา หากไม่นอนก็ต้องพูด “มั่วมั่ว เธออ่านหนังสืออะไรเหรอ?” ป๋อจิ่วชะโงกหน้าเข้าไปหา

ฉินมั่วตอบเพียง “เจ้าชายน้อย” แล้วไม่พูดอะไรอีก เขาให้เธอนอนบนโซฟา เพราะเห็นว่าเธอตัวเล็ก ไม่คิดว่าจะสนิทกันให้มากมาย

ป๋อจิ่วจับสังเกตถึงความเย็นชานั่นได้ หางเสือยังคงส่ายอยู่ ก่อนจะเริ่มสัปหงกอีก ทั้งนี้ฉินมั่วสังเกตเห็นหัวของเธอจะมาตกกระทบเขาอีกครั้ง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้ดีว่าถ้ายัยเสือน้อยอยู่ด้วย จะต้องอ่านหนังสือไม่ได้แน่นอน แต่ในเวลานี้ คุณตาผลักประตูเข้ามาเห็นภาพดังกล่าวก็ถึงกับตะลึง เพราะฉินมั่วไม่เคยใกล้ชิดกับใครมาก่อน ก่อนจะหัวเราะเสียงเบา “จิ่ว ดึกมากแล้ว วันนี้หนูนอนที่นี่ดีไหม?”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วมีชีวิตชีวาทันที “ได้ค่ะ” นอนสักคืน เจ้าหญิงน้อยกับเธอก็สนิทยิ่งขึ้น ไม่เอาแต่เย็นชาเหมือนในตอนนี้ที่ทำให้รู้สึกลำบาก ป๋อจิ่วก้มดูมือตัวเอง ท่าทางร่าเริงของเธอกับท่าทีเย็นชาของฉินมั่วแตกต่างกันอย่างชัดเจน

ฉินมั่วไม่รู้ว่าคุณตาคิดอะไร คณตาน่าจะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบให้เด็กคนไหนมาอยู่ในบ้าน แต่พอหันไปมองอีกด้าน ไฟจากด้านนอกก็ยังไม่สว่าง ส่วนยัยเสือน้อยก็ช่างหอมกลิ่นนมเด็ก แสดงให้เห็นว่าเธอยังเด็กมากนัก ต่อให้อายุเท่ากัน แต่เด็กผู้หญิงก็ไม่เหมือนกับเด็กผู้ชาย คงจะไม่เข้มแข็งสักเท่าไร

ฉินมั่วหันกลับมาครุ่นคิด ข่มความรู้สึกต่อต้านไว้ รู้เถอะว่าเห็นแก่ที่เธอยังเด็กอยู่ จะปล่อยให้เธออุ้มกระปุกออมสินกลับไปได้อย่างไร

ข้างนอกหิมะตกแล้ว แถมบ้านนั้นก็ยังไม่มีใครกลับมา เอาเป็นว่าแค่คืนนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาจะบอกคุณตาว่าเขาไม่อยากมีเพื่อน

“เดี๋ยวตาจะบอกให้พ่อบ้านไปเตรียมห้องนอนรับแขกให้จิ่วที่น่ารักของพกเรานะลูก” คุณท่านอานพูดพลางออกนอกประตู

ป๋อจิ่วส่ายหน้าอย่างตั้งใจ “ไม่รบกวนคุณตาล่ะค่ะ เดี๋ยวหนูนอนห้องเดียวกับมั่วมั่วก็ได้ ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน ตรงนี้มีโซฟาด้วย

ฉินมั่วได้ยินแล้ว เริ่มขมวดคิ้ว ใบหน้าเล็กๆ นั่นเย็นชาขึ้นไม่น้อย อะไรที่บอกว่ายังไงเราก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน? ยัยโง่ ยังไม่รู้อีกหรือไง?

คุณท่านอานเห็นแล้วอดขำไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่เห็นหลานหลุดสีหน้าหลากหลายอารมณ์ออกมาภายในวันเดียว ท่านพลันรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หลานท่านไม่เคยนอนห้องเดียวกับใครมาก่อน น่าจะลองดู “เอาสิลูก” คุณตาลูบศีรษะยัยเสือน้อย “งั้นหนูก็นอนเบียดกับมั่วเอ๋อร์หน่อยนะ”

ฉินมั่วไม่คิดว่าคุณตาจะพูดแบบนี้ พอจะเอ่ยปากปฏิเสธก็ถูกคนกอดเอวเข้าให้ จากนั้นจึงเห็นใบหน้าน่ารักของยัยเสือน้อย มีเขี้ยวเสน่ห์แถมด้วยใฝเสน่ห์ใต้ตาอีกด้วย เจ้าหล่อนมองเขาด้วยตาโตๆ ตามด้วยเสียงดังจุ๊บ…

………………………………………………..

ตอนที่ 1865-1

ฉินมั่วตัวน้อยถึงกับตัวแข็งทื่อ เบือนหน้าไปก็สัมผัสเข้ากับความอ่อนนุ่ม ทำให้เขาลืมกระทั่งจะผลักยัยเสือน้อยให้ถอยห่าง นอกจากกลิ่นนมแล้ว ก็มีแต่กลิ่นลูกอมนี่แหละที่โชยเข้าจมูก เขาค่อยๆ เบิกตากว้างราวกับไม่อยากจะยอมรับภาพตรงหน้า ทว่าห้ามไม่ทันแล้ว นิ้วมือเขาแข็งเกร็ง คุณตาเห็นสีหน้าของหลานชาย ก็พลันหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

ยัยเสือน้อยนี่ช่างกล้า มาถึงก็หอมแก้มเลย จะว่าไปนี่ถือเป็นครั้งแรกที่หลานท่านถูกหอมแก้ม ไม่นับตอนที่เพิ่งเกิดนะ

ตั้งแต่เขาจำความได้ก็ไม่เคยถูกใครหอมมาก่อน เมื่อตอนที่อยู่ในเขตทหาร พวกเด็กรุ่นเดียวกันรู้สึกว่าหลานท่านเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป ทำอะไรที่สนิทสนมไม่เป็น แถมหลานท่านยังเป็นโรคบ้าความสะอาดอีกต่างหาก

คุณท่านอานมองดูหลานชายที่มีสภาพเหมือนโดนฟ้าผ่า รอยยิ้มที่กลั้นไม่อยู่คลี่ออกตรงมุมปาก แต่ยัยเสือน้อยนี่สิยังไม่รู้ตัวว่าได้ก่อเรื่องอะไรไว้ เจ้าหล่อนเกาะหลานท่าน ชะโงกหน้าจับใบหูฉินมั่ว “มั่วมั่ว เธออายเพราะโดนฉันหอมแก้มใช่ไหมล่ะ หูเลยแดงเลย ไม่ต้องอายหรอก เดี๋ยวพวกเราก็นอนด้วยกันแล้ว”

เดิมทีฉินมั่วยังไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อโดนยัยเสือน้อยแตะเนื้อต้องตัว ก็รู้ตัวว่าทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมากเกินไป จึงดึงหางเสือเจ้าหล่อนพลางเอ่ยเสียงเย็น “ใครจะนอนด้วยกันกับเธอ”

ยัยเสือน้อยนี่แยกผู้ชายกับผู้หญิงไม่ออกก็ว่าเถอะ แต่รู้จักคนเข้าหน่อยก็หอมแก้ม ไม่รู้จักคำว่าเรียบร้อยหรือไง

ป๋อจิ่วกะพริบตาอย่างไม่เข้าใจ หน้าเริ่มคว่ำ กระทั่งหูเสือยังผล็อยตกไปด้วย “ถ้าเธอไม่ยินดีต้อนรับฉัน ฉันก็จะกลับไปนอนที่บ้านแล้ววันพรุ่งนี้ค่อยมาหาเธอใหม่”

ตอนแรกฉินมั่วยังไม่พูดอะไร แต่พอเห็นยัยตัวเล็กคว้ากระปุกออมสินมากอด แล้วหันไปมองหิมะนอกหน้าต่าง รวมถึงความมืดสนิทด้านนอก เขาเบือนหน้าเล็กน้อย “เรื่องอะไรที่รับปากเอาไว้ ฉันไม่เคยผิดคำพูด คุณตาอุตส่าห์รับปากให้เธอนอนที่นี่ เธอก็นอนที่นี่ได้”

“จริงเหรอ?” ป๋อจิ่วหูตั้งขึ้นอีกครั้ง ขาดก็แต่ส่ายหางนี่แหละ “เธอรับปากว่าจะนอนกับฉันแล้ว”

ฉินมั่วเพียรบอกตัวเองอีกครั้งว่า เห็นแก่ที่เธอยังเด็ก “เธอนอนโซฟา ฉันนอนเตียง ไม่ได้นอนด้วยกันสักหน่อย” ฉินมั่วแก้คำพูดของยัยเสือน้อยที่เพิ่งได้ถึงสามชั่วโมงก็ทำให้ชีวิตเขาอลวน “อย่าพูดเว่อร์นะ อีกอย่าง อยู่ห่างจากฉันประมาณหนึ่งเมตรทุกครั้ง”

“หนึ่งเมตร?” ป๋อจิ่ววางกระปุกออมสินพยายามยืดมือวัด ก่อนจะเบะปาก เซ็งนิดๆ “ทำไมต้องไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ? ทำไม? ฉันแตะตัวเธอไม่ได้อะ”

ฉินมั่วหัวเราะหยัน อายุน้อยๆ ก็มีนิสัยแบบนี้แล้ว “ก่อนจะถามฉัน เธอควรจะดูพฤติกรรมตัวเองก่อนไหม?”

“พฤติกรรมเหรอ?” ป๋อจิ่วไม่เข้าใจ พยายามคิดอยู่นาน กว่าจะเอ่ยอย่างเขินอาย “เพราะฉันพลังเยอะใช่ป่ะ”

ฉินมั่วไม่อยากพูด มันเกี่ยวอะไรกับพลังล่ะ

“ฉันรู้แล้ว ในนิทานบอกว่าพวกเจ้าหญิงอ่อนนุ่มเหมือนทำจากน้ำ ต่อไปเวลาฉันอุ้มเธอจะใช้พลังนิดเดียว เพราะเธอตัวเตี้ยจะแย่ แถมยังอ่อนแออีก ฉันอาจเผลอทำให้เธอเจ็บได้” ป๋อจิ่วตัวน้อยพูดประโยคดังกล่าวด้วยความตั้งใจ กระทั่งสำนึกผิดในการกระทำของตัวเองด้วยความเศร้า

ไม่รู้เสียเลยว่า ฉินมั่วเกิดความคิดอยากจะหิ้วเธอไปโยนทิ้งนอกหน้าต่างขึ้นมา พวกเจ้าหญิงที่อ่อนนุ่มเหมือนทำมาจากน้ำ? ตัวเล็กจะแย่? แถมอ่อนแอมากอีกด้วย? เขาเนี่ยนะ? ฉินมั่วยึดมืออีกฝ่ายแน่น สูดลมหายใจลึก “เธอควรจะหุบปากนะ”

……………………………………..

ตอนที่ 1865-2

ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว ตอบอย่างยินดี “ได้เลย” และคำพูดที่ว่าทำให้ฉินมั่วพูดต่อไม่ออก หน้าหล่อลูกครึ่งเหมือนเทวดาตัวน้อยถึงกับบึ้งตึง แม้จะดูสูงส่ง แต่ก็เดือดดาลไม่น้อย

คุณท่านอานดูเด็กๆ คุยกันอย่างเป็นสุข ท่านรู้สึกว่าคิดถูกจริงๆ ที่พาฉินมั่วมาเมืองนอก ใครจะเชื่อล่ะว่า ภายในวันเดียวหลานท่านจะพูดได้เยอะขนาดนี้ แถมยังแสดงอารมณ์ออกมามากมายอีกด้วย ทั้งยังแพ้ให้กับเด็กน้อยคนหนึ่ง เขาต้องอดทนอยู่ตลอดเวลา คงเพราะรู้สึกว่ายัยเสือน้อยยังเล็ก หลานท่านมักจะไม่เอาเรื่องคนที่เล็กกว่าตนเอง

พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนักหรอก เพราะเมื่ออยู่ที่จีนก็ใช่ว่าจะไม่มีใครที่เล็กกว่า แต่ไม่เคยเห็นฉินมั่วเป็นแบบนี้เลย อาจเป็นเพราะตอนที่ยัยเสือน้อยกระโจนเข้ากอดเขา เจ้าหล่อนคงจะยินดีมาก กระทั่งท่านที่ดูอยู่ข้างๆ ยังรู้ว่าหลานท่านสลัดกอดของยัยหนูนี่ไม่ได้ ท่าทางเขาคงได้เจอกับมารน้อยแล้ว ยังดีที่มารน้อยเป็นเด็กว่าง่าย กอดกระปุกออมสินเดินตามหลานท่าน สั่งให้ไม่พูดก็ไม่พูด แถมยังเอาแก้วน้ำมาให้อีกด้วย เหมือนจะใช้การกระทำแสดงถึงการดูแลเอาใจใส่เพื่อน

อย่าถามว่าทำไมคุณท่านอานถึงได้รู้สึกเช่นนี้ เพราะยัยเสือน้อยทำให้คนรู้สึกแบบนั้น ทำไมถึงน่ารักแบบนี้ อยากยื่นมือลูบหัวจริงๆ โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่โตที่จ้องหลานท่าน หากท่านเป็นหลาน คงลูบหัวอีกฝ่ายไปแล้ว แต่หลานท่านก็จริงๆเชียว ผลักไสให้อีกฝ่ายอยู่ห่างตัวเองอยู่นั่นแหละ

จากนั้นสายตาคู่นั้นก็จ้องมาทางท่าน คุณท่านอานหุบยิ้ม รู้ดีว่าคนเป็นหลานบอกว่า ‘คุณตาจะดูละครฉากนี้ถึงเมื่อไร’ ท่านจึงขยับไม้เท้าหัวมังกร “ตามีธุระนะลูก ถ้าพวกหนูอยากกินมื้อดึก ก็ให้คุณพ่อบ้านทำให้กินนะ ข้างนอกมีนมอุ่นๆ ขนมก็ยังมีอีกเยอะ”

“ครับ” จะว่าไปก็ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่หรอก ยังว่าง่ายอยู่ ฉินมั่วตัวน้อยเดินไปข้างหน้า เอ่ยกับคุณตา “ราตรีสวัสดิ์ครับคุณตา”

คุณท่านอานอยากมองดูต่อไป แต่มองข้ามความฉลาดของหลานไม่ได้ ปล่อยให้ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์กันเองจะดีกว่า แต่เมื่อเห็นหลานเป็นแบบนี้ เดาว่าน่าจะให้ยัยเสือน้อยอยู่เป็นเพื่อนทั้งคืนแน่

ป๋อจิ่วตามฉินมั่ว ไปราตรีสวัสดิ์ต่อคุณท่านอาน เธอดูมุ่งมั่นอันต่างไปจากความน่ารักของเด็กผู้หญิงทั่วไป

เมื่อเห็นคุณตาเดินออกไป ป๋อจิ่วก็ประคองแก้วนมมาให้ตรงหน้าฉินมั่ว “ฉันรู้ว่าเธอต้องโมโหที่ฉันบอกว่าเธอเตี้ย มั่วมั่ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เธอดูดีออก เด็กผู้หญิงจะเตี้ยหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เธอน่ารักออกจะตาย แถมสวยด้วย แต่ถ้าเธออยากตัวสูงขึ้นก็ดื่มนมเยอะๆ เดี๋ยวฉันเอาส่วนของฉันให้เธอนะ”

“ไม่ต้อง” ฉินมั่วหักดอกไมยราบที่โปรดปรานคามือ ส่วนป๋อจิ่วก้มหน้าลงมองดูปลายนิ้วเท้าของตนอย่างไม่รู้จะทำอะไรไม่ถูก

ฉินมั่วหายใจเข้าลึก รับแก้วนมมาก็เกิดปวดหัว ทำไมนะ เขาถูกมองว่าเป็นผู้หญิงแล้ว ยังจะมากังวลว่ายัยเสือน้อยจะเศร้าเพราะเขาเย็นชาเกินไป คงเพราะหน้าตาเขาดูเหมือนคนชอบรังแกคนอื่นมั้ง เมื่อคิดได้ดังนี้ หลังจากที่ดื่มนมจนหมด เขาก็ยื่นมือบีบแก้มเธอเบาๆ แต่รสสัมผัสที่ได้ช่างอยู่เหนือความคาดหมาย หน้าเธอเนียนนุ่มเหมือนพุดดิงไข่ นุ่มมาก…มากจนลงมือไม่ลง

ฉินมั่วเอียงศีรษะมองดู ดึงมือกลับมา ช่างเถอะ ยังไงก็แค่คืนเดียว ส่วนป๋อจิ่วมองดูเจ้าหญิงน้อยของเธอเดินเข้าห้องน้ำ โดยก่อนที่จะเข้าไป เจ้าหญิงน้อยยังจับหน้าเธอด้วย คงเพราะเธอน่ารักมากๆ กระทั่งเจ้าหญิงน้อยยังคันไม้คันมืออยากจับหน้าเธอเลย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ป๋อจิ่วตัวน้อยก็เริ่มวางแผนจริงจังว่า จะทำให้เจ้าหญิงน้อยชอบเธอมากขึ้นอย่างไร เพราะการจะเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านคงจะยาก เจ้าหญิงน้อยร้ายเกิน แถมยังขี้อายอีก

 ……………………………………..

ตอนที่ 1863-1

ฉินมั่วบอกตัวเองว่า อย่าเอาเรื่องกับคนที่เด็กกว่าตัวเอง เจ้าตัวสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะอาหาร แต่ใครจะรู้ล่ะว่ายัยเด็กตาโตจะกระโจนใส่

ฉินมั่วถูกกระโดดทับจนล้มลงบนพื้นโดยไม่ทันระวัง จากนั้นจึงเห็นมือเสือน้อยคลำศีรษะตัวเองอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะ มั่วมั่ว ไม่คิดว่าเธอจะอ่อนแออย่างนี้ ต่อไปฉันจะระวังตัวเอง ไม่รุนแรงแบบนี้อีกแล้ว”

ใครอยากคุยกับเธอเรื่องไม่รุนแรงอะไรกัน อีกอย่าง อ่อนแอ? เขาน่ะเหรอ?

ฉินมั่วไม่อยากจะหายใจอีกแล้ว แต่ยัยนี่เหมือนเป็นเตาผิงขนาดย่อม แม้เขาอยากกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วโยนออกไป แต่ต้องระวังว่าเธอยังเด็กมาก แถมยังตาโตจนทำให้อารมณ์เสีย

“ลุกขึ้นมา” เสียงเขาเย็นนิดๆ

ป๋อจิ่วเอียงศีรษะ หางเสือพลอยส่ายตาม “ได้”

แม่หนูน้อยท่าทางว่านอนสอนง่ายมาก ทำให้คุณท่านอานหัวเราะอย่างอารมณ์ดียิ่งขึ้น แต่ จะขำมากเกินไปไม่ได้ เพราะหลานท่านไม่รับไม่ได้ คุณท่านอานคิดได้ถึงตรงนี้ ก็พาตัวเสือน้อยไปอีกทาง “มา จิ่ว ไปนั่งกินอะไรกันหน่อยดีกว่า”

เมื่ออยู่ต่อหน้าคนสวย ป๋อจิ่วลืมไปเลยว่าเธอกับพ่อมาขอข้าวที่นี่กิน พอคุณท่านอานพูดเช่นนั้น ก็นึกถึงวัตุประสงค์ที่แท้จริงในการมาที่นี่ได้ จึงเดินส่ายหางเสือไปนั่งกับคุณตา

พ่อบอกว่าคนจีนจะเริ่มสนิทกันบนโต๊ะอาหาร รอจนกินเสร็จ มั่วมั่วก็จะไม่อายเหมือนเมื่อกี้อีกต่อไป

ฉินมั่วมองดูดวงตากลมโตที่ส่ายสายตามายังทางนี้ เริ่มจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองแล้วนั่งที่หน้าโต๊ะตามมารยาท เขาคิดว่ารอจนกินเสร็จก็จะไม่ต้องเห็นเจ้าเสือน้อยที่สร้างผลกระทบต่ออารมณ์เขาแล้ว

ใครจะรู้ล่ะว่า แค่นั่งลงปุ๊บ ยัยเสือน้อยก็ย้ายเก้าอี้มาอยู่ข้างเขา เจ้าหล่อนนั่งลงพลางว่า “พวกเรานั่งใกล้ๆ กันนะ จะได้คุยกันเบาๆ”

เสี้ยวหน้าฉินมั่วเย็นชามาก ออกจะหยิ่งยโสเหมือนเจ้าชายน้อย เขาไม่อยากพูด

ป๋อจิ่วเอียงศีรษะ “มั่วมั่ว ไม่เคยมีใครพูดเลยเหรอว่า เธอสวยมากๆ”

“เธอเป็นคนแรก” แถมพูดแต่ประโยค แทบจะทำให้ฉันโยนเธอออกไปได้เลย

แววตาของป๋อจิ่วยิ่งสุกสกาวขึ้น “ฉันเป็นคนตาถึง”

ฉินมั่วหัวเราะ เขาเปลี่ยนใจแล้ว ยัยเสือน้อยนี่กวนมาก หาเรื่องโดนสั่งสอน  “ใช่ ตาถึงมากๆ”

แค่ผู้หญิงกับผู้ชายก็แยกไม่ออก

เขาหยิบมีดมาเฉือนเนื้อสเต๊ก สามารถลงแรงหนักได้อย่างไร้ร่องรอย ดูดีมีมารยาทมากทีเดียว

ป๋อจิ่วไม่สังเกตว่าตัวเองพลาดที่ตรงไหน ดื่มน้ำอย่างเริงร่า ส่วนคุณป๋อที่เก็บทุกอย่างไว้ในสายตากลับไม่คิดจะเปิดโปงออกมา หยิบแก้วไวน์ขึ้นเขย่าเล็กน้อยด้วยกิริยาสง่างามแบบที่ไม่ตั้งใจ ทำให้เขาดูเหมือนตัวละครในหนังภาพยนตร์ แต่เพิ่งจะกินสเต๊กได้คำเดียว มือถือที่วางไว้ด้านข้างก็ส่งเสียงขึ้น เป็นเสียงเพลงกล่อมเด็ก ทุกครั้งที่เสียงเพลงดังกล่าวดัง คุณป๋อต้องมีเรื่องให้ยุ่ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน

  …………………………………………………….

ตอนที่ 1863-2

เพียงแต่เขาไม่รีบร้อน แค่มองแวบเดียวก็ยิ้มให้คุณท่านอาน “คุณอานครับ ผมมีเรื่องด่วน คงต้องรบกวนให้พวกคุณช่วยดูแลท่านจิ่วแล้วล่ะครับ”

ส่วนคุณท่านอานยิ้มนิดๆ “รบกวนอะไรกันล่ะ คุณไปทำงานเถอะ จิ่วจะรู้จักมักคุ้นกับมั่วเอ๋อร์เสียหน่อย”

“งั้นก็ขอบคุณล่ะครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นมา สวมเสื้อกันลม ก่อนจะละมือข้างหนึ่งมาลูกศีรษะลูกสาวตัวเอง แผ่นหลังที่เดินออกไป ไม่เหมือนเมื่อตอนขามาสักนิด เขาในเวลานี้ดูเหมือนจะกลืนเข้ากับบรรยากาศแห่งความมืดได้เป็นอย่างดี กระทั่งแววตาที่ดูเรื่อยเฉื่อยยังแปรเปลี่ยนเป็นคมกริบเหมือนสายลม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความร้ายกาจที่กระจายออกมา ในระหว่างที่หลุบตาลง

ป๋อจิ่วมองพ่อที่เดินออกมา ก่อนจะหันสายตากลับมา ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะงงงันอย่างนึกไม่ถึง ซึ่งไม่เกินการคาดการณ์ไว้ของฉินมั่ว เขาไม่ชอบให้ยัยเสือน้อยคอตกห่อเหี่ยวแบบนี้เลย

คุณท่านอานจับได้ จึงพูดพลางยิ้ม “จิ่ว ไม่ต้องอายนะลูก เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ มั่วเอ๋อร์จะพาหนูไปเล่นชั้นบน”

“ได้เหรอคะ” ยัยเสือน้อยกระปรี้กระเปร่าทันที แววตาสดใสหันไปจ้องฉินมั่ว เล่นเอาฝ่ายหลังชะงัก เอ่ยเรียบๆ แค่ว่า “อื้ม”

เขารำคาญว่าหากไม่รับปากละก็ ยัยเสือน้อยจะต้องร้องไห้โฮๆ แน่ ช่างเถอะ ถ้าจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นสู้รับปากจะดีกว่า

“มั่วมั่ว เธอเป็นคนดีมาก” ป๋อจิ่วยื่นมือออกไปหมายจะกอด

ฉินมั่วย่นหัวคิ้ว สีหน้าเย็นชา “เธอเก็บมือเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าทำให้ฉันเปลี่ยนใจ”

ป๋อจิ่วมองดูมือตัวเอง แล้วหันไปดูเจ้าหญิงน้อยที่นั่งข้างตัว จึงเข้าใจทันที “มั่วมั่ว ฉันรู้ว่าคนจีนถือว่าไม่ให้ผู้หญิงกับผู้ชายใกล้ชิดกัน จะสนิทกันมากไม่ได้ แต่วางใจเถอะ ฉันก็เป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกัน”

หึๆ เธอน่ะเป็นเด็กผู้หญิง แต่ฉันไม่ใช่ อย่าเหมาฉันรวมไปด้วย ฉินมั่วขี้เกียจจะคุยกับเธออีก เขาอยากจะกินสเต๊กให้หมดแล้วขึ้นไปอ่านหนังสือข้างบน

ยัยเสือน้อยที่นั่งข้างๆ รู้ดี จึงไม่ทำตัววุ่นวาย นั่งข้างตัวอีกฝ่ายอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่รอให้ใครหั่นเนื้อสเต๊กให้ แต่เสื้อที่สวมอยู่ทำให้หั่นเนื้อสเต๊กยาก ทว่าเธอก็ไม่ปริปาก

ฉินมั่วเห็นแล้วก็ยิ่งรำคาญใจ ดึงเอาจานเธอมาแล้วใช้มีดและส้อมหั่นให้ แม้อายุจะน้อยนิด แต่ดูรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารแล้ว

ป๋อจิ่วชะงัก ก่อนหันไปมองเจ้าหญิงน้อยที่ช่วยหั่นเนื้อให้เธออยู่ข้างๆ มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ เจ้าหญิงน้อยหั่นสเต๊กด้วยกิริยาที่งดงามจริงๆ ไม่โหดเถื่อนเหมือนเธอสักนิด

ฉินมั่วขยับมือ เอ่ยเสียงเย็น “อย่ามองฉัน”

ป๋อจิ่วรับคำ เริ่มจะไม่มอง แต่ตอนหลังทนไม่ไหว หันหน้าไปหา “มั่วมั่ว ถ้าฉันเก็บเงินได้เพิ่มขึ้น เธอจะขายตัวเองให้ฉันไหม”

ฉินมั่ววางมีดและส้อม เลิกตามองเธอ “ถ้าจะให้ดี เธอย่าถามฉันด้วยคำถามอย่างนี้อีกนะ”

“หรือเพราะเงินฉันน้อยไป?” ป๋อจิ่วเขย่ากระปุกออมสิน

ฉินมั่วรู้สึกว่าการจะมาเอาชนะเด็กโง่ๆ ถือเป็นการทะเลาะแบบเด็กน้อย จึงผลักถาดอาหารให้ ส่งเสียงตอบรับไปงั้นๆ ด้วยเสียงเย็น ช่างไม่รู้เลยว่าการเอออออย่างไม่คิดจริงจังจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งในสายตาอีกฝ่าย

“งั้นฉันจะสะสมเงินเพิ่มอีกนิด” เวลาป๋อจิ่วจริงจังขึ้นมา ไม่ลืมที่จะเกาหน้าตัวเอง

ฉินมั่วมองหน้าเธอ โรคบ้าความสะอาดทำให้เขาทนไม่ไหว ยื่นมือเสยผมให้เธอ จะได้ไม่เกะกะสายตาเขา  เขาบอกตัวเองว่าแค่วันนี้เท่านั้น พอวันนี้ผ่านไป เจ้าหล่อนก็อย่าหวังจะปรากฏตัวที่โต๊ะอาหารของเขาอีกเลย

………………………………………….

ตอนที่ 1864-1

ป๋อจิ่วยังไม่รู้ว่าเจ้าหญิงน้อยที่เธอชอบคิดอะไรอยู่ แต่เขาอุตส่าห์หั่นสเต๊กให้เธอ แสดงว่าเจ้าหญิงน้อยน่าจะยอมรับเธอแล้ว ถือเป็นเรื่องดีสำหรับป๋อจิ่ว ต้องรู้ไว้ว่าเมื่อก่อนมีคนตกใจกับความโหดเถื่อนของเธอมากมายเหลือเกิน เจ้าหญิงน้อยช่างดีจัง ไม่แคร์สักนิด

อันที่จริงสิ่งที่ฉินมั่วแคร์ กลับเป็นสิ่งที่ป๋อจิ่วไม่น่าจะนึกออก

สเต๊กน่ากินมาก แจ๋วกว่าบะหมี่หลายเท่า ป๋อจิ่วรัดผ้ากันเปื้อนอย่างสง่างามนุ่มนวล ชนิดที่ไม่มีเด็กคนไหนทำได้มาก่อน ต่อให้ตอนหั่นเนื้อจะแรงไปหน่อย แต่ถ้าพูดถึงถึงมารยาทบนโต๊ะอาหาร เธอยังคงมีครบถ้วน โดยเฉพาะการรอผู้ใหญ่ที่เธอทำได้ดีพอๆ กับฉินมั่ว ทั้งสองรอให้คุณท่านอานกินก่อนจึงจะขยับ ส่วนการวางมีดและส้อม ก็ให้ผู้ใหญ่วางก่อน ด้วยเรื่องแค่นี้ ก็ทำให้คุณท่านอานชอบใจยัยเสือน้อยตรงหน้ามาก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกิริยาการกินของเธอ สองแก้มพองกลม เวลาให้อะไรกินก็จะให้ความรู้สึกได้ดั่งใจ เป็นเด็กคนละประเภทกับหลานท่านจริงๆ

ฉินมั่วมองดูคนข้างตัวที่กินจนพุงกลม พลางขยับดื่มน้ำโดยไม่แสดงท่าทีอื่นใด ก็มาขอข้าวกินนี่นะ สมกับเจตนาจริงๆ

ป๋อจิ่วไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าหญิงน้อยได้ยินสิ่งที่เธอกับพ่อพูดกัน เมื่อเห็นอีกฝ่ายกินอิ่มวางมีดส้อม ก็กอดกระปุกออมสินเดินตามขึ้นไป หางเสือส่ายไปมา

คุณท่านอานเห็นแล้วรู้สึกยินดีมาก ตอนนี้ลูกสาวท่านกำลังรุ่งในวงการ ส่วนลูกเขยก็อยู่ที่กองทัพ หลานชายต้องตามท่านมาอย่างนี้ แม้จะมีข้อดี แต่ท่านก็เกรงว่าหลานจะขาดบางสิ่งในวัยเด็กเช่นกัน ตอนนี้เห็นที แม้จะอยู่ต่างประเทศ แต่มียัยเสือน้อยอยู่เป็นเพื่อน อย่างน้อยก็คงทำให้หลานท่านอ่อนโยนขึ้น แม้ว่าหลานชายท่านจะมีท่าทีต่อต้าน แต่การต่อต้านก็ยังดีกว่าไม่พูดอะไรออกมา ยัยเสือน้อยก็ช่างน่าเอ็นดู ทำไมถึงคิดว่าหลานท่านเป็นผู้หญิงได้?

คุณท่านอานคิดมาถึงตรงนี้ก็หัวเราะขึ้น คงเพราะดีใจมาก ขนาดต้องไปประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ก็ยังให้คุณตาพ่อบ้านเปิดไวน์ให้ขวดหนึ่ง

ส่วนฝั่งทางนี้ ป๋อจิ่วตัวน้อยที่กำลังเดินตามฉินมั่วขึ้นตึก ฉวยโอกาสสำรวจรอบด้าน รู้สึกหวานอยู่ในใจ “มั่วมั่ว หน้าต่างห้องเราอยู่ตรงข้ามกันแหละ ฝั่งตรงข้ามของห้องเธอก็คือห้องฉัน”

ฉินมั่วมองดูเธอแวบหนึ่ง เอ่ยแค่ “อย่าซี้ซั้วจับข้าวของในห้องนี้ ขนมที่อยู่บนโต๊ะน่ะกินได้ แล้วอย่ามารบกวนตอนฉันอ่านหนังสือ”

ปกติแล้ว หากว่ากันตามนิสัยของอีกฝ่าย เขาคิดว่าจะต้องทำไม่ได้แน่นอน รอจนเมื่อเขาเปิดหนังสืออ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงก็คิดจะรินน้ำดื่ม ยัยคนนั้นก็หอบกระปุกออมสินไปนั่งเงียบๆมองตาโต โดยไม่กินขนมบนโต๊ะเลย

ฉินมั่วดื่มน้ำหมด กำลังจะอ่านหนังสือต่อ ก็ถูกเตาผิงน้อยกระเถิบเข้ามาใกล้ นิ้วที่พลิกหน้าหนังสือของเขาถึงกับชะงัก ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วหันหน้าไปมอง ก็เห็นสีหน้าง่วงงุนของยัยเสือน้อย คงเพราะรู้ตัวว่าตัวเองโงนเงนไปโดนตัวเขา เจ้าหล่อนจึงตื่นขึ้นมาในทันใด สะบัดศีรษะตัวเอง “มั่วมั่ว ฉันง่วงจัง กลับบ้านก่อนนะแล้วพรุ่งนี้จะมาเล่นด้วย” พูดจบก็กระโดดลงจากเก้าอี้ เดินงัวเงียจะออกไป

 …………………………………………………….

ตอนที่ 1864-2

ฉินมั่วเห็นข้างบ้านไม่มีแสงไฟ หันมามองดูแผ่นหลังยัยเสือน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นพลางออกปาก “คุณป๋อยังไม่กลับมา”

“หือ?” ป๋อจิ่วไม่เข้าคำพูดของเขา

ฉินมั่วจึงหยิบหนังสือตามมา “รอให้ไฟสว่างก่อน แล้วฉันจะให้คุณพ่อบ้านพาเธอไปส่ง ตรงโน้นมีโซฟาอยู่ เธอไปนอนก่อนเถอะ”

“ได้” หากเทียบกับการกลับไปนอนที่บ้าน ป๋อจิ่วยินดีจะได้อยู่ในที่ที่มีเจ้าหญิงน้อยอยู่ด้วย เมื่อกี้เธอเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเจ้าหญิงน้อยอ่านหนังสือ แต่ธรรมชาติของคนเรา หากไม่นอนก็ต้องพูด “มั่วมั่ว เธออ่านหนังสืออะไรเหรอ?” ป๋อจิ่วชะโงกหน้าเข้าไปหา

ฉินมั่วตอบเพียง “เจ้าชายน้อย” แล้วไม่พูดอะไรอีก เขาให้เธอนอนบนโซฟา เพราะเห็นว่าเธอตัวเล็ก ไม่คิดว่าจะสนิทกันให้มากมาย

ป๋อจิ่วจับสังเกตถึงความเย็นชานั่นได้ หางเสือยังคงส่ายอยู่ ก่อนจะเริ่มสัปหงกอีก ทั้งนี้ฉินมั่วสังเกตเห็นหัวของเธอจะมาตกกระทบเขาอีกครั้ง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้ดีว่าถ้ายัยเสือน้อยอยู่ด้วย จะต้องอ่านหนังสือไม่ได้แน่นอน แต่ในเวลานี้ คุณตาผลักประตูเข้ามาเห็นภาพดังกล่าวก็ถึงกับตะลึง เพราะฉินมั่วไม่เคยใกล้ชิดกับใครมาก่อน ก่อนจะหัวเราะเสียงเบา “จิ่ว ดึกมากแล้ว วันนี้หนูนอนที่นี่ดีไหม?”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วมีชีวิตชีวาทันที “ได้ค่ะ” นอนสักคืน เจ้าหญิงน้อยกับเธอก็สนิทยิ่งขึ้น ไม่เอาแต่เย็นชาเหมือนในตอนนี้ที่ทำให้รู้สึกลำบาก ป๋อจิ่วก้มดูมือตัวเอง ท่าทางร่าเริงของเธอกับท่าทีเย็นชาของฉินมั่วแตกต่างกันอย่างชัดเจน

ฉินมั่วไม่รู้ว่าคุณตาคิดอะไร คณตาน่าจะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบให้เด็กคนไหนมาอยู่ในบ้าน แต่พอหันไปมองอีกด้าน ไฟจากด้านนอกก็ยังไม่สว่าง ส่วนยัยเสือน้อยก็ช่างหอมกลิ่นนมเด็ก แสดงให้เห็นว่าเธอยังเด็กมากนัก ต่อให้อายุเท่ากัน แต่เด็กผู้หญิงก็ไม่เหมือนกับเด็กผู้ชาย คงจะไม่เข้มแข็งสักเท่าไร

ฉินมั่วหันกลับมาครุ่นคิด ข่มความรู้สึกต่อต้านไว้ รู้เถอะว่าเห็นแก่ที่เธอยังเด็กอยู่ จะปล่อยให้เธออุ้มกระปุกออมสินกลับไปได้อย่างไร

ข้างนอกหิมะตกแล้ว แถมบ้านนั้นก็ยังไม่มีใครกลับมา เอาเป็นว่าแค่คืนนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาจะบอกคุณตาว่าเขาไม่อยากมีเพื่อน

“เดี๋ยวตาจะบอกให้พ่อบ้านไปเตรียมห้องนอนรับแขกให้จิ่วที่น่ารักของพกเรานะลูก” คุณท่านอานพูดพลางออกนอกประตู

ป๋อจิ่วส่ายหน้าอย่างตั้งใจ “ไม่รบกวนคุณตาล่ะค่ะ เดี๋ยวหนูนอนห้องเดียวกับมั่วมั่วก็ได้ ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน ตรงนี้มีโซฟาด้วย

ฉินมั่วได้ยินแล้ว เริ่มขมวดคิ้ว ใบหน้าเล็กๆ นั่นเย็นชาขึ้นไม่น้อย อะไรที่บอกว่ายังไงเราก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน? ยัยโง่ ยังไม่รู้อีกหรือไง?

คุณท่านอานเห็นแล้วอดขำไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่เห็นหลานหลุดสีหน้าหลากหลายอารมณ์ออกมาภายในวันเดียว ท่านพลันรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หลานท่านไม่เคยนอนห้องเดียวกับใครมาก่อน น่าจะลองดู “เอาสิลูก” คุณตาลูบศีรษะยัยเสือน้อย “งั้นหนูก็นอนเบียดกับมั่วเอ๋อร์หน่อยนะ”

ฉินมั่วไม่คิดว่าคุณตาจะพูดแบบนี้ พอจะเอ่ยปากปฏิเสธก็ถูกคนกอดเอวเข้าให้ จากนั้นจึงเห็นใบหน้าน่ารักของยัยเสือน้อย มีเขี้ยวเสน่ห์แถมด้วยใฝเสน่ห์ใต้ตาอีกด้วย เจ้าหล่อนมองเขาด้วยตาโตๆ ตามด้วยเสียงดังจุ๊บ…

………………………………………………..

ตอนที่ 1865-1

ฉินมั่วตัวน้อยถึงกับตัวแข็งทื่อ เบือนหน้าไปก็สัมผัสเข้ากับความอ่อนนุ่ม ทำให้เขาลืมกระทั่งจะผลักยัยเสือน้อยให้ถอยห่าง นอกจากกลิ่นนมแล้ว ก็มีแต่กลิ่นลูกอมนี่แหละที่โชยเข้าจมูก เขาค่อยๆ เบิกตากว้างราวกับไม่อยากจะยอมรับภาพตรงหน้า ทว่าห้ามไม่ทันแล้ว นิ้วมือเขาแข็งเกร็ง คุณตาเห็นสีหน้าของหลานชาย ก็พลันหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

ยัยเสือน้อยนี่ช่างกล้า มาถึงก็หอมแก้มเลย จะว่าไปนี่ถือเป็นครั้งแรกที่หลานท่านถูกหอมแก้ม ไม่นับตอนที่เพิ่งเกิดนะ

ตั้งแต่เขาจำความได้ก็ไม่เคยถูกใครหอมมาก่อน เมื่อตอนที่อยู่ในเขตทหาร พวกเด็กรุ่นเดียวกันรู้สึกว่าหลานท่านเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป ทำอะไรที่สนิทสนมไม่เป็น แถมหลานท่านยังเป็นโรคบ้าความสะอาดอีกต่างหาก

คุณท่านอานมองดูหลานชายที่มีสภาพเหมือนโดนฟ้าผ่า รอยยิ้มที่กลั้นไม่อยู่คลี่ออกตรงมุมปาก แต่ยัยเสือน้อยนี่สิยังไม่รู้ตัวว่าได้ก่อเรื่องอะไรไว้ เจ้าหล่อนเกาะหลานท่าน ชะโงกหน้าจับใบหูฉินมั่ว “มั่วมั่ว เธออายเพราะโดนฉันหอมแก้มใช่ไหมล่ะ หูเลยแดงเลย ไม่ต้องอายหรอก เดี๋ยวพวกเราก็นอนด้วยกันแล้ว”

เดิมทีฉินมั่วยังไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อโดนยัยเสือน้อยแตะเนื้อต้องตัว ก็รู้ตัวว่าทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมากเกินไป จึงดึงหางเสือเจ้าหล่อนพลางเอ่ยเสียงเย็น “ใครจะนอนด้วยกันกับเธอ”

ยัยเสือน้อยนี่แยกผู้ชายกับผู้หญิงไม่ออกก็ว่าเถอะ แต่รู้จักคนเข้าหน่อยก็หอมแก้ม ไม่รู้จักคำว่าเรียบร้อยหรือไง

ป๋อจิ่วกะพริบตาอย่างไม่เข้าใจ หน้าเริ่มคว่ำ กระทั่งหูเสือยังผล็อยตกไปด้วย “ถ้าเธอไม่ยินดีต้อนรับฉัน ฉันก็จะกลับไปนอนที่บ้านแล้ววันพรุ่งนี้ค่อยมาหาเธอใหม่”

ตอนแรกฉินมั่วยังไม่พูดอะไร แต่พอเห็นยัยตัวเล็กคว้ากระปุกออมสินมากอด แล้วหันไปมองหิมะนอกหน้าต่าง รวมถึงความมืดสนิทด้านนอก เขาเบือนหน้าเล็กน้อย “เรื่องอะไรที่รับปากเอาไว้ ฉันไม่เคยผิดคำพูด คุณตาอุตส่าห์รับปากให้เธอนอนที่นี่ เธอก็นอนที่นี่ได้”

“จริงเหรอ?” ป๋อจิ่วหูตั้งขึ้นอีกครั้ง ขาดก็แต่ส่ายหางนี่แหละ “เธอรับปากว่าจะนอนกับฉันแล้ว”

ฉินมั่วเพียรบอกตัวเองอีกครั้งว่า เห็นแก่ที่เธอยังเด็ก “เธอนอนโซฟา ฉันนอนเตียง ไม่ได้นอนด้วยกันสักหน่อย” ฉินมั่วแก้คำพูดของยัยเสือน้อยที่เพิ่งได้ถึงสามชั่วโมงก็ทำให้ชีวิตเขาอลวน “อย่าพูดเว่อร์นะ อีกอย่าง อยู่ห่างจากฉันประมาณหนึ่งเมตรทุกครั้ง”

“หนึ่งเมตร?” ป๋อจิ่ววางกระปุกออมสินพยายามยืดมือวัด ก่อนจะเบะปาก เซ็งนิดๆ “ทำไมต้องไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ? ทำไม? ฉันแตะตัวเธอไม่ได้อะ”

ฉินมั่วหัวเราะหยัน อายุน้อยๆ ก็มีนิสัยแบบนี้แล้ว “ก่อนจะถามฉัน เธอควรจะดูพฤติกรรมตัวเองก่อนไหม?”

“พฤติกรรมเหรอ?” ป๋อจิ่วไม่เข้าใจ พยายามคิดอยู่นาน กว่าจะเอ่ยอย่างเขินอาย “เพราะฉันพลังเยอะใช่ป่ะ”

ฉินมั่วไม่อยากพูด มันเกี่ยวอะไรกับพลังล่ะ

“ฉันรู้แล้ว ในนิทานบอกว่าพวกเจ้าหญิงอ่อนนุ่มเหมือนทำจากน้ำ ต่อไปเวลาฉันอุ้มเธอจะใช้พลังนิดเดียว เพราะเธอตัวเตี้ยจะแย่ แถมยังอ่อนแออีก ฉันอาจเผลอทำให้เธอเจ็บได้” ป๋อจิ่วตัวน้อยพูดประโยคดังกล่าวด้วยความตั้งใจ กระทั่งสำนึกผิดในการกระทำของตัวเองด้วยความเศร้า

ไม่รู้เสียเลยว่า ฉินมั่วเกิดความคิดอยากจะหิ้วเธอไปโยนทิ้งนอกหน้าต่างขึ้นมา พวกเจ้าหญิงที่อ่อนนุ่มเหมือนทำมาจากน้ำ? ตัวเล็กจะแย่? แถมอ่อนแอมากอีกด้วย? เขาเนี่ยนะ? ฉินมั่วยึดมืออีกฝ่ายแน่น สูดลมหายใจลึก “เธอควรจะหุบปากนะ”

……………………………………..

ตอนที่ 1865-2

ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว ตอบอย่างยินดี “ได้เลย” และคำพูดที่ว่าทำให้ฉินมั่วพูดต่อไม่ออก หน้าหล่อลูกครึ่งเหมือนเทวดาตัวน้อยถึงกับบึ้งตึง แม้จะดูสูงส่ง แต่ก็เดือดดาลไม่น้อย

คุณท่านอานดูเด็กๆ คุยกันอย่างเป็นสุข ท่านรู้สึกว่าคิดถูกจริงๆ ที่พาฉินมั่วมาเมืองนอก ใครจะเชื่อล่ะว่า ภายในวันเดียวหลานท่านจะพูดได้เยอะขนาดนี้ แถมยังแสดงอารมณ์ออกมามากมายอีกด้วย ทั้งยังแพ้ให้กับเด็กน้อยคนหนึ่ง เขาต้องอดทนอยู่ตลอดเวลา คงเพราะรู้สึกว่ายัยเสือน้อยยังเล็ก หลานท่านมักจะไม่เอาเรื่องคนที่เล็กกว่าตนเอง

พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนักหรอก เพราะเมื่ออยู่ที่จีนก็ใช่ว่าจะไม่มีใครที่เล็กกว่า แต่ไม่เคยเห็นฉินมั่วเป็นแบบนี้เลย อาจเป็นเพราะตอนที่ยัยเสือน้อยกระโจนเข้ากอดเขา เจ้าหล่อนคงจะยินดีมาก กระทั่งท่านที่ดูอยู่ข้างๆ ยังรู้ว่าหลานท่านสลัดกอดของยัยหนูนี่ไม่ได้ ท่าทางเขาคงได้เจอกับมารน้อยแล้ว ยังดีที่มารน้อยเป็นเด็กว่าง่าย กอดกระปุกออมสินเดินตามหลานท่าน สั่งให้ไม่พูดก็ไม่พูด แถมยังเอาแก้วน้ำมาให้อีกด้วย เหมือนจะใช้การกระทำแสดงถึงการดูแลเอาใจใส่เพื่อน

อย่าถามว่าทำไมคุณท่านอานถึงได้รู้สึกเช่นนี้ เพราะยัยเสือน้อยทำให้คนรู้สึกแบบนั้น ทำไมถึงน่ารักแบบนี้ อยากยื่นมือลูบหัวจริงๆ โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่โตที่จ้องหลานท่าน หากท่านเป็นหลาน คงลูบหัวอีกฝ่ายไปแล้ว แต่หลานท่านก็จริงๆเชียว ผลักไสให้อีกฝ่ายอยู่ห่างตัวเองอยู่นั่นแหละ

จากนั้นสายตาคู่นั้นก็จ้องมาทางท่าน คุณท่านอานหุบยิ้ม รู้ดีว่าคนเป็นหลานบอกว่า ‘คุณตาจะดูละครฉากนี้ถึงเมื่อไร’ ท่านจึงขยับไม้เท้าหัวมังกร “ตามีธุระนะลูก ถ้าพวกหนูอยากกินมื้อดึก ก็ให้คุณพ่อบ้านทำให้กินนะ ข้างนอกมีนมอุ่นๆ ขนมก็ยังมีอีกเยอะ”

“ครับ” จะว่าไปก็ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่หรอก ยังว่าง่ายอยู่ ฉินมั่วตัวน้อยเดินไปข้างหน้า เอ่ยกับคุณตา “ราตรีสวัสดิ์ครับคุณตา”

คุณท่านอานอยากมองดูต่อไป แต่มองข้ามความฉลาดของหลานไม่ได้ ปล่อยให้ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์กันเองจะดีกว่า แต่เมื่อเห็นหลานเป็นแบบนี้ เดาว่าน่าจะให้ยัยเสือน้อยอยู่เป็นเพื่อนทั้งคืนแน่

ป๋อจิ่วตามฉินมั่ว ไปราตรีสวัสดิ์ต่อคุณท่านอาน เธอดูมุ่งมั่นอันต่างไปจากความน่ารักของเด็กผู้หญิงทั่วไป

เมื่อเห็นคุณตาเดินออกไป ป๋อจิ่วก็ประคองแก้วนมมาให้ตรงหน้าฉินมั่ว “ฉันรู้ว่าเธอต้องโมโหที่ฉันบอกว่าเธอเตี้ย มั่วมั่ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เธอดูดีออก เด็กผู้หญิงจะเตี้ยหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เธอน่ารักออกจะตาย แถมสวยด้วย แต่ถ้าเธออยากตัวสูงขึ้นก็ดื่มนมเยอะๆ เดี๋ยวฉันเอาส่วนของฉันให้เธอนะ”

“ไม่ต้อง” ฉินมั่วหักดอกไมยราบที่โปรดปรานคามือ ส่วนป๋อจิ่วก้มหน้าลงมองดูปลายนิ้วเท้าของตนอย่างไม่รู้จะทำอะไรไม่ถูก

ฉินมั่วหายใจเข้าลึก รับแก้วนมมาก็เกิดปวดหัว ทำไมนะ เขาถูกมองว่าเป็นผู้หญิงแล้ว ยังจะมากังวลว่ายัยเสือน้อยจะเศร้าเพราะเขาเย็นชาเกินไป คงเพราะหน้าตาเขาดูเหมือนคนชอบรังแกคนอื่นมั้ง เมื่อคิดได้ดังนี้ หลังจากที่ดื่มนมจนหมด เขาก็ยื่นมือบีบแก้มเธอเบาๆ แต่รสสัมผัสที่ได้ช่างอยู่เหนือความคาดหมาย หน้าเธอเนียนนุ่มเหมือนพุดดิงไข่ นุ่มมาก…มากจนลงมือไม่ลง

ฉินมั่วเอียงศีรษะมองดู ดึงมือกลับมา ช่างเถอะ ยังไงก็แค่คืนเดียว ส่วนป๋อจิ่วมองดูเจ้าหญิงน้อยของเธอเดินเข้าห้องน้ำ โดยก่อนที่จะเข้าไป เจ้าหญิงน้อยยังจับหน้าเธอด้วย คงเพราะเธอน่ารักมากๆ กระทั่งเจ้าหญิงน้อยยังคันไม้คันมืออยากจับหน้าเธอเลย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ป๋อจิ่วตัวน้อยก็เริ่มวางแผนจริงจังว่า จะทำให้เจ้าหญิงน้อยชอบเธอมากขึ้นอย่างไร เพราะการจะเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านคงจะยาก เจ้าหญิงน้อยร้ายเกิน แถมยังขี้อายอีก

 ……………………………………..

ตอนที่ 1861-1

ป๋อจิ่วตัวน้อยไม่สนพ่อตัวเอง เธอไม่มีอารมณ์กินข้าว โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าแม่ยังไม่กลับมา

ในที่สุดชายหนุ่มก็ลุกขึ้นไปยืนที่หน้าต่าง เห็นบ้านที่อยู่ด้านนอกสว่างด้วยแสงไฟ ก็พลันหัวเราะขึ้น “ท่านจิ่ว เรามีข้าวเย็นกินแล้ว”

“พ่อต้มบะหมี่ได้ไม่อร่อยมากๆ หนูไม่อยากกิน” ป๋อจิ่วแสดงความไม่สนใจ

ชายหนุ่มยื่นขากันทางลูกตัวเองไว้ “พ่อไม่ต้ม เอาถาดผลไม้บนโต๊ะมา พวกเราไปขอข้าวข้างบ้านกินกันดีกว่า”

ข้างบ้านเหรอ?

ป๋อจิ่วไม่ได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาพลันวาววับทันที รีบเอาผลไม้มาวางไว้ในกล่อง การจะให้ผลไม้เป็นของพบหน้ากันอาจจะดูไม่ดีสักเท่าไร แม้พ่อของเธอจะเน้นย้ำว่า “เขาเป็นเพื่อนเก่าต่างวัยของพ่อตอนอยู่ที่จีน”

ป๋อจิ่วเองก็ไม่ซน นั่นเป็นบ้านเจ้าหญิงเชียวนะ จะไปซี้ซั้วขอข้าวกินได้ยังไง

“จะเดินเองเหรอ?” ชายหนุ่มเลิกบุหรี่ตั้งแต่มีลูกสาว ตอนนี้สวมผ้าปิดหน้าและเสื้อขนเป็ดสีดำ ทว่ากลับดูอ่อนวัยหล่อเหลา เหมือนเป็นแค่พี่ชายของเด็กคนนี้เสียมากกว่า “มานี่ พ่ออุ้ม?”

ป๋อจิ่วถือประปุกออมสินอันน้อยไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างถือกล่องผลไม้ มองพ่อทั่วตัวพลางเอ่ยอย่างจริงจัง “หนูจะเดินเอง จะต้องทำให้เพื่อนบ้านที่ย้ายมาใหม่รู้สึกว่าหนูเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย”

“ท่านจิ่วของพวกเราโตแล้วจริงๆ” ชายหนุ่มหัวเราะ ดึงมือกลับมาสอดลงกระเป๋ากางเกง เดินไปอยู่ด้านหลังแม่หนูน้อย ดูท่าทางสบายอารมณ์

คนตัวโตและคนตัวเล็กเดินกันมาเหมือนออกจากหนังสือการ์ตูนอังกฤษ ไม่คล้ายว่าจะอยู่ในชีวิตจริง

พอจะได้ยินทั้งสองพูดกันว่า “เดี๋ยวแม่กลับมาแล้ว อย่าบอกแม่นะว่า วันนี้พวกเรามาขอข้าวข้างบ้านกิน”

“ทำไมอะ? ถ้าแม่รู้ว่ามีเพื่อนบ้านจากที่เดียวกันมาอยู่ด้วย คงดีใจมาก”

“แล้วลูกคิดว่าอะไรล่ะ แค่บะหมี่พ่อยังต้มได้ไม่ดี พ่อไม่ต้องรักษาหน้าเหรอ หืม?”

“มิสเตอร์ป๋อ เวลาที่ต้องขอข้าวแม่กิน พ่อยังไม่เห็นจะรักษาหน้าเลย”

“ถือว่าตัวเองเป็นเด็กแล้วก็เป็นผู้หญิง ก็เลยคิดว่าพ่อจะสั่งสอนลูกไม่ได้ใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ” ป๋อจิ่วส่ายหาง

คุณป๋อมองดูไม้ม็อบถูพื้นแล้วหยิบขึ้น เอ่ยด้วยเสียงเนิบนาบ เสี้ยวหน้าดูหล่อเหลาท่ามกลางหิมะ “ชิๆ เจ้าหนูน้อย หน้าหนาไม่เบานะเนี่ย”

“มันเป็นพันธุกรรมค่ะ” ป๋อจิ่วหิวของ หันหน้ามองอย่างตั้งใจ “เป็นพันธุกรรมมาจากพ่อไง”

คุณป๋อไม่ว่าอะไร “ลูกก็เลยเก่งแบบประหลาดๆ ขึ้นเรื่อยๆ เนอะ เอาละ พ่อจะกดกริ่งแล้ว ระวังภาพลักษณ์ตัวเองให้ดี”

ไม่คิดเลยว่าจะมีคนได้ยินคำสนทนาระหว่างพ่อลูก โดยคนที่ได้ยินเป็นเด็กชายตัวน้อยที่ถือสไลด์หิมะเข้ามาทางประตูด้านข้าง แม้ด้านนอกจะหนาวแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สวมเสื้อโค้ท คงเพราะจะได้ทำอะไรสบายๆ เด็กชายตัวน้อยไม่ชอบแอบฟังใครพูดหรอก หากจะบอกว่าไม่ชอบ เห็นทีต้องบอกว่าเขาไม่แคร์ว่าคนอื่นจะพูดอะไร ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ตอนที่เขาถือสไลด์ก็ยังอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เพราะการสนทนาระหว่างพ่อลูกคู่นี้ออกจะประหลาดเหนือคนปกติ

 ……………………………………………………..

ตอนที่ 1861-2

เด็กชายตัวน้อยไม่เคยเห็นพ่อลูกที่ไหนคุยกันแบบนี้มาก่อน จึงอดเงยหน้าขึ้นไม่ได้ กวาดตามองรอบหนึ่งแล้วรีบปิดประตูทันที

คุณตากำลังสั่งให้คุณพ่อบ้านจัดเตรียมงานเลี้ยงตอนกลางคืน เงยหน้าถามเขาว่าจะเอาสเต๊กเนื้อสุกระดับไหน เด็กน้อยกำลังคิดว่าจะบอกคุณตาดีไหมว่ามีสองพ่อลูกมาขอข้าวอยู่ด้านนอก วินาทีถัดมา กริ่งประตูก็ดังขึ้น หิมะยังตกอยู่ คุณท่านอานกำลังสงสัยว่าใครมาเยือน คุณพ่อบ้านก็เดินออกไป “คุณครับ จะเปิดประตูไหม?”

คุณท่านอานพยักหน้า คุณพ่อบ้านเดินออกไป ดึงที่จับประตูเนื้อเงินออก หิมะโปรยเข้ามาตามสายลมจากทิศเหนือ คนตัวโตและตัวเล็กยืนอยู่ตรงนั้น คงเพราะเสื้อนอนของคนตัวเล็กสะดุดตาเหลือเกิน คุณท่านอานเห็นแล้วนึกถึงเสือน้อยทันที

นัยน์ตาเจ้าหล่อนดำขลับ เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาโลดเต้นอยู่ตรงหน้า หูพับลงเหมือนหูแมว ทั้งน่ารักและดูเท่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอซึ่งกำลังยิ้มให้ แสงจันทร์ที่สาดส่อง ไม่ทำให้เขาดูแก่ลง ยังคงสดใสเหมือนดวงดาว ทั้งยังดูเจ้าเล่ห์อีกด้วย “คุณแอนดริว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”

คุณท่านอานถึงกับตาเป็นประกาย “คุณป๋อ รีบเข้ามา เข้ามาเร็ว!”

เมื่อได้ยินผู้ใหญ่ทักทายกัน ป๋อจิ่วน้อยก็เริ่มกรอกนัยน์ตา เจ้าหญิงน้อยของเธออยูที่ไหน? ทำไมถึงไม่เห็นเขา? ในระหว่างที่คิดเช่นนี้ คุณท่านอานพลันเอ่ยขึ้น “มั่วเอ๋อร์ มานี่ลูก มาดูเพื่อนเร็ว”

มั่วเอ๋อร์[1]?

นี่คือความเข้าใจผิดลำดับที่สอง ป๋อจิ่วน้อยที่แสนฉลาดคิดว่าเจ้าหญิงน้อยชอบเขินอาย ถึงได้มีชื่อนี้ ดังนั้นจึงยิ่งมั่นใจว่า เด็กที่เธอเห็นจากนอกหน้าต่างจะต้องเป็นผู้หญิงแน่?

ป๋อจิ่วน้อยมั่นใจในเพศของเพื่อนเหลือเกิน ไม่คิดว่าอาจจะผิดพลาดได้ รอจนเธอได้มาเห็นร่างที่ตรงเข้ามาหา ก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่

อีกฝ่ายสวมรองเท้าแพนด้า กางเกงปกปิดมิดชิด แนบไปกับขา เห็นแล้วระรื่นตาเหลือเกิน แถมตอนนี้เธอถอดเสื้อโค้ทออกแล้ว เสื้อสเวตเตอร์ตัวในสีแดงเหมือนใบเมเปิลที่เคยเห็น แต่ผิวกลับขาวเหมือนหิมะที่เพิ่งตก นัยน์ตาสุกสกาวเหมือนดวงดาว ขนตายังยาวเหลือเกินจนเห็นความดำขลับของมันอย่างชัดเจน ยืนอยู่ตรงนั้น เส้นผมดำเหมือนน้ำหมึก ภาพทั้งหมดนี้ปรากฏสู่สายตาของป๋อจิ่วอีกครั้ง

ลมจากทิศเหนือพัดมาอีกครั้ง เข้าคู่กันคบเตาไฟในห้องและต้นคริสมาสต์หน้าบ้าน พัดเอาหิมะเข้ามาตกบนบ่าของเด็กชาย พ่อหนูน้อยหันไปเป่าเบาๆ แล้วหันมาอีกทีอย่างมีมารยาท แต่ไม่รู้ว่าทำไมป๋อจิ่วถึงรู้สึกว่านัยน์ตาคู่นั้นถึงได้เย็นกระด้าง

ทั้งนี้ความเย็นกระด้างที่ว่า กลับไม่ทำให้ความกระตือรือร้นของเธอหายไป

ในนิทานว่าไว้ว่า เจ้าหญิงมีหลายประเภท วันนี้เธอได้รู้จักประเภทหนึ่งแล้ว อีกฝ่ายต้องเป็นประเภทเย็นชาภายนอก ขี้อายภายใน เดี๋ยวเธอจะต้องควบคุมตัวเองให้ดี จะทำตัวเหมือนตอนที่เล่นงานวิลเลียมจูเนียร์ไม่ได้ จะต้องปฏิบัติต่อเจ้าหญิงน้อยอย่างอดทน แล้วต้องพูดเสียงอ่อน ในเมื่อเธอเอากระปุกมาด้วยก็มีอะไรให้มั่นใจแล้ว ขอแค่ไม่ทำให้คนตกใจจนหนีไปเสียก่อนเป็นพอ ก็เธอไม่เคยเห็นคนที่หน้าตาดีขนาดนี้มาก่อนนี่

เด็กตรงหน้าคนนี้ เธออยากเอากลับไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่บ้าน พ่อเธอเคยบอกว่าเห็นอะไรที่ชอบก็ให้ซื้อกลับบ้าน อย่าเอาของคนอื่นฟรี แม้จะเป็นโลกออนไลน์ก็เช่นกัน

ป๋อจิ่วตัวน้อยเห็นเจ้าหญิงน้อยปุ๊บ ก็รีบหอบเอากระปุกออมสินไปหา

โอกาสทองมาแล้ว

………………………………………………..

[1] มั่วเอ๋อร์ในที่นี้ ป๋อจิ่วนึกว่าเป็นอักษรอีกตัวที่เป็นชื่อของผู้หญิง ซึ่งอ่านเสียงเดียวกันแต่เขียนต่างกัน

ตอนที่ 1862

ตั้งแต่เมื่อกี้ แขกตัวน้อยก็เอาแต่จ้องหน้าฉินมั่ว เขาโดนมองจนหันหน้านิดหน่อย ซึ่งสบตากับนัยน์ตาขลับคู่นั้นพอดี แต่สิ่งที่ทำให้เขาชะงัก กลับเป็นนัยน์ตาคู่นั้นสะท้องภาพเขาคนเดียว เขาเห็นภาพตัวเองจากนัยน์ตาเธอภายใต้แสงไฟกระจัดกระจาย ฉินมั่วคิดว่านัยน์ตาคู่นั้นโตเหลือเกิน ดูไม่เหมือนเป็นคนที่พูดสิ่งที่เหลือเชื่อเมื่อครู่นี้ สงสัยว่าตอนนี้กำลังแกล้งทำเป็นเด็กดี? ไม่เคยเห็นใครเสแสร้งได้แบบนี้เลย

ส่วนป๋อจิ่วจ้องเขาอย่างไม่หวาดกลัวอะไร จ้องเสียจนฉินมั่วเพิ่งจะยกเท้าขึ้น เด็กนั่นก็พูดกับคุณตาทันที “สวัสดีค่ะ คุณตา” จากนั้นก็วิ่งเตาะแตะมาหาเขา แล้วยื่นกระปุกออมสินให้ หางเสือส่ายไปมา “มั่วมั่ว เธอโลละเท่าไรอะ ฉันจะซื้อ”

ซื้อเขางั้นเหรอ? กิโลละเท่าไรด้วย?

ฉินมั่วเลิกคิ้วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เขามองดูใบหน้ายิ้มแช่มชื่นเหมือนเชอร์รี่ตรงหน้า พลางก้าวถอยหลัง ไม่รู้ว่าทำไมถึงสังหรณ์ใจว่าฝันร้ายใกล้จะมาเยือน

ทว่าคุณป๋อกลับหัวเราะขึ้นมาอย่างนิสัยไม่ดี แถมยังร้ายกาจด้วย “ท่านจิ่วเก่งมากเลยลูก พ่อล่ะนึกว่าลูกถูกใจอะไร ที่แท้ก็เพื่อนใหม่นี่เอง”

“มั่วมั่วน่ารักจะตาย หนูชอบก็เป็นเรื่องปกตินี่คะ” ป๋อจิ่วตัวน้อยพูด หันหน้าไปมองเขาอย่างจริงจัง แถมยังกระดิกหูด้วย “พูดแล้วอายจัง มั่วมั่วรับปากฉันไหม? ฉันจะดีต่อเธอมากๆเลยนะ”

น่ารัก? ได้ยินนี้แล้ว หน้าเล็กๆของฉินมั่วถึงกับเย็นชา ยัยเด็กนี่ต้องเข้าใจอะไรผิดแน่

“น่ารักเหรอ ฮ่าๆๆ” คุณท่านอานหัวเราะขึ้น “เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนชมว่ามั่วเอ๋อร์ของพวกเราว่าน่ารัก”

ป๋อจิ่วตัวน้อยเบิกตาใสกระจ่างเสียกว้าง “เมื่อก่อนไม่มีใครพูดเหรอคะ? แปลกจัง เจ้าหญิงน้อยอย่างมั่วมั่ว น่าจะมีแต่คนชอบถึงจะถูก”

“เจ้า หญิง น้อย?” ฉินมั่วพูดอย่างอดไม่ได้ ตอนนั้นเขายังเล็ก เสียงยังไม่มีอำนาจเท่าตอนโต กระทั่งยังแฝงความเป็นเด็กด้วย ซึ่งแม้จะเย็นชา แต่กลับไม่ดุดันเท่า

คุณท่านอานอึ้งครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม แม้ว่าท่านจะรู้ว่าหลานท่านดูดีมาก แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่มีเด็กน้อยปฏิบัติต่อหลานท่านแบบเด็กผู้หญิง

ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อคงรู้ล่ะว่าลูกสาวพลาดอะไรบางอย่าง กลับหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ท่าทางท่านจิ่วของพ่อจะชอบมั่วเอ๋อร์เข้าให้แล้ว”

“ชอบมากเลยแหละ” ป๋อจิ่วตัวน้อยตอบคนเป็นพ่อ ทั้งยังแสดงความจริงใจของตัวเองด้วยการจ้องหน้าฉินมั่ว

……………………………………………………

ตอนที่ 1859-2

ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีผมสีทอง เมื่อเห็นเด็กชายยืนตรงนั้น ก็พลันนึกท่อนหนึ่งของบทกวีที่ว่า ‘หล่อสง่าหน้าหยก’ เส้นผมของพ่อหนูน้อยเหมือนใยไหม ทั้งยังดำขลับจนยากจะลืมได้ แม้ว่าใบหน้าจะถูกบดบังไว้ แต่นัยน์ตาลึกซึ้งนั่นเหมือนจะเปล่งแสงออกมาท่ามกลางหิมะที่โปรยทั่วฟ้าได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขนตาที่งอนน้อยๆ ทั้งยังดกดำ รู้สึกถึงคำว่าสง่าเหมือนม้วนหนังสือโบราณได้เลยล่ะ

อา! พ่อบ้านชาวต่างชาติถอนใจอีกครั้ง เด็กชาวเอเชียนี่น่ารักจริงๆ

อันที่จริงคุณพ่อบ้านไม่รู้ว่า คนที่หลงเสน่ห์พ่อหนูน้อยไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แต่ยังมีคนบางคนที่กำลังศึกษาคีย์บอร์ดน้อยของตัวเองอยู่ วันนี้คนคนนี้อยากออกไปเล่น แต่พอมาคิดดูอีกที ข้างนอกก็ไม่เห็นมีอะไรให้เล่นเลย ไม่สนุกเท่ากับการรื้อข้าวของ แถมเด็กแถวนี้ก็โดนเธออัดจนหมอบหมดแล้ว จะหาใครที่อยากเล่นกับเธอจริงๆ ก็ช่างยากเหลือเกิน แถมเธอยังโดนทำโทษให้ยืนเพราะเรื่องนี้ด้วย เธอโอเคกับการโดนลงโทษแบบนี้ แต่หากไม่มีอะไรในมือแล้วต้องมายืนแบบนี้ก็น่าเบื่อ เธอจึงกอดคีย์บอร์ดดูบรรยากาศหิมะตกด้านนอย่างเห็นได้น้อยครั้ง พลางยืนนิ่งๆ โดยมีหางเสือติดอยู่ด้านหลังตัวเสื้อ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีสิ่งที่สวยกว่าบรรยากาศหิมะตกอีก

คนนั้นเป็นสโนไวท์เหรอ?

คนบางคนพยายามรื้อความรู้ด้านเทพนิยายในสมอง มองหน้าตัวเองบนหน้าต่าง แล้วหันไปมองร่างหนึ่งที่ขาวเนียนและสวยกว่าเธอ เหมือนตุ๊กตาฝรั่ง กระเป๋าเดินทางก็น่ารัก นั่นคงเป็นแพนดาสินะ มันเป็นของที่มีแค่ในประเทศจีน เธอเคยได้ยินพ่อเล่าให้ฟัง

น่ารักจัง กระเป๋าเดินทางของเจ้าหญิงน้อยยังน่ารักกว่าเธออีก คนบางคนคิดถึงตรงนี้ก็มองรูบิกในมือด้วยความรังเกียจ เอ่อ เทียบไม่ได้จริงๆ แฮะ

พ่อหนูน้อยที่ยืนบนพื้นหิมะยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่ แถมอีกฝ่ายยังคิดว่าเขาเป็นเจ้าหญิงน้อยอีกด้วย

เจ้าหญิง หากคิดให้ลึกซึ้ง ก็คือคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงนั่นเอง

ผู้เป็นตากลัวว่าเด็กน้อยจะไม่เคยชิน จึงเดินไปข้างแล้วตบบ่าอีกฝ่าย “มั่วเอ๋อร์ เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็มารับกลับนะลูก เมื่อกี้อังเดรก็บอกแล้วว่า ข้างบ้านเรามีเด็กเอเชียด้วย เป็นบ้านเพื่อนของตาเอง หลานไม่ต้องคิดว่าเข้ากับที่นี่ไม่ได้ เด็กคนนั้นจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีของหลานแน่”

“อื้ม” เด็กน้อยก้มหน้า ขนตาโรยตัวลงสร้างเงาขี้นมา คุณตาเดาอารมณ์ของหลานไม่ออก เพราะหลานท่านเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เล็ก ไม่ทำให้คนอื่นเป็นห่วงเลย “เข้าไปกันเถอะ”

จะว่าไปก็ยังเด็กมาก ยังต้องมีคนจูงมือ เพียงแค่นัยน์ตาของเด็กน้อยยังสงบเหลือเกิน มือหนึ่งถูกคุณตาจูง ส่วนอีกมือก็ลากกระเป๋าเดินทาง เดินเข้าไปยังบ้านที่จะเริ่มชีวิตใหม่

ที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศสไตล์อเมริกัน ล้วนเป็นที่ชื่นชอบของเด็กทั่วไป แต่พ่อหนูน้อยยังคงไม่หลุดสีหน้าตื่นเต้นออกมา กระทั่งเค้กและรถโคมฟักทองก็ยังดึงดูดความสนใจของเขาไม่ได้

คุณท่านอานคิดว่า รอพรุ่งนี้ก่อนเถอะ ได้ยินมาว่าหนูน้อยข้างบ้านร่าเริงมาก หวังว่าจะช่วยทำให้หลานท่านให้ร่าเริงขึ้นมาได้บ้าง

ส่วนคนบางคนที่อยู่ตรงหน้าต่างบานยาวระพื้น เห็นเจ้าหญิงที่อยู่ด้านนอกหายตัวไปแล้ว ก็สวมรองเท้าแตะวิ่งหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างมีเทคนิค เธอสวมถุงมือเป็นทรงกรงเล็บเสือน้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชุดนอนรูปเสือเลย…

…………………………………………………

 ตอนที่ 1860

“พ่อจ๋า” คนบางคนเรียกออกมา เมื่อเห็นชายหนุ่มที่นอนเอาหนังสือการ์ตูนปิดหน้าไม่สนใจตัวเอง เธอก็วิ่งไปเอาหนังสือการ์ตูนออกมา “มิสเตอร์ป๋อ หนูจะบอกเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไร?” ชายหนุ่มอ้าปากหาว ท่าทางขี้เกียจ ไม่เหมือนคนที่จะเป็นพ่อได้สักนิด “หนูไปทำกระจกบ้านไหนแตก หรือไปแกล้งเพื่อนคนไหนจนร้องไห้อีก ป๋อจิ่วน้อย พ่อเคยบอกกี่ครั้งแล้วว่า เป็นคนก็ต้องทำตัวดีๆ หน่อย แล้วพ่อยังจำได้นะว่าตอนนี้ลูกควรจะต้องยืนสำนึกผิดที่ริมหน้าต่างถึงจะถูก”

“ตอนแรกหนูก็ยืนอยู่นะ” ป๋อจิ่วทำหน้าจริงจัง “ตอนหลังถูกกระชากวิญญาณไป”

ชายหนุ่มหัวเราะ ใบหน้าหล่อเหลาเข้าคู่กันกับเส้นผมสีดำขลับ ให้ความรู้สึกมั่นใจในตัวเองสูง “พ่อคงเชื่อข้ออ้างเราหรอกนะ”

“พ่ออะ หนูว่าเราควรมาคุยกันดีกว่า” ป๋อจิ่วทำตาโต หางเสื้อส่ายเอาๆ

ชายหนุ่มนั่งเท้าคางอย่างไม่สนใจ “งั้นต้องขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดลูกก็รู้ตัวว่าควรจะพูดกับพ่อดีๆ เสียที จะพูดอะไร เรื่องที่หนูเล่นงานเด็กน้อยตั้งแต่ที่ย้ายมาเลยใช่ไหมลูก”

“พวกเขาโตกว่าหนูตั้งสามปี จะบอกว่าเป็นเด็กน้อยไม่ได้หรอก หนูต่างหากที่เป็นเด็กน้อย” ป๋อจิ่วลูบหูตัวเอง “พูดแล้วอายจัง”

ชายหนุ่มเอนตัวนอนพลางยกขาไขว่ห้างเสียอย่างนั้น “อาย? ลูกน่ะเหรอ? แม่คุณของพ่อ คำศัพท์คำนี้ใช้กับลูกไม่ได้หรอกนะ ว่ามา อยากจะทำอะไร”

ป๋อจิ่วคิดแล้ว ก็วิ่งเตาะแตะไปที่ด้านหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งเตาะแตะกลับมา มือถือกระปุกออมสิน “หนูอยากซื้อของ”

“เรื่องเล็กๆ ประเภทซื้อของ ยังต้องวิ่งมาบอกพ่ออีก?” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน แตะนิ้วไปที่กระปุกออมสินของลูกสาว “ท่านจิ่ว ดูเหมือนในนี้จะมีบัตรเครดิตอเมริกันเอกซ์เพรสที่พ่อให้หนูอยู่นะ”

ลูกสาวเขากล้าใช้เงินมือเติบตั้งแต่เมื่อไรกัน?

ใบหน้าเล็กๆ ของป๋อจิ่วออกจริงจัง “ของมันแพง” แม้จะไม่รู้ว่าเท่าไร แต่ท่าทางแพงน่าดู ป๋อจิ่วหันไปมองข้างบ้านอีก น่าเสียดายจัง พอเจ้าหญิงเข้าบ้านแล้วก็ไม่ออกมาอีก

ชายหนุ่มได้ยินแล้วพลันยิ้มขึ้น คงเพราะหล่อเหลาเอามาก บวกกับเจ้าเล่ห์ไม่เบา แม้เจ้าตัวจะสวมเสื้อเชิ้ตตัวขาว แต่ก็ดูขัดกับความหล่อที่ปรากฏ “เรื่องนี้ลูกต้องไปถามแม่แล้วล่ะ พ่อไม่มีสิทธิ์ตัดสินเรื่องเงินของบ้านนี้ อย่าลืมสิว่า พ่อต้องขอข้าวแม่กินอยู่”

ป๋อจิ่วตัวน้อยออกจะนับถือพ่อตัวเองในบางครั้ง เวลาอยู่ต่อหน้าแม่ พ่อก็ทำตัวเป็นหมาน้อยแสนน่ารัก แต่เวลาแม่ไม่อยู่ก็เหมือนจะกลายเป็นอีกคนในวินาทีถัดไปได้เลย พ่อเธอบอกว่านี่เป็นความลับระหว่างเธอกับพ่อสองคน ห้ามบอกแม่ แม่ต้องหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว เธอและพ่อมีหน้าที่ทำตัวน่ารัก

ป๋อจิ่วน้อยไม่เถียง แต่พ่อโตแล้วยังทำตัวน่ารักได้ ฉะนั้นเด็กห้าขวบอย่างเธอจะสวมชุดนอนเสือน้อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย

“แล้ววันนี้แม่จะกลับมาตอนกี่โมงอะ” ตอนที่ถาม เธอเกาหน้าตัวเองด้วยความคัน

พ่อเธอดูแลเด็กไม่เป็น พอได้ยินคำถามของลูกสาว ใบหน้าหล่อเหลาก็ดูบ่นขึ้นมาทันที “ห้าทุ่ม ให้พวกเราหาทำกับข้าวกินกันเอง มา ท่านจิ่ว เรามาเล่นเกมทายกำปั้นกัน ใครแพ้ก็ไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ดีไหม?”

“ไม่เอา” ป๋อจิ่วกอดกระป๋องเงิน “ตอนนี้หนูกำลังหลงใหลความสวยจนถอนตัวไม่ขึ้น ไม่มีอารมณ์ต้มบะหมี่”

ชายหนุ่มสงสัย มันไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องความสวย?

…………………………………………………………..

ตอนที่ 1858-2

คุณตาพ่อบ้านเอ่ยกลั้วยิ้ม “นายน้อยของผมให้ความสำคัญต่อคุณชายฉินมากครับ ครั้งนี้ที่คุณชายฉินออกไปปฏิบัติภารกิจ เธอตามไปด้วยครับ แถมพาตัวคุณชายฉินที่บาดเจ็บกลับมาซ่อนตัวไว้ที่บ้าน คุณคงทราบว่าเธอถือว่าคุณชายฉินเป็นผู้ล้ำค่ามาก ไม่รู้ว่าเธอไปเจรจากับฝ่ายทหารยังไง ถึงได้เก็บตัวคุณชายฉินไว้ได้”

คุณท่านอานได้ยินแล้ว เกิดความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ “ที่แท้แม่หนูนั่นก็พาตัวกลับมานี่เอง” การออกไปปฏิบัติภารกิจของหลานท่านถือเป็นความลับเสมอ กระทั่งคนเป็นตาที่มีทั้งพลังและอำนาจยังไม่อาจรู้ แต่ยิ่งเป็นความลับระดับสูง ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความอันตราย ท่านเองก็มีเพื่อนที่ทำธุรกิจที่สามเหลี่ยมทองคำเช่นกัน ซึ่งได้บอกท่านว่าเกิดอะไรขึ้นคร่าวๆ

ท่านนอนไม่หลับหลายวัน เกรงว่าหลานท่านจะอยู่กลางกองเพลิงในแม่น้ำสายนั้น ต่อมาท่านติดต่อหลานไม่ได้เลย ฝ่ายโน้นแจ้งข่าวมาว่าฉินมั่วอยู่ในสภาวะจิตใจไม่แน่นิ่ง เขาที่คำสั่งที่ฝังทางจิตกำเริบ อาจจะกลายเป็นอาชญากรสากล ยิ่งเขาฉลาดแค่ไหนก็ยิ่งอันตรายมาก

เมื่อได้ยินข่าวนี้แล้ว ท่านรู้สึกหนาวใจ หลานท่านที่เด่นเป็นเลิศกลับต้องตกอยู่ในสภาพนั้น ไม่มีใครสักคนที่เชื่อใจหลานท่านเลยหรือ?

ตอนนั้นท่านก็ไปที่บ้านสกุลฉินเช่นกัน ถึงได้พบว่า ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อ แต่เพราะอันตรายมากต่างหาก นอกจากพ่อแม่แท้ๆแล้ว ใครบ้างที่กล้าอยู่ใกล้เขา เว้นแต่พวกทหารที่อยู่ในความดูแลของฉินมั่วที่เอาร่ำร้องขอพบหัวหน้าตัวเองให้ได้

ทว่ายังไม่อาจช่วยอะไรบ้าง คนที่หาเขาเจอ คอยดูแลเขา ทั้งยังเลือกอยู่ข้างเขาในเวลานั้น ได้ยินมาว่าเป็นคนแซ่ฟู่ ทำไมถึงได้กลายเป็น…

คุณท่านอานขมวดคิ้ว “แล้วตระกูลฟู่…”

สำหรับเรื่องนี้ คุณตาแต่งเรื่องไว้ก่อนหน้านี้แล้ว “หลังจากที่นายใหญ่ลาโลกไป ก็มีขบวนการที่จะทำลายความมั่นคงของโลกแฮกเกอร์ ซึ่งอยากหลอกใช้แฮกเกอร์มาก่อเรื่อง ถ้านายน้อยปลอมตัวเป็นเด็กม.ปลาย จะยิ่งมีประโยชน์ต่อการพรางตัว เธอรู้ว่าคุณชายอยู่เมืองเจียงเฉิน ก็เลยเลือกมาที่นี่”

คุณท่านอานเคยเห็บภาพเธอคนนั้นผ่านโลกออนไลน์มาก่อน ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย มาคิดดูในตอนนี้ มิน่าล่ะถึงได้คุ้น

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมเองก็ไม่มีเหตุผลจะไม่ตกลง” คุณท่านยิ้ม “แต่ แอลเลน คุณเข้าใจผิดแล้ว การจะเจรจาเรื่องการแต่งงานต้องเป็นฝ่ายชายมาขอฝ่ายหญิง ไม่ใช่ฝ่ายหญิงมาขอฝ่ายชาย”

เวลานี้ทั้งสองนั่งลง ผู้ช่วยรินชาให้

คุณตารับชามาอย่างสง่า ดื่มนิดหน่อยแล้วเอ่ยขึ้น “คุณอานครับ ผมไม่ได้เข้าใจผิดหรอก คือนายน้อยเป็นคนเอ่ยขึ้นเอง เธอว่าตอนนั้นเธอเอาเงินค่าขนมมาซื้อตัวเจ้าหญิงน้อยของเธอไว้ คุณตาอานเองก็รับปาก ตอนนี้จะมาเบี้ยวไม่ได้นะครับ”

คุณตาอานอึ้ง ท่านไม่คิดเลยว่า ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว กลับมาได้ยินคำพูดดังกล่าวซ้ำอีกครั้ง ทำให้ภาพของที่พวกท่านไปถึงเมืองนอกใหม่ๆ ปรากฏขึ้นในความคิด…

………………………………………………………..

ตอนที่ 1859-1

ลอสแอนเจลิสตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเมืองใหญ่ลำดับที่สองของสหรัฐอเมริกา ได้รับการขนามนามว่าเมืองแห่งทูตสวรรค์ เมืองนี้มีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน อุณหภูมิอบอุ่น อากาศแห้งแล้ง มีฝนตกน้อยทั้งปี ฝนจะตกมากหน่อยในช่วงฤดูหนาว แสงตะวันสาดส่องสดใสตลอดปี น้อยครั้งที่อุณหภูมิจะติดลบ จึงไม่ค่อยได้เห็นหิมะ

ทว่าวันนี้กลับมีหิมะตกอย่างยากจะได้เห็น!

หิมะในยามค่ำคืนดูสวยเหลือเกิน ปกคลุมต้นไม้จนเหมือนเป็นอาภรณ์ประดับตัว รวมถึงโคมไฟรถฟักทองที่อยู่ตรงรั้วบ้านด้วย

บ้านหลังใหญ่แบบคลาสสิกสไตล์ยุโรป เข้ากันกับแสงไฟที่อบอุ่น แถมมีต้นคริสมาสต์ที่เห็นได้ทั่วไป และยังมีผู้คนสวมเสื้อโค้ทคอสูงที่เดินไปมา น้อยคนจะมีผมดำสนิท พวกเขามีเส้นผมหลากหลายสีสัน ผิวขาว จมูกโด่ง ราวกับพ่อมดแม่มดในหนังเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์

เมื่อบรรยากาศเหมือนเทพนิยาย คนที่อยู่ที่นี่จึงดูลึกลับ

ท่ามกลางแสงไฟข้างถนน รถยี่ห้อหงฉีผลิตจากประเทศจีนจอดอยู่นอกรั้วบ้าน เป็นที่รู้กันว่า น้อยครั้งจะได้เห็นรถยี่ห้อดังกล่าวในสถานที่แบบนี้ ตัวรุ่นของรถค่อนข้างเก่าแก่ แต่คนที่เล่นเรื่องรถต่างรู้ดีว่า รถยี่ห้อหงฉียิ่งเป็นรุ่นเก่าแก่ก็จะยิ่งราคาแพง

ไม่สิ ไม่ใช่แค่ราคาแพง แต่ยิ่งแสดงถึงสถานะของผู้เป็นเจ้าของด้วย เพราะในสมัยนั้น คนที่ขับรถยี่ห้อนี้ แถมยังขับในลอสแอนเจลิสได้อีก เกรงว่าจะมีชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น

คุณพ่อบ้านเป็นผู้มาเปิดประตูรถให้ โดยสวมถุงมือสีขาวคุณภาพดีไว้ เจ้าตัวเป็นชายหนุ่มผมสีทอง ทั้งยังพูดภาษาอังกฤษ “คุณครับ ถึงแล้ว”

คนบนรถไม่ได้รีบลงมา แต่หันหน้าไปชี้ชวนให้เด็กชายที่นั่งข้างตัวมองดูนอกหน้าต่างรถ “ต่อไปเราสองคนตาหลานจะอยู่ที่นี่ เป็นไงลูก ชอบไหม?”

พ่อหนูน้อยสวมเสื้อขนเป็ดสีขาวโดยมีฮู้ดติดตัว ปกเสื้อมีแถบขนสีขาว ทั้งยังคาดผ้าปิดปากสีดำไว้บนหน้า จึงเห็นหน้าตาของเขาไม่ชัด ได้ยินแค่เสียงที่เย็นแต่ดูเด็กมาก “อื้ม”

แค่ ‘อื้ม’ สำหรับเด็กแค่สี่ห้าขวบ ถือว่าเงียบเกินไป ทว่าผู้ชราที่นั่งในรถคงจะชินแล้ว จึงยื่นมือลูบศีรษะอีกฝ่าย “งั้นลงรถกันเถอะ”

“ครับ” พ่อหนูน้อยเดินตามลงมา ไม่ยอมให้พ่อบ้านช่วยถือกระเป๋าให้ แต่ลากตัวลากกระเป๋าด้วยตัวเอง

เป็นครั้งแรกที่คุณพ่อบ้านชาวต่างชาติได้เห็นหนูน้อยที่ทั้งมีมารยาทและดูลึกลับอย่างบอกไม่ถูก จึงก้มมอง “โอ้ กระเป๋าน่ารักจังเลยครับ”

หนูน้อยมองตามสายตาอีกฝ่าย กระเป๋าเดินทางรูปหมีแพนด้าที่ไม่เข้ากับบุคลิกเจ้าตัวเลยสักนิด ทว่าข้าวของจำพวกกระเป๋าเดินทาง ไม่ใช่สิ่งที่หนุ่มน้อยจะเลือกเองได้ เพราะเจ้าตัวมีแม่ที่ยังมีหัวใจสาวน้อยอยู่

เวลานี้ผู้สูงวัยกว่าหัวเราะขึ้นมา ท่านยังไม่เหมือนคนที่เป็นคุณตาได้ แค่มีจอนผมขาวทั้งสองข้างเท่านั้นเอง

“ข้างบ้านเรามีเด็กเอเชียคนหนึ่ง คุณชายมาอยู่ที่นี่ ไม่ต้องกลัวจะเหงานะครับ พวกคุณเล่นกันได้” คุณพ่อบ้านชาวต่างชาติคิดว่าพ่อหนูน้อยนิ่งไปเพราะแปลกถิ่น แต่พอเห็นเจ้าตัวยืนใต้แสงไฟก็รู้ว่าตัวเองคิดมากไปเอง เขาไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายที่ไหนที่เหมือนเจ้าชายน้อย

 ………………………………………….

 

ตอนที่ 1857-4

เวลานั้น คุณท่านอานจึงเข้าใจเสียทีว่าหนูน้อยข้างบ้านมีความหมายอย่างไรต่อหลานท่าน ฉินมั่วเย็นชากับคนทั่วไป มีนิสัยไม่ชอบพูดมาตั้งแต่เด็ก แต่อยู่ๆ กลับพูดออกมามากมาย แถมยังพูดแต่ละประโยคด้วยแววตาลึกซึ้งอีกด้วย

คุณท่านอานใจอ่อน แต่สถานะของตระกูลป๋อพิเศษมาก ไม่อาจควบคุมหลายๆ เรื่องได้ เดิมตอนแรกก็คิดว่าหลานจะลืมได้ภายในหนึ่งเดือน แต่เมื่อมองดูหลานชายที่ไม่ยอมกินอะไร ท่านก็ร้อนใจ แถมยังติดต่อตระกูลป๋อไม่ได้อีก จึงตัดสินใจพาหลานกลับจีน ท่านคิดว่าถ้าหลานอยู่ห่างจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหลัง จะดีต่อตัวหลานเอง แต่สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์

ตอนนั้นหลานเหมือนโดนบางอย่างเคลือบเอาไว้ เขากลับไปเป็นปกติ แต่พอจะเห็นได้ชัดว่าผิดแผกจากเด็กวัยเดียวกันมาก น้อยคนจะเห็นหลานยิ้ม กระทั่งไม่เอาแต่ใจตัวเองอีก

คุณท่านอานรู้สึกผิดต่อเรื่องนี้มาก ถ้าท่านไม่พาหลานไปเมืองนอกก็คงไม่เกิดอาการดังกล่าว

เวลาผ่านไปหนึ่งปี สองปี เช่นนี้ไปเรื่อยๆ คุณท่านคิดว่าเวลามันมากพอควรแล้ว กระทั่งมีคนมาติดต่อ ก็คอยเสาะหาดูว่ามีเด็กน่ารักๆ ในวัยเดียวกับหลานไหม เพราะหลานอาจจะดีขึ้น แต่ไม่นานท่านก็พบว่า ต่อให้เป็นเด็กน้อยที่น่ารักขนาดไหน หลานท่านก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่เคยเห็นใครในสายตา นอกจากเพื่อนผู้ชายสองสามคนที่สนิทด้วย พอเด็กผู้หญิงมาหา หลานชายไม่เคยเงยหน้ามอง ตอนนั้นใช่ว่าจะไม่มีเด็กซนๆ ที่ชอบปีนกำแพง เด็กผู้หญิงที่เติบโตในแดนทหาร ย่อมต้องเฮี้ยวบ้างไม่มากก็น้อย แต่หลานท่านกลับไม่รู้สึกอะไรด้วย บางทีท่านอาจคิดไปเองว่าหลานท่านไม่รู้สึกอะไร

คุณท่านอานจำได้ดีว่า วันนั้นหลานท่านพูดก่อนนอนว่า “คุณตาไม่ต้องลำบากหรอกครับ เขาไม่ได้ชอบปีนกำแพงขนาดนั้น ผมแค่เป็นห่วงว่าเดี๋ยวเขาจะตกลงมา แต่เขากลับไม่กลัว ไม่เคยมองใคร คุณตาว่าเขาชอบผมขนาดนั้น จะต้องกลับมาแน่ ผมจะรอเขาครับ”

คุณท่านไม่คิดเลยว่าเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบจะพูดออกมาได้ขนาดนี้ ส่งผลให้ท่านนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา ท่านก็ปฏิบัติต่อหลานเหมือนคนเป็นผู้ใหญ่ด้วยกัน เพราะท่านรู้ว่า หลานท่านไอคิวสูงอย่างมหัศจรรย์ไม่เหมาะจะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นเด็กทั่วไป

“มั่วเอ๋อร์ หลายๆ เรื่องซับซ้อนมาก บางครั้งสิ่งที่เราหวังก็อาจไม่สมความปรารถนา หลานกับจิ่วยังเล็กมาก ถ้าเขาไม่กลับมาจริงๆ หลานจะรอต่อไปไม่ได้หรอก”

หนูน้อยเงยหน้าขึ้นบนโต๊ะอาหาร ใบหน้ายังไม่คมสัน แต่ดูเป็นลูกผู้ชาย “ถ้าเขาไม่กลับมา ผมจะไปตามหาเขาเอง ไม่เห็นจะยากเลย ปีหนึ่งหาไม่เจอ ก็หาสองปี ถ้าสองปียังหาไม่เจอก็หาสามปี เวลาผ่านไปนานเข้า ผมต้องได้เจอเขาอยู่วันยังค่ำ ถ้าหาไม่เจอจริงๆ ผมจะยืนในจุดที่สว่างไสวที่สุดให้เขาเห็น ผมสอนภาษาจีนให้เขาตั้งมากมาย เขาจะกลืนทิ้งเหมือนกินข้าวไม่ได้หรอกครับ”

คุณท่านไม่ได้พูดว่า ถ้าเขาลืมหลานไปแล้วล่ะจะทำยังไง?

แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลัง กลับไม่ใช่เพื่อนที่ลืมหลาน แต่กลายเป็นหลานที่ลืมเขา ทุกครั้งที่คิดถึงตรงนี้ คุณท่านอานเป็นต้องทรมานใจ ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร จู่ๆ ก็ลืมคนที่ตัวเองชอบมากเสียอย่างนั้น หลานชายจะรู้สึกอย่างไร ความคิดดังกล่าวทำให้ท่านกระวนกระวายจนนอนไม่หลับ

เวลานี้ เขากลับได้เห็นสัญญาณบางอย่างอีกครั้ง พร้อมด้วยใบหน้าที่คุ้นเคย…

…………………………………………………………..

ตอนที่ 1858-1

สามปีหลังจากที่ตระกูลป๋อย้ายออกไป พวกเขาเคยเจอกัน ในฐานะที่เป็นคุณพ่อบ้านมืออาชีพ จึงพร้อมมูลได้ด้วยมารยาท ผู้ชราที่มีสายเลือดคนต่างชาติถอดหมวกออกมา ร่างในชุดสูทโค้งเคารพอย่างมีระเบียบแบบแผน “คุณอาน ไม่ได้เจอกันหลายปีเชียวครับ คุณยังสง่าเหมือนเดิมเลยทีเดียว”

“แอลเลน” คุณท่านอานนึกชื่อผู้มาเยือนออกทันทีที่ได้เห็นหน้า ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างไม่เคยเห็นท่านประธานของตัวเองเป็นเช่นนี้มาก่อน คุณท่านตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด มือที่กุมไม้เท้าหัวมังกรสั่นเทา “คุณยังมีชีวิตอยู่”

“ไม่เพียงแต่ผมครับ นายน้อยก็เหมือนกัน” รอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ ทำให้เห็นถึงความรู้สึกที่แฝงมา

การพบกันในครั้งนี้เหมือนเพื่อนเก่าได้มาเจอกันอีกครั้ง ผู้ช่วยมองดูคุณพ่อบ้านที่เหมือนออกมาจากศตวรรษที่ 19 เดินมาอยู่ข้างตัวท่านประธาน

“ไม่ปิดบังคุณอานล่ะครับ ผมมาครั้งนี้เพื่อจัดการธุระให้นายน้อย” ถึงคุณตาจะไม่มีเชื้อสายจีน หากแต่พูดภาษาจีนได้แม่นยำ ปะปนไปกับสำเนียงต่างชาติ “ตอนที่นายน้อยเป็นเด็ก ก็มีบุญที่ได้รับการดูแลจากบ้านตระกูลอาน โดยเฉพาะคุณชายฉินที่ดูแลนายน้อยเป็นอย่างดี ซึ่งนายน้อยจดจำไว้ในใจเสมอมา ถึงผมจะไม่เคยเห็นกับตา แต่หลังจากที่นายน้อยย้ายออกมาก็เอาแต่พูดถึงคุณชายฉิน ตอนนี้พวกเขาโตแล้ว ได้มาคบกันอีกครั้ง ก็ไม่เลยไม่ทราบว่าคำพูดที่คุณอานเคยลั่นไว้เมื่อครั้งกระโน้นยังยึดถือเป็นจริงจังได้ไหม เกี่ยวกับแต่งงานดองสัมพันธ์น่ะครับ”

“คนที่มาเจรจาคือคุณเองหรือ?” ก่อนหน้านี้ คุณท่านอานได้รับจดหมายมาขอเยี่ยมฉบับหนึ่ง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เดิมท่านกะจะไม่สนใจ คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง แล้วบ้านไหนกล้ามาคุยเรื่องนี้กับตระกูลอาน แถมยังระบุตัวหลานท่านด้วย ต้องเป็นพวกกินดีหมีหัวใจเสือถึงจะทำได้

ทว่าคุณท่านอานกลับคิดไม่ถึงเลยว่า พอหลานท่านได้ยินเรื่องนี้ ถึงกับรีบตอบตกลงทันที!

ตอบตกลงงั้นเหรอ? ดูไม่สมกับที่เป็นหลานท่าน

ต้องบอกก่อน เมื่อก่อนเวลาที่พูดถึงเรื่องนี้ หลานท่านเป็นต้องหน้ากระด้าง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตอบเลย คนฉลาดอย่างคุณท่านอานนึกขึ้นได้ทันทีว่า หลานท่านต้องรู้จักคนเขียนจดหมายขอเยี่ยมฉบับนี้แน่ ไม่เช่นนั้นตอนที่ท่านต่อสายถึงเขา เพื่อจะให้อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น หลานท่านกลับเริงร่ามาก ท่านยังจำปฏิกิริยาของหลานได้

“เหรอครับ มาคุยเรื่องแต่งงาน” จากนั้นก็หัวเราะ หัวเราะอยู่นั่น หัวเราะจนคนเป็นตายังรู้สึกว่ามีอะไรซ่อนเร้น

“เฮ้ เจ้าเด็กนี่ จะชอบใจอะไรขนาดนั้น?” ตอนนั้นเพื่อนร่วมธุรกิจที่ยืนอยู่ด้วยต่างมองท่าน สีหน้าของคุณท่านอานทั้งอ่อนใจและยินดี นานแล้วที่ไม่เคยเห็นหลานเป็นแบบนี้ เหมือนเด็กน้อยเลยทีเดียว

“ชอบใจมากเลยครับ คุณตาช่วยตอบตกลงให้ผมที แล้วผมจะรีบกลับไป”

ตอนนั้นเป็นช่วงบ่าย ส่วนเวลานี้เป็นช่วงค่ำ เมื่อคนมาเจรจามาถึงและเปิดเผยโฉมหน้าให้เห็น ทว่าคุณท่านอานคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคนเก่าคนแก่ที่เคยรู้จัก

เวลานี้ ท่านเข้าใจทันที มิน่าล่ะหลานท่านถึงอิ่มเอมใจขนาดนั้น

ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากปลายสาย

ที่แท้ก็เป็นเด็กคนนั้นนี่เอง เห็นที…

คุณท่านอานเหมือนนึกอะไรออก แววตาแดงก่ำทันควัน หลานท่านจำได้แล้ว ใช่ไหม? จำเรื่องในวันเด็กได้ด้วย

คุณท่านอานเป็นผู้ที่ควบคุมความรู้สึกได้สเมอ ทว่าเวลานี้กลับควบคุมไม่ไหว บรรยายไม่ถูกว่าท่านรู้สึกอย่างไร คำพูดอุดลำคอไว้จนพูดไม่ออก ท่านกระแอมกระไอเบาๆ เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว “ดีมากจริงๆ”

ใช่ ดีมาก บางทีคนที่รู้ว่าเด็กสองคนนั่นผ่านอะไรมาบ้างถึงได้ทอดถอนใจเช่นนั้น

 ………………………………………..

 

ตอนที่ 1857-1

ราชินีจอเงินคิดมาถึงตรงนี้ เสียงโทรศัพท์ในมือพลันดังขึ้น เป็นเบอร์ของเจ้าลูกชายน้ำแข็งที่ไม่ยอมรับสายเธอเสียที คนสวยรู้ทันความเจ้าเล่ห์ของลูกตนเป็นอย่างดี จึงไม่แสดงความร้อนรนออกมา แค่ถามช้าๆ “ลูกวางแผนจะทำอะไร?”

“คุณอานคนสวย ผมไม่เข้าใจคำถามคุณเลยครับ” ฉินมั่วมองดูภาพใต้แสงไฟที่อยู่ไม่ไกลผ่านหน้าต่างกระจก ตรงนั้นมีร่างคนมากมาย แต่คำตอบของเขา เล่นเอาคนสวยกระชากเสื้อคลุมไหล่ “อย่ามาแกล้งโง่กับแม่ คุณตาของลูกบอกแล้วว่ามีคนมาขอดองด้วย แล้วลูกก็ตอบตกลง”

ฉินมั่วดูเรื่อยเฉื่อย กำลังคำนวณเวลาที่คนบางคนจะกลับมา “อือฮึ”

มีลูกชายบ้านไหนบ้างที่ทำตัวแบบนี้ ตอบแค่ ‘อือฮึ’? คนสวยอยากโทรหาสามีอย่างเร่งด่วน แต่ดูเหมือนฉินมั่วจะเดาใจแม่ตัวเองได้ “ก่อนจะฟ้องคุณพ่อนะครับ แม่ควรจะถามคุณตาก่อนว่าจะดองกับใคร”

“แม่จะไม่ถามได้ยังไง ได้ข่าวว่าเป็นคนจีนไปตั้งธุรกิจที่ต่างประเทศก่อนจีนจะเปิดประเทศ แถมมีเชื้อสายราชวงศ์ของประเทศ Y ด้วย” คนสวยยิ่งคิดก็ยิ่งเลยเถิด “พวกนายทุนยอมแต่งงานเพื่อผลประโยชน์”

ฉินมั่วรู้ว่า แม่เอาความที่งอนพ่อมาลงกับตัวเองด้วย “งั้นแม่ก็ยังตรวจสอบไม่ละเอียดดีพอ แม่ควรจะถามคุณตาก่อนนะฮะว่าทำไมผมถึงรับปาก”

คนสวยหรี่ตาลง คนฉลาดอย่างเธอจึงเปลี่ยนเรื่องพูด “ทำไมที่บ้านถึงไม่มีหนังสือสำมะโนครัวของลูก”

“เอาไปให้ไอดอลของแม่แล้ว” ฉินมั่วพูดอย่างไม่ใส่ใจ

คนสวยคิดแล้ว ก็มุ่งเข้าประเด็น “ลูกเอาทะเบียนบ้านไปให้ มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องตกลงแต่งงาน”

“ไอดอลของแม่ต้องมีอะไรมากระตุ้น ถึงจะยอมขยับตัว” ฉินมั่วไม่ปฏิเสธที่จะปล่อยความลับออกมา

คนสวยฟังแล้วรู้สึกเหมือนมีหลุมพรางขุดล่ออยู่ “ลูกคงไม่ได้ขุดหลุมพรางดักจิ่วหรอกนะ”

“คุณอานคนสวยครับ ระวังคำพูดหน่อย พวกเราเต็มใจกันทั้งคู่นะครับ “ฉินมั่วมองดูนอกหน้าต่างรถ นิ้วเรียวเคาะบนพวงมาลัย “เอาล่ะ เขาใกล้จะกลับมาแล้ว แม่ลองไปถามเรื่องแต่งงานได้ อีกอย่าง คนสวยครับ จะเป็นแฟนคลับไอดอลน่ะ ผมไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำอะไรให้มันเด่นเกิน เช่นเวลาจัดกิจกรรมมีทติ้งให้ของขวัญอะไรแบบนี้ แม่อย่ามาเลย แม่ก็รู้ดีว่าแม่สร้างความดังได้มากแค่ไหน เกิดแม่มางานด้วย เดี๋ยวยอดคนติดตามจะสูงมากเกินไป”

คนเป็นแม่ได้ยินแล้วไม่ยอม “ทำเหมือนกับแม่รบกวนลูกเหลือเกินนะ แม่ก็แค่เพิ่มชื่อเสียงให้ไอดอลของแม่เท่านั้น”

“ต่อไปฉินกรุ๊ปจะทำการตลาดให้กับพวกแฟนคลับรุ่นแม่หลายโปรเจคเลยล่ะครับ แม่จะได้เปย์เงินให้ไอเอลของแม่ได้เต็มที่” ฉินมั่วพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

คนสวยหันไปมองผู้จัดการที่มองตนเองอยู่ “ประธานฉินของพวกเธอนี่ กับแม่กับเชื้อก็ยังจะคิดเงินเนอะ”

“นางฟ้า นักข่าว นักข่าว…” ผู้จัดการยืนฟังอยู่ด้านข้างอย่างเหงื่อตก ไม่เคยเห็นประธานฉินมั่นใจขนาดนี้มาก่อนเลย

ฉินมั่วกลับไปคุยเรื่องเดิม “แม่อย่าโทรมาอีกนะครับ เรื่องแบบนี้อย่างเพิ่งให้เขารู้ก่อนจะดีกว่า ผมกำลังรอให้เขาแต่งลูกชายแม่เข้าบ้านอยู่”

คนสวย “…”

ผู้จัดการไม่รู้จะพูดอะไรดี อยากปิดหน้าด้วยความอายเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าประธานฉินจะเป็นแบบนี้ ส่วนคนสวยวางสายลงกลับดีใจสุดขีด มุมปากแย้มยิ้ม สวยจนไม่มีอะไรมาเปรียบ “ลูกชายน้ำแข็งของฉันฉลาดขึ้นมาแล้ว ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”

…………………………………………

ตอนที่ 1857-2

ผู้จัดการร้องเฮ้อ เขาอยากบอกราชินีจอเงินเหลือเกินว่า เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ไม่ได้ยินประธานฉินพูดเหรอครับว่ารอให้ฝ่ายนั้นมาขอแต่งเข้าบ้าน?

พูดง่าย ๆ นะครับ คือแต่งไปใช้สกุลผู้หญิง ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลฉิน คนที่แฟนคลับมหาศาลติดตาม เทพฉินที่เด่นสุด เก่งสุด มีมูลค่าทางธุรกิจสูงสุด เจ้าของหน้าตาหล่อเหลาที่ทำเงินเยอะที่สุดเชียวนะครับ เขาจะแต่งเข้าบ้านเจ้าสาว? แต่งเข้าบ้านเจ้าสาวนะครับ?

ผู้จัดการรู้สึกว่าตัวเองต้องนิ่งเข้าไว้ จริงๆ นะ เพราะในอนาคต ถ้าประธานฉินแต่งเข้าสกุลอื่น แล้วใครจะดูแลฉินกรุ๊ป แถมยังมีแวดวงธุรกิจ โลกออนไลน์ นักข่าว…

ผู้จัดการพอจะเดาข่าวที่เกิดได้เลยว่าจะสร้างผลกระทบสะเทือนขนาดไหน อยากถามประธานฉินเหลือเกินว่า ทำไมถึงกล้าพูดว่ารอคนมาขอได้เต็มปาก แต่ฟังจากคำพูดของราชินีจอเงินแล้ว เหมือนเขาจะวางแผนล่อฝ่ายหญิง

น่าเกลียด น่าเกลียดที่สุด!

ประโยคนี้ ในฐานะที่เป็นรถสปอร์ตชั้นเยี่ยม เสี่ยวเฮยคิดเช่นกันว่ามันได้ยินคำพูดของชายหนุ่มตลอดศก มิน่าล่ะ ถึงได้ให้ทะเบียนบ้านกับเจ้านาย ที่แท้ก็มีแผนนี่เอง เจ้านายของมันยังอุตส่าห์คิดว่าจอมมารเขินอายอีก!

เสี่ยวเฮยอยากจะ อยากจะ… ไม่รู้จะพูดยังไงดี! แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ จอมมารยังอ่านความคิดของรถออกด้วย พอวางสายก็พูดขึ้นว่า “ท่าทางจะต้องลบข้อมูลของนายเมื่อกี้นี้แล้วล่ะ”

เสี่ยวเฮยมองดูนิ้วเรียวที่เริ่มเคาะบนหน้าจอ อดไม่ได้ที่จะกอดตัวอ้วนๆ ของตัวเอง “ด้วยความจงรักภักดีต่อเจ้านายอย่างสูงสุด ถ้าเจ้านายไม่ถาม ผมก็จะไม่พูด”

“อ้อ?” ฉินมั่วเลิกคิ้ว “จงรักภักดีจริงๆ ไม่พูดก็โอเค เขามาแล้ว”

เสี่ยวเฮยปิดปากเงียบทันที พอป๋อจิ่วก้าวขึ้นรถก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ แต่ไม่นานเธอก็หลงใหลไปกับการกระทำของท่านเทพ ชายหนุ่มใช้นิ้วไล้ใบหน้าเธอ มุมปากแฝงรอยยิ้ม ท่านเทพไม่เคยยิ้มอ่อนโยนอย่างนี้มาก่อน

“หนาวไหม?” ฉินมั่วประคบให้หน้าเธออุ่นขึ้น

ป๋อจิ่วอ่อนแอที่ไหนกันล่ะ เธอดึงผ้าปิดปากออกมาครึ่งหนึ่ง ใบหน้าแสนเท่ก็ปรากฏทันที “ไม่หนาวหรอก แต่ตัวฉันเย็นมาก อย่ากอดเลย”

“ยิ่งเย็นก็ยิ่งต้องกอด” ฉินมั่วพูดจบก็ลูบศีรษะเธอ

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงหลงลืมบรรยากาศที่แปลกประหลาดจนสิ้น แถมด้วยฉินมั่วไม่รีบขับรถจากไป แค่ดึงแฮมเบอร์เกอร์ออกมาป้อนเธอพลางให้เธอดื่มเป๊บซี่ในมือ เดี๋ยวๆ ก็ยิ้ม เล่นเอาพระจันทร์แสนงามอับเฉาเลยทีเดียว

เสี่ยวเฮยมองดูเจ้านายตัวเองหลงเตลิดไปกับกลหนุ่มงามอย่างกู่ไม่กลับตาปริบๆ หน้าจอกระตุกขึ้นสองครั้ง มันสังหรณ์ใจว่า นี่คือชะตากรรมที่มันต้องผจญต่อไปในอนาคต และยังค้นพบอีกว่า จอมมารมีเทคนิคแย่งความสนใจจากมันไปอย่างสุดยอด!

ชายหนุ่มไม่เพียงแต่ทำทุกเรื่องแทนมัน แถมยังตอบสนองในสิ่งที่เจ้านายของมันชอบด้วย ไม่เช่นนั้นล่ะก็ เจ้านายของมันจะยังคิดได้ยังไงว่าอีกฝ่ายเขินอาย เอาแค่เรื่องเมื่อครู่เถอะ เจ้านายของมันชะโงกหน้าจะจุ๊บชายหนุ่ม อีกฝ่ายก็เอาปีกไก่อุดปากเธอทันที ก่อนจะยิ้มจุ๊บที่หน้าผากแทน “กินดีๆ สิ”

นางปีศาจยั่วเย้าด้วยการปฏิเสธ มินาล่ะ มิน่าล่ะ เจ้านายมันออกจะฉลาด แต่กลับตกอยู่ในเงื้อมมือจอมมารระดับสุดยอดเชียว เสี่ยวเฮยแขวะในใจยังไม่จบ ก็เห็นชายหนุ่มมองกระจกส่องหลัง น่าสะพรึงมาก!

ฉินมั่วเห็นรถทำตัวเรียบร้อย จึงถอนสายตากลับมา ใช้ทิชชูเช็ดมุมปากให้ใครบางคน มองไปมองมาก็รู้สึกว่าคนของเขาดูรื่นตาดี

 ……………………………………………

ตอนที่ 1857-3

ป๋อจิ่วไม่รู้ตัวเลยว่าเธอยังไม่ทำอะไรก็เข้าใจความหมายของชายหนุ่ม โดนจุ๊บครั้งหนึ่งก็รู้สึกหวานฉ่ำ แถมยังมีอีกเรื่องที่น่ายินดี ตอนที่เธอไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์ก็ได้รับข่าวหนึ่ง เป็นข่าวที่คุณตาพ่อบ้านส่งให้เธอ ด้วยเนื้อหาง่ายๆ แค่ว่า “ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ตอนนี้ผมกำลังไปสู่ขอที่บ้านตระกูลอาน”

สู่ขอเรอะ?

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเธอชอบฟังคำนี้จัง อื้อ รอคุณตาเสร็จงานทางนั้นก่อน เธอก็จะเริ่มเสียที

ฉินมั่วไม่รู้ว่าเธอยิ้มอะไร มุมปากแฝงแววร้ายกาจอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนฝั่งของคุณตาที่ทำอย่างเป็นทางการ ชุดสูททักซิโด้ต้องพร้อม แถมข้อตกลงที่แสดงความจริงใจอย่างถึงที่สุด

ทุกคนต่างรู้กันว่า คุณท่านอานไม่พบใครง่ายๆ ตระกูลอานต่างจากตระกูลฉินตรงที่ ธุรกิจทุกอย่างอยู่ต่างประเทศหมด ทั้งยังทำมานานแล้วด้วย คนชอบพูดกันว่าคนรวยยืนยงไม่พ้นรุ่นที่สาม ซึ่งไม่เคยปรากฏกับบ้านตระกูลอาน

เมื่อมาถึงยุคของราชินีจอเงิน เธอกลับอยากเข้าวงการบันเทิง ใช่ว่าคุณท่านอานจะไม่เคยห้ามไว้ แต่ด้วยภายหลังมีหลานรัก คุณตาอานถึงวางใจ เพราะสมบัติของตระกูลมีทายาทสืบทอดแล้ว เบรกความเชื่อดังกล่าวไว้ โดยเฉพาะหลานของท่านที่เก่งเป็นเลิศมาตั้งแต่เด็กจนโต คนไม่น้อยอยากผูกสัมพันธ์ด้วย โดยเฉพาะพวกสาวไฮโซ ไม่ว่าจะเป็นในหรือต่างประเทศ

ทว่าคุณท่านอานรู้ดีกว่าใคร หัวใจของหลานท่านซ่อนคนคนหนึ่งไว้ในใจ และเพราะมีคนคนนั้น คุณตาจึงไม่ถามเรื่องชีวิตรักของหลาน เพราะรู้ดีว่าตอนที่จะย้ายกลับมาจากต่างประเทศ หลานรักตัวน้อยก็เอาแต่กุมฮู้กันภัยยืนอยู่หน้าประตูข้างบ้านอยู่นาน

บอกตรงๆ นั่นเป็นครั้งแรกที่ท่านเห็นหลานอ่อนแอ ลูกสาวท่านเอาแต่กังวลว่าหลานรักของท่านจะไม่อยากกลับจีน อันที่จริงหลานท่านไม่เพียงแต่ไม่อยากกลับจีน แต่ด้วยเพื่อนตัวน้อยของเขาหายตัวไป นั่นเป็นครั้งแรกที่ท่านได้ยินหลานถามคำถามที่แสนบริสุทธิ์ ตอนนั้นหลานยังเล็กอยู่ ตัวสูงเท่าเอวท่านเท่านั้น หน้าเล็กๆ นั่นเงยขึ้น “คุณตาว่าเขาจะกลับมาไหมครับ?”

คุณท่านอานโลดแล่นอยู่แวดวงธุรกิจมานาน เห็นแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าคนข้างบ้านไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ข้าวของถูกขนย้ายออกไปหมดราวกับไม่เคยใช้ชีวิตที่นี่มาก่อน

การตัดขาดความสัมพันธ์อย่างกะทันหัน ทำให้รู้ว่าต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ คุณท่านอานรู้ดีแก่ใจ แต่กลับพูดปดกับหลานรักอย่างมีเหตุผล “ต้องกลับมาสิลูก เขาชอบหลานจะตาย ต้องกลับมาแน่นอน”

“แต่ผมทะเลาะกับเขา” หลายชายเหมือนเจ้าชายตัวน้อย สวมสูทเด็ก ยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ บิดปาก ดวงตาแดงก่ำ “เขาโง่จะตาย กลางคืนก็ไม่รู้จักห่มผ้า เอาแต่ปีนกำแพงอยู่นั่นแหละ พอเล่นเกมขึ้นมาก็ไม่สนอะไรแล้ว เวลาแปรงฟันก็ไม่รู้จักพับแขนเสื้อ…”

 ……………………………………………..

 

ตอนที่ 1855

 “เปล่านี่” เซวียเหยาเย่าสวมฮู้ดที่ติดกับเสื้อขนเป็ดไว้บนศีรษะ “ฉันไปก่อนนะ คุณรอสักครึ่งชั่วโมงก่อนแล้วค่อยออกไปแล้วกัน จะได้ปลอดภัย คุณอาเจียงก็จะได้ไม่คิดมากด้วย”

เจียงจั่วยิ้มทันทีที่ได้ยิน แต่นัยน์ตาไร้แววอ่อนโยน “เดี๋ยวนี้คิดอะไรรอบคอบเสียจริง ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยนะ”

เซวียเหย่าเย่าไม่ได้ครุ่นคิดต่อไปว่าเขายิ้มเพราะอะไร ได้แต่ถือข้าวของ “ระวังไว้ก่อนจะดีกว่า”

ตระกูลเจียงต้องการให้สองพี่น้องกลมเกลียวกัน แม่จะได้ใช้ชีวิตสบายขึ้นหน่อย อันที่จริงก็ไม่ได้อยากอยู่ในสภาพนี้ต่อไป เพราะในสายตาของบางคนต่างมองว่า พวกเธอพึ่งบุญตระกูลเจียงเสมอมา

เซวียเหยาเย่าไม่ปฏิเสธ แต่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เธอเล่นกีฬาอีสปอร์ต ใช่ว่าเหยาเย่าจะไม่เคยได้ยินคนในแวดวงเขาที่ว่าเธอ

‘เล่นเกมเหรอ? โตขนาดนี้แล้วยังเล่นอีกเหรอ เป็นเด็กผู้หญิงแต่ไปเล่นเกมออนไลน์? เอาแบบสตรีมเมอร์หญิงงั้นสิ?’ ประโยคสุดท้ายมักจะแฝงความคิดประเภทเรื่องรักใคร่ระหว่างชายหญิง ด้วยอยู่ในโลกอุตสาหกรรมบันเทิง ตระกูลเจียงจึงจัดงานเลี้ยงอยู่เป็นประจำ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเจียงจั่วก็ปลงตก

เซวียเหยาเย่าเข้าใจดีเสมอมาว่า การที่คุณอาเจียงแต่งแม่เธอเข้าบ้านก็เพราะคิดถึงความหลัง หัวใจของท่านยังคงรักผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเจียงจั่ว หากเจียงจั่วอารมณ์ดี คุณอาเจียงก็จะเบิกบานทั้งวัน  และในงานเลี้ยงแบบนี้ หลายครั้งเจียงจั่วจะเป็นผู้จัดเสียเอง คนที่มาก็เหมือนจะรู้สถานะของเธอและแม่ หากจะบอกว่าไม่เคารพ ก็คงไม่ใช่ แต่จะบอกว่าให้เกียรติมากรึก็เปล่า แน่นอน ส่วนใหญ่จะเป็นคำซุบซิบนินทาเสียมากกว่า

พวกคุณหนูบ้านรวยที่เขารู้จักหรือเพื่อนนักเรียนของเธอ เห็นเธอทีไรเป็นต้องว่าทุกที ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าตื่นหน่อย อย่าหวังลมๆ แล้งๆ อย่าคิดว่าอยู่ใกล้เขาแล้วจะทำอะไรได้

เซวียเหยาเย่าไม่พูดอะไร หากเลือกได้ เธอก็ไม่อยากกลับบ้านตระกูลเจียง เทียบกับงานแบบนี้ เธอยินดีที่จะอยู่ในอินเทอร์เน็ตบาร์ของเฮียเย่ามากกว่า มีโคโค่และเฟิงซ่างอยู่ด้วย แถมเฮียเย่ายังคอยต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต่างๆ ให้ นั่นเป็นความอบอุ่นที่ไม่มีในบ้านหลังนี้ มีน้อยคนที่จะเป็นห่วงเป็นใยเรื่องการเรียนของเธอ

นอกจากโคโค่ที่จับศีรษะเธอพูด ‘สุดยอด ยากอะไรขนาดนี้ ข้อสอบในประเทศจีนยากอย่างนี้เลยเหรอ หัวฉันจะระเบิดอยู่แล้ว’ ในฐานะที่เป็นคุณชายที่เติบโตจากเมืองนอก เขาย่อมไม่คุ้นเคยกับหลักสูตรการเรียนในประเทศจีน โคโค่อุตส่าห์โทรหาหัวหน้าเพื่อการนี้ ถามด้วยสีหน้าน่าสงสารว่า หัวหน้าพอจะติวให้เขาได้ไหม ในฐานะที่หัวหน้าเป็นต้นแบบของนักศึกษามหาวิทยาลัย A วิชาทางสายวิทย์ย่อมไม่แพ้ใคร

“ฉันติวให้แค่แฟนฉันเท่านั้น” คำตอบสั้นๆ ของเทพฉิน เล่นเอาโคโค่อึ้งไปเลยทีเดียว เซวียเหยาเย่านึกภาพแล้วอยากขำกลิ้ง เพราะน้อยครั้งที่เทพฉินจะไม่วางสายแถมยังพูดอีกว่า “อีกอย่าง อย่าโทรมาขวางเวลาสวีทของฉันอีก เรื่องจิ๊บจ๊อยแบบนี้ พวกนายจัดการกันเองไม่ได้เหรอ?”

หลังจากที่ถูกตัดสาย โคโค่ก็โพสต์ลงเวยป๋อ “หัวหน้าอวดสวีทใหญ่เลย ไม่คิดถึงความรู้สึกของหมาโสดอย่างพวกเราสักนิด ทำไมข้อสอบถึงได้ยากแบบนี้”

ซึ่งก็มีหลายคนเข้ามาคอมเมนต์ปลอบใจ แต่ที่ทิ่มแทงจิตใจก็คือ แฟนคลับหลายคนถามว่า “อวดยังไงเหรอ? เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ”

เมื่อโคโค่หาคนคุยได้ ก็เริ่มแขวะพฤติกรรมของหัวหน้าตัวเองอย่างเมามัน และเพราะนี่เป็นเวยป๋อ ดังนั้นป๋อจิ่วจึงเขามาดูบ้าง เมื่ออ่านเจอข้อความที่ว่า

“พอฉันขอให้หัวหน้าติวหนังสือให้ รู้ไหมว่าเขาพูดว่าอะไร?”

……………………………………………….

ตอนที่ 1856-1

 “หัวหน้าบอกว่า เขาจะติวหนังสือให้แค่แฟนเขาเท่านั้น ห้ามไม่ให้ฉันไปรบกวนเวลาเขาสวีทกันเพราะเรื่องจิ๊บจ๊อย! What?”

ป๋อจิ่วพอจะมองออกว่าในเวลานี้โคโค่รู้สึกอย่างไรผ่านสัญลักษณ์ที่ใช้ ส่วนคอมเมนต์ล่างๆ เธอไม่ได้อ่าน แค่หันหน้าไปมองท่านเทพที่นั่งอยู่ข้างเธอ

คงเพราะจับสายตาของเธอได้ ฉินมั่วหมุนพวงมาลัย รอจังหวะไฟแดง ก่อนจะหยุดรถ “ทำไมเหรอ?”

“เปล่า” ป๋อจิ่วคิดว่าในฐานะที่เป็นประธานจอมโหด ก็อย่าได้มองแผนท่านเทพออกเลย เพราะท่านเทพจะอายเอา

ส่วนเสี่ยวเฮยที่เดาใจนายตัวเองออกอีกครั้ง ถึงกับตัวสั่น มันเซ็งจริงๆ ทำไมจอมมารมีรถตั้งหลายคัน ดันไม่เลือก แต่มาเลือกมันได้

ในฐานะที่เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะชั้นเยี่ยมระดับโลก มันคิดว่าตัวเองควรหาเพื่อนคุยบ้าง เพราะนับตั้งแต่มาถึงประเทศจีน มันก็เจอข้อดีอย่างหนึ่งคือ ถ้าหากเราบ่นในโลกออนไลน์ ก็จะมีคนมาร่วมผสมโรงกับเราด้วย เยี่ยมจริงๆ!

เสี่ยวเฮยคิดดีแล้ว รอจนถึงที่ที่หนึ่ง มันก็แอบเปิดระบบอินเทอร์เน็ต แล้วเข้าไปแชร์ชีวิตประจำวันของเจ้านายตัวเอง อย่าดูถูกแอคเคานท์ของมันเชียวนะ โพสต์ของมันได้รับความสนใจมากมายเลยล่ะ แถมยังมีคนถามมันว่ามีอะไรเล่าต่อไหม!

“หิวรึเปล่า?” ฉินมั่วจอดรถ ที่ถามเธอก็เพราะเห็นเธอเริ่มจะผิวปากอย่างไม่เรียบร้อยอีกแล้ว

ป๋อจิ่วยิ้ม “นิดหน่อย เดี๋ยวฉันลงไปซื้อนะ”

ตำแหน่งที่จอดรถถือว่าดีเยี่ยม เพราะข้างๆ เป็นร้านเบอร์เกอร์คิง ป๋อจิ่วสวมผ้าปิดปาก อาศัยว่าตัวเองขายาว จึงไม่เดินอ้อม ค้ำมือลงตรงบันไดที่สูงแค่ครึ่งเดียวของคนแล้วกระโดดข้ามไป

ฉินมั่วนั่งอยู่ในรถ เห็นแล้วขมวดคิ้วทันที ทว่าท่าทางของป๋อจิ่วดูเท่ เสื้อตัวนอกสีดำยังสะบัดจนเกิดลม ทำให้สาวๆ ที่เดินออกจากร้านต่างมองดูป๋อจิ่วที่ประจันหน้ากันพอดี ด้วยขาวเพรียวยาวและเอวบางเล็ก บวกกับผ้าปิดปากและผมสีเงินของเธอ พวกสาวๆ พากันแอบเดาสถานะกันใหญ่ ต่างคิดว่าเธอต้องเป็นเน็ตไอดอลแน่ แต่มองอีกทีก็ดูไม่เหมือน เพราะคนคนนี้ผลักประตูเข้าไป ควักกระเป๋าเงินออกมา ไม่ยอมปลดผ้าปิดปากสักนิด แต่ซื้อของเยอะแยะ ฟังจากเสียงก็ฟังไม่ออกว่าเป็นสตรีมเมอร์ที่ไหนหรือเปล่า แต่หนุ่มน้อยรูปหล่อแบบนี้ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับโลกออนไลน์หรอก น่าเสียดายจัง สาวๆ จึงพยายามค้นหาเบาะแสต่อ

หลังจากที่ซื้อเสร็จ ป๋อจิ่วก็เดินถือถุงกระดาษออกมา ส่วนมืออีกข้างถือแก้วกาแฟไม่ใส่น้ำตาล และในขณะที่กำลังเดินออกมา พวกเธอทั้งหลายยังคงมองไม่ออกว่าบุคคลในเป้าหมายเป็นใคร รู้สึกเพียงว่าบางส่วนของใบหน้านั้นดูจะหล่อมากเลยทีเดียว หากเขาปลดผ้าปิดปากออกจะเป็นอย่างไร

ป๋อจิ่วสังเกตได้ว่ามีคนมองเธออยู่ แต่ไม่สำรวมอาการแต่อย่างใด นัยน์ตาโค้งเป็นรอยยิ้ม

ชั่วขณะนั้น ก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง “กรี๊ดๆๆ”

แถมมีคนถ่ายรูปเธอลงเวยป๋อด้วย “วันนี้ได้เห็นพี่รูปหล่อคนหนึ่งมีผมสีเงิน สวมผ้าปิดปากสีดำ ค้ำบันไดกระโดดขึ้นมา แล้วไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์ ถึงจะไม่เห็นหน้า แต่ก็รู้สึกว่าหล่อสุดๆ”

แค่คำสั้นๆ ว่า ผมสีเงินและผ้าปิดปากสีดำ ก็เรียกความสนใจจากทุกคนได้ทันที เพราะต่างก็ไปคอมเมนต์ใต้โพสต์ของโคโค่ เวลานี้ เมื่อเห็นคีย์เวิร์ดออกมา หลายๆ คนก็คิดว่า “ฉันคิดมากไปหรือเปล่า? แผ่นหลังเขาเหมือนพี่แบล็กเลย”

“ต้องใช่แน่ๆ เห็นกระโดดกำแพงฆ่าศัตรูในเกมแบบนี้ การกระโดดบันใดไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย”

“ฮ่าๆๆ! ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนเทพ Z!”

 ………………………………………

ตอนที่ 1856-2

เทพ Z?

ใคร?

คนที่โพสรูปไม่เล่นเกมออนไลน์ ดังนั้นจึงไม่รู้เรื่องวงการอีสปอร์ต  แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น โพสของเธอกลับโดนแชร์ต่อจำนวนมากมายจนน่าตกใจ หลายๆ คนแอดชื่อเธอกันใหญ่แล้วขอพิกัด

แน่นอนว่าย่อมมีพวกมีสติอยู่ “ฉันเพิ่งกลับจากที่นั่นมาเอง เสียใจจัง ฉันคิดว่าได้เดินสวนพี่แบล็กนะ”

“ถ้าไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วสินะ”

“มีฉันคนเดียวหรือเปล่าที่เห็นว่านอกจากเป๊บซี่แล้ว พี่แบล็กยังถือแก้วกาแฟด้วย?”

“ต้องซื้อให้เทพฉินแน่”

“ต้องซื้อให้เทพฉินแน่ +1”

“เทพฉินชอบปล่อยให้แฟนมาซื้อของอะ แล้วตัวเองรออยู่ในรถ”

“ให้แฟนช่วยแก้แค้นให้”

“ให้แฟนช่วยเอาชนะ”

“เขินอะ เทพฉินหวานกับแฟนที ฉันไม่อยากพูดอะไรแล้ว…”

“ในฐานะที่เป็นแฟนคลับเทพฉินที่รู้ลึก ขอบอกว่า แบล็กพีช ห้ามคืนของเด็ดขาดนะ”

เรื่องจริงก็พิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่เหล่าแฟนคลับกังวลใจไม่เกิดขึ้น เพราะคุณชายฉินเป็นใครกัน จะยอมให้คนบางคนทิ้งเขาได้ยังไง ที่ให้เข้าหล่อนลงไปซื้อของ ก็เพราะโทรศัพท์เขาดังไม่หยุด แถมคนโทรยังไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นแม่เขา ราชินีจอเงินคนสวยนั่นเอง ไม่ใช่แค่โทรหา ยังส่งข้อความทางวีแชทมาเป็นชุดๆ

“ทะเบียนบ้านของลูกอยู่ที่ไหน?”

“วันนี้แม่ได้รับสายหนึ่ง บอกว่าโทรมาจากประเทศ Y บอกว่าจะดองกับบ้านเรา”

“แม่ถามพ่อของลูกแล้ว ลูกกล้าตอบตกลง! นี่ลูกถึงกับตอบตกลงเลยเหรอ ฉินมั่ว! แม่ขอบอกนะว่า ถ้าลูกกล้าทิ้งน้องจิ่วของแม่ ลูกตายแน่ แม่ขอบอก!”

คนสวยมีกิริยาสง่างามเสอ แต่ต่อให้สง่างามแค่ไหน เมื่อเห็นลูกชายไม่ยอมตอบเธอเลยสักประโยค เพลิงไฟในใจก็ย่อมลุกโหม เจ้าลูกน้ำแข็งนี่ หาที่ตายใช่ไหม!

ส่วนผู้จัดการส่วนตัวยืนตัวสั่นอยู่ด้านข้าง เอ่ยถามเบาๆ “มีนักข่าว มีนักข่าวอยู่ด้วย”

นี่มันเวลาไหนกันแล้ว เธอจะแคร์ทำไมว่ามีนักข่าวหรือไม่ คนสวยสูดหายใจเข้าไปลึกๆ เธองามเหลือเกิน “โทรต่อไป”

ผู้จัดการส่วนตัวก็เป็นคนจากบริษัทลูกของฉินกรุ๊ป จะให้เขาพูดอัไรได้? แค่เมื่อก่อนเขาเห็นประธานฉินที ยังไม่กล้าหายใจเสียงดังเลย ตอนนี้เขาต้องมาโทรติดกันถึงสามครั้งจากคำสั่งของคนสวย ทำไมวันนี้ประธานฉินถึงได้เลิกงานเวลาปกตินะ ทำเอาลูกน้องอย่างพวกเขาเหมือนอยู่ในความฝันเลยทีเดียว

“บางทีประธานฉินกำลังยุ่งอยู่นะครับ” ผู้จัดการส่วนตัวช่วยหาคำตอบในสภาพยิ้มๆ เขาเกรงว่าหากต่อสายอีกเป็นครั้งที่สี่ จำเป็นการรบกวนเดทของบอส

เพราะเขาอยู่ข้างล่างตึก เห็นกับตาว่าบอสออกไปกับคุณหนูจิ่ว แถมสีหน้ายังบรรยายยากอีก เพราะถึงจะยิ้ม แต่แววตาไม่มีความเบิกบานเลย

แค่นี้ยังพอว่า แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ท่านประธานยังส่งข่าวบอกพวกเขาว่า ต่อให้จะยกเลิกขั้นตอนยุ่งยากต่างๆ เช่นพวกให้ของขวัญ หวังว่าต่อไปจะไม่มีอีก

โอ๊ย หึงชัดๆ

ราชินีจอเงินไม่รู้เรื่องก่อนหน้านี้ แต่เรื่องแต่งงานดองกันอะไรพรรค์นี้ เธอจะต้องถามให้แน่ชัด เพราะฝ่ายโน้นมีเชื้อสายราชวงศ์เก่า ถ้าน้องจิ่วรู้เรื่องนี้เข้าจะเสียใจขนาดไหน…

………………………………………………….

ตอนที่ 1853-2

อวิ๋นหู่พูดพลางเดินขึ้นบันได เสียงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ช่วงนี้ก็คงเป็นอย่างนี้ไปก่อน”

“อย่า อย่าดิ” มู่หรงอานได้ไอเดียขึ้น “นายอยากจะ…นั่นไม่ใช่เหรอ?”

อวิ๋นหู่ขมวดคิ้ว “พูดดีๆ นั่นน่ะคืออะไร”

“หลินกรุ๊ปไง” มู่หรงอานพุ่งประเด็นสำคัญ “ช่วงนี้หลินเฟิงวิ่งเต้นเรื่องโครงการก่อนสร้างไม่ใช่เหรอ พวกเขาอยากร่วมลงทุนกับพวกเรามาก เป็นไง? สนใจปะ?”

เวลานี้อวิ๋นหู่เปิดประตูห้องพักพอดี พบว่าข้างในว่างเปล่า คนที่นั่งที่โต๊ะก่อนหน้านี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ห้องว่างเปล่าราวกับลมยังพัดเข้ามา เขาปิดประตู หลุบตาดูช่องเก็บกระเป๋าสัมภาระ และพบว่ามันว่างเปล่า…เจ้านั่นคิดจะทำอะไร?

“ฮัลโหลๆๆ นายยังฟังฉันอยู่หรือเปล่า? ลูกพี่” มู่หรงอานถือมือถือเอาไว้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น พอคิดจะเอ่ยเสียงดังกว่าเดิม ปลายสายก็ส่งเสียงออกมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศในฤดูหนาวหรือไม่ ถึงทำให้เสียงดูเย็นกระด้าง “เรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันเมื่อกี้ ฉันตกลง”

มู่หรงอานไม่คิดว่าจะสำเร็จได้ง่ายเพียงนี้ แม้จะเดาออกว่า หากเอ่ยชื่อคนคนหนึ่งแล้วจะได้ผล แต่จากที่เขาเข้าใจ คนอย่างอวิ๋นหู่ที่แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ไม่น่าจะดึงตัวให้มาร่วมงานกันได้ง่ายๆ

ทว่าเวลานี้! แม้มู่หรงอานไม่รู้ว่าสถานการณ์ปลายสายเป็นอย่างไร แต่ในบางมุม เขาเหมือนได้รับขนมเปี๊ยะที่ตกลงมาจากฟากฟ้าเลยทีเดียว “ดีจังเลย ฉันจะให้ลูกน้องปล่อยเงื่อนไขให้ผ่อนคลายกว่านี้”

 “ไม่ต้อง” อวิ๋นหู่มองดูช่องวางกระเป๋าที่ว่างเปล่า “เงื่อนไขตามปกติไปแล้ว แค่เพิ่มขึ้นข้อหนึ่ง”

“หือ?”

“ให้หลินเฟิงมาคุยเอง แล้วอย่าบอกเขาว่า ฉันเป็นคนรับผิดชอบ”

มู่หรงอานเข้าใจทันที “ได้เลย นายสบายใจได้ ฉันจะจัดการให้”

อวิ๋นหู่วางสายลง นั่งลงที่เก้าอี้ของหอพัก รู้สึกว่ามันเย็นมาก เขาให้เจ้านั่นรอเขา แต่เจ้านั่นกลับขนของหนีเฉยเลย เห็นได้ชัดว่าคิดจะย้ายออกไปข้างนอกแน่ อันที่จริงด้วยสถานภาพของพวกเขา จะย้ายไปอยู่ข้างนอกก็ย่อมได้ แค่ทำเรื่องเสนออาจารย์ก็พอ

หากอยู่ปีสาม การทำเรื่องย้ายออกจากหอในเป็นเรื่องง่าย เพราะนักศึกษาของมหาวิทยาลัย A ล้วนแต่มีเหตุผลมากมายก่ายกอง แค่อาจารย์ไม่อนุญาตให้อวิ๋นหาออกไปเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็เหมือนอย่างที่มู่หรงอานว่าไว้นั่นแหละ หากปล่อยผู้ชายคนนี้ออกไป ก็มีหวังได้เป็นประธานผู้บริหารที่ไหนสักแห่ง แถมหน้าแบบนี้ ใครบ้างที่ไม่รู้จัก ที่สำคัญที่สุดคือเจ้าตัวไม่อยากไปไหนเอง มู่หรงอานรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ด้วยหนึ่งเพราะทีมไดมอนด์ สองเพื่อจะได้อยู่เป็นเพื่อนกับใครบางคน

อวิ๋นหู่เคยบอกว่า ‘ถ้าไม่เป็นเพราะเขาหรือถ้าเขาไม่อยู่ข้างฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลายเป็นคนแบบไหน’

อวิ๋นหู่พูดเรื่องนี้เมื่อตอนอยู่ในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง ขวดเหล้ากองนอนบนพื้น เหลือเขาคนเดียวที่ยังครองสติไว้อยู่ คงเพราะเหตุนี้ คนที่รู้สักเขาดีจะรู้ว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้าย หาใช่คนดีมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะตอนที่เขายังเด็กอยู่ ตระกูลอวิ๋นกลัวว่าเขาดื้อมากเกินไป อาจกลายเป็นคนเลวได้ในอนาคต อันที่จริงอวิ๋นหู่ดูเป็นคนนิ่งขรึม แต่เข้ากับทุกคนได้ คุณท่านอวิ๋นยังเคยบอกว่า ถ้าเลี้ยงดีๆ เด็กคนนี้จะเป็นบุคลากรชั้นยอด แต่หากเลี้ยงไม่ดี เกรงว่าจะกลายเป็นตัวปัญหาที่ทั้งตระกูลต้องปวดหัว

 ……………………………………………..

ตอนที่ 1853-3

หากเขาเกลียดใครสักคน ก็จะใช้วิธีที่ชั่วร้ายจัดการอีกฝ่าย เขามักปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างมีมารยาท ไม่เคยเก็บใครมาใส่ใจ ไม่คิดอะไรที่เด็ดขาด

จนเมื่อหลินเฟิงปรากฏตัวขึ้น ตอนนั้นหลินเฟิงตัวโตกว่าอวิ๋นหู่ แถมยังหน้าตาสวยมาตั้งแต่เด็ก เมื่อพบกันครั้งแรก อวิ๋นหู่ก็มีความอดทนต่ออีกฝ่ายมาก เพราะเป็นคนชอบของสวยๆ งามๆ ไม่ว่าจะเป็นของหรือคน ทว่าเวลานี้เขาคิดว่าเขาชอบหลินเฟิงเพราะอีกฝ่ายหน้าตาสวย แต่นานวันเข้า เขาก็รู้สึกว่าไม่ใช่

ต่อให้เจ้าเพื่อนคนนี้เล่นบาสเก็ตบอลจนมือเปื้อน เขาก็ไม่สน หรือหากเพื่อนไปเกิดทะเลาะวิวาทจนเสียโฉม เขาก็แค่อยากอัดคนที่หลินเฟิงทะเลาะด้วยให้หมอบ เขารู้สึกว่าแค่นั่งเล่นเกมซูเปอร์มาริโอ้ด้วยกันสองคนก็มีความสุขแล้ว ทั้งนี้เด็กวัยห้าขวบคบหากัน จะเรียบร้อยสงบเสงี่ยมได้อย่างไร ยังไงก็ต้องเตะกันคนละทีบ้าง จากนั้นก็กลับมมาดื่มนมแก้วเดียวกันในวันต่อมา

อวิ๋นหู่รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูดีขึ้นเรื่อยๆ ดูดีจนแม่เขายังพูดว่า ‘ถ้าหลินเฟิงเป็นเด็กผู้หญิงก็ดีสิ ดูสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักจะตาย ขนาดกินข้าวก็ยังพร้อมกันเลย’

แถมตอนที่สวมถุงมือให้ก็ยังว่า ‘ไปเล่นกับหลินเฟิงอีกแล้วล่ะสิ? เด็กคนนี้ มีแต่หลินเฟิงที่ทำให้เล่นด้วยได้ คุยกันได้ บ้านคุณหลี่ร้องห่มร้องไห้มาตั้งสามวันแล้ว ก็แค่ทำตัวจอยสติกของเกมพังเอง ลูกก็ไม่เล่นกับเขาแล้ว ทีหลินเฟิงทำพังตั้งหลายอัน ไม่เห็นลูกจะเป็นอย่างนี้เลย’

ใช่ว่าเด็กบ้านตระกูลหลี่จะหน้าตาไม่สวย เรียกได้ว่าเหมือนตุ๊กตาฝรั่งเลยทีเดียว แต่เขารู้สึกว่าเจ้าเด็กที่อ้าปากหาวอยู่น่ารักจะตาย โดยเฉพาะตอนที่เขาโดนอีกฝ่ายปกป้อง ยิ่งทำให้ลืมได้ยาก แต่ตอนนี้เจ้านั่นคงไม่คิดจะปกป้องเขาอีกแล้ว ถึงได้ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก อวิ๋นหู่นั่งที่เดิม ไม่รู้ว่ายิ้มอยู่หรือว่าเป็นอย่างไร เพราะมุมปากคว่ำลง มองดูจากที่ไกลๆ แล้วท่าทางอ้างว้างมาก…

ส่วนอีกด้านหนึ่ง คุณแม่หลินเห็นลูกชายกลับบ้านก็แปลกใจ “ทำไมกลับมาเวลานี้ล่ะ? แถมยังเอาของกลับมาเยอะด้วย?”

“อืม พรุ่งนี้ไม่มีเรียนฮะ” หลินเฟิงตอบมั่วๆ “ยังมีอีกโปรเจคหนึ่งที่ต้องทำครับ อยู่ที่นี่จะใกล้กับบริษัทมากกว่า ก็เลยกลับมาก่อน แล้วผมจะไปบอกอาจารย์อีกที”

คุณแม่หลินมองดูหลินเฟิง “ลูก ถึงจะไม่รู้สึกว่าลูกไม่มีปัญหา แต่ลูกต้องระวังเรื่องการเรียนบ้าง”

“รู้แล้วครับ” หลินเฟิงเก็บสัมภาระตัวเอง

คุณแม่มองออกไปข้างนอก “ลูกมาคนเดียวเหรอ?”

“ฮะ” หลินเฟิงปลดผ้าพันคอออก

คุณแม่เลิกคิ้ว “แล้วหู่ล่ะ เขาอยู่ห้องเดียวกับลูกนี่นา? พวกลูกโตมาด้วยกัน อย่าบอกนะว่าทะเลาะกัน?”

“เปล่าฮะ คุณหญิงแม่” หลินเฟิงจนปัญญา “แม่อย่าเอาแต่มโนเป็นเรื่องทำนองเดียวกันกับละครสิ ผมจะไปทะเลาะกับเขาได้ยังไง”

คุณแม่หลินพยักหน้า “ใช่ หู่เป็นเด็กน่ารักจะตาย ถ้าลูกยังเที่ยวหาเรื่องอย่างนี้อีก ต่อไปจะไม่มีใครคบนะ”

หลินเฟิง… ตกลงใครกันแน่ที่เป็นลูกแท้ๆ

คุณแม่หลิน “งั้นลูกบอกมาซิว่า ในเมื่อพวกลูกไม่ได้ทะเลาะกัน แล้วทำไมลูกถึงกลับเอง ถ้าแม่จำไม่ผิด ตอนนี้หู่น่าจะอยู่ที่มหาวิทยาลัยนะ”

หลินเฟิงชะงัก “เขามีเดทอะ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรหรอก คงต้องรบกวนคุณแม่ให้ถอยก่อน เพราะลูกชายแม่กำลังเหนื่อยมาก อยากขึ้นไปนอนแล้ว”

……………………………………………..

ตอนที่ 1854

คุณแม่หลินเห็นว่าวันนี้สภาพของลูกชายดูจะไม่ปกติ ยังนึกว่าเพราะลูกต้องวิ่งทั้งทางมหาวิทยาลัยและบริษัทจึงเหนื่อยมาก บวกกับการแข่งขันเพิ่งจะจบ ลูกเธอคงอยากพักมาก จึงไม่ถามอีก

หลินเฟิงหิ้วกระเป๋าเดินทางขึ้นไป ยังไม่จัดการเสื้อผ้าก็ทิ้งตัวเองนอนบนเตียง ก่อนหน้านี้ตระกูลหลินย้ายออกจากเขตทหารไปแล้ว คนข้างบ้านเขาจึงไม่ใช่ตระกูลอวิ๋น และคงเพราะความแตกต่างที่เป็นอยู่ ทำให้กลายเป็นแบบนี้

ยังดีที่การแข่งขันสิ้นสุดแล้ว แต่กระนั้น การสิ้นสุดยังมีความหมายอีกชั้นหนึ่ง หมายความว่าการได้เจอกันบ่อยคงหยุดลงที่ตรงนี้ เมื่อก่อนยังอาจติดต่อกันได้โดยอาศัยการแข่งขัน แต่ต่อไปจะอาศัยเหตุผลอะไรติดต่อกันอีกล่ะ

โลกของผู้ใหญ่มักต้องมีอะไรบางอย่างให้พูดกัน ถ้าเป็นการรู้จักกันในภายหลัง ช่องว่างอาจไม่เยอะเช่นนี้ แต่ดันคบกันมาตั้งแต่เด็กจนโตนี่สิ

หลินเฟิงหลับตาลง แต่มาคิดตอนนี้ก็ช้าไปแล้ว การรักษาระยะห่างไว้อย่างเหมาะสมจะดีกว่า เดาว่าต่อไปคงได้เจอกันที่คลับของฉินกรุ๊ปเท่านั้น

คุณแม่หลินมองดูอยู่นอกประตู นอนเร็วขนาดนี้? คงเพราะปกติหลินเฟิงไม่ค่อยมีปัญหาในใจ ดังนั้นจึงไม่มีใครนึกว่าเขาเป็นคนคิดอะไรลึกซึ้ง

หลังจากสิ้นสุดการแข่งขัน ชีวิตของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป

เซวียเหยาเย่าก็เช่นกัน เธอยืนใต้ฝักบัว ต้องการล้างคราบไคลจากตัวให้สะอาด แต่กลับเห็นรอยประทับบางอย่างที่ยากจะขจัดทิ้ง ยังดีที่ท้องฟ้ายังไม่มืดค่ำมาก ตอนนี้เธอเคยชินแล้ว เมื่อต้องใช้ชีวิตในรูปแบบหนึ่งมานาน ย่อมต้องเคยชิน เช่นตอนนี้ เธอสามารถสวมเสื้อผ้าทีละชิ้นต่อหน้าเขาได้อย่างเฉยเมย หากเป็นเมื่อก่อน คงเป็นเรื่องที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดแน่นอน

สัญญาระหว่างเธอและเขาใกล้จะสิ้นสุดลง รอจนเธอเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว ทุกอย่างก็จบลง ถึงเวลานั้นคงจะไม่มีเรื่องวุ่นวายมากมายอีกแล้ว เซวียเหยาเย่าเอาเสื้อขนเป็ดตัวยาวมาสวม ทำให้ดูไม่สะดุดตา แต่พอจะดูออกว่าเสื้อขนเป็ดตัวดังกล่าวหลวมลงเท่าตัว

เจียงจั่วเปลือยท่อนบน พิงหลังกับหัวเตียง คีบบุหรี่ไว้ระหว่างนิ้ว หากมองชายหนุ่มจากมุมนี้จะเห็นสีหน้าไม่ชัด แต่เขากลับมองเห็นเธอชัด นับตั้งแต่ที่รู้จักกันมา เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก ตอนนั้นเขายังไม่เคยคิดว่าเธอจะผอมลงได้ แถมยังผอมลงมากโข

เจียงจั่วหงุดหงิดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะเมื่อเห็นเธอสวมเสื้อขนเป็ดที่หลวมโพรก นึกถึงตอนที่เธอกินแอปเปิลลูกเดียวเป็นอาหารเที่ยง ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ

 ดังนั้นหลังจากที่มองแผ่นหลังของเธอ เจียงจั่วก็เคาะเถ้าบุหรี่บนถาดรอง เอ่ยพูดด้วยรอยยิ้มบางเบา “คิดจะทำแบบนี้ตลอดไปเลยเหรอ?”

เซวียเหยาเย่าหยุดฝีเท้า หันมามองเขา ดวงตาฉายแววสงสัย

“ผอมเพราะอยากสวย” ไม่เคยมีใครมองคนอย่างเจียงจั่วออก เมื่อก่อนเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม สีหน้าของเซวียเหยาเย่าชืดชา เธอไม่โต้เถียง เธอและเขาเป็นอย่างนี้มาตลอด ไม่ทะเลาะกัน แต่เห็นหน้าก็สนิทชิดเชื้อ เมื่อสนิทกันเสร็จก็ต่างคนต่างกลับบ้าน กระทั่งมาเจอหน้าบนโต๊ะอาหารในวันต่อมา ก็ยังแสดงท่าทีของพี่น้องอย่างมีมารยาทต่อกันได้

ช่วงนี้แม่เบิกบานใจมาก บรรยากาศตระกูลเจียงพลอยดีขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า เธอจะต้องเชื่อฟังเขาเสมอ…

…………………………………………………

ตอนที่ 1852-4

หลินเฟิงคิดว่า นายยังออกไปเดทได้เลย จะมาถามอะไรกับฉันวะ

“รายงานไง ต้องส่งตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”

อวิ๋นหู่รู้ทันทีว่าเป็นเรื่องของหลินกรุ๊ป แถมคนที่รับผิดชอบหลินเฟิงเป็นใคร เขาย่อมรู้ดีแก่ใจ “เมื่อกี้เพิ่งบอกว่า จะอยู่หอในต่อไม่ใช่เหรอ?”

หลินเฟิงวางเบียร์ในมือลง “ฉันรู้สึกว่าข้างนอกดีออก ถึงเวลาฉันจะไปพูดกับอาจารย์เอง”

อวิ๋นหู่กำมือถือแน่นขึ้น “นายคิดว่าข้างนอกดีกว่า โอ ฉันมันเรื่องมากเอง”

หลินเฟิงหงุดหงิดเรื่องโทรศัทพ์สายนั้นมาก “เปล่าหรอก แต่คนเราคิดไม่เหมือนกัน นายฉลาดออก อยู่ในม.ต่อก็ดีแล้ว แต่ฉันไม่เหมือนกัน นายก็รู้ว่าฉันโง่เรื่องนี้จะตายไป ในเมื่อมีคนที่มีเส้นสายมากมายคอยสอนงานให้ฉัน ฉันก็จะได้เก่งเร็วขึ้น แถมทางบริษัทยังรอฉันนานๆ ไม่ได้หรอก”

“นายคิดว่าฉันสอนนายไม่ได้เหรอไง?” อวิ๋นหู่เอียงศีรษะ เหมือนจะหัวเราะ

หลินเฟิงไม่อยากให้บรรยากาศไม่ดี เพราะหนึ่งเพิ่งจะแข่งเสร็จ สองอวิ๋นหู่เองก็เพิ่งจะกลับมาได้มานานเท่าไร แถมยังเห็นหน้าจอมือถือของเพื่อนสว่างอีก “เอาเหอะ นายจะออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ เรื่องของฉัน ฉันจะจัดการเอง ก็ไม่ใช่เด็กเสียหน่อย”

ปกติแล้ว การพูดแบบนี้ถือว่าเป็นการปฏิเสธอย่างเด็ดขาด อวิ๋นหู่มือผล็อยตก แววตาจ้องคนที่อยู่ตรงหน้า บางครั้งเขาก็อยากถามคนบางคนเหลือเกินว่า นายแค่ไม่ชอบผู้ชายด้วยกันหรือว่าแค่ไม่ชอบฉัน แต่คำพูดแบบนี้จะพูดออกไปได้อย่างไร เพราะหากพูดออกไปก็เท่ากับต้อนให้คนจนมุม ในเมื่อบอกตัวเองว่า ครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว โดยเขาจะต้องทำให้เพื่อนเป็ยเกย์ให้ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็จะไม่มีวันถอย “เรื่องนี้ รอฉันกลับมาแล้วเราค่อยพูดกัน”

ก่อนอวิ๋นหู่จะออกไปก็ขยี้หัวเพื่อน ฝ่ายหลินเฟิงโดนขยี้จนมึนไปเลย รอจนประตูห้องปิดก็กินอะไรไม่ลงอีก

มันอะไรกัน? เจ้าอวิ๋นหู่ไม่รู้จะรักษาระยะห่างหรือไง หรือว่าเพราะกลับไปเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว เลยไม่ต้องระวังอะไรอีก

หลินเฟิงทิ้งตัวลงบนเตียง มองดูท้องฟ้าด้านนอกที่เริ่มมืด แต่กลับไม่เปิดไฟ สมองเต็มไปด้วยเบอร์โทรศัพท์เบอร์นั้น เห็นทีเขาย้ายออกไปจะดีกว่า ขืนอยู่ต่อ เขาคงดำเนินความสัมพันธ์กับเพื่อนไม่ถูกขึ้นเรื่อยๆ อาจจะไม่ใช่อว๋นหู่ที่ไม่ปกติ แต่เขาต่างหากที่หัวใจสับสนอยู่ในเวลานี้ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

หลินเฟิงยกมือก่ายหน้าผาก เตือนตัวเองว่าเรื่องมันมาถึงขั้นนี้ จะบอกว่าเสียใจก็คงไม่มีประโยชน์ การแข่งก็จบลงแล้ว เขาเรียนมาถึงภาคปลายของปีที่สามแล้ว หากจะย้ายไปอยู่ข้างนอก ทางสถาบันก็คงไม่ว่าอะไร หากอธิบายต่อทางอาจารย์ดีๆ ย่อมได้รับอนุญาต

ทั้งหมดไม่เป็นปัญหา เป็นเพราะความอยากเป็นเจ้าของเมื่อในวันวานของเขา ทำให้ไม่นานมานี้ เขาก็หมดสิทธิ์ที่จะได้รับความอ่อนโยนเช่นนั้นอีกต่อไป สองคนนั้นดีต่อกัน หมายความว่า ชาตินี้เขาและอวิ๋นหู่ไม่มีวาสนาต่อกัน จึงต้องแค่เพื่อนรัก ไม่ใช่ว่าโอกาสไม่อำนวย แต่เป็นเพราะเวลาไม่เหมาะต่างหาก

โลกนี้เรื่องที่ทำให้เราเสียใจภายหลังมากที่สุดก็คือ เมื่อเราตัดสินใจจะเป็นเกย์ แต่คนที่ทำให้เราเป็นเกย์กลับมีแฟนแล้ว เฮ้อ…

………………………………………………

ตอนที่ 1853-1

หลินเฟิงไม่รออวิ๋นหู่กลับมา หาข้ออ้างส่งข้อความไปว่าจะกลับบ้าน

เมื่ออวิ๋นหู่ได้รับ สายตาก็หม่นหมองทันที หนุ่มน้อยทางฝั่งนั้นมองดู “เขาเหรอ?”

อวิ๋นหู่เก็บมือถือ เอ่ยเสียงเรียบว่า “เรื่องของนาย ฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้ว พอจบงานก็ไปหาผู้กำกับเซียว แล้วต่อไปอย่ามาอยู่ที่นี่อีก”

หนุ่มน้อยยังอยากพูดกับอวิ๋นหู่ต่อ แต่เห็นว่าคนที่เรียกให้เขามาเล่นละครด้วยเข้าถึงยาก

ไม่ ไม่เพียงแต่เข้าถึงยาก แต่ชายหนุ่มไม่เคยคิดจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหน นอกจากชายคนนี้เพียงคนเดียว หลังจากที่เล่นละครตบตาด้วยกัน หนุ่มน้อยก็รู้ทันที พอรับเงินเสร็จ หนุ่มน้อยก็ทำตัวเรียบร้อยขึ้นมา

ครั้งนี้มีการวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ทว่าหนุ่มน้อยยังไม่เข้าใจ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ให้เขาออกจากที่นี่ “คุณอวิ๋น ขอถามหน่อยได้ไหมว่า เมื่อไรผมถึงจะกลับมาได้”

อวิ๋นหู่เหลือบมองอีกฝ่าย “ฉันบอกแล้วว่าต่อไปอย่ามาที่นี่อีก”

หนุ่มน้อยชะงัก รู้สึกได้ถึงความรำคาญใจ อันที่จริงอวิ๋นหู่ไม่ใช่คนอารมณ์ดี ยกเว้นกับหลินเฟิงคนเดียว ส่วนใหญ่แล้วเขาก็เหมือนอย่างที่หลินเฟิงพูดไว้นั่นแหละว่า ในฐานะที่เป็นหลานคนเดียวของตระกูลอวิ๋น ไม่จำเป็นต้องแคร์ว่าใครจะคิดอย่างไร แม้จะถูกเลี้ยงดูอยู่ที่นั่น แต่กลับทระนงตัวมากทีเดียว

หนุ่มน้อยไม่กล้าพูดอะไรอีก รู้ดีว่าชายคนี้แม้จะเป็นนักศึกษา แต่ด้วยสถานะทางครอบครัว ย่อมขับเขาออกจากวงการได้ง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่เจ้านายเขาถือว่าชายคนนี้เป็นลูกค้าระดับ VIP

อวิ๋นหู่เสร็จจากการพบหน้าหนุ่มน้อยก็ต่อสายหาเพื่อนซี้คนหนึ่ง เสียงที่พูดดูไม่ออกว่ายินดีหรือยินร้าย “มู่หรงอาน หมายความว่าไง?”

“ฟังนายพูดแล้ว เจอคนนั้นแล้วล่ะสิ? เป็นไงบ้าง?  ตอนที่เห็นนายพาตัวเขาไปเมื่อครั้งที่แล้ว ฉันก็เล็งคนๆ นี้ไว้เลยทีเดียว ครั้งนี้เลยให้เขาติดต่อนายโดยตรง ฉันว่านะเพื่อนเอ๊ย นายมันเก่งขึ้นแล้วว่ะ ถึงหลินเฟิงจะไม่เลว แต่เขาเป็นของแท้นี่นา แถมไม่ว่านายคิดยังไงกับเขา เขาก็ดูไม่อออกหรอก แต่ต่อให้เขาดูออก ก็ไม่แน่ว่าจะ…”

อวิ๋นหู่พลันแทรกขึ้นมา ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดจนจบ “ฉันเหมือนจะเคยเตือนนายไว้แล้วว่า อย่าพูดเหมือนเขาคนนั้น”

“โอเคๆๆๆ ฉันผิดเอง” มู่หรงอานไม่กล้าทำให้ผู้มีอิทธิพลคนนี้โกรธ “แล้วนายชอบที่ฉันวางแผนให้ในวันนี้ไหม?”

อวิ๋นหู่หัวเราะขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชา “ถ้านายยังวางแผนบ้าบออะไรอีก รู้ใช่ไหมว่าผลจะเป็นยังไง?”

มู่หรงอานเสียวสันหลัง หนนี้พูดอย่างระมัดระวังมากขึ้น “โอเค รู้น่ะว่านายมันหัวโบราณ ตอนนี้แข่งเสร็จแล้ว ต่อไปนายกะจะทำอะไร? ไหนว่าจะไม่ไปต่างประเทศแล้วนี่?”

อวิ๋นหู่ส่งเสียงตอบรับเรียบๆ รู้กันนะว่าเขาไม่เคยซี้ซั้วในเรื่องแบบนี้ “เรียนที่นี่ต่อ”

“แค่เรียนที่เดิมต่อง่ายๆ อย่างนี้เหรอ?” มู่หรงอานอยากทำธุรกิจร่วมกับผู้มีอิทธิพลอย่างอวิ๋นหู่มานานแล้ว นอกจากเขา ก็ไม่มีใครรู้ว่าอวิ๋นหู่เก่งมากแค่ไหน ที่หนึ่งของชั้นปีในมหาวิทยาลัย A ที่ไม่ได้มาง่ายๆ พวกหัวข้อวิจัยระดับนานาชาติ พวกอาจารย์ยังต้องเอาเขาคนนี้ไปด้วย ดูแล้วกันว่าเก่งขนาดไหน คนทั่วไปอาจไม่รู้ แต่คนที่ทำธุรกิจต่างรู้กันทั้งนั้น คนที่เข้าออกสถานที่แบบนั้นได้ ไม่เพียงแต่จะต้องมีเงินและอำนาจ เจ้าตัวยังต้องเก่งถึงระดับสุดยอดด้วย แถมอวิ๋นหู่ยังอยู่ในครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ จึงได้ทรัพยากรหลายอย่างอยู่ในมืออยู่แล้ว คนแบบนี้ หากไม่ทำอะไรด้วย ย่อมน่าเสียดาย

 ………………………………………….

 

ตอนที่ 1852-2

“โง่จัง” ฉินมั่วมองเธอครู่หนึ่ง หัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะลากตัวเธอไป แถมยังรวบของขวัญทั้งหมดไว้ด้วย “ของจำพวกอมยิ้มนี่ ถ้าเธออยากกิน ฉันซื้อให้หมด ขนมหวานที่คนอื่นให้หวานกว่า หรือขนมหวานที่แฟนให้หวานกว่า หือ?”

ป๋อจิ่วสรุปโดยไม่ต้องคิด ก็ต้องของแฟนหวานกว่าสิ “แล้วผ้าพันคอล่ะ? ถุงมือด้วย?”

“ของแบ๊วน่ารักแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอหรอก”

ป๋อจิ่วฟังความหมายที่แฝงของชายหนุ่มออก ของที่คนอื่นให้ จงอย่าใช้

“แต่จะโยนทิ้งก็น่าเสียดายนะ” เธอไม่อยากทิ้งของขวัญที่แฟนคลับให้

ฉินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ใครให้เธอทิ้ง เอาไปให้หลินเฟิง เขาเหมาะกับสไตล์แบบนี้”

“โอเค” ป๋อจิ่วยิ้มออกทันที

กว่าจะแข่งเสร็จได้ เวลานี้หลินเฟิงที่กำลังพักผ่อนในหอพัก อันที่จริงก็นอนหลับอยู่ พอถูกเจ้าหน้าที่ดูแลหอพักเรียกให้ลงไปรับของ เขารู้สึกงงงวย

อะไรวะ ถุงมือสีชมพูอมครีม? ผ้าพันคอลายตาราง? ของพวกนี้มันอะไรกันวะ?

ที่สำคัญคือลุงที่ดูแลหอพักบอกว่า “เพื่อนนายบอกว่านายเหมาะกับสไตล์แบบนี้”

อะไรที่เรียกว่าเขาเหมาะกับสไตล์แบบนี้ ผู้ชายแท้ทั้งแท่งอย่างเขา เหมาะกับถุงมือสีชมพูอมครีมอย่างนั้นเหรอ? แถมยังโยนทิ้งไม่ได้ด้วย จึงได้แต่เกาศีรษะ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็เผลอลองสวมใส่

เผลอนะ… แต่พอจะถอดทิ้ง อวิ๋นหู่ดันผลักประตูเข้ามาก่อน

เมื่อห็นเขาสวมแบบนั้น ก็จ้องที่มือทันที

หลินเฟิงกระอักกระอ่วน จะอธิบายเรื่องถุงมือกับเกย์อย่างไรดี แต่มาคิดดูแล้ว มันก็แค่ถุงมือ ไม่เห็นมีอะไรน่าอธิบายเลย แค่มันเป็นสีหวานเท่านั้นเอง

“เอ่อ ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่แอบชอบฉันคนไหนส่งมาให้” หลินเฟิงทำหน้าจริงจัง “ฉันบอกพวกเขาแล้วว่า ต่อไปอย่าเอาของแบบนี้ให้ฉันอีก แต่ทำไงได้ คนมันหล่ออ่ะ ต้องมีเรื่องให้ปวดหัวทุกที สงสัยว่าแม่สาวที่ส่งให้ฉันคงจะสลับเอาถุงมือตัวเองมาให้ฉันแทน…”

อวิ๋นหู่ฟังอีกฝ่ายนิ่งๆ วางถุงไก่แกงกะหรี่ที่ซื้อมาจากข้างนอกลงบนโต๊ะ เสื้อกันลมสีอ่อนถูกรูดเปิดครึ่งหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้ “หัวหน้ากับเจ้าแบล็กเป็นคนส่งถุงมือมาให้ บอกว่าสไตล์นี้เหมาะกับนายดี”

หลินเฟิง…พวกนี้รู้จักคำว่ากระอักกระอ่วนไหม โกหกแล้วยังโดนจบได้อีก บ้าเอ๊ย

ทันใดนั้น อวิ๋นหู่ก้มตัวไปหา นิ้วแตะลงบนถุงมือที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ถอดออก “อื้ม เหมาะสมจริงๆ”

หลินเฟิงชะงัก เพราะอยู่ใกล้มากเกินไป

หลังจากที่แข่งเสร็จ ความรู้สึกอึดอัดก็กลับเข้ามา หลินเฟิงเบือนหน้าไปถอดถุงมือออก อวิ๋นหู่เห็นแต่ไม่ได้ว่าอะไร แค่พาดเสื้อกันลมไว้ที่แขน และรักษาระยะห่างทั้งสอง “กินข้าวกันเถอะ วันนี้ที่โรงอาหารทำรายการอาหารใหม่”

หลินเฟิงหิวเหมือนกัน การกินข้าวถือเป็นเรื่องดี เมื่อกินข้าวแล้วก็จะไม่มีความรู้สึกประหลาด เขาอาศัยจังหวะที่อวิ๋นหู่ไปล้างมือ เปิดกล่องข้าวออกมา ก่อนจะไปหยิบเบียร์มาสองกระป๋อง

พวกผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละ อยู่กันอย่างดิบเถื่อน กินข้าวไม่กินน้ำ แต่ซัดเบียร์แทน เมื่อหลินเฟิงจัดอาหารเสร็จก็เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา จึงก้มหน้าก้มตากิน

หลินเฟิงมักกินอาหารในรูปแบบของความเป็นชายแท้ด้วยการตักเข้าปากเอาๆ จนเต็ม ส่วนอวิ๋นหู่จิบเบียร์ก่อน จากนั้นก็มองเพื่อนพลางขมวดคิ้วขึ้น “นายหิวขนาดนี้ ทำไมถึงไม่สั่งเดลิเวอร์ลี่ล่ะ”

“เมื่อกี้หิวไม่มาก” หลินเฟิงพูดทั้งๆ ที่เคี้ยวแก้มตุ่ย ก่อนจะตบท้ายด้วยเบียร์ แล้วเรอเสียงยาว “รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย”

 ……………………………………..

ตอนที่ 1852-3

อวิ๋นหู่หัวเราะ เวลาเราชอบใครสักคนก็มักเป็นแบบนี้ ขอแค่เขาอยู่ใกล้ตัว ไม่ว่าจะทำอะไร หรือพูดอะไร กระทั่งกินอะไร ก็ดูระรื่นตาไปหมด

“มองฉันทำไม” หลินเฟิงพูดๆ อยู่ ก็พลันรู้สึกผิดปกติ

อวิ๋นหู่ถอนสายตากลับมาอย่างเป็นปกติ “เปล่านี่ วันนี้อาจารย์เรียกชื่อนาย”

“เฮ้ย จริงอ่ะ” หลินเฟิงคาบตะเกียบ ซวยขนาดนั้นเชียว?

อวิ๋นหู่ส่งเสียงยืนยัน ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ฉันแก้ตัวให้นายแล้ว”

หลินเฟิงทำมือเป็นรูปหัวใจให้ “เพื่อนรักเอ๊ย นายพูดว่าอะไรอ่ะ นายหาข้ออ้างให้ฉันดีมาก อาจารย์เลยไม่ติดใจใช่ไหม ฉันรู้ล่ะว่า มีนายอยู่ด้วย เชื่อมั่นได้ทุกอย่าง”

“พูดความจริงนี่แหละ” อวิ๋นหู่ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ พลางดื่มเบียร์อีก “บอกว่านายต้องทำงานหนัก ต่อไปอาจจะโดดเรียนอีก ให้อาจารย์จับตามองให้ดี”

What?

เสียงของตกดังขึ้น ตะเกียบในมือของหลินเฟิงร่วงลง “เพื่อน นายกำลังฆ่าฉันตายรู้ไหม?”

อวิ๋นหู่แกะเอาตะเกียบคู่ใหม่ให้ “การสานต่อธุรกิจตระกูลเป็นเรื่องดี แต่นายไม่เหมาะที่จะเข้าไปใกล้คนบางคน เรื่องการบริหารน่ะ ไม่จำเป็นต้องไปดูด้วยตัวเองหรอก นายเรียนกับอาจารย์ก็ได้ความรู้เยอะ อีกอย่าง ต่อไปฉันจะเป็นคนรับผิดชอบการเข้าเรียนของนาย แถมอาจารย์ยังมีวิทยานิพนธ์ทำอีก นายจะได้สะสางให้เรียบร้อย”

หลินเฟิงหายใจไม่ทั่วท้อง เพื่อนเอ๊ย ทำไมคนเขาถึงชอบไปมหาวิทยาลัยกัน ก็เพราะมันอิสระไง แล้วตอนนี้หมายความว่าไง? เข้าเรียน วิทยานิพนธ์? นี่จะให้เขากลับไปเป็นเด็กม.ปลายอีกเหรอ?

และคนที่ทำทุกสิ่งเหล่านี้ กลับเป็นเพื่อนรักของเขาเอง

หลินเฟิงเอาหัวชนผนัง “ฉันเอาคะแนนแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องไปเมืองนอกหรอก”

“คำพูดแบบนี้ นายไปพูดให้อาจารย์ฟังเถอะ” อวิ๋นหู่แสดงสีหน้าปฏิเสธ เกร็งนิ้ว “หรือนายคิดว่าวิ่งไปสถานที่ก่อสร้างดีกว่ามามหาวิทยาลัยล่ะ”

หลินเฟิงลังเลครู่หนึ่ง “ก็ไม่ใช่อย่างนั้น”

อวิ๋นหู่เลิกคิ้ว “เพราะเขาเหรอ?”

“เอ๋?”

ใคร? หลินเฟิงยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็เห็นมือถือของอวิ๋นหู่ที่วางบนโต๊ะส่งเสียงดังขึ้น หน้าจอโชว์ชื่อหนึ่งที่ไม่แปลกตาเสียเท่าไร ก่อนไปเมืองนอกก็เบอร์นี้นี่แหละ ตอนนี้ก็ยังใช่ ผู้ชายคนนั้น…

หลินเฟิงมองดูอวิ๋นหู่ที่เอาหยิบมือถืออย่างไม่คิดจะปิดบัง “มีเรื่องอะไร?” หลินเฟิงไม่ได้ยินเสียงจากปลายทาง ด้วยตัวเองรับไม่ได้กับสถานการณ์แบบนี้ จึงลุกขึ้นมา ถือกระป๋องเบียร์เดินออกไป

สมองเขาหนักอึ้ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่อยากหยิบเบียร์ แต่กลับถือล่าเถียว[1]ติดมือมาทั้งถุง

อะไรกันนี่? หลินเฟิงมองดูของในมือ คิดอยู่นานพอควร ก่อนจะเดิมกลับไป นั่นไง พอเขานั่งบนเก้าอี้ หยิบตะเกียบขึ้น อวิ๋นหู่ก็วางหูทันที “นายกินไปก่อน ฉันจะออกไปแป๊บหนึ่ง”

หลินเฟิงรับคำ ก้มหน้าโกยข้าวเข้าปากแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันอาจจะออกไปเหมือนกัน นายเอากุญแจไปด้วย”

อวิ๋นหู่มองเพื่อน “ไปไหน?”

[1] ล่าเถียว เป็นขนมอย่างหนึ่งของจีน โดยมีลักษณะเป็นแท่งยาวหรือเป็นแผ่น ทำจากแป้งและมีรสเผ็ด เป็นที่นิยมมาก

……………………………………

ตอนที่ 1851-2

“ส่วนกระติกน้ำอันนี้ น้องต้องใช้นะคะ ฤดูหนาวแล้วต้องดื่มน้ำบ่อยๆ”

“ส่วนผ้ายืดหุ้มข้อมือ เป็นยี่ห้อโปรดของน้องเลยล่ะค่ะ”

“แล้วยังมีอมยิ้ม…”

ผู้ช่วยพิเศษได้ยินเสียงแล้ว มองดูใบหน้าของท่านประธานที่ถมึงทึงขึ้นเรื่อยๆ ได้แต่แอบหันหน้าไปอีกทาง ทำไงดีล่ะ ต่อให้ไล่ออก จำนวนคนก็เยอะเกินไป

ใกล้จะสิ้นปีแล้ว คนเก่งๆ ยิ่งหายาก บริษัทเองก็ใช้คนเยอะเสียด้วย

คุณชายจิ่ว เอ่อ ไม่สิ ทำไมคุณหนูจิ่วเรียกความชอบจากสาวๆ ได้เยอะขนาดนี้เนี่ย

คนพวกนี้ก็เหมือนกัน ปกติแล้วทำงานประสิทธิภาพสูง ทำอะไรทั้งโหดและเร็ว เพราะถ้าไม่โหดและเร็ว รับรองว่าขึ้นมาถึงชั้นนี้ไม่ได้หรอก แต่ทำไมเห็นคุณหนูจิ่วแล้วเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย สีหน้าขวยเขินกันไปหมด ทำอย่างกับจะลากตัวคุณหนูจิ่วมาหอมแก้มเสียอย่างนั้น พวกเธอทั้งหลายยังเป็นทีมสาวแกร่งของฉินกรุ๊ปอยู่หรือเปล่า? ตอนที่เห็นท่านประธานเมื่อครั้งสัมภาษณ์งาน ก็ยังไม่มีท่าทีแบบนี้เลย ผู้ช่วยพิเศษไม่เข้าใจจริงๆ

ต้องรู้กันนะว่าป๋อจิ่วเป็นประเภทที่ผู้หญิงและผู้ชายหลงรักกันทั้งนั้น ไม่แยกอายุด้วย เป็นปะรเภทที่พวกสาวน้อยสาวแก่ต่างรุมชอบกันหมด

ของขวัญเยอะมากจนทำให้สองมือของป๋อจิ่วถือไม่ไหว คงเพราะฉินมั่วทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหันหน้าไปมองผู้ช่วยพิเศษที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่งด้วยแววตาคมปลาบ! ส่งผลให้ผู้ช่วยพิเศษถึงกับเหงื่อเย็นตก รีบออกหน้าทันที “คุณหนูจิ่วยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก เอาของมาให้ผมเถอะ เดี๋ยวผมถือไปให้เขาเอง และขอเตือนอีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาทำงานนะครับ” ปากก็พูดไป แต่ในหัวใจร่ำร้องว่า พวกเธอไม่เห็นหน้าเหวี่ยงๆ ของท่านประธานรึไง

เมื่อมีผู้ช่วยเก็บกวาดงานให้ ฉินมั่วก็ลากคอเสื้อด้านหลังของป๋อจิ่วเดินเข้าลิฟต์ไป โดยไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้ามาด้วย หลังจากที่กดปุ่มชั้น 1 เขาก็หันมากดบ่าป๋อจิ่วแล้วกักตัวไว้ภายในลิฟต์ มือข้างหนึ่งวางบนศีรษะเธอ ก่อนจะก้มตัวลงมา มุมปากยังคงยิ้ม แต่ดูอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไร “อมยิ้มอร่อยไหม?”

“ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเรียกว่าอร่อยหรือเปล่า” ป๋อจิ่วพยักเพยิดพร้อมยิ้มบางๆ “พี่ลองชิมไหมล่ะ?”

ฉินมั่วมองดูเรียวปากสีบางที่เปล่งประกายแวววาวซึ่งอยู่ใกล้แค่คืบ ก็ยื่นมือบีบหน้าเธอ “รับของขวัญจากคนอื่นแล้ว ยังจะให้ฉันจูบอีก ป๋อเสียวจิ่ว โลกสวยนะเรา”

ป๋อจิ่ว “…”

โดนแฟนปฏิเสธไม่ยอมให้จูบอยู่ทุกวี่ทุกวัน ใครบ้างที่มีแฟนแล้วเป็นเหมือนเธอ แต่ทำยังไงได้ล่ะ ก็เธอชอบแบบเจ้าหญิงน้อยนี่นา ไม่ให้จูบใช่ไหม งั้นเธอก็จูบให้ได้

ครั้งนี้ฉินมั่วไม่หลบ แต่ก้มหน้าลงมา ละมือข้างขวามาโอบเอวเธอไว้ ทั้งยังเปลี่ยนแรงจูบอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ปล่อยโอกาสให้ประตูลิฟต์เปิดออกหรอก ตึกทั้งตึกเป็นของฉินกรุ๊ป ยิ่งลิฟต์นี้มีรหัสด้วย แถมยังเป็นลิฟต์ที่ให้ท่านประธานใช้โดยเฉพาะ เว้นแต่จะมีเรื่องพิเศษเท่านั้น ไม่งั้นฉินมั่วจะเป็นเพียงคนเดียวที่มีสิทธิ์ใช้ ปกติแล้วพวกบริษัทที่เป็นกรุ๊ปใหญ่ๆ มักจะมีลิฟต์แบบนี้ จะได้ประหยัดเวลาให้กับผู้บริหารชั้นสูง

เวลานี้ ฉินมั่วได้ใช้สิทธิ์นั้นแล้ว

ชายหนุ่มไล้นิ้วเข้าไปด้านในชุดทีมที่ป๋อจิ่วสวม เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่สับสนของเธอ เขาถึงได้ยอมหยุด แต่ปลายนิ้วยังคงค้างอยู่บนแผ่นหลัง เมื่อลากผ่านเอว ความรู้สึกวาบหวามยิ่งทวีขึ้น

………………………………………………………

ตอนที่ 1852-1

อุณหภูมิทวีขึ้นสูง ป๋อจิ่วได้ยินเพียงเสียงหอบที่พยายามข่มไว้ของเขาและเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง นัยน์ตาดำขลับดูพิศวง มือเกาะที่เอวเขา กลีบปากโดนกัดเบาๆ จนแดงเรื่อเหมือนดอกไม้ยามแรกอรุณที่แตะแต้มด้วยน้ำค้าง อาจเป็นเพราะความวาบหวามยังไม่คลายลง กระทั่งเงยหน้าขึ้นก็แววตาเธอเหมือนกำลังสงสัยว่า ทำไมชายหนุ่มถึงหยุด

พอเห็นสภาพของใครบางคนเข้า แววตาของฉินมั่วถึงกับหนักอึ้ง หลังจากที่สูดหายใจลึกก็เอาเสื้อตัวนอกคลุมบนตัวเธอ ก่อนจะก้มจูบซ้ำ แต่ครั้งนี้แค่สัมผัสเบาๆ

แม้จะล่วงเลยมาถึงขั้นนี้ คุณชายฉินยังไม่ลืมว่าสถานที่ไม่เหมาะสม แม้ลิฟต์ตัวนี้จะมีความเป็นส่วนตัว ทว่า… ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น แววตาเย็นชาจับจ้องยังมุมซ้ายบน

แววตาดุดันนั่นเหมือนจะทะลุกล้องออกมาเลยทีเดียว ผู้ช่วยพิเศษคนเก่งรีบสั่งให้ทางห้องควบคุมปิดจอดังกล่าว จากนั้นสายจากประธานฉินก็ต่อเข้ามาทันที “เห็นแล้วใช่ไหม?”

ผู้ช่วยคนเก่งรีบส่ายหน้า “เปล่าครับ” ก็แค่จูบไหม ประธานฉินก็รู้ดีกว่าใครนี่

ฝ่ายฉินมั่วหัวเราะประชด “ต่อไปห้ามติดกล้องวงจรปิดในลิฟต์ของฉันอีก”

“ครับ” ผู้ช่วยคนเก่งรู้สึกอย่างจริงใจเลยล่ะว่า วันเวลาต่อไปในภายภาคหน้า ท่านประธานจะต้องมาสาดอาหารหมาที่บริษัทบ่อยครั้งแน่

ฝ่ายป๋อจิ่วได้ยินเสียงฉินมั่วตัดสาย คนฉลาดอย่างเธอย่อมรู้ดีว่าระบบรักษาความปลอดภัยของฉินกรุ๊ปต้องรัดกุมมาก ในลิฟต์ย่อมต้องมีกล้องวงจรปิด จึงเงยหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอียงศีรษะถาม “จะให้ฉันรื้อให้ไหม?”

ฉินมั่วได้ยินแล้วก็รูดซิปสื้อตัวนอกให้เธอ “เรียบร้อยหน่อย หืม?”

“ก็กลัวว่าจะเสียภาพลักษณ์ไง” ป๋อจิ่วยิ้มที ดูร้ายกาจเชียว

ฉินมั่วหัวเราะ “มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่รื้อกล้องวงจรปิดของแฟนตัวเองจนหมด อย่างเธอเนี่ยควรส่งให้ยามรักษาการณ์จริงๆ อีกอย่าง อย่าปีนเพดานอีกนะ มันสกปรก”

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเขารังเกียจเธอ แต่เห็นเขารูดซิปให้เธอก็รู้สึกว่าไม่น่าจะใช่ และด้วยกลัวว่าออกไปแล้วจะรู้สึกหนาว ป๋อจิ่วดึงเอาผ้าพันคอที่ได้รับขึ้นมา ฉินมั่วเลิกคิ้วทันที “จะพันคอเหรอ?”

“เข้ากันกับเสื้อทีมฉันออก” ป๋อจิ่วเอามาเทียบกับตัวเอง

ฉินมั่วแย่งเอามา “เดี๋ยวจะซื้อที่สวยกว่านี้ให้”

ป๋อจิ่วหัวเราะแผ่วเบา “พี่มั่ว หึงกระทั่งเรื่องแค่นี้เลยเหรอ”

“หึ ฉันมีอะไรที่ต้องหึง เอาของขวัญทุกคนที่รวมกันให้เธอแล้ว ยังสู้ของที่ฉันให้เธอไม่ได้เลย” ฉินมั่วพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา จากนั้นก็จัดคอเสื้อให้ แล้วหยิบผ้าปิดปากมาคล้องหูเธอ ฉินมั่วทำสิ่งเหล่านี้ด้วยกิริยาดูดีต้องไฮโซ ยากที่จะจินตนาการตอนที่เขาดูแลคนอื่นแบบนี้จริงๆ

ป๋อจิ่วพยายามโผล่ดวงตาออกมา “พี่ให้ของขวัญฉันตั้งแต่เมื่อไร?” คนอื่นแสดงความรักกันแบบไหนนะ ให้ดอกไม้แฟนสาว หรือพูดหวานๆ ใส่ ตามใจผู้หญิงทุกเรื่อง แต่…ท่านเทพไม่เคยทำแบบนั้นสักครั้ง สิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุดก็คือการได้ขุดคุ้ยประวัติอันดำมืดของเธอ ส่วนเตอนกลางคืนก็ชอบพูดกับเธอ ว่าด้วยเรื่องเธอเคยสารภาพรักกับผู้ชายไปกี่คน…

ฉินมั่วมองดูใบหน้าหล่อที่เซ็งสุดขีดนั่น ยักคิ้วอย่างเป็นปกติพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ตัวฉัน ไม่ถือเป็นของขวัญเหรอ?”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วสะอึก ก่อนจะไอออกมาเบาๆ เธอลืมเรื่องนี้ได้อย่างไร เช่นนั้นหากนับขึ้นมาจริงๆ ของขวัญที่ท่านเทพให้ย่อมดีกว่าของขวัญทุกคนที่เอามารวมกันเสียอีก

…………………………………

ตอนที่ 1849

อาหารหมาถูกสาดทั่วโลกออนไลน์ ตอนแรกคิดว่าอีกนิดก็จบแล้ว

แต่ยิ่งป๋อจิ่วเห็นทะเบียนบ้านที่ท่านเทพให้ก็รู้สึกว่าจะต้องมีอะไรแน่ จึงหาเวลาว่างแล้วสวมชุดทีมลงตึกไป

หลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จ ทางนั้นก็กลับไปแล้ว ทว่าเหล่าแฟนคลับของทีมไดมอนด์ยังไม่จบ กระตือรือร้นต่อการสอดแนมยิ่งกว่าใคร แต่ก็เข้าใจว่า หากเอาแต่อยู่ที่นี่คงไม่เป็นผลดี ดังนั้นหลังจากที่กิจกรรมจบ พวกแฟนคลับก็เก็บป้ายต่างๆ กะว่าจะกลับไปตัดคลิปเก็บไว้

แค่เรื่องที่เทพฉินพูด คลิปหวานก็มีมากพอตลอดปีแล้ว

แต่กลับไม่รู้เลยว่า ตอนเย็นหลังจากที่พวกเธอกลับไปได้ไม่นาน ป๋อจิ่วก็เดินลงมา ถึงจะสวมหมวกและผ้าปิดปาก แต่ดวงตาก็ยังเด่นเป็นเอกลักษณ์ เธอเปิดประตูรถแลมโบกินี่แล้วดึงปิด “เปิดระบบแยกแยะเสียง”

“ระบบแยกแยะเสียงถูกเปิดใช้”

หลังจากที่ต่อระบบอัจฉริยะก็เห็นใบหน้าของเจ้านายตัวเองจากกระจกส่องหลัง เสี่ยวเฮยถึงกับสะดุ้งสุดตัว เกิดความรู้สึกบางอย่างที่คุ้นเคยแต่พูดไม่ออก

นั่นไง! ป๋อจิ่วเปิดเสื้อคลุมอ้าออกมาครึ่งหนึ่ง ยักคิ้วใส่ “ฉันอยากให้นายช่วยวิเคราะห์เรื่องหนึ่ง”

“เจ้านายครับ ถ้าเป็นเรื่องของแฟนคุณล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องตามหาผมมาช่วยวิเคราะห์หรอกครับ” เสียงของเสี่ยวเฮยนิ่ง แต่หลังจากที่วิเคราะห์ก็ได้ผลว่า เจ้านายของตัวเองกำลังจะอวดเรื่องสามี!

ตอนนี้ก็ออกจากกองทัพแล้วนะ ทำไมเจ้านายยังมารังแกมันอีก! มีแฟนคลับในโลกออนไลน์ตั้งมากมาย ไปถามพวกนั้นสิ! ในฐานะที่เป็นรถโสด มันกดดันมากรู้ไหม!

ป๋อจิ่วก้มตัวลง มุมปากแฝงแววร้ายกาจ “จำเป็นหรือเปล่า ฉันเป็นคนตัดสิน ไม่ใช่นาย เสี่ยวเฮยเอ๊ย ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยดีกับนายหรือเปล่า หือ?

“ต้องให้ผมฟังด้วยเหรอ? งั้นผมเปิดเพลงให้คุณก่อนดีไหม เจ้านาย มนุษย์อย่างพวกคุณช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ตอนที่ผมได้ยินเพลงนี้อะ รู้สึกเลยนะว่าเขาเขียนถึงผม!”

เสี่ยวเฮยพูดแล้วร้องเพลงออกมา “สามนาที ขับรถรอข้างล่างตึก แฟนคุณไม่เป็นเด็กดี ผมจะไล่เขาไปเอง เวลาคุณเหงา ผมจะคุยเป็นเพื่อนคุณ…”

ป๋อจิ่วหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น “พอเหอะ ระบบจีพีเอสอย่างนายจะมาร้องเพลงรักทำไม”

“เจ้านาย คุณเปลี่ยนไป เมื่อก่อนคุณไม่เคยเป็นแบบนี้ คุณรักผมจะตาย” เสี่ยวเฮยเปลี่ยนโทนเสียงไปเป็นหนักอึ้ง

ป๋อจิ่วหัวเราะ “ต่อไปดูซีรีส์รักโรมแมนติกให้น้อยๆ ลงหน่อย ทำตัวจริงจังเร็ว ดูซิว่านี่คืออะไร”

เสี่ยวเฮยกวาดตามอง ระบบจีพีเอสปรากฎตัวอักษรเพียง ‘ทะเบียนบ้าน’

“ทะเบียนบ้านของจอมมาร!” น้ำเสียงของเสี่ยวเฮยมั่นคง มั่นใจ แต่แม้จะเป็นแบบนั้น มันก็พยายามแสดงความตกตะลึงออกมาให้เต็มที่ ท่านจอมมารจะให้อะไรก็ว่าเหอะ ทำไมต้องให้ไอ้นี่กับเจ้านายด้วย

อีกอย่าง เจ้านายยิ้มหวานอย่างนี้หมายความว่ายังไง!

“อื้อ ทะเบียนบ้านของพี่มั่ว นายว่าที่พี่มั่วให้ทะเบียนบ้านฉันมา เขาต้องการสื่ออะไรให้ฉันหรือเปล่า?” ป๋อจิ่วเคาะนิ้วบนคางอย่างเท่

เสี่ยวเฮยไม่อยากพูดแล้ว เพราะรู้ดีว่าต่อให้มันไม่พูด เจ้านายก็ต้องให้คำตอบกับตัวเองอยู่ดี!

“หรือว่าอยากให้ฉันมั่นใจในความสัมพันธ์ แต่อายที่จะพูดออกมาตรงๆ ถึงได้ให้ทะเบียนบ้านฉันมา” ป๋อจิ่วพูดจบก็ส่ายหน้า ราวกับจนปัญญาจริงๆ “พี่มั่วขี้อายมาตั้งแต่เด็กเลย”

เสี่ยวเฮย…นึกภาพจอมมารขี้อายไม่ออกเลยจริงๆ เจ้านาย สลับตำแหน่งผิดหรือเปล่า ผับผ่าสิ!

………………………………………………………

ตอนที่ 1850

เวลานี้ป๋อจิ่วไม่ได้ยินคำคร่ำครวญอะไรอีกแล้ว “นายอยู่เมืองนอกกับฉันมานาน บางเรื่องนายต้องไม่รู้แน่ ที่จีนน่ะ เขาไม่ให้ทะเบียนบ้านกันหรอก”

แล้ว? หากรถมีสีหน้าล่ะก็ เสี่ยวเฮยต้องอยู่ในสภาพหมดคำพูดแน่

“เขาแอบบอกให้ฉันไปสู่ขอเขาน่ะสิ” ป๋อจิ่วหัวเราะโดยพลัน สวยสดใสจริงๆ “พี่มั่วชอบปากไม่ตรงกับใจ”

เสี่ยวเฮยรู้สึกว่าตัวเองต้องปรามเสียหน่อย “เจ้านาย อย่าลืมที่คุณตาสอนไว้สิ เป็นผู้หญิงต้องเรียบร้อย”

“ขอแต่งงานมันเกี่ยวอะไรกับเรียบร้อยไม่เรียบร้อยล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นพี่มั่วเป็นคนยกตัวเองให้ฉันนะ ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่างก็คงจะเฮงซวยเกินไปแล้ว ป๋าสายเปย์อย่างฉันก็ไม่สมสถานะสิ” ป๋อจิ่วมองดูเสี่ยวเฮยอย่างไม่แยแสสักเท่าไร

เสี่ยวเฮย… เออๆ คุณมันหล่อ พูดอะไรก็ถูกหมด ผมมันเป็นแค่รถ จะไปเถียงคุณเรื่องนี้ไปทำไม! มันจะกลับไปถามเนติเซน เจ้านายเจอแฟนแล้วก็เลิกสนรถ มันจะทำอย่างไรดี!

ป๋อจิ่วพูดเรื่องขอแต่งงาน ย่อมไม่ได้พูดเล่นๆ แน่นอน ในเมื่อจะขอแต่งงาน ย่อมต้องดำเนินตามพิธีการ

คุณตาเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ จะต้องให้เขาไปจัดการ

ทั้งนี้ตอนที่รับสายเจ้านาย คุณตาพ่อบ้านกำลังตัดแต่งกล้วยไม้ที่เพิ่งจะเอามาเลี้ยงดู แววตาหนักอึ้งทันทีที่ได้ยิน “นายน้อย เรื่องขอแต่งงานนี่ คุณชายฉินรู้หรือเปล่า”

“ไม่รู้อยู่แล้ว ขืนรู้ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ” ป๋อจิ๋วพูดอย่างเจ้าเล่ห์

คุณตาพูดในใจว่า งั้นคงไม่ใช่แผนของคุณชายฉินแล้วล่ะ ทำไมเหมือนนายน้อยจะคิดขึ้นมาเอง เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ คุณตารู้สึกว่าวิธีการสั่งสอนของตนเองมีปัญหา จำต้องเตือน “นายน้อย ตอนนี้คุณยังเด็กอยู่นะครับ ที่จีนยังไม่อนุญาตให้แต่งงานนะครับ”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย เราแค่หมั้นกันไว้ก่อน” ป๋อจิ่วพิงพนักด้วยท่าทีคร้านๆ ทว่าแววตาสดใส

คุณตา…นายน้อยฉลาดทีไร หมดทางเยียวยาทุกที!

“เอาเถอะ” คุณตาถอดถุงมือ “หมั้นก่อน ยังไงที่นี่ก็เป็นประเทศจีน” ขอแค่ไม่แต่งงาน ต่อไปถ้าคุณชายฉินทำผิดต่อนายน้อย เขาก็จะพาเธอกลับ The Fifth Avenue ได้ เพราะทางนั้นทำอะไรก็สะดวก

ที่นี่ นายน้อยจะต้องจัดระบบข้อมูลใหม่ ถึงจะสิ้นเปลืองเวลา แต่สำหรับบอสแห่งโลกแฮกเกอร์แล้ว ย่อมทำได้สบายๆ ทว่าการย้ายฐานหลักมาที่จีนเป็นเรื่อที่คุณตาไม่คิดมาก่อน เมื่อสมัยนายใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ก็เคยคิดจะกลับบ้านเกิดอยู่หลายครั้ง แต่บางเรื่องก็ไม่สะดวกนัก

มีคุณชายฉินอยู่ด้วยก็ดี ทางกองคดีพิเศษจะได้ไม่ส่งรายงานในเรื่องแบบนี้อีก คงเพราะเหตุนี้ พวกเขาคิดแค่ว่าขอแค่คุณชายฉินคุมนายน้อยได้ เรื่องอื่นก็ไม่วุ่นวายนัก

อันที่จริงเรื่องการควบคุม มันเป็นเรื่องที่กระทำซึ่งกันและกัน จะว่าไปก็เป็นเพราะทั้งสองยินยอมต่อกัน หาจุดสมดุลในโลกแห่งความมืดและขาวกันได้ ซึ่งจุดสมดุลนี้ไม่มีวันถูกล้มล้างในช่วงเวลานี้

คุณตากังวลแค่ในอนาคต ครั้งนี้เพื่อจะแข่งระดับเอเชีย นายน้อยจึงต้องไปแสดงหนัง อาจหลุดอะไรออกมาบ้าง เขาจะต้องแก้ไขประวัตินิดหน่อย อย่างน้อยคนอื่นๆ จะได้ไม่นึกว่านายน้อยเป็น Z ตัวจริง ให้คิดแค่ว่านายน้อยเล่นละครเก่ง

ส่วนเรื่องการขอแต่งงาน คุณตาพ่อบ้านยื่นมือกุมขมับอย่างงดงามเหมือนพวกผู้ดีอังกฤษ

ในเมื่อนายน้อยจะเอาจริง เขาย่อมจะเสียหน้าไม่ได้…

…………………………………………….

ตอนที่ 1851-1

ในอีกด้านหนึ่ง ฉินมั่วที่คุยงานเสร็จก็เดินกลับเข้าห้องทำงาน มองดูโซฟาหนังตัวดำที่ว่างเปล่าแล้วหันหน้ามา นิ้วเรียวดึงเนคไท เอ่ยเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ “เขาล่ะ?”

ผู้ช่วยพิเศษร้องในใจว่า แย่แล้ว ท่านประธานบอกว่าให้เฝ้าคุณชาย เอ๊ย คุณหนูจิ่วให้ดี

“เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย” เลขาที่ส่งเครื่องดื่มและขนมมาให้ตลอดทั้งบ่ายเอ่ยขึ้นชนิดไม่กล้าหอบหายใจ และในระหว่างที่บรรยากาศเริ่มจะเย็นขึ้น ป๋อจิ่วพลันผลักประตูเข้ามา เลิกคิ้วขึ้น “พี่มั่วเสร็จงานแล้วเหรอ?”

“อื้ม” ฉินมั่วตอบเสียงเรียบ แล้วโยนเนคไทที่ปลดออกไว้ที่โต๊ะทำงาน จากนั้นก็เดินไปจูงมือป๋อจิ่ว เอ่ยเพียงว่า “เรื่องที่เหลือ พวกคุณก็ไปจัดการกันเองแล้วกัน” แล้วพาเธอลงตึก

ตลอดระยะทางจากห้องทำงานไปจนถึงลิฟต์ มีหลายคนอยากลุกขึ้นมาดู แม้จะรู้ว่าแฟนคนนี้ของท่านประธานฉินได้มาไม่ง่ายนัก และเคยเห็นข่าวในโลกออนไลน์เหมือนกัน แต่กลับไม่ค่อยเห็นตัวจริง แม้ว่าเธอจะเป็นเกมเมอร์ของบริษัทก็ตาม นี่เป็นปฏิกิริยาจากพนักงานส่วนหนึ่งของบริษัท อีกส่วนหนึ่งเดิมก็เป็นแฟนคลับของแบล็กพีช Z  อยู่แล้ว เมื่อได้เห็นตัวจริงก็เนื้อเต้นทันที

ท่านประธานฉินก็จริงๆ เชียว ทำไมถึงได้เอาไอดอลของเรามาอยู่ในห้องทำงาน ไม่ยอมปล่อยออกมาเลย คราวนี้ล่ะ ได้เห็นสักที!

บรรดาพนักงานสาวต่างหัวใจเต้นโครมคราม! บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลิ่นน้ำหอมที่อ่อนลงกว่าเดิมเยอะเลย ไม่รู้ว่าใครไปได้ยินมาว่าแบล็กพีช Z ได้กลิ่นน้ำหอมแล้วรู้สึกไม่สบาย ทุกคนจึงปรับปรุงตัวทันที ต้องแต่งตัวเรียบร้อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ผิดหรอก เรียบร้อยมาก!

แน่นอน นอกจากจะเปลี่ยนแปลงการแต่งหน้า พอพวกที่ใจกล้าเห็นท่านประธานจูงมือแบล็กพีชออกมาอย่างไม่ง่ายนัก ก็รวบรวมความกล้าหาญ “ท่านประธานคะ คือฉันเป็นแฟนคลับของเทพ Z น่ะค่ะ ขอให้ของบางอย่างกับเขาได้ไหมคะ?”

ฉินมั่วเลิกหางตาเล็กน้อย เรียวปากบางขยับเพียง “หึ”

“อะไรเหรอ?” ป๋อจิ่วเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก่อนชายหนุ่ม ยิ้มโชว์เขี้ยวเสน่ห์อย่างสวยงาม

หญิงสาวเห็นยิ้มนั่นแล้วเอามือกุมหัวใจ ชูของที่อยู่ในมือสูง “ถุงมือค่ะ ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว น้องใช้คอมพิวเตอร์บ่อย ควรสวมถุงมือไว้ มือจะได้ไม่เย็นเฉียบนะคะ”

ป๋อจิ่วเห็นอีกฝ่ายหน้าแดง มุมปากก็กดยิ้มลึกขึ้น ยื่นมือไปรับของมาแล้วพลิกออกดู ก่อนจะสวมข้างหนึ่ง “ขอบคุณมาก ฉันชอบมากเลย”

ฉินมั่วเห็นแล้ว กวาดตามองเล็กน้อย เอ่ยเรียบๆ ว่า “ถุงมือไหมพรมสีขาวแบบนี้ ไม่ดูแต๋วไปหน่อยเหรอ?”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว รู้ทันทีว่าท่านเทพหึงอีก จึงหันไปตอบ “ไม่หรอก พี่มั่ว ฉันก็เป็นผู้หญิงไหม จะมาแต๋วหรือไม่แต๋วอะไรกัน”

ใช่ๆ พนักงานสาวพยักหน้าอยู่ด้านข้าง พวกเธออยากทำถุงมือที่แบล็กพีชสวมได้ ซึ่งเข้าคู่กับผ้าพันคอลายตารางสีแดง จากนั้นแค่ให้เขายืนท่ามกลางหิมะแล้วยิ้มนิดหนึ่ง หัวใจก็ละลายได้แล้ว

ไม่ใช่แค่หน้าตาดีนะ แต่อยากเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านเลยล่ะ!

น่าเสียดายที่พวกเธอไม่มีความสามารถ ท่านประธานเลยเป็นผู้โชคดีเฉยเลย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครกล้าแย่งกับท่านประธาน ศัตรูความรักแข็งแกร่งเสียขนาดนี้ แถมเป็นเจ้านายอีกด้วย จะทำยังไงได้ ถามพวกเพื่อนๆ ที่เป็นชาวเน็ตไปก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อเอากลับไปเลี้ยงไม่ได้ ก็ขอแค่เอ็นดูอยู่ข้างๆ แล้วกัน

นอกจากถุงมือแล้ว ยังมีคนให้แก้วเอย อมยิ้มเอย พอได้ให้ของขวัญกัน ก็ไม่สนว่าเจ้านายจะอยู่ตรงนี้หรือเปล่า

………………………………………

ตอนที่ 1847

แต่ความเท่คงค้างไว้ได้แค่หนึ่งวินาที เพราะในวินาทีถัดมา “แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็ต้องอ่านวิชาฟิสิกส์อยู่ดี”

ป๋อจิ่ว “…”

ในขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ในห้องทำงาน ฝ่ายสมาชิกทีมอาทิตย์อุทัยก็กำลังเดินช้อปปิ้งกัน

เจียงเฉิงเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน สถานที่หลายๆ แห่งมีคุณค่าควรที่จะไปเยือน ยิ่งตอนนี้ก็แข่งเสร็จแล้ว เวลาเที่ยวย่อมไม่ต้องกังวลต่อสิ่งใด

แน่ล่ะ มันเป็นแค่ตอนแรกๆ ต่อมามีคนบางคนกำลังกินถังหูลู่ซึ่งเป็นผลไม้เคลือบน้ำตาลเชื่อม แล้วดึงผ้าปิดปากออก ส่งผลให้ถนนคนเดินเยียนไต้เสียเหมือนถูกจุดกองเพลิง น้องหน้าแบ๊วได้แต่หมดคำพูด “เฮ้ย นายพยายามเก็บเนื้อเก็บตัวหน่อยได้ไหม รู้ทั้งรู้ว่าหน้าตาดึงดูดคนจะตาย”

“รองหัวหน้ากับหัวหน้าดึงดูดกว่า ทำไมนายไม่ว่ามั่ง” พูดมาถึงตรงนี้ เสียงก็เปลี่ยนไป สายตามองดูผลไม้เคลือบน้ำตาลในมือ ตาเบิกโต “เลิศ!”

อร่อยขนาดนั้นเชียวเหรอ? น้องหน้าแบ๊วแย่งเอามา ความเร็วในการหลบแฟนคลับถือว่าเร็วมาก ดูก็รู้ว่ามีประสบการณ์สูง

ส่วนยูกิชินกับโฮชิโนะยังคงสบายอารมณ์ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ โดยเฉพาะยูกิชินที่เดินเข้าไปร้านข้างๆ ก่อนที่เจ้างั่งนั่นจะดึงผ้าปิดปากออก เลือกพัดกระดาษที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมจีน น่าจะเข้ากันกับชุดอยู่บ้านของตน

เมื่อเลือกเสร็จ ถึงจะรู้ตัวว่าไม่ได้เอากระเป๋าเงินมาด้วย เรียวปากบางเม้มแน่น ก่อนต่อสายถึงใครบางคน “นายมาที่ร้านขายพัดกระดาษที่อยู่ด้านขวาเมื่อกี้นี้”

โฮชิโนะสวมผ้าปิดปากเช่นกัน เขาสวมเสื้อขนเป็ดสีขาวบริสุทธิ์ตัวใหญ่ เย็บขนสีดำไว้ที่คอเสื้อ เป็นสไตล์ที่ผู้ชายน้อยคนสวมแล้วจะดูดี แต่ท่าทางโฮชิโนะจะอยู่เหนือจากคนพวกนั้น ด้วยขาทั้งสองยาวมาก แถมด้วยเอกลักษณ์ประจำตัว ทำให้สวมอะไรเข้าไปก็เหมือนเป็นแบรนด์เนมไปหมด

โฮชิโนะมองดูยูกิชินที่เรียกตัวเองไปหา ไม่พูดอะไร นอกจากโยนกระเป๋าเงินให้

หลังจากที่ยูกิชินรับมาก็หยิบธนบัตรสามใบให้สาวแคชเชียร์ อากัปกิริยาของชายหนุ่มปกติธรรมมา แต่สาวๆ ที่มาซื้อพัดกระดาษแถวนั้นกลับมองตาโต เพราะในประเทศจีน ไม่มีผู้ชายคนไหนมาซื้อพัดกระดาษ นอกจากพวกที่แต่งคอสเพลย์หรือพวกเกย์ แต่บุคลิกของทั้งสองก็ไม่เหมือนคนคอสเพลย์?

หรือว่าเป็นคู่กัน แถมยังสวมผ้าปิดปากอีกต่างหาก

ยูกิชินสังเกตเห็นสายตาด้านข้าง ไม่พูดอะไร นอกจากยิ้มร้ายจนทำให้คนเดาไม่ถูก

เหล่านักข่าวที่ได้ข่าวต่างถูกสมาชิกของทีมอาทิตย์อุทัยคนอื่นๆ ดึงไปที่อื่นแล้ว พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือพวกเขาไล่ตามสมาชิกเหล่านั้น โดยไม่ได้เห็น ‘ปลายักษ์’ ที่อยู่ด้านหลังเลยสักนิด

แน่นอน ยังมีนักข่าวที่โชคดีอีก มีอยู่คนหนึ่งที่เพิ่งจะเริ่มชอบกีฬาอีสปอร์ต ด้วยแบกกล้องถ่ายรูปที่หนักมากจึงวิ่งตามไม่ไหว เขาอยากจะหาพะโล้หม้อไฟกิน ไม่คิดว่าพอได้ของมา จะปะหน้ากับสองคนนี้พอดี!

ทะ เทพยูกิชิน? เทพโฮชิโนะ?

แม้ว่าทั้งสองจะสวมผ้าปิดปาก แต่การเป็นแฟนคลับของทีมอาทิตย์อุทัยมาห้าปี ย่อมจำพวกเขาได้ไม่ยาก ตอนนี้เขาไม่สนเรื่องกินอีกแล้ว ถือกล้องเดินอ้อมมาหยุดตรงหน้ายูกิชิน ทั้งยังรวบรวมความกล้า “เทพยูกิชินใช่ไหม ผมเป็นแฟนคลับทีมคุณ และก็เป็นนักข่าวของออเรนจ์ทีวีด้วย นี่บัตรพนักงานของผมครับ”

แต่ด้วยสถานที่และวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกัน เมื่อพูดจบ เขายังไม่ทันได้เอ่ยว่า “ผมอยากจะขอ…”

ยูกิชินที่คิดว่านักข่าวเดินจากไปเกือบหมดแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนนี้ก็พูดขึ้น สำหรับเขาแล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย? “อยากถามว่าอะไร”

……………………………………………..

 ตอนที่ 1848-1

นักข่าวเองไม่คิดว่ายูกิชินจะพูดง่าย ทั้งยังกลัวว่าจะล่วงเกินอีกฝ่าย จึงเปลี่ยนวิธีพูด “คืออย่างงี้ครับ เทพยูกิชินคงยังไม่ได้ดูคลิปสัมภาษณ์ของเทพฉินแน่ๆ เทพฉินบอกว่าคุณรอเทพโฮชิโนะมานานแล้ว เอ่อ คุณว่าเขาพูดถูกไหมครับ?”

ยูกิชินไม่แสดงกิริยาใด ฝ่ายโฮชิโนะแค่เลิกคิ้วเล็กน้อย หมายความว่ายังไง?

นักข่าวเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบก็คิดจะกระแอม แต่คาดไม่ถึงว่ายูกิชินจะยกมือพาดบ่าโฮชิโนะ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “นายว่าเขาพูดถูกไหม?”

สีหน้าของนักข่าวในเวลานั้นตะลึงงันทันที ลืมกระทั่งถ่ายรูปเก็บไว้

รอจนได้สติ ยูกิชินก็เดินไปแล้ว เทพโฮชิโนะยังคงอยู่ในกลุ่มฝูงชน แต่ยังพอได้ยินเสียงอยู่ “เมื่อกี้นายจงใจใช่ไหม”

“ลองพิสูจน์คำพูดฉินมั่วดูหน่อย ไม่ดีเหรอ เฮอะ เดาว่านายน่าจะทำให้เขากลัวมาก โฮชิโนะ นายไม่รู้ตัวเหรอว่าตัวเองกับ Z สนิทกันมากเกินไป” ยูกิชินพูดเสียงธรรมดา “คนเขาเป็นแฟนกัน คงไม่ชอบที่เห็นพวกนายสนิทกันแบบนี้หรอก”

โฮชิโนะหัวเราะเบาๆ “เป็นแฟน Z ก็ต้องทำใจเรื่องแบบนี้ไว้บ้าง เพราะ Z เป็นคนที่ใครๆ ก็ชอบ”

ยูกิชิน “…” สีหน้าโอ้อวดแบบนี้หมายความว่าไง ไม่อยากเดินต่อไปแล้ว เชื่อเขาเลย ไม่มีอะไรน่าเดินต่อแล้ว ยูกิชินหรี่ตาลง คิดจะเดินออกไป ถ้าโฮชิโนะไม่ลากตัวไว้เสียก่อน “ไปดูตรงนั้นกันหน่อย”

“ดูอะไร?” ยูกิชินเป็นประเภทคุณชาย หล่อแบบร้ายๆ

เสียงของโฮชิโนะยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม “ไอ้ตัวเล็กที่นายเก็บมาน่ะ ไม่ต้องเลี้ยงแล้วหรือไง? ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉันหรือนายกันแน่ที่เป็นเจ้าของ อาหารแมวไม่พอแล้ว ตรงนั้นมีร้านหนึ่ง ไปซื้อมาเก็บไว้ดีกว่า”

ยูกิชินได้ยินแล้วไม่พูดอะไรมาก เดินตามไปไม่กี่ก้าวก็เอ่ยขึ้น “เอาใจใส่แมวมากว่าตัวฉันอีกนะ”

เวลาแบบนี้ถนนเยียนไต้เสียจะมีคนเยอะเป็นพิเศษ เสียงดังไปหมด แถมยังต้องคอยหลบนักข่าว รวมถึงแฟนคลับที่จำพวกเขาได้ ดังนั้นโฮชิโนะจึงไม่ได้ยินว่ายูกิชินพูดอะไร เขาหันหน้ามา ใบหน้าสวมผ้าปิดปากเอาไว้ เห็นแค่ดวงตาที่เหมือนน้ำหมึก “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ”

“เปล่า” ยูกิชินซุกมือไว้ในกระเป๋าเสื้อตัวนอก สภาพเหมือนคุณชายมาเฟียเลยทีเดียว “นายว่าร้านอยู่ตรงไหน?”

โฮชิโนะเดินนำพลางพูด “ขนาดร้านอาหารแมว นายยังไม่รู้จักเลย แล้วเอาแมวกลับมาเลี้ยงทำไม?”

“ไปเจอตอนกลับจากเล่นงานคน พอดีฝนตก จะทิ้งแมวมันก็กระไรอยู่” ยูกิชินพูดประโยคดังกล่าวด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย

โฮชิโนะพอจะนึกภาพในเวลานั้นออก จะต้องเป็นพวกมาเฟียเสื้อดำแน่ เขาคงยืนอยู่ข้างหน้าด้วยท่าทีขี้เกียจ ไม่เหมือนมาจับเล่นงานคู่อริ แต่กลับโหดเหี้ยมกว่าใคร แน่ล่ะ ปกติแล้วเรื่องเล่นงานใครแบบนี้ เขาไม่ต้องลงมือเองหรอก แต่หากผู้นำในรุ่นที่ห้าลงมือเอง ย่อมไม่ยากที่จะเข้าใจแต่อย่างใด เพราะมันจะทำให้ลูกน้องต้องยอมศิโรราบแต่โดยดี

แสดงว่าหลังจากที่จัดการเสร็จสรรพ ฝนก็ตกพอดี จากนั้นคงเห็นแมวอยู่ข้างถนน ถึงคาบบุหรี่แล้วถอดเอาแจ็กเก็ตออกมาแล้วอุ้มมันไว้ในอ้อมกอด ผู้ชายคนนี้ไม่มีดวงด้านสัตว์เลี้ยง ตอนที่เขาเห็นอีกฝ่าย ก็พบว่ามีเท้าแมวแปะที่คางด้วย คงเพราะใบหน้าของยูกิชินดูสวยเกินไปจนแมวยังทนไม่ได้ แถมพอกลับมาแล้วก็ยังโยนแมวทิ้ง ดูหยิ่งเสียยิ่งกว่าแมวอีก

ตอนเรียนม.ปลาย เขาคนนี้แหละที่อัดคนทั้งกลุ่มด้วยตัวคนเดียว โดยนัดกันที่ดาดฟ้าของโรงเรียน ด้วยเวลาไม่ถึงหนึ่งวันก็กลายเป็นบอสแล้ว เขาเหมือนจะเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต เกลียดคนที่หาว่าเขาหน้าสวยมากที่สุด ถ้าใครกล้าพูดถึงหน้าตาเขา เจ้านั่นก็เท่ากับหาที่ตาย

…………………………………………

ตอนที่ 1848-2

โฮชิโนะหัวเราะ ผลักประตูเดินเข้าร้านสัตว์เลี้ยง นอกจากอาหารแมวแล้ว ก็ไม่คิดจะซื้ออะไรอีก แต่เรื่องคลิปที่นักข่าวนั่นพูดถึง เขาควรไปดูสักหน่อย

ยูกิชินรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้นำแก๊งที่น่าอนาถ จึงปิดมือถือเสียเลย พลางคิดในใจว่า ฉินมั่ว ดู Z ไว้ดีๆ แต่ถ้าดูไม่ดีก็ช่วยอะไรไม่ได้

เมื่ออยู่ในประเทศจีน Z ย่อมไม่ทำผิดกฎหมาย ตอนนี้ยูกิชินกังวลแค่ว่าฉินมั่วจะควบคุมไม่ได้ จน Z กลับไปที่ The Fifth Avenue

เพราะหากเป็นเช่นนั้น โฮชิโนะต้องตามไปด้วยแน่ บอกตรงๆ เมื่อก่อนเขาเคยสนใจสิ่งมีชีวิตอย่างนายน้อยของโลกแฮกเกอร์ แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกดีอะไรด้วยแล้ว

โฮชิโนะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ แต่เลือกเอาอาหารแมวมาถุงหนึ่ง ก่อนจะยื่นไปตรงหน้ายูกิชิน “รสนี้เป็นไง?”

ยูกิชินรับมา หยิบเข้าปากเม็ดหนึ่ง สีหน้ากวนเหมือนเดิม “ไม่เลว”

ส่งผลให้คนในร้านถึงกับตะลึง ผู้ชายหล่อขนาดนี้ ทำไมถึง ถึงเอาอาหารแมวเข้าปากตัวเอง?

โฮชิโนะอึ้งเช่นกัน บีบหน้าอีกฝ่าย “คายออกมา”

“คายอะไร นายถามฉันว่ารสเป็นยังไงไม่ใช่เหรอ” ยูกิชินคงลืมไปแล้วว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนอย่างเห็นได้ชัด

โฮชิโนะหัวเราะอย่างจนปัญญา น้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “เฮ้ ฉันให้นายดม ไม่ใช่ให้นายกิน มันเป็นอาหารแมวนะ”

ยูกิชิน “…”

ไม่อยากพูด คงจะเป็นคำบรรยายมาเฟียใหญ่อย่างยูกิชินในวันนี้ โฮชิโนะรู้ตัวว่าอ่านภาษาจีนบางตัวไม่ออก พอเลือกมาได้ถุงหนึ่งก็หันไปถาม “ซื้อเพิ่มอีกถุงดีไหม?”

ยูกิชินส่งเสียงเฮอะ “ถุงเดียวไม่พอเจ้าแมวโง่นั่นกินหรือไง?”

“ไม่ได้ซื้อให้แมว” โฮชิโนะควักกระเป๋าเงินออกมา นิ้วมือเรียวยาว “ถุงที่ซื้อเพิ่ม เอาไว้ป้อนนาย”

ยูกิชินหรี่ตาลง “หาเรื่องใช่ไหม?”

“ได้” โฮชิโนะถือมาถึงหนึ่ง “รอกลับไปก่อนนะ”

นักข่าวที่แอบฟังอยู่ด้านนอกนวดๆ จมูก ท่าทางเรื่องเป็นเกย์อะไรเนี่ยจะไม่ใช่เรื่องจริง บรรยากาศภายในทีมอาทิตย์อุทัยดูเหมือนจะไม่กลมเกลียวสักเท่าไร โดยเฉพาะระหว่างรองหัวหน้ากับหัวหน้า รองหัวหน้าดูจะไม่เชื่อฟังหัวหน้า

เอ จะเขียนหัวข้อว่ายังไงดี? สำหรับนักข่าวมือใหม่ที่เป็นชายแท้อย่างเขาเสียจริง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร โพสต์ลงในโลกออนไลน์ก่อนดีกว่า ถึงเมื่อกี้เทพยูกิชินจะพาดมือไว้ที่บ่าของเทพโฮชิโนะ แต่เหมือนแค่ทำเล่นๆ การซื้ออาหารแมวยังดูจริงจังกว่า อย่างน้อยทั้งสองก็ยังมีจุดที่ขัดแย้งกัน

อืม!

ใช่!

ไม่ผิดหรอก!

สร้างจุดขัดแย้งให้เป็นประเด็น!

นักข่าวเชื่อว่าความคิดของตัวเองไม่เลวเลยทีเดียว เพราะข่าวที่มีความขัดแย้งมักจะมีคนอ่านเยอะเสมอ มันเป็นกฎที่ไม่ได้เป็นสัจธรรมแต่อย่างใด แต่จะต้องมีคนมาติดตามแน่นอน เพราะรองหัวหน้ากับหัวหน้าจะเดี่ยวกันเอง ยิ่งคิดก็คิดว่าจะเรียกความสนใจนี้ไม่เลวเลย พอโพสต์รูปเสร็จ นักข่าวกะจะให้เวลาส่วนตัวแก่ทั้งสอง จึงไม่ไล่ล่าตามข่าวต่อไป รอจนผ่านไปสามนาทีก็เข้ามาดูในเวยป๋อ และพบว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไว้กลับไม่เกิดขึ้น

กลายเป็นว่าหลายๆ คนออกอาการดังต่อไปนี้ “อ๊าๆๆๆ ไปซื้ออาหารแมวด้วยกัน น่ารักที่สุด! ฉันขอยืนหนึ่งคู่จิ้นโฮชิโนะยูกิชิน”

……………………………………………………………

ตอนที่ 1844

 “มีเรื่องที่ต้องบอกเขาจริงๆ ล่ะครับ” ฉินมั่วช้อนสายตาขึ้นอย่างสบายๆ มุมปากยังแฝงรอยยิ้ม แต่กลับไม่ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น

มาแล้ว! มาแล้ว! พิธีกรสาวตื่นเต้นจริงๆ!

เธอสังหรณ์ใจว่าคำถามแบบนี้แหละที่พวกแฟนคลับต้องสนใจมากแน่นอน เพราะใครๆ ก็ได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นในการแข่ง

“เรื่องอะไรหรือคะ? เทพฉินพูดให้ละเอียดขึ้นได้ไหมคะ?” พิธีกรสาวส่งไมโครโฟนเข้าไปใกล้ แววตาเต็มไปด้วยแววอยากเมาท์

ฉินมั่วหยักยิ้มมุมปาก เอ่ยช้าๆ ว่า “โฮชิโนะ ยูกิชินรอนายมานานแล้วนะ เมื่อไรจะได้คุยกันสักที”

“เอ๋?” พิธีกรงง เพราะเธอเดามามากมาย แค่ไม่คิดว่าจะได้คำตอบดังกล่าว “เทพฉิน คุณหมายความว่าคุณยูกิชินกับเทพโฮชิโนะ พวกเขา…”

เดี๋ยวสิ! เธอต้องใจเย็นๆ! ต้องระวังคำพูดที่จะใช้! จะได้ดึงข้อมูลมาเยอะๆ

แต่ยังไม่ทันตั้งตัว ฉินมั่วก็เอ่ยขึ้นมาก่อน พร้อมทั้งลุกขึ้น ร่างสูงที่ยืนขึ้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่งต้องห้าม “ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ครบเวลาห้านาทีแล้ว ผมกับแฟนต้องไปพบผู้ใหญ่ เชิญทุกคนตามสบายนะครับ”

พิธีกรสาวยังอยากถามต่อ แต่ไม่มีความกล้า เลขาท่านประธานที่อยู่ด้านข้าง ได้ยินคำพูดของท่านประธานแล้ว ได้แต่ยิ้มบางๆ พาตัวกลุ่มผู้มาสัมภาษณ์ออกไป

คลับตระกูลฉินปฏิบัติต่อทุกคนที่มาร่วมงานกันอย่างมีมารยาท แต่ใครล่ะจะเข้าใจความรู้สึกของผู้สื่อข่าวที่ได้รู้อะไรครึ่งๆ กลางๆ แล้วเกิดความรู้สึกคลั่งบ้าง

พิธีกรสาวและช่างกล้องก็รู้สึกเช่นนี้นี่เอง

ป๋อจิ่วที่นั่งกอดแมวอยู่ก็ลุกขึ้นมา หลังจากที่พวกนั้นออกไป “พี่มั่ว พี่จงใจนี่”

ฉินมั่วมองดูใบหน้าของคนบางคนแล้ว กลับยิ้มให้ “จงใจอะไร?”

“จงใจล่อให้ทุกคนเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ของโฮชิโนะกับยูกิชิน” ป๋อจิ่วพูดจบก็แอบบ่นเบาๆ “น่าเกลียดมากเลย”

ฉินมั่วได้ยินแล้ว หรี่ตาลง แล้วลากตัวเธอมาหา “ฉันเนี่ยนะน่าเกลียด?

ป๋อจิ่วอ้าปาก แต่ไม่พูด

“ยังไงฉันก็น่าเกลียดขนาดนี่แล้ว” ฉินมั่วรั้งเอวเธอไว้ “งั้นก็น่าเกลียดเพิ่มอีกสักหน่อย”

“เฮ้” ป๋อจิ่วรับรู้ได้ถึงมือเขาที่สอดเข้ามากอดรัด จนเอวอ่อนไปหมด “ที่นี่มันที่ทำงานนะ”

ฉินมั่วก้มลงจูบลำคอเธอ เสียงพลอยหนักหน่วงตามไปด้วย “วางใจเถอะ ไม่มีใครเข้ามาหรอก”

ปัญหาไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามาหรือไม่ ป๋อจิ่วโดนจูบจนมือยังไร้เรี่ยวแรงไปด้วย ส่วนเจ้าหญิงฉวยจังหวะวิ่งหนีไปแล้ว เกราะป้องกันอย่างสุดท้ายของเธอก็ไม่เหลืออีกต่อไป ด้านหลังคือโต๊ะที่เขานั่งเซ็นสัญญามาหลายต่อหลายครั้ง ส่วนแผ่นหลังของเธอแนบลงบนนั้น สัมผัสได้ถึงความเย็นในแบบธุรกิจ เหมือนบนโต๊ะจะมีกระดาษบางอย่างอยู่ ซึ่งก็ร่วงลงพื้นหมดแล้วในเวลานี้

อุณหภูมิทวีสูงขึ้น ทั้งสองอยู่ด้วยกันทีไรเหมือนเสพติดกันจนแยกออกไม่ได้ คงเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดอีกฝ่ายมาก หรืออาจเป็นเพราะต่างมีแรงดึงดูดกันมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ต้องระมัดระวัง ทว่าเวลานี้ดูเหมือนไม่ต้องพะวงต่อเรื่องอื่นใดอีกแล้ว

ความวาบหวามลามมาจากบั้นท้าย ลมหายใจอันเป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่มคละเคล้ากับกลิ่นมินต์ เข้าห้อมล้อมตัวเธอไว้ เหมือนถูกอะไรตีจนแตกกระจาย “เธอเป็นของฉัน เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”

ป๋อจิ่วได้ยินคำกล่าวแสดงความเป็นเจ้าของแล้ว รู้สึกว่าแผ่นหลังร้อนเหลือเกิน เพราะท่านเทพไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เหมือนลูกหมาป่า[1]เลย

[1] ลูกครึ่งหมาป่า ในที่นี้หมายความว่าเป็นชายหนุ่มอายุน้อยที่หน้าตาดีและแข็งแรง

…………………………………………..

ตอนที่ 1845

 ความหวามไหวยังไม่คลายลงแม้เขาจะปล่อยมือ ป๋อจิ่วรู้สึกว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้คงไม่ไหวแน่

ทุกครั้งที่ท่านเทพใช้กลหนุ่มงามกับเธอ เธอจะปล่อยให้ตัวเองเผลอไผลไม่ได้ อันที่จริงครั้งนี้ เขาก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะคำนึงถึงสภาพร่างกายเธอ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เมื่อได้ยินเสียงหอบหายใจของเขาข้างหูเธอ แผ่นหลังเธอก็ยิ่งวาบหวามยิ่งขึ้น

ผ่านไปสิบห้านาทีโดยประมาณ อุณหภูมิก็ลดต่ำลง เขาดึงตัวขึ้นแล้วจูงมือไปล้างมือ

และป๋อจิ่วก็กลายเป็นผู้ถูกปรนนิบัติทุกครั้ง เธอมองดูเขาเบี่ยงหน้านิดๆ แล้ว อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “พี่มั่ว เมื่อกี้ทำไมพี่ถึงพูดกับพิธีกรเรื่องสารภาพรักอย่างนั้นล่ะ ฉันเป็นคนสารภาพรักก่อนนี่นา ฉันเห็นพี่ครั้งแรกก็อยากซื้อพี่แล้ว แต่พี่กลับปฏิเสธ”

“เรื่องแบบนี้ ถ้าบอกว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายพูดก่อน ชื่อเสียงจะไม่ดี” ฉินมั่วไม่ได้ตั้งสมาธิกับเรื่องนี้ เขายังคงมีท่าทีสบายอารมณ์

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วกลับอึ้ง เพราะห่วงว่าชื่อเสียงเธอจะไม่ดี ถึงพูดแบบนั้นใช่ไหม?

ทำไงดี รู้สึกรักผู้ชายตรงหน้ายิ่งกว่าเมื่อวานอีก เขาเป็นอย่างนี้เสมอ มักจะคิดเผื่อเราในตอนที่เราไม่รู้เรื่อง แต่เวลาอยู่กันสองต่อสอง มักจะเย่อหยิ่งล่อให้เราไล่จีบ ทว่าเวลาอยู่ต่อหน้าคนนอก กลับทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

“ทำอะไร ป๋อเสียวจิ่ว…” ฉินมั่วมองดูคนตรงหน้าที่กอดเอวเขาอย่างจนใจ ทั้งๆ ที่มือของเขายังเต็มไปด้วยฟอง เห็นเพียงเธอเลิกคิ้ว “ถ้าทำอะไรร้ายๆ ล่ะก็ ฉันจะโยนเธอทิ้งนะ”

ป๋อจิ่วหัวเราะเจ้าเล่ห์ ทำท่าเหมือนข่มขู่ ฝ่ายฉินมั่วเห็นอีกฝ่ายทำท่าเจ้าชู้ ก้นบึ้งนัยน์ตาก็เผยแววยิ้ม

น้อยครั้งที่ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ ได้นั่งในห้องเดียวกัน เขาอ่านสัญญาของเขาไป เธอเล่นกับแมวของเขาไป ผ่านไปสิบกว่านาที เขาก็เดินเข้ามาหยิกแก้มเธอบ้าง จุ๊บเธอบ้าง

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กรับใช้มืออาชีพ แม้จะไม่ต้องชงชาให้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ชายหนุ่มผ่านเวลาที่น่าเบื่อไปได้

คำพูดแบบนี้ถ้าคนที่อยู่ข้างนอกมาได้ยิน จะต้องตายราบพนาสูร ประธานฉินของพวกเขาจะไปมีเวลาเบื่อได้อย่างไร แต่วันนี้ดีจริงๆ คงเพราะท่านไม่หัวเราะเย็นชา ไม่…แม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งคนจากแผนกคิดโปรเจกต์ยังหวิวๆ เดิมคิดว่าหลังจากที่การแข่งระดับเอเชียจบสิ้น วันสิ้นโลกของพวกเขาก็จะมาถึง เพราะหมายความว่าท่านประธานจะทุ่มเทความสนใจมาที่บริษัท ช่วงเวลาสิ้นปีถือเป็นการกวาดล้างทุกแผนกเลยทีเดียว ไม่คิดว่าวันนี้บอสจะสบายๆ ขอแค่ไม่เข้าไปในห้องท่านมากเกินไป มีตาต้องมีแววบ้าง ก็ย่อมไม่โดนประหาร!

คุณชายจิ่ว อ้อ ไม่สิ คุณหนูจิ่วถือเป็นแม่พระผู้มาโปรดพวกเขาจริงๆ

“หิวไหม?” ฉินมั่วหันมาถามป๋อจิ่ว

ป๋อจิ่วงับคุกกี้ไว้ในปาก “ยังพอไหว”

“ท่าทางดูฉันทำงานแล้วคงเบื่อสินะ” ฉินมั่ววางปากกาในมือลง เลิกคิ้วพลางเสนอ “หาอะไรทำไหม?”

ป๋อจิ่วตาสว่าง ค่อยยังชั่ว เมื่อกี้เธอมองดูท่านเทพที่กำลังตั้งใจเซ็นสัญญาอยู่ ก็อยากเข้าไปจุ๊บสักครั้ง ความสูงส่งต้องห้ามจากความเป็นนักธุรกิจ ทำให้รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจเหลือเกิน ถ้าว่ากันตามบทท่านประธาน การหาอะไรทำก็ต้องเป็นเรื่องสวีทสิ แต่แฟนของเธอกลับไม่ทำตามครรลองปกติ “หนังสือวิชาฟิสิกส์ของเธออยู่กับฉัน มานี่ มาอ่านทบทวนเร็ว”

ป๋อจิ่ว “…”

เลิกกันตอนนี้ยังทันไหม?

……………………………………………………….

ตอนที่ 1846

หมดแรง…คือคำอธิบายอารมณ์ของป๋อจิ่วในเวลานี้

ท่านเทพยังคงเท่สง่าเหมือนเดิม มือข้างหนึ่งกุมปากกา เคาะหัวเธอ “อย่าบอกนะว่าข้อนี้เธอก็ทำไม่ได้”

“พี่มั่ว เอาเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้มาทบทวนวิชาฟิสิกส์เนี่ยนะ พี่ไม่คิดว่ามันสิ้นเปลืองหรอกเหรอ” ป๋อจิ่วพยายามดึงบรรยากาศกลับมา

ฉินมั่วมองเธอแวบหนึ่ง “ไม่รู้สึก”

คุยต่อไปไม่ไหวแล้ว ป๋อจิ่วมองดูความรู้ฟิสิกส์ตรงหน้า กุมขมับทันที

คิดดูสิ นายน้อยแห่งโลกแฮกเกอร์อย่างเธอ กลับทำอะไรต่อแบบฝึกหัดวิชาหนึ่งไม่ได้ ต้องยอมแพ้ให้กับมัน ช่าง…

คงเพราะเห็นความเซ็งของใครบางคน ฉินมั่วชอบสภาพแบบนี้ของเธอมากทีเดียว “ใกล้จะสอบปลายภาคแล้ว ถ้าไม่พยายาม เกิดสอบได้คะแนนไม่ดีขึ้นมา จะมองหน้าแม่สามีตัวเองยังไง”

ก็แค่การสอบธรรมดาๆ แต่ท่านเทพพูดเสียอย่างนี้ เธอย่อมรู้สึกกดดันในใจ เดี๋ยวก่อน คนอย่างราชินีจอเงินไม่น่าจะแคร์เรื่องคะแนนเลยนะ

ป๋อจิ่วหันไปมอง “คนสวยแคร์เรื่องคะแนนมากเหรอ?”

“เมื่อก่อนฉันได้ที่หนึ่งตลอดเลย แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ?” ฉินมั่วมีท่าทีสบายอารมณ์ ทำให้ป๋อจิ่วตั้งใจขึ้นมา โดยไม่รู้เลยว่า ถูกล่ะ เหตุการณ์ที่ฉินมั่วพูดเป็นจริง แต่มีจุดหนึ่งที่เขาไม่ได้บอก

ตอนที่ชายหนุ่มเรียนม.ปลาย คนสวยอยากลากลูกชายไปชอปปิ้งด้วย แต่ทุกครั้งคนเป็นลูกมักอ้างว่า ‘แม่ฮะ ผมต้องอ่านหนังสืออีกนะฮะ’

ตอนนั้นคนสวยพูดแค่ว่า ‘สอบคะแนนแย่หน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกลูก’ เห็นไหม หากวิเคราะห์จากข้อนี้ จะเห็นว่าหนูน้อยป๋อเสียวจิ่วถูกหลอกอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ฉินมั่วเป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน เขาชอบเห็นท่าเซ็งของเธอก็จริง แต่ไม่อยากให้เจ้าหล่อนถึงขั้นอดกินอดนอน

เมื่อเห็นคนบางคนไม่ยอมดื่มน้ำที่เขาป้อนให้ ฉินมั่วก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะดึงหนังสือฟิสิกส์ออกมาจากมืออีกฝ่าย

ป๋อจิ่วช้อนสายตามอง “ยังอ่านไม่จบเลย”

“ไม่ต้องอ่านแล้ว” ฉินมั่วพูดเสียงเรียบ “เมื่อกี้ฉันหลอกเธอ แม่ฉันไม่แคร์เรื่องคะแนนสักนิด เธอเป็นไอดอลสุดโปรดของแม่ฉันนะ เธอทำอะไรแม่ฉันก็ชอบหมดแหละ”

ป๋อจิ่วอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะบิดคอด้วยมือข้างหนึ่ง “ฮู้ พี่มั่ว จริงใจหน่อยได้ปะ ว่าแต่ทำไมอยู่ๆ พี่ก็อยากให้ฉันอ่านหนังสือขึ้นมาเสียอย่างนั้น” คงไม่ได้มาจากความชอบที่ประหลาดจากคนปกติหรอกนะ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนท่านเทพมักอ้างเรื่องนี้มาเย้าเธอ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเขาจะมีเจตนาอื่น

“เปล่าหรอก” ฉินมั่วพูดเป็นเรื่องปกติ

ป๋อจิ่วกลับคิดอะไรบางอย่างออก มองดูมือถือที่ดังขึ้นเมื่อครู่นี้ของเขา “ก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนโทรมาหาเหรอ”

“อื้ม” ฉินมั่วไม่ปกปิด

ป๋อจิ่วสงสัย “พูดว่าไงบ้าง?”

“กรอกคณะในฝัน” ฉินมั่วยื่นแก้วน้ำไปจ่อปากเธอ

ป๋อจิ่วถึงบางอ้อทันที “พี่มั่ว พี่อยากให้ฉันเข้ามหาวิทยาลัย A ของพี่ใช่ไหม?”

มิน่าล่ะ ถึงได้ติววิชานี้ให้เธอ เพราะคะแนนของมหาวิทยาลัย A ไม่ได้สูงธรรมดา

ฉินมั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธ ป๋อจิ่วเห็นแล้วดึงหนังสือกลับมาอ่านต่อ แต่ใครจะคิดล่ะว่าฉินมั่วยื่นมือไปกันไว้ “ไม่ต้องอ่านแล้ว คะแนนเธอตอนนี้ใช่ได้แล้ว”

“แล้วถ้าสอบไม่ได้ล่ะ” ป๋อจิ่วงับปากกา “อ่านหน่อยดีกว่า ป้องกันไว้ก่อน”

ฉินมั่วจึงอุ้มตัวเธอมานั่งบนตักตัวเอง “สอบไม่ได้ก็ช่าง ถึงตอนนั้นเธอสอบเข้าได้ที่ไหน ฉันก็จะย้ายตาม เพราะฉันเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน”

ส่งผลให้ป๋อจิ่วได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง ก่อนจะดื่มน้ำที่เขาป้อนให้ แม้แต่ปลายลิ้นยังแอบหวาน เวลาที่แฟนเธอไม่ยั่วโมโหใครนี่ ช่างหล่อจนทำให้คนหลงรักไปหมด

…………………………………………..

ตอนที่ 1843-3

รูปหล่ออันดับหนึ่งคือพี่อ้วน “อยู่กันไหม ออกมา ออกมาให้หมด!”

หลินเฉินทาว “เฮ้ย เปลี่ยนชื่อโปรไฟล์ทุกวันเลยเว้ย สุดยอด”

รูปหล่ออันดับหนึ่งคือพี่อ้วน “ชมเกินไปแล้ว วันนี้พวกนายเห็นในเวยป๋อหรือยัง ไม่รู้สึกเหรอว่าคนบางคนหน้าไม่อายอย่างแรง”

“เห็นแล้ว หน้าไม่อายแบบขีดสุดเลย”

“ฉันงับปีกไก่แน่นจนดูจบเลยล่ะ เห็นแล้วอยากอัดคนว่ะ”

“ไม่อยากพูดอะไรแล้ว อยากโทรหา 110 แจ้งความว่ามีคนทำร้ายหมาโสดแสนดีอย่างฉัน!”

“เซ็นชื่ออย่างเว่อร์ พวกนายว่าไหม”

“ฉันว่าเราต้องแอดบางคน (ภาพมีมฉินมั่ว)”

“ฉันว่าเดี๋ยวคนบางคนต้องส่งอั่งเปามาแน่ มีแฟนแล้วนี่ (ภาพมีมฉินมั่ว)”

“ส่งสองซองเลย ในเมื่อมีสองคนก็ต้องสองซอง เจ้าแบล็กอ่ะช่างเหอะ ให้แฟนส่งให้ (ภาพมีมฉินมั่ว)”

คงเพราะมีเสียงมือถือดังอยู่นั่น ป๋อจิ่วจึงหันมามอง และเห็นท่านเทพส่งข้อความทางวีแชทอย่างรู้สึกประหลาด เธออยากดู แต่เขาไม่ยอม ยกมือกันไว้ พยักเพยิดบอกเพียงว่า “นั่งลง”

จริงๆ เลยนะ กันเธอไว้อย่างกับกันหมาป่า ป๋อจิ่วเลิกหางตา อาศัยช่วงที่เขาหลุบตาลง จับข้อมือเขา ฉวยโอกาสมองดูสักแวบสองแวบ ฉินมั่วกลับยิ้มให้ “ทำไม? มิสซิสฉิน แอบจับผิดเหรอ?”

ป๋อจิ่วจะไปรู้เนื้อหาได้ยังไง เธอรู้สึกเสียเปรียบขึ้นมาจึงหยิบน้ำแร่ขึ้นดื่ม เสไปมองอีกครั้ง ก็เห็นฉินมั่วจิ้มนิ้ว “จะส่งจริงๆ เหรอ?” ฉินมั่วทำไม่เหมือนจะส่งอั่งเปาให้อย่างบริสุทธิ์ใจ ต้องมีแผนแน่

นั่นไงล่ะ ป๋อจิ่วมองดูหน้าจอมือถืออีกครั้ง เห็นว่าชายหนุ่มส่งอั่งเปาให้จริงๆ แต่ใส่ชื่อไว้ว่า ‘อาหารหมา’ ป๋อจิ่วเดาได้เลยล่ะว่า กรุ๊ปแชทท่านเทพจะต้องโพสต์ด่าฉินมั่วหน้าไม่อายเพียบชัวร์

ฉินมั่วกลับเป็นปกติ ส่งอั่งเปาให้หมดก็เก็บมือถือ ราวกับไม่ได้เป็นคนจุดเพลิงขึ้นมา ป๋อจิ่วคว้ามือถือตัวเองขึ้นมาดูอย่างทนไม่ไหว ทว่าเมื่อเปิดดูวีแชทก็พบว่า

“ฉินมั่ว! แน่จริงก็อย่าเพิ่งปิดวีแชทดิ อย่าปิดมือถือนะ”

จ้าวซานพั่ง อื้ม ถึงจะมีมือถือกั้น แต่ป๋อจิ่วยังรู้สึกได้ถึงความแค้น พูดตรงๆ วันนี้ท่านเทพสร้างความแค้นได้พอๆกับที่ตัวเองเดี่ยวใส่บอสจอมโหดเลย

รู้สึกอย่างไรที่มีแฟนแบบนี้ คงอยากหัวเราะ

คนที่ทำการสัมภาษณ์เข้ามา เห็นท่าแอบขำของป๋อจิ่วพอดี

คงเพราะเธอนั่งเกียจคร้านบนเก้าอี้ โชว์ให้เห็นขายาวๆ และมือถือขวดน้ำแร่ด้วย ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่กลับรู้สึกถึงคำว่าหล่ออย่างช่วยไม่ได้

ป๋อจิ่วเห็นว่ามีคนเข้ามา จึงหันไปมองเล็กน้อย สายตาจ้องไปที่ป้ายชื่อพนักงาน จากนั้นลุกขึ้นยืนเหมือนจะเดินจากไป ทว่าฉินมั่วกลับยื่นมือฉุดชายเสื้อป๋อจิ่ว

ป๋อจิ่ว “เอ๋?” ไหนว่าจะสัมภาษณ์? เธอจะได้ลงไปเดินเล่นเสียหน่อย

ฉินมั่วเฉยเมย “ทางผู้จัดขอที่นั่งให้คนในครอบครัวด้วย”

ผู้สัมภาษณ์ได้ยินแล้ว รีบตอบ “ไม่ผิดหรอกค่ะ เทพ Z ถึงจะสัมภาษณ์เดี่ยว แต่พวกเราหวังว่าคนในครอบครัวจะนั่งข้างๆ…”

พิธีกรฝืนใจพูด เพราะสถานการณ์แบบนี้หาได้ยาก ทว่าสายตาของฉินมั่ว หากเธอมองไม่ออกอีก ก็ไม่ต้องอยู่ในวงการนี้แล้ว ทว่าเรื่องนี้เธอต้องขอบคุณเทพฉิน เดิมกะผลอย่างเลวร้ายที่สุดก็คือ ฉินมั่วไม่ยอมให้สัมภาษณ์ ไม่คิดว่าเขาจะมา แถมยังพาแบล็กพีชมาด้วย รายการยังไม่เริ่มก็ดังแล้ว!

 ………………………………………

ตอนที่ 1843-4

ป๋อจิ่วเป็นคนที่ให้ความร่วมมือต่อคนอื่นเสมอมา คงเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับทางครอบครัวและการเลี้ยงดู เธอเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต ถึงจะเย็นชาไปหน่อย แต่ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ เธอเคารพทุกอาชีพ นี่เป็นสิ่งที่พ่อเธอสอนมาตลอด แม้ในตอนนี้ ป๋อจิ่วก็ไม่เคยทำให้ใครต้องลำบากใจในการงาน เธอจึงนั่งตรงอันเป็นบริเวณริมหน้าต่างพอดี แถมฉินมั่วสั่งให้ผู้ช่วยจางเอาตัวเจ้าหญิงมาส่ง เธอจึงอุ้มมันมาเล่นด้วย

เจ้าหญิงโมโหแทบแย่ เพื่อแสดงอารมณ์โกรธของมันออกมา จึงส่งเสียงคำรามไม่หยุด ใครจะรู้ เจ้ามนุษย์นี่ไม่สนการข่มขู่ของมัน เจ้าหญิงพอจะมองออกแล้วในตอนนี้ เจ้านายโอ๋คนบางคนมากเกินไปแล้ว ไม่ยอมให้มันตัดสินใจสักนิด มันจึงต้องปรับตัวให้ฉลาด ทำตัวเป็นแมวเรียบร้อย เพราะการถูกอุ้มก็ดีเหมือนกัน

พิธีกรเองก็ชอบใจต่อการจัดการดังกล่าว แม้ว่าแบล็กพีชจะไม่ได้โผล่โฉมหน้าออกมา ทั้งยังหันหลังให้ แต่แค่แผ่นหลัง ทุกคนก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวเป็นใคร แถมยังอุ้มแมวไว้ด้วย เด็กวัยรุ่นที่เสื้อสเวตเตอร์สีดำดูเท่มาก ผู้ใหญ่อย่างเธอยังจะกลายเป็นเลสเบี้ยนเพราะแบบนี้

คงเพราะสังเกตเห็นสายตาของพิธีกรสาว ฉินมั่วจึงเคาะนิ้วเรียวบนโต๊ะ เอ่ยช้าๆ ว่า “ไม่สัมภาษณ์แล้วเหรอ?”

“เอ่อ ขอโทษด้วยเทพฉิน” พิธีกรสาวพูดพลางทำสัญญาณมือให้ช่างกล้อง

เมื่อถามคำถาม ฉินมั่วเหมือนตอบอยู่ แต่กลับคิดในใจว่าต่อไปเขาคงไม่เพียงแต่ป้องกันพวกผู้ชาย ยังต้องกันพวกผู้หญิงด้วย

“เรามาพูดถึงเรื่องความรักของเทพฉินดีกว่าค่ะ แฟนคลับต่างก็อยากรู้มากที่สุด” พิธีกรถามแบบเรื่อยเปื่อย อันที่จริงรู้เหมือนกันว่าทำไมเทพฉินที่เย็นชาไปทั้งตัว นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น กลับทำให้รู้สึกว่าน่ากลัวอย่างไม่รู้สาเหตุ

“เทพฉินกับเทพ Z พวกคุณสองคน ใครเป็นคนสารภาพรักก่อนค่ะ สะดวกจะบอกพวกเราไหม?”

ป๋อจิ่วได้ยินคำถามดังกล่าวเช่นกัน มือที่ลูบหลังแมวอยู่ถึงกับชะงัก เรื่องนี้ยังต้องถามอีกหรอก ต้องเป็นเธออยู่แล้ว ตอนเด็กๆ เธอก็อยากซื้อเจ้าหญิงน้อยมาเก็บไว้ เพียงแต่ตอนนั้นเขาเห็นเธอแล้วขมวดคิ้ว รู้สึกธรรมดากับเธออย่างเห็นได้ชัด แต่ป๋อจิ่วคิดยังไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงดังขึ้นอย่างชัดเจน “ผมเอง”

พิธีกรหญิงประหลาดใจ “เทพฉินดูไม่เหมือนคนที่จะสารภาพรักกับใครได้เลยนะคะ”

“จะทำไงได้ล่ะครับ ก็เขาซื่อบื้อ ผมมอบตัวให้เขาไปหมดก็ยังไม่รู้เรื่องอีก เลยได้แต่สารภาพรัก” ฉินมั่วพูดออกมาด้วยท่าทีที่ต่างไปจากในอดีต

พิธีกรพลอยหัวเราะไปด้วย “ดูวิธีการเล่นเกมของเทพ Z แล้ว ดูเหมือนไม่ว่าจะซื่อบื้อเลยนะคะ หรือว่าเทพฉินเก็บความรู้สึกมากไปหน่อย เทพ Z เลยไม่เข้าใจคะ”

“คุณพูดมีเหตุผล เพราะตอนนั้นเขาเองก็อายุยังน้อย อ่านหนังสือไม่ค่อยออก” ฉินมั่วไม่เพียงจะตอบคำถาม แต่ยังโยนก้อนหินให้พิธีกรถามต่อ

นั่นไง!

“ตอนนั้นเขายังอายุน้อยมาก? พระเจ้า หรือว่าคุณรู้จักเทพ Z มาตั้งแต่เด็กแล้ว?” พิธีกรรู้สึกว่าตัวเองได้แหล่งข้อมูลเด็ด

ฉินมั่วกลับมาเป็นปกติ “แปลกมากเหรอครับ”

“เปล่าค่ะ เพียงแต่ตอนแข่งระดับเอเชีย พวกแฟนคลับเห็นความสนิทสนมของเทพ Z กับเทพโฮชิโนะแล้ว คิดว่าพวกเขาน่าจะรู้จักกันตั้งแต่เด็กมากกว่าน่ะค่ะ”

ฉินมั่วได้ยินแล้ว เหยียดยิ้มทันที “งั้นตอนนี้ทุกคนก็รู้ความจริงแล้วสิครับ”

“ค่ะๆๆ รู้แน่นอน” พิธีกรสาวพูดจบก็รวบรวมความกล้าพูดต่อ “งั้นคุณมีอะไรจะพูดกับเทพโฮชิโนะไหมคะ?”

………………………………………………………

ตอนที่ 1843-1

ไม่รอให้เฟิงอี้พูดจบ ฉินมั่วก็ขัดจังหวะขึ้นมา เสียงสบายอารมณ์ “ลองถามคนจัดซิว่า ให้พาคนในครอบครัวไปด้วยได้ไหม?”

“เจ้าแบล็ก?” เฟิงอี้หัวเราะแผ่วเบา “ต้องขอให้ไปด้วยอยู่แล้วล่ะ”

ป๋อจิ่ว “…”

ฉินมั่วมองดูคนถือโทรศัพท์แวบหนึ่ง รู้ว่าเธอได้ยินแน่ จึงหยักยิ้มมุมปาก “กี่โมง”

“บ่ายโมงกว่าครับ ที่ยอดตึกของคลับ” มีคนอยากสัมภาษณ์พวกเขาเสมอมา ครั้งนี้ได้สมหวังเสียที

ฉินมั่วเอียงศีรษะ “ได้ยินแล้วใช่ไหม ทางผู้สัมภาษณ์ให้พาคนในครอบครัวไปด้วย”

ป๋อจิ่ว “…”

ด้วยเหตุดังกล่าว ป๋อจิ่วจึงถูกท่านเทพพาตัวไปที่บริษัทด้วย อย่าคิดว่าเธอมาในฐานะคนในครอบครัว พอเอาเข้าจริง เธอกลับต้องรับหน้าที่คนขับรถ รอจนมาถึงใต้ตึกบริษัท ข้างนอกก็มีแฟนคลับเต็มไปหมด น่าจะเป็นผลมาจากการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ทั้งนี้หากทั้งสองเข้าไปด้วยกัน เกรงว่าจะดึงดูดสายตาเกินไป ฉินมั่วกำลังคิดว่าจะเรียกยามมาคุมสถานการณ์เสียหน่อย

ทว่าป๋อจิ่วผลักประตูออกไปแล้ว เธอซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋า ใบหน้ามีผ้าพันคอพันไว้เล็กน้อยด้วย เรียกเสียงกรี๊ดกันยกใหญ่

ฉินมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย ป๋อจิ่วมองเขาอยู่ข้างนอกอย่างไม่เข้าใจ เธออุตส่าห์เปิดประตูให้แล้ว แต่ท่านเทพกลับไม่ยอมลงรถมา

ชายหนุ่มสบตาคนบางคน ได้ยินมีคนร้องตะโกนว่า “อ๊าๆๆ พี่แบล็กผัวฉัน ฉันจะคลอดลูกให้พี่”

ชายหนุ่มก็ยิ้มขึ้นมา “ชื่อเสียงไม่เลวนี่” เสียงเย็นที่เอ่ยขึ้นฟังไม่เหมือนเป็นคำชม ป๋อจิ่วทำหน้าเหลอหลา เจ้าหญิงน้อยเป็นอะไรไป สงสัยไม่ได้จูงมือแน่เลย

อืม ป๋อจิ่วคิดได้ดังนี้ จึงหันไปค้ำมือข้างหนึ่งไว้ที่กรอบประตู และจุ๊บฉินมั่วที่กำลังยิ้มเย็น ก่อนจะคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้ พาเดินตรงไปข้างหน้า

ฉินมั่วได้ยินเสียงกรีดร้องโลกแตก หันมามองคนที่ลากตัวเองเดินอยู่ตรงหน้า แววยิ้มขำฉายในก้นบึ้งนัยน์ตา

พวกแฟนคลับเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้ว รู้สึกอลหม่านอยู่ในหัวใจ โดยเฉพาะแฟนคลับฉินมั่ว ท่านเทพของพวกเขาถูกแบล็กพีชโอ๋เอาใจให้ลงจากรถเหรอ? ท่าทีเมื่อครู่ ดูยังไงก็รู้สึกว่าแบล็กพีชเป็นฝ่ายรุกกว่าเลยนะ

เมื่อหันไปมองแฟนคลับแบล็กพีชที่ตะลึงงันเหมือนกัน ก็กระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ขอโทษทีนะ ขอโทษที ปกติแล้วเทพฉินของพวกเราไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก”

ขนาดนี้เลยเหรอ! ต้องให้แฟนโอ๋เอาใจ! หน้าไม่อายจนทำให้คนชี้นิ้วประณามได้เลย!

ทำไมเห็นท่าทางหล่อเหลา นิสัยยังเย็นชามากอย่างนี้ แต่พอเห็นแบล็กพีช Z กลับยิ้มออกมาจนทำให้คนหลงใหล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่แบล็กพีชจูงมือเขาเลย แถมชายหนุ่มยังแจกกำไรให้เหล่าแฟนคลับอีกด้วย

แจกกำไรเหรอ?

เดี๋ยวนะ!

เทพฉินไม่เคยแจกกำไรให้ใครมาก่อน เดี๋ยวนี้เป็นอะไรไป? จู่ๆ เขาก็หยุดชะงักต่อหน้าคนกลุ่มนั้น

ป๋อจิ่วพลอยสงสัยไปด้วย หันหน้าเลิกคิ้วมอง

ใครจะรู้ว่าฉินมั่วไม่ได้มองเธอ แต่มองสาวๆ ที่ยืนด้านข้างต่างหาก “อยากได้ลายเซ็นเหรอ?”

พยักหน้าสิ! ต้องอยากได้อยู่แล้ว พวกแฟนคลับจะคลั่งตายอยู่แล้วนะ

ฉินมั่วยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง รับปากกาคาร์บอนจากหนึ่งในนั้นมา แล้วหลุบตาเขียนไปอย่างสบายๆ พลางเอ่ยขึ้น “มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พวกคุณต้องระวังหน่อย”

“อื้อๆๆ! เทพฉิน ว่ามาเลย ต้องระวังอะไรบ้าง” อุตส่าห์ได้ใกล้ชิดแบบนี้ ขนาดเพื่อนเกย์ยังเคยเยาะเย้ยเลยว่า ถึงจะมาก็ไม่ได้ลายเซ็นจากเทพฉินหรอก เทพฉินไม่เคยเผยหน้า ยิ่งไม่พูดถึงลายเซ็นเลย

เวลานี้ เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันเลยทีเดียว

ฉินมั่วเซ็นชื่อเสร็จแล้ว แต่เขาใช้เวลาเซ็นนานมาก เพราะเติมข้อความข้างหน้าว่า แฟนของ Z ฉินมั่ว

เอ่อ เอ่อ เซ็นชื่อแบบนี้

……………………………………

ตอนที่ 1843-2

ป๋อจิ่วมองดูอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่ยากจะบรรยาย เหล่าแฟนคลับฉินมั่วพากันกระแอมกระไออีกครั้ง พยายามรักษาภาพลักษณ์ให้ท่านเทพของตัวเอง “คนรักกันก็แบบนี้แหละ จริงๆนะ” ทางด้านพวกแฟนคลับแบล็กพีชต่างพยักหน้าตามมารยาท เอ่ยในใจว่า ไม่มีแฟนคนไหนหรอกที่เซ็นชื่อแบบนี้ เทพฉินถือว่าเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์!

เหล่าแฟนคลับฉินมั่วย่อมรู้เช่นกันว่าสิ่งที่ท่านเทพกระทำลงไป สามารถบันทึกลงในประวัติศาสตร์ได้เลยทีเดียว ยังดีที่คนอื่นไม่ได้พูดความจริงออกมา

และความเป็นจริงก็พิสูจน์ได้ว่า ต่อให้คนอื่นไม่แถลงออกมา แต่คนอย่างคุณชายฉินคิดจะทำอะไร ก็ย่อมทำทุกอย่างให้ถึงที่สุด เช่นเดิมทีเซ็นชื่อเสร็จก็ควรเดินไปได้แล้ว แต่ใครจะรู้ว่านอกจากจะไม่ไปยังยืนนิ่งอยู่ แล้วทำเหมือนหัวเราะ “ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่หรอก แค่…” ว่าแล้วก็ดึงป๋อจิ่วออกมาข้างหน้า “คนคนนี้เขาทำได้แค่มีลูกกับผมเท่านั้น ส่วนที่พวกคุณร้องเรียกสามีอะไรเนี่ย เป็นไปไม่ได้หรอก”

เหล่าแฟนคลับที่ถูกดีดออกนอกวงถึงกับงง ดังนั้นเมื่อครู่ที่ฉินมั่วหยุดเซ็นชื่อให้พวกเขา ก็แค่ต้องการบอกเรื่องนี้เหรอ? หนนี้เหล่าแฟนคลับของฉินมั่วที่อยู่ด้านข้างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่ปิดหน้าแสดงความรู้สึกในใจ เทพฉินของพวกเขาเนี่ย…หึงเก่งเป็นบ้า

ไม่นาน เหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นที่เสิร์จหากันใหญ่ จ้าวซานพั่งที่ต้องไลฟ์สดในวันนี้เจอเข้าพอดี จะว่าไปพี่จ้าวของพวกเรามีแฟนคลับไม่น้อยเชียวนะ เหล่าแฟนคลับชอบหยอกเขาเล่น “โอ้ พี่จ้าว วันนี้อ้วนขึ้นจนหล่อไปอีกแบบเชียวนะ”

แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ทำให้แฟนคลับถามคำถามต่างกัน!

“พี่จ้าว เมื่อไรจะมีแฟนอะ?”

จ้างซานพั่งสวมหูฟัง เล่นเกมพลางจ้องดูหน้าจอ โบกมือให้ “ไม่หาแฟนหรอก เกิดหาได้ขึ้นมา พวกแฟนคลับสาวๆ ของฉันจะทำยังไง! ฉันต้องรับผิดชอบความรู้สึกของพวกเขานะ”

“พี่จ้าว ตื่นเถอะ”

“พวกเราเป็นรูปโปรไฟล์ผู้ชายทั้งนั้น! ดูสัญลักษณ์สิ ผู้ชายนะ!”

“พูดตรงๆ นะพี่จ้าว คู่แข่งแสนแค้นของพี่ ฉินมั่วเขาเริ่มคบแฟนแล้วนะ คนที่ฉันอยากทำให้เขาเป็นเกย์มีแฟนแล้วอะ แต่ทำไมพี่ถึงไม่มีความคืบหน้าเลยล่ะ?”

แฟนคลับของจ้าวซานพั่งรู้กันทั้งนั้น ชื่อของฉินมั่วจะทำให้จ้าวซานพั่งระเบิดลง แค่เอ่ยถึงก็ต้องระเบิดแน่

นั่นไง จ้างซานพั่งไม่เล่นเกมแล้ว “แอดมิน แอดมิน บล็อกคนเมื่อกี้เลยนะ คนที่บอกว่าอยากทำให้ฉินมั่วเป็นเกย์อะ ฉันรับแต่แฟนคลับที่เป็นผู้ชายเว้ย แมร่ง เจ้าฉินมั่วนี่ ชอบแจกอาหารหมาอยู่เรื่อยเลย”

เหล่าแฟนคลับต่างส่งเลข 666[1] มากันเพียบ “น่าจะสะเทือนใจมาก”

“พี่จ้าว อย่าร้องไห้ไป ไม่มีแฟนก็ไม่เป็นไร พี่กอดตัวอ้วนๆ ของตัวเองได้!”

จ้าวซานพั่งโมโห “ฉันจะกอดทำบ้าอะไรวะ จะได้ท้าเจ้าฉินมั่วดวลเดี่ยวหน่อย คืนนี้แหละ สาดอาหารหมาใส่คนอื่นอยู่ได้”

ใครจะรู้ พูดเพิ่งจบ คอมเมนต์ก็โผล่มาบนหน้าจอ “อย่าไปเลย ฉันกลัวว่าพี่จะโดนเล่นจนต้องเรียกอีกฝ่ายว่า ป๊ะป๋า”

จ้าวซานพั่งรู้สึกว่าวันนี้แย่มาก ทำไมแฟนคลับบ้านอื่นถึงน่ารักน่าเอ็นดู แต่ของเขากลับห่ามอย่างนี้ แถมชอบพูดแทงใจดำอีก ไม่ไหวแล้ว เขาต้องเอาพฤติกรรมอวดหวานที่น่าอายของฉินมั่วไปโพสต์ลงกลุ่มวีแชท!

 ……………………………………

[1] 666 ในภาษาจีนสื่อถึงว่า เก่งมาก เจ๋งมาก

ตอนที่ 1842-2

เธอหันหน้าไปหา เสื้อขนเป็ดตัวดำเข้าคู่กับผ้าพันคอลายตาราง ทำให้ใบหน้าดูหล่อยิ่งขึ้น ราวกับอยู่ในการ์ตูน “หือ?”

“ในเมื่อเป็นคนที่มีแฟนแล้วก็ควรทำอะไรสักอย่าง?” ฉินมั่วสวมเสื้อกันลมตัวยาวสีดำ ดูไฮโซเป็นธรรมชาติ บวกกับคำพูดที่เอ่ยออกมา ทำให้ชายหนุ่มดูเย็นชา

ป๋อจิ่วมองมือขวาของเขาที่ละออกไป เอ่ยตอบเพียง “อื้ม” แล้วเดินเข้าไปหา

“พี่มั่ว” ป๋อจิ่วพูดช้าๆ “ต่อไปจะให้จูงมือกันก็บอกตรงๆ” เจ้าหญิงน้อยอย่างหยิ่งเหลือเกิน ว่าแล้วก็ไม่รอให้ชายหนุ่มเลิกคิ้ว จับมือเขาเสียดื้อๆ “หิวจัง น้าจางก็ไม่อยู่ จะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของฉันเชียวนะ”

“แฟนเธออย่างฉันถือเป็นเครื่องประดับหรือไง?” ฉินมั่วหันไปมอง

ป๋อจิ่วตอบเฉยว่า “งั้นก็ทำกับข้าวให้ฉันกินสิ” เธอหวังว่าท่านเทพจะบอกว่าไม่ทำ แล้วเธอก็จะได้แสดงฝีมือต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้เขาประจักษ์ สกิลเลิศขนาดนี้ หากไม่โอ้อวดเสียหน่อย เกรงว่าจะไม่เหมาะต่อความมุ่งมั่นสู่เป้าหมายในชีวิตของเธอ

ฉินมั่วพูดว่าไม่ทำจริงๆ แต่เอ่ยต่อว่า “ไปกินที่โรงอาหาร วันนี้มีซาลาเปาไส้เนื้อผสมถั่วฝักยาวที่เธอชอบด้วย เพิ่งนึ่งเสร็จ”

ในเขตทหารมีโรงอาหาร เมื่อวานพวกเธอพักที่บ้านใหญ่ของตระกูลฉิน จึงมีสิทธิ์ไปกินที่โรงอาหาร เมื่อได้ยินชื่ออาหารดังกล่าว ป๋อจิ่วก็ท้องร้องขึ้นมา เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติจริงๆ

คนที่ไม่เคยกินย่อมไม่เข้าใจ อาหารของเขตทหารรสชาติดีเยี่ยม เพราะที่นี่มีผู้ใหญ่ทางฝ่ายทหารพักอยู่ ดังนั้นอาหารจึงทำตามความต้องการของพวกท่าน บะหมี่ที่ต้องหมักก็หมักกันทั้งคืน เนื้อวัวก็สดใหม่ หลังจากปรุงไส้เสร็จดีแล้ว กลิ่นหอมกระเทียมและขิง ผสมกับน้ำมันพริก ก็ลอยมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีถั่วผักยาวที่ลวกเสร็จแล้วเป็นเครื่องเคียง

เมื่อผสมเสร็จก็เอาเข้าเตานึ่ง นึ่งอยู่นานครึ่งชั่วโมง

หลังนำออกมา กัดลงบนซาลาเปาผิวบางที่มีใส่เยอะ กลิ่นหอมก็จะกระจายเต็มปาก

ทว่าคนรุ่นหนุ่มสาวในเขตทหาร หากไม่อยู่ในกองทัพก็มีน้อยครั้งที่จะกินอาหารที่นี่ ก่อนหน้านี้ที่เคยอยู่บ้านใหญ่ ป๋อจิ่วก็ไม่เคยลืมฝีมือของน้าจาง ทั้งยังนึกถึงซาลาเปาไส้เนื้อของโรงอาหารบ่อยๆ ตอนนี้เธอได้มาอีกครั้งแล้ว!

เมื่ออยู่ตรงหน้าอาหารเลิศรส ป๋อจิ่วก็ทิ้งความคิดที่จะแสดงฝีมือทันที เร่งให้ท่านเทพรีบๆ เดิน เพราะเดี๋ยวไปสายแล้วอาจไม่ได้กิน เธอไม่รู้หรอกว่าก่อนที่เธอจะตื่น ฉินมั่วก็ต่อสายหาพ่อครัวของโรงอาหารเรียบร้อย แจ้งว่าให้ทำซาลาเปาไส้เนื้อเพิ่มในวันนี้

ส่วนทำไมถึงได้ช้า ย่อมมีเหตุผลแน่นอน ป๋อจิ่วก็รู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้พวกคุณตาที่เคยเห็นเธอกำลังเดินนำผู้ช่วยออกมา เอ่ยเสียงดังกังวานว่า “เจ้าหนุ่มฉิน พาหนูน้อยที่บ้านออกมากินข้าวเหรอ”

“วันนี้ไม่ใช่หนูน้อยแล้วครับ” ฉินมั่วว่าพลางกดศีรษะป๋อจิ่วไว้พิงบ่าตัวเองไว้ ยิ้มเนิบๆ “แฟนครับ”

เล่นเอาป๋อจิ่วไม่ทันตั้งตัว

บรรดาคุณตาสูดปาก ไหนว่าเป็นน้องชายไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้กลายเป็นแฟนสาวไปแล้ว!

 ………………………………………

ตอนที่ 1842-3

ท่านเทพฉินอธิบายอย่างเป็นปกติมาก “เมื่อก่อนเขาขี้อายครับ ไม่อยากยอมรับความสัมพันธ์กัน ตอนนี้สนิทกันแล้ว บอกพวกคุณตาก็คงไม่เป็นอะไร”

เป็นครั้งแรกที่เหล่าคุณตามองพลาด ต่างพากันรุมล้อมป๋อจิ่ว “เด็กคนนี้ไม่น่ารักเลย”

“จากหนูน้อยกลายเป็นแฟนสาวไปแล้ว มิน่าล่ะเลยไม่ชอบให้พี่เรามีแฟน”

“จิ่ว บอกมาซิว่าเมื่อไรพวกเราจะได้ดื่มเหล้ามงคล”

“เชื่อฟังแฟนเข้าไว้นะหนู รู้ไหม เจ้าหนุ่มมั่วหน้าตาเย็นชาก็จริง แต่นิสัยดีนะ”

“เมื่อก่อนเจ้าหนุ่มฉินชอบยั่วโมโหตา หนูต้องว่าเขาให้ตาด้วยนะ”

“เป็นแฟนกันก็ต้องดูแลผู้ชายของเรานะ”

“ใช่”

รู้สึกว่ายิ่งพูดก็ยิ่งเลยเถิด ฉินมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย นี่คงเป็นบทสรุปที่ฉินมั่วคิดไม่ถึงเลยทีเดียว

ป๋อจิ่วดีใจขึ้นมาเชียว จึงจูงมือเจ้าหญิงน้อยของเธอ ท่าทีรุกสุดขีด “พวกคุณตาสบายใจได้ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ กลับบ้านไปหนูจะจัดการเขาเอง ไปเที่ยวยั่วโมโหคนอื่นได้ยังไง”

ฉินชอบยั่วโมโห ฉินแผนเยอะ โทษเธอไม่ได้นะ ปกติท่านเทพปากร้ายจะตายไป ทำให้คนทั้งรักทั้งชัง!

ป๋อจิ่วยิ้มตลอดทาง ฝ่ายฉินมั่วแค่แค่นหัวเราะ ไม่พูดอะไร มุมปากแอบแยกยิ้ม ยัยบ๊องนี่ ไม่รู้สึกตัวเลยเหรอว่าตัวเองพูดอะไรออกไป คำพูดแบบนั้นน่ะต้องพูดหลังจากที่แต่งงานแล้ว

เวลามีแฟนก็คงเป็นแบบนี้ รู้สึกหวานอย่างน่าประหลาด รวมถึงตอนกินข้าวก็เช่นกัน

ป๋อจิ่วเป็นคนทานข้าวเร็ว แม้ท่าทีจะสุภาพ แต่ความเร็วกลับไม่ลดลงเลย ส่วนฉินมั่วที่นั่งตรงข้าม คีบอาหารให้เธอบ่อยว่าคีบให้ตัวเองเสียอีก

อาหารมื้อนี้กินจนอิ่มแปล้ ป๋อจิ่วเดินไม่ไหว ฉินมั่วจึงดึงตัวเธอมานวดท้องให้ กลิ่นมินต์ผสมเข้าไปในลมหายใจของเขา

ป๋อจิ่วถึงกับยิ้ม รู้สึกว่าต่อไปต้องเป็นแบบนี้ ดีจังเลย คงเพราะน้อยคนที่จะเป็นแบบนี้ ตอนเด็กเขากลัวว่าเธอจะท้องอืดเลยช่วยนวดท้องให้ ตอนนี้โตแล้ว เมื่อเธอกินจนเกินอิ่ม เขาก็ทำแบบเดียวกัน

อันที่จริงต่อให้พวกคุณตาไม่พูด เธอก็ย่อมต้องดีต่อเขา โลกนี้มีคนมากมายนับไม่ถ้วน แต่ฉินมั่วมีแค่คนเดียว ทว่าทั้งสองจะอยู่อย่างนี้ทั้งวันไม่ได้ การแข่งชิงแชมป์เอเชียเพิ่งผ่านไป ตอนนี้พวกนักข่าวกับแฟนคลับต่างอยากรู้จักพวกเขาให้มากขึ้น ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมไดมอนด์ หากฉินมั่วจะไม่ออกงานล่ะก็ ย่อมไม่เหมาะสมแน่

เวลานี้เฟิงอี้ได้กลับมาเป็นผู้จัดการจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ประสบความสำเร็จสูง เมื่อโทรหาฉินมั่วแล้วถูกตัดสาย ก็ต่อสายถึงป๋อจิ่วทันที

ฉินมั่วเพิ่งล้างผลไม้เสร็จ ร่างสูงกำลังดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดนิ้วอย่างสบายอารมณ์ สื่อให้ป๋อจิ่วถือโทรศัพท์ให้

ป๋อจิ่วรับแอบเปิลที่เขาส่งมา มืออีกข้างก็ส่งโทรศัพท์แนบเสี้ยวหน้าชายหนุ่ม

เฟิงอี้เล่าถึงกระบวนการต่างๆ รวมถึงข้อดีข้อเสียด้วยเสียงแผ่วต่ำ แล้วสรุปทิ้งท้าย “การสัมภาษณ์ครั้งนี้ คุณต้องเข้าร่วมนะครับ สบายใจได้ จะไม่ให้คุณพูดเยอะหรอก จะไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของคุณกับเจ้าแบล็กด้วย แค่ห้านาทีเท่านั้น”

“ไม่ไป” ฉินมั่วปฏิเสธด้วยเสียงเนิบๆ กลับคืนสู่ความเป็นคุณชายผู้เด็ดเดี่ยวของแท้ เฟิงอี้ได้แต่สูดลมหายใจ บอกตัวเองว่าอย่าถือสาอีกฝ่าย ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบเผยหน้ามานานแล้ว เว้นแต่การแข่งขันเท่านั้น เขานึกว่าหลังการแข่งขัน ชายหนุ่มจะให้ความร่วมมือกับงานเขาบ้าง แต่ตอนนี้เห็นทีเขาจะคิด-มาก-ไป-เอง! “มาไม่ได้จริงๆ เหรอครับ พวกเขาอยากถามถึงเรื่องระหว่างคุณกับเจ้าแบล็ก ว่าพวกคุณ…”

……………………….…………….

ตอนที่ 1841-1

การมีแฟนเป็นคนไอคิวสูงเหนือมนุษย์ ใจโหดหน้ายิ้ม แถมยังปากร้าย จะให้ความรู้สึกยังไงกัน เอาเป็นว่าจูบเขาเสียเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องพูดอีก ซึ่งป๋อจิ่วก็ลงมือทำจริงๆ ยื่นมือโอบแผ่นหลังของเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้น

จูบนี้ ฉินมั่วคาดไม่ถึง เป็นการจูบที่เกิดขึ้นกะทันหัน แต่ไม่นานเขาก็กลับมาเป็นฝ่ายรุกเสียเอง ดึงป๋อจิ่วออกห่างก่อนจะก้มหน้าชนเธอ “ยังมีของจะให้เธอ”

ยังมีอีกเหรอ? ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว ทว่าฉินมั่วโยนของมาให้แล้ว

ทะเบียนบ้านเล่มแดงเข้ม?

ป๋อจิ่วยังไม่ทันพูด ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหู “ก็เคยบอกแล้วไงว่า ฉันจะยกตัวเองให้เธอ ตอนนี้ให้เป็นทางการแล้ว”

ป๋อจิ่วช้อนสายตามองในทันทีที่ได้ยิน “พี่เอาทะเบียนบ้านมาได้ยังไง?”

คนที่เป็นทหารย่อมต้องเอามายากอยู่แล้ว

“ให้แม่สามีเธอจัดการไง จะไปยากอะไร?” ฉินมั่วพูดอย่างเรียบเรื่อย ก่อนจะจุ๊บที่ตาเธอทีหนึ่ง

ป๋อจิ่วกระแอมอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง ใบหูแดงเรื่อ แม่สามีอะไรนี่ ท่านเทพพูดออกมาเสียเป็นเรื่องธรรมดาเชียว

แต่เมื่อมีสำมโนครัวของท่านเทพแล้วก็ถือเป็นเจ้าของเขาได้อย่างหมดจด

อื้ม ท่านประธานสุดโหดได้ทะเบียนบ้านจากสาวคนรัก จะว่าไปก็เหมาะกับเธอในบางด้านเหมือนกัน แน่ล่ะ ถ้าท่านเทพไม่พูดประโยคถัดไป โลกก็จะสมบูรณ์แบบ “ฉะนั้น พวกเราควรกลับไปคุยกันยาวๆ เรื่องที่เธอแอบนอกใจฉันทางกายเมื่อตอนแข่งดีไหม หืม?”

ป๋อจิ่วอับจนคำพูด เธอประเมินความแค้นแรงของท่านเทพต่ำไปจริงๆ

ผลของการคุยกันยาวๆ ก็คือ หลังจากที่กลับถึงบ้าน เขาก็อุ้มเธอไปที่โซฟา พูดจาให้เธอขวยเขิน

เสน่ห์ที่ทำให้คนหลงใหล ทำให้เธอฝืนได้ไม่นาน ลมหายใจที่หนักหน่วงของเขา รวมถึงเหงื่อบางๆ ที่ผุดพรายบนใบหน้าหล่อเหลา ดูสูงส่งต้องห้ามจนทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม

ป๋อจิ่วไม่รู้ว่ากิจกรรมดังกล่าวจบลงเมื่อไร ได้ยินแต่เสียงชีพจรและหัวใจเต้นที่ค่อยๆ ลดความร้อนแรงลง ความวาบหวามในกายยังไม่คลายลงก็ถูกเขาอุ้มขึ้นมาอีก

อุณหภูมิภายในห้องทวีขึ้นสูงอีกครั้ง จนเมื่อได้เสียงน้ำกระทบพื้นดังขึ้น ควันร้อนประสานกับเสียงร้องที่ออกมาจากเรียวปากได้รูป

ด้วยเกรงว่าคนอื่นจะได้ยินเสียง ป๋อจิ่วพยายามกลั้นไว้สุดฤทธิ์ แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาของเขา “คิดว่าพวกคนใช้จะอยู่ด้วยเหรอ? ที่นี่มีแค่เราสองคนเท่านั้น” เมื่อชายหนุ่มพูดจบ เขาฝังตัวเข้าร่างเธอลึกขึ้น หนักหน่วงขึ้น ทั้งยังเร็วยิ่งขึ้น กระทั่งน้ำในอ่างอาบน้ำยังร้อนระอุ

ป๋อจิ่วตัวสั่น ความหวามไหวโจมตีเธออย่างยากจะต้านทานและจนหนทางจะควบคุม กระทั่งเรียวขาขาวนวลยังเกร็งแน่น “ช้า เอ่อ ช้าลงหน่อย”

ช่างไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงของเธอจะยิ่งทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉินมั่วคิดว่าเธอคงไม่รู้ว่าตัวเองสวยแค่ไหน ผิวเธอขาวเป็นยองใย ทั้งยังเนียนละเอียด ดังนั้นผิวเธอจะเป็นสีชมพูไปทั่วร่างทุกครั้งที่ ‘รักกัน’ แถมใบหน้าเธอยังเย้ายวนเสมอ เส้นผมที่แนบติดหลังหู โดยเฉพาะเวลาที่เสื้อผ้าเปียกน้ำ ยิ่งทำให้เขาอยากครอบครองตัวเธอมากขึ้น…

ทันใดนั้น จุมพิตรุ่มร้อนต้องบนร่างเธอเหมือนกลีบใบไม้ ป๋อจิ่วหลับตารองรับความรู้สึกดังกล่าว

“เด็กดี” เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำ เมื่อเข้าสู่ยามกลางคืนก็ยิ่งเซ็กซี่เร้าใจ

 ………………………………….

ตอนที่ 1841-2

เมื่อเข้าสู่รุ่งสาง ก็รู้สึกได้ถึงมือของชายหนุ่มที่ล้วงเข้ามาในชุดนอนของเธอ ป๋อจิ่วเอ่ยเพียงว่า “เหนื่อย”

ทว่าจุมพิตของเขากลับสัมผัสบนริมหูเธอ “เด็กดี ใส่ยาก่อน มันดีต่อร่างกาย”

ยาเหรอ? ป๋อจิ่วไม่ได้คิดถึงในแง่นี้มาก่อน เธอรู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนมาก รวมถึงกลิ่นหอมของยาที่เคล้าจมูก

สิ่งที่อยู่ในมือของฉินมั่วเป็นยาจริงๆ ให้คนปรุงมาเป็นพิเศษ สูตรยายังหาได้ยากอีกด้วย จะต้องไปหาแพทย์แผนจีนชราให้ปรุงให้ ทั้งยังใช้ยาสมุนไพรที่สูงค่าจากแถบธิเบตอีก เป็นประโยชน์มากต่อผู้หญิง ใช้บำรุงร่างกาย

แต่ยานี้ได้มาอย่างไม่ง่ายนัก แถมหมอยังเป็นคนมีนิสัยประหลาด ต่อให้มีเงินก็ใช้ทุ่มหัวไม่ได้ ฉินมั่วไปเสาะหามาหลังจากที่ทะเลาะกับเธอเรื่อง ‘ยาคุม’ เมื่อครั้งที่แล้ว

คุณหมอชราคิดว่าผู้ชายแบบนี้น่าจะไปเอาไปทำเรื่องชั่วที่ไหน ถึงได้ต้องใช้ยาดังกล่าวมารักษา ‘บริเวณนั้น’

เมื่อไปมาหาสู่หลายครั้ง คุณหมอจึงรู้ในที่สุดว่าชายหนุ่มเป็นห่วงคนรักสุดหัวใจ เกรงว่าตัวเองจะทำร้ายคนรัก ถึงได้มาขอตัวยาแบบนี้ เขาว่า “คนรักของผมอายุยังน้อย”

คุณหมอได้ยินแล้วหนวดแทบกระดิก “ยังน้อย อายุเท่าไร?” เพราะเจ้าหนุ่มนี่ก็ยังไม่โตสักเท่าไร

ฉินมั่วหัวเราะเบาๆ “เป็นผู้ใหญ่แล้วครับ ปีนี้เข้ามหาวิทยาลัย”

“งั้นก็ดี” คุณหมอจึงยอมให้ยามา แต่ท้ายที่สุดเป็นเพราะชายหนุ่มเล่นหมากล้อมเก่ง เอาชนะผู้ชราได้แทบทุกกระดาน จนหาข้ออ้างไม่ได้ ในสายตาของคุณหมอ ชายคนนี้เอาใจใส่สาวน้อยคนรักเอามากๆ

คนที่ประสบความสำเร็จอย่างพวกเขา หลายๆ คนจะบอกว่าเงินสำคัญที่สุด อันที่จริงสำหรับพวกเขาแล้ว เวลาต่างหากที่สำคัญ แต่ไม่ว่าเขาจะหาข้ออ้างมาลากเวลาให้ยืดเยื้ออย่างไร ชายคนนั้นก็อดทนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังทดสอบตัวยาแต่ละชนิดด้วยตัวเอง การกระทำของเขาบ่งบอกให้รู้ว่ารักเธอคนนั้นจนลึกซึ้งเข้ากระดูก จึงทำได้ถึงขั้นนี้

คุณหมอคิดต่อว่า ถ้าครั้งหน้าอีกฝ่ายพาสาวน้อยมาด้วย เขาจะบอกแม่สาวน้อยว่าต้องทะนุถนอมผู้ชายคนนี้ให้ดี เพราะเดี๋ยวนี้มีผู้ชายดีๆ ไม่เยอะหรอกนะ

ไม่เยอะจริงๆ ด้วยล่ะ ต้องพูดกันตามตรง ผู้ชายที่ช่วยสวมเสื้อผ้าให้ผู้หญิงมีไม่เยอะหรอก

ป๋อจิ่วบิดขี้เกียจอย่างคร้านๆ เส้นผมยุ่งเหยิง เสียงยังแหบเหมือนเพิ่งตื่นนอน แถมยังดูโอหังอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยเสียงดูดีไม่ทำให้คนรังเกียจ “น้ำ”

“ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน น้ำน่ะมีให้อยู่แล้วล่ะ” ฉินมั่วยืนพูดพลางก้มตัวลง น้ำเสียงจึงกระทบริมหูของป๋อจิ่ว ทุ้มนุ่มดึงดูดใจเหมือนขนนกที่ไล้โดนหัวใจ

ขอยอมแพ้ พูดเสียจนเธอตัวอ่อนไปหมด เอาเหอะ สวมเสื้อผ้าก่อนก็ได้

“แขนเสื้อ” ท่านเทพฉินทนดูไม่ไหว ลงมือทำให้ทันที

ป๋อจิ่วถูกปรนนิบัติจนเหลิง ก่อนหน้าที่ท่านเทพจะออกปาก ก็ยื่นมือไปก่อนตั้งแต่แรกแล้ว

หากดูจากการแต่งตัวของฉินมั่ว ไม่ว่าเธอสวมอะไรก็รู้สึกว่าเธอดูเป็นเด็กเกเรอยู่ ตอนเด็กก็เป็นแบบนี้ สองคนนี้คนละสไตล์จริงๆ เธอเป็นประเภทสบายๆ ส่วนเขากลับดูสมบูรณ์แบบจนทำให้คนสงสัยว่า คนแบบนี้จะมีความสุขในวัยเด็กบ้างไหม

จะว่าไป ท่านเทพเองก็สมกับที่เป็นชายโฉดจริงๆ

เธอมองดูชายหนุ่มที่สวมเชิ้ตตัวขาว บุคลิกสะอาดสูงส่ง กระทั่งนิ้วมืออย่างสวยจนแทบจะเปล่งแสงได้ ใครบ้างรู้ว่าผู้ชายที่มีภาพลักษณ์แบบนี้ เวลาอยู่บนเตียงจะดุเดือดแค่ไหน

“ยัยหื่น วางแผนเรื่องร้ายอะไรอยู่? หืม?” ฉินมั่วเลิกหางคิ้ว ปลายจมูกชนกับปลายจมูกเธอ น้ำเสียงเรียบเรื่อย “ท่าทางเมื่อคืนฉันจะทำให้เธอจำได้ไม่ลืม…”

 ………………………………………….

ตอนที่ 1842-1

ด้วยเหตุนี้ ป๋อจิ่วจึงนึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องน้ำเมื่อคืนวาน โดยเฉพาะตอนที่เขาพูดสิ่งเหล่านั้นโอ้โลมเธอ…

หลังหูของป๋อจิ่วแดงก่ำ ก่อนจะหัวเราะอย่างเจ้าชู้ ก้มหน้าแนบหลังหูเขาบ้าง กะจะสร้างรอยประทับคืน

ใครจะคิดล่ะว่าเธอยังไม่ทันขยับปาก ลมหายใจเขาก็กระทบตัวแล้ว แววตาของเขาเคร่งขรึม “บอกหลายครั้งแล้วนะว่าอย่ายั่วฉันแบบนี้”

ป๋อจิ่วรู้สึกถึงความอันตรายตามสัญชาตญาณ กำลังจะผละหนี แต่เขากลับล้มเธอไว้บนเตียงนุ่ม เสื้อที่เขาสวมให้เป็นอย่างดี ถูกกระชากออก เมื่อได้ยินเสียงกระดุมกระทบพื้น ลมหายใจหนักหน่วงของชายหนุ่มก็ตามมา แต่เขาไม่ได้ทำอะไรเธอ ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ ป๋อจิ่วยิ่งรับไม่ได้ เขาซบหน้าลงบนซอกคอเธอ น้ำเสียงเซ็กซี่จนทำให้คนใจสั่น “อยากให้ฉันตายเหรอ? หืม?”

ป๋อจิ่วไม่ขยับอีก เพราะความร้อนที่ถ่ายทอดจากตัวเขาบอกเธอให้รู้ว่า เขา ‘แข็งแกร่ง’ แค่ไหน

“ถ้าไม่กลัวว่าร่างกายเธอจะรับไม่ไหวล่ะก็ เธอคิดว่าฉันจะอดทนได้ขนาดนี้ไหม” เขาพูดพลางอ้าปากงับคอเธอคำเล็กๆ

ป๋อจิ่วสะดุ้งขึ้นมา กอดคนที่อยู่เหนือร่างตัวเอง ความทรงจำที่คลุมเครือเริ่มชัดเจน ท่านเทพใส่ยาให้เธอแล้วก็จริง แถมยังเป็น ‘ตรงนั้น’ ด้วย… ป๋อจิ่วคิดมาถึงตรงหน้าก็หน้าร้อนผ่าว นิ่งเรียบร้อยทันที คิดในใจแค่ว่าได้แต๊ะอั๋งอย่างนี้ก็ยังดี พอสนิทกันแล้วก็ไม่ดีตรงนี้เอง เมื่อก่อนเธออ่อยเขาได้สบายๆ แต่เดี๋ยวนี้แค่อ่อยนิดเดียว เขาก็ไม่ยอมให้เธอจุ๊บแล้ว ทว่าเมื่ออ่อยหนัก เขาก็จะอุ้มเธอทันที จากนั้นฝ่ายที่เมื่อยเอวปวดหลังกลับกลายเป็นเธอแทน

จากนั้นความร้อนบนร่างก็ค่อยๆ ลดทอนลง ป๋อจิ่วรู้ว่าท่าทีเช่นนี้เธอน่ะได้เปรียบ เพราะน้อยครั้งจะเห็นท่านเทพอยู่ในอ้อมกอดของใครด้วยท่าทีออดอ้อน แต่เมื่อโดนออดอ้อนเช่นนี้ เธอก็จนปัญญาแล้ว

ผู้ชายของตัวเองช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ป๋อจิ่วยิ้มมุมปาก สัมผัสเส้นผมของฉินมั่ว

“ทำตัวเรียบร้อยหน่อย” เขาเอ่ยประโยคสั้นๆ แล้วรั้งข้อมือเธอไว้ ก่อนจะอุ้มเธอไปยังหน้าตู้เสื้อผ้าทั้งอย่างนี้

ป๋อจิ่วขายาว ทั้งยังขาวมาก เมื่อออกมาทั้งอย่างนี้ ย่อมทำให้ดูสวยหยาดเยิ้ม หากบอกว่าเป็นกุลสตรี แน่ล่ะว่าป๋อจิ่วย่อมไม่ใช่ เพราะเธอยังไม่มีกิริยาอ่อนหวาน แต่กลับสวยเย้ายวน กระทั่งก้นบึ้งนัยน์ตายังเหมือนจะสะท้อนหมอกดำ ต่างไปจากออร่าของฉินมั่ว

เคยมีคนพูดว่า ฉินมั่วจะต้องชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนใสซื่อบริสุทธิ์ไม่เสแสร้งแน่นอน เพราะคนพวกนี้กิริยาอ่อนหวาน แต่ถ้าพวกเขาได้เห็นภาพในเวลานี้ รับรองว่าต้องพูดไม่ออกแน่ เพราะชายหนุ่มชอบแบบนัยน์ตาเรียว มีไฝเสน่ห์ใต้ตา ขายาวเนียนขาว มีเสน่ห์

รวมกันแล้วก็คือเธอนั่นเอง

ใช่ เขาชอบอย่างเธอ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินมั่วก้มหน้าจูบเธออีก

ป๋อจิ่วไม่แคร์ นิ้วมือไล่เสื้อผ้าด้านใน เมื่ออุ้มเธอมาก็น่าจะให้เธอเลือกเสื้อผ้าเอง

ใครจะคิดว่าท่านเทพไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เขาเลือกสเวตเตอร์มาสวมลงบนศีรษะของเธอ แล้วพูดเพียงว่า “อุ่นดี”

ป๋อจิ่วในฐานะคนที่เลือกทุกอย่างเพื่อให้หน้าตาดูเท่ “พี่มั่ว ทำแบบนี้ฉันจะไม่หล่อเอานะ เฮ้อ เดี๋ยว พี่จะทำอะไรกับผมฉัน”

ผ่านความทุลักทุเลมาได้สิบนาที ป๋อจิ่วที่ถูกแต่งตัวเสียเหมือนหมีจึงได้รับอิสระเสียที แต่เดินไม่ถึงสองก้าว ชายหนุ่มก็เลิกคิ้ว “หนูน้อยป๋อเสียวจิ่ว”

 ………………………………………….

ตอนที่ 1838

 ฉินมั่วพูดว่า “เมื่อกี้ที่เธอนอกใจฉัน จะอธิบายยังไง?”

ป๋อจิ่วสะอึก ก่อนจะตอบ “พี่มั่วให้นิยามของคำว่า ‘นอกใจ’ ตื้นไปหน่อยหรือเปล่า”

“ห้ามเถียง” ฉินมั่วกระชากอีกฝ่ายอย่างเจ้าอำนาจระคนเด็กน้อย

นั่นไง หึงอีกแล้ว ป๋อจิ่วกลั้นขำไม่ไหว อยากหัวเราะออกมา แต่พอฉินมั่วเห็นเข้าก็กำมืออีกฝ่ายแน่น สื่อให้รู้ว่าสำรวมหน่อย  ทว่ากิริยาต่อกันที่เล็กน้อยเช่นนี้ กลับไม่รอดสายตาของเหล่าแฟนคลับ ยังไม่ทันได้มโนแต่อย่างใด ฝ่ายคณะกรรมการระดับเอเชียต่างก็เดินเข้ามาแล้ว

ว่ากันตามธรรมเนียมสากล ทีมที่ชนะจะได้ยืนบนแท่นสูงสุด ทว่าอันที่จริงมันไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ธงชาติจีนซึ่งเจิดจ้าเหมือนเปลวไฟโบกสะบัดกลางอากาศมากกว่า คนทั้งสิบเอ็ดต่างยืนเรียงเป็นแถว พวกเขาในเวลานี้เหมือนเด็กน้อยที่เติบโตจากพื้นที่นี้ ต่างร้องเพลงเดียวกัน

หัวใจของผู้ชายทุกคนต่างมีความฝัน บ้างก็อยากเป็นทหารปกป้องดินแดนประเทศ บ้างก็อยากยืนอยู่บนเวทีนานาชาติ ให้คนทั้งโลกต่างเห็นธงที่ลอยขึ้นไปท่ามกลางสายตาพวกเขา เพราะทำเช่นนี้แล้วจะได้รับความเคารพมากยิ่งขึ้น นั่นเป็นความปรารถนาเดิมของพวกเขา ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยในหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

แต่สิ่งมหัศจรรย์อยู่ตรงที่ เมื่อเราเห็นธงชาติผงาดขึ้นฟ้า หัวใจของเราจะเปรมดิ์ปรีและอ่อนโยน ไม่ว่าเราต้องเจอกับอะไร จะต้องรู้สึกถึงเกียรติยศในเวลานั้น แม้ว่าอาชีพนี้จะไม่ได้รับความเข้าใจจากผู้คน แต่นั่นไม่สำคัญแต่อย่างใด เหมือนอย่างที่พูดในตอนแนะนำตัว พวกเขาเคยตกอยู่ในหลุมแห่งความมืดมิด เวลานี้พวกเขากลับมากลายเป็นแชมป์แล้ว

32 สื่อหลัก 64 แพลตฟอร์มถ่ายทอดสด รวมถึงนิตยสารต่างประเทศ ต่างโชว์ภาพของคนทั้งสิบเอ็ด

แน่ล่ะ รูปของป๋อจิ่วและฉินมั่วจะใหญ่ที่สุด แต่ทุกคนต่างไม่รู้ว่า กลุ่มคนที่รับรางวัลแล้วไม่ได้รีบเปิดเวยป๋อ นิตยสารหรือสื่ออื่นๆ อ่าน เดิมก็คิดว่าจะฉลองอยู่แล้ว จึงไปที่อินเทอร์เน็ตบาร์ของอินอู๋เย่า อย่าว่าไป ไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้ชอบไปชุมนุมกันที่ชั้นสองตั้งแต่เมื่อไร คงเพราะได้ยินเสียงคีย์บอร์ดจริงจัง

“เป็นโรคอาชีพขึ้นสมองไงล่ะ” หลินเฟิงวิจารณ์ตัวเองได้อย่างแม่นยำ แต่ไม่กระทบกับคนเหล่านั้น เฟิงอี้รู้ว่าทุกคนอยากออกไปสูดอากาศหายใจ ต่างงดออกงาน เว้นแต่การสัมภาษณ์ระดับชาติ เขาสั่งอาหารมากินกัน แล้วลากผู้ช่วยให้มากันไว้ด้านบน

แต่เมื่อเขาเดินขึ้นชั้นสอง ก็พบว่าแต่ละคนไม่ได้สติกันเลย ไม่ใช่ว่าดื่มเหล้า แต่นั่งหลับกันต่างหาก แต่ละคนสนิทชิดเชื้อกันจะแย่ โคโค่และเฟิงซ่างเอาหัวชนกัน ปล่อยตุ๊กตากระต่ายร่วงลงพื้น

บางทีคนนอกวงการอาจไม่เข้าใจ แต่ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยของเฟิงอี้ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ก็ไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เพราะรู้ดีว่าคนกลุ่มนี้เหนื่อยมากเหลือเกิน

อาชีพที่เกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์ต่างจากอาชีพอื่นๆ ด้วยมีแรงกดดันสูง ทั้งยังเป็นบุคคลสาธารณะ จะต้องระมัดระวังทุกคำพูด แม้จะเป็นแค่คำพูดธรรมาดา ก็ยังมีคนไปตีความหมายไปอีกแบบ ความชอบในทัศนะของคนบางพวก ทำให้พวกเขาหายใจแทบไม่ออก การนอนไม่หลับเป็นอาการธรรมดา

หลายต่อหลายครั้ง เฟิงอี้ยังกลัวเลยว่าจะมีใครสักคนที่มีปัญหาทางจิตใจ ยังดีที่ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ชัยชนะในการแข่งระดับเอเชียถือเป็นกระดาษคำตอบที่ดีที่สุด

…………………………………………………

ตอนที่ 1839

เฟิงอี้มองคนเหล่านั้นแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักเพยิดให้ผู้ช่วย

จนเมื่อฝ่ายหลังเข้าใจความหมาย ก็รีบวางของลงบนโต๊ะ แล้วยกมือปรับเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม

อากาศของจีนทางตอนเหนือมักจะหนาวเป็นพิเศษเสมอเมื่อมาถึงเวลานี้ ไม่รู้ว่าข้างนอกหิมะตกตั้งแต่เมื่อไร

เฟิงอี้มองดูปฏิทินที่แขวนบนผนัง ไม่คิดเลยว่าเวลาจะผ่านไปรวดเร็วมาก ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ไม่ว่าเจ้าแบล็กหรือพวกเฮียเย่าจะมาอยู่ที่นี่นานมาก

ในเมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว ก็ได้เวลาหาเรื่องอื่นให้พวกนี้ทำเสียที อย่างน้อยในฐานะที่เป็นผู้เล่นมือทองของทีมไดมอนด์ ก็ย่อมล่อเด็กใหม่เข้ามาได้ง่ายๆ จะว่าไป เขาเป็นนักธุรกิจนี่นะ

เฟิงอี้ยิ้มมุมปาก กลับมาเป็นผู้จัดการเฟิงผู้มีสมญานามว่าจิ้งจอกหน้ายิ้มอีกครั้ง เล่นเอาผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างถึงกับตัวสั่น เธอรู้สึกว่าห้วงเวลาแห่งการทำโอทีมาถึงแล้ว!

แม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่อเดินจากไป อากัปกิริยาปิดประตูยังระมัดระวังเต็มที่ และเมื่อตอนที่ประตูถูกเปิดออก ฉินมั่วก็ตื่นแล้ว แต่ขี้เกียจลุกขึ้นมา เขากอดใครบางคนไว้ในอ้อมกอด คนที่ถูกกอดเป็นใคร ทุกคนคงรู้ แม้จะไม่พูดออกมา แต่ไม่นานเขาก็จูบจนอีกฝ่ายตื่นขึ้น ลมหายใจกระทบใบหู น้ำเสียงที่พูดออกมาราบเรียบ “แกล้งหลับอยู่ตอนนี้เพราะกลัวว่าฉันจะคิดบัญชีย้อนหลังหรือไง?”

ป๋อจิ่วถูกจูบจนตัวสั่น จึงลืมตาตื่น “พี่มั่ว พวกเราอย่าพูดเรื่องที่มันไม่เป็นมิตรกับหูตอนที่ทุกคนหลับอยู่เลย”

“อ้อ? งั้นเราพูดมาซิว่า เรื่องไหนบ้างที่เป็นมิตรกับหู?” ฉินมั่วหัวเราะ เขี่ยเส้นผมให้ ขายาวๆ พาดบนโซฟาตัวยาว ทั้งสองนอนแนวขวาง ซึ่งก็นอนได้อยู่ เพียงแต่ฉินมั่วสูงเกินไปจึงต้องนอนเอนตัว

ป๋อจิ่วกอดเอวอีกฝ่ายไว้ คนอื่นไม่รู้หรอกว่าการได้นอนกอดท่านเทพสบายแค่ไหน ดังนั้นจึงอาศัยทีเผลอแต๊ะอั๋งชายหนุ่มเข้าให้

ท่าทางดูจะไม่เป็นประโยชน์ต่อเธอสักเท่าไรในตอนนี้ แต่ก่อนที่จะมา เธอก็เตรียมแผนไว้แล้ว “ก็เช่น เราลองมาคุยกันว่าของรางวัลอีกอย่างที่พี่จะให้คืออะไร?” การคุยกันแบบเป็นแฟนของทั้งสองช่างไม่เหมือนคู่รักคู่อื่นจริงๆ

ฉินมั่วมองคนที่ยักคิ้วให้ ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มอีกฝ่าย “เก็บไม้เก็บมือให้ดี จะเอาของรางวัลก็บอกดีๆ อย่าแอบเจ้าชู้”

ป๋อจิ่วมองเขาดึงมือเธอออกจากเสื้อฟอร์มของเขาอย่างสุดแสนเสียดาย ท่านเทพออกจะทรงคุณค่าขนาดนี้ ในฐานะที่เป็นแฟน เธอจะลูบซิกส์แพ็กของเขาก็ยังไม่ได้เลย

เมื่อไม่มีเรื่องเจ้าชู้ให้ทำ ป๋อจิ่วจึงได้แต่นอนตรงนั้นอย่างขี้เกียจเหมือนคุณชายเสเพลสักตระกูล แค่หมดแรงเล่นฤทธิ์เท่านั้น

“ท่าทางแบบนี้ เหมือนจะไม่สนใจของรางวัลที่ฉันจะให้เลยนะ?” ฉินมั่วบีบแก้มเธอ

ป๋อจิ่วทำหน้าจริงจัง “อย่างฉันเขาเรียกว่าเก็บอารมณ์ไม่ให้ออกมาทางสีหน้า” ก็กลัวว่าเขาจะขุดประวัติอันดำมืดของเธอนี่แหละ

“ไม่เลวนี่ เก็บความรู้สึกดีมาก” ฉินมั่วพูดธรรมดา แต่ป๋อจิ่วกลับรู้สึกว่าท่าทางเขาประหลาดไป เพราะไม่เหมือนว่าจะให้รางวัลเธอ เหมือนขุดหลุมพรางดักเธอเสียมากกว่า

จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น “รอเดี๋ยว”

ป๋อจิ่วไม่เข้าใจ “ทำไมเหรอ”

ฉินมั่วยืนขึ้นจากโซฟา ก่อนจะเบี่ยงตัวให้ ท่าทางแบบนี้เท่เหลือเกิน “ของไม่อยู่ที่นี่ อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม”

ป๋อจิ่วชะงัก ก่อนจะลุกขึ้นมาทั้งๆ ที่เส้นผมชี้โด่เด่ ใบหน้านั่นดูงุนงงระคนน่ารัก

มีของรางวัลจริงๆ ด้วย ไม่ใช่การขุดประวัติน่าอาย? แล้วจะเป็นอะไร?

…………………………………………………..

ตอนที่ 1840

ฉินมั่วรู้ดีว่าใครบางคนสงสัยอยากรู้ มุมปากจึงหยัดยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ ปล่อยให้เจ้าหล่อนตามไปเหมือนไม่ได้ตั้งใจ ส่วนป๋อจิ่วเองก็ตามไปอย่างเปิดเผย ยังไงเสียก็ไม่ใช่ประวัติดำมืดที่น่าอับอาย ไม่เห็นต้องกลัว!

ฉินมั่วกวาดตามองใบหน้ายินดีที่พิลึกๆ มุมปากยิ่งกดยิ้มหนัก ก่อนหยิบเสื้อตัวนอก ยืนพิงอยู่อย่างนั้น แล้วกระดิกนิ้วเรียกอีกฝ่าย

ป๋อจิ่วจึงเดินไปหา “ทำไมเหรอ?”

ฉินมั่วพยักเพยิดให้เธอคว้าของในกระเป๋าเสื้อตัวนอก

ให้เธอหยิบเองเหรอ?

ป๋อจิ่วสนใจขึ้นมาทันที เมื่อเห็นของนั่น หูเธอกางขึ้นทันใด เป็นรูปถ่ายที่วางในปราสาทนั่น เธอรู้อยู่แล้วล่ะว่ามีแฟนอย่างท่านเทพ ก็อย่าหวังว่าเขาจะให้แหวนเพชรอะไรทำนองนั้น

สิ่งที่ท่านเทพชอบทำมากที่สุดคือการรื้อประวัติที่น่าอับอายของเธอ ต่อไปเธอต้องหาเวลาว่างถามพวกแฟนคลับเสียหน่อยว่า เวลามีแฟนที่ชอบทำอะไรประหลาดๆ จะต้องทำอย่างไร?

ถึงจะรู้สึกสนุกที่เห็นท่านเทพหึงตัวเขาเองในวัยเด็ก แต่เห็นหลายครั้งเข้าก็คงไม่ดี เกิดเขาฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้จะทำยังไง มันจะกลายเป็นประวัติอันดำมืดของเธอต่อน่ะสิ

ป๋อจิ่วตัดสินใจแล้วว่า เธอจะอธิบายเรื่องทั้งหมดก่อนที่เขาจะฟื้นความทรงจำทุกเรื่องได้!

ฉินมั่วเห็นเธอไม่ยอมเอารูปถ่ายออกมาเสียที แถมยังทำหน้าแบบจนปัญญา จึงดึงตัวเธอเข้ามาหา แล้วกำมือชนใบหน้าเธอเบาๆ “เธอโง่หรือไง? เอาออกมา แล้วพลิกดูด้านหลัง”

รูปนั่นจะไปมีอะไร ยังไงก็พลิกไม่เจอแหวนหรอก…

ป๋อจิ่วนิ้วแข็งทื่อ สายตาหยุดมองด้านหลังของภาพ มันเป็นตัวอักษรจีนฟอนต์ข่ายถี่ที่ไม่ยาวนัก สั้นๆ เพียงแค่ว่า ‘เธอคือสุดที่รัก’

“อ่านกลับหลังสิ แล้วเธอจะเข้าใจ” ฉินมั่วหลบตาลง ภายใต้แสงไฟ ความมืดด้านนอกเหมือนจะขับเน้นร่างเขาให้เด่นขึ้น

เวลานั้น หูของป๋อจิ่วเหลือเพียงเสียงที่ผ่านเข้ามาช้าๆ ไม่ดังและไม่เบา ทว่ามีความหมาย ‘รักที่สุดคือเธอ’ นี่ไม่ใช่การสารภาพรักธรรมดา ไม่งั้นคงไม่ปรากฏบนด้านหลังของภาพนี้

ป๋อจิ่วถึงกับนิ้วแข็งทื่อ กำแขนเสื้อฉินมั่วไว้ กระจ่างแจ้งในทันใด ส่วนฉินมั่วยิ้ม ก้มลงจูบหน้าผากเธอ “ฉันเอง” สองคำนี้นี่แหละที่อธิบายทุกสิ่ง

ท่านเทพ เขาฟื้นความทรงจำแล้ว ความทรงจำทั้งหมด!

ป๋อจิ่วไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของตนเองว่าอย่างไรดี มันว่างเปล่าไปหมด เธอยื่นมือไปรัดตัวเขาแน่น คราวนี้ล่ะ เขาได้เป็นของเธอเสียที จากในสู่นอก ทั้งหมดทั้งมวล

หลังจากความยินดี ก็เริ่มเป็นความน้อยใจ “ฉันเขียนจดหมายให้พี่ แต่พี่ไม่เคยตอบฉันเลย”

ฉินมั่วเกี่ยวผมทัดหูให้เธอ “ฉันผิดเอง”

“ตอนนั้นฉันจดหมายทุกวัน เขียนผิดตั้งหลายตัว คุณตาพ่อบ้านหัวเราะตั้งนาน”

ฉินมั่วถอนหายใจ “แล้วทำไมเธอถึงเขียนจดหมายล่ะ” เป็นถึงแฮกเกอร์ จะมาเขียนจดหมายทำไม

ป๋อจิ่วคิดเหมือนกันว่าตอนนั้นเธอบื้อเหลือเกิน “ก็ในละครทำพิษน่ะสิ บอกว่าการเขียนจดหมายจะทำให้คนรู้สึกถึงความจริงใจ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าอีเมลมันน่าเชื่อถือกว่า อย่างน้อยเวลาที่อ่านแล้ว ก็ยังบอกว่าสถานะว่ามีคนอ่านแล้ว ฉันจะได้รู้ว่าพี่ได้รับจริงหรือเปล่า”

“อืม ไม่ถือว่าโง่หรอก” ฉินมั่วได้ยินเธอบ่นเสียงเบา กลั้นหัวเราะไม่ไหว

ป๋อจิ่วชะงัก เดี๋ยวก่อน รู้สึกว่าพูดกันไม่ถูกนะ ทั้งที่เธอแขวะท่านเทพแท้ๆ ทำไมเขาถึงบอกว่าเธอถือว่าไม่โง่ล่ะ

………………………………………………

ตอนที่ 1835

ในระหว่างที่คิดจะล่าทีมมินเนี่ยน กลับคาดไม่ถึงว่า แบล็กพีช Z จะไม่ยอมเปิดโอกาสให้ เธอตวัดทวนยาว มังกรร้องโหยหวน เหลือเพียงตัวอักษรบนจอเพียง KO!

อาวุธที่ต่างกัน แต่กลับเล่นได้เหมือนกัน การฆ่ากลับทั้งทั้งที่เลือดเกือบหมด แสงเงินโปรยตัวลงมา ป๋อจิ่วกุมเมาส์ไม่หยุด

3 วินาที

2 วินาที

1 วินาที!

ในระหว่างที่ทุกคนต่างสงสัยว่าเธอข้ามไปที่บ่อน้ำพุของทีมอาทิตย์อุทัยได้อย่างไร ยูกิชินก็ฟื้นคืนชีพแล้ว! เขาพุ่งตัวออกมา แต่ป๋อจิ่วพลันคว้าทวนยาวออกมาสกัด!

“แบล็กพีช Z จะทำอะไรน่ะ?”

“มีหวังตายแน่นอน”

เป็นเช่นนั้นจริงๆ ยูกิชินแค่ส่งสัญญาณพลังชุดใหญ่ ก็ฆ่าแบล็กพีช Z ได้ราบคาบแล้ว แต่ระหว่างที่คมดาบของเขาฟาดลงมา เสียงพังทลายดังกึกก้องจากหน้าจอ ตามจังหวะที่ป้อมคริสตัลแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนเศษกระจก เกิดแสงสีเงินในแต่ละเสี้ยวส่วน ทั้งยังได้ยินเสียงมังกรคำรามซ้ำๆ กัน จากนั้นภาพทุกอย่างก็หยุดชะงัก รวมถึงอากัปกิริยาของตัวละครที่ยูกิชินบังคับด้วย ส่วนตัวละครของป๋อจิ่วกำลังเหยียบแสงสีเงินที่ทวนยาวของเธอสร้างไว้ เธอยืนอย่างโดดเดี่ยว

เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น เสียงเอฟเฟกต์ชนิด 3 D ดังสะท้อนทั่วทิศ พร้อมๆกับตัวอักษรที่ปรากฎออกมาว่า “ชนะ!”

วินาทีนั้น เงียบสงัดกันทั้งสนาม อากาศเหมือนจะโพยพุ่งจากทรวงอกอย่างรวดเร็ว สมองยังเต็มไปด้วยภาพการสู้เดี่ยวในตอนท้ายของป๋อจิ่ว กระทั่งยังได้ยินเสียงทวนกวาดล้างที่มาพร้อมแสงคมปราบอันเจิดจ้า

ความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจและรอยยิ้มแย้มขอคนที่อยู่เคียงข้างตลอดเส้นทาง หยุดชะงักลงในเวลานี้ กระทั่งป๋อจิ่วปลดหูฟังออก มุมปากบิดโค้งเป็นรอยยิ้ม เสียงกระหึ่มดังสนั่นทั่วทุกซอกมุม

“ชนะ ชนะแล้วเหรอ?” เฟิงซ่างเหมือนจะไม่อยากเชื่อ ส่วนหลินเฟิงลุกขึ้นมาเป็นคนแรก วิ่งไปหาป๋อจิ่วที่นั่งอยู่ที่เดิม เป็นครั้งแรกที่แม้จะมีหัวหน้าอยู่ด้วย แต่เขาก็ไม่สนใจจะเก็บไม้เก็บมือ กระทั่งโคโค่และเพื่อนๆ ยังตรงเข้าไปลอยป๋อจิ่วขึ้นกลางอากาศ! เสียงหัวเราะแสนเบิกบานดังตามอารมณ์ที่ถูกปลดปล่อยออกมา ทุกคนต่างแสดงออกตามความรู้สึกที่มี นอกจากเสียงปรบมือ เหล่าแฟนคลับต่างยกมือปิดปาก ดวงตาแดงก่ำด้วยความตื้นตัน

คนที่คอยติดตามมาตลอดเส้นทางล้วนเข้าใจว่า มันไม่ง่ายเลยนะที่จะเอาชนะได้ เยี่ยมจริงๆ! แฟนคลับบางคนแอบกระซิบ “พี่กุย ฉันอยากร้องไห้”

“ยัยบ้า จะมาร้องอะไร ตอนนี้ต้องยิ้มสิ” แต่ตอนที่พูดเช่นนี้ หญิงสาวที่แสนเก่งในวงการธุรกิจกลับเสียงสั่นเครือ

คุณเข้าใจไหมว่า วันหนึ่งพวกเราจะปล่อยให้เขื่อนน้ำตาแตก ไม่ใช่ด้วยเหตุแห่งความเสียใจ แต่เพราะตื้นตันใจ เพราะเวลานี้คนที่ยืนตรงหน้าจอได้พิสูจน์เกียรติภูมิของตัวเองแล้ว

หลายคนยังจำได้ดี ตอนที่ป๋อจิ่วต้องแบกรับตำแหน่งรองหัวหน้าทีมไดมอนด์ เธอยืนต่อหน้ากล้อง เอ่ยว่า ‘ผมอยากให้คนที่ชอบพูดอย่างมั่นใจได้ว่า อีสปอร์ตไม่ได้เป็นแค่เกม แต่เป็นพลังแห่งความรัก เป็นความเยาว์วัยและการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน เราจะอยู่ที่ใด จะต้องเจอกับความอยุติธรรมมากแค่ไหน ก็จงอย่าได้ล้มเลิก อย่าเคยชินกับความมืดแล้วไม่รู้สึกถึงตัวตนของแสงสว่าง อันที่จริงจะมีคนอยู่กับเราเสมอ ขอแค่ไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิม ต่อให้ต้องเจอกับคนกลุ่มนั้นก็ยังขจัดเมฆหมอกออกไปจนเห็นหนทางแห่งแสงสว่างได้’

…………………………………………………..

ตอนที่ 1836

ในฐานะที่เป็นผู้ชนะ หน้าจอยักษ์จะฉายชื่อของทีมชนะขึ้นมาเรื่อยๆ รวมถึงภาพเด็ดของการแข่งขันในแต่ละครั้งของพวกเขา

นับแต่การแข่งระดับเมืองที่เริ่มเข้มข้น ไล่มาจนถึงรอบแปดทีมสุดท้าย แถมด้วยรอบรองชนะเลิศที่ร่างร่างหนึ่งยืนในสนามแข่งด้วยสภาพคอตกด้วยความพ่ายแพ้

ต่อมาเป็นการแข่งขันรอบฟื้นคืนชีพที่ตรึงตราตรึงใจทั้งวงการ ความมุ่งมั่นตั้งใจในรอบชิงชนะเลิศ แม้จะโดนแอนตี้จนไม่รู้สึกปลอดภัย กระทั่งต้องมานอนหลับที่ผับ หรือเมื่อตอนที่พวกเขายืนต่อหน้ากล้อง ไม่เคยเบือนสายตา กระทั่งได้แสดงฝีมือในการแข่งชิงแชมป์เอเชีย ชื่อไอดีของทีมไดมอนด์ที่เคยคุ้นผ่านไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า

ความเจ็บปวดและรอยยิ้มที่ผ่านไปของทุกคน ประทับลงในหัวใจทุกคนตามจังหวะที่พวกเขากุมเมาส์  จนมาถึงช่วงท้ายที่เหล่าแฟนคลับมากมายต่างได้ยินเสียงเรียบว่า ‘ผมคือหัวหน้าทีมไดมอนด์ ฉินมั่ว’

เสียงฮือฮาดังลั่น หลายต่อหลายคนลุกขึ้นมา ผู้เล่นตำแหน่ง MVP ของสนามนี้ยังคงเป็นของฉินมั่ว!

ฝ่ายป๋อจิ่วรู้สึกสมใจปรารถนาในทันทีเมื่อได้ยินเสียงประกาศที่ว่า เขาไม่เคยถูกดึงลงมา ยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งที่สมฐานะของเขา และครั้งนี้ก็มีเธออยู่เคียงข้าง

ฉินมั่วจับสายตาของคนมองคนที่มองเขาได้ จึงหันหน้าเล็กน้อย ยิ้มนิดๆ “ชอบมองอย่างนี้?”

“หืม? อื้ม” ตอนนี้ป๋อจิ่วดีใจมากจนฟองแห่งความสุขลอยขึ้นในหัวใจ ไม่รู้ว่าท่านเทพหมายถึงด้านไหนกันแน่

ฉินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ยังไม่รีบเข้ามาอีก”

ป๋อจิ่วก็ไม่อยากอยู่ห่างจากเขา แฟนเธอนี่นะ ยิ่งยืนใกล้ได้แค่ไหนก็ยิ่งดี

ฉินมั่วเดาความคิดของคนบางคนออก มุมปากยกยิ้ม ทำให้คนรู้สึกถึงความหวาน และรอยยิ้มดังกล่าวถูกกล้องจับภาพได้ด้วย

ดังนั้นคนทั้งประเทศจึงถูกสาดอาหารหมาใส่โครมใหญ่

จ้าวซานพั่งจะพูดอะไรได้ เขาคิดว่าตัวเองหล่อทั้งยังเข้าใจคนอื่น แต่กลับหาแฟนไม่ได้สักคน เจ้าฉินมั่วที่เป็นคนยึดตัวเองเป็นที่มั่นไม่เข้าใจจิตใจผู้หญิงเลยสักนิด กลับยิ้มได้หวานขนาดนี้ ฮึ เขาไม่ยอมรับหรอกว่ากำลังอิจฉาอีกฝ่าย!

ตามพิธีการปกติ ทั้งสองฝ่ายต้องมาแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน จากนั้นทีมไดมอนด์ขึ้นเวทีรับรางวัล ทั้งสองยังยืนในตำแหน่งเดิม หัวหน้าทีมประจันหน้ากัน ส่วนรองหัวหน้าทีมก็ประจันหน้ากัน

ต้องบอกว่าแม้จะแพ้ แต่ทีมอาทิตย์อุทัยก็ยังแพ้ได้สง่าผ่าเผย เพราะเราจะไม่เจอคำว่าหมองหม่นจากใบหน้าของพวกเขา ทว่าผู้จัดการทีมต่างหากที่หมดอาลัย ไม่สนใจต่อการสัมภาษณ์ของคนทางนี้ จนกระทั่งเวลานี้ เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าทีมตัวเองจะแพ้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมลินที่ยืนตะลึงอยู่ เธออุตส่าห์มาที่นี่เพื่อทีมอาทิตย์อุทัย ก่อนหน้านี้อุตส่าห์เหยียดทีมไดมอนด์ไว้เยอะ แล้วตอนนี้จะแก้ตัวอย่างไร?

ยูกิชินพาลูกทีมเดินไป ยื่นมือออกมา ใบหน้าดูเจ้าเล่ห์เหลือแสน กระทั่งน้ำเสียงก็ยังไม่เปลี่ยน “รอแข่งกันปีหน้านะ”

ฉินมั่วรับคำเบาๆ บรรยากาศของทั้งสองเรียกไม่ได้ว่าเป็นมิตร แม้จะรักษามารยาทกันก็ตาม

ส่วนฝั่งของโฮชิโนะกลับต่างออกไป ไม่ได้จับมือ แต่กลับทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายด้วยการเอื้อมมือไปกอดคนตรงหน้าเบาๆ น้ำเสียงอบอุ่นดังข้างหูของป๋อจิ่ว “Z เห็นไหม คุณจะเจิดจรัสที่สุดเวลาอยู่กับเขา ยินดีด้วยนะ ที่เอาชนะในสิ่งที่ควรจะชนะมาได้”

……………………………………………………..

 ตอนที่ 1837

 ป๋อจิ่วได้ยินแล้วยิ้มมุมปาก “ขอบคุณมาก โฮชิโนะ”

คำพูดเหล่านี้ มีเพียงเพื่อนคู่หูที่รู้ใจกันที่สุดถึงจะเข้าใจ

โฮชิโนะยิ้ม เอ่ยออกมาเจือความโหดหน้ายิ้มว่า “ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้ฉินมั่วรู้สึกยังไง”

หลินเฟิงที่ยืนด้านข้างอยากร้องตะโกนออกมาเช่นกัน ไม่ใช่แค่นายที่อยากรู้ ฉันก็อยากรู้ แต่ไม่กล้าดู!

นายมันเจ๋งเป้งเป็นบ้าที่กล้ากอดเจ้าแบล็กแบบนั้น เทพโฮชิโนะ ฉันหลินเฟิงขอแสดงความนับถือ นายมันเจ๋งไปเลยว่ะ!

เมื่อคิดเช่นนี้ หลินเฟิงก็แอบ…แอบมองอีกด้าน

เห็นไหมล่ะ! ถึงมุมปากของหัวหน้าจะหยักยิ้มอยู่ แต่เย็นชามาก และถึงสีหน้าจะไม่ถมึงทึง แต่ใครก็ตามที่เห็นยิ้มอย่างจอมมาร หัวใจต้องหนาวสั่นชัวร์

หลินเฟิงกลัวจริงๆ ว่าหัวหน้าจะทนไม่ไหว ตรงเข้าไปอัดอีกฝ่ายเข้าให้ เพราะไม่ว่าจะเป็นในเกมหรือชีวิตจริง ไม่มีใครกล้าหาเรื่องสู้ฝีมือของหัวหน้า คนทั้งทีมไดมอนด์ต่างจินตนาการถึงโถน้ำส้มสายชูแตกกันได้เลย

แต่ไม่น่าเชื่อว่าฉันมั่วจะไม่เข้าไปขัดขวาง หลังจากที่ทั้งสองกอดกันเสร็จ ชายหนุ่มแค่จูงมือป๋อจิ่ว ก่อนจะทิ้งคำพูดให้โฮชิโนะในระหว่างที่เดินผ่าน “นายจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป”

ไม่ว่าจะอย่างไร โฮชิโนะคิดถึงปฏิกิริยาที่ฉินมั่วควรจะมีแล้ว กลับไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดประโยคนี้ ช่างแทงใจจริงๆ แต่คงเพราะไม่เคยคิดจะเป็นคนพิเศษของเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถึงได้รู้สึกว่าเป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน คนอย่างฉินมั่วไม่เคยสนใจความคิดเห็นของคนอื่น แต่กลับให้เกียรติเธอ Z คนที่ยังเป็นนายน้อยของโลกแฮกเกอร์ผู้ช่วยเขาออกมาจากวังวนชีวิต เธอเดินมาสู่จุดนี้ได้อย่างไร เขาเข้าใจดีกว่าใคร คงเพราะความปรารถนาต่อชายหนุ่มคนนี้

โฮชิโนะหมุนตัว มองดูแผ่นหลังของฉินมั่ว เพิ่งจะคิดอะไรขึ้นได้ เสียงหนึ่งก็ดังข้างหู “ยังจะดูอีก? ไม่ไปหรือไง?” เสียงของยูกิชินนั่นเอง เจ้าตัวยิ้มมุมปาก แต่แววตาไร้ความอ่อนโยน แสดงให้เห็นว่าอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก

ไปกอดอะไรกับคนชนะ? ยูกิชินเม้มเรียวปากบาง สาวเท้าไปยังเส้นทางตรงกันข้าม โดยท่านผู้ชมต่างไม่เห็นอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมา แต่เห็นการกอดกันอย่างที่คาดไม่ถึงมาก่อน ช่างร้อนแรงจริงๆ

“กอดกันแล้ว เทพโฮชิโนะของฉันเจ๋งเป็นบ้าเลย ไม่กลัวสักนิด!”

“ฉันพนันร้อยหนึ่งเลยว่า เทพฉินต้องเอาคืนจากแบล็กพีชแน่”

“เพิ่มอีกร้อย ฉันเป็นแฟนคลับเทพฉินมานาน เข้าใจเขาดีที่สุด ยังจำรูปภาพที่หลินเฟิงอยากกอดบ่าแบล็กพีช แต่โดนเทพฉินมองเหวี่ยงใส่ได้ไหม เมื่อก่อนฉันไร้เดียงสา ไม่เข้าใจความลึกลับซับซ้อน แต่ตอนนี้ ฉันว่าโถน้ำส้มสายชูแตกละเอียดแล้วมั้ง!”

“เทพฉินต้องบอกว่า มานี่ซิ พวกเราต้องคุยกันหน่อย ฮ่าๆๆๆ แค่คิด เลือดกำเดาก็พุ่งแล้ว ขอแฮปปี้อยู่ในโลกส่วนตัว ไม่คิดว่าจะได้แอบหวานกับเขาตั้งเยอะแน่ะ”

มองดูทั้งสองมีปฏิกิริยาต่อกันแล้ว เหล่าแฟนคลับคู่จิ้นต่างหวานระเบิดในใจ

การแข่งขันสนุก พอแข่งจบก็ยิ่งน่าดูเข้าไปใหญ่ คุ้มที่ซื้อตั๋วเข้ามาดูจริงเชียว!

บังเอิญได้เห็นฉินมั่วหันทางซ้ายเล็กน้อย โดยกำลังคุยกับแบล็กพีช ทั้งสองต่างสวมเสื้อทีมเหมือนกัน รูปร่างยังดีอีกต่างหาก ฉากนั้นให้ความรู้สึกหวานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บรรดาแฟนคลับต่างหยิบมือถือมาเก็บรูปไว้อย่างยั้งใจไม่อยู่ ได้ดูทุกวัน หัวใจก็ยิ่งหวาน แน่ละ หากให้พวกเขารู้ว่าฉินมั่วพูดอะไร รับรองว่าจะต้องหัวใจพองโตแน่นอน…

………………………………………………………….

ตอนที่ 1833-2

และในระหว่างที่ทุกคนคิดว่าเกมจบลงแน่ เธอรีบกระโดดกำแพงเข้าไปใกล้ตัวโฮชิโนะอีกครั้ง แสงสีเงินกระจายเต็มจอยังไม่จางลง ทวนยาวของเธอก็ตีเข้าร่างโฮชิโนะ กระทั่งยังทิ้งเงามังกรยักษ์บนพื้น ดูเท่จนคนไม่อาจมองตรงๆ!

โฮชิโนะถึงกับชะงักนิ้ว ก่อนจะยิ้มออกมา เดาจุดจบได้ “มองข้ามคุณจริงๆเลย Z แต่ผมไม่ไปคนเดียวหรอกนะ” พูดแล้วก็หมุนตัวตวัดดาบวงพระจันทร์สกัดฉินมั่วไว้

หากเป็นเขาคนเดียวคงลากฉินมั่วไปด้วยไม่ได้ แต่ทีมอาทิตย์อุทัยยังมีตัวยิงไกลอยู่ด้วย ระเบิดสตันถูกยิงออกมา

KO!

เสียงเอฟเฟกต์สองเสียงดังพร้อมกัน ฉินมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย โฮชิโนะที่ตายไปถอดหูฟังพลางอมยิ้ม ทว่าฉินมั่วกลับไม่ถอดหูฟังออก เสี้ยวหน้าของชายหนุ่มยังหล่อดังเดิม นิ้วเรียวเคาะไมโครโฟน เอ่ยกับร่างหนึ่งของทีมไดมอนด์ที่ยังคงกระพันอยู่ “ช่วยล้างแค้นให้แฟนด้วยนะ”

ผู้ชม “…”

พวกเขาไม่คิดเลยว่า ท่านเทพตายไปแล้วยังมีอาการแบบนี้!

จ้าวซานพั่งถึงกับสูดปาก “โอ เวลาอย่างนี้แล้วยังจะอวดสวีทอีก ขอยอมแพ้เลยว่ะ ฉันล่ะเชื่อความหน้าด้านของฉินมั่วจริงๆ นี่กำลังถ่ายทอดสดทั่วโลกนะ เขาอยากให้คนทั้งโลกรู้หรือไงว่าตัวเองเป็นแฟนกับเจ้าแบล็ก?”

โฮชิโนะพลอยอึ้งตามไปด้วย ราวกับไม่คิดว่าฉินมั่วจะพูดแบบนี้ ในขณะที่แฟนคลับในสนามสดตายกันเกือบหมด ต่างกุมหน้าที่แดงขึ้น “แบล็กพีช! เร็ว ช่วยแก้แค้นให้แฟนเร็ว!”

ผู้บรรยายกระแอมกระไอ พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไงจริงๆ? แต่การแข่งขันยังไม่สิ้นสุด เพราะไม่ว่าจะเป็นยูกิชินหรือโฮชิโนะ พวกเขาต่างฟื้นคืนชีพได้อีก ทว่าในเวลายี่สิบวินาทีนี้ น่าจะยังไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ความมันส์ของการรวมทีมรบ สร้างความฮือฮาได้ทั่วทั้งในประเทศจนไปถึงต่างประเทศ เพราะไม่มีใครทำได้เหมือนทีมไดมอนด์ที่ยังฆ่ากลับทั้งทั้งที่เลือดเกือบหมด ทั้งนี้มันเป็นการพิสูจน์ความสามารถที่แท้จริงของทีมไดมอนด์ได้ว่าเป็นอย่างไรกันแน่

แต่แค่นี้จะพอได้อย่างไร? ในฐานะที่เป็นผู้มีความเร็วสูงอย่างแบล็กพีช Z จะไม่ฉวยอากาศโจมตีกลับได้หรือ!

เดิมเหล่าผู้บรรยายคิดว่าเกมดำเนินจนมาถึงบทสรุปแล้ว กลับได้เห็นแบล็กพีชตีบลูบัฟ ดูดเลือดจากมันได้หนึ่งในสาม ก็อาศัยจังหวะนี้กระโดดข้ามกำแพงไปซุ่มที่พุ่มหญ้า ราวกับจะบอกให้ทุกคนเข้าใจหลักการที่ว่า ‘ฉันจะแก้แค้นให้แฟน เอ้ย จะลอบฆ่าคน’

ตัวยิงของคู่แข่งเองรู้ตัวว่าเธอจะมาฆ่าตัวเอง จึงไม่กล้าหยุด รีบใช้สกิลวิ่งหนีหลบการโจมตีอย่างไม่ลังเลใจ

ทว่าสิ่งที่น่าแปลกก็คือ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา หรือว่าแบล็กพีช Z จะรอโอกาส หรือว่าเธอกำลังรอพลังชุดใหญ่ อุตส่าห์นึกถึงหลายๆ ความเป็นไปได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อเธอปรากฏตัวอีกครั้ง กลับไม่ได้อยู่ในตำแหน่งข้างตัวยิง แต่อยู่ที่เลนบน พร้อมด้วยทีมมินเนี่ยนสองทีมที่เลนบน

พอเลื่อนสายตามองตาม ทุกคนถึงได้เห็นว่าการต่อสู้เมื่อกี้ ป้อมสุดท้ายที่เลนบนของทีมญี่ปุ่นพังทลายลงแล้ว เวลานี้แบล็กพีช Z นำทีมมินเนี่ยนสองทีมวิ่งไปยังกลางเมืองของฝ่ายตรงข้าม!

ตัวยิงของฝ่ายคู่แข่งอึ้งตะลึง รีบกดปุ่มกลับเมืองอย่างรวดเร็ว หากอยากพูดอะไรในใจจะต้องเป็นแบบนี้แน่ ‘ไหนบอกว่าจะแก้แค้นให้แฟนไง? ที่แท้ก็มาหลบตรงนี้ กะจะล่อลวงฉันล่ะสิ เป็นแผนลวง ต้องเป็นแผนลวงแน่ๆ’

………………………………………………..

 ตอนที่ 1834

หากจะบอกว่าการแข่งก่อนหน้านี้วัดกันที่เทคนิคการเล่นและการประเมินล่วงหน้า งั้นตอนนี้ก็เแข่งกันที่เวลา! ผู้จัดการทีมอาทิตย์อุทัยที่สุขุมเสมอมาพลอยลุกขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าแฟนคลับที่ติดตามการแข่งมาตลอด!

“เร็วเข้าๆๆ” เวลานี้ทุกคนต่างคิดอย่างเดียวกัน สัญลักษณ์การกลับเมืองของตัวตัวยิงทีมอาทิตย์อุทัยยังคงหมุน อยากจะไปให้ถึงหน้าป้อมคริสตัลแทบใจจะขาด

“ตามไปทันแล้ว!” เมื่อเห็นตัวยิงวิ่งตามทัน ผู้บรรยายพลอยตื่นเต้นไปด้วย และในเวลานี้นี่เอง แบล็กพีช Z ก็พาทีมมินเนี่ยนไปถึงกลางเมือง

แต่หากเธอจะล้มเมืองย่อมยากอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเหตุที่ว่าตัวเธอที่เหลือเลือดไม่ถึงครึ่งหลอดจะฝืนล้มเมืองได้อย่างไร จะต้องลำบากแน่นอน อีกทั้งเธอยังไม่ใช่ตัวแทงค์และตัวยิง ย่อมทนรับความเสียหายรุนแรงไม่ได้ แล้วยังยิงไกลไม่ได้อีก แถมอีก 12 วินาทียูกิชินก็จะฟื้นแล้ว ดังนั้นเวลานี้แบล็กพีช Z จึงต้องถอย รอจนฉินมั่วฟื้นชีวิตขึ้น ค่อยสู้กันใหม่ นี่คือความคิดของคนทั่วไป

ทว่าคนทั่วไปในที่นี้ ไม่รวมป๋อจิ่วด้วย! และในระหว่างที่ทีมอาทิตย์อุทัยเตรียมใจไว้ว่าเธอต้องถอนตัวกลับมาแน่นอน ทุกคนก็ได้เห็นเธออาศัยจังหวะที่ทีมมินเนี่ยนเข้าไปข้างใน ตวัดทวนยาวสร้างความเสียหายทั้งหมดแก่ตัวตัวยิงทีมคู่แข่ง ส่งผลให้อีกฝ่ายเหลือเลือดแค่ครึ่งหลอด

“ทำไมถึงมีแรงฆ่าได้หนักขนาดนี้?” นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนสงสัย เพราะหากอิงตามหลักเหตุผลแล้ว แบล็กพีชแลกไอเทมโจมตีมาเป็นการ์เดียน แองเจิลแล้ว ผลจากการสร้างความเสียหายต้องลดลงถึงจะถูก

“เดี๋ยว เขาออกไอเทมไม่เหมือนครั้งที่แล้ว”

ไม่เหมือนจริงๆ ทว่าจุดสำคัญอยู่ที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอแลกไอเทมตั้งแต่เมื่อไร สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ตัวป๋อจิ่ว

เส้นผมสั้นเซอร์สีเงินขยับไหวตามจังหวะที่เธอเคลื่อนเมาส์ แต่ด้วยเหตุจึงทำให้จมูกของเธอสูงโด่งดูเท่ กระทั่งเสี้ยวหน้ายังหล่อคมขึ้นอีกต่างหาก ก่อเกิดพลังที่ทำให้คนเชื่อถืออย่างน่าประหลาดว่า หากเป็นเธอต้องทำได้แน่!

“เฮ้ย ดูสเตตัสเขาสิ”

นับแต่รวมทีมสู้ ทุกคนต่างมองข้ามอย่างหนึ่ง นั่นคือการเปรียบเทียบสเตตัส ตอนนี้ทุกคนถึงได้รู้ตัวว่าสเตตัสของแบล็กพีช Z สูงกว่าตัวยิงของทีมอาทิตย์อุทัยถึงสองพัน! ไอเทมที่แลกมากะทันหัน รวมถึงสเตตัสที่เหนือกว่า มิน่าล่ะถึงได้สร้างความเสียหายให้ตัวยิงขนาดเสียเลือดไปครึ่งหลอดด้วยพลังเดียว

แต่ยังไม่หมด ทุกคนต่างเห็นว่าเธอเอียงตัวเหาะขึ้นด้วยความเร็วที่สูงมาก กระทั่งยังสร้างลมได้รอบตัว ทว่าตัวยิงของทีมอาทิตย์อุทัยก็ไม่กระจอกเช่นกัน ฝ่ายนั้นเล่นงานเธอจนเลือดเกือบหมดตัว หากใช้พลังชุดใหญ่อีก แบล็กพีช Z ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาแน่!

ในเวลานี้ ทุกคนต่างเห็นเธอวาดเมาส์เป็นตัว Z ตวัดทวนยาวไปที่ด้านหลังของตัวยิง ระเบิดถูกยิงออกไป เป้าหมายการโจมตีหายวับ ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือเป้าหมายของแบล็กพีช Z ไม่ได้อยู่ที่การฆ่า เพราะเมื่อทวนยาวตวัด เธออาศัยตอนที่ยังมีทหารที่รับความเสียหายอีกสองตัว ทำลายป้อมคริสตัลทันที!

เสียงหนึ่งดังขึ้นมา เดิมทีป้อมคริสตัลเหลือเลือดไม่เต็ม ตอนนี้เหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว คราวนี้ตัวยิงของทีมคู่แข่งรู้แล้ว ว่าตัวเองถูกหลอก เมื่อกี้ที่แบล็กพีช Z ทำลงไปเพื่อดึงความสนใจไม่ให้เขาล่าทีมมินเนี่ยนต่างหาก

แต่เมื่อนึกขึ้นได้ เขารีบหันกลับไป…

……………………………………………………………

ตอนที่ 1832-3

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงซัดพลังชุดใหญ่ อันอยู่เหนือความคาดหมาย โดยสร้างความเสียหายเป็นชุดต่อตัวแทงค์ของฝ่ายคู่แข่ง และลากยูกิชินและโฮชิโนะให้มาอยู่ใกล้ตัว ใช้สกิลสตันรอบด้าน ในเวลาเดียวกัน ฉินมั่วได้ใช้สกิลหลักเดินทางมายังกลางสนามรบ ส่งดาบเล่นงานตัวแทงค์ที่เหลือเลือดไม่ถึงหนึ่งในสาม

KO!

เสียงเอฟเฟกต์สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นอวิ๋นหู่หรือตัวแทงค์ของฝ่ายตรงข้าม ล้วนแต่หยุดการแข่งลงเพียงเท่านี้ ซึ่งหมายความว่าทั้งการแข่งขันจะเหลือเพียงห้าคนเท่านั้น โดยทีมอาทิตย์อุทัยเหลือยูกิชิน โฮชิโนะ และตัวยิงที่ใกล้ฟื้นคืนชีพ ส่วนทีมไดมอนด์เหลือเพียงป๋อจิ่วและฉินมั่ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากที่ฉินมั่วฆ่าตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัย ก็ถูกดาบวงพระจันทร์ของโฮชิโนะทำร้ายจนเสียเลือดไปครึ่งหลอด บวกกับสกิลของยูกิชินที่จับเป้าหมายตรง ทำให้ถึงเขาจะหลบเข้าไปยังพุ่มหญ้า ก็ไม่อาจเลี่ยงพลังชุดใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามได้

“หนนี้ ฉินมั่วคงไม่ไหวแล้ว” แบล็กพีช Z ก็อยู่ไกล หลังจากที่ล่าทีมมินเนี่ยนได้ ซึ่งต่อให้ข้ามกำแพงก็กลับมาไม่ทัน ฉินมั่วที่เหลือเลือดไม่ถึงหนึ่งในสามจะต้องเผชิญหน้ากับยูกิชินและโฮชิโนะสองคนนี้

เซวียเหยาเย่าไม่กล้าดูทันที ปิดตาด้วยมืออันสั่นเทา และในระหว่างที่ทุกคนคิดว่าเกมจะจบลงแบบนี้ ฉินมั่วพลันหายตัวไป! อันเป็นการเคลื่อนตำแหน่งด้วยสกิลหลัก เสมือนเป็นเถ้าที่มอดไหม้ได้ลุกโชนขึ้นในทันใด ทุกคนนั่งตัวตรง ดูเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยความตื่นเต้น! กระทั่งผู้บรรยายยังอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “เยี่ยม!” ทว่ายูกิชินจะยอมให้ฉินมั่วหนีรอดได้หรือ เขาหมุนตัวบินตามประชิด แต่ฉินมั่วไม่คิดจะสู้กับอีกฝ่าย ร่างเพรียวเหาะไปยังเลนล่าง ทว่าโฮชิโนะประเมินล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว โดยไปดักฉินมั่วที่นั่น และในระหว่างที่ดาบวงพระจันทร์กำลังจะฟาดลงมา ร่างหนึ่งก็ปรากฎตรงหน้าทันที ทวนยาวตวัดร่างเขาลอยกลางอากาศ

แบล็กพีช Z นั่นเอง

ผู้คนไม่เคยได้ยินเสียงรัวพิมพ์รวดเร็วขนาดนี้มาก่อน ทั้งสองพิมพ์เร็วอย่างสูสีกัน ดาบวงพระจันทร์ปะทะทวนยาว  ก่อเกิดประกายแสงสีเงินนับไม่ถ้วน

เวลานี้ตัวยิงของทีมอาทิตย์อุทัยฟื้นชีวิตแล้ว ทั้งยังยิงระเบิดระยะไกลมาทางนี้ โดยระเบิดนั่นมีฤทธิ์ทำให้สตันที่ไม่เพียงแต่จะทำให้คนเสียเลือด ยังทำให้คนมึนได้หลายวินาที กระทั่งป๋อจิ่วยังหลบไม่ทัน

ยูกิชินฉวยจังหวะนี้ซัดพลังชุดใหญ่แบบเกาะติดเป้าหมาย ทำให้แบล็กพีช Z เสียเลือดหนัก! ผู้เล่นที่เหลือเลือดน้อยสองคนสู้กับคู่แข่งที่เหลือเลือดครึ่งหลอดอีกสองคน แถมยังมีตัวยิงไกลของฝ่ายนั้น เกรงว่าหนนี้ทีมไดมอนด์คงตายยกทีม เพราะแบล็กพีช Z ไม่เหมือนฉินมั่วตรงที่เธอมีสกิลเดินตำแหน่ง เมื่อมาถึงตรงนี้ ดูเหมือนจุดจบของเกมจะชัวร์แล้ว

ทว่าไม่มีใครสังเกตเลยว่า เวลานี้ป๋อจิ่วที่นั่งตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้สลับหน้า…

………………………………………………….

ตอนที่ 1833-1

ความเร็วในการพิมพ์นั้นทำให้คนตาลายได้เลยทีเดียว ไม่มีใครเห็นชัดว่าเธอทำอะไร เดิมคิดว่าจะหนี แต่กลับไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวที่ว่าผ่านหน้าจอ คงหนีไม่ทันแล้ว ต่อให้ฉินมั่วหันมาใช้ดาบลดความเร็วของโฮชิโนะ ทว่ายูกิชินกลับได้พลังใหม่มาในเวลานี้ สร้างความเสียหายเกาะติดเป้าหมาย ดาบยาวมุ่งประชิดป๋อจิ่ว

เมื่อเห็นร่างตรงหน้านอนกองลงกับพื้น เหล่าแฟนคลับต่างเงียบกริบทันที กระทั่งสีหน้าของเซวียเหยาเย่าพลอยซีดเผือดไปด้วย แต่สถานการณ์ในเวลานี้ชัดเจนมาก โดยอยู่ที่ 3:2 หากป๋อจิ่วตายไปล่ะก็ ฉินมั่วที่เลือดเหลือน้อยย่อมตรึงสถานการณ์ไว้ไม่ไหวแน่

ทีมไดมอนด์…ใกล้แพ้แล้วจริงๆ เหรอ กระทั่งผู้บรรยายยังพลอยเสียดายไปด้วย กำลังจะหยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูดสรุปความสุดท้าย ทางด้านเมลินสรุปตรงๆ เลยว่า “ไม่ต้องแข่งต่อไปแล้ว ยังไงฉินมั่วก็หนีไม่รอด”

เวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกอย่างเดียวกัน แต่ในวินาทีถัดมา แฟนคลับที่ไหล่ตกต่างเหมือนถูกกระตุ้น พากันนั่งตัวตรง สองตาจ้องหน้าจอเขม็ง ต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะร่างที่นอนกองกับพื้นกลับลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง

“ดาบการ์เดียน แองเจิล!”

“เมื่อกี้เทพ Z ใช้ไอเทมดาบการ์เดียน แองเจิล!”

เมลินช็อกยิ่งกว่า เพราะหากใช้ไอเทมดังกล่าว จะต้องมีการเปลี่ยนไอเทม แบล็กพีช Z ออกไอเทมนี้ตั้งแต่เมื่อไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมลินที่ไม่เข้าใจทีมไดมอนด์อย่างถ่องแท้ คิดว่านับแต่เริ่มต้น แบล็กพีช Z ก็เป็นเพียงตัวประกอบที่คอยให้การสนับสนุนเท่านั้น แล้วเขาทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?

แน่ล่ะ แชมป์เฟิร์สคิลแห่งโซน C ไม่ได้มาง่ายๆ และฉินมั่วเหมือนจะเดาได้ว่าเธอจะถูกชุบชีวิต จึงไม่หนีไป แต่เคลื่อนที่ด้วยสกิลหลัก หายตัวไปปรากฏอยู่ที่ด้านหลังยูกิชิน

“เดี๋ยว ฉินมั่วแทบจะไม่มีเลือดแล้ว ยังคิดจะทำอะไรอีก!”

ยังคิดทำอะไรน่ะหรือ? ก็รวมทีมสู้ไง ไม่มีใครคาดคิดถึงการกระทำของเขา กระทั่งยูกิชินยังอึ้ง ก่อนจะหันหลังไป ในระหว่างนั้นฉินมั่วใช้สกิลหลักหายตัวไปจากตรงหน้าของยูกิชิน ร่างที่แสนสง่ากุมดาบไว้ในมือ ยืนอยู่ในพุ่มไม้ กระทั่งแขนเสื้อยังสะบัดจนเกิดเสียงจากแรงลมพัด

ทุกคนได้เห็นฉากตรงหน้า ต่างยืนกันไม่ไหว! เพราะฉากดังกล่าวคุ้นตามาก…มากขนาดที่พวกเขาได้เห็นในเวลานี้ยังตาแดงก่ำไปด้วยความสะเทือนอารมณ์ กระทั่งโฮชิโนะยังรู้สึกตัว กำลังจะแทงร่างในพุ่มไม้ แต่กลับเห็นเขาเดินตำแหน่งอย่างหลักแหลม ฝนดาบตกลงมา คมดาบสีเงินฟาดฟันสามครั้ง แสงเงินตระหง่านรอบกายเขา

KO!

ร่างของยูกิชินล้มลงไป กระทั่งโฮชิโนะยังเสียเลือดไปเยอะ นั่นคือสามพันมีดประหาร การฆ่ากลับทั้งที่เลือดแทบหมดตัว นี่แหละคือฉินมั่ว!

โฮชิโนะไม่ให้โอกาสชายหนุ่มหนีรอด ดาบวงพระจันทร์ประหารเข้ามาตัดเลือดหยดสุดท้ายของฉินมั่ว ในเวลานี้ แบล็กพีช Z ตวัดทวนยาวขึ้นมา ไม่ได้บังความเสียหายแทนฉินมั่ว แต่ซัดพลังชุดใหญ่ออกไป

ทุกคนต่างเห็นเธอนั่งตรงหน้าคอมพิวเตอร์อย่างชัดเจน มือขวากุมเมาส์ กวาดทวนยาว ในระหว่างที่ตัวยิงของฝ่ายตรงข้ามคิดจะสตัน เธอก็ถอยหลังอย่างเร็ว

 …………………………………………………

ตอนที่ 1832-1

แถมยูกิชินยังอยู่ด้านหลังฉินมั่วด้วย สกิลก็ใช้หมดแล้ว คงหนีไม่รอดแน่ แต่เวลานี้ แสงสีเงินสว่างแวบ มาจากทวนยาวของแบล็กพีช Z นั่นเอง เมื่ออาวุธปะทะกัน แสงก็กระจายออกมา ในเมื่อพลังยังกลับมาไม่ทัน ก็ใช้แผ่นหลังของเธอรับดาบแทนเขาก่อน อย่างไรเสียเลือดของเธอยังเหลืออีกเยอะ

เวลานี้ หลินเฟิงและอวิ๋นหู่ที่ฟื้นชีวิตวิ่งมาที่นี่กันหมด โฮชิโนะถึงกับชะงักนิ้ว รู้ดีว่าไม่เหมาะที่จะโจมตี จึงช้อนสายตามองด้านตรงข้าม จากนั้นแยกย้ายกลับป้อมไปพร้อมกับยูกิชินด้วยความเร็วสูง ชนิดที่ทีมไดมอนด์ก็ไม่มีปัญญาจะล้อมวง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น หากทีมไดมอนด์ถอยก็ย่อมไม่ใช่ทีมไดมอนด์ อาศัยจังหวะที่ตัวแทงค์และตัวยิงของทีมอาทิตย์อุทัยยังไม่ฟื้นชีวิต ฉินมั่วและป๋อจิ่วก็เหมือนกับกระแสอากาศเหาะไปยังโซนป่าของฝ่ายตรงข้ามด้วยกัน โดยเฉพาะป๋อจิ่วที่แค่กระโดดเข้าไปก็ล่าเรดบลัฟก่อน จากนั้นจึงเหาะไปยังทีมมินเนี่ยนที่อยู่เลนบน สิ่งที่ทำให้คนแปลกใจมากที่สุดคือ เธอกลับไม่ฆ่ามอนสเตอร์ที่อยู่ข้างพุ่มหญ้า

“ไม่เหมือนแบล็กพีช Z ที่ชอบมอนสเตอร์เป็นชีวิตเลย อะไรกันนี่?”

บางคนไม่เข้าใจ ทางฝ่ายผู้บรรยายจึงคาดเดา “แบล็กพีช Z น่าจะปล่อยมอนสเตอร์ให้ฉินมั่ว เขาจะได้เติมเลือดกลับมาเร็วๆ และจะได้ทำให้เขาได้รับพลังชุดใหญ่ ทั้งสองคนไม่คิดจะกลับไปเติมเลือดที่บ้านตัวเองจริงๆ เหรอ?”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ เมลินจึงฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ แบล็กพีช Z กับฉินมั่วของทีมไดมอนด์ยังไม่เคยกลับเมืองเลยนี่นา? ตอนนี้เธอไม่กล้าวิเคราะห์อีกต่อไป และในเวลาเดียวกัน เพื่อนชาวต่างชาติที่แสนน่ารักก็เริ่มมีความหวัง ยิ่งอยากเห็นภาพของทีมไดมอนด์เข้าไปใหญ่

ตอนนี้ท่านผู้ชมในสนามแข่งต่างรู้สึกได้ว่า แบล็กพีช Z ไม่ไปฆ่ามอนสเตอร์ ไม่ใช่แค่เพราะเหตุผลดังกล่าว ยังรวมถึงการที่เธอต้องการลากทีมมินเนี่ยนที่เลนบนทั้งหมดไปด้วย!

ยูกิชินและโฮชิโนะน่าจะเดาออกถึงวัตถุประสงค์ที่ว่า จึงเร่งรีบไปที่เลนบนด้วยความเร็วสูงสุด ทว่าทีมไดมอนด์ที่ได้มังกรยักษ์บัฟและได้รับมังกรบิน ได้ช่วยกันทำลายป้อมอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง ถึงแม้จะมียูกิชินและโฮชิโนะอยู่ด้วย แต่ป้อมเลนบนของทีมอาทิตย์อุทัยเหลือเลือดเพียงหนึ่งในสาม และในเวลาเดียวกัน เลนกลางกับเลนล่างโดนโจมตีทั้งสิ้น โดยเฉพาะเลนกลางที่เหมือนวาดแผนที่ไว้เลยทีเดียว เริ่มจากอวิ๋นหู่และหลินเฟิง จากนั้นป๋อจิ่วและฉินมั่วจากโซนป่ามารวมตัวกัน พามังกรบินผลักป้อมสุดท้ายที่อยู่นอกเมือง

แต่มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมาก นั่นคือตัวยิงและตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยฟื้นคืนชีพแล้ว ยูกิชินและโฮชิโนะก็ยังอยู่ แถมมังกรบินที่ทีมไดมอนด์พามาด้วยก็ถูกทำลายแล้วด้วยความเร็วสูง จนทำให้ทุกคนต้องนับถือทีมอาทิตย์อุทัย เพราะแม้จะมาถึงจุดนี้ พวกเขาก็ยังดึงฟอร์มให้กลับมาเท่ากันได้

ไม่ ไม่สิ!  ไม่แค่เสมอกัน แต่พวกเขายังได้เปรียบเสีย เพราะทีมไดมอนด์มุ่งเน้นยังเลนบน แต่ลืมดูว่าเลนล่างเป็นอย่างไร

ผู้คนถึงได้เห็นว่า ซูเปอร์มินเนี่ยนที่ทีมอาทิตย์อุทัยส่งมาสองกลุ่มไปยังเลนล่างแล้ว เส้นสีแดงของมันยากจะละสายตาได้

มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไรกัน?

เมื่อฉายภาพย้อนหลัง ถึงได้เห็นชัดเจนว่า โฮชิโนะและยูกิชินช่วยกันล่าทีมมินเนี่ยน จากนั้นไม่นานเสียงป้อมของทีมไดมอนด์ถูกทำลายก็ดังขึ้น ทีมซุปเปอร์มินเนี่ยนจำนวนมากเริ่มวิ่งไปที่ใจกลางเมืองของทีมไดมอนด์

“เฮ้ย แย่แล้ว” จ้าวซานพั่งตกใจ กระทั่งพวกเขาที่สวมหูฟังลืมไปเลย ร้องตะโกนออกมา “เจ้าแบล็ก ทำอะไรวะ ไม่รีบกลับเมืองอีก จะเสียบ้านไปแล้วนะเว้ย”

 ……………………………………….

ตอนที่ 1832-2

คนที่เล่นเกมนี้ต่างรู้ดีว่า ตามกฎที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง ผลชี้การแพ้ชนะจะวัดกันที่เมืองถูกทำลาย ดังนั้นเกมนี้จะทดสอบความรู้ใจกันของสมาชิกในทีมและกลยุทธการเล่น หากไม่ระวัง เกมอาจพลิกได้

เวลานี้เมลินหาเรื่องจะพูดได้แล้ว “ทีมไดมอนด์ลำพองใจเกินไป บางครั้งโฮชิโนะและยูกิชินก็แกล้งสถานการณ์ขึ้นมา เพื่อให้คู่แข่งลดการระแวง ท่าทางผลของเกมนี้จะชัดแล้ว”

“หลินเฟิงเริ่มกลับเมือง” นี่เป็นเสียงมาจากกลุ่มผู้ชม

ทว่าในวินาทีถัดมา เขาก็ถูกขัดขวางไม่ให้กลับเมือง เพราะโฮชิโนะเหาะกลับมา ส่งดาบวงพระจันทร์ประชิดตัว หลินเฟิงเคลื่อนตำแหน่งหลบสกิลของอีกฝ่าย ดังนั้นอวิ๋นหู่จึงเหาะกลับมาในเวลาเดียวกัน ใช้สกิลสตันรั้งตัวโฮชิโนะไว้อยู่กับที่

“นี่น่าจะเป็นโอกาสแรกที่ทีมไดมอนด์จะได้ฆ่าโฮชิโนะ” ผู้บรรยายเอ่ยขึ้น “แต่พวกเขาจะลงมือไม่ได้ เพราะถ้าลงมือ เวลาอาจไม่พอ โฮชิโนะเองก็คาดการณ์ได้ ถึงได้บุกเข้ามา การทำแบบนี้จะให้ผลสองอย่าง นั่นคือถ้ารวมทีมสู้แล้วเขาตาย ก็จะเป็นการถ่วงเวลาทีมไดมอนด์เอาไว้ ทำให้เมืองของทีมไดมอนด์โดนทำลาย หรือก็ไม่รวมทีมรบ แต่ผลจากการก่อกวนของเขาจะทำให้ต้องแลกชีวิตของฉินมั่วหรือแบล็กพีช Z ไป ซึ่งก็ทำให้พวกเขาได้เปรียบอยู่ดี เพราะเมืองของทีมไดมอนด์จะรั้งรอไม่ได้”

หลังจากที่พูดจบ มีคนหายไปจากหน้าจอ ซึ่งก็คือแบล็กพีช Z นั่นเอง เธอกดปุ่มกลับเมืองก่อนหน้าที่โฮชิโนะจะบุก

เวลานี้เธอปรากฏตัวที่กลางเมืองของทีมไดมอนด์ ทำให้ทุกคนโล่งใจ

“ทำเอาฉันตกใจแทบแย่”

“ถ้าช้าอีกนิด ป้อมคริสตัลต้องโดนล้มแน่”

“ยังดีๆ”

บางคนยังตีตัวเองด้วยหัวใจสั่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ของทีมไดมอนด์ยังคงเป็นรอง เพราะเมื่อป๋อจิ่วกลับไป สถานการณ์การต่อสู้จึงกลายเป็น 3:4 และในห้วงเวลานี้ ตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยหมุนตัว เปิดฉากรวมทีมรบทันที!

ฝ่ายโฮชิโนะที่ถอยกลับก็เปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน โดยเหาะไปหาหลินเฟิงอีกครั้ง

จ้าวซานพั่งในฐานะที่เป็นผู้ชม ดูจนสีหน้าเปลี่ยน ทั้งนี้ไม่เพียงแค่จ้าวซานพั่ง กระทั่งเซียวจิ่งที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมายังขมวดคิ้วขึ้น

ผู้บรรยายระบุข้อดีข้อเสียออกมาโดยพลัน “แย่แล้ว ครั้งนี้ทีมไดมอนด์ต้องตายยกทีมแน่” ยังไม่ทันได้พูดจบ ยูกิชินก็เหมือนเกาะตำแหน่งอย่างแม่นยำ เหมือนชักดาบออกจากฝัก ซึ่งต่อให้หลินเฟิงเดินตำแหน่งแม่นยำแค่ไหน ก็ยากจะรอดได้

เหมือนอย่างที่โคโค่พูดไว้ พวกเขาประเมินทีมไดมอนด์ต่ำเกินไป เพราะก่อนที่หลินเฟิงจะตาย เขาทำความเสียหายต่อตัวยิงที่วิ่งเข้ามาจนเหลือเลือดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่งผลให้ฉินมั่วเหาะมาเสกบ่อไฟฟ้า ทำให้ทุกคนเคลื่อนไหวช้าลง แต่ยังฆ่าได้อีกหนึ่งชีวิต

หนึ่งชีวิตแลกอีกหนึ่งชีวิต ต้องบอกว่าการเดินตำแหน่งเมื่อครู่ของหลินเฟิงเจ๋งมากจริงๆ เล่นงานตัวยิงของทีมอาทิตย์อุทัยได้ในคราวเดียว ทำให้ฝ่ายนั้นสำนึกว่าตัวเองดูแคบนคู่แข่งเกินไป แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจหยุดยั้งการโจมตีของทีมอาทิตย์อุทัยได้สำเร็จ ทว่าสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงคือ ตัวยิงของทีมอาทิตย์อุทัยตายไปแล้วยังฟื้นคืนชีพได้ แต่หลินเฟิงหมดโอกาสนั้นแล้ว ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ หากเทียบกับเรื่องนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการรวมทีมสู้ในวาระถัดไป เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่ายูกิชินและโฮชิโนะร้ายกาจกว่าตัวยิงของทีมอาทิตย์อุทัยมาก ฉินมั่วก็จับตัวได้ไม่ง่าย พวกเขาจึงสร้างความเสียหายต่อตัวอวิ๋นหู่เพียงคนเดียว ซึ่งเขาเองก็ไม่หนี เพราะรู้ดีว่าหากหนีในเวลาอย่างนี้ ยิ่งจะทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อหนีไม่รอดแล้วก็ลากฝ่ายตรงข้ามมาตายด้วยหนึ่งชีวิตแล้วกัน

 ………………………………………..

ตอนที่ 1831-2

ทริปเปิลคิล

เมื่อปริมาณความแค้นสั่งสมอย่างเต็มพิกัด มอนสเตอร์มังกรยักษ์ก็เงื้อกรงเล็บ ตบลงอย่างแรงพร้อมกับส่งเสียงคำราม เว้นแต่ตัวฉินมั่วแล้ว ปริมาณเลือดของทุกคนลดลงหมด ฝ่ายตัวยิงที่เฝ้าเลนบนของทีมอาทิตย์อุทัยเห็นเหตุการณ์ จึงรีบเข้าไปช่วยสนับสนุนหลังจากที่ล่าทีมมินเนี่ยนได้เรียบร้อยแล้ว

ในเวลานี้ ฉินมั่วที่ยืนตรงพุ่มหญ้าก็เหาะเข้าใกล้ แต่ไม่ได้ใกล้ตัวมังกรยักษ์นะ แต่เป็นตัวนักยิงระยะไกลที่รีบเข้ามาช่วยเพื่อนร่วมทีมตัวเองต่างหาก! เมื่อพาดาบยาวเหาะเข้าไปหา ใช่ว่านักยิงของทีมอาทิตย์อุทัยจะไม่อาจเดินตำแหน่งได้อย่างเฉียบแหลม เขายังสามารถสร้างความเสียหายให้ฉินมั่วอย่างรุนแรงจนเลือดลงถึงครึ่งหลอด ทว่าเมื่อเขาเห็นบ่อไฟฟ้า อยากจะใช้สกิลแฟลชหนีไปก็ไม่ทันแล้ว เพราะยังไม่ทันคลิกเมาส์ก็ได้ยินเสียงดาบฟาดลงมาถึงสามครั้ง ทำให้เขาเลือดเกือบหมดตัว เมื่อแสงสีเงินโปรยตัวลงมา ฉินมั่วก็กวาดดาบยาวคว้าเลือดจำนวนสุดท้ายของเขาไปได้ชนิดที่ไม่ให้โอกาสเลย

KO!

ตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยรีบเข้าไปช่วย แต่หากพิจารณาจากการประเมินสถานการณ์ ฉินมั่วในเวลานี้น่าจะไม่มีเลือดเหลือแล้ว แต่การคาดเดานั้นผิด เพราะยังไม่รอให้ตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยลงมือ ฉินมั่วก็หลบไปจากตัวอีกฝ่าย ด้วยการใช้การเดินตำแหน่งหายไป!

“อย่าคิดจะใช้วิธีนี้มาชนะพวกเรา” คนพูดเป็นนักเวทของทีมอาทิตย์อุทัย เงื้อมือซัดสกิลตัวตัวแข็งใส่ฉินมั่วที่หายตัวกลับไปยังพุ่มไม้

ผู้คนเห็นฉินมั่วตกเป็นฝ่ายรับ เห็นเพียงมือที่กำเมาส์เคลื่อนที่เป็นงูเลื้อยด้วยความเร็วสูง ทำให้คนทุกตกตะลึง ร้องอื้ออึงด้วยความคาดไม่ถึง

เป็นถึงขนาดนี้แล้วยังหลบได้อีก เก่งมากไปแล้ว! แฟนคลับเก่าแก่บางคนเห็นก็ถามคนข้างๆ “พวกนายรู้สึกไหมว่าเทพฉินแบบนี้ดูคุ้นจนบอกไม่ถูก”

“เทพฉินก็คือเทพฉิน จะมีอะไรที่ไม่คุ้นอีก”

“ฉันหมายความว่า นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเขาเล่นแบบนี้ นับตั้งแต่เขาเล่นเป็นตัว CC ก็เล่นแบบชัวร์ แน่ล่ะ ไม่ใช่วันนี้เขาจะไม่ชัวร์ แต่… เฮ้อ นายให้ฉันคิดก่อนว่าจะบรรยายยังไง เอ้อ ใช่แล้ว! สามปีก่อน ตอนที่เขาเข้าวงการนี้ใหม่ๆ ก็เล่นแบบนี้แหละ!” เล่นราวกับว่าต่อให้เจอใครก็ไม่กลัว ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมากี่คน ขอเพียงดาบยังอยู่ในมือ ก็สามารถสร้างความมหัศจรรย์ที่ยากจะคาดถึงได้

เหมือนกับตอบรับความคิดดังกล่าว ทุกคนต่างเห็นบนหน้าจอว่าหลังจากที่ฉินมั่วเบี่ยงตัวหลบ นักเวทของทีมอาทิตย์อุทัยเหาะเข้ามา ตัวแทงค์ของทีมเข้ามาสนับสนุนไม่ทัน นักเวทจึงได้แต่กัดฟัน ซัดสกิลพลางถอยหลังหนี ฝ่ายโฮชิโนะอยากเข้าช่วย แต่ถูกป๋อจิ่วขัดไว้เสียก่อน

แต่ยังดีที่ตอนนี้ฉินมั่วไม่มีพลังชุดใหญ่อีกแล้ว นี่แหละคือความคิดของนักเวทของทีมคู่แข่ง ทว่าในวินาทีถัดมา กลับพบว่าตัวเองคิดผิด เขาถอยหนีไม่ได้ เพราะฉินมั่วสร้างความเสียหายให้แก่มังกรยักษ์ที่อยู่อีกข้างของกำแพง

หลังจากที่มังกรกระพือปีกด้วยความตกใจ นักเวทของทีมคู่อาทิตย์อุทัยก็ได้ยินเสียงดาบ

การทำร้ายมังกรยักษ์ ไม่เพียงแต่จะทำให้เจ้าตัวบินสะบัดอย่างรุนแรง ยังมีอีกเหตุหนึ่งคือ พลังชุดใหญ่! ฉินมั่วกำลังคว้าพลังชุดใหญ่อันใหม่ให้ตัวเอง! ไม่ ไม่สิ

“ยังดูดเลือดได้ด้วย”

 ……………………………………………….

ตอนที่ 1831-3

ทริปเปิลคิล

ผู้บรรยายต่างเบิกตากว้าง พวกเขาไม่เคยเห็นวิธีการเล่นแบบนี้มาก่อน แม้จะเห็นว่าเป็นการฟาดดาบตามใจชอบสามครั้ง แต่แสงเงินด้านหลังยังไม่ทันจาง ฉินมั่วก็เข้าประชิดตัวนักเวทอีกครั้ง ด้วยการคำนวณเวลาอย่างแม่นยำ นักเวทของทีมอาทิตย์อุทัยลอยกลางอากาศ ยังไม่ทันได้กดปุ่มใช้สกิล แสงดาบเหมือนสีเงินก็กระทบตัวเขา เสียงการโจมตีติดๆ กันดังอีกครั้ง ดับเบิลคิล!

ดับเบิลคิล!

ดับเบิลคิล? ในสถานการณ์แบบนี้ ยังดับเบิลคิลได้อีก?

หากดูจากคลิปสัมภาษณ์ เพื่อนชาวต่างชาติเห็นเมลินที่ทำหน้าที่อยู่เมืองจีนกำไมโครโฟนแน่น กระทั่งริมฝีปากยังค้างนาน คำพูดที่จะเอ่ยกลับไม่ออกจากปากเลย พูดไม่ออกจริงๆ เพราะเธอเตรียมสคริปต์ไว้แล้วว่าจะชื่นชมทีมอาทิตย์อุทัยอย่างไร แต่ฉินมั่วเล่นโชว์ความสามารถออกมาโดดเด่น เหนือความคาดคิดของเธอจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เพียงแต่ดับเบิลคิลอย่างธรรมดา ครั้งนี้ยังทำให้นักเวทตายครบเป็นครั้งที่สาม หมายความว่าทีมอาทิตย์อุทัยสูญเสียผู้เล่นไปหนึ่งราย! แต่หากจะยอมปลงตกยอมรอความตาย นั่นย่อมไม่ใช่ทีมอาทิตย์อุทัยแล้ว

ไม่นาน ยูกิชินก็สำแดงฤทธิ์บ้าง เขากุมเมาส์ฆ่าโคโค่ได้ ดึงสถานการณ์ให้เท่ากัน นักเวทของทีมอาทิตย์อุทัยรบไม่ได้ โคโค่เองก็แข่งต่อไม่ได้เช่นกัน ฟอร์มการแข่งจาก 5 VS 5 กลายมาเป็น 4 VS 4

แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คะแนนด้านการฆ่า ทีมญี่ปุ่นยังคงนำอยู่

เมลินมองดูยอดการฆ่าที่ 5:7 ก็หัวเราะออกมา “ท่าทางทีมไดมอนด์จะเล่นได้ดีกว่าปกติ แต่ในด้านคะแนน พวกเราจะเห็นว่า หากทีมไดมอนด์คิดจะเอาชนะ ยังห่างชั้นกันมาก”

กระนั้นหลังจากที่เธอพูดจบ ก็ได้ยินเสียงเอฟเฟกต์ดังจากด้านหลัง เสียงนี้เป็นเสียงที่ไม่มีใครคาดถึง ทั้งยังเหมือนพายุสลาตันที่พลิกทั่วสนามการแข่งขัน

ทริปเปิลคิล! ฆ่าได้สามชีวิต

ฆ่าได้ตั้งสามชีวิต! แฟนคลับบางส่วนผุดลุกขึ้นมา เพราะจะมีคนฆ่าได้ถึงสามชีวิตในสถานการณ์แบบนี้ได้อีกหรือ? ทว่ามันเกิดขึ้นแล้วบนหน้าจอ กระทั่งผู้กำกับยังไหวตัวไม่ทัน ต้องสั่งให้ฉายภาพย้อนหลัง ผู้คนจึงเห็นตอนที่ยูกิชินฆ่าโคโค่ ฉินมั่วก็ใช้สกิลหลักเคลื่อนตำแหน่ง เสียงดาบดังสองครั้ง ก็ฆ่าตัวแทงค์ที่เหลือเลือดไม่ถึงครึ่งหลอด แต่ตัวแทงค์ก็เคลื่อนไหวเร็ว คิดจะใช้ลมหมุนรอบตัวสตันฉินมั่วไว้กับที่ แต่กลับลืมไปว่าด้านข้างยังมีมังกรยักษ์อยู่ หลังจากที่สร้างความเสียหายออกมาก็กระแทกโดนตัวมังกรยักษ์ทั้งหมด ฉินมั่วได้ใช้เวลานี้ฟาดดาบ แสงเงินมากมายไหลมาจากด้านหลังชายหนุ่ม

คนที่เล่นเป็นตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยชะงักงันจนสะเมือนทั่วมือขวา เขาคนนั้นช่างเร็ว เร็วเหลือเกิน

ไม่ ไม่ใช่แค่เร็ว ยังประเมินและคำนวณเวลาได้แม่นยำจนทำให้ใจสั่น

หากว่ากันตามหลัก ความเสียหายจะต้องโดนตัวชายหนุ่มทั้งหมดสิ ทำไมถึงย้ายไปอยู่ที่มังกรยักษ์ล่ะ

ไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดแบบนี้ กระทั่งผู้บรรยายยังไม่เข้าใจ “นี่คือปัญหาของเกมสินะ”

“น่าจะใช่ ก่อนหน้านี้มีเทพคนหนึ่งเคยพูดถึงปัญหาในเกม แต่พอปรับปรุงเกมแล้ว ก็ไม่ค่อยเจอเรื่องแบบนี้แล้ว เดี๋ยว!”

“อะไร?”

“คนที่โพสต์เรื่องนี้คือฉินมั่วนี่นา”

“!!!”

…………………………………………………….

ตอนที่ 1831-4

ทริปเปิลคิล

ผู้บรรยายเองก็รู้จะทำหน้าอย่างไร ส่วนจ้าวซานพั่งกลับอ้าปากค้าง ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเซียวจิ่งที่นั่งข้างตัว “หัวหน้า หัวหน้าว่าฉินมั่วจะเอาปัญหาขัดข้องของเกมนี้มาใช้ด้วยหรือเปล่า?”

เซียวจิ่งไม่พูด แค่ยื่นมือออกมาดันกรอบแว่นตา ราวกับยอมรับไปโดยปริยาย

“อุว้าว น่าเกลียดเป็นบ้าเลยว่ะ” จ้าวซานพั่งทำสีหน้าขนลุก “นั่นไง ฉินมั่วไม่ได้น่าเกลียดที่สุดหรอก แต่น่าเกลียดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่างหาก”

“ไม่ ยังไม่จบ” เซียวจิ่งที่คิดจะปิดปากเงียบกลับหลุดปากออกมา ส่งผลให้จ้าวซานพั่งสงสัย “ยังไม่จบเหรอ” ขนาดนี้แล้วยังไม่หมดอีก? ฉินมั่วคิดจะทำอะไรกันแน่? ในระหว่างที่จ้าวซานพั่งคิดเช่นนี้ เสียงเอฟเฟกต์ก็ดังขึ้นข้างหู!

จะให้ฉินมั่วเอาแต่ฆ่าได้ยังไง? ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่นอกจากฆ่าคน ดาบของเขายังฆ่าอย่างอื่นได้ด้วย

เสียงเอฟเฟกต์คุ้นหู สะท้อนทั่วสนามแข่ง ตัวอักษรสีดำกรอบทองปรากฏตรงหน้าจอ “มังกรยักษ์บัฟถูกฉินมั่วฆ่า” ตามมาด้วยเสียงฮือฮากึกก้อง!

หนนี้ไม่เพียงแค่พวกแฟนคลับ กระทั่งจ้าวซานพั่งยังพลอยยืนไปด้วย “อุว้าว! เขาทำได้ยังไงเนี่ย”

เจ้ลั่วคนสวยค้ำเสี้ยวหน้าตนเอง หัวเราะขึ้นมา “นายไม่น่าจะเซอร์ไพรส์หรอกนะ เมื่อปีนั้นก็เป็นอีแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“ตอนปีนั้นเขาไม่ได้บ้าจนกระทั่งฆ่ามังกรยักษ์ไปด้วยนี่นา!” จ้าวซานพั่งติดใจเอามากๆ

เซียวจิ่งเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบ “ไม่เห็นจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เลย ตอนนั้นเป็นปีแรกที่เขาเล่นเกม จนมาถึงตอนนี้เขาเล่นมาตั้งสามปีแล้ว ถ้าจะพูดอีกแบบก็คือ กลวิธีการเล่นที่ยูกิชินใช้ในตอนนี้ก็แค่เป็นกลวิธีของเขาเมื่อสามปีที่แล้ว ฉินมั่วคงอยากบอกให้ทุกคนว่าอย่างนี้นี่แหละ”

“ก็เลยใช้วิธีนี้มาเล่นงานกลับเนี่ยนะ?” จ้าวซานพั่งตาโตอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยต่อ “มันก็สมกับนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นของเขานั่นแหละ เฮ้ย นี่แสดงว่าเขาร้ายกว่าเดิมล่ะสิ”

เซียวจิ่งก้มหน้ามองดูมือตัวเอง “น่าเสียดาย”

เจ้ลั่วหันไปมอง “ต้องมีโอกาสที่ได้แข่งกับเขาในสภาพที่พีคสุดแน่”

ใช่ หลายคนบอกว่าเมื่อสามปีที่แล้ว ฉินมั่วอยู่ในภาวะที่พีคสุด กระทั่งยังมีคนพูดว่า เขาแก่แล้ว อย่ายึดตำแหน่งผู้เล่น MVP ไว้ชนิดไม่ปล่อยเลย

แต่ความจริงก็คือสามปีที่สะสมประสบการณ์มา นอกจากการพ่ายแพ้อย่างจนใจ ยิ่งช้ำใจกว่าก็ตรงที่การเป็นนักดาบที่ต้องเก็บเงียบ จนเมื่อได้เผยโฉมวันหนึ่ง เขาจะต้องผงาดเหนืออดีตแน่

เวลานี้เมลินหมดอารมณ์แล้ว หน้าเธอแดงซีกหนึ่งเหมือนโดนตบเลยทีเดียว คำพูดที่เธอกล่าวไว้ก่อนหน้านั้นเท่ากับการตบหน้าตัวเอง

ผู้บรรยายงงงวย หลังจากที่ฆ่าได้สามชีวิต ยังอุตส่าห์คว้ามังกรยักษ์ได้อีก? ฉินมั่วต้องบ้าถึงขนาดไหนนี่?

“ไม่ใช่คนธรรมดาจะทำได้นะ?”

“บ้าดิ ลองไปแย่งมังกรยักษ์แบบเป็นทีม ก็ยังไม่น่าจะทำได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใช้วิธีนี้ด้วย”

“พี่อี พวกเรากำลังบรรยายนะ”

“อ่ะ ใช่ หมายความว่า คนที่ทำได้ถึงขั้นนี้ จะต้องประเมินแม่นยำ แน่ล่ะ ความเร็วมือก็สำคัญ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคำนวนเวลาใช้สกิล อะ มีแต่ผีเท่านั้นที่รู้ว่าฉินมั่วทำได้ยังไง”

“พี่อีก็!”

“อ้าว ผมพลั้งปากอีกแล้วเหรอ ขออธิบายใหม่นะ วิธีการเล่นของฉินมั่วทำให้ผมตาลาย ผมต้องตั้งสติเสียหน่อย”

“อย่าตั้งสติเลย โฮชิโนะหลุดจากออกจากตัวแบล็กพีช Z แล้ว เป้าหมายเขาคือฉินมั่ว”

หลังจากที่ตีมังกรยักษ์ได้แล้ว ต่อให้ฉินมั่วที่มีไอเทมดูดเลือด แต่เวลานี้ปริมาณเลือดของเขากลับไม่พอ และโฮชิโนะก็มาแล้ว เขาจะต้องตายแน่ๆ…

……………………………………………..

ตอนที่ 1830-2

ยูกิชินหยุดชะงักชั่วคราว หัวเราะขึ้นมา “โฮชิโนะ ไหนนายบอกว่า ทำให้เขาหึงแล้วจะดีเอง”

“หือ?” โฮชิโนะยังคงดูอ่อนโยนเหมือนเดิม “ก็จริง แต่ฉันเผลอไปนิดหนึ่งว่า คนบางคนพอหึงขึ้นมาแล้วจะร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม” คนบางคนหมายถึงใคร ไม่จำเป็นต้องแถลงออกมา ทว่าแข่งกันมาใกล้จะชั่วโมงหนึ่งแล้ว กระทั่งโคโค่ที่อยู่เลนกลางยังเล่นได้ดีกว่าเดิมนิดหนึ่งอย่างไม่รู้สาเหตุ ทีมอาทิตย์อุทัยอยากจะฆ่าเขาจากพุ่มไม้ถึงสองครั้ง แต่กลับทำไม่สำเร็จ

รูปแบบการแข่งขันในเวลาต่อมา เหมือนเป็นสงครามเอาผลัดกันเอาคืน โดยทีมมินเนี่ยนผลักป้อม ฝ่ายทีมไดมอนด์มีมังกรบินอยู่ข้างตัว พอจะชดเชยกับที่สูญเสียป้อมไป และสามารถตัดจังหวะการนำของทีมอาทิตย์อุทัย ทำให้พวกเขาต้องหันไปล่าทีมมินเนี่ยน ถ้าจะพูดอีกที นี่ก็คือเกมล้มป้อม ชัยชนะของเกมนี้ขึ้นอยู่ที่กับการทำลายเมือง แน่นอน สถานการณ์ย่อมดำเนินเช่นนี้ต่อไป หากคิดว่าการฆ่านักเวทแล้วจะหยุดทีมอาทิตย์อุทัยได้ ก็ถือว่าเกมง่ายเกินไป ทีมอาทิตย์อุทัยฆ่าได้อีกหนึ่งชีวิตที่เลนล่าง โดยในระหว่างที่หลินเฟิงยกปืนกลทำลายป้อม เขาระแวดระวังว่าจะมีคนซุ่มโจมตีอยู่ด้านหลัง ไม่คิดว่าเลยว่า ฝ่ายตรงข้ามคิดจะโจมตี ตัวแทงค์เข้ามาปะทะตรงๆ เลย ส่วนยูกิชินส่งสัญญาณสร้างความเสียหาย อวิ๋นหู่ยังไม่ทันได้เข้ามาปกป้อง โฮชิโนะก็โผล่ออกมา ฟาดดาบวงพระจันทร์ที่มีคุณสมบัติดูดติดตัวนั้น หากฟาดลงมา ก็ยากจะหนีรอด และแล้ว…

KO!

ไม่นาน คะแนนบนจอจาก 3:4 ก็เปลี่ยนเป็น 3:5

ยูกิชินไม่คิดจะปล่อยอวิ๋นหู่ให้รอดไป ตัดสินใจพาตัวแทงค์ข้ามป้อม จากนั้นนักเวทปล่อยสกิลจับตัวแข็ง รวมถึงการสร้างความเสียหายโดยโฮชิโนะ จึงกลายเป็นดับเบิลคิล! ฆ่าไปสองชีวิต

3:6

ยอดคะแนนการฆ่าของทีมไดมอนด์ห่างอีกฝ่ายถึงหนึ่งเท่าตัว เป็นฝ่ายตามหลังอีกครั้ง ราวกับการฆ่ามังกรยักษ์ เป็นเพียงแค่การตัดจังหวะฟอร์มการเล่นของทีมอาทิตย์อุทัยเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นโฮชิโนะหรือยูกิชิน พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้เล่นระดับมหัศจรรย์ แม้จะโดนตัดจังหวะ แต่ก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้ หากได้พบเจอคู่แข่งแบบนี้ รับรองว่าสภาพจิตใจต้องล่มสลายแน่ และสิ่งที่ต้องตระหนักคือ อวิ๋นหู่ตายไปแล้วสองครั้ง

ฝ่ายทีมไดมอนด์ เว้นแต่ป๋อจิ่วและฉินมั่ว แต่ละคนเหลือเพียงหนึ่งชีวิตเท่านั้น นี่แหละถือว่าอันตรายที่สุด

หลินเฉินทาวทำอะไรไม่ได้ นอกจากกำมือแน่น สมาชิกทุกคนของทีมไดมอนด์ล้วนแต่อยู่ในอารมณ์เดียวกัน กล้องแพนมาที่ตัวพวกเขาไม่ถึงหนึ่งวินาที

ผู้บรรยายดูมาถึงตอนนี้ จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “อันที่จริง นี่ไม่ถือว่าเป็นฟอร์มประเภททีมที่ดีที่สุดของทีมไดมอนด์ ทุกคนได้ดูมาถึงตรงนี้ก็คงจะเข้าใจ เวลานี้ทีมไดมอดน์ขาดตัว CC ถ้าเหราหรงเฝ้าที่เลนกลางล่ะก็ ผลที่ได้อาจไม่เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสบการณ์หรือการประเมินสถานการณ์ เขาจะทำประโยชน์ได้สูงสุดในเวลาคับขัน แต่หากไม่ใช้เขาในการเล่นประเภทคู่ ทีมไดมอนด์ก็อาจจะแพ้ได้ และไม่มีโอกาสแข่งประเภททีมอีก ดังนั้นฟอร์มประเภททีมของทีมไดมอนด์เลยเป็นแบบบนี้”

“สถานการณ์แบบนี้ จะต้องหลบเลี่ยงการรวมทีมสู้ให้มากที่สุด”

“คงต้องเป็นแบบนี้” ทีมไดมอนด์ตกอยู่ในภาวะอันตรายอีกครั้ง

 …………………………………….

ตอนที่ 1830-3

เมลินคาดเดาได้ว่าต้องเป็นแบบนี้ จึงทำหน้าแบบ ‘เห็นไหม เหมือนที่ฉันคิดไว้เปี๊ยบเลย ถ้าทีมอาทิตย์อุทัยเอาจริงเอาจังเสียหน่อย ฝ่ายตรงข้ามก็ฆ่านักเวทที่อยู่ทัพหลังไม่ได้หรอก’ ส่วนครั้งที่แล้ว มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ไม่ส่งผลต่อรูปเกมสักเท่าไร เวลานี้ทีมไดมอนด์เองก็น่าจะเข้าใจได้แล้ว แต่เธอเพิ่งคิดได้เช่นนี้ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นจากจุดผู้ชม

เมลินรีบเงยหน้ามองดูคะแนน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนี่ บอสราชาและมังกรยักษ์ก็ยังอยู่ครบ เกิดอะไรขึ้น?

ไม่เพียงแต่เมลินที่คิดเรื่องนี้ พวกเพื่อนชาวต่างชาติที่ได้รับข้อมูลในทันตาเห็นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ที่ต่างกันคือ พวกเขาชอบดูทีมจากประเทศจีนทีมนี้ ทั้งยังไม่น่าจะเปลี่ยนใจด้วย

“เดี๋ยว ฉินมั่วส่งสัญญาณโจมตี คิดจะสู้กันตอนนี้เลยเหรอ?”

“เวลาแบบนี้ไม่เหมาะที่จะรวมทีมสู้เลยนะ”

“ฉันพอจะเข้าใจเทพฉิน ถ้าไม่รีบรวมตัวเบรกทีมอาทิตย์อุทัยอีก การแข่งในสนามนี้จะไม่มีทางพลิกเกมอีกเลย”

“แต่ฉันแค่กังวลว่าทำไมเมื่อกี้เทพฉินกับแบล็กพีชถึงได้ไม่โผล่มาที่เลนล่างเลยล่ะ”

“ไม่ เทพโฮชิโนะก็กังวลเหมือนกัน เมื่อกี้นายก็เห็นหน้าจอแล้วนี่ เขาเปิดแผนที่ออกมาดู น่าจะหาตำแหน่งของแบล็กพีชกับเทพฉิน”

“นั่นมันตอนที่พวกเขาข้ามป้อมไปแล้ว ฉันหมายความว่าก่อนหน้านี้เทพฉินกับแบล็กพีชทำอะไรอยู่”

“….”

ไม่มีใครตอบได้ เพราะพวกเขาทุ่มเทความสนใจไปที่เลนล่าง เหมือนความรู้สึกที่คุ้นเคยจะกลับมาอีก โดยอาศัยจังหวะที่พวกเขาไม่ทันระวัง โหมโรงขึ้นมา เหมือนนักมายากลชั้นเยี่ยมที่แสดงมายากล พอเราเข้าไปใกล้ขึ้นๆ ก็ยิ่งลืมสังเกตบางอย่าง รอจนเราได้สติกลับมา ความมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้นแล้ว

เช่นในตอนนี้ ใครสักคนช่วยบอกพวกเขาได้ไหมว่า ทำไมป้อมคริสตัลของทีมอาทิตย์อุทัยถึงหลือแค่ครึ่งซาก พวกเขาดูกันไปไกลแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น แถมยังมีทีมซูเปอร์มินเนี่ยนมาช่วยทีมไดมอนด์ทำลายป้อมอีก

“เฮ้ย ฉินมั่วกับเจ้าแบล็กเล่นมุขนี้กันสนุกสนานเลยแฮะ” จ้าวซานพั่งเอาอีกแล้ว “อันตราย อันตรายมาก ยังรู้นะว่าตอนนี้ต้องทำลายป้อมกันแล้ว”

ฝ่ายทีมอาทิตย์อุทัยสองคนกลับเมืองไปแล้ว เพราะจะปล่อยให้ป้อมสุดท้ายหลุดไม่ได้  หากเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับอันตรายของจริง ยังดีที่พวกเขาไปทันเวลา แต่เวลาแบบนี้ฉินมั่วดันประกาศสัญญาณรวมทีมสู้

“ทีมมินเนี่ยนก็ไม่มีแล้ว จะสู้กันซึ่ง ๆ หน้าอย่างนี้เหรอ?”

“ไม่ ไม่น่าจะใช่แบบนั้น”

อันที่จริงก็ไม่ใช่หรอก เพราะจุดที่เขาซ่อนอยู่คือพุ่มไม้ข้างมังกรยักษ์ ห่างจากป้อมของทีมคู่แข่งไกลมาก

“เขาคิดจะล่อลวงคู่แข่ง?” ผู้บรรยายเดาถูก แต่เช่นเดียวกัน ยูกิชินและโฮชิโนะน่าจะประเมินได้พอประมาณ จึงไม่คิดจะเหาะกลับ แต่เรียกลูกทีมให้เหาะไปด้วยกัน โดยทิ้งให้อีกคนล่าทีมมินเนี่ยนอยู่ใต้ป้อม เพื่อป้องกันไม่ให้แบล็กพีช Z โจมตีป้อม

ทั้งสี่เหาะมาจากคนละทิศ แต่กลับไม่ได้สู้กันซึ่งๆหน้า โดยล้อมกันเป็นวง เหมือนจะรู้สึกเครียดเพราะต้องรวมทีมสู้

และจุดที่ฉินมั่วซ่อนตัวก็อยู่ตรงกลางของสี่คนนี้ หากมองจากแผนที่ จะเห็นว่าถูกทีมอาทิตย์อุทัยล้อมวงไว้ ซึ่งต่อให้เขาเก่งแค่ไหน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็ยากจะหนีรอด

แฟนคลับทั้งหลายเห็นแล้วต่างอกสั่นขวัญแขวน พวกเขากระวนกระวายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจังหวะที่ตัวแทงค์ใกล้เข้ามา อยากจะให้ฉินมั่วรีบหนีไป แต่น่าเสียดายที่ต่อให้พวกเขาพูดอย่างไร เสียงก็ลอยไปไม่ถึงตัวฉินมั่ว

เมลิเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หัวหน้าทีมไดมอนด์เป็นคนที่ยึดแต่ตัวเองเป็นหลักจริงๆ บางทีแผนของเขาอาจใช้ได้ผลในการแข่งขันครั้งที่แล้วๆ มา แต่ตอนนี้เขาเจอกับทีมอาทิตย์อุทัยอยู่นะ ด้วยการนำทัพของยูกิชินกับประสบการณ์ของโฮชิโนะ จะเดาไม่ออกได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่นี่ คิดอะไรง่ายเกินไป…”

……………………………………..

ตอนที่ 1831-1

ทริปเปิลคิล

พูดจบเธอก็ส่ายหน้า แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนว่าเธอจะพูดอะไร เพราะนักกีฬาที่เล่นเป็นตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยขยับเมาส์ เห็นการเคลื่อนไหวขนานใหญ่อย่างชัดเจน

“เอาแล้ว!”

ทุกคนได้ยินแล้วอดตื่นเต้นไม่ได้ จะเห็นการเดินเกมจากหน้าจออย่างชัดเจน ตัวแทงค์เดินหน้าสู้ โดยหมุนตัวกระโดดไปหาฉินมั่ว ส่วนนักเวทของทีมอาทิตย์อุทัยก็ซัดสกิลจับตัวแข็งในเวลาเดียวกัน เพื่อจะได้ควบคุมชายหนุ่มไม่ให้เขาโต้ตอบ แต่ทุกคนกลับคาดไม่ถึงว่า ในระหว่างที่ตัวแทงค์หมุนตัวมาหา ฉินมั่วเงื้อดาบเดินหนึ่งตำแหน่ง แต่ความเสียหายที่สร้างกลับไม่โดนตัวแทงค์ของคู่แข่ง

“น่าเสียดายจริงๆ” ผู้บรรยายเห็นฉากนี้แล้วตื่นเต้น “แต่การเดินตำแหน่งของฉินมั่วสวยมาก แถมยังไม่โดนนักเวทของทีมอาทิตย์อุทัยกักตัวไว้ ทำให้เหลือโอกาสรอดชีวิต”

“ถ้าดาบเมื่อกี้สร้างความเสียหายให้ตัวแทงค์ ก็จะเพอร์เฟกต์ไปเลย เพราะจะมีโอกาสหนีรอดได้สูงมาก”

หากวิเคราะห์อย่างเป็นมืออาชีพ มันก็เหมือนอย่างที่ผู้บรรยายพูดนั่นแหละ เพียงแต่มีจุดหนึ่ง ฉินมั่วไม่เคยคิดจะหนี! ซึ่งยูกิชินก็รู้ตัวเหมือนกัน ไม่มีการกดสัญญาณถอยเลย เห็นแค่เพียงแสงดาบสว่างบนหน้าจอ มังกรยักษ์ที่อยู่ในโซนป่าถูกยั่วให้เดือดดาล ส่งผลให้นักเวทและตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยถูกเสียงคำรามทำให้สตันกลางอากาศ

เวลานี้ แววตาของผู้บรรยายยังช็อกไปด้วย จนควบคุมการคาดเดาของตัวเองไม่อยู่ “หรือว่าเป้าหมายในการสร้างความเสียหายของฉินมั่วไม่ได้อยู่ที่ตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัย แต่เป็นมังกรยักษ์!”

การโจมตีใช้เวลาเพียงอึดใจ หลังจากโจมตีเสร็จ ไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายให้ทีมญี่ปุ่น แต่ยังส่งผลกระทบถึงฉินมั่วด้วย ในฐานะที่เป็นนักฆ่า ชายหนุ่มฉวยโอกาสดังกล่าวกระโดดไปฆ่าคู่แข่ง แต่พอโฮชิโนะจะขยับ กลับมีทวนยาวตวัดเข้ามาเหมือนสายลมที่โหมพัด นั่นคือแบล็กพีช Z!

โฮชิโนะรีบหลบจึงรอดพ้น แม้ว่าทวนดังกล่าวจะตวัด แต่ไม่สร้างความเสียหายจริงจังต่อเขาแต่อย่างใด ทว่าทำให้เขาเสียโอกาสที่จะโจมตีฉินมั่วโดยสิ้นเชิง! ที่แท้การโจมตีในครั้งนี้ไม่ใช่ 1:4 แต่เป็น 2:4 ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ยังไม่มีโอกาสชนะไม่ใช่เหรอ?

เพราะโฮชิโนะไม่ใช่คนที่ใครจะเล่นงานง่ายๆ ป๋อจิ่วสกัดเขาได้ แต่ไม่อาจสกัดยูกิชินได้ ขอเพียงยูกิชินกระโดดเข้ามา ฉินมั่วต้องตายแน่ เพราะจากสถานการณ์ในเวลานี้ ดูเหมือนฉินมั่วจะถูกกักไว้ที่กำแพง ทว่าเมื่อยูกิชินคิดจะออกตัว กลับมีพัดบินออกมาจากพุ่มไม้ นั่นเป็นสกิลของโคโค่ ลดความเร็วได้ชะงัดเลยทีเดียว!

โคโค่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มาตั้งแต่เมื่อไร แล้วซัดสกิลนั้นได้แม่นมาก

“ฉันอยากพูดมาตั้งนานแล้วว่า อย่าดูถูกทีมไดมอนด์ของพวกเราเชียว”

โคโค่เคลื่อนเมาส์ ตอนที่ปล่อยสกิลออกไป ส่งผลให้ถ่วงการเคลื่อนไหวของยูกิชินอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที รอจนยูกิชินมาถึงสนามรบ ตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยถึงได้รู้ตัวว่าฉินมั่วที่อยู่ตรงหน้าหายวับไปแล้ว!

ชายหนุ่มใช้สกิลหลักข้ามกำแพง ด้วยเหตุนี้ความเสียหายที่ทีมอาทิตย์อุทัยสร้างขึ้นจึงถูกส่งไปที่มังกรยักษ์ตรงๆ

 ……………………………………………

ตอนที่ 1828

เวลานี้เหล่าผู้ชมเหมือนหมดความมั่นใจ แต่ละคนดูซึมกะทือเลยทีเดียว พวกที่ชอบเล่นเกมเป็นประจำหมดอาลัยกันเลยทีเดียว “ต้องบอกว่าทีมไดมอนด์โชคไม่ดี ต้องมีเหตุขัดข้องเล็กๆ น้อยๆ ทุกครั้ง ก่อนหน้านี้เทพฉินไม่อยู่ มาตอนนี้เทพฉินอยู่แล้ว แต่แสดงความสามารถได้ไม่เต็มที่ จริงๆแล้ว เวลาที่ต้องแข่งกับคู่แข่งอย่างยูกิชิน ก็สู้ไม่ได้อยู่ดี ต่อให้ทีมไดมอนด์ต้องแพ้ ก็เป็นที่เข้าใจได้”

“ใช่ สถานการณ์แบบนี้เป็นใครก็เลี่ยงไม่ได้ ยิ่งฝั่งนั้นมีโฮชิโนะอยู่ด้วย เขาเป็นนักฆ่าล่ามมอนสเตอร์ระดับตำนานเชียวนะ”

“ตอนนี้โฮชิโนะออกมาด้วยแล้ว ฐานะต่างกันเยอะเลย ฆ่าโคโค่ได้ง่ายกว่าเดิม”

“จริงด้วย พอเข้ามาก็ฆ่าเลย แค่นี้ก็ออกจากป้อมไม่ได้แล้ว แต่ไม่ถึงกับไม่ได้อะไรนะ ต่อให้แพ้ก็ยังเป็นรองแชมป์เอเชีย”

“อื้ม ได้ผลงานขนาดนี้ก็ไม่เลวแล้ว”

การวิจารณ์กันแบบนี้ เหมือนเดาได้ถึงผลการแข่งขันเรียบร้อยแล้ว แต่ผลดังกล่าว ล้วนแต่ตั้งอยู่บนหลักการว่าทีมไดมอนด์ไม่มีทางชนะหรอก

ในเวลานี้ เสียงเด็กน้อยใสๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางไหนก็ไม่รู้ “ทำไมพวกพี่ถึงคิดว่าทีมไดมอนด์จะแพ้ล่ะ?”

ตอนแรกๆทุกคนต่างหาที่มาของเสียง มองไม่เห็นคนก็ยังพอว่า แต่เสียงออกจะเด็กน้อยเหลือเกิน จนเมื่อเห็นเด็กที่สวมหมวกตรงหน้า ต่างสะดุ้งกันใหญ่ อะไรกันเนี่ย! เด็กประถมก็มาดูการแข่งขันเหรอ อันที่จริงเด็กน้อยเป็นเด็กประถมประมาณสิบขวบ เครื่องหน้ายังไม่เจริญเติบโตดี ดวงตาสว่างแจ๋ว ทั้งใหญ่และกลมโต แต่ไม่แสดงอารมณ์ใดใด ทั้งยังดูไม่ออกว่าเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชาย แต่สิ่งที่ทำให้สะดุดใจที่สุดก็คือ ยังมีเด็กน้อยที่มีหน้าตาเหมือนกันนั่งอยู่ข้างๆ

เฮ้ย แฝดเหรอ?

“มั่วเป่ย พี่ขอล่ะ อย่าพูดอีกได้ไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่รู้ว่าพี่พาเธอมาที่แบบนี้ มีหวังงดเงินค่าขนมครั้งหน้าแน่ รู้หรือเปล่าว่าเงินค่าขนมสำคัญกับพี่มาก ต่อไปจะขอผู้หญิงแต่งงานก็ต้องใช้เงินพวกนี้นี่แหละ!”

เด็กน้อยทั้งสองน่าตลกจริงๆ อายุเท่าไรเอง คิดเรื่องแต่งงานกับผู้หญิงซะแล้ว แต่ดูเหมือนคนเป็นพี่ชายยังปรามอีกคนไม่อยู่

“ไม่สังเกตเห็นอะไรเลยเหรอ?” หนูน้อยสวมหมวกเงยหน้าขึ้น ทั้งที่อายุยังน้อยอยู่ แต่กลับสุขุมไม่สมกับวัยที่เป็นอยู่ “เทพ Z หายไปจากสายตาของทีมญี่ปุ่นตั้งนาน ไม่รู้เหรอว่าสำหรับนักฆ่ามือทองแล้วมันหมายความว่าอะไร?”

ผู้คนต่างกระตือรือร้นขึ้นมา รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสนใจดี จึงหยอกเย้าเด็กเล่น “หมายความอะไร?”

“มังกรยักษ์ไง” เด็กน้อยแยกมุมปากยิ้ม ดูเท่มาก “โซนป่าของเทพ Z ไม่ได้บังเอิญได้มา”

ผู้คนได้ยินแล้วยิ้ม “เวลาอย่างนี้แล้วจะมาฆ่ามังกรยักษ์อะไรกันอีก สเตตัสของทีมอาทิตย์อุทัยสูงขนาดนั้น ขืนวิ่งออกไปเดี่ยวๆ ก็มีหวังโดนฆ่าแน่ อัน…” คำว่าอันตรายยังพูดมั่นจบ เสียงเอฟเฟกต์พลันดังขึ้นกลางจอตามเสียงคำรามของเสียงสัตว์ป่า โดยเสียงทั้งหมดลอยเข้าหูทุกคน “มังกรบัฟถูกแบล็กพีช Z ฆ่า” เล่นเอาทุกคนตะลึงงัน จากนั้นก็ส่งเสียงอื้ออึงกันทั่วหน้า กระทั่งเมลินยังไม่อยากจะเชื่อในเหตุการณ์ดังกล่าว ถึงกับหยุดชะงักในขณะที่กำลังรายงาน แล้วหันไปมองหน้าจอยักษ์ที่อยู่ด้านหลัง

ถูกแบล็กพีช Z ฆ่าเหรอ? ไม่ใช่คนจากทีมอาทิตย์อุทัยที่คว้ามังกรยักษ์ได้หรอกเหรอ เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?

…………………………………………

 ตอนที่ 1829

ใช่ มันเป็นไปได้ยังไง? พวกเกมเมอร์ที่วิเคราะห์กันเมื่อครู่ถึงกับงง พวกเขาไม่รู้ว่าจะดูหน้าจอยักษ์ดีหรือกลับไปมองเด็กน้อยที่ทำนายได้แม่นยำอีกครั้งดี แต่เอาเป็นว่าตอนนี้สับสนกันใหญ่!

คนที่เล่นเกมนี้ต่างรู้ดีว่า หากฆ่ามังกรบัฟได้ จะทำให้ได้มังกรบินมาช่วยโจมตี  ช่วยล้มป้อมหรือรวมทีมสู้ได้มากเลยทีเดียว

เดิมที่คิดว่าเกมนี้จบแล้ว แต่กลับพลิกสถานการณ์ได้อย่างเด็ดดวง! เมื่อครู่เมลินที่บอกว่าทีมไดมอนด์ไม่มีวันพลิกสถานการณ์ได้ ถึงกับโดนตบหน้าอย่างจัง ส่วนเพื่อนต่างชาติต่างถอนใจพร้อมๆ กับผู้ชม แล้วพิมพ์คอมเมนต์ว่า “Cool!”

ความยินดีที่ว่ายากจะอดกลั้นไว้ “สุดยอดเลย ไม่คิดว่าจะพลิกเกมได้แบบนี้”

“พวกนายจะไปเข้าใจอะไร นี่แหละที่คนจีนพูดว่ากลยุทธ์ สุดยอดไปเลย แจ็บๆ”

ด้วยเหตุที่ประโยคต้นๆ พูดเป็นภาษาอังกฤษ แต่กลับมีคำว่า ‘สุดยอดไปเลยแจ็บๆ’ จากการพิมพ์ตัวอักษรจีนแบบผิดเพี้ยนด้วย ทำให้พวกนักเรียนต่างชาติขำกันใหญ่ พวกเขาหัวเราะอย่างมีจิตใจดี “เพื่อน ภาษาจีนใช้ได้เลย แต่ต้องบอกว่าสุดยอดไปเลย จุ๊บๆ นะจ๊ะ ต่างหาก”

ในฐานะที่เป็นแฟนคลับของทีมไดมอนด์ ย่อมไม่ยอมเสียหน้าในเวลานี้

อันที่จริงเมลินก็มองข้ามอิทธิพลของทีมไดมอนด์ไป นักเรียนจีนที่อยู่ต่างชาติเห็นว่าทีมไดมอนด์ไม่เหมือนทีมอื่น ถึงได้ติดตาม

การชอบทีมหนึ่งนั้นง่ายมาก แต่ไม่มีทีมไหนที่บอกทุกคนว่า ต่อให้ฟ้ามืดแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะมันจะสว่างขึ้นมาใหม่ และยิ่งไม่มีทีมไหนที่เดินมาถึงจุดนี้แล้วยังเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ไม่ทอดทิ้งใครสักคน ถึงขั้นที่สู้กับพวกแอนตี้แฟน เพื่อช่วยคดีละเมิดลิขสิทธิ์

เราจะเข้าใจหลักการหนึ่งจากตัวพวกเขา ไม่ว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานและเจออุปสรรคมากแค่ไหน ก็ไม่มีวันหลอมละลายความมุ่งมั่นของพวกเขาได้ ผู้ชายจนถึงตายแล้วก็ยังอยู่ในวัยเยาว์! เหล่านักเรียนจีนที่ไปเรียนต่างชาติต่างแปลข้อมูลของทีมไดมอนด์เป็นภาษาอังกฤษแล้วเอาขึ้นเว็บไซด์ให้เพื่อนต่างชาติ

“เฮ้ เพื่อน นี่แหละคือทีมไดมอนด์ของจริง ทุกคนลองอ่านดูได้”

ใช่ นี่แหละคือทีมไดมอนด์ของแท้ ในระหว่างที่ทุกคนคิดว่าพวกเขาแพ้แน่ กลับเหมือนจุดเพลิงขึ้นมาใหม่ สู้กันต่อ ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา เมื่อเกิดมาเป็นคน การสู้สุดชีวิตในเรื่องใดใด ถือเป็นความคุ้มค่า แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าเราต้องแพ้แน่ ก็ยังสู้ต่อไปจนถึงนาทีสุดท้าย

เวลานี้ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศ บางคนมักตำหนิว่าคนจีนไม่ดีอย่างโน้น แย่อย่างนี้ บางทีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง  แต่…มันไม่ได้เป็นแบบนี้ไปทั้งหมด ไม่เชื่อก็ลองดูทีมไดมอนด์สิ

ผู้บรรยายถึงกับตื่นเต้น “มิน่าล่ะ เมื่อครู่ฉินมั่วได้เล่นแบบนั้น”

ฉินมั่วเหรอ? ตอนนี้ควรพูดถึงวิธีการเล่นของแบล็กพีช Z ไม่ใช่เหรอ? เมลินไม่เข้าใจ พลอยขมวดคิ้วขึ้น ทว่าได้ยินเสียงของผู้บรรยายดังอีกครั้ง “เขาเอาแต่เล่นอยู่เลนล่าง เพื่อจะล่อให้ทีมอาทิตย์อุทัยเปิดฉากรบกันตรงนั้น เมื่อกี้ดูเหมือนโฮชิโนะจะรู้ตัว กำลังจะไปหามังกร แต่ฉินมั่วกลับเสกบ่อไฟฟ้าไว้แล้วค่อยใช้สกิลแฟลชกลับ ซึ่งไม่ได้เป็นเพราะเล่นผิดพลาด แต่เพราะต้องการถ่วงเวลา”

จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วถึงกับตบศีรษะตัวเอง บ่นพึมพำ “แผนการล้ำมาก ล้ำมาก ทำเหมือนตัวเองใกล้จะแพ้แล้ว แถมยังมากินน้ำอีก อันที่จริงวางแผนล่อไว้ต่างหาก ฉินมั่วนี่…”

ในระหว่างที่ใครๆ คิดว่าจะจบลงแล้ว ทันใดนั้นเสียงเอฟเฟกต์กลับดังขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาดถึง

…………………………………………….

 ตอนที่ 1830-1

KO!

KO? มีคนตายเหรอ? ทีมไดมอนด์มีคนตายอีกแล้วเหรอ? เป็นใครกัน?

ทุกคนต่างมองดูตำแหน่งของทีมไดมอนด์บนแผนที่ แต่กลับพบว่าทุกคนกลับมาที่ป้อมแล้ว โดยไม่มีใครตายสักคน

เดี๋ยวนะ! คนตายไม่ใช่คนจากทีมไดมอนด์ แต่เป็นคนจากทีมอาทิตย์อุทัย?

ยิ่งเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่ มันเป็นไปได้ยังไง?

เมลินถึงกับลืมคว้าไมโครโฟน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฝ่ายผู้กำกับภาพสั่งให้ตัดเข้าสู่การฉายภาพย้อนหลัง ทุกคนถึงได้เข้าใจ ที่แท้ตอนที่ฉินมั่วใช้สกิลแฟลชอยู่ด้านหลังของนักเวทพอดี ซึ่งต่อให้ฝ่ายหลังเห็นชายหนุ่ม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว  เพราะความเร็วของนักเวทย่อมช้ากว่านักฆ่าเป็นปกติ แถมก่อนหน้านี้ก็ใช้สกิลแฟลชแล้ว ย่อมหนีพลังชุดใหญ่ของฉินมั่วไม่ไหว

แสงสว่างจากปลายดาบสว่างทั่วหน้าจอ ชายหนุ่มฆ่าคู่แข่งสำเร็จก็เดินตำแหน่งอย่างเฉียบคมกลับมาที่ป้อม โดยกระบวนการเล่นในชุดนี้ใช้เวลาเพียงอึดใจ ดังนั้นแม้ผู้ชมจะได้เห็นภาพของจุดของฉินมั่ว ก็ยังไม่เห็นการกระทำทั้งหมด เพราะเอาแต่ทุ่มสมาธิไปมองตัวโฮชิโนะ กระทั่งสายตาของทีมอาทิตย์อุทัยเองยังรวมตัวยังที่เดียวกัน ราวกับยิ่งระแวงฝ่ายตรงข้าม ยิ่งเดาไม่ออกว่าพวกเขาจะทำอะไร

ยูกิชินพอจะเดาออก แต่ด้วยอยู่ห่างไกลกันมาก รอจนจ้าตัวมาถึง ฉินมั่วก็เข้าป้อมแล้ว  ทั้งนี้เมื่อได้เห็นกระบวนการเด็ดชีวิตคู่แข่ง พวกผู้ชมจึงตาโตไปตามๆ กัน การพุ่งเข้าไปแทรกในฝูงคู่แข่งเมื่อครู่ที่ดูน่าจะเป็นความผิดพลาด แต่เมื่อได้ยินว่ามังกรยักษ์ถูกแบล็กพีช Z จัดการ พวกเขาถึงได้รู้ตัวว่าฉินมั่วไม่ได้เล่นพลาด แต่กำลังถ่วงเวลาต่างหาก แต่ไม่มีใครบอกพวกเขาว่า สุดท้ายแล้วฉินมั่วเลือกที่จะฆ่าใคร หึๆ!

หากจะให้บรรยายล่ะก็ เขาก็เหมือนกับมือดาบที่ไร้ร่องรอย เดิมที่คิดว่าจะต้องตายเพราะถูกกลุ่มคนเหล่านั้นฆ่า แต่ไม่คิดว่านอกจากจะไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ยังฆ่าอีกฝ่ายได้ด้วย ต้องเป็นการเล่นฝีมือขั้นเทพจริงๆ ถึงทำแบบนี้ได้!

แต่ด้วยเหตุที่ฉินมั่วหยุดลงได้อย่างเหมาะเหม็ง ทำให้หลายคนคิดว่าเป็นเพราะโชคช่วยด้วย อย่างเช่นเมลิน เพราะเธอดูการแข่งตลอดสนาม หากมองจากจุดยืนของเธอ จะเห็นว่าแม้ทีมไดมอนด์จะเก่งมาก แต่หากต้องประจันหน้ากับโฮชิโนะหรือยูกิชินก็ยังห่างชั้นกันอยู่ดี แล้วจะเด็ดชีวิตคนจากทีมอาทิตย์อุทัยได้อย่างไร

เมลินช็อกไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบไมโครโฟนมาพูด “ทุกคนคงได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่แล้ว เชื่อว่าต่อไปทีมอาทิตย์อุทัยต้องไม่ยอมให้โอกาสใดใดต่อทีมไดมอนด์แน่ จะได้หลีกเลี่ยงความบังเอิญเหมือนเมื่อครู่นี้”

บังเอิญ?

โชคช่วย?

เพื่อนชายต่างชาติต่างฉงนฉงาย แต่มันก็บังเอิญจริงๆ ล่ะ รอดูต่อไปเถอะ แต่ไม่ว่าจะเป็นเมลินหรือเหล่าผู้ชมที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ต่างมองข้ามจุดหนึ่งไป นั่นคือฉินมั่วไม่เพียงแต่เด็ดชีวิตคู่แข่งได้หนึ่งชีวิต แต่ด้วยนักเวทของฝั่งไดมอนด์ตายไปแล้วสองครั้ง เขาเลยกวาดดาบยาวให้นักเวทของฝ่ายอาทิตย์อุทัยตายไปสองครั้งด้วย ส่งผลให้คะแนนขยับมาเป็น 3 ต่อ 4

 ………………………………………….

ตอนที่ 1826

เมลินพูดไม่ผิด การตกอยู่ในอันตรายของทีมไดมอนด์เหมือนกลิ่นอายที่ผสมปนเปอยู่ในอากาศ เข้มข้นจนผู้ชมทั่วไปยังรู้สึกได้

ตำแหน่งการถ่ายทอดอยู่ที่ฉินมั่ว บนหน้าจอ เราจะเห็นตัวละครที่เขาบังคับชะงักเล็กน้อยตรงโซนป่า อาการชะงักเช่นนี้ไม่เคยเกิดกับฉินมั่วมาก่อนในเวลาแข่งขัน ส่งผลให้เหล่าแฟนคลับต่างเป็นกังวล ส่วนผู้บรรยายถอนใจ “ผลจากการสูญเสียความจำส่งผลไม่น้อยเลย แต่ถ้าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่มีฝีมืออย่างยูกิชิน ไม่ว่าจะสูญเสียความทรงจำหรือไม่ โอกาสชนะของทีมไดมอนด์ยังคงไม่เยอะอยู่ดี”

“โซนป่าของทีมไดมอนด์ถูกล่าจนเกลี้ยงแล้ว ความเร็วแบบนี้เท่ากับสไตล์ของแบล็กพีช Z เลยทีเดียว”

“ทีมอาทิตย์อุทัยฟอร์มกำลังดีเลยครับ”

“ต่อจากนี้ไปต้องดูว่าทีมไดมอนด์จะทำยังไง ถือเป็นใจความสำคัญ”

“บอกตามตรง เป็นครั้งแรกที่ผมได้บรรยายการแข่งสไตล์นี้ เพราะสมาชิกของทั้งสองทีมเล่นอย่างเหนือความคาดหมาย ในฐานะที่เป็นผู้บรรยาย ผมก็เหมือนกับท่านผู้ชมทุกคนที่รอคอยว่า ผู้เล่นทั้งสองทีมจะสร้างเซอร์ไพรส์อะไรให้เรา แต่ตอนนี้ทีมไดมอนด์ดูจะวิกฤตมาก”

“จริงด้วยครับ ไม่เพียงแต่ฉินมั่วจะถูกข่มเสียอยู่หมัด แถมโคโค่ก็ตายไปแล้วสามครั้ง ถ้าตายอีกครั้งหนึ่ง เขาจะแข่งต่อไม่ได้ตามกฎการแข่ง”

“พอจะดูออกว่าสีหน้าของโคโค่ไม่ค่อยดีเท่าไร” เป็นเช่นนั้นจริงๆ โคโค่เล่นอย่างเป็นกังวลมาก ต่างจากตอนต้นเกม ฝ่ายอาทิตย์อุทัยต้องการทำลายป้อม คนทั้งห้าวิ่งมาที่เลนกลาง และล้มป้อมของทีมไดมอนด์ได้อีกป้อมหนึ่ง

ไม่เพียงเท่านั้น เสียงประกาศฆ่าบอสราชาได้แล้วดังขึ้นมา ทีมอาทิตย์อุทัยทั้งทีมได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มเท่าตัว โฮชิโนะถือดาบวงพระจันทร์เหาะทะลุกำแพง พกตัวเรดบลัฟติดตัวมาด้วย โดยมีฐานะสูงที่สุดในสนาม ซึ่งถือว่าเป็นเคราะซ้ำกรรมซัดของทีมไดมอนด์

“ท่าทางเกมคงใกล้จะจบลงแล้ว” เมลินส่ายหน้า “ตอนต้นของการแข่ง ก็นึกว่าทีมไดมอนด์จะมีวิธีเล่นต่างไปจากทีมอื่นๆ เพราะน้อยทีมที่จะได้คะแนนจากทีมอาทิตย์อุทัย ตอนนี้ฉันคงนึกฝันไปเอง โฮชิโนะเติบโตเต็มที่แล้วค่ะ ทีมไดมอนด์หมดโอกาสพลิกสถานการณ์แล้ว แต่การแข่งในรอบชิงชนะเลิศนี้ เราก็ได้เห็นผู้เล่นที่เก่งมากของทีมไดมอนด์ถึงสองคน เช่นเกมเมอร์ประเภทคู่ที่เยี่ยมมากเลยทีเดียว ดูจะเก่งกว่าประเภททีมเสียอีก” ในระหว่างที่เธอพูดเช่นนี้ ป้อมแห่งหนึ่งของทีมไดมอนด์ก็ถูกทำลายลง ครั้งนี้เป็นป้อมเลนล่าง

คนที่เคยเล่นเกมเลเจนด์ต่างรู้ว่า บางครั้งหากเกมถูกดึงให้ห่างกันก็จะทำให้ล้มเหลวทั้งกระดาน ไม่อาจรักษาได้สักเลน เวลาแบบนี้หากออกจากป้อมก็จะอันตรายมาก เพราะถ้าไม่ระวังอาจโดนคู่แข่งฆ่าเอาได้ แต่การจะเฝ้าอยู่ในป้อมก็อาจเสียโอกาสทุกสิ่ง รวมถึงการพลิกสถานการณ์ ต่อให้ไม่อยากยอมรับอย่างไร แต่ตอนนี้ทีมไดมอนด์ก็หมดโอกาสเอาคืนจริงๆ

เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ตอนนั้นเซียงหนานไม่ได้โชคดีเหมือนทีมไดมอนด์ เพราะพวกเขาแค่เข้าสู่การแข่งขันรอบแรกก็ต้องเจอทีมอาทิตย์อุทัยแล้ว ทำให้โดนอีกฝ่ายเล่นงานจะล้มทั้งกระดาน  แต่นั่นก็เป็นช่วงปลายของเกมแล้ว ถ้าทีมไดมอนด์ยืนหยัดไม่ถึงช่วงท้ายเกมละก็ นั่นแสดงว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์จะแข่งระดับเอเชียสักนิด?

ในระหว่างที่ผู้ชมบางส่วนคิดเช่นนี้ ก็พลันได้ยินเสียงดังกระหึ่ม!

…………………………………………………

 ตอนที่ 1827

ชายคนหนึ่งลุกพรวดขึ้นมากลางที่นั่งท่านผู้ชม เพราะรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น จึงดึงดูดสายตาผู้คนมากมายในทันใด

“เทพเซียว…”

“เขามาดูการแข่งเหมือนกันเหรอ?”

“รอบชิงชนะเลิศแบบนี้ ไม่มีทางที่ทีมเซียงหนานจะไม่มาหรอก”

“พูดถูก แต่ท่าทางเทพเซียวแบบนี้ คงไม่ใช่รู้สึกว่าทีมไดมอนด์จะแพ้แล้วจะกลับหรอกนะ”

“พูดตรงๆ ดูไม่มีทางสู้เลยอะ น่าเสียดายจริงๆ”

เสียงวิจารณ์ดังขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเซียวจิ่งไม่หันไปดู จับจ้องแค่ฉินมั่วคนเดียว อาศัยช่วงที่ฉินมั่วกลับเมืองแล้วถอดหูฟังออกมาดื่มน้ำเอ่ยขึ้นว่า “ฉินมั่ว ทีมไดมอนด์จะแข่งชิงแชมเอเชียแบบนี้เหรอ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเซียวจิ่งพูดแบบนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นการแข่งหรือการสัมภาษณ์ ถ้าไม่พูดได้ หัวหน้าเซียวก็จะไม่พูด

เมื่อชายหนุ่มพูดจบ วาตานาเบะที่นั่งตรงเขตที่พักของทีมอาทิตย์อุทัยหันมามองเขา ผู้บรรยายและคณะกรรมการต่างหันไปมองเช่นกัน

ตามปกติแล้ว หากไม่เป็นการรบกวนการแข่งขัน พวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งว่าใครจะพูดอะไรหรอก ที่มองไปก็แค่คิดไม่ถึงเท่านั้นเอง ทางด้านผู้กำกับก็ฉลาด รู้ถึงจุดเด่นที่ว่า จึงสั่งกล้องให้หันไปจับหน้าฉินมั่ว

เวลานี้เหล่าผู้ชมที่ดูการไลฟ์สดต่างคิดว่า เทพฉินของฉันยังอุตส่าห์มีแก่ใจดื่มน้ำได้อีก การแข่งขันดุเดือดขนาดนี้แล้ว ท่าดื่มน้ำยังดูหล่อลากดินอยู่เลย ขนาดปลายนิ้วยังเหมือนจะเปล่งแสงได้ อยากเลียหน้าจอจังเลย!

ผู้กำกับสั่งจับภาพฉินมั่วว่าจะมีสีหน้าอย่างไร ไม่คิดว่าเจ้าตัวแค่ยักคิ้ว วางขวดน้ำแร่ลง มือขวากุมเมาส์อีกครั้ง เอ่ยสั้นๆด้วยสีหน้าราบเรียบแค่ “อืม”

อืมเรอะ?

แค่อืม ?

หมายความว่ายังไง? จ้าวซานพั่งอยากร้องคำรามเหมือนบอสจอมโหดเลยทีเดียว! เมื่อก่อนเขาคิดว่าเจ้าหมอนี้มันน่าต่อยกว่าทุกคนในปฐพี ทำไมสูญเสียความทรงจำไปแล้วยังทำตัวแบบนี้อีก…เดี๋ยว!

เขาคงไม่ คงไม่… คงไม่! จ้าวซานพั่งเบิกตากว้าง ก่อนจะนั่งลง เอามือลูบคางพลางเอ่ยขึ้น “หัวหน้า ฉันว่าฉินมั่วคงอดกลั้นจะแทบบ้าไปแล้ว หัวหน้าคิดอย่างเดียวกันไหม?”

เซียวจิ่งเหลือบมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ตอบสั้น ๆ ได้ใจความโดยไม่อ้อมค้อม “ฉินมั่วจำได้หมดแล้ว”

“จำได้หมดแล้ว! แค่คำว่า ‘อืม’ ที่โอหังเทียบเท่าความยิ่งใหญ่เท่าพระอาทิตย์ เขาทำท่าแบบนี้แหละเวลาแข่งกับพวกเรา!” จ้าวซานพั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เจ้ลั่วคนสวยนั่งเท้าคาง ทำเหมือนตกหลุมรัก “ฉันว่าคนที่ทนไม่ไหวไม่ใช่ใครอื่น ไอดอลชายของฉันต่างหากที่ทนแทบไม่ไหว”

จ้างซานพั่งไม่อยากจะสนใจผู้หญิงที่ดูหน้าตาเป็นหลัก อุตส่าห์มีผู้ชายแท้ๆอยู่ด้วย กลับเสไปดูคนอื่นที่รูปร่างดีกว่า ใครบ้างที่แข็งแรงบึกบึนเท่าเขา เชอะ! ไม่รู้จักคุณค่าในสิ่งที่มี

ทั้งนี้ไม่มีใครในสนามแข่งที่เข้าใจฉินมั่วเท่าสามคนนี้อีกแล้ว แต่นั่นแหละในสายตาของพวกเขา ผลแพ้ชนะของการแข่งถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทีมไดมอนด์แค่พยายามดิ้นเฮือกสุดท้าย การจะแพ้คู่แข่งเป็นเรื่องช้าเร็วเท่านั้น

เมลินเห็นสภาพอารมณ์ของผู้ชมแล้ว “พวกเราคงจะเห็นท่านผู้ชมในสนามนะคะว่าเริ่มเบื่อกันแล้ว แน่ล่ะ แฟนคลับของทีมไดมอนด์ยังคงเป็นห่วงทีมที่ตัวเองชอบอยู่ น่าเสียดายมาก เหมือนอย่างที่ฉันบอกนั่นแหละค่ะว่า อันที่จริง ทีมไดมอนด์อาจถือว่าประสบการณ์การแข่งกับทีมอาทิตย์อุทัยเป็นการเรียนรู้ขั้นสูงก็ได้นะคะ”

…………………………………………………

 

ตอนที่ 1824-2

เสียงคำรามของบอสจอมโหดผสมผสานไปกับแสงเงิน ฉากนั้นตระการตาเหลือเกิน

เมลินเห็นแล้วใบหน้ายังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “สมกับที่เป็นยูกิชินจริงๆ ฝั่งทีมไดมอนด์คงนึกไม่ถึงว่าพวกเขาได้เจอกับคู่แข่งแบบไหน ยูกิชินเป็นคนที่เล่มเกมโดยอาศัยข้อมูลสถิติเชียวนะ”

ใช่ การวิเคราะห์ที่แม่นยำ การประเมินล่วงหน้าได้อย่างเป็นพรสวรรค์ แถมเวลาเขาเล่นเกม เส้นผมสีดำปรกลงมา เผยให้เห็นยิ้มร้ายที่หล่อมาก ทำให้ทุกคนใจในหลักการหนึ่งที่ว่า การโจมตีเพิ่งจะเริ่มอย่างแท้จริง! เพราะโฮชิโนะตามหลังเขามาด้วย

โฮชิโนะเหาะเข้ามาอย่างทันเวลา กวาดดาบวงพระจันทร์สร้างความเสียหายให้ป๋อจิ่วโดยตรง ทว่าโคโค่ก็ตามมาเกาะตำแหน่งซัดสกิลควบคุมด้วยเวลาที่ฉิวเฉียดทันกัน แต่โฮชิโนะหลบไปทางขวา

ทว่าแม้จะหลบการโจมตีจากตัวโคโค่ได้ แต่กลับหนีไม่พ้นฉินมั่ว ชายหนุ่มเหาะมาเสกบ่อไฟฟ้าขึ้นมา ทำให้โฮชิโนะถูกลดความเร็วลง ได้ยินเพียงเสียงดาบปาดสามครั้ง ยูกิชินสังหรณ์ใจไม่ดีจึงหมุนตัวถอยไป ส่วนแววตาโฮชิโนะถึงกับอึ้ง เขาคาดเดาการเล่นของอีกฝ่ายได้ แต่กลับหลบไม่พ้น ยังดีที่ทำอะไรไม่ได้มาก

โฮชิโนะใช้ทีมมินเนี่ยน เดินตำแหน่งอย่างรวดเร็ว หายตัวไปจากวงล้อมการโจมตีของฉินมั่ว มือที่กุมเมาส์ของโฮชิโนะไม่มีหยุดเลยสักนิด เขาสร้างความเสียหายให้มอนสเตอร์ จนเริ่มได้เลือดกลับมา มุมปากหยักยิ้มเล็กน้อย “น่ากลัวจัง ดุขนาดนี้เชียวเหรอ?”

“ใช่ พวกเราดุออก” ป๋อจิ่วเงื้อทวนยาว และในระหว่างที่ผู้ชมคิดว่าเธอจะโจมตีโฮชิโนะ ไม่คิดว่าพอเธอฟาดทวนเข้าไปใกล้ กลับตวัดใส่ร่างของยูกิชิน ทำให้ทีมอาทิตย์อุทัยที่ซุ่มอยู่ในพุ่มหญ้าเตรียมจะเล่นงานเธอ ซัดสกิลจับตัวแข็งใส่ป๋อจิ่ว แต่ก็ต้องเสียสกิลฟรี

แน่ล่ะ ยูกิชินยังอยู่ในสภาพเลือดเต็ม การทำดาเมจในครั้งนี้ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่ป๋อจิ่วย่อมไม่ยอมรามือเพียงเท่านี้ ยูกิชินเองก็เดาได้ จึงทำดาเมจไปที่ตัวบอสจอมโหดอีก ส่งผลให้โคโค่ที่ตามหลังถูกสตันได้สำเร็จ ก่อนจะเหาะผ่านป๋อจิ่ว เข้าไปประชิดตัวโคโค่!

ตอนนี้โคโค่ขยับตัวไม่ได้แล้ว ตัวเลือดน้อยอย่างเขาจึงโดนเล่นงานจนเหลือเลือดเพียงครึ่งหลอด รอจนเมื่อขยับตัวไหว ยูกิชินก็ทำดาเมจใส่บอสจอมโหดซ้ำ ทำให้มันบาดเจ็บและเกิดความโกรธแค้นสำเร็จ ทั้งนี้โคโค่รู้ตัวและหลบไปทางด้านขวา แต่วินาทีต่อมาก็รู้ว่าตัวเองเลือกเดินทางผิด เพราะโฮชิโนะเหาะกลับมาอีกแล้ว คนที่ใช้สกิลแฟลชไปแล้วอย่างเขาจึงถูกดูดกลับ จากนั้นโฮชิโนะส่งสัญญาณทำดาเมจ แม้ฉินมั่วที่อยู่ในจอจะข้ามกลับมาเสกบ่อไฟฟ้า แต่ก็จนใจด้วยโคโค่เหลือเลือดน้อยมาก จึงโดนฆ่าไปในที่สุด

การรวมทีมสู้ในครั้งนี้ดูเหมือนจะใช้เวลานาน แต่อันที่จริงกลับผ่านไปแค่สิบกว่าวินาทีเท่านั้น เสียงเอฟเฟกต์ก็ดังสะเทือนอีกครั้ง

ดับเบิ้ลคิล!

ดับเบิ้ลคิล!

คะแนนกระโดดกลายเป็น 2:4

ทีมอาทิตย์อุทัยนำอย่างเด็ดขาด!

ป๋อจิ่วชะงักมือ ไม่ได้เดินหน้าต่อ ทางด้านผู้ชมเห็นกิริยาของเธอแล้วก็พอจะเข้าใจ เพราะนับแต่แข่งกันมา ทีมไดมอนด์ยังไม่ได้เปรียบเลยสักครั้งอย่างเห็นได้ชัด หากเข้าไปรวมทีมสู้ก็มีแต่ตาย เพราะนักเวทและตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยต่างมาถึงกันแล้ว

……………………………………….

ตอนที่ 1825

นับแต่เปิดการแข่งขันกันมา นี่ถือเป็นการรวมทีมสู้ของแท้  ทีมไดมอนด์ยังเพลี่ยงพล้ำเหมือนเดิม ไม่เพียงเท่านั้น เกมเมอร์เก่งๆ ที่เห็นการสู้เมื่อครู่แล้วยังลูบคางว่า “แผนแบบนี้คุ้นตาแฮะ”

“เป็นหนึ่งในแผนที่ฉินมั่วถนัดมือมากที่สุด” ผู้บรรยายหยิบไมโครโฟนมาอย่างเหมาะเหม็ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตะลึงงัน!

ผู้บรรยายอีกคนทำการวิเคราะห์ทันที “คิดว่าทุกคนยังคงจำได้ว่า ปีนั้นเขาก็ใช้การเล่นแบบนี้ ตอนนั้นเขาเดินอยู่ท่ามกลางคู่แข่งสามคน โจมตีตัวบอสจอมโหดเติมเลือดให้ตัวเอง แล้วสร้างความเสียหายให้บอส คำนวนว่าตอนที่ตัวบอสร้องคำรามจะก่อให้เกิดการสตัน และสามารถฆ่าคู่แข่งกลับได้ในภาวะที่สู้หนึ่งต่อสาม ผมละนึกว่าคงมีฉินมั่วคนเดียวที่เล่นวิธีนี้ได้ แน่ล่ะ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครที่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ตัวเองด้วยการโจมตีบอสจอมโหดได้สำเร็จ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นการสู้แบบตัวต่อตัว เช่นเซวียเหยาเย่าที่เป็นน้องใหม่ของทีมไดมอนด์ การเล่นถึงขั้นนี้ได้ จะต้องประเมินล่วงหน้าในเกมระดับสูงอย่างฉมัง แต่การใช้วิธีนี้ในการเล่นประเภททีม ไม่เพียงแต่จะต้องประเมินล่วงหน้า ยังต้องวางแผนอย่างเฉียบแหลม ตอนแรกเคยมีคนทำลองมาแล้ว หลายคนอยากเลียนแบบฉินมั่ว เอาไปใช้จริงในการเล่นประเภททีม แต่น่าเสียดายที่เวลาเราเล่นจริงถึงจะเข้าว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ถ้าคำนวณไม่ดีในตอนที่โจมตีบอสจอมโหดจนเกิดค่าความแค้นสำเร็จ บอสจะสร้างความเสียหายให้เราคนเดียว พอจะรู้ว่าผลมันน่าอนาถขนาดไหน ดังนั้นจนถึงตอนนี้ การแข่งประเภททีมในเวทีแข่งใหญ่ๆ ถึงได้ไม่มีใครใช้แผนนี้กัน”

“ใช่ ขนาดฉินมั่วยังไม่เล่นอีกเพราะบาดเจ็บที่ข้อมือ ไม่คิดว่ายูกิชินจะเล่นเอง” น้ำเสียงของผู้บรรยายเหมือนทำใจต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก

“หมายความว่ายูกิชินใช้วิธีนี้บอกฉินมั่วว่า วิธีของฉินมั่ว เขาสามารถทำได้เหมือนเปี๊ยบ”

“ถ้าเป็นแบบนี้ เห็นทีสถานการณ์ของทีมไดมอนด์จะไม่สวย” คำพูดของผู้บรรยายแม่นยำจริงๆ เพราะแผนของฉินมั่วถูกฝ่ายตรงข้ามหยุดไว้แล้ว ต่อไปทีมไดมอนด์จะเล่นอย่างไร นี่มันอันตรายต่อทีมเขาของแท้

ผู้ชมไม่โง่ ต่อให้ก่อนหน้านี้เล่นกันด้วยความเร็วสูงจนมองไม่เห็นกิริยาของตัวละครในเกม กระทั่งไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เมื่อผู้บรรยายให้ความเห็นเช่นนี้ก็เข้าใจทันที ความร้อนรนเอ่อล้นในแววตา เผยความรู้สึกทุกสิ่งของพวกเขา และไม่เพียงแต่พวกเขา กระทั่งเฟิงอี้ที่ยืนกำมือถือด้วยมือขวาอยู่ในเขตพักผ่อนยังออกแรงบีบหนักอย่างไม่รู้ตัว

ส่วนเซวียเหยาเย่ายังพลอยหน้าซีด เธออุตส่าห์ฝึกกลวิธีดังกล่าวมาโดยเฉพาะ ถึงได้รู้ดีว่าจะต้องเก่งแค่ไหนถึงเลียนแบบได้เป๊ะขนาดนี้  ฝ่ายจ้าวซานพั่งไม่พูดมากอีกต่อไป สีหน้าดูหนักอกหนักใจ

ส่วนเมลินที่ทำการรายงานข่าวกลับไม่แปลกใจ มุมปากยังแฝงยิ้มบางๆ เหมือนเดิม “ท่าทางทีมในประเทศจีนส่วนใหญ่ ถึงจะเคยดูการแข่งขันของทีมอาทิตย์อุทัย แต่กลับไม่เข้าใจตัวยูกิชิน ในเรื่องการประเมินและคำนวณ ยูกิชินถือเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างหาตัวจับได้ยาก อันที่จริง การเลียนแบบกลวิธีของฉินมั่วไม่ถือว่าอะไรนักหนา หากเขาเกิดคึกขึ้นมา ยังสามารถแสดงกลวิธีของทุกคนที่แข่งได้ทั้งหมดเลยทีเดียว นี่แหละถือเป็นความน่ากลัวของยูกิชินอย่างแท้จริง ตอนนี้เกมดำเนินมาถึงครึ่งหลังแล้ว ต่อไปนี้แหละที่คนจากทีมไดมอนด์จะได้รู้ซึ้งถึงข้อนี้…”

…………………………………………

ตอนที่ 1823

บนหน้าจอยักษ์ ผู้คนต่างเห็นโฮชิโนะฟาดดาบวงพระจันทร์ไปยังที่ตัวป๋อจิ่ว ลมหายใจสะดุดทันที!

แต่ในเวลาเดียวกัน ป๋อจิ่วกลับหันมาตวัดทวนยาว กระโดดหนีโฮชิโนะเร็วกว่าก้าวหนึ่งแล้วกลับมาอยู่ที่เดิมด้วยความเร็วสูง ทำให้ทุกคนต่างหยุดนิ่ง!

ดาบของโฮชิโนะจึงฟาดถูกความว่างเปล่า นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่การต่อสู้ของทั้งสองยังไม่จบ!

ป๋อจิ่วหลบการโจมตีได้ก็จริง แต่กลับไม่คิดหนี กวาดทวนยาว กระโดดสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ส่วนโฮชิโนะรีบเคลื่อนเมาส์ไปทางขวาเพื่อหลบ ก่อนจะฟาดดาบกลับ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการเดินตำแหน่งหรือความเร็ว ล้วนแต่สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชมติดๆ และด้วยเหตุที่ทั้งสองเล่นเร็วมาก จึงเห็นแค่แสงเงินที่เกิดจากการปะทะกันของทวนยาวและดาบวงพระจันทร์ผ่านหน้าจอเท่านั้น เมื่อหันมาดูใบหน้าเจ้าตัวจะเห็นถึงความหล่อคนละสไตล์

เมื่อกล้องซูมภาพเข้าไป เห็นนิ้วมือของโฮชิโนะที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะอย่างรวดเร็วจนเห็นภาพลวงตา ผู้บรรยายต่างเห็นเพียงภาพค้าง หลังจากนั้นสามวินาที พวกเขาถึงได้รู้ตัวว่าต้องบรรยายเสียที แต่พอจะนึกขึ้นมาได้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร พวกเขารู้สึกลำบากใจเหลือเกิน เพราะเพิ่งแสดงกระบวนท่าหนึ่งไป อีกกระบวนท่าหนึ่งก็ตามติดมาอย่างรวดเร็ว จำต้องย้อนภาพสโลโมชั่นให้เห็นถึงจะบรรยายได้

ทั้งนี้ด้วยเวลาที่ไม่ถึงยี่สิบวินาที ทั้งกิริยาและการเดินตำแหน่งของทั้งสองกลับมีมากมายกว่าการเล่นประเภททีมทั่วไปที่พวกเขาเคยบรรยายเสียอีก!

การเดินตำแหน่งที่เต็มไปด้วยเทคนิคเช่นนี้ ถึงพูดออกมาพวกผู้ชมก็ไม่น่าจะเข้าใจ เพราะเต็มไปด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง กระทั่งพวกเขาเองได้เห็นการดวลเดี่ยวเมื่อครู่ ยังอยากจะพูดออกมาว่าเมื่อกี้การเดินตำแหน่งเท่มาก มีการเล่นในรูปแบบนี้ด้วยหรือ?

ส่วนพวกเกมเมอร์ที่เล่นเกมระดับสูงได้ดูการไลฟ์สดในฉากเมื่อครู่ ก็งึมงำกับตัวเองว่า “ประเมินตำแหน่งล่วงหน้าทั้งนั้นเลย แถมยังประเมินได้เทพมาก สองคนนี้น่ากลัวจริงๆ”

การเดินตำแหน่งที่แม่นยำ แสดงถึงเราสามารถคาดเดาว่าฝ่ายตรงข้ามจะสร้างความเสียหายที่ตรงไหน ไม่เพียงเท่านั้น เล่นกันมาถึงขั้นนี้ พวกเขาต่างคิดว่าคนที่โดนเล่นจนเหลือเลือดเพียงครึ่งเดียวคือ แบล็กพีช Z แต่ใครจะรู้ว่าเธอแค่ออกไอเทมดูดเลือด สร้างความเสียหายให้มอนสเตอร์เพื่อเอาเลือดคืนมา หมายความว่าเมื่อใช้สกิลไปแล้ว ต่อให้เพลี่ยงพล้ำต่อโฮชิโนะก็ไม่เสียอะไร

“คุณยังคงฉลาดเหมือนเดิม” โฮชิโนะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานหู เหมือนไม่ได้ต่อสู้กันเลย เหล่าแฟนคลับสาวๆ ได้ยินแล้วต่างมโนซีรีส์เรื่องยาวได้ทันที แต่ฉากเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรัก

การดวลกันของทั้งสองเท่มาก กระทั่งกล้องยังไม่อยากจะเลื่อนผ่าน แต่การจะจับภาพต่อสู้กันนานๆ ก็คงไม่ไหว เพราะเล่นกันมายี่สิบห้าวินาทีแล้ว ถือเป็นขีดสุดของท่านเทพ แววตาของฉินมั่วขรึมลง จากนั้นเหาะตามไป

ฝ่ายโฮชิโนะเห็นร่างที่เหาะเข้ามาผ่านแผนที่ จึงดึงดาบวงพระจันทร์กลับ ถอยหลังหนึ่งก้าว มาซุ่มอยู่ในพุ่มหญ้า ไม่ยอมหนีไปไหน

หลังจากที่เห็นฉากนี้ ประกายแสงพาดผ่านแววตาของเซียวจิ่ง “จะเริ่มแล้ว”

“อะไรเหรอ?” จ้าวซานพั่งยังมึนอยู่ อันที่จริงคนที่มองออกถึงการต่อสู้ระหว่างโฮชิโนะและป๋อจิ่วเมื่อครู่ถึงจะมึน เพราะเกมเมอร์เห็นแล้วรู้สึกได้แค่ความเร็วของทั้งสองเท่านั้น ระดับลีกส์อาชีพอย่างจ้าวซานพั่ง เห็นอะไรต่อมิอะไรมาเยอะแล้ว แค่ยี่สิบกว่าวินาที เขายังจ้องจนต้องหยอดน้ำตาเทียม

สองคนนั้นสู้กันได้ยังไง? มีคนประเภทเหนือมนุษย์มาคนหนึ่งยังพอว่า แต่พวกเหนือมนุษย์ทำไมเยอะอย่างนี้ แถมสองคนนั้นยังหน้าตาดีกว่าเขาอีกต่างหาก! จ้าวซานพั่งลูบหน้าตัวเอง ได้ยินเสียงดังข้างหูว่า “ทีมอาทิตย์อุทัยจะเริ่มโจมตีของจริงแล้ว…”

………………………………………….

  ตอนที่ 1824-1

เหมือนเป็นการตอบรับคำพูดของเซียวจิ่ง หน้าจอยักษ์ระเบิด ไม่รู้ว่าใครเป็นคนซัดพลังชุดใหญ่ไป ในระหว่างที่แสงเงินกระจาย ตัวแทงค์ก็แบกความเสียหาย หมุนรอบตัวเอง ก่อนจะเหาะไปหาป๋อจิ่ว

ฝ่ายป๋อจิ่วตวัดทวนยาว หลบสกิลสตันของอีกฝ่าย นักเวทของฝ่ายตรงข้ามติดตามมา กะจะใช้สกิลจับตัวแข็ง เพียงแต่ความเร็วของเขากลับสูงไม่เท่าป๋อจิ่ว แค่ยกมือขึ้น ป๋อจิ่วก็กวาดทวนยาวตวัดร่างเขาขึ้นมา และในเวลานี้เอง โฮชิโนะก็เหาะออกมา ดาบโค้งของชายหนุ่มทั้งดูดและดึง สะกดให้ป๋อจิ่วอยู่กับที่ ก่อนจะช่วยนักเวทโจมตี ทำให้เธอเสียเลือดไปครึ่งหนึ่ง

ป๋อจิ่วเองก็ไม่ได้ตื่นตระหนก แต่กุมเมาส์หลบไปทางขวา เห็นได้ถึงการเดินตำแหน่งที่มั่นคง

อวิ๋นหู่ในฐานะที่เป็นตัวชนจึงพุ่งเข้ามา ใช้สกิลสตันล้อมทีมตรงข้ามสองคนไว้ตรงกลาง หลินเฟิงตามมาติดๆ ทำความเสียหายให้โฮชิโนะโดยตรง  แต่ฝ่ายหลังเล่นงานกลับ โดยไม่ติดตามป๋อจิ่ว แต่หันมากักหลินเฟิงไว้คาที่!

หลินเฟิงเล่นเป็นตัวยิงไกลทำดาเมจ ย่อมต้องกลัวนักฆ่าจะเล่นงานระยะประชิด แต่ไม่ทันจะได้พูดว่า “เฮ้ย” โฮชิโนะก็ฟาดดาบวงพระจันทร์บนร่างตัวเองเสียแล้ว

หลินเฟิงขยับนิ้วใช้สกิลแฟลชหลบหนีอันตรายติดตัว ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เลือดก็แทบหมดตัว

ทั้งนี้หากไม่มีตัวยิงไกล การรวมทีมสู้ต้องไม่ชนะแน่ ไม่ว่าคนเล่นหรือคนดูต่างรู้ดีทั้งนั้น

“ทีมไดมอนด์คงจบเห่แล้ว”

จ้าวซานพั่งได้ยินแล้ว สีหน้าหนักอึ้ง ถ้าหลินเฟิงไม่กลับอีกล่ะก็ ด้วยปริมาณเลือดที่เหลือน้อยนิด จะต้องทำให้เขาตายแน่ อวิ๋นหู่ย่อมช่วยอะไรไม่ได้  ต่อให้โคโค่อยู่ด้วย แต่ฐานะของเขาต่ำที่สุดในการแข่ง ย่อมสร้างความเสียหายได้ไม่พอ ในขณะที่กำลังเล หลินเฟิงก็ได้เสียงดังข้างหูว่า “ไป” เขาจึงถอยกลับเข้าป้อมโดยไม่ลังเล

ทีมอาทิตย์อุทัยเห็นแล้วก็สร้างความเสียหายทั้งหมดให้กับอวิ๋นหู่ทันที และระหว่างที่จะเลือดหมดตัว ร่างในชุดขาวก็เหาะมาเสกบ่อไฟฟ้า ลดความเร็วของทีมอาทิตย์อุทัยทั้งสามคน ส่งผลให้อวิ๋นหู่กลับมาได้อย่างสำเร็จ

ทั้งนี้เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น นี่คือสิ่งที่ทุกคนคิดไว้

ไม่ผิดคาด ในวินาทีต่อมา ร่างของยูกิชินก็ปรากฎอยู่บนหน้าจอ เขากุมเมาส์เหาะไปหาอวิ๋นหู่ที่เลือดเกือบหมดตัว เสียงเอฟเฟกต์ดังขึ้นมา รอจนผู้คนได้สติ อวิ๋นหู่ก็นอนกองบนพื้นแล้ว แต่ยังไม่จบ! ใช่ ยูกิชินไม่หยุดแค่นี้ เขายังไปหาหลินเฟิงโดยไม่คิดจะพัก และในเวลานี้ ฉินมั่วก็ใช้สกิลรองเดินตำแหน่ง โดยเส้นทางการเดินบดบังการโจมตีของยูกิชินพอดิบพอดี

นี่คือการประเมินได้ล่วงหน้าหรือบังเอิญ? หลายคนไม่เข้าใจ แต่คนที่เข้าใจคือยูกิชินที่ยิ้มขึ้น ราวกับเดาได้ว่าชายหนุ่มจะกลับมา ส่วนหลินเฟิงที่ไม่โดยโจมตีก็ไหวตัวสร้างความเสียหายให้บอสจอมโหด?

ตีบอสจอมโหดเหรอ?

ตอนนี้อีกต่างหาก? ไม่น่าเป็นไปได้เลยนะ

วินาทีต่อมา ทุกคนจึงว่าทำไมเขาทำแบบนี้ เพราะยูกิชินเหมือนมีดวงตาอยู่ด้านหลัง รู้ว่าป๋อจิ่วจะตวัดทวนยาวมาที่นี่ จึงสร้างความแค้นไปที่ตัวมอนสเตอร์ยักษ์อย่างบอสจอมโหด เพื่อล่อให้มันออกมา แล้วก่อความเสียหายแบบแผ่นดินไหว แน่ล่ะก็สร้างความเสียหายนี้ ต่างได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นยูกิชิน ป๋อจิ่วหรือฉินมั่ว

การสร้างความเสียหาย แม้จะส่งผลเล็กน้อย แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการร่วมมือกันของป๋อจิ่วและฉินมั่ว ตัวเองเสียหายแค่สองร้อย แต่ศัตรูเสียไปหกร้อย จะว่าไปมันก็คุ้มมาก

 ………………………………………..

ตอนที่ 1822-1

เมลินยังมองไม่ออก ทว่าผู้บรรยายในสนามกลับรู้ดี “ถ้าเทียบกับการสู้ร่วมกันของยูกิชินกับโฮชิโนะแล้ว การสู้ร่วมกันของฉินมั่วกับแบล็กพีช Z ก็เด่นไม่แพ้กัน”

“คุณหมายความว่า การจับคู่ของทั้งสองทีมสูสีกันเหรอ?”

“ไม่ ยังมีส่วนที่แตกต่าง ลองดูเลนล่างของทีมไดมอนด์ก็จะเข้าใจ”

เมื่อผู้บรรยายเสนอมาเช่นนี้ ทุกคนต่างรวมตัวกันไปจับจ้องยังเลนล่าง

โฮชิโนะมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร? ไม่เพียงแต่โฮชิโนะ แต่ยังมียูกิชินด้วย พวกเขาเดาออกใช่ว่าโซนป่าของตัวเองไม่เหลือแล้วหรือ? ไม่งั้นเวลาอย่างนี้ต้องล่าทีมมินเนี่ยนกับตีมอนสเตอร์สิ แต่พกเขากลับแล่นมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ในทันใดด้วยความเร็วเท่ากับแสงชนิดที่ไม่แม้แต่จะลังเล แล้วโจมตีใส่หลินเฟิงที่กำลังล่าทีมมินเนี่ยน โดยอวิ๋นหู่ที่เห็นเหตุการณ์ กะเข้าไปช่วยให้การสนับสนุน จากนั้นยูกิชินส่งสัญญาณทำดาเมจ หลินเฟิงถูกตรึงร่างอยู่กับที่ ไม่เหลือเวลาให้สู้กลับ มือขวาของเจ้าตัวจับคีย์บอร์ดไว้ มือซ้ายขยับขึ้นลง กะจะใช้การเดินตำแหน่งหลบหนีพลังคู่แข่ง ทั้งนี้หลินเฟิงทำได้ แถมด้วยอวิ๋นหู่เข้ามารับความเสียหายแทน แต่เดิมที่คิดว่าพอเข้าป้อมแล้วจะเดินต่อได้ ทว่าทีมมินเนี่ยนของฝั่งอาทิตย์อุทัยดันโจมตีเข้ามา บวกกับตัวยิงไกลสร้างดาเมจของคู่แข่งก็อยู่ด้วย

โฮชิโนะกุมดาบวงพระจันทร์ข้ามป้อมโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เมื่อแสงดาบฟาดลงมา ทั้งดูดและดึง เล่นงานจนหลินเฟิงเลือดเกือบหมดตัว จากนั้นก็ฟาดอีกดาบจึงคว้าชีวิตอีกฝ่ายจนสำเร็จ พลางกระโดดหนีรัศมีการโจมตีของป้อมได้อีกด้วย

แสงสีเงินสว่างท่วมหน้าจออย่างชัดแจ้ง

การเดินตำแหน่งที่เฉียบคมและการโจมตีเช่นนี้ ใครๆ ก็นึกไม่ออกว่าโฮชิโนะจะเล่นได้ เพราะต่างไปจากบุคลิกของเจ้าตัว แต่แฟนคลับที่คุ้นเคยกับเขากลับไม่แปลกใจในวิธีการเล่นดังกล่าว ชนิดที่เสียงเอฟเฟกต์ยังไม่ดังออกมา ก็รู้แล้วว่าผลจะเป็นอย่างไร จึงร้องออกมา “เทพโฮชิโนะ ตื่นสักที!”

ประโยคนี้มีที่มา ด้วยโฮชิโนะเป็นคนชอบนอน แม้ดูภายนอกเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แต่อันที่จริงหลังจากที่แฟนคลับจับได้ถึงสามครั้งก่อนการแข่งว่า เจ้าตัวนอนหลับอยู่ในเขตพักผ่อน แต่พอเข้าสนามแข่ง เขาจะกลายเป็นอีกแบบ

แน่ล่ะ หากเป็นทีมธรรมดาๆ เทพโฮชิโนะของพวกเขาจะเล่นในสไตล์รูปลักษณ์ของเจ้าตัว ดูนุ่มนวลเหมือนแสงจันทร์ในยามฤดูใบไม้ผลิโปรยตัวทางช่องหน้าต่าง แต่หากคู่แข่งน่ากลัวล่ะก็ เขาจะเปลี่ยนวิธีเล่นไปเลย เสมือนเป็นอัศวินที่ตื่นขึ้นจากความฝัน ส่องแสงสว่างทั่วทุกแห่งที่เดินผ่าน เหมือนกับตัวละครที่เขาเลือกใช้ที่ได้รับการขนานนามว่า ‘รานีใต้แสงจันทร์ รบรัวสู้ไม่ถอย’

ดูเหมือนจะเป็นการตอบรับเสียงร้องของแฟนคลับ เพราะคะแนนบนหน้าจอเปลี่ยนไปทันที

2:1!

ตัวละครของหลินเฟิงนอนกองลงบนพื้นในสภาพเลือดท่วมตัว ทีมอาทิตย์อุทัยคะแนนนำอีกครั้ง! แต่สิ่งที่สำคัญกว่านี้ยังไม่จบ ด้วยทุกคนต่างเห็นป้อมของทีมไดมอนด์ที่อยู่เลนล่างใกล้จะแตกแล้ว และอวิ๋นหู่คนเดียวย่อมสู้การโจมตีจากคนสามคนไม่ไหว!

“คงต้องถอย” ผู้บรรยายเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ซึ่งอวิ๋นหู่ก็ถอยออกมาจริงๆ เพราะหากอยู่ต่อไปอาจจะโดนฆ่าได้

 ………………………………….

ตอนที่ 1822-2

เสียงป้อมถล่มดังขึ้นจากหน้าจอ ผู้บรรยายสบตากัน “ตอนแรกยังคิดว่าทีมอาทิตย์อุทัยจะจับเลนกลางไม่ปล่อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนเราจะประเมินไม่แม่นยำเสียแล้ว”

“จริงด้วย ไม่ว่าจะเป็นเลนไหน ขอแค่เจอโอกาสโจมตี พวกเขาก็จะไม่ปล่อย เราจะใช้แนวความคิดธรรมดาในการวิเคราะห์ทีมอาทิตย์อุทัยไม่ได้จริงๆ”

“ครั้งนี้ทีมไดมอนด์เล่นลำบากมาก ท่าทางเลนล่างจะพังแล้ว ทีมไดมอนด์สู้เรื่องทีมมินเนี่ยนได้ยากเหลือเกิน”

มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เลนล่างมีทีมมินเนี่ยนของทีมอาทิตย์อุทัยอยู่ แถวด้วยตัวยิงไกลทำดาเมจก็อยู่ด้วย ความเร็วในการโจมตีของป้อมจะต้องเร็วกว่าเดิมสูง!

“แข่งกันมาถึงตอนนี้ ผมยิ่งรู้สึกว่าการที่ทีมหนึ่งจะชนะหรือไม่ แม้จะเกี่ยวพันกับฝีมือการเล่น แต่การวางแผนก็มีผลเหมือนกัน ฝีมือการเล่นของฉินมั่วอาจจะไม่มีอะไรผิดพลาด แต่มาถึงตอนนี้ผมกลับเห็นว่า ความสามารถด้านการวางแผนของเขายังแสดงออกมาได้ไม่ดี”

“แล้วยังมองออกไม่ยากว่าสภาพจิตใจของทีมไดมอนด์กำลังระส่ำระสาย นักเวทเลนกลางก็ไม่กล้าออกมาสู้ แสดงให้เห็นว่า พวกเขารู้เหมือนกันว่า ถ้าออกจากป้อมอาจต้องเจออันตราย ฝีมือของโคโค่ถือว่าไม่เป็นรองใครในประเทศก็จริง แต่การเล่นแบบกลัวนั่นกลัวนี่ สะท้อนให้เห็นถึงสภาพจิตใจของเขาที่คิดว่า จะโดนฆ่าอีกไม่ได้ กระทั่งจะเดินตำแหน่งยังต้องลองเชิงอย่างระวัง มันไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะยิ่งเป็นแบบนี้ก็จะยิ่งโดนซุ่มเล่นงาน” ผู้บรรยายเพิ่งพูดจบก็เห็นทีมอาทิตย์อุทัยทั้งหมด เว้นแต่นักเวท กระทั่งตัวแทงค์ที่เหลือแค่เลือดครึ่งหลอดยังออกมาด้วย แค่ตัวแทงค์เลือกเดินที่พุ่มไม้ ต้องยืนอยู่ที่มุมของทีมอาทิตย์อุทัยถึงจะเห็น หมายความว่าโคโค่เองอาจจะไม่รู้ตัวว่ามีคนจากฝ่ายตรงข้ามอยู่ตรงนี้สองคน หนึ่งในนั้นเป็นตัวแทงค์ที่มีสกิลสตัน ทำให้รู้ว่าหากเขาออกจากป้อมไป จะต้องเจออันตรายแน่นอน แต่เขาเหมือนจะไม่รู้เท่าทัน แค่เห็นนักเวทคู่แข่งเดินตำแหน่งพลาด ก็ฉวยโอกาสออกมาสู้!

“เฮ้ย!”

“หลงกลแล้ว!”

“ฉันพอจะเข้าใจโคโค่ พอเห็นคู่แข่งพลาดท่าก็คิดจะฆ่า จะได้ลากคะแนนให้เท่ากัน แต่นักเวทของทีมญี่ปุ่นจงใจเดินพลาดชัดๆ เพราะเกมเมอร์ของทีมอาทิตย์อุทัยจะเล่นแบบง่ายๆ ได้ไง เขาทำเพราะจะล่อโคโค่ให้หลงกลต่างหาก” เหมือนกับเป็นการพิสูจน์คำพูดของเกมเมอร์เกมชั้นสูงเลยทีเดียว เพราะนักเวทของคู่แข่งที่ดูเหมือนจะเล่นแบบกระวนกระวาย กลับเหยียดขาทั้งสอง แล้วซัดสกิลจับตัวแข็งไปที่ร่างของโคโค่

เวลานี้ตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยก็กระโดดออกมาจากพุ่มไม้ กะจะสตันโคโค่ให้อยู่หมัด! แต่กลับนึกไม่ถึงว่า ในเวลาที่เขากระโดดออกมา อีกร่างหนึ่งก็กระโดดออกมาจากพุ่มไม้เช่นกัน ร่างในชุดขาวบริสุทธิ์เหมือนหิมะ ถือดาบยาวไว้ในมือ ฟาดขวับไปที่ใดก็ทิ้งแสงสีเงินเอาไว้

เมื่อดาบยาวตวัดฟาด กลุ่มดาบลอยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวแทงค์หรือนักเวทของทีมญี่ปุ่น ต่างถูกลดความเร็วภายใต้ฝนดาบ

ต่อให้ทีมอาทิตย์อุทัยจะระวังแต่อย่างใด แต่ก็หลบภัยไม่รอด เพราะความเร็วนั่นสูงมาก มาก…จนทำให้ไม่มีใครไหวตัวทัน! ทว่าทีมคู่แข่งก็ไม่กระจอก เมื่อพบว่ามีคนโจมตี นักเวทของทีมอาทิตย์อุทัยก็เดินตำแหน่งหลบการทำความเสียหายที่ฉินมั่วสร้างอย่างหลักแหลม แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เป้าหมายของฉินมั่วจะไม่ใช่ตนเอง เพราะแสงสีเงินจากดาบกระทบไปที่ร่างของตัวแทงค์ถึงสามครั้งต่างหาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง ทว่าการกระทำดังกล่าว กลับไม่ทำให้ชายหนุ่มสูญเสียพลังไปเปล่า ยิ่งทำให้โคโค่ได้โอกาสร่วมมือกับหัวหน้าตัวเอง ฆ่าฝ่ายตรงข้ามไปหนึ่งชีวิต!

2:2! คะแนนถูกลากขึ้นมาให้เท่ากัน

 ……………………………………..

ตอนที่ 1822-3

เสียงเอฟเฟกต์ในเกมดังขึ้นอีกครั้ง ป้อมที่เลนบนของทีมอาทิตย์อุทัยถูกทำลายไปหนึ่งแห่ง ผู้ที่ทำลายไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นแบล็กพีช Z ที่ไม่รู้ว่าเส้นทางของเธออยู่ที่ไหน!

เมลินเห็นการแข่งสนามนี้แล้ว ควรต้องพูดว่าผู้ไม่รู้จึงไม่กลัว? คงอธิบายได้อย่างนี้ ทีมอาทิตย์อุทัยเพิ่งเอาชีวิตคู่แข่งไปหนึ่งหัว ทีมไดมอนด์ก็เอาคืนกลับมาอีกหนึ่งหัวเช่นกัน กระทั่งทำลายป้อมยังไม่ต่างกัน ทว่าต่อให้เป็นแบบนี้ต่อไป ทีมอาทิตย์อุทัยก็นำหน้าอยู่ดี

เมลินส่ายหน้า พูดออกมาจากใจจริงว่า “เป็นการเอาคืนตามหลังทีมอาทิตย์อุทัยทุกครั้ง ทีมอาทิตย์อุทัยเป็นผู้นำจังหวะการเล่นจริงๆ หวังว่าทีมไดมอนด์จะคิดได้เสียที แต่การแข่งมักจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมายเสมอ แต่หากเล่นกันในรูปแบบนี้ต่อไป ทีมไดมอนด์จะเอาคืนก็ย่อมยาก คนที่เข้าใจเรื่องการแข่งขันคงจะรู้ แม้ว่ายอดชีวิตที่ถูกฆ่าของแต่ละทีมจะเท่ากัน แต่ในด้านทีมมินเนี่ยนทีมไดมอนด์ดูจะอ่อนกว่า แถมด้วยตัวยิงไกลทำดาเมจของทีมไดมอนด์ก็ตายไปครั้งหนึ่งแล้ว ในขณะที่ฝ่ายตัวทำดาเมจของทีมอาทิตย์อุทัยยังอยู่ครบ ฉะนั้นการพาทีมมินเนี่ยนล้มป้อมจะทำได้เร็วกว่าทีมไดมอนด์มาก”

มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ สิ่งที่เมลินวิเคราะห์ มันตรงกับสิ่งที่ผู้บรรยายพูดต่อมาอย่างไม่ได้นัดหมาย ทว่าแม้แบล็กพีช Z จะอยู่ที่นั่น โฮชิโนะที่ซุ่มอยู่เลนล่างยังอดหันหัวกลับมาแล้วเหาะไปยังโซนป่าของตัวเองไม่ได้ เพราะอาศัยความเข้าใจของเขาที่มีต่อ Z แล้ว หลังจากที่เจ้าหล่อนทำลายป้อมพวกเขา แต่ไม่พาทีมมินเนี่ยนมาด้วย แสดงว่าจะต้องฆ่ามอนสเตอร์ของพวกเขาแน่ เขารู้ซึ้งถึงประโยคที่ว่า “โซนป่าของคู่แข่งก็คือบ้านของฉัน” เป็นอย่างดี แค่ผู้ชมบางส่วนไม่เข้าใจว่าทำไมโฮชิโนะถึงไม่ล่าทีมมินเนี่ยน แต่กลับเหาะไปที่โซนป่า

แต่พอขยายแผนที่โซนป่าให้กว้างขึ้น ถึงได้เข้าใจว่าที่แท้แบล็กพีช Z กำลังล่ามอนสเตอร์ชุดที่สองนี่เอง ผู้กำกับเปลี่ยนไปถ่ายมุมของโฮชิโนะอีกครั้ง จึงเห็นเขาบินด้วยความเร็วสูง กุมดาบวงพระจันทร์ไว้ในมือ เหมือนจะเปล่งแสงจันทร์ออกมา

ไล่ตามทัน!

ไม่เพียงแต่ไล่ตามทัน แต่ยังกักแบล็กพีช Z ไว้ที่โซนป่าได้อีกด้วย! หากดูจากเวลา ตอนนี้แบล็กพีช Z น่าจะล่าเอาเลือดของมอนสเตอร์มาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นในวินาทีต่อมา ทุกคนกลับเงียบลง เพราะเรดบลัฟในโซนป่ายังคงอยู่ แต่กลับไม่เห็นร่างของเธอคนนั้นแล้ว

โฮชิโนะถือดาบวงพระจันทร์ไว้ในมือ เดินไปยังโซนป่า คมดาบกวาดพุ่มหญ้าข้างเรดบลัฟ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่โฮชิโนะสู้กับแบล็กพีช Z ตัวต่อตัว

ทุกคนในสนามแข่งต่างกลั้นลมหายใจ เดาว่าผลของการเผชิญหน้าจะเป็นอย่างไร เวลาเหมือนถูกลากให้ยาวขึ้น ทั้งที่ผ่านไปไม่ถึงสองวินาทีเท่านั้น

บนหน้าจอ โฮชิโนะออกตัวในทันใด คมดาบไม่ได้แตะต้องพุ่มหญ้าข้างเรดบัฟ แต่เหาะไปที่ริมแม่น้ำ

“ซ่อนขนาดนี้ก็ยังเจออีกแฮะ” ป๋อจิ่วเหยียดยิ้ม กระโดดไปทางซ้ายมือ “การสู้กับคนที่สนิทกันนี่ ยากเป็นบ้า”

โฮชิโนะได้ยินแล้วถึงกับยิ้ม คมดาบแหลมในมือกับยิ้มน่าเอ็นดู เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง “ตอนแรกก็ไม่เห็นหรอก แต่เพราะเป็นคุณเลยต้องคิดมากหน่อย”

เหล่าผู้ชมต่างไม่เคยเห็นการสู้กันแบบนี้มาก่อน เวลาความเป็นความตายแบบนี้ ทั้งสองยังจะอารมณ์ดีคุยกันอีก แถมยังเป็นศัตรูกันด้วย ทำไมถึงทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นแบบไม่มีที่ไปที่มาอย่างนี้ล่ะ?

ทว่าจะบอกว่าเป็นความอบอุ่นก็ไม่ถูก เพราะตอนที่โฮชิโนะพูดเช่นนี้ออกมา ก็มีแสงสว่างเหมือนดวงจันทร์ ดาบวงพระจันทร์กลายเป็นลำแสงพุ่งไปหาร่างที่อยู่ไม่ไกลจากตัว ก่อนจะเหาะไปด้วยรังสีอำมหิตมหาศาล…

…………………………………………….

ตอนที่ 1821-1

ทีมไดมอนด์ถูกบีบ

ผู้บรรยายพูดไม่ผิด หากรักษาเลนกลางไว้ไม่ได้ การแข่งในสนามนี้ย่อมเล่นยาก ทีมอาทิตย์อุทัยเป็นอย่างไรก็เป็นพวกวางแผนแยบยล กลยุทธ์สุดล้ำ ซึ่งหากพวกเขาค้นพบจุดอ่อนแล้ว ย่อมคว้าไว้ไม่ปล่อย นี่แหละคือจุดที่ทำให้คนอื่นสู้ไม่ไหว การสู้กับทีมแบบนี้ หากไม่ตั้งสติร้อยเปอร์เซ็นต์ รับรองว่าโดนฆ่าแน่

“สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทีมไดมอนด์จะใช้วิธีไหนมาสู้กับสภาวะอันตรายแบบนี้”

“น่าจะแบ่งคนไปเฝ้าที่เลนกลาง”

“แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ทีมอาทิตย์อุทัยก็จะกลายเป็นฝ่ายนำฟอร์มเกมนะ”

“แต่ถ้าไม่ไปก็จะรักษาเลนกลางไม่ได้ สถานการณ์จะยิ่งย่ำแย่เข้าไปใหญ่”

“อันที่จริงการโจมตีแบบสายฟ้าแลบเมื่อกี้ มีจุดสำคัญอยู่ที่การร่วมมือกันระหว่างโฮชิโนะกับยูกิชิน ถ้าทีมไดมอนด์หาทางเบรกการร่วมมือของทั้งสองคนไว้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเลนไหนก็สู้ด้วยยาก”

“ทีมไดมอนด์เริ่มปรับแผนการเล่นแล้ว…เดี๋ยว เหมือนจะไม่ได้ปรับนะ?”

ผู้บรรยายเห็นตำแหน่งการเดินของอวิ๋นหู่บนหน้าจอ หรี่ตาทันที “คงอยากจะปรับ แต่ถูกสั่งให้กลับไปเฝ้าที่เดิม”

“แล้วเลนกลางจะทำยังไง?” ผู้บรรยายอีกคนขมวดคิ้วนิดๆ เพราะเกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้แล้ว หากทีมไดมอนด์ไม่ปรับแผนอีก จะต้องเล่นแบบถูกบีบแน่

“ทีมไดมอนด์น่าจะหาวิธีเจ๋งๆ ไม่ได้” ผู้บรรยายว่าพลางจับตามองฉินมั่ว “เรื่องการวางแผนการเล่น เป็นหน้าที่รับผิดชอบของหัวหน้าทีม จนถึงตอนนี้แล้ว ทีมอาทิตย์อุทัยยังไม่จำเป็นต้องออกคำสั่ง ทีมไดมอน์กลับกลายเป็นว่าต้องเผชิญกับปัญหามากมาย”

“เป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่รู้ว่าฉินมั่วเป็นยังไงบ้าง เขาที่สูญเสียความทรงจำไปแล้วจะสามารถประเมินล่วงหน้าได้แม่นย่ำเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า? แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เราเห็นความสามารถที่แท้จริงของยูกิชินกับโฮชิโนะแค่ 3/10 เท่านั้นเอง พอจะรู้ว่าเมื่อถึงตอนปลายเกม การร่วมมือของสองคนนี้จะต้องทำให้ทุกคนตกตะลึงแน่นอน ฉินมั่วจะยันไหวไหม?”

ผู้บรรยายพูดในสิ่งที่เหล่าแฟนคลับกังวลพอดี เมื่อครู่การร่วมมือกันระหว่างเทพฉินกับแบล็กพีช Z ในระยะทางไกลถือว่ามหัศจรรย์มากก็จริง แต่วินาทีถัดมากลับถูกทีมอาทิตย์ฆ่าไปได้หนึ่งชีวิต แถมยังใช้วิธีเดิมซ้ำอีกไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นยูกิชินหรือโฮชิโนะต่างเดาแผนลวงของพวกเขาได้หมดแล้ว

ทีมอาทิตย์อุทัยแกร่งจริงๆ แกร่งขนาดที่หลินเฟิงกับอวิ๋นหู่ยังไม่อาจเดินออกมารัศมีการโจมตีของตัวเองได้ ต้องเล่นภายในภาวะที่ถูกต้อน

ในสถานการณ์เช่นนี้ กลยุทธ์การเล่นก็ยังไม่เปลี่ยน…ผู้บรรยายคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาของการวางแผนการเล่น “ท่าทางฉินมั่วในตอนนี้จะไม่เหมาะกับการแข่งในสนามใหญ่” เท่าที่เห็นในตอนนี้ ชายหนุ่มกลายมาเป็นคนเล่นเกมตามครรลองทั่วไป ไม่เหมือนในเมื่ออดีตสักนิด

ผู้บรรยายพูดจบก็มองไปที่หน้าจอยักษ์ ผู้กำกับสั่งให้ซูมร่างในชุดขาวที่กำลังตีมอนสเตอร์อยู่ในโซนป่า อันเป็นบทบาทจองฉินมั่ว โดยเสื้อตัวละครของเขาสะบัด กุมดาบยาวไว้ในมือ

 ………………………………….

ตอนที่ 1821-2

ทีมไดมอนด์ถูกบีบ

ความเร็วในการล่ามอนสเตอร์ของชายหนุ่ม ทำให้ผู้บรรยายเห็นแล้วถึงกับตะลึงงัน สูญเสียความทรงจำไปแล้วยังเล่นได้เร็วขนาดนี้ นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

ทว่าการแข่งในนัดนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วมือ แต่อยู่ที่ใครประเมินล่วงหน้าได้แม่นยำได้มากกว่ากัน และใครที่มีข้อผิดพลาดน้อยกว่ากัน!

“ฉันไม่เคยเห็นทีมไดมอนด์เล่นแบบนี้มาก่อน”  ประโยคนี้มาจากแฟนคลับที่นั่งในสนาม “รู้สึกเหมือนโดนเล่นแบบโดนฝ่ายตรงข้ามไล่บี้อย่างนั้นแหละ”

ใช่ ไม่เพียงแค่โคโค่ หลินเฟิง อวิ๋นหู่ กระทั่งฉินมั่วกับป๋อจิ่ว ต่างให้ความรู้สึกเช่นนั้นกับผู้ชม เวลาที่ฉินมั่วตีมอนสเตอร์ ฝั่งโน้นก็คอยระรานอย่างจงใจบ้างไม่จงใจบ้าง เพื่อไม่ให้เขาสเตตัสขึ้น และเพื่อให้หากจับได้ก็จับ จ้าวซานพั่งถึงกับนิ่วหน้า “ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่ใช้วิธีนี้สู้กับฉินมั่วนะ” ส่วนเซียวจิ่งไม่พูดอะไร มองดูหน้าจอ แววตาลุ่มลึก

เมลินอาศัยจังหวะที่ว่าง หันไมโครโฟนแบบมีหูฟัง “ตอนนี้พวกเราจะเห็นว่าการแข่งดำเนินมาใกล้จะสิบนาทีแล้ว ทีมอาทิตย์อุทัยยังเป็นฝ่ายได้เปรียบเหมือนเดิม แต่พวกเขาไม่ได้พอใจแค่นี้ ซึ่งเหมือนกับสไตล์ที่ผ่านๆ มา พวกเขาค่อยๆขยับใกล้เป้าหมาย กระทั่งนักฆ่าล่ามอนสเตอร์ของทีมไดมอนด์ยังโดนต้อนอย่างหนัก ซึ่งเหมือนว่า…เดี๋ยว!”

ดูเหมือนเมลินเห็นอะไรบ้างอย่าง เธอชะงักงันราวกับเป็นเรื่องที่เคยประเมินไว้แล้ว “ท่าทางทีมไดมอนด์ใกล้จะเสียเซเคิ้ลบลัดแล้วล่ะค่ะ” และในทันทีที่เธอพูดจบ ตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยก็มาถึงข้างตัวฉินมั่วที่กำลังตีบลูบลัฟอยู่ โดยส่งสัญญาณให้นักเวทย์ที่อยู่พุ่มหญ้าเตรียมโจมตี จากนั้นก็ซัดพลังโดยจับเป้าหมายที่ตัวฉินมั่ว!

ฉินมั่วเองอยู่ในระหว่างที่จะถอย แต่พลังของฝ่ายนั้นกลับมีฤทธิ์ที่เกาะตำแหน่งเป้าหมาย ส่งผลให้ปริมาณเลือดของฉินมั่วลดลงอย่างมากมายทันที! นักเวทย์ของทีมอาทิตย์อุทัยเห็นแล้ว รีบใช้สกิลจับตัวแข็ง กะจะฉวยโอกาสจับฉินมั่วให้อยู่หมัด

คนที่เล่นเป็นนักฆ่าต่างกลัวการถูกร่ายเวทย์ควบคุมเอาไว้เป็นที่สุด เพราะหากถูกควบคุมแล้วย่อมขยับไม่ได้ ก็เท่ากับจบกัน!

“เกรงว่าเทพฉินจะต้องจบชีวิตที่หน้าประตูบ้านตัวเองแล้วล่ะ”

“ไม่ระวังเลย ทั้งที่รู้ว่าคู่แข่งจะมาแย่งไป”

“ต้องบอกว่าเพื่อนร่วมทีมมาช่วยได้ไม่สมความสามารถ แต่เมื่อกี้เหมือนเทพฉินจะไม่ส่งสัญญาณอะไรเลย เขาคงลืมไปแล้วควรจะออกคำสั่งยังไง?”

จ้าวซานพั่งส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ดูท่าทางจะร้อนใจมาก และในระหว่างนี้นี่เอง เซียวจิ่งกลับเอ่ยขึ้นว่า “ทีมอาทิตย์อุทัยพลาดไปแล้ว”

“อะไรเหรอ?” จ้าวซานพั่งเพิ่งจะถาม ก็เห็นภาพบนหน้าจอว่าสกิลจับตัวแข็งจับตัวฉินมั่วไม่สำเร็จ ไม่ได้มาจากการเล่นที่ผิดพลาดของทีมญี่ปุ่น แต่เพราะเวลานั้นฉินมั่วเคลื่อนตำแหน่งด้วยสกิลหลัก ข้ามกลับไปยังตำแหน่งเดิม แต่ตำแหน่งเดิมที่ว่านี้คือที่ที่นักเวทย์ของคู่แข่งยืนอยู่!

หากมองภาพจากกล้อง จะเห็นอย่างชัดเจนว่านักเวทของคู่แข่งถึงกับเบิกตากว้าง สกิลแฟลชถูกใช้ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อตอนโจมตีครั้งล่าสุด ตอนนี้จะหลบอย่างไรก็ไม่พ้น เขาเริ่มจากโดนดาบทำให้ลดความเร็วลง ได้ยินเสียงดาบที่ฟาดฟันลงมาสามครั้ง แสงสีเงินก็สว่างไปทั่ว เขาถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานจนเลือดเกือบหมดตัว!

 ………………………………………….

ตอนที่ 1821-3

ทีมไดมอนด์ถูกบีบ

หลังจากที่ได้เห็นฉากดังกล่าว นัยน์ตาของผู้ชมต่างตื่นตะลึงเป็นครั้งแรก นับจากที่แข่งกันมา

ฉินมั่วกุมเมาส์ด้วยมือข้างเดียว นิ้วชี้คลิกลงจนเกิดเสียงกังวาน เราจะไม่เห็นอะไรจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาในขณะที่กำลังไล่ฆ่าคู่แข่ง ทว่านิ้วเรียวแข็งแรงขาวนวลขยับขึ้นลงอย่างให้ความรู้สึกสูงส่งต้องห้าม

มาถึงในตอนนี้เซียวจิ่งจึงพูดความเห็นที่เหลือ “ต่อให้ฉินมั่วสูญเสีความทรงจำไปแล้ว แต่ทีมอาทิตย์อุทัยก็ไม่น่าอยากฆ่าเขาจนส่งไปแค่สองคน เพราะแบบนี้จะทำให้เรือคว่ำระเนระนาด”

“หัวหน้าหมายความว่านักเวทย์คนนั้นจะตายเหรอ? ไม่น่าเลยนะ ตัวแทงค์ของฝั่งนั้นกลับมาขวางฉินมั่วแลว เขาไม่น่าจะไล่ตามต่อ นักเวทเองก็หนีวงล้อมการโจมตีของฉินมั่วแล้ว ขอแค่…”

จ้าวซานพั่งยังพูดไม่ทันจบ พลันเห็นร่างหนึ่งเหาะออกมาผ่านแผนที่ เธอทำด้วยความเร็วสูงเหมือนว่าต่อให้ด้านหน้ามีกำแพงก็สกัดเธอไว้ไม่ได้ เธอเดินตำแหน่งสองช่วงก่อนจะกระโดดขึ้นมาถึงข้างตัวนักเวทย์ ดูเหมือนพอจะเห็นร่องรอยที่ทิ้งค้างกลางอากาศ ไม่รอให้ใครรู้ตัว เธอใช้ทวนยาวตวัดร่างอีกฝ่ายลอยขึ้น ตัวอักษรผงาดหน้าจอ KO!

คนที่อยู่ในสนามแข่งเห็นแล้วต่างนิ่งอึ้งกันไปหนึ่งวินาที จากนั้นก็ร้องตะโกนออกมาจากใจจริง! ไม่มีใครรู้ว่าแบล็กพีช Z มาได้อย่างไร! ผู้ชมทุกคนรู้เพียงว่านี่เป็นผลงานเฟิร์สคิลของฝั่งทีมไดมอนด์! คะแนนถูกดึงขึ้นมาเท่ากันใหม่!

ตัวแทงค์ที่มาพร้อมกับนักเวทย์ได้แต่หลบเข้าไปอยู่ใต้ป้อม ถึงได้เห็นตัวอักษรที่หัวหน้าส่งมาให้ก่อนหน้านี้ “แหย่ๆ พอ อย่าโจมตี”

เจ้าตัวจึงออกปากยอมรับผิด “ฉันผิดเอง” แล้วพูดเสริมด้วยความเสียใจ “ฉันไม่คิดว่าเขาจะเห็นฉัน”

ยูกิชินล่าโซนป่าของทีมไดมอนด์ไปครึ่งหนึ่ง หยัดยิ้มมุมปาก “คิดว่าฉินมั่วสูญเสียความทรงจำไปแล้วจะสู้ได้ง่ายๆ ฉันเคยบอกแล้วไงว่า อย่าได้มีความคิดแบบนี้ แต่ไม่ถึงกับเสียเปรียบหรอก เพราะฉันกับโฮชิโนะกวาดล้างมอนเสตอร์ของพวกเขาจนเกลี้ยงแล้ว”

มอนสเตอร์ในโซนป่าคือเงิน ไม่เพียงเท่านั้น เรดและบลูบลัฟจะให้ฤทธิ์ในด้านการลดความเร็ว คนที่เล่นเป็นนักฆ่าถึงได้พยายามล่าบลูให้มากที่สุด

ตอนนี้โซนป่าของทีมไดมอนด์ไม่มีของเหล่านี้เหลืออีกแล้ว หมายความว่าฉินมั่วถูกอีกฝ่ายทิ้งระยะห่างอีกครั้ง แต่กระนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็พิสูจน์ได้ว่า มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก เพราะมอนสเตอร์ในโซนป่าของทีมอาทิตย์อุทัยก็ไม่เหลือเช่นกัน?

“อะไรกันนี่?” หนุ่มหน้าแบ๊วของทีมอาทิตย์อุทัยงงงวย ผู้ชมยิ่งไม่เข้าใจเข้าใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น

ฝ่ายผู้กำกับการถ่ายทอดสดเหมือนจะเข้าใจว่าทุกคนอยากเห็นอะไร จึงรีบถ่ายทอดแผนที่แสดงความเป็นไปของเกมอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ทีมอาทิตย์อุทัยกำลังล่าโซนป่าของทีมคู่แข่ง จึงเห็นว่าหลังจากที่ฆ่านักเวทของทีมคู่แข่งเสร็จแล้ว แบล็กพีช Z ก็ไม่ได้กลับมา แต่เหาะไปยังโซนป่าของทีมคู่แข่ง จากนั้นก็มีคนเร็วกว่าเธออีก นั่นคือฉินมั่ว ทั้งสองเหมือนจะเดาได้ว่าโซนป่าสีแดงของบ้านตัวเองหลุดลอยไปแล้ว แถมการจะไล่ตามตัวแทงค์ก็ไม่มีความจำเป็น เพราะนอกจากจะเปลืองเวลาแล้ว ยังฆ่าไม่ตายอีกด้วย

ตัวแทงค์ของทีมอาทิตย์อุทัยคิดว่าตัวเองวิ่งเร็วมากแล้ว ดังนั้นจึงเห็นร่างของสองคนนั้นในตอนแรก แต่ต่อมาก็ไม่เห็น เขาน่าจะได้ดูเกมในมุมนี้ ขอแค่เห็นเขาก็จะเข้าใจว่าเป้าหมายของฉินมั่วและป๋อจิ่วไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาแต่แรกแล้ว แต่เป็นโซนป่าผืนใหญ่ที่อยู่อีกด้านของกำแพงทางด้านขวามือตัวเองต่างหาก

ทั้งสองเล่นร่วมกันอย่างรู้ใจกันเป็นอย่างดี ทุกที่ที่ผ่านไปดอกหญ้ายังไม่กล้าเกิด ทั้งยังตัดทางทีมมินเนี่ยนได้ระลอกหนึ่ง

เมื่อมองดูร่างที่เหาะมาอย่างรวดเร็วแล้ว เมลินที่ทำการรายงานข่าวถึงกับอึ้งชะงัก เพราะมันเร็วมาก

ไม่

ไม่สิ

ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ทั้งการเดินตำแหน่ง การประเมินล่วงหน้า รวมถึงเวลาที่ใช้ในการตีมอนสเตอร์ สองคนนั้นทำได้อย่างสบายๆ เหมือนไม่รู้จักคำว่ากลัวแปลว่าอะไร?

ไม่กลัวเหรอ? พวกเขาเผชิญหน้ากับทีมอาทิตย์อุทัยเชียวนะ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ดึงคะแนนกลับมาเท่ากันได้ พวกเขาก็ยังถูกเล่นแบบไล่ล่าอยู่ดี แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่กังวลสักนิด?

……………………………………………

ตอนที่ 1820-2

“ท่าทางแบล็กพีช Z จะเป็นฝ่ายรับแล้วครับ” ผู้บรรยายเอ่ยขึ้น “ก่อนหน้านี้เธอเป็นฝ่ายนำจังหวะการเล่น แต่ตอนนี้โดนโฮชิโนะควบคุมไว้อยู่หมัด ดึงฟอร์มไม่ขึ้นเลยทีเดียว”

“ตำแหน่งนี้มองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่ท่าทางจะกดดันอยู่ในใจเหมือนกัน”

“จริงด้วย ถ้าเขาตามจังหวะไม่ทัน ก็จะเล่นต่อไปในตอนท้ายของเกมไม่ไหว”

“ทีมอาทิตย์อุทัยเล่นได้มั่นคงมาก คุณดูตำแหน่งการเดินของโฮชิโนะสิ เร็วมากเลยทีเดียว”

“ถ้าผมเป็นแบล็กพีช Z จะสร้างสเตตัสก่อน เพราะการจะแย่งอะไรจากโฮชิโนะ ถือเป็นเรื่องยาก การทำแบบนี้ต่อไปจะสิ้นเปลืองเวลาไปเปล่าๆ”

เมื่อการแข่งขันดำเนินไปได้ถึงสี่นาที แม้กระทั่งผู้ชมทั่วไปยังมองอะไรบางอย่างออก เพราะเฟิร์สคิลที่พวกเขาคาดหวัง ยังไม่เกิดเสียที แถมแบล็กพีช Z ยังโดนไล่ล่าตอลด

เมลินยืนอยู่นอกสนาม มือถืออุปกรณ์ คอยให้คำบรรยายเป็นระยะ ซึ่งเมื่อดูมาถึงตรงนี้ ก็หัวเราะเบาๆ “อันที่จริงแชมป์ใหม่คนนี้ของทีมไดมอนด์ยังไม่เข้าใจสถานการณ์การแข่งขัน เขาเป็นคนที่เก่งมากเชียวล่ะค่ะ น่าจะมีชื่อเสียงไม่น้อยในประเทศจีน แต่พอต้องมาเผชิญหน้ากับโฮชิโนะแล้วยังเล่นวิธีเดิมอีก ทำให้สู้ไม่ได้ พวกเราจะเห็นได้ว่า ถึงตอนนี้จะยังไม่มีเฟิร์สบลัดเกิดขึ้นก็จริง แต่เห็นได้ชัดว่า สถานการณ์ของทีมไดมอนด์ไม่ดีเอาเสียเลย ทีมอาทิตย์อุทัยเล่นรุกคืบเข้ามาทีละนิดๆ ถึงเวลานั้นกว่าจะรู้ตัวก็ช้าเกินไป เพราะทีมอาทิตย์อุทัยนำฟอร์มการเล่นหมดแล้ว”

บรรยากาศในเวลานี้นิ่งอั้นไปตามสถานการณ์ที่แบล็กพีช Z โดนบีบ มันไม่ปกติอย่างแรง จ้าวซานพั่งเองนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว เพราะพอจะเห็นว่าเจ้าแบล็กเล่นเกมนี้ได้เหนื่อยมาก เธอถือทวนยาวเบี่ยงตัวเหาะไปยังโซนป่าอีกครั้ง ความเร็วยังสูงเหมือนเดิม ราวกับสายลม

“ทำไมยังจะไปอีก?” ผู้คนต่างส่ายหน้า คนทั้งสนามเหลือเพียงเซียวจิ่งที่ไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งขมวดคิ้วอยู่ที่เดิม

ทีมอาทิตย์อุทัยประเมินแผนของแบล็กพีช Z ผ่านแผนที่ โดยครั้งนี้นักเวทที่เลนกลางซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้ กะจะซุ่มโจมตีแบล็กพีช Z! ทำให้พวกแฟนคลับเห็นฉากดังกล่าว ต่างหายใจติดขัด กระทั่งไม่กล้ามองดูร่างที่เข้าใกล้พุ่มไม้ทุกขณะ ด้วยคนจากทีมอาทิตย์อุทัยทยอยวิ่งไปทางนั้น ราวกับจะล้อมวงเธอ!

“น่ากลัวว่าเฟิร์สบลัด จะเสียจากตัวทีมไดมอนด์แล้วล่ะ” เสียงของผู้บรรยายเหมือนจะเสียดาย เพราะการเล่นประเภททีม ผู้ที่ได้มันไปถือว่าสำคัญมาก ทั้งนี้แบล็กพีช Z ได้รับความชื่นชอบมากก็ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี่เอง แต่เวลานี้แชมป์เฟิร์สคิลจะถูกคู่แข่งฆ่าเป็นครั้งแรกเสียแล้ว!

เมลินส่ายหน้า “อย่างที่ฉันบอกไว้ตั้งแต่แรกนั่นแหละค่ะว่า ทั้งสองทีมห่างชั้นกันมาก”

เพื่อนชาวต่างชาติต่างพูดไม่ออก เพราะเมื่อคลิปโฆษณาถูกเผยแพร่ออกไป ป๋อจิ่วจึงเหมือนเป็น Z ตัวจริงไปโดยปริยาย

นั่นไงไม่ควรเชื่อพวกโฆษณาจากหนังเลย เพราะจะต้องมีการตัดต่อกันมาก่อน ตัวจริงก็คงฝีมือแค่นี้ อุตส่าห์ปั้นให้คนธรรมดาดูเป็นนักคอมพิวเตอร์ที่เก่งฉกาจ ซึ่งไม่ยากอะไรหรอกสำหรับการถ่ายทำหนัง ไม่ถึงขั้นผิดหวัง แค่เสียดายนิดหน่อย แต่ต่อให้เป็นแฮกเกอร์จริงก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเกมเมอร์ลีกส์อาชีพได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องมองปัญหาที่เกิดขึ้นการเล่นเกมออกมากกว่าคนทั่วไป รวมถึงฝีมือและความเร็วในการพิมพ์ย่อมต้องดี หากว่ากันตามหลักการ ต้องไม่ทื่อมะลื่ออย่างนี้สิ

 …………………………………..

ตอนที่ 1820-3

และในระหว่างที่เพื่อนชาวต่างชาติรู้สึกหมดความสนใจ กำลังจะปิดแพลตฟอร์มดังกล่าว กลับเห็นร่างบนหน้าจอหยุดชะงักแล้วหันไปกระโดดถอยหลัง เธอไม่ได้เดินต่อไปข้างหน้า! แต่ถอยกลับไปยังโซนป่าของตัวเอง? เล่นเอาสมาชิกสามคนจากทีมคู่แข่งถึงกับอึ้ง

ในเวลานี้ ปรากฏตัวอักษณบนหน้าจอว่า “บอสราชาถูกทีมไดมอนด์ฆ่า” ทำให้ประสบการณ์ของทั้งทีมเพิ่มเป็นเท่าตัว!

บอสราชาเหรอ? พวกผู้ชมต่างเงยหน้ามองดูทันที ทำไมพวกเขาถึงไม่สังเกตเห็นเลยล่ะ?

แท้จริงแล้วไม่ใช่พวกเขาไม่สังเกตเห็น แต่เพราะท่วงท่าของแบล็กพีช Z  มีมากมายเหลือเกิน ไม่เพียงแต่กล้องที่จับภาพตามเธอไป กระทั่งทีมอาทิตย์อุทัยยังทุ่มความสนใจไปที่ตัวเธออย่างไม่รู้สาเหตุ

ทว่าโฮชิโนะและยูกิชินไม่เหมือนใคร เมื่อความผิดปกติเข้ามาเยือนก็ขยายแผนที่ออกดูทันที เตรียมจะวิ่งไปที่ตัวบอสราชา แต่สายไปเสียแล้ว เพราะหลังจากที่ฉินมั่วฆ่าบอสตัวนั้นก็ใช้สกิลหลักกวาดล้าง เมื่อตวัดดาบก็ยังเอาตัวมอนสเตอร์ตัวเล็กตัวน้อยไปด้วยหนึ่งตัว

ผู้ชมต่างตามจังหวะการเล่นไม่ทัน ด้วยเหตุการณ์เมื่อครู่ ฝ่ายผู้กำกับจึงรีบเปลี่ยนมุมถ่าย โดยหันไปจับตาที่ฉินมั่ว

“เดี๋ยว ดูสเตตัสสิ!”

“เห็นแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนี่ ยังเป็นที่โหล่ของทั้งสนาม”

“ไม่ใช่สเตตัสของแบล็กพีช Z แต่เป็นของเทพฉิน!”

“เฮ้ย ทำไมเยอะอย่างนี้!”

“ไม่ใช่แค่นี้ ต้องไม่ใช่แค่นี้แน่!”

พวกแฟนคลับทีมไดมอนด์ที่คุ้นเคยกัน ต่างหรี่ตาลงเหมือนจะหาว่ามีอะไรที่ตัวเองพลาดไป

โฮชิโนะรีบพิมพ์ลงบอร์ดสาธารณะ “คอยสกัดผมตั้งแต่ตอนแรก เพื่อจะให้ฉินมั่วเพิ่มเร็วขึ้นนี่เอง ผมไม่ใส่ใจคุณไม่ได้จริงๆ”

แบล็กพีช Z สกัดโฮชิโนะไว้เหรอ?

เป็นไปได้ยังไง? ไม่เพียงแต่แฟนคลับของโฮชิโนะที่ไม่เข้าใจ กระทั่งเมลินยังเบิกตากว้างขึ้นมา แต่เมื่อกล้องจับภาพแบล็กพีช Z กลับเห็นเธอยิ้ม มือขวาเคลื่อนเมาส์เหมือนจะเปลี่ยนหน้า ส่วนมืออีกข้างพิมพ์สัมผัสแค่ “คุณยอมออมมือให้ฉันต่างหาก”

ผู้ชมต่างหันไปดูหน้าจอ จึงเห็นตัวละครของแบล็กพีช Z กำลังล่าเรดบลัฟอย่างไม่พลาดการทำความเสียหาย แถมยังละมือมาพิมพ์อีก?

แต่ประโยคสั้นๆ แสดงให้เห็นว่าเธอยอมรับที่เล่นไปเมื่อครู่ ไม่ได้ทำเพื่อแย่งมอนสเตอร์จากคู่แข่ง แต่ต้องการสกัดนักเวทย์และนักฆ่าที่รวมพลังกันไว้ต่างหาก เพื่อให้ฉินมั่วเติบโตได้เร็วขึ้น!

ทว่าทำแบบนี้ไปก็ไม่คุ้มนี่นา ต่อให้ทีมไดมอนด์ได้ชีวิตบอสราชาไป แต่สเตตัสของเธอยัง…

“ประสบการณ์เพิ่มเท่าตัว? อุว้าว ที่แท้ก็หลุมพรางหลุมเบ้อเร่อเลย”

พอประสบการณ์เพิ่มเป็นเท่าตัว แบล็กพีช Z ย่อมไม่ใช่ผู้ที่มีสเตตัสต่ำที่สุดในสนามอีกต่อไป ไม่เพียงเท่านี้ ไม่รู้ว่าเงินเหล่านั้นของเธอมาจากไหน แต่พอจะเห็นได้จากตาเปล่าว่ามันกระโดดเพิ่มขึ้นสูงเลยทีเดียว

“ที่แท้ก็มีวิธีการเล่นแบบนี้ด้วย” ผู้บรรยายรู้สึกว่าเหลือเชื่อ “ไม่เจริญเติบโตในตอนต้นของเกม แต่ไปเร่งในตอนท้าย?”

 ……………………………………

ตอนที่ 1820-4

ส่วนผู้บรรยายอีกคนก็เอ่ยขึ้นบ้าง “ถ้าพูดกันจริงๆ ตอนนี้ยังไม่อยู่ในช่วงท้ายเกมนะครับ ยังอยู่ตอนต้น เพราะเล่นได้แค่ห้านาทีเอง คงเพราะพวกเราคิดว่าทั้งสองทีมห่างชั้นกันมาก จะต้องรู้ผลแพ้ชนะในเวลาสั้นๆ แต่ดูจากตรงนี้แล้วเห็นจะไม่ใช่ แถมทีมไดมอนด์ยังเล่นต่างไปจากการเล่นปกติตรงที่ ปกติแล้วนักฆ่ากับนักเวทย์เลนกลางจะรวมพลังกัน แต่ฝั่งของทีมไดมอนด์ กลับเป็นตัวคอมมานเดอร์อิสระกับนักฆ่ามอนสเตอร์เล่นประสานกันในระยะไกล ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยสนับสนุนกันเลย แต่จริงๆ แล้วกลับสกัดคู่แข่งเอาไว้ เช่น การเดินตำแหน่งของแบล็กพีช Z เมื่อครู่นี้ ทั้ง ๆ ที่สามารถอำพรางตัวได้เมื่อตอนที่เดินในพุ่มไม้ ซึ่งในสเตตัสที่แชมป์เฟิร์สคิล เขาไม่มีวันที่จะไม่เข้าใจหลักการนี้ ผมคิดว่าคุณคงคิดเหมือนผม ที่ตอนแรกยังคิดว่าทำไมพวกเขาถึงเดินตำแหน่งแบบนั้น เพราะมันจะทำให้ทีมอาทิตย์อุทัยประเมินการเส้นทางตัวเองได้ แต่พอหลังจากที่ฉินมั่วฆ่าบอสราชาสำเร็จ ผมถึงได้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้เดินเส้นทางแบบนั้น เพราะเขาต้องการทำตัวเป็นเหยื่อล่อดึงดูดความสนใจจากทีมอาทิตย์อุทัย แผนส่งเสียงดังที่ทิศตะวันออก แต่ไปโจมตีทิศตะวันตกของเขาทำได้สวยจริงๆ”

เมลินได้ยินคำอธิบายดังกล่าวก็รู้สึกว่าเวอร์ไป จะเป็นไปได้ยังไงที่คนสองคนที่อยู่คนละฟากฝั่งของแผนจะร่วมมือกันสู้ได้ “น่าจะบังเอิญมากกว่า” เมลินถือไมโครโฟน ยิ้มให้กับอุปกรณ์ตัวเอง “ท่าทางวันนี้ทีมไดมอนด์จะโชคดี คงเพราะแข่งในบ้านตัวเองนั่นเอง แต่เชื่อว่าวิธีของพวกเขาคงใช้ไม่ได้ผลอีกแน่”

มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ กระทั่งผู้บรรยายยังสังเกตถึงปัญหานี้ได้ “แต่มีสิ่งที่เราต้องระวังคือ เมื่อกี้ตอนที่แบล็กพีช Z ใกล้จะชะงัก ยูกิชินกับโฮชิโนะก็เหาะไปที่บอสราชาแล้ว หมายความว่าวิธีแบบนี้ไม่อาจล่อทีมอาทิตย์อุทัยให้หลงกลได้อีก ฉินมั่วฆ่าบอสราชาได้ จะมากจะน้อยก็อาศัยดวงเช่นกัน เกรงว่าตอนนี้ทีมอาทิตย์อุทัยจะเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว”

เมื่อผู้บรรยายพูดจบ ผู้ชมก็เห็นทั้งสองที่แย่งบอสราชาไม่ได้ เหาะไปคว้าเอาบลูบลัฟในโซนป่าของทีมไดมอนด์ไป เมื่อโคโค่เห็นสัญญาณบนแผนที่ก็รีบวิ่งไป! แต่เขาคิดไม่ถึงว่าแค่ก้าวขาออกไปเอง ทางโน้นกลับมีคนมาเพิ่มอีกหนึ่ง ยูกิชินออกคำสั่งให้รวมตัวโจมตี ล้อมโคโค่ไว้ตรงกลาง ระยะห่างเช่นนี้เรียกว่าอยู่ไกลจากทุกคนมาก “เลนกลางของทีมไดมอนด์อันตรายแล้ว!” คำคาดเดาดังกล่าวปรากฏอยู่ในสมองของทุกตน และเสียงเอฟเฟกต์ที่ทำให้คนใจสั่นก็ดังเข้าหู

KO!

เฟิร์สคิลตกเป็นของยูกิชิน! ส่วนโคโค่หงายหลังล้มไปกองบนพื้น ทั้งที่กลับไปถึงใต้ป้อมแล้ว แต่เมื่อครู่โฮชิโนะได้ช่วยซ้ำเติมอย่างทันเวลา จึงทำให้ความเร็วถูกลดลง ทำให้แม้จะกลับป้อม ก็ยังต้องมาตายคาดาบของยูกิชิน

“เฟิร์สคิล เฟิร์สคิล!” เหล่าแฟนคลับในสนามสดต่างร้องอุทาน!

“การสู้ครั้งนี้เจ๋งเป็นบ้าเลย”

“อุแม่เจ้า เมื่อกี้เดินตำแหน่งยังไงอะ กลับเข้าป้อมแล้วยังโดนฆ่าได้?”

“ต่อไปทีมไดมอนด์คงเล่นลำบากแล้วล่ะ”

ถูกล่ะที่ได้ชีวิตบอสราชามา แต่กลับต้องเสียชีวิตของลูกทีมไป หากคำนวณดูแล้ว เห็นจะไม่คุ้ม ฝ่ายป๋อจิ่วลบประโยค “อย่าไป” ทิ้งซะ ก่อนจะเหาะไปที่เลนล่าง หมายจะคว้าเอาทีมมินเนี่ยนในระหว่างทาง

โคโค่รู้สึกผิดจนอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ฉินมั่วกลับชิงเอ่ยขึ้นก่อน “ฉันคงไม่ต้องให้ปลอบใจนายหรอกนะ”

โคโค่ชะงักทันที

“เฝ้าเลนกลางให้ฉันที” ฉินมั่วว่างพลางก็คว้าดาบยาวเหาะไป “จำไว้นะว่าการแข่งเพิ่งเริ่มขึ้น”

โคโค่ไม่พูดอะไร แต่ผู้บรรยายกลับให้คำวิเคราะห์ที่เป็นมืออาชีพ “ทีมอาทิตย์อุทัยหาจุดอ่อนของทีมไดมอนด์เจอแล้ว”

“คุณหมายถึงโคโค่ที่เลนกลาง?”

“ใช่ โคโค่เล่นบทบาทนักเวทย์กับตัวสนับสนุนในประเทศจีนได้ไม่เลว แต่กลับมีจุดอ่อนที่อันตรายมาก เขาไม่ใช่ตัว CC ที่ดีนัก ถ้าเราดูจากวิธีการเล่นของทีมอาทิตย์อุทัยแล้ว เดี๋ยวพวกเขาจะทะลวงจุดอ่อนอันนี้ เพราะเลนกลางเป็นส่วนสำคัญที่สุดของแผนที่เกม…”

……………………………………..

ตอนที่ 1819-4

ฉัน..เธอจะเอาไม่เอา

“เคยดูการแข่งของทีมไดมอนด์ ไม่ได้เก่งอะไรหรอก ชอบดราม่า จะซาบซึ้งอะไรกันมากมาย ก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้าพูด คนพวกนี้ควรจะดูเสียบ้างว่าสื่อต่างชาติว่าไงบ้าง บางครั้งก็ควรทุ่มเทเวลาไปซ้อมฝีมือตัวเองเสียจะดีกว่า แต่ยังไงฉันก็ไม่ชอบทีมไดมอนด์อยู่แล้ว ดูพวกเขาแข่งต่อไปไม่ลงหรอก”

“ฉันก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไอดอลของฉันแค่ลอกนิยายเอง มันจะผิดอะไรกันนักกันหน้า พวกเขาเอาแต่สนับสนุนคนประพันธ์ตัวจริง เรื่องมากเป็นบ้า สมน้ำหน้า ถูกสื่อต่างชาติด่าเข้าให้”

“คอมเมนต์บนทั้งสองท่านนี่มหัศจรรย์จริงๆ นะ สื่อนอกพูดว่าอะไรก็ต้องจริงอย่างนั้นเหรอ? อีกอย่าง การต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ถือว่าเรื่องมาก ด้วยเหตุผลที่ง่ายนิดเดียว พวกเขามีมโนธรรม แต่พวกเธอไม่มีไง แน่ล่ะ คงไม่ต้องหวังหรอกว่าคนอย่างพวกเธอจะเข้าใจคำว่ามโนธรรม”

“หึๆ มีแฟนคลับออกมาปกป้องทีมไดมอนด์อีกแล้ว ถูกสื่อนอกตบหน้าให้ขนาดนี้ ยังหน้ามืดหลงชื่อว่าตัวเองมีดีอีก มิน่าล่ะคนต่างชาติถึงไม่ชอบทีมไดมอนด์ โปรดอย่าทำเสียหน้าได้ป่ะ”

แต่กระนั้นในเวลานี้ ผู้กำกับหนังชื่อดังก้องโลกกลับโพต์คลิปวิดีโอบนโลกออนไลน์ขึ้นมา คลิปนั้นสั้นมาก มีความยาวแค่หนึ่งนาทีโดยประมาณ “ได้ยินมาว่าเด็กคนนี้กำลังแข่งอยู่ ขอมอบให้กับนักคอมพิวเตอร์ที่สวยสุดจนไม่มีใครเทียบได้ในใจผม นี่เป็นภาพโปรโมทหนังครับ”

ต้องรู้ว่า ผู้กำกับเลื่องชื่อแบบนี้ย่อมสร้างความฮือฮาได้มาก ไม่เพียงแต่ประเทศเดียว แต่เป็นหลายทวีปเลยต่างหาก ผู้คนต่างกดคลิปออกดู จึงได้เห็นภาพวัยรุ่นผมสีเงินสะท้อนนัยน์ตา ใบหน้าเจ้าตัวคลุมด้วยผ้าปิดปากสีดำ สวมแจ็คเก็ตสีเดียวกัน นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ โดยนิ้วมือขยับขึ้นลงด้วยความเร็วสูงจนทำให้คนตาลาย เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ร้อนใจ โดยหลังจากที่แฮกระบบได้ ก็ถอดผ้าปิดปากไปวางไว้อีกทาง ปลายนิ้วกดไฟแช็กสีเงินเล่น ใบหน้าหล่อสุดเท่กำลังคลี่รอยยิ้ม

ด้านล่างหน้าจอปรากฏตัวอักษรแถวหนึ่ง ผงาดบนที่มืดลึกลับเพื่อคอยปกปักแสงสว่าง

‘ฉันคือ Z’

ทันใดนั้น! โลกออนไลน์ถึงกับเป็นหยุดชะงัก บางทีคงมีบางคนในประเทศจีนที่ไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้มีนัยสำคัญอย่างไร ทว่าที่ต่างประเทศ แฟนหนังต่างรู้กันหมดว่า ผู้กำกับยึดบุคลิกใครมาถ่ายตัวละครในหนังเรื่องนี้!

Z นายน้อยโลกแฮกเกอร์ผู้มีสีสันมหัศจรรย์

แต่ด้วยอยู่คนละวงการ จึงไม่อาจใส่รายละเอียดได้หมด ทว่าคนที่รู้จักว่าโค้ดคืออะไร ก็ย่อมรู้ว่าเป็นตัวละครนั่นคือใคร! ทั้งนี้คนที่แสดงเป็น Z อยู่ในทีมไดมอนด์

ชาวเน็ตที่อยู่ต่างประเทศแทบจะระเบิดลง ไม่สิ ไม่เพียงแค่ชาวเน็ต รวมถึงคนที่รู้ข่าวดังกล่าว ต่างเสิร์จหากันใหญ่ว่าจะดูการแข่งในครั้งนี้ได้อย่างไร

คอมเมนต์จากเพื่อนต่างชาติทะลักเข้ามา ราวกับจะตบหน้าคนที่บอกว่า ‘คนต่างชาติไม่ชอบทีมอย่างทีมไดมอนด์หรอก’

“มาเพื่อ Z!”

“ไอดอลของฉันตอนนี้ชื่อ แบล็กพีช Z เหรอ? ใช้ชื่อน่ารักอะ เหมาะกับความนุ่มนวลของคนเอเชียเลย”

“เฮ้ เพื่อน ฉันเป็นแฟนคลับเก่าแก่ของเขา ขอให้ข้อมูลกับคนใหม่นิดหนึ่ง Z เป็นผู้หญิง”

“What?”

“ใช่ ของจริงเลยล่ะ”

“โอ้! เท่มาก!”

“มีข้อมูลแค่นี้เองเหรอ ทำไมถึงไม่มีใครเสนอข่าว”

“นักข่าวที่อยู่ประจำประเทศจีนล่ะ”

ด้วยเหตุที่เว็บไซด์เมืองนอกถูกเสิร์จหาอย่างร้อนแรง หลายคนอยากรู้เรื่องการแข่งที่ทีมไดมอนด์กำลังจะเริ่มขึ้น

ฝ่ายหัวหน้าที่อยู่ต่างประเทศรีบต่อสายถึงเมลิน “นับแต่นี้เป็นต้นไป เธอพยายามจับภาพทีมไดมอนด์ให้มากหน่อย”

“Why?” เมลินรู้สึกว่ามันบ้ามาก “หัวหน้าคะ คุณน่าจะรู้ว่ามีหลายๆ คนรอดูทีมอาทิตย์อุทัยอยู่นะคะ ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเราแบ่งเวลาไปจับภาพทีมใหม่อย่างทีมไดมอนด์ล่ะก็ ฉันไม่เห็นมูลค่าที่เราจะได้เลยค่ะ”

“เมลิน ผมรู้ว่าคุณชอบทีมอาทิตย์อุทัย ผมก็เหมือนกัน แต่หลายครั้งเราต้องยืนอยู่ตรงกลาง ถึงจะเอนเอียงบ้างก็อย่าให้มากนัก ถ้าคำนวนเวลาที่ต่างกันของทั้งสองประเทศ ตอนนี้การแข่งที่ฝั่งคุณน่าจะเริ่มแล้ว ทำข่าวให้ดีๆ เถอะ…”

…………………………………………..

  ตอนที่ 1820-1

“ไปทำข่าวเถอะ” เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของมิสเตอร์สมิธแล้ว เมลินรู้สึกต่อต้านเงียบๆ เธอไม่คิดว่าตัวเองลำเอียง หากเทียบทีมไดมอนด์กับทีมอาทิตย์อุทัยแล้ว ทีมหลังย่อมสำคัญกว่าแน่นอน แต่ในเมื่อจะให้รายงานข่าวก็จะรายงาน เธออยากเห็นเหมือนกันว่าทีมไดมอนด์น่าดูกว่าอีกทีมที่ตรงไหน

เมลินหยิบอุปกรณ์ขนาดเล็กเล็งไปยังคนที่นั่งทางนั้น มันเป็นอุปกรณ์ที่นักข่าวพกพามา ซึ่งจะได้เห็นภาพอย่างชัดเจน

การแข่งเริ่มต้นแล้ว ทั้งสองทีมต่างเลือกบทบาทของตัวเอง ฉินมั่วเลือกเป็นนักฆ่าล่ามอนสเตอร์ ป๋อจิ่วเลือกตัวคอมมานโดอิสระ

“ฟอร์มแบบนี้ของทีมไดมอนด์ เกรงว่าจะสู้คู่แข่งได้ยาก อันตรายมากเกินไป” ผู้บรรยายวิเคราะห์บนมุมมองของบทบาทตัวละครเท่านั้น แต่ถ้าเลือกตัวแทงค์ อาจจะง่ายกว่าหน่อย”

“จะสู้กับทีมอาทิตย์อุทัยทั้งที ต้องเลือกตัวแทงค์ที่เป็นตัวชน ถ้าดูจากการแข่งครั้งที่ผ่านมา นี่ถือเป็นวิธีเดียวที่จะสู้กับทีมญี่ปุ่นได้”

“แบล็กพีช Z เริ่มเดินตระเวนแล้ว!”

ทุกคนในสนามต่างรู้ดีว่าสโลแกนของป๋อจิ่วคือ ‘โซนป่าของคู่แข่งคือบ้านของฉัน’

“จะแย่งบลูบลัฟใช่ไหม”

“แย่งไม่ได้หรอก” ซึ่งก็แย่งไม่ได้จริงๆนั่นแหละ เมื่อดูผ่านหน้าจอ เราจะเห็นผู้เล่นเลนกลางของทีมญี่ปุ่นและโฮชิโนะล้อมป๋อจิ่วไว้ตรงกลาง ราวกับเตรียมป้องกันไม่ให้เธอมาแย่งมอนสเตอร์โดยเฉพาะ

โฮชิโนะย่อมไม่ออมมือให้ สร้างความเสียหายให้เธอทันที ปริมาณเลือดของป๋อจิ่วที่ปรากฎบนหน้าจอลดลงนิดหนึ่ง แถมความเร็วของเธอพลอยถูกลดลงด้วย ในขณะที่ใกล้จะโดนล้อมไว้จริงๆ ก็ได้เห็นเธอตวัดทวนยาว กระโดดออกมาจากวงล้อม แล้วย้ายไปที่ริมแม่น้ำ มันช่างน่าตกใจ แต่ไร้อันตราย ส่งผลให้เหล่าแฟนคลับต่างโล่งอกโดยไม่รู้ตัว ทว่าผู้ชมบางส่วนพอจะมองออกถึงข้อเสียที่เกิดขึ้น “เล่นเกมแบบนี้ ไม่ระวังเอาเสียเลย อาจเสียเฟิร์สบลัดได้นะ”

“ฉันเคยบอกแล้วว่าแบล็กพีช Z มาจากพวกเล่นเกมบ้านๆ มาก่อน ไม่เคยได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นระบบ ถ้าเล่นลีกส์อาชีพนานๆคงไม่ไหว เพราะการแข่งลีกส์อาชีพเน้นที่การเล่นกันเป็นทีม ดูเอาเถอะ หลังจากที่ได้เจอทีมอาทิตย์อุทัย ข้อเสียนี้จะเห็นชัดมากขึ้น คนจากทีมญี่ปุ่นไม่ปล่อยให้เขาแย่งมอนสเตอร์ไปได้หรอก โฮชิโนะยิ่งจะไม่ยอมให้เขาทำอะไรตามใจชอบในโซนป่าของพวกเขาหรอก”

“พูดแบบนี้จะเป็นการด่วนสรุปไปหรือเปล่า เพราะแบล็กพีช Z ไม่ได้สร้างความผิดพลาดใหญ่หลวงเสียหน่อย”

“เขาไม่สร้างความผิดพลาดก็จริง แต่ดูสเตตัสเขาในตอนนี้สิ ต่ำที่สุดในสนามเชียวนะ คนที่เคยเห็นเขาเล่นเกมมาก่อน น่าจะรู้ว่าเขามีสเตตัสสูงในทุกครั้งที่เล่น การจะสร้างความเสียหายให้ได้ผลดี จะต้องมีสเตตัสสูง นี่เปิดเกมมาหนึ่งนาทีกว่าแล้ว ตามปกติเขาต้องเติบโตขึ้นมาบ้างสิ แต่นี่ยังไม่เติบโตเลยก็แสดงให้เห็นว่า โฮชิโนะข่มเขาไว้ราบคาบ”

ดูเหมือนคนที่สังเกตเห็นเรื่องนี้จะไม่ใช่ผู้ชมที่ดูการแข่งบ่อยๆ กระทั่งผู้กำกับกานถ่ายทอดสดยังแพนกล้องไปจับภาพยังใบหน้าของป๋อจิ่วที่ดูหล่อสะอาด เส้นผมสั้นเซอร์สีเงินปรกลงมาบังนัยน์ตาของเจ้าตัว หากมองจากมุมนี้ จะเห็นเพียงคางของเธอเท่านั้น

 ……………………………………

ตอนที่ 1819-2

ฉัน..เธอจะเอาไม่เอา

“เดี๋ยว พวกเธอลองฟังดูนะว่าฉันเดาถูกไหม ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าเทพโฮชิโนะดูถูกทีมไดมอนด์ เลยไม่ยอมลงประเภททีมใช่ป่ะ แต่ตอนนี้ทำไมฉันรู้สึกว่า ที่เขาไม่ลงแข่งประเภทเดี่ยว ไม่ได้เป็นเพราะดูถูกทีมไดมอนด์ แต่เพราะจะใช้ความสามารถทั้งหมดเพื่อจะแข่งทีม ก็ทีมไดมอนด์ไม่ได้มีแค่เทพฉินนี่นา ยังมีแบล็กพีชอีกด้วย!”

“…”

“…”

“หรือไม่ใช่?”

“ฉันขออยู่นิ่งๆแป๊บหนึ่ง แล้วค่อยวิเคราะห์เรื่องนี้!”

“ถ้าพี่แบล็กของฉันมีอะไรกับเทพโฮชิโนะจริง จะทำยังไงดี?”

ในระหว่างที่ผู้คนคิดกันแบบนี้ ก็เห็นฉินมั่วที่จับมือกับยูกิชินเสร็จ ก็เดินไปหาป๋อจิ่วแล้วยื่นมือให้ เอ่ยเสียงเรียบ “ก่อนแข่ง มีของจะให้เธอ”

“อะไรเหรอ?” มีของขวัญให้ก่อนแข่งด้วยอะ? หรือว่าเป็นอมยิ้ม?

ฉินมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย “ยื่นมือออกมาสิ” ซึ่งป๋อจิ่วก็ทำตาม เอาเสียงแฝงแววยิ้ม “ฉันเอง เธอจะเอาไหม?”

ผู้ชม “….”

แต่พวกเขาอึ้งแค่ครึ่งวินาทีเท่านั้น เสียงกรี๊ดก็ดังทั่วสนาม โดยคณะกรรมการที่กำลังตรวจเช็ครายชื่อผู้เข้าแข่งขันต่างหันมามองหน้ากันเอง เมื่อได้ยินเสียงที่ว่า ทั้งนี้แม้จะเป็นการไลฟ์สด แต่เหตุการณ์ต่อเนื่องกันนี้กลับไม่ถูกฉายทางเว็บไซต์

แม้ทางนักข่าวหลายคนอยากจะจับภาพดังกล่าว แต่สายไปเสียแล้ว! นอกเหนือจากนี้หลินเฟิงที่ยืนด้านข้างจะมีสีหน้าเป็นอย่างไร คงเป็นที่รู้กัน เขาคิดจะห้ามไม่ให้เจ้าแบล็กอวดผัว แต่ไม่คิดว่าหัวหน้าจะเป็นคนเปิดเผยเสียเอง แถมวิธีการบอกรักแบบนี้ ส่งผลให้สาวๆทั้งหลายต่างเนื้อเต้นกันใหญ่

“พี่แบล็ก รีบตอบรับเทพฉินของพวกเราเร็ว!”

“ปีศาจร้ายของแท้ เมื่อกี้ที่เทพฉินยิ้มอะ เลือดกำเดาฉันเกือบไหลเลยล่ะ”

“ฉัน เอ่อ อย่านะ? โอ้ๆๆๆ ฉันจะคลั่งแล้ว!”

ป๋อจิ่วพลอยร้องในใจด้วยว่า เธอก็จะคลั่งเหมือนกัน มันน่านักเชียว! เธอไม่อาจผลักเขาเข้ากำแพงแล้วจูบได้ดั่งใจ ด้วยเหตุที่ที่นี่คือสถานที่สาธารณะ รู้สึกคันหัวใจยุบยิบเหลือเกิน แต่เมื่อจะออกปาก ก็เห็นร่างของชายหนุ่มก้มนิดๆ “ถ้าไม่เอา งั้นคืนนี้เราต้องมาคุยกันสักหน่อยว่าเธอเคยบอกรักคนไปกี่คนแล้ว”

ป๋อจิ่วทำสีหน้าจริงจัง “ถ้าเอาแล้วคืนสินค้าทีหลังได้ไหม”

“ได้สิ” ฉินมั่วหัวเราะอีก

ป๋อจิ่วหัวเราะเช่นกัน เอ่ยเนิบๆ อย่างร้ายกาจ “จุ๊บก็ไม่ได้ เดี๋ยวยังต้องแข่งอีก ฉันแต๊ะอั๋งพี่ไม่ได้เลย พี่มั่ว จงใจใช่ไหม?”

ฉินมั่วจงใจจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้เธอแต๊ะอั๋งเขา ช่างเถอะ ยังไงยัยนี่ก็ซื่อบื้อในบางเรื่องมาโดยตลอด “อืม ฉันจงใจ” ฉินมั่วหันมามองพลางจัดแจงผ้ายืดรัดข้อมือให้อีกฝ่าย “ไปเถอะ เดี๋ยวแข่งเสร็จแล้วมีของขวัญให้”

“ยังมีอีกเหรอ?” ป๋อจิ่วแค่นึกถึงของขวัญก็มีความสุขไปทั้งชาติแล้ว ยังมีของขวัญอะไรให้เธออีกนะ?

เมื่อตอนเป็นเด็ก เจ้าหญิงน้อยคงคิดไม่ถึงว่า พอโตแล้วเขาจะมอบตัวเขาให้เธอด้วยตัวเอง ตอนนั้นเธออุตส่าห์ใช้เงินตั้งเยอะ แต่เขากลับไม่ยอมขาย กาลเวลาผ่านไป ตอนนี้สถานการณ์กลับมาเป็นคุณแก่ตัวเธอ ป๋อจิ่วยิ้มร้าย แต่ไม่รู้ว่าฉินมั่วมองดูแววตาของเธอ ด้วยความรู้สึกลึกซึ้งในอีกแบบ…

 ………………………………………

ตอนที่ 1819-3

ฉัน..เธอจะเอาไม่เอา

โฮชิโนะดูเหตุการณ์ทั้งหมด แสงในดวงตาลดทอนลง เดิมคิดจะยั่วให้ฉินมั่วหึง ซึ่งก็บรรลุผล แต่ชายหนุ่มกลับกล้าหาญที่จะใช้วิธีนี้สารภาพรัก ไม่กลัวหรือไงว่าถ้าเกิดทีมไดมอนด์แพ้ขึ้นมา จะมีคนหาว่าเขาดราม่า

“เมื่อกี้นายพูดอะไรกับ Z?” ยูกิชินเอียงศีรษะ ฝ่ายโฮชิโนะจัดแจงผ้ายืดรัดข้อมือ “ก็แค่แสดงความเป็นห่วงสุขภาพเขาเท่านั้น นายว่าฉินมั่วจำได้หรือยัง?”

“ดูไม่ออก” ยูกิชินหัวเราะ “ดูเหมือนสิ่งที่เขาพูดในวันนี้จะเหมือนตอนเป็นปกติ เฮ้”

โฮชิโนะ “เป็นอะไร?”

“อย่าอ่อนข้อให้นะ” ยูกิชินแววตาเข้ม ฝ่ายโฮชิโนะยิ้มอ่อน “ฉันก็เหมือนกับนายนี่แหละที่รอการแข่งครั้งนี้มานานแล้ว การได้สู้กับ Z ถือเป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่ง แค่เมื่อก่อนไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง เอาล่ะ จะเริ่มแล้ว”

เหมือนเป็นการพิสูจน์คำพูดของโฮชิโนะ เสียง ‘สวบ!’ ดังขึ้น รายชื่อนักกีฬาทั้งหมดออกมาพร้อมมูล

พิธีกรถือไมโครโฟน “การแข่งชิงแชมป์เอเชียปี 2018 ในสนามสุดท้ายของรอบชิงชนะเลิศ เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!”

‘สวบ!’ ดังขึ้นอีกครั้ง กล้องเลื่อนตำแหน่งลงไป ทุกคนได้เห็นคนเหล่านั้นแยกย้ายกันนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ประจำตำแหน่งตัวเอง ฉินมั่วนั่งตรงกลาง เวลาเล่นทีมก็มักเป็นแบบนี้ หัวหน้านั่งตรงกลางเพื่อสะดวกต่อการออกคำสั่ง ส่วนโคโค่ ป๋อจิ่ว อวิ๋นหู่ หลินเฟิงสี่คนนี้นั่งเรียงเป็นแถว นิ้วเรียววางบนแป้นพิมพ์อย่างพร้อมเพรียงกัน  เสียงพิมพ์กังวานดังสะท้อนสนามแข่ง

เพื่อไม่ให้เกิดความน่าเบื่อในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีที่ว่า ผู้บรรยายเริ่มเอ่ยขึ้น “สิ่งที่พวกเราทุกคนรอคอยมากที่สุดได้มาถึงแล้ว เมื่อกี้ผมเห็นเพื่อนชาวเน็ตบอกว่า ที่โฮชิโนะไม่ยอมลงประเภทเดี่ยวเพราะแบล็กพีช Z คุณคิดว่าประเด็นนี้น่าเชื่อถือแค่ไหน?”

“เรื่องนี้พูดยากเหมือนกันนะ เพราะเมื่อดูปฏิกิริยาที่ทั้งสองทีมมีต่อกันแล้ว เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน จะว่าไปผมเคยเห็นยูกิชินเล่นร่วมกับโฮชิโนะแค่ในการแข่งระดับโลกเท่านั้น”

หลังจากที่ได้ยินคำบรรยายของผู้บรรยาย เมลินก็หยิบไมโครโฟนมาพูดในมุมมองของตัวเองบ้าง “ไม่ทราบว่าเพราะบรรยากาศในสนามสดนำพา ผู้บรรยายของที่นี่เลยพูดหนีประเด็นหลักหรือเปล่า การแข่งในสนามนี้เห็นได้ชัดกว่าความสามารถของทั้งสองทีมต่างกันเยอะมาก ไม่มีอะไรน่าเปรียบเทียบ ต่อให้ยูกิชินกับโฮชิโนะลงแข่งด้วยกัน แต่ก็เป็นเพราะพวกเขาทุ่มเท่กับการแข่ง ไม่ได้มีอีโก้จนมองข้ามฝ่ายตรงข้าม ในเมื่อเป็นสนามสุดท้าย ย่อมต้องเอาชนะให้สวยๆ  เดี๋ยวฉันจะบรรยายสถานการณ์การแข่งจากสนามสดนะคะ แน่ล่ะ เราจะบรรยายจากมุมของทีมอาทิตย์อุทัย”

โดยปกติแล้ว พวกเราจะได้รับข้อมูลอะไรก็จะเชื่อข้อมูลอันนั้น พวกแฟนคลับอีสปอร์ตที่อยู่ต่างประเทศต่างรู้สึกว่าผู้บรรยายในงานแข่งขันครั้งนี้ช่างไม่มืออาชีพเอาเสียเลย พวกเขาอยากดูทีมอาทิตย์อุทัยเสียมากกว่า ถึงทีมไดมอนด์จะไม่เลว แต่ตอนนี้ยูกิชินกับโฮชิโนะลงแข่งด้วยกันเชียวนะ มันมีความหมายว่าอย่างไร? ท่าทางอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ! จะถือว่าเอาชนะประเภทคู่ได้แล้วคิดว่าตัวเองจะเทียบเท่ากับพวกยูกิชินงั้นสิ

คอมเมนต์จากต่างประเทศจึงทะลักเข้ามา ส่วนใหญ่จะพูดถึงจุดเสียของทีมไดมอนด์ จนก่อเกิดโอกาสโจมตีได้ในที่สุด พวกจอมยุทธ์คีย์บอร์ดจึงได้เวลาออกมาอีก คนพวกนี้มีจุดเด่นอยู่ข้อหนึ่งตรงที่ว่าเป็นพ่อพระแม่พระเหลือเกิน เลือกปกป้องความผิดทุกประการ แถมยังคิดว่าตัวเองมีเหตุผลด้วย

 ………………………………………………..

ตอนที่ 1818-4

เคยมีคนพูดว่าสำหรับยูกิชินแล้ว สนามแข่งก็เหมือนเป็นที่ที่ให้เขาไล่ฆ่าเพียงฝ่ายเดียว อาจจะอธิบายได้อีกแบบหนึ่ง หากการแข่งครั้งไหนที่ยูกิชินไม่ได้ลง ก็เท่ากับว่านั่นไม่ใช่ความสามารถที่แท้จริงของทีมอาทิตย์อุทัย แต่กระนั้นก็ยังมีน้อยครั้งที่เจ้าตัวลงแข่งเอง ดังนั้นเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเขา ผู้ชมในสนามแข่งต่างอื้ออึงกันใหญ่

“ท่านเทพของฉันจะลงแข่งแล้วใช่ไหม? พระเจ้า!”

“หมายความว่าประเภทคู่แพ้เหรอ? แต่ยังแข่งไม่จบเลยนะ?”

“ทีมไดมอนด์เก่งถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ถึงขั้นเทพยูกิชินต้องลงเอง?” หลายคนยังคงสงสัย โดยเฉพาะพวกนักข่าวต่างชาติที่มาทำข่าวทีมอาทิตย์อุทัยโดยเฉพาะ ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะสัมภาษณ์ทีมไดมอนด์ยังไง เพราะในหัวใจของพวกเขา ทีมอาทิตย์อุทัยถือเป็นเป้าหมายในการมาเยือนจีนอย่างไม่ต้องกังขา คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นยูกิชินลงมือเอง แต่การแข่งประเภทคู่ยังไม่จบ จะสรุปเลยก็คงไม่ดีนัก

“เมลิน คุณเคยได้สัมผัสทีมไดมอนด์มาก่อน คุณคิดว่าเพราะอะไรยูกิชินถึงได้ทำแบบนี้?”

เมลินคนนี้เป็นนักข่าวต่างชาติเคยพูดว่า ‘เราได้เรียนรู้หลายอย่างจากการแข่งระหว่างทีมไดมอนด์และอาทิตย์อุทัยเลยล่ะค่ะ’ เธอหัวเราะพลางหัวเราะยักไหล่ “โอ๊ะ ฉันขอบอกว่า สาวๆ คะ อย่าตื่นเต้นตกใจไป เท่าที่ฉันรู้จักเขา ต้องบอกว่าเขาเป็นคนไม่ทำอะไรตามครรลองปกติ พวกคุณน่าจะรู้ว่าพวกมีพรสวรรค์ก็เป็นแบบนี้ บางครั้งเวลาที่เขาลุกขึ้นมาก็เพราะนั่งจนเบื่อเลยอยากเล่นสักตา ฝีมือของทีมไดมอนด์น่าสนใจมากก็จริง เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายของฉันเลยล่ะค่ะ แต่ไม่น่าจะถึงขั้นที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาดู เรามาดูการแข่งต่อดีกว่า รอจนแข่งประเภทคู่จบแล้วค่อยว่ากัน”

“จริงด้วย” คำวิเคราะห์ดังกล่าวได้รับความเห็นน้อยจากคนไม่น้อย เพราะผู้บรรยายเองยังหาคำตอบให้ไม่ได้ แต่ในทันทีที่เธอพูดจบ เสียงเอฟเฟกต์ก็ดังตามทันที!

KO!

หลินเฉินทาวสามารถฆ่าหนึ่งในคู่แข่งได้ถึงสามครั้ง ซึ่งเห็นสถานการณ์ในเกมได้ชัด เมื่อทีมมินเนี่ยนบีบเข้าไปใกล้ ป้อมคริสตัลของทีมอาทิตย์อุทัยก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ การแข่งประเภทคู่ ทีมไดมอนด์เป็นฝ่ายชนะ แถมยังชนะได้อย่างสวยงาม!

หลินเฉินทาวเองยังตะลึงงัน ราวกับไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งคนข้างตัวยื่นมือออกมาถอดหูฟังให้ แล้วหัวเราะนิดๆ “บื้อไปเลยเหรอไง?”

“ฮ่าๆๆๆ ชนะแล้ว! ท่านเทพ พวกเราชนะแล้ว!” หลินเฉินทาวมีนิสัยเหมือนเด็กชายตัวน้อยๆ ด้วยต้องแบกรับความกดดันมาก จึงปลดปล่อยออกมาเต็มที่ เขากระโดดกอดเหราหรง “เมื่อกี้เห็นตอนที่ฉันปล่อยพลังชุดใหญ่หรือเปล่า เล่นมันส์มากเลยล่ะ อุตส่าห์ได้ฟอร์มแบบนี้ ต่อไปฉันไล่บี้จ้าวซานพั่งได้สบายเลยล่ะ!”

ส่วนจ้าวซานพั่งที่อยู่ตรงที่นั่งผู้ชมแต่ได้บ่นในใจ…อะไรวะ! เฮ้ย! หมายความว่าไง! รวมถึงผู้ชมในสนามต่างคิดกันว่า ผู้ชายอย่างพวกนายสองคนอย่าใช้วิธีนี้ฉลองชัยชนะได้หรือเปล่า!

ในขณะที่ทีมไดมอนด์ไม่คิดอะไรมาก ผู้ชายทั้งแท่งอย่างอินอู๋เย่ายังมองเห็นแค่ชัยชนะที่ได้รับมา ทุกคนต่างดีใจ กระทั่งนักข่าวต่างชาติยังได้แต่มองอย่างงงงัน ทำไมชนะเสียเร็วอย่างนั้น? อันที่จริงสายตาของคนทั่วไปอาจจะไม่เห็นอะไร แต่การแพ้ชนะในครั้งนี้เป็นเรื่องจังหวะฟอร์มการเล่นจริงๆ กระทั่งเฟิงซ่างเองยังพูดติดอ่างกับหลินเฉินทาวว่า “มะ เมื่อกี้ คะ โคตรเท่เลย!”

“ใช่! ฮ่าๆๆๆ” หลินเฉินทาวดีใจจริงๆ เหราหรงมองอีกฝ่ายแล้วพลอยหยักยิ้มมุมปากไปด้วย ส่วนป๋อจิ่วที่ยิ่งดูก็ยิ้มหวานขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนเธอจะได้ล่วงรู้ความลับที่ลึกซึ้งเข้าเสียแล้ว

“เอาล่ะ” ฉินมั่วลุกขึ้นยืน เสี้ยวหน้าแสนหล่อดื่มด่ำอยู่ใต้แสงไฟราวกับเป็นเพชรที่เปล่งประกาย ดูหล่อคมสันและสง่างาม เหมือนมีลมพัดชุดทีมของเขาให้โป่งพองจนเห็นตัวอักษรชื่อทีม จากนั้นก็ได้ยินพียง “ต่อไปเป็นงานของพวกเราแล้ว”

………………………………………………..

ตอนที่ 1819-1

ฉัน..เธอจะเอาไม่เอา

ห้วงเวลานั้น ดูเหมือนจะมีลมแรงพัดเข้ามาในสนามแข่ง คงเพราะบรรยากาศนำพา เมื่อฉินมั่วลุกขึ้นมา สมาชิกคนอื่นของทีมไดมอนด์ต่างลุกขึ้นยืนตัวตรง ตัวอักษรชื่อทีมบนหลังของพวกเขาสะบัดขึ้นมา

“นับจากนี้ต่อไป การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศถือว่าได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ โปรดรอชม”

จ้าวซานพั่งได้ยินเสียงแล้วหันไปมองหัวหน้าตัวเองที่สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน “อื้ม” เขาย่อมต้องดูอย่างตั้งใจแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่นของทีมอาทิตย์อุทัยหรือไดมอนด์! การแข่งประเภททีมที่มาถึง ทำให้ทุกคนตื่นเต้นสุดขีด โดยเฉพาะพวกแฟนคลับสาวๆ ที่มองเห็นโฮชิโนะก้มตัวปลดเสื้อตัวนอกออกอย่างนุ่มนวลแล้วเงยหน้าขึ้นมา เส้นผมที่ยุ่งนิดๆ แสดงให้เห็นถึงความตั้งอกตั้งใจที่ไม่เคยทีมากขนาดนี้มาก่อน

ป๋อจิ่วแย้มยิ้มพลางเดินออกไป สวนทางกับเขาพอดี เจ้าหล่อนซุกมือในกระเป๋าข้างหนึ่งเหมือนยามปกติ แต่ความอ่อนโยนในสายตากลับหลอกใครไม่ได้ โฮชิโนะเห็นเธอ ก็พลันเอ่ยอย่างอบอุ่น “หายแล้วเหรอ?”

“อื้ม เมื่อวานอะ….อุ๊บ” ป๋อจิ่วยังไม่ทันได้พูดออกมา ก็ถูกหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ อุดปากทันที เรื่องอวดผัวแบบนี้ ต้องห้ามเสียหน่อย สถานที่ออกจะเป็นทางการ จริงไหม!

โฮชิโนะกลับหัวเราะ พูดต่อในสิ่งที่เธอยังพูดไม่จบ “เมื่อวานฉินมั่วดูแลคุณล่ะสิ?”

ป๋อจิ่วพยักหน้า ผลักหลินเฟิงให้หลีกทาง โดยฝ่ายหลังกลายเป็นหินไปแล้ว นี่มันอะไรกัน ทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงรู้ทัน? เดี๋ยว เมื่อกี้เหมือนโฮชิโนะจะถามว่าเจ้าแบล็กหายหรือยัง! เป็นห่วงเป็นเจ้าแบล็กอย่างนี้เลยเหรอ? อุว้าว ถ้าเจ้าแบล็กเป็นผู้ชายล่ะก็ เขาจะไม่คิดมากเลย!

เหล่าผู้ชมเห็นความผิดปกติจากเหตุการณ์ดังกล่าว แม้จะไม่ได้ยินว่าพูดอะไรกัน แค่เห็นทั้งสองถามกันที ตอบกันไป เหมือนเพื่อนเก่าที่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบที่ไม่ได้เจอกันมานาน

เอ่อ…ตอนนี้ทีมไดมอนด์กับทีมอาทิตย์อุทัยเป็นคู่แข่งกันใช่ไหม? ทำไมรองหัวหน้าทั้งสองคนเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันเลยล่ะ! ต้องดูบรรยากาศของหัวหน้าทีมสิ ปกติที่สุด ถึงจะนั่งห่างกันขนาดนั้น พวกเขาก็ยังรู้สึกว่า ทั้งสองนำพาบรรยากาศคุกรุ่นมาให้

ยูกิชินยิ้มให้ โดยเอ่ยขึ้นเบาๆ ในระหว่างที่เดินสวนกัน “รองหัวหน้าทีมนายนี่เหมือนจะเชื่อมั่นในตัวรองหัวหน้าทีมฉันจังเลยนะ นายไว้ใจได้เหรอ?”

“เขาเป็นของฉันหมดทั้งตัวและหัวใจ จะไปมีอะไรที่ไม่ไว้ใจ” ฉินมั่วหันไปมองอย่างเป็นปกติ “ถ้านายไม่ไว้ใจ ก็ทำให้โฮชิโนะกลายเป็นคนของตัวเองสิ แต่ดูท่า นายคงจะหมดหวังไปทั้งชาติ” เล่นเอายูกิชินชะงักมือ หรี่นัยน์ตาลงทันที

ฝ่ายฉินมั่วได้ยินพิธีกรแจ้งให้ทั้งสองฝ่ายจับมือกัน ซึ่งทั้งที่เป็นแค่การจับมือกันแท้ๆ แต่ด้วยเหตุจากบารมีสูงส่ง ทำให้ดูเหมือนท้ารบกันเสียมากกว่า

“ขอคำแนะนำด้วยนะครับ”

“ได้เลย คุณฉิน”

ทั้งสองจับมือกันอย่างไม่จริงใจสักเท่าไร ขนาดที่ผู้ชมยังมองออก โดยคอมเมนต์ผุดขึ้นบนหน้าจอทันที

“ให้สองคนนี้จับมือกัน โอย คนจัดคงจะคลั่งไปแล้ว”

“นี่เป็นการแข่งขันนัดสำคัญนะ พวกเราสำรวมกันหน่อย ส่วนต่อไปนี้เป็นบทพากษ์นะจ๊ะ ของยูกิชิน คอยดูนะ เดี๋ยวจะจับนายฆ่าเสียเลย ส่วนฉินมั่ว หึๆ ลองดูสิ คิดว่าฉันกลัวนายงั้นเหรอ? ลองถามพวกนายดีกว่าว่า ใช่ป่ะล่ะ!”

“โห เหมือนจริงมาก ขอแคปหน้าจอไปทำมีม!”

“ทำไงดี? หลัวกับแฟนฉันจะตีกันแล้ว ฉันจะช่วยใครดี?”

“รู้สึกว่าเทพโฮชิโนะกับพี่แบล็กน่าจับคู่จิ้นอะ น่ารักจุงเบย ขอปิดหน้าด้วยความเขิน!”

“เป็นรองหัวหน้าทีมที่สมานฉันท์ที่สุดที่ฉันเคยเห็นจริงๆ…”

 ……………………………………………..

ตอนที่ 1818-1

พวกเขาเป็นผู้เล่นประเภทคู่ของทีมไดมอนด์! ไม่ใช่ของทีมอื่น

บางทีเป็นเพราะต้องมองเหม่อนอกหน้าต่างอย่างเหงาหงอยในยามค่ำคืนเพียงลำพังมานานเกินไป เคยคิดว่าโลกเราก็เป็นแบบนี้แหละ แต่เวลานี้ไม่ใช่อีกต่อไป

คนที่อยู่ในสนามแข่งเวลานี้ ไม่เคยมีใครหรอกที่รู้จักคำว่าความมืดมนอย่างแท้จริง เว้นแต่เหราหรง เขาเคยคิดว่าตัวเองลุกไม่ขึ้นอีกแล้ว ยิ่งรักในวงการนี้แค่ไหน ก็ยิ่งถูกรังเกียจมากแค่นั้น และไม่ได้รับการให้เกียรติจากคนอื่น แค่อ้างคำว่าชอบก็เหยียบย่ำคนอื่นได้ แล้วจะเล่นไปเพื่ออะไร?

หลังจากที่พ่อเสียชีวิต เหราหรงถามคำถามนี้ต่อตัวเองหลายครั้ง และเขาหาคำตอบเจอแล้วในตอนนี้ ชายหนุ่มคลิกเมาส์ เข้าสู่หน้าเกมแล้วเลือกบทบาทที่ต้องการ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นทีมไดมอนด์หรือทีมอาทิตย์อุทัยต่างพิมพ์ด้วยความเร็วสูง ผู้บรรยายยังหาจังหวะบรรยายไม่ได้เลย ทั้งสองทีมก็เหาะกันไปที่บ่อน้ำพุกันเรียบร้อย

ปกติการแข่งประเภทคู่ หากไม่ใช่การเข้าคู่กันระหว่างตัวยิงไกลและแทงค์สนับสนุน ก็ต้องเป็นตัว CC และตัวฆ่ามอนสเตอร์ที่เลนกลาง

“ถ้าดูจากฟอร์มทีมแล้ว ทีมไดมอนด์และอาทิตย์อุทัยต่างเลือกเหมือกัน” ผู้บรรยายพูดต่อ “ทั้งสองทีมเลือกการเข้าคู่ของนักฆ่า ท่าทางอยากจบเกมนี้เร็วๆ”

“ทีมอาทิตย์อุทัยอาศัยที่ชนะมาแล้ว กำลังตามไล่บี้คู่แข่ง การเล่นคู่แบบนี้เหมาะสมกับจังหวะการเล่นในเวลานี้จริงๆ”

“ตอนนี้ต้องมาดูว่านักฆ่ามอนสเตอร์ของใครจะเร็วกว่ากัน”

“ใช่ เราจะได้เห็นนักฆ่ากำลังล่ามอนสเตอร์ผ่านโซนป่าของตัวเองอยู่ แต่พูดกันตามจริง ตอนนี้ดูเหมือนฝั่งอาทิตย์อุทัยจะเร็วกว่า” ในทันทีที่ผู้บรรยายพูดเสร็จ นักฆ่าของฝั่งอาทิตย์อุทัยก็อ้อมมายังพุ่มหญ้าของเลนล่าง ทั้งยังส่งสัญญาณรวมตัว ดูออกว่าพวกเขาเตรียมแผนอะไรกัน! แต่จะเกิดอะไรขึ้นในที่ตรงนี้จริงๆ หรือ?

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังหมดใจ ป๋อจิ่วที่นั่งบนเก้าอี้ในเขตพักกำขวดน้ำแร่แน่นในทันใด ด้วยฐานะที่เป็นนักฆ่า เธอรู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำอะไร พวกเขาจะซุ่มตีเรดบัฟแล้วจับคน! เธอมองดูหลินเฉินทาวใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ ผ่านแผนที่ ส่วนคนอื่นๆ เพิ่งจะรู้เห็นตามหลัง 10 วินาที แต่ละคนต่างเบิกตากว้าง

จ้าวซานพั่งอ้าปากค้าง “เฮ้ย เล่นแบบนี้ใครจะหลบทันวะ”

“ผู้บรรยายพูดไม่ผิด ถึงการแข่งในเวลานี้จะอยู่ในตอนต้นของเกม แต่ถ้าดูจากฟอร์มการเล่น น่าจะลากไม่ถึงตอนท้าย หมายความถ้าใครที่ไม่สามารถเติบโตในช่วงต้นสำเร็จ พอมาถึงตอนท้ายก็จะหมดแรง ฝ่ายตรงข้ามวางแผนให้แล้วว่าจะรุมฆ่านักล่ามอนสเตอร์ของทีมไดมอนด์ ถึงเล่นแบบนี้ แต่ขอพูดตามตรง ถ้าผมกับคุณลงแข่งด้วยกันก็รอดยาก เพราะเขามุ่งตรงเป้าหมายมาก แถมยังไม่ทำให้คู่แข่งไหวตัวทัน ตอนแรกแยกกันเล่น แต่ตอนนี้กลับมารวมตัวกัน การเล่นคู่แบบนี้น่ากลัวที่สุด” เจ้ลั่วถึงกับพูดด้วยเสียงหนักอึ้ง “หลินเฉินทาวอันตรายแล้ว”

 …………………………………………..

ตอนที่ 1818-2

แต่ละคนที่อยู่นอกสนามล้วนแต่ใจสั่น ฝ่ายหลินเฉินทาวที่เหาะผ่านโซนป่ากลับไม่ได้สังเกตุถึงอันตรายรอบด้าน  ทุกคนต่างเห็นเขากระโดดขึ้นตีตัวเรดบัฟด้วยความเร็วสูง เดินตำแหน่งเฉียบขาด มือขวาคลิกเมาส์ มือซ้ายพิมพ์ระรัวบนคีย์บอร์ด

หากไม่เพราะมีคนดักซุ่มอยู่ใกล้ตัว วิธีการเล่นของเขาย่อมถือว่าดีเลิศ แต่เวลานี้ทุกคนเห็นแล้วได้แต่กังวลแทนเขา

ฝ่ายคู่แข่งทั้งสองรอดักเล่นงานเขาที่พุ่มหญ้า รอให้เขาเหลือเลือดแค่ครึ่งเดียว ก็ได้จังหวะเล่นงานทันที!

แถมหลินเฉินทาวยังเอาแต่สู้กับเรดบัฟเหมือนยังไม่รู้ตัว…

“มาแล้ว!” จ้าวซานพั่งที่ถึงกับกำมือแน่น ด้วยความที่อยู่จุดทัศนวิสัยที่ดีที่สุดสำหรับการชมการแข่งขัน จึงได้เห็นคู่แข่งที่ซ่อนในพุ่มหญ้าเดินออกมาทันที! เริ่มจากใช้สกิลจับตัวแข็ง ตรึงตัวหลินเฉินทาวที่กำลังล่าเรดบัฟให้อยู่กับที่ จากนั้นนักฆ่าของฝ่ายญี่ปุ่นก็กระโดดเข้ามาซัดพลังใส่หลินเฉินทาว

ห้วงเวลานั้น หลินเฉินทาวเหลือเลือดเพียงนิดเดียว และในระหว่างที่ทุกคนคิดว่าทีมญี่ปุ่นน่าจะได้เฟิร์สบลัด  กลับไม่มีใครสังเกตเห็นร่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ เหราหรงนั่นเอง! เขาใช้สกิลแฟลชเดินตำแหน่ง แล้วใช้สกิลสตันสามจังหวะ เล่นงานจนตัว CC ของฝ่ายตรงข้ามเสียเลือดถึง 1 ใน 3  ก่อนจะใช้พลังชุดใหญ่ ดึงคู่แข่งที่คิดจะหลบให้มาอยู่ตรงกลาง ทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว

และในเวลานี้นี่เอง ผู้คนต่างคิดว่าหลินเฉินทาวจะฉวยโอกาสกลับเมือง หมุนตัวปล่อยพลังชุดใหญ่แทน

ห้วงเวลาดังกล่าว เสียงเอฟเฟกต์ดังขึ้นบนหน้าจอ KO! เฟิร์ดบลัด! แน่ล่ะ หลังจากที่เขาฆ่านักฆ่าของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ตัวเองก็ใช่จะหนีรอด แต่เพราะเขาฆ่านักฆ่าประชิดตัวของฝ่ายคู่แข่งแล้ว เหราหรงถึงได้ฆ่านักเวทของฝั่งนั่นในวินาทีถัดมา ถือเป็นการเสียหนึ่งชีวิตเพื่อฆ่าอีกสอง!

ไม่มีใครคิดหรอกว่าผลจะกลายเป็นแบบนี้!

ทีมอาทิตย์อุทัยที่คิดว่าตัวเองต้องได้เฟิร์สบลัดแน่นอน กลับถูกฝ่ายตรงข้ามอ่านเกมออก มันเป็นไปได้อย่างไร? ไม่ต้องพูดถึงแฟนคลับส่วนหนึ่งที่รู้สึกเหลือเชื่อ กระทั่งผู้แข่งประเภทคู่ยังช็อก เพราะทีมนี้มีสโลแกนว่าเล่นแผนไม่ซ้ำกัน หมายความว่าพวกเขาจะวางแผนสดๆ ในระหว่างการแข่ง อธิบายได้อีกอย่างว่าต่อให้ทีมไดมอนด์เคยเห็นคลิปการแข่งของพวกเขา แต่ไม่มีวันอ่านเกมออกว่าพวกเขาจะเล่นกันยังไงในสนามสด

ผู้แข่งประเภทคู่ของทีมญี่ปุ่นไม่เคยคิดว่าตัวเองจะพลาดเช่นนี้ ต่างหรี่ตาลง ส่วนยูกิชินที่นั่งตรงที่พักกลับหัวเราะ “เหมือนโดนย้อนแผนเลย เอาไงดี?”

โฮชิโนะมองดูหน้าจอแวบหนึ่ง กลับเอ่ยแค่ “ปกติออก”

ส่วนน้องหน้าแบ๊วไม่เข้าใจ มันปกติยังไง! เป็นที่รู้กันว่ารุ่นพี่ทั้งสองที่กำลังแข่งประเภทคู่ ไม่เคยโม้

เขาจะต้องถามให้รู้เรื่องให้ได้ “รองหัวหน้า มันปกติที่ตรงไหน?”

 …………………………………….

ตอนที่ 1818-3

โฮชิโนะอ้าปากหาว ก่อนจะจัดคอเสื้อให้เรียบร้อย “เพราะพวกเขามองข้ามเหราหรง เวลาต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้ อย่าได้ใช้วิธีซุ่มโจมตีเด็ดขาด คนคนนี้มีศักยภาพความเป็นผู้นำเทียบเท่าของฉินมั่ว คิดเหรอว่าเขาจะเป็นแค่นักเวทย์เฝ้าเลนกลางธรรมดาๆ? ในเมื่อเป็นถึงสุดยอดตัว CC ของประเทศจีน จะกระจอกเรื่องการประเมินสถานการณ์ได้ยังไง”

“รองหัวหน้าหมายความว่า? เขารู้ตั้งนานแล้วว่าพวกรุ่นพี่อยู่ที่ตำแหน่งไหน? แล้วทำไมถึงไม่บอกตัวล่ามอนสเตอร์ของเขาล่ะ?”

โฮชิโนะยิ้ม “ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นดักจับอยู่ข้างหลัง เป็นคำคมที่เข้าใจง่ายเสมอ”

“แต่ไม่นะ หรือเขาไม่กลัวว่าตัวล่ามอนสเตอร์ของทีมตัวเองอาจจะลังเลขึ้นมา แล้ว…” น้องหน้าแบ๊วยังพูดไม่ทันจบ ก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาในทันใด “หรือตัวล่ามอนสเตอร์ของเขาจะเชื่อใจเขามาก”

โฮชิโนะมองด้วยแววตานิ่ง “ถ้าจะบอกว่าเชื่อใจ ก็ไม่สู้จะบอกว่าเพราะคุ้นเคยกันมากกว่า สามารถคาดเดาได้ว่าเพื่อนจะทำอะไรจากตำแหน่งที่เพื่อนยืนอยู่ การเล่นประเภทคู่มีความหมายสมกับชื่อก็เพราะอย่างนี้แหละ คนสองคนรู้ใจกันมาก เหราหรงเป็นตัว CC  ที่หาตัวจับได้ยาก แถมตัวล่ามอนเตอร์ระยะประชิดของทีมไดมอนด์คนนี้ก็เก่งแบบหาคนสู้ได้ยาก เขายอมเป็นเหยื่อล่อแล้วเก็บในตอนท้าย ก็เพราะต้องการแลกหนึ่งชีวิตต่ออีกสองชีวิต”

เมื่อได้ยินโฮชิโนะพูดแบบนี้แล้ว น้องหน้าแบ๊วเหมือนจะยังไม่เข้าใจ รอจนได้เห็นภาพสโลโมชั่นที่ฉายบนจุดของหลินเฉินทาวออกมา ทุกคนถึงรู้ซึ้งตำแหน่งการเดินของเขา อันที่จริงการหยุดนิ่งแค่อึดใจเดียวก็มีวัตถุประสงค์นี้นั่นเอง!

เหราหรงกลายเป็นกำแพงที่ไม่มีใครทะลายได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับเมื่อมีเขาอยู่ด้วย คนจากทีมอาทิตย์อุทัยจะไม่กล้ามาโซนป่าบ้านเขาอย่างง่ายดาย เหมือนกับที่พูดไว้เมื่อตอนเริ่มเกม พวกเขาทำให้ทุกคนเห็นศักยภาพของประเภทคู่ของทีมไดมอนด์ ถึงแม้จะต้องเผชิญหน้ากับทีมอาทิตย์อุทัย แต่ก็ไม่กระจอก

แน่ล่ะ และเพราะคู่แข่งคือทีมอาทิตย์อุทัย การจะเอาชนะจึงไม่ง่าย  เพราะหลังจากที่แลกหนึ่งชีวิตต่อสองชีวิต ทีมจากญี่ปุ่นเริ่มจะเดาทางการเล่นของคู่แข่งออกจึงดึงคะแนนมาได้อีกหนึ่งคะแนน

ตอนแรกที่พูดกันว่าจะเล่นให้จบเร็ว แต่กลายเป็นว่าลากกันมาจนถึงช่วงท้าย การแข่งขันในสนามนี้ใช้เวลาถึงสี่สิบนาทีเต็ม จากนั้นทีมจากญี่ปุ่นคิดว่าหลินเฉินทาวจะทำตัวเป็นเหยื่อล่ออีก จึงไม่ทำอะไรผลีผลาม ส่งผลให้สูญเสียโอกาสงาม

“คงจะแพ้แล้วล่ะ” หลังจากที่ยูกิชินพูดจบ ดึงเสื้อตัวนอกบนตัวออก เห็นเสื้อทีมตัวในและเส้นผมสีดำขลับ ชายหนุ่มลุกขึ้นมา ท่อนขาเรียวยาว หางตาเลิกขึ้นเล็กน้อย ดูสง่ามาก ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหรือผู้ชมต่างจับตามองภาพที่ว่า ผู้คุมการถ่ายทอดยังสั่งให้กล้องแพนไปที่ตัวชายหนุ่มทันที

เราจะไม่เห็นผู้ชายลักษณะนี้ในประเทศจีน เรือนผมใยไหมสีดำ ทำให้เขาเหมือนเดินออกมาจาการ์ตูนเลยทีเดียว ดูโหดจนรู้สึกในทันทีที่เห็นว่าอย่าไปมีเรื่องกับเขาเด็ดขาด

อันที่จริง คนแบบนี้เหมาะจะเป็นผู้นำ ใช่ว่าจะไม่มีใครที่เห็นเขาแล้วจะลืมตัว ทั้งนี้เคยมีคนที่อยากลักพาตัวเขา แต่หลังจากที่ได้กระทำลงไป ความซวยก็บังเกิดขึ้น

นี่แหละคือยูกิชิน คนที่ไม่มีใครประเมินความสามารถของเขาได้ว่าเก่งถึงขั้นไหน ในการแข่งขันหลายครั้ง เขาไม่จำเป็นต้องลงแข่งเอง โฮชิโนะคนเดียวก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ทว่ายังเคยมีคนเห็นเขาลงประเภทเดี่ยวเมื่อไม่นานมานี้ โดยเขาใช้เพียงห้านาทีก็เอาชนะคู่แข่งได้แล้ว ชนิดที่ไม่ต้องล่ามอนสเตอร์สักตัว แค่เดินตำแหน่งอย่างเฉียบคม ด้วยฝีมือการเล่นที่เก่งกาจ กระทั่งประเมินล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำว่าคู่แข่งจะเดินเลนไหนหรือจะทำอะไร

 …………………………………………..

1817-2 vs 1817-3 vs 1817-4

ตอนที่ 1817-2

หลินเฟิงสูดลมหายใจเข้าไปลึก  ยังไม่ทันได้ออกปาก เสียงจากหัวหน้าก็ลอยมา “ท่าทางเราคงต้องหาเวลาคุยกันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโฮชิโนะหน่อยแล้วแหละ หนูน้อยแบล็กพีช Z”

ป๋อจิ่วที่ฉลาดหลักแหลมกลับไม่คิดเลยว่า เพลิงจะไหม้ตัว จึงกระแอมกระไอเบาๆ ฝ่ายหลินเฟิงที่เห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น สีหน้าถึงกับเปลี่ยนทันที “ใช่ ต้องคุยกันให้เยอะๆ เลย”

ฉินมั่วหันไปกวาดตาใส่คนกระพือไฟ “ส่วนหนูน้อยหลินเฟิง โปรดอย่ารังแกแฟนฉัน อยู่กันมาตั้งนาน น่าจะรู้นะว่าฉันเป็นคนไม่มีเหตุผล”

หลินเฟิง “…” ใครรังแกใครกันแน่วะ! เรื่องไม่มีเหตุผลน่ะ ไปพูดกับคนอื่นเถอะ หัวหน้า เพราะมันไม่ใช่ข้อดีอะไรเลย แล้วทำไมถึงได้ทำท่าสบายๆ อย่างนั้น ไหนบอกว่าอีสปอร์ตไม่มีความรักแบบแฟน มีแต่รักกันแบบเพื่อนสนิทไง! หัวหน้าที่รักพวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด ผู้ชายชอบเปลี่ยนใจง่าย!

ว่าแต่ทำไมฝ่ายอาทิตย์อุทัยถึงได้วางแผนการเล่นแบบนี้? เหล่าผู้บรรยายต่างเดาออก ก็เหมือนที่ป๋อจิ่วว่าไว้นั่นแหละ แค่หลินเฟิงไม่คิดจะเชื่อนั่นเอง

“สถานการณ์ของทีมไดมอนด์ดูจะไม่ค่อยสวย เอาชนะการเล่นประเภทเดี่ยวไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อการแข่งในประเภทถัดไปอย่างมหาศาล” ปกติแล้วผู้บรรยายจะวิเคราะห์จากสถานการณ์ในสนาม “บางมีอาจมีเหตุผลหนึ่ง”

“เหตุผลอะไรเหรอ”

“เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับคนที่เก่งกว่ามาก คนเรามักจะอยากหลีกเลี่ยง จนไม่กล้าสู้ด้วย”

“จะว่าไป ทีมไดมอนด์เองก็พิจารณาตัวเลือกในการแข่งครั้งนี้อยู่นาน”

“เพราะไม่รู้ว่าจะส่งใครดี ถึงจะปลอดภัยที่สุด”

“อันที่จริงมีอยู่คู่หนึ่ง ถ้าเล่นตอนนี้ ต้องชนะแน่”

“ใคร?”

“ฉินมั่วกับแบล็กพีช Z แต่ทางทีมไม่น่าจะส่งพวกเขาลงแข่ง ที่คุณพูดมาผมก็เข้าใจ การแข่งประเภทนี้ต้องชนะเท่านั้น เราพอจะรู้กันว่าการแข่งในนัดนี้จะต้องกดดันมากแน่”

“ใช่ เพราะการแข่งนัดนี้ก็สำคัญต่อทีมอาทิตย์อุทัยเหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจะต้องแข่งเต็มที่ชัวร์ ถึงโฮชิโนะกับยูกิชินจะไม่ลง แต่อย่าลืมว่าสมาชิกคนอื่นของทีมก็เก่งมากเหมือนกัน ประเภทคู่ของเขามีโอกาสชนะมากกว่า 90% ซึ่งถ้าแพ้ในประเภทนี้ ทีมไดมอนด์ก็หมดโอกาสแล้ว ดังนั้นการจะเลือกใครมาแข่ง ถือเป็นเรื่องยากมากสำหรับทีมเขา เพราะฉินมั่วยังไม่จำอะไรไม่ได้ เราเห็นได้จากเมื่อกี้ที่เฟิงอี้เป็นคนเลือกตัวผู้เล่นเอง”

“อันที่จริง พวกเขามีสองตัวเลือก ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าไม่เอาหลินเฟิงกับอวิ๋นหู่ ก็ต้องเป็นเหราหรงกับหลินเฉินทาว เพราะทั้งทีมมีแค่สี่คนนี้ที่เหมาะต่อการแข่งประเภทคู่เท่านั้น”

“ทีมไดมอนด์เลือกแล้ว!”

“นั่นไง หลินเฉินทาว เหราหรง ประเภทคู่!”

“ในฐานะที่เป็นคนวงนอก แต่เฟิงอี้สามารถวางแผนได้แบบนี้ ถือว่าร้ายกาจมาก แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขามองข้ามไป”

“อะไรเหรอ?”

“สองคนนี้เพิ่งจะเข้าร่วมทีมไดมอนด์ ถ้าส่งหลินเฟิงกับอวิ๋นหู่จะได้ผลชัวร์มากกว่า ต้องรู้นะว่าพวกเขาเป็นทีมที่เล่นกันมานาน น่าเชื่อถือมากกว่า แน่ล่ะว่านี่เป็นเพียงความเห็นของผมเท่านั้น แต่ดูจากบรรยากาศของทีมไดมอนด์แล้ว อาจจะไม่ใช่ก็ได้”

 …………………………………………

ตอนที่ 1817-3

ผู้บรรยายพูดมามีเหตุผล ที่ไม่มีเหตุผลน่ะเป็นคนดูที่ตามเผือก แต่บางอย่างอาจจะถูก เพราะไม่ว่าจะแข่งอะไร ล้วนแต่ดูที่ผลแพ้ชนะเท่านั้น ด้วยอินอู๋เย่าแพ้ในสนามแรกแล้ว ผู้คนเริ่มพูดกันว่าทีมไดมอนด์แย่แล้ว แค่จะบีบให้ทีมอาทิตย์อุทัยสู้ด้วยความตั้งใจ ยังทำไม่ได้เลย จะหวังว่าพวกเขาจะชนะในสนามถัดไปได้อย่างไร?

อันที่จริงทีมเซียงหนานที่เข้าใจทุกอย่างดีต่างหากที่มีสิทธิ์พูด “อินอู๋เย่าร้ายอะ”

“จริงด้วย” จ้าวซานพั่งลูบคาง “แค่ช้าไปหน่อย  ถ้าเป็นเมื่อก่อน วาตาเบะอาจเป็นฝ่ายตายก็ได้ ถ้าไม่คำนึงเรื่องความเร็วมือนะ เขาเป็นคนเดียวที่ฉันไม่กล้าสู้ซึ่งๆ หน้าด้วย”

เจ้ลั่วคนสวยหัวเราะ “นายเจอฉินมั่วก็ไม่กล้าสู้ซึ่งหน้า อ้อ ใช่ ขนาดน้องแบล็กนางฟ้าของฉัน นายก็ยังหมดความศักดิ์สิทธิ์ของการเป็นแทงค์เลยอะ วันนี้นางฟ้าของฉันยังเท่สุดใต้หล้าอยู่เลย อยากจับคู่จิ้นกับเขาจัง”

“ตื่นเหอะ เจ้” จ้าวซานพั่งพยักเพยิดคางอวบๆ ของตน “ดูซะ นางฟ้าของเจ้อะนั่งอยู่ข้างฉินมั่ว แถมพาดแขนที่พนักเก้าอี้เขาอีกต่างหาก เหมือนจะประกาศว่านี่แฟนฉัน แถมได้ยินยังมาว่าทีมไดมอนด์ถูกสาดอาหารหมาทุกวันเลย ชีช้ำจริงๆ เออ…ตั้งแต่เข้าสนามแข่งมา ฉินมั่วเหมือนจะไม่เข้าร่วมการตัดสินใจส่งนักกีฬาลงแข่งเลยนะ เขาเป็นแบบนี้จะมีปัญหาตอนแข่งประเภททีมไหม?”

เจ้ลั่วคนสวยยิ้มตาใส “เทพอ้วน ลืมแล้วหรือว่า? ตอนนั้นพวกเราโดนเขาเล่นจนยับยังไง”

“พอเหอะ อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย” จ้าวซานพั่งทำหน้าจริงจัง ไม่อยากระลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นจริงๆ

ทว่าเทพลั่วลั่วจำได้ได้แม่นยำ “ตอนที่พวกเราสามคนรุมเล่นงานเขาคนเดียว ฉินมั่วอยู่กับบอสจอมโหด พวกเรายังนึกว่าเราสามคนเข้าไปสู้กับเขาแล้วจะฆ่าเขาได้ เรารู้กันว่าเขาไม่ได้จะไปสู้กับบอสจอมโหด แค่ล่อให้พวกเราเข้าไปทีเดียว จะได้ซัดพลังชุดใหญ่เข้าใส่ แล้วหลอกใช้บอสจอมโหดสตันพวกเรา จากนั้นค่อยใช้สกิลหลักเดินตำแหน่ง กระโดดข้ามกำแพง ตอนนั้นเขาฆ่านายแล้วเหลือเลือดแค่ครึ่งหลอด เราก็คิดว่าเขาต้องตายแน่ แต่ใครจะรู้ว่าเขากลับข้ามกลับไปที่บอสจอมโหดนั่นอีก แล้วเอาดาบดูดเลือดมาใช้พลังชุดใหญ่เพื่อเติมเลือดให้ตัวเอง ทำให้สามพันมีดประหารของเขาสะเทือนวงการอีสปอร์ตเลยล่ะ จนถึงวันนี้ นอกจากเขาแล้ว หลายคนอยากเห็นฉากในปีนั้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องผิดหวัง”

“แต่นั่นเป็นช่วงที่ฉินมั่วรุ่งเรืองที่สุด ฉันรู้ว่าเธอลืมเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ ตั้งแต่ฉินมั่วบาดเจ็บที่มือ เขาก็เล่นเลเวลนั้นไม่ไหวอีก ยิ่งตอนนี้เขาสูญเสียความทรงจำไปแล้ว ฉันก็เหมือนกับเธอนั่นแหละที่อยากให้ทีมไดมอนด์ชนะ แต่ในสถานการณ์จริงเราต้องพิจารณาให้ดี ไม่ใช่แค่ทีมไดมอนด์ ขนาดฝีมือของพวกเรายังถอยหลังลง ลั่วลั่ว ถึงไม่อยากจะยอมรับแค่ไหน แต่พวกเราก็แก่ขึ้นแล้วจริงๆ”

ได้ยินคำพูดของจ้าวซานพั่งแล้ว เทพลั่วลั่วถึงกับชะงักนิ้ว กำลังจะเอ่ยขึ้น แต่เสียงจากด้านข้างดังขึ้นก่อน “ลั่วลั่วแก่เหรอ?”

“เรียนตั้งปีสี่แล้ว จะไม่แก่ได้ไง? ตอนนี้เด็กใหม่ๆ เขาแค่ 18 19 กันเอง” จ้าวซานพั่งรู้ไม่เท่าทันในสิ่งที่ตัวเองพูดสักนิด ส่งผลให้หัวหน้าทีมขมวดคิ้ว “เอาลั่วลั่วไปเทียบกับเด็กพวกนั้นได้ไง? ความเร็วมือกับการเดินตำแหน่งธรรมดาจะตาย ขนาดหน้าก็ยังผ่านมีดหมอ จะเทียบไปได้ยังไง?”

“ใช่” เทพลั่วลั่วยิ้ม หันไปเชยคางคนที่นั่งด้านซ้ายของตัวเอง

จ้าวซานพั่งเห็นแล้ว แววตานั่นให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาจริงๆ เฮ้ย! นึกไม่ถึงเลยว่าการมาดูการแข่งในสนามนี้ จะได้เห็นอะไรที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนในยามปกติ เพราะเจ้เขาชอบเด็กใหม่หน้าตาจิ้มลิ้มมากที่สุด ทำให้ทุกคนพลอยคิดว่าเจ้าหล่อนชอบเด็กเอ๊าะๆ แน่ล่ะก็มีการคาดเดากันว่า ที่เธอยังอาลัยการแข่งในวันนั้น จะต้องคิดอะไรกับฉินมั่วชัวร์

แต่ไม่ว่าจะคาดเดากันไปยังไง ก็มีคนพูดกันในโลกออนไลน์ว่าจะจับคู่จิ้นเซียวลั่ว ทว่ากลับไม่ได้กระแส เพราะท่าทีของลั่วลั่วที่มีแต่หัวหน้า ไม่เหมือนจะชอบเลย แต่ตอนนี้เห็นทีน่าจะอันตรายแฮะ!

 …………………………………….

ตอนที่ 1817-4

ในระหว่างที่จ้าวซานพั่งยังกำลังจมดิ่งอยู่ในความคิดน่าตกใจของตัวเอง การแข่งขันในสนามก็เริ่มต้นขึ้น

หลินเฉินทาวไม่คิดว่าตัวเองจะได้ลงแข่งในสนามนี้ ตอนที่สวมหูฟังยังตะลึงงัน ฝ่ายเหราหรงพอจะดูออกว่าอีกฝ่ายตื่นเต้น จึงเอียงศีรษะเข้าไปหา กุมเมาส์ด้วยมือข้างเดียว เรียวปากสีอ่อนขยับพูดว่า “กังวลเหรอ?”

“อื้ม” หลินเฉินทาวไม่ปฏิเสธ เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

เหราหรงมองอีกฝ่าย เอื้อมมือข้างหนึ่งไปจัดหูฟังให้อีกฝ่าย “มีฉันอยู่ด้วยจะกลัวอะไร? ไหนเคยบอกว่าต้องมีตัว CC อย่างฉัน นายถึงจะแข่งได้สบายใจ? หรือว่านายไม่เชื่อฝีมือฉัน?”

ถึงหลินเฉินทาวจะไม่ได้หันไปมอง ก็พอจะเห็นใบหน้าที่ชะโงกมาอยู่ใกล้ตัวเอง เขารอมาตั้งปีหนึ่ง รอให้หัวหน้ากลับมา

หนึ่งปีในทีมแบบนั้น ต่อให้ชายหนุ่มได้กลับมา แต่ความเก่งฉกาจกลับต้องถูกฝุ่นดำครอบทับเอาไว้ เขาหวังว่าจะได้แข่งระดับเอเชีย แต่แม้จะไม่อยากแค่ไหน เขาก็เคยคิดเรื่องจะถอนตัวจากวงการ ถ้าไม่ใช่ชายหนุ่มมาพูดกับเขาว่า ‘มากับฉัน มาแข่งด้วยกันสักนัด’ เขาอาจเก็บของกลับบ้านเกิดแล้ว

บ้านเกิดของเขาเป็นตำบลเล็กๆ ที่หากเอ่ยชื่อขึ้นมา ย่อมไม่มีใครรู้จัก การจะให้คนที่นั่นยอมรับในอาชีพของเขา ย่อมเป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง ต่อให้มีแฟนคลับมากแค่ไหน แต่หากถอนตัวจากวงการก็ไม่มีปัญญาจะทำการไลฟ์สดขนาดใหญ่ได้ มันเหมือนทุกวงการนั่นแหละที่คนเก่งๆ มักมีน้อยนิด

นอกจากการแข่งขันแล้ว พวกเขายังต้องดำรงชีวิตต่อไป แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่อยากให้แฟนคลับเห็นเขาในสภาพไลฟ์สดเล่นเกม เพื่อทำเงินกับการซื้อสติกเกอร์ในการคอมเมนต์สด ทั้งนี้หากยังอยู่ในทีมก็ไม่เป็นปัญหา แต่หากออกจากทีมแล้ว มันคงน่ากระอักกระอ่วนสิ้นดี

อันที่จริงต่อให้คิดมากอย่างไร ก็ปกปิดความคิดที่แท้จริงของตัวเองไม่ได้ ใครๆ ก็อยากเป็นฮีโร่ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงล้วนแต่อยากยืนในจุดที่เจิดจรัสที่สุด สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ หากเวลานั้นชายคนนี้ยังยืนอยู่ข้างเขาละก็ เขาคงไม่มีวันเสียดายชั่วชีวิต ความชอบของบางคนอาจพูดออกมาเป็นวาจาได้ ทว่าเขาทำไม่ได้ ได้แต่ติดตามผู้ชายคนนั้น

“สงบใจได้แล้วใช่ไหม?” เหราหรงเลิกคิ้ว

หลินเฉินทาวพยักหน้า เหราหรงจึงยิ้มพลางหยิบมือถือขึ้นมา “ดูทื่อมะลื่อจะตาย ก่อนแข่ง ฉันมีของขวัญให้นาย”

“ของขวัญเหรอ?” หลินเฉินทาวหน้าเหลอหลา

เหราหรงจึงเปิดหน้าข้อความออกมา โชว์ให้อีกฝ่ายดูหน้าจอมือถือ “คุณอาบอกว่าส่งวีแชทไม่เป็น ก็เลยอัดเสียงพูดกับนายไม่ได้ เลยใช้การส่งข้อความเสียงมาให้แทน”

หลินเฉินทาวได้ยินแล้ว สองตาสั่นสะเทือน เมื่อจ้องหน้ามือถือ นัยน์ตาถึงกับแดงก่ำ คงเพราะคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ไม่รู้จะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างไร ถึงได้ใช้วิธีนี้ เพราะมันดูจริงใจที่สุด โดยมีสามข้อความด้วยกัน

“พ่อได้ยินเพื่อนลูกเล่าให้ฟังแล้ว”

“พ่อกับแม่เล่นคอมพิวเตอร์ไม่เป็น ว่าจะให้เสี่ยวหลินข้างบ้านมาช่วยจัดการให้หน่อย จะได้เรียกพวกญาติๆ มาดูลูกแข่งที่บ้าน อันที่จริงพวกเราเคยดูการแข่งขันของลูกครั้งที่แล้วๆ มา แค่ไม่ได้บอกลูกเท่านั้นเอง

“ลูก สู้ๆ นะ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ แข่งเสร็จก็อย่าลืมกลับบ้านเรา”

ลูกกระเดือกของหลินเฉินทาวขยับ เบือนหน้าออกมาไป หลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับจากพ่อแล้วใช่ไหม?

“พ่อฉันเป็นคนอารมณ์ร้าย” หลินเฉินทาวพูดเสียงแหบ “ตอนนั้นฉันจะออกจากบ้านมาเล่นลีกส์อาชีพให้ได้ พ่อบอกว่า ห้ามฉันกลับบ้านตลอดชาติ แต่ตอนนี้…”

เหราหรงยิ้ม กำมือไปชนกับอีกฝ่าย “ตอนนี้นายรู้แล้วใช่ไหมว่า พ่อนายติดตามนายมาตลอด ฉะนั้นนายต้องทำให้ทุกคนเห็นฝีมือของผู้เล่นประเภทคู่ของทีมไดมอนด์ได้แล้ว”

…………………………………..

1816-1 vs 1816-2 vs 1817-1

ตอนที่ 1816-1

ยังดีว่านี่เป็นการแข่งขัน ด้วยการแข่งลีกส์อาชีพมีข้อดีอยู่ตรงที่ หลังจากที่เข้าสนามไปแล้วจะไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีก

อินอู๋เย่าสวมหูฟัง วันนี้เขาไม่สูบบุหรี่ก่อนลงแข่ง ซึ่งน้อยครั้งจะเป็นแบบนี้ สายตาของทุกคนที่จับจ้องเริ่มเปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่ตอนที่เขานั่งลง ทว่าสีหน้าของเจ้าตัวดูสบายๆ กว่าทุกคน แต่ในทันทีที่กุมเมาส์ สายตาของทุกคนต่างเลื่อนไปมองที่นิ้วมือเขาอัตโนมัติ

จะว่าไปมันก็แปลก เมื่ออายุล่วงเลยมาถึงวัยนี้ นิ้วมือจะต้องหยากระด้างสิ แต่นิ้วมือของอินอู๋เย่าต่างไปจากนั้น มันยาวเรียวสวยอย่างชัดเจน ประกาศให้รู้ถึงความรักในอีสปอร์ตของเขา ด้วยเคยฝันว่าจะได้กลับมาสู่วงการอีกครั้ง จึงถนอมมือตัวเองมาก ก็เขายังต้องใช้งานพวกมันในการจับเมาส์และพิมพ์คีย์บอร์ดอีกนี่

เสียงเอฟเฟกต์ของเกมดังขึ้น เสียงอธิบายที่แฝงความตื่นเต้นของพิธีกรดังแทรกเข้าไปด้วย

การแข่งเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!  ทว่าไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับที่อยู่ในสนามแข่งหรือสมาชิกของทีมไดมอนด์ ต่างจับจ้องมือที่ผุดขึ้นลงของอินอู๋เย่า

“เล่นงานวานาตานาเบะยากเหมือนกันนะ” พวกผู้บรรยายเอ่ยความเห็นตัวเองออกมาเมื่อนักกีฬาทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน

“จริงด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเดินตำแหน่งหรือสกิลการเล่น เทพจริงๆ ความเร็วก็สูงมาก โจมตีโหดแบบนี้ ถ้าไม่แสดงทีเด็ดออกมา รับรองว่ากันไม่ไหวแน่” ผู้บรรยายอึ้งทันทีที่พูดมาถึงตรงนี้ “ถึงแม้ตอนนี้ยังเป็นช่วงต้นของเกม แต่พวกเราต่างรู้ว่าอันที่จริงยิ่งเป็นการเล่นเกมชั้นสูงในระดับประเภทเดี่ยวจะยิ่งใช้เวลาสั้น ใช้เวลาแป๊บเดียวก็รู้ผลแพ้ชนะแล้ว ถ้าเล่นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มีหวังทิศอุดรแห่งอินซานต้องแย่แน่”

เหมือนจะเป็นการยืนยันในสิ่งที่ผู้บรรยายพูดไว้ เพราะวาตานาเบะใช้สกิลรองทำความเสียหายให้กับอินอู่เย่าอย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะลดความเร็ว สตัน และการฟาดดาบทันควัน ก็ทำด้วยความเร็วสูง ทำให้คนเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ล้วนแต่นิ่งอึ้ง

“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเร็วได้ขนาดนี้!” ผู้บรรยายเอ่ยเสียงหนักอึ้ง “นี่คงเป็นความสามารถของทีมระดับโลกของแท้ แต่ละคนที่ลงแข่งไม่ธรรมดากันทั้งนั้น ฝีมือแบบนี้ นักกีฬาประเทศจีนที่จะสู้เขาไหว เรียกว่ามีน้อยจนนับนิ้วได้เลยทีเดียว”

เมื่อมีคนถามว่าเป็นถึงขั้นนั้นเลยเหรอ? เป็นเพราะตอนนี้ทีมไดมอนด์ไม่ไหวแล้วหรือเปล่า กระทั่งมาตรฐานการเล่นของคนในทีมยังต่ำลง อันที่จริงพวกเขาไม่เข้าใจว่า ฝีมือของฝ่ายตรงข้ามแกร่งมากแค่ไหน ผู้ที่รู้ดีที่สุดคือทีมเซียงหนานที่นั่งอีกมุมหนึ่ง

“ลั่วลั่ว”

“หือ?”

“ยังจำวาตานาเบะได้ไหม?”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ตอนเล่นประเภทคู่ เราสองคนอุตส่าห์กันเขาไว้ได้แล้วเชียว แต่ต้องเสียไปตั้งสองชีวิต จนกลายเป็นเล่นสองต่อหนึ่ง แล้วถึงจะเราจะชนะประเภทคู่นั่น แต่ถ้าเทียบฝีมือกันจริงๆ เราก็แพ้หลุดลุ่ย”

“อื้ม ตอนนั้นเรายังมีทีมมินเนี่ยนที่ช่วยล้มป้อมคริสตัลของฝ่ายเขาด้วย แต่ตอนนี้อินอู๋เย่าต้องเล่นกับหมอนั่นคนเดียว คงต้องเหนื่อยแล้วล่ะ”

 ……………………………………………

ตอนที่ 1816-2

มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ความแข็งแกร่งของทีมอาทิตย์อุทัยนั้น เราจะต้องได้ปะทะกับเขาถึงจะรู้ซึ้ง เราอาจคิดว่าฝ่ายนั้นใช้แค่สกิลรองไม่ใช่เหรอ ทำไมอินอู๋เย่าถึงดูอ่อนแอจัง แต่อันที่จริงสกิลรองนี่แหละที่พอบวกกับตำแหน่งการเดินและการประเมินล่วงหน้า แล้วเล่นอย่างคล่องตัว ก็จะทำให้คนเราหลงลืมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

ในเกมชั้นสูง ภาพที่เราเห็นจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

“ถ้าเล่นอย่างนี้ต่อไป เฮียแกคงเจริญเติบโตไม่ไหวในช่วงท้ายเกมแน่” ถึงเจ้ลั่วคนสวยจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ถนัดด้านการวิเคราะห์เกม “วาตานาเบะเล่นแบบนี้ เท่ากับช่วยลองเชิงให้ทีมตัวเอง เฮียจะต้องหาวิธีให้อีกฝ่ายเปิดแผนการเล่นออกมา ถึงจะชนะเกมนี้ได้ เพราะพวกเรารู้ดีว่าตอนที่แข่งกับวาตานาเบะ ฝีมือของเขาไม่ได้มีแค่นี้…”

เจ้ลั่วคนสวยพูดยังไม่ทันจบ เสียงของเซียวจิ่งพลันดังขึ้นมา เจ้าตัวกอดอก นัยน์ตาสีเข้มจ้องหน้าจอ เอ่ยแค่ว่า “มาแล้ว”

อะไรมา?

ในระหว่างที่ผู้คนยังตั้งตัวไม่ทัน วาตานาเบะในจอภาพก็โจมตีเป็นระลอกที่สอง! โดยที่ป้อมยังคงอยู่ ซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คน และสกิลที่สองพลันถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง! ในระหว่างที่ทุกคนคิดว่าอินอู๋เย่ายังไม่รู้ตัวอีก ต้องตายแน่ๆ ก็เห็นเขาขยับมือขวาอย่างรวดเร็ว หลบการควบคุมของอีกฝ่าย แถมป้อมยังทำร้ายตัววาตาเบะอีกด้วย

ทั้งนี้มันยังไม่จบ วาตานาเบะสะบัดเมาส์ กะจะเดินตำแหน่งคว้าเฟิร์สบลัด แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายกลับสะบัดเมาส์อย่างเท่ทันควัน นิ้วมือที่พิมพ์คีย์บอร์ดขยับขึ้นลง หมุนตัวฟาดดาบใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที

“เยี่ยม!” ผู้บรรยายเอ่ยชมอย่างยั้งใจไม่อยู่! ส่วนวาตานาเบะเกิดไหวพริบในทันที โดยเข้าทำความเสียหายให้คู่แข่งอีกครั้ง ทว่าอินอู๋เย่าก็ใช่จะธรรมดา เขาเดินตำแหน่งเหมือนงู หลบการทำร้ายได้ฉมัง เล่นเอาคนดูอ้าปากค้าง แต่วาตาเบะไม่คิดจะทิ้งโอกาสนี้หรอก แถมเขายังทำร้ายคู่แข่งโดยทิ้งการทำดาเมจในตอนท้าย ฆ่าระยะประชิด ซึ่งอินอู่เย่าก็โจมตีคืน ทั้งสองต่างทำความเสียหายให้ซึ่งกันและกัน

KO! เสียงเอฟเฟกต์ดังขึ้น ทุกคนต่างเห็นตัวอักษรบนหน้าจอกับตาตัวเอง

ทิศอุดรนอนลงท่ามกลางเลือด แม้ว่าพวกแฟนคลับจะรับไม่ได้กับภาพดังกล่าว แต่อินอู๋เย่าก็เสียเฟิร์สบลัดไปแล้ว หากว่ากันตามกฎสากล ใครก็ตามที่ได้เฟิร์สบลัดในการสู้ประจันหน้าจะถือเป็นผู้ชนะ

เหล่าแฟนคลับไม่คิดว่าเกมจะจบลงได้เร็วเพียงนี้ ทั้งที่ไม่ได้เสียป้อมเลย แต่กลับแพ้เสียแล้ว แถมยังเล่นกันแค่ช่วงกลางของเกมเท่านั้น ซึ่งหากนับจากเริ่มเกมจนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ถึงยี่สิบนาทีเสียด้วยซ้ำ เกมก็จบลงเสียแล้ว!

พวกที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กำลังรู้สึกว่าทีมไดมอนด์ไม่มีอะไรน่าดูอีกต่อไป กะจะเลิกดู ทว่าเสียงเอฟเฟกต์อีกเสียงหนึ่งก็ดังตามมา!

วาตานาเบะนอนจมเลือดเช่นกัน แค่ช้ากว่าอินอู๋เย่าแค่ก้าวหนึ่ง ชนิดที่เจ้าตัวยังกำเมาส์ชะงักค้าง จะว่าไปเขาวางแผนไว้ว่า หลังจากที่ฆ่าอีกฝ่ายได้ เขาแค่ออกจากป้อมในสภาพที่เลือดเกือบหมด และต่อให้คู่แข่งมีแรงโจมตีกลับ เขายังพอจะควบคุมได้

วาตานาเบะหรี่ตาลง เงยหน้ามองดูภาพสโลโมชั่น ถึงได้พบว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงแต่จะโจมตีกลับ ด้วยการเดินตำแหน่งอย่างมีเทคนิค ทั้งยังฆ่าเขาคืน แม้รู้ว่าเขาจะโจมตีเป็นครั้งที่สอง!

หากไม่เพราะทิศอุดรหักเลี้ยวช้าไป บางทีคนที่เสียเฟิร์สบลัดคนแรกอาจเป็นเขาก็ได้ มุมปากของวาตานาเบะกระตุก เหมือนจะพูดว่า “น่าสนใจแฮะ” ซึ่งก็น่าสนใจจริงๆ แหละ เพราะไม่เห็นคู่แข่งแบบนี้มานานแล้ว ขนาดอยู่ในสภาวะแบบนี้ยังฆ่าเขาได้อีก!

ทุกคนต่างตาโต กระทั่งผู้บรรยายยังรู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที ทว่าการแข่งขันก็คือการแข่งขัน กฎก็คือกฎ ในเมื่อคนที่ตายก่อนคืออินอู๋เย่า คนที่ได้เฟิร์สบลัดย่อมเป็นวาตานาเบะ ดังนั้นต่อให้ตายทั้งคู่ในท้ายที่สุด แต่ฝ่ายที่ชนะยังคงเป็นทีมอาทิตย์อุทัย…

………………………………………….

ตอนที่ 1817-1

อินอู๋เย่าปลดหูฟังออกแล้วเดินลงมา พอจะเห็นว่าเขาอารมณ์หดหู่แค่ไหน ส่วนป๋อจิ่วแค่ขยับปลายเท้าก็หยัดกายขึ้นมาได้ “เดี๋ยวหาเวลาแข่งในอินเทอร์เน็ตอีกครั้งนะ”

ความหมายนั่นชัดมาก หากแข่งประเภทเดี่ยวนานกว่านี้อีกหน่อย หรือกฎการแข่งไม่ได้เป็นเช่นนั้น ผลแพ้ชนะอาจเปลี่ยนไป

อินอู๋เย่ายิ้ม “อย่าปลอบฉันเลย ฉันรู้ดีว่าเมื่อกี้ฉันพิมพ์ช้าไปหน่อย”

“มันเกี่ยวข้องกับอายุจริงๆ แหละ” ป๋อจิ่วยิ้ม “เพราะเฮียอาศัยว่าตัวเองพิมพ์ช้า มารังแกคู่แข่งแบบนั้นไง”

อินอู๋เย่าชะงัก รอยยิ้มบนหน้ายิ่งลึกซึ้งเข้าไปใหญ่ “เอาล่ะ หัวหน้าตัวเล็ก ฉันโดนนายปลอบเข้าให้แล้ว” บางอย่างพูดออกมาจะดีกว่า “ต่อไปจะเป็นประเภทคู่แล้ว” ชายหนุ่มเงยหน้ามองจอยักษ์ “นายคิดว่าโฮชิโนะไม่ลงเดี่ยวเพราะอะไร?”

หลินเฟิงชะโงกหน้าเข้ามาเมื่อได้ยิน “ใช่ เรื่องนี้ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน ฝั่งอาทิตย์อุทัยไม่ใช่พวกหยิ่งผยองสักหน่อย”

“กลัวแต่ว่าตอนนี้ฉันแพ้แล้ว ต่อไปจะยิ่งบีบให้พวกเขาแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาไม่ได้” อินอู๋เย่ากังวลอย่างมีเหตุผล

ป๋อจิ่วฟังแล้ว ยิ้มบางๆ พลางเอ่ยขึ้น “ไม่หรอก”

“ทำไมถึงไม่ล่ะ?” หลินเฟิงไม่เข้าใจ

ป๋อจิ่วมองดูทีมคู่แข่งที่เหมือนเรื่อยเฉื่อย เรียวปากบางแย้มยิ้มขึ้นมา “ไม่มีวันที่จะบีบความสามารถที่แท้จริงของเขาออกไม่ได้หรอก นายคิดว่าเห็นฉันกับท่านเทพนั่งด้วยกันตรงนี้แล้ว พวกเขาจะไม่ทุ่มสุดแรงเหรอ? พวกเราถือเป็นคู่รักสุดเก่งเชียวนะ”

หลินเฟิง “นี่ยังจะอวดหลัวอีกเหรอ? เจ้าแบล็ก นายนี่มันเพ้อพกได้โล่จริงๆ”

ป๋อจิ่วไม่คิดว่าน่าอาย แต่ถือเป็นเกียรติอย่างสูง “ถ้ามีแฟนอย่างท่านเทพ นายก็ต้องอวดเหมือนกันแหละน่ะ”

หลินเฟิงนิ่งไป ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเถียงไม่ออก

“เอาล่ะ ฉันพูดจริงจังล่ะนะ” ป๋อจิ่วยิ้มขึ้นมาในทันใด “เรื่องที่ทำไมโฮชิโนะถึงไม่เล่นเดี่ยว”

หลินเฟิง “ทำไม?”

ป๋อจิ่วหัวเราะ “เพราะฉัน เขาอยากแข่งกับฉันตอนเล่นทีม”

หลินเฟิงเซ็ง “ฉันถามนายจริงจังนะ”

“ฉันก็ตอบจริงจังเหมือนกัน” ป๋อจิ่วซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป๋า ยิ้มแย้มดังเดิม เล่นเอาหลินเฟิงมุมปากกระตุก “นายคิดว่าจะมีใครเชื่อคำพูดนายบ้าง”

“คนเก่งก็ต้องเก็บเงียบกัน รู้แก่ใจเป็นพอ” ป๋อจิ่วหันไปหยิบน้ำแร่ “ต้องโทษที่น้องเจียมตัวเกินไปหน่อย”

หลินเฟิงหันไปมองโคโค่ที่ฟังคำตอบอยู่ด้วย “ฉันอยากชกเขาอะ”

“ดาวประจำทีม นายต้องใจเย็นนะ อย่าวู่วาม ต่อให้เจ้าแบล็กดูแมนกว่านาย หล่อกว่านาย แต่เขาก็เป็นผู้หญิง อีกอย่างเมื่อกี้อะ หัวหน้าก็จ้องนายแล้ว จริงๆ นะ ขืนต่อยกันขึ้นมา ระวังนายจะแย่เอา” ประโยคสุดท้ายของโคโค่ เล่นเอาหลินเฟิงตัวแข็ง ค่อยๆหันไปมองในสภาพคอแข็งฝืด เพราะคนที่ยืนหลังเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหัวหน้านั่นเอง

 ……………………………………………….

1815-1 vs 1815-2

ตอนที่ 1815-1

การปรากฏตัวของฉินมั่ว ถือเป็นความประหลาดใจชนิดที่เหนือความคาดหมาย ยอดผู้เข้าชมแพลตฟอร์มไลฟ์สดแทบจะพุ่งทะลุถึงจุดสูงสุด นอกจากเหล่าแฟนคลับที่นึกไม่ถึงว่าจะเห็นภาพดังกล่าวแล้ว ยังมีนักข่าวหลายคนต้องเปลี่ยนความตั้งใจ หันมาจับภาพทีมไดมอนด์เป็นการด่วน

หากว่ากันตามหลักการ คนทำเรื่องประชาสัมพันธ์อย่างเฟิงอี้ น่าจะปล่อยข่าวให้พวกเขาก่อนล่วงหน้า แต่ครั้งนี้ อย่าว่าแต่ข่าวเลย กระทั่งเสียงลมพัดลมเพก็ยังไม่มี คนในวงการข่าวอย่างพวกเขาจึงได้แต่คาดเดาว่า น่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับฉินมั่ว ทำให้มาแข่งไม่ได้ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายหนุ่มจะปรากฎตัวออกมา!

หลังจากที่ผู้กำกับตกตะลึง ก็รีบส่งสัญญาณมือให้ทีมงานใหม่ทันที โดยแสงไฟถูกจัดให้สว่างขึ้นกว่าเดิมเท่าหนึ่ง หน้าจอ 8 แห่งต่างฉายภาพของทีมไดมอนด์ทั้งหมด

ลูกทีมสิบคนเดินตามหลังฉินมั่วมา แต่ละหน้าล้วนแต่เป็นที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น เฟิงซ่าง โคโค่ หลินเฉินทาว เหราหรง อินอู๋เย่า หลินเฟิง อวิ๋นหู่ และเซวียเหยาเย่า รวมถึงยัยเด็กผมสีเงิน เธอยังเหมือนเมื่อครั้งแรกที่ปรากฏตัวบนเวทีการแข่งขัน ดูสะอาดอ่อนโยนจนทำให้สาวๆ หัวใจเต้นแรงขึ้นชนิดยั้งไม่อยู่

แม้จะรู้เพศที่แท้จริงของเจ้าตัว แต่เมื่อเห็นเธอสวมชุดทีมสีขาวตัดดำ ซุกมือข้างหนึ่งในกระเป๋ากางเกง เงยหน้าขึ้นมาก็ทำให้หัวใจสาวๆ อ่อนระทวย เธอคนนั้นดูเหมือนจะยิ้ม แสงไฟจากโคมที่ห้อยลงมาทำให้เห็นเครื่องหน้าของเธอชัดเจน กระทั่งเรียวปากสีอ่อนยังส่องประกาย

‘สวบ!’ หน้าจอยักษ์โชว์ชื่อเธอ แบล็กพีช Z! แทบจะเรียกได้ว่าไม่ต้องมีใครมาแนะนำ สมองของพวกเขาก็ปรากฏข้อมูลของเธอ ซึ่งคือแชมป์เฟิร์สคิลแห่งโซน C บุกเดี่ยวเข้ารังคู่แข่ง เดินไปที่ไหน แม้แต่ดอกหญ้ายังไม่กล้าเกิด

พวกเขาในแบบนี้แหละ ถึงจะเป็นทีมไดมอนด์ที่สมบูรณ์แบบ!

เห็นได้ชัดว่าพิธีกรตะลึงจนลืมจังหวะตัวเอง ดังนั้นเมื่อทีมไดมอนด์นั่งลง เธอจึงเอ่ยขึ้นมา “น่าตื่นเต้นจริงๆ นะคะ ไม่คิดว่าเทพฉินจะปรากฏตัวในเวลานี้ เชื่อว่าการแข่งรอบชิงชนะเลิศในวันนี้จะต้องมันส์อย่างแน่นอน และเชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนก็คงเหมือนฉันที่ทนรอไม่ไหวแล้ว เช่นนั้นตอนนี้ขอให้ทุกทีมประกาศรายชื่อผู้เล่นประเภทเดี่ยวกันเลยค่ะ”

ห้วงเวลาดังกล่าวเสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่ม ผู้คนต่างกรี๊ดร้องสุดแรงเกิด กระทั่งแววตายังเป็นประกาย ยูกิชินที่นั่งด้านหลังของทีมดูเหตุการณ์ดังกล่าว เอนหลังอย่างเนิบนาบ มุมปากยังคงหยักยิ้ม “ทำไม? รองหัวหน้าทีมของพวกเราที่ไม่เคยแพ้ หาวิธีเจ๋งๆ สู้กับฉินมั่วยังไม่ได้เหรอ?”

“ก็มีอยู่นะ” โฮชิโนะหันไปมอง เลิกผมขึ้น “ให้ฉันคุยกับ Z เยอะๆ เขาจะได้หึงไง”

ยูกิชินหรี่ตาลง “วิธีไม่เลวนี่ แต่ฉันไม่ค่อยชอบ ฉะนั้นฉันหาทางแก้ลำฉินมั่วเอง ว่าไง?”

“นายรอการแข่งนัดนี้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ?” โฮชิโนะถามกลับโดยไม่ตอบ ฝ่ายยูกิชินหัวเราะ “ฉันเนี่ยนะ รอการแข่ง”

“นายดูคลิปการแข่งของฉินมั่วมาตลอดเลยนี่” โฮชิโนะพูดเนิบช้า “คนที่ไม่รู้ล่ะต้องคิดว่านายคิดอะไรๆ กับเขาชัวร์”

ยูกิชินชะงัก นั่งตัวตรง นัยน์ตาเข้มขึ้น “นายว่าระหว่างฉันกับเขา ใครที่ประเมินสถานการณ์ได้แม่นกว่ากัน”

“ที่แท้ก็อยากดวลกับเขาเพราะเรื่องนี้” โฮชิโนะสวมผ้ารัดข้อมือ “พวกเรารวมทีมสู้ ฉันกับนาย เรารวมทีมสู้กัน”

รอยหยักยิ้มบนหน้ายูกิชินยิ่งลึกเข้าไปใหญ่ “ฉันก็คิดอย่างนั้น”

 ………………………………………….

ตอนที่ 1815-2

สมาชิกคนอื่น ๆ ของทีมอาทิตย์อุทัยยิ้มแล้ว ต่างสันหลังเย็นวาบ รู้สึกว่าวันนี้หัวหน้ากับรองหัวหน้าตั้งใจแบบดูมหัศจรรย์อย่างไรก็ไม่รู้

นี่ถึงขั้นจะรวมตัวสู้ เป็นที่รู้กันทั่วหน้าว่ารองหัวหน้าชำนาญการเล่นเดี่ยวเป็นที่สุด ขนาดเป็นที่เล่าลือในสนามแข่งกันว่า หากใครได้เจอทีมอาทิตย์อุทัยให้ทิ้งการแข่งประเภทเดี่ยวไปเลย เพราะถ้าโฮชิโนะลงเล่นประเภทดังกล่าวย่อมไม่มีใครเอาชนะเขาได้ แต่นี่ชายหนุ่มมาเล่นประเภททีม เพราะอะไร?

น้องหน้าแบ๊วอายุยังน้อย จึงสงสัยใคร่รู้มาก ส่วนวาตานาเบะได้แต่ลูบคาง “ทีมไดมอนด์น่าจะเอาตัวเจ๋งๆ ลงประเภททีม หมายความว่า…” ไม่รอให้เขาวิเคราะจนจบ หน้าจอยักษ์ก็ฉายรายชื่อผู้เล่นประเภทเดี่ยวที่ทางอาทิตย์อุทัยส่ง

วาตานาเบะ! ใบหน้าของเจ้าของชื่อจึงได้ปรากฏสู่สายตาท่านผู้ชม โดยเห็นเขาแค่เลิกคิ้ว

เมื่อพิธีกรเห็นแล้ว  ก็เอ่ยต่อ “เอาล่ะ ทางทีมอาทิตย์อุทัยคอนเฟิร์มตัวผู้เล่นแล้ว งั้นเรามาดูดีกว่าทางทีมไดมอนด์ส่งใครลงสู้…ทิศอุดรแห่งอินซาน!”

ทั้งสองยืนขึ้นพร้อมกัน วาตานาเบะเหยียดยิ้มขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะลองเชิงดูละกัน” ว่าแล้วก็ขึ้นเวทีไป นั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ สวมหูฟังสีดำที่แขวนไว้ด้านข้าง ไม่ลืมหันมามองแฟนคลับ

ส่วนผู้บรรยายกลับเกิดข้อสงสัยขึ้น “การให้ลงเล่นแบบนี้ ถือว่าเห็นได้น้อย”

“ใช่” ผู้บรรยายอีกคนรีบตามติด “บอกตรงๆ ผมเห็นการแข่งของทีมอาทิตย์อุทัยมาไม่น้อย ในสถานการณ์ปกติ การแข่งสนามใหญ่แบบนี้ เขาจะส่งโฮชิโนะลงนัดแรก เมื่อปีที่แล้วตอนที่แข่งกับทีมเซียงหนานก็เป็นแบบนี้ ทำไมปีนี้ถึงเปลี่ยนไป”

“คงวางแผนบางอย่างเอาไว้”

“เป็นไปได้”

เหล่าผู้บรรยายก็หาสาเหตุไม่เจอ ทว่านี่เป็นรายการที่ฉายผ่านโลกออนไลน์ จึงมีคนถามว่าทำไมทีมอาทิตย์อุทัยถึงได้วางแผนเช่นนี้? เมื่อมีคนถาม ย่อมมีคนตอบ ทว่าเป็นการตอบโดยยึดจากความเห็นของตนเองเป็นหลัก “ฉันมาดูเกมการแข่งวันนี้แบบมีใจเป็นกลาง ทุกคนคงรู้ว่าฉินมั่วสูญเสียความทรงจำไปแล้วแน่นอน และฝีมือของเขาน่าจะถอยหลังเพราะเหตุผลนี้นี่แหละ ทางทีมอาทิตย์อุทัยก็เลยให้เกียรติคู่แข่ง ซึ่งถ้าฝ่ายตรงข้ามฝีมือแย่จริงๆ โฮชิโนะก็คงไม่ออกมา มันน่าจะเป็นไปได้ว่า หนึ่งเพื่อทดสองฝีมือของทีมไดมอนด์ สองเพื่อเอาไว้ฝึกมือใหม่ประเภทเดี่ยว ในฐานะที่เคยเล่นเกมออนไลน์มาก่อนแล้วก็เคยแข่งมาแล้วด้วย ก็พูดได้ประมาณนี้แหละ ถ้าไม่ชอบก็อย่าด่ากันนะ”

คำวิจารณ์ดังกล่าวออกจะได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนหนึ่ง เมื่อได้รับฟังมาหยกๆ ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้

คนวงนอกได้แต่ส่ายหน้า “ทีมไดมอนด์เป็นแบบนี้เหรอ รู้อย่างนี้ก็น่าจะให้ทีมเซียงหนานลงแทนนะ เขารู้กันทั้งนั้นแหละว่าการแข่งปีเมื่อที่แล้วกับเซียงหนาน เทพโฮชิโนะออกมาเป็นคนแรกเลยแหละ”

“ฉันว่าเราอย่าเดาเลย ดูการแข่งเงียบๆ ดีกว่า”

“จะดูอะไรอีก? ไม่เข้าใจจริงๆ เสียความทรงจำไปแล้วยังจะลงแข่งอีกทำไม ไม่คิดจะถอนตัวบ้างเหรอ? ดูสิ่งที่ทีมอาทิตย์อุทัยทำกับเราสิ ทำให้คนจีนเสียหน้าหมด”

“ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน ก็อย่าเย้ยหยันคนที่กำลังจะลงสู้ ฉันล่ะไม่เข้าใจวิธีคิดของคนรุ่นใหม่จริงๆ พวกเขาสู้เพื่อประเทศนะ ไม่ใช่พวกนาย”

“เห็นด้วยกับคอมเมนต์บน แต่ถ้าไม่สามารถบีบให้โฮชิโนะลงแข่งได้ ทีมไดมอนด์ก็ถือว่าแพ้แล้ว…”

…………………………………………….

1814-1 vs 1814-2

ตอนที่ 1814-1

สวบ! หน้าจอยักษ์ถูกปล่อยออกมา ผู้กำกับส่งสัญญาณมือเป็นครั้งสุดท้าย พิธีกรทั้งสามต่างมองดูกล้องตรงหน้า

บ่าย 1:58 การไลฟ์สดทางออนไลน์เริ่มนับเวลาถอยหลัง คอมเมนต์โผล่ออกมาในระหว่างไลฟ์สดล้วนเป็นสิ่งที่แฟนคลับจำนวนมากมายต้องการส่งให้ทีมไดมอนด์

บางคนว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีความเลือดร้อนในวัยเยาว์ของพวกเขา การได้ร่วมกับเพื่อนเล่นเกมแข่งกับคนอื่นที่อยู่คนละที่ ได้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยกัน แล้วจะลืมรักแรกลงได้อย่างไร มันเป็นสภาพสุดเพอร์เฟกต์ของเราเมื่อตอนเด็กไงล่ะ

การแข่งอีสปอร์ตชิงแชมป์เอเชียแห่งปี 2018

เสียงกระหึ่มดังขึ้น คบไฟสว่างโรจน์ ใบหน้าของพิธีกรปรากฏออกมา แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!

“สวัสดีครับ ทุกท่าน เราได้พบกันอีกแล้วนะครับ”

“เชื่อว่าทุกคนคงรออย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว พวกเราก็เหมือนกับทุกท่าน ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะได้เห็นการแข่งสุดมันส์ในรูปแบบไหน ขอย้ำอีกครั้ง นี่คือการสนามสดของการแข่งอีสปอร์ตชิงแชมป์เอเชียประจำปี 2018 โปรดอย่าเปลี่ยนช่อง เพราะนักกีฬาที่พวกคุณอยากเห็นกำลังจะออกมาแล้ว”

“เอาล่ะ พวกเรามานับถอยหลังพร้อมกันดีกว่า 10 9 8 7 6 5…1 0! ขอเชิญทีมแรกของเรา ทีมอาทิตย์อุทัย!

เสียง ‘สวบ!’ ดังขึ้น แสงไฟต่างรวมตัวไปส่องยังที่เดียวกัน

ตรงทางเข้าสนามขนาดใหญ่ทางซ้ายมือ คนจากทีมอาทิตย์อุทัยเหมือนเดินออกมาจากวงแสง การจะบอกว่าทีมอาทิตย์อุทัยไม่ธรรมดา ย่อมมีหลักฐานมาประกอบ ก็เหมือนออร่าของพวกเขาที่ดูเจิดจรัสนั่นแหละ

ยูกิชินยังคงไว้ผมดำยาวสลวยเหมือนเส้นไหมเช่นเดิม ทว่าเขาในสภาพแบบนี้กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนผู้หญิง เขาสวมชุดทีมที่ตัดมาได้พอดีตัว ดูเฉียบคมอย่างไม่อาจมองข้ามได้ เหมือนรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาในเวลานี้ กลิ่นอายความโหดเข้มข้นชนิดที่อย่าเข้าไปหาเรื่องเชียว

คนที่ยืนข้างเขาก็คือโฮชิโนะ วันนี้เขาต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด เส้นผมดำสั้นเซอร์ถูกรวบขึ้น นัยน์ตาเหมือนแสงตะวันในหิมะแรก ออร่าไหลบ่าท่วมท้น

ส่วนน้องหน้าแบ๊วและผองเพื่อนต่างยืนอยู่ด้านหลัง โชว์ให้เห็นบารมีของทีม

แม้จะไม่ได้แข่งในบ้านตัวเอง แต่เสียงกรีดร้องเชียร์โฮชิโนะกับยูกิชินต่างไม่ลดลงเลยสักนิด บางคนตื่นเต้นจนยืนขึ้นมาด้วยความชอบล้วนๆ

หน้าจอยักษ์ที่ติดตั้งครบสี่ด้าน ต่างฉายข้อมูลของสมาชิกทุกคนในทีมอาทิตย์อุทัย ส่งผลให้ทุกคนเลือดเดือดพล่าน

และด้วยเหตุนี้ ทำให้ผู้คนต่างนึกถึงทีมไดมอนด์ขึ้นมาได้ เหล่าแฟนคลับต่างกำไม้เชียร์ไฟในมือจนแน่นชนิดที่ตัวเองยังคิดไม่ถึง ซึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ ยังมีคุณน้าคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้วย โดยที่เธอไม่รู้จักอีสปอร์ตด้วยซ้ำว่าเป็นอะไร วันนี้เธอแต่งตัวสวยมากเหมือนเมื่อตอนที่ขึ้นศาลคดีของลูกสาว ทว่าไฟในดวงตาของเธอเหมือนจะมอดสนิท

 ………………………………………….

ตอนที่ 1814-2

ใครบ้างจะรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมเสมือนโดนกับตัว ในขณะที่เธอเจ็บปวดมากจนคิดจะฆ่าตัวตาย หลายๆ คนเรียกร้องให้เธอรักษามารยาท เธอต้องผ่านความดำมืดของชีวิตชนิดที่ไม่น่าจะก้าวข้ามมาได้ หากจะบอกว่ามีพลัง ไม่สู้จะบอกว่า ตอนที่เห็นเด็กคนนั้น เธอก็เห็นถึงความสว่าง เวลานี้เธอนั่งอยู่ที่นี่ ดูพวกเขาลงแข่งขันด้วยหัวใจที่อบอุ่น แววตาก็เช่นกัน ของบางอย่าง เธอไม่เข้าเข้าใจหรอก แต่ความซาบซึ้ง เธอรู้เป็นอย่างดี

สาวน้อยคนหนึ่งที่นั่งข้างกันกุมมือเธอไว้ ทั้งชี้ชวนให้เธอดู “คุณน้า เดี๋ยวพวกแบล็กพีชจะเดินออกมาจากตรงนั้น ไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะแต่งตัวยังไง จะสวมกระโปรงหรือเปล่า เมื่อวานเขาสวมกระโปรง วางแผนการเล่นทั้งเกมเลย ประเมินสถานการณ์ระดับเทพจนหนูลุ้นตัวโก่งเชียว ถ้าวันนี้เขาสวมกระโปรงอีก พวกผู้ชายที่นั่งข้างๆ ต้องบ้าแน่ๆ หนูก็เหมือนกัน นี่หนูเอากล้องโพลารอยด์มาด้วย จะได้ถ่ายรูปเขาส่งไปให้เพื่อนเกย์ดู แต่ ไม่ว่าเขาจะสวมอะไร หนูก็ชอบทั้งนั้น”

สาวน้อยพูดเสียจนเพื่อนข้างๆ พลอยหัวเราะไปด้วย ก่อนหน้านี้กังวลว่าคุณย่าจะดูไม่รู้เรื่อง จึงตัดสินใจนั่งขนาบกัน พอจะเข้าสนามก็ช่วยเธอ กระทั่งชี้ให้ดูถึงเสื้อเชียร์ที่สวมมา “พวกเราเป็นแฟนคลับแบล็กพีชค่ะ พวกเดียวกัน”

ใครเคยบอกนะว่า คนที่เคยผ่านความมืดมนมา จะยิ่งเข้าใจความอบอุ่น ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบหน้ากัน แต่กลับชอบคนๆ เดียวกัน พอมาถึงที่นี่ก็ช่วยดูแลเธอ ปากก็ร้อง “คุณน้า คุณน้าคะ นั่งตรงนี้ค่ะ” กระทั่งยังช่วยเก็บขยะใส่ถุงพลาสติกให้ กิริยาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ เผยให้เห็นจิตใจของเจ้าตัว ดูเหมือนพวกสาวๆ ที่ชอบเด็กคนนั้นจะเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หญิงสูงวัยพลันหัวเราะขึ้น ต้องให้ได้อย่างนี้สิ ก็เป็นถึงแฟนคลับของเด็กคนนั้นนี่นา

“เอาล่ะ พวกเราแนะนำเหล่าท่านเทพของทีมอาทิตย์อุทัยกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ขอเชิญทีมที่สอง ทีมไดมอนด์!”

เมื่อชื่อทีมปรากฏออกมา หัวใจของหลายๆ คนเหมือนถูกกุมแน่น สายตามองตรงไปยังทิศทางเดียวกัน แสงไฟรวมตัวกันที่จุดเดียว พอจะเห็นร่างคนจากที่เดินออกมาจากด้านใน

พวกเขาต่างยืนหันหลังให้แสง เงาจึงทอดตัวยาว คงเพราะแสงไฟเจิดจ้ามาก ทำให้เห็นหน้าไม่ชัด รอจนพวกเขาเดินเรียงเป็นแถวเข้ามาใกล้ ทุกคนต่างตะลึงไปในชั่วพริบตา!

นัยน์ตาเบิกกว้าง น้ำตาคลอเบ้า บ้างก็ตื่นเต้นจนยกมือปิดปาก เพราะร่างที่สูงใหญ่แสนสง่าที่ยืนด้านหน้าสุด ลมพัดชุดทีมของเขาจนเกิดเสียงเสียดสี เขาช้อนตามองเล็กน้อย แสงทุกที่วิ่งเข้าสู่นัยน์ตาเขา ดูสุกสกาวเหลือเกิน!

“ท่านเทพ! เทพฉิน! รู้ล่ะว่าคุณต้องกลับมา พวกเรารอคุณอยู่” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้องประโยคดังกล่าวขึ้น ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘พรึบ’ ผู้ชายจำนวนหนึ่งต่างคลี่ป้ายที่เตรียมมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

อันที่จริง พวกเขาไม่ได้ตั้งความหวังต่อแต่อย่างใด ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่เขาไม่ได้ปรากฏตัวในการแข่งนัดที่แล้ว ซึ่งหลายๆ คนก่นด่าเขา หาว่าเขาเป็นถึงท่านเทพ แต่ไม่ยอมแบกรับความกดดันสักนิด กลับลืมไปแล้วว่าพวกเขานั่นแหละที่ไม่ยอมให้ชายหนุ่มลงแข่ง

หลังจากเมื่อวาน หลายคนต่างเศร้า โดยเฉพาะออฟฟิเชียลแฟนคลับ พวกเขาเฝ้าดูออฟฟิเชียลเวยป๋อ มองดูข้างใต้ของเวยป๋อ ดูสิ่งที่ชายหนุ่มเคยโพส รวมถึงคลิปเกมที่ได้กลายเป็นคลิปเด็ดหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาแชร์ต่อกันอย่างเงียบเชียบ ด้วยหวังว่าชายหนุ่มจะกลับมา เพราะทีมไดมอนด์ที่ไม่มีฉินมั่วจะเป็นทีมไดมอนด์ไปได้อย่างไร อย่าลืมสิว่าใครเป็นคนสร้างทีมนี้มากับมือ ซึ่งเรียกได้ว่า ใครก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจทิศทางของทีมไดมอนด์ เว้นแต่เขาเพียงคนเดียว

เพราะเขาทำให้ทีมไดมอนด์เป็นที่จดจำของคนจำนวนนับไม่ถ้วน และเพราะเขา ทีมไดมอนด์ถึงไม่โดนตัดสิทธิ์ หลายๆ ทีมต้องสลายตัวไป ด้วยเหตุที่ผู้เล่นอายุมากขึ้น ทำเงินไม่ได้อีกต่อไป ทว่าทีมไดมอนด์กลับไม่ทำแบบนั้น เพราะชายหนุ่มสร้างความสมดุลให้กับทีม บางทีคงมีแต่แฟนคลับที่ติดตามมาตลอดเส้นทางการเดินทางถึงจะเข้าใจ นักฆ่าที่มีพรสวรรค์ต้องเก็บเขี้ยวเล็บตัวเองมาเป็นตัว CC ที่เชื่องช้า จะต้องเสียสละมากแค่ไหน ใช่ว่าเขาทนรับความกดดันไม่ได้เหมือนอย่างที่คนอื่นว่ากัน แต่เขาต้องรับผิดชอบเกียรติยศของทีมไดมอนด์ทั้งทีมต่างหาก!

……………………………………………

1813-1 vs 1813-2

ตอนที่ 1813-1

บ้าชะมัด! ทำไมเขาต้องปากมากไปถามด้วยวะ! หลินเฟิงปากกระตุก ไม่อยากพูดอีกต่อไป! เมื่อกี้คงเพราะเศร้า แต่ตอนนี้เพราะเจ็บใจ ต่อไปจะต้องจับพวกที่ชอบอวดผัวอวดเมียในเกมมายึดเป็นของกลางให้หมด!

ทว่าป๋อจิ่วไม่คิดแบบนั้น ต้องรู้นะว่าตอนที่อยู่ในกองทัพ ไม่มีใครให้เธออวดได้สักคน  ตอนนี้อุตส่าห์มีเหยื่อมาให้อวดแล้ว ย่อมต้องเล่าให้เพื่อนสาวคนสนิทอย่างหลินเฟิงฟังให้ได้

หลินเฟิง “เดี๋ยว เมื่อกี้นายว่าฉันเป็นอะไรนะ? เพื่อนสาวคนสนิทเหรอ”

“ทำไมอะ?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

หลินเฟิงทำหน้ายักษ์ “ฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่งนะเว้ย นายเล่นให้ฉันเป็นเพื่อนสาวคนสนิทได้ไง ต้องให้เหยาเย่าเป็นสิ นายไปพูดกับเหยาเย่าโน่นไป”

“มันไม่เหมือนกัน” ป๋อจิ่วพูดเป็นปกติ “พูดกับพี่สนุกกว่า พวกรับอย่างพี่ชอบฟังเรื่องแบบนี้ไม่เหรอ”

มันต่อเนื่องมาจากเมื่อคืนวาน กระแทกใจอีกแล้ว!

รับ!

รับเหรอ?

เขาเนี่ยนะ?

บ้าเอ๊ย!

“ฉันดูเป็นฝ่ายรับมากขนาดเชียวเหรอ เจ้าแบล็กว่ามาเดี๋ยวนี้นะ จะหาเรื่องกันใช่ไหม!”

เมื่อก่อนสภาพของทีมไดมอนด์ก็เป็นแบบนี้แหละ แต่หลินเฟิงกลับพบว่า มีบางคนที่หน้าหนาขึ้นทุกวันเลย หาว่าเขาเป็นฝ่ายรับ ทนไม่ได้จริงๆ!

“เอาดิ มา” ป๋อจิ่วยิ้ม แล้วดึงตัวฉินมั่วที่กำลังจัดของอยู่ให้เข้ามาใกล้ ทำท่าหล่อร้าย “ยังไงท่านเทพก็ช่วยฉันอยู่แล้ว แน่จริงพี่ก็หาคนมาช่วยพี่ดิ”

หลินเฟิงสะอึก ก่อนจะทึ้งผมตัวเอง “หาเรื่องอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็จะอวดผัวนี่เอง ทำไมฉันถึงตกหลุมพรางนายเนี่ย ทำไม!” ตอนนี้เขาไม่หวังให้หัวหน้าควบคุมเจ้าแบล็กแล้ว แววตาของชายหนุ่ม แสดงการให้ท้ายแฟนตัวเองอย่างสิ้นเชิง แถมหัวหน้าเองก็จำเขาไม่ได้แล้ว มันช่าง…

หลินเฟิงนั่งแปะลงบนเก้าอี้ ถามเพื่อนคนอื่นๆ “พวกนายทนได้ด้วยเหรอ?”

“พี่หลิน ดาวประจำทีม” โคโค่ลูบคาง พูดอย่างมีนัยยะ “ฉันคิดว่าเวลาที่โดนคนอวดใส่เนี่ย มันต้องดูหน้าตาเหมือนกันนะ ไม่งั้นก็มานี่มา ฉันช่วยแต่งหน้าปรับโหงวเห้งให้ นายจะได้ไม่ต้องโดนอวดใส่อีก”

หลินเฟิงไม่พูดอะไรอีก เขาหมดอาลัยกับชีวิตแล้ว ปล่อยให้อีกฝ่ายละเลงหน้าตามใจชอบ ส่วนโคโค่เอาดินสอมาวาดให้ นัยน์ตาระยิบระยับอย่างเจ้าเล่ห์ วาดพลางพูดขึ้นว่า “แฟนคลับให้ฉันเองล่ะ แจ่มมากเลย”

“จริงเหรอ?”

“จริงสิ”

“เฮ้ย โคโค่ นายแต่งหน้าอะไรให้ฉันวะ!”

“ก็เลข1[1] ไง นายชอบบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายรุกไม่ใช่เหรอ”

หลินเฟิงอยากลบทิ้ง แต่พบว่าลบอย่างไรก็ไม่ออก ฝ่ายอวิ๋นหู่ยื่นมือมาห้ามไว้ “ดูดีออก”

ก็ดูดีจริงๆ  เพราะใบหน้าเจ้าเพื่อนรักบนกระจก สะท้อนให้เห็นว่าซีกหน้าด้านข้างมีตัวเลข 1 ปรากฏอยู่ที่หางตา ทำให้เจ้าตัวดูเยาว์วัยมากมาย

บรรยากาศในห้องพักเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย ราวกับไม่ว่าต่อไปเขาจะต้องผจญกับอะไร ก็จะไม่มีวันกลัวเด็ดขาด

เหราหรงยืนอยู่ด้านข้าง มองดูเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยรอยยิ้มบางเบา ได้ยินเสียงหลินเฉินทาวที่ข้างตัวดังขึ้น “บรรยากาศในทีมไดมอนด์ ดีจัง”

เหราหรงหันไปหาคนที่กำลังพูดกับตัวเองอยู่ ก่อนจะยื่นมือไปวางบนเส้นผมที่ลอนคลื่นอันติดตัวมาแต่เกิดของอีกฝ่าย “ตอนนี้นายก็เป็นหนึ่งในทีมไดมอนด์นะ”

หลินเฉินทาวได้ยินแล้วถึงกับชะงัก ก่อนจะหัวเราะขึ้นอย่างสว่างสดใส “อื้ม ฉันก็เป็นหนึ่งในพวกเขาเหมือนกัน”

 ………………………………………

ตอนที่ 1813-2

พวกนักกีฬาในทีมลีกส์อาชีพต่างเข้าใจดี นอกจากทีมเซียงหนานแล้ว ทุกทีมก่อนลงแข่งจะไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้ หวนคิดถึงเมื่อก่อน ตอนนั้นผู้ลงทุนต้องการดันเด็กตัวเองเลยยัดเข้ามาในทีม เกมนั้นทั้งๆ ที่พวกเขาสามารถชนะได้ง่ายดาย แต่กลับกลายเป็นต้องเล่นอย่างยากเย็นแสนเข็ญเพราะเด็กเส้น

แต่ทีมไดมอนด์ต่างออกไป พวกเขารู้สึกเสมอว่า ความฝันจะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป หากอยากพิสูจน์ตัวเองในวงอาชีพที่ตัวเองรัก อย่างน้อยต้องให้พ่อแม่รู้ว่า ตัวเองก็ไม่แพ้พวกคนทำงานประจำ อาชีพของเขาก็มีคนนับถือ

บางทีเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเทพอินซานที่ออกจากวงการนี้ไปแล้วยังกลับเข้ามาในทีมนี้ เพราะเขาหาแรงบันดาลใจที่เข้าวงการนี้ในตอนแรกเจอแล้วในทีมนี้ เขาอยากคลุมธงชาติบนร่างพร้อมๆ กับเพื่อน ขึ้นยืนในตำแหน่งแชมป์

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง คนที่อยู่ในสนามต่างไม่คิดเช่นนี้ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาพวกเขาถูกยกยอ ถูกชอบ ถูกสร้างข่าวลือใส่ร้าย ถูกกลับขาวให้เป็นดำ ทั้งยังกลายความทรงจำของผู้คนจำนวนไม่น้อย

ฝีมือเป็นอย่างไร ก็จะเห็นในการแข่งของวันนี้นี่เอง

คงเพราะบรรยากาศดูกลมเกลียวกันมาก ฉินมั่วจึงไม่คิดจะเอ่ย ดังนั้นจนมาถึงตอนนี้ นอกจากป๋อจิ่ว คนในทีมต่างไม่รู้ว่าชายหนุ่มจำได้หมดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้บรรยายที่อยู่ด้านนอกเลย

บ่าย 1:45 เหลืออีก 15 นาที การแข่งจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ภายในสนามแข่ง เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการไลฟ์สดต่างเช็คอุปกรณ์ในมือตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในระหว่างการทำงาน  ทางด้านพิธีกรชายสองหญิงหนึ่งต่างยืนพร้อมอยู่บนแสตนแล้ว แต่ละวินาทีผ่านไป ดังนั้นเหล่าแฟนคลับที่มาดู ต่างนั่งลงกับที่ ข้างนอกทำการเก็บกวาดให้เรียบร้อย ซึ่งเมื่อ 10 นาทีก่อนหน้านั้น ก็หยุดตรวจตั๋วแล้ว

บรรยากาศภายในสนามจะเป็นอย่างไร ต่างรู้กันดี

บ่าย 1:55  แพลตฟอร์มการไลฟ์สดทุกแห่งกลายเป็นสีแดงกันทั่วหน้า ผู้ควบคุมสนามและทางผู้กำกับการถ่ายทอดสดเช็คสถานการณ์ต่อกัน และส่งสัญญาณมือให้ด้านหลังเวทีอย่างพร้อมเพรียง  เสียงดังเข้าห้องพักผ่อนของทั้งสองทีม ด้วยภาษาที่ต่างกัน แต่ความหมายใกล้เคียงกัน อันเป็นการแจ้งทุกทีมว่า เหลืออีกไม่ถึง 5 นาทีก็จะเข้าสู่การแข่งขันแล้ว ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม

เมื่อเสียงดังขึ้น หลินเฟิงยังคงชี้เลข 1 บนหน้าตัวเอง พลางถามอวิ๋นหู่ว่าตัวเองดูรุกไหม? ทว่าหลังจากที่ได้ยินเสียงตามสาย อารมณ์ของทุกคนเปลี่ยนแปลงทันที กลายเป็นความตั้งใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ผิดหรอก ความตั้งใจ

กระทั่งเฟิงซ่างเองยังดูเหมือนโตขึ้น เริ่มปรากฏความคมสัน ส่วนอินอู๋เย่าก็หยุดจุดบุหรี่ ในขณะที่เหราหรงจัดผ้ารัดข้อมือข้างขวา ทางด้านป๋อจิ่วซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ากางเกง มุมปากหยัดยิ้ม ท่าทางออกหน้าออกตาอย่างชัดเจน ดูร้ายเจ้าเล่ห์เหมือนตัวละครในเกมที่เธอเลือกเล่นบ่อยๆ

ฉินมั่วปิดตู้ หมุนตัวมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ราวกับควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวอยู่หมัด “พร้อมหรือยัง?”

แววตาของหลินเฟิงสั่นสะเทือนหนัก เพราะ…คุ้นมาก! เพราะทุกครั้งที่พวกเขาจะเข้าสนาม หัวหน้ามักจะถามแบบนี้เสมอ!

แต่…ไม่ใช่แค่นั้น ชายหนุ่มซุกมือข้างหนึ่งในในชุดทีม ส่วนอีกข้างยื่นออกมากำมือ แววตาลุ่มลึกเหมือนสะท้อนทุกสิ่งที่สั่งสมมาหลายปี

ครั้งแรกที่เขาลงแข่งในนามของทีมไดมอนด์ จากความเป็นมือใหม่เดินทางมาจนเวลานี้  รวมถึงปีที่เขาแพ้ ต้องยืนนิ่งเงียบพิงกำแพง สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ยังจำได้ไหม?

หลินเฟิงขอบตาแดง แต่ก็ยังยื่นมือออกไป ขนาดเขายังมองออก คนอื่นย่อมต้องมองออกเช่นกัน ทุกคนต่างยื่นกำปั้นมาชนกัน

“ทีมไดมอนด์”

“ต้องชนะ!”

………………………………………

[1] หมายเลข 1 หมายถึงฝ่ายรุก ส่วนหมายเลข 0 คือฝ่ายรับ

1812-2 vs 1812-3 vs 1812-4

ตอนที่ 1812-2

พิธีกรเองก็เป็นผู้ที่มีแฟนคลับมากมายเช่นกัน “การแข่งใกล้จะเริ่มแล้ว ซึ่งการแข่งระดับเอเชียจะถูกจัดทุกปี แต่ปีนี้จะฮอตเป็นพิเศษ เทพซีพอจะเดาได้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร?

“อันดับแรก การแข่งระดับเอเชียในปีนี้จัดที่บ้านเรา ซึ่งแฟนคลับเกมออนไลน์ในบ้านเราต่างรอคอยกันมาก เพราะเมื่อก่อนต้องไปดูที่ต่างประเทศ กระทั่งตารางการเดินทางก็ยังไม่สะดวกมาก แต่ตอนนี้มาจัดอยู่หน้าบ้านเรา ทำให้ความรู้สึกและยอดการเข้าชมต่างไปจากเดิม กระทั่งเพื่อนเก่าผมยังบอกว่าผมต้องหาบัตรให้พวกเขาให้ได้สองใบ กลุ่มคนที่เล่นเกมเลเจนด์ จะมากจะน้อยต้องอยากดูท่านเทพที่ตัวเองชื่นชอบกันบ้างล่ะ มันตัดกันไม่ขาดหรอกครับ แถมตัวแทนประเทศจีนในปีนี้ไม่ใช่ทีมเซียงหนาน แต่เป็นทีมไดมอนด์ ทีมนี้แกร่งถึงขั้นไหนต่างรู้ดีกัน ในฐานะที่เป็นคนเก่าคนแก่ที่ถอนตัวจากวงการกันแล้ว ถ้าไม่เพราะติดภารกิจ เพราะผมต้องไปนั่งจ้องดูที่สนามสดแน่นอน”

“เอ๊ะ” ดูเหมือนพิธีกรจะค้นพบอะไรบางอย่าง ชี้นิ้วไปที่หน้าจอ “พูดถึงทีมเซียงหนาน ดูเหมือนพวกเขาจะมาที่สนามสดเหมือนกัน”

“ปกติออก เพราะการแข่งสนามนี้น่าดูออก”

พิธีกรได้ยินแล้วถามขึ้น “ฟังจากเทพซีแล้ว ดูเหมือนจะรู้สึกดีต่อทีมไดมอนด์มาก ไม่ทราบว่าคุณได้ดูการสัมภาษณ์เมื่อเช้าไหม มีคนบอกว่า ทีมไดมอนด์น่าจะเอาชนะในนัดนี้ได้ลำบาก”

“ก็ยากจริงๆ ล่ะ ฉะนั้นทีมไดมอนด์จะต้องสู้สุดฝีมือ ไม่งั้นอาจจะโดนทีมอาทิตย์อุทัยกดดันแน่ๆ”

“เอ๋? ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ หรือว่าเพราะฉินมั่วไม่อยู่ด้วย?” พิธีกรเองอยากฟังคำวิเคราะห์ของคนในวงการอีสปอร์ตเช่นกัน

“เดี๋ยวคุณดูการแข่งขันแล้วก็จะรู้เอง  การจะสู้กับทีมอาทิตย์อุทัยถือเป็นเรื่องที่กดดันมาก ทีมนี้โดดเด่นตรงที่นักกีฬาของเขาเก่งมากทุกคน กระทั่งตัวเด็กฝึกก็ยังมีความสามารถเทียบเท่ากับนักกีฬาลีกส์อาชีพของเรา ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะดูแคลนประเทศตัวเองนะครับ แต่ทุกคนต่างรู้สถานการณ์ในเวลานี้ดี พวกเขาได้เปรียบตรงที่มีพรสวรรค์ด้านอีสปอร์ตมาก แถมยังมีภูเขายักษ์อย่างยูกิชินและโฮชิโนะกันไว้อยู่ ทุกทีมที่ได้เจอเขา ยังต้องกลับไปคิดอย่างใจเย็นเลย เพราะไม่ว่าจะใช้เทคนิคการแข่งยังไงก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ คนที่เล่นเกมออนไลน์ทุกคนรู้กันทั้งนั้นว่า โฮชิโนะประเมินเหตุการณ์แม่นยำแค่ไหน ถึงจะไม่ใช่หัวหน้าทีม แต่ก็ถูกขนานนามว่าเป็นเทพแห่งการประเมินเหตุการณ์ล่วงหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยูกิชินเลย แค่เห็นเขาเล่นเกมเดียว ก็ทำคำนวนการเดินตำแหน่งกับความถนัดของเขาได้เลยล่ะ เมื่อเขาเข้าแข่งขัน เราจะยิ่งเห็นถึงความน่ากลัวของเขาว่ามีมากแค่ไหน”

พิธีกรได้ยินแล้วตกใจ “เทพซีหมายความว่า ต่อให้ฉินมั่วลงแข่ง แต่โอกาสแพ้ก็ยังเยอะอยู่”

“เปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ต้องดูว่าทีมไดมอนด์จะเตรียมพร้อมสภาพจิตใจยังไง ตอนนี้สิ่งที่ตรงหน้าของพวกเขาคือ สุดยอดเทพในหัวใจของทุกคนที่แข่งลีกส์อาชีพมาหลายสนาม จะมากจะน้อยย่อมมีบางคนที่เข้าสู่วงการนี้เพราะเคยดูคลิปการเล่นของเขา ไม่ว่าจะเป็นโฮชิโนะหรือยูกิชิน ถ้าได้เจอพวกเขาอย่างน้อยก็ต้องใจเสีย เราหันกลับมาพูดถึงเรื่องฉินมั่วก่อน เขาจะลงแข่งได้หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ เพราะเราไม่เห็นเขาในการแข่งขันนัดที่ผ่านมา แถมจากข่าวในโลกออนไลน์ก่อนหน้านี้ แสดงว่าเขาน่าจะสูญเสียความทรงจำจริงๆ ซึ่งต่อให้เขาลงแข่ง แต่คงไม่เก่งเท่าเมื่อก่อน นี่แหละเป็นสิ่งที่ทุกคนกังวลใจมากที่สุด…”

“ได้ยินเทพซีวิเคราะห์ คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น” พูดมาถึงตรงนี้ พิธีกรก็ชะงัก ก่อนจะร้องด้วยความตื่นเต้น “มาแล้ว ทีมไดมอนด์มาแล้ว!”

 ………………………………………..

ตอนที่ 1812-3

หลังจากที่ได้ยินเสียงของพิธีกรสาว ทุกคนต่างหันไปมองที่หน้าจอ รถ MPV ที่ราคาสูงลิบถูกขับเข้ามา ทุกคนต่างรู้ดีว่าทีมไดมอนด์ไม่เคยขาดเงิน ดังนั้นข้าวของเครื่องใช้ของลูกทีมถึงเป็นของดีที่สุด รวมถึงรถประจำทีม

เมื่อเห็นรถคันดังกล่าว พวกนักข่าวต่างกรูกันไปรุมล้อม โดยคนที่ลงมาเป็นคนแรกคือเฟิงอี้ เขายังคงสวมสูทเหมือนเดิม มุมปากยังประดับรอยยิ้ม ยกมือทั้งสองขึ้น เพื่อกันนักข่าวไว้

สมาชิกในทีมทยอยลงจากรถทีละคนๆ ก่อนจะถูกยามพาไปส่งที่ลิฟต์ ถึงจะดูผ่านหน้าจอ แต่ก็เหมือนรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ร้อนแรงได้

พิธีกรมองดูเหตุการณ์ดังกล่าวจบ ก็ส่ายหน้าอย่างเสียดาย “ทุกคนคงเห็นแล้วว่า นี่เป็นรถของทีมไดมอนด์ และเทพฉินไม่ได้อยู่ในรถคันนี้ เกรงว่าจะเหมือนอย่างที่เทพซีพูด การแข่งในครั้งนี้คงถูกทีมอาทิตย์อุทัยกดไว้แน่นอน…”

การที่ฉินมั่วไม่ได้ปรากฎตัว ทำให้หัวใจของเหล่าแฟนคลับถึงกับสั่นคลอน อันที่จริงคนที่หมดอาลัยตายอยากที่สุดคือสมาชิกทีมต่างหาก หลินเฟิงที่พูดมากยังไม่พูดสักประโยคเลยในวันนี้ เขาสวมเสื้อขนเป็ดทับเสื้อทีม ทั้งยังคลุมศีรษะด้วยฮู้ด บอกตรงๆ ว่าไม่ได้เก็กขรึม แต่พราะคนเยอะมาก เมื่อทำแบบนี้แล้วจะสงบใจเสียหน่อย ส่วนคนอื่นๆ ก็แปลกไป ทว่าเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เฟิงอี้ยังไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร

ส่วนคุณชายโคโค่รู้ว่าแต่ละคนต่างมีคิดอะไรในใจ ดังนั้นต่อให้หดหู่มากแค่ไหน เขาก็ไม่แสดงออกมา

แต่ก็ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ด้วยไม่มีใครส่งเสียงเลยสักคน  ตลอดเส้นทางยาวจากประตูทางเข้าจนมาถึงห้องพัก

เฟิงอี้รู้ดีว่าหากเขาสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นขึ้นมาก็ทำได้ เพราะพวกนี้จะให้ความร่วมมือ แต่หัวใจพวกเขายังคงหดหู่ มันช่างเหมือนเมื่อปีที่พวกเขาแพ้ ต้องสูญเสียสิทธิ์รอบคัดเลือก ตอนนั้นไม่มีใครพูดอะไร เพราะรู้สึกเศร้าภายในใจ เศร้าซึม ไม่ยอมแพ้ โทษตัวเอง ต่างเงียบขรึมเพราะหลากหลายอารมณ์ที่รุมเร้า แต่คงเพราะรู้สึกว่าเงียบเกินไป หลินเฟิงจึงถามขึ้นว่า “ห้องพักของพวกเราอยู่ที่ไหน?”

“ด้านหน้า” เฟิงอี้พูดจบ หลินเฟิงก็ส่งเสียงรับรู้  เขาเป็นคนแรกที่มาถึง ตอนแรกเขาถอดเสื้อคลุมพลางผลักประตูออก ทว่าหลังจากที่เปิดประตู เขาก็ตะลึงงันไปทั้งตัว

ขะ เขา เขาไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม?

หะ หัวหน้า! หลินเฟิงกำลังคิดว่าตัวเองเห็นภาพลวงตาหรือเปล่า แต่คนที่ยืนสง่าอยู่ตรงหน้า พับแขนเสื้อมาครึ่งหนึ่ง ทำให้คนรู้สึกถึงคำว่าสูงส่งต้องห้าม คนที่สวมเสื้อทีมได้เหมือนเป็นเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ คงมีแต่หัวหน้าคนเดียวเท่านั้น!

“ยืนขวางอยู่หน้าประตูทำไม?” โคโค่ว่าพลางก็ผลักอีกฝ่าย ไม่คิดว่าพอผลักอีกฝ่ายสำเร็จจะตะลึงงันเป็นคนที่สอง

ทว่าโคโค่ไม่ได้สมองฟ่อ คนที่เป็นลงมือทำจริงอย่างเขาร้องเรียกหัวหน้า พลางกระโจนเข้าไปหา ป๋อจิ่วที่ยืนอยู่ด้านข้างยื่นมือกันไว้ แย้มมุมปากยิ้ม “โคโค่ ต่อให้นายเป็นผู้ชาย ก็โปรดรักษาระยะห่างกับแฟนฉันด้วย อย่าคิดจะกระโดดใส่ก็กระโดดใส่เสียอย่างนั้น” เพราะเธอเป็นคนเดียวที่กระโดดใส่ท่านเทพได้

หลังจากที่โคโค่ถูกผลักออก ก็ไม่เสียใจแต่อย่างใด กลับดีใจมากจนยิ้มเห็นเขี้ยวเสน่ห์ “ฉันรู้แล้วว่าเจ้าแบล็กต้องหาวิธีจนได้ ทั้งหล่อทั้งเก่งแบบนี้ เรื่องเล็กๆ แบบเอาหัวหน้ากลับมา ต้องไม่ยากสำหรับนายอยู่แล้ว”

“อื้ม นายเข้าใจก็ดีแล้ว เรื่องแบบนี้จริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาหรอก ถึงฉันจะชอบฟังก็เหอะ”

นี่เป็นคำตอบของคนที่ไม่เคยรู้จักคำว่าถ่อมตนเป็นอย่างไร ส่วนเซวียเหยาเย่าและอินอู๋เย่าที่อยู่หน้าประตูต่างยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ เหราหรงเองก็ตาเป็นประกาย หันไปมองฉินมั่ว คิดว่าต่อให้เสียความทรงจำไป แต่ชายหนุ่มควรคนมาปิดการแข่งขันในสนามนี้อยู่ดี

 ……………………………………….

ตอนที่ 1812-4

หลินเฟิงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเร่อร่าออกมา ลากคอของเจ้าแบล็ก กะจะขยี้ผมเจ้านั่นเสียหน่อย

แน่ล่ะ! เขาแค่คิดเท่านั้น! เพราะเมื่อเขายกมือขึ้น กะจะไปเกาะบ่าเข้าแบล็ก แววตาของหัวหน้าก็ไม่เหลือความอบอุ่นอีกเลย จ้องเขาเขม็งอย่างกดดัน! เล่นเอาหลินเฟิงแทบขนหัวลุก รีบดึงมือกลับทันที ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน!

“มาก็ดีแล้ว” เฟิงอี้เดินเข้ามา ยิ้มบนหน้าของเขาในเวลานี้ถือว่าเป็นของจริง เขาอุตส่าห์เตรียมใจแล้วว่าเจ้าแบล็กจะไม่มา คิดไม่ถึงว่าไม่ใช่แค่เจ้าแบล็ก กระทั่งคุณชายฉินก็กลับมาด้วย!

เวลานี้ ก้อนหินที่ถ่วงในหัวใจของเฟิงอี้ร่วงลงมาเสียที หลายปีที่ผ่านมา เขาติดค้างการแข่งสนามใหญ่เช่นนี้ต่อชายหนุ่ม แต่เพราะในทีมยังมีสมาชิกคนอื่นๆ อีก จึงไปแข่งในนัดที่ใหญ่กว่านี้ไม่ได้ เขาจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบด้าน ทั้งๆ ที่สามารถสร้างชื่อได้ในงานแข่งระดับนานาชาติ แต่เพราะปัจจัยจากตัวทีมเอง ทำให้ไม่อาจไปแข่งในสนามที่ใหญ่กว่านี้

หากจะบอกว่ามีใครเป็นตัวถ่วง ก็ต้องบอกว่าทั้งทีมไดมอนด์ที่ถ่วงฉินมั่วเอาไว้ ไม่เหมือนกับทีมเซียงหนานที่มีตัวสำรองที่เยอะมากพอจะเอามาใช้ได้ ถือเป็นเงื่อนไขชั้นเยี่ยมเลยล่ะ

ตอนแรกหากเขาไปอยู่กับทีมเซียงหนาน ด้วยฝีมือเล่นขั้นเทพของชายหนุ่ม ชื่อเสียงจะต้องระบือลือไกลในระดับโลกตั้งนานแล้ว

ทีมไดมอนด์ถือว่าใหม่มาก หาผู้เล่นเก่งๆ ไม่ค่อยได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีคนเล่นเข้าคู่กับฉินมั่วได้น้อยมาก

ทุกครั้งชายหนุ่มจะเป็นผู้เล่น MVP ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะที่เพลี่ยงพล้ำหรือนำฟอร์มการเล่น แต่จนท้ายที่สุด ทีมไดมอนด์กลับไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าแข่งขัน นี่คือคำบรรยายของทีมไดมอนด์ในอดีต

ทั้งๆ ที่มีคะแนนนำ แต่ไม่อาจเข้ารอบได้เพราะทีม ทำให้ทุกอย่างสูญเปล่า แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เวลาที่ทีมอื่นๆ มาชวนเขาไปเข้าทีม เขากลับไม่ไป จากนักฆ่าที่เก่งฉกาจชนิดที่มาไม่บอกไปไม่กล่าว ต้องกลายเป็นตัว CC ที่คุมเชิงอยู่ใต้ป้อม  ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาอุทิศให้กับทีมไดมอนด์

ยังดีที่ปีนี้ไม่เหมือนเดิม เฟิงอี้รู้สึกโชคดีที่มีเจ้าแบล็กอยู่ด้วย เธอไม่เพียงแต่พาตัวคุณชายฉินกลับมา กระทั่งเรื่องเกม…

บางทีหลายคนอาจมองไม่ออก แต่เขาเข้าใจดี สิ่งที่ฉินมั่วอุทิศให้ มันชัดเจนมาก และเมื่อเจ้าแบล็กปรากฎตัวออกมา ชายหนุ่มเล่นเกมได้อย่างมีความสุข เพราะไม่ต้องระวังอะไร สามารถลงแข่งด้วยเล่นบทบาทที่ถนัดที่สุด เหมือนที่เขาได้เห็นชายหนุ่มเป็นครั้งแรก

เฟิงอี้เชื่อว่าแม้จะเสียความทรงจำไปแล้ว แต่เขายังทำให้คนในสนามแข่งตกตะลึงได้

ฝ่ายหลินเฟิงไม่คิดมาก เขาถามเพียง “เจ้าแบล็ก สุขภาพนายไม่มีปัญหาใช่ไหม?” ก็เมื่อวานเล่นกลับไปในสภาพแบบนั้น แถมติดต่อใครก็ไม่ได้ เขาต้องเป็นห่วงสิ

ไม่คิดเลยว่า กลับถูกยัดอาหารหมาใส่โครมเบ้อเร่อ “สุขภาพเหรอ? ไม่มีปัญหานี่ เมื่อคืนแค่ไข้ขึ้น พี่มั่วดูแลฉันทั้งคืนเลยล่ะ เดี๋ยวๆ ก็เอาหน้าผากวัดอุณหภูมิให้ฉัน เดาว่าพี่หลินคงไม่เคยเจออะไรที่อ่อนโยนแบบนี้มาก่อนชัวร์”

หลินเฟิง “…”

……………………………………………

1810-3 vs 1811 vs 1812-1

ตอนที่ 1810-3

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าเริ่มสว่างจากทิศตะวันออก เมื่อก้มมองจากสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่สุดของเจียงเฉิง เจ้าหน้าที่ตกแต่งสถานที่ล้วนเริ่มเข้ามาแล้ว ความยุ่งวุ่นวายสูงมากพออย่างเห็นได้ชัด ทั้งนอกและในประเทศต่างให้ความสำคัญกับการแข่งนัดนี้มาก

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น นักข่าวต่างชาติและล่ามก็มาถึงสถานที่ สร้างบรรยากาศอลังการมาก เมื่อนั่งลงก็ดึงดูดสายตาจากหลายคนๆ

ฝ่ายในประเทศเอาแต่คาดเดาว่า ทำไมถึงได้มีนักข่าวต่างชาติจากหลากหลายแห่งมาที่งานมากขนาดนี้ จึงอยากขอสัมภาษณ์ ฝ่ายนักข่าวต่างชาติมีวาทศิลป์เป็นอย่างดี ไม่แสดงออกมาว่าตัวเองไม่แคร์ทีมไดมอนด์ นอกพูดระคนยิ้ม “ทุกคนต่างรู้ความสามารถของทีมอาทิตย์อุทัยเป็นอย่างดี การแข่งของพวกเขามีสีสันมาก เชื่อว่าคนอื่นก็คงมางานนี้ด้วยเหตุผลเดียวกัน” ฟังดูแล้วเหมือนอ้อมค้อม แต่หากพินิจให้ดี ก็เรียกได้ว่าพูดอย่างตรงไปตรงมามาก เพราะพวกเขาไม่ได้เอ่ยถึงทีมไดมอนด์เลย นอกจากฝ่ายในประเทศจะถามถึง พวกเขาถึงตอบ “โอ้ ทีมไดมอนด์ ยังไม่เคยดูการแข่งของทีมนี้เลย แต่ในเมื่อเป็นตัวแทนประเทศจีนมาแข่ง คงต้องเก่งมาก” คำพูดตามมารยาทของผู้ใหญ่แบบนี้ แค่เห็นสีหน้าก็รู้แล้วว่า พวกเขาไม่แม้แต่จะเคยได้ยินชื่อทีม

แน่ล่ะ ย่อมมีนักข่าวบางส่วนที่ศึกษามาบ้างก่อนหน้านี้ แต่แค่อ่านมา ไม่สนใจทีมไดมอนด์ เมื่อถามว่า “คุณคิดว่าทีมไหนจะชนะ?” พวกเขาก็หัวเราะ “ฉันรู้สึกว่าคำตอบค่อนข้างชัดมาก คนที่ได้แข่งกับโฮชิโนะและยูกิชิน จะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากการแข่ง ถึงทีมไดมอนด์จะเก่งมาก แต่คงเอาชนะผู้เข้าแข่งขันระดับนานาชาติทั้งสองได้ยาก มีพวกเขาสองคนอยู่ในทีม รับรองว่าทางญี่ปุ่นต้องชนะแน่” คำพูดเหล่านี้ทำให้คนไม่สบายใจ แต่ไม่อาจปฏิเสธว่าพวกเขาพูดตามหลักความจริง

โฮชิโนะและยูกิชินเป็นต้นแบบต่อเหล่าแฟนคลับอีสปอร์ตจากหลากหลายพื้นที่ ทั้งยังเป็นไอดอลให้กับหลายคน ดังนั้นทีมไดมอนด์จึงชนะได้ยาก อีกทั้งการแข่งระหว่างทีมเซียงหนานและทีมอาทิตย์อุทัยในปีก่อนยังคงเป็นภาพเด่นชัด

การแข่งขันชิงแชมป์เอเชียในปีนั้น ยูกิชิไม่ได้ลงสนามด้วยซ้ำ แค่โฮชิโนะคนเดียวก็เอาชนะทีมเซียงหนานได้ทั้งทีมแล้ว แถมในการแข่งชิงแชมป์ประเทศ ฝีมือของทีมไดมอนด์ยังสูสีกันกับทีมเซียงหนาน กระทั่งเอาชนะได้ชนิดเลือดตาแทบกระเด็น เมื่อเทียบกันเช่นนี้ก็จะเข้าใจความแตกต่าง แถมทีมไดมอนด์ในเวลานี้ยังขาดตัวฉินมั่ว เหล่าเนติเซนต่างไว้อาลัย ดูเหมือนคนบางกลุ่มมักเป็นเช่นนี้ เวลาที่ทีมประเทศตัวเองแข่งกับต่างชาติ พวกเขามักคิดว่าทีมต่างชาติโดดเด่นกว่า แถมยังมีบางคนที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ก็เปิดฉากด่าทันทีเช่น ‘แน่จริงก็อย่ามาแข่งกับที่ถิ่นพวกเราสิ’ บางคนก็ว่าเอาตรงๆ ‘ถ้าทีมไดมอนด์เอาชนะไม่ได้ ก็ทำให้ประเทศเราเสียหน้าอย่างแรง’

พูดน่ะมันง่าย แต่คนเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่เคยคิดว่าไม่มีใครมีหน้าที่ต้องคว้าแชมป์เพื่อใคร

ยังดีที่เหล่านักกีฬาต่างไม่ท่องโลกออนไลน์มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว พอหยิบมือถือขึ้นก็ไม่กล้าดู เพราะดูแล้วจะเศร้าใจ อันที่จริงคนที่เชียร์ก็เยอะ คำพูดปลอบโยนก็มาก ทว่าการแข่งกระชั้นเข้ามา ความกดดันถาโถมอย่างไร้รูปไร้เสียง ดังนั้นแม้จะไข้ขึ้นทั้งคืน ป๋อจิ่วก็ยังกังวล จึงลืมตื่นตั้งแต่ไม่ถึง 8 โมงเช้า

เมื่อรู้สึกตัวว่าอยู่ที่ไหน เธอช้อนสายตามองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้แค่คืบ

…………………………………………………..

 ตอนที่ 1811

คงเพราะแสงจ้า ทำให้ขนตาชายหนุ่มดำขยับ เหมือนเป็นปีกอีกาที่แผ่เงาอันอบอุ่นบนใบหน้าหล่อสง่า สะอาดสะอ้านเป็นพิเศษ

ป๋อจิ่วอยากจะลุกขึ้น ไม่คิดเลยว่าแค่ขยับนิดเดียว เขาก็ตื่นเสียแล้ว ชายหนุ่มนิ่วหน้านิดๆ ท่านเทพชอบหงุดหงิดเวลาตื่น แต่วันนี้เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองอารมณ์เสียนาน กลับจับข้อมือแล้วลากเธอมาไว้ในอ้อมกอด แนบหน้าผากตัวเองเข้ากับหน้าผากเธอ

ขนตายาวเฟื้อยของเขาอยู่ตรงหน้า นี่เป็นวิธีการวัดอุณหภูมิแบบโบราณที่สุด คงเพราะพอใจแล้ว ใบหน้าก็เลยผ่อนคลาย เสียงยังคงเนือยเนิบเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน “ฟื้นไข้ได้ดีเชียว”

ในระหว่างที่พูด ลมหายใจของเขาก็กระทบบนใบหน้าเธอ รวมถึงปลายจมูกโด่ง ส่งผลให้หัวใจเธอกระตุกผิดปกติ

ป๋อจิ่วหวานจนเข้าไปจุ๊บอีกฝ่าย แต่เขาไม่ยอมให้เธอสมหวัง เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหลบไป “คิดจะเจ้าชู้อะไร?”

“มอร์นิ่งคิสไง” ป๋อจิ่วทำหน้าน่าสงสาร ทว่าชายหนุ่มกลับหัวเราะ “ไม่จำเป็น”

ป๋อจิ่ว…โอ้ย คบท่านเทพเป็นแฟนเนี่ย ไม่โรแมนติกอย่างแรง?

ก็ไม่โรแมนติกจริงๆ นั่นแหละ พอลืมตาตื่นเขาก็ยกยามาให้เธอ ป๋อจิ่วไม่ชอบดื่มยา พอดื่มครึ่งหนึ่งก็ทิ้งอีกครึ่งหนึ่ง แต่ที่น่ากระอักกระอ่วนคือ ตอนที่เธอเททิ้งกลับถูกท่านเทพที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จจับได้พอดี “ท่าทางเธอจะไม่ชอบยาที่ฉันชงให้นะ” ฉินมั่วพูดเรียบเรื่อย

ป๋อจิ่วพูดอย่างอาจหาญ “เดี๋ยวต้องแข่งแล้ว ถ้ากินยาเข้าไป เดี๋ยวจะง่วงนอนตอนแข่ง”

“ไข้ขึ้นต่างหากที่จะทำให้เธอง่วง” ฉินมั่วพูดจบก็เคาะแก้วที่เหลือยาที่ก้น ท่านเทพสง่าอย่างนี้แหละ เวลาเขาพูดที หากเราไม่ฟังก็เท่ากับเป็นคนไร้เหตุผล

ป๋อจิ่วกระดกศีรษะดื่มยาที่เหลือจนหมด จริงๆ แล้วป่านหลานเกินซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่ให้ฤทธิ์บรรเทาอาการร้อนใน ก็ไม่ได้ขมนักหรอก แต่ป๋อจิ่วไม่ชอบกลิ่นมันจริงๆ กะจะไปบ้วนปาก แต่เพิ่งจะวางแก้วเอง ก็เห็นเขาก้มตัวมาจุ๊บมุมปากเธอ

ด้วยเหตุที่ไม่คิดว่าจะโดนจูบมาก่อน ทำให้มือที่ถือแก้วยาของป๋อจิ่วถึงกับชะงัก ได้ยินเขาพูดกลั้วหัวเราะ “ไม่เลวนี่ เป็นเด็กดีมาก”

แหงสิ! หนูจิ่วที่ถูกชมถึงกับยิ้ม แฮปปี้ชนิดหยุดไม่อยู่ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยชนิดที่พูดไม่ออก กระทั่งแปรงฟันอยู่ ป๋อจิ่วก็ยังประหลาดใจ

ด้วยเหตุที่ไปแข่ง ชุดที่สวมต้องเรียบง่าย ชุดทีมขาวดำด้วยการออกแบบที่ไม่วุ่นวาย ทว่าเมื่อป๋อจิ่วสวม ก็ทำให้ดูทรงอำนาจอย่างบอกไม่ถูก

วันนี้เธอไม่ได้สวมกระโปรง เพราะสิ่งที่ควรพิสูจน์ก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว เธอหล่อเหลือร้าย ราวกับเป็นหนุ่มน้อยที่เดินมาออกมาจากการ์ตูน ตุ้มหูพลอยสีดำบนหูซ้ายส่องประกาย

เมื่อเธอเดินออกมา ก็เห็นชายหนุ่มยืนสวมเสื้อตรงหน้ากระจก เอียงศีรษะจัดแขนเสื้อ นิ้วเรียวยาวสวยได้รูปจริงๆ ราวกับแค่เห็นท่าทางเขาในเวลานี้ ย่อมนึกถึงท่าทางที่เขาเล่นเกมออกได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความมหัศจรรย์ครั้งแล้วครั้งเล่าหรือสถิติที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ถูกบันทึกไว้เป็นสถิติไม่หยุด

ผิวของท่านเทพก็ดีจริงๆ ความขาวนวลนั่นเปล่งประกายความเย็นชาที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ กลิ่นอายสูงส่งต้องห้ามไม่ลดลงเลย นับจากที่เขาสวมชุดทีม ชื่อทีมไดมอนด์ผงาดกลางหลัง เขายังคงยืนอยู่ที่สูงโดดเด่นเหมือนเมื่อพบกันเป็นครั้งแรก

แบบนี้แหละที่ใช่ ป๋อจิ่วบอกตัวเอง ผู้ชายคนนี้ควรที่ยืนอยู่บนแท่นเทพแห่งเกียรติยศที่ไม่ควรร่วงหล่นลงมาตลอดกาล

……………………………………….

 ตอนที่ 1812-1

10:00 น. ยังไม่ทันได้เริ่มตรวจตั๋ว คลื่นมหาชนก็ทะลักมาที่สนามแข่งแล้ว

บรรยากาศที่สนามสด เรียกได้ว่าเสียงดังครึกครื้นกันเลยทีเดียว ไม่เพียงมีแค่แฟนคลับในประเทศ กระทั่งบางคนยังมาจากที่อื่นๆ เพื่อจะได้ชมการแข่งระดับเอเชียในครั้งนี้

เหล่านักข่าวพากันหาประเด็นข่าว ต่างตั้งกล้องถ่ายรูป พากันสัมภาษณ์กันทั่ว ความร้อนแรงที่สนามได้กระตุ้นเหล่ายามรักษาการณ์ให้รักษาการณ์แข็งขัน

สถานีรถไฟฟ้าของที่นั่นเรียกว่าแน่นมากจนไม่มีช่องว่าง สีหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งนี้ฝ่ายผู้จัดยังได้ว่าจ้างคอสเพลย์และผู้พากย์เสียงที่ขึ้นชื่อมางานนี้โดยเฉพาะ

ปกติทุกคนจะเคยเห็นพวกคอสเพลย์ระดับเทพกัน แต่สำหรับผู้พากย์เสียงแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ถือเป็นกำไรจากการแข่งขันที่ทำให้คนรู้สึกยินดีจนแทบตัวลอย ไม่ว่าหญิงหรือชายล้วนแต่แปะสติกเกอร์ทีมที่ตัวเองเชียร์บนใบหน้า

อุณหภูมิของเจียงเฉิงถือว่าไม่หนาว แต่ก็ไม่กระทบต่อความตื่นเต้นของผู้คน เซวียเหยาเย่ามองดูภาพที่ฉายบนทีวี เอานมที่โคโค่เพิ่งให้มา ยัดลงกระเป๋าเป้ของตัวเอง นมนั่นอินอู๋เย่าเป็นคนเตรียมให้ เพราะในสายตาเขาทั้งสามยังเป็นเด็กอยู่ เมื่อวานเขาคุยกับเฟิงอี้ผ่านโทรศัพท์แล้ว รถรับทีมไดมอนด์จะมาถึงตอน 10:30 น. อย่างตรงต่อเวลา

เฟิงอี้นั่งบนที่นั่งข้างคนขับ เอ่ยถามก่อนว่า “กินข้าวหรือยัง?”

“กิน กินแล้ว แฟน แฟนของเฮียเย่าทำให้” เฟิงซ่างงับถุงนมด้วยสีหน้าสดใส ส่วนเฟิงอี้หันไปเลิกคิ้วให้เฮียเย่า ซึ่งฝ่ายหลังไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด “แฟนคลับน่ะ”

“เป็นแฟนคลับที่ตามมาถึงอินเทอร์เน็ตบาร์!” โคโคงับถุงนมเช่นกัน “น่ารักมาก ทำกับข้าวก็อร่อย แต่เหมือนจะชอบเฮียเย่าแค่คนเดียว ฉันหล่อขนาดนี้ เขายังไม่แลเลย”

เฟิงอี้หัวเราะ “ให้ตั๋วเขาหรือยัง?” อุตส่าห์ดูแลอาหารให้ลูกทีมตั้งมื้อหนึ่ง ยังไงก็ต้องให้ตั๋วเข้าชมกันบ้าง

อินอู๋เย่าว่า “เขาดูเกมไม่เป็น”

“เป็นแฟนคลับที่ดูเกมไม่เป็นเนี่ยนะ?” เฟิงอี้ไม่ได้อยากซักไซ้แต่อย่างใด แค่พยายามปรับบรรยากาศก่อนแข่งเท่านั้น

ด้านเซวียเหย่าเย่าออกปากบ้าง “เขาบอกว่าเป็นแฟนคลับเฮียเย่าเพราะหน้าตา”

“ใช่! นี่ไง ฉันถึงไม่ยอมอย่างแรง” โคโค่ชี้ตัวเอง “ดูหน้าฉันสิแล้วโปรดหันไปดูหน้าเฮีย ทำไมเขาไม่เลือกฉัน?”

เฟิงซ่างพูดติดๆ ขัดๆ “นะ นั่นเป็น เป็นเพราะ นายมัน หลง หลงตัวเองผิดๆ”

ฟังเสียงยั่วโมโหกันภายในรถ ก็ทำให้เฟิงอี้สบายใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยทุกคนอยู่ในภาพจิตใจที่ดี ซึ่งสำคัญกว่าทุกสิ่ง

12.30 น. ได้เวลาตรวจตั๋วเข้าสู่สนาม แถวที่ต่อยาวมากจนน่าตกใจ โดยมีจุดตั๋วถึงทั้งสองชั้น ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่พนักงานกลับยุ่งมากจนไม่มีเวลาดื่มน้ำสักอึก

หลังจากที่เข้าไปได้ ก็นั่งตามลำดับหมายเลขของตัวเอง จะได้ไม่เกิดความวุ่นวายในสนาม จึงจัดจุดตรวจให้ตรงส่วนกับหมายเลขที่นั่ง ทั้งนี้การที่มีคนเข้าชมเป็นหลักล้านในเวลาเดียวกันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

กล้องถ่ายยังไม่ได้ประจำตำแหน่ง แต่ไม่ส่งผลใดๆ ต่อแพลตฟอร์มการไลฟ์สด ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในสนามแข่ง ล้วนแต่เป็นหัวข้อข่าวที่เรียกยอดผู้ชมได้ไม่น้อย แพลตฟอร์มการไลฟ์สดของแอพลิเคชั่นบางแห่ง ถึงขั้นทำข่าวติดตามสถานการณ์สดกันเลยทีเดียว

 …………………………………………..

1809-4 vs 1810-1 vs 1810-2

ตอนที่ 1809-4

ทั้งสองอยู่บริเวณศูนย์การค้าขนาดใหญ่แห่งเมืองเจียงเฉิง ศูนย์การค้าแห่งนี้ล้ำสมัยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว บวกกับตำแหน่งที่ตั้ง ทำให้มาถึงตอนกลางคืนก็ยังมีคนอยู่ไม่น้อย

ที่นี่มีทั้งคนขายลูกโป่ง มีทั้งคนดีดกีตาร์ร้องเพลง รวมถึงเด็กวัยรุ่นที่มาเล่นโรลเลอร์เบลดก็ยังเล่นกันอยู่

คงเพราะส่วนสูงของอวิ๋นหู่โดดเด่นมาก แม้ทั้งสองจะสวมผ้าปิดปาก แต่รูปร่างที่สูงชะลูด ทำให้สาวๆ จับตามองกันไม่น้อย แต่หลินเฟิงไม่ได้สังเกตว่าสายตาของพวกเธอมองมาที่พวกตน จึงพาอวิ๋นหู่มานั่งลงตรงม้านั่งตัวยาวที่ทางศูนย์การค้าจัดไว้ให้ มองดูพวงลูกโป่งที่อยู่ไม่ไกล “มันกดดันยังไง? กลัวว่าพรุ่งนี้จะทำได้ไม่ดีงั้นเหรอ?”

อวิ๋นหู่ตอบรับเสียงเรียบ ยกขาไขว่ห้าง ท่าทางดังกล่าวไม่เหมือนว่าจะมีแรงกดดันสักเท่าไร ราวกับว่าแค่หาข้ออ้างมาอยู่กับคนบางคนเท่านั้น

บรรยากาศเฉลิมฉลองค่อนข้างครึกครื้น พอจะได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากร้านกาแฟ เป็นเพลงคริสมาสต์ที่ร้องโดยนักร้องชื่อดัง เฉินอี้ซวิ่น

“ความรู้สึกนายในตอนนี้ ฉันพอจะเข้าใจ” หลินเฟิงทำเหมือนมีประสบการณ์มาก เขาถอนใจยาว เริ่มเลียนแบบอวิ๋นหู่ด้วยการนั่งไขว่ห้าง ซึ่งก็สบายจริงๆ แค่มือเย็นนิดหน่อย แต่มันไม่เป็นปัญหาอะไรต่อความปีติของหลินเฟิงที่ได้เป็นพี่ชายที่รู้ใจ “แค่นาย…”

“เดี๋ยว” อวิ๋นหู่เอ่ยขึ้นมาก่อน “ฉันไปซื้อกาแฟหน่อยนะ”

อันนี้หลินเฟิงก็เห็นด้วย จะเป็นคนรู้ใจกันก็ต้องดื่มกาแฟ ถึงจะได้รู้สึกถึงบรรยากาศที่เคร่งเครียด!

ด้วยเหตุที่ร้านกาแฟอยู่ข้างๆ จึงซื้อเสร็จเร็ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ มันสำคัญก็ตรงที่หลังจากที่อวิ่นหู่ถือแก้วกาแฟออกมาสองใบ หลินเฟิงรู้สึกว่าเพื่อนถือมาด้วยความร้อนมือมาก แต่พอยื่นมือไปรับก็ได้ยินเสียงพูดอยู่ข้างๆ ว่า “ดูสิ คนดีกับแฟนจะตาย ขนาดแฟนเขาก็เป็นผู้ชายด้วยกัน ยังรู้ว่าอากาศหนาวขนาดนี้ต้องซื้อกาแฟมากิน ทำเธอไม่รู้จักซื้อให้ฉันบ้าง”

หลินเฟิง “…”

แฟน…แฟนเขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน…ซื้อกาแฟมากิน

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าสีหน้าเขาเป็นอย่างไร ทว่าอวิ๋นหู่กลับดูเป็นธรรมชาติ “ช่วยฉันหน่อย”

“อ้อ” หลินเฟิงบ่นในใจ ผู้หญิงเมื่อกี้ต้องเป็นสาวสายวายชัวร์ ผู้หญิงแบบนี้เห็นอะไรก็คิดว่าเป็นเรื่องวายเสียหมด ตัวเขาไม่ได้เป็นเหตุหรอก แต่ใครจะคิดล่ะว่า เขายังไม่ได้รับแก้วกาแฟมาเลย เสียงก็ดังขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่ง “โคตรรังแกหมาโสดเลย ใส่ชุดคู่รักก็ว่าเถอะ นี่ยังมานั่งกินกาแฟด้วยกันข้างนอกอีก”

ใส่ชุดคู่รักงั้นเหรอ หลินเฟิงหันไปมอง ก็เห็นเสื้อขนเป็ดสีดำตัวยาวบนร่างอวิ๋นหู่

น้อง เสื้อขนเป็ดแบบผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดแหละ ลองดูดีๆ สิ มันไม่เหมือนกันนะ จะเป็นเสื้อคู่รักกันได้ยังไง! อึดอัดจังโว้ย

ขนาดหลินเฟิงที่บื้อแบ๊วยังรู้สึกอึดอัด แสดงให้เห็นว่ามีคนมาล้อมดูไม่น้อย เขาดื่มกาแฟต่อไปไม่ไหวแล้ว ดื่มกาแฟก็ยังต้องสวมผ้าปิดปาก แต่หากเขากับหู่ถอดผ้าปิดปากออกก็ไม่แน่ว่าจะกลายเป็นข่าวหรือเปล่า ดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่คิดอะไรมากอีก ลุกขึ้นมาโดยมีควันกาแฟลอยกั้นอยู่ “พวกเราไปกันเถอะ ค่อยกลับไปคุยกัน”

เดิมก็วางแผนกันไว้อย่างนี้ ใครจะรู้ว่าคงเพราะลุกขึ้นเร็วเกินไป จึงกระแทกเข้ากับแก้วในมือจนน้ำกระฉอกไปด้านข้าง สร้างความแสบร้อนจนเขาโยนทิ้ง

ฉากที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่หลินเฟิงที่คาดไม่ถึง กระทั่งอวิ๋นหู่ก็เช่นกัน กางเกงมีคราบกาแฟติดอยู่ ปกติแล้วเขาเป็นคนสะอาดเรี่ยม ดังนั้นจึงดูเละเทะนิดๆ

หากมองจากมุมนั้นจะดูเหมือนว่าหลินเฟิงระแวงความคิดของคนอื่น อยากปฏิเสธกาแฟของอวิ๋นหู่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ส่งผลให้เกิดความห่างเหินในห้วงเวลาดังกล่าว…

……………………………………………….

 ตอนที่ 1810-1

หลินเฟิงรู้สึกตัวเช่นกัน เขาอ้าปากอยากจะอธิบาย “เอ่อ ฉันไม่ได้…”

“อื้ม” อวิ๋นหู่กลับแทรกคำพูดเขา ราวกับไม่แคร์ “ฉันรู้”

หลินเฟิงดูแผ่นหลังของคนที่อยู่ด้านหน้าตน “จะเช็ดขากางเกงหน่อยไหม?”

“ค่อยกลับบ้านไปซัก” อวิ๋นหู่ถือแก้วกาแฟ หลุบตาเล็กน้อยอย่างไม่ใยดี

หลินเฟิงรู้สึกว่าตัวเองหัวทื่อจริงๆ กลับไปซักที่บ้านก็ได้นี่นา “เดี๋ยวฉันไปเรียกรถ” หลินเฟิงอยากชดเชยให้ แค่กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง อาจเพราะวันนี้เป็นวันหยุด เรียกอยู่นานแต่กลับไม่มีรถ คิวแท็กซี่ที่อยู่หน้าศูนย์การค้าก็กำลังอยู่ในภาวะขาดรถ

อวิ๋นหู่ยืนที่เดิม เห็นไอร้อนที่ลอยออกจากแก้วกาแฟอย่างชัดแจ๋ว เขาหันไปมองคนข้างตัวที่กำลังกดดูมือถือ สเก็ดหิมะที่ตกอยู่ปลายนิ้วมือ ก่อนจะค่อยๆ ละลาย แต่ดูก็รู้ว่าหนาว เขาชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า และยื่นแก้วกาแฟให้

“ไม่นานหรอก ฉันกำลัง…” หลินเฟิงถูกยัดแก้วกาแฟมาไว้ในมือ รู้สึกงงๆ อะไรเนี่ย? แต่ครั้งนี้เขากุมมันแน่น ไม่ปล่อยให้กระฉอกออกจากแก้ว

อวิ๋นหู่หยิบมือถือ “ฉันเรียกรถเอง นายถือแก้วไป จะได้อุ่นมือ”

หากเอ่ยคำขอบคุณก็จะดูเกรงใจเกินไป หลินเฟิงได้แต่กุมแก้ว แอบเลิกผ้าปิดปากมาจิบกาแฟ แต่ไม่คิดว่าจะมีเสียงลอยมาจากด้านหนึ่ง “สองคนนั้นกินกาแฟแก้วเดียวกันด้วยอะ เหมือนจูบกันทางอ้อมเลย ฝ่ายรับเหมือนจะไม่ยอม แต่ในใจลึกๆ ชอบมาก ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ ฝ่ายรับที่น่ารัก!”

เล่นเอากาแฟในปากแทบพุ่ง

น่ารัก? ฝ่ายรับ? เขาเรอะ? เฮ้ย น้องสาว ดูหน้าฉันดีๆ นะ! ต่อให้เป็นเกย์ คนอย่างฉันก็ต้องเป็นฝ่ายรุกเท่านั้น ฝ่ายรุกอย่างเดียว โอเคนะ!

หลินเฟิงเตือนตัวเองให้ใจเย็น การดึงผ้าปิดปากออกก็เท่ากับเปิดเผยตัวเองว่าเป็นใคร ฝ่ายอวิ๋นหู่กวาดตามองเขา “ทำไมเหรอ?”

“เปล่า” บางครั้งหลินเฟิงก็อิจฉาพวกที่หูไม่ค่อยดีจริงๆ

อวิ๋นหู่เก็บมือถือ นิ้วเรียวขยับเล็กน้อย “ไม่มีรถ เดินวนอีกรอบเถอะ”

“ได้ งั้นเดินกันเถอะ” หลินเฟิงไม่รู้หรอก ใช่ว่าในแอพลิเคชั่นจะไม่มีรถ แต่อวิ๋นหู่ไม่เรียกต่างหาก เพราะเขาอยากอยู่อย่างนี้กันให้นานสักหน่อย ช่วงนี้เป็นงานฉลองเทศกาล คนที่มาฉลองมักจะเป็นคู่รักที่มาฉลองด้วยกัน

หลินเฟิงไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่ได้นั่งที่ม้านั่ง จึงรู้สึกดีกว่า แถมหากกลับบ้านไปในเวลานี้ก็นอนไม่หลับอยู่ดี ครั้งนี้ หากเทียบกับครั้งที่แล้วดูจะปกติกว่ามาก

ศูนย์การค้ามักเปิดเพลง หลายคนไปถ่ายรูปที่โคมรูปหัวใจที่ส่องแสงสว่าง ศูนย์การค้ามักเป็นสร้างบรรยากาศเช่นนี้ในงานเทศกาล ด้วยการทำโคมไฟหลายรูปแบบที่แค่เห็นก็รู้สึกสดชื่น

แม้หลินเฟิงจะไม่ค่อยเข้าใจความคิดของแม่สาวน้อย แต่เห็นสาวๆ ทั้งหลายถ่ายรูปกันแล้ว ถือเป็นบรรยากาศที่สวยงามเลยทีเดียว หากไม่เพราะอวิ๋นหู่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “แคร์มากนักเหรอที่คนอื่นว่านายเป็นฝ่ายรับ?”

“บ้า ฉันออกจะ…” หลินเฟิงพูดได้แค่นี้ก็ชะงัก เจ้าหมอนี่นิ่งอยู่นาน ที่แท้ก็ได้ยิน

อวิ๋นหู่ยัดมือทั้งสองเข้ากระเป๋ากางเกง “ไม่ใช่ปัญหาของนายหรอก แต่ใครที่อยู่ใกล้ฉันก็ต้องถูกว่าเป็นคนที่อยู่ข้างล่างทั้งนั้นแหละ”

 ………………………………….

ตอนที่ 1810-2

หลินเฟิงกระแอมเล็กน้อย “เพื่อนเอ๊ย ฝีมือการยอตัวเองของนายก้าวหน้าขึ้นมาเลยว่ะ”

อวิ๋นหู่โน้มตัว “หรือไม่จริง?”

หลินเฟิงมองดูดวงตาที่พลันเข้ามาอยู่ใกล้ ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงสะดุด ก่อนจะเบือนหน้าออกไป “นายจะพูดก็พูด มาอยู่ใกล้กันแบบนี้ ฉันตกใจหมด”

“แค่นี้ก็ทำให้นายตกใจได้แล้ว” อวิ๋นหู่ยืดตัวตรง เอ่ยอย่างช้าๆ “นายขี้ตกใจตั้งแต่เมื่อไรกัน? หรือว่าแคร์ขี้ปากคนอื่น? งั้นต่อไปนายก็อยู่ให้ห่างกับฉันหน่อย ไปกันเถอะ รถมาแล้ว”

หลินเฟิงได้ยิน รู้สึกว่าตัวเองพูดคลุมเคลือ แต่ไม่นานอวิ๋นหู่ก็พาดแขนไว้ที่บ่าล็อคคอเขาเหมือนเป็นเพื่อนสนิท “ฉันล้อเล่นน่ะ ไปเถอะ รถมาแล้ว

ด้วยเหตุนี้ หลินเฟิงจึงปล่อยให้อวิ๋นหู่ล้อเล่นตามสบาย ไม่คิดเรื่องที่จะต้องแข่งกับทีมอาทิตย์อุทัยในวันพรุ่งนี้หรือจะทำอย่างไรให้ชนะสักนิด สมองของเขาเต็มไปด้วยข้อกังขาว่า สิ่งที่เขาทำไป มันไม่เหมาะสมหรือเปล่า ทำให้อวิ๋นหู่คิดว่าเขาแคร์เรื่องเพศสภาพหรือไม่ จนเมื่อถึงบ้านก็ยังคิดว่าจะทำยังไงให้ตัวเองดูสนิทสนมกันสักนิด

ดวงตาของอวิ๋นหู่เก็บทุกรายละเอียดไว้ได้ทั้งหมด การจะเอาเจ้านี่ให้อยู่หมัด ต้องใช้คำพูดแรงๆ ถึงจะได้ผล

เขาถอดกางเกงไปโยนไว้ในเครื่องซักผ้า หันมามองหน้าอีกฝ่าย อวิ๋นหู่คิดว่าเมื่อผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่ไป เจ้านี่จะต้องแสดงความใกล้ชิดด้วยการค้างที่บ้านตนเองแน่

แต่ใครจะรู้ล่ะว่า เจ้านั่นกลับทำในสิ่งที่ต่างจากเดิม เมื่อเห็นเขาเดินออกมาก็วางแก้วกาแฟลง “ดึกมากแล้ว นายรีบนอนเถอะ อย่าเครียดให้มาก นายเป็นคนเล่นเก่ง คนที่ควรจะรู้สึกกดดันควรเป็นฉันมากกว่า เอาล่ะ ฉันจะกลับไปนอนเหมือนกัน”

หลินเฟิงพูดพลางบิดขี้เกียจ “เจอกันพรุ่งนี้”

“นาย…” อวิ๋นหู่เกือบหลุดปากแล้วเชียวว่า ‘จะนอนที่นี่ไหม’ ทว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองอย่างสงสัย ก็เปลี่ยนคำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “อย่าลืมเอาของที่ต้องใช้ไปให้หมด ห้ามลืมผ้ารัดข้อมือนะ”

“รู้แล้ว รู้แล้ว” หลินเฟิงเดินออกไปข้างนอก พลางโบกมือ

เมื่อเห็นประตูปิด อวิ๋นหู่พอจะได้ยินเสียงแม่อยู่ด้านนอก “อ้าว วันนี้เสี่ยวเฟิงไม่นอนที่นี่เหรอ?”

“ไม่ล่ะฮะ ไม่สะดวก พรุ่งนี้…” เสียงพูดที่เหลือเริ่มไม่ชัด คงเพราะคนที่เดินออกไปเดินไปถึงประตูบ้านแล้ว

อวิ๋นหู่มองดูเงาตัวเองที่สะท้อนบนหน้าต่างบานยาวจรดพื้น เสื้อขนเป็ดตัวดำในสไตล์เดียวกัน ขนาดคนทั่วไปยังฉุกคิดได้ แต่ในสายตาของอีกฝ่ายกลับคิดว่าแค่คล้ายกัน

เจ้านั่นเป็นคนมองอะไรผิวเผินเหมือนเดิม แต่ก็เปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวกลับเล็กน้อย เล็กน้อยมากจนเขาไม่อยากคิด กระทั่งจะนอนที่บ้านเขาก็ไม่ยอม นายคิดอะไรกันแน่

อวิ๋นหู่ชนศีรษะที่หน้าต่าง ภายนอกเป็นแสงจากหลอดไฟสว่างจ้าเรียงรายกันอร่ามตา ราวกับเมื่อคนคนนั้นอยู่ด้วย แรงกดดันพลอยลดลงไปเยอะ

ทีมอาทิตย์อุทัยแกร่งมาก แกร่งจนเขากังวลใจ เจ้านั่นมีสภาพเหมือนเมื่อการแข่งในปีนั้นอีกแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของตัวเอง แต่ก็มักจะโทษตัวเองเสมอ เจ้าคนเห็นอะไรผิวเผินนั่น กลับไม่ซื่อบื้อในบางเรื่อง

 …………………………………..

1809-2 vs 1809-3

ตอนที่ 1809-2

“เข้ามาสิ” อินอู๋เย่ายังคงถือถ้วยบะหมี่สำเร็จรูปไว้ในมือ แต่เมื่อมีคนมาหา ก็ต้องหันไปถาม “กินไหม?”

อีกฝ่ายพยักหน้ากันหมด เดินตามหลังเจ้าบ้านเหมือนเด็กน้อยเดินตามหลังผู้ปกครอง ส่วนอินอู๋เย่าคาบบุหรี่พลางต้มบะหมี่ พลอยคิดไปว่า เขานับว่าเป็นแม่ล่วงหน้าแล้วใช่ไหม

ข้อดีของอินเทอร์เน็ตบาร์ก็คือ ขนมเยอะ

วันนี้ทั้งสามคนไม่ได้ฝึกซ้อม นอกจากโคโค่แล้ว เวลานี้ผู้คนข้างนอกพอจะจำหน้าคนที่เหลือได้ จะไปไหนก็ต้องสวมผ้าปิดปาก ตอนนี้พวกเขานั่งในห้องพิเศษ ห้องนั้นใหญ่มาก เมื่อสามคนนี้นั่งด้วยกัน ต่างหอบขนมไว้เป็นกองดูการ์ตูนสแลมดังก์กัน

บรรยากาศแตกต่างไปจากก่อนแข่งระดับประเทศ เวลานี้พวกเขาไม่ได้เล่นกันสุดชีวิตอีกแล้ว ทั้งไม่ได้ดูคลิปของทีมญี่ปุ่นอีกด้วย

สำหรับทีมญี่ปุ่นถือเป็นภาพที่เห็นกันเป็นประจำ หลับตาก็นึกภาพออก หากจะบอกว่าทุกวงการทุกขอบเขตย่อมมีท่านเทพ เช่นนั้นทีมญี่ปุ่นก็ถือเป็นทีมสุดยอดเทพของวงการ

สติบอกพวกเขาว่าควรจะต้องปล่อยใจให้ผ่อนคลายเพื่อต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ แต่กลับกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ ราวกับมีความรู้สึกบางอย่างติดค้าง

เวลาที่เป็นคนธรรมดา เราย่อมอยากใช้ชีวิตให้มีสนุก แต่เวลาที่ไม่ได้เป็นคนธรรมดา เมื่อเดินตามถนนหนทาง ได้เห็นคนอื่นพูดคุยฉลองเทศกาลตามสบาย ทว่าเรากลับต้องสวมผ้าปิดปาก เดินผ่านร้านรวงต่างๆ นานา ย่อมเกิดความอิจฉาอยู่แล้ว ความเหงาหงอยในหัวใจไม่มีวันได้รับการปลอบโยน กระทั่งยังรู้สึกไม่เป็นสุข และไม่มีใครเข้าใจ เพราะรู้ว่าความสามารถตัวเองถดถอย ดังนั้นจึงเดินมาที่ตรงนี้อย่างไม่รู้ตัว

เดิมโคโค่ก็เป็นคนอย่างนั้น ไม่คิดว่าแค่เลี้ยงตรงหัวมุมก็เห็นคนติดอ่างกำลังผูกเชือกรองเท้า แถมยังมีเหยาเย่าที่โบกไม้โบกมืออยู่ไม่ไกล ทั้งๆ ที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน แต่กลับได้มาเจอกันโดยบังเอิญ เหมือนกับทุกคนมาที่นี่แล้วสบายใจ

พวกเขารู้จักกันและกันเป็นอย่างดีว่ากำลังกลัวอะไร

กลัวว่าหากหัวหน้าไม่อยู่ด้วย พวกเขาจะแพ้

กลัวว่าถึงเวลานั้น พวกเขาเดินตำแหน่งไม่เหมาะสมแล้วจะถ่วงทีมทำให้แพ้

ปัญหาที่ว่าไม่จำเป็นต้องให้ใครบอก พวกเขากลัวสิ่งเหล่านี้ ทั้งยังเป็นห่วงพวกเขา เพราะพอการแข่งในวันนี้จบ สภาพของแบล็กพีชก็ย่ำแย่มาก แถมเธอยังไม่เปิดมือถือจนถึงตอนนี้

คำวิจารณ์ในโลกออนไลน์ยังดำเนินต่อไป พวกเขาทำให้ทุกคนพอใจกันหมดไม่ได้ แม้ว่าจะต้องแข่งทั้งๆ ที่ป่วย แต่ยังมีคนหาข้อตำหนิ

อินอู๋เย่าอยู่ในวงการนี้มานาน แค่เห็นหน้าก็รู้ว่าพวกเขาคิดอะไร จึงเคาะตะเกียบข้างๆ “เอาถ้วยมา”

“บะหมี่นี้ทำไมมันแข็งจัง” โคโค่ว่าเมื่อกินเข้าไปคำแรก

ส่วนเฟิงซ่างดื่มซุปไปคำหนึ่งว่า “มะ มีให้กิน ก็ ก็ดีแล้ว”

“อื้ม” โคโค่ยอมรับคำอธิบายนั่น

อินอู๋เย่าเป็นผู้ชายดิบห่าม ปกติเวลากินบะหมี่ก็จะแค่เติมน้ำร้อนลงไป แต่พอเด็กสามคนนี้มาหาก็ต้องต้มกิน ทว่าตัวเองนิ่วหน้ากินเข้าไปคำหนึ่ง รู้สึกว่าสู้แบบเติมน้ำร้อนไม่ได้ จึงไม่กินต่อ เขางับบุหรี่ก่อนจะยิ้มนิดๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันจะบอกให้นะ ฉันน่ะแก่แล้ว ยังไม่กลัวอะไรมากมาย พวกนายยังเด็กอยู่แท้ๆ จะคิดมากไปทำไม? ต่อให้แพ้แล้วไง พวกนายยังมีโอกาสในอนาคตอยู่”

โคโค่อึ้ง ไม่พูดอะไร

 ……………………………………….

ตอนที่ 1809-3

อินอู๋เย่าตบบ่าอีกฝ่าย “อย่ากดดันตัวเองให้มากนัก พรุ่งนี้ตอนแข่งค่อยว่ากัน อย่ากลัวว่าจะประเมินผิด ของแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาจะตายในการแข่ง…”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโอวาทของอินอู๋เย่าให้ผลหรือเป็นเพราะท้องอิ่มแล้ว จึงทำให้คนมีกำลังสู้ หลังจากที่กินเสร็จ ทั้งสามต่างหาเตียงและโซฟานอน พอเอนตัวก็หลับทันที

อินอู๋เย่ามองดูแวบหนึ่ง ไปหยิบผ้าห่มมาสองผืนอย่างเงียบๆ ผืนหนึ่งนำมาคลุมร่างโคโค่และเฟิงซ่าง ส่วนอีกผืนก็เอามาคลุมร่างเซวียเหยาเย่า แล้วหันไปดับไฟ

ท่ามกลางความมืด เขาไม่ได้ไปนอน แต่เอียงคอจุดบุหรี่มวนหนึ่ง จากนั้นหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความให้เฟิงอี้ “หลับกันหมดแล้ว คงคิดได้กันแล้ว ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง?”

หลังจากที่อ่านข้อความ เฟิงอี้ก็ดึงคอเสื้อให้หลวม ก่อนจะเงยหน้าองดูแสงไฟในเมืองซึ่งอยู่นอกหน้าต่าง

ใช่ พรุ่งนี้จะทำยังไง? ไม่เพียงแค่เขาที่คิดถึงปัญหานี้ กระทั่งหลินเฟิงที่สวมเสื้อขนเป็ดตัวยาวมีขนสัตว์ประดับ แถมยังเดินยัดมือทั้งสองข้างในกางเกงผ่านถนนมาตั้งสามสาย ก็คำนึงถึงปัญหาดังกล่าวด้วย

คงเพราะเขาเอาแต่หมกมุ่นในปัญหาดังกล่าว จนไม่สังเกตเห็นประตูกระจกข้างหน้า จึงชนเปรี้ยงเข้าให้ หลินเฟิงสบถด้วยความเจ็บ “แมร่งเอ๊ย”

ทว่าที่หน้าแตกที่สุด กลับไม่ใช่เป็นเพราะคนแปลกหน้าเห็นเราเสียลุค แต่เป็นคนที่สนิทต่างหากที่เห็นเข้า แถมยังมีสาวๆ หัวเราะแผ่วเบาอีกต่างหาก

หลินเฟิงจะทำอย่างไรได้ นอกจากทำหน้าว่า ‘ฉันรู้นะว่าพวกเธอหัวเราะฉัน’ น่าเสียดายที่เขาสวมผ้าปิดปาก สีหน้าจึงไม่เป็นที่ถูกถ่ายทอดออกไป ทว่าเมื่อหันหน้าไปอีกทางก็ประสานสายตาเข้ากับนัยน์ตาคู่หนึ่ง ฝ่ายนั้นไม่ถามเขาว่าเจ็บหรือไม่ แต่เอื้อมมือมาเลิกผมตรงหน้าผากให้เขา นวดบริเวณแดงๆ ให้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ฝ่ายนั้นเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ชัวร์

“ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย กำลังคิดอะไรอยู่?” อวิ๋นหู่ถามเสียงปกติ

หลินเฟิงไอเล็กน้อย หนีคำถามที่ว่า ทั้งยังหลบมืออีกฝ่ายด้วย “นายมาที่นี่ได้ไง?”

อวิ๋นหู่ไม่คิดจะปิดบังเส้นทางตัวเอง “ฉันตามนายมาตลอดทาง”

หลินเฟิงได้ยินแล้วก็รู้สึกอึดอัด แล้วก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นหู่อีก “เห็นเรื่องโง่ๆ มาเยอะละ”

หลินเฟิงอ้าปาก คิดจะเปิดฉากสงคราม

“หาที่นั่งคุยกันเถอะ” อวิ๋นหู่ท่าทางจริงจัง “ฉันรู้สึกกดดัน”

หลินเฟิงฟังแล้ว ก็เปลี่ยนท่าทีโดยไว เกาะบ่าอวิ๋นหู่ทันที “ไป มีเรื่องกลุ้มใจอะไรก็พูดกับเฮียได้” ต้องรู้กันว่าตั้งแต่เล็กจนโตเขาเรื่องมากที่สุด ส่วนอวิ๋นหู่มักเป็นลูกข้างบ้านที่ได้รับการนำมาเปรียบเทียบว่าดีกว่าลูกตัวเองเสมอ ความกดดันงั้นเหรอ? ตลกร้ายเลยล่ะ ไม่เคยมีหรอก เพราะเขาไม่เคยเจออุปสรรคมากมายอะไร นอกจากสิ่งที่ทั้งสองต้องเผชิญร่วมกัน แต่เขาแสดงออกชัดมากว่าอ่านความในใจของอวิ๋นหู่ไม่ออก

หลินเฟิงอยากทำตัวเป็นพี่ชายที่รู้ใจเพื่อนมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที เพราะเจ้าอวิ๋นหู่ชนะเลิศในทุกด้าน ย่อมไม่เคยมีความกดดัน กระทั่งก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่กี่วัน เจ้านั่นยังวิ่งออกกำลังตามปกติอยู่เลย ราวกับไม่มีเรื่องได้จะส่งผลต่อเขาได้ ตอนนี้อุตส่าห์ได้โอกาสชี้แนะให้อวิ๋นหู่ ความฝันกลายเป็นจริงแล้ว หลินเฟิงพาอวิ๋นหู่เดินไปด้านข้างอย่างสมหวัง

อวิ๋นหู่กลับเหล่มองมือของอีกฝ่ายที่พาดบ่าตัวเอง มุมปากหยักยิ้ม เจ้าหมอนี่คงไม่รู้ถึงความแตกต่างของการเป็นเกย์และชายแท้

………………………………………………

1808-4 vs 1809-1

ตอนที่ 1808-4

เมื่อก่อนป๋อจิ่วก็ไม่คิดว่าท่านเทพจะดูแลใครเป็น แต่ครั้งนี้ต่างออกไป

อันที่จริงอย่านึกว่าแค่ไข้ขึ้นธรรมดานะ เพราะมันน่ารำคาญมากเลยล่ะ ปากเธอไม่รับรสเลย ทั้งอยากดื่มน้ำและของเปรี้ยวๆ หวานๆ หากเอาแต่กินลูกอมคงไม่ดีแน่ คอจะรับไม่ไหว

การจะทำให้คนมีไข้รู้สึกสบาย ย่อมไม่ง่าย เขาไม่ละสายตาไปจากเธอเลย พอเธอขยับเขาก็รู้ทันทีว่าเธอต้องการทำอะไร ผลไม้ถูกนำมาเปลี่ยนแทนลูกอม และเขายังเป็นคนป้อนเธอเหมือนเดิม

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเข้าห้องน้ำ มือของป๋อจิ่วไม่มีแรงแล้ว แต่เมื่อไม่ต้องให้น้ำเกลือก็ย่อมสบาย แต่ชายหนุ่มไม่ฟังเธอ ก้มตัวช้อนร่างเธอพาเข้าห้องน้ำ แถมยังช่วยปลดขอบกางเกงนอนให้เธออีกด้วย

หลังมือของท่านเทพช่างขาวนวล ขนาดที่เล็กเปล่งประกายได้ ออร่าจัดจริงๆ เมื่อนิ้วมือลากผ่านอย่างไม่ง่ายนัก ทำให้ป๋อจิ่วรู้สึกว่า มือที่ปลดกางเกงให้เธออยู่ ช่างขัดแย้งกันจริงๆ แต่หากมองจากมุมนี้ เขากลับไม่ใส่ใจ “เสร็จแล้วก็เรียกฉันละกัน”

คงเพราะเขาดูแลดีทุกขณะจิต แถมท่านเทพยังเฝ้าดูให้เธอดื่มน้ำติดๆ กันได้หลายแก้ว จนถึงตอนสี่ทุ่มทอุณหภูมิของป๋อจิ่วก็กลับมาเป็นปกติ โดยเจ้าตัวนอนหลับซบอกชายหนุ่ม

ท่านเทพต่างจากเธอตรงที่เขาไม่ได้หลับ ชายหนุ่มโอบเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็เอาแต่เช็กอุณหภูมิบนหน้าผากเธอเป็นระยะๆ

ความน่ากลัวอยู่ตรงที่ อาการไข้มักกลับมาในช่วงดึก  อันเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดี เพราะเหตุนี้ ฉินมั่วจึงไม่รีบหลับ ชายหนุ่มเกลี่ยเส้นผมออกจากแก้มเธอ ความอบอุ่นบนนัยน์ตาเข้มข้นมากแทบจะล้นออกมา แต่ป๋อจิ่วไม่ได้เห็นภาพดังกล่าว ไม่งั้น เธอจะต้องรู้สึกว่าแววตาแบบนี้มันคุ้นมาก

คุณตายืนอยู่นอกประตู เดิมเตรียมจะยกซุปเข้ามาให้ แต่พอเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงปิดประตูเงียบๆ ก่อนจะมองดูร็อกเก็ตนาฬิกาเนื้อเงินอีกครั้ง ด้วยรู้ดีว่า วันนี้แม้ว่าเขาจะไม่อยู่ด้วย นายน้อยก็ยังหายดีได้ เพราะยาที่ดีที่สุดคือการดูแลปรนนิบัติอย่างเอาใจใส่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครสู้คุณชายตระกูลฉินได้

ป๋อจิ่วนอนหลับสบาย เธอซุกหน้าไปยังผ้าห่มอันอบอุ่น โดยที่ไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่หมอน แต่เป็นเสื้อนอนของชายหนุ่มต่างหาก

ขอแค่เธอขยับ ฉินมั่วจะต้องลืมตาขึ้นมามองเธอ แล้ววัดอุณหภูมิให้ จนในที่สุด คงเพราะทนไม่ไหว เขาก็จับหน้าเธอ “อุตส่าห์แอบบอกใบ้ให้ตั้งเยอะ แต่ยังเดาคำตอบไม่ออกอีก จะว่าเธอโง่ ก็ไม่ถือว่าใส่ร้ายเธอหรอกนะ ป๋อเสียวจิ่ว”

ส่วนป๋อจิ่วเองคงฝันดี เพราะมุมปากยังคงหยักยิ้มทั้งยังเผยอนิดๆ จนดูปริ่มชื้น ฝ่ายฉินมั่วเห็นทุกอย่าง นัยน์ตาเข้มขึ้น ก่อนจะหันตัวไปวางรูปไว้ที่เดิม

ท้องฟ้าข้างนอกมืดครึ้มขึ้น ฝ่ายเน็ตติเซ่นทั้งหลายที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังคงใจจดใจจ่อต่อการแข่งขัน

เพราะวันนี้หลังจากที่ทีมไดมอนด์ได้แข่งกับทีมธีโอ พวกเขาก็ได้เห็นความหวังพร้อมๆ กับรู้ตัวว่ามาตรฐานของทีมไดมอนด์ยังสู้ฝ่ายญี่ปุ่นไม่ได้

โพสต์วิเคราะห์มากมายถูกลงในโลกออนไลน์ ประมาณว่าทีมไดมอนด์มีโอกาสแพ้สูง เพราะภายในทีมไม่มีใครที่จะสู้โฮชิโนะและยูกิชินได้สักคน

…………………………………..

ตอนที่ 1809-1

เพราะวันนี้หลังจากที่ทีมไดมอนด์ได้แข่งกับทีมธีโอ พวกเขาก็ได้เห็นความหวังพร้อมๆ กับรู้ตัวว่ามาตรฐานของทีมไดมอนด์ยังสู้ฝ่ายญี่ปุ่นไม่ได้

โพสต์วิเคราะห์หลายๆ โพสต์โผล่ออกมาในโลกออนไลน์ ต่างคาดการณ์ประมาณทีมไดมอนด์มีโอกาสแพ้สูง ไม่ใช่เพราะทีมไดมอนด์ไม่เก่ง แต่ทีมญี่ปุ่นเก่งมากต่างหาก!

ยังไม่ต้องพูดถึงยูกิชินก่อนนะ แค่ฝีมือของโฮชิโนะคนเดียว ก็ถือว่าอยู่ในระดับโลกแล้ว คนพวกนี้ไม่เพียงแต่เป็นสมาชิกในทีมญี่ปุ่น แต่ยังถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งระดับโลกมาทุกปี

อีกทั้งความแกร่งของทีมไดมอนด์อยู่บนความสามารถเฉพาะส่วนบุคคล ยังรวมถึงจำนวนแฟนคลับอันเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า แค่เลือกมาสักคนก็เป็นข่าวดังแล้ว

ไม่เพียงจำกัดแค่ในประเทศ ขนาดเมื่อก่อนหน้านี้ หลินเฉินทาวยังเคยพูดว่าโฮชิโนะเป็นไอดอลของตนเอง ขนาดนักเล่นลีกส์อาชีพด้วยกันยังนับถือเป็นไอดอลขนาดนี้ คงจะเห็นอิทธิพลของเขากันล่ะ

ทีมไดมอนด์ VS ทีมอาทิตย์อุทัย

ในเขตประเทศจีนอาจจะไม่เห็นความแตกต่างมากมาย แต่ในระดับโลก ชื่อของทีมไดมอนด์ไม่เคยปรากฏในสายตาผู้ชมเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา ใช่ว่าพวกนักข่าวต่างชาติจะไม่ควานหาประวัติการแข่งของทีมไดมอนด์ แต่ทีมแบบนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไร รู้กันแค่ว่ามีเกมเมอร์ MVP มือโปรของวงการเท่านั้น แต่ฉินมั่วเองก็เงียบไปสามปีแล้ว

หากมองจากมุมต่างประเทศ เพราะทีมไดมอนด์ไม่โดดเด่นเลยในสามปีที่ผ่านมา จึงเป็นที่สงสัยว่าฟอร์มการเล่นของเขาลดน้อยถอยลงไปตั้งนานแล้ว เพราะในประเทศจีน หลายๆ คนที่เป็นนักเล่นลีกส์อาชีพจนจบ ก็หันไปไลฟ์สดในโลกออนไลน์ จำนวนแฟนคลับที่ทะลักทะลาย ทำให้พวกเขาลืมความตั้งใจดั้งเดิม จนคิดว่าไลฟ์สดก็พอ เพราะลงแข่งลีกส์ไม่ไหวแล้ว

ด้วยเหตุผลที่แสนง่ายคือ การเป็นแชมป์ในลีกส์อาชีพทำเงินไม่เร็วเท่ากับไลฟ์สด แถมบางครั้งพวกแฟนคลับก็มโนถึงพวกเขามากมาย ถึงขั้นเสนอตัวให้ก็มีไม่น้อย ดังนั้นในสายตาของสื่อต่างชาติ จึงคิดว่าทีมไดมอนด์ก็เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่ จะว่าไปหน้าตาของสมาชิกในทีมนั้น ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า พวกเขาน่าจะไปเป็นดาราเสียมากกว่า โดยเฉพาะฉินมั่ว

หลายๆ คนบอกว่าผู้คนมักจะตราหน้าคนหน้าตาขี้ริ้วไว้ เช่นเดียวกันกับคนหน้าตาดีที่โดนเหมือนกัน เพียงแต่ตราหน้าในอีกแบบหนึ่ง

ยิ่งวิจารณ์กันไว้เยอะ แรงกดดันในทีมไดมอนด์ก็ยิ่งทวี มันย่อมเป็นเช่นนั้น ในเมื่อพวกเขาเป็นนักเล่นมืออาชีพ ก็ยิ่งต้องแบกรับความกดดันดังกล่าว

หลอดไฟในอินเทอร์เน็ตบาร์ยังคงสว่าง แม้จะไม่ได้เปิดให้บริการ อินอู๋เย่างับบุหรี่ กำลังจะเข้านอน ก็ได้ยินเสียงเหมือนเคาะประตู เขาจึงเลิกประตูเหล็กขึ้นข้างบนนิดหนึ่ง เห็นข้างนอกมีคนสามคนยืนเรียงกันเป็นแถว

เซวียเหยาเย่า โคโค่ และเฟิงซ่าง

คงเพราะใกล้ฉลองเทศกาลกันแล้ว บรรยากาศข้างนอกจึงครึกครื้น กลิ่นอายเทศกาลคริสมาสต์เต็มไปหมด แถมหิมะยังตกอีกด้วย ทั้งสามต่างสวมชุดทีมโดยมีเสื้อกันหนาวคลุมไว้ ทำให้ดูอ่อนเยาว์กันมาก แต่เมื่อคิดอีกทีสามคนนี้ยังอายุไม่มาก โตสุดก็แค่ 19 ปี

 ……………………………………

1808-2 vs 1808-3

ตอนที่ 1808-2

พอป๋อจิ่ววางรูปเสร็จ ก็หันไปยิ้มให้ฉินมั่วอย่างเท่ ฉินมั่วหลุบตามองเธอราวกับไม่แยแส ทั้งยังป้อนน้ำให้เธออีก “ต่อให้เธอเป็นคนวางเองก็ไม่แปลก นั่นเป็นเพื่อนรักของเธอเมื่อตอนเป็นเด็กไม่ใช่เหรอ”

ป๋อจิ่วดื่มน้ำขลุกขลัก เมื่อกลืนน้ำลงก็ไอนิดหน่อย “ฉันไม่ได้เป็นคนวางจริงๆ นะ” หนนี้ท่านเทพกล่าวหาเธอของแท้ เธอไม่ว่างมาจัดวางรูปถ่าย หลังจากที่ท่านเทพถูกกระตุ้นฝังคำสั่งทางจิต ป๋อจิ่วก็เอาแต่หาทางให้ตัวเขาอยู่กับเธอ แม้ก่อนหน้านี้ท่านเทพจะชอบเรียกเธอว่าป๋าสายเปย์ แต่เธอรู้ดีถึงความเย้าหยอกที่แฝงในนั้น ราวกับพอเขาไม่สนุกอีกก็จะจากไปเลย

แน่ล่ะ นั่นเป็นสิ่งที่ป๋อจิ่วคิดไปเอง และความคิดไปเองนั้นทำให้ป๋อจิ่วโอ๋ชายหนุ่มสุดวิธี แล้วจะเอารูปมาวางได้อย่างไร แต่คุณตากลับคิดต่าง เพราะหากพิจารณาจากมุมการแพทย์ ไม่ว่าจะโดนฝังคำสั่งทางจิตอย่างไร ในยามปกติก็จะไม่อยากผจญต่ออดีต เพราะไม่อยากเจออดีต จึงก่อให้เกิดความจุดอ่อนทางจิต ทำให้ปิดตายบางส่วนในใจ

ดังนั้นคุณตาจึงลองทุกวิธีที่จะปลุกความทรงจำของเขา

เหตุผลที่ว่า ป๋อจิ่วเข้าใจดี แต่เพราะชายหนุ่มต่อต้าน ‘เหมยเขียวและม้าไม้’ ของเธอมาก เธอที่แบกประวัติดำมืดในเวลานี้ จึงต้องการหลีกเลี่ยงหัวข้อที่ไปแตะเขตฟ้าผ่า

ฉินมั่วย่อมเดาความคิดของคนบางคนออก เรียวปากบางจึงแย้มขึ้น ก่อนจะดึงลิ้นชักออกมา “ทำไม? คิดว่าฉันจะหึงงั้นเหรอ”

“ใครเขาจะคิดอย่างนั้น” ป๋อจิ่วหัวเราะ ก่อนเอ่ยถาม “พี่ไม่หึงเหรอ?”

ฉินมั่วตอบธรรมดามาก “มีอะไรน่าหึง” ซึ่งป๋อจิ่ว…ทำไมฟังแล้วเหมือนปากไม่ตรงกับใจ

นี่ต้องเป็นแผนการเขาอีกแน่นอน เธอไม่หลงกลหรอก อยากจะหาเรื่องคุย พอถึงเวลาที่เหมาะสมจะได้เอามาหยอกเขาบ้าง จึงดันลิ้นชักปิด “พี่มั่ว หลังจากที่พี่พูดในตอนนั้น ฉันมานั่งคิดดู รู้สึกว่าเพื่อนฉันเมื่อตอนเป็นเด็กก็ร้ายลึกเหมือนกันนะ เช่น เขาชอบไม่ให้ฉันไปเล่นกับคนอื่น มาคิดได้ในตอนนี้ เขาน่าจะหึงฉัน แต่ตอนนั้นฉันเด็กไงเลยไม่เข้าใจ”

หลังจากที่พูดจบ ป๋อจิ่วก็รอคอยที่จะเห็นท่านเทพชอบใจในความคิดของตนเอง เพราะในสภาพแบบนี้ หากว่ากันตามนิสัยของเขา นอกจากจะเห็นด้วย ยังสั่งเธอให้ต่อไปอยู่ห่างคนแบบนี้ให้ไกลๆ อีกต่างหาก

แต่? ทำไมถึงเงียบ?

ป๋อจิ่วมองดูนิ้วที่จับลูกอมที่ถูกแกะออกจากห่อเพื่อป้อนเธอ กำลังเกร็งทื่ออยู่ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย เธออุตส่าห์เตรียมกินแล้วนะ อยู่ๆ ท่านเทพก็หยุดไป อะไรกันเนี่ย?

ไม่รอให้ป๋อจิ่วเข้าใจหรอก ฝ่ายฉินมั่วก็นั่งลง แย้มเรียวปากบางนิดๆ ถามเธอ “อยากกินเหรอ?”

“อื้ม” ท่านเทพเริ่มใช้เสน่ห์ยั่วใจเธอแล้ว ป๋อจิ่วคิดอย่างนี้แหละ จึงรอรับการป้อน แต่ที่ไหนได้ ชายหนุ่มแค่ยิ้ม ยกมือขึ้นมานิดๆ แล้วเอาลูกอมที่จะป้อมให้เธอ โยนทิ้งถังขยะเสียอย่างนั้น

ป๋อจิ่ว “…”

“ในเมื่อมีไข้ ก็กินของหวานเลี่ยนให้น้อยลงหน่อย” ฉินมั่วเลิกหางตาเล็กน้อย ให้ความรู้สึกสูงส่งต้องห้าม

จะว่าไปเขาก็มีเหตุผลแฮะ แต่ก่อนหน้านี้เขาป้อนลูกอมให้เธอตั้งเยอะ ป๋อจิ่วไม่เข้าใจว่าเธอไปยั่วโมโหเขาที่ตรงไหน จึงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่เข้าใจ มองดูเขาหันมาจัดผ้าห่มให้เธอ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ว่ากันว่าความรู้สึกที่บริสุทธิ์ที่สุดจะเกิดขึ้นในวัยเด็ก”

ป๋อจิ่วเอ่ยในใจ นั่นไงกำลังแซะเธอเข้าให้แล้ว ต้องเป็นเพราะรูปนั่น เขาถึงอารมณ์ไม่ดี เธอจึงรีบเอ่ยทันที “เด็กจะไปเข้าใจอะไร?”

ฉินมั่วได้ยินแล้ว เคาะข้อมือเธอ “ไม่อยากพูดถึงตอนเป็นเด็ก?”

ก็เพราะพี่ชอบอาแต่หึงไง ป๋อจิ่วพยักหน้า

 ………………………………………..

ตอนที่ 1808-3

ฉินมั่วหัวเราะ นิ้วเรียวขาวผ่องยังคงเคาะลงบนข้อมือเธอราวกับเคารพความเห็นของเธอ เขากำลังคิดพิจารณา แสงจากหลอดไฟฟ้าส่องลงปลายคาง “งั้นพวกเราก็มาคุยกันดีกว่าว่าเธอเคยจีบคนมามากเท่าไร แล้วค่อยคุยเรื่องฉันหลงรักเธอครั้งแรกที่เห็นในความทรงจำของเธอ?”

ป๋อจิ่ว “…” เราพูดเรื่องอื่นบ้างดีกว่า! เธออึ้งไปเลย ก่อนจะทิ้งศีรษะไว้บนอกชายหนุ่ม แววตาไหวระริก “พี่มั่ว ฉันปวดหัว”

“คิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ?” ฉินมั่วหัวเราะ ป๋อจิ่วได้แต่เงียบ เพราะแม้ชายหนุ่มจะพูดเช่นนั้น แต่ยังยื่นมือมาลูบศีรษะเธอด้วยความนุ่มนวล ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย หากไม่เป็นเพราะเสียงที่ลอยเข้าหูว่า “ไม่เอารูปมาโชว์แล้วเหรอ?”

ป๋อจิ่วกะจะซบอกชายหนุ่มชนิดที่ไม่ขยับ “ไม่แล้ว”

“น่ารักดีออก ทำไมไม่เอามาวางแล้วล่ะ” ฉินมั่วพูดธรรมดาจะตายไป เมื่อรับรู้ถึงอุณหภูมิบนร่างเธอ ก็แกะลูกอมให้เม็ดหนึ่ง “คนเราจะระลึกถึงอดีตในเวลาที่เหมาะสมบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องดีนะ”

ป๋อจิ่วไม่เขยื้อน…แหม ใจกว้างจัง ฉันเกือบเชื่อแล้วเชียว!

“วางในลิ้นชักก็พอ” ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเธอต้องประลองปัญญาอย่างหนักหน่วง จะวางตัวตามสบายไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เขาน่าจะให้ลูกอมเธอได้แล้วนะ

ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มจะหัวเราะอีกครั้ง ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว แค่ครั้งนี้เขาไม่ได้โยนลูกอมลงถังขยะ แต่กินเอง

ป๋อจิ่ว “…” เดี๋ยวนี้จะกินลูกอมสักเม็ด ก็ยากเย็นแสนเข็ญแล้วรึ? แต่ท่าของเขาเมื่อกี้ เหมือนจะป้อนเธอเลยนะ

ชายหนุ่มกวาดตามองคนบางคน เอ่ยเสียงเรียบ “อยากกินมากเลยเหรอ?” ป๋อจิ่วส่งเสียงยอมรับ เผื่อแกล้งทำตัวน่าสงสารจะมีประโยชน์บ้าง แต่ความเป็นจริงก็พิสูจน์ได้ว่าการแสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าท่านเทพไม่มีผลเลยสักนิด

ชายหนุ่มจับหน้าเธอพลางหัวเราะ “งั้นก็ทนหน่อยนะ”

ป๋อจิ่ว “…” โอ้ย น่าอายจัง ต้องเพราะเพราะรูปนั่นแน่เลย ป๋อจิ่วที่มีอาการไข้จนแทบไร้สติ ไม่ได้คิดเลยว่าชายหนุ่มจำได้แล้ว ซึ่งฉินมั่วเองก็ไม่คิดจะบอกต่อเธอ เพราะอยากให้เธอรู้ด้วยตัวเอง แถมพอเขารู้ว่าเจ้าเด็กที่มีแผนมาจีบเธอเป็นตัวเขาเอง ความรู้สึกที่ได้ก็คือ…มันช่าง…

ฉินมั่วหลุงตาลง จับหน้าใครบางคน รอว่าเมื่อไรเธอจะรู้ตัวสักที

ป๋อจิ่วจู่ๆ ก็โดนจับหน้า แต่ความอบอุ่นในก้นบึ้งนัยน์ตาของชายหนุ่มมันท่วมท้น เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นของล้ำค่า แถมสองตาที่หลุบมอง ทั้งสูงส่งต้องห้ามและยั่วใจคน จู่โจมหัวใจเธอตรงๆ เธอจึงสู้กับกลหนุ่มงามไม่ไหว แถวแววตาดำของเขาช่างน่าหลงใหลและยังจู่โจมหัวใจเธอ

หลังจากที่เห็นสภาพอีกฝ่าย ฉินมั่วก็ชะงัก แววตามองต่ำลง พร้อมก้มตัวหมายจะจูบที่มุมปาก ใครจะรู้ล่ะว่าเขากลับควบคุมตัวเองไม่ไหว ไล้นิ้วยังไปความนุ่มหยุ่นของเธอ แทบจะทำให้คนในอ้อมกอดละลายกลายเป็นน้ำ

ป๋อจิ่วถูกจูบจนมึนศีรษะยิ่งขึ้น อาการไข้กลับไม่สูงเท่าความร้อนที่ท่านเทพมอบให้

แม้จะเป็นเช่นนั้น ฉินมั่วก็ยังรับรู้ถึงความร้อนในกายอีกฝ่ายที่ทวีขึ้นอีกครั้ง จึงชนหน้าผากกับหน้าเธอ เพราะเธอเองก็หมดแรงแล้ว หัวใจเหมือนถูกบีบรัด กระแสเลือดก็ไหลเวียนไม่คล่องตัว เขาจึงอุ้มเธอ และป้อนลูกอมให้ในที่สุด ก่อนจะก้มลงจุ๊บเส้นผมเธอ “ถ้าหิวน้ำก็บอกฉันละกัน”

 ………………………………………….

1806-3 vs 1807 vs 1808-1

ตอนที่ 1806-3

ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยพิเศษของฉินมั่วที่บริษัทก็หอบข้าวของมาเจอเหตุการณ์ตรงหน้าพอดี ตอนที่รับสายโทรศัพท์ เขาเองไม่อยากเชื่อว่าท่านประธานจะโทรหาด้วยตัวเอง เพราะเขาได้ข่าวมาว่าช่วงนี้ท่านประธานฉินเงียบหายไป น่าจะเกิดเรื่องขึ้น พอรับสายเสร็จเขารีบโทรหาคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายทันที หลังจากนั้นก็หอบเอาถุงลูกอมไปให้ท่านประธานฉินตามที่อยู่ที่ได้รับ

นี่หรือคือสาเหตุที่ท่านประธานโทรหาเขา เขาพอจะรู้เหมือนกันว่าคุณชายจิ่วชอบ เอ้อ ตอนนี้ไม่ใช่คุณชายจิ่วแล้วสิ ต้องเป็นคุณหนูจิ่วชอบกินขนมหวาน ไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าท่านประธานให้เอาขนมหวานนี่มาให้คุณหนู

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เขาก็อดชะงักไม่ได้ เพราะท่านประธานไม่เคยปฏิบัติต่อใครแบบนี้มาก่อน ท่าทางที่กลิ่นไอเย็นชนกระจายทั่วตัว แววตาที่มองคนในอ้อมแขนกลับเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู

“ท่านประธานครับ ผมมาแล้วครับ” ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยพิเศษ ย่อมต้องตาไวมือเร็ว ไม่คิดว่าเขายังไม่ได้ไปรับแก้วกระดาษนั่น ชาหนุ่มตรงหน้าก็ดื่มน้ำที่เหลือ ก่อนจะก้มหน้าป้อนคนในอ้อมแขนราวกับเขาไม่ได้อยู่ในห้องด้วย

พูดตรงๆ นะ เขาเหมือนพนักงานส่งขนมหวานนักเหรอ?

เมื่อรู้สึกถึงความเป็นก้างขวางคอของตนเอง ผู้ช่วยพิเศษที่แสนจะชาญฉลาดวางถุงลูกอมลงปุ๊บก็ไม่พูดมาก รีบไปยืนรอที่หน้าประตู รอให้ท่านประธานเรียกให้ไปซื้อของแล้วเขาค่อยเข้าไปดีกว่า ในฐานะที่เป็นหนุ่มวัยรุ่นตอนปลายที่โสดอยู่ เขาไม่อยากกินอาหารหมาที่ท่านประธานสาดใส่

ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืด เมื่อมีของเหลวไหลเวียนในร่างกาย สองชั่วโมงหลังจากนั้น ป๋อจิ่วก็รู้สึกร้อนจนอยากจะดึงผ้าห่มออก แต่กลับถูกมือหนึ่งที่เย็นนิดๆ รั้งไว้ “ยังเหลืออีกครึ่งขวด ใกล้จะหมดแล้ว”

เสียงนั่นทำให้ป๋อจิ่วรู้ตัวว่าเธอไม่ได้ฝันไป ความรู้สึกเมื่อตอนอยู่ในรถล้วนแต่เป็นจริง รวมถึงเสียงขอโทษที่อยู่ริมหูเธอ เขากลับมาแล้วจริงๆ

ป๋อจิ่วลืมตาขึ้น มองเห็นชายหนุ่มที่หันหน้ามาพอดี เขาสวมสเวตเตอร์สีเข้ม ลูกกระเดือกบนลำคอขยับเล็กน้อย รวมถึงคางที่แผ่รัศมีที่คุ้นเคย เธอยื่นมือจับแขนเสื้อเขาอัตโนมัติ อันเป็นกิริยาที่เธอมักทำเมื่อตอนเป็นเด็ก

ฉินมั่วผงะ หลุบตามองเธอ ขนตายางเฟื้อยปรกลงมา แววตาลุ่มลึกเหลือเกิน ถึงเธอฟื้นแล้ว เขาก็ยังไม่หยุดมือ โดยประคองหน้าเธอ ก้มหน้าลงป้อนน้ำให้

ป๋อจิ่วคอแห้งจริงๆ ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็โดนจูบเสียแล้ว น้ำอุ่นหอมหวานค่อยๆ ผ่านจากริมฝีปากเข้าไปทีละนิดๆ รวมถึงกลิ่นหอมอันหยิ่งยโสด้วย ความนุ่มเย็นนิดๆ ราวกับสัมผัสไอศกรีมที่เมื่อละลายในปากแล้วให้ความหวาน นี่เป็นความรู้สึกที่เธอได้จากท่านเทพทุกครั้งที่จูบกัน ทำให้ติดใจได้ง่าย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้จูบเธอ แต่ป้อนน้ำให้เธอที่สัมผัสนิดเดียวก็จากไป

ป๋อจิ่วออกจะผิดหวัง กำลังจะสำแดงความสามารถด้านการอ่อยก็เห็นเขาแบมือ มีลูกอมมากมายอยู่ด้านใน “เลือกเอาอันหนึ่ง”

“รสส้มละกัน” ป๋อจิ่วจิ้มเอาอันหนึ่งในนั้น

เธอมองดูมันถูกนิ้วเรียวของขายหนุ่มแกะออกแล้วป้อนให้เธอได้ลิ้มรส จากนั้นเธอก็ช้อนสายตามอง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก

“หิวแล้วเหรอ?” เขาหันมาพูดตรงใจเธอ เดิมก็หน้าตาดีอยู่แล้ว ตอนนี้มาเอาใจเธอด้วยวิธีนี้อีก รับมือไม่ไหวจริงๆ

…………………………………………..

ตอนที่ 1807

 ป๋อจิ่วส่งเสียงยอมรับ ไม่แคร์ที่จะเปิดเผยความคิดของตัวเอง “อยากกินเนื้อ”

“กินเนื้อ?” ฉินมั่วยิ้ม แววตาใสกระจ่าง เหมือนเหล้าที่มักมานาน “รอให้เธอดีขึ้นก่อนค่อยว่ากัน”

ป๋อจิ่วอยากจะขยับตัว แต่ฉินมั่วกดร่างเธอไว้ แล้วหันไปโทรศัพท์

ไม่นานผู้ช่วยพิเศษก็เดินเข้ามา มือถือกล่องอาหารที่สวยประณีต แต่น่าผิดหวังด้วยมันล้วนแต่เป็นโจ๊ก ป๋อจิ่วเป็นสิ่งมีชีวิตที่กินเนื้อมาตั้งแต่เด็ก การกินโจ๊กย่อมไร้รสชาติสิ้นดี แต่เธอหิวจริงๆ ไม่ต้องสนใจเรื่องรสชาติอะไรแล้ว

เดิมป๋อจิ่วคิดจะกินเอง ทว่าผู้ช่วยพิเศษเห็นกับตาว่าท่านประธานเปิดกล่องอาหารเร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง

ท่านถือช้อนไว้ในมือ ยักคิ้วให้คุณหนูจิ่ว “อ้าปาก”

ป๋อจิ่วค้นพบว่าการที่คนหน้าตาหล่อเหลามาป้อนอาหารให้ ย่อมทำให้เจริญอาหารขึ้นหลายเท่า ถึงโจ๊กยังร้อนอยู่ เมื่อเข้าสู่ปาก ด้วยรสชาติจืดปนเค็มที่ผสานกัน รสชาติจึงออกมาดี

ป๋อจิ่วเอียงศีรษะกินโจ๊ก พอกินเสร็จน้ำเกลือก็หมดขวดพอดี แต่ยังไม่ทันจะลุกขึ้นมา ชายหนุ่มก็ก้มตัวอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน “ข้างนอกมันหนาว” เขาพูดสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ป๋อจิ่วได้กลิ่นหอมสะอาดจากร่างเขา ไม่มีอารมณ์สนใจอย่างอื่นอีก หัวใจเธอเต้นแรงจนชัดเกินไป เธอออกแรงที่นิ้วมือ มุมปากแย้มออก ทว่าฉินมั่วหลุบตามองคนในอ้อมแขน “ซุกหน้าลงไปเดี๋ยวนี้”

“หืม?” ป๋อจิ่วไม่เข้าใจ

เสียงยังเรียบเหมือนเดิม “หน้าตาดีเกินไป มันสะดุดตา” ฉินมั่วพูดเช่นนี้ออกมา เป็นเวลาที่พอดีกันกับที่ผู้ช่วยพิเศษหลี่เอียงตัวเปิดประตู ฝ่ายหลังกระแอมเล็กน้อย ระงับยิ้มทัน ท่านประธานมีความรักทั้งที แหม อธิบายลำบาก

ท้องฟ้าด้านนอกมืดมิดแล้ว เจียงเฉิงที่เข้าสู่หน้าหนาวมานานแล้ว อุณหภูมิตกลงมาอยู่ที่ 0 องศา เมื่อลมพัดมา จึงหนาวเป็นพิเศษ

ทว่าป๋อจิ่วกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เธอรู้เช่นกันว่าเขาช่วยกันลมทั้งหมดให้เธอ เพราะเมื่อตอนจะขับรถ เธอได้ยินเขาพูดว่า “ทำไมตัวยังร้อนอยู่”

เมื่อไข้ขึ้นย่อมลดลงไม่เร็วปานนั้น ต่อให้ได้น้ำเกลือ ก็ยังต้องใช้เวลาถึงคืนหนึ่งกว่าจะฟื้นสภาพ ฉินมั่วเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา รู้ดีถึงความรู้ทางการแพทย์ขั้นพื้นฐาน แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อได้สัมผัสเธอที่ร้อนกรุ่น เขาจึงอยากให้อุณหภูมิลดลงเร็วๆ

ป๋อจิ่วกลับคิดว่าเป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เมื่อก่อนใช่ว่าเธอจะไม่เคยป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ เมื่อคิดดูแล้ว แค่เธอได้รับการดูแลจากเขาเมื่อตอนที่เป็นเด็ก จากนั้นเธอก็กลายเป็นนายน้อยของโลกแฮกเกอร์ ต้องเผชิญหลายต่อหลายเรื่องด้วยตัวเอง แค่ไข้ขึ้นนอนสักนิดก็หายแล้ว ไม่เคยโดนโอ๋เหมือนวันนี้หรอก

ป๋อจิ่วเอียงคอ จึงได้เห็นลำคอยาวขาวนวลของชายหนุ่ม อันให้ความรู้สึกสูงส่งต้องห้าม

“หนาวเหรอ?” คงเพราะสังเกตเห็นสายตาของเธอ เขาหลุบตาจุ๊บที่ดวงตาเธอ “เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

ป๋อจิ่วรู้สึกหวาน เธอยังคงปวดหัวเพราะไข้ขึ้น ทั้งยังไม่รู้ว่าความทรงจำของฉินมั่วกลับมาแล้ว รวมถึงความทรงจำในวัยเด็กด้วย เธอแค่รู้สึกแค่สนิทสนมขึ้นอย่างน่าประหลาด ทว่ากลับบอกไม่ถูกว่าสนิทขึ้นที่ตรงไหน คงเพราะถูกดูแลเป็นอย่างดี

แถมท่านเทพไม่ได้รื้อเรื่องน่าอับอายเมื่อตอนที่เขาเสียความทรงจำไป ซึ่งหากมองจากจุดนี้การเป็นไข้ย่อมดีกว่าสุดๆ  มันช่างสมบูรณ์แบบ

แต่ความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเธอช่างซื่อบื้อและบริสุทธิ์มาก เพราะประโยคต่อมาของท่านเทพคือ “เดี๋ยวพอถึงแล้ว ฉันยังอยากฟังเรื่องที่ว่าฉันหลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็นยังไง แล้วจีบเธออีท่าไหน”

ป๋อจิ่ว “…”

…………………………………………..

ตอนที่ 1808-1

ประโยคเดียวของท่านเทพ  ทำให้ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเธอหลงกลเขาแล้ว ขอจำพวกประวัติอันดำมืดเนี่ย ไม่ควรมีจริงๆ โดยเฉพาะเวลาอยู่ตรงหน้าท่านเทพ สำคัญที่สุดก็ตรงที่ท่านเทพยังจำได้ว่าเป็นแฟนเธอ

เมื่อกำลังจะลงจากรถ ฉินมั่วยื่นมือจับหน้าเธอ ท่ายักคิ้วของเขาทำให้รู้สึกเหมือนอ่อนโยน “คิดว่าแกล้งหลับแล้วจะหนีพ้นเหรอ?”

ป๋อจิ่วลืมตา ไม่อ้าปากก็ถูกเขาเอาเสื้อคลุมมาพันรอบร่าง หากจะจัดให้ท่านเทพอยู่ในโหมดผู้ชายอ่อนโยน จะต้องลบส่วนที่รื้อประวัติน่าอับอายของเธอทิ้งก่อน มันจะเพอร์เฟกต์

ทั้งสองไม่ได้กลับบ้านตระกูลฉิน แต่เป็นที่อะพาร์ตเมนต์ของป๋อจิ่ว สีหน้าของคุณตาพ่อบ้านก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไร เมื่อเห็นนายน้อยถูกอุ้มเข้ามา แต่คนสุภาพอย่างคุณตาย่อมต้องรินชาสไตล์อังกฤษให้กับผู้ช่วยพิเศษ ส่งผลให้ผู้ช่วยพิเศษมองดูคนชราที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตะลึง บ้านตระกูลฟู่ไปจ้างพ่อบ้านอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อไร?

เขามั่นใจว่าตัวเองมีบุคลิกที่ไม่เลว สวมชุดสูทอยู่ทุกวัน เรียกได้ว่าสามารถจัดการธุระเล็กใหญ่ให้แก่ประธานฉินได้สบาย หากผู้ช่วยอย่างเขาถูกจัดว่าเป็นที่สอง ย่อมไม่มีใครได้ที่หนึ่งแน่นอน

ทว่าคุณตาคนนี้ไม่เพียงแต่สวมสูทเนี้ยบไปหมด ยังดูดีมีระดับชนิดไม่มีฝุ่นไรเกาะตัว ท่าถือร็อกเก็ตนาฬิกาก็ไม่มีที่ติ นับตั้งแต่เครื่องชาจนไปถึงขนมหวาน ล้วนแค่ประณีตจนน่าตะลึง

แต่ของที่หน้าตาสวยๆ ย่อมไม่อร่อย ผู้ช่วยคิดเช่นนี้จึงตักเค้กชิ้นหนึ่งเข้าปากไปงั้นๆ วัยรุ่นตอนปลายอย่างเขากินอาหารหมามาวันหนึ่งเต็มๆ แล้ว ขอกินอะไรรองท้องก็คงไม่… เฮ้ย ทำไมอร่อยอย่างนี้!

นัยน์ตาของผู้ช่วยถึงกับเบิกกว้าง แล้วหันมามองคุณตาพ่อบ้านที่สง่างามตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยความรู้สึกที่แพ้ราบคาบ มิน่าล่ะ ท่านประธานถึงไม่พาคุณหนูจิ่วกลับบ้านตระกูลฉิน

ผู้ช่วยไม่รู้ว่านอกจากเหตุผลดังกล่าวแล้ว ยังเป็นเพราะฉินมั่วรู้ดีถึงฝีมือการรักษาของคุณตาว่าจะเป็นประโยชน์ต่อป๋อจิ่วมากกว่า ทว่าน้องจิ่วที่เอนตัวนอนบนเตียงรับน้ำที่ชายหนุ่มป้อนให้ กำลังคิดว่าจะหาทางดึงความสนใจของท่านเทพไปสู่เรื่องอื่น อย่าเพิ่งพูดถึงว่า ‘เขาไล่จีบเธออย่างไร’ เลยจะดีกว่า คงเพราะแบกประวัติน่าอายเอาไว้ หรืออาจเป็นเพราะไข้ต่ำๆ ที่มี ทำให้ป๋อจิ่วหน้าแดงหน่อยๆ

เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี จึงนั่งตรงๆ เพื่อสร้างผลงานกลบความผิด ดังนั้นฉินมั่วป้อนอะไรให้ เธอก็ดื่มหมด แม้ว่าปกติแล้วเธอไม่ค่อยดื่มน้ำเปล่า ตอนนี้เธอดื่มไปครึ่งค่อนแก้วรวดเดียว ก่อนจะมองเทพฉินอย่างแสดงผลงาน ทว่าชายหนุ่มกลับไม่มีปฏิกิริยาแต่อย่างใด

ป๋อจิ่วจึงดื่มอีกครึ่งค่อนแก้ว แล้วเงยหน้ามอง แต่ได้ผลเช่นเดียวกัน ท่าทางจะหนีไม่รอดแฮะ เธอคิดแล้วคิดอีกว่า จะจุ๊บเอาใจเขาดีไหม จะได้กลบเรื่องได้

ไม่คิดว่า ยังไม่ทันเอ่ยก็เห็นเขายื่นมือไปหยิบรูปถ่ายข้างเตียงมาก้มดู ไม่เห็นอารมณ์เขาจากเสี้ยวหน้าเลย เพราะรูปนั่น ตอนนั้นร่างของท่านเทพถึงกับแพร่ความเย็นยะเยือกออกมาประจักษ์ตา

ก่อนหน้านี้รูปนั่นเคยตั้งอยู่ในปราสาท ป๋อจิ่วรีบดึงรูปนั่นมาทันที ทำเหมือนกับพึมพำแต่ก็เหมือนอธิบาย “ทำไมถึงมีรูปมาวางไว้ตรงนี้เนี่ย? คุณตาต้องเอามาวางไว้ชัวร์เลย” พูดจบก็เอี้ยวตัวไปดึงลิ้นชักออก ก่อนจะวางรูปลงไปด้านใน ตอนนี้ท่านเทพเพิ่งจะหลุดจากภาวะฝังคำสั่งทางจิต น่าจะอ่อนแออยู่ เรื่องรูปนี่ ไว้สภาวะเขานิ่งแล้วเธอค่อยบอกเขาแล้วกัน คนเป็นประธานสุดโหดอย่างเธอ ก็ต้องเข้าอกเข้าใจคนรักอย่างนี้นี่แหละ!

 ………………………………………..

1805-4 vs 1806-1 vs 1806-2

ตอนที่ 1805-4

แต่เช่นเดียวกัน โลกนี้มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่รู้จักเคารพและหวั่นเกรงอยู่ในใจ เหมือนอย่างที่เนลสัน แมนเดลล่าว่าไว้ หากท้องฟ้ามืดมิด ก็จงใช้ชีวิตกับมันให้ได้ ถ้าหมดแรงจุดไฟสว่าง ก็จงมุดตัวอยู่ที่กำแพง อย่าปกป้องความมืดมิดเพราะตัวเองชินแล้ว อย่ายินดีที่ตัวเองเอาชีวิตรอดอย่างน่าละอาย อย่าเหยียดหยามคนที่กล้าหาญมีน้ำใจสูงกว่าตัวเอง พวกเราสามารถเจียมตัวเหมือนเป็นผงธุลี แต่อย่าทำตัวบิดเบือนเหมือนหนอนแมลง ท้องฟ้าย่อมสว่างเสมอ ไม่ว่ามันจะเคยดำมืดแค่ไหน

เมื่อก่อนป๋อจิ่วก็ไม่เคยเชื่อคำพูดดังกล่าว เพราะเวลาอยู่ตัวคนเดียว มันทรมานใจมาก ไม่มีใครเข้าใจว่าเราพูดอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าเราหดหู่เรื่องอะไร ต่อมาเวลาที่เศร้าใจ มักจะมีคนกอดเราไว้ในอ้อมแขน แล้วถามขึ้นด้วยเสียงเบาว่า ‘เธอโง่หรือเปล่า?’

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเธอไม่มีวันเจอกับคนแบบนี้อีกแล้ว คนที่ทั้งปากเป็นพิษและอ่อนโยนในคราวเดียวกัน เธอเคยคิดอยู่หลายครั้งว่า คนที่ขาวสะอาดจะทำตัวเป็นแสงจากโคมไฟไม่ได้ เพราะอ่อนแอเกินไป ทนคลื่นลมไม่ไหว ไม่เหมือนเขาคนนั้น คนที่มุ่งมั่นแข็งแกร่งเสมือนเทือกเขาคุนหลุน ไม่เพียงแต่จะจุดไฟให้สว่าง แต่ยังทำตัวเป็นเงาจันทร์และดวงตะวันได้ทุกเวลา ดังนั้นเธอถึงได้รักมากๆ

ป๋อจิ่วรู้ว่าตัวเองเริ่มจะหมดสติ เธอซบศีรษะที่พวงมาลัย ไม่รู้ว่าทำไมถึงโกรธหน่อยๆ พอจะขยับก็พบว่าประตูรถถูกเปิดออก จากนั้นอ้อมแขนที่เย็นนิดๆ ก็เข้ามาโอบล้อม ป๋อจิ่วลืมตาไม่ขึ้น แต่จมูกทำงานดีมาก สัมผัสได้ถึงรสมินต์ของบุหรี่ที่เคยคุ้น ทำให้เธอคิดว่าตัวเองไข้ขึ้นเลอะเลือน จึงรู้สึกว่ามีคนมากอด บางทีอาจเป็นเพราะเธอคิดถึงใครบางคนมากไป

เธอบอกตัวเองเช่นนี้ เหมือนมีอะไรเย็นๆ มาแนบบนหน้าผาก จากนั้นแรงกอดก็หนักขึ้น เธอยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตกอยู่ในอาการมึนงง เสียงที่คุ้นเคยก็ลอยเข้าหู “ป๋อเสียวจิ่ว”

เอ๋? เรียกชื่อเธอเหรอ

“เธอโง่หรือเปล่า?” ฉินมั่วกำลังโกรธตัวเอง ในเมื่อฟื้นความทรงจำได้แล้ว ย่อมต้องรู้ว่าทำไมเธอถึงไข้ขึ้นสูง เขาโน้มตัวเข้าไปวัดไข้ที่หน้าผากเธอ ทรวงอกเหมือนเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น

ป๋อจิ่วขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่อยากโดนด่าว่าโง่ในขณะที่ป่วย แล้วอีกฝ่ายเป็นท่านเทพจริงๆ เหรอ ไม่น่าเป็นไปได้เลยนะ พอคิดแบบนี้ก็อยากขยับ ทว่ากลับมีคนรั้งมือเธอไว้ก่อน แล้วกักเธอไว้ในอ้อมกอดที่อบอุ่น ราวกับกลัวว่าเธอจะหนาว ก่อนจะดึงมือเธอมาซุกไว้ในเสื้อตัวเอง เมื่อฝ่ามือเธอแนบกับผิวหนังเขา นิ้วมือจึงไม่เย็นอีกต่อไป

ป๋อจิ่วไม่ได้เห็นหน้าฉินมั่วในเวลานี้ ยิ่งไม่รู้ว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลฉินกำลังใช้วิธีนี้ให้ความอบอุ่นแก่เธอ

ทว่าคนที่รู้ทั้งหมดก็คือเสี่ยวเฮย แม้จะมันไม่มีดวงตาก็ตาม มันคิดไม่ถึงว่าจอมมารที่เย็นชาเหมือนไม่ใช่มนุษย์ จะใช้วิธีนี้ให้ความอบอุ่นต่อเจ้านาย ตอนนี้ข้างนอกคงหนาวมากสินะ ถึงได้ดึงมือเจ้านายเข้าไปซุกในเสื้อตัวเอง เพื่อจะให้เจ้านายของมันสบายขึ้น

บ้าจริง กระทั่งมันเองยังเชื่อว่าจอมมารรักเจ้านายอย่างสุดหัวใจ เพราะเหมือนจะได้ยินเสียงแผ่วเบาราบเรียบดังขึ้นว่า “ขอโทษนะ”

………………………………………………….

ตอนที่ 1806-1

ยากที่จะได้เห็นภาพจอมมารขอโทษ เสี่ยวเฮยรู้สึกว่าตัวเองตกใจแทบแย่ ระบบจีพีเอสสะบัดคลื่นโคลงเคลงหน่อยๆ

“เสี่ยวเฮย” จู่ๆ ก็โดนเรียกชื่อ รถอย่างมันจึงผงะ แต่แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ฉินมั่วเอียงมือส่งป๋อจิ่วไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะกุมพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่งพลางเลิกคิ้ว “อยากจะให้ฉันสาดน้ำใส่นายใช่ไหม”

เสี่ยวเฮยจึงไม่เสแสร้งอีกต่อไป รีบเปิดไฟรถทันที ฉินมั่วจึงเอ่ยเสียงเรียบ “หาโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้แถวนี้ที่สุด”

“ตอนนี้เริ่มจับตำแหน่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้…” เสียงของเสี่ยวเฮยยังไม่จบ รถแลมโบกินีก็แล่นบนถนนลาดยางราวกับสายลม

อาการไข้ขึ้นช่างทรมาน โดยเฉพาะข้อเข่าที่ปวดเมื่อยเป็นที่สุด เธอทั้งหนาวและร้อนระอุจากภายในไปถึงภายนอกจนทำให้สติของเธอไม่ชัดเจน

จุดที่รถแลมโบกินี่จอไม่ใช่โรงพยาบาลขนาดใหญ่สักเท่าไร หากไปโรงพยาบาลในเวลาที่ไม่ใช่ช่วงกลางคืน คนไข้ย่อมเยอะมาก จุดที่ไปเป็นคลินิกขนาดใหญ่ที่สะอาดมากแห่งหนึ่งแถวบริเวณเขตที่พักอาศัย ดูเหมือนจะมีคุณภาพสูง อุปกรณ์ครบครัน แต่คนที่มาหาหมอในเวลานี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กกับคนแก่ น้อยครั้งที่จะเห็นคนไข้ถูกอุ้มเข้ามา ทว่าคงเพราะความสูงของฉินมั่ว ทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดดูไม่เหมือนคนป่วย แต่กำลังหลับอยู่ มีเสื้อตัวนอกของเขาคลุมไว้ทั้งตัว

เจ้าหน้าที่อดมองมาไม่ได้ เพราะจะได้เห็นคนหล่อบ้างเป็นบางครั้ง แต่หนุ่มหล่อสง่าเช่นนี้ เรียกได้ว่าเห็นเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว ชายหนุ่มดูหยิ่งและสูงส่งชนิดไม่มีใครกล้าอาจเอื้อม แต่กลับมีมารยาท

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนจ้องมองก็คือ หลังจากที่เขาเข้ามาก็ไม่เคยปล่อยร่างในอ้อมแขน กระทั่งวัดไข้เขาก็ยังรับปรอทจากมือพยาบาลมาวัดให้ป๋อจิ่วด้วยตัวเอง

“39  องศา ไข้ขึ้นสูงมาก” พยาบาลเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นปรอท “ต้องตรวจเลือดนะคะ ดูว่ามีอาการอักเสบหรือเปล่า”

ฉินมั่วรับคำ อุ้มป๋อจิ่วเดินไปยังหน้าต่างชั้นสอง ทว่าเมื่อตรวจเลือดก็ต้องใช้เข็มเจาะ แต่ป๋อจิ่วไม่ยอมยื่นแขนออกไปสักที ฉินมั่วเห็นเธอขมวดคิ้ว จึงจุ๊บที่ฝ่ามือ ปลอบเพียงว่า “เป็นเด็กดี”

คงเพราะเป็นเสียงที่คุ้นเคยจึงได้ผล ป๋อจิ่วคลายแรง ทำให้เอาเลือดไปตรวจได้สำเร็จ

พยาบาลดูแล้ว “ต้องให้น้ำเกลือนะคะ คนไข้มีประวัติเป็นหอบหืด ไม่ทราบว่าแพ้ยาอะไรหรือเปล่าคะ”

“ไม่มีครับ” ฉินมั่วพูดพลางไม่ลืมแนบฝ่ามือไว้ที่หน้าผากคนป่วยราวกับทำแบบนี้จะส่งผลให้เธอดีขึ้น

พยาบาลเห็นแล้วอยากถ่ายรูปส่งให้แฟนเธอดูจริงๆ เมื่อต้องคุยกับหนุ่มหล่อ น้ำเสียงจึงดีมาก “เตียงของผู้ป่วยหมายเลข 0271 นะคะ นี่คือใบสั่งยา เดี๋ยวฉันเตรียมยาเสร็จแล้วจะไปหานะคะ”

ฉินมั่วเอ่ยขอบคุณ ทิ้งแผ่นหลังที่ทำให้ใครๆ ต่างอดมองดูไม่ได้ เจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาลต่างสุมหัวกัน “ใครอะ? ไม่ได้อยู่ในเขตนี้แน่ ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน?”

“ไม่รู้เหมือนกัน หล่อกว่าดาราอีกแฮะ หล่อมากจริงๆ น่าเสียดายที่มีเจ้าของแล้ว”

พอจะรับรู้ถึงความเสียดายที่ผสานอยู่ในเสียงนั่นออก ถึงที่นี่จะเป็นคลินิกชั้นเยี่ยม แต่ก็ไม่มีห้องเดี่ยวห้องหนึ่งจะมีเตียงผู้ป่วยสองเตียง เตียงข้างในถูกจับจองไว้แล้ว เป็นเด็กชายตัวน้อยที่กำลังดื่มนมเปรี้ยว เอนตัวนอนรับน้ำเกลือ ไม่รู้ว่าแม่เด็กไปที่ไหน

 ………………………………………………….

ตอนที่ 1806-2

ฉินมั่ววางร่างป๋อจิ่วลงบนเตียงอีกเตียงหนึ่ง  พวกเจ้าหน้าที่จึงได้เห็นคนที่เขาอุ้มมาอย่างชัดเจน ถึงกับตะลึงสติหลุด ใบหน้าดูดีนั่นแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายกันแน่ ตอนนี้น่าจะไข้ขึ้นสูง แก้มทั้งสองข้างแดงนิดๆ น้อยครั้งจะได้เห็นผู้ป่วยที่ป่วยได้สวยอย่างนี้ แต่พอจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยไม่สบายตัวมาก เรียวปากแห้งกรัง เส้นผมแนบหน้าผาก คิ้วขมวดมุ่น

พยาบาลเอาอุปกรณ์มาเพื่อจะให้น้ำเกลือ เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนที่หน้าตาดีเลิศขนาดนี้ พอเห็นเข็มปุ๊บก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือเอาเสียเลย

ฉินมั่วเห็นทุกอย่าง จึงหันไปรั้งตัวป๋อจิ่วให้เอนตัวในอ้อมแขนตัวเอง ก่อนจะยกมือขวาของเธอขึ้น “เป็นเด็กดีหน่อย เดี๋ยวก็หาย”

พยาบาลยืนประหลาดใจอยู่ด้านข้าง เธอคิดไปเองรึเปล่าว่า ผู้ป่วยคนนี้จะไว้วางใจก็พอเมื่ออยู่กับแฟนตัวเอง แต่เธอเองอยู่ในคลินิกแห่งนี้มานาน น้อยครั้งที่จะได้พบกับผู้ชายคนไหนมีความอดทนสูง พูดตรงๆ  คือ เธอเพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกันกับเด็กน้อยที่ให้น้ำเกลือด้วยป่วยเป็นไข้หวัด ซึ่งมองดูอยู่ข้างๆ บังเอิญแม่เด็กกลับมาพอดี เขาก็นั่งตัวตรง “คุณแม่ คุณแม่ พี่คนนั้นโอ๋แฟนแบบคุณแม่เลย”

แม่เด็กรู้สึกว่าลูกเองยากจะเยียวยา รู้ด้วยว่าชายหนุ่มด้านข้างต้องได้ยินแน่ จึงหันไปยิ้มขออภัย ก็ได้เห็นคนที่อ้อมแขนเขาเหมือนไม่สบายมาก อยากจะขยับมือข้างที่ให้น้ำเกลืออยู่ ทว่ากลับโดนเขาห้ามไว้ เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่พอจะรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนในเสียงนั่น “ทรมานเหรอ? อดทนอีกนิดนะ เดี๋ยวน้ำเกลือก็หมดแล้ว”

เด็กชายเห็นแล้ว ก็ส่ายหน้าเป็นจริงเป็นจัง “ไม่ ไม่เหมือน แค่หนูกระดุกกระดิกนิดเดียว แม่ก็ดุหนูแล้ว”

ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ได้แต่กระแอมกระไอเบาๆ “กินนมเปรี้ยวของลูกซะ”

เด็กน้อยทอดถอนหายใจ เขาก็มีไข้เหมือนกัน แต่ทำไมต่างกันอย่างนี้ เขาล่ะคิดว่าแค่นี้ก็เจ็บปวดพอแล้ว ไม่คิดว่าพี่รูปหล่อจะแกะลูกอมแล้วหันมาป้อนให้คนป่วยในอ้อมแขนตัวเอง

เด็กน้อยเงยหน้ามอง “คุณแม่ หนูอยากกินลูกอมบ้าง”

คุณแม่จนปัญญาชั่วขณะ หนุ่มสาวสมัยนี้ปฏิบัติต่อกันอย่างนี้เลยเหรอ? ใส่ใจเสียยิ่งกว่าเธอเลี้ยงลูกอีก

ทำไมเธอถึงไม่หาสามีแบบนี้บ้างนะ! ยังดีที่น้ำเกลือของเด็กน้อยใกล้หมดแล้ว แต่ด้วยเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง แม่ลูกคู่นี้ต้องตกตะลึงชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต

เด็กน้อยหันมามอง “คุณแม่ หนูก็ไม่ใช่คนเรื่องมากนะ แต่ตอนที่คุณแม่เป็นไข้ ก็ไม่เห็นคุณพ่อจะทำแบบนี้บ้างเลย”

“พ่อแกมันแล้งน้ำใจ…” คุณแม่ชะงัก ก่อนจะยิ้มแทน “ต่อไปในอนาคต ลูกก็ต้องดีกับแฟนหน่อยนะ ทำเหมือนพี่เขา เข้าใจไหม?”

เด็กน้อยพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจจริงๆ นี่ พี่ผู้หญิงที่อ้อมแขนของพี่ผู้ชายเป็นคนป่วยแท้ๆ แต่ทำไมพี่ผู้ชายเหมือนจะเจ็บปวดเสียเอง

หลังจากที่สองแม่ลูกออกไป ก็เหลือเพียงฉินมั่วและป๋อจิ่วอยู่ในห้อง คนในอ้อมแขนยังไม่ฟื้น ฉินมั่วก็ไม่เปลี่ยนกิริยาท่าที เขาถือแก้วกระดาษด้วยมือข้างเดียวแล้วจรดลงที่เรียวปากเธอ

 …………………………………………………

1805-1 vs 1805-2 vs 1805-3

ตอนที่ 1805-1

 เมื่อได้ยินเสียงฉีกขาด ฝานเจียแอบยินดีว่าในที่สุดก็ทำลายของสิ่งนั้นได้สักที แต่เมื่อได้เห็นของที่ร่วงลงบนพื้น ก็ถึงกับหน้าทอดสี! เพราะนั่นเป็นรูปถ่าย รูปนั้นน่าจะถ่ายโดยกล้องโพราลอยด์ สีสันสดใสมาก แสงแดดในภาพเจิดจ้ากำลังดี เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งสวมชุดเสือน้อยกำลังกระโจนเข้าไปหาเด็กผู้ชายอีกคน เจ้าหล่อนยิ้มน่าเอ็นดู แถมยังเปื้อนลูกอมอีกด้วย ฝ่ายเด็กชายคนนั้นหยิ่งมาก บรรยายไม่ถูกว่าสีหน้าเป็นอย่างไร แต่ก็ยื่นมือไปประคองเอวเด็กหญิงราวกับกลัวว่าจะทำให้ตัวเองเปื้อน ทั้งยังกลัวว่าเธอจะล้ม มุมปากเม้มนิดๆ ทว่าก็ไม่ได้รังเกียจ แค่ระอาใจหน่อยๆ ก้นบึ้งนัยน์ตาอ่อนโยน ชวนให้นึกถึงกลอนจีนโบราณที่ว่า ‘เส้นผมน้องน้อยเพิ่งจะคลุมหน้าผาก กำลังเด็ดดอกไม้เพื่อการละเล่น พี่ท่านขี่ม้าไม้ผ่านมาเยือน เราสองถือเหมยเขียววิ่งวนล้อมตั่งกัน’[1]

อันที่จริงหลักใหญ่ใจความของภาพที่ว่า ไม่ได้แสดงความหมายตามบทกลอนดังกล่าว ประโยคที่เขียนบนภาพนั่นต่างหากที่เขียนด้วยตัวอักษรขายถี่[2]ว่า ‘ถ้าเทพเจ้ามีจริง ฉันหวังว่ายัยโง่ที่ใส่ชุดเสือน้อยคนนี้มีความสุขตลอดไป’

ที่แท้ฮู้ป้องกันตัวที่ได้มาในวันนั้นไม่ใช่เพื่อขอพรให้ตัวเอง หลายปีที่ผ่านมาเขาถนอมมันไว้อย่างดี ไม่ยอมให้ห่างตัว เพียงเพราะต้องการอธิษฐานให้อีกคน

ชั่วอึดใจนั่น ฝานเจียโกรธแค้นแสนสาหัส! เธอคิดจะทำลายรูปนั่นให้สิ้นซาก! ทว่านิ้วยาวขาวสะอาดกดรูปนั้นไว้เร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง เท้าของเธอเหยียบนิ้วโป้งของเขาเข้าอย่างจัง

ฝานเจียขยี้ด้วยแรงหนัก ซึ่งเมื่อโดนเหยียบเช่นนั้น ต้องเจ็บแน่นอน ทว่าฉินมั่วกลับไม่แม้แต่จะกระพริบตา เสี้ยวหน้าคมสันจมอยู่ในวงแสงที่ส่องเข้ามา แววตาของเขาเหลือเพียงเด็กหญิงตัวน้อยในรูป นิ้วของเขาลากผ่านฮู้ดเสือน้อยบนศีรษะเจ้าหล่อน หัวใจเหมือนถูกละลายในทันใด ราวกับได้ยินเสียงปลดล็อคดังขึ้น

เขากลัวการสูญเสียยัยหนูนี่มากที่สุด รูปนั่นเสมือนอยู่ในหน้าจอกล้องที่แต่ละฉากผ่านไปเรื่อยๆ ในสมองของเขา เจ้าหล่อนโผเข้ามากอดเขา ‘มั่วมั่ว เธอกิโลละเท่าไร ฉันจะซื้อ’

เธอไม่ยอมกลับไปนอนที่บ้าน กอดคีย์บอร์ดตัวเอง ‘อันนี้เป็นของเล่นที่ฉันชอบมากที่สุด ฉันให้เธอนะ แล้วเธอต้องให้ฉันนอนด้วยคืนนึง คืนเดียวเอง’

เธอนอนบนเตียงเขาแต่โดยดี ยากที่จะนึกภาพออกว่า เธอชอบทำให้คนอื่นปวดหัว ทั้งยังว่านอนสอนง่าย แล้วจะเข้าประชิดในตอนท้าย ‘ฉันจะกอดเธอไว้ เธอจะได้ไม่อยากกลับจีน เอ่อ ฉันหมายความว่าเธอจะได้ไม่ต้องคิดถึงบ้าน”

ตอนที่เขาป่วย กระทั่งคุณตายังไม่รู้ มีเพียงเธอที่กอดเขาไว้ด้วยนัยน์ตาแดงเรื่อ แต่ไม่ร้องออกมา กลับไปหาคุณหมอประจำครอบครัว

หลังจากที่เป็นหวัด เขากลัวว่าจะแพร่เชื้อทำให้เธอติด จึงตั้งกระถางดอกไม้เยอะแยะไว้ที่หน้าต่างเพื่อกันไม่ให้เธอเข้ามา แต่ไม่ว่าจะเป็นมหาเทพหรือสุดยอดเซียนที่ไหนก็ห้ามยัยเสือน้อยไม่ได้ เจ้าหล่อนหน้าปีนเข้ามา หน้าตามอมแมม แถมยังสอนเขาเป็นจริงเป็นจัง ‘อย่าทำแบบนี้กับเพื่อนตัวเองสิ’

 ……………………………………….

ตอนที่ 1805-2

เธออุตส่าห์หาเหตุผลร้อยประการเพื่อจะนอนกับเขา เวลากินข้าว เธอก็คีบอาหารที่เขาชอบให้ ไม่ว่าเขาชอบอะไร เธอก็จะเอามาให้ในวันต่อมา ขนาดคุณตายังไม่รู้ว่าเขาชอบอะไร แต่เธอรู้

ท่าทางเธอตอนยิ้ม ตาแดง แถมหลังจากโตขึ้นก็กดเขาติดกำแพงแล้วยิ้มมุมปาก เธอไม่เคยเป็นคนอื่น แต่เป็นยัยโง่ที่ชอบคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงเมื่อครั้งยังเด็ก

ฝานเจียเห็นความผิดปกติของชายหนุ่ม กำลังจะพูดขึ้นเพื่อจะกระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิต ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่า เธอจะไม่ได้อ้าปาก

ไพ่ใบหนึ่งก็ลอยมากรีดหน้าเธออย่างจัง ฝานเจียหน้าซีด มองดูชายหนุ่มหยิบรูปถ่ายแล้วค่อยๆ ลุกขึ้น  สายตาเธอตื่นตะลึง ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่มีใครปลดล็อคคำสั่งที่ฝังทางจิตได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! แต่รังสีเย็นยะเยือกที่กระจายออกจากร่างชายหนุ่ม กลับทำให้ฝานเจียรู้ซึ้งถึงกับว่าความหวาดผวา

ไพ่ที่เขาใช้ปลายนิ้วขว้างใส่ มันปักเข้าที่ข้อมือเธอ ฝานเจียไม่เคยรู้สึกอยู่ใกล้ความตายมากเท่าในเวลานี้ เธอมองออกว่า เขาคิดฆ่าจริงๆ เมื่อชายหนุ่มเดินออกจากเงาแสง ฝานเจียก็รู้ว่ามันจบลงแล้ว เพราะแววตานั่นไม่ใช่แววตาที่ถูกคำสั่งที่ฝังทางจิตควบคุมไว้ แต่เป็นเขาในอดีต ผู้ชายที่ยโส สูงส่งต้องห้าม อยู่เหนือคนทั้งปวง

ฝานเจียก้าวถอยหลัง สำหรับเธอแล้ว เขาในเวลานี้ไม่ใช่เทพแต่เป็นจอมมาร แววตาที่เขามองเธอ ไม่เหลือความอุ่นสักนิด มันเย็นชาเหมือนเมื่อครั้งที่เขาจับติดเธอได้ แล้วเอ่ยอย่างไม่ร้อนใจ ‘อย่างเธอน่ะเหรอ คิดจะเลียนแบบเขา?’

ครั้งนั้นฝานเจียเกือบไม่รอด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอเกลียด Z และพยายามหาทางฆ่าฝ่ายตรงข้าม แต่ก็มักจะเป็นเช่นนี้ ไม่มีวันมลายหายไปสักที ฝานเจียกัดฟัน สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ “ฉันทำอะไรมากมายขนาดนี้ก็เพราะชอบพี่ ทำไมพี่ถึงไม่สงสารฉันบ้าง”

ฉินมั่วเอ่ยเสียงกระด้าง “ฆ่าคน แถมขโมยของคนอื่นด้วย ยังมาบอกว่าตัวเองน่าสงสาร เฮอะ ทำไมฉันต้องเอาความสงสารของตัวเองไปให้คนที่ไม่ต่างอะไรจากปรสิตด้วย?”

ฝานเจียงยกมืออุดหูตัวเอง “ฉันแค่รักพี่ ฉันแค่รักพี่ ทำไมพี่ต้องว่าฉันอย่างนี้ด้วย!”

“เธอจะบอกว่าตัวเองน่าสงสารใช่ไหม?” ฉินมั่วหมุนไพ่ในมืออย่างไม่เร่งร้อน

ฝานเจียกำมือแน่น “หรือไม่จริง?”

“เธอลองไปถามคนที่เธอทำให้เขาตายในนรกดูสิ เพราะเธอถึงทำให้พวกเขาเรียกร้องความเป็นธรรมไม่ได้ พวกเขาคนไหนบ้างที่ไม่น่าสงสาร” ฉินมั่วขยับ

เสียงของไพ่ที่ถูกขว้างก็ดังขึ้น ข้อมืออีกข้างของฝานเจียก็ถูกปาดอีก เธอรู้ทันทีว่า มือทั้งสองข้างจะใช้การไม่ได้อีกตลอดชีวิต “ทำไมพี่ถึงโหดกับฉันได้ขนาดนี้?” เธอหน้าตาบิดเบี้ยว “ทำไมไม่ฆ่าให้ตายไปเสียเลย”

ฉินมั่วเลิกตาขึ้น “มือของฉันฆ่าได้แต่คน ส่วนเธอ ไม่คู่ควร”

ฝานเจียได้ยินประโยคท้าย ก็ราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว

แต่ในเวลาเดียวกัน ไม่รู้ว่าฉินมั่วทำสัญญาณอะไรให้กับคนที่อยู่ด้านนอก ตำรวจนอกเครื่องแบบฝูงหนึ่งจึงกรูกันเข้ามาจับตัวเธอไว้! ฝานเจียพยายามดิ้นรนสุดชีวิต “แน่จริงก็ฆ่าฉัน ฆ่าฉันสิ!”

“ชีวิตในคุกเหมาะกับเธอยิ่งกว่าให้ฉันฆ่า” ฉินมั่วหันมามอง เอ่ยเสียงเย็น “วางใจเถอะ เธอไม่ตายหรอก แล้วจะออกมาไม่ได้อีกด้วย พวกเธอชอบเล่นเกมจมน้ำตายไม่ใช่เหรอ งั้นลองไปใช้ชีวิตในคุกดูสิ”

  ……………………………………….

ตอนที่ 1805-3

ฝานเจียได้ยินแล้วหน้าเปลี่ยนสี เธอเข้าใจความหมายของฉินมั่ว เขาต้องการให้เธอลิ้มรสกับชีวิตใกล้ตาย เขาทำลายมือของเธอก็เพราะอยากให้เธอขัดขืนอะไรไม่ได้เวลาที่อยู่ในคุก

คุกคืออะไร การอยู่ในนั้นน่ะ เรียกว่าทรมานชนิดที่กินคนแบบไม่เหลือกระดูก!

คงเพราะฝานเจียร้องไห้อย่างหนัก ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งจึงส่ายหน้า “น่าสงสารเหมือนกันนะ”

ฉินมั่วหันไปกวาดตามอง “รู้สึกว่าเขาน่าสงสารเหรอ?”

“ผมแค่…”

เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากด้านหลัง “รู้สึกว่าคนร้ายน่าสงสาร แถมคนก็ตายไปแล้ว ทำไมต้องให้เขาชดใช้ชีวิตด้วย คิดว่าการทำร้ายคนอื่นไม่เห็นเป็นปะไร อ้อ รู้ไหมว่าคนกับปรสิตต่างกันที่ตรงไหน ตรงที่คนมีหัวใจ รู้ว่าวิญญาณที่ล่วงลับอาจไม่สงบสุข แล้วเข้าใจดีว่าอะไรคือเลือดล้างด้วยเลือด ถ้าคนที่นายรู้สึกว่าน่าสงสาร งั้นฉันขออวยพรให้คนที่สนิทกับนายที่สุดถูกถ่วงทะเลตาย แล้วไม่มีใครช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้นาย”

ตำรวจนายนั้นถึงกับตาลุกวาว หันไปอยากจะเถียง แต่พบว่าผู้มาเยือนสวมชุดทหารก็คือคุณชายถังนั่นเอง เขายังคงยิ้มแจ่มใสเหมือนเมื่อก่อน “ฉันไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้คนจากทางการจะพูดแทนคนตายว่าฆาตกรน่าสงสาร ฝานเจียทำร้ายคนมาไม่น้อย หนึ่งในนั้นยังเป็นเพื่อนพวกเรา ถ้านายกังวลใจต่อชีวิตในคุกของเขา ก็ได้ วันนี้เก็บข้าวของไปอยู่ในคุกสิ จะได้ดูแลเขา ดีออกจะตาย”

ตำรวจนายนั้นถึงกับชะงัก รอจนเสี้ยวหน้านั่นไม่ยิ้มแย้มแล้ว เหยื่อเย็นก็ไหลกลางหลัง

คุณชายฉินยืนอยู่ตรงข้ามกับคุณชายถัง ทั้งสองยืนประจันหน้ากันอย่างสง่า เพียงแต่คนหนึ่งสวมชุดทหาร อีกคนสวมเสื้อกันลม อันให้ความรู้สึกคนละสไตล์ เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา ความเจ้าเล่ห์ของฝานเจียจึงไร้ประโยชน์

“ฉันยังมีธุระ” ฉินมั่วช้อนสายตา พูดกับคุณชายถัง “ไม่กลับไปกับนายนะ”

ก็รู้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ คุณชายถังยื่นมือนวดหัวคิ้ว “กี่วัน?”

“หลังการแข่งระดับเอเชีย” น้ำเสียงของฉินมั่วไม่เปลี่ยนแปลง

คุณชายถังเลิกคิ้ว “นายรู้ว่าฉันรับผิดชอบคดีนี้” ถ้าเป็นคนอื่น เขาอาจไม่เป็นอย่างนี้ก็ได้

“เรื่องจับฉัน นอกจากนายแล้ว ยังจะมีใครกล้ารับ” ฉินมั่วพูดธรรมดาเหมือนกำลังคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ

คุณชายถังหัวเราะ “คุณชายฉินก็ชมเกินไป ฉันเหมือนคนที่ชอบซ้ำเติมใครหรือไง?”

ฉินมั่วเรียบเฉย แต่อันที่จริงสายตามองด้านล่างตลอดเวลา “ดูเหมือนคุณชายถังจะเข้าใจตัวเองผิดอยู่นะ” แต่แววตาอย่างว่าไม่อาจหลบสายตาคุณชายถัง แถมฉินมั่วก็ไม่คิดจะปิดบัง

“ช่างเหอะ ถือว่าฉันให้สินส่วนตัวเจ้าสาวกับ Z แล้วกัน” คุณชายถังหันไปทางซ้ายเพื่อปล่อยทางให้ พวกนอกเครื่องแบบก็เก็บปืนทั้งหมดเช่นกัน

ฝานเจียไม่คิดจะถูกขังคุกด้วยสภาพแบบนี้ เธอยอมตายเสียดีกว่า แต่กรรมตามทัน ก็เหมือนที่คุณชายถังว่าไว้ จะต้องมีใครสักคนที่คืนความเป็นธรรมให้กับวิญญาณที่ตายไปอย่างไร้ความยุติธรรม และคนที่ถูกขโมยของไปแต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมแถมยังถูกรังแก

แน่ละ คนเห็นแก่ตัวมักหาข้ออ้างให้ตัวเองเสมอ พวกกลับขาวเป็นดำ เก่งฉกาจด้านการโกหก ตอนเด็กๆ ก็แย่งของคนอื่นมายึดเป็นของตัวเอง เพราะอยากเป็นที่สนใจ พอโตมาก็ฆ่าคน แถมยังใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจเฉิบ

เพราะคิดว่ายังไงเสีย เวลาผ่านไปนานเข้า ย่อมได้รับการให้อภัย

เพราะคิดว่ายังมีคนที่ช่วยปัดความผิดให้ตนอยู่มากมาย

  ……………………………………….

[1] บทกวีดังกล่าวประพันธ์โดยกวีหลี่ไป๋ ผู้เลื่องชื่อในราชวงศ์ถัง

[2] ขายถี่ คือตัวอักษรภาษาจีนแบบบรรจง

1804-3 vs 1804-4

ตอนที่ 1804-3

บางที ความทุ่มเทของเรา คนอื่นไม่มีวันเห็น เหลือเพียงเพื่อนเท่านั้นที่รู้สึกเหมือนประสบกับตัว

เซวียเหยาเย่ายืนอยู่ที่เดิม เงยหน้าขึ้น เธอกลัวว่าตัวเองจะร้องให้ด้วยเวทนาเหลือเกิน ส่วนโคโค่ที่คิดจะโทรเรียกเฟิงอี้ให้มาหา เพราะคิดว่าเวลานี้คงมีเพียงเฟิงอี้เท่านั้นที่กล่อมเจ้าแบล็กให้ไปฉีดยาได้ ทว่าเมื่อเธอคนนั้นยื่นมือมาจับข้อมือเขาก็เอ่ยแค่ “โคโค่ ฉันต้องไปตอนนี้ ไปหาพี่มั่ว ไม่งั้นฉันจะต้องทำเขาหายอีกแน่” เขาจึงโทรต่อไปไม่ได้ เพราะรู้ดีว่า ตัวเองไม่ควรห้ามเธอ ส่วนป๋อจิ่วยิ้ม เธอที่สวมผ้าปิดปาก โผล่เพียงดวงตาดำสนิทออกมา เสื้อขนเป็ดตัวดำยาว ปกปิดรูปร่างเธอได้พอดิบพอดี

ป๋อจิ่วไม่ต้องการดราม่า เธอรู้เช่นกันว่า ต้องทำให้ร่างกายดีขึ้น แต่แค่เดินออกไป ลมหายใจก็หนัก หนักจนกระทั่งเธอหยุดเดิน ถึงได้รู้ตัวว่าร่างกายตัวเองทนอาการไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ไม่ไหว

เสียงริมหูเริ่มจะอึงอล ได้ยินเสียงเอะอะมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีนักข่าวบุกมา…

เวลานี้ ป๋อจิ่วได้ยินเสียงจากด้านหนึ่ง “โฮชิโนะนี่! โฮชิโนะมาทำอะไรที่นี่?”

โฮชิโนะมองคนเหล่านั้น ไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง โยนยาให้อย่างไร้เสียง ซึ่งป๋อจิ่วรับทัน มองดูเขายืนอยู่ตรงนั้น รู้ว่าต้องการกันผู้คนให้ เธอจึงเบี่ยงตัวเดินไปทางหนีไฟ

เหล่านักข่าวไม่รู้ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น เพราะโฮชิโนะมีมูลค่าทางข่าวสูงมาก จึงทุ่มความสนใจไปที่ชายหนุ่ม ฝ่ายโฮชิโนะยิ้มบางๆ ตอบคำถามนักข่าวทุกคน จนกระทั่งผู้จัดการเฟิงเดินมา เขาถึงพยักหน้า ซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋า เดินสวนทางออกไป

เฟิงอี้ฉลาดแค่ไหน แวบเดียวก็มองออกว่าเมื่อครู่โฮชิโนะทำหน้าที่แทนตัวเอง ทั้งสองเดินไปยังห้องพักผ่อน รอจนไม่มีใครอยู่ด้วย เฟิงอี้จึงออกปาก “ขอบคุณมาก” โดยโฮชิโนะหยุดเดิน ยิ้มให้ “เรื่องเล็กน้อยน่ะ”

“ข้อมูลที่ผมได้มา คุณไม่ใช่คนที่ช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ” เฟิงอี้สมกับเป็นคุณชายหน้ายิ้ม

โฮชิโนะยังคงสดใสเหมือนเดิม “ท่าทางข้อมูลที่ผู้จัดการเฟิงได้มา คงมีข้อผิดพลาด ผมเป็นคนมีน้ำใจจะตาย ยิ่งผมหวังการแข่งขันในวันพรุ่งนี้มาก ย่อมไม่อยากให้คู่แข่งสะดุดเพราะเรื่องกระจุกกระจิก”

“แค่คู่แข่งเหรอ?” เฟิงอี้ไม่อ้อมค้อม ถามตรงๆ เลยทีเดียว

โฮชิโนะยิ้ม “ท่าทางทุกคนคงจะรู้เรื่องที่ผมชอบ Z แล้ว ไม่ผิดหรอกครับ ไม่ใช่แค่คู่แข่ง แต่เขายังเหมือนคนในครอบครัวผมด้วย”

คนในครอบครัวเหรอ? เฟิงอี้เริ่มไม่เข้าใจ เขาคิดว่าทุกอย่างที่โฮชิโนะทำ ก็เพื่อความรักฉันท์ชู้สาว ทว่าเมื่อเอ่ยคำว่าคนในครอบครัวออกมา เขาก็ไม่แน่ใจเสียแล้ว

ในเวลาเดียวกัน ภายในตึกแห่งหนึ่งที่อยู่ทิศตะวันตกของเมือง ฝานเจียเริ่มนับเวลาย้อนหลัง  เหลืออีก 4 ชั่วโมง คนตรงหน้าก็จะเป็นของเธอ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอขมวดคิ้ว เพราะเขาเอาแต่ยืนริมหน้าต่าง ไม่พูดอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ว่าเธอจะกล่าวอะไร เขาตอบกลับเพียงนิดเดียว บางครั้งก็ไม่ตอบเอาดื้อๆ

ฝานเจียขัดใจกับเหตุกาณ์นี้มาก เพราะยิ่งคิดให้ลึกซึ้งยิ่งพบว่าทำไมเขายืนอยู่ตรงนั้น ก็เพราะไม่เจอคนที่อยากเจอไงล่ะ เธอกำมือแน่น เริ่มทดสอบปฏิกิริยาของชายหนุ่ม แต่พอจะดูออกว่า เขาทำตามคำพูดของเธอทุกประโยค ส่งผลให้เธอดีใจมาก แต่พอจะเดินไป กลับเห็นเขามองที่ริมหน้าต่างอีกแล้ว

ที่นั่นมีรถแท็กซี่จอดอยู่ คนที่ลงมาจากรถคันนั้น สวมเสื้อขนเป็ดตัวดำยาว เงยหน้ามองมาพอดี ก่อนจะเดินไปยังรถแลมโบกินี่ที่ไม่ถูกขับเคลื่อนไปเสียที

…………………………………………..

ตอนที่ 1804-4

ตอนแรกฝานเจียไม่รู้ว่าเป็นป๋อจิ่ว แต่เธอรู้สึกได้ว่าพอนังนั่นปรากฏตัวขั้น แววตาของฉินมั่วก็สว่างแวบ

ฝานเจียริษยาหนัก เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาแท้ๆ  แต่เขากลับไม่มองเธอสักนิด เธอนึกว่านิสัยเขาเป็นแบบนี้แหละ แต่เห็นที มันคงยังไม่พอใช่ไหม? งั้นเธอจะทำให้ทุกอย่างจบลงล่วงหน้า! เธอมองตรงไปที่ร่างนอกหน้าต่างด้วยแววตาชั่วร้าย

ป๋อจิ่วไม่รู้เรื่องสถานการณ์ข้างบน เธอคิดว่าไม่ควรเอาแต่รออยู่ข้างนอก  เพราะต้องระวังเรื่องสุขภาพตัวเอง ดังนั้นเมื่อมาถึงที่นี่ก็ขึ้นรถตัวเองทันที

เสี่ยวเฮยได้ยินเสียงเธอแล้วรีบเอ่ยขึ้นทันที “เจ้านาย นังปีศาจของคุณยังอยู่ด้านบน ไม่ได้ไปไหน คุณสบายใจได้ครับ”

เมื่อมาถึงที่นี่ ป๋อจิ่วก็สบายใจขึ้นมาก ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้กังวลว่าท่านเทพจะจากไปไหนหรือเปล่า แต่เป็นเรื่องเวลาต่างหาก  เวลากระชั้นที่เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้เธอยังหาวิธีดีๆ ที่จะฟื้นความทรงจำให้ท่านเทพไม่ได้

ถ้า… ป๋อจิ่วกระชากคอเสื้อตัวเอง ก้มหน้าซบพวงมาลัย กินยาลดไข้ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ระบบจีพีเอส ภายในรถยังตรวจสอบอุณหภูมิของร่างกายเธอได้  เสียงของเสี่ยวเฮยจึงดังขึ้นอีก “เจ้านาย จากรายงานพบว่าร่างกายของคุณทนมาถึงขีดสุดแล้ว ในฐานะที่เป็นสุดยอดรถแห่ง The Fifth Avenue ผมจำเป็นต้องใช้ความรู้ที่ชำนาญของผมแจ้งให้คุณทราบว่า คุณต้องได้รับการรักษา อ้าว ทำไมคุณตาถึงไม่อยู่? ถ้าเขาอยู่ รับรองว่าไม่ยอมให้คุณผลีผลามมาแบบนี้หรอก”

แต่ป๋อจิ่วไม่ตอบ ยังคงค้างอยู่ในอาการเดิม เสี่ยวเฮยร้อนรน เริ่มกระพริบไฟอัตโนมัติอย่างไม่ยอมหยุด เพื่อจะให้คนเห็นว่ามันกำลังส่งสัญญาณ

ชั้นบน ฉินมั่วยืนที่ริมหน้าต่าง เดิมเขาคิดว่าเมื่อยัยนั่นปรากฏตัว เขาจะได้เห็นใบหน้าที่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เขาสงบจิตสงบใจได้ในชั่วพริบตา ทว่า 5 นาทีผ่านไป ฝ่ายนั้นยังคงอยู่ในรถ ฉินมั่วเคาะนิ้วเรียวบนต้นขาตนเอง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไม่สบายใจ กำลังจะสาวเท้าลงตึก

ฝานเจียย่อมเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา  จึงหัวเราะแผ่วเบา “พี่มั่ว พี่จะไปไหน ถ้าพี่ไปแล้วใครจะปกป้องฉัน พวกเขาจ้องฉันอยู่ด้านนอกนะ ถ้าพี่หายไป ไม่รู้ว่าจะมีพลยิงไกลซุ่มยิงฉันหรือเปล่า” ประโยคนี้ย่อมได้ผล เพราะฉินมั่วที่ซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋าถึงกับหยุดชะงัก แต่หัวใจกับการกระทำขัดแย้งกัน ย่อมทำให้เจ็บปวดแน่นอน

ห้วงเวลาที่ฉินมั่วหยุด ทรวงอกก็เหมือนถูกฉีกทึ้ง เขาพิงผนัง กำฮู้ป้องกันตนไว้ในมือ ราวกับจะบรรเทาความเจ็บปวดในเวลานั้นได้

ฝานเจียเห็นแล้ว อยากจะฉวยโอกาสแย้งฮู้นั่นมา ต้องรู้นะว่าเธอแค้นเจ้าฮู้นั่นมากแค่ไหน! อีกทั้งเวลานี้ฉินมั่วยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแอสุดๆ

หากสิ่งที่เขายึดเหนี่ยวสูญสลาย จะต้องไม่เอาแต่พะวงกับ Z เหมือนเมื่อครู่นี้แน่! ฝานเจียคิดได้ดังนี้ก็ยื่นมือออกไป ทั้งยังเอ่ยกระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิต “พี่มั่ว ตอนนี้พี่ทรมานมากใช่ไหม ฉันรู้ดีว่านี่เป็นของที่ฉันให้พี่ มันสำคัญมาก ฉันจะดูแลแทนพี่ก่อน ไม่งั้นพี่คงทำมันพังแน่”

เวลานี้แววตาของฉินมั่วแดงก่ำ เขาอยากจะขยับมือหลายครั้ง แต่มักจะมีเสียงหนึ่งบอกว่าอย่าทำร้ายเธอคนนี้ จะต้องปกป้องเธอเอาไว้ให้ได้ เสียงนั่นเหมือนเป็นเสียงปีศาจที่ประทับในหัวของเขา

ฝานเจียเห็นสภาพชายหนุ่ม ก็รู้ดีว่ากุญแจได้กระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิตออกมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว เธอหยักยิ้มมุมปาก แล้วแย่งเอาฮู้มา แต่ระหว่างที่เธอทำให้ฮู้นั่นห่างจากมือเขา! ก็ไม่รู้ว่าเขายกมือขึ้นทำไม ได้ยินเพียงเสียง “แคว่ก!” ฮู้นั่นถูกแกะออก มีแผ่นอะไรบางอย่างหลุดออกมาร่วงสู่พื้น…

…………………………………………..

1804-1 vs 1804-2

ตอนที่ 1804-1

หัวหน้าเดินไปแล้ว คนอื่นๆ ในทีมอาทิตย์อุทัยย่อมเดินตาม วาตานาเบะมองดูแผ่นหลังยูกิชินแล้วหันมาดูทางนี้ “รองหัวหน้า…”

“พวกนายไปกันก่อน ฉันขอดูต่อ” เรียวปากบางของโฮชิโนะแยกยิ้ม ยิ้มที่ทำให้คนยากจะปฏิเสธ

วาตานาเบะรู้สึกว่า รองหัวหน้าตัวเองสนใจแบล็กพีช Z มากเกินไปแล้ว! มันมากเกินไปจริงๆ ว่ากันว่ากีฬาอีสปอร์ตไม่มีความรัก แต่ดูจากท่าทางของรองหัวหน้าแล้ว… วาตานาเบะได้แต่ส่ายหน้าด้วยความพิศวงนิด ๆ

โฮชิโนะเหมือนจะไม่สนใจว่าเพื่อนร่วมทีมจะเข้าใจผิด สายตาจับจ้องที่เธอคนนั้นตลอดเวลา

การสู้กันบนหน้าจอเริ่มรุนแรงขึ้น ทว่าเมื่อภาพตัดมาฉายตัวป๋อจิ่ว ผู้คนก็เห็นการโต้ตอบที่หลักแหลม การวางแผนสู้หลายครั้ง รวมถึงการประเมินเส้นทางการสู้ของทีมธีโอ ทั้งยังให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่จะชี้นำการสู้ ทั้งยังตัดทัพหลังของฝ่ายตรงข้าม แถมยังเอาชีวิตคู่แข่งมาได้ด้วย

แต่ทีมธีโอก็ไม่อ่อน การรวมทีมสู้ทุกครั้ง ไม่เคยเสียเปรียบ เมื่อฝั่งแบล็กพีช Z เอาชีวิตหนึ่งจากพวกเขาไปได้ พวกเขาก็จะเอาชีวิตหนึ่งของฝั่งนั้นมาเหมือนกัน การสู้กันในประเภททีมดำเนินมาถึง 50 กว่านาที จนมาถึงการรวมทีมสู้ในครั้งสุดท้าย ทีมธีโอกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับความสามารถในการประเมินสถานการณ์ของป๋อจิ่วดี

แต่พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ครั้งนี้ป๋อจิ่วจะไม่ประเมินอะไรทั้งสิ้น แต่เล่นด้วยความชำนาญของตัวเอง ด้วยการมุดเข้าไปล่าตัวทำดาเมจของฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด แลกหนึ่งชีวิตของตัวเองกับฝ่ายตรงข้ามอีกสาม

หลังจากที่ทำความเสียหายอย่างร้ายแรง ทีมธีโอก็หมดตัว ACD นักเวทและตัวละครที่เจริญเติบโตที่เลนบนทันที แล้วพวกเขาจะเล่นต่อไปอย่างไร?

ทีมไดมอนด์ผลักมาทางด้านบน ทำลายป้อมคริสตัลของทีมธีโอแล้ว!

ภาพถูกดึงกลับมา ทุกคนที่เธอคนนั้นดึงหูฟังออก เธอในชุดกระโปรง และถือขวดน้ำ

ชนะแล้ว! ไม่เพียงแต่อยู่ในฐานะนักฆ่าที่ลอบสังหาร แต่ยังเป็นผู้นำทีมไดมอนด์อีกด้วย ทุกคนต่างรู้ดีว่า การต่อสู้ในครั้งสุดท้ายที่แลกหนึ่งชีวิตต่อสาม เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ามาก อันเป็นวิธีคิดของเทพฉินเลยทีเดียว!

ไม่นานหน้าจอก็โชว์คะแนนของแต่ละคนออกมา โดยผู้เล่น MVP คือ แบล็กพีช Z นั่นเอง!

พวกแอนตี้แฟนเงียบทันตาเห็น ด้วยเหตุที่ว่า นอกจากฉินมั่วแล้ว ยังไม่มีผู้เล่นคนไหนในประเทศจีนที่ทำคะแนนได้ดีขนาดนี้ ซึ่งแบล็กพีช Z ถือเป็นคนแรก!

ไม่ว่าจะเป็นข้างในหรือข้างนอกสนาม ล้วนแต่เกิดเสียงกรีดร้องโหมกระหน่ำ

 3 ปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ประเทศจีนได้อยู่ใกล้กับคำว่าแชมป์ เหล่านักข่าวต่างทนไม่ไหว อยากจะสัมภาษณ์ป๋อจิ่วทันที เหล่าผู้ชมก็ร้องตะโกน โดยนอกจากเซวียเหยาเย่าที่อยู่ข้างตัวป๋อจิ่วแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าสีหน้าของเธอซีดเซียวแค่ไหน

เมื่อครู่ตอนที่ป๋อจิ่วกำกับการเล่นอยู่ เซวียเหยาเย่าบังเอิญสัมผัสโดนมืออีกฝ่ายเข้า ถึงกับตะลึงเลยทีเดียว เพราะความร้อนที่สัมผัสได้มันระอุจนทำให้แววตาของเธอสับสน

ฝ่าบาทจิ่วกำลังไข้ขึ้น นี่คือสิ่งที่เธอรับรู้เป็นสิ่งแรก ทว่ายังไม่ทำอะไร เสียงจากก็ดังขึ้น ‘อย่าไปจากเลนกลาง เหยาเย่า อย่าใจลอย’

เซวียเหยาเย่าได้แต่รวมรวมสมาธิ เพราะเธอเข้าใจดีว่ายิ่งจบการเล่นได้เร็วเท่าไร เธอคนนั้นก็จะได้พักเสียที

บางทีนอกจากเพื่อนร่วมทีมด้วยกันแล้ว อาจจะไม่มีใครรู้ว่าการเดินเกมครั้งนี้อยู่ภายใต้สถานการณ์ใด

…………………………………………..

ตอนที่ 1804-2

เซวียเหยาเย่ามองดูคนที่มากขึ้นเรื่อยๆ สลับกับที่เธอคนนั้นผงกศีรษะดื่มน้ำ และมือที่ห้อยลงมา จึงเบี่ยงตัวกันตัวเพื่อนไว้ ส่วนป๋อจิ่วรู้ตัวเช่นกันว่าตัวเองมีไข้ เพราะลมหายใจที่พ่นออกมาอุ่นร้อน ดังนั้นเธอถึงได้เอาแต่ดื่มน้ำ เมื่อเห็นกิริยาของเซวียเหยาเย่าแล้ว มุมปากก็เหยียดยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันยังไหว”

“เรื่องนักข่าวให้ผู้จัดการเฟิงจัดการเถอะ” เซวียเหยาเย่าคิดแล้วเติมอีกประโยค “เธอเดินไปทางด้านหลัง โคโค่จะเดินตามไป”

โคโค่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อชนะแล้วก็ดีใจเหลือหลาย หน้ายิ้มออกมาเชียว ฝ่ายเซวียเหยาเย่าส่งข่าวให้เฟิงอี้ ซึ่งเมื่อฝ่ายหลังได้มาเห็น รีบส่งสัญญาณมือให้ผู้ช่วยทันที ก่อนจะรั้งกระแสผู้คนที่ทะลักเข้ามา “เพื่อนๆ นักข่าวทุกท่านครับ ผมรู้ว่าทุกท่านอยากสัมภาษณ์ อย่าเพิ่งใจร้อนครับ มีโอกาสแน่ แต่ขอให้มาทีละคนนะครับ” ว่าแล้วก็ส่งสัญญาณมือให้ด้านหลังว่า พาตัวเธอไปได้แล้ว

เซวียเหยาเย่าไม่ปล่อยให้เสียเวลา เธอกับโคโค่ช่วยกันขนาบซ้ายขวา ฉวยจังหวะพาป๋อจิ่วเดินมาหลังเวทีซึ่งเป็นห้องพักของทีมไดมอนด์

“ไข้ขึ้นเหรอ?” สีหน้าหล่อเหลาของโคโค่เปลี่ยนไป “ทำไมถึงไข้ขึ้นได้ล่ะ?”

ป๋อจิ่วไม่ได้บอกสาเหตุ นอกจากยิ้มให้ เธอเปิดตู้เสื้อผ้า ถอดชุดทีมออก ราวกับจะเอาเสื้อขนเป็ดตัวดำของหลินเฟิงไป

“เฮ้ย แบล็กตัวร้อนขนาดนี้ จะไปไหน?” โคโค่รั้งร่างเธอไว้ด้วยสีหน้าดุดัน “ห้ามไปไหนเด็ดขาด รอให้จิ้งจอกเฟิงจัดการเสร็จ แล้วพานายไปฉีดยาที่โรงพยาบาล”

ป๋อจิ่วปลดมืออีกฝ่ายออก “แค่หวัดนิดหน่อย ฉันยังมีธุระที่ต้องจัดการ”

“นายจะไปมีธุระอะไร?” สีหน้าของโคโค่บ่งบอกว่าจะไม่ปล่อยให้เธอไปไหน พูดเป็นเล่น ขนาดมีเสื้อผ้ากันเอาไว้ เขายังรู้สึกถึงความร้อนจากตัวเธอเลย “เมื่อคืนนายไปไหนมา ทำไมปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้?”

ป๋อจิ่วจิบน้ำ เพื่อให้ตัวเองตื่นตัว “ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นแหละ”

อันที่จริงโคโค่รู้ดีว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น เริ่มจากหัวหน้าบอกว่าจะไปซื้อลูกอมให้เจ้าแบล็ก จากนั้นหัวหน้าก็หายตัวไป ไม่กลับมาทั้งคืน พอมาปรากฏตัวอีกทีก็เหลือเพียงเจ้าแบล็กเท่านั้น โคโค่ไม่ได้ถามว่า ‘แล้วหัวหน้าล่ะ?’ เพราะกลัวว่าหากเอ่ยออกไป เธอจะเสียใจ แต่ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้? หรือว่า?

“นายไม่ได้นอนทั้งคืนเลยใช่ไหม” แววตาของโคโค่เบิกกว้าง

ป๋อจิ่วอึ้งเล็กน้อย ไม่ตอบ เกี่ยวผ้าปิดปากสีดำเตรียมจะสวมบนหน้า หากเดินออกไปเช่นนี้ ย่อมไม่มีใครจำได้

โคโค่มองเธอ รู้ดีว่าตัวเองเดาถูก ตาเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นเขาไม่รู้ว่าตัวเองเดาถูกเพียงครึ่งเดียว ป๋อจิ่วไม่เพียงไม่ได้นอนทั้งคืน เธอยืนอยู่ใต้ตึกถึงชั่วโมงหนึ่ง เพื่อให้ฉินมั่วเห็นตัวเอง ทั้งนี้เธอถึงกับสวมกระโปรงยาวที่ไม่ให้ความอบอุ่นสักนิด เพื่อไม่ให้การแข่งเกิดข้อครหา

…………………………………………

1803-2 vs 1803-3

ตอนที่ 1803-2

KO!

เฟิร์สบลัด!

แปลกมาก! แบล็กพีช Z ที่อยู่ในจอกลับไม่ตาย แล้วทำไมถึงมีเสียงเอฟเฟกต์ดังขึ้นมาล่ะ  ผู้คนต่างสงสัยระคนงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่นานก็ได้รับคำตอบว่า เฟิร์สบลัดนั้นได้มาจากการตายของตัวสนับสนุนของทีมธีโอที่เอาแต่ล่ามีนเนี่ยมซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง

พระเจ้า! ไม่เพียงผู้ชมที่รู้สึกว่าเหลือเชื่อ กระทั่งหัวหน้าทีมธีโอยังช็อกไปด้วย! “เป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง?” ห้วงเวลาดังกล่าว สนามแข่งเต็มไปด้วยความอลหม่าน ส่วนป๋อจิ่วที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ก็แค่ลากมือขวาเดินตำแหน่งอย่างเด็ดดวง กลับสู่ใต้ป้อมในสภาพเลือดเกือบหมด และได้ดื่มถุงเลือดอย่างทันเวลา ก่อนจะล่าเงินมาได้ระลอกหนึ่ง

ทว่านี่ยังไม่สำคัญ จุดใหญ่ใจความอยู่ที่ ทุกคนต่างได้ยินคำพูดที่หลุดออกจากเรียวปากบางว่า “โอเค ถอยได้”

วินาทีถัดมา จลาจลเกิดขึ้นบนหน้าจอ

“อุว้าว นี่มันอะไรกันเนี่ย?”

“ขอคำอธิบาย!”

“ฉันไม่อยากเชื่อหูของตัวเองเลย เมื่อกี้พี่แบล็กของฉันออกคำสั่งใช่ไหม?”

ไม่เพียงแต่เพื่อนๆ โลกออนไลน์ที่สงสัย กระทั่งท่านผู้ชมในสนามสดก็ยังงงไปด้วย รอจนภาพย้อนหลังถูกปล่อยออกมา ทุกคนถึงได้รู้ว่า แบล็กพีช Z ไม่ได้โดนแย่งมอนสเตอร์ไป แต่ก่อนหน้านั้นเธอยังรู้ถึงแผนการณ์ของฝ่ายตรงข้าม จึงส่งสัญญาณให้ทุกคนโจมตีทีมธีโอ ดังนั้นเมื่อฝ่ายตรงข้ามมาแย่งมอนสเตอร์ไป เธอจงใจไม่โต้ตอบ เพื่อล่อทีมธีโอตกหลุมพราง คิดว่าเธอถูกควบคุมไว้ได้จริงๆ  ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมุ่งแต่จะฆ่าเธอ รวมถึงป้องกันไม่ให้ใครมาช่วยเธอ

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า คนของฝ่ายทีมไดมอนด์ได้ซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้ ลอบโจมตีตัวสนับสนุนของทีมธีโอแล้ว!

“สุดยอด มุขล่อเสือออกจากถ้ำนี่เยี่ยมเป็นบ้า!”

“ไม่ได้แค่คว้าเฟิร์สบลัดไว้ได้ โซนป่าด้านขวาของทีมธีโอยังเกลี้ยงด้วย”

“เทพ Z ของฉันจะบอกคู่แข่งว่า นายกล้าแย่งบลูจากฉันไป ฉันก็จะให้เพื่อนฆ่าเอาเฟิร์สบลัดของนายมา เล่นให้โซนป่าของนายเกลี้ยงเลยล่ะ การสู้ในครั้งนี้เจ๋งสุดๆ!”

เหนือความคาดหมายเอามาก ทุกคนต่างคาดไม่ถึงกับผลที่ว่า แต่เมื่อคิดให้ดีก็จะรู้ว่า การล่อเสือออกจากถ้ำ ใช่ว่าใครๆ จะทำได้

อันดับแรก เราต้องรู้ถึงความต้องการของฝ่ายตรงข้ามก่อน แล้วทำการประเมินที่แม่นยำในระดับหนึ่ง

ต่อมา เราต้องเดินตำแหน่งอย่างแม่นยำเพื่อรับประกันว่าตัวเองสามารถดึงเวลาให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างเพียงพอ โดยที่ตัวเองไม่ตาย

เทคนิคการเล่นที่สูงส่งแบบนี้ น้อยคนจะทำได้

“เท่มาก”

เท่จริงๆ ด้วยล่ะ พวกคนที่เย้ยหยันมาตั้งแต่ต้น ต่างหุบปากทันควันเมื่อเห็นฉากดังกล่าว! พวกเขาเข้าใจแล้วในจุดนี้ ไม่ใช่แฟนคลับแบล็กพีชหรอกที่โดนตบหน้า แต่เป็นพวกเขาที่ดูผิวเผินต่างหาก

“เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่แบล็กพีช Z เล่นด้วยวิธีนี้” ผู้บรรยายสมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ “ดูใหม่ แล้วก็เก่งมากด้วย”

ผู้บรรยายพูดพลางยิ้ม “จริงๆ ด้วย ไม่ทราบว่าคุณสังเกตเห็นไหมว่า เขาทำหน้าที่นำทีมได้อย่างสมตำแหน่งจริงๆ เหมือนจะเล่นแบบคำนึงตัวเองคนเดียว อันที่จริง เขาคำนึงถึงสถานการณ์ของทั้งเกม เขาในตอนนี้เป็นทั้งนักฆ่า แล้วก็ตัว CC ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเห็นเงาของฉินมั่วจากตัวเขา สำหรับสองคนนี้ บอกตามตรงนะ ถ้าผมยังเล่นเกมอยู่ล่ะก็ พวกเขาจะเป็นคู่แข่งที่ผมไม่อยากเจอด้วยมากที่สุด เพราะเก่งมากทั้งการต่อสู้คนเดียวหรือสนับสนุนทั้งทีม ก่อนหน้านี้ความสามารถอย่างหลังของแบล็กพีช Z ยังเห็นไม่ค่อยชัด เดาว่าทีมธีโอเองคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคู่แข่งจะเล่นวิธีใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ให้เพื่อนในทีมมาคว้าเฟิร์สบลัดไป มันต่างจากเมื่อก่อนที่เขาเล่นคนเดียวแล้วกวาดเอาโซนป่าของคู่แข่งจนเกลี้ยงจริงๆ”

…………………………………………..

ตอนที่ 1803-3

ไม่เพียงแต่ต่างจากเมื่อก่อน ทว่าเป็นการเล่นงานทีมธีโอเสียอยู่หมัด

ทว่าหากอาศัยแค่ตรงนี้ จะเอาชนะเกมได้งั้นรึ เพราะความสามารถของทีมธีโอก็เป็นที่ประจักษ์ แต่ต้องบอกว่าเพราะความผิดพลาดด้านแผนการเล่น ทำให้พวกเขาเจ็บมาก

พวกเขาจึงอยู่ในโซนป่าของทีมไดมอนด์ต่อไม่ได้ ป้อมที่เลนล่างถูกทำลายไปอันหนึ่ง พวกเขาต้องกลับให้เร็วที่สุด อีกอย่างไม่ว่าเซวียเหยาเย่าที่อยู่เลนกลางหรืออวิ๋นหู่ที่มากประสบการณ์ก็รวมตัวกันแล้ว ดังนั้นพวกเขาต้องรีบสลายตัว!

แต่ในเวลานี้ เดิมร่างที่ควรอยู่ใต้ป้อม กลับเหาะมาโจมตีนักเวทย์ที่กำลังจะหนีของพวกเขา!

KO!

งง! ปฏิกิริยาจากทุกคนคือ งง! พวกเขาไม่คิดเลยว่าแบล็กพีชที่เหลือเลือดแค่ครึ่งหลอดจะพุ่งออกมา!

หาที่ตายชัดๆ ? ต่อให้เธอฆ่าคู่แข่งได้แล้ว แต่ย่อมหนีไม่รอดอยู่ดี

ปฏิกิริยาของทีมธีโอเร็วมาก เพิ่งจะระเบิดพลังต่ออีกฝ่าย แต่กลับเห็นร่างนั่นห้อยขวดเหล้าไว้ จากนั้นแสงดาบก็สว่าง กลับมาอยู่ใต้ป้อมในที่สุด!

“ใช้สกิลหลักเคลื่อนตำแหน่ง”

“สุดยอด เทคนิคการเล่นระลอกนี้ เจ๋งเป็นบ้าเลย”

“นั่นแหละที่เรียกว่าเฟิร์สบลัดของแท้! พี่แบล็กของฉันกำลังเลียนแบบเทพฉินใช่ไหม? ฆ่าเสร็จก็กลับป้อมทันที”

สถานการณ์ในสนามสดเริ่มจะคุมไม่อยู่ เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นจริงๆ ว่าในสนามแข่งระดับเอเชีย ทางจีนจะเล่นมันส์หยดถึงเพียงนี้!

ครั้งนี้ กระทั่งพวกแอนตี้แฟนยังเงียบไปด้วย เพราะไม่มีปัญญาจะว่าร้าย ด้วยฝีมืออีกฝ่ายเลิศเหนือมนุษย์จริงๆ!

บรรยากาศของทีมธีโอเริ่มเปลี่ยนไป พวกเขาคิดว่าแค่มีข้อมูลในมือก็สามารถเอาชนะทีมไดมอนด์ได้แล้ว ต่อให้เป็นแบล็กพีช Z  ก็เถอะ ทว่าเวลานี้พวกเขารู้แล้วว่า ข้อมูลเหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่ข้อมูล เพราะเวลาที่แข่งกับทีมนี้จริงๆ เราจะรู้ว่าพวกเขาเติบโตเร็วมากแค่ไหน! บวกกับตัวแบล็กพีช Z ที่เราไม่มีวันรู้เลยว่านักฆ่าอย่างเธอจะโจมตีกะทันหันในเวลาใด แล้วใช้วิธีไหน

วินาทีที่แล้ว ในระหว่างที่เราคิดว่าเธอโต้ตอบช้ามาก กลับเพิ่งจะเข้าใจว่าเธอแค่ล่อเหยื่อ ไม่ได้เดินตำแหน่งมั่วๆ

วินาทีถัดมา เธอกล้าโจมตีทั้งๆ ที่เหลือเลือดเพียงครึ่งหลอด โดยใช้สกิลฟื้นตัว ล่ามาได้หนึ่งชีวิต

ทีมธีโอเริ่มรู้สึกกดดันอย่างแท้จริง หัวหน้าทีมคิดจะเปลี่ยนสไตล์การเล่น จึงหันไปออกคำสั่งกับลูกทีม พวกเขาเปลี่ยนวิธีการเล่นอย่างเห็นได้ชัด โดยเล่นแบบเน้นความชัวร์ อันดับแรกให้รักษาทรัพยากรในโซนป่าตัวเองก่อน ไม่ปล่อยให้แบล็กพีชมาแย่งเอาไป จากนั้นค่อยล่าชีวิตคู่แข่งที่เลนกลาง ดึงคะแนนจาก 2:0 ให้เป็น 2:1

ผู้คนเริ่มดื่มด่ำกับเกมการเล่น  ทั้งสองฝ่ายสูสีกันมาก นี่คือความคิดของผู้ชม

“มาถึงตอนนี้ก็ต้องดูกันแล้วล่ะว่า สกิลใครจะสูงกว่า” ยูกิชินเอามือไพล่หลัง ผิวปากอย่างร้ายกาจ จากนั้นเสียงก็หนักอึ้ง “แต่ฉันล่ะสงสัยว่าการแข่งแบบนี้ ทำไมฉินมั่วถึงไม่มา ต่อให้เสียความทรงจำไปแล้วก็เถอะ แต่เจ้านั่นไม่น่าถึงกับไม่ปรากฏตัวออกมาเลยนี่นา”

โฮชิโนะเอียงศีรษะ “นายคิดจะพูดอะไร?”

“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าถึงทีมไดมอนด์จะไม่เลว แต่วันพรุ่งนี้คนที่ชนะต้องเป็นพวกเรา เพราะถ้าเล่นกันได้แค่เลเวลนี้ การแข่งประเภททีมเห็นจะไม่ไหว จริงไหม?” ยูกิชินหัวเราะอีก ทั้งยังเดินซุกมือในกระเป๋าเดินออกไป เหมือนจะเดาผลการแข่งออก จึงไม่จำเป็นต้องดูต่อ

………………………………………………………

1802-3 vs 1802-4 vs 1803-1

ตอนที่ 1802-3

เมื่อก่อนเธอคือเด็กวัยรุ่นที่เจ้าเล่ห์ ยิ้มทีอ่อยคนได้มากมาย ทว่าตอนนี้ ทุกคนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างไร เมื่อแฟนคลับของแท้ของแบล็กพีชได้เห็นเธอเดินมายังเขตแข่งขัน ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กำมือเพื่อนสนิทแน่น อยากร้องไห้อย่างน่าประหลาด ทว่าไม่ใช่ด้วยความเสียใจ แต่เพราะซาบซึ้งต่างหาก พวกเขารู้ดีว่าทำไมเธอถึงจงใจสวมกระโปรงเข้ามา เพื่อจะให้การแข่งในครั้งนี้ไม่เกิดจุดอ่อนที่คนเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ภายหลัง ก็เหมือนอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ เธอยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสะอาดและบริสุทธิ์

หลินเฟิงจะเข้าไปกอดเธอ แต่ต้องฝืนดึงมือกลับมา เสียงเขาเอ่ยชัดเจน “อุว้าว เปลี่ยนมาใส่กระโปรงแล้ว กอดไม่ลงเลยอ่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชายป่าเถื่อนเลย”

แต่ป๋อจิ่วเป็นฝ่ายดึงมือเขากลับแล้ว โอบหลังตบเบาๆ  “นายมันฝ่ายรับแท้ๆ อย่าคิดมาอย่างนั้นสิ เพื่อนสาวจ๋า เดี๋ยวน้องสาวคนนี้จะเอาชนะกลับมาให้นะ”

“เพื่อนสาว ? ฉันเนี่ยนะ? เพื่อนสาวเรอะ?” หลินเฟิงชี้เธอ แล้วหันมาชี้ตัวเอง หันหน้าไปเรียกร้องความเป็นธรรมจากเฟิงอี้!

ทว่าเฟิงอี้กลับหัวเราะอย่างสบายใจ กระทั่งนัยน์ตายังเป็นประกาย “ท่าทางคนคุมทีมชั่วคราวอย่างฉันคงต้องเกษียณแล้ว” ว่าพลางเดินไปหาคณะกรรมการ กระซิบอะไรเล็กน้อย” คณะกรรมการทั้งสามต่างพยักหน้า ก่อนจะแสดงสัญญาณมือให้พิธีกร

“โอเค” พิธีกรรับสัญญาณแล้ว หันไปพูดกับหน้ากล้อง “ด้วยเวลาสำคัญ นักล่ามอนสเตอร์ที่เป็นจิตวิญญาณของทีมไดมอนด์กลับมาแล้ว ฉะนั้นพวกเขาเลยปรับทีมเล็กน้อย โดยผู้เข้าแข่งขันประเภททีมได้แก่ แบล็กพีช Z อวิ๋นหู่ หลินเฉินทาว โคโค่ เซียวเหยาเย่า ส่วนผู้เข้าแข่งขันทีมธีโอได้แก่…”

ไม่มีใครฟังพิธีกรพูดอีกแล้ว ทุกคนต่างจ้องไปยังคนที่กำลังเข้าสนามแข่ง ยอดเข้าชมแพลตฟอร์มทวีขึ้นเป็นหลักร้อยล้าน ผู้กำกับรู้ดีว่า ผู้คนที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์อยากเห็นอะไรมากที่สุด กล้องจึงจับที่ใบหน้าของป๋อจิ่วชนิดที่เคลื่อนคลา

“ถึงกับใส่ชุดผู้หญิงมาแข่ง” คนฝั่งทีมอาทิตย์อุทัยต่างมีปฏิกิริยาแบบเดียวกัน วาตานาเบะทึ้งผมตัวเองอย่างเซ็งๆ “นี่ฉันแพ้ผู้หญิงเรอะ? ทำไมตอนที่ใส่ชุดผู้ชายแล้วดูกวนตีนเป็นบ้า พอเปลี่ยนมาใส่ชุดผุ้หญิงแล้ว… อ๊าก! แล้วต่อไปฉันจะแข่งยังไง ฉันยิ่งเป็นพวกถนอมทะนุ…รองหัวหน้า คำนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ?”

โฮชิโนะไม่มองอีกฝ่าย หลังจากที่เธอคนนั้นปรากฏตัว เขาก็มองที่นั่นด้วยมุมปากหยักยิ้มที่อ่อนโยนกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว จนวาตานาเบะเห็นแล้วถึงกับตะลึง แล้วทึ้งผมตัวเองอีกครั้ง “ฉันเหมือนจะรู้ความลับบางอย่างแบบไม่ตั้งใจอ่ะ”

“หือ?” ยูกิชินเลิกคิ้วอยู่ด้านข้าง ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “นายไปรู้ความลับอะไรเข้า?”

วาตานาเบะตอบทันที “หัวหน้า ในฐานะที่มีประสบการณ์ หัวหน้าดูหน้ารองหัวหน้าตอนมองแบล็กพีช Z สิ แบบอยากพูดแต่ไม่กล้าอ่ะ แถมเมื่อก่อนเข้าไม่เคยสนใจทีมอื่น แต่กลับเอาใจใส่ทีมไดมอนด์ เมื่อก่อนฉันล่ะคิดว่าเพราะทีมไดมอนด์เล่นเก่ง แต่เห็นสภาพในตอนนี้ เขาน่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าแบล็กพีช Z เป็นผู้หญิง หัวหน้าว่าถ้าทีมไดมอนด์ชนะแล้ว วันพรุ่งนี้รองหัวหน้าต้องสู้กับแบล็กพีช Z เขาจะยอมออมมือไหมอ่ะ แต่ผู้หญิงสวยๆ แบบนั้น ผมสู้ไม่ลงอ่ะ”

………………………………………………

ตอนที่ 1802-4

“สู้ไม่ลง?” ยูกิชินยิ้ม ดุร้ายเหมือนดอกฝิ่น “งั้นนายก็รอให้ฝ่ายนั้นจับฆ่าเถอะ”

วาตานาเบะถึงกับตัวสั่น ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ายิ้มของหัวหน้าเมื่อกี้ดูจะหนาวเยือกสุดๆ!

 “การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าแบล็กพีช Z จะเล่นยังไง?” นั่นเป็นเสียงที่มาจากท่านผู้ชม

“รอดูละกัน” ส่วนอันนี้เป็นความรู้สึกของทีมธีโอ พวกเขาเคยศึกษาข้อมูลแบล็กพีช Z มาก่อน เพราะเธอถือเป็นม้ามืดที่ทะลุเข้ามาในการแข่งอีสปอร์ตของปีนี้ พวกเขาศึกษาคลิปการเล่นของเธออย่างมากมายและละเอียด ทั้งนี้วิธีการเล่นของเธอก็ดูไม่เหมือนว่าเป็นผู้หญิงเลย

ตอนที่ความลับของเธอถูกเปิดเผย พวกเขาตกใจมาก เวลานี้ได้มาเห็นตัวจริงก็มองดูตัวเอง

ทีมไดมอนด์เลือกสมาชิกเข้าทีมที คงไม่ได้ดูจากหน้าตาหรอกนะ? แต่ทำไมทุกคนถึงหน้าตาดีจัง?

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร กลยุทธ์ของพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนแน่ จะต้องฆ่าตัวล่ามอนสเตอร์ของทีมตรงข้ามให้ได้ และหากว่ากันตามปกติ แบล็กพีช Z จะต้องเลือกเป็นนักฆ่าที่หายตัวได้!  มันเป็นข้อสรุปที่พวกเขาได้มาจากการศึกษาข้อมูลทั้งหมด ซึ่งไม่เพียงแต่ทีมธีโอเท่านั้น กระทั่งพวกแฟนคลับที่คุ้นเคยกับวิธีเล่นของเธอ ยังรอคอยนักฆ่าที่หายตัวได้ ทั้งยังคว้าเฟิร์สคิลนับไม่ถ้วนปรากฎตัวออกมา แต่กระนั้น ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่า เธอจะเลือกอีกบทบาทหนึ่ง

“นั่นมัน…”

“ฮีโร่ตัวโปรดของฉินมั่ว!”

เสียงผัวะดังขึ้น ป๋อจิ่วควบคุมเมาส์ กดยืนยัน ยกมือขึ้นเอาหูฟังมาสวม  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสวมกระโปรงหรือเปล่า วันนี้เธอจึงดูขาวเป็นพิเศษ เรียวนิ้วดูโปร่งแสงภายใต้แสงไฟ

ในระหว่างที่นับเวลาถอยหลังเข้าสู่เกม  เพื่อไม่ให้การแข่งน่าเบื่อ ทางผู้บรรยายจึงต้องรับผิดชอบในการอธิบาย “บอกตามตรง ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแบล็กพีชจะเลือกตัวละครตัวนี้”

“ทำไมล่ะ? คุณคิดว่าเขาเล่นได้ไม่ดีเหรอ?”

“ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ทุกคนต่างรู้ว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ถนัดทุกบทบาท แต่ถ้าพูดถึงความชำนาญแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเล่นในบทบาทนี้สักเท่าไร”

“จริงด้วย เพราะปกติแล้วฉินมั่วจะเป็นคนเล่นบทบาทนี้”

“เอาล่ะ เราคงไม่พูดกันแล้ว พวกเราคงเห็นจากหน้าจอแล้วว่า ทั้งสองทีมออกจากบ่อน้ำพุแล้ว”

“เดี๋ยว”

“หือ?”

“ดูเหมือนทางธีโอจะมีแผน” เสียงจากเกมดังขึ้น ทุกคนจึงเห็นว่า มีสองร่างจากทีมธีโอกำลังเหาะไปยังโซนป่าและแม่น้ำ และผู้ที่เฝ้าเล่นกลางและเลนบนกำลังโน้มเอียงไปทางโซนป่า

“พวกเขากะจะซุ่มโจมตี!”

ใช่ ท่าทีดังกล่าวคงไม่ได้มาแย่งเอาบลูบัฟของทีมไดมอนด์เสียแล้ว แต่กะจะฆ่าตรงๆ เพื่อทำลายผู้ล่ามอนสเตอร์ของทีมไดมอนด์ ซึ่งก็คือแบล็กพีช Z นั่นเอง!

เหราหรงที่ดูอยู่นอกสนาม ถึงกับหรี่ตาลง อย่าว่าแต่พวกนักกีฬาที่เพิ่งลงสนามเลย กระทั่งตัวเขาที่เพิ่งเล่นกับทีมธีโอมายังไม่คิดว่าพวกนั้นจะเล่นกันแบบนี้ มันต่างกับการเล่นแบบดั้งเดิมที่พวกเขาเคยแข่งกันอย่างเห็นได้ชัด!

“เฮ้ย อย่านะ? แค่เริ่มก็แรงเลยเหรอ?” ผู้ชมต่างพูดกันแบบนั้น แต่ต้องยอมรับว่า ยิ่งเปิดเกมแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้อยากดูต่อไป!

เพราะคนของทีมไดมอนด์ไม่รู้สึกตัวจริงๆ ต่างคนต่างล่าทีมมินเนี่ยนเพิ่มฐานะ เพราะตามปกติแล้ว ในเกมแบบนี้ ใครมีคะเงินเยอะ แรงโจมตีก็จะยิ่งสูง หากมองจากมุมพวกเขาก็จะไม่เห็นถึงสิ่งผิดปกติ และยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งหมายถึงว่า  แบล็กพีช Z ที่ล่าบลูมอนสเตอร์ กำลังตกอยู่ในอันตราย!

…………………………………………………….

 ตอนที่ 1803-1

ในระหว่างที่ความคิดเช่นนี้หลุดออกมา ก็ได้ยินเสียงดังจากหน้าจอ! ตัวแทงค์ที่มีสกิลสตันของทีมธีโอ ฟาดค้อนลงมา ทำให้ป๋อจิ่วนิ่งอยู่กับที่!

คนที่เล่นเกมล้วนแต่รู้ทั้งนั้นว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับนักฆ่าคือการถูกควบคุม! เพราะหากถูกควบคุมไว้ ก็ยากจะเดินต่อ แถมไม่เพียงแต่จะมีตัวแทงค์ ยังมีตัวยิงไกลทำดาเมจด้วย ทั้งนี้หลังจากส่งสัญญาณโจมตี ก็ลากเอานักเวทที่อยู่เล่นกลางมาด้วย

แค่ชั่วเวลาอึดใจ เลือดของป๋อจิ่วก็ลดลงถึงครึ่งหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะล่ามอนสเตอร์ต่อไป ซึ่งนักฆ่าจากทีมธีโอรอเวลานี้นี่แหละ เขากระโดดตวัดทวน กะจะสร้างความเสียหายทั้งหมดต่อตัวป๋อจิ่ว!

แต่กระนั่นในเวลาเดียวกัน ป๋อจิ่วที่นั่งอยู่หน้าจอก็ขยับมือขวา เกิดแสงขึ้นที่เมาส์ ผู้คนเห็นเส้นที่เธอลากยาวอย่างชัดเจน รวมถึงการเดินตำแหน่งอย่างหลักแหลมที่หลบพลังชุดใหญ่นั่นสำเร็จ! ทำให้นักฆ่าของทีมธีโอเสียพลังไปเปล่าๆ

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น สถานการณ์ของแบล็กพีชก็ยังอันตรายสุดๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว เวลาเล่นเกมชั้นสูง ในฐานะที่เป็นนักฆ่า จะต้องป้องกันตัวล่วงหน้า โดยประเมินว่าฝ่ายตรงข้ามจะมาแย่งมอนสเตอร์ตัวเองไไหม แต่นอกจากจะโดนแย่งไป ยังโดนทีมธีโอบีบจนมาถึงขั้นนี้ ซึ่งบางคนเริ่มจะสงสัยว่าฝีมือของแบล็กพีช Z ถอยหลังหรือเปล่า  “ถูกแย่งบลูไปแล้ว แค่เริ่มเกมก็เสียเปรียบแบบนี้ การเล่นของแบล็กพีช Z เมื่อครู่นี้ออกจะธรรมดาไปหน่อย”

พวกผู้ชมที่เดิมคิดว่าป๋อจิ่วดราม่าเยอะเกิน รีบจับประเด็นนี้มาเยอะเย้ยกันเลยทีเดียว

“ฝีมือแบบนี้เนี่ยนะ นำทีมไม่ได้หรอก ในเมื่อจากไปตั้งแต่แรกแล้วก็อย่ากลับมาสิ บ้าชะมัด รู้สึกว่าเปลืองเงินซื้อตั๋วขึ้นมาทันที เกมน่าเบื่อแบบนี้ ไม่เห็นน่าดูเลย”

แฟนคลับต่างลุกลี้ลุกลน ชะโงกไปข้างหน้า เพราะกำลังเครียดแทนป๋อจิ่ว! ต่างจากความกระตือรือร้นที่อยากเห็นเธอเพลี่ยงพล้ำของฝ่ายแอนตี้ ด้วยบนหน้าจอโชว์ให้เห็นว่า เลือดของเธอน้อยลงขึ้นเรื่อยๆ

“คงไม่หรอกนะ”

หรือว่าแชมป์เฟิร์สคิลอย่างแบล็กพีชจะเสียเฟิร์สบลัดในการแข่งแบบทีม?

“งานนี้พวกแฟนคลับแบล็กพีชโดนตบหน้าแน่”

เพราะสายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ และผู้กำกับสั่งให้ถ่ายทอดจากจุดนี้ เพราะแบล็กพีช Z เป็นเซนเตอร์ของทั้งการแข่ง ดังนั้นหากถ่อยทอดจากจุดของเธอ ย่อมทำให้คนรู้สึกตื่นเต้น ดังนั้นเสียงวิจารณ์จึงกระหึ่มกันขึ้นมา! กระทั่งคอมเมนต์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ยังหลุดออกมาอย่างบ้าคลั่ง! เพราะภาพที่ถ่ายทอดออกมาเมื่อครู่ก็คือฉากดังกล่าว แต่ไม่นาน แฟนคลับกีฬาอีสปอร์ตที่มีประสบการณ์สูงต่างค้นพบประเด็นบางอย่างว่า ทำไมถึงไม่มีใครเข้าไปช่วยแบล็กพีช Z ? มาตรฐานการเล่นของทีมไดมอนด์ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ต่อให้เซวียเหยาเย่าเป็นมือใหม่จนไม่รู้จักเข้าไปช่วยก็เถอะ แต่คนอื่นล่ะ? หรือว่านี่เป็นฝีมือการคุมเกมของแบล็กพีช Z? ประเภทเจอปัญหาแล้วไม่รู้จักส่งสัญญาณ? เธอมั่นใจในตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า? ท่าทางแบล็กพีชจะเหมาะกับการเล่นเดี่ยวมากกว่า ไม่เหมาะที่จะเป็นตัววางแผนในการเล่นประเภททีมสักนิด

น่าเสียดายจริงๆ ตอนเล่นเดี่ยวเหราหรงก็เป็นตัวแทนของทีมลงเล่นไปแล้ว หากเอาเขามาเล่นในประเภทนี้ แล้วเป็นฝ่ายวางแผนแทนล่ะก็ ผลที่ออกมาจะต้องไม่เหมือนกันชัวร์

ในระหว่างที่ทุกคนเพิ่งจะคิดกันเช่นนี้ และรู้สึกว่าจุดจบของตัวล่ามอนสเตอร์ของทีมไดมอนด์มาถึงแล้ว

ทันใดนั้น! เสียงเอฟเฟกต์ก็ดังขึ้นบนหน้าจอ

………………………………………

1801-4 vs 1802-1 vs 1802-2

 

ตอนที่ 1801-4

ผู้เข้าแข่งขันประเภทคู่ของทีมธีโอเห็นแล้ว เลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่คิดเลยว่าเขาจะคุมสติได้ดีขนาดนี้ ท่าทางเราจะเชื่อข้อมูลทั้งหมดไม่ได้”

“บอสราชาถูกพวกเราฆ่าแล้ว สภาพจิตใจเขายังหนักแน่นอยู่เลย ทีมไดมอนด์ไม่เบาจริงๆ”

ทั้งสองที่สวมหูฟังอยู่ต่างสบตากัน มือขวาวาดออกอย่างพร้อมกัน ร่างบนหน้าจอหายไปจากแผนที่เล็กในเกมอีกครั้ง

ถึงผู้ชมทั่วไปมองไม่เห็นถึงแผนเด็ดในเกม แต่ทีมหนึ่งที่ปรากฏตัวในที่นั่งผู้ชมต่างรู้ดี “ทีมไดมอนด์น่าจะแพ้ในประเภทคู่แล้ว”

มีคนได้ยินในประโยคดังกล่าว หันมาจะเถียง แต่เมื่อหันกลับไปจริงๆ แล้วพบว่าใครเป็นคนพูดกันแน่ ก็เหมือนถูกอะไรอุดอยู่ในลำคอ

โฮชิโนะ! โฮชิโนะจริงๆ ด้วย! ทุกคนรู้กันทั้งนั้นว่า โฮชิโนะประเมินเรื่องแบบนี้เฉียบแค่ไหน เขาเหมือนไม่อยากพูดออกมาหรอก นัยน์ตาจับจ้องที่หน้าจอ แววตาปรากฏแววทะมึน และเหล่าแฟนคลับที่นั่งอยู่ต่างร้องกรี๊ดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“ทีมอาทิตย์อุทัย! ทีมอาทิตย์อุทัยจริงๆ ด้วย หล่อมากเลยอ่ะ!”

“แปลกจัง ทีมนี้ก็กำลังแข่งอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมมาดูได้ล่ะ?”

“เดี๋ยว ดูเหมือนผู้ชมกับพวกนักข่าวที่สนามนั้นย้ายมาที่นี่กันแล้ว”

“หมายความว่าไง? เฮ้ย อย่าบอกนะว่าทีมอาทิตย์อุทัยแข่งเสร็จแล้ว?”

คนที่หยิบมือถือมาดูการไลฟ์สด ถึงกับสายตาหวั่นไหว “หนึ่งชั่วโมง การแข่งเดี่ยว พวกเขาใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีก็เอาชนะได้ พอแข่งประเภทคู่ โมโม่ออกตัวตามสบายไปหน่อย เลยใช้เวลาสี่สิบนาที เอาชนะได้สองในสาม พอมาประเภทสุดท้าย ฝ่ายคู่แข่งเลยไม่แข่งแล้ว”

คนที่ได้ยินต่างอ้าปากกว้าง ลังเลอยู่นานกว่าจะพูดออกมา “สมกับที่เป็นทีมอาทิตย์อุทัย”

หากเทียบกับทีมอาทิตย์อุทัยที่แข่งสบายๆ ฝ่ายทีมไดมอนด์ก็ยากลำบากเสียเหลือเกิน ไม่ว่าหลินเฟิงหรืออินอู๋เย่าจะทำอะไรก็ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเทคนิคการเล่นของฝ่ายตรงข้ามหรือเปล่า ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าทีมไดมอนด์ถูกคู่แข่งไล่บี้

 “เหมือนหลินเฟิงจะรู้อะไรบางอย่าง” ประโยคนี้เป็นคนจากทีมอาทิตย์อุทัยพูด

โฮชิโนะได้แต่ตอบสั้นๆ “สายไปแล้ว”

ใช่ สายไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่อินอู๋เย่าค้นพบว่ามือตัวเองช้ากว่าสมอง แม้ว่าตัวสนับสนุนของฝ่ายตรงข้ามจะตายไปแล้วสองครั้ง แต่มันกลับเป็นการตายครั้งที่สามของอินอู๋เย่า เหลือเพียงหลินเฟิงที่สู้ 1:2 ซึ่งไม่น่าจะเอาชนะได้

นั่นไงล่ะ การแข่งประเภทคู่ ทีมไดมอนด์แพ้แล้ว

แม้จะได้รับคำชมจากคู่แข่ง แต่บรรยากาศของทีมไดมอนด์กลับไม่กระเตื้องขึ้น พวกเขารู้ดีว่าการแข่งประเภทคู่ พวกเขาเป็นฝ่ายรับมากแค่ไหน…

หลินเฟิงคอตก พูดออกมา “ขอโทษด้วย”

อวิ๋นหู่กดบ่าอีกฝ่าย “ไม่มีอะไรที่ต้องขอโทษหรอก ได้เวลาที่ฉันจะลงสนามแล้ว นายจะไม่ยิ้มให้ฉันหน่อยเหรอ?”

อันที่จริงเมื่อมาถึงจุดนี้ ทุกคนดูจะเข้าใจ การแข่งในประเภทถัดไป ไม่ง่ายสำหรับทีมไดมอนด์เลย เราได้เห็นศักยภาพของทีมธีโอจากการแข่งประเภทคู่แล้วว่าแกร่งแค่ไหน

คำพูดของโฮชิโนะที่บอกว่า ‘สายไปแล้ว’ นั่น ไม่เพียงแต่จะบอกว่าการแข่งประเภทคู่สายไป แต่นับจากตอนเริ่มต้น ทีมไดมอนด์ยังไม่ได้บีบให้ทีมธีโอแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา ดังนั้นเมื่อแข่งต่อมาถึงได้สายไป ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งในประเภททีมยังไม่ใช่ฟอร์มที่แข็งแกร่งที่สุดของทีมไดมอนด์อีกต่างหาก

หลินเฉินทาวเป็นประเภทตีมอนสเตอร์ระยะประชิด จะนำจังหวะการเล่นได้หรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนกังวล

หัวหน้าทีมธีโอยิ้ม “เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีฉินมั่วก็ทำตามแผนเดิม เล่นตัวตีมอนสเตอร์ของฝ่ายตรงข้ามก่อน แล้วพวกเขาจะโจมตีกลับไม่ได้ พอถึงเวลานั้น บางครั้งพวกเราต้องขอบคุณพวกผู้ชมเหมือนกัน”

ใช่ ต้องขอบคุณ

คนเหล่านั้นไม่มีวันเข้าใจว่าทีมต้องการอะไร พวกเขาอ้างแต่ปากว่าชอบ แต่กลับบีบให้เสาหลักของทีมกับตัวล่ามอนสเตอร์ผู้เป็นจิตวิญญาณออกไป…

………………………………………………………….

 ตอนที่ 1802-1

ผู้บรรยายต่างรู้ถึงสถานการณ์ในเวลานี้เป็นอย่างนี้ แต่ต่อให้พวกเขารู้ว่าสภาวะของทีมไดมอนด์กำลังย่ำแย่แค่ไหนก็ไม่พูดออกมา

เจ้าหน้าที่ในการแข่งระดับนานาชาติ ย่อมไม่ใช่หน้าใหม่  พวกเขารู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของทีมไดมอนด์ในหลายปีที่ผ่านมาดีว่าใคร คงเพราะบางทีมถูกสวรรค์กำหนดให้ไม่มีวันเป็นแชมป์ ผู้เชี่ยวชาญจึงได้แต่พลิกดูข้อมูลอย่างรู้ดีแก่ใจ รอให้รายชื่อผู้เล่นปรากฎออกมา พวกเขาใช้เวลาวิเคราะห์ 3 นาที ทั้งนี้การเล่นประเภททีมจะเป็นการตัดสินว่าทีมไหมคือผู้ชนะ

ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปช้ามาก หลินเฟิงพอจะเห็นเฟิงอี้ที่ยืนที่มุม ดูเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คงได้แต่ยิ้มให้พวกเขา มุมปากยกยิ้ม

ไม่รู้หิมะเริ่มตกอยู่ด้านนอกตั้งแต่เมื่อไร ดูเหมือนมันจะเป็นหิมะแรกของเมืองเจียงเฉิง ทว่ากลับตกนิดเดียว จนแทบจะละลายหมดเมื่อต้องบ่า เด็กน้อยสวมเสื้อขนเป็ดสีดำคนหนึ่งอยู่ที่ด้านนอก มองดูตั๋วในมือ ไม่เดินหน้าและไม่พูดอะไร ทำให้พนักงานตรวจตั๋วจนปัญญา “น้องยืนอยู่อย่างนี้ไม่หนาวเหรอ? รีบกลับบ้านเถอะแล้วค่อยมาดูการแข่งในปีหน้า มันไม่ต่างกันหรอก”

“ต่างกันสิ” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสวยเหมือนดวงตาแมวน้อย

พนักงานตั๋วตะลึง ก่อนจะยิ้มออกมา “น้องอายุเท่าไรเอง ทำไมถึงอยากจะเล่นเกมล่ะ แต่ไม่ว่าน้องจะอายุเท่าไร ถ้ายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องมีผู้ปกครองมาดูด้วย รู้ไหม?”

“มีผู้ปกครองมาด้วยก็ดูได้เหรอ?” หนูน้อยถาม หันไปมองชายกระโปรงที่สะบัดผ่านมา จากนั้นจึงเดินไปอยู่ข้างตัวหญิงสาวคนหนึ่ง “เขาไง พวกเราเดินเข้าไปด้วยกันนะ”

พนักงานหัวเราะ “น้อง พี่ยังมีสมองอยู่ อยากไปลากคนอื่นมาอ้างเป็นผู้ปกครองสิ”

“คนอื่น?” หนูน้อยขมวดคิ้วย่างน่าเอ็นดู “เขาไม่ใช่คนอื่น”

เธอคนนั้นยังไม่ทันได้เอ่ยออกมา พนักงานก็พูดต่อ “ต่อให้ไม่ได้เป็นคนอื่น แต่ตั๋วมีแค่ใบเดียวก็เข้าไปดูได้แค่คนเดียว ผู้ปกครองไปนั่งรอที่จุดนั่งพักได้”

ผู้มาเยือนได้ยินแล้ว ย่นหัวคิ้ว ไม่กล้าบุกเข้าไป เพราะหากทำอย่างนั้นจะถูกตัดสิทธิ์การแข่ง ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองเวลาที่นับย้อนหลังบนหน้าจอที่แสดงพร้อมๆ กับที่ฉายในการถ่ายทอดสด” แต่จะให้เฟิงอี้ออกมารับก็ไม่ทันแล้ว แถมทางเข้าตรงนี้ยังใกล้สนามมากที่สุดด้วย

“พี่คนตรวจ ให้เขาเข้าไปเถอะ” หนูน้อยสะพายเป้หนังสือหันมา ท่าทางทางบ้านจะสอนมาดี “หนูจะไปรอที่ห้องพักผ่อน”

พนักงานอึ้งเข้าไปใหญ่ “ไม่เข้าไปเหรอ? เมื่อกี้ดูเหมือนอยากจะเข้าไปดูอยู่เลยนะ?”

ผู้มาเยือนขมวดคิ้วอีกครั้ง สองตามองดูหนูน้อยที่ยืนข้างตัว “ไม่เสียดายเหรอ?”

“อื้ม หนูเข้าไปได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่พี่ต้องเข้าไป” หนูน้อยพูดจบ คิดว่าตัวเองยังมีน้ำใจไม่มากพอ ว่าแล้วก็ชูกำปั้นขึ้นมา “สู้ๆ!”

แสดงว่าจำเธอได้?

“ขอบคุณ” คนมาก็ไม่ได้รีรอ ลูบหัวหนูน้อยแล้วมองไปที่พนักงานตรวจตั๋ว

พนักงานปล่อยตัวคนเข้ามา ยังคงอึ้งอยู่ เพราะเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ทำให้หนูน้อยมองดูเธอคนนั้นสาวเท้าเดินเข้าไปแล้วยังยิ้มหวานได้อีก เมื่อกี้เขาเห็นอยู่ว่า หนูน้อยยืนอยู่นานเป็นครึ่งชั่วโมงด้วยสีหน้าบึ้งตึง แต่ตอนนี้เอาตั๋วให้คนอื่นเฉยเลย แถมยิ้มหวานด้วย? มันเป็นแผนอะไรกันนี่?

……………………………………

ตอนที่ 1802-2

และในเวลาเดียวกันนี่เอง เด็กน้อยอีกคนวิ่งมาจากด้านอื่น หน้าตาเหมือนกับหนูน้อยที่สวมเสื้อขนเป็ดตัวดำเลยทีเดียว แถมยังทำท่าลึกลับ “ทำไมถึงยังไม่เข้าไปอีก? พี่อุตส่าห์ใส่กระโปรงเพื่อเธอเลยเชียวนะ ไม่รู้เหรอว่าเมื่อกี้พ่อมองพี่นะ ใจพี่สั่นเลยล่ะ มั่วเป่ย เฮ้ย เจ้าเด็กหน้าแข็ง ยิ้มอะไรน่ะ”

 “พี่จ๋า”

“ทะ ทำไม?” วันนี้น้องเขาเป็นอะไร

“น้องเอาตั๋วให้คนอื่นแล้วล่ะ”

“เรื่องนี้มันน่าดีใจนักเหรอ!”

“เบาหน่อยสิ พ่อกับแม่อยู่ใกล้ๆ นี้”

“โอ้ย ทำไมเธอถึงเอาตั๋วให้คนอื่นล่ะ”

“เพราะ” พนักงานตรวจตั๋วกางหูฟังประโยคนั้น แต่ยังได้ยินไม่ชัด เสียงกระหึ่มก็ดังขึ้นจากด้านหลัง!…ได้เวลาลงสนามแล้ว!

พิธีกรหัวเราะดึงไมโครโฟนมา “เอาล่ะ เวลานี้ทั้งสองทีมได้เตรียมส่งผู้เข้าแข่งขันประเภททีมแล้วล่ะครับ ทีมไดมอนด์มีอวิ๋นหู่ โคโค่ เซวียเหยาเย่าและ…”

ในระหว่างที่ผู้บรรยายกำลังจะพูดชื่อหลินเฉินทาวออกมา ก็ได้ยินเสียง “สวบ!” ซึ่งไม่เพียงแต่พิธีกร กระทั่งผู้บรรยายยังหันไปดู “เกิดอะไรขึ้น?”

ผู้ควบคุมสนามแข่งกำลังจะแสดงสัญญาณมือ กลับถูกผู้กำกับรั้งข้อมือไว้ เขาสื่อให้พนักงานหันกล้องไปหา

มีคนเดินเข้ามาช้าๆ ที่ประตูใหญ่ ทุกคนเห็นชายกระโปรงสีดำก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นจึงเห็นเสื้อทีมที่เธอคลุมไว้บนบ่าตามมา ลมที่พัดเข้ามาทำให้ตัวอักษรสองตัวพองตัวขึ้น

เธอถือบัตรด้วยมือข้างหนึ่ง ปล่อยให้เส้นผมบนศีรษะยุ่งขึ้น โดยที่ไม่กระทบความงามที่เปล่งประกายจากร่าง เธอเงยหน้าขึ้นมองดูพิธีกร แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “และแบล็กพีช Z”

ห้วงเวลาดังกล่าว สนามกีฬารังนกเงียบกริบไปหมด! เสียงนั่นเหมือนจะหยุดทุกสิ่ง ทุกคนเหมือนถูกสะกดจุด นิ่งตะลึงอยู่กับที่!

ไม่เพียงแค่โผล่หน้าออกมา แต่ยังรวมถึงการที่เธอสวม…ชุดผู้หญิง! แต่กระนั้นคนที่อยู่ภายใต้แสงไฟที่ส่องมาจากทุกจุด กลับเหมือนไม่เห็นความผิดปกติของทุกคน ยิ้มเอ่ยขึ้น “วันนี้หัวหน้าของพวกเราไม่อยู่ ฉันจะเป็นคนนำทีมเอง”

 “เทพ Z พวกเราเชียร์คุณนะ!”

“ใส่ชุดผู้หญิงมา หมายความว่าไง รู้สึกผิดเรอะ?”

“อย่าไปสนที่พวกนั้นพูด สู้เต็มที่!”

เสียงอื้ออึงดังขึ้นจนควบคุมสถานการณ์ไม่ได้! ไม่เหลือความเงียบที่ผ่านมา เสียงดังจนแทบจะเกิดคลื่นพลิกตลบ! เสียงดังจากหลายคน จนแยกแยะไม่ออก ยอดคลิกสูงขึ้นแล้ว ยังสูงขึ้นได้อีก!

ทว่าไม่เห็นอะไรจากในสนามสดหรอก ด้วยคอมเมนต์บนแพลตฟอร์มไลฟ์สดกระจายเต็มหน้าจอคอมพิวเตอร์ทะลุหลักพัน

“อุว้าว ฉันเห็นอะไรเนี่ย? เทพชายของฉันใส่ชุดผู้หญิง!”

“เทพ Z สวยจนฉันอยากจะร้องไห้!”

“ปีศาจสาวจอมรุก! พี่แบล็กของฉัน!”

“รู้สึกว่าฉันจะเปลี่ยนไปรักคนอื่นแล้ว ทำยังไงดี?”

“วันนี้หลัวฉันเท่มากเลยเหรอ? ใส่ชุดผู้หญิง โอะ น้ำลายฉัน”

“ขอแอร์ไทมให้หลัวฉันมากหน่อย ใส่ชุดผู้หญิงด้วยอ่ะ แคปหน้าจอ ฉันจะแคบหน้าจอ!”

“ดราม่าเยอะไป๊” ใช่ว่าจะไม่มีเสียงที่เลวร้าย ทว่าเธอยังคงอยู่ตรงนั้นราวกับไม่ได้ยินเสียงใด กระโปรงยาวเข้ากันกับเสื้อทีม หน้าตากระจ่างใส เสี้ยวหน้าสวยหมดจด มุมปากหยักยิ้ม ทำให้เหล่าแฟนคลับเห็นแล้วคุ้นตา แต่ก็เหมือนต่างไปจากเดิม

………………………………………

1801-1 vs 1801-2 vs 1801-3

ตอนที่ 1801-1

เวลานี้ดูเหมือนจะเข้ากับบรรยากาศมาก ผู้บรรยายในชุดสูทหยิบไมโครโฟน ประกาศออกมา “การแข่งเกมเลเจนด์ชิงแชมป์เอเชียเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!”

“สวบ!” แสงสาดส่องลงมา เสียงและภาพทั้งหมดหยุดนิ่ง ก่อนจะได้รวมตัวกันที่ทางฝั่งซ้ายและขวา โดยทางซ้ายเป็นทีมไดมอนด์ ส่วนทางขวาเป็นทีมธีโอ!

ทุกคนต่างกู่ร้องชื่อทีมที่ตัวเองเชียร์! ลมพัดขึ้น ชุดที่สีดำสลับแดงสะบัดจนเกิดเสียง ผู้คนที่สวมชุดเดียวกันต่างเดินออกมาจากด้านใน แววตาของพวกเขาลุ่มลึก เหมือนมีไฟกำลังลุกโชน

มีคนบอกว่า ร่างของพวกเขามีความเยาว์วัยสถิตอยู่

คุณกับเพื่อนซี้ในหอพัก ส่งเสียงเอะอะกันอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเฝ้าดูการแข่งขัน

แฟนคุณเคยกอดคุณ แล้วบอกว่าดูสิ ดิ นั่นเป็นทีมที่ฉันชอบ

คุณกับเพื่อนสาวคลุมผ้าห่มผืนเดียวกัน คุยกันเรื่องพวกเขาจนถึงรุ่งสาง

คุณคิดว่าชีวิตตัวเองจะเป็นแบบนี้ พอเงยหน้าขึ้นอีกที ก็เห็นว่าทีมหนึ่งไม่เคยแก่เลย

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี พวกเขาก็ไม่มีวันลืม ทว่าทีมไดมอนด์ในสภาพดังกล่าว กลับหายไปสองคน คนสองคนที่ควรอยู่ด้านหน้าสุดของทีมกลับไม่ปรากฏตัวออกมา แม้บางคนจะทำใจไว้แล้ว ทว่าเมื่อดูฟอร์มของทีมนี้ สีหน้าถึงกับซีดขาวไปชั่วอึดใจ

ผู้ชมที่ลุกขึ้นยืน บ้างก็นั่งลงไป สีหน้าผิดหวังเผยออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย บางคนถึงกับสุมหัวซุบซิบกัน

ทำไมถึงไม่มีเทพฉิน?”

“ฉันคิดว่าแบล็กพีชกับเทพฉินของฉันจะมาด้วย”

“ถึงจะมีข่าวลือพวกเขาอยู่ในโลกออนไลน์ แต่ไม่น่าจะถึงขั้นที่แบกรับความกดดันไม่ได้”

“จริงด้วย จ่ายตังส์ค่าบัตรฟรีเลย”

บางครั้งนักกีฬาอีสปอร์ตต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้  คนที่หาว่าฉินมั่วไม่เก่งก็คือพวกเขา พอฉินมั่วไม่มาจริงๆ ก็หาว่าชายหนุ่มแบกรับความกดดันไม่ได้

ใช่ว่าสมาชิกในทีมไดมอนด์จะไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้ กระทั่งทีมธีโอยังได้ยินกันหมด แม้ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร แต่มองดูจากความเคลื่อนไหวก็หันไปถามล่ามข้างตัว

บรรยากาศในเวลานี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่ว่าสถานการณ์นี่จะเป็นอย่างไร พิธีกรย่อมดึงความสนใจของผู้ชมกลับมา “ทุกท่านคงกำลังรอคอยว่าทั้งสองทีมจะนำความสนุกสนานให้เราอย่างไร งั้นผมคงไม่พูดมากล่ะครับ มาดูลำดับการเข้าแข่งขันก่อนเลยดีกว่า!”

เพราะนี่เป็นทีมระดับนานาชาติ ย่อมไม่พกท่าทีเป็นอริคู่แค้นมาลงแข่ง เพียงแต่ข่าวที่ฉินมั่วไม่ได้แข่งด้วย ทำให้ทีมธีโอยินดีอย่างคาดไม่ถึง อันที่จริงตอนที่พวกเขาลงจากเครื่องบินเมื่อวานก็ได้ทราบข่าวว่า ฉินมั่วสูญเสียความทรงจำ อาจจะเข้าร่วมการแข่งไม่ได้ แต่พวกเขานึกว่ามันเป็นข่าวปลอมที่มาหลอกพวกเขาให้ตายใจ ทว่าตอนนี้ท่าทางน่าจะเป็นจริง พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลมากแล้ว เพราะการแข่งระดับนานาชาติแบบนี้ ทีมจากประเทศจีนล้วนแต่เป็นฐานให้คนอื่นเหยียบเสมอ ตอนแรกพวกเขากังวลก็ตรงที่ฉินมั่วผู้ซึ่งเคยเล่นงานพวกเขาเสียหนัก ถึงกับต้องฝึกโหดถึงหนึ่งเดือนเพื่อสู้กับเขา ทว่าตอนนี้ทีมธีโอมีอาวุธเด็ดแล้ว ทีมไดมอนด์ไม่ใช่คู่แข่งพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด

“รายชื่อของทีมไดมอนด์ออกมาแล้ว!”

………………………………………….

ตอนที่ 1801-2

ประเภทเดี่ยว เหราหรง

ประเภทคู่ อินอู๋เย่าและหลินเฟิง

“ถ้าเป็นผม ผมก็จะเลือกลำดับการเล่นแบบนี้แหละ” ผู้บรรยายเอ่ยขึ้น ทว่าผู้บรรยายอีกคนกลับถาม “เอ๋? ทำไม?”

“ทีมธีโอไม่ได้มีดีแค่ทีมเวิร์คเยี่ยม แต่ประเภทเดี่ยวก็ถือว่าสุดยอดเช่นกัน ทีมไดมอนด์ต้องกัดฟันเอาชนะหนึ่งในสองประเภทนี้ให้ได้ ถึงจะลอยเข้าไปแข่งในระดับทีม ถ้าเกมนี้ชนะไม่ได้อีก ก็แสดงว่าทีมไดมอนด์แพ้แล้ว”

“คุณคิดว่าการแข่งในครั้งนี้ เป็นงานยากของทีมไดมอนด์”

“นี่เป็นการแข่งชิงแชมป์เอเชีย แต่ผมเชื่อในศักยภาพของทุกทีม”

ผู้บรรยายมาจากประเทศต่างๆ เมื่อให้พวกเขามาอธิบาย ทุกคนจะเห็นปัญหารอบด้าน

“เหราหรงลงสนามแล้ว ผมจำได้ว่าเขาเล่นตัว CC ตลอด พอมาเล่นประเภทเดี่ยวแล้วจะไหวเหรอ?”

“งั้นคุณคงไม่ทราบล่ะสิว่า อันที่จริง ตอนที่เหราหรงอยู่อีกทีมหนึ่ง ถึงเขาจะเป็นตัว CC แต่เขาสร้างความเสียหายต่อคู่แข่งเยอะที่สุดในทีม ทำให้เห็นว่าเขาเล่นเดี่ยวได้เก่งแค่ไหน ในฐานะที่เป็นตัวเปิดโรง เขาจะต้องแบกรับความกดดันสูงมาก ถ้าจะบอกว่าการแข่งประเภทดูกันที่เทคนิค ย่อมไม่สู้จะบอกว่า ยิ่งเป็นการแข่งระดับใหญ่ ก็ยิ่งต้องดูความสามารถในการรับกดดันของนักกีฬามากกว่า”

“ผู้เล่นประเภทเดี่ยวของทีมธีโอเหมือนจะไม่กดดันอะไร”

“เรื่องนี้ทั้งสองทีมต่างกันจริงๆ ฟอร์มของทีมธีโอไม่เคยเปลี่ยน คนแรกที่ลงสนามจะคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ ที่สำคัญที่สุดคือ ถึงเขาจะแพ้ในสนามนี้ แต่ด้วยศักยภาพของทีมธีโอ เขาเชื่อว่าเพื่อนร่วมทีมของเขาจะเอาชนะคืนมาได้ แต่สถานการณ์ของเหราหรงต่างออกไป ก่อนหน้านี้เขาประสบกับปัญหามามากมาย แถมเพิ่งจะเข้าทีมไดมอนด์อีกด้วย บางทีอาจจะกดดันมากก็ได้”

แต่กระนั่นไม่นาน ผู้บรรยายก็ได้เห็นร่างของชายหนุ่มผ่านหน้าจอ แล้วหัวเราะออกมาในทันใด “ท่าทางผมจะวิเคราะห์พลาดไป เหราหรงเดินตำแหน่งแม่นมาก มันจะเป็นการแข่งประเภทเดี่ยวที่มันส์สะเด็ดแน่นอน”

จริงๆ ด้วย เวลาที่เหราหรงสวมหูฟัง เขาก็เหมือนกลายเป็นคนละคน สมกับที่เป็นผู้เล่น CC ที่เป็นจิตวิญญาณของทีมในอดีต คงเพราะเหตุนี้ ผู้จัดการเฟิงถึงได้เลือกให้เหราหรงเป็นผู้เล่นคนแรก เพราะชายหนุ่มไม่เคยหวั่นไหวเพราะอิทธิพลจากโลกภายนอก ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์การแข่งแบบไหนก็ตาม!

เวลาผ่านไป การแข่งขันที่ดุเดือด ทำให้ทุกคนต่างตึงเครียด เพราะไม่นานทีมไดมอนด์ต่างค้นพบว่าผู้เล่นประเภทเดี่ยวของทีมธีโอไม่ธรรมดา เขาคาดเดาตำแหน่งของเหราหรงได้ทุกครั้ง แถมยังสร้างความเสียหายได้อีกต่างหาก ความรู้สึกกดดันจึงทะลวงเข้าในหัวใจของทุกคน

การต่อสู้ถึง 10 นาทีผ่านไป แต่ละครั้งทั้งสองต่างกับเมืองในสภาพเลือดเหลือน้อย แต่ไม่นานทุกคนก็ทราบปัญหา

“เล่นแบบนี้ต่อไป ทีมไดมอนด์ต้องแพ้แน่เลย”

“เอ๊ะ? ทำไมเหรอ?”

“เพราะจะว่าไปเหราหรงเหมาะกับการเล่นเป็นตัว CC มากที่สุด เพราะตัว CC จะเหมาะต่อการเล่นเป็นตัวทำดาเมจให้เพื่อนในทีม ถึงจะทำให้เขาเล่นได้สุดฝีมือ ตอนนี้เอาเขามาเล่นเดี่ยว แสดงว่าทีมไดมอนด์ต้องการเอาชนะในเกมนี้ให้ได้ ไม่สิ ต้องบอกว่าทีมไดมอนด์ต้องการเอาชนะทั้งสองเกมแรกให้ได้ แบบไม่ต้องเล่นประเภททีมกับทีมธีโอเลยล่ะ เพราะพวกเขารู้ดีว่า ถ้าเล่นประเภททีมล่ะก็ ด้วยฟอร์มของทีมไดมอนด์ในตอนนี้ ไม่น่าจะชนะคู่แข่งได้ ดังนั้นพวกเขาเลยส่งเหราหรงออกมา เพราะไม่ว่าจะเป็นความเร็ว เทคนิคการเล่น รวมถึงฟอร์มประจำตัว เหราหรงโดดเด่นแบบไม่ต้องสงสัย เพราะเขาเคยเป็นสามเสาหลักร่วมกับฉินมั่วและเซียวจิ่ง แต่การทำความเสียหายของตัวCCในเกมเลเจนด์ไม่สูงมากนัก ถ้ายื้อต่อจนถึงช่วงท้ายเกม เหราหรงอาจแพ้ได้” พอพิธีกรพูดประโยคนี้จบ คนทางโน้นก็เหาะไปทางเหราหรง

………………………………………….

ตอนที่ 1801-3

สายตาของทุกคนต่างตะลึง และในระหว่างที่ทุกคนคิดว่าเหราหรงจะถูกไล่ตามจนทัน ใครจะไปรู้ว่าเขาฆ่ากลับด้วยตำแหน่งที่หลักแหลม ส่งผลให้ทีมไดมอนด์ชนะประเภทเดี่ยว

เซวียเหยาเย่าที่อยู่ด้านข้างถึงกับตะลึงงันไปทั้งตัว ก่อนจะหันไปกอดโคโค่ที่กำลังกัดหูกระต่ายในอ้อมแขนอยู่!

อารมณ์ดีใจเหมือนโรคติดต่อนั่นแหละ!

“เยี่ยม!”

เหราหรงเดินกลับมา ทุกคนต่างตบบ่าเขา เขายิ้มให้ มองออกว่าอารมณ์ดีแค่ไหน แต่ไม่นานพวกเขาก็รู้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะสีหน้าของทีมคู่แข่งกลับดูเนือยเนิบ ราวกับหากแพ้การแข่งประเภทนี้ก็ไม่เป็นไร

“พวกเราคงเข้าใจฝีมือการเล่นของทีมไดมอนด์แล้วนะ” หัวหน้าทีมธีโอเป็นคนพูดเอง

สองคนจากฝั่งโน้นอมยิ้มพลางลุกขึ้นมา “การแข่งประเภทเดียวเก่งมาก แต่ถ้าเขาเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในทีมล่ะก็ การแข่งในประเภทคู่จะทำให้ทีมไดมอนด์รู้สักทีว่าอะไรคือความแตกต่าง”

“อย่าดูถูกทีมคู่แข่ง” หัวหน้าทีมธีโอเป็นคนพูด แต่ไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ลูกทีมตัวเองพูด ส่วนผู้บรรยายที่มีประสบการณ์สูงเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว หันไปพูดต่อไมโครโฟน “ผมเดาว่า ผู้เล่นประเภทคู่จะต้องแสดงฝีมือที่แท้จริง ของตัวเองออกมาแน่”

“ถ้าดูจากสไตล์การเล่นของทีมธีโอ พวกเขาจะเอาคนเล่นประเภทเดี่ยวมาทดสอบฝีมือการเล่นของทีมคู่แข่ง พวกเขามักจะเอาผู้เล่นที่เก่งที่สุดมาไว้ในประเภทท้ายๆ งานนี้ทีมไดมอนด์ต้องระวังแล้วล่ะ”

ทีมไดมอนด์ไม่ได้ระวังมาก แต่ยากจะคิดนะว่า ประเภทคู่ของทีมตรงข้ามจะเป็นแบบนี้ การเข้าคู่ที่รู้ใจกันมาก การเล่นและตำแหน่งการเดินที่เด็ดดวง แค่เปิดเกมก็เหาะไปยังทรัพยากรในโซนป่าของพวกเขาแล้ว

อินอู๋เย่าและหลินเฟิงยังไม่ทันเล่นได้เข้าคู่กัน ทรัพยากรในโซนป่าของตัวเองก็หมดแล้ว ฐานะย่อมต่างกันมาก ทำให้คนรู้สึกความมาคุของทีมธีโอ แตกต่างไปจากการขับเคี่ยวในประเภทแข่งเดี่ยวที่ใช้เวลาเกือบ 40 นาทีแล้ว พวกเขาเริ่มโชว์ฝีมือสุดยอดออกมา!

“เฮ้ย!” หลินเฟิงรู้สึกแล้วว่าวิธีเล่นของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป เริ่มเกาะกลุ่มกับอินอู๋เย่า เตรียมถล่มเลนบน ทว่าตัวทำดาเมจของฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ตกหลุมพราง ซึ่งไม่ตกหลุมพรางก็ว่าไปเถอะ แต่หน้าจอกลับประกาศว่าอีกฝ่ายฆ่าบอสราชาเรียบร้อยแล้ว! ดึงเอาฐานะลากห่างไปถึงหนึ่งเท่าตัว!

สีหน้าของหลินเฟิงเปลี่ยนไป และรู้สึกทันทีว่าฝ่ายตรงข้ามโผล่หน้ามาให้เขาถล่ม ก็เพื่อจะเบี่ยงสายตาของเขาไป เพื่อให้คนที่เลนล่างฆ่าบอสราชาอย่างตั้งใจ!

หลุมพรางแบบนี้ เป็นหลุมพรางที่ง่ายดายที่สุด แต่เขากลับมองไม่ออก! อันที่จริงจะโทษหลินเฟิงไม่ได้ เพราะฝ่ายคู่แข่งไปดึงบอสราชามาตั้งแต่แรก โดยให้ตัวสนับสนุนกึ่งแทงค์ไปสู้ ซึ่งมันอยู่เหนือความคาดคิด ทว่าเมื่อดูไอเทมที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ จึงรู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนลวง

ดาบฆ่ามอนสเตอร์เป็นอาวุธที่ใช้มาล่ามอนสเตอร์โดยเฉพาะ ทั้งหมดถูกวางแผนไว้ดีแล้ว!

ผู้ชมในสนามต่างเห็นกับตาว่าทีมไดมอนด์เล่นประเภทคู่ได้ลำบากขนาดไหน เพราะฐานะที่แต่งต่างกันมากเหลือเกิน แต่เคราะห์ดีที่หลินเฟิงฉลาดมากกว่าเดิมเยอะ ไม่พะวงต่อความผิดพลาดมากเกินไป จึงทำในสิ่งที่ตัวเองควรจะทำ

………………………………………….

1800-3 vs 1800-4

ตอนที่ 1800-3

ถ้าเด็กผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ด้วย จะต้องปกป้องเขาได้แน่นอน เพราะเด็กสองคนนั้นเคยรักกันมาก ทั้งนี้เพื่อรักษาชื่อเสียงให้ Z ลูกชายของท่านได้ลงมือหลายต่อหลายเรื่องโดยไม่มีใครรู้ และไม่สนอีกด้วยว่าจะมีคนรู้หรือเปล่า

ตอนที่ลูกเป็นเด็กก็เคยบอกท่านว่าอย่าจับคนที่เก่งด้านคอมพิวเตอร์ ตอนนั้นท่านนึกว่าเป็นเรื่องเด็กน้อย จึงไม่ได้สนใจ พอมาคิดได้ในตอนนี้กก็รู้ว่าคงเพราะรักมาก ดังนั้นจึงพกติดตัวเพื่อจะได้ระลึกถึงในภายหลัง

ใช่ เพราะรักมาก ฉะนั้นปฏิกิริยาแรกคือการปกป้อง ไม่เพียงฉินมั่วจะคิดเช่นนี้ ป๋อจิ่วก็เช่นกัน เธอไม่เคยเข้าใจดีเท่าในเวลานี้มาก่อน เธอไม่อยากได้อะไร นอกจากปกป้องผู้ชายคนนั้นแล้ว ยังต้องปกป้องความฝันของเขาอีกด้วย

ในเมื่อเป็นความฝัน ก็ต้องยืนอยู่ที่หนึ่งอย่างใสสะอาด!

ติ๊ง… เสียงประตูเปิดของห้างสรรพสินค้าดังขึ้น เวลา 8 โมงเช้าเช่นนี้ บางแห่งยังไม่เปิดให้ทำการ แน่ล่ะ ย่อมมีคนมาทำงานแล้ว

เวลา 8:30 น. ผู้คนเริ่มเดินสวนเข้ามา ป๋อจิ่วเดินเข้าไป ฝ่ายพนักงานขายสาวยิ้มให้ “สวัสดีค่ะ ต้องการคำแนะนำไหมคะ แต่เสื้อผ้าคุณผู้ชายไม่ได้อยู่ในชั้นนี้นะคะ”

“รู้แล้ว” ป๋อจิ่วซุกมือข้างหนึ่งลงกระเป๋า ดึงผ้าปิดหน้าออก หันหน้าไปยิ้มให้ “แต่ ฉันไม่ได้มาผิดที่แน่”

เมื่อเห็นใบหน้าที่โผล่ออกมา พนักงานสาวถึงกับหัวใจเต้นสับสน เพราะ หล่อ หล่อเอามากๆ!

ในเวลานี้นี่เอง ที่สนามกีฬารังนกแห่งเมืองเจียงเฉิงซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่โปร่งแสง ด้วยพื้นที่ 258,000 ตารางเมตร เต็มไปด้วยเหล่าแฟนคลับที่ต่อแถวตรวจตั๋วเข้าสนามแข่ง ลูกโป่งลอยขึ้นด้านบนและคอสเพลย์แบบ 3D หากถ่ายรูปจากที่สูง ย่อมเห็นถึงความยิ่งใหญ่อลังการ

ทุกกล้องเตรียมพร้อมตามเวลาที่ผ่านไป ผู้กำกับหลักที่รับผิดชอบการไลฟ์สดได้ทำการทดสอบเสียงและสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งที่ 3 ทุกอย่างเตรียมพร้อมเสร็จสรรพ

9:00 น. ทุกทีมเข้าสู่สนาม

ทีมที่จะทำการแข่งขันในครั้งนี้มีอยู่ 4 ทีมด้วยกัน เมื่อผ่านการแข่งกันรอบแรก ผู้ชนะจะได้เข้าสู่การแข่งรอบตัดสิน ซึ่งการจับสายการแข่งขันได้ดำเนินมานานแล้ว หลายๆ คนบอกว่า เป็นบุญของทีมไดมอนด์ที่ไม่ได้เจอทีมอาทิตย์อุทัยตั้งแต่รอบแรก ไม่งั้นการแข่งต้องจบเห่ตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว

จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอก แต่การแข่งระดับเอเชีย ไม่ได้มีทีมอาทิตย์อุทัยที่เก่งกาจ ทุกทีมที่เข้ามาในรอบนี้ได้ ล้วนแต่มีฝีมือระดับโลกกันทั้งนั้น  พวกแฟนคลับที่มีประสบการณ์ต่างคิดว่า ด้วยระดับความสามารถของทีมไดมอนด์ในเวลานี้น่าจะสู้ไม่ไหว

9:15 น. ห้องพักผ่อนของทีมไดมอนด์ หลินเฟิงช้อนสายตาขึ้น “ยังไม่ได้ข่าวอีกเหรอ?”

“อื้ม” อวิ๋นหู่เป็นคนตอบ

พวกเขาไม่เคยเงียบเชียบแบบนี้มาก่อน แต่บรรดาซาแซงแฟนต่างเหมาเอาเองว่าพวกตนอุตส่าห์ช่วยไอดอลกำจัดสมาชิกที่ไม่ดีออกไปจนหมดสิ้น

เซวียเหยาเย่าและโคโค่ต่างมองเหม่อไปที่มุมหนึ่ง ราวกับขาดจิตวิญญาณที่จะแข่งอย่างสิ้นเชิง

…………………………………..

ตอนที่ 1800-4

เวลานี้ประตูถูกเปิดออกมา เฟิงอี้เป็นคนเปิดนั่นเอง เขายังคงเหมือนเดิมทุกอย่างด้วยการสวมสูทสุดเนี๊ยบ กวาดตามองทั้งห้อง ก่อนจะหัวเราะขึ้น “พวกนายยังไม่เริ่มแข่งก็แพ้แล้ว กระทั่งโอกาสที่เจ้าแบล็กกับคุณชายฉินจะกลับมาไม่มีแล้วรึไง?”

“มะ ไม่ใช่อยู่แล้ว!” เฟิงซ่างลุกขึ้นมา หน้าแดงก่ำ!

เฟิงอี้มองดูน้องชายตัวเอง ยกมือขึ้นด้วยกิริยาเดียวกันกับฉินมั่วที่มักทำเวลาอยู่หลังเวที “ในเมื่อไม่ใช่ ก็สู้ให้มันเต็มที่ อย่าบอกฉันนะว่าพวกนายไม่ไหว?”

“ใครบอกว่าพวกเราไม่ไหว”

พรึ่บ! ทุกคนต่างยกมือวางลง

เฟิงอี้หัวเราะ “รู้ไหมว่าแค่พวกนายลงแข่ง ก็จะทำให้คนที่นี่รู้จักพวกนายในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าคุณชายฉินหรือเจ้าแบล็ก วันนี้ตอนที่ออฟฟิเชียลเว็บแนะนำพวกนาย จะมีของขวัญให้ เดี๋ยวเข้าสนามแล้วก็จะเห็นเอง มาเถอะ ทีมไดมอนด์…”

“ต้องชนะ!”  เสียงกู่ก้องที่เคล้าน้ำตา ราวกับไม่มีใครที่ได้ยิน เพราะคนกลุ่มนี้มักจะเป็นเช่นนี้แหละ เวลาที่พวกเขามักจะเช็ดน้ำตาจนแห้ง ก่อนเข้าสนามแข่ง

9:30 น. พนักงานจำนวนมากมายต่างติดวิทยุสื่อสารและป้ายพนักงาน ธงชาติจีนและออสเตรเลียลอยขึ้นมาช้าๆ ผู้กำกับหลักยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้พิธีกร

10 9 8 7 6

เสียงประโคมดังขึ้น

3!

2!

1!

“สวบ!”

แสงสว่างขึ้น หน้าจอยักษ์สว่างเช่นกัน โดยมีตัวอักษรตรงแนะนำอยู่ตรงกลาง พวกเขาเคยตกสู่หลุมลึกแห่งความมืด เวลานี้ฟื้นกลับมาใหม่ สัญญาว่าจะเป็นผู้ชนะให้ได้ ชื่อของพวกเขาคือ ทีมไดมอนด์!

ไม่รอให้เสียงเชียร์ดังออกมา ภาพหน้าจอก็เปลี่ยนไปเป็นกลุ่มคนที่สวมแบบฟอร์มเดียวกัน เสียงจึงดังตามกันมา

“สวัสดีครับ ทุกคน อินอู๋เย่าคุมเลนบน จากทีมไดมอนด์”

“สวัสดีครับ ทุกคน เหราหรงคุมเลนกลาง จากทีมไดมอนด์”

“สวัสดีครับ ทุกคน อวิ๋นหู่ ADC จากทีมไดมอนด์”

“สวัสดีครับ ทุกคน…”

ระหว่างที่คลิปแนะนำตัวปรากฏออกมา สนามแข่งต่างเงียบกริบ คนมากมายขนาดนั้นต่างเงยหน้ามองดูจอยักษ์ ฟังเสียงคนที่พวกคนชื่อชอบ จนเมื่อคนสุดท้ายออกมาก็เหมือนเลือดจะไหลพล่านทั่วตัว “สวัสดีครับ ทุกคน ฉินมั่ว หัวหน้าทีมไดมอนด์ครับ”

เสียงอึกทึกดังไปทั่ว!ทุกคนทั้งสนามต่างยืนขึ้น ร้องออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

และในเวลานี้นี่เอง คลิปดังกล่าวเหมือนถูกทำให้แตกเป็นเศษเสี้ยวแล้วมาประกอบใหม่ เปล่งประกายพราวระยับ กลายเป็นคลิปภาพการแข่งระดับมณฑล มีนักฆ่าชุดดำตะลุยฆ่าไปจนถึงบ่อเลือดของอีกฝ่ายโดยไม่มีใครช่วย

ดับเบิ้ลคิล!

ทริปเปิ้ลคิล!

ควอดคิล!

เพนตาคิล!

ฆ่าห้ารวด แบล็กพีช Z!

ผู้บรรยายร้องตะโกนจนหมดเสียง แต่ผู้คนต่างไม่ได้ยินเสียงเขา เพราะเมื่อเห็นไอดีดังกล่าว เหล่าแฟนคลับสาวๆ ต่างยกมืออุดปาก นั่นคือความซาบซึ้ง ความซาบซึ้งที่พวกแอนตี้แฟนไม่มีวันเข้าใจ ไม่ว่าคุณจะเคยพูดอะไรยังไงคุณก็จะไม่มีวันหวั่นไหว เด็กคนนี้ยืนอยู่ด้านหน้าจอยักษ์ ก้มศีรษะลง ทุกคนที่เขาโจมตีติดๆ กันอย่างรุนแรง นิ้วมือคุมเมาส์อย่างเท่ แล้วเราจะปฏิเสธเพียงเพราะเขาเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ

ไม่ ไม่มีวัน!

เด็กที่งับอมยิ้ม เดินออกมาจากที่มืด สวมหูฟังแล้วฆ่ากระหน่ำคนนี้ เทพของพวกเขาตลอดกาล แบล็กพีช Z!

…………………………………………

1800-1 vs 1800-2

 

ตอนที่ 1800-1

เฮ่อหงฮัวได้ยินเสียงนั่นแล้ว ถึงกับกุมขมับ “ลูกจิ่ว จะลำบากไปทำไม ลูกทุ่มเทไปก็เสียแรงเปล่า เสียงก่นด่าในโลกออนไลน์ไม่มีวันจบสิ้นหรอก”

ป๋อจิ่วเงยหน้าขึ้น สายตามองที่จุดหนึ่ง หัวเราะแผ่วเบา “หนูไม่แคร์”

เฮ่อหงฮัวอึ้ง จากนั้นเสียงตัดสายก็ดังขึ้น เธอรู้ดีว่าลูกเธอตัดสินใจแล้ว อันที่จริง เฮ่อหงฮัวก็ไม่เข้าใจนักว่า ลูกสาวเธอพูดว่าไม่แคร์นั้นเป็นความจริง  ลูกเธอกับสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมไดมอนด์ไม่เหมือนกัน ใช่ว่าจะต้องเล่นเกมออนไลน์ให้ได้ แต่เป็นเพราะต้องทำเพื่อชายหนุ่มต่างหาก

ป๋อจิ่วหยุดเพื่อชัยชนะของเขาบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นเท่านั้น ไม่มีคาดเดาได้ถึงคำพูดจาที่ไร้ความรับผิดชอบของคนบางกลุ่มหรอก เพื่อจะได้ไม่ต้องทนรำคาญ และเพื่อไม่ให้เฮ่อหงฮัวต้องกังวลมาก จะให้เธอทิ้งการเล่นเกมก็ได้ เพียงแต่วันหนึ่ง หากเขาฟื้นความทรงจำได้แล้วจะรู้สึกเสียดายหรือไม่? แล้วพวกเหยาเย่า หลินเฟิง เฮียเย่าและคนอื่นๆ ล่ะ ความตั้งใจของพวกเขาต่างหากที่เป็นเหตุให้เธอตัดสินใจเล่นต่อไป

ป๋อจิ่วยัดมือถือลงในกระเป๋ากางเกง เหลืออีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ท้องฟ้าก็จะสว่างแล้ว  เธอหันไปคว้าถุงมือหนังสีดำจากในรถ รวมถึงไม้เบสบอล โดยหิ้วมันไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะเดินขึ้นตึก แล้วฟาดมันไปที่หน้าต่างบานเล็กที่เก่าแก่

เพล้ง! เศษกระจกแตกกระจายเต็มพื้น  ป๋อจิ่วสวมถุงมือจึงไม่กลัว เธอค้ำมือทั้งสองแล้วสอดตัวเข้ามา ก่อนกระโดดลงพื้นอย่างรวดเร็ว ฉินมั่วที่อิงกำแพง ลืมตาทันทีที่ได้ยินเสียง แล้วจ้องมองเธอ

ฝานเจียวิ่งออกมจากห้องนอน จ้องภาพตรงหน้าตาโต เธอคิดไม่ถึงเลยว่านังนั่นจะบุกเข้ามาด้วยวิธีนี้! ทว่าป๋อจิ่วทำเหมือนไม่เห็นเธอ สองตาจับจ้องฉินมั่วเพียงคนเดียว เธอหัวเราะแผ่วเบา “เดี๋ยวฉันต้องไปธุระนานหน่อย ก่อนจะไป ฉันอยากบอกพี่นิดหนึ่งว่า คนที่สำคัญที่สุดของพี่ อยู่กับพี่มาโดยตลอด เขาเสียใจมากที่สุดก็ตอนที่พี่ตามหาเขา แล้วเขาไม่รู้ตัว ทำให้นังตัวร้ายบางคนฉวยโอกาสจับจุดอ่อนของพี่ พี่เคยบอกว่า พี่จะยืนอยู่ในที่ที่สว่างไสวที่สุด รอให้เขาหาพี่จนเจอ เพราะเขาชอบเล่นเกม พี่ถึงได้เล่นลีกส์อาชีพ ตอนนี้กลายมาเป็นตัวเขาที่รอพี่ แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ไม่เป็นไร  พี่มั่ว มันเป็นการแข่งขันที่พี่อยากเข้าร่วมมากที่สุด พี่ควรจะมานะ”

ฉินมั่วขยับนิ้ว แผ่นอกเหมือนถูกหินก้อนใหญ่ทันไว้ โดยเฉพาะเมื่อยัยนั่นพูดประโยคสุดท้าย แล้วหันหลังไป ความรู้สึกที่เหมือนหายใจไม่ออกกลายเป็นโล่ง

ฝานเจียกังวลว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จึงเอ่ยปากอยู่ข้างๆ “พี่มั่ว พี่จะทิ้งฉันไปทำอย่างอื่นอีกแล้วเหรอ?”

ประโยคดังกล่าวเหมือนคำสั่งที่ทิ่มแทงเข้าไปในโสตประสาทของฉินมั่ว “ไม่มีวัน” ใช่ ไม่มีวันอีกต่อไปที่จะทิ้งเธอคนนั้นแล้วไปทำเรื่องอื่น เขาจะไม่มีวันทำเรื่องอื่นๆ อีก

ฝานเจียรู้ดีว่าการพูดเช่นนั้นจะสามารถควบคุมเขาได้ จึงแอบยิ้มขึ้นมา เธอรู้ดีว่า Z  ต้องการทำอะไร ยังฝันอยู่ได้ ไม่มีใครที่แก้คำสั่งที่ฝังทางจิตได้หรอก ฉินมั่วไม่มีวันฟื้นความทรงจำ เว้นแต่เวลาจะย้อนกลับได้

ฝานเจียมองดูนาฬิกาบนกำแพง แววยิ้มเยาะในดวงตาชัดมากขึ้น ต้องขอบคุณคนพวกนั้น พวกซาแซงแฟนที่ชอบร่ำร้องขัดแย้งกับออฟฟิเชียลเว็ป ถ้าไม่เพราะความชอบของพวกมัน เอาเอ่ยแต่เรื่องด้านลบจนทำให้ทีมไดมอนด์ประสบปัญหาอยู่เรื่อยมา เกรงว่าจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่สมความหวังเลยด้วยซ้ำ เพราะมีแต่คนพวกนี้นี่แหละที่จะก่อเรื่องให้เฟิงอี้ได้

หากไม่จัดการปัญหาดังกล่าว ข่าวลือจะยิ่งแพร่เร็วกว่าเดิมอีก แต่หากจัดการก็จะทำให้เกิดข่าวลือที่รุนแรงกว่า เช่น ทีมไดมอนด์ไม่แคร์ความรู้สึกของแฟนคลับ

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เฟิงอี้จึงได้แต่วิ่งสองทาง ทำให้เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด ส่งผลให้เธอเจาะช่องโหว่ได้

…………………………………..

ตอนที่ 1800-2

เวลานี้ทีมไดมอนด์สลัดปัญหาที่ร้อนระอุไม่สำเร็จ เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก มีพวกซาแซงแฟนอยู่ด้วย จะทำให้ทีมดังกล่าวย่ำแย่ลงเรื่อยๆ สำหรับนัง Z ก็ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฝานเจียหันไปมอง เห็นมือของฉินมั่วที่ทาบทับบนตำแหน่งหัวใจพอดี เธอไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้มาก่อน จึงยื่นมือไปพยุง ทว่าเขากลับกำฮู้เอาไว้

หลายครั้งแล้วนะ เธอกลับสู้ไอ้ฮู้คุ้มครองตนนั่นไม่ได้!

ข้างนอกตัวตึก มีตำรวจนอกเครื่องแบบมาสมทบอีกกลุ่ม ส่วนป๋อจิ่วเปิดไฟท้ายรถแลมโบกินี่ แต่ไม่ได้ขับรถออกไป แค่กำชับว่า “ถ้าพี่มั่วหายไปเหมือนเมื่อครั้งที่อยู่ในกองทัพแบบไม่รู้ตัวอีกล่ะก็ ฉันจะรื้อนายไปทำเป็นหุ่นยนตร์ทำความสะอาด”

เสี่ยวเฮยได้ยินคำข่มขู่ที่แสนจะหน้าไม่อายอย่างนี้เป็นครั้งแรก “เจ้านายครับ คุณใจร้ายกับรถที่คุณรักได้ขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“รถที่ดูแลคนแค่คนเดียวไม่ได้เนี่ยนะ?” ป๋อจิ่วตบไฟท้ายของมัน “นายชอบบ่นว่าเป็นรถที่มีชีวิตมิติเดียวไม่ใช่เหรอ ดีเลย จะได้ปลูกฝังนิสัยรักการปัดฝุ่นเสียที”

ในฐานะที่เป็นรถอัจฉริยะ ย่อมมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลในระบบ สุดยอดรถอย่างมันจะยอมปล่อยให้ตัวเองตกต่ำจนกลายเป็นไม้กวาดได้อย่างไร ต่อให้เป็นแบบอัจฉริยะก็ไม่ได้ “ครั้งที่แล้วเป็นเหตุสุดวิสัยครับ ผมนอนหลับเลยทำอะไรไม่ได้ แล้วใครจะไปรู้ว่าจอมมารจะหนีไปในตอนกลางคืน!”

ป๋อจิ่วถึงกับหัวเราะเมื่อได้ยิน ก่อนจะเอ่ยอย่างเป็นปกติ “ฉันถึงได้อาบน้ำให้นายอย่างอ่อนโยนไงล่ะ ไม่ได้รื้อชิ้นส่วนของนายสักหน่อย”

เสี่ยวเฮยรู้ว่าวันนี้เจ้านายจะดูอันตรายเป็นพิเศษ กลัวว่าตัวเองจะไม่มีชีวิตรอด จึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดึงดูดหัวใจสุดชีวิต “เจ้านายครับ วางใจได้ ผมจะไม่ปล่อยใครมาทำให้นังปีศาจของคุณแปดปื้อน เขาอยู่ที่ไหน ผมก็จะอยู่ที่นั่นด้วย รับรองว่าจะไม่ปล่อยให้หายไปเด็ดขาด!”

ป๋อจิ่วไม่พูดอะไรอีก ได้แต่ตบตัวมัน ส่งผลให้เสี่ยวเฮยตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะเปิดไฟรถให้สว่าง

ส่วนเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเห็นแล้ว ต่างคิดว่าตัวเองเจอเรื่องเหนือธรรมชาติ ต่างสบตากัน ก่อนจะยืนนิ่งกันทั้งกลุ่ม ส่วนเจ้าเด็กนั่นก็เออแฮะ ไม่ฝากพวกเขา แต่ดันไปฝานรถ

ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกสว่างขึ้นมาจริงจัง  ไม่มีวันที่ท่านเสธฉินจะไม่ได้รับข่าวของลูกชาย ในระหว่างที่ผู้ช่วยจางกำลังรายงาน ราชินีจอเงินตื่นขึ้นก่อนเวลามานานแล้ว เพื่อจะได้ยินอะไรบางอย่าง

คนอย่างท่านเสธฉินไม่มีวันหรอกที่จะไม่รู้ถึงลมหายใจที่อยู่ใกล้  ดังนั้นหลังจากที่ผู้ช่วยจางจากไป ท่านจึงเดินมาที่มุมหนึ่ง เห็นชายกระโปรงชุดนอนที่ลาดอยู่บนพื้น จากนั้นท่านเสธก็ทรุดตัวลง ดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอด ท่านที่อยู่ในชุดทหารเต็มยศ “ต่อให้คุณไม่เชื่อผมก็ต้องเชื่อลูก เขาจะไม่มีวันเป็นอะไร”

“ฉันน่าจะรู้ตั้งแรก ตอนนั้นพวกเราเห็นแก่ตัวเองจนเกินไป พอยุ่งขึ้นมาก็ส่งเขาไปเมืองนอก พอว่างก็คิดจะเอาตัวเขากลับ ไม่ถามสักคำว่าเขายินดีไหม” คนสวยอยู่ในอ้อมกอดของท่านเสธในสภาพเหมือนเด็กน้อยเลยทีเดียว น้ำตาคลอตา “ตอนเขารักฮู้นั่นมากมาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่าใส่อะไรลงไปในนั้น ฉันเคยไปถามคุณพ่อ คุณพ่อก็บอกแค่ว่าเป็นความหลังที่เขาไม่อยากลืม หลายปีที่ผ่านมาพวกเราคิดว่าเขาจำไม่ได้แล้ว ถึงเป็นการดีต่อเขา เพราะเขาจะได้ใช้ชีวิตในเจียงเฉิงได้อย่างเป็นปกติต่อไป แต่ไม่รู้ว่าในใจเขารู้สึกยังไงกันแน่”

ท่านเสธกอดเธอแน่น “ต้องโทษผม จะโทษก็ต้องโทษผม”

“ฉันน่าจะโทษคุณ ฉันบอกตรงๆ ถ้าลูกกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ เราก็หย่ากัน” คนสวยพูดอย่างนั้นก็จริง แต่มือกลับไม่ปล่อย “คุณว่าฮู้นั่นจะปกป้องลูกเราได้ไหม?”

ท่านเสธที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนั้น เอ่ยเสียงต่ำ “แน่นอน”

…………………………………..

1799-3 vs 1799-4

ตอนที่ 1799-3

พนักงานคนนี้เดินขึ้นตึกอย่างรู้สึกชินกับความประหลาดที่ว่า โดยก่อนขึ้นไปยังมองลูกโป่งเหล่านั้นแล้วบอกตัวเองในใจ ต่อไปเวลาที่แฟนเขางอน เขาก็จะโอ๋อย่างนี้นี่แหละ โรแมนติกดีออก

ฉินมั่วยืนอยู่ข้างบน เห็นป๋อจิ่วไม่อยู่อีกแล้ว ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรกับพนักงานเดลิเวอร์รี่ เช่นเดียวกับฝานเจียที่ไม่รู้เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อมีคนเคาะประตู ฝานเจียจึงถามขึ้น “ใคร”

เสียงดังจากข้างนอกตอบว่า “เอาอาหารเดลิเวอร์รี่มาส่งครับ”

เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูออก เธอรู้ดีว่า Z เป็นคนสั่งมา ในเมื่อส่งมาให้เธอก็จะรับล่ะ แล้วไม่เพียงจะรับ ยังจะกินร่วมกับฉินมั่วด้วย นังนั่นจะได้รู้เสียทีว่าเวลาที่มองเธอกับเขากินข้าวด้วยกันจะรู้สึกอย่างไร! แต่ฝานเจียกลับคิดไม่ถึง หลังจากที่เปิดประตูออกไป พนักงานคนนั้นกลับพูดเพียง “สวัสดีครับ” แล้วเอ่ยต่อ “พี่รูปหล่อครับ มีโน้ตถึงพี่ครับ”

ฝานเจียห้ามไม่ทัน เพราะฉินมั่วเดินมารับกระดาษนั่นไปแล้ว โดยมีข้อความเขียนว่า “ชอบลูกโป่งที่ส่งให้ไหม? แฟนจ๋า”

ฝานเจียโมโหสุดขีด ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึงว่า การกระทำของตัวเองจะทำให้นังนั่นสื่อสารกับเขาได้  แต่กระนั้นก็ยังไม่จบ “สำหรับอาหาร ฉันสั่งมาสองชุด ชุดหนึ่งฉันเก็บไว้กินเอง อีกชุดหนึ่งให้พนักงานส่งมาให้ ว่ากันว่าคนคู่กันถึงจะอยู่ห่างไกล แต่พี่มั่วลองก้มดูก็จะเห็นฉันกิน”

ฉินมั่วไม่สนใจหรอกว่าคนอื่นจะกินยังไง เขาสงสัยแค่ว่ายัยนั่นยังทำอะไรได้อีก จึงเดินไปดูที่ริมหน้าต่าง

ฝานเจียผิดแผน จึงหมดความอดทน ไม่อยากให้นังนั่นเห็นอะไรอีกด้วย! “พี่มั่ว ดึกแล้ว พวกเรานอนกันเถอะ” ว่าแล้วก็เดินไปปิดไฟที่ห้องรับแขก ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องนอน เธอรู้ดีว่าต่อให้ฉินมั่วไม่สนิทชิดเชื้อกับเธอ แต่ยังคงปกป้องเธออยู่ใกล้ตัวแน่นอน

ฝานเจียยิ้มพลางมองดูฉินมั่วเดินมาหาเธอ ไม่ไปที่ริมหน้าต่างอีก มุมปากแอบหยัดยิ้มขึ้น เธอบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า มันไม่มีประโยชน์หรอก ผู้ชายคนนี้เป็นของเธอคนเดียว! รอจนถึงบ่ายวันพรุ่งนี้เถอะ คำสั่งที่แฝงทางจิตจะถูกเปิดใช้งานครบ 24 ชั่วโมงแล้ว

และเมื่อ 24 ชั่วโมงผ่านไป เธอจะสั่งให้เขาฆ่าคน ถึงเวลานั้นมือเขาต้องเปื้อนเลือดแน่ เธออดทนได้และไม่แคร์ที่จะต้องรอ แต่เธอค้นพบบางสิ่ง ฮู้นั่นมันบาดตาเป็นบ้า มันจะรบกวนคำสั่งของเธอทุกครั้งเลยสิน่ะ รออีกหน่อยเถอะ รอจนผ่านคืนนี้ไป เธอจะกำจัดมันทิ้ง!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ รอยยิ้มบนมุมปากของฝานเจียก็หยักลึกขึ้น ทว่าตอนแรกเธอคิดว่าฉินมั่วจะเดินเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับเธอ ไม่คิดเลยว่าเขาจะหยุดอยู่หน้าห้องนอน ทิ้งระยะห่างไว้เพียงห้าก้าว ไม่มากหรือน้อยกว่านี้ ทั้งยังไม่คิดจะเข้ามาด้วย! ฝานเจียร้อนใจทันที “พี่มั่ว พี่ไม่นอนเหรอ? จะยืนตรงนั้นทั้งคืนหรือไง?”

………………………………………

ตอนที่ 1799-4

เขาตอบด้วยการพิงกำแพง ยืนพิงเอียงๆ ซุกมือทั้งสองเข้ากระเป๋ากางเกง หลับตาลง สื่อความหมายชัดเจน

ฝานเจียอยากจะกินข้าวกับเขา แต่ใครจะคิดล่ะว่า เขาไม่ยอมพูดอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาหารสักคำ

ชายหนุ่มที่ไม่ยืนที่ริมหน้าต่าง ดูเหมือนเป็นจอมมารที่ไม่สนใจต่อบรรยากาศรอบด้านอีก ความมืดเข้าปกคลุมตัวเขา

ฝานเจียคิดจะออกคำสั่งกับชายหนุ่ม แต่เกรงว่าจะได้ผลในทางกลับกัน รออีกสักคืนเถอะ คงไม่เป็นไร อย่างไรเสียเขาก็อยู่ในห้องเดียวกับเธอ และนัง Z ก็คงได้แต่วิตกจริตมากมายต่อไป เธอไม่เชื่อหรอกว่านังนั่นจะใจเย็นอยู่ได้!

ป๋อจิ่วไม่ได้ใจเย็นจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเห็นดวงไฟในห้องดับลง ยิ้มที่มุมปากของเธอสลายไป กระทั่งอาหารชุดในส่วนของเธอ ยังถูกโยนทิ้งลงถังขยะ เธอบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก แต่กลับจุดบุหรี่สูบอย่างทนไม่ไหว

อากาศข้างนอกหนาวมาก เธอไม่รู้ว่าอุณหภูมิในห้องที่เขาอยู่เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกแค่ว่าตัวเองหนาวไปทั้งตัว ยังดีที่ในรถมีเครื่องทำความร้อน แต่เธอไม่อยากอยู่ในรถ ด้วยอยากให้เขาเห็นเธอ จึงยืนสูบบุหรี่ถึง 7-8 มวนอยู่ใต้ตึก จนทนความหนาวเหน็บไม่ไหว เปิดประตูรถออก

ป๋อจิ่วรู้เช่นกันว่าฝานเจียย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้เธอกับชายหนุ่มได้ติดต่อกันแน่ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเห็นของที่เธอให้แล้ว จะหวั่นไหวบ้างหรือเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามาก กลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุด แต่หากจะลงมือจับฝานเจียในเวลานี้ขึ้นมาจริงๆ มีหวังตกหลุมพรางของอีกฝ่ายแน่

ป๋อจิ่วช้อนสายตาดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ 5 ทุ่มแล้ว เหลืออีกไม่ถึง 12 ชั่วโมงก็จะได้เวลาแข่ง

ด้วยเวลาจำกัดเพียง 12 ชั่วโมง จะทำอย่างไรให้ชายหนุ่มฟื้นความทรงจำ?  ป๋อจิ่วคิดหาวิธีมากมาย แต่ไม่มีวิธีไหนที่จะเป็นไปได้เลย

รอจนถึงตี 2  เธอพยายามบังคับตัวเองให้พักผ่อน เพราะฝานเจียต้องมีแผนต่อแน่ และหากคำสั่งที่ฝังทางจิตถูกเปิดออกนานเข้า จะยิ่งแก้ไขยาก เธอรู้ดีว่าฝานเจียลากเวลาให้มันยืดเยื้อ เพื่อฆ่าเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ป๋อจิ่วก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร เธอยื่นมือนวดหัวคิ้ว มองดูเศษบุหรี่ที่ร่วงลงพื้น แล้วมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง พบว่าเวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมงแล้ว

โลกออนไลน์ยังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ คงเพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 ชั่วโมง ซึ่งทางออฟฟิเชียลเว็บไซด์ได้เริ่มตั้งเวลาถอยหลังแล้ว กระทั่งในตอนนี้ ก็ยังมีคนต่อต้านไม่เห็นด้วยที่ฉินมั่วกับแบล็กพีช Z จะลงแข่งขัน

ป๋อจิ่วสไลด์นิ้วบนมือถือ รู้สึกว่ามันหนาวมาก มันก็หนาวจริงๆ แต่วางมือไม่ได้ เธอกดต่อสายถึงเฮ่อหงฮัว

คนเป็นแม่รับสาย ก็ได้สติทันที “จิ่ว ลูกจิ่วใช่ไหม?”

“หนูเองค่ะ” ป๋อจิ่วยิ้มออกมา เงยหน้ามองดูความมืดนอกหน้าต่าง ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงเช้าแล้ว เหลืออีกไม่ถึง 4 ชั่วโมงก็จะได้เวลาแข่ง

ภายใน 4 ชั่วโมงนี้ เธอพอจะดาดเดาผลออก จะรั้งรอเวลาต่อไปไม่ไหว ยังไงก็ต้องรักษาสิ่งที่สำคัญที่สุดให้เขาให้ได้

ป๋อจิ่วถอยหลังก้าวหนึ่ง สวมฮู้ดบนศีรษะ ร่างสูงระหงเอ่ยปากขึ้น ควันก็ลอยออกมา “เรื่องที่หนูเคยสัญญาไว้ กลัวว่าต้องผิดคำพูดกับแม่แล้วล่ะค่ะ”

…………………………………………

1798-2 vs 1799-1 vs 1799-2

ตอนที่ 1798-2

ป๋อจิ่วไม่คิดว่าความปากร้ายของตนจะมีปัญหา ใครก็ตามที่จะทำให้เธอกับพี่มั่วต้องเลิกกัน ควรจะต้องโดนกระแทกเสียบ้าง จากนั้นเธอจึงก้าวเท้า หมุนตัว แล้วกลับเข้าไปในร้านบะหมี่

การพูดคุยกันระหว่างเธอกับเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ล้วนแต่อยู่ในสายตาของฉินมั่ว ทว่าสิ่งที่เธอเอ่ยขึ้นมา กลับทำให้ชายหนุ่มถึงกับเงยหน้ามอง

“พวกนั้นจะไม่ทำอะไรพี่ แต่ถ้าให้ฉันเดา พี่คงไม่ไว้วางใจ เอาอย่างนี้ ฉันจะเป็นตัวประกันให้พี่เอง ถ้ามีตัวประกันแล้ว ต่อให้พวกเขามีพลยิงไกล ก็จะไม่ยิงใครง่ายๆ”

เป็นครั้งแรกที่ฉินมั่วเห็นคนเสนอตัวเป็นตัวประกัน สายตากวาดมองใบหน้าของอีกฝ่าย ผิวขาวเนียนละไมจนเห็นไรขนอ่อนๆ เขาดูอย่างละเอียด

เธอกำลังยิ้ม ปลายจมูกยังเปื้อนอยู่ เส้นผมสั้นเซอร์จะเป็นกระจุก ดูไร้พิษสงเหมือนลูกแมวไร้พิษสง แต่กลับแฝงไปด้วยความอันตรายอย่างเป็นธรรมชาติ คนที่ฉลาดเสียหน่อย ย่อมไม่เลือกเจ้าเด็กนี่เป็นตัวประกันแน่นอน…

ป๋อจิ่วรู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังครุ่นคิด จึงยืนให้เขาสำรวจเต็มมี่ กระทั่งยังก้มตัวถามอีกต่างหาก “รู้สึกว่าฉันหล่อเป็นพิเศษเลยใช่ไหมล่ะ? จะลักพาตัวไปดูสักหน่อย ก็ไม่เห็นจะเสียหายนี่?”

ฉินมั่วเลิกคิ้ว อย่างแรกด้วยระยะที่ใกล้ชิด อย่างที่สอง เพราะอีกฝ่ายหน้าตาดีมาก

ฝานเจียเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้ว กัดฟันจนเจ็บไปหมด “พวกเราไม่ต้องการตัวประกัน!” จากนั้นก็เดินนำไปยังหน้าร้าน ฉินมั่งเห็นหล่อนอยู่ห่างจากตัวเองได้ห้าก้าว พลันก้าวขาตามไป

ป๋อจิ่วมองดูอย่างเงียบๆ ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอดูแผ่นหลังเขา หากคิดให้ดี เพราะเขาจะเป็นฝ่ายมองดูเธอจากไปทุกครั้ง เมื่อก่อนเธอคิดว่า เวลาที่เดินจากไป เธอเป็นฝ่ายที่ทุกข์ทรมานมากที่สุด แต่ตอนนี้เธอกลับเข้าใจอะไรบางอย่าง ที่แท้แล้ว เขาที่รออยู่ที่เดิมเสมอต่างหากที่ทุกข์ทรมานที่สุด

ป๋อจิ่วนึกถึงคำสัมภาษณ์หนึ่งขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด มีคนถามเขาว่าทำไมถึงเล่นลีกส์อาชีพ เขาตอบว่า ‘เพราะคนที่ผมตามหาชอบเล่นเกม’

ไม่เพียงแต่ตอนเป็นเด็ก กระทั่งโตขึ้นเขาก็ยังรอเธอมาตลอด

ป๋อจิ่วมองตามเงาของร่างของชายหนุ่มหยุดลง ห้าก้าวเหรอ?  คำสั่งที่แฝงทางจิตยังรวมถึงการอยู่ห่างจากฝานเจียไม่เกินระยะทางหนึ่งๆ ด้วยงั้นเหรอ? ป๋อจิ่ววิ่งตามไป ในเมื่อไม่ต้องการตัวประกัน งั้นเธอจะตามไปเป็นเพื่อนบ้านเขาเอง

ฝานเจียเดาออกว่าคนพวกนั้นไม่ลงมือแน่ เพราะจากสีหน้าของคนนั้น น่าจะเดาอะไรบางอย่างได้ เดิมเธอกะจะฉวยโอกาสให้ฉินมั่วฆ่าสักคนสองคน เพราะมีแต่การทำแบบนี้ จะทำให้เธอวางใจ ด้วยหลังจากที่มือเปื้อนเลือดของผู้บริสุทธิ์ เขาจะไม่มีวันกลับไปเป็นฉินมั่วคนเดิม และนิสัยของเขาจะเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ แต่นัง Z กลับมาทำลายแผนเธอครั้งแล้วครั้งเล่า!

ฝานเจียแค้นขีดสุด แต่รู้ดีว่าตัวเองทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้  ทว่า…แล้วจะยังไง คนที่เขาเดินตามหลังชนิดไม่คลาดสายตาคือเธอ ฝานเจีย ไม่ใช่นังนั่น อยากตามมาใช่ไหม เชิญตามสบาย เธอจะให้นังนั่นเห็นกับตาตัวเองว่า ฉินมั่วดีต่อเธอยังไง! ถ้ามันมองไม่เห็น เธอก็จะเล่าให้มันฟังเอง

ก้นบึ้งนัยน์ตาของฝานเจียเป็นประกาย รอจนเลี้ยวที่มุม ก็หยุดชะงัก “พี่มั่ว พี่รอตรงนี้ ฉันไปคุยกับเขาสักหน่อย สบายใจได้ ฉันจะไม่อยู่ห่างจากพี่เกินห้าก้าว”

ฉินมั่วไม่พูดอะไร แต่ฝานเจียรู้ว่าคำพูดของเธอถือเป็นการกระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิต เจ้าหล่อนยิ้มพลางเดินมาหาป๋อจิ่ว…

…………………………..…………..………..

  ตอนที่ 1799-1

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว แต่ไม่ถอยหลัง แค่ซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋า มองดูฝานเจียที่อยู่ข้างหน้า ทางด้านฝานเจียยิ้ม เอ่ยเสียงต่ำ “ฉันขอเตือนว่าอย่าเสียแรงเปล่าเลย พรุ่งนี้แกจะแข่งระดับเอเชียแล้วนี่ ตอนนี้เย็นมากแล้ว พอถึงตอนค่ำพวกเราก็เข้าห้อง แกทำอะไรไม่ได้หรอก ฉันรู้ว่าแกอยากพาเขาไปแข่ง แต่น่าเสียดายจริงๆ เขาในตอนนี้อยู่ห่างจากฉันไม่ได้อีกแล้ว ใครก็ตามที่เข้ามา ต้องลงเอยแบบเดียวกันหมด

ป๋อจิ่วมองดูหล่อน ย้อนถามอย่างเอื่อยเฉื่อย “แผนของเธอสำเร็จแล้ว ปลอมตัวเป็นฉัน แถมยังสร้างภาพสมมติลงในสมองเขาได้เรียบร้อย แต่ถ้าว่ากันตามเหตุผล เขาน่าจะสนิทกับเธอไม่ใช่เหรอ แต่เขายังไม่ยอมให้เธอแตะต้องเขาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ เธอรู้ไหมว่าทำไม?”

ฝานเจียแววตาหนักอึ้งทันทีที่ได้ยิน “Z แกนี่มันไม่เห็นแม่น้ำฮวงโหแล้วไม่ยอมแพ้[1]สินะ”

“ฉันก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว” ป๋อจิ่วเอียงศีรษะ ยิ้มรับเต็มปากเต็มคำ “เธอต้องขอบคุณในโชคชะตาที่มีเขาอยู่ด้วย ไม่งั้นล่ะก็ ฉันก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะเอาตัวเธอไปโยนทิ้งเป็นอาหารที่ทะเลไหนดี”

ฝานเจียกำมือแน่น “แกอย่าโอหังให้มากนัก ถึงวันนี้เขาจะไม่ยอมฆ่าแกตามคำสั่งของฉัน แต่ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่ฆ่า แกฉลาดขนาดนี้น่าจะรู้ว่าคำสั่งที่แฝงทางจิตจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเรื่องอื่น ยังต้องให้ฉันเตือนแกอีกไหม? สักวันหนึ่งเขาต้องรู้ว่าฉันเป็นคนเดียวที่เขาควรจะเลือกมากที่สุด ฉันอุตส่าห์ทำทุกอย่างแทบตายก็เพื่อเขา แล้วแกจะหมดความหมายต่อเขาตลอดไป”

“ไอ้ความคิดที่ว่าฉันรักเธอแล้วเธอจะต้องรักฉันเนี่ย ไม่จำเป็นต้องพูดหรอก ถ้าการทำลายของรักของเขา แล้วเรียกว่า ‘รัก’ ล่ะก็ เดาว่าคนทั้งโลกคงไม่ต้องการความรักแบบนั้น” แววตาของป๋อจิ่วเย็นยะเยือก ไม่เหลือความอบอุ่นสักนิด

ฝานเจียแพ้อีกฝ่ายราบราบ จึงกำมือแน่นขึ้น “แล้วจะยังไง เพราะในท้ายที่สุดคนที่อยู่ข้างเขาก็คือฉัน แต่แกสิ ถ้าเอาตัวเขากลับไปแข่งไม่ได้ ตัวเองก็เล่นไม่ได้เหมือนกัน เฮอะๆ ต้องลำบากกันแล้วล่ะนะ Z คนที่เป็นศัตรูกับฉัน จุดจบไม่สวยกันทั้งนั้นแหละ แกนี่มันใสซื่อดีนะ ทำให้พวกเรามีโอกาสจู่โจมเขา แกคิดว่าเป็นนักกู้โลกหรือไง ช่วยไปเสียทุกคน แน่เหลือเกินนี่ แต่กลับเป็นแค่คนธรรมดาที่สู้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันไม่ได้ คนอย่างแกไม่คู่ควรที่จะอยู่ข้างเขา” พูดจบ เจ้าหล่อนก็เดินกลับไปอยู่ข้างตัวฉินมั่ว ยิ้มให้ “พี่มั่ว พวกเราไปกันเถอะ”

ป๋อจิ่วไม่พูดอะไร ได้แต่ซุกมือไว้ในกระเป๋า พลางเดินตามหลังไป อันที่จริงเธอไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้นักหรอก แต่เทียบกันแล้ว เธอไม่ชอบที่จะไม่เห็นเขามากกว่า

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง จนแสงสุดท้ายจางหายไปตามการมาเยือนของยามค่ำคืน มือถือของป๋อจิ่วส่งเสียงอยู่นั่น แต่เธอไม่คิดจะรับสาย เพราะถ้ารับสายก็ไม่รู้จะบอกพวกหลินเฟิงอย่างไรดีว่าเธอทำท่านเทพหายอีกแล้ว ฝานเจียพูดถูกอย่างหนึ่ง เธอทระนงว่าตัวเองเก่งเกินไป ฉะนั้นของที่ควรคว้าได้กลับจับไว้ไม่อยู่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป้าหมายในการมาเจียงเฉิงของฝานเจียอยู่ที่เขา เธอควรต้องเฝ้าเขาตลอด 24 ชั่วโมง แต่เพราะเธอพยายามจะจับฝานเจียให้ได้ ทำให้เสียสมาธิ

บรรยากาศในโลกออนไลน์กำลังดุเดือดเลยทีเดียว เธออุตส่าห์สู้จนเฮือกสุดท้าย แต่กลับทำเขาหลุดลอยไปอีก

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ป๋อจิ่วขยับนิ้ว มองด้านบน ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังรถแลมโบกินี่ที่จอดในซอย จากนั้นจึงเหยียบคันเร่ง เคลื่อนรถมาถึงใต้ตึกแห่งนั้น

ฉินมั่วยืนอยู่บนตึก ต่อให้ไม่ต้องก้มหน้าก็เห็นความเคลื่อนไหวข้างล่างตึก

ตึกแห่งนี้แม้จะเก่า แต่มีทัศนวิสัยดีเยี่ยม เมื่อยืนตรงริมหน้าต่าง ก็จะเห็นความเป็นไปข้างนอกจนหมด

ตอนแรกเขาเห็นแค่ยัยนั่นคอตก ไม่รู้ว่าคิดอะไร แต่ไม่เท่เหมือนตอนที่ยกบะหมี่มาเสิร์ฟให้เขา ดูน่าเวทนาเหลือเกิน

…………………………………….

ตอนที่ 1799-2

ฉินมั่วขยับตัวอัตโนมัติ ไม่อยากมองดูต่อไป ไม่รู้ว่าทำไม แต่เห็นเธอคนนั้น ทรวงอกเขาพลันเจ็บร้าวไปหมด จนแทบจะแบกรับความเจ็บดังกล่าวไว้ไม่ได้ แต่พอเขาเพิ่งผละมาจากริมหน้าต่าง กลับวิ่งไปดูต่ออย่างทนไม่ไหว ทว่าเมื่อกลับไปดูใหม่อีกครั้งเธอก็ไม่อยู่แล้ว

ฉินมั่วบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร ทรวงอกไม่เจ็บแล้วก็จริง แต่มันวูบโหวง ทำให้ทรมานยิ่งกว่าเก่า ราวกับถูกขุดบางส่วนไปจากหัวใจ กระทั่งมีเสียงแผ่วเบาที่บอกว่า ‘ดูเอาเถอะ ยัยนั่นรอไม่ไหวจนเดินจากไปแล้ว’

ฉินมั่วยื่นมือกำฮู้เอาไว้ ราวกับทำแบบนี้ เสียงนั่นจะหายไป

ฝานเจียยืนอยู่ข้างๆ เก็บทุกรายละเอียดไว้ในสายตา ก้นบึ้งนัยน์ตาฉายแววแค้นเคือง ทำไม ทั้งๆ ที่อยู่ในห้องเดียวกันแท้ๆ แต่สายตาเขากลับไม่เคยหยุดมองที่ตัวเธอเลย! “พี่มั่ว” เธอเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแฝงแววร้องไห้ “ฉันกลัว กลัวว่าพี่จะทิ้งฉันไปอีก” ส่งผลให้แววตาของฉินมั่วหวั่นไหว กำมือแน่นขึ้น

ฝานเจียรู้ว่าเสียงตัวเองมีผลต่อตัวเขา จึงเดินไปหมายจะฉวยโอกาสกอดเอวชายหนุ่ม แต่กลับเห็นเขาช้อนสายตามอง เดินไปที่ริมหน้าต่างอีกครั้ง เหลือเพียงความว่างเปล่าให้เธอ

ฝานเจียโมโหสุดๆ มองตามสายตาของชายหนุ่ม จึงเห็นนังตัวดีที่ทำลายแผนการของเธออีกแล้ว! และสิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้มากที่สุดก็คือ สายตาของฉินมั่ว! ทำไมสายตาของเขาถึงจ้องนังนั่นอยู่ร่ำไป

ฉินมั่วกำลังมองป๋อจิ่วจริงๆ ไม่ใช่ว่าเจตนามอง แต่ยัยคนที่ยืนอยู่ด้านล่างตึกโดดเด่นจับสายตาเหลือเกิน  ไม่รู้ว่าไปเองลูกโป่งมาจากไหนเป็นพวงเลย แถมยังเป็นลูกใหญ่ด้วย ด้านในมีดวงไฟสีสันสวยงาม และดูเหมือนเธอจะรู้ตัวว่าเขากำลังมองอยู่ จึงซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋า ส่งยิ้มให้เขาก่อนจะปล่อยลูกโป่ง

เมื่อลูกโป่งลอยขึ้นสู่ด้านบน ฉินมั่วจึงเห็นตัวอักษรที่เขียนไว้บนนั้น “แฟนของฉันจ๋า พี่หิวแล้วหรือยัง?” ลูกโป่งทั้งเก้าปรากฏตัวอักษรอันละตัว

ฉินมั่วเลิกคิ้วทันทีที่เห็น กระทั่งเขายังไม่รู้ตัวว่า มุมปากหยักยิ้มนิดๆ ทว่าเมื่อฝานเจียเห็นยิ้มดังกล่าว  แววตาเต็มด้วยความริษยาทันที!

ป๋อจิ่วไม่สนหรอกว่าฝานเจียจะคิดยังไง พอรู้ว่าฉินมั่วได้รับสารที่เธอสื่อถึง ก็เรียกพนักงานส่งเดลิเวอร์รี่ที่ใช้บริการให้เดินมาหา ก่อนจะงับฝาปากกา แล้วเขียนตัวอักษรบนเมนู เอ่ยเบาๆ “เอาของนี่ไปส่งให้เจ้าของห้องนั้น รบกวนเอากระดาษนี่ส่งให้พี่รูปหล่อที่ยืนริมหน้าต่างตรงนั้นด้วย”

พนักงานเพิ่งเคยเจอะเจอกับเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก มองดูลูกโป่งที่ลอยขึ้นด้านบน “เขาเป็นแฟนคุณจริงเหรอครับ?”

ป๋อจิ่วส่งเสียงยอมรับ ก่อนจะเขียนข้อความเพิ่มในเมนูนั่น ทว่าพนักงานยังคงสงสัย “แล้วทำไมเขาถึงอยู่กับผู้หญิงคนอื่น”

“เพราะเขาเสียความทรงจำ” ป๋อจิ่วชะงัก ก่อนจะยิ้มออกมา “แฟนฉันดีทุกอย่าง แต่เสียความทรงจำ เวลางอนฉัน ปกติแล้วเขาไม่เป็นแบบนี้หรอก ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ เขาเป็นต้องทำเหมือนกับผู้หญิงพวกนั้นเป็นแบคทีเรียเลยล่ะ”

พนักงานฟังแล้วงง ทำหน้าแบบผมไม่เข้าใจจริงๆ ครับ แต่เดี๋ยวนี้มีเรื่องประหลาดๆ เกิดขึ้นมากมาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงข้อความที่เติมในเมนูเลย

ปกติแล้วคนที่สั่งอาหารเดลิเวอร์รี่บางคน จะเขียนเงื่อนไขเพิ่มบนเมนูว่า ขอให้เจ้าของร้านช่วยส่งหนุ่มหล่อมาส่งอาหารให้ฉันด้วย

……………………………………

[1] ไม่เห็นแม่น้ำฮวงโหแล้วไม่ยอมแพ้ หมายความว่า หากไม่เจอทางตันที่ไม่มีวันผ่านไปได้ ก็จะมุ่งมั่นต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ

1797-1 vs 1797-2 vs 1798-1

ตอนที่ 1797-1

ฉินมั่วกลับไม่ลงมือ!

ทำไมถึงไม่ฆ่ามัน? ฝานเจียหันไปมองเขา เห็นเพียงเขากำฮู้นั่นแน่น แววตาไร้อารมณ์พิสูจน์ทุกสิ่งคำสั่งที่แฝงทางจิตไม่มีอิทธิพลพอที่จะให้เขาฆ่า Z  ทั้งๆ ที่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น มันกลับได้ผล แต่ทำไมเมื่ออยู่ต่อนหน้านังนั่น กลับไร้ประสิทธิภาพ

ฝานเจียกำมือแน่น ความไม่ยอมแพ้เต็มนัยน์ตา แต่ไม่นาน เธอก็รับรู้สิ่งหนึ่งได้!  หากการจะให้เขาฆ่าผู้หญิงคนนี้มันเป็นไปไม่ได้ แต่เช่นเดียวกัน ถ้าฝ่ายตรงข้ามทำร้ายเธอ เขาต้องช่วยเธอแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น แววตาที่เขามองยัยนั่น เต็มไปด้วยความแปลกหน้า หมายความว่า Z จะโอหังได้เพียงเท่านี้แหละ! เธอเกิดความคิดใหม่ขึ้น เก็บมีดพลางทำท่าอ่อนแอไปเกาะชายหนุ่ม “พี่มั่ว เขาจะเอาตัวฉันไป เขาต้องเอาตัวฉันไปแน่ เขากับพวกที่อยู่ข้างนอกเป็นพวกเดียวกัน พี่ช่วยฉันนะ”

นั่นไง ฉินมั่วยื่นมือออกมากันไว้ข้างหน้าฝานเจีย แววตาไร้แสง เสียงที่เอ่ยเหมือนไม่ได้ตอบฝานเจีย ราวกับจะบอกตัวเองมากกว่า “ฉันจะไม่ยอมให้ใครพาตัวเธอไป”

เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น เท้าของป๋อจิ่วถึงกับหยุดชะงัก ช้อนสายตามองฝานเจีย ส่วนฝานเจียโผล่หน้าออกมานิดหนึ่ง แววตาแฝงแววเจ้าเล่ห์ ราวกับจะบอกว่า ‘แน่จริงก็เข้ามาเลย’

ป๋อจิ่วหรี่ตาลง เธอไม่ชอบภาพตรงหน้าแบบนี้ แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้วก็ตาม

ฝานเจียยังคงแสร้งทำเป็นน่าสงสาร ปากก็ร้องว่า “พี่มั่ว” อันที่จริงหล่อนต้องการยั่วโมโหป๋อจิ่วต่างหาก เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้ ขอแค่ Z ลงมือทำร้ายเธอ ฉินมั่วย่อมไม่มีวันเมินคำสั่งเธอเหมือนเมื่อครู่ ใครที่ทำร้ายเธอ มันต้องตายแน่ นี่แหละคือคำสั่งที่แฝงทางจิตอย่างแท้จริง

ยิ่งคิด รอยยิ้มของฝานเจียก็ยิ่งชัดขึ้น เธออยากเห็น  Z ที่เก่งกล้าถูกฉินมั่วทำร้าย ดูสิว่ามันจะสิ้นหวังหัวใจสลายแค่ไหน! เธอเดินมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง เพื่อจะให้ป๋อจิ่วลงมือกับตัวเองได้ง่ายๆ

ใครจะรู้ว่านังนั่นกลับยิ้มบางๆ ดึงเก้าอี้ไม้ตรงโต๊ะข้างผนังออกมา แล้วแยกขาทั้งสองนั่งคร่อมลงไปอย่างสบายอารมณ์ “ฉันไม่สนใจพวกหนูโสโครกที่เอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ อย่างเธอหรอก เรื่องจับเธอเป็นหน้าที่ของตำรวจ ถ้าจะพาตัวคนไป ฉันย่อมต้องเอาตัวแฟนฉันต่างหาก อีกอย่าง พี่มั่ว เป็นคำที่เธอจะเรียกได้งั้นเหรอ? คำเรียกระหว่างเราสองคน ยังกล้าเอามาใช้เนอะ คุณหนูฝาน ตลกป่ะ คิดจะก๊อปปี้คนอื่นชั่วชีวิตเหรอ แต่ก็อปปี้มานานก็ต้องได้รู้ว่าของปลอมก็เป็นของปลอมอยู่ดี มันกลายเป็นของจริงไม่ได้หรอก”

ประโยคสุดท้ายเล่นเอาสีหน้าของฝานเจียเปลี่ยนไปทันที! เธอต้องข่มอารมณ์สุดแรงเกิดเพื่อไม่ให้ตัวเองวิ่งเข้าไปกระซวกนังนี่ เธอรู้ดีว่า ยิ่งเป็นเวลาแบบนี้ ยิ่งจะหลุดสถานะที่แท้จริงออกไปไม่ได้เด็ดขาด จึงทำตาแดง “เธอมาดูหมิ่นฉันแบบนี้ หมายความว่าไง? ไล่ฆ่าฉันจนหมดทางหนี ยังกล้าไม่ยอมรับอีก? ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่มั่ว ใช่ว่าแยกจากกันเพราะคำพูดนิดเดียวได้ จะจับตัวฉันก็จับไป อย่ายุแยงให้เราแตกกันแบบนี้!”

……………………………………….

ตอนที่ 1797-2

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วไม่พูดอะไร แต่หันไปมองฉินมั่ว ใบหน้าของชายหนุ่มยังหล่อเหล่านิ่งสงบเหมือนเดิม หากว่ากันตามเหตุผล ด้วยความฉลาดของเขา ไม่น่าจะแยกแยะสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลไม่ออก ต่อให้สูญเสียความทรงจำไปแล้วก็เถอะ แต่ตอนนี้เขากลับไม่คิดจะปกป้องฝานเจียเลย จะว่าไปมันต้องเกี่ยวข้องกับ ‘กุญแจ’ ที่ปลุกคำสั่งที่แฝงทางจิตแน่ เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์กำลังเช็คเจ้าของ ดังเช่นเมื่อตอนที่ติดตั้ง เราสร้างความทรงจำให้มันว่าลายมืออันนี้นี่แหละที่เป็นเจ้าของของมัน ให้มันจำลายมือเอาไว้

เวลานี้ฝานเจียเป็นคนเดียวที่อยู่ตรงหน้าเขา นี่แหละที่เรียกว่าผลของ ‘กุญแจ’ การทำให้สภาพจิตใจของคนคนหนึ่งใกล้จะแหลกสลาย จากนั้นจึงล่อคำสั่งทางจิตที่ใช้ปกป้องตนเองในส่วนลึกหัวใจออกมา ก่อการสร้างภาพสมมติได้อย่างสมบูรณ์แบบ

นอกเสียจากจะหาช่องโหว่เจอ แต่อะไรที่เป็นจุดอ่อนในหัวใจของเขาล่ะ ป๋อจิ่วไม่รู้สักนิด เดิมทีเธอนึกว่าแค่เขาได้เจอเธอก็จะรู้ว่าฝานเจียคือตัวปลอม แต่เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมดูจะไม่สำคัญอีกต่อไป มันขึ้นอยู่กับภาพสมมติที่ร่างเอาไว้ต่างหาก คงมีแค่การฟื้นความทรงจำเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่นเลย หรือเธออาจต้องติดตามเขาไปทุกที่

ป๋อจิ่วเงยหน้าขึ้น เห็นเขากำลังมองตัวเองอยู่ แววตาคู่นั้นลุ่มลึกมาก จากนั้นเขาก็เอ่ยว่า “เธอชอบสกปรกอย่างนี้เหรอ?”

ป๋อจิ่ว “สกปรกเหรอ? ตรงไหน?”

“เสื้อเปื้อน” น้ำเสียงของฉินมั่วเหมือนจะไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังเหมือนสอนสั่งอีกต่างหาก “ที่บ้านเธอไม่ได้บอกเหรอว่า อย่าเที่ยวไปกระโดดกำแพงครัวด้านหลัง”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วได้แต่เบะปาก “เมื่อก่อนแฟนฉันก็บอกอย่างนั้นเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่เขาเสียความทรงจำหมดแล้ว ไม่สนใจฉันสักนิด ฉันเลยกลายเป็นเด็กถูกทิ้งไปแล้ว”

ฉินมั่วมองดูอีกฝ่ายที่อยู่ตรงหน้า นิ้วมือเกร็งทื่อ ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่ไม่รู้ว่าทำไมได้ยินแล้วกลับอยากยื่นมือไปลูบเส้นผมยุ่งๆ นั่น ความคิดที่ว่าทำให้ทรวงอกของเขาสะเทือนจนเจ็บไปหมด เหมือนกำลังหักหลังใครสักคน

ป๋อจิ่วจับความผิดปกติของชายหนุ่มได้ เพราะว่ามันชัดมาก เขากุมหน้าอกด้วยมือข้างหนึ่ง หัวคิ้วขมวดมุ่น กระทั่งเรียวปากยังซีดขาวอย่างน่ากลัว จะต้องเจ็บขนาดไหน ถึงได้อยู่ในสภาพอย่างนั้น?

ป๋อจิ่วอยากยื่นมือไปพยุงเขา แต่อีกฝ่ายกลับก้าวถอยหลัง ยื่นมือออกไปปกป้องฝานเจีย

“ฉันเข้าใจแล้ว” เข้าใจว่าคำสั่งทางจิตที่มีไว้ปกป้องตัวเองของพี่คืออะไร เพราะพี่เอาแต่คิดว่าพี่ปกป้องฉันไม่ได้ ถึงกลายเป็นแบบนี้

ป๋อจิ่วหายใจเข้าลึกๆ มองดูเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่เข้ามา รีบส่งสัญญาณมือห้ามเอาไว้ เธอเข้าใจท่านเทพเป็นอย่างดี บางทีเธอเข้าใกล้อาจไม่เป็นปัญหาอะไร แต่หากฝ่ายเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าไปใกล้เสียเอง เขาจะต้องรู้สึกถึงอันตราย และทุกอย่างที่รู้สึกว่าอันตราย เขาย่อมเด็ดหัวมันเสีย  “ปล่อยพวกเขาไป”

นี่เป็นสิ่งแรกที่ป๋อจิ่วพูด หลังจากที่เดินออกมา ส่งผลให้พวกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบต่างตาโต หนึ่งในนั้นถึงกับหัวเราะเสียงหยัน “รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา?”

หากไม่เป็นเพราะคุณชายถังออกคำสั่งทางโทรศัพท์ เขาจะรู้สึกว่าเด็กนี่ไม่ได้ช่วยเขา แต่ช่วยคนร้ายต่างหาก ถึงเจ้าหนูนั่นจะเป็นคนหาเจอ แต่ก็ไม่ควรจะทำบ้าบอแบบนี้

“ฉันรู้ดีว่าตัวเองพูดอะไร ปล่อยให้พวกเขาไป” ป๋อจิ่วหันไปมอง “ฉันรู้ว่าพวกคุณสั่งพลยิงไกลซุ่มอยู่แถวนี้ แต่บอกคุณได้อย่างเดียว ไม่มีใครยิงแม่นเท่าคนที่อยู่ในร้านบะหมี่นั่น ถ้าเขาอยากไป พวกคุณไม่น่าจะห้ามเขาได้ ยิ่งตอนนี้เจ้าของร้านกับลูกจ้างเป็นตัวประกันพวกเขาอยู่ ถ้าเขาจะยึดตัวประกันไว้ก็ทำได้ทุกเมื่อ ถึงเวลานั้นเราจะคุมสถานการณ์ยาก คุณคิดว่าปล่อยพวกเขาดี หรือให้พวกเขาเอาตัวคนบริสุทธิ์เป็นตัวประกันไปด้วยดีล่ะ?”

………………………………………………………

 ตอนที่ 1798-1

เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอยากพูดอีก ทว่าป๋อจิ่วกลับหัวเราะเบาๆ ขัดจังหวะ “ไม่เชื่อในการตัดสินใจฉัน ก็โทรไปหาคุณชายถังของพวกคุณได้เลย”

เจ้าหน้าที่โดนขัดจนว้าวุ่น เอ่ยหน้าดุ “ฉันต้องรายงานเบื้องบนก่อน” ป๋อจิ่วจึงผายมือเชิญ จากนั้นเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจึงรีบโทรออกไป เดิมเขาคิดว่าคุณชายถังจะครุ่นคิดอยู่นานก่อนให้คำตอบ แต่ไม่คิดว่าพอฝ่ายนั้นรับสายก็ทำเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วทันที “พวกนายฟังคำสั่งเขานั่นแหละ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขาหลอกนาย ไม่ว่านายจะบุกเข้าไปหรือไม่ ฉินมั่วต้องจับตัวประกันไว้แน่ การปล่อยตัวเขาไปจะไม่เกิดปัญหาขึ้น แต่ถ้าไม่ปล่อยจะเกิดผลอยู่สองอย่างคือ คนที่บริสุทธิ์จะพลอยซวยไปด้วย เขตนั้นจะเกิดความวุ่นวาย ตอนนี้พวกนายไม่ได้เจอกับผู้ร้ายธรรมดา จริงๆ แล้วเขายังไม่ถึงขั้นที่เป็นผู้ร้าย เพราะยังไม่ได้ทำความผิด แต่เหมือนอย่างที่นายพูดนั่นแหละ เขายังไม่ได้จับตัวประกัน ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจ้าเด็กนั่นที่อยู่ข้างนาย จนป่านนี้พวกนายก็ยังหาเขาไม่เจอ แล้วเขาก็จะไม่จับตัวประกันด้วย ไม่งั้นนายลองถามเจ้าเด็กที่อยู่ข้างนายสิว่า ถ้าฉินมั่วจะจับตัวประกันขึ้นมาจริงๆ เขาจะทำยังไง?”

ป๋อจิ่วยิ้ม “อุตส่าห์เปิดลำโพง จงใจให้ฉันได้ยิน? ก็แค่จับตัวประกันไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปเป็นตัวประกันให้พี่มั่วของฉัน จะให้ฉันทนเห็นแฟนตัวเองหนีไปกับผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง ฉันก็โมโหเป็นนะ”

“นิสัยอย่างคุณเนี่ยนะจะไปเป็นตัวประกัน” คุณชายถังหัวเราะ “อุตส่าห์ช่วยไม่ให้ฉินมั่วมีประวัติเลวร้ายติดตัวแบบสุดขาดใจขนาดนี้ ให้ผมเดาไหมล่ะว่าอะไรที่คำสั่งที่แฝงทางจิตของเขา คุณไม่ยอมให้ทุกคนลงมือ ก็เพราะถ้าใครทำร้ายฝานเจียเข้า ฉินมั่วจะต้องฆ่าคนนั้นใช่ไหม แต่ในทางกลับกัน ถ้าฝานเจียปลอดภัย มือของเขาก็จะไม่เปื้อนเลือดใคร สถานการณ์แบบนี้ทำให้คนไม่สบายใจจริงๆ Z มีคนชอบคุณตั้งเยอะ ผมว่าโฮชิโนะก็ไม่เลวนะ ทำไมจะต้องอยู่ตัวคนเดียวไปจนตายด้วย เราเพิ่มทางเลือกให้ตัวเองได้ พวกเรามาแลกเปลี่ยนกันดีไหม คุณยกภาระเกี่ยวกับฉินมั่วให้ผม ไม่ต้องถามอะไรอีก แล้วไม่ว่าคุณอยากได้อะไร ตระกูลถังจะให้ทุกอย่าง ผมรับประกันว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขา เอาไหม?”

ป๋อจิ่วเคาะนิ้ว “ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่เลว แต่คุณชายถัง ดูเหมือนคุณจะเข้าใจผิด สิ่งที่ฉันอยากได้ในโลกนี้ มีแค่คนที่แซ่ฉินชื่อมั่วเท่านั้น”

“งั้นก็น่าเสียดาย” เสียงของคุณชายถังไม่ได้ฉายแววเสียดายออกมาสักเท่าไร เหมือนจะไม่แปลกใจที่เธอตัดสินใจแบบนี้ “ไม่อยากเชื่อเลยว่า เวลา Z จะรักใครสักคน ก็รักได้มากปานนี้”

ป๋อจิ่วชะงักครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงต่ำ “เมื่อกี้ฝานเจียสั่งให้เขาฆ่าฉัน แต่เขากลับกำฮู้ป้องกันตัวที่ฉันให้เขาเมื่อตอนเป็นเด็กไว้แน่น คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก อันที่จริงเขา…”

“อันที่จริงเขารักคุณมากกว่าที่คุณรักเขาเยอะ” คุณชายถังเหมือนจะหัวเราะขึ้นมา “Z ผมเคยบอกคุณหรือเปล่าว่า ผมกับฉินมั่วเป็นคนประเภทเดียวกัน เวลาที่เรารักใคร เรายอมทิ้งแม้แต่ชีวิตตัวเอง”

ป๋อจิ่วไม่ทุกข์ทรมานมากมาย “ต้องบอกว่าเรื่องราวความรักของคุณนี่ บางครั้งก็ปลอบใจคนได้ดี ถึงตอนนี้คุณยังโสด เพราะไล่จีบคนที่ตัวเองชอบไม่สำเร็จก็ตาม แต่มันไม่เป็นอุปสรรคในการเล่าสู่กันฟังดี”

คุณชายถัง…นี่ขอบคุณผมเรอะ

……………………………………….

1795-1 vs 1795-2 vs 1796

ตอนที่ 1795-1

ไม่นาน ฝานเจียก็พบว่าเรื่องไม่ได้ดำเนินตามไปอย่างที่เธอคิด เพราะฉินมั่วไม่ได้รู้สึกอะไรต่อเธอ ฝานเจียไม่ยอมแพ้ แสร้งทำตัวน่าสงสาร ให้เขาใส่ใจเธอสักนิด ทว่าเขากลับเอ่ยขึ้นมาก่อน “เดินมั่วๆ แบบนี้ คนอื่นจะเห็นง่าย ไปร้านบะหมี่ทางซ้ายดีกว่า”

ฉินมั่วพูดด้วยเสียงเรียบ ทว่าฝานเจียยังกังวลใจ “ตำแหน่งนั่นมันเด่นไปไหม เพราะมันอยู่ใกล้ถนนใหญ่นะ”

“ยิ่งอยู่ใกล้ถนนใหญ่ ทัศนวิสัยยิ่งดี” ฉินมั่วดูเหมือนจะไม่ชอบอธิบาย พอพูดจบ ไม่ว่าฝานเจียจะพูดอย่างไรต่อ เขาก็ไม่ปริปากอีก

เมื่อเดินเข้าใกล้ร้านบะหมี่ เขาเลือกนั่งตรงริมหน้าต่าง มุมนี้ทำเลดีเพราะมีของประดับบนโต๊ะ ดังนั้นหากมองจากด้านนอก จะไม่เห็นหน้าตาของคนนั่งข้างใน ทว่าคนที่นั่งข้างใน จะเห็นความเป็นไปภายนอกอย่างชัดเจน บวกกับทำเลของร้านที่ตั้งอยู่มุมทางเลี้ยวสามเหลี่ยม หมายความว่าพวกเขาไม่เพียงจะเห็นคนที่เดินไปมาอยู่ด้านหน้า ยังเห็นถึงความเป็นไปของด้านซ้ายและขวาด้วย

ฉินมั่วนั่งลง แต่ไม่ยอมสั่งบะหมี่ นอกจากชาร้อนแก้วเดียว ส่วนฝานเจียมองดูเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่เดินผ่านนอกหน้าต่าง จึงเข้าใจทันทีว่าทำไมชายหนุ่มถึงเลือกนั่งตรงนี้ ความสามารถในด้านป้องกันการตรวจสอบของเธอเป็นเลิศ ทำให้ตำรวจธรรมดาจับเธอไม่ได้ ทว่าเธอรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบในครั้งนี้ต่างไปจากเมื่อก่อน ดูมาดดุจนทำให้เธอต้องหดหัวอยู่ในที่ที่ซอมซ่อ เพราะมันมีข้อดีตรงที่ไม่มีกล้องวงจรปิด

การที่พวกเขาจะหาเธอเจอ ย่อมไม่ง่าย แต่หากฝ่ายโน้นพลิกแผ่นดินหา เธอย่อมไม่รอด ฝานเจียกลัวที่สุดว่า พวกนั้นจะรู้ว่าเธออยู่ตึกไหน โชคดีที่เธอลงมือก่อนด้วยการใช้กุญแจปลุกคำสั่งที่ฝังทางจิต

นั่นไง ขอแค่มีฉินมั่วอยู่ด้วย ทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะเมื่อมีเขาก็เท่ากับมีอาวุธวิเศษ ไม่ว่าจะเอาเป็นโล่ป้องกันตัวหรือฆ่าคน เขาถือเป็นบุคคลที่มีคุณค่าสูง เวลานี้ฝานเจียเห็นคุณค่าที่ว่า เขาสามารถดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ต่อหน้าตำรวจนอกเครื่องแบบโดยไม่มีใครค้นพบ

นี่คืออาชญากรที่สวรรค์ส่งมาเกิดเลยล่ะ ฝานเจียยิ้ม ต่อไปเขากับเธอก็ถือเป็นคนโลกเดียวกันแล้ว!

ส่วนตำรวจนอกเครื่องแบบเดินอยู่ด้านนอกพลันมีท่าทีร้อนรนราวกับเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ โดยคนที่แฝงอยู่ในห้องพักรู้ถึงความผิดปกติ “คุณชายถัง เมื่อกี้เจ้าของห้องบอกว่าฝานเจียกลับมาแล้ว แต่ไม่ได้เข้าห้อง พวกเราไม่เจอเขาที่ชั้นอื่นๆ ของตึกด้วย จะทำยังไงดีครับ?”

“ถอนตัวออกจากห้องนั้นก่อน”

“ถอนตัวออกมาเหรอครับ?”

“อืม เฝ้าเป้าหมายอยู่อย่างนั้น ไม่มีประโยชน์หรอก”

หากคนที่อยู่กับฝานเจียเป็นฉินมั่ว วิธีแฝงตัวเช่นนี้ย่อมถือเป็นของเด็กเล่นของชายหนุ่ม

“งั้น…เดี๋ยว นายเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่?” ตำรวจนอกเครื่องแบบยังพูดไม่จบ ก็เห็นร่างหนึ่งปรากฏอยู่ที่หน้าประตู ร่างนั้นเป็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณสิบแปดปี กำลังก้มดูกุญแจประตู จากนั้นหรี่ตาลง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

 ———————————

ตอนที่ 1795-2

ตำรวจกำลังจะเดินไปล็อคตัวเพื่อสอบปากคำ ไม่คิดว่าเพิ่งจะยื่นมือไปแตะบ่า อีกฝ่ายก็หักข้อมือผลักกลับไป ก่อนจะเอ่ยเสียงใสตามมา “พวกเขามาที่นี่แล้ว แต่พวกไคุณไม่เห็นเอง”

“อะไรนะ?” ตำรวจตกตะลึง กำลังจะถามเพิ่ม ทว่าป๋อจิ่วคลายมือปแล้ว  เธอหมุนตัวเดินไปอีกทางหนึ่ง มองดูกองขยะที่ถูกเหยียบ “พวกเขาลงไปจากตรงนี้ พวกคุณมากกว่าครึ่งเอาแต่เฝ้าอยู่ที่เดิม ก็ไร้ประโยชน์น่ะสิ”

“นายเป็นใครกันแน่” ตำรวจนอกเครื่องแบบขมวดคิ้วอย่างทนไม่ได้ “เป็นนักเรียนแถวนี้เหรอ? เป็นเด็กเป็นเล็ก นี่ ไอ้หนู ฉันขอบอกนะ อย่าเอาแต่อ่านการ์ตูน ทำเป็นการ์ตูนโคนันสืบคดีไปได้ พวกเรายังต้องค้นหาหลักฐานอีก นาย…”

ตำรวจคนดังกล่าวคิดไม่ถึงว่า ตัวเองยังพูดไม่จบ เสียงมือถือที่ดังขึ้นก็ขัดจังหวะ “คนที่คุยกันนายอยู่ อายุประมาณเท่าไร?”

“สิบเอ่อ น่าจะสิบแปดครับ” เจ้าหน้าที่อึกอักเล็กน้อย เพราะคิดไม่ถึงว่าคุณชายถังจะถามคำถามนี้ขึ้นมา และสิ่งที่เหลือเชื่อก็คือฝ่ายโน้นกลับพูดต่อ “หน้าตาหล่อ ผมสั้นสีเงินด้วยใช่ไหม?”

“อื้ม ใช่ครับ”

“งั้นก็เขานั่นแหละ ฉันต้องใช้เวลาสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อยกว่าจะไปถึงที่นั่น ภายในสองชั่วโมงนี้ ให้ทุกคนฟังคำสั่งเขา”

ถึงจะช็อกอย่างไร แต่คำสั่งจากเบื้องบนพวกเขาตอบรับได้เพียงอย่างเดียว แต่ตำรวจนอกเครื่องแบบคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า ป๋อจิ่วเป็นใครที่ไหนกัน คุณชายถังถึงได้เชื่อมั่นในความสามารถมากขนาดนั้น? ดูแล้วยังเป็นแค่เด็กม.ปลายเอง!

ด้วยเหตุที่อยู่ใกล้มาก ป๋อจิ่วย่อมได้ยินคำสนทนาที่เกิดขึ้น เธอมองดูสีหน้าตกตะลึงของตำรวจนายนั้นโดยไม่พูดอะไร ทั้งยังไม่อยากเป็นหัวหน้าทีมด้วย เธออยากหาตัวเขาให้เร็วที่สุด แต่โทรศัพท์สายนั้นมีประโยชน์เช่นกัน

หนึ่ง ไม่ว่าเธอจะทำอะไรอยู่แถวนี้ ตำรวจนอกเครื่องแบบจะไม่จับเธอแน่

สอง เธอได้รับข้อมูลว่าเขามาที่นี่แน่ แต่ไม่ได้เข้าไป หมายความว่าตอนแรกตำรวจทำสำเร็จ แต่ตอนหลังถูกลับถูกคนรู้ทัน

ป๋อจิ่วไม่คิดว่าคนที่รู้ทันจะเป็นฝานเจีย โซ่เหล็กที่เล็กแบบนี้ยังอุตส่าห์รู้ทัน คงมีแค่ท่านเทพคนเดียว แถมภาพในกล้องวงจรปิดที่ร้านก่อนหน้านั้น ป๋อจิ่วก็รู้แล้วว่ากุญแจที่กระตุ้นคำสั่งที่แฝงทางจิตคืออะไร และรู้ด้วยว่าท่านเทพเข้าใจผิด คิดว่าฝานเจียเป็นเธอ

อิทธิพลของคำสั่งที่แฝงทางจิตมีอานุภาพแค่ไหน เธอไม่รู้ แต่เข้าใจเพียงอย่างเดียวว่าหากท่านเทพต้องการหลบตำรวจ เขาจะไม่มีวันหลบๆ ซ่อนๆ อย่างฝานเจียแน่ เขาจะเดินด้วยมาดนิ่งลอยชายต่อหน้าคนที่จะมาจับ และเข้ายึดพื้นที่ที่มีทัศนวิสัยดีก่อนคนอื่นโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

ป๋อจิ่วหลับตา นึกเหตุการณ์ที่เธอปะทะกับเขา เช่นเดียวกัน เธอก็นึกขึ้นถึงทุกครั้งที่เธอหลุดรอดได้อย่างสบายๆ แต่กลับโดนท่านเทพตามจับ

ทันใดนั้น เธอลืมตาขึ้น นัยน์ตาสว่างไสวเหมือนดวงดาว

จุดทัศนวิสัย! ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน จุดทัศนวิสัยสำคัญที่สุด!

ป๋อจิ่วกวาดตามองกองขยะด้านล่างแล้วสาวเท้าเข้าไปหา แววตาจ้องมองคนที่เดินไปมา ที่นี่สิ่งแวดล้อมใช้ได้ ตรอกซอกซอยสกปรกไร้ระเบียบ ขนาดตึกก็ยังได้เวลารื้อแล้ว เล่นอยู่ในซอยแบบนี้ ต่อให้เป็นสถานที่ซอมซ่อ แต่ยังมีประโยชน์ประจำตัวมัน

ป๋อจิ่วมองดูถนนซ้ายขวาหน้าหลัง ภาพแผนผังพลันปรากฏในสมองเธอ นี่คือที่ที่ใช้อยู่อาศัย นี่เป็นตลาด นั่นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับชุมชน เมื่อหันไปจะเป็นสามแยก แล้วก็ร้านบะหมี่!

…………………………………….

ตอนที่ 1796

ร้านบะหมี่นั่นมีขนาดเล็ก ไม่สะดุดตาสักเท่าไร พูดตรงๆ หากไม่ใช่เพราะป๋อจิ่วพยายามวิเคราะห์ รับรองว่านึกไม่ออกหรอก แต่เพราะเธอรู้ดีเช่นกันว่าสถานที่แบบนี้แหละที่ทำให้คนมองข้ามได้ง่าย ด้วยมันดูปกติธรรมดามาก ทว่าตำแหน่งของมันและทัศนวิสัยถือว่าดีเยี่ยมเลยทีเดียว เหมือนเธอในอดีตที่ชอบนั่งกินกวนตงจู่ที่ร้านสะดวกซื้อ คอยมองดูรถตำรวจเปิดเสียงไซเรนวิ่งผ่านไป

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอจึงเงยหน้าขึ้นทันที ปลายลิ้นดันเพดานบน ครั้งนี้กลายเป็นเธอไล่จับเขาใช่ไหม

ป๋อจิ่วฉลาด เธอไม่ให้ตำรวจนอกเครื่องแบบตามเธอมา กระทั่งไม่เข้าไปทางด้านซ้ายขวาและด้านหน้า แต่เลือกเดินเข้าทางด้านหลัง โดยถอดเสื้อกันลมตัวดำออกมามัดไว้ที่ข้อมือตัวเอง แล้วยึดกำแพงเอาไว้ จากนั้นจึงเดินเข้ามาจากห้องครัวด้านหลัง

พ่อครัวที่ทำอาหารอยู่เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งบุกเข้ามากะทันหัน มือที่กำลังคลุกเส้นบะหมี่ถึงกับชะงัก อะ อะไรกันเนี่ย? สำคัญที่สุดตรงที่เด็กคนนี้ถือถ้วยบะหมี่เนื้อที่เขาผัดไปเฉยเลย? เอาไปแล้ว!

ป๋อจิ่วแบกถาดใส่ถ้วยบะหมี่ไปจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ท่านเทพอุตส่าห์ลงจากอะพาร์ตเมนต์ไปเพื่อซื้อลูกอมให้เธอ โดยที่ตัวเขายังไม่ได้กินอาหารมื้อเย็น แน่ล่ะเธอเตรียมใจไว้แล้วว่า เดี๋ยวจะต้องเผชิญหน้ากับสองคนนั้น

ป๋อจิ่วยกถาดอาหารด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเธอซุกลงกระเป๋า แล้วเดินไปยังที่นั่งริมหน้าต่าง ฝานเจียนั่งหันหลังให้เธอ  จึงไม่เห็นว่ามีคนเดินเข้าไปใกล้ แต่ฉินมั่วต่างออกไป เขาทำเหมือนเฉื่อยชา แต่หากเกิดความเคลื่อนไหวแม้เพียงนิดเดียว เขาจะรู้สึกทันที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนที่เดินถือถาดอาหารมาทางพวกเขาไม่เหมือนพนักงานเสิร์ฟสักนิด

ฉินมั่วรู้สึกแค่ว่าคุ้นตา แต่สิ่งที่ไม่ทำให้เขาเบี่ยงสายตาออกไป กลับไม่ใช่เพราะความคุ้นตา เป็นรอยยิ้มมุมปากต่างหาก

น่าสนใจแฮะ เหมือนจะบอกว่า ดูสิ ฉันรู้นะว่าพี่อยู่ตรงนี้ ฉินมั่วเลิกคิ้วขึ้น ทว่าฝานเจียไม่รู้ว่าเขากำลังมองอะไรอยู่ รอจนเมื่อเธอหันหลังกลับไป ถึงกับหน้าถอดสีทันที ความชั่วร้ายเอ่อล้นนัยน์ตาเธออย่างไม่มีอะไรปิดบังได้!

นังคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฝานเจียผุดลุกขึ้นทันที หยิบเอามีดที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าชี้ไปที่ป๋อจิ่ว!

ป๋อจิ่วทำเหมือนมองไม่เห็นเจ้าหล่อน ปล่อยให้อีกฝ่ายชี้ปลายมีดมาที่ตัวเอง ก่อนจะย่อตัวเล็กน้อย ส่งบะหมี่ผัดเนื้อมาวางตรงหน้าเขา เอ่ยด้วยเสียงที่ไม่พอใจ “พี่มั่ว ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ากะอีแค่ซื้อลูกอม พี่จะโดนคนหลอกเอาตัวไปเสียแล้ว บะหมี่เพิ่งผัดเสร็จ พี่รีบกินตอนที่มันร้อนอยู่เถอะ ฉันรู้ รู้ว่าพี่จำฉันไม่ได้แล้ว อันที่จริงฉันยังคิดว่าถ้าไม่เล่นเกมแล้ว ฉันจะเขียนหนังสือสักเล่ม ให้ชื่อว่าแฟนฉันสูญเสียความจำเป็นช่วงๆ”

ฉินมั่วไม่ได้พูดอะไร เขากำลังสำรวจเด็กคนนี้ ฝ่ายฝานเจียมองดูอยู่ด้านข้าง ความชั่วร้ายในแววตาทวี มากขึ้นทุกที จนทนไม่ไหวต้องงุดหน้าหัวเราะ เอ่ยเสียงงูพิษ “พี่มั่ว คนนี้นี่แหละที่จะทำร้ายฉัน พี่ช่วยฉันฆ่าเขาที”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว นิ้วมือเกร็งขึ้นทันที ด้วยรู้ว่าหากถูกกุญแจกระตุ้นคำสั่งทางจิต ผลจะเป็นอย่างไร เธอวู่วามเกินไป เพราะอยากจะพาตัวเขากลับไปถึงได้เข้ามาแบบนี้ กลับลืมความชั่วร้ายของฝานเจียไป

ทางด้านฝานเจียเหมือนกำลังลิ้มรสความสุขกับความรู้สึกแบบนี้ มุมปากฉายรอยยิ้มอย่างสาแก่ใจ แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่า…

…………………………………..

1794-1 vs 1794-2

 ตอนที่ 1794-1

 “คุณคะ คุณจะทำอะไรคะ! นี่เป็นเคาน์เตอร์ของร้านเรานะคะ จะเข้าไปตามอำเภอใจอย่างนี้ไม่ได้” สาวแคชเชียร์ตกใจหนัก ก็จะให้คนอื่นที่ไม่ใช่พนักงานร้านเข้ามายุ่งกับคอมพิวเตอร์ของทางร้านได้ยังไง!

ทว่าแรงที่กดบนไหล่เธอหนักมากจนสะบัดไม่หลุด เด็กผมสีเงินหล่อเหลาได้แต่เอ่ย “ขอโทษด้วย” ส่วนมืออีกข้างของเขาก็กำเมาส์เอาไว้

เธอเห็นมือข้างนั้นจับเมาส์เสร็จ ก็วางบนคีย์บอร์ดทันที ทั้งๆ ที่เป็นมือแค่ข้างเดียว แต่กลับพิมพ์ได้เร็วกว่าตอนที่เธอพิมพ์ทั้งสองข้างเสียอีก เห็นเพียงเอกสารบนหน้าจอถูกเปิดออกมาอย่างรวดเร็ว ทว่าในระหว่างที่ยังเห็นไม่ทันว่าหนุ่มน้อยคนนี้กำลังทำอะไร ระบบของคอมพิวเตอร์ก็เปลี่ยนไป จึงทำได้แค่เอียงศีรษะสื่อให้พนักงานคนอื่นโทรแจ้งตำรวจ ขยับรูปปากว่า “รีบโทรหา 110!”

พนักงานคนอื่นพลอยตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน เขากดมือถือด้วยกลัวว่าลูกค้าหนุ่มหล่อจะสติแตกมากไปกว่านี้ พลางป้องมือที่ปาก “ฮัลโหล…”

ในเวลานี้เอง ภาพปรากฏออกมาทางหน้าจอ ป๋อจิ่วคำนวณเวลา ก่อนจะย้อนภาพในกล้องวงจรปิดให้กลับไปฉายภาพเมื่อสามนาทีที่แล้ว! จึงได้เห็นแผ่นหลังของสองคนนั้นที่เดินออกไปจากร้าน เธอย้อนภาพไปดูช่วงก่อนหน้านี้อีก แม้กล้องจับภาพใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ ทว่าบันทึกเสียงได้ ไม่ว่าเจ้าหล่อนจะพูดอะไร ป๋อจิ่วได้ยินทุกคำอย่างชัดแจ้ง

ฝานเจีย! ป๋อจิ่วถึงกับนิ้วมือแข็งทื่อ พอได้ยินว่า ‘พี่รู้ดีกว่าใคร คนที่ผิดมากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือตัวพี่นั่นแหละ ถ้าพี่เชื่อเขา ไม่แคร์คนอื่น ยอมทิ้งความรับผิดชอบทั้งหมด เขาก็ไม่ตายแล้ว  โถ Z ที่น่าสงสาร คนทั้งโลกไม่ยอมรับ แถมยังต้องจมอยู่ใต้น้ำตลอดกาล พี่ก็เห็นตอนที่เขาดิ้นรนเอาชีวิตรอดในน้ำนี่ ตอนเด็กๆ พี่รับปากเขาไว้ พอโตแล้วไม่ว่าจะทำอะไรพี่จะนึกถึงเขาก่อน พี่นั่นแหละที่เป็นคนผิดคำพูด พี่เป็นคนทำให้เขาตาย’  ปลายนิ้วของป๋อจิ่วเย็นขึ้นมา เธอน่าจะคิดออกตั้งนานแล้วว่าทำไมเขาถึงได้ต่อต้านอดีตของตัวเอง แต่เธอดันโง่เง่า ไม่เคยรู้เลย ปมของเขาคือตัวเธอเอง เขารู้สึกผิดต่อเธอ ถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้

ที่แท้เขารู้มาตั้งนานแล้วว่า Z ก็คือเธอ ป๋อเสียวจิ่วที่เขารู้จักเมื่อตอนเป็นเด็ก จึงได้พูดกับผู้กำกับหวงไว้เช่นนั้น เขาตามหาเธอ แต่ไม่อยากจับตัวเธอ แค่อยากตามหาเธอเท่านั้น

ห้วงเวลาดังกล่าว ป๋อจิ่วบรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ออกเลย เมื่อได้ดูภาพที่เขาตามฝานเจียไป แววตาของเธอฉายรังสีฆ่าฟันที่เข้มข้นและยากจะปิดบัง

เธอจะอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้ เมื่อได้ภาพที่ต้องการ เธอก็ค้ำมือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะ ส่งตัวกระโดดออกไป แล้วสไลด์มือถือต่อสายโทรออก “ตอนนี้คุณต้องให้คำตอบฉันแล้วล่ะ ตำแหน่งของฝานเจียที่คุณตามไล่จับ อยู่ที่ตรงไหน?”

คุณชายถังรู้สึกถึงความผิดปกติของน้ำเสียงเธอ “ทำไมเหรอ?”

“ฝานเจียมีกุญแจกระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิต ตอนนี้ท่านเทพไปกับเขาแล้ว” ป๋อจิ่วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วต่ำ

คุณชายถังถึงกับอึ้ง รู้ดีว่าเหตุการณ์นี้รุนแรงแค่ไหน จึงบอกที่อยู่แก่เธอ ก่อนจะหันมาออกคำสั่งกับคนของตนเอง “เพิ่มตำรวจนอกเครื่องแบบ เรียกสุนัขตำรวจมาใช้ ปฏิบัติการณ์เริ่มเร็วกว่าเดิมสองชั่วโมง”

“ครับ!” แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยังเร็วไม่เท่าป๋อจิ่ว

วันนี้ทั้งวัน คนที่อยู่ในเขตเป่ยซื่อล้วนแต่เห็นรถแลมโบกินี่ มูร์เซียราโกคันดำแล่นปราดเปรียวเหมือนรถแข่งในหนังภาพยนตร์ จากถนนลาดยางมะตอย เบี่ยงเข้าสู่ซอยยาวด้านข้าง ล้อซ้ายเบียดกำแพง ตัวรถเอียงกว่าครึ่ง ทะยานออกไปจนเกิดเสียงราวกับสายฟ้าดำแลบออกมา

———————————–

ตอนที่ 1794-2

ป๋อจิ่วที่ขับรถอยู่ กำพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างพาดเอาไว้ เธอมองด้านหลัง จากนั้นจึงสะบัดท้ายหลบรถตำรวจที่ไล่ตามมาตลอดทาง โดยรถตำรวจคันดังกล่าวเป็นคันที่ได้รับการแจ้งความจากพนักงานในร้านนั่นเอง

เดิมพวกเขาคิดว่าป๋อจิ่วขโมยเงิน แต่เมื่อเห็นรถที่ขับ ทั้งยังไล่ตามมาตลอดทาง พวกเขาจึงถามพนักงานที่โทรแจ้ง ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายแค่เปิดดูกล้องวงจรปิดในร้านเท่านั้น

ชั่วเวลาดังกล่าว พวกเขาไม่รู้เช่นกันว่าจะไล่ตามต่อดีไหม อันที่จริงพวกเขาไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดถึงปัญหานี้หรอก เพราะไม่มีใครไล่ตาม Z ทัน โดยเฉพาะ Z ในเวลาแบบนี้

รถแลมโบกินี่แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว จนแทบจะก่อให้เกิดสายลม

เวลานี้ รถแท็กซี่ก็มาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ฝานเจียมองฉินมั่วพลางส่งยิ้มหวานให้ “พี่ต้องไม่ชอบที่นี่แน่ๆ ฉันก็เหมือนกัน แต่จะทำยังไงได้ ฉันถูกบีบให้อยู่ที่นี่ได้แค่ที่เดียว แต่เดี๋ยวจะดีขึ้น  รอจนพวกเราออกต่างประเทศสำเร็จ ก็จะไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้ ถึงเวลานั้นฉันจะทำทึกอย่างได้เป็นอิสระ”

ฉินมั่วไม่พูดอะไร ดูเหมือนเขาจะเป็นเช่นนี้มาตลอดทาง สิ่งที่เธอพูดไป เขาจะได้ยินหรือไม่ก็ไม่รู้ นิ้วมือของเธอแข็งทื่อด้วยความรู้สึกไม่ได้ดั่งใจ แต่รู้ดีเช่นเดียวกันว่า บางเรื่องจะใจร้อนไม่ได้

ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยแล้วขึ้นตึกไป แล้วพลันมาหยุดชะงักอยู่หน้าประตู

ฉินมั่วเป็นคนหยุด ฝานเจียจึงหันมาถาม “ทำไมเหรอ?”

คงไม่เป็นเพราะไม่เชื่อใจเธอหรอกนะ เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เธอน่าจะเป็นคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของเขา แม้ว่าตอนนี้ดูจากพฤติกรรมว่าเขายังไม่ยอมรับ แต่คำสั่งที่ฝังทางจิตตอกย้ำเขาในเรื่องนี้!

ซึ่งเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ฉินมั่วเหมือนถูกบางอย่างห้ามเอาไว้ สามัญสำนึกบอกให้เขาปกป้องคนๆ หนึ่งให้ได้ “แถวนี้มีปัญหา”

บางอย่าง ฝานเจียก็พูดไม่ผิดหรอก เมื่อมีฉินมั่วอยู่ด้วย คนจากทางการจะตามหาพวกเธอย่อมยากแสนยาก

“ห้องนี้เป็นของเธอเหรอ?” น้ำเสียงของฉินมั่วไม่บ่งบอกอารมณ์ใดใด ฝ่ายฝานเจียส่งเสียงยอมรับ “พี่มั่วรู้สึกว่ามันซอมซ่อใช่ไหม พี่สบายใจได้ เดี๋ยวสถานการณ์จะดีขึ้น ฉัน…”

ฉินมั่วได้ยินเธอเรียกตัวเองเช่นนั้นแล้ว รู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่รู้สาเหตุ “ไม่ใช่เรื่องซอมซ่อหรอก แต่ประตูบานนี้มีคนแตะล็อคของมันมาก่อน ไม่ต้องเข้าไป ข้างในอาจมีคนอยู่ เดินตรงต่อไปเถอะ แล้วค่อยลงไปตามทานั้น”

ฝานเจียได้ยินแล้ว ตกใจจนเหงื่อเย็นผุดออกมา ห้องราคาถูกแบบนี้ ไม่น่าจะมีโจรมาเยี่ยมเยือนเลยนะ

ยามปกติ การที่มารอในห้องมักจะเป็นหนึ่งในวิธีจับคนร้ายอันเยี่ยมยอดของทางตำรวจ รอจนคนร้ายเข้ามาติดกับดักด้วยตัวเอง ก็ลงมือทันที

โชคดีที่ชายหนุ่มรู้ทัน และโชคยังดีที่เธอปิดหน้าทัน

“เห็นคนที่ยืนสูบบุหรี่ตรงหน้าร้านนั่นไหม เขาน่าจะเป็นสายตำรวจ เธออย่าทำท่าทางลับๆ ล่อๆ จะได้ไม่เป็นที่ต้องสงสัย” เสียงของฉินมั่วยังคงไร้อารมณ์เหมือนเดิม กระทั่งยังแฝงแววรำคาญชนิดที่มองออกได้ยาก ซึ่งฝานเจียย่อมฟังออก แต่จะยังไง ทั้งหมดที่เขาพูดล้วนแต่เพื่อปกป้องเธอไม่ใช่เหรอ นังนั่นถือดีที่ว่าตัวเองเป็นเหมยเขียวและม้าไม้กับเขา ต่อให้เป็นคนร้ายก็ยังพิเศษที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี?

ฮึ!นับจากวันนี้เป็นต้นไป เขาจะมอบความรักทั้งหมดให้เธอคนเดียวเท่านั้น

………………………………

1792 vs 1793

 ตอนที่ 1792

 ยิ้มที่ติดมุมปากของฝานเจียถึงกับแข็งทื่อ! เพราะเธอคิดไม่ถึงว่า ชายหนุ่มไม่จับมือเธอ แต่กลับกำด้ายแดงที่คล้องบนคอเขา เส้นด้ายนั้นบางมาก หากไม่ดูให้ดีก็จะไม่เห็น ปลายเชือกเส้นนี้มัดฮู้เอาไว้

ฝานเจียเห็นแล้ว กัดฟันแน่น รับไม่ได้ว่าเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว หัวใจของเขายังจำนัง Z ที่ตายไปนานแล้วได้อีก แต่กุญแจกระตุ้นคำสั่งที่แฝงทางจิตไม่มีวันไร้ผลแน่

เมื่อครั้งที่อยู่สามเหลี่ยมทองคำ เขาได้ดูคลิปที่พวกเธอจงใจสร้างขึ้นมา บวกกับสิ่งแวดล้อมที่ทะเลสาบนั่น และการสูญเสียความทรงจำของเขาในตอนนี้ มันล้วนแต่อธิบายได้ว่าเขาได้รับผลกระทบ ไม่งั้นคงไม่เสียความทรงจำอีกครั้งหรอก พอเธอมากระตุ้นอย่างหนักในครั้งนี้ สภาพจิตใจของเขาต้องพังทลายสิ!

ฝานเจียมองดูแววตาที่สับสนของเขา เอ่ยเสียงต่ำ “พี่มั่ว ฉันเอง”

“เธอ?” ฉินมั่วค่อยๆ มองต่ำลง

ฝานเจียเหมือนเห็นความหวัง แววตาเธอสว่างโรจน์ “ไม่ผิดหรอก ฉันเอง Z พี่ลืมไปแล้วเหรอ พี่ตามหาฉันตลอดเวลาไง”

“ไม่ลืม” ฉินมั่วคลายฮู้ในมือลง หันไปยิ้มให้ “ฉันหาเธอมาโดยตลอด”

ฝานเจียจึงรู้ว่าสำเร็จแล้ว ภายใต้จิตสำนึกของเขา เขาถือว่าเธอคือ Z เมื่อครั้งแรกาสุดที่เธอเข้าไปใกล้ชิดเขา ก็หวังจะอาศัยสถานะของ Z นี่แหละ เพราะพวกเธอค้นพบว่า ฉินมั่วใส่ใจต่อปัญหาของ Z มาก อันไม่เหมือนสไตล์เขาในยามปกติ

ทว่าเวลานั้น เขาไม่มีช่องว่างให้พวกเธอโจมตี แม้ว่าจะมีข้อมูลในมือมากมายแค่ไหน เธอแค่ปรากฏตัวได้เพียง 3 วัน ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็ถูกเขาฉีกหน้ากากเรียบร้อย แถมยังล้วงข้อมูลของขบวนการจากเธอได้อีกต่างหาก

ฝานเจียไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย เธอคิดว่าอุตส่าห์ได้โอกาสที่จะเป็นคนรักของเขาแล้ว แต่กลับไม่สำเร็จ ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เขามีจุดอ่อนให้เธอโจมตี แถมยังเป็นจุดที่อ่อนไหวที่สุด ในเมื่อไม่อยากยอมรับว่าคนคนนั้นได้จากไปแล้ว เธอจะสวมรอยแทนแล้วกัน

ฝานเจียไม่สนหรอก เพราะเธอในเวลานี้ได้กลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของเขาแล้ว “พวกเราไปกันเถอะ พี่มั่ว?” เธอยิ้มบางๆ

ฉินมั่วเลิกคิ้ว “ไปไหน?”

“ไปที่ที่ไม่มีคนอื่น” ฝานเจียงลอบมองด้านข้าง “ที่นี่เสียงดังเกินไป”

ฉินมั่วไม่ปฏิเสธ ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีเสียงบอกตนเองว่า ผู้หญิงคนนี้สำคัญมาก เชื่อเธอไว้ไม่ผิดหรอก

เมื่อเห็นฉินมั่วพยักหน้า ยิ้มที่ติดมุมปากของฝานเจียยิ่งลึกซึ้งเข้าไปใหญ่ เธอยื่นมือจะจับข้อมือชายหนุ่มไว้ แต่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า เธอขมวดคิ้ว “พี่มั่ว”

ฉินมั่วไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้หลีกหนีเธอ ราวกับเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติทางร่างกาย ฝานเจียจึงทดลองอีกครั้ง โดยหวังจะยึดเขาให้ได้ แต่ผลก็ออกมาเช่นเดียวกัน เธอสูดลมหายใจเข้าลึก  ราวกับเข้าใจอีกฝ่ายดี “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าตอนนี้พี่ยังไม่ชินกับการที่มีคนอื่นอยู่ใกล้ รวมถึงฉันด้วย เอาอย่างนี้ พวกเรากลับไปด้วยกันก่อน แล้ววันพรุ่งนี้หรือไม่ก็มะรืนนี้ เราค่อยออกนอกประเทศ”

“ได้” คำตอบรับจากฉินมั่ว ทำให้ฝานเจียมั่นใจยิ่งขึ้น เหลือแค่เวลา รอให้ผ่านไปนานเข้า เขาจะไม่รังเกียจเธอเหมือนในเวลานี้ “งั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะ หลายคนอยากให้เราแยกจากกัน ถึงขั้นเอาตำรวจมาจับฉันเชียวนะ พี่มั่ว พี่จะคุ้นครองฉันใช่ไหม?”

……………………………………

ตอนที่ 1793

 “อื้ม” แม้ว่าคำตอบที่ได้จะเย็นชา ทว่ามันทำให้ฝานเจียเห็นถึงยันต์รักษาชีวิตตน ขอเพียงมีเขาอยู่ด้วย ทางตำรวจย่อมหาพวกเธอได้ยาก

ฝานเจียไม่กล้าอยู่ตรงนี้นานๆ  จึงเร่งให้ฉินมั่วไปด้วยกัน ทว่าชายหนุ่มกลับหยุดนิ่ง เธอมองตามสายตาเขาไปหยุดที่กล่องลูกอม ทำให้ความริษยาท่วมนัยน์ตา “พี่มั่ว ถ้าไม่ไปด้วยกันอีก ฉันจะเป็นอันตรายนะ พี่อยากเห็นฉันตายอีกครั้งใช่ไหม?”

คำพูดเหล่านี้เปรียบเสมือนเข็มที่ทิ่มเข้าสมองฉินมั่ว เขาถึงกับหันหน้าทันที ก่อนจะติดตามเธอออกจากร้านสะดวกซื้อไป

ฝานเจียอยากจะออกไปจากที่นี่ท่าเดียว เธอเรียกรถแท็กซี่อย่างร้อนรน หลังจากที่ดึงประตูเปิด ก็เอ่ยถึงสถานที่ปลายทาง แล้วดึงหน้าต่างปิดให้เรียบร้อย ราวกับไม่อยากให้ฉินมั่วเห็นบรรยากาศด้านนอก

และในเวลานี้นี่เอง ป๋อจิ่วเดินออกจากเขตที่พักมายังร้านสะดวกซื้อ ไม่เห็นรถแท็กซี่ที่ขับพรวดออกไปบนถนนฝั่งตรงข้าม แน่ล่ะ คนในรถแท็กซี่ย่อมไม่เห็นคนจากที่ไกลๆ

ป๋อจิ่วเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ มองถึงสองรอบ แต่หาตัวท่านเทพไม่เจอ เขาน่าจะยังไม่กลับ หากกลับไปแล้ว เธอต้องเจอเขาสิ งั้นเขาไปที่ไหน?

ป๋อจิ่วย่นหัวคิ้ว คิดดูแล้วก็เดินไปยังตรงหน้าพนักงานในร้าน ยื่นมือไปช่วยอีกฝ่ายพยุงกล่องสินค้า เรียวปากบางแย้มนิดๆ “สวัสดีฮะ ผมขอถามนิดหนึ่ง”

“เอ่อ? ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ” พนักงานเอ่ยขอบคุณหน้าแดง มองดูใบหน้าอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น คิดในใจว่าเธอโชคดีอะไรอย่างนี้ ถึงได้เจอแต่คนรูปหล่อ

ป๋อจิ่วเห็นอีกฝ่ายหวั่นไหวก็ย้ำอีกครั้ง “ผมขอถามนิดหนึ่งว่า เมื่อกี้คุณเห็นผู้ชายคนหนึ่งไหม เขาตัวสูงมาก ใส่เสื้อกันลมสีดำ ไม่ค่อยพูด หน้าตาหล่อมาก เขามาซื้อลูกอมน่ะฮะ”

“หน้าตาหล่อมาก” ข้อมูลนี้ทำให้พนักงานตอบไปทันทีโดยไม่ต้องนึก “เห็นค่ะ เมื่อกี้เขายืนตรงนี้นี่แหละค่ะ แล้วมีผู้หญิงท่าทางลับๆ ล่อๆ คนหนึ่งมาคุยกับเขา จากนั้นเขาก็ตามผู้หญิงคนนั้นไป”

ผู้หญิงเหรอ? นัยน์ตาของป๋อจิ่วถึงกับอึ้ง ท่านเทพไม่น่าจะรู้จักผู้หญิงที่ไหน เธอครุ่นคิด แล้วถามเพิ่ม “คุณแน่ใจนะว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับคนที่ผมพูด”

“แน่ใจสิคะ!” พนักงานตาเป็นประกาย “ผู้ชายคนนั้นหล่อมาก ขนาดที่คนลืมยาก พวกเรายังสงสัยอยู่เลยว่าเขาเป็นดาราหรือเปล่า”

ท่านเทพจริงๆ ด้วย แต่ ทำไมเขาไปกับผู้หญิง!

ทันใดนั้น ข้อมูลบางอย่างก็ผุดขึ้นในสมอง แววตาเธอช็อก นิ้วมือถึงกับสั่น เธอคว้าไหล่พนักงานคนดังกล่าว “ที่นี่ต้องมีกล้องวงจรปิดแน่? ขอผมดูหน่อยได้ไหม?”

“เอ่อ…” พนักงานลำบากใจ “ต้องถามผู้จัดการก่อนนะคะ”

เสี้ยวหน้าหล่อๆ ของป๋อจิ่วฉายแววตื่นตระหนกเป็นครั้งแรก “ผู้จัดการของพวกคุณอยู่ที่ไหน?”

“ดูเหมือนเขาจะอยู่ร้านข้างๆ นะคะ เอาอย่างนี้ละกัน ฉันจะโทรหาเขา” พนักงานคนนี้ถือเป็นคนมีน้ำใจ ด้วยเห็นหนุ่มน้อยท่าทางกระวนกระวาย หันหน้าไปสไลด์มือถือ

ทว่าเธอกลับคิดไม่ถึงว่า ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ให้เวลาเธอ ในระหว่างที่เธอหันหน้าไป หนุ่มหล่อก็ค้ำมือข้างหนึ่ง ส่งตัวเข้าไปด้านในเคาน์เตอร์เก็บเงิน โดนมืออีกข้างกดบนไหล่ของพนักงานคนดังกล่าว “ขอโทษนะฮะ ผมขอใช้คอมพิวเตอร์หน่อย”

………………………………….

1791-3 vs 1791-4

ตอนที่ 1791-3

เซียวจิ่งจับตัวห้ามไว้ “จำเป็นเหรอ?”

จ้าวซานพั่งโมโหมาก “เขาพูดบ้าอะไร เขา…”

“มีคนหลายคนพูดแบบนั้นไม่ใช่เหรอ แถมยังมีคนบอกว่าจะชนะหรือแพ้ มันก็ไม่สำคัญ เพราะมันเป็นแค่เกม แพ้แล้วจะเป็นไรไป” เซียวจิ่งหันไปมองอีกด้าน “เวลานี้ ขอแต่ชนะเป็นพอ”

ไม่ต้องพูดอะไร ขอแค่ชนะ เอาเกียรติยศมาให้ประเทศ ถึงจะได้รับการยอมรับจากผู้คนมากขึ้น คนพวกนั้นคิดเช่นนี้เสมอมา

เซียวจิ่งมองดูผนังขาวที่แปะป้ายโฆษณาของทีมไดมอนด์ เขาเชื่อว่าสักวันหนึ่ง ทุกคนจะเข้าใจว่า พวกเขาไม่ได้เล่นเกมบ้าบอ แต่กำลังเล่นลีกส์อาชีพต่างหาก ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาคือการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต

เฟิงอี้กำลังรอข่าวอยู่นอกตึก เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาไม่หยุดชะงักสักนิด และพอรู้ผลก็รีบโทรหาป๋อจิ่วทันที

ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว มุมปากแยกยิ้มอย่างเห็นได้ชัด แค่ในห้องนี้ขาดคนคนหนึ่งที่เธออยากให้เขารู้มากที่สุด ส่วนสมาชิกคนอื่นยังอยู่ครบ

เมื่อหลินเฟิงทราบผลการตัดสินของทางคณะกรรมการ ถึงกับกระโดดตัวลอยจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ หันไปกอดป๋อจิ่วสุดตัว ถามอย่างดีใจว่า “จริงเหรอ? เจ้าแบล็ก นายพูดจริงใช่ไหม?”

“นายลองเปิดมือถืออ่านสิ จิ้งจอกเฟิงส่งข่าวมาในวีแชทแล้ว”

นั่นไง ส่งข้อความมาทางกรุ๊ปวีแชทจริงด้วย หลินเฟิงดีใจเอามาก ดีจังเลยๆ แต่พอดีใจเสร็จก็พลันนึกอะไรออก สันหลังเย็นวาบในทันใด หันไปมองตำแหน่งที่ฉินมั่วนั่งเมื่อครู่ทันที เมื่อพบว่าเจ้าตัวไม่อยู่ก็โล่งใจ โชคดีนะที่หัวหน้าไม่เห็นสิ่งที่เขาทำเมื่อครู่นี้

ทุกคนต่างดีใจ แค่วิธีการแสดงออกไม่เหมือนกัน ป๋อจิ่วไปหาเหราหรงที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้วเอ่ยถาม “พี่มั่วไปไหน?”

“น่าจะไปห้องน้ำนะ” เหราหรงไม่รู้เหมือนกัน

ห้องน้ำเหรอ? ตอนที่เธอมา ที่นั่นไม่มีใครนี่

เฟิงซ่างพูดขึ้น “หา หัวหน้า มะ เหมือนจะอะ…ออกไป ซื้อลูกอม”

ลูกอม? ทุกคนไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะขึ้นได้ คนอย่างหัวหน้าเนี่ยนะจะไปซื้อลูกอมได้ยังไง? นิ้วมือของป๋อจิ่วดูเหมือนจะแข็งทื่อ ก่อนจะสาวเท้าลงตึกไป

แต่กระนั้นเมื่อ 3 นาทีที่แล้ว ณ ร้านสะดวกซื้อเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงตรงหน้าเขตที่พักซึ่งอยู่ข้างนอกอะพาร์ตเมนต์

ฝานเจียคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ เธอยังวางแผนจะลงมือตอนค่ำ ไม่คิดว่าจะได้เห็นคนที่คาดไม่ถึง เธอถึงกับเบิกตากว้าง เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินซุกมือในกระเป๋าข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างไล่สินค้าไปตามชั้นวางสินค้า ราวกับจะเลือกอะไรสักอย่าง ใบหน้านั่นไม่ต่างจากที่เธอฝันถึงแม้แต่น้อย แค่ตอนนี้ดูเหมือนจอมมารที่ถูกปลดปล่อย เธอยังรู้สึกได้ถึงความร้ายกาจที่ไม่เหมือนเดิมจากเรียวปากบางที่แย้มยิ้มนิดๆ อีกด้วย

ไม่นาน ฝานเจียก็ระลึกได้ว่านี่เป็นโอกาสทองที่จะลงมือ! เพราะนอกจากตัวเขาแล้ว ไม่มีใครติดตามมาด้วย บวกกับการยืนเลือกของในชั้นวางสินค้าอันเดียวกัน ย่อมไม่ทำให้ใครสงสัย

หลังจากที่ตัดสินใจ ฝานเจียข่มอารมณ์ไว้ เดินสาวเท้าตามร่างสูงสง่าไป และพอจะได้ยินเสียงชายหนุ่มพูดอยู่บ้าง “ปกติยัยนั่นน่าจะชอบยี่ห้อนี้”

เมื่อเห็นปลายนิ้วของชายหนุ่มสัมผัสลูกอมชิ้นหนึ่ง ส่งผลให้ฝานเจียไม่คิดเลยว่าเขาจะมาซื้อขนมหวานไม่ต้องเดาเลยว่า ‘ยัยนั่น’ จากคำพูดของเขาจะหมายถึงใคร?

ความริษยาอย่างสุดแสน ทำให้ฝานเจียกำมือแน่น จนปลายเล็บจิกเข้าเนื้อ!

ในขณะที่เธอจะอ้าปาก เสียง ‘ฟึ่บ!’ ดังขึ้น ไพ่ใบหนึ่งบินผ่านหน้าเธอไป ฝานเจียรีบหลบทันที มองดูไพ่ที่บินเหมือนมีดไปปักขนมปังด้านหลังเธอ สีหน้าซีดเผือด ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงระโหยโรงแรง “พี่มั่ว พี่จำฉันไม่ได้แล้วเหรอคะ?”

 ————————————-

ตอนที่ 1791-4

พี่มั่ว? ฉินมั่วได้ยินชื่อดังกล่าวถูกเรียกออกจากปากเธอ รู้สึกได้อย่างหนึ่งว่าเขาไม่ชอบใจ

เดิมทีฝานเจียคิดจะฉวยจังหวะที่ชายหนุ่มสูญเสียความทรงจ เข้าไปใกล้ชิดเขา แต่ไม่คิดว่าแค่เธอพูดจบ เขาก็ดึงเอาลูกอมมาถุงหนึ่งแล้วเดินไปจ่ายเงิน เหมือนไม่อยากจะมองหน้าเธอสักนิด

ฝานเจียหรี่ตาลง หันไปบังทางของฉินมั่ว “พี่มั่ว พี่คิดว่านังนั่นชอบพี่จริงๆ เหรอคะ เขาแค่อยากให้พี่ลงแข่งการแข่งชิงแชมป์เอเชียเท่านั้น ถึงได้เชื่อฟังพี่ทุกอย่าง ถ้าไม่เชื่อฉันมีรูปให้พี่ดู เขากับโฮชิโนะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ไม่ได้แค่ชื่นชมกันตามปกติ พวกเขาเป็นคู่หูที่สนิทกันมาก ตอนแรกเขาช่วยโฮชิโนะล้างข้อหาทั้งหมด จนใช้เล่ห์กลมาหลอกพี่ พี่ลืมเรื่องพวกนี้หมดแล้วเหรอคะ?”

ฝานเจียคิดว่าเธอพูดขนาดนี้แล้ว เขาน่าจะฟังเธอบ้างสักนิด ไม่คิดว่าเขาแค่ตอบเธออย่างเย็นชาที่ก่อตัวมาจากความเหนื่อยหน่าย “ไสหัวไป”

ฝานเจียนิ่งอึ้งอยู่กับที่ เพราะแววตาที่เขามองเธอ ไม่มีความอ่อนโยนสักนิด ราวกับว่าหากเธอพูดมากอีกนิดเขาจะฆ่าเธอเสีย ดูท่าแล้วเธอไม่น่าใช้วิธีนี้เลย

แต่ในเมื่อเธอไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวัง! นัยน์ตาฝานเจียตึงเครียด “ฉินมั่ว อย่าโกหกตัวเองเลย คนที่สำคัญที่สุดของพี่น่ะตายไปแล้ว เพราะพี่จับตัวเขาไม่ได้ พี่คงจำได้ว่าน้ำนั่นมันลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง…”

ฉินมั่วไม่คิดจะฟังจนจบ ทว่าเมื่อตัวอักษรเหล่านั้นผ่านเข้ากระดูกหู ก็เหมือนจะซึมเข้าสมองเขาทันที เขารู้ทันทีว่ามันคือคำสั่งที่แฝงทางจิต คิดจะหนีไป แต่พอประโยคที่ว่า ‘คนที่สำคัญที่สุดของพี่ตายไปแล้ว เพราะพี่จับตัวเขาไม่ได้….’ ก็ปวดศีรษะอย่างรุนแรงทันที จนเขาต้องกุมศีรษะตัวเอง

ฝานเจียยังคงพูดต่อ ทั้งยังเดินเข้าไปหาเขาทีละก้าวๆ เหมือนงูที่แลบลิ้นออกมา “เขาจมลึกลงไปเรื่อยๆ  ลึกลงไปเรื่อยๆ กว่าพี่จะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เพราะตอนที่เขาต้องการพี่ พี่กลับไปช่วยคนอื่น”

เสียง ‘ผัวะ’ ดังขึ้น สมองเขาเหมือนถูกกรีดออก แววตาของฉินมั่วไม่เคยคมกล้าเหมือนเดิม แถมสีนัยน์ตาก็อ่อนลงเรื่องๆ เหมือนเห็นสิ่งของบางอย่าง แต่ก็เหมือนไม่เห็น เขายื่นมือออกไปคว้า กลับได้แต่ความว่างเปล่า

ฝานเจียจงใจเดินหนีมายืนมองเขาอยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยต่อ “พี่รู้ดีกว่าใคร คนที่ผิดมากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือตัวพี่นั่นแหละ ถ้าพี่เชื่อเขา ไม่แคร์คนอื่น ยอมทิ้งความรับผิดชอบทั้งหมด เขาก็ไม่ตายแล้ว  โถ Z ที่น่าสงสาร คนทั้งโลกไม่ยอมรับ แถมยังต้องจมอยู่ใต้น้ำตลอดกาล พี่ก็เห็นตอนที่เขาดิ้นรนเอาชีวิตรอดในน้ำนี่ ตอนเด็กๆ พี่รับปากเขาไว้ พอโตแล้วไม่ว่าจะทำอะไรพี่จะนึกถึงเขาก่อน พี่นั่นแหละที่เป็นคนผิดคำพูด พี่เป็นคนทำให้เขาตาย”

เมื่อฝานเจียพูดประโยคสุดท้าย นัยน์ตาของฉินมั่วก็แข็งกร้าว เมื่อเขายกมือขึ้นอีกครั้งกลับรุนแรงมาก มากจนข้อนิ้วซีดขาว ทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่ง เพราะความแข็งแกร่งนี่แหละที่ทำให้พี่ชายเธอไม่ประสบความสำเร็จในตอนนั้น

ฝานเจียกำมือแน่น เป็นครั้งแรกที่เธอไม่หลบ แต่เป็นฝ่ายยื่นมือไปจับมือเขาเอง เมื่อฉินมั่วมีของบางอย่างในมือก็ยึดเอาไว้แน่น…

………………………………………………

1790-2 vs 1791-1 vs 1791-2

ตอนที่ 1790-2

 คำพูดสั้นๆ นั้น ทำให้มุมปากของป๋อจิ่วแยกยิ้ม “ทางคณะกรรมการตกลงใช่ไหม?”

“ใช่” แม้จะเหนื่อยมาก แต่กลับยินดีมากที่อยากแบ่งปันให้คนอื่นรับรู้ “แต่ คนจากคณะกรรมการอยากดูฝีมือของเขาว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้ายังเก่งเหมือนเดิม รายชื่อผู้เข้าแข่งก็จะไม่เปลี่ยน”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “จะดูยังไง? จะแข่งตอนนี้ก็ไม่ทัน?”

“ฉันส่งคลิปที่พวกเราฝึกเมื่อวานให้ทางคณะกรรมการดู พวกเขากำลังหาคนมาวิเคราะห์” เฟิงอี้พูดมาถึงตรงนี้ก็นิ่งไป “รอนิดหนึ่ง เดี๋ยวผลก็ออกมาแล้ว มีโอกาสก็ยังดีกว่าไม่มีนะ”

“โอเค” แววตาของป๋อจิ่วเป็นประกาย เฟิ่งอี้พูดไม่ผิดหรอก อย่างน้อยพวกเธอยังมีโอกาส…

ในเวลาเดียวกัน ภายในการประชุมภายในกลุ่มคณะกรรมการ มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งพาท่านเทพจากทีมเซียงหนานถึงสามคนเข้ามา โดยคนเดินนำเป็นหัวหน้าทีมเซียงหนาน ซึ่งก็คือเซียวจิ่งนั่นเอง ส่วนลั่วลั่วยืนด้านซ้ายและจ้าวซานพั่งยืนด้านขวา

บอกตรงๆ ถูกคณะกรรมการเรียกตัวมาในช่วงเวลาที่อ่อนไหวอย่างนี้ จ้าวซานพั่งกลัวอยู่เหมือนกัน

ผู้ที่นั่งอยู่กลางห้องประชุมยิ้มให้ “นั่งลงเถอะ อย่ายืนอยู่เลย ที่เรียกพวกคุณมาในครั้งนี้ เพราะอยากให้พวกคุณช่วยจนทำงานชิ้นนี้ให้หน่อย”

“งาน?” หน้าบานๆ ของจ้าวซานพั่งเป็นงง หันไปมองหัวหน้าทีมของตัวเอง แต่เห็นว่าสีหน้าอีกฝ่ายนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง พอได้เห็นการเปรียบเทียบเช่นนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองตื่นตูมไปหรือเปล่า

จ้าวซานพั่งบอกตัวเองให้นิ่งสุขุมเสียหน่อย ไม่งั้นจะเสียภาพลักษณ์ของการเป็นท่านเทพ แต่เขายังไม่ทันได้ปรับท่านั่งให้ดูดี คลิปหนึ่งก็ปรากฏอยู่นหน้าจอใหญ่ ชื่อไอดีที่ปรากฏในเกมเป็นชื่อที่พวกเขาได้ยินบ่อยครั้งมาก เพราะเจ้าของชื่อนี้ชอบอวดหวานกับแฟน กวนโมโหเป็นบ้า!

“ไอดีที่เห็นเป็นไอดีที่ฉินมั่วกำลังใช้เล่นอยู่” ชายคนดังกล่าวพูดพลางจับจ้องพวกเขา “เชื่อว่าพวกเธอคงได้ยินข่าวที่หลุดออกมาทางโลกออนไลน์แล้ว เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ฉินมั่วเป็นผู้เข้าแข่งขันที่โดดเด่นมาก แต่ตอนนี้เขาสูญเสียความทรงจำไปแล้ว คนที่จำอะไรไม่ได้อย่างเขาจะเหมาะต่อการแข่งระดับเอเชียหรือไม่ พวกเราไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการ คลิปนี้เอามาจากอินเทอร์เน็ต ข้อมูลเชื่อถือได้ พวกคุณลองดูหน่อยซิว่า ถ้าดูจากเทคนิคการเล่น ระดับฝีมือของเขาในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

จ้าวซานพั่งตาโต เรื่องทุ่มเทสุดแรงแต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรแบบนี้ ทำไมถึงให้ทีมเซียงหนานมาทำ! ซึ่งยังไม่รอให้เขาได้พูดออกมา ก็ถูกคนคว้าข้อมือไว้ เจ้ลั่วคนสวยยิ้มสื่อให้เขาหันหน้าไปมองอีกทาง จ้าวซานพั่งจึงได้เห็นว่า หัวหน้าของพวกเขาเริ่มวิเคราะห์การเดินตำแหนงกับสกิลการเล่นของตัวละครดังกล่าว

คนอื่นๆ ในคณะกรรมการก็ดูอยู่เช่นกัน เพราะล้วนแต่อยู่ในวงการ จะมากจะน้อยย่อมเข้าใจอยู่บ้าง

ในกลุ้มคณะกรรมการดังกล่าว ยังมีนักกีฬาเก่าที่อำลาวงการมาแล้ว แต่ที่เข้าใจดีที่สุด ยังเป็นทีมเซียงหนาน เพราะพวกเขาเป็นแชมป์ประเทศมาสามปีซ้อน ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังเคยได้รองแชมป์ของระดับเอเชียอีกด้วย การได้พวกเขามาให้ความเห็นด้านสกิลการเล่น จึงเหมาะสมที่สุด

คลิปดังกล่าวไม่สั้น เพราะไม่ใช่แค่เกมเดียว แต่เป็นสามเกมติด หลังจากที่สิ้นสุด ชายคนนนั้นยกมือปิดหน้าจอ สายตากวาดมองรอบโต๊ะประชุม “เราจะใช้วิธีโหวดมาตัดสิน ตอนนี้มีคนอยู่ทั้งหมดสิบเอ็ดคน ทุกคนห้ามงดออกเสียง ถ้ายอดเห็นด้วยมีหกเสียง ทีมไดมอนด์จะถูกใช้ครบทีม ถ้าเป็นผลในทางตรงกันข้าม จะต้องถอดสิทธิ์ของฉินมั่ว ซึ่งก่อนที่จะลงโหวต เราสามารถออกความเห็นได้”

 ———————————–

ตอนที่ 1791-1

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมขอพูดก่อนเป็นคนแรก ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่จุดยืนผมชัดเจน ผมไม่คิดว่าฉินมั่วยังเหมาะที่จะแข่งชิงแชมป์เอเชีย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาเสียความทรงจำไป แค่อาการบาดเจ็บที่มือก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งได้ แถมในสนามแข่งยังมีเหตุที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นมากมาย ความสามารถของเขาในตอนที่สูญเสียความทรงจำต้องสู้เมื่อก่อนไม่ได้ เขาย่อมสร้างความมหัศจรรย์อะไรไม่ได้หรอก ถึงจะน่าเสียดายแค่ไหน ผมก็ยังชื่นชมนักกีฬาอย่างฉินมั่ว แต่เราต้องพิจารณาถึงส่วนรวม ผมขอโหวตไม่เห็นด้วย” คนคนนั้นช้อนสายตาขึ้นมอง พูดอย่างเด็ดขาด

คนที่นั่งข้างๆ ยังคงปรึกษากันอยู่ ดูเหมือนจะพิจารณาข้อเสนอของเขา

เซียวจิ่งจึงเอ่ยขึ้นมา “คุณหลี่พูดไม่ผิดหรอกครับ ความสามารถของฉินมั่วในตอนนี้สู้เมื่อก่อนไม่ได้จริงๆ แต่เขาสามารถพัฒนาได้เร็วกว่าทุกคน จากคนที่ไม่รู้เรื่องเกมเลยมาสู้เดี่ยว แค่ใช้เวลาในการแข่งเกมเดียวก็ไม่เคยแพ้ใครอีกในเกมอื่น แถมยังใช้ตัวละครที่ไม่เหมือนกันด้วย ทุกครั้งที่เปิดเกมเล่น เขาจะทำความเข้าใจในสกิลของตัวละคร หลังจากนั้น 3 นาทีก็เรียนรู้จนเป็นหมด กระทั่งยังฆ่าคืนได้ ตอนอยู่เลนกลาง เขาเล่นเป็นนักฆ่าที่ดูเหมือนจะงั้นๆ แต่กลับคำนวณไว้ทุกย่างก้าว ไม่งั้นเขาคงไม่เคยถูกนักฆ่าฝ่ายคู่แข่งจับได้สักที ถ้าสังเกตคะแนนของเขา เราจะรู้ว่าถึงจะไม่ได้คะแนนสูงที่สุด แต่จำนวนครั้งที่รวมทีมสู้กลับเต็มร้อย การแข่งพวกนี้ดูเหมือนว่านักฆ่าจะเป็นคนนำฟอร์ม แต่อันที่จริง ไม่ว่าเขาจะเล่นเป็นตัวไหนก็นำฟอร์มได้หมด แถมยังชนะทุกเกมด้วย สำหรับเกมเมอร์ลีกส์อาชีพแล้ว เกมแบบนี้อาจไม่ยาก แต่ถ้าจะมั่นใจเอาชนะให้ได้ทุกเกม ก็ใช่ว่าเกมเมอร์ลีกส์อาชีพจะทำได้ทุกคน เพราะนอกจากตัวเองแล้ว เกมเมอร์อีกสี่คนก็ใช่ว่าจะควบคุมได้  ถ้าอยากจะชนะ ก็ต้องคุมทุกปัจจัยทั้งหมดไว้ให้ได้ แล้วยังต้องนำฟอร์มแบบไม่ให้รู้ตัว ไม่เพียงแต่จะต้องรู้จุดเด่นจุดด้อยของเพื่อนร่วมทีม ยังต้องเดาได้ว่าคนของฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่ตำแหน่งไหน อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องคุมเงื่อนไขสองข้อนี้ให้ได้ คะแนนการแข่งแบบนี้ ผมคงไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งการเดิน เพราะคนที่อยู่ที่นี่บางคนก็ไม่เล่นเกม ผมแค่อยากถามว่า มีใครทำได้บ้าง?”

น้ำเสียงของชายหนุ่มราบเรียบ แต่กลับทำให้คนที่ยึดมั่นเมื่อครู่ ลังเลใจขึ้นมา

เซียวจิ่งจ้องมองอีกฝ่าย “ในเรื่องการเล่นเกมออนไลน์ ไม่มีใครที่มีพรสวรรค์เหนือกว่าฉินมั่ว แม้หลายปีที่ผ่านมา ผมไม่อยากยอมรับปัญหานี้ แต่มันมีจริงๆ ยิ่งไปว่านั้น ถึงแม้เขาจะลืมบางอย่างไป แต่ร่างกายเขายังจำได้ อีกเรื่อง ผมคิดไม่เหมือนกับคุณหลี่ เพราะเขาเป็นคู่แข่งของผม ผมรู้สึกทุกครั้งเลยว่า ถ้ามองอย่างเป็นกลาง ทีมเซียงหนานของพวกเราแกร่งกว่าทีมไดมอนด์เยอะ แต่พวกเขามักจะมาเหนือเมฆเกินกว่าที่พวกเราคาดคิด เราจะประเมินเขาด้วยระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้ เพราะพวกเขาเป็นประเภทยิ่งเจอแข็งก็ยิ่งแกร่ง หัวหน้าทีมก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน คุณหลี่พูดว่าเขาสร้างความมหัศจรรย์อะไรไม่ได้หรอก แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น เพราะปีนั้นหลายคนเห็นกันหมดว่าเขาไม่น่าจะสกัดผม ซานพั่งกับลั่วลั่วได้หรอก แต่เขาเล่นสู่ 1:3 ล้มป้อมคริสตัลได้ในพริบตา เรียกว่าจุดไฟให้กับวงการอีสปอร์ตของจีนเลยทีเดียว ในตอนนั้นไม่มีใครเห็นความเก่งของเขา ซึ่งก็เหมือนในตอนนี้นี่แหละ”

 ————————————

ตอนที่ 1791-2

คุณหลี่ไม่พูดอะไรอีก กลืนคำพูดทั้งหมดกลับไป ก่อนจะนวดหัวคิ้ว วางปากกาลงเหมือนกำลังครุ่นคิด

บรรยากาศในห้องประชุมเงียบกริบ เมื่อเห็นเป็นดังนั้น คนที่นั่งตรงกลางจึงมองรอบห้อง เอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้พวกคุณต่างมีความเห็นเป็นของตัวเอง งั้นก็โหวตเถอะ คนที่เห็นด้วยยกมือขึ้น”

เซียวจิ่งเป็นคนแรกที่ยกมือ ส่วนซานพั่งและลั่วลั่วยกตามมา ส่วนที่เหลือไม่ว่าเซียวจิ่งจะพูดอย่างไร ต่างสงวนท่าทีอย่างเดียว ยึดตำแหน่งตัวเองไว้โดยไม่หวังผลงาน แต่พวกเขาจะต้องไม่ผิดพลาด หากฉินมั่วลงแข่งแล้วเกิดปัญหาขึ้นในระหว่างการแข่งขัน พวกเขายังต้องรับผิดชอบอีก แต่ในทางกลับกันหากฉินมั่วไม่ลงแข่ง อย่างน้อยก็ไม่เกิดปัญหาขึ้น

ซางพั่งเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า รู้สึกหายใจลำบากเป็นครั้งแรก เขาไม่เข้าใจว่าการมาของพวกเขามีความหมายอย่างไร ในเมื่อมีพวกเขาแค่สามคนที่ยกมือ ส่วนคนอื่นกลับไม่คิดจะเห็นด้วยตั้งแต่แรก

ในขณะที่เซียวจิ่งยังคิดจะปล่อยมือลงแล้วเดินออกไป คุณหลี่เหมือนจะตัดสินใจได้ และยกมือขึ้นในที่สุด คนที่นั่งขนาบซ้ายและขวาของเขาพลอยยกมือไปด้วย แววตาของซานพั่งหวั่นไหวเพราะไม่อยากเชื่อ “คุณ…”

“การแข่งขันที่เซียวจิ่งพูดถึง ผมก็อยู่ด้วย” คุณหลี่พูดพลางยิ้ม “ตอนนั้นทุกคนลุกขึ้นปรบมือให้เขา ชนิดทุ่มเทจนสุดกำลัง เขาอุตส่าห์รอดมาได้ในสถานการณ์วิกฤต ขึ้นสู่ความเป็นสุดยอด ถ้าผู้เข้าแข่งขันอย่างฉินมั่วต้องถูกสกัดไว้จริงๆ ก็น่าเสียดาย”

เซียวจิ่งได้ยินแล้ว แววตาวาววับ เอ่ยเพียงว่า “ขอบคุณครับ”

ด้วยเหตุนี้ จากสามเสียงที่มีจึงกลายเป็นหกเสียง พวกเขารักษาสิทธิ์ให้ฉินมั่วสำเร็จแล้ว แต่รอจนจะเดินจากไป  กลับมีคนเรียกเซียวจิ่งเอาไว้ “หัวหน้าเซียว คุณฉลาดจะตาย ทำไมถึงมองไม่ออกถึงเจตนาในการประชุมครั้งนี้ แถมยังช่วยฉินมั่วอีก? ถ้าคุณไม่พูดอะไร ก็จะมีข้อเสนอออกมาให้คุณเข้าไปอยู่ในทีมไดมอนด์ชั่วคราว รอจนแข่งระดับเอเชียจบก็ค่อยกลับทีมตัวเองไป มันย่อมเป็นไปได้ เพราะเราต้องพิจารณาถึงส่วนรวม”

“ดูเหมือนคุณจางจะเข้าใจผิด” เสียงของเซียวจิ่งนิ่งเหมือนเดิม “ผมแค่วิเคราะห์ด้านเทคนิคการเล่น ถ้าฉินมั่วเล่นแย่มาก ผมจะโหวตไม่ให้เขาผ่าน อีกอย่างทีมหนึ่งๆ จะดีหรือไม่ ต้องดูว่าลูกทีมศรัทธาหัวหน้าทีมหรือเปล่า ทีมอย่างทีมไดมอนด์ พวกเขาไม่คิดว่าผมจะแทนที่ฉินมั่วได้หรอก เช่นเดียวกัน ทีมเซียงหนานของผมก็ไม่ยอมให้ผมไปแน่นอน ถ้าพิจารณาเพื่อคนส่วนรวมจริงๆ ก็ให้ลูกทีมที่จะแข่งเป็นคนตัดสินดีกว่า เพราะหากอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา อาจจะแข่งไม่ได้ผลดี”

เซียวจิ่งพูดจบก็เดินนำซานพั่งและลั่วลั่วตรงไปที่ลิฟต์ ส่วนคุณจางแค่นยิ้มออกมาด้วยความโมโห  ไอ้พวกเด็กบ้าเกมงี่เง่านี่มันยังไงกัน คิดว่าดังในวงการนี้แล้ว ตัวเองจะเท่าเทียมกับการแข่งขันกีฬาอย่างอื่นงั้นสิ? มันก็แค่ของเล่นนั่นแหละ ถือดีว่ามีแฟนคลับเยอะเลยโอหัง ระวังเถอะ จะร่วงลงมาสักวัน!

คำพูดของเขาไม่น่าฟัง พอจะหลุดลอยเข้ามาในตัวลิฟต์ จ้าวซานพั่งได้ยินเข้าก็กดลิฟต์เปิด พุ่งจะไปเอาเรื่องกับคนพูดทันที

 ———————————

1789-1 vs 1789-2 vs 1790-1

 

ตอนที่ 1789-1

เมื่อพวกเราอยู่ด้วยกัน มันจะกลายเป็นคบเพลิงยักษ์

หลังจากที่คลิปให้สัมภาษณ์ถูกเผยแพร่ออกไป ราวกับจะได้รับการตอบรับทันที ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ต่อ ให้ความเห็น และแชร์ต่อเรื่อยๆ จากโลกออนไลน์มาถึงชีวิตจริง ทุกคนเริ่มช่วยป่าวประกาศให้ทีม ขนาดแฟนคลับที่มีฐานะยังจ้างขบวนรถวิ่งเชียร์จนกลายเป็นสีสันของเมืองเจียงเฉิง

หลายๆ คนบอกว่าการแข่งชิงแชมป์เอเชียในปี 2018 ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง เพราะหนึ่ง จีนถูกเลือกให้เป็นที่จัดได้อย่างไม่ง่าย สอง เพราะทีมไดมอนด์สร้างกระแส ซึ่งไม่ธรรมดาแน่นอน

ณ สถานที่จัด ตั๋วที่เกี่ยวกับทีมไดมอนด์ล้วนขายออกหมดจนไม่เหลือ หลายๆ คนมาถึงเมืองเจียงเฉิงตั้งแต่ก่อนเริ่มแข่งขัน ทั้งนี้พวกเขาไม่ได้บังคับให้ใครต่อใครมาชอบทีมนี้

หากเมื่อนักข่าวยื่นไมโครโฟนถามพวกเขา “ทำไมถึงมาล่วงหน้าล่ะ? ตอนนี้อุณหภูมิในเมืองเจียงเฉิงต่ำมาก ไม่หนาวหรือ?”

“หนาวจะตาย แต่คุ้ม” หญิงสาวคนหนึ่งยิ้มร่าพลางสะบัดตั๋วเข้าสนามของตัวเอง “แฟนฉันให้มาค่ะ เพราะทีมไดมอนด์ เราถึงได้รู้จักกันค่ะ”

นักข่าวตะลึง “รู้จักกันเพราะทีมไดมอนด์?”

“ใช่ค่ะ ตอนนั้นเขายังเล่นเป็นนักฆ่าเลียนแบบเทพฉินอยู่เลยค่ะ แถมยังเอาแต่หึงเพราะฉันชอบแบล็กพีช Z ค่ะ พอแบล็กพีชกับเทพฉินอยู่ด้วยกัน เขาก็พูดกับฉันว่า เธอดูสิ เทพไอดอลของเธออยู่ด้วยกันกับเทพไอดอลของฉันแล้ว งั้นพวกเราก็อยู่ด้วยกันเถอะ” เธอยิ้ม “ฉันเล่นเกมห่วยมากค่ะ ตอนเล่นเป็นตัวยิงไกลก็เล็งไม่แม่นสักครั้ง วิ่งก็ช้า ยิ่งไม่รู้ว่าจะเดินตำแหน่งยังไง เอาแต่ถูกคนฆ่าอยู่นั่นแหละ แล้วเขาชอบวิ่งออกมาแก้แค้นแทนฉันในเวลาที่ฉันตาย ถึงฉันจะเล่นไม่เอาไหน แต่คุณพอจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ไหม แบบคนที่ชอบทีมไดมอนด์เสมอมา หัวใจเขาไม่ชั่วร้ายอะไรหรอกค่ะ แถมยังเป็นผู้ใหญ่กว่าคนอื่นอีกต่างหาก เวลาอยู่ด้วยกัน ถึงจะไม่ค่อยคุยกันก็ยังรู้สึกว่าได้รับการดูแล อย่างตอนที่แบล็กพีชใช้อีกไอดีหนึ่งบอกว่า แฟนฉันกำลังหึง ฉันต้องไปโอ๋เขาก่อน ตอนนั้นฉันถึงนึกได้ว่า มีแต่เขาโอ๋ฉัน ฉันไม่เคยโอ๋เขาเลย ตอนนี้เราใกล้จบมหาวิทยาลัยแล้ว ฉันกังวลอยู่นั่นแหละว่าต่อไปเราจะอยู่ด้วยกันได้ไหม ไม่คิดว่าวันนั้นเขาจะขอฉันแต่งงานค่ะ เขาบอกว่า เทพ Z ยังโอ๋แฟนตัวเองให้แฮปปี้ได้ เขาก็โอ๋ฉันให้แฮบปี้ได้เหมือนกัน ไม่ถึงกับจะไม่เคยทะเลาะกันหรอกนะคะ แต่บางครั้งเราทะเลาะกันก็หันไปดูคนกลุ่มนั้น แล้วหวนถึงตอนที่เราหวานกัน”

นักข่าวไม่คิดเลยว่าจะได้สัมภาษณ์คนแบบนี้ แต่ด้วยความกลัวว่าจะเป็นการโอ้อวด จึงไม่ได้พูดอะไรมาก ถึงจะรู้ว่าหากคลิปนี้ถูกถ่ายทอดออกไป ยอดวิวก็ไม่น่าจะย่ำแย่ แต่เพื่อป้องกันคำครหา จึงย้ายไมโครโฟนไปให้คนต่อไป แต่แล้วก็ถึงกับตะลึง เพราะคนต่อไปกลับเป็นคุณป้าที่อุ้มถาดขายของโดยมัดไว้กับสายสะพายบนไหล่ เธอเริ่มจะมีผมหงอก หลังโก้งโค้ง แต่แต่งตัวสะอาดสะอ้าน ราวกับรอคอยวันนี้มาโดยเฉพาะ ทว่าเธอยังคงต้องดำรงชีวิตต่อไป ดังนั้นจึงหอบของเข้ามาขายด้วย เป็นบุหรี่นิดหน่อยและขวดน้ำจำนวนหนึ่ง เธอถือตั๋วไว้ในมือ ถามคนแถวๆ นั้น “อันนี้เป็นตั๋วแข่งของทีมไดมอนด์ใช่ไหม? ถึงเวลาก็เข้าไปดูในนี้ใช่รึเปล่า?”

————————————–

ตอนที่ 1789-2

นักข่าวเห็นภาพตรงหน้า แววตาช็อกหน่อยๆ เพราะคนอายุปาเข้าไปปูนนี้แล้ว ไม่น่าจะมาดูการแข่งอีสปอร์ต และการที่มีคนรุ่นป้าเข้ามาชม ยิ่งดูไม่เข้ากันเอาเสียเลย

เมื่อกล้องแพนไปจับภาพเธอ ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหรือช่างกล้อง ก็ล้วนแต่รู้สึกว่านีคือประเด็นร้อน จึงยื่นไมโครโฟนให้ “คุณป้า รบกวนนิดหนึ่ง พวกเราอยากรู้มากๆ เลยว่า คนที่มาดูการแข่งขันกีฬาแบบนี้ ถ้าไม่เป็นพวกสาวๆ ก็ต้องเป็นผู้ชายที่ชอบเล่นเกม แต่นี่กลับมีคนค่อนข้างมีอายุอย่างคุณป้าตั้งหนึ่งคน ถ้าสะดวกล่ะก็ พอจะบอกพวกเราได้ไหมว่า ทำไมคุณป้าถึงได้ซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขันล่ะ หรือว่าซื้อให้ลูกหลานที่บ้าน?”

ไม่คิดว่าคุณป้ารีบโบกมือปฏิเสธ “เปล่า ป้าซื้อมาดูของป้าเอง รอมาตั้งนานแล้ว จะได้เชียร์ลูกๆ ในทีมนี้สักที ป้าดีใจมาก”

“ซื้อให้ตัวเองเหรอ? เอ่อ แล้วคุณป้า…” พูดมาถึงตรงนี้ นักข่าวก็สะดุด “รู้จักใครในทีมหรือเปล่า?” เพราะเรียก ‘ลูก’ เสียเต็มปาก

คุณป้าตื่นตระหนกเล็กน้อย เพราะกล้องแพนมาจับภาพเธอ แต่จากนั้นดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหยุดนิ่ง “ไม่ได้รู้จักหรอกค่ะ แต่พวกเขาช่วยป้าไว้เยอะ ป้าอยากมาขอบคุณพวกเขาที่ช่วยหาทนายมาว่าความเรื่องคดีลูกสาวป้า” พูดมาถึงตรงนี้ เธอก็ชะงัก “คุณพิธีกร ป้าขอยืมช่องทางของคุณคุยกับพวกเขาหน่อยได้ไหม”

นักข่าวถึงกับนิ้วเกร็ง “เชิญเลย คุณป้า” เพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่าทีมไดมอนด์จะเห็นหรือเปล่า

“ป้าเห็นการแข่งของพวกลูกบนทีวีแล้วนะ ป้าแก่แล้วดูไม่รู้เรื่องหรอก แต่พอเห็นพวกลูกชนะก็รู้สึกดีใจมากเป็นพิเศษ มาคราวนี้ ป้าขายของได้เงินมาไม่น้อยก็เลยซื้อตั๋วเพื่อจะได้มาดูลูกแข่ง”

นักว่าไม่รู้ว่าจะไปต่ออย่างไร เพราะไม่ว่าจะเลือกสัมภาษณ์ใคร ก็ล้วนแต่มีซึ้งใจต่อทีมดังกล่าว

เขารู้ดีว่า ทำไมพวกเขาถึงมายืนตรงนี้ ยิ้มซื้อบัตร ไม่บังคับให้คุณชอบทีมที่พวกเขาสนับสนุน แต่พอถามถึง ก็ล้วนแต่พูดสบายๆ หรือยิ้มให้อย่างเขินอาย ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ไหน พวกเขาไม่แม้แต่จากเดินจากไป ราวกับทุ่มพลังทั้งหมดมาพูด คุณคิดว่าพวกเราเป็นเพียงแสงจากหิ่งห้อยที่ไม่ประจักษ์ตา แต่เมื่อพวกเรารวมตัวกัน มันจะกลายเป็นคบเพลิง คบเพลิงที่คอยพิทักษ์ทีมนี้

“พวกเราจะไปสัมภาษณ์อีกไหม?” ช่างกล้องถามอยู่ข้างๆ เดิมพวกเขาอยากจะขยายปัญหาร้อนแรงในปัจจุบันให้เป็นประเด็น แต่ เห็นได้ชัดว่า พวกเขาดูจะล้มเหลว

นักข่าวก็เล่นเกมเหมือนกัน เล่นมานานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีทีมไดมอนด์ พวกเขาไม่ได้ชอบมาก มันก็แค่เกมที่โผล่เข้ามาในชีวิตเรา ตั้งแต่เกม The King of Fighters Super Mario Audition Online Crossfire World of Warcraft Zhuxian Online จนมาถึงเกมเลเจนด์ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นชื่อที่คุ้นหูคุณ ราวกับจะทำให้คุณระลึกถึงอดีตว่าเราเป็นยังไง มีเพื่อนแบบไหนอยู่ข้างตัวที่สนิทเสียยิ่งกว่าคนรักเสียอีก

พวกคุณไม่มีอะไรที่พูดกันไม่ได้ กระทั่งยังไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน เสมือนเป็นความลับระหว่างเพื่อนหญิง พวกเราปีนกำแพงด้วยกัน เรียนรู้ที่จะสูบบุหรี่ แล้วกลัวพ่อแม่จะรู้เข้า จึงเปิดพัดลมแล้วสูบกันไม่หยุด จนสูบกันไม่เรียบร้อย ก็ทะเลาะกันขึ้นมา อ้างว่าเป็นการสู้กันระหว่างลูกผู้ชาย ทั้งที่จริงตอนนั้นพวกเราจะโตกันไม่เต็มที่เลย

นักข่าวก้มหน้า มองดูกระดาษพับที่คนมอบไว้ให้ตั้งแต่แรก ก่อนจะยกขึ้นฉีกเป็นชิ้นๆ “ก็ต้องสัมภาษณ์ต่อสิ แต่ต้องว่ากันตามจริง”

“แต่เบื้องบน…”

“ฉันรับผิดชอบเอง” คำตอบสั้นๆ จบทุกอย่าง ไม่มีใครคิดว่า พวกเขาจะเปลี่ยนแนวทางการสัมภาษณ์…

 ————————————-

ตอนที่ 1790-1

 ฝานเจียเห็นข่าวนี้แล้ว ถึงกับกำมือแน่น เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตัวเองควบคุมอะไรไม่ได้ เดิมคิดว่าต่อให้ Z อยู่ด้วยก็ควบคุมจิตใจคนไม่ได้ เพราะเธอรู้ดีว่าพวกเขาว่าคนเหล่านั้นคิดอย่างไร ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าลุกขึ้นมายืนหยัดช่วยเหลือ ทำให้แววตาของเธอถึงกับหนักอึ้ง แต่ก็จนปัญญา ตอนแรกคิดจะเข้าใกล้กับคนเหล่านั้นจากมุมของแฟนคลับ เข้าไปใกล้ชิดเขา แล้วค่อยแยกพวกมันมาเป็นของตน ไม่คิดว่าจนในที่สุด เธอกลับแย่งได้ไม่กี่คน ซึ่งคนที่เธอแย่งมาได้ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี แถมเฟิงอี้ก็เก่งใช่ย่อย ย่อมควบคุมด้านประชาสัมพันธ์ได้ยอดเยี่ยม

ฝานเจียรู้ตัวว่าแผนตัวเองอาจล้มเหลว จึงร้อนรนจนถึงขีดสุด

ทางด้านป๋อจิ่วในเวลานี้ก็เริ่มลงมือ เมื่อถึงเวลาที่ควรติดต่อคุณชายถัง เธอย่อมไม่ออมมือ แน่ล่ะ การคุยโทรศัพท์ในครั้งนี้ไม่อาจทำต่อหน้าคนอื่น

เธอหาข้ออ้างเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตู จากนั้นเมื่อโทรติด ก็เอ่ยทันทีโดยไม่ปล่อยให้เสียเวลา “ฝานเจียอยู่ที่เจียงเฉิง ครั้งล่าสุดที่ปรากฏตัว เขาอยู่ที่ซอยเก่าแก่ติดถนนเส้นใหญ่ของเมือง ที่นั่นมีโรงแรมกับร้านอินเทอร์เน็ตเล็กๆ เยอะมาก แล้วกล้องวงจรปิดก็เยอะเหมือนกัน”

ปลายสายหัวเราะ “แค่จะบอกตำแหน่งฝานเจียให้ผมรู้เหรอ? แล้วไม่บอกให้รู้ด้วยล่ะว่าคุณอยู่ที่ไหน? หรือพูดอีกทีก็คือคุณเอาฉินมั่วไปซ่อนไว้ที่ไหน? พวกเราจะได้ตามหาเขาง่ายหน่อย แล้วพวกคุณยังต้องแข่งนี่นา?”

“พูดถูก ไม่งั้นคุณชายถังลองทำอะไรสักอย่างกับคณะกรรมการให้ท่านเทพลงแข่งสิ พวกคุณจะได้มาจับเขาไปไง ดีไหม?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้วเล็กน้อย เคาะนิ้วลงบนตัวเครื่องเป็นพัก ราวกับกำลังตอรองเงื่อนไข

“Z คุณคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณมีเจตนาอะไรงั้นเหรอ คุณเดาได้แต่แรกว่าพวกเราไม่กล้าจับเขาในสถานที่สาธารณะแน่ ถึงได้พาเขามาที่เจียงเฉิง ไม่ใช่เหรอ? การจะจับตัวเขาน่ะยุ่งยากจริงๆ ต้องหาข้ออ้าง แต่จะหาข้ออ้างยังไง ประชาชนทั่วไปไม่ยอมรับหรอก” คุณชายถังพูดถึงเรื่องนี้ก็ขยับเนคไท “ส่วนเรื่องหลัง ผมจะพูดในที่ประชุม มันยากเหมือนกันนะที่จะกล่อมพวกเขา”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว มีท่าทีสบายๆ “คุณชายถังก็ถ่อมตัวเกินไป แค่กล่อมคนระดับนี้ สำหรับคุณแล้ว มันง่ายจะตายไป”

ปลายสายไม่รับลูกต่อ แต่เปลี่ยนไปเอ่ยเนิบๆ “ขอแค่คุณรับประกันได้ว่าฉินมั่วจะไม่ทำอะไร พวกเราก็จะไม่ลงมือ แต่ถ้าเขามีท่าที คุณต้องเตรียมใจไว้นะ”

“วันๆ แฟนฉันก็ยุ่งแต่จะหวานกับฉันเท่านั้นแหละ จะว่างไปทำอะไรได้” ป๋อจิ่วพูดไปเรื่อย อันที่จริงเธอรู้สถานการณ์ดี “ส่วนพวกคุณ ถ้าจับตัวยัยนั่นไม่ได้ ฉันไม่รังเกียจที่จับเองนะ”

“คุณจะจับเอง? หาเรื่องใส่ตัวเหรอ? Z ที่นี่คือประเทศจีนนะ ไม่ใช่ The Fifth Avenue คุณจะจับเขาหรือฆ่าเขากันแน่? คุณไปแข่งเถอะ ส่วนเรื่องอื่น ทางนี้จะจัดการให้เรียบร้อย อยู่ให้มันสงบเสงี่ยมบ้าง มันจะดีต่อคุณแล้วก็ดีต่อผู้ชายของคุณด้วย ผมพูดแค่นี้ คุณคงเข้าใจนะ”

ป๋อจิ่วเข้าใจอยู่แล้ว และเพราะเข้าใจ ถึงไม่ได้แฮกเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขนานใหญ่เพื่อตามหาร่องรอยของฝานเจียอย่างไรล่ะ เพราะหากเธอทำอะไรลงไป ในระหว่างที่คุมความประพฤติ มันจะกลายเป็นความผิดของเขา ดังนั้นเธอจะทำไม่ได้

“ถ้าไม่เหนือความคาดหมาย คืนนี้คงหาเขาเจอ” นี่คือคำพูดท้ายที่สุดของชายหนุ่ม เขาคนนั้นพูดได้ทำได้เสมอมา ในเมื่อบอกว่าคืนนี้ ย่อมไม่มีเลยเที่ยงคืน ป๋อจิ่วจึงสงบใจขึ้นมา หลังจากที่วางสาย ก็มีอีกสายโทรเข้ามา เป็นสายจากเฟิงอี้นั่นเอง

ป๋อจิ่วกดปุ่มรับสาย เสียงจากปลายสายดังขึ้น ราวอยู่อยู่ที่ไหนสักแห่งที่มีเสียงดังวุ่นวาย “บอกให้เจ้าพวกนั้นสบายใจได้”

———————————

1788-2 vs 1788-3 vs 1788-4

ตอนที่ 1788-2

วันนั้นเธอจึงเศร้าซึมมากเป็นพิเศษ เพราะเธอและเขาทะเลาะจะเลิกคบกัน ตอนนั้นป๋อจิ่วก็คิดว่าถ้าได้จากกันดีๆ บางทีพวกเธออาจจะติดต่อสื่อสารกันต่อไป ต่อมาเธอแอบกลับมาดูก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว

สภาพในความฝันทำให้ป๋อจิ่วกำมือฉินมั่วแน่นอย่างอัตโนมัติ ทำให้ฉินมั่วที่มองดูอยู่ถึงกับนัยน์ตาหนักอึ้ง เจ้านี่ฝันถึงอะไร? น่าเศร้ามากเลยหรือ?

ฉินมั่วยื่นมือเชยคางอีกฝ่าย ก่อนจะนวดเบาๆ แล้วโน้มตัวจูบที่เรียวปากเธอ ก็ยังจอมเจ้าชู้ชอบแบบนี้

แต่เธอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มมองดูอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่เหมือนถูกก้อนหินถ่วงอกจนหงุดหงิดอย่างน่าประหลาด

พอเถอะ เธอก็เป็นแค่เหยื่อ นายจะทุ่มเทความสนใจให้มากไปทำไม พอได้แล้ว

แม้จะคิดอย่างนี้ แต่กับรั้งร่างอีกฝ่ายมาไว้ในอ้อมกอด จูบด้วยแรงที่หนักขึ้น เพื่อจะปลุกเธอให้ตื่น

ซึ่งป๋อจิ่วก็ตื่นจริงๆ หลังจากที่รู้ตัวว่าโดนเขาจูบ เธอก็ชะงัก คิดจะเอาคืน

ฉินมั่วกลับยื่นมือห้ามไว้ “บอกมาก่อนว่าเมื่อกี้เธอฝันว่าอะไร”

“ตอนที่อยู่ที่อเมริกา พวกเรายังเด็กมาก แถมทะเลาะแล้วแยกจากกัน จากนั้นฉันก็แอบกลับมาหาพี่ แต่น่าเสียดายที่พี่กลับจีนไปแล้ว” ป๋อจิ่วนึกถึงเรื่องนี้ ก็เม้มปาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหน้าเธอทั้งเรียวเล็กและใสกระจ่างมากหรือเปล่า ทำให้คนอย่างฉินมั่วยังพลอยปลอบโยนไปด้วย “ก็แค่ฝัน”

“ไม่ใช่ฝัน แต่เป็นความจริง” ป๋อจิ่วมองตาเขา “มันเกิดขึ้นจริงๆ ฉะนั้นพี่มั่ว พี่ต้องรับปากฉัน อย่าไปจากฉัน พี่ดูสิ ฉันหน้าตาดี แถมยังรวยมาก แล้วยังช่วยแก้แค้นในเกมให้พี่อีก พี่จะไปหาสายเปย์ที่ดีขนาดนี้จากที่ไหนได้?”

ฉินมั่วเอ่ยช้าๆ “ข้อดีที่เธอพูดมา ไปหาจากที่ไหนก็ได้ แต่หนังหน้าที่หนาอย่างนี้ หายากจริงๆ”

ป๋อจิ่ว…นึกว่าอุตส่าห์เป็นคนจูบเธอก่อนแล้วจะอ่อนโยนขึ้น เฮ้อ คำว่าอ่อนโยน ไม่ควรใช้กับท่านเทพจริงๆ

“ฉันถึงไม่อยากเรื่องมากไง” ฉินมั่วบีบหน้าเธอ “แล้วก็ชอบหนาๆ พอดี”

ป๋อจิ่วยิ้ม ยื่นมือไปโอบเอวอีกฝ่าย เธออยากบอกว่า ถึงจำไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร แค่อยู่กับเธอเป็นพอ แต่เกรงว่า จากนิสัยของท่านเทพในตอนนี้ เดาว่าคงไม่อยากจะฟื้นความทรงจำหรอก แต่ก็ช่างเถอะ อยู่ด้วยกันอย่างดีก็ดีจะตาย

เธอไม่ฝันร้ายอีกแล้ว เขาโอบเธอไว้ ดันศีรษะเธอไว้ซบไหล่เขาอย่างไม่คิดจะปล่อยมือ ด้วยทั้งสองหน้าตาดีอยู่เป็นเดิมทุน แถมท่าทางในเวลานี้ รวมถึงแสงอ่อนยามเช้าที่ส่องเข้ามา ทำให้ดูงดงามมาก

เขาสวมสเวตเตอร์สีขาว เธอแนบตัวติดกับเขา เสี้ยวหน้าของทั้งสอง โชว์แค่หนึ่งในนั้นก็เรียกเสียงกรีดร้องได้เลยทีเดียว แต่ดูเหมือนพวกเขาจะให้ความรู้สึกว่า ทั้งสองเป็นแค่ของกันและกันเท่านั้น

วันต่อมา แสงอาทิตย์กำลังดี ส่วนเรื่องฉินมั่วจะร่วมแข่งได้หรือไม่ ยังคงรอผลอยู่ ซึ่งไม่มีใครเดาได้ แต่เฟิงอี้ยังอยากพยายามอีกสักหน่อย ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลย นอกจากร่างหนึ่งที่ตามหลังเขามา หากเป็นเวลาปกติ เฟิงอี้อาจจะสังเกตเห็นร่างที่ว่า แต่เวลานี้เขาคิดแค่ว่าจะบอกสถานการณ์จริงต่อคณะกรรมการและพวกแฟนคลับที่ไม่เชื่อใจฉินมั่วอย่างไรดี

เขาอยากบอกคนเหล่านี้ว่า แม้ชายหนุ่มจะเสียความทรงจำไป แต่ความสามารถยังคงเหมือนเดิม เขาถือเป็นเสาหลักที่สำคัญกว่าทีมเสียยิ่งกว่าใคร ดังนั้นเฟิงอี้ต้องใช้เวลาเตรียมข้อมูลอย่างละเอียดถึงสามชั่วโมง ไม่ได้โอดครวญเกินจริง เพียงเสนอบันทึกผลคะแนนของฉินมั่วในวันที่ผ่านมา

หลังจากที่เตรียมเสร็จ เขาก็ติดต่อนักข่าวโดยไม่หยุดพักสักนิด จนเมื่อขับรถไปรับเซวียเหยาเย่าที่อพาทเมนต์ของแบล็กพีช

ฝานเจียก็รู้ทันทีว่า โอกาสมาถึงมือเธอแล้ว

———————————–

ตอนที่ 1788-3

ไม่ผิดหรอก เธอจับตาความเคลื่อนไหวของเฟิงอี้มาตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อจะหาว่าฉินมั่วอยู่ที่ไหนกันแน่ เธอวิเคราะห์เรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่เธอลงเครื่องมาเมื่อตอนบ่ายของวันนั้น สมาชิกทั้งหมดของทีมไดมอนด์ก็ออกจากคลับ แต่ไม่รู้ว่าไปที่ไหน

การแข่งระดับเอเชียกระชั้นเข้ามาแล้ว พวกเขาไม่มีวันออกไปเที่ยวเล่นในเวลาอย่างนี้แน่ แถมยังออกไปเป็นทีมอีก นอกเสียจากจะไปพบคนสำคัญมากๆ นั่นก็น่าจะเป็นฉินมั่ว แต่น่าเสียดายที่เธอพลาดโอกาสไล่ตามในครั้งแรก ซึ่งหลังจากที่พลาดในครั้งนั้น เธอก็จับตามองเฟิงอี้มาโดยตลอด แต่ผู้ชายคนนี้ฉลาดเกินไป ฉลาดจนเธอเกือบพลาดเผยโฉมหน้าถึงสองครั้ง ยังดีที่ช่วงนี้เขายุ่งมากจนหัวหมุน แถมเธอยังก่อเรื่องนั้นขึ้นมา ทำให้เขาไม่แกร่งเมื่อเดิม เธอติดตามเขามาตั้งนาน กว่าจะสบโอกาสในวันนี้

ฝานเจียยืนอยู่ใต้ตึก เหยียดยิ้มที่มุมปาก มองดูตัวเลขชั้นที่ลิฟต์ขึ้นไปถึง แล้วจดจำมันไว้ด้วยแววตาตึงเครียด ก่อนจะซ่อนตัวไว้

ไม่ว่าเธอคิดจะทำอะไร จะต้องไม่ให้ใครเห็นเธอเด็ดขาด อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้

ฝานเจียกดปีกหมวกให้ต่ำลงแล้วยิ้มขึ้น ในที่สุดเธอก็หาเจอแล้ว ขอแค่แย่งผู้ชายคนนั้นให้กลับมาอยู่ข้างตัวเธอ เธอก็จะไม่เป็นแบบนี้อีกต่อไป

เธอควรจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้วยชุดที่สวมอยู่เริ่มเหม็นบูดเปรี้ยว จากนั้นก็แต่งหน้า ยังอีกนานกว่าฟ้าจะมืด เธอมีเวลามากพอ

ในหัวใจของฝานเจีย เธอไม่รู้สึกการทำลายสิทธิ์เข้าแข่งขันของฉินมั่วเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง คนแบบนั้นเหมาะที่จะทำเรื่องใหญ่กว่านี้ เธอทำเช่นนี้เพราะเธอชอบเขา เขาไม่มีวันโทษเธอหรอก

ทว่าฝานเจียไม่คิดมาก่อนว่า การทำลายสิ่งสำคัญที่สุดของเขา มันไม่คู่ควรกับคำว่า ‘ชอบ’ เลยสักนิด?

ชั้นบน เฟิงอี้มองดูหลายๆ คนที่ขยี้ตา จากนั้นก็ยิ้ม “ทำไมตื่นเช้ากันจัง?”

“เพิ่งนอนต่างหาก” พูดจบ เหราหรงก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกผิด จึงเอ่ยเพิ่ม “พวกเราเล่นไพ่กันจนถึงตีสี่ ส่วนสองคนนั้นอยู่ชั้นสอง คงยังไม่ตื่น หลินเฟิงนอนหลับจนถีบหมอนตกข้างเตียงไปแล้ว”

เฟิงอี้เงยหน้าดูนาฬิกา “เรื่องที่พวกนายเป็นห่วง จะรู้ผลก็ตอนบ่าย ตอนนี้ฉันมารับเหยาเย่าไปสัมภาษณ์ก่อน”

“อ้อ” เหราหรงอ้าปากราวกับอยากพูดขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ยิ้มแค่ “สู้ๆ นะ”

เฟิงอี้เกี่ยวเสื้อสูท “แน่อยู่แล้ว” ดูจากการที่เฟิงอี้มารับด้วยตัวเองย่อมรู้ดีว่าการสัมภาษณ์ในครั้งนี้สำคัญแค่ไหน ซึ่งแต่ละคนต่างรู้ดีแก่ใจ ทีมไดมอนด์ถูกไล่บี้จนตกต่ำ

เมื่อมีเสียงสนับสนุนในโลกออนไลน์ ก็ย่อมมีเสียงต่อต้าน แต่ในเวลานี้ แค่เสียงสนับสนุนมีเพิ่ม โอกาสชนะก็สูงขึ้น

ฝ่ายคณะกรรมการจะทำการตัดสินในตอนบ่ายนี้ เฟิงอี้ใช้สายสัมพันธ์ทั้งหมดที่สั่งสมในตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อแลกกับการที่ให้พวกเขาได้พูดในสิ่งที่อยากพูดก่อนวันแข่งหนึ่งวัน โดยไม่ให้โอกาสให้ใครมาก่อความวุ่นวาย ซึ่งมันยากมาก ยิ่งคนที่อยู่ในวงการนี้มานาน ย่อมรู้ซึ้งว่ามันหมายถึงอะไร

 ——————————–

ตอนที่ 1788-4

วันนี้เซวียเหยาเย่าก็เปลี่ยนไป คนเรียบง่ายอย่างเธอก็หันมาแต่งหน้า ทั้งยังตัดผมปะบ่า เธอสวมชุดทีมที่ป๋อจิ่วให้เธอในวันนั้น ทั้งยังเขียนคำว่า “ฝ่าบาทจิ่ว” และสัญลักษณ์แฟนคลับไว้บนนั้นอย่างเด่นหลา

เธอในรูปแบบนี้ ต้องการจะบอกทุกคนว่า ทีมไดมอนด์ไม่มีวันล้ม! ส่งผลให้เฟิงอี้ตะลึงในทันทีที่เห็นเซวียเหยาเย่า จากนั้นก็ยื่นมือมาลูบศีรษะเธอ “เด็กดี”

เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลข 8 คุณตาพ่อบ้านที่รักษามารยาทมาอย่างดีเยี่ยมก็ไม่ได้รั้งทั้งสองไว้ทางข้าวเช้า เพราะรู้ดีว่า พวกเขามีเรื่องสำคัญยิ่งที่ต้องไปจัดการ

เก้าโมงครึ่ง

ห้องสัมภาษณ์ของแพลตฟอร์มไลฟ์สดแห่งหนึ่งถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย หลังจากที่เชิญเซวียเหยาเย่าเข้าไปนั่ง พิธีกรก็เอ่ยขึ้น “ทางเราได้ชมการแข่งเดี่ยวของคุณแล้ว มันส์มากเลยทีเดียว”

“ขอบคุณค่ะ” เซวียเหยาเย่ารู้ดีว่าพิธีกรต้องเริ่มพูดเป็นพิธี

พิธีกรหัวเราะ “พอจะบอกได้ว่าไหมว่าทำไมคุณถึงมาถึงจุดๆ นี้ได้ ? พัฒนาการของคุณทำให้หลายๆ คนถึงกับช็อกเลยทีเดียว”

“หนึ่งเป็นเพราะความชอบค่ะ สองเป็นเพราะมีเพื่อนร่วมทีมของฉันอยู่ด้วยกัน” เซวียเหยาเย่าไม่ได้บอกหมด “พวกเขาช่วยฉันไว้เยอะมากเลยล่ะค่ะ”

ผู้สัมภาษณ์ฟังจบก็เปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงประเด็นที่ถกเถียงกันร้อนแรงที่สุดในวันนี้ “ช่วงนี้ทีมไดมอนด์เกิดปัญหาที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายโลกออนไลน์อีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ต่างไปจากครั้งที่แล้ว ครั้งที่แล้วเป็นประเด็นจากตัวรองหัวหน้าทีม แบล็กพีช Z แต่ตอนนี้กลับมาเป็นหัวหน้าทีม ฉินมั่ว ไม่ทราบว่าคุณรู้สึกสับสนเหรือเปล่า?”

เซวียเหยาเย่าได้ยินชื่นดังกล่าวก็เชิดหน้า มองตรงไปที่กล้อง “ก็สับสนอยู่มากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือรองหัวหน้า ถ้าไม่มีเขาสองคน ทีมไดมอนด์ก็คงมาไม่ถึงก้าวนี้ ฉันเห็นโพสต์หลายๆ โพสต์ ทราบว่าคนบางกลุ่มอยากให้สองคนนี้ออกจากทีม ฉันขอไม่พูดถึงเรื่องของการแข่งก่อนนะคะ แค่อยากจะพูดบ้างว่า คนๆ หนึ่งที่เจ็บมือก็ยังพาทีมบุกสู้วงล้อมคู่แข่ง สู้แต่ละสนามก็แสดงฝีมือจนน่าตะลึง แล้วก็ยังมีคนๆ หนึ่งที่เขาทุ่มสุดตัวเพื่อจะให้ทีมไดมอนด์ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้ไม่มีค่าพอที่จะให้พวกเขาอยู่ในทีมต่อไปงั้นเหรอคะ? ก่อนหน้านี้พี่หลินเคยพูดไว้ว้า ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าคนที่อยู่ข้างเราในสภาวะที่เรากำลังลำบากที่สุด จนคิดว่าจะไม่รอดหรอกค่ะ เพราะพวกเราเคยล้มมาก่อน ถึงได้รู้ซึ้งว่าใคร ตอนที่ใครๆ ก็บอกว่าทีมไดมอนด์อาจไปต่อไม่ไหวแล้ว กลุ่มคนที่เป็นห่วงผลคะแนนของทีมไดมอนด์ยิ่งกว่าเรา กลุ่มคนที่แม้จะต้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพื่อจะได้ดูเราแข่งขัน กลุ่มคนที่ยอมทุ่มเงินค่าขนมทั้งหมดเพื่อซื้อตั๋วสักใบ พวกเขาเหล่านั้นบอกพวกเราว่า แม้ทีมไดมอนด์จะไม่ได้ชนะคู่แข่งจนราบคาบเหมือนเมื่อก่อน พวกเขาก็ไม่มีวันหนีจากเราไปไหน ขอบคุณพวกคุณ ฉันก็เหมือนกับพวกคุณนั่นแหละค่ะที่คิดว่า ทีมไดมอนด์จะขาดใครไปไม่ได้ทั้งนั้น ตอนนี้ทีมเราต้องการพวกคุณ และฉันหวังว่าพวกคุณยังคงลุกขึ้นพูดเพื่อพวกเราเหมือนเมื่อก่อนนะคะ”

 ———————————-

1787-4 vs 1788-1

ตอนที่ 1787-4

นับแต่ขโมยเทคนิคฉินมั่วแล้วไม่ยอมรับ จนมาถึงเจตนาร้ายในเรื่องดังกล่าว เรียกได้ว่าท้าทายขีดความอดทนของทุกคนในเวลานี้เลยทีเดียว

ชั่วเวลานั้น เฉวี่ยนโดนด่าจนไม่กล้าไลฟ์สด ตอนแรกเขายังร่ำร้องว่าตัวเองไม่ผิด อ้างว่าตัวเองแค่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีคนมาบอกก็เลยทำตาม มาคิดๆ ดูในตอนนี้ก็รู้สึกว่าถูกหลอกใช้!

คนอย่างป๋อจิ่วน่ะหรือจะหลงกล ตลกร้ายเลยล่ะ!

จริงล่ะที่ตัวการเป็นอีกคน แต่ผู้ช่วยก็ถือเป็นคนร้ายอีกประเภทหนึ่ง ก็ร่วมมือด้วยกันทั้งนั้น ยังมีหน้าบอกว่าตัวเองไม่ผิด?

เธอไม่ใช่ท่านเทพที่ต้องคำนึงอะไรหลายอย่าง เพียงแค่ ทุกคนในทีมกำลังเตรียมตัวแข่งอย่างเต็มกำลังแต่พวกนายกลับก่อนเรื่องแล้วเรื่องเล่า ยังจะมาบอกว่าตัวเองถูกใส่ร้าย เข้าใจประโยคนี้ไหม? คนก่อเรื่องถือว่าชั่ว

หลังจากที่เล่นงานเฉวี่ยนเสร็จ ป๋อจิ่วก็ไม่ได้ปิดคอมพิวเตอร์ แต่ขุดค้นต่อไป กะจะกระชากคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา แต่เพราะเรื่องนี้มันเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว

ฝานเจียย่อมเตรียมรับมือไว้ หลังจากที่สั่งงานเฉวี่ยน เธอรีบลบร่องรอยทันที เธอใช้คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตเล็กๆ ในซอย การจะลบร่องรอยจึงเป็นเรื่องไม่ยาก

แม้ป๋อจิ่วตามหาสถานที่เจอ แต่รู้ดีว่าคอมพิวเตอร์ของฝ่ายนั้นปิดเครื่องเรียบร้อย แถมก่อนปิดเครื่องยังกำจัดร่องรอยจนไม่เหลืออะไร

คนที่เตรียมการไว้เป็นอย่างดี แถมชอบใช้วิธีนี้ก่อนจะหนีหายไปอย่างลอยนวลอีก มีเพียงคนเดียว ก็ฝานเจียไงล่ะ

ป๋อจิ่วดูหน้าจอ งอนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ เมื่อตอนที่อยู่สามเหลี่ยมทองคำ เธอทุ่มเทความสนใจไปที่ตัวท่านเทพคนเดียว รวมถึงหาทางที่จะทำให้เขายุติความคิดที่จะเลิกเชื่อมั่นในตัวเธอและล้มเลิกความอยากฆ่าคน จนต้องทำตัวติดกัน แต่ไม่ได้สังเกตว่าคดีดังกล่าวจะดำเนินต่อไปอย่างไร เพราะยังไงเสียคิงก็ตายแล้ว ขบวนการนั่นถูกสลาย น่าจะมีหลายๆ คนถูกนำตัวกลับมาที่จีน ขนาดแหล่งเพาะปลูกฝิ่นนั่นก็ถูกไฟเผาจนเรียบไม่เหลือ เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมอีก

ฝานเจียยังไม่ถูกจับได้อีกเหรอ?

เรื่องนี้ทำให้ป๋อจิ่วย่นหัวคิ้วขึ้นเรื่อยๆ ตามมาด้วยความไม่สบายใจ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไม่สบายใจเรื่องอะไร เธอลุกขึ้นกะจะสูบบุหรี่ ไม่คิดว่ายังไม่ทันได้จับต้อง ก็มีคนผลักประตูเข้ามาเจอ

“สายเปย์ของฉันเก่งอีกแล้ว เรียนอะไรดีๆ ทั้งนั้น ริจะสูบบุหรี่?” น้ำเสียงเย็นๆ ที่แยกไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน มันช่างคุ้นเคยจนเธอชะงัก เวลานี้เธอรู้แล้วว่าไม่สบายใจเรื่องอะไร อันที่จริงในโลกนี้ นอกจากเธอและเจ้าหญิงน้อยแล้ว ยังมีอะไรที่ทำให้เธอไม่สบายใจได้อีก

“เป็นอะไรไป?” ฉินมั่วรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองไม่ได้มีอะไร แต่พอเห็นสีหน้าเธอ นิ้วมือของเขาก็ถึงกับเกร็ง

ยัยนี่ไม่แฮบปี้เหรอ? ปกติเขาพูดแรงกว่านี้อีก ก็ไม่เห็นว่าเธอจะมีสีหน้าในแบบที่ว่า เกิดอะไรขึ้น? นี่คือฉินมั่วคิดเป็นสิ่งแรก จนกระทั่งพยายามตามหาสาเหตุ

ป๋อจิ่วกลับรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่แฝงในคำพูดของเขา จึงแย้มยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก แค่จู่ๆ ก็อยากกินอมยิ้ม แต่หาไม่เจอเลยจะสูบบุหรี่แทน”

ฉินมั่วมองเธอ เอ่ยเสียงเรียบดังเดิม “มานี่ซิ”

“หืม?”

 ———————————-

ตอนที่ 1788-1

ป๋อจิ่วเพิ่งจะเดินไปหา กลับถูกเขาดึงตัวเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขน พอจะกลิ่นมินต์บุหรี่อ่อนๆ ราวกับแม้จะไม่ได้นอนมาทั้งคืน แต่ก็ยังสดชื่นทั้งร่างเหมือนไม่ได้มาจากโต๊ะเล่นไพ่

“ครั้งนี้ไม่มีลูกอม แต่มีเครื่องทำความร้อนจากตัวคนแทน เอาไหม?” ฉินมั่วเอ่ยเสียงเรียบมาก

ป๋อจิ่วกลับยิ้ม “แถมจูบด้วยได้ป่ะ?”

“ฝันหวานไปแล้ว” ฉินมั่วรัดร่างเธอไว้ในอ้อมแขน พอปฏิเสธก็หลุบตาลง ประทับกลีบปากไว้บนศีรษะเธอ

ป๋อจิ่วถึงกับอึ้ง ก่อนจะกอดเขาแน่น มุมปากแยกยิ้มบางๆ ราวกับอากาศที่สูดเข้าไปก็ยังหวาน

ส่วนคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะไพ่ ล้วนแต่ไม่ถามว่าหัวหน้าไปไหนอย่างเหมาะเหม็ง ตอนแรกๆ ยังคิดว่าจะมีการทะเลาะกันในโลกออนไลน์อย่างรุนแรง เรื่องนี้ยังอยู่ในใจของทุกคน แม้จะนอนก็ย่อมนอนไม่หลับ จนเกือบจะตี 4 เฟิงอี้ก็โทรเข้ามาแจ้งว่า คำวิจารณ์ในอินเทอร์เน็ตเริ่มเปลี่ยนทิศทาง สั่งให้พวกเขาพักผ่อนให้เต็มที่

หลินเฟิงแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะปกติแล้ว หลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาถึงสองวัน ความรุนแรงจึงจะลดทอนลง เขาไม่คิดเลยว่าหนนี้จะเร็วมาก แถมทิศทางคำวิจารณ์ยังเปลี่ยนไปอีกต่างหาก

เฟิงอี้ไม่คิดจะปิดบังเขา “มีคนช่วยพวกเราไว้ เขาหาต้นตอโพสต์ได้ เลยรู้ว่าโพสต์ทั้งสองมาจาก IP เดียวกัน แถมคนโพสต์ก็ยังเป็นเจ้าของไลฟ์สดที่มาท้าดวลพวกนาย”

หลินเฟิงได้ยินแล้วถึงกับตาโต “ต้องบอกว่าพวกเน็ตติเซ่นเก่งมากใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ชาวเน็ต” เหราหรงที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นมากะทันหัน หันไปมองชั้นบนแวบหนึ่ง ยิ้มให้เหมือนไม่ได้ยิ้ม “อาจจะเป็นแฮกเกอร์ที่ทนเห็นความไม่เป็นธรรมไม่ไหว” ซึ่งเฟิงอี้หัวเราะ “น่าจะใช่”

เมื่อได้ยินว่าคำวิจารณ์ในโลกออนไลน์เปลี่ยนทิศทาง ทุกคนต่างก็สบายใจขึ้นไม่น้อย เฟิงซ่างถามพี่ตัวเองติดๆ ขัดๆ “งะ งั้น หะ หัวหน้า จะ จะแข่งได้ใช่ไหม?”

“ตอนนี้ยังไม่รู้หรอก ต้องดูการตัดสินใจของทางคณะกรรมการ” เฟิงอี้มีเหตุผล อันเป็นผลมาจากการที่เจ้าตัวเป็นนักธุรกิจ ผลกระทบบางอย่างอาจขจัดทิ้งได้ แต่เรื่องแบบนี้ เมื่อไปถึงมือคณะกรรมการแล้วจะตัดสินใจอย่างไร เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มั่นใจได้อย่างเดียวคือ เมื่อไม่มีข่าวก็คือข่าวดีที่สุด

ทางคณะกรรมการยังพิจารณากันอยู่ โดยจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ ทีมไดมอนด์ยังคงมีโอกาส ซึ่งเฟิงอี้คิดเช่นนี้ เจ้าตัวนวดหัวคิ้ว เอ่ยต่อ “เอ้อ เหยาเย่ายังอยู่ที่นั่นหรือเปล่า”

“อยู่”

“ส่งโทรศัพท์ให้เขาหน่อย”

“ได้”

เหยาเย่ารับโทรศัพท์มาอย่างสงสัย

เฟิงอี้พูดกลั้วหัวเราะเบาๆ “จะแข่งแล้ว นี่เป็นการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของทีม เป็นการสัมภาษณ์เดี่ยว เราต้องโดนถามถึงเรื่องนี้แน่ พรุ่งนี้เธอเตรียมตัวหน่อยนะ สัมภาษณ์ตอนเก้าโมงเช้า ถึงเวลานั้นฉันจะไปรับเธอเอง”

เหยาเย่างงๆ “ฉันเหรอคะ? แล้วเฮียเย่า เทพเหราก็อยู่ด้วยนี่นา เป็นฉันไปเหรอคะ?”

เธอเหมาะสมอยู่หรือ? ประสบการณ์ก็ไม่มี ฝีมือก็ไม่ได้เก่งสุดในทีม เธอ…

“นอกจากเจ้าแบล็กแล้ว เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในทีม เขาไม่สะดวกที่จะออกมา คุณชายฉินเองก็ให้สัมภาษณ์ไม่ได้” เฟิงอี้พูดแค่นี้ เขาอยู่ในชุดสูทเต็มยศ “สบายใจได้ เวลาสัมภาษณ์ ฉันจะอยู่ข้างๆ เธอ”

เซวียเหยาเย่าได้ยินแล้วนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ ผู้จัดการเฟิง คุณสบายใจได้ พรุ่งนี้ฉันจะเตรียมตัวให้ดี”

ครั้งสุดท้าย เธออยากจะพูดเพื่อฝ่าบาทจิ่ว เพื่อหัวหน้าและเพื่อทีมให้เต็มที่ แต่ละคนที่นั่งบนโต๊ะไพ่ล้วนรู้แก่ใจว่า หัวหน้าอาจลงแข่งไม่ได้ เพราะเขาสูญเสียความทรงจำจริงๆ กระทั่งป๋อจิ่วยังหลับไม่สนิท แม้ฉินมั่วจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม

เธอย่นหัวคิ้วขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ฝันถึงตอนที่เธอต้องจากเขาไปเมื่อตอนเป็นเด็ก เธอเกาะหน้าต่างรถ ด้วยอยากเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย แต่เธอดันลืมไปว่าคืนก่อนเธอและเขาทะเลาะกันจนอารมณ์เสีย

อีกสองวันก็จะได้เวลาฉลองวันเทศกาลของจีน เขาย่อมเตรียมกลับประเทศ กำลังเก็บข้าวของอยู่ในห้อง แล้วจะรอเธอที่ลานบ้านได้อย่างไร

 ————————————-

1787-2 vs 1787-3

ตอนที่ 1787-2

หลินเฟิงม้วนแขนเสื้อ เตรียมเอาคืนในนัดที่สาม แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเพิ่งจะตั้งไพ่เอง ก็ได้ยินคนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมดาเหลือเกิน “รู้ไหมว่าทำไมเธอถึงเลือกไพ่ได้ห่วย”

ป๋อจิ่วหันไปมอง “ทำไม?”

“เพราะเธอไปกอดคนที่ไม่ควรจะกอดไง” ฉินมั่วยกไพ่ตัวหนึ่ง

ทุกคน “…”

ก็ว่าอยู่ว่า ทำไมเมื่อกี้หัวหน้าไม่พูดอะไร? ที่แท้ก็รอเอาคืนอยู่นี่เอง

คนที่ไม่ควรโดนกอดได้แต่ห่อไหล่ กัดหูกระต่ายในอ้อมแขน เขาสังหรณ์ใจว่าหัวหน้าจะจำเขาได้นานแสนนานเพราะเรื่องนี้

เห็นไหมล่ะ หลังจากที่โคโค่ถูกผู้เล่นคนก่อนหน้าซึ่งก็คือฉินมั่วเอาชนะได้เป็นครั้งที่สาม เขาก็รู้เลยว่าหัวหน้าไม่ได้ทำเพราะเงิน แต่เพราะต้องการเอาชนะเขา

คนที่เล่นไพ่นกกระจอกล้วนเข้าใจดีว่า ตอนที่เราจะผลักไพ่ประกาศชัยชนะ แล้วจู่ๆ ก็มีคนตัดหน้าคว้าชัยไปก่อน ต่อหน้าเราแท้ๆ อีกต่างหาก เราจะรู้สึกว่าชีวิตของเราหม่นหมองแค่ไหน? แถมไม่ได้ตัดหน้าแค่ครั้งเดียวนะ สามครั้ง! สามครั้งเลยทีเดียว!

น้องโคโค่เริ่มคิดถึงแฟนคลับแล้วล่ะ หากเทียบกับของเล่นน่ารักๆ แล้ว หัวหน้าเขาไม่ใช่คนอ่ะ โดยเพื่อนร่วมทีมต่างกลั้นหัวเราะจนกระเทือนซาง บรรยากาศครื้นเครงมาก

อินอู๋เย่าพูดไม่ผิดหรอก เราควรต้องผ่อนคลายอย่างเหมาะสมก่อนการแข่งถึงจะถูก อย่างน้อยหากเทียบกับเมื่อก่อน ความห่างเหินก็ไม่มีอีกแล้ว

เมื่อถูกฉินมั่วเอาชนะแบบนี้ บางคนยังคิดเลยว่า หัวหน้าไม่ได้สูญเสียความทรงจำสักหน่อย

ห้วงเวลาดังกล่าว หัวใจช่างปกติสุข แม้ว่าโลกนี้จะมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันและการด่าทอมากแค่ไหน แต่จะมีอยู่คนหนึ่งที่นับตั้งแต่ตั้งทีมไดมอนด์ขึ้นมาก็ไม่เคยถอดใจ เขาเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของคุณ แม้จะไม่เคยพูดออกมาเลยก็ตาม เขาทำตัวเป็นผู้ค้ำจุนทีม แม้จะเป็นเวลานี้ คนพวกนั้นยังเรียกร้องให้เขาออกไป

พวกเราบอกว่าสิ่งที่ทุ่มเท ต้องได้รับการตอบแทน อันที่จริง ผิดนะ ไม่แน่ว่าความทุ่มเทจะได้รับผลตอบแทนกลับมา แต่จะต้องไม่ผิดต่อสิ่งที่เราต่อสู้เพื่อให้ได้มา

การเล่นไพ่นัดใหม่เริ่มขึ้น ราวกับกวาดล้างอารมณ์ทั้งหมด คุณตาถึงกับเตรียมเบียร์ไว้ให้ ทุกคนต่างดื่มกัน พลางแกะเปลือกถั่วลิสงเข้าปาก เล่นไพ่กันต่อ สนุกจะตาย

ป๋อจิ่วเห็นภาพตรงหน้าก็อ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งคุณตาไม่ได้ว่าอะไร แต่พอเธอเดินออกมา ก็เอ่ยขึ้น “เตรียมโน้ตบุ๊กในห้องคุณไว้ให้แล้ว”

ในเมื่อตัดสินใจเจาะระบบอินเทอร์เน็ต ก็ต้องไม่ให้ใครเห็น ป๋อจิ่วเอี้ยวตัว เสียบทรัมป์ไดร์ฟลงกับคีย์บอร์ดตัวดำ เสียงพิมพ์ดังรัวเร็วจนฟังไม่ออกว่าเธอกำลังทำอะไรกันแน่ เห็นเพียงตัวอักษรสว่างแวบบนหน้าจอ

Z

จากนั้นก็เป็นการใช้งานโค้ด

โพสต์สองโพสต์นั่น ใช้ IP เดียวกันจริงๆ ด้วย ป๋อจิ่วมองดูผลที่หามาได้ ก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคาดเดา ตามมาด้วยการขยายเครือข่ายจาก IP นั่น จนในที่สุดก็ไปหยุดตรงที่ เจียงเฉิง อพาทเมนต์ซิ่งหง ยูนิตที่ 8 ตึกหมายเลข 6 ห้อง 603 หลังจากคลำเส้นทาง IP ไปจนเจอสถานที่ เธอก็เริ่มแฮกคอมพิวเตอร์ของอีกฝ่าย

———————————-

ตอนที่ 1787-3

เฉวี่ยนในเวลานั้นยังไม่รู้เรื่อง เขากำลังสั่งอาหารเดลิเวอร์ลี่ กะจะกินพลางเล่นเกม ตอนนี้โลกอินเทอร์เน็ตกำลังทะเลาะกันใหญ่ การจะรวมทีมเดิมเล่น พวกแฟนคลับก็ใช่ว่าจะชอบทุกคนในทีมนี่นา เฮอะ!

สถานการณ์จะเป็นยังไงก็ช่างมันดิ

เฉวี่ยนหัวเราะ ตัดสินใจจะลงโพสต์อีก แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทำอะไรไม่ได้เลย มันไม่ใช่ปัญหาที่แอคเคาท์ เพราะอาจห้ามแอคเคาท์ไม่ให้ออกความเห็นได้ แต่แอคเคาท์สำรองที่ใช้มีเยอะแยะ แต่กลับใช้ไม่ได้สักอัน? ไม่เพียงแต่จะทำอะไรไม่ได้ ขนาดจะลงทะเบียนเข้าใช้ ยังทำไม่ได้เลย หน้าจอปรากฏข้อความว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น อะไรของมันวะ?

เฉวี่ยนคิดแต่ว่ามันผิดปกติชัดมาก แต่ไม่รู้ว่ากล้องของคอมพิวเตอร์ถูกเปิดใช้ตั้งแต่เมื่อไร อยู่ๆ ก็เข้าไปในห้องไลฟ์สดของเขาอัตโนมัติ และห้องที่ว่ามีข้อความหนึ่งที่เขาคุยกับคนแปลกหน้า โดยบันทึกการสนทนาถูกสกรีนช็อต แล้วเปิดเผยในโลกออนไลน์!

ทุกคนต่างตะลึงงัน นี่เท่ากับหาเรื่องทีมไดมอนด์ชัดๆ! แถมเป็นแผนที่วางมาเป็นอย่างดี กระทั่งจะกระพือเรื่องนี้ ก็ยังทำได้ลงคอ!

พวกแฟนคลับที่โต้เถียงกันต่างสงบใจกันได้ คิดดูสิ เวลาอย่างนี้ พวกเขายังมีหน้ามาก่อเรื่องถึงในเว็บออฟฟิเชียล เท่ากับช่วยพวกแอนตี้แฟนกระพือไฟนี่นา

คนที่คิดได้ ก็ตกใจตะลึงจนเหงื่อเย็นไหลทั้งตัว ส่วนคนที่ยังคิดไม่ได้ ก็ยังโชคดีที่ความจริงของเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้ว โดยพวกแฟนคลับที่ละเอียดลออ พอจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

“ฉันว่าทำไมเขาถึงได้กัดเทพฉินไม่ปล่อย ที่แท้ก็เพราะแค้นนี่เอง”

“แค้นเหรอ? ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ”

“ก็ภาพนี้น่ะ ทุกคนเห็นปุ๊บก็ต้องสงสัยว่าสองคนนี้คุยอะไรกันใช่ไหมล่ะ แต่หนึ่งในนั้นน่าจะมีเพื่อนๆ ชาวเน็ตรู้จัก ก็คนที่เพิ่งแข่งกับเทพฉินแล้วบังเอิญชนะได้ไงล่ะ เสร็จแล้วก็ออกจากห้องไลฟ์สด แล้วถูกเทพฉินเล่นงานแบบพอออกจากบ้านปุ๊บก็โดนฆ่าปั๊บ! ประสบการณ์ห่างกันตั้งเยอะนี่นา มิน่าล่ะถึงได้พยายามนำฟอร์มให้ได้ ยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่นก่อนนะ หวังว่าคนที่ชอบทีมไดมอนด์จะลองพิจารณาดู พวกเราควรจะทำอะไรสักอย่าง เทพฉินเสียความทรงจำจริงๆ ทางคณะกรรมการต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง พวกเราทรมานก็จริง แต่คนในทีมไดมอนด์ทรมานยิ่งกว่า ฉันเล่นบาสในโรงเรียน ถึงจะไม่เหมือนกับอีสปอร์ต แต่การแข่งขันทุกอย่าง ถ้าพวกเขาขาดจิตวิญญาณที่ชี้นำทางจิตใจ แล้วจะแข่งกันยังไง? ฉันเข้าใจเลยนะว่าตอนนี้พวกเขาต้องรับแรงกดดันเยอะมาก พวกนายคิดว่าเทพฉินยังมีหวังลงแข่งอีกเหรอ พอคิดถึงตรงนี้ ฉันยิ่งทรมานใจเข้าไปใหญ่ แต่ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็ยังจะซื้อตั๋วเข้าไปดูสนามจริง เพราะฉันเข้าใจดีว่า การรอคอยพวกเขาถึงจะเป็นการสนับสนุนอย่างแท้จริง”

คนที่โพสต์ไม่คิดเลยว่า โพสต์ของตัวเองจะโน้มน้าวแฟนคลับได้มากมาย สิ่งที่เฟิงอี้พูดไว้ก่อนหน้านี้ถูกต้องว่า มีคนแบบนั้นด้วย แต่คนแบบนั้น จำต้องได้รับการสนับสนุน

หลายๆ คนทยอยออกมา ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทีละน้อยๆ แม้ว่าจะทำให้โพสต์เดิมของเฉวี่ยนหมดความนิยมไม่ได้ แต่…สะเก็ดไฟก็สามารถนำไปสู่เพลิงไหม้ได้ และเฉวี่ยนที่ก่อเรื่องนี้ขึ้น กว่าจะรู้ตัวว่าถูกเปิดเผยตัวตนก็เมื่อผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง เขาลนลานอยากอธิบาย แต่กลับพบว่าห้องไลฟ์สดในโลกออนไลน์ของตนถูกเปิดออก จำนวนคนเข้ามาดูสูงมาถล่มทลาย ล้วนเก็บสีหน้าของเขาไว้ในสายตาอย่างครบถ้วน

ห้วงเวลาดังกล่าว เขารู้ทันทีว่าตัวเองจบเห่แล้ว บางทีในวงการของพวกเขาอาจจะมีระดับคุณธรรมต่ำแต่ขอเพียงเป็นมนุษย์ด้วยกัน ย่อมต้องรังเกียจการใช้เล่ห์กล ซึ่งเน็ตติเซ่นทุกคนต่างไม่ยอมให้อภัยยิ่งเขาใส่ร้ายทีมลีกส์อาชีพที่พยายามสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ ไม่มีใครให้อภัยสักคน

———————————-

1786-3 vs 1787-1

ตอนที่ 1786-3

ดูเหมือนยัยนี่จะนิ้วแข็งเกร็งเชียว ฉินมั่วแววตาหนักอึ้ง ไม่พูดอะไร ทางด้านหลินเฟิงเปิดดูโพสต์ข่าวก่อนเพื่อน

อันที่จริงไม่ต้องเสิร์จหาหรอก เพราะฮือฮามากในเว็บออฟฟิเชียล แค่เปิดหน้าเพจก็เห็น มีคอมเมนต์โต้ตอบถึงหนึ่งหมื่นทั้งยังเพิ่มไม่หยุด

สมาชิกในทีมต่างล้อมวงกันดู พออ่านจบ ต่างก็เดือดดาลจนแทบจะทุ่มคีย์บอร์ดลงพื้น

คนพวกนั้นเข้าใจอะไรบ้างไหม พวกเขาแค่อยากแข่งร่วมกันอย่างเต็มที่ สักนัดก็ยังดี แค่อยากแข่งจนใจจะขาด

แม้ว่าหัวหน้าจะเสียความทรงจำไป ก็ยังอุตส่าห์นั่งฝึกถึงสิบชั่วโมงเพื่อจำสกิลของตัวละครในเกมให้ได้ เพื่ออะไร? คนพวกนี้เข้าใจบ้างหรือเปล่า?

แต่มันดันไม่ได้มีแค่โพสต์เดียวนี่สิ เพราะนอกจากโพสต์นี้แล้ว ยังมีอีกโพสต์ที่ร้อนแรงแบบคลื่นใต้น้ำ จนเริ่มจะคุมกระแสไม่ไหว ยังรวมถึงอารมณ์ของเหล่าแฟนคลับ “เกิดเรื่องใหญ่อย่างนี้ ในฐานะที่เป็นแฟนคลับเก่าแก่ของทีมไดมอนด์ ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนแฉเรื่องนี้ออกมา เรื่องแบบนี้มีแต่คนในทีมทั้งนั้นแหละที่รู้ ยังมีหน้ามาพูดว่าสนิทยังกับเป็นครอบครัวเดียวกัน ตั้งแต่แบล็กพีช Z เข้ามา ทีมก็ไม่เคยสงบ เรื่องแบบนี้ใครกันที่น่าจะรู้เป็นคนแรก ยังอุตส่าห์เปิดเผยออกมาอีก ฉันรู้สึกว่าพวกเราควรจะต้องหาตัวต้นตอให้เจอ!”

โพสต์แบบนี้มีชั้นเชิงเรียกทัวร์มาลง แต่แฟนคลับบางคนไม่เข้าใจ ก็ตอบตรงๆ ว่า นอกจากแบล็กพีช Z แล้ว คำตอบส่วนมากโน้มเอียงไปที่หลินเฟิง พวกเขาให้เหตุผลง่ายๆ ว่า เพราะชายหนุ่มเป็นคนช่างพูด คงไม่บอกใครง่ายๆ แต่โดนแฟนคลับนั่นแหละที่เปิดเผยออกมา”

หลินเฟิงเห็นโพสต์ที่ว่า ก็รีบมองสีหน้าของเพื่อนร่วมทีม “เปล่านะ ถึงฉันจะปากเร็ว แต่เรื่องแบบนี้ไม่มีวันซี้ซั้วพูดแน่ ฉัน…” ยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงของกระแทกพลันดังขึ้น! โดยโคโคที่นิ่งมาตลอดคว่ำคีย์บอร์ด “ฉันทนไม่ไหวแล้วเว้ย!”

คนที่อารมณ์ดีและน่ารัก เวลาโมโหที ยิ่งทำให้คนแทบหัวใจช็อก โคโค่ยืนขึ้นราวกับใช้กำลังกับการคว่ำคีย์บอร์ดจนหมดสิ้น “เล่นเกม เราเล่นเกมไปทำไม มันเป็นอาชีพบ้าอะไรวะ จะต้องเจอกับคนมากตั้งเท่าไร ความชอบแบบนี้ แม่งพวกมันเรียกว่าชอบหรือไงวะ? คนที่รู้จักคำว่าชอบ เขาไม่ทำแบบนี้กันหรอก ฉันเหลือทนกับคำว่าชอบแล้วนะเว้ย แทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ออกจากวงการดีกว่า ช่างหัวการแข่งแม่งมันไปเลย ใครอยากแข่งก็แข่งไป ถ้าฉันยังแตะมันอีกนะ ฉัน…”

“โคโค่!” ป๋อจิ่วรั้งข้อมืออีกฝ่ายไว้ ก่อนจะกระชากตัวหนุ่มน้อยแสนน่ารักมาไว้ในอ้อมกอด หางตาเลิกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงเครือ “อย่าพูดว่าเสียใจ แล้วอย่าสาบานอะไรบ้าๆ แบบนี้ นายเป็นนักกีฬาลีกส์อาชีพ สิ่งที่คนเล่นลีกส์อาชีพต้องทำคือ ไม่ว่าจะได้ยินอะไร เจออะไร ก็ต้องทำใจกับมันให้ได้ เพราะไม่มีวันที่จะไม่มีด้านร้าย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ถ้านายลาออก พวกคนที่รักนายสนับสนุนนาย ยึดนายเป็นไอดอลนายในการฝ่าฟันอุปสรรค อยากเห็นนายทุกวัน แม้จะสักนิดก็ยังดี ต่อให้จะไม่ได้พูดด้วยก็ตาม นายจะให้เขาทำยังไง?”

 ————————————

ตอนที่ 1787-1

โคโค่ได้รับการปลอบโยนเช่นนี้ รู้สึกซาบซึ้งมาก! แต่พอจะหันกอดเจ้าแบล็กคืน กลับเงยหน้าเห็นรอยยิ้มของหัวหน้าเสียก่อน รอยยิ้มนั่นสื่อความหมายสั้นง่ายว่าลองกอดกลับดูสิ ฉันจะหักมือนายให้ดู

โคโค่ช็อกในทันใด เอ่ยในใจว่าเจ้าแบล็กเอ๊ย นายจะปลอบฉันก็ปลอบไปดิ กอดฉันทำไม อยากให้หัวหน้าจับฉันให้ม้าแยกร่างใช่ไหม

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ โคโค่ก็หดมือกลับ รีบควบคุมอารมณ์ให้นิ่ง นั่นไง หากเทียบกับการโดนก่นด่าทางอินเทอร์เน็ตแล้ว เขากลัวสายตาของหัวหน้าเสียยิ่งกว่า!

ป๋อจิ่วเสียใจ เวลาอย่างนี้ น้องโคโค่ฝ่ายรับควรจะต้องซาบซึ้งใจในตัวเธอให้มากเป็นทวีคูณไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้กลัวถึงขนาดนี้? เธอยังคงขมวดคิ้ว

บรรยากาศในทีมเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ว่า ทุกคนต่างรู้ดีว่าทำไมโคโค่ถึงได้มีท่าทีแบนั้น ต่างกลั้นหัวเราะกันใหญ่ หลินเฟิงเหมือนได้ระบายออกมา “แก้ไขปัญหากันเถอะ”

ใช่ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็ต้องแก้ไข นี่แหละเป็นสไตล์ของพวกเขา หากแก้ไขไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันใหม่ พวกเขาเชื่อว่าเฟิงอี้เริ่มดำเนินการแล้ว ส่วนจะดำเนินการอะไรยังไง คงต้องรอจนฟ้าสว่างถึงจะรู้

ช่วงเวลาตั้งแต่ตีสามจนถึงแปดโมงเช้า เป็นอะไรที่ทรมานมากที่สุด ป๋อจิ่วจึงเสนอความเห็น “ไปพักกันก่อนเถอะ พักการซ้อมไว้ก่อน ยิ่งเป็นแบบนี้ จะต้องแจ่มใสเต็มที่เวลาเจอนักข่าว ฉันเดาว่าจิ้งจอกเฟิงต้องมีแผนการรองรับไว้แล้ว พวกเรารอสายจากเขากันดีกว่า”

“ได้” อินอู๋เย่าลุกขึ้นเป็นคนแรก ยกมือนวดต้นคอตัวเอง “ผ่อนคลายสักนิดก่อนแข่งเป็นเรื่องสำคัญ ถ้านอนไม่หลับก็เล่นไพ่กัน”

“เล่น เล่นไพ่ได้” เฟิงซ่างหน้าแดง “ฉันละ เล่น เล่นไพ่เก่งนะ”

ป๋อจิ่วหัวเราะ “งั้นก็เล่นไพ่ ฉันจับคู่กับพี่มั่ว”

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “แน่ใจนะว่าฉันเล่นเป็น”

“พี่มั่ว สบายใจได้ ต่อให้พี่เสียความทรงจำไปแล้ว แต่เรื่องคำนวณตัวเลข ไม่มีใครชนะพี่ได้” ป๋อจิ่วพูดเสียงเบา

ฉินมั่วหยักยิ้มมุมปาก “นี่เธอชมฉันใช่ไหม?”

“แหงสิ” ป๋อจิ่วจัดคอเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย “เดี๋ยวฉันช่วยพี่เลือกไพ่ ไม่ได้โม้นะ ฉันมือทองเชียวล่ะ”

10 นาทีหลังจากนั้น ฉินมั่วดูใครบางคนเลือกไพ่ คิ้วขมวดมุ่น “นี่เหรอที่บอกว่ามือทอง” โดยป๋อจิ่วที่เลือกไพ่ห่วยๆ มาได้สามครั้งติดก็เซ็งเหมือนกัน ทำไมไพ่นกกระจอกถึงไม่ไว้หน้าเธอบ้างเลย

“พี่มั่ว อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก เลือกไพ่บ่อยๆ เดี๋ยวก็เรียงเป็นรูปแบบสือซานยาว[1]ได้” ป๋อจิ่วพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเอง

ฉินมั่วหัวเราะอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “รอจนเธอเลือกจนสือซานยาว คนอื่นก็ชนะไปแล้ว”

ป๋อจิ่วบ่นในใจ…เรื่องที่คนอื่นรู้กันทั่วหน้า ยังต้องพูดออกมาอีกทำไม

“พี่มั่ว ไหนพี่บอกว่าพี่เล่นไพ่ไม่เป็นไม่ใช่เหรอ?”

ฉินมั่วเลิกคิ้ว กวาดตามองไพ่นกกระจอกที่ถูกโยนลงบนโต๊ะอย่างคร้านๆ เอ่ยเสียงเรียบ “เกมง่ายๆ แบบนี้ ฝึกรอบเดียวก็คุ้นแล้ว” ว่าแล้วก็กำข้อมือเธอ ส่วนมืออีกข้างเลือกไพ่ จากนั้นก็ดันไปข้างหน้า “เลือกตรงพอดี ไพ่ตัวเลขประเภทเดียวกันล้วน[2]”

ทุกคนตะลึงงัน หลินเฟิงรู้สึกเหมือนถูกทำร้าย “ตาเมื่อกี้ฉันโยนไพ่นี้ออกมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนั้นหัวหน้าถึงไม่กินรวบละ?”

“เรอะ” ฉินมั่วเฉยๆ “คงเพราะฉันเล่นไม่ค่อยเก่ง”

ฉันเชื่อก็บ้าแล้ว ตัวเองเลือกไพ่เอง จะได้ชนะ โอเคป่ะ

หลินเฟิงเกาศีรษะ หันไปหาหนุ่มน้อยเฟิงซ่างที่บอกว่าตัวเองเล่นไพ่เก่ง ซึ่งตอนนี้กำลังจัดเรียงไพ่อยู่!

อายบ้างไหม นี่เรอะที่เรียกว่าเล่นเก่ง? ท่าทางเจ้าเด็กเฟิงซ่างเองก็ยังไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าเล่นเก่ง ส่งผลให้ป๋อจิ่วแฮปปี้ไปเลย เธอเริ่มเก็บเงิน

[1] สือซานยาวเป็นวิธีการเรียงไพ่นกกระจอกรูปแบบหนึ่ง โดยไพ่นกกระจอกจะแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ไพ่ตัวเลข (3 แบบย่อย) และไพ่ตัวอักษร (2 แบบย่อย) ปกติแล้วผู้เล่นจะต้องมีไพ่ 13 ใบ จะเปลี่ยนตัวไพ่ไปตามลำดับ การเรียงแบบไพ่สือซานยาวจะต้องมีไพ่ตัวเลข 1 และ 9 ครบทั้งสามแบบ และมีไพ่ตัวอักษรที่ไม่เหมือนกันอีก 7 ใบ เมื่อมีการดึงใบที่ 14 จะต้องได้เหมือนกับหนึ่งในไพ่ทั้ง 13 หากทำได้ผู้เล่นจะชนะเกม

[2] ไพ่ตัวเลขประเภทเดียวกันล้วน ผู้ที่ไพ่ตัวเลขประเภทเดียวกันล้วนจะถือเป็นผู้ชนะ แต่ต้องได้แต้มตามที่หลักการกำหนดไว้

1785 vs 1786-1 vs 1786-2

ตอนที่ 1785

ท่ามกลางความมืดที่มาเยือน มีคนยังมุ่งมั่นพยายาม และยังมีคนที่ไม่เข้าใจ

ภายในห้องคอมพิวเตอร์ ในระหว่างที่ทุกคนต่างคิดจะสู้เพื่อความหวังอันน้อยนิด เว็บบอร์ดในโลกออนไลน์ก็ปรากฎข่าวหนึ่งขึ้นมาด้วยหัวข้อที่สะดุดตา “ท่านเทพคนนี้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว จะเข้าแข่งในนามประเทศได้อีกหรือไม่!”

สูญเสียความทรงจำ? ชาวเน็ตติเซ่นเห็นคำๆ นี้ ย่อมต้อคลิกเข้าไปดูอัตโนมัติ จึงได้เห็นข้อความบรรยายดังต่อไปนี้

“นักล่ามอสเตอร์อันดับหนึ่งของเซิร์ฟ นักเล่น MVP ที่โด่งดัง ท่านเทพคนนี้ได้รับการการันตีจากแฟนคลับมากมาย ในฐานะที่เป็นคนที่ชอบเขาคนหนึ่ง ฉันขอยอมรับว่าถึงในตอนนี้ก็ไม่มีใครมีเซนส์ในเกมได้มากเท่าเขา แต่ตอนนี้เขาสูญเสียความทรงจำไปแล้ว ทุกคนเองก็ได้เห็นการแข่งขันก่อนหน้านี้ที่มีการรวมกลุ่มเล่นแบบอยู่คนละที่ เขาถูกคนไลฟ์สดฆ่าเอาเฟิร์สบลัดมาได้ ตอนแรกฉันก็ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเขา แต่พอเห็นคลิปนั่น ฉันก็รู้ว่านั่นไม่ใช่ฝีมือการเล่นของเขาอย่างแท้จริง ถ้าเขาอยู่ในภาวะปกติจะไม่มีวันเล่นได้แย่อย่างนี้ พวกแฟนคลับอย่าเพิ่งอ้างเรื่องเจ็บมือนะ เพราะเขาไม่ได้เพิ่งมาเจ็บ ทุกคนก็เห็นที่เขาเคยแข่งมากับตา ถึงจะเป็นการแข่งระดับประเทศที่ต้องสู้กับทีมเซียงหนานที่เป็นแชมป์ประเทศ ความเก่งของเขายังไม่ลดลงแม้แต่นิดเดียว แต่ดูการรวมทีมแข่งแบบอยู่คนละที่ครั้งล่าสุดสิ เห็นชัดๆ เลยว่าเขาลืมกระทั่งไม่มีเซนต์ของเกม เขาในสภาพนี้ยังจะแข่งในชื่อประเทศได้อีกหรือ? ฉันรู้ว่าทุกคนไม่อยากเห็นทีมนี้ในสภาพที่แตกสลาย แต่ขอพูดความจริงเถอะ เขาแก่แล้วจริงๆ แถมตอนนี้ยังเสียความทรงจำอีก ในฐานะที่เป็นแฟนคลับ ทำไมเราถึงไม่คำนึงด้วยหลักการเหตุผลล่ะว่า เขาเหมาะที่จะแข่งต่ออีกไหม? ฉันเชื่อว่าคณะกรรมการมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของประเทศ”

โพสต์นี้สามารถสร้างกระแสได้ร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ลงโพสต์ หรือสิ่งที่เขาเหนี่ยวกระแส ล้วนแต่ทำให้คนรับมือไม่ทัน แม้ว่าทั้งบทความจะไม่ได้ระบุว่าเป็นท่านเทพคนไหน แต่จากรายละเอียดที่บรรยาย ทุกคนก็เดาชื่อออกว่าเป็น…

ฉินมั่ว เทพในหัวใจทุกคน

ห้วงเวลานั้น โลกออนไลน์ลุกเป็นไฟ แฟนคลับทุกคนร้อนอกร้อนใจ ท่านเทพของพวกเขาสูญเสียความทรงจำไปแล้ว เป็นไปได้หรือ? หลายๆ คนตอบกลับโพสต์นั่น ต่างถามกันไม่หยุดหย่อน “ไปรู้ข่าวมาจากไหน? เทพฉินของฉันเสียความทรงจำไปได้ยังไง?” ทำนองนี้

ด้วยเวลาไม่ถึงสิบนาที โพสต์นั่นก็กลายเป็นประเด็นร้อน ผู้คนมากมายมาร่วมแจม ไม่ว่าจะเป็นพวกที่รักอีสปอร์ตหรือไม่เคยดูอีสปอร์ตเลยก็ตาม รับสถานการณ์ไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว

หนึ่งเดียวที่พอจะช่วยได้คือ เฟิงอี้เฝ้าระวังมาโพสต์นั่นมาตั้งแต่แรก เพราะเขาพักอาศัยในบริษัท เพราะดูแลข่าวประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะ เพียงแต่เขาอุตส่าห์ประเมินว่าต้องมีหลากหลายเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีคนเอาข่าวคุณชายฉินมั่วเสียความทรงจำมาเปิดเผย เพราะมีเพียงแต่คนในทีมที่รู้ข่าวนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพิ่งจะบอกข่าวนี้ต่อหลินเฟิงเอง…

ตามปกติแล้ว นักธุรกิจที่โลดแล่นในสนามการค้ามานานอย่างเฟิงอี้ ควรจะต้องสงสัยหลินเฟิงทันที เพราะเจ้านี่มันช่างพูด แต่เขารู้จักลูกทีมไดมอนด์เป็นอย่างดี คนพวกนั้นอาจจะชอบเพ้อเจ้อ แต่มักจะตั้งอยู่บนหลักการที่เป็นห่วงผลกระทบต่อคนอื่น จึงไม่เคยซี้ซั้วพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด

 —————————————-

ตอนที่ 1786-1

 ยิ่งการจะเค้นเอาในตอนนี้ให้ได้ว่าใครจะเผยความลับนี้ออกไปก็ยิ่งเสียเวลา สิ่งที่เขาต้องทำมากที่สุดในเวลานี้คือ จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร

เฟิงอี้กุมเมาส์เลื่อนอ่านข้อความดังกล่าวสามรอบ นับตั้งแต่ข่าวนี้ถูกแพร่ออกไปจนถึงตอนนี้ มันมีปัญหาทุกจุด เริ่มที่คนๆ นี้เลือกเวลาที่จะเผยแพร่ออกไป อันเป็นตอนรุ่งเช้า เวลาแบบนี้ จะมีก็แต่พวกเน็ตติเซ่นเท่านั้นที่ยังออนไลน์อยู่ พวกคนในบริษัทล้วนแต่หลับใหลกันทั้งนั้น ถ้าไม่เป็นเพราะเขาเตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้า ก็คงไม่เห็นโพสต์ที่ว่าแน่นอน

จากนั้นก็มาดูที่เนื้อหา หากจะโพสต์ที่ว่าจะบรรยายเพียงแค่เรื่องคุณชายฉินเสียความทรงจำอย่างบริสุทธิ์ใจ มันก็พอจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้แล้ว ซึ่งหากไม่มีข้อความยุแยงในตอนท้าย เขายังพอจะมีวิธีจัดการ เพราะทีมไดมอนด์ไม่เคยหาข้ออ้างมาเบี่ยงเบนสถานการ หากแฟนคลับอยากรู้อะไร ก็ถามเว็บออฟฟิเชียลตรงๆ ได้

แต่คนโพสต์กลับไม่ได้คิดจะโพล่งเรื่องที่คุณชายฉินเสียความทรงจำเท่านั้น ใจความสำคัญอยู่ตรงที่ข้อความทิ้งท้าย ที่อ้างว่าจะส่งผลต่อชื่อเสียงประเทศ อันทำให้ทุกคนรู้สึกว่าจะต้องแก้ไขเรื่องนี้โดยด่วน

แฟนคลับต้องไม่ใช่คนโพสต์แน่นอน พวกเขาไม่มีวันทำอย่างนั้น

เฟิงคิ้วย่นหัวคิ้วหนัก ไม่ต้องคาดหวังว่าคนจากคณะกรรมการจะแคร์เรื่องนี้หรือไม่ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่สนใจ แต่ตอนนี้เกิดผลกระทบในโลกออนไลน์แล้ว ทางคณะกรรมการย่อมพิจารณาแน่

เฟิงอี้ลุกขึ้นยืน เรียกใช้เส้นสายทั้งหมดของตนเป็นลำดับแรก เขาโทรออกไปโดยไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมง “ฮัลโหล ประธานหลี่หรือครับ คืออย่างนี้ มีเรื่องอยากจะ…” ใครจะคิดล่ะว่า วันหนึ่งคนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นจิ้งจอกหน้ายิ้มจะพูดโทรศัพท์ขอร้องคนด้วยน้ำเสียงเช่นนี้

แต่ไม่ทันได้พูดจบ คนจากปลายสายเอ่ยแทรกขึ้นทันที “เฟิง เรื่องของทีมไดมอนด์น่ะ ผมเห็นแล้ว คุณชายฉินเสียความทรงจำ ถือเป็นเรื่องใหญ่มากนะ คุณกล้าปกปิดได้ยังไง ผมไม่ได้จะด่าว่า ทำไมคุณถอยหลังลงเรื่อยๆ ข่าวแบบนี้จะไม่ให้ผมเผยแพร่ออกไปได้ยังง ผมอุตส่าห์ให้เกียรติคุณนะ แล้วคุณน่ะ อย่าโทรหาผมอีก” ไม่ได้เรียกขานว่าผอ.เฟิงอย่างกระตือรือร้น แต่เรียกเฟิงเฉยๆ

เฟิงอี้ฟังเสียงสัญญาณไม่ว่าง นิ้วมือเกร็งทื่อไปหมด ผู้ช่วยได้สติ มองดูข้างๆ ด้วยนัยน์ตาที่แดงก่ำ แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่า ชายหนุ่มที่ยืนหน้าโต๊ะกลับไม่หยุกชะงักด้วยการโทรไปหาอีกคน แล้วก็ถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังถูกเหยียดหยัน จนในที่สุดก็มีคนรับปากว่าจะคุยกับคณะกรรมการให้ แต่แค่คุยนะ

ผู้ช่วยมองดูผอ.เฟิงที่กระชากคอเสื้อ รู้สึกแค่ว่ามันยากมาก แม้จะยากขนาดนี้ เขายังคงยิ้มได้ “ขอบคุณประธานจางมาก วันหลังผมขอเลี้ยงเหล้าคุณนะครับ” รอจนเฟิงอี้วางหู ผู้ช่วยก็เดินเข้ามาหา มองดูเขาเอียงศีรษะจุดบุหรี่ขึ้นสูบ แล้วเอ่ยเรียก “ผอ.เฟิง” เฟิงอี้เหมือนไม่ได้ยิน เขากำลังครุ่นคิดเรื่องอื่นอย่างเห็นได้ชัด

ผู้ช่วยพูดเสียงดังขึ้น “คุณทำได้ยังไงคะ?”

“อะไร?”

“อดทนต่อทุกอย่างเหมือนในวันนี้ไงคะ”

เฟิงอี้ได้ยินแล้ว ชะงักครู่หนึ่ง เรียวปากแยกยิ้ม “ตอนที่สร้างทีมไดมอนด์ขึ้น ก็เจอเรื่องแบบนี้มาไม่น้อย พวกเราเป็นบริษัทด้านอีสปอร์ต ต้องมีปฏิสัมพันธ์กันในโลกออนไลน์ ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่าทีมไดมอนด์จะดัง ได้แต่อาศัยหน้าตาของประธานฉินเรียกแขก ซึ่งถ้าเทียบกับตอนนี้ ถือว่าง่ายกว่า”

“นี่หรือคะที่เรียกว่าง่ายกว่า” ผู้ช่วยไม่เข้าใจ

————————————-

ตอนที่ 1786-2

 เฟิงอี้หัวเราะ “ง่ายกว่าอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเราแค่เป็นกองทัพที่พร้อมรบแบบไม่ให้ใครเสียหน้า สามปีแล้ว พวกเรายังมีแฟนคลับที่ติดตามพวกเราถึงสามปีแล้ว”

“แต่แฟนคลับพวกนั้น” ผู้ช่วยตื้นตันใจ “ถ้าพวกเขาออนไลน์ล่ะก็ แล้วถ้าพวกนั้นไม่…”

ไม่รอให้ผู้ช่วยพูดจบ เฟิงอี้ก็ขัดจังหวะขึ้น “เธอเข้าใจแฟนคลับผิดหรือเปล่า พวกที่หาเรื่องน่ะ เราไม่นับนะ แฟนคลับที่ฉันพูดถึง คือพวกที่รอให้คุณชายฉินกับเจ้าแบล็กกลับมาต่างหาก พวกเขามีความปรารถนาดี จะว่าไปความปรารถนาดีมันก็น่าพิศวงนะ แต่ทุกคนมักคิดกันว่า ในช่วงกลางคืนจะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่แม้ว่าจะบาดเจ็บไปทั้งตัว ร่างแทบแหลกสลาย ไม่มีวันสมบูรณ์เหมือนเดิม แต่พวกแฟนคลับก็ยังอยากเห็นคนกลุ่มนี้ กลุ่มที่ไม่มีใครขาดหายไป”

ผู้ช่วยเห็นคอมเมนต์ตอบกลับมากมายจนเศร้าใจ “ยังมีแฟนคลับแบบนั้นหลงเหลืออยู่หรือคะ”

“มีสิ” เฟิงอี้หันไปมอง นัยน์ตาเรืองโรจน์ “มีบางอย่างที่พวกเธอต้องเชื่อ ทีมไดมอนด์เป็นยังไง ก็ย่อมรักษาคนแบบเดียวกันได้ตลอดไป”

ผู้ช่วยตะลึง นี่หรือคือนักธุรกิจที่แสนจะเจ้าเล่ห์ ทว่าเมื่อนักธุรกิจเกิดความปรารถนาดี ย่อมจะดูเด่นกว่าคนทั่วไป

เฟิงอี้ไม่เสียเวลาวิเคราะห์ปัญหานี้นาน เขายกข้อมือขึ้นมาดู “ตอนนี้ตีหนึ่งแล้ว เธอไปเตรียมตัว พรุ่งนี้เราต้องเลือกสมาชิกมาสัมภาษณ์คนหนึ่ง ทีมไดมอนด์จะเป็นยังไง ก็ให้พวกเขาพูดด้วยการแข่งขันถึงจะเหมาะสมที่สุด ฉันจะไปพบคณะกรรมการ”

“ผอ.คะ ลบโพสต์ไหมคะ” ผู้ช่วยตะลึง เพราะโพสต์นั่นอยู่ในออฟฟิเชียลเวยป๋อนะ

เฟิงอี้ช้อนตามอง “ไม่มีประโยชน์” ส่งผลให้ผู้ช่วยอึ้ง เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินคำว่าไม่มีประโยชน์จากผู้ชายคนนี้

ท้องฟ้าข้างนอกมืดมิด มืดเสมือนมองไม่เห็นแสง

เวลาตีหนึ่งครึ่ง เฉวี่ยนนั่งพิมพ์อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ “ที่สอนให้ฉันพูดไปน่ะ แรงมากจริงๆ ตอนนี้เขาวุ่นวายในอินเทอร์เน็ตกันใหญ่ ไอ้เทพฉินมั่วเก่งแต่ไหน ก็ต้องยอมสละสิทธิ์แน่”

“อย่าเพิ่งด่วนสรุป นี่เป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น” อีกฝ่ายตอบกลับมา

เฉวี่ยนสะเทือน “แค่ก้าวแรกเองเหรอ”

“ไม่ผิดหรอก ฉันจะสอนนายเองว่าก้าวที่สองต้องทำยังไง…”

เฉวี่ยนเห็นข้อความดังกล่าว แววตาถึงกับเป็นประกาย มองดูอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังพิมพ์อยู่ด้วยสีหน้าอยากลองดีเต็มแก่

ภายในห้องคอมพิวเตอร์ของอะพาร์ตเมนต์ อวิ๋นหู่มองดูมือถือตัวเองที่กำลังส่งเสียงดัง หลังจากที่กดปิดเสียง ก็ออกมารับสายด้านนอก จากนั้นแววตาถึงกับเบิกกว้าง เสียงตึงเครียดไม่น้อย “รู้แล้ว ฉันจะบอกพวกเขา พวกเขาเหรอ? บางคนก็ฝึกหนักจนหลับไปแล้ว หัวหน้ากำลังฝึกเล่นตัวละครให้ชินอยู่ ทุกอย่างโอเค อื้อ ครั้งนี้ห้ามทุกคนโต้ตอบ แค่ให้รับรู้สถานการก็พอ”

หลังจากที่วางหู อวิ๋นหู่ผลักประตูกลับเข้าไป เขามองดูป๋อจิ่วก่อน ก่อนจะเขย่าตัวปลุกคนอื่นแล้วเอ่ยขึ้น “จิ้งจอกเฟิงแจ้งข่าวว่าเรื่องหัวหน้าความทรงจำเสื่อมถูกคนแฉออกมาแล้ว ตอนนี้ในอินเทอร์เน็ตยุ่งกันใหญ่เชียว พวกเราต้องทำความเข้าใจก่อน เวลานักข่าวถาม จะได้เตรียมใจไว้

หลินเฟิงที่กำลังหาว ถึงกับตื่นสนิททุกคนเปลี่ยนไป!

ไม่สบายใจ ไม่สบายใจอย่างแรง เพราะทุกคนรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็ก! นอกจากพระเอกของเรื่องอย่างฉินมั่วที่มีสีหน้าดังเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง แค่หันไปมองคนที่นั่งข้างตัว

————————————–

1783-2 vs 1784-1vs 1784-2

ตอนที่ 1783-2

ความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันยากจะบรรยาย ตอนที่เขาได้รู้จักนายน้อย เธอยังเด็กมาก พอเกิดมาก็ไม่มีแม่เสียแล้ว ทุกหัวข้อการพูดคุย ล้วนแต่จะวนเวียนอยู่กับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยคนนั้น

ต่อมาเมื่อนายใหญ่เสียชีวิต นายน้อยก็กลายเป็นคนไม่ค่อยพูด ถึงขั้นที่เอ่ยถึงสัตว์เลี้ยงตัวน้อยลดลงไปเรื่อยๆ จนแทบจะลืมไปแล้วว่าเคยมีคนแบบนี้ในชีวิตตนเอง

เมื่ออยู่ใน The Fifth Avenue นายน้อยใช้ชีวิตตามอำเภอใจและอยู่อย่างลึกลับ ซึ่งไม่มีใครจับตัวเธอได้

เส้นทางการดำรงชีวิตของเธอไม่แน่นอน ชอบไปไหนมาไหนตัวคนเดียว มักจะเห็นเธอที่สวมชุดนักบิดสีดำอยู่ในคลับกลางคืนที่ครึกครื้น ซึ่งชีวิตแบบนี้สบายก็จริง แต่ไม่มีใครรู้ว่า เมื่อกลับไปถึงปราสาท นายน้อยมักกอดคีย์บอร์ดในอดีต นั่งดื่มเหล้าบนพื้นที่มีเครื่องทำความร้อน ทั้งงามสง่าและอ้างว้าง เธอชอบดูหนังเก่าๆ ตอนที่ดูเรื่อง The Interview of vampire แล้วเห็นเขาเข้ามา ก็เอ่ยพลางยิ้ม “ฉันยังไม่ได้กลายเป็นแวมไพร์ในตอนเช้า ฉันจำทุกอย่างเมื่อครั้งที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย แต่ลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นสู่ฟ้า ทิวทัศน์แสนอลังการที่ได้ชมเป็นครั้งสุดท้าย เหมือนกับที่เห็นเป็นครั้งแรก จากนั้นฉันก็ลาจากแสงอาทิตย์ตลอดกาล จนกลายเป็นฉันในเวลานี้”

“คุณตาขา หนูก็เหมือนกัน หนูลาขาดจากแสงอาทิตย์ กลายเป็นหนูในเวลานี้” ซึ่งตอนนั้นคุณตาถึงกับสาบานว่าจะต้องอยู่เป็นเพื่อนนายน้อยไปชั่วชีวิต

เวลานี้ ช่างดีเสียจริง ไม่เพียงแค่คุณตา ยังมีคนอีกมากมายที่อยู่เป็นเพื่อนเธอ นี่แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

มุมปากคุณตาแยกยิ้มบางๆ ไม่ได้รบกวนพวกเขาที่เตรียมเข้าแข่งขันอีสปอร์ตลีกส์อาชีพอีกต่อไป เขานำอาหารที่เตรียมพร้อมมาบรรจุใส่กล่อง แล้วนำไปไว้ข้างมือของทุกคน ในฐานะที่เป็นพ่อบ้านมืออาชีพ คุณตาจะละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไปได้อย่างไร แต่พวกเด็กๆ ก็สู้ตายกันเหลือเกิน หลังจากที่เห็นกล่องอาหาร ต่างเอ่ยแค่ขอบคุณ หลังจากนั้นก็กินพลางเล่นต่อไป พวกเขาเล่นกันสองนัด ถึงจะทานอาหารมื้อนี้จบ ลำบากกันจริงๆ

นาฬิกาที่อยู่บนผนังเคลื่อนที่ไปถึงสามตัวเลข เมื่ออวิ๋นหูลุกขึ้นยืนเพื่อจะสูบบุหรี่ ร่างข้างๆ ก็โงนเงนเอนศีรษะมาซบที่ไหล่ซ้ายพอดี

หลินเฟิงนั่นเอง คงเพราะช่วงสองวันนี้ฝึกกันจนเหนื่อย จนถึงกับหลับคาอากาศ

อวิ๋นหู่ชะงัก คีบบุหรี่ค้างไว้อย่างนั้นโดยไม่จุด ใช้มือข้างเดียวมาคุมเมาส์เพื่อฝึกความคล่องตัว

ท้องฟ้าด้านนอกมืดขึ้นเรื่อยๆ ทว่าภายในห้องคอมพิวเตอร์กลับอบอุ่นทุกที่ เซวียเหยาเย่านอนซบคีย์บอร์ด โดยมีเสื้อขนเป็ดของโคโค่คลุมบนร่าง รวมถึงความสว่างของหน้าจอที่เขาปรับให้ลดลง

ป๋อจิ่วยังคงอธิบายสกิลของตัวละครแต่ละตัวด้วยเสียงเบามาก เสมือนเป็นเสียงทรายล่องลอยเบาๆ ในห้องแห่งนี้ ส่งผลให้รู้สึกถึงความอบอุ่นเป็นพิเศษ ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ฉินมั่วก็ยังรับรู้ถึงความเหนื่อยล้าผ่านน้ำเสียงเธอ จึงหันไปออกปาก “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว”

“ยิ่งพูด ก็จะยิ่งจำได้เร็ว” ป๋อจิ่วดื่มน้ำให้คอชุ่ม

ฉินมั่วละมือข้างหนึ่งมาเชยคางเธอ “อ้าปาก”

“เอ๋?” ท่านเทพจะจุ๊บเธอเหรอ ไม่ ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าจะจุ๊บ ต้องไม่ให้เธออ้าปากสิ แต่เป็นหลับตาต่างหาก แต่ครั้งที่แล้วที่ท่านเทพให้เธอหลับตา ก็บอกว่าให้เธอฝันไปเถอะนี่นา ช่างไม่มีชีวิตจิตใจเอาเสียเลย แฟนคู่อื่นก็หวานกันทั้งนั้น ส่วนของเธอคงจะฝึกสกิลการต่อต้านแรงยั่วล่ะมั้ง

“คิดอะไรอีกแล้ว” นั่นไง หน้าตาที่หล่อเหลาเหลือเกินก็ปรากฎรอยยิ้มที่เหมือนเมื่อก่อน ชอบแฝงแววเย้าๆ

ป๋อจิ่วกำลังอ้าปากบอกว่า เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะเชยคางจุ๊บเธอเสียหน่อย แต่เหมือนมีอะไรมาชนกลีบปาก ความนุ่มที่แฝงเย็นนิดๆ ราวกับไอศกรีมบางๆ ที่คลี่กระจายตามแนวฟัน

 ————————————

ตอนที่ 1784-1

ปลายนิ้วที่ควบคุมตัวละครของป๋อจิ่วถึงกับชะงัก เธอหันไปเห็นหน้าชายหนุ่ม ขนตาของเขาช่างยาวน่าหลงใหล กิริยาของชายหนุ่มกระทบบนใบหน้าเธอ ดูไม่เหมือนอยู่ในโลกความจริง

จูบในครั้งนี้ใช้เวลาไม่นาน ยังดีที่เพื่อนร่วมทีมต่างทุ่มเทความสนใจต่อการเล่นเกม จึงไม่มีใครเห็น อันที่จริงมีคนเห็น เพราะเหราหรงที่นั่งตรงข้ามเพิ่งเล่นเสร็จเงยหน้าขึ้นดูเวลา จึงบังเอิญเห็นฉากนี้พอดี แต่เขาไม่ใช่หลินเฟิง พอเห็นแล้วก็เบือนสายตาไปแอบยิ้ม ก่อนจะงับบุหรี่เริ่มเล่นนัดต่อมา

หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงคิดไม่ถึงว่าฉินมั่วที่สูงส่งยโส ความเย็นชาขจายทั่วร่างจะมีความรัก เพราะตอนที่ได้รู้จักชายหนุ่ม ฝ่ายนั้นเป็นเพียงหนุ่มน้อยที่ชอบทำอะไรตามความปรารถนาของตัวเอง ทั้งยังชืดชาจนทำให้คนปวดหัว จึงย่อมไม่มีความอดทน ไม่เคยแม้แต่จะแล ต่อเหล่าพิธีกรสาวไลฟ์สดหน้าตาดีที่ไม่ว่าจะยั่วเย้าแค่ไหน ถึงขั้นที่จะเปลือยร่างต่อหน้าเขา ชายหนุ่มก็ยังแค่หยักมุมปากเย้ยหยัน ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม

เห็นทีในตอนนี้ พอมีความรักก็อ่อนโยนขึ้น

เหราหรงคลิกเมาส์เบาๆ เริ่มสู้อย่างจริงจัง ส่วนป๋อจิ่วได้ยินเสียงพิมพ์คีย์บอร์ด แล้วหันไปมองริมฝีปากของชายหนุ่มที่เปียกชื้นหลังจากที่จุ๊บเธอ หัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

ทว่าท่านเทพก็สมกับที่เป็นท่านเทพ เวลาไม่พูดอะไรก็หล่อสง่าเหมือนเซียนบนสวรรค์ แต่พออ้าปาก ความร้ายกาจพลันปรากฏขึ้นทันที “วัดจากปฏิกิริยาของเธอ จุ๊บก็จุ๊บแล้ว งั้นตอนนี้ก็อ้าปากให้ดูหน่อย”

“ดูอะไร” แม้จะพูดอย่างนี้ แต่ป๋อจิ่วก็ยังทำตาม เธอมองดูสีหน้าชายหนุ่มที่สื่อว่า หากเธอไม่เชื่อฟังเขาจะโยนเธอลงจากหน้าต่าง

ฉินมั่วมองดูเธอ เห็นว่ากลางลำคอแดงก็หรี่ตาลง นั่นไง!

“พี่มั่ว?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว ตอนแรกไม่เข้าใจว่าเขาดูอะไร จนเมื่อเขาเดินดุ่มๆ ออกไป ไม่รู้ว่าไปขอลูกอมรสมินต์มาจากใคร เอามายัดเข้าปากเธอ เอ่ยเสียงคร้านๆ “ถ้ายังพูดอีก ฉันจะเลิกเล่นเกม”

ป๋อจิ่วถึงได้รู้สึกตัวว่า เขาเป็นห่วงลำคอเธอ มุมปากจึงยกยิ้มอย่างอดไม่อยู่ แต่จะให้แจ่มแจ้งเกินไปไม่ได้ ไม่งั้นท่านเทพจะหาว่าเธอได้ใจ จึงนั่งลง แล้วขยับเข้าไปกระซิบจุ๊บริมหูชายหนุ่ม “พี่มั่ว ขอบคุณนะ ลูกอมอร่อยมาก”

มือข้างที่เล่นเกมของฉินมั่วถึงกับชะงัก ลืมว่าจะต้องทำความเสียหาย จึงถูกบอสราชาฟาดจนตาย รอจนเมื่อกลิ่นไอของเธอถอยห่างออกไป หน้าจอก็มีจุดเป็นแถว

“นักฆ่าทีมฉันกำลังฝันอยู่หรือไง? โดนบอสราชาฆ่าเสียแล้ว”

“เป็นถึงนักฆ่า แต่กลับล่ามอนสเตอร์ไม่ได้ รู้สึกว่าเกมนัดนี้แพ้อีกแน่”

“เอาเหอะ ฉันหมดใจแล้ว จะเล่นกันยังไงต่อ?”

เมื่อรู้สึกได้ว่าทางนี้กำลังฆ่าอะไรอยู่ ป๋อจิ่วที่ยังไม่เข้าหน้าเกมก็หันมามอง แต่ฉินมั่วกลับยกมือกันไม่ให้เธอเอนตัวเข้ามา เอ่ยช้าๆ “เธอไปเอาน้ำมาให้ฉันที”

“ตรงนี้มีแล้วไม่ใช่เหรอ” ป๋อจิ่วชี้ไปยังแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างมือเขา

 —————————————-

ตอนที่ 1784-2

นักฆ่าอันดับหนึ่งของเซิร์ฟประเทศกลับถูกบอสราชาฆ่าตาย กลับไม่แสดงสีหน้าแต่อย่างใด “เย็นแล้ว ฉันอยากได้ชาร้อนสักแก้ว จะได้ตื่นเสียหน่อย”

“ได้ ฉันจะไปหาคุณตา” หลังจากที่ป๋อจิ่วเดินออกไป ฉินมั่วฟื้นคืนชีพที่ข้างน้ำก็เหาะไปยังโซนป่าอีกครั้ง โดยเขาไม่เพียงฆ่าแค่บอสราชา แถมด้วยตัว ADC ของฝ่ายตรงข้ามไปด้วย

ห้วงเวลาดังกล่าว เกมพลิกฟอร์มเลยทีเดียว พวกเพื่อนร่วมทีมที่เอาชนะสบายๆ มาตลอดถึงกับงง ในเมื่อนักล่ามอนสเตอร์ของฝ่ายตนเก่งขนาดนี้ แล้วเมื่อกี้โดนบอสราชาฟาดเข้าไปได้ยังไง? ซึ่งไม่เพียงแต่คนทางนี้ กระทั่งฝ่ายตรงข้ามยังถาม

ฉินมั่วขยับนิ้วเล็กน้อย ตอบเพียง “เน็ตค้าง” ถึงได้บอกว่าคนเล่นเกมน่ะเหลี่ยมจัด ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้น ก็หาข้ออ้างมาใช้เสมอแหละ อันได้แก่ เน็ตค้าง

แต่ฉินมั่วรู้ตัวดีว่า เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น เหยื่อส่งผลต่อเขามากขนาดนี้เชียวเหรอ? ฉินมั่วนัยน์ตาหนักอึ้ง แต่ไม่พูดอะไร จากนั้นเขาไม่ให้โอกาสใครบางคนได้พูดอีกต่อไป พอเจ้าหล่อนอ้าปาก ก็ป้อนลูกอมให้ทันที

พอเห็นแววตาเธอหวั่นไหว เขาก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูก อีกฝ่ายอยากให้เขาป้อนตัวเองชัดๆ

เมื่อมีคนอยู่เป็นเพื่อน ย่อมไม่เหนื่อยเอาง่ายๆ พอมาถึงรุ่งสาง ไหล่ก็เริ่มล้าจนทนไม่ไหวแล้ว อากาศด้านนอกหนาวมาก ป๋อจิ่วเงยหน้ามองแวบหนึ่ง เอ่ยต่ออินอู๋เย่า “มีห้องนอนนะ ให้ทุกคนไปพักเถอะ?”

“นอนมันที่นี่แหละ” อินอู๋เย่าดีดเถ้าบุหรี่ “นั่งหน้าคอมแล้วรู้สึกว่าโอกาสชนะมีสูง ทุกคนคงคิดอย่างนี้ ฉันก็เหมือนกัน” พูดมาถึงตรงนี้ อินอู๋เย่าก็เอนหลัง “ดีจัง รู้สึกมั่นใจ”

ป๋อจิ่วเข้าใจความรู้สึกของเขา จึงแยกมุมปากยิ้มนิด ๆ

อินอู๋เย่าเอ่ยปากอีกครั้ง “หัวหน้าตัวเล็ก”

“หืม?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

อินอู๋เย่ารู้ว่าเวลานี้คงจะนอนกันหมดแล้ว แต่ต่อให้ไม่นอนก็ไม่ได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูดกันหรอก “เล่นต่อเถอะ ถ้าไม่ไหว ก็แค่ใส่ชุดผู้หญิง ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย? จะเปลี่ยนกลับมาก็ได้”

“ฉันตกลงกับเฮ่อ เอ่อ ฉันจะบอกว่าฉันรับปากแม่ไว้ว่าจะไม่เล่นอีก” ป๋อจิ่วเอียงศีรษะ “แถมตอนนี้ก็ยังมีเหราหรง ถึงไม่มีฉัน ขอแค่ท่านเทพหาย ทีมไดมอนด์ก็คว้าแชมป์ได้อยู่ดี ส่วนเรื่องที่คนเค้าว่ากันในอินเทอร์เน็ต ฉันเห็นแล้ว ไม่ใช่ว่ามันจะส่งผลอะไรกับฉันหรอก แค่ไม่อยากพวกเราที่พยายามสู้เพื่อจะได้ชนะ ต้องมาทนดูคนต่อว่าเรื่องที่ฉันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ มันไม่ยุติธรรมกับคนแข่ง แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ฉันไม่อยากให้ประวัติความสำเร็จของเขามีข้อด่างพร้อย เฮียเย่ารู้ไหมว่า เขาควรอยู่บนแท่นเทพอย่างขาวสะอาด”

ไม่ใช่แบบนี้ แบบที่คนไลฟ์สดตัวเล็กๆ ก็ออกมาดิสเครดิตเขา ชนิดที่พอเข้าสนามแข่งก็โดนกล่าวหาเขาเพราะคนโน้นคนนี้ก็แข่งไม่ไหวแล้ว แถมถูกคนทางฝั่งโน้นถือว่าเป็นบุคคลอันตรายสูงสุด

สิ่งเหล่านี้ เขาไม่ควรจะพบเจอ เขาควรถูกถนอมไว้ในอุ้งมือของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม

ป๋อจิ่วพูดจบ เสมองข้างนอกหน้าต่าง แสงไฟฟ้าของทั้งเมืองสะท้อนในดวงตา

ไม่มีใครรู้ว่าความสำเร็จมาได้อย่างไร บางทีอาจไม่มีใครสนใจว่า คนกลุ่มนี้เหนื่อยจนฟุบคาคีย์บอร์ด แค่หรี่ตาก็หลับ พวกเขาทำแบบนี้เพราะอะไร?

อยากจะชนะไง

อยากชนะมาก

อยากพิสูจน์ตัวเอง เพื่อนร่วมทีมและทีม แล้วเธอจะกลายเป็นหินถ่วงขาของทุกคนได้อย่างไร

 ———————————–

1782-2 vs 1782-3 vs 1783-1

ตอนที่ 1782-2 การลงโทษที่แสนหวาน

“ตอนเด็กๆ ฉันบริสุทธิ์ใจมาก” อยากซื้อตัวพี่อย่างบริสุทธิ์ใจ น่าเสียดายที่พี่แพงหูดับ

ฉินมั่วเลิกคิ้วอย่างไม่รู้สึกรู้สา “เหรอ? ป๋าสายเปย์ที่บริสุทธิ์ใจของฉัน เกิดรักแรกพบกับฉันตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก?”

“อื้ม ตอนนั้นฉันแค่สามขวบครึ่ง” ป๋อจิ่วฉวยโอกาสจับมือชายหนุ่ม “พี่เข้าใจความรู้สึกที่หัวใจถูกช็อตไหม?”

ฉินมั่วยอมให้เธอทำแบบนั้นอย่างไม่รู้ไม่ชี้ แล้วยิ้มตามมา “เด็กสามขวบครึ่งเข้าใจความรู้สึกที่หัวใจถูกช็อตแล้วเหรอ ฉันไม่เข้าใจเท่าไรหรอก” ยัยนี่เวิ่นเว้อได้เก่งจริงๆ หัวใจถูกช็อต

ป๋อจิ่วทำหน้าขรึม “นั่นไง ตอนนั้นฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่พอมาคิดตอนนี้ ก็รู้แล้วว่าเป็นเพราะชอบพี่มากนั่นเอง”

ฉินมั่วฟังแล้ว ก็กดร่างเธอไว้บนโซฟาอย่างยั้งไม่อยู่ ก่อนจะมองหยิ่งๆ เบือนหน้านิดๆ โน้มตัวเข้าไปหา ลมหายใจรดริมหูเธอ “หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว ส่วนเรื่องชีวิตส่วนตัวของสายเปย์ ฉันขอแค่อย่างเดียว ในเมื่อเลือกฉันแล้ว ก็ต้องเลือกฉันคนเดียวตลอดไป เข้าใจไหม? ถ้าสายเปย์ยังเจ้าชู้หลายใจอีก ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าจะทำอะไรขึ้นมาได้…”

ป๋อจิ่วอยากจะเถียง แต่ถูกเขาระดมจูบจนลมหายใจวุ่นวายไปหมด ไม่ใช่แค่จูบ ยังรวมถึงมือของเขาที่เลิกชายเสื้อเธอแล้วไต่นิ้วขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยสภาพดังกล่าว

ป๋อจิ่วร้อนรุ่มไปทั้งตัว แต่สลัดความหวิวไหวออกไปไม่ได้ เสื้อผ้าและเส้นผมยุ่งเหยิงกรุ่นไปด้วยไอรัก รวมถึงใบหน้าที่แดงเรื่อ จูบรุ่มร้อนบนใบหน้า ทำเธอขาอ่อนปวกเปียกไปหมด เสียงพลอยขาดๆ หายๆ ตามจังหวะมือของเขา “ข้างนอก ยัง ต้อง เล่นเกมต่อ…”

“เล่นแน่” ฉินมั่วว่าแล้วก็ก้มลงจูบบนด้านข้างลำคอ “แต่ สายเปย์ของฉัน เวลาที่ฉันจะสนุกกับเธอ เธอก็น่าจะตั้งใจหน่อยนะ หืม?”

สนุกที่ไหน เป็นการลงโทษที่ทั้งหวานที่ทรมานชัด ๆ

เขาแทบจะไล้เธอไปทั่วตัว แต่ไม่ยอมกินสักที ร้ายกาจเสมือนจอมมารที่ถนัดด้านการอ่อย เสียงแผ่วต่ำที่ถามข้างหูเธอแหบเครือมาก “ยังจะไปสารภาพรักกับคนอื่นอีกไหม?”

“ไม่ ไม่เคยทำมาก่อน” เสียงเสื้อผ้าที่เสียดสีบนตัวทำให้เธอถอนตัวยาก จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายรุกเสียเองด้วยการใช้ขาโอบรัดตัวเขา ก่อนจะยิ้มให้ แล้วจูบที่คอหอย ปล่อยเสน่ห์ไปทั่วร่าง ราวกับเป็นนางเงือกแสนสวยใต้ท้องทะเล “จะว่าไป พี่มั่วก็อดทนเก่งเนอะ”

แววตาของชายหนุ่มขรึมทันทีต่อกิริยาของเธอ คนในอ้อมกอดเขารู้ดีว่าจะทำให้สติเขาหลุดลอยได้อย่างไร

ที่ว่าผู้หญิงสวยต้องสวยลึกถึงกระดูกนั้นไม่ผิดเลย ผิวเนียนลื่นเหมือนเนื้อหยก ยิ่งตอนที่เธอพูด มุมปากและไฝเสน่ห์บริเวณหางตาที่ทำให้เธอเหมือนปีศาจแสนสวย เอาไว้ยั่วยวนพวกบัณฑิตหนุ่มแสนซื่อโดยเฉพาะ ดูเหมือนเธอจะเตรียมตัวไว้พร้อม รอให้คนเก็บเกี่ยว

เสื้อผ้าที่ยู่ยี่ แอ่งชีพจรสวยได้รูป ทรวงอกเว้าโค้งนุ่มนิ่มเผยโฉมออกมา หลังจากที่เขาเลิกเสื้อขึ้น มันมากพอจะทำให้เขาขาดสติ ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นจากน้ำมือของเขาเอง รวมถึงแรงเสน่หาจากตัวเธอในเวลานี้

———————————–

 ตอนที่ 1782-3 การลงโทษที่แสนหวาน

ฉินมั่วดึงมือกลับมา ยิ้มช้าๆ “เธออยากอยู่บนเตียงทั้งวันเหรอ? ไม่เล่นเกมแล้ว? ถ้าใช่ งั้นก็อ่อยฉันต่อไป”

ป๋อจิ่วเปลี่ยนท่าทีทันทีที่ได้ยินอย่างเป็นคนเจ้าชู้ “น่าเสียดายที่เวลากับสถานที่ไม่อำนวยให้”

“ไม่ต้องเสียดายหรอก ถ้าอยากได้ก็ต่อเลย” ว่าแล้วฉินมั่วก้มตัวลง รอยยิ้มที่มุมบนเรียวปากชัดขึ้น

กว่าจะหยุดชายหนุ่มได้อย่างไม่ง่าย ป๋อจิ่วย่อมไม่โง่พอจะโดนเขาทรมานต่อ “ไม่ล่ะ งานสำคัญกว่า พี่ต้องรู้นะว่าฉันเป็นแฟนที่เข้าใจจิตใจคนอื่น”

ฉินมั่วเลิกคิ้ว แล้วปล่อยตัวเธอ

ป๋อจิ่วจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จูงท่านเทพจะออกไป แต่เขากลับไม่ขยับ เอียงคอมองเธอ ปล่อยให้เธอพยายามลากตัวเขา ค้ำมือข้างหนึ่งไว้ที่ใต้คาง พลางเอ่ยเสียงแหบเครือ “เธอจะให้ฉันออกไปทั้งอย่างนี้?”

อย่างนี้มันยังไงเหรอ?

ตอนแรกป๋อจิ่วไม่เข้าใจ จนเมื่อหลุบตา เรียวขาเธอสัมผัส ‘บางส่วน’ ของชายหนุ่มที่เปลี่ยนไป ถึงกับหน้าร้อนฉ่าเลยทีเดียว แต่ท่าทางเขาในเวลานี้ กลับดูสูงส่งต้องห้ามจนอยากละเมิด

ชายหนุ่มในสภาพเต็มไปด้วยแรงเสน่หาอันยวนใจคน คงมีท่านเทพแค่คนเดียว

ผ่านไปครึ่งนาที บรรยากาศในที่นั้นไม่มีท่าทีจะเย็นลง ป๋อจิ่วยังอยู่ในท่าเดิม “ให้ช่วยไหม?”

“ช่วยยังไง” ฉินมั่วหันมามอง

ป๋อจิ่วตอบเสียงเบาๆ

ฉินมั่วหัวเราะ “ใช้มือเหรอ?”

ป๋อจิ่วส่งเสียงยืนยัน แววตาเธอสวยเหลือเกิน “ทำไม? พี่ไม่ชอบ?”

ยัยนี่ช่างกล้า แถมยังตรงไปตรงมาเสียจนรับมือไม่ไหว แต่เมื่อฉินมั่วมองเห็นเธอจะลงมืออย่างปากว่า ก็หลุดคราบที่ปลอมขึ้น ยั้งมือเธอไว้ “ทำแบบนี้จะยิ่งรุนแรงขึ้น ฉันจะคลั่งเอา”

เป็นครั้งที่แรกที่ป๋อจิ่วได้ยินท่านเทพพูดแบบนี้ แววตาเธออึ้ง แล้วโดนลากเข้าห้องน้ำไปเลย

น้ำเย็นถูกเปิดออก เขาให้เธอยืนอยู่นอกกระจกฝ้า แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เธอก็ยังรู้สึกถึงจังหวะลมหายใจของเขา

เวลาห้านาที เร็วกว่าที่เธอช่วยเขาเสียอีก และเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย มือหนึ่งกดบนผ้าขนหนูที่อยู่บนศีรษะ เส้นผมสีดำยังมีน้ำเกาะอยู่ กลิ่นสะอาดสะอ้านกรุ่นทั่วตัว

ทั้งสองจึงเดินออกจากห้องไปยังห้องคอมพิวเตอร์ด้วยสภาพเช่นนี้ ส่วนหลินเฟิงที่นั่งกินอยู่ เอ่ยขึ้นในทันทีที่เห็นทั้งสอง “เจ้าแบล็ก พวกนายไปคุยอะไรกันวะ ทำไมนานจัง? แล้วทำไมหัวหน้าถึงอาบน้ำ? นี่พวกเรากินขนมที่คุณตาพ่อบ้านเตรียมให้จนหมดแล้วนะ”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วก็หยิบคุ้กกี้ชอร์ตเบรดมากินเข้าปากอย่างสง่า ก่อนจะยิ้มให้ “พี่หลิน วันนี้พี่อย่าพูดอีกเลยจะดีกว่า”

หลินเฟิงตาโตอย่างไม่เข้าใจ ทำไมถึงไม่ให้เขาพูดล่ะ?

ป๋อจิ่วเห็นแล้วก็เอียงคอถามท่านเทพ “พี่มั่ว เมื่อกี้มีตั้งหลายคนกลับไม่ถาม ทำไมถึงไปถามพี่หลินล่ะ” ถ้าถามคนอื่น ประวัติอันมืดมนของเธอคงจะไม่ถูกรื้อ

“มีอะไรต้องอธิบาย ก็เพราะหัวหน้าเชื่อใจฉันไง” หลินเฟิงกินหมด กำลังยืดอกด้วยความภูมิใจ แต่ถูกหัวหน้าขัดจังหวะอย่างเรียบเรื่อย “เพราะเขามีคุณสมบัติเด่นของการเป็นเพื่อนพาล่มจมชัดมาก”

ห้วงเวลานั้น หลินเฟิงตัวแข็งทื่อ หัวหน้าเสียความทรงจำจริงๆ เหรอ? ทำไมความปากเป็นพิษถึงไม่ลดน้อยถอยลงเลยล่ะ!

น่ากลัวจริงๆ

ถึงจะเสียความทรงจำไปแล้ว แต่ก็ยังเจ้าแผนการอยู่ดี? เขาควรจะร้องได้ที่เมื่อกี้ตกหลุมพรางดี หรือควรจะดีใจที่ได้เห็นโอกาสที่หัวหน้าจะหายดี…

 —————————————–

ตอนที่ 1783-1

“เริ่มเถอะ เหลือเวลาไม่มากแล้วไม่ใช่เหรอ?”

ฉินมั่วนั่งลงเอง ค้ำคางด้วยมือข้างหนึ่ง พยักเพยิดไปยังที่นั่งข้างตัว แล้วกวาดตามองป๋อจิ่วด้วยนัยยะที่ชัดเจนว่าให้เธอนั่งข้างกาย

ป๋อจิ่วรู้ดี แต่กลับเลิกคิ้วถาม “ให้ฉันนั่งเหรอ?”

“ทำไม? หรือเธออยากนั่งตักฉันจริง ๆ” ฉินมั่วว่าพลางกดเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เอียงศีรษะอย่างขบขัน

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเธอไม่มีวันสู้ท่านเทพในเรื่องการพูดได้เลย จึงตัดสินใจเปิดเข้าสู่ห้องแข่ง เลือกประเภทแข่งเดียว โดยสู้กับท่านเทพตัวต่อตัว ซึ่งในแต่ละเกม เธอจะเปลี่ยนตัวละครสู้กับเขาไปเรื่อยๆ ทั้งนี้เธอเล่นพลางแนะนำความสามารถของตัวละครแต่ละตัวให้กับเขา

หลินเฟิงฟังจนตะลึง ส่วนเหราหรงเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ก็ดีดเถ้าบุหรี่ เพราะไม่มีใครคิดหรอกว่า แบล็กพีชจะใช้วิธีที่เพื่อทำให้หัวหน้าจำคุณสมบัติของตัวละคร

แต่ต้องขอบอกว่าวิธีนี้ถือว่าดีที่สุด เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้จำแม่น สิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือความเร็วมือและเซนส์ของแบล็กพีชถือว่าหาตัวจับได้ยากในวงการนี้

เมื่อได้คนแบบนี้มาช่วยซ้อมมือ ก็หมายความว่าขอแค่หัวหน้ารู้คุณสมบัติของตัวละครในเกม พวกคนที่มีฝีมือธรรมดาๆ หรือไม่ธรรมดา ย่อมทำฉุดท่านเทพไว้ไม่อยู่ ถือว่าพอจะมีความหวังก็ว่าได้ ทุกคนต่างเห็นท่านเทพเบือนหน้านิดๆ พร้อมคุมเมาส์เล่นเกม ล้วนแต่มีบางอย่างที่ลุกโชนในดวงตา

สมาชิกคนอื่นๆ ของทีมก็ไม่ปล่อยตัวให้ว่าง ต่างลงทะเบียนเข้าหน้าเกม เริ่มฝึกซ้อมความเร็วมือตามปกติ กระทั่งเซวียเหยาเย่าและเฟิงซ่างที่เป็นตัวสำรอง ยังไม่ผ่อนคลายลงสักนิด

อากาศในห้องคอมพิวเตอร์ย่อมไม่ดีอยู่แล้ว เพราะพวกผู้ชายชอบสูบบุหรี่ในระหว่างเล่นเกม แต่วันนี้พวกเขากลับเลิกสูบ กระทั่งความถี่ในการเข้าห้องน้ำยังลดลง และทุกครั้งที่เล่นจบนัดหนึ่ง ต่างยื่นมือไปนวดต้นคอ ก่อนจะเอนหลัง งับบุหรี่รอเกมนัดต่อไป

เวลาพักผ่อนสั้นๆ แค่นี้ เป็นแค่ช่วงว่างที่เตรียมเล่นเกมในนัดถัดไป

คงเพราะอยากชนะมาก ทุกคนที่เล่นเกมต่างมีความฝันในใจ ล้วนหวังว่า ในวันหนึ่งจะได้ยืนเด่นอยู่ตรงกลาง คลุมธงชาติไว้บนร่าง ดังนั้นต้องบากบั่นทุ่มเทแค่ไหน ยังรู้สึกว่าหอมหวาน เพราะพวกเขารู้ดีว่า พวกเขาไม่เคยอยู่คนเดียว ยังมีเพื่อนร่วมทีมที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ กระทั่งคุณตาพ่อบ้านที่ผลักประตูเพราะอยากเชิญแขกทุกคนไปทานอาหารเย็น ยังถึงกับอึ้งที่เห็นภาพตรงหน้า ด้วยไม่ว่าจะเป็นที่ปราสาทหรือที่อื่นๆ ก็ไม่เคยเห็นห้องที่มีอากาศย่ำแย่เท่านี้มาก่อน ทว่ากลับรู้สึกยินดีชนิดเหนือความคาดหมาย

ตั้งแต่เป็นเด็ก นายน้อยเป็นคนมีเสน่ห์ที่ใครๆ ต่างอยากเข้าหา แต่มีเพื่อนแค่ไม่กี่คน การที่มีคนมาหาเป็นกลุ่มแบบในวันนี้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

จะว่าไปนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้ช่วยนายน้อยต้อนรับแขก บางทีการได้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมก็นับว่าไม่เลว หากไม่เพราะวาสนา นายน้อยอาจจะไม่มีวันได้รู้จักคนพวกนี้ ตอนนี้เขาเห็นแล้วว่า เพราะคนเหล่านี้ ทำให้นายน้อยถึงได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง

 —————————————

1781 vs 1782-1

ตอนที่ 1781

“ใช่ แผนลึกมาก” โคโค่พูดขึ้นบ้าง “หัวหน้าไม่รู้หรอกว่า ตอนนั้นแบล็กพิมพ์ข้อความอ่อยพวกเราเสร็จ ก็นัดเจอหน้ากัน เพราะจะได้ทายใจว่าหัวหน้าคิดยังไง จะว่าไปมันก็เป็นแค่การแสดง บอกตรงๆ นะ ถ้ามีผู้หญิงมาจีบฉันแบบนี้ ฉันก็ยอม”

ฉินมั่วจับประเด็นเด็ดได้ “แสดงว่าจริงๆ แล้วเขาไล่จีบฉัน”

“แหงดิ” คนอย่างหัวหน้าน่ะหรือ จะไปไล่จีบใคร ต่อให้สนใจเจ้าแบล็ก ก็มีแต่ล่อเด็กให้มาจีบตัวเองเสียมากกว่า

 “แต่หัวหน้า ก็เหมือนอย่างที่ดาวประจำทีมอย่างหลินเฟิงว่านั่นแหละ หัวหน้าชอบเจ้าแบล็กมากจริงๆ อ่อ ชอบมากๆ เลย หัวหน้าไม่รู้หรือว่า ตอนที่พวกเราเห็นหัวหน้ากับเจ้าแบล็กคุยกันในเวยป๋อนะ แทบช็อกเลยล่ะ พวกเราขอแอดเฟรนด์กับหัวหน้าตั้งหลายครั้ง แต่หัวหน้าก็ไม่เคยตอบพวกเราเลย” พูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของโคโค่ก็เปลี่ยนไปขุ่นเคืองหน่อยๆ ทว่าฉินมั่วไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดอีกแล้ว บวกับสิ่งที่หลินเฟิงพูดเมื่อกี้นี้

หลินเฟิงเห็นหัวหน้ามองตัวเองอีกครั้ง รีบพูดต่อทันที “หัวหน้า แล้วพวกเราจะรวมทีมเล่นต่อไหม?”

“รอเดี๋ยว” ฉินมั่วเอียงศีรษะ กำมือของคนบางคนที่เพิ่งจะนั่งลงไว้ในอุ้งมือ โดยไม่มองเจ้าตัว แต่มองคนอื่นแทน “เราขอเวลาส่วนตัวหน่อย” พูดจบก็ดึงตัวไปเลย

สมาชิกทีมไดมอนด์ที่อยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ล้วนแต่มองตากัน แล้วหันไปมองหลินเฟิง โดยวันนี้หลินเฟิงได้รับสายตาของทุกคนชนิดเกินความพอเพียง คนบื้อแบ๊วอย่างเขาไม่เข้าใจ ถึงกับเกาศีรษะ “พวกนายมองฉันทำไมวะ?”

“เปล่า…” ว่าแล้วก็มองบน ต่อไปเวลาพวกเขามีแฟน จะต้องหยุดปากดาวประจำทีมให้ได้ พาเพื่อนล่มจมจริง ๆ

คุณตาพ่อบ้านเห็นเหตุการณ์อยู่ด้านข้าง ถึงกับมือกุมขมับ ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ท่าทีของคุณตาสง่ามาก

ในฐานะที่เป็นคุณพ่อบ้านมืออาชีพ จะไม่ต้องรับแขกในภาวะที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ได้ยังไง? ดังนั้นในระหว่างที่ทุกคนต่างแอบมองว่าหัวหน้าจะคุยอะไรกับเจ้าแบล็ก คุณตาก็นำขนมที่กินกับน้ำชามาเสิร์ฟให้อย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งยังสกัดเส้นทางทุกคน โดยยิ้มให้ “ผมคิดว่า ตอนนี้พวกคุณคงอยากทานของหวาน”

อินอู๋เย่าไม่สนใจขนมพวกนั้น แต่โคโค่ต่างออกไป เมื่อเห็นขนม เขาถึงกับตาลุกวาว ก่อนจะยัดเข้าปากอันหนึ่ง กินหมดก็ชวนเฮียเย่าให้กินด้วย “เฮีย พลาดอันนี้ไม่ได้นะ สุดยอด จริงๆ นะ”

เฮียเย่ายังไม่พูด หลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ ก็เข้ามา “อุว้าว น่ากินจัง หู่ มากินเร็ว”

อวิ๋นหู่และอินอู๋เย่า “…”

ขนมหวานไม่กี่ชิ้น ทำให้ทั้งสองลืมไปแล้วว่ามีอะไรสนุกๆ รออยู่ นั่นไงพวกเพื่อนพาล่มจมมักมีบางอย่างที่เข้าถึงกันเสมอ ชนิดที่โดนซื้อแล้วยังอุตส่าห์ช่วยนับเงินอีกต่างหาก

คุณตายิ้มสุภาพ บางครั้งการรักษาภาพพจน์ให้นายน้อย ก็ถือเป็นสิ่งที่คุณพ่อบ้านมืออาชีพเขาทำกัน แต่หนนี้คุณตากลับรู้สึกประหลาด เพราะปกติแล้วนายน้อยไม่เคยทำให้เขาเป็นห่วง แต่ตอนนี้กลับมีคนรื้อเรื่องน่าขายหน้าในอดีต

คุณตาประคองล็อกเก็ตนาฬิกาสีเงินขึ้นมาดู อืม ได้เวลาเตรียมอาหารค่ำแล้ว ไม่รู้ว่านายน้อยจะพูดอะไรอีกหรือเปล่า

เฮ้อ ไล่จีบคนมาเยอะ ช่างไม่สมกับที่เขาเคยอบรมบทเรียนว่าด้วยความเป็นกุลสตรีให้เลย

…………………………………….

ตอนที่ 1782-1 การลงโทษที่แสนหวาน

ป๋อจิ่วที่ถูกท่านเทพพามาที่ห้องรู้ดี ท่านเทพจะชำระบัญชีกับเธอ เจ้าดาวประจำทีมที่เป็นเพื่อนพาล่มจมทำร้ายเธอเข้าให้จริงๆ แต่หากรอให้โดนเล่นงาน สู้เป็นฝ่ายรุกเองก่อนดีกว่า อันเป็นสไตล์ของป๋อจิ่วมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อเข้าห้อง เธอก็เอ่ยขึ้นก่อนด้วยสีหน้าจริงใจ “ฉันอธิบายได้”

“อ้อ?” ฉินมั่วมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง พลิกไพ่ในมือ พอได้ยินก็โยนไพ่บนโต๊ะกาแฟ ก่อนจะเอนหลังอย่างไม่รีบร้อน

ป๋อจิ่วยิ้ม “พี่ดูสิ ฉันเป็นผู้หญิงใช่ไหมล่ะ”

“อื้ม?” ฉินมั่วเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ทำท่าแบบเธอเริ่มแสดงได้เลย

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเขาทำแบบนี้ เท่ากับไม่ให้เกียรติเธอเลย จึงยื่นมือไปประคองหน้าชายหนุ่ม เอ่ยต่อ “คุณตาสอนฉันให้เป็นกุลสตรีมาตั้งแต่เด็ก บอกว่าทำอะไรก็ต้องเรียบร้อย”

ฉินมั่วถึงกับหัวเราะในทันทีที่ได้ยิน

“หัวเราะอะไร?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

ฉินมั่วดึงมือเธอออกไป เอ่ยช้าๆ “งั้นเธอก็คือเคสความล้มเหลวทางการศึกษา”

ป๋อจิ่วหัวเราะอย่างไม่แคร์ “ยังไงในฐานะของกุลสตรี ฉันก็ต้องรักษาหน้าตัวเอง ถูกไหม พี่อุตส่าห์ลืมประวัติที่น่าอายของฉันไปแล้ว ฉันย่อมบอกว่าพี่จีบฉันดิ ไม่เห็นจะแปลกเลย พี่มั่ว”

“ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ดูเหมือนเธอจะดีใจที่ฉันเสียความทรงจำเลยนะ” ฉินมั่วดีดมือเธอให้หลุดจากตัวเขา “อยู่ห่าง ๆ”

ป๋อจิ่ว…อะไรอ่ะ แค่แต๊ะอั๋งก็ไม่ยอมแล้วเหรอ?

“ท่าทางสายเปย์ของฉันจะจับประเด็นสำคัญไม่ได้” ฉินมั่วยิ้ม มุมปากหยักนิดหนึ่ง “ขอเปลี่ยนวิธีถามนะ พอเห็นหน้าตาดีๆ ก็เที่ยวไปสารภาพรักกับเขาหมด อันนี้เป็นความชอบของเธองั้นเหรอ?”

ป๋อจิ่วรีบปฏิเสธ “ไม่อยู่แล้ว แค่เข้าใจผิดกันน่ะ”

“เหรอ? งั้นลองมาคุยกันหน่อยซิว่า ฉันเป็นคนที่เท่าไรที่เธอสารภาพรักด้วย” ท่าทางยิ้มบางๆ ของฉินมั่ว ทำให้คนรู้สึกกลัว

ป๋อจิ่วเงยหน้า “คนแรก แล้วก็เป็นคนเดียวด้วย”

ฉินมั่วมองดูนัยน์ตาดำขลับที่ช่างสดใสราวกับจะสะท้อนเงาเขาออกมาได้ เขาไม่คิดว่าจะได้คำตอบเช่นนี้ เพราะพวกคำพูดชวนอ้วกเหล่านี้ไม่น่าจะปลอมแปลงชนิดหามูลไม่เจอ

ป๋อจิ่วพูดถึงเรื่องนี้ เรียวปากบางเม้มนิดๆ “พูดตรงๆ พี่มั่ว พี่หน้าตาดีขนาดนี้ นอกจากพี่แล้ว ฉันจะต้องไปสารภาพรักกับใครอีกล่ะ”

อ้อ พูดเพื่อเอาใจเขา คิดน่ะคิดได้ แต่ฉินมั่วในเวลานี้ หันไปอีกทาง มุมปากยิ้มกระจ่าง

ท่าทางจะมุขนี้ได้ผลแฮะ

ป๋อจิ่วไม่เห็นรอยยิ้มนั่น ยังเจื้อยแจ้วต่อ “ตอนนี้พี่ลืมไปแล้ว พี่น่ะจีบยากจะตาย ตอนเด็กๆ ที่ฉันเพิ่งรู้จักพี่อ่ะ พี่เหมือนตุ๊กตาเลยนะ ก็เพราะพี่หน้าสวยมาก ฉันเกือบจะพูดเสียงดังใส่ พี่ไม่รู้หรอกว่าตอนเล็กๆ ฉันดุแค่ไหน แต่ฉันก็อ่อนโยนกับพี่นะ น่าเสียดายที่พี่ไม่เห็นคุณค่า ชอบหาว่าฉันว่าสกปรก แถมมาล้างมือให้ฉัน ก่อนกินข้าวก็ต้องล้าง ก่อนนอนก็ต้องล้าง ทำเหมือนรำคาญฉันตลอดเวลา แต่คนเขาว่าสายตาเราเห็นคนรักดีเลิศเหมือนซีซือ[1]เสมอ ถึงพี่จะเป็นแบบนั้น ฉันก็เห็นว่าพี่น่ารักอยู่ดี”

ไม่งั้นจะคิดว่าพี่เป็นเด็กผู้หญิงทำไม…แน่ล่ะ ประโยคหลัง เธอย่อมไม่พูดอยู่แล้ว

“ตอนนั้นฉันก็รู้แล้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับพี่ อุตส่าห์หอบกระปุกออมสินไปหาสารภาพรักกับพี่แบบเขินๆ” พูดมาถึงตรงนี้ ป๋อจิ่วก็เม้มปากอีก “แต่ ก็ยังไม่สำเร็จ”

ฉินมั่วได้ยินแล้ว กวาดตามองเธอ “เขิน? แน่ใจนะว่าจะใช้คำนี้” เขานึกภาพอ่อนโยนอย่างนั้นไม่ถูกเลยว่า คนอย่างเธอจะทำได้

[1] สายตาเราเห็นคนรักดีเลิศเหมือนซีซือ เป็นสำนวนที่อธิบายว่าเวลามีคนรักเราจะเห็นคนรักเหมือนซีซือ ซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดสาวงามในวรรณคดีจีน

1799 vs 1780

 

ตอนที่ 1799

 คนในห้องคอมพิวเตอร์ล้วนไม่รู้เลยว่าต่อไปพวกเขาจะต้องเผชิญกับอะไร พวกเขามีเลือดรักพวกพ้องมาก เมื่อได้เห็นฉินมั่วอัดไอ้บ้านั่น ก็สะใจจนแทบจะบิน

ป๋อจิ่วก็ดีใจ เพราะท่านเทพป่าวประกาศทั่วทั้งเซิร์ฟว่าเขาเป็นแฟนเธอ แถมยังยืนยันถึงสามครั้ง ส่วนเหราหรงยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น “นายเอาวิธีการเล่นแบบนี้มาจากไหน?”

 “ก็แค่เล่นมั่วกัน ไม่ใช่เหรอ?” ฉินมั่วเลิกคิ้วย้อนถามอย่างไม่ถือเป็นเรื่องจริงจัง

เล่นมั่ว? เหราหรงชะงัก ก่อนจะยิ้ม “นายนี่มัน…” บางครั้งเขาต้องยอมรับว่าเรื่องพรสวรรค์มีอยู่จริง “แล้วทำไมถึงประเมินเกมตอนเล่นตาแรกไม่ได้”

ฉินมั่วช้อนสายตาตอบอย่างคร้าน“ไม่เคยเห็นตัวละครตัวนั้นในเกมมาก่อน”

แค่เวลาสั้นคนทั้งห้องคอมพิวเตอร์ล้วนแต่ตกตะลึง หันมาถาม “หลังจากที่กลับมา หัวหน้ายังไม่ได้เล่นเกมเลยเหรอ?” ไม่น่าเป็นไปได้ ก็มีคลิปของกิ๊กแซ่ฉินเป็นของฉันอยู่ในอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เหรอ?

“ก็แค่ตอนเปิดเกม ที่เหลือฉันเล่นเอง เขาดูฉันเล่นอยู่ข้างแต่เมื่อวันฉันเล่นแค่สองตา ไม่ได้ควบคุมอะไร”

ถึงว่า หัวหน้าก็เลยไม่ได้ประเมินสกิลของคู่แข่ง เพราะเขารู้จักตัวละครแค่นิดเดียว หรือพูดอีกแบบคือ ขอแค่เขาคุ้นเคยกับสกิลของตัวละครทั้งหมด ก็จะสามารถฟื้นความสามารถในอดีตได้ แน่ล่ะ ยังรวมพึงความคุ้นเคยต่อคีย์บอร์ดและเมาส์

อันที่จริงอย่างหลังไม่สำคัญเท่าไร เพราะพวกเขาค้นพบบางอย่างในการแข่งเมื่อครู่นี้

ถึงแม้ว่าจะสูญเสียความทรงจำ ทว่าร่างกายของหัวหน้ายังจำได้อยู่ โดยถึงจะเล่นตามสัญชาตญาณ แต่เขาก็ยังเดินตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวไม่เกี่ยวกับความฉลาด

สามปีแล้ว

ระหว่างสามปีที่ผ่านมา เขาอุตส่าห์ฝึกซ้อมทุกวัน ในขณะที่ทุกคนต่างพูดว่าเขามีพรสวรรค์ แต่กลับไม่เห็นว่าเขาต้องฝึกซ้อมจนเกิดตาปลาบริเวณระหว่างนิ้ว บวกกับต้นคอที่ไม่เคยได้พัก

คนในวงการนี้กลัวอาการเจ็บป่วยที่สุด และไม่กล้าป่วย โดยเฉพาะเวลาที่การแข่งแมชท์ใหญ่ที่ใกล้จะเข้ามา พวกเขาจะกลัวปัญหาสุขภาพมากที่สุด

พวกเขาจะสูบบุหรี่จัดกว่าคนทั่วไป บางทีความทุ่มเทที่คนอื่นมองไม่เห็น ได้ก่อกำเนิดผู้ล่ามอนสเตอร์ที่เก่งเลิศ ทั้งยังนำฟอร์มการแข่ง ผู้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชายทุกคน

เมื่อเคยผ่านมาเช่นนี้ ห้วงเวลานั้นดูเหมือนพวกเขาไม่กลัวอะไรอีกต่อไป ขอแค่มีเวลาก็พอ

หลินเฟิงตื่นเต้นที่สุด “งั้นจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเรามารวมทีมเล่นกันเถอะ จะได้ดึงตัวละครในเกมทั้งหมดให้หัวหน้าดู ขอแค่มีเวลามากพอที่จะให้หัวหน้าทำความคุ้นเคย พวกเราก็จะได้แข่งด้วยกันในวันมะรืนนี้”

สองวัน

ไม่สิ ถ้าคำนวณให้เป๊ะจริงน่าจะเหลือไม่ถึงสองวัน

36 ชั่วโมง

36 ชั่วโมงที่ลบเวลากินข้าว นอนพักผ่อนแล้วเหลือเพียง 24 ชั่วโมง

24 ชั่วโมงที่ต้องทำความคุ้นเคยกับตัวละครในเกม ทั้งยังต้องรู้ว่าจะใช้วิธีหลบอันตราย ระยะเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามฟื้นพลังขึ้น เทคนิคไหนที่จะทำความเสียหายให้คู่ต่อสู้ได้ รวมถึงพลังในการการต่อสู้

ยากไป

มันยากมาก แต่หากหัวหน้าต้องเป็นคนผจญกับเรื่องเหล่านี้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีหวัง!

ห้วงเวลานั้น ทุกคนต่างหันมามองฉินมั่ว แววตาสว่างไสวจนน่าตะลึง ทว่าหลังจากที่ได้เห็นเสี้ยวหน้าคมสันเย็นชา หัวใจของทุกคนก็ต้องสะดุดอีกครั้ง

หัวหน้า…จะยอมไหม?

…………………………………………

ตอนที่ 1780

“หัวหน้า”

“หัวหน้า”

โคโค่และหลินเฟิงร้องออกมาพร้อมกัน

ทว่าไม่มีใครพูดตรงไปตรงมาเท่ากับเหราหรงอีกแล้ว “นายยังอยากกลับมาแข่งต่อไหม?”

ฉินมั่วมองอีกฝ่ายแวบหนึ่งทุกคนเห็นแววตานั่น แต่ดูไม่ออกว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างไร เห็นแต่ความเรียบเรื่อยบางๆ จนเหราหรงต้องยอมแพ้ในที่สุด

หมายความว่าไง?

ฉินมั่วลุกขึ้น ซุกมือข้างหนึ่งในกระเป๋า เลื่อนสายตามองเหมือนกำลังจับผิด จนไปหยุดที่ตัวหลินเฟิงในที่สุด

ทุกคนเห็นหลินเฟิงถูกจ้องเสียอย่างนี้ จึงหันไปจ้องบ้าง ส่วนหลินเฟิงที่ถูกจับจ้องอย่างหนัก ถึงกับขนหัวลุก ก็หัวหน้าเล่นจ้องจนทะลุ ย่อมรู้สึกกดดันบ้างล่ะ

“เอ่อ คือ…” เขากระแอมลำคอ กำลังจะเอ่ยขึ้น

เสียงของฉินมั่วพลันดังขึ้นเอื่อยๆ อย่างโหดหน้ายิ้ม “ตอนนี้ฉันจำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่เป็นการถ่วงพวกนาย ก็จะเข้าแข่งขันด้วย แต่มีเงื่อนไขนะ เพราะฉันสงสัยเรื่องหนึ่งมาก”

“เรื่องอะไรเหรอ?” หลินเฟิงตื่นตระหนก เพราะทำไมหัวหน้าต้องมองเขาตอนที่บอกว่าสงสัยด้วย คงไม่ได้เห็นว่าเขาน่าสนใจหรอกนะ มัน…เอ่อ

“คนคนนี้” หลินเฟิงยังไม่ทันได้สร้างโครงเรื่องมโน ฉินมั่วกลับยกมือซ้ายจิ้มยอดศีรษะของป๋อจิ่ว “เขาบอกฉันอยู่นั่นแหละว่า เราสองคนเป็นแฟนกัน ฉันเป็นคนไล่จีบเขาก่อน แถมยังบอกว่าต้องแต่งกับเขาคนเดียว ไม่แต่งกับคนอื่น ฉันเลยอยากฟังเรื่องจริงว่ามันเป็นยังไงกันแน่”

ห้วงเวลานั้น หลินเฟิงถึงกับเข้าใจหัวหน้าทันที “คืออย่างนี้ หัวหน้า ฉันเองทนเจ้าแบล็กมานานแล้ว” หลินเฟิงดึงแขนเสื้อ สีหน้าเต็มไปด้วยความแค้นเคือง “จริงๆ นะ เด็กนี่กล้าดียังไงถึงพูดว่าหัวหน้าชอบเขามากจนอดกลั้นไม่ไหวแล้ว ต้องขอแต่งงานด้วย อันที่จริงถึงหัวหน้าชอบเขาก็จริง แต่ทุกคนรู้กันทั้งนั้นแหละว่า ตอนนั้นเจ้าแบล็กเป็นคนจีบหัวหน้าก่อน ตอนที่น้องมันเจอหัวหน้าเป็นครั้งแรก ก็ประกาศว่าจะเลี้ยงดูผูกปิ่นโตหัวหน้า ยิ่งช่วงนั้นไม่มีใครรู้ว่าเด็กนี่เป็นผู้หญิง แถมเจ้าแบล็กเห็นใครที่หล่อหน่อย ก็เที่ยวสารภาพรักกับคนเขาไปทั่ว ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร”

ป๋อจิ่ว…การมีเพื่อนร่วมทีมโง่เหมือนหมูให้ความรู้สึกอย่างไร ในที่สุดเธอก็เข้าใจเสียที ดาวประจำทีม อันหลังๆ นายไม่ต้องพูดก็ได้นะ

“เห็นหน้าตาดีหน่อยก็เที่ยวสารภาพรักกับคนเขาไปทั่ว” นั่นไง ฉินมั่วหัวเราะ นัยน์ตารูปดอกท้อค่อยๆ หรี่ลง “เน้นที่หน้าตาเหรอ?”

หลินเฟิงพยักหน้า “หน้าตาเน้นๆ เลยล่ะ”

“เรอะ?” คำพูดสั้นๆ แต่ทำให้คนที่ได้ยินแล้วหนาวหน่อยๆ รวมถึงเฮียเย่าที่คิดว่า ต่อไปหัวหน้าตัวเล็กคนเดินบนเส้นทางแห่งความรักลำบากแล้ว

“แล้วยังไงต่อ?” เสียงปกติธรรมดาของฉินมั่วดังขึ้นต่อ

ป๋อจิ่วฉวยโอกาสหยิกหลินเฟิง ซึ่งหลินเฟิงทำหน้าจริงจังทันที เขาเจ็บจนร้องในใจ จึงยอมเก็บงำประวัติอันดำมืดของเจ้าแบล็กเล็กน้อย เริ่มพูดอย่างเก็บงำบางส่วน “จากนั้นเจ้าแบล็กก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ถึงกับกล้าปฏิเสธหัวหน้าในเกม ตอนนั้นพวกเรายังพูดกันเลยวาน่าจะเป็นกลยุทธ์ของน้อง แบบแกล้งทำไม่สนใจล่อให้หัวหน้าติดกับอะไรทำนองนี้ หัวหน้าจะได้สนใจเขา เพราะไม่เคยมีใครปฏิเสธหัวหน้าในเกม”

“ฟังๆ ดูแล้ว คนบางคนก็แผนลึกน่าดู” ฉินมั่วพูดพลางมองดูคนที่อยู่ตรงหน้าแวบหนึ่ง

………………………………….

1797 vs 1798

ตอนที่ 1797

ทั้งที่อยู่คนละฟากฝั่งคอมพิวเตอร์ ทว่าการฆ่าที่แสงสีเงินกระจาย ทำให้เฉวี่ยนรู้สึกเจ็บสะเทือนทั่วมือขวา! เขากำลังคิดว่าจะถอยหลังหรือเดินหน้าดี แต่ความลังเลเพียงหนึ่งวินาที ส่งผลให้เกิดเสียงเอฟเฟกต์ดังตามมา

KO!

เฉวี่ยนมองตัวละครของตัวเองที่นอนกองจมเลือด นอนชักหมดหนทางจะพลิกสถานการณ์

ส่วนที่พุ่มไม้ ฉินมั่วยืนสง่า มือขวาถือดาบยาว ชายเสื้อตัวขาวสะบัด เสี้ยวหน้าหล่อสะอาด แสงเงินที่สว่างทั่วจอเสมือนเป็นพื้นหลังให้ภาพเขา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคอมเมนต์ที่ถูกส่งเข้ามากระจายเต็มบอร์ด

ฆ่ากลับในสภาพเลือดแทบหมดตัว

นี่แหละที่เรียกว่าการฆ่ากลับในสภาพที่เลือดเกือบหมดตัว

“อุว้าว เท่มากเทพฉินไม่ได้มาแข่งนะ เขามาโชว์สกิลการเล่นต่างหาก โชว์เสียจนคู่แข่งหมดอาลัยตายอยากเลย”

“อุ๊ๆ เงียบเงียบกันหน่อย เทพฉินไม่อยากสู้ตรงกับคนไลฟ์สด พวกเธอดูสิว่าเขาเล่นยังไง พอเขาเล่น ก็เล่นจนอีกฝ่ายกลับบ้านเก่าไปเลย ในฐานะที่เป็นเกมเมอร์ลีกส์อาชีพ จะทำให้เกมเมอร์ธรรมดารู้สึกว่าเกมมันน่าเบื่อไม่ได้ เดี๋ยวชื่อเสียงหดหาย นี่แหละของจริง”

“ดูจนฉันเลือดกำเดาไหลเลย เล่นแบบนี้อีกได้ไหมอ่ะ อ๊าๆ”

เสียงกรี๊ดมากมายบินว่อนทั่วบอร์ดสนทนารวม มีเพียงประโยคเดียวที่อยู่มุมขวาล่าง อันเป็นของฉินมั่ว “จะฆ่าทุกครั้งที่ออกมา ฆ่าไม่ได้ ถือว่าคนเป็นแฟนอย่างฉันแพ้”

แค่นี้ก็เท่ากับป่าวประกาศให้รู้กันทั่วว่าฉันเหยียบหน้านาย ไม่ใช่เพราะนายมาท้าทายฉัน แต่เพราะนายหาเรื่องแฟนฉันต่างหาก

หากจะบอกว่า ก่อนหน้านี้เฉวี่ยนยังออกมาได้ ตอนนี้เขากลับไม่มีหน้าออกมาแล้ว การฆ่ากลับจนเลือดหมดตัว เท่ากับบอกเขาตรงว่า คนสองคนเล่นตัวละครบทบาทเดียวกันก็จริง แต่ห่างชั้นกันขนาดไหน

4 ครั้งเชียวนะ

เขาตายมา 4 ครั้งแล้ว ยอดตายนั่นเหมือนฝ่ามือที่ตบเปรี้ยงบนหน้าเขาเอง ทว่านัดนี้ เขายังไม่ยอมเล่นเงียบดันมาไลฟ์สด ย่อมยอมแพ้ไม่ได้ แต่เมื่อไม่ยอมแพ้ การจะให้เขาออกไปก็รังแต่จะตายมากขึ้น จนในที่สุด ร่างนั้นก็สกัดเขาไว้บ้าน หมายมาดจะฆ่าเขาให้ได้

เฉวี่ยนรู้ดีว่าตัวเองหน้าแตกแค่ไหน ต่อไปเวลาเขาไลฟ์สด คงไม่มีใครมาดูอีก ความฮอตที่เขาเอาชนะฉินมั่วมาได้เมื่อครู่ ตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว

ไม่ยอม!

เขาไม่ยอมแล้วยังรู้สึกอดสู ทั้งยังกลัวว่าจะถูกคนจำได้ อุตส่าห์สู้จนป้อมคริสตัลสลาย แล้วรีบถอนตัวจากเกม กระทั่งทางแพลตฟอร์มไลฟ์สดที่กำหนดว่าจะต้องไลฟ์สดให้ได้ถึงสองชั่วโมงทุกวัน ก็ยังทำไม่ได้

เมื่อลุกขึ้นยืน ก็อาละวาดระบายอารมณ์ออกมา

ในระหว่างที่เขาคิดจะทำใจ แอคเคาท์แปลกหน้าในโปรแกรมคิวคิวก็เอ่ยขึ้น “แพ้แบบนี้แล้ว นายจะยอมรึ?”

ไม่ยอมอยู่แล้ว ทีแรกเฉวี่ยนไม่คิดจะตอบ แต่เมื่อเห็นประโยคถัดมา เขาก็เปลี่ยนความคิด

“ฉันช่วยนายได้นะ ฉันรู้เรื่องของฉินมั่วทั้งหมด แล้วนายก็เดาไม่ผิดที่ว่าเขาไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ไม่ได้เป็นเพราะมือเจ็บ ถ้านายสนใจก็ตอบกลับมา พวกเราจะได้คุยกัน”

เหมือนถูกผีดลใจ แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เฉวี่ยนก็นั่งลงทันที แค่ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพิมพ์ตอบ “คุยเรื่องอะไร”

ฝ่ายนั้นก็ตอบเร็ว ไม่รู้ว่ามาแอดเขาเป็นเพื่อนได้อย่างไร “ฉันเดาว่าตอนนี้นายคงรับไม่ได้อย่างแรง อยากจะอาละวาดแต่ก็กลัว เพราะการแข่งตาเมื่อกี้ ใครก็ดูออกว่า นายใช้เทคนิคการเล่นของฉินมั่วก็จริง แต่กลับเรียนรู้ถึงแก่นแท้ของเขาไม่ได้”

……………………………………….

ตอนที่ 1798

คำพูดของอีกฝ่ายเหมือนฉีกผ้าคลุมความละอายในใจเฉวี่ยน ทำให้เขาพิมพ์คีย์บอร์ดดังสนั่น “มีเป้าหมายอะไรกันแน่ จะมาช่วยหรือจะเยาะเย้ยฉันกันแน่!”

คนแปลกหน้าพิมพ์ “น้องชาย นายอย่าเพิ่งใจร้อนสิ ฉันพูดก็เพื่อจะบอกนายว่า นายจะแสดงออกอย่างนั้นไม่ได้ พวกคนในโลกออนไลน์น่ะนะ แค่เราทำตัวน่าสงสาร ไม่ว่าจะทำอะไรมาก่อน พวกเขาก็จะยกโทษให้ทั้งนั้นแหละ นายก็แค่เอาของของคนอื่นมานิดเดียว จะเป็นไรไป? ตอนไลฟ์สดก็ทำตัวน่าสงสารสักนิด ขอโทษเสียหน่อย คนบางกลุ่มก็ให้อภัยแล้ว แถมยังมีคนคิดว่าพวกผู้เล่นลีกส์อาชีพพวกนั้นอาจรังแกนายก็ได้ เพราะวิธีการเล่นเมื่อกี้ ฉันรู้สึกว่ามันเปิดฉากแจ่มแจ้งไปหน่อย ลองคิดดูให้ดีนะว่าเป็นอย่างที่ฉันพูดไหม”

เฉวี่ยนเห็นข้อความแล้วก็รู้สึกสบายใจทันที “ก็ข่มหน้าใหม่ไง ผู้ชายคนนั้นน่ะกลัวว่าคนอื่นจะเก่งกว่าตัว เป็นเทพภาษาอะไรวะ ตอนนี้สงสัยว่ามือจะพิการไปแล้วมั้ง เดี๋ยว เมื่อกี้ที่พูดว่าเขามีปัญหา ไม่ได้มาจากมือของเขา เป็นเพราะเหตุอื่น? งั้นเพราะอะไร?”

“ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เขาสูญเสียความทรงจำ ลืมกระทั่งทุกเรื่องที่ในอดีต รวมถึงคุณสมบัติพิเศษของตัวละคร นายว่านักกีฬาแบบนั้น ทางคณะกรรมการจะไว้วางใจให้เขาเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งชิงแชมป์เอเชียเหรอ? ถึงเขาจะเป็นท่านเทพที่มีมูลค่าทางธุรกิจ แต่การแข่งครั้งนี้ไม่ได้วัดกันที่มูลค่าทางธุรกิจ แต่อยู่ที่ว่าใครจะรับประกันผลการแข่งได้มากที่สุด…”

สูญเสียความทรงจำ? ฉินมั่วสูญเสียความทรงจำงั้นเหรอ

เฉวี่ยนรู้สึกเหลือเชื่อ จากนั้นก็อ่านข้อความสนทนาครั้งแล้วครั้งเล่า จนก้นบึ้งนัยน์ตาดำทะมึน จ้องดูที่เดิมอยู่นานสองนาน

ส่วนที่คอมพิวเตอร์อีกด้านหนึ่ง เธอไม่กล้าโผล่หน้าออกมา เพราะกลัวว่าระบบตรวจจับจะจับได้ เธอเช่าห้องไว้หลังจากที่มาถึงเมืองเจียงเฉิง ไม่กล้าออกนอกประตูด้วยซ้ำ ด้วยรู้ดีว่าหากเธอออกไปอาจเสี่ยงถูกจับได้

พวกทหารหน่วยพิเศษพวกนั้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้แต่ไล่ล่าเธอไม่หยุดไม่หย่อนอยู่นั่นแหละ ไม่งั้นเธอก็คงไม่ต้องซุกหัวตามมุมอย่างนี้หรอก แต่อีกไม่นานเธอก็ไม่ต้องหัวซุกหัวซุนอย่างนี้แล้ว

เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอกำไว้ในมือ จะดึงตัวเขาให้อยู่ข้างตัวเธอได้ เขาที่ได้รับการปลุกคำสั่งที่ฝังทางจิตจนสำเร็จแล้ว จะเสียเวลากับการเล่นเกมไปทำไม

เขาในเวลานี้ ควรจะอยู่ฝั่งเธอเสียมากกว่า

ฝานเจียรู้ดีโดยไม่ต้องคิดให้มากความว่า เวลาที่เห็นคนพวกนี้ ความอยากฆ่าคนจะปะทุในหัวใจเขามากแค่ไหน อัจฉริยะเช่นเขาควรจะอยู่กับเธอ แล้วสร้างขบวนการใหม่ขึ้นมา

หากเขาเป็นนักสะกดจิตเสียเอง ฝานเจียเชื่อ ไม่ว่าจะคนเก่งแต่ไหน ก็ไขคดีที่เขาสร้างไม่ได้แน่ อีกไม่ช้า เธอก็จะคว้าเขากลับมาได้

อย่างแรก จะปล่อยให้เขาแข่งการแข่งระดับเอเชียไม่ได้ แล้วพวกสมาชิกในทีมเขาต้องไม่ให้ติดต่อกัน หากข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป จะต้องสร้างความแตกร้าวนิดไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตาม

ฝานเจียรู้ฤทธิ์ของทีมประชาสัมพันธ์ของคลับตระกูลฉินดีว่าเก่งแค่ไหน แต่เรื่องแบบนี้ พวกเขาจะแก้เกมอย่างไร?

ตอนแรกเธอคิดจะประกาศข่าวนี้เมื่อมาถึงเจียงเฉิง แต่ฝานเจียรู้ดีว่าต้องมีคนช่วยขยายข่าวออกไป ตอนนี้กำลังดีเลยที่มีคนแบบนี้ เธอเชื่อว่า ฝ่ายนั้นต้องพูดออกไปแน่ สำหรับข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองอย่างนี้ เจ้านั่นจะไม่ทำอะไรได้ยังไง…

…………………………………………

1794 vs 1795 vs 1796

ตอนที่ 1794

 “เกมเมอร์มืออาชีพธรรมดาทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็นเขา…ก็เป็นได้” เขาคนนั้นเป็นใคร คนที่ดูการแข่งแบบลีกส์อาชีพบ่อยล้วนรู้กันทั้งนั้น

บรรดานักล่ามอนสเตอร์ในบอร์ดผู้เล่นในประเทศ ซึ่งนอกจากเทพฉินแล้ว คนที่เล่นในถึงเลเวลนี้มีเพียงคนเดียว แชมป์เฟิร์สคิลประจำโซน C แบล็กพีช Z นั่นเอง!

แม้ว่านานแล้วที่เธอคนนั้นไม่โผล่หน้าออกมา แต่เกมเมอร์ที่เล่นเกมล้วนจำบรรยากาศที่ได้เจอเธอเป็นครั้งแรกได้แม่นยำ

เธอเป็นแบบนี้แหละ ใช้ตัวละคนระดับเลเวลต่ำมาฆ่าระดับสูง พาทุกคนชนะได้อย่างสบายทุกนัด ซึ่งตอนนี้…ก็ยังเป็นเช่นเดิม

“เอ่อ ทำไงดี? แฟนคลับคู่จิ้นอยากจะเพ้อแล้ว”

“นี่ไม่ใช่เรื่องแฟนคลับคู่จิ้นแล้ว? เป็นเรื่องผู้หญิงที่กำลังล้างแค้นให้แฟนตัวเองต่างหาก”

“ฉันเดาว่ามีใครบางคนอยากโอ๋เทพฉินให้ดีใจ ขอมองบน สาดอาหารหมาเสียจนขอสยบให้”

“เดี๋ยวดูไอดีเขาก่อน กิ๊กแซ่ฉินเป็นของฉัน”

“…เอ่อ ฉันเหมือนจะรู้ความลับอันยิ่งใหญ่แล้วอ่ะ”

“เอิ่ม เมื่อกี้ที่นายอ้อนฉันอ่ะ แฟนฉันเห็นแล้ว เขาอยู่ข้างฉัน กำลังหึง ฉันต้องหาวิธีโอ๋เขาก่อนนะ”

“แสดงว่าตอนนี้เทพฉินกำลังนั่งอยู่ข้างใครบางคน”

“ความจริงตรงคอมเมนต์บน”

“อุ้ยๆ โมโหโกรธา เพื่อแฟนหนุ่ม สมความหมายจริงไปถึงโซนป่าก็จับคนฆ่า”

ป๋อจิ่วเพิ่งจะเห็นคอมเมนต์ที่ส่งมาเข้ามาในบอรด์สนทนาในเกม ถึงกับนิ้วชะงัก หันหน้าไปพูดกับท่านเทพ “พี่มั่ว ดูดิ คนเค้ารู้กันทั้งโลกว่าฉันชอบพี่”

“อื้ม” ฉินมั่วยกมือขึ้นมาวางบนผมยุ่งของเธอ ยังคงยิ้มอยู่ ความอบอุ่นที่ได้จากฝ่ามือ ทำให้รู้สึกแฮบปี้เหลือเกิน

ป๋อจิ่วฉวยจังหวะอ่อยเข้าต่อ “พี่ดูสิ ก็บอกแล้วว่าฉันไม่ได้หลอกพี่ พี่เอาแต่ระแวงอยู่นั่นแหละ เมื่อก่อนพี่อยากจะแต่งงานกับฉันจะตาย เมื่อไรจะขอจริงจังสักทีล่ะ จะได้ไม่ต้องลากฉันไปลากฉันมา พี่ไม่รู้เหรอว่า เวลาจีบผู้หญิงน่ะ เอาแต่ลากไปลากมา เดี๋ยวเกิดเรื่องเอานา”

หลินเฟิงและโคโค่ที่อยู่ใกล้ที่สุด ได้ยินเธอพูดเสียเป็นเรื่องปกติ ก็ถึงกับเบิกตาโตจนจะเท่าโคมไฟที่อยู่ด้านนอกแล้วทั้งสองสบตากัน นับแต่สีหน้าจนมาถึงกิริยา ล้วนแต่ถ่ายความความหมายเดียวกันออกมา นั่นคือ เฮ้ย เจ้าแบล็กมันกล้าทำทุกอย่างเพื่อจะได้รับความรักจากหัวหน้าจริงว่ะ พูดออกมาได้ น่าไม่อาย

หลินเฟิงแสดงออกมาเป็นคนแรก ด้วยการยกมือคารวะป๋อจิ่วอย่างนับถือ นับถือ ส่วนป๋อจิ่วเองก็โบกมืออย่างมั่นใจ แถมยังยิ้มร้ายให้ แสดงออกมาทันทีว่า เล็กน้อยน่ะ!

“สู้ไม่ได้ สู้ไม่ได้จริงๆ” หลินเฟิงลูบอก ราวกับกระแทกใจ “ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมฉันถึงหาแฟนไม่ได้มาตั้งหลายปี ต้องโทษที่ฉันหน้าบาง สู้ผู้หญิงไม่ได้…”

พอพูดออกมา ก็มีคนตอบ “นายยังอยากหาแฟนอยู่อีกเหรอ?” อวิ๋นหู่นั่นเอง เขามองเพื่อน แววตาที่ดำเหมือนหมึกฉายความเย็นชานิดออกมา

หลินเฟิงถูกจ้องมองจนขนหัวลุก จึงไอออกมาเบาแล้วตอบ “ฉันแค่เปรียบเทียบ”

“ถ้าจะเปรียบเทียบแบบนี้ นายอย่าเปรียบเลย” อวิ๋นหู่พูดอย่างเป็นปกติ “ชาตินี้นายหาแฟนที่เป็นผู้หญิงไม่ได้หรอก แต่ถ้าจะหาแฟนที่เป็นผู้ชายนะ ตอนนี้ก็มีอยู่คนหนึ่ง เอาไหม?”

………………………………………..

ตอนที่ 1795

หัวใจของหลินเฟิงถึงกับสะดุด ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ นิ้วมือพลันเย็นขึ้น แถมยังวุ่นวายเป็นพัลวัน พูดด้วยแววตาเป็นประกาย “เฮ้ย อย่าล้อกันเล่นแบบนี้ดิ”

อวิ๋นหู่ได้ยินแล้วแววตาหนักอึ้ง แต่ไม่ได้พูดอะไร ทว่าสีหน้ายังคงเหมือนเดิม ส่วนฉินมั่วกลับเคาะนิ้วบนซีกแก้มป๋อจิ่ว “ถ้าลากไปลากมาต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ลองพูดมาซิ?”

“เช่น ฉันเสียใจอะไรสักอย่าง” ป๋อจิ่วว่า

ฉินมั่วเลิกคิ้ว “ฉันเคยทำให้เธอเสียใจด้วยเหรอ?”

ป๋อจิ่วคิดแล้วคิดอีก ยากแล้ว ไม่เคยจริง แต่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป ท่านเทพก็พูดต่อ “ถึงเธอจะเสียใจ แต่ฉันโอ๋คนเป็นนะ”

“หืม?” ป๋อจิ่วได้ยินจริงแม้เสียงจะอ่อนไปหน่อย ทั้งยังยโสนิดแต่เธอยังอยากได้ยินอีกครั้ง ท่านเทพโอ๋เธอเหรอ?

ฉินมั่วเห็นนัยน์ตาดำขลับของเธอ กำลังจะเอ่ยขึ้น กลับได้ยินเสียงหัวเราะเย็นชาจากห้องที่ไลฟ์สดเสียก่อน “ฉันล่ะนึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นคนที่ชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิง ปลอมตัวเป็นผู้ชาย เพื่อจะดึงดูดแฟนคลับนี่เอง ตอนนี้มาหาเรื่องฉัน สนุกนักเหรอ? ไม่มีใครอยากเห็นเธอในการแข่งขันหรอก ทีมไดมอนด์ก็เหมือนกัน มีท่านเทพตั้งหลายคนดันไม่รับ กลับมารับตัวปัญหา เชอะ”

เสียง ‘เชอะ’ นั่น เล่นเอาแววตาของฉินมั่วไร้ความอบอุ่นเลยทีเดียว

หลินเฟิงโต้เป็นคนแรก “พ่องเอ๊ย เจ้านี่มันต้องโดนอัด!”

ครั้งนี้ป๋อจิ่วไม่พูด ทว่าฉินมั่วหันมาดึงคีย์บอร์ดที่อยู่หน้าเธอด้วยมือขวา

“พี่มั่ว?” ป๋อจิ่วหันหน้าไปมอง จึงได้เห็นนิ้วยาวน่าดูของเขาพิมพ์ข้อความลงไป “งั้นเปลี่ยนมาแข่งกับแฟนเขาละกัน นายคงไม่กลัว เพราะเพิ่งฆ่าฉันได้เมื่อตาที่แล้ว” ซึ่งประโยคนี้นี่แหละ ที่ทำให้ห้องไลฟ์สดแทบระเบิด

“แฟนเขา? แฟนเขา”

“เทพฉิน อ๊าๆ เทพฉินของฉัน”

“อะไรกันเนี่ย? เทพฉินจะเล่นเหรอ?”

“ถึงฉันจะดีใจมากที่เทพฉินจะเล่น แต่ตอนนี้ฟอร์มของเขาไม่ค่อยดีไม่ใช่เหรอ ตาที่แล้วยัง…”

เฉวี่ยนมองดูคอมเมนต์ที่วิ่งบนหน้าจอ หันมาดูประโยคที่อีกฝ่ายพิมพ์ มุมปากพลันเหยียดยิ้ม การสู้กับแชมป์เฟิร์สคิลที่เก่งฉกาจอย่างนั้น เขารังแต่จะโดนเล่นงาน แต่การสู้กับฉินมั่วที่ฝีมือไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนล่ะก็ เขายังคงมั่นใจที่สุด “เทพฉินจะเล่นเหรอ? ท่าทางข่าวลือจะเป็นจริงแฮะว่า เพื่อแบล็กพีช Z แล้ว เทพฉินไม่สนใจกระทั่งชื่อเสียง ในเมื่อท่านเทพกระตือรือร้นขนาดนี้ ฉันขอรับคำท้า เราอย่าตีมอนสเตอร์อะไรเลย มาสู้กันที่เลนกลางกันดีกว่า เอาไหม?”

ฝั่งทางโน้นตอบกลับมาอย่างว่องไวและเด็ดเดี่ยว  “ได้”

โคโค่มองดูตัวอักษรนั่น เกิดความกังวลขึ้นมาในใจอย่างควบคุมไม่ได้ หลินเฟิงก็เช่นกัน เพราะพวกแฟนคลับอาจไม่รู้ว่า หัวหน้าไม่ได้มีปัญหาด้านสุขภาพ แต่เขาลืมความทรงจำเกี่ยวกับเกมออนไลน์ทั้งหมดต่างหาก

หากมองจากมุมที่เป็นผู้เล่นใหม่ เขาเพิ่งจะแตะเกมได้เพียงสองวัน เวลาแค่สองวัน จะไหวเหรอ? กับเกมประเภทเดี่ยวแบบนี้?

โคโค่คิดจะขยับ แต่เหราหรงที่ยืนข้างกลับห้ามเอาไว้ก่อนก้าวหนึ่ง เอ่ยเสียงเบา “ลองดูอีกครั้ง”

ครั้งสุดท้าย ถ้าฉินมั่วที่พยายามสุดฝีมือแล้วจะเป็นอย่างไร จะเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วหรือเหมือนในเวลานี้ ก็ยังไปแข่งระดับเอเชียกับพวกเขาได้อยู่ดี

…………………………………………

 ตอนที่ 1796

บนหน้าจอ ตัวละครที่ฉินมั่วบังคับเหาะไปยังบ่อน้ำพุ โดยเฉวี่ยนที่อยูตรงข้ามก็ทำเช่นเดียวกัน

เพื่อจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเล่นเกมของท่านเทพ ป๋อจิ่วอยากจะลุกขึ้น แต่ไม่คิดว่า เขาจะละมือข้างหนึ่งมาห้ามเธอไว้ พูดเสียงเรียบ “ดูต่อสิ”

หืม? ดูเขาแก้แค้นแทนเธอรึ? แววตาของป๋อจิ่วฉายแววชะงัก เท้าคางด้วยมือข้างหนึ่ง เรียวปากบางแย้มขึ้นอย่างนวยนาด หลังจากที่ได้ยิน “แฟนเขา” ก็รู้สึกอบอุ่นในใจเหลือเกิน

ส่วนแฟนคลับที่ดูไลฟ์สดอยู่ กลับพบว่าเฉวี่ยนเล่นผิดกฎ บอกกันแล้วว่าจะไม่ล่าบลู แต่เขากลับไม่ยอมไปที่เลนกลาง หันมาตีบลูบัฟในโซนป่าตัวเอง แล้วหันตัวมุ่งหน้าไปฆ่าฉินมั่ว!

ทุกคนเห็นร่างนั้นมาจากโซนบลูบัฟ ทั้งยังพกเอาพลังชุดใหญ่มาด้วย!

พอจะเห็นถึงอันตรายที่จะถูกกระทำบนร่างท่านเทพ แต่ใครจะรู้ว่าชายหนุ่มเร็วกว่าอีกฝ่ายก้าวหนึ่ง ใช้สกิลเดินตำแหน่ง ถือดาบยาวถอยกลับเข้าป้อม

เสียพลังไปฟรี เฉวี่ยนเสียพลังไปฟรีอย่างชัดแจ้ง ทำให้ฝ่ายนั้นไม่ยอมแพ้ด้วยการล่ามอนสเตอร์ริมทาง พลางเย้ยหยัน “เทพฉินผู้ยิ่งใหญ่? ไหงกลับป้อมไปเสียล่ะ นายไม่ออกมาแล้วจะสู้กันยังไง คงไม่ได้กลัวหรอกนะ?”

ในทันทีที่พูดจบ ทุกคนก็เห็นแสงไฟสีเงินสว่างแวบไปตกลงบนตัวเฉวี่ยน บ่อกระแสไฟฟ้าถูกเสกขึ้น เล่นเอาเฉวี่ยนเสียเลือดไปถึงหนึ่งในสี่

“เฮอะ นายในสภาพแบบนี้นี่นะ คิดจะฆ่าฉัน?” เฉวี่ยนถูกลดความเร็วลง หันมาซัดพลังชุดใหญ่ใส่ฉินมั่วอีกครั้ง เอ่ยอย่างได้ใจ “ติดกับดักแล้วล่ะสิ คนแก่” โดยครั้งนี้ความเสียหายมากพอ แสงดาบทั้งหมดกระทบบนร่างฉินมั่ว!

หลินเฟิงเห็นแล้วถึงกับกำมือแน่น อยากจะลงแข่งเสียเอง โคโค่ก็บีบตุ๊กตากระต่ายในอ้อมแขนแน่น

พวกแฟนคลับยิ่งไม่กล้าดูฉากนี้เข้าไปใหญ่ เพราะฝีมือการเล่นแบบนี้มากระทำต่อตัวท่านเทพ มันไม่น่าเป็นไปได้ เขาเคยถูกคนอื่นไล่บี้ตั้งแต่เมื่อไร

ทุกคนยังจำได้ แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บที่มือ แต่ก็ยังเล่นบทบาทนักฆ่าจนสู้แบบหนึ่งต่อสามได้ในช่วงท้ายเกม ทว่าในเวลานี้ เขากลับพลาดกระทั่งประเมินง่าย “งั้นจบอนาคตอีสปอร์ตลงแค่นี้ก็ละกัน ได้เวลาที่จะต้องให้โอกาสกับหน้าใหม่อย่างพวกเราที่ไม่เคยได้ออกหน้าออกตาเสียที” เฉวี่ยนยิ้มถือดาบ ไล่ตามไปฆ่าคนข้างหน้า ซึ่งทุกคนต่างคิดว่า เทพฉินต้องตายแน่

ทว่าในเวลานี้นี่เอง คนที่ดูจากมุมของเฉวี่ยนต่างรู้สึกว่า จู่ร่างของชายหนุ่มก็หายไป พวกเขางงงวยพอกับเฉวี่ยน และนึกออกได้ในวินาทีถัดมา เขาใช้สกิลหลักเคลื่อนตำแหน่งนั่นเอง

เวลานี้เทพฉินอยู่ด้านหลังเฉวี่ยน ซึ่งเฉวี่ยนก็เล่นเร็ว  “คิดจะหลอกฉันงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ” เขาหันไปโจมตีรุนแรงใส่ฉินมั่ว “ดูซิว่านายจะทำไง”

ทว่าในขณะที่ฟาดดาบออกไป ร่างตรงหน้ากลับเคลื่อนตัวไปที่พุ่มไม้ ตามมาด้วยหมุนดาบขยายตัวแล้วปล่อยพลัง เสียงดาบดัง ‘ขวับ’ สามครั้ง แสงดาบสีเงินวนล้อมรอบร่างเหมือนร้องฮัมเพลงพื้นบ้านออกมา

แววตาของเฉวี่ยนถึงกับหด! กำเมาส์แน่นอย่างอัตโนมัติ ฉินมั่วดึงพลังชุดใหญ่มาตั้งแต่เมื่อไร เมื่อไรกัน?

ก็ตอนที่กลับป้อมล่าทีมมินเนี่ยนไง หมายความว่าฉินมั่วไม่ได้กลับไปหลบที่ป้อม แต่เพื่อรอสกิลชุดใหญ่?

…………………………………….

1792-1 vs 1792-2 vs 1793

ตอนที่ 1792-1 ถ้าฆ่าไม่ได้ ก็ถือว่าฉันแพ้

เฉวี่ยนที่ไม่รู้ว่าแฟนคลับฉินมั่วที่เขากำลังจะฆ่าคือแบล็กพีช Z จึงพูดพลางเล่น “เลเวลแบบนี้ งั้นฉันเลือกตัวครตัวที่แล้วก็แล้วกัน เพราะเล่นไปงั้นๆ ก็ชนะขาด” ซึ่งคำพูดของเฉวี่ยนทำให้เหล่าแฟนคลับฉินมั่วอยากจะอ้วกเหมือนอมแมลงวันอยู่ในปาก แต่พวกเขาจะพูดไม่ได้ เพราะใกล้จะแข่งชิงแชมป์เอเชียแล้ว หากพวกเขาหุนหันตอบโต้ ก็เท่ากับเพิ่มยอดฟอลโล่ว์ให้อีกฝ่าย

ในฐานะที่เป็นแฟนคลับ พวกเขาเป็นห่วงคนที่กำลังจะสู้กับเฉวี่ยนเป็นที่สุด ทั้งนี้พวกเขาหวังเช่นกันว่าคนคนนั้นจะช่วยแก้แค้นแทนเทพฉิน สั่งสอนเจ้าบ้านั่นให้หลาบจำ ทว่าเลเวลต่างกันมากเกินไป จะเกิดปัญหาขึ้นไหม?

ระหว่างที่คิดเช่นนั้น เกมก็เริ่มแล้ว พวกเขาสังเกตเห็นว่างทั้งสองฝั่งต่างใช้ตัวละครที่มีบทบาทเดียวกัน    อันเป็นตัวฮีโร่ที่เทพฉินถนัดมากที่สุด!

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เฉวี่ยนส่งเสียงหยันออกมา “ไม่เจียมบอดี้ รอฉันตีบลูบัฟก่อนเถอะ เดี๋ยวจะส่งกลับบ้านเก่าเอง”

ความเร็วของเฉวี่ยนนับว่าไม่เลว กลวิธีการเล่นก็ฝึกมาจากคลิปของเทพฉินทั้งนั้น หลังจากที่เปิดใช้สกิลหลักมาถึงโซนป่า ก็ล่าบลูมอนสเตอร์ทันที ซึ่งแฟนคลับเห็นแล้วใจระทึกขึ้นเรื่องๆ พวกเขาเลือกที่จะดูการแข่งจากมุมของเฉวี่ยน พอเห็นว่าฝ่ายนั้นฝีมือการเล่นดี ก็ใจหายไปกว่าครึ่ง

ทว่าในเวลานี้นี่เอง  จู่ๆ ร่างในชุดขาวก็เหาะเข้ามาด้วยความเร็วราวกับสายลม แล้วเริ่มจากใช้สกิลล่าเอาบลูบัฟไป ก่อนจะเคลื่อนตัวไปทำความเสียหายให้เฉวี่ยน ใช้กระแสไฟช็อตให้ลดความเร็ว ตวัดดาบยาว ไม่คิดจะเลิกขโมยมอนสเตอร์สักนิด

“เขา เขาไม่ได้แค่จะแย่งบลูนะ”

แย่งบลู? ป๋อจิ่วเดาะลิ้นทั้งบนและล่างของเรียวปาก มุมปากแฝงรอยยิ้ม ทว่าโคโค่กลับสัมผัสถึงความอบอุ่นจากร่างเธอไม่ได้ เธอบังคับเมาส์ด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายขยับพิมพ์ขึ้นลงอย่างเร็วจนคนมองไม่ทัน

หน้าจอฉายภาพร่างในชุดขาวที่ลอยสะบัด ซึ่งไม่เพียงจะไม่ถอยหนีเมื่อได้เจอป้อม กลับยังไล่ตามเฉวี่ยนที่แทบไม่เหลือเลือด ก่อนจะเงื้อดาบยาวขึ้น

“เขา เขาจะ?”

“ข้ามป้อมฆ่าเอาดื้อ ๆ”

“เร็วไปไหม? จะแลกชีวิตกันเหรอ?”

เฉวี่ยนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นโหด จึงหันมาซัดสกิลลดความเร็ว กะว่าจะฆ่ากลับทั้งๆ ที่เลือดเกือบหมดตัว ทว่าคนคนนั้นเหมือนจะประเมินว่าเขาจะทำอะไร จึงเดินตำแหน่งในแนวโค้งอย่างคล่องแคล่ว หลบการโจมตีของเขา ทั้งยังพุ่งเข้าไปหาด้วยความเร็วสูง

KO!

เฟิร์สบลัด! เหล่าแฟนคลับที่ดูการไลฟ์สดถึงกับตาเบิกกว้างในทันทีที่ได้ยินเสียงเอฟเฟกต์ดังสนั่น

เฉวี่ยนเดือดดาลจนหลุดออกมา “นายก็หนีไม่รอดหรอก” ต้องรู้นะว่าอานุภาพการโจมตีของป้อมรุนแรงมาก แต่ใครจะรู้ ร่างนั้นหายแวบออกจากป้อมในวินาทีถัดมา แล้วกลับไปที่บลูบัฟอีกครั้ง โดยใช้สกิลหลักย้อนกลับ!

“เท่เป็นบ้าเลยว่ะ”

“เดินตำแหน่งโคตรเร็วเลย”

“พระเจ้า หัวใจสาวน้อยอย่างฉันจะระเบิดแล้วนะ”

“คนไลฟ์สดบางคนโดนตบหน้าเปรี้ยงเลยอ่ะ สกิลที่เล่นเมื่อกี้ สุดยอดไปเลย”

เฉวี่ยนเห็นคอมเมนต์ที่โผล่ออกมา เดิมที่คิดว่าจะตายไปด้วยกัน ไม่คิดว่าจะกลับกลายเป็นแบบนี้ กะอีแค่แฟนคลับของฉินมั่วเขายังสู้ไม่ได้ แล้วจะทำตามที่ลั่นเอาไว้ได้ไง

ไม่ได้ เขาจะต้องหาวิธี!

……………………………..

ตอนที่ 1792-2 ถ้าฆ่าไม่ได้ ก็ถือว่าฉันแพ้

“กำลังสูบบุหรี่อยู่ ไม่คิดว่าแฟนคลับของเทพฉินจะลอบกัดลับหลัง เดี๋ยวจะตั้งใจเล่นแล้ว” เฉวี่ยนบังคับตัวละครของตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เขามองเห็นแผนที่เล็กของเกม รู้สึกว่าแฟนคลับคนนี้บ้าระห่ำสุดๆ  ฆ่าเขาแล้วไม่หนี กลับมาล่ามอนสเตอร์ในโซนป่าของเขาอีก

เมื่อกี้เขาไม่ทันระวัง ฝ่ายนั้นถึงได้ใจ ครั้งนี้ มันต้องเสียเลือดครึ่งหนึ่ง นี่คงดูดเลือดจากมอนสเตอร์จนอิ่มแล้วล่ะสิ บ้าฉิบ!

แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาจะทำให้มันต้องเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป เฉวี่ยนคิดพลางเงื้อดาบยาว เหาะไปหาคู่แข่ง

แฟนคลับที่ดูถึงกับร้องเสียงหลง “อันตราย!”

ร่างที่กำลังฆ่ามอนสเตอร์ราวกับไม่รู้สึกถึงภัยที่เข้ามา ตวัดดาบยาวฆ่ามอนสเตอร์อยู่ หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง… เล่นเอาหัวใจของแต่ละคนแทบพุ่งมาอยู่ที่คอหอย พวกเขาทนเห็นอีกฝ่ายถูกฆ่าไม่ไหว

ทว่าในวินาทีถัดมา ห้องไลฟ์สดเหมือนหยุดนิ่ง พวกเขาเห็นร่างนั้นตวัดดาบเป็นครั้งที่สาม ก็หันมาเงื้อมดาบขึ้น เสียง สวบ’ ดังขึ้นสามครั้ง แสงสีเงินกระจายทั่วจอ

เฉวี่ยนถึงกับหรี่ตาลง  พลางหาทางหนี ไม่คิดเลยว่าฝ่ายนั้นจะตีมอนสเตอร์ได้ว่องไว จนทำให้ฐานะสูงกว่าเขาถึงเท่าตัว พอลงมือก็ใช้พลังใหญ่

ไม่ได้ จะสู้ไม่ได้ เฉวี่ยนคิดเช่นนี้แหละ แต่กระนั้นแค่เขาคิดจะไม่สู้ ก็จะไม่สู้ได้งั้นเหรอ อาศัยจังหวะที่เขาเดินตำแหน่งกลับไปยังที่เดิม ร่างนั้นก็ราวกับเดาถึงตำแหน่งเขาได้ แค่คลิกเมาส์บังคับให้วกกลับ ตวัดดาบยาว สร้างบ่อไฟฟ้าขึ้น

เฉวี่ยนที่โดนจับ ถึงกับเขวี้ยงเมาส์ทิ้ง เขาหนีไม่รอด หนีไม่รอดจริงๆ เจ้าบ้านั่นยังกับเป็นวิญญาณ มันบ้าอะไรอย่างนี้!

เสียงเอฟเฟกต์ดังขึ้นอีกครั้ง! คนที่เล่นเกมเป็นล้วนรู้กันว่า หากนักฆ่าถูกจับได้แบบนี้ถึงสองครั้ง ย่อมยากที่จะลุกขึ้นมาใหม่

นัยน์ตาของเฉวี่ยนหนักอึ้ง กำลังเอ่ย ใครจะรู้ล่ะว่าฝ่ายตรงข้ามกลับพิมพ์ข้อความเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง “นี่แหละถึงจะเป็นวิธีเล่นของเทพฉินของเรา แน่ล่ะ ถ้าเทียบกับเทพฉินแล้ว ฉันยังด้อยกว่าเขามากนัก แต่คุณเฉวี่ยน ถ้าเทียบกับที่นายเลียนแบบมาได้แค่หนึ่งในสิบ ก็เรียกว่าน่าสงสารนะ ป่ะป๊าส่งนายกลับบ้านเก่าได้เลยล่ะ” เธอว่าอย่างโอหังเสียจนคนในห้องคอมพิวเตอร์พลอยโห่ดังลั่นไปด้วย

หลินเฟิงตื่นเต้นสุดๆ โบกมือทั้งสองของตน “เจ้าแบล็ก เอาเลย เอาไอ้หนูนี่ให้แหลกไปเลย”

“พี่หลิน พี่หลินดาวประจำทีม” ป๋อจิ่วเอียงศีรษะ ซึ่งหลินเฟิงไม่สนคำเรียก “ทำไม? ไม่เล่นมันต่อล่ะ”

“โปรดเขยิบหนีไปนิดหนึ่ง ตอนนี้พี่กำลังขัดขวางไม่ให้แฟนฉันเห็นฉันแก้แค้นแทนเขาอยู่นะ” น้ำเสียงของเธอราบเรียบ นิ้วที่กำลังพิมพ์อยู่ดูเรียวสวย

หลินเฟิง “…”

“ใช่ นายเขยิบหน่อยสิ อย่าบังหัวหน้า” โคโค่โผล่เข้ามา เพื่อจะสร้างความประทับใจให้กับหัวหน้า “เจ้านี่ ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ”

ฉินมั่วได้ยินแล้ว ชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้ม พลางพยักหน้าให้

โคโค่ประทับใจเหลือเกิน หัวหน้าตอบรับเขาด้วย? ฮือๆๆ ไม่ง่ายเลยนะ

หลินเฟิง…เฮ้ย อะไรวะ อยู่ทีมนี้ไม่ได้แล้วเว้ย แต่ไม่มีใครสนเขา นอกจากอวิ๋นหู่ที่มาลากตัวออกไป ส่วนคนอื่นๆ ต่างทุ่มสมาธิไปยังหน้าจอ

ในฐานะที่เป็นคนไลฟ์สด เฉวี่ยนได้ยินคำถากถางแล้ว ย่อมต้องมีปฏิกิริยา “ใครบอกว่าฉันเลียนแบบ? แค่ถูกนายฆ่าสองครั้งก็มั่วขนาดนี้ ทุกคนเขาก็เล่นเกมเลเจนด์กันหมด สกิลก็มีเหมือนกัน ฉันต้องไปเลียนแบบใคร?”

ป๋อจิ่วล่าทีมมินเนี่ยนก็ยังไม่ลืมตอบ “เลียนแบบหรือเปล่า แค่ดูการใช้ไอเทมก็เห็นร่องรอยแล้ว นายไม่รู้แก่ใจบ้างเรอะ? แล้วอีกอย่าง นายว่าฉันฆ่านายแค่สองครั้งงั้นเหรอ?”

“หึ ๆ”

“จากนี้เป็นต้นไป ฉันจะฆ่านายทุกครั้งที่ออกมา ถ้าฆ่าไม่ได้ ถือว่าฉันแพ้”

…………………………………………..

ตอนที่ 1793

ห้องไลฟ์สดต่างเห็นคำพูดที่ป๋อจิ่วพิมพ์ออกมา พวกเขาย่อมรู้สึกว่าเธอเท่มาก แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเขากลับสนใจปฏิกิริยาของเฉวี่ยนเสียมากกว่า เพราะที่เฉวี่ยนจงใจพูดกับอีกฝ่าย ก็เพื่อจะทำให้เสียสมาธิ ตอนนี้เขาไม่พูดอีกแล้ว ทั้งยังฉวยโอกาสที่คู่แข่งพิมพ์ข้อความ เหาะจากแม่น้ำมาซ่อนตัวในพุ่มไม้

เฉวี่ยนยิ้มร้าย ‘ฉันจะฆ่านายทุกครั้งที่ออกมา’ เรอะ? งั้นจะให้ทุกคนได้ดูว่าฉันจะตบหน้านายยังไงก็แล้วกัน

เฉวี่ยนไม่เร่งร้อน เพราะต้องการเล่นอย่างปลอดภัย เขารอให้‘แฟนคลับฉินมั่ว’ ยืนนิ่ง เพราะไม่มีอะไรให้ล่าแล้ว  จึงตีมินเนี่ยนถึงสามที จากนั้นก็เหาะขึ้นไปอย่างไม่ช้าเลยทีเดียว ก่อนจะซัดพลังใส่ป๋อจิ่ว เล่นเอาปริมาณเลือดของป๋อจิ่วถึงกับเหลือเพียงหนึ่งในสามทันที

“เฮ้ย ไอ้หมอนั่นมียางอายบ้างไหม” หลินเฟิงเป็นนักเล่นมือเก๋า ดูแค่แวบเดียวก็อ่านเกมอีกฝ่ายออก

เจ้าแบล็กเพิ่งจะพิมพ์เสร็จ มันก็เล่นงานเลย แผนชั่วชัดๆ!

ในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าป๋อจิ่วต้องตายแน่ๆ ด้วยพวกเขามองไม่เห็นเธอที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งกำลังใช้มือขวาพลิกไปพลิกมาอย่างเร็วรวด ดูเหมือนว่าเมาส์วาดเป็นตัวอักษร Z!

ทว่าการเดินตำแหน่งดังกล่าว กลับทำให้ตัวละครของเธอหลบการโจมตีของฝ่ายคู่แข่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งการใช้สกิลหลักวิ่งกลับเช่นนี้ ได้ทำให้เฉวี่ยนถึงกับตะลึง เดิมที่กำลังประเมินตำแหน่งของอีกฝ่าย ไม่คิดเลยว่า เจ้านั่นจะหนี

หนีงั้นรึ? งั้นก็ง่าย เฉวี่ยนโจมตีอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ากำลังจะไล่ตามทัน ไม่คิดเลยว่าเจ้านั่นหันไปทางซ้ายเข้าป้อมไป

ด้วยเหตุที่ฝ่ายนั้นเหลือเลือดแค่นิดเดียวอย่างนั้น เฉวี่ยนย่อมไม่ยอมปล่อยให้หนีรอด หมายมาดว่าต้องคว้าเฟิร์สบลัดให้ได้ แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า ร่างนั้นกลับเงื้อมดาบยาวหันมาฟาดเข้าใส่ในทันทีที่เขาเข้าป้อม

แย่แล้ว! นี่คือปฏิกิริยาแรกของเฉวี่ยน จากนั้นก็ลากเมาส์ถอยหลังอย่างเร็ว

เดิมที่คิดว่าจะไปถึง แต่ป้อม…!

เขาต้องรับการโจมตีอันรุนแรงของป้อม ถ้าหนีได้ เขาหนีไปแล้ว ก็เพราะมุ่งเป้าหมายไปที่การหนีมากไปหน่อย จึงลืมกระทั่งสกิลการเดินตำแหน่ง

เฉวี่ยนจึงล้มลงไปกองกับพื้น เสียงเอฟเฟกต์ดังขึ้นอีกครั้ง

KO!

ครั้งที่สาม!

ครั้งที่สามแล้วนะ!

เหล่าแฟนคลับรู้สึกประทับใจจนแทบจะวิ่งหลายรอบเลยทีเดียว แต่ คิดว่าจะจบลงแค่นี้หรือ ไม่มีวันหรอก เพราะเด็กผมสีเงินที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ พิมพ์ขึ้นอย่างสบายๆ “รู้สึกคุ้นไหม?”

“คุ้น? คุ้นตรงไหน?” พวกแฟนคลับงงงวย แต่มันไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อคนฉลาดที่จับประเด็นได้ทันที “ก็ตาที่แล้ว เขาก็เล่นกับเทพฉินแบบนี้”

“อ้อ ฉันจำได้แล้ว ตาที่แล้ว ตาที่แล้ว”

“ตาที่แล้วอะไรวะ?” แม้จะยังไม่ทันได้มีใครมาอธิบาย แต่ก็มีประโยคหนึ่งลอยขึ้นมา “ตาที่แล้ว ถ้าตัวสนับสนุนไม่เข้ามารักษาให้ คนที่ตายต้องไม่ใช่เทพฉินของพวกเราแน่ แต่เป็นนายไงล่ะ”

“อุ๊บ เพราะตาที่แล้วนี่เอง”

“เดี๋ยว หมายความว่าเขาจงใจให้ตัวเองเหลือเลือดนิดเดียว จากนั้นก็ลากคนไลฟ์เข้าไปที่ป้อม จะได้ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แก้แค้นแทนเทพฉินนั่นเอง”

“เฮ้ย ไม่ใช่หรอกมั้ง แถมเล่นได้สุดยอด จะเป็นไปได้ยังไง? เทคนิคแบบนั้นมันยากมากเลยนะ พวกเล่นลีกส์อาชีพยังทำไม่ได้เลย?”

……………………………

1789 vs 1790 vs 1791

ตอนที่ 1789

นักฆ่าจะดูกันที่ว่าหลังจากที่หลบอันตรายได้แล้ว จะกลับมาตั้งตัวฆ่ากลับได้อย่างไร?

สิ่งที่ชายหนุ่มเคยเชี่ยวชาญที่สุด ตอนนี้จะจำได้แค่ไหน? เหราหรงช้อนสายตามอง แววตากระตุก ได้เวลาแล้ว อย่าหนีเลย

ส่วนทางฝั่งนี้ ฉินมั่วกำลังตีมอนสเตอร์ ทันใดนั้นมือของเขาก็ชะงัก สำหรับความอันตรายที่มาถึง เขายังคงมีสัญชาตญาณ จึงบังคับตัวละครของตัวเองให้หลบไปที่พุ่มหญ้า

เฉวี่ยนหัวเราะหยันตรงหน้าจอ “คิดจะหลบอีกเหรอ?” ว่าแล้วก็กดสัญญาณบุก เปิดสกิลหลักโจมตี แล้วตรงเข้าทำเสียหายหนักต่อฉินมั่ว

ต่อไปนี้ คนที่ดูคลิปนี้จะได้เห็นว่าใครกันแน่ที่เก่งกว่ากัน แต่ไม่คิดเลยว่าฉินมั่วแค่เบี่ยงตัวหลบดาบได้อย่างทันเวลา ส่งผลให้เฉวี่ยนเร้อนฉ่าไปทั้งหน้า ราวกับโดนกำปั้นอัดหน้ามาเต็ม  ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้แค่ตัวเองอยู่ตรงนี้

เฉวี่ยนเปิดลำโพง “ฆ่าเขา!”

‘สวบ!’ อีกร่างหนึ่งโผล่เข้ามา ใครจะรู้ว่าฉินมั่วกันเหราหรงเอาไว้ แล้วเคลื่อนตำแหน่งด้วยสกิลหลัก ถือดาบยาวไว้ข้างตัว หายตัวไปจากสายตาของฝ่ายตรงข้ามชั่วคราว กระทั่งคนที่เข้ามาโจมตีเป็นครั้งที่สองยังกั้นอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ฝ่ายคู่แข่งไม่ได้มีเป้าหมายที่การแย่งมอนสเตอร์ ทว่าเป็นการเอาชีวิตต่างหาก! เพราะคนที่สามโผล่ออกมาแล้ว โดยเป็นนักเวทย์ที่กำลังร่ายเวทควบคุม หันร่างไปสตันตัวฉินมั่วให้นิ่งอยู่กับที่

ฉินมั่วเพิ่งจะเห็นตัวละครนี้เป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ถึงคุณสมบัติประจำตัวของมัน เดิมทีคิดจะใช้สกิลหลักกลับมา แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคุมเขาไว้ชนิดเจาะจง ทำให้เขาหนีไม่ได้

เฉวี่ยนเห็นฉินมั่วถูกสตันท์อยู่กับที่ มุมปากก็แย้มจนแทบฉีก เอ่ยย้ำอีกครั้ง “ฆ่าให้ตาย”

ตัวแทงก์ใช้สกิลฆ่าทันที ทำให้ฉินมั่วเสียเลือดหนัก เขาเบี่ยงร่างเล็กน้อย กำลังจะเข้าป้อมไปได้แล้ว ทว่าเฉวี่ยนกลับไล่ตามมา ซัดพลังใหญ่กำลังจะเอาชีวิตเป้าหมายได้!

ใครจะรู้ว่าฉินมั่วกลับพลิกตัวกลับ เงื้อดาบยาวฟาดจนเกิดเสียง ‘ขวับ!’ สามครั้ง แสงเงินก็กระจายออกมา เฉวี่ยนที่มีเลือดเต็มต้องเสียไปถึงครึ่งหนึ่งทันที

เฉวี่ยนตกใจจนหดมือ ซึ่งฉินมั่วไม่หนี ทว่าเขาเองก็ไม่รอด คนคนนั้นร่างบ่อกระแสไฟฟ้าก่อนตาย ซึ่งเฉวี่ยนร้องด้วยความตกใจ “ช่วยฉันด้วย!”

ตัวสนับสนุนที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามารักษาให้อย่างเร็ว โดยเพิ่มเลือดให้ในเฮือกสุดท้าย ทำให้เฉวี่ยนรอดชีวิตในที่สุด

จริงๆ แล้วฝ่ายตรงข้ามไม่ได้อยู่ที่นี่แค่สามคน แต่เป็นสี่ต่างหาก คนสี่คนมาจับคนล่ามอนสเตอร์คนเดียว ไม่สนอย่างอื่นแล้วเรอะ? เล่นกันยังไงเนี่ย?

ไม่นาน พวกเฉวี่ยนก็ให้คำตอบ ด้วยกลัวว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงตัวเอง จึงพิมพ์บนบอร์ดรวม “เทพฉิน? เทพเรอะ? ฉันว่าฝีมือก็งั้นๆ เทพฉิน นายมันแก่แล้ว แก่แล้วก็เกษียณไปซะ อย่าเอาอาการบาดเจ็บที่มือมาอ้างเลย ขนาดฉัน นายก็ยังสู้ไม่ได้เลย ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่ๆ เพราะพอถึงเวลาที่ต้องใช้จริง กลับเล่นไม่ออกขึ้นมา ชื่อเสียงจะเสียหาย แถมพาทีมไดมอนด์พลอยซวยไปด้วย ขอบอก ฉันได้ไม่พูดเพราะจะโจมตีใครหรอกนะ เพราะแฟนคลับนายน่ากลัวเป็นบ้า อย่ามาหาเรื่องฉันล่ะ ฮ่าๆ”

แสดงออกมาอย่างนี้ ท้าทายชัดๆ

ทุกคนที่เห็นต่างเข้าใจดีว่า ทำไมถึงต้องมาล้อมจับคนคนเดียวทั้งสี่คน หลุมพรางทั้งหมดถูกขุดไว้พร้อมแล้ว!

……………………………

 ตอนที่ 1790

 “เขาเป็นใครกัน หน้าด้านเป็นบ้า หาว่าเทพฉินสู้เขาไม่ได้ ทั้งๆ ที่มารุมกันตั้งสี่คน”

“อยากถามคนชื่อเฉวี่ยนหน่อย เมื่อกี้เพิ่งได้เลือดจากตัวสนับสนุนไม่ใช่เหรอ? ก็ถ้าไม่มีตัวสนับสนุน ลองดูซิว่านายจะตายไหม”

“เฮ้ย ฉันจะบวกแล้วนะเว้ย ทนดูไม่ได้ ทำไมถึงมีคนกล้าพูดแบบนี้วะ”

“ไม่ต้องดูหรอก เกมจะจบแล้ว ทีมไดมอนด์ชนะชัวร์”

เกมจบแล้วจริงๆ ฝั่งทางโน้นไม่สนใจอะไร หลินเฟิงกับอวิ๋นหู่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็มาถึงถิ่นคู่แข่งแล้ว จากนั้น พวกเขาถึงได้เห็นบอร์ดสนทนารวม

หลินเฟิงกดเมาส์จะวิ่งกลับ ใครจะรู้ว่าเขายังไปไม่ถึงเลย เหราหรงก็หมุนตัวใช้สกิลอัตโนมัติเคลื่อนตำแหน่งเร็ว ฆ่าอีกฝ่ายในพริบตา ทิ้งเพียงเสียงฆ่าสี่ชีวิตดังขึ้นติดๆ กัน โดยไม่รอให้พวกหลินเฟิงบุก ทีมมินเนียนก็ยึดฐานที่มั่นของคู่แข่งได้

เฉวี่ยนมองดูข้อความในบอร์ด พิมพ์ข้อความลงไป “เอะอะอะไรกันอีก? ไหนว่าจะไม่หาเรื่องกันไง? ว่ากันว่าแฟนคลับของเทพฉินมีมารยาทมาก ทำไมฉันถึงมองไม่ออกเลยล่ะ ถึงจะแพ้ยังไง แค่เล่นงานเทพฉินผู้ยิ่งใหญ่ได้ก็สะใจแล้ว”

“ไอ้บ้าเอ๊ย” หลินเฟิงสติหลุดแล้ว กะจะระเบิดอารมณ์ในเกม

ห้วงเวลานั้น เหราหรงเองก็เสียใจ เขาไม่คิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีเกมเมอร์แบบนี้ กว่าจะรู้ตัวก็ไม่ทันแล้ว ซึ่งมันเกิดขึ้นแล้วในความเป็นจริง

ป๋อจิ่วเองก็รู้ว่าเหราหรงไม่ผิด เพราะฝีมือการเล่นของท่านเทพดีขึ้นมาก วัดจากตอนที่เขาดูเธอเล่นในมือถือเมื่อคืน

แต่เวลาไม่พอ เขายังประเมินสกิลสำคัญของฝ่ายตรงข้ามที่ใช้ในการต่อสู้ไม่ออกเลย แล้วนี่มารุมเล่นงานเขากันถึงสี่คน หากเป็นเมื่อก่อน…

ป๋อจิ่วเบือนสายตาปมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม เป็นครั้งแรกที่ลำคอฝืดเฝือ ราวกับมีอะไรบางอย่างเอ่อล้น

ห้องคอมพิวเตอร์ในเวลานี้ อุณหภูมิต่ำลงมาก

ฉินมั่วสะบัดมือ ไม่แสดงอารมณ์ออกมา เขามองดูตัวเองที่กุมเมาส์ ก่อนจะเงยหน้ามองดูตัวละครที่นอนกองกับพื้นในเกมแล้วถึงกับชะงักชั่วขณะ เพราะรู้สึกยอมไม่ได้จากใจ อันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย…คุ้นเคยราวกับเคยประสบมาก่อน

หลินเฟิงคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่ทุกคนรู้ดีว่าจะอาละวาดออกมาไม่ได้ในเวลาอย่างนี้ เพราะเป็นคนของประชาชน หากอาละวาดออกมา ข่าวในแง่ลบจะต้องถล่มแน่ เพราะแม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำผิด แต่คนนอกบางคนก็จะคิดว่า ทำไมทำตัวแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่ชอบขี้หน้าคุณเลย พวกนั้นจะยิ่งคว้าโอกาสมาแต่งเสริมเพิ่มเติม

เฉวี่ยนเป็นคนแบบนี่แหละ พอได้ยินหลินเฟิงระเบิดอารมณ์ ก็เอ่ยหยันว่า “น่ากลัวจุงเบย ท่านเทพจากทีมไดมอนด์ด่าโหดจัง?”

“พอได้แล้ว” เพื่อนร่วมทีมเขาห้ามไว้ เพราะพูดแบบนี้ไม่เหมาะสม

เฉวี่ยนกลับไม่คิดเช่นนั้น ยังไงเขาก็ตายแล้ว ฐานป้อมคริสตัลก็จะไม่เหลือแล้ว จึงต้องเย้ยให้ทันเวลา “ถ้าตีมอนสเตอร์ไม่ได้ก็อย่าทำ เร็วไม่ทันก็ไสหัวไป จะได้ไม่ต้องให้คนเห็นแล้วหัวเราะใส่” ในทันทีที่พูดจบ ป้อมคริสตัลก็ระเบิด แสงสีเงินกระจายท่วมจอ ทั้งๆ ที่ชนะ แต่ไม่มีใครดีใจ

และในเวลานี้นี่เอง เสียง ‘ผัวะ’ ดังกังวาน!

……………………………………

ตอนที่ 1791

 ป๋อจิ่วที่เงียบมาตลอด วางคีย์บอร์ดลง เส้นผมสั้นเซอร์สีเงินไหวตามจังหวะที่เธอลงทะเบียนเข้าใช้งาน ปกติเธอพิมพ์เร็วอยู่แล้ว ซึ่งพวกเขายังไม่ทันได้ออกจากหน้าเพจ เธอก็ลงทะเบียนเข้าใช้เสร็จเรียบร้อย

เซวียเหยาเย่าดูหน้าขาวสะอาดนั่น ฝ่าบาทจิ่วไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้น

ไม่จริงๆ กระทั่งแววตาของเธอยังดำสนิทไม่หวั่นไหว ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ ทุกคนจึงถึงกับตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นเจ้าแบล็กในสภาพนี้มาก่อน ไม่มีใครเคยเห็นจริง ๆ

ป๋อจิ่วไม่พูดให้มากความ เธอเริ่มเชิญคนมาแข่งด้วย โดยการใช้ชื่อแอคเคาท์สำรองที่ไม่เป็นที่รู้จัก เป็นเลเวลระดับกลาง

คนชื่อเฉวี่ยนเห็นแล้วไม่สนใจ กำลังจะกดปฏิเสธ หน้าจอก็ปรากกฎข้อความขึ้น “ทำไม? ไหนบอกว่าตัวเองเก่งมากนักหนาไง? ฉันก็แค่แฟนคลับของเทพฉิน ระดับก็ไม่สูง นายก็ไม่กล้าสู้เสียแล้ว”

เฉวี่ยนจึงไลฟ์สด เพื่อจะดึงดูดแฟนคลับ ซึ่งข้อความดังกล่าวจึงเป็นที่เห็นกันทั่วหน้า เมื่อเฉวี่ยนเห็นเลเวลอีกฝ่ายที่ต่ำว่าตัวเองถึงสองระดับ จึงเห็นว่าหากลงแข่งด้วย ย่อมไม่เป็นปัญหา เขาเก่งสุดยอดด้านการทำดาเมจรุนแรงเป็นชุด จึงมั่นใจต่อฝีมือตัวเองมาก ไม่งั้นคงไม่เปิดไลฟ์สด

ในเมื่อต้องการหาเรื่องให้ตัวเองโดนตบหน้า งั้นเขาก็จะพิสูจน์ฝีมือตัวเองต่อ เฉวี่ยนยิ้มบอก “พวกนายดูละกัน เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะฆ่าเทพฉินมาหยกๆ แฟนคลับเขาทนไม่ไหว ยังบอกว่าตัวเองมารยาทดี ช่างเหอะ ในฐานะที่เป็นสตรีมเมอร์ตัวเล็กๆ ก็คงต้องลงแข่งแล้ว” ว่าแล้วก็กดปุ่มยอมรับ พอเข้าไปแล้วถึงเห็นว่าเป็นการแข่งประเภทเดี่ยว แต่ไม่เป็นไร เขาจะได้ตีอีกฝ่ายให้มันส์หยด

เกมเริ่มต้นขึ้น ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างได้ยินเสียงเอฟเฟกต์ ไม่ว่าจะเป็นหลินเฟิงหรือเหราหรง ต่างรู้ดีว่าป๋อจิ่วกำลังทำอะไร ฝ่ายอินอู๋เย่าหัวเราะ งับบุหรี่ในปาก พูดเพียง “หัวหน้าตัวเล็กสู้ๆ นะ จับมันฆ่าให้อนาถไปเลย”

“อุว้าว เจ้าแบล็ก หนนี้เชียร์นายสุดตัวเลยว่ะ ฉันให้นายร้อยหยวนทุกครั้งที่ฆ่าเขาได้เลยนะเว้ย” หลินเฟิงต้องการล้างแค้นให้ได้

อวิ่นหู่เพิ่มราคาให้อย่างไม่รู้ไม่ชี้ “ร้อยหนึ่งน้อยไป ต้องพันหนึ่ง”

“ส่งอั่งเปามาได้เลย” ป๋อจิ่วบังคับตัวละครพางเอียงศีรษะพูด “เอาหมื่นหนึ่ง” แปลว่าจะฆ่าสิบครั้ง

โคโค่ยืนขึ้นกำตุ๊กตากระต่ายแน่น ป๋อจิ่วกลับหันไปมองอีกทาง “พี่มั่วมานี่หน่อย ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย”

“หือ?” ฉินมั่วลากเสียงสูง ยืนขึ้นตัวตรง เดินไปหาเธอ “มีอะไรเหรอ?”

“ดูฉันเล่นนะ” ป๋อจิ่วละมือข้างหนึ่งมาจับเขาไว้ ราวกับกลัวว่าเขาจะไม่รับปาก มุมปากหยัดยิ้มเล็กน้อย แววตาเต็มได้ด้วยอารมณ์ในเวลานั้น

ฉินมั่วมองคนตรงหน้า แล้วดูมือของเธอที่จับชายเสื้อเขาไว้อย่างดื้อดึงเหมือนเด็กน้อย ปกติแล้วเขารำคาญเด็กประเภทนี้จะแย่ แต่ไม่รู้ว่าทำไม เวลาเผชิญหน้ากับยัยคนนี้ เขาเป็นต้องใจอ่อนทุกที

“จะเล่นงานคู่แข่งไม่ใช่เหรอ ก็ดูเกมสิ เอาแต่มองฉันอยู่ได้ จะเล่นยังไง?” ฉินมั่วนั่งลงตามแรงลากของเธอ ลมหายใจรดบนใบหน้าสาวน้อยด้วยแววตาดุหน่อยๆ ราวกับจะบอกว่า ยัยโง่

ท่านเทพนั่งข้างเธอ สมาธิของป๋อจิ่วจึงแน่วแน่ เกมนี้จะต้องให้เขาได้ดู ไม่งั้นมันจะเป็นแผลในใจของเธอเจ้าคนนั้นมันใช้เทคนิคของท่านเทพมาเย้ยหยันเขา มันถือดียังไง?

……………………………………….

1787 vs 1788

ตอนที่ 1787

มีคนเคยว่าไว้ว่า โลกเรามีของสองสิ่งที่ไม่อาจมองตรงๆ หนึ่งคือดวงอาทิตย์ สองคือใจคน สิ่งที่สร้างด้วยใจมืดบอด ย่อมไม่เหมือนคนอื่น

เพื่อจะได้ยอดฟอลโล่จากคนอื่นแล้ว คนอย่างเฉวี่ยนไม่สนว่าวิธีของตนเองเลวร้ายแค่ไหน แค่คิดว่าทำได้  เขาเงื้อดาบจะตีบลูบัฟ[1]เพื่อเพิ่มสกิลตัวเอง และในขณะที่กำลังจะเชือดเป็นดาบสุดท้ายกลับพบว่าหนึ่งวินาทีก่อนหน้านั้นก็ถูกแย่งไป

โดนแย่งเรอะ? นิ้วของเฉวี่ยนถึงกับเกร็ง เดือดดาลขึ้นมา “แมร่ง” เดิมเพื่อนร่วมทีมเขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รอจนเมื่อเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นร่างชุดขาวของฝ่ายตรงข้าม จึงเข้าใจทันทีว่าถูกเทพฉินแย่งเอาไปหมดแล้ว

“ฮ่าๆ ๆ  น่าสงสารนักฆ่าจัง อุตส่าห์ตีมาตั้งนาน ถูกเทพฉินซัดพลังแย่งเอาไปหมดเลย”

“โซนป่าของนายคือบ้านฉัน ไม่ได้มาเล่นๆ นะ”

“มาถึงก็แย่งบลูไปเลย สุดโหด สมกับที่เป็นวิธีเล่นของเทพฉิน”

ข้อความ 666[2] บนหน้าจอเสมือนตบหน้าเฉวี่ยนอย่างแรง เขายังอยากฆ่าฉินมั่ว แต่พอโดนแย่งบลูบัฟตั้งแต่เริ่มแข่ง ฟอร์มก็กลายเป็นโดนฆ่าเสียเอง

หลินเฟิงยังเซ็งนิดๆ ไหนว่าหัวหน้าสูญเสียความทรงจำจนเล่นเกมไม่ได้แล้วไง ทำไมถึงได้เล่นแย่งบลูบัฟล่ะ?

เกมระดับสูงแบบนี้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าการแย่งบลูบัฟไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากคุณจะสามารถคำนวนปริมาณเลือดของบลูบัฟได้อย่างแม่นยำ แถมคู่แข่งเองก็ไม่โง่ ถ้าแย่งเขามาได้ง่ายๆ เหมือนปากว่า ก็นับว่ามโนเกินไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น?” หลินเฟิงถามป๋อจิ่ว “เจ้าแบล็ก เราไม่ได้หลอกทุกคนหรอกนะ หัวหน้ายังเล่นเกมได้เก่งนี่ แค่ไม่ทำตัวเด่นเท่านั้น เค้าเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ทั้งนี้ป๋อจิ่วไม่พูดอะไร แต่อวิ๋นหู่กลับเป็นฝ่ายพูดแทน “หลินเฟิง คุณเทพหลิน รบกวนช่วยดูตัว adc ที่เปราะบางอย่างฉันด้วย ตัวสนับสนุนอย่างนายไม่มาดูแลฉัน ไปดูแลนักฆ่าทำไมวะ?”

อวิ๋นหู่พูดจบก็ไล่ต้อนฝ่ายตรงข้ามที่พัฒนาตัวเองที่เลนบนตรงกำแพง โจมตีรัวจนอีกฝ่ายต้องหนีข้ามกลับไปยังป้อมตัวเอง

คนที่เข้ามาดูล้วนเลือกฝั่งทีมไดมอนด์ จึงได้ยินในสิ่งที่พวกเขาคุยกัน

หลินเฟิงเห็นแล้วถึงกับสูดปาก “นายเปราะบางที่ไหน แค่จริงจังหน่อย ก็ฆ่าคนที่เลนบนได้แล้ว”

“ใช่ ใช่ เทพอวิ๋นเปราะบางก็จริง แต่เล่นงานตัวเลนบนของฝั่งโน้นจนคนเริ่มงงกับชีวิตแล้วนะ” เหล่าแฟนคลับรีบคอมเมนต์

“พวกเธอจะไปเข้าใจอะไร เทพอวิ๋นกำลังอ้อนอยู่ ก็ adc จะอยู่ไกลจากตัวสนับสนุนได้ไง”

“หวานจัง เล่นเอาผู้ชายแท้อย่างฉันฟังจนเคลิ้มไปด้วย”

เซวียเหยาเย่าเห็นตัวอักษรบนจอ ก็อยากขำ พวกแฟนคลับน่ารักจัง เดาว่ามีแค่คนเดียวที่ขำไม่ออก นั่นก็คือโคโค่ เขารู้วิธีการเล่นของหัวหน้าดีที่สุด

เมื่อก่อนเวลาชายหนุ่มจะนั่งหน้าคอม สูบบุหรี่พลางบังคับตัวละครให้วิ่งไปข้างหน้าอย่างคล่องแคล่ว ฆ่าผลาญหมดในทุกที่ที่ผ่าน ตีมอนสเตอร์เสร็จ ก็ละมือมานวดต้นคอ เดินตำแหน่งเจ๋งจนคนดูตาลาย แต่เวลานี้ถึงเขาจะแย่งมอนสเตอร์จากคู่แข่งได้ รวมถึงสร้างฐานะได้ไม่น้อย แต่ไม่ว่าจะเป็นการเดินตำแหน่งและฝีมือการเล่น เขาเล่นได้ช้ามาก…มากจนไม่เหมือนเป็นเขา คนอื่นในทีมอาจจะไม่สังเกตเห็นเพราะกำลังอยู่ในระหว่างการแข่ง

แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชม สายตาของเขาจึงพุ่งจ้องไปแค่หัวหน้าเพียงหนึ่งเดียว ยิ่งดูก็ยิ่งกัดหูกระต่ายแน่น หัวใจสั่นเป็นพักๆ ลมหายใจพลอยเย็นยะเยือก

เจ้าแบล็กไม่ได้หลอก หัวหน้าลืมวิธีเล่นไปแล้วจริงๆ…

………………………………………

 ตอนที่ 1788

โคโค่เอียงศีรษะมองป๋อจิ่ว เจ้าแบล็กรู้ถึงปัญหาแล้ว ทว่าทำไมถึงไม่แสดงอะไรออกมาทางสีหน้าเลยล่ะ

แต่นั่งยิ้มมุมปาก มองดูหัวหน้าควบคุมตัวละคร ซึ่งพอจะได้ยินในสิ่งที่ทั้งสองคุยกันอยู่บ้าง

“พลังของเจ้านี่คืออะไร?”

“เขาเหรอ ก็ล่อศัตรูได้ เป็นแทงก์ตัวหนึ่ง”

“เลือดเยอะสิ?”

“อื้อ”

“งั้นก็ไม่ฆ่าเขา ไปหาพวกลูกพลับนุ่ม[3]ที่บีบให้แหลกง่ายๆ ดีกว่า”

ประโยคสุดท้ายเป็นของหัวหน้า เสียงเรียบๆ ราวกับเรียนรู้จากสถานการณ์จริง ส่วนเจ้าแบล็กนั่งยันคาง เอออออย่างหน้าไม่อาย “ใช่ หาพลับนุ่มๆ มาบีบให้แหลก”

โคโค่…สองคนนี้ก็ช่าง…

หนุ่มน้อยคนนี้ไม่แสดงอาการเศร้าออกมา แค่โดนป้อนอาหารหมาจนด้านชา ส่วนเหราหรงที่เล่นเลนกลางนี่สิ แววตาถึงกับชะงัก ชายหนุ่มขยายแผนที่ดู เก็บทุกรายละเอียดของโซนป่าไว้ในสายตา เพราะต้องสู้กับคู่แข่ง เขาจึงไม่ได้ดูการเล่นของฉินมั่วอย่างละเอียดนัก ทว่าความเร็วในการล่ามอนสเตอร์ของฉินมั่วที่เชื่องช้า ทำให้เหราหรงถึงกับเกร็งมือ

ตามปกติแล้ว นักฆ่าระดับลีกส์อาชีพทุกคนควรจะกวาดต้อนมอนสเตอร์จนหมดโซนป่าของตัวเองตั้งนานแล้ว ยิ่งไม่พูดถึงฉินมั่ว เขาตีมอนสเตอร์ได้เร็วกว่าใครเพื่อน ไม่เพียงแค่ตำแหน่งการเดิน ช่วงระยะห่างของเวลาที่มอนสเตอร์จะออกมา  รวมถึงระยะเวลาในการฟื้นพลัง เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มรู้ดีกว่าใคร ทั้งนี้การใช้ประโยชน์จากพวกมันอย่างคล่องแคล่วเหมาะสม ทั้งวงการ มีเขาคนเดียวที่ทำได้

เกมเมอร์ MVP ไม่ได้เป็นเพียงคำร่ำลือมั่วๆ เวลาล่ามอนสเตอร์  เขาใช้การเดินตำแหน่งพร้อมกับสกิล ซึ่งคนที่เล่นเกมต่างรู้ว่าฐานะเป็นตัวตัดสินไอเทม ไอเทมคือแสนยานุภาพ ใครได้เงินก่อน แสนยานุภาพของคนนั้นก็ยิ่งสูง เวลาที่สู้กัน จะใช้สกิลเดียวฆ่าอีกฝ่ายได้ ดังนั้นเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญในเกม

ตอนนี้ความเร็วในการตีมอนสเตอร์ของฉินมั่วเร็วกว่าเกมเมอร์ธรรมดาก็จริง แต่เล่นระดับสูงอย่างนี้แล้ว เขากลับทำได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเมื่อก่อน กระทั่งการเดินตำแหน่งยังไม่เด็ดขาด บางทีความสามารถแท้จริงที่สถิตอยู่อาจทำให้เขาไม่ตกต่ำถึงขั้นใช้เมาส์ไม่เป็น แต่เห็นได้ชัดว่าเขาลืมเซนส์ของการล่ามอนสเตอร์

เวลาอย่างนี้นักฆ่าต้องทำอะไร? เขาไม่รู้

จะว่าไป เซนส์ถือเป็นสิ่งพิเศษ แต่ละคนล้วนมีวิธีฆ่ามอนสเตอร์แตกต่างกัน

แบล็กพีชก็เล่นตำแหน่งนักฆ่ามอนสเตอร์ ทั้งสองถือว่าเก่งมาก เรียกว่าฆ่าเรียบในทุกที่ที่ผ่านไป แต่ก็ยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน

ประโยคหนึ่งว่าไว้ดี การที่นักฆ่าไล่ฆ่า ไม่ได้ดูที่ว่าใครฆ่าดะยังไง แต่อยู่ที่เซ้นต์ หากมีเซนส์ดี แม้จะเป็นรอง ก็ยังคุมการสู้รบด้วยการนำฟอร์มจนเอาชนะได้ แต่หากเซนส์ไม่ดี ฆ่าใครไม่ได้ ก็เล่นอย่างเป็นฝ่ายรับ โดยเฉพาะการเล่นระดับสูง

เหราหรงคิดได้เช่นนี้ก็เห็นร่างหนึ่งปรากฏที่แม่น้ำตรงโซนป่า เป็นนักฆ่าของฝ่ายนั้นนั่นเอง! นิ้วของเขาถึงกับชะงัก เดิมที่คิดจะเข้าไปช่วย การรบบนเลนกลางอันดีเยี่ยม จะต้องสู้แบบร่วมมือกันระหว่างนักฆ่ากับตัวสนับสนุน ยิ่งเหราหรงเป็นตัว CC ที่ลดความสามารถคู่แข่งทั้งทีมได้ด้วย

ทว่าราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงหยุดอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว จับจ้องตำแหน่งของตัวละครชุดขาวด้วยตาเป็นประกาย

ฉินมั่ว ให้ฉันพิสูจน์ว่า นายรู้ไหมว่าการเป็นนักฆ่าล่ามอนสเตอร์ต้องทำอะไรบ้าง แค่ตีมอนสเตอร์ มันจะไปพออะไร…

………………………………………..

[1] บัฟ เป็นสัตว์ที่หากถูกฆ่า ผู้ฆ่าจะได้ความสามารถหรือสกิลบางอย่างเพิ่ม

[2] หมายเลข 6 ในภาษาจีน สื่อความหมายว่า เก่ง เจ๋งมาก

[3] ลูกพลับนุ่ม หมายถึงคนที่อ่อนแอกว่า กลั่นแกล้งได้ง่าย

1785 vs 1786

ตอนที่ 1785

เมื่อไอดีของฉินมั่วปรากฏสู่สายตาของทุกคน คนในโลกออนไลน์ต่างหยุดชะงักในชั่วพริบตา ก่อนจะ…ระเบิดลงอย่างร้อนแรง บอร์ดสนทนาแทบจะแตกเพราะคอมเมนต์ที่ถล่มทะลาย เสียงร้องระงมดังไปทั่ว! “เทพฉินของฉัน ฉันเห็นอะไรเนี่ย เทพฉิน ไม่ไหวแล้ว ใจเย็นๆ ขอดูอีกครั้ง แม่เจ้า เทพฉินของฉันจริงๆ ด้วย”

 “ปลื้มปริ่มจนกระโดดลงเตียง แล้ววิ่งรอบตึกอีกสามรอบ! วันนี้มีเซอร์ไพร์สในอินเทอร์เน็ตด้วย”

“อะไร? เทพฉินกลับมาแล้วเหรอ? อยู่ไหน อยู่ไหนอ่ะ?”

“ไปคลิกตรงท่านเทพดูการแข่ง ห้องแรกเป็นพวกเทพฉิน”

“เฮ้ย เล่นแข่งรวมทีมห้าคนแบบคนละที่เลยเหรอ ชาตินี้ฉันอุตส่าห์ได้เห็นการแข่งแบบนี้ด้วย”

“อย่าห้ามฉันนะ ฉันจะไปหาหลัวของฉัน!”

เกมยังไม่ได้เริ่มต้น โดยฉินมั่วกำลังเลือกตัวละคร ซึ่งไม่เพียงที่นี่ กระทั่งออฟฟิเชียลเวยป๋อยังแทบระเบิด! ไม่ว่าพวกแอนตี้จะบอกว่าตัวเองเจ็บปวดหัวใจแค่ไหน แต่การแชร์ผ่านเวยป๋อไม่ลดลงเลย

ฉินมั่ว ชื่อนี้หมายถึงอะไร ทุกทีมต่างรู้ดี คนที่หลายๆ ทีมไม่รู้จักเบื้องหลังมาก่อน แต่ก็อยากจะดึงมาร่วมทีม แต่ทำยังไงเขาก็ไม่ไป ยึดถือตัวเฟิงอี้ให้เป็นผู้จัดการทีม

นักธุรกิจทุกคนรู้ดีว่า เขาคือคนที่มีฝีมือเล่นขั้นเทพ ซึ่งไม่เคยมีใครดังกว่า ยอดวิวเกินกว่า ชื่อเสียงมากกว่า ทั้งที่เขาไม่ใช่ดารา แต่กลับมีหัวข้อข่าวมากกว่าดาราเสียอีก

หลายๆ คนได้แต่เฝ้าชื่นชมอยู่ไกลๆ ความร้อนแรงยังทวีขึ้น จำนวนคนที่เข้ามาดูก็ไม่ต่างกัน

“เอ๊ะ ทำไมเทพฉินถึงยังไม่เลือกตัวละคร”

“เหลือตัวล่ามอนสเตอร์ เทพฉินต้องเลือกแน่ เอ ฉันมีลางสังหรณ์ว่า วันนี้ต้องตะลึงกับฝีมือของหลัวจนร้องไห้แน่”

พูดกันไปอย่างนี้ก็จริง แต่หนนี้ฉินมั่วเลือกตัวละครนานมาก หลินเฟิงหันมามองแวบหนึ่ง เห็นเพียงหัวหน้าตัวเองกุมเมาส์ด้วยมือข้างหนึ่ง พลางถามป๋อจิ่วที่อยู่ข้างๆ อย่างไม่ร้อนใจ “ครั้งที่แล้วเธอเลือกตัวไหน?”

“จะเลือกตัวที่ฉันเคยเล่นมาก่อนเหรอ?” ป๋อจิ่วยิ้มพลางหันไปหา แล้วกุมเมาส์ผ่านมือเขา อ่อยกระทั่งลมหายใจ “ตัวนี้ เป็นนักฆ่าที่เท่สุดในเกมเลเจนด์ ตัวนี้ใส่ชุดขาว ถือดาบยาว เดินตำแหน่งคล่อง เวลาออกฤทธิ์ก็ตะลึงได้ทั้งเกมเลยล่ะ ผู้หญิงชอบกันหลายคน แถมยังแอบเรียกว่า หลัวหรือพี่จ๋าด้วยนะ”

“เธอก็ชอบเหรอ?” ฉินมั่วคลิกย้ำตัวเลือก พลางถามเธออย่างใจลอย ตัวละครปลอมๆ แบบนี้ มีอะไรน่าชอบ

ป๋อจิ่วค้ำแก้ม เอ่ยเจ้าเล่ห์ “ชอบดิ”

“เหรอ?” ฉินมั่วแทบจะเปลี่ยนตัวละครในทันใด เรียวปากเริ่มจะเย็นชาอย่างไม่ค่อยจะเท่ หน้าขาวเล็ก “ แถมห้อยเหล้าไว้ที่เอว เสเพลย์จะตาย เฮอะ ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าแม้เหยื่อตัวโปรดจะไม่มีข้อดีเด่นชัด แต่รสนิยมน่าจะดี เวลานี้ ท่าทางรสนิยมคงไม่ได้ดีแล้วล่ะ แต่ใครจะคิดล่ะว่า เขาเพิ่งจะคิดออกมาเอง

เสียงเจ้าหล่อนก็ดังขึ้น โดยลมหายใจอยู่ใกล้เขาราวกับกระซิบข้างหู ซึ่งให้ความรู้สึกร้อนแบบจั๊กกะจี้ “เพราะพี่มั่วถนัดตัวละครตัวนี้มาก พูดจริงๆ นะ ในวงการ มีพี่คนเดียวที่เลือกตัวนี้ แถมยังเป็นคนเดียวที่เล่นได้เท่สุดๆ จนคนอื่นสู้ไม่ได้”

หลินเฟิงบ่นในใจ…เฮ้ย เจ้าแบล็กอายเป็นป่ะ? กล้าพูดออกมาได้เนอะ จะเล่นเกมไหมเนี่ย!

………………………………………….

ตอนที่ 1786

 ป๋อจิ่วมองเมินสายตาตำหนิของหลินเฟิงที่มองมา เธอตั้งสมาธิที่หน้าจอ

เกมเริ่มแล้ว ห้าวินาทีหลงจากนั้น ทุกคนก็ไปที่บ่อน้ำพุ รวมฉินมั่วด้วย ด้วยเหตุที่ใช้ไอดีหลักมาเล่น ตามกฎระเบียบแล้ว ฝั่งตรงข้ามย่อมต้องเป็นเกมเมอร์ที่มีฝีมือ

หมายความว่า ถึงจะไม่ใช่ผู้เล่นลีกส์อาชีพ แต่ฝีมือถือว่าอยู่ในระดับเทพ สามารถเก็บเลเวลได้แทบจะเท่ากับพวกหลินเฟิง ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเก่งของแท้ แค่กลุ่มของฝ่ายตรงข้ามคงคิดไม่ถึงว่าจะได้จับคู่กับเกมเมอร์มืออาชีพในการเล่นแบบต่างสถานที่

ตอนแรก พวกเขาไม่ได้ใส่ใจชื่อไอดี เพราะทุกคนที่เล่นเกมจะยึดถือหลักการข้อหนึ่งที่ว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร หากเก็บระดับดาวมาได้ ถือว่าสำคัญที่สุด ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่หน้าเกมและได้เห็นจำนวนคนที่เข้ามาดูต่างก็อึ้งไปตามๆ กัน

“เฮ้ย เป็นไปได้ยังไง?”

“เฉวี่ยน นายไลฟ์สดหรือเปล่า?”

“เปล่า ที่ชวนพวกนายมาเล่นแบบนี้ ไม่ได้ไลฟ์สดนะ”

“งั้นทำไม?”

“ดีไม่ดี ฝ่ายนั้น…”

“ฝ่ายนั้น?”

“นายลองดูไอดีเขาสิ”

“ทีมไดมอนด์? ฉันจะบ้าแล้ว”

“บ้าอะไร ไม่เห็นที่เขาเขียนกันในเว็บเหรอ อาการบาดเจ็บที่มือของฉินมั่วทำให้เขาอาจลงแข่งในระดับเอเชียไม่ได้ เดาว่าเขาคงย่ำแย่จนแข่งไม่ไหว ถึงไม่ได้โผล่หน้าออกมาตั้งนาน ทีมดีๆ ไม่ยอมทำตามคามต้องการของแฟนคลับ เอาแต่ใจตัวเอง ฉันล่ะมึน”

“เฉวี่ยน นายพูดเหมือนไม่ชอบพวกเขา?”

“เคยเป็นแฟนคลับอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนนี้ เฮอะ ไม่สนใจแล้ว”

“ฉันชอบทีมนี้ออก อย่ามาทำเสียงแบบนี้นะ”

“ฉันทำเสียงแบบนี้แล้วจะยังไง? ทีมไดมอนด์ควรจะเลียนแบบฉัน ควรฟังเสียงแฟนคลับเสียบ้าง แค่สร้างกรุ๊ปแชทมันจะแค่ไหนกันเชียว  ดูสิว่ากรุ๊ปฉันเยอะแค่ไหน”

“พอเหอะ เกมจะเริ่มแล้ว ดูสิว่าเราจะเล่นกันยังไง”

ตอนที่พูดกัน ทุกคนต่างประจำที่ คนที่ใช้ไอดีชื่อ ‘เฉวี่ยน’ เลือกบทาทเดียวกับฉินมั่ว โดยเป็นนักล่ามอนสเตอร์ ตอนแรกเฉวี่ยนชอบฉินมั่วจริงๆ แต่พอมาไลฟ์สดจนมีแฟนคลับของตัวเอง เดิมที่คิดจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง ไม่คิดเลยว่าทีมไดมอนด์จะตัดทางดังของเขา ยิ่งดูก็ยิ่งเหม็นหน้า

ในโลกนี้ ใช่ว่าจะมีแค่ผู้ชายคนนั้นที่ล่ามอนสเตอร์เก่งสักหน่อย คนที่เล่นบทบาทนี้มีเยอะจะตาย ฉินมั่วก็แค่เข้าวงการเร็วกว่า เลยถูกแฟนคลับยกยอให้เป็นเทพเท่านั้นแหละ ถ้าให้โอกาสกับเขาบ้าง รับรองว่าไม่มีวันแพ้ฝ่ายนั้นหรอก

เฉวี่ยนครุ่นคิดพบางวางแผนบางอย่าง ว่ากันว่าตอนนี้ฉินมั่วกำลังแย่ไม่ใช่เหรอ งั้นฉวยโอกาสทดสองดูสักหน่อยดีกว่า ถ้าแย่ จริงๆ เขาจะจับอีกฝ่ายฆ่าดีกว่า!

อันที่จริง เฉวี่ยนกลัวฉินมั่วอยู่มาก เรียกได้ว่าฝีมือการเล่นของเขาในเวลานี้ก็เรียนรู้มาจากคลิปของฉินมั่วนั่นแหละ แต่เขาเชื่อในหลักการคลื่นลูกหลังไล่แซงคลื่นลูกหน้า ขอแค่วางแผนการเล่นดีๆ บวกกับสถานการณ์อันย่ำแย่ของชายหนุ่มในเวลานี้ รับรองว่าเกมนี้เขาดังพลุแตกแน่

ยิ่งคิดเฉวี่ยนก็ยิ่งรู้สึกว่าวิธีนี้ไม่เลว เพื่อที่จะได้โฆษณาตัวเองในอนาคต เขาจงใจกดปุ่มอัดคลิปที่มุมบนขวา

โอกาสแพ้ชนะของเกมนี้ ยังไม่น่าจะฟันธงได้ พวกเขาอาจชนะทีมไดมอนด์ไม่ไหว แต่การฆ่าสักคน ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ถึงเวลานั้นไม่ว่าผลการแข่งจะเป็นยังไง แต่พาดหัวข้อว่าฆ่าฉินมั่วได้ ชื่อเสียงขอเขาต้องพุ่งขึ้นแน่นอน

ซึ่งถ้าพวกแฟนคลับไม่พอใจ ก็แค่ขอโทษ ยังไรเสียบางคนก็ไม่สนหรอก แค่เล่นเก่งพวกนั้นก็ชอบแล้ว

……………………………………

1783 vs 1784

ตอนที่ 1783

หลินเฟิงซุกซ่อนอะไรไว้ในแววตา อวิ๋นหู่ย่อมเห็น รวมถึงเรื่องที่เจ้าคนแบ๊วบื้อรีบแจ้งข่าวแก่เฟิงอี้ที่อยู่ในบริษัททันที่ที่รู้ข่าว “จิ้งจอกเฟิง รู้หรือยังว่า มือของหัวหน้าหายแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ มือของหัวหน้าหายแล้ว ต่อไปถ้าพวกจ้าวซานพั่งกล้าโม้ในกรุ๊ปแชทอีกนะ ฉันจะปิดประตูแล้วปล่อยหัวหน้ามาตีมัน”

พวกท่านเทพมีกรุ๊ปแชทกันเอง โดยเฉพาะพวกที่เล่นกันจนลือมวันลืมคืนอย่างพวกเขา

อวิ๋นหู่คิดว่า เจ้านี่ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่า ตอนนี้หัวหน้าสูญเสียความทรงจำ เล่นไม่ได้ แต่ไม่ได้ขัดคอ แค่เห็นหลินเฟิงคุยกับเฟิงอี้ ก็เติมแค่ ‘รู้สึกว่าเล่นอีกสิบปียังไหวเลย’ เมื่อมาอยู่รวมกัน ก็เหมือนมีพลังบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่า พวกเราสามารถเป็นวัยรุ่นได้อีกสิบปี

เฟิงอี้เห็นข้อความในวีแชท ในระหว่างที่กำลังจัดการปัญหาในโลกออนไลน์ เขาไม่ได้นอนมาวันหนึ่งเต็มๆ ทั้งยังต้องไปกินเลี้ยงกับพวกนักข่าวอีก เจ้าตัวคลุมเสื้อสูทไว้บนไหล่ มีท่าทีอ่อนล้าตามประสานักธุรกิจ ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยังว่า “ผอ.เฟิงคะ คุณพักสักหน่อยดีไหม ที่เหลือพวกเราจะเฝ้าให้” แต่กลับเห็นเขามองดูมือถือแล้วพลันหัวเราะขึ้นมา ไม่รู้ว่าไปเห็นอะไรเข้า

เขายกมือขึ้นนวดต้นคอ ราวกับฟื้นสภาพของจิ้งจอกหน้ายิ้มแล้ว “ฉันเฝ้าเอง ไปซื้อกาแฟมาเลี้ยงทุกคนหน่อย ก่อนการแข่งชิงแชมป์เอเชีย พวกเราคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ”

ผู้ช่วยอยากบอกว่าไม่เหนื่อยหรอก เธอลอบมองเขา ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้ว่าบริษัทอีสปอร์ตเป็นยังไง คิดว่าแค่เล่นเกม ขอแค่สมาชิกในทีมแข่งให้เต็มที่เป็นพอ

เวลานี้เธอเข้าใจแก่นแท้ของมันแล้ว ทีมที่ดีเยี่ยม ไม่เพียงต้องมีสมาชิกที่กล้าสู้ไปข้างหน้า ยังต้องมีคนแบบนี้ค่อยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง

เขาจะต้องรอบรู้ทุกสิ่ง ต้องป้องกันปัญหาล่วงหน้า อะไรที่นึกไม่ถึงก็แก้ไขไปตามสถานการณ์ เพราะโลกอินเทอร์เน็ตสื่อสารกันไวมาก ซึ่งหากเป็นปัญหาเล็กๆ ยังพอว่า แต่น่ากลัวที่สุดก็ตรงที่พวกกลับขาวให้เป็นดำ เช่นในเวลานี้

มีคนที่อ้างว่าเป็นแฟนคลับของทีม กลับทำลายทีมในทุกประโยคที่เอ่ยขึ้น เพราะประสงค์จะไม่ให้แบล็กพีช Z กลับมา โดยโวยวายต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ว่าเสียใจต่อการกระทำของทีมที่ทำลายความรู้สึกของเธอ โดยเอาความประสงค์ดีของเธอไปโยนให้หมากิน

สิ่งเหล่านี้ หากคุณเปิดฉากโต้ตอบ ก็จะกลายเป็นว่าทีมไม่มีเหตุผล ซึ่งปกติเฟิงอี้จะดูแลเรื่องพวกนี้เป็นพิเศษ เขานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ สูบบุหรี่บ้าง แล้วจัดการปัญหา ก่อนจะกลับมาดูงานในมือ เพราะคงมีแต่วิธีนี้ที่อาจทำให้แบล็กพีช Z กลับมา

อาจเป็นเพราะเหตุที่ประกาศข่าวดีออกมา บรรยากาศบนโต๊ะจึงดีมากมาตลอด จนกระทั่งเหราหรงลุกขึ้นมองฉินมั่ว “ในเมื่อมือก็หายแล้ว งั้นมาเล่นกันสักตา จะได้ดูว่าเล่นเข้ากันขนาดไหน” ส่งผลให้มือที่ถือแก้วเหล้าของหลินเฟิงถึงกับชะงัก โคโค่ก็เงียบ

เวลานี้ห้องตกอยู่ในความสงบ มีเพียงฉินมั่วที่ยังใช้มีดเฉือนเนื้อแพะด้วยกิริยาดูดี ก่อนจะส่งเข้าปาก รอจนกินหมด ก็ค่อยๆ แย้มมุมปาก “ฉันไม่สนเรื่องเล่นเกม”

ห้วงเวลานั้น บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปสู่ความเย็นชาอย่างเงียบๆ หลินเฟิงรีบหันไปมองเหราหรง สื่อความหมายว่า ก่อนมาก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมอยู่ๆ นายถึงเปลี่ยนใจวะ

เหราหรงทำเหมือนกับไม่เห็นสายตาของอีกฝ่าย ยิ้มขึ้น ก่อนเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ “ถึงจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ความสามารถเดิมต้องยังอยู่ ฉินมั่ว นายไม่สนใจจริงๆ หรือกำลังต่อต้านตัวเองในอดีต?”

…………………………………

ตอนที่ 1784

เหราหรงรู้ดีแก่ใจว่า สิ่งที่เอ่ยขึ้น คงมีแค่เขาคนเดียวที่กล้าพูดต่อฉินมั่ว คนในทีมไดมอนด์ล้วนแต่ถูกชายหนุ่มปั้นขึ้นมา ย่อมไม่กล้า เว้นแต่คนเดียวที่ไม่กลัวฉินมั่ว ทั้งยังโอ๋จนแทบจะฝังเข้าไปในกระดูกตัวเอง

แต่ถ้าไม่คุยแล้วจะเปลี่ยนสถานการณ์อย่างไร ยิ่งคนอย่างฉินมั่ว ย่อมไม่ทิ้งความชอบไปอย่างที่พูดออกมาหรอก

ไม่เพียงแต่คนในทีมเดียวกัน กระทั่งคนที่เคยเป็นคู่แข่งอย่างเขา ยังรอให้ชายหนุ่มเอาความสามารถทั้งหมดมาใช้ในการแข่งระดับเอเชีย หากเวลานี้ต้องการคนชั่วช้า งั้นเหราหรงจะรับหน้าที่เอง

“ว่าไง?” เขาหัวเราะเบาๆ เอ่ยต่อ “เล่นไหม? หรือนายคิดว่าตัวเองไม่เก่งแล้ว กระทั่งจะรวมกลุ่มแข่งแบบอยู่คนละที่ก็ยังไม่กล้า?”

บรรยากาศตกดิ่งสู่จุดเยือกแข็งในทันทีที่พูดจบ ฉินมั่ววางมีดในมือลง สบตาอีกฝ่าย พูดเสียงกระด้างว่า “โดนดูถูกเข้าให้แล้ว ว่าแต่จะเล่นกันคนละที่อีท่าไหนล่ะ?” ใช่ ฉินมั่วไม่เข้าใจกระทั่งคำว่าเล่นคนละที่

“ฉัน นาย หลินเฟิง อวิ๋นหู่ เฮียเย่า รวมกลุ่มเล่นกันห้าคน ดูว่าเล่นกันได้ผลยังไงบ้าง” เหราหรงพูดมาถึงตรงนี้ก็มองป๋อจิ่ว “Z ไม่ต้องลง เพราะถ้าลง มีหวังพาทีมชนะแน่ แถมมีเขาคอยปกป้องนายไว้ รับรองวัดระดับฝีมือนายไม่ได้หรอก”

“โอเค” ฉินมั่วตอบสั้นๆ แล้วหยินเสื้อนอกพลางลุกขึ้นยืน เรียวปากยังบิดยิ้ม ดูเหมือนอารมณ์จะไม่เปลี่ยนแปลงสักเท่าไร มองไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร

ห้องรวมชั้นบนมีคอมพิวเตอร์วางเต็มไปหมด เหมาะที่จะรวมทีมเล่นมาก ทว่าป๋อจิ่วกลับไม่ขยับ ฉินมั่วมองเธอแวบหนึ่ง “ทำไม? กลัวว่าฉันเปราะบางจนรับไม่ได้?”

“เปล่า” ป๋อจิ่วจึงลุกขึ้นบ้าง “ฉันกำลังคิดว่า เดี๋ยวฉันจะนั่งข้างพี่ตอนที่พี่เล่นได้ไหม ตอนนี้พี่น่าจะไม่ค่อยรู้เรื่องสกิลของตัวละคร”

ฉินมั่วได้ยินแล้ว แววตาอ่อนโยนขึ้น ยัยนี่ยังพอจะมีมโนธรรมอยู่บ้าง เจ้าหล่อนวางแผนในวันนี้ก็เพราะอยากให้เขาได้สัมผัสเกมไม่ใช่เหรอ? ชายหนุ่มก้มหน้า ส่งเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะเงยหน้าเปลี่ยนไปหัวเราะแทน “เธอเป็นสายเปย์ของฉันนี่นา ไม่นั่งข้างฉันแล้วจะไปนั่งที่ไหน? นั่งตักฉันเรอะ?”

“ไม่ได้ เดี๋ยวจะรบกวนตอนพี่เล่นเกม” ป๋อจิ่วตอบจริงจัง

หลินเฟิงกลับไปยินแล้วแทบกระอักเลือด ถ้าไม่รบกวน นายก็จะนั่งงั้นสิ? แล้วเรียกอะไรกันวะ สายเปย์

เจ้าแบล็ก นายอยากให้หัวหน้าเรียกตัวเองว่าป๋าใช่ไหม? นายไปเล่าอะไรให้หัวหน้าฟังในช่วงที่คนเค้าสูญเสียความทรงจำวะ

หลินเฟิงอยากหาจังหวะคุยกับแบล็กพีชเสียหน่อย แต่จนปัญญาด้วยหัวหน้ากันไว้อย่างกับเขาเป็นหมาป่า ทิ่มแทงใจเสียจริงว่ะ แต่อุตส่าห์ได้รวมทีมเล่น ทุกคนย่อมตื่นเต้น

เหยาเย่ากับหลินเฉินทาวก็เปิดคอมพิวเตอร์เช่นกัน ถึงไม่ได้แข่งแต่ดูก็ยังดี ส่วนเหราหรงนั่งลง สวมหูฟังไว้บนศีรษะ “ฉันจะไปพัฒนาที่เลนกลาง”

“ของฉันเลนบน” เฮียงับบุหรี่

หลินเฟินเลิกเลือกเป็นตัวแม่นมคอยสนับสนุน “ฉันเอาอันนี้ไว้ฝึกมือ”

“ฉันจะเล่นเป็นตัวสกิล adc” อวิ๋นหู่เอียงศีรษะวาดตาดูสถานการณ์ในอินเทอร์เน็ต

พวกเขาใช้ไอดีหลัก และผลจากการใช้ไอดีหลักก็คือ ในทันทีที่ออนไลน์ก็เรียกความสนใจจากแฟนคลับทั้งหลายได้อยู่หมัด!

ธรรมดาแล้วแค่ออกมาคนเดียว คลื่นก็โหมซัด แต่นี่ดันออนไลน์พร้อมกันสี่คนยิ่งเหมือนระเบิดที่จู่ๆ ก็ถูกโยนเข้าใส่ เกิดอำนาจทำลายล้างสูง ขนาดที่คอมเมนต์ทะลักทะลายเข้ามากันใหญ่ และระเบิดลูกสุดท้ายก็คือไอดีที่ป๋อจิ่วช่วยลงทะเบียนเข้าใช้แทนท่านเทพ ฉินมั่ว…

…………………………………..

1780 vs 1781 vs 1782

ตอนที่ 1780

 รอจนหลินเฟิงได้เห็นคุณตาพ่อบ้านตามที่ป๋อจิ่วเรียก ถึงได้รู้ว่าโลกนี้ยังมีคนย่างแพะทั้งตัวในบ้านได้จริงๆ

ตอนแรกพวกเขากดออด พอเห็นก็ถึงกับผงะ โดยเฉพาะเหราหรงที่อยู่หน้าสุดและออกจะดูเท่ในตอนแรก แต่เมื่อได้เห็นหน้าของคนตรงหน้า กลับชะงักก่อนจะกล่าวคำขอโทษขอโพยเป็นภาษาอังกฤษต่อคุณตา แล้วหันไปถามหลินเฟิง “แน่ใจนะว่าไม่ได้มาผิดบ้าน”

“109 ก็ที่นี่นี่แหละ” หลินเฟิงสงสัยเช่นกัน ทำไมคนที่มาเปิดประตูกลับเป็นคุณตาชาวอังกฤษสุดเท่ งั้นเขาส่งข้อความเสียงไปถามเจ้าแบล็กแล้วกัน

ในขณะที่เขากำลังจะหยิบมือถือ คุณตาที่สวมสูทก็เอ่ยปากอย่างมีมารยาทครบถ้วน ประหนึ่งเป็นราชนิกุล “นายน้อยกำลังปรับระบบอินเทอร์เน็ตอยู่ครับ เชิญทุกท่านเข้าไปข้างในก่อนนะครับ”

ภาษาจีนสำเนียงมาตรฐานที่คุณตาเอ่ยออกมา ทำให้เหราหรงคลำจมูก ส่วนหลินเฟิงถึงกับตาโต “นายน้อย?”

นี่สมัยไหนกันแล้ววะ? แต่ถ้าบอกว่ากำลังปรับระบบอินเทอร์เน็ตอยู่ ก็ต้องเป็นเจ้าแบล็กจริงๆ นั่นแหละ

สีหน้าของพวกเขาประหนึ่งอยู่ในมิติมหัศจรรย์ กระทั่งเฮียเย่าที่เตรียมบุหรี่มาสูบถึงกับวางลง สิ่งที่เกิดขึ้นดูจะเหนือความคาดคิด โดยเฉพาะคุณตาชาวอังกฤษคนนี้ยังสวมผ้ากันเปื้อนสีดำรอบเอว เอ่ยเสียงไพเราะ “วันนี้เตรียมแพะย่างให้ทุกคนตัวหนึ่ง นายน้อยบอกว่า พวกคุณชอบทานเนื้อ”

พวกเขาชอบกินเนื้อนั้นไม่ผิดหรอก แต่ตะแกรงเหล็กขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า รวมถึงคุณพ่อบ้านชาวอังกฤษที่ยืนถือมีดและส้อมอย่างชำนาญอยู่ด้านหลังนี่สิ ทำให้พวกเขางง

กลิ่นหอมลอยเต็มห้อง หลินเฟิงเห็นแพะที่ถูกแขวนบนตะแกรงเหล็กทั้งตัว โดยผิวนอกเกรียมเหลือง ราดน้ำมันรดลงสู่กองไฟอย่างหอมไปทั่ว

คุณตาดูราวกับเป็นเชฟชั้นเยี่ยม ถือมีดโค้งมากรีดบนตัวแพะอย่างคล่องมือและสุภาพ ราวกับเป็นการแสดง

โคโค่เห็นแล้วลูบคาง “ฝีมือเอ่อ…”

“หืม?” เหยาเย่าโผล่หน้าเข้าไปหมายจะถามว่าทำไมเหรอ

โคโค่ก็งับหูกระต่ายในมือเสีย “โคตรเทพเลย ตอนที่ฉันไปงานปาร์ตี้ของคิงประเทศดูไบกับพ่อ ก็เคยเห็นแบบนี้แหละ”

“แสดงว่ามื้อนี้เราจะกินมื้อพระราชา” หลินเฟิงใจลอย

โคโค่ไม่พูด ด้วยกำลังดมกลิ่น เพราะหอมมาก ๆ

การย่างแพะทั้งตัวต่างจากเนื้อย่างซาวข่าว กลิ่นไม้ที่ใช้เป็นฟืนจะเข้าไปหลอมรวมกับยี่หร่าที่ใช้ย่างจนกลายเป็นกลิ่นหอม ทำให้ท้องร้องกันใหญ่

น้อยคนที่จะทำแบบนี้ นอกจากพวกที่อยู่ในทุ่งหญ้ามองโกลเลีย

เวลานี้เหราหรงไม่แปลใจเหมือนเมื่อครู่ เพราะก่อนหน้านั้นเขาเคยได้สัมผัสกับคนคนนั้นในบางด้าน หากอีกฝ่ายเป็นแค่คุณชายตระกูลฟู่ ย่อมไม่มีวันทำได้ถึงขั้นนี้ แต่นั่นคือ Z ผู้เป็นแฮกเกอร์มือโปรระดับโลก

ช่วงที่เขาอยู่ในโลกแห่งความมืดมน ก็พอจะได้ยินเรื่องราวของเธอมาบ้าง เช่น เกิดจากครอบครัวที่มีพื้นฐานเป็นแฮกเกอร์ซึ่งมีที่มาไม่ธรรมดา บ้างก็ว่า Z เป็นพวกไฮโซที่มีสายเลือดผสมระหว่างคนตะวันตกและตะวันออกในศตวรรษที่ 19 แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่ได้รับการพิสูจน์ จะว่าไปก่อนหน้านั้นพวกเขายังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นชายหรือหญิงกันแน่

หากไม่เพราะเคยติดต่อกับเจ้าแบล็กมาบ้าง เขาก็คงไม่รู้หรอกว่าเธอคือ Z เวลานี้พอจะเห็นได้ว่า เธอรวยมากๆ  แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทำไมข้อมูลที่พวกเขาเคยตรวจสอบเจอ ระบุว่า Z อยู่ที่ The Fifth Avenue เสมอมา ทว่าเจ้าแบล็กกลับอยู่เจียงเฉิง

แต่เวลานี้สิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญอีกแล้ว สำคัญที่คนที่เคยเป็นคู่ต่อสู้ของเขาอย่างฉินมั่วเป็นยังไงบ้างต่างหาก

………………………………………

ตอนที่ 1781

ป๋อจิ่วที่ปรับระบบอินเทอร์เน็ตอยู่ ได้ยินเสียงจากด้านล่าง ก็ดึงมือท่านเทพให้เดินลงไปด้วยกัน และคงเพราะเมื่อคืนตอนอน เส้นผมเธอถูกทับ จึงชี้เด่อยู่กลางศีรษะ แถมยังต้องจัดการสายอินเทอร์เน็ตอีก ทำให้ปลายจมูกเปือนฝุ่น ทว่ากลับทำให้เธอดูเท่แบบคนเจ้าชู้

นั่นไง พอลงไปปุ๊บ หลินเฟิงก็ร้องเสียงดัง อ้าแขนถลามาหากะจะกอด ทว่ามือของเขายังไม่ทันได้แตะบ่าป๋อจิ่ว

‘ปึง!’ ไพ่ใบหนึ่งก็บินมาปักบางรองเท้าเขา ก่อเกิดความเจ็บปวดจนต้องเต้นเร่าๆ “เฮ้ย ไพ่มาจากไหนวะ ทำไมปักเสียจน…”

แววตานั่นลุ่มลึกจนมองไม่ให้ก้นบึ้ง ทั้งยังดูเรียบเรื่อย แต่ไร้ความอบอุ่น

หลินเฟิงผงะ ลองเรียกดู “หัวหน้า”

ฉินมั่วหยักยิ้ม “ขอโทษที มือลื่นไปหน่อย”

“อ่ะ เอ่อ” หลินเฟิงพูดต่อไม่ติด หัวหน้าอยู่ในสภาพที่เปี่ยมไปด้วยมารยาทจนดูห่างเหินเชียว เมื่อก่อนเวลาหัวหน้าสั่งสอนพวกเขา ล้วนแต่ไม่เคยพูดคำว่าขอโทษออกมา การทำโทษไม่ให้พวกเขากินเนื้อถือเป็นเรื่องปกติ คนที่สนิทกับหัวหน้าถึงจะรู้ว่าชายหนุ่มจะมีมารยาทต่อคนนอกเท่านั้น เวลานี้ พวกเขาเป็นคนนอกไปแล้วหรือ?

คิดได้เช่นนี้ หลินเฟิงก็ถึงกับสลด แต่ก็แค่ครู่เดียว เพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่หัวหน้ากลับมาอย่างปลอดภัยอีกแล้ว

หลินเฟิงที่บื้อแบ๊ว หัวเราะเชื่อว่าฉินมั่วมือลื่นจริงๆ ตรงเข้าไปจะเกาะบ่าป๋อจิ่ว “เจ้าแบล็ก พี่เอาเบียร์มาให้โหลหนึ่งด้วย เป็นไง แจ่ม…ไหม?”

‘ฟึ่บ!’ ครั้งนี้ไพ่บินผ่านยอดศีรษะตัดเส้นผมร่วงลงมาอย่างไม่พลาด เล่นเอาหลินเฟิงชะงัก มองหัวหน้าพลางบ่นนิดๆ “มือลื่นอีกแล้วเหรอ?”

“อันที่จริง” ฉินมั่วบิดมุมปากยิ้มบางๆ “ฉันอยากเจาะมือข้างนั้นของนาย”

หลินเฟิงหันไปเรียกร้องความสงสารจากเพื่อนๆ ไม่คิดว่า นอกจากอวิ๋นหู่ที่ยังพอจะมีมนุษยธรรม ด้วยการลากเขาไปหลบด้านหลังแล้ว คนอื่นๆ กลับมองเขาด้วยความสมน้ำหน้า

เฮ้ย! คนพวกนี้เป็นคนแบบไหนกันวะ แถมตัวต้นเรื่องอย่างเจ้าแบล็กยิ่งแล้วกันเข้าไปใหญ่ ด้วยการเอ่ยอย่างจริงจัง “พี่ดาวประจำทีม เคยบอกแล้วใช่ไหมว่า ตอนนี้ฉันมีแฟนแล้ว อย่าเอะอะอะไรก็จับเนื้อต้องตัวฉัน แฟนฉันจะโกรธเอา ต่อไปอย่าซี้ซั้วเกาะบ่าคนอื่นอีกนะ”

หลินเฟิง…ตอนที่นายนับพี่นับน้องกับฉันแล้วชนแก้วเหล้าเอ้อร์กัวโถวกันน่ะ นายก็เกาะบ่าฉันเดินตลอดทางเลยไม่ใช่เหรอ ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าฉันเป็นฝ่ายรับ ไม่มีอำนาจข่มใคร ไม่คิดเลยนะว่านายจะเป็นคนแบบนี้เลยนะ เจ้าแบล็ก!

เสียงเอะอะโวยวายราวกับแสดงสภาพของพวกเขาว่าเป็นกันแบบนี้มาก่อน

เฮียเย่าคาบบุหรี่พลางยิ้ม โคโค่และเฟิงซ่างต่างกัดหูกระต่าย เหราหรงกับหลินเฉินทาวหยอดบ้างอย่างเหมาะสม ไม่มีความรู้สึกประดักประเดิดเลย

ส่วนป๋อจิ่วเอาแต่ทำหน้าอวดแฟน ทำตัวน่าเกลียดจริงๆ

ฉินมั่วนั่งคร้านๆ ข้างตัวเธอ พาดมือไว้บนพนักเก้าอี้ ทั้งๆ ที่ท่าทางเขาไม่ได้แสดงความสนิทเสน่หาอะไร แต่กลับทำให้รู้สึกว่าทั้งสองเหมือนหลอมตัวเป็นหนึ่งเสมอมา กระทั่งเวลานี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น สมาชิกทุกคนหยอกล้อกันคนละทีสองที กินเนื้อเคล้าเหล้าเบียร์ หัวเราะกันลั่นห้อง

เซวียเหยาเย่ามองพวกเขาด้วยความรู้สึกอุ่นๆ ในหัวใจ ดีจัง! แม้จะมีบาดแผลมากมาย แต่พวกเขาก็กลับมาแล้ว…

………………………………….

ตอนที่ 1782

ในฐานะที่เป็นคุณพ่อบ้านมืออาชีพ คุณตาย่อมสังเกตอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเซวียเหยาเย่า จึงยื่นผ้ากันเปื้อนที่ใช้ในเวลาทานอาหารมาให้อย่างนุ่มนวล ทั้งยังผลักจานขนมหวานให้อย่างทันใจ เอ่ยเสียงเบา “นายน้อยชอบกินมาก ถ้าทานคู่กับชามะนาว จะทำให้คุณผู้หญิงอารมณ์ดี”

กิริยาดังกล่า ทำให้แววตาของเหยาเย่ามีแววตะลึงพาดผ่าน เมื่อเงยหน้าก็ประสานสายตากับแววตาอบอุ่นของฝ่าบาทจิ่ว เวลานี้เธอรู้สักทีว่าทำไมฝ่าบาทจิ่วถึงได้อ่อนโยนมาก เพราะมีคุณตาผู้เพียบพร้อมไปด้วยการอบรมเลี้ยงดู ย่อมต้องซึมซับไปในตัว

อันที่จริง สิ่งที่เธอสรุปมีทั้งถูกต้องและไม่ถูกต้อง ถ้าคุณตารู้เข้า คงต้องถอนใจยาว และเอ่ยขึ้นอย่างทระนงระคนจนปัญญา “นายน้อยสุภาพมากกว่าผู้ชายทั่วไปโขเลยล่ะครับ แต่ที่ผมสอนเรื่องความเป็นกุลสตรีกลับ…” ซึ่งจะว่าไป นี่ก็คือว่าเป็นความล้มเหลวเช่นกัน ทว่าในหัวใจของคุณตา นายน้อยของตนเองถือเป็นสิ่งล้ำค่าที่มีน้อยในโลกของเรา ดังนั้นจึงตระเตรียมทุกสิ่งเสียพร้อมไปหมด รวมถึงเมื่อใช้ผ้าขาวเช็ดอุปกรณ์ทานอาหาร จึงทำให้หลินเฟิงอดหันไปดูไม่ได้ เพราะทำด้วยกิริยาสง่าเหลือเกิน เจ้าแบล็กไปหามาจากไหนวะ? เยี่ยมเป็นบ้า!

หลินนเฟิงไม่เคยเก็บความอยู่ สงสัยอะไรก็ถามทันที

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วก็ตอบกลั้วยิ้ม “คุณตาดูแลฉันตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้ว ฉันไม่ได้เก่งขนาดที่เชิญคุณตามาทำงานให้หรอก”

แล้วใครเป็นคนไปเชิญมา? หลินเฟิงงงงวย คงไม่ใช่คนในตระกูลฟู่หรอกนะ?

“เอ้อ” ป๋อจิ่ววางแก้วน้ำในมือลง แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “มือของพี่มั่วหายแล้วนะ คุณตาช่วยผ่าตัดให้ ตอนนี้ใช้คล่องเลย เวลาหมุนข้อมือก็ไม่เจ็บอีกแล้ว ต่อไปพวกนายสบายใจได้”

หากยังไม่ได้บอกข่าวนี้ต่อใคร ก็ประกาศเสียเลยในเวลานี้ ส่งผลให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารต่างตะลึง ยิ้มออกมากันทั่วหน้าอย่างอัตโนมัติ คงเพราะดีใจมาก

ป๋อจิ่วรู้ความรู้สึกพวกเขาเป็นอย่างดี สามปีที่ผ่านมา เขาลงแข่งทั้งๆ ที่บาดเจ็บ ต้องทิ้งตำแหน่งล่ามอนสเตอร์เพื่อการเล่นของทีมไดมอนด์ ไม่อาจล่วงเข้าสู่โซนป่าของคู่แข่งได้อย่างที่ใจต้องการ คงเพราะกลัวว่า หากอาการบาดเจ็บกำเริบในช่วงเวลาขับขัน จะทำให้แพ้

เขารู้ดีว่าทีมไดมอนด์ไม่อาจขาดเขา ดังนั้นแม้คุณหมอจะสั่งให้เขาหยุดแข่งสองปีเพื่อพัก เขาก็ไม่ฟังเพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า สองปีมีความหมายอย่างใรในวงการอีสปอร์ต

ในสองปี คนที่บอกว่าชอบคุณ จะหันไปชอบทีมอื่น

ในสองปี จะมีโอกาสสูญเสียช่วงเวลาที่ฟอร์มพุ่งขึ้นสูงสุดของนักกีฬา

ในสองปี ทีมไดมอนด์คงรอไม่ไหว

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นหลินเฟิง อวิ๋นหู่ กระทั่งเฟิงอี้ พวกเขาล้วนแต่รู้สึกผิดในใจ หลายครั้งที่คิดว่าหากปีนั้นพวกเขาสามารถยื้อเกมไว้จนฉินมั่วกลับมาก็คงดี อันจะทำให้ความฝันสำเร็จ แล้วสามารถถอนตัวจากทีม จากนั้นฉินมั่วจะได้รักษาอย่างเต็มที่ ไม่ใช่กักกร่อนความสามารถและความทระนงทั้งหมดทั้งมวลของชายหนุ่มไปเรื่อยๆ

หลายๆ คนอาจไม่เข้าใจ ความรู้สึกของเฟิงอี้เมื่อเห็นตัวละครที่แบล็กพีช Z บังคับ เหาะไปยังโซนป่าละลิ่วเหมือนสายลมว่าเป็นอย่างไร

ไม่เพียงแค่เห็นแสงสว่างของทีมไดมอนด์ ตอนนั้นเขายังคิดว่า ในที่สุด ในที่สุดเงานั้นก็ปรากฏขึ้น ทำให้ชายหนุ่มกลับมาได้แล้ว ไม่ใช่ในฐานะที่เป็นตัว CC ลดความสามารถของคู่แข่ง แต่เป็นนักล่ามอนสเตอร์ระดับเทพที่ใช้สกิลสามพันมีดประหารเมื่อสามปีที่แล้วต่างหาก

……………………………………..

1777 vs 1778 vs 1779

ตอนที่ 1777

“อยู่ใกล้ประภาคารจะได้ชมจันทร์ก่อนงั้นรึ?” ฉินมั่วย้ำ เหยียดมืออย่างคร้านๆ ดับมือถือเธอ “ฟังแล้วดูเหมือนเธอคิดของเธออยู่คนเดียวเลยนะ”

ป๋อจิ่วหันไปมอง “โอเค ไม่ว่าพี่จะรู้สึกหรือเปล่า ยังไงฉันก็รู้สึกอย่างนั้น อยู่ใกล้ประภาคารจะได้ชมจันทร์ก่อน”

“เธอก็เลยเข้าทีมเพราะเหตุนี้?” ฉินมั่วถามอย่างไม่ใส่ใจ

ป๋อจิ่วตอบขึงขัง “อื้ม หลงเสน่ห์พี่ไง เลยเผลอเซ็นสัญญาขายตัวให้เลย แถมเป็นสัญญาตั้งสามปีแหน่ะ พี่คือผู้กุมกฎของทีมเราเลยนะเนี่ย”

“ท่าทางฉันน่าจะเป็นป๋าสายเปย์เสียมากกว่า” ฉินมั่วยิ้ม ก้มมองคนในอ้อมกอด มุมปากเขาบิดเล็กน้อย

ป๋อจิ่วจึงได้เรียนรู้สึกทีว่าอะไรที่เรียกว่า พูดมากจะยากนาน เธอเริ่มดึงความสนใจกลับมาที่หัวข้อเดิม “ก็ไม่เชิง ฉันรวยกว่าพี่ ที่เข้าทีมก็เพราะอยากจะสร้างกฎกับพี่แบบรู้ๆ กัน”

“อ้อ? พนักงานจะสร้างกฎกับเจ้าของบริษัท? หรือว่าลูกทีมคิดจะสร้างกฎกับหัวหน้าทีม?” ฉินมั่วพูดพลางยิ้ม

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าหากพูดต่อไป เธอคงไม่ได้ประโยชน์อะไร จึงหยิบมือถือมาเตรียมเล่นเกมอีกครั้งอย่างเงียบๆ

ชายหนุ่มมองดูด้านหลังเธอด้วยท่าทีไม่เปลี่ยนแปลงด้วยการโอบเธอไว้ในอ้อมกอด “ทำไมไม่ฆ่ามอนสเตอร์แล้วล่ะ”

“ตัวใหม่ยังไม่ออกมา ต้องรอหลายวินาที ลืมแล้วเหรอ”

“พอฆ่าเสร็จ ต้องรอ 120 วินาที ถึงจะมีตัวใหม่ ตอนนี้ออกมาแล้ว”

เมื่อได้ยิน มือที่เล่นเกมของป๋อจิ่วถึงกับชะงัก เงยหน้าขึ้น “พี่รู้ได้ไง?” จำได้แล้วใช่ไหม หรือว่าพอจะจำได้บ้าง?

“มันยากเหรอ?” ฉินมั่วจิ้มนิ้วบนหน้าจอ “ดูเธอเล่นก็พอจะคำนวณได้ เลยสรุปได้ง่ายๆ”

ป๋อจิ่วลืมไปแล้ว ต่อให้ท่านเทพจะสูญเสียความทรงจำไป แต่พรสวรรค์ของเขาไม่มีวันเปลี่ยน โดยเฉพาะความจำดีเยี่ยมสมกับเป็นนักจิตวิทยายอดฝีมือซึ่งไม่มีใครเทียบได้

“บลูจะอยู่กับฉันได้นานแค่ไหน?”

“90 วิฯ”

“เวลาที่บอสราชาจะเข้าที่มืดล่ะ?”

“หลังจากที่เริ่มเกมไปแล้วสิบนาที”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วนัยน์ตายิ่งสว่างขึ้น “แล้วนานเท่าไรฉันถึงจะฟื้นพลัง?”

“กำลังทดสอบฉันใช่ไหม? หรือว่าอยากให้ฉันคุ้นกับเกมมากขึ้น” ฉินมั่วมองดูคนในอ้อมแขน มุมปากหยัดยิ้ม แต่ความอบอุ่นในแววตาหายไปเยอะ “ฉันไม่ได้ชอบเล่นเกมสักหน่อย เมื่อก่อนฉันชอบก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้จะชอบด้วย”

ป๋อจิ่วเงยหน้า พอจะเห็นว่าเขาเริ่มทนไม่ไหวแล้ว จึงปิดมือถือ “ไม่ชอบก็ไม่ต้องเล่น ฉันเห็นที่พี่ก่อกวนฉันขนาดนั้น ก็เลยคิดว่าพี่ชอบ”

“ก็เพราะเธอเล่นอยู่” จู่ๆ ฉินมั่วก็โพล่งออกมา ทำให้ทั้งสองต่างอึ้ง โดยฉินมั่วที่ย่นหัวคิ้วนิดๆ ส่วนป๋อจิ่วกลับหัวเราะขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่

ฉินมั่วเอนตัว “สะใจมากเหรอ”

“ใช่” แววตาเธอเป็นประกาย “พี่มั่ว นี่แสดงว่าชอบฉันบ้างแล้วใช่ป่ะ?”

ฉินมั่วตอบกลั้วหัวเราะด้วยเสียงเรียบ “เธอเป็นสายเปย์ของฉัน จะไม่ชอบได้ไง” เขาแสร้งอ่อนโยนอีกแล้ว ป๋อจิ่วจึงได้แต่ “ชอบก็ดี”

ทว่านัยน์ตาชายหนุ่มขรึมลง ราวกับกำลังคิดว่าตัวเองหลุดปากออกไปเช่นนั้นได้อย่างไร แต่การได้เล่นกับเหยื่อ เขาคิดว่าจะเล่นยังไงก็ได้ เพราะเธอน่าเอ็นดูดี

แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไม่ได้เล่นเกมแล้ว เธอก็ไม่มีอะไรทำ พอเขาเดินไปไหนเธอเป็นต้องติดตามไปด้วย แม้จะเข้าห้องน้ำก็ตาม ทำเหมือนเป็นหางติดตัว ฉินมั่วหันไปหา “ว่ามา อยากจะทำอะไร?”

…………………………………………..

 ตอนที่ 1778

“เปล่า แค่อยากจะถามว่า รางวัลที่จะให้ฉันอยู่ที่ไหน?” ป๋อจิ่วไม่ลืมที่ท่านเทพเอ่ยว่า ขอแค่เธอจับนักเวทตัวร้ายได้ เขาจะมีรางวัลให้

คิ้วได้รูปของฉินมั่วเลิกขึ้น อุตส่าห์ตามเขามาตลอดทางเพื่อจะเอารางวัลนี่นะ เด็กไหมล่ะ?

ป๋อจิ่วเห็นเขานิ่ง ก็เบะปาก “หลอกฉันป่ะเนี่ย”

“หลับตาสิ” ฉินมั่วลูบคิ้วที่ขมวดขึ้นของเธอ ยัยเด็กนี่กำลังจะงอแงแล้ว? ป๋อจิ่วหัวเราะขึ้นมา แล้วหลับตาลงอย่างรู้งาน บ่นในใจว่ากว่าจะยอมจูบ มันไม่ง่ายเลยนะ และเพื่อจะให้สูงพอกับจูบของเขา เธอจึงเขย่งขาฉินมั่วเห็นการกระทำอีกฝ่ายแล้วอดยิ้มมุมปากไม่ได้ จากนั้นจึงยัดของในมือลงในกระเป๋ากางเกงเธอ เอ่ยอย่างเป็นปกติ “เรียบร้อย”

เรียบร้อย? ป๋อจิ่วลืมตา  ไม่ได้แตะเธอสักนิด ทำไมถึงเรียบร้อยแล้วล่ะ?

“ไม่จุ๊บเหรอ?” ป๋อจิ่วโอดครวญด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง

ฉินมั่ว “เด็กผู้หญิงอย่างเธอนี่ ในสมองคิดอะไรบ้าง?”

“ก็ไหนบอกว่า…” ป๋อจิ่วทำหน้าใสซื่อ ส่งผลให้ชายหนุ่มนึกถึงคำตอบที่เธอเคยเอ่ยขึ้นในทันทีที่ได้ยิน สองพยางค์ ปล้ำเขา เขาปล้ำง่ายงั้นเชียว?

ฉินมั่วไม่มองหน้าเธอ แค่ทำท่าจะเอาของกลับคืนมา “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เธอคงไม่อยากได้ของรางวัลที่ฉันให้”

“ใครว่าฉันไม่อยากได้ พี่มั่ว ของรางวัลที่ให้แล้ว เอากลับคืนไปไม่ได้นะ” ป๋อจิ่วรั้งเขาไว้ มือหนึ่งปิดกระเป๋ากางเกงตัวเอง ถึงได้รู้ว่ามันคืออะไร ของกลมๆ ห่ออย่างดี น่าจะเป็นลูกอมรสช็อกโกแลต

ป๋อจิ่วชะงักครู่หนึ่ง เธอพลันคิดขึ้นมาได้ว่า เขาเคยทำแบบนี้เมื่อตอนอยู่ในค่ายทหาร จะมีขนมหวานติดกระเป๋ากางเกงทุกเวลาเพียงเพราะเพราะเธอชอบกิน

ฉินมั่วเห็นคนตรงหน้านิ่งจึงขมวดคิ้ว หมายความว่าไง? เธอไม่ชอบงั้นเหรอ? ไม่น่าจะใช่ เพราะจากสิ่งที่เขาสำรวจเจอ เด็กคนนี้ชอบกินขนมหวานมาก และในบรรดาอมยิ้มลูกกวาดทั้งหลาย เธอชอบกินรสนี้มากที่สุด แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนี้?

แม้จะไม่ได้เห็นอ้อมกอดและหน้ายิ้มๆ อย่างที่ตัวเองปรารถนา แต่ก็ไม่ทำให้ฉินมั่วผู้ซึ่งซุกมือลงในกระเป๋า สีหน้าเปลี่ยนแต่อย่างใด เพียงแต่เขาไม่ควรถามต่อว่า “ทำไม? ไม่ชอบเหรอ?”

หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ป๋อจิ่วก็ดึงตัวเองออกจากภวังค์ กำลูกอมในมือแน่น ยิ้มกว้างราวกระจันทร์เสี้ยว “ฉันชอบมาก”

ฉินมั่วกวาดตามองเธอแวบหนึ่ง ชอบมากรึ? ทว่าเธอดูไม่เหมือนเซอร์ไพร์สเลย ราวกับกำลังระลึกความหลังบางอย่าง ชายหนุ่มหันหน้าไป เส้นผมสั้นแสดงคุณประโยชน์ของมันด้วยการปกคลุมนัยน์ตา “ชอบก็ดี”

สิ่งที่เขาพูดไม่เหมือนกับที่เธอคิด แต่ก็ปกติธรรมดาแล้ว เป็นใครก็ต้องคิดถึงตอนที่คนรักตัวเองในช่วงที่ยังไม่สูญเสียความทรงจำว่าจะเป็นอย่างไร

คิดมาได้เช่นนี้ ฉินมั่วก็แย้มมุมปากเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ยิ้ม แต่กลับไม่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่อย่างใด แน่ล่ะ เขาในสภาพนี้ย่อมไม่ให้ป๋อจิ่วจับได้ เขาจะทำก็แต่เกาะกุมเอวเธอ ทรมานเธอบนเตียงอย่างเร่าร้อน ให้เธอวอนขอ ถึงจะยอมจูบเธอโดยไม่ให้เกิดขั้นต่อไป

ก่อนนอน ป๋อจิ่วรู้สึกได้ถึงเสียงที่ดังข้างหูตนเอง เสียงนั่นเบามาก ทั้งยังเซ็กซี่ลุ่มลึกเหมือนสัมผัสความชื้นด้านนอก “ตอนนี้คนที่อยู่ข้างเธอ คือฉัน”

……………………………………….

ตอนที่ 1779

คงเพราะประโยคนี้ฝังลึกอยู่ในใจ เมื่อตื่นขึ้นในวันถัดมา ป๋อจิ่วจึงเอาแต่เฝ้าถามอยู่ข้างตัวเขา “พี่มั่ว เมื่อคืนพี่พูดอะไรกับฉันอ่ะ?”

“พูดเหรอ?” ฉินมั่วยืนสง่าอยู่ข้างเตียง กลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างเป็นปกติ แต่นิ้วที่มีข้อกระดูกเด่นชัดกับกระตุกในทันทีที่ได้ยินเธอ ผิวของชายหนุ่มขาวจนแทบจะโปร่งแสง “พูดอะไร?”

ป๋อจิ่วมองดูใบหน้าเรียบเรื่อยของเขา พินิจถึงคำย้อนถามก็บิดหัวคิ้ว หรือว่าเธอหลับจนเลอะเลือน “ที่พูดว่าตอนนี้คนที่อยู่ข้างเธอคือฉัน ประมาณนี้อ่ะ”

ฉินมั่วเหมือนจะยิ้ม “ฉันพูดแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ?”

“ก็ไม่เหมือนว่าจะพูดอย่างนั้นได้จริงๆ แหละ” นอกจากปากเป็นพิษแล้ว ท่านเทพไม่มีสกิลหยอดคำหวานอะไรเลย ป๋อจิ่วเหยียบเท้าเปลือยบนพื้น สงสัยว่าเธอหลับจนเลอะเลือน แต่ใครจะรู้ว่าเท้าของเธอเพิ่งจะสัมผัสพื้น ก็ถูกเขาดึงคอเสื้อด้านหลัง โยนกลับไปอยู่บนเตียง

“ใส่รองเท้า”  เขาจ้องเธอใส่รองเท้าเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กเลย

ป๋อจิ่วมองหน้าเขา ก่อนจะก้มตัวสวมรองเท้าแตะ โอเคแล้วละมั้ง ส่วนฉินมั่วคร้านจะจัดการเธอ จึงสาวเท้าเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ แต่ใครจะว่ายัยจอมเจ้าชู้จะเดินตามหลังติดๆ พอบีบยาสีฟันก็ไม่รู้จักม้วนแขนเสื้อขึ้น อุตส่าห์หน้าตาดี

ป๋อจิ่วเองก็สังเกตเห็นแววตาของชายหนุ่มที่มองมายังเธอ จึงเอ่ยตรงๆ “พี่มั่ว วันนี้คนในทีมที่จะมา เป็นเพื่อนซี้ของพี่หมดเลยนะ”

ฉินมั่วบีบยาสีฟันเนิบนาบ ส่งเสียงรับรู้

“ทุกคนจะมารวมตัวกัน” ป๋อจิ่วว่าพลางก็จะแตะอ่างล้างหน้า

ฉินมั่วกลับรั้งมือเธอไว้ก่อนก้าวหนึ่ง งับแปรงสีฟันไว้ในปากด้วยสีหน้าเฉยชา ก้มหน้านิดๆ พับแขนเสื้อให้เธอ

ป๋อจิ่วมองดูใบหน้าใต้เงาแสงที่ทั้งหล่อและคุ้นตา บางทีก็ไม่ต่างกันหรอก

“ถ้าเธอยังมองหน้าฉันแล้วคิดเรื่องเมื่อก่อนอีก ฉันจะโกรธแล้วนะ” ป๋อจิ่วแยกแยะไม่ออกว่าเขาพูดทีเล่นหรือทีจริง รู้แค่ว่าเขากดต้นคอเธอให้โน้มไปหา เอ่ยเสียงเนิบๆ “ล้างหน้าก็ไม่รู้สักม้วนแขนเสื้อ? โตขนาดไหนแล้วนะเธอ?”

ความสามารถในการดูแลตัวเองของเธอถือว่าปกติ เวลานี้อุตส่าห์มีคนล้างหน้าให้ เมื่อหันไปมองก็เห็นมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นอย่างยั้งไม่อยู่

น้ำเสียงของท่านเทพพอจะฟังออกว่าไม่ได้ดั่งใจ ขาดแค่คำว่าป๋อเสี่ยวจิ่วเท่านั้น

ป๋อจิ่วดื่มนมแก้วหนึ่งทั้งยิ้มๆ นมนั่นท่านเทพเป็นคนรินให้เธอ แถมยังใช้มือเช็คอุณหภูมินมด้วยมือตัวเอง ก่อนจะเอาให้เธอด้วย ยิ่งเหมือนตอนเป็นเด็กเลย

ป๋อจิ่วมองดูด้วยความดีใจ อารมณ์ดีๆ เช่นนี้ยังอยู่ถึงตอนที่เธอส่งข่าวให้หลินเฟิง ชายหนุ่มผู้บื้อแบ๊วยังคงตื่นเต้น “นายว่าพวกเราต้องเอาอะไรไปไหม?”

ป๋อจิ่วไม่ชอบพิมพ์ จึงกดปุ่มอัดข้อความเสียง “ที่บ้านไม่ขาดอะไร คุณตาพ่อบ้านจะย่างแพะให้ทั้งตัว พวกเราแค่ล้อมวงกินกันก็พอ กินเสร็จพวกนายก็ฝึกซ้อม คอมพ์รุ่นเอเลี่ยนสิบสามเครื่องมันมากพอจะให้พวกเรารวมกลุ่มเล่นทีม”

พอฟังจบ หลินเฟิงเอียงศีรษะด้วยสีหน้าผิดปกติ

อวิ๋นหู่มองเขาแวบหนึ่ง “ทำไม? แบล็กไม่สะดวกเหรอ”

“สะดวกมาก” หลินเฟิงลุกขึ้นยืน “บอกว่าไปซ้อมที่นั่นได้เลย แต่ใครกันบ้างที่ย่างแพะทั้งตัวไว้ในบ้าน”

อวิ๋นหู่ “…”

…………………………………………..

1774 vs 1775 vs 1776

ตอนที่ 1774

 ตอนที่ประชุมกัน เฟิงอี้เคยบอกว่า อย่าไปโต้ตอบคอมเมนต์บนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะดีหรือเลวร้าย ถึงกับตั้งระเบียบการใช้อินเทอร์เน็ตกับพวกเขา ก็เพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจลูกทีมอย่างไรล่ะ

ในวงการอีสปอร์ต ยังมีหลายๆ คนที่ไม่เข้าใจ เริ่มตั้งแต่การดูถูกในอดีต จนไม่มีใครกล้าด่าในปัจจุบันอีกว่าก็แค่การเล่นเกม

หลายๆ คนทุ่มเทมากมาย บ้างก็หาคนมาเล่นแทนเพื่อไลฟ์สด อันเป็นวิธีการหาเงินในรูปแบบหนึ่ง เพื่อจะได้เอาใจแฟนคลับที่กลายเป็นผู้มีบุญคุณประหนึ่งพ่อตัวเอง

นานวันเข้า หลายๆ คนต่างรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ตัดสินว่าชะตาของทีมที่ตนชอบ แต่บางคนคงลืมไปว่านี่คืออีสปอร์ต ในสนามแข่ง ฝีมือการเล่นต่างหากที่ตัดสินทุกสิ่ง

สำหรับคนในวงการ เมื่อตอนเข้ามาใหม่ๆ ไม่ได้เห็นเส้นทางในอนาคตหรอก ทว่าพวกเขาเล่นด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือพวกเขารักมัน

พวกผู้หญิงอาจไม่เข้าใจความรู้สึกที่ได้นั่งเล่นเกมในหอพัก ล้มเมืองคู่แข่ง เล่นกันจนถึงเที่ยงคืน เตะเก้าอี้ของเพื่อน หยิบมือถือมาสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ งับปีกไก่พลางเล่นอีกตาหนึ่ง วันเวลาเช่นนี้จะไม่มีอีกแล้วเมื่อเรียนจบ ดังนั้นพวกเขาถึงถนอมมันมาก

เช่นเดียวกัน พวกเขาก็หวังว่าทีมที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาวัยรุ่นของพวกเขาจะไปได้ไกล พวกเขาเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าสนับสนุน นั่นคือการซื้อตั๋วสักใบเพื่อมาดูพวกเขาแข่งอย่างสุดเหวี่ยงเหมือนเมื่อก่อน คว้าเอาชัยชนะ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ

ไม่ใช่ตกอยู่ในความรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งก็ล้วนแต่เป็นเหตุจากความชอบที่คนพวกนั้นพูด  หากถามว่ารู้สึกกดดันบ้างไหม?

การแข่งอีสปอร์ต ไม่เพียงแค่ต้องแบกรับความกดดัน หากแต่เวลาที่เขาฝึกซ้อมและต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ยังมากกว่าพวกนั้นเยอะ ทั้งนี้พวกพนักงานบริษัทและนักเรียนที่อย่างมากก็โดนเจ้านายด่า แต่พวกเขาต้องเผชิญกับการก่นด่าทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะด่าคืนก็ไม่ได้ เพราะหากทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าเรามารยาททราม

คงเพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่เคยนึกถึงช่วงเวลาที่หมดอายุของวงการนี้ ขอยกตัวอย่างเช่นอินอู๋เย่า จึงไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงชอบสูบบุหรี่ อาจเพราะเพื่อคลายเหนื่อย หรืออาจเป็นทำให้เขาลดการใช้งานต้นคออันหนักหน่วง ซึ่งเขาเจ็บต้นคอจริงๆ การฝึกหนัก ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาแปดถึงเก้าชั่วโมงติดกัน ยังต้องกังวลว่าตัวเองจะเล่นได้ไม่ดีในตอนแข่ง ซึ่งเวลาที่กดดันมากๆ ก็มีผลต่อการนอนหลับด้วย จนทำให้ทุกวันนี้เขาสัปหงกตอนกลางวัน เหมือนคนสะลึมสะลือตลอดเวลา

หลายๆ คนบอกว่า นั่นแหละเป็นบุคลิกของท่านเทพทั้งหลาย ดูเรียบเรื่อยเหมือนอยู่เหนือโลก อันที่จริง พวกเขาง่วงมาก หากว่างสักนิดก็อยากจะนอน ต้องปรับสภาพอารมณ์ของตน

ตอนแรกหลินเฟิงคิดว่า พอเขาระเบิดอารมณ์ไป จะต้องโดนด่าแน่ ซึ่งเขาเองก็เตรียมใจไว้แล้ว  ด้วยเวลานี้เฟิงอี้โทรมา แต่ไม่รู้ว่าทำไมเสียงจากฝั่งนั้นถึงต่างจากยามปกติ “เจอประธานฉินบ้างไหม?”

“ก็นัดกันวันนี้นี่นา แต่เจ้าแบล็กบอกว่าให้ไปหาวันพรุ่งนี้แทน” ถึงจะบื้อแบ๊ว แต่เขาก็ยังน้ำเสียงออก “จิ้งจอกเฟิง ช่วงนี้มีอะไรปิดบังพวกเราหรือเปล่า?”

เฟิงอี้นั่งบนเก้าอี้ทำงาน เอนหลังพิงพนัก “มีเรื่องหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่มั่นใจสักเท่าไร แต่ตอนนี้น่าจะชัวร์แล้ว หลินเฟิง”

 “หืม?”

“ถ้าประธานฉินจะไม่เล่นเกมอีกต่อไป พวกนายจะทำยังไง?”

………………………………..

ตอนที่ 1775

 “หมายความว่าไง? จิ้งจอกเฟิงล้อเล่นหรือเปล่า? คนอย่างหัวหน้า ต่อให้ถอนตัวจากวงการไปแล้วก็ยังเก่งกว่าพวกเราอีก” หลินเฟิงพูดอย่างร้อนรน

ทั้งนี้เฟิงอี้เข้าใจสมาชิกทีมไดมอนด์ทุกคนในระดับหนึ่ง คนแบ๊วบื้ออย่างหลินเฟิง ยิ่งพูดอย่างใจร้อนแค่ไหน ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวรู้สึกหวาดหวั่น

เฟิงอี้นวดหัวคิ้ว “มันก็ต้องมีกรณีพิเศษกันบ้างแหละ”

“หรือว่ามือของหัวหน้าใช้การไม่ได้แล้ว?” หลินเฟิงถือโทรศัพท์เดินออกไปสองก้าว “งั้นไม่เป็นไร ขอแค่มีหัวหน้าคอยดูตอนแข่งเป็นพอ อันที่จริงฉันเองก็ไม่เห็นด้วยหรอกที่หัวหน้าจะลงแข่งอีก เพราะคุณหมอเคยบอกว่า สุขภาพมือของเขาไม่เหมาะที่จะเล่นเกมอีกต่อไป ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี”

หลินเฟิงพูดมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ยกมือขยี้ผม เสียงหมองตามไปด้วย “จิ้งจอกเฟิง เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้ากันแน่?”

เฟิงอี้รู้ว่าเขาเตรียมใจไว้แล้ว “สูญเสียความทรงจำ ลืมทุกอย่าง รวมถึงการเล่นเกมกับ…” พูดจบ เฟิงอี้ก็ชะงัก ก่อนจะต่อให้จบ “พวกเรา”

คำว่า‘พวกเรา’ ฟาดหัวเขาอย่างจัง หลินเฟิงตะลึง หางตาเริ่มแดง “เจ้าแบล็กถึงได้พาหัวหน้ากลับมาใช่ไหม”

“ความลับ ฉันยังไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้สักเท่าไร” เฟิงอี้เอียงศีรษะจุดบุหรี่ เอ่ยช้าๆ “แต่โชคดีที่เขาไม่ได้อยู่คนเดียว” เขาพอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมาสามปีก่อน หลินเฟิงก็เหมือนพวกเขานั่นแหละ ตอนนั้นฉินมั่วเร่งในสภาพไข้ขึ้นสูงและมีอาการบาดเจ็บที่มือ เร่งมาก็เพื่อเข้าร่วมการแข่งนี่แหละ ทว่าบางอย่างเมื่อพลาดแล้วก็พลาดเลย และสิ่งที่ทำให้ทุกคนไม่อาจลืมคือ เมื่อเปลี่ยนผ้าพันแผลบนไหล่ชายหนุ่ม บาดแผลนั่นต่อให้คนที่ไม่รู้เรื่องได้เห็นก็รู้ว่าเป็นบาดแผลจากปืนแน่นอน

ทุกครั้งที่หายตัวไป ฉินมั่วไปทำอะไรบ้าง พวกเขาไม่รู้ แต่ทุกครั้งที่ชายหนุ่มกลับมา ก็จะมีข่าวประกาศภายในเวลาไม่กี่วันถัดมาว่าคดีไหนบ้างที่ถูกไขได้ คนจีนที่อยู่ต่างประเทศคนไหนบ้างที่ถูกส่งกลับบ้านเกิดเมืองนอนอย่างปลอดภัย

หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง และหลายๆ ครั้ง อาจจะดูเหมือนว่าบังเอิญ ทั้งนี้คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขา อวิ๋นหู และหลินเฟิง ล้วนมาจากครอบครับที่มีเส้นสาย เคยอยู่ในแดนทหาร ซึ่งสิ่งที่พัวพันเหล่านั้น ใช่ว่าจะไม่รู้

เฟิงอี้จะเปิดเผยทั้งหมด “บางหคนเมื่อสูญเสียความทรงจำไปแล้ว จะรับไม่ได้กับการใช้ชีวิตของตนเองในอดีต อันที่จริง ฉันไม่ใช่คนแรกที่รู้ว่าประธานฉินลืมวิธีเล่นเกมไปแล้ว แต่เป็นเจ้าแบล็ก เมื่อกี้เขาส่งเมสเสจหาฉันว่าให้เตรียมใจไว้ในวันพรุ่งนี้ที่จะได้เจอกัน”

“ไม่มีอะไรที่ต้องเตรียมใจเลย” หลินเฟิงลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงจริงจัง “หัวหน้าของทีมไดมอนด์คือฉินมั่วคนเดียวเท่านั้น แม้ว่าเขาจะเล่นเกมไม่ได้อีกต่อไป ก็ยังเป็นเทพในหัวใจพวกเราที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้”

เฟิงอี้ถึงกับยิ้มในทันทีทีได้ยิน “งั้นก็เตรียมเจอเขาในวันพรุ่งนี้แล้วกัน แล้วหาโอกาสเหมาะๆ บอกพวกเขาด้วยว่า ก่อนแข่ง พวกนายควรจะต้องเจอหน้ากันจริงๆ จังๆ”

“แล้วเรื่องบนอินเทอร์เน็ต?” หลินเฟิงไอเล็กน้อย

แววตาอีกฝ่ายลุ่มลึก “ฉันจัดการเรื่องประชาสัมพันธ์เอง แล้วจะให้คำตอบที่พวกนายพอใจ”

เฟิงอี้ถือเป็นคนที่ปกป้องคนของตัวเอง แต่ ทุกคนต่างรู้ดี หลังจากที่รู้เรื่องนี้ ไม่มีใครรับได้

หลินเฟิงยังคงครุ่นคิดจนเมื่อเอนตัวนอนลงบนเตียง เจ้าแบล็กเป็นคนแรกที่รู้ ตอนนั้นเด็กนั่นรู้สึกยังไงนะ?

คงทรมานเสียยิ่งกว่าพวกเขา?

………………………………………..

ตอนที่ 1776

ทรมานไหม? ป๋อจิ่วไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไร มองดูเขาหยิบมือถือไปดูแผนที่อย่างไม่ค่อยคล่อง ราวกับเป็นมือใหม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่เดินตำแหน่งเชื่องช้า ถึงขั้นที่ชนกำแพง

นานมากแค่ไหนกันนะที่เธอสาบานว่าจะไม่ยอมให้เขาตกจากแท่นเทพ เพราะเธอยังคงจำถึงร่างในชุดขาวที่ถือดาบยาว สะบัดแขนเสื้อที ต้องมีเลือดติดตัวมาด้วย จนมาถึงในตอนนี้ก็ยังมีคลิปของเขาอยู่ในแพลตฟอร์มใหญ่ๆ  ที่ไม่ว่าจะเป็นการเดินตำแหน่งหรือเทคนิคการเล่น ก็เหมือนเป็นหนังสือเรียนเลยทีเดียว  คลิปที่แสดงให้เห็นตัวเขาช่ำชองเรื่องแผนที่บนเกมเลเจนด์ เหาะละลอยได้สบายเหมือนสายลม แถมใช้สามพันดาบประหารครั้งแล้วครั้งเล่า ฆ่าได้ถึงห้าชีวิตติดๆ กัน ราวกับเป็นภาพสลักฝังลึก ป๋อจิ่วแค่หลับตาก็นึกถึงภาพออก ดังนั้นตอนที่นักฆ่าหัวเราะเยาะการเดินตำแหน่งของท่านเทพ เธอจึงได้เกิดปฏิกิริยาทันที

คนพวกนั้นไม่มีวันรู้ถึงคุณค่าของเขา เธอไม่ได้ทรมาน แต่เวทนา เจ็บปวดจนอยากจะโอ๋เจ้าหญิงน้อยให้มีความสุข ไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม มันก็แค่ไล่จับคนในเกมไม่ใช่หรือ?

พอเห็นท่านเทพสนใจ เริ่มเล่นตาที่สอง ป๋อจิ่วเล่นต่อไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจ ท่านเทพชอบกวนเธอ เช่น เธอกำลังฆ่าบลูอยู่ เขาจะเคลื่อนนิ้วบังคับตัวละครให้ถอยหลัง เท่ากับว่าเธอฆ่าฟรี ทำให้สร้างความแค้นได้ไม่พอ ต้องกลับมาฆ่ามอนสเตอร์ใหม่ แต่เวลาเธอฆ่าคน เขากลับไม่ห้าม แถมยังพูดกลั้วหัวเราะข้างหูเธอ “โหดขนาดนั้นเชียว?”

“ก็พี่มั่วสอนมาดี” ป๋อจิ่วชอบซ่อนในพุ่มหญ้า เพราะได้เรียนรู้จากท่านเทพอย่างเงียบๆ

ท่านเทพเกยคางไว้บนไหล่เธอ จับประเด็นสำคัญเก่ง “ฉันสอนเธอเล่นเกมเหรอ?”

“ส่วนหนึ่งก็ใช่” ป๋อจิ่วพูด ตาสว่างทันที “เอางี้ฉันจะเล่าเรื่องที่พี่ไล่จีบฉันให้ฟัง”

ฉินมั่วเลิกคิ้ว พูดเสียงเรียบเรื่อย “ฉันจีบเธอ?”

“แหงสิ จะให้ฉันไล่จีบพี่ได้ไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ” ป๋อจิ่วพูดโดยไม่มองฉินมั่ว คนเจ้าชู้อย่างเธอก็มีพิรุธเหมือนกันนะ ฝ่ายฉินมั่วโฉบเข้ามางับใบหูเธออย่างขำขัน “โชคยังดีที่ป๋าสายเปย์ของฉันยังจำได้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง”

ป๋อจิ่ว “…”

“งั้น ฉันจีบเธอได้ยังไง?” อย่าทำลายความกระตือรือร้นของเหยื่อ โดยเฉพาะเหยื่อที่เลี้ยงไว้ในบ้านยิ่งเป็นเช่นนั้น ฉินมั่วยิ่งรับรู้ถึงอุณหภูมิในกายเธอ เรียวปากบิดโค้งนิดๆ

ป๋อจิ่วหัวเราะเจ้าเล่ห์ “พวกเรารู้จักกันตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ต่อมาครอบครัวฉันเกิดเรื่องขึ้นจนต้องย้ายไป ตอนนั้นไม่รู้ว่าพี่โกรธฉันหรือเปล่า ขนาดฉันส่งจดหมายให้พี่ พี่ยังไม่ตอบเลย พวกเราถึงได้ขาดการติดต่อกัน รอจนโตขึ้น ฉันอยากจะหาเงินผ่านอินเทอร์เน็ตเลยลงดันเจี้ยนหาเงิน ซึ่งพี่ก็ชอบฉันทันที บอกว่าฉันเล่นเกมเท่ดี จะต้องดึงตัวมาเข้าทีมพี่ให้ได้ พี่มาขอแอดฉันในเกมตั้งหลายครั้ง แต่โดนปฏิเสธหมด พี่ถึงขนาดพาพวกบุกโรงเรียนฉันเลยนะ พี่ก็รู้นี่นาว่าฉันมีมารยาทออกจะตาย พี่อุตส่าห์มาเชิญอย่างจริงใจขนาดนี้ แล้วจะปฏิเสธได้ไง พอคบกันไปคบกันมา พี่ก็ยิ่งหลงรักฉัน มาคิดดูดีๆ พี่มั่ว ตอนที่พี่ดึงฉันเข้าทีม ก็เพราะอยากอยู่ใกล้ประภาคาร จะได้ชมจันทร์ก่อนใช่ไหมล่ะ!”

……………………………

1732 vs 1773

ตอนที่ 1732

ปกติแล้วคนที่เล่นเกมล้วนอยากได้คะแนนมากๆ ทุกคนต่างรู้ว่า การล่ามอสเตอร์ได้ยอดเยี่ยม จะสามารถนำฟอร์มการเล่น ซึ่งมันไม่ง่ายเลยนะที่จะได้เจอกับซุปเปอร์เทพ

ยังไม่ทันจะจบเลย ก็มีคนส่งข้อความหา “พี่ผู้ชายคนที่ตีมอนสเตอร์เก่งๆ ของฝ่ายโน้นอ่ะ เดี๋ยวแอดเฟรด์กันนะ? ดูดิ ฉันน่ารักออกจะตาย อย่าเอาแต่ฆ่าฉันเลย พาฉันเก็บแต้มดีกว่า?

ปกติแล้วป๋อจิ่วไม่ค่อยไปสนทนาในบอร์ดรวมหรอก แต่วันนี้ฉินมั่วอยู่ด้วย เขาอยากดู ซึ่งเมื่อเห็นประโยคที่ว่า ฉินมั่วก็หัวเราะด้วยยิ้มสวยๆ  แต่กลับปล่อยความเย็นชาออกมาจากช่องว่างระหว่างกลีบปาก “เขาประจบเธอนี่?”

“หือ?” ป๋อจิ่วถึงได้สังเกตเห็นข้อความด้านล่าง ก่อนจะละมือมาตอบ “ไม่ใช่พี่ผู้ชายสักหน่อย”

ฝ่ายนั้นจะอ้อร้อต่อ “ไม่ใช่พี่ก็เฮียเหรอ เฮียก็ดีนะ ออกจะมีเสน่ห์ จุ๊บๆ”

“เป็นพี่สาวคนสวยต่างหาก” ป๋อจิ่วพิมพ์เสร็จ ก็ถูกท่านเทพล่อลวงให้เผลอไผล โดยชายหนุ่มกอดเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็กดลงบนมือถือเธอ ครั้งนี้เจตนาเขาชัดเจนด้วยการเอ่ยเสียงเรียบเรื่อยอย่างเย้าหยอก “แค่ฆ่าเธอ”

ป๋อจิ่ว…ทำแบบนี้กับเด็กผู้หญิงคงไม่ค่อยดีเท่าไรมั้ง? ท่านเทพไม่น่าจะรู้ว่า เธอจับคนได้โหดมาก

“ทำไม?” ฉินมั่วยิ้มบางๆ จ้องหน้าเธอ เคาะนิ้วบนนิ้วเธอ เล่นเอาวาบหวามไปหมด “เธอสงสารผู้หญิงล่ะสิ”

ชายหนุ่มพูดแล้วก็ผงะ ราวกับจับได้ว่าป๋อจิ่วชอบอะไร ก็เอ่ยปากต่อ “เธอส่งคนกลับเมืองก่อน แล้วจะมีรางวัลให้”

ต่อบอกว่า ประโยคท้ายของเขาช่างยั่วใจเหลือเกิน เธอจึงพาแม่สาวคนนั้นส่งกลับเมืองทันที!

ป๋อจิ่วถือดาบเหาะออกไป โดยฉวยจังหวะที่ผู้คนกำลังอึ้งกับ ‘พี่สาวคนสวย’ มุ่งตรงไปเจอกับนักเวทที่ยืนปิดหน้าบนเลนกลาง

นักเวทเห็นตัวเองตาย ก็พิมพ์แค่ “เฮ้ย” คนฝั่งนั้นหัวเราะตามมา “ฮ่าๆๆ ใครให้นายปลอมเป็นผู้หญิงล่ะ โดนแหกหน้าเลย”

พวกเพื่อนชาวเน็ตต่างรู้สักคำศัพท์ที่นิยมใช้ในโลกออนไลน์ หากคุณได้เจอกับฝ่ายตรงข้ามที่ตีมอนสเตอร์เก่งมาก เขาก็มักปลอมตัวเป็นผู้หญิงเข้าไปออดอ้อน รับรองว่ารอดชีวิตได้ถึงร้อยละเก้าสิบเลยล่ะ ซึ่งนักเวทเล่นมุกนี้มานานและได้ผลทุกครั้ง แต่วันนี้ซวยเป็นบ้า ทว่าเขารับรู้ถึงปัญหาหนึ่งได้อย่างรวดเร็วว่า สิ่งที่ซวยที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองเพิ่งตาย แต่กลับเป็นเรื่องที่ไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน นักฆ่าของฝั่งนั้นก็ตามมาติดๆ ชนิดที่ไม่สนใจคนส่วนใหญ่ เพียงเพื่อจะมาฆ่าเขาเท่านั้น!

นักเวทชายงงหนัก เขาต้องไม่ออกจากบ้านตัวเอง เพราะพอออกไปก็ต้องตาย

“แค้นอะไรกันนักกันหนาอ่ะ” เขาพิมพ์บนบอร์ดสนทนารวม “พี่สาวสุดเท่ อย่าทำถึงขั้นนี้เลย แค่อ้อนนิดเดียวเอง ก็ไล่ฆ่าฉันชนิดเอาเป็นเอาตายเลยเหรอ”

ป๋อจิ่วมองดูสิ่งที่เขียนบนบอร์ดก็เลิกคิ้ว ท่านเทพไม่ให้เธอกลับ สั่งให้ฆ่าต่อ เธอไม่เห็นด้วยจึงหยุดเล่น พิมพ์ข้อความออกไป “เมื่อกี้ตอนที่นายอ้อนฉันอ่ะ แฟนฉันเห็น ตอนนี้เขาหึงอยู่ข้างๆ ฉัน เดี๋ยวฉันขอโอ๋เขาก่อนนะ”

 “…”

“…”

“…”

หน้าจอรวมมีข้อความจุดเพียบ เล่นเกมขนาดที่เจอป้อนอาหารหมาไม่ถือว่าแปลก แค่พวกเขาไม่เคยโดนเล่นงานขนาดนี้มาก่อน

ทว่าวันนี้กลับมีสาวน้อยคนหนึ่งเอาแต่ล่าชีวิตคนอื่นเพื่อเอาใจแฟนหนุ่ม พูดตรงๆ นะ ลูกผู้ชายอย่างพวกเขาไม่เคยโดนเล่นงานขนาดนี้มาก่อน สถานะที่ตั้งกันแบบนี้ไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม?

……………………………….

ตอนที่ 1773

 เรื่องแบบนี้ต้องเป็นผู้ชายที่โอ๋ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ นึกถึงตอนที่พวกเขาเล่นเกม แล้วแฟนเล่นเป็นตัวชน ส่วนพวกเขาล่ามอนสเตอร์สิ พวกเขาต้องกั้นอยู่หน้าผู้หญิงแล้วตายก่อน ทำไมพอกลายมาเป็นคนอื่น วิถีจึงเปลี่ยนไปพวกคุณลองคิดดูสิว่า มันไม่เท่ากับว่าเราโดนแกล้งเหรอ?

ไม่รู้จะเล่นเกมนี้ต่อไปยังไงแล้ว นักเวทชายถูกจับได้สี่ครั้งก็ไม่กล้าออกจากเมืองอีกต่อไป และทุกครั้งที่จับฝ่ายตรงข้ามได้ ป๋อจิ่วเป็นต้องมองหน้าท่านเทพก่อน

อ้อ ยิ้มอยู่ นัยน์ตาพอจะอบอุ่นอยู่บ้าง

เฮ้อ เจ้าหญิงน้อยน่ารักจังเลย แล้วเธอจะไปทำอะไรได้ นอกจากไล่จับต่อไป โดยที่ไม่มีใครทำอะไรป๋อจิ่วได้สักคน

ตอนนี้สถานการณ์เป็นเหมือนที่เธอคาดการณ์ไว้ เธอไม่ปล่อยโอกาสให้คนอื่นล่ามอนสเตอร์ได้เลยตลอดทั้งเกม ส่วนเจ้านั่นพูดอะไรไม่ออก คิดจะชนะสบายๆ

เกมนี้เล่นกันสิบนาที ป๋อจิ่วเล่นได้โดนเด่น  กระทั่งมีคนอัดคลิปไว้ แถมยังตั้งชื่ออย่างสมกับบรรยากาศการเล่น “พี่สาวคนสวยแสนเท่ ไล่ฆ่าเพื่อโอ๋แฟนหนุ่ม พวกคุณเคยเห็นไหม?”

เมื่อคลิปถูกเผยแพร่ออกไปตอนแรกๆ ยังไม่ค่อยมีคนมาดูสักเท่าไร แต่ต่อมาเริ่มมีคนคอมเมนต์มากขึ้น “คนที่ฆ่ามอนสเตอร์เป็นผู้หญิงจริงๆ เหรอ? การเดินตำแหน่ง วิธีเล่น แล้วก็ความเร็วยังเจ๋งมากจนไม่น่าเชื่อ ฝีมือแบบนี้เล่นลีกส์อาชีพได้เลยนะ?”

“ลีกส์อาชีพ? คอมเมนต์บนอย่าทำให้ฉันตกใจสิ”

“จะทำให้นายจะตกใจไปทำไม ดูดีๆ สิ พวกเน็ตไอดอลดังๆ บางคนยังเล่นแบบนำฟอร์มอย่างนี้ไม่ได้เลย แถมสำคัญที่คนตีมอนสเตอร์บอกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงด้วย”

“ขอพูดแบบคนไม่ค่อยมีประสบการณ์นะว่า ฉันคุ้นตากับวิธีเล่นของเขามากเลย”

“ฉันก็เหมือนกัน”

“ขอไม่พูดชื่อนะ ฉันกลัวว่าเขาโดนแอนตี้อแฟนมารุมด่า แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเขาหายตัวไปแล้ว ไม่น่าจะกลับมาอีก”

“เฮ้อ ฉันก็คิดเหมือนกัน ขอแอบพูดหน่อยนะ หวานน่าดูเลย ดูชื่อไอดีเขาดิ กิ๊กแซ่ฉิน กิ๊กอ่ะแซ่ฉิน”

“ไม่ไหว แฟนคลับคู่จิ้นเริ่มบ้าแล้ว”

 “ฉันทนไม่ไหวก็ตรงที่เขาบอกว่า แฟนฉันนั่งดูอยู่ข้างๆ หึงแล้ว ฉันต้องโอ๋เขาเสียหน่อย อ๊าๆๆๆ รุกมากๆ นั่นไง ต่อให้เป็นผู้หญิง พี่…ของฉันก็รุกสุดยอด”

“ฉันว่าเราอย่าเดามั่วเลย บางทีอาจจะบังเอิญใช้ชื่อตรงกันก็ได้ ตอนนี้การแข่งระดับเอเชียจะเริ่มแล้ว เทพฉินยังไม่กลับมา พวกนายก็สมองปรุกันหมด เป็นไปไม่ได้หรอก ยิ่งตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าแบล็กพีช Z เป็นผู้หญิง ในฐานะที่เป็นคนนอก คงต้องบอกว่า เขาต้องเจียมตัวหน่อย ฉันไม่ใช่แฟนคลับแล้วก็ไม่ใช่พวกแอนตี้ด้วย ขอแค่พูดความรู้สึกตัวเองออกมา เพื่อทีมไดมอนด์แล้ว เขาไม่ควรจะโผล่หน้ามาอีก”

เมื่อเห็นประโยคที่ว่า หลินเฟิงที่เป็นห่วงสถานการณ์เจ้าแบล็กก็ทนไม่ได้ เปิดเผยตัวเองออกมา “ฉันเกลียดที่จะเห็นคอมเมนต์แบบนี้เป็นที่สุด ถ้าใครไม่ชอบก็ไม่ชอบไปสิ ไม่เห็นต้องมาอ้างเลยว่าตัวเองไม่ใช่แฟนคลับแล้วก็ไม่ใช่แอนตี้แฟน แค่แชร์ความเห็น เฮอะ ความเห็นที่แสดงออกมาก็บอกเจตนาชัดอยู่แล้ว ยังมีหน้ามาว่าไม่ใช่แฟนคลับแล้วก็ไม่ใช่แอนตี้แฟน? อีกอย่าง มีเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยจำได้เลยว่า ถ้าไม่เป็นเพราะแบล็กพีช ทีมไดมอนด์คงมาไม่ถึงรอบแปดทีมสุดท้ายหรอก  นับประสาอะไรกับการแข่งชิงแชมป์เอเชีย? ช่วยมีสติหน่อยนะ ทีมไดมอนด์เป็นของพวกเรา ไม่ใช่พวกเธอ ทีมจะดีได้ยังไง มีแต่พวกเราที่รู้ดี โปรดอย่าบรรยายจากมุมมองตัวเอง พวกเรามาถึงเวลานี้ต้องขอบคุณแฟนคลับที่ให้การสนับสนุนทุกคน แต่ใครจะลงแข่งเป็นเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องตัดสินใจ อันดับแรกเลยพวกเธอไม่ใช่มืออาชีพ อันดับที่สอง ถ้าไม่อยากดูก็อย่าซื้อตั๋วสิ”

……………………………..

1730 vs 1731

ตอนที่ 1730

 เสียงเอฟเฟกต์ของเกมดังขึ้น ถือเป็นครั้งแรกที่ฉินมั่วได้เห็นคนที่หน้าหนาแล้วยังทำให้คนเอ็นดูได้อีก แต่ก็พอจะเข้าใจได้ เหยื่อที่เลี้ยงในบ้าน ย่อมต้องเป็นที่ชอบมากขึ้นทุกวัน ๆ

เวลานี้ป๋อจิ่วเข้าสู่หน้าเพจเกม ตรงเข้าไปเลือกตัวละคร ทั้งนี้เธอใช้ชื่อแอคเคาท์สำรองที่ไม่เป็นที่รู้จัก และเลเวลที่ไม่สะดุดตา แต่ชื่อไอดี… ทำให้ฉินมั่วเห็นแล้วเลิกคิ้ว “กิ๊กแซ่ฉินเป็นของฉัน?”

ป๋อจิ่วสะดุ้ง “พี่มั่ว อย่าไปสนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สิ”

“จะทำยังงั้นได้ไง ก็เธอเป็นสายเปย์ของฉันนี่นา” ฉินมั่วว่าแล้วก็โน้มตัวไปงับหูเธอ เล่นเอาป๋อจิ่วสะดุ้ง ติ่งหูแดงจัด

ฉินมั่วมองดูด้วยความพอใจ สายตาจับจ้องที่หน้าจออีกครั้ง “มีคนคุยกันด้วย”

ป๋อจิ่วเห็นเช่นกัน เป็นคนที่มาแย่งตำแหน่งล่ามอนสเตอร์ แต่เธอไม่ยอม อีกฝ่ายย่อมไม่พอใจ แต่ไม่ยอมเปลี่ยน จะเอาให้ได้ ซึ่งการใช้อารมณ์เล่นเกมแบบนี้ ย่อมไม่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตในเกม

ป๋อจิ่วรู้ดีแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอสร้างฐานะก่อนแล้วค่อยไล่ฆ่าคน อันเป็นหลักการปกติ แต่เพื่อนร่วมทีมเอาแต่บ่นว่า “คนที่เล่นเป็นนักฆ่าอ่ะ ช่วยดูเวลฉันก่อน แล้วหันมาดูของตัวเอง ดูไม่ออกเหรอว่าฉันสูงกว่าสองเลเวล ยังจะมาแย่งฉันอีก ขอบอกนะ อย่าพาทีมพังก็แล้วกัน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันจะร้องเรียนนาย”

ฉินมั่วได้ยินเสียงที่ดังออกจากมือถือ นัยน์ตาเครียดทันที จากตอนแรกที่ไม่สนใจจนสายตามาจับจ้องที่คนๆ หนึ่ง “เขากำลังทำอะไรร?”

ป๋อจิ่วรู้ตัวว่าชายหนุ่มสูญเสียความทรงจำอย่างแท้จริง ก็หลังจากที่ได้ยินนี่แหละ ราวกับเป็นคนใหม่เลยทีเดียว

“กำลังล่ามอนสเตอร์ นักฆ่าต้องล่ามอนสเตอร์มาเพิ่มฐานะ ไม่งั้นจะเติบโตต่อไปไม่ได้ นักฆ่าทุกคนอยากจะถึงเลเวลสี่ให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งวิธีที่ได้ผลคือต้องล่ามอนสเตอร์”

ฉินมั่วหัวเราะทันทีที่ได้ยิน เขาหัวเราะแล้วยื่นมือให้เธอเปลี่ยนเส้นทาง

“ทำไม?” ป๋อจิ่วงงหน่อยๆ ท่านเทพจะทำอะไร?

ชายหนุ่มจิ้มที่หน้าจอ “ฉันจะเล่น”

“พี่เล่นเป็นแล้วเหรอ?” แววตาของป๋อจิ่วเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ “ไม่ ฉันเห็นเธอเล่นแล้ว มันมีปุ่มหนึ่งที่ล่ามอนสเตอร์ได้เลย”

ใช่ แต่ ป๋อจิ่วมองดูท่านเทพที่ยืนอยู่ในพุ่มหญ้าของบลูมอนสเตอร์โดยไม่ขยับ ทั้งยังรอให้คนอื่นล่ามอนสเตอร์ อะไรกันนี่?

แต่ไม่นาน ป๋อจิ่วก็เข้าใจเจตนาของเขา เพราะคนในทีมเดียวกันที่ล่ามอนสเตอร์ส่งเสียงอีกแล้ว “เฮ้ย ฉันอุตส่าห์ล่าบลูมาตั้งนาน”

จากนั้นอีกฝ่ายก็พบว่าไม่ว่าจะเป็นบลูหรือเรด รวมถึงตัวเล็กตัวน้อย ก็ล้วนแต่ถูกแย่งไปอย่างแม่นยำในวินาทีสุดท้ายทั้งนั้น จึงทำให้ฝ่ายโน้นเริ่มด่ามา

ป๋อจิ่วเห็นเพียงท่านเทพขยับนิ้วเล็กน้อย ปิดปุ่มเสียงบนเพจ แล้วแย่งมอนสเตอร์ต่อไปเรื่อย ๆ

“ฉันไม่เล่นแล้วเว้ย! โธ่เว้ย!” ครั้งนี้เป็นการพิมพ์ ซึ่งเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ได้แต่ระอา อยากให้ท่านคนนั้นเล่นดีๆ หน่อย แต่เจ้านั่นกลับหัวเราะหยัน ส่งข้อมูลมาสามระลอก “ให้ไอ้เจ้ากิ๊กแซ่ฉินอะไรนั่นอย่ามาแย่งมอนสเตอร์ของฉันดิ แล้วฉันนะเล่นต่อ เดินตำแหน่งแบบนี้ นอกจากมาแย่งมอนสเตอร์ของฉัน แล้วไม่เห็นทำอะไรเป็นสักอย่าง มาเลยพวก เอามันให้ตาย”

ป๋อจิ่วกวาดตามองแวบหนึ่ง หยิบมือถือมากดพิมพ์ออกไป “ไม่ออกมาใช่ไหม? งั้นก็อย่าออกมาเลย” พูดจบ เธอก็บังคับตัวละครเหาะไปยังโซนป่าของฝ่ายตรงข้ามละล่องดั่งสายลมคมกริบ ชายเสื้อสะบัด ดาบสะท้อนแสงขาว

“หาเรื่องตายชัด ๆ” นักฆ่าคนนั้นเพิ่งพูดจบ เสียงเอฟเฟกต์ประจำเกมดังก็ขึ้น

………………………………….

ตอนที่ 1731

ดับเบิ้ลคิล ฆ่าได้สองชีวิต สองชีวิต? ทำไมถึงฆ่าได้ตั้งสองชีวิต? นักฆ่าที่อาละวาดเมื่อครู่ ถึงกับเงียบกริบในทันใด เมื่อหันมาดูหน้าจออีกที ก็เห็นร่างที่ชายเสื้อสะบัด เปิดใช้สกิลหลักกระโดดกลับไปยังที่เดิม โดยหลังจากที่ฆ่าได้ meให้นักเวทย์ของฝ่ายตรงข้ามไล่ฆ่าไม่ลดละ

แต่คนๆ นั้นยังไม่กลับป้อม โดยเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มหญ้าหลังจากที่ล่าทีมมินเนี่ยม เวลานี้ เดิมเธอเสียเลือดจนเกือบหมด ได้ฟื้นมามีเลือดครึ่งหนึ่ง ซึ่งหากดูจากแผนที่ คนๆ นั้นข้ามมา นักเวทก็ซัดพลังใส่ในทันทีที่เห็นความเร็ว ทว่าอีกฝ่ายกลับหลบสกิลจับตัวแข็งได้ด้วยการเดินตำแหน่งในรูปตัว Z อย่างคล่องแคล่ว จนท้ายที่สุดก็ได้ยินเสียงเงื้อดาบขั้นเทพอย่างได้จังหวะ

ครั้งหนึ่ง สองครั้ง สามครั้ง ปลายดาบซัดเป็นครั้งที่สี่

ทริปเปิ้ลคิล! ฆ่าได้สามชีวิตติดๆ อย่างไม่ขาดตอน ชนิดที่ยากจะคำนวณเวลา เพราะเร็วมาก ซึ่งในขณะที่คนในทีมกำลังฟื้นคืนชีพอยู่ในบ่อน้ำ แล้วได้มาเห็นแผนที่ ทุกคนต่างตะลึง โดยนักเวทย์ของฝ่ายตรงข้ามที่ตายไป กลับพิมพ์ข้อความแค่ “…”

คงเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะโดนฆ่ากลับ เพราะเจ้าตัวยังมีเลือดเต็มอยู่เลย ส่วนฝ่ายตรงข้ามแทบไม่เหลือเลือดแล้ว!

“ดาบดูดเลือด เขาใช้ดาบดูดเลือดหรือเปล่า?” เล่นใช้ดาบดูเลือดตั้งแต่แรกแบบนี้ เกมเมอร์คนนี้จะต้องเชื่อมั่นในฝีมือตัวเองแค่ไหนกัน?

เพื่อนร่วมทีมต่างสบตากัน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงเอฟเฟกต์ก็ดังขึ้นอีก “บอสราชาถูกฆ่า ได้ประสบการณ์เพิj,ขึ้นเป็นเท่าตัวทั้งทีม”

คนที่แสดงปฏิกิริยาออกมาก่อนเพื่อนกลับไม่ใช่เพื่อนร่วมทีม แต่เป็นนักฆ่าของฝ่ายตรงข้าม “อ๊า บอสราชาที่ฉันอุตส่าห์ฆ่ามาตั้งนมนาน!”

ทว่าในระหว่างที่พิมพ์อยู่ สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือร่างในชุดขาวที่เพิ่งฆ่ามอนสเตอร์ได้สองตัวก็ข้ามกลับมา ซัดพลังสายฟ้าฟาดใส่ด้านหลัง แถมด้วยพลังชุดใหญ่  เล่นเอาเขาตกใจจนต้องถอยหนีกลับเมืองในสภาพเลือดแทบหมดตัว “น้องตกใจหมดเลยอ่ะ เกือบตายแล้ว เกือบตายแล้วไหมล่ะ”

“ฉันจำได้ว่าคนที่ฆ่ามอนสเตอร์มีเลเวลไม่สูงนี่ คนที่เลเวลสูงเป็นอีกคน แต่ทำไมถึงโหดอย่างนี้? ฉันไม่กล้าออกจากป้อมเลยอ่ะ”

“ฉันก็เหมือนกัน เล่นยังไงเนี่ย โคตรเหนือนรกเลย”

หากเทียบกับฝ่ายตรงข้ามที่ประหวั่น นักฆ่าในทีมเดียวกันที่โวยวายว่าจะไม่ออกมาเล่น ถ้าไม่ยอมให้มอนสเตอร์แก่ตัวเอง ก็ได้แต่หน้าแดงสลับซีด กดมือถือส่งข้อความเสียง “หาคนมาเล่นแทนหรือเปล่า?”

ป๋อจิ่วไม่ใส่ใจ กวาดต้อนโซนป่าตัวเองจนเรียบ ซึ่งไม่เพียงเท่านี้ ยังเหาะไปโซนป่าของคู่แข่ง กะจะต้องล่าหมูป่ามาสักหน่อย แล้วประกาศว่า ‘โซนป่าของนายก็คือบ้านของฉัน’ อะไรทำนองนี้

คิดดูละกันว่าฉายา ‘ประมุขฆ่าหมูป่า’ ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ จะต้องมีฐานะสูงที่สุด ทุกที่ที่เหาะผ่าน จะต้องได้ชีวิตมาหนึ่งชีวิตหรืออาจจะได้มอนสเตอร์แทน

ใช่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ไล่ล่าป๋อจิ่ว ทว่าตัวละครที่เธอเลือกคล่องตัวเหลือเกิน แถมเร็วมากหากตามไล่คนเดียว มีหวังโดนฆ่าแน่ เมื่อมาล่ากันสามคน เจ้านั่นก็ทำเหมือนหนีไป โดยล่อให้พวกเขาไล่ตามเป็นรอบ แล้วลอบฆ่าจากด้านหลัง อันเป็นแผนที่ล่อพวกเขาอย่างโหด เพียงแค่กระพริบตา ตัวยิงไกลของพวกเขาหรือตัว ADC ก็ถูกเล่นงานจนอยู่หมัด

คะแนน 0 ต่อ 6 ถือเป็นการพลิกสถานการณ์อย่างเก่ง

เมื่อเล่นกันมาถึงช่วงกลางเกม ฝ่ายตรงข้ามได้เห็นร่างของป๋อจิ่วบนจอก็ไม่กล้าที่จะออกมา สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือ หากไม่ระวังให้ดี บางครั้งการอยู่ใต้ป้อมเพียงคนเดียวก็ไม่ปลอดภัยหรอก

ร่างในชุดขาวสามารถข้ามป้อมฆ่าได้ แถมยังได้เลือดกลับมาอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ รู้สึกว่าเล่นเกมไม่สนุกแล้ว

เขาเป็นใครกันนะ?

………………………………..

1728-2 vs 1729

ตอนที่ 1728-2

ฉินมั่วมองดูใบหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นมือไปบีบหน้าอย่างยั้งใจไม่อยู่ “ฉันแพงออก เป่าขนสีเงินของเธอให้แห้งก่อน”

“ขนสีเงิน” ป๋อจิ่วหันหน้าไปอีกทาง “สีเงินแบบรุ่นคุณย่าสุดเฟี๊ยสเชียวนะ เท่จะตาย หรือไม่จริง?”

ฉินมั่วมองดูนัยน์ตาดำขลับ ไฝเสน่ห์เด่นชัด จมูก ปาก กระทั่งแอ่งชีพจรยังสวยเหลือเกิน เขาก้มลงไปจูบเรียวปากของเธอด้วยกินบึ้งนัยน์ตาที่ลึกซึ้ง “สวยจริงๆ” เธอยังคงเป็นเหยื่อที่เขาโปรดปรานมาจนถึงเวลานี้

“แต่ไม่สวยเท่าพี่หรอก”  เจ้าหญิงน้อยดูดีมาตั้งแต่เด็กแล้ว

ฉินมั่วลากนิ้วสางเส้นผมเธอ ไดร์เป่าผมยังคงเป่าลมอ่อนออกมา “เธอแน่ใจนะว่าจะชมฉันว่าสวย? ไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกที่ชอบคำชมแบบนี้”

“สวยเลิศเป็นหนึ่ง?” ป๋อจิ่วนึกถึงสุภาษิตที่เคยเรียนมา

ฉินมั่วเลิกคิ้วอีก

“งามล่มเมือง?” เหมาะที่สุดเลยล่ะ

ฉินมั่วหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยอย่างช้าๆ “ทำไมไม่บอกว่าฉันเป็นต๋าจี[1]ล่มเมืองล่ะ?”

“จะเอาพี่ไปเปรียบกับสนมต่านจีได้อย่างไร?” ป๋อจิ่วหัวเราะ “พี่สวยกว่าต๋าจีเยอะ”

เห็นแก่ที่กอดเธอแล้วรู้สึกสบาย ฉันจะไม่โยนเธอออกจากนอกหน้าต่างละกัน ฉินมั่วเพิ่งคิดได้เช่นนี้ ก็ได้ยินเธอเอ่ยต่อ “พี่มั่ว ถ้าฉันอยู่ในสมัยโบราณก็คงเป็นผู้ครองนครที่มัวเมาในอำนาจ แล้วถ้าพี่เป็นต๋าจีน อยากจะล่มเมืองขึ้นมา ฉันก็คงตามใจพี่ พี่ว่าฉันวู่วามไปไหม ถ้าใครหาว่าพี่ไม่ดี ฉันก็จะอัดมัน มิน่าล่ะตอนเด็กๆ พี่ถึงได้บอกว่าฉันวู่วาม อื้ม ก็วุ่นวายจริงนะแหละ”

ฉินมั่วได้ยินก็กดปิดไดร์เป่าผม เคาะนิ้วบนหน้าเธออย่างเป็นจังหวะ “ฉันว่าเธอไม่ได้วู่วามหรอก”

พูดเสียเหมือนนั่งอยู่ในใจเลยทีเดียว เจ้าเล่ห์จริง

“ก็ยังวู่วามอยู่ดี เช่น อยากปล้ำพี่” ป๋อจิ่วหันไปอีกด้าน เอ่ยเสียงเอื่อยๆ “ฉะนั้น พี่มั่ว ถ้าฉันแตะๆ อะไรพี่ พี่ก็ต้องห้ามฉันนะ ฉันทนกลหนุ่มงามไม่ไหว พี่จะลองใช้กับฉันดูบ่อยๆ ก็ได้”

ฉินมั่วหัวเราะเสียงต่ำ ไม่ได้เสแสร้งอีกแล้ว เขาวางไดร์ลง ทั้งยังทำท่าห่างเหิน “รู้ด้วยว่าฉันใช้กลหนุ่มงาม?”

“แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช้ให้ถึงที่สุด” ป๋อจิ่วยิ้มบางๆ พลางจาม ก่อนจะพูด “ไม่ยอมให้ฉันได้แอ้มสักที”

ฉินมั่วกวาดตามองคนตรงหน้า ย่นหัวคิ้ว ก่อนจะอุ้มเธอแล้วพาเดินเข้าห้อง เอาตัวไปวางไว้ใต้ผ้าห่ม

ป๋อจิ่วร้องออกมา “ทำไมต้องห่มหลายชั้น หนักจะแย่” มีแค่ผ้าห่มกางกั้นแค่ผืนเดียว ยังพอจะเลิกออกมาลวนลามเขาได้ เขาไม่ยอมให้เธอแต๊ะอั๋งล่ะสิ

“ยาล่ะ?” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง

เธอถูกกดร่างไว้ ขยับไม่ได้ “ยาอะไร?”

“ยาแก้หวัดไง” ฉินมั่วว่าพลางก็กดศีรษะที่โผล่ออกมาลงในผ้าห่มอีกครั้ง

ป๋อจิ่วจึงถึงบางอ้อ ท่านเทพเป็นห่วงที่เธอจามเมื่อกี้นี้ คงคิดว่าเธอป่วยอีกแล้ว ถึงเรียกหายาใช่ไหม? สุดท้ายก็ยังให้เธอได้หวานนิดหนึ่งอยู่ดี

ป๋อจิ่วโผล่แค่นัยน์ตาออกมา มุมปากที่ซุกในผ้าห่มหยักยิ้ม

ฉินมั่วหันเอียงศีรษะเห็นภาพที่ว่า จึงรู้ว่าเขาแสดงออกชัดเกินไป ถึงกับชะงักนิ้วมือ นั่งลงข้างเตียง ยิ้มอย่างเรียบเรื่อย “ท่าทางจะสมใจเธอนะ”

“เปล่า คือฉันก็หนาวๆ อยู่ ไม่ค่อยสบาย สงสัยเป็นเพราะแช่น้ำในอ่างเมื่อกี้” เธอยกมือกดศีรษะตัวเอง เพื่อให้ดูสมจริง

ฉินมั่วยิ้มหนัก “หนาวเหรอ? เอาผ้าห่มมาเพิ่มละกัน”

ท่านเทพพูดได้ทำได้ ดึงประตูตู้ออกมา แล้วเอาผ้าห่มบางๆ มาคลุมบนร่างเธอ “ตอนนี้อุ่นขึ้นมากไหม?”

“อึ้ม” ป๋อจิ่วจะพูดอะไรได้อีก เธออุตส่าห์สร้างเรื่องขึ้น ฉะนั้นต่อให้ร้อนยังไงก็ต้องแสดงต่อให้จบ “แค่คอแห้งนิดหน่อย” ดื่มน้ำแล้วจะช่วยลดอุณหภูมิได้

ฉินมั่วเลิกคิ้ว “คอแห้งเหรอ? งั้นฉันไปรินน้ำร้อนมาให้เธอแก้วหนึ่ง ดีไหม?”

น้ำร้อน? ป๋อจิ่วโบกมือ “ช่างเถอะ ไม่หิวขนาดนั้น” ท่านเทพโหดหน้ายิ้มจะตาย สู้ปล่อยให้เขาใช้กลหนุ่มงามกับเธอต่อดีกว่า

ฉินมั่วมองดูใบหน้าที่แดงของเธอ โน้มตัวลง ลมหายใจกระชั้น “ขอถามเป็นครั้งสุดท้าย เอาเย็นหรือร้อน?”

……………………………………………………….

ตอนที่ 1729

ท่านเทพพูดด้วยมุมปากที่หยักยิ้ม ลมหายใจรดริมหูเธออย่างเย้ายวนใจ

ป๋อจิ่วเบือนศีรษะไปอีกทาง “ต้องมาเจอน้ำแข็งกับไฟพร้อมๆ กัน ทั้งหนาวทั้งร้อน เกิดโดนอ่อยต่อไป คงไม่ดีต่อร่างกายฉัน”

ฉินมั่วชะงัก คิดไม่ถึงว่าจะได้คำตอบเช่นนี้ ประทับเรียวปากบางบนหน้าผากเธอ “ตอนนี้ล่ะ?”

“ร้อนแล้ว” ป๋อจิ่วพูดยิ้มๆ “พี่มั่ว ฉันเพิ่งกินอมยิ้ม ถ้าจูบอีกครั้ง รับรองว่าหวานแน่”

หลังจากที่ได้ยินเธอพูด ฉินมั่วดึงผ้าห่มออกไปชั้นหนึ่ง เลิกคิ้วอย่างคร้านๆ “ฝันหวานไปละ ยัยจอมเจ้าชู้”

“นอนบนเตียงเดียวกัน แต่จูบไม่ได้ ก็ต้องเจ้าชู้บ้างล่ะ” ป๋อจิ่วผ่อนลมหายใจ หน้าขาวใสออกจะแดงเล็กน้อย เธอยังอยากถีบผ้าห่มอยู่ดี แต่พอจะกระดุกกระดิก ท่านเทพก็กดขาเธอไว้ เอ่ยเสียงบึ้งตึง “อยากเป็นหวัดอีกใช่ไหม?”

“ผ้าห่มหนาออก” ป๋อจิ่วไม่อยากกอดชายหนุ่มผ่านผ้าห่ม เพราะมันห่างเหินไป

ฉินมั่วมองดูกิริยานักเลงโตของเธอ “รู้ทันกลหนุ่มงานของฉันแล้วเสียใจไหม?”

“เสียใจดิ” ป๋อจิ่วมองดูชายหนุ่มรั้งเธอเข้าใกล้ ก่อนเปลี่ยนผ้าห่ม ความหนักบนร่างจะคลายลง ทว่าอุณหภูมิกลับพอเหมาะ เธอเอ่ยพลางกอดเอวชายหนุ่มไปตามครรลอง

ฉินมั่วไม่ปฏิเสธ แต่จิ้มไปยังเหยื่อ “อย่าซี้ซั้วใช้มือสิ”

“ยากอ่ะ” ป๋อจิ่วพูดอย่างจริงจัง “ไม่งั้นให้ฉันเล่นเกมสักนิด พอใช้มือทั้งสองข้างแล้ว จะได้มีแรงควบคุมหน่อย”

ฉินมั่วพูดในลำคอ ดูไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

ป๋อจิ่วรู้ว่าเขารู้ทันที่เธอทดสอบเขา หลังจากที่หยิบมือถือออกก็ครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พี่มั่ว”

“อะไร?” ชายหนุ่มพิงหัวเตียง หมุนไพ่ในมือเล่น

ป๋อจิ่วเอียงศีรษะ “พี่อยากดูแอคเคาท์เวยป๋อของตัวเองไหม?”

“อยากให้ฉันดูเหรอ?” นัยน์ตาของเขาหนักอึ้งในระหว่างที่พูด

ป๋อจิ่วพยักหน้า “อยากให้พี่รู้ด้วยว่ามีคนรอพี่เยอะแยะเลย”

ฉินมั่วไม่พูดอีก ละมือข้างหนึ่งมาด้วยสีหน้าเป็นปกติ เขาจะดูหรือไม่ ไม่น่าสนใจหรอก เขาไม่สนใจเรื่องในอดีตสักเท่าไร แค่เห็นท่าทีของเธอที่อยากให้เขาไปดู ทำให้กลิ่นไอของชายหนุ่มเย็นยะเยือก ใช่ เดาว่าคงไม่มีใครชอบเขาในสภาพนี้ รวมถึงเธอด้วย

ป๋อจิ่วแตะนิ้ว ทำให้หน้าจอดับ “ช่างเถอะ”

ฉินมั่วยังคงหล่อไฮโซ “หือ?”

“ถ้าไม่ชอบก็อย่าดู” ป๋อจิ่วพูดยิ้มๆ “ไม่ว่าจะสูญเสียความทรงจำหรือไม่ ก็ไม่ต่างกันหรอก เป็นแบบนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ จะได้ไม่มีใครมาแย่งกับฉัน”

แววตาชายหนุ่มสตัน ก่อนจะกลับสู่ปกติอย่างเร็ว เอ่ยขึ้นช้าๆ “งั้นเธอต้องดูฉันให้ดีๆ นะ”

“แน่นอน” ป๋อจิ่วพูดพลางกำมือถือไว้ในมือ

ฉินมั่วมองดูแวบหนึ่ง “ไหนว่าจะเล่นเกม?”

“พี่ไม่ชอบไม่ใช่เหรอ? ไม่เล่นแล้ว” ป๋อจิ่วใช้ลิ้นดุนแก้ม

ฉินมั่วสไลด์จอมือถือของเธอ “ถ้าเธอชอบ ฉันจะดูเธอเล่น เธอจะไม่ได้เอาเวลาไปคิดเรื่องเจ้าชู้”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “พี่มั่ว ถ้าไม่พูดประโยคท้ายนะ จะทำให้ป๋าสายเปย์อย่างฉันยิ่งชอบเข้าไปใหญ่”

“งั้นก็น่าเสียดาย ประโยคหลังดันเป็นคำพูดอย่าจริงใจของฉันเสียด้วย” ฉินมั่วตบเบาๆ บนหน้าเธอ น้ำเสียงของเขาเอื่อยๆ น่าฟัง “เริ่มเถอะ  ให้ฉันดูว่าเธอเล่นยังไง”

ป๋อจิ่วยิ้มมุมปาก “ดูฉันเล่นเกมแล้วพี่จะหลงรักฉัน เพราะเวลาอยูในเกมฉันจะหล่อเป็นพิเศษ”

………………………………………….

[1] สนมต๋าจีเป็นสนมในพระเจ้าโจ้วหวังแห่งราชวงศ์ซาง ได้รับความโปรดปรานมากจนได้รับแต่งตั้งเป็นพระมเหสีในที่สุด พระเจ้าโจวหวังหลงรักและเชื่อฟังนางมาก ถึงขั้นไม่สนใจกิจการบ้านเมือง ต่อมาเมื่อราชวงศ์นี้สิ้นสุดลง นางถูกมองว่าเป็นต้นเหตุทำให้ราชวงศ์ล่มสลาย

1726 vs 1727 vs 1728-1

ตอนที่ 1726

ราวกับรับรู้ได้ว่าเธอเข้ามาแล้ว ท่านเทพที่สไลด์จอมือถือจึงเงยหน้าขึ้น ความหยิ่งสลายไปทันที ราวกับกำลังปิดบังไว้ จากนั้นก็ละมือข้างหนึ่งมากระดิกนิ้วเรียกเธอ

ข้อกระดูกของมือข้างนั้นชัด นิ้วก็เรียวยาว ดูขาวจนโปร่งแสงท่ามกลางแสงไฟ

ป๋อจิ่วพูดในใจว่า เมื่อกี้คุณตาอบรมอยู่ข้างล่างมากตั้งมากมาย แต่ไม่ได้เตือนเลยว่า เธอจะต้องทำยังไงในเวลาท่านเทพใช้กลหนุ่มงาม แต่หากคิดดูอีกที ก็ไม่เห็นต้องทำอะไร พอเขาอ่อยที เธอก็กระโจนเข้าใส่ไปเลย

ประโยคหนึ่งว่าไว้ดี ท่านเทพอยากอ่อย คนอื่นไม่เกี่ยว

ป๋อจิ่วเดินเข้าไปหาด้วยความอยากรู้ “กำลังดูอะไรอยู่” ถ้าท่านเทพเห็นแอพลิเคชันที่เธอดาวน์โหลดมา แล้วเกิดอยากเล่นเกมสักเกมขึ้นมา ก็คงดีที่สุด จะได้รู้ว่าพวกเราสนิทกันมากแค่ไหนในเกม แต่ใครจะรู้ว่า เขาแค่หัวเราะแผ่วเบา “อยากรู้เหรอ?”

เมื่อป๋อจิ่วพยักหน้า ฉินมั่วก็เอ่ยเสียงเรียบ “เข้ามาใกล้อีกนิดสิ จะได้ให้ดู”

ลึกลับปานนั้น?

ป๋อจิ่วเดินเข้าไปใกล้อ่างอาบน้ำอีกก้าว กำลังจะก้มดู ทว่าชายหนุ่มกลับคว้าข้อมือเธอไว้ ‘ตู้ม!’ เธอถลาเข้าไปอยู่ในอ่างจนเปียกทั่วตัว รวมถึงเส้นผมด้วย ยิ่งเธอสวมเสื้อเชิ้ตตัวขาวอีกต่างหาก จึงเห็นทะลุไปจนถึงผ้าพันอกสีขาว รวมถึงทรวงอกนุ่มนั่นที่ทั้งขาวและโค้งเว้า โดยส่วนอื่นๆ ยิ่งทำให้อารมณ์วุ่นวายอลหม่านกันหมด

เขากลับคว้าเอวเธอเข้าหมับ ให้นั่งลงในอ้อมกอดตัวเอง ไอร้อนเริ่มกระจาย อุณหภูมิน้ำสูงไปหน่อย ทำให้ป๋อจิ่วเข้ามาแล้วตัวสั่นเล็กน้อย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่ากอดของชายหนุ่ม ทำให้เธอสูงกว่าเขาครึ่งศีรษะ ลมที่พ่นออกมาเวลาที่เขาพูดจึงรดบนทรวงอกของเธอ ตามจังหวะที่ควันร้อนลอยขึ้นในห้องน้ำ ยากจะทำให้คนหลบเลี่ยงได้

“ป๋าลืมไปหมดแล้วเหรอว่า ฉันเคยพูดอะไรไว้บนเครื่องบิน”

บนเครื่องบินเหรอ? ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

ฉินมั่วคลึงเอวเธอ เอ่ยด้วยเสียงอมยิ้ม “รอให้ไม่มีใครอยู่ด้วยก่อนเถอะ ฉันจะเอาหนังสือที่ป๋าให้มาศึกษาสักหน่อย สงสัยไม่ใช่เหรอว่าฉันกำลังดูอะไร? อะ”

ป๋อจิ่วถูกยัดมือถือมาไว้ในมือ จึงดูโดยอัตโนมัติ แค่แวบเดียวเธอก็ตะลึง

ท่านเทพดูอะไรของเขาวะเนี่ย? โคตรไม่มาดของเทพเลย? ประธานจอมโหดรักฉัน? หนังสือประเภทที่เธอไม่มีวันแตะลิงก์เปิดอ่าน แต่เวลานี้ชื่อหนังสือกลับไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะท่านเทพเปิดอ่านหน้าที่พระเอกกับนางเอกกำลังเข้าพระเข้านางกัน นิยายเรื่องนี้บรรยายได้ถึงใจ โดยใช้ห้องทำงานเป็นฉาก

เมื่อเห็นเธอเม้มปาก ฉินมั่วก็หยัดยิ้มที่มุมปาก พลิกร่างทั้งๆ ที่กอดเธอไว้ ความร้อนจากร่างกายแนบใบหูเธอ หัวเราะให้ด้วยเสียงต่ำแสนน่าฟัง “แต่น่าเสียดาย หนังสือเล่มนี้ไม่มีฉากอย่างว่าในห้องน้ำ แต่ไม่เป็นไร ฉันถนัดเรื่องนี้มากกว่าที่เขาบรรยายไร้สาระอีก”

ป๋อจิ่วไม่ทันทำอะไร เขาก็จูบบนทรวงอกเธอทั้งๆ ถูกเสื้อเชิ้ตที่เปียกนิดๆ ของเธอกางกั้น กระดุมบนเสื้อถูกเขากัดจนขาด แค่จูบเบาๆ แต่ทำให้มือของเธอสั่น

ท่านเทพรับมือถือที่ร่วงลงมาอย่างทันกาล แล้วโน้มตัวลง วางไว้ในอุ้งมือของเธอ “ถือไว้ดีๆ จะเอาไว้เลือกส่วนที่มีประโยชน์มาลองดู

……………………………………..

ตอนที่ 1727

ลองอะไร? ที่นิยายบรรยายไว้เหรอ? จอมเจ้าชู้อย่างป๋อจิ่วนึกภาพเหล่านั้นได้ หน้าพลันแดงซ่านอย่างระงับไม่อยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมือของท่านเทพที่เกาะเอวเธอชนิดไม่คิดจะปล่อย เขาปลดเสื้อเชิ้ตของเธอเอาเสียเลย แล้วลากจูบไปทั่วแผ่นหลัง

ตอนนี้มองสิ่งที่อยู่รอบด้านไม่ชัดแล้ว แม้จะอยู่ในอ่างอาบน้ำก็เห็นเพียงฟองขาว ไอร้อนเหล่านั้นวิ่งเข้านัยน์ตาเธอ แม้จะถูกขวางกั้นด้วยไอน้ำก็ตามที

ภาพที่อยู่ใต้แสงไฟช่างสวยเหลือเกิน และคงเพราะทั้งหน้าสองต่างหน้าตาดี จึงทำให้บรรยากาศในห้องลอยฟูฟ่อง

ฉินมั่วในเวลานี้เป็นเหมือนพวกแวมไพร์ตระกูลสูงที่อยู่มุมมืดในนิยาย พวกชอบดูหนังของอังกฤษคงจะรู้ พวกแวมไพร์ที่หน้าตาหล่อเหลาชอบลากสาวน้อยลงอ่างอาบน้ำที่สุด จากนั้นก็มอบความหฤหรรษ์ให้พวกเธออย่างที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ซึ่งชายหนุ่มกำลังทำเรื่องเดียวกัน แต่เขาไม่กัดลำคอของเธอ ทว่าแค่ประทับรอยจูบซ้ำๆ กันบนแอ่งชีพจร ก่อนจะเลื่อนต่ำลงๆ จนคนที่ถูกล่อลุ่มหลง ถึงกับตัวสั่นขึ้นมา

ป๋อจิ่วไม่รู้ตัวว่ากางยีนส์หลุดออกจากร่างตั้งแต่เมื่อไร จนเมื่อเสื้อเชิ้ตตัวยาวร่นไปกองอยู่ที่ขา คลี่ตัวกระจายราวดอกไม้แย้มบานบนผืนน้ำ ไหล่ที่ขาวสว่างดูขาวราวหิมะภายใต้แสงไฟครอบครองสติของอีกคนได้

ฉินมั่วกอดเอวเธอแน่นชนิดไม่ยอมปล่อย ทำให้เธอไม่รอดพ้นจากฝ่ามือเขา เมื่อได้เห็นภาพที่ว่าแววตาของชายหนุ่มถึงกับขรึมลง ก่อนจะงับไหล่เธอเข้าให้ ลมหายใจดูจะไม่ปกติ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงที่หลุดรอดจากลำคอเธอ ยิ่งทำให้ทนแทบไม่ไหว หากไม่ใช่เพราะมีเสียงเตือนขึ้นมาก่อนว่าอย่าให้เลยเถิด ปล่อยให้เหยื่อชักนำอารมณ์ไปได้ยังไง ในฐานะที่เป็นผู้ออกคำสั่ง คนที่ถูกควบคุมต้องเป็นเหยื่อต่างหาก

 แต่เสียงร้องเบาๆ จากปากเธอ รวมถึงนัยน์ตาเหม่อลอยที่เธอใช้มองเขา ก็ยังทำให้เขาเหมือนได้ครอบครองเธอ

ฉินมั่วรู้สึกหงุดหงิดพิลึก พยายามสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ดึงมือกลับคืนมา แล้วฉวยเอาผ้าผืนหนาพันรอบตัวเธอ เขาจะไม่แตะต้องเธอชั่วคราว ไม่งั้นคงอดไม่อยู่ นี่เป็นเพราะรสสัมผัสจากผิวเธอดีเกินไป หรือว่าเธอเป็นเหมือนนางปีศาจจากท้องทะเล เธอที่ขาวผ่องเหลือเกิน กลับทำให้คนอยากทำให้แปดเปื้อน

ป๋อจิ่วไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ชายหนุ่มพลันลุกขึ้น

เสียงน้ำไหวดังขึ้น จนเมื่อเธอรู้ตัว ผ้าขนหนูสีขาวก็คลุมเหนือศีรษะเสียแล้ว จากนั้นเขาจึงเอ่ยด้วยเสียงกระหยิ่มยิ้มย่อง “เธออาบต่อเองละกัน ฉันจะไปเอานมมาให้ ป๋าของฉันจะต้องบำรุงในบางจุดเสียหน่อย อ้วนขึ้นสักนิดจะได้จับมันส์ดี”

ป๋อจิ่ว “…”

คุณตาบอกว่าเขาเสแสร้งอบอุ่นได้ดีมาก อบอุ่นที่ตรงไหนไม่ทราบ? ปากร้ายกันทั้งนั้น เดาว่าวันไหนที่ไม่ปากเป็นพิษ วันนั้นเขาคงไม่สบาย โดยเฉาะเวลาที่พ่นพิษใส่เธอ

ป๋อจิ่วกดผ้าขนหนูบนศีรษะ หัวเราะขึ้น มุมปากหยักโค้งเล็กน้อย เขาคิดว่าเธอมองไม่ออก กะจะล่อให้เธอตกบ่วงเสน่ห์จนถอนตัวไม่ขึ้น แล้วหยุดลงเสียอย่างนั้น ท่าทางไม่อยากได้เธอ

ป๋อจิ่วหัวเราะร้ายอีกครั้ง มีเรื่องหนึ่งที่เขาเข้าใจผิด เรื่องที่เขาอยากได้เธอหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินได้

พรืด! ป๋อจิ่วลุกขึ้นจากอ่าบอาบน้ำ ช่วงขาของเธอเรียวงาม หลังจากที่เช็ดคราบที่แปลงโฉมไว้ ก็ดูขาวผ่องเหมือนโปร่งแสงเลยทีเดียว

…………………………………………….

ตอนที่ 1728-1

หยดน้ำเกาะอยู่ที่ข้อเท้าขาวผ่องราวเนื้อหยก แผ่นหลังถูกหุ้มด้วยผ้าขนหนู ไอน้ำปกคลุมทั่วร่างสะท้อนแสงจนเปล่งประกาย

ทว่านัยน์ตาคู่นั้นกลับทะมึนคลุมเครือ เหมือนเป็นนางปีศาจแห่งท้องทะเล โดยเฉพาะเวลายิ้มที่มุมปากหยักน้อยๆ นั่งเหยียดตรง ให้ความรู้สึกงดงาม ราวกับเพราะอยู่ในท่าทีดังกล่าว จึงดูเขินอาย

ป๋อจิ่วหงุดหน้าลงอย่างเท่ เธอกะจะปล้ำชายหนุ่มสักหน่อย ใครจะรู้ว่ายังไม่ทำอะไรเลย ชายหนุ่มก็ลากเธอเข้าไปไว้ในอ้อมกอดเสียแล้ว

ร่างเธอมีเพียงผ้าขนหนูแห้งสนิทติดตัว กระทั่งนัยน์ตาของเธอพลอยถูกคลุมในผ้านั่นด้วย  “พี่มั่ว” เธอรู้สึกว่าเขาชนะเกมนี้ด้วยเล่ห์ ก็เธอมองอะไรไม่เห็นสักอย่าง แล้วจะลงมืออย่างไร

ฉินมั่วมองดูคนที่เปียกน้ำจะแสดงความเจ้าชู้ เหมือนเจ้าเหมียวน้อยที่ใจร้อนอย่างแรง จนยื่นกรงเล็บออกมากะจะออดอ้อนออเซาะ “หืม?”  ชายหนุ่มเลิกคิ้ว กดศีรษะอีกฝ่ายให้ซบไหล่ตนเอง ส่งผลให้ป๋อจิ่วสงบได้ในที่สุด เพราะเธอเห็นแล้วว่าตัวเองไม่ได้ถูกผ้าขนหนูคลุมเพียงคนเดียว แต่เป็นสองคนต่างหาก เพราะท่านเทพก็ถูกคลุมด้วยเช่นกัน เธอสัมผัสได้ถึงผิวของเขาตรงๆ อืม ก็ควรจะเป็นแบบนี้แหละ จะลีลาทำตัวห่างเหินจากเธอไปทำไม

นัยน์ตาของเธอถึงกับยิ้ม กำลังจะลงมือ

“คิดจะทำอะไร” ฉินมั่วละมือข้างหนึ่งมารั้งมือที่ซุกซนของอีกฝ่ายไว้ ยักคิ้วให้ ทั้งรู้สึกขำ “ท่าทางสายเปย์ของฉันจะชอบฉันมากเป็นพิเศษ”

ป๋อจิ่วเงยหน้ามองอีกฝ่าย ยิ้มอย่างโหดนิดๆ “ใช่สิ ใช่สิ”

“ถึงชอบก็อย่าลูบมั่ว” ฉินมั่วจัดแจงอีกฝ่ายราวกับดูแลเหยื่อที่เลี้ยงไว้ในบ้าน “หันไปดูกระจกสิ”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “ทำอะไร?”

“เป่าผมไง” ยังไงก็ต้องหาทางเบี่ยงความสนใจ เพื่อไม่ให้คิดเหลวไหล ดังนั้นท่านเทพจึงหยิบไดร์เป่าผมมา แล้วยกมือขึ้นสูงด้วยออร่าแรงจัด

ป๋อจิ่วคิดดูแล้ว เธอไม่อาจฝืนใจใครได้ มันคงไม่ดีนักถ้าจะฉวยโอกาสรังแกท่านเทพในระหว่างที่ชายหนุ่มสูญเสียความทรงจำอยู่ “เอาสิ เป่าผมเลย”

เมื่อหันหน้าไปก็เห็นแผ่นอกที่เธอพิงหลังไว้ ทั้งสองถูกห่ออยู่นผ้าขนหนูผืนเดียวกันที่ไม่ใหญ่และไม่เล็ก กำลังดี อยู่กันแบบนี้ เธอแต๊ะอั๋งเขาไม่ได้เลย

ฉินมั่วกลับหัวเราะขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงถอนหายใจ “ทำไม? ผิดหวังที่เป่าผมให้เหรอ? วันๆ เอาแต่คิดเรื่องเจ้าชู้นะเรา?”

“ก็อยากปล้ำพี่อ่ะ” ป๋อจิ่วรู้สึกได้ถึงลมอ่อนๆ ที่ถูกปล่อยออกมาจากไดร์ ยิ้มอย่างแช่มชื่น “ชัดขนาดนี้ พี่มั่วมองไม่ออกเหรอ”

…………………………………..

1723-2 vs 1724 vs 1725

ตอนที่ 1723-2 พี่มั่วอาบน้ำกับน้องจิ่ว

คุณตายืนอยู่ข้างๆ ความเป็นผู้ดีอังกฤษมานาน จึงทำให้ได้แต่ไอเล็กน้อย “ผมไปจัดห้องให้อีกห้องหนึ่งนะครับ”

 “ยุ่งยากจังค่ะ” ป๋อจิ่วยิ้มแฝงเจ้าเล่ห์ “ห้องไม่พอใช้ หนูกับพี่มั่วนอนห้องเดียวกันก็ได้”

ฉินมั่วมองดูห้องที่มีมากมายในอะพาร์ตเมนต์สองชั้นแห่งนี้ นิ้วมือยังรับรสสัมผัสได้ถึงผิวเนียนละมุนของคนบางคน ไม่แฉความจริงออกไป

ทว่าคุณตาได้แต่สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ท่าทางห้องใหญ่ที่เขาเตรียมให้นายน้อยจะมีประโยชน์มากเกินไปแล้ว มีตั้งแปดห้อง จะบอกว่าไม่พอได้ยังไง

แต่คุณตาก็รู้ดีว่าตอนนี้นายน้อยคิดอะไรอยู่ มือที่สวมถุงมือขาวจึงยกกาน้ำชาขึ้น “ผมจะเอาไปส่งให้ที่ห้องนายน้อยนะครับ จะได้เตรียมชุดนอนอีกชุดให้คุณชายฉินด้วย”

“ค่ะ” ป๋อจิ่วส่งเสียงตอบในสภาพที่หน้าไม่แดง หัวใจไม่เต้นรัว

ฉินมั่วค้ำคางอยู่ข้างๆ เรียวปากยกโค้งอย่างไร้ร่องรอย ไม่คิดว่าจะได้เห็นเหยื่อสายรุก เธอนี่มหัศจรรย์จริงๆ

คุณตายังคงสำรวจชายหนุ่ม เดิมคิดจะคุยกับเขาสักหน่อย แต่พอเห็นฉินมั่วถอดเสื้อ โชว์ต้นคอให้เห็น มือของคุณตาก็ถึงกับชะงักแล้วจ้องมองป๋อจิ่ว

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเขาจำได้ว่า ตอนเด็กๆ นายน้อยร้องขอฮู้ป้องกันภัยเช่นนี้หลายครั้ง ตอนนั้นเธอเหมือนเป็นเณรน้อย ทั้งๆ ที่อยู่ใน The Fifth Avenue แท้ๆ แต่กลับเข้าหาหลวงจีน เพราะฮู้ของหลวงจีนผู้นั้นนั้น เห็นได้ไม่บ่อย เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ คุณตาจำต่อดึงสายตากลับมา ไม่อ้อยอิ่งอีกต่อไป

แม้ถึงจะเป็นเช่นนั้น ฉินมั่วก็สังเกตเห็น รอจนเมื่อเปลี่ยนชุดนอน นัยน์ตาดำขลับก็วาววับ

ยังไม่ทันได้ดื่มชา ทางฝ่ายป๋อจิ่วมองออกว่าคุณตาเรียกเธอเพราะมีเรื่องจะคุยด้วย จึงผลักท่านเทพเข้าไปในห้องน้ำ “พี่มั่วอาบน้ำก่อน อาบเสร็จแล้วค่อยมาคุยกัน”

หลังจากที่ได้ยิน ฉินมั่วก็ยิ้มให้อย่างน่าหลงใหล ทว่าแววตากลับคล้ายมีหมอกสุมอยู่ “น่าเสียดายจัง”

“เสียดายอะไร?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

ฉินมั่วก้มตัว ลมหายใจของเขาเป่ารดหูเธอ “ฉันคิดว่าเราจะได้อาบน้ำด้วยกัน ก็เป็นแฟนกันนี่นะ จริงไหม?”

น่าเสียดายที่เธอก็ปิดบังบางอย่างกับฉัน ให้เหยื่อแบบนี้อยู่ข้างตัว แล้วจะวางใจได้ไง? เมื่อคิดได้เช่นนี้ แววตาของฉินมั่วก็ตึงเครียด แต่จากจุดที่ป๋อจิ่วอยู่ทำให้เธอไม่เห็น จึงได้แต่เกาะเอวชายหนุ่มพลางกระเซ้า “เปล่าน่า แต่ทำไมช่วงนี้พี่ชอบอ่อยฉันจัง”

อยู่ๆ ก็ถูกเธอกอดเสียแบบนี้ ฉินมั่วคาดไม่ถึงจริงๆ เมื่อคิดให้ดีก็เย้ยในใจว่า เริ่มโอ๋เขาอีกแล้วสิ รู้ใจเหลือเกินนะ

“อยากอาบด้วยกันอยู่” ป๋อจิ่วยังยิ้มไม่เลิกรา “แต่ต้องคุยกับคุณตาก่อน อย่างน้อยต้องบอกเขาว่า ไม่ว่าพี่จะเปลี่ยนไปมาแค่ไหน พี่ก็ยังเป็นเจ้าหญิงน้อยของฉันอยู่ดี”

ฉินมั่วมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าหญิงน้อยเหรอ” ไปเอาคำเรียกแบบนี้มาจากไหน

“พี่มั่ว เมื่อก่อนพี่ชอบให้ฉันเรียกแบบนี้นี่นา” ป๋อจิ่วพูดด้วยสีหน้าเศร้า “พี่ลืมเรื่องนี้ด้วยเหรอ เฮ้อ”

พอได้ยินเสียงทอดถอนหายใจเของเธอ ฉินมั่วพลันยิ้มมุมปาก ทั้งยังทำสีหน้าที่ใครๆ ก็ปรารถนา แล้วรั้งเอวเธอเพื่ออ่อย “สบายใจได้ ต่อให้ลืมยังไง ก็ไม่ลืมว่าอยากได้เธอ”

ยัยนี่ มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ชอบถูกเรียกว่าเจ้าหญิง จะโกหกทั้งทีก็น่าจะเตรียมสคริปต์ไว้หน่อยไหม ยัยจอมเจ้าชู้เอ๊ย

ฉินมั่วได้ยินแล้วรู้สึกขำ จึงจูบอย่างแฝงแววลงโทษ ชายหนุ่มก้มตัวลง กัดเบาๆ ที่ต้นคอเธอ ลมหายใจร้อนระอุแนบบนผิวขาวผ่อง ทำให้คนรู้สึกจั๊กกะจี้อย่างต้านทานไม่ไหว

ป๋อจิ่วถูกอ่อยจนไม่รู้จะวางมือไว้ที่ไหน จนต้องโก่งหลังในที่สุด “พี่มั่ว…”

“หืม?” ฉินมั่วจึงเลยหน้าจากต้นคอเธอ ใบหน้าหล่อเหลาดูยั่วยวน “ถ้าจะคุยกันก็ได้ แต่รีบหน่อย ฉันจะรอเธอที่อ่าง ไหนว่าจะอาบน้ำด้วยกันไง?”

………………………………………….

ตอนที่ 1724 เอาแต่อ่อยอยู่ได้

ป๋อจิ่ผลักอีกฝ่ายออกไป แล้วยกมือถูกหน้า เมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของท่านเทพได้ ก็หัวเราะเบาๆ คิดว่าเธอไม่กล้าใช่ไหม? เดี๋ยวรอคุยกับคุณตาเสร็จก่อนเถอะ แล้วจะเข้าไปหาในห้องน้ำ เธอจะฉวยจังหวะนี้อัดเสียงเขาด้วย ไว้เอามาให้เขาฟังตอนที่ฟื้นความจำแล้ว ถือเป็นประวัติดำมืดเหมือนกันนะเนี่ย ป๋อจิ่วกดนิ้วบนเรียวปาก หัวเราะออกมาอย่างเป็นเรื่องธรรมดา

คุณตาพ่อบ้านกับนายน้อยรู้ใจกันดี จึงยืนรอที่ห้องรับแขกเรียบร้อย มือยังคงถือร็อกเก็ตนาฬิกาดังเดิม

ป๋อจิ่วเดินไปหา พลางออกปาก “อย่าเป็นห่วงไปเลย” ซึ่งคำพูดสั้นๆ นี้ ทำให้คุณตาถอนใจยาว “ตอนนี้สภาพของเขายังไม่ปกติ ไม่ ไม่สิ ต้องบอกว่าสภาพเขาปกติมากๆ รู้จักปิดบังความเหี้ยมตัวเองไว้มิดเม้น นายน้อยน่าจะรู้ดีนะว่าเขาน่ากลัวแค่ไหน”

“เขาไม่ได้ทำร้ายใครนะคะ” ป๋อจิ่วพูดจบก็รู้ดีว่าตัวเองกำลังเฉไฉ เพราะใช่ว่าท่านเทพจะไม่คิดสะกดจิตใคร เพียงแต่ถูกเธอขัดขวางทางอ้อมไว้ทัน

คุณตากวาดตามองใบหน้าใสสะอาดที่อมยิ้มอยู่ “เพราะคุณอยู่ด้วยนี่นา แล้วเขาอยากได้คุณ ก็ต้องเก็บอาการไว้ให้ดี”

ใครจะคิดล่ะว่า พอนายน้อยได้ยิน ก็ยิ้มร่าอย่างเหลิง “ฮ่าๆๆ คุณตาขา หนูถึงบอกไงคะว่าเขาแคร์หนูมาก เมื่อก่อนเป็นยังไง เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้น”

คุณตาได้แต่บ่นในใจ…นี่ต่างหากที่สำคัญที่สุดใช่ไหม?

ตอนที่อยู่ในค่ายทหาร ป๋อจิ่วเซ็งจะแย่อยู่แล้ว ได้แต่อวดแฟนให้เสี่ยวเฮยฟัง ซึ่งมันยังไม่พอ ตอนนี้อุตส่าห์ได้เจอคุณตาแล้ว จึงฉวยหมอนอิงมากอด ยันคาง ยิ้มมุมปากที่ทั้งเท่และหวาน “ถึงปากจะไม่พูด แต่การกระทำเขาแสดงออกชัดนะคะ นี่ยังจะหึงตัวเองอีก น่ารักจะตาย”

คุณตารักษาความเป็นผู้ดีอังกฤษเอาไว้ “ตอนนี้ผมเข้าใจสำนวนจีนที่ เลี้ยงลูกสาวให้คนอื่นอีกครั้งแล้วล่ะครับ”

“คุณตาล่ะก็ ถ้าคุณตาเป็นห่วงเรื่องนี้นะคะ ก็สบายใจได้เลย หนูจะอยู่แต่ในบ้าน ต้อนให้พี่เค้าแต่งเขาตระกูลเราก็แล้วกัน” ป๋อจิ่วยิ้มเสนอความเห็น

คุณตาได้แต่นวดหัวคิ้ว รู้ดีว่านายน้อยยึดมั่นไว้เช่นนี้แน่ ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ตระกูลฉินจะยอมให้ลูกหัวแก้วหัวแหวนแต่งเข้าสกุลนายน้อยเรอะ ถ้าเป็นอย่างนั้น มีหวังตระกูลอานมีหวังได้บ้าแน่ๆ นายน้อยปักใจกับผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียว “คุณต้องรู้นะครับว่าที่เขาทำดีกับคุณ เป็นการเสแสร้ง ใครก็ตามที่ถูกกระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิตแล้ว นิสัยจะเปลี่ยนไปหมด เขาก็เหมือนกัน ตอนนี้เกรงว่าเขาแค่สนใจคุณ แต่นายน้อย ถ้าเขาเบื่อขึ้นมาเมื่อไร คุณจะทำยังไง?”

คุณตาพูดตรงประเด็น ส่งผลให้รอยยิ้มของเธอจืดจางลงไม่น้อย ก่อนจะลุกขึ้นมองดูรถราที่วิ่งผ่านอยู่นอกหน้าต่างบานยาวละพื้น จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้น “คุณตาทราบไหมคะว่าเขาเสียความทรงจำที่ทะเลสาบ ตอนนั้นมือเขามีแต่เลือด แถมเลือดยังเต็มทะเลสาบไปหมด ขนาดเขาถูกฝังคำสั่งทางจิต ก็ยังไม่ถูกคิงควบคุมเลยค่ะ แถมยังปกป้องคนทั้งหมดที่อยู่บนบกอัตโนมัติ แต่พอเขาลืมตาขึ้น ระแวงต่อทุกสิ่งบนโลก สปีดโบ้ททุกลำกลับเล็งปากกระบอกปืนไปที่เขากันหมด แถมยังมองเขาด้วยความระแวง ตอนนั้นหนูเห็นเขาจะลงมือแล้ว เขากำสร้อยฮู้บนคอ เอ่อ ตอนแรกหนูก็นึกว่าเป็นแค่สร้อย ตอนหลังถึงได้รู้ว่าเป็นฮู้ที่หนูให้เขาเพื่อป้องกันตัว”

…………………………………………….

ตอนที่ 1725

 “ฉะนั้นคุณตา ดูสิคะว่าขนาดเขาจำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็ยังรักษาของที่หนูให้ไว้ มันไม่ใช่ความสนใจหรอกค่ะ” ป๋อจิ่วหันกลับมามอง ก้นบึ้งนัยน์ตาฉายแววมุ่งมั่นจริงจัง “ยิ่งหนูเองก็ไม่เบาเหมือนกัน ต่อให้เขาแค่สนใจหนูจริง แค่ในเมื่อหนูเคยทำให้เขาชอบหนูเป็นครั้งแรกแล้วก็ครั้งที่สองได้ ก็ต้องมีครั้งที่สาม”

คุณตาพ่อบ้านชะงักไปพักหนึ่ง พลันหัวเราะขึ้น “นายน้อยน่าจะรู้ว่า ผมสนับสนุนทุกการตัดสินใจของคุณ แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกคุณเช่นกัน” รวมถึงเจ้าน้ำแข็งจากบ้านตระกูลฉินด้วย ให้ผู้หญิงรุกฝ่ายเดียวทุกครั้ง ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเอาเสียเลย

ป๋อจิ่วพูดในใจ ตอนนี้เขาไม่รังแกหนูแล้ว มีแต่หนูนี่แหละที่อยากรังแกเขา

เมื่อคิดแล้วคิดอีก เธอก็เอาเครื่องประดับที่ใช้สำรับการแปลงโฉมจากห้องข้างๆ ขึ้นชั้นบน เดี๋ยวกะจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย

คุณพ่อบ้านเข้าใจดีว่า นายน้อยรอชายหนุ่มมาตั้งแต่เล็กจนโต ความดีของชายหนุ่ม เธอจะถนอมไว้ดั่งสมบัติล้ำค่า เมื่อตอนเป็นเด็ก ตากลมโตของเธอมองเด็กคนหนึ่งก็ตัดสินทันที “คุณตาขา เขาหล่อสู่สัตว์เลี้ยงของหนูไม่ได้สักกะผีก ของหนูนะคะ ไม่ว่าจะยืนที่ไหน ถึงไม่ต้องพูดอะไรก็ทำให้คนชอบได้แล้ว จริงๆ นะคะ เขาน่ารักมาก แถมยังเคยผูกเชือกรองเท้าให้หนูด้วย เวลาเชือกหลุดทีไร เขาต้องผูกให้หนูทุกที”

เล่นชมเสียเลิศเลอแบบไม่มีอีกแล้วในปฐพีนี้ แสดงว่าคิดถึงในใจลึกๆ เสมอ ตอนนี้เจ้าตัวมาอยู่ด้วยแล้ว นายน้อยจึงยิ้มมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ ก็ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปก่อนละกัน

คุณตาพ่อบ้านคิดเช่นนี้ ยังหาวิธีที่จะทำให้เจ้าน้ำแข็งตระกูลฉินฟื้นความจำได้ในเร็ววัน

ฉินมั่วรู้ดีว่าตัวเองมีจุดอ่อนตรงที่สูญเสียความทรงจำ แต่สำหรับเขาแล้ว ความทรงจำพวกนั้นไม่มีประโยชน์ ก่อนที่จะมาที่นี่ เขาคิดจะให้เหยื่อพูดอะไรขึ้นมาบ้าง ส่วนคุณตาพ่อบ้านของเธอจะพูดอะไร ไม่ต้องคิดวิเคราะห์ เขาก็เข้าใจ ต้องสั่งให้เธอระวังเขาไง

เฮอะ ฉินมั่วหัวเราะขึ้น ก่อนจะซ่อนตัวอยู่ข้างหลังราวกับเป็นจอมปีศาจที่ปรากฎตัวอย่างไร้เสียง ทั้งยังจากไปอย่างเงียบๆ

คำพูดของยัยนั่นวนเวียนข้างหูเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับจะซึมเข้าหัวทีละนิดๆ  มุมปากหยัดยิ้มอย่างไม่รู้ตัว

ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขาได้ยินคำพูดของเธอ จึงไปเตรียมน้ำในห้องน้ำล่วงหน้า มือถือที่เธอให้เขาก่อนเดินออกไปยังคงวางไว้ในห้อง

ยัยนี่โง่สิ้นดี ขนาดมือถือยังซี้ซั้วให้เขาอีก เมื่อเปิดดูหน้าจอมือถือก็เห็นรูปแอพลิเคชันที่มีไม่เยอะ ที่เปิดเล่นบ่อยก็จะเป็นเกมเกมหนึ่ง

ฉินมั่วกวาดตามอง โดยไม่เปิดออกมา แต่ลากหน้าบราวเซอร์ออกมาค้นอะไรบางอย่าง เหมือนอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ หลังจากที่ได้ยินคำสนทนาในห้องรับแขก ฉินมั่วก็นั่งรอเธอในอ่างอาบน้ำ  เอนหลังเล็กน้อย ฟองขาวๆ ผุดขึ้นเต็มอ่าง ตามมาด้วยไอร้อนๆ ของน้ำ ทำให้เขาดูสูงส่งต้องห้ามมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เหมือนเดิม กระทั่งเขาเองยังไม่รู้ตัวว่ากำลังอมยิ้มอยู่

ป๋อจิ่วหยิบของเข้ามาก็เห็นฉากที่ว่าเข้าพอดี

ท่านเทพนั่งแช่อ่างอย่างเซ็กซี่  ชายหนุ่มไขว่ห้างไว้ ภายใต้แสงไฟที่สาดลงมา สะท้อนบนผนังขาวสะอาดจนมึนศีรษะ หน้าตาหล่อเหลาจนแทบตาลาย

ใบหน้าชายหนุ่มท่ามกลางแสงไฟดูหล่อเหลาจนตาลาย ไม่รู้ว่ากำลังดูอะไรอยู่ ถึงทำให้เขายิ้มคร้านๆ ไม่ระแวดระวังตัวสักนิด แถมยังภูมิใจหน่อยๆ

หือ?

ท่านเทพภูมิใจเรื่องอะไร?

………………………………….

1722-1 vs 1722-2 vs 1723-1

ตอนที่ 1722-1

เพื่อไม่ให้ใครจำได้ ป๋อจิ่วจึงดึงข้อมือชายหนุ่มพาเข้าไปในตัวรถ รอจนประตูถูกปิด เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มบางๆ พลางว่า “นี่คือคุณตาพ่อบ้าน เป็นญาติคนเดียวที่ดูแลฉันมาตั้งแต่เล็กจนโต”

ฉินมั่วเลิกหางตาขึ้น สบตากับแววตาที่สะท้อนจากกระจกส่องหลัง แววตาคู่นั้นทำให้เขายิ้ม “คุณตา”

ผู้ชราจะแยกแยะความไม่ใส่ใจจากน้ำเสียงชายหนุ่มได้อย่างไร ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีนิสัยว่าง่าย ทว่าอยู่ๆ กลายเป็นคนโอนอ่อนผ่อนตามคนอื่นแบบนี้เนี่ยนะ เล่นเอาคุณตาถึงกับขมวดคิ้ว แต่ท่าทางนายน้อยจะเบิกบานเอามากๆ

คุณตาถอนสายตา แสดงความเป็นพ่อบ้านมืออาชีพออกมา “คุณตาเป็นคำเรียกของนายน้อยเท่านั้น คุณชายฉินเป็นแขกของเรา โปรดอย่าเกรงใจเลยครับ”

ฉินมั่วฟังเจตนาจากประโยคนั่นออก ชายหนุ่มเอาลิ้นดันฟัน ยิ้มอย่างไร้พิษสง ในที่สุดก็มีคนระแวงเขา ไม่เคยมีใครระแวงเขามาก่อน น่ากลัวว่าตาแก่นี่จะเป็นคนแรก

ฉินมั่วหันไปมองใบหน้าของป๋อจิ่วอีกครั้ง หากเขาจะพาตัวยัยนี่ไป คงต้องผ่านด่านชายชราคนนี้เป็นด่านแรก ต้องยอมรับว่าสัญชาตญาณของชายหนุ่มแม่นยำมาก เพราะคุณตาพ่อบ้านก็เป็นคุณหมอ เขารู้ซึ้งถึงผลจากคำสั่งที่แฝงทางจิต และเช่นเดียวกัน เขาก็เข้าใจดีว่า จะเข้าไปยุ่มย่ามต่อเรื่องที่นายน้อยตัดสินใจแล้วไม่ได้ ทว่าเขาเองก็อยากจะลองว่า ตนเองจะทำให้ชายหนุ่มฟื้นความทรงจำได้หรือไม่

“พวกคุณน่าจะยังไม่ได้ทานอะไร ที่บ้านมีของสด คุณชายฉินอยากทานอะไรครับ?”

เมื่ออีกฝ่ายเต็มไปด้วยมารยาท ชายหนุ่มย่อมไม่โชว์ด้านที่เลวร้ายออกมา มุมปากยังคงติดยิ้มเช่นเดิม “ได้หมดครับ อยู่ที่ป๋าของผมชอบกินอะไร”

ป๋าเหรอ? คุณตาหันไปมองนายน้อยของตัวเองด้วยอาการปวดศีรษะหน่อยๆ คำเรียกบ้าบออะไรเนี่ย เขาเคยเตือนนายน้อยหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่า เป็นผู้หญิงต้องเรียบร้อย

ทว่าป๋อจิ่วกลับยิ้มร่า พอใจกับคำเรียกที่ว่า “หม้อร้อนก็แล้วกัน เสร็จเร็วดี” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็หันไปคว้ามือฉินมั่วมาวางไว้ในอุ้งมือ “พี่มั่ว พี่ต้องจำเรื่องหนึ่งไว้ให้ดีนะ”

“หือ?” ฉินมั่วเลิกคิ้ว

ป๋อจิ่วหยัดยิ้มอย่างหล่อ “ฉันชอบเล่นคีย์บอร์ดมากที่สุด ชอบกินหม้อร้อนมากที่สุด แล้วก็ชอบพี่มากที่สุด”

ฉินมั่วถึงกับชะงัก บางอย่างเอ่อล้นจากก้นบึ้งนัยน์ตา แล้วค่อยๆ ขรึมลง “ฉันชอบเล่นอะไร กินอะไร ก็ยังไม่รู้เลย แต่มั่นใจได้ว่าคนที่ฉันชอบมากที่สุด นอกจากเธอแล้วไม่มีคนอื่นชัวร์”

จริงๆ นะ เธอเป็นเหยื่อที่เพอร์เฟกต์มาก โดยเฉพาะนัยน์ตาที่มองมาที่เขาทีไร จะยิ่งสวยจนไม่มีอะไรมาเทียบได้ แต่ตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า เธอต้องดีกับเขาเพียงคนเดียว

ฉินมั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยสนใจต่อเรื่องที่เธอพูดสักเท่าไร ตอนนี้น่าจะลองดูได้ ในเมื่ออยากให้เหยื่อไปกับเขาอย่างเต็มใจ ก็ต้องเสแสร้งให้แนบเนียน

ฉินมั่วพลิกมือมาเป็นฝ่ายกุมเธอแทน แววตาที่จับจ้องฉายแววความโหดที่ทำให้คนเห็นแล้วไม่สบายใจ

อย่างน้อย คุณตาเห็นแล้วก็รู้สึกสับสน ว่ากันตามสิ่งที่คุณตาวิเคราะห์ได้จากตัวฉินมั่ว ทันทีที่คำสั่งที่แฝงทางจิตของชายหนุ่มระเบิดขึ้น ในสายตาของเขา คนอื่นๆ จะมีหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากชีวิตในวัยเด็ก

ชายหนุ่มเป็นคนเฉยชามาตั้งแต่ยังเล็ก แต่ก่อนเป็นเพราะมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทว่าเวลานี้ไม่มีสิ่งใดรั้งเขาได้ เขาย่อมต้องไม่หวั่นเกรงอะไร

…………………………………..

ตอนที่ 1722-2

โลกของเรามีนักจิตวิทยาอาชญากรรมมากมายที่ โดยปกติแล้วจะมีเป้าหมายของตัวเอง ความน่ากลัวของฉินมั่วอยู่ที่ เขาไม่มีเป้าหมาย แม้ว่าวันหนึ่งเขาจะก่ออาชญากรรมขึ้นมา ก็อาจมาจากการที่เขาหงุดหงิด คันไม้คันมือ แต่คนแบบนี้นี่แหละที่ตามนายน้อยกลับมายังเจียงเฉิง ทั้งยังแสดงความเป็นเจ้าของอย่างโจ่งแจ้ง

คุณตาพ่อบ้านไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือกังวลใจมากขึ้นแทนนายน้อยดี เพราะฉินมั่วในเวลานี้ หากอยากทำอะไร กระทั่งเขาก็ยังห้ามไม่ได้

ระยะทางจากสนามบินมายังที่พักถือว่าไม่ไกล อพาร์เมนต์สไตล์พาณิชย์แห่งนี้ ป๋อจิ่วเลือกด้วยตัวเองเป็นพิเศษ เพราะที่นี่อยู่ไม่ไกลจากคลับตระกูลฉิน บวกกับในช่วงสามวันข้างหน้า เหล่าเพื่อนร่วมทีมจะได้ซ้อมรวมกันสะดวกหน่อย

ทางฝั่งนั้นน่าจะมีคนจับตามองอยู่ ป๋อจิ่วคุ้นเคยกับวิธีปฏิบัติงานของคนบางกลุ่ม เห็นทีให้พวกหลินเฟิงมาที่นี่เห็นจะปลอดภัยกว่า แถมยังมีคุณตาพ่อบ้านอยู่ด้วย จะได้ป้องกันเรื่องอื่นๆ

ป๋อจิ่วคิดว่าท่านเทพรักอีสปอร์ตมาก บางทีถ้าเขาได้พบสมาชิกคนอื่นๆ ในทีม อาจจะนึกอะไรออกบ้าง ซึ่งเธอได้แจ้งให้คนสวยทราบแล้ว โดยคนสวยเองก็คิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด เธอรู้ดีว่าส่วนใหญ่ของชีวิตลูกเธอที่นอกเหนือจากอีสปอร์ตก็คือเพื่อนกลุ่มนี้ ลูกเธอไม่ค่อยอยู่บ้านนักหรอก

ป๋อจิ่วยิ่งรู้สึกว่า หากมองในบางด้าน สวรรค์ไม่เคยอ่อนโยนต่อชายหนุ่มเลย ขนาดเธอ ยังมีคุณตาพ่อบ้านอยู่ด้วย  ตอนเด็กๆ เธอคิดถึงเขา ก็ยังพูดกับคนอื่นได้  แต่จากนิสัยของเขา แม้จะคิดถึงเธอ ก็คงไม่มีใครให้พูดด้วย

ป๋อจิ่วหันมองมือที่มีข้อกระดูกชัด ไพ่ปรากฎในมือเขาอีกแล้ว เธอรู้ดีว่านี่คือการระวังตัว เป็นการระวังตัวจากสถานที่แปลกใหม่

จากนั้นมือถือดังขึ้นอีกครั้ง อันเป็นสายจากหลินเฟิง เธอจึงกดปุ่มรับสายแบบเปิดลำโพง “ฮัลโหล”

“ฮัลโหล แบล็ก กลับมาแล้วใช่ไหม?” เสียงของหลินเฟิงฉายความตื่นเต้น “อุว้าว เร็วกว่าที่ฉันคิดไว้อีกแฮะ หัวหน้าล่ะ?”

ป๋อจิ่วมองฉินมั่วแวบหนึ่ง เหมือนจะบอกว่า เขาถามถึงพี่ ก่อนจะยิ้มตอบ “พี่มั่วจะไปอยู่ที่ไหนได้ ต้องอยู่ข้างฉันสิ นายรู้ได้ไงว่าพวกเขากลับมาแล้ว?”

“ข่าวในอินเทอร์เน็ตไง พวกนายนี่รวยจริงวะ เล่นโรสลอยเลยเหรอวะ คนอื่นเขาก็ฮือฮากนทั้งนั้นแหละ มีแต่พวกเราที่ดู‘ของจริง’” หลินเฟิงหัวเราะเร่อร่า แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังดีใจ “ฉันเห็นแค่ด้านหลังของนายกับหัวหน้าก็รู้แล้วเว้ย”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วได้แต่กุมขมับ กระทั่งคนซื่อบื้ออย่าหลินเฟิงยังมองออก แล้วพวกแฟนคลับฉินมั่วจะต้องจำแผ่นหลังตระหง่านได้แน่ ยังดีที่คุณตาเก็บกวาดงานไว้เรียบร้อย ไม่ว่าใครก็ตามมาถึงที่นี่ไม่ได้

“ฉันจะบอกให้ทุกคนไปหาพวกนาย” หลินเฟิงพูดปุ๊บก็จะลงมือปั๊บ

ป๋อจ่อวมองดูฉินมั่วที่หันมามองแวบหนึ่งก็ตอบ “ไว้พรุ่งนี้เถอะ”

“พรุ่งนี้เหรอ?” หลินเฟิงขมวดคิ้ว ก็กลับมาแล้ว รีบเจอหน้ากันก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ งานแข่งระดับเอเชียเริ่มนับเวลาถอยหลังแล้วนะ แล้วพวกเขาจะแข่งกันอย่างไร ต้องให้หัวหน้าเป็นคนวางแผนสิ

ป๋อจิ่วส่งเสียงรับรู้ พลางย้ำ “พรุ่งนี้” เธอเห็นอาการระแวงภัยของชายหนุ่ม อาการดังกล่าวบ่งชี้ว่าชายหนุ่มไม่ชอบ สำหรับคนที่สูญเสียความทรงจำ การจะให้เขายอมรับการตำแหน่งแห่งหนที่คนอื่นจัดวางให้ภายในวันเดียว ในบางแง่มุม มันถือเป็นเรื่องยาก

ป๋อจิ่วเองก็อยากให้ทุกคนได้เจอกันไวๆ แต่ดูเหมือนเธอจะละเลยไปว่า ท่านเทพต้องใช้เวลาในการยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีมหรือกระทั่ง…เธอ

………………………………………..

ตอนที่ 1723-1 พี่มั่วอาบน้ำกับน้องจิ่ว

หลินเฟิงมองดูสายที่ถูกตัด รู้สึกหวั่นไหวในใจ ความหวั่นไหวที่ว่า เริ่มออกอาการพร้อมกับข่าวลือในอินเทอร์เน็ต

เหมือนอย่างที่ป๋อจิ่วว่านั่นแหละ แค่เห็นแผ่นหลังของทั้งสองก็มองออกแล้ว ซึ่งพวกแฟนคลับยิ่งรู้ดีกว่าแน่

ตอนแรกแค่ซุบซิบกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ก็ดังขึ้นมา ฝ่ายประชาสัมพันธ์ตามล่าหาตัวเฟิงอี้เพื่อคุยกันเรื่องนี้ว่า น่าจะมีคนควบคุมอยู่เบื้องหลัง ทว่าไม่หาตัวบริษัทดังกล่าวนั่นไม่เจอ ซึ่งมันน่าแปลก

โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เฟิงอี้ไม่สนใจ เขามองดูภาพในโลกออนไลน์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะ “ผู้ช่วยสวี”

“ผอ.เฟิง” คุณผู้ช่วยคิดไม่ถึงว่าเฟิงอี้จะมองคนอื่นด้วยสายตาเช่นนี้

เฟิงอี้จุดบุหรี่ คีบไว้ในมือ “บางเรื่องเราจะเล่าให้แค่คนมีเหตุผลฟังเท่านั้น หลายๆ คนไม่เข้าใจว่าเขาต้องพยายามมากแค่ไหน กว่าจะเอาตัวฉินมั่วกลับมาได้ ฉะนั้นก็ช่างเถอะ ยังไงก็เอาคนกลับมาได้แล้ว”

ผู้ช่วยรู้สึกว่าท่านผอ.เฟิงแปลกไป เฟิงซ่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน พี่ชายของเขาต่างไปจากเดิมจริงๆ จิ้งจอกเฟิงที่ยิ้มต่อหน้าผู้คน แต่ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบทีมไดมอนด์ ทว่าเวลาลับหลังกลับสูบบุหรี่อย่างดุดัน ราวกับรู้ดีในบางเรื่อง แต่ไม่อาจแก้ไขได้

เฟิงซ่างถามคนอื่นๆ ด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ แต่ก็ไม่ได้คำตอบกลับมา ทว่าเขากลับยินดีมากที่ได้เห็นภาพในโลกออนไลน์นั่น เขาและโคโค่ รวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ต่างรวมตัวแสดงความเริงร่าในแอคเคาท์เวยป๋อออฟฟิเชียล โดยแอดถึง แบล็กพีช Z กันยกใหญ่

บนโต๊ะอาหาร ป๋อจิ่วคิดหาวิธีที่จะให้ท่านเทพลองยอมรับคนภายนอก คิดไปคิดมา ก็ต้องหาหลักฐานที่เขาเชื่อ ถึงจะได้ผล คนอย่างท่านเทพเดิมก็ระแวงมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

ด้วยเหตุที่กินหม้อร้อนต้องใช้เวลา ท่านเทพมองดูยัยเด็กที่ก้มหน้าก้มตาช้อนเนื้อแกะที่ลวกในน้ำซุปให้เขา ไม่รู้ว่าทำไมอาหารในปากถึงได้รสชาติดีเหลือเกิน

คุณตาพ่อบ้านเห็นแล้ว ได้แต่ร้องในใจว่า นายน้อยจูงเจ้าหญิงน้อยมาเอาอกเอาใจที่บ้านเรอะ? คุณชายฉินโตเสียขนาดนั้น ไม่รู้จักใช้ตะเกียบคีบมากินเองหรือไง?

คุณตาทำได้แค่ถอนใจยาว แต่รู้ดีว่า ความเป็นกุลสตรีที่ตัวเองเคยสอนสั่งนายน้อย น่ากลัวว่าจะถูกทิ้งเป็นขยะไปเสียแล้ว

“หม้อร้อนค่อนข้างมัน ในกามีน้ำชาอูหลงของจีนอยู่ นายน้อยจะดื่มที่นี่หรือไปดื่มที่โซฟา?” คุณตาคว้าร็อกเก็ตนาฬิกามาดู แม้จะอยู่ในเจียงเฉิง แต่บุคลิกความเป็นผู้ดีอังกฤษของคุณตาไม่เคยหลุดแม้แต่น้อย

 “ไม่เอาทั้งสองที่ หนูกับพี่มั่วจะกลับห้อง” ป๋อจิ่วหันไปกะจะดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดมุมปาก กลับคาดไม่ถึงว่าเพียงแค่ขยับ ก็มีอะไรบางอย่างแปะที่หน้า ที่แท้เป็นนิ้วมือของท่านเทพที่ค่อยๆ ปาดมุมปากเธอด้วยท่าทีปกตินั่นเอง

เพื่อให้ท่านเทพเช็ดสะดวก ป๋อจิ่วจึงเงยหน้าหล่อๆ ของเธอขึ้น แถมยังไม่ลืมหยักยิ้มที่มุมปาก

ฉินมั่วเห็นเธอยิ้มแล้ว คิดอะไรขึ้นมาได้ เหยื่อคนนี้ทำไมถึงน่าเอ็นดูจัง…

…………………………………..

1721-1 vs 1721-2

ตอนที่ 1721-1

 “เฝ้าฉันยี่สิบสี่ชั่วโมงรึ? แน่ใจนะ?” ฉินมั่วที่ไม่เข้าใจความคิดของป๋อจิ่ว กลับหัวเราะขึ้นด้วยเสียงเบาเรียบ ทว่าแววตากลับลึกซึ้งเหมือนดวงดาว “แต่ฉันเก่งเรื่องทรมานคนตอนกลางคืนนะ ดีเหมือนกัน จะได้เอาพวกที่ศึกษามาปฏิบัติจริงๆ จังๆ สักหน่อย”

ระหว่างที่พูดเช่นนี้ ลมหายใจของชายหนุ่มรดอยู่ข้างหูเธอ ให้ความรู้สึกทั้งร้อนและเชื่องช้าราวกับจงใจ

ความไม่สบายใจของป๋อจิ่วถูกขจัดไป ได้แต่จูงมือชายหนุ่มเดินต่อไปข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้เขาอยู่กับเธอก็พอ  แถมปล่อยให้เธอจูงอย่างว่าง่ายด้วย ยังไงเธอก็รู้สึกได้เปรียบอยู่ดี เพราะเขาเคยให้เธอจูงเมื่อตอนเป็นเด็ก แต่ก่อนหน้านี้เขากลับเหลือบมองเธอเท่านั้น  ตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะเธอได้จูงมือเขาเดิน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เธอยังรู้สึกเป็นสุขเหมือนเดิม

ฉินมั่วย่อมไม่สะบัดออกไป คงเพราะเขาเองก็แปลกใจ หรือบางทีอาจเป็นเพราะเหยื่อที่รักของเขาเอาใจเขามาก ถึงได้ยอมทำตัวเป็นอีหนูที่ว่าง่าย ยังไงเธอก็เรียกตัวเองว่าเป็นป๋าสายเปย์อยู่แล้วนี่

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ความสนุกก็พาดผ่านนัยน์ตาเขา ไม่เคยเห็นพวกสายเปย์ที่ไหนที่บริสุทธิ์แบบนี้มาก่อนเลย

ของที่ได้ชิม ย่อมหวานเสมอ เริ่มสนใจหนังสือพวกนั้นเสียแล้วสิ วันนี้อาจจะได้ศึกษาสักหน่อย

ป๋อจิ่วไม่รู้หรอกว่าคนข้างหลังคิดอะไรอยู่ แต่เข้าใจดี แม้ว่าจะตกแต่งใบหน้าอย่างไร ออร่าของท่านเทพก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จึงหยิบเอาผ้าปิดปากสีดำขึ้นมา แล้วสื่อให้ท่านเทพก้มศีรษะลงหลังจากที่เดินออกจากทางเดินเชื่อมเครื่องบิน

ฉินมั่วกวาดตามองของในมือเธอแวบหนึ่ง ก่อนเลิกคิ้วขึ้น “เวลาอยู่ในเจียงเฉิง ดูเหมือนฉันจะมองหน้าสู้คนไม่ได้”

“ไม่ใช่มองหน้าสู้คนไม่ได้ แต่พี่ดังมาก แฟนคลับเพียบ” ป๋อจิ่วน่าจะเข้าใจอารมณ์ของชายหนุ่มในเวลานี้ พูดจบก็เติมต่อ “ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็นพี่ ก็พี่เป็นของฉันนี่นา”

พูดเสียเปิดเผยขนาดนี้ ย่อมได้ผลแน่นอน เพราะเห็นมุมปากของชายหนุ่มที่หยักยิ้มภายใต้แสงไฟ

ฉินมั่วไม่ขยับมือ แต่ก้มตัวลงอย่างสื่อให้รู้ว่าเขาเข้าใจ

ด้วยตำแหน่งที่ว่า ป๋อจิ่วจึงไม่จำเป็นต้องเขย่งขา แค่เกี่ยวนิ้วพาดห่วงของผ้าปิดปากไว้กับหูของเขา มันก็คลี่กระจายบดบังใบหน้าลูกครึ่งอันหล่อเหลาของชายหนุ่มได้ทันที

“เป็นไง?” ฉินมั่วถามเรียบเรื่อย

ป๋อจิ่วก็สวมเช่นกัน เสียงที่ดังผ่านผ้าปิดปากสีดำ แฝงด้วยเสียงหัวเราะ “หล่อมาก” หยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีกแฮะ ต้องให้คนเด้วย

ท่านเทพในรูปแบบนี้ แม้จะอันตราย แต่แล้วจะยังไง? อันที่จริง หากว่ากันในบางมุม เขาในเวลานี้ก็แค่ปลดปล่อยทุกสิ่ง รวมถึงความเคยชินบางอย่างในวัยเด็ก

ป๋อจิ่วรู้ดีว่า ท่านเทพที่ไม่ควบคุมความร้ายกาจของตัวเองน่ากลัวขนาดไหน เขาไม่มีวันเป็นหนูสกปรกที่แอบเล่นกลที่มุมอับอย่างฝานเจีย และไม่มีวันเหมือนคิงที่ชอบสร้างฆาตกรชั่วร้าย แต่เขาจะทำอย่างที่ตัวเองต้องการ ไม่ยอมให้กฎศีลธรรมใดใดผูกมัด ชนิดที่อยากลงมือเมื่อไรก็ทำ เหมือนที่อยู่บนเครื่องบินเมื่อครู่อย่างไรล่ะ เขาเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าผู้ร้ายด้านจิตวิทยา เหมือนจอมมารที่แม้จะฆ่าคนก็ยังงามสง่า อันเป็นเหตุผลที่ใครต่อใครต่างก็กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ หลังจากที่โดนฝังคำสั่งทางจิต

ป๋อจิ่วรู้ซึ้งทุกอย่าง ดังนั้นเธอจะต้องจับเขาไว้ ไม่ปล่อยมือเด็ดขาด ไม่ใช่เพื่อไม่ให้คนอื่นโดนทำร้าย แต่เป็นเพราะเธอรู้ดีว่า ข้างตัวเขาเหลือแค่เธอเท่านั้น

คงเพราะชายหนุ่มแกร่งกล้ามาก มากจนกระทั่งคนอื่นต่างรู้สึกถึงความน่ากลัวของชายหนุ่มในทันทีที่เห็น

ทว่าไม่มีใครนึกถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัยและความระแวงของเขาว่า เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ แล้วเขาจะต้องเชื่อใครดี แล้วเขาคิดอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับสปีดโบ้ทและกระบอกปืนมากมาย

 …………………………………

ตอนที่ 1721-2

แค่คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของป๋อจิ่วก็อ่อนยวบตาม เมื่อหันไปอีกทีก็เห็นท่าทางหยิ่งและเฉยชาของเขาที่ยังแฝงไปด้วยความไม่ได้ดั่งใจเหมือนเด็กน้อย

ทำไมถึงน่ารักอย่างนี้ “อยากให้พี่กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง”

“หืม?” ฉินมั่วคิดว่าตัวเองฟังผิด จึงโน้มตัวลง ถึงได้รู้ว่าคนบางคนพูดออกมา แม้เสียงจะเบาก็ตาม

ป๋อจิ่วงึมงำต่อไป “ฉันจะได้กอดพี่ไว้ ไม่ปล่อยให้ใครมารังแกพี่”

รังแกฉันรึ? ฉินมั่วเลิกคิ้วได้รูปขึ้น แต่กลับเห็นท่าทีตั้งอกตั้งใจและจริงจังของเธอ  และสายตาของเจ้าหล่อนที่ทำให้เขาทำตามแผนไม่ได้สักที

มีใครในโลกที่รังแกเขาได้

โง่จริงๆ แต่ทำไม เขาถึงไม่อยากหนีไปสักที โดยคำตอบหนึ่งเดียวที่ฉินมั่วหาได้ นั่นคือความสนใจของเขาที่มีต่อเธอไม่ลดทอนลงเลยก็แค่นั้น

ทั้งสองเดินตามกันออกมายังห้องพักผู้โดยสาร เนื่องจากไม่ต้องรอสัมภาระใดใด จึงเร็วกว่าคนอื่น ทว่าการจูงมือกันอย่างไม่กลัวข้อครหา ทำให้หลายคนหันหลังมอง ด้วยเหตุที่ทั้งสองมีรูปร่างหน้าตาดี แม้จะสวมผ้าปิดปากก็ไม่ทำให้จุดเด่นลดต่ำลง แถมยังดูนำสมัยอีกด้วย

สาวน้อยบางคนถอนหายใจ “เป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุดเลยล่ะ แต่สนามบินก็เป็นสนามบิน ได้เห็นพี่รูปหล่อสองคนเป็นกำไรสายตาสักแป๊บก็ยังดี สมกันจริง ๆ”

ฉินมั่วได้ยินแล้ว ถึงกับหยัดยิ้มที่มุมปาก สมกันจริงๆ เหรอ? เขารู้สึกคุ้นหูอย่างประหลาด  แต่ลืมแล้วว่าเคยได้ยินจากที่ไหน

แน่ล่ะ เขาย่อมไม่เสียเวลากับเรื่องแบบนี้ เพราะเขายังต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนของเขาและเธอตามที่เธอว่ามา

นอกสนามบิน รถโรสลอยยาวเป็นพิเศษจอดอยู่ตรงกลางของแถวรถทั้งหลาย ตัวรถเป็นสีดำอย่างเก็บงำความหรู แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังเรียกสายตาจากคนอื่นๆ ได้ เพราะในประเทศมีรถแบบนี้ไม่กี่คันหรอก

คุณชายตระกูลไหนกลับมาล่ะ? ผู้คนต่างเดากันไปว่าเป็นพวกไฮโซในเจียงเฉิงหรือไม่ ทว่าคิดหาคำตอบกันไปต่างๆ นานา ก็ยังจำไม่ได้ว่าเป็นรถของใคร ทว่าคนที่ยืนอยู่หน้ารถดูจะแปลกหน้ามาก

คุณตาลูกครึ่งจีน-อังกฤษวัยล่วงเลยหกสิบ ทว่าร่างจะสูงตรงสวมชุดสูทเต็มยศที่น้อยคนจะสวม แต่เขาทำได้ ทั้งยังถือร็อกเก็ตนาฬิกาไว้ในมือ โดยชำเลืองดูเป็นระยะ ราวกับคุณพ่อบ้านที่ฉลาดปราดเปรื่องจากตระกูลสูงที่อยู่ในการ์ตูน

หรือว่ากำลังถ่ายทำละครกันอยู่?

หรือว่าใกล้จะถึงเทศกาลคริสมาตร์แล้ว ก็เลยมาถ่ายโฆษณา?

แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้สักอย่าง

ทว่าในวินาทีถัดมา ผู้ชราก็ยิ้มพลางมองดูประตูทางออกของผู้โดยสารระหว่างประเทศ แล้วผลักประตูหลังให้เปิดออกจากสุภาพ ผายมือเหมือนเชิญให้ขึ้นรถ

ผู้คนต่างสังเหตเห็นว่ามีคนเดินออกมาถึงสองคนที่แม้จะสวมปิดปากไว้ แต่ออร่าไม่ธรรมดาจึงอยากจะถ่ายรูปไว้เสียหน่อย

ป๋อจิ่วเห็นแล้วรู้สึกตะลึงในใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าคุณตาจะขับรถแบบนี้มารับ เพราะหากเป็นที่ The Fifth Avenue ก็ยังพอว่า แต่นี่อยู่ในจีนนะ มันดึงดูดสายตาเกินไป

เธอมีลางสังหรณ์เลยล่ะว่า พรุ่งนี้พวกเธอจะต้องปรากฏเป็นข่าวในโลกออนไลน์แน่ โชคดีนะที่…สวมผ้าปิดปากเอาไว้

…………………………………

1719 vs 1720

ตอนที่ 1719 ความเป็นเจ้าของ

 “เรื่องที่จะทำให้เราร่างกายของเรามีความสุขได้ยังไง” ป๋อจิ่วรู้สึกถึงใบหูตัวเองที่กัดเบาๆ เสียงเซ็กซี่และลมร้อนๆ ตกกระทบข้างหูจนก่อเกิดความหวามไหว

ป๋อจิ่วรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่มีทำอะไรเธอหรอก เพราะใกล้จะลงเครื่องอยู่แล้ว แต่การอ่อยที่เหมือนไม่ได้อ่อยเช่นนี้ออกจะทำให้เธอทานทนไม่ไหว หางตาเริ่มแดงเรื่อ

ดูเหมือนเขาจะชอบเธอในสภาพแบบนี้ จึงหัวเราะเสียงเบาอยู่ข้างหู “ได้ผลไม่เลวแฮะ” เดิมแค่คิดจะเล่นๆ เหมือนของเล่นนั่นแหละ ทว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อได้ยินลมหายใจที่สะดุดของเธอกลับเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาจนต้องคลายมือ

หากแต่เธอยังคงยิ้ม มุมปากยกโค้งขึ้น จุ๊บเขาเหมือนเป็นปีศาจเย้ายวนแห่งท้องทะเล “ได้ผลไม่เลวเหมือนกัน”

เล่นเอาชายหนุ่มแววตาหนักอึ้ง หากไม่เป็นเพราะเสียงประกาศขัดจังหวะ เขาอาจจะระเบิดตัวตนที่แท้จริงออกมา เช่น ลากเธอไปทันที เพราะเหยื่อที่สวยขนาดนี้ ก็ควรจะถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมกอดและเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม

ส่วนเรื่องอื่นน่ะหรือ ไม่ว่าเป็นจูบหรือการกระทำที่ลึกล้ำว่าจูบ เขาจะต้องเป็นคนสอนให้เธอเท่านั้น บางทีอาจต้องวางแผนให้ดีสักหน่อย เขาออกจะชอบตอนที่เธอมองเขาด้วยรอยยิ้ม แววตาของเธอเหมือนถูกแสงจันทร์ทาบทา แต่เขาเองก็ไม่ชอบความอบอุ่นนั่น เพราะรู้ดีว่าเธอมองดูเขาที่เป็นอดีต

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ความเย็นชาปะทุขึ้นมาในดวงตาเขา ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่อยู่ในเครื่องบิน ก็จะได้ผลดียิ่งกว่านี้” ว่าแล้วเขาก็จ้องมองต้นคอเธอ ก่อนจะหลุบตาก้มลงจูบพลางขบกัดเบาๆ ส่งผลให้ป๋อจิ่วไม่อาจรับสายมือถือที่สั่นสะเทือนได้ ด้วยเหตุที่ร่างอ่อนระทวยแทบจะกลายเป็นน้ำ

เธอสงสัยเหลือเกินว่าท่านเทพจงใจหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่เธอรับสาย ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจ แม้ว่ามุมปากของเขายังแยกยิ้มเหมือนคุณชายสูงศักดิ์ แต่พฤติกรรมที่ส่งให้เห็นกลับเหมือนว่าเขาพยายามทำให้ตัวเองดูอ่อนโยน

จะว่าไป ตอนเด็กๆ เขาก็เป็นแบบนี้ เวลาที่เธอไปเล่นกับเด็กคนอื่นทีไร เขามักจะยืนยิ้มเหมือนเจ้าชายอยู่ข้างๆ ทว่าพอลับหลังคนก็เปลี่ยนไป ล้างมือให้เธอด้วยหน้าเย็นชา แล้วก็กัดนิ้วเธอเข้าให้ แถมไม่บอกด้วยว่าเพราะอะไร

ท่านเทพแปลกๆ แบบนี้แหละ

ป๋อจิ่วชินเสียแล้ว จึงจับไหล่ของชายหนุ่มแน่น บอกไม่ถูกว่าคันหรือเจ็บ เธอย่นหัวคิ้วเล็กน้อย ปลายเสียงสั่นหน่อยๆ “เบาๆ”

ฉินมั่วได้ยินแล้วดวงตากระตุก ทว่ากลับเย็นชายิ่งขึ้น เล่นเอารอยกัดแดงหนักเลย

“ให้ฉันรับสายก่อน” ลมหายใจของป๋อจิ่วไม่ค่อยปกตินัก เส้นผมของเธอแนบบนแก้มเพราะเปียกเหงื่อ “ต่อให้ฉันไม่รับสาย เราก็ต้องลงเครื่องอยู่ดี”

ฉินมั่วกัดเสร็จแล้วก็เกลี่ยผมให้อีกฝ่าย ยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน “เราต้องลงเครื่องแน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นป๋าคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ”

ป๋อจิ่วไม่พูด รอให้ความร้อนที่เกิดในกายจางหาย แต่สัมผัสในบางจุดยังไม่คลาย มือของเขาก็เลื่อนไปหยุดที่เอวเธอ เคล้าคลึงด้วยปลายนิ้ว ยิ้มต่ออย่างไม่ลดละ “รอให้ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยก่อนเถอะ จะได้เอาหนังสือที่ฉันเคยให้ป๋ามาศึกษาดู”

………………………………………

ตอนที่ 1720

ฉินมั่วลากเรียวปากผ่านริมหูป๋อจิ่ว แม้จะไม่ได้จูบจริงจัง แต่ก็หวานกว่าจูบจริงๆ เสียอีก เขาจ้องตาเธอ หัวเราะเบาๆ ด้วยเสียงที่แผ่วต่ำน่าลุ่มหลง

แค่ประโยคเดียวก็ทำให้ร้อนไปทั้งตัว ยังดีที่ทั้งสองรู้จักยับยั้งชั่งใจ ป๋อจิ่วรีบผลักชายหนุ่มออกไป แล้วหยิบมือถือออกมา

เสียงรองเท้าส้นสูงที่สัมผัสกับพื้นของแอร์โฮสเตสดังเข้าหู ตามมาด้วยผ้าม่านที่ถูกเลิกออก

“ท่านผู้มีเกียรติทั้งสองคะ เครื่องบินของเราลงจอดอย่างปลอดภัยแล้ว โปรดนำสัมภาระที่ท่านติดตัวลงจากเครื่องด้วยนะคะ ขอให้ท่านมีความสุขกับการเดินทางในครั้งต่อไป”

นี่แหละคือผลดีของการจ่ายเงินเยอะ แม้จะอยู่บนเครื่องบินก็ยังมีที่ส่วนตัว ป๋อจิ่วคลำคอตัวเอง ยิ้มให้อย่างหล่อ “ขอบคุณ” ส่งผลให้แอร์โฮสเตสถึงกับแววตาตะลึงกับยิ้มนั่น พลอยพยักหน้าให้ด้วย

ป๋อจิ่วจึงแนบมือถือไว้ข้างหู เอ่ยรับด้วยเสียงเบา เธอกับท่านเทพไม่มีกระเป๋าเดินทางใดใดทั้งสิ้น เธอก้าวไปข้างหน้า เมื่อรู้ตัวว่าท่านเทพไม่ได้ติดตามมาด้วย จึงหันไปมอง จากนั้นก็เห็นแววตาของชายหนุ่มที่มองดูแอร์โฮสเตส แล้วขยับริมฝีปากบาง ไม่รู้ว่าพูดอะไร ทว่าแอร์คนนั้นหรี่ตาลง เหมือนถูกสะกดจิต โค้งร่างให้

ป๋อจิ่วไม่เห็นภาพดังกล่าว เพราะตำแหน่งยืนไม่อำนวย ด้วยแอร์สาวหันหลังให้เธอ แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ มุมปากของท่านเทพก็ยังติดรอยยิ้มอยู่ ทำให้มือของเธอถึงกับเกร็ง

เธอไม่โง่แบ๊ว รู้ดีว่ายิ้มของชายหนุ่มแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวทำอะไร แต่จะทำอย่างไรได้ เขาคือฉินมั่วของเธอ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร เขายังเป็นเจ้าหญิงน้อยของเธออยู่ดี

ป๋อจิ่วดึงข้อมือชายหนุ่ม หันร่างนิดๆ บังสายตาที่เขาใช้มองแอร์สาว พลางยิ้มบางๆ ให้ “พี่มั่ว อย่าอ่อยคนอื่นสิ ฉันหึงนะ”

ฉินมั่วคิดไม่ถึงว่าเธอจะย้อนกลับมา เมื่อโดนคว้าข้อมือ เดิมที่การสะกดจิตกำลังจะสำเร็จ ก็คร้านที่จะดำเนินต่อ เพราะจะปล่อยให้เหยื่อเห็นความไม่ดีของเขาไม่ได้ จึงย้ายสายตาไปทางอื่น เอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อกี้เธอยิ้มให้คนอื่น ฉันก็หึงเหมือนกัน”

เมื่อโดนย้อนเข้าให้ ป๋อจิ่วก็ตะลึง ทว่าจังหวะเวลาดังกล่าว ดูเหมือนแอร์สาวจะได้สติ ก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งคว้าข้อมือผู้ชายคนนี้ไว้ด้วยความใกล้ชิดและสนิทสนมมากมาย

ป๋อจิ่วกระแอมกระไอออกมาเบาๆ จนเมื่อลากท่านเทพออกไป แอร์สาวก็ถึงกับช็อกโลก

แต่แม้จะแค่เดา ป๋อจิ่วก็พอจะรู้เรื่องหนึ่งว่า การจะให้ท่านเทพกลับเข้าสู่สนามแข่งอีสปอร์ตอีกดูท่าจะลำบากแล้ว

ก่อนหน้านี้ เธอคิดเพียงว่าจะต้องพาท่านเทพกลับมาให้เร็วที่สุด แต่กลับลืมคิดไปว่า ตอนนี้เขาจะเล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมในการแข่งได้หรือไม่ มันอยากที่จะประเมินได้

เธอต้องหาวิธีไม่ให้เขาควบคุมคนอื่นตามใจชอบ

ชายหนุ่มรูปหล่อ ดูไร้พิษสง ทั้งยังดึงอารมณ์ของคนอื่นได้โดยอีกฝ่ายไม่รู้ตัว ท่านเทพที่อันตรายเช่นนี้ ควรจะต้องอยู่ข้างตัวเธอเท่านั้น

เธอหันไปมอง “พี่มั่ว ต่อไปฉันต้องคุมพี่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วล่ะ” เหมือนกับที่พี่เคยคุมฉันไว้ไง ตอนนั้นเธอคิดแค่ว่า เขาไม่เชื่อใจเธอ รอจนเมื่อสลับตำแหน่งกัน ป๋อจิ่วถึงได้เข้าใจ เขาจับตามองเธอเพราะไม่อยากให้เธอเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องเลวร้าย

เวลานี้ เธอก็คิดเช่นเดียวกัน เธอกลัวที่สุดว่าหากวันหนึ่งเขาฟื้นความทรงจำขึ้นมาจะเสียใจต่อเรื่องที่เคยกระทำลงไป ซึ่งเขาน่าจะเสียใจมาก…

……………………………………………..

1718-2 vs 1718-3

ตอนที่ 1718-2 เขาเป็นผู้ชายของฉัน

ทว่าคนที่อ่อนวัยกว่ากลับโอ๋ชายหนุ่มเจ้าของแววตาเหี้ยมโหดราวกับเอาใจเด็ก หญิงสาวรู้สึกว่าจังหวะการเต้นของหัวใจเธอพุ่งสูงเลยทีเดียว แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่จูงมือเพื่อนเดินไปห่างๆ ส่วนคนที่เหลือต่างมองด้วยแววตาประหลาดใจ เพราะผู้ชายตัวโตเบ้อเร้อกลับเป็นฝ่ายถูกโอ๋ ฉินมั่วไม่แคร์สักนิด ขอเพียงเหยื่ออยู่ภายใต้ความควบคุมของเขาเป็นพอ แต่เขารู้ดีว่า ตนเองยังครอบงำอีกฝ่ายไม่ได้ทั้งหมด

เมื่อไปถึงสถานที่ที่คุ้นเคยแล้วจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่รู้ รวมถึงสายที่เธอโทรออกไปเมื่อครู่

เพื่อนของพวกเขา? หางตาของฉินมั่วเลิกขึ้นเล็กน้อย แววตาลุ่มลึก

ไม่นาน เครื่องบินจะตระเตรียมการขึ้นเครื่อง ซึ่งเมื่อมากับคณะทัวร์ จึงไม่ค่อยมีใครมาตรวจสอบ ทั้งนี้ภายในเครื่องเองไม่ได้เกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยเลศนัยและความไม่ยอมแพ้อยู่ท่ามกลางฝูงชน

ฝานเจียนั่นเอง หลังจากที่หลุดรอดออกมาได้ เธอพยายามสร้างสถานะใหม่หลายวิธี จนเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็ค่อยออกตามหาชายหนุ่ม ทว่ากลับไม่ได้ข่าวแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อเห็นคลิปในโลกออนไลน์ เธอพลันนึกขึ้นมาได้ว่าชายหนุ่มน่าจะกลับไปที่เมืองเจียงเฉิง เพราะจิตใต้สำนึกของเขาบ่งบอกให้เขาต้องกลับไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย แล้วเหยียบคนที่เขาคิดว่าสมควรตายให้ราบเป็นหน้ากอง นี่แหละคือฉินมั่วตัวจริง

ฝานเจียมองดูแผ่นหลังของสองคนนั้น ค่อยๆ ยิ้มขึ้น การฝังคำสั่งทางจิตไม่มีวันผิดพลาด เวลานี้เขาอยู่ข้างตัวไปเด็กนั่นก็จริง แต่ไม่น่าจะจริงใจ อย่างมากก็ถือว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเหยื่อตัวเองเท่านั้น อาจารย์เคยบอกว่าพวกนักจิตวิทยาอย่างพวกเขาเก่งด้านการเสแสร้งที่สุด โดยเฉพาะเวลาที่มีเป้าหมายแอบแฝง

เวลานี้ เธอจะต้องกลับเมือเจียงเฉิง หาทางเข้าใกล้ตัวฉินมั่วให้ได้ จากนั้นค่อยชักจูงชายหนุ่ม แล้วเขาจะกลายเป็นของเธอเต็มตัว เพราะความทรงจำจะเปลี่ยนไปตามสภาพจิตใจ

ฝานเจียไม่รู้สึกผิดต่อการสวมรอยแทนที่คนอื่น เธอหันตัวไปหลบซ่อน เวลานี้ภาพของเธอถูกปิดประกาศไปทั่ว เธอไม่อาจพบหน้าใครด้วยสภาพหน้าที่แท้จริงของตน จำต้องสร้างรอยแผลขึ้น และซื้อตั๋วเครื่องบินไฟล์ทดึก

เวลานี้ เครื่องบินลอยฟ้ามาสองชั่วโมงกว่าแล้ว ป๋อจิ่วนั่งแถวเคียงกันกับฉินมั่ว ด้วยการเหมาชั้นเฟิร์สคลาสทั้งหมด เพื่อที่จะไม่ให้ใครคอยสอดรู้สอดเห็นเรื่องของพวกเธอ บวกกับที่ชายหนุ่มบ่นเหนื่อยก่อนขึ้นเครื่อง

ในฐานะที่เป็นท่านประธานจอมโหด หากไม่อวดความรวยในเวลานี้ แล้วจะไปอวดตอนไหน อีกอย่างหากป๋อจิ่วไม่ใช้เงินเสียบ้าง มันอาจจะขึ้นราได้ เธอจึงตัดสินใจสำแดงความเป็นคนรวยออกมา ดำรงตนเป็นลูกเศรษฐีสักครั้ง

ในที่สุดคนที่บ่นว่าเหนื่อยกลับไม่นอน นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์ ออร่าสูงส่งต้องห้ามกระจายเต็มร่าง แต่เวลานี้ดูจะเจือความโหดเหี้ยมด้วย ทางด้านของป๋อจิ่วที่หันหน้าไปอีกทาง เส้นผมปรกลงลงมา ทำให้เห็นสีที่แท้จริงของผม

น้ำเงินเทางั้นเหรอ? ท่าทางยัยป๋าของเขาจะมีเรื่องปิดบังเขาไว้ ฉินมั่วเลิกคิ้ว ยื่นมือขวาไปดึงตัวเธอให้มาพิงเขาไว้ เพราะชอบอุณหภูมิบนร่างเธอที่ทั้งอบอุ่นแต่ไม่ร้อนลวกตัว

แอร์โฮสเตสเข็นรถอาหารผ่านมาเห็นฉากที่ว่า จึงถามขึ้นอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน “คุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”

“ไม่ ขอผ้าห่มก็พอ ขอบคุณ” ฉินมั่วเอ่ยขึ้น แววตาไม่เหลือความอบอุ่น คงเพราะเห็นป๋อจิ่วขมวดคิ้ว

แอร์โฮสเตสรับคำ เมื่อหันกลับไป ก็เห็นชายหนุ่มใช้มือตบเบาๆ บนร่างคนในอ้อมกอด พูดเสียงไพเราะเบาๆ ราวกับกล่อมคนนอน ทำให้แอร์โฮสเตสได้ยินแล้ว ตาลอย เธอสะบัดศีรษะตัวเอง เกือบลืมว่าตัวเองทำอะไรอยู่

…………………………..

ตอนที่ 1718-3 เขาเป็นผู้ชายของฉัน

ทว่า ฉินมั่วกลับมองป๋อจิ่ว ยื่นมือไปจับหน้าเธอ ก้มตัวลง “เธออย่ามองใครนะ แม่เหยื่อเปย์ง่ายของฉัน”

ป๋อจิ่วหลับลึก คงเพราะจับเสื้อชายหนุ่มไว้ในมือ รวมกลิ่นไอคุ้นเคยจากร่างเขาที่โชยเข้าโพรงจมูก ทำให้เธอรู้สึกสบายไปทั้งตัว

และเมื่อเครื่องบินกำลังลงจอด เธอจึงได้ตื่นขึ้นมาและได้เห็นมือซ้ายของเขาที่ข้อกระดูกสวยเหลือเกิน ซึ่งกำลังจับไพ่ในมือเล่น ส่วนมืออีกข้างลูบศีรษะเธออยู่

ฉินมั่วยิ้มขึ้นหลังจากที่เห็นเธอลืมตา ก่อนจะจุ๊บหน้าผากเธอ แต่กลับดูอันตรายอย่างบอกไม่ถูก “นี่เหรอ เจียงเฉิง?”

ป๋อจิ่วมองตามสายตาชายหนุ่มไป ก่อนจะจับมือเขามาวางในมือตัวเองเล่นๆ “ใช่ นี่แหละเจียงเฉิง พี่ไม่ชอบเหรอ?”

“ไม่ใช่ไม่ชอบ” ความคมกริบในแววตาหายไป ด้วยเหตุที่นิ้วมือสัมผัสความอบอุ่นได้ ความคมกริบในแววตาลดลง “แค่นึกไม่ออกว่าเมื่อก่อนฉันใช้ชีวิตยังไง”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว ยิ้มออกมา “พี่ดังจะตาย มีคนตั้งหลายคนมาชอบ พี่ยังมีเพื่อนซี้ที่รักพี่มากด้วยนะ แต่พี่ก็ยังชอบฉันที่สุด”

ฉินมั่วเลิกคิ้ว ในบางมุม เหยื่อที่เขาเล็งออกจะหน้าหนาเหมือนกัน “อ้อ? ยังมีอีกไหม”

ยังมีอีกไหม? ป๋อจิ่วคิดแล้วเอ่ยขึ้น “พี่แอบรักฉันแต่ไม่กล้าพูด พี่เลยให้หนังสือฉันมาเยอะแยะเลย ทำให้ฉันรู้ตัวทีหลัง”

 “ฉันให้หนังสืออะไรเธอบ้างเหรอ?” เขาถามอย่างเป็นปกติ

ป๋อจิ่วนั่งตัวตรงอย่างหล่อ “แล้วก็มีหนังสือแบบท่านประธานจอมโหดหลงรักฉัน รักจอมยุ่ง แล้วยังมีหนังสืออีกหลายเรื่องที่ฉันจำชื่อไม่ได้”

ฉินมั่วฟังจนตบก็เคาะนิ้วบนหางตาเธอ

“อะไร?” ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว

ฉินมั่วเอนตัวเข้าไปจุ๊บที่ปากเธออย่างเบาและเฉยเมย ลมหายใจถูกถ่ายทอดออกมา “เปื้อนน้ำ นี่แหละเห็นไหม ตอนป้อนเธอก็ไม่กินน้ำให้มันดีๆ แต่ฉันล่ะสงสัยว่า เธอได้อะไรบ้างจากหนังสือพวกนั้น?”

“ก็รักแรกของพี่ไง” ป๋อจิ่วโอบคออีกฝ่าย ยิ้มทีไฝเสน่ห์ใต้ตาถึงกับเป็นประกาย

ฉินมั่วถึงกับท้องน้อยเกร็งตัว แววตาพลอยขรึมลง ชายหนุ่มจึงล้วงมือเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์ของเธอผ่านผ้าห่ม แล้วยิ้มขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงอุณหภูมิจึงพลอยสูงขึ้นไปด้วย

ป๋อจิ่วรับรู้ถึงแรงนิ้วของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ถึงกับตัวสั่น แววตาปริ่มน้ำ

ฉินมั่วเอ่ยเสียงต่ำเซ็กซี่ ลมหายใจตกกระทบริมหูเธอ จนทำให้เธอต้องโก่งตัว

“น่าเสียดายที่เครื่องบินกำลังลงจอด ไม่งั้นฉันจะบอกป๋าว่าหนังสือพวกนั้นคงไม่บรรยายแค่เรื่องรักแรกพบหรอก ยังมี…”

…………………………..

1716 vs 1717 vs 1718-1

ตอนที่ 1716

คิดมาถึงตรงนี้ เถ้าแก่ก็อดนับถือความใจกว้างของป๋อจิ่วไม่ได้ เพราะชายหนุ่มคนนี้ร้ายแค่ไหน เขาประจักษ์ดี ทว่าต่อให้ผู้ชายคนนี้ร้ายจริงๆ แหละ เวลาอยู่ต่อหน้าป๋อจิ่ว เขาจะกลายเป็นคนละคน ไร้แววเหี้ยมที่ปรากฏเมื่อคืน เสแสร้งว่าตัวเองโดนใส่ร้ายได้อย่างแนบเนียน

ฉินมั่วพอใจกับผลสำเร็จที่ได้จากแววตาตนเอง เขาจะปล่อยให้คนอื่นพูดมากต่อหน้าเหยื่อไม่ได้ ไม่อยากให้บทบาทที่ตัวเองแสดงอยู่ต้องถูกฉีกออก เพราะปฏิกิริยาของเจ้าเด็กคนนี้น่าสนใจดี แค่เขาทำท่าว่าอ่อนแอนิดหน่อย เจ้าหล่อนก็ประคับประคองเขา แถมยังจุ๊บเขาอีกด้วย

ความรู้สึกที่ได้ทำให้ฉินมั่วกระชุ่มกระชวย และเหยื่อของเขาเองก็ไม่โง่ หากเธอเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาเป็นคนดี มันก็ไม่น่าสนุก ซึ่งสีหน้าของเธอเมื่อครู่นี้ แสดงให้เห็นว่าเธอเดาออกว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง แต่กลับเอาใจด้วยการบอกว่า ‘ทำได้ดี’ ส่งผลให้มุมปากของฉินมั่วยกยิ้มหนักขึ้น จนเมื่อขึ้นรถ ฉินมั่วก็ยังยิ้มได้อยู่ จนทำให้เสี่ยวเฮยถึงกับสะเทือนไปทั้งคันในทันทีที่เปิดใช้ระบบจีพีเอส

จอมมารเป็นอะไรไป? ยิ้มเสีย…หวานจ๋อย

ดูเหมือนชายหนุ่มจะจับอาการของรถได้ จึงหันมาเอ่ย “รถคันนี้ไม่เลวเลยนี่ นอกจากเปลี่ยนรูปร่างตอนแล่นทางบกกับดำในน้ำแล้ว มันยังทำอะไรได้อีก?”

“อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว แค่เป็นจุดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้” ป๋อจิ่วอารมณ์แจ่มใส การที่ทำให้ท่านเทพอารมณ์ดีอยู่ข้างตัวเธออย่างว่าง่ายเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี

แต่เสี่ยวเฮยกลับไม่ได้อารมณ์ดี มันรู้สึกว่าจอมมารชมมันอย่างมีนัยยะ ในฐานที่เป็นรถอัจฉริยะ ข้อมูลทั้งหมดที่หามาสามารถสังเคราะห์ได้ว่า ปกติแล้วคนอย่างจอมมารไม่มีวันชมใคร นอกจากจะมีวัตถุประสงค์อื่น ทว่าเจ้านายของมันนี่สิ…เฮ้อ เสี่ยวเฮยไม่อยากพูดต่อไปแล้ว ตั้งแต่จอมมารปรากฏตัวออกมา ตำแหน่งรถคันโปรดของมันก็ไม่หลงเหลืออีกต่อไป

ฉินมั่วมีวัตถุประสงค์อื่นจริง แต่มันไม่หนักหนานักหรอก สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดคือการที่เหยื่อเห็นเขาในสายตาเพียงคนเดียว ชายหนุ่มจึงพูดอีกนิดหน่อยก็เงียบลง ทว่าป๋อจิ่วรออยู่นานก่อนจะเลี้ยวรถด้วยฝีมือเยี่ยม นัยน์ตาและคิ้วพลอยยิ้มไปด้วย “ อ้อ รหัสใช้งานของรถคือ พี่มั่ว ฉันรักพี่”

ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มได้รู้ชื่อของตัวเองแล้ว เวลานี้มาได้ยินเจ้าหล่อนพูดอีกที มือที่หมุนไพ่ในพลันชะงัก “ฟังดูแล้วเหมาะกับนิสัยของป๋ามากๆ เลย”

“ฉันก็ว่างั้น” ป๋อจิ่วหมุนพวงมาลัย “ชอบก็ต้องพูดออกมาสิ”

ฉินมั่วไม่ตอบ  ยิ้มหนักขึ้นราวกับเป็นจอมมาร หางตาหรี่เล็กน้อย หึ! โง่เป็นบ้า ยอมบอกเขาทุกอย่าง ไม่กลัวหรือไงว่าเขาจะขับรถหนีไป? ฉินมั่วคิดเช่นนี้พลางหันไปมองใบหน้าอีกฝ่าย

แสงตะวันที่สาดเข้ามากลายเป็นวงแสง ทำให้ผิวของเธอผ่องมากทั้งขาวและสะอาด เห็นกระทั่งไรขนอ่อนๆ ซึ่งเขารู้ซึ้งถึงรสสัมผัสจากใบหน้าเจ้าหล่อน ไม่เพียงแต่ใบหน้า กระทั่งเอวบางที่หลุดออกมาตอนเอี้ยวตัว มันนุ่มละมุนเหมือนหยก ยากนะที่คนจะไม่ชอบ

ฉินมั่วคิดว่า ขอเพียงเหยื่อเป็นแบบบนี้ตลอดไป สองตามองแค่เขาคนเดียว ซึ่งเขาคงไม่หมดความสนใจต่ออีกฝ่ายในเวลาสั้นๆ หรอก แต่การต้องกดตัวตนที่แท้จริงไว้อย่างนี้ บางครั้งก็ทำให้อดคันไม้คันมือขึ้นมาไม่ได้…

…………………………………………………….

ตอนที่ 1717

แต่ไม่เป็นไร  ขอแค่เหยื่อน่าสนุกยังอยู่ เขาก็จะพักเรื่องฆ่าคนไว้ก่อน รอจนทนไม่ไหวค่อยว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาจะต้องสะอาดหมดจด เวลาอยู่ต่อหน้าเหยื่อ เขาจะต้องดูไร้พิษสงเป็นลำดับแรก

ฉินมั่วหันหน้าออกไป ร่างในชุดกันลมดูดึงดูดสายตามาก ราวกับไม้แขวนเสื้อที่เดินได้ บวกกับหน้าตาของเขาที่หากไม่แปลงโฉมเสียบ้าง ก็เข้าเขตภายในประเทศไม่ได้ ยังดีที่ครั้งนี้ป๋อจิ่วเตรียมบัตรประชาชนไว้เยอะมาก จึงหาบัตรที่ระบุอายุใกล้เคียงกับชายหนุ่ม แล้วแปลงโฉมเล็กน้อย ถึงได้ลดทอดความโดดเด่นของชายหนุ่มลงได้บ้าง

ป๋อจิ่วรู้ดีว่ายิ่งภารกิจลับมากแค่ไหน ยิ่งไม่ตรวจสอบมากมาย ขอแค่ประวัติขาวสะอาด สอดคล้องกับตัวตนของเขา เพียงแค่นี้ก็เข้าประเทศได้แล้ว จึงเป็นเหตุให้เธอต้องอ้อมเส้นทาง โดยบินกลับจากประเทศ T แทน เพราะประเทศดังกล่าวเป็นเมืองท่องเที่ยว ยกเว้นวีซ่าให้คนจีน

ป๋อจิ่วฉลาดที่จุดนี้นี่แหละ เธอไม่ได้บินตรง แต่เมื่อไปถึงสนามบิน MG ก็เลือกทัวร์ล่วงหน้า แล้วกลับเมืองเจียงเฉิงในฐานะเป็นลูกทัวร์ ทั้งนี้ทัวร์กรุ๊ปดังกล่าวเป็นทัวร์ราคาถูก พวกสาวๆ ที่มาทัวร์นี้ นอกจากช้อปปิ้งแล้ว ก็ไม่ได้ต้องการอย่างอื่นอีก เมื่อมาถึงสนามบิน ก็พลันได้เห็นชายหนุ่มรูปหล่อต่างสไตล์ถึงสองคน อารมร์ย่อมต้องดีมาก “ดูตรงนั้นสิ!”

 “หล่ออะ ทัวร์เราไฮโซขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไร”

“เพิ่งมามั้ง ไม่แน่เดี๋ยวเราอาจได้นั่งกับพวกเขาก็ได้”

การมาถึงที่นี่ของป๋อจิ่วและฉินมั่ว ได้สร้างความมีชีวิตชีวาให้กับทัวร์กรุ๊ปนี้จริงๆ หลายๆ คนหันมามองพวกเธอ เหล่าสาวๆ ก็เดาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง คิดกันอยู่ว่าจะแบ่งทีละคนได้ไหม

เมื่อฉินมั่วได้ยิน มุมปากก็ยกยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร เดิมเขาที่ไม่สนใจต่อคนอื่น ยิ่งมายืนข้างกายป๋อจิ่ว สีหน้ายิ่งดูเหมือนคนไร้พิษสง แต่กลับดึงดูดสายตามาก

ป๋อจิ่วเตรียมเรื่องเอารถกลับ จึงไม่ได้ใส่ใจทางนี้ โดยเดินไปยื่นเอกสารที่ชั้นหนึ่ง

ปกติแล้วการนำรถเข้ามานอกประเทศ คุณตาพ่อบ้านจะเป็นคนจัดการให้ หลายคนคิดว่าคุณตาเป็นเพียงคุณหมอประจำตระกูล อันที่จริงก็ไม่เชิงหรอก พวกพ่อบ้านในตระกูลสูงแห่งวงการมาเฟียไม่เคยธรรมดา คุณตามีเส้นสายอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายใด ก็ล้วนแต่สำคัญมากจนยากจะประเมินมูลค่าได้

แน่ล่ะ จะว่าไป สมญานาม Z มักทำให้คนอื่นหวั่นเกรง ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับนายน้อยแห่งวงการแฮกเกอร์ หากใครอำนวยความสะดวกให้ได้ ก็ทำเถอะ เพราะพวกอยู่ในวงการ มักจะต้องการได้ข้อมูลในวันใดวันหนึ่ง

ฉินมั่วมองดูสิ่งเที่เกิดขึ้น แววตาขรึมลง เขารู้สึกว่า สถานะของเหยื่อออกจะซับซ้อนและน่าหลอกใช้ขึ้น ๆ

“พี่มั่ว จะกินน้ำไหม?” หลังจากที่เสร็จธุระ เธอก็หิวน้ำ แต่ตอนนี้อยากดื่มอะไรสักอย่าง

ฉินมั่วเห็นเธอเลียปาก แววตาก็จริงจัง “หิวเหมือนกัน”

“งั้นฉันไปซื้อนะ” ป๋อจิ่วว่าพลางเดินซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋า ตรงไปยังเครื่องขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ ท่าเดินที่ดูสบายๆ แต่ด้วยเรียวขาที่ยาว ทำให้เธอดูเท่

สาวๆ ที่รอขึ้นเครื่องเช่นเดียวกัน ได้ยินคำสนทนาของคนทั้งสอง ต่างอยากฉวยโอกาสเข้าไปทำความรู้จัก “คุณคะ ฉันมีน้ำที่ยังไม่เปิดฝาเลย ถ้าคุณหิวก็ดื่มก่อนได้นะคะ”

ฉินมั่วหันไปมองหญิงสาวที่ยื่นขวดน้ำแร่มาให้ หมายมาดจะทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นสาวกตัวเอง อย่างที่เคยไงว่า บางครั้งเขาก็คันไม้คันมือขึ้นมา…

……………………………………………..

 ตอนที่ 1718-1 เขาเป็นผู้ชายของฉัน

การจะฝังคำสั่งทางจิตให้กับใคร ถือว่าง่ายมาก ขอแค่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ก็สำเร็จได้อย่างสบาย

ทว่า ฉินมั่วไม่คิดจะรับขวดน้ำนั่น เพราะหากเทียบกับเหยื่อของเขาแล้ว คนพวกนี้ดูสกปรกมาก นี่คงเป็นรสนิยมที่คุ้นเคย?

ฉินมั่วจึงแค่ยักคิ้วให้ กำลังจะยื่นมือไปรับ กลับมีคนปรากฏตัวอยู่ข้างไหล่ โดยกลิ่นอายหอมกรุ่นของป๋อจิ่วถูกถ่ายทอดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเจ้าหล่อนกระทบบนหูซ้ายของเขา “ขอโทษด้วย แฟนผมไม่ชอบดื่มน้ำของคนอื่น”

ไม่จำเป็นต้องหันไปมอง ฉินมั่วก็รู้ว่าคนพูดจะเป็นใครไม่ได้ นอกเสียจากเหยื่อที่เขาสนใจมากที่สุด ป๋าของเขานั่นเอง ไม่มีวันเป็นใครอื่น

ฉินมั่วหันไปก็เห็นเสี้ยวหน้าหล่อเหลากำลังเบ้ปาก สื่อให้รู้ว่าก่อเรื่องอีกแล้วสิ

หึงใช่ไหม? ชายหนุ่มรู้สึกแปลก จึงเชยคางอีกฝ่ายมาจูบ คนบางคนเพิ่งจะดื่มน้ำ รสหวานยังคงตกค้างอยู่ในปาก

“แอบกินอมยิ้มใช่ไหม?” ฉินมั่วถามอย่างเป็นปกติ แต่ไม่คิดจะผลักเธอให้พ้นจากตัว ทั้งยังยิ้มร้ายให้ “ป๋าเนี่ยซนจริง ๆ”

ป๋อจิ่วโดนจูบชนิดที่รับมือไม่ทัน แถมด้วยคำเรียกขานของท่านเทพที่แม่สองสาวน่าจะได้ยินชัด เธอจึงคร้านจะทำอะไร การประกาศความเป็นเจ้าของจะต้องทำตรงๆ

พวกสาวๆ ที่เข้ามาตีสนิทเชื่อว่าตัวเองหน้าตาดี จึงกล้าเสนอตัว ไม่คิดว่ามันจะกระอักกระอ่วนขนาดนี้ เธอได้ยินสองคนนี้คุยกัน ก็นึกว่าเป็นพี่ชายกับน้องชาย ไม่คิดไปในทางอื่นหรอก ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มสองคนมาเที่ยวด้วยกัน หากไม่ใด้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแล้วจะเป็นอะไรไปได้ เธอคนนั้นหดมือที่ขวดน้ำกลับไปด้วยหน้าแดงเรื่อ

ป๋อจิ่วหันไปยิ้มให้ ใบหน้าของหญิงสาวแดงขึ้นมาอีก รู้สึกว่าหนุ่มน้อยคนนี้อ่อนโยนกว่าผู้ชายเข้าถึงได้ยากคนนั้นเสียอีก ฉินมั่วเองจับปฏิกิริยาของอีกฝ่ายได้เช่นกัน แววตาบึ้งทันที เมื่อหันไปมองหญิงสาวอีกครั้ง ก็เปลี่ยนไปเป็นมืดทะมึนที่ไม่สิ้นสุด ทำให้เธอคนนั้นถึงกับตัวหนาวสั่น รู้สึกเหมือนชายหนุ่มจะฆ่าเธออย่างไรอย่างนั้นเชียว ทั้งๆ ที่มุมปากของเขายังแยกยิ้มอยู่แท้ๆ แต่ทำให้ถึงให้ความรู้สึกดังกล่าวเช่นนี้

ฉินมั่วไม่มองคนอื่นอีก แต่พลิกมือคว้าป๋อจิ่วมากอดแล้วรั้งให้นั่งระหว่างเรียวขาตัวเอง

ทั้งนี้คนอื่นๆ ที่นั่งรอขึ้นเครื่องเหมือนกัน แต่ไม่มีใครนั่งแบบนี้ และยิ่งไม่มีใครนั่งกอดกันด้วย

ทว่าฉินมั่วนั่งบนเก้าอี้ ทำเหมือนป๋อจิ่วเป็นตุ๊กตาตัวยักษ์ที่นั่งซ้อน แม้จะนั่งท่าเดียวกัน ทว่าจุดโฟกัสอยู่ที่ร่างท่อนบน ด้วยเหตุที่ฉินมั่วขายาว คนทั่วไปนั่งแบบนี้ไม่ได้หรอก

คนข้างเคียงต่างกันตาโต เพราะเมื่ออยู่ต่างประเทศ คนอื่นยังคงใจกว้างกันได้ แต่หากอยู่ในประเทศ จะทำได้อย่างนี้ได้หรือ

ป๋อจิ่วคิดว่าพวกเธอกำลังเรียกสายตาจากผู้คน แต่ท่านเทพไม่คิดจะเปลี่ยนท่านั่ง ทั้งยังโอบมือรัดเอวเธอ วางคางไว้บนไหล่เธอด้วย ชายหนุ่มหลับตาลง ขนตายาวเฟื้อยราวกับพัด “เหนื่อยจัง”

คำพูดสั้นๆ ทำให้ป๋อจิ่วไม่กล้าดิ้น หันหน้าไปลูบศีรษะชายหนุ่มด้วยมือข้างหนึ่ง เส้นผมสีดำของเขาไล้ไปปลายนิ้วของเธอ เหมือนเป็นเจ้าหญิงน้อยเมื่อครั้งเป็นเด็กเลยทีเดียว

เธอยิ้ม ใจอ่อนปวกเปียก ปากก็โอ๋ชายหนุ่ม “เดี๋ยวก็ขึ้นเครื่องแล้ว ทนอีกนิดนะ ไหวไหม?”

“ได้” ฉินมั่วยังไม่คลายมือ ซุกหน้าหล่อๆ ไว้ที่ซอกคอเธอ โผล่ให้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าลูกครึ่งที่ทำให้คนอยากเห็น เพราะตรึงตาตรึงใจ

หญิงสาวที่นั่งข้างๆ ไม่เคยเห็นคนหน้าตาแบบนี้มาก่อน ทว่าชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาร้ายกาจที่ใครเห็นต่างก็ต้องกลัว แต่วินาทีถัดมา เมื่อเขาหันไปมองหนุ่มน้อยอีกคน ก็สามารถเสแสร้งทำเป็นอ่อนโยนจนทำให้แทบละลายได้เลยทีเดียว

…………………………………………….

1713-2 vs 1714 vs 1715

ตอนที่ 1713-2

สะดวก?

สะดวกอะไรวะ?

หลินเฟิงฟังด้วยความงุนงง เขารู้สึกว่าคำพูดของอวิ๋นหู่มีนัยยะซ้อนเร้น

“ฉันจะได้ไม่ต้องซื้อไง” อวิ๋นหู่พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวงอยู่ใกล้ตัว

หลินเฟิงเข้าใจความหมายของอวิ๋นหู่ผิด นึกไปถึงแฟนของอวิ๋นหู่ “ถ้าจะใช้นายก็เอาไปได้นะ”

อวิ๋นหู่เหลือบมองอีกฝ่าย “นายจะใช้ตอนนี้ไหม?”

“ไม่” หลินเฟิงปัดเถ้าบุหรี่ เขาไม่คิดว่าจะได้ประสบกับเหตุการณ์ที่เพื่อนรักจะหยิบของแบบนี้จากเขา

อวิ๋นหู่ก็ตอบเรียบเรื่อย “งั้นตอนนี้ฉันก็ยังไม่ใช้เหมือนกัน”

“อ้อ” หลินเฟิงไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าเจ้าเพื่อนรักจะไปมีอะไรกับแฟนตัวเองก็ขออย่าได้บอกเขาเลย เพราะรู้สึกทรมานในอก

ถ้าได้สูบบุหรี่สักมวนคงดีขึ้น หลินเฟิงคิดเช่นนี้แหละ

อวิ๋นหู่รู้ตัวเช่นกันว่าเจ้านี่ไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่ ช่างเถอะ รอให้แข่งเสร็จก่อนเถอะ เขาจะคุยกับหลินเฟิงอย่างจริงจัง

รถติดมากจริงๆ รอจนมาถึงบ้าน หลินเฟิงกลับคืนสู่ท่าทีคุณชาย เขาวางถุงพลาสติกไว้บนโซฟา “เหนื่อยจะตาย คุณหญิงแม่ครับ ต่อไปขอเชิญคุณหญิงไปซื้อกับข้าวเองได้ไหมครับ?”

“ไม่ได้” คุณแม่หลินสวยเสมอ “ลูกเคยเห็นผู้หญิงสวยๆ ที่ไหนไปซื้อของที่ตลาดบ้าง แม่เพิ่งทำเล็บเอง เกิดพังขึ้นมาจะทำไง ลูกดูหู่เสียบ้าง แล้วหันมาตัวเองนะ ก็ไปซื้อของเหมือนกับลูกไม่ใช่เหรอ”

หลินเฟิง…จริงๆ นะ เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณหญิงแม่แน่นอน

“ไหน ขอดูหน่อยซิว่า ลูกๆ ซื้ออะไรมาบ้าง?” คุณแม่พูดพลางรื้อของดู

หลินเฟิงกระโดดพรวดในทันใด ก่อนจะกระชากถุงหนึ่งไปอีกทาง เล่นเอาคุณแม่หลินสงสัย “เอ๊ ลูกคนนี้?”

“อะแฮ่ม” หลินเฟิงกระแอมกระไป “เมื่อกี้อวิ๋นหู่บอกว่าเขาเจ็บคอ แม่ไปทำน้ำลูกพีชให้เขาก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยมาดูกับข้าวนะ”

ถ้าแม่รื้อมาเห็นสิ่งนั้นล่ะก็ เขาตายแน่!

“เจ้าลูกคนนี้รู้จักเป็นห่วงคนอื่นด้วย” คุณแม่จิ้มนิ้วบนตัวเขา ก่อนจะเข้าไปต้มน้ำลูกพีชอย่างสวยๆ

หลินเฟิงตกใจมาก รีบหยิบเจ้าสามกล่องนั่นมายัดลงในกระเป๋ากางเกงตัวเอง ถึงได้โล่งใจ ทว่าอวิ๋นหู่ที่นั่งข้างๆ กลับยิ้มมองเขา ราวกับไม่เห็นเป็นอะไรเลย เขาแค่ตกใจไปเอง

ก็จริง เขาไม่มีประสบการณ์ ส่วนเพื่อนรักมีแฟนแล้ว ย่อมเทียบกันไม่ได้ หลินเฟิงรู้สึกว่า กำของในกระเป๋ากางเกงอย่างทรมาน จึงหาที่ที่เหมาะสมแล้วทิ้งไป แต่พอเดินเจ้าห้องตัวเอง ก็มีคนเดินตามหลังติด ๆ

ประตูถูกผลักออก เขาไม่คิดจะยั้งกิริยาตัวเอง คงเพราะเห็นหมดแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องปิดบัง

หลินเฟิงซุกมือลงในกระเป๋ากางเกง สบตาอวิ๋นหู่ด้วยความเฉยชาเย็นยะเยือก ทั้งยังมีแสงพาดผ่านนัยน์ตา ราวกับถูกทำบางสิ่งบาด

“โยนทิ้งทำไม?”

………………………………………………….

ตอนที่ 1714

 “เอ๋?” หลินเฟิงเกาศีรษะตัวเอง “คิดดูแล้ว ยังไงก็ไม่ได้ใช้ เดี๋ยวแม่ฉันเห็นเข้าจะกระอักกระอ่วนเลยทิ้งไปเหอะ”

อวิ๋นหู่มองหน้าอีกฝ่าย “ฉันให้นายเก็บไว้ไม่ใช่เหรอ”

หลินเฟิงเก็บกลั้นมานานจนทนไม่ไหว “ถึงเวลานั้นนายกับแฟนก็ไปซื้อใหม่เอาก็ได้ จะให้ฉันเก็บของพรรค์นี้ให้นายทำไม?”

อวิ๋นหู่จ้องเพื่อน เอ่ยช้าๆ “แฟนที่ไหน?”

“อ้าว นายกับผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ?” หลินเฟิงยื่นมือไปดึงคอเสื้อเพื่อน “นายยังจะมาว่าแฟนที่ไหนอีก? อย่าบอกนะว่านายกับคนที่รู้จักผ่านแอพพลิเคชั่น แค่เล่นๆ กันเท่านั้น”

อวิ๋นหู่เลิกคิ้ว กักร่างเพื่อนไว้ที่กำแพง กำข้อมือของหลินเฟิง “ถ้าฉันแค่อยากเล่นๆ จะรอนายมาตั้งนมนานกันไปทำไม”

คำพูดประหลาดๆ ที่ได้ยิน ส่งผลให้หลินเฟิงหน้าร้อนฉ่า “จะพูดก็พูดดีๆ อย่ามาอยู่ใกล้ฉันขนาดนี้”

เฮ้ย! หลินเฟิงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ฝ่ายอวิ๋นหู่แนบหน้าเข้าประชิดเสี้ยวหน้าอีกฝ่าย “นายกำลังเขิน”

“เขินบ้าอะไรวะ” หลินเฟิงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ “ปล่อยมือก่อน”

อวิ๋นหู่ก้มตัว “ไม่ปล่อย”

“เฮ้ย” หลินเฟิงแทบบ้า

อวิ๋นหู่กลับรู้สึกว่าไม่เลว โดยเฉพาะได้มองเห็นความเขินอายที่พุ่งขึ้นมาบนใบหน้าของอีกฝ่าย รู้สึกคันหัวใจเหลือเกิน เหมือนมีแมวกำลังตะกุยหัวใจ “นาย…”

ในระหว่างที่เขากำลังจะอธิบายเรื่อง “แฟน”  หลินเฟิงก็เหมือนหาเทพแห่งความช่วยเหลือเจอ สะบัดมืออีกฝ่ายแบบโกรธๆ “หลีกไป มีสายโทรเข้า”

มีสายเรียกเข้าจริงๆ จากท่าทีที่เป็นอยู่ ทำให้อวิ๋นหู่รู้สึกถึงมือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋าเพื่อนเช่นกัน แต่จะทำไงได้ ก็ต้องปล่อยเหยื่อไป

หลินเฟิงเหมือนโดนปลดปล่อย อดถอนใจไม่ได้ สายที่โทรเข้ามาช่างเหมาะเหม็งกับเวลาจริงๆ ทว่าพอเห็นเบอร์บนหน้าจอ เขาก็เปลี่ยนไปทันที รีบกดปุ่มรับสาย “เฮ้ย เจ้าแบล็ก  นายต้องบอกมาเสียดีๆ ว่า ตอนนี้นายอยู่ไหน ขอบอกนะ อย่าหาข้ออ้างมาวางสาย!”

ป๋อจิ่วที่อยู่ไกลถึงดินแดนที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึง ได้ยินเสียงดุดันราวมังกรกลืนเสือ ถึงกับยิ้มขึ้น “พี่หลิน พี่พลังเยอะขนาดนี้ ฉันก็ไม่วางสายแล้วล่ะ ที่โทรมาก็แค่จะบอกว่า ฉันกับพี่มั่วจะบินกลับวันพรุ่งนี้ บินไปที่เจียงเฉิง ก็เลยอยากหาคนดึงความสนใจ”

“หัวหน้ากับนายเนี่ยนะ” เสียงของหลินเฟิงแทรกไปด้วยความตื่นตะลึง ซึ่งป๋อจิ่วก็ฟังออก เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจไม่บอกเรื่องที่ท่านเทพสูญเสียความทรงจำกับอีกฝ่าย เพราะทางโน้นคงมีคนตรวจเช็คอยู่ “ค่อยคุยตอนเจอกันนะ ฉันมีรถมาด้วยคันหนึ่ง ต้องให้คนในประเทศช่วยดูแลให้ พี่ช่วยเป็นคนรับประกันให้ฉันที ส่วนเรื่องที่เหลือค่อยว่ากัน”

“รถเหรอ? เออ ได้” คนบื้อแบ๊วก็มีข้อดีตรงที่ไม่ถามให้มากความ

หลังจากวางสาย ป๋อจิ่วก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาท่านเทพพอดี เมื่อชายหนุ่มล้างหน้าล้างเสร็จ ร่างก็หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นมินต์ เขากำลังพิงกรอบประตูห้องน้ำจ้องเธอ เดาว่าน่าจะได้ยินในสิ่งที่พูดทั้งหมด นัยน์ตารูปดอกท้อลุ่มลึกเหลือเกิน

ป๋อจิ่วลุกขึ้นยืน สาวเท้าเข้าไปหา “เมื่อกี้โทรไปหาเพื่อนของเราสองคน”

“อ้อ” ฉินมั่วหัวเราะชนิดที่ไม่มีใครรู้อารมณ์ที่แท้จริงของชายหนุ่ม

ประหลาดจริง ป๋อจิ่วรู้สึกว่าเขาไม่เชื่อใจเธออย่างมาก หรืออาจบอกได้ว่าเขาไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร…

……………………………………………..

 ตอนที่ 1715 พี่มั่ว น้องจิ่ว

ป๋อจิ่วคิดไม่ผิดหรอก เพราะตอนนี้นอกจากเหยื่ออย่างเธอแล้ว ฉินมั่วไม่สนใจใครอีก โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเธอยังมีเพื่อนอีก เพราะในหัวใจเขา เหยื่อจะต้องมีเขาเพียงคนเพียง จะไปมีเพื่อนอีกได้ยังไง

ฉินมั่วหัวเราะ แต่นัยน์ตาไร้แววรื่นเริง ทว่าเวลานี้เขาย่อมไม่แสดงอาการอะไรออกมา เขาไม่ลืมบทบาทของตนเองว่าจะต้องอ่อนโยนเสมอ

“พวกเราลงไปข้างล่างกันใช่ไหม?” ฉินมั่วหยิบเสื้อกันลม

ป๋อจิ่วมองดูแผ่นหลังตระหง่าน รู้สึกว่าตัวเองมองท่านเทพไม่ออก แต่เข้าใจดีว่าคนที่สูญเสียความทรงจำ จะห่างเหินกับคนอื่นๆ  ทว่าท่านเทพกลับต่างไปจากนั้น ทุกอย่างที่เธอพูด ดูเหมือนเขาจะเชื่ออย่างสนิทใจ…

ด้วยเหตุที่ทั้งสองไม่ได้มีสัมภาระติดตัว บริเวณเขตที่ไร้กฎหมายควบคุทม จึงไม่จำเป็นต้องมีบัตรประชาชนก็เข้าพักได้แล้ว การคืนห้องก็ทำได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

เมื่อตื่นขึ้น อาการป่วยของท่านเทพก็หายดี ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อคืนเขาไข้ขึ้น ซึ่งป๋อจิ่วก็เช่นกัน แต่ไม่ใช่เพราะร่างกายเธอฟื้นฟูเองหรอก หวนคิดดูอีกที สิ่งที่ท่านเทพทำลงไปเมื่อวาน มันพอจะทำให้เหงื่อออกจนไข้ลดได้เลยล่ะ

“เฮียมีน้ำมันรถไหม?” ป๋อจิ่วตัดสินใจที่จะเติมน้ำมันให้เสี่ยวเฮยก่อนออกเดินทาง

ใครจะรู้ว่า พอเฮียเจ้าของโรงแรมเห็นพวกเธอเดินลงมา ท่าทีก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนรับใช้ที่ต้องต้อนรับเจ้านาย “น้ำมันรถเหรอ? ผมมีรถคันหนึ่งเติมน้ำมันเต็มถังเลย ถ้าคุณลูกค้าอยากได้ ผมจะไปเอามาให้”

เฮียแกรับปาก แต่พอเดินผ่านท่านเทพ กลับหลุดยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้มออกมา ทำให้ป๋อจิ่วเห็นแล้วเลิกคิ้วขึ้น ตอนเข้าพักเมื่อคืน เฮียไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ ทำไมเช้าวันนี้ถึงเปลี่ยนไป เห็นท่านเทพที เหมือนหนูเห็นแมว ไม่สิ ดูหวาดกลัวว่าเห็นแมวอีก

“พี่มั่ว เมื่อคืนลงมาที่นี่ใช่ไหม?” ป๋อจิ่วถามขึ้นทันที

ฝ่ายถูกถามก็ไม่ปฏิเสธ มุมปากยังยิ้มสว่างไสว “ก็คุยกับเฮียนิดหน่อย ตอนมาเอาแอลกอฮอล์”

ป๋อจิ่วสงสัยหนัก แค่ทักทายงั้นเหรอ?

“ท่าทางป๋าจะไม่เชื่อฉันแฮะ” ฉินมั่วดูสบายๆ “ฉันล่ะคิดว่าเธอจะเชื่อฉันทุกอย่าง ไหนว่าเธอเป็นคนรักของฉันไม่ใช่เหรอ”

ป๋อจิ่วทนได้ที่ไหนล่ะกับการที่ท่านเทพพูดกับเธอเช่นนี้ แม้ท่าทีจะดูเรื่อยเฉื่อย แต่เริ่มรู้สึกผิด “ฉันต้องเชื่อพี่อยู่แล้ว”

“อื้ม” ฉินมั่วหลุบตาลง

ป๋อจิ่วได้เห็นสภาพอีกฝ่าย ก็เข้าไปจุ๊บอย่างอดไม่ได้ “ไม่ว่าพี่พูดอะไร ฉันก็เชื่อหมด”

ฉินมั่วหัวเราะ “เมื่อวานเฮียพูดจาไม่ดี ฉันก็เลยสั่งสอนเขานิดหน่อย”

“ทำได้ดีมาก”

เฮียที่ไปเอาน้ำมันมาให้ ได้ยินคำพูดของป๋อจิ่วเข้าพอดี ก็อยากจะส่งพ่อคุณแม่คุณทั้งสองอออกไปเร็วๆ ไม่รู้หรือไงว่าผู้ชายของตัวเองโหดเหี้ยมขนาดไหน ยังมาโอ๋เอาใจอย่างกับเป็นตุ๊กตากระเบื้อง! แต่ถึงจะโมโหยังไง เฮียย่อมไม่กล้าแสดงออก เพราะเมื่อชายหนุ่มกวาดตามองอย่างไร้อารมณ์แวบเดียว เขาก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว

ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มันโง่จริงหรือแกล้งงั่ง ถึงขั้นเอาผู้ชายอย่างนี้มาอยู่ข้างตัว เขารู้ทันคนแบบนี้ที่สุด พวกท่าทางสุภาพอ่อนโยน ราวกับคุณพ่อบ้านที่แสนจะภักดีต่อคุณภรรยา แต่อันที่จริง พอเราไม่ระวังก็จะแว้งกัดเราทันที เหมือนกับปีศาจล่อเหยื่อเพื่อเอามาสูบเลือดจนหมด กิริยาการกินอาหารที่แสนสง่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าชายหนุ่มจะยังสนใจอีกฝ่ายได้นานเท่าไร…

…………………………………………

1711 vs 1712 vs 1713-1

ตอนที่ 1711

 “ลองกินบะหมี่นี้ ดีไหม?” อวิ๋นหู่พูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายหลินเฟิงกลับเป็นงง เจ้าบ้านี่ดึงดึงผ้าปิดปากของเขาลง เพื่อจะได้ลองชิมบะหมี่ในซุปเปอร์ เกิดคนอื่นมาเห็นเข้าแล้วจะทำไง? แถมพนักงานที่ยืนโปรโมทสินค้ายังยิ้มอย่างเอ็นดูให้อีกด้วย เดาว่าคงไม่เคยเห็นผู้ชายคู่ไหนที่สนิทชิดเชื้อเช่นนี้

หลินเฟิงรีบกลืนบะหมี่เข้าไป ก่อนจะตอบไปงั้นๆ “อร่อยดี”

“ซื้อหลายห่อหน่อยละกัน จะได้เอาไว้กินตอนกลางคืนที่คลับ” อวิ๋นหู่ปฏิบัติอย่างเป็นธรรมชาติ จับผิดไม่ได้สักนิด

หลินเฟิงกลับร้อนที่หน้า ความร้อนที่ว่าทำให้เขาอยากกลับไปให้เร็ว “ซื้อเสร็จแล้วก็กลับกันเถอะ” เพราะขืนอยู่ต่อไป เดาว่าพวกเขาคงกลายเป็นคู่รักในสายตาคนอื่น

เจ้าหู่มีแฟนแล้ว แม้ว่าสองวันนี้จะไม่เห็นมือถือของอวิ๋นหู่ดัง น่าจะเพราะซ้อมหนักเลยทำให้ไม่มีเวลาติดต่อ แต่ถ้าพวกเขาถูกจำได้ขึ้นมา แล้วมีคนแต่งเติมนั่นนี่เข้าไปอีก แฟนของเจ้าหู่อาจเข้าใจผิดได้ หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าการอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่เหมาะแน่ ทว่าอวิ๋นหู่กลับคิดว่าอุตส่าห์ได้อยู่ตามลำพังแล้ว ยิ่งทอดเวลาให้นานขึ้นได้ก็ยิ่งดี แต่เขารู้ซึ้งว่า ไม่ควรเร่งรัดอีกฝ่ายจนเกินไป “ยังไม่ได้ซื้อไอติมเลย เมื่อกี้นายบอกว่าอยากกินไม่ใช่เหรอ”

อวิ๋นหู่ว่ามามีเหตุผล หลินเฟิงพินิจครู่หนึ่ง เขาทำท่าน่าเกลียดเกินไป แค่ซื้อไอติมแล้วค่อยกลับก็ได้

ทว่าพอเขาเปิดตู้เย็นเลือกไอติม เจ้านั่นกลับย่อตัวลงเลือกไอติมมาแท่งหนึ่งทั้งๆ ที่เขายืนกั้นไว้อยู่ “สินค้าใหม่ของในประเทศ?”

หลินเฟิงอือๆ อาๆ ตอบรับอย่างมาใส่ใจ พยายามเลี่ยงที่จะสัมผัสอีกฝ่าย เขาเป็นถึงลูกผู้ชายตัวจริง ทำไมช่วงนี้ถึงถูกรุกเสียอย่างนี้ล่ะ

“มีรสอะไรบ้าง?” อวิ๋นหู่ถามต่อ

หลินเฟิงพยายามเข้มแข็ง “สตรอเบอร์รี่กับลูกพีช”

“อ้อ น่าจะใช้ได้” อวิ๋นหู่เลือกๆ อีก ก่อนจะหยิบรสลูกพีชออกมาวางในรถเข็น ระหว่างที่หลุบตาลง ก็ได้เห็นสีชมพูบริเวณต้นคอขาวผ่องของเพื่อน

ล่อใจจริง ๆ

อวิ๋นหู่ชะงัก แววตาหนักอึ้งขึ้น

ส่วนอีกด้นหนึ่ง หลินเฟิงที่บื้อแบ๊วรู้สึกอยู่นั่นแหละว่า เพื่อนรักจงใจถ่วงเวลา หากคิดให้ดี กับอีแค่เลือกไอติม ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เวลานานเลย

หลินเฟิงปฏิเสธความคิดของตัวเอง มองดูอวิ๋นหู่ที่ไปเลือกนมเปรี้ยวจากตู้เย็นอีกตู้ อดถอนหายใจไม่ได้ ว่าแล้วก็ชะโงกเข้าไปเลือกไอติมรสที่ตัวเองชอบ แล้ววางไว้ในรถเข็น

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” อวิ๋นหู่เดินกลับมามองเพื่อนแวบหนึ่ง เห็นไหมล่ะว่าจะรุกอีกฝ่ายมากนักไม่ได้

หลินเฟิงพยักหน้า

อวิ๋นหู่เอ่ย “งั้นฉันไปต่อแถวนะ”

“โอเค”

ในที่สุดก็ไปได้สักที ต่อไปเขาจะมาซื้อคนเดียวดีกว่า หลินเฟิงคิดพลางจะไปรออวิ๋นหู่จ่ายเงินที่จุดที่ไม่ไกลจากเคาเตอร์จ่ายเงิน แต่ตำแหน่งที่ยืนอยู่มันชอบกลแฮะ

คนที่มาซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างเข้าใจการแปลนสินค้าดี

พวกถุงยางอนามัยมักถูกนำมาวางไว้ใกล้ๆ เคาน์เตอร์ ทั้งยังเรียงอย่างสวยงาม มีบรรจุภัณฑ์ทุกสีให้เลือกสรร แถมยังเหมือนลูกอมกับช็อกโกแลตอีก

ตอนแรกหลินเฟิงไม่ได้สังเกต แต่พอมายืนรอและเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องอะไร จึงถึงบางอ้อในที่สุด

…………………………………………………..

ตอนที่ 1712

เดิมหลินเฟิงกะจะเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะของจำพวกถุงยางอนามัย ถ้าหากเราไม่ใส่ใจก็ไม่เท่าไร แค่มองผ่านๆ เหมือนเป็นลูกกวาดอมยิ้มก็เท่านั้น

แต่ใครจะรู้ว่าเขายังไม่ถอนสายตาจากสินค้าพวกนั้น ก็มีท่อนแขนคนอื่นมาวางไหล่ เป็นของอวิ๋นหู่ที่บอกว่าจะไปจ่ายเงินเมื่อกี้นี่เอง ผู้ชายจะเกาะบ่าชนไหล่กันเป็นเรื่องปกติจะตาย

“ฉันไม่ได้เอากระเป๋าเงินมา” อวิ๋นหู่พูดเช่นนี้ ก่อนจะต่อด้วยสายตาที่เลื่อนไปจับจ้องสิ่งนั้น ทำให้หลิงเฟิงรู้ตัวว่าตัวเองเสียหน้าอย่างแรง “ที่แท้นายก็ดูไอ้นี่”

หลินเฟิงกำลังจะบอกว่ามันแค่บังเอิญน่ะ แต่ไม่ทันจะได้พูด เสียงของอวิ๋นหู่พลันลอยผ่านหู ลมหายใจพาดผ่านริมหู “คิดหรือยังว่าจะซื้อยี่ห้ออะไร?”

“ยี่ ยี่ห้อ อะ อะไร ยังไงวะ” เขาไม่มีประสบการณ์ จะไปรู้ได้ไง

อวิ๋นหู่เลิกคิ้ว “ก็ยี่ห้อของถุงยางไง นายชอบอันไหน?”

หลินเฟิงถึงกับไอ จะปล่อยให้อีกฝ่ายคิดว่าเขากระจอกไม่ได้ ต้องรู้นะว่าลูกผู้ชายเรากลัวเรื่องนี้ที่สุด ต้องแสดงรักษาหน้าไว้ให้ได้ จึงเอ่ยอย่างเป็นเรื่องธรรมดา “ยี่ห้ออะไรก็ได้ ขอแค่คุณภาพดี เพราะฉันใช้นาน”

ในระหว่างที่พูด อวิ๋นหู่ก็มองเขาแวบหนึ่งด้วยแววตาลึกซึ้ง จนเขาโมโห “มองฉันอย่างนี้หมายความว่าไงวะ?”

“เปล่า” อวิ๋นหู่หัวเราะ เบือนสายตาเล็กน้อย “เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้ว่านายใช้เวลา ‘นาน’ ”

หลินเฟิงมองใบหน้าอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้แค่คืบ สบถด้วยใบหน้าที่ร้อนฉ่า “ไปตายซะไป๊” เป็นเพื่อนซี้กันก็ไม่ดีตรงนี้แหละ เพราะรู้หมดว่าใส้มีกี่ขด

“ซื้ออันนี้เหอะ” อวิ๋นหู่กลับมาเรื่องเดิม “ยี่ห้อนี้ดี แถมยังมีให้เลือกหลายกลิ่น นายชอบสตรอเบอร์รี่ไม่ใช่เหรอ ตรงนี้มีพอดีเลย”

อวิ๋นหู่พูดพลาง ยื่นมือแตะกล่องบรรจุภัณฑ์สวยๆ แล้วหยิบมาโยนเข้าไปในรถเข็นสองสามอัน

เดี๋ยว! เขาบอกตอนไหนว่าจะซื้อไอ้นี่ แล้วทำไมต้องซื้อหลายอันด้วย หลินเฟิงถึงกับตาเบิกโพลง แต่น้ำเสียงแบบให้ปรึกษาของอวิ๋นหู่ทำให้เขาพูดไม่ออก เพราะเขาเป็นฝ่ายยืนตรงนี้ก่อน

ทว่าเขาก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นสาวๆ แอบมองอยู่ พวกเธอปิดปากอย่างขวยเขิน แถมตื่นเต้นอีกต่างหาก ถึงขั้นที่พอจะได้ยินว่า “ไม่ได้แค่ซื้อกับข้าวด้วยกันนะ ยังซื้อถุงยางอนามัยด้วย ท่าทางคงอยู่ด้วยกันแล้วล่ะสิ พวกเธอได้ยินไหม เมื่อกี้ฝ่ายรุกยังบอกว่าฝ่ายรับชอบรสสตรอเบอร์รี่อ่ะ สตรอเบอร์รี่นะ รสสตรอเบอร์รี่อ่า ท่าทางภูมิใจมาก”

หลินเฟิง “…” เขารู้แล้วล่ะว่าผิดปกติที่ตรงไหน ทำไมเขาต้องยืนตรงนี้กับเจ้าหู่นานๆ ด้วย แถมยังคุยกันถึง ‘กลิ่น’ ที่ชอบอีกต่างหาก อย่าว่าแต่พวกสาวๆ เลย หากเป็นเขาเองที่เห็นผู้ชายสองคนไปซื้อถุงยางอนามัยด้วยกัน ย่อมคิดเช่นเดียวกับพวกเธอ

ต่อให้กระโดดแม่น้ำฮวงโห ก็คงล้างมลทินนี้ไม่หมด

แต่ในเมื่อหยิบมาแล้ว จะวางกลับไปคงไม่ได้ ช่างเหอะ รีบจ่ายเงินดีกว่า จ่ายแล้วจะได้รีบไป

โชคดีที่พวกเขาสวมผ้าปิดปาก ไม่งั้นหากภาพหน้าของพวกเขาถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ตอย่างหมดจดล่ะก็ ไม่แน่ล่ะว่าจะกลายเป็นข่าว ‘คาว’ อะไรอีก

หลังจากที่รู้ว่าอวิ๋นหู่ไม่ได้พกกระเป๋าเงินมา หลินเฟิงก็ไปเข้าแถว พอถึงตาเขาก็เห็นแคชเชียร์กวาดตามองสิ่งนั้น แววตาของเขาถึงกับเดือด

อวิ๋นหู่ยืนข้างๆ เก็บรายละเอียดสีหน้าของเขาไว้ในก้นบึ้งนัยน์ตาจนหมดด้วยแววตาขรึมลง…

………………………………………….

 ตอนที่ 1713-1

สีหน้าที่แสดงออกมาไม่เหมือนกับคนที่มีประสบการณ์ อวิ๋นหู่ยังจำได้ดีจนถึงตอนนี้ถึงสีหน้าของเพื่อนเขาในวันถัดมา หลังจากที่นัดกับสาวน้อยที่มอบจดหมายรักเมื่อในอดีต ตอนนั้นเขายังไม่มีใบขับขี่ ขับรถของที่บ้านไม่ได้ จึงต้องให้โชเฟอร์ขับรถพาเขาตระเวนหาหลินเฟิงจนทั่ว ทว่ากลับหาไม่เจอ

วันนั้นเป็นวันที่เขาเสียใจมากที่สุด ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของหัวใจที่ถูกกรีด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ร้อนรนและทุกข์ทรมาน ได้แต่ลืมตาโพลงจนฟ้าสว่าง แล้วหยิบกระเป๋าไปโรงเรียน เห็นเจ้านั่นคุยสนุกสนานอยู่ในห้องเรียน มีคนถามเจ้านั่นว่า เมื่อวานไปทำอะไรกับดาวคนสวยห้องข้างๆ มา หลินเฟิงกลับโยนหนังสือใส่ ด่ากลั้วยิ้ม “อย่าถามดิ ฉันโกรธนะเว้ย” ทว่าเขามองออกว่า หลินเฟิงหน้าแดงแค่ไหน

วันนั้น เขาไม่คุยกับอีกฝ่าย เพราะกลัวว่า หากพูดออกไปจะระเบิดอารมณ์ออกมาแน่ แต่เจ้านั่นกลับพูดต่อหน้าเขาว่า ผู้หญิงไม่เหมือนกับผู้ชาย เธอนุ่มเหมือนดอกฝ้ายเลยทีเดียว

เขาทำสงครามเย็นกับเพื่อนรักอย่างที่น้อยครั้งจะทำ เขาไม่อยากได้ยิน ไม่อยากฟังเจ้านั่นบรรยายเรื่องในคืนนั้น  เขาไม่คุยกับอีกฝ่ายเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ทั้งยังเข้าใจในเวลาเดียวกันว่า ความริษยาเป็นอย่างไร เพราะริษยามากจึงอยากเห็นหน้าเธอ

จนกระทั่งคุณเธอชวนเขาไปทำการบ้านที่ร้านกาแฟด้วยใบหน้าแดงก่ำ อวิ๋นหู่จึงยิ้มรับ

ใช่ เขาอยากให้เจ้านั่นรู้ว่า บางคนก็ไม่มีค่าพอที่จะให้อาวรณ์

หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็ต่อยเขาด้วยแรงหนักหน่วง จนนึกได้ในตอนนี้แล้วถามตัวเองว่าตอนนั้นเขาคิดจะทำอะไรกันแน่

คงเพราะริษยามาก ริษยาที่เธอคนนั้นได้ครอบครองเพื่อนรักทั้งคืน แต่เขากลับไม่มีวันได้ ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้มากที่สุด

เมื่อพินิจในเวลานี้ จากนิสัยของเพื่อน บางทีวันนั้นอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะหากเป็นอย่างที่หลินเฟิงพูดจริงๆ ว่า ตัวเองผ่านประสบการณ์มามากมาย แล้วจะอธิบายสีหน้าในเวลานี้ว่าอย่างไรล่ะ?

อวิ๋นหู่กวาดตามองหน้าเพื่อน จึงได้เห็นอีกฝ่ายกวาดสามกล่องนั่นเข้าไปในถุงพลาสติกอย่างไม่ปกติ หลินเฟิงสวมสเวตเตอร์ตัวดำที่หนาเป็นพิเศษ แต่กลับหล่อกว่าใครเพื่อน แถมยังดูเป็นชายเจ้าชู้ ทว่าเพื่อนรักเป็นคนอย่างไร เขารู้ดีที่สุด

ไม่มีประสบการณ์สักนิด

อวิ๋นหู่นึกถึงสิ่งที่สรุปได้ มุมปากก็ค่อยๆ หยัดยิ้ม ฝ่ายหลินเฟิงยังเอาแต่บ่นว่า ต่อไปจะไม่มาซุปเปอร์กันสองคนอีกแล้ว ซวยจริงๆ

คนที่บื้อแบ๊วกลับไม่ระวังว่า คำพูดของตัวเองทำให้คนอื่นรู้เท่าทันหมด

รถถูกจอดอยู่ชั้นใต้ดิน ตัวรถเป็นสีดำทึบ จึงไม่สะดุดตาเมื่อจอดที่ตรงนั้น ทว่าคนที่เชี่ยวชาญเรื่องรถล้วนแต่รู้หมดว่า มันเป็นรถปอร์เช่ไม่ใช่รถที่ครอบครัวคนทั่วไปจะซื้อไหว ซึ่งหลินเฟิงชินมานานแล้ว เพราะตระกูลอวิ๋นมรสถานะเป็นอย่างไร เขารู้ดีแก่ใจ

ฝ่ายอวิ๋นหู่กำลังหันไปอัดข้อความเสียง ไม่ได้ส่งให้คนอื่นหรอก แต่เป็นคุณแม่หลินอย่างไรล่ะ “ฮะ ผมกับหลินเฟิงซื้อเสร็จแล้ว กำลังจะกลับ แต่เวลาอย่างนี้รถน่าจะติดน่ะฮะ”

หลังจากที่รายงานจบสิ้น อวิ๋นหู่ก็วางมือถือไว้ข้างๆ มองหลินเฟิงครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวเข้าหา โดยหลินเฟิงยังถือของในมือ “จะทำอะไรวะ?”

“รัดเข็มขัดนิรภัย” ท่าทีอวิ๋นหู่เป็นธรรมชาติจะตาย

หลินเฟิงกลับอึดอัด เพราะอยู่ใกล้กันมากเกิน “ฉันรัดเอง”

อวิ๋นหู่ก็ไม่ได้บังคับเพื่อน หลังจากที่ถอนตัวออกมา ก็ถามอย่างเป็นเรื่องปกติ “ของที่นายซื้อมา กะจะใช้กับใคร ยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ?”

หลินเฟิงสะอึก เสหัวเราะแทน “ใครว่าฉันไม่มี”

“ทำไม? จะทำเหมือนว่ามีงั้นสิ?” อวิ๋นหู่บังคับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว มุมปากหยัดยิ้ม “ตอนที่ออกมา ยังบอกคุณน้าว่าจะตั้งใจเตรียมแข่ง ไม่สนใจเรื่องส่วนตัวนี่นา ทำไมลืมเร็วจัง?”

หลินเฟิงได้ยินก็รู้ว่าตัวเองโม้ต่อไปไม่ไหว จึงเอียงศีรษะจุดบุหรี่ พูดออกไปดื้อๆ “ฉันซื้อเก็บไว้ไม่ได้เรอะ?”

“ได้ดิ” อวิ๋นหู่ฉวยจังหวะที่หยุดรอสัญญาณไฟแดงงับบุหรี่มวนหนึ่ง แววตาลุ่มลึกขึ้นมาทันที “จะได้สะดวก”

…………………………………………….

1709 vs 1710

ตอนที่ 1709

คุณเคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้บ้างไหม ลำคอตีบตันที่ไม่ได้มาจากความเสียใจ แต่เพราะซาบซึ้งต่างหาก

ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือกระทั่งสมาชิกทีมที่อยู่บนสนามแข่ง ล้วนแต่เกิดปฏิกิริยาเดียวกันเมื่อเห็นคลิปที่ว่า

หลินเฟิงสวมเสื้อสเวตเตอร์ยืนดูคลิปบนหน้าจอยักษ์อยู่หน้าร้านขายสินค้าเฉพาะทาง มือถือถ้วยกาแฟที่ดื่มหมดแล้วจนแน่น “ถ้าเจ้าแบล็กรู้ว่ามีคนรอเขามากมายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะกลับมาไหม”

อวิ๋นหู่ยืนด้านหลังเพื่อน สองมือซุกในกระเป๋าเสื้อกันลม มองไปยังจุดเดียวกัน

หลินเฟิงขมวดคิ้วพลางพึมพำ “ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่ไปที่ไหน ติดต่อไม่ได้เลย”

หากเทียบกับหลินเฟิงแล้ว อวิ๋นหู่คิดลึกกว่านั้น ในหัวใจของเขา เด็กนั่นไม่ธรรมดา ถ้าหากติดต่อไม่ได้ก็แสดงว่าน่าจะมีปัญหา

“ห้าโมงแล้ว ถ้าไม่ไปอีก คนที่มาซูเปอร์มาร์เก็ตจะเยอะขึ้น” ไม่ผิดหรอก ทั้งสองออกมาเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต หลินเฟิงไม่รู้จริงๆ ว่า ใครกันที่เป็นลูกแท้ๆ ของแม่เขา เพราะนับตั้งแต่อวิ๋นหู่กลับมา ก็ถูกเลี้ยงดูอุ้มชูด้วยอาหารสารพัดอย่าง แถมยังบอกว่า เดี๋ยวพวกเขาต้องแข่งอีก ต้องบำรุงเสียหน่อย อุตส่าห์เลี้ยงดูกันสามวันติดๆ แล้วนะ ถึงกับไล่หลินเฟิงออกไปซื้อกระดูกหมูมาต้มซุปทุกวี่ทุกวัน ท่านเทพแห่งวงการอีสปอร์ตอย่างเขาต้องมาแย่งซื้อกระดูกกับพวกแม่บ้านเหมือนเป็นมืออาชีพ

วันนี้แม่เขาไม่ทำอะไรที่เว่อร์เกินไป บอกเพียงว่าอวิ๋นหู่ขับรถมา ให้ไปซื้อหม้อใบใหม่กับเขา ซึ่งตอนแรกหลินเฟิงก็ดีอกดีใจ แต่พอออกมาจริง กลับไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะมาซูเปอร์มาเก็ตกันสองคน…มันพิลึกแฮะ แถมพวกเขายังมาซื้ออาหารสดอีกต่างหาก มันเป็นเขตที่พวกผู้ชายไม่ค่อยมากันหรอก

ทว่าอวิ๋นหู่กลับทีท่าทีเป็นธรรมชาติ เขาผลักรถเข็นเดินอยู่ด้านหน้า โดยเจ้าตัวในชุดเสื้อกันลมที่มีกระดุมเรียวแถวสองข้าง ทำให้ดูอ่อนโยนกว่ายามปกติ

หลินเฟิงกลัวว่าคนจะจำได้ แล้วอาจจะไปโพสรูปไปลงในเพจคู่จิ้นอะไรทำนองนี้ จึงสวมผ้าปิดปากสีดำ ซึ่งผ้าปิดปากที่ว่าแม้จะใหญ่มาก แต่กลับใช้ไม่ได้ผลตามที่ควรจะเป็น เพราะทั้งรูปร่างและออร่าของทั้งสองที่แม้จะไม่เผยโฉมหน้าออกมา แต่ก็เด่นเหลือเกิน เมื่อมาเดินยังเขตอาหารสด ย่อมเป็นที่จับตามอง

ก็หล่อลากดินจะตาย แต่กลับมาเดินในเขตนี้?

สาวๆ หลายคนเผลอมองมายังพวกเขา ส่งผลให้หลินเฟิงที่แบกรับความเป็นไอดอล รีบสาวเท้ายาวไปเร่งอวิ๋นหู่ “รีบหน่อย”

“โอเค” อวิ๋นเฟิงรับปาก แต่กลับเดินอย่างเรื่อยเฉื่อย แต่พอเดินมาอยู่ข้างหลินเฟิงก็หันตัวเล็กน้อย “เอามันฝรั่งไหม?”

หลินเฟิงพยักหน้าไปงั้นๆ แหละ หันกลับมามองแบบ อย่าสนฉันเลย รีบซื้อให้เสร็จแล้วเผ่นดีกว่า

อวิ๋นหู่เหลือบมองเพื่อนแวบหนึ่ง แล้วหันไปดูสาวๆ ที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็หันมายกถุงมันฝรั่งมาดันหน้าหลินเฟิง “เอาไปชั่งสิ”

“หา? อ้อ ชั่งน้ำหนัก ชั่งน้ำหนัก” หลินเฟิงไม่เคยเสียวสันหลังมาก่อน หากมีพาดหัวข้อว่าด้วยการที่เขาสองคนมาช้อปปิ้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแบบนี้ มันอ่อนไหวอยู่นา

อวิ่นหู่มองท่าทีเพื่อนด้วยแววตาขรึม รอจนหลินเฟิงเดินกลับมา ก็ก้มศีรษะถาม “จะกินส้มไหม?”

หลินเฟิงรู้สึกว่าท่ากระซิบแบบนี้ดูจะสนิทสนมมากเกินไป รู้สึกหวั่นไหวต่อการที่ลมหายใจของอีกฝ่ายรดหน้าตัวเอง จึงหันไปทางซ้ายเล็กน้อย “นายก็เลือกซื้อเอาเหอะ”

“งั้นเอาซักนิดหนึ่งแล้วกัน” อวิ๋นหู่ทำเหมือนไม่เห็นอาการหลบของเพื่อน รู้สึกธรรมดาจะตาย

กระทั่งหลินเฟิงยังประหลาดใจ เพราะจำได้ว่าอวิ๋นหู่ไม่เหมือนคนที่ซื้อกับข้าวเป็นสักนิด ทำไมไปเมืองนอกแล้วเปลี่ยนไปมาก

………………………………………

ตอนที่ 1710

อวิ๋นหู่ไม่เหมือนเดิมจริงๆ  หากบอกว่าเมื่อก่อนเขายังลังเลว่าจะทำให้หลินเฟิงเป็นเกย์ดีไหม แต่หลังจากที่เพื่อนร้องไห้ที่เขาไปเมืองนอก เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ถ้าจะมาคิดว่าทำให้เพื่อนเป็นเกย์ดีไหม ไม่สู้จะหาทางทำให้เพื่อนเป็นเกย์ไปเสียเลยจะดีกว่า

อวิ๋นหู่หันเหสายตา มองดูเจ้าคนที่มีผ้าปิดปากติดหน้าเดินตามข้างตัว มาถึงขั้นนี้แล้ว จะย้อนกลับไปเป็นเพื่อนซี้ได้อย่างไร รุกเลยดีกว่า ซึ่งหลินเฟิงไม่รู้ว่าเพื่อนคิดอะไรอยู่ มองดูของที่วางในรถเข็น “เยอะพอสมควรแล้ว กลับกันเลยไหม?”

“ไปเดินตรงขนมกันหน่อย” อวิ๋นหู่เป็นคนเข็นรถ เส้นทางที่เดินไปล้วนแต่ถูกควบคุมโดยตัวเขา

หลินเฟิงมองดูสาวๆ อีกหน “นายไม่กินขนมจุบจิบนี่หว่า”

“ช่วงนี้รสนิยมเปลี่ยนน่ะ” อวิ๋นหู่พูดไปเรื่อย “มันฝรั่งทอดที่นายชอบที่สุดเป็นยี่ห้อนี้ใช่ไหม? รสอะไรอร่อย”

หลินเฟิงหันไปก็เห็นขนมที่เขาชอบกินเป็นประจำอยู่ในมืออวิ๋นหู่ “บาบีคิว” ในเมื่อหยิบมาอันหนึ่งแล้ว ก็เอามาเพิ่มสักนิด

ในขณะที่คิดเช่นนี้ เมื่อกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ กลับได้ยินเสียงถ่ายรูปผ่านมือถือขึ้น เป็นแม่สาวสองคนเมื่อครู่นั่นเอง!

ชายหนุ่มถึงกับผงะ ท่าทางของเขาน่าชม เพราะอวิ๋นหู่ยืนที่หน้าชั้นขนมไม่ขยับ แต่ยื่นมือก็พยุงหลังอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่เหมือนจะกักร่างไว้ที่กำแพง

เข้าใจผิดไปกันใหญ่แน่!

หลินเฟิงหันร่างไป กะจะวิ่งไปหาสาวๆ ให้พวกเธอลบรูป ทว่าอวิ๋นหู่กลับรั้งข้อมือเขาไว้ เอ่ยเสียงปกติ นายอยากให้ทุกคนที่นี่รู้เหรอว่าตัวเองเป็นหลินเฟิง พวกนั้นแค่ถ่ายรูปไปงั้นๆ แหละ ไม่รู้หรอกว่านายกับฉันเป็นใคร”

หลินเฟิงหันไปมองฝั่งนั้นอีกครั้ง สาวๆ สองคนไม่ได้มาขอลายเซ็น แล้วก็ไม่ได้ไล่ถ่ายต่อ ราวกับว่าแค่เห็นผู้ชายสองคนมาซื้อของด้วยกัน จึงถ่ายเก็บไว้ พวกเธอรู้เช่นกันว่า ที่ทำไปเสียมารยาทมาก พอเห็นหนุ่มหล่อที่สวมผ้าปิดปากหันมามองตัวเอง  จึงตัดสินใจเดินเข้าไปเพื่อขอโทษ “ขอโทษนะคะ ฉันแค่เห็นว่าพวกคุณรักกันมาก เลยถ่ายภาพไว้” ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ยื่นมือถือออกมา “ฉันจะลบนะคะ”

หลินเฟิง…รักกันมาก รักกันมาก?

อวิ๋นหู่เข็นรถพลางจำมือคนบางคน แถมยังยิ้มมุมปาก “ไม่เป็นไรฮะ”

 “เห็นไหม ฉันเดาไม่พลาด ไม่ค่อยเห็นผู้ชายสองคนมาซื้อของกลับไปทำกับข้าวเลยนะเนี่ย เห็นไหม มีแต่แฟนเท่านั้นแหละที่ทำได้” หญิงสาวดีใจจนยิ้มขึ้น

หลินเฟิง…เขาเถียงไม่ออกเลย

ไม่รู้ว่าอวิ๋นหู่พูดอะไรอีก สาวสองคนนั่นถึงหันมามองเขา เมื่อเห็นเขามีผ้าปิดปากติดหน้าก็ไม่คิดจะมาคุยด้วย พูดยิ้มๆ “ฝ่ายรับขี้อายจัง”

หลินเฟิงอยากถอดผ้าปิดปากออก ฝ่ายรับขี้อาย? เขาเนี่ยนะ? ทว่าดูเหมือนอวิ๋นหู่จะเดาความคิดเขาออก จึงเอ่ยเสียงต่ำ “ระวังนะ มีพวกแฟนคลับด้วย”

หลินเฟิงขลุกขลักกับคำว่า “ฉัน” จนอีกฝ่ายเดินจากไป อันที่จริงเขารู้ว่า โทษแม่สองคนนั้นไม่ได้หรอก คุณหญิงแม่เขานี่แหละตัวดี ทำไมไม่คิดบ้างว่า การให้ผู้ชายสองคนมาซื้อกับข้าวด้วยกันมันพิลึกกึกกือขนาดไหน แถมยังซื้อตั้งเยอะตั้งแยะอีกต่างหาก

ทว่าอวิ๋นหู่ยังไม่คิดจะกลับ

เดี๋ยว นี่มัน “เอ่อ…”

……………………………………………….

1708-4 vs 1708-5

ตอนที่ 1708-4 รอวันกลับคืนสู่ทีมไดมอนด์

“ผู้จัดการเฟิง ตรงนี้!” คนที่รับผิดชอบฝ่ายปฏิบัติการหยิบโน้ตบุ๊คมากดลิงค์เวยป๋อ

โดยโพสในเวยป๋อเขียนไว้ว่า “คุณยังจำเพื่อนๆ ในตอนที่เล่นกันแบบอยู่คนละที่ได้ไหม? ยังจำตอนที่พวกเราล้มป้อมคริสตัลด้วยกันได้หรือเปล่า ยังจำตอนที่หันไปไฮไฟว์กับคนคนนั้นแล้วตะโกนว่า ดับเบิ้ลคิล จนบะหมี่กระจายจนทั่วได้อยู่ใช่ไหม? คุณยังจำทีมที่คุณรักที่สุดได้ใช่หรือไม่ ก็ทีมไดมอนด์ไงล่ะ?”

หลังจากมาเจอคำว่าทีมไดมอนด์ ก็เป็นคลิปหนึ่ง คลิปนั่นเหมือนภาพยนตร์สั้น แต่ราวกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้ตัวเรา

ฉากแรกของคลิปคืออาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่ตรงจุดที่สอนหนังสือ

ฉากที่สองคือโปรแกรมเมอร์ แล้วกล้องแพนไปยังหน้าจอที่ฉายแผนที่ระบุพิกัดของเกมเลเจนด์ กลับเห็นว่าเขากำลังทำงานโอที มองดูแผนที่ดังกล่าวอยู่นานแต่ไม่กดลิงค์เปิด

ฉากที่สามเป็นโชเฟอร์คนหนึ่งที่กำลังเอนพิงพนักที่นั่ง รอสัญญาณไฟจราจร แล้วได้ยินเสียงเด็กมัธยมพูดกันว่า “รู้ไหมว่าปีนี้การแข่งระดับเอเชียจัดขึ้นในเมืองเจียงเฉิง แล้วทีมไดมอนด์ก็ได้ลงแข่งด้วยล่ะ” ส่งผลให้โชเฟอร์ถึงกับชะงักมือ รอจนผ่านไปสามวินาทีถึงได้เคลื่อนรถออกไป

ฉากที่สี่คือคนๆ หนึ่งกำลังทำคลิป แต่ทำยังไงก็ไม่ดีสักที จนโดนด่าแล้วหันไปสูบบุหรี่

“พี่ลี่ไปซื้อน้ำให้ฉันสักขวดซิ” มีคนใช้เขา แต่เขาไม่ขยับ คนคนนั้นเห็นเขาจ้องดูคอมพิวเตอร์ของตัวเอง จึงเลิกคิ้วถาม “ทำไม พี่ลี่ก็เล่นเกมเป็นเหรอ?”

“ไม่เป็นหรอก”  แต่กระนั่นก็ยังเงยหน้ามองดูคลิปหนึ่ง และในเวลาเดียวกัน คนอื่นๆ อีกสามคนจากคนละที่ก็ดูคลิปเดียวกัน

คลิปนั่นเป็นภาพของทีมไดมอนด์ที่เคยลงแข่งระดับประเทศ คนทั้งสิบเอ็ดยืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดาน ต่างสวมชุดทีมอย่างเท่

หวนนึกถึงความหลังที่ตราตรึง คุณยังจำเส้นทางในวัยแรกรุ่นได้ไหม เคยได้รักใคร เคยเล่นเกมกับเพื่อนในต่างสถานที่กันหรือเปล่า

ปี 2018 พวกเราจะรอคุณ ทีมไดมอนด์

ห้วงเวลาดังกล่าว แววตาของคนทั้งสี่เปลี่ยนไป ภาพย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่พวกเขานั่งในหอพัก ต่างสวมหูฟัง โยนถั่วลิสงให้ฝ่ายตรงข้าม

รถบัส รถไฟฟ้า รถไฟ รถแท็กซี่

เสียงเพลงประกอบดังขึ้น เป็นเพลงที่แบล็กพีชเคยฮัมไว้เมื่อตอนถ่ายทำรายการบันเทิง “เธอและฉันมาจากตำบลเล็กๆ ในหูเป่ย ซื่อชวน กว่างซี หนิงเซี่ย เหอหนาน ซานตง กุ้ยโจว อวิ๋นหนาน เคยสาบานว่าจะเป็นคนเก่ง แต่กลับตื่นขึ้นมาในคืนหนึ่งที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น ราวกับถูกชะตาปลุก มันบอกว่าคุณจะทำแบบนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้…”

มันบอกว่าคุณจะทำแบบนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้

สวบ! ภาพเปลี่ยนไป เป็นภาพของคนทั้งสี่มาเจอกันในเจียงเฉิง หลังจากที่กอดกัน ก็นั่งในอินเทอร์เน็ตบาร์เหมือนเมื่อครั้งที่เรียนด้วยกัน ต่างสวมหูฟัง เสียงเอฟเฟกต์ที่ปลุกให้คนฮึกเหิมดังขึ้น

“พวกเรามาแล้ว ทีมไดมอนด์ของแท้ พวกคุณอยู่ที่ไหน?

ทีมไดมอนด์ของแท้?

อย่าว่าแต่เฟิงอี้ที่อึ้ง กระทั่งแผนกประชาสัมพันธ์ที่ดูด้านหลัง นัยน์ตายังเปียกชื้นไปด้วย ทีมไดมอนด์ที่ไม่มีแบล็กพีช Z จะเป็นทีมไดมอนด์ของแท้ได้อย่างไร

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงคือ คลิปนั่นยังไม่จบ มันฉายตอนสัมภาษณ์หลายๆ คน ด้วยเวลาคนละห้าวินาที

 …………………………………………….

ตอนที่ 1708-5 รอวันกลับคืนสู่ทีมไดมอนด์

“ฉันมาจากเจียงซี แบล็กพีชอยู่ที่ไหน?”

“คนซานตงรายงานตัว มาดูการแข่ง ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ขอแค่มีเทพ Z ทีมไดมอนด์ถึงจะสมบูรณ์

“ฉันอยู่หางโจว ตอนที่รู้จักแบล็กพีชเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกว่าเขาหล่อสุดยอด เป็นตั้งแต่แชมป์โซน C เล่นเกมเงียบๆ เขาโคตรเท่เลย ขอแค่พวกเราตามหลังเขา ต้องชนะแน่ เอ๋? หมดเวลาแล้วเหรอ เสียดายจัง ขอพูดอีกนิดหนึ่ง เทพ Z คิดถึงจัง”

เทพ Z คิดถึงจัง ประโยคสั้นๆ กลับสะท้อนให้เห็นเสียงจากทั่วโลก

ใช่ ไม่เพียงแค่ในจีน ยังมีคนหลายสีผิวอีกต่างหาก เมื่อชื่อเมืองแต่ละแห่งปรากฏในคลิป ทุกคนต่างตะลึง จนประโยคสุดท้าย “ทีมไดมอนด์ พวกเรารอให้พวกคุณกลับมา”

เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเป็นผู้หญิง เริ่มจะร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ ส่วนเฟิงอี้ลุกขึ้นยืน เขาในชุดสูทเต็มยศ หันไปมองเห็นรายชื่อที่พวกสมาชิกถูกเสนอขึ้นมา ซึ่งเต็มทุกตำแหน่ง เว้นแต่นักฆ่า

เฟิงอี้ถอนใจยาว “ติดต่อคณะกรรมการ เสนอชื่อแบล็กพีช Z ขึ้นไป”

แต่ถ้าเขากลับมาไม่ทันล่ะ” ฝ่ายปฏิบัติการสูดจมูก

เฟิงอี้ไม่เบือนสายตาไปทางอื่น “อย่างน้อยก็ให้เขาอยู่ในรายชื่อของทีมไดมอนด์”

“ค่ะ” ฝ่ายปฏิบัติการเข้าใจดี จึงเสนอรายชื่อขึ้นไป ทีมไดมอนด์จะต้องแบกรับความกดดันมากแค่ไหน เรื่องที่แบล็กพีช Z เป็นหญิงที่แสดงตัวเป็นผู้ชาย ไม่มีวันจบวันสิ้นในโลกออนไลน์ และหากว่าแพ้ ทีมไดมอนด์จะไม่มีวันลุกขึ้นมาได้อีก

แต่จะทำอย่างไรได้ ใครบ้างที่ไม่เคยทำอะไรบ้าๆ ในวัยเด็ก

สายเข้าเบอร์ของคลับทีมไดมอนด์จนแทบไหม้ หลายๆ คนสงสัยในแผนการของเฟิงอี้ เพราะชายหนุ่มเก่งเรื่องการสร้างสถานการณ์ ทว่าต่อมาพวกเขาจึงรู้ว่า มันไม่ใช่เล่ห์กลแต่อย่างใด

นับตั้งแต่การแชร์ไปเรื่อยๆ  คำพูดที่ฝากให้ รวมถึงเสียงจากแพลตฟอร์มออฟฟิเชียล ซึ่งหากมีหัวใจ โปรดพินิจดู แฟนคลับที่แท้จริง จะคาดหวังอะไร

คนที่ชอบเขาอย่างแท้จริง จะไม่ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ การชอบใครสักคนอย่างแท้จริง ก็อยู่ใกล้เขาสักนิดในการแข่งขัน แต่อยู่ห่างจากชีวิตส่วนตัวเขาให้ไกลสักหน่อย คนที่ชอบทีมนี้อย่างแท้จริง ก็หวังแค่ได้เห็นคนเหล่านั้นอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นการแข่งก็ตาม

พวกเขารู้ดีว่า ไม่ถึงหนึ่งปีหรอก เหล่าสมาชิกก็ทยอยเลิกเล่นแล้ว หรือหลายปีผ่านไป พวกเขาอาจจะกลายเป็นคนที่ตัวเองยังไม่รู้จัก

ไม่ว่าจะเป็นเหตุจากงาน ธุรกิจ และการสังสรรค์ ล้วนแต่ทำให้พวกเขายุ่ง

ทว่าวันหนึ่งพวกเขาจะระลึกห้วงเวลาดังกล่าวขึ้นมาได้ ก็พอแล้ว

พวกแอนตี้แฟนคงลืมไปว่า อีสปอร์ตไม่ใช่วงการบันเทิง พวกนั้นอาจดูนักกีฬาเพราะมีหน้าตาหล่อเหลา แต่จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่รักมันอย่างแท้จริง และใจจดใจจ่อกับมันมากแค่ไหน

ในที่สุดก็เจอคนที่ทำคลิปนี้ขึ้น ซึ่งก็เป็นแฟนคลับนั่นเอง

ไม่ผิดหรอก เป็นแฟนคลับ มีตัวตนจริงๆ และเป็นหนึ่งในสี่คนที่อยู่ในคลิป

พวกสาวๆ ที่ชอบบิดเบือนความเป็นจริง อาจจะไม่มีวันเข้าใจว่า ทีมไดมอนด์ทำให้ผู้คนกล้าหาญแค่ไหน และความกล้าหาญที่ว่า ต้องอธิบายบนจุดยืนของผู้ชายจึงจะเหมาะสมที่สุด

หลายคนที่เห็นคลิปนี้ ต่างจอดริมถนนไปตามๆ กัน…

…………………………………………….

1708-2 vs 1708-3

ตอนที่ 1708-2 รอวันกลับคืนสู่ทีมไดมอนด์

เมื่อสลัดผู้ช่วยจนหลุด ซึ่งเขาใช้เวลาถึงยี่สิบนาที ถึงขั้นที่หลอกอีกฝ่ายว่าตัวเองเป็นหวัดจะไปซื้อยา เพื่อจะแอบไปอินเทอร์เน็ตบาร์ตอนกลางคืน

โคโค่ออกไปข้างนอกคนเดียวไม่บ่อยนัก เพราะเป็นทั้งคุณชายบ้านรวยที่มาจากต่างประเทศ และเป็นดาวรุ่งเล่นไลฟ์สดที่ทางฉินกรุ๊ปปั้นเอาไว้ ดังนั้นเมื่อออกมาข้างนอก เขาจึงต่างจากคนอื่นที่จะต้องมีรถตู้คอยติดตามทุกครั้ง โดยไม่ถือว่าโอเวอร์แต่อย่างใด

แฟนคลับของเขายังเด็กกันอยู่มาก จึงตามติดไม่ลดละ ไม่ว่าจะรอคอยอยู่ใต้ตึก หรือบ้างก็ไปรับถึงสนามบิน แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไรใหญ่โตก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า โคโค่ออกไปข้างนอกสักครั้งย่อมไม่ง่ายเลย

ครั้งนี้อุตส่าห์สลัดพวกแฟนคลับได้ ก็อยากจะลองนั่งรถไฟฟ้าคนเดียวดูบ้าง แต่กลับไม่รู้ว่าท่าทางลับๆ ล่อๆ ของตนเองถูกคนถ่ายด้านหลังเอาไว้เรียบร้อยแล้ว สาวๆ สามคนถึงกับยกมือปิดปาก เอ่ยเสียงเบาว่า “โคโค่แบ๊วจัง”

“นึกว่าพวกเราจำไม่ได้ล่ะสิ น่ารักที่สุดเลย”

ในเมื่อมีคนถ่ายภาพได้ ก็ย่อมถูกโพสต์ลงในโลกออนไลน์ เมื่อโคโค่สวมผ้าปิดปากไปซื้อบัตรรถไฟฟ้า ก็เอ่ยถามพนักงานขายอย่างจริงจัง “รู้จักผมไหม?” จากนั้นก็ได้รับสายตาที่พนักงานขายตั๋วมองว่าเป็นบ้าหรือเปล่าสมใจหมาย

ทั้งนี้เขาไม่โกรธหรอก ดีใจมากต่างหาก ดูสิ ไม่มีปัญหาเลย เขาออกไปข้างนอกคนเดียวได้อยู่แล้ว

ทว่าในวินาทีถัดมา มือถือเขาก็ส่งเสียงดัง โดยเฟิงอี้เป็นฝ่ายโทรมา โคโค่ตกใจอย่างมีพิรุธ มองดูซ้ายขวาหน้าหลัง ก่อนจะรับสายอย่างเก็กขรึม “ฮัลโหล มีอะไรหรือเปล่า? ฉันกำลังเล่นเกมฝึกความเร็วมืออยู่ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ก็ขอวางสายก่อนนะ”

“เฮอะ เล่นเกมเหรอ? ฝึกความเร็วมือด้วย?” เฟิงอี้หัวเราะ “อธิบายให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้เลยว่า นายไปเล่นเกมฝึกความเร็วมือที่รถไฟฟ้าได้ยังไง?”

โคโค่ตะลึง บอกตัวเองว่าจิ้งจอกเฟิงไม่น่าจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ต้องหลอกเขาชัวร์ “เฮ้ย พูดอะไรน่ะ ฉันได้ยินไม่ชัด เกมก็เร็วจะตายอยู่แล้ว”

เฟิงอี้ได้ยินแล้ว วางปากกาลงอย่างไม่แคร์สิ่งใด มองดูผู้ช่วยที่ถือแท็บเล็ตเข้ามา หน้าจอโชว์ภาพอย่างแจ่มแจ๋ว “นายใส่หูกระต่ายนี่”

“เฮ้ย” โคโค่ถอดผ้าปิดปากออก โมโหขึ้นมา “รู้ได้ไง?”

เฟิงอี้ส่งสัญญาณมือให้ผู้ช่วย เอ่ยต่อ “ต้องขอบคุณแฟนคลับของนายที่มีมากมาย ตอนนี้มีคนเดินตามหลังนายเป็นกลุ่มเลย เดี๋ยวจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ นายรีบออกจากที่นั่นเสียก่อนที่ทุกคนจะรู้ ส่วนอินเทอร์เน็ตบาร์ที่นายจะไป นายอยากจะทำให้คนเขาตกใจจนปิดกิจการหรือไง? นายอยู่ที่นั่นหละ อีกหนึ่งนาที ผู้ช่วยจะไปรับ”

โคโค่ไม่เข้าใจจริงๆ “จิ้งจอกเฟิง บอกมาตรงๆ นะ นายมีเรื่องปิดพวกเราไว้ใช่ไหม?”

ไม่งั้นหากเป็นแต่ก่อน เขาอาจจะออกมาเดินเล่นบ้าง ก็ไม่กระทบต่อคนส่วนใหญ่แต่อย่างใด

เฟิงอี้ชะงัก “เปล่า”

โคโค่สวมผ้าปิดปากอีกครั้ง “หลอกใคร ฉันเล่นเน็ตเหมือนกันนะ เพราะพวกที่ด่าเจ้าแบล็กใช่ไหม นายก็เลยกลัวว่าคนอื่นจะเกิดความผิดพลาดขึ้น”

เฟิงอี้หัวเราะ “ในเมื่อรู้แล้ว ก็กลับมาซะดีๆ”

“รู้แล้ว” โคโค่หันหน้าไป แววตาหมอง “แต่จะต้องเป็นอย่างนี้ตลอดไปเหรอ?”

 …………………………………………….

ตอนที่ 1708-3 รอวันกลับคืนสู่ทีมไดมอนด์

บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจถึงคำวิจารณ์ที่พวกเพื่อนชาวเน็ตมีต่อเธอคนนั้น เพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ดังนั้นความพยายามทุ่มเทที่มีในก่อนหน้านั้นก็ถูกต่อต้านไปด้วยงั้นหรือ

หากไม่เป็นเพราะเจ้าแบล็ก พวกเขาก็ไม่มีวันได้เงยหน้าขึ้นหรอก ต้องแพ้ตั้งแต่การแข่งรอบมณฑลแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงอนาคตเลย

แบล็กพีชไม่เคยทำอะไรเกินเหตุ ถ้าเขาหาคนมาเล่นแทนหรือทำเรื่องผิดศีลธรรม โคโค่ย่อมไม่ไห้อภัย

เพราะมันเป็นจริยธรรมในอาชีพ

แต่นี่มันแค่อะไร? โคโค่เชื่อเสมอว่า แฟนคลับไม่ควรเป็นเช่นนั้น ทว่าเขารู้ดี คนบางคนแค่อาศัยความชอบเป็นข้ออ้าง ส่งผลให้เฟิงอี้จำต้องสละเวลางานส่วนหนึ่งมาจัดการ ความชอบของคนบางกลุ่มช่างน่ากลัวเสียยิ่งว่าความเกลียดชังเสียอีก

พวกเขาใช้คำๆ นั่นมาข่มขู่ให้เราต้องขอบคุณพวกเขา ซึ่งหากเราไม่ขอบคุณ พวกเขาก็จะหาว่าเราไม่ถนอมน้ำใจแฟนคลับ จากนั้นคำวิจารณ์ในโลกออนไลน์จะปรากฎชนิดที่ไม่หยุดสิ้น

บางครั้งโคโค่เองก็เศร้าใจ เขาเคยถามตัวเองว่าทำไมถึงเล่นเกมออนไลน์ มีเหตุผลนานัปการที่บอกให้เขารีบทิ้งมันไป ทว่ามีเพียงหนึ่งเดียวที่เขาทิ้งไม่ได้ นั่นคือที่นี่มีเพื่อนของเขา รวมถึงคนที่ถือป้ายเชียร์เขามากมาย

มันน่าจะเป็นปัญหาที่ลูกทีมไดมอนด์ทุกคนต่างคิดถึงในยามดึก แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าเรื่องในอินเทอร์เน็ตเป็นด้านหนึ่ง สิ่งที่ทำให้เฟิงอี้เริ่มเก็บเนื้อเก็บตัวพวกเขาก็คือ ข่าวจากแดนทหารที่รู้มาโดยอาศัยความสัมพันธ์ทางครอบครัว ว่าด้วยการหายตัวไปของฉินมั่ว  ซึ่งคนจากเบื้องบนพยายามควานหาชายหนุ่ม ทว่าไม่มีข้อมูลอื่นๆ อีก กระทั่งคนที่เล่าข่าวนี้เองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเรื่องของฉินมั่วถูกเก็บเป็นความลับระดับสูง

เฟิงอี้วางโทรศัพท์ในมือลง เขาจะบอกพวกสมาชิกในทีมที่รอคอยการกลับมาของฉินมั่วได้อย่างไรว่า หัวหน้าของพวกเขากลับมาไม่ได้อีกแล้ว…

“ผู้จัดการคะ” ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเป็นกังวลต่อสีหน้าเฟิงอี้ เธออยู่ในคลับแห่งนี้มานาน แต่ไม่เคยเห็นผู้เป็นรองประธานในสภาพนี้มาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน เขาไม่เคยให้คนอื่นรู้สึกถึงภาวะอันตรายของทีม แม้การแข่งขันจะสิ้นสุดลงแล้ว เขายังคงรักษารอยยิ้มจิ้งจอกไว้บนหน้าพูดคุยธุรกิจได้ดังเดิม แต่หนนี้เขากลับถอดแว่นตาออก คงเพราะอ่อนล้าเหลือเกิน เสียงยังพลอยแหบแห้งไปด้วย “ไปเตรียมสคริปต์เถอะ”

“ต้องทำอย่างนี้จริงๆ เหรอคะ?” ผู้ช่วยเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ไม่มีโอกาสแก้ไขหรือ”

เฟิงอี้หันมามอง นวดบริเวณหัวคิ้ว แต่ไม่ตอบอะไร

ผู้ช่วยพูดต่อ “อันที่จริงฉันก็เคยโกรธแบล็กพีชนะคะ เพราะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงไม่กลัวอะไรเอาเสียเลย ไม่กลัวกระทั่งแฟนคลับ เขาถือสิทธิ์ทำอะไรถึงทำแบบนั้น ต่อมาฉันก็เข้าใจ เขาไม่ได้ทำผิดอะไร อีสปอร์ตก็คืออีสปอร์ต ถ้าไม่ใช่ว่าเขาแข่งแบบไม่กลัวต่อสิ่งใด ทีมไดมอนด์คงหยุดอยู่แค่การแข่งระดับมณฑลเท่านั้น เหตุเกิดเพราะคนนอกวงการหวังมากเกินไป ถือว่าการชอบไอดอลสักคน ก็ต้องทำตัวเหมือนอย่างที่เราคิด นั่นต่างหากที่เป็นปัญหา”

เฟิงอี้หันหน้ามาจุดบุหรี่ “สายไปแล้ว” หลังจากที่เกิดเรื่องนั้นขึ้น ไม่มีใครกลับมาได้อีก หลายๆ คนบอกว่าแฟนคลับเสียใจ พวกเขาอาจไม่รู้ว่าในฐานะที่เป็นไอดอล เจ้าตัวเสียใจยิ่งกว่า

ทว่าในเวลานี้ กลับมีคลิปหนึ่งปรากฏในเวยป๋อ เหล่านักข่าวต่างตะลึงต่อยอดแชร์ที่สูงมากอลังการ จนใกล้จะเป็นกระแสร้อนแรง

เฟิงอี้ยังคิดว่าจะทำอย่างไรให้โคโค่หลุดพ้นจากวังวนคำวิจารณ์ แล้วไม่โดนคนอื่นมาแอบแฝงขอเกาะกระแส จึงไม่ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์

ทว่าฝ่ายโฆษณากลับผลักประตูห้องประชุมเข้ามา มองดูเฟิงอี้ด้วยอาการหอบหายใจ “ผู้จัดการเฟิง ในเวยป๋อ เวยป๋อ…”

สีหน้าของเฟิงอี้ถึงกับเปลี่ยนไปในทันทีที่ได้ยิน นึกว่าเกิดอะไรขึ้นในเวยป๋อ

ใครๆ ก็รู้ว่า เวลานี้ทีมไดมอนด์อยู่ในสถานการณ์อ่อนไหว นับตั้งแต่เรื่องที่แบล็กพีชเป็นผู้หญิงถูกแฉออกมา กระแสในโลกออนไลน์ก็ไม่เคยสงบ

หากมี…กระทั่งเฟิงอี้ยังไม่มั่นใจเลยว่า การแข่งระดับเอเชียในครั้งนี้ อาจจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่แข่งก็เป็นได้

…………………………………………….

1706-4 vs 1707 vs 1708-1

ตอนที่ 1706-4 เทพฉินดูแลน้องจิ่ว หวานจัง

ป๋อจิ่วจึงได้รับรู้ถึงจุมพิตที่ประทับบนหัวไหล่ตน จนเกิดความรู้สึกชาทั่วตัว ตามมาด้วยกัดเบาๆ ส่งผลให้หัวใจเต้นรัว สมองพลอยว่างโพลน

อุณหภูมิในห้องทวีขึ้นเรื่อย จนเมื่อเปียกน้ำไปทั้งตัว ป๋อจิ่วถึงได้รู้ว่าเขาอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ เขายังจูบเธออยู่ ชายหนุ่มแย้มเรียวปากราวกับพึงพอใจต่อปฏิกิริยาของเธอ จนเมื่อเธอหมดแรง ต้องอิงร่างเขา ซึ่งนอกจากจูบแล้ว ชายหนุ่มไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้

ทว่าความวาบหวามที่นิ้วของชายหนุ่มสรรสร้าง ทำให้ป๋อจิ่วตัวสั่นหน่อยๆ

แต่เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาหยุดทำไม โดยเฉพาะตอนที่เขาคว้าเอวเธอหมับ แต่กลับกัดที่ไหล่เธอเท่านั้น จากนั้นลมหายใจของเขาก็จางลง รวมถึงผ้าขนหนูที่เขาดึงมา “เมื่อก่อนเราก็ทำแบบนี้กันหรือ?”

หยดน้ำยังคงไหลจากเส้นผมสีดำของเขา ลงมาสู่แอ่งชีพจรของเธอ จนเมื่อป๋อจิ่วที่ถูกผ้าเช็ดตัวพันตอบรับ ความร้อนฉ่าบนร่างคลายลง

ฉินมั่วยิ้ม แต่ไม่เลยไปถึงสีหน้า “ใช่ไหม?”

ป๋อจิ่วคิดว่าเขาไม่น่าจะแสดงปฏิกิริยาดังกล่าวออกมา กำลังจะเอ่ย ทว่าชายหนุ่มกลับช้อนสายตาขึ้นมาก่อน ความร้ายกาจล้นออกมาทางหางตา “ตอนแรกก็คิดว่าป๋าชอบแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของเธอไม่อยู่ในสภาพที่พร้อม ไม่งั้น…”

ฉินมั่วก้มตัวลง ฟันขาวๆ งับบนใบหูเธอ ลมหายใจร้อนระอุ ทว่านัยน์ตากลับไม่เหลือความอบอุ่น “จะทำอะไรยังไงก็ได้”

ป๋อจิ่วไม่ตอบ เพราะเสียงเคาะประตูดังขึ้น สถานที่แบบนี้ ระบบกันเสียงย่อมไม่ดี แม้เสียงดังกล่าวจะถูกประตูกันไว้ถึงสองชั้น ก็ยังได้ยินอยู่ดี ซึ่งเป็นเสียงจากเฮียเจ้าของโรงแรมนั่นเอง “อาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณลูกค้าตื่นแล้ว รบกวนมารับที่หน้าประตูด้วยนะครับ”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วถึงกับเลิกคิ้ว “ที่แบบนี้มีอาหารเช้าให้ด้วย?” ใช่ว่าเธอจะไม่เคยพักในโรงแรมเล็กๆ แบบนี้ อุตส่าห์มีน้ำร้อนให้ก็เลิศแล้ว แต่นี่ยังมีอาหารเช้า แถมเจ้าของโรงแรมยังมาเสิร์ฟเองอีกต่างหาก

น้องจิ่วที่แสนจะใสซื่อ จะไปรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อคืนเฮียเขาโดนท่านเทพเขย่าขวัญเข้าให้ อย่าว่าแต่อาหารเช้า กระทั่งอาหารชาวฮั่นและแมนจูที่จัดวางในงานเลี้ยงอย่างมากมายขนาดที่กินกันสามวัน ก็ยังทำให้ได้

“ฉันไปเอาเอง”

ผัวะ! ฉินมั่วเปิดประตูห้องน้ำ ก่อนจะโยนเสื้อผ้าเข้ามาให้สองตัว จากนั้นจึงสวมกางเกงสีดำ ทุกกิริยาของเขาล้วนแต่เท่มาก ทั้งฉับไวและแสนสง่า ซึ่งหากเทียบกับฉินมั่วในยามปกติ เรียกว่าต่างกันเลยทีเดียว

ในระหว่างที่เปิดประตู เฮียที่อยู่นอกประตูก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ มือที่แบกถาดอาหารที่ทำจากเนื้อไม้ถึงกับสั่นเทา

เฮียขอยอมรับว่า ตนเองไม่เคยเห็นหนุ่มหล่อลากดินเช่นนี้มาก่อน โดยเฉพาะตอนที่หยดน้ำไหลจากเส้นผมของชายหนุ่มด้วย สภาพเช่นนี้แหละ ถึงได้เหมือนกับพวกจอมมารในการ์ตูนอย่างไรล่ะ แววตาของชายหนุ่มที่เย็นจนแทบจะจับเป็นน้ำแข็ง และดูเหมือนเจ้าตัวจะอารมณ์ไม่ดี

น่าไม่หรอกมั้ง

เขาคงไม่โดนไพ่ปักมือเหมือนเมื่อวานหรอกนะ?

 “ไปได้แล้ว” เวลาที่ของเล่นไม่ได้อยู่ด้วย ฉินมั่วก็ไม่แคร์ที่จะปล่อยความเหี้ยมออกมาทางสีหน้า     ส่งผลให้เฮียตัวสั่นเทา รีบส่งถาดอาหารให้อีกฝ่ายโดยไม่พูดพล่ำทำเพลง แล้วเดินจากไปทันที

เวลานี้เขาอดนับถือเด็กคนที่พยุงชายหนุ่มเข้ามาในโรงแรมไม่ได้ จะว่าไป ตอนนั้นเด็กคนนั้นทำท่าเหมือนกับว่า เพื่อนที่พามาอ่อนแอหนักหนาสาหัสสากรรจ์ ชนิดที่หากมีอะไรมาชน ชายหนุ่มก็จะเจ็บปวดมหันต์ เล่นเอาเฮียเข้าใจว่าอีกฝ่ายบอบบางราวกับแจกันดอกไม้ที่แพงระยับ แต่หมอนี้เหมือนแจกันดอกไม้ที่ตรงไหนไม่ทราบ เป็นจอมมารชัดๆ!

แต่เจ้าเด็กนี้กลับทำอย่างกับว่า หมอนี่เป็นเจ้าชายที่เปราะบาง เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวะ…

……………………………………………..

ตอนที่ 1707

อาหารเช้ามื้อนี้มากมายเป็นพิเศษ ทั้งขนมปัง ผลไม้ และนม ล้วนแต่สดใหม่

ป๋อจิ่วถือแก้วนม มองดูท่านเทพที่นั่งตรงข้าม ที่นี่ไม่น่าจะอำนวยความสะดวกให้ถึงขนาดมีอาหารแบบฝรั่งให้

แสงอาทิตย์กำลังดี แม้ว่าคนหนึ่งจะนั่งอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังยืน ต่างกินอาหารของตัวเองไป มุมปากก็ยังฉายแววหวาน ช่างเป็นชีวิตที่เรียบง่าย คงเพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จักพวกเธอ ดังนั้นจึงไม่ต้องปลอมตัว แถมยังเป็นธรรมชาติได้สบาย ๆ

ฉินมั่วเปลือยท่อนบน ยืนอิงตรงนั้น ทว่าขาทั้งสองกลับยาวมาก จึงดูหล่อเป็นพิศษ แถมความสง่าจากเจ้าตัว

แค่เห็นก็เป็นสุขแล้ว เขาฉีกขนมปังแต้มแยมแล้วป้อนให้อีกคน คนบางคนก็รู้สึกว่าอร่อยมาก เขาถึงได้ลองบ้าง

ป๋อจิ่วไม่คิดเลยว่า ตัวเองจะกลายเป็นหนูทดลองอาหารให้ท่านเทพ เธอกินคำโตจนแก้มพอง

กิน เป็นเรื่องที่ทำให้คนมีความสุขที่สุด

แล้วฉินมั่วได้พบว่า ไม่ว่าจะป้อนอะไรให้เธอ เธอก็รู้สึกอร่อยไปหมด กระทั่งชายหนุ่มยังไม่รู้สึกตัวว่า มุมปากของตนกำลังแยกยิ้ม

ฉินมั่วที่ไม่ได้อยากอาหารสักเท่าไร กลับกินเข้าไปไม่น้อย เขาหาข้อดีอีกข้อของของเล่นชิ้นนี้เจอแล้ว มองแล้วเจริญอาหารดี

วิธีการกินแบบนี้ ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก็สิ้นสุด ป๋อจิ่วดื่มนมจนหมด จึงคว้าไดร์เป่าผมแล้วกดร่างฉินมั่วที่จะลุกขึ้น

ฉินมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร ก็รู้สึกถึงลมร้อนบนศีรษะ แถมด้วยนิ้วมือของยัยคนนี้ที่กำลังแหวกเส้นผมเขา ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเธอจะทำอะไร ชายหนุ่มนั่งพิงเช่นนั้น สายตาปะทะกับเสื้อสเวตเตอร์ที่หลวมๆ บนร่างเธอ กลิ่นสะอาดสดชื่นจากการอาบน้ำ ลอยมาตามลมจากไดร์เป่าผมอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงอาทิตย์กำลังดี หรือว่าแรงของเธอกำลังเหมาะ ทำเธอขยับข้อมือไปเรื่อยๆ ฉินมั่วจึงไม่อยากผลักอีกฝ่ายออก ประกายแสงพาดผ่านนัยน์ตา

สีหน้าของป๋อจิ่วเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นท่านเทพว่าง่ายเช่นนี้ มันไม่ง่ายเลยนะ

ฉินมั่วไม่คุ้นต่อการที่ถูกคนอื่นยุงกับผมตัวเอง จึงขมวดคิ้ว เบือนหน้าหล่อๆ ออกไป

“อย่าหลบสิ” ป๋อจิ่วกดร่างเขาอีกครั้ง ยิ้มขึ้น “เมื่อก่อนพี่ออกจะชอบให้ฉันเป่าผมให้นี่ สระผมทีไรต้องเข้ามาอ้อนให้ฉันเป่าผมให้ทุกที”

ฉินมั่วได้ยินแล้ว แววตาขรึมทันที ไม่แฮปปี้หรอก แต่ไม่มีท่าทางโกรธอะไร แค่เขาไม่ชอบให้เธอพูดเรื่องอดีต เพราะมันรู้สึกว่าเขาในตอนนี้ไม่มีตัวตน จากนั้น ฉินมั่วก็คว้าข้อมือเธอ ก้มจูบปลายนิ้วด้วยสัมผัสที่แผ่วเบา ทั้งยังดูเจ้าเล่ไปทั้งร่าง “ป๋าของฉันนี่เก่งจริง ๆ” ชายหนุ่มพูดจบก็ลุกขึ้น แล้วยื้อเอาไดร์มาไว้ในมือ ก่อนจะโยนเข้าไปในห้องน้ำ ไม่แคร์ว่ามันจะพังหรือไม่

ป๋อจิ่วเองสังเกตเห็นความอ่อนโยนที่หายไปจากแววตาที่เย็นชาขึ้นของเขา ทว่าสีหน้าเขากลับไม่แสดงปัญหาใดใด ทั้งยังโอบให้เธอเข้าหา “ได้เวลาแล้ว อย่าเสียเวลาไปกับเรื่องเล็กๆ อย่างนี้เลย ฉันสงสัยว่าเมื่อก่อนฉันเป็นคนยังไงกันแน่ พาฉันไปที่ที่คุ้นเคย ก็น่าจะช่วยฟื้นความทรงจำได้ ฉันรู้สึกสนใจเมืองเจียงเฉิงที่เธอพูดขึ้นมาแล้วล่ะ”

ควรจะต้องบอกว่า เขาอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอในอดีตมากกว่า แววตาฉินมั่วแดงขึ้น แฝงแววอันตราย โดยความอันตรายที่ว่านี้ ไม่ชัดแจ้งนักหรอก มันซ่อนอยู่ในก้นบึ้งนัยน์ตา

…………………………………

ตอนที่ 1708-1 รอวันกลับคืนสู่ทีมไดมอนด์

ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของท่านเทพ ล้วนแต่อยู่ในสายตาของป๋อจิ่ว ตั้งแต่ที่ต่อต้านในตอนแรกจนมาถึงการเอ่ยถึงในตอนนี้ แววตานั่นไม่เหลือความอุณหภูมิใดเลย เธอแค่ไม่เปิดเผยออกมาเท่านั้น ขอเพียงท่านเทพอยากกลับเมืองเจียงเฉิง ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใดย่อมไม่เป็นไร

เหลืออีกไม่ถึงสามวันก็จะได้เวลาแข่งระดับเอเชียแล้ว เธอเคยเช็คกฎการแข่ง รวมถึงคู่แข่งที่ต้องเจอ

ทีมไดมอนด์ต้องการท่านเทพมาก กว่าจะมาถึงตรงนี้ไม่ง่ายเลยนะ เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว หากพลาดโอกาสที่จะได้ชัยชนะอีกครั้ง เพราะไม่อาจเข้าแข่งขันตามเวลาที่กำหนดได้ ทุกคนจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่

หากเทียบกับทีมที่เพิ่งเปิดตัว ทีมไดมอนด์ไม่อยู่ในวัยสดใสอีกแล้ว แถมในสนามแข่งขันยังไม่เคยขาดผู้เล่นที่ทั้งเยาว์วัยและเก่งฉกาจ

คนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบทีมหนึ่งๆ ตามที่ปากว่าจริงๆ หรอก การแข่งขันเพื่อคัดเลือกอย่างหฤโหด ถือเป็นหลักการพื้นฐานของวงการนี้ ไม่เพียงแต่ป๋อจิ่วที่เข้าใจ กระทั่งอวิ๋นหู หลินเฟิง เหราหรง หรือพวกนักกีฬาที่เล่นกันมานานล้วนแต่รู้ซึ้งเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอินอู๋เย่า ถึงปากจะบอกว่า อายุไม่ได้เป็นตัวรับประกันความเก่ง แต่ยังเข้าใจดีว่า นี่ไม่ใช่ยุครุ่งเรืองของตน

หลังจากที่แข่งในครั้งนี้เสร็จจะแข่งต่ออีกปีไหวไหม การเดินบนเส้นทางนี้ต่อไปหรือเปล่า ล้วนแต่เป็นชะตาที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ พวกเขาสู้ทีมที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่ได้ คนพวกนั้นทั้งอายุยังน้อย ทั้งยังมีความสามารถชนิดไร้ขีดจำกัด ดังนั้นป๋อจิ่วถึงต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะพาท่านเทพกลับมาให้ได้ เธอรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการ แม้ว่าเขาในตอนนี้จะลืมไปแล้ว ก็ไม่เป็นไร เธอจะช่วยให้เขาจำได้เอง

หากเทียบกับบริเวณชายแดนที่ไร้กฎหมายควบคุมอันล้าหลังแล้ว เมืองเจียงเฉิงที่เจริญรุ่งเรืองได้ทำประกาศการแข่งขันระดับเอเชียไปทั่ว ไม่ว่าจะในโลกออนไลน์หรือออฟไลน์ ขอเพียงแค่เป็นเกมเมอร์ก็ล้วนแต่รู้ว่า การแข่งขันระดับเอเชียที่น่าตื่นตาตื่นใจ จะถูกจัดในเมืองเจียงเฉิง

ไฟในคลับตระกูลฉินสว่างทั้งคืน เหยาเย่าเองก็ทำราวกับอาศัยในอินเทอร์เน็ตบาร์ไปเสียแล้ว พนักงานส่งอาหารเดลิเวอร์ลี่ส่งอาหารที่อินเทอร์เน็ตบาร์ตลอด  อาหารชุดราดข้าวราคาเพียงสิบหยวน แต่มีกับข้าวหลายประเภทเช่น เนื้อผัดพริกไทยดำ หมูผัดพริกหยวก ผัดสามสหาย[1]เป็นต้น ลูกค้าในช่วงกลางวันมีไม่ค่อยเยอะ จนเมื่อถึงตอนกลางคืนที่ล้วนแต่มาเล่นแบบไม่หลับไม่นอน ก็จะสั่งมาทานกันตอนเที่ยงคืน

เมื่อก่อนเหยาเย่าลดความอ้วน จึงไม่กินอาหารมื้อเย็น แต่ตอนนี้เพื่อให้ตัวเองคุ้นเคยกับสนามแข่ง เธอฝึกเล่นมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า เวลาหิวก็สั่งมากินชุดหนึ่งเหมือนคนอื่นๆ ในร้าน ตอนนี้เธอพอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ทั้งยังมีแฟนคลับในโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน อินอู๋เย่าจึงเตรียมหมวกให้เธอใบหนึ่งเป็นพิเศษ เฟิงซ่างที่นั่งอยู่ข้างเธอก็พลอยสวมหมวกไว้เช่นกัน

ตอนแรกโคโค่กะจะมาขอข้าวกิน จึงแปลงโฉมตัวเองตรงหน้ากระจกเต็มที่ หลังจากเสร็จสิ้น หนุ่มน้อยน่ารักสายแมวเหมียวก็ค่อยๆ เดินผ่านเหล่าแฟนคลับสาวๆ ที่รอตนเองใต้ตึกถึงสิบกว่าคนออกมาจนสำเร็จ แววตาเจ้าตัวก็ถึงกับยิ้มแย้ม หยิบมือถือมาส่งข้อความเสียงให้อินอู๋เย่า “เฮีย ฉันอยากเล่ามาก ฉันโคตรจะเก่งเลย ไม่มีใครจำได้สักคน เดี๋ยวจะถึงแล้วนะ!”

ส่วนเฮียคาบบุหรี่ไว้ในปาก กดข้อความเสียงฟังก็เงยหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ว่าอะไร คนอย่างโคโค่ ต่อให้แปลงโฉมอย่างไร คนเขาย่อมจำได้อยู่ดี แต่ก็จนใจ เพราะโคโค่ไม่เคยรู้ถึงปัญหาที่ว่า เอาแต่ดีอกดีใจแสดงท่าทีน่ารักออกมา เขาปิดกระทั่งดวงตาตัวเอง แต่ดันลืมถอดหูกระต่ายขนนุ่ม

ก็ใกล้จะถึงวันคริสมาตร์แล้วนี่นะ ในฐานะที่เป็นผู้ชายติดบ้าน เขาย่อมอยากรู้อยากเห็นต่อทุกเรื่อง

…………………………………………….

[1] ผัดสามสหายประกอบไปด้วยพริก มันฝรั่ง และมะเขือยาว

1706-1 vs 1706-2 vs 1706-3

ตอนที่ 1706-1 เทพฉินดูแลน้องจิ่ว หวานจัง

ฉินมั่วแนบรอยจูบบนต้นคอของเธอในทันทีที่พูดจบ แต่ละครั้งจูบที่ว่าก็ให้ความรู้เย็นนิดๆ กระทั่งหลังจากที่อุณหภูมิของเขากลับมาเป็นปกติ ผิวก็ขาวเนียนเหมือนเนื้อหยก ทั้งยังแนบชิดเธอชนิดไม่เหลือช่องว่าง แต่ไม่ได้ลุกหน้าไปมากกว่านี้

ความมืดจากก้นบึ้งนัยน์ตาทำให้เขาดูร้ายกาจมาก “พวกเรามาเปลี่ยนวิธีทำให้เหงื่อออกกันไหม”

ป๋อจิ่วมองเขาด้วยสติที่หลุดลอย ขนตาสั่นเล็กน้อย ลมหายใจร้อนลุ่มขึ้นเรื่อยๆ

ฉินมั่วอุ้มอีกฝ่ายขึ้นด้วยแววตาหนักอึ้ง ทุกจุดที่นิ้วของเขาพาดผ่าน ล้วนแต่ทำให้ป๋อจิ่วต้องแอ่นตัวชนิดที่ข่มไม่อยู่

เพียงเพื่อให้เหงื่อออกดั่งที่ชายหนุ่มพูดไว้นั่นแหละ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รุกคืบ เมื่อทำจนเจ้าหล่อนแดงเถือกไปทั้งใบหน้าและใบหู เขาก็หัวเราะเบาๆ ข้างหูเธอ ก่อนจะละเลียดกลีบปากของเธออย่างแผ่วเบา  จนกระทั่งความง่วงเริ่มมาเยือน ป๋อจิ่วเบือนหน้าไปก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ส่วนฉินมั่วมองดูคนที่หลับในอ้อมกอดตัวเอง นัยน์ตาคู่ดำที่เคร่งเครียดขึ้น

ช่างเถอะ! ใช่ว่าจะรีบหนีไป เพราะจะไปที่ไหนก็เหมือนกันอยู่ดี รอจนเบื่อแล้วค่อยไปก็ได้

“ป๋าของฉัน เธอจะทำให้ฉันสนุกได้นานสักเท่าไรกันนะ?” ฉินมั่วหัวเราะ จับเส้นนผมของเธอ มุมปากแยกยิ้มเป็นวงกว้าง

ใช่ว่าจะไม่มีอะไรน่าสน อย่างน้อยยัยเด็กนี่ก็หอมดี แถมเวลาอุ้มก็ให้ความสัมผัสที่นุ่มละมุน ทำให้คนอุ่นไปทั้งตัว ต่างไปจากกลิ่นไอเย็นยะเยือกบนตัวเขา

ฉินมั่วเลิกคิ้ว ก่อนจะกดคางลงบนศีรษะอีกฝ่าย แล้วกอดเธอด้วยมือข้างเดียว พลางสำรวจคนในอ้อมกอด

ป่วยขนาดนี้ น่าจะสู้ไม่ไหว

แต่ฉินมั่วรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สภาพที่แท้จริงของเธอ เพราะไม่มีใครหรอกที่กล้าสู้กับสปีดโบ้ทกว่าสิบลำ ทั้งยังกดไฟแช็กระเบิดตามคำพูดที่ลั่นไว้ ด้วยท่าทีที่เท่อีกต่างหาก

คนแบบนี้จะว่าง่ายแบบนี้ น่าจะหาได้น้อยมาก

ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง เวลานี้ป๋อจิ่วเป็นเด็กดีจะตาย เวลาสงบเสงี่ยมก็ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าชายน้อย กระทั่งเส้นผมสีดำยังปรกลงมาปิดหูและตา เหลือเพียงคางได้รูปที่ขาวเนียน

ฉินมั่วจ้องอยู่นาน ก่อนจะหันไปจูบศีรษะเธอ จากนั้นพลันชะงักขึ้น คิ้วของชายหนุ่มขมวดมุ่น ความเย็นชาค่อยๆ กระจายออกมา

ไม่มีใครรู้ว่าฉินมั่วคิดอะไรอยู่

ความมืดนอกหน้าต่างค่อยๆ คืบคลาน ด้วยเหตุที่ยังไม่มาเยือนเต็มที่ ทำให้ดวงดาวสวยเหลือเกิน ส่งผลให้คนง่วงนอนได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อได้กอดใครบางคน ยิ่งทำให้ไม่รู้สึกหนาว

ทว่าอุณหภูมิของคนในอ้อมกอดกลับทวีขึ้นเมื่อมาถึงตอนเที่ยงคืน ตัวเธอร้อนจัดจนทำให้ฉินมั่วที่หลับไปแล้วถึงกับสะดุ้งตื่น

ฉินมั่วทาบมือบนหน้าผากป๋อจิ่วทันที หลังจากที่สัมผัสได้ถึงความร้อนสูงที่เกิดขึ้นนัยน์ตาเขาก็เคร่งเครียด จึงลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินออกไปทั้งๆ ที่เปลือยท่อนบน และไม่ได้สวมเสื้อคลุม

เวลานั้นท้องฟ้ามืดมิด เจ้าของโรงแรมเป็นคนท้องถิ่น กำลังดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ อยู่ข้างล่าง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แยกย้ายไปไหน

ฉินมั่วไม่หยุดพัก เดินไปหา “คุณมีแอลกอฮอล์ไหม?”

เจ้าของโรงแรมมองหน้าฉินมั่ว ดื่มเหล้าโดยไม่ยอมตอบ พูดเล่นกับเพื่อนต่อไป และในขณะที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบถั่วลิสงเข้าปาก ก็ได้ยินเสียง ‘ปั๊ก!’

…………………………………………….

ตอนที่ 1706-2 เทพฉินดูแลน้องจิ่ว หวานจัง

ไพ่ใบหนึ่งปักเข้าที่หลังมือเฮียอย่างจัง เลือดไหลออกมา แม้จะไม่มาก แต่เจ็บพอจะทำให้เฮียหน้าถอดสี ซึ่งคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามลุกพรวดขึ้น กะจะทุบหัวฉินมั่วให้หมอบ แต่แค่เงื้อง่าขวดเหล้าขึ้น ก็ถูกชายหนุ่มคว้าข้อมือไว้ เพียงออกแรงบิดนิดเดียว “เพล้ง!” ขวดเหล้าร่วงลงพื้น เล่นเอาคนทั้งสามถึงกับหน้าถอดสี โดยเฉพาะเฮียเจ้าของโรงแรมที่มองดูมือตัวเองด้วยแววตาหวั่นไหว

ฉินมั่วค้ำมือที่พนักเก้าอี้ ยิ้มเล็กน้อย เสียงดังขึ้นข้างหูอีกฝ่ายราวกับเป็นจอมมารแสนสง่า “มีแอลกอฮอล์ไหม?”

“มี มีจ้า” เฮียกุมมือตัวเอง “เดี๋ยวไปเอามาให้นะจ๊ะ”

ฉินมั่วยิ้มอย่างยินดี “ขอบคุณ” ทำให้เฮียได้ยินแล้วถึงกับสั่นเทาไปทั้งตัว ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ ตอนแรกเห็นว่าไม่ใช่ชายหนุ่มคนพื้นที่ เฮียจึงไม่ใส่ใจ ตอนนี้เฮียไม่กล้าละเลยอีกต่อไป

ผู้ชายที่เหมือนจอมมารคนนี้ ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเมื่อตอนที่เด็กคนนั้นพยุงขึ้นห้องเลยนี่นา ทั้งๆ ที่ยิ้มอยู่แท้ๆ แต่กลับทำให้คนหนาวจับสั่น ยอมฟังคำสั่งแต่โดยดี

ทั้งนี้นอกจากแอลกอฮอล์แล้ว ฉินมั่วยังยกน้ำร้อนขึ้นชั้นบนอีกด้วย ก่อนจะจากไป เขาทิ้งคำพูดเพียง “ข้างบนมีคนป่วย ต้องการพักผ่อนเงียบๆ ฉะนั้นอะไรที่ไม่จำเป็นก็อย่าทำเลย”

เฮียตกตะลึง รับคำลนลาน “ครับ” ความเจ็บบนหลังมือไม่ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด ส่วนคนเดียวที่เหลือซึ่งไม่บาดเจ็บรีบเข้ามาหา “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ท่าทางก็สุภาพดีหรอก แต่ทำไมใช้ไพ่ทำร้ายคนเป็น?”

“จะไปรู้ได้ไงวะ” ถ้ารู้จะหาเรื่องเสี่ยงตายเรอะ?

ทางด้านฉินมั่วยกน้ำร้อนเข้าไปในห้อง ใช้ขายาวเกี่ยวประตูให้เปิดออก อันที่จริงต่อให้เปลือยท่อนบน ชายหนุ่มก็ยังดูไม่เหมือนคนอื่น เพราะบารมีประจำตัวไม่เคยจางหาย แต่เพราะแววตาที่ไม่เหมือนใคร อันกลมกลืนไปกับบรรยากาศอันมืดมิด

ชายหนุ่มมองดูป๋อจิ่วที่นอนบนเตียงแวบหนึ่ง แล้วหยิบผ้าขนหนูมาชุบน้ำร้อน วางบนหน้าผากขาวสะอาดของเธอ

ปรอทวัดไข้ที่นี่ไม่สะอาด แม้ว่าเฮียเจ้าของโรงแรมจะมี แต่ฉินมั่วก็ไม่เอา ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ซื้ออมยิ้มที่ชั้นวางขนมขบเคี้ยวตรงเคาเตอร์มาด้วย อาจเป็นเพราะตอนนั้นเขารอน้ำร้อน รู้สึกเบื่อเลยซื้อมาถือเล่นๆ ตอนนี้เขาแกะถุงห่อของมันออก แล้วแตะอมยิ้มลงบนเรียวปากเธอ

ฉินมั่วเห็นป๋อจิ่วไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ก็ก้มลงไปแยกเรียวปากเธอด้วยปากตัวเอง ก่อนจะถอนตัวออกมา ให้เธองับอมยิ้มในมือเขาแทน

คงเพราะเธอได้รับรสหวานในปาก จึงเห็นริมฝีปากบางๆ ของเธอขยับ ไม่ขมวดคิ้วด้วยความทรมานเหมือนเมื่อครู่อีก

ฉินมั่วรู้สึกว่าตนเองไม่ชอบเห็นเวลาที่เจ้าเด็กคนนี้ไม่มีความสุข ในเมื่อได้ของเล่นมาแล้ว ก็ต้องทำให้มันดูสวย

ฉินมั่วดึงมือป๋อจิ่วออกมา แล้วใช้คอตตอนบัดแตะแอลกอฮอล์มาถูตามข้อต่อให้เธอ ไม่เพียงแค่ที่มือ ยังรวมถึง เข่า แอ่งชีพจร ท้องน้อย…

ป๋อจิ่วนอนไม่สงบนักด้วยภาวะทรมานจากอาการไข้ขึ้น เมื่อได้รับสัมผัสที่เย็นสบาย ก็อดลืมตาขึ้นมาไม่ได้

 …………………………………………….

ตอนที่ 1706-3 เทพฉินดูแลน้องจิ่ว หวานจัง

เสี้ยวหน้าขาวหล่อภายใต้แสงไฟปรากฏอยู่ในดวงตาเป็นสิ่งแรก ชายหนุ่มกำลังก้มศีรษะ แววตาเขาเหมือนจะมีเพียงแค่เธอ

ในขณะที่กำลังเช็ดไปถึงเรียวขา ซึ่งหากเธอไม่ตื่นยังพอว่า แต่เมื่อตื่น ประสาทสัมผัสก็กลับมา ความวาบหวามเข้ามาเยือนเป็นระลอกๆ รวมถึงนัยน์ตาลุ่มลึกคู่นั้น ร่างของเธออ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำในสระ ความอ่อนนุ่มกระจายไปทั่ว ลามไปถึงดวงตาอีกต่างหาก

ฉินมั่วมองดูหน้าแดงเรื่อและแววตาหยาดเยิ้มของป๋อจิ่ว ถึงกับชะงักมือ ก่อนจะบุกจู่โจมด้วยการจูบลงบนแอ่งชีพจรของเธอ อันต่างไปจากเมื่อก่อน นิ้วของเขายังคงเกาะอยู่ที่เดิม แล้วเลื่อนลงไป ความนุ่มหยุ่นที่สัมผัสได้ รวมถึงความอวบที่แนบเนื้อ ทำให้ลมหายใจของเขาเริ่มไม่ปกติ ทว่าเขาเก็บกลั้นไว้ได้ แม้ว่าการอดทนเช่นนี้จะทำให้เขาดูแปลกไป แต่ในฐานะที่เป็นนักจิตวิทยาด้านอาชญากรรม เขาจะลงมือกับของเล่นตัวเองได้ไง

ในเมื่อเป็นของเล่นที่ใช้เล่นสนุกได้ ทิ้งได้ ดังนั้นจะเดินหน้าให้ถึงที่สุดไม่ได้หรอก

ฉินมั่วหยุดทันทีที่มาถึงจุดสำคัญ มองดูใฝเสน่ห์ใต้ตาเธอที่เปล่งประกาย จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “ป๋าเนี่ย ชอบทำให้คนหลงเสน่ห์แบบไม่ตั้งตัวอยู่เรื่อยเลย”

ป๋อจิ่วรู้ตัวเช่นกันว่าชายหนุ่มไม่อยากแตะต้องเธอ แต่ร่างกายหนาวเย็นมาก สติก็เช่นกัน เธอหลับลงท่ามกลางความหนักอึ้ง

ไม่รู้ว่านานเท่าไร ดูเหมือนเธอจะถูกกอดอีกแล้ว ทั้งยังได้ยินเสียงลอยมาในบางครั้ง เสียงที่ดูเหมือนจะแฝงความยโส “เป็นถึงขั้นนี้แล้ว อุณหภูมิยังไม่ลดลงเลย ป๋าเอ๊ย เธอดีขึ้นสักทีเถอะ เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันต้องปรนนิบัติคนอื่นแบบนี้”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วแอบขำ มีใครบ้างที่บีบบังคับให้คนป่วยหายไข้ อีกอย่าง ท่านเทพ อันที่จริงพี่ต้องพูดว่า คุณชายอย่างฉัน ไม่ใช่เหรอ?

ไม่รู้ว่าทำไม ป๋อจิ่วถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กเลยทีเดียว คงเพราะอ้อมกอดของชายหนุ่มให้ความสบายเหลือเกิน

เมื่อมาถึงตีสาม ด้านหลังของเธอจึงชุ่มไปด้วยเหงื่อ เรียวขาเริ่มกระดิก ไม่ขยับเขยื้อนมากไปกว่านี้ ชายหนุ่มจึงจับร่างเธอไว้ “เป็นอะไรไป?”

“ร้อน” ป๋อจิ่วเอ่ย พลางจะเลิกผ้าห่มออก แต่ฉินมั่วกลับเอามาพันร่างเธอไว้ไม่ให้ขยับ เอ่ยเพียงว่า “นอนซะ” ทว่ายังคงร้อนอยู่ดี มีเพียงวิธีเดียวที่เธอคิดออก นั่นคือดึงความเย็นจากร่างเขา

ฉินมั่วมองดูใบหน้าที่แนบแผ่นอกตัวเองด้วยแววตาหนักอึ้ง กำมือแน่นอีกครั้ง

คืนนั้นผ่านไปด้วยประการฉะนี้ รอจนยัยเด็กนี่นิ่ง เส้นผมบนหน้าผากก็เปียกชื้นจนแนบหน้า ฝ่ายฉินมั่วเลิกคิ้ว เช็คอุณหภูมิบนหน้าผากเธอก็พบว่า ไม่ถึงขั้นร้อนฉ่าแล้ว เยี่ยมมาก! เพราะเขาไม่อยากให้ของเล่นของเขาอยู่ในสภาพป่วยอ่อนแอ

จนเกือบตีสี่ครึ่งเห็นจะได้ ป๋อจิ่วถึงได้หลับสนิท

เมื่อตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าด้านนอกก็สว่างโล่ แสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างมาโดนหน้าเธอ พอหันศีรษะไปก็ได้เห็นใบหน้าหลับที่ทำให้คนหลงใหล

ทุกครั้งที่ท่านเทพนอนหลับสนิท ล้วนแต่ทำให้คนนึกถึงคำว่าสะอาดล้ำ ไม่ว่าจะเป็นตอนเด็กหรือตอนโต ป๋อจิ่วมองเรื่อยลงไปจนเห็นมือของเขาที่พาดเอวตน

เตียงตัวนี้แคบจริงๆ ทั้งสองจำเป็นต้องตะแคงตัวนอน และด้วยเหตุนี้เธอและเขาจึงอยู่ใกล้ชิดกันมาก ลมหายใจของเขาจึงตกกระทบใบหูเธอ จากนั้นบางสิ่งก็ดึงความสนใจจากเธอไป สิ่งที่แขวนบนคอเขา เหมือนของที่ตอนนั้น…

ป๋อจิ่วกำลังจะยื่นมือไปจับ แต่ถูกเขารั้งไว้เสียก่อน แล้วพลิกตัว ปล่อยลมหายใจออกมาด้วยแววตาถมึงทึง เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าที่ตรึงใจคน “ท่าทางป๋าจะไม่รู้ล่ะสิว่า ห้ามล้อเล่นกับผู้ชายในช่วงเช้า”

…………………………………………….

1703-4 vs 1704 vs 1705

ตอนที่ 1703-4

เพียงแตะไปได้นิดหน่อย เสียงเธอก็ดังเข้าหู “ยุ่งยาก ยังไงก็จูบกันมาตั้งหลายหนแล้ว”

ฉินมั่วฟังนิ่งๆ ไม่แสดงอะไรออกมา ความนุ่มพลันประทับบนริมฝีปาก ลมหายใจยังคงหอมหวานเหมือนเดิม กระทั่งน้ำที่ได้จากการจูบก็ยังหวานหน่อยๆ ชายหนุ่มเพียงขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ผลักคนที่กำลังแต๊ะอั๋งตัวเองออกไป

“ป้อนแค่นี้ น้อยไปไหม?” ป๋อจิ่วโน้มตัวมาหาด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วตัดสินใจก้มศีรษะเอาดื้อๆ

ด้วยเหตุนี้ ฉินมั่วจึงโดนจูบถึงสามครั้ง และเมื่อมาถึงครั้งที่สี่ ป๋อจิ่วก็รู้ถึงปัญหาหนึ่ง จึงถอดกางเกงชายหนุ่ม ไม่งั้นคงพาตัวไปนอนบนเตียงไม่ได้

แต่พอเธอก้มตัวจะดึงเข็มขัด นัยน์ตาที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆ ลืมขึ้น แววตานั่นลุ่มลึกเหลือเกิน กระทั่งเสียงก็ยังแหบต่ำน่าฟัง “คิดจะทำอะไรฉัน?”

ไม่รอให้ป๋อจิ่วพูดอะไร ฉินมั่วพลิกมือ กดตัวอีกฝ่ายไว้ใต้ร่างบนพื้น ในสภาพเปลือยท่อนบน ลมหายใจที่ตกกระทบร้อนหน่อยๆ “เสื้อผ้าของเธอชื้นกว่าของฉันอีก จะให้ฉันช่วยถอดให้เธอไหม”

ฉินมั่วพูดพลางแล้วล้วงมือซ้ายเข้าไปในเสื้อเธอ ก่อนจะลูบเนื้อนุ่มละมุนมือแก่เขา เรียวปากบางแย้มออก “ลองบอกฉันก็ได้นะว่า เมื่อก่อนเราสนิทกันแบบไหน”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมหายใจร้อนจัดหรือเพราะกิริยาของฉินมั่ว ทำให้ร่างของเธอพลอยร้อนลุ่มไปด้วย เรียวปากของเธอเริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง

ป๋อจิ่วคิดเช่นกันว่านี่ถือเป็นโอกาสดี จึงช้อนตามอง “เมื่อก่อนพี่เชื่อฟังฉันทุกคำ”

“เหรอ?” ฉินมั่วไม่หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ เลิกคิ้วเล็กน้อย

ป๋อจิ่วพูดเหมือนเป็นเรื่องจริง “ฉันให้พี่ไปทางทิศตะวันออก พี่จะไม่มีวันไปทิศตะวันตก พี่รักฉันมาก จนหาทางสารภาพกับฉันตั้งหลายวิธี”

“เรอะ?” ฉินมั่วหยุดมือ ราวกับกำลังครุ่นคิดในคำพูดของเธอ

ป๋อจิ่วจึงโอบรัดลำคอของเขาด้วยสีหน้ายิ้มๆ “มองหน้าฉันสิ พี่มั่วน่าจะรู้ว่ามีคนจีบฉันเยอะจะตาย พี่ถึงชอบกลัวบ่อยๆ แถมยังชอบหึงด้วย”

“เธอคิดว่าพอฉันสูญเสียความทรงจำแล้วจะสติสตังไม่ดีด้วยใช่ไหม หรือคิดว่าฉันไข้ขึ้นจนสมองพัง?” ฉินมั่วเชยคางอีกฝ่ายขึ้นอย่างใจเย็น “คนอย่างฉันเนี่ยนะ จะทำอย่างที่เธอพูด”

ป๋อจิ่วไม่แสดงอาการละอายจากการที่ถูกรู้เท่าทัน “ใช่”

ฉินมั่วมองใบหน้าที่อยู่ใกล้แค่คืบ อยู่ๆ ก็ดึงติ่งหูที่แดงเรื่อของเธอเข้ามาประชิดริมฝีปากตัวเอง เอ่ยเสียงร้ายกาจว่า “ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า งั้นฉันคงเป็นฝ่ายรุกมากสินะ เวลาอยู่บนเตียง”

ป๋อจิ่วจึงรู้ตัวว่ามือของเขาวางไว้ที่ตรงไหน รู้สึกทันทีว่าตัวเธอร้อนฉ่า ท่านเทพในเวลานี้ทำให้เธอรับมือไม่ไหวในบางด้าน ในระหว่างที่คิดเช่นนี้ ต้นคอของเธอก็ถูกกัด

“ดังนั้น ป๋า เธอชอบให้ฉันปรนนิบัติเธอยังไง” ฉินมั่วหัวเราะ แล้วก้มลงไปจูบบริเวณที่เขาเพิ่งกัดเธอ แววตาฉายความอันตราย

เพราะสิ่งที่เขาทำลงไป ไหล่ของจิ่วสั่นไหว เอวก็โก่งขึ้น ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง ชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

……………………………………………

ตอนที่ 1704

เธอปวดหัวหน่อยๆ กระทั่งลมหายใจยังร้อนผ่าว

ไม่รู้เพราะคำสั่งทางจิตถูกปลุกหรือเปล่า ท่านเทพถึงได้กระทำการรุกรานอย่างไร้ความกังวลใดใด กระทั่งจูบก็ยังเปลี่ยนไป แฝงความร้ายกาจและเย็นยะเยือก ซึ่งเธอหมดทางรับมือจริงๆ

ความวาบหวามที่ส่งทอดมาจากต้นคอ ทำให้ป๋อจิ่วไม่มีสติคิดใคร่ครวญ ความจั๊กกะจี้นิดๆ ที่เกิดขึ้น ยังแทรกมาด้วยความเจ็บหน่อยๆ ความรู้สึกเช่นนั้นราวกับเป็นสัมผัสแรกของเหยื่อที่โดนแวมไพร์กัด

หนังสือเล่มหนึ่งเคยบรรยายไว้ว่า เวลาที่เขาจูบเราบนต้นคอ เราจะสูญเสียความรู้สึกทุกอย่าง เหลือเพียงความสุขสบายแสนมหัศจรรย์ที่ทำให้เราดื่มด่ำ เราจะได้สัมผัสกับกลิ่นของเขาที่หวานฉ่ำจนคุณลุ่มหลงไปเรื่อยๆ คุณจะไม่มีวันลืมทิวทัศน์ที่เห็นในเวลานั้น มันเหมือบกับดาวตก ซึ่งคุณวาดหวังให้เขาคืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง

ป๋อจิ่วโอบรัดชายหนุ่ม ลำคองามระหงส์ของเธอแหงนหงาย ราวกับสาวน้อยพรหมจรรย์ที่ถูกบูชายันต์ต่อจอมมาร

แววตาของฉินมั่วมืดมน เรียปากบางเข้าไปใกล้ หมายจะล่วงเลยต่อไป แต่กลับพบว่าใบหน้าของเธอแดงจนผิดปกติ ตัวร้อนกว่าเขาเสียอีก แล้วทำไมมือของเธอจึงมีบาดแผลได้? แผลนั่นเหมือนถูกลวดหนามเกี่ยว แถมยังมีรอยเลือดหลงเหลือ หรือว่ามันเกิดขึ้นในตอนที่เธอลงรถไปหาน้ำมัน?

ยัยนี่โง่เป็นบ้า! บาดเจ็บถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะขับรถมาตลอดทางอีก

ฉินมั่วบอกไม่ถูกว่าเวลานั้นเขารู้สึกอย่างไร แววตาค่อยๆ คลายลง มีอะไรบางอย่างเอ่อล้นท่วมทรวงอก

ทั้งยังดูสลด แต่ไม่ถึงขั้นท้วมท้นหัวใจ

ทว่าร้อนเหลือเกิน ราวกับความร้อนถูกส่งผ่านมาจากร่างของเธอ โดยเฉพาะลมหายใจที่อยู่ใกล้เขามากนัก รวมถึงหัวใจที่เต้นรุนแรง

สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ผสมปนเปไป จนทำให้เขาไม่กล้าเดินหน้าต่อ เขาอยากจะร่วมรักกับเธออย่างรุนแรง แล้วทิ้งเจ้าหล่อนไป เพราะสิ่งที่ยัยนี่พูดเขาไม่เชื่อสักนิด เช่นเป็นป๋าเลี้ยงดูเขาทำนองนี้

ฉินมั่วเกลี่ยหน้าเธอด้วยนิ้วมือ เอ่ยเสียงเบา “ลุกขึ้น”

“หืม?” ป๋อจิ่วยังรู้สึกหนักหัว ฟังไม่ออกว่าเขากำลังพูดอะไร หรือเขาโกรธงั้นเหรอ? ทำไมถึงยังยิ้มมุมปาก แต่แววตาไร้ความอบอุ่น

ฉินมั่วมองเธอ ก้มลงช้อนตัวอุ้มขึ้นแล้วตรงไปยังห้องน้ำ จากนั้นจึงถอดเสื้อให้ ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ป๋อจิ่วต่อต้านไม่ทัน

ภายใต้แสงไฟ ร่างขาวโพลนของเธอดูยั่วยวน       ไม่ว่าจะเป็นแอ่งชีพจร หรือจะเป็นไหล่ทั้งสอง รวมถึงสิ่งที่แสดงถึงความเป็นสาวน้อย ล้วนแต่สวยงามจนยากจะละสายตา

แววตาของฉินมั่วหนักอึ้งทันทีที่เห็น กระทั่งนิ้วมือยังชะงักไปด้วย ราวกับกำลังกลั้นอะไรเอาไว้

พรึบ! เขาดึงผ้าขนหนูมาห่อตัวเธอไว้ แต่ยัยนี้กลับส่งยิ้ม “พี่มั่วเป็นอะไรอ่ะ?”

ฉินมั่วหันไปบีบคางเจ้าหล่อน “เธอไข้ขึ้น ไม่รู้ตัวหรือไง?”

สีหน้าที่ชะงักของเธอดูเหมือนจะตะลึง เพราะไม่ได้ระวังว่าตัวเองกำลังตัวร้อนอยู่ จึงพึมพำขึ้น “มิน่าล่ะ ถึงได้มึนหัวมาตั้งแต่นาน”

ฉินมั่วได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังควบคุมสีหน้าให้เหมือนเดิมไม่ได้ ตอนแรกที่จะใช้วิธีนี้ในการใกล้ชิดเธอ เพื่อจะบรรลุเป้าหมายตัวเอง แต่ชายหนุ่มกลับแบกเธอไปโยนลงบนเตียงไม้ แล้วก้มตัวตามมา ใบหน้าหล่อๆ อยู่ใกล้เธอเหลือเกิน เขาคุกเข่าอยู่ระหว่างขาของเธอ ดวงตาดำขลับไม่ปรากฏระลอกความเปลี่ยนแปลง “เธอโง่หรือเปล่า?”

……………………………………..

ตอนที่ 1705 เปลี่ยนวิธีหายใจ

เอาแต่เป็นห่วงคนอื่น แต่กลับไม่สนใจตัวเอง ฉินมั่วไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ของเธอ รวมถึงไม่ชอบอารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้นอันมาจากอิทธิพลจากตัวเธอ

ป๋อจิ่วมองเขา ราวกับพลันเข้าใจว่าทำไมเขาจึงเป็นเช่นนี้ จึงยื่นมือไปโอบเอวอีกฝ่าย ยิ้มให้นิดๆ “พี่มั่วเป็นห่วงฉันเหรอ”

แววตาของฉินมั่วตะลึง แต่ไม่หันไป นอกจากหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะจับผมเธอ อ่อยหน่อยๆ “เธอเป็นป๋าของฉันไม่ใช่เหรอ ก็ต้องเป็นห่วงสิ ไม่งั้นใครจะให้เงินฉันใช้”

“พี่คุ้นกับสถานะตัวเองจัง” ป๋อจิ่วไอพลางพูด ยิ้มที่มุมปากยังไม่คลายหายไป

ฉินมั่วกลับขมวดคิ้วขึ้น “เธอเป็นอะไร?” ถ้าแค่มีไข้ ก็ไม่น่าเป็นถึงขนาดนี้

“หืดหอบ” ป๋อจิ่วรู้สึกหายใจลำบากจริง ๆ

ฉินมั่วเห็นสภาพเธอเป็นเช่นนี้ ทรวงอกพลันทรมานขึ้นมาอย่างประหลาด ไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับเธอด้วยวัตถุประสงค์อะไร แต่ก็ไม่ชอบเห็นของเล่นของตัวเองอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้เช่นกัน “หายใจไม่ออกเหรอ”

“นิดหน่อย” ไม่ถึงขั้นรุนแรงหรอก ป๋อจิ่วย่อมรู้จักร่างกายตัวเองดี

ฉินมั่วรัดเอวเธอแล้วยกขึ้นมา “งั้นก็เปลี่ยนวิธีหายใจ”

“อะ…” ยังไม่ทันพูดออกมาหมด ชายหนุ่มก็ก้มลงจูบเธอ ราวกับกลิ่นมินต์ของบุหรี่จะลดอุณหภูมิให้เธอได้ แถมอากาศที่เข้าสู่ทรวงอกเธอ ยังสดชื่นจนทำให้โหยหา

จูบ ถือเป็นเรื่องที่ทำให้คนติดใจ โดยเฉพาะได้จูบกับท่านเทพ

เธอหายใจไม่ทรมานแล้ว โดยที่เขาผละออกมาเล็กน้อยก่อนจะจูบอีกครั้ง พลางลูบนิ้วบนใบหูของเธอ แรงของเขาช่างเบาบาง ราวกับปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงตัวโปรด แต่ส่งผลให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนอยู่ในจุดที่มหัศจรรย์ที่สุด

เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง เขาก็ชนหน้าผากเธอ ลมหายใจไม่เป็นปกติเล็กน้อย แววตาลุ่มลึก “หวานและก็สะใจมาก”

อะไรที่เรียกว่าหวานและสะใจมาก เมื่อก่อนท่านเทพไม่เคยพูดแบบนี้นี่นา ใบหน้าของป๋อจิ่วร้อนหน่อยๆ ความทรมานจากอาการป่วยถูกคลายลงไปเยอะ รู้สึกเพียงว่าตอนนี้เธอโป๊อยู่ แม้ว่าจะถูกห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูตัวขาว แต่มันก็บางเบาเหลือเกิน ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

แผ่นอกของชายหนุ่มอยู่ชิดหน้าของเธอ ลายเส้นกล้ามเนื้อของเขาชัดมาก ราวกับเป็นรูปสลัก เมื่อเขาลุกขึ้น ร่องกล้ามเนื้อยิ่งเด่นชัดเข้าไปใหญ่ แต่มือของเขาที่ยังเกาะกุมเธออยู่นี่สิ ยังไล้อยู่บนทรวงอกของเธอ แววตาฉายความร้ายกาจเหมือนแวมไพร์ “อืม นุ่มดีจัง”

ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นจากความใกล้ชิด ทำให้เรียวขาของเธอไร้เรี่ยวแรง เมื่อก่อนป๋อจิ่วไม่รู้เลยว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกับคนคนหนึ่งจะทำให้เธอรับมือไม่ไหวเช่นนี้

แต่เวลานี้ เมื่อถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน หัวใจของเธอก็เต้นรัวเร็ว ทุกการกระทำล้วนแต่สร้างความเสียวซ่านให้เป็นระลอกๆ คงเพราะนี่ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอ

ป๋อจิ่วเอ่ยขึ้น “เมื่อตอนเด็กๆ พี่ก็ชอบว่าฉันว่าโง่”

คิ้วได้รูปของฉินมั่วเลิกขึ้น “หืม?”

ป๋อจิ่วเอ่ยต่อ “ตอนนั้นฉันอยากซื้อพี่มาก อุตส่าห์เอากระปุกเงินที่สะสมแทบตายมาทุบ ก็เพราะอยากได้พี่ แถมยังเคยถามด้วยว่า พี่กิโลละเท่าไร”

ฉินมั่วหัวเราะ “โง่ป่ะ ชั่งกิโลขายคนเนี่ยนะ?”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว ชะงักไปทั้งร่าง ก่อนจะหัวเราะ

ในความทรงจำของเธอ เด็กน้อยที่หน้าตาหล่อเหลาเหมือนเจ้าชายน้อยกำลังหน้านิ่ว ‘ป๋อเสียวจิ่ว เธอมันโง่หรือเปล่า ชั่งกิโลขายคนได้หรือไง?’

ยังเหมือนเดิม ต่อให้เสียความทรงจำไปแล้ว เขาก็ยังเหมือนเดิม

“ดูเหมือนป๋าของฉันจะใจลอย” ฉินมั่วโน้มตัวไปหา มุมปากยกยิ้ม “ท่าทางฉันจะเสน่ห์ไม่แรงพอ?”

…………………………………………..

1703-2 vs 1703-3

ตอนที่ 1703-2

ทว่าเธอเองก็อยู่ดูแลลูกน้อยไปจริงๆ ฉินมั่วต้องเล่าเรียนตามตารางที่คนเป็นพ่อจัดให้อย่างมากมาย เขาเฉยชาขึ้นทุกวัน จนถึงขั้นที่ไม่ชอบพูด กว่าเธอจะรู้สึกตัวแล้วอยากจะชดเชยให้ก็ไม่ทันเสียแล้ว

เหมือนเมื่อสามปีก่อน หลังจากที่ปฏิบัติภารกิจนั่น เธอต้องมองดูลูกนอนไม่หลับ ราวกับว่าส่วนหนึ่งของหัวใจเขาได้ตายตามภารกิจนั่นไปแล้ว จนน้องจิ่วปรากฏตัวขึ้น

ต่อให้ราชินีจอเงินจะไม่ยุ่งเรื่องกิจการบ้านเมือง แต่ย่อมรู้ดีว่าลูกต้องออกจากกองทัพเพราะเหตุใด เพราะสภาพจิตใจของเขาไม่เหมาะที่จะอยู่ในกองทัพต่อไป เธอได้ยินทุกอย่างที่สามีพูดในห้องหนังสือว่าลูกเธอถูกฝังคำสั่งทางจิต ซึ่งหากมันถูกแตะต้อง เขาก็จะกลายเป็นคนละคน แล้วเขาในสภาพนั้นจะร้ายกาจมาก กลายเป็นอาชญากรที่ยากต่อการต่อกรมากที่สุด เขาจึงไม่เหมาะที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป

ตอนนั้นราชินีจอเงินเจ็บปวดมากกว่าใคร ในฐานะที่เป็นแม่ ลูกเธอกลายเป็นอะไรไป เขาสู้อุตส่าห์ฝ่าฟันจะชีวิตแทบมอดไหม้ แต่นี่หรือคือสิ่งตอบแทนที่ได้มา การออกไปปฏิบัติภารกิจนอกแดนในครั้งนี้ เธอเองเดาได้ว่ามันต้องเลยเอยเช่นนี้ เธอกลัวว่าจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา โชคดี โชคดีที่จิ่วอยู่ด้วย

คนสวยกุมราวบันได สูดหายใจเข้าไปลึกๆ อย่างไม่ส่งเสียงออกมา จนควบคุมได้ในที่สุด “ต่อให้น้องจิ่วเป็นผู้ชาย น้าก็ขอให้อยู่ข้างพี่เค้าตลอดไป เพราะเขาเหลือแค่จิ่วคนเดียว”

นั่นเป็นคำขอร้องจากใจจริงของแม่คนหนึ่ง แต่…ป๋อจิ่วถึงกับชะงักมือ เธอคิดว่าราชินีจอเงินคงรู้เรื่องสถานะของเธอแล้ว มาคิดดูในตอนนี้ น่าจะมาจากตอนที่ถ่ายหนัง เธอเคยเห็นคนสวยตอนถ่ายหนังว่ามีสภาพเป็นอย่างไร คนสวยไม่ยอมรับสายโทรศัพท์เลย ทั้งยังกลับบ้านตระกูลอานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ไปเพื่อไปเอาเสื้อผ้า

ข่าวที่เกิดในประเทศ คนที่อยู่ต่างประเทศไม่น่าจะรับรู้ได้อย่างทันท่วงที ยิ่งเธอเองก็ไม่ได้เด่นดังขนาดนั้น

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ป๋อจิ่วตอบอีกฝ่ายอย่างส่อพิรุธหน่อยๆ “อันที่จริงมีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากบอกคุณน้ามานานแล้ว”

“จิ่วไม่ต้องพูดหรอก น้าเข้าใจดี” คนสวยหัวเราะ เช็ดน้ำตา “น้ารู้ว่าจิ่วกับพี่เค้ารักกัน น้าเองก็ปรึกษากับคุณพี่เฮ่อแล้วว่า รอให้น้องจิ่วเข้ามหาวิทยาลัยก่อน แล้วค่อยไปจดทะเบียนแต่งงานที่สวิตเซอร์แลนด์ ส่วนเรื่องลูกก็หาแม่อุ้มบุญแทน แต่ถ้าไม่อยากได้แม่อุ้มบุญก็ไปขอเด็กกำพร้ามาเลี้ยง แต่ตอนนี้มั่วเอ๋อร์กำลังสูญเสียความทรงจำอยู่นี่สิ…” ว่าแล้วคนสวยก็สลดใจ

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว “น้าปรึกษากับแม่เหรอ? แล้วแม่เห็นด้วย?”

“ตอนแรกคุณพี่เฮ่อก็ไม่เห็นด้วย” เวลานี้คนสวยอวดผลงานเหมือนเด็กน้อยเลยเชียว “ตอนหลังน้าแนะนำหนังกับนิยายวายให้ แล้วพาแม่ของจิ่วไปแนะนำให้รู้จักคนเก่งๆ ที่เป็นแบบนี้ เลยเริ่มจะเข้าใจและยอมรับได้ จริงๆ แล้วตอนแรกน้าเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจิ่วไม่ดีนะ แต่ลูกสองคนเดินต่อบนถนนเส้นนี้ลำบาก แต่ตอนหลังน้าก็คิดว่าจะมีอะไรยาก เพราะคนเก่งๆ ที่อยู่ต่างประเทศก็เป็นเหมือนอย่างพวกลูกนี่แหละ ลูกของน้าถึงท่าทางก็เย็นชา แต่น้ารู้ดีว่ามีแต่น้องจิ่วที่ทำให้เขายิ้มขึ้นได้ ซึ่งไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน จิ่วไม่ต้องเป็นห่วงปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคตนะลูก ยังไงมั่วเอ๋อร์ก็ไม่เล่นการเมืองอยู่แล้ว น้าไม่อยากให้อยู่ในบ้านตระกูลฉินมาแต่แรก ถึงเวลานั้นก็ให้ใช้นามสกุลน้าก็แล้วกัน ส่วนพ่อของพี่เค้า จิ่วไม่ต้องสน ถ้าเขากล้าเอาเรื่องขึ้นมา น้าจะเตรียมเรื่องหย่าทันที!”

ผู้ช่วยจางได้ยินอยู่ด้านข้าง หันไปพูดอีกทางอย่างเงียบๆ “ท่านเสธคงไม่ยอมหรอก”

“ฉันไม่แคร์” ต่อให้โกรธจัด คนสวยก็ยังสง่างาม

 …………………………………………….

ตอนที่ 1703-3

ป๋อจิ่วได้ยินก็รู้ว่าคนสวยกำลังงอน จะทำให้พ่อกับแม่ท่านเทพหย่ากันไม่ได้ “คุณน้าอานฟังก่อนนะฮะ” ป๋อจิ่วไอเบาๆ ออกมา “ตอนเด็กๆ แม่ต้องการให้ผมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีเลิศ จะได้ไม่โดนนังเมียน้อยรังแก แม่เลยเลี้ยงลูกให้เป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นท่าทางหรือการแต่งตัวก็ต้องให้เป็นแบบผู้ชาย ซึ่งจริงๆ แล้วผมเป็นผู้หญิงฮะ”

คนสวยอึ้งทันที นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้าง ราวกับเหลือเชื่อ “เป็นผะ ผู้หญิงเหรอ?”

ป๋อจิ่วฝืนใจแข็งยืนยัน “ค่ะ”

“ละ แล้ว” คนสวยไปไม่เป็นเลยทีเดียว “ลูกชายน้ำแข็งของน้า”

ป๋อจิ่วไออีกครั้ง “พี่มั่วรู้มานานแล้วค่ะ”

“จิ่วบอกว่าเขารู้ตั้งนานแล้วเหรอ?” คนสวยตาเบิกกว้างกว่าเดิม “ลูกคนนี้ไม่เคยบอกน้าเลย แถมยังชอบพูดอำๆ ว่า เส้นทางความรักของพวกหนูเป็นไปได้ยาก ถ้าน้าชอบหนูก็รีบจองหนูไว้ซะ เดี๋ยวหนูมีแฟนไปเสียก่อน น้าถึงได้ไปคุยกับคุณพี่เฮ่อ เด็ก เด็กคนนี้…” ขนาดเป็นลูกแท้ๆ นะ ยังเล่นเกมลึก จนคนเป็นแม่ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี

ทว่าคนที่ทำให้ลูกเธอกล้าล้อเล่น แถมยังวางแผนแบบนี้ออกมาออกมาได้ คงมีจิ่งคนเดียวเท่านั้น

“ไม่ได้ ตอนแรกน้าคิดว่าพวกหนูจะสวมสูทแต่งงานกัน น้าเลยส่งขนาดตัวไปแล้ว แต่นี่ต้องมาเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าสาวแล้ว เดี๋ยวต้องติดต่อโรเบิร์ตก่อน จิ่ว หนูชอบชุดแต่งงานแบบไหน? ชอบแบบจีนหรือฝรั่ง?”

ป๋อจิ่วไม่คิดเลยว่า เรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ แต่เธอไม่ใช่คนขี้อาย “ได้หมดค่ะ รอหนูกับพี่มั่วแข่งระดับเอเชียก่อน แล้วพวกเราค่อยแต่งงานกัน”

คนสวยหัวเราะ แววตาเต็มไปด้วยความซึ้งใจ “ได้จ้ะ” เธอรู้ดีว่าไม่มีใครหรอกที่จะแต่งงานกับคนที่สูญเสียความทรงจำโดยไม่ลังเล นอกจากน้องจิ่ว บางทีเธอเข้าใจแล้วว่า ทำไมลูกของเธอถึงปักใจรักจิ่วเพียงคนเดียว

หากใครที่โดนรักมากขนาดนี้ ย่อมต้องใจอ่อนจนไม่มีวันรับคนที่สองไว้ในใจได้หรอก แต่เรื่องที่จิ่วเป็นผู้หญิงนี่สิ มันทำให้คนสวยแฮปปี้สุดๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จึงตัดสินใจไม่กลับจีนแล้ว โดยหันไปติดต่อดีไซด์เนอร์ทันที ซึ่งผู้ช่วยจางเองก็คิดอยู่ว่าจะรายงานกับท่านอย่างไร

ส่วนอีกด้าน การจะหาโรงแรมพักในเขตชายแดนประเทศ M และ T ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นที่แบบนั้น

โชคของป๋อจิ่วยังดี ด้วยพูดภาษาท้องถิ่นได้ เธอจึงหาที่พักเล็กๆ เป็นผลสำเร็จ

แต่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะดีนัก ทว่าจะให้ดีเลิศทุกอย่างย่อมเป็นไปไม่ได้ น้ำก็ไม่ร้อนมาก เตียงก็คับแคบ แล้วยังต้องนอนด้วยกันสองคน ภายในห้องนั้น นอกจากเก้าอี้ตัวเดียว ก็ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอื่นใดอีกเลย

เมื่อฉินมั่วตื่นขึ้นกลางคัน ชายหนุ่มหันกอดไหล่ของคนบางคน ซึ่งฝ่ายหลังยังพูดว่า “พี่คงไม่เคยอยู่ในห้องแบบนี้ แต่เตียงแคบมันก็ดีอย่าง จะได้นอนกอดกันได้”

เจตนาชัดจริงๆ เด็กอย่างนี้จะทำตัวเป็นป๋า โลกเรามีป๋าแบบนี้ด้วยเรอะ…ฉินมั่วยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะหลับตา ร่างเขาเย็นหน่อยๆ แต่คงเพราะได้นอนในรถมาก่อน จึงทำให้ร่างกายกำลังเริ่มจะฟื้นสภาพ

ป๋อจิ่วมองดูคนที่นั่งบนเก้าอี้ ก่อนจะไปต้มน้ำร้อนแล้วเทลงในแก้ว จากนั้นจึงเอาคัตเติ้ลบัดมาแตะบนริมฝีปากให้ฉินมั่วเพื่อให้ความชุ่มชื้น

ฉินมั่วรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร แต่ไม่รู้ว่าจะทำถึงขั้นไหน

…………………………………………….

1702-4 vs 1703-1

ตอนที่ 1702-4

ในระหว่างที่คิดเช่นนี้ ป๋อจิ่วก็โน้มตัวจูบที่หางตาเขา พลันหัวเราะขึ้น “รอให้พี่หายก่อน แล้วฉันค่อยรังแกพี่”

ฉินมั่วผงะ เด็กนี่มันโง่จริงๆ แฮะ เขาเริ่มเลื้อยนิ้วเข้าไปเกาะเอวที่ขยับเข้ามา ก่อนจะฝังใบหน้าเข้าไปซอกคออีกฝ่าย เอ่ยเสียงแผ่ว “ฉันปวดหัวจริงๆ คงต้องรบกวนป๋าแล้วล่ะ”

“ได้” ป๋อจิ่วโอบกลับ

เวลานั้น ฉินมั่วรู้สึกเหมือนด้านหลังของเจ้านี่มีหางส่ายสะบัด แถมมีหูตั้งบนศีรษะด้วย ทำให้อยากขำขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คงเพราะกลิ่นไอจากตัวเด็กคนนี้หอมหวาน ส่งผลให้หนังตาของฉินมั่วค่อยๆ หย่อนคล้อย เข้าสู่ความมืดมิดในที่สุด แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังไม่ปล่อยไพ่ในมืออยู่ดี

ป๋อจิ่วมองที่นั่งตอนหลัง เร่งความเร็วขึ้นอีกเท่าตัว เขาไม่เชื่อใจเธอ ย่อมถือเป็นเรื่องปกติ หลังจากสูญเสียความทรงจำไป ใครจะรีบเชื่อใจคนอื่นในทันที ยิ่งเป็นท่านเทพแล้วด้วย แต่ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการที่เขาอยู่ข้างกายเธอหรอก

ป๋อจิ่วกวาดตามองสิ่งปลูกสร้างด้านนอก

สถานที่แห่งนั้นลึกลับ หากไม่เป็นเพราะเสี่ยวเฮยมีระบบจีพีเอสที่แสนยอดเยี่ยม รับรองหาสถานที่แบบนี้ไม่เจอ เพราะถึงจะเป็นสถานที่ของทหาร และถูกทิ้งมานานแล้ว แต่ยังคงอันตรายอยู่ดี บริเวณที่กฎหมายเอื้อมมือไม่ถึง น่ากลัวก็ตรงที่มีพวกนักเลงนี่แหละ

ป๋อจิ่วเป็นคนทำอะไรระมัดระวังตัว หากมีแค่เธอคนเดียวยังไม่เท่าไร แต่ตอนนี้เธอมีท่านเทพอยู่ด้วย เธอจะต้องนำรถไปจอดยังที่ที่มีที่พัก

“เจ้านายครับ ผมคงมาถึงได้เพียงเท่านี้” เสียงของเสี่ยวเฮยไม่เคยหนักอึ้งเท่าเวลานี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่ามันเริ่มจะหมดแรงแล้ว

ป๋อจิ่วตบพวงมาลัย เปิดประตูออก แล้วเดินเจ้าไปในความมืดด้วยฝีเท้าแผ่วเบา กำไพ่ที่เอามาจากฉินมั่วไว้ในอุ้งมือ

เธอจะบุ่มบ่ามไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะถูกคนหาตัวเจอ ซึ่งปัญหานี้อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากพวกนักเลงชอบสิงอยู่เขตทหารที่รกร้าง

ยังดีที่ที่นี่ไม่มีคน คงเพราะอุณหภูมิต่ำลง ด้วยเวลาแค่ห้านาที ป๋อจิ่วก็หนาวจนแทบจะไม่มีความรู้สึก

รอจนมั่นใจในความปลอดภัยของที่นี่ เธอก็คว้ากิ่งแล้วกระโดดลงไป เพราะเป็นแหล่งทหารมาก่อนนี้แหละ ทำให้หาน้ำมันได้ง่าย เนื่องจากมีรถที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่มีมากมาย

ป๋อจิ่วไถลตัวตรวจถังน้ำมัน ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาเพื่อให้รองรับน้ำมัน จากนั้นก็หาทางเจาะถัง

ไม่มีอะไรที่น่ากลัวหรอก นอกเสียจากที่นี่หนาวมาก

เมื่อได้น้ำมันมาแล้ว  ป๋อจิ่วก็เริ่มสั่นเทา รอจนมาถึงตัวรถ เรียวปากของเธอก็ขาวซีด แต่ดีที่ภายในรถมีเครื่องทำความร้อน

พอน้ำมันเต็มถัง ระบบจีพีเอสก็สั่งการให้เครื่องทำความร้อนปรับให้สูงสุด นิ้วมือของเธอถึงได้กลับมามีความรู้สึก ออกจะหนึบชาอยู่บ้าง แต่เมื่อสะบัดสักหน่อยก็ดีขึ้น

เธออยากจะเช็คอุณหภูมิของชายหนุ่ม แต่เมื่อยื่นมือออกไป ก็พบว่ามือของเธอเย็นจัด จึงต้องพับความคิดดังกล่าวเอาไว้ แล้วดึงมือกลับมาวางไว้ที่พวงมาลัย แล้วขับรถมุ่งตรงไปที่ตำบลเล็กๆ ซึ่งอยู่ห่างจากนี้ไปประมาณสามสิบกิโลเมตร…

………………………………………………….

ตอนที่ 1703-1

ระหว่างนี้ ป๋อจิ่วเชื่อมสัญญาณอินเทอร์เน็ต จากนั้นก็ใช้ระบบจีพีเอสค้นหาข่าวในประเทศ

โชคยังดีที่ภารกิจครั้งนี้เป็นความลับ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับท่านเทพจึงไม่กลายเป็นข่าว รวมถึงรายละเอียดของการปฏิบัติการณ์ในครั้งนี้ที่ยังคงเป็นความลับระดับ S จึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ป๋อจิ่วรู้ดีแก่ใจว่าเว้นแต่ทางบ้านท่านเทพ

สภาพเขาในเวลานี้ ครอบครับของเขาต้องได้ข่าว หลายๆ คนต่างคิดว่า คนในกลุ่มปฏิบัติการณ์จะต้องได้รู้ข่าวของฉินมั่วเป็นลำดับแรก แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่า คนแรกที่รู้ข่าวชายหนุ่มจะเป็นราชินีจอเงินคนสวย

เมื่อป๋อจิ่วโทรไปแจ้ง เมืองนอกในเวลานั้นหิมะกำลังตกหนัก คนสวยรับสายในระหว่างที่เดินทางไปยังสนามบิน โดยผู้ช่วยข้างตัวกลัวว่าเธอจะหนาว จึงรีบนำเสื้อโค้ทขนแกะมาคลุมร่างเธอ

ทุกคนรู้ว่าวันนี้คนสวยไม่เป็นปกติ จึงไม่ถ่ายหนัง และรู้เช่นกันว่าเธอจองตั๋วเครื่องบินเตรียมกลับประเทศจีน ราวกับที่บ้านเกิดเรื่องขึ้น หน้าสวยแอร่มเผือดซีดเป็นคำบรรยายราชินีจอเงินที่เหมาะที่สุดในเวลานี้ ผู้ช่วยไม่เคยเห็นสาวสวยมีชาติตระกูลจะเศร้าสรดมาก่อน ถึงขั้นที่ขอบตาแดงก่ำ

“ฮัลโหล”

เสียงที่ลอยเข้าหู ให้ป๋อจิ่วได้ยินก็รู้ว่าคนพูดร้องไห้ เธอนิ่งชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “คุณน้า จิ่วเองนะครับ ตอนนี้พี่มั่วอยู่กับผม”

คนสวยได้ยินแล้ว หยุดนิ่งทันที แววตาเปล่งประกายความยินดี จนยกมืออุดปาก “ดีแล้ว ดีจริงๆ “ เธอพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เส้นผมยาวสีดำราวสวยราวใยไหมไล้เคลียแก้ม บดบังน้ำตาเธอจนหมด

ทว่าเวลาเจอผู้ใหญ่ทีไร ป๋อจิ่วเป็นต้องพูดอะไรอึกๆ อักๆ “คุณน้าสบายใจได้นะฮะ ผมจะดูแลพี่มั่วเอง”

“น้ารู้จ้ะ น้องจิ่ว ขอบคุณมากนะลูก” ราชินีควบคุมอารมณ์ตนเอง ทั้งยังสูดจมูกเหมือนเป็นสาวน้อย “น้าสบายใจแล้วล่ะ ถ้าลูกชายน้ำแข็งของน้าได้อยู่กับน้องจิ่ว แต่น้องจิ่วต้องบอกน้ามาตรงๆ นะ พี่เขา เขา…ย่ำแย่มากใช่ไหม”

“นิดหน่อย” ป๋อจิ่วครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจพูดความจริงออกไป “พี่แค่สูญเสียคามทรงจำ” คำพูดดังกล่าวทำให้ราชินีจอเงินได้ยินแล้วถึงกับสะเทือนใจ แต่เธอรู้ดีตั้งแต่ตอนที่ลูกตัดสินใจรับภารกิจนี้ว่าผลจะเป็นเช่นไร?

เธออุตส่าห์ไม่รับสายสามีมานานหลายวันเพราะเหตุนี้ แม้จะรู้ดีว่าตระกูลฉินต้องรับภาระกิจอะไรบ้าง แต่เธอยังรู้สึกผิดต่อลูก ลูกรักฉลาดกว่าเธอมาตั้งแต่เป็นเด็ก จนเธอยังรู้สึกเลยว่า เขาไม่ต้องให้เธอไม่จำเป็นอยู่เป็นเพื่อน อาจเป็นเพราะนี่คือวิธีอบรมเลี้ยงดูของตระกูลฉิน ซึ่งลูกเธอกลับรู้คิดเหลือเกิน ต่อให้นิสัยเย็นชาอย่างไรก็ยังปกป้องเธออย่างเข้มแข็ง

จำได้ว่าตอนที่เขาห้าขวบ เธอไปร่วมงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง และถูกบังคับให้ดื่มเหล้ากลายๆ  ตอนนั้นสามีเธอไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยง ลูกตัวน้อยของเธอก็มากันข้างหน้า สง่าราวกับเป็นเจ้าชายน้อย “คุณครับ แม่ผมไม่ดื่มเหล้าครับ อีกอย่าง ไม่เคยมีคนสอนหรือครับว่าจะต้องปฏิบัติยังไงกับสุภาพสตรี”

เขาพูดด้วยภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ไม่เอะอะอาละวาด แค่แววตาก็ทำให้คนต่างชาติหน้าม่อยได้แล้ว

…………………………………………….

1702-2 vs 1702-3

ตอนที่ 1702-2

ท่านผู้บัญชาการย่อมได้ยิน จึงขมวดคิ้วขึ้น หันกลับไปหมายจะปรามอีกฝ่ายให้ระวังคำพูด กลับเห็นพวกเขาเหล่านั้นจ้องตน แววตาเต็มไปด้วยความเข้มแข็งและมุ่งมั่น ท่านผู้บัญชาการจนปัญญา ได้แต่ทำรายงานเพื่อส่งให้เบื้องบน

เครื่องบินบินสูงขึ้นเรื่อยๆ คนที่ถูกช่วยออกมาล้วนถูกนำไปพักบนตัวเครื่องอย่างเหมาะสม เครื่องรบกวนสัญญาณถูกทำลาย กระทั่งทุ่งดอกไม้นั่นยังถูกเผาจนวายวอด อำนาจของคิงหมดสิ้นแล้ว ขนาดตัวมันยังจมอยู่ใต้น้ำ

พวกคนที่เพาะปลูกได้ยินข่าวที่ว่าก็เกิดความยินดีท่วมท้นหัวใจ ไม่มีใครอยากปลูกของพวกนี้ ไม่มีใครอยากให้ลูกตัวเองกลายเป็นภูตผี

ยากที่จะประเมินค่าของภารกิจในครั้งนี้ เพราะมันสำคัญมากทำให้ชายแดนจีนลดการค้ายาได้ถึง 80% ไม่มีใครกล้าทำผิดอีกเลยในสามปีถัดไป ซึ่งไม่เพียงแต่ได้ช่วยคน แต่ยังแสดงแสนยานุภาพของประเทศอีกด้วย

ทว่าการปฏิบัติการณ์ในครั้งนี้ยังคงปรากฎความผิดพลาดเล็กน้อยขึ้น

ระหว่างที่สู้กัน ฝานเจียไม่ได้ปรากฏตัว เพราะเธออยู่ในห้องควบคุม รอจนเห็นเครื่องบินรบบนท้องฟ้า จึงรู้ว่าเกิดอันตรายใหญ่หลวง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้โผล่หน้าออกมา แต่เปลี่ยนไปสวมเสื้อชาวไร่กลับไปยังหมู่บ้านพร้อมพวกเขา จนเมื่อฝูงเครื่องบินจากไป แววตาที่ก้มลงจึงฉายแววเหี้ยม เด็กบ้านั่นทำลายแผนเธออีกแล้ว ฝานเจียคิดไม่ถึงเลยว่า เจ้านั่นจะเป็น Z!

ตอนนี้ทุกอย่างชัดแจ้ง ตามติดไม่ปล่อยจริงๆ ไม่ว่าพวกเขาไปที่ไหนเธอย่อมตามหาเจอ อีกนิดเดียวเท่านั้น อีกนิดเดียวก็จะทำให้ฉินมั่วกลายเป็นพวกเธอได้แล้วเชียว หากถ่วงเวลาได้อีกสิบนาที ฉินมั่วก็จะกลายเป็นสาวกของอาจารย์ ถึงเวลานั้นเธอกับเขาก็จะได้อยู่ด้วยกัน

อาจารย์จะต้องให้เธอปลอมตัวเป็นแฟนเขาเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วแน่ จะได้รั้งตัวฉินมั่วเอาไว้ แต่ทุกอย่างกลับโดนทำลาย

ทว่าไม่เป็นไรหรอก ก่อนหน้านี้วันหนึ่ง อาจารย์วางแผนนี้เอาไว้และบอกรหัสลับแก่เธอแล้ว ขอแค่ตามหาพวกเขาเจอ เธอย่อมแย่งฉินมั่วกลับมาได้ เมื่อคำสั่งที่ฝังทางจิตถูกปลุกขึ้นมาแล้ว Z จะคิดอีกหรือเปล่า เขายังคงเหมือนเดิมอีก? โลกนี้มีแค่ฝานเจียคนเดียวที่รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มต้องการอะไรมากที่สุด!

“รายงานครับ”

“ว่ามา”

“หาตัวคนชื่อฝานเจียไม่เจอครับ”

คุณชายที่กำลังนั่งจัดแขนเสื้ออยู่ในรถจิ๊บ  ถึงกับชะงัก แววตาเคร่งเครียดหน่อยๆ “ส่งข่าวนี้ไปให้ Z บอกว่าคนที่สวมรอยเป็นเขาหนีไปแล้ว”

“ครับ”

ลมพัดมาผ่านมา ท้องฟ้ามืดสนิท ทางฝั่งนี้พยายามส่งข่าว แต่สัญญาณถูกตัด เมื่อจับฝานเจียไม่ได้ หมายความว่าภารกิจนี้เกิดความผิดพลาด แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเทียบกับคิงไม่ได้ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งต้องระวัง เพราะเธอเป็นนักเรียนของคิง อย่างน้อยต้องมีความรู้ด้านจิตวิทยา แม้จะไม่เก่งฉกาจ แต่หลายครั้งแค่อาศัยเล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ  ก็ยิ่งทำให้รับมือยาก

พวกคนคิดชั่วหรือทำตัวเป็นโจรตามโลกออนไลน์ มักอ้างความชอบทำร้ายคนอื่น จำนวนคนเหล่านี้มีมากมาย พอจะทำให้เจ้าหล่อนหลอกใช้

 …………………………………………….

ตอนที่ 1702-3

เมื่อติดต่อ Z ไม่ได้ มันย่อมยุ่งยาก สิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่ มันก็แค่การลอกคราบหนีไป

และเป็นเช่นนี้จริงๆ  แต่ป๋อจิ่วก็ยังประสบปัญหานิดหน่อย

“ถึงตอนที่พวกคุณจะหวานกันจนน่าเอ็นดู แต่ผมยังต้องขอเตือน ปริมาณน้ำมันในขณะนี้เหลือแค่ 5% เท่านั้น” เสี่ยวเฮยรู้สึกว่ารถอย่างมันช่างลำบากเหลือเกิน แต่พอพูดออกไป จอมมารก็หันมามอง สื่อนัยยะทางแววตาว่า มันเป็นส่วนเกิน

เสี่ยวเฮยสั่นกระจกส่องหลัง หรือว่าเจ้านายจะไม่สังเกตว่า ออร่าของจอมมารเข้มข้นกว่าเมื่อก่อนอีก โดยเฉพาะความโหด

หลังจากที่จัดการแผลให้ท่านเทพแล้ว ป๋อจิ่วก็วางแขนไว้ริมเก้าอี้ เปลี่ยนไปนั่งข้างหน้า สัญญาณเตือนระดับน้ำมันกำลังกะพริบ รวมถึงคลื่นจีพีเอสที่ส่ายอย่างไม่มั่นคง เธอจิ้มนิ้วบนหน้าจอ “ยังขับได้นานอีกเท่าไร”

“แค่ยี่สิบนาที หลังจากนั้นผมจะกลายเป็นเศษเหล็ก” เสี่ยวเฮยหมดอาลัยกับชีวิต กลัวว่ามันคงจะกลายเป็นรถสปอร์ตที่จมน้ำตายเป็นคันแรก

เวลาสั้นๆ แค่นั้น คงไปไม่ถึงสถานที่ที่ต้องการ ในเมื่อไปไม่ได้ก็หาที่ใกล้ๆ พักผ่อนดีกว่า

ป๋อจิ่วเปลี่ยนใจ เปลี่ยนจากระบบอัตโนมัติให้ขับเคลื่อนด้วยแรงมือ จากนั้นจึงวิ่งไปยังฝั่งน้ำ “เตรียมเปลี่ยนรูปร่าง”

“ระบบเดินทางบนบกเตรียมพร้อม”

สวบ!

นกกาแถวนั้นบินแตกตื่น น้ำไหลผ่านกระจกจนเกิดเสียง ทำให้บรรยากาศแถวนั้นมีชีวิตชีวา แต่ป๋อจิ่ว กลับไม่หยุด แถวนั้นเป็นที่รกร้าง หากเธอจำไม่ผิด แถวนั้นมีจุดพักอยู่ไม่ไกลจากนี้ โดยเมื่อก่อนเป็นของกองทัพ แต่เดี๋ยวนี้ถูกปล่อยให้รกร้าง เธอไปหาน้ำมันจากที่นั่นได้

“เปิดใช้ระบบจีพีเอส” ป๋อจิ่วว่าพลางสะบัดท้ายรถอย่างเท่ รถเคลื่อนที่ไวมาก ทั้งยังมั่นคง แถมอุณหภูมิภายในรถก็อบอุ่น

ฉินมั่วนั่งด้านหลัง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่แววตาของเขาดำทะมึนตามท้องฟ้าที่มืดครึ้มเรื่อยๆ ตัวเขายังไม่แห้ง ริมฝีปากเริ่มร้อนผ่าว

ชายหนุ่มนิ่วหน้า คงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง อันที่จริง อุณหภูมิของเขาก็เริ่มสูงขึ้นตั้งแต่เมื่อกี้ แต่เพราะตอนนั้นเขาอยู่ในน้ำ แถมเขาจะปล่อยให้ตัวเองเผยความอ่อนแอออกมาในตอนนี้ได้อย่างไร ต่อให้เจ้าเด็กนี่มันโง่ แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าหล่อนคิดอะไรอยู่

ฉินมั่วหลับตาลงกะจะพักผ่อนสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าคนที่กำลังขับรถอยู่กลับจอดรถ แล้วเอี้ยวตัวละมือมาทาบบนหน้าผากเขา

“ฉันไม่ได้คิดไปเองจริงๆ ด้วย พี่ตัวร้อนนี่” สัมผัสเย็นๆ บนหน้าผาก ทำให้ฉินมั่วรู้สึกดีขึ้น แต่เขาไม่ยอมรับ กลับแค่นยิ้มออกมา “ก็แค่ตัวร้อนนิดหน่อยน่ะ”

ป๋อจิ่วมองดูดวงตาของเขา ก่อนจะหันไปดึงเสื้อผ้าออกจากตัวอีกฝ่าย ฝ่ายฉินมั่วยักคิ้วสวยๆ ขึ้น “ไม่คิดว่าป๋าจะรุกขนาดนี้”

ป๋อจิ่วไม่ต่อปากต่อคำด้วย พอดึงเสื้อออกจากร่างเขาได้ ก็โยนไปด้านนอกหน้าต่าง เพราะยังไงแถวนั้นก็ไม่มีคนอยู่แล้ว

เมื่อไม่มีเสื้อมาปกคลุมท่อนบน ยิ่งทำให้รังสีอันตรายของชายหนุ่มกระจายทั่วร่าง

“อยากให้ฉันให้ความร่วมมือไหม?” ฉินมั่วกำมือเธอ

ป๋อจิ่วหลุบตาลง “ไม่จำเป็น แค่ถอดเสื้อเท่านั้นเอง เสร็จแล้วด้วย”

“น่าเสียดายจัง ฉันยังคิดว่าเธอจะทำอะไรซะอีก” ฉินมั่วรับรู้ได้ว่า เจ้าเด็กนี่ซึมหน่อยๆ ซึ่งส่งผลให้เขาทรมานในช่องอกอย่างน่าประหลาด ต้องเป็นไข้ที่ขึ้นสูงที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถของเขา

…………………………………………….

1701-1 vs 1701-2 vs 1702-1

ตอนที่ 1701-1 ป๋าสายเปย์

ป๋อจิ่วไม่ได้สังเกตถึงแววตาที่เปลี่ยนไปของคนข้างตัว ฉินมั่วเองยังไม่รู้ตัวเช่นกันว่าแววตาสีเข้มของเขา นอกจากจะเย็นชา ยังผสมปนเปไปด้วยความสนุกและความอ่อนโยน

แสงตะวันยามพลบค่ำสาดส่อง ดูลุ่มลึกเหมือนน้ำในทะเลสาบที่กระเพื่อมชนิดที่ไม่เห็นก้นบึ้ง นอกจากคุณชายถัง ยังมีผู้รับผิดชอบอีกคนหนึ่ง เขายืนกรานหนักแน่น “ฉินมั่วต้องตามพวกเรากลับไป”

คุณชายถังนิ่งเงียบ ทว่าป๋อจิ่วกลับเป็นฝ่ายหัวเราะขึ้นเสียงเอง เป่าผมสั้นเซอร์อย่างร้ายกาจหน่อยๆ “งั้นคงไม่ต้องไว้หน้ากันแล้ว”

“เขาเป็นใคร? ทำไมถึงกล้าพูดแบบนี้กับผม”

คุณชายถังเหลือบมองคนข้างๆ ก่อนจะยิ้ม ถอยหลังหนึ่งก้าว หมายความว่าในเมื่อคุณอยากยุ่งใช่ไหม งั้นเชิญรับผิดชอบตามสบายเลย

ป๋อจิ่วย่อมเห็นกิริยาอีกฝ่าย ขอแค่เขาคนนั้นไม่ห้ามที่เธอจะพาตัวฉินมั่วไป ก็ยังพอจะมีหวัง

แน่ล่ะ ทหารระดับหัวหน้าที่ยืนข้างคุณชายถังไม่รู้หรอกว่า ตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับใครอยู่ เมื่อกำลังจะเอ่ยเตือนอีกครั้ง แต่กลับได้ยินเสียงเด็กคนนั้นที่ยืนกลางเรือร้องตะโกนขึ้น “เสี่ยวเฮย”

‘สวบ!’ วงน้ำกระเพื่อมขึ้น ทำให้คนไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นตรงหน้า

ฉินมั่วเลิกคิ้ว ยังไม่ปล่อยโอกาสให้เขาแสดงความสามารถเลย เจ้าหนูนี่ก็คว้าข้อมือเขา กดไฟแช็กสีเงินด้วยสภาพมุมปากที่หยักยิ้ม แล้วโยนไปที่ถังน้ำมันบนเรือ จากนั้นก็ลากเขากระโดดไปอีกด้าน

เสียง ‘ตู้ม!’ ดังขึ้น

ท้ายเรือเกิดไฟไหม้ ควันไฟกระจายไปทั่วห้วงเวลาดังกล่าว สปีดโบ้ทแถวนั้นยิ่งเข้าใกล้ได้ยากขึ้น ฉากนั้นสวยงามเหลือเกิน ดวงตะวันในยามสายัณต์เป็นสีแดง

สมกับที่เป็น Z จริงๆ หลบหนีได้อย่างสวยงาม

หากได้อยู่ข้างเธอ บางทีฉินมั่วอาจจะยับยั้งใจไม่ฆ่าคนอื่นก็เป็นได้ คุณชายถังดันแว่นบนจมูก ก่อนจะหันไปมองผู้บัญชาการที่มีสีหน้างงงวย เอ่ยขึ้นอย่างไม่ร้อนใจ “ท่าทางเราจะเอาตัวฉินมั่วกลับไปไม่ได้แล้วล่ะ”

“เด็กนั่นมันบ้าหรือเปล่า” ท่านผู้บัญชาการทึ้งผมตัวเอง “เขาดันมาใช้วิธีแบบนี้ แล้วคุณก็ยังใจเย็นอยู่ได้ พวกเรายังต้องรายงานเบื้องบนนะ!”

คุณชายถังหัวเราะ “ผมไม่สนเรื่องรายงานหรอก อุตส่าห์ช่วยคนมาได้แล้วนี่ แล้วคิงก็ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือใคร ส่วนที่เหลือ ก็รบกวนท่านผู้บัญชาการทำรายงานเสนอเบื้องบนเองละกัน”

ท่านผู้บัญชาการตะลึง “เดี๋ยว ทำไมผมต้องเป็นคนเขียนรายงานด้วยล่ะ?”

“ปัญหานี้” คุณชายถังตบบ่าอีกฝ่าย “ท่านคงต้องคิดดีๆ นะครับ”

ท่านผู้บัญชาการหมดอาลัยขึ้นเรื่อยๆ “ต้องโทษเจ้าเด็กนั่น มันรู้ตัวหรือเปล่าว่า คนที่พาหนีไปอันตรายมากแค่ไหน?”

“น่าเสียดาย ถ้าไม่ใช่เจ้าเด็กนั่น พวกเราก็อาจหาที่อยู่ของที่นี่ไม่ได้” คุณชายถังหันมามองด้วยแววตากระด้าง เห็นได้ชัดว่าแฝงความเย็นชาด้วย ส่งผลให้ท่านผู้บัญชาการอ้าปากค้าง แต่พูดอะไรไม่ออก

หนึ่ง เพราะแววตานั่นโหด

สอง เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กนั่นคือผู้ช่วยคนสำคัญทำให้พวกเขาทำลายรังของคิงได้

………………………………

ตอนที่ 1701-2 ป๋าสายเปย์

ไฟกลางทะเลสาบลอยเข้ากลมกลืนกับดวงตะวันในยามสายัณต์ น้ำถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของป๋อจิ่ว

เธอว่ายน้ำไม่เก่งอย่างแรง แถมหายใจไม่ออก

ยังไม่ทันว่ายน้ำไปถึงตัวรถ มือของเธอก็หมดแรงแล้ว แต่ก่อนที่จะจมดิ่งลงไป มือซ้ายของเธอก็ถูกอีกคนคว้าไว้ ก่อนจะส่งร่างเธอให้ขึ้นเหนือน้ำ จากนั้นเรียวปากบางกับกลิ่นบุหรี่ก็โชยเข้ามา

แววตาของป๋อจิ่วหวั่นไหว เพิ่งจะรู้ตัวเขาทำอะไรกับเธอ ทว่าฉินมั่วก็ปล่อยมือเสียแล้ว

เสี่ยวเฮยเข้าสู่ระบบการใช้แบบดำน้ำ ทั้งยังถอนหายใจยาวอย่างจริงจัง “เจ้านายครับ น่ากลัวจริงๆ เลย ผมล่ะคิดว่าคุณจะจมน้ำตายเสียแล้ว สัมผัสอุณหภูมิของคุณไม่ได้เลยครับ”

ป๋อจิ่วหอบหายใจหนัก หันไปมองฉินมั่วที่เปียกทั่วตัวเหมือนกับตัวเอง เรียวปากบางที่เปียกชื้น ดูหล่อเหลือล้น แถมมุมปากของเขายังยิ้มที่ดูไม่เหมือนยิ้มอีก ทำให้ป๋อจิ่วคลำจมูก จริงๆ แล้วเขาจะช่วยเพิ่มออกซิเจนให้เธออีกก็ได้ เธอไม่รังเกียจหรอก

ฉินมั่วยื่นหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้ ราวกับรู้ทันความคิดของเธอ ยิ้มให้ราวกับมารร้าย “ดูเหมือนเธอยังจะโหยหาอยู่นะ?”

ป๋อจิ่วไม่พูด เสี่ยวเฮยที่จับคลื่นเสียงของฉินมั่วได้ถึงกับร้องออกมา “จอมมาร”

“จอมมารเหรอ?” ฉินมั่วเลิกคิ้วใส่กระจกส่องหลัง “นายเรียกฉันใช่ไหม?”

เสี่ยวเฮยมองดูตัวรถที่สั่นหน่อยๆ จอมมารไม่ระงับตัวตนของตัวเองเลย ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าเจ้านายแท้ๆ น่ากลัว น่ากลัวที่สุด!

ไม่ตอบ เข้าสู่ระบบไร้เสียงแล้ว!

“รถที่เปลี่ยนรูปทรงได้แบบนี้ ยังพูดได้อีก” ฉินมั่วกลับหัวเราะ เอื้อมนิ้วไปแตะป๋อจิ่ว “ท่าทางป๋าของฉันจะไม่ธรรมดา”

ป๋อจิ่วหันหน้ามองนิ้วมือเขา คงเพราะเหตุที่ขว้างไพ่ฆ่าคนมา ทำให้ปลายนิ้วเขามีบาดแผลเล็กๆเช่นเดียวกัน ป๋อจิ่วเองก็รู้ว่าเขายังมีไพ่ในมืออีกครึ่งสำรับ หมายความว่าเขาไม่เชื่อใจเธอ แต่เวลานี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว

ป๋อจิ่วดึงฝาของช่องเก็บของออกมา ด้านในมียาทุกชนิดที่เธอเอามาหมอเถื่อน นอกจากพลาสเตอร์ยาแล้ว อย่างอื่นดูจะไม่เหมาะ เธอกัดถุงให้เปิดออก ก่อนจะคว้ามือฉินมั่ว แล้วก้มหน้าก้มตาแปะบนบาดแผลให้เขาอย่างระมัดระวัง ราวกับกำลังถนอมล้ำค่าอยู่

“มือสำคัญสำหรับพี่มาก จะได้รับบาดเจ็บไม่ได้” ป๋อจิ่วพูดพลางก็แกะพลาสเตอร์อีกอัน

ดูท่า คงจะแปะทุกบาดแผลเขาจนแน่

ฉินมั่วไม่ขยับต่อต้านสักนิด ทว่ามองดูศีรษะอีกฝ่าย เดิมมืออีกข้างที่กำลังยกขึ้น ก็ปล่อยลง เขาบอกตัวเองว่า เขาจะไม่ฆ่าเด็กนี่หรอก ก็แค่ไม่จำเป็น ยิ่งไปกว่านั้น คนโง่แบบนี้หายากจะตา เขาล่ะสงสัยว่าเธอจะทำดีต่อเขาได้ถึงไหน?

คนรักเหรอ? ฉินมั่วหัวเราะออกมา แววตาไร้ความอ่อนโยน ความรักมันไม่มีประโยชน์ต่อเขาสักนิด

“ป๋า เธอจะพาฉันไปไหน?” ฉินมั่วไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะถูกเหมาเลี้ยง เด็กนี่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย มีชีวิตรอดจนมาถึงตอนนี้ได้ยังไงเนี่ย

ป๋อจิ่วชะงัก เงยหน้ายิ้มให้ “เจียงเฉิง”

ไม่ผิดหรอก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลับไป การแข่งระดับเอเชียยังรอเขาอยู่ ยิ่งกว่านั้น การได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย จะง่ายต่อการฟื้นความทรงจำ

ไม่ว่าจะไปที่ไหน ฉินมั่วก็ไม่สน แต่เขาไม่แน่ใจว่า ระหว่างทางนี้จะเบื่อคนตรงหน้าจนทิ้งเลยหรือเปล่า

ทว่า ที่แน่ใจได้ก็คือ ตอนนี้เขารู้สึกสนุกกับทุกอากัปกิริยาของเธอมาก “งั้นก็แล้วแต่เธอเลย ไปเจียงเฉิงก็ไป ฉินมั่วยกมือเธอมาจูบ

จูบเบาๆ  แต่กลับไม่ความอบอุ่น และอาจเป็นเพราะน้ำจึงทำให้รู้สึกเย็น

นี่แหละคือฉินมั่วในเวลานี้…

………………………………………………….

ตอนที่ 1702-1

แต่ละคนในกลุ่มปฏิบัติการต่างรับไม่ได้ที่บอสหายตัวไป

ไฟบนทะเลสาบมอดลงแล้ว เหลือเพียงซากวอดวายของสปีดโบ้ท ไม่มีใครรู้ว่าป๋อจิ่วและฉินมั่วไปที่ไหน ตอนนั้นทุกคนเห็นแค่ทะเลเพลิงเป็นแถบ ท่านผบ.สั่งให้คนงมลงไปหา แต่กลับไม่พบอะไร ทั้งสองต่างหายตัวจากน่านน้ำไปเฉยเลย

เมื่อทุกคนอยู่บนเครื่องบิน ท่านผู้บัญชาการแจ้งต่อพวกเขี้ยวเงินว่า “เวลานี้ฉินมั่วมีสภาพจิตที่น่ากลัวมาก เมื่อพิจารณาถึงส่วนรวมแล้ว นับจากวันนี้ไป ฉินมั่วจะไม่ได้มียศในกองทัพอีก แล้วจะไม่มีเข้าร่วมปฏิบัติการณ์อื่นๆ ด้วย ถ้าเขาติดต่อพวกนาย จำไว้ว่าห้ามบอกข้อมูลภายในต่อเขาเด็ดขาด แล้วรีบแจ้งเบื้องบนทันที”

เจ้าชายน้อยนั่งซึม ทำไมถึงเป็นแบบนี้ หากไม่มีบอส ภารกิจในครั้งนี้ไม่มีวันสำเร็จแน่ แต่ผลสุดท้ายก็คือ บอสถูกปลด ไม่เพียงแค่โดนไล่ออก ยังถูกตั้งเป้าว่าเป็นตัวอันตรายด้วย

“ทำไม?” เป็นครั้งแรกที่เจ้าชายน้อยที่อยู่ในตำแหน่งทหารไม่ตอบรับคำสั่ง

ท่านผู้บัญชาการนั่งที่เดิม รับไม่ได้เหมือนกัน แต่ต้องแจกแจงสาเหตุ “เขาได้รับการฝังคำสั่งทางจิตอย่างรุนแรง เขาในตอนนี้ต่างไปจากเมื่อก่อนมาก พฤติกรรมอันตรายสูง ถ้าพวกนายได้ข่าวอะไรมา เราก็จะได้พาเขาไปรักษาตัวในที่ที่จัดให้เป็นพิเศษ สร้างสภาวะทางจิตให้เขาใหม่”

“เขาเป็นนักจิตวิทยาที่ดีที่สุดในประเทศนะครับ” คุณหมอเอ่ยขึ้น “แล้วท่านจะให้ใครเป็นคนสร้างสภาวะทางจิตใหม่ให้บอสครับ”

ท่านผู้บัญชาการอึ้ง “ในบ้านเราคงไม่มี ต้องไปเมืองนอกเท่านั้น”

“ผมเข้าใจแล้ว” คุณหมอยิ้ม แต่สีหน้าไร้ความอบอุ่น

ท่านผู้บัญชาการรับรู้ถึงอาการต่อต้านของทหารเหล่านี้ แต่เพราะไม่ใช่ทหารที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของตน แถมเพิ่งจะสร้างความดีความชอบได้ เขาจะไปสั่งการอะไรย่อมไม่ดี ถึงเวลาก็โอนกลับไปให้ท่านเสธฉินละกัน

อันที่จริง ท่านผู้บัญชาการไม่เข้าใจ การจะยกให้ใครดูแลย่อมไม่มีประโยชน์ ทั้งคุณหมอทหาร นายพราน เขี้ยวเงิน นักมายากล เจ้าอ้วน ล้วนแต่ผ่านประสบการณ์เมื่อครั้งนั้นมาแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง

ครั้งที่แล้วโชคยังดีที่พอบอสฟื้นขึ้น ก็แค่เสียความทรงจำแค่บางส่วน ถึงสภาพจิตใจจะไม่มั่นคง แต่ก็ไม่เหมือนครั้งนี้ที่กลายเป็นคนละคน

“หนีไปได้ก็ดี” คุณหมอนิ่งเงียบอยู่นาน จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น “ถ้าบอสอยู่กับคนนั้น มันย่อมดีกว่าถูกขังเพื่อเข้ารับการรักษาเยอะ”

คนอย่างบอสจะยอมให้คนที่อยู่ในเขตรักษาคุมตัวไว้ แล้วลดความทระนงของตัวเองได้อย่างไร ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละ ถึงจะดีต่อเขา

เจ้าชายน้อยรู้ดีว่าต้องคำนึงถึงส่วนรวม เห็นว่าทางกองทัพจัดการเช่นนี้ถือว่าดีแล้ว แต่ยังควบคุมจิตใจตัวเองไม่ได้ ทุกข์ทรมานจนนวดศีรษะตัวเอง ก่อนจะฝังใบหน้าไว้บนฝ่ามือตน เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจได้สักทีว่าทำไมคนพวกนี้ถึงชอบจอมมารมาก

หลายต่อหลายครั้ง หากไม่เป็นเพราะบอสอยู่ด้วย พวกเขาต้องถูกจับได้ตั้งนานแล้ว

ไม่ว่าชายหนุ่มต้องประสบกับอะไร ล้วนแต่คำนึงที่จะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ ทว่า เขาช่วยเหลือคนมามากมาย กลับไม่มีใครรู้สักคน ถึงขั้นที่ลงเอยด้วยการถูกทอดทิ้ง คิดได้เพียงเท่านี้ เจ้าชายน้อยก็ทึ้งศีรษะตัวเอง

“ถึงบอสจะติดต่อมา ฉันก็จะไม่บอกใครว่าเขาอยู่ที่ไหน” เจ้าอ้วนเอ่ยปากด้วยเสียงอันดัง “ขอแค่เขาไม่ฆ่าใคร ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไง เขาจะเป็นหัวหน้าของฉัน และเป็นตลอดไปด้วย”

…………………………………………….

1699-4 vs 1700-1 vs 1700-2

ตอนที่ 1699-4

มิคาเอลคิดว่าทั้งสองจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดกาล จนเมื่อโลกสวรรค์ได้รับสารจากโลกมนุษย์ เกิดสงครามครั้งใหญ่ที่สุด ลูซิเฟอร์ที่ท่านรักที่สุดก็ทำการโหมเพลิงสงครามจนกลายเป็นคนละคน

ตั้งแต่นั่นเป็นต้นมา เวลาที่มิคาเอลจับอาวุธเข้าสู้ จึงเหลือเพียงความเย็นชา แม้จะอยู่ในสถานะสูงส่ง แต่ก็ฆ่าคนได้อย่างง่ายดาย ซึ่งฉินมั่วในเวลานี้ ก็คล้ายกับมิคาเอลนั่นแหละ

ภายใต้แสงตะวันรอน ฉินมั่วนั่งกลางเรืออย่างไม่สนใจว่ามือตัวเองเปื้อนเลือดมากแค่ไหน แสงตะวันที่หลงเหลือบนฟากฟ้าได้ย้อมนัยน์ตาเขาให้แดงจัด

คำว่าสง่า ลึกลับ สูงส่ง ยังคงเหมาะที่จะบรรยายตัวเขาเหมือนเดิม ทว่า ใครก็ตามที่ได้เห็นเขาในเวลานี้ก็จะรู้ว่า นี่ไม่ใช่ฉินมั่วที่พวกเขาเคยรู้จัก

ชายหนุ่มหันหน้ามาราวกับดื่มด่ำความมืดที่กำลังเข้ามาเยือน ทำให้สปีดโบ้ทลำอื่นที่เข้ามาช่วยเหลือถึงกับลังเล

และในเวลาเดียวกัน คลื่นก็ซัดเข้ามา

รถแลมโบกินี่ มูร์เซียราโก้คันดำผงาดขึ้นเหนือน้ำ

ผู้คนล้วนเห็นจากที่ไกลๆ ว่า เด็กนั่นถอดแว่นตากันน้ำออก เส้นผมสั้นเซอร์ที่ยังมีน้ำเกาะอยู่ กำลังถูกฉินมั่วที่นั่งบนเรือยื่นมือบีบคอ

ห้วงเวลาดังกล่าว ทุกๆ คนต่างสะดุดลมหายใจ คุณชายถังที่อยู่ด้านหน้าสุด รู้ถึงปัญหาทันที “คำสั่งที่ฝังทางจิตของฉินมั่วถูกปลุกออกมาใช้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว”

ทางเบื้องบนออกคำสั่งมาแล้วว่า หากฉินมั่วตกอยู่ในสภาพที่ควบคุมไม่ได้ พวกเขาจะต้องพาตัวกลับไปแล้วให้ทางเบื้องบนตัดสินใจเอง

แต่จะจัดการได้อย่างไร เพราะตอนนี้พวกเขาไม่มีใครกล้าเข้าใกล้สักคน และชายหนุ่มดูน่ากลัวมาก!

ฉินมั่วมองดูป๋อจิ่วที่อยู่ใกล้ แล้วค่อยๆ ยิ้มออกมา ยิ้มที่เหี้ยมเกรียมและร้ายกาจ “เป็นเหยื่อที่เสนอหน้ามาตายเหรอ?”

ป๋อจิ่วเริ่มหายใจไม่ออก สายตาเธอตกอยู่ที่แววตาที่เหมือนไม่เคยรู้จักมาก่อน รู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดหัวใจ แต่มุมปากยังคงหยัดยิ้ม พูดออกมาอย่างลำบาก “พี่มั่ว ถึงพี่จะลืมฉันตอนเด็กก็แล้วไปเถอะ ทำไมยังลืมฉันในตอนโตด้วยล่ะ”

“พี่มั่ว?” ฉินมั่วเข้าไปใกล้ป๋อจิ่วอีก “ฉันจะมีน้องชายที่เตี้ยขนาดนี้ได้ไง แค่โกหกยังทำไม่ได้เลย?”

อันที่จริง ชายหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองว่า แค่เห็นอีกฝ่ายทรมาน เขาก็รีบปล่อยมือทันทีราวกับต้องมนต์

ช่างเถอะ เด็กคนนี้จะทำอะไรเขาได้ เพราะหากลองตุกติกสิ เขาจะปาดคอมันด้วยไพ่นี่แหละ ทว่าฉินมั่วกลับคิดไม่ถึงว่า เขาเพิ่งจะปล่อยเจ้าเด็กนี่ แต่อีกฝ่ายกลับกอดเขาไว้แน่น เอ่ยเสียงต่ำที่แหบพร่า “พี่มั่ว ครั้งนี้ฉันจะเป็นฝ่ายพาพี่กลับบ้านเอง”

………………………………………………

ตอนที่ 1700-1 หวาน เราเป็นแฟนกัน

กลับบ้านเหรอ? ฉินมั่วกวาดตามองคนที่กอดตัวเองอยู่ ก่อนจะยื่นมือเชยคางอีกฝ่าย

เด็กนี่น่าสนใจดีแฮะ ไม่เห็นหรือว่ามือเขาเปื้อนเลือด? ไม่เห็นเหรอว่าตรงนั้นมีคนนอนตายอยู่ ที่มีเลือดมากมาย แค่ดูก็รู้ว่า มันมาจากพวกคนที่ถูกเขาฆ่า กระทั่งสปีดโบ้ทลำอื่นบนทะเลสาบ ยังไม่กล้าเข้าใกล้เขาเลย เด็กนี่กลับวิ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย มันคิดอะไรกันแน่?

ฉินมั่วมองหน้าป๋อจิ่วอย่างพินิจ ก่อนจะเอ่ยช้าๆ “พวกที่อยู่ข้างหลังนาย ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ฉันเลยสักคน”

เวลานี้ ป๋อจิ่วยืนกราน “ฉันไม่ใช่พวกเดียวกับพวกเขา เพราะฉันไม่ใช่คนดี”

เสี้ยวหน้าของฉินมั่วไม่บ่งบอกอารมณ์ใดใด โดยเฉพาะในเวลานี้ มุมปากของเขายกยิ้ม ไพ่ยังไม่หลุดจากนิ้วมือ เขาไม่เชื่อคำพูดของป๋อจิ่วอย่างเห็นได้ชัด

“เมื่อกี้เรียกฉันว่าพี่ เป็นน้องชายฉันเหรอ?”

“เปล่า”

เดิมที่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะยอมรับ เพราะจะได้ลดความระแวงของเขาได้ แต่ฉินมั่วไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ คิ้วเรียวได้รูปกำลังเลิกขึ้น ก็เห็นป๋อจิ่วโน้มตัวมาหา ริมปากสีอ่อนแตะบนเรียวปากของเขา

ฉินมั่วผงะ รับรู้ได้ถึงลมหายใจของตัวอีกฝ่าย รวมถึงความนุ่มเย็นนิดๆ แฝงมาด้วยกลิ่นอมยิ้มที่โชยเข้าเรียวปากของเขา มันช่างอบอุ่นจนทำให้เขาไม่ผลักไสอีกฝ่าย

จากนั้น เขาจึงได้ยินเสียงเด็กนี่พูด “ก็ฉันเป็นป๋าของพี่ เราเป็นคนรักกัน”

ฉินมั่วได้ยินแล้วผงะอีกหน หลุบมองมุมปากที่ยกยิ้มของอีกฝ่าย ก่อนจะกดศีรษะอีกฝ่าย ก้มตัวนิดๆ ลมหายใจของเขาไล้ผ่านริมหูเธอ “หมายความว่าฉันไม่แค่ชอบผู้ชาย แต่ยังโดนผู้ชายเหมาเลี้ยงด้วย”

“พี่มั่วอ่ะ” ป๋อจิ่วหัวเราะ ไม่ปฏิเสธอีกฝ่าย แต่จับมือเขามาแปะหน้าอกตัวเอง ความนุ่มหยุ่นใต้ฝ่ามือทำให้ฉินมั่วถึงกับนิ้วเกร็ง ขมวดคิ้วหน่อยๆ เป็นเด็กผู้หญิงหรือนี่ ทำไมถึงใจกล้าหน้าไม่อายขนาดนี้? แต่อีกฝ่ายทำตัวราวเป็นสาวน้อยก๋ากั่น ไม่คิดว่าตัวเองหน้าไม่อาย โฉบเข้าใกล้ปลายจมูกเขา “พี่ชอบที่สุดนี่”

น่าสนใจแฮะ ฉินมั่วรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ จึงค่อยๆ ยักคิ้ว “อันที่จริง ฉันไม่ชอบแบบใหญ่ๆ นักหรอก ว่าแต่ความน้อยนิดที่เธอมีแล้ว ท่าจะไม่มีอะไรเด่นเลย”

ป๋อจิ่ว… ทำไมพอท่านเทพกลายเป็นมารแล้ว ยังไม่ลืมความปากเป็นพิษอีกนะ?

“แต่ เรื่องการพิสูจน์สินค้านี่ คงต้องทำแบบนี้ถึงจะรู้ว่าเราชอบหรือเปล่า” ฉินมั่วกระชากอีกฝ่ายให้มาอยู่ในอ้อมกอด ภายใต้เสื้อกันลมตัวดำที่กางกั้น เขาล้วงเข้าไปในเสื้อเธอ ลูบเอวบางที่น้อยคนจะไม่ชอบ เอวของเธอนุ่มลื่นขาวเนียนราวกับหยกชั้นเยี่ยม

วินาทีที่ได้สัมผัส ฉินมั่วก็หลงใหลทันที แววตาเขาขรึมลง ราวกับรังเกียจอิทธิพลของอีกฝ่ายที่ส่งผลต่อเขา แล้วดึงตัวป๋อจิ่วไปยังตำแหน่งที่ปลอดภัย

“ทำไมเหรอ?” เธอหน้าแดงหน่อยๆ เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำเมื่อครู่ ทำให้หูเธอร้อนรุ่มเลยทีเดียว

ฉินมั่วเห็นภาพตรงหน้า ยิ้มขึ้น ก้นบึ้งนัยน์ตาเต็มได้ด้วยรังสีอันตราย “ในเมื่อเธอเป็นป๋าสายเปย์ของฉัน สปีดโบ้ทพวกนั้นก็ควรจะให้เธอเป็นคนไล่ออกไป จริงไหม?”

ป๋อจิ่วสังเกตเห็นว่าเขาระแวงชุดทหาร แถมแววตาลุ่มลึกของชายหนุ่ม ยังฉายแววความโหดเป็นระยะๆ  อันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากปกติ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังคงเป็นเขา

“ทำไม?” ฉินทั่วทัดผมให้เธอ หัวเราะเบาๆ “ไม่อยากทำงั้นเหรอ? ไหนบอกว่าเป็นคนรักกันไง แค่เรื่องนี้ก็ทำไม่ได้”

 ………………………………

ตอนที่ 1700-2 หวาน เราเป็นแฟนกัน

ป๋อจิ่วจ้องเขา ด้วยแววตาใสแจ๋ว แฝงด้วยความฉลาดล้นเหลือ “ถ้าพี่ต้องการ ย่อมได้” ว่าแล้ว เธอก็หันไปสบตาคนที่อยู่หัวเรืออีกลำ แววตาของชายผู้นั้นไม่แฝงแววออกคำสั่งเลยตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้

ทว่าป๋อจิ่วยังไม่ทันเอ่ย เสียงอีกฝ่ายก็ดังขึ้น “ฉินมั่วจะต้องตามพวกเรากลับไป ส่วนเรื่องที่เหลือจะมีคนจัดการเอง” อันเป็นการปฏิเสธสิ่งที่ป๋อจิ่วปรารถนา

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ “คุณชายถัง คุณน่าจะเข้าใจว่าฉันคงจะมอบเขาในสภาพแบบนี้ให้คุณไม่ได้หรอก” ป๋อจิ่วรู้ดีว่า หากชายหนุ่มกลับไปกับพวกทหาร ก็จะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แต่เรื่องสภาพจิตใจล่ะ อาจจะเกิดผลเหมือนเมื่อตอนนั้น ฉินมั่วในเวลานี้ไม่เหมาะที่จะมีตำแหน่งทางทหารต่อไป เมื่อพิจารณาด้านความปลอดภัยต่อทุกคน พวกเขาจะให้ชายหนุ่มกลับเมืองเจียงเฉิงอีกครั้ง หลายสิ่งหลายอย่างที่ฉินมั่วทุ่มเทลงไป ยอมกระทั่งทิ้งอีสปอร์ตที่รักอย่างไม่เสียดาย ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพทแบบนี้อีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดกลับถูกกระทำเช่นนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่ใช่ฉินมั่วที่เป็นปกติ

ทางทหารไม่ผิดหรอก เพราะเขาในเวลานี้น่ากลัวเกินไป หากบอกว่าคิงใช้เวลาสั้นๆ ในการสะกดจิตแต่เขาในเวลานี้ กลับความสามารถทุกชนิดต่อการควบคุมจิตใจของคน

การป้องกันการตรวจสอบ ความสามารถในการสู้รบ การยิงไกล กระทั่งปฏิกิริยาทั้งหมดทางด้านร่างกาย ล้วนแสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มคุ้นเคยต่อการสู้รบของทหารอย่างยิ่งยวด

คนเก่งเช่นเขา ในทันทีที่กลายสภาพเป็นคนร้าย ย่อมทำให้ฝ่ายทหารระแวง

ป๋อจิ่วไม่เชื่อใคร นอกจากตัวเองเท่านั้น เธอกลัว กลัวพวกเขาจะหาว่า ชายหนุ่มกลายเป็นคนโรคจิตเหมือนคิง แล้วเอาเขาไปดูแลในที่ที่ปลอดภัย ให้ความเป็นอยู่อย่างดี แต่ออกไปไหนไม่ได้

นั่นไม่ใช่สัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอ สัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเธอเป็นดั่งเจ้าชายน้อยมาตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งหยิ่ง ไม่แคร์ใคร แถมยังเป็นคนยุติธรรม เขาเหมาะที่จะอยู่บนแท่นท่านเทพเป็นที่สุด เขาไม่ควรจะแปดเปื้อนต่อสิ่งใดมาตั้งแต่แรก แล้วเธอจะอนุญาตให้คนอื่นทำเหมือนเขาเป็นตัวเชื้อโรคที่ต้องโดนกักกันได้ย่างไร ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็เถอะ

“ฉันจะพาตัวเขาไป” ป๋อจิ่วมองร่างนั้น ค่อยๆ ยิ้ม “ถ้าวิธีนิ่มนวลใช้ไม่ได้ผล ฉันยังพอจะมีวิธีอื่น เชื่อว่าคุณชายถังคงไม่อยากเป็นศัตรูกับฉัน”

ชายหนุ่มไม่ขยับ เอ่ยเสียงเรียบ “Z คุณเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าคุณพาตัวเขาไป จะเกิดอะไรขึ้น ทางทหารจะประกาศจับคุณ ซึ่งมันก็ไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือ คุณมั่นใจเหรอว่าเขาไม่ได้มีอะไรแอบแฝง คุณน่าจะรู้ดีว่าเขาในเวลานี้น่ากลัวแค่ไหน ไม่แน่ว่าพอคุณพาตัวเขาไป เขาก็จะควบคุมคุณให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการนะ”

ฉินมั่วหัวเราะ ไม่คิดเลยว่าฝั่งนั้นจะมีคนฉลาดมากอย่างนี้ ท่าทางแผนการของเขาคงไม่สำเร็จ…

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็รับผิดชอบได้ทั้งนั้น ฉันเคยบอกแล้วว่า ครั้งนี้ฉันจะขอพาเขากลับบ้านเอง”

ฉินมั่วได้ยินแล้วถึงกับตะลึงทั้งร่าง ค่อยๆ หันไปมองป๋อจิ่ว แววตาลุ่มลึกของเขาแฝงไปด้วยอารมณ์อื่นๆ  หมายความว่าเจ้าเด็กนี่รู้แผนการของเขาแล้ว มิน่าล่ะ ถึงได้พูดว่า “ถ้าพี่ต้องการ ก็ได้” ยังจะตอบรับในสิ่งที่เขาต้องการอีก

โง่หรือเปล่า?

………………………………

1699-1 vs 1699-2 vs 1699-3

ตอนที่ 1699-1

เสียงล่องลอยนั่น เหมือนน้ำในทะเลสาบที่ท่วมประสาทสัมผัสทั้งหมดของฉินมั่ว ความเร็วในการพูด น้ำเสียง และเนื้อหาที่กรอกเข้าสมอง

คิงกำลังสะกดจิต มองดูร่างสูงตระหง่านตรงหน้าที่หยุดการกระทำ ยกมือลูบศีรษะตัวเอง

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ยิงไปสองนัด ป๋อจิ่วก็กระโดดออกมาจากทุ่งดอกไม้ เพราะเธอเห็นฉินมั่วบนสปีดโบ้ท วิธีเดียวที่เธอจะไล่ทันคือรถแลมโบกินีที่เธอซ่อนไว้ในที่ที่ห่างจากนี้ไปถึงหกร้อยเมตร ซึ่งไม่มีวันที่จะไม่มีใครเห็นเธอ

เมื่อเธอวิ่งผ่านไป เจ้าชายน้อยเห็นตัวแล้วผงะขึ้นมาทันที “เจ้าดำน้อย! เจ้าดำน้อยจริงๆ ด้วย” จากนั้นเขาจึงได้เห็นชุดและปืนไรเฟิลในมือของป๋อจิ่ว และนึกถึงตำแหน่งของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ แววตาตะลึงโดยพลัน “เป็นเจ้าดำน้อย คนที่ช่วยเราไว้คือเจ้าดำน้อย”

ส่วนคุณหมอทหารเห็นหน้าของป๋อจิ่วเช่นกัน คงเพราะเจ้าหล่อนกลิ้งเกลือกบนพุ่มหญ้า ทำให้สภาพการแปลงโฉมถูกลบเลือน ใบหน้าใสนั่น เห็นแล้วทำให้คนดีใจเป็นพิเศษ คนเหล่านั้นคิดไม่ถึงเช่นกันว่าคนที่ช่วยพวกตนไว้จะเป็นป๋อจิ่ว!

โดยท่ามกลางคนเหล่านั้น เจ้าอ้วนถือว่าช็อกมากที่สุด เขาอ้าปากร้องตะโกน “แบล็กพีช! มิน่าล่ะ เขาถึงได้เห็นจุดแดงเมื่อครู่นี้ เพราะเธออยู่ที่นี่นั่นเอง!

เจ้าอ้วนบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร เพราะไม่มีใครหรอกที่จะกล้าเข้าถ้ำเสือเพื่อช่วยบอส ทั้งยังพลิกกระดานรบด้วยฝีมือตัวเองเพียงคนเดียว มันทำให้เขานึกถึงวันเวลาที่อยู่ในทีมไดมอนด์ เขาเคยมองดูเด็กคนนี้ที่แบกรับความกดดันทั้งปวง พาทีมไดมอนด์แหวกวงล้อมแห่งอุปสรรค แต่…คนแบบนี้อาจกลับเข้าสู่สนามแข่งต่อไม่ได้อีกต่อไป แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เธอยังปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ทั้งที่สามารถอยู่คนเดียวได้สบายๆ กลับยังอุตส่าห์มาช่วยบอสในที่ที่อันตรายแบบนี้ เพราะพวกเขายังต้องช่วยเหลือคนอื่นๆ ออกไป

เจ้าอ้วนไม่กลัวอะไรสักอย่าง กลัวแต่จะไม่ทันการณ์ คุณหมอก็เช่นกัน หลังจากที่เห็นหน้าเธอ เขารีบตะโกนไปยังทะเลสาบ “บอส คนที่สำคัญที่สุดของคุณยังมีชีวิตอยู่!” แต่ไร้ประโยชน์ เพราะสปีดโบ้ทลอยออกไปไกลแล้ว ตอนนี้เห็นแค่พวกเขาหยุดอยู่กับที่อย่างลางเลือน ส่วนจะเกิดเรื่องอะไรก็ไม่มีใครรู้

เสียง ‘สวบ!’ ดังขึ้น ป๋อจิ่วรื้อใบตองที่คลุมรถของเธออยู่ “รหัสเสียงเปิดล็อก”

เมื่อประตูเปิดออก ระบบจีพีเอสเริ่มทำงาน เดิมทีเสี่ยวเฮยคิดจะเหน็บแนมเจ้านายตัวเองสักหน่อย แต่เมื่อได้ยินเสียงป๋อจิ่วดังขั้น “เปลี่ยนไปใช้ระบบดำน้ำ เดี๋ยวนี้”

“เริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบดำน้ำ” ระบบจีพีเอสสะบัดคลื่น “แต่ปริมาณน้ำมันไม่น่าจะพอ เจ้านายต้องระวังว่าพวกเราอาจกลับมาไม่ได้”

ป๋อจิ่วสวมแว่นตากันน้ำ “ช่างมัน”

“ได้ครับ” เสี่ยวเฮยได้ยินแล้ว รู้ทันทีว่าเจ้านายสูญเสียความเยือกเย็นในยามปกติ ไม่งั้นคงไม่ตัดสินใจออกรถ โดยไม่เป็นห่วงเรื่องน้ำมันหรอก

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสีหน้าของเจ้าหล่อนที่ผุดขึ้นมาระหว่างที่กำพวงมาลัยพาตัวรถดำลงไปในน้ำ

มันไม่เหมือนตัวเธอในยามปกติ ทั้งยังทำให้คนสงสาร

เสี่ยวเฮยได้ยินเสียงเธอ ดูเหมือนจะร้อนใจมาก เธอกำลังพูดว่า “พี่มั่ว รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยว เดี๋ยวฉันจะไปถึงแล้ว”

………………………………

ตอนที่ 1699-2

เสี่ยวเฮยไม่เข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ มันได้แค่มอง

หากคนคนหนึ่งชอบคนอีกคนมาก คนคนนั้นย่อมต้องกลัวความสูญเสียเป็นที่สุด

บนสปีดโบ้ทเหนือผืนน้ำ คิงก้าวไปข้างหน้า สองตาจ้องแววตาที่ไร้แสงของฉินมั่ว “ผมมีรีโมทเครื่องหนึ่ง แค่กดปุ่มแดง ก็ทำลายพวกคนที่ฆ่าคนรักของคุณได้ส่วนหนึ่งทันที สำหรับคนที่เหลือ คุณลองค่อยๆ หาละกัน”

ฉินมั่วในเวลานี้ เหมือนต้องมนต์สะกด แววตาไร้อารมณ์มองดูสีสันที่สดใสที่สุด

“เอาสิ คุณต่างหากที่มีสิทธิ์พิพากษาชีวิตคนพวกนั้น” คิงยังคงสุภาพ ด้วยฉากสำคัญกำลังจะเกิดขึ้น เพราะหากกดปุ่มนั่น กระท่อมไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากสปีดโบ้ทก็ระเบิด เพราะมีระเบิดฝังไว้มากมาย พวกทหารจีนที่ทำลายแผนเขา รวมถึงพวกที่ไม่ยอมตกเป็นเชลย จะต้องถูกฝังไปพร้อมๆ กับทุ่งดอกไม้นั่น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ฉินมั่วเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง แค่อย่างหลังนี้เขาก็ถือว่าชนะแล้ว

ใช่ ตั้งแต่แรกเริ่ม คิงวางแผนจะให้เป็นแบบนี้ เขาไม่สนใจลูกน้องพวกนั้นหรอก แม้การหาลูกน้องที่ใช้ได้คล่องมือ ย่อมยากลำบาก แต่ขอแค่ได้ฉินมั่วมาทดแทนเป็นพอ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ คิงก็ยิ้มหนักขึ้น ฉินมั่วยื่นมือออกมาราวกับได้รับคำสั่ง ในขณะที่คิงคิดว่าอีกฝ่ายจะกดปุ่ม กลับได้ยินเสียง ‘จ๋อม’

รีโมทถูกโยนทิ้งลงน้ำ โดยฉินมั่วยังคงยืนที่เดิม สายลมจากผืนน้ำพัดเสื้อกันลมตัวดำ ทำให้เขาดูเหมือนแวมไพร์ที่จะออกอาละวาด มุมปากของเขาผุดยิ้มชั่วร้าย ราวกับเย้ยหยันโลก ทั้งเฉยชาและเหี้ยมเกรียม

คิงหน้าถอดสีทันที! เพราะเห็นฉินมั่วในตอนนี้แล้ว ทำให้เขานึกถึงบทความด้านจิตวิทยาบทความหนึ่ง ว่าด้วย คนที่ได้รับการกระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิต ส่วนใหญ่จะเกิดความเคารพนบนอบในตัวอาจารย์ที่ชี้นำอย่างเป็นธรรมชาติ แต่จะมี 1% ที่เมื่อความศรัทธาของเขาสูงในระดับหนึ่ง เจ้าตัวจะไม่ศรัทธาต่อตัวอาจารย์ แล้วยิ่งจะ…

คิงไม่อยากจะคิดต่อไป จึงยกมือคิดจะยิงอีกฝ่าย ในเมื่อทำให้เชื่องไม่ได้ ก็ต้องกำจัดมันทิ้งไว้ที่นี่

ฉินมั่วจะให้โอกาสฝ่ายนั้นได้อย่างไร ไพ่ในมือเขาบินออกไปอย่างเร็วและรุนแรงกว่าครั้งที่แล้วอีก

เมื่อโดนไพ่กรีดข้อมือ คิงก็เจ็บปวดจนโซเซ ลูกกระสุนวิ่งมาจากด้านข้าง พุ่งตรงเข้าที่ทหารรับจ้างที่คิดตัวจะสกัดฉินมั่วไว้อย่างเหมาะเหม็ง

สองตาของคิงเบิกกว้าง เขารู้ดีถึงความร้ายกาจของชายหนุ่ม แต่ไม่รู้ว่าความอดทนเส้นสุดท้ายของชายหนุ่มอยู่ที่ตรงไหน ซึ่งเขาได้เห็นแล้วในครั้งนี้ อันเป็นครั้งเดียวกันกับที่เขาได้เห็นนรกของแท้

ฉินมั่วในเวลานี้ ไม่มีห่วงอะไรอีกแล้ว เพราะไม่มีห่วงนี้แหละ เขาจึงคิดเพียงแค่

ฆ่า!

ฆ่า!

ฆ่าพวกมันให้ตาย!

โดยเฉพาะมัน!

หลายคนเคยบอกว่ามือคู่นี้ของฉินมั่วเล่นเกมได้เก่ง จะต้องบรรเลงเปียโนได้ไพเราะแน่ กลับไม่รู้ว่ามือคู่นี้ของฉินมั่วที่เย็นยะเยือกราวเครื่องกระเบื้องเคลือบคู่นี้ เวลาหยิบไพ่ฆ่าคนทีไร เรียกได้ว่าน่าตะลึงเลยทีเดียว

ในฐานะที่กลายเป็นเหยื่อ คิงหัวใจเต้นเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เวลานี้แววตาของเขาร้อนรน ความสุภาพในยามปกติหายไปจากสีหน้า เขากดมือตัวเอง คิดจะรีบเก็บปืนขึ้นมา แต่ฉินมั่วเดินมาตรงหน้าเขาแล้ว แววตาลุ่มลึกเหมือนที่ได้พบกันเป็นครั้งแรกก็จริง ทว่าความระยิบระยับที่แฝงในแววตาดังกล่าว ออกจะเหี้ยมหน่อยๆ

 ………………………………

ตอนที่ 1699-3

“อาจารย์พูดไม่ผิด พวกมันสมควรตาย แต่คนที่สมควรตายมากที่สุดก็คือตัวอาจารย์เองนั่นแหละ” ฉินมั่วหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ เวลาที่หัวเราะ รอยเลือดยังคงทิ้งคราบบริเวณใต้ดวงตา ดูสวยอย่างไม่มีสิ่งใดมาเทียบเทียม “ดูเหมือนแกคิดจะควบคุมฉันมาโดยตลอดเลยสินะ บทความวิชาที่ที่เรียนมาไม่ได้สอนให้แกรู้เหรอว่า เมื่อสิ่งมีชีวิตถูกต้อนจนถึงที่สุด ผลจะเป็นในทางตรงกันข้าม”

ขณะพูด ไพ่ของฉินมั่วก็ปักเข้าที่ลำคอ

“ฉันเสียใจจริงๆ” คิงพูด มีดโผล่มากลางอุ้งมือ ไม่รอให้ฉินมั่วระวังตัวก็พุ่งเข้าไปหมายจะแทงอีกฝ่าย

ฉินมั่วหลบทัน หันสีข้างเตะจนอีกฝ่ายล้มนอนบนเรือ แววตาของคิงสั่นไหว เพราะรู้ตัวถึงวาระสุดท้าย ซึ่งหากเป็นฉินมั่วในอดีต อย่างน้อยก็ไม่เป็นถึงขั้นนี้

แต่คิงหัวเราะเสียงต่ำ แววตาเหมือนจะเปล่งแสงแห่งความชั่วออกมา “ฉินมั่ว แกกลายเป็นฉันอีกคนไปแล้ว คิดว่าตัวแกจะรอดจากการต่อสู้กันในครั้งนี้เหรอ? ต่อให้ฉันตาย แกก็แพ้อยู่ดี”

“แกยังเวิ่นเว้อเหมือนเมื่อตอนเป็นอาจารย์เลยนะ” ฉินมั่วกระชากอีกฝ่าย แววตาเริ่มแดงจัด “ในเมื่อแกชอบน้ำมากอย่างนี้ ก็ใช้วิธีที่แกถนัดละกัน ฉันจะถ่วงแกให้จมน้ำ สบายใจได้ ฉันจะไม่ทำให้แกสลบหรอก ฉันควรจะค่อยๆ ดูแกค่อยๆ จมน้ำตาย สนุกดีออก”

สีหน้าของคิงแสดงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยให้ฉินมั่วยิงเสียยังจะดีกว่า ไม่คิดเลยว่ามันจะใช้วิธีนี้  ทำให้เขาช่วยตัวเองไม่ได้ทั้งที่มีสติอยู่ครบถ้วน       มันอยากให้เขาลิ้มรสความทรมานที่คนคนนั้นเคยประสบใช่ไหม

คิงจะสู้ หากแต่เมื่อแพ้สงครามประสาทแล้ว เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอะไรที่จะเอาชนะฉินมั่วได้อีก ด้วยเวลาเพียงสองวินาที คิงก็รับรู้ว่ามีอะไรบางอย่างปาดเข้าที่ข้อมือ คนที่เคยมีประสบการณ์ ย่อมรู้ดีว่า เมื่อข้อมือถูกปาดแล้วถูกโยนลงน้ำจะเป็นอย่างไร ยิ่งพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด เลือดก็ยิ่งไหลเร็วมากขึ้น แถมขาทั้งสองก็ถูกถ่วงด้วยของหนักๆ

เสียงของหนักตกน้ำที่น่าหดหู่ ส่งผลคิงไม่มีโอกาสได้โผล่ขึ้นเหนือน้ำ นอกจากจะก้มตัวแกะของที่ถ่วงขาออก แต่เหมือนที่บอกไปนั่นแหละว่าการขยับปัดป่ายมือกลางน้ำในเวลาอย่างนี้จะทำให้เลือดไหลเร็วขึ้น แถมความเจ็บปวดที่เกิดจากการเสียเลือดทำให้เขาไม่มีแรงแกะเงื่อนที่มัดตาย

พวกนักจิตวิทยาชั้นสูงล้วนเคยเรียนวิชาแก้เงื่อน แต่ครั้งนี้คิงทำไม่ไหว ตอนแรกๆ เขาพยายามดิ้นรน จนเมื่อหายใจไม่ได้ เลือดก็ลอยกระจายบนผืนน้ำทะเลสาบ จนนิ้วของเขาหยุดนิ่ง ร่างถึงค่อยๆ  ดิ่งลงใต้น้ำในที่สุด

สปีดโบ้ทหยุดแล่นแล้ว ฉินมั่วยืนที่เดิมด้วยอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนต้องทรุดตัวนั่ง นัยน์ตาชายหนุ่มเริ่มแดงจัด

เคยได้ยินเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งไหม ว่ากันว่าทูตสวรรค์มิคาเอลในพระคัมภีร์ที่ดูแลโลกสวรรค์ ท่านสูงส่งดั่งหิมะ เป็นเจ้าของความงดงามที่เหนือใคร เป็นเกียรติยศแห่งสรวงสวรรค์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าในขณะที่ท่านจัดระเบียบโลกมนุษย์อยู่นั้นได้สูญเสียความรู้สึกไป

มีครั้งหนึ่งที่ท่านยอมสละเลือดเนื้อเพื่อช่วยคน แต่กลับโดนแว้งกัด ท่านจึงเข้าใจแล้วว่า มนุษย์ก็เป็นเสียอย่างนี้  เพราะท่านเคยประจักษ์ถึงความชั่วร้ายทั้งปวง

ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน ต่อให้ต้องไปบรรยายธรรมในโลกหลังความตาย ชุดนักรบบนร่างของท่านก็ไม่เคยแปดเปื้อนความโสโครก

จนเมื่อได้เจอคนคนหนึ่ง คนคนนั้นก็คือลูซิเฟอร์ผู้เป็นเทพสวรรค์ที่แหกกฎสวรรค์และแสนจะตกต่ำ  มิคาเอลก็กลับมามีความรู้สึก

เริ่มจากรำคาญ ต่อมาก็อยากเจอ เพราะลูซิเฟอร์ตามรังควาญท่านก่อน ตอนนั้นลูซิเฟอร์ยังไม่มีความคิดชั่วร้าย นอนอยู่ในอ้อมกอดของท่านราวกับเป็นมารน้อยที่ว่านอนสอนง่าย

……………………………….

1698-1 vs 1698-2

ตอนที่ 1698-1

 “แม่งเอ๊ย มีมือยิงไกลด้วย!” แค่ชั่วอึดใจ ทหารรับจ้างก็ระส่ำไม่เป็นท่า ลองนึกภาพเลือดกระจายไปทั่ว สิ ขนาดแมงป่องพิษเองยังไม่รู้ว่าตัวเองตายได้อย่างไร อยู่ๆ ก็หงายหลังทั้งที่ยังแบกปืนยิงระเบิดไว้บนบ่า

แต่มันก็ยังไม่จบ บริเวณจุดสูงสุดของทุ่งดอกไม้ ร่างหนึ่งหมอบคลานอยู่โดยแบกปืนไรเฟิลไว้บนบ่า เส้นผมปรกลงบนหน้าผาก เหลือเพียงดวงตา เธอหายใจช้าๆ แต่กลับยิงปืนได้เร็ว

เธอเล็งอย่างแม่นยำ ยิงได้เด็ดขาด

ปัง! เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด ทหารรับจ้างที่ถือปืนกลยังไม่ทันได้ทำอะไร เครื่องบินรบก็เตรียมลงสู่พื้น!

เจ้าชายน้อยที่คิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ เบิกตากว้าง เริ่มดูด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอย่างเหลือเชื่อ “มีคนช่วยพวกเรา? หรือว่าเป็นพวกเดียวกับเราที่คิงยังไม่ทันกำจัดทิ้ง?”

“ไม่น่าจะใช่” คุณหมอทหารได้รับข้อมูลมาก่อน เท่าที่เขารู้ สายลับที่ถูกส่งมาล้วนถูกคิงขังเรียบร้อยแล้ว ถ้าเช่นนั้น เสียงปืนสองนัดนั่นมาจากไหน?

ส่วนเจ้าอ้วนที่มาพร้อมกับเครื่องบินรบ เริ่มสงสัยตั้งแต่ที่เห็นจุดแดงแล้ว พอได้ยินเสียงปืนดังสองนัด ก็เชื่ออย่างที่ใจคิดว่านอกจากบอสแล้วยังมีทีมอื่นอยู่ด้วย แล้วคนคนนั้นเป็นใครกัน?

โปรดให้อภัยในความไม่ค่อยชาญฉลาดของเจ้าอ้วนที่คิดอะไรไม่ออก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความอับจนหนทางในตอนแรก เริ่มจะเปลี่ยนไปในแนวทางที่ดี

เมื่อเครื่องบินลำแรกลงจอดได้ ลำที่สองก็ตามมา พวกทหารรับจ้างที่สาดกระสุนอย่างไร้ทิศทางเมื่อครู่นี้ เริ่มจะเปลี่ยนวิธีการรบ เพราะรู้ดีว่าหากปล่อยให้เครื่องบินรบลงจอด ทหารจีนจะต้องเอาคืนพวกตนแน่

ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นมาจากกระสุนสองนัดนั่น ทหารชุดเขียวมากมายทำการยึดครองพื้นที่การรบอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเจ้าชายน้อยแย่งปืนของตนเองกลับมาได้ ก็เคลื่อนตัวเข้าไปราวกับเป็นมังกร ฝีมือการต่อสู้แบบผสมผสานได้ถูกนำมาใช้งานอย่างสมบูรณ์

รอจนเมื่อเงยหน้ามองทุ่งดอกไม้ ก็ไม่เห็นร่างที่ว่านั่นแล้ว

ไปไหนเนี่ย? เจ้าชายน้อยสงสัยนักว่าใครเป็นคนมาช่วยพวกตน

ส่วนอีกด้านหนึ่ง คิงรับรู้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป แววตาถึงกับเคร่งเครียด กำมือแน่น ดูไม่สบายเรื่อยเอื่อยเหมือนเมื่อครู่ ออกจะเดือดดาลมากกว่า “ออกเรือ!”

“ครับ” คนที่รับผิดชอบเรื่องหางเสือก็ออกแรงสตาร์ทเครื่องยนต์ ทหารรับจ้างสามคนที่นั่งตรงหัวเรือ กำลังออกแรงผลัก

เมื่อมองดูผิวน้ำที่สปีดโบ้ทแหวกผ่านไป คิงก็คลายมือลง แต่ไม่ทันได้ยิ้ม ไพ่สองใบก็คร่าชีวิตลูกน้องของเขาถึงสองคน

ฝีมือฉินมั่วนั่นเอง!

เวลานี้ การตกแต่งเปลี่ยนโฉมของเขาลบเลือนออกไปแล้ว เขาในชุดกันลมดูเหมือนปีศาจที่ผุดมาจากนรก แถมควันไฟที่อยู่ด้านหลัง รวมถึงไพ่ในมือ ทำให้รู้สึกได้ถึงอันตรายชนิดทำลายร้างชีวิต ส่งผลให้เจ้าทหารรับจ้างร่างใหญ่ถอยหลังอัตโนมัติ

………………………………

 ตอนที่ 1698-2

ในขณะที่เรือสปีดโบ้ทเพิ่มความเร็วขึ้น ชายหนุ่มก็เหยียบซากศพบนริมน้ำ ส่งตัวเองขึ้นหัวเรือ ส่วนคิงนั่งอยู่ท้องเรือ มองดูเส้นผมที่ปรกลงมาของฉินมั่ว ก่อนจะหัวเราะเสียงหนัก “เจ็บปวดมากใช่ไหม? ฉินมั่ว คุณเป็นนักเรียนของผม เรื่องการวิจัยทางจิตวิทยา ผมไม่เคยแพ้คุณ ฉะนั้นอย่าดิ้นรนต่อสู้ไปเลย มองดูทะเลสาบนี่สิ เหมือนกับที่คุณเคยเจอมาก่อนใช่ไหม จะว่าไปคุณไม่เคยปกป้องคนที่ตัวเองชอบได้เลยสักครั้ง เหมือนเป็นเพราะความรับผิดชอบที่คุณต้องแบกรับนั่นแหละ ยังจำได้ถึงบทเรียนที่พวกเราเคยเรียนไหม คนก็ย่อมเห็นแก่ตัว ถ้าคุณไม่เห็นแก่ตัวก็ปกป้องคนที่ตัวเองรักไม่ได้  เพราะโลกนี้มักจะมีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ทำตัวให้อยู่ในทำนองคลองธรรม อยากรู้ไหมว่าทำไมผมถึงรู้เรื่องคนรักของคุณ? เพราะหล่อนได้รับอิทธิพลจากคุณมาไง คิดจะช่วยสาวกของผม แต่น่าเสียดายที่สาวกของผมคนนั้นไม่สนใจอะไร หวังจะให้ตัวเองได้เป็นที่สนใจจากคนอื่น กว่าจะเลือกเขาได้มันไม่ง่ายเลยนะ

คนจีนชอบพูดกันนักไม่ใช่เหรอ ให้มองดูตัวตนของคนผ่านการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเขา พอรู้ว่าเขาอยู่ฝ่ายพวกลอกผลงาน ไม่สนว่าใครเป็นเจ้าของตัวจริง แถมยังโพสต์ในอินเทอร์เน็ตว่าตัวเองฉลาดมากมายขนาดไหน ผมก็เล็งให้เขามาเป็นสาวก และมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย คนแบบนั้นขอให้คุณให้โอกาสเขายืนต่อหน้าทุกคน เขาย่อมทำได้ทุกอย่าง รวมถึงขายคนที่อยากปกป้องตัวเขาเพราะความสงสาร ก็เจ้าเด็กของคุณที่พยายามแฝงตัวเข้ามาสู้กับผมในโรงเรียนนั่นแหละ แต่น่าเสียดาย ในบางเรื่อง ผมก็ชื่นชมเขานะ เช่น การที่เขาพยายามเอาชีวิตรอดในสระน้ำนั่น…”

มันเป็นการใบ้กลายๆ ซึ่งหากฉินมั่วอยู่ในภาวะที่มีสติก็คงไม่เชื่อ แต่เวลานี้เขาไม่ค่อยมีสติ อันที่จริง ตอนที่เห็นป๋อจิ่วแตะแก้วน้ำนั่น ปราการป้องกันในหัวใจของเขาเริ่มพังทลาย แต่ตอนนั้น ความศรัทธายังรั้งเขาไว้ ความศรัทธาที่ว่าก็คือการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ

คนอย่างคิงคงไม่มีวันเข้าใจ สำหรับทหารจีน โดยเฉพาะฉินมั่วด้วยแล้ว ความศรัทธาหมายถึงอะไร? มันหมายถึงแม้คำสั่งที่ฝังทางจิตจะถูกปลุกขึ้นมา แต่ไม่มีวันละทิ้งไป

คิงเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของฉินมั่ว บวกกับมือที่ชายหนุ่มปล่อยให้ตกข้างตัวกำแน่นขึ้น คิงก็ยิ่งดีใจหนัก

เวลานี้เรือออกห่างจากฝั่งได้ระยะหนึ่งแล้ว เขาเชื่อว่าไม่มีใครตามพวกเขาทัน

เช่นเดียวกัน เขายังเชื่อว่าฉินมั่วไม่มีวันลงมือกับเขาแน่นอน ขอแค่เขาพยายามชักจูงจิตใจคนที่ใกล้จะสิ้นสติ ความแหลมคมของชายหนุ่มจะถูกเขาใช้เป็นเครื่องมือ!

คิงรอวันนี้มานานมากแล้ว วันที่ฉินมั่วถูกเขาใช้ แค่คิดก็ระงับความตื่นเต้นไว้แทบไม่ไหว

สภาวะของคิงเห็นได้เด่นชัด เขาพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง คิดจะพูดให้ช้าลงเพื่อจะชักจูงให้ได้ผลดี “คุณลองคิดดูสิว่า คนพวกนั้นมีค่าให้คุณช่วยเหรอ? นอกจากจะทำให้คุณต้องเสียคนที่สำคัญที่สุดแล้ว ยังให้อะไรคุณบ้าง? ฉินมั่ว คุณสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองได้ คุณเป็นคุณชายสูงศักดิ์มาตั้งแต่เกิด ทำไมจะต้องเลือกเดินเส้นทางที่ยากลำบากด้วย ขอแค่คุณโยนสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องยึดถือทิ้ง คนรักของคุณก็จะไม่จากไป ผมรู้ว่าตอนนี้คุณอยากแก้แค้นหนัก พวกคนที่ทำให้คุณต้องเสียเขาไป แต่ละคนมันเป็นแค่ก้อนขยะ ถ้าจะกำจัดพวกมันทิ้ง ก็ไม่เห็นว่าจะผิดตรงไหน คนพวกนั้นสมควรตายให้หมด จริงไหม?”

………………………………

1696-3 vs 1697

ตอนที่ 1696-3

พวกมันหลอกเขาอย่างไม่กลัวต่อสิ่งใด! ไอ้คุณชายรองมันไม่ใช้ลูกเศรษฐีที่ชอบอวดรวยด้วยการประดับทองหยองทั่วตัวสักหน่อย มันแค่สวมส่วนประกอบอาวุธไว้ต่างหาก เพราะเอามาประกอบเป็นปืนได้!

แมงป่องคิดไม่ถึง เพราะบุคลิกภายนอกของเจ้าคุณชายรองมันตรึงตาตรึงใจมาก อีกทั้งแผนการของฉินมั่วลึกซึ้งจนคนรอบด้านยากที่จะเดาออก มันกลายเป็นความผิดพลาดของแมงป่องพิษอย่างมหันต์ และยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ฝ่ายนั้นวางแผนมาเป็นอย่างดี ราวถึงการปลอมตัวในแต่ละบทบาท ล้วนแต่ตีบทแตก

แมงป่องพิษรู้ได้โดยใช้เวลาไม่นานว่า คนพวกนี้ต่างจากพวกกลุ่มคนที่เข้ามาก่อนหน้านั้น!

“อ๊าก!”  แมงป่องพิษร้องตะโกนออกไป เล็งปืนไปที่จุดหนึ่ง “พวกแกเป็นใครกันแน่”

แววตาฉินมั่วถมึงทึงขึ้นเรื่อยๆ กระสุนที่วิ่งผ่านริมหู เหมือนทำให้เขาได้สติขึ้น ก่อนจะเงยหน้า เอ่ยแค่ “ทหารจีน”

คำตอบสั้นๆ แต่กลับไหลเวียนทั่วกระแสเลือด ส่งผลให้เจ้าชายน้อยยืนพรวด รับปืนที่เขี้ยวเงินส่งมาให้ ยิงใส่ทหารรับจ้างที่เข้ามาทางฝั่งขวา

ฝ่ายศัตรูล้มลงไปสามคนแล้ว แต่ฝั่งฉินมั่วกลับปลอดภัย

คิงมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเหี้ยม “ปืนยิงระเบิด”

“ครับ” แมงป่องพิษตาเป็นประกาย ก่อนจะผลักคนข้างๆ แล้วหยิบปืนยิงระเบิดที่เหมือนท่อยาวๆ มาวางไว้ที่บ่า และยิงออกไป ซึ่งโดนเครื่องเก็บเกี่ยว  ส่งผลให้เครื่องนั่นแตกออก คนที่หลบอยู่ด้านหลังพลอยโดนแรงระเบิดกระเด็นออกไป

แต่ในเวลานี้นี่เอง ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างมองขึ้นฟ้า

1 2 3 4… เครื่องบินรบทั้งหมด 18 ลำซึ่งปักธงชาติจีนไว้ ทะยานแหวกกลุ่มเมฆ แสดงแสนยานุภาพด้วยการพุ่งมาอยู่ตรงหน้า

ครั้งนี้ไม่มีการเตือนอีกต่อไป เมื่อมีหลักฐานที่ฉินมั่วรวมรวมมาได้ ก็พอที่จะทำให้พวกเขาข้ามแดนรบ

แต่ความเป็นความตายของคิง จะต้องให้ฝ่ายจีนพาตัวไปจัดการที่ประเทศตัวเอง เพราะหากคนคนนี้ตกอยู่ในมือคนอื่น ย่อมไม่มีใครรู้ว่า ครั้งนี้จะเหมือนครั้งที่แล้วหรือไม่ ที่มีคนใช้ติดต่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับบุคคลชั้นนำ ปล่อยตัวคิงกลับมาอีก

หากพิจารณาจากคดีที่แล้วๆ มา รัฐบาลภายในประเทศ M และ T ต่างมีปัญหาภายใน นี่แหละเป็นเหตุที่คิงกล้าเหิมเกริม

เมื่อเครื่องบินรบชี้ตำแหน่ง พลังอำนาจย่อมมหาศาล ทว่าคิงกลับไม่ได้มีสีหน้าร้อนรน “พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก เพราะเราฝังระเบิดไว้ด้านล่าง เกิดทิ้งระเบิดลงมาสักลูก คนที่ตายจะไม่ใช่แค่พวกเรา”

ซึ่งเป็นเช่นนั้นจริงๆ เครื่องบินรบไม่กล้าส่องเรดาร์

นั่นเพียงพอต่อการที่แมงป่องพิษจะยิ้ม มันยกปืนกลยิ่งไปที่ปีกเครื่องบิน

บึ้ม! ปีกหลังของเครื่องบินลำหนึ่งได้รับความเสียหาย จนเสียสมดุล

ท่ามกลางควันปืนที่กระจายเต็มไปหมด คิงเช็ดแว่นตาตัวเอง แล้วสวมกลับเข้าไปใหม่ นัยน์ตาเขาจ้องยังแววตาอีกคู่ที่อยู่หลังเครื่องเก็บเกี่ยว มุมปากแฝงรอยยิ้ม “ประธานหรง อ้อ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่านักเรียนฉิน คุณคงรู้ล่ะสิว่าผมเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมานานแล้ว คุณเป็นนักเรียนที่ผมชอบที่สุด น่าเสียดายที่เราเจอหน้ากันทีต้องเลือดล้างตากันแบบนี้ เมื่อกี้ตอนที่ดูคลิปอยู่ คุณไม่แสดงอาการอะไรเลยนะ หลอกผมเสียหมดจดเลย แต่ฉินมั่ว…ลองถามใจตัวเองดูสิว่า มันไม่ส่งผลกับคุณเลยเหรอ?”

………………………………………………

ตอนที่ 1697

คำพูดของคิงทำให้คุณหมอทหารใจเต้นแรง หันกลับมาทันที เพราะท่าท่างของบอส ทำให้เขามองไม่เห็นว่าชายหนุ่มมีสีหน้าอย่างไร ทว่าใจกลับไม่สงบขึ้นมาอย่างประหลาดชนิดที่อธิบายไม่ถูก เพราะท่ายืนของอีกฝ่ายทำให้เขาหนาวขึ้นมาทันที แม้ว่าฉินมั่วยืนที่เดิม ทั้งยังถือปืนไว้ในมือ ราวกับไม่ว่ารอบข้างจะเปลี่ยนมากแค่ไหนก็ไม่ส่งผลอะไรต่อเขา

ทว่าคุณหมอทราบดูว่ามันผิดปกติอย่างรุนแรง! บอสไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ซึ่งคิงน่าจะจับปัญหานี้ได้ก่อนหน้าเขา

และเป็นเช่นนั้นจริงๆ ยิ่งดูฉินมั่ว มุมปากที่กดยิ้มของคิงก็ลึกขึ้นเรื่อยๆ “กว่าจะได้เจอหน้ากันก็ไม่ง่ายเลยนะ แต่จะต้องจากกันเสียแล้ว อันที่จริงผมยังอยากนั่งคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องหัวข้อที่ผมเคยบรรยายอยู่เลย เชื่อว่าหลังจากวันนี้ คุณคงคิดไม่เหมือนเดิมแน่” คิงยกข้อมือดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ “แต่มันก็สมควรแก่เวลาแล้ว แมงป่องจะอยู่สนุกกับพวกคุณที่นี่ แล้วเราค่อยเจอกันในครั้งหน้านะ” พูดจบก็ส่งสัญญาณมือให้ทหารรับจ้าง โดยมีคนสตาร์ทสปีดโบ้ทที่ริมทะเลสาบทันที

คนที่ปฏิบัติภารกิจต่างรู้ดีว่าจะปล่อยให้คิงหนีไปไม่ได้ เพราะหากมันหนีเข้าเขตประเทศ T แล้วถูกตำรวจฝ่ายนั้นจับได้ ย่อมหลุดจากขอบเขตการบังคับทางกฎหมายของจีน แต่ควันปืนบนพื้นราบรุนแรงมาก ทั้งเครื่องบินรบเองยังต้องคำนึงถึงระเบิดที่ฝังอยู่ จึงไม่กล้ายิง และหากเข้าใกล้ก็อาจโดนยิงที่ปีกเครื่องได้ เรื่องนี้ทำให้ทุกคนไม่กล้าลงมือเต็มกำลัง

ฉินมั่วยังคงยืนที่เดิม แววตาสะท้อนภาพแผ่นหลังของคิง เสื้อกาวน์บนตัวมันสะบัด และความทรงจำที่ย้อนกลับมาทำให้แววตาของเขาขรึมหนัก

เขี้ยวเงินเห็นบอสก้าวออกไป ก็หันหลังทำการป้องกันให้เขา

ฉินมั่วลงมือว่องไว แต่ร่างกลับเย็นยะเยือก

ในระหว่างที่ทหารรับจ้างจะยิงเขา ไพ่แข็งพลันบินออกไปด้วยความเร็วเหนือกระสุนปืน ปักเข้าที่ศีรษะอีกฝ่าย โดยไพ่นั่นเป็นของฉินมั่ว ทว่าวิธีฆ่าคนแบบนี้ เหมือนเล่นมายากล

ในระหว่างที่ทุกคนไม่ได้สังเกต ผิวที่ถูกไพ่ปักก็เกิดเลือดไหล

เวลานี้ คิงเตรียมจะขึ้นเรือแล้ว แต่เมื่อหันไปมองคนที่ติดตามตัวเองมา ท่าทางนั่นดูเร่งรีบ แต่กลับไม่สั่งให้ยั้งตัวฉินมั่วไว้อย่างคาดไม่ถึง เหมือนจงใจให้ชายหนุ่มติดตามตัวเองไป

 เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกฉินมั่วว่า “บอส” คิงก็หรี่ตาลง “ให้แมงป่องระเบิดเครื่องเก็บเกี่ยวนั่นซะ คนข้างหลังได้ยินแล้วรำคาญหูชะมัด”

มาสิ ฉินมั่ว! รออีกนิด! เดี๋ยวนายก็จะเป็นงานชั้นยอดที่ฉันรังสรรค์ขึ้น เชื่อว่าถึงเวลานั้น นายจะต้องเรียกฉันว่าอาจารย์อย่างเต็มใจแน่

คิงหัวเราะ พลางก้าวขาขึ้นเรือ

ฝ่ายทหารรับจ้างยืนที่ริมน้ำ รูปร่างของมันแข็งแรง จับหูฟังแล้วพูดขึ้นว่า “คิงสั่งให้คุณเก็บทหารหน่วยพิเศษพวกนั้น”

แมงป่องพิษหัวเราะ ปรับตำแหน่งปืนยิงระเบิดอีกครั้ง “ฉันจะจัดการเดี๋ยวนี้แหละ” ฝ่ายเจ้าชายน้อยหันไปมองก็รู้เจตนาของฝ่ายตรงข้าม กำลังจะผลักเขี้ยวเงินที่อยู่ใกล้ตัวเองออกไป

มุมปากของแมงป่องพิษกดลึกขึ้นเรื่อยๆ รังสีอำมหิตเต็มเปี่ยม “ไปตายซะ”

ทว่าระหว่างที่กำลังจะลั่นไก

“ปัง!” ไม่รู้ว่าเสียงปืนโหดนั่นดังมาจากไหน กระสุนก็วิ่งแหวกกระแสลมตรงเข้าหน้าผากแมงป่องเข้าอย่างจัง นัดเดียวจอด!

…………………………………………….

1696-1 vs 1696-2

ตอนที่ 1696-1

แต่ป๋อจิ่วในเวลานี้กลับไม่รู้ว่าฉินมั่วกำลังผจญกับอะไรอยู่ เพราะกว่าหน่วยสนับสนุนจะเข้าไปถึง ยังต้องใช้เวลาอีกสิบนาที โดยสิบนาทีที่ว่านี้ ฉินมั่วพยายามข่มภาพดังกล่าว แต่กลับรู้สึกวูบโหวงในอกอย่างรุนแรง ไม่มีใครสังเกตเห็นแววตาที่มืดมนลงของเขา กระทั่งคิงยังแค่ทุ่มเทความเป็นไปของฝั่งฝานเจีย “เป็นยังไงบ้าง?”

“อาจารย์สบายใจได้ค่ะ ห้องควบคุมทำงานเป็นปกติ”

“งั้นก็ดี” คิงหัวเราะ ก่อนจะพาพวกฉินมั่วไปยังริมทะเลสาบ ดอกฝิ่นบานสะพรั่งมากที่สุดในบริเวณดังกล่าว ซึ่งกำลังให้ผลผลิตใหม่ล่าสุดที่สามารถทำให้มันส์ยิ่งกว่าพัดลมหมุนเสียอีก นั่นก็คือลูกอมชนิดหนึ่งนั่นเอง หรืออาจเรียกได้ว่า เป็นการแปลงโฉมให้เป็นลูกอม ซึ่งเจ้าชายน้อยเห็นแล้ว หนังตากระตุกเลยทีเดียว

ดูเหมือนคิงจะสาสมแก่ใจที่เห็นอีกฝ่ายตกตะลึง ก่อนจะอรรถาธิบาย “นี่เป็นการแปลงโฉมที่สมบูรณ์ที่สุด พอจะเอาเข้าแผ่นดินจีนก็ง่าย พวกเครื่องเขียนยังเสี่ยงที่จะถูกตรวจสอบ แต่ลูกอมปลอมนี่ไม่เหมือนกัน แถมตอนนี้ตลาดในจีนเอง พวกสถานบันเทิงดังๆ ก็กำลังนิยมลูกอมนี่ แต่ทางโน้นตรวจตราเข้มงวดไปหน่อย บางคนบอกว่าขายยาก ถ้าตระกูลหรงมีช่องทางก็เยี่ยมเลย”

เวลานี้ เจ้าชายน้อยดีใจสุดๆ เพราะพวกเขาสามารถติดต่อคิงได้ก่อนที่มันจะถูกขายออกไป

ไอ้บ้านี่มันเลวบัดซบ มันคงไม่มีมโนธรรมกระทั่งไม่รู้ว่าอะไรควรขาย อะไรไม่ควรขาย

ของพวกนี้ ถ้าหากหลงเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ตเข้าล่ะ? พวกเด็กน้อยคงพลาดกินด้วยความไร้เดียงสา เจ้าชายน้อยนึกภาพนั่นแทบไม่ออกเลย นี่ คิงคิดจะใช้ยาเสพติดมาควบคุมชีวิตคนทั้งหมดเหรอ

“ทำไม? คุณชายรองไม่ชอบการปลอมแปลงแบบนี้เหรอฮะ?” คิงยังคงสำรวจต่อ มองดูสีหน้าอีกฝ่ายด้วยความเคร่งขรึม

ห้วงเวลานั้น ทุกคนต่างได้กลิ่นบางอย่าง พวกเขาเผลอให้เกิดช่องโหว่ขึ้น ส่งผลให้คิงระแวงทันที!

ในเวลาเดียวกัน ฝานเจียที่วางสาย ก็มองดูคอมพิวเตอร์หมายเลข 2 ถึงสามนาทีเต็ม ออกปากขึ้นมาทันที “เขาไปเข้าห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไร”

 “ประมาณสิบห้านาทีแล้วครับ” เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคอีกคนขมวดคิ้วเช่นกัน “เกิดอะไรขึ้น ทำไมไปนานจัง?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝานเจียไม่โง่ สัญชาตญาณบอกเธอว่า เกิดเรื่องขึ้นแล้ว! เธอรีบหันหลังก้าวเท้ายาวๆ ไปยังห้องน้ำ โดยมีกลุ่มทหารรับจ้างเดินนำไปก่อน เมื่อตรวจสอบชั้นลอยอันเป็นห้องสุดท้าย ก็หันหน้ามารายงาน ข้างในมีคนครับ”

ฝานเจียหรี่ตา “ถีบประตู”

“ครับ” ทหารรับจ้างมีพลังทำลายร้างสูง ถีบครั้งเดียวก็ได้ยินเสียงดัง ประตูไม้ถูกเปิดออกในที่สุด

ในนั้นมีคนจริงๆ อันได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคที่ถูกทำร้ายจนหมดสติกับเด็กชายที่ถูกเข็มฉีดยาปักเข้ากลางศีรษะ มันแสดงถึงอะไร ต่างรู้กันทั่วหน้า ฝานเจียรีบโทรหาคิงทันทีโดยไม่ลังเล

“ฮัลโหล” สายตาของคิงยังจับจ้องใบหน้าเจ้าชายน้อย มันซ่อนเร้นจนคนมองไม่เห็นร่องรอย

เธอเอ่ยเสียงร้อนรน “อาจารย์คะ มีคนเข้าไปในห้องควบคุม พวกที่เข้ามาคุยธุรกิจมีปัญหาแน่นอน”

………………………………………………

ตอนที่ 1696-2

คิงได้ยินแล้ว ถึงกับกำมือแน่น แต่ไม่มีใครเห็น เขาหันไปยิ้มอย่างสุภาพยิ่งขึ้น ร่างในชุดกาวน์ไม่ปรากฏความอำมหิตสักนิด “ฉันรู้แล้ว ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก เตรียมทางนั้นให้เรียบร้อยแล้วก็มาที่นี่ ฉันยังต้องคุยเรื่องสินค้าตัวใหม่กับประธานหรงอีก”

ฝานเจียติดตามคิงมานาน ย่อมเข้าใจทันทีที่ได้ยิน คนของฝ่ายโน้นยังอยู่ ทั้งๆ ที่รู้แต่อาจารย์ก็ทำราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น เพราะคิดต้อนอีกฝ่ายเข้าสู่มุมอับ แล้วบีบพวกมันให้แหลกเป็นผุยผง!

พวกมันไม่กลัวตายหรือไง มากันระลอกแล้วระลอกเล่า แค่ฉลาดกว่าเดิมหน่อย แล้วจะยังไง เพราะต้องตายทั้งหมดอยู่ดี! ฝานเจียแค้นที่สุดที่จับตัวไอ้เด็กที่อยู่ในคลิปนั่นไม่ได้ ไม่งั้นเธอคงทำให้มันติดยาจนไม่เหลือสภาพคนอีกต่อไป ดียิ่งกว่าที่จะให้มันลาโลกสบายๆ เป็นไหนๆ

อีกด้านหนึ่ง คิงวางสายแล้ว เงยหน้ามองกลุ่มแขก “ดูกันมาตั้งนาน ทุกคนคงจะหิวแล้ว เราไปทานข้าวพลางดูสินค้าใหม่พลางกันเถอะ แมงป่องพิษ”

“ครับ” คนถูกเรียกชื่อยังไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น

คิงยิ้มมุมปาก “ไปยกอาหารชั้นดีที่เราชอบเตรียมรับแขกมา ประธานหรงกับคนอื่นๆ จะได้ลองชิม”

แมงป่องพิษผงะ เพราะเข้าใจนัยะซ่อนเร้นทันที แววตาของเขาเริ่มเหี้ยมโหด กวาดตามองพวกเจ้าชายน้อยทีละคนๆ ก่อนจะก้มหน้ารับคำ ‘ครับ’ ทว่าเมื่อหันมาอีกที สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาหันไปมองหน้าทหารรับจ้างที่มองตนเอง แล้วทำมือปาดที่คอ

คิงเดินนำทุกคน ในระหว่างที่เจ้าชายน้อยก้าวเท้าเดินก็เห็นบอสปล่อยมือข้างที่คีบบุหรี่ลง เคาะเบาๆ ที่ต้นขา

ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 เคาะอย่างเร็วและเป็นจังหวะ มันเป็นรหัสที่ใช้บ่อยในสงครามโลกครั้งที่สอง แปลความได้ว่า ‘คิงจะลงมือแล้ว’ ซึ่งไม่ว่านายพรานหรือเขี้ยวเงิน ต่างหาอาวุธทันที

คิงเอ่ยขึ้นอีก “ผมชอบเสน่ห์ของประธานหรงจริงๆ แต่น่าเสียดาย น่าเสียดาย…” ว่าแล้วหันหน้ามา กะจะยกปืนยิง กลับคิดไม่ถึงว่า คนที่เดิมอยู่ข้างตัวเขา กลับหลบได้อย่างรวดเร็ว หันข้างเตะจนปืนในมือเขาร่วงหล่น!

แววตาของคิงเคร่งเครียดทันที ส่วนทหารรับจ้างลกุ่มนั้นสาดกระสุนปืนใส่ ทว่าคนของฉินมั่วต่างเตรียมตัวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยสไลด์ตัวเองไปยังสวนดอกไม้ อาศัยเครื่องเก็บเกี่ยวเป็นตัวกำบังกระสุน

เจ้าชายน้อยเกาะหลบที่ล้อเครื่อง ยังไม่ทันจะได้หายใจ ก็ได้ยินบอสร้องขึ้นว่า “เสื้อนอก” เจ้าชายน้อยรู้ตัว รีบถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วโยนออกไป

ฉินมั่วและเขี้ยวเงินอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน โดยรับเครื่องประดับที่ร่วงลงมา แยกกันจัดการทางฝั่งซ้ายและขวา โดยไม่ถึงยี่สิบวินาที ปืนขนาดเล็กสองด้ามก็ประกอบเสร็จ!

ส่วนข้อมือของเจ้าชายน้อยคือกระสุน ซึ่งมีไม่เยอะ กระสุนสิบนัดก็ถูกแบ่งบรรจุในปืนทั้งสอง

เมื่อเข้ามา พวกนั้นทำการคนตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทั้งนี้แมงป่องพิษตรวจละเอียดขนาดที่ดูที่หูพวกเขาด้วย คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะมีปืน

“ยิงพวกมันเลย พวกมันไม่มีอาวุธ” แมงป่องพิษว่าพลาง ก็ยกปืนของตัวเอง ทว่าเมื่อเขาพูดจบ

เปรี้ยง! ทหารรับจากที่อยู่ใกล้เครื่องเก็บเกี่ยวก็ลงไปนอนกองลงบนพื้น เพราะถูกยิงเข้าที่ศีรษะ

“พวกมันมีพลยิงไกลด้วย” ทหารรับจ้างต่างสบตากัน ก่อนจะกระจายตัวออกไป ทว่ากลับได้ยินเสียงปืนนัดที่สองลอยมา โดยกระสุนนัดหนึ่งทะลุอกพวกมัน

แมงป่องไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเอาปืนมาจากไหน จนกระทั่งเห็นเสื้อหนังสีดำก็ใช้ขาตวัดมันลงถังไม้ด้านข้างอย่างรุนแรง ซึ่งถังนั่นบรรจุดอกฝิ่นเต็มไปหมด!

………………………………………………

1695-2 vs 1695-3 vs 1695-4

ตอนที่ 1695-2

คิงส่งเสียงรับรู้ หันไปหาคนที่นั่งข้างตัว “ประธานหรง ทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง”

“วิธีป้องกันของคุณ ทำให้ผมต้องเตรียมแผนสำรองไว้” ฉินมั่วช้อนสายตามอง “พวกคุณให้พวกเรามารับของในสถานที่แบบนี้ แต่กลับไม่ให้เรารับรู้ที่อยู่ คุณน่าจะรู้ดีนี่ว่า การค้าในวงการแบบนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการฆ่ากันเอง ผมกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แถมคนตระกูลผมนิยมวิธีแบบนี้ รอจนคุยกันลงตัวก่อน แล้วเราจะจ่ายเงินค่ามัดจำที่เหลือ”

ชายหนุ่มว่ามาก็มีเหตุผล คิงรู้ดีว่า คนที่อยู่ในวงการนนี้นานเข้าก็จะระมัดระวังมาก เพราะทุกคนต่างมีโอกาสพลิกเรือในลำน้ำมืดมิดให้คว่ำได้

ฉินมั่วลุกขึ้นยืน หยิบเสื้อตัวนอกขึ้นอย่างสบายๆ “ในเมื่อสินค้าของคุณไม่มีปัญหา งั้นตอนนี้ก็แจ้งที่ปรึกษาได้เลย ให้เขาเอาเงินที่เหลือโอนเข้าบัญชีคิง”

เจ้าชายน้อยแทรกเข้ามาอย่างเหมาะสม “พี่ อย่าลืมสิว่าเราโทรออกไม่ได้ เมื่อกี้ฉันลองแล้ว แต่ที่นี่ไม่มีสัญญาณสักนิด”

“ขอโทษด้วยครับ” คิงพูดกลั้วหัวเราะ “คุณชายรองคงไม่ชิน แต่จะทำยังไงได้ เพราะพื้นที่ของผมก็มีแค่นี้ เอาไว้ทำการค้าเลี้ยงตัวเอง แต่ทางจีนกลับไล่ล่าผมไม่เลิก ผมจำเป็นต้องใช้วิธีนี้เพื่อป้องกันไว้” พูดมาถึงตรงนี้ คิงก็หยุดนิดหนึ่ง “ฝานเจีย เอาโทรศัพท์ของเธอมาให้ประธานหรงหน่อยซิ”

“ค่ะ” ฝานเจียส่งมือถือให้ ในเมื่อชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ฉินมั่ว จึงไม่น่าสนใจสำหรับเธออีกแล้ว ซึ่งฉินมั่วกลับไม่ขยับ เจ้าชายน้อยไม่รู้ว่าบอสเป็นอะไร แต่รู้ว่าหากไม่รับคงไม่ดีแน่ พวกเขาอุตส่าห์ทุ่มเทมาตั้งขนาดนี้ เพื่อมือถือนี้นี่แหละ หนุ่มน้อยจึงยื่นมือรับมือถือมาวางไว้ในอุ้งมือฉินมั่ว “พี่ ติดต่อทางบ้านเหอะ เพราะผมพูดอะไร ที่ปรึกษาไม่ยอมฟังหรอก”

แววตาของฉินมั่วลุ่มลึก เจ้าชายน้อยอ่านอารมณ์ไม่ออก รู้สึกเพียงว่ามันน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก

“อ้อ ติดต่อไปที่บ้าน” ฉินมั่วว่าพลางกดหมายเลขโทรศัพท์

ตื้ด หากว่ากันตามหลัก ในห้องประชุมใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีวันที่จะไม่มีโทรศัพท์หรอก และมือถือเครื่องที่ดังขึ้น กลับเป็นสิ่งที่ทุกคนหวังให้หน้าจอสว่างสักทีเถอะ เพราะตามแผนเดิม ฉินมั่วติดต่อกับเบื้องบนที่เบอร์นี้ ทว่าหน้าจอไม่โชว์หมายเลข ท่านเสธฉินในชุดทหาร ยกมือกดปุ่มรับฟัง

“ฮัลโหล ที่ปรึกษาใช่ไหม?”

หลังจากที่เปิดลำโพง แต่ละคนในห้องประชุมต่างเงียบ เพื่อจะให้ท่านเสธได้คุยอย่างสะดวก เช่นเดียวกัน มีคนทำสัญญาณมือสื่อให้เสาะหาตำแหน่งของปลายสายว่าอยู่ที่ไหน!

ท่านเสธฉินตอบรับเสียงต่ำ “ผมเอง” ซึ่งเสียงนั่นทำให้ฉินมั่วได้สติ “สินค้าไม่มีปัญหา โอนเงินมาได้เลย”

“เบอร์บัญชีล่ะ?”

ใครๆ ก็รู้ว่าคำถามเหล่านี้ไม่สำคัญสักเท่าไร เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาตำแหน่งของกลุ่มปฏิบัติการณ์ให้เจอผ่านการพูดคุยกันในครั้งนี้ต่างหาก เพราะการจะอ่านตัวเลขบัญชี ย่อมต้องใช้เวลา ซึ่งอยู่ในแผนของฉินมั่วมาตั้งแต่แรก เพื่อจะได้ป้องกันฝ่ายตรงข้ามตัดสัญญาณ ส่งผลให้ติดตามตำแหน่งที่อยู่ไม่ได้

เวลานี้ พวกเขาได้เห็นแสงสว่างแล้ว แต่ใครๆ ต่างคิดไม่ถึงว่า แสงนั่นจะมาไวไปไว เพราะเสียงตัดสายดังขึ้น ตู้ดๆๆๆ

…………………………………………………

ตอนที่ 1695-3

“บ้าที่สุด!” ทหารฝ่ายเทคโนโลยีในห้องประชุมโยนหูฟังที่คาดทิ้งไป กำหมัดแน่น “อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะรู้ที่อยู่ของโทรศัพท์เครื่องโน้นแล้ว”

ประธานใหญ่ที่อยู่ในห้องประชุมมองมา ทุกคนล้วนกลัวว่าจะเป็นแบบนี้ “เป็นไงบ้าง?” ซึ่งทหารฝ่ายเทคโนโลยีส่ายหน้า

คนที่มีอำนาจสูงสุดจึงสั่ง “หาตำแหน่งต่อไป!”

ทหารคนนั้นพยายามหาตำแหน่ง แต่รู้ดีว่า เมื่อไม่มีสัญญาณแล้ว ย่อมเสาะหาตำแหน่งไม่ได้ เพราะฝ่ายนั้นไม่ได้แค่ตัดสายง่ายๆ แน่ ต้องโยนซิมการ์ดทิ้งชัวร์

ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ในระหว่างที่ฉินมั่วเอ่ยตัวเลขที่สองขึ้น คิงก็แย่งมือถือไป พูดยิ้มๆ ว่า “เดี๋ยวให้ฝานเจียส่งหมายเลขบัญชีให้ก็แล้วกัน” จากนั้นจึงโยนมือถือไปด้านหลัง โดยฝานเจียรับไว้ ก็แกะซิมการ์ดออกมา

นายพรานกับนักมายากลเห็นแล้ว นิ้วมือเกร็งขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่า ช่วงเวลาสั้นๆ นั้น จะเพียงพอต่อการให้คนของกองทัพหาตำแหน่งของที่นี่หรือไม่  แต่คุณหมอทหารกลับไม่กังวลปัญหาดังกล่าวสักนิด สำคัญที่สุดก็คือบอสต่างหาก

บอสอาจไม่รู้ตัวว่าแสงที่เปล่งประกายจากนัยน์ตาตัวเอง เริ่มจะเปลี่ยนไป บอส…กำลังคิดอะไรอยู่

ฉินมั่วไม่ได้คิดอะไร ฉากแต่ละฉากลอยในสมองเขา ทุกฉากล้วนแต่มีป๋อจิ่ว ภาพสุดท้ายคือภาพที่ป๋อจิ่วผลุบขึ้นผลุบลงอยู่ในน้ำ รวมถึงข้อมือของที่เขาคว้าไม่ทัน

เวลานี้ ทหารฝ่ายเทคโนโลยีที่อยู่นอกห้องประชุมกำลังหาวิธีอย่างสุดความสามารถ ในระหว่างที่เขากำลังรายงานต่อท่านเสธฉินอย่างหมดอาลัยว่า ไม่อาจเกาะตำแหน่งคุณชายได้

ทันใดนั้น! เครือข่ายอินเทอร์เน็ตของเขาก็ปรากฎจุดแดงขึ้น! อันเป็นที่อยู่ที่คุณชายโทรเข้ามาเมื่อครู่นี้

เดี๋ยว!

นี่มัน!

สัญญาเรดาร์!

มีคนเจาะระบบอินเทอร์เน็ตของฝ่ายนั้นได้ จะ จะเป็นไปได้ยังไง? แม้จะไม่กล้าเชื่อ แต่มันเป็นที่อยู่เมื่อครู่นี้จริงๆ ทหารฝ่ายเทคโนโลยีที่อยู่นอกห้องประชุมไม่ลังเล เมื่อเห็นจุดแดงชี้นำก็จับตำแหน่งได้โดยง่าย

ไม่ถึงหนึ่งนาที ทหารคนดังกล่าวร้องตะโกนขึ้น “ท่านครับ สะ…สำเร็จแล้วครับ ตำแหน่งละติจูดที่ 35 องศาเหนือ ละติจูดที่ 47 องศาใต้ครับ” โดยไม่รู้เลยว่า จุดแดงนั่นไม่เพียงแต่จะปรากฏในที่ของเขา คนที่ติดตามฉินมั่ว ล้วนแต่เห็นเช่นกัน เครื่องเจ้าอ้วนก็มี คุณชายถังก็ด้วย

แต่ในชั่วเวลานั้น ทหารสามเหล่าทัพอันได้แก่ ทัพเรือ ทัพบกและทัพอากาศ ล้วนแต่บุกไปยังที่แห่งนั้น

ภายในห้องควบคุมในเกาะดังกล่าว ป๋อจิ่วยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แว่นตายังค้างบนใบหน้า หากดูจากหน้าจอของเธอ จะเห็นว่าเป็นภาพรวมของระบบกล้องวงจรปิดที่นั่น อันที่จริงเธอซ่อนกรอบคำสั่งเอาไว้ โดยพิมพ์โค้ดอย่างไม่หยุดหย่อน เธอไม่ได้ทำการแฮกคอมพิวเตอร์ แต่ปล่อย IP Address ของห้องควบคุมให้ขยายกว้างที่สุด ซึ่งเดิมทีคอมพิวเตอร์ทุกตัวในห้องนั้นก็ใช้ IP Address อันเดียว ทว่าแชร์ได้ในถิ่นนี้เท่านั้น

ตอนนี้เธอขยายขอบเขตการใช้งาน โดยแกะรหัสลับ แล้วสร้างวงคุ้มปลอมเพื่อทำให้ขอบเขตสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างปกติ ทั้งยังส่ง IP Address ออกไปอย่างเงียบๆ ทั้งนี้ป้อมรบกวนสัญญาณยังคงอยู่ มือถือจากข้างนอกจะใช้งานในนี้ไม่ได้

แต่ พวกเขาคิดว่ามันปลอดภัยแล้ว ไม่รู้ตัวเลยว่าตำแหน่งของที่นี่ถูกปล่อยออกไปเรียบร้อย

…………………………………………………

ตอนที่ 1695-4

วันนี้เป็นเพียงวันเดียวที่คิงไม่ได้ไปที่ห้องควบคุม เพราะต้องคุยเรื่องธุรกิจ ไม่นานนัก เขาก็ส่งฝานเจียออกไปดู และในเวลานี้ ป๋อจิ่วเริ่มปรับสภาพและกลบร่องรอย โดยให้การแชร์ IP Address กลับไปอยู่สภาพเดิม จากนั้นก็ลุกขึ้น ดันกรอบแว่นบนหน้า แล้วเดินไปยังห้องน้ำอย่างเป็นปกติ

เมื่อออกมาอีกครั้ง ก็เปลี่ยนไปสวมชุดทหารรับข้าง หิ้วปืนด้วยมือข้างหนึ่ง ป๋อจิ่วคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้ประจันหน้ากับฝานเจีย ยังดีที่หน้าเธอดำ แถมยังมีหนวดด้วย ซึ่งป๋อจิ่วไม่คิดจะหลบ แต่เดินหน้าไปหาอีกฝ่ายราวกับกำลังตรวจตรา

เมื่อทั้งสองเดินสวนกัน ฝานเจียพลันมองป๋อจิ่ว ก่อนจะหรี่ตาลง “เดี๋ยว” ส่งผลให้ป๋อจิ่วชะงักฝีเท้า หันกลับไปช้าๆ เธอกำลังคิดว่า แทงเข็มฉีดยาใส่อีกฝ่ายจะเร็วกว่าหรือยิงประชิดเจ้าหล่อนจะดีกว่า

ดูเหมือนเวลาจะถูกตรึงให้ช้าและนานขึ้น ฝานเจียมองหน้าป๋อจิ่ว ก่อนจะถาม “เห็นคนที่น่าสงสัยเดินมาทางนี้บ้างไหม?”

“ไม่มีครับ” ป๋อจิ่วพูด คลายเข็มฉีดยาในมือลง ทำให้เธอดูกลมกลืนมากขึ้น รอยสักบนหางตาก็เห็นชัดเช่นกัน และเนื่องด้วยฝานเจียมีเรื่องสำคัญกว่าต้องไปจัดการ จึงไม่เสียเวลากับทหารรับจ้างแค่คนเดียว เธอหมุนตัวผลักประตูกระจกให้เปิดออก ซึ่งแม้ป๋อจิ่วยืนข้างนอก แต่พอจะได้ยินเสียงของเจ้าหล่อนอยู่บ้าง

“มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นไหม”

“ไม่มีครับ”

“คนที่นั่งเครื่อง 2 ล่ะ หายไปไหน”

“เมื่อกี้ยังนั่งตรงนี้อยู่เลย สงสัยไปห้องน้ำครับ”

ฝานเจียได้ยินแล้ว เริ่มย่นหัวคิ้ว ก่อนจะเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หมายเลข 2 ทันที เธอตรวจสอบว่าระบบอินเทอร์เน็ตถูกแฮกหรือไม่เป็นสิ่งแรก เช็คว่าระบบป้องกันการบุกรุกทางอินเทอร์เน็ตผิดปกติหรือเปล่า รวมถึงร่องรอยการทำงานของคอมพิวเตอร์ผิดปกติหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่ถือว่าแฮบปี้สักเท่าไร “ต่อไปห้ามใครออกไปอีกนะ เข้าห้องน้ำก็ไม่ได้ เข้าใจไหม?”

“ครับ”

หลังจากที่ได้ยินคำตอบที่ตนต้องการ ฝานเจียก็ทดสอบระบบรบกวนสัญญาณ ซึ่งทุกอย่างอยู่ในภาวะปกติ เวลานั้นเธอยังไม่รู้ว่า ตัวเองพลาดอะไรไป

หากคิงเข้ามาเองอาจจะเห็นสิ่งปกติได้อย่างรวดเร็ว เพราะต่อให้ฝานเจียฉลาดแค่ไหนก็คิดไม่ถึงว่า ห้องควบคุมที่ดูปกติ กลับถูก ‘เล่น’ เรียบร้อย

และตัวการที่ก่อความอันตรายให้ เดินออกไปจากห้องดังกล่าวแล้ว ป๋อจิ่วดึงผ้าปิดหน้าให้กระชับ คงเพราะท่าเดินของพวกทหารรับจ้างดูดิบเถื่อน เดินหิ้วปืนด้วยแววตาอำมหิต ดังนั้นจึงไม่มีใครระแวงตัวเธอ

ป๋อจิ่วเดินต่อไปข้างหน้า ซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ากางเกง เดินผ่านรั้วไปเรื่อยๆ เป้าหมายของเธออยู่ที่กระท่อมไม้ริมแม่น้ำ เธอหันหน้าเท่ๆ ของตัวเองไปอีกทาง ภายใต้ผ้าปิดหน้าคือรอยยิ้มที่ผุดขึ้นอย่างกลั้นไม่ได้

พี่มั่ว เดี๋ยวฉันจะได้เจอพี่แล้ว ถึงเวลานั้น พี่ต้องลูบหัวฉัน แล้วต้องชมฉันด้วยนะ

…………………………………………………

1694-2 vs 1694-3 vs 1695-1

ตอนที่ 1694-2

ป๋อจิ่วสังเกตเห็นว่าที่นี่ไม่มีใครมีมือถือ ขนาดทหารรับจ้างก็ยังไม่มีเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแรงงานปลูกฝิ่น ฉะนั้นการจะเอาที่อยู่ที่นี่แชร์ออกไปอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง ก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์ห้าตัวที่อยู่ในนี้

ป๋อจิ่วหันไปมองพนักงงานฝ่ายเทคนิคที่กำลังทดลองในห้องกระจกกั้น รอจนเมื่อหนึ่งนั้นออกไปทำธุระอย่างอื่น เธอก็เดินตามไป ซึ่งต่อให้ภาพดังกล่าวจะปรากฏในกล้องวงจรปิด ก็ดูไม่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะท่าทางของเธอเหมือนกำลังเดินเวรยามอยู่ ทั้งนี้เธอไม่ได้ลงมือทันที แต่รอจนเมื่อคนคนนั้นเข้าห้องน้ำก่อน แล้วฉวยจังหวะที่คนไม่ได้ระวัง ยกมือขึ้นแทงเข็มฉีดยาอีกฝ่าย ก่อนจะลากไปไว้ที่ชั้นลอย

ป๋อจิ่งสังเกตอากัปกิริยาของคนๆ นั้น หันหน้าไปดึงคอเสื้อ เส้นผมสั้นเซอร์ปรกลงมา งอหลังก่อนจะสะบัดเสื้อตัวบนออกอย่างเท่จนเส้นผมยุ่งเหยิง ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายไว้บนร่าง

เมื่อออกมาอีกครั้ง เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ชนิดที่สลัดคราบเดิมทิ้งจนสิ้น โดยมีแว่นตากรอบดำอยู่บนหน้า เส้นผมแตะน้ำหน่อยๆ ทำให้เหมือนว่าเธอลงน้ำมันที่ผม ทั้งยังสวมเสื้อตัวนอก เธอเดินด้วยกิริยาที่เปลี่ยนไปเหมือนโก่งหลังหน่อยๆ เหมือนพวกผู้ชายที่เอาแต่เล่นคอมพิวเตอร์อยู่กับบ้าน ดูทรงอ่อนแอ ซึ่งหมายความว่าหากมองจากด้านหลัง จะไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าหน้าที่ในนี้เปลี่ยนหน้าไปแล้ว ถือเป็นการปลอมตัวที่สมบูรณ์

แต่เมื่อป๋อจิ่วก้าวเท้าออกเดิน กลับเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังล้างมือพลางจ้องหน้าเธอ เด็กนั้นอายุราวๆ สิบเอ็ดสิบสองปี ด้วยแสงอาทิตย์ที่แรงกล้าทำให้ผิวเขาดำคล้ำ และด้วยสิ่งแวดล้อมที่ขาดแคลน ทำให้เขาดูผอมมาก โดยเฉพาะท่อนแขนที่คนเห็นรู้สึกว่าเขาปวกเปียกเหลือเกิน เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างที่ไม่ทำให้คนรู้สึกกลัว เพราะแววตาของเขาดำขลับปราศจากทุกสิ่ง

ป๋อจิ่วเดินผ่านอีกฝ่ายไป กระจกสะท้อนภาพทเด็กคนนั้นคลำกระเป๋ากางเกงเหมือนจะควักปืน ทันใดนั้นมันก็ควักปืนออกมาจริงๆ ด้วย โดยเล็งปืนไปที่แผ่นหลังของเธอ

พลั่ก!

เด็กนั่นคงไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะระวังตัวเองไว้อยู่ มันยังไม่ทันได้ยิง มีดทหารพลันแทงเข้าที่คอของมัน ไม่มีเสียงใดหลุดออกมาสักนิด นอกจากตาเบิกโพลง แล้วหงายหลังล้มลง

ป๋อจิ่วยื่นมือไปรับร่างอีกฝ่าย แล้วนำร่างที่เริ่มเย็นมาขังรวมกับเจ้าหน้าที่เทคนิคคนเมื่อกี้ แม้ว่าหากคำนวณจากเวลา เขาก็น่าจะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่นั่นเป็นตอนที่เธอเข้าใกล้เด็กชาย พลันเกิดภาพคุ้นตาขึ้นในสมองของเธอ

ในคัมภีร์ศาสนาคริสต์เคยว่าไว้ เวลาที่วิญญาณลอยออกจากตัวคุณไป คุณจะนึกถึงหลายๆ เรื่องที่เคยเกิดขึ้น มันจะฉายอยู่ในสมองของเราเหมือนฉายภาพย้อนหลัง โดยจะฉายครั้งแล้วครั้งเล่าในสมองของคุณ  ซึ่งความทรงจำในบางตอน กลับหายไปจริง ๆ เช่น วิญญาณคุณออกจากร่างได้อย่างไร หรือ เช่น บางเรื่องที่คุณอยากลืม

ดังนั้นถึงได้พูดกันว่า ขจัดทุกสิ่งในชาตินี้ จึงจะตายตาหลับอย่างสบายใจ แต่ห้วงเวลานั้น ก็เหมือนภาพเหล่านั้นจะฉายย้อนกลับ

…………………………………………………..

ตอนที่ 1694-3

ทำไมตอนนั้นเธอถึงตายได้นะ? เพราะเธอใจอ่อนชั่วขณะไง

ตอนนั้นหลังจากที่เธอจัดการคดีหนึ่งได้สำเร็จ ก็ไปเดินถนนที่แสนจะครึกครื้นในโตเกียว ที่นั่นเต็มไปด้วยบรรยากาศการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสมาสต์ ลูกโป่งของเด็กหญิงวัยสิบเอ็ดปีลอยไปติดบนต้นไม้ จึงดึงแขนเสื้อเธอ ถามว่าช่วยเอาลูกโป่งลงมาให้ได้ไหม เวลานั้นป๋อจิ่วไม่ได้ระวังว่าเมื่อเธอระหว่างที่หันหลังไปหยิบให้ จะมีปืนที่เด็กสาวควักออกมาจ่ออยู่ มันเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้

คิงเก่งฉกาจด้านการเลี้ยงปีศาจ

ป๋อจิ่วย่อมไม่ปล่อยให้ตัวเองผิดพลาดซ้ำเป็นครั้งที่สอง เพราะเธอได้เรียนรู้หลายสิ่งจากท่านเทพ ทำให้สังเกตอันตรายจากเด็กชายคนดังกล่าวได้

อายุน้อย ๆ นี่แหละที่ทำร้ายคนได้น่ากลัว เด็กที่ใช้ชีวิตรอดในสถานที่แห่งนี้ย่อมไม่กระจอก ยิ่งที่นี่มีคิง อยู่ด้วย

ป๋อจิ่วปาดคราบเลือดบนหน้า เธอรู้ดีว่า หากคนอื่น ๆ เข้ามา เช่น เจ้าชายน้อย จะต้องไม่กล้าลงมือโหดเหี้ยมแน่ แต่เธอไม่เหมือนพวกเขา เพราะหัวใจของเธอมันดำมืดเสียแล้ว แค่บางครั้ง เธอกลับมาใสสะอาดได้เพราะใครคนหนึ่ง

ป๋อจิ่วจัดแจงเสื้อตัวนอกให้เรียบร้อย เมื่อเดินออกจากห้องน้ำ หลังก็โก่งลง ซึ่งเหมาะกับสถานะตัวเองในเวลานี้มาก

เนื่องจากในห้องน้ำไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ดังนั้นห้องควบคุมจึงไม่เห็นสิ่งผิดปกติ แม้ว่าในระหว่างนั้น ฝานเจียจะมาดูกล้องบ้าง ก็ยังไม่รู้ว่ามีป๋อจิ่วที่ปลอมตัวแฝงมาด้วย เพราะฝานเจียไม่ใช่คิง และยิ่งไม่ใช่ฉินมั่ว เมื่อภาพที่อยู่ต่างสถานที่ต่าง ๆ ปรากฎออกมา เจ้าหล่อนจะเห็นเพียงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างเด่นชัด การปลอมตัวที่แอบเข้ามาเช่นนี้ หากไม่จงใจหา แค่มองผ่าน ๆ ก็ยากที่จะเดาปัญหาที่ซุกซ่อนออก

แถมป๋อจิ่วก็ไม่ได้ซี้ซั้วเลือกคน แต่สำรวจอยู่พอควร ก่อนจะเลือกลงมือกับคนที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับตัวเอง

ด้วยเหตุที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคแต่ละคนต่างจับจ้องหน้าจอของตัวเอง ดังนั้นเมื่อป๋อจิ่วนั่งลง คนที่เหลือทั้งสี่ก็ไม่ได้ละจากงานตัวเองหันมาดูเธอ ทว่าเธอจะลงมืออย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ เพราะที่นี่มีกล้องวงจรปิด…

เวลานี้ที่กระท่อมไม้ คลิปฉายภาพคนที่ตกน้ำแล้วพยายามดิ้นรน เหมือนเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งเจ้าชายน้อยยังคงเดาต่อไป ทว่าคุณหมอทหารรู้สึกผิดปกติ มันไม่น่าจะเป็นภาพในกล้องวงจรปิด แต่ทำไมคิงถึงยัดภาพนี้ไว้ในกล้องวงจรปิด

เดี๋ยวก่อน!

น้ำ!

ทุกครั้งที่บอสสะเทือนอารมณ์ มักจะมีเหตุจากน้ำ แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่คนที่แฝงคำสั่งทางจิตย่อมรู้ดี!

ในขณะที่คุณหมอทหารที่กำลังตรวจสินค้าอย่างอื่นกำลังจะเอ่ยขึ้น ฉินมั่วก็ขัดจังหวะอย่างเร็ว “ระดับความบริสุทธิ์เป็นยังไงบ้าง?”

“มากครับ” คุณหมอทหารตอบสั้น ๆ

ฉินมั่วยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะชนแก้วไวน์กับคิง “ขอให้เราร่วมมือกันต่อไปได้อย่างแฮปปี้นะครับ”

“ขอให้ความร่วมมือของเราแฮปปี้” แววตาของคิงขรึมลง ราวกับสำรวจอีกฝ่าย

เวลานี้ ภาพในคลิปเปลี่ยนไป เป็นฉากที่ป๋อจิ่วไปหาคิงที่ปลอมตัวเป็นคุณหมอประจำโรงเรียนตามลำพัง โดยภาพนั่นปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่างชัดแจ๋ว คิงในคลิปภาพดูสง่ามาก เขากำลังวัดอุณหภูมิให้เด็กคนนั้นอย่างสุภาพ ราวกับบอกอะไรบางอย่าง ซึ่งป๋อจิ่วไม่ได้ระแวงสักนิด จากนั้นคิงก็มองดูป๋อจิ่วที่ถูกเช็คอุณหภูมิเสร็จ ก็ลุกขึ้นเดินไปยังข้างตู้น้ำร้อน ไม่มีใครรู้ว่าเขาปรุงยาอะไร

แต่ตอนที่เขาลุกขึ้นมา คุณหมอทหารเองก็เดาได้ว่าหากป๋อจิ่วดื่มลงไปจะต้องมีอันตรายแน่ เพราะคิงในเวลานั้นรู้ตัวแล้วว่าอีกฝ่ายมีปัญหา ไม่งั้นคงจัดอุปกรณ์สะกดจิตไว้บนโต๊ะหรอก…

…………………………………………………..

ตอนที่ 1695-1

คุณหมอทหารเห็นฉากในคลิปนั้น ก็หันไปมองฉินมั่วทันที ทหารใหม่หมายเลข 10 สำคัญต่อบอสต่างจากคนอื่นจริงๆ

คุณหมอทหารจำได้ดีว่า ตอนอยู่ในกองทัพ บอสแหกกฎหลายข้อเลยทีเดียว เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกับเด็กนั่น เขายังคิดไม่ถึงเลยว่า จะได้เห็นรอยยิ้มเช่นนั้นบนใบหน้าของบอส ยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปน เพราะคิดถึงเด็กคนนั้น แต่เวลานี้เจ้าทหารใหม่กลับหนีไม่รอด

คลิปนั่นฉายภาพที่คิงหันมายื่นยาให้ป๋อจิ่ว แล้วฝ่ายหลังรับมา แต่จู่ๆ คลิปก็หยุดค้างที่ภาพนั่น

นัยน์ตาของเจ้าชายน้อยแดงก่ำ แต่กลับไม่อาจเงยหน้าให้คนอื่นเห็นความผิดปกติของตน ส่วนคิงกลับรินเหล้าให้ตัวเองอย่างอารมณ์ดี ถามขึ้นด้วยเจตนาไม่ชัด “ประธานหรงคิดว่าผมจะทำยังไงกับเด็กนั่น?”

ฉินมั่วนั่งอยู่กับที่ รู้สึกแค่หัวใจเย็นยะเยือก เวลาที่เราเจ็บปวดถึงขั้นหนึ่ง จะถึงกับไร้ความรู้สึกใช่หรือไม่ เขาเหมือนถูกสูบวิญญาณออกไปทีละนิดๆ แต่มุมปากยังคงยกยิ้ม “ผมเดาความโหดของคุณไม่ออกหรอกครับ เพราะถ้าเป็นพวกผมก็คงตัดแขนตัดขา”

“สำหรับหมอที่อ่อนแอขนาดที่จับไก่ก็ยังไม่ได้อย่างผม วิธีนั้นมันเหม็นคาวเกินไป ผมแค่ชอบอะไรๆ ที่มันสะอาด” คิงพูดมาถึงตรงนี้ ก็เขย่าเหล้าในแก้ว “เมื่อกี้ในคลิปมีสระน้ำอยู่ด้วยใช่ไหมล่ะครับ มันเป็นสนามกีฬาในร่มที่อยู่ใกล้ๆ โรงเรียน ผมก็แค่ผูกก้อนอิฐสองก้อนที่ขาเด็กนั่น แล้วโยนลงน้ำ พอโดนน้ำ เด็กนั่นก็ตื่นขึ้นมา ตะเกียกตะกายอยู่นานก็ลอยตัวไม่ขึ้น นอนจมที่ใต้น้ำเลย”

ฉินมั่วได้ยินเสียงข้างหู สิ่งที่ประเมินได้เตือนให้เขาอย่าเชื่อคำพูดของคิง แต่ตอนนี้สมองกลับทื่อ ร่างเหมือนจะอ่อนแรง เขาไม่กล้าคิดให้มาก เพราะหากคิด ภาพที่อีกฝ่ายบรรยายจะผุดขึ้นมาเต็มสมอง แม้จะเคยฝันซ้ำๆ หลายครั้ง แต่กลับไม่อยากจะเชื่อ

ร่างที่ลางเลือนผลุบขึ้นผลุบลงกลางสายน้ำ ไม่ว่าเขาจะยื่นมือยังไงก็จับตัวอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะอยู่ห่างกันมาก เขายังไม่ทันได้เห็นหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้าย

“บอส ตรวจสินค้าเสร็จแล้วครับ” คุณหมอทหารเดินมา พลันกระแทกถ้วยชาบนโต๊ะราวกับไม่ตั้งใจ

เขาทำท่าตกใจ ราวกับทำความผิดขึ้น “บอส ผมสมควรตายครับ” ส่วนฉินมั่วมือเย็น ขยับปลายนิ้ว แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ถ้วยชาที่นายทำแตกเป็นของคิง ไม่ใช่ของฉัน” ซึ่งเมื่อคุณหมอทหารได้ยินแล้ว รีบหันไปขออภัยต่อคิง ซึ่งคิงเพียงแค่โบกมือ ยิ้มให้อย่างสุภาพ “ก็แค่ถ้วยชา ต่อไปประธานหรงยังต้องมาที่นี่อีกหลายครั้ง เรื่องเล็กน่ะ”

แมงป่องพิษได้ยินคำพูดของเจ้านาย ก็รู้ว่าธุรกิจนี้ไม่มีปัญหา สถานะของอีกฝ่ายผ่านการทดสอบจากคิงแล้ว

ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ คิงมองดูประธานหรงที่สนใจแต่เรื่องการส่งมองสินค้า ถึงกับขจัดสิ่งที่ตัวเองคาดเดาไว้ในก่อนหน้านี้จนเกลี้ยง

การปลุกคำสั่งทางจิตเริ่มต้นแล้ว แต่ชายคนนี้กลับไม่แสดงอะไรออกมา แสดงว่าคนในคลิปไม่สำคัญสำหรับเขา หรือบางทีเขาอาจจะไม่ใช่ฉินมั่ว

คิงโน้มเอียงไปยังประเด็นหลัง เพราะเด็กนั่นถือเป็นอาวุธลับสำหรับจัดการฉินมั่ว ไม่มีวันที่จะไร้ความสำคัญอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเสียดายที่ไม่ได้ฉากที่ตนเองต้องการ แต่ด้านอื่นกลับไม่เป็นประเด็น เช่นคนพวกนี้ไม่มีปัญหา สามารถร่วมค้าขายกันได้

คิงช้อนสายตามองฝานเจีย โดยฝานเจียเข้าใจความหมายอีกฝ่ายจึงออกมาพิสูจน์เงิน “คิง เขาเอาเงินมาแค่หนึ่งในสองของเงินมัดจำ”

…………………………………………………

1692-2 vs 1693 vs 1694-1

ตอนที่ 1692-2

“หมายเลข 7 หมายเลข 7 เกิดอะไรขึ้น? พูดหน่อยสิ”

ป๋อจิ่วว่า “ฉันเพิ่งไปฉี่เว้ย”

“ครั้งต่อไปถ้าเข้าห้องน้ำก็ต้องติดต่อสื่อสารกลับมา ว่าแต่สถานการณ์ของแกเป็นยังไงบ้าง?”

“ปกติดีนี่” ป๋อจิ่วพูดจบ ก็ยัดอุปกรณ์ฉีดยากลับเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเอง

ที่นี่ ทหารรับจ้างทุกคนต่างสวมหูฟังบลูทูธ หากคนใดคนหนึ่งไม่ส่งเสียงตอบ ห้องควบคุมจะต้องจับได้ ฉะนั้น หากไม่คับขันจริงๆ เธอจะไม่ลงมือเชือดคนของพวกมันเด็ดขาด จึงส่งผลให้การลอบเข้ามายากยิ่งขึ้น เพราะในห้องควบคุมเครื่องรบกวนสัญญาณย่อมมีคนเฝ้า ท่าทางจะต้องฉวยเวลาสั้นๆ ลงมือ

เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่า การสอบถามตรวจเช็คมีความถี่เป็นอย่างไร เพราะหากเข้าไปห้องนั้นได้ เธอย่อมต้องทำร้ายพวกมัน และขอเพียงควบคุมห้องนั่นให้ได้ จึงจะปิดสัญญาณเครื่องนั่น โดยที่ไม่มีใครจับได้อย่ารวดเร็ว ดังนั้นการลงมือเวลาไหน ถือเป็นกุญแจสำคัญ

ป๋อจิ่วหันหน้าไป แววตาดำขลับของเธอสวางโรจน์และมืดทะมึนสลับกัน

เธอเดาไม่ผิด เพราะรู้จักคนคนหนึ่งเป็นอย่างดี จึงเดาความคิดของอีกฝ่ายได้พอสมควร เหตุที่ฉินมั่วเลือกใช้วิธีดังกล่าวเพื่อเข้าใกล้ตัวคิง ก็เพื่อจะให้คิงเปิดเผยตัวออกมา โดยในวลาที่ทั้งสองคุยธุรกิจกัน จะนานพอที่คนจากกองทัพจับหาตำแหน่งของคิงและแหล่งผลิตยาได้อย่างแม่นยำ หากจะช่วยตัวประกันทั้งหมดให้รอด จำต้องเข้าใกล้ชนิดที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว และถ้าปล่อยให้คิงเอะใจขึ้นมา พวกนักท่องเที่ยวเหล่านั้นต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แน่ แถมโรงเรียนที่ชายแดนนั่นอีก…

ฉินมั่วเองก็รู้ว่าหนังเรื่องที่จะดูถือเป็นการทดสอบที่ไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง เขาจึงไม่ลุกขึ้นมา

ชายหนุ่มยังคงนั่งบนเก้าอี้ ตามองหน้าจอ มือถือถ้วยชา เพราะรอยแผลเป็นบนใบหน้า ส่งผลให้เขาดูเหี้ยมมาก ออร่าของความเป็นมาเฟียไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด

ส่วนคิงถือรีโมท ดันแว่นตาบนหน้า แล้วกดปุ่มฉาย

มันไม่ใช่หนังภาพยนตร์ แต่เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดในโรงเรียน

ฉินมั่วเอนหลัง “ท่าทางผมกับคุณจะชอบไม่เหมือนกัน ผมไม่สนใจหนังเกี่ยวกับโรงเรียนสักเท่าไร” ว่าแล้ว เขาก็หันหน้าไป “ตรวจสอบสินค้าได้ผลเป็นยังไงบ้าง”

เจ้าชายน้อยรู้ดีว่าตัวเองต้องเล่นให้สมบทบาท “ก็โอเคอะ ของชั้นพรีเมี่ยม พี่ พวกเราต้องดูหนังด้วยเหรอ โคตรน่าเบื่อเลย”

“เบื่อก็หาอย่างอื่นทำ อย่ามารบกวนฉันกับคิง” ฉินมั่วพูดเป็นปกติ

ทว่าคิงกลับหัวเราะ “พาคุณชายรองไปผ่อนคลายสักหน่อย ฉันอยากให้ประธานหรงได้ดูหนังเรื่องนี้ อย่าเข้าใจผิดนะครับ มันไม่ใช่หนังบันเทิงอะไรหรอก คุณดูไปเรื่อง ๆ ก็จะรู้ว่า มันเป็นคลิปที่ผมเจอเรื่องสนุก ๆ อยู่ข้างนอก” พอพูดจบ คลิปก็ฉายภาพเด็กหญิงร่างกลมถูกผลักกระแทกกำแพง แม้จะไม่มีเสียง แต่ยังพอเห็นสีหน้าของคนอื่น ซึ่งพวกเธอเหล่านั้นกอดอก ราวกับกำลังถามอีกฝ่าย แต่วิธีถามกลับไม่ค่อยจะมีมิตรภาพเสียเท่าไร โดยหนึ่งในนั้นผลักไหล่เด็กสาวร่างกลม

เวลานั้น บรรยากาศในกระท่อมดังกล่าวเปลี่ยนไป การบูลลี่ในโรงเรียน? เจ้าชายน้อยพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ให้คนอื่นเห็นอารมณ์ตัวเอง คลิปนี่มันคืออะไร? คนพวกนี้สวมชุดนักเรียนของโรงเรียนมัธยมในจีนนี่?

เป็นโรงเรียนในจีน?

แล้วเป็นโรงเรียนไหน?

ใช่ว่าเจ้าชายน้อยจะไม่ได้เรียนในโรงเรียน ตอนที่เรียนเขายังพอจะได้เห็นเด็กผู้หญิงรวมกลุ่มกัน แล้วทอดทิ้งเด็กผู้หญิงอีกคนเพียงลำพัง

แต่มันไม่ใช่แบบนี้ นี่มัน…

เจ้าชายน้อยยังไม่ทันได้คิดอะไรออกมา เสียง ‘ผัวะ!’ ก็ดังขึ้น

………………………………………………

ตอนที่ 1693

เด็กสาวร่างกลมในคลิปวิ่งออกไป เดิมที่คิดว่าเรื่องจะจบลงเพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าคลิปจากลากไปถึงฉากในห้องเรียน

ภายในคลิป อาจารย์พานักเรียนที่ย้ายเข้ามาเรียนคนหนึ่ง เด็กคนนั้น เด็กคนนั้นคือเจ้าดำน้อย! เจ้าชายน้อยพยายามควบคุมสีหน้าตัวเอง ทว่าในเวลาเดียวกัน มือกลับกำพนักเก้าอี้แน่น

เกิดอะไรขึ้น! หมายความว่าเจ้าดำน้อยถูกจับได้ในระหว่างที่ปลอมตัวปฏิบัติภารกิจงั้นเหรอ?

เจ้าชายน้อยกำแรงขึ้น อยากจะหันหน้าไปมองบอส แต่ในเวลาเดียวกัน คิงกลับทุ่มเทความสนใจต่อการดูสีหน้าบอส โดยไม่มองคนอื่นเลย ซึ่งฉินมั่วยังคงนั่งไขว่ห้างเหมือนเดิม มือเท้าคางราวกับไม่สนใจดูคลิปนั่นสักเท่าไร แค่เหลือบมองบ้างเป็นบางครั้ง ราวกับการปรากฏตัวของป๋อจิ่วไม่ได้ทำให้เขาสนใจนัก ทว่าไม่มีใครเห็นว่า แผ่นอกของเขาขยับขึ้นลง

คิงยกแก้วไวน์ขึ้น “ท่าทางประธานหรงจะเบื่อ”

“ก็ยังโอเคอยู่” ฉินมั่วยกแก้วชน “เพราะผมสนใจเรื่องธุรกิจมากกว่า”

คิงยิ้มทันที “ผมก็เหมือนกัน แต่ของดีกำลังจะเริ่มแล้ว เราดูต่อให้จบดีกว่า”

ฉินมั่วไม่ปฏิเสธ ราวกับจะยังไงก็ได้ ทว่าเมื่อเขากลับไปดูอีกครั้ง หัวใจก็ถูกบีบแน่น ทำไมเธอถึงไปอยู่ที่นั่น ไม่ใช่ที่ค่ายทหาร?

ฉินมั่วเขย่าแก้วไวน์ ราวกับทำแบบนี้แล้วจะข่มความตื่นตระหนกของตัวเองได้

คิงเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเสียดาย “ตอนแรกเด็กทั้งโรงเรียนจะกลายเป็นตัวประกันของผมได้แล้วเชียว แต่กลับโดนเจ้าเด็กนั่นทำลายแผนหมด ประธานหรงคงคิดไม่ถึงกว่า เด็กม. ปลายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เขามาเจอผม”

ฉินมั่วกระดกแก้วด้วยท่าทีสมกับเป็นมาเฟีย “น่าสนใจดี”

“ใช่” คิงหันไปมองฝานเจีย คำถามที่อยู่ในแววตาชัดเจนมาก ซึ่งเธอพยักหน้า คิงก้มหน้าหัวเรา แววตาเต็มไปด้วยการลองใจอย่างชั่วร้าย จนมาถึงตอนนี้ อีกฝ่ายก็ยังไม่หลุดเลย

ตอนแรกเขาก็สงสัยว่า คนที่มีมาคุยธุรกิจกับเขาจะเป็นฉินมั่ว ท่าทางประธานหรงคนนี้จะเป็นคนในวงการสีเทาจริง ๆ ขนาดความเคยชินเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังไม่เหมือนฉินมั่วสักนิด

ในความทรงจำของเขา เด็กหนุ่มคนนั้นช่างไม่รู้จำฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ สายตาที่มองเขายังแฝงความเบื่อหน่าย นั่นเป็นประสบการณ์ของการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย เพราะนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยล้วนแต่มองเขาด้วยความศรัทธา แต่คนที่อุตส่าห์เห็นค่าว่าจะเป็นทายาทของเขา กลับมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น รวมถึงยังมีแนวคิดที่ขัดกับเขาอีก ทั้งที่เป็นคนที่เข้าใจความเป็นมนุษย์เหมือนกันกับเขาแท้ๆ ซึ่งไอ้ที่ไม่ยอมร่วมมือกับเขายังไม่เท่าไร แต่นี่ยังจะมาจับเขาเข้าคุกอีก

เฮอะ สำหรับพวกคนธรรมดาดาษดื่น ก็ต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อเราสิ มันถึงเวลาที่จะทำให้ฉินมั่วเข้าใจหลักการนี้แล้ว

ใช่ คิงไม่ได้อยากให้ฉินมั่วตายหรอก หากเทียบกับความตาย เขาอยากให้อีกฝ่ายกลายเป็นลูกน้องของเขามากกว่า นี่แหละที่เขาปรารถนา ขอแค่กระตุ้นคำสั่งฝังทางจิต ฉินมั่วก็จะกลายเป็นอาวุธทรงประสิทธิภาพที่เอาไว้ใช้ต่อกรกับฝ่ายทหารได้สบาย ๆ ดังนั้นจะต้องแน่ใจว่า ประธานหรงคนนี้มาทำการค้ากับเขาจริง ๆ หรืออยู่ในอีกสถานะหนึ่ง…

……………………………………………………..

ตอนที่ 1694-1

ในเวลาเดียวกันที่นอกกระท่อมไม้ กลางทะเลดอกไม้

การจะปลูกต้นฝิ่นให้ได้ผลผลิตดีๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ทหารรับจ้างต้องเดินตรวจตราอยู่เรื่อย ป้องกันไม่ให้พวกคนปลูกกล้าคิดทำอะไรนอกคอก เช่นเดียวกัน มันจึงเป็นที่ที่ถูกป้องกันอย่างเข้มงวด

ป๋อจิ่วหิ้วปืนเดินผ่านคนปลูกคนหนึ่ง ด้วยท่าทีเหี้ยมโหด ทำให้เธอสามารถเดินเข้าไปยังห้องควบคุมได้โดยไม่มีใครสงสัย แต่หากจะเข้าไปในห้องควบคุมก็ต้องบอกรหัสได้

เธอเดินไปมาอยู่แถวนั้น ทำเหมือนกับกำลังตรวจตราวงนอก ทั้งๆ ที่กำลังฟังความเคลื่อนไหว

จากเมื่อครู่มาถึงตอนนี้ มีคนเข้าไปถึงสามกลุ่ม และคนทั้งสามกลุ่มกลับใช้รหัสต่างกัน ซึ่งระบบป้องกันแบบนี้ ต่อให้เธอความจำดีขนาดไหนก็ยากจะเข้าไปได้

ในขณะที่ป๋อจิ่วหรี่ตา กลุ่มที่สี่ก็เดินมาพอดี ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว คาบบุหรี่ หิ้วปืนด้วยมือขวา พลางยื่นมือซ้ายไปเกาะบ่าหนึ่งในนั้น “เฮ้ย เพื่อน มีไฟแช็กป่ะ”

“แหงอยู่แล้ว” เจ้าคนนั้นกวาดตามองป๋อจิ่ว “แต่ทำไมถึงไม่คุ้นหน้าแกเลยวะ มาตั้งแต่เมื่อไร แล้วแกดูห้องควบคุมเหรอ?”

ป๋อจิ่วมองหน้าอีกฝ่าย รับรู้ความระแวงของอีกฝ่าย จึงยิ้มบาง ๆ ให้ “เพิ่งมาไม่นาน”

“ถึงว่า ฉันไม่เคยเห็นแกมาก่อน” เจ้านั่นพูดพลาง กดไฟแช็กให้ ให้ยื่นถึงตรงหน้าป๋อจิ่ว

ป๋อจิ่วจุดบุหรี่เสร็จ ก็ไม่ได้เดินตามต่อไป แค่โบกมือให้ “ขอบใจนะเว้ย”

“เออ ไม่เป็นไร” เจ้านั่นเห็นอีกฝ่ายไม่เดินหน้าต่อก็คลายความสงสัยลง ก่อนจะเดินหน้าไปยังห้องควบคุม

ป๋อจิ่วคาบบุหรี่ เดินตรวจตราอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับแค่มาขอยืมไฟแช็กเท่านั้น แต่เธอรู้ดีว่าเมื่อครู่หากเธอเดินต่อไป สถานะที่แท้จริงจะต้องถูกเปิดเผยแน่

การล่วงรู้รหัสลับที่จะเข้าห้องควบคุม มันยากที่กว่าคิดไว้เสียอีก เห็นทีเธอจะต้องตรวจเช็คด้วยความอดทนมากขึ้น เธอช้อนสายตาขึ้น พ่นควันออกมา มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังลับฟ้า ฟังรหัสของคนในกลุ่มที่เจ็ด

มุมปากของเธอผุดรอยยิ้มขึ้น นั่นไง หลังจากที่ผ่านไปแล้วสามรหัส รหัสก็จะเริ่มวน จากนั้นเธอเดินไปยังห้องควบคุม แสร้งทำตัวเป็นคนในกลุ่มที่แปด และถูกคนที่เฝ้าห้องควบคุมรั้งตัวไว้ โดยคนพวกนั้นมองป๋อจิ่ว เอ่ยขึ้นว่า “รหัสล่ะ”

ป๋อจิ่วระลึกถึงความทรงจำเมื่อครู่ แล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่ช้าหรือเร็วนัก คนที่เฝ้าห้องควบคุมมองตากัน ก่อนจะหลบไปยืนด้านข้าง ส่งผลให้เธอรู้ว่าตัวเองเอ่ยรหัสถูก จึงหิ้วปืนด้วยมือข้างหนึ่งเดินเข้าไป

ห้องควบคุมห้องนั้นใหญ่มาก พอเข้ามาก็เห็นกล้องวงจรปิดที่ระเบียง ซึ่งมีทั้งหมดหกตัว แต่ละตัวล้วนแต่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเธอ ดังนั้น เธอจะต้องเปลี่ยนสถานะ พยายามเข้าใกล้เครื่องหลักอย่างไม่ดูจงใจ ภายใต้สภาวะที่ไม่ใช้กำลัง

ใช่ ป๋อจิ่วเปลี่ยนแผนกระทันหัน  หลังจากที่เห็นกล้องวงจรปิดจำนวนมากมาย ก็ไม่คิดจะทำลายป้อมรบกวนสัญญาณอีกต่อไป เพราะยังมีอีกวิธีที่ปลอดภัยกว่า ด้วยการใช้คอมพิวเตอร์มาแชร์ IP Address แค่นี้ก็ไม่โดนรบกวนสัญญาณแล้ว

อุปกรณ์รบกวนสัญญาณก็เหมือนเป็นฝาครอบป้องกัน โดยมันจะทำการครอบไว้อย่างสมบูรณ์ คนอื่นไม่อาจหาเจอได้อย่างรวดเร็ว แต่หากอุปกรณ์และระบบอินเทอร์เน็ต จะต้องไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกรบกวนสัญญาณแน่ ไม่งั้น พวกมันจะติดต่อกันได้อย่างไร

…………………………………………………..

1691 vs 1692-1

ตอนที่ 1691

ดูหนัง? คิงจะอารมณ์สุนทรีได้ขนาดนี้เหรอ? คุณหมอทหารมองดูบอสอย่างเป็นกังวล

แต่กระนั้นเวลาคิงลงมือทำอะไรสักอย่าง ดูจะไม่รอความเห็นชอบจากใคร แค่ชูมือลูกน้องก็จัดการตกแต่งห้องรับแขกนั่นใหม่ทันที และตำแหน่งที่พวกเขานั่ง กำลังประจันหน้ากับหน้าจอ

หากลุกขึ้นมาในตอนนี้ สิ่งที่ทุ่มเทมาตั้งแต่แรกย่อมสูญเปล่า พวกเขาอุตส่าห์ได้ข้อมูลมาตั้งมากมาย ขอแค่ไปยังสถานที่ที่มีสัญญาณ ตำแหน่งของสถานที่แห่งนี้ก็จะถูกแชร์ออกไป แล้วทางกองทัพก็จะมาถึง และทำลายสถานที่ที่เหมือนนรกแห่งนี้จนราบคาบ

แต่คิงกลับเป็นคนที่ต่อกรด้วยยาก จึงไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ เพราะคุณหมอทหารคาดไม่ถึง เขาจึงไม่มั่นใจ

คิงกลับนั่งบนเก้าอี้ ชูแก้วไวน์ “ไม่ทราบว่าปกติแล้วประธานหรงชอบดูหนังแบบไหน ผมชอบประเภทที่ป้องกันการตรวจสอบสภาพจิตและสถานะตัวเอง ถึงได้เลือกเรื่องนี้โดยพละการ ประธานหรงอยาเพิ่งรีบร้อนกลับไปนะครับ รายการดี ๆ แบบนี้ หายาก”

“อ้อ? เหรอครับ?” ฉินมั่วเลิกคิ้วด้วยสีหน้าปกติ “ได้ยินคุณแนะนำแบบนี้ ก็น่าสนใจอยู่นะครับ”

คิงหัวเราะ “ไม่แน่นะ คุณอาจชอบมาก ๆ เพราะหาคนแสดงเป็นตัวเอกได้ดีมาก” ซึ่งยิ่งเป็นแบบนี้ คุณหมอทหารยิ่งระแวงว่ามันต้องมีแผนการซ่อนอยู่แน่นอน

บอสไม่มีวันที่จะไม่รู้ว่า คิงมีเจตนาร้ายแฝง มันลองใจใช่ไหม? เป็นการลองใจครั้งสุดท้ายใช่หรือเปล่า? คุณหมอทหารกำมือแน่น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

กระทั่งเจ้าชายน้อยที่คิดอะไรไม่ลึกซึ้งยังดูออกว่า การให้ดูหนังเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่ เมื่อหันมาดูสถานการของทั้งสอง โดยเฉพาะคิงที่ยิ้มมุมปาก ดูอย่างไรก็ลึกลับอันตรายเหมือนงูพิษ ทั้งยังให้ความรู้สึกสุภาพ

ณ ริมฝั่งทางทิศตะวันตก เสียงสวบสาบลอยมา ส่งผลให้ทหารรับจ้างที่กำลังตรวจตราขมวดคิ้ว ก่อนจะถือปืนไรเฟิลเดินดุ่มเข้าไปยังพุ่มไม้ แต่เมื่อเขาก้าวเท้าเดินเข้าไป โดยยังไม่ทันได้เล็งปืนไปที่ใคร ร่างหนึ่งกลับสวนเข้ามาจากในป่าแล้วปักเข็มฉีดยาที่คอเจ้าทหารรับจ้างนั่นทันที

เข็มเดียวจอด! ทหารคนดังกล่าวได้แต่อ้าปากค้าง มองขาของป๋อจิ่วที่กระโดดลงแตะพื้น ก่อนพลันหยุดหายใจทันที ป๋อจิ่วลากร่างอีกฝ่ายเข้าไปยังริมฝั่งที่อยู่ด้านข้างทันที โดยภายใต้ใบตองที่ปกคลุมหลาย ๆ ชั้น คือประตูรถบานหนึ่ง

เธอลงมือด้วยความรวดเร็ว ปลดเสื้อผ้าอีกฝ่ายมาสวมไว้บนร่างชนิดที่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

ระบบจีพีเอสสะบัดคลื่น “สัญญาณอินเทอร์เน็ตถูกรบกวนเต็มรูปแบบ ผมติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้ โลกภายนอกก็ติดต่อเราไม่ได้ ตำแหน่งที่เจ้านายยืนอยู่ ผมเองก็จับไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นเวลาเจ้านายลงมือทำอะไร จะต้องระวังด้วยนะครับ เสี่ยวเฮยจะรอคุณกลับมา”

ป๋อจิ่วไม่พูดมาก ยื่นมือตบประตูรถเบา ๆ จากนั้นก็ดึงใบต้นกล้วยมาคลุมรถไว้ ทว่าเมื่อหันมาอีกที เธอก็เปลี่ยนโฉมไปเสียแล้ว โดยอยู่ในชุดทหารรับจ้าง ซึ่งมีผ้าปิดหน้าที่ใช้เป็นประจำ และเพื่อจะให้เหมือนจริง เธอถึงกับแต่งหางตาตัวเองให้เป็นรอยสัก

นอกจากปืนในมือและเข็มฉีดยาทั้งสี่ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงแล้ว เธอไม่มีอาวุธอื่นอีกเลย เพราะต้องการลอบเข้าไปยังป้อมกวนสัญญาณ จำต้องพกของติดตัวไปให้น้อยที่สุด จึงจะแฝงเข้าไปได้อย่างเป็นปกติ…

…………………………………….

ตอนที่ 1692-1

ป๋อจิ่วรู้ดีว่าเวลานี้ตัวเองอยู่รัศมีนอกวง จะต้องเข้าไปข้างใน  เธอเงยหน้าขึ้นมองดูป้อมรบกวนสัญญาณซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ยืนสามกิโลเมตร แต่กลับต้องหยุดชะงักในวินาทีถัดมา เพราะทั้งหมดเป็นดอกฝิ่นที่โบกสะบัดไปตามแรงลม ทั้งๆ ที่มันสวยมาก แต่กลับทำให้คนรู้สึกได้ถึงอันตรายเป็นหนักหนา ด้วยหากดมกลิ่นมันมากๆ จะทำให้ยากแก่การรวมรวมสมาธิ

เมื่อใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่ได้ หมายความว่าโน้ตบุ๊กย่อมไร้ค่า แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป เพราะย่อมมีจุดโหว่ให้ป๋อจิ่วมุด เธอได้สายเชื่อมสัญญาณและหูฟังสีดำที่ได้มาจากทหารรับจ้างคนเมื่อครู่ แววตาเธอนิ่งอึ้ง ด้วยการอยู่ในจุดรบกวนสัญญาณ ย่อมทำให้การเจาะระบบอินเทอร์เน็ตถูกค้นพบได้ง่าย ของแบบนี้เธอเคย ‘เล่น’ มาก่อน ย่อมไม่ตกหลุมพราง เพราะเมื่อคำนวณเวลา ท่านเทพน่าจะเจอหน้ากับคิงแล้ว หากฝ่ายนั้นรู้ว่ามีการแฮกอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในตอนนี้ สถานะที่แท้จริงของชายหนุ่มก็จะถูกเปิดเผย

ป๋อจิ่วเอียงศีรษะ มีวิธีมากมายที่จะทำให้เครื่องรบกวนสัญญาณหยุดทำงาน ชนิดที่ไม่จำเป็นต้องแฮก ระบบ โดยจะต้องปิดการทำงานของเครื่องนั่นอย่างเงียบๆ ด้วยเวลาที่พอจะให้คนของกองทัพตรวจสอบสถานที่ได้ ก่อนที่สถานะของท่านเทพก็จะไม่ถูกเปิดเผย เธอเชื่อว่าฉินมั่วสามารถดำเนินแผนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถึงได้รู้สึกว่าจะต้องมีทีมที่ทำการตรวจสอบอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ คนพวกนั้นน่าจะหยุดอยู่ในที่ที่สัญญานของท่านเทพเริ่มหายไป

แม้จะเป็นห่วงสุดหัวใจ แต่กลับไม่สามารถตรวจหาได้อย่างไร้ขอบเขต เพราะหากเธอตามหา ภารกิจทั้งหมดต้องล้มครืนแน่ แล้วคิงก็จะฉวยจังหวะหนีไปได้เหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว ดังนั้นจะปล่อยโอกาสแบบนั้นให้คิงไม่ได้อีก จะต้องเข้าไปประชิด หลังจากที่มั่นใจในสถานการณ์ได้แล้ว ซึ่งจะทำให้คิงตั้งตัวไม่ทัน

พี่ก็คิดอย่างนี้ใช่ไหม พี่มั่ว

ป๋อจิ่วเงยหน้าขึ้น สวมหูฟัง ร่างสูงเพรียวกำลังจะขยับ แต่เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง “เฮ้ย แก เฝ้าตรงไหนวะ? แล้วมาที่นี่ทำไม?”

ป๋อจิ่วถือปืนหันมาตอบด้วยภาษาถิ่น “มาฉี่ เฝ้าไร่ทั้งวัน ปวดหัวเป็นบ้า”

“อย่าเผลอไปล่ะ คิงสั่งไว้แล้วว่า วันนี้จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้” เขาคนนั่นมองดูป๋อจิ่วแวบหนึ่ง ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากถือปืนเดินไปที่อื่น พูดก็พูดเถอะ เจ้านั่นคิดไม่ถึงหรอกว่า จะมีคนปลอมตัวเป็นพวกเดียวกันมาแฝงเข้ามา แถมเมื่อวานคิงขังพวกสายของฝ่ายตรงข้ามและคนต้องสงสัยว่าเป็นสายไว้เรียบร้อยแล้ว หมายความว่าที่เหลือย่อมไม่เป็นภัย พวกเขาจึงไม่ระแวงนัก ยิ่งวางเครื่องตรวจสอบทางน้ำไว้ในรัศมีห้าสิบลี้ ในเมื่อเครื่องไม่ส่งสัญญาณเตือน ยิ่งแสดงว่าไม่มีใครแฝงตัวเข้ามา กระทั่งเรือสักลำก็ยังไม่เห็นเลย

แต่จะมีใครรู้ว่าป๋อจิ่วไม่ได้มาเหนือน้ำ แต่มาจากใต้น้ำต่างหาก เธอกระชับผ้าปิดหน้าด้วยแววตาขรึม เยื้องขาตามหลังเจ้าคนนั้น แต่ไม่ลงมือหรอก เพราะเสียงที่ดังขึ้นจากหู

………………………………………………

1689 vs 1690

ตอนที่ 1689

แมงป่องขับรถไปยังลานกว้างที่อยู่ห่างจากทะเลดอกไม้ไม่ไกลนัก ก่อนจะจอดลง

อีกด้านหนึ่ง ทหารรับจ้างยืนเรียงเป็นแถว พวกเขาต่างสักหน้า ถือปืนไว้ในมือ สีหน้าดูเหี้ยม คงเป็นเพราะเอกลักษณ์ของที่นี่ พวกเขาจึงโดนแดดแผดเผาจนผิวดำคล้ำ อันเป็นการแสดงนัยยะของความเป็นพวกเดนตายอีกต่างหาก

มีเพียงคนที่ยืนตรงกลางต่างจากคนอื่น นั่นคือฝานเจีย แต่วันนี้เธอไม่ได้โผล่หน้าออกมา กลับยืนสวมหมวกคลุมหน้า ทำให้คนเห็นหน้าตาเธอไม่ชัดนัก ส่วนอีกคนกลับสวมชุดสูท อายุประมาณห้าสิบปี กำไม้เท้าไว้ในมือ เงยหน้ามองราวกับรอคอยพวกฉินมั่วเป็นพิเศษ

เจ้าชายน้อยเห็นคนพวกนี้แล้ว ถึงกับมือเกร็งทันที นักมายากลและเพื่อนๆ ก็เช่นเดียวกัน

ฉินมั่วเป็นคนเดียวที่มีแววตาเรียบเฉย ทั้งไม่ได้มองไปยังชายคนนั้น แต่กลับหยุดสายตาอยู่มองผู้ชายที่สวมเสื้อกาวน์อยู่ครู่หนึ่ง

“นี่คือคิงของพวกเรา” แมงป่องแนะนำ “คิงครับ นี่คือประธานหรง”

คนที่ถือไม้เท้ายื่นมือออกมา “สวัสดีครับ”

มุมปากของฉินมั่วยกยิ้ม ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แววตาลุ่มลึกมาก “ได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว”

“มา เชิญครับ” ชายคนนั้นผายมือเชื้อเชิญฉินมั่วให้เข้าไปในกระท่อม

ในเวลาที่เข้าไป ฉินมั่วแทบจะได้กลิ่นข้างในทันที มันเป็นกลิ่นหอมของดอกฝิ่น

“คุณอารมณ์สุนทรีจัง” ฉินมั่วเอ่ยขึ้นเมื่อนั่งลง

ทำให้ชายคนนั้นหัวเราะ “ประธานหรงตาสูงมากกว่า ผมชินกับกลิ่นนี้ ทำให้นอนหลับสบาย” ว่าแล้วก็ดึงซิการ์ยื่นให้ฉินมั่ว “ลองสูบสักอันไหม?”

ระหว่างที่อีกฝ่ายพูด เจ้าชายน้อยอยากจะกำมือขึ้นทันที เพราะใครก็รู้ว่าเมื่อมาถึงสถานที่แบบนี้ ไม่ควรรับของจำพวกบุหรี่ เพราะไม่รู้ว่ามันผสมอะไรบ้าง

แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ฉินมั่วก็รับซิการ์มา แล้วยื่นให้เจ้าชายน้อยสูบ พูดเพียง “เช็คของดู”

เจ้าชายน้อยรับมา ทำให้ไม่ว่างพอจะแสดงสีหน้าแต่อย่างใด

ชายคนนั้นหรี่ตาลง “ประธานหรง หมายความว่าไง”

 “ถึงผมจะทำการธุรกิจด้านนี้ แต่ไม่เคยแตะพวกมัน” ฉินมั่วนั่งไขว่ห้าง บารมีแรงจัด “คุณสิครับ ให้ของแบบนั้นกับผม หมายความว่าไง? สงสัยสถานะของผมเหรอ? งั้นผมควรจะสงสัยสถานะของพวกคุณไหม? ตกลงแล้วคุณเป็นคิงตัวจริงหรือเปล่า?

ชายคนนั้นผงะ ราวกับไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยตรงๆ

ทั้งนี้ ชายหนุ่มยังไม่เหมือนเป็นทหาร ยิ่งไม่น่าจะเป็นคนจากหน่วยไหน แถมบารมีมาเฟียยังคุอีกต่างหาก”

แล้วเขาควรจะพูดอย่างไรต่อ ชายคนนั้นไม่รู้ จึงหันไปมองอีกด้าน

เวลานี้ กระทั่งเจ้าชายน้อยยังมองออกว่า ‘คิง’ คนนี้ผิดปกติ เขาเอาแต่มองหมอประจำตระกูลอยู่นั่นแหละ

เจ้าชายน้อยเพิ่งจะสงสัย เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู “ประธานหรงแววตาหลักแหลมจริงๆ”

คุณหมอเดินออกมาจากด้านใน เขาสวมชุดกาวน์ มีแว่นตากรอบทองบนหน้า รวมถึงหน้าตาที่สุภาพ กระทั่งพูดยังสง่าอย่างบอกไม่ถูก

เขามองกลุ่มคนตรงหน้า มุมปากแยกยิ้มที่ทำให้คนทั้งวางใจ และรู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา

………………………………………………..

 ตอนที่ 1690

นี่แหละ คิง! เจ้าชายน้อยเข้าใจในทันใด เงยหน้ามองดู “คุณหมอประจำบ้าน”

เวลานี้ คิงนั่งเก้าอี้ประจำสถานะตัวเอง โดยอยู่ตรงข้ามกับฉินมั่ว และคนที่สวมรอยเป็นคิง กลับเดินไปยืนข้าง ๆ อย่างให้เกียรติ ส่งผลให้แพทย์ทหารและนักมายากลถึงกับหัวใจตกลงไปอยู่ตาตุ่ม เพราะแม้ว่าบอสจะแปลงโฉมขนาดที่ฝานเจียยังจำไม่ได้ แต่คิงไม่ใช่ฝานเจีย เขาไม่เพียงแต่จะเจ้าเล่ห์มากแผน แต่ยังเป็นนักจิตวิทยาด้านอาชญากรรมตัวฉกาจ เวลาสำรวจสถานะของใครก็ตาม ย่อมไม่ดูแค่หน้าตา ซึ่งฉินมั่วก็เช่นเดียวกัน คนอย่างพวกเขา มักจะสำรวจรายละเอียดปลีกย่อยของฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นเรื่องปกติ เช่นกิริยาอาการ วิธีพูด กระทั่งท่าทางการดื่มน้ำยังเป็นจุดสำคัญในการตรวจเช็ค

เหตุใดคิงถึงไม่แสดงตัวออกมาตรง ๆ  ก็เพราะเขามีแผนว่าจะลอบสำรวจคนเหล่านั้นมาตั้งแต่แรก

น่าเสียดายที่คนของเขาไม่อดทนเอาเสียเลย

คิงเงยหน้ากวาดตามองสีหน้าจริงจังของพวกคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะยิ้มขึ้น “แกะซิการ์ออกมาเช็คของก็สะดวกดีนะ”

“ครับ” แมงป่องพิษรับซิการ์มา แล้วใช้มีดแงะออก จึงเห็นว่าด้านในนอกจากจะบรรจุยาสูบแล้ว ยังมีผงสีขาวอีกด้วย

ฉินมั่วเห็นแล้วก็หัวเราะเย้าหยอก “มิน่าล่ะ เขาถึงว่ากันว่า ทำธุรกิจกับคุณ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตรวจสอบ เพราะบรรจุแบบนี้ดูเป็นธรรมชาติมาก”

“นี่เรียกว่าธรรมดาแล้วครับ” คิงหัวเราะ ยกกาน้ำชามารินให้ฉินมั่วถ้วยหนึ่ง “ผมชอบศิลปะพู่กันจีน แต่ความสามารถจำกัด เมื่อก่อนเคยมีนักเรียนอยู่คนหนึ่งมีเขียนพู่กันจีนสวยมาก น่าเสียดายที่เด็กคนนั้นไม่ยอมเป็นลูกศิษย์ในความดูแลของผม แต่ก็ทำให้ผมสนใจศิลปะวัฒนธรรมของจีนมาก ดังนั้น…” พูดมาถึงตรงนี้ คิงก็ชะงัก

ฝานเจียที่ยื่นปากกาลูกลื่นให้ คิงหักมันออก เทผงสีขาวชั้นเยี่ยมที่บรรจุอยู่ด้านในออกมา

เจ้าชายน้อยกัดกรามแน่นอยู่ด้านข้าง แต่กลับไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว แต่คุณหมอทหารและนักมายากลกลับกลายเป็นอีกเรื่อง นักเรียนที่คิงพูดถึง คงไม่ใช่…

เวลานั้น คุณหมอทหารเริ่มเครียด คิงหมายความว่ายังไง หรือว่ามันเดาสถานะของบอสออกแล้ว? ไม่งั้น จะจงใจพูดถึงนักเรียนคนนั้นทำไม

เมื่อถูกยั่วยุอารมณ์ คุณหมอทหารก็ทราบดีว่า สถานการณ์เช่นนี้อันตรายมาก ไม่ควรปล่อยให้อีกฝ่ายชักนำทางอารมณ์ แต่คนที่ได้เรียนด้านจิตวิทยา ล้วนแต่อ่อนไหวกว่าคนปกติมากนัก

อารมณ์ของเขาก็เป็นเช่นนั้น บอสสิ ยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าคิงไม่มั่นใจในสถานะของบอสแล้วแค่ลองใจล่ะ งั้นคำตอบของบอสจึงสำคัญมาก

“เป็นวิธีที่ไม่เลว” ฉินมั่ววางปากกาลง มองสำรวจทั่ว “เห็นเจ้านี่แล้ว ผมกลับคิดถึงวิธีที่ดีกว่า”

ห้วงเวลานั้น ความเหี้ยมในก้นบึ้งนัยน์ตาของคิงลดลงไปเยอะ เขาเลิกคิ้ว “โอ้ว? วิธีไหนเหรอ?”

“ก็ลิขวิดเปเปอร์ไง ปลอดภัยกว่าไอ้นี่อีก” ฉินมั่วโยนปากกาด้ามนั่นลงพื้น บารมีเจิดจ้ากว่าเดิม

คิงได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง ก่อนจะหัวเราะขึ้น “ได้ร่วมธุรกิจกับประธานหรงถือเป็นเรื่องน่ายินดี พวกเราไปดื่มชากันในระหว่างที่ให้พวกเขาตรวจสอบสินค้ากันดีกว่า แล้วดูหนังสักเรื่อง ส่วนเรื่องช่องทางการค้า เราค่อยว่ากัน”

………………………………………

ตอนที่ 1690

นี่แหละ คิง! เจ้าชายน้อยเข้าใจในทันใด เงยหน้ามองดู “คุณหมอประจำบ้าน”

เวลานี้ คิงนั่งเก้าอี้ประจำสถานะตัวเอง โดยอยู่ตรงข้ามกับฉินมั่ว และคนที่สวมรอยเป็นคิง กลับเดินไปยืนข้าง ๆ อย่างให้เกียรติ ส่งผลให้แพทย์ทหารและนักมายากลถึงกับหัวใจตกลงไปอยู่ตาตุ่ม เพราะแม้ว่าบอสจะแปลงโฉมขนาดที่ฝานเจียยังจำไม่ได้ แต่คิงไม่ใช่ฝานเจีย เขาไม่เพียงแต่จะเจ้าเล่ห์มากแผน แต่ยังเป็นนักจิตวิทยาด้านอาชญากรรมตัวฉกาจ เวลาสำรวจสถานะของใครก็ตาม ย่อมไม่ดูแค่หน้าตา ซึ่งฉินมั่วก็เช่นเดียวกัน คนอย่างพวกเขา มักจะสำรวจรายละเอียดปลีกย่อยของฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นเรื่องปกติ เช่นกิริยาอาการ วิธีพูด กระทั่งท่าทางการดื่มน้ำยังเป็นจุดสำคัญในการตรวจเช็ค

เหตุใดคิงถึงไม่แสดงตัวออกมาตรง ๆ  ก็เพราะเขามีแผนว่าจะลอบสำรวจคนเหล่านั้นมาตั้งแต่แรก

น่าเสียดายที่คนของเขาไม่อดทนเอาเสียเลย

คิงเงยหน้ากวาดตามองสีหน้าจริงจังของพวกคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะยิ้มขึ้น “แกะซิการ์ออกมาเช็คของก็สะดวกดีนะ”

“ครับ” แมงป่องพิษรับซิการ์มา แล้วใช้มีดแงะออก จึงเห็นว่าด้านในนอกจากจะบรรจุยาสูบแล้ว ยังมีผงสีขาวอีกด้วย

ฉินมั่วเห็นแล้วก็หัวเราะเย้าหยอก “มิน่าล่ะ เขาถึงว่ากันว่า ทำธุรกิจกับคุณ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตรวจสอบ เพราะบรรจุแบบนี้ดูเป็นธรรมชาติมาก”

“นี่เรียกว่าธรรมดาแล้วครับ” คิงหัวเราะ ยกกาน้ำชามารินให้ฉินมั่วถ้วยหนึ่ง “ผมชอบศิลปะพู่กันจีน แต่ความสามารถจำกัด เมื่อก่อนเคยมีนักเรียนอยู่คนหนึ่งมีเขียนพู่กันจีนสวยมาก น่าเสียดายที่เด็กคนนั้นไม่ยอมเป็นลูกศิษย์ในความดูแลของผม แต่ก็ทำให้ผมสนใจศิลปะวัฒนธรรมของจีนมาก ดังนั้น…” พูดมาถึงตรงนี้ คิงก็ชะงัก

ฝานเจียที่ยื่นปากกาลูกลื่นให้ คิงหักมันออก เทผงสีขาวชั้นเยี่ยมที่บรรจุอยู่ด้านในออกมา

เจ้าชายน้อยกัดกรามแน่นอยู่ด้านข้าง แต่กลับไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว แต่คุณหมอทหารและนักมายากลกลับกลายเป็นอีกเรื่อง นักเรียนที่คิงพูดถึง คงไม่ใช่…

เวลานั้น คุณหมอทหารเริ่มเครียด คิงหมายความว่ายังไง หรือว่ามันเดาสถานะของบอสออกแล้ว? ไม่งั้น จะจงใจพูดถึงนักเรียนคนนั้นทำไม

เมื่อถูกยั่วยุอารมณ์ คุณหมอทหารก็ทราบดีว่า สถานการณ์เช่นนี้อันตรายมาก ไม่ควรปล่อยให้อีกฝ่ายชักนำทางอารมณ์ แต่คนที่ได้เรียนด้านจิตวิทยา ล้วนแต่อ่อนไหวกว่าคนปกติมากนัก

อารมณ์ของเขาก็เป็นเช่นนั้น บอสสิ ยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าคิงไม่มั่นใจในสถานะของบอสแล้วแค่ลองใจล่ะ งั้นคำตอบของบอสจึงสำคัญมาก

“เป็นวิธีที่ไม่เลว” ฉินมั่ววางปากกาลง มองสำรวจทั่ว “เห็นเจ้านี่แล้ว ผมกลับคิดถึงวิธีที่ดีกว่า”

ห้วงเวลานั้น ความเหี้ยมในก้นบึ้งนัยน์ตาของคิงลดลงไปเยอะ เขาเลิกคิ้ว “โอ้ว? วิธีไหนเหรอ?”

“ก็ลิขวิดเปเปอร์ไง ปลอดภัยกว่าไอ้นี่อีก” ฉินมั่วโยนปากกาด้ามนั่นลงพื้น บารมีเจิดจ้ากว่าเดิม

คิงได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง ก่อนจะหัวเราะขึ้น “ได้ร่วมธุรกิจกับประธานหรงถือเป็นเรื่องน่ายินดี พวกเราไปดื่มชากันในระหว่างที่ให้พวกเขาตรวจสอบสินค้ากันดีกว่า แล้วดูหนังสักเรื่อง ส่วนเรื่องช่องทางการค้า เราค่อยว่ากัน”

………………………………………

1687 vs 1688

ตอนที่ 1687

 “ไม่สิ! นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้” หมอเถื่อนสวมหน้ากากอนามัย วางยาลงทันที “ผมเคยดูคุณเล่นเกมออนไลน์มาก่อน โคตรเท่เลย ทำไมคุณไม่ไปแข่งล่ะ มาที่นี่ทำไม? อย่าบอกนะว่าคุณไม่คิดจะแข่งแล้ว ผมอุตส่าห์ซื้อตั๋วแข่งระดับเอเชียไว้เรียบร้อยแล้วนะ ขอบอก ถ้าคุณไม่แข่ง ผมจะฉีกตั๋วทิ้ง!”

ป๋อจิ่ว “…”

หมอเถื่อนชะงัก ก่อนจะพูดต่ออย่างเขินอาย “ผมเป็นแฟนคลับคุณ”

ในขณะที่ป๋อจิ่วกำลังคิดว่าจะตอบอย่างไรดี คุณหมอเถื่อนก็แนะนำตัวเองอีกครั้ง “ทุกครั้งที่ชื่อคุณโผล่ออกมาบนแพลตฟอร์มไลฟ์สด ผมก็จะปรากฎตัวออกมา คนซื้อเหรียญให้คุณในเกมมากที่สุดก็คือผมเอง!”

ป๋อจิ่วพูดหน้าตาเฉย “คุณจำคนผิดแล้ว”

“ผมจำคนผิดเหรอ?” หมอเถื่อนดึงผ้าปิดปากออก “คุณอย่าดูถูกพลังของแฟนคลับอย่างพวกเรานะ เดี๋ยว คุณดำขึ้นนี่ แถมจมูกก็ไม่โด่งเหมือนเมื่อก่อน หรือว่านี่คือผลจากการหลุดออกจากจินตนาการ ไม่สิ ดำเกินไป ปลอมตัวเหรอ? โห สุดยอด ทำไมผมถึงโง่อย่างนี้ คุณต้องปลอมตัวแน่ๆ สีย้อมผิวที่ผมเตรียมให้ คุณน่าจะไม่ได้ใช้ มันช่วยลดต้นทุนได้เยอะเลยนะ”

ป๋อจิ่วหัวเราะ “ใช้ต้นทุนแค่นี้ ยังต้องลดอีกเหรอ?”

“ก็ลดต้นทุนมาซื้อเหรียญเชียร์คุณไง” หมอเถื่อนพูดอย่างสมเหตุสมผล

ป๋อจิ่วพูดในใจ…นายน่าจะให้อะไรที่มันใช้ได้ เยอะกว่านี้หน่อยนะ”

สุดท้ายก็เคาะโต๊ะ “เอาของมานี่”

คุณหมอเถื่อนพูดเรื่องจริงจังขึ้นมาที ก็น่าเชื่อถือมากเลยทีเดียว “อยู่ในนี้ทั้งหมด ผมขอให้ของอย่างอื่นกับคุณละกัน  สิ่งที่สำคัญที่สุดนะท่านเทพ เดี๋ยวคุณออกไปก็อ้อมสักสองรอบนะ คิงจะได้ไม่สงสัยผม แล้วผมจะได้ฉวยโอกาสหนีไปภายในสองวันนี้ ส่วนค่ายาพวกนี้ ผมให้คุณฟรี ในป่ามีงูเยอะนะ แถมมีพิษด้วย คุณเอาไปอย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัว”

ป๋อจิ่วมองดูกล่องยาของเขาแล้ว ยิ้มขึ้น “ไม่ต้องเอากำมะถันมาหรอก มียาชาไหม? ขอเข็มฉีดยาให้ฉันสักสิบเล่มสิ”

หมอเถื่อนย่อมให้ความช่วยเหลือ แต่ต่อจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร เขาก็คิดไม่ถึงว่าไอดอลของเขาจะเอาของไปจนหมด

หลังจากที่ตะลึงไปนาน เขาจึงตะโกนไล่หลังป๋อจิ่ว “พูดตรงๆ นะ คุณกลับทีมไดมอนด์เถอะ ถึงจะเป็นผู้หญิงแล้วจะเป็นไรไป เหมือนผมนี่ไง พอรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงก็อยากขอคุณแต่งงานทันที แต่ไม่รู้ว่าคุณมีแฟนหรือยัง”

“มีสิ” เป็นครั้งแรกที่ป๋อจิ่วตอบคุณหมอเถื่อนตรงๆ นับตั้งแต่ที่เข้ามายังที่แห่งนี้ ราวกับนึกถึงคนบางคนขึ้นมาได้ มุมปากยังติดรอยยิ้ม “เขาเป็นคนดี ฉันกำลังขอเขาแต่งงานอยู่”

หมอก็งงสิ อยู่ดีไม่ว่าดี อกหักเฉยเลย แถมยังโดนยัดอาหารหมาเข้าให้อีกต่างหาก

เป็นผู้หญิงแท้ๆ จะไปขอผู้ชายแต่งงานได้ไง!

ป๋อจิ่วไม่ฟังเสียงหมอที่โหยหวนอยู่ในใจหรอก หลังจากเธอเตรียมทุกอย่างพร้อมสรรพ ก็ขับรถออกไปด้วยความเร็วเหนือนรก

ไม่ว่าอย่างไร เธอต้องตามหาท่านเทพให้เจอ แล้วพาเขากลับเมืองเจียงเฉิง เหมือนอย่างที่คุณหมอเถื่อนพูดไว้นั่นแหละ ที่นั่นยังมีการแข่งขันระดับเอเชียที่รอให้พวกเขาไปแข่งอยู่

ไม่ใช่เพื่อคนอื่น  แต่เพื่อตัวเอง

มีเพียงสนามแข่งเท่านั้นที่เป็นความชอบของเขาอย่างแท้จริง

“เหลืออีกยี่สิบกิโลเมตรก็จะถึงที่หมาย ข้างหน้ามีแม่น้ำ จะเปลี่ยนร่างไหม” เสียงของเสี่ยวเฮยดังขึ้น

ป๋อจิ่ววสะบัดท้ายรถ “เปลี่ยน”

“การเปลี่ยนร่างจะต้องเปิดระบบด้วยแรงตัวเอง ตอนนี้เริ่มเข้ากระบวนการ ล้อหน้าเตรียมพร้อม เปลี่ยนกระจก นับเวลาถอยหลังเริ่มต้น 10 9 8…1!

…………………………………………

ตอนที่ 1688

เมื่อมาถึงหมายเลข 1  มือขวาของป๋อจิ่วก็ผลักเกียร์เพิ่มความเร็ว เธอกุมพวงมาลัย ขับรถลงน้ำ!

เป็นที่รู้ดีว่า เมื่อขับรถลงแม่น้ำ น้ำจะไหลเข้ามาทุกทิศทาง กระทั่งรอดเข้ารอยต่อกระจกอย่างรวดเร็ว ซึ่งภายในไม่กี่วินาที รถจะเต็มไปด้วยน้ำ แล้วมันจะจมดิ่งลงสู่ด้านล่างจนมิดหัว ซึ่งคนที่นั่งในรถย่อมหนีไม่รอด

แต่เมื่อรถคันนี้ขับตะลุยสู่ผืนน้ำ กระจกก็เปลี่ยนไป เสียงปุดๆ ดังขึ้นตามจังหวะที่รถจมน้ำ ประตูที่เหมือนปีกค้างคาวของรถแลมโบกินี่ มูร์เซียราโก้ก็ลู่ไปด้านหลัง ล้อเปลี่ยนทิศทางราวกับมีเครื่องช่วยเลื่อนไถล ซึ่งแม้ว่ารูปร่างจะไม่เปลี่ยน แต่คุณสมบัติของมันเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น โดยไม่เพียงแต่กันน้ำได้ ยังมีใบพัดที่สร้างกระแสน้ำให้ผลักรถไปด้านหน้า ไฟหน้ารถยังสว่างมากกว่าปกติถึงห้าเท่า ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าอยู่ในน้ำก็ยังมองเห็นทางข้างหน้าชัดเจน

“การเปลี่ยนสภาพเสร็จสมบูรณ์ โดยอยู่ในโหมดกลางน้ำด้วยระยะทางสี่สิบลี้ ปริมาณน้ำมันเพียงพอ ปัญหาที่เจอคือ ความดันน้ำไม่เสถียร ต้องใช้แรงผลัก”

ระบบจีพีเอสสะบัดคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่า

ป๋อจิ่วเอนตัวไปด้านหลัง เงยหน้าขึ้น กดปุ่มหลังคากระจก เครื่องผลักที่ซ่อนไว้ก็โผล่ออกมา

“เพิ่มความเร็ว” เมื่อคำสั่งสั้นดังขึ้น

ระบบจีพีเอสตอบสนอง ใบพัดหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วในการหมุนทวีสูงขึ้นกว่าเมื่อครู่เกือบเท่าหนึ่ง ฝูงปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำต่างหนีไป ราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีมนุษย์เข้ามาในถิ่นของมัน…

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สี่โมงเย็น ท้องฟ้าเริ่มพลบค่ำ แสงตะวันรอนรานไล่หมอกหนา จนเห็นพื้นที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

ฉินมั่วและพวกมาถึงริมแม่น้ำก็ถูกแมงป่องพิษพาเข้าไปนั่งในรถออฟโรด สิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือ คราวนี้พวกเขาไม่ได้ถูกปิดตา และด้วยเหตุนี้ เจ้าชายน้อยจึงรับรู้ได้มากกว่าเดิม

ที่นี่สวยมาก สวยจนยากจะบรรยาย มีดอกไม้สีสันสดใสมากมายราวท้องทะเล ปลายสุดคือกระท่อมไม้

เดิมสถานที่ที่ถูกขนานนามว่าแดนสวรรค์ กลับกลายทำให้คนต้องหนาวลึกถึงกระดูกเพราะประเภทของดอกไม้ดังกล่าว

ฝิ่น เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาเสพติดทุกชนิด

เมื่อเดินเข้าไป แมงป่องพิษยังคงยิ้ม “อย่าดมเต็มแรงนะครับ เพราะกลิ่นดอกไม้ที่นี่ฉุนมาก ดมเข้าไปมากๆ เดี๋ยวจะติดเอา”

เจ้าชายน้อยที่เดิมมือเกร็งอยู่แล้ว กลิ่นที่โชยเข้าจมูกมันฉุนมาก มากขนาดที่เขารู้สึกไม่สบายใจ

ฉินมั่ววางมือไว้ที่ริมหน้าต่าง เส้นผมสั้นเซอร์ถูกลมพัด ดูเหมือนเขากำลังดื่มด่ำอยู่ “เหรอ? ถ้าได้นอนในที่แบบนี้ คงสบายไม่เบา”

“ประธานหรงคิดเหมือนคิงของพวกเราเลยครับ” ดูเหมือนแมงป่องจะตะลึงกับคำพูดของชายหนุ่ม เมื่อคิดอีกที คนที่กล้าทำเรื่องใหญ่ๆ ย่อมไม่สนทั้งนั้นแหละว่าสิ่งเหล่านี้จะทำร้ายคนอื่นหรือเปล่า เพราะในสายตาของพวกเขา ผลประโยชน์สำคัญที่สุด

แมงป่องคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ้ม นี่แหละคือคนที่พวกเขาควรจะร่วมค้าขายด้วย แต่กระนั้นมันกลับไม่รู้ว่านับตั้งแต่เข้าใกล้ดงดอกไม้นั่น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายน้อยหรือนักมายากลต่างก็กลั้นหายใจอัตโนมัติในระดับหนึ่ง

การกลั้นลมหายใจอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง ก็เพื่อจะไม่ติดยานรกนั่น

…………………………………………….

1685 vs 1686-1 vs 1686-2

ตอนที่ 1685

สัญญาณ…ขาดเหรอ? ไม่เพียงแต่เจ้าอ้วนที่ถึงกับหน้าถอดสีเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน กระทั่งพวกที่นั่งในห้องประชุมยังกำมือแน่น

ครั้งนี้ กลุ่มปฏิบัติการณ์ไม่มีใครช่วยเหลือแล้วจริงๆ แม้ว่าจะออกคำสั่งระดับสูงไปแล้วว่าให้รวบรวมกำลังพลทั้งหมด กระทั่งบริเวณชายแดนเองก็ยังเข้าช่วย แต่ไม่อาจเชื่อมสัญญาณต่อได้ และกว่าฉินมั่วจะรู้ว่าสัญญาณหายไปก็เป็นเวลาหลังจากนั้นสิบนาที ด้วยเหตุที่เขาสวมผ้าปิดตาสีดำ แถมพูดกับคนอื่นก็ไม่ได้ จึงไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับนาฬิกาข้อมือ

ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่มีการส่งข่าว นาฬิกาจะกระตุกเล็กน้อย แต่ครั้งนี้กลับไม่มีอีกแล้ว แววตาของฉินมั่วหนักอึ้ง ฟังเสียงสปีดโบ้ทที่วิ่งผ่านน้ำ โดยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เลยสักนิด

คนที่รู้ว่าพวกเขานั่งเรือ ยังมีคุณหมออีกคน การตอบสนองต่อเสียงน้ำไหลเป็นสิ่งที่ทหารหน่วยพิเศษทุกคนต้องมี โดยเฉพาะกลุ่มพวกเขา แต่มีเพียงคุณหมอคนเดียวที่รู้ดีว่า เสียงน้ำทุกชนิดจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของฉินมั่ว โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมแบบนั้น ทุกครั้งที่ฝนตก อารมณ์บอสจะแย่มาก ซึ่งใช่ว่าจะไม่มีสาเหตุ ผลกระทบจากเหตุการณ์ในวันนั้นยังมีผลต่อบอสเสมอ คุณหมอกังวลว่ามันจะเกี่ยวพันกับคำสั่งแฝงทางจิต

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ บรรยากาศในห้องประชุมยังไม่ดีขึ้น เจ้าอ้วนพยายามหาทางสุดความสามารถ แต่ยังเกาะเป้าหมายไม่ได้ จนในที่สุดข่าวก็ถูกส่งมาว่า ที่นั่นมีเครื่องรบกวนสัญญาณ โดยแผ่รังสีเป็นวงค่อนข้างกว้าง และเป็นเหตุให้เวลาที่เครื่องบินเข้าไปใกล้บริเวณนั้น จะหลงทางได้ง่ายๆ ซึ่งหากมองลงไปด้านล่าง ก็จะเห็นแค่แม่น้ำหลายสายตัดสลับกันวุ่นวายและป่าไม้ที่หนาแน่น เห็นสภาพภูมิประเทศไม่ชัดเจน จึงยากที่จะให้ความช่วยเหลือ

กลุ่มปฏิบัติการติดต่อไม่ได้ถึงครึ่งชั่วโมง ซึ่งครึ่งชั่วโมงดังกล่าวจะเกิดอะไรบ้าง ไม่มีใครคาดเดาได้

เวลาอย่างนี้การไม่มีข่าวอะไร ถือว่าเป็นเรื่องดี

ตำแหน่งของพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงไม่เท่าไร บรรยากาศรอบด้านก็เปลี่ยนไป ต้องบอกว่า ที่นี่สวยมาก แต่ความสวยที่ว่า มีอันตรายซ่อนเร้น

ช่องแม่น้ำแคบลง มีทหารรับจ้างถือปืนอยู่ไม่ไกล บ้างก็นั่งเรือ บ้างก็นั่งบนฝั่ง ราวกับกำลังตรวจตรา และสิ่งที่ผู้คนคาดไม่ถึงก็คือ พวกเขาอายุไม่เท่าไร เรียกได้ว่าเด็กสุดก็แค่สิบกว่าปี

บางทีนี่แหละที่เรียกว่าสามเหลี่ยมทองคำของแท้ เพราะเป็นดินแดนที่ไร้คนควบคุม ด้วยเหตุที่ไม่สงบสุข ขนาดเด็กยังต้องถือปืน

พวกเขาไม่ได้ยากจน ต่อให้มีเงินเป็นปึกๆ ผ่านตรงหน้า บางทีก็ไม่แม้แต่จะกระพริบตา เพราะที่นี่ปลูกฝิ่นกันมากมาย ใครๆ ก็รู้ว่า ในโลกนี้ ธุรกิจที่ทำเงินเร็วที่สุดคงไม่พ้นธุรกิจที่ว่า

พวกเขาขาดความรัก ไร้พ่อแม่ แต่ถึงจะมี พ่อแม่พวกเขาก็เป็นแค่แรงงานทาสที่เก็บเกี่ยวพืชดังกล่าว พวกเขาถูกเลี้ยงไว้ข้างตัวคิงมาตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้พวกเขาต่างจากเด็กทั่วไป  แววตาของพวกเขาเย็นกระด้างกว่าคนปกติ

เมื่อเจ้าชายน้อยปลดผ้าปิดตาออกมา ก็เห็นภาพดังกล่าว เจ้าตัวถึงกับตะลึง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

แมงป่องยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะขึ้นมา “ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่สวรรค์ของเรา นับจากเวลานี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครมารบกวนความร่วมมือของพวกเราแล้วครับ”

ฉินมั่วย่อมเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่เมื่อปลดผ้าปิดตาออกก็ยกมือบังแสงตรงหน้า ถามขึ้นทั้งๆ ที่รู้แก่ใจ “ทำไม”

…………………………………………………….

ตอนที่ 1686-1

แมงป่องพิษพยักเพยิดให้มองข้างในป่าลึก

ฉินมั่วเอียงศีรษะมอง สิ่งปลูกสร้างที่เหมือนปราการเหล็กสองแห่งปรากฏสู่นัยน์ตา ทหารหน่วยพิเศษทุกคนต่างได้รับการฝึกฝนในด้านนี้ บางคนอาจจะรับรู้ช้าไปหน่อย แต่บางคนก็ไว ฉินมั่วมองแวบเดียวก็รู้ว่ามันคืออะไร ป้อมรบกวนสัญญาณอย่างไรล่ะ

“ไม่เลวนี่” เขาซุกมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ากางเกง เอ่ยอย่างเป็นปกติ “แบบนี้ ความร่วมมือของเราจะได้ปลอดภัย”

แมงป่องพิษยิ้มขึ้น “ท่านประธานหรงตาแหลมมาก”

เจ้าชายน้อยจ้องเด็กเหล่านั้น ซึ่งแมงป่องพิษจับสังเกตได้ จึงหันไปถาม “ทำไม? คุณชายรองไม่เคยเห็นมาก่อนหรือครับ?”

เจ้าชายน้อยยอมรับอย่างเอื่อยเฉื่อย “เด็กขนาดนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน ยิงปืนเป็นแล้วเหรอ?”

“คุณชายรองอย่าดูถูกพวกเขาเชียว” มุมปากของแมงป่องพิษค่อยๆ ยกยิ้ม “บางครั้ง เวลาที่ต้องต่อกรกับพวกทหารหน่วยพิเศษที่ลักลอบเข้ามา พวกเขาจะมีประโยชน์มาก”

เจ้าชายพยายามทำให้ตัวเองดูเป็นธรรมชาติ “จริงป่ะเนี่ย?”

“จริงสิครับ” แมงป่องสำรวจอีกฝ่าย “คุณชายรองทำหน้าเหมือนพวกทหารหน่วยพิเศษที่มองพวกเขาเลยครับ แต่ต่างกันที่คุณชายรองไม่เหมือนทหารพิเศษเลยสักนิด”

เจ้าชายน้อยไม่ขยับ

ฉินมั่วเอ่ยขึ้น “ถึงได้ให้เขามาเห็นโลกภายนอกไง ปกติคนที่บ้านปกป้องกันดีนัก นี่แหละข้อเสียของน้องผม ใจไม่เหี้ยมพอ” พูดจบก็เหลือบมองเจ้าชายน้อยแวบหนึ่ง

แววตาของชายหนุ่มทำให้แมงป่องเลิกระแวง เพราะลูกคนรองของบางคอรบครัวก็อย่างนี้แหละ ยิ่งเด็กนี่มันรวยมากแถมโง่ดี เขาจึงหัวเราะ “ประธานหรง เชิญทางนี้ครับ”

ฉินมั่วไม่พูดอะไรอีก เขาซุกมือลงกระเป๋าข้างหนึ่ง เดินผ่านเด็กชายสองคนที่ถือปืนเล่นพนันอยู่ด้วยบารมีที่แก่กล้ากว่ายามปกติ

เจ้าชายน้อยหวั่นใจ จะมากจะน้อยก็รู้ดีว่าปฏิกิริยาของตัวเองทำให้อีกฝ่ายมองออก จึงรีบกลับสู่บทบาทเดิมของตัวเอง ด้วยการลูบสันจมูก ราวกับเป็นเด็กบ้านรวยที่ไม่เอาถ่าน เดินตามหลังฉินมั่วไป

ทุกสิ่งที่ได้เห็นในนี้ ล้วนแต่ทำให้ผู้คนตกใจจนถึงขั้นที่แอบรังเกียจในใจ

แมงป่องถือเรียกที่นี่ว่าเป็นสวรรค์ แต่ในสายตาของเจ้าชายน้อยกลับเห็นว่ามันไม่ต่างจากนรกสักนิด แม้ว่าแสงตะวันจะสาดส่องสดใส บรรยากาศสวยงาม แต่สิ่งที่เด็กพวกนี้ทำ กลับทำให้คนเสียวสันหลัง โดยนักมายากลที่ยืนข้างๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

ไม่ใช่เพราะเด็กเหล่านี้หรอก แต่เพราะหลังจากที่เห็นสิ่งปลูกสร้างนั่นก็เข้าใจแล้วว่าทำไมบอสถึงได้ถามแมงป่องอย่างนั้น หนึ่ง เพื่อจะได้ลดความระแวงแมงป่องพิษ สองเพื่อจะได้บอกพวกเขาทางอ้อมว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต

จากนี้เป็นต้นไป การติดต่อทั้งหมดของพวกเขา จะต้องใช้วิธีอื่น

และนับจากเวลานี้เป็นต้นไป จะไม่มีหน่วยสนับสนุนช่วยพวกเขา ฉะนั้นต้องมีชีวิตรอดให้ได้ ต้องไม่หลุดสถานะออกไป ซึ่งสำคัญกว่าสิ่งใด

ใครจะคิดได้บ้างว่า สถานที่ที่คิงซ่อนตัว จะมีกระทั่งด่านสกัดบนแม่น้ำ หากเดินไปทางทิศตะวันออกก็จะเป็นชายแดนของจีน นี่แหละคือสิ่งที่กลุ่มปฏิบัติการณ์ให้ความสำคัญที่สุด รวมถึงฉินมั่ว เพราะพวกเขาไม่มีวันยอมให้ใครหรือขบวนการใดทวีอำนาจอยู่ในสถานที่ที่ใกล้จีนแบบนี้ ทั้งยังจ้องตาเป็นมันอีกต่างหาก

…………………………………………………….

ตอนที่ 1686-2

บนถนนสายเล็กประมาณห้าสิบกิโลเมตรห่างไปจากริมแม่น้ำ รถแลมโบกินี่สีดำกำลังตะบึงผ่านมา

การที่มีรถหรูอยู่ในที่แห่งนี้ไม่แปลก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรถออฟโรด ไม่ใช่รถแบบนี้

ระบบจีพีเอสเตือนติดต่อกันเป็นครั้งที่สาม ระหว่างที่กำลังประเมินในระลอกต่อไป ก็เตือนคนขับอย่างจิรงใจ “เจ้านายครับ ช้าลงหน่อย จริงๆ นะ ผมออกจะเท่ เล่นใช้งานไม่บันยะบังยัง มนจะเหมือนรองเท้าหนังที่หน้าเท้าเปิดอ้า มันน่าเกลียดพิลึก”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้ว ไม่คิดจะอ่อนโยนสักนิด

เสี่ยวเฮยได้แต่เปิดระบบปกป้องตัวเอง เมื่อท้องรถต้องกระแทกหลุมใหญ่อีกครั้ง จนท้ายที่สุดก็เกิดควันลอยขึ้น โชคดีนะที่ภายในรถไม่เสียหาย ในฐานะที่เป็นรถสปอร์ตที่ขายหน้าตา มันไม่ง่ายเลยนะ ไม่มีใครแคร์ความรู้สึกเวทนาตัวเองของเสี่ยวเฮยสักนิด

ป๋อจิ่วเปิดประตูรถแล้วเดินเข้าไปยังตลาดสดที่มีคนผ่านไปมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมขนาดใหญ่หรือไม่ หลายคนในที่แห่งนั้นอยู่ในสภาพแขนขาดขาขาด ซึ่งเธอจะรู้เหตุที่ทำให้พวกเขากลายเป็นแบบนั้น

ที่นี่ หากไม่ยินดีที่จะปลูกและขายยาเสพติด ไม่มือขาดก็ต้องขาขาด เวลานี้ ที่นี่ไม่มีดอกไม้ให้เห็นอีกแล้ว มันกลายเป็นหมู่บ้านและการเพาะปลูกผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้ปริมาณการค้ายากลับไม่น้อยลงเลย คงเพราะมีความต้องการ จึงมีตลาด

พวกที่เสพยาไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากลองหรือเหตุอื่นจะไม่มีวันรู้ว่า มีคนบางกลุ่มที่แม้จะใช้ชีวิตที่ริมเหวนรก แต่ก็ไม่ยอมสยบให้ใครเพื่อบางสิ่งในใจ

พวกเขารู้ดีกว่าใครว่า ของพวกนี้จะทำลายครอบครัวรุนแรงแค่ไหน ดังนั้นต่อให้มือและขาต้องขาดก็ไม่ยอมเข้าร่วม

ความรู้สึกแบบนี้ มีใครบ้างที่เข้าใจ?

พวกเขาไม่ใช่ทหารและไม่ใช่คนจีน เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ซึ่งแต่ละคนล้วนหวังว่าตัวเองจะไม่ทำลายใคร บางครั้งพระเจ้าก็ประทานสิ่งแวดล้อมดีๆ ให้แก่คนบางกลุ่ม แต่คนกลุ่มนั้นกลับไม่มีศีลธรรม

ในสายตาของพวกนั้น พวกที่มีชีวิตยากจนจะสร้างความร่ำรวยให้พวกเขาได้ และเพราะเหตุนี้จึงต้องทำลายนรกที่คิงสร้างขึ้นให้สิ้นซาก

ป๋อจิ่วยกมือเลิกผ้าม่านดำออก บางครั้งสิ่งที่ที่นี่ขาดมาที่สุดก็คือยารักษาโรค ด้านหลังม่านสีดำมักจะมีหมอเถื่อนคนหนึ่ง โดยคนที่มอบของให้กับป๋อจิ่ว ก็คือหมอคนนี้นี่แหละ ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดมาก เพราะเจ้าตัวหน้าเด็กเชียว ซึ่งมองออกจากใบหูของเขา เมื่อเห็นป๋อจิ่วเข้ามาก็เดินไป-มา เอ่ยขึ้น “บอกตรงๆ นะ ผมไม่อยากเตรียมของพวกนี้ให้คุณเลย รู้ไหมว่า อยู่ที่นี่ ถ้าใครกล้าเป็นศัตรูกับคิง ก็กลายเป็นศพในวันพรุ่งนี้ได้เลย แต่ผมคิดดูแล้ว เป็นศัตรูกับแฮกเกอร์อย่างพวกคุณ ผมก็มีจุดจบไม่สวยเหมือนกัน จะว่าไป…”

พูดมาถึงตรงนี้ คุณหมอเถื่อนพลันชะงัก แววตาที่มองป๋อจิ่วถึงกับสว่างโรจน์ “ทะ ทำไมเป็นคุณไปได้?”

ป๋อจิ่วอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง “พวกเราไม่รู้จักกันสักหน่อย ใช่ไหม?” หน้าตาพิเศษขนาดนี้ หากเคยเห็น เธอต้องจำได้เลาๆ บ้างล่ะ “แล้วทำไมถึงเอายาแก้หวัดกับยาแก้ท้องเสียมาใส่ไว้ด้วยกันล่ะ”

“อ้อๆๆ ยามันก็มีฤทธิ์เหมือนกันหมดแหละ” คนพูดจริงจัง

ป๋อจิ่วหัวเราะ เพราะเธอมองไม่ออกว่ายาซานหวงเพี่ยน[1]กับป่านหลันเกิน[2] จะเหมือนกันที่ตรงไหน หมอเถื่อนคนนี้หลอกคนเก่งกว่าที่เธอคิดไว้อีกแฮะ

……………………………………………..

[1] ยาซานหวงเพี่ยน ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย

[2] ป่านหลันเกิน ช่วยลดความร้อน บรรเทาอาการเจ็บคอ

1683-1 vs 1683-2 vs 1684

ตอนที่ 1683-1

เจ้าชายน้อยชะงัก ฉินมั่วช้อนสายตามอง ส่งสัญญาณมือให้เขารับ เจ้าชายน้อยจึงกดปุ่มรับสาย

เสียงหัวเราะของคิงดังผ่านหูโทรศัพท์ เสียงนั่นฟังดูแล้วสุภาพมาก “ขอโทษจริงๆ ผมได้รับข่าวมาว่ามีคนปล่อยข่าวสถานที่นัดพบของพวกเราออกไป ตอนนี้ผมกำลังตรวจสอบว่าเกิดปัญหาที่ตรงไหน”

ปล่อยข่าว? เป็นไปได้ยังไง? เจ้าชายน้อยจะปฏิเสธตามสัญชาตญาณ

ฉินมั่วกระดิกนิ้ว สื่อให้เขายกเลิกการนัดเจอกันในวันนี้

ยกเลิกงั้นเหรอ? เจ้าชายน้อยคิดว่าตัวเองอ่านสัญญาณผิด

ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของบอสอีกครั้ง ก็เข้าใจแล้วว่าต้องพูดอย่างไร “ในเมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็อย่าเพิ่งเจอหน้ากันชั่วคราวละกัน ใครปล่อยข่าวออกไป คุณก็หาตัวให้เจอแล้วเอามันให้ตาย ส่วนผมติดต่อคนตั้งหลายคนอยู่ทางนี้ เกิดใครรู้เข้าว่าผมนัดกับคุณ ถึงเวลานั้นผมมีหวังซวยอยู่คนเดียว รับรองว่าพี่ผมต้องฆ่าผมทิ้งแน่ ตอนนี้เขาอยู่กับผม กำลังด่าเละเลย หาว่าผมทำอะไรไม่มีสมอง”

“คุณก็พูดเกินไป วางใจเถอะ เมื่อทำการค้ากับผมในเขตชายแดนนี้ ขอแค่ข่าวไม่ได้ถูกปล่อยจากทางคุณ ทุกอย่างย่อมปลอดภัย” คิงพูดแบบมีนัยยะซ่อนเร้น แล้วกลับหัวเราะขึ้น “แค่สถานที่ที่ผมส่งให้คุณก่อนหน้านี้คงไปไม่ได้แล้ว แล้วผมจะส่งที่อยู่ใหม่ให้ละกัน”

เจ้าชายน้อยไมได้รีบรับปาก แถมยังทำท่าไม่ไว้ใจอย่างแรง “แน่ใจนะว่าจะไม่มีปัญหาอีก”

“คุณลองเช็คดูได้ คนที่อยากค้าขายกับผมอย่างจริงใจ ย่อมไม่เกิดปัญหาชัวร์” คิงยิ้มหัวเราะนิดๆ เหมือนเดิม

เจ้าชายน้อยพูดเสียงแบบ ‘ฉันเชื่อนายก็ได้’ “โอเค ส่งที่อยู่มาเลย ผมกับพี่ผมจะไป”

“ได้” คิงวางสาย รอยยิ้มที่แฝงตรงมุมปากยังไม่คลาย

ซึ่งทำให้แมงป่องพิษโล่งอก เพราะกลัวว่าที่คิงลองใจไปแล้วเกิดปัญหาขึ้น เพราะอีกฝ่ายเป็นคู่ค้าที่เขาอยากร่วมค้าด้วยอย่างสุดแรง หากที่มาของพวกนั้นมีปัญหา เขาเองก็จะแย่ไปด้วย

แมงป่องพิษเข้าใจดีว่า ไม่มีใครปล่อยข่าวออกไปหรอก เป้าหมายที่คิงโทรไปหาก็ชัดเจนมาก แค่อยากเปลี่ยนสถานที่เท่านั้น การขัดจังหวะตารางของอีกฝ่าย จะทำให้รู้ว่าพวกนั้นมีปัญหาหรือไม่

“จนถึงตอนนี้ ปฏิกิริยาของฝ่ายนั้นเป็นปฏิกิริยาที่นักธุรกิจควรจะมี รวมถึงความกังวลแบบเมื่อกี้ด้วย” แววตาของคิงอ่อนลง “ไปรับมาก่อน ถ้าไม่ได้เห็นหน้ากัน ฉันก็ไม่มีวันเชื่อใจ”

“ครับ” แมงป่องพิษรับคำสั่ง เริ่มเตรียมตัว

ฝั่งทางนี้ เจ้าชายน้อยเหงื่อท่วมศีรษะอีกหน เพราะเขาเพิ่งจะรู้สึกว่า เมื่อกี้ที่คิงพูดเป็นเพราะต้องการหลอกพวกเขา ถ้าเขาเอ่ยไปว่า เป็นไปได้ยังไง รับรองว่ามันจะไม่เหมาะกับสถานะนักธุรกิจแน่ เพราะพวกนักธุรกิจจะต้องกังวลอย่างตรงๆ ว่าการค้าจะไม่ปลอดภัย สินค้าไม่พอเพียง ราคาและกำไร เป็นต้น

แต่ละคำถามของคิง ล้วนแต่ลองใจ เกรงว่าคงมีแต่บอสที่รู้เท่าทันตั้งแต่ตอนแรก เวลานี้เจ้าชายน้อยเข้าใจแล้วว่า ทำไมบอสต้องลงมือปฏิบัติภารกิจนี้เอง เพราะนอกจากบอสแล้ว หากเป็นคนอื่นมา รับรองว่าต้องแพ้ให้กับสงครามจิตวิทยาของคิงจนตายหมดยกทีมชัวร์

การเปลี่ยนจุดนัดพบกะทันหัน แสดงให้เห็นแล้วว่าคิงสงสัยพวกเขามากแค่ไหน

ฉินมั่วรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการเปลี่ยนสถานที่ให้พวกตนรับมือไม่ทัน จึงเยือกเย็นมาก ชายหนุ่มปรับท่าที ไม่ทำให้ลูกน้องสับสนเพราะเหตุดังกล่าว

พวกเขาใช้รถสามคันเหมือนเดิม รถที่เจ้าอ้วนนั่งเป็นรถธรรมดาที่สุด และเมื่อรถสองคนแรกแล่นออกไป เขาก็ไม่ได้รีบตาม

…………………………………………….

ตอนที่ 1683-2

ในเมื่อเป็นชายแดนประเทศ M และ T ฉินมั่วย่อมคำนึงถึงเรื่องสายสืบ

“บอส ทิศ 9 นาฬิกา มีรถตามพวกเรามา” นายพรานหมุนพวงมาลัย หันหน้ามองเงาที่สะท้อนจากกระจกส่องหลัง คิ้วขมวดมุ่น

ดูเหมือนฉินมั่วกำลังหลับตาพักผ่อน “ปกติ ขับต่อไป เจ้าอ้วน รถของนายมีใครตามไหม”

“ไม่ครับ ผมออกรถตามหลังพวกคุณในสามนาทีให้หลัง สถานการณ์ปกติมาก ครับ” เจ้าอ้วนพูดพลางปรับกระจกส่องหลังให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม มองดูลำดับรถบนสะพานแขวน

เริ่มจากรถของพวกฉินมั่วก่อน ตามมาด้วยสายสืบที่คิงส่งมาสอดส่องพวกเขา และคันสุดท้ายเป็นของเจ้าอ้วนเอง วิธีตั๊กแตนจับจักจั่น แต่นกขมิ้นรออยู่ด้านหลังอย่างนี้  ดูผิวเผินจะมหัศจรรย์ แต่ก็เปลืองสมองเช่นกัน

คนที่นั่งในรถ คงมีคุณหมอทหารเพียงคนเดียวที่เข้าใจว่า ที่บอสประเมินสถานการณ์ทุกย่างก้าวได้อย่างแม่นยำ เป็นเพราะนับตั้งแต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็ทำการประเมินความคิดและพฤติกรรมของคิงไม่หยุดหย่อน แม้ทุกอย่างจะดูราบเรียบปกติ แต่อันที่จริง บอสลงสนามรบก่อนพวกเขาเสียด้วยซ้ำ ซึ่งทางคุณหมอไม่กลัวหรอกว่าบอสจะประเมินผิด กลับกังวลสภาวะทางจิตของชายหนุ่มมากกว่า…

ประตูรถถูกเปิดออก มีคนเดินมาต้อนรับ  เป็นแมงป่องพิษนั่นเอง

การให้แมงป่องพิษเป็นคนมารับ ย่อมแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของคิง

แต่แมงป่องพิษคิดว่าคนที่นั่งตำแหน่งใหญ่ที่สุด จะเป็นเจ้าชายน้อยที่เขาคุ้นเคย ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นอีกคน ส่งผลให้เขาเลิกคิ้ว “คุณคนนี้คือ?”

เข้าชายน้อยมองดูบอสอย่างหวาดกลัวแวบหนึ่ง หากเทียบกับในยามปกติ ให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าตัวไม่กล้าทำอะไร “พี่ชายผมเอง”

แมงป่องพิษถึงบางอ้อทันที และเข้าใจในเวลาเดียวกันว่า คนใหญ่สุดตัวจริงมาแล้ว

“สวัสดีครับ ผมคือแมงป่องพิษ ได้ยินชื่อเสียงคุณมานาน” แมงป่องพิษยื่นมือออกไป

ฉินมั่วทำตัวปกติ บารมีของเขาแรงจัดอย่างไม่คิดจะปกปิด “ผมได้ยินที่ปรึกษาพูดถึงคุณ”

เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ แมงป่องพิษยิ่งยิ่งคิดว่า การค้าในครั้งนี้จะมีปัญหาหรือไม่

“ทำไมวันนี้ไม่เห็นที่ปรึกษาเลยล่ะครับ”

“เขาต้องเช็คบัญชี”

“อย่างนั้นเหรอครับ” แมงป่องพิษไม่ถามให้มากความ และยกผ้าดำในมือขึ้น “เกรงว่าจะต้องขอให้ทุกคนช่วยให้ความร่วมมือหน่อยนะครับ”

ฉินมั่วไม่รีบรับปาก แต่แสดงหน้ารำคาญเต็มทนออกมา ทั้งยังย่นหัวคิ้วมุ่น “หมายความว่าไง?”

บางครั้งการที่เราแข็งมาก อีกฝ่ายจะอ่อนลง

เวลานี้แมงป่องก็เป็นเช่นนั้น ในสายตาของเขา ตัวจริงคนนี้ต้องรวยแน่ๆ แถมทำการค้าเป็นด้วย ต่อไปทำการค้าร่วมกันจะต้องได้กำไรมากแน่นอน

จะทำให้ชายหนุ่มเคืองโกรธเพราะเรื่องนี้ไม่ได้

“ช่วงนี้เขาตรวจกันเข้มงวดน่ะครับ เป็นกฎในวงการเราด้วย ครั้งแรกที่ไป จะต้องปิดตาครับ เพราะข้างในปลูกของไว้เยอะมาก เกิดคนอื่นรู้ตำแหน่งของเรา มีหวังต้องจบเห่แน่ ขอให้ทางฝ่ายคุณเข้าใจด้วยนะครับ”

เวลาที่แมงป่องพิษร้ายขึ้นมาก็ไม่เบา แต่เวลาไม่ร้ายก็พูดเก่งเช่นกัน

คนแบบนี้แหละ ที่เราต้องระวังตัวให้มาก

การที่คิงส่งเขามา ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

ฉินมั่วมองอีกฝ่าย เอ่ยช้าๆ “ผมให้เกียรติคนเวลาที่คุยธุรกิจ แต่การปิดตาไปที่นัดหมายแบบนี้ เป็นครั้งแรกเลยนะ และน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนกัน”

…………………………………………….

ตอนที่ 1684

แมงป่องพิษรู้ทันถึงคำเตือนที่แฝงมา จึงรีบแสดงท่าที “แน่นอนครับ ต่อไปพอทำเงินได้ก็ถือเป็นคนกันเอง หนนี้คงต้องให้คุณลำบากแล้วล่ะครับ”

ถึงจะพูดด้วยความเกรงใจก็จริง ทว่าเจ้าตัวร้ายกาจไม่เบา

เมื่อพันผ้าสีดำก็ต้องพันตั้งสามรอบ แต่ละคนเห็นแต่ความมืด ไม่เห็นอะไรสักอย่าง กระทั่งอีกฝ่ายยกไม้ดักโลหะก็ยังมองไม่เห็น แต่พอจะรู้สึกได้ โดยเฉพาะฉินมั่งที่ยืนขึ้นก็รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

คนที่มีหน้าที่กวาดไม้ดักโลหะ ส่ายหน้าต่อแมงป่องพิษ สื่อความว่าไม่มีปัญหา

แมงป่องพิษไม่ว่าอะไร แต่ยกมือจิ้มหูตัวเอง

คนรับผิดชอบตรวจเช็คเข้าใจ แกล้งทำเป็นเดินไปใกล้ข้างหูฉินมั่ว ซึ่งจริงๆ แล้วกำลังตรวจเช็คว่าชายหนุ่มมีหูฟังบลูทูธขนาดจิ๋วหรือไม่ ทว่าสัญญาณเตือนไม่ดัง หมายความว่าทุกอย่างปกติ

แมงป่องพิษหัวเราะขึ้นมาทีเดียว “มาเถอะ ผมขึ้นรถก่อน”

คนทั้งห้าถูกจัดให้นั่งรถ MPV คันเดียวกัน โดยเขี้ยวเงินเป็นคนถือเงินมัดจำสินค้า

แม้ว่าจะถูกปิดตา แต่เมื่อนั่งในรถ ออร่าของฉินมั่วก็แรงเกินกว่าใครจะมองข้าม แมงป่องดีใจจะแย่ จึงหันไปส่งสัญญาณมือให้โชเฟอร์ โดยไม่ได้สังเกตว่า ฉินมั่วที่หันหลังให้ เคาะนิ้วมือลงบนนาฬิกาข้อมือเบาๆ

สัญญาณเชื่อมติด

เจ้าอ้วนรีบเคาะคีย์บอร์ดจนเกิดเสียงดัง เพื่อจะได้จับตำแหน่งจุดแดง

ในที่สุด! เจ้าอ้วนโล่งอก เริ่มตามจุดแดงที่เคลื่อนที่ ตอนแรกเขาคิดว่าไม่มีอะไร แต่พอผ่านไปสองช่วงถนน ก็รู้สึกว่าเส้นทางอ้อมเป็นวงกลม เจ้าอ้วนร้อนใจกำลังหาทางแจ้งบอส

แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องแจ้งก็ได้ เพราะฉินมั่วรู้ตัวแล้วว่า แมงป่องพาพวกเขาอ้อมไปอ้อมมา ทหารหน่วยพิเศษคนอื่นอาจเคยฝึกทักษะนี้ แต่ไม่ได้เน้นหนักจนเก่งสักเท่าไร ทว่าสำหรับฉินมั่วแล้ว การสำรวจสภาพแวดล้อมเป็นจุดเด่นของการเป็นนักจิตวิทยาด้านอาชญากรรมของเขา ไม่เพียงแต่อาศัยภาพ แต่ยังสามารถใช้เสียงและประสาทสัมผัสอื่นๆ ต่อการวิเคราะห์ได้อีกต่างหาก

เสียงร้องขายของดังเข้ามาซ้ำสามครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เพียงแต่เสียงร้องชายของ จำนวนที่หักเลี้ยวก็เช่นเดียวกัน

ฉินมั่วหันหน้าไป แม้จะถูกปิดตาแล้วจะดูไร้พิษสง แต่อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นคุณหมอทหารหรือนักมายากลต่างรู้ดี หากเข้าสู่ช่วงปฏิบัติการณ์ บอสจะไม่หยุดวิเคราะห์เด็ขาด เพราะการแลกเปลี่ยนการค้ากัน เวลาเป็นสิ่งสำคัญ

แมงป่องพิษอ้อมอีกครั้ง แต่อ้อมเป็นวงกลมเล็กๆ  ซึ่งไม่นาน รถก็จอดลง

“รบกวนทุกท่านนะครับ พวกเราต้องเปลี่ยนพาหนะสักหน่อยน่ะครับ” แมงป่องพิษพูดอย่างรอบคอบ ไม่ปล่อยข้อมูลออกมาสักนิด แต่การจะแยกแยะให้ได้ว่าที่นี่คือที่ไหน ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะกลิ่นน้ำคุกรุ่นมาก แถมเมื่อเวลาที่พวกเขาก้าวขา ความโคลงเคลงที่เกิดขึ้นทำให้รู้ทันทีว่าเป็นเรือ

เสียงหึ่มๆๆๆ ดังขึ้น

ฉินมั่วฟังอยู่ครู่หนึ่งก็รู้ทันทีว่าเป็นเสียงสตาร์ทสปีดโบ้ทขนาดเล็ก ท่าทางพวกเขาอยู่ใกล้พื้นที่เป้าหมายแล้ว ชายหนุ่มขยับนิ้ว เมื่อเรือสตาร์ทเคลื่อนตัว ละอองน้ำก็สาดมาโดนเส้นผมเขา แม้จะถูกกางกั้นด้วยผ้าดำ เขายังคงเป็นปกติเหมือนมาเป็นแขกจริงๆ ทำให้แมงป่องพิษคลายความระแวงจนหมดสิ้น

แต่ในเวลานี้นี่เอง เจ้าอ้วนกลับเจอปัญหา สัญญาณอินเทอร์เน็ตผิดพลาดเตือนขึ้น!

วินาทีที่แล้ว เจ้าอ้วนยังไล่ตามสัญญาณผ่านอินเทอร์เน็ตอยู่เลย จุดแดงยังอยู่ในพื้นที่ที่เขาเกาะติดไว้ แต่วินาทีถัดมา จุดแดงนั่นกลับหายไป! ไม่ว่าเขาจะจับตำแหน่งใหม่อย่างไร ก็หาตำแหน่งเป้าหมายไม่ได้!

……………………………………………..

1680-4 vs 1681 vs 1682

ตอนที่ 1680-4

ผู้จัดการติดตามด้านหลังยูกิชินไปถึงกับระวัง “คุณชายเป็นอะไรไป? คุณชายโฮชิโนะไม่อยู่เหรอ?”

“ทำไมจะไม่อยู่? เขากำลังจู๋จี๋กับแฟนอยู่ เดาว่าเขาคงไม่สนนายหรอก ทำไม? อยากจะลองพิสูจน์ฝีมือการขี่มอเตอร์ไซด์ของฉันหรือไง?” ตอนที่ยูกิชินพูดประโยคดังกล่าว แววตาช่างเย็นชา

ผู้ชายแบบนี้ทำให้คนกลัวได้จริงๆ

ผู้จัดการนึกถึงคนที่กล้าแตะรถของเจ้านายเมื่อครั้งที่แล้วที่ถูกกระทืบจนซี่โครงหัก ก็รีบส่ายมือ “ไม่ ไม่ ไม่ล่ะครับ ผมแค่ แค่ถามเฉยๆ” เขาไปหาเรื่องใครที่ไหนกันล่ะ ซวยจริงๆ!

ยูกิชินไม่ได้พูดอะไร มองดูกล่องเค้กที่ถูกเขาโยนทิ้ง ก็รู้สึกว่ามันเสียดแทงตาขึ้นเรื่อยๆ จึงเหยียบคันเร่งจนสุด ดูรุนแรงอย่างกับเป็นกองเพลิง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปเผาใคร

คนที่ทำให้เจ้าชายรัชทายาทแห่งโลกมาเฟียแสดงอารมณ์ออกมาได้ ก็คงมีแต่คุณชายโฮชิโนะเท่านั้น ผู้จัดการได้แต่ถอนใจยาว แต่ไม่กล้าถามสาเหตุ

ชั้นบน โฮชิโนะเปิดคอมพิวเตอร์ออก ขอแค่มีคำสั่งจากนายน้อย การจะเช็คพื้นที่ไหนก็ย่อมทำได้ง่ายง่าย แต่สถานที่ที่ต้องหาในวันนี้ กลับยากมาก เพราะในเขตชายแดนประเทศ T และ M อันเป็นสามเหลี่ยมทองคำที่ไร้คนควบคุม ดังนั้นทุกอย่างจึงยุ่งยาก

อันดับแรก ที่นี่ไม่ได้เจริญมาก แถมยังมีป่าหนาแน่นล้อมรอบทุกด้าน หมายความว่าเทคโนโลยีไม่นำสมัย ในสถานที่ที่เทคโนโลยีด้อยพัฒนา อินเทอร์เน็ตย่อมไม่เป็นที่นิยม สำหรับแฮกเกอร์แล้ว หากจะเจาะระบบที่ไหน ย่อมต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตจึงจะทำงานง่ายขึ้น แต่ที่นี่ สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่อ่อน การจะเจาะเข้าไปย่อมต้องหาช่องทางที่เหมาะสม ซึ่งหากเป็นแฮกเกอร์ฝีมือธรรมดาย่อมทำไม่ได้ แต่ป๋อจิ่วบอกแล้วว่า จะต้องรวมพลังของทั้งโลกแฮกเกอร์ หมายความว่าการเจาะระบบครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประเภทเดียว ขอแค่มีสายอินเทอร์เน็ตก็จะเจาะได้ แต่ยังคงต้องใช้เวลา แถมยังนานด้วย

ไม่มีใครแน่ใจหรอกว่าจะหาเจอก่อนที่ป๋อจิ่วไปถึงหรือเปล่า

โฮชิโนะแจ้งปัญหานี้ให้ป๋อจิ่วทราบ ในวินาทีถัดมา ป๋อจิ่วก็หาวิธีได้ “ลองเจาะระบบพวกบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต” การเจาะระบบบริษัทดังกล่าวหมายความว่า ขอแค่มีสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณหลักหรือเปล่า ก็ย่อมต้องหาเจอ

หลายๆ คนบอกว่า แฮกเกอร์ดูแค่ความสามารถในการเขียนโค้ดและเทคนิคการแฮก ซึ่งก็ไม่ผิดหรอก แต่สิ่งที่ผู้คนมักลืมก็คือ ความคิดในการเจาะระบบ หากมีแนวความคิดในการเจาะระบบถูกต้อง ย่อมช่วยประหยัดเวลามาก และเวลาถือเป็นตัววัดผลงานของแฮกเกอร์

เมื่อได้รับคำแนะนำจากป๋อจิ่ว ไม่นานแฮกเกอร์ทั่วโลกก็รวบรวม คัดกรอง ขจัดข้อมูลทั้งหมด จนได้ข้อสรุปว่าเป็นที่ที่หนึ่ง ที่ดังกล่าวคือแถบตะวันตกของแม่น้ำโขง อันเป็นเขตป่าไม้ดั้งเดิมตามธรรมชาติ

สำหรับข้อมูลล่าสุดของคิงก็มาจากสถานที่แห่งนี้แหละ

โฮชิโนะมองดูภาพ แล้วส่งให้ป๋อจิ่ว เอ่ยด้วยเสียงที่หนักอึ้ง “ภาพนี้เหมือนกับในคลิปก่อนหน้านี้เลย แต่คุณต้องระวังว่า สัญญาณที่เราหาเจอจะติดๆ ดับๆ กระทั่งการสัญญาณสื่อสารเมื่อครู่ก็โดนบล็อก หมายความว่าฝ่ายโน้นอาจมีเครื่องมือรบกวนสัญญาณ พอเข้าไปในถิ่นเขาแล้ว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะรับสัญญาณไม่ได้  ในภาวะที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ความสามารถของคุณจะถูกจำกัด Z คุณต้องคิดให้ดีนะ การเข้าไปน่ะไม่ยาก แต่คุณจะออกมายังไง เฮลิคอปเตอร์ของจีนกวาดเรดาร์ไม่ถึงหรอก ถึงเวลานั้นต่อให้เป็นหน่วยสนับสนุน ก็ไม่น่าจะลงจอดอย่างแม่นยำ เว้นแต่…”

……………………………………………………………….

ตอนที่ 1681

 “นอกจากจะมีคนไปทำลายอุปกรณ์รบกวนคลื่น” ป๋อจิ่วขัดขึ้น มือหนึ่งหมุนพวงมาลัย แววตาดำทะมึนเหมือนยามค่ำคืน “โฮชิโนะ ขอบคุณมาก”

เมื่อได้ยินประโยคหลัง โฮชิโนะก็พอจะรู้ว่าป๋อจิ่วตัดสินใจอย่างไร เช่นเดียวกัน เขาก็รู้ว่าในฐานะผู้ช่วย คงทำได้เพียงตระเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย

“ผมจะให้คนเตรียมของให้คุณก่อนที่จะเข้าป่าไป แต่ที่นั่นป้องกันกันหนักมาก สายของเราคงอยู่ได้ไม่นาน คุณคงต้องไปรับของในที่ที่นัดหมายเอง”

โฮชิโนะพูดพลาง สลับเข้าไปยังเครือข่ายของเขต

โลกแฮกเกอร์ ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร อันที่จริง พอคุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็จะรู้ว่าพวกเขาไม่เคยขาดคน เรื่องนี้ คุณตาพ่อบ้านเป็นคนวางแผน ขอเป็นที่ที่มีคน ก็จะมีที่ที่เตรียมข้าวของให้พวกเขา

นี่แหละคือกฎเกณฑ์ที่มีมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นขบวนการไหนก็ตาม ย่อมได้รับข้อมูลที่ต้องการจากโลกแฮกเกอร์ ในทำนองเดียวกัน พวกเขาต้องให้ความคุ้นครองต่อพวกตนด้วย

แน่ล่ะ พวกเขาไม่สนใจความเป็นความตาย แต่สิ่งที่พวกตนต้องการ พวกเขาจะรักษาไว้เป็นความลับชั้นยอดเสมอมา มันเป็นสัญญาที่ยึดถือกันมานาน แม้ไม่ได้ร่างเป็นตัวอักษร

ก่อนหน้านี้ ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้สึกว่าโลกแฮกเกอร์ก็เก่งแค่ในอินเทอร์เน็ต แต่เกรงว่าจะทำใช้อะไรในชีวิตจริงไม่ได้ จึงอยากแหกกฎ ไม่มอบอุปกรณ์ที่ต้องการให้ เพราะต้องการทำให้โลกแฮกเกอร์สิ้นสุด ก็มีขบวนการนี้นี่แหละที่หายไปจากสายตาของผู้คนภายในหนึ่งอาทิตย์ โลกแฮกเกอร์แค่ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนข่าวสารก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะกระจอก นายน้อยของโลกแฮกเกอร์เป็นคนอย่างไร จนมาถึงเวลานี้ ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ

หากไม่ถึงที่สุด พวกเขาจะไม่ล่วงเกิน Z เด็ดขาด เพราะต่างฝ่ายต่างช่วยกันและกัน อันเป็นผลที่ทุกคนต่างปรารถนา ซึ่งหลักการนี้ก็ยึดปฏิบัติกันที่เขตชายแดนประเทศ M และ T

ในระหว่างที่ป๋อจิ่วทะยานรถเข้าสู่พื้นที่ป่า การประชุมสูงสุดก็ตัดสินใจให้กลุ่มปฏิบัติการณ์ดำเนินการต่อไป อันเป็นสิ่งที่ฉินมั่วเสนอเอง เพราะรู้ดีว่าสถานการณ์ในเวลานี้อยู่ในรูปแบบใด

บางทีทหารหน่วยพิเศษแต่ละคนต่างทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะเอาชนะมัน

หากจะบอกว่าระดับอันตรายของภารกิจนี้มันสูงมากนัก จึงไม่ไปช่วย ย่อมขัดต่อปณิธารของเครื่องแบบที่สวม

ฉินมั่วเงยหน้าขึ้นมองทหารในความรับผิดชอบของเขา คนเหล่านี้ ไม่มีใครปฏิเสธที่จะร่วมปฏิบัติการสักคน ตอนที่ได้ยินมาว่ามีเพื่อนร่วมชาติของพวกตนตกอยู่ในมือของคิง พวกเขาคิดทันทีว่าจะไปช่วยคนได้อย่างไร

ฉินมั่วหยิบปากกาวาดวงล้อมบนแผนที่ “ถ้าวิเคราะห์จากข้อมูลที่ได้รับ จากนิสัยของคิง เวลาที่จะคุยธุรกิจ เขามักจะเลือกคุยในรังของตัวเอง ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีใครรู้ว่ารังของมันอยู่ที่ไหนกันแน่ ดังนั้นเวลาที่เราคุยธุรกิจกับมัน จะต้องถ่วงเวลาให้นานที่สุด”

“แต่ถ้าเชื่อมสัญญาณไม่ได้นี่สิ?” เจ้าอ้วนขมวดคิ้ว “แล้วถึงเวลาถอย จะถอยยังไง?”

ฉินมั่ววางปากกาลง พูดเสียงเรียบ “นี่แหละคือสิ่งที่ฉันจะต้องพูดกับพวกนาย การปฏิบัติการในครั้งนี้ พวกเราจะไม่มีคนช่วยสนับสนุนอยู่กองหลัง จะต้องอาศัยไหวพริบของพวกนายกันเอง พอเข้าไปด้านใน หลายเรื่องราวที่คาดไม่ถึง จะต้องเกิดขึ้นแน่ คิงรู้จักฉัน ฉันเองก็ต้องรู้ปลอมตัวให้รอบคอบ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าชายน้อย นายตามอยู่ข้างหลังฉัน จะต้องทำท่ากลัวฉันมาก พวกเด็กเหลือขอจะมีพี่ชายที่ดุๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก”

………………………………………

ตอนที่ 1682

ให้เขาทำท่ากลัวจอมมารเหรอ? เจ้าชายน้อยพูดในใจว่า สบายมาก ก็แค่เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีพี่ชายแบบนี้ เจ้าชายน้อยลองเอาตัวเองไปสวมตำแหน่งแทนดำน้อย ต้องรู้สึกขึ้นมาบ้างล่ะน่ะ บอสดุก็จริง แต่อย่างน้อยก็โอ๋น้องมาก หากเขาอยากทำอะไร ย่อมน่าจะได้

แต่โลกแห่งความเป็นจริงพิสูจน์ให้เห็นว่า เจ้าชายน้อยทั้งซื่อและบื้อ

ระหว่างที่เขาจะกอดจอมมาร แบบน้องชายดีใจที่ได้เจอพี่ชาย บอสก็ปรายตามอง ทำให้คนหนาวจับสั่นเลยทีเดียว “ไม่ต้องแตะต้องตัวกันหรอก”

เจ้าชายน้อยตาโต “แล้วจะแสดงให้คนอื่นรู้ว่าเป็นพี่น้องที่รักกันมากได้ไงอ่ะ”

“ฉันจะเล่นงานนายให้หนักๆ ซึ่งมันก็เป็นวิธีแสดงความเป็นพี่น้องในอีกรูปแบบหนึ่ง” ฉินมั่วตอบเฉย

เจ้าชายน้อย “…” ขอให้เขามโนสักนาทีกว่าๆ เถอะ

เวลาที่บอสอยู่กับเจ้าดำน้อย ไม่ได้เป็นแบบนี้นี่! ประเภทแบบเอาน้ำให้ ติดอมยิ้มไว้ในกระเป๋า พอพูดไม่เข้าหูก็หัวเราะลูบหัวประมาณนั้น

ทำไมกับเขา จึงกลายเป็นจงใจเล่นให้หนักนะ!

“เช็คของที่เอาติดตัวด้วย” ฉินมั่วหันไปมอง นิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะ “จากนิสัยของคิง เขาไม่น่าจะให้เราไปจุดหมายตรงๆ หรอก ดูจากแผนที่แล้ว เราต้องนั่งเรือ แล้วก่อนจะนั่งเรือ พวกเราต้องลงจากรถตัวเองแล้วโดนคนปิดตา ถึงตอนนั้นก็อาจจะตรวจเจอของที่ติดตัวได้ ดังนั้นต้องระวังให้มาก การติดต่อสื่อสารภายในให้เปลี่ยนไปใช้นาฬิกาข้อมือแทน ต้องใส่เสื้อตัวนอก โดยเฉพาะของเจ้าชายน้อย นักมายากล ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายต้องฝึกความเคยชินอย่างหนึ่งเอาไว้”

นักมายากลที่ถูกเรียกชื่อถึงกับงง

ฉินมั่วโยนไพ่ที่เตรียมไว้ให้อีกฝ่าย “เล่นตลอดเวลาและทุกสถานที่  สำหรับนายแล้ว การเล่นมายากล น่าจะง่ายมาก”

นักมายากลมองดูไพ่โพธิ์แดง เข้าใจความหมายของบอส เพราะหากเล่นไพ่นั่นจนคล่อง มันย่อมใช้เป็นอาวุธลับได้เช่นกัน

เอาอาวุธในสภาพสมบูรณ์ไปด้วยไม่ได้ นอกจากของที่คนนึกไม่ถึงและสามารถใช้ปกป้องตัวเองได้

“เจ้าอ้วนรับผิดชอบด้านการสะกดรอยเส้นทาง รอจนพวกเรากับคนของคิงมาเจอกัน นายจะตามไปไม่ได้ ถึงเวลานั้นนายก็เกาะตำแหน่งที่เราอยู่ แชร์เอาไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แชร์ให้ถึงทางกองทัพด้วย”

“ครับ” เมื่อฉินมั่วพูดสิ่งเหล่านี้ออกมา คนในห้องประชุมต่างได้ยินทั้งหมด เหลืออีกสามชั่วโมงก็จะได้เจอกับคิงแล้ว พวกเขาต้องเตรียมพร้อมภายในเวลาที่กำหนด เพราะคิงสงสัยพวกเขาแล้ว หากเปลี่ยนเวลา มันจะทวีความสงสัยมากขึ้น ดังนั้นการลงมือในครั้งนี้ ยังต้องพึ่งดวงอีกด้วย

ส่วนการปลอมตัวนั้น ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเทคนิคการปลอมตัวของนักมายากลเก่งไม่แพ้ป๋อจิ่ว แค่เวลาครึ่งชั่วโมง ก็ทำให้ใบหน้าของฉินมั่วเปลี่ยนไปอย่างพลิกฝ่ามือ

รูปลักษณ์ที่ต่างจากไปจากเดิมจนคล้ายเจ้าชายน้อยอยู่บ้าง ทว่าออร่าเจิดจ้ากว่า เติมหนวดนิดๆ ดูเป็นชายชาตรี เข้ากันกับรอยแผลจากมีดที่หางตา ราวกับว่าคราบคุณชายตระกูลฉินได้จางหายไป

แถมออร่าประจำตัวฉินมั่ว ยิ่งทำให้เจ้าชายน้อยรู้สึกว่าบอสของเขาทำงานผิดวงการ เพราะดูเหมือนมาเฟียมากกว่าตัวมาเฟียของแท้เสียอีก

เมื่อถึงเวลาออกเดินทาง เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลข 3

พวกเขากำลังจะออกเดินทาง แต่มือถือที่เจ้าชายน้อยกุมอยู่กลับดังขึ้นมาเสียก่อน แถมยังเป็นชื่อเดิมด้วย

…………………………………………

1680-2 vs 1680-3

ตอนที่ 1680-2

ฝานเจียไม่ได้พูดอะไร เพราะร่างนั้นเธอคุ้นเคยมากที่สุด คนที่เธออุตส่าห์ตามหามานาน ไม่คิดเลยว่าอาจารย์จะได้พบก่อน เท่ากับตบหน้าเธอชัดๆ

“ไปทำคลิปมาคลิปหนึ่ง” เสียงของคิงราบเรียบมากเหมือนจะควบคุมอารมณ์ได้แล้ว เขาสวมชุดกาวน์ตัวขาว เดินเข้าไปใกล้หน้าจอ “ใช้ข้อมูลในนี้แหละ แต่เปลี่ยนเนื้อหาเสียหน่อย ถึงเวลาให้ฉินมั่วได้ลิ้มรสกับความสูญเสียครั้งที่สองแล้วว่ามันเป็นยังไง ถ้าครั้งนี้นักธุรกิจจีนเป็นเขาจริงๆ คลิปของเธอจะได้ประโยชน์มาก”

ไม่ต้องอธิบายให้ชัดเจนเกินไป ฝานเจียก็เข้าใจความหมายของอาจารย์ในวินาทีถัดมา

ปีนั้น เธอปลอมตัวเป็นเพื่อนเขาในวัยเด็ก เพื่อเข้าไปใกล้ชิดเขา คิดไม่ถึงว่าแค่ไม่ถึงสิบวัน เขาก็จับติด แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเธอก็จับจุดอ่อนเขาได้เหมือนกัน จากนั้นจึงหาเส้นปกป้องทางใจของเขา ก่อนจะทำลายแล้วแฝงคำสั่งทางจิตให้ชายหนุ่ม ตอนนี้อาจารย์คงจะกระตุ้นคำสั่งแฝงทางจิตในตอนนั้นอีกครั้ง

หากเป็นเช่นนั้น ถึงเวลาจิตใจของชายหนุ่มก็จะเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นคนของพวกตน คิดมาถึงตรงนี้ ฝานเจียก็กลั้นยิ้มมุมปากไม่ไหว แววตาเป็นประกาย “ฉันจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้แหละค่ะ!”

ภายในเรือยอร์ช หลังจากที่วางสาย เจ้าชายน้อยก็ถีบเก้าอี้ตรงหน้า แววตาเคร่งเครียดหนัก ซึ่งคนที่อยู่ตรงนั้นต่างเข้าใจความรู้สึกที่ว่าดี เพื่อนร่วมปฏิบัติการณ์ถูกจับอีกคนแล้ว ไม่ต้องคิดก็เดาได้ว่า เขาคนนั้นจะต้องโดนคิงทรมานมากแค่ไหน จึงเป็นไปไม่ได้หากจะบอกว่าไม่โกรธ

เวลานี้ทุกคนต่างคิดกันว่า ขอเพียงจับไอ้ตัวก่อความรุนแรงอย่างคิงได้ ก็จะทำให้มันหมดอำนาจในโลกนี้อีก

มีเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งบนเก้าอี้ เคาะนิ้วเรียวๆ บนโต๊ะ ฟังเสียงบันทึกนั่นครั้งแล้วครั้งเล่าจนครบครั้งที่สาม เขาก็ถอดหูฟังออก เหยียดตัวตรง หน้าตายังคงหล่อเหลาเหมือนเดิม “คิงแค่เล่นกลกับนาย ทุกประโยคเป็นแค่การลองใจ อธิบายได้ว่า เขากำลังสถานะของพวกเรา และนายก็เกือบจะหลุด”

เจ้าชายน้อยได้ยินแล้วถึงกับชะงัก ดวงตาเบิกโต ไม่คิดเลยว่าจะรุนแรงขนาดนี้ เขารู้ว่าคิงเหมือนจงใจยั่วโมโหเขา ที่เหลือ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ทว่าได้มายินคำพูดของฉินมั่วในตอนนี้ เจ้าชายได้แต่รู้สึกว่าเหงื่อไหลเต็มศีรษะแต่ชั่วเวลายกมือ คิงตัวจริงทำให้พวกเขาต้องระแวดระวังมากกว่าที่คิดไว้

“ถ้าคิงระแวงสถานะของพวกเรา งั้นเราจะไปคุยธุรกิจกับเขาไหม?” นักมายากลรู้สึกไม่สบายใจ

ฉินมั่วลุกขึ้นยืน “อย่าลืมสิว่าภารกิจของเราในครั้งนี้คืออะไร การที่พวกเขาสงสัยเราก็ถือว่าปกติ คิงเป็นคนขี้ระแวงอยู่แล้ว แถมไม่มีใครหรอกที่จะรีบเชื่อใจตัวนักธุรกิจจีนที่เพิ่งจะมาเจอกัน ต้องรายงานสถานการณ์ตอนนี้ให้เบื้องบนทราบก่อน เจ้าอ้วนตรวจสักหน่อยว่า ทหารหน่วยพิเศษที่ถูกจับมาจากกองทัพไหน แล้งยังมีนักท่องเที่ยวที่เป็นตัวประกันอีกไหม ลองดูว่าจะช่วยยังไง”

“ครับ” ต่างคนต่างแยกย้ายปฏิบัติงาน

ฝ่ายจีนได้รับข้อมูลจากฉินมั่ว ก็เปิดการประชุมใหญ่ทันทีด้วยบรรยากาศเคร่งเครียดกันมาก

จะลงมือต่อดีหรือไม่ เป็นตัวเลือกที่น่าลำบากใจ เพราะหลายครั้งที่เราต้องตัดสินใจ และจำเป็นต้องทำ หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้ยังไม่รู้ข่าวอะไร อาจถือว่านักท่องเที่ยวชาวจีนที่ถูกฆ่าตายจนหมด

……………………………………………………………….

ตอนที่ 1680-3

เวลานี้ได้รู้ข่าวแล้ว ในมือของคิงยังมีนักท่องเที่ยวอีก 17  ชีวิต ญาติของนักท่องเที่ยวเหล่านั้น คงเฝ้าหวังว่าพวกเขาจะมีโอกาสกลับมาได้ ทางการจึงไม่อาจละเลยความคาดหวังที่ว่า เช่นเดียวกัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าคิงสงสัยฉินมั่วและเพื่อนเข้าให้แล้ว ก็ยังปล่อยให้คนเหล่านั้นออกปฏิบัติการณ์ต่อไป อันที่จริงพวกเขาเองก็ไม่อยาก แต่นั่นเป็นทหารพิเศษนอกด่านที่เก่งที่สุดของจีน โดยมีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 25 ปี

ใครๆ ต่างรู้กันว่านี่เป็นภารกิจที่อาจกลับมาไม่ได้อีก คนที่เข้าร่วมการประชุม ไม่ได้มีเพียงท่านเสธฉินและท่านบิ๊ก การจะให้พวกเขาตัดสินใจ จึงยากมาก แต่คนที่แอบแฝงเข้าไปล้วนแต่สละชีวินตนกันแล้วทั้งนั้น เหลือเพียงทีมนี้

พวกเขาอยู่ใกล้รังเก่าของคิงมากที่สุด ถ้าเตรียมพร้อมไว้ดี พอเข้าทะลวงก็จะเกาะตำแหน่งของคิงสำเร็จ ทั้งยังมีคลิปเป็นหลักฐานว่า นักท่องเที่ยวเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจึงจะมีสิทธิใช้อำนาจทางทหารนอกอาณาเขต แต่ทั้งหมดนี้ ต้องมีคนประจันหน้ากับคิง ไม่งั้นก็จะไม่มีใครรู้ว่า นักท่องเที่ยวทั้งสิบเจ็ดคนนี้ รวมถึงทหารพิเศษที่คิงกักตัวไว้ จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือเปล่า

นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจ

และในเวลาเดียวกัน ป๋อจิ่วก็ได้รับข้อความเสียงที่สองจากคุณชายถัง เธออยู่ห่างจากชายแดนเพียงห้าร้อยกิโลเมตร

เธอขับรถแลมโบกินี่ด้วยความเร็วแทบจะเหาะ ทั้งยังขับเร็วกว่ากำหนด แววตาดำทะมึนเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ  เพราะเธอรู้ดีว่า แม้จะไม่มีการประชุมครั้งดังกล่าว ชายหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะช่วยตัวประกัน เพราะยูนิฟอร์มที่อยู่บนตัวเขาและเพราะเขาเป็นทหารของประเทศจีนที่เกิดมาเพื่อช่วยผู้คน

“เสี่ยวเฮย” ป๋อจิ่วหักพวงมาลัยพลางออกคำสั่ง “ต่อสายหาโฮชิโนะให้ฉันที”

“ครับ เจ้านาย” ภาพบนจีพีเอสเปลี่ยนไปเป็นการเชื่อมสัญญาณอินเทอร์เน็ต หน้าจอจึงไม่โชว์แผนที่ แต่กลายเป็นฉายภาพคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง จากนั้น หน้าหล่อๆ ยิ้มนิดๆ ของโฮชิโนะก็ปรากฏสู่สายตาของป๋อจิ่ว เขาน่าจะเพิ่งซ้อมเสร็จ สวมชุดทีมไว้บนร่าง ยังคงสวมสายของหูฟังสีดำค้างไว้อยู่ ป๋อจิ่วเห็นเขาสวมสเวตเตอร์มาจนชินแล้ว พอมาเปลี่ยนก็ทำให้รู้สึกถึงแสงตะวันอ่อนๆ ที่สดใส “ยากนะเนี่ยที่คุณจะติดต่อผมผ่านวิดิโอคอล”

“โฮชิโนะ ฉันอยากให้คุณช่วยเช็คที่ที่หนึ่งให้หน่อย” ป๋อจิ่วหันไปมอง แววตาเป็นประกาย “ใช้อำนาจจากโลกแฮกเกอร์”

โฮชิโนะตะลึงทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะหัวเราะ “ผมเข้าใจแล้ว ที่มีมีผมคนเดียว  แถมยังมีข้อจำกัดในการสืบค้นด้วย แต่จะติดต่อเครือข่ายในระดับเขต ผมต้องใช้แอคเคาน์คุณ คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?

“ไม่มีปัญหา” ป๋อจิ่วตอบเด็ดเดี่ยว ทำให้แววตาของโฮชิโนะอ่อนโยน

เมื่อยูกิชินผลักประตูเข้ามาก็เห็นพอดี ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าอีกฝ่ายคุยกับใคร แต่โฮชิโนะดันทำสัญญาณมือให้เขาออกไป ยูกิชินจึงรวบผม หล่อบาดตา แต่ทำให้เขาดูเย็นชา จากนั้นก็เหวี่ยงประตูปิด กระทั่งเค้กที่ซื้อมาให้ก็ไม่เอาแล้ว เหวี่ยงขาคร่อมมอเตอร์ไซด์รุ่น Dodge Tomahauk คันดำสนิท

……………………………………………………………….

1679 vs 1680-1

ตอนที่ 1679

ภายในเรือยอร์ช เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังออกกำลังกายกันอยู่ ต่างชะงัก

ฉินมั่วกวาดตามอง ‘นาย’ ในนาม สั่งสั้นๆ “รับสิ”

เจ้าชายน้อยมองดูตัวอักษรที่ปรากฏหน้าจอ รอจนทุกคนสวมหูฟัง ก่อนจะกดปุ่มรับ “ฮัลโหล”

“ฮัลโหล” ทั้งๆ ที่เป็นเบอร์ของแมงป่องพิษ แต่เวลานี้น้ำเสียงกลับต่างจากเดิม “ได้ยินว่าคุณอยากทำธุรกิจกับตัวผมเหรอ”

เจ้าชายน้อยยังคงสภาพหนุ่มเสเพล “ไอ้ผมนี่มันใครล่ะ?”

“คิง”

เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยออกมา เจ้าชายน้อยถึงกับชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

“ทำไม? คุณไม่น่าจะไม่รู้จักผมนะครับ” ราวกับว่าคิงจะเดาใจเราได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คนรู้สึกกดดันมาก

เจ้าชายน้อยได้ยินเสียงข้างหู ไม่รู้ว่าทำไมต้นคอจึงเย็นเป็นระลอกๆ  หากไม่ใช่เพราะบอสนั่งตรงข้ามเขา เคาะนิ้วบนโต๊ะ เขาเองก็คงไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไร

“ผมต้องรู้จักอยู่แล้ว” เจ้าชายน้อยหัวเราะ “ในเขตชายแดนประเทศ M และT ผมก็ได้ยินเรื่องเล่าของชื่อคุณมาเยอะ แต่สิ่งที่ผมสนใจที่สุดก็คือ คุณมีของดีๆ อยู่ในมือเยอะแค่ไหน”

คิงได้ยินอีกฝ่ายพูด แต่ไม่ได้สรุป ก้มหน้ามองดูคนที่ถูกซ้อมจนหมอบ ก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้าที่มีคนยื่นมาเช็ดคราบเลือดบนนิ้วมือ เขาไม่ได้พูดอะไร แค่หันไปสะบัดนิ้ว

ฝั่งทางนี้ก็ได้ยินเสียงแค่ “โอ้ย!” ดังขึ้น เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดนั่น ส่งผลให้เจ้าชายน้อยและพวกนักมายากลได้ยินแล้ว พลอยนิ้วแข็งทื่อไปด้วย

หนึ่งเดียวที่มั่นคงคือฉินมั่ว เขานั่งที่เดิม ใบหน้าสง่าสูงส่ง ราวกับไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ตาม เขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจ

เวลานี้ คิงหัวเราะขึ้น “ต้องขอโทษด้วยนะครับ เมื่อกี้ผมกำลังจัดการเรื่องภายในนิดหน่อย เลยทำเสียงดังเอะอะ แต่ทำไงได้ ชอบมีคนแฝงเข้ามาอยู่เรื่อยเลย ครั้งนี้ทหารหน่วยพิเศษของจีนลอบเข้ามา คิดว่าผมจะหาตัวไม่เจอ ช่าง…”

คิงไม่พูดต่อให้จบ แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดนั่น พอจะทำให้เจ้าชายน้อยนึกภาพออกว่ามันรุนแรงแค่ไหน จึงกำมือแน่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ส่วนนักมายากลได้แต่บดกราม แต่ละคนต่างโกรธแค้น รวมถึงเขี้ยวเงินที่อารมณ์เย็นนิ่งเสมอมา

เจ้าชายน้อยรับไม่ได้ เบือนหน้าออกไป ลมหายใจระอุ

ฉินมั่วชิงเอามือบังโทรศัพท์เสียก่อน แววตาฉายความสุขุมราวหินผาแห่งกำลังใจ ทำให้เจ้าชายน้อยปรับอารมณ์ตัวเองได้ หัวเราะขึ้นมา “โง่ขนาดนั้นเชียว? พวกนี้ก็เงี้ย ทางฝั่งผมเองก็จับได้แล้วโยนไปเป็นอาหารปลากลางทะเลมาเยอะแล้ว”

คิงเอ่ยเสียงสุภาพ “ไม่คิดว่า เราจะเหมือนกันในด้านนี้ แต่วิธีจัดการของผมอาจจะต่างจากคุณ ผมไม่เอาไปทิ้งทะเลหรอกฮะ แต่เอาคนเจ็บมาเป็นตัวประกันจะมีประโยชน์กว่า คุณว่าพวกทหารหน่วยพิเศษจะมาช่วยเขาไหม?”

เจ้าชายน้อยกำหมัดแน่น แต่ต้องควบคุมเสียงให้สมเป็นลูกเศรษฐีจอมเสเพล “ใครจะไปสนว่าจะมีคนมาช่วยพวกมันไหม มันเป็นสิ่งที่พวกคุณต้องคิดเอง ผมแคร์แค่ว่าจะได้กำไรดีหรือเปล่า”

คิงได้ยินแล้ว ค่อยๆ ยิ้มออกมา “คุณพูดถูก ท่าทางงานนี้พวกเราคงร่วมมือกันได้อย่างแฮปปี้แน่นอน”

…………………………………………………….

ตอนที่ 1680-1

 “เดี๋ยวผมจะส่งที่อยู่ให้ทางมือถือของคุณ ถึงเวลาจะมีคนมาพาคุณไปตรวจสินค้า คุณต้องเตรียมเงินมัดจำสินค้าให้เรียบร้อยนะครับ” พูดจบ คิงก็ตัดสาย เขาในชุดกาวน์สีขาวตัวยาว กำลังมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์กับข่าวที่กำลังรายงานอยู่

เรื่องที่เขาวางแผนไว้กลับไม่เกิดขึ้น หมากเด็ดที่ควรจะโทรหาเขาในเวลานี้ก็เหมือนหายตัวไปเลย เขาอยากเห็นข่าวนักเรียนเหยียบกันตายหมู่ในโรงเรียนมากที่สุด แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างกับเป็นหมอกบางสลาย ซึ่งมันหมายความว่าอย่างไร คิงย่อมเข้าใจดี ก็หมายความว่าตัวประกันที่เขาเตรียมไว้ กลับไม่โผล่หน้าสักนิด

นักเรียนเหล่านั้นไม่ได้มาที่เขตชายแดน รถออฟโรดที่เขาเตรียมไว้ให้ กลับไร้ประโยชน์

ตอนแรกเริ่ม คิงยังคิดว่าทางจีนจะเก็บข่าวเพื่อไม่ให้คนตกใจ จึงไม่แถลงออกมา จนเมื่อได้รับข่าว ถึงได้รู้ว่าที่แท้ก็มีคนทำลายแผนการของเขาทั้งหมด มันกล้าทำลายแผนการที่เขาเตรียมไว้อย่างดีมาตั้งนาน แววตาของคิงเย็นยะเยือก สองตาภายใต้แว่นตาประหนึ่งงูที่ให้ความรู้สึกอันตรายเงียบกริบ

พระอาทิตย์ในแถบชายแดนประเทศ M และ T โตมากเสมอมา ทว่าต่อให้แสงตะวันร้อนแรงแต่ไหน แมงป่องพิษก็ยังรู้สึกถึงความเดือดดาลที่แผ่จากร่างของคนตรงหน้า

ปัง!

คิงหยิบปืนออกมา หันไปยิงใส่สายคนหนึ่ง ก่อนมุมปากจะยกยิ้ม “ไม่คิดว่าคนที่ฉินมั่วชอบจะเก่งขนาดนี้ แต่ไม่เป็นไร ต้องขอบคุณฝ่ายโน้น พวกเราถึงได้ข้อมูลที่มีประโยชน์กับเรามาก”ว่าแล้ว เขาก็โยนอุปกรณ์สื่อสารในอุ้งมือเล่น

ที่นี่ ใครก็ตามที่ติดต่อกับคนข้างนอก ล้วนแต่มีการบันทึกไว้ เขาสั่งให้ฝานเจียลดระดับการจับผิดให้น้อยลง ไม่คิดเลยว่าจะจับ ‘หนู’ได้

ส่วนข่าวนั่นจะส่งให้ใคร เขาไม่รู้หรอก แต่เนื้อหานี่สิที่น่าสนใจ เพราะอ้างคำว่านักธุรกิจจีน ท่าทางฝ่ายโน้นจะสนใจสถานการณ์ธุรกิจของเขาในเวลานี้ อาจจะอธิบายในอีกทางหนึ่งได้ว่า เบื้องหลังของกลุ่มคนพวกนั้นมีปัญหาจริงๆ

คิงพินิจลึกซึ้ง สั่งให้คนลงมือไปจับตัวคนที่กระจายข่าวว่ามีนักธุรกิจจีนมาที่นี่ เมื่อเห็นเจ้านั่น เขาเองก็พอจะเข้าใจ ถึงมันจะปฏิเสธก่อนตายว่าไม่ได้วางแผนร่วมกับใคร แต่คิงก็ยังไม่เชื่อ แน่ล่ะ ไม่ปฏิเสธหรอกว่ากลุ่มนักธุรกิจที่ว่าอาจเป็นของจริงก็ได้ แต่หากฝ่ายนั้นเป็นของปลอมเมื่อไร แสดงว่าจะต้องมีฉินมั่วอยู่ในนั้นแน่

คิงหัวเราะขึ้น ปาดคราบเลือดออกไปจากมุมปาก ถ้ามีฉินมั่วอยู่ด้วยจริงๆ การแลกเปลี่ยนข่าวในครั้งนี้ก็คุ้มค่า

ไม่ผิดหรอก ถึงเขาจะสูญเสียตัวประกันอย่างพวกนักเรียนไป จะมีค่าเท่ากับสูญเสียอำนาจในการต่อรองไปครึ่งหนึ่ง แต่เขายังคงได้เปรียบอยู่ดี เพราะเขาระแคะระคายถึงสถานะของอีกฝ่ายได้แล้ว แต่พวกมันยังคงเริงร่า เพราะคิดว่าทุกอย่างราบรื่น

คิงเดินไปที่หน้าโต๊ะ มองดูภาพบนจอ จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา “เทียบกับนักเรียนพวกนั้นแล้ว เธอต่างหากที่เป็นตัวประกันที่มีค่าที่สุด น่าเสียดายที่จับตัวมาไม่ได้ แต่รอจนฉินมั่วมาเถอะ ข่าวของเธอจะทำให้เขากลายเป็นอีกคนได้เลยล่ะ จะว่าไปต้องขอบคุณจริงๆ นะที่ฉันได้เจอเธอที่โรงเรียน”

……………………………………………………………….

ตอนที่ 1678-1

เมื่อคิดเช่นนั้น ทางตำรวจก็กระตุกแขนเสื้อป๋อจิ่ว “แน่ใจนะว่าหนังมีปัญหา”

“แน่” ป๋อจิ่วตอบเสียงเรียบ “ให้นักเรียนสลายตัวแล้วกลับห้องเรียนก่อน แล้วแจ้งให้จิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงมาทำการตรวจสอบด้วย”

ทางตำรวจไม่พูดอะไรอีก เพราะเบื้องบนสั่งมาว่าให้เชื่อฟังคำสั่งป๋อจิ่ว แม้มาถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่รู้เลยว่าเด็กนี่โผล่มาจากไหน แต่สถานการณ์ตรงหน้าคงทำให้พวกเขาต้องปฏิบัติตาม

พออธิบายให้ทางโรงเรียนฟัง ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

อันที่จริง เด็กๆ ต่างซ่อนความในใจไว้ ใช่ว่าจะไม่เห็นข่าวบนโลกออนไลน์ แค่มีปฏิกิริยาต่างกันเท่านั้น บ้างก็หาว่าหลีจิ่นเป็นคางคก ที่สั่งสอนไปก็ถือว่าให้เกียรติแล้ว จะมาทำอะไรพวกเขาอีก บ้างก็กลัวตาย เพราะบางคนก็เป็นพวกขี้ขลาด แค่อยากผสมโรงเท่านั้น คิดว่าต่อไปต้องดีต่อคนอื่นให้มากสักหน่อย บ้างก็ยังคงสวมหูฟัง หลับตาบอกตัวเองว่า ต่อไปจะไม่รังเกียจหรือบูลลี่ใครเขาอีก เวลาที่ออกโรงช่วยคนอื่นได้ก็ควรต้องออกมา ทว่าพวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่า อันตรายได้ถูกขจัดออกไปในภาวะที่เขาไม่รู้ตัว

แผ่นหนังมาถึงห้องประชุมแล้ว ป๋อจิ่วก็อยู่ในห้องดังกล่าวด้วย บวกกับนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงอีกสามท่าน ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า หนังเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีปัญหาหรอก แต่หากพวกนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากกลุ่มเพื่อนได้ดู ก็จะก่อให้เปิดปัญหาใหญ่ขึ้น เพราะพวกเขาได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมในก่อนหน้านี้อยู่แล้ว

คนรังแกกับคนที่ถูกรังแก

โดนรังเกียจ บ้าของนอกกาย อยากให้คนสนใจ อันเป็นสิ่งที่พวกเขาปรารถนามาตั้งแต่แรก ดังนั้น สิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นปัญหา

เริ่มอธิบายจากภาพในหนังเรื่องนี้ได้กระตุ้นสภาพจิตใจ ง่ายนิดเดียว เมื่อเรื่องหนึ่งปรากฏออกมา ทุกคนต่างมีความเห็นต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนยังไง แล้วเชื่อมโยงความคิดไปที่ไหน

พวกเขาฉายหนังให้หลิวเจียหนิงดูไม่ถึงสามนาที เธอก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมา เพราะพวกเธอชอบเปรียบเทียบกัน อยากได้รับความสนใจมากๆ เมื่อเรากระตุ้นพวกเธอ พวกเธอก็จะอาละวาดอย่างรุนแรง

ไม่เพียงเท่านั้น เสียงในหนัง ฟังดูก็ไม่ได้มีอะไรหรอก แต่หากแยกให้เราฟัง ก็จะพบว่าเสียงของหนังกระแทกอารมณ์รุนแรง ทำให้อารมณ์ของเราเปลี่ยนแปลงไป หากหยุดไม่ทันเวลา ปล่อยให้ดูนานๆ เข้า ต้องเกิดผลที่ไม่อาจคาดคิดแน่

หลังจากที่สรุปได้เช่นนี้ นักจิตวิทยาทั้งสามท่านต่างช็อก คนที่เรียนด้านจิตวิทยาด้านอาชญากรรมมา ล้วนรู้จักคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ ทว่าคดีแบบนั้น เกิดขึ้นไม่มากนัก

เด็กคนนี้ยังอายุน้อยมาก รู้ได้อย่างไร?

ระหว่างที่นักจิตวิทยาทั้งสามท่านอยากจะถามเธอ ก็พบว่าเธอจากไปแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เงา

ในที่สุดก็รักษาความปลอดภัยให้เด็กพวกนั้นได้ คำสั่งที่แฝงทางจิตถูกขจัดแล้ว องค์กรด้านสุขภาพจิตจะมาคุยกับนักเรียนส่วนหนึ่ง สำหรับพวกที่มีนิยมความรุนแรง ชอบรังแกคนอื่นแล้วคิดว่าตัวเองยังไม่ผิดอีก ก็ถูกดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป จนไปอยู่ในสถานพินิจในที่สุด บางคนหาว่ารุนแรงไป เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว แถมอีกฝ่ายยังเด็กอยู่ จะไปรู้เรื่องอะไร

………………………………………………………………….

ตอนที่ 1678-2

ก่อนอื่น เด็กอายุเกินสิบขวบแล้ว แต่ยังไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด ก็อย่าได้เรียกตัวเองว่าเด็กเลย เพราะน้องๆ ห้าขวบจะคงไม่ยอมแน่ ต่อมา ไม่ว่าจะอายุน้อยแค่ไหน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะรู้สึกว่า การรังแกคนอื่นไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่พวกที่ไม่รู้จักคิดธรรมดาๆ  แต่ยังรวมตัวกันไปแย่งชิง ครอบครอง รังแกคนอื่น ย่อมถึงเวลาแล้วที่ต้องรับผลกรรมของการกระทำตัวเอง ไม่มีใครหรอกที่เป็นฆาตกรมาตั้งแต่กำเนิด เพียงแต่หากไม่จัดการสักที นานวันเข้า ก็จะกล้าทำอะไรโดยไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด

พวกที่บอกว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว คงเพราะมีจิตใจดี แต่ บางครั้งความมีจิตใจดีอย่างโง่เขลา ก็เป็นการช่วยให้คนกลายเป็นคนร้ายอย่างเต็มรูปแบบ

การทำผิดแล้วโดนอบรมสั่งสอน ไม่กระไรหนักหนาหรอก ลองคิดถึงคนที่พวกเขารังแกสิ ทุกอย่างจะได้เป็นธรรม

ทว่าเมื่อไขคดีใหญ่อย่างนี้ได้ ย่อมต้องมีคนได้รับผลงาน แต่ใครจะคิดล่ะว่า เด็กคนนั้นหายไปตั้งแต่ตอนบ่ายในวันเดียวกันแล้ว

ซึ่งป๋อจิ่วในเวลานี้ กำลังก้มเอวถอดเสื้อนักเรียนออกมาโยนทิ้ง แล้วเปลี่ยนไปสวมสูทสีดำ ร่างสูงเด่นต่างไปจากสภาพในก่อนหน้านี้

เธอบิดเนคไทหน้ากระจกรถ เส้นผมสั้นเซอร์ปรกลงมา ขับจุดเด่นบนใบหน้าเธอ

เหตุที่เธอแต่งตัวแบบนี้ เป็นเพราะเธอได้รับข้อความเสียงจากคุณชายถัง โดยมีเนื้อหาว่า  “มีข่าวดีมาบอก ถือว่าเป็นรางวัลที่จัดการคดีนี้ได้ สายที่ชายแดนประเทศ M กับ T รายงานมาว่า ต่อให้คุณไม่โผล่หน้ามา เมื่อวานคิงก็จะกลับอยู่แล้ว เพราะบังเอิญเจอคนจีนที่รวยมากคนหนึ่งกะทันหัน ได้ยินมาว่าคนจีนคนนี้รวย แถมใจสปอร์ตมาก พอมาถึงประเทศ T ปุ๊บก็ซื้อเรือยอชปั๊บ แถมยังซื้ออาวุธสงครามเยอะมาก เอาไปป้องกันตัว เพื่อจะได้เอาไว้ซื้อสินค้าดีๆ มาเก็บไว้ แน่ล่ะ สถานะของคนจีนคนนี้ไม่ชัดเจน เท่าที่รู้ว่าคือเป็นลูกเศรษฐีตระกูลดี แถมยังมีที่ปรึกษาคนเก่งมากๆ อยู่ข้างตัว จากนั้นคำถามก็มาถึง คุณคิดว่าพวกเขาเป็นใครเหรอ?”

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า ลูกเศรษฐีต้องเป็นเจ้าชายน้อยแน่ เป็นคนอื่นไม่ได้หรอก ส่วนที่ปรึกษาที่เก่งมาก ย่อมต้องเป็นท่านเทพอยู่แล้ว เพราะเวลาท่านเทพแสดงมาดเก่งกล้าออกมา ย่อมไม่ขัดสายตา

ป๋อจิ่สวมนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ นัยน์ตาเหมือนจะเรืองแสง เธอเข้าไปนั่งในรถแลมโบกินี่ จากนั้นก็ปิดประตู ป้อนตัวอักษรเข้าสู่ระบบจีพีเอส

เสียงเตือนดังขึ้น “เกาะตำแหน่งที่อยู่ชัดเจน ระยะทางทั้งหมดแปดร้อยลี้ น้ำมันเพียงพอ”

“ไป” ป๋อจิ่วกุมพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่ง สะบัดท้ายรถอย่างสวย เวลานี้เธอไม่เหลือสภาพนักเรียนเหมือนเมื่อครู่ ดูเป็นหนุ่มน้อยจอมเฮี้ยว ทั้งนี้ด้วยเพราะสูทบนร่าง จึงเพิ่งความเป็นนักธุรกิจให้ด้วย

ระบบจีพีเอสอัจฉริยะ ยังตรวจสอบสภาพร่างกายของเธอด้วย “เจ้านายครับ อัตราการเต้นหัวใจของคุณเร็วเกินไปนะครับ คุณดีใจแบบนี้ คงเพราะได้ข่าวจอมมารล่ะสิ?”

“เสี่ยวเฮย ฉันรู้สึกว่า ถึงหลายๆ ครั้ง ความฉลาดของนายจะไม่พอใช้สักเท่าไร แต่ครั้งนี้นายฉลาดมาก” ป๋อจิ่วเปลี่ยนเกียร์เพิ่มความเร็ว มุมปากแฝงรอยยิ้มที่หุบไม่ลง “ถูกต้อง”

เสี่ยวเฮย…ทำไมมันถึงไม่รู้สึกว่าโดนชมเลยล่ะ เหมือนโดนยัดอาหารหมาเต็มเหนี่ยว!

เดี๋ยวนี้อยู่ยากจริง

นี่ถ้าได้เจอจอมมารเข้าให้ ทั้งสองคงไม่จะ จูบกันในรถหรอกนะ! แค่นึก ไฟรถก็ติดๆ ดับๆ แล้ว

ว้าย โลกช่างรังแกรถเหลือเกิน!

………………………………………………………………….

1675-2 vs 1676 vs 1677

ตอนที่ 1675-2

ป๋อจิ่วหัวเราะแฝงความเหยียดหยัน “พูดไปพูดมา คุณก็แค่กลัวความรับผิดชอบ?”

“นาย!” สีหน้าของเจ้าคนนั้นเพิ่งจะเปลี่ยนไป

“ผมเอง” คนที่นั่งตรงกลางเอ่ยขึ้น “ผมรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง ขอแค่ช่วยพวกเขาได้ แต่เวลาอย่างนี้จะให้พวกเขารับความกระทบกระเทือนไม่ได้ เด็กน้อย คงรู้ดีนะว่าการประกาศข่าวออกไม่ใช่วิธีที่ดีสักเท่าไร”

มันไม่ดีจริงๆ เพราะจะทำให้อันตรายจนควบคุมไม่ได้

ป๋อจิ่วลุกขึ้น “ผมจะไปหาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มอีก”

เวลานี้ก็ทำได้แค่เท่านี้แหละ

นาฬิกาบนผนังบอกเวลาว่าถึงหกโมงแล้ว

วันนี้ไม่มีใครได้หลับได้นอน พนักงานที่ทำการสืบสวนหาพลิกหาข้อมูลครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งมีคนเข้าไปตรวจสอบในโรงเรียนมากกว่าเวลาธรรมดา

ทุกอย่างปกติ กระทั่งจิตแพทย์ก็ยังหาความผิดปกติไม่เจอ

ตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงเจ็ดโมงครึ่ง นักเรียนในหอพักของโรงเรียนต่างทานอาหารเช้าเสร็จ ส่วนนักเรียนไปกลับก็มาถึงหน้าประตูโรงเรียนกันหมดแล้ว

แน่ล่ะย่อม มีนักเรียนมาสาย แต่จะดูอย่างไร บรรยากาศของโรงเรียนก็ให้ความรู้สึกแห่งเกียรติยศ จะเกิดเรื่องอะไรได้?

“หรือว่าเขาเข้าใจผิด อาจจะไม่ใช่วันนี้” เจ้าหน้าที่ที่ปลอมตัวนั่งอยู่ในรถตู้ กระแทกแขนเพื่อนร่วมงาน พูดเสียงแผ่วเบา พยักเพยิดไปยังป๋อจิ่วที่นั่งข้างคนขับ

ป๋อจิ่วถือไอแพดในมือ หน้าจอเผยภาพเคลื่อนไหวสดของหลีจิ่นที่รับการตอบคำถาม รวมถึงภาพในโรงเรียนที่จับได้เป็นระยะๆ

คิงเป็นคนแยบยล ซึ่งเห็นจุดเด่นอันนี้เห็นได้ชัดมาก เพราะภาพเขาปรากฏไม่เยอะ ที่มีก็เป็นภาพจากไกล ๆ

เสียงจอกแจกจอแจของนักเรียนดังจากนอกหน้าต่างลอยมาตามลม ซึ่งมันไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ นั่นแหละ หรือเธอคิดมากไปเอง?

ป๋อจิ่วหลับตาลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอดหลับอดนอนกันมาสองคืนหรือเปล่า ถึงทำให้หายใจไม่คล่อง มึนศีรษะเล็กน้อย

เหนื่อยจัง สมองตื้อไปหมด

ห้วงเวลาดังกล่าว เธอเหมือนจะฝันถึงอดีต ตอนที่เขาหันหน้ามาอธิบายวิชาฟิสิกส์ให้เธอ “โจทย์ทุกข้อ ขอแค่เข้าใจก็สามารถใช้สูตรเข้าคำนวณได้”

“แบบนี้เนี่ยนะ” เธอตอบรับคร้านๆ เพราะเธอไม่ชอบวิชานี้จริงๆ นะ สนใจคนมากกว่า “โจทย์บรรยายเยอะขนาดนี้ แค่เห็นก็เวียนหัวแล้ว”

ชายหนุ่มเท้าคาง ตบหน้าผากเธอเบาๆ “ไม่ว่าโจทย์จะบรรยายซับซ้อนแค่ไหน จำไว้อย่างหนึ่งว่า แค่เดาใจคนตั้งโจทย์ได้ว่าเขาต้องการอะไร ต่อให้บรรยายข้อความมากแค่ไหน มันก็เป็นแค่คาถาบังตา โง่จริง”

ตื้ดๆๆๆ!  เสียงแตรรถดังเสียดหูจากด้านนอก

ทันใดนั้น ป๋อจิ่วลืมตาขึ้น

“ดูเหมือนว่ารถเรากำลังขวางทางรถคนอื่นอยู่”

“แปดโมงสิบนาที นักเรียนเข้าเรียนกันหมดแล้ว พวกเราย้ายรถไปที่อื่นเถอะ”

ป๋อจิ่วได้ยินเสียงข้างหู สมองยิ่งตื้อเข้าไปใหญ่ รู้สึกหายใจลำบากขึ้น จึงกระดกน้ำขึ้นดื่ม เธอเพิ่งระลึกขึ้นมาได้ว่า ร่างนี้ไม่ค่อยแข็งแรง ยังดีที่เธอสู้ไหว

เมื่อน้ำไหลลงลำคอ เธอจึงรู้สึกดีขึ้น ป๋อจิ่วมองดูนอกหน้าต่าง หน้าโรงเรียนที่ครึกครื้นเมื่อครู่ กลับไม่เหลือใครแล้ว และยามกำลังปิดประตู

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบจากภวังค์ความฝันเมื่อครู่หรือเปล่า

ป๋อจิ่วดูคลิปของหลีจิ่นอีกครั้ง ประโยคของท่านเทพยังคงลอยอยู่ในสมองเธอ “แค่เดาใจคนตั้งโจทย์ได้ว่าเขาต้องการอะไร” ทันใดนั้น ป๋อจิ่วกดให้หยุดตอนที่หลีจิ่นพูดว่า “ฆ่าตัวตายขนานใหญ่”

ไม่ ไม่สิ นี่ไม่ใช่ความต้องการของคิงเสียหน่อย

คิงต้องการมุ่งไปที่ตัวประกัน เพราะเขาจะได้มีสิ่งต่อรองต่างหาก

ขนานใหญ่…

ขนานใหญ่!

…………………………………………………………

ตอนที่ 1676

เสียงฟุ่บดังขึ้น!

ป๋อจิ่วเปิดประตูรถ กระโดดลงมาพลางเอ่ยเพียง “ตามฉันมา”

สิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้โชเฟอร์ตกใจเหงื่อไหลท่วมศีรษะเลยทีเดียว เขากำลังจะสตาร์ทรถเองนะ ส่วนคนที่นั่งด้านหลังต่างสบตากัน พากันเปิดประตูรถ วิ่งพลางยิงฟันส่งเสียงจิ๊จ๊ะ

บรรยากาศในห้องประชุมเชื่อมโยงกับความเป็นไปทางนี้ มีคนได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นก็ยืดตัวนั่งตรงทันที “เกิดอะไรขึ้น?”

“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆ เด็กนั่นก็กระโดดลงรถไป” เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้าใจว่าป๋อจิ่วคิดอะไรอยู่

เวลานี้ ด่านกั้นประตูโรงเรียนค่อยๆ ลดลงมา

ป๋อจิ่วไม่ยอมช้า ค้ำมือข้างหนึ่งบนด่านกั้น ส่งตัวกระโดดเข้าไป ซึ่งเธอยังอยู่ในชุดนักเรียน

ยามเฝ้าประตูเพิ่งจะร้องตะโกน ก็เห็นชายสองคนกระโดดตามหลังเด็กคนนี้เข้าไป สิ่งสำคัญอยู่ที่บัตรที่พวกเขายกให้ดู ทำให้ยามอึ้งหน่อยๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?

เสียงประกาศตามสายยังดังทั่วโรงเรียน ประมาณว่าให้นักเรียนเอาเก้าอี้มานั่งเรียงเป็นแถวยาวตามห้องเรียน แล้วนั่งลงบนที่ของตัวเอง

เสียงนั่นเบาลงเรื่อยๆ ฟังแล้วดูเหมือนจะเตรียมงานมาเรียบร้อยแล้ว

ป๋อจิ่วเร่งฝีเท้าให้เร็วอีกเท่าหนึ่ง เพราะคำว่า ‘ขนานใหญ่’ นั่นเอง แม้จะไม่รู้ว่าเมื่อไรคำสั่งที่แฝงทางจิตจะถูกกระตุ้น แต่คำว่า ‘ขนานใหญ่’ ก็เห็นจะมีแต่การฉายหนังในวันนี้เท่านั้นที่ทำให้คนทั้งโรงเรียนมารวมตัวกันดู

คิงไม่ได้แค่ต้องการกระตุ้นคำสั่งที่แฝงทางจิตให้กับพวกเด็กๆ  เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น จะทำเมื่อไรก็ได้ แต่หากไม่มีตัวประกัน ก็ย่อมไร้ค่าของมัน

ความวุ่นวายขนานใหญ่ ต้องเกิดเหตุการณ์เหยียบกันตาย แม้ว่าจะมีคนจากตำรวจอยู่ด้วย แต่อาจจะหยุดยั้งคนส่วนหนึ่งที่ได้รับการกระตุ้นคำสั่งทางจิต กระโดดขึ้นรถหนีไปไม่ได้

ปฏิกิริยาของพวกเขาเป็นวงกว้าง ถ้าทุกคนต่างวิ่งไปทางเดียวกัน ต่อให้พวกเขาวิ่งทางเดียวกับคนร้าย เราก็ยิงปืนไม่ได้ ซึ่งนี่แหละคือเป้าหมายของคิง

เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่า พวกเขามีตัวประกันกลุ่มใหญ่อยู่ในมือ หลังจากที่ผู้คนรู้กันทั่ว ไม่ว่าใครจะลงมือทำอะไร ก็ต้องช่วยคนพวกนี้ไว้ก่อน เพราะพวกนั้นยังเป็นเด็ก และการหยุดยั้งทุกสิ่งได้ ย่อมต้องห้ามฉายเนื้อหาในหนัง!

ป๋อจิ่ววิ่งไปตามเสียง ตอนนี้เสียงของหนังเริ่มดังขึ้น

ในบริเวณที่ไกลจากนั้น อาจารย์ที่เปิดหนังออกฉายมองดูนักเรียนคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาหาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ยังคิดว่านักเรียนจากห้องไหนสักห้องหนึ่งมาสาย จึงขมวดคิ้วมุ่น

ป๋อจิ่วเห็นแล้ว แม้ว่าเธอจะเร็วแค่ไหน การจะวิ่งไปถึงสถานที่ฉายหนังก็ต้องใช้เวลาหนึ่งนาที ซึ่งไม่ทันแน่ ถ้าวิ่งไป ย่อมไม่ทัน

แถมอาจารย์ที่รับผิดชอบระเบียบแถวนั้นยังเดินมาหาเธออีกต่างหาก เพราะเหตุนี้ ผู้คนจึงไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาน้อยๆ ของนักเรียนที่กำลังดูภาพและฟังเสียงจากหนัง ในเมื่ออาการเหล่านั้นถือเป็นปกติมาก หนังก็ไม่มีอะไรไม่ดี ทว่าทั้งหมดนี้ทำให้ป๋อจิ่วนึกถึงคดีฝังคำสั่งทางจิตที่มีโด่งดัง

โดยเริ่มจากผู้ชมบางส่วนได้ยินเสียงรัวกลองน ก็จะรู้สึกฮึกเหิมกว่าปกติ แสดงอาการเล็กน้อยออกมาเป็นระยะๆ พอมาถึงตอนท้ายก็จะควบคุมไว้ไหว จนกระทั่งไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดคนเหล่านั้นจึงเกิดความรู้สึกรุนแรงขึ้น ทั้งยังคิดจะหนีไปจากสถานที่เกิดเหตุ จนเกิดเหตุเหยียบกันตายเป็นหมู่ขึ้นมา

เหมือนกันเป๊ะ!

………………………………………

ตอนที่ 1677

 “นักเรียนคนนี้…” อาจารย์สอนพละเดินเข้ามาเท้าสะเอว คงอยากจะให้ป๋อจิ่วกลับไปนั่งที่ตนเอง

สถานที่ที่มีคนเยอะ ย่อมทำให้อากาศไหลเวียนไม่ดี ไม่มีใครคาดถึงว่าป๋อจิ่วกลับหยุดวิ่ง เจ้าตัวสวมผ้าปิดปากบนหน้า จากนั้นก็ช้อนสายตา หยิบมีดทหารออกจากฝักจนเกิดเสียงดัง แล้วขว้างออกไปยังต้นไม้ข้างหน้าจออันเป็นสวิตช์หลักของตัวควบคุมกระแสไฟฟ้า เสียงของหนังดังมาก ดังนั้นนอกจากอาจารย์จำนวนหนึ่งแล้ว ไม่มีนักเรียนคนไหนสนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พวกเขารู้สึกเพียงอย่างเดียวคือ หลังจากที่เสียง ‘ตื้ด’ ดังขึ้น หน้าจอดับลง เสียงก็หายไป อารมณ์ของพวกเขาถูกดึงกลับมาจากที่ใดที่หนึ่ง นักเรียนทุกคนกระพริบตา ก่อนจะหันไปพูดกับคนข้างๆ

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ไฟดับเหรอ?”

“ไม่รู้เหมือนกัน หรือว่าเบรคเกอร์โดนตัด?

ห้วงเวลานั้น เสียงดังวุ่นวายทั่วสนามกีฬา นักเรียนบางคนลุกขึ้นยืนมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บ้างก็ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมไป บ้างก็หันไปขอขนมจากเพื่อนรูมเมท แม้ว่าระเบียบจะไม่เคร่งครัดมากนัก แต่ยังดีที่ไม่เกิดเรื่องน่ากลัวขึ้น พวกเขานิ่งอยู่กับที่ บ้างก็สงสัยว่าทำไมเมื่อครู่ตัวเองถึงได้โกรธแค้นแสนสาหัส แต่ตอนนี้ความรู้สึกดังกล่าวหายไปแล้ว จึงลูบหน้าอกตัวเองอย่างไม่เข้าใจ

ฝ่ายอาจารย์พละก็แทบจะสติแตก ร้องตะโกนเสียงดัง “ไอ้เด็กบ้า รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป แมร่งเอ๊ย” กว่าเขาจะได้รับผิดชอบให้ดูแลเรื่องการฉายหนัง แต่ดันเกิดปัญหาใหญ่หลวงขึ้น เห็นทีเขาคงต้องถูกยืดเวลาทดลองงานแน่

บ้าจริง! อาจารย์พละยกมือทึ้งผมตัวเอง

ป๋อจิ่วหัวเราะ อาจารย์แบบนี้น่ารักเสมอในสายตาของเธอ

อันที่จริงทุกวงการอาชีพย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี พวกที่อยู่ในวงการครู บ้างก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เงินมา แต่เช่นเดียวกัน จะมีคนพวกหนึ่งที่ทำหน้าที่ครู เพราะอยากจะเป็นครูที่ดี ดังนั้นจึงคิดหาทางสื่อสารกับเด็กในรุ่นนี้อยู่เสมอ เพื่อจะได้พัฒนาพวกเขาในอนาคตต่อไปให้ดีขึ้น

ท่านเทพพูดไม่ผิดหรอก นัยน์ตาของคนเราเหมือนกันหมด อยู่ที่ว่าเราจะค้นหาอะไร

แต่ เมื่อทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้น ย่อมเป็นการท้าทายในระเบียบของทางโรงเรียน หัวหน้าอาจารย์เดินมาหา กำลังจะเอ่ยขึ้น

เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบทั้งสองที่วิ่งตามหลังป๋อจิ่วก็มาถึง ก้มตัวยันมือข้างหนึ่งค้ำเข่า อีกข้างก็ยื่นบัตรประจำตัวให้ดู เอ่ยเสียงหอบ “นี่ นี่เป็นเพื่อนร่วมงานของผมครับ”

หัวหน้าอาจารย์ตาโตเลยทีเดียว มองดูป๋อจิ่ว เด็กคนนี้สวมชุดนักเรียนของพวกเขาชัดๆ  แถมยังเยาว์อยู่มาก จะเป็นคนของทางการได้ไง?

“หนังที่ฉายมีปัญหา ไม่ทราบว่ามีหนังเรื่องนี้อีกมากเท่าไรในโรงเรียน ต้องเอามาทำลายให้หมด ต่อไปห้ามฉายหนังอีก ผมขอแผ่นหนังกลับไป” หมายความว่า ป๋อจิ่วไม่อยากยุ่งกับทางตำรวจอีก

ตลก คนในโลกมืดอย่างเธอ จะไปเป็นมิตรกับศัตรูได้ไง

“หนังเรื่องนี้มีปัญหาเหรอ” อาจารย์ที่รับผิดชอบเป็นงง ก็แค่หนัง จะมีปัญหาได้ด้วยเหรอ ปกติออก แถมไม่หนังติดเรท 18 สักหน่อย จะไปมีปัญหาได้ยังไง?”

ตำรวจสองนายอึดอัดนิดๆ เพราะหากดูจากเนื้อหาของหนังก็ปกติ

เจ้าเด็กนี่มันตื่นไปเองหรือเปล่า?

………………………………………………….

1673-2 vs 1674 vs 1675-1

ตอนที่ 1673-2

พวกเน็ตติเซ่นแสดงความเห็นออกมาทันที

“เคยอ่านเจอเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนนี้มาก่อน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีโรงเรียนแบบนี้ด้วย พวกนักเรียนที่นี่ปกติหรือเปล่า นักเรียนแบบนี้ออกมาก็ทำร้ายคนอื่น ถึงกับต้องปล่อยคนร้ายออกมาเพื่อช่วยคนแบบนี้เนี่ยนะ มันไม่ค่อยถูกนะ”

“ฉันคิดว่า นักเรียนแบบนี้อย่ามีเสียเลยจะดีกว่า ไม่เข้าใจว่าจะช่วยไปทำไม”

“ใช่ คนแบบนี้ควรลงนรกไปซะ”

ความเห็นในอินเทอร์เน็ตทวีความรุนแรงขึ้นทุกทีๆ หลายๆ คนต่างประณาม โดยเฉพาะกลุ่มสืบสวนที่กำลังปวดหัวหนักอยู่แล้ว ยังต้องมาเผชิญกับเรื่องแบบนี้อีก คงเดาออกกันนะว่า ทั้งเบื้องบนและเจ้าหน้าที่ระดับล่างล้วนแต่กดดันมากแค่ไหน

ในที่สุดคนที่นั่งตรงกลางก็ตัดสินใจได้ “ประกาศออกไปว่า ปล่อย…”

ตัว…ยังไม่ทันได้พูดจนจบ พลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้องสอบสวน เสียงนั่นไม่ดังและไม่เบาจนเกินไป แฝงความเป็นเอกลักษณ์ของป๋อจิ่ว “หลีจิ่น พอเถอะ คิงฝังคำสั่งอะไรทางจิตนั่นน่ะ จริงๆ แล้วนายไม่รู้หรอก”

“เอ่อ?” คนในห้องประชุมแทบทุรนทุราย

ชายหนุ่มในชุดสูทที่ไม่พูดอะไรมาตั้งแต่ต้นจนจบ กลับลุกขึ้นยืน “ลองฟังดูก่อนไหมครับ”

มีคนอยากจะพูดว่า จะมาพูดบ้าอะไรกันตอนนี้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม ก็กลืนคำพูดตัวเองลงไป เอ่อ ทำไมคุณชายถังถึงมาอยู่ที่นี่เหรอครับ?

ภายในห้องสอบสวน หลีจิ่นคิดไม่ถึงว่าจะมีคนพูดแบบนี้ มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่น “ทำไมฉันจะไม่รู้ อาจารย์เชื่อใจฉันมากที่สุด ท่านมอบทุกอย่างให้กับฉัน ขนาดสายที่ท่านแฝงในห้องเรียน ท่านก็มอบอำนาจให้ฉันใช้พวกนั้นได้ ถ้าพวกนายไม่อยากปล่อยฉันไปก็พูดมาตรงๆ ยังไงฉันก็ก็ไม่แคร์หรอกว่าจะออกไปได้หรือเปล่า”

“หลีจิ่น จะหลอกตัวเองยังไงก็ต้องมีขอบเขต” ป๋อจิ่วเดินเข้าไปหา แววตาเปล่งประกาย “เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปที่ห้องนายมา เรื่องคำสั่งที่แฝงทางจิตน่ะ ดูเหมือนนายจะไม่รู้เรื่องสักเท่าไรหอรก ไม่งั้นคงไม่มีหนังสือด้านพวกนี้ในระดับเริ่มต้นอยู่ในห้องนายหรอก นายรู้ดีพอๆ กับฉันว่า ถ้าอาจารย์ที่นายพูดถึงเขาแคร์นายล่ะก็ คงไม่หนีอย่างนั้นหรอก ในหัวใจของเขา นายมันก็แค่ใช้ง่ายกว่าคนอื่นเท่านั้น นายเป็นคนฉลาด รู้นี่ว่าไม่ว่าหมากจะใช้งานได้ดีหรือไม่ ยังไงก็เป็นแค่หมาก คนอย่างคิงต้องเก็บความลับไว้ในมือตัวเอง จะยอมให้หมากตัวหนึ่งรู้เรื่องได้ยังไง? เกรงว่านายคงเป็นคนเดียวที่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในวันนี้ แต่เรื่องอื่นๆ นายกลับไม่รู้สักนิด ในเมื่อนายรู้จักอาจารย์ตัวเองดีขนาดนี้ นายรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นคนที่ไหน ผ่านอะไรมาบ้าง รวมถึงทำธุรกิจอะไร?

หลีจิ่วหัวเราะ สีหน้าเปลี่ยนเป็นฝืดเฝื่อน “ทำไมฉันต้องบอกนาย”

“นายไม่รู้” ป๋อจิ่วพูดอย่างเป็นปกติ “ถ้านายรู้จริงๆ ก็คงไม่แสดงออกแบบนี้ นายแค่อยากถ่วงเวลาให้ทุกคนทุ่มความสนใจในตัวนาย เพราะเราอาจจะละเลยข้อมูลอื่นๆ ได้  แล้วการปลุกคำสั่งที่แฝงทางจิตก็ยังไม่ถูกหยุดยั้ง แถมยังเกิดขึ้นได้สมบูรณ์แบบอีกต่างหาก แต่นายพูดความจริงมาอย่างหนึ่งว่า นายไม่แคร์อยู่แล้วว่าจะออกไปได้หรือเปล่า เพราะนายอยากเห็นคนที่มันรังแกนายลงนรกให้หมด นายแค้นกระทั่งแม่ตัวเอง นายรู้สึกว่าคุณน้าอ่อนแอทำอะไรไม่ได้สักอย่าง อยากจะสลัดอิทธิพลของแม่ที่มีต่อตัวนาย ก่อนหน้านี้นายอาจจะสะใจ เพราะได้กลายเป็นคนกุมชะตาของคนอื่น พวกเพื่อนนักเรียนที่มันดูถูกนาย ตอนนี้กลัวกันทุกคนแล้ว นายมีความสุขกับการมอบความกลัวให้พวกเขา นายต้องการแค่นี้”

……………………………………………..

ตอนที่ 1674

หลังจากที่ได้ยินป๋อจิ่วพูด ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ พวกเขาคิดจะเคลื่อนไหว แต่กลับถูกเสียงหัวเราะของหลีจิ่นขัดจังหวะเสียก่อน เสียงหัวเราะนั่นใกล้จะไม่ปกติแล้ว เขาค้ำมือทั้งสองไว้บนโต๊ะ แววตาเขียวปัด “นายพูดไม่ผิดหรอก ฉันอยากให้พวกมันกลัว พวกมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะมีชีวิตต่อไป คนอย่างนายจะรู้อะไร พวกมันทำลายฉันแทบจะหมดทุกสิ่ง พวกมันไม่ควรตายหรือไง? ฉันแค่อยากจะเรียนหนังสือดีๆ แต่พวกมันทำอะไร หาเรื่องเหยียดหยามรังแกฉันทั้งวัน เพราะมันคิดว่าฉันรังแกง่ายไม่ใช่เหรอ งั้นก็ตายกันให้หมดไปเลย แล้วนายด้วย จะว่าไป นายก็เหมือนกับฉัน อย่าปฏิเสธ นายมันเจ้าแผนการไม่แพ้ทุกคนหรอก ฉันไม่เห็นเลยว่านายมีใจอยากจะช่วยคนอื่นสักนิด? ได้ยินหลิวเจียหนิงบอกว่า นายอัดเขาเกือบตาย ดูจากนิสัยนาย พวกเราก็เหมือนกันนั้นแหละ คิดว่าคนพวกนี้ไม่สมควรจะถูกช่วย แล้วจะปกปิดความต้องการในใจทำไม”

พูดจบ ห้องประชุมตกอยู่ในความโกลาหล บ้างก็ยืนขึ้น

ป๋อจิ่วกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน “บางคนก็ไม่น่าช่วยจริงๆ นั่นแหละ เช่น หลิวเจียหนิงไง ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักนิด แต่ในโรงเรียนมีหลายๆ คนที่ไม่รู้จะทำยังไงเมื่อต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ ถึงได้เงียบไม่ทำอะไร พวกเขาอยากช่วยนาย แต่กลับมีพลังไม่พอ นายต้องให้สิทธิ์พวกเขาในการปกป้องตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดนะ เนื้อแท้แล้วพวกเราคิดเหมือนกันจริง แต่หลักการไม่เหมือน  ฉันจะไม่มีวันลากคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาตายด้วย เพียงเพื่อจะฆ่าขยะไม่กี่ชิ้นหรอก”

หลีจิ่นมองดูป๋อจิ่วที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆ นั่งกลับที่เดิม พูดเสียงอ่อนลง “ไม่มีใครคิดจะช่วยฉัน กระทั่งแม่ฉันยังต้องเอาอกเอาใจพ่อเลี้ยง กลบเรื่องที่ฉันถูกทำร้ายไว้ คนที่มีทั้งพ่อและแม่แบบคุณชายอย่างพวกนายจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเราได้ยังไง”

“ฉันเรียนมัธยมที่เมืองนอก” ป๋อจิ่วร่ายอดีตตัวเองด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตอนนั้นพวกคนต่างชาติเหยียดจีนจะตาย แถมฉันเองก็ไม่มีพ่อมีแม่แล้ว หลายๆ คนมาหาเรื่องฉัน อยู่ในจีน อย่างน้อยนายก็สูงเท่าเทียมกับพวกเขา ต่อให้ต่อยกันก็ไม่เสียเปรียบสักเท่าไร ตอนนั้นฉันก็เหมือนกับนายในตอนนี้ที่ไม่มีเพื่อนสักคนออกมาช่วย แถมฉันยังเป็นคนเดียวที่เป็นคนเอเชียตาดำผมดำ แล้วจะยังไง? นายโดนต่อยตาเขียวหน้าบวมก็เข่าอ่อนเรียกเขาว่าพ่อแล้วเหรอ? หรือนายกลัวมากเสียจนเห็นคนที่เก่งกว่าตัวเองก็หดหัวอยู่ในกระดองเต่า ขนาดแม่นาย นายยังไม่กล้าปกป้องเลย? คนที่มันรังแกนายน่ะเหรอ ง่ายนิดเดียว พวกเขาไม่พูดกับนาย นายก็อย่าพูดกับพวกเขาสิ เทคโนโลยีก้าวหน้าตั้งมากมาย พวกมันเป็นแค่ตัวอะไร? ถ้านิสัยไปด้วยกันไม่ได้ ก็อย่าบีบตัวเองให้เข้ากับพวกมันให้ได้ การคุกเข่ายอมอ่อนข้อให้พวกมันก็รังแต่ทำให้มีคนดูถูกนายขึ้นทุกวันๆ ไม่มีใครเห็นค่าของนาย นายก็เลยไม่เห็นค่าของตัวเองงั้นสิ อายุเท่าไรแล้ว ยังคิดว่าชีวิตจริงจะเหมือนในนิทานหรือไง หลักการใช้ชีวิตมันก็ง่ายนิดเดียว ตรงนี้” ป๋อจิ่วพูดพลาง ยื่นมือไปจิ้มที่หลังของอีกฝ่าย “ต้องยืดให้ตรงทุกเวลา”

หลีจิ่นบรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก

ร่างของเขาเกร็งทื่อ ยกแขนกันบังนัยน์ตาตัวเอง ไหล่ทั้งสองสั่นไหว เสียงแหบเครือ “ฉันรู้ว่านายอยากได้ปากคำของฉันไปเป็นหลักฐาน นายพูดไม่ผิดหรอกว่าฉันเป็นหมากที่ไม่รู้อะไรสักเรื่อง แต่มันไม่ทันแล้ว”

…………………………………….

ตอนที่ 1675-1

ท้ายประโยค ‘ที่ว่าไม่ทันแล้ว’ ของหลีจิ่น ทำให้หัวใจของทุกคนร่วงลงเหว

ป๋อจิ่วคงเป็นคนเดียวที่เยือกเย็นที่สุดอเพราะหลีจิ่นพูดถูก เธอและเขามีเนื้อแท้ที่เหมือนกัน คนที่ไม่เคยเผชิญกับเรื่องพวกนี้มาก่อน ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าอะไรที่อ้างว้างไร้คนช่วย

เวลาที่เราต้องเผชิญกับความอยุติธรรม มักคิดกันว่า กฎหมายจะอยู่ไกล แต่กำปั้นอยู่ใกล้กว่า

ใช่ว่าจะไม่คิดสู้ แต่การลุกขึ้นสู้กลับถูกเสียงบางเสียงกลบให้หายไป พวกคนกระทำผิดมีเอกลักษณ์ที่เหมือนกัน นั่นคือความรักเปลือกนอกและกลับขาวให้เป็นดำ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับอายุสักนิด ไม่ใช่ว่าถูกทำให้เป็นคนคนชั่ว แต่พวกเขาเป็นอย่างนั้นมาตั้งนานแล้ว ส่วนพวกที่โหวกเหวกโวยวายว่า ฉันแค่เป็นคนแบบนั้นแบบนี้เท่านั้นเอง ก็ทำเพื่อให้ตัวเองหลุดจากโทษเท่านั้นแหละ การจะทำตัวอย่างไร เมื่อต้องเจอกับพวกหน้าด้านหน้าทน ถือประเด็นสำคัญที่สุด

ไม่ให้อภัย พวกคนเฮงซวยไม่มีค่าที่จะได้รับการให้อภัย

เช่นเดียวกัน จงอย่าปล่อยให้เราเต็มไปด้วยความแค้น

คุณต้องลองเปลี่ยนดู มองดูตัวเองในกระจกว่าควรจะต้องปรับตรงไหนให้ดีขึ้น นิสัย วิธีการพูด หรือบางครั้งอาจเป็นเพราะจิตใจคุณอ่อนแอเกินไป

เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบาก จะเอาแต่โทษสภาพแวดล้อมไม่ได้ คุณอยากใช้ชีวิตอย่างไร มันขึ้นอยู่กับว่าคุณพยายามจริงหรือเปล่า

ป๋อจิ่วรู้ว่า แม้กระทั่งในตอนนี้ ยังมีคนในโรงเรียนคิดว่า สิ่งที่พวกตนทำไม่เห็นจะเป็นอะไรมากมายเลย แต่ในทำนองเดียวกัน ป๋อจิ่วก็รู้อีกด้วยว่า นอกจากพวกเขา ยังมีคนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไปอยู่มากมาย

นานเท่านาน เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ลืมคำพูดของพ่อจนเกือบหมด

เธอคิดว่า เมื่อคุณตกลงสู่ความมืดมิดไร้ขอบเขต โลกนี้จะต้องมีคนฉุดคุณออกมาสักคน ซึ่งถ้าไม่มีใครที่จะทำแบบนั้น ต่อไปจะกลายเป็นอย่างไร

ป๋อจิ่วเป็นคนที่โลดแล่นในความมืด ขอแค่มีร่างหนึ่งที่เมื่อปรากฏตัวชัดขึ้น คุณก็จะเข้าใจว่ามีบางเรื่องที่คุณจำเป็นต้องทำ

แม้ว่าความปรารถนาดีนี้ จะมีโอกาสตอบแทนสู่คุณเพียงเล็กน้อยก็ตาม

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าโลกเราจะใสสว่างสะอาดตา แต่ฉันเชื่อว่าฉันสร้างมันได้” สิ่งที่ป๋อจิ่วทิ้งไว้ให้อีกฝ่ายเป็นลำดับสุดท้าย “ทุกคนก็เหมือนกัน”

ทุกวินาทีที่เดินออกจากห้องประชุม กลายเป็นความบีบคั้นอันหนักหน่วง ไม่ได้ข้อมูลที่มีมูลค่าจากทางหลีจิ่นเลย

หนึ่งเดียวที่ป๋อจิ่วพอจะให้กับทางห้องประชุมได้ก็คือ เธอคิดว่าวันนี้คิงจะกระตุ้นคำสั่งที่แฝงทางจิตไว้แน่นอน แต่จะใช้วิธีไหน ก็ไม่มีหลักฐานที่ระบุไว้เช่นกัน

สิ่งที่ทำให้คนยากจะเชื่อก็คือ ความรู้สึกของหลีจิ่น ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมป๋อจิ่วถึงเชื่อความรู้สึกของนักโทษ

“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราเชื่อแล้ว ต่อไปจะทำยังไง? บอกให้พ่อแม่ดูแลลูกตัวเองดีๆ งั้นเหรอ” มีคนนวดหัวคิ้ว “มันเป็นไปไม่ได้หรอก นักเรียนในโรงเรียนมีตั้งมากมาย พ่อแม่บางคนก็ไม่ได้อยู่ในท้องที่นี่ แต่ต่อให้อยู่ในท้องที่ ก็ไม่รู้ว่าคิงจะใช้วิธีไหนมาปลุกคำสั่งที่แฝงทางจิตไว้ ถ้าข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ พวกนักเรียนจะรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้น สภาพจิตใจจะไม่มั่นคง ถึงเวลานั้น จะทำให้เรื่องเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ”

…………………………………………………………

1672-1 vs 1672-2 vs 1673-1

ตอนที่ 1672-1

นักเรียนที่นั่งอยู่ด้านล่าง ได้ยินประโยคสุดท้ายของป๋อจิ่วแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากขำ

เธอพูดสู้ฉันไม่ได้หรอก

คงไม่มีใครทำได้แบบนี้แล้ว

“ฮ่าๆๆๆ” สาวน้อยหน้ากลมหัวเราะออกมาด้วยที่เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดเองในที่สุด เธอลุกขึ้นมา “ฉันไม่อยากหรอก แต่จะทำไงได้ ทุกครั้งที่เห็นคนถูกรังแก ฉันก็อยากไปห้าม แต่รู้ไหมว่าผลจะเป็นยังไง? เพราะฉันจะกลายเป็นคนที่โดนบูลลี่คนถัดไป ฉันกลัวมาก ฉันเชื่อว่าใครๆ ก็กลัว เพราะพวกเราไม่ได้เก่งเหมือนนาย”

เธอพูดจบก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะว่าเธอเหมือนเมื่อครู่

ไม่คิดว่าป๋อจิ่วกลับหัวเราะแทน “เธอคิดแบบนี้ก็ไม่ผิดหรอก ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องแสดงพลังมวลชนไง อย่าลืมสิว่าพวกเธออยู่ห้องเดียวกัน ในความคิดของฉัน เวลาเรียนหนังสือก็ต้องทำแบบนี้แหละ ใครอย่าได้มารังแกเพื่อนฉัน ถ้าใครข้ามห้องมาหาเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ม.ไหน หรือแก่ว่าฉัน ก็ต้องสู้จนมันคุกเข่าให้ได้ ถ้าฉันสู้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังพลังจากเพื่อนๆ ในห้อง พวกเราอยู่ด้วยกันไม่ใช่เพราะจะไปรังแกใคร แต่เพราะต้องการบอกให้ทุกคนรู้ว่า พวกเขาจะรังแกพวกเราไม่ได้ เราจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผู้ชายต้องปกป้องผู้หญิง เวลาที่ผู้ชายต้องออกหน้าก็อย่าหัวหด มารังแกคนๆ เดียวทั้งชั้นเรียน มันใช้ได้ที่ไหน ไม่แน่นะว่าพอนายออกหน้าช่วยคน อาจมีคนหลงรักก็ได้ เอ้อ นักเรียนอย่างพวกเธอชอบแบบฮีโร่ช่วยคนสวยไม่ใช่เหรอ ก็ลองเอามาใช้จริงสิ จะได้ไม่ต้องเป็นหมาโสดสักที”

“อะไรที่มาเรียกพวกเราว่าเป็นนักเรียน พูดอย่างกับนายไม่ได้เป็นนักเรียนงั้นแหละ” ผู้ชายคนหนึ่งลูกสันจมูกย้อนถาม “ใช้ได้จริงอ่ะ?”

ป๋อจิ่วตอบช้าๆ “นายลองถามผู้หญิงหน้าแดงที่นั่งข้างนายดิ ถ้าไม่เข้าใจ ก็อ่านนิยายรักเยอะๆ จะได้เข้าใจความหวานชื่นในใจของผู้หญิง เอ่อ พวกความหวานชื่นในใจของผู้หญิงอะไรเนี่ย ปกติดูที่หน้าตากัน”

เมื่อได้ยิน พวกนักเรียนต่างอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

พวกทหารพิเศษที่อยู่นอกประตูมองหน้ากัน สุดท้ายหันไปมองร่างที่สวมชุดสูทภายใต้เงามืด “หัวหน้าครับ เจ้านั่น”

“เขาชี้นำทางความคิด เรากำลังแก้ปัญหาคดีทางจิตวิทยา เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจเด็กพวกนี้มีปัญหา บางทีคนในห้องนี้อาจจะเยียวยาไม่ได้แล้ว แต่ยังมีคนที่ไม่อยากกลายเป็นแบบนั้น พวกนายไม่เห็นเหรอว่า บรรยากาศในห้องดีกว่าเมื่อกี้เยอะเลย?” เงานั่นเดินออกมา มุมปากแยกยิ้ม “แต่ มันก็น่าเหลือเชื่ออยู่นะ ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้เห็น Z ที่เลือดเย็นกลับมาช่วยชี้นำทางความคิดให้กับพวกนักเรียน  คนอย่างเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงทำอย่างเดียว ไม่พูดอะไรแน่ ฉินมั่วทำให้เขาอ่อนโยนขึ้นเยอะทีเดียว”

เหล่าทหารพิเศษเงิบเลย

เด็กนั่นซัดนักเรียนหมอบถึงสามคน แถมยังมาสอนให้พวกนักเรียนมีรักในวัยเรียนอีก

หัวหน้าฮะ แน่ใจเหรอฮะว่ามันคือความอ่อยโยน

หาเรื่องให้โรงเรียนชัดๆ

ขอกุมขมับ!

บางทีคงมีแค่ชายหนุ่มที่เข้าใจเจตนาของป๋อจิ่ว

การพูดคุยที่เกิดขึ้นสามารถขจัดอันตรายที่จะปะทุขึ้นได้ชั่วคราว ตามหลักจิตวิทยา นี่เป็นเวลาทองแห่งการรักษาทางจิต ชนิดเกิดปัญหาปุ๊บก็คุยกันปั๊บ

……………………………………………………..

ตอนที่ 1672-2

แน่ล่ะ ยังคงมีคนประเภทนั้นในกลุ่มนักเรียนพวกนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าพฤติกรรมที่ว่าคือการทำร้ายคน แต่พวกเขาคิดว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลยดูจากสีหน้าก็พอรู้

คิงสามารถหนีไปได้อย่างสบายใจก็เพราะได้เวลาที่เหมาะสม ขอแค่กระตุ้นเล็กน้อย บางสิ่งในจิตใจก็จะแตกหน่องอกราก แล้วใช้คำสั่งที่แฝงทางจิตก่อการยึดตัวประกันไว้

พวกเขาต้องรู้ให้ได้ว่า ตัวกระตุ้นคืออะไร

หากไม่แก้ไขตรงนี้ สิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้ก็เท่ากับเปล่าประโยชน์ ด้วยยังมีนักเรียนอีกหลายคนในโรงเรียน ต่อให้มีเพียงหนึ่งคนในสิบที่ถูกฝังคำสั่งทางจิต แต่ผลที่เกิดขึ้นย่อมน่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งนักเรียนของที่นี่กว่า 70% เปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว

ชายหนุ่มเดาไม่ผิด คิงวางแผนไว้เช่นนั้นจริงๆ

เพียงแต่ชายคนนั้นไม่คิดว่า สถานะที่แท้จริงของตนจะถูกเด็กม.ปลายคนหนึ่งเปิดโปงขึ้นมาก่อน ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนไปทันเวลา เขาอาจจะตายด้วยเงื้อมมือของอีกฝ่าย เวลานี้คิงนั่งอยู่ในรถออฟโรด หรี่ตาลง สไลด์หน้าจอมือถือ ความเจ็บปวดบนขาทำให้เขาหัวเราะราวกับลิ้มรสกับความรู้สึกดังกล่าว “ถ้าเธอต้องตายในโรงเรียนนั่น ฉินมั่วก็คงไม่เป็นฉินมั่วในรูปแบบนี้ น่าเสียดายที่ฉลาดเหลือเกิน แต่ต้องทิ้งชีวิตไว้ตรงนั้น”

คิงคิดเช่นนั้นเพราะไม่รู้ว่าหลีจิ่นถูกจับแล้ว แต่ในสายตาของเขา หากหมากพวกนี้ต้องถูกจับ ก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะกุญแจที่กระตุ้นคำสั่งทางจิต ไม่ได้อยู่ในมือพวกมัน

อะไรที่ควรเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีใครรู้ทัน และไม่มีใครที่หยุดยั้งได้ นอกจากฉินมั่วจะลงมือเอง แต่ มันสายไปเสียแล้ว เขาชอบความรู้สึกนี้จริงๆ

ท้องฟ้ามืดมิด เพิ่งจะผ่านเวลารุ่งสางไป อีกไม่กี่ชั่วโมงท้องฟ้าก็จะสว่าง คิงเอนหลัง ใบหน้าสุภาพถูกความมืดทาบทับ

ในห้องสอบสวนพิเศษ ดวงไฟดวงโตเปิดสว่างจนแยงตา

หลีจิ่นมองดูป๋อจิ่วที่นั่งตรงข้ามกับตัวเองด้วยแววตาสั่นไหว ก่อนจะเอ่ยปาก “ทำได้ยังไง?”

ป๋อจิ่วเลิกคิ้วเล็กน้อย “อะไร?”

“นายน่าจะแตะต้องของที่อยู่ในบ้านฉัน แล้วทำยังไงถึงทำให้มันอยู่ในสภาพเดิมได้?” ใบหน้าของหลีจิ่นขาวเผือดแบบได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ “ไม่สิ ต้องบอกว่าแม่ฉันยอมให้นายเข้าไปบ้านได้ยังไง แถมให้อยู่ตั้งนานด้วย นายทำได้ยังไง?”

ป๋อจิ่ววางแฟ้มในมือลง เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว หลี่จิ่นกลับสนใจแค่ปัญหาพวกนี้ คิงเลือกคนเก่งจริงๆ แถมยังได้คนฉลาดอีกด้วย

“ง่ายๆ เพราะพอมีคนนอก พ่อเลี้ยงนายก็จะไม่ลงมือลงไม้กับแม่นายไง”

คำตอบของป๋อจิ่วทำให้สีหน้าของหลีจิ่นเปลี่ยนไป มือที่กำแก้วน้ำก็เพิ่งแรงบีบมากขึ้น คนที่เฝ้ามองอยู่นอกห้องสอบสวนเห็นแล้วถึงกับแปลกใจ

พวกเขาสอบสวนหลีจิ่นมาถึงเจ็ดชั่วโมง ถามทุกคำถามก็แล้ว ที่ต้องพูดก็พูดแล้ว แต่หลีจิ่นกลับอารมณ์นิ่งไม่เปลี่ยนสักนิด ถามอะไรก็ตอบว่าไม่รู้อย่างเดียว

เวลาสอบสวน พวกเขากลัวที่สุดก็คือการได้เจอผู้ร้ายแบบนี้ ถามอะไรที่มีค่าไม่ได้สักอย่าง แถมดันเป็นเด็กเสียด้วย แต่เด็กแบบนี้กลับทำให้คนหายใจแทบไม่คล่อง พวกเขาหมดปัญญาแล้ว ไม่คิดว่าพอเจ้าเด็กหล่อมาถึง แค่พูดแค่นิดเดียว เจ้านั่นก็เปลี่ยนสีหน้าทันที ซึ่งมันก็ดีต่อการสอบสวนแหละ อย่างน้อยการต่อต้านก็สามารถปล่อยข้อมูลออกมาได้เช่นกัน

หลีจิ่นจ้องป๋อจิ่ว จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา เงยหน้าตะโกนขึ้น “ผมจะบอกเรื่องที่พวกคุณอยากรู้ก็ได้ แต่ต้องปล่อยผมก่อน ผมถึงจะพูด”

……………………………………………………..

ตอนที่ 1673-1

คนในสถานีตำรวจได้ยินแล้ว ต่างสบตากัน มันถือเป็นเงื่อนไขที่เสียเปรียบมาก แต่ถึงเสียเปรียบอย่างไร พวกเขาก็ปฏิเสธตรงๆ ไม่ได้เพราะเด็กนั่นกุมข้อมูลความเป็นความตายของทั้งโรงเรียนไว้ในมือ

เรื่องแบบนี้อย่าว่าแต่ในเมืองเล็กๆ ติดชายแดนแห่งนี้เลย หากว่ากันระดับประเทศก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เสียยิ่งกว่าใหญ่ ซึ่งหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา พวกเขาย่อมรับผิดชอบไม่ไหวกันทั้งนั้น

เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ตรงหน้า จึงทำได้แต่เปิดประชุมด่วน

“หน่วยสืบสวนอาชญากรรมหาหลักฐานมาได้จำนวนหนึ่ง หลีจิ่นอาจกุมข้อมูลที่สำคัญอยู่ ถ้าไม่รับปากเขา ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์เมื่อสามปีที่แล้วซ้ำรอยอีก ความเสียหายก็ยากจะประเมินได้”

“แต่ถ้ารับปากเขาก็เท่ากลับปล่อยเสือเข้าป่านะครับ”

“หาคนติดตามเขาไปได้ไหม”

“ไม่ใช่ว่าฝ่ายสอบสวนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ แต่หลีจิ่นร้ายนะ กลัวว่าตอนนี้ก็ยังมีแผนซ่อนไว้อีก ที่เขาบอกว่าให้ปล่อยเขาไป ต้องไม่ธรรมดาแน่ เด็กคนนี้ฉลาดมาก เขาเรียกร้องให้เราส่งเขาออกชายแดนก่อน แล้วเขาจะส่งข้อความมาบอกพวกเราว่าคำสั่งทางจิตที่คิงแฝงไว้คืออะไร”

“หมายความว่าพอเขาไปแล้ว เราก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะได้ข้อมูลจากเขาจริงๆ หรือเปล่า”

“ใช่”

คนที่นั่งตรงกลางนวดหัวคิ้ว “ยกมือโหวตละกัน ดูซิว่าเสียงที่อยากให้ปล่อยกับไม่อยากให้ปล่อย เสียงไหนจะเยอะกว่ากัน” แต่ไม่มีใครขยับ เพราะไม่มีใครกล้าตัดสินใจ ด้วยไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ดูจะไม่ถูกต้องทั้งนั้น

เวลาผ่านไปนานขึ้นเรื่อยๆ  หากเทียบกับตอนที่เพิ่งจับตัวมาได้ หลีจิ่นเพิ่งยิ้มออก ยิ้มที่อยู่บนใบหน้าไร้สีเลือด ทำให้คนเห็นแล้วไม่สบายใจ ยิ่งเป็นแบบนี้ ผู้คนยิ่งกังวลใจ เพราะพวกเขาไม่มั่นใจแล้วว่า ในโรงเรียนแห่งนั้นจะมีนักเรียนแบบหลีจิ่นอยู่กี่คน

พวกเขาค้นหาไม่เจอ ด้วยมีนักเรียนเยอะมาก อาจบอกได้ว่า… เด็กเหล่านั้นมีสีหน้าท่าทางปกติ แต่หัวใจกลับเป็นอีกแบบ

เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกหมดแรง ความรู้สึกหมดแรงที่พูดไม่ออก

ตำรวจฝ่ายสืบสวนท่านหนึ่งพิงผนังด้วยความเหนื่อยล้ามาก เอียงศีรษะจุดบุหรี่ ถามคนข้างๆ “ทำไมเด็กพวกนั้นถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”

“คงเพราะสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน รีบไปกินอะไรสักหน่อยเถอะ อีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็จะสว่างแล้ว ฉันจะเฝ้าเอง” ตำรวจส่งคนเข้าไปตรวจสอบภายในโรงเรียนแล้ว เพื่อจะได้ป้องกันเหตุฉุกเฉิน

หลีจิ่นกลับไม่แคร์ต่อสิ่งใด ทั้งยังยิ้มออกมาได้อีก “อาจารย์บอกว่า เวลาพวกคุณสืบสวนคดี ชอบใช้วิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น แต่ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่ว่าพวกคุณจะวางแผนยังไงก็เอาชนะอาจารย์ไม่ได้หรอก ถ้าไม่อยากเห็นการฆ่าตัวตายหมู่ก็ทำตามที่ผมบอกเถอะ แล้วจะปลอดภัย ปล่อยผมไป แล้วผมจะให้ข้อมูลพวกคุณ”

ถึงอยู่ในห้องประชุมก็ยังได้ยินเสียงของเขา ทุกคนต่างหน้าถอดสี ร้อนอกร้อนใจว่าควรจะทำอย่างไรดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่รู้ว่าใครเอาข่าวไปปล่อยในโลกออนไลน์ ระบุว่าพวกเขากำลังหาทางช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาด้านจิตใจ ถึงกับยอมปล่อยคนร้ายออกมา

……………………………………………..

1671-1 vs 1671-2

ตอนที่ 1671-1

ป๋อจิ่วพกหูฟังบลูทูธมาด้วย หยิบเอาอุปกรณ์ที่เตรียมไว้แต่แรกมาใช้ เธอค้นหาตำแหน่งของหลีจิ่นทันที  แต่พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง แสดงว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในบ้าน

เครื่องดักฟังที่เธอแอบติดตั้งไว้ที่คอมพิวเตอร์ของเขาก็ไม่ส่งสัญญาณใดใด แสดงว่าคิงยังไม่ติดต่อหุ่นเชิดของมัน? หรือข้อสันนิษฐานของเธอผิดพลาด?

ป๋อจิ่วหลับตาลง สมองของเธอคิดเพียงปฏิทินที่เห็นในบ้านของหลีจิ่น

วงกลมสีแดงบนนั้น

ไม่ เธอไม่ได้ตั้งข้อสันนิษฐานผิด จะต้องมีอะไรที่เธอหลุดไป มันคืออะไรกันนะ?

ป๋อจิ่วกำโทรศัพท์ในอุ้งมือแน่น เวลานี้สถานะของเธอถูกเปิดเผยแล้ว การจะแอบแฝงต่อไปย่อมไร้ประโยชน์ เธอเปิดข้อมูลในกรุ๊ปแชทออกดู นัยน์ตาเธอเป็นประกายแวบ

อาจารย์คนหนึ่งเดินเข้ามาถามว่าเธอเป็นนักเรียนห้องไหน ทำไมยังไม่เข้าไปศึกษาด้วยตัวเองในห้องเรียนอีก

ป๋อจิ่วยันมือข้างหนึ่งที่รั้ว กระโดดข้ามสนามกีฬาเอาดื้อๆ แสตนนั่นสูงถึงหนึ่งเมตร เธอกระโดดจนชายเสื้อลอยส่งเสียงสะบัดอย่างเท่

อาจารย์ “…”

ป๋อจิ่วไม่หันกลับไปมอง เธอวิ่งเข้าห้องเรียนด้วยความเร็วสูงสุด เวลานี้ ทุกคนต่างได้รับข้อความจากหลีจิ่นกันแล้ว เมื่อรู้ว่านักเรียนใหม่ถูกเลือกให้เป็นโจ๊กเกอร์คนใหม่  บ้างก็ประหลาดใจ บ้างก็หน้านิ่ว บ้างก็ไม่อยากจะเข้าร่วม บ้างก็ตื่นเต้นยินดี แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ก็ล้วนต้องทำตามกฎที่ตั้งไว้

ผู้ชายห่ามๆ ส่วนหนึ่งดีใจมากที่สุด เพราะไอ้หมอนี้มันหน้าตาหยิ่งแถมยังหล่ออีกด้วย เมื่อมีโอกาสทำให้มันทรมาน มีหรือที่จะไม่ดีใจจนเนื้อเต้น เจ้านั่นจะได้รู้ธรรมเนียมของโรงเรียนพวกเขาเสียที

ในขณะแต่ละคนกำลังคิดว่าจะรังแกป๋อจิ่วอย่างไร เมื่อป๋อจิ่วก็เดินเข้า พวกนั้นรุมจ้องเธอ หนึ่งในนั้นยื่นขาออกมาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง อยากจะให้ป๋อจิ่มล้มคะมำ

กลับต่างคาดไม่ถึงว่า ป๋อจิ่วแค่ยกขายันเก้าอี้ตัวที่มันนั่ง จนทำให้ทั้งคนและเก้าอี้ล้มไปกองกับพื้น จนเกิดเสียงดัง “โครม!” ทุกคนตาโตด้วยความตกตะลึง ผู้หญิงคนหนึ่งฉวยโอกาสสาดน้ำใส่ป๋อจิ่ว ก็ถูกฝ่ายหลังอัดร่างไว้บนโต๊ะ

ห้วงเวลานั้น เงียบกริบทั่วห้อง

ทุกคนมองดูภาพตรงหน้า น้ำเกาะบนผมสีดำของป๋อจิ่วที่ไหลเป็นหยดลงมาตามแนวคาง แต่ในตอนนี้เธอกลับหักข้อมือของไอ้คนที่ถือไม้เบสบอลที่ลอบกัดเธอไว้ แล้วถีบเปรี้ยงเข้าให้ จนมันกระเด็นไปนอนกองบนพื้น  และไม้เบสบอลนั่นก็มาอยู่ในมือเธอในที่สุด

ป๋อจิ่วเองไม่คิดจะเก็บอาการ เหวี่ยงไม้จนเกิดเสียงแล้วชี้ไปยังทุกคนที่มองเธอ เอ่ยเสียงปกติ “ยังมีใครอยากหาเรื่องอีกไหม?”

ไม่มีใครกล้าขยับ กระทั่งไอ้พวกที่เคยโดนฝังคำสั่งทางจิตเมื่อปีนั้นที่อยู่ในห้องนี้ถึงห้าคน ยังไม่กล้าปรี่ออกไป

คนหนึ่งถูกเล่นงานจนทำอะไรไม่ได้แล้ว ที่เหลืออีกสี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เด็กหล่อคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงสู้เก่งจัง เพราะพวกเขาได้รับข้อมูลเพียงว่า เจ้านั่นเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น

 “ไม่มีใครอยากหาเรื่องแล้วใช่ไหม” ป๋อจิ่วหิ้วไม้เบสบอลไว้ มุมปากแยกยิ้ม “ฉันเองก็ไม่ค่อยชอบมีเรื่องกับใครเหมือนกัน”

เล่นเอาสามคนที่โดนซัดจนหมอบกับพื้นถึงกับ “…”

………………………………………….

ตอนที่ 1671-2

“ในเมื่อไม่อยากมีเรื่องแล้ว งั้นมาคุยกันสักหน่อย” ป๋อจิ่วยืนบนแสตนที่ใช้ยืนสอนหนังสือ เพราะด้านหลังเป็นกำแพงย่อมปลอดภัยกว่าเป็นคน “ได้ยินว่าพวกเธอมีคนเป็นคิงเหรอ?”

ไม่มีใครตอบ

ป๋อจิ่วควงไม้เบสบอล “พวกเธอคงมีความสุขสินะที่ถูกคนรังแก ถูกคนบงการ ถูกคนหล่อหลอมความคิดน่ะ พวกเธอมันโง่เง่าเป็นบ้าเลยว่ะ ต่อไปพอเข้าสังคมแล้ว อีพวกขายตรงคงชอบ เพราะหลอกง่ายสุด ๆ”

“นายพูดอะไร!” ผู้หญิงบางคนรับไม่ได้ที่มีคนว่าตัวเองแบบนี้ จึงเถียงหน้าแดงหูแดงไปหมด “คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”

ป๋อจิ่วตอบ “ไม่ได้เป็นใครอ่ะ ไม่ใช่พ่อแม่พวกเธอ แล้วก็ไม่ใช่อาจารย์พวกเธอด้วย ไม่ได้มีหน้าที่สั่งสอนให้พวกเธอเป็นคน ดีเหมือนกันนะ เวลาที่ฉันอยากอัดพวกเธอก็ทำได้เลย หึ เยี่ยม”

เด็กสาวคนนั้นถึงกับพูดไม่ออกอยู่นาน คนข้างๆ ยืนขึ้น เป็นหัวหน้าห้องนั่นเอง “เป็นถึงผู้ชายกลับมารังแกผู้หญิง”

ป๋อจิ่วหัวเราะเบาๆ “สำหรับฉันแล้ว ไอ้พวกรกโลกไม่เคยจำกัดเพศว่ะ”

“ในเมื่อไม่ชอบห้องพวกเรา ก็ใสหัวไปสิ” หัวหน้าห้องขยับแว่น หัวเราะหยัน

ป๋อจิ่วเงยหน้ามองดูนาฬิกาที่แขวนในห้อง “น่าจะเป็นนายมากกว่าที่ต้องไปก่อน”

“หมายความว่า…” ยังไง ไม่ทันพูดจบ ประตูหลังห้องก็ถูกถีบจนเปิดออก คนที่เข้ามาเป็นทหารพิเศษที่ปิดหน้าไว้

หัวหน้าห้องเห็นแล้ว กะจะคว้าใครสักคนมาเป็นตัวประกัน แต่ทหารพิเศษย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้ รวมถึงเจ้าสี่คนนั่น ล้วนถูกป๋อจิ่วชี้ตัวพลางเอ่ยสั้นๆ “เอาตัวไป”

ไม่ผิดหรอก สิ่งที่ป๋อจิ่วกระทำลงไปเมื่อครู่เป็นแค่การถ่วงเวลา ทั้งยังเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าห้าคนนั่นไม่ให้ทำอะไร

ในเวลาเดียวกัน คนที่ถูกกุมตัวไว้ยังมีหลีจิ่นและหลิวเจียหนิงอีกด้วย ส่วนคนอื่นๆ แตะต้องยาก

แม้จะรู้ว่ามีคนในนี้ที่ทำการบูลลี่เพื่อนๆ ในโรงเรียน แต่หากไม่มีเหยื่อออกมาร้องเรียน เรื่องชาวบ้านแบบนี้ย่อมจัดการยาก

การจู่โจมครั้งนี้ทำได้อย่างรวดเร็ว  นักเรียนคนอื่นๆ ยังไม่ทันได้ไหวตัว ทุกอย่างก็จบลง

 “คิงของพวกเธอก็จะหายตัวไปเหมือนกัน” ป๋อจิ่วยังยืนที่แสตนไม่ไปไหน พิงไม้เบสบอลนิดๆ สองตาเป็นประกายแวบ “ฉันขอถามพวกเธออีกครั้งหนึ่ง พวกเธอชอบอยู่รวมกันให้คนอื่นหลอกใช้ใช่ไหม?”

ผู้หญิงด้านหลังคนหนึ่งกำมือแน่น “ถือดียังไงมาหาว่าคิงหลอกใช้พวกเรา!”

“เพราะทุกเรื่องที่พวกเธอทำลงไปมันทำร้ายคนอื่นทั้งสิ้น คนดีๆ ที่ไหนจะให้พวกเธอทำแบบนี้?” ป๋อจิ่วเงยหน้ามองด้วยแววตาบาดกล้า “คนเราย่อมเห็นแก่ตัว นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่โปรดอย่าโง่เง่าอย่างนี้ เธอเป็นนักเรียนนะ นักเรียนควรต้องทำอะไร ไม่เข้าใจหรือไง? อ่านหนังสือให้มันเยอะๆ อย่างน้อยก็ต้องฉลาดขี้นมาบ้าง พ่อแม่เธอจ่ายเงินให้เธอมาเรียนหนังสือนะ แล้วเธอเอามาอวดร่ำอวดรวยหรือรังแกคนอื่นเหรอ? แล้วเธอรู้ไหมว่า พ่อแม่เธอเป็นห่วงเรื่องอะไรมากที่สุด พวกเขากลัวว่าเธอมีเงินไม่พอใช้ในโรงเรียน เงยหน้าสู้เพื่อนไม่ได้ กลัวว่าเธอจะถูกเพื่อนรังแก กับอีแค่อยากได้รับความสนใจ ก็ทำตัวต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างเนอะ มโนธรรมน่ะโยนให้หมากินหมดยังไม่เท่าไร นี่มีหน้าคิดว่าตัวเองฉลาดล้ำเลิศอีก ถ้าฉลาดจริงก็ตั้งใจเรียน ทำให้ตัวเองเก่งกว่านี้สิ คบหาเพื่อนที่จริงใจในโรงเรียน ว่างก็เล่นเกมเป็นเพื่อนพ่อแม่สิ มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำตั้งหลายอย่างกลับไม่เอา ดันมาสุมหัวสร้างอากาศเป็นพิษ คิงของพวกเธอไม่ได้บอกรึไง มีแต่ไอ้หนูสกปรกที่ชอบซุกๆ ซ่อนๆ น่ะที่ชอบทำตัวแบบนี้?

 “แก แก๊!” นักเรียนหญิงคนนั้นถึงกับไหล่สั่นเทิ้ม

ป๋อจิ่วกลับขัดจังหวะเธอด้วยสีหน้าปกติ “เธอพูดสู้ฉันไม่ได้หรอก”

นักเรียนหญิง “…”

………………………………………….

1670-2 vs 1670-3

ตอนที่ 1670-2

ป๋อจิ่วเดินเร็วมาก ฝนยังคงตกเปาะแปะลงบนชุดนักเรียนของเธอ แต่เธอเหมือนจะไม่รู้สึกอะไร เส้นผมสั้นเซอร์เปื้อนหยดน้ำ ทำให้นักเรียนที่เดินแถวนั้นหันมามองอย่างอดไม่ได้ เพราะนักเรียนที่ย้ายมาใหม่ช่างหล่อเหลือเกิน ทั้งนี้พวกเธอรู้สึกคุ้นหน้ามาก แต่กลับคิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ป๋อจิ่วเองก็ไม่หยุดเดิน เธอพลิกมือสะบัดมีดทหารแล้วซ่อนในแขนเสื้อนักเรียน

เมื่อมาถึงด้านนอกห้องพยาบาล เธอจึงลดความเร็วลง

เธออยู่กับท่านเทพมานานจึงเข้าใจดีว่า นักจิตวิทยาหลายๆ คน ไม่เพียงแต่จะเดาสภาพจิตใจของเราผ่านสีหน้าท่าทาง ยังพวกเขายังวิเคราะห์เราได้จากลมหายใจเราด้วย

ป๋อจิ่วหยุดอยู่ข้างนอกถึงสามวินาที ก่อนจะเดินเข้าไป

เวลาอย่างนี้ ในห้องพยาบาลไม่ค่อยมีคน โดยเฉพาะเวลาฟ้าครึ้มฝนตกเช่นนี้ เว้นแต่หมอประจำโรงเรียนที่ต้องอยู่เวรแล้ว ก็ไม่มีเหลือใครอีก

ทว่าวันนี้ออกจะหนาวเป็นพิเศษ นอกจากจะมีเพียงเตียงผู้ป่วย ยังเหลือปากกาที่วางไว้บนโต๊ะอีกด้วย แต่เจ้าของมันไปไหนแล้วก็ไม่รู้

ป๋อจิ่วเดินเบาๆ เบี่ยงตัวแนบหลังให้ติดกำแพง ก่อนจะเอนไปเลิกม่านประตู จึงพบว่าไม่มีคนอยู่ในห้องพักผ่อน เธอเดินไปมาอยู่สองรอบ ก่อนจะกลับไปยืนที่เดิม กำลังจะหยิบตารางที่วางไว้บนโต๊ะมาดู

เสียงกลั้วยิ้มก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “นักเรียนจากห้องไหนเนี่ย มาที่ทำไมในเวลาอย่างนี้? ไม่สบายที่ตรงไหนเหรอ?”

ป๋อจิ่วถึงกับชะงัก หันหลังตอบ “ปวดหัวฮะ น่าจะเป็นหวัด”

“เรานี่เอง?” ชายคนดังกล่าวพูดพลางนั่งบนเก้าอี้  หยิบปรอทวัดไข้ออกมา “ท่าทางเดือนโรงเรียนคนใหม่ของเราจะอ่อนแอไปหน่อย ไหน มาวัดอุณหภูมิหน่อยซิ”

ป๋อจิ่วมองดูใบหน้าสุภาพของอีกฝ่าย แล้วรับปรอทมาอมในปากอย่างเป็นธรรมชาติ เดี๋ยวนี่ปรอทวัดไข้พัฒนาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไม่ต้องหนีบไว้ที่รักแร้หรอก ซึ่งมันก็เป็นการปกปิดสถานะของป๋อจิ่วไปในตัว

“ทำไมถึงเป็นหวัดได้ล่ะ? ไปตากลมหรือไง” ชายคนดังกล่าวเปิดมือถือ ซึ่งมีข้อมูลของเด็กคนนี้ปรากฏขึ้นมา

เด็กนี่เป็นสมาชิกทีมไดมอนด์?

เขาถึงกับนิ้วเกร็งทื่อ จากนั้นจึงยิ้มขึ้นมา เมื่อช้อนสายตามองขึ้น มุมปากที่แยกยิ้มก็เปลี่ยนไป

นี่หรือคือคนที่ฉินมั่วไม่ยอมปล่อยมือไปตามที่ฝานเจียพูดไว้? ต้องบอกว่าเจ้าเด็กนี่ซวยหรือว่าเขาโชคดีกันนะ ถึงสีผมจะไม่เหมือนกัน ใบหน้าต่างไปเล็กน้อย แต่คิงไม่ใช่คนดูอะไรผิวเผิน ดังนั้นจึงให้คนตรวจสอบ และคิดไม่ถึงว่าจะเจอเซอร์ไพรส์

ในเมื่อมาถึงที่นี่ ก็จงอย่าได้กลับไปเลย

คิงวางหูฟังในมือลง ก่อนจะยิ้มช้าๆ จากนั้นก็ยกนาฬิกาข้อมือมาดูเวลา “ได้เวลาแล้ว เอาปรอทคืนมาให้หมอเถอะ”

ป๋อจิ่วยื่นคืน เสี้ยวหน้าเธอดูใสเนียนเหลือเกิน ส่งผลให้คิงหัวเราะออกมา ปลอมตัวเก่งจริงๆ ถ้าไม่เพราะคุ้นหน้าคุ้นตามาบ้าง เล่นแต่งตัวแบบนี้อีก เขาย่อมต้องหลงเชื่อแน่ เป็นเด็กผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายได้เนียนมาก เก่งจริง ๆ

น่าเสียดาย ที่เจ้าหล่อนได้มาเจอกับเขา

…………………………………..

ตอนที่ 1670-3

คิงมองดูปรอทในมือแวบหนึ่ง เอายด้วยเสียงนุ่มอ่อนโยน ทำให้คนแทบไม่ระวังตัว “ไข้ขึ้นนิดหนึ่งนะ 37.9 กินยาก่อน เดี๋ยวจะไปปรุงยามาให้”

37.9 เหรอ? ป๋อจิ่วดึงมีดออกมาอย่างไม่กระโตกกระตาก โกหกร้ายจริง ๆ

“ขอบคุณฮะ อาจารย์” ป๋อจิ่วนั่งตรงนั้นเอาเสียเลย

คิงหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไร” ยาแก้หวัดมีส่วนผสมของยานอนหลับด้วย เมื่อเธอกิน ก็จะง่ายต่อการฝังคำสั่งทางจิต

ในเมื่อเป็นถึงยอดดวงใจของฉินมั่ว ย่อมต้องปฏิบัติต่อเธอไม่เหมือนคนอื่น หากถูกคนรักหักหลัง ต้องทำให้เขาเจ็บปวดมากกว่าการที่จะทำร้ายตัวเขาตรงๆ เสียอีก

คิงเขย่าแก้วในมือ หลุบตาลงพลางยื่นให้อีกฝ่าย

กินเข้าไป กินเข้าไปสิ แล้วเธอจะได้กลายเป็นหุ่นเชิดให้กับฉันเต็มตัว เพราะฝานเจียยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของป๋อจิ่ว ดังนั้นในสายตาของคิง เธอจึงเป็นแค่เด็กน้อยที่ไม่เจียมกำลังตัวเอง ขอแค่ใช้แผนทั่วๆ ไปกับเธอก็พอ

ใครจะคิดล่ะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้จะอยู่นอกเหนือจากการคาดคะเนของเขา ระหว่างที่สาวน้อยรับแก้วยาจากเขาไป ก็พลิกมือสาดยาในดวงตาของเขา

แค่ชั่วพริบตาเดียว ป๋อจิ่วก็ถลันตัวจ่อมีดทหารประชิดที่คอหอยของคิง

พอรับรู้ถึงความเจ็บปวด คิงก็หรี่ตาลง แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่กลับคืนสู่ปกติได้อย่างรวดเร็ว หัวเราะเบาๆ “เก่งนี่ เร็วใช้ได้เลย น่าจะสงสัยฉันตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม เมื่อกี้เธอจะไม่ได้แสดงอาการระแวงฉันออกมาเลย ถึงฉินมั่วจะง่อยแล้ว แต่ท่าทางยังคงมีความรู้ทางจิตวิทยาติดตัวอยู่ ขนาดคนข้างตัวเขายังฉลาดกว่าคนทั่วไป แต่คิดเหรอว่าอาศัยแค่ฝีมือเธอแล้วจะจับฉันได้? ฮ่าๆ ท่าทางฉินมั่วไม่ได้บอกเธอล่ะสิว่า อย่าปล่อยให้เปิดช่องว่างไว้ที่ด้านหลัง…”

หลังจากที่ได้ยิน ป๋อจิ่วหันกลับไปมองทันที จึงได้เห็นเก้าอี้กำลังจะฟาดลงบนศีรษะตน เธอจึงหมุนตัวอย่างรวดเร็ว กำมีดทหารด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นก็ตวัดขาเตะ

ผัวะ!

ฝ่ายคนถูกฟาดก็ล้มไปนอนกองบนพื้น เช่นเดียวกัน คิงใช้จังหวะนี้หนีออกห่างจากรัศมีป๋อจิ่ว

คนที่นอนกองบนพื้นเจ็บปวดจนตัวงอ แต่ยังคงร้องตะโกน “อาจารย์ รีบหนีเร็ว!” เด็กผู้หญิงที่เคยโดนรังแกนี่นา หลิวเจียหนิง

เธอคว้าข้อเท้าป๋อจิ่วเอาไว้ด้วยแววตาชิงชัง “พรุ่งนี้ฉันก็จะได้เป็นผู้นำแล้ว นายมันก็จะกลายเป็นโจ๊กเกอร์ รู้ไหมว่าการเป็นหัวหน้ามันสำคัญต่อฉันมากแค่ไหน ฉันเป็นคนที่คิงเลือกเอง กรุ๊ปนั่นฉันก็เป็นคนสร้งฃาง พวกที่เคยรังแกฉันจะต้องโดนเอาคืนอย่างสาสมตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป แต่ละคนต้องกลับมาศรัทธาฉัน สนใจฉัน! แต่แกกลับเป็นคนทำลายกฎนี้ แกมันสมควรตาย สมควรตาย!”

ป๋อจิ่วก้มหน้าสบตาอีกฝ่าย ยัยนี้ไม่เหลือความเป็นคนแล้ว มันเน่าเฟะเพราะความบ้าเปลือกนอก แล้วทำลายคนอื่นโดยอ้างความชอบของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอายุ ยัยบ้านี่เห็นแก่ตัวเหนือทุกสิ่ง

ป๋อจิ่วไม่พูดอะไร จิกอีกฝ่ายทันที ส่งยิ้มให้ด้วย “ฉันไม่เหมือนกับท่านเทพ เพราะฉันกล้าตบผู้หญิง”

เปรี้ยง! เสียงดังอีกฉาด

ป๋อจิ่วสลัดอีกฝ่าย แล้ววิ่งไปยังทางที่คิงหนีหายไปโดยไม่หันกลับมามอง แต่สายไปเสียแล้ว เมื่อเงยหน้ามอง รอบๆ ข้างก็ไม่เหลือแม้แต่เงา

คิงหายตัวไปแล้ว!

แต่คำสั่งที่แฝงไว้ทางจิตต่อพวกนักเรียนยังอยู่ นี่แหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะมันเป็นเสมือนระเบิดเวลาที่คุณไม่มีวันรู้ว่ามันจะระเบิดเมื่อไร…

…………………………………..

1669 vs 1670-1

ตอนที่ 1669

ไม่นาน มือถือของเขาก็ส่งเสียง “เด็กที่ย้ายเข้ามาใหม่? เก่งนี่ อยู่ในกลุ่มวีแชทแล้ว”

หลีจิ่นมองดูข้อความที่ตอบกลับ ก็พิมพ์คำสั้น ๆ “เหรอ?”

“คิงกลัวว่าเขาไม่ชอบมาพากลเหรอ?” พวกผู้หญิงในชั้นเรียนต่างนับถือหลีจิ่นเป็นคิง แค่พวกเธอไม่รู้ว่าคิงมีหน้าตาเป็นอย่างไร

หลีจิ่นมองดูคอมพิวเตอร์ของตัวเอง พิมพ์ช้าลง “ดูเหมือนเขาจะกระตือรือร้นอยู่นะ?”

“ก็ใช้ได้ เมื่อกี้อาจารย์ให้เอาข้อมูลไปให้หลีจิ่น เขาก็ไม่ว่าอะไร”

หลังจากที่เห็นชื่อตัวเองบนหน้าจอ มุมปากของหลีจิ่นแฝงความเย็นกระด้าง “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ให้เขากลายเป็นโจ๊กเกอร์ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นตันไปเถอะ”

เขาเกลียดที่คนอื่นเห็นเขาในสภาพทุเรศทุรังเป็นที่สุด เขาไม่ลืมหรอกตอนที่คนพวกนั้นมันแกล้งเขาหรอกว่า ความรู้สึกที่ถูกผลักศีรษะชนกำแพงมันเป็นอย่างไร

ต่อมา เขาจึงสังเกตเห็นว่าคนพวกนี้ชอบอยู่เป็นกลุ่ม ไม่เพียงแค่การเกาะติดกันเท่านั้น ยังจะหลับหูหลับตาทำตามคนอื่นอยู่ร่ำไป ขอแค่มีใครสักคนที่รังแกได้ พวกนั้นก็จะแห่แหนกันมาถล่ม

หลี่จิ่นจำได้ว่าตอนที่เขาบันทึกหลาย ๆ อย่างในมือถือแล้วมอบให้อาจารย์ อาจารยจึงเรียกผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายมาพบ

แต่เพราะพ่อของฝ่ายตรงข้ามเป็นข้าราชการตำแหน่งเล็ก ๆ ในตำบล พ่อเลี้ยงเขาจึงตบหน้าเข้าเปรี้ยง ส่วนแม่ก็เอาแต่พร่ำขอโทษอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ถูกพวกเพื่อน ๆ กระทืบหนักขึ้น พวกมันยังถอดกางเกงเขาจนเขาไม่ไปโรงเรียนอีก แต่ใช้อีกสถานะหนึ่งเข้าใกล้พวกมัน

พวกมันแต่ละคนอยากให้คนอื่นสนใจตัวเองทั้งนั้น งั้นเขาจะให้พวกมันสมใจอยาก

จากนั้นพวกมันแต่ละคนเริ่มชอบเปรียบเทียบ กลับขาวให้เป็นดำ โกหกตอแหลจนเป็นชีวิตประจำวัน ไม่ว่าฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร ก็ใส่ชุดแบรนด์ดัง ขอแค่ชอบใคร คน ๆ นั้นต้องเป็นของตัวเอง คนอื่นมาเอาคืนก็หาว่าเขาใจแคบ ถือว่าการไม่มีศีลธรรมเป็นเกียรติยศที่น่าภูมิใจ

คนแบบนี้ หลอกใช้ง่ายจะตาย

จนถึงเวลานี้ หลีจิ่นกุมจิตใจของพวกมันไว้ในอุ้งมือได้แล้ว ถึงได้มีคำว่าโจ๊กเกอร์อย่างไรล่ะ

ใครที่กลายเป็นโจ๊กเกอร์ จะต้องถูกคนทั้งห้องรังเกียจ

คนที่หลีจิ่นเลือกในตอนแรก ๆ ล้วนแต่ถูกใจพวกนั้นกันหมด พวกมันเหม็นขี้หน้าคนคนนั้นจนอยากจัดการมาตั้งนานแล้ว แต่กลับติดที่สถานะของมัน เขาเลยส่งไพ่โจ๊กเกอร์ให้

แต่ละคนต่างหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองกลายเป็นโจ๊กเกอร์ แต่ไม่คิดจะออกจากกลุ่ม เพราะเสพติดกับความเป็นพรรคเป็นพวก

ครั้งนี้ที่เลือกเด็กใหม่ก็มาจากการตัดสินใจกะทันหัน

แม้ว่าตัวเขาจะไม่มีปัญหา ของในห้องของตนก็ไม่เคยมีใครมาแตะต้อง แต่เขาก็ยังเกลียดที่มีคนโผล่ออกมาทำลายสิ่งค้ำจุนที่มีมานาน

ป๋อจิ่วเดาออกว่าตัวเองโดนเล็งเข้าให้แล้ว จะว่าไป หลีจิ่นก็เยือกเย็นมาก เธอเดินหน้าต่ออย่างไม่ตื่นตูม แค่ถูกเล็ง ไม่ได้ถูกเปิดเผยสักหน่อย

ฝั่งของหลีจิ่นเองก็ไม่ได้สงสัยเธอสักหน่อย คนที่ทางตำรวจส่งมา ย่อมไม่คิดจะตรวจสอบเด็กมัธยมอยู่แล้ว ต่อให้ตรวจสอบ ก็คิดว่าเขาเป็นเพียงเหยื่อเท่านั้น ส่งผลให้หลีจิ่นมีเวลาพอที่จะทำอะไรบางอย่าง

ว่าแต่หลีจิ่นรู้จักคิงได้ยังไง? แล้วใช้วิธีไหนในการติดต่อสื่อสารกับฝ่ายนั้น

เรื่องนี้สำคัญมาก หากทั้งสองประเด็นถูกไขจนลุล่วง ก็จะสืบเจอว่าคิงเป็นใครกันแน่…

ป๋อจิ่วกำพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่ง หน้าหล่อ ๆ ของเธอหันไปนิดหน่อย ไล้นิ้วหนัก ๆ บนเรียวปาก อันเป็นความเคยชินประจำตัวในทุกครั้งที่ใช้ความคิด

ทันใดนั้น เธอก็หยุดมือ นึกถึงคำพูดของคุณน้าคนนั้น

……………………………………………

ตอนที่ 1670-1

 ‘น้ากับพ่อเขายุ่งมาก เลยไม่ค่อยได้ดูแลเขา ทำให้เขาโตช้ากว่าเด็กคนอื่น สุขภาพก็ไม่ดี เวลาเรียนก็ต้องไปห้องพยาบาลบ่อยๆ  วิ่งตอนเช้าก็วิ่งไม่ไหว น้ากลัวว่าเขาเก็บปัญหาไว้ในใจ อาจคิดสั้น’

ห้องพยาบาล ป๋อจิ่วนั่งตัวตรง วางมือข้างหนึ่งไว้บนคีย์บอร์ด แล้วรัวพิมพ์อย่างสวยงาม

เธอรู้สักทีว่า ทำไมคุณหมอที่ห้องพยาบาลนั่นเข้าใกล้เธอทีไร เธอเป็นต้องได้กลิ่นคุ้นจมูกจากตัวเขาอยู่เรื่อย เพราะมันเป็นกลิ่นยาที่ใช้สำหรับดองศพไงล่ะ เขาต้องไม่ใช่หมอธรรมดาๆ! ทุกอย่างมีคำอธิบายชัดเจนว่า ทำไมตอนที่คุยกัน เธอถึงได้อยากนอน เพราะคิงเก่งถนัดด้านการสะกดจิตคน แต่เป็นเพราะตอนนั้นเขาใช้เวลาสะกดจิตเธอนานมาก แถมยังถูกมาขัดจังหวะด้วย จึงล้มเหลวกลางคัน

อุตส่าห์ปลอมตัวเป็นคุณหมอประจำโรงเรียน เปลือกนอกเหมือนทำการตรวจรักษาให้กับนักเรียน

อันที่จริงคนเราก็เหมือนกันหมด เวลาที่ป่วยก็จะไม่ระวังตัว

ด้วยฝีมือของคิง การจะชี้นำทางจิตให้กับพวกเด็กนักเรียนถือเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ เขาน่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับสภาพของเด็กนักเรียนมากที่สุด จึงเลือกคนที่ฉลาดที่สุดมาคนหนึ่ง แล้วให้สร้างกรุ๊ปแชท ต่อจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไร แค่รอดูอยู่เด็กพวกนั้นค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปอยู่ด้านข้าง ดังนั้นป๋อจิ่วถึงได้รำคาญต่อการรวมกลุ่มล้างสมองอย่างไรล่ะ

คุณแยกแยะไม่ไหวหรอกว่า คนไหนบ้างที่ไม่ได้รับผลกระทบ

เวลาเป็นตัวสำคัญ บางทีตอนนี้เขาเป็นแบบหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ในกรุ๊ปนานเข้าก็จะกลายเป็นอีกแบบ แล้วค่อยๆ คุ้นกับการละเมิดสิทธิ์คนอื่น กลายเป็นเห่อกับของเปลือกนอก ใครก็ตามที่มากระทบต่อเปลือกนอกของพวกเขา ก็จะถูกกลับขาวให้เป็นดำ และหลังจากที่ทุกคนเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้าย โรงเรียนนี้ก็หมดทางเยียวยา

คนที่ชั่วร้ายมาตั้งแต่รากฐาน เมื่อเข้าสู่สังคมแล้ว มันจะน่ากลัวขนาดไหน นี่แหละคือปริศนาที่ไขไม่ได้

ป๋อจิ่วขับรถเร็วมาก ผู้คนที่อยู่ริมถนน ต่างมองดูรถแลมโบกินี่ปราดเปรียวคันดำแล่นเป็นเส้นตรงเข้าสู่โรงเรียน

ยามถึงกับอึ้ง เพราะขับเร็วขนาดนี้ เขาห้ามไม่ทันหรอกนะ

ป๋อจิ่วเดินเข้ามาพลางกดปุ่มหูฟังบลูกทูธ “ฉันหาคิงเจอแล้ว”

“คิงเหรอ?” คุณชายถังที่อยู่ปลายสายถึงกับชะงักเท้า เขาฉลาดมาก “เขาอยู่ในโรงเรียนเหรอ?”

ป๋อจิ่วตอบรับ “คุณคิดไม่ถึงชัวร์ว่าเขาจะปลอมตัวเป็นหมอประจำโรงเรียน”

“คิดไม่ถึงจริงๆ ด้วยแหละ มิน่าล่ะ ผมอุตส่าห์ตรวจประวัติอาจารย์ทั้งหมดแล้วยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติ” คุณชายถังพูดจบก็เอ่ยต่อ “คุณอย่าทำอะไรคนเดียวนะ รอให้หน่วยสนับสนุนเข้าไปก่อนค่อย…”

ตู๊ดๆๆ ป๋อจิ่วตัดสายเขาเรียบร้อยแล้ว

ชายหนุ่มนวดหน้าผาก รีบติดต่อสายที่ให้แฝงตัวอยู่แถวนั้นทันที

ในโรงเรียนมีคนเยอะมาก หากประกาศไปว่ามีบุคคลอันตรายอยู่ รับรองว่าต้องอลหม่านแน่ ถึงเวลานั้นควบคุมไว้ไม่อยู่ อาจเกิดปัญหาขึ้นได้

คิงอันตรายที่สุดก็ตรงที่ เขาถนัดด้านการฝังคำสั่งทางจิต

ระหว่างที่คุณยังไม่รู้ตัว เขาอาจวางแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่ามีกี่คนในโรงเรียนที่ถูกเขาบงการ ซึ่งมันยากที่จะแยกแยะออกมา

หากทำอะไรเอิกเกริกไป อีกฝ่ายจะรู้ทันได้ง่าย ถึงเวลานั้นนักเรียนทั้งโรงเรียนจะกลายเป็นตัวประกันของเขา ดังนั้นจะต้องหาตัวคิงออกมาให้ได้ชนิดที่ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น!

……………………………………………

1667-3 vs 1668-1 vs 1668-2

ตอนที่ 1667-3

“ฟ้องกระทั่งผัวแท้ๆ ของตัวเอง ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดยังไง”

“ก็แค่ผัวไปหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ข้างนอกเอง เด็กมันยั่ว ไปเอาเรื่องกับมันก็พอ ชีวิตเรายังต้อดำเนินต่อไป จะมาทะเลาะกับผัวตัวเองทำไม เป็นผู้หญิงต้องหัดฉลาดเสียบ้าง”

“โดนตบเล็กๆ น้อยจะเป็นไรไป ก็ตัวเองขี้เกียจทำมาหากินเองนี่ เชื่อเขาเลย”

ปกติแล้ว ผู้หญิงด้วยกันนี่แหละที่พูดแบบนี้ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือความรุนแรงในครอบครัวเป็นสิ่งที่เสพติดได้ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ผู้หญิงก็จะไม่อาจไปจากผู้ชายที่ทำร้ายเธอ นี่เป็นความรู้ทางด้านจิตวิทยา ภาพที่บรรยายออกมาดูจะน่ากลัว แต่มันก็เป็นเรื่องจริง

พวกชั่วๆ ชอบกระแทกแดกดันคนอื่น และกลับขาวให้เป็นดำนั่นแหละ ที่เป็นคนเพาะพันธุ์ชั่วตัวจริงเสียงจริง

ในบางด้าน โลกของเราก็ช่างยุติธรรม คุณเป็นคนอย่างไร ย่อมจะดึงดูดคนอย่างนั้นให้เข้ามาหา หากมีคนให้คุณอดทนต่อพวกที่ละเมิดหลักการพื้นฐาน ก็ให้พวกเขาไปอดทนเอาเอง  จริงอยู่ที่ความรักสวยงามมีอยู่จริง แต่คุณต้องคัดกรองออกมาให้ได้ก่อนว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดีของแท้

เมื่อเห็นสองคนนั้นปฏิบัติต่อกันแล้ว ป๋อจิ่วรู้ทันทีว่า คุณน้าไม่มีวันแยกทางกับสามีและไม่ยอมขอหย่าด้วย เพราะแววตาของคุณน้าที่มองสามี นอกจากจะแฝงความกลัวแล้ว ยังเจือปนความหวังอีกต่างหาก

ป๋อจิ่วคิดว่านี่แหละเป็นสาเหตุที่ทำให้สภาพจิตใจของหลีจิ่นมีปัญหา เพราะไม่มีลูกคนไหนอยากเห็นแม่ตัวเองโดนทำร้ายร่างกาย หากตอนเด็กๆ คุณอาจเจ็บใจโกรธแค้นตัวเองที่อ่อนแอ แต่ก็กลัว คุณกลัวจนไม่กล้าจะยื่นมือไปช่วยฉุดชะตาชีวิตแม่คุณให้ดีขึ้น คิดแต่จะถอยหนีอย่างเดียว รอจนเมื่อคุณโตขึ้น คุณก็จะระเบิดอารมณ์ต่ออดีตในวัยเด็กของตนว่า “ทำไมถึงไม่หย่า”

แต่กว่าจะถึงวันนั้น ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว เด็กที่ถูกเลี้ยงดูในครอบครัวที่บิดเบี้ยว มักจะอ่อนไหวง่าย ซึ่งแม้ว่าเงื่อนไขทางบ้านจะดีแค่ไหนก็หนีไม่พ้น

ป๋อจิ่วไม่กลัวพวกใช้ความรุนแรง เพราะฝีมือการต่อสู้ของเธอไม่เคยแพ้ใคร กังวลก็แต่หลีจิ่นที่เก็บทุกอย่างไว้ในใจ จะล้างมือเปื้อนเลือดได้อย่างนิ่งเงียบ แล้วหาเป้าหมายรายใหม่

หากเป็นเช่นนั้นจริง การมาเยือนของเธอในวันนี้ อาจทำให้เขาจับพิรุธได้

ป๋อจิ่วชะงัก เดิมคิดจะวางตารางที่หยิบออกมาดูไว้ข้างๆ  เธอจำต้องระวังตัวสักหน่อย ผู้ชายคนนี้ศึกษาด้านการวางโปรแกรม แล้วก็…จิตวิทยาด้วย

สองแขนงวิชาที่ว่าล้วนแต่สุดยอด โดยเฉพาะอย่างหลัง

เวลานี้แค่คิดถึงคำว่าจิตวิทยา หัวใจของเธอก็เต้นช้าลง จะให้คนอื่นจับสังเกตไม่ได้ว่าหนังสือสองเล่มนี้มีร่องรอยคนเปิดมาก่อน

ป๋อจิ่วหยิบออกมายังไง ก็ใส่กลับคืนไปอย่างนั้นด้วยวิถีมืออาชีพ เธอแค่อยากดูว่าในคอมพิวเตอร์นั่นมีเบาะแสอะไรบ้าง จึงเปิดเครื่องซีพียู แล้วบังเอิญเห็นวันที่บนปฏิทินซึ่งแขวนบนกำแพงที่ถูกวงกลมด้วยปากกาสีแดง ถึงกับย่นหัวคิ้ว

วันที่ 26?

ก็พรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?

………………………………………………

ตอนที่ 1668-1

ป๋อจิ่วขยับตัว กะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ทว่าเสียงบิดลูกบิดประตูพลันดังขึ้นแผ่วเบาจากด้านหลังของเธอ

ห้วงเวลานั้นป๋อจิ่วรีบปิดหน้าจอทันที จากนั้นละมือหนึ่งมาปิดเครื่องซีพียู ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์ไว้ แล้วพิงโต๊ะหนังสืออยู่อย่างนั้น

หลีจิ่นเข้ามาก็เห็นเธอในสภาพดังต่อไปนี้ ป๋อจิ่วก้มศีรษะเล็กน้อย ขยับนิ้วนิดๆ เส้นผมสีดำปรกลงมาปกคลุมนัยน์ตาเธอพอดี ทำให้ดูเท่เหลือเกิน ทั้งยังได้ยินเสียงเอฟเฟกต์เป็นระยะๆ

ที่แท้ก็เป็นเสียงเกมที่กำลังดังอยู่ในช่วงนี้

หลีจิ่นรู้ดีว่าคนรอบตัวเขาล้วนแต่เล่นเกมดังกล่าว เขาเงยหน้าขึ้นมองป๋อจิ่ว แล้วหันไปมองชั้นวางหนังสือตัวเอง ราวกับสำรวจว่ามีใครมารื้อค้นห้องตัวเองหรือเปล่า รวมถึงยังคอยดูว่าจะมีใครค้นพบตัวตนของเขาหรือไม่

หลีจิ่นมีหน้าตาสุภาพขาวสะอาดราวกับยังเติบโตไม่เต็มที่ เขาไม่สูงสักเท่าไร แต่คงเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงเห็นรอยคล้ำรอบดวงตา

แววตาของเขาขรึม แต่ไร้ชีวิตชีวา เหมือนเป็นเพราะมักนอนดึกและอาหารการกินไม่เพียงพอ ทั้งยังเงียบขรึมมากจนทำให้คุณรู้ทันทีว่าเขามักโดนคนรังแก

ป๋อจิ่วเสมือนหาเวลาเงยหน้าขึ้น งับอมยิ้มไว้ในปาก พอเห็นคนเข้ามาก็ยืดตัวอย่างไม่เหมือนคนระมัดระวังตัว “หลีจิ่น? เอ่อ คือข้างนอกฝนตกอ่ะ คุณน้าเลยให้ฉันมารอในนี้”

หลีจิ่นเงียบ แต่สำรวจความไม่เป็นธรรมชาติของอีกฝ่าย จากนั้นขนตาก็ปรกลงมา ทำให้เห็นอารมณ์เขาไม่ชัด

ป๋อจิ่วมองดูนอกหน้าต่าง “ฝนยังตกอยู่ใช่ป่ะ? ถ้าไม่ตกแล้ว ฉันจะได้กลับบ้าน”

“ยังตกอยู่” หลีจิ่นตอบ

ป๋อจิ่วหัวเราะ “งั้นฉันคงต้องหลบฝนในห้องนายแล้วล่ะ”

ผู้ชายคนนี้กำลังโกหก ไม่มีเสียงฝนแล้ว จะบอกว่ายังตกอยู่ได้ไง

ป๋อจิ่วเอนตัวเหมือนเดิมอย่างไม่กระโตกกระตาก เธอจิ้มหน้าจอมือถือ บังคับตัวละครในเกมพลางเอียงคอถาม “นายเล่นป่ะ? เรามาเล่นเปิดไมค์กันไหม?”

“ไม่” หลีจิ่นนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เหมือนไม่ใส่ใจ แต่จริงๆ แล้วกำลังตรวจสอบอยู่

ป๋อจิ่วเก็บทุกรายละเอียดไว้ในสายตา ทำตัวเหมือนพวกบ้าเกม ทั้งยังเปิดเสียงด้วย  “สู้ที่เลนบนแล้วถอยกลับ อย่าเดินอย่างนั้น อ้อมทาง…”

หลีจิ่นได้ยินเสียงที่ว่า ก็พับปิดปฏิทินที่แขวนบนกำแพง ก่อนจะหันไปหาป๋อจิ่ว ซึ่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นเกม จึงไม่พูดอะไร จนกระทั่งเสียงขว้างจานแตกดังขึ้นจากด้านล่าง

ป๋อจิ่วเงยหน้าพรวด ทำตัวเหมือนเป็นแขกธรรมดาๆ สาวเท้าไปยังหน้าประตู “เกิดอะไรขึ้นที่ห้องครัว”

หลีจิ่นยังคงเงียบดังเดิม ราวกับชินเสียแล้ว

ป๋อจิ่วยังสงสัยว่า เขาจะแสดงอารมณ์อื่นใดออกทางสีหน้าบ้างหรือเปล่า

ไม่มี  นอกจากยืนนิ่งๆ สีหน้าของเขาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดใด แม้ว่าเสียงนั่นจะดังขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม

เสียงทะเลาะเบาะแว้งดังเข้าหูอย่างชัดเจน “แค่ถือจานกับข้าวก็ถือดีๆ ไม่เป็นหรือไง? แกทำอะไรเป็นบ้า สวะเอ๊ย ยังเอาของแถมเข้าบ้านอีกด้วย”

“อย่าพูดอย่างนั้น ในบ้านมีแขก…” คุณน้าพูดเสียงเบา

สามีเธอสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หันหน้ามาเห็นป๋อจิ่วกับหลีจิ่นพอดี เขาจัดแจงคอเสื้อ คงเพราะไม่อยากขายหน้าต่อคนนอก จึงเดินขึ้นชั้นบนไปในสภาพกลิ่นเหล้าหึ่งเต็มตัว

ป๋อจิ่วคิดว่าตัวเองควรต้องกระอักกระอ่วน จึงยืนอึ้งอยู่กับที่ สมกับสถานะของแขก โดยเลิกเล่นเกมอีกด้วย

หลีจิ่นเดินตรงไปหาแม่ เอ่ยเสียงเรียบ “เขาตีแม่อีกแล้ว”

…………………………………..

ตอนที่ 1668-2

“เสียวจิ่นพูดเหลวไหลอะไรของลูก” คุณน้ามองลูกตัวเองแวบหนึ่ง ราวกับจะสื่อว่ามีแขกอยู่ด้วย “พ่อของลูกแค่อารมณ์ไม่ดี แถมไปดื่มมา ก็เลยเสียงดังไปหน่อย”

หลีจิ่นมองคนเป็นแม่ด้วยสีหน้ากระด้าง “เดือนหนึ่งต้องมียี่สิบสี่วันที่เขาเมาเหล้า หมายความว่าในยี่สิบสี่วันนี้ แม่ต้องโดนซ้อม”

คนเป็นแม่รีบพูด “เขาแค่ดื่มเหล้า แต่ถ้าไม่ดื่ม เขาก็…”

“เขาก็เป็นคนดีจริง ๆ” หลีจิ่นขัดจังหวะ “แค่ชอบด่าว่าแดกดันผมบนโต๊ะกินข้าว”

แม่รีบดึงแขนเสื้อลูก เพื่อห้ามไม่ให้พูด

ตอนที่

หลีจิ่นหลุบตาลงมองคนตรงหน้า “ขนาดนี้แล้วแม่ยังไม่หย่าอีกเหรอ?”

แม่ไม่พูด ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดเรื่องหย่า แต่เพราะกังวลหลายเรื่อง ยิ่งเวลาที่เขาไม่ดื่มก็จะดีต่อตัวเองมาก

“ท่าทางแม่คงชอบโดนซ้อม” หลีจิ่นพูดขึ้นด้วยสภาพหลากหลายอารมณ์ปรากฏในแววตา ทั้งชิงชัง เวทนา หวาดกลัว รับทนไม่ไหว รวมถึงความโหดที่ยากจะเห็นชัด

เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ประตูถูกปิด ในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงป๋อจิ่วและคุณน้า บรรยากาศนิ่งสนิท เศษจานแตกกระจายยังคงเละอยู่บนพื้น

“น้ามันใช้ไม่ได้จริงไหม” คุณน้าปิดหน้า คงเพราะไม่มีใครอยากให้ลูกเกลียดตัวเอง แต่เธอมองเห็นความไร้ค่าของตนเองจากสายตาของคนเป็นลูกได้ชัดแจ้ง

ป๋อจิ่วอยากบอกเหลือเกินว่า ไม่ใช่ใช้ไม่ได้หรอก แค่เห็นแก่ตัวแล้วก็อ่อนแอเท่านั้นเอง เห็นแก่ตัวตรงที่ไม่คิดจะหย่า กลัวว่าจะสูญเสียความเป็นอยู่ในเวลานี้ เพราะต้องการให้ผู้ชายอยู่ด้วย แต่เอาลูกมาอ้าง พวกที่ทำแบบนี้มักจะอ้างว่าเห็นแก่ลูกหรือว่าอ้างว่าเป็นเพราะรัก ซึ่งเหตุผลแบบนี้นี่แหละที่ทำร้ายคนอย่างรุนแรง เพราะจริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น นอกจากตัวเอง

แต่ละคนต่างมีวิธีจัดการไม่เหมือนกัน หากเธอเป็นหลีจิ่น ขอแค่ไอ้บ้านั่นลงมือ เธอจะอัดมันให้น่วม

ตอนเรียนประถม เราอาจจะไม่มีแรงสู้ ทว่านี่เรียนถึงมัธยมปลายแล้ว แววตากลับแฝงความกลัว กะอีกแค่ก้าวไปสู้ยังไม่กล้า แต่พอมาอยู่ต่อหน้าแม่ตัวเองกลับทำเป็นก๋า

ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวของหลีจิ่นขัดกันมาก ทั้งๆ ที่ดูอันตราย แต่กลับอ่อนแอไร้ความสามารถ

คงเพราะสภาพแวดล้อมที่บ่มเพาะมาเป็นเวลานาน

แต่ป๋อจิ่วกลับรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ คำพูดที่หลีจิ่นพูดออกมาเมื่อครู่ แสดงให้เห็นว่าคำตอบของคนเป็นแม่ส่งผลให้เขาตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่าง

เขาจะทำอะไรกันนะ?

ป๋อจิ่วหลุบตาลง

คุณน้าเห็นเธอไม่พูดอะไร ก็เช็ดน้ำตาพลางว่า “เมื่อกี้น้าพูดอะไรกับหนูไปนะ ขอโทษด้วย อุตส่าห์เอาหนังสือมาให้เสียวจิ่น แต่กลับต้องมาเห็นอะไรก็ไม่รู้”

ป๋อจิ่วรีบส่ายหน้าพลางละล่ำละลักว่าไม่เป็นไร แล้วเอ่ยย้ำ “ฝนข้างนอกหยุดตกแล้ว คุณน้าครับ ผมกลับก่อนนะครับ คุณน้าอย่าคิดมากเลย…”

อีกห้องหนึ่งที่คั้นกลางด้วยประตู

หลีจิ่นฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกด้วยแววตากระด้างขึ้นเรื่อยๆ ผมหน้าม้าดกหนาบดบังนัยน์ตาเขาไว้ ประกายแสงโผล่แวบๆ จากหางตาของเขา

วินาทีถัดมา เขาคว้ามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วพิมพ์ออกไป “เด็กใหม่เป็นคนยังไง?”

…………………………………………………

1666-3 vs 1667-1 vs 1667-2

ตอนที่ 1666-3

ภายในห้องพยาบาล  คุณหมอเห็นสายโทรเข้าก็กดดับแล้วยัดเข้ากระเป๋า เมื่อเดินผ่านห้องหนึ่งไป มุมปากของเขาก็ยกยิ้ม มองดูสายตำรวจที่แฝงเข้ามาแล้วดันกรอบแว่นบนหน้า

ต่อให้รู้ว่าห้องนี้มีปัญหาแล้วจะยังไง คนบางกลุ่มก็เป็นแบบนี้แหละ ในฐานะที่เป็นผู้สร้าง เขาก็แค่ดึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกนั้นออกมา รีบวางแผนเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อยดีกว่า จะได้กลับไปเจอกับคนทางโน้น ดูว่าเป็นใครกันแน่

ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ปล่อยให้เด็กคนนั้นไปทำ จะว่าไป เด็กนั่นก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งเรื่องหรือการชักจูงทางความคิด เด็กนั่นล้วนแต่ทำได้ไม่เลว พวกโง่ๆ ก็คิดแค่ว่าช่วงนี้โรงเรียนแห่งนี้กำลังเกิดปัญหาขึ้น ตลกเป็นบ้า!

เขาเลือกที่นี่เพราะมันเกิดปัญหามาตั้งนานแล้ว

สำหรับการค้นหาเด็กที่มีสัตว์ร้ายซ่อนในหัวใจ เขารู้ดีว่าพวกมันจะเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบไหน และยิ่งเข้าใจดีว่ามันติดต่อระหว่างกันได้

การฟูมฟักทางความคิดเป็นระยะเวลานาน แถมด้วยปัจจัยภายนอกในปัจจุบัน จะทำให้มันระเบิดออกมา

คิงมั่นใจว่าสภาพแวดล้อมแบบนี้ เด็กผู้หญิงจะให้คนที่อ่อนแอกว่าคอยรับใช้ซื้อของให้ ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังหัวเราะเฮฮากัน แท้จริงแล้วพวกหล่อนหัวเราะเยาะเด็กสาวที่เป็นคนอ่อนแอเท่านั้น

เด็กสาวเหล่านั้นผิดหรือ?

ผิดสิ แต่การกลายเป็นแบบนี้ ไม่ได้มาจากสาเหตุด้านเดียว

หากเทียบกับคนที่ชอบรังแกคนอื่น คิงชอบคนที่โดนรังแกแล้วไม่สู้กลับมากกว่า

ไม่สิ ต้องบอกว่า เขาชอบคนที่อยากสู้ แต่กลับถูกคนนอกเอะอะโวยวายจนทำเสียงเดิมเงียบหาย

พวกคนที่ชอบพูดเสียดสี แยกแยะถูกผิดไม่เป็นนี่แหละ เหมาะที่จะเป็นวัตถุดิบของเขา เพราะมันช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันให้เกิดขึ้น

“คุณหมออู๋ พรุ่งนี้ทางโรงเรียนจะฉายหนัง เห็นว่าขอเป็นหนังดีๆ สักเรื่อง หนังเรื่องที่แล้ว พวกนักเรียนชอบกันมา คุณมีหนังอะไรดีๆ บ้างไหม”

คิงหันมามอง ตอบอย่างสุภาพ มีสิครับ”

“งั้นก็เยี่ยมไปเลย!” อาจารย์ที่รับผิดชอบด้านการฉายหนังยิ้มขึ้น

ใช่สิ เยี่ยมมากเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเวลา สถานที่ ทุกอย่างเป็นเลิศอย่างเหมาะเจาะ

คิงก้าวเท้าเดินออกไป อาจารย์เห็นแผ่นหลังเขาแล้ว อดย่นหัวคิ้วไม่ได้ คุณหมออู๋เป็นหวัดเหรอ ทำไมวันนี้เดินเป๋ๆ ชอบกล แต่ อาจารย์ท่านนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่มองเข้าไปในห้องเรียน และเห็นว่าเด็กใหม่ไม่ได้มาเรียน

ป๋อจิ่วไม่ได้ไปโรงเรียนจริง แต่ไปยังสถานที่หนึ่ง โดยสวมชุดนักเรียน เหวี่ยงกระเป๋าเข้าไหล่ข้างหนึ่ง กดออดประตูบ้านอย่างเป็นปกติ

“มาแล้ว มาแล้ว” คุณน้าคนหนึ่งเปิดประตูมาเห็นชุดบนร่างหนุ่มน้อย จึงตะลึงนิดๆ “หนูคือ?”

ป๋อจิ่วยิ้มโชว์เขี้ยวเสน่ห์ สดใสมาก แม้จะมีหยาดฝนเกาะเส้นผมก็ตาม “สวัสดีฮะ คุณน้า ผมเป็นเพื่อนร่วมห้องของหลีจิ่น อาจารย์เห็นว่าผมอยู่ใกล้ๆ ก็เลยให้ผมมาบอกเขาว่า พรุ่งนี้มีหนังให้ดู แล้วนี่หนังสือของเขาครับ”

คุณน้ากำลังสงสัยว่า ลูกตัวเองมีเพื่อนเพิ่มมาคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อไร แต่ลูกเธอไม่ชอบพูด กระทั่งช่วงนี้ยังไม่ค่อยไปโรงเรียนอีกต่างหาก เดิมทีเธอว่าจะถามทางโรงเรียนอยู่เลย เห็นทีคงไม่ต้องไปแล้วล่ะ

“เสียวจิ่นออกไปแล้วจ้ะ อีกสักพักถึงจะกลับมา…” คุณน้าเป็นคนอ่อนโยน เห็นว่าด้านนอกฝนยังตกอยู่ ก็เอ่ยขึ้น “อากาศเดี๋ยวนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็แดดออก เดี๋ยวก็ฝนตก บ้านหนูอยู่ไกลไหมจ๊ะ?

ป๋อจิ่วไม่ตอบ แต่จามแทน แล้วบี้จมูก

จะว่าไป เด็กคนนี้เปียกฝนเพราะเอาหนังสือมาให้ลูกเธอ คุณน้าจะปล่อยให้จากไปอย่างนี้ได้ยังไง “หนูเข้ามาหลบฝนก่อนลูก เดี๋ยวฝนซาแล้วค่อยไป”

“ขอบคุณฮะ คุณน้า” เวลาป๋อจิ่วเป็นเด็กดีขึ้นมา ใครๆ ก็ชอบ แต่ครั้งนี้เธอเป็นเด็กดีแบบไม่บริสุทธิ์นัก…

………………………………………..

ตอนที่ 1667-1

ในห้องมีเพียงหลีจิ่นคนเดียวที่ขาดเรียน ไม่ว่าป๋อจิ่วจะเดาถูกหรือไม่ ขอแค่ได้พูดคุยกันสักนิด ก็น่าจะค้นอะไรเจอแล้ว หากหลีจิ่นมีปัญหาจริงๆ แค่คลำรากไปหาผล ย่อมต้องตามหาคิงตัวจริงเจอแน่…

“มากินน้ำก่อนสิ” คำเชิญของน้าคนนั้น ฉุดป๋อจิ่วให้ออกจากภวังค์ “น้ามีเรื่องจะถามหนูพอดีเลย”

ป๋อจิ่วเอ่ยพลางยิ้ม “ว่ามาเลยฮะ”

“เสียวจิ่นโดนเพื่อนในห้องรังแกหรือเปล่า?” น้าคนนั้นถามเสร็จก็รู้สึกเหมาะสม “ดูสิ น้าพูดอะไรลงไปก็ไม่รู้ แต่เด็กคนนี้ไม่ยอมไปเรียนอยู่นั่นแหละ น้าร้อนใจเลยไปถามอาจารย์ อาจารย์ก็บอกไม่ถูก ในละครทีวีชอบเล่นกันนักไม่ใช่เหรอว่า เด็กไม่ชอบไปเรียนก็มักเป็นเพราะโดนบูลลี่ทางความรู้สึก น้ากับพ่อของเขายุ่งมาก ทำให้ดูแลเขาได้ไม่ดี เขาเติบโตช้ากว่าเด็กคนอื่น แถมสุขภาพยังไม่ดีอีกต่างหาก เวลาไปเรียนก็ต้องไปห้องพยาบาลอยู่บ่อยๆ  วิ่งออกกำลังกายตอนเช้าก็วิ่งแล้ว น้าล่ะกลัวว่าเขามีเรื่องในใจ เดี๋ยวจะคิดไม่ตกเอา”

ป๋อจิ่วช้อนสายตามอง “ขอโทษนะครับ คุณน้า ผมเพิ่งย้ายเข้ามา ไม่ค่อยรู้เรื่องในห้องสักเท่าไร”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ น้าแค่ถามไปอย่างนั้นเอง” คุณน้าพูดยิ้มๆ “เดี๋ยวเจอเสียวจิ่นแล้ว อย่าบอกเขาล่ะว่าน้าเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เดี๋ยวเขาจะโมโหเอา”

ป๋อจิ่วรับคำ คุณน้าจึงลุกขึ้น มองดูนาฬิกาอัตโนมัติ ป๋อจิ่วรู้สึกว่านัยน์ตาของอีกฝ่ายเจือความกลัว นี่เป็นบ้านของคุณน้าแท้ๆ ทำไมต้องกลัว? และแล้วป๋อจิ่วก็รู้ถึงเหตุแห่งความกลัวในเวลาไม่นานต่อจากนี้

เพราะมีผู้ชายเมากลับมา

ป๋อจิ่วคิดว่าการที่คุณน้าให้เธอเข้ามา ไม่ได้เพียงแค่หลบฝน แต่การที่มีคนมาเพิ่มอีกคน ส่งผลให้คุณน้าไม่ต้องกลัวมากนัก

“ทำไมบ้านถึงหนาวอย่างนี้” ชายคนนั้นเข้ามาก็อาละวาดด้วยเสียงดังฟ้าผ่า “บอกมาสิว่า แกทำอะไรบ้าง แค่ดูแลบ้านให้ดียังทำไม่ได้เลย ทุเรศชิบหาย”

คุณน้ารับของมาจากผู้ชายคนนั้น “ก็เครื่องกำลังความร้อนอยู่นี่คะ เพื่อนของเสียวจิ่นมาน่ะ”

เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ชายคนนั้นพลันกลืนคำสบถกลับ ทว่าสีหน้ายังดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร ราวกับว่าจะต้องซ้อมใครสักคนก่อนถึงจะหายโมโห

“ข้าวล่ะ? ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่ทำกับข้าวอีก แกคิดจะทำให้คนหิวตายเหรอวะ?” ผู้ชายคนดังกล่าวกดเสียงพูดให้ต่ำลง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ป๋อจิ่วก็ยังได้ยินอยู่ดี

คุณน้าพูดเสียงเบา “ลูกยังไม่กลับมาเลย เดี๋ยวรอให้เขากลับมาก่อนแล้วค่อยกิน ดูสิ เรามีแขก…”

“นั่นมันลูกแก ไม่ใช่ลูกข้าเว้ย” ป๋อจิ่วได้ยินคำพูดสุดท้ายไม่ชัด คงเพราะทั้งสองต่างรู้ว่าไฟในอย่านำออก

ตอนที่ป๋อจิ่วมาที่นี่ก็เช็คประวัติของหลีจิ่นมาแล้ว จึงรู้ว่าแม่เขาแต่งงานใหม่ แต่ก่อนที่จะมาถึง เธอคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ยิ่งคิดไม่ถึงว่า สภาพครอบครัวของเขาจะวุ่นวายกว่าที่เธอคาดเดาไว้เสียอีก

ท่านเทพเคยพูดไว้ว่า ทุกคดีที่เกิดขึ้น ล้วนแต่สะท้อนความต้องการทางจิตใจของผู้ร้าย

ป๋อจิ่วลองใช้วิธีของท่านเทพวิเคราะห์คนคนหนึ่งอย่างคร่าวๆ

แน่ล่ะ เธอย่อมไม่สามารถวิเคราะห์สภาพจิตใจคนผ่านพฤติกรรมพวกเขา จนเลยไปถึงการประเมินถึงอายุ อาชีพและความชอบส่วนบุคคลได้เหมือนท่านเทพ

แต่การพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองเจ๋งแค่ไหนผ่านโลกออนไลน์ ก็ยิ่งแสดงว่าคนคนนั้นอ่อนแอมาก ด้วยเหตุผลง่ายๆ ยิ่งคุณครอบครองของไว้มากมายก็จะไม่อวดใคร ถือว่าเป็นงานทำเล่นๆ ในยามปกติ และคนที่ไม่มีจะยิ่งชอบอวดกลุ่มเพื่อน เพื่อให้คนอื่นเห็น มันถือเป็นเรื่องที่เห็นได้โดยทั่วไป การใช้มุมมองนี้วิเคราะห์เรื่องดังกล่าว ถือว่าเหมาะสมที่สุด

หากดูจากพฤติกรรมคิงหุ่นเชิดคนนี้ เขาชอบควบคุม ทั้งยังรู้ว่าจะต้องใช้วิธีใดทำให้เจ็บปวดโดยไม่ต้องถูกทำร้ายร่างกาย แสดงว่าเขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน หลี่จิ่นน่าจะเป็นคนแรกในห้องที่โดนรังเกียจ แต่กลับมีคนกลบเสียงต่อสู้ของเขา ไม่เพียงแต่ในโรงเรียน ยังรวมถึงครอบครัว บวกกับการจำใจต้องยอมรับในเคราะห์กรรมที่ประสบ จนค่อยๆ กลายเป็นความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและยโสในตัวเอง เขาสามารถออกคำสั่งบงการในโลกไซเบอร์ได้ แต่กลับไม่มีใครเห็นหัวเขาในชีวิตแห่งความเป็นจริง

…………………………………..

ตอนที่ 1667-2

หากจะบอกว่า ก่อนหน้านี้ป๋อจิ่วไม่ค่อยเชื่อในข้อสันนิษฐานของตัวเอง แต่เมื่อได้เห็นสภาพครอบครับของเขาในเวลานี้ เธอมั่นใจว่าต้องเป็นเขาแน่  ท่าทางพ่อเลี้ยงของเขาก็น่าจะชอบใช้ความรุนแรง

ป๋อจิ่ววิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าอย่างสงบและแยบยล น่าจะเป็นเพราะอยู่กับใครคนหนึ่งมานานจนได้รับอิทธิพลจากเขา หากเป็นป๋อจิ่วในอดีตน่ะเหรอ ไม่น่าจะวิเคราะห์ได้มากขนาดนี้หรอก

ป๋อจิ่วเดาไม่ผิดหรอก คุณน้าไม่ไม่อยากให้เธอเดินจากไปจริงๆ  เพราะกว่าจะมีแขกเข้าบ้านได้ก็ไม่ง่ายแล้ว แถมสามีเธอยังสำรวมอาการได้อีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้ เดี๋ยวเสียวจิ่นกลับมาก็จะไม่โดนด่าทออีก เพราะสามีเธอเป็นคนรักหน้า ดังนั้นป๋อจิ่วยังไม่ทันลุกขึ้นมากล่าวลา คุณน้าก็ชิงเอ่ยขึ้นเสียก่อน “เมื่อกี้คุณน้าผู้ชายบอกว่าข้างนอกฝนตกหนัก อีกห้านาทีเสียวจิ่นก็กลับมาแล้ว หนูไปนั่งรอเขาที่ห้องก่อนดีกว่า แล้วกินข้าวเย็นด้วยกัน จะได้ช่วยติวให้เสียวจิ่นด้วย”

“ไม่ต้องหรอกครับ คุณน้า” ป๋อจิ่วเพิ่งจะพูดออกมาเอง

สามีเธอก็เดินเข้ามาหาด้วยกลิ่นเหล้าคุ เอ่ยให้เธออยู่ต่อ เหมือนอย่างที่คุณน้าคิดนั่นแหละว่า เขารักหน้าตัวเอง แต่สายตาของเขาที่มองคุณน้ากลับดุร้ายมาก แม้ว่าจะยืนอยู่ตรงนี้ ป๋อจิ่วก็รู้สึกถึงความกลัวของผู้หญิงคนนี้ คุณน้าสั่นน้อยๆ แต่กลับยืนข้างสามีเหมือนเป็นเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงที่รักความสงบ

ป๋อจิ่วจึงไม่ปฏิเสธ หากได้ไปอยู่ห้องเขาย่อมต้องหาอะไรเจอแน่ ทั้งนี้เธอเคยดูหนังที่เกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวเรื่องหนึ่ง เข้าใจดีกว่าการที่ต้องดำรงชีวิตครอบครัวอย่างนี้ต่อไป ส่วนใหญ่เป็นเพราะฝ่ายหญิงไม่อยากเลิก

ในประเทศจีน การแต่งงานสำคัญสำหรับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย พวกเธอล้วนแต่ใฝ่ฝันที่จะได้แต่งงานกับเจ้าชายขี่ม้าขาว แล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทว่าปัญหาบางอย่างค่อยๆ เผยออกมา พวกเธอค้นพบว่าผู้ชายที่ตนเองชอบ กลับไม่เหมือนอย่างที่คาดคิดไว้

เขาไปชอบคนอื่น บางครั้งก็เป็นเพราะสิ่งแวดล้อมภายนอกยั่วเย้า บางครั้งก็ต้องการหาอะไรตื่นเต้นเพราะรู้สึกเครียด บางครั้งก็เพราะสาวๆ ข้างนอกยังอ่อนเยาว์ พวกเขามักรู้สึกว่าผู้หญิงเหล่านั้นเป็นดอกไม้แสนสวย แต่พวกเธอเป็นแค่อีแก่หนังยาน ถึงขั้นทุบตีพวกเธอ เมาเหล้าก็ซ้อมพวกเธอ อารมณ์ไม่ดีก็หาเรื่องทำร้ายเธอระบายอารมณ์

ตอนแรกๆ พวกเธอจะรับไม่ได้ เพราะไม่ใช่ชีวิตที่พวกเธอปรารถนา จากนั้นก็จะมีหลายๆ คนออกมาเตือนว่า เธอต้องทนนะ ต้องอดทนให้มากๆ ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองก็ต้องทำเพื่อลูก จะหย่าไม่ได้ เพราะพอเธอหย่า คนอื่นๆ ก็จะว่าเธอได้ แล้วลูกเธอจะทำยังไง? พวกเธอจึงต้องอดกลั้นไว้ และผู้ชายที่ขอให้เธออภัยให้ก็จะยิ่งไม่ถนอมค่าของเธออีกต่อไป

เมื่อเวลาล่วงเลยนานขึ้น คุณอาจจะคุ้นเคยต่อวิถีชีวิตแบบนี้ พอมีคนแนะให้คุณไม่ยอม บางครั้งคุณยังตำหนิว่าเขามายุ่งเรื่องคนอื่น เพราะคุณแค่อยากให้สามีดีต่อตัวเองบ้าง ไม่ได้อยากเลิกกับเขาเสียหน่อย

นี่แหละก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนที่โดนซ้อมจนบาดเจ็บมากแค่ไหนก็เป็นเมียตัวเองอยู่ดี แล้วจะทำไม? จะมายุ่งอะไรกับเมียชาวบ้านเหรอ? ก็เขายินดีให้ฉันซ้อมนี่!

ประโยคเหล่านี้ได้ยินกันบ่อยในศาล ผู้ชายแบบนี้ชั่วช้าสารเลวไหม แน่นอน แต่ที่น่าตลกก็คือ หากมีผู้หญิงคนไหนไม่ยินยอม ต่อสู้จนถึงชั้นศาล คนบางกลุ่มก็จะเสนอหน้ามาวิจารณ์อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วย

…………………………………..

1665-4 vs 1666-1 vs 1666-2

ตอนที่ 1665-4

เขาแค่อยากลองใจว่า เมื่อคนพวกนี้ได้ยินคำว่า ‘แฮกเกอร์คนเก่ง’ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร  เพราะไม่ว่าจะเป็นสายลับแบบไหน ล้วนแต่ต้องกลัวว่าจะถูกค้นหาสถานะที่แท้จริงเจอ

เจ้าชายน้อยมีปฏิกิริยาจริงๆ เขาตื่นเต้นมา ทั้งยังผิวปากออกมา “โว้ แฮกเกอร์คนเก่ง เจ๋งขนาดนั้นเชียว? แบบ 007 เลยหรือเปล่า? เมื่อไรจะแสดงฝีมือให้ฉันดูล่ะ?”

แมงป่องพิษจะปล่อยให้อีกฝ่ายรู้ความร้ายกาจของฝานเจียได้อย่างไร แค่เอ่ยขึ้นมาลองใจเท่านั้น แต่ดันมาถูกเจ้าคุณชายนี่ถามเข้าให้ จึงตอบอะไรไม่ถูก ได้แต่เลี่ยงไปพูดอีกเรื่อง “ที่นี่เสียงดัง ไม่เหมาะจะคุยกัน พวกเราเปลี่ยนที่กันเถอะ”

“ก็ได้” เจ้าชายน้อยว่าพลางหันไปตะโกนใส่ประตู “ที่ปรึกษา เพลาๆ หน่อยนะเว้ย!” หนุ่มน้อยพูดไปให้สมกับบุคลิก แต่หัวใจของเขาหล่นลงเหวนานแล้ว

อะ อะไรกันวะ?

บอสเอาจริงเลยเหรอ?

เสียงนั่นดูไม่ปลอมเลยนะ…

ไม่ปลอมจริงๆ แหละ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า เสียงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบจะเป็นเสียงของหญิงสาวเพียงคนเดียว

ส่วนฉินมั่วกระโดดลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วและเด็ดเดี่ยว ขาทั้งสองแตะพื้นอย่างแทบจะไม่เกิดเสียง เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีกล้องวงจรผิด เขาจึงไม่ต้องระวังอะไรมาก สาวเท้าเดินไปยังรถ MPV

ที่นั่นมีเจ้าอ้วนที่กำลังกระวนกระวายใจอยู่ กำลังตัดสินใจว่าจะรายงานเบื้องบนเพื่อมาช่วยคนด่วน! ไม่ว่าจะอย่างไร ขอแค่รักษาชีวิตคนได้ถือว่าสำคัญสุด! แต่ก็พลันได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก

เจ้าอ้วนตาเบิกกว้าง มองดูหน้าตาหล่อเหล่าไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถามขึ้นอัตโนมัติว่า “บอสมาอยู่ที่นี่ได้ไง?”

“ฉันมาที่นี่มันแปลกมากหรือไง?” น้ำเสียงของฉินมั่วก็ไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนกัน

เจ้าอ้วนอ้าปาก อยากบอกว่า จะไม่แปลกได้ไง บอสควรอยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ! แต่เห็นออร่าของบอสแล้ว ก็ไม่กล้าเอ่ยขึ้น

ฉินมั่วนั่งลงมองดูนอกหน้าต่าง “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปหยุดแฮกอินเทอร์เน็ต ป้องกันไม่ได้ฝ่ายนั้นรู้ตัว นายเข้าไปบอกให้พวกนั้นออกมาได้แล้ว ถึงเวลาที่ฝ่ายโน้นต้องลิ้มรสชาตของการรอบ้าง”

“ครับ” เจ้าอ้วนรับคำแล้วเดินลงรถ

ฉินมั่วโทรออกไป ไม่ได้โทรหาป๋อจิ่วหรอก แต่โทรหาท่านบิ๊กต่างหาก การโทรไปหาท่าน นอกจากจะรายงานความเป็นไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขารับมือไม่ไหวจริงๆ อีกอย่างเขาคิดถึงยัยนั่นด้วย รู้ดีว่าหากโทรหาป๋อจิ่ว เธอจะต้องค้นหาว่าเขาอยู่ที่ไหนแน่ ๆ

การปรากฏตัวของฝานเจีย ทำให้ฉินมั่วได้แต่หลับตา คิดถึงเมื่อครั้งที่แล้วที่ป๋อจิ่วสวมผ้าปิดปากลอยอยู่เหนือน้ำในภาวะลมหายแผ่วอ่อน

ฉินมั่วนิ้วเกร็งทื่อ ยากจะปรับอารมณ์ เขาแค่อยากรู้ความเป็นไปของเธอ ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกว่ามาก่อนเลยว่า การรอสายในครั้งนี้จะนานมาก จนเมื่อปลายสายส่งเสียงมา “ฮัลโหล”

ชายหนุ่มจึงลืมตาขึ้น เอ่ยเสียงเบา “ฝานเจียมาครับ ลำพังฝีมือของเจ้าอ้วนคงกลบเกลื่อนไม่พอแน่ ให้คนโพสรูปบนข่าวของเจ้าชายน้อยด้วย จะได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นลูกเศรษฐีของจริง”

“ฉันจะสั่งให้คนทำเดี๋ยวนี้” สีหน้าของท่านเข้มงวด นี่เป็นเวลาพิเศษ เขานั่งตรงนี้ด้วยความกลัวว่าจะพลาดสายที่ฉินมั่วต่อมา

การออกไปทำภารกิจนอกประเทศ คนของพวกเขาทางนี้จะไม่ติดต่อไปหา

ฉินมั่วเคยว่าไว้ว่า หากเกิดอะไรขึ้น เขาจะเป็นฝ่ายติดมาเอง

“พวกนายเป็นไงบ้าง? โอเคอยู่ใช่ไหม?” ท่านบิ๊กกังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกเขาเป็นที่สุด โดยเฉพาะหากฝ่ายนั้นมีแฮกเกอร์อยู่ด้วย การสื่อสารของพวกเขาจะต้องมีปัญหาแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับคิงเลย

ฉินมั่วตอบ “ปลอมแปลงตัวเองได้สมบทบาทมากครับ”

เมื่อได้ยิน ท่านบิ๊กก็พลันโล่งอก แต่เสียงฉินมั่วดังขึ้นอีก “เขาถามไหมครับว่าผมไปที่ไหน?”

……………………………………………….

ตอนที่ 1666-1

เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว ท่านบิ๊กถึงกับชะงัก มือที่กุมโทรศัพท์ถึงกับเกร็ง เขารายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบนแล้วว่า เจ้าหนุ่มฉินอยู่นอกประเทศ ใครจะไปรู้ หากเกิดอะไรผิดปกติขึ้นมา คำสั่งที่แฝงทางจิตของเขาอาจกำเริบได้

เรื่องที่เด็กคนนั้นหนีไป อย่าเพิ่งให้เขารู้เลย ในเมื่อเจ้าคนแซ่ถังเดินทางไปด้วยตัวเอง ย่อมไม่มีปัญหาแน่

ท่านบิ๊กคิดมาถึงตรงนี้ก็ปรับเสียงให้นิ่ง “ถามสิ ว่าแต่นายไปหาคนมาจากไหน ฉลาดมาก หลอกยากชิบเป๋ง”

“แล้วท่านตอบว่ายังไงครับ” ฉินมั่วยังคงมองนอกหน้าต่าง วิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้า

ท่านบิ๊กถอนใจยาว “ก็บอกเหมือนอย่างที่นายพูดนั่นแหละ” แต่ไม่ได้บอกหมดหรอกนะ เด็กนั่นก็ขับรถหนีไปแล้ว เรื่องมาถึงเวลานี้ ท่านบิ๊กยังวาดเพ้ยใส่ททหารรักษาเวรยามในเรื่องนี้อยู่เลย จริงๆ สินะ เขารู้สึกผิดต่อสิ่งที่เจ้าหนุ่มฉินมันฝากฝังไว้ แต่จะทำยังไงได้ นอกจากต่อสายหาตระกูลถังรัวๆ ก็ทำอะไรไม่ได้อีก

เวลาพิเศษอย่างนี้ เรื่องใดก็ตามที่กระทบต่อฉินมั่ว ย่อมอันตรายถึงชีวิต ยังดีที่ว่าภารกิจนี้จะเสร็จภายในสองวันนี้

ท่านบิ๊กมองดูเวลา เอ่ยต่อ “ยังอยากได้อะไรอีกไหม? ถ้าไม่ ฉันขอเรียนเบื้องบนก่อนนะ”

“ไม่ล่ะฮะ เชิญท่านตามสบาย” ฉินมั่ววางหู ยังคงรู้สึกไม่สบายใจหน่อยๆ เขาจุดบุหรี่ ดูเหมือนจะมีแต่วิธีนี้ที่ทำให้ควบคุมอารมณ์ได้

คนอื่นอาจไม่รู้ว่า นับตั้งแต่ชายหนุ่มมาถึงที่แห่งนี้ ภาพกระจัดกระจายกับเสียงก็โผล่เข้ามาในสมอง เมื่อหันหน้าไป ก็พอจะเห็นด้ายแดงที่ล้อมรอบคอเขา โดยมีฮู้ป้องกันอันตรายห้อยอยู่

ฉินมั่วดึงฮู้ออกมาวางบนฝ่ามือ เสี้ยวหน้าภายใต้แสงตะวันยังไม่อาจลบเลือนความสง่าของเขาลงได้

เขาลงมืออย่างราบรื่น ถอยได้ทันเวลา ไม่มีใครจับจุดอ่อนได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายน้อยหรือนักมายากล ล้วนแต่เห็นฉินมั่วที่นั่งในรถแล้วถึงกับอึ้งตะลึง เพราะพวกเขาเพิ่งได้ยินเสียงหนังสด ต่อให้อยู่นอกประตู แต่เสียงนั่นก็ชัดมาก ซึ่งบอสน่าจะอยู่ข้างใน แล้วทำไมถึงโผล่หน้ามาอยู่ที่นี่?

ทั้งสองสบตากัน ถามขึ้นทันที “เสียงในห้องเมื่อกี้นี้…”

“ก็แค่จ่ายเงินซื้อเสียง มันยากมากนักเหรอ?” ฉินมั่วเห็นว่ามีคนเข้ามาแล้วก็วางฮู้ลง เอนตัวพิงพนักหลัง เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ

ทว่าทั้งสองต่างชื่นชมอีกฝ่ายเหมือนเป็นพวกโง่เง่าเลยทีเดียว เจ้าชายน้อยอดโล่งใจไม่ได้ อุตส่าห์ทำแบบนี้ได้อีก ดำน้อยเอ๊ย พี่นายสมกับเป็นจอมมารของแท้เลยว่ะ สุดยอดเลยนะเว้ย

ชายหนุ่มคงเดาว่าต้องมีคนไปหาแน่ จึงซื้อเสียงของหญิงสาว เทพจริงๆ

นักมายากลเอ่ยขึ้นอยู่ด้านข้าง “ฝานเจียมาแล้ว ถ้าบอสโผล่หน้าออกไป เขาต้องจำได้แน่”

เมื่อได้ยิน บรรยากาศในรถเงียบสนิท เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเกือบจะจับเจ้าหล่อนได้แล้วเชียว แต่เพราะตัวประกันคนหนึ่งทำให้ต้องปล่อยตัวร้ายลอยนวล

………………………………………..

ตอนที่ 1666-2

เจ้าชายน้อยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ แต่เห็นสีหน้าท่าทางของทุกคนก็พอจะเดาออก สถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นคุณกับพวกเขาเลย

ฉินมั่วยกข้อมือดูเวลาแล้วหัวเราะขึ้นมา แต่แววตากลับไม่รื่นเริงด้วย ทั้งยังฉาบด้วยน้ำแข็ง “รอจนเขาจำฉันได้ ก็น่าจะได้เวลาเก็บศพตัวเองแล้ว”

นักมายากลเข้าใจดีว่าบอสไม่ได้พูดเล่น เพราะตอนนั้นบอสวางแผนแบบนี้จริง ๆ

ฝานเจียอันตรายเกินไป เธอกับคิงเป็นคนประเภทเดียวกัน ชอบแอบแฝงชักจูงคนอื่น ถือว่าความผิดทั้งปวงเป็นเรื่องที่ถูก  เคืองแค้นแนวหลักการที่เป็นเหตุเป็นผล คนแบบนี้ล้วนแต่ใช้ความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งต่อการพิจารณาเรื่องต่างๆ  จากนั้น ศีลธรรมก็จะหายไป ทัศนคติของคนเราต่างกันได้ ทว่าหากไร้ซึ่งศีลธรรม กล้าทำร้ายผู้อื่น กลับขาวให้เป็นดำ จึงไม่ใช่ปัญหาด้านทัศนคติ แต่เป็นปัญหาที่เกิดจากตัวบุคคลมากกว่า และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ คนที่อ้างว่าตัวเองอ่อนแอ แต่เวลาที่คิดชั่วขึ้นมา ยังน่ากลัวว่าภูตผีปีศาจเสียอีก

ฝานเจียและคิงถนัดที่บ่มเพาะคนแบบนั้น

เวลานี้ ทุกคนต่างเข้าใจในสิ่งเดียวกัน พวกเขาไม่อาจทำเหมือนเก่า ประเภทอยากทำอะไรก็ทำ เพราะการต่อสู้กันอย่างแท้จริงมาถึงแล้ว มันเป็นการสู้กันทางจิตวิทยาเสียมากกว่า ไม่ใช่รีบร้อนก็เอาชนะได้

แม้ว่าเวลาจำกัดมากแค่ไหน แต่กลับทำอะไรไม่ได้ กลุ่มปฏิบัติการณ์จำต้องหยุดชั่วคราว

สองวันนี้เจ้าชายน้อยผลาญเงินสนุกสนามเหมือนภมรหนุ่มที่ดอมดมดอกนั้นดอกนี้ โปรยเงินมหาศาล ซื้อของไปทั่ว จู่ๆ จะไม่ได้ซื้ออีก จึงคันไม้คันมือชอบกล

ระหว่างที่คิดเช่นนี้อยู่ มือถือของบอสที่วางบนโต๊ะก็ดังขึ้น คนโทรมาคือแมงป่องพิษ ฉินมั่วนั่งที่เดิม มองดูหน้าจอที่สว่างครู่หนึ่งก่อนจะดับไปด้วยแววตาเฉยชา

นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว

เจ้าชายน้อยไม่เข้าใจว่าบอสคิดอะไรอยู่ เพราะสิ่งที่พวกเขาอุตส่าห์ทุ่มเทในช่วงสองวันนี้ก็เพื่อล่อให้แมงป่องพิษร่วมธุรกิจกัน

พอแมงป่องพิษเป็นฝ่ายติดต่อมาเอง บอสกลับไม่รีบอีก ถ้ากลัวว่าอีกฝ่ายจะจำตัวเองได้ก็ส่งเขาไปแทนสิ หรือว่าบอสจะมีแผนอื่น เจ้าชายน้อยคิดอย่างนี้นี่แหละ

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ฉินมั่วจึงหยิบมือถือจากโต๊ะโทรกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยอย่างที่เคยเป็น “ขอโทษด้วยท่านประธาน เมื่อกี้กำลังต่อรองราคากันอยู่ เลยปรับมือถือให้อยู่ในโหมดไม่ส่งเสียง มีธุระอะไรหรือเปล่า?”

ได้ยินแล้ว เจ้าชายน้อยได้แต่มองดูแก้วไวน์กับปืนไรเฟิลประกอบไว้เรียบร้อยซึ่งนอนอยู่บนโต๊ะ รู้สึกนับถือบอสทันทีว่า นี่ขนาดโกหก ยังออร่ามาเต็ม โหดหน้ายิ้มของแท้

ฝ่ายแมงป่องกลับเชื่อคำพูดฉินมั่วสนิทใจ เพราะสายของเขาบอกว่า คนกลุ่มนี้มาถึงประเทศ  M และ T ก็ไม่ได้คิดจะหาพวกเขามาเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แมงป่องพิษร้อนใจเอามากๆ จึงหัวเราะขึ้น “ผมแจ้งเจ้านายเรื่องที่คุณที่ปรึกษาพูดแล้ว เจ้านายยังไม่ตอบเลยฮะ แต่ถึงเวลานั้นจริงๆ คุณห้ามไม่รับสายนะฮะ”

แมงป่องเองก็มีความคิดลึกซึ้ง พิจารณาเรื่องอย่างถี่ถ้วน ฝั่งโน้นเล่นเย็นขาแบบนี้ แมงป่องพิษเริ่มกังวลว่าจะมีคนชิงการค้าในครั้งนี้ไป ความระแวงสงสัยต่อตัวฉินมั่วจึงคลายลง ฝ่ายฉินมั่วเองก็ไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นออกไปมากนัก

เมื่อแมงป่องพิษวางสาย หรี่ตาลง จากนั้นก็โทรออกไป

………………………………………..

1665-2 vs 1665-3

ตอนที่ 1665-2

หญิงสาวที่เดินตามหลังเขา กำลังคิดว่าจะรั้งชายหนุ่มที่ทั้งหล่อทั้งรวยนี่อย่างไรดี หัวใจเต้นแรงไม่หยุด แก้มแดงจัด ทว่าเธอกลับคิดไม่ถึงว่า พวกเขาจะเปิดเพียงห้องเดียว แต่หลังจากที่เปิดห้องมา ชายหนุ่มกลับเย็นชากว่าเดิมมาก

ฉินมั่วเปิดกระเป๋าเงิน ควักเงินปึกหนึ่งขึ้นมาวางบนชั้นวางของ แล้วพิงข้างหน้าต่าง หยิบไฟแช็กมาเอียงศีรษะจุดบุหรี่ เอ่ยเสียงเรียบ “เธอได้เงินจากที่นี่เท่าไร?”

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหนุ่มหล่อถึงถามแบบนี้ แต่ไม่มีใครที่เข้ามาแล้วไม่แตะต้องตัวเธอเหมือนเขาสักคน ราวกับร่างเธอมีแบคทีเรียอย่างนั้นแหละ

ฉินมั่วคีบบุหรี่ไว้ระหว่างนิ้ว เอ่ยต่อ “ฉันให้เธอสิบเท่า แล้วจะส่งเธอกลับประเทศด้วย”

เธอได้ยินประโยคหลังแล้ว ความตะลึงปรากฏในแววตา เธอถูกขายให้ที่นี่ เดิมทีเธอแค่มาทำงานเมืองนอก ไม่คิดเลยว่าจะเป็นงานแบบนี้!

ใช่ว่าไม่คิดจะหนี แต่เธอถูกจับตัวกลับมาทุกครั้ง

“พี่แมงป่องมีอำนาจมาก เป็นไปไม่ได้หรอก” หญิงสาวพูดเสียงแผ่วเบา

ฉินมั่วเอ่ยเสียงอ่อน “พวกเราทำธุรกิจร่วมกัน ยังไงเขาต้องเห็นแก่หน้าฉัน”

แววตาของเธอสว่างโรจน์ แต่เธอสงสัยเหลือเกินว่า เขารู้ได้ไงว่าเธออยากกลับประเทศบ้านเกิดตัวเอง

น่าเสียดายตรงที่ ชายหนุ่มไม่คิดจะพูดกับเธอต่อ

“รับปากไหม?”

เธอหน้าแดงอีกครั้ง “ได้”

“งั้นก็ส่งเสียงดังๆ หน่อย เอาให้ดังกว่าข้างห้อง” ฉินมั่วพูดพลางดับบุหรี่ที่ถาดรอง ก่อนจะเปิดหน้าต่างข้างห้อง

เธอเข้าใจความหมายของเขาในทันใด ทว่าเข้าใจก็ส่วนเข้าใจ แต่เมื่อเธอเห็นเขาหายไปจากหน้าต่างก็อดเสียดายอยู่ในใจไม่ได้ผู้ชายอย่างเขาคงไม่ชอบผู้หญิงประเภทพวกเธอกระมัง หญิงสาวเดินไปเก็บเงินมา

ส่วนห้องโถงแห่งความบันเทิง ฝานเจียไม่ได้พูดอะไรมาก นอกจากกระซิบถามข้างหูแมงป่องพิษ “นายว่าที่ปรึกษาที่เป็นคนตัดสินใจเขาอยู่ที่ไหน? เห็นเขาแล้ว ฉันจะได้ตรวจสอบประวัติ”

“ถ้าเธอมาเร็วกว่านี้ก็คงจะได้เห็นเขา แต่ตอนนี้…” แมงป่องพูดแล้วก็หัวเราะ พูดซ่อนความนัย “เขากำลังยุ่งอยู่ในห้องนั้น คนของพวกเขาก็อยู่ในนั้นทั้งหมด เธอจะไปดูก็ได้ คนที่ใส่เสื้อหนังเป็นคุณชายเจ้าบุญทุ่ม ทั้งโง่ทั้งรวย พ่อเขาน่าจะมีอิทธิพลมาก เธอลองตรวจดูสิ ถ้าไม่มีปัญหา พวกเราจะได้คุยธุรกิจต่อให้จบ เพราะคู่ค้าที่อยากร่วมงานกับเขา ไม่ได้มีแค่พวกเรา”

ฝานเจียช้อนสายตาดูพวกเจ้าชายน้อยที่กำลังเล่นพนันกันอยู่ ท่าทางพร้อมเอาเงินมาผลาญเล่น แถมท่าควงสาวๆ เองก็ยังชำนิชำนาญอีกต่างหาก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

แต่อาจารย์สั่งเอาไว้ว่า เธอจะพลาดอีกไม่ได้ จะต้องทำให้มั่นใจอย่างสมบูรณ์ที่สุด

“พาฉันไปเจอที่ปรึกษาคนนั้น” นัยน์ตาของเธอเคร่งเครียด “ในห้องเป็นที่เดียวที่ไม่ติดกล้องวงจรปิด นายมั่นใจได้ไงว่าเขาจะไม่มีปัญหา”

……………………………………………….

ตอนที่ 1665-3

เมื่อได้ยิน แมงป่องพิษถึงกับชะงักมือ ราวกับระลึกได้ถึงปัญหาดังกล่าว จึงพาฝานเจียเดินเข้าไปข้างใน

นักมายากลกับเจ้าชายน้อยดูเหมือนจะปล่อยตัวตามสบาย แต่แววตาของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่เหล้า กลับภาพที่สะท้อนจากแก้วเหล้าต่างหาก

เมื่อพวกเขาเห็นคนทั้งสองเดินไปยังเส้นทางที่ฉินมั่วผ่านเมื่อครู่ มือก็กำแก้วเหล้าแรงขึ้นทันที โดยเฉพาะนักมายากลที่ถึงกับยืนบนเก้าอี้ แต่ด้วยไม่มีคำสั่งจากบอส พวกเขาย่อมทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นนักมายากลเองจึงได้แต่ร้อนรนในใจ

ทำไมสองคนนั้นถึงเดินไปฝั่งที่บอสอยู่?

หรือว่าฝานเจียจะเห็นอะไรเข้าแล้ว?

ไม่ ไม่น่าเป็นไปได้ ตอนนั้นฝานเจียไม่น่าจะทันเห็นอะไร

นักมายากลเตือนตัวเองให้ใจเย็นเข้าไว้ แต่คนที่ไม่เคยผ่านภารกิจครั้งที่แล้วมา ย่อมไม่เข้าใจความรู้สึกหรอก นิ้วมือของเขายังคงควบคุมความรู้สึกทุกสิ่งไม่ให้ไหลบ่าออกมา

เวลานี้เจ้าชายน้อยที่นั่งอยู่ก็พลอยยืนขึ้นด้วย แต่ท่าทางของเขาดูเป็นธรรมชาติ โดยยื่นมือไปพลิกไพ่ “ไม่สนุกเลยว่ะ” จึงหันไปหา ‘บอดี้การ์ดประจำตัว’ “พวกเราไปเล่นที่อื่นกันดีกว่า”

ระหว่างที่พูดเช่นนี้ เจ้าชายน้อยก็หันไปมองด้านข้าง ความหมายสื่อชัดว่าให้นักมายกลระวังกล้องให้ดี ไม่งั้นคงถูกจับภาพได้

นักมายากลคลายมือ ก่อนจะยิ้มราวกับกลับคืนสู่สภาพมั่นใจไม่กลัวสิ่งใด “ผมว่าข้างในน่าจะสนุกนะฮะ คุณชาย พวกเราไปดูกันดีกว่า?”

“ไป” เจ้าชายน้อยโล่งอก เขาเป็นคนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมากที่สุด แต่พอจะจับอารมณ์เปลี่ยนแปลงของเพื่อนร่วมทีมได้ ความเปลี่ยนแปลงที่ว่าจะต้องเกี่ยวพันกับบอสแน่ ทั้งสองสบตากัน เจ้าชายน้อยก้าวเท้าออกไปก่อนด้วยท่าทีเสเพลสไตล์ลูกเศรษฐี

เวลานี้ ฝานเจียและพวกใกล้จะถึงห้องของฉินมั่วแล้ว เดิมแมงป่องพิษคิดจะส่งซิกให้คนด้านหลังเอากุญแจมาเปิดประตู ไม่คิดว่า แค่แตะลูกบิด ก็ได้ยินเสียงคราญของคนร่วมรักกันลอยออกมา

ฝานเจียได้ยินเช่นกัน เธอขมวดคิ้ว

แมงป่องกลับหัวเราะขึ้น “ดูสิ บอกแล้วว่าเธอคิดมากไปเอง เธอไม่เข้าใจหรอก ผู้ชายเราต่อให้เก่งแค่ไหนก็แพ้ทางผู้หญิงอยู่ดี แล้วใครบ้างที่กำลังมีอะไรกับผู้หญิงแล้วจะมานั่งคิดว่าในห้องติดตั้งกล้องวงจรปิดไหม”

เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยเสียงที่ดังเช่นนี้ ทำให้ฝานเจียหมดสิ้นความระแวง คนที่บ้าผู้หญิงแบบนี้ ไม่น่าจะเป็นคนที่ทางจีนส่งมาหรอก

ในระหว่างที่ตัดสินผลดังกล่าวก็มีคนเดินเข้ามา ซึ่งเป็นพวกเจ้าชายน้อยนั่นเอง เจ้าชายน้อยทำหน้าแบบบังเอิญมาเจอ จากนั้นจึงยิ้มเจ้าชู้ให้ “คุณแมงป่องมาทำอะไรตรงนี้?”

“ตอนแรกก็จะให้แฮกเกอร์คนเก่งของเรามาเจอคุณที่ปรึกษาเสียหน่อย  เขาไม่ค่อยออกมาเจอผู้คนนักหรอก แต่เวลาอยากจะหาอะไรทางอินเทอร์เน็ตล่ะก็ เก่งนักเชียวล่ะ น่าจะคุยกับคุณที่ปรึกษาสนุก แต่ไม่คิดว่าคุณเขากำลัง ‘ยุ่ง’ อยู่” แมงป่องพิษพูดเหมือนตรงไปตรงมา แต่ที่แท้วางหลุมพรางเล็กๆ เอาไว้

……………………………………………….

1664-3 vs 1665-1

ตอนที่ 1664-3

“ตรวจสอบได้ตามสบายเลยครับ” ฉินมั่วหันมามองด้วยท่าทางยโส “แต่นายใหญ่ของพวกเราไม่ว่างนักหรอก ให้เวลาถึงวันมะรืนนี้ เพราะผมก็ต้องให้คำตอบนายผมเช่นกัน นี่เป็นเวลาที่กำหนดไว้ ถ้าทางคุณอยากจะคุย ก็ติดต่อได้ทุกเวลาเลย” พูดจบ ฉินมั่วก็เหลือบมองเจ้าชายน้อย

ฝ่ายหลังงงหน่อยๆ เพราะไม่เหมือนอย่างที่คุยกันไว้นี่ ไหนว่าวันนี้จะคุยกันให้ลงตัวเลยไง?

หรือว่า!

เจ้าชายน้อยช้อนสายตาดูตามมือของท่านเทพ ก็เห็นเพียงอีกฝ่ายซุกมือในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่ง นิ้วเรียวเคาะอย่างทำไปอย่างนั้นเอง แต่ที่จริงแล้วกำลังส่งสัญญาณต่างหาก ‘สถานการณ์เปลี่ยนแปลง รีบถอย’ คำสั่งดังกล่าวสั้น ไม่มากไปกว่านี้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ห้วงเวลานั้นเจ้าชายน้อยรู้สึกได้ว่าบรรยากาศเปลี่ยนไป ไม่มีใครบอกได้ว่าเปลี่ยนไปที่ตรงไหน มีเพียงเจ้าอ้วนที่นั่งบนรถเท่านั้นที่รู้

ฝานเจีย! คนร้ายตัวการที่ก่อคดีชั่วช้าครั้งแล้วครั้งเล่าในเมืองเจียงเฉิง! จู่ๆ เธอมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ยังไง? เพราะข้อมูลที่ได้มาบอกว่า เธอไม่เคยรับผิดชอบด้านนี้นี่นา ดังนั้นหลังจากที่เห็นใบหน้าของเธอ เจ้าอ้วนก็รีบส่งสัญญาณทันที แต่เขาส่งได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะเจาะระบบได้เพียงเท่านี้

โดยเฉพาะยิ่ง เรื่องเดียวที่เจ้าอ้วนนึกออกคือ ยัยฝานเจียเคยเห็นหน้าบอสนี่นา! แววตาเจ้าอ้วนสะพรึง พยายามติดต่อบอสรอบสอง

สถานการณ์ด้านในยังคงวุ่นวายดังเดิม เรื่องนี้หากไม่ตกลงกันให้ได้ แมงป่องพิษย่อมไม่ปล่อยให้ฉินมั่วจากไป ดังนั้นเวลาจึงยืดเยื้ออย่างช่วยไม่ได้

เมื่อฉินมั่วได้ยินว่า ‘เขาเข้าไปแล้ว’ แววตาก็หนักอึ้ง เอ่ยต่อ “คุณแมงป่องคงต้องการเวลาพิจารณา พวกผมเองก็เช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็คิดมาเยอะแล้ว น่าจะเตรียมเอนเตอร์เทนพวกเราได้เสียที ส่วนเรื่องสำคัญ พวกผมต้องขอให้ทางคุณคิดดีๆ แล้วค่อยคุยกัน”

แมงป่องพิษได้ยินก็หัวเราะ “ได้ครับ พวกเราไม่มีอะไรมากมายก็จริง แต่เรื่องเอนเตอร์เทนเยอะอยู่”

เจ้าชายน้อยฟังอยู่ข้างๆ แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมบอสถึงดึงไปเรื่องอื่น แถมยังพูดถึงรายการเอนเตอร์เทนอีกด้วย แต่เขารู้ดี ว่ามันเกี่ยวข้องกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเมื่อครู่

นักมายากลและนายพรานเคยปฏิบัติการนอกประเทศหลายครั้ง แต่ประเภทที่หาสาวสวยมาอยู่เป็นเพื่อนกลับไม่เคยมี

สำคัญตรงที่บอสกลับเป็นฝ่ายเลือกมาคนหนึ่ง ทั้งยังยกมุมปากยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้ม “ที่เหลือให้พวกนาย”

คนที่ถูกเลือกถึงกับหัวใจเต้นแรง เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่หล่อขนาดนี้มาก่อน หนนี้เธอตกผู้ชายรูปหล่อได้แล้ว!

ไม่ว่าจะเป็นพวกนายพรานหรือเจ้าชายน้อยที่เห็นบอสเลือกผู้หญิงคนหนึ่งออกไป ก็พลันรับไม่ได้ขึ้นมาทันที เพราะปกติแล้วบอสรังเกียจผู้หญิงจะตาย

เจ้าชายน้อยถึงกับโวในใจ…ดำน้อยเอ๊ย นายต้องมาเห็นตอนที่เฮียกำลังปฏิบัติการว่ะ โคตรเท่เลย

………………………………………………

ตอนที่ 1665-1

ฉินมั่วทำเช่นนี้ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับฝานเจีย แม้ว่าเขาจะปลอมตัวเรียบร้อยแล้ว แต่หากเพ่งพิศให้ดีก็จะเห็นร่องรอย

วิธีที่ดีที่สุดคือ ไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ใกล้ชิดตน รวมถึงการหายไปจากกล้องวงจรปิดในห้องโถง

ดังนั้นเมื่อเดินเข้ามา ฉินมั่วรู้ดีว่ากล้องวงจรปิดถูกติดตั้งที่ไหนบ้าง แม้จะภายนอกจะเหมือนกับเดินอย่างไร้เจตนา แต่กลับไม่เห็นหน้าตรงๆ ของเขา โดยชายหนุ่มให้คนข้างเคียงมาบังหน้ากล้องในครั้งนี้ด้วย

ระหว่างที่เจ้าชายน้อยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร นักมายกลเห็นฝานเจียเข้ามาจากด้านนอก แววตาถึงกับเปลี่ยนไป ตอนอยู่เมืองเจียงเฉิง ฝานเจียไม่เคยเห็นพวกเขาก็จริง ทว่าพวกเขาต่างรู้กันทั้งนั้นว่า เธอคนนี้ก่อคดีอะไรมาบ้าง เธอซ่อนตัวในมหาวิทยาลัย ปิดแผ่นฟ้าด้วยอินเทอร์เน็ต หากไม่ใช่เพราะบอสชี้พิกัดเธอ เกรงว่าเมืองเจียงเฉิงก็คงไม่สงบแน่

เป็นครั้งแรกเช่นกันที่นักมายากลเองเข้าใจคำว่า ใจคนที่ชั่วร้ายลึกซึ้ง

ฝานเจียเหมือนล้างสมองคนอื่นได้ ทุกสิ่งที่เธอกระทำ ส่งผลให้คนอื่นยอมตอบรับได้อย่างไม่รู้สาเหตุ

คดีละเมิดสิทธิ์เป็นคดีที่นักมายากลจำได้แม่นที่สุด ในหัวใจของเขา การขโมยของคนอื่นก็ผิดอยู่แล้ว แต่นี่เป็นขโมยแล้วยังได้รับการสนับสนุนจากผู้คนอีก? เขาล่ะไม่เข้าใจจริงๆ

แต่เรื่องและคนแบบนี้ปรากฏอยู่ในโลกของเราจริงๆ และที่น่าตลกที่สุดคือ พวกเธอยังมีหน้าคิดว่าตัวเองเป็นคนดีอีกต่างหาก ที่แท้ คนดีที่ไร้ปัญญามันน่ากลัวยิ่งกว่าความเลวบริสุทธิ์เสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเธอเห็นใจคนที่ปฏิเสธว่าตัวเองขโมยของมา ทั้งๆ ที่ได้กระทำเช่นนั้นในความเป็นจริง แถมยังล่วงละเมิดเจ้าของผลงานอีก

ต่อให้คุณชอบใครสักคนมากแค่ไหน ก็ไม่ควรหาข้ออ้างมาทำให้คนๆ นั้นพ้นผิด พูดตรงๆ เลยก็คือ เวลาที่ทำผิด เขาจะไม่มีหัวใจเลยหรือ

แน่ล่ะ พวกนั้นรู้ทุกอย่างดี แต่ด้วยเพราะมีคนให้ท้ายจึงได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น จึงทวีความชั่วร้ายขึ้น

ฝานเจียรู้ดีกว่าพวกเขาอีกว่า พวกที่มีดีแค่เปลือกนอกบนโลกออนไลน์นั้นคิดอย่างไร ระหว่างที่เธอหนี เธอยังหาตัวประกันที่ยินดีช่วยย้ายความสนใจให้ตัวเองได้อีกด้วย

น้อยครั้งที่พวกเขาจะปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ นับตั้งแต่เจอกับขบวนการดังกล่าว พวกเขาต้องพิจารณาให้หนักในทุกย่างก้าว เพราะขบวรการนั่นรู้ดีว่าควรจะลงมือที่จุดไหน แล้วควรใช้วิธีไหนมาสยบความเคลื่อนไหวของพวกเขา เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะทำร้ายประชาชนไม่ได้ แม้ว่าพวกนั้นจะมีจิตใจชั่วร้ายก็ตาม

นักมายกลกำมือแน่น กังวลว่าฝานเจียจะจำบอสได้ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ความไม่สบายใจที่ว่า ไม่ใช่ความกลัวอีกฝ่าย แต่หวั่นว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย

ฝานเจียเองก็สังเกตเห็นเหตุการณ์ทางนี้ เวลานี้เธอแต่งตัวในแบบเดิม คนบางคนคงจะเป็นอย่างนี้แหละ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด เธอจะโยนสาเหตุทั้งหมดให้คนอื่น ทั้งยังคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ที่สุด เธอจึงแต่งตัวเหมือนเป็นนักเรียน พอเดินเข้ามา พวกนักพนันก็หยุดตะลึงทันที แต่คนเหล่านี้รู้จักเธอจึงมองแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าเล่นพนันต่อ

และด้วยชั่วเวลาดังกล่าว ทำให้ฉินมั่วพาพรรคพวกหายไปจากกลุ่มคนผ่านห้องโถงที่เล่นพนันได้อย่างน่าหวาดเสียว

ชายฉกรรจ์ที่เฝ้าอยู่ปากประตูหมายเลขสาม ต่างถือปืนกลแบบพกติดตัวด้วยสีหน้าที่เหี้ยมโหด กวาดตามองรอบๆ ปืนอยู่ในลักษณะพร้อมยิงตลอดเวลา

นักมายากลจึงโล่งอก ทางนั้นคงนึกไม่ออกหรอก แค่เห็นเสี้ยวหน้าเท่านั้น แม้ว่าฉินมั่วจะเดินหน้าสุด แต่ยังได้ยินความเคลื่อนไหวจากด้านหลัง แววตาลุ่มลึกแข็งกร้าว

……………………………………………….

1664-1 vs 1664-2

ตอนที่ 1664-1

 “ให้พวกเขาเข้ามา” แมงป่องพิษมองดูหน้าจอตรงหน้า ตอนที่พวกฉินมั่วเข้ามา มันก็จ้องมองทุกอากัปกิริยา แม้จะไม่มีเสียง แต่กลับเห็นทุกอย่างชัดแจ้ง

เหมือนที่ลือกันในช่วงสองวันนี้ทีเดียว อย่างอื่นไม่รู้หรอก แต่เรื่องเงินรับรองว่าเป็นเรื่องจริงแน่ กลัวก็แต่จะมีปัญหาด้านอื่น แต่เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเถ้าแก่อ้วน ก็ย่อมเป็นการพิสูจน์ทางอ้อมได้เช่นกัน ลองคบพวกนี้ดู ถ่วงเวลาเอาไว้

แมงป่องพิษยกแก้วเหล้ายืนขึ้น ปิดหน้าจอ อย่างน้อยจะต้องไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวว่า มันกำลังสำรวจอยู่ “เปลี่ยนห้อง”

 “ครับ” คนข้างๆ แต่ละคนต่างมีไรเฟิลติดตัว

การพกปืนในประเทศ T เป็นเรื่องถูกกฎหมาย แถมด้วยสถานที่แบบนี้ไม่มีใครสนใจหรอก เพียงแต่ประเทศดังกล่าวเองก็ให้ความสำคัญกับการตามจับยาเสพติดในช่วงนี้เช่นกัน ดังนั้นแมงป่องพิษอยากเร่งขายสินค้าในมือเร็วๆ ซึ่งในประเทศที่ว่ายังจัดการง่าย แค่ตบเงินดีๆ ก็ได้รับการอำนวยความสะดวกแล้ว จะยากก็ตรงที่ส่งออกนี่แหละ

แม้ว่าตลาดต่างประเทศของพวกเขาจะเยอะมากมาย แต่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดคือจีน ซึ่งทางการจีนเองก็ร่วมมือกับหลายประเทศ บีบคั้นประเทศ T และ M ท่าทางจะประกาศว่าต้องการขุดรากถอนโคนพวกมัน

เพียงแต่ที่นี่ กฎหมายไร้ประโยชน์ จะกังวลก็แต่ฝ่ายนั้นจะมาล้วงข้อมูลจากพวกมัน การที่พวกมันไม่กลัวฟ้ากลัวแผ่นดิน ก็เพราะไม่มีใครหาพวกมันเจอหรอกในเขตสามเหลี่ยมทองคำ กระทั่งที่นี่ยังเป็นแค่สาขาจำหน่ายย่อยเท่านั้น

ดีเหมือนกัน จะได้ใช้สาขานี้ทดสอบอีกฝ่าย ดูสิว่าพวกนั้นรวยและเส้นสายจนอยากทำธุรกิจด้านนี้จริงๆ หรือว่าต้องการอย่างอื่น

สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่าแมงป่องพิษเป็นคนจัดการเอง อันที่จริง แต่ละก้าวที่เดิน แมงป่องพิษล้วนแต่รับคำสั่งจากคิงทั้งนั้น

ออกตัวเบอร์แรงขนาดนี้ กระทั่งเถ้าแก่อ้วนเองยังคิดว่าคิงจะมา เขาพูดกับพวกคุณชายนั่นแบบนี้แหละ

เจ้าชายน้อยแม้ว่าปกติจะดูซื่อบื้อ แต่อันที่จริงเขามีสัญชาตญาณในด้านนี้สูง ตอนที่นั่งในรถก่อนจะมาถึง เขาถามบอสแล้วว่า ถ้าเจอคิงจริง จะทำยังไง

บอสกลับพูดสั้นๆ “วันนี้เขาไม่มาหรอก แค่หยั่งเชิง”

ตอนนั้นเจ้าชายยังไม่เข้าใจ เมื่อเห็นว่าแมงป่องพิษเป็นคนมาต้อนรับในเวลานี้ จึงถึงบางอ้อ  ฝ่ายแมงป่องพิษอยู่ในชุดดำ มีรอยสักบนหน้า แววตาที่ทอดมองดูจะเหี้ยมกว่าคนปกติ

“นั่งสิ” แมงป่องพิษพูดภาษาถิ่น มือยังถือแก้วเหล้าไว้ ความชั่วร้ายคุทั้งตัว

เจ้าชายน้อยเองย่อมไม่แพ้ใคร นั่งลงปุ๊บก็พุ่งเข้าประเด็นปั๊บ “ว่ามา มีของเท่าไร ฉันซื้อหมด”

แมงป่องพิษได้ยินล่ามแปลจบ เอนตัวพิงด้านหลัง “พวกเรามีของเยอะก็จริง แต่ตอนนี้ทางจีนควบคุมเข้มงวดมาก เส้นสายของผมทำอะไรไม่ได้เลย กระทั่งยังผ่านด่านศุลกากรก็ยังไม่ได้ พวกเราจะเอาของออกมาง่ายๆ ไม่ได้หรอก สินค้าของเราเยอะจนประเมินไม่ได้ เถ้าแก่อ้วนน่าจะบอกพวกคุณแล้วว่า พวกเรามีแหล่งเพาะปลูกเป็นของตัวเอง รับรองเรื่องปริมาณได้เลย ขอแค่พวกคุณรับประกันได้ว่ามันจะเข้าด่านได้เป็นพอ”

คนพวกนี้เข้าใจภาษาประเทศ T แต่ต้องแกล้งทำเป็นฟังไม่ออก รอจนล่ามแปลเสร็จ เจ้าชายน้อยจึงเอ่ยขึ้นบ้าง “พวกเราต้องมีวิธีของพวกเราอยู่แล้ว”

แมงป่องพิษเลิกคิ้วรับคำ “ผมอยากรู้วิธีที่คุณทำได้จริงๆ”

………………………………………………

ตอนที่ 1664-2

วิธีที่ทำได้จริงๆ งั้นเหรอ? เจ้าชายน้อยถึงกับนิ้วเกร็ง แต่ไม่พูดอะไร เพราะทุกสิ่งที่เขาทำหลังจากที่เข้ามา ล้วนแต่เป็นแผนของบอสทั้งนั้น ตอนนี้จะมาให้บรรยายวิธี เขาย่อมพูดไม่ออก

ฝ่ายแมงป่องพิษยังคงมองเขาอยู่ คงเพราะไม่เห็นเขารีบตอบ นัยน์ตาเริ่มหรี่ลง

เจ้าชายน้อยเข้าใจสิ่งที่นัยน์ตาอีกฝ่ายสื่อทันที คาดเดา สงสัย รวมถึงอันตราย เขากำเก้าอี้แน่น อากาศรอบด้านพลอยเย็นลงด้วย จังหวะการเต้นของหัวใจเปลี่ยนไป

คนที่อยู่รอบข้างล้วนมีปืนติดตัว เวลานี้เริ่มมองมายังพวกเขา

จนบรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุด เมื่อเห็นอีกฝ่ายจะพูดต่อ ฉินมั่วที่ยืนข้างๆ กลับเอ่ยขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ “วิธีของเราถ้าพูดออกไป จะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม นายใหญ่ของพวกเราติดต่อทางด่านศุลกากรไว้แล้ว ไม่ใช่แค่นั้น ด้านอื่นๆ เราก็มีเครือข่ายหมด การทำธุรกิจในจีนสำคัญที่ตรงนี้แหละ เรารับประกันไม่ได้ว่า จะนำสินค้าทุกล็อตเข้าไปได้หมด แต่อย่างน้อยเราจะได้ข่าวว่าที่ไหนบ้างที่ไม่เข้มงวด ธุรกิจของเราขยายได้ใหญ่โต ก็เพราะมีคอนเนคชั่นไปทั่วนี่แหละ” ฉินมั่วพูดจริงจัง

แค่หนึ่งวินาทีหลังจากที่ฟังจบ สีหน้าท่าทางของแมงป่องก็เปลี่ยนไป ต้องรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมา เขาพยายามสร้างคอนเนคชั่นในประเทศจีน แต่ภายหลังก็พบว่า จะต้องมีสถานะช่วยหนุน ถึงจะสำเร็จ

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทุกอย่างก็ชัดเจนแล้ว ท่าทางฝ่ายโน้นไม่เพียงแค่รวย น่าจะเป็นพวกตระกูลดังในจีนอีกด้วย

ครั้งที่แล้วตอนที่พวกนี้คุยกับเถ้าแก่อ้วน เขาเองก็ได้ยิน

เด็กหนุ่มในชุดหนังที่นั่งตรงหน้าก็แค่ลูกเศรษฐี คนสำคัญที่สุดคือที่ปรึกษาด้านการลงทุนนี่แหละ ตอนนั้นเขาก็ไม่เข้าใจว่า คนที่มีความสามารถมากขนาดนี้จะยอมเป็นคนทำงานให้ลูกเศรษฐีโง่เง่าได้ยังไง ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า เพราะอีกฝ่ายเส้นใหญ่นั่นเอง

แมงป่องพิษยกมือขึ้น แล้วกวักมือลง

เจ้าชายน้อยรู้เช่นกันว่า การค้าหนนี้เกือบล้มเหลว ไม่เพียงแค่นั้น ความระแวงของแมงป่องพิษที่มีต่อพวกตนจะสูงขึ้นอีกต่างหาก คงมีแต่บอสที่สามารถขจัดข้อสงสัยของอีกฝ่ายจนหมดสิ้นด้วยประโยคเดียว

ชายหนุ่มยังพูดไม่จบ “พวกเรามาเพื่อหาเงิน ต้องกังวลด้านความปลอดภัยมากว่าพวกคุณเสียอีก โดยเฉพาะการเข้าด่าน แต่จนถึงตอนนี้ พวกเราก็ยังไม่เห็นความจริงใจในการทำธุรกิจร่วมกันจากพวกคุณเลย แล้วก็ยังไม่เห็นเจ้านายตัวจริงของพวกคุณด้วย ไว้เจ้านายพวกคุณอยากเจอหน้าพวกเราเมื่อไร เราค่อยคุยกันก็แล้วกัน”

ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้น เขาอยู่ในชุดสูท ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงบุคลิกของนักธุรกิจจ๋า

“พวกเราก็ว่ากันตามความร่วมมือเหมือนกัน”

พอเห็นอีกฝ่ายจะจากไป แมงป่องพิษก็ลุกขึ้นมาบ้าง “คุณอย่างรีบร้อนสิครับ เราจริงใจต่อการร่วมมือทั้งนั้น แต่ตอนนี้ทางจีนตรวจตราหนัก ระวังสักนิดจะดีกว่า ส่วนเจ้านายของพวกเราก็คิดเหมือนกันล่ะครับว่า เกิดไปเจอสายที่ไหนเข้า ถึงตอนนั้นพวกเราอยากจะร้องก็ร้องไม่ออก รอจนทุกอย่างสุกงอมแล้ว ถึงเวลาต้องซื้อขายกันจริงๆ เจ้านายของพวกเราจะมาเอง แต่ก่อนหน้านี้ พวกเรายังคงดูกันต่อไป”

“พวกนายหาว่าพวกเราเป็นสายงั้นเหรอ?” เจ้าชายน้อยแทรกเข้ามาอย่างเหมาะสม “คิดมากเกินไปจริงๆ”

เจ้าชายน้อยต้องทำตัวแบบนี้แหละ ดูสิ คำพูดของเขาไม่มีปัญหาน่าสงสัยสักนิด

แมงป่องพิษหัวเราะ เดินเข้ามาหา “พวกเราจริงใจเหมือนพวกคุณนี่แหละ แต่อะไรที่ควรตรวจสอบก็ทำสักหน่อยจะดีกว่า”

………………………………………………

Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์

Black Peach Z เดิมพันรักสาวแฮกเกอร์

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 2214 อ่านนิยาย

อ่านต่อข้างล่าง


แม้สภาพภายนอกของ ‘ฟู่จิ่ว’ จะดูเหมือนเก้งน้อย
วัยไฮสกูล แต่ที่จริงวิญญาณข้างในเป็นราชินีแฮกเกอร์ฉายา ‘Z’ ผู้เคยแฮกตึกเพนตากอน

เป็นยอดเกมเมอร์ที่จีบหนุ่ม (และสาว)
ได้ลื่นไหลขั้นเทพ

เป็นผู้ที่เมื่อทุกคนรู้ว่าเป็น ‘ผู้หญิง’ ก็แตกตื่นกันทันที!
งานใหญ่ของเธอตอนนี้คือลงแข่ง eSports เพื่อช่วยบริษัทแม่ รับมือกับเมียน้อยพ่อ

…และคอยอ่อยฉินมั่วไปวันๆ

Options

not work with dark mode
Reset