Abe the Wizard 51 เมฆาสีขาว นกกระจอกแห่งท้องนภา

ตอนที่ 51 เมฆาสีขาว นกกระจอกแห่งท้องนภา

AtW ตอนที่ 51 เมฆาสีขาว นกกระจอกแห่งท้องนภา

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

 

สร้อยคอแห่งการแปลงร่างเป็นเหมือนกับสมบัติประจำตระกูลของราชวงศ์วูลฟ ย้อนกลับไปในอดีตกาล ในสมัยก่อนได้มีไอเท็มเวทย์มนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้สามารถทำให้เหล่าสมาชิกตระกูลราชวงศ์ของอาณาจักรออร์คนั้นสามารถที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้ในทวีปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ การที่จะทำสร้อยคอที่เป็นสมบัติล้ำค่าแบบนี้ได้เทพเจ้าของออร์คนั้นจะต้องเสียสละอะไรมากมายหลายๆ อย่างด้วยกัน สิ่งนั้นรวมไปถึงการอัญเชิญดรูอิดผู้ยิ่งใหญ่จากเผ่าเอลฟ์มาทำสร้อยสร้อยนี้นั่นเอง นับตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบันนั้นสร้อยคออันนี้ก็ได้ตกทอดโดยสมาชิกตระกูลแสนสำคัญอย่างตระกูลวูลฟสืบต่อมานั่นเอง

 

คาถาสำหรับการแปลงร่างเองก็จะถูกสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลวูลฟเท่านั้น ตอนนี้อาเบลยังไม่รู้ว่าเขานั้นไม่รู้คาถาที่จะต้องร่ายเพื่อให้สามารถกลายร่างกลับไปเป็นมนุษย์ดังเดิมได้นั่นเอง ตอนนี้อาเบลรู้คาถาแปลงร่างเป็นโวร์แกนอย่างเดียวเท่านั้น โชคดีของวิเศษแบบนี้มักจะมีข้อมูลอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการใช้อยู่ภายในของมัน ดังนั้นแล้วอาเบลจึงสามารถหาทางที่จะกลับร่างเป็นมนุษย์ได้อีกครั้งหลังจากการใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของเขานั่นเอง

 

อาเบลได้แต่เตือนตัวเองต่อไป ถ้าหากอาเบลได้แปลงร่างเป็นออร์คโดยไม่มีวิธีแปลงร่างกลับกลายเป็นมนุษย์นั้น แน่นอนว่าอาเบลจะต้องละทิ้งอาณาจักรของพวกมนุษย์ไปและไปอยู่กับพวกออร์คในอาณาจักรออร์คนั่นเอง

 

หลังจากที่แปลงร่างเป็นออร์คได้อาเบลก็ไม่รอช้าเขารีบหยิบเหรียญตราขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาเชื่อมต่อไปที่เหรียญอีกครั้งในทันที อาเบลรู้สึกได้ทันทีว่าตอนนี้กำลังมีอะไรบางอย่างสแกนตัวตนของเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อเหรียญตราอันนั้นได้สแกนตัวอาเบลไป มันก็ไม่ได้สงสัยในตัวอาเบลอีกต่อไป

 

อาเบลได้มองตรงไปที่โวร์แกนที่กำลังนอนตายอยู่บนพื้น อาเบลรู้ได้ทันทีว่าโวร์แกนตัวนี้จะต้องเป็นเจ้าของเหรียญตราสัญลักษณ์อันนี้อย่างแน่นอน ถ้าหากโวร์แกนตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าจะไม่มีใครที่จะได้ใช้เหรียญตราสัญลักษณ์อันนี้ได้เลย

 

“จงเชื่อฟังฉันซะ ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของแล้ว!” อาเบลได้ใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาในการเชื่อมต่อกับเหรียญตราสัญลักษณ์ที่อยู่ในมือของเขา

 

ทันใดนั้นเองก็ได้มีแสงสีขาวอะไรบางอย่างเปล่งประกายออกมา อาเบลรู้สึกได้ทันทีว่าเหรียญตราสัญลักษณ์อันนี้ได้เชื่อมโยงเข้ากับตัวเขาแล้ว ความรู้สึกในตอนที่เชื่อมโยงกันนั้นเหมือนกับตอนที่อาเบลได้เชื่อมโยงเข้ากับลมทมิฬที่อาเบลได้เก็บมาเลี้ยงนั่นเอง ในระหว่างที่กำลังเชื่อมโยงกันได้มีข้อความอะไรบางอย่างไหลเข้ามาหาอาเบลเรื่อยๆ ผ่านพลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาต่อไป

 

ตราสัญลักษณ์อันนี้ถูกเรียกว่า ที่ควบคุมนกกระจอกแห่งท้องนภาหมายเลข 36 ตราสัญลักษณ์อันนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกทหารออร์คหน่วยการบินโดยการใช้สัตว์ร้ายนั่นเอง มีเพียงผู้ที่มีเหรียญตราสัญลักษณ์อันนี้เท่านั้นที่จะสามารถควบคุมนกกระจอกแห่งท้องนภาได้นั่นเอง

 

จากข้อมูลที่อาเบลได้สืบรู้มาจากเหรียญจราอันนี้ อาเบลก็รู้ได้ว่าการที่จะควบคุมนกกระจอกแห่งท้องนภานั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรเลย นอกจากการควบคุมที่ไม่ได้ยากอะไรแล้วนกกระจอกแห่งท้องนภาเองยังคงกินอยู่ง่ายและแน่นอนว่าความสามารถในการบินของมันนั้นยังคงดีเยี่ยมอีกด้วย ในสถานการณ์ปัจจุบันนั้นนกตัวนี้ยังสามารถหาอาหารกินเองได้อีกด้วย เนื่องจากในท้องฟ้านั้นไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่งมากพอที่จะออกล่านกกระจอกแห่งท้องนภานี้ได้ ในตอนที่พวกออร์คเองยังไม่ต้องการที่จะใช้นกตัวนี้ พวกออร์คนั้นจะให้พวกนกกระจอกแห่งท้องนภาตัวนี้ออกหากินในป่าเอง เมื่อใดก็ตามที่พวกออร์คต้องการใช้งานนกแล้วละก็พวกมันจะส่งสัญญาณโดยตรงไปที่นกโดยใช้เหรียญตราในการควบคุมนั่นเอง

 

อาเบลจะต้องตรวจสอบหมายเลขที่อยู่บนเหรียญตราควบคุ้มอย่างระมัดระวัง บนตราสัญลักษณ์นั้นมีหมายเลข 36 อยู่และยังมีเพรชอีกหลายเม็ดถูกวางประดับตกแต่งอยู่ด้วย อาเบลสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณอันแผ่วเบาที่ออกมาจากเหรียญตราควบคุมได้ เมื่ออาเบลเชื่อมต่อพลังแห่งความมุ่งมั่นเข้ากับคลื่นวิญญาณอันแผ่วเบาอาเบลก็ได้รับสืบทอดเหรียญตราอันนี้เป็นที่เรียบร้อย ทันใดนั้นเองนกกระจอกแห่งท้องนภาก็ได้ตื่นขึ้นมาทันที

 

เมื่อนกกระจอกแห่งท้องนภาลืมตาตื่นขึ้น มันก็ไม่ได้สนใจเจ้านายคนเดิมของมันอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เจ้านายคนเดิมของมันได้นอนตายอยู่บนพื้นแล้ว นกกระจอกแห่งท้องนภานั้นกำลังมองอาเบลด้วยความอยากรู้อยากเห็น อาเบลได้ใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาเพื่อเชื่อมต่อคลืนพลังวิญญาณของนกกระจอกแห่งท้องนภาอีกครั้ง ตอนนี้อาเบลอยากที่จะลูบหัวของนกตัวนี้เป็นอย่างมากแต่เนื่องจากความสูงใหญ่ของนกตัวนี้ที่มีมากเกินไปอาเบลจึงไม่สามารถที่จะลูบหัวมันได้นั่นเอง สิ่งเดียวที่อาเบลจะเข้าถึงนกตัวนี้ได้ก็คือการเชื่อมต่อจิตใจของตัวเขาเองนั่นเอง แม้ว่าอาเบลจะไม่สามารถลูบหัวนกตัวนี้ได้แต่ดูเหมือนว่านกตัวนี้สามารถที่จะอ่านใจของอาเบลในตอนนี้ได้แล้ว หลังจากนั้นเองนกตัวนี้ก็ได้ก้มหัวลงมาต่ำลงก่อนที่จะค่อยๆ หลับตาของมันลงไป ตอนนี้มันรออาเบลลูบหัวของมันอย่างเบามือแล้ว

 

อาเบลไม่รอช้าอีกต่อไป ตอนนี้อาเบลได้ใช้มือของเขาลูบไปที่หัวของนกอย่างเบามือ ทันใดนั้นเองนกกระจอกแห่งท้องนภานั้นก็เริ่มรู้สึกถึงความสุขได้ทันที นกกระจอกแห่งท้องนภาตัวนี้ดูเหมือนว่ามันนั้นกำลังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะแชร์กับอาเบล อาเบลยังคงใช้เหรียญตราแห่งการควบคุมต่อไปเพื่อที่จะสื่อสารกับนกตัวนี้

 

นกตัวนี้ได้แสดงให้อาเบลได้รู้ว่าบาดแผลที่มันได้รับมานั้นเจ็บปวดขนาดไหน ความหิวที่นกตัวนี้ยังต้องพบเจออยู่นั้นก็ยังคงกัดกินมันไปเรื่อยๆ แน่นอนว่านกกระจอกแห่งท้องนภาตัวนี้เองยังรู้สึกโกรธจากการที่ถูกโจมตีมาด้วย ทุกความรู้สึกเหล่านี้ไม่สามารถส่งผ่านมาทางคำพูดและตัวอักษรได้ แต่อาเบลสามารถรู้สึกถึงความรู้สึกได้ทุกอย่างผ่านพลังแห่งความมุ่งมั่นของอาเบลเอง

 

เจ้านายทุกคนที่ควบคุมนกกระจอกแห่งท้องนภานั้นสามารถที่จะควบคุมนกพวกนี้โดยไม่ใช่เหรียญตราควบคุมได้ไหม? อย่างไรก็ตามนกพวกนี้ก็ยังคงเป็นสัตว์อยู่ดี แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเจ้านายของมันอย่างพวกโวร์แกนทั้งหลายก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจอารมณ์รวมไปถึงความรู้สึกของพวกนกเหล่านี้ได้ และแน่นอนว่ามันยังไม่สามารถสื่อสารอะไรกับนกเหล่านี้ได้อีกด้วย

 

มีเพียงผู้ชายอย่างอาเบลเท่านั้นที่จะสามารถเชื่อมต่อจิตใจของตัวเองกับจิตวิญญาณของนกตัวนี้ได้ ด้วยความสามารถในการสื่อสารกันนั้นจะทำให้นกตัวนี้สามารถพัฒนาความรู้สึกดีที่มีต่ออาเบลได้

 

“นายตัวใหญ่รวมไปถึงมีสีขาวที่ซีดจางแล้ว ดังนั้นถ้านายจะต้องบินไปบนท้องฟ้าแล้วละก็จะต้องเหมือนเมฆสีขาวอย่างแน่นอน จากนี้ไปฉันจะเรียกนายว่าเมฆาสีขาวก็แล้วกัน!” อาเบลพูดกับนกตัวนั้น

 

เมื่อนกกระจอกแห่งท้องนภาตัวนี้ได้ฟังชื่อของมัน มันก็ดูเหมือนรู้สึกชอบเป็นอย่างมาก ความรู้สึกมีความสุขของนกเองได้ถูกส่งไปที่อาเบลโดยตรง

 

เมฆาสีขาวได้พยักหน้าเพื่อตอบรับไปที่อาเบล ตอนนี้มันดูมีความสุขมากที่ได้เจ้าของใหม่ที่สามารถเข้าใจความรู้สึกของมันได้นั่นเอง นี่เป็นเหมือนเรื่องตื่นเต้นในชีวิตเรื่องใหม่ของนกตัวนี้ไปแล้ว “รอฉันก่อนนะ ฉันจะลงไปที่ภูเขาเพื่อจะไปรับม้าของฉันก่อน”

 

หลังจากที่อาเบลได้พูดเสร็จอาเบลก็รู้สึกได้ทันทีว่านกตัวนี้กำลังรู้สึกไม่เต็มใจที่จะต้องแยกจากกับเจ้านายคนใหม่ในตอนนี้ เมื่ออาเบลเห็นปฏิกิริยาของนกตัวนั้นอาเบลก็ไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองได้อีกต่ไป ตอนนี้อาเบลได้ยิ้มให้กับการแสดงอารมณ์ของนกตัวนี้ ในตอนที่นกตัวนี้ได้สงบลงแล้วอาเบลก็ได้ลงจากภูเขาไปในทันที

 

เมื่ออาเบลเห็นม้าศึกทั้งสองตัวของเขาอาเบลก็ได้เดินทางมาถึงที่เชิงเขาแล้ว ม้าศึกที่อาเบลทิ้งไว้ทั้งสองตัวยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมนับตั้งแต่อาเบลได้ทิ้งพวกมันเอาไว้ อาเบลรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่พวกม้าศึกนั้นไม่ได้ตื่นกลัวอาเบลที่กำลังอยู่ในร่างกายของโวร์แกนเลย

 

อาเบลไม่รอช้าเขารีบหยิบสร้อยคอของเขาออกมาอีกครั้งก่อนที่จะร่ายคาถาในทันที ทันใดนั้นเองแสงไฟสีเขียวก็ได้ล้อมรอบตัวอาเบลไว้ ตอนนี้อาเบลได้กลายร่างกลับกลายเป็นมนุษย์อีกครั้งแล้ว

 

ม้าศึกทั้งสองตัวเดินเข้ามาหาอาเบลอย่างช้าๆ ตอนนี้พวกม้าศึกทั้งสองตัวกำลังสงสัยว่าชายที่อยู่ตรงหน้ามันนั้นได้เปลี่ยนร่างกลับกลายเป็นเจ้านายของมันได้ยังไงกันแน่

 

อาเบลได้เดินทางกลับมาบนยอดเจาอีกครั้งพร้อมกับม้าศึกทั้ง 2 ตัว ตอนนี้อาเบลเห็นหัวของเมฆาสีขาวมาจากที่ไกลๆ แล้ว เมื่อเมฆาสีขาวเห็นอาเบลกลับมามันก็ขยับปากของมันอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก

 

เมฆาสีขาวไม่ได้สนใจเลยว่าอาเบลนั้นจะอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ แต่มันรู้สึกได้ว่าคนๆ นี้จะต้องเป็นอาเบลอย่างแน่นอนผ่านคลื่นพลังแห่งจิตวิญญาณของตัวมันเอง

 

ม้าศึกทั้งสองตัวที่มากับอาเบลเองก็ดูเหมือนจะกลัวขนาดที่ใหญ่ยักษ์ของนกตัวนี้ แต่ม้าศึกทั้งสองตัวก็ได้ถูกฝึกฝนมาดีจนไม่วิ่งหนีไปด้วยความตื่นกลัวได้

 

อาเบลได้ใช้มือของตัวเขาเองตบไปที่ม้าศึกทั้งสองตัว หลังจากที่อาเบลตบมือไปที่ตัวม้าศึกทั้งสองตัวแล้วม้าศึกทั้ง 2 ตัวก็รู้สึกสงบลงอีกครั้งหนึ่ง

 

อาเบลและเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่ได้ติดตามเขามาได้อาศัยอยู่ที่เนินเขาเนินนี้ต่อไปเป็นเวลาอีก 2 วันด้วยกัน โชคดีที่มีโวร์แกนได้ตั้งเต็นท์สำหรับพักแรมไว้ที่ก่อนหน้านี้อยู่ก่อนแล้ว เต็นท์สำหรับพักแรมนั้นมีด้วยกัน 2 เต็นท์นั่นเอง เต็นท์พักแรมเต็นท์แรกนั้นเป็นเต็นท์ที่ค่อนข้างจะธรรมดาเป็นอย่างมาก อาเบลรู้ได้ทันทีว่าเต็นท์เต็นท์นี้จะต้องเป็นของโวร์แกนที่สวมชุดเกราะหนังธรรมดาแน่นอน ถึงแม้ว่าเต็นท์จะดูธรรมดาทั่วไปแต่กลิ่นภายในเต็นท์กับแย่เป็นอย่างมาก ส่วนเต็นท์สำหรับพักแรมอีกเต็นท์นั้นดูหรูหราเป็นอย่างมาก การตกแต่งรวมไปถึงความสะอาดของมันต่างจากอีกเต็นท์เป็นอย่างมาก และเต็นท์อันนี้เองยังใหญ่พอสำหรับคนถึง 3 คนที่จะนอนภายในเต็นท์อีกด้วย อาเบลไม่รู้เลยว่าเต็นท์พักแรมอันนี้นั้นทำมาจากอะไรกันแน่ แต่ที่รู้ๆ วัสดุสำหรับการทำเต็นท์จะต้องมีราคาแพงอย่างแน่นอน

 

ในขณะที่อาเบลกำลังนอนอยู่ในเต็นท์เองอาเบลก็กำลังคิดว่าทำไมเขาจะต้องรอเวลาอีก 2 วันด้วยกัน ในดินแดนของมนุษย์นั้นคงไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเมฆาสีขาวมาก่อนอย่างแน่นอน อาเบลตัดสินใจที่จะทิ้งเมฆาสีขาวเอาไว้ที่ป่าหลังปราสาทแฮรี่ ถ้าหากเลี้ยงเมฆาสีขาวเอาไว้ที่นั้นแล้วอาเบลจะสามารถเรียกใช้งานมันได้มทุกเวลานั่นเอง ในตอนนี้อาเบลไม่สามารถที่จะฝึกเขียนรูนได้เลยเนื่องจากเขาไม่ได้เอาพู่กันเขียนรูนกับหมึกมาในการเดินทางครั้งนี้นั่นเอง ด้วยเหตุนี้เองอาเบลจึงรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก

 

หรือบางทีตอนนี้อาจจะถึงเวลาแล้วที่อาเบลจะต้องเลื่อนระดับอัศวินฝึกหัดของตัวเองขึ้นไป ตอนนี้อาเบลเป็นอัศวินฝึกหัดระดับ 5 มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว อาเบลครุ่งคิดอยู่นานในระหว่างที่จ้องมองไปที่น้ำยาเดินลมปราณระดับสุดยอดทั้ง 6 ขวดที่กำลังอยู่ในฮอร์ราดริกคิวบ์ของเขาเอง

 

ตอนนี้อาเบลได้กำลังนึกถึงสิ่งที่อัศวินเบ็นเน็ตต์และอัศวินมาแชลได้พูดเอาไว้ การที่จะเลื่อนระดับขึ้นได้จะต้องทำให้พลังลมปราณที่เสถียรเกิดขึ้นเป็นเมอร์ริเดียนให้ได้ ยิ่งมีพลังลมปราณเกิดขึ้นมากเท่าไรโอกาสที่จะสร้างเมอร์ริเดียนสำเร็จนั้นก็จะมีมากขึ้นไปกด้วย วิธีที่ดีที่สุดที่จะเพิ่มโอกาสสำเร็จนั้นคือการดื่มน้ำยาเดินลมปราณนั่นเอง แน่นอนว่ามีเงื่อนไขหลายอย่างที่จำเป็นสำหรับการดื่มน้ำยาเดิมลมปราณนี้ แต่สำหรับน้ำยาเดินลมปราณที่อาเบลมีนั้นต่างออกไป มันเป็นน้ำยาเดินลมปราณระดับสุดยอดนั่นเอง

 

การเลื่อนตำแหน่งเป็นอัศวินอย่างเป็นทางการได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มีอัศวินมากมายติดอยู่ที่ระดับฝึกหัดเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าการที่อัศวินฝึกหัดอายุน้อยยังอาเบลจะเลื่อนระดับได้เป็นอะไรที่แทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลย อัศวินฝึกหัดที่มีอายุมากกว่าอาเบลจะเลื่อนระดับได้นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากแล้วนั่นเอง

 

ตอนนี้อาเบลได้แต่เอามือของตัวเองแตะไปที่คางเท่านั้น มันจะมีเด็กที่มีอายุ 13 ปีไหมที่สามารถเลื่อนระดับได้? ในอดีตนั้นอาเบลได้เคยใช้น้ำยาเดินลมปราณระดับสุดยอดในการเพิ่มเมอร์ริเดียนมาแล้ว ในตอนนั้นน้ำยาเดินลมปราณ 1 ขวดสามารถที่จะเพิ่มเมอร์ริเดียนได้ถึง 1 อัน แน่นอนว่าน้ำยาเดินลมปราณระดับสุดยอดทั้ง 6 ขวดนั้นน่าจะมีมากเกินพอสำหรับการเลื่อนระดับของอาเบลแล้ว

 

อาเบลได้คิดถึงเงื่อนไขทั้งหมดต่อไป ตอนนี้อาเบลรู้แล้วว่าทุกอย่างนั้นเป็นไปได้ อาเบลได้หยิบน้ำยาเดินลมปราณทั้ง 6 ขวดออกมาจากฮอร์ราดริกคิวบ์ของเขาแล้ว

 

หลังจากที่อาเบลได้คิดถึงเรื่องทั้งหมดแล้วอาเบลก็ได้ตัดสัญญาณที่เชื่อมต่อระหว่างตัวเขากับเมฆาสีขาวออกก่อนชั่วคราว ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดอาเบลก็จะสามารถกู้คืนทุกอย่างคืนได้นั่นเอง สุดท้ายแล้วอาเบลก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเลื่อนระดับแล้ว

 

ตอนนี้คงจะไม่มีสิ่งชีวิตตัวไหนที่จะมารบกวนอาเบลในตอนนี้ได้ เมฆาสีขาวเป็นนกที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก แม้แต่สัตว์ร้ายเองก็ยังไม่กล้าพอที่จะเข้าใกล้นกตัวนี้ และตอนนี้เองอาเบลก็ได้อยู่ไกลจากถนนที่มนุษย์ใช้สัญจรอยู่มาก ดังนั้นแล้วจะไม่มีใครที่จะมารบกวนอาเบลในตอนนี้ได้อย่างแน่นอน

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset