Abe the Wizard 14 อาจารย์เบธแฮม

ตอนที่ 14 อาจารย์เบธแฮม

AtW ตอนที่ 14 อาจารย์เบธแฮม

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

 

ในปราสาทแฮรี่แห่งนี้ไม่มีช่างตีเหล็กอาศัยอยู่ เหมืองเหล็กของอัศวินมาแชลเองอยู่ไกลจากปราสาทแฮรี่ อาเบลต้องใช้รถม้าศึกเพื่อที่จะเดินทางไปถึงเหมืองเหล็ก การเดินทางไปเหมืองเล็กในครัง้นี้ใช้เวลาทั้งหมด 20 นาที

 

เมื่ออาเบลใกล้ถึงเขตเหมืองเหล็กเขาได้ยินเสียงขุดเหมืองเหล็กมาแต่ไกล มีกองหินใหญ่หลายกองที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับบ้าน ก้อนหินพวกนี้จะถูกนำไปสกัดต่อไปเพื่อที่จะเอาเหล็กในหินออกมา ในกระบวนการสกัดจะใช้ความร้อนสูงนั่นเอง บนเตาหลอมเหล็กเองมีปล่องไฟขนาดใหญ่ที่คอยปล่อยควันสีดำอยู่ตลอดเวลา

 

เพียงแค่มองก้อนหินทั้งหมดที่ถูกจัดเก็บไว้อาเบลก็เข้าใจเลยว่าอัศวินมาแชลนั้นสนใจในธรุกิจการตีเหล็กของเขามากขนาดไหน ก้อนหินที่อยู่ในเหมืองนี้เป็นก้อนหินเดียวกับที่อัศวินมาแชลใช้สร้างปราสาทของเขา อัศวินมาแชลคงจะลืมไปหมดแล้วว่าปราสาทและทางเดินตามภูเขาของเขาใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไรในการสร้างกันแน่

 

อัศวินมาแชลบอกให้อาเบลระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้นเมื่อเข้ามาสู่เขตแดนของเหมืองเหล็กแห่งนี้ “เราจะต้องไปเยี่ยมท่านอาจารย์เบธแฮมในวันนี้ อย่าลืมเคารพเขาด้วยนะอาเบล พ่อเชิญเขามาเพราะเขาเป็นชายผู้มีความสามารถในด้านการตีเหล็กที่เก่งที่สุดแล้วในเมืองฮาเวสแห่งนี้ หากพ่อไม่ได้ให้ลูกมาเรียนรู้การตีเหล็กกับเขาในวันนี้ พวกเราก็คงจะไม่ได้เห็นเขาอย่างแน่นอน”

[หมายเหตุ ขอเปลี่ยนจากเมืองแห่งการเก็บเกี่ยวเป็น เมืองฮาเวส]

 

“ยินดีที่ได้เจอมาแชล” เบธแฮมได้พูดทักทายอัศวินมาแชลและพยักหน้าให้กับเขา เบธแฮมคนนี้เป็นชายร่างสูงใหญ่ เท่าที่อาเบลกะด้วยสายตาชายคนนี้คงจะสูงเกิน 2 เมตรอย่างแน่นอน นอกจากความสูงและร่างกายของชายคนนี้เองก็ยังดูแข็งแรงมาอีกด้วย ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะมีอายุอยู่ราวๆ 50 ปี หนวดเคราบนใบหน้าของเบธแฮมทำให้ชายคนนี้ดูมีออร่าอะไรบางอย่างออกมาด้วย

 

“ว่าไง” อัศวินมาแชลทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม แต่ถึงแบบนั้นการทักทายของอัศวินมาแชลก็ไม่ได้เป็นพิธีรีตรองอะไรเลย “วันนี้ฉันพาเด็กหนุ่มมาด้วย เขาสนใจที่จะเป็นลูกศิษย์ของคุณหน่ะ”

 

เบธแฮมคนนี้ดูสับสนนิดหน่อยหลังจากที่เหลือบมองไปทางอาเบล “คุณกำลังพูดถึงเด็กคนนี้อยู่งั้นหรอมาแชล? คุณช่วยบอกความแตกต่างระหว่าง “เด็กหนุ่ม” กับ “เด็กน้อย” ให้ฉันฟังทีมาแชล ดูยังไงเด็กคนนี้ก็อายุไม่ถึง 14 ขวบ จะให้เขาเป็นลูกศิษย์ของฉันได้ยังไงกัน?”

 

หลังจากที่ทั้งสองคนได้พูดคุยกันพักหนึ่งทำให้เหล่าผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ เดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“ใจเย็นก่อนท่านอาจารย์เบธแฮม อาเบลเป็นลูกบุญธรรมคนใหม่ของฉันเอง เขาเป็นอัศวินฝึกหัดแล้วนะ ฉันอยากจะให้เขาควบคุมพลังของตัวเองให้ได้น่ะ”

 

“เป็นความคิดที่ดีนิ แต่น่าเสียดายนะที่ฉันรับเขาเป็นลูกศิษย์ไม่ได้น่ะ” เบธแฮมพูดอย่างน่ากลัว “การที่จะต้องมาสอนเด็กจากบ้านพวกชนชั้นสูงแบบนี้เด็กพวกนั้นคงทนไม่ได้หรอก นอกจากนี้ฉันไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะมีแรงมากพอที่แกว่งค้อนซะด้วยซ้ำ”

 

เมื่ออาเบลได้ฟังแบบนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาจับค้อนทันที “ไม่ต้องห่วงหรอกครับท่านอาจารย์เบธแฮม ผมทำงานหนักได้อยู่แล้วถ้าหากท่านอาจารย์ต้องการแบบนั้น ท่านอาจารย์ไม่ใช่แค่คนเดียวหรอกนะครับที่มีกล้ามเนื้อน่ะ”

 

“ฮะ!”

 

ในตอนนี้อาเบลสูงประมาณแค่ 1.6 เมตรเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นอาเบลก็ยังพอมีกล้ามเนื้ออยู่บ้าง แต่ถ้าจะเทียบกล้ามเนื้อของเขากับกล้ามเนื้อของเบธแฮมแล้วก็คงจะเทียบกันไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าชายสูงใหญ่คนนี้จะมีพละกำลังที่แข็งแกร่งมาก ความแตกต่างจากภายนอกนี้ทำให้ทุกคนที่ดูอยู่หัวเราะเยาะเย้ยออกมา

 

“ไว้ค่อยมาใหม่ในอีกสองปีจะดีกว่านะอาเบล ไว้เมื่อนายสูงขึ้นและแข็งแรงกว่านี้ก่อน ตอนนั้นฉันสัญญาว่าจะสอนนายถึงวิธีการหลอมเหล็กเอง” เบธแฮมกำลังพูดอย่างฝึนใจ ในตอนนี้เบธแฮมไม่อยากที่จะทำให้อัศวินมาแชลเสียหน้า

 

“แล้วต้องแข็งแรงขนาดไหนผมถึงจะฝึกกับท่านอาจารย์ได้ล่ะ?” อาเบลถามอย่างดื้อรั้น

 

เบธแฮมไม่ได้ตอบอาเบล เขาเดินหันหลังกลับไปที่ลานหลังบ้าน “ตามฉันมา” เบธแฮมพูดก่อนที่จะพาอาเบลเข้ามาในที่ทำงานของอัศวินมาแชล ผู้คนที่ยืนดูอยู่ก็เข้ามาเพื่อดูว่าอาเบลจะสามารถผ่านบททดสอบที่เบธแฮมได้ให้ไว้ได้หรือไม่

 

“นายคิดว่าเด็กคนนั้นจะยกแท่งเหล็กได้กี่ชิ้นกัน?”

 

“ฉันว่าอย่างมากก็คงได้แค่หนึ่งแหละ”

 

“ไม่หรอก เขาเป็นอัศวินฝึกหัดนะ ฉันว่าน่าจะสองชิ้น”

 

“งั้นฉันเดิมพันหนึ่งชิ้น”

 

“งั้นฉันจะเดิมพันที่สองชิ้น”

 

ในฐานะที่อาเบลและอัศวินมาแชลเป็นเหมือนกับขุนนางพวกเขาทั้งสองคนจึงไม่ได้ให้ความสนใจฝูงชนที่ไร้มารยาทพวกนี้เท่าไรนัก เมื่อพวกเขาเดินมาถึงที่ลานหลังบ้าน อาเบลก็เห็นเหล็กหลายชิ้นวางเรียงรายอยู่บนพื้น แท่งเหล็กที่วางอยู่นี้มีหลายขนาดตั้งแต่เล็กไปใหญ่

 

แท่งเหล็กพวกนี้ก็เป็นเหมือนกับบาร์เบลที่อาเบลนั้นคุ้นเคยกับพวกมันเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าเหล็กพวกนี้จะเป็นแค่เหล็กธรรมดาแต่เมื่อแปรรูปพวกมันอาเบลก็จะได้บาร์เบลที่เขาคุ้นเคยนั่นเอง บาร์เบลเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นหลังมนุษยชาติรู้แล้วว่าการทำงานของร่ายกายนั้นเป็นการทำงานแบบไหน

 

“ฉันใช้เหล็กพวกนี้ฝึกความแข็งแกร่งของลูกศิษย์ของฉัน นายเห็นแล้วใช่ไหมว่าเหล็กพวกนี้มีหลายขนาด เหล็กที่มีขนาดเล็กที่สุดหนัก 50 ปอนด์ ส่วนเหล็กที่มีขนาดใหญ่ที่สุดหนัก 500 ปอนด์ ถ้าหากนายอยากจะเพิ่มน้ำหนักนายสามารถเพิ่มน้ำหนักได้ครั้งละ 50 ปอนด์”

 

“มานี่สิจีดอน” เบธแฮมชี้ไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ดูเหมือนว่าชายคนที่ชื่อจีดอนจะมีรูปร่างไม่ได้แข็งแรงเท่ากับเบธแฮม

 

“ท่านอาจารย์!” ทันทีที่จีดอนโดนเรียกตัวเหงื่อก็ไหลออกมาจากใบหน้าของเขาเยอะขึ้น “ผะ..ผะ..ผมไม่ได้ขีเกียจนะครับ! แต่ผมเอ่อไม่อยากยกเหล็กพวกนี้แล้ว!”

 

ทุกคนเริ่มหัวเราะเยาะจีดอน จีดอนคนนี้เป็นคนที่อยู่ในเหมืองเหล็กแห่งนี้มานานแล้ว เขาเป็นคนที่เบธแฮมเลือกมาใช้งานจากปราสาทแฮรี่ ในตอนที่จีดอนมาฝึกทำงานเขาทำงานอย่างหนักจนสุดท้ายแล้วเขาก็หลายเป็นลูกศิษย์ของเบธแฮมไป

 

ระหว่างผู้ฝึกงานกับลูกศิษย์นั้นมีความต่างอยู่มากมาย ผู้ฝึกงานส่วนใหญ่จะมีอาการที่แย่กว่าลูกศิษย์มาก งานส่วนใหญ่ของผู้ฝึกงานคือการใช้แรงงานนั่นเอง และในการทำงานแต่ละวันเองก็ต้องเผชิญความร้อนจากเตาเผาทั้งวัน ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่มาฝึกงานกับเบธแฮมจะไม่ได้เงินนั่นเอง

 

ในทางตรงกันข้ามเหล่าลูกศิษย์ของเบธแฮมจะได้เรียนรู้วิชาต่างๆ จากเขาโดยตรง เมื่อถึงสิ้นเดือนพวกเขาก็จะได้รับค่าจ้างเทียบเท่ากับคุณภาพงานที่พวกเขาทำได้

 

จีดอนเป็นลูกศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของเบธแฮม เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และทำงานอย่างเต็มที่อยู่เสมอ เมื่อเบธแฮมคนนี้เกษียณไปแล้วก็มีจีดอนคนนี้ที่จะมารับช่วงต่อจากเขา

 

“ไม่จีดอน ฉันกำลังบอกให้นายมาแสดงความสามารถที่แท้จริงของพวกเราให้อาเบลดูซะ เดินไปข้างหน้าเดี๋ยวนี้”

 

“ครับอาจารย์” จีดอนยิ้มอย่างสุภาพก่อนที่จะลูบมือทั้งสองข้างของเขา จีดอนเดินไปที่เหล็กที่อยู่ด้านหน้าของอาเบลก่อนที่จะทำท่าหยิบแท่งเหล็กทั้งสามชิ้นมาวางวางรวมกัน

 

“ดูให้ดีนะอาเบล”

 

จีดอนใช้มือทั้งสองข้างหยิบเหล็กที่หนักประมาณ 150 ปอนด์ขึ้นมาจากพื้น

 

ถึงเหล็กจะมีน้ำหนักถึง 150 ปอนด์แต่จีดอนก็ทำท่ายกมันได้อย่างง่ายดายราวกับว่ากำลังยกฟางอยู่

 

“ดีมาก”

 

เมื่อทุกคนส่งเสียงให้กำลังใจจีดอน หลังจากยกขึ้นไม่นานเขาก็ปล่อยแท่งเหล็กลงกับพื้นในทันที

 

ในตอนที่จีดอนกำลังหันกลับไปหาอาจารย์ของเขาเบธแฮมก็ได้พูดกับจีดอนก่อน “ต่อไปสิจีดอน”

 

“ได้ครับ” จีดอนหยิบแท่งเหล็กอีกอันออกมา ในตอนนี้ตรงหน้าของเขามีแท่งเหล็กทั้งหมด 4 ชิ้นแล้ว แท่งเหล็กทั้งหมดนี้มีน้ำหนักประมาณ 200 ปอนด์ แต่จีดอนก็ไม่ได้แสดงท่าทางที่เป็นกังวลออกมาเลย เขารีบเตรียมพร้อมที่จะหยิบแท่งเหล็กเพิ่มชิ้นอีกครั้ง จีดอนยกแท่งเหล็กขึ้นมาได้อีกครั้งโดยที่ไม่มีปัญหาอะไร แต่ดูเหมือนว่าการเพิ่มแท่งเหล็กอีกชิ้นทำให้จีดอนไม่ได้ยกขึ้นมาอย่างง่ายดายเหมือนเดิมแล้ว จีดอนไม่รอช้าเขารีบเดินไปหยิบแท่งเหล็กเพิ่มอีกชิ้นทันที

 

ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มดูตึงเครียดขึ้นเมื่อจีดอนจะยกแท่งเหล็กทั้ง 6 ชิ้น แท่งเหล็กทั้งหกมีน้ำหนักราวๆ 300 ปอนด์

 

คนส่วนใหญ่สามารถยกแท่งเล็ก 6 ชิ้นพร้อมกันได้นานเพียง 1-2 วินาทีเท่านั้น

 

จีดอนไม่ได้เริ่มยกแท่งเหล็กทันทีเขาใช้เวลาประมาณสามวินาทีในการปิดตาและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อจีดอนพร้อมเขาคำรามออกมาก่อนที่จะยกแท่งเหล็กทั้งหมดขึ้นในทันที ในตอนที่แท่งเหล็กถูกยกขึ้นเส้นเลือดบนคอของจีดอนก็ได้ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ใบหน้าของจีดอนในตอนยกแดงเหมือนกับมะเขือเทศ ดูเหมือนว่าเลือดที่กำลังสูบฉีดในร่างกายของเขากำลังจะระเบิดออกมาอย่างไงอย่างงั้น

 

ถึงร่างกายจีดอนจะเป็นแบบนั้นแต่สุดท้ายแล้วจีดอนก็ยกแท่งเหล็กทั้งหมดขึ้นเหนือหัวได้ ทุกคนต่างตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ

 

“เยี่ยมมากจีดอน เบธแฮมมองไปที่จีดอนอย่างภูมิใจ “ถึงแม้ว่านายจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้แล้วแต่ถ้านายฝึกฝนตัวเองต่อไป นายจะต้องแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ในวันหน้าอย่างแน่นอน ไม่นานนักหรอกนายจะต้องทำลายขีดจำกัดของฉันไปได้น่ะ”

 

“จริงๆ หรอครับ?” จีดอนเกาหัวของเขาก่อนที่จะเบือนหน้าหนีจากคำชมของผู้เป็นอาจารย์ “ท่านอาจารย์พูดเกินไปแล้วครับ! ยังมีเรื่องอีกต้องมากมายที่ผมต้องเรียนรู้จากท่านอาจารย์ก่อนที่ผมจะมีฝีมือเทียบเท่ากับท่านอาจารย์ได้”

 

“ตอนนี้ตานายแล้วอาเบล” เบธแฮมหันหน้าไปทางอาเบลก่อนที่จะพูดท้าทายอาเบลเป็นคนต่อไป ความแข็งแกร่งของจีดอนมีมากกว่าที่อาเบลได้ประเมินเอาไว้ อาเบลเดินไปที่ที่มีแท่งเหล็ก 3 ชิ้น

 

อาเบลเริ่มด้วยการยกแท่งเหล็ก 3 ชิ้นเพื่อจะแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง ที่จริงแล้วอาเบลในโลกนี้ไม่มีทักษะในการยกน้ำหนักมาก่อน เป็นเวลานานแล้วที่อาเบลเคยเป็นอดีตเทรนเนอร์นักเพาะกาย บาร์เบลเป็นหนึ่งในเครื่องมือการออกกำลังกายยอดนิยมในโลกที่อาเบลเคยอยู่ อาเบลได้แต่หวังว่าเขาจะทำได้ดีเพราะการยกน้ำหนักเองเป็นเหมือนกับงานเดิมของเขา

 

จีดอนในตอนนี้สามารถยกน้ำหนักได้มากที่สุด 300 ปอนด์ ถ้าหากจีดอนยกแท่งเหล็กได้อย่างถูกวิธีเขาจะยกได้มากถึง 350 ปอนด์ แต่ถ้าหากการยกน้ำหนักนั้นทำผิดวิธีจะทำให้ผู้ยกเองมีโอกาสได้รับบาดเจ็บได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บในตอนนี้แต่ร่างกายก็จะแบกรับความเสียหายนี้ไว้ในระยะยาว

 

“เขายก 150 ปอนด์อย่างงั้นหรอ?”

 

“คนดีๆ เขาไม่ทำอย่างงั้นกันหรอกนะ”

 

“เขาบ้าไปแล้วหรอ?”

 

ฝูงชนเริ่มส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่อาเบลตัดสินใจที่จะเดินไปหาแท่งเหล็กทั้งสามชิ้น อาเบลขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ชอบถูกจับตามองเป็นเหมือนกับตัวตลกแบบนี้

 

“พวกนายออกไปก่อน” เบธแฮมตะโกนบอกกับฝูงชนที่กำลังส่งเสียงดังรบกวนอยู่ เบธแฮมรู้ว่าอาเบลคงไม่ชอบที่จะถูกคนมุงดูเยอะขนาดนี้ เบธแฮมเข้าใจดีว่าอาเบลไม่อยากโดนคนรุมหัวเราะเยาะ

 

เมื่อรู้ได้ว่าเบธแฮมเริ่มโกรธเหล่าฝูงชนก็ได้รีบออกจากลานหลังบ้านนี้ไป

 

“พยายามให้ดีที่สุดละ ยังไงก็อย่ากดดันตัวเองให้มากไป” เบธแฮมพูดกับอาเบล

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset