ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆ สะลึมสะลือขึ้นรู้สึกระบมช่วงล่างภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ไหลเข้ามาในหัว แค่คิดใบหน้าของเธอก็แดงระรื่นขึ้นมาทันที พิรุณรักมุดหน้าลงกับหมอนแล้วส่ายไปมา กรีดร้องเบาๆ กับสิ่งตัวเองทำ แต่เมื่อเธอนึกได้ว่าเธอโกหกแกริคมันก็ทำให้หน้าเธอซีดลงทันที
พิรุณรักไม่รู้เลยว่าการกระทำทุกอย่างของเธออยู่ในสายตาของแกริค คิ้วเข้มๆ ของเขาขมวดเข้าหากันมองดูผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความสงสัย นึกอยากรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่ บางครั้งเธอเหมือนจะพูดง่าย กลัวเขาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า แต่เขาก็เห็นความดื้อรั้นอยู่ในสายตาของเธอ ไม่งั้นเธอคงไม่กล้าที่จะทำอะไรแบบก่อนหน้านี้
“ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า เราจะลงจากเรือแล้ว” ร่างบางแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงเข้มเอ่ยขึ้น เขาอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอนึกว่าเธออยู่คนเดียวซะอีก เป็นเพราะไม่เห็นเขาอยู่บนเตียงเธอเลยคิดว่าเขาน่าจะไม่อยู่ในห้องแล้ว
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง แม่จอมโกหก” พิรุณรักค่อยๆ หันไปมองเขา แล้วพยายามส่งยิ้มจางๆ ไปให้เขาแต่สีหน้าดุๆ ของเขาทำให้เธอหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ฉันขอโทษค่ะ” เธอเอ่ยขอโทษเขาเสียงเบา ดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมกาย มองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก็เห็นว่ามันกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นข้างเตียง มองเห็นชั้นในของตัวเองแล้วมองมันอย่างอดสู เธอจะกล้าลงไปหยิบมันได้ยังไง
“อยากจะเรียกค่าตัวเพิ่มก็บอกตรงๆ” แกริคคิดตลอดเวลาที่ดำน้ำว่าเธอทำอย่างนั้นทำไม เธอรับงานนี้ทำไมทั้งที่ไม่เคยทำ ถ้าไม่ใช่นักศึกษาที่อยากได้เงินไว้ใช้
พิรุณรักหันไปมองหน้าเขาเขม็ง กับคำกล่าวหานั้น แต่ก็เข้าใจว่าเขาจะเข้าใจอย่างนั้นมันก็ไม่แปลก
“ค่ะ” เธอยอมรับออกมาเสียงเบา ถ้าเธอตอบโต้เขาด้วยวาจาร้ายกาจ เธอคงหมดโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาทั้งอาทิตย์ มาถึงขนาดนี้แล้วเธอจะไม่ยอมเสียโอกาสเด็ดขาด
แกริคหัวเราะในลำคอเบาๆ เย้ยหยันกับความคิดที่ถูกเผงของตัวเอง นั้นสินะ ใครบ้างจะไม่ต้องการเงิน เขาไม่น่าถาม
“อยากได้เท่าไหร่”
“คะ”
“เรียกค่าตัวเธอมาได้เลยฉันจะให้มากกว่าที่ตกลงไว้ ถือซะว่าจ่ายให้กับความกล้าของเธอ”
พิรุณรักเม้มปากเข้าหากันแน่นกับวาจาร้ายกาจของเขาที่มันเสียดแทงเข้ามาในหัวใจเธอ เธอลืมคิดไปเลย ผู้ชายที่รวยมหาศาลแบบเขาคงซื้อผู้หญิงจนเคยชิน ถึงปากเธออยากจะบอกเขาว่าเธอไม่อยากได้เงินของเขาเธอแค่อยากใกล้ชิดเขา อยากอยู่กับเขาซึ่งเป็นชายในฝันของเธอ มันเป็นความคิดบ้าๆ ของเด็กใจแตกอย่างเธอ
ใครเขาจะเชื่อ
“แล้วแต่คุณจะพอใจเถอะค่ะ” แกริคจับน้ำเสียงของเธอได้ถึงมันจะไม่ได้กระชากหรือเสียงดังแต่มันก็มีแววประชดประชันอยู่ในนั้น
“เอางั้นเหรอ” แกริคถามขณะมองหน้าคนพูด
“ค่ะ รบกวนคุณออกไปก่อนได้ไหมคะ ฉันจะแต่งตัว” พิรุณรักไม่รู้เอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าพูดกับเขาแบบนั้น แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ความน้อยใจหรืออะไรต่างๆ ที่เธอรู้สึกตอนนี้มันให้เธอกล้าพูด
“ทำไมฉันต้องทำตามที่เธอบอก”
ใช่สินะ เธอไม่มีสิทธิ์สั่งเขาซะหน่อย หรือแม้แต่ขอร้องเธอก็ไม่มีสิทธิ์เพราะเธอจะไม่ได้รับความเป็นทำจากผู้ชายตรงหน้าเป็นแน่
ทำไมเทพบุตรของเธอถึกลายเป็นซาตานร้ายไปได้นะ
“ขอโทษค่ะ” พิรุณรักเอ่ยขอโทษ แล้วไม่มองหน้าเขาอีก พยายามพยุงตัวลุกขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าโดยหอบผ้าห่มติดกายมาด้วย พอเก็บได้ครบทุกชิ้นเธอก็ค่อยๆ เดินเข้าห้องน้ำ
ทำไมครั้งแรกของผู้หญิงมันถึงเจ็บขนาดนี้นะ หรือว่าเขาตัวใหญ่เธอตัวเล็กเกินไปมันเลยทำให้เธอเจ็บมาก ใช่สิ เธอยังจำส่วนนั้นของเขาติดตา ว่าแล้วพิรุณรักก็สะบัดหัวแรงๆ เมื่อเธอคิดถึงตอนที่ไอ้นั่นของเขามันอยู่ได้ปากเธอ
“ฉันทำมันลงไปแล้วเหรอเนี่ย” หญิงสาวพึมพำอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำเธอมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดของผู้หญิงให้กับผู้ชายที่พึ่งพบกันได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นเขา เธอก็ไม่เสียใจ
มือค่อยๆ ปล่อยให้ผ้าห่มผื่นใหญ่ร่วงลงโดยไม่สนว่าห้องน้ำมันจะเปียกรึเปล่า แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพของตัวเอง
นิ้วมือเรียวยาวค่อยๆ รูปไล้ตามลำคอลงมาจนถึงเนินอก
“คนหื่น” พิรุณรักประจักษ์แล้วว่า แกริค ซีคีเลียโน เก่งกาจเรื่องนี้แค่ไหน
ก๊อกๆ
“คุณครับ เราต้องลงเรือกันแล้วครับ” คนที่มาเคาะประตูไม่ใช่แกริค แต่เป็นลูกน้องของเขา พิรุณรักแปลกใจว่าเขาไปไหน
“ค่ะ” เธอรับคำแล้วรีบใส่เสื้อผ้า ชุดที่เธอใส่มาเป็นสายเดี่ยวกระโปรงยาว มันทำให้ปิดร่องรอยไม่มิดเลยหยิบชุดคลุมอาบน้ำมาใส่ทับ แล้วเปิดประตูออกไปก็เห็นกับแซคยืนรออยู่
“เจ้านายลงไปแล้วครับ” พิรุณรักพยักหน้าเข้าใจ
พิรุณรักพอเดินลงจากเรือเธอก็สำรวจบรรยากาศรอบ ก็พบว่าที่ที่อยู่ตอนนี้เธออยู่บนเกาะ ทะเลทางตอนใต้ของประเทศไทยนี่สวยจริงๆ
“เราจะพักที่นี่ครับ”
“พักที่นี่เหรอคะ แต่ฉันไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ”
“แล้วเราจะอยู่ที่นี่กี่วันคะ”
“คงต้องแล้วแต่เจ้านายครับ”
“แซค เร็วหน่อยไม่รู้รึไงว่ามันร้อน” เสียงตะโกนก้องมาจากข้างหน้าทำให้สองคนที่คุยกันอยู่หันไปมองก็พบกับแกริคที่ยืนรออยู่
“ไปเถอะครับ ถ้าคุณอยากรู้อะไรก็ถามเจ้านายได้ครับ” แซครู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ เขานึกว่าคนเป็นนายเดินเข้าไปในบ้านพักแล้วซะอีก เพราะแกริคลงเรือมาก่อน
“ถ้าเขาไม่ตอบล่ะคะ”
“อันนั้นผมก็ไม่รู้นะครับ” พิรุณรักกัดปากล่างเมื่อไม่ได้รับคำตอบ แต่ก็ไม่ถามต่อ เดินไปหาคนตัวโตที่ทำหน้าเรียบเฉยอยู่หน้าบ้านพักหลังใหญ่
คนอะไรทำเป็นหน้าเดียว เธอยังนึกสงสัยอยู่ว่าเขาเคยยิ้มบ้างไหม เพราะแม้แต่ในหน้าหนังสือพิมพ์หรือต่อหน้าสื่อมวลชนเธอก็ไม่เคยเห็นเขายิ้ม