บทที่ 206 แผนการของหานปิงหาน
เมื่อเห็นซุนเซียงเซียงเอามีดกรีดหน้าตัวเอง พนักงานหยูเม่ยหยินกรุ๊ปที่เห็นต่างก็ต้องตกตะลึง
นักข่าวคนหนึ่งขมวดคิ้วถาม “ผู้จัดการซุน คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะได้รับการอภัยจากผู้บริโภคของเราหรือ?”
ซุนเซียงเซียงส่ายหัวตอบ “ฉันและหยูเม่ยหยินกรุ๊ปไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมต้องขอการอภัยจากพวกคุณด้วย?”
ทันทีที่พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปหยิบผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปแล้วนำมาทาลงแผลบนใบหน้าของเธอ
“ทุกๆ ท่านสงสัยในผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปมากเลยไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันจะทดลองให้พวกคุณดูด้วยตัวฉันเองว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรามีปัญหาอย่างที่พวกคุณคิดหรือไม่” ซุนเซียงเซียงพูดอย่างใจเย็น
นักข่าวหลายๆ คนพยักหน้าชื่นชมในความกล้าหาญของซุนเซียงเซียงที่ใช้ใบมีดกรีดหน้าตัวเองเพื่อจะทำการทดลอง ช่างเป็นความกล้าหาญที่ไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ
แต่ก็ยังไม่มีนักข่าวอีกหลายๆ คนเยาะเย้ย “อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะรอดไปได้นะ วันนี้เราจะจับตามองหยูเม่ยหยินกรุ๊ปให้ถึงที่สุด ถ้าเกิดมีข้อผิดพลาดใดๆ สื่อของเราจะไม่ปล่อยไว้แน่นอน”
ซุนเซียงเซียงยิ้มพูด “ให้ผลลัพธ์เป็นผู้ตอบดีกว่า”
จากนั้นเธอรออย่างเงียบๆ และไม่ได้พูดอะไรอีก
เวลาหนึ่งนาที สองนาที สามนาทีค่อยๆ ผ่านพ้นไป
ห้านาทีหลังจากนั้น เหล่านักข่าวก็ได้เห็นฉากที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง
พวกเขาเห็นบาดแผลบนใบหน้าของซุนเซียงเซียงเริ่มตกสะเก็ดแล้ว และทันทีที่ตกสะเก็ดผิวหนังของเธอก็งอกขึ้นมาใหม่
เป็นผิวที่เนียนนุ่มและไม่ทิ้งร่องรอยบาดแผลใดๆ ทั้งสิ้น
นักข่าวหลายคนสูดปากแล้วพูดอย่างตกใจ “บ้าไปแล้ว เป็นไปได้ไง”
“พระเจ้า นี่เรากำลังเห็นการอัศจรรย์หรือ?”
“บ้าจริง มันเป็นยอดมนุษย์หรือ เวอร์ไปแล้ว”
ท่ามกลางเสียงตกใจของทุกคน ผู้สื่อข่าวถือกล้องขึ้นมาอีกครั้งแล้วบันทึกภาพอย่างไม่หยุด
สองสาวก่อนหน้านี้ยิ่งทำตัวไม่ถูก ถ้าผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปมีปัญหาจริงๆ หน้าของซุนเซียงเซียงคงไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้หรอก
ด้วยความรู้สึกผิด พวกเธอจึงค่อยๆ เบียดออกจากฝูงชนแล้วเตรียมหนีไป แต่ซุนเซียงเซียงได้จัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปิดล้อมไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเธอจึงหนีไปไหนไม่ได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มทำการตรวจสอบและวิเคราะห์ส่วนผสมสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป
ซึ่งได้ผลสรุปว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปนั้นเป็นไปตามมาตรฐานทุกประการ
ความเข้าใจผิดทั้งหมดที่มีต่อหยูเม่ยหยินกรุ๊ปก็เงียบหายไปทันที และในตรงกันข้ามผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปกลับได้รับการยกย่องจากทุกคน
หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำให้สื่อทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่หยูเม่ยหยินกรุ๊ป และทุกๆ สื่อได้ทำการรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว จึงทำให้ผู้บริโภคที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนได้เห็นเหตุการณ์ความมหัศจรรย์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น สินค้านี้ก็มียอดสั่งซื้อเข้ามาทางออนไลน์ถึงหลายสิบล้านออเดอร์
เวลาเดียวกันในสำนักงานของประธานชิงเหอกรุ๊ป
หานปิงหานได้ติดตามการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปอย่างไม่คาดสายตา
เมื่อได้เห็นเหตุการณ์พลิกแพลงของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปที่ได้รับการคอมเม้นต์ที่ดีจากทุกคน เธอได้แต่ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและบีบโทรศัพท์ไว้แน่นๆ จนแทบอดไม่ได้ที่จะบดขยี้มันให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ
ไม่คิดเลยว่าแผนการที่วางแผนมาอย่างรอบคอบของเธอจะถูกหยูเม่ยหยินกรุ๊ปทำลายอย่างง่ายดายเช่นนี้
“บ้าเอ้ย หยูเม่ยหยินกรุ๊ปจะครอบครองผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพแบบนี้ได้ไง” หานปิงหานไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นจริงๆ และจากสัญชาตญาณในตอนนี้เธอเริ่มได้กลิ่นของวิกฤตอันรุนแรงที่ใกล้เข้ามาหาเธอแล้ว
ผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปนี้แข็งแกร่งกว่าผลิตภัณฑ์รุ่นที่สองของชิงเหอกรุ๊ปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้จะนำมาเทียบกันไม่ได้อย่างแน่นอน
ต่อจากนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปจะบดขยี้ผลิตภัณฑ์ใหม่รุ่นที่สองของชิงเหอกรุ๊ป
“ไม่ได้ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ มิฉะนั้นชิงเหอกรุ๊ปต้องล้มละลายแน่” หานปิงหานพึมพำกับตัวเองแล้วพลางคิดแผนการใหม่ที่จะกลับมาเอาชนะได้อีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
ในขณะนี้เสียงเคาะประตูของสำนักงานดังขึ้น ผู้ช่วยของหานปิงหานเข้ามาพร้อมกับสีหน้าความกังวล
“ประธานหาน เกิดเรื่องแย่แล้ว คุณควรเตรียมใจไว้ก่อนจะดีกว่านะคะ” สวียั่นยั่นพูด
“ว่ามา” หานปิงหานพูดเพียงสั้นๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดราวกับว่าเธอรู้ในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
สวียั่นยั่นพยักหน้าตอบ “จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทของเราโดยตรง ตอนนี้หุ้นในตลาดของเราลดลง 20% แล้ว ซึ่งนับจากความเสียหายก็อาจจะมากกว่า 1 พันล้านและยังคงลดลงเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยค่ะ”
หานปิงหานถึงกับสะดุ้งดึกใจ แม้เธอรู้ว่าต้องเจอกับปัญหานี้แต่ผลที่ได้มันกลับแย่กว่าที่คิดไว้
“ประธานหาน เราควรทำอย่างไรดีค่ะ? คุณต้องคิดหาวิธีแล้วนะคะ ไม่เช่นนั้นชิงเหอกรุ๊ปของเราต้องลำบากแน่” สวียั่นยั่นเตือนอย่างระมัดระวัง
หานปิงหานเงียบไปสักพัก จากนั้นค่อยๆ ยิ้มพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าจะจัดการกับปัญหาของชิงเหอกรุ๊ปในปัจจุบันก็คงต้องแก้ไขที่ต้นเหตุเท่านั้น ไว้ใจเถอะ ฉันมีแผนการที่ชาญฉลาดสามารถเอาหยูเม่ยหยินกรุ๊ปให้ถึงตายได้อย่างแน่นอน”
ดวงตาสวียั่นยั่นประกายความสว่างขึ้นมาทันที เธอพูดต่อด้วยความตื่นเต้น “ประธานหาน เป็นแผนการอะไรคะ? ดิฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
หานปิงหานส่ายหัวแล้วพูดด้วยความมั่นใจอีกครั้ง “ใจเย็นก่อน คืนนี้ให้ฉันไปเจอกับใครบางคนก่อน”
สวียั่นยั่นพยักหน้ารัวๆ ความกังวลบนใบหน้าเธอได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย
เธอรู้มาตลอดว่าความตั้งใจของหานปิงหานนั้นต้องเล่นหยูเม่ยหยินกรุ๊ปถึงตายอย่างแน่นอน
……
ชิวซื่อกรุ๊ป
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่เสี้ยงหยาง เขาพอใจกับวิธีการทำงานของซุนเซียงเซียงเป็นอย่างมาก เขาได้เห็นวิธีการควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดของซุนเซียงเซียงเมื่อครู่นี้แล้ว
ชิวรั่วหานหัวใจว่างเปล่าราวกับว่าเธอกำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญของชีวิตเมื่อเห็นลู่เสี้ยงหยางกำลังจะจากไป เธอจึงรีบลุกจากเก้าอี้แล้วพูดว่า “พี่เขย ให้หนูไปส่งนะคะ”
“ขอบคุณนะ” ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้าแล้วยิ้มตอบเบาๆ เขารู้ถึงความตั้งใจของเธอดี แต่ที่น่าเสียดายคือความสัมพันธ์ของพวกเขาไปต่อไม่ได้อีก เพราะในใจของเขามีเพียงเย่สวนคนเดียว
จากนั้นชิวรั่วหานและลู่เสี้ยงหยางก็เดินออกจากชิวซื่อกรุ๊ปด้วยกัน
ชิวเจียงหั้วเห็นฉากนี้ เธอรู้ว่าลูกสาวกำลังคิดอะไร แต่เธอทำได้เพียงส่ายหัว
เด็กคนนี้หนอ รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แต่ก็ยังทำ
สิ่งแรกเลยก็คือลู่เสี้ยงหยางนั้นเป็นพี่เขยของเธออยู่แล้ว
แถมไม่พอลู่เสี้ยงหยางยังเป็นผู้ชายที่แต่งงานเข้าบ้านผู้หญิงอีก เขาไม่มีศักยภาพในตัวเลย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกเขยของเธอ
คนที่เธอชอบคือหลินเสี่ยวเฟิงชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมคนนั้นมากกว่า