48 Hours a Day 57 Welcome to China!

ตอนที่ 57 Welcome to China!

นิยาย 48 Hours a Day Chapter 57: Welcome to China!

 

Chapter 57: Welcome to China!

 

จางเฮงสังเกตเห็นเพื่อนๆของเขามองอะไรบางอย่าง ดังนั้น เขาจึงหันไปมองด้วย

 

ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ถูกดึงดูดตกลงไปที่สร้อยข้อมือมาเนกิเนโกะ(1) รอบข้อมือของหญิงสาวและตกตะลึงทันที

 

ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขาอยู่ในโตเกียว เขาเคยได้ไปเยี่ยมชมวัดเซ็นโซจิกับอามิโกะ ซึ่งเธอได้ให้ เทะรุเทะรุโบซุ(2) แก่เขา และในทางกลับกันจางเฮงก็ได้ซื้อสร้อยข้อมือให้เธอซึ่งเห มือนกับที่ผู้หญิงคนนี้สวมอยู่

 

ดังนั้นจางเฮงจึงรีบเข้าไปหาหญิงสาวและพูดอะไรบางอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่น ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายราวกับว่าเขาเพิ่งโยนเครื่องช่วยชีวิตให้เธอ และเธอจึงรีบอธิบายให้เขาฟังเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างรวดเร็วว่าเธอกำลังมีปัญหา

 

เธอชื่อฮายาเสะ อาสึกะ นักเรียนแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยใกล้ ๆ เธอเพิ่งมาถึงประเทศจีนและอยากรู้ทุกอย่างที่นี่ ดังนั้น ก่อนที่เธอจะเรียนภาษาจีนได้เพียงพอ เธอก็ดันแอบออกมาเดินเล่นด้วยตัวเอง

 

เธอไม่รู้ว่าชายผิวดำอีกสองคนเป็นใคร ช่วงที่ผ่านมาเธอได้ออกมาเดินเล่นและถ่ายรูป แต่อยู่ดีๆพวกเขาก็มาคว้าโทรศัพท์ของเธอไป! ไม่ว่าเธอจะอ้อนวอนพวกเขาเท่าไร พวกเขาไม่ยอมคืนมันให้เธอ และมันทำให้เธอก็ตื่นตระหนกมาก เพราะภาษาจีนกลางของเธอแย่มาก และเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่คนรอบข้างพูด และเธอก็กลัวว่าถ้าเธอไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจเมื่อถึงเวลานั้น พวกนั้นคงจะหนีไปพร้อมกับโทรศัพท์ของเธอแล้วและที่แย่ไปกว่านั้น หากไม่มีโทรศัพท์แล้วเธอก็ไม่รู้วิธีกลับไปโรงเรียนด้วยซ้ำ

 

จางเฮงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเกินไปเมื่อเธอพูดว่าภาษาจีนกลางของเธอแย่มาก เธออยู่ที่นี่มาเกือบสามเดือนแล้ว แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าจะขอความช่วยเหลืออย่างไรเห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนใจในชั้นเรียนเลย

 

แต่เมื่อเขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์แล้ว เขาก็รู้สึกว่าเขาสามารถจัดการได้

 

จางเฮงหันไปหาชายผิวดำสองคนและพูดว่า “คืนโทรศัพท์ให้เธอ”

 

ชายทั้งสองทำเป็นไม่รู้เรื่อง พร้อมสั่นศีรษะเหมือนเสียงกลองสั้น และเอาแต่พูดว่า I don’t konw I don’t konw ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ฮายาเสะ อาสึกะโกรธมาก เธอต้องการพุ่งเข้าใส่พวกเขาทว่าจางเฮงก็รั้งเธอเอาไว้ก่อน

 

ถึงกระนั้น เขาก็อดทนพูดซ้ำในสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้เป็น ภาษาอังกฤษ

 

หลายสายตาเริ่มจับจ้องมาที่ความโกลาหลมากขึ้นเรื่อยๆและชายผิวดำสองคนก็เริ่มประหม่าและตะโกนใส่จางเฮง “not your business, chink”

 

“เฮ้อ.จะมีแต่คนงี่เง่าอยู่เสมอเลยใช่มั้ยที่จะไม่ดีขึ้นจนกว่าจะได้รับบทเรียนเนี่ย.” จางเฮงพึมพำกับตัวเอง หลังจากที่เขาได้ยินคำดูถูกที่ชายผิวดำพูด แทนที่จะโต้เถียงกับพวกเขา เขาได้ชกใส่หน้าของชายคนนั้นทันที!

 

เขาไม่ออมมืออะไรไว้ เขาปล่อยหมัดสุดแรงจนมันหักจมูกของชายคนนั้น ซึ่งมันก็ทำให้ข้อนิ้วของเขาเจ็บเล็กน้อยด้วย

 

เมื่อชายอีกคนเห็นเพื่อนของเขาถูกโจมตี เขาก็โกรธจัด ดวงตาที่โกรธเกรี้ยวและร่างกายที่แข็งแรงของเขาดูน่ากลัวขึ้นมาทันทีในความมืดของกลางคืน

 

อายาเสะ อาซึกะ ถอยหลังไปสองก้าว แต่จางเฮงยังคงยืนอยู่ที่เดิม

 

ชายผิวดำงอตัวขึ้นก่อน แต่ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงหมัด ลูกค้าทุกคนที่นั่งที่โต๊ะใกล้ๆ ต่างก็ลุกขึ้น

 

สตรีทฟูทแห่งนี้ส่วนใหญ่ผู้ที่มาเที่ยวต่างก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยทั่วไปจะเป็นคนเลือดร้อนและไม่กลัวอะไร ซึ่งต่างจากคนแก่และคนวัยกลางคนที่กังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ต่างกระวนกระวายเมื่อเห็นดวงตาของฮายาเสะ อาสึกะแดงขึ้น และหลังจากได้ยินการสนทนาระหว่างจางเฮงกับคนผิวดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสบประมาทที่คนผิวดำใช้ พวกเขาก็โกรธเคืองมากขึ้น

 

มาเหว่ยและคนอื่นๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อสนับสนุนจางเฮงพวกเขาคิดว่าการกระทำของพวกเขาจะทำให้เกิดปฏิกิริยา ลูกโซ่และก็เป็นไปตามนั้น เมื่อนักเรียนคนอื่นๆ เห็นว่า มีคนเป็นผู้นำพวกเขาก็ทำตามและยืนขึ้นเช่นกัน

 

การระเบิดครั้งใหญ่นี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากยิ่งขึ้นมันทำให้ทุกคนต่างพูดคุยให้ความสนใจ และพยายามค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ จนทั่วทั้งซอยต่างยืน

 

เมื่อไม่เคยเห็นการแสดงพลังเช่นนี้มาก่อน นักเรียนแลกเปลี่ยนผิวดำก็ยืนนิ่งอยู่เคียงข้างกัน

 

แรงกดดันจากการยืนอยู่ตรงกลางที่รายล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนมากนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือเลย ถึงแม้จะเป็นไทสันที่อยู่ในสถานการณ์นี้ เขาก็คงจะหวาดกลัวเช่นกัน ในที่สุดชายผิวดำก็ตระหนักว่าเขาและเพื่อนของเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เพียงใด

 

นักเรียนแลกเปลี่ยนเหล่านี้หลายคนไม่ได้เป็นพลเมืองตัวอย่างในประเทศของตนอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาไม่ได้รับการต้อนรับที่นั่นอีกต่อไป พวกเขาได้หลบหนีไปยังประเทศตะวันออกอันเก่าแก่แห่งนี้ โดยเลือกโรงเรียนใดก็ได้ที่พวกเขาต้องการที่พักฟรี และยังสามารถยื่นขอเงินอุดหนุนได้อีกด้วย! ด้วยความภาคภูมิใจและความรุ่งโรจน์ของพวกเขาที่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการรักษาหน้า เมื่อใดก็ตามที่พวกเขามีความขัดแย้งกับนักเรียนคนอื่น โรงเรียนจะยืนเคียงข้างพวกเขาเสมอเพื่อประโยชน์ในภาพรวม ในที่สุด หลังจากที่อยู่ต่างประเทศได้ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มเสียท่าและกลายเป็นคนอวดดี

 

คืนนี้ ทั้งคู่ได้ออกมาหาความสนุกกัน และเมื่อพวกเขาเห็นผู้หญิงญี่ปุ่น พวกเขาก็นึกถึงความคิดที่ชั่วร้าย -การคว้าโทรศัพท์ของหญิงสาวนั้นไม่ใช่แรงจูงใจที่แท้จริงของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาอยากทำจริงๆ คือใช้โทรศัพท์หลอกให้เธอไปที่ห้องกับพวกเขา! พวกเขาไม่คิดว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ใช่จางเฮงที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่องแบบนี้

 

ในความโกรธพวกเขาใช้สำนวนที่พวกเขามักใช้ในประเทศของตน

 

จางเฮงที่โกรธเคืองจากการเสแสร้งของพวกเขาก็ได้ชัดคนหนึ่งให้ล้มลงไป เขาก็เชื่อว่าเขาสามารถล้มอีกคนได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

 

เขาไม่ได้คาดหวังให้เพื่อนร่วมห้องลุกขึ้นจากที่นั่งและคนอื่นๆ ที่รับประทานอาหารตามท้องถนนลุกขึ้นด้วย มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอะไรแบบนี้ เขาคงคิดได้เพียงว่าเพราะไอ้พวกนี้มันโจ่งแจ้งเกินไป หลายคนจึงระวังพวกเขาไว้อยู่แล้ว

 

ในท้ายที่สุดจางเฮงพูดกับชายผิวดำทั้งสองที่ตอนนี้กลายเป็นหินว่า “welcome to china”

 

จากนั้นผู้กระทำความผิดก็คืนโทรศัพท์ให้ฮายาเสะ อาสึกะ อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงหนีออกจากที่เกิดเหตุพร้อมกับเพื่อนที่มีจมูกเปื้อนเลือด

 

มีคนเริ่มส่งเสียงเชียร์ และทั้งถนนที่เหลือก็ส่งเสียงตามมา

 

เหว่ยเจียงเหยียนวิ่งไปหาเพื่อนร่วมห้องของเขาอย่างเบิกบานใจ “เหลือเชื่อ! ฉันจะเอาเรื่องคืนนี้ไปโม้อีกสิบปีเลย! เห็นไหมว่าเมื่อทุกคนยืนขึ้นพร้อมกันหมดเลย ชายผิวดำสองคนนั้นเกือบจะฉี่ราดกางเกงของเขามั้งเนี่ย”

 

มาเหว่ยยื่นนิ้วโป้งและพูดว่า “อย่างเจ๋ง!”

 

คนที่ตื่นเต้นอีกคนคือเฉินหัวตง เขาถามอย่างตื่นเต้น “นายเรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่? พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยหรอเนี่ย!! พระเจ้า! มีอะไรที่นายไม่รู้บ้างเนี่ย? ให้ตายสิ! ต่อยหน้าเขานี่มันเท่จริงๆ! นายสอนต่อยบ้างแล้วนะ!”

 

ฮายาเสะ อาสึกะไม่เข้าใจสักคำ แต่เธอรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ดีและยิ้มไปถึงหู

 

จางเฮงกล่าวกับเธอว่า “คุณควรจะเที่ยวตอนที่ยังเช้าอยู่นะและอย่าออกมาคนเดียวตอนดึกสิ แต่ถ้าจำเป็น อย่างน้อยก็เรียนภาษาจีนกลางบ้างนะ”

 

ใบหน้าของฮายาเสะ อาสึกะแดงระเรื่อขณะที่เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันมีเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนจากญี่ปุ่น ภาษาจีนกลางของพวกเขาค่อนข้างดี และเรามักจะออกไปเที่ยวด้วยกัน คุณเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศญี่ปุ่นเหมือนกันหรอ ภาษาจีนกลางของคุณดีมากเลยนะ และคุณก็รู้วิธีพูดภาษาอังกฤษด้วย”

 

เมื่อจางเฮงตระหนักได้ว่าเธอกำลังเข้าใจผิดเขาจึงส่ายหัว “ฉันเป็นคนจีน แต่ฉันเคยประมาณว่าเอ่อ…เคยใช้เวลาอยู่ที่โตเกียวมาก่อนน่ะ”

 

(1) มาเนกิเนโกะ แมวกวัก ตามความเชื่อของญี่ปุ่นแล้วจะนำโชคลาภมาให้กับเจ้าของ

 

(2) เทะรุเทะรุโบซุ – ตุ๊กตาไล่ฝน ตุ๊กตาขนาดเล็กที่ชาวญี่ปุ่นนิยมแขวนไว้ที่หน้าบ้าน ในเวลาที่ต้องการให้อากาศแจ่มใส

48 Hours a Day

48 Hours a Day

Score 10
Status: Completed

เติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นนักวัตถุนิยมพิสดาร คนที่ทิ้งเขาไว้กับตาเพื่อไปทำงานที่ต่างประเทศ จางเฮงเรียนรู้ที่จะปรับตัวและไม่ยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต แต่ไม่นานเขาก็ได้เรียนรู้ความจริงที่ประหลาดของโลกใบนี้ ในวันหนึ่งตอนเที่ยงคืนเวลาหยุดชะงักลงและเขาพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่เงียบงัน คืนนั้นเขาค้นพบว่าตนเองมีเวลาเพิ่มขึ้นมามากกว่าคนอื่นอีก 24 ชั่วโมง และมันคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย ความสามารถที่เพิ่งค้นพบนี้มีแต่จะยิ่งรายล้อมไปด้วยปริศนาเมื่อชายชราแปลกหน้ามาบอกว่าตนคือคนให้ของขวัญแก่จางเฮง ‘ของขวัญแห่งเวลา’ และเลือกเด็กหนุ่มเข้าให้เป็นส่วนหนึ่งของเกม ‘เปลี่ยนชีวิต’ ลึกลับในนามของเขา หารู้ไม่ว่าการที่จางเฮงตกลงรับข้อเสนอนั้นทำให้ชีวิตเขาเข้าไปพัวพันกับหลากหลายเรื่องราวและรับรู้ความลับของโลกใบนี้ – การตัดสินใจที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้

Options

not work with dark mode
Reset