เล่ห์รักกลกาล 9

ตอนที่ 9

เยี่ยเม่ยหันกลับไปมองเขา ถามเสียงเฉยชา “ถูกโยงไปด้วย ร้ายแรงนักหรือไง” 

 

 

เจ้าเมืองหลินมุมปากกระตุก ความจริงอยากตอบว่าร้ายแรงมาก ทว่าเห็นท่าทางไม่ยี่หระของเยี่ยเม่ย ดูท่าผู้อื่นคงไม่เห็นเรื่องนี้ในสายตา 

 

 

ไม่รู้ว่าองค์ชายสี่พาตัวแม่นางที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำนี่มาจากไหนกัน… 

 

 

เจ้าเมืองหลินมองเยี่ยเม่ยอยู่นาน คราวนี้ได้ยินเสียงดัง เพล้ง ขึ้นมาอีกครั้ง เสียงแจกันแตกกระจายดังมา 

 

 

เจ้าเมืองหลินตกใจเสียจนแข้งขาสั่น รีบคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเม่ยในทันที น้ำมูกน้ำตาไหลอาบ เริ่มตัดพ้อ “แม่นาง ท่านไม่ใส่ใจ แต่ยามท่านหญิงเดินทางมาก็นำพระราชเสาวนีย์ฮองเฮามาด้วย สั่งให้ข้าน้อยดูแลท่านหญิงให้ดี หากข้าน้อยมิอาจจัดการเรื่องนี้ได้ ผู้ใหญ่แก่เฒ่าเด็กเล็กในครอบครัวข้าน้อยจะเกิดเรื่อง ยามนี้นางยังอดอาหารอยู่ หากเรื่องนี้ฮองเฮาทรงทราบแล้ว ท่านหญิงยังไม่ทันหิวตาย ข้าน้อยอาจจะถูกตัดหัวก่อนก็ได้” 

 

 

บุรุษผู้หนึ่งร่ำไห้เสียจนน่าอนาถเวทนา 

 

 

เยี่ยเม่ยมองเขาอย่างเย็นชา ไม่เอ่ยวาจา 

 

 

เจ้าเมืองหลินร้องไห้ต่อ “อีกอย่างแม่นาง แม้ว่าท่านไม่กังวลเรื่องโดนลากโยงไปด้วย ทว่าหากเรื่องแดงออกไปก็ไม่น่าฟัง ถูกคนไล่ตามไปทั่วส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์สูงส่งของท่าน” 

 

 

เขายังจำได้ว่านางค่อนข้างใส่ใจภาพลักษณ์สูงส่งเป็นพิเศษ 

 

 

เยี่ยเม่ยนิ่งไปสักครู่ 

 

 

จ้องเจ้าเมืองหลิน “ไฉนข้ารู้สึกว่าหากสอดมือยุ่งกับเรื่องนี้ ทหารที่ไล่ตามจับข้าน่าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว” 

 

 

 “อ๋า” เจ้าเมืองหลินตะลึงงัน 

 

 

เยี่ยเม่ยเห็นใบหน้างุนงงของเขา ได้แต่เอ่ยเสียงเย็นชาต่อไปว่า “ความหมายของเจ้าคือขอเพียงนางยอมกินข้าวก็พอใช่หรือไม่” 

 

 

เจ้าเมืองหลินพยักหน้า “ถูกต้อง ถูกต้อง” 

 

 

ปัญหาที่ชวนปวดหัวมากที่สุดในเวลานี้นั่นก็คือนางอดอาหาร ทำลายข้าวของไม่กี่ชิ้นไม่นับเป็นอย่างไร 

 

 

เจ้าเมืองหลินเอ่ย ซ้ำยังตะกายไปถึงข้างขาเยี่ยเม่ย “แม่นาง ท่านช่วยข้าน้อยเถอะนะ ท่าน…” 

 

 

เขาพูดไป ยิ่งร้องไห้น่าอนาถกว่าเดิม 

 

 

เยี่ยเม่ยใช้ชีวิตแบบค่อนข้างตามใจตน ความเห็นใจคนยิ่งน้อยจนน่าสงสาร นางถามเสียงเฉยชา “เพราะอะไรถึงไม่ขอให้องค์ชายของเจ้าช่วยจัดการเรื่องนี้” 

 

 

 “เอ๋” เจ้าเมืองหลินสั่นเทา สายตาทอความหวาดกลัวขึ้นมาทันที 

 

 

อย่าพูดไปถึงเป่ยเฉินเสียเยี่ยน แค่คิดถึงคนผู้นั้น เขายังกลัวมาก  

 

 

เห็นท่าทางหวาดกลัวของเขา เยี่ยเม่ยลุกขึ้น เสียงเย็นเยียบ “ช่างเถอะ อย่างไรข้าก็ว่างเสียยิ่งกว่าว่าง ใช้เวลาน่าเบื่อนี้ช่วยเหลือพวกเจ้าสักหน่อยแล้วกัน” 

 

 

จากท่าทางของเจ้าเมืองหลิน ดูท่าเรื่องนี้นอกจากนางแล้วคงไม่มีใครแก้ไขได้ ในเมื่อมีความสำคัญกับคนปานนี้ จะเมินเฉยได้อย่างไร 

 

 

เจ้าเมืองรีบลุกขึ้นขอบคุณ เปิดทางให้เยี่ยเม่ย 

 

 

เขาเช็ดน้ำมูกน้ำตา “แม่นาง เชิญ เชิญ” 

 

 

เยี่ยเม่ยก้าวเท้าออกจากประตูไป 

 

 

 

 

 

ไม่ไกลออกไป บนหลังคาห้องหนึ่ง 

 

 

ดวงตาพราวแววชั่วร้ายคู่หนึ่งมองภาพภายในห้องอย่างชัดเจน  

 

 

บุรุษหนุ่มเอนกายบนหลังคา ปล่อยเท้าสบายแต่ยังไม่เสียท่วงท่าน่ามอง ยิ่งแสดงถึงความเย่อหยิ่งมากขึ้นไปอีก ใบหน้างดงามของเขาเผยเจตนาร้ายหรือดีก็ไม่ทราบ มองเยี่ยเม่ยเดินเข้าห้องของซือถูเฉียง 

 

 

หันไปมองอวี้เหว่ย “เจ้าว่า นางจะจัดการเรื่องซือถูเฉียงไม่ยอมกินข้าวอย่างไร” 

 

 

อวี้เหว่ยมุมปากกระตุก ผู้อื่นอดอาหาร ไม่ใช่ไม่ยอมกินข้าวเฉย ๆ แต่ช่างเถอะ ความจริงก็คือไม่กินข้าว หาได้ต่างกันไม่ 

 

 

อวี้เหว่ย “ข้าน้อยมิทราบ ทว่าดูจากท่าทีของท่านหญิงแล้ว แม่นางผู้นี้คุกเข่าขอโทษต่อหน้า เรื่องนี้อาจจะแก้ไขได้ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะแก้ไขได้ ดูแล้วคล้ายกับว่าท่านหญิงต้องการเอาชีวิตแม่นางผู้นั้น”  

 

 

เขาพูดไปพลางเหลือบมองวงหน้าด้านข้างของเตี้ยนเซี่ย 

 

 

ทว่าเวลานี้แสงอาทิตย์ล่วงเลยไปแล้ว เตี้ยนเซี่ยไม่ได้กินอะไรเลย พาเขามาแอบดูแม่นางผู้นั้น…เอ๋ ไม่สิ จากคำพูดของเตี้ยนเซี่ยก่อนออกมาคือ ‘สังเกตการณ์แม่นางผู้นั้นด้วยความรัก’ ต่างหาก เตี้ยนเซี่ยใช่เสียสติไปแล้วหรือเปล่า 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเลิกคิ้ว ดวงตาคู่งามหรี่ลง ยิ่งชวนเย้ายวนชวนให้คนหลงใหล 

 

 

เขาค่อย ๆ ลุกขึ้น “ไปเถอะ ตามไป ข้ารู้สึกว่า นางไม่มีทางทำให้เราผิดหวัง” 

 

 

อวี้เหว่ยพยักหน้า “ขอรับ” ความจริงอวี้เหว่ยอยากบอกว่า ‘เตี้ยนเซี่ย ข้าหิวแล้ว…ท่านไม่หิวเหรอ’ 

 

 

 

 

 

หน้าประตูห้องซือถูเฉียง 

 

 

เยี่ยเม่ยสาวเท้าก้าวยาวเข้ามา 

 

 

องครักษ์หน้าประตูเห็นนางก็ตะลึง รีบล้อมเยี่ยเม่ยไว้ ง้าวยาวชี้มาที่หญิงสาว ก่อนหน้าสตรีนางนี้ลงมือกับท่านหญิง ตอนนี้มาทำอะไรอีก จะลงมือกับท่านหญิงอีกหรือเปล่า 

 

 

เยี่ยเม่ยเห็นภาพการณ์เบื้องหน้า หันกลับไปมองเจ้าเมืองหลิน 

 

 

ถามเสียงเย็น “นี่พวกเขากำลังแสดงออกว่าต้อนรับข้างั้นหรือ” 

 

 

หากไม่ใช่ต้อนรับ นางกลับไปก็แล้วกัน 

 

 

เจ้าเมืองหลินกระตุกมุมปาก มองสีหน้าเยี่ยเม่ย เขาถนัดสังเกตสีหน้าคน จึงรีบเอ่ยว่า “ถูกแล้ว พวกเขาดีใจที่ได้ต้อนรับท่านมาก” 

 

 

พูดไปเขาก็เลิกคิ้วส่งสายตาให้เหล่าองครักษ์ 

 

 

เหล่าองครักษ์เห็นสายตาเขา มองหน้ากัน เข้าใจทันที ร่ายรำง้าวในมือ 

 

 

ทุกคน “ยินดีต้อนรับแม่นาง” 

 

 

เห็นพวกเขาแสดงออกโดยพร้อมเพรียง เยี่ยเม่ยพยักหน้าพอใจ เสียงเฉยชา “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าปกป้องข้า ภายหน้าไม่ต้องใช้ท่าทางเข้มแข็งเช่นนี้ต้อนรับข้าอีกแล้ว พานจะทำให้คนเข้าใจผิดว่าข้าไม่รู้จักถ่อมตน” 

 

 

ทุกคน “…” 

 

 

 ปกป้อง ถ่อมตน 

 

 

เยี่ยเม่ยไม่สนใจคนทั้งหมดอีก ก้าวเท้าเข้าห้องซือถูเฉียง ทั้งสั่งการเสียงเย็นชา “ข้าจะพยายามให้นางกินข้าวอย่างเต็มที่ หากพวกเจ้าไม่อยากให้นางหิวตาย ไม่ว่าใครก็อย่าเข้ามารบกวน” 

เล่ห์รักกลกาล

เล่ห์รักกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 121 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ขณะเดินทางกลับจากทำภารกิจ เฮลิคอปเตอร์ที่ เยี่ยเม่ย นักฆ่าสาวจากโลกปัจจุบันนั่งก็ปะทะเข้ากับพายุและเกิดการขัดข้องจนตกลงไปในน้ำวนบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา นั่นยังไม่น่าแปลกเท่าไหร่ สิ่งที่ประหลาดกว่านั้นคือเธอกลับทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หน้าไหนๆ และได้พบกับเขา ชายหนุ่มฉายาปีศาจร้ายกระหายเลือดผู้เป็นองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เป่ยเฉิน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน การพบกันของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นในการไขปริศนาความทรงจำที่หายไปของเยี่ยเม่ย เพราะอะไรเธอถึงต้องมาที่นี่และตัวเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกนี้ ปริศนานี้เธอจะต้องไขมันให้ได้

กล่าวกันว่าความบังเอิญไม่มีในโลก หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ?

Options

not work with dark mode
Reset