เล่ห์รักกลกาล 65

ตอนที่ 65

ในห้องทุกอย่างเรียบร้อย ไม่เหมือนถูกคนขยับเขยื้อนมาก่อน ทั้งไม่มีกลิ่นยาสลบ ดังนั้นต้องไม่ใช่ถูกลักพาตัว เช่นนั้นนางไปที่ไหนได้

 

 

จิ่วหุนยิ่งร้อนใจ เวลานี้รู้สึกเสียใจที่ตนออกไปข้างนอกเมื่อครู่

 

 

 …

 

 

ความจริงเยี่ยเม่ยเตรียมตัวนอนแล้ว

 

 

แต่เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เป็นวันแลกเปลี่ยน ยิ่งคิดว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนผู้นี้อยู่ในเป่ยเฉินก็ไม่ใช่คนที่ทุกคนชื่นชอบ ไม่แน่เพื่อต่อกรกับเขา อาจมีคนเล่นงานนาง ดังนั้นต้องจับตาดูให้รัดกุม ถึงได้ฝืนลุกขึ้นจากเตียงอีก

 

 

จัดการเรื่องให้ถึงขั้นไม่มีความผิดพลาดสักน้อย กันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน

 

 

จากนั้น

 

 

ที่คิดไม่ถึงคือนางเพิ่งเดินถึงโรงคลัง ก็เห็นหลูเซียงฮั่วนำคนส่งเสบียงที่เตรียมเอาไว้ไปด้านนอกอย่างลับล่อ ยังมีคนขนเสบียงชุดใหม่เข้าไปด้านใน

 

 

บนต้นไม้ไม่ไกลออกไป

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนอนพิงบนกิ่งไม้ สองมือประสานเป็นหมอน ท่าทางสังเกตการณ์ จับตามองอย่างสบายอารมณ์

 

 

อวี้เหว่ยยืนอยู่ด้านล่าง

 

 

หากปีนกำแพงเข้ามา จากตำแหน่งนั้นยากพบเห็นร่องรอยของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน แต่ว่าเยี่ยเม่ยเดินตรงดิ่งเข้ามาจากประตูใหญ่ ถึงได้บังเอิญพบเห็นอย่างชัดเจน

 

 

เสี้ยวนาทีที่นางเดินเข้ามามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน บุรุษหน้าตาหล่อเหลาชั่วร้ายคล้ายรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง

 

 

หันมองเยี่ยเม่ย ดวงตาสีเขียวคล้ายมีรอยยิ้ม

 

 

นี่ไม่ใช่การแสดงออกว่าร้อนตัว ดังนั้นตัดเรื่องเขาเล่นตุกติกอยู่เบื้องหลัง

 

 

เยี่ยเม่ยยักไหล่ เดินไม่กี่ก้าวก็ไปถึงใต้ต้นไม้ กระโดดขึ้นไปบนกิ่ง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเสื้อผ้าของนาง ถามออกด้วยเสียงน่าฟัง “แม่นางเยี่ยเม่ย เสื้อผ้าที่ส่งไปให้ที่ห้อง เจ้าไม่ชอบหรือ”

 

 

เสื้อผ้าบนตัวนางยังเป็นเสื้อผ้าชุดเดิมของนาง

 

 

อีกทั้งเสื้อผ้าใหม่พวกนั้น สองวันนี้นางใส่ครั้งเดียว เพียงเพื่อใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าไปซัก อีกทั้งนางยังมัดชายเสื้อขึ้น ทำให้เสื้อผ้าสตรีขาดความงดงามอ่อนหวานไปหลายส่วน เพิ่มความห้าวหาญขึ้นแทน

 

 

เยี่ยเม่ยมองเขา ตอบเสียงเย็น “ชอบ แต่ไม่สะดวก”

 

 

เสื้อผ้าใหม่พวกนั้นงดงามมากจริงๆ เพียงแต่มีผ้าพลิ้วไหว ล้วนเป็นผ้าโปร่งบาง สวยก็ส่วนสวย แต่สำหรับสตรีที่ต้องการความคล่องแคล่วอย่างนาง เพียงใส่ในวันสบายๆ เท่านั้น หากใส่เสียทุกวันจะขัดขวางการทำงานนางได้

 

 

ระหว่างที่เขาเอ่ยเช่นนี้ หลูเซียงฮั่วขนเสบียงออกไปจนหมดแล้ว

 

 

เสบียงชุดใหม่ก็ขนเข้ามาเรียบร้อย หลูเซียงฮั่วเสร็จงานก็ทำความเคารพต่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ทั้งไม่เข้ามารบกวนพวกเขา โบกมือพาทหารทั้งหลายจากไป

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองพวกเขาทีหนึ่ง แล้วถอนสายตากลับ

 

 

เขาฟังคำของเยี่ยเม่ยแล้ว พยักหน้า “เยี่ยนไม่รอบคอบเอง เยี่ยนจะรีบจัดเตรียมเสื้อชุดให้แม่นางเยี่ยเม่ยอีก หวังว่าแม่นางเยี่ยเม่ยจะไม่โกรธ”

 

 

ระหว่างที่เยี่ยเม่ยเอ่ย ก็มองการกระทำของพวกหลูเซียงฮั่ว เมื่อมองส่งคนจากไป เห็นท่าทีสบายๆ ของเขา นางก็ไม่ได้รีบร้อนถามถึงการกระทำของเขา

 

 

มองเขาพูดมาถึงตอนนี้ ในใจนางกลับรู้สึกดีขึ้นหลายส่วน เจ้าหนุ่มนี่ไม่เลวเลย หลังจากที่นางทอดทิ้งเสื้อผ้าของเขา ก็ไม่โกรธ ไม่บอกว่าความหวังดีของเขาถูกทำลายจนย่อยยับ กลับยอมรับคล้อยตาม

 

 

แสดงออกว่าจะไปเตรียมการทันที

 

 

บุรุษที่การควบคุมอารมณ์ได้ดี รู้จักเอาใจสตรีเช่นนี้ หาได้ไม่มาก

 

 

แต่…

 

 

จู่ๆ นางก็ฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้น มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “ท่านช่วยอธิบายได้หรือไม่ เพราะอะไร…” ปล่อยงูพิษที่เตียงข้า

 

 

ยังไม่ทันเอ่ยจบ

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอามือวางจรดริมฝีปาก ทำท่านิ้วส่งเสียงชู่ว์ เป็นสัญญาณให้เยี่ยเม่ยเงียบ

 

 

เกือบในเวลาเดียวกัน เยี่ยเม่ยก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เงียบลง สายตาคมมองออกไปนอกกำแพงเมือง

 

 

อวี้เหว่ยก็รู้สึกแปลกใจมาก มีร่างไหววูบ เงาร่างสีดำผ่านไป คนก็หลบซ่อนแล้ว

 

 

จากนั้นพวกเขามองเห็นคนสวมชุดดำหลายคน ปีนข้ามกำแพง คนพวกนั้นมองสำรวจไปรอบทิศ จากมุมมองของพวกเขา ยากมองเห็นเยี่ยเม่ยและเป่ยเฉินเสียเยี่ยนบนต้นไม้

 

 

ด้วยเหตุนี้ครั้งแรกที่มองมาก็เข้าใจว่าไม่มีใคร

 

 

คนชุดดำผู้หนึ่งรู้สึกฉงน “ไฉนไม่มีใครสักคน”

 

 

 “ดูท่าจะมั่นอกมั่นใจมากสินะ อย่างไรก็ยังอยู่ในเมืองคงไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน จึงไม่มีคนเฝ้าสินะ แต่สำหรับพวกเราแล้วนี่เป็นเรื่องดี ปฏิบัติการปลอดภัยขึ้นมาก” คนชุดดำอีกคนพูดขึ้น

 

 

แต่เมื่อชายชุดดำที่เอ่ยปากก่อนฟังถึงตรงนี้แล้วกลับไม่วางใจ

 

 

เขาเลิกคิ้วสูง ระมัดระวังมองไปรอบด้าน เอ่ยปากเสียงนิ่งว่า “ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่พวกเรายังต้องระวังไว้ กันไม่ให้ติดกับ”

 

 

 “เจ้าพูดไม่ผิด” คำพูดนี้ได้รับคำยอมรับจากอีกคนหนึ่ง

 

 

เยี่ยเม่ยบนต้นไม้เกือบจามออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ระดับฝีมือนี้ นางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่จำเป็นต้องตั้งใจอำพรางกายก็สามารถหลบจากสายตาพวกเขา นางรู้สึกว่าผู้บงการเบื้องหลังส่งคนมีฝีมือระดับนี้มาช่างเป็นการลบหลู่พวกนาง

 

 

ส่วนคนชุดดำหลายคนนั้น ยังหลงคิดว่าตนปลอดภัย

 

 

คนชุดดำที่ยังไม่วางใจ ยังสั่งการอย่างตั้งใจ เขาเอ่ยปาก “พวกเจ้าสองคนคอยคุ้มกันอยู่ที่นี่ก่อน หากมีการเคลื่อนไหวอะไร บอกข้าในทันที พวกเราสี่คนเข้าไปด้านใน”

 

 

 “ได้”

 

 

พวกเขาวางแผนกันอย่างรวดเร็วภายใต้สายตาของเยี่ยเม่ย จากนั้นเข้าไปด้านใน

 

 

คนสองคนท่าทางจริงจัง เฝ้าหน้าประตูด้วยความระวังอย่างถึงที่สุด

 

 

คนชุดดำทั้งสี่เดินเข้าไปในโรงคลัง

 

 

คราวนี้เยี่ยเม่ยจามออกมาจริงๆ เพิ่งจามเสร็จ นางพลันรู้สึกถึงลมหายใจเป่ารดข้างหู น้ำเสียงแหบพร่าของบุรุษดังขึ้นเบาๆ “แม่นางเยี่ยเม่ยรู้สึกเบื่อใช่หรือไม่”

 

 

น้ำเสียงทุ้มต่ำมีความยั่วยวนใจคน เสี้ยวขณะนั้นชวนให้รู้สึกคล้ายถูกงูตัวน้อยวิ่งเข้าสู่ร่างกาย ดึงดูดความปรารถนา ชั่วขณะนั้นทำให้เยี่ยเม่ยรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา อารมณ์ง่วงหงาวหาวนอนพลันไม่เหลืออีก

 

 

ยังไม่ทันเอ่ยอะไร กลับรู้สึกว่าริมฝีปากของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนปัดผ่านข้างหูนางอย่างแผ่วเบา

 

 

การกระทำหยอกเย้าเช่นนี้ทำให้นางหน้าแดงไปชั่วขณะ ตัวสั่นไปทั้งร่าง เกือบร่วงตกจากต้นไม้

 

 

ดีที่นางมีไหวพริบ คว้าจับกิ่งไม้ได้ไว ทั้งยังไม่ส่งเสียงออกมา

 

 

ทว่าคนกลับรู้สึกไม่ดีแล้ว หันหน้ามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน

 

 

น้ำเสียงนางต่ำลง ทว่ากระแสเสียงเย็นเยียบ สายตาตักเตือน “ท่านคิดก่อเรื่อง? ขอเตือนท่านไว้ อย่าก่อเรื่อง หากท่านทำให้ข้าเสียเรื่อง เปิดเผยตัวต่อคนชุดดำที่ทั้งน่าสนุกและอ่อนด้อยพวกนี้ ทำข้าเสียหน้า ข้าจะไม่ปล่อยท่านแน่”

 

 

หากไม่ใช่เพราะการต่อยตีทำให้เกิดความเคลื่อนไหว คนชุดดำจะรู้ตัว อาศัยแค่เขาเอาริมฝีปากปัดผ่านใบหูนาง การกระทำหยาบโลนเช่นนี้ นางต้องซัดพัดใส่เขาแน่

 

 

คำนี้ตักเตือน เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับคล้ายฟังไม่เข้าหู

 

 

เขาจ้องมองนางที่อยู่ใต้แสงจันทร์ ใบหน้าขาวผ่องเจิดจรัส ยังมีสีแดงเรื่อบนใบหน้า เตือนด้วยเสียงน่าฟังว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย เจ้าหน้าแดงแล้ว”

 

 

เขาเอ่ยมาเช่นนี้ เยี่ยเม่ยอยากหน้าเขียวขึ้นมาในทันที แต่ความกระอักกระอ่วนกลับทำให้ยิ่งแดงขึ้นแล้ว

 

 

นางไม่เคยสนิทชิดเชื้อกับบุรุษเช่นนี้มาก่อน เสี้ยวเวลานี้เพียงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

 

 

เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์สูงส่งของตน นางแสร้งไม่เป็นอะไรเอ่ยเสียงเย็นชา “ท่านมองผิดแล้ว อย่าทำเรื่องส่งผลกระทบต่อมิตรภาพของเรา”

 

 

พูดจบก็ไม่มองเขาอีก หันหน้าไปทางคนชุดดำที่เฝ้าประตูทั้งสองคน ผ่อนคลายความไม่เป็นตัวของตัวเอง

 

 

นางเอ่ยออกมา ริมฝีปากเขาคลี่ยิ้ม

 

 

กลับขยับเข้าใกล้นางอีก เยี่ยเม่ยคิดหันกลับไปมองว่าเขาจะทำอะไร

 

 

ทว่าคิดไม่ถึง ระหว่างหันหน้ากลับไป ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกัน คนทั้งสองชะงักนิ่งไปชั่วขณะ

 

 

ดวงตาสีเขียวของเขายิ้ม ในขณะที่นางตกตะลึง เขาขบริมฝีปากนางเสียดื้อๆ เพิ่มความลึกซึ้งของจูบ เวลานี้เยี่ยเม่ยตัวแข็งค้าง เบิกตากว้าง

 

 

ไม่ช้าได้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นตรงริมฝีปากของนาง “แม่นางเยี่ยเม่ย ปากเจ้าช่างหวานนัก”

เล่ห์รักกลกาล

เล่ห์รักกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 121 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ขณะเดินทางกลับจากทำภารกิจ เฮลิคอปเตอร์ที่ เยี่ยเม่ย นักฆ่าสาวจากโลกปัจจุบันนั่งก็ปะทะเข้ากับพายุและเกิดการขัดข้องจนตกลงไปในน้ำวนบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา นั่นยังไม่น่าแปลกเท่าไหร่ สิ่งที่ประหลาดกว่านั้นคือเธอกลับทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หน้าไหนๆ และได้พบกับเขา ชายหนุ่มฉายาปีศาจร้ายกระหายเลือดผู้เป็นองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เป่ยเฉิน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน การพบกันของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นในการไขปริศนาความทรงจำที่หายไปของเยี่ยเม่ย เพราะอะไรเธอถึงต้องมาที่นี่และตัวเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกนี้ ปริศนานี้เธอจะต้องไขมันให้ได้

กล่าวกันว่าความบังเอิญไม่มีในโลก หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ?

Options

not work with dark mode
Reset