เล่ห์รักกลกาล 61

ตอนที่ 61

สิ้นเสียงเขา 

 

 

สีหน้าซินเยว่เยี่ยนพลันแข็งทื่อไป หัวเราะฮี่ๆ เสียงแห้ง “ถูกเจ้าจับได้แล้ว เจ้าก็รู้ถึงแม้ข้ากับเซียวเซ่อหยางจะไม่มีความรู้สึกอันใดต่อกัน แต่อย่างไรก็มีสัญญาหมั้นหมาย ดังนั้นข้าต้องตามหาเขา ถึงมีโอกาสยกเลิกสัญญา เพราะฉะนั้นเจ้าต้องปล่อยข้าไปนะ?”  

 

 

น้ำเสียงราบเรียบของบุรุษดังขึ้นว่า  “พี่หญิงคิดถอนหมั้น หมู่ตึกกูเยว่สามารถส่งคนไปยกเลิกที่ตระกูลเซียวโดยตรง” 

 

 

ซินเยว่เยี่ยนมุ่นคิ้ว รีบเอ่ยว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเคารพพี่หญิงที่แก่กว่าเจ้าสามปีอย่างข้า ถึงไม่ถามหาสาเหตุในการถอนหมั้น จนถึงขนาดเอ่ยคำพูดประเภทนี้ออกมาง่ายดาย อย่างไรก็ตามหมู่ตึกกูเยว่ของเราเป็นฝ่ายถอนหมั้น ถอนหมั้นตรงๆ เป็นการฉีกหน้าตระกูลเซียว ดังนั้นถึงหวังให้เซียวเซ่อหยางขอถอนหมั้น ทำเช่นนี้ถึงทำให้ผู้อื่นสูญเสียงานแต่งงาน แต่ไม่เสียหน้า” 

 

 

น้ำเสียงเรียบของกูเยว่อู๋เหินเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “เขาถอนหมั้น ชื่อเสียงของพี่หญิงก็เสื่อมเสีย ในเมื่อต้องมีคนเสื่อมเสียชื่อเสียง อย่างนั้นก็ให้คนนอกแบกรับ”  

 

 

ระหว่างพูดคุย มือเขาบรรเลงพิณ เสียงดนตรีไพเราะเสนาะหูฟังดังเดิม 

 

 

จากท่าทีของกูเยว่อู๋เหินก็สะท้อนเห็นได้ชัดถึงการเข้าข้างคนของตนอย่างชัดเจน ทั้งสะท้อนถึงความใจดำของเขา คำพูดประเภทว่าหากมีต้องมีคนผู้หนึ่งโชคร้าย ก็ให้คนผู้อื่นรับเคราะห์ ซ้ำยังเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่ใส่ใจสักน้อยนิด 

 

 

ซินเยว่เยี่ยนที่คุ้นชินกับนิสัยเขามากนานแล้วยังอดกระตุกมุมปากไม่ได้  

 

 

ซินเยว่เยี่ยนยกมุมปากเอ่ยว่า “ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจข้าก็รับไม่ได้” 

 

 

“พิสูจน์ได้ว่าหนังหน้าของพี่หญิงยังไม่หนาพอ” สิ้นคำวิจารณ์สั้นๆ  เสียงเพลงบรรเลงมาถึงช่วงท้าย สิ้นเสียงพิณ ชายหนุ่มลุกขึ้น น้ำเสียงยังคงราบเรียบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พี่หญิงก็ไปเถอะ” 

 

 

ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าเดินกลับห้องของเขา 

 

 

ซินเยว่เยี่ยนยิ้มมุมปาก ผลักฉากกันลม เอ่ยเสียงสูงไล่ตามเงาหลังของเจ้าหนุ่มนั่นไป “จะว่าไปก่อนพ่อบุญธรรมจะสิ้นใจ กำชับให้ข้าจัดพิธีแต่งงานให้เจ้า รูปภาพที่ข้าให้คนส่งไป เจ้าดูหรือยัง มีใครต้องตาหรือไม่” 

 

 

นางเอ่ยเช่นนี้ไป น้ำเสียงราบเรียบของคนผู้นั้นส่งมาเบาๆ อีกครั้ง  “ความสง่างามของกูเยว่ ปุถุชนทั่วไปไม่อาจเอื้อมถึง” 

 

 

พูดจบ ประตูห้องเขาปิดลง คนเข้าด้านในไปแล้ว 

 

 

ท่าทางไม่ใส่ใจโลกหล้า รวมถึงไม่ยินยอมใส่ใจผู้ใด ไม่สนใจผู้คนนี้ก็รวมไปถึงตัวพี่สาวบุญธรรมของเขาด้วย 

 

 

เดิมก็คือกูเยว่ (จันทร์เดียวดาย) เหตุไฉนจึงต้องเปื้อนเรื่องทางโลกด้วย 

 

 

ซินเยว่เยี่ยนรู้จักนิสัยเย่อหยิ่งของเขาดี นางหางตากระตุก คิดว่ากูเยว่คือชื่อแทนของกูเยว่อู๋เหิน น้องชายบุญธรรมของนางผู้นี้ ไม่ว่าความสามารถ หรือความใจดำ  หรือว่านิสัยใจคอ นับว่าปุถุชนทั่วไปไม่อาจอาจเอื้อมจริงๆ 

 

 

เพียงแต่ดวงจันทร์บนนภาเดียวดายนี้ หรือจะโดดเดี่ยวไปชั่วชีวิต 

 

 

ซินเยว่เยี่ยนถอนใจ สาวเท้ากว้างเดินจากไป ไม่ได้ นางต้องเก็บข้าวของออกจากบ้าน ครั้งนี้ไม่เพียงจะต้องทำให้เซียวเซ่อหยางถอนหมั้น นางผู้เป็นพี่สาวที่สามวันตกปลา สองวันตากแห[1]พึ่งพาไม่ได้ผู้นี้ เวลานี้สมควรตั้งใจบ้างแล้ว หาแม่นางกลับมาให้น้องชายสักคน” 

 

 

   …… 

 

 

สองวันถัดมา ณ ชายแดน  

 

 

พ่อค้าโฉดจำนวนมากต่างถูกจับที่เมืองชายแดน เรื่องนี้ล้วนเป็นผลงานของเยี่ยเม่ย  

 

 

พูดให้ถูกคือ วันก่อนทหารจำนวนมากบุกโรงคลังอย่างกระทันหัน ตรวจสอบสินค้าผิดกฎหมาย เกรงว่าตนเองจะถูกจับขังคุก เถ้าแก่จนถึงลูกน้องล้วนตื่นเต้นตระหนกกันไปหมด กลัวว่าจะถูกจับเข้าคุก ให้ทัณฑ์ทรมาน จึงสารภาพออกมาว่าถึงความชั่วร้ายตลอดหลายปีที่ผ่าน หลอกลวงประชาชนอย่างไร 

 

 

คิดไม่ถึงว่า จับคนก็จับแล้ว 

 

 

ผลคือไม่ได้จับเข้าคุก แต่จับมาที่นี่ ทำเรื่องผิดกฎหมายต่อไป 

 

 

ถึงกระทั่งพวกเขาแต่ละคนเหงื่อกาฬเย็บเยียบ ในใจอดคิดไม่ได้ว่าหรือทหารเหล่านี้คิดทำการค้าผิดกฎหมาย? 

 

 

จากทุกอย่างดำเนินการเสร็จสิ้น 

 

 

เยี่ยเม่ยเดินเข้ามาในสถานที่ทำงานของพวกเขา หลูเซียงฮั่วก้าวออกมา นำสินค้ามอบให้เยี่ยเม่ย เอ่ยปาก “แม่นางเยี่ยเม่ย เสร็จงานแล้ว ท่านลองตรวจดู” 

 

 

เยี่ยเม่ยกวาดตามอง ไม่พบปัญหาใด พยักหน้าพอใจ 

 

 

สายตานางมองไปยังพ่อค้าโฉดที่ยืนตัวสั่นอยู่ด้านข้าง รวมถึงบ่าวไพร่ทั้งหลายที่มีสีหน้าหวาดกลัว หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบหลังจากทำงานเสร็จ 

 

 

แม่ทัพหลูเอ่ยปากถาม “แม่นางเยี่ยเม่ย คนที่ทำเรื่องชั่วร้ายพวกนี้ จะจัดการอย่างไร”     

 

 

เยี่ยเม่ยเสียงเย็นชา “พรุ่งนี้เป็นวันที่พวกเราออกไปแลกเปลี่ยนเสบียงกับต้ามั่ว คนเหล่านี้ขังไว้ที่นี่สามวันก่อน เพื่อไม่ให้มีข่าวเล็ดลอดออกไป” 

 

 

 “แล้วจากนั้น…”แม่ทัพหลูมองเยี่ยเม่ย รอคำสั่ง 

 

 

เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา ตอบว่า “จากนั้นลากไปที่ศาลาว่าการ สมควรจัดการอย่างไรก็ทำตามนั้น ทำความชั่ว สมควรชดใช้” 

 

 

หลูเซียงฮั่วพยักหน้า รู้สึกยอมรับในตัวเยี่ยเม่ยเพิ่มมากขึ้น “ขอรับ แม่นางเยี่ยเม่ย” 

 

 

สตรีนางนี้ถนัดใช้คน ทั้งรังเกียจความชั่วร้าย คู่ควรให้เขานับถือ 

 

 

   …… 

 

 

เยี่ยเม่ยเดินออกจากโรงคลัง ก็เป็นยามค่ำแล้ว  

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยืนรอนางหน้าประตู ส่วนจิ่วหุนอยู่ห่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกไปไม่ไกล สองมือกอดอก 

 

 

เยี่ยเม่ยเลิกคิ้วสูง จิ่วหุนเดินทางมากับนาง ย่อมไม่ต้องถาม 

 

 

เพียงแต่นางมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ถามว่า “ท่านมาหาข้า? มีอะไร” 

 

 

องค์ชายสี่พยักหน้า น้ำเสียงน่าฟังเอ่ยช้าๆ “แม่นางเยี่ยเม่ย วันนี้บนเตียงเจ้ามีงูพิษหลายตัว ข้าโยนไปเอง ก่อนนอนจงระวังไว้ให้ดี อย่าให้พวกมันกัดเจ้าได้” 

 

 

เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา เยี่ยเม่ยเรียวคิ้วขมวดแน่น รู้สึกว่ามีจุดใดไม่ถูกต้อง แต่ในเสี้ยวเวลาชั่ววูบคิดไม่ออก พยักหน้าตอบ “ขอบคุณที่เตือน” 

 

 

นางล่วงเกินใครอีก ถึงได้โยนงูพิษใส่ที่นอนนาง? 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว ก้มหน้าราวกับผู้มีมารยาท จากนั้นเดินสง่างามออกไป 

 

 

รอจนเขาจากไป เยี่ยเม่ยพลันตระหนักได้ หันกลับไปหาจิ่วหุน “เมื่อครู่เขาบอกว่าอะไรนะ ใครโยนงูพิษไว้บนเตียงข้า” 

 

 

นางฟังไม่ผิดใช่หรือไม่ 

 

 

หลังจากจิ่วหุนเดินมาถึงเยี่ยเม่ย แทบอยากเสียบมีดสั้นเข้าที่ตัวเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เขาตอบเสียงต่ำ  “เขาเป็นคนปล่อยงู” 

 

 

เยี่ยเม่ยหางตากระตุก เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยเช่นนี้จริง แต่นางปรายตามองจิ่วหุนทีหนึ่ง  ถามว่า “เจ้าว่าหากเขาเป็นคนปล่อย ไฉนถึงจงใจบอกข้า กลัวลอบทำร้ายสำเร็จเหรอ อีกอย่างเขามีเหตุผลใดในการทำร้ายข้า” 

 

 

หรือเขาต้องการรับแทนคนอื่น ใครกันที่มีหน้ามีตาถึงขั้นนั้น นางพลันรู้สึกแปลกใจ 

 

 

จิ่วหุนฟังแล้ว เสริมขึ้นน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าเห็นกับตา” 

 

 

เยี่ยเม่ยมองเขาด้วยความแปลกใจ รอคำพูดต่อไป เจ้าเด็กจิ่วหุนนี่อยู่กับนางทั้งวัน ไฉนของที่เขามองเห็น นางกลับมองไม่เห็น  

 

 

จิ่วหุนเห็นนางสงสัย ตอบว่า “เมื่อครู่เจ้าเข้าโรงคลังไป ข้าเห็นเขาเดินเข้าห้องเจ้า ไม่รู้ว่าถืออะไรอยู่ในมือ” 

 

 

มุมปากเยี่ยเม่ยกระตุกเล็กน้อย 

 

 

ดังนั้นทุกอย่างคือเรื่องจริงเหรอ ทำไมเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต้องทำเช่นนี้ สมองมีปัญหาหรือเปล่า  

 

 

นางคิดไม่ตก 

 

 

นางพยักหน้า เอ่ยว่า “ช่างเถอะ ไม่ต้องเอ่ยอีก กลับไปค่อยว่ากัน” 

 

 

 “อืม” จิ่วหุนยักหน้าเชื่อฟัง เดินติดตามเยี่ยเม่ยกลับไปจนถึงหน้าห้องนาง 

 

 

บนหลังคาไกลออกไป องค์ชายสี่นอนพิงหลังคา สองมือหนุนหลังคอเป็นหมอนด้วยท่าทีสบายอารมณ์ มองเงาหลังเยี่ยเม่ยและจิ่วหุนด้วยท่าทางโดดเด่นสง่างาม 

 

 

อวี้เหว่ยมองใบหน้าด้านข้างของเตี้ยนเซี่ยอย่างงุนงง “เตี้ยนเซี่ย เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้” 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนชี้ไปที่จิ่วหุน น้ำเสียงไพเราะตอบคล้ายไม่ใส่ใจว่า “เจ้าก็เห็นแล้วว่า ข้างกายนางมีเจ้าหนุ่มคนหนึ่ง ข้าเห็นเขาคือศัตรูหัวใจ เพื่อแสดงความพิเศษของเยี่ยน ก็ได้แต่ใช้วิธีเช่นนี้เพื่อดึงดูดความสนใจของนาง” 

 

 

อวี้เหว่ย “…?” เพื่อแสงความพิเศษ? ดึงดูดความสนใจ? 

 

 

ความจริงเขาอยากถามอีกหลายข้อ เตี้ยนเซี่ยท่านเคยไปจีบสตรีหรือไม่ 

 

 

เตี้ยนเซี่ยท่านมีปัญหาทางสมองหรือเปล่า 

 

 

เตี้ยนเซี่ยท่านอย่าได้ “พิเศษ”จนเกินเหตุๆได้ไหม? มีใครเขาขุดหลุมพรางให้ตัวเองแบบท่านบ้าง 

 

 

 

 

 

 

 

 

[1] ทำเรื่องใดๆ ประเดี๋ยวประด๋าว ทำได้ไม่นานก็เลิก ไม่จริงจังตั้งใจ 

เล่ห์รักกลกาล

เล่ห์รักกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 121 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ขณะเดินทางกลับจากทำภารกิจ เฮลิคอปเตอร์ที่ เยี่ยเม่ย นักฆ่าสาวจากโลกปัจจุบันนั่งก็ปะทะเข้ากับพายุและเกิดการขัดข้องจนตกลงไปในน้ำวนบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา นั่นยังไม่น่าแปลกเท่าไหร่ สิ่งที่ประหลาดกว่านั้นคือเธอกลับทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หน้าไหนๆ และได้พบกับเขา ชายหนุ่มฉายาปีศาจร้ายกระหายเลือดผู้เป็นองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เป่ยเฉิน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน การพบกันของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นในการไขปริศนาความทรงจำที่หายไปของเยี่ยเม่ย เพราะอะไรเธอถึงต้องมาที่นี่และตัวเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกนี้ ปริศนานี้เธอจะต้องไขมันให้ได้

กล่าวกันว่าความบังเอิญไม่มีในโลก หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ?

Options

not work with dark mode
Reset