เล่ห์รักกลกาล 43

ตอนที่ 43

คนทั้งหมด “…” 

 

 

คนทั้งหมดมองเยี่ยเม่ยโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งเบื้องลึกของจิตใจยังรู้ว่าการสารภาพของเตี้ยนเซี่ยช่างไม่สอดคล้องกับปัญหาหลักของสังคมเอาเสียเลย  

 

 

มีเงินมาก ทั้งยังมีอำนาจ 

 

 

ก็จริง บรรดาแม่นางทั้งหลายในเวลานี้ชอบบุรุษที่มีทั้งเงินทั้งอำนาจจริงๆ ส่วนเรื่องที่เตี้ยนเซี่ยบรรยายความสนใจและความใฝ่ฝันของเขา ซ้ำยังมีเป้าหมายอีก…แค่กๆ… 

 

 

เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนนิ่งๆ ไม่เอ่ยอะไร 

 

 

องค์ชายสี่เห็นนางไม่ตอบสนองอะไร ดวงตาลุ่มลึกนั่นมีแววสนใจ เสริมอีกประโยคว่า “อีกทั้งเยี่ยนรูปโฉมหล่อเหลาเอาการ ดูแล้วรื่นตาเริงใจ เป็นสามีสามารถช่วยปรับอารมณ์ ทำให้แม่นางเยี่ยเม่ยมีสติแจ่มใสได้ทุกวัน” 

 

 

เยี่ยเม่ยถามเย็นชา “พูดจบแล้วหรือยัง” 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า จากนั้นถามอย่างช้าๆ “พูดจบแล้ว แม่นางหวั่นไหวสักน้อยหรือไม่” 

 

 

เยี่ยเม่ยตอบอย่างเย็นชา “ไม่หวั่นไหว” 

 

 

อวี้เหว่ยแอบมองใบหน้าด้านข้างของเตี้ยนเซี่ย มักรู้สึกว่าแม่นางผู้นี้ไม่ไว้หน้าเตี้ยนเซี่ยต่อหน้าคนทั้งหมดต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ 

 

 

เขาคิดไม่ถึงว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังคำของเยี่ยเม่ยจบ เพียงพยักหน้า เอ่ยเสียงน่าฟัง “ดูท่าเยี่ยนยังทำเพื่อแม่นางไม่มากพอ เยี่ยนจะพยายามต่อไป จริงสิ แม่นางเยี่ยเม่ย เจ้าคิดว่าเยี่ยนสวมอาภรณ์สีใดถึงน่าดู เข้ากับความชอบของเจ้า” 

 

 

เยี่ยเม่ยมองชุดแดงของเขา ยิ่งดูชั่วร้ายไปใหญ่ ครั้งแรกที่พบกันเขาสวมชุดสีดำ ดูแล้วสง่างามยิ่ง นางจึงตอบตามตรงว่า “ดูดีทั้งหมด” 

 

 

ทันใดนั้น เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มยกมุมปาก นั่นคือความยินดีอย่างชัดเจนเมื่อได้รับคำชมจากคนที่ตนชื่นชอบ 

 

 

เขามองเสื้อผ้าเยี่ยเม่ย ยิ้มถาม “เช่นนั้นแม่นางเยี่ยเม่ยรู้สึกว่าตนสวมอาภรณ์สีใดถึงน่าชมเป็นพิเศษ” 

 

 

อวี้เหว่ยพลันคิดถึงวันนี้ก่อนที่นำทหารออกรบ เตี้ยนเซี่ยเอ่ยกับเขาว่า สองครั้งแล้วที่เห็นแม่นางผู้นี้สวมเสื้อผ้าชุดเดิม สมควรตัดชุดใหม่ให้แม่นางผู้นี้บ้าง ดูท่าเวลานี้กำลังสืบความชอบของแม่นางแล้ว 

 

 

เยี่ยเม่ยกลับไม่เข้าใจความหมายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน  

 

 

นางเพียงนิ่งไปหลายวินาที ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยตามความสัตย์อีกครั้ง “ข้าคิดว่าสำหรับสตรีแล้ว โดยเฉพาะสตรีที่รูปงาม สวมชุดใหม่ถึงน่าชมเป็นพิเศษ” 

 

 

รูปแบบค่อยเลือกทีหลังได้ ทว่าชุดใหม่จำเป็นต้องมี คำสำคัญก็คือ ‘ใหม่’ 

 

 

นางเอ่ยเช่นนี้ บุรุษทั้งหลายในสถานที่นี้ เหงื่อแตกพลั่ก พากันคิดถึงภรรยาที่บ้านของตน ไฉนเมื่อถึงฤดูใหม่ต้องขอเงินจำนวนหนึ่งคิดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้าด้วยท่าสง่างามแสดงออกว่าเขาเข้าใจ ทั้งยังมองเยี่ยเม่ยอีก ถาม “ต่อไปแม่นางเยี่ยเม่ยคิดไปที่ใด”  

 

 

เยี่ยเม่ยกวาดตามองเขา ตอบเสียงนิ่ง “ตามท่านกลับไป” 

 

 

   …… 

 

 

ณ ชายแดน คนทั้งหมดกลับเข้าเมืองแล้ว 

 

 

เยี่ยเม่ยกอดอก ยืนอยู่บนกำแพงเมือง มองพายุทะเลทรายของต้ามั่ว 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอยู่ห่างจากนางไม่ไกล จ้องแผ่นหลังนางเงียบๆ ท่วงท่าของเขาดูน่ามององอาจ คล้ายภาพวาดวิจิตร ติดตรึงอยู่ที่นั่น 

 

 

สายลมพัดปอยผมดำขลับของเยี่ยเม่ย เพิ่มความงดงามให้นางมากขึ้น เยี่ยเม่ยไม่หันกลับมาสักน้อย เอ่ยนิ่งๆ “ท่านต้องแปลกใจมากๆ แน่ ไฉนข้าถึงได้เอ่ยปากติดตามท่านกลับเมืองด้วยตัวเอง” 

 

 

องค์ชายสี่พยักหน้า ริมฝีปากบางเฉียบยิ้มยก เอ่ยช้าๆ “ต่างจากที่เยี่ยนคาดคิดไว้จริงๆ ” 

 

 

คิดถึงครั้งก่อนนางฝ่าวงล้อมคนมากมายก็ยังจะจากไป ครั้งนี้กลับขออยู่ต่อ เขารู้สึกสงสัยในสาเหตุอยู่บ้าง  

 

 

สายตาเยี่ยเม่ยมองไปสุดขอบฟ้า พระจันทร์ที่ขอบฟ้าเป็นสีเหลืองแล้ว พระอาทิตย์ยังสว่างสดใสแยงตาดั่งเดิม  

 

 

น้ำเสียงนางยังเย็นชาเหมือนเคย “ข้ากำลังรอ” 

 

 

 “อ้อ?” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเลิกคิ้ว รอฟังคำพูดต่อไปของนาง 

 

 

เยี่ยเม่ยเอ่ยต่อว่า “ข้าบุกค่ายทหารสังหารคน ท่านช่วยเหลือข้าบุกค่ายทหาร ความแค้นที่ข้ามีกับลู่หวานหว่านอาจถูกคิดบัญชีไว้กับท่าน จนถึงกระทั่งราชสำนักเป่ยเฉิน ดังนั้นข้ากำลังรอ หากต้ามั่วตัดสินใจคิดบัญชี อย่างนั้นข้าจะช่วยพวกท่านไล่ศัตรู เรื่องนี้ข้าเป็นคนก่อขึ้น นี่คือความรับผิดของข้า หากพวกเขารามือไปเช่นนี้ ไม่มีเจตนาคิดบัญชีกับพวกท่าน อย่างนั้นข้าก็ขอตัวลาไปก่อน” 

 

 

กลยุทธ์การใช้ทหารของนาง ยังร้ายกาจมากด้วย 

 

 

นางเอ่ยประโยคนี้ออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเลิกคิ้ว ถามว่า “เยี่ยนยินดีกับเหตุผล สามารถทำให้แม่นางเยี่ยเม่ย รั้งอยู่ต่อได้ แต่แม่นางสมควรเข้าใจว่า ทหารสองฝั่งเปิดศึกกันมาแต่แรกแล้ว ต่อให้ไม่มีเรื่องของแม่นาง ต้ามั่วก็ยังเดินทัพเช่นเดิม” 

 

 

 “นี่มันต่างกัน” เยี่ยเม่ยหันกลับไปมองเขา 

 

 

สายลมพัดผมดำขลับของนาง แสงอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่องแผ่นหลังเยี่ยเม่ย ทำให้ดูงดงามราวกับหญิงสาวแรกรุ่นในหนังสือการ์ตูน ทว่าก็มีความสง่างามราวกับเทพกรีกโบราณ ทั้งยังมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว 

 

 

เยี่ยเม่ยจ้องเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ยช้าๆ “หากต้ามั่วให้ข้าเป็นเหตุผล อย่างนั้น…ไม่ว่าจะเป็นข้ออ้างหรือไม่ ข้าก็สมควรแบกรับความรับผิดชอบส่วนหนึ่ง นี่คือความรับผิดชอบ เรื่องที่ข้าทำ ต่อให้มีส่วนเกี่ยวข้องเล็กน้อยก็ไม่มีทางให้ผู้อื่นช่วยแบกรับผล ผู้อื่นก็ไม่มีคุณสมบัติมาแบกรับผลลัพธ์แทนข้า” 

 

 

           พูดไปน้ำเสียงของนางยิ่งสูง เสียงดังกล่าวว่า “อีกอย่างหากพวกเขากล้ายกเรื่องนี้เป็นเหตุผล ใช้เรื่องที่ข้าไล่ฆ่าเดียรัจฉานตัวหนึ่งเป็นเหตุในการเปิดศึก อย่างนั้นข้าก็จะร่วมกับพวกท่าน สั่งสอนพวกเขาสักครั้งหนึ่งข้าต้องการให้พวกเขารู้ ให้ทั่วหล้ารับรู้ว่า การกระทำของพวกเขานั้นผิดพลาด ปกป้องเดียรัจฉานคือความผิด บิดเบือนความยุติธรรมคือความผิด ทวงคืนความยุติธรรมจอมปลอมยิ่งคือความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า” 

 

 

มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจ้องนาง ไม่พูดจา 

 

 

         น้ำเสียงเยี่ยเม่ยค่อยๆ นุ่มนวลขึ้น ทว่ายังคงเย็นชาเหมือนเดิม นางหมุนตัวกลับทอดสายตามองไกลออกไปอีกครั้ง 

 

 

นางเอ่ยเสียงนิ่ง “ข้าจะทำให้คนทั้งโลกเข้าใจว่าอะไรคือความยุติธรรม ข้าจะทำให้ความยุติธรรมดำรงอยู่อย่างยั่งยืน ซ้ำยังบรรลุผลอย่างรวดเร็ว ข้าจะทำให้พวกชั่วร้ายกลับไปอยู่ในนรกที่พวกมันสมควรอยู่ ไม่มีวันปีนขึ้นมาได้อีก ข้าจะทำให้โลกใบนี้มีกฎหมายที่ชัดเจน นำมาปกป้องคนดีทั้งหลาย ไม่ใช่ปกป้องเฉพาะชนชั้นสูง ข้าจะทำให้เด็กๆ รู้ว่า นี่ถึงเป็นโลก เป็นสิ่งที่ยุคสมัยอันงดงามสมควรมีอยู่”  

 

 

ใช่ เมื่อก่อนนางคือนักฆ่า 

 

 

แต่คนที่ตายในมือนางในโลกก่อน ล้วนเป็นพวกมือเปื้อนเลือดชั่วช้าสามานย์ ไม่ก็คนที่ไม่อาจสู้ได้แม้แต่หมูหมา 

 

 

แต่ไรมานางต่างกับพวกนักฆ่าที่รับมือคร่าชีวิต นางไม่กล้าบอกว่าตนเองเป็นคนดี ถึงกระทั่งไม่กล้าบอกว่าตนมีความเห็นใจคน ทว่านางยึดมั่นในความยุติธรรม ความดำมืดสมควรชำระทิ้ง ความขาวสว่างสมควรดำรงไว้ 

 

 

น้ำเสียงของเยี่ยเม่ยทรงพลัง ไม่เพียงแต่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟัง เหล่าทั้งที่อยู่ใต้กำแพงต่างได้ยินจนหมด พวกเขาเบือนหน้า มองไปยังทิศทางที่สตรีผู้นั้นยืนอยู่  

 

 

 

 

 

สตรีผู้หนึ่งอาศัยอยู่ที่ยุคที่บุรุษเป็นใหญ่สตรีเป็นรอง เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา ช่างน่าขันเสียจริง 

 

 

แต่ในเวลานี้พวกเขาไม่มีใครกล้าหัวเราะทั้งสิ้น เพียงแต่จ้องมองนางเงียบๆ ถึงกระทั่งบางคนมองนางด้วยความเลื่อมใส พวกเขาต่างรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่จวนที่ว่าการนายอำเภอ ทั้งยังรู้ว่านางคือสตรีที่ไล่สังหารเจ้าเดียรัจฉานไปจนถึงต้ามั่วผู้นั้น 

 

 

วันนี้พวกเขาก็รู้อย่างชัดแจ้ง เข้าใจคำพูดของนางอย่างชัดเจน ไม่ว่าสุดท้ายแล้วนางสามารถทำตามที่เอ่ยมาในวันนี้ได้หรือไม่ นางล้วนคู่ควรแก่การยกย่อง 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองแผ่นหลังของเยี่ยเม่ยเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง มองท่วงท่างดงามของนาง เชิดหน้าสูงคล้ายกับหงส์ที่งดงามและเย่อหยิ่ง 

 

 

เขาพลันยิ้มออกมาแล้ว 

 

 

ยืนทอดสายตามองไปยังแผ่นหลังของเยี่ยเม่ย เอ่ยช้าๆ ว่า “อย่างนั้นก็ให้เยี่ยนช่วยเจ้าดีหรือไม่” 

 

 

เยี่ยเม่ยย่นคิ้ว สายตารั้งกลับมองเขา ลมพัดปอยผมของนางทำให้เยี่ยเม่ยดูงดงามเกินบรรยาย นางถามว่า “นี่ก็คืออุดมการณ์ของท่านหรือ” 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเลิกคิ้ว ยิ้มน่าชม เอ่ยสบายๆ “ความเป็นตายของคนในโลกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า ความยุติธรรมที่ฝังไว้มุมไหนสักแห่งนั่นก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า แต่ในเวลานี้เจ้าเกี่ยวพันกับข้า เจ้าต้องการให้ความยุติธรรมแผ่ไปทั่วใต้หล้า ข้าช่วยเจ้า เจ้าต้องการให้เลือดไหลนองเป็นธารโลหิต ข้าก็สามารถเป็นมีดแหลมคมให้เจ้า ไม่ว่าเจ้ายอมรับหรือไม่ นี่คือความจริงใจของเยี่ยน” 

เล่ห์รักกลกาล

เล่ห์รักกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 121 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ขณะเดินทางกลับจากทำภารกิจ เฮลิคอปเตอร์ที่ เยี่ยเม่ย นักฆ่าสาวจากโลกปัจจุบันนั่งก็ปะทะเข้ากับพายุและเกิดการขัดข้องจนตกลงไปในน้ำวนบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา นั่นยังไม่น่าแปลกเท่าไหร่ สิ่งที่ประหลาดกว่านั้นคือเธอกลับทะลุมิติเข้ามาอยู่ในยุคโบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หน้าไหนๆ และได้พบกับเขา ชายหนุ่มฉายาปีศาจร้ายกระหายเลือดผู้เป็นองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์เป่ยเฉิน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน การพบกันของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นในการไขปริศนาความทรงจำที่หายไปของเยี่ยเม่ย เพราะอะไรเธอถึงต้องมาที่นี่และตัวเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับโลกนี้ ปริศนานี้เธอจะต้องไขมันให้ได้

กล่าวกันว่าความบังเอิญไม่มีในโลก หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ?

Options

not work with dark mode
Reset