เพราะรักสลักใจ 899 สามีภรรยารุดหน้าไปสนามรบ

ตอนที่ 899 สามีภรรยารุดหน้าไปสนามรบ

ตอนที่ 899 สามีภรรยารุดหน้าไปสนามรบ

 

 

แปดปีต่อมา สถานที่ที่เคยแร้นแค้นท่ามกลางพายุทรายค่อยๆ กลับกลายเป็นโอเอซิส และอาณาเขตของพื้นที่สีเขียวนี้ก็แผ่กว้างออกไปทีละนิดๆ

 

 

ซูเซียงยังขุดทะเลสาบเทียมขนาดใหญ่หลายแห่ง ชักน้ำทำชลประทานเข้าไร่การเกษตร ชีวิตของทุกคนค่อยๆ ดีขึ้น อัตราการรอดของพืชสมุนไพรก็ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ

 

 

พวกเขายังเปิดเหลาสุราและโรงผลิตกระดาษขึ้นมา วิทยาเขตแยกแห่งแรกของสำนักศึกษาแพทย์ก็เปิดขึ้นแล้วที่ซาโจว อีกทั้งยังก่อตั้งสำนักเฉพาะทางด้านกระดูก สำนักเฉพาะทางประสาทวิทยา ศูนย์ดูแลผู้ป่วยชราระยะสุดท้าย ยังมีสำนักเฉพาะทางบุรุษเวชศาสตร์และนรีเวชศาสตร์

 

 

สิ่งที่ซูเซียงประชาสัมพันธ์กับทุกคนอยู่เสมอก็คือถ้ามีโรคก็ต้องรักษา อย่าอายที่จะเอ่ยปาก อย่าปล่อยให้การเจ็บป่วยเล็กน้อยลุกลามเป็นโรคร้ายแรง

 

 

นอกจากนี้ซูเซียงเองก็รู้กฎธรรมเนียมของคนสมัยโบราณ ไม่อาจให้หมอผู้ชายมาตรวจทางนรีเวชได้เด็ดขาด ดังนั้นนางจึงอบรมหมอหญิงจำนวนมากเพื่อรักษาด้านสูตินรีเวชโดยเฉพาะ เช่นนี้เมื่อทุกคนล้วนเป็นสตรีจึงไม่มีความเกรงใจขัดเขินอันใด

 

 

ชีวิตของทุกคนอยู่ดีกินดี ร่างกายก็แข็งแรง ย่อมยิ่งเอนเอียงเข้าหาซูเซียง

 

 

 

 

กระพรวนน้อยแต่งเป็นภรรยาให้ชิงสือ เป็นข่าวเลื่องลือชื่นชมทั่วท้องถิ่น ชาวบ้านปิดเมืองเฉลิมฉลอง ทุกครัวเรือนแขวนโคมแดงจุดลุกประทัด ร้องเต้นเล่นละคร สนุกสนานครื้นเครง

 

 

หลายปีนี้ก้อนแป้งน้อยติดต่อค้าขายเส้นทางโพ้นทะเล ยังพาองค์หญิงต่างแดนผมทองตาน้ำข้าวกลับมาด้วยคนหนึ่ง

 

 

ไม่ว่าไปที่ใดก็ได้ยินเสียงเยินยอของชาวบ้าน “คุณชายน้อยของเรานี่เก่งกาจจริงเชียว แม่นางที่พากลับมาคนนั้นดวงตานี่เป็นสีน้ำเงิน เส้นผมนี่หยักศกเหลืองทอง โฉมงามเลยล่ะ!”

 

 

“ได้ยินมาว่ายังเป็นองค์หญิงด้วยนี่ ไม่รู้ว่าเป็นองค์หญิงแคว้นใดกันหนอ?”

 

 

“หือ? อันนี้ข้าไม่รู้แล้ว แต่วันก่อนข้ายังเห็นองค์หญิงคนนั้นซื้อขนมอยู่ตรงร้านข้างๆ พูดจาไม่ค่อยคล่องนัก แต่ผู้อื่นพูดไปยิ้มไป ดูแล้วน่ารักน่าเข้าใกล้”

 

 

“นั่นก็แน่อยู่แล้ว คุณชายน้อยของเรายอดเยี่ยมขนาดนั้น องค์หญิงที่พากลับมาย่อมต้องดีที่สุด!”

 

 

 

 

ชีวิตก็ผ่านพ้นไปแต่ละวันเช่นนี้ วันนี้ซูเซียงกับจ้าวเซิงนั่งบนยอดเขา มองพื้นที่สีเขียวที่ตัวเองสร้างขึ้นกับมือ

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าซูเซียงสดใสเจิดจ้า กุมมือของจ้าวเซิงไว้ “ท่านพี่ เจ้าคงเคยนึกเสียใจ?”

 

 

จ้าวเซิงพลิกมือมากุมมือขของซูเซียงไว้ ยิ้มกล่าวอย่างแน่วแน่ “โชคดีที่ตอนนั้นไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ ไม่พลาดพลั้งจากภรรยาแสนดีเช่นนี้ ข้ายินดีใช้ชีวิตในนาสวนด้วยกันกับเจ้า มองดูลูกๆ ค่อยๆ เติบโตทีละนิด…”

 

 

แต่ในเวลานี้ ซ่งมู่กับองครักษ์มังกรส่งข่าวมาพร้อมกันว่ากองทัพที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันนำทัพด้วยตัวเองกำลังจนมุม

 

 

หลายปีนี้แม้จ้าวเซิงไม่สนใจงานของราชสำนัก และมิได้ไปมาหาสู่กับรัชทายาท ทว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง เรื่องภายในเขาไม่อาจสอดมือ แต่ข้างนอกเขาก็ต้องช่วยดูหน่อย

 

 

พอรู้ว่าพี่ชายของตนนำทัพด้วยตัวเองแล้วถูกปิดล้อม เขาก็พลันตื่นตระหนกขึ้นมา คว้ามือของซูเซียงไว้ “ที่รัก…”

 

 

แม้ซูเซียงเคยพูดว่าไม่กล่าวโทษรัชทายาทอีกแล้ว แต่การไปครั้งนี้อันตรายยิ่งนัก ซูเซียงอาจจะไม่เห็นด้วย ถ้าซูเซียงไม่ตอบตกลงแล้วเขาจะทำอย่างไรดี?

 

 

คิดไม่ถึงว่าซูเซียงทำหน้าตาจริงจังทันที “นี่มันเวลาไหนแล้วยังมาพิรี้พิไรเพ้อเจ้อเรื่องพวกนี้ เร็วสิ ป้ายสีดำอันนั้นของเจ้าแขวนไว้ที่ไหนแล้ว? โอ๊ย แขวนไว้ไหนเนี่ย? ทำไมนึกไม่ออก…ใช่แล้วๆ ไม่มีป้ายดำก็ไม่เป็นไร ในมือข้ายังมีคำสั่งลับของพระพันปี เร็วเข้า…”

 

 

ซูเซียงยิ่งพูดก็ยิ่งร้อนรน เริ่มคลำหาตามตัว กำป้ายอาญาสิทธิ์ที่พระพันปีมอบให้นางไว้ก่อนสิ้นพระชนม์ไว้ในมือแน่น มีสิ่งนี้ไว้อย่างน้อยก็อุ่นใจ

 

 

จ้าวเซิงกลับไปหยิบป้ายคำสั่งสีดำทันที พาซูเซียงรุดหน้าไปสนามรบ

 

 

ทหารทั้งสามทัพ[1]เห็นอ๋องสงครามและชายามาถึง ก็ไม่รีรอ ให้ความร่วมมือเต็มกำลัง

 

 

รัชทายาทถูกช่วยออกมาได้ เวลาล่วงเลยมากว่าสิบสองปี สองพี่น้องพบหน้ากันอีกครั้ง ท่ามกลางภูเขาศพทะเลเลือด เพียงยิ้มเดียวก็ลืมสิ้นความแค้น

 

 

แผนการโฉดชั่วของต้าจ่างกงจู่และฮู่กั๋วกงถูกเปิดโปง ตัวการถูกประหารตัดหัว คนอื่นๆ ถูกเนรเทศสามพันลี้ แต่ระหว่างทางถูกฝูงชนผู้โกรธเกรี้ยวกระหน่ำดาบจนตาย โดยเฉพาะซูย่วน ชื่นชอบบุรุษนักมิใช่หรือ สุดท้ายทำชั่วได้ชั่ว ถูกผู้ชายสิบกว่าคนหมุนเวียนทรมาน ครึ่งปีเต็มๆ ถึงค่อยหลับตาลงในที่สุด

 

 

กั๋วกงจู่กับพระสวามีเมตตากรุณา รับช่วงต่อกิจการพืชผลเกษตรและสมุนไพรทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองและประชาชน ก้อนแป้งน้อยปฎิเสธการแต่งตั้งของรัชทายาทอย่างสุภาพแล้วไปยังโพ้นทะเล นับแต่นั้นมาสองประเทศก็แลกเปลี่ยนสินค้า ไปมาหาสู่ด้านอาวุธการทหาร เชื่อมสัมพันธไมตรีแน่นแฟ้น

 

 

เดือนหนึ่งปีถัดมา ซูเซียงตั้งครรภ์อีกครั้ง หลังเก้าเดือนแล้วก็ให้กำเนิดลูกแฝดหงส์คู่มังกร[2] ตั้งชื่อเล่นให้ว่า ‘ลูกชิ้น (ถวนจื่อ)’ กับ ‘ลูกแป้ง (หยวนจื่อ)’ แฝงความหมายว่าครอบครัวหวนกลับมาอยู่พร้อมหน้า[3]

 

 

เดือนสิบสองปีเดียวกันลูกชิ้นได้รับพระราชทานนามจากจักรพรรดิว่า ‘จ้าวฉือ’ ประการหนึ่งคือหวังให้เขาเป็นพหูสูตมากความสามารถเหมือนดั่งพจนานุกรม (ฉือเตี่ยน) อีกประการก็คือหมายถึงมาช้า (ฉือไหล)

 

 

ผ่านไปอีกสิบสองปี ระหว่างทางซูเซียงยังคลอดลูกชายให้จ้าวเซิงอีกหนึ่งคน รับตำแหน่งซื่อจื่อสืบทอดจวนอ๋อง

 

 

จักรพรรดิกับพระอัครมเหสีครองคู่สามีภรรยาเดียว พระอัครมเหสีประสูติพระธิดาองค์โตพระวรกายเสียหาย จึงรับจ้าวฉือไว้ในนาม พระราชทานแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท

 

 

 

 

-จบบริบูรณ์-

 

 

 

 

 

 

[1] ทหารสาทัพ หมายถึง ทัพหน้า ทัพหลวง และทัพหลัง

 

 

[2] หงส์คู่มังกร หมายถึงแฝดชายหญิง

 

 

[3] เมื่อนำชื่อของถวนจื่อกับหยวนจื่อมารวมกันจะได้เป็นคำว่าถวนหยวน (团圆) หมายถึง หวนกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา

เพราะรักสลักใจ

เพราะรักสลักใจ

Score 10
Status: Completed

เล่มที่ 1-8

ตอนที่ 1-800 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ซูเซียง นักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การเกษตรศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เป็นลมทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่ชื่อแซ่เดียวกันกับนางในชนบท ทั้งยังไร้บ้าน ไร้เงิน พ่วงติดมาด้วยลูกน้อยอีกสองคน กลายเป็นหญิงหม้ายลูกติดอย่างสมบูรณ์ เช่นนี้มันไม่ยุติธรรมกับนางเลย อยู่ดีๆ ชีวิตนางก็กระโดดมาอยู่ในจุดที่สุดแสนจะโชคร้าย อเนจอนาถยิ่งนัก!

ไม่เพียงต้องใช้ความรู้ที่มีปลูกผักขุดบ่อปลาหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ยังต้องมาคอยเอาใจ จ้าวเซิง บุรุษหนุ่มรูปงามท่าทางสูงศักดิ์ผู้มา ‘ขออาศัย’ อยู่กับนางด้วยเหตุน่าสงสัยบางอย่าง ตัวนางในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเป็นถึงนักศึกษาปริญญาเอก แต่กลับมานั่งทะเลาะกับเจ้าภูเขาน้ำแข็งซึนเดเระในยุคจีนโบราณเช่นนี้ ช่างตกต่ำเสียจริง!

เมื่อสองบุรุษสตรีต่างชนชั้นพานพบกันในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ก่อเกิดเป็นความผูกพันลึกล้ำที่มิอาจถอดถอน เพาะปลูกเลี้ยงปลานางทำได้ แต่เหตุใด ‘เพาะรัก’ จึงยากเย็นถึงเพียงนี้

Options

not work with dark mode
Reset