เพราะรักสลักใจ 804 องค์หญิงเต๋อฮุ่ยเสด็จเยือน

ตอนที่ 804 องค์หญิงเต๋อฮุ่ยเสด็จเยือน

พระราชสารลับของพระพันปีเขียนถึงจ้าวเซิงกับซูเซียงสองคน นั่นก็หมายความได้ว่า พระพันปีไม่มีประสงค์ปิดบังเรื่องที่เป็นความลับเช่นนี้กับซูเซียง

 

 

ซูเซียงเองก็รับกระดาษจดหมายอ่านดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ขณะที่ไม่ได้เอะใจว่ามีอะไร แต่ต่อมาดวงตากลับหรี่ลง

 

 

“ซูย่วนเสี้ยนจู่นั่นมิใช่เข้าวังเป็นตาอิ้งแล้วหรือ เว้นแต่ว่า…”

 

 

ความกังวลใจของซูเซียงมิใช่ไม่มีเหตุผล นางเคยดูละครในรั้วในวังมามาก ส่วนมากตระกูลที่ต้องการก่อกบฎมักส่งลูกสาวของตนเข้าวังหลวง ไม่มอมเมาให้ฮ่องเต้หลงเสน่ห์ก็แทรกแซงการทหาร ถึงขั้นมีบางคนส่งบุตรีเข้าวังเพื่อลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิ เรื่องพวกนี้เห็นบ่อยจนชินตา

 

 

แม้นซูเซียงมิได้มีความรู้สึกดีต่อจักรพรรดิองค์นี้มากนัก แต่อย่างไรเขาก็เป็นบิดาโดยกำเนิดของจ้าวเซิง เป็นพ่อสามีของนาง ตนคงไม่อาจนึกเฉลียวใจแล้วแต่ไม่พูด หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นจริงนางคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

 

 

           คิดไม่ถึงจ้าวเซิงกลับส่ายหน้า มุมปากยังยกยิ้มดูแคลน “เด็กสาวคนนั้นไม่มีสมอง เสด็จพ่อคงไม่แลมองนาง พูดอีกอย่าง เสด็จพ่อเป็นคนรอบคอบรัดกุม คนไม่มีสมองเช่นนี้หากสามารถฆ่าตัวเองสำเร็จ เกรงว่าเสด็จพ่อคงตายไปร้อยพันรอบแล้ว ”

 

 

ได้ยินน้ำเสียงจ้าวเซิงมั่นใจเช่นนี้ ซูเซียงเองก็ผ่อนลมหายใจโล่งยาวๆ พยักหน้า “จะว่าไปก็ใช่ ถ้าเป็นคนจักรพรรดิไม่มีฝีมือฝีแปรงเลย คงถูกคนสับเป็นซาลาเปาไส้เนื้อมนุษย์ไปนานแล้ว”

 

 

 “ฮ่าๆ ภรรยา เจ้าเปรียบเปรยได้น่าสนใจจริงๆ” ขณะกำลังพูดเรื่องจริงจัง จ้าวเซิงคนกะล่อนผู้นี้ถึงกับยื่นศีรษะนุ่มฟูเข้ามาใกล้เที่ยวพรมจูบตามใบหน้าซอกคอของซูเซียง

 

 

ซูเซียงผลักเขาออก “เจ้าทำอะไรน่ะ กลางวันแสกๆ คนเห็นเข้าจะไม่ดี”

 

 

 “กลางวันแสกๆ แล้วอย่างไร ใครออกกฎว่ากลางวันห้ามจูบกับภรรยา” นับตั้งแต่วันที่จ้าวเซิงได้กินเนื้อวันนั้นก็ราวกับเสพติด นับวันยิ่งเหมือนคนเจ้าชู้ชีกอ มีโอกาสนิดๆ หน่อยๆ เป็นได้ต้องซุกไซ้บนตัวซูเซียง มักทำให้ซูเซียงต้องออกไปพบเจอคนทั้งสภาพดวงหน้าแดงเรื่อ ด้วยเหตุนี้ยังถูกชุ่ยหลิ่วแซวอยู่หลายครั้ง

 

 

แรกปีใหม่วันที่สิบสอง ก้อนแป้งน้อยเข้าสำนักศึกษาประจำอำเภอศึกษาเล่าเรียนอย่างเป็นทางการ ซูเซียงกับจ้าวเซิงตั้งชื่อให้เขาว่า “เช่อ” (นทีกร)

 

 

ทีแรกจ้าวเซิงอยากเรียกเขาว่าจ้าวเช่อ แต่ซูเซียงคิดว่าแซ่จ้าวเป็นราชสกุลคนจับสังเกตได้ง่าย ถึงเวลาอาจมีผลกระทบต่อก้อนแป้งน้อย

 

 

แม้ก้อนแป้งน้อยตั้งใจศึกษาเล่าเรียนสอบเป็นซิ่วไฉจวี่เหริน[1] ได้ แต่อาจถูกครหาว่าใช้เส้นสายเข้าทางลัด

 

 

แท้ที่จริงสำหรับเรื่องจะใช้เส้นไม่ใช้เส้นซูเซียงกลับไม่ได้สนใจ และไม่กลัวคำคนอื่น นางเชื่อมั่นว่าลูกของตนยอดเยี่ยมที่สุด แต่ถ้าคำนินทาว่าร้ายมากเข้า ก็ยากจะเลี่ยงผลกระทบต่อจิตใจของลูกน้อย

 

 

ด้วยเรื่องแซ่สกุลนี้ทำให้จ้าวเซิงไม่พอใจอยู่นานครึ่งค่อนวัน หลังจากซูเซียงบอกว่าจะเกิดลูกสาวตัวน้อยขาวผ่องให้เขาอีกคน จ้าวเซิงถึงค่อยฝืนพอใจไปได้บ้าง

 

 

แรกปีใหม่วันที่สิบแปด ราชรถขององค์หญิงเต๋อฮุ่ยหยุดลงตรงนอกจวนจวิ้นจู่ของซูเซียง

 

 

ซูเซียงได้รับข่าวก่อนแล้วจึงนำคนทั้งครอบครัวรับเสด็จตรงหน้าประตู

 

 

ทีแรกคิดว่าองค์หญิงฐานะสูงส่งเช่นนี้คงเข้มงวดมากเป็นพิเศษ เหมือนกับองค์หญิงหรงโซ่ว[2] ที่ซูเซียงเคยอ่านเจอตอนเรียนวิชาประวัติศาสตร์ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าเมื่อใดที่ไหนก็ล้วนตีหน้านิ่งเฉย ทั้งยังรู้สึกว่าตนทำเช่นนี้ถูกต้องเหมาะสมอย่างมาก

 

 

แต่ผิดคาดมารดาบุญธรรมของนางท่านนี้กลับเป็นสตรีร่างสันทัดจ่ำม่ำเจ้าเนื้อคนหนึ่ง อาจเพราะอยู่เป็นหม้ายตั้งแต่เยาว์วัย บนตัวจึงมิได้แต่งกายหรูหราฉูดฉาด เพียงตรงขอบชุดปักดอกรับวสันต์[3]สีเหลืองไว้สองสามดอก ในฤดูแห่งการเริ่มต้นชีวิตเช่นนี้ ยิ่งขับให้ผู้สวมใส่เปี่ยมเมตตาการุณ

 

 

โดยเฉพาะรอยยิ้มบนหน้า อ่อนโยนอ้อมอารีเป็นพิเศษ ครั้นพอพบหน้าแล้วก็ดึงมือซูเซียงมองชั่ง

 

 

 “ท่านป้าบอกว่าเจ้าเป็นเด็กดี วันนี้ได้พบเจอ ก็สมดังคิด สะคราญงามสง่า ข้าเองโชคดีนัก”

 

 

ซูเซียงเองก็ยิ้มแย้ม ตามมือของพระนางไปแล้วก็คุกเข่าลงบนพื้น โขกคำนับให้นาง “ซูเซียงคารวะมารดาบุญธรรม”

 

 

องค์หญิงเต๋อฮุ่ยยิ่งมีความสุข ตาแดงร้อนรีบประคองซูเซียงให้ลุกขึ้นมา สัมผัสใบหน้าของซูเซียงราวกับสิ่งล้ำค่า “เด็กโง่ ชื่อของเจ้าเข้าสู่ทำเนียบวงศ์ตระกูลด้วยฐานะธิดาคนโตแล้ว ต่อไปเจ้าต้องเรียกขานข้าว่าท่านแม่”

 

 

 

 

——

 

 

[1] จวี่เหริน คุณวุฒิของผู้ที่สอบผ่านการสอบรับราชการรอบสอง ซึ่งเป็นสอบระดับภูมิภาค ผู้สอบระดับนี้ต้องผ่านการสอบระดับท้องถิ่นได้เป็นซิ่วไฉมาแล้ว

 

 

[2] องค์หญิงหรงโซ่ว (荣寿公主) หรงโซ่วกู้หลุนกงจู่ เป็นพระราชธิดาคนโตของอ้ายซินเจวี๋ยหลัวอี้ซินหรือกงซินหวัง พระอนุชาต่างพระมารดาของจักรพรรดิเสียนเฟิงซึ่งต่อมาร่วมทำรัฐประหารซินโหย่วกับซูสีไทเฮา องค์หญิงหรงโซ่วเข้าวังได้รับความเมตตาโปรดปรานจากพระนางซูสีไทเฮาอย่างมาก ถึงขั้นรับนางเป็นธิดาบุญธรรม พระนางเป็นคนเงียบขรึม ไม่ทำตัวโดดเด่น จงรักภักดีต่อซูสีไทเฮา ถือเป็นคนสนิทที่มีอิทธพลต่อซูสีไทเฮามาก

 

 

[3] ดอกรับวสันต์ หรือ อิ๋งชุนฮวา (迎春花) หรือ Winter Jasmine ดอกสีเหลืองที่ผลิบานในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ชื่อในภาษาจีนมีความหมายตรงตัวว่าดอกไม้รับวสันตฤดู ถ้าดอกไม้นี้บานก็แสดงว่าฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว

เพราะรักสลักใจ

เพราะรักสลักใจ

Score 10
Status: Completed

เล่มที่ 1-8

ตอนที่ 1-800 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ซูเซียง นักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การเกษตรศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เป็นลมทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่ชื่อแซ่เดียวกันกับนางในชนบท ทั้งยังไร้บ้าน ไร้เงิน พ่วงติดมาด้วยลูกน้อยอีกสองคน กลายเป็นหญิงหม้ายลูกติดอย่างสมบูรณ์ เช่นนี้มันไม่ยุติธรรมกับนางเลย อยู่ดีๆ ชีวิตนางก็กระโดดมาอยู่ในจุดที่สุดแสนจะโชคร้าย อเนจอนาถยิ่งนัก!

ไม่เพียงต้องใช้ความรู้ที่มีปลูกผักขุดบ่อปลาหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ยังต้องมาคอยเอาใจ จ้าวเซิง บุรุษหนุ่มรูปงามท่าทางสูงศักดิ์ผู้มา ‘ขออาศัย’ อยู่กับนางด้วยเหตุน่าสงสัยบางอย่าง ตัวนางในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเป็นถึงนักศึกษาปริญญาเอก แต่กลับมานั่งทะเลาะกับเจ้าภูเขาน้ำแข็งซึนเดเระในยุคจีนโบราณเช่นนี้ ช่างตกต่ำเสียจริง!

เมื่อสองบุรุษสตรีต่างชนชั้นพานพบกันในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ก่อเกิดเป็นความผูกพันลึกล้ำที่มิอาจถอดถอน เพาะปลูกเลี้ยงปลานางทำได้ แต่เหตุใด ‘เพาะรัก’ จึงยากเย็นถึงเพียงนี้

Options

not work with dark mode
Reset