ตอนที่ 1,750 คำสั่งจากท่านปู่
หนึ่งก้านธูปต่อมา
หลินเป่ยเฉินก็มาปรากฏตัวหน้าสถานที่เกิดเหตุไฟไหม้พร้อมด้วยอากวงและเจ้าเสือเสี่ยวหู
นี่คือเรื่องใหญ่แล้วสิ
เมื่อเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการหลอมโอสถคืนวิญญาณ หลินเป่ยเฉินก็ต้องมาดูที่นี่ด้วยตนเอง
เขาอดนึกเป็นห่วงเด็กสาวกับน้องชายของนางขึ้นมาไม่ได้
“นี่ต้องเป็นฝีมือผู้คนวางเพลิง”
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่หน้าพื้นที่ซึ่งเคยเป็นกระท่อมไม้ต้นเหตุแห่งเพลิงไหม้ หลังจากตรวจสอบสภาพแวดล้อมทั้งหมด เด็กหนุ่มก็ได้ข้อสรุป
เมื่อเป็นผู้ที่ฝึกพลังยุทธ์แข็งแกร่งถึงระดับเขา ย่อมมองออกได้ไม่ยากเย็น
เนื่องจากในอากาศยังคงมีกลิ่นของผู้ใช้พลังธาตุไฟลอยอยู่
ผู้วางเพลิงในครั้งนี้ต้องมีขั้นพลังไม่ต่ำต้อย
ดูเหมือนคนร้ายจะไม่หวาดกลัวว่าจะถูกค้นพบ อีกทั้งยังไม่สนใจชีวิตผู้บริสุทธิ์นับร้อยคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้
แต่น่าเสียดายที่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเปลวเพลิงกลืนกินไปหมดสิ้น จึงไม่เหลือหลักฐานให้ตามรอยอีกแล้ว
ถึงกระนั้น บัดนี้ พวกเขาก็ได้คำตอบยืนยันแล้วว่าเฉินปี้หยางยังคงซ่อนตัวอยู่ในเมืองเทียนหลางซิงจริง ๆ และคงใช้เวลาอีกไม่นาน เฉินปี้หยางก็จะต้องถูกพบเจอในที่สุด
หลินเป่ยเฉินยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู
แอปไป่ตู้ แมปยังอยู่ระหว่างการอัปเดต
การอัปเดตแอปพลิเคชันต่าง ๆ หลังการอัปเดตระบบรอบนี้ใช้เวลานานมากกว่าที่คิด
แสดงว่าแอปพลิเคชันต่าง ๆ จะต้องมีความสามารถเพิ่มขึ้นมากมายแน่นอน
เอาไว้แอปไป่ตู้ แมปอัปเดตเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ หลินเป่ยเฉินก็จะใช้มันตามหาเฉินปี้หยางทันที
“ไปตามหาตัวคนร้ายวางเพลิงมาให้ได้ เมื่อพบเจอตัวแล้วก็ฆ่ามันซะ”
หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองไปที่อากวง
คนร้ายวางเพลิงที่ทำให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตนับร้อยคนจะปล่อยให้ลอยนวลไปไม่ได้เป็นอันขาด
อากวงรีบพยักหน้าตอบรับด้วยความหนักแน่น “จี๊ด”
มันอาจกำลังบอกว่า ‘นายท่านไว้ใจข้าน้อยได้เลย ข้าน้อยจะปฏิบัติภารกิจนี้ให้ดีที่สุด’
หลินเป่ยเฉินรู้สึกสงสัยอยู่เสมอ
เจ้าหนูอสูรหางกุดที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเขานั้น เหตุไฉนเวลาพูดออกมาจึงมีแต่เซียวปิงเท่านั้นที่เข้าใจ ในขณะที่เจ้าของแท้จริงอย่างหลินเป่ยเฉินกลับฟังการสื่อสารของอากวงไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว?
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าและหมุนตัวเดินจากไป
แต่เขาไม่ทันสังเกตเลยว่า ในบ้านศิลาหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ได้มีดวงตาสองคู่กำลังจับจ้องมองไปที่เขาด้วยความพินิจพิจารณา
เนื่องจากทั้งด้านในและด้านนอกบ้านศิลาหลังนี้ได้มีการโปรยผงพรางตาเอาไว้ ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถตรวจพบการดำรงอยู่ของพวกเขาได้
“เป็นเขาผู้นี้”
ริมหน้าต่างของบ้านศิลา ดวงตาสดใสแสดงออกถึงความประหลาดใจ
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองหลินเป่ยเฉินเดินจากไป ก่อนที่เด็กสาวจะกระซิบต่อไปว่า “ท่านปู่ เป็นเขาผู้นี้เจ้าค่ะที่มอบใบไม้คืนวิญญาณให้พวกเราก่อนหน้านี้ และไผ่สามกษัตริย์ก็เป็นเขาให้มาอีกเช่นกัน สรุปก็คือเขาผู้นี้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับพวกเรา… แล้วท่านปู่คิดว่าเขาเป็นคนร้ายวางเพลิงเมื่อคืนนี้ใช่หรือไม่?”
“ย่อมไม่ใช่เขาอยู่แล้ว”
เด็กชายส่งเสียงแทรกขึ้นมา
เด็กสาวแสดงสีหน้าไม่พอใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
เด็กชายตอบว่า “ท่านพี่ลืมไปแล้วหรือ? ข้าสามารถอ่านปากคนได้”
เด็กสาวกะพริบตาปริบ ๆ
“ถ้าอย่างนั้นเขากล่าวอะไรกับสัตว์เลี้ยงของเขา?”
นางถาม
เด็กชายตอบตามความจริง “เขาสั่งให้เจ้าหนูกับสุนัขใหญ่ตัวนั้นตามล่าตัวคนร้ายวางเพลิงมาให้ได้… แต่ข้ารู้สึกว่าท่านพี่หลินกำลังตามหาท่านปู่อยู่นะขอรับ”
“เฮอะ คิดอยู่แล้วเชียวว่าเขาต้องมีจุดมุ่งหมายแอบแฝง”
เด็กสาวกัดฟันกรอดและกล่าวว่า “แต่สัตว์เลี้ยงของเขาอย่างเจ้าหนูตัวนั้นกับสุนัขอีกตัวจะสามารถตามจับคนร้ายวางเพลิงได้อย่างไร? ฮึ! สัตว์เลี้ยงสามารถต่อสู้กับมนุษย์ได้ด้วยหรือ? ช่างน่าตลกยิ่งนัก”
“นั่นไม่ใช่สุนัข แต่เป็นหมาป่าต่างหาก”
ชายชราผู้ยันกายลุกขึ้นยืนอยู่มุมห้องพลันส่งเสียงขึ้น
สองพี่น้องหันไปมองด้วยความประหลาดใจ “ท่านปู่ลุกได้แล้วหรือเจ้าคะ?”
“บัดนี้ปู่ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ชายชราสวมใส่เสื้อคลุมสกปรก เดินมาที่ริมหน้าต่างและจ้องมองออกไปด้านนอก “เป็นหมาป่ากลายพันธุ์ที่หายาก พลังการต่อสู้ย่อมไม่ต่ำต้อย… แน่นอนว่าหนูอสูรตัวนั้นก็มีพลังแข็งแกร่งเช่นกัน หากปู่คาดเดาไม่ผิด สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวนี้ก็น่าจะเทียบได้กับผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 เด็กหนุ่มผู้นี้เลี้ยงสัตว์อสูรเหล่านี้อยู่ข้างกาย แสดงว่าเขาเองก็คงต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา… อาเฉียว เจ้ารู้จักเขามากน้อยเพียงใด?”
เด็กสาวเอียงศีรษะใช้ความคิด ก่อนตอบว่า “หลานเจอเขาในเมืองชิงอวี้ ตอนนั้นหลานเดินทางไปตามดินแดนต่าง ๆ เพื่อตามหาใบไม้คืนวิญญาณ และก็เป็นเขาผู้นี้ที่แย่งชิงพวกมันไปจากเรา ตอนนั้น เขายังไม่ได้แข็งแกร่งอันใด สถานะภายในเมืองชิงอวี้ยิ่งต่ำต้อยด้อยค่า”
“แต่หลังจากนั้น เมื่อเขาเดินทางออกมาจากเมืองชิงอวี้ เด็กหนุ่มผู้นี้ก็ก่อตั้งกองทัพเป็นของตนเอง… แต่ก็ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจหรอกเจ้าค่ะ ท่านปู่ก็รู้ดีว่าอาณาจักรซือเว่ยกำลังวุ่นวายเพียงใด ต่อให้เป็นสุนัขข้างถนนก็สามารถก่อตั้งกองทัพเป็นของตนเองได้ทั้งนั้น และระหว่างที่หลานกับเสี่ยวติงหลบซ่อนตัวเพื่อหลบหนีผู้ตามสะกดรอย หลานก็ไม่ได้สนใจข้อมูลของเขาอีกแล้ว”
ชายชรานิ่งเงียบ เสมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่าง
เด็กชายก็โพล่งขึ้นว่า “พี่หลินเป็นผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ด้วยขอรับ”
ชายชราสะดุ้งเล็กน้อย น้ำเสียงแปรเปลี่ยนไป “จริงหรือ?”
เด็กชายพยักหน้า
เด็กสาวสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติจึงถามว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? ผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์หาได้ยากจะตาย แล้วเห็นว่าผู้ที่มีสายเลือดนี้ไม่สามารถฝึกวิชายุทธ์ได้ไม่ใช่หรือ?”
“ตำนานเล่าขานกันว่าอย่างนั้น แต่ว่า…” ชายชราส่ายศีรษะ “โลกนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอนเสมอไป หากเขาสามารถฝึกวิชายุทธ์ได้ เขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้แล้ว”
ระหว่างที่พูดมาถึงตรงนี้ แววตาของชายชราก็แสดงให้เห็นถึงความตกตะลึง
เด็กสาวจ้องมองไปยังทิศทางที่ชายชรากำลังมองไปและนางก็ต้องตกตะลึงเช่นกัน
ห่างออกไปไม่ไกล เจ้าหนูอสูรขนเงินตัวใหญ่กำลังสวมใส่ชุดเกราะนักรบของมนุษย์ ในมือของมันกำลังกินผลไม้บางอย่างที่มีลักษณะเหมือนแท่งอ้อย เมื่อมันเคี้ยวน้ำหวานจนหมดชิ้น เจ้าหนูก็คายซากอ้อยนั้นออกมา
แต่นี่จะเป็นแท่งอ้อยได้อย่างไร?
นี่คือไผ่สามกษัตริย์สุดยอดสมุนไพรวิเศษที่หาได้ยากยิ่งต่างหาก
ของล้ำค่าเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินกลับนำมาเป็นอาหารให้สัตว์เลี้ยงรับประทานเล่นอย่างนั้นหรือ?
หัวใจของเด็กสาวเต้นรัวเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นางแทบอยากจะวิ่งออกไปแย่งชิงไผ่สามกษัตริย์ชิ้นนั้นมาเป็นของตนเอง
“ดูเหมือนสิ่งที่เขาบอกเราจะไม่ใช่คำโกหก”
ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงใช้ความคิด “เขาสามารถจัดหาสมุนไพรวิเศษได้ทุกชนิดจริง ๆ”
เด็กสาวอยากจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่รู้จะหาคำโต้แย้งอย่างไร
“หากเป็นเช่นนั้น นี่ก็สามารถอธิบายได้แล้วว่าเหตุไฉนเขาจึงสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้ในระยะเวลาอันสั้น…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ดวงตาของชายชราก็เป็นประกายระยิบระยับ เขากล่าวอย่างตัดสินใจเด็ดขาดว่า “อาเฉียว เจ้าพาเสี่ยวติงไปหาหลินเป่ยเฉินผู้นี้ ในระหว่างที่เจ้าอยู่กับเขา… เจ้าก็ใช้วิชาที่ปู่สอนเจ้าเอาไว้ หลอมโอสถคืนวิญญาณให้เขาเถอะ หากไม่มีเรื่องเร่งด่วนร้ายแรง เจ้าอย่าได้มาหาปู่เป็นอันขาด”
“ว่าไงนะเจ้าคะ?”
เด็กสาวถามด้วยความตกตะลึง แต่แล้วนางก็เข้าใจ “ท่านปู่อยากจะใช้เขาปกป้องพวกหลานใช่หรือไม่?”
ชายชราพยักหน้า “ปู่สัมผัสได้ว่าเขาไม่เหมือนผู้อื่น”
เด็กสาวกล่าวว่า “แต่หลานไม่อยากไป… เว้นแต่ท่านปู่จะไปกับพวกเรา ท่านปู่เจ้าคะ พวกหลานไม่อยากแยกจากท่านปู่อีกแล้ว”
ชายชรายิ้มและเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะหลานสาว ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ปู่สมควรอยู่ที่นี่ ปู่ยังมีเรื่องให้ต้องทำอีกมากมาย… หากเจ้าสามารถนำไผ่สามกษัตริย์มาเพิ่มเติมได้ ก็มีโอกาสที่การไถ่บาปจะสำเร็จลงด้วยดี”
ตอนที่ 1,750 คำสั่งจากท่านปู่
หนึ่งก้านธูปต่อมา
หลินเป่ยเฉินก็มาปรากฏตัวหน้าสถานที่เกิดเหตุไฟไหม้พร้อมด้วยอากวงและเจ้าเสือเสี่ยวหู
นี่คือเรื่องใหญ่แล้วสิ
เมื่อเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการหลอมโอสถคืนวิญญาณ หลินเป่ยเฉินก็ต้องมาดูที่นี่ด้วยตนเอง
เขาอดนึกเป็นห่วงเด็กสาวกับน้องชายของนางขึ้นมาไม่ได้
“นี่ต้องเป็นฝีมือผู้คนวางเพลิง”
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่หน้าพื้นที่ซึ่งเคยเป็นกระท่อมไม้ต้นเหตุแห่งเพลิงไหม้ หลังจากตรวจสอบสภาพแวดล้อมทั้งหมด เด็กหนุ่มก็ได้ข้อสรุป
เมื่อเป็นผู้ที่ฝึกพลังยุทธ์แข็งแกร่งถึงระดับเขา ย่อมมองออกได้ไม่ยากเย็น
เนื่องจากในอากาศยังคงมีกลิ่นของผู้ใช้พลังธาตุไฟลอยอยู่
ผู้วางเพลิงในครั้งนี้ต้องมีขั้นพลังไม่ต่ำต้อย
ดูเหมือนคนร้ายจะไม่หวาดกลัวว่าจะถูกค้นพบ อีกทั้งยังไม่สนใจชีวิตผู้บริสุทธิ์นับร้อยคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้
แต่น่าเสียดายที่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเปลวเพลิงกลืนกินไปหมดสิ้น จึงไม่เหลือหลักฐานให้ตามรอยอีกแล้ว
ถึงกระนั้น บัดนี้ พวกเขาก็ได้คำตอบยืนยันแล้วว่าเฉินปี้หยางยังคงซ่อนตัวอยู่ในเมืองเทียนหลางซิงจริง ๆ และคงใช้เวลาอีกไม่นาน เฉินปี้หยางก็จะต้องถูกพบเจอในที่สุด
หลินเป่ยเฉินยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู
แอปไป่ตู้ แมปยังอยู่ระหว่างการอัปเดต
การอัปเดตแอปพลิเคชันต่าง ๆ หลังการอัปเดตระบบรอบนี้ใช้เวลานานมากกว่าที่คิด
แสดงว่าแอปพลิเคชันต่าง ๆ จะต้องมีความสามารถเพิ่มขึ้นมากมายแน่นอน
เอาไว้แอปไป่ตู้ แมปอัปเดตเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ หลินเป่ยเฉินก็จะใช้มันตามหาเฉินปี้หยางทันที
“ไปตามหาตัวคนร้ายวางเพลิงมาให้ได้ เมื่อพบเจอตัวแล้วก็ฆ่ามันซะ”
หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองไปที่อากวง
คนร้ายวางเพลิงที่ทำให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตนับร้อยคนจะปล่อยให้ลอยนวลไปไม่ได้เป็นอันขาด
อากวงรีบพยักหน้าตอบรับด้วยความหนักแน่น “จี๊ด”
มันอาจกำลังบอกว่า ‘นายท่านไว้ใจข้าน้อยได้เลย ข้าน้อยจะปฏิบัติภารกิจนี้ให้ดีที่สุด’
หลินเป่ยเฉินรู้สึกสงสัยอยู่เสมอ
เจ้าหนูอสูรหางกุดที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเขานั้น เหตุไฉนเวลาพูดออกมาจึงมีแต่เซียวปิงเท่านั้นที่เข้าใจ ในขณะที่เจ้าของแท้จริงอย่างหลินเป่ยเฉินกลับฟังการสื่อสารของอากวงไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว?
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าและหมุนตัวเดินจากไป
แต่เขาไม่ทันสังเกตเลยว่า ในบ้านศิลาหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ได้มีดวงตาสองคู่กำลังจับจ้องมองไปที่เขาด้วยความพินิจพิจารณา
เนื่องจากทั้งด้านในและด้านนอกบ้านศิลาหลังนี้ได้มีการโปรยผงพรางตาเอาไว้ ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถตรวจพบการดำรงอยู่ของพวกเขาได้
“เป็นเขาผู้นี้”
ริมหน้าต่างของบ้านศิลา ดวงตาสดใสแสดงออกถึงความประหลาดใจ
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองหลินเป่ยเฉินเดินจากไป ก่อนที่เด็กสาวจะกระซิบต่อไปว่า “ท่านปู่ เป็นเขาผู้นี้เจ้าค่ะที่มอบใบไม้คืนวิญญาณให้พวกเราก่อนหน้านี้ และไผ่สามกษัตริย์ก็เป็นเขาให้มาอีกเช่นกัน สรุปก็คือเขาผู้นี้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับพวกเรา… แล้วท่านปู่คิดว่าเขาเป็นคนร้ายวางเพลิงเมื่อคืนนี้ใช่หรือไม่?”
“ย่อมไม่ใช่เขาอยู่แล้ว”
เด็กชายส่งเสียงแทรกขึ้นมา
เด็กสาวแสดงสีหน้าไม่พอใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
เด็กชายตอบว่า “ท่านพี่ลืมไปแล้วหรือ? ข้าสามารถอ่านปากคนได้”
เด็กสาวกะพริบตาปริบ ๆ
“ถ้าอย่างนั้นเขากล่าวอะไรกับสัตว์เลี้ยงของเขา?”
นางถาม
เด็กชายตอบตามความจริง “เขาสั่งให้เจ้าหนูกับสุนัขใหญ่ตัวนั้นตามล่าตัวคนร้ายวางเพลิงมาให้ได้… แต่ข้ารู้สึกว่าท่านพี่หลินกำลังตามหาท่านปู่อยู่นะขอรับ”
“เฮอะ คิดอยู่แล้วเชียวว่าเขาต้องมีจุดมุ่งหมายแอบแฝง”
เด็กสาวกัดฟันกรอดและกล่าวว่า “แต่สัตว์เลี้ยงของเขาอย่างเจ้าหนูตัวนั้นกับสุนัขอีกตัวจะสามารถตามจับคนร้ายวางเพลิงได้อย่างไร? ฮึ! สัตว์เลี้ยงสามารถต่อสู้กับมนุษย์ได้ด้วยหรือ? ช่างน่าตลกยิ่งนัก”
“นั่นไม่ใช่สุนัข แต่เป็นหมาป่าต่างหาก”
ชายชราผู้ยันกายลุกขึ้นยืนอยู่มุมห้องพลันส่งเสียงขึ้น
สองพี่น้องหันไปมองด้วยความประหลาดใจ “ท่านปู่ลุกได้แล้วหรือเจ้าคะ?”
“บัดนี้ปู่ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ชายชราสวมใส่เสื้อคลุมสกปรก เดินมาที่ริมหน้าต่างและจ้องมองออกไปด้านนอก “เป็นหมาป่ากลายพันธุ์ที่หายาก พลังการต่อสู้ย่อมไม่ต่ำต้อย… แน่นอนว่าหนูอสูรตัวนั้นก็มีพลังแข็งแกร่งเช่นกัน หากปู่คาดเดาไม่ผิด สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวนี้ก็น่าจะเทียบได้กับผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 เด็กหนุ่มผู้นี้เลี้ยงสัตว์อสูรเหล่านี้อยู่ข้างกาย แสดงว่าเขาเองก็คงต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา… อาเฉียว เจ้ารู้จักเขามากน้อยเพียงใด?”
เด็กสาวเอียงศีรษะใช้ความคิด ก่อนตอบว่า “หลานเจอเขาในเมืองชิงอวี้ ตอนนั้นหลานเดินทางไปตามดินแดนต่าง ๆ เพื่อตามหาใบไม้คืนวิญญาณ และก็เป็นเขาผู้นี้ที่แย่งชิงพวกมันไปจากเรา ตอนนั้น เขายังไม่ได้แข็งแกร่งอันใด สถานะภายในเมืองชิงอวี้ยิ่งต่ำต้อยด้อยค่า”
“แต่หลังจากนั้น เมื่อเขาเดินทางออกมาจากเมืองชิงอวี้ เด็กหนุ่มผู้นี้ก็ก่อตั้งกองทัพเป็นของตนเอง… แต่ก็ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจหรอกเจ้าค่ะ ท่านปู่ก็รู้ดีว่าอาณาจักรซือเว่ยกำลังวุ่นวายเพียงใด ต่อให้เป็นสุนัขข้างถนนก็สามารถก่อตั้งกองทัพเป็นของตนเองได้ทั้งนั้น และระหว่างที่หลานกับเสี่ยวติงหลบซ่อนตัวเพื่อหลบหนีผู้ตามสะกดรอย หลานก็ไม่ได้สนใจข้อมูลของเขาอีกแล้ว”
ชายชรานิ่งเงียบ เสมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่าง
เด็กชายก็โพล่งขึ้นว่า “พี่หลินเป็นผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ด้วยขอรับ”
ชายชราสะดุ้งเล็กน้อย น้ำเสียงแปรเปลี่ยนไป “จริงหรือ?”
เด็กชายพยักหน้า
เด็กสาวสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติจึงถามว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? ผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์หาได้ยากจะตาย แล้วเห็นว่าผู้ที่มีสายเลือดนี้ไม่สามารถฝึกวิชายุทธ์ได้ไม่ใช่หรือ?”
“ตำนานเล่าขานกันว่าอย่างนั้น แต่ว่า…” ชายชราส่ายศีรษะ “โลกนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอนเสมอไป หากเขาสามารถฝึกวิชายุทธ์ได้ เขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้แล้ว”
ระหว่างที่พูดมาถึงตรงนี้ แววตาของชายชราก็แสดงให้เห็นถึงความตกตะลึง
เด็กสาวจ้องมองไปยังทิศทางที่ชายชรากำลังมองไปและนางก็ต้องตกตะลึงเช่นกัน
ห่างออกไปไม่ไกล เจ้าหนูอสูรขนเงินตัวใหญ่กำลังสวมใส่ชุดเกราะนักรบของมนุษย์ ในมือของมันกำลังกินผลไม้บางอย่างที่มีลักษณะเหมือนแท่งอ้อย เมื่อมันเคี้ยวน้ำหวานจนหมดชิ้น เจ้าหนูก็คายซากอ้อยนั้นออกมา
แต่นี่จะเป็นแท่งอ้อยได้อย่างไร?
นี่คือไผ่สามกษัตริย์สุดยอดสมุนไพรวิเศษที่หาได้ยากยิ่งต่างหาก
ของล้ำค่าเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินกลับนำมาเป็นอาหารให้สัตว์เลี้ยงรับประทานเล่นอย่างนั้นหรือ?
หัวใจของเด็กสาวเต้นรัวเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นางแทบอยากจะวิ่งออกไปแย่งชิงไผ่สามกษัตริย์ชิ้นนั้นมาเป็นของตนเอง
“ดูเหมือนสิ่งที่เขาบอกเราจะไม่ใช่คำโกหก”
ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงใช้ความคิด “เขาสามารถจัดหาสมุนไพรวิเศษได้ทุกชนิดจริง ๆ”
เด็กสาวอยากจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่รู้จะหาคำโต้แย้งอย่างไร
“หากเป็นเช่นนั้น นี่ก็สามารถอธิบายได้แล้วว่าเหตุไฉนเขาจึงสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้ในระยะเวลาอันสั้น…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ดวงตาของชายชราก็เป็นประกายระยิบระยับ เขากล่าวอย่างตัดสินใจเด็ดขาดว่า “อาเฉียว เจ้าพาเสี่ยวติงไปหาหลินเป่ยเฉินผู้นี้ ในระหว่างที่เจ้าอยู่กับเขา… เจ้าก็ใช้วิชาที่ปู่สอนเจ้าเอาไว้ หลอมโอสถคืนวิญญาณให้เขาเถอะ หากไม่มีเรื่องเร่งด่วนร้ายแรง เจ้าอย่าได้มาหาปู่เป็นอันขาด”
“ว่าไงนะเจ้าคะ?”
เด็กสาวถามด้วยความตกตะลึง แต่แล้วนางก็เข้าใจ “ท่านปู่อยากจะใช้เขาปกป้องพวกหลานใช่หรือไม่?”
ชายชราพยักหน้า “ปู่สัมผัสได้ว่าเขาไม่เหมือนผู้อื่น”
เด็กสาวกล่าวว่า “แต่หลานไม่อยากไป… เว้นแต่ท่านปู่จะไปกับพวกเรา ท่านปู่เจ้าคะ พวกหลานไม่อยากแยกจากท่านปู่อีกแล้ว”
ชายชรายิ้มและเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะหลานสาว ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ปู่สมควรอยู่ที่นี่ ปู่ยังมีเรื่องให้ต้องทำอีกมากมาย… หากเจ้าสามารถนำไผ่สามกษัตริย์มาเพิ่มเติมได้ ก็มีโอกาสที่การไถ่บาปจะสำเร็จลงด้วยดี”