เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 19 ข้ามภูเขาข้ามสมุทร

ตอนที่ 19 ข้ามภูเขาข้ามสมุทร

ตอนที่ 19 ข้ามภูเขาข้ามสมุทร

มอบไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจ และยังมีไข่มุกตะวันคร้านพันปีอีกสิบเม็ด ราชันดาราอี๋อู๋สูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง

เขามองหนิงอี้พลางพูดขึ้น “อาจารย์อาน้อยแห่งเขาสู่ซาน…เจ้าดีมาก ดีมากจริงๆ ให้อะไรมาก็ต้องให้ตอบคืน จวนขานฟ้าข้ายินดีต้อนรับเจ้ามาเป็นแขก”

หนิงอี้ได้ฟังชุดคำพูดนี้แล้วรู้สึกปวดสมองหูชาจริงๆ คนพวกนี้กลับไปกลับมาก็ใช้แต่ไม้นี้ ไม่มีความแปลกใหม่เลยสักนิด

หนิงอี้จึงยิ้มเยาะ “เมืองหลวงเส้นทางยาวไกล ถ้าระหว่างทางกลับพวกเจ้าเจออะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร สู้อยู่เที่ยวเล่นเขาสู่ซานอีกสองสามวันเถอะ”

สิ้นคำพูดนี้ ศิษย์จวนขานฟ้าพวกนั้นเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ ไม่เป็นตัวเองไปทั้งตัว กลัวว่าหนิงอี้จะกลับคำ ออกมือรั้งพวกตนไว้ที่เขาสู่ซานจริงๆ

“อันดับหนึ่งรายนามดาราผู้ยิ่งใหญ่…ถ้าเจ้าเป็นอัจฉริยะจริงๆ ก็มาเมืองหลวง มางานเลี้ยงวันครบรอบของจักรพรรดิไท่จง อัจฉริยะทุกคนมาเมืองหลวงกันหมด” ราชันดาราอี๋อู๋ยิ้มเยาะ ก่อนพูดต่อ “หากเจ้าไม่กล้ามาก็ช่างเถอะ หดหัวอยู่เขาสู่ซานดีแล้ว พันกรปกป้องเจ้าได้ทุกด้าน ไม่รู้ว่าจะปกป้องเจ้าไปตลอดทั้งชีวิตได้หรือไม่”

“ไม่ต้องมายั่วยุ วิธีนี้ไม่ได้ผลกับข้า” หนิงอี้ยิ้มด้วยความโกรธ มองศิษย์จวนขานฟ้า “พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่คู่ควรนั่งตำแหน่งนี้ ใครแน่จริงก็ออกมาเลย”

เขาเห็นชัดเจนว่าศิษย์จวนขานฟ้าพวกนี้ล้วนเป็นขอบเขตกลางกันหมด ถ้ามีผู้บำเพ็ญขอบเขตหลังสักคน หนิงอี้คงไม่กล้าพูดเช่นนี้แน่ สู้กับขอบเขตพลังเดียวกัน เขาไม่กลัวเลย

ศิษย์พวกนี้มองหนิงอี้เหมือนเป็นสัตว์ประหลาด ภาพที่กินไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจสามพันปีไปก่อนหน้านี้น่าตกใจจริงๆ

ผู้บำเพ็ญดูกำลังรบ มีวิธีที่ไม่ถือว่าเป็นแบบดั้งเดิมอยู่ ดูว่าตอนทะลวงพลังต้องใช้ทรัพยากรเท่าไร ปกติผู้บำเพ็ญที่ยิ่งกินเก่งมากเท่าไร ก็ยิ่งใช้กำลังรบได้น่ากลัวมากเท่านั้น ไม่เอ่ยถึงลั่วฉางเซิง แค่เยี่ยหงฝูแห่งเขาลั่วเจียกับเสี่ยวจู๋หลงแห่งแดนอุดรก็เป็น ‘อุโมงค์โม่ทอง’ ชั้นหนึ่ง ระหว่างทางกินทรัพยากรไปจนน่าตกใจ

พวกเขามองหนิงอี้เป็นผู้บำเพ็ญอย่างน้อยขอบเขตที่เก้า จะมีใครโง่วิ่งเข้าไปบ้าง ใช้พลังบำเพ็ญขอบเขตกลางสู้ตัวต่อตัวกับอัจฉริยะรายนามดาราขอบเขตที่เก้ากัน

หนิงอี้มองศิษย์สำนักศึกษาพวกนี้ แต่ละคนเงียบ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความยำเกรง ก่อนจะยิ้มเยาะ “พวกอีกาจับกลุ่ม”

ราชันดาราอี๋อู๋เอ่ยเสียงเย็นชา “รังแกชนรุ่นหลังไม่ถือว่ามีความสามารถอะไร…หากกล้าสู้กับขอบเขตพลังเดียวกัน ก็ลองมาที่สำนักศึกษาต้าสุยข้าดู จะมีอัจฉริยะสอนเจ้าเป็นคนเอง”

“ดี” หนิงอี้ยิ้ม “เจ้าวางใจเถอะ หากไปเมืองหลวงต้าสุยแล้ว ข้าจะไปรบกวนจวนขานฟ้าแน่นอน”

ราชันดาราอี๋อู๋จ้องหนิงอี้อยู่ชั่วครู่ ก่อนทำเสียงขึ้นจมูก ไม่พูดอะไรอีก พาคนสำนักศึกษาออกจากเขาสู่ซาน

ตอนนั้นเขาผูกอาฆาตแค้นกับสวีจั้ง ตอนนี้มาเขาสู่ซานเพราะอยากดูว่าคลื่นลมของสวีจั้งสงบลงแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าอาจารย์อาน้อยคนใหม่ของเขาสู่ซานจะอวดดีกว่าสวีจั้งในตอนนั้น…มีพันกรกับโจวโหยวหนุนหลัง แม้แต่ยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตราชันดารายังไม่เห็นในสายตา ขู่กรรโชกอวดดี ไม่ยอมทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง

ราชันดาราอี๋อู๋เป็นคนต่ำต้อยจิตใจคับแคบยิ่ง เขาพูดมาเยอะขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะอยากให้อัจฉริยะจวนขานฟ้าเอาชนะหนิงอี้จริงๆ คนที่กินไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจได้สดๆ จะต้องเป็นคนโหดแน่

ตั้งแต่นั้นเขาก็เข้าใจ สวีจั้งมองคนไม่ผิด หนิงอี้คงเกรงว่าเป็นอัจฉริยะสุดยอดที่ไม่แพ้ให้กับเขาศักดิ์สิทธิ์ใด หากให้อาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานคนนี้เติบใหญ่ขึ้น เช่นนั้นจะกลายเป็นสวีจั้งคนที่สอง กระทั่งเหนือกว่า

ขอแค่หนิงอี้กล้าออกจากเขาสู่ซาน มาเมืองหลวงต้าสุย ระหว่างทาง ราชันดาราอี๋อู๋มีร้อยแปดวิธีที่จะลบความหวังในอนาคตของเขาสู่ซานไปจากชายแดนนอกเมืองหลวง

พันกรต้องเฝ้าเขาสู่ซาน ไม่เคยออกไปข้างนอก ถ้าหนิงอี้มาเมืองหลวง…ก็จะไม่มีใครปกป้องเขาได้!

ความจริง ไม่ใช่แค่ราชันดาราอี๋อู๋ พิธีศพเขาสู่ซานครั้งนี้ หนิงอี้ล่วงเกินเขาศักดิ์สิทธิ์ไว้เยอะมาก ไข่มุกตะวันคร้านพันปีเม็ดเดียวไม่เท่าไรจริงๆ แต่จุดยืนของหนิงอี้เป็นตัวล่อเท้ามาหาจริงๆ

เขาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้จ้องตาเป็นมัน คิดเหมือนกับราชันดาราอี๋อู๋

รอหนิงอี้อยู่คนเดียว ก็จะสังหารอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานคนนี้ในเปลเด็ก

……

แขกเขาศักดิ์สิทธิ์แยกย้ายกันไปหมดแล้ว

ตำหนักทะเลสาบกระบี่ไม่รีบร้อนกลับ ตอนที่ความขัดแย้งเกิดขึ้นหลังภูเขาตึงเครียดที่สุด หลิ่วสือเตรียมตัวไว้อย่างดี หากเจอการต่อสู้ระดับราชันดาราก็จะออกมือช่วยพันกร แต่ราชันดาราอี๋อู๋กับเจ้าตระกูลเจี้ยนพ่ายแพ้เร็วมากจริงๆ ทำให้เจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่คนนี้ไม่มีโอกาสได้ออกมือเลย

หลิ่วสือแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่มาพิธีศพสวีจั้งครั้งนี้ สวมชุดคลุมขาว ภายในใจมีความละอายจริงๆ นัยน์ตายังมีความซับซ้อนเสี้ยวหนึ่ง

ทุกอย่างนี้อยู่ในสายตาหนิงอี้ จากนี้ต้องไปขอบคุณอย่างจริงจัง

นี่ต่างหากที่เรียกว่าจบบุญคุณความแค้นที่แท้จริง ตั้งแต่สวีจั้งขึ้นไปหาถึงสำนักจนคลื่นลมพิธีศพตอนนี้จบลง ท่าทีของหลิ่วสือทำให้คนไม่รู้สึกรังเกียจและรู้สึกไม่ดีเลย

หลังจบเรื่อง หลิ่วสือกับพันกรผู้มีพระคุณช่วยชีวิตในตอนนั้นคุยกันถึงเรื่องในอดีต จากนั้นไม่นานก็พาศิษย์ในสำนักกลับ

หลังภูเขาเหลือเพียงสำนักเต๋า

หนิงอี้มองไข่มุกตะวันคร้านพันปีกองใหญ่ใต้เท้า และยังมีกล่องดำนั้นที่ราชันดาราอี๋อู๋มอบให้ด้วยความปวดใจยิ่ง ไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจสามพันปีนั้น ตนกินไปแล้ว

เขาพลันนึกได้ว่าของพวกนี้…เป็นของที่ตนต้องมอบให้ท่านเจ้าลัทธิ

พอคิดได้ดังนั้น หนิงอี้ก็มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก 艾琳小說

เฉินอี้มองหนิงอี้ เขาเห็นความลังเลของอีกฝ่าย จึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ขอบคุณคุณชายหนิงมากที่ช่วยไว้ ไข่มุกตะวันคร้านกับไข่มุกครรภ์ก็ให้คุณชาย…ถือเป็นการขอบคุณ ขอคุณชายอย่าปฏิเสธเลย”

หนิงอี้เกาศีรษะ ไม่ได้ปฏิเสธ แค่พูดเก้ๆ กังๆ “ท่านเจ้าลัทธิเกรงใจแล้ว”

เฉินอี้ไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ ดังนั้นทรัพยากรพวกนี้จึงไม่มีประโยชน์ใดๆ กับเขาเลย…อีกทั้ง อีกฝ่ายเป็นเจ้าลัทธิเทือกเขาประจิม! แม้จะเพิ่งรับตำแหน่งแค่ปีเดียว แต่จะไม่เคยเห็นสมบัติแปลกล้ำค่าอะไรเลยหรือ ไหนเลยจะไปต้องการของพวกนี้ เรื่องตนขู่กรรโชกไข่มุกตะวันคร้านพันปีจากเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นการทำลายชื่อเสียงของเฉินอี้ ต่อให้มอบให้สำนักเต๋าจริงๆ เขาก็ปฏิเสธไม่รับไว้

เรื่องนี้…หากแพร่งพรายออกไปจะล่อเท้ามามากเกินไป สำหรับเจ้าลัทธิผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็นเรื่องที่น่าขายหน้า

หากเฉินอี้จะเอาของพวกนี้ เช่นนั้นยอดผู้บำเพ็ญสำนักเต๋าก็ไปล่าปีศาจที่ทะเลพลิกผันแดนอุดรให้ได้ อย่าว่าแต่ไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจสามพันปีเลย…ขอแค่เป็นของที่คนในสำนักเต๋าหามาได้ เช่นนั้นผู้เลื่อมใสคลั่งไคล้ก็จะหามาให้ท่านเจ้าลัทธิให้จงได้

หนิงอี้มองเฉินอี้ นึกถึงการพบกันผ่านหมอกบางบนเขาน้ำค้างเล็กไกลๆ

ตอนนั้นยังไม่รู้จักกัน

ตอนนี้เพียงแค่เอ่ยคำสองคำก็ทำให้หนิงอี้รู้สึกได้ว่าเฉินอี้เป็นคนที่ควรค่าแก่การไว้ใจและพึ่งพา

มิน่าถึงเป็นเจ้าลัทธิได้…ในตัวเฉินอี้มีกลิ่นอายของผู้นำอันอ่อนโยน ทำให้คนอยากจะติดตามเขา เลื่อมใส ยกมือขึ้นประเคน นี่คือเอกลักษณ์ของการกลายเป็นเทพอย่างหนึ่ง

เฉินอี้ถามนุ่มนวล “คุณชายหนิงจะไปเมืองหลวงรึ”

หนิงอี้ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนพยักหน้า

เขาจะไปเมืองหลวงจริงๆ อยู่เขาสู่ซาน มีของให้เรียนไม่เยอะแล้ว ตนหยุดอยู่ขอบเขตที่สี่ หากไม่ใช่เพราะวันนี้คนเขาศักดิ์สิทธิ์ส่งของมาถึงที่ ตนจะทะลวงพลังก็ไม่มีทรัพยากรที่มากพอแล้ว…แต่นี่ถือว่าเป็นข่าวดี ของขวัญของท่านเจ้าลัทธิ ทำให้อย่างน้อยหนิงอี้ทะลวงอีกขอบเขตหนึ่ง

ไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจสามพันปีนั้นกินไปแล้ว หนิงอี้ก็รู้ว่า…การกระทำที่โอ้อวดเมื่อครู่บุ่มบ่ามไปหน่อยจริงๆ ดีที่ตนทะลวงขอบเขตที่สี่นานแล้ว เพราะทรัพยากรไม่พอจึงไม่ได้สั่งสมมาเลย ไม่อย่างนั้นไข่มุกครรภ์นี้คงทำให้ตนท้องแตก คนที่อับอายต่อหน้าทุกคนจะไม่ใช่ราชันดาราอี๋อู๋ แต่เป็นตนเอง

“นอกเขาสู่ซานมีอันตรายมากมาย เขาศักดิ์สิทธิ์ทุกลูกเกรงว่าคงรอเจ้าออกจากเขา” ท่านเจ้าลัทธิยิ้ม ก่อนจะพูด “หากคุณชายหนิงไม่ถือสาก็เดินทางไปพร้อมกับขบวนสำนักเต๋า นั่งในตู้รถม้ากับข้า เช่นนั้นจะลดปัญหาไปได้มาก ไปถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย”

หนิงอี้ตาเป็นประกาย

เขามองพันกรที่อยู่ไม่ไกล

พันกรพยักหน้าให้หนิงอี้

เป็นเช่นนั้นจริงๆ พันกรต้องอยู่เขาสู่ซาน หากหนิงอี้ออกเดินทาง เช่นนั้นก็ต้องแปลงโฉมใหม่ ไม่ให้เผยออกไปแม้แต่นิด ไกลพันลี้ ลมฝนโถมกระหน่ำเข้ามา พาเด็กสาวเผยฝานไปด้วย ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะเจอปัญหาเท่าไร หากถูกจำได้ นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่เท่าฟ้า เดินเส้นทางเก่าของสวีจั้ง

หากท่านเจ้าลัทธิยินดีคุ้มกัน เช่นนั้นต่อให้เขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะรอนอกเขตเขาสู่ซานก็ไม่กล้าลงมือ

เรื่องหลังภูเขาวันนี้เป็นกรณีศึกษาอย่างหนึ่ง เกรงว่าคงมีโทษที่แม้แต่ราชันดารายังหวาดกลัว

พวกเขาจะลงมือ ก็ได้แต่รอหนิงอี้อยู่คนเดียว

หนิงอี้แสร้งทำทีลำบากใจ ก่อนจะพูด “เด็กนั่นกับข้า…”

ยังไม่ทันพูดจบ

“ไม่เป็นไร” เฉินอี้พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายช่วยชีวิตข้า ข้าจะส่งคุณชาย ต่อให้คุณชายหนิงจะส่งพันคนไปเมืองหลวง เฉินอี้ก็จะรับรองความปลอดภัยให้”

หนิงอี้พูดเสียงต่ำ “ตกลง”

เจ้าลัทธิหนุ่มได้ยินหนิงอี้ตอบตกลงก็ดีใจจากก้นบึ้งหัวใจ เขาหมุนตัวกลับด้วยรอยยิ้ม พูดกับนักพรตชุดคลุมหยาบข้างหลัง “ข้าชอบเขาสู่ซานมาก ว่าจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน…รอคุณชายหนิงอี้เตรียมตัวพร้อมแล้ว ข้าจะเดินทางไปพร้อมกับเขา”

คำพูดบางคนเบาอย่างกับขนนกนางแอ่น

คำพูดบางคนหนักอย่างกับเขาไท่ซาน

ท่านเจ้าลัทธิเป็นอย่างหลังแน่นอน ความหมายของเขาในบางระดับเป็นตัวแทนความหมายของสำนักเต๋า

ไม่ถึงหนึ่งวัน ทั้งใต้ฟ้าต้าสุยได้ยินคำพูดของท่านเจ้าลัทธิ ไอรีนโนเวล

เขาศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นที่รอนอกเขตแดนเขาสู่ซาน ไม่ว่าจะอยากสังหารหนิงอี้นอกเขตแดนมากเท่าไร ก็ต้องล้มเลิกความคิดซุ่มโจมตี

เพราะเหตุใด

เพราะว่าตู้รถม้าไม้ขาวนั้น…ผ่านไปที่ใดจะเป็นเส้นทางใหญ่ราบเรียบ!

คำพูดนั้นที่เหล่าสาวกศรัทธาไม่ผิดเลย

‘หากข้างหน้าเป็นภูเขา เช่นนั้นก็จะข้ามภูเขา หากข้างหน้าเป็นสมุทร เช่นนั้นก็จะข้ามสมุทร’

………………………….

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

Score 10
Status: Completed
ขลุ่ยกระดูกธรรมดาที่เด็กหนุ่มครอบครอง กลับเป็นยอดสมบัติที่จะทำให้เขากลายเป็นเชียนกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า หนิงอี้' เด็กหนุ่มยากจนจากเทือกเขาประจิมลอบเข้าไปปลันสุสานใต้ดินกับน้องสาว 'เผยฝาน' โชคดีเก็บ 'ไข่มุกตะวันคร้าน' สมบัติที่ผู้บำเพ็ญเพียรจากสำนักใหญ่ตามหาได้ แต่เขาดันทำมันแตก! ซ้ำยังสลบไปจนน้องสาวต้องลากออกมา แม้จะรอดชีวิตจากสุสานใต้ดินมาได้ แต่กลับต้องมาถูกปีศาจแมงมุมตามล่า เพราะมันเข้าใจว่าไข่มุกตะวันคร้านอยู่ที่เขา หนิงอี้ไม่กลัว ถ้ำเกิดอะไรขึ้นเขายังมี 'ขลุ่ยกระดูก' ที่แม้ภายนอกจะดูเหมือนขลุ่ยใบไม้ธรรมดา ทว่าคมจนตัดเหล็กกล้ำได้ แต่หนิงอี้ไม่ทันได้ควักขลุ่ยกระดูกออกมาใช้ก็มีคนมาช่วยพวกเขาไว้เสียก่อน ผู้ใหม่คือ 'สวีจิ้ง ผู้บำเพ็ญอันดับ 3 แห่งต้สุยที่ถูกหลายสำนักหมายหัว และการได้พบกับสวีจั้งนี้เองที่ทำให้ชีวิตของหนิงอี้เปลี่ยนไป ประตูสู่โลกของผู้บำเพ็ญที่เขาไม่เคยคิดจะย่างกรายเข้าไปได้เปิดออก ขลุ่ยกระดูกธรรมดาๆ ที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดกลับกลายเป็นยอดสมบัติ! ทั้งยังมีความลับเบื้องหลังชาติกำเนิดที่รอวันเปิดเผย เส้นทางสู่การอยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset