เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 390 เลือกวัน

บทที่ 390 เลือกวัน

บทที่ 390 เลือกวัน

เมื่อคืนฮ่องเต้เซี่ยเจินนอนหลับไม่สนิท วันนี้เขาจึงนอนจนตะวันโด่งจึงได้ตื่นขึ้นมา ประกอบกับวันนี้คงไม่มีข้าราชบริพารมารบกวนเขา ดังนั้นจึงรู้สึกสบายใจอย่างหาได้ยาก

เหล่านางกำนัลกำลังใช้วิธีการที่พิถีพิถันในการนำผมปลอมมาปกปิดผมงอกที่เพิ่งขึ้นมาใหม่ของเขา จากนั้นก็สวมหมวกทับ เช่นนี้ก็มองไม่ออกแล้ว ทว่าผมสีดำที่หนาเตอะนั้นกลับยิ่งทำให้สีหน้าของฮ่องเต้เซี่ยเจินดูไม่ค่อยดีนัก

เจียงเต๋อเดินเข้ามาจากด้านนอก “ฝ่าบาท ทางตำหนักไท่จี๋รับองค์ชายสิบไปตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว “รับไปก็รับไปเถอะ”

คุยกันเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ?

เจียงเต๋อจึงเอ่ยอย่างระอาขึ้นมา “แต่พระนางซูเฟยกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่พ่ะย่ะค่ะ บอกว่าของยังเตรียมไม่ครบ อุ้มเด็กไปเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินหมดความอดทน “นางนับเป็นตัวอะไรกัน ส่งไปก็จบแล้วไม่ใช่หรือ ตำหนักไท่จี๋ไกลมากหรืออย่างไร หากใครที่ไม่รู้ก็คงคิดว่าอยู่ถู่เจียกระมัง”

ระยะทางก็แค่ออกประตูวังแล้วเลี้ยวซ้ายผ่านถนนใหญ่ก็ถึงตำหนักไท่จี๋แล้ว ทว่าซูเฟยกลับโวยวายราวกับจะจากกันชั่วชีวิต มิน่าเล่าไท่ซ่างหวงถึงไม่ชอบนาง

เมื่อคิดเช่นนี้คนที่จะขึ้นมาเป็นฮองเฮาและรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ มีเพียงแค่หลี่หมิงอวี้คนเดียวจริง ๆ

ส่วนหานกุ้ยเฟย…ไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว แค่ควบคุมความกำหนัดของตัวเองก็ยังทำไม่ได้ เสียแรงที่เขาดีกับนางเพียงนั้น

น่าเสียดายที่หลี่หมิงอวี้ก็ไม่ใช่หลี่หมิงอวี้คนเดิมอีกแล้ว

“ไท่ซ่างหวงไม่รับของของซูเฟย ส่วนคนที่ซูเฟยเตรียมไว้เพื่อคอยปรนนิบัติองค์ชายสิบ ไท่ซ่างหวงก็ไม่ให้พาไปด้วย จากนั้นก็อุ้มองค์ชายสิบไปทันทีพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินมองเจียงเต๋อเล็กน้อย “ข้าได้ยินว่าตอนที่ไท่ซ่างหวงกลับตำหนัก หญ้าที่ตำหนักไท่จี๋สูงจนจะถึงชายคาอยู่แล้วใช่หรือไม่?”

เจียงเต๋อรีบเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาททรงวางพระทัย ทางด้านตำหนักไท่จี๋จัดการเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม การอยู่การกินของไท่ซ่างหวง…”

“กระหม่อมเอาตัวคนที่เคยปรนนิบัติไท่ซ่างหวงหลายปีก่อนไปคอยดูแลแล้ว รับรองไม่มีผิดพลาดพ่ะย่ะค่ะ”

การสนทนาของทั้งสองคนฟังดูเหมือนทำเพื่อไท่ซ่างหวงจริง ๆ แต่ผ่านไปหลายปีแล้ว การที่ส่งไปอีกครั้งเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่ ไปคอยจับตามองหรือคอยดูแล เกรงว่าคงมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้

ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น ก็ได้ยินด้านนอกมารายงานว่าองค์หญิงใหญ่อู๋ซวงเสด็จ

ฮ่องเต้เซี่ยเจินเคลื่อนไหวแรงไปหน่อย ผมปลอมที่เพิ่งติดเสร็จก็ร่วงลงมาหนึ่งกระจุก ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นมา “รีบไปถามดูว่ามาทำไม หากว่ามาหาเรื่องก็บอกไปว่าข้ายังไม่ตื่น”

“น้องสิบแปดอายุปูนนี้แล้วยังจะเล่นเช่นนี้อีก ไม่สนุกเลยนะ” เวลานี้เซี่ยวั่งซูได้ก้าวเข้ามาในตำหนักแล้ว

ก่อนหน้านี้ตอนที่นางอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน มักจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของหญิงชาวบ้าน แม้ว่าความสง่างามจะไม่ได้ลดลง แต่อย่างไรเสียก็ไม่เป็นที่จับตามองของคนเท่าชุดองค์หญิงที่นางสวมอยู่ตอนนี้

ฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างประหลาด ราวกับว่าอยู่ต่อหน้านางแล้วเขาเป็นเพียงองค์ชายที่ไม่เป็นที่โปรดปรานเท่านั้น

“เสด็จพี่ เข้าตำหนักโดยไม่ผ่านการรายงานเช่นนี้ เท่ากับเป็นการไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเกินไปหรือไม่?”

“ข้าอยู่ถู่เจียทำตัวตามสบายจนชินแล้ว จึงคิดว่าน้องชายของตัวเองก็คงจะไม่ถือสาข้า แต่ดูท่าคงจะทำให้น้องสิบแปดไม่พอใจกระมัง เช่นนั้นข้าจะออกไปก่อน แล้วค่อยเข้ามาตามกฎอีกครั้งก็แล้วกัน”

แต่ในเมื่อเข้ามาแล้วจะให้นางออกไปอีกได้อย่างไรกัน หากพูดออกไปลูกชายของนางจะไม่พูดเรื่องยกทหารมาบุกอีกอย่างนั้นหรือ?บราวนี่ออนไลน์

“เสด็จพี่ ไหน ๆ ก็มาแล้ว นั่งลงเถอะพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยเจินสั่งให้นางกำนัลออกไป และให้เจียงเต๋อไปนำชามา แล้วจึงเอ่ยถาม “เสด็จพี่มาวันนี้มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

“ข้ามาเพราะเรื่องหลูโจว เมื่อวานนี้ตอนกลับมาถึงเมืองหลวงมีทูตของถู่เจียอยู่ ด้วย จึงไม่เหมาะที่จะพูดเรื่องภายในราชสำนักเหล่านั้นต่อหน้าคนอื่น เซี่ยเซวียนลูกชายตัวดีของเจ้าทำเรื่องไม่ดีไว้ที่หลูโจว เจ้าเป็นพ่อไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องหรอกกระมัง ข้ารู้ว่าในแวดวงข้าราชการ น้ำใสสะอาดเกินไปไร้มัจฉา* และไม่มีเจ้าหน้าที่ไม่ละโมบ แต่ฮ่องเต้รวมไปถึงองค์ชายกลับละโมบเสียเอง จนทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เจ้าเคยคิดถึงผลลัพธ์จากความโกรธเกรี้ยวของราษฎรบ้างหรือไม่?”

* น้ำใสสะอาดเกินไปไร้มัจฉา (水至清则无鱼) หมายถึง คนที่เข้มงวดและจริงจังเกินไปจะไม่มีใครคบ

ฮ่องเต้เซี่ยเจินอดทนกับนางมานานแล้ว เวลานี้เมื่อฟังสิ่งที่นางพูดจบก็อดทนต่อไปไม่ไหวอีก

เวลานี้ภายในตำหนักเหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น ฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงตบโต๊ะและลุกขึ้นมา “เซี่ยวั่งซู ที่ผ่านมาข้าเคารพที่เจ้าเป็นองค์หญิงที่เกิดจากฮองเฮา เห็นแก่ที่เจ้ามีความดีความชอบต่อต้าจิ้น จึงอดทนกับเจ้ามาตลอด เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตอนนี้เจ้ากำลังพูดกับฮ่องเต้ของต้าจิ้นอยู่! เจ้าเคยเห็นข้าอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่?!”

เซี่ยวั่งซูมองเขาอย่างสงบนิ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมา “ใช่แล้ว เซี่ยเจิน นี่ต่างหากถึงจะสมกับเป็นเจ้า”

นางลุกขึ้นยืน “สวนกว่างผิงตอนเด็กเป็นที่ที่เสด็จพ่อชอบไปมากที่สุด เจ้ามักจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่นเพื่อแอบมอง ข้าเห็นเจ้าหลายครั้ง ตอนนั้นในสายตาของเจ้าเต็มไปด้วยความอิจฉา ทว่าเมื่อข้าพบเจ้าอีกครั้ง เจ้าก็มีสภาพเป็นอย่างตอนนี้แล้ว ข้าแต่งงานไปอยู่ที่ถู่เจีย แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงต้องกลับมา?”

องค์หญิงที่แต่งออกไป หากไม่ใช่กลับมาหาที่พึ่งพิง ไหนเลยจะสามารถกลับมาได้ ส่วนใหญ่ล้วนตายอยู่ต่างบ้านต่างเมือง

ทว่านางไม่เพียงกลับมา แต่ยังท้าทายเขาที่เป็นฮ่องเต้ทุกเรื่อง นางไม่รู้ถึงผลลัพธ์จริง ๆ หรือ?

ถูลี่ต่อให้เป็นท่านข่านแต่ก็อยู่ไกลถึงถู่เจีย คนที่นางพึ่งพิงได้มีเพียงไท่ซ่างหวงที่แก่ชราหรือน้องชายคนนี้เท่านั้น

แต่นางกลับล่วงเกินฮ่องเต้อย่างเขาจนไม่เหลือชิ้นดีไปนานแล้ว

“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ดีว่าข้ากลับมาเพราะอะไรกันแน่ แต่วันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับเจ้า หากเจ้ายังมีความรับผิดชอบในฐานะฮ่องเต้อยู่ ก็ควรแยกแยะเรื่องการตกรางวัลและลงโทษที่หลูโจวให้ชัดเจน ออกกฎระเบียบที่ทำให้ชาวเมืองหลูโจวพอใจซะ”

เซี่ยเจินถลึงตาใส่นาง “ข้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร องค์หญิงใหญ่อย่ายุ่งเรื่องการเมืองให้มากเกินไปจะดีกว่า ที่นี่คือต้าจิ้น ไม่ใช่ราชสำนักถู่เจียของท่าน”

“ได้ ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็จะใช้ฐานะไทเฮาของถู่เจีย ขอฮ่องเต้แห่งต้าจิ้นรีบสั่งกรมพิธีการให้รีบดำเนินการจัดงานแต่งงานระหว่างสองแคว้น ก่อนที่คณะทูตของถู่เจียจะออกจากเมืองหลวง ให้พวกเขาได้เป็นสักขีพยานในการแต่งงานครั้งนี้ด้วย

ส่วนฤกษ์ของคู่บ่าวสาว ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ที่ข้ามาวันนี้มีเพียงสองเรื่องนี้เท่านั้น”

จวนตระกูลฮวา

เว่ยเจ๋อเซิงย้ายแท่งในการคำนวณบนโต๊ะออก และทำเครื่องหมายลงบนวันที่อย่างละเอียด

อาชิงชะโงกหน้าคอยมองอยู่ข้างโต๊ะ เท้าเล็ก ๆ เขย่งขึ้นมา “เป็นอย่างไร ๆ เลือกเสร็จหรือยังขอรับ?”

อาอินปิดปากของเขาทันที “ชู่ อย่ารบกวนท่านอาเว่ย”

สีหน้าของเว่ยเจ๋อเซิงกลับไม่สู้ดีนัก เพราะไม่ว่าจะคำนวณวันเกิดของทั้งสองคนอย่างไรก็มีแต่ลางร้าย ไม่ใช่คู่ที่ฟ้าลิขิตแต่อย่างใด หากอยู่ร่วมกัน ต้องตายทั้งคู่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

จี้จือฮวนที่เพิ่งโยนเซี่ยหยางเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดิน เมื่อเข้ามาก็เห็นว่าพวกเขากำลังคำนวณวันกันอยู่ จึงชะโชกหน้าไปมองแล้วเอ่ยขึ้น “นี่ไม่ใช่วันเกิดของข้า”

นางพลิกปฏิทินในมือของเว่ยเจ๋อเซิง ก่อนจะจิ้มหน้าหนึ่งบนนั้น “เดือนสิบเอ็ด ข้าเกิดเดือนสิบเอ็ด”

เว่ยเจ๋อเซิงถามอาฉือจึงได้วันเกิดนางมา ตอนนั้นที่จี้จือฮวนมาได้นำหนังสือสมรสมาด้วย อาฉือเป็นคนเก็บเอาไว้มาโดยตลอด แต่เจ้าของร่างเดิมเกิดเดือนสาม ส่วนนางเกิดเดือนสิบเอ็ด

เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ คนในครอบครัวนอกจากอาชิงแล้วคนอื่นล้วนเข้าใจดี อย่างไรเสียท่านแม่คนนี้ก็ไม่ใช่ท่านแม่คนก่อน ดูท่าวันเกิดก็คงไม่เหมือนกันด้วย นั่นไม่เท่ากับว่าที่คำนวณมาครึ่งวันจะเป็นการคำนวณไปเสียเปล่าหรอกหรือ?

เว่ยเจ๋อเซิงจึงคำนวณใหม่อีกครั้ง ในที่สุดก็เผยรอยยิ้มออกมา ที่แท้เดือนผิดนี่เอง ดวงชะตานี่ถูกต้องแล้ว เมื่อคำนวณออกมาเป็นคู่บุพเพสันนิวาสกันจริง ๆ

“วันที่ยี่สิบแปดเดือนนี้เป็นฤกษ์มงคล อีกทั้งวันนั้นจะไม่มีหิมะ อากาศปลอดโปร่ง เพียงแต่จะกระชั้นชิดไปหรือไม่?”

ตอนนี้แม้จะเป็นช่วงต้นเดือน แต่ใครแต่งงานแล้วไม่ต้องใช้เวลานานในการเตรียมตัวกันบ้างเล่า รีบร้อนเช่นนี้เกรงว่าจะทำออกมาไม่ดีน่ะสิ

เผยยวนนั่งอยู่ข้าง ๆ มองจี้จือฮวนด้วยความคาดหวัง “วันใดล้วนไม่สำคัญ ต้องเตรียมพร้อมทันแน่นอน”

เขาต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับฮวนฮวน

สองวันนี้ต่อให้จะต้องโต้รุ่งก็ต้องทำชุดแต่งงานให้เสร็จให้จงได้

.

.

.

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Score 10
Status: Completed
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม! จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคน จี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอ แต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถ ในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม! . โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย! . เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน! . . ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ . . จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

Options

not work with dark mode
Reset