เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?เล่มที่ 19 559 เย็นชา ไม่แยแส

เล่มที่ 19 ตอนที่ 559 เย็นชา ไม่แยแส

เล่มที่ 19 ตอนที่ 559 เย็นชา ไม่แยแส

“มู่เอ๋อร์?”

ยามที่เห็นหลิงมู่เอ๋อร์ปรากฏกาย ซั่งกวนเซ่าเฉินก็รีบร้อนวางสาสน์ลงก่อนจะพุ่งเข้ามาหา “เจ้ามาได้อย่างไร? ฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่? มิใช่ว่าข้าบอกให้ตงฟางเชวี่ย…”

“ข้าไม่เป็นกระไร”

หลิงมู่เอ๋อร์ขัดจังหวะประโยคที่ยังเอ่ยไม่จบ นางเดินอ้อมกายเขาจนมาถึงโต๊ะ แม้จะไม่ค่อยเชี่ยวชาญกลการศึกเท่าใดนัก ทว่ายามที่ดูแผนที่บนโต๊ะแล้ว นางก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันอยู่บ้าง

“อามู่เต๋อทำร้ายจนข้าสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป แน่นอนว่าข้าจะสังหารเขาด้วยมือของข้าเอง!”

หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยด้วยความหนักแน่น นางมองไปทางซั่งกวนเซ่าเฉินอีกครา ”ยามนี้สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง คนของเรามิอาจเข้าไปในเมืองได้เลยสักคน และคนที่อยู่ในเมืองก็มิอาจออกมาได้เช่นกันใช่หรือไม่?”

“แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น!”

คนที่ตอบนางหาใช่ซั่งกวนเซ่าเฉิน ทว่าเป็นเสียงที่คุ้นเคยนักเสียงหนึ่ง

วินาทีที่หลิงมู่เอ๋อร์หมุนสายตามองย้อนกลับไป นางก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของซูเช่อ

เรื่องหงหยวนทำให้หลิงมู่เอ๋อร์ยากจะให้อภัยเขา ดังนั้นยามที่นางได้พบซูเช่ออีกครา คิ้วของนางจึงขมวดแน่น เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดีเท่าใดนัก

“ที่แท้แล้วเสียนหวางก็อยู่ที่นี่เช่นกัน” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว “ไม่ใช่สิ ยามนี้ควรจะเรียกว่ามหาเสนาบดีซูมากกว่ากระมัง?”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่คุ้นหูของหลิงมู่เอ๋อร์ วินาทีนั้นซูเช่อพลันรู้สึกไม่พอใจ ยามที่คิดจะไล่ถามนางว่าเป็นอันใดไป สายตาของเขาพลันสังเกตเห็นหน้าท้องที่แบนราบของนาง ในใจบังเกิดการคาดเดาอยู่หลายส่วน

“เจ้าไม่เป็นกระไรกระมัง?”

“สบายดีเป็นอย่างยิ่ง” หลังจากเอ่ยตอบเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ก็ไม่เหลือบแลมองซูเช่ออีก ทว่ามุ่งความสนใจไปที่ซั่งกวนเซ่าเฉินแทน “ศัตรูของข้า ข้าต้องการจะจับเขาด้วยมือของข้าเอง เซ่าเฉิน บอกสถานการณ์ปัจจุบันให้ข้าฟังที”

แม้ว่าเขาจะอยากกันสตรีที่อยู่ตรงหน้าออกไปให้ห่าง ทว่าซั่งกวนเซ่าเฉินรู้ดี หากไม่ปล่อยให้นางจับอามู่เต๋อและสังหารเขาด้วยมือของนางเอง นางก็คงไม่มีวันยินยอม

แทนที่จะต่อต้านจนทำให้ทุกคนไม่มีความสุข มิสู้เคารพการตัดสินใจของนางเสียยังดีกว่า

“ฉินรั่วเฉินและหลันซือเฮ่อสมรู้ร่วมคิดกับแคว้นเล็กนำกำลังล้อมเมืองหลวงเอาไว้ อี้จือทุ่มเทกำลังเฝ้าประตูเมืองอยู่ในพระราชวัง สถานการณ์ในยามนี้วิกฤติถึงขีดสุด ท่านเสนาบดีซูต้องเค้นกำลังแรงกายแรงใจกว่าจะมารวมกลุ่มเพื่อปรึกษาหารือแผนกลยุทธ์กับพวกเราได้ ดังนั้นพวกเราจำเป็นจะต้องบุกเข้าไปให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น…”

หากประตูเมืองพังทลาย เหล่าประชาชนย่อมประสบกับหายนะ ล้มตายนับหมื่นนับแสนแน่นอน

หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้า “ฉินรั่วเฉินและหลันซือเฮ่อย่อมไม่มีทางเฝ้าประตูเมืองด้วยกันแน่ พวกเขาแยกกันไปอยู่ที่ใดบ้าง?”

ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่รู้ว่ามันสมองที่แสนชาญฉลาดของนางคิดแผนอันใดขึ้นมาได้ ทว่าก็ตอบอย่างละเอียดไม่มีตกหล่นไปแม้แต่คำเดียว “ฉินรั่วเฉินนำกองกำลังไปเฝ้าประตูใหญ่ ในขณะที่หลันซือเฮ่อติดตามแคว้นเล็กไปเฝ้าประตูข้าง เจ้าคิดจะพังประตูข้างบุกเข้าไปหรือ?”

หลิงมู่เอ๋อร์ส่ายศีรษะ “การฝ่าไปดื้อๆ รังแต่จะดึงดูดกองกำลังส่วนใหญ่ของพวกเขาเท่านั้น ข้าได้ยินตงฟางเชวี่ยบอกว่า แม้ว่าท่านจะได้รับการสนับสนุนจากแคว้นซีอวี้ ทว่ากำลังคนของท่านกลับยังไม่เพียงพอ ดังนั้นแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะบุกฝ่าเข้าไปแน่นอน”

ซั่งกวนเซ่าเฉินและซูเช่อล้วนสับสนงุนงงแล้ว “ตกลงแล้วเจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่?”

“หลันซือเฮ่อ!”

หลิงมู่เอ๋อร์อ่านย้ำเน้นทุกพยางค์ “แม้จะเป็นเพียงการคาดเดาของข้า ทว่าข้าพบว่าการตายของหลันเชี่ยนหยิ่งในครานั้นแปลกพิกลนัก บางทีเราอาจเริ่มต้นด้วยการลงมือกับหลันซือเฮ่อ”

ดูเหมือนว่าซูเช่อจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว

“เจ้าสงสัยว่าหลันเชี่ยนหยิ่งมิได้ฆ่าตัวตายในอารามชี?”

“มิผิด” แม้ว่านางแผ่บรรยากาศไม่เป็นมิตรต่อซูเช่อ ทว่าหลิงมู่เอ๋อร์รู้ดีว่ายามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องความรู้สึกส่วนตัว

“หลันเชี่ยนหยิ่งยโสโอหังถึงเพียงนั้น นางจะฆ่าตัวตายได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น บิดาของนางยังเป็นถึงเสนาบดีแห่งราชวงศ์ เพียงรอให้ข่าวซาไปก่อนค่อยคิดวิธีพานางกลับมาจากอารามชี ก็มิใช่ว่ารอไม่ได้เสียหน่อย ดังนั้นข้าจึงคิดอยากให้พวกท่านช่วยตรวจสอบเรื่องนี้”

หลังจากฟังถึงตรงนี้ ซั่งกวนเซ่าเฉินก็คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่อำนวยให้พวกเขาได้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

“ซูเช่อต้องทุ่มกำลังจนสุดตัวกว่าจะสามารถออกมาจากวังหลวงได้ ต่อให้ส่งข่าวให้อี้จือ วางแผนที่จะร่วมมือพร้อมกันทั้งภายในภายนอก ทว่ายามนี้คนของเรามิอาจเข้าไปในเมืองหลวงได้ มู่เอ๋อร์ ข้าเกรงว่าวิธีนี้อาจจะใช้การไม่ได้”

“ผู้ใดบอกว่าทำไม่ได้!”

น้ำเสียงทุ้มต่ำของตงฟางเชวี่ยดังแว่วมาจากด้านหลัง

ยามที่ทุกสายตาหันกลับไปมองก็เป็นว่าเขาเดินส่ายศีรษะเข้ามา “สตรีเช่นเจ้านี่นะ นี่เป็นคราแรกที่ข้าได้เห็นคนไข้ที่ไม่เชื่อฟังขนาดนี้!!”

เขากลอกตาใส่หลิงมู่เอ๋อร์ แต่แม้จะโกรธเพียงใด ทว่าเขาก็ยังเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจว่า “ช่างมันเถิด มาทำความรู้จักกันก่อน ข้าช่วยใครย่อมช่วยจนถึงที่สุด ดังนั้นครานี้ข้าจะช่วยพวกเจ้าให้เต็มที่”

หลิงมู่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า อีกทั้งเจ้าจะช่วยพวกเราได้อย่างไร?”

“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นทายาทรุ่นที่สามสิบแปดของหุบเขาเย่าหวาง?”

ตงฟางเชวี่ยกดจมูกด้วยท่าทีได้ใจ “หุบเขาเย่าหวางตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดน บ้านของข้าเอง คนเหล่านั้นคงจะไม่ปฏิเสธที่จะให้ข้ากลับบ้านของตนเองใช่หรือไม่? ทว่ามีถนนมากกว่าหนึ่งสายที่เชื่อมระหว่างหุบเขาเย่าหวางกับเมืองหลวง”

เขาหยิบพู่กันและหมึกขึ้นมา ก่อนจะทำการเขียนชื่อหนึ่งลงบนกระดาษ “หลันเชี่ยนหยิ่ง อารามชีใช่หรือไม่? ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด ข้ารับรองว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างงดงาม”

ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของตงฟางเชวี่ยพลันหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนราวกับสายลมที่พัดผ่านไปสายหนึ่ง

ซั่งกวนเซ่าเฉินและซูเช่อผู้สวมชุดเกราะได้แต่เบิกตามองด้วยความโง่เง่า

“มีวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ บางทีเขาอาจเป็นคนเดียวที่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้”

ทุกคนรอคอยเงียบๆ ภายในค่ายทหาร ทว่าได้ยินเสียงโหยหวนของสงครามดังแว่วเข้ามาจากด้านนอก ทันใดนั้นก็มีทหารกรูเข้ามารายงานทันที

“ฝ่าบาท กองทหารศัตรูกำลังมุ่งหน้าเข้ามา คิดจะทำลายประตูเมือง เราจะส่งกองกำลังทหารออกไปดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ชายรูปงามชักดาบยาวออกมาจากข้างเอว ซั่งกวนเช่าเฉินและซูเช่อสบประสานสายตา พวกเขาพยักหน้า ก่อนจะเร่งรีบออกจากกระโจมทันที “ทั้งสามทัพจงรับคำสั่ง บุก!”

สายตาเห็นซั่งกวนเซ่าเฉินขึ้นควบขี่ม้า เตรียมจะบุกเข้าไปต่อสู้กับศัตรู หลิงมู่เอ๋อร์ก็มองดูเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล “สามี ระวังตัวด้วย”

ทันทีที่สิ้นคำ ซั่งกวนเซ่าเฉินก็กระตุกบังเหียน ควบขี่ม้าทะยานออกไปในพริบตา

เพียงไม่นาน ก็ได้ยินเพียงเสียงอึกทึกครึกโครมของฝีเท้า

ในชั่วชีวิต สิ่งสุดท้ายที่เหล่าประชาชนไม่อยากเห็นมากที่สุดก็คือสงครามที่ดุเดือด ทว่าฉินรั่วเฉินนั้น เพื่อให้ได้ครอบครองตำแหน่งที่เขาหมายปอง ถึงกับสมรู้ร่วมคิดกับแคว้นอื่นเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ สงครามครานี้ถูกชะตากำหนดให้มิอาจหลีกเลี่ยงได้

ภายในค่ายทหาร หลิงมู่เอ๋อร์กำลังรอข่าวจากด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อ นางรอให้ซั่งกวนเซ่าเฉินกลับมาพร้อมชัยชนะ และรอให้ตงฟางเชวี่ยนำข่าวดีกลับมา สองมือของนางสัมผัสหน้าท้องแบนราบของตนโดยไม่รู้ตัว

ตรงนี้ ปราศจากสัมผัสแรงเต้นของหัวใจที่คุ้นเคยอีกต่อไป

“ขอโทษ เป็นแม่ที่ปกป้องดูแลเจ้าได้ไม่ดีเอง!”

หยาดน้ำใสสองสายไหลรินออกมาจากหางตา ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ว่านางได้วางคนที่มีค่าที่สุดของนางไว้ในมิติเทพ นางปรารถนาจะรอคอยเพียงปาฏิหาริย์

ยามที่ลืมตาขึ้นมาอีกครา ตรงหน้าก็ดูคล้ายจะปรากฏใบหน้าของมารดาขึ้นมา

ไม่ผิด ใบหน้าที่เหมือนนางทุกประการ

“หลอกลวง โกหกหลอกลวงทั้งเพ!”

นางแย้มยิ้มบางเบา เมื่อเห็นกล่องดำที่เมื่อครู่ตงฟางเชวี่ยทำหล่นทิ้งไว้ก่อนออกเดินทาง นางคิดจะสัมผัสมัน ทว่าก็ไม่กล้าพอ

ใช่แล้ว นางไม่มีทางให้อภัยคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ง่ายๆ แน่ นางมีแม่เพียงคนเดียว เป็นแม่ที่รอคอยให้นางกลับบ้านในเมืองหลวงด้วยความห่วงหากังวลใจ

“ท่านแม่ รอมู่เอ๋อร์ก่อน เรื่องทุกอย่างกำลังจะจบในไม่ช้านี้”

“ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว!”

เสียงของทหารยามดังขึ้นนอกค่าย หลิงมู่เอ๋อร์รีบวิ่งพุ่งออกไปทันที วินาทีที่นางเห็นซั่งกวนเซ่าเฉินถูกพยุงลงจากหลังม้า นางก็หยิบกล่องยาออกมาจากมิติเทพ เดินเข้าไปทันที “เกิดอันใดขึ้น บาดเจ็บที่ใด?”

ยกแขนขึ้น ลูกธนูยังคงปักอยู่บนไหล่ของเขา ทว่าซั่งกวนเซ่าเฉินกลับแย้มยิ้มได้อ่อนโยนเหลือเกิน “เป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่สำคัญเท่าใดนัก”

“อดทนอีกนิด!”

หลิงมู่เอ๋อร์รู้ดีว่าการร้องไห้ต่อหน้าเขา มีแต่จะทำให้เขาเป็นกังวลเพิ่มขึ้น ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงระมัดระวัง รีบห้ามเลือดของเขาให้เร็วที่สุด

ยามที่ได้ยินเสียงคร่ำครวญแว่วดังขึ้นจากด้านหลัง นางก็รับรู้ได้ทันทีว่าซูเช่อเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

“ฉินรั่วเฉินเก่งกาจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

“ข้าประเมินเขาต่ำเกินไป!” ซั่งกวนเซ่าเฉินเอ่ย “อามู่เต๋อให้การสนับสนุนเขาอย่างสุดกำลัง ข้าคิดไม่ถึงว่าครานี้ฉินรั่วเฉินจะเป็นฝ่ายบุกขึ้นหน้าท้ารบด้วยตนเอง อามู่เต๋อเองก็อยู่ในหมู่พวกเขา อีกทั้งยังได้ลอบโจมตีพวกข้าด้วย ข้าขอโทษมู่เอ๋อร์ ข้ามิอาจจับเขามาด้วยมือของตนเองได้”

ในก้นบึ้งของดวงตาหลิงมู่เอ๋อร์เปล่งประกายอำมหิตวาบผ่าน นางแทบจะทนบุกเข้าสนามรบด้วยตนเองไม่ไหว แต่นางรู้ว่านั่นจะทำให้ซั่งกวนเซ่าเฉินทวีความกังวลมากยิ่งขึ้น

“ไม่เป็นไร ยังมีคราหน้าอีก เขาจะตกอยู่ในกำมือของพวกเราแน่นอน!”

ซั่งกวานเซ่าเฉินมิได้เอ่ยอันใด มือใหญ่กดเข้าที่หลังศีรษะของนาง โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน ให้นางฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขา “ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะตัดหัวของเขาออกมาด้วยมือของข้าให้จงได้”

หลิงมู่เอ๋อร์มิได้เอ่ยอันใด นางห้ามเลือดของเขาต่อ ยามที่ดึงลูกศรออกจากไหล่ของเขา โลหิตสดๆ พุ่งกระฉูด แต่ถึงอย่างนั้น ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วด้วยซ้ำ!

“โชคดีที่ไม่มีพิษ ท่านรีบเข้าไปพักผ่อนก่อน ข้าไปดูเสนาบดีซูสักครู่”

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ มู่เอ๋อร์ถึงได้เย็นชาเฉยเมยกับซูเช่อถึงเพียงนี้ ทว่าซั่งกวนเซ่าเฉินก็หาได้เอ่ยอันใด เพราะเขารู้ดีว่าในสายตาของมู่เอ๋อร์ ผู้ที่บาดเจ็บคือข้อยกเว้นของทุกอย่าง

“ยังไหวอยู่หรือไม่?”

นางเอ่ยถาม น้ำเสียงเย็นชายิ่ง

ซูเช่อมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง เขามองนางที่ทายาบนแผลที่ขาไปพลาง มองประเมินใบหน้าด้านข้างที่แสนเย็นชาของนาง “ข้าไม่เคยทำเรื่องอันใดที่ผิดต่อเจ้ามิใช่หรือ หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าทำเช่นนี้ไปเพื่ออันใด?”

“จะเคยทำหรือไม่เคยทำ ท่านย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ”

หลิงมู่เอ๋อร์ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ และไม่เอ่ยอันใดอีก ยามที่ทายาก็กระทำอย่างรวดเร็ว เรียบร้อยทว่ากลับไร้ความปรานีนัก ซูเช่อกรีดร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

“เป็นบุรุษอกสามศอกก็จงหุบปากเสีย!”

หลิงมู่เอ๋อร์คำรามด้วยความโกรธ พาให้ทุกคนในค่ายตื่นตะลึง

ทว่าตลอดเวลานางกลับไม่เหลือบแลซูเช่อเลยแม้แต่สายตาเดียว ทั้งทายา พันผ้าพันแผล และผูกปมจนเรียบร้อย

“คราต่อไปก็ขอให้เสนาบดีซูช่วยระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้”

หลังจากโยนคำทิ้งท้ายอย่างเย็นชาเฉยเมยแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ก็กลับไปข้างกายซั่งกวนเซ่าเฉินอีกครา ยามนี้ซูเช่อเป็นเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับนาง

“มู่เอ๋อร์ เจ้าไม่ควรพุ่งเป้าไปที่เขา” แม้แต่ซั่งกวนเซ่าเฉินเองก็ยังทนไม่ไหวอีกต่อไป

หลิงมู่เอ๋อร์ทำเพียงพ่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ตั้งแต่ที่เขาส่งคนมาจับตาดูข้า มิตรภาพของเราก็ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของเขาเอง หรือว่าท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”

ทันทีที่เอ่ยจบ จู่ๆ เงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งทะยานเข้ามาราวกับลมกระโชกแรง วินาทีที่ทุกคนเห็นคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน ริมฝีปากก็ยกขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“ข้ากลับมาแล้ว!”

ตงฟางเชวี่ยหอบหายใจ ก่อนจะทิ้งกระสอบบนไหล่ของเขาลงบนพื้นทันที

“เป็นอย่างไร? ได้เบาะแสอะไรบ้างหรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์รีบร้อนพุ่งเข้ามาถาม

อีกฝ่ายไม่เอ่ยตอบ ทว่ากลับเตะกระสอบอย่างแรง จนกระทั่งได้ยินเสียงของสตรีดังแว่วขึ้นจากด้านใน ทุกคนต่างพากันตกใจจนสะดุ้ง

“นี่มันเรื่องอันใดกัน?”

หลิงมู่เอ๋อร์แก้เชือกกระสอบ ก่อนจะเห็นแม่ชีนางหนึ่งถูกมัดอยู่ข้างใน

มือและเท้าของนางถูกตงฟางเชวี่ยมัดเอาไว้ ปากของนางเองก็ถูกผ้ามากมายยัดเอาไว้เช่นกัน

“ครานี้ต้องขอบคุณข้าดีๆ แล้ว ข้าต้องพยายามตรากตรำทำงานหนักเพื่อค้นหาหลักฐานมาเชียวนะ และนั่นก็คือคนที่อยู่ตรงหน้าเจ้าในยามนี้”

ตงฟางเชวี่ยชี้ไปที่แม่ชีตัวน้อย “ข้าได้ตรวจสอบทุกคนในอารามชีแล้ว และในยามที่ข้ากำลังจะยอมรามือก็พบว่าคนคนนี้เคยเห็นคนของฉินรั่วเฉินฆ่าหลันเชี่ยนหยิ่งด้วยตาของตนเอง และสุดท้ายก็แขวนคอนาง แสร้งว่านางฆ่าตัวตาย เป็นอย่างไร ฝ่าบาท องค์ฮองเฮา ท่านเสนาบดี ทรงวางแผนที่จะตอบแทนข้าผู้นี้ไว้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?!”

“รอจนกระทั่งพวกเรากลับถึงวังอย่างปลอดภัย ย่อมไม่ขาดรางวัลของเจ้าแม้แต่ชิ้นเดียว!”

หลิงมู่เอ๋อร์รีบคุกเข่าลงและถามแม่ชีตัวน้อยที่ถูกลักพาตัวมา เมื่อนางเล่าถึงวิธีการทั้งหมด เล่าว่าคนของฉินรั่วเฉินสังหารหลันเชี่ยนหยิ่งอย่างไร นางก็ยินดีเหลือคนา

“ดีเหลือเกิน ตราบใดที่ส่งมอบคนคนนี้ให้กับหลันซือเฮ่อ การต่อสู้ครานี้ก็จะถูกทำลายลงด้วยตัวของมันเอง!” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่อาจปิดซ่อนความสุขบนใบหน้าของนางได้ ทว่าวินาทีถัดมา นางกลับเป็นกังวลขึ้นมาอีกครา “ทว่าท่านทั้งสองล้วนได้รับบาดเจ็บกันทั้งคู่ แล้วใครจะพานางไปหาหลันซือเฮ่อได้เล่า?”

“ข้าไปเอง!”

ซูเช่อผู้อึดอัดอยู่เต็มท้อง และไม่รู้วิธีที่จะระบายมันออกมาหยัดกายลุกขึ้นยืนพลางกุมบาดแผล “อาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ นี้ไม่นับเป็นอันใด ในเมื่อหลันเชี่ยนหยิ่งมิได้ฆ่าตัวตาย แน่นอนว่าเราต้องเปิดโปงฉินรั่วเฉินในเรื่องนี้ ต้องทำให้หลันซือเฮ่อรู้เรื่องนี้ให้ได้ ดังนั้นการส่งข้าไปย่อมเป็นหนทางที่เหมาะสมที่สุด”

——————————

เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?

เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?

Score 10
Status: Completed
ชาตินี้นางจะร่ำรวยจนทำให้พวกท่านแม่นับเงินกันจนมือเป็นตะคริวเอง! “ขอเพียงแค่เจ้าอยากได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าหามาให้ได้ทั้งสิ้น” ผู้สืบทอดทางการแพทย์ข้ามมิติมาเป็นสาวชาวนาตัวเล็กๆ ในสมัยโบราณ นางมีพี่ชายที่เป็นง่อย และน้องชายที่ป่วย มารดาที่ไม่กล้าสู้คน บิดาที่หายหน้า ครอบครัวก็ยากจน แม้แต่ไข่ใบเดียวก็คือของล้ำค่า ทว่า… โชคดีที่นางมีช่องว่างแห่งทวยเทพและมันสมองที่เหนือกว่าผู้ใด อยากได้ร้านอาหารหรือ? เปิด! อยากเรียนหรือ? ส่งไปเลยทีเดียวสี่คน! บ้านใหม่หรือ? จะเอากี่หลังดี! เงินทองเอ๋ย ไหลเข้ามาแล้วอย่าหวังว่าจะไหลออกไป!

Options

not work with dark mode
Reset