อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย 459 ตอนจบ

ตอนที่ 459 ตอนจบ

“เฟิงหานชวน คุณ คุณ คุณ…”

เป๋าฮวนตะลึงไป

เธอล็อกประตูแล้วแท้ๆ ทำไมเฟิงหานชวนถึงเปิดประตูได้?

เฟิงหานชวนก้าวขาเรียวยาว เดินไปทางเธออย่างเชื่องช้า

ไม่ช้ากดเธอไว้ตรงราว

ด้านหลังเป็นแอ่งลึก เป๋าฮวนตกใจจนขาอ่อนแรงไป

“คุณอา ได้โปรดไว้ชีวิต~” เธอร้องขอความเมตตาทันที

“คุณอา?”

มุมปากชายหนุ่มเดิมยกขึ้นอย่างหยอกล้อ แต่ตอนนี้ท่าทางกลับมาเย็นชาดังเดิม

“พี่ชาย ด้านนอกลมแรง ให้น้องสาวเข้าห้องดีกว่าไหม?” หัวใจดวงน้อยของเป๋าฮวนสั่นแล้วสั่นอีก ดวงตาคู่สวยกะพริบขึ้น พูดออดอ้อน“พี่ชาย~”

เธอต้องอ่อนหวานถึงจะได้

ถึงอย่างไร พรุ่งนี้ยังต้องถ่ายละครนะ เธอไม่อยากเดินไม่ไหว

“เรียกพี่ชายก็ไม่ได้ คืนนี้คุณต้องได้รับบทลงโทษ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูเธอ

เป๋าฮวนมองบนด้วยตาทั้งสองข้าง ด้านหน้ามืดไป

เป๋าฮวนอยู่ในกองถ่ายประมาณอาทิตย์กว่าๆ

ในช่วงเวลานี้ เฟิงหานชวนอยู่ในกองเป็นเพื่อนเธอ

เขาอยู่ในรถบ้านทำงาน

เป๋าฮวนโดนเขาคุมเข้มมาก นักแสดงชายหลายคนที่คิดจีบเป๋าฮวนก่อนหน้านี้ ต่างรับรู้ไม่กล้าเข้าหาอีก

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว มีฉากตกน้ำที่สำคัญที่สุดฉากหนึ่ง และเป็นจุดจบของบทบาท“กุยหลาน”นี้

หลังจากตกน้ำ กุยหลานก็ตายไป บทบาทนี้ก็สิ้นสุดลง

ผู้กำกับได้คุยกับเป๋าฮวนก่อนหน้านี้แล้ว ฉากตอนตกน้ำใช้ตัวแสดงแทนได้ เป๋าฮวนแค่ต้องแสดงฉากบนชายฝั่งก็พอ

แต่เป๋าฮวนรู้สึก หากใช้ตัวแสดงแทนมาแสดงฉากตกน้ำจนจบ งั้นผลลัพธ์ต้องไม่ดีแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้อากาศไม่หนาว

เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักแสดงคนหนึ่ง นี่เป็นฉากพื้นฐาน เป็นสิ่งที่ควรทำ และเธอก็ว่ายน้ำเป็น หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็สามารถช่วยตัวเองได้

เป๋าฮวนตัดสินใจจะแสดงเองไว้แล้ว แต่เฟิงหานชวนไม่ยอม เธอหว่านล้อมอยู่นานถึงทำให้เขายอมตกลง

ถ่ายทำมาทั้งวัน ในที่สุดก็ถึงเวลากลางคืน

เป๋าฮวนคันไม้คันมือยืนอยู่ข้างริมแม่น้ำ นี่เป็นฉากหนึ่งในตอนกลางคืน

กุยหลานถูกคนนัดมาที่สวนอวี้ฮวา ถูกคนจ้องเอาชีวิต ผลักเธอลงในทะเลสาบ ทำให้เธอจมน้ำตาย

“ทุกฝ่ายพร้อม เตรียมตัว——”

ผู้กำกับสั่งออกมา นักแสดงหญิงที่เล่นคู่กับเป๋าฮวนก็เริ่มผลักเธอ

เป๋าฮวนร้องขอความช่วยเหลือเสียงดัง นักแสดงหญิงทำตามบท ปิดปากจมูกเธอไว้ แล้วผลักเธอไปทางทะเลสาบ

ภายใต้การต่อสู้ไปมาหลายครั้ง เสียงดัง “ตุ๋ม”

เป๋าฮวนถูกผลักตกเข้าไปในทะเลสาบ ผิวน้ำกระจาย

เฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างๆ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ใบหน้าเครียดสุดขีด

แม้ว่าน้ำในทะเลสาบจะเย็นเล็กน้อย เป๋าฮวนรู้สึกว่าทนได้ เดิมที่ดิ้นอย่างผ่อนคลาย แต่เพียงไม่นาน ท้องก็จุกเสียดขึ้นมา

สีหน้าของเธอซีดขาวทันที ขาเล็กทั้งสองถีบอยู่ อยากจะว่ายขึ้นฝั่งมา

แต่ขาเล็กจู่ ๆก็เป็นตะคริว เธอรู้สึกเหมือนกับแข็งไปทั้งตัว ร่างทั้งร่างกำลังดิ่งลงไป

เธออยากร้องให้ช่วย แต่น้ำในทะเลสาบเข้ามาในปากของเธอไม่หยุด

“แย่แล้ว แย่แล้ว กุยหลานเหมือนไม่ปกติ!” สีหน้าของนักแสดงหญิงที่แสดงคู่ตรงชายฝั่งเปลี่ยนไป

ตอนเธอพูดคำนั้นออกไป เสียงดัง“ตุ๋ม” เฟิงหานชวนโดดเข้าไปในทะเลสาบแล้ว

โรงพยาบาล

เป๋าฮวนตื่นขึ้น รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว

เธอกะพริบตาอย่างมึนงง ตอนหันหน้าไป เฟิงหานชวนจ้องเธออยู่พอดี

“คุณตื่นแล้วเหรอ? เจ็บตรงไหนไหม?” เฟิงหานชวนลุกขึ้น กุมมือเธอไว้แน่น

“เจ็บนิดหน่อย” เป๋าฮวนอ้อน

“ฮวนฮวน ผมต้องบอกเรื่องหนึ่งกับคุณ” เฟิงหานชวนสีหน้าจริงจัง

“เรื่องอะไร?” เป๋าฮวนสงสัย

“คุณตั้งท้องแล้ว เด็กอายุหนึ่งเดือนกว่า” เฟิงหานชวนก้มตัว จุ๊บที่หน้าผากของเธอหนึ่งครั้ง

“อะไรนะ!” เป๋าฮวนช็อกไป

หนึ่งเดือน…

งั้นก็คือโรงแรมตี้ฮวงที่มีอะไรกันคืนนั้น

ไม่น่าประจำเดือนเธอถึงมาช้า

“คุณทำผมตกใจแทบตาย ต่อไปห้ามถ่ายฉากแบบนี้อีก เด็กเกือบไม่ปลอดภัยแล้ว” ใบหน้าเฟิงหานชวนเจ็บปวดใจไม่หาย

เป๋าฮวนยื่นริมฝีปาก เงยหน้าจุ๊บบนริมฝีปากบางของชายหนุ่มเบาๆหนึ่งครั้ง ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันรู้แล้ว ฉันจะดูแลลูกอย่างดี”

สามเดือนต่อมา

งานมงคลสมรสหนึ่งจัดขึ้นที่เมืองเป่ยเฉิง เอิกเกริกยิ่งใหญ่

ท้องน้อยเจ้าสาวนูนเล็กน้อย แต่ท่าทางยังอ่อนช้อยงดงาม

กำหนดการเดิมจัดงานแต่งที่เกาะ เพราะเป๋าฮวนตั้งท้อง ไม่สามารถเดินทางไกล ดังนั้นเปลี่ยนเป็นจัดงานแต่งขึ้นท้องถิ่น

งานแต่งงานยิ่งใหญ่มาก สง่างามและอบอุ่นมาก

แขกเต็มห้องโถง ถึงขนาดผู้นำทั้งสองของประเทศฮัวและประเทศเฉิน ต่างรีบพากันมาร่วมยินดี

สถานการณ์ทุกอย่างในวันนั้น ขึ้นคำค้นหายอดฮิตไปหมด

ห้าเดือนต่อมา

เป๋าฮวนท้องที่ค่อนข้างใหญ่ ถูกส่งเข้าห้องคลอด

เธอเลือกที่จะผ่าคลอด เพราะมีเด็กสองคน ถ้าหากเลือกคลอดธรรมชาติ มันยากลำบากจริงๆ

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความกังวล คนทั้งคนเดินไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก

ตระกูลเฟิงและตระกูลเป๋าทั้งสองตระกูล เบียดกันอยู่เต็มทางเดินโรงพยาบาล

เฟิงหย่ามีแฟนหนุ่มแล้ว เป็นไอดอลชายที่ดังคนหนึ่ง ฐานะทางบ้านเหมาะสม ทั้งสองประกาศเป็นแฟนกันแล้ว

เฟิงเฉินเหยี่ยนเอ้อระเหยลอยชายเหมือนเดิม แต่มีเด็กสาวที่มีฐานะคนหนึ่งตามหลังเขาตลอด เธอกับเป๋าฮวนสนิทกันดี ครั้งนี้ก็เฝ้าอยู่ในทางเดินเหมือนกัน

ทางเดินทั้งเส้น เต็มไปบรรยากาศที่ทั้งกังวลและมีความสุข

เสียงดัง“แกร๊ก”

ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออก

พยาบาลเดินออกมา รายงานเสียงดัง “ยินดีกับคุณเฟิง ลูกสาวทั้งสองปลอดภัย แม่ปลอดภัย”

หลังจากเฟิงหานชวนได้ยิน นาทีแรกพุ่งเข้าไปที่ห้องผ่าตัด กอดเป๋าฮวนที่สลบอยู่ร้องไห้น้ำมูลไหล

ฉากนี้ถูกเฟิงเฉินเหยี่ยนถ่ายลงมาอย่างชั่วร้าย ต่อมากลายเป็นหลักฐานที่เป๋าฮวนล้อเลียนสามีตัวเอง

แน่นอน การล้อเลียนแบบนี้ เป็นการล้อเลียนแบบหวานชื่น

เฟิงหานชวนไม่อยากให้เป๋าฮวนทรมานอีก ให้เธอทำหมันตั้งแต่นั้นมา

ครอบครัวสี่คนหวานชื่น พวกเด็กๆเติบโตอย่างมีความสุข

เฟิงหานชวนวางเธอบนผ้านวมที่อ่อนนุ่ม ถามเธอด้วยความกันเอง “ผมได้ยินมาว่าวันนี้คุณถูกรังแก?”

“ถูกรังแก? ถ้างั้นคุณคงได้ยินมาผิดแล้ว คนที่ถูกรังแกไม่ใช่ฉัน” เป๋าฮวนยักไหล่อยากหมดคำพูด

หากใครกล้ารังแกเธอ ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ไหม?

“พวกหล่อนตีกันทำให้คุณบาดเจ็บจะทำยังไง เมื่อไรที่คุณห่างจากผมหนึ่งเมตร ผมก็จะไม่สบายใจ” เฟิงหานชวนพูดตามจริง

ตอนนี้เขาแทบอยากจะให้เป๋าฮวนอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา ไม่ให้เธอหายไปจากระยะสายตาของตัวเอง

“คุณควบคุมได้เยี่ยมมาก ยิ่งไปกว่านั้นฉันมีอามั่วกับอาเหลิ่งอยู่ ใครจะทำร้ายฉัน?” เป๋าฮวนยื่นแขนที่ขาวเรียวกอดผู้ชายตรงหน้า พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณวางใจเถอะ ฉันจะไม่เป็นไร”

“และฉันไม่สามารถเอาแต่ตัวติดคุณ แบบนั้นน่าเบื่อแค่ไหน” ”เป๋าฮวนพึมพําเสียงเบา

เฟิงหานชวนได้ยินสีหน้าเข้มขึ้นทันที เสียงก็ต่ำ “อยู่ด้วยกันกับผมมันน่าเบื่อมากเหรอ?”

เป๋าฮวนดูออก เฟิงหานชวนโกรธอยู่ เธอกลั้นยิ้มพูดแกล้ง “ใช่สิ ไม่มีความหมายอะไร อยู่ด้วยกันกับคุณน่าเบื่อมากเลย”

“ฮวนฮวน คุณกวนอยู่ใช่ไหม?” เฟิงหานชวนโน้มตัว มือใหญ่ลูบไปที่เอวของหญิงสาว

“คุณอย่าจี้ คุณอย่าจี้ จั๊กจี้มาก รีบปล่อยมือนะ…” เป๋าฮวนบิดตัวหนี มือเล็กที่ขาวไปปัดมือใหญ่ของชายหนุ่ม

แรงของเฟิงหานชวนเป๋าฮวนจะต้านทานได้ยังไง และร่างเล็กใช้เวลาตอนที่ชายหนุ่มเผลอ รีบพลิกลงจากเตียงจากอีกฝั่ง

เป๋าฮวนพุ่งไปทางระเบียงด้วยเท้าเปล่า รีบปิดประตูไว้

ตอนเฟิงหานชวนวิ่งตามมา โดนปิดไว้ด้านนอกกระจกพอดี เป๋าฮวนยืนอยู่บนระเบียง ยังแลบลิ้นไปทางเขา ทำหน้าทะเล้นหลายอย่าง

“ฮวนฮวน รีบเปิดประตู” เฟิงหานชวนน้ำเสียงจนใจ

“ไม่!” เป๋าฮวนอ้าริมฝีปากแดง ใช้ภาษาใบ้ปฏิเสธ

เฟิงหานชวนยกมือยอมแพ้ทันที “ผมผิดไปแล้ว! รีบเข้ามา อย่าทนหนาวเลย”

“ไม่หนาว” เป๋าฮวนส่ายหน้า

เฟิงหานชวนลงโทษแบบนั้นกับเธอเมื่อครู่ เธอไม่ควรยอมเขาง่ายๆ!

เป๋าฮวนยกมือลูบคาง มองผู้ชายที่ห่างกันเพียงกระจกหนึ่งบาน เธอใช้ความคิด

เธอจะตอบโต้เฟิงหานชวนยังไงดี?

เมื่อกี้เขารังแกเธอแบบนั้น เธอไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่นอน!

มองทั้งสี่ทิศหนึ่งรอบ เห็นระเบียงอีกด้านเป็นสีดำ คิดว่าห้องสูทข้างๆคงไม่มีแขก

เป๋าฮวนแอบยิ้ม ชุดคลุมพาดที่ไหล่ มือวางบนเก้าอี้ หมุนตัวเริ่มเต้นรำ

ระเบียงไม่ใหญ่ไม่เล็ก เหมือนกับเวทีหนึ่งพอดี

แสงไฟส่องแสงระยิบระยับบนร่างของเป๋าฮวน ราวกับเธอเป็นนางฟ้าเต้นรำในยามราตรี และเหมือนมารน้อยที่บำเพ็ญตบะมาพันปี

ไร้เดียงสาและเซ็กซี่พอๆ กัน

ชายหนุ่มที่อยู่อีกด้านของประตูกระจก ลูกกระเดือกลู่ลงนานแล้ว

“ฮวนฮวน” เขายกมือเคาะประตู

เป๋าฮวนหยุดเต้น เดินสง่าไปด้านหน้าประตูกระจก จงใจยิ้มและบิดเอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ

“เฟิงหานชวน คุณมาจับฉันสิ~คุณมาจับฉันสิ” เป๋าฮวนยิ้มตาหยีระหว่างที่พูด และหมุนตัวไปอีกหลายรอบ

ชุดครบหลุดจากแขน หล่นลงพื้นอย่างช้าๆ บนตัวเธอมีเพียงเดรสสายเดี่ยวตัวสั้นตัวเดียว

เป๋าฮวนพิงที่ราว จงใจมองเฟิงหานชวน แถมยังทำหน้าท้าทาย

วินาทีต่อมาเสียงดัง “แกร๊ก” ประตูถูกเปิดออก

ชายหนุ่มก้าวขาที่เรียวยาว เหยียบเข้าบริเวณระเบียง

เป๋าฮวนเดิมที่มีใบหน้าอวดดี ถูกเติมเต็มไปด้วยความตกใจทันที

งานเลี้ยงของรัฐดำเนินไปอย่างมีระเบียบ

นี่เป็นครั้งแรกที่เป๋าฮวนเข้าร่วมงานเลี้ยงของรัฐแบบนี้ แต่เธอก็ไม่รู้สึกอึดอัด อย่างไรก็ตาม ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเธอก็ได้เห็นฉากใหญ่มาแล้ว

ผู้นำนั้นเป็นกันเองมาก อันที่จริงนี่เป็นการประชุมแลกเปลี่ยนที่เรียบง่าย ไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น

มีสื่อระดับชาติหลายแห่งในงาน สามารถถ่ายรูปพวกเขาทานอาหาร และถ่ายทอดสดคลิปวิดีโอได้ด้วย

งานเลี้ยงของรัฐที่ควรจะเข้มงวด กลับได้รับความนิยมในเวยป๋อพุ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งโดยตรง

เป๋าฮวนกลายเป็นคนที่มีการพูดถึงมากที่สุดในบรรดาผู้คนที่มาร่วมงาน!

ไม่ว่าจะเป็นผู้นำหลายคนของประเทศ หรือว่าเฟิงหานชวน เป๋าเฉิน เจ้าหญิงอลิซ่า ล้วนกลายเป็นฉากหลังของเธอ

ในคอมเม้นท์ ทั้งหมดกำลังพูดถึงเธอคนนี้ที่เป็นคุณนายของประธานแห่งRกรุ๊ป ผู้สืบทอดหลักของตระกูลเป๋า!

……

ขณะนี้ที่เมืองเหิงซื่อ ทีมงานกำลังถ่ายทำกันอย่างเข้มข้น

ในที่สุดก็ถึงเวลาพักตอนกลางวัน อันเยว่เมื่อยคอ ฉินฟางฟางและติงเซียงช่วยเธอทุบไหล่ทันที

ที่เพิ่งถ่ายเมื่อครู่เป็นฉากในร่มฉากหนึ่ง มีการเผชิญหน้าระหว่างนางสนมเอกที่เล่นโดยอันเยว่ และนางเอกที่เล่นโดยเฉียวหว่านอัน

ฉินฟางฟางและติงเซียงอยู่ในฐานะสาวใช้ข้างกายทั้งสองของอันเยว่ ยืนอยู่ด้านข้างเพื่อถ่ายทำเช่นกัน ไม่มีบทพูดใดๆ ทำหน้าที่เป็นเหมือนฉากหลัง

“พอแล้วเธอสองคนไม่ต้องทุบแล้ว ไปกินข้าวกับฉันที่รถของพี่เลี้ยงกันเถอะ” อันเยว่พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโส

ในเวลานี้ผู้ช่วยรีบเข้ามา ยื่นโทรศัพท์มือถือและแก้วน้ำให้อันเยว่

อันเยว่ดื่มน้ำ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือ เพิ่งเปิดเครื่องดูก็มีเสียง"ตุบ"

โทรศัพท์ลื่นหลุดจากมือโดยตรงและตกลงไปที่พื้น

"เยว่เอ่อร์ โทรศัพท์ของเธอตก" ฉินฟางฟางเป็นคนก้มเก็บขึ้นมา

เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของอันเยว่ ฉินฟางฟางรู้สึกงงงวยและเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ยังคงสว่างอยู่อย่างสงสัย

เสียง"ตุบ" โทรศัพท์มือถือของอันเยว่ลื่นหลุดจากมือของฉินฟางฟางอีกและตกลงกับพื้นอีกครั้ง

“พวกเธอเป็นอะไร? โดนของกันหมดหรือไง?” ติงเซียงถามด้วยใบหน้าที่งงงวย ก้มลงหยิบโทรศัพท์ของอันเยว่อีกครั้ง

โทรศัพท์ถูกล็อค ติงเซียงไม่รู้รหัสผ่านและไม่สะดวกที่จะเปิดโทรศัพท์ของอันเยว่ ดังนั้นจึงส่งโทรศัพท์ให้อันเยว่และถามว่า: "เยว่เอ่อร์ ฟางฟาง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?"

อันเยว่หยิบโทรศัพท์ที่ติงเซียงส่งด้วยมือที่สั่น ป้อนรหัสผ่าน เปิดหน้าจอ และโยนโทรศัพท์ไปที่ตัวติงเซียง "ดูเอาเอง"

หลังจากพูดจบ ทั้งสองขาของเธอก็อ่อนแรงและทรุดตัวลงบนเก้าอี้

ติงเซียงรีบรับโทรศัพท์มา ปรับตำแหน่งของโทรศัพท์แล้วก้มหัวลงมอง

เสียง "ตุบ" โทรศัพท์ของอันเยว่ตกลงไปที่พื้นเป็นครั้งที่สาม คราวนี้หน้าจอแตกครึ่งจอ

“โอ้ พระเจ้า!” ติงเซียงยื่นมือปิดปาก ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างราวกับว่ากำลังจะหลุดออกมา

เธอร้องอุทานโดยไม่สนใจโทรศัพท์ที่อยู่บนพื้น และไม่สนใจที่จะหยิบมันขึ้นมาอีก

“เป็นไปได้ยังไง เป็นไปได้ยังไง……” ติงเซียงพึมพำกับตัวเอง ท่าทางของเธอแทบจะไม่เชื่อ

เฉียวหว่านอันมองทั้งสามคนที่มีใบหน้าซีดเซียวราวกับเห็นผียังไงยังงั้น เดินเข้าไปไม่ได้พูด แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ตกลงบนพื้น

“พวกเธอโดนของเหรอ? โทรศัพท์ตกพื้นก็ไม่เก็บเหรอ?” เฉียวหว่านอันยัดโทรศัพท์ไว้ในมือของอันเยว่

เฉียวหว่านอันหันกลับมาและวางแผนที่จะจากไป อันเยว่ยื่นมือออกมาและคว้าแขนของเธอด้วยเสียงที่สั่นเทา: "เฉียวหว่านอัน คุณคุ้นเคยกับเป๋าฮวนไม่ใช่หรือ? เป๋าฮวนเป็นจริงๆ……เป็นคุณหนูตระกูลเป๋าหรือ…… "

อันเยว่ไม่เคยคาดคิดว่ามีตระกูลเป๋าประเทศเฉินอยู่จริง และก็มีBกรุ๊ปอยู่จริง

ตัว "B" ที่เขียนบนหัวเครื่องบินส่วนตัวหมายถึงตระกูลเป๋า

เป๋าฮวนไม่ได้ปฏิเสธ เธอเอามือโอบรอบคอของร่างสูงและตอบจูบเขา

อย่างไรก็ตามโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะกาแฟสั่นอีกครั้ง เสียงเรียกเข้าจากวีแชทดังขึ้นและทำลายบรรยากาศที่เพิ่งสร้างขึ้น

เป๋าฮวนรู้สึกโกรธทันที เธอผลักเฟิงหานชวนไปด้านข้างและเดินไปที่โต๊ะกาแฟ จากนั้นก็ตะโกนว่า: "ถ้าติงเซียงกล้าโทรหาฉันอีกครั้ง ฉันจะสอนบทเรียนให้กับเธอเอง!"

จากนั้นเมื่อเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ปรากฏว่ามันไม่ใช่สายของติงเซียงแต่เป็นลุงของเธอ เป๋าเฉิน

เป๋าฮวนรับโทรศัพท์ทันทีและถามว่า: "คุณลุง มีอะไรเหรอ?"

"ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"เป๋าเฉินถามด้วยความเป็นห่วง

"ไม่เป็นอะไรค่ะ มันไม่ใช่การตั้งครรภ์และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หนูอายุยังน้อยและยังมีโอกาสอยู่!"เป๋าฮวนอธิบาย

"อืม อายุอย่างฉันก็ยังไม่มีลูกเลย ฉันต้องเร่งนำเธอซะแล้ว"น้ำเสียงของเป๋าเฉินดูเป็นการหยอกล้อ

เป๋าฮวน: "…..หากลุงมีความสามารถทำให้เจ้าหญิงตั้งครรภ์ภายในคืนนี้ได้ หนูจะยกย่องลุงเลย"

"โอเค หยุดพูดเล่นเถอะ ฉันมีธุระกับเธอ"เป๋าเฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้งและพูดว่า: "พรุ่งนี้ตอนเที่ยง ผู้นำจากประเทศจีนเชิญอลิซ่าไปงานเลี้ยงอาหารกลางวันของรัฐ อลิซ่ากับฉันจะเข้าร่วมด้วย และเธอกับหานชวนก็ต้องมาที่งานเลี้ยงด้วยเหมือนกัน"

"งานเลี้ยงของรัฐ? งานสำคัญขนาดนี้ ฉันไม่ไปดีกว่า"เป๋าฮวนรีบปฏิเสธ เธอไม่อยากไปทานอาหารที่เป็นมื้อทางการแบบนี้

"ไม่ได้ เธอต้องมา หานชวนเป็นตัวแทนของตระกูลเฟิง และเธอ…เป็นตัวแทนของตระกูลเป๋า"เป๋าเฉินกล่าวอย่างจริงจัง

"ตระกูลเป๋า?"เป๋าฮวนเบิกตากว้าง

เป๋าเฉินเตือน: "ฮวนฮวน อย่าลืมสถานะของเธอตอนนี้สิ เธอเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเป๋า"

"หนูเข้าใจแล้ว อย่างไรก็ตามลุงก็เป็นผู้ชายที่ย้ายไปอยู่ในราชวงศ์แล้ว"เป๋าฮวนยักไหล่ ภาระบนไหล่ของเธอค่อนข้างหนัก

การรวมเข้าด้วยกันระหว่างธุรกิจอุตสาหกรรมของตระกูลเป๋าและธุรกิจอุตสาหกรรมของเฟิงหานชวน ทำให้เกิดความมั่งคั่งของประเทศ แต่เธอก็รู้สึกเสียใจต่อลูกๆในอนาคตของเธอจริงๆ

ท้ายที่สุดแล้วก็มี "บัลลังก์" ที่ต้องสืบทอด เธอต้องเพิ่มความแข็งแกร่งและให้กำเนิดสักลูกกี่คนกัน?

พวกเด็กๆจะต้องแบ่งมรดกทรัพย์สินของครอบครัวให้กันและกัน?

"พรุ่งนี้สิบโมงเช้าเจอกัน รีบพักผ่อนล่ะ ราตรีสวัสดิ์"หลังจากที่เป๋าเฉินสั่งเสร็จ เขาก็วางสายทันที

เนื่องจากเป๋าฮวนเปิดสปีกเกอร์โฟน เฟิงหานชวนจึงได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจน เขารู้เรื่องนี้แล้ว แต่เขาไม่ได้จริงจังกับมัน

อย่างไรก็ตามงานเลี้ยงของรัฐในวันพรุ่งนี้จะแสดงให้เกิดความกระจ่างว่าผู้นำของประเทศต้องการต้อนรับเจ้าหญิงอลิซ่าและเป๋าฮวนอย่างจริงจัง

เจ้าหญิงแห่งประเทศเฉินและทายาทของกลุ่มชั้นนำของประเทศเฉิน

งานเลี้ยงของรัฐนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศจีนและประเทศเฉิน

ไม่น่าแปลกใจเลยที่สื่อในประเทศและต่างประเทศจำนวนมากจะมางานในวันพรุ่งนี้

เป๋าฮวนวางโทรศัพท์ลง เธอหันกลับมาและรีบพุ่งไปทางเฟิงหานชวนทันที เธอโอบแขนรอบคอของเขาแล้วพูดว่า: "พวกเรามาทำต่อกันเถอะ ฉันจะต้องมีลูกหลายๆคน!"

"การมีลูกมันยากมาก คนเดียวก็พอแล้ว"เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจไปกับเธอ

"ถ้ามีแค่คนเดียว มันก็จะต้องทุกข์"เป๋าฮวนเม้มริมฝีปาก ร่องรอยของความโศกเศร้าปรากฏบนใบหน้าของเธอ

"อย่าคิดมาก อย่ากดดันตัวเองมาก คืนนี้พักผ่อนให้เพียงพอเถอะ พรุ่งนี้คุณต้องไปงานเลี้ยงของรัฐ"เฟิงหานชวนปลอบโยนเธอ

เป๋าฮวนดึงมือของเขาเข้ามา เธอพยักหน้าด้วยแล้วพูดว่า: "เอาล่ะ คืนนี้เลื่อนไปก่อนละกัน ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าจะตื่นไม่ไหว"

พอพูดจบในที่สุดเธอก็ขึ้นไปบนเตียง

เฟิงหานชวนยิ้มและส่ายหัว เขาลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องน้ำ หลังจากนั้นก็กลับมาหลังจากการอาบน้ำเย็นๆเสร็จ

……

วันรุ่งขึ้นเป๋าฮวนถูกปลุกโดยเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนได้จัดให้สไตลิสต์เข้ามาจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม อย่างไรก็ตามงานเลี้ยงของวันนี้ต่างจากงานเลี้ยงอาหารค่ำทั่วไปและชุดก็ต้องเป็นทางการ

ทั้งสองเปลี่ยนสไตล์และเสื้อผ้าของพวกเขา จากนั้นก็นั่งรถไปที่โรงแรมงานเลี้ยงของรัฐ

ทันทีที่ลงจากรถแสงแฟลชก็สว่างขึ้น เป๋าฮวนเองก็เตรียมใจมาอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงยิ้มให้กับกล้อง

เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็กๆที่ขี้กลัวอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง

"โอ้พระเจ้า นี่คือภรรยาของประธาน R กรุ๊ป สวยมากจริงๆ!"นักข่าวคนหนึ่งอุทาน

ทุกคนเคยเห็นรูปถ่ายขอแต่งงานแล้ว แต่ในรูปขอแต่งงานนั้นเป๋าฮวนแต่งตัวสบายๆ พวกเขาไม่ได้เห็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจและไม่ได้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของเธอ เห็นเพียงแค่ใบหน้าด้านข้างเท่านั้น และรูปถ่ายก็ทั้งเบลอและมัว ซึ่งมันบดบังใบหน้าที่แท้จริงของเธอ

และตอนนี้เธอเปิดเผยทุกอย่างที่เธอมีภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา

"ครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงของเจ้าหญิงอลิซ่า เจ้าหญิงแห่งประเทศเฉิน ทำไมคนจาก R กรุ๊ปสองท่านนี้ถึงถูกเชิญด้วย? ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่คุณเฟิงขอภรรยาของเขาแต่งงาน เจ้าหญิงอลิซ่าก็อยู่ที่นั่นด้วย ขอถามได้ไหมคะว่าตระกูลเฟิงและราชวงศ์ของประเทศเฉินมีความเกี่ยวข้องกันใช่ไหม? "นักข่าวถามอย่างกล้าหาญ

เสียงของคนอื่นๆดังโวกเวก: "ใช่ๆ มีการติดต่อกันระหว่างคุณเฟิงและประเทศเฉินด้วยใช่ไหม? ได้ยินมาว่าคุณเฟิงมีบริษัทสาขาย่อยในประเทศเฉินด้วย! "

ในขณะเดียวกันรถลินคอล์นก็ค่อยๆเทียบจอดลง และนั่นก็ทำให้ได้รับความสนใจจากนักข่าว

ในขณะที่ประตูรถถูกเปิดออก อลิซ่าที่สวมชุดชุดราตรีสไตล์ราชวงศ์ก็ก้าวขาลงมา ผมสีบลอนด์ของเธอถูกม้วนขึ้นสูงและใบหน้าของเธอฉายให้เห็นถึงออร่าพวกชนชั้นสูง

เป๋าเฉินลงจากรถและยืนอยู่ข้างๆเธอ อลิซ่าจับมือของเขา

"นั่นเจ้าหญิงอลิซ่า!!!"นักข่าวมารุมกันอีกแล้ว

"เจ้าหญิงอลิซ่า ผู้ชายที่อยู่ข้างๆเธอดูคุ้นๆ เขา…"นักข่าวคนหนึ่งกำลังนึกเกี่ยวกับตัวตนของเป๋าเฉิน

"คริส เขาเป็นนักธุรกิจเบอร์ใหญ่ๆของประเทศเฉิน แต่เขามีเชื้อสายจีนและชื่อภาษาจีนของเขาก็คือเป๋าเฉิน"นักข่าวที่มีสายตาเฉียบคมตะโกนออกมา

เป๋าเฉินพยักหน้าและหันหน้าไปทางกล้องเพื่ออธิบาย: "ผมชื่อเป๋าเฉินครับ ผมกับอลิซ่าจะแต่งงานกันในเร็วๆนี้ เธอเป็นภรรยาที่ผมกำลังจะแต่งงานด้วย ขอบคุณสำหรับการสัมภาษณ์ครับ"

"ว้าว!!!"มีเสียงร้องดังอย่างตื่นเต้น

นักธุรกิจเบอร์ใหญ่กับเจ้าหญิง เป็นการรวมตัวกันที่งดงามมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกอิจฉาริษยาเสียเหลือเกิน

"คุณเป๋า ได้ยินมาว่าคุณเป็นทายาทของ B กรุ๊ปและเป็นทายาทของตระกูลเป๋า ต่อไปจะสืบทอดมรดกของตระกูลเป๋าใช่ไหมคะ? และเจ้าหญิงอลิซ่าจะดูแลเครือธุรกิจของคุณกับคุณหรือเปล่า? "นักข่าวอีกคนยังคงถามคำถาม

ในความเห็นของพวกเขา จุดสำคัญของการสัมภาษณ์ครั้งนี้คือเจ้าหญิงอลิซ่าและเป๋าเฉิน เพราะผู้ถูกเชิญคนสำคัญของงานเลี้ยงของรัฐนี้คือเจ้าหญิงอลิซ่า

และเป๋าฮวนก็เหมือนกับซินเดอเรลล่าที่แต่งงานกันกับตระกูลที่ร่ำรวย เลยถูกละเว้นชั่วคราว

เฟิงหานชวนพาเป๋าฮวนเลี่ยงฝูงชนออกมา และวางแผนที่จะพาเธอเข้าไปในโรงแรมก่อนเพราะข้างนอกอากาศหนาวมาก

ในขณะเดียวกันเสียงที่ดังและทรงพลังของเป๋าเฉินก็ดังขึ้น: "ผมเป็นลูกบุญธรรมของพ่อของผม เพราะฉะนั้นผมไม่สามารถสืบทอด B กรุ๊ปได้ หลานสาวของผม เป๋าฮวน คือทายาทคนเดียวของตระกูลเป๋า"

เป๋าเฉินจ้องมองไปที่เป๋าฮวนซึ่งอยู่ไม่ไกลและยิ้มบางๆ: "ภรรยาของประธาน R กรุ๊ปคือหลานสาวของผมเอง"

คำพูดสุดท้ายของเขาราวกับระเบิดตอร์ปิโดที่ระเบิดลงสู่ท้องทะเล

"พระเจ้า!"

นักข่าวกรีดร้อง: "ภรรยาใหม่ของคุณเฟิงกลายเป็นทายาทของตระกูลเป๋า!"

"ไม่น่าแปลกใจเลยที่งานเลี้ยงของรัฐถึงเชิญพวกเขา…ตระกูลเป๋าเป็นตระกูลเก่าแก่และยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่ได้แต่งงานกับราชวงศ์ของประเทศเฉินเท่านั้น แต่ยังแต่งงานกับตระกูลเฟิงแห่งประเทศจีนด้วย…"

"ตระกูลเป๋ามีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าอย่างแท้จริง!"

"ไม่ น่าจะเป็นคุณเป๋าต่างหากที่มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าอย่างแท้จริง!!!"

แผนการที่จะมีลูกกำลังดำเนินการอยู่

แต่เสียงเรียกเข้าของวีแชทก็ดังขัดจังหวะพวกเขาเสียก่อน

เฟิงหานชวนขอให้เธอไม่สนใจและเป๋าฮวนเองก็ไม่ต้องการที่จะสนใจมันเช่นกัน แต่สายนี้ดูเหมือนจะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เป๋าฮวนทำได้เพียงแค่ปล่อยเฟิงหานชวน เธอเดินไปที่โต๊ะกาแฟและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดวีแชท

เป็นติงเซียงที่โทรวีแชทเข้ามา

"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"เพราะถูกขัดจังหวะ เป๋าฮวนเลยถามออกไปอย่างเย็นชา

ถ้าเธอเดาถูก ติงเซียงน่าจะมาถามถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวน

ในวินาทีต่อมา เสียงเสแสร้งของติงเซียงก็ดังขึ้น: "ฮวนฮวน เธอปิดบังฉันทำไม สรุปแล้วสามีของเธอคือเฟิงหานชวน ฉันเคยเห็นที่แคมป์ฝึกเมื่อสามปีที่แล้ว! "

"ฉันไม่สะดวกที่จะเปิดเผยมันต่อสาธารณะ"เป๋าฮวนหมดความอดทนกับติงเซียงมาตั้งแต่สามปีที่แล้ว

เธอยังคงพูดอย่างเย็นชาว่า: "ถ้าไม่มีอะไรฉันจะวางสายแล้วนะ ฉันยุ่ง"

เธอกำลังยุ่งอบยู่กับแผนการมีลูกของเธอ!

"เดี๋ยวก่อนฮวนฮวน เธอ…เธอกับเฟิงหานชวนรู้จักกันได้ยังไง? เธอช่วยมีลูกให้เขาใช่ไหม? "เมื่อเห็นว่าเป๋าฮวนกำลังจะวางสาย ติงเซียงก็โพล่งออกมาอย่างรวดเร็ว

ฉินฟางฟางและอันเยว่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ พวกเธอกำลังนั่งฟังเธอและเป๋าฮวนโทรคุยกันอยู่

"มีลูก?"เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เธอจับหน้าท้องแบนราบของเธอและพูดไม่ออก: "ฉันไม่เคยมีลูกมาก่อน ดังนั้นอย่าเผยแพร่ข่าวลือมั่วๆ"

หลังจากอธิบายประโยคนี้ไป เธอก็วางสายทันที

"เอ๊ะ ฮวนฮวน งั้นทำไมเธอทำ…"ก่อนที่ติงเซียงจะถามจบ เธอก็พบว่าเป๋าฮวนได้วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เธอจึงโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ

"เธอวางสายไปแล้วเหรอ? เธอพูดว่าอะไร?"อันเยว่ถามทันที

ติงเซียงส่ายหัวและบ่น: "เธอบอกว่าเธอไม่เคยมีลูกมาก่อนและบอกฉันว่าอย่าปล่อยข่าวลือมั่วๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะโกรธ ฉันไม่ควรถามเธอแบบนั้นเพราะมันทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจฉันแล้ว!"

ในคำพูดของเธอบอกเป็นนัยๆว่าเธอตั้งใจที่จะตำหนิอันเยว่ เพราะอันเยว่เป็นคนขอให้เธอโทรหาเป๋าฮวน

"แม้ว่าฮวนฮวนจะไม่มีเบื้องหลัง แต่ตอนนี้เธอมีเบิ้องหลังที่แข็งแกร่งแล้ว เธอคือคนของตระกูลเฟิงแล้ว ฉันไม่ควรไปทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ!"ติงเซียงพึมพำกับตัวเอง

สีหน้าของอันเยว่เปลี่ยนเป็นซีดไปในทันที

ติงเซียงเคยเป็นคนที่คอยตามเธอ แต่ตอนนี้เธอกล้าที่จะพูดย้อนใส่เธอแล้ว

"ติงเซียง อย่าลืมนะว่ามีวันนี้ได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากใคร เป๋าฮวนเป็นคนของตระกูลเฟิงแล้วจะทำอะไรได้ จะช่วยเธอได้ไหม?"อันเยว่ดุติงเซียง

ติงเซียงเม้มริมฝีปากและไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระต่ออีก

ตอนนี้ฉินฟางฟางพึ่งพาอันเยว่ จะอย่างไรเธอก็ว่าตามอันเยว่แน่นอน เธอเลยตำหนิติงเซียงว่า: "ใช่ ติงเซียง พวกเรามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะความช่วยเหลือของอันเยว่ แม้ว่าเป๋าฮวนจะนับว่าเป็นคนของตระกูลเฟิง แล้วยังไงล่ะเธอจะทำอะไรได้ เป๋าฮวนจะแลเห็นเธอไหม? เป๋าฮวนไม่ได้สนใจเธอเลย ถ้าเป๋าฮวนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอจริงๆ เป๋าฮวนจะปิดบังสิ่งนี้จากเธอเมื่อสามปีที่แล้วไหม? "

สีหน้าของติงเซียงเปลี่ยนไป และเธอไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว ตอนนี้เธอทำได้เพียงอยู่ข้างอันเยว่ไปก่อน แล้วค่อยหาโอกาสที่จะเข้าใกล้เป๋าฮวนมากขึ้นกว่านี้

……

เป๋าฮวนแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อสายของของติงเซียงโทรเข้ามารบกวน

เฟิงหานชวนกอดเธอจากด้านหลังและถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: "เกิดอะไรขึ้น? ใครทำให้คุณไม่พอใจ? "

"เพื่อสมัยก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่อนอีกต่อไปแล้ว คุณน่าจะเคยพบเธอแล้ว เธอชื่อติงเซียง ฉันเจอระหว่างตอนเข้าแคมป์ฝึก"เป๋าฮวนอธิบายต่อว่า: "เธอเพิ่งถามฉันว่าฉันมีลูกให้คุณเพื่อที่ฉันจะได้แต่งงานเข้าตระกูลเฟิง"

"ฮ่าฮ่า"เฟิงหานชวนรู้สึกตลกเพราะเป๋าฮวน

"คุณยังจะหัวเราะอีก!"เป๋าฮวนหลับตาลงและพึมพำ: "ฉันก็อยากมีลูก แต่มันไม่มีไง!"

"ต้องมีอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลไป"เฟิงหานชวนปลอบโยนเธอ

เขารู้ว่าเป๋าฮวนไม่ได้โกรธเพราะคนอื่นดูถูกเธอ แต่ที่เธอโกรธก็เพราะเรื่องเด็ก

เซอร์ไพรส์ในวันนี้ไม่สำเร็จ และคนที่อึดอัดใจที่สุดก็คือเป๋าฮวน

เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง เขาวางคางบนระหว่างไหล่และคอขาวๆของเธอ เขาถูเบาๆราวกับเป็นการปลอบประโลม

เธอรู้สึกจั๊กจี้ตรงคอและเธอก็พยายามผลักเขาออกไปโดยพูดว่า: "ฉันรู้สึกปวดท้องนิดหน่อย"

วันนี้เธอกินข้าวเย็นไม่เยอะเพราะเธอรู้สึกคลื่นไส้นิดหน่อย เธอคิดว่าเธอท้องและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายโดยเฟิงหานชวน

ตอนนี้ท้องของเธอเลยว่างและเธอไม่รู้ว่ามันคือความหิวหรือท้องไส้ของเธอกำลังมีปัญหา

"อยากกินอะไร? เดี๋ยวผมจะไปทำให้คุณ"เฟิงหานชวนเองก็รู้ว่าเธอกินอาหารเย็นไปน้อยมาก

"ฉันไม่อยากกินอะไร"เป๋าฮวนรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหาร เธอเม้มปากแล้วพูดว่า: "คุณทำนมร้อนๆให้ฉันสักแก้วก็ได้"

"โอเค รอสักแป๊ปนะ"พูดเสร็จเฟิงหานชวนก็ลงไปข้างล่างทันที

เป๋าฮวนไปที่เตียงและนั่งลงกุมท้อง ตอนแรกเธอรู้สึกโอเคแต่การโทรมาของติงเซียงทำให้เธออารมณ์เสีย

หลังจากนั้นไม่นานเฟิงหานชวนก็ถือแก้วขึ้นมา เขานั่งยองๆตรงหน้าเป๋าฮวน ในมือของเขาถือแก้วเอาไว้

ในแก้วนมมีไอร้อนลอยฟุ้ง

"รอสักแป๊ปหนึ่งค่อยดื่มนะ ผมจะเป่าให้คุณ มันร้อนมาก"เฟิงหานชวนกำลังเป่านมอย่างจริงจัง

เมื่อมองดูเขาแบบนี้ เป๋าฮวนก็นึกถึงตอนที่อยู่ที่บ้านหลังเก่าเมื่อสามปีที่แล้วที่เฟิงหานชวนเคยช่วยอุ่นนมให้เธอ มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของบทสรุป….

ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาจะลงไปล้างแก้ว

"คุณเฟิง คุณนี่มันน่าเบื่อจริงๆ"เป๋าฮวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

"หืม?"เฟิงหานชวนเลิกคิ้วและถามว่า: "ผมน่าเบื่อเหรอ? ฮวนฮวนคุณจะเล่นกับผมเหรอ? "

"คุณจำเมื่อสามปีที่แล้วได้ไหม?"เป๋าฮวนถามเขา

"เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วผมจำได้ คุณกำลังพูดถึงคืนที่ผมอุ่นนมให้คุณใช่ไหม?"เฟิงหานชวนจะลืมได้อย่างไร เขายังคงจำทุกความทรงจำของเป๋าฮวนได้เสมอ

เป๋าฮวนพยักหน้า แก้มของเธอแดงเล็กน้อย

คืนนั้น ยกเว้นเรื่องที่เกิดขึ้นที่บลูส์คลับของพวกเขา… มันคือครั้งแรก

"ในเมื่อจำได้หมด แล้วทำไมตอนนั้นต้องไปล้างแก้วด้วย! ตอนนั้นฉันคิดว่า…"เป๋าฮวนจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหา

ตอนนั้นเธอคิดว่าเฟิงหานชวนรังเกียจเธอ

เฟิงหานชวนหัวเราะคิกคัก เมื่อตอนนี้นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันก็ช่างเหมือนกับโลกที่อยู่ห่างออกไป แต่ตอนนี้มันกลับเข้าใกล่เขามาแล้ว

"อันที่จริง ตอนนั้นผมค่อนข้างประหม่า ดังนั้นเลยไม่ค่อยมีสติ"เขาจับมือเป๋าฮวนและลูบหลังมือของเธอเบาๆ

"ประหม่า?"เป๋าฮวนรู้สึกตลกและหัวเราะคิกคัก

เฟิงหานชวนรู้สึกอายเล็กน้อย เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า: "อุณหภูมิของนมน่าจะโอเคแล้ว คุณลองดื่มดู"

"โอเค"เป๋าฮวนหยิบแก้วขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม วางริมฝีปากไว้ที่ปากแก้วและพบว่าอุณหภูมิกำลังพอดี เธอจึงดื่มมัน

"ค่อยๆดื่ม"เฟิงหานชวนเตือน: "อย่าสำลัก"

เขาที่เพิ่งจะพูดจบก็พบว่าเป๋าฮวนได้ดื่มนมไปหมดทั้งแก้วเรียบร้อยแล้ว เธอเลียที่มุมปากของเธอแล้วพูดว่า: "โอเค"

"อ่ะ"เธอยื่นแก้วให้เขา

ครั้งนี้แทนที่เขาจะลงไปข้างล่างพร้อมกับแก้ว เฟิงหานชวนกลับวางแก้วลงบนโต๊ะกาแฟทันที หลังจากนั้นเขาก็หันหลังและเดินไปทางเป๋าฮวน

"หือ? อาหาน คุณเอาแก้วลงไปล้างข้างล่างสิ ไม่งั้นคราบมันจะเกาะแก้ว"เป๋าฮวนสั่ง

เฟิงหานชวนยิ้มและเลียริมฝีปากของเขาจากนั้นก็โอบเป๋าฮวน: "ฮวนฮวน คุณไม่ได้พูดว่าผมไปล้างแก้วแล้วผมน่าเบื่อเหรอ?"

"นั่นมันเมื่อสามปีที่แล้ว ไม่ใช่ตอนนี้ ไปล้างแก้วให้ฉันซะ!"เป๋าฮวนยกมือขึ้นและแตะหน้าผากของเขา

"ไม่ ตอนนี้เราต้องทำเรื่องสำคัญ…สิ่งที่ถูกขัดจังหวะไป"

เฟิงหานชวนไม่ให้โอกาสผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาได้ปฏิเสธเลย เขาปิดริมฝีปากของเธอทันที

แผนการที่จะมีลูกกำลังดำเนินการอยู่

แต่เสียงเรียกเข้าของวีแชทก็ดังขัดจังหวะพวกเขาเสียก่อน

เฟิงหานชวนขอให้เธอไม่สนใจและเป๋าฮวนเองก็ไม่ต้องการที่จะสนใจมันเช่นกัน แต่สายนี้ดูเหมือนจะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เป๋าฮวนทำได้เพียงแค่ปล่อยเฟิงหานชวน เธอเดินไปที่โต๊ะกาแฟและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดวีแชท

เป็นติงเซียงที่โทรวีแชทเข้ามา

"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"เพราะถูกขัดจังหวะ เป๋าฮวนเลยถามออกไปอย่างเย็นชา

ถ้าเธอเดาถูก ติงเซียงน่าจะมาถามถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวน

ในวินาทีต่อมา เสียงเสแสร้งของติงเซียงก็ดังขึ้น: "ฮวนฮวน เธอปิดบังฉันทำไม สรุปแล้วสามีของเธอคือเฟิงหานชวน ฉันเคยเห็นที่แคมป์ฝึกเมื่อสามปีที่แล้ว! "

"ฉันไม่สะดวกที่จะเปิดเผยมันต่อสาธารณะ"เป๋าฮวนหมดความอดทนกับติงเซียงมาตั้งแต่สามปีที่แล้ว

เธอยังคงพูดอย่างเย็นชาว่า: "ถ้าไม่มีอะไรฉันจะวางสายแล้วนะ ฉันยุ่ง"

เธอกำลังยุ่งอบยู่กับแผนการมีลูกของเธอ!

"เดี๋ยวก่อนฮวนฮวน เธอ…เธอกับเฟิงหานชวนรู้จักกันได้ยังไง? เธอช่วยมีลูกให้เขาใช่ไหม? "เมื่อเห็นว่าเป๋าฮวนกำลังจะวางสาย ติงเซียงก็โพล่งออกมาอย่างรวดเร็ว

ฉินฟางฟางและอันเยว่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ พวกเธอกำลังนั่งฟังเธอและเป๋าฮวนโทรคุยกันอยู่

"มีลูก?"เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เธอจับหน้าท้องแบนราบของเธอและพูดไม่ออก: "ฉันไม่เคยมีลูกมาก่อน ดังนั้นอย่าเผยแพร่ข่าวลือมั่วๆ"

หลังจากอธิบายประโยคนี้ไป เธอก็วางสายทันที

"เอ๊ะ ฮวนฮวน งั้นทำไมเธอทำ…"ก่อนที่ติงเซียงจะถามจบ เธอก็พบว่าเป๋าฮวนได้วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เธอจึงโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ

"เธอวางสายไปแล้วเหรอ? เธอพูดว่าอะไร?"อันเยว่ถามทันที

ติงเซียงส่ายหัวและบ่น: "เธอบอกว่าเธอไม่เคยมีลูกมาก่อนและบอกฉันว่าอย่าปล่อยข่าวลือมั่วๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะโกรธ ฉันไม่ควรถามเธอแบบนั้นเพราะมันทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจฉันแล้ว!"

ในคำพูดของเธอบอกเป็นนัยๆว่าเธอตั้งใจที่จะตำหนิอันเยว่ เพราะอันเยว่เป็นคนขอให้เธอโทรหาเป๋าฮวน

"แม้ว่าฮวนฮวนจะไม่มีเบื้องหลัง แต่ตอนนี้เธอมีเบิ้องหลังที่แข็งแกร่งแล้ว เธอคือคนของตระกูลเฟิงแล้ว ฉันไม่ควรไปทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ!"ติงเซียงพึมพำกับตัวเอง

สีหน้าของอันเยว่เปลี่ยนเป็นซีดไปในทันที

ติงเซียงเคยเป็นคนที่คอยตามเธอ แต่ตอนนี้เธอกล้าที่จะพูดย้อนใส่เธอแล้ว

"ติงเซียง อย่าลืมนะว่ามีวันนี้ได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากใคร เป๋าฮวนเป็นคนของตระกูลเฟิงแล้วจะทำอะไรได้ จะช่วยเธอได้ไหม?"อันเยว่ดุติงเซียง

ติงเซียงเม้มริมฝีปากและไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระต่ออีก

ตอนนี้ฉินฟางฟางพึ่งพาอันเยว่ จะอย่างไรเธอก็ว่าตามอันเยว่แน่นอน เธอเลยตำหนิติงเซียงว่า: "ใช่ ติงเซียง พวกเรามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะความช่วยเหลือของอันเยว่ แม้ว่าเป๋าฮวนจะนับว่าเป็นคนของตระกูลเฟิง แล้วยังไงล่ะเธอจะทำอะไรได้ เป๋าฮวนจะแลเห็นเธอไหม? เป๋าฮวนไม่ได้สนใจเธอเลย ถ้าเป๋าฮวนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอจริงๆ เป๋าฮวนจะปิดบังสิ่งนี้จากเธอเมื่อสามปีที่แล้วไหม? "

สีหน้าของติงเซียงเปลี่ยนไป และเธอไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว ตอนนี้เธอทำได้เพียงอยู่ข้างอันเยว่ไปก่อน แล้วค่อยหาโอกาสที่จะเข้าใกล้เป๋าฮวนมากขึ้นกว่านี้

……

เป๋าฮวนแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อสายของของติงเซียงโทรเข้ามารบกวน

เฟิงหานชวนกอดเธอจากด้านหลังและถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: "เกิดอะไรขึ้น? ใครทำให้คุณไม่พอใจ? "

"เพื่อสมัยก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่อนอีกต่อไปแล้ว คุณน่าจะเคยพบเธอแล้ว เธอชื่อติงเซียง ฉันเจอระหว่างตอนเข้าแคมป์ฝึก"เป๋าฮวนอธิบายต่อว่า: "เธอเพิ่งถามฉันว่าฉันมีลูกให้คุณเพื่อที่ฉันจะได้แต่งงานเข้าตระกูลเฟิง"

"ฮ่าฮ่า"เฟิงหานชวนรู้สึกตลกเพราะเป๋าฮวน

"คุณยังจะหัวเราะอีก!"เป๋าฮวนหลับตาลงและพึมพำ: "ฉันก็อยากมีลูก แต่มันไม่มีไง!"

"ต้องมีอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลไป"เฟิงหานชวนปลอบโยนเธอ

เขารู้ว่าเป๋าฮวนไม่ได้โกรธเพราะคนอื่นดูถูกเธอ แต่ที่เธอโกรธก็เพราะเรื่องเด็ก

เซอร์ไพรส์ในวันนี้ไม่สำเร็จ และคนที่อึดอัดใจที่สุดก็คือเป๋าฮวน

เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง เขาวางคางบนระหว่างไหล่และคอขาวๆของเธอ เขาถูเบาๆราวกับเป็นการปลอบประโลม

เธอรู้สึกจั๊กจี้ตรงคอและเธอก็พยายามผลักเขาออกไปโดยพูดว่า: "ฉันรู้สึกปวดท้องนิดหน่อย"

วันนี้เธอกินข้าวเย็นไม่เยอะเพราะเธอรู้สึกคลื่นไส้นิดหน่อย เธอคิดว่าเธอท้องและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายโดยเฟิงหานชวน

ตอนนี้ท้องของเธอเลยว่างและเธอไม่รู้ว่ามันคือความหิวหรือท้องไส้ของเธอกำลังมีปัญหา

"อยากกินอะไร? เดี๋ยวผมจะไปทำให้คุณ"เฟิงหานชวนเองก็รู้ว่าเธอกินอาหารเย็นไปน้อยมาก

"ฉันไม่อยากกินอะไร"เป๋าฮวนรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหาร เธอเม้มปากแล้วพูดว่า: "คุณทำนมร้อนๆให้ฉันสักแก้วก็ได้"

"โอเค รอสักแป๊ปนะ"พูดเสร็จเฟิงหานชวนก็ลงไปข้างล่างทันที

เป๋าฮวนไปที่เตียงและนั่งลงกุมท้อง ตอนแรกเธอรู้สึกโอเคแต่การโทรมาของติงเซียงทำให้เธออารมณ์เสีย

หลังจากนั้นไม่นานเฟิงหานชวนก็ถือแก้วขึ้นมา เขานั่งยองๆตรงหน้าเป๋าฮวน ในมือของเขาถือแก้วเอาไว้

ในแก้วนมมีไอร้อนลอยฟุ้ง

"รอสักแป๊ปหนึ่งค่อยดื่มนะ ผมจะเป่าให้คุณ มันร้อนมาก"เฟิงหานชวนกำลังเป่านมอย่างจริงจัง

เมื่อมองดูเขาแบบนี้ เป๋าฮวนก็นึกถึงตอนที่อยู่ที่บ้านหลังเก่าเมื่อสามปีที่แล้วที่เฟิงหานชวนเคยช่วยอุ่นนมให้เธอ มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของบทสรุป….

ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาจะลงไปล้างแก้ว

"คุณเฟิง คุณนี่มันน่าเบื่อจริงๆ"เป๋าฮวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

"หืม?"เฟิงหานชวนเลิกคิ้วและถามว่า: "ผมน่าเบื่อเหรอ? ฮวนฮวนคุณจะเล่นกับผมเหรอ? "

"คุณจำเมื่อสามปีที่แล้วได้ไหม?"เป๋าฮวนถามเขา

"เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วผมจำได้ คุณกำลังพูดถึงคืนที่ผมอุ่นนมให้คุณใช่ไหม?"เฟิงหานชวนจะลืมได้อย่างไร เขายังคงจำทุกความทรงจำของเป๋าฮวนได้เสมอ

เป๋าฮวนพยักหน้า แก้มของเธอแดงเล็กน้อย

คืนนั้น ยกเว้นเรื่องที่เกิดขึ้นที่บลูส์คลับของพวกเขา… มันคือครั้งแรก

"ในเมื่อจำได้หมด แล้วทำไมตอนนั้นต้องไปล้างแก้วด้วย! ตอนนั้นฉันคิดว่า…"เป๋าฮวนจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหา

ตอนนั้นเธอคิดว่าเฟิงหานชวนรังเกียจเธอ

เฟิงหานชวนหัวเราะคิกคัก เมื่อตอนนี้นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันก็ช่างเหมือนกับโลกที่อยู่ห่างออกไป แต่ตอนนี้มันกลับเข้าใกล่เขามาแล้ว

"อันที่จริง ตอนนั้นผมค่อนข้างประหม่า ดังนั้นเลยไม่ค่อยมีสติ"เขาจับมือเป๋าฮวนและลูบหลังมือของเธอเบาๆ

"ประหม่า?"เป๋าฮวนรู้สึกตลกและหัวเราะคิกคัก

เฟิงหานชวนรู้สึกอายเล็กน้อย เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า: "อุณหภูมิของนมน่าจะโอเคแล้ว คุณลองดื่มดู"

"โอเค"เป๋าฮวนหยิบแก้วขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม วางริมฝีปากไว้ที่ปากแก้วและพบว่าอุณหภูมิกำลังพอดี เธอจึงดื่มมัน

"ค่อยๆดื่ม"เฟิงหานชวนเตือน: "อย่าสำลัก"

เขาที่เพิ่งจะพูดจบก็พบว่าเป๋าฮวนได้ดื่มนมไปหมดทั้งแก้วเรียบร้อยแล้ว เธอเลียที่มุมปากของเธอแล้วพูดว่า: "โอเค"

"อ่ะ"เธอยื่นแก้วให้เขา

ครั้งนี้แทนที่เขาจะลงไปข้างล่างพร้อมกับแก้ว เฟิงหานชวนกลับวางแก้วลงบนโต๊ะกาแฟทันที หลังจากนั้นเขาก็หันหลังและเดินไปทางเป๋าฮวน

"หือ? อาหาน คุณเอาแก้วลงไปล้างข้างล่างสิ ไม่งั้นคราบมันจะเกาะแก้ว"เป๋าฮวนสั่ง

เฟิงหานชวนยิ้มและเลียริมฝีปากของเขาจากนั้นก็โอบเป๋าฮวน: "ฮวนฮวน คุณไม่ได้พูดว่าผมไปล้างแก้วแล้วผมน่าเบื่อเหรอ?"

"นั่นมันเมื่อสามปีที่แล้ว ไม่ใช่ตอนนี้ ไปล้างแก้วให้ฉันซะ!"เป๋าฮวนยกมือขึ้นและแตะหน้าผากของเขา

"ไม่ ตอนนี้เราต้องทำเรื่องสำคัญ…สิ่งที่ถูกขัดจังหวะไป"

เฟิงหานชวนไม่ให้โอกาสผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาได้ปฏิเสธเลย เขาปิดริมฝีปากของเธอทันที

เป๋าฮวนตะลึงทันที

เธอเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เฟิงหานชวนขอเธอแต่งงาน!

เพียงแต่เธอไม่เคยคิดว่าเฟิงหานชวนจะขอเธอแต่งงาน เพราะเฉินฮวนฮวนใน3ปีที่แล้วแต่งงานกับเขาแล้ว ถ้างั้นเป๋าฮวนในตอนนี้ก็ควรจะแต่งงานกับเขาใหม่

เป๋าฮวนรู้สึกตื้นตันไปหมด เธอหันศีรษะ และเห็นเฟิงหานชวนเดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้ม

เมื่อมาถึงตรงหน้าเธอ เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง หยิบกล่องหนึ่งออกมา และเปิดกล่อง

แหวนเพชรส่องประกายระยิบระยับภายใต้แสงคริสตัล

“อาหาน คุณ…” เป๋าฮวนพูดไม่ออก เธอรู้สึกน้ำตาจะไหล

“ฮวนฮวน แม้ว่า3ปีที่แล้วคุณจะเป็นภรรยาผม แต่ผมยังไม่เคยขอคุณแต่งงาน ไม่เคยจัดงานแต่งให้คุณ ตอนนี้ผมหวังว่ามันจะชดเชยความเสียใจของคุณได้ เริ่มจากการแต่งงาน…”

เฟิงหานชวนจับมือขวาของเป๋าฮวน ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาก็ขดริมฝีปากและถามว่า: "ฮวนฮวน คุณจะแต่งงานกับผมไหม?"

“เฟิงหานชวน คนบ้า! แน่นอนว่าแต่ง!” เป๋าฮวนปิดปากของเธอและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอไม่สามารถซ่อนความดีใจนี้ได้

เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะทำสิ่งที่โรแมนติกเช่นนี้

เฟิงหานชวนตื่นเต้นมาก รีบหยิบแหวนออกมาเพื่อสวมให้เธอ มือของเขาสั่นด้วยความตื่นเต้น

ทันทีที่สวมแหวน ก็มีเสียงปรบมืออบอุ่นรอบๆ

เป๋าฮวนตกใจ หันกลับไปมอง มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากร้านอาหาร

ครอบครัวตระกูลเฟิงทั้งหมด นายท่านเฟิง เฟิงเฉินเหยี่ยน เฟิงหย่าและคนอื่นๆ หลินอวี่หยางที่ควรไปถ่ายรายการก็อยู่ ยังมีจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งทั้งสองพี่น้อง…

พวกเขาค่อยๆขยับไปสองข้าง เหลือไว้ทางตรงกลาง

ชายชราเดินออกมาด้วยไม้เท้า ข้างๆเขามีชายร่างสูงหล่อคอยพยุง เป๋าฮวนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

“คุณตา! คุณลุง!”

สองคนที่เดินมาคือเป๋าเยี่ยนและเป๋าเฉิน

พวกเขาอยู่ไกลที่ประเทศเฉิน ก็มาร่วมด้วย?

เป๋าฮวนอดไม่ได้ ไม่สนใจคนจำนวนมาก สะอื้นและร้องไห้ออกมาทันที รีบวิ่งตรงไปหาทั้งสองคน กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเป๋าเยี่ยน

เป๋าเฉินตบไหล่เพื่อปลอบโยนเธอ และพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วว่า: “ลูกสาวตระกูลเป๋ากำลังจะแต่งงานแล้ว อย่าทำให้เราอายสิ”

เป๋าฮวนรีบเงยหน้าขึ้น เช็ดน้ำตาและโต้กลับ: “หนูดีใจจนน้ำตาไหล น่าอายตรงไหน?”

ในเวลานี้ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกเขา

“Joy ยินดีด้วยนะ” พูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

เป๋าฮวนหันศีรษะและมองไปที่เธอ ผู้หญิงคนนั้นมีผมบลอนด์และตาสีฟ้า มีลักษณะที่น่าทึ่ง และรัศมีอันสูงส่งแผ่ไปทั่วร่างกายของเธอ

“คุณคือ?” เป๋าฮวนถามอย่างสงสัย

ในเวลานี้ เป๋าเฉินคว้าเอวของผู้หญิงคนนั้น แล้วตอบด้วยรอยยิ้มว่า: “ฮวนฮวน บางทีลุงอาจจะแต่งงานก่อนหนู เธอก็คือคนที่ลุงพูดถึง-อลิซ่า”

เป๋าฮวนเอามือปิดปากด้วยความตกใจ

อลิซ่าเป็นราชวงศ์ในประเทศเฉิน พ่อของเธอเป็นน้องชายของพระราชา ฐานันดรของอลิซ่าคือเจ้าหญิง

เป๋าฮวนรู้เรื่องราวความรักระหว่างเป๋าเฉินและเจ้าหญิงอลิซ่า สวยงามและน่าสงสาร

เนื่องจากฐานะของเป๋าเฉิน ทั้งสองจึงถูกพ่อแม่ของอลิซ่าขัดขวางในทุกวิถีทางและไม่อนุญาตให้อยู่กับเป๋าเฉิน ทั้งสองถูกแยกจากกันเป็นเวลาหลายปีและตอนนี้พวกเขาไม่ใช่ชายหนุ่มและหญิงสาวอีกต่อไป

ตอนนี้พวกเขามีวุฒิภาวะ

“สวัสดี อลิซ่า!” เป๋าฮวนเปิดแขนและกอดผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า

อลิซ่ายิ้มอย่างมีความสุขและมองไปที่เป๋าเฉินอย่างชื่นชมและพูดว่า: “ในที่สุดเราก็ได้แต่งงานกัน!”

เป๋าฮวนมองดูพวกเขา และนึกถึงความสุขของตัวเองในตอนนี้ ทุกคนมีความสุขมาก นั่นเป็นสิ่งที่มีความสุขสำหรับทุกคนจริงๆ

ในเวลานี้ หลินอวี่หยางก้าวไปข้างหน้า ยังคงมีท่าทางเหมือนในเมื่อก่อน เป๋าฮวนหัวเราะเยาะและกอดเธอ

แม้ว่าพวกเธอจะแยกจากกันเป็นเวลา3ปี แต่มิตรภาพก่อนหน้านี้ไม่เคยจางหาย

การขอแต่งงานที่ตึกอวิ๋นจง เฟิงซื่อกรุ๊ปและRกรุ๊ปประกาศต่อสาธารณชน

ภาพที่ฉายออกไปคือภาพที่เฟิงหานชวนขอเป๋าฮวนแต่งงาน ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากัน ไม่ได้เปิดเผยใบหน้าของพวกเขา แต่ผู้คนที่เห็นก็รู้ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาและหญิงสาวสวยเป็นใคร

ทั้งสามคนที่อยู่เมืองเหิงซื่อที่ห่างไหล ก็เห็นข่าวที่ท่วมท้นเช่นกัน

คนแรกที่ค้นพบข่าวคือฉินฟางฟาง เธอกรีดร้องโดยตรงที่กองถ่าย ราวกับว่าเธอบ้าไปแล้ว ทำให้ผู้คนคิดว่าเธอเป็นโรคประสาท

หลังจากนั้น อันเยว่ก็พาทั้งสองคนไปซ่อนตัวอยู่ในรถของพี่เลี้ยง

นี่คือสิ่งที่ทั้งสามคนไม่คาดคิดมาก่อน ครึ่งชีวิตของเป๋าฮวน ปรากฏว่าเป็นประธานของRซื่อกรุ๊ป-เฟิงหานชวน

อีกอย่าง เฟิงหานชวนก็เป็นคนในตระกูลเฟิง ซึ่งเป็นลูกชายคนที่สามของนายท่านเฟิงเหลยถิง

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เฟิงหานชวนหล่อเหลา ยังหนุ่มและร่ำรวย เป็นคู่รักในฝันของผู้หญิงหลายคน

ถ้าไม่ใช่เพราะความเย็นชาของเฟิงหานชวน ผู้หญิงที่เห็นเขาทุกคนคงจะหมกมุ่นอยู่กับเขา ถ้าเขาปรากฏตัวในที่สาธารณะ พวกเธอคงจะคลั่งไคล้เธอราวกับไอดอล

“ทำไม! นี่… เป็นไปได้ยังไง…” อันเยว่พึมพำกับตัวเอง ยังคงไม่อยากเชื่อความจริง

ฉินฟางฟางกัดฟันและพูดอย่างมั่นใจ: “แม้ว่ารายละเอียดจะคลุมเครือ แต่ผู้หญิงคนนี้คือเป๋าฮวนอย่างแน่นอน เมื่อคืนตอนที่เธอจากไป เธอก็ใส่ชุดนี้!”

“ใช่ ผู้หญิงในรูปคือฮวนฮวน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเฟิงหานชวนจริงๆ…” ติงเซียงพึมพำกับตัวเองด้วยความงุนงง

ฉินฟางฟางจับประเด็นและคว้าแขนของติงเซียงทันทีและถามว่า: "ไม่คาดคิดหมายความว่าอะไร? ติงเซียง พูดมาเดี๋ยวนี้! ก่อนหน้านี้เธอรู้ว่าเป็นเฟิงหานชวน? มันยังไงกันแน่?”

ติงเซียงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง พบกับการจ้องมองที่ดุเดือดของฉินฟางฟาง เธอไม่กลัวเหมือนเมื่อก่อน สะบัดมือของฉินฟางฟางออกทันที

“ฉินฟางฟาง เธอจำไม่ได้แล้วเหรอ? เมื่อ3ปีก่อนเฟิงหานชวนเคยไปที่ค่ายฝีก ตอนนั้นทุกคนต่างก็หลงใหลเขา เรื่องนี้เธอจำไม่ได้เหรอ?”

“จำได้สิ! ก็เพราะฉันจำเฟิงหานชวนได้ ฉันถึงรู้ว่าคนในข่าวคือเขา!” ฉินฟางฟางตอบทันที

“จำได้ก็ดี” ติงเซียงกระตุกริมฝีปากและเยาะเย้ย: “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้วสินะ ตอนนั้นเราทุกคนแปลกใจว่าทำไมเฟิงหานชวนถึงมาที่ค่ายฝึก…”

“เขาไปหาเป๋าฮวน?” อันเยว่เงยหน้าขึ้นและถามอย่างรวดเร็ว

“ใช่ พวกเธอลืมไปแล้วเหรอ? คนที่พาเป๋าฮวนออกไปในโรงอาหารตอนนั้น! เรื่องของซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟย เฟิงหานชวนพาเป๋าฮวนออกไป…ฉันสงสัยตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!”

ติงเซียงกำหมัดแน่น คราวนี้เธออยู่ผิดทีมจริงๆ!

เธอรู้สึกเสียใจ!

ตอนนี้ยังมีโอกาสที่จะแก้ไขอีกไหม?

“ที่แท้ เป๋าฮวนอยู่กับเฟิงหานชวนตั้งแต่ตอนนั้นแล้วงั้นเหรอ…” อันเยว่ขมวดคิ้ว ใบหน้าของเธอน่าเกลียดมาก

ทำไมเธอถึงไม่โชคดีแบบนี้บ้าง เธอไม่เคยเจอผู้ชายดีๆเลย

แล้วทำไมคนไร้ประโยชน์อย่างเป๋าฮวน กลับถูกเฟิงหานชวนตามจีบ?

เธอกัดฟันและพูดว่า: “เป๋าฮวนต้องใช้กลอุบายบางอย่าง ทำให้เฟิงหานชวนหลงใหลแน่ๆ!”

อันเยว่ต้องการจะถ่ายอีก แต่ประตูโดยสารปิดลงทันที

หลังจากนั้น เครื่องบินมุ่งไปข้างหน้า บินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่าเครื่องบินยิ่งอยู่ยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ เครื่องบินก็หายวับไปจากสายตาพวกเธอ

ติงเซียงได้สติกลับมาก่อน อุทานขึ้นว่า: "นั่นเป็นเครื่องบินส่วนตัว! ในประเทศนี้มีไม่กี่คนที่มีเครื่องบินส่วนตัว!"

“เชี่ย เครื่องบินส่วนตัวลำนั้นเป็นของสามีเป๋าฮวน เธอไปหาจากไหนเนี่ย? สามีของเธอเป็นใครกันแน่!” ฉินฟางฟางกล่าวเสริม

อันเยว่ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ จูเล่ทายาทเศรษฐีที่กำลังตามจีบเธอ ไม่มีเครื่องบินส่วนตัว แต่ตอนนี้ เธอต้องมองเป๋าฮวนนั่งเครื่องบินส่วนตัว

อันเยว่อารมณ์เสียเล็กน้อย และส่งรูปที่เธอเพิ่งถ่ายไปให้จูเล่

วินาทีต่อมา จูเล่โทรมาจากวีแชท: "เยว่เอ่อร์ คุณถูกแฮกหรือเปล่า? คุณส่งอะไรมาเนี่ย!"

“อาเล่ ฉันไม่ได้ถูกแฮก นี่คือเครื่องบินส่วนตัวของเพื่อนที่รู้จัก คุณช่วยหาได้ไหมว่าชื่อใครเป็นเจ้าของ?” อันเยว่กล่าวทันที

“อ๋อ นี่คือรูปที่คุณถ่ายเหรอ? เมื่อกี้ผมดูแล้วไม่เข้าใจ ขอดูก่อนนะ!” ขณะที่จูเล่พูดก็กดไปดูในวีแชท และเริ่มครุ่นคิด

แม้แต่ตัวเองยังไม่มีครื่องบินส่วนตัว จะรู้เรื่องที่ยุ่งเหยิงพวกนี้ได้อย่างไร อันเยว่เองก็ไม่ได้ถ่ายติดใบหน้าของเป๋าฮวน มีเพียงด้านหลังของเธอเท่านั้น

“อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ เดี๋ยวผมจะลงสตอรี่วีแชท เผื่อคนอื่นอาจจะรู้” จูเล่กดโพสต์ทันที

อันเยว่ก็ไม่คัดค้าน อย่างไรก็ตาม เป๋าฮวนก็คงไม่รู้ว่าในรูปนี้คือเธอ ต่อให้รู้ ก็ไม่เป็นไร แค่เรื่องซุบซิบที่อยากรู้อยากเห็น ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง

หลังจากวางสายจากจูเล่ อันเยว่บอกให้คนขับรถแท็กซี่กลับไปที่โรงแรม

ระหว่างทาง อารมณ์ของทั้งสามคนไม่ค่อยดี โดยเฉพาะฉินฟางฟาง ราวกับปากถูกเย็บไว้ ไม่พูดแม้แต่คำเดียว

เธอรู้ว่าเป๋าฮวนเป็นผู้ดี เธอก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เพราะตอนนี้เธอเห็นกับตาตัวเองว่าเป๋าฮวนขึ้นเครื่องบินส่วนตัว

ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเครื่องบินส่วนตัวได้!

สามีของเป๋าฮวนต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

ระหว่างทางติงเซียงก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน เธออารมณ์เสีย และรู้สึกเสียใจที่เธอทำให้เป๋าฮวนขุ่นเคืองเพราะความอยากรู้อยากเห็นของอันเยว่และฉินฟางฟาง ตอนนี้เธอต้องการเข้าใกล้เป๋าฮวน และกลับมาเป็นเพื่อนกับเป๋าฮวนอีกครั้ง มันคงเป็นเรื่องยากไปแล้ว

มีเพียงอันเยว่ ที่รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ถึงภายนอกจะดูมีชีวิตที่ดี แต่จริงๆแล้วเธอทำงานหนักมาก บริษัทมอบงานให้เธอมากมาย ออกรายการหลายที่ ตั้งแต่เดบิวต์จนถึงตอนนี้ 3ปีเต็มๆเธอไม่เคยได้พักเลย บริษัทเอาเปรียบเธอมาก

มีผู้ชายตามจีบเธอหลายคน แต่เธอยังไม่พบผู้ชายที่อุทิศตนเพื่อเธอ ผู้ชายที่สามารถมอบครึ่งชีวิตให้เธอได้ ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาไม่จริงจังกับเธอ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เธอไม่ได้ดังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผู้ชายเหล่านั้นจะยังสนใจเธองั้นเหรอ? ผู้ชายมักจะให้ความสำคัญกับสถานะของเธอในฐานะคนดังเท่านั้น!

เธอพยายามมานาน แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับเป๋าฮวน นั่งเครื่องบินส่วนตัวได้อย่างสบายๆ เพียงเพราะเธอแต่งงานกับสามีที่มีอำนาจ

แต่ตัวเอง ต่อให้จะมีชื่อเสียงมากแค่ไหน เป็นนักแสดงอันดับหนึ่ง เธอก็ต้องไปสนามบินเพื่อนอวดโฉมหน้าของตัวเอง ยังต้องรับมือกับกลุ่มแฟนคลับที่คลั่งไคล้อีก

อันเยว่รู้สึกอึดอัดมากในขณะนี้ อึดอัดมาก

“เยว่เอ่อร์ การกระทำของเราในวันนี้จะทำให้เป๋าฮวนขุ่นเคืองไหม? หรือไม่คราวหน้าถ้าเธอกลับมาเหิงเตี้ยนอีก เราชวนเธอกินข้าวด้วยกันดีไหม ถือว่าเป็นการขอโทษ!” ติงเซียงเสนอความคิด

ฉินฟางฟางก็เห็นด้วย: "จริงด้วยจริงด้วย เรามองหน้าเธอไม่ติดแล้ว ต้องขอโทษเธอ ไม่งั้นถ้าเธอให้สามีของเธอจัดการเรา เราซวยแน่…”

อันเยว่รำคาญทั้งสองคนและตวาด: "พวกเธอกังวลอะไรนักหนา? บางทีอาจจะเป็นสามีแก่? หรืออาจจะเป็นทายาทเศรษฐีที่ไม่ได้เรื่องล่ะ? ผู้ดีที่ไหนจะแต่งงานกับคนที่ไม่มีฐานะอย่างเธอ?”

คำพูดของเธอทำให้ติงเซียงและฉินฟางฟางตกตะลึง

“ก็เป็นไปได้ เป๋าฮวนอาจจะแต่งงานกับเสี่ยก็ได้ มีแต่เสี่ยพวกนั้นที่ชอบเด็กสาว ไม่สนใจอย่างอื่น” ฉินฟางฟางตระหนักในทันใด

ติงเซียงพูดอย่างกังวล: “แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น สถานะของเป๋าฮวนก็ไม่ควรมองข้าม ทำให้เธอขุ่นเคืองเป็นเรื่องที่ไม่ดีกับเรา…”

“ติงเซียง เธอเสียใจที่มาเป็นเพื่อนกับเราเหรอ? ถ้าเธออยากกลับไปเลียขาของเป๋าฮวน เราก็ไม่ได้ห้ามนะ” อันเยว่พูดอย่างเย็นชา

ติงเซียงเงียบทันที

เครื่องบินค่อยๆลงจอดที่สนามบิน

อาคารในเมืองทางเหนือแออัดและยากที่จะหาพื้นที่เปิดโล่ง ดังนั้นพวกเขาจึงลงจอดที่สนามบิน

หลังจากที่เป๋าฮวนลงจากเครื่องบิน ก็เห็นรถโรลส์-รอยซ์จอดอยู่ไม่ไกล ขาที่เรียวยาวของผู้ชายก้าวลงจากรถและเดินมาหาเธอ

เป๋าฮวนยิ้มและโบกมือให้เขา วิ่งไปหาผู้ชายตรงหน้าเช่นกัน

เครื่องบินจอดอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา และผู้โดยสารที่นั่งริมหน้าต่างเห็นเหตุการณ์ด้านล่างและหยิบโทรศัพท์ออกมา**

การผสมผสานระหว่างผู้ชายหล่อและผู้หญิงสวยนั้นช่างตระการตา!

ไม่นานทั้งสองก็ขึ้นรถ เฟิงหานชวนขับรถออกไป

เป๋าฮวนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกแอบถ่าย นั่งอย่างเชื่อฟังในที่นั่งข้างคนขับและงีบหลับ

“คุณหิวไหม?” เฟิงหานชวนถามเธอ

“ยังไม่ค่อยหิว กินมื้อค่ำอิ่มแล้ว” เป๋าฮวนยกมือขึ้นและเหลือบมองดูนาฬิกา ดึกมากแล้ว

หลังจากทานมื้อค่ำ ก็ประมาน10โมง และหลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมงบินกลับ เวลาก็ผ่านไปไวมาก

“แต่ผมรู้สึกหิวนิดหน่อย ผมได้ยินมาว่ามีร้านอาหารฝรั่งเปิดใหม่ ไปกินเป็นเพื่อนผมได้ไหม? ” เฟิงหานชวนหันศีรษะมองเธอ มุมริมฝีปากของเขาขดขึ้นเล็กน้อย

“ได้สิ!” แม้ว่าเป๋าฮวนจะเหนื่อย แต่ก็ไม่อยากขัดใจเฟิงหานชวน เธอจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล

โรลส์-รอยซ์ค่อยๆจอดที่หน้าตึกสูง

เมื่อเป๋าฮวนลงจากรถ มองไปที่ตึกอันงดงามและอุทาน: "นี่คือตึกอวิ๋นจงที่เพิ่งสร้างใหม่ใช่ไหม? เปิดทำการแล้วเหรอ?"

เธอเคยผ่านมาที่นี่แต่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ไม่คิดว่าจะเปิดทำการเร็วขนาดนี้

“ใช่ ร้านอาหารอยู่ชั้นบนสุด” เฟิงหานชวนจูงมือเธอและพาเธอไปที่ลิฟต์

ลิฟต์หยุดที่ชั้น88 ประตูเปิดออกอย่างช้าๆ ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง

"สวยจังเลย!"

พรมกลีบกุหลาบ ประตูประดับดอกไม้หลากหลายชนิด มองแวบแรกสวยมาก ราวกับอยู่ในทุ่งดอกไม้

เธออดไม่ได้ที่จะเดินไปข้างหน้า แต่สังเกตเห็นว่ากลีบกุหลาบบนพื้นโรยเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ เธอเดินไปข้างหน้าทีละก้าว แล้วอ่านทีละตัวอักษร

“ H u a n H u a n M a r…”

ก่อนที่เป๋าฮวนจะอ่านอักษรทั้งหมด เธอมีลางสังหรณ์อยู่ในใจ เธอเงยหน้าขึ้น ก็มีการพ่นสเปรย์เรืองแสงออกมาบนหน้าต่างสูง

ฮวนฮวน แต่งงานกับผมนะ!

สำหรับฉินฟางฟาง เดิมทีเป๋าฮวนก็ไม่ได้อยู่ในสถานะใดของตระกูลเวิน

ถ้าเวินซือเหยี่ยนหรือตระกูลเวินยอมรับในสถานะของเป๋าฮวน ก็คงจะไม่สามารถปิดบังได้ ถึงอย่างไรสถานะของเวินซือเหยี่ยนก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนไอดอลชายเหล่านั้น มีความรักก็คบกันต่อได้

ดังนั้นท่าทางของฉินฟางฟางจึงค่อนข้างดูหมิ่นเล็กน้อย

“ตระกูลเวิน?” เป๋าฮวนหลุดหัวเราะออกมา

เฉียวหว่านอันนั่งอยู่ข้างกายของเป๋าฮวน เมื่อได้ยินคำพูดของฉินฟางฟาง จึงแสดงปฏิกิริยาเหมือนกับเป๋าฮวน หัวเราะเริงร่า จนถึงขนาดเอนกายพิงไหล่ของเป๋าฮวนเลยทีเดียว

“ฮ่า ๆๆ …….. พวกคุณสามคนตลกเกินไปแล้วนะ! พวกคุณหมายถึงฮวนฮวนและซือเหยี่ยน? ความคิดของพวกคุณสร้างสรรค์เกินไปแล้วนะ?” คำพูดของเฉียวหว่านอันเป็นการช่วยเป๋าฮวนปฏิเสธความจริงอย่างเห็นได้ชัด

ใบหน้าของเป๋าฮวนกลับมาเย็นชาอีกครั้ง จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “ฉันกับซือเหยี่ยนเป็นเพื่อนกัน ฉันต้องพูดประโยคนี้อีกกี่ครั้งเนี่ย? ฉินฟางฟาง คุณมีจินตนาการขนาดนี้ จะเป็นนักแสดงทำไม สู้ไปเขียนบทประพันธ์ดีกว่ามั้ง?”

“นี่…….” สีหน้าของฉินฟางฟางแข็งทื่อในทันที

อันเยว่และติงเซียงก็เป็น พวกเธอเดาว่าช่วงบ่าย แต่กลับเดาผิดอย่างไม่น่าเชื่อ!

งั้นเป๋าฮวนเป็นอะไรกันแน่เนี่ย?

ในใจของทั้ง 3 คน ราวกับมีมดไต่ตัว ลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่ถูก อยากจะให้เป๋าฮวนพูดความจริงออกมาแทบขาดใจ

เป๋าฮวนมองไปทางทั้ง 3 คนด้วยสายตาเรียบเฉย เธอรู้แก่ใจดีว่าพวกเธอ 3 คนกำลังคิดอะไร แต่ก็ไม่ยอมพูด ให้พวกเธอได้ลิ้มลองความขมขื่น

มุมปากยกยิ้ม เธอยกแก้วไวน์ขึ้น และจิบไวน์แดงด้วยท่าทางหยิ่งผยอง

…….

หลังจากที่กินมื้อเย็นเสร็จแล้ว สีหน้าของติงเซียงทั้ง 3 คนไม่ค่อยสู้ดีนัก

ไม่ว่าพวกเธอจะพูดตีวัวกระทบคราดยังไง ตั้งแต่ต้นจนจบเป๋าฮวนก็ไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ

การรอให้มื้อค่ำจบลงไม่ใช่เรื่องง่าย ติงเซียงรีบควงแขนของเป๋าฮวนทันที และพูดว่า : “ฮวนฮวน เธอพักอยู่ห้องไหน? ฉันจะไปเที่ยวเล่นห้องของเธอหน่อย”

เป๋าฮวนมองออกว่าเธอยืนข้างอันเยว่และฉินฟางฟาง ไม่ได้สนใจจะมีปฏิสัมพันธ์กับเธออีกแต่อย่างใด

“ขอโทษนะติงเซียง ตอนนี้ไม่มีซีนของฉันชั่วคราว ฉันจะไม่พักโรงแรม อีกสองสามวันถึงจะกลับ” เป๋าฮวนหยิบตารางงานล่วงหน้าขึ้นมา ที่เธอมาครั้งนี้ แค่เพื่อจะเข้าร่วมพิธีเปิดกล้องเท่านั้น

“อ่า! ตอนนี้เธอไม่พักโรงแรมเหรอ? งั้นเธอก็กลับบ้านนะสิ? เธอจะกลับเมืองเป่ยเฉิงใช่ไหม?” ติงเซียงยังคงซักไซ้ถามอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด

“อื้อ” เป๋าฮวนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ

เธอไม่ได้ถือกระเป๋าเดินทาง ในมือถือแค่กระเป๋าใบเล็กที่ตัวเองออกแบบใบหนึ่ง ไม่มีโลโก้ใด ๆ

เวลานี้จู่ ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นขึ้น เธอล้วงหยิบออกมาดู ก็เห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือจิ่งมั่ว

จิ่งมั่วต้องถามแน่ว่าตัวเองนั้นเสร็จภารกิจแล้วรึยัง เป๋าฮวนมองไปทางติงเซียงที่ควงแขนตัวเอง จากนั้นก็ตัดสายไป

“ติงเซียง เธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อน” เป๋าฮวนดึงแขนของตัวเองออก จากนั้นก็เดินไปยังทิศทางของประตูโรงแรม

ติงเซียงไม่มีเหตุผลใดจะตามไป เวลานี้อันเยว่และฉินฟางฟางได้พุ่งตัวออกมาจากมุมกำแพง

ฉินฟางฟางลากแขนของเธอมาถามว่า : “ปล่อยเธอไปได้ยังไง? เธอไปทำอะไร?”

พวกเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเป๋าฮวน ดังนั้นจึงไม่ได้รุดหน้าตามไป เลยสั่งให้ติงเซียงไปถามเป๋าฮวนแทน เพราะต้องซ่อนตัวเว้นระยะ จึงไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างติงเซียงและเป๋าฮวน

“เธอบอกว่าจะกลับเมืองเป่ยเฉิง สองสามวันนี้ไม่มีซีนถ่าย จึงไม่ได้พักอยู่ในโรงแรมชั่วคราว” ติงเซียงตอบความจริงออกไป

“ว่าไงนะ! แล้วคุณถามถึงสามีของเธอว่าเป็นใครรึเปล่า?” ฉินฟางฟางรีบถามขึ้นทันที

“ไม่นะ เธอไม่ยอมบอกฉัน เลี่ยงหัวข้อนี้ตลอด” ติงเซียงเองก็จนปัญญา เธอรู้ว่าเป๋าฮวนต้องบาดหมางกับเธอแน่ ถึงอย่างไรตอนนี้เธอและฉินฟางฟางก็เป็นเพื่อนกัน

เมื่อฉินฟางฟางได้ยิน ก็รีบพูดทันทีว่า : “ยังไม่ตามอีก ดูสิว่าใครจะมารับเธอ!”

เมื่อพูดจบ ฉินฟางฟางก็นำไปคนแรก ทั้ง 3 คนรีบตรงไปยังประตูใหญ่ของโรงแรมทันที ซึ่งก็บังเอิญชำเลืองไปเห็นเป๋าฮวนยืนอยู่ริมถนนไม่ไกลพอดี ดูเหมือนจะกำลังรอคนมารับ

พวกเธอเตรียมจะเดินเข้าไป แต่แล้วก็มีรถแท็กซี่คนหนึ่งค่อย ๆ มาจอดตรงหน้าของเป๋าฮวน เธอเปิดประตูด้านหลังและรีบขึ้นไปทันที

“ชิ! ไม่น่าสนุกเลย ไม่มีรถเก๋งรับส่งรึไง? นั่งรถแท็กซี่เนี่ยอ่านะ?” ฉินฟางฟางรีบสบถออกมาทันที “เสียดายที่ฉันคิดว่าเธอจะอภิสิทธิ์มากกว่านี้!”

“ไม่ตามไปดูหน่อยเหรอ?” อันเยว่พูดเตือน : “ถึงอย่างไรพรุ่งนี้เช้าเราก็ไม่มีซีนถ่ายทำอยู่แล้ว นอนตื่นสายได้”

“เอาสิ งั้นตามไปดูกัน คาดว่าน่าจะไปสนามบินนั่นแหละ” ฉินฟางฟางรีบขวางรถแท็กซี่คันหนึ่งไว้ หลังจากที่ทั้งสามคนขึ้นรถแล้ว ก็รีบให้คนขับขับตามรถแท็กซี่คันหน้าไปทันที

นั้นก็คือแท็กซี่ที่เป๋าฮวนนั่งนั่นแหละ

จิ่งมั่วมองไปทางกระจกหลัง และรีบรายงานทันทีว่า : “คุณหนู มีคนสะกดรอยตามเราครับ”

เป๋าฮวนกำลังส่งข้อความหาเฟิงหานชวน เมื่อได้ยินรายงานของจิ่งมั่วก็รีบเงยหน้าขึ้น และหันไปมองด้านหลังทันที

เมื่อมองทะลุกระจกหน้ารถเข้าไป เป๋าฮวนก็เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่บนฝั่งข้างคนขับ คือติงเซียง

ส่วนด้านหลัง ก็ยังมีผู้หญิงอีก 2 คน ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นอันเยว่และฉินฟางฟาง

เธอรู้สึกขบขันเล็กน้อย ผู้หญิงทั้ง 3 คนเหมือนผีสาวที่ตามตื๊อไม่เลิก ยังจะสะกดรอยตามเธอออกมาอีก

ทำไมสามคนนี้ถึงไม่เป็นปาปารัสซีนะ น่าเสียดายจริง ๆ !

“คุณหนูครับ จะให้สลัดทิ้งไหม?” จิ่งมั่วถามกลับไป

“ไม่ต้องไปสนใจพวกเธอ” เป๋าฮวนหันกลับมา และตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ด้านหลัง

ฉินฟางฟางขมวดคิ้วแน่น ศีรษะหันไปทางหน้ารถตลอด จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า : “นี่มันอะไรกันเนี่ย ดูเหมือนถนนเส้นนี้จะไม่ใช่สนามบินเลยนะ”

“ฉันรู้จักทางนี้ น่าจะไปสตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ในพื้นที่รกร้างนั้นแน่ ๆ ที่นั่นเป็นพื้นที่รกร้างมาก กองถ่ายที่ต้องถ่ายหนังจำเป็นต้องเช่าพื้นที่แห่งนั้น” อันเยว่คุ้นเคยกับพื้นที่สตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์มาก

จากนั้นก็รีบพูดกับคนขับแท็กซี่ที่กำลังขับรถอยู่ว่า : “ถูกต้อง พวกเขาน่าจะไปยังสตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่รกร้างแห่งนั้น ฉันรู้จักถนนเส้นนี้”

“นี่มันอะไรกันเนี่ย เป๋าฮวนมาทำอะไรในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้?” ฉินฟางฟางเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ

ทั้งสามคนตกอยู่ในงุนงง

ถ้าเป๋าฮวนจะกลับเมืองเป่ยเฉิงจริง ก็ต้องไปสนามบินสิ แต่รถแท็กซี่ที่เป๋าฮวนนั่งมากลับไปทางอื่น

ในตอนที่พวกเธอกำลังไม่เข้าใจนั้น คนขับแท็กซี่ก็ตะโกนออกไปเสียงดัง : “พวกคุณดูนั้น นั้นมันเฮลิคอปเตอร์!”

ทั้งสามคนพร้อมกันมองออกไป บนพื้นดินที่รกร้างไม่ไกลนั้น มีเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่หนึ่งลำ ดูจากองค์ประกอบแล้ว น่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ของใครสักคน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางมาจอดในที่แห่งนี้ได้หรอก

“คงไม่ได้มีกองถ่ายมาถ่ายซีนนี้หรอกนะ?” ติงเซียงพูดขึ้นด้วยความงุนงง

ในตอนที่รถแท็กซี่กำลังขับเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ นั้น รถแท็กซี่ของเป๋าฮวนกลับจอดลงข้างเฮลิคอปเตอร์ อันเยว่รีบบอกให้คนขับแท็กซี่จอดทันที

พวกเธอจอดไม่ไกลนัก เห็นเป๋าฮวนเดินไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ภายใต้การคุ้มกันของผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาทั้งสองคน

ท่าทางที่ผู้ชายสองคนนั้นปฏิบัติกับเป๋าฮวนนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกับสามีและภรรยา แต่เหมือนกับบอดี้การ์ด

อันเยว่เบิกตากว้างทันใด จากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ซูมภาพไกล เป็นภาพเหตุการณ์ที่เป๋าฮวนกำลังขึ้นเฮลิคอปเตอร์

ทว่า ในตอนที่โทรศัพท์ของเธอถ่ายไปยังตัวลำของเฮลิคอปเตอร์นั้น ตัวอักษรขนาดใหญ่ทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว

ซึ่งตัวอักษรที่อยู่บนตัวเฮลิคอปเตอร์นั้นคือ —— “B”

ในตอนบ่ายติงเซียง ฉินฟางฟางและอันเยว่สามคน ทั้งหมดอยู่ในห้องสูทหารือเรื่องของเป๋าฮวน

ในที่สุดพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่าข้อหนึ่ง นั่นก็คือเป๋าฮวนยั่วยวนเวินซือเหยี่ยน กลายเป็นภรรยาของเวินซือเหยี่ยน ในช่วงสามปีนี้เป็นตระกูลเวินที่ขอให้เป๋าฮวนเปลี่ยนนามสกุล และเดินทางไปต่างประเทศเพื่อปิดเรื่อง

อย่างไรก็ตาม ตระกูลเวินไม่อาจยอมรับสาวน้อยคนหนึ่งเป็นคุณนายน้อยได้

แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเห็นพ้องกันว่าเป๋าฮวน ยังคงเป็นซินเดอเรลล่าที่เปลี่ยนจากนกกระจอกเป็นนกฟีนิกซ์ และเบื้องหลังที่แท้จริงว่าเป็นคุณนายตระกูลเวิน แต่พวกเธอก็อิจฉาเป๋าฮวนเป็นอย่างยิ่ง

เวินซือเหยี่ยนเป็นชายในฝันของผู้หญิงตั้งเท่าไหร่ แต่พวกเขาแต่งงานกันเร็ว และภรรยาของเขากลับกลายเป็นเป๋าฮวน

โดยเฉพาะฉินฟางฟาง โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที

ตกกลางคืน

งานเลี้ยงเหล่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับละครในตอนดึก พบปะกันที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมเพื่อฉลองการเปิดกล้อง

กลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับละครทั้งหมดจะเข้าร่วม ตั้งแต่ผู้ผลิตและนักลงทุนไปจนถึงนักแสดงและนักแสดงสมทบรายย่อย ฯลฯ ห้องจัดเลี้ยงนั่งกันเต็มไปหมด

เดิมทีอันเยว่ควรนั่งที่โต๊ะเป็นนักแสดงนำ แต่ฉินฟางฟางและติงเซียงก็ดันเข้ามาด้วยเพื่อครองตำแหน่งของนักแสดงหญิงอีกสองคน

พวกคนที่นั่งอยู่ไม่พอใจมาก แต่ติงเซียงคล้องแขนของเป๋าฮวนและพูดกับพวกเธอ: “ขอโทษด้วยนะ เปลี่ยนตำแหน่งกันหน่อยนะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับฮวนฮวนเยอะแยะมากมาย!”

นักแสดงทั้งสองรู้ว่าเป๋าฮวนเป็นแขกผู้มีเกียรติของเวินซือเหยี่ยน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรมากมาย เลยต้องไปหาที่นั่งข้างๆ

เดิมทีเป๋าฮวนไม่ได้ตั้งใจจะนั่งที่โต๊ะนักแสดงหลัก อย่างไรก็ตามบทบาทของเธอก็เป็นแค่ควันกระสุนเท่านั้น ไม่เหมาะที่จะนั่งที่นี่ แต่เวินซือเหยี่ยนจัดที่นั่งให้เธอนั่งกับเฉียวหว่านอันเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้ติงเซียงและฉินฟางฟางจู่ๆก็แย่งตำแหน่งของคนอื่น ทำให้เป๋าฮวนไม่มีพอใจและพูดเบาๆว่า "ติงเซียงนี่เป็นตำแหน่งที่จัดไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณมีอะไรจะคุยให้พูดคุยหลังจากงานเลี้ยง เปลี่ยนที่คนอื่นกลับมาเถอะ"

“ฮวนฮวน ไม่เป็นไร พวกเธอนั่งลงเรียบร้อยแล้ว” ติงเซียงเหลือบมองกลับมาที่นักแสดงหญิงสองคนในตอนนี้ คล้องแขนของเป๋าฮวนแน่นยิ่งขึ้น

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถไล่ติงเซียงออกไปได้

ถ้าเธอทำสีหน้าใส่คนมากมายขนาดนี้ก็ไม่เหมาะจริงๆ แต่เธอก็ไม่อยากสนใจ

“ฮวนฮวน สามีของเธอใช่……” ติงเซียงเอนตัวเข้าไปใกล้หูของเธอและถามด้วยเสียงเบา “ผู้ผลิตเวินเป็นสามีของเธอหรือเปล่า?”

“อะไรนะ?” เป๋าฮวนขมวดคิ้วและปฏิเสธทันที: “ไม่ใช่แน่นอน! เธอพูดอะไรหน่ะ!”

น้ำเสียงของเธอหนักขึ้น

ตอนนี้ติงเซียงเป็นคนของฉินฟางฟาง เดิมทีเป๋าฮวนไม่ได้คิดจะใส่ใจ ตอนนี้ที่เธอสามารถคุยกับ ติงเซียงได้เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนเก่า

“ฮวนฮวน เธออย่าปิดบังฉัน เราทุกคนรู้แล้ว~” ติงเซียงท่าทีไม่รู้สึกอายเลย แต่ยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเป๋าฮวนไม่มีภูมิหลังอะไร แต่ตอนนี้เป๋าฮวนเป็นภรรยาของเวินซือเหยี่ยน เธอทำให้เป๋าฮวนพอใจมีผลดีกับเธอแน่นอน ้พียงแค่เวินซือเหยี่ยนพูดคำเดียว เธอก็สามารถเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้

“พวกเธอรู้อะไรกัน? ตลอดทั้งบ่ายคุยกันว่าใครคือสามีของฉัน?” เป๋าฮวนเหลือบมองทั้งสามคนและหัวเราะเยาะตรงๆ

การแสดงออกของติงเซียงเริ่มอึดอัดในทันที และอันเยว่ก็เช่นกัน

ตรงกันข้ามกับฉินฟางฟางพูดด้วยความหน้าด้านว่า: "เป๋าฮวน เธออายอะไรที่จะยอมรับมัน? ในเมื่อเธอแต่งงานกับนักแสดงเทพเวินแล้ว ไม่ควรภูมิใจในเหรอ? หรือว่า……"

“เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลเวินห้ามไม่ให้เธอเปิดเผยต่อสาธารณะ?”

ฉวยโอกาสขณะที่เวินซือเหยี่ยนไม่อยู่ ฉินฟางฟางช่างกล้าพูดมาก แม้จะเป็นการยั่วยุเป๋าฮวนเล็กน้อยก็ตาม!

ติงเซียงยืนโง่อยู่ตรงนั้น จนกระทั่งงานเลี้ยงอาหารจบลงถึงได้สติกลับมา

ระหว่างทางกลับโรงแรม เป๋าฮวนและพรรคพวกเดินไปข้างหน้าพูดคุยและหัวเราะ อันเยว่ ฉินฟางฟาง และติงเซียงเดินอยู่ข้างหลัง ทั้งสามคนมีความกังวลของตัวเองและก็แสดงออกมาทางสีหน้า

โดยเฉพาะอันเยว่ พัฒนาการของเธอราบรื่นเสมอมา ปกติเว้นแต่เพื่อเอาใจคนระดับสูงและคนที่สูงกว่าเธอ เวลาที่เหลือ เธอถูกคนรอบข้างห้อมล้อมและยังมีแฟนคลับตัวยงมากมาย

แต่อันเยว่มีปมด้อย ครอบครัวของเธอในกลุ่มครอบครัวฐานะธรรมดาถือว่าค่อนข้างดี เป็นคนครอบครัวชนชั้นกลาง แต่ในอุตสาหกรรมบันเทิง ถือว่าเป็นครอบครัวที่ธรรมดามาก

เดิมทีคิดว่าเป๋าฮวนเป็นครอบครัวธรรมดา แต่หลังจากสามปี เธอไม่เคยคาดคิดว่าเป๋าฮวนจะกลายเป็นครอบครัวชนชั้นสูง

ท้ายที่สุด ตำแหน่งของตระกูลเวินก็ถูกวางไว้ที่นั่น และแน่นอนว่าไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาที่จะสร้างมิตรภาพกับตระกูลเวินได้

เป๋าฮวนกลายเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ซึ่งทำให้อันเยว่รู้สึกหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

“ติงเซียง เธอไปถามเป๋าฮวนดูสิว่าเธอเป็นคนในครอบครัวไหน” อันเยว่เอนตัวไปที่ข้างหูของติงเซียง ลดเสียงลงและสั่ง

ตอนนี้อันเยว่มีทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองตามจีบ ทั้งสองอยู่ในความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ อันเยว่ไม่ชอบเขาเท่าไหร่ แต่ลังเลที่จะปล่อยมือเลยทำให้เศรษฐีรุ่นที่สองหลงใหลคลั่งไคล้

ถ้าอยากรู้จักครอบครัวของเป๋าฮวน เธอสามารถถามเศรษฐีรุ่นสองเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้

เดิมทีเธอได้ถามเศรษฐีรุ่นสองในวีแชตว่ามีบริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศที่มีนามสกุลว่าฮวน หรือเป๋าไหม แต่เศรษฐีรุ่นสองบอกว่าไม่มีนามสกุลทั้งสองนี้

ครอบครัวของทายาทรุ่นที่สองนั้นแข็งแกร่งมากและผู้คนที่พวกเขาเกี่ยวสัมพันธ์ด้วยดีมากๆ ดังนั้นอันเยว่จึงเชื่อคำพูดของเขา

ดังนั้น เกี่ยวกับประวัติชีวิตของเป๋าฮวน อันเยว่ยังอยู่ในสถานะครึ่งเชื่อเดียวและไม่สามารถปักใจเชื่อได้

ตอนนี้ติงเซียงกระตือรือร้นที่จะเข้าไปถาม แต่เป็นเพราะลิ้นของอันเยว่และฉินฟางฟาง สำหรับเธอตอนนี้ การเอาใจเป๋าฮวนเป็นการดีกว่าเอาใจอันเยว่

ท้ายที่สุด คนที่เป๋าฮวนรู้จักคือผู้ผลิตใหญ่อย่างเวินซือเหยี่ยน

เวินซือเหยี่ยนพูดไคำเดียว เธอสามารถเปลี่ยนจากสาวใช้เป็นตัวเอก!

ติงเซียงรู้สึกมีความสุขมาก แกล้งทำเป็นทำตามอันเยว่ และรีบย้ายไปข้างเป๋าฮวนคล้องแขนของเธอไว้

เดิมทีเป๋าฮวนยังคงคุยกับเฉียวหว่านอันอยู่ดีๆ จู่ๆแต่การกระทำแบบนี้ของติงเซียง ทำให้เธอประหลาดใจ

“มีเรื่องอะไรเหรอ? ติงเซียง” เป๋าฮวนถามด้วยความสงสัย

สำหรับอันเยว่และฉินฟางฟาง เป๋าฮวนไม่ต้องการเกี่ยวข้องพวกเธอเลย ส่วนติงเซียงตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกเธอแล้ว และเป๋าฮวนก็ไม่อยากใส่ใจพวกเธอเช่นกัน

แต่เนื่องจากมิตรภาพระหว่างเข้าค่ายฝึกเมื่อสามปีที่แล้ว เธอไม่ต้องการให้ถูกแช่แข็ง ดังนั้นเธอจึงรักษามิตรภาพแบบผิวเผิน

“ฮวนฮวน เธอไม่เคยพูดมาก่อนว่าเธอก็เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ครอบครัวของเธอทำอะไรเหรอ?” ติงเซียงขี้เกียจอ้อมค้อมเลยถามตรงๆ

เฉียวหว่านอันยิ้มในเวลานี้ เธออยู่ในแวดวงนี้มาหลายปีแล้ว และเติบโตขึ้นมาในแวดวงนี้ เธอดูผู้หญิงอย่างติงเซียงที่ซ่อนมีดไว้ในรอยยิ้มของเธอออก

ก่อนที่เป๋าฮวนจะตอบ เฉียวหว่านอันพูดขึ้นว่า: “ฮวนฮวนคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเป๋า”

เฉียวหว่านอันรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเป๋าฮวนแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งพบกันในวันนี้ แต่ทั้งสองก็เหมือนรู้จักกันมานาน ใกล้ชิดสนิทกันอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังเป็นสาวที่แต่งงานแล้ว มีประสบการณ์คล้ายกันและมีหัวข้อที่คุยกันไม่รู้จบ

“เป๋าฮวน!?” ติงเซียงประหลาดใจ

เธอรู้ข่าวจากอันเยว่แล้ว ไม่มีชื่อตระกูลเป๋าที่ทรงอิทธิพลในประเทศ แต่เฉินฮวนฮวนตอนนี้ชื่อเป๋าฮวน ตระกูลเป๋าจริง แต่……

เนื่องจากไม่มีชื่อเสียงเรียงนามอะไร แล้วจะเป็นเพื่อนกับครอบครัวเวินได้อย่างไร?

หรือว่าเมื่อก่อนครอบครัวเป็นเพื่อนกัน แต่ตระกูลเป๋าถดถอยจนๆไม่มีคนแบบนั้น แต่ตระกูลเวินไม่ถือสาและยังสานสัมพันธ์ต่อหรือ?

แต่ถ้าครอบครัวของเป๋าฮวนไม่ดีพอ แล้วทำไม เป๋าฮวนถึงอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกับเวินซือเหยี่ยน?

เป็นเพราะสามีของเป๋าฮวนเก่งมาก หรือตระกูลเป๋ายังมีที่อยู่อาศัยระดับสูงเหลือหรือ?

ใจของติงเซียงสับสนไม่หาย

ในเวลานี้เฉียวหว่านอันเหมือนจะดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไร เลยพูดเสริมว่า: “ครอบครัวของฮวนฮวนย้ายไปอยู่ที่ประเทศเฉิน คนในประเทศของเราไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก ฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนี้วันนี้ ปรากฎว่าฮวนฮวนเป็นลูกหลานราชวงศ์ขุนนาง"

“ทายาทของขุนนางแห่งราชวงศ์?” ติงเซียงประหลาดใจมากขึ้นอีก

“ใช่ ครอบครัวฮวนฮวนย้ายไปที่ประเทศเฉินแล้ว ” เฉียวหว่านอันเม้มปากและดึงเป๋าฮวนไปที่ข้างๆเธอ

ติงเซียงยืนโง่อยู่อย่างนั้น ฝืนยิ้มเจื่อนๆแต่ในใจว่างเปล่า

ลืมต้าชิงไปนานแล้ว แม้ว่าจะเป็นตระกูลสูงศักดิ์ราชวงศ์ชิงแล้วยังไง บอกว่าย้ายไปที่ประเทศเฉิน ไม่ใช่เพื่อปกปิดความเสื่อมโทรมของตระกูลหรือ?

ในเวลานี้ ทุกคนมาถึงโรงแรมและแยกย้ายกันไป

ติงเซียงกับฉินฟางฟางไปที่ห้องสูทของอันเยว่พร้อมกัน ติงเซียงและฉินฟางฟางเป็นห้องคู่ทั่วไป อย่างไรก็ตามอันเยว่เป็นนักแสดงหลักและอันเยว่มีทุนให้เบื้องหลัง จึงเตรียมห้องสวีทสุดหรูไว้ให้

ติงเซียงเป็นคนสุดท้ายที่เข้าห้อง และปิดประตูอย่างรวดเร็ว ท่าทางลับๆล่อๆพูดว่า: "ฉันสืบรู้แล้ว เฉียวหว่านอันบอกว่าเป๋าฮวนเป็นคนตระกูลเป๋าประเทศเฉิน"

“ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน?” อันเยว่สับสนและพึมพำว่า “ประเทศเฉินอยู่ไกลจากเรามาก”

“ใช่ ประเทศเฉินอยู่ไกลมาก!” ฉินฟางฟางหัวเราะเยาะและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเป๋าฮวนคุยโวนะ!”

“ฉันรู้สึกไม่เหมือนว่าคุยโว” อันเยว่สงบลงและวิเคราะห์: “อย่างไรก็ตามเวินซือเหยี่ยนบอกว่าตระกูลพวกเขาเป็นเพื่อนกัน และเขาดูแลเป๋าฮวนอย่างดี สถานะของเขาอยู่นั่น ไม่จำเป็นต้องดูแลผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง”

“พูดถูก ฉันดูแล้วเวินซือเหยี่ยนชอบเป๋าฮวนมากด้วย ไม่แน่อาจจะตามจีบเป๋าฮวนอยู่ ก็เลยสวมหมวกสูงให้เป๋าฮวน!” ฉินฟางฟางเบ้ปาก

“เป๋าฮวนแต่งงานแล้ว เวินซือเหยี่ยนไม่จำเป็นต้องตามจีบเธอ” อันเยว่มีเหตุผลกว่า

ิติงเซียงอุทานออกมาในเวลานี้ ดึงดูดความสนใจของทั้งสอง

“ติงเซียง เธอคิดอะไรออกเหรอ?” ฉินฟางฟางถามอย่างรวดเร็ว

“เราคุยกันมาตั้งนานแล้วยังไม่รู้ตัวตนของสามีเป๋าฮวน! พวกเธอคิดว่า……เวินซือเหยี่ยนเป็นสามีของเป๋าฮวนหรือเปล่า?” ติงเซียงเดาอย่างสงสัย: “ฉันรู้ว่าเป๋าฮวนแต่งงานมานานแล้ว ตอนนั้นฉันเคยถามเกี่ยวกับสามีของเธอ แต่เธอยังคงพูดตะกุกตะกักไม่ยอมตอบ และเธอไม่กล้าที่จะเปิดเผย หรือว่า……”

ฉินฟางฟางด่าว่า: “เป็นไปได้! เหี้ย เป๋าฮวนเก่งมาก! ระหว่างเข้าค่ายฝึกยั่วยวนอาจารย์กู้ ไม่คิดว่าเวินซือเหยี่ยนจะเป็นคนที่แต่งงานกับเธอ มีฝีมือเก่งกาจมาก!”

อันเยว่ขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขของทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองที่ตามจีบ แล้วถามเบาๆว่า “อาเล่ คุณรู้จักตระกูลเป๋าประเทศเฉินไหม? ประเทศเฉินมีตระกูลนี้ไหม”

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที อันเยว่ก็ขดริมฝีปาก หาข้ออ้างวางสายและหันกลับมาพูดว่า “ฉันถามแล้ว ตระกูลในประเทศเฉินล้วนเป็นตระกูลขุนนางในท้องถิ่น และไม่มีครอบครัวผู้อพยพต่างชาติ เป็นพวกท้องถิ่นจริงๆ ในประเทศเฉินมีราชวงศ์ที่ให้ความสำคัญกับเชื้อชาติมาก "

“บัดซบ เฉินฮวนฮวนเป็นคนโกหกหลอกลวง คุยโวโอ้อวดเสียจริง!” ฉินฟางฟางดุด่าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง: “คิดว่าเปลี่ยนนามสกุลแล้วจะสามารถล้างกลิ่นเหม็นคาวออกไปได้หรือ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……”

ฉินฟางฟางไม่ได้คิดไว้ว่าเป๋าฮวนยังมีชีวิตอยู่ และก็ยังติดต่อกับเวินซือเหยี่ยน ในขณะนี้เรียกว่าความหึงหวง

เป๋าฮวนเบ้ปากและยื่นมือไปทางฉินฟางฟางโดยตรงและยิ้มอย่างแผ่วเบาว่า: "คุณฉินไม่เจอกันนานเลย"

สำหรับเป๋าฮวนในตอนนี้ เธอไม่มีความรู้สึกอะไรกับคนเหล่านี้มานานแล้ว แม้ว่าเมื่อก่อนเธอจะเกลียดฉินฟางฟาง แต่ตอนนี้ฉินฟางฟางไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันกับเธออีกต่อไป

แม้ว่าเธอยังคงรู้สึกถึงความเป็นศัตรูของฉินฟางฟางที่มีต่อเธอ

“ไม่เจอกันนานเลย เฉินฮวนฮวน” ฉินฟางฟางจงใจเรียกชื่อเดิมของเป๋าฮวนและจับมือทักทายกับเธอ

เป๋าฮวนหัวเราะเบาๆ และพูดแก้ต่างว่า: "ฉันชื่อเป๋าฮวน"

“ขอโทษค่ะคุณเป๋า ฉันคุ้นเคยกับชื่อเดิมของคุณ” น้ำเสียงของฉินฟางฟางค่อนข้างแปลก แล้วถามด้วยความสงสัย: “คุณเป๋า สามปีนี้คุณเรียนอยู่ที่ต่างประเทศหรือ? เพิ่งกลับจีนเหรอ?แล้ววางแผนว่าจะเป็นนักแสดงไหม?”

“ไม่คิด” เป๋าฮวนปฏิเสธโดยตรง

แม้ว่าเธออยากจะเป็นนักแสดง แต่ไม่ได้วางแผนที่จะเป็นตอนนี้ หลังจากถ่ายทำละครเรื่องนี้แล้ว เธอตั้งใจจะตั้งครรภ์อย่างโล่งใจ

“ไม่คิดวางแผน!?” แบบฉินฟางฟางเรียกว่าไม่เชื่อ

ในเวลานี้เวินซือเหยี่ยนเริ่มพูดขึ้นว่า: "ฮวนฮวนเพียงช่วยเหลือ ณ ที่นี้ ถือว่าลองแสดง เธอไม่ได้วางแผนที่จะเข้าสู่วงการอย่างจริงจัง"

แม้ว่าเวินซือเหยี่ยนจะเป็นสุภาพบุรุษ แต่เขาก็เป็นคนฉลาดมากเช่นกัน เขาค้นพบมานานแล้วว่าต้องมีการเสียดสีระหว่างผู้หญิงเหล่านี้

นอกจากนี้ ฉินฟางฟางรู้สึกอิจฉารูปร่างหน้าตาของเป๋าฮวน

เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดเลือกนักแสดง โดยเฉพาะบทบาทร่วมสมทบ เขาไม่รู้แม้กระทั่งพื้นภูมิของนักแสดงทั้งหมด

ถ้ารู้ตั้งแต่แรก เขาจะไม่ยอมให้เป๋าฮวนพบเจอกับคนที่เธอเกลียดชัง

“แล้วคุณเป๋าฮวนวางแผนจะทำงานอะไรหรือ? เรียนต่อต่างประเทศน่าจะสำเร็จแล้วใช่ไหม?” ฉินฟางฟางระงับความทุกข์ในใจและถามด้วยรอยยิ้มหน้าไหว้หลังหลอก

ตัวเธอเอง รวมทั้งอันเยว่และติงเซียงต้องการทราบสถานการณ์ปัจจุบันของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนรู้ว่าฉินฟางฟางกำลังสอบถามเกี่ยวกับตัวเอง แต่เธอไม่ต้องการตอบเธอ เพียงพูดเป็นพิธีว่า: "ดูสถานการณ์ ไม่ได้คิดไว้"

"ออ ออ" ฉินฟางฟางมองไปที่เธอเหมือนกำลังชั่งน้ำหนัก

เฉียวหว่านอันและเวินซือเหยียนมองหน้ากัน แล้วลุกขึ้นคุมสถานการณ์: “เอาล่ะพวกเธออย่าเพิ่งคุยกัน พวกเรารอจนหิวแล้ว ไปทานข้าวกันก่อนเถอะ”

……

กลุ่มคนมาถึงที่ร้านอาหารใกล้เคียงอย่างโครมคราม

เดิมทีมีเพียงหกเจ็ดคนที่มาด้วยกัน เวินซือเหยี่ยนมีแผนที่จะเชิญทุกคนมาทานหม้อไฟ แต่ด้วย คำพูดของพวกฉินฟางฟาง ดูเหมือนจะมีคนจำนวนมากขึ้น เวินซือเหยี่ยนจองร้านอาหารจีนและทุกคนก็นั่งอยู่เต็มโต๊ะกลมใหญ่

พนักงานเสิร์ฟกำลังเตรียมที่จะเสิร์ฟอาหาร ทุกคนต่างพูดคุยกันในขณะรออาหาร เวินซือเหยี่ยนไปเข้าห้องน้ำ ติงเซียงได้ริเริ่มพูดคุยกับเป๋าฮวนตามคำแนะนำลับๆของอันเยว่และฉินฟางฟาง

เป๋าฮวนนั่งข้างเวินซือเหยียน ติงเซียงนั่งข้างเป๋าฮวน อันเยว่และฉินฟางฟางนั่งข้างติงเซียง

ติงเซียงยิ้มอย่างกระตือรือร้นและถามด้วยเสียงทุ้มว่า: "ฮวนฮวนเธอรู้จักนักแสดงขั้นเทพเวินได้อย่างไร?"

“จากชุมชนหนึ่ง รู้จักระหว่างเดินเล่น” เป๋าฮวนตอบอย่างเรียบง่าย

ตอนนั้นเธอรู้จักเวินซือเหยี่ยน เธอก็หลงทางอยู่ในบริเวณคฤหาสถ์จริงๆ เวินซือเหยี่ยนพาเธอไปที่หน้าประตูถึงได้รู้จักกัน

“ชุมชนไหน? ฮวนฮวนคุณเพิ่งกลับมาที่ประเทศใช่ไหม? ดูเหมือนว่าผู้ผลิตเวินจะไม่ไปต่างประเทศสินะ” อันเยว่ขัดจังหวะติงเซียง และถามแทรก

"ชุมชนในประเทศ ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยชื่อชุมชน" เป๋าฮวนคิดว่านี่คือความเป็นส่วนตัว และเธอไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเหล่านี้ของพวกเธอ

ฉินฟางฟางหัวเราะขึ้นแล้วเม้มปากพูดว่า: "ใครบางคนพูดโกหกมั้ง เธอสามารถอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันกับนักแสดงขั้นเทพเวินหรือ?"

พวกเธอไม่สนใจนักแสดงที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนในที่นั้น และการค้นหาความจริงคือเป้าหมายเร่งด่วนที่สุดของพวกเธอในตอนนี้

ในมุมมองของฉินฟางฟาง เป๋าฮวนเป็นผู้หญิงที่อยู่ในครอบครัวที่ยากจนธรรมดา ตอนแรกที่เขาสามารถเข้าร่วมค่ายฝึกได้ก็เพราะเขาเข้ามาแทนที่เกาเหวิน

ที่อยู่อาศัยของเวินซือเหยี่ยน ไม่ใช่ชุมชนธรรมดาอย่างแน่นอน เป๋าฮวนเป็นเพื่อนบ้านกับ เวินซือเหยี่ยนได้อย่างไร?

ในเวลานี้ สีหน้าของติงเซียงเปลี่ยนไป

เธอคิดถึงเรื่องหนึ่ง คือเรื่องที่เป๋าฮวนเคยแต่งงานมาก่อน และบางทีตอนนี้เธออาจอยู่ในฐานะแม่หม้าย ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเข้าไปในกลุ่ม

“ฮวนฮวน เป็นบ้านของสามีคุณกับนักแสดงเทพเวินอยู่ในชุมชนเดียวกันหรือเปล่า?” ติงเซียงถามโดยไม่ลังเล

คำพูดนี้ของติงเซียงเหมือนทิ้งระเบิดลงในน้ำอุ่น ซึ่งทำให้ทุกคนในที่นั้นประหลาดใจ

อย่างไรก็ตาม เป๋าฮวนดูเด็กมาก ดูท่าก็แค่ยี่สิบต้นๆ แต่กลับแต่งงานแล้วจริงๆ เหรอ?

นี่ถือว่าแต่งงานเร็ว!

แล้วคำพูดต่อไปของเป๋าฮวนได้ทิ้งระเบิดอีกลูกหนึ่งไว้อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วทำให้เกิดคลื่นมหึมา

“ฉันแต่งงานเมื่อสามปีที่แล้ว” เป๋าฮวนพูดเบาๆ

เฉียวฟวั่นอันพูดด้วยความประหลาดใจว่า: "ฮวนฮวน ฉันรู้แค่ว่าเธอแต่งงานแล้ว ม่รู้ว่าคุณแต่งงานเมื่อสามปีที่แล้ว นี่คุณอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ก็แต่งแล้วเหรอ?"

“ถูกต้อง” เป๋าฮวนเบ้ปาก

อันเยว่และฉินฟางฟางรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะพวกเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้

พูดให้ถูกก็คือ พวกเธอรู้ เพราะติงเซียงเคยพูดถึงมาก่อน แต่พวกเขาไม่ได้จริงจังกับมันเลย เพราะสุดท้ายเป๋าฮวนก็ "ตาย" ไปแล้วในใจของพวกเธอ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป๋าฮวนปรากฏตัวตัวเป็นๆต่อหน้าพวกเธอ และพูดเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานโดยไม่อาย แม้กระทั่งเป็นเพื่อนกับนักแสดงใหญ่ระดับเวินเหยี่ยน ทำให้อันเยว่และฉินฟางฟางเกิดความสงสัยอย่างรุนแรงต่อตัวตนของสามีเป๋าฮวน

“ฮวนฮวน สามีของคุณเป็นคนในกลุ่มหรือเปล่า? เป็นเพื่อนของผู้อำนวยการสร้างเวิน?” อันเยว่ถามออกมาอย่างเร็ว

ในเวลานี้ เวินซือเหยี่ยนกลับมาจากห้องน้ำ ได้ยินคำถามของอันเยว่เข้าพอดี เขามองไปที่ เป๋าฮวนด้วยความประหลาดใจ: "ฮวนฮวน คุณพูดถึงเรื่องแต่งงานหรือ?"

“พวกเธอเพิ่งถามถึงพอดี” เป๋าฮวนตอบอย่างสงบ

เวินซือเหยี่ยนพยักหน้า และเข้าใจความหมายของเธอ ขณะที่เขานั่งลงก็เขาพูดอ่อนโยนว่า: "ฉันกับฮวนฮวนเป็นเพื่อนกัน และสามีของเธอ……ถือเป็นคนรู้จักเท่านั้น"

เมื่อนึกถึงความเป็นปรปักษ์ของเฟิงหานชวนที่มีต่อตัวเอง เวินซือเหยี่ยนรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเรียกว่า "คู่แข่งในความรัก" จะเหมาะสมกว่า

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้วางความคิดของเขาเกี่ยวกับเป๋าฮวน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับเฟิงหานชวน "เพียงแค่รู้จัก" คำตอบนี้เหมาะสมกว่า

“ครอบครัวฮวนฮวนและตระกูลเวินของเราเป็นมิตรกัน ตอนที่เธอถ่ายทำครั้งแรก ฉันก็ไม่ได้อยู่ในทีมและไม่ได้ดูแลเธอ ปกติทุกคนจะช่วยดูแลเธอ” เวินซือเหยี่ยนลุกขึ้นอีกครั้ง และเป็นคนเริ่มดื่มอวยพรให้ทุกคน

คำพูดนี้ทำให้พวกติงเซียงทั้งสามคนกลายเป็นหินอย่างสมบูรณ์

อันเยว่และฉินฟางฟางตกตะลึง ส่วนติงเซียงสงสัย

“มิตรภาพของตระกูล?” ติงเซียงรีบขยับศีรษะไปทางเป๋าฮวนและถามด้วยเสียงต่ำว่า “ฮวนฮวนคุณบอกว่าได้พบกับนักแสดงเทพระหว่างเดินเล่นหรือ?”

เป๋าฮวนไม่คิดว่าเวินซือเหยี่ยนจะพูดเช่นนั้น และตอบอย่างเฉยเมยว่า: “เราสองตระกูลเป็นมิตรกัน ฉันกับเขาพบกันระหว่างเดินเล่นจริงๆ ไม่ได้ขัดกัน”

ติงเซียงได้ยินคำยืนยันของเป๋าฮวน ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง นี่เป็นสถานการณ์ยังไง?

เป๋าฮวนที่แท้เป็นคุณหนูของตระกูลขุนนาง?

ถึงว่าตอนนั้นหลินอวี่หยางถึงชอบเป๋าฮวนมากขนาดนั้น ที่จริงเล่นด้วยกันในกลุ่ม?

ถึงว่าหลินอวี่หยางไม่พาคนธรรมดาอย่างเธอมาเล่นด้วย

ที่แท้……ทั้งหมดมีเหตุผล!

ติงเซียงทั้งคนยืนโง่อยู่ตรงนั้น

เป๋าฮวนมองผู้หญิงที่ดึงเธอไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

ผู้หญิงตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นใบหน้าที่ถูกศัลยกรรม ดวงตา จมูก ปาก แม้แต่ใบหน้าและคางต่างๆ มองแล้วต่างผ่านการศัลยกรรมทั้งนั้น เต็มไปด้วยร่องรอย

เพียงแต่มองอย่างละเอียด เธอกลับรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูคุ้นๆ เหมือนกับ…

เธอกำลังจะเอ่ยปาก ผู้หญิงมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย พูดต่อว่า “ฮวนฮวน เธอคงไม่ได้ลืมฉันหรอกนะ? ฉันติงเซียงเอง!”

“ฉันจำเธอได้ เซียงเซียง”เป๋าฮวนนึกออกแล้ว

สามปีก่อนเพราะค่ายคัดเลือก เธอกับติงเซียงอยู่ร่วมกันหนึ่งเดือน ภายหลังเพราะเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เลยถอนตัว และไม่ได้ติดต่อติงเซียงเลย

เธอก็คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าจะเจอติงเซียงอีกครั้งในกองถ่าย เพียงแต่…

“จริงเหรอ? ฮวนฮวนเธอยังจำฉันได้! จริงสิ สามปีมานี้เธอไปไหนมา? ทำไมเธอเปลี่ยนชื่อไป?” ติงเซียงถามขึ้นด้วยความอยากรู้

ตอนที่เป๋าฮวนมากถึง ติงเซียงกับฉินฟางฟางพวกเธอก็สังเกตเห็นเป๋าฮวนเหมือนกัน พวกเธอต่างช็อก เพราะผู้หญิงคนนี้หน้าตารูปร่างเหมือนเฉินฮวนฮวนทุกระเบียบนิ้ว

ตอนเวินซือเหยี่ยนเรียกเป๋าฮวนว่า“คุณเป๋า” พวกเธอต่างนึกว่าจำคนผิดแล้ว เพียงแค่บนโลกใบนี้มีผู้หญิงที่หน้าต่างเหมือนกันเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น สามปีก่อนเฉินฮวนฮวนได้ตายไปแล้ว

ข่าวการตายนั้น เธอได้ยินมาจากทางหลินอวี่หยาง หลินอวี่หยางไม่ได้พูดถึงสาเหตุ เพียงแต่บอกว่าเฉินฮวนฮวน “ตายแล้ว”

บวกกับตอนนั้นเฉินฮวนฮวนเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง ติงเซียงเลยคิดว่าเฉินฮวนฮวนจากโลกนี้ไปเพราะอาการหลังเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

ตอนนั้นเธอเกลียดเฉินฮวนฮวนมาก เฉินฮวนฮวนตายสำหรับเธอแล้ว กลับมีความสุขไม่ใช่ความทุกข์ ไม่มีใครขวางเธอที่ประจบประแจงหลินอวี่หยาง

แต่ทว่า เฉินฮวนฮวนไม่อยู่ เธอกลับประจบประแจงหลินอวี่หยางไม่ได้ หลินอวี่หยางไม่คิดจะคบกับเธอ เธอไม่มีทางเลือก เธอทำได้แค่เข้าหาอันเยว่กับฉินฟางฟาง

ครั้งนี้ที่สามารถเข้ามาแสดงเป็นตัวประกอบกองถ่ายนี้ ทั้งหมดเป็นความช่วยเหลือของอันเยว่ ตอนนี้อันเยว่ขึ้นเป็นดาวดวงใหม่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์อย่างช้าๆ แสดงเป็นสนมที่สำคัญในกองละคร ถือว่าเป็นระดับผู้หญิงเบอร์ 2 เบอร์ 3 บทใกล้เคียงกับเฉียวหว่านอันและนักแสดงรุ่นใหญ่อีกท่านหนึ่ง

เธอและฉินฟางฟางต่างเล่นเป็นคนใช้ติดตัวของอันเยว่ที่เป็นสนม แม้ว่าจะเป็นตัวประกอบ แต่มีฉากให้เห็นหน้าตามากมาย

อันเยว่และฉินฟางฟางให้เธอเข้ามาสอบถามดู ยืนยันว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเฉินฮวนฮวนหรือเปล่ากันแน่ ถ้าหากไม่ใช่ก็สามารถตีสนิท ในเมื่อเวินซือเหยี่ยนมาดูแลผู้หญิงคนนี้ด้วยตัวเอง

แต่ติงเซียงคิดไม่ถึง เป๋าฮวนจะเป็นเฉินฮวนฮวนจริงๆ เรื่องนี้ทำให้ติงเซียงงงมาก

ในเมื่อเฉินฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่ ทำไมในสามปีนี้ถึงราวกับไม่มีตัวตนอย่างนี้?

“สามปีก่อนฉันไปต่างประเทศ เปลี่ยนชื่อเพราะเหตุผลส่วนตัว”เป๋าฮวนตอบอ้อมๆ

ตอนนี้ติงเซียงสำหรับเธอแล้ว ไม่ถือว่าเป็นเพื่อน เป็นเพียงคนรู้จักคนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเธอเลยไม่คิดเล่ารายละเอียดขนาดนั้น

เป๋าฮวนรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ถามอีกว่า “จริงสิ ติงเซียง เธอก็อยู่ในกองละครนี้เหรอ? เธอแสดงบทบาทอะไร? ”

“ฉันแสดงเป็นชุ่ยเย่ว์ คนใช้คนหนึ่งของสนมเจิน นักแสดงที่รับบทสนมเจินเธอก็รู้จัก คืออันเยว่ที่ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าคัดเลือกด้วยกัน” ติงเซียงเปิดเผยก่อน

เธออยู่ในวงการบันเทิงมาสามปี รู้วิธีตีสนิทคนอย่างไรมานานแล้ว เธอดูออกว่าเป๋าฮวนสงวนท่าที เห็นชัดว่า เว้นระยะห่างกับเธอ มีความรู้สึกแบบไม่คุ้นเคย

ดังนั้น เธอเลยคิดจะบอกสถานการณ์ตัวเองก่อนนิดหน่อย

“อันเยว่?” เป๋าฮวนอึ้งไปครู่หนึ่ง นึกชื่อนี้ออกอย่างรวดเร็ว

อันเยว่ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร และตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าอันเยว่ต้องพัฒนามาในเส้นทางการแสดงแน่นอน ในเมื่อรูปร่างหน้าตาก็ดี เหมาะกับการแสดงมาก ตอนนั้นก็เป็นนักแสดงเล็กๆคนหนึ่งอยู่แล้ว

ที่เธอจำได้แม่นที่สุดคือฉินฟางฟางข้างตัวอันเยว่ ตอนที่อยู่ในค่ายอบรมขัดกับเธอต่างๆ นานา ถึงตอนนี้เธอยังจำใบหน้าของฉินฟางฟางได้ดี

“ใช่อันเยว่เอง ฉินฟางฟางก็อยู่นะ เธอกับฉันแสดงเป็นคนใช้ด้วยกัน ฉันรู้ฉินฟางฟางกับเธอเมื่อก่อนขัดแย้งกันเล็กน้อย แต่ผ่านมาหลายปีแล้ว ทุกคนก็อยู่ในกองละครเดียวกัน ฮวนฮวนเธอก็อย่าโกรธเลยดีไหม? ฉันพาพวกหล่อนมาเจอเธอ?”

ติงเซียงถามอย่างกระตือรือร้น

เป๋าฮวนกลับประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าฉินฟางฟางก็อยู่

เธอตอบรับเวินซือเหยี่ยนมาถ่ายละครชั่วคราว กลุ่มนักแสดงเธอไม่ได้ทำความเข้าใจก่อน ไม่คิดว่าจะมีหลายคนที่คุ้นเคย

ไม่รอให้เป๋าฮวนปฏิเสธ ติงเซียงก็วิ่งไปลากอันเยว่และฉินฟางฟางมา

ตอนพวกเธอมานั้น เวินซือเหยี่ยนกระซิบกับเป๋าฮวน “อันเยว่เป็นนักแสดงที่นายจ้างยัดเข้ามา บวกกับภาพลักษณ์และความนิยมก็ดี ผมไม่ได้ดูแลเรื่องนี้ เป็นบริษัทที่เซ็นสัญญากับบทบาทของอันเยว่แล้ว”

ในคำพูด ความหมายที่เวินซือเหยี่ยนอยากบอกก็คือไม่รู้จักกับอันเยว่ ดังนั้นตอนเชิญนักแสดงหลักหลายคนกินหม้อไฟเมื่อครู่ ก็ไม่รู้ว่าอันเยว่อยู่ในกอง

อันที่จริงอันเยว่รู้สึกแย่เล็กน้อย เธอรู้จากคนอื่นว่าเป๋าฮวนแสดงเป็นกุยหลานตัวประกอบหนึ่ง ไม่คิดว่าเวินซือเหยี่ยนกลับให้ความสำคัญแบบนั้น แต่งานเลี้ยงตอนเที่ยงกลับไม่สนใจนักแสดงที่สำคัญอย่างเธอไป

อันเยว่เป็นตัวเด่นของบริษัท ตอนนี้เดินอย่างเชิดหน้า ตอนที่ถูกเวินซือเหยี่ยนละเลย เธอรู้สึกหงุดหงิดในใจ

แต่เธอแสดงความไม่พอใจออกมาไม่ได้ ทำได้แค่แอบโมโห ในเมื่อสถานะของเวินซือเหยี่ยนถูกเปิดเผยแล้ว ไม่ใช่คนที่เธอสามารถล่วงเกินได้

ตอนนี้ ติงเซียงลากอันเยว่กับฉินฟางฟางมาร่วมสนุก อันเยว่เลยทักทายเวินซือเหยี่ยนก่อน “สวัสดีค่ะโปรดิวเซอร์เวิน ตอนนี้ไม่ควรเรียกคุณว่าครูนักแสดงแล้ว”

“สวัสดีครับ” เวินซือเหยี่ยนจับมือด้วยความเกรงใจ

อันเยว่ก็ทักทายเฉียวหว่านอันและรุ่นพี่อีกหลายคน และสายตามองไปทางเป๋าฮวน “ฮวนฮวน เมื่อกี้ติงเซียงบอกกับฉันแล้ว เธอคือเฉินฮวนฮวนที่เคยอยู่ค่ายอบรมด้วยกันกับเรา ไม่คิดว่าไม่เจอกันสามปี พวกเราจะเจอกันในกองละครเดียวกัน”

เสียงอันเยว่ยังหวานเหมือนเดิม เมื่อสามปีก่อน แต่ในคำพูดกับแฝงไปด้วยเสแสร้ง

“ไม่เจอกันนาน” เป๋าฮวนทักทายเรียบๆ

อันเยว่มองสำรวจเธอหนึ่งรอบ ใบหน้ามีความเหยียดหยามเล็กๆ

เสื้อผ้าที่เป๋าฮวนสวมไม่มีของแบรนด์เนม และดูแล้วไม่มีแบรนด์ใดๆ คิดว่าตอนนี้คงมีชีวิตที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไปเรียนต่างประเทศคงแค่สร้างภาพเท่านั้น ไม่แน่ว่ายังเป็นหนี้กู้ยืมเรียนอีกหนึ่งก้อน

แต่ว่าสิ่งเดียวที่อันเยว่สงสัย ก็คือความสัมพันธ์ของเป๋าฮวนกับเวินซือเหยี่ยน ดูแล้วเหมือนดีต่อกันมาก เป๋าฮวนล่อลวงเวินซือเหยี่ยนยังไงกัน?

แต่ทั้งสองคนดูไม่เหมือนความสัมพันธ์แบบนั้น กลับเหมือนเพื่อนสนิทกันด้วยความจริงใจ

“ฮวนฮวน ได้ยินว่าเธอแสดงเป็นกุยหลาน ก่อนหน้านี้เป็นกัวเจินจูเป็นคนแสดง เป็นโปรดิวเซอร์เวินขอเธอมาช่วย

เหรอ?” อันเยว่ถามด้วยความสนใจ

เวินซือเหยี่ยนกลับแย่งพูดก่อน “ฮวนฮวนเป็นเพื่อนผม ผมขอเธอมาช่วยจริงๆ”

“เพื่อน!?”

นี่เป็นเสียงร้องแหลมของฉินฟางฟาง

สามวันต่อมา

เป๋าฮวนนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาที่เมืองถ่ายทำภาพยนตร์ของเมืองเหิงซื่อ

วันนี้เธอต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงเปิดกล้องของหมิงเยว่แห่งวังหลวง

หลังจากลงจากเครื่องบิน จิ่งมั่วให้คนเตรียมรถไว้ก่อนแล้ว ขับรถไปส่งเป๋าฮวนที่งานเปิดกล้อง

เป๋าฮวนเป็นแค่นักแสดงประกอบ แต่ก็ถือว่าเป็นตัวละครที่สำคัญ อีกอย่างเธอก็ให้เกียรติเวินซือเหยี่ยน ดังนั้นจึงมาร่วมงานเปิดกล้องครั้งนี้

หลังจากถึงที่หมาย มีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยประมาณหนึ่งร้อยคน

เมื่อวานเวินซือเหยี่ยนได้เปิดเผยสถานะประธานของบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ แล้วก็ถูกคนขุดว่าเป็นผู้รับมรดกของเวินซื่อกรุ๊ป ทำให้สะเทือนอินเทอร์เน็ตครั้งใหญ่

วันนี้เข้าร่วมงานเปิดกล้องในฐานะโปรดิวเซอร์

หลังจากที่เป๋าฮวนมาถึงงาน เวินซือเหยี่ยนก็เป็นฝ่ายเดินมาหาเธอ ยิ้มแล้วยื่นมือออกมาหาเธอ

“คุณเวิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความหยอกล้อ

เป๋าฮวนจับมือทักทายเขา แล้วก็ยิ้มตอบกลับ “คุณเวิน พวกเราน่าจะประมาณสี่ห้าวันที่ไม่ได้เจอกัน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…คุณเวิน เชิญครับ” เวินซือเหยี่ยนทำมือเชื้อเชิญ

มีเสียงกรีดร้องจากฝูงชน

เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองที่เป็นแบบนี้ดูโอ้อวดเกินไป แต่เธอมีชีวิตที่ต่ำต้อยมามากพอแล้ว โอ้อวดสูงส่งบ้างก็ไม่เป็นไร

ในไม่ช้าเธอถูกพามาที่ตำแหน่งแถวแรก น่าจะห่างจากนักแสดงนำหญิงแค่สามคน ส่วนเวินซือเหยี่ยนก็ยืนอยู่ด้านข้างเธอ

เป๋าฮวนสามารถได้ยินเสียงที่คนกำลังพูดถึงสถานะของเธอจากด้านหลัง

นักแสดงนำหญิงเดินมาด้านหน้าเวินซือเหยี่ยน แล้วเป็นฝ่ายหยอกล้อขึ้น “ซือเหยี่ยน ไม่แนะนำหน่อยเหรอ?”

“ฮวนฮวน คนนี้คือนักแสดงหญิงเบอร์หนึ่ง นักแสดงหญิงมีชื่อเสียงเฉียวหว่านอัน คู่หูของผม”

เวินซือเหยี่ยนแนะนำกับเป๋าฮวน จากนั้นก็มองไปถามเฉียวหว่านอันแล้วพูดขึ้น “คนนี้ก็คือเพื่อนสนิทของฉัน คุณเป๋าฮวน ครั้งนี้มาช่วยงาน เล่นบทของกัวเจินจู”

“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ฉันตะลึงฟรี ๆ เลย” เฉียวหว่านอันยิ้ม แล้วยื่นมือไปทางเป๋าฮวน “คุณเป๋า สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีค่ะ คุณเฉียว” เป๋าฮวนตอบอย่างสุภาพ

เฉียวหว่านอันเข้าใกล้เธอ แล้วซุบซิบเสียงเบา “เป็นแค่เพื่อนของซือเหยี่ยนจริง ๆ เหรอคะ? ฉันไม่เคยเห็นเขาใจดีกับผู้หญิงอื่นขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ”

“ขออภัยค่ะคุณเฉียว ฉันกับซือเหยี่ยนเป็นแค่เพื่อนสนิทกันจริง ๆ ค่ะ ฉันมีสามีแล้ว” ประโยคหลัง เป๋าฮวนใช้เสียงที่สามารถได้ยินกันแค่สองคน

เฉียวหว่านอันตกใจจนปิดปาก เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที

รอบนี้เปลี่ยนเป็นเป๋าฮวนที่ยื่นหน้าไปข้างหูเธอ แล้วซุบซิบถามขึ้น “คุณเฉียวคะ คุณชอบซือเหยี่ยนใช่ไหมคะ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เฉียวหว่านอันหัวเราะออกมา แล้วรีบส่ายหน้า จากนั้นก็ขยับไปข้างหูเป๋าฮวนแล้วพูดเสียงต่ำ “ฉันมีคนเลี้ยง”

“หา?” เป๋าฮวนตกตะลึงนิดหน่อย

วงการบันเทิงเปิดกว้างขนาดนี้เลยเหรอ? สามารถพูดเผยธาตุแท้ออกมาได้ขนาดนี้?

เวินซือเหยี่ยนขยับหน้าเข้ามาใกล้ หัวเราะเสียงเบาแล้วพูด “ฮวนฮวน คุณถูกหว่านอันโกหกแล้ว คนเลี้ยงของเธอก็คือสามีของเธอ เธอคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียว เธอแต่งงานเร็ว สามีของเธอก็คือเพื่อนสนิทพี่ชายของเธอ”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!” เป๋าฮวนถึงดึงสติกลับมาได้

เป๋าฮวนหัวเราะอย่างทะเล้น จากนั้นก็เปลี่ยนคำเรียกทันที “ฮวนฮวน ต่อไปพวกเราทำความรู้จักกันดี ๆ นะ!”

“ตกลงค่ะ หว่านอัน”

งานเปิดกล้องจบไปได้ด้วยดี

งานเลี้ยงเปิดกล้องของกองจัดขึ้นตอนเย็น ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยง ดังนั้นเวินซือเหยี่ยนวางแผนจะจัดกลุ่มนักแสดงหลักไปทานหม้อไฟ

รวมเป๋าฮวนด้วย หลายคนกำลังคุยกันว่าจะไปร้านไหนดี ในเวลานี้ร่างเพรียวบางก็วิ่งมาจากด้านหลังฝูงชน

หญิงสาวจับแขนของเป๋าฮวนไว้ แล้วเรียกอย่างตื่นเต้น “ฮวนฮวน! เป็นเธอจริง ๆ ด้วย!”

“เยี่ยฝาน?”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วทันที

เป๋าฮวนนอนอยู่บนตัวเขา นิ้วมือวนรอบหน้าอกเขา แล้วพูดขึ้น “คุณนี่นะ เวลาที่ควรหึงก็ไม่หึง เวลาที่ไม่ควรหึงกลับหึง”

“ฮวนฮวน เขายั่วยวนคุณยังไง?” เฟิงหานชวนถามขึ้น

จากที่เขาดู เมื่อคืนเยี่ยฝานยื่นนามบัตรให้เป๋าฮวน ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน หรือว่าจะเป็นก่อนหน้านั้น ก็ยั่วยวนเป๋าฮวนเหรอ?

“ผู้ชายสมัยนี้ไม่ได้ตรงไปตรงมาเหมือนที่คุณคิด” เป๋าฮวนขยับไปข้างหูเขา ยิ้มแล้วบอกเรื่องตอนที่เยี่ยฝานจับมือแล้วส่งซิบให้เธอออกมา

เธอหัวเราะจนตัวสั่น ตั้งใจพูดเย้าแหย่ “สามปีมานี้ คุณไม่รู้หรอกว่ามีผู้ชายส่งซิบให้ฉันเยอะแค่ไหน จับมือ จับบ่า แล้วก็ท่าทางส่งซิบอีกมากมาย”

“ในเมื่อฉันหน้าตาสวย แล้วก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเป๋า พวกเขาไม่ใช่แค่สนใจหน้าตาของฉัน แต่สนใจตำแหน่งของตระกูลเป๋าด้วย”

“ดังนั้นครั้งนี้ที่เยี่ยฝานยั่วยวนฉันอย่างโอ่อ่าต่อหน้าคุณ ก็เพื่อตระกูลเป๋าที่อยู่เบื้องหลังฉัน ถ้าฉันไม่ใช่คนของตระกูลเป๋า เขาก็ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นกับฉัน…”

“อื้อ!”

เป๋าฮวนยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกอุดปากไว้

จากนั้นเธอก็ถูกเฟิงหานชวนทับร่างไว้ด้านล่าง อีกอย่างเธอไม่มีแรงดิ้นรน ทำได้แค่ปล่อยไปตามผู้ชายคนนี้

จนกระทั่งท่าทางของเธออ่อนแรง เฟิงหานชวนถึงลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์โทรหาซูอวี่

เขาออกคำสั่งอย่างเย็นชาเพียงแค่ประโยคเดียว “แย่งโปรเจกต์ใหม่ล่าสุดของเยี่ยซือกรุ๊ปมา ให้คำเตือนกับเยี่ยฝาน”

เป๋าฮวนยังนอนอยู่ เธอกะพริบตา รู้ได้ว่าครั้งนี้เฟิงหานชวนโมโหจริง ๆ แล้ว

เพียงแต่เยี่ยฝานมีความผิด แต่เธอไม่ผิดอะไรเลยนะ!

“อาหาน ฉันหิวจะตายแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ทำไมคุณถึงลงโทษฉัน? ไม่รู้แหละ คุณต้องชดใช้ค่าเสียหายทางจิตใจของฉัน” เป๋าฮวนดิ้นไปดิ้นมา งอแงหาเรื่อง

เฟิงหานชวนก้มหน้าลง จูบหน้าผากของเธอ แล้วถามอย่างอ่อนโยน “คุณจะให้ผมชดใช้ยังไง?”

“คุณชอบเล่นเกมไม่ใช่เหรอ? ร่างกายของผมให้คุณจัดการได้ตามใจชอบ เป็นยังไง?”

เฟิงหานชวนตั้งใจแกล้งเธอ เป๋าฮวนโมโหจนหน้าแดง

“น่าเกลียด! ผู้ชายน่าเกลียดคนนี้!”

เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนรู้ดีว่าเกมเล็ก ๆ คืออะไร ยังจะพูดเรื่องเกมกับเธอ ตอนนี้เธอเหนื่อยเพราะเกมนี่จนแทบจะตาย ยังมีแรงเล่นอีก?

“ฮวนฮวน ผมทำอาหารเช้าให้คุณ คุณอยากทานอะไร?” เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก ก้มมาที่แก้มของเธอ

“เชอะ!”

เป๋าฮวนส่งเสียงเสร็จ ก็หันหน้า พลิกตัว หันหลังให้กับชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนยิ้มมากกว่าเดิม เขายื่นมือออกมา กอดเอวบางของหญิงสาว แล้วเอาหน้าซุกลำคอของเธอ

“ไอหยาคุณปล่อยนะ จั๊กจี้” เป๋าฮวนยื่นมือออกไปผลักเขา

แต่ว่าตอนนี้ร่างกายของเธออ่อนแรง สำหรับเฟิงหานชวนแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งสิ้น

“งั้นคุณบอกผมว่าอยากกินอะไร?” เฟิงหานชวนถามต่อ “ถ้าไม่พูด ผมจะถือว่าคุณอยากเล่นเกมต่อ”

“ฉันพูดพูดพูด!” เป๋าฮวนรีบข้อร้อง

เธอจะร้องไห้แล้วจริง ๆ น้ำตาคลอเบ้า กัดปาก แล้วพูดอย่างน่าสงสาร “โจ๊กเห็ดหอมแล้วกัน”

“รอผมนะ” ชายหนุ่มลงจากเตียงทันที แล้วรีบลงไปที่ชั้นล่าง

เป๋าฮวนอยากจะลุกจากเตียง แต่ร่างกายเหนื่อยมาก ๆ เธอฝืนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ล้มลงไปอีก เตรียมจะนอนต่อ

เวลานี้เฟิงหานชวนกลับมาอีก เขาเดินมาข้างเตียงแล้วพูด “กำลังตุ๋นโจ๊กแล้ว ผมอุ้มคุณไปอาบน้ำก่อน”

ไม่รอให้เป๋าฮวนตกลง เธอก็ถูกเฟิงหานชวนอุ้มขึ้น เดินไปทางห้องน้ำ

เฟิงหานชวนวางเธอลงบนชักโครก จากนั้นก็ยืนปรับอุณหภูมิน้ำอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ

จากมุมมองของเป๋าฮวน สามารถเห็นหน้าด้านข้างของเฟิงหานชวนที่ตั้งอกตั้งใจ เธออดที่จะเหม่อลอยไม่ได้ เริ่มเพ้อฝันว่าจะได้ใช้ชีวิตที่เหลือกับผู้ชายคนนี้…

“หมายความว่ายังไง?”

เฟิงหานชวนถามเธออย่างสงสัย

“เขาบนหัวคุณจะงอกแล้วคุณไม่รู้เหรอ? เหลือแค่สวมเขาให้คุณแค่นั้นแหละ” เป๋าฮวนกอดแขนของเขา เอนหัวพิงกับแขนของเขา

“คุณหมายความว่า คุณจะใจอ่อนกับเยี่ยจิ่งเฉิน? หรือว่าคุณอยากจะบอกผมว่าในใจของคุณยังมีเขาอยู่ เห็นเขาถูกรังแกไม่ได้? หรือว่าคุณวางแผนจะช่วยเขาจากอุ้งมือของแม่เสือ แล้วคืนดีกับเขา?”

เฟิงหานชวนโมโหขึ้นมาทันที น้อยครั้งมากที่จะพูดยาวขนาดนี้

“พรืด!”

เป๋าฮวนอดหัวเราะออกมาไม่ได้

เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึมมากกว่าเดิม “ตอนนี้แล้ว คุณยังจะหัวเราะอีก?”

“ฮวนฮวน ตกลงว่าคุณคิดยังไงกันแน่?” เขาจี้ถามเสียงแข็ง

“อาหาน ถ้าหากฉันคือดีกับรักแรกของฉัน คุณจะทำยังไง?” เป๋าฮวนตั้งใจหยอกล้อเขา

วินาทีต่อมา ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ ร่างกายของเธอกลับถูกม้วนขึ้น เธอถูกเฟิงหานชวนอุ้มขึ้น

เป๋าฮวนตกใจ สองมือรีบโอบคอของชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนอุ้มเป๋าฮวนขึ้นไปที่ชั้นสาม กลับไปที่ห้องนอนของพวกเขา จากนั้นก็โยนเธอลงบนเตียง

ไม่รอให้เป๋าฮวนอธิบาย จูบที่ดุเดือดก็จูบลงมา

ตลอดเวลา เป๋าฮวนไม่ทันได้อธิบายให้ชัดเจน เพราะว่าเฟิงหานชวนเหมือนกับสิงโตดุร้ายตัวหนึ่ง ลงโทษเธอจนขอร้องไม่หยุด

สุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ เป๋าฮวนแทบจะเป็นลมไป

เพียงแต่ สติที่เหลืออยู่ทำให้เธอได้ยิน เขาพูดข้างหูเธอ…

ฮวนฮวน คุณคือคนของผม

เป็นแค่คนของผม

จากนั้น เป๋าฮวนก็หลับไป

ในตอนที่เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง รอบตัวอบอุ่น

เธอสะลึมสะลือลืมตา ด้านหน้าคือใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของชายหนุ่ม

หล่อมาก ๆ!

เวลานี้ เฟิงหานชวนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หลังจากจ้องตากับเธอ เขาก้มหน้าลง กัดริมฝีปากลงโทษเธอ

เป๋าฮวนเกือบจะหายใจไม่ทัน ปากก็เจ็บมาก สองเท้าเล็กทีบขาของชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนทนไม่ไหว ในที่สุดก็ปล่อยเธอ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับแดงเป็นอย่างมาก

“ห้ามคิดถึงเขา!” เขาพูด เสียงแหบมาก

ฟังดูแล้วเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืนยังไงยังงั้น

“เมื่อคืนฉันล้อเล่น” เป๋าฮวนก็ไม่มีแรงแล้ว เธอเสียงอ่อนตอบกลับ

เธอถูกลงโทษจนไม่มีแรงแล้ว เมื่อคืนไม่มีแม้แต่โอกาสจะอธิบาย

ผู้ชายคนนี้บ้าคลั่งจริง ๆ!

“คุณไม่ได้ล้อเล่น ตอนที่คุณพูดว่าเขาจะงอกบนหัวผม น้ำเสียงจริงจังมาก” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม แล้วจี้ถาม “เขาสวะขนาดนั้น ทำไมถึงลืมเขาไม่ได้?”

“เพราะเป็นรักแรกเหรอ?”

“ก็เหมือนกับที่คุณเป็นรักแรกของผม ผมก็ลืมคุณไม่ได้มาโดยตลอด”

น้ำเสียงของเฟิงหานชวนยิ่งอยู่ยิ่งเบา ประโยคหลังแทบจะไม่มีเสียง เป็นเสียงอ่อนน้อมที่ไม่มั่นใจ

เป๋าฮวนตกตะลึงจนถลึงตาโต ประโยคนี้เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน

ที่แท้เธอคือรักแรกของเฟิงหานชวน!

ถึงแม้เธอรู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวน แต่เธอมักคิดว่าเฟิงหานชวนอายุเยอะกว่าเธอขนาดนั้น ถึงก่อนหน้านี้จะไม่เคยมีแฟน แต่ตอนวัยรุ่นก็ต้องเคยชอบผู้หญิงมาบ้างแหละ?

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะได้ค้นพบโลกใหม่

“อาหาน เมื่อวานฉันอยากจะอธิบายกับคุณให้ชัดเจน แต่คุณไม่ให้ฉันอธิบายเลย”

เป๋าฮวนตัดสินใจอธิบายความเข้าใจผิดก่อน จึงรีบพูดขึ้น “ที่ฉันพูดว่าคุณเกือบจะโดนสวมเขา อันที่จริงไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยลืมเยี่ยจิ่งเฉิน แต่เป็นเยี่ยฝานยั่วยวนฉัน!”

“คุณชายเฟิง เยี่ยฝานยั่วยวนฉันต่อหน้าคุณนะ”

เสียงเยือกเย็นของเฟิงหานชวนตอบกลับไปว่า: "ประธานเยี่ยควรขอโทษพี่ใหญ่ของผม"

แม้ว่าห้างอวิ๋นตวนจะได้รับการสนับสนุนจากเฟิงหานชวน แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่เฟิงเจิ้งหมิงเป็นคนบริหารจัดการเป็นหลัก

"ประธานเฟิงที่จริงแล้ว…"เยี่ยฝานหยุดและพูดว่า: "ผมสงสัยว่าประธานเฟิงยังคบกับคุณเฉินฮวนฮวนอยู่หรือเปล่า?”

"อ้อไม่ จริงๆแล้วคือคุณเป๋าฮวนสิ"

ใบหน้าของเฟิงหานชวนแสดงออกถึงความไม่พอใจ: "คุณหมายความว่าอย่างไร?"

"อย่าเข้าใจผมผิดนะครับประธานเฟิง ครั้งนี้น้องชายและน้องสะใภ้ของผมทำร้ายคุณเป๋า ดังนั้นผมหวังว่าประธานเฟิงจะกู้หน้าผมคืนได้ และให้น้องชายกับน้องสะใภ้ของผมได้ไปขอโทษคุณเป๋าเป็นการส่วนตัว ผมหวังว่าคุณเป๋าจะไม่โกรธตระกูลหวัง"น้ำเสียงของเยี่ยฝานดูอ่อนน้อมมาก

เป๋าฮวนขมวดคิ้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เยี่ยจิ่งเฉินไปมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเยี่ยฝานตั้งแต่เมื่อไหร่ เยี่ยฝานถึงมาช่วยพูดให้เยี่ยจิ่งเฉินแบบนี้?

เยี่ยจิ่งเฉินเป็นลูกนอกสมรส และแม้ว่าความสัมพันธ์กับพี่ชายทั้งสองของเขาจะไม่ได้เลวร้ายแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันใดๆเช่นกัน!

เฟิงหานชวนเลื่อนสายตาไปที่เป๋าฮวนเหมือนจะถามเธอว่าหมายถึงอะไร

เป๋าฮวนส่ายหัว

"เธอบอกว่าไม่ต้อง"เฟิงหานชวนพูดตรงๆ

เยี่ยฝานเงียบไปสองสามวินาทีจากนั้นก็หัวเราะเบาๆและถามว่า: "ประธานเฟิงและคุณเป๋าได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้วเหรอครับ? ตอนนี้คุณอยู่ด้วยกันไหม?"

"เธอไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย แล้วก็ไม่ต้องการเจอเยี่ยจิ่งเฉินด้วย"เฟิงหานชวนเข้าใจความคิดของเป๋าฮวนและตอบแทนเธอ

"ประธานเฟิงครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้จะดีกว่า พวกคุณอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หมิงอวี้หรือเปล่า? ผมจะพาน้องชายและน้องสะใภ้ไปขอโทษเป็นการส่วนตัว"น้ำเสียงของเยี่ยฝานดูมีความกระตือรือร้นอย่างมาก และดูเหมือนว่าเขาจะปฏิเสธไม่ได้

เฟิงหานชวนที่ต้องการจะปฏิเสธ แต่เยี่ยฝานก็วางสายเขาราวกับว่าได้ตกลงกับเขาไปโดยปริยายแล้ว

สีหน้าของเฟิงหานชวนดูนิ่งลงทันที

"อาหาน ในเมื่อเยี่ยจิ่งเฉินและหวังหยวนหยวนอยากจะมาเพื่อขอโทษ ก็ให้พวกเขามาเถอะ!”เป๋าฮวนไม่ได้สนใจ ในทางกลับกันเธอก็ตั้งตารอคำขอโทษของหวังหยวนหยวนเช่นกัน

อย่างไรก็ตามมันเป็นความจริงที่จะต้องกำจัดอำนาจของยัยแม่หมูคนนั้น มิฉะนั้นผู้คนจำนวนมากก็จะต้องทนทุกข์ทรมานจากการกดขี่ข่มเหงของเธอ

"คุณไม่คัดค้าน?"เฟิงหานชวนยกมือขึ้นและแตะหัวของเธอแล้วถามต่อว่า: "หรือในใจของคุณยังมีเยี่ย… "

"ชู่ว!"เป๋าฮวนเหยียดนิ้วออกไปกดที่ริมฝีปากบางๆของร่างสูงทันที เธอยิ้มอย่างมีเสน่ห์: "ฉันจะต้องพิสูจน์ยังไง คุณถึงจะไม่คิดเรื่องนี้อีก?"

"สักพักก็บอกว่าฉันชอบเวินซือเหยียน แล้วเดี๋ยวอีกสักพักก็บอกว่าในใจของฉันยังมีเยี่ยจิ่งเฉินอีก ในสายของคุณ ฉันดูเป็นผู้หญิงเหลาะแหละขนาดนั้นเลยเหรอ?"

"เฟิงหานชวน ถ้าคุณยังเข้าใจฉันผิดแบบนี้อยู่ ฉันจะกลับประเทศเฉินนะ แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่ได้กลัวคุณด้วย!"

เฟิงหานชวนยิ้มและดึงมือของผู้หญิงคนนั้นออก เขาบีบเอวเรียวของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ก้มศีรษะลงและจูบเข้าที่ริมฝีปากสีแดงของเธออีกครั้ง

สุดท้ายเป๋าฮวนก็ถูกล้อเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เฟิงหานชวนรู้ว่าไม่นานพวกเยี่ยจิ่งเฉินก็จะต้องมา ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรมาก มันก็เหมือนกับการแกล้งแมวตัวน้อยๆ เขาจงใจที่จะก่อกวนเป๋าฮวน

เป๋าฮวนเองก็ไม่น้อยหน้า พวกเขาจูบกันจากตรงโซฟาไปที่ระเบียงและจากห้องนั่งเล่นไปที่เตียง…

ในตอนที่เฟิงหานชวนกำลังจะทนไม่ไหว จู่ๆก็มีเสียงรถบีบแตรมาจากด้านนอก

เป๋าฮวนผลักเฟิงหานชวนและเดินไปที่ระเบียง เธอมองลงไปและเห็นเยี่ยจิ่งเฉินและหวังหยวนหยวนที่ตัวสั่นออกมาจากรถ

มีชายคนหนึ่งอายุราวๆกับเฟิงหานชวน เขาดูเป็นผู้ใหญ่และเดินนำหน้าทั้งสองคนนั้น เขาน่าจะเป็นเยี่ยฝาน

แม้ว่าเป๋าฮวนจะรู้จักตัวตนของเยี่ยฝาน แต่เธอก็ไม่เคยพบเยี่ยฝานมาก่อน

"พวกเขามาแล้ว พวกเราลงไปกันเถอะ!"เป๋าฮวนหันกลับมาและคว้าแขนของเฟิงหานชวน

ภายใต้การนำของบอดี้การ์ด เยี่ยฝาน เยี่ยจิ่งเฉินและหวังหยวนหยวนก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น

เยี่ยจิ่งเฉินเห็นเป๋าฮวนควงแขนของเฟิงหานชวนในขณะที่กำลังเดินลงบันไดมา และรอยยิ้มนั้นทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่ดีในช่วงมัธยมปลาย

หัวใจของเยี่ยจิ่งเฉินเต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง

เขารู้สึกทุกข์ใจมาก! ภรรยาของเขาเป็นแม่เสือสาวที่ดุร้าย หวังหยวนหยวน!

ถ้าเขาไม่นอกใจเฉินซินโหรวและอยู่เคียงข้างเฉินฮวนฮวน เขาก็จะไม่ได้เป็นลูกเขยของหวังซื่อกรุ๊ปแต่จะได้เป็นลูกเขยที่น่ายกย่องของตระกูลเป๋า!

ตอนนี้เขารู้เพียงว่าความแข็งแกร่งของตระกูลเป๋านั้นไม่มีใครเทียบได้และเป็นตระกูลที่สูงส่งมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

คนในตระกูลเป๋ามีสายเลือดที่มีเกียรติที่สุด!

เยี่ยจิ่งเฉินรู้สึกเป็นทุกข์ใจมาก เขาไม่เคยเสียใจ ไม่เคยอึดอัด ไม่เคยสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อน

ในตอนแรกเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงของเขา แต่เขาทำผิดพลาดและผลักไสเฉินฮวนฮวนให้คนอื่นด้วยมือของเขาเอง และเขาก็ผลักไสเธอไปให้กับเฟิงหานชวน!

"ประธานเฟิง คุณเป๋า"เยี่ยฝานก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือไปเพื่อจับมือกับเฟิงหานชวนและเป๋าฮวน

เป๋าฮวนเอื้อมมือออกไปอย่างสุภาพ แต่เมื่อพบว่าเยี่ยฝานจับมือเธอและใช้ปลายนิ้วถูฝ่ามือของเธอด้วยปลายนิ้วก้อย

เป๋าฮวนก็ตกใจเล็กน้อย

เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว เธอเข้าใจเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ เยี่ยฝานกำลังยั่วยวนเธอ!

เธอบอกว่าความสัมพันธ์ของเยี่ยฝานและเยี่ยจิ่งเฉินนั้นธรรมดา ทำไมเขาถึงพยายามที่จะพาเยี่ยจิ่งเฉินมาขอโทษ

เฟิงหานชวนยังคงไม่ชัดเจนกับการกระทำของเยี่ยฝาน สายตาของเขามองไปที่เยี่ยจิ่งเฉินและหวังหยวนหยวนอย่างน่ากลัว หวังหยวนหยวนที่ถูกเขามองก็ตัวสั่นทันที

เธอคุกเข่าลงและขอโทษอย่างรวดเร็ว: "คุณเป๋า คุณชายสามแห่งตระกูลเฟิง ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณเป๋า ฉันไม่กล้าทำอีกแล้วค่ะ!"

แม้ว่าหวังหยวนหยวนจะรู้สึกขายหน้าแต่เธอก็ต้องขอโทษเพราะทั้งตระกูลหวังกำลังบังคับเธอ

ถ้าเป๋าฮวนโกรธ หวังซื่อกรุ๊ปก็จะหายไปเหมือนฟองสบู่

แม้ว่าปกติแล้วเธอจะเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะสร้างปัญหา

"คุณเป๋า น้องชายและน้องสาวของผมมักจะนิสัยเสีย ครั้งนี้เธอไม่เข้าใจสถานะของคุณและทำให้คุณขุ่นเคือง ได้โปรดปล่อยพวกเขาไปเถอะนะครับ"เยี่ยฝานมองไปที่เป๋าฮวนด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมากบวกกับความหล่อของเขา มันให้ความรู้สึกของความเป็นสุภาพบุรุษ

หลังจากพูดกับเป๋าฮวนจบ เยี่ยฝานก็มองไปที่เยี่ยจิ่งเฉินอีกครั้งและตำหนิด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: "อาเฉิน ยังไม่รีบขอโทษคุณเป๋าอีกเหรอ? ครั้งนี้มันเป็นเพราะความผิดของนาย รีบขอโทษเร็วเข้า! "

เยี่ยฝานจงใจฉีกหน้าเยี่ยจิ่งเฉินต่อหน้าเป๋าฮวน นั่นทำให้เยี่ยจิ่งเฉินรู้สึกต่ำต้อยมากๆและรู้สึกไม่เต็มใจที่จะขอโทษเป๋าฮวน

"ขอโทษครับคุณเป๋า ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย เรื่องก่อนหน้านี้ก็เป็นความผิดของผมเหมือนกัน ผมขอโทษด้วย"เยี่ยจิ่งเฉินรู้สึกอับอายมาก แต่เขาจงใจหยิบยกเรื่องเมื่อก่อนขึ้นมาเพื่อต้องการให้เป๋าฮวนจำได้ว่าครั้งหนึ่งพวกเขาทั้งสองคนเคยมีความทรงจำที่สวยงามเพียงใด

เป๋าฮวนมีสีหน้าที่เย็นชา เธอไม่ได้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแล้ว เธอเพียงแค่พูดอย่างเฉยเมยว่า: "ฉันยอมรับคำขอโทษของพวกคุณ ฉันแค่หวังว่าพวกคุณจะไม่ทำแบบนี้กับคนอื่นและจะไม่ทำตัวเป็นพวกเผด็จการอีก!"

ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นแบบเธอ เธอหวังว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ผู้บริสุทธิ์บางคนถูกข่มเหงน้อยลง

"ใช่ใช่ใช่ค่ะคุณคุณเป๋า ฉันไม่กล้าอีกแล้ว ต่อจากนี้ฉันจะทำตัวให้เหมาะสม!"หวังหยวนหยวนพยักหน้าและตอบทันที

"นี่มันดึกแล้ว พวกคุณรีบกลับเถอะ"เป๋าฮวนพูดอย่างเกียจคร้าน

ตอนที่เยี่ยฝานกำลังจะไป เขาก็ยิ้มให้เป๋าฮวนและทิ้งนามบัตรไว้ให้เป๋าฮวนโดยเฉพาะ เยี่ยจิ่งเฉินเองก็มองไปที่เป๋าฮวนอย่างไม่เต็มใจที่จะจากไป

เมื่อพวกเขาไป เป๋าฮวนก็โยนนามบัตรของเยี่ยฝานทิ้งลงในถังขยะ

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฟิงหานชวนรู้สึกงงเล็กน้อย: "เมื่อกี้คุณไม่ได้รับนามบัตรมาอย่างกระตือรือร้นและแถมยั

บอกอีกว่าถ้ามีโอกาสคงจะได้ร่วมงานกันไม่ใช่เหรอ? เกลียดตระกูลเยี่ยมากเหรอ? "

"ไม่ใช่อย่างนั้น~" เป๋าฮวนอดยิ้มไม่ได้: "คุณเฟิงคะ เมื่อกี้คุณเกือบจะยอมให้ฉันนอกใจนะ!"

"ไม่อนุญาตโดยเด็ดขาด!"

ลุงของหวังหยวนหยวนรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: "ตระกูลเป๋าแห่งประเทศเฉินไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถจะจัดการได้!"

"ลุง คุณพูดว่าอะไรนะ! เราไม่สามารถที่จะจัดการตระกูลเป๋าได้? "ดวงตาของหวังหยวนหยวนเบิกกว้างเพราะความโกรธ

"ตระกูลหวังของเรามีอำนาจมาก ประเทศเฉินก็เป็นแค่ประเทศเล็กๆไม่ใช่เหรอ? พวกเราจะไม่สามารถจัดการพวกเขาได้ยังไงกัน! "

หวังหยวนหยวนปฏิเสธที่จะเชื่อ เพราะลุงของเธอนั้นขี้ขลาดและหัวโบราณมาโดยตลอด เธอยังคงพูดอย่างกล้าหาญอีกว่า: "พ่อ เรามาซื้อตระกูลเป๋ากันเถอะ! พอดีเลยเราจะได้ขยายตลาดที่ประเทศเฉิน! "

ประธานหวังต่งปฏิเสธที่จะพูดนอกเรื่อง ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆเองก็หน้าซีดเช่นกัน

"หยวนหยวน เจ้าเด็กโง่ ถ้าเธอทำให้ตระกูลเป๋าขุ่นเคืองจริงๆ ตระกูลหวังของพวกเราก็จะต้องจบสิ้นลง!"ลุงหวังตบต้นขาของเขาและพยายามโน้มน้าวเธอ

"หนูไม่เชื่อ! พ่อของหนูแข็งแกร่งมาก จะจัดการกับตระกูลเป๋าไม่ได้เลยเหรอ? "หวังหยวนหยวนหันไปหาพ่อของเธอและพูดอย่างรวดเร็ว: "พ่อ พ่อจะช่วยหนูใช่ไหม? พ่อทนเห็นลูกสาวถูกคนอื่นทำร้ายแบบนี้เหรอ? "

"หยวนหยวน–"

ในขณะเดียวกันเยี่ยจิ่งเฉินที่ตอนนี้จมูกกลายเป็นสีเขียวและใบหน้าบวมปูดก็รีบเดินเข้ามาและรีบจับมือของหวังหยวนหยวนแล้วพูดว่า: "พ่อประชุมอยู่ ผมจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย พวกเราไม่สามารถที่จะขัดใจเฉินฮวนฮวนได้!”

"เยี่ยจิ่งเฉิน คุณยังจะกล้ามาอีกนะ! ฉันโดนทำร้ายขนาดนี้ คุณยังจะให้ฉันปล่อยแฟนคนแรกของคุณไปอย่างนั้นน่ะเหรอ? "หวังหยวนหยวนหันกลับมาและตบหน้าเยี่ยจิ่งเฉิน

เยี่ยจิ่งเฉินกุมหน้าของเขาและไม่สนใจเสียงถอนหายใจ เขาเอ่ยด้วยความตื่นตัวว่า: "พวกเราไม่สามารถทำให้ตระกูลเป๋าแห่งประเทศเฉินไม่พอใจได้! หวังซื่อกรุ๊ปเองก็ไม่สามารถขัดใจได้เช่นกัน! คุณไม่สามารถใจร้อนได้! "

"ถุย!"หวังหยวนหยวนถุยน้ำลายลงบนใบหน้าของเยี่ยจิ่งเฉิน เธอหันกลับมาแล้วจับแขนของประธานหวัง และบิดตัวอ้วนๆของเธอแล้วพูดอย่างอารมณ์ดีว่า: "พ่อ รีบซื้อตระกูลเป๋าและแสดงสีสันให้พวกเขาดูหน่อย!"

เยี่ยจิ่งเฉินคุกเข่าลงตรงหน้าของหวังต่ง และพยายามที่จะโน้มน้าว: "พ่อ ผมรู้ว่าครั้งนี้หยวนหยวนได้รับความเดือดร้อน แต่พวกเราไม่สามารถทำอะไรตระกูลเป๋าได้จริงๆ! ผมโทรหาพี่ชายของผมแล้ว และตระกูลเป๋าก็ไม่ใช่อะไรที่จะจัดการได้ง่ายจริงๆ…"

เนื่องจากเยี่ยจิ่งเฉินสงสัยเกี่ยวกับตัวตนปัจจุบันของเป๋าฮวน เขาจึงติดต่อพี่ชายของเขาซึ่งเป็นประธานของเยี่ยซื่อกรุ๊ปเพื่อถามเกี่ยวกับตระกูลเป๋าแห่งประเทศเฉิน เพราะพวกเขายังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่ แม้ว่าเยี่ยจิ่งเฉินจะเป็นลูกนอกสมรส แต่ประธานเยี่ยก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเยี่ยจิ่งเฉินมากนัก

ตระกูลเยี่ยเป็นครอบครัวใหญ่ และประธานเยี่ยก็รู้เกี่ยวกับตระกูลเป๋า หลังจากที่เยี่ยจิ่งเฉินได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขาก็รีบมาที่หวังซื่อกรุ๊ปเพื่อห้ามปราม

เขาไม่เคยคิดว่าเป๋าฮวนจะเป็นสมาชิกครอบครัวที่มีอำนาจแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่เขาไม่รู้ว่าเป๋าฮวนกลายเป็นสมาชิกในตระกูลเป๋าได้อย่างไร!

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการป้องกันไม่ให้หวังซื่อกรุ๊ปไปก่อกวนตระกูลเป๋า

"ฉันรู้ จิ่งเฉิน ลุกขึ้นก่อน!"ประธานหวังดึงเยี่ยจิ่งเฉินขึ้นมาและมองดูลูกสาวของเขา แม้จะทุกข์ใจแต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้

ถ้าพูดตามความจริงเห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกผิดและรู้สึกละอายใจเมื่อเห็นลูกสาวของเขาถูกทำร้ายแบบนี้และเขาไม่สามารถแก้แค้นให้ลูกสาวของเขาได้

"หยวนหยวน คราวนี้พ่อช่วยไม่ได้"ประธานหวังถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: "ตระกูลเป๋า หวังซื่อกรุ๊ปของเราไม่สามารถจัดการได้จริงๆ!"

"อะไรนะ!?"เมื่อหวังหยวนหยวนได้ยินสิ่งนี้ เธอก็ตกตะลึงและนั่งลงบนพื้นทันที

ประธานหวังพูดแบบปลงๆ: "ทางที่ดีที่สุดเธอควรจะไปพบคุณเป๋าเพื่อขอโทษ ตระกูลเป๋ามีอำนาจมากจนเราไม่สามารถจัดการกับพวกเขาได้!"

"อ๊าย -" หวังหยวนหยวนปิดหูของเธอและตะโกน

……

ตกกลางคืน

เป๋าฮวนนั่งไขว่ห้างกินขนมอยู่บนบนโซฟา

บนหน้าจอทีวีใหญ่มีรายการวาไรตี้ล่าสุดกำลังฉายอยู่

มีการเคลื่อนไหวที่ประตู เธอลุกขึ้นทันทีและวิ่งออกไปโดยสวมรองเท้าแตะ

"เฟิงหานชวน!"

เป๋าฮวนวิ่งเข้าไปหาเขา และเฟิงหานชวนก็เพิ่งลงจากรถพอดี เธอกระโดดขึ้นไปเกาะบนตัวเขาทันที

"ทำไมวันนี้ดูตื่นเต้นจัง?"เฟิงหานชวนเลิกคิ้วและถามอย่างตั้งใจ: "มีเรื่องอะไรให้มีความสุขเหรอ?"

ห้างอวิ๋นตวนเป็นเครือของเฟิงเจิ้งหมิง เมื่อเหตุการณ์ของหวังหยวนหยวนเกิดขึ้น เขาก็ได้รับรายงานจากพี่ชายคนโตคนนั้นทันที

พี่ชายคนโตคนนั้นหมายความว่าเป๋าฮวนได้สร้างปัญหาในห้างอีกแล้ว!

"คุณน่าจะรู้ทุกอย่างแล้วใช่ไหม?"เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนก็พอจะเดาได้

เธอเองก็รู้ว่าห้างอวิ๋นตวนเป็นพื้นที่ของตระกูลเฟิง

"อืม แต่ผมอยากได้ยินมันจากปากของคุณ"เฟิงหานชวน อุ้มเธอและเดินเข้าไป

เมื่อแม่บ้านหลี่ออกมาต้อนรับ เธอก็เห็นพวกเขาทั้งสองกำลังพลอดรักกัน ดังนั้นเธอจึงรีบกลับไปที่ห้องครัว

ดูเหมือนว่าเป๋าฮวนจะคุ้นเคยกับการที่มีแม่บ้านหลี่อยู่ที่บ้านแล้ว และเป๋าฮวนเองก็ไม่ดีมีความเขินอายใดๆแล้ว

เฟิงหานชวนอุ้มเธอและเดินไปที่โซฟา เมื่อเขานั่งลงเป๋าฮวนก็ถูกวางลงบนตักของเขา

"อันที่จริงไม่มีอะไรเลย นั่นคือยัยหมูอ้วนภรรยาคนปัจจุบันของเยี่ยจิ่งเฉิน เธอเข้ามาก่อกวนในทุกๆรูปแบบ และในที่สุดจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งก็จัดการไปเรียบร้อยแล้ว"

เป๋าฮวนยักไหล่ คว้าคอของร่างสูงแล้วพูดว่า: "ฉันไม่ได้ทำให้คุณขายหน้าเลยนะ คราวนี้มีคนอื่นมายั่วโมโหฉันก่อน"

"อยากจัดการเก็บหวังซื่อกรุ๊ปไหม?"เฟิงหานชวนถามเธอด้วยรอยยิ้ม

รอยยิ้มอันน่าสยดสยองของเขาพร้อมกับความหนาวเย็นทำให้เป๋าฮวนตัวสั่นและส่ายหัว: "ไม่ต้อง มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น"

เธอไม่ชอบเห็นบ้านของคนอื่นถูกทำลาย แค่บทเรียนนี้ก็เพียงพอแล้ว

"โอเคผมฟังคุณ"เฟิงหานชวนแตะหน้าผากของผู้หญิงคนนั้นด้วยหน้าผากของเขา

ทั้งสองก็พลอดรักกันอีกครั้ง

แม่บ้านหลี่มองจากในครัวและพูดกับตัวเองในใจว่าพวกเขาคือคู่รักข้าวใหม่ปลามันชัดๆ

หลังอาหารเย็นทั้งสองคนก็จับมือกันเดินเล่นในบริเวณคฤหาสน์

เมื่อกลับมาที่ห้อง เป๋าฮวนก็ถูกเฟิงหานชวนดันไปที่ประตูทันที

"อาหาน ทำไมคุณถึงรีบจัง?"ป๋อฮวนรู้สึกเย็นๆหลังจึงอุทานออกมา

เฟิงหานชวนบีบเอวเรียวบางของเธอและกัดเข้าที่หูของเธอ เสียงแหบพร่าของเขาเอ่ยว่า: "รีบทำลูก"

เขาปิดริมฝีปากของหญิงสาวด้วยปากของเขาทันที

อุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้นเรื่อยๆ…

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจิตใจฟุ้งซ่านอยู่นั้น จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

เฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างหงุดหงิดและกำลังจะตัดสาย แต่จู่ๆเขาก็ขมวดคิ้ว

"ใครโทรมาเหรอ?"เป๋าฮวนหอบหายใจและถามด้วยความสงสัย

"เยี่ยฝาน"ใบหน้าของเฟิงหานชวนดูเย็นชา

"เยี่ยฝาน?"เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เธอรู้ว่าเยี่ยฝานเป็นพี่ชายคนโตของเยี่ยจิ่งเฉินและเป็นทายาทของตระกูลเยี่ย

เพียงแต่ว่าจู่ๆเยี่ยฝานก็โทรหาเฟิงหานชวน มันคือเรื่องอะไรกัน

"คุณสนิทกับเยี่ยฝานเหรอ?"เป๋าฮวนถามเขา

"แทบไม่ได้ติดต่อกันเลย"เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและวิเคราะห์อย่างใจเย็น: "มันน่าจะเกี่ยวกับเยี่ยจิ่งเฉิน"

เขาเชื่อมต่อโทรศัพท์และกดสปีกเกอร์โฟน

"ประธานเฟิง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ"เสียงที่สุภาพของเยี่ยฝานดังขึ้น

"มีเรื่องอะไรเหรอครับประธานเยี่ย?"เฟิงหานชวนเองก็ตอบอย่างสุภาพเช่นกัน

ตระกูลเยี่ยก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง แม้ว่าจะไม่เท่ากับตระกูลเฟิงแต่ก็มีอำนาจครองห้างสรรพสินค้าเช่นกัน

"น้องชายของผม เยี่ยจิ่งเฉินได้สร้างปัญหาในห้านอวิ๋นตวนวันนี้ และผมอยากจะขอโทษประธานเฟิงแทนเขา"

หวังหยวนหยวนทิ้งเยี่ยจิ่งเฉินไว้ ขับรถลัมโบกินี่ ตรงไปยังหวังซื่อกรุ๊ป

เมื่อไปถึงหวังซื่อกรุ๊ป เธอรีบขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนและไปที่ห้องทำงานของประธานอย่างรีบร้อน

เมื่อเลขาคนหนึ่งเห็นเธอ ก็ขวางไว้ทันที ขณะที่กำลังจะพูด ก็เห็นจมูกเขียวช้ำบวมเป่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิ่งของหวังหยวนหยวน

เลขาสาวตกใจมากจนสีหน้าซีดเซียว รีบถามว่า: “คุณหนูใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”

“พ่อฉันหล่ะ! พ่อของฉันไม่อยู่ในออฟฟิศ เขาอยู่ที่ไหน——" หวังหยวนหยวนกำลังโกรธจัดและเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเธอ

“คุณหนูใหญ่ ท่านประธานกำลังประชุมอยู่ในห้องประชุม ฉันพาคุณไปโรงพยาบาลก่อนดีไหม?”

“กำลังประชุมอยู่? ฉันจะไปที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้!” เมื่อได้ยินเช่นนี้หวังหยวนหยวนก็ลงไปที่ห้องประชุมข้างล่างโดยไม่สนใจการขัดขวางของเลขาสาว

หวังหยวนหยวนรีบวิ่งเข้าไปในห้องประชุมด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ประธานหวังเห็นเข้าก็ดุทันที: “หยวนหยวน เธอทำอะไรอยู่! เรากำลังประชุมกันอยู่! เธอ……เธอทำไมมีสภาพอย่างนี้?”

ผู้บริหารระดับสูงอื่นๆเห็นท่าทางของหวังหยวนหยวนก็ตกตะลึง

“ใครเป็นคนทำแบบนี้ ทำไมหยวนหยวนโดนทุบตีแบบนี้?” ผู้อาวุโสรีบถาม

“พ่อคะ พ่อต้องจัดการให้หนูนะ! หนูถูกทุบตี พ่อจะยังประชุมอะไร พ่อต้องล้างแค้นให้หนูนะ!” หวังหยวนหยวนกรีดร้องขึ้นมา

ทุกคนรีบปิดหูทันที

ทุกคนรู้ดีว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหวังกรีดร้อง จะไม่มีใครที่ไม่ปิดหู

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่! วันนี้ลูกไปซื้อของกับจิ่งเฉินไม่ใช่เหรอ? แล้วคนหล่ะ!” ประธานหวังถามอย่างดุดัน

“เขาก็ถูกทุบตีด้วย! อย่าพูดถึงเขา ทั้งหมดเป็นฝีมือของแฟนเก่าเขา เราถูกบอดี้การ์ดของแฟนเก่าเขาทุบตี!” หวังหยวนหยวนพูดไปร้องไห้ไป

"อะไร——" เมื่อทุกคนได้ยิน ไม่เพียงแต่ประธานหวังเท่านั้น แต่ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ก็รู้สึกโกรธมากด้วย

นี่ไม่เพียงทุบตีแค่ใบหน้าของหวังหยวนหยวน แต่ยังรวมถึงหน้าตาของตระกูลหวังด้วย

“แฟนเก่าของเขาเป็นใคร หยวนหยวนหนูบอกมา แล้วลุงจะล้างแค้นให้หนู!” ผู้บริหารระดับสูงหลายคนลุกขึ้นทันที

“ใช่ ลุงจะช่วยหนูล้างแค้นและสอนบทเรียนให้กับผู้หญิงคนนั้น!”

“ใช่ กล้าทำให้หยวนหยวนเราโกรธ พวกเราจะทำให้เธอไม่มีผลไม้กิน” หลายคนเอาใจประธานหวัง แต่ในความเป็นจริงพวกเขาไม่ชอบหวังหยวนหยวน

หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนหยวนนิสัยเสียและอารมณ์ไม่ดี พวกเขาทุกคนมีลูกชายและคงจะส่งลูกชายไปเป็นลูกเขยของตระกูลหวังไปนานแล้ว

เพียงแต่ว่า ทุกคนเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล และมีเงิน ไม่มีใครกล้าปล่อยให้ลูกชายลำบาก!

“ยังไงก็เถอะ ลูกบอกว่าแฟนเก่าของจิ่งเฉินคือเฉินซินโหรวไม่ใช่เหรอ? เธอกล้าดียังไงถึงทุบตีลูกแบบนี้” ประธานหวังถามอย่างไม่อยากเชื่อเมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้

เมื่อก่อนตอนที่เฉินซินโหรวขายตัว เขาเคยนอนกับเฉินซินโหรวหลายครั้ง รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินซินโหรวกับเยี่ยจิ่งเฉิน เขาก็ถือว่าเป็นหนึ่งในลูกค้าผู้มีพระคุณของเฉินซินโหรว

เพียงแต่ว่า ภายหลังเฉินซินโหรวถูกหลิวหลิงจงเลี้ยงดู และเฉินซินโหรวก็เข้าสู่วงการบันเทิงและกลายเป็นที่นิยม เขาไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเฉินซินโหรว ดังนั้นเขาจึงเลิกติดต่อ

ในความเห็นของเขา เฉินซินโหรวไม่น่าทำเรื่องแบบนี้ได้

“ไม่ใช่เฉินซินโหรวคนนั้น! เฉินซินโหรวที่เป็นแฟนเก่า แต่เป็นแฟนคนแรกของเยี่ยจิ่งเฉินชื่อ เฉินฮวนฮวน!” หวังหยวนหยวนกระทืบเท้าด้วยความโกรธและพูดอย่างรวดเร็ว: “เธอบอกว่าเธอเป็นคนตระกูลเป๋าประเทศเฉิน ชื่อว่าเป๋าฮวนด้วย!”

“ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน?” ประธานหวังได้ยินเข้า สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

ผู้บริหารระดับสูงในที่นี้ ไม่มีสักคนที่สีหน้าไม่เปลี่ยน!

หวังหยวนหยวนกลับไม่ได้สังเกต แต่เธอยกคางขึ้นและพูดอย่างมั่นใจว่า: “พ่อ พ่อต้องลงโทษเป๋อฝาฮวนคนนี้ให้หนัก ทำให้ครอบครัวของเธอล้มละลาย ทำให้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าหนูเพื่อขอความเมตตา——”

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งรีบเข้ามา

เมื่อเห็นเป๋าฮวนทุบตีผู้หญิงที่เหมือนแม่หมูจนจมูกฟกช้ำและหน้าบวมเป่ง ทั้งสองคนก็ยืนโง่อยู่ที่เดิม

คุณหนูใหญ่ทำไมถึงกลายเป็นแข็งกร้าวแบบนี้?

หวังหยวนหยวนมองดูท่าทางยืนโง่ของพวกเขา คิดแค่ว่าเป็นผู้คุ้มกันของเธอเองเลยรีบตะโกนว่า: "พวกแกโง่ไปแล้วเหรอ? รีบลากผู้หญิงคนนี้ออกไป!"

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งมองดูที่แม่หมูพร้อมกัน จ้องหน้ากันและกัน ไม่มีใครไปข้างหน้า

ผู้หญิงคนนี้มาจากไหน ถึงกล้าบอกให้ลากคุณหนูใหญ่ออกไป?

“พวกแก!” เมื่อไม่เห็นพวกเขาตอบสนอง หวังหยวนหยวนก็ตะโกนว่า: “ฉันจะให้พ่อหักค่าจ้างพวกแก เร็วๆเข้าสิ!”

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินเห็นสถานการณ์เข้าก็คิดว่าทั้งสองคนที่เข้ามาเรียก "คุณหนูใหญ่" เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลหวัง และเขาก็ถูกฝังฟังเกาะติดจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

เขาทำได้เพียงรีบพูดว่า: “พวกแกสองคน เห็นคุณหนูใหญ่ของพวกแกถูกรังแกไหม? รีบช่วยคุณหนูใหญ่ของพวกแกสิ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจิ่งเฉิน เป๋าฮวนก็หัวเราะออกมาโดยตรง

เธอยืดตัวตรงขึ้น เหยียบเข่าของหวังหยวนหยวนด้วยเท้าข้างหนึ่ง หันหน้าไปทางเยี่ยจิ่งเฉิน และเยาะเย้ยว่า: “เยี่ยจิ่งเฉิน พวกเขาเป็นผู้คุ้มกันของฉัน ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเขา ตกลงไหม?”

“อะไรนะ!” เยี่ยจิ่งเฉินตกตะลึง “คุณหนูใหญ่?”

เฉินฮวนฮวนเป็นคนจนมาก เธอจะมีบอดี้การ์ดได้ยังไง จะถูกเรียกว่าคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร

หรือว่า……เฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนอยู่ด้วยกันอีกครั้ง?

“คุณอยู่กับเฟิงหานชวนหรือ!?” เยี่ยจิ่งเฉินถามอย่างรวดเร็ว

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ยินข่าวของเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน!

นี่มันอะไรกัน?

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเยี่ยจิ่งเฉิน เป๋าฮวนไม่ได้สนใจเขาสักนิด

เธอปรบมือและให้สัญญาณตากับจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง: “ที่นี่ปล่อยให้พวกคุณจัดการ”

พูดจบ เธอก็จับมือฝังฟังและออกจากที่นี่ไปเลย

ทันทีหลังจากนั้น เสียงของหวังหยวนหยวนและเยี่ยจิ่งเฉินก็ดังออกมาจากในร้าน

เยี่ยจิ่งเฉินยังอยู่ในอาการสับสน ขณะที่ถูกจิ่งมั่วสอน เขาไม่ลืมที่จะถามว่า: "ตอนนี้เฉินฮวนฮวนคือใครกันนั่น? พวกแกเป็นผู้คุ้มกันของเฟิงหานชวนหรือ?"

“พวกเราไม่ใช่บอดี้การ์ดของตระกูลเฟิง เราเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลเป๋าประเทศเฉิน” จิ่งมั่วมองดูเขาอย่างดูถูกและพูดอย่างเย็นชา

ผู้ชายแบบนี้เป็นรักแรกของคุณหนูใหญ่ ขายหน้าให้คุณหนูใหญ่จริงๆ!

“อะไรนะ? ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน? ตระกูลเป๋าอะไร?” เยี่ยจิ่งเฉินยังคงตกตะลึง

เขาจำได้ว่าฝังฟังเพิ่งบอกว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนของตระกูลเป๋า และเฉินฮวนฮวนก็บอกว่าตอนนี้เธอชื่อเป๋าฮวน

แต่ว่า พื้นภูมิของตระกูลเป๋าคืออะไรกันแน่?

จิ่งเหลิ่งเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวว่า: "พี่ชาย พูดไร้สาระกับคนงี่เง่าแบบนี้ทำไม! แม้แต่ตระกูลเป๋าก็ไม่รู้จักไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดคุยกับเรา"

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินได้ยิน ในใจก็ "ค้าง" ทันที

สองคนนี้เป็นแค่บอดี้การ์ด แม้แต่บอดี้การ์ดของตระกูลเป๋าก็เจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ?

ที่แท้ตระกูลเป๋ามีความเป็นมาอย่างไรนะ!

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งให้บทเรียนกับทั้งสองคน ก็ทิ้งพวกเขาไว้แล้วจากไปโดยตรง

หวังหยวนหยวนลุกขึ้นจากพื้น ร่างอ้วนของเธอพุ่งเข้าหาเยี่ยจิ่งเฉิน และเสียงตบ "เพี๊ยะ" เยี่ยจิ่งเฉินถูกตบอย่างแรง

“เยี่ยจิ่งเฉิน ไอ้คนสมควรตาย! นายเป็นคนนำพาผู้หญิงคนนี้มาและนายทำให้ฉันอับอายมาก!”

“ฉันจะทำให้นายไม่ได้ตายดี เยี่ยจิ่งเฉิน กลับไปแล้วดูว่าฉันจะจัดการกับนายยังไง!”

“แล้วยังมี ตระกูลเป๋าใช่ไหม? ฉันก็อยากดูว่า ที่แท้เป็นตระกูลเป๋าอะไร ถึงกล้าทำกับฉันแบบนี้!”

“ฉันจะให้พ่อของฉันจัดการตระกูลเป๋าให้ตายทำให้พวกเขาล้มละลาย——"

หวังหยวนหยวนกำหมัดแน่น ผมของเธอยุ่งเหยิง ดวงตาของเธอแดงก่ำ และก็ขู่เสียงดังออกมา

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งรีบเข้ามา

เมื่อเห็นเป๋าฮวนทุบตีผู้หญิงที่เหมือนแม่หมูจนจมูกฟกช้ำและหน้าบวมเป่ง ทั้งสองคนก็ยืนโง่อยู่ที่เดิม

คุณหนูใหญ่ทำไมถึงกลายเป็นแข็งกร้าวแบบนี้?

หวังหยวนหยวนมองดูท่าทางยืนโง่ของพวกเขา คิดแค่ว่าเป็นผู้คุ้มกันของเธอเองเลยรีบตะโกนว่า: "พวกแกโง่ไปแล้วเหรอ? รีบลากผู้หญิงคนนี้ออกไป!"

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งมองดูที่แม่หมูพร้อมกัน จ้องหน้ากันและกัน ไม่มีใครไปข้างหน้า

ผู้หญิงคนนี้มาจากไหน ถึงกล้าบอกให้ลากคุณหนูใหญ่ออกไป?

“พวกแก!” เมื่อไม่เห็นพวกเขาตอบสนอง หวังหยวนหยวนก็ตะโกนว่า: “ฉันจะให้พ่อหักค่าจ้างพวกแก เร็วๆเข้าสิ!”

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินเห็นสถานการณ์เข้าก็คิดว่าทั้งสองคนที่เข้ามาเรียก "คุณหนูใหญ่" เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลหวัง และเขาก็ถูกฝังฟังเกาะติดจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

เขาทำได้เพียงรีบพูดว่า: “พวกแกสองคน เห็นคุณหนูใหญ่ของพวกแกถูกรังแกไหม? รีบช่วยคุณหนูใหญ่ของพวกแกสิ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจิ่งเฉิน เป๋าฮวนก็หัวเราะออกมาโดยตรง

เธอยืดตัวตรงขึ้น เหยียบเข่าของหวังหยวนหยวนด้วยเท้าข้างหนึ่ง หันหน้าไปทางเยี่ยจิ่งเฉิน และเยาะเย้ยว่า: “เยี่ยจิ่งเฉิน พวกเขาเป็นผู้คุ้มกันของฉัน ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเขา ตกลงไหม?”

“อะไรนะ!” เยี่ยจิ่งเฉินตกตะลึง “คุณหนูใหญ่?”

เฉินฮวนฮวนเป็นคนจนมาก เธอจะมีบอดี้การ์ดได้ยังไง จะถูกเรียกว่าคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร

หรือว่า……เฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนอยู่ด้วยกันอีกครั้ง?

“คุณอยู่กับเฟิงหานชวนหรือ!?” เยี่ยจิ่งเฉินถามอย่างรวดเร็ว

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ยินข่าวของเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน!

นี่มันอะไรกัน?

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเยี่ยจิ่งเฉิน เป๋าฮวนไม่ได้สนใจเขาสักนิด

เธอปรบมือและให้สัญญาณตากับจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง: “ที่นี่ปล่อยให้พวกคุณจัดการ”

พูดจบ เธอก็จับมือฝังฟังและออกจากที่นี่ไปเลย

ทันทีหลังจากนั้น เสียงของหวังหยวนหยวนและเยี่ยจิ่งเฉินก็ดังออกมาจากในร้าน

เยี่ยจิ่งเฉินยังอยู่ในอาการสับสน ขณะที่ถูกจิ่งมั่วสอน เขาไม่ลืมที่จะถามว่า: "ตอนนี้เฉินฮวนฮวนคือใครกันนั่น? พวกแกเป็นผู้คุ้มกันของเฟิงหานชวนหรือ?"

“พวกเราไม่ใช่บอดี้การ์ดของตระกูลเฟิง เราเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลเป๋าประเทศเฉิน” จิ่งมั่วมองดูเขาอย่างดูถูกและพูดอย่างเย็นชา

ผู้ชายแบบนี้เป็นรักแรกของคุณหนูใหญ่ ขายหน้าให้คุณหนูใหญ่จริงๆ!

“อะไรนะ? ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน? ตระกูลเป๋าอะไร?” เยี่ยจิ่งเฉินยังคงตกตะลึง

เขาจำได้ว่าฝังฟังเพิ่งบอกว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนของตระกูลเป๋า และเฉินฮวนฮวนก็บอกว่าตอนนี้เธอชื่อเป๋าฮวน

แต่ว่า พื้นภูมิของตระกูลเป๋าคืออะไรกันแน่?

จิ่งเหลิ่งเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวว่า: "พี่ชาย พูดไร้สาระกับคนงี่เง่าแบบนี้ทำไม! แม้แต่ตระกูลเป๋าก็ไม่รู้จักไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดคุยกับเรา"

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินได้ยิน ในใจก็ "ค้าง" ทันที

สองคนนี้เป็นแค่บอดี้การ์ด แม้แต่บอดี้การ์ดของตระกูลเป๋าก็เจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ?

ที่แท้ตระกูลเป๋ามีความเป็นมาอย่างไรนะ!

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งให้บทเรียนกับทั้งสองคน ก็ทิ้งพวกเขาไว้แล้วจากไปโดยตรง

หวังหยวนหยวนลุกขึ้นจากพื้น ร่างอ้วนของเธอพุ่งเข้าหาเยี่ยจิ่งเฉิน และเสียงตบ "เพี๊ยะ" เยี่ยจิ่งเฉินถูกตบอย่างแรง

“เยี่ยจิ่งเฉิน ไอ้คนสมควรตาย! นายเป็นคนนำพาผู้หญิงคนนี้มาและนายทำให้ฉันอับอายมาก!”

“ฉันจะทำให้นายไม่ได้ตายดี เยี่ยจิ่งเฉิน กลับไปแล้วดูว่าฉันจะจัดการกับนายยังไง!”

“แล้วยังมี ตระกูลเป๋าใช่ไหม? ฉันก็อยากดูว่า ที่แท้เป็นตระกูลเป๋าอะไร ถึงกล้าทำกับฉันแบบนี้!”

“ฉันจะให้พ่อของฉันจัดการตระกูลเป๋าให้ตายทำให้พวกเขาล้มละลาย——"

หวังหยวนหยวนกำหมัดแน่น ผมของเธอยุ่งเหยิง ดวงตาของเธอแดงก่ำ และก็ขู่เสียงดังออกมา

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งรีบเข้ามา

เมื่อเห็นเป๋าฮวนทุบตีผู้หญิงที่เหมือนแม่หมูจนจมูกฟกช้ำและหน้าบวมเป่ง ทั้งสองคนก็ยืนโง่อยู่ที่เดิม

คุณหนูใหญ่ทำไมถึงกลายเป็นแข็งกร้าวแบบนี้?

หวังหยวนหยวนมองดูท่าทางยืนโง่ของพวกเขา คิดแค่ว่าเป็นผู้คุ้มกันของเธอเองเลยรีบตะโกนว่า: "พวกแกโง่ไปแล้วเหรอ? รีบลากผู้หญิงคนนี้ออกไป!"

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งมองดูที่แม่หมูพร้อมกัน จ้องหน้ากันและกัน ไม่มีใครไปข้างหน้า

ผู้หญิงคนนี้มาจากไหน ถึงกล้าบอกให้ลากคุณหนูใหญ่ออกไป?

“พวกแก!” เมื่อไม่เห็นพวกเขาตอบสนอง หวังหยวนหยวนก็ตะโกนว่า: “ฉันจะให้พ่อหักค่าจ้างพวกแก เร็วๆเข้าสิ!”

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินเห็นสถานการณ์เข้าก็คิดว่าทั้งสองคนที่เข้ามาเรียก "คุณหนูใหญ่" เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลหวัง และเขาก็ถูกฝังฟังเกาะติดจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

เขาทำได้เพียงรีบพูดว่า: “พวกแกสองคน เห็นคุณหนูใหญ่ของพวกแกถูกรังแกไหม? รีบช่วยคุณหนูใหญ่ของพวกแกสิ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจิ่งเฉิน เป๋าฮวนก็หัวเราะออกมาโดยตรง

เธอยืดตัวตรงขึ้น เหยียบเข่าของหวังหยวนหยวนด้วยเท้าข้างหนึ่ง หันหน้าไปทางเยี่ยจิ่งเฉิน และเยาะเย้ยว่า: “เยี่ยจิ่งเฉิน พวกเขาเป็นผู้คุ้มกันของฉัน ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเขา ตกลงไหม?”

“อะไรนะ!” เยี่ยจิ่งเฉินตกตะลึง “คุณหนูใหญ่?”

เฉินฮวนฮวนเป็นคนจนมาก เธอจะมีบอดี้การ์ดได้ยังไง จะถูกเรียกว่าคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร

หรือว่า……เฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนอยู่ด้วยกันอีกครั้ง?

“คุณอยู่กับเฟิงหานชวนหรือ!?” เยี่ยจิ่งเฉินถามอย่างรวดเร็ว

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ยินข่าวของเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน!

นี่มันอะไรกัน?

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเยี่ยจิ่งเฉิน เป๋าฮวนไม่ได้สนใจเขาสักนิด

เธอปรบมือและให้สัญญาณตากับจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง: “ที่นี่ปล่อยให้พวกคุณจัดการ”

พูดจบ เธอก็จับมือฝังฟังและออกจากที่นี่ไปเลย

ทันทีหลังจากนั้น เสียงของหวังหยวนหยวนและเยี่ยจิ่งเฉินก็ดังออกมาจากในร้าน

เยี่ยจิ่งเฉินยังอยู่ในอาการสับสน ขณะที่ถูกจิ่งมั่วสอน เขาไม่ลืมที่จะถามว่า: "ตอนนี้เฉินฮวนฮวนคือใครกันนั่น? พวกแกเป็นผู้คุ้มกันของเฟิงหานชวนหรือ?"

“พวกเราไม่ใช่บอดี้การ์ดของตระกูลเฟิง เราเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลเป๋าประเทศเฉิน” จิ่งมั่วมองดูเขาอย่างดูถูกและพูดอย่างเย็นชา

ผู้ชายแบบนี้เป็นรักแรกของคุณหนูใหญ่ ขายหน้าให้คุณหนูใหญ่จริงๆ!

“อะไรนะ? ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน? ตระกูลเป๋าอะไร?” เยี่ยจิ่งเฉินยังคงตกตะลึง

เขาจำได้ว่าฝังฟังเพิ่งบอกว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนของตระกูลเป๋า และเฉินฮวนฮวนก็บอกว่าตอนนี้เธอชื่อเป๋าฮวน

แต่ว่า พื้นภูมิของตระกูลเป๋าคืออะไรกันแน่?

จิ่งเหลิ่งเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวว่า: "พี่ชาย พูดไร้สาระกับคนงี่เง่าแบบนี้ทำไม! แม้แต่ตระกูลเป๋าก็ไม่รู้จักไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดคุยกับเรา"

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินได้ยิน ในใจก็ "ค้าง" ทันที

สองคนนี้เป็นแค่บอดี้การ์ด แม้แต่บอดี้การ์ดของตระกูลเป๋าก็เจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ?

ที่แท้ตระกูลเป๋ามีความเป็นมาอย่างไรนะ!

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งให้บทเรียนกับทั้งสองคน ก็ทิ้งพวกเขาไว้แล้วจากไปโดยตรง

หวังหยวนหยวนลุกขึ้นจากพื้น ร่างอ้วนของเธอพุ่งเข้าหาเยี่ยจิ่งเฉิน และเสียงตบ "เพี๊ยะ" เยี่ยจิ่งเฉินถูกตบอย่างแรง

“เยี่ยจิ่งเฉิน ไอ้คนสมควรตาย! นายเป็นคนนำพาผู้หญิงคนนี้มาและนายทำให้ฉันอับอายมาก!”

“ฉันจะทำให้นายไม่ได้ตายดี เยี่ยจิ่งเฉิน กลับไปแล้วดูว่าฉันจะจัดการกับนายยังไง!”

“แล้วยังมี ตระกูลเป๋าใช่ไหม? ฉันก็อยากดูว่า ที่แท้เป็นตระกูลเป๋าอะไร ถึงกล้าทำกับฉันแบบนี้!”

“ฉันจะให้พ่อของฉันจัดการตระกูลเป๋าให้ตายทำให้พวกเขาล้มละลาย——"

หวังหยวนหยวนกำหมัดแน่น ผมของเธอยุ่งเหยิง ดวงตาของเธอแดงก่ำ และก็ขู่เสียงดังออกมา

"ฝังฟัง คุณจะซื้อของพวกนี้เหรอ?"

เมื่อมองไปที่ชุดนอนเซ็กซี่ที่หลากหลาย เป๋าฮวนรู้สึกเขินเล็กน้อย

“ช่วงนี้สามีของฉันมักจะกลับบ้าน เพราะทะเลาะกับเมียน้อยคนนั้น ฉันจึงอยากสร้างบรรยากาศความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับเขาอีกครั้ง รื้อฟื้นสัมผัสความหลงใหลก่อนแต่งงาน” ฝังฟังพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่เขินอาย

เธอมองดูท่าทางเขินอายของเป๋าฮวน และนึกถึงเป๋าฮวนเคยบอกว่าเฟิงหานชวนไม่ได้เรื่อง

ดังนั้นเธอจึงเอนตัวไปที่หูของเป๋าฮวน และกระซิบ: "ฮวนฮวน คุณลองซื้อกลับไปลองดูไหม? บางทีถ้าคุณชายสามเห็นอาจจะเปลี่ยนจากหนึ่งนาทีเป็นห้านาทีเลยนะ"

เป๋าฮวนยิ้มไม่ออก

กำลังจะอธิบายว่าตอนนั้นตัวเองแค่พูดเล่น ทันใดนั้น เสียงจากประตูก็ดังขึ้น:

“เฉินเฉิน แฟนเก่าของคุณเฉินซินโหรว ตอนนี้เหมือนคนบ้าเลย เมื่อกี้ถูกคนลากตัวออกไป น่าอายที่สุด!”

“ต่อไปนี้ถ้าออกไปข้างนอก ห้ามยอมรับความสัมพันธ์ของคุณกับเธอเด็ดขาด~ ไม่งั้นฉันจะโกรธ~~~”

เสียงของผู้หญิงออดอ้อน เป๋าฮวนและฝังฟังที่ยืนอยู่ในร้านเมื่อได้ยินต่างก็ขนลุก

ความรังเกียจของฝังฟังไม่สามารถยับยั้งได้ แต่การแสดงออกของเป๋าฮวนตะลึง

เฉินเฉิน เฉินซินโหรว แฟนเก่า…

ดังนั้น คนที่เข้ามาตอนนี้คือเยี่ยจิ่งเฉินและภรรยาของเขา?

ก่อนหน้านี้จิ่งมั่วเคยหาข้อมูล เยี่ยจิ่งเฉินได้แต่งงานกับหวังหยวนหยวน ลูกสาวของตระกูลหวัง เมื่อสองปีก่อนและกลายเป็นลูกเขยของหวังซื่อกรุ๊ป เขายังได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการในหวังซื่อกรุ๊ปอีกด้วย

ไม่เพียงแต่เจอกับเฉินซินโหรว ตอนนี้ยังเจอกับเยี่ยจิ่งเฉิน แฟนเก่าสารเลว!

วันนี้วันซวยอะไรของเธอ?

“ไม่ต้องห่วง หยวนหยวน เธอเป็นผู้หญิงที่สกปรก ผมไม่มีทางเหลือบมองเธออีก และจะไม่ยอมรับความสัมพันธ์ที่เคยมีกับเธอ” เยี่ยจิ่งเฉินจับมือของหวังหยวนหยวนและพูดอย่างเสน่หา

อย่างไรก็ตาม ลึกลงไปในดวงตาของเขา มีร่องรอยของความรังเกียจ แต่มันถูกซ่อน

ทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างใน ดูเหมือนหวังหยวนหยวนจะเห็นอะไรบางอย่าง และวิ่งไปในทิศทางของเป๋าฮวน ชี้ไปที่ฉากบนผนังแล้วพูดว่า: “เฉินเฉิน ดูชุดนั้นสิ ถ้าฉันใส่มันคงจะสวยมาก คืนนี้ฉันจะใส่ให้คุณดู ดีไหม?”

เยี่ยจิ่งเฉินลูบหน้าและเดินไปหาเธอ เขากำลังจะพูด แต่เขาก็อึ้ง เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหวังหยวนหยวน

“ฮวน…ฮวนฮวน…” เขาตกใจ รีบเอื้อมมือขยี้ตา

ไม่ เขาไม่ได้ตาฝาด!

ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า คล้ายเฉินฮวนฮวนมากจริงๆ!

เป๋าฮวนยิ้มจางๆ: “ไม่เจอกันนานเลยนะ”

“คุณคุณคุณ…3ปีที่แล้วคุณ…” ดวงตาของเยี่ยจิ่งเฉินเบิกกว้าง เมื่อเขาได้ยินเสียงของเป๋าฮวน

“เมื่อ3ปีก่อนมันเป็นแค่อุบัติเหตุ ฉันยังมีชีวิตอยู่” เป๋าฮวนอธิบายสั้นๆ

“เฉินเฉิน เธอเป็นใคร!” หวังหยวนหยวนหันไปมองเป๋าฮวน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหึงหวงและระคายเคือง

เป๋าฮวนสวย รูปทรงหน้าเล็ก ผิวขาวอมชมพู ดูเหมือนนางฟ้าตัวน้อย

หวังหยวนหยวน ตัวเตี้ย แถมยังอ้วนมาก ผิวคล้ำและมีสิวบนใบหน้าของเธอ เหมือนกับแม่หมู

“เธอ เธอเป็นเพื่อนของผม เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย…” เยี่ยจิ่งเฉินอธิบายอย่างรวดเร็ว

“เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย?” หวังหยวนหยวนรู้สึกสงสัย และถามเป๋าฮวน: “คุณเรียนโรงเรียนมัธยมอะไร? บอกมา! บอกมาตรงๆ! ห้ามใช้รหัสลับ!”

มุมปากของเป๋าฮวนกระตุกเล็กน้อย รู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย

“โรงเรียนมัธยมA” น้ำเสียงของเธอสงบ

เธอตอบตามความจริง แต่ก็ไม่อยากสนใจผู้หญิงคนนี้

“โรงเรียนมัธยมA?” ในเวลานี้ ฝังฟังตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ และถามอย่างรวดเร็ว: “ฮวนฮวน คุณไม่ใช่คนประเทศเฉินเหรอ? ทำไมคุณถึงอยู่โรงเรียนมัธยมA?”

“คนประเทศเฉิน!” ทันใดนั้น ตาของหวังหยวนหยวนเป็นประกายด้วยเปลวเพลิงโกรธ เธอดึงผมของเป๋าฮวนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ราวกับเป็นผู้ปกครอง “แกกล้าโกหกฉันงั้นเหรอ! บอกมา แกมีความสัมพันธ์อะไรกับเยี่ยจิ่งเฉิน——”

“เป็นบ้าเหรอ!” เป๋าฮวนจับข้อมือหวังหยวนหยวนและบีบมันอย่างแรง

“โอ้ย—” หวังหยวนหยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และปล่อยมือทันที

หนังศีรษะของเป๋าฮวนถูกปล่อย ในวินาทีต่อมา หวังหยวนหยวนยื่นมือออกมาอีกครั้ง แต่เธอจับไว้ทัน

มิฉะนั้น ใบหน้าเล็กๆของเธอก็คงได้รับบาดเจ็บ

“เยี่ยจิ่งเฉิน คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับผู้หญิงคนนี้? มันกล้าดียังไง มาทำกับฉันแบบนี้!” หวังหยวนหยวนหันศีรษะของเธอจ้องไปที่เยี่ยจิ่งเฉินและคำราม

เยี่ยจิ่งเฉินกังวลเล็กน้อย แต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

เฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงรักแรกของเขา แต่เขาไม่ต้องการให้หวังหยวนหยวนรู้ ไม่เช่นนั้นเสือโคร่งจะคำรามอีกครั้งแน่ๆ

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาต้องอธิบายให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นคงจะต้องอับอายในที่สาธารณะ!

“หยวนหยวน พอได้แล้ว ผมเคยคุยกับเธอตอนมัธยม ไม่มีอะไรนานแล้ว” เยี่ยจิ่งเฉินอธิบาย

“อะไรนะ? คุณเคยคุยกับเธองั้นเหรอ? แล้วเฉินซินโหรวล่ะ? ตอนมัธยมคุณคบกับเฉินซินโหรวไม่ใช่เหรอ!” หวังหยวนหยวนตะโกน

ในความคิดของเธอ เยี่ยจิ่งเฉินเคยคบแค่เฉินซินโหรวเท่านั้น ดังนั้นหลังจากทำให้พวกเขาเลิกกัน เธอก็แย่งเยี่ยจิ่งเฉินมา

แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้จะมีรักแรกปรากฏขึ้น?

หวังหยวนหยวนโกรธมาก โกรธจนเลือดขึ้นหน้า!

เยี่ยจิ่งเฉินก้าวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ ตบหลังเธอเบาๆและเกลี้ยกล่อม: “หยวนหยวน ผมไม่ได้เจอเธอมา3ปีแล้ว เมื่อกี้ผมแค่แปลกใจ มันไม่มีอะไรจริงๆ”

ท่าทางที่อบอุ่นของเยี่ยจิ่งเฉิน ทำให้สีหน้าของหวังหยวนหยวนดีขึ้นในทันที

เป๋าฮวนกระตุกที่มุมปาก มองไปที่เยี่ยจิ่งเฉิน เพียงแต่รู้สึกรังเกียจ

เยี่ยจิ่งเฉินในตอนนี้ เขายอมอยู่กับผู้หญิงเอาแต่ใจเช่นนี้เพื่อเงิน

“เฮอะ” เป๋าฮวนหัวเราะเยาะโดยไม่รู้ตัว

ท่าทีของเธอทำให้หวังหยวนหยวนโกรธอีกครั้ง เธอหันศีรษะและจ้องไปที่เป๋าฮวน ยกคางขึ้นและสั่งอย่างภาคภูมิใจ: "แกทำให้ฉันไม่พอใจ คุกเข่าขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!"

เป๋าฮวน: "???"

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? กล้าสั่งให้เป๋าฮวนขอโทษ?” ฝังฟังก้าวออกมาทันทีเพื่อหยุด

“แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันคือ ลูกสาวของหวังซื่อกรุ๊ป หวังหยวนหยวน ถ้าพวกแกไม่ขอโทษฉัน ฉันจะให้พวกแกได้เห็นดีแน่!” หวังหยวนหยวน เอามือของเธอเท้าบนสะโพกของเธอ ท่าทางแสดงอำนาจ

เยี่ยจิ่งเฉินรู้สึกอับอายมาก อีกอย่างเฉินฮวนฮวนเป็นรักแรกของเขา แถมเขายังเป็นคนที่ห่วงศักดิ์ศรีมาก

แต่เขาไม่ได้พูดกับเฉินฮวนฮวน เขาเข้าใจนิสัยของหวังหยวนหยวน ไม่หยุดจนกว่าเธอจะสมใจ เฉินฮวนฮวนไม่มีภูมิหลัง และตระกูลเฉินก็ล้มละลายแล้ว เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังหยวนหยวน

“หวังซื่อกรุ๊ป?” ฝังฟังเย้ยหยันโดยตรงเมื่อเธอได้ยินคำนี้ “ฉันก็คิดว่าเป็นลูกสาวของตระกูลไหน ที่แท้ก็ตระกูลหวังนี่เอง ถึงได้ทำตัวกร่างขนาดนี้”

“แก…แกหมายความว่ายังไง! แก…” หวังหยวนหยวนจ้องเขม็งด้วยความโกรธ

“ฉันเป็นคุณนายรองของตระกูลหลิว” ฝังฟังตอบอย่างภาคภูมิใจ

ตระกูลหลิวมีระดับที่สูงกว่าตระกูลหวังระดับหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงมั่นใจมาก

“ห๊ะ? คุณนายรอง?” หวังหยวนหยวนดูเหมือนจะรู้เรื่องราววงใน จึงหัวเราะ: “สามีของแกก็เป็นแค่ลูกนอกกฎหมายไม่ใช่เหรอ? คุณนายรอง? แกยังกล้ายกยอตัวเองอีกเหรอ?”

“นี่…” สีหน้าของฝังฟังเปลี่ยนไป

“แกเป็นตัวอะไรในตระกูลหลิว! ส่วนฉัน ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อ!”

หวังหยวนหยวนไม่กลัว แต่กลับภูมิใจยิ่งกว่าเดิม และกล่าวว่า:“จะว่าไป ก็เห็นแก่ที่แกเป็นคนในตระกูลหลิว ฉันจะไม่เอาเรื่อง เพราะระหว่างเราไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกัน”

“แต่!” หวังหยวนหยวนจ้องไปที่เป๋าฮวนอย่างจองหอง “ผู้หญิงคนนี้ต้องขอโทษฉัน!”

เสียง “เพียะ” ดังขึ้น

คราวนี้คือเสียงที่เป๋าฮวนตบเฉินซินโหรว

“3ปีแล้ว เฉินซินโหรวเธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลย!” เป๋าฮวนยิ้มอย่างเย็นชา: “ฝังฟังคือเพื่อนของฉัน ห้ามใครแตะต้องเธอ”

หลังจากที่ฝังฟังได้ยิน เธอมองไปที่เป๋าฮวนด้วยความชื่นชมและพูดอย่างรวดเร็ว: "ฮวนฮวน คุณใจดีจัง!"

ใบหน้าของเฉินซินโหรวเต็มไปด้วยความโกรธ เธอยกมือขึ้นจะตบคืนเป๋าฮวน แต่ถูกเป๋าฮวนขวางไว้

"เฉินซินโหรว เธอคิดว่าฉันในตอนนี้จะยอมให้เธอรังแกฉันเหมือนเดิมเหรอ? คิดให้ดีๆจากตบเมื่อกี้ หลังจากนี้เธอจะเจอกับอะไร?”

เป๋าฮวนขดริมฝีปาก แต่พูดอย่างสงบ: "ฉันสามารถจัดการกับหลีซืออวิ๋น ได้นับประสาอะไรกับเธอเฉินซินโหรว"

เมื่อเฉินซินโหรวได้ยิน ใบหน้าของเธอก็ซีดไปครู่หนึ่ง

ใช่!

เธอหุนหันพลันแล่น!

เฉินฮวนฮวนในตอนนี้คือเป๋าฮวน แม้ว่าเป๋าฮวนก็คือเฉินฮวนฮวน แต่เธอไม่ใช่เฉินฮวนฮวนแบบเมื่อก่อนอีกต่อไป

เป๋าฮวนไม่เพียงแต่มีเฟิงหานชวน แต่ยังมีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งเช่นตระกูลเป๋า!

เธอคิดไม่ถึงว่าเป๋าฮวนจะเป็นทายาทตระกูลเป๋า

ตอนนี้ เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเป๋าฮวน เป๋าฮวนฆ่าเธอได้ง่ายๆ เหมือนกับการฆ่ามด

เช่นเดียวกับที่…เป๋าฮวนฆ่าลูกของเธอ เธออาจจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก

“เป๋าฮวน แกเลวมาก! ไม่พอใจอะไรก็ทำกับฉันสิ ทำไมต้องไปทำกับลูกของฉัน? แกรู้ไหม ฉันไม่มีลูกแล้ว ฉันไม่มีทายาทอีกแล้ว!” เฉินซินโหรวกรีดร้อง

เป๋าฮวนตกตะลึงครู่หนึ่ง

เธอรู้ว่าลูกของเฉินซินโหรวแท้งในงานเลี้ยงคืนนั้น แต่เธอไม่รู้ว่าเฉินซินโหรวจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก

“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร?” เป๋าฮวนถามเธอแล้วพูดว่า: “อีกอย่าง ฉันไม่ได้เป็นคนทำลูกของเธอ หลิวหลิงจงสามีของเธอเป็นคนทำ!”

ในเวลานั้นหลิวหลิงจงเตะท้องของเฉินซินโหรวอย่างแรงจนเธอแท้ง

“ไม่ เพราะแก ถ้าไม่ใช่เพราะแกยุยงหลิวหลิงจง เขาก็คงไม่ทำเช่นนั้นกับฉัน!” เฉินซินโหรวมีดวงตาสีแดงฉานราวกับผู้หญิงบ้าที่วิ่งออกจากโรงพยาบาลจิตเวชและต้องการจะฆ่าเป๋าฮวน

เป๋าฮวนตกใจเล็กน้อย

ถ้าตอนนั้นเธอไม่เปิดเผยตัวตน หลิวหลิงจงก็คงไม่โมโหจนทำร้ายร่างกายเฉินซินโหรว เฉินซินโหรวตั้งครรภ์อีกไม่ได้แล้วจริงเหรอ?

ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเห็นใจเฉินซินโหรว และนึกถึงตัวเอง

ตัวเองก็เสียลูกไปเหมือนกัน!

“นี่แหละเวรกรรม เธอไม่สมควรมีลูก” เป๋าฮวนสงบลง รู้สึกว่าเธอไม่ควรเห็นอกเห็นใจเฉินซินโหรว

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินซินโหรวและเฉินเหม่ยเจวียน คุณยายก็คงไม่ตาย

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงเลวอย่างเฉินซินโหรวจะสอนลูกได้ยังไง มันจะเป็นผลกับชีวิตของเด็กเท่านั้น ดังนั้นดีแล้วที่ไม่มีลูก!

“แก—เป๋าฮวน นังคนเลว! เอาลูกของฉันคืนมา!” เฉินซินโหรวเอื้อมมือไปบีบคอของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนมองดูเธออย่างสงบและกล่าวว่า: “ไม่ คนเลวที่แท้จริงคือเธอ”

“เธอทำเรื่องเลวๆมามาก ถึงได้รับผลกรรมแบบนี้”

“ไม่!!!” เฉินซินโหรวร้องลั่น

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนก็เข้ามาดึงเธอออกไป

ร้านอาหารตกอยู่ในความเงียบทันที

พนักงานมาทำความสะอาดเศษอาหารบนพื้นอย่างรวดเร็ว และพาเป๋าฮวนและฝังฟังไปที่โต๊ะใหม่

มื้อเที่ยงนี้ เป๋าฮวนไม่มีความสุข

บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอนึกถึงลูกตัวเอง ทำให้รู้สึกหดหู่เล็กน้อย

เมื่อรู้สึกถึงอารมณ์ของเป๋าฮวน หลังจากทานอาหารเสร็จฝังฟังจึงซื้อชานมให้เป๋าฮวน และพาเธอไปช้อปปิ้ง

ฝังฟังหยุดอยู่หน้าร้านชุดนอนเซ็กซี่ร้านหนึ่ง จากนั้นลากเป๋าฮวนเข้าไป

ท้องฟ้าค่อยๆมืด

หลังจากคุยกับหลินอวี่หยางเสร็จ เป๋าฮวนก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้เธอเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียง กำลังถ่ายรายการวาไรตี้ ต้องรออีก3วันถึงจะกลับได้

เป๋าฮวนบอกสถานการณ์ของเธอกับหลินอวี่หยางแล้ว

เมื่อหลินอวี่หยางกลับมา เธอก็จะได้ไปเที่ยวเหิงเตี้ยน หลินอวี่หยางคุ้นเคยกับเหิงเตี้ยนมาก พวกเธอจะไปเที่ยวเหิงเตี้ยนด้วยกัน

หลังจากที่ทั้งสองนัดกัน จากนั้นก็วางสาย เพราะว่าหลินอวี่หยางต้องเข้าฉากกลางคืน

เฟิงเฉินเหยี่ยนยังไม่กลับ พูดพร่ำอยู่ครู่นึง จากนั้นก็เห็นสีหน้าไม่ดีของเฟิงหานชวน จึงกลับไปแต่โดยดี

ในบ้านกลับมาเงียบอีกครั้ง

กลับไปที่ห้องนอนบนชั้นสอง เป๋าฮวนปิดประตูแล้วล็อค จากนั้นผลักชายร่างใหญ่เฟิงหานชวนพิงกำแพง แล้วคว้าคอเสื้อสีดำของเขาด้วยมือทั้งสอง

เธอยืนเขย่งปลายเท้าและวางใบหน้าไว้ข้างหน้าผู้ชาย เพียงจ้องมองอย่างเงียบๆ

“อาหาน คุณหล่อมาก~” เป๋าฮวนพูดด้วยรอยยิ้ม: “ทำไมคุณถึงหล่อขนาดนี้?”

แก้มของผู้ชายเริ่มแดง เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ผนัง แล้วพูดอย่างไม่เต็มใจ: “ฮวนฮวน ดึกแล้ว วันนี้พักผ่อนกันเถอะ”

หลังจากเจอกับเรื่องต่างๆของหลีซืออวิ๋น เป๋าฮวนคงจะเหนื่อย ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ไม่อยากใช้แรงกับเธอ

เป๋าฮวนหันศีรษะและเหลือบมองนาฬิกา พลางเม้มปาก: “ห๊ะ เกือบเที่ยงคืนแล้ว!”

เธอจำได้ว่าตอนที่เธอลงไปข้างล่างเพิ่งจะ8โมง

“งั้นวันนี้ช่างเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำแล้วเข้านอน”

พูดจบ เป๋าฮวนหันหลังและเดินไปที่ห้องน้ำ ไม่นาน เสียงน้ำก็ดังมาจากห้องน้ำ

เฟิงหานชวนเดินไปที่โซฟา จากนั้นเปิดคอมพิวเตอร์ ดูสรุปเอกสารที่บริษัทส่งมาให้ในวันนี้

20นาทีต่อมา เสียงดัง “คลิก” ประตูก็เปิดออก

เฟิงหานชวนหันไปดู กำลังจะอ้าปากพูด แต่สิ่งที่เขาต้องการจะพูดค้างในลำคอ

ผู้หญิงเดินออกมาโดยห่อด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กๆเท่านั้น ภายใต้แสงไฟ ขาเรียวของเธอดูขาวและอ่อนโยน

แก้มของเธอเป็นสีแดง ดูเขินอาย

“ฉันลืมเอาชุดนอน ก็เลยออกมาเปลี่ยน คุณรีบเข้าไปอาบเถอะ” เป๋าฮวนกัดริมฝีปากของเธอ แล้วหันหลังกลับ เดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุด

เฟิงหานชวนปิดคอมพิวเตอร์และยืนขึ้นจากโซฟา แต่จากมุมตาของเขา เขาเหลือบเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าห้องเปลี่ยนชุด

ผู้หญิงหันหลังให้เขา ผ้าเช็ดตัวตกลงพื้น แผ่นหลังที่สวยงามของเธอก็ปรากฏ และเธอก็ไม่หลบเลี่ยง

เธอสะบัดชุดนอนกระโปรงในมือของเธอ แล้วสวมจากหัว ไหลลงมาที่ตัว

เมื่อเป๋าฮวนหันกลับมา เธอก็บังเอิญมองไปที่เฟิงหานชวน เธอจ้องมองเขาด้วยความโกรธ "โรคจิต!"

เฟิงหานชวนขดริมฝีปากด้วยรอยยิ้มที่มุมริมฝีปาก "แค่กับคุณเท่านั้น"

ด้วยคำพูดง่ายๆเหล่านี้ ทำให้เป๋าฮวนหน้าแดง รีบไปที่เตียงแล้วห่มผ้าห่ม

"ฉันจะนอนแล้ว!" ขณะที่เธอพูด เธอก็หลับตาลงอย่างรวดเร็ว

เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ จากนั้นก้าวขาเดินไปทางห้องน้ำ

หลังจากที่เขาออกมา ผู้หญิงผล็อยหลับไปแล้ว ริมฝีปากสีชมพูของเธอเปิดอ้าเล็กน้อย เธอหายใจเข้าออก

เขาเอื้อมมือไปโอบกอดเธอและนอนกับเธอ

พระอาทิตย์ส่องแสง

เป๋าฮวนตื่นขึ้นมา รู้สึกสบายมาก เมื่อเธอตื่นขึ้น เธอพบว่าที่ข้างๆเธอว่างเปล่า

เธอลุกขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้าน ยืดเอว ลุกจากเตียงอย่างช้าๆ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาแล้วโทรหาเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน ผมอยู่บริษัท” ผู้ชายรับโทรศัพท์และรายงานการเคลื่อนไหวของเขา

“โอเค ฉันก็ว่าทำไมตื่นเช้ามาแล้วไม่เจอคุณ คุณแอบขี้เกียจมาตั้งหลายวัน บริษัทน่าจะมีเรื่องให้จัดการมากมาย! ฉันไม่รบกวนคุณละนะ”

อีกด้านหนึ่ง ผู้ชายหัวเราะและพูดว่า:“เดี๋ยวผมให้คนไปรับคุณมาที่นี่ มากินมื้อเที่ยงกับผม”

เป๋าฮวนกำลังจะตอบตกลง แต่จู่ๆก็นึกขึ้นห้องรับรองที่ซ่อนอยู่ในห้องทำงานของเฟิงหานชวน เธอเม้มปากแล้วพูดว่า: "ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากไปบริษัทของคุณ"

“ทำไมล่ะ?” น้ำเสียงของผู้ชายเศร้าสร้อย

“ที่ห้องทำงานของคุณมีห้องรับรอง ถ้าฉันไปจะส่งผลกระทบต่องานของคุณ เจอกันตอนกลางคืนดีกว่า!” เป๋าฮวนพูดอย่างเอาแต่ใจ

เฟิงหานชวนหันศีรษะและเหลือบมองไปยังประตูลับในห้องทำงานโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ยกขึ้นที่มุมปากของเขา และพูดอย่างใจเย็น: "ก็ได้ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะกลับไปจัดการคุณ"

จัดการ!?

คำนี้ทำให้เป๋าฮวนหน้าแดง

“ฉันตางหากที่จะจัดการคุณ ไม่ใช่คุณจักการฉัน บ๊ายบาย!” เป๋าฮวนวางสายทันที เอื้อมมือออกและตบแก้มของเธอเบาๆ

กำลังจะวางโทรศัพท์ แต่โทรศัพท์สั่นกะทันหัน เป๋าฮวนเปิดไปดูในวีแชท พบว่าเป็นข้อความจากฝังฟัง

【คุณเป๋า อย่าลืมฉันนะ ฉันรอการติดต่อกลับจากคุณเป๋าอยู่~】

เมื่อเป๋าฮวนเห็น ก็ถึงขึ้นได้ว่าเมื่อวานที่ไปกินข้าวและทำสปา ฝังฟังเป็นคนจ่ายทั้งหมด เธอรู้สึกท่วมท้นและรีบตอบกลับทันทีว่า:

【ตอนเที่ยงเจอกันที่ห้างอวิ๋นตวน? 】

เธอกำลังมองหาเสื้อผ้าที่จะใส่ไปถ่ายรายการพอดี วันนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ถ้างั้นไปช้อปปิ้งดีกว่า

ในวินาทีต่อมา ฝังฟังส่งข้อความเสียงตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น

ตอนเที่ยง เป๋าฮวนมาถึงตามนัด

ฝังฟังมารอเธอที่ร้านอาหารแต่เช้าแล้ว

“ขอโทษนะ คุณรอนานหรือยัง” เป๋าฮวนคุยกับนายท่านก่อนสักพัก และพบกับรถติดระหว่างทาง จึงทำให้มาสายเล็กน้อย

ไม่คิดว่าฝังฟังจะมารอแล้ว

“ไม่เป็นไร คุณเป๋า แค่คุณชวนฉันมาทานข้าวก็เป็นเกียรติของฉันมากแล้ว!” ฝังฟังกล่าวอย่างสุภาพ

“ไม่ต้องเกรงใจ เรียกฉันว่าฮวนฮวนก็ได้ งั้นสั่งอาหารกันเถอะ” เป๋าฮวนยิ้มเบาๆ

ฝังฟังตื่นเต้นมาก “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่เกรงใจละนะ ฮวนฮวน”

หลังจากอาหารมาเสิร์ฟ ทั้งสองก็พูดคุยไปทานไป

ทันใดนั้น เสียงของรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นมาแต่ไกล มือคู่หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเธอ

"ปั๊ง!"

มือทั้งสองดึงผ้าปูโต๊ะออกจากโต๊ะ ทำให้ถ้วยจานทั้งหมดตกลงไปที่พื้น แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“กรี๊ดดดดดด!”

ฝังฟังกรีดร้อง หันศีรษะไปที่ผู้หญิง จากนั้นม่านตาของเธอก็หรี่ลง และชี้: "คุณ คุณ… คุณคือเฉินซินโหรว? คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ทำอะไรของคุณเนี่ย?”

เมื่อพนักงานเห็นภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ทุกคนต่างยืนดูสถานการณ์

เป๋าฮวนสงบมากในขณะนั้น เธอยืนขึ้น เผชิญหน้ากับเฉินซินโหรว และถามอย่างใจเย็น: "กลางวันแสกๆ เธอคิดจะทำอะไร?"

"เฉินฮวนฮวน–" เฉินซินโหรวกำมือของเธอเป็นกำปั้น หลังมือมีเส้นเลือดโผล่ขึ้น

เธอรู้ว่าหลีซืออวิ๋นอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุทางรถยนต์และถูกลงโทษแล้ว

แต่เพราะเฉินฮวนฮวน เธอถึงถูกหลิวจงเตะจนเธอแท้งลูก

ตอนนี้เธอไม่เป็นที่ยอมรับในวงการอีกต่อไป!

เธอเกลียดเฉินฮวนฮวน!

“ขออภัย ฉันไม่ได้ใช้นามสกุลเฉิน ฉันชื่อเป๋าฮวน” เป๋าฮวนกล่าวอย่างใจเย็น

ฝังฟังกล่าวเสริมอีก: "ใช่ คุณเป๋านามสกุลเป๋า คุณเฉินซินโหรวคุณจำคนผิดแล้ว! คุณทำแบบนี้ในที่สาธารณะ คุณบ้าไปแล้ว!”

เสียงดัง “เพียะ” เฉินซินโหรวตบหน้าฝังฟัง

“เป็นแค่คนนอก มีสิทธิ์อะไรมาพูด?”

เสียงดัง“แอ๊ด” ประตูห้องถูกเปิด

เฟิงหานชวนเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ ก็เห็นหญิงสาวนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง คิ้วขมวดแน่น สายตาจ้องที่จอมือถือ

เขาเดินไปทางเธอ แล้วถามว่า “กำลังดูข่าวเหรอ?”

“อืม ดูจบแล้ว”เป๋าฮวนวางมือถือไว้ด้านข้าง ลุกขึ้นยืนแล้วพยักหน้า

“เธอถูกส่งไปที่ห้องขัง สามวันให้หลังตัดสินลงอาญา” เฟิงหานชวนพูดเสียงเรียบ

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปาก ริมฝีปากชมพูเปิดออก “ตอนนี้ เรื่องก็คลี่คลายเกือบหมดแล้ว”

“อืม”เฟิงหานชวนพยักหน้า ยกมือลูบไปที่หัวเล็กๆของเธอ

เป๋าฮวนอ้าแขนทั้งสองกอดชายหนุ่มตรงหน้าไว้ มุดศีรษะเข้าไปในอดของเขา

เฟิงหานชวนปล่อยให้เธอกอดตัวเอง

“อาหาน…”เป๋าฮวนไม่รู้ควรพูดอะไร ก็แค่อยากกอดเขาไว้เท่านั้น

“ฮวนฮวนอย่าคิดมาก ในเมื่อหลีซืออวิ๋นโหดร้ายขนาดนั้น ทุกอย่างในตอนนี้เป็นโทษที่เธอควรได้รับ” เฟิงหานชวนปลอบเธอด้วยเสียงอ่อนโยน

เขารู้ เป๋าฮวนยังคงคาใจเรื่องนี้อยู่ ให้เธอปล่อยวางทันที มันเป็นไปไม่ได้

เป๋าฮวนพยักหน้าเบาๆ “ฉันรู้ ฉันแค่รู้สึกถ้าหากทั้งหมดนี้ไม่เกิดขึ้น มันจะดีแค่ไหน…”

“ถ้าหากไม่มีอุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนั้น พวกเราก็ไม่สูญเสียลูกไป นั่นเป็นลูกคนแรกของเรา ถ้าหากไม่มีอุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนั้น ตอนนี้ลูกเราคงเดินได้แล้ว ลูกยังเล็กมาก ไม่รู้ว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว?”

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง หอมที่หน้าผากของเธอแรงๆ กอดเธอไว้แน่น

เขาไม่อยากให้เป๋าฮวนคิดมากไปกว่านี้ เขาอยากให้เธอมองโลกในแง่ดีขึ้นหน่อย

“ไม่ช้าพวกเราก็มีจะมีลูก ลูกคนนั้นจะกลับมา ลูกจะต้องกลับมาเกิดในท้องของคุณอีกครั้ง” เขาตบที่หลังของเธอเบาๆอย่างปลอบใจ

เป๋าฮวนเงยหน้ามองเขา ถามด้วยความสงสัย “จริงเหรอ? ลูกจะได้กลับมาเกิดอีกครั้งเหรอ?”

“แน่นอน!” เฟิงหานชวนตอบอย่างมั่นใจ

วินาทีต่อมา เป๋าฮวนจับแก้มเขาไว้ เขย่งเท้าจูบไปที่ริมฝีปากเขา

เฟิงหานชวนอึ้งไปทันที

เป๋าฮวนปล่อยเขาออก จ้องไปที่ดวงตาสีดำคู่นั่นของเขาด้วยความจริงจัง พูดว่า “ฉันอยากจะตั้งท้องเร็วๆ ตอนนี้ฉันเตรียมพร้อมแล้ว พวกเราสามารถต้อนรับการมาของลูกได้ตลอดเวลา”

“ฮวนฮวน คุณจริงจังใช่ไหม?” เฟิงหานชวนประหลาดใจเล็กน้อย

“ฉันจริงจัง จริงจังมากๆ แม้ว่าฉันจะรับปากเวินซือเหยี่ยนไปถ่ายหนัง แต่ฉันที่เป็นนักแสดงประกอบเล็กๆไม่ได้เสียเวลาอะไรนัก ไม่กระทบกับการเตรียมตัวตั้งครรภ์หรอก”เป๋าฮวนตอบด้วยความจริงจังอีกครั้ง

เธอเพิ่งพูดจบ ชายหนุ่มก้มศีรษะลงอีกครั้ง ประกบริมฝีปากเธอไว้

เป๋าฮวนคล้องคอเฟิงหานชวนไว้ ตอบกลับจูบนี้

อุณหภูมิในห้อง กำลังค่อยๆเพิ่มขึ้น

จูบครั้งนี้ รุนแรงราวกับพายุโหมกระหน่ำ ไม่มีทีท่าจะหยุดลงเลย

เวลาที่หญิงสาวถูกกดลงเตียง จู่ ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น——

“ใคร?” เฟิงหานชวนปล่อยเป๋าฮวนออก ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

เวลาตอนนี้ คงไม่ใช่คุณพ่อที่เข้ามาอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ

เป๋าฮวนหน้าแดงก่ำ รีบลุกขึ้นยืน จัดชุดตัวเองอย่างรวดเร็ว สายตามีความเขินอายและลนลานเล็กๆ

ตามมาด้วย เสียงที่มีชีวิตชีวาราวกับแสงแดดนอกประตูดังขึ้น “อาสาม ฮวนฮวน ผมเอง!”

เฟิงหานชวนสีหน้าเข้มทันที ก้าวเท้ายาวไปถึงข้างประตู เปิดประตูออก พูดตำหนิ“ดึกขนาดนี้ นายมาทำอะไร? ”

เฟิงเฉินเหยี่ยนกะพริบตาอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ทำไมอาสามดุขนาดนี้?

“อาสาม ผมรู้เรื่องของพี่อวิ๋น ดังนั้นผมเลยมาคุยกับพวกอา ใครจะรู้พวกอาจะกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว!” เฟิงเฉินเหยี่ยนถอนหายใจอย่างน้อยใจ

“อาเยี่ยน พวกเราลงไปคุยกันชั้นล่างเถอะ” เป๋าฮวนควบคุมอารมณ์ให้สงบลงแล้ว เดินมาด้วยรอยยิ้ม

ตอนเธอเตรียมจะเดินออกประตูห้อง ข้อมือกลับถูกผู้ชายข้าวตัวจับไว้ เห็นแค่สายตามืดมนคู่นั่นของชายหนุ่ม พูดเสียงเบา “ฮวนฮวน ดึกมากแล้ว ให้อาเยี่ยนมาคุยพรุ่งนี้เถอะ”

“อาสาม นี่แค่สองทุ่มเอง พวกอาคงไม่นอนเร็วขนาดนี้มั้ง? คงไม่ใช่…ไอ๊หยา!เป็นผมมารบกวนพวกอา?”

เฟิงเฉินเหยี่ยนตบไปที่ต้นขา อุทานออกมา “ผมโง่จริงเลย!”

เฟิงหานชวน “…”

“ไม่ใช่ไม่ใช่ ! อาเยี่ยนเข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ได้…”เป๋าฮวนรีบอธิบาย แล้วยื่นมือไปด้านหลังชายหนุ่ม แอบหยิกลงไปหนึ่งทีที่เอวของเขา

เฟิงหานชวนยกมุมปากขึ้น

“พวกเราลงไปคุยกันข้างล่างเถอะ” เป๋าฮวนขยิบตาให้เฟิงหานชวน

เมียสั่งแล้ว เฟิงหานชวนทำได้แค่ยอมรับชะตากรรม

หากไม่ใช่เฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นหลานชายของเขา ตอนนี้เขาคงอดไม่ได้ที่จะบีบคอเฟิงเฉินเหยี่ยนให้ตายไป!

หลังจากนั้นห้านาที

เป๋าฮวนกับเฟิงหานชวนทั้งสองนั่งด้วยกัน เฟิงเฉินเหยี่ยนกับนายท่านของตระกูลเฟิงนั่งด้วยกัน ทั้งหมดสี่คนรวมตัวกันในห้องรับแขก

เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดมากอยู่คนเดียว พูดถึงภาพลักษณ์ของหลีซืออวิ๋นเป็นส่วนใหญ่ ยังบอกว่าหลายปีมานี้ตัวเองถูกหลอกแล้ว บอกว่าหลีซืออวิ๋นแสดงละครเก่ง

แรกๆเป๋าฮวนก็ไม่รู้สึกอะไร ผลคือเฟิงเฉินเหยี่ยนเริ่มพูดเรื่องเพื่อนชั่วของเขา พูดไม่หยุดสักที

เธอง่วงเล็กน้อย

ทันใดนั้น เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดถึงเธอ “ฮวนฮวน หยางหยางรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว ฉันบอกหล่อนเกี่ยวกับเรื่องของเธอแล้ว”

“หยางหยาง…”เป๋าฮวนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ เธอยังไม่ทันได้ติดต่อหลินอวี่หยาง

ไม่รู้ว่าสามปีไม่ได้เจอ หยางหยางยังเต็มใจเป็นเพื่อนตัวเองอยู่ไหม

และเธอกลับมายังไม่ทันได้ติดต่อหยางหยาง หยางหยางคงโกรธเธอแน่เลย

“ฮวนฮวน หยางหยางบอกว่าเธอเปลี่ยนเบอร์มือถือ หากเธอเต็มใจจะคบหล่อนเป็นเพื่อนอยู่ ก็ติดต่อหล่อน”

เฟิงเฉินเหยี่ยนเพิ่งนึกได้เหตุที่มาที่นี่ รีบควักมือถือตัวเองออกมา กดเบอร์โทรติดต่อของหลินอวี่หยาง ยื่นให้เป๋าฮวนดู “นี่เป็นเบอร์มือถือของเธอ”

“ฉันบันทึกก่อน” เป๋าฮวนรับมือถือของเฟิงเฉินเหยี่ยนมา แล้วหยิบมือถือตัวเองขึ้น บันทึกเลขหมายของหลินอวี่หยางอย่างตั้งใจ

สามปีก่อน หลินอวี่หยางดีต่อเธอมากจริงๆ ดีด้วยความจริงใจ

เพื่อนคนนี้ เธออยากได้คืนมา

หลังจากบันทึกเลขหมายเสร็จ เป๋าฮวนใช้วีแชตใหม่ของตัวเองทันที ยื่นขอเป็นเพื่อนกับหลินอวี่หยางในวีแชต

วินาทีต่อมา มือถือก็สั่นขึ้นมาไม่หยุด ตามมาด้วยวีดีโอคอลเข้ามา

เป๋าฮวนดีใจรีบรับทันที เสียงดังลั่นของผู้หญิงแพร่ไปทั่วทุกพื้นที่ของบ้านตระกูลเฟิง

“ฮวนฮวน ในที่สุดเธอก็นึกถึงฉัน——”

เป๋าฮวนอยากจะร้องไห้ สามปีไม่เจอกัน หลินอวี่หยางยังคงเสียงแปร๋นแบบนี้

ในใจของเธอรู้สึกผิดมาก เปิดปากขอโทษก่อน “หยางหยาง ขอโทษ”

“ผู้หญิงใจร้ายอย่างเธอนี่ สามปีแล้ว เธอไม่เคยติดต่อฉันเลยสักครั้ง!” เสียงของหลินอวี่หยางสะอึกสะอื้น ดวงตาทั้งคู่แดง ดูแล้วใกล้จะร้องไห้ออกมา

“หยางหยาง หลังจากนี้ฉันจะไม่หายไปอีกแล้ว” เป๋าฮวนสะกดใจที่ปวดเอาไว้ หันไปทางเฟิงหานชวน พูดยิ้มๆ

คำพูดนี้ ไม่เพียงแค่พูดกับหลินอวี่หยาง พูดกับเฟิงหานชวนด้วยเหมือนกัน

สามปีแล้ว สามปีนี่เธอสูญเสียมามากเกินไปแล้ว สูญเสียผู้ชายที่ตัวเองรัก สูญเสียเพื่อนของตัวเอง

ตอนนี้ เธอได้คืนกลับมาหมดแล้ว!

เป๋าฮวนฮวนแทบจะโกรธจนสั่นไปทั้งตัว

เธอไม่คิดเลยว่า คุณนายหลีผู้หญิงหน้าตาดีที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ จะพูดแบบนี้ออกมา!

“ชุนอวี่! คุณ…คุณ…คุณพูดบ้าอะไร!!!” เฟิงเหลยถิงก็โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ

เฟิงหานชวนสาวเท้าเดินมาที่ประตู และตะโกนว่า “พวกนาย พาผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลหลีออกไป!”

เมื่อเขาออกคำสั่ง บอดี้การ์ดด้านนอกสองสามคนก็รีบเข้ามาทันที

“ตุ๊บ” หลีเซ่าชิวคุกเข่าลงให้เฟิงเหลยถิงและเป๋าฮวนทันที ร้องไห้โฮออกมาอย่างหนัก และกล่าวว่า “ชุนอวี่ปากเสีย ฉันขอโทษพวกคุณแทนเธอด้วย เธอโมโหจนพูดจาไร้สาระ พวกคุณได้โปรดยกโทษให้อวิ๋นเอ๋อร์เถอะนะ…”

แม้ว่าการพัฒนาของตระกูลหลีจะหยุดชะงักลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทว่าท้ายที่สุดก็เป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียง หากเจอเรื่องเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว

ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายไม่เหมือนเดิมแล้ว มีตระกูลเฟิงอยู่ ศาลไม่มีทางตัดสินลงโทษหลีซืออวิ๋นสถานเบา

“ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ฉันพูดไร้สาระ ฉันพูดไร้สาระ ฉันตบปากตัวเองดีไหม ขอแค่พวกคุณยกโทษให้ลูกสาวฉัน!” จางชุนอวี่คุณนายตระกูลหลีคุกเข่าลง ตบปากตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง

เหล่าบอดี้การ์ดมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าควรลงมือหรือไม่

“พาออกไป!” เฟิงหานชวนเดินเข้ามา แล้วตวาดขึ้นเสียงดัง

พวกเขาก้าวไปข้างหน้าทันที พยุงสองสามีภรรยาตระกูลหลีให้ลุกขึ้น แล้วพาพวกเขาออกไปข้างนอก

“หานชวน เธอทำแบบนี้กับพวกเราไม่ได้ เธอทำแบบนี้กับอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้นะ…”

ไม่นาน เสียงตะโกนของพวกเขาก็ค่อยๆ เบาลง จากนั้นก็เงียบไป

ทั้งสองคนถูกพาตัวออกไปแล้ว

ภายในห้องรับแขกกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง

มีเพียงเฟิงเหลยถิง เฟิงหานชวน และเป๋าฮวน สีหน้าของทั้งสามคนดูแย่มาก

เป๋าฮวนถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง

เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเจอเรื่องแบบนี้ ทำให้คนโกรธเคืองและหมดหนทาง

“ฮวนฮวน ผมขอโทษ” เฟิงหานชวนเดินไปหาเธอ มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา

เขายืน เธอนั่ง

เป๋าฮวนอยากหลุดพ้นจากอ้อมแขนของเขา ทว่าเฟิงหานชวนไม่ยอม

“นายท่านยังอยู่ที่นี่นะ!” เป๋าฮวนเอ่ยเตือนเสียงเบา

เฟิงหานชวนเหลือบมองเฟิงเหลยถิงเล็กน้อย หลุบตามองลงต่ำ และกล่าวว่า “พ่อ ผมจะไม่ทำอะไรคุณลุงหลีกับคุณน้า แต่หลีซืออวิ๋น ผมไม่รับประกัน”

“ฉันรู้ ฉันเห็นด้วย” เฟิงเหลยถิงพยักหน้า แล้วถามว่า “พวกแกสองคนคืนดีกันแล้วใช่ไหม”

“ครับ” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบ

“แล้วทำไมฮวนฮวนไม่เปลี่ยนคำพูด” เฟิงเหลยถิงถาม

หลังจากเฟิงหานชวนปล่อยเป๋าฮวนเป็นอิสระ เป๋าฮวนมองไปที่เฟิงเหลยถิงอย่างไร้เดียงสา เอ่ยถามเสียงเบา “นายท่าน เปลี่ยนคำพูดอะไรเหรอคะ”

“เด็กโง่ เธอคืนดีกับเจ้าสามแล้ว เธอควรเรียกฉันว่าอะไร” เฟิงเหลยถิงยิ้มน้อยๆ แล้วถามเธอ

“ฉัน…” เป๋าฮวนรู้ว่านายท่านหมายถึงอะไร แต่เธอเอ่ยแย้งเสียงเบา “นายท่าน ตอนนี้ฉันเปลี่ยนสถานะแล้ว ยังไม่ได้จดทะเบียนกับอาหานอย่างเป็นทางการเลยนะคะ”

“งั้นฉันจะรีบหาวันมงคลให้พวกเธอไปจดทะเบียนที่สำนักงานกิจการพลเรือน” เฟิงเหลยถิงหัวเราะออกมาทันที

เฟิงหานชวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีทางเลี่ยง “พ่อ ผมกับฮวนฮวนปรึกษากันแล้ว เราจะหาโอกาสที่เหมาะสมไปจดทะเบียนสมรสที่ประเทศเฉินครับ”

ทันใดนั้น เฟิงเหลยถิงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เป๋าฮวนเป็นชาวเฉิน ใบหน้าของเขาค่อยๆ เศร้าสลดลง น้ำเสียงของเขาแหบพร่า “พวกแกจะไปลงหลักปักฐานกันที่ประเทศเฉินใช่ไหม”

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้นายท่าน เป๋าฮวนก็ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

นายท่านและคุณตาอายุใกล้เคียงกัน แม้ว่าเมื่อก่อนนายท่านจะร่าเริงและกระฉับกระเฉง ทว่าตอนนี้เขาไม่องอาจผ่าเผยดังเช่นแต่ก่อนแล้ว ท้ายที่สุดก็ค่อยๆ ชราลงตามกาลเวลา

เดิมทีเธอเพียงต้องการอยู่เป็นเพื่อนคุณตาของตัวเอง และต้องการลงหลักปักฐานที่ประเทศเฉิน ทว่าตอนนี้…ถ้าเธอพาเฟิงหานชวนไปด้วย แล้วนายท่านจะทำอย่างไร

แม้ว่านายท่านยังมีลูกชายอีกสองคนเฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงเจิ้งซวิน และยังมีหลานสองคนเฟิงเฉินเหยี่ยนและเฟิงหย่า แต่ท้ายที่สุดแล้วเฟิงหานชวนก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเหมือนกัน!

ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่เป่ยเฉิง สามารถพบกันได้ทุกเวลา แต่ถ้าพวกเขาไปลงหลักปักฐานที่ประเทศเฉินจริงๆ…

“นายท่านยอมให้อาหานไปประเทศเฉินไหมคะ” เป๋าฮวนรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอถามพลางเม้มปากตัวเอง

“ยอมสิ ทำไมฉันจะไม่ยอมล่ะ แค่พวกเธอมีความสุข ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ!” เฟิงเหลยถิงฝืนยิ้มออกมา มุมปากยกยิ้มอย่างเศร้าหมอง

แม้ว่าจะพูดเช่นนั้น แต่ท้ายที่สุดก็คือสองประเทศอยู่ดี แม้ว่าจะมีเครื่องบินส่วนตัว แต่เวลาพบกันก็ไม่สะดวกเท่าไรนัก

คนแก่ ใครจะไม่อยากมีลูกหลานห้อมล้อมดูแลล่ะ

ทว่า ไม่มีสิ่งไหนในโลกที่จะสมบูรณ์แบบได้ทุกอย่าง เฟิงเหลยถิงใช้ชีวิตมาจนอายุมากขนาดนี้แล้ว มองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว

เขาเป็นคนมีเหตุผลเข้าใจหลักทำนองคลองธรรม จะไม่ขัดขวางความสุขของเด็กสองคน เพราะความเห็นแก่ของตัวเองอย่างแน่นอน

“พ่อ ตอนนั้นพ่อจะมาอยู่ประเทศเฉินตอนไหนก็ได้ สะดวกมาก” เฟิงหานชวนรับรู้ถึงความเหงาของพ่อตัวเอง เขาจึงเอ่ยเสริมทันที

หลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก เพราะเรื่องของแม่ ทำให้เขาห่างเหินกับพ่อมาโดยตลอด

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ค่อยๆ ให้อภัยพ่อของเขา

“ใช่ ตอนนี้สะดวกสบายมาก บ้านเรามีเครื่องบินส่วนตัว ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบาก” ครั้งนี้เฟิงเหลยถิงระบายยิ้มออกมาอย่างจริงใจ

เขาต้องรู้จักปล่อยวาง ตอนนี้เจ้าสามพบความสุขของตัวเองแล้ว เขาจึงวางใจลงได้

ไม่อย่างนั้น สามปีที่ผ่านมา เขากังวลกับอาการป่วยของเจ้าสามจนกินไม่ได้ นี่คือความหดหู่ใจที่แท้จริง!

ตอนนี้ทุกอย่างคลี่คลายลงหมดแล้ว

“นายท่านคะ ถึงตอนนั้นฉันกับอาหานจะมาอยู่ด้วยนะคะ” เป๋าฮวนรีบกล่าว

เมื่อเฟิงเหลยถิงได้ฟัง กล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “ฮวนฮวน ยังเรียกฉันว่านายท่านอยู่อีกเหรอ เราคุยกันเรื่องลงหลักปักฐานหลังแต่งงานแล้ว ไม่ยอมเปลี่ยนคำเรียกฉัน ต้องรอจดทะเบียนก่อนใช่ไหม”

“เอ่อ…” เป๋าฮวนเหลือบมองเฟิงหานชวนอย่างประหม่า เฟิงหานชวนมองเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยเรียกเฟิงเหลยถิงด้วยความเขินอายเล็กน้อย “คุณพ่อ!”

“เฮ้ ต้องแบบนี้สิ!” เฟิงเหลยถิงปลื้มอกปลื้มใจ และกล่าวต่อว่า “เจ้าสาม สองวันนี้แกจัดการเรื่องของหลีซืออวิ๋นก่อน อีกสองฉันค่อยจัดงานเลี้ยงในครอบครัว ทุกคนจะได้มารวมตัวกัน”

“ครับ” เฟิงหานชวนตอบ

นายท่านตระกูลเฟิงอยู่รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นเฟิงหานชวนและเป๋าฮวนไปส่งเขาที่บ้านด้วยตัวเอง

หลังจากนั้น นายนายท่านขอให้พวกเขาพักที่นี่ เป๋าฮวนขึ้นไปที่ชั้นสอง และเดินมาที่ “ห้องหอ” ของเธอและเฟิงหานชวน

หลังจากเป๋าฮวนนั่งลง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเช็กข่าวของหลีซืออวิ๋นทันที พบว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบร้ายแรงมาก ทำให้ราคาหุ้นของตระกูลหลีปรับตัวดิ่งลง

ภาพลักษณ์สาวสวยผู้เพียบพร้อมของหลีซืออวิ๋นไม่หลงเหลือแล้ว แม้กระทั่งเหล่าบรรดาอดีตแฟนคลับของเธอต่างพากันออกมาแฉความหยิ่งยโสไร้มารยาท และนิสัยกดขี่ข่มเหงของเธอ เธอไม่ได้อ่อนโยนและอ่อนหวานเหมือนภาพลักษณ์ภายนอกของเธอ

รูมเมทชาวต่างชาติของเธอตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศ บอกว่าสมัยเธออยู่ต่างประเทศ ชีวิตส่วนตัวของเธอก็ค่อนข้างวุ่นวาย เธอมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายหลายคน เธอไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ ไม่แปลกใจเลยที่จะเกิดเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้

คลิปวีดีโอของหลีซืออวิ๋นและเฉินเจี๋ยถูกโพสต์ไปทั่ว แม้กระทั่งสีหน้าท่าทางของเธอก็ถูกนำไปทำเป็นมีม* และภาพลักษณ์ที่สกปรกของเธอถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก

……

*มีม (Meme) หมายถึง ภาพล้อเลียนที่นำมาใช้บนอินเทอร์เน็ต

หลังจากที่ทั้งสองมาถึงคฤหาสถ์ เฟิงหานชวนก็อุ้มเป๋าฮวนออกจากรถและพาเธอตรงไปที่ห้องนั่งเล่น กะว่าจะขึ้นบันไดโดยตรงเลย

ในเวลานี้ เสียงแห่งแหบแห้งติดด้วยความกังวลก็ดังขึ้น "เจ้าสาม!"

เฟิงหานชวนหยุดก้าวเดินและเป๋าฮวนก็มองไปที่ทางโซฟาในห้องนั่งเล่นพร้อมกัน คือนายท่านเฟิงเหลยถิงยืนอยู่ตรงนั้น เขาเดินเข้ามาหาทั้งสองคนทันที

"พ่อ"

"นายท่าน"

เฟิงหานชวนและเป๋าฮวนพูดเกือบจะพร้อมกัน

“พ่อ พ่อมาที่นี่ทำไม?” เสียงเข้มของเฟิงหานชวนดูเหมือนว่าไม่ค่อยพอใจ

เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่า ครั้้งนี้ที่พ่อของเขาจู่ๆก็มา ต้องเป็นเพราะเรื่องของหลีซืออวิ๋นแน่นอน

เป๋าฮวนคิดเหมือนกัน เธอรีบถามว่า "นายท่าน คุณมาที่นี่เพื่อขอร้องแทนหลีซืออวิ๋นใช่หรือเปล่า?"

“ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นฉันขอโทษที่ไม่สามารถทำตามคำขอของคุณ เพราะฉันได้ลงโทษหลีซืออวิ๋นแล้ว”

ใบหน้าของเฟิงเหลยถิงจริงจังมาก เขาค่อยๆส่ายหัวและกระแอมเบาๆแล้วพูดว่า "ฮวนฮวน ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอร้องแทน ฉันแค่อยากรู้ต้นสายปลายเหตุ พ่อแม่ครอบครัวหลีก็กำลังเดินทางมา”

“พวกเขาบอกว่าจะมาขอโทษเธอด้วยตัวเอง”

“ไม่ใช่พวกเขาที่ทำผิด พวกเขาไม่จำเป็นต้องขอโทษ” เป๋าฮวนถอนหายใจ

“ฮวนฮวน มาเถอะ เรานั่งลงก่อนแล้วค่อยคุยกัน” เฟิงเหลยถิงตบไหล่เป๋าฮวนเบาๆ แล้วหันหลังเดินไปที่โซฟา

ที่จริงอารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีนัก เพราะเขาไม่คิดว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามปีที่แล้วกลับกลายเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากคนทำขึ้น

นี่คือสิ่งที่ทุกคนในตระกูลเฟิงคิดไม่ถึง!

เป๋าฮวนพยักหน้าแล้วเดินตาม นั่งลงบนโซฟา กำลังจะเปิดปากพูด เฟิงหานชวนก็อธิบายขึ้นมาก่อนว่า "พ่อ ที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เมื่อสามปีก่อนหลีซืออวิ๋นจ้างฆาตกร และอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นมีคนสร้างขึ้น ตอนนั้นเธอต้องการจะฆ่าฮวนฮวนให้ตาย”

“พวกเธอคิดว่าจะทำยังไงกับเธอ” เฟิงเหลยถิงพยักหน้าและถามขึ้นเอง

ได้ยินนายท่านพูดแบบนี้ เขาน่าจะไม่รู้เรื่องโรงงานร้าง ไม่ต้องพูดถึงว่าเรื่องนั้นยังคงดำเนินอยู่ เพราะเธอโกรธจึงไปจากเฟิงหานชวน ดังนั้นยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ในตอนนี้

พ่อแม่ครอบครัวหลี ก็ไม่น่าจะรู้ด้วยเช่นกัน

“หลีซืออวิ๋นคิดร้าย พวกเราก็มีวิธีจัดการกับเธอเอง” เฟิงหานชวนเหลือบมองเป๋าฮวน แย่งคำพูดของเธอและพูดตรงๆว่า: “ตอนนี้เธอกับเฉินเจี๋ยอยู่ในโรงงานร้างและกำลังถ่ายทอดสดอยู่"

“ถ่ายทอดสด?” เฟิงเหลยถิงไม่เข้าใจ

“ขณะที่ซูอวี่นำคนไปจับกุมเธอ เธอกับลูกน้องของเธอที่ชื่อเฉินเจี๋ย กำลังทำอะไรกันอยู่ในโรงงานร้าง ฉันก็เลยให้พวกซูอวี่ถ่ายทอดสดเรื่องนี้” เฟิงหานชวนช่วยเป๋าฮวนรับเรื่องนี้ไว้

“อะไรนะ!” สีหน้าของเฟิงเล่ยติงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อได้ยิน ดูเหมือนเขาจะแปลกใจและสับสน “เด็กคนนี้……เด็กคนนี้ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปได้?

เฟิงเหลยถิงตกใจมากที่นอกเหนือจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ยังมีเรื่องโรงงานร้างอีกด้วย เขาไม่ได้คาดหวังว่าหญิงสาวที่อ่อนโยนและสง่างามจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้

“ถ่ายทอดสด?” เป๋าฮวนหันศีรษะอย่างงุนงง มองไปที่เฟิงหานชวนแล้วถาม

เธอให้พวกจิ่งมั่วบันทึกวิดีโอของเฉินเจี๋ยกับหลีซืออวิ๋น แล้วส่งต่อออกไป แต่ไม่ได้ให้ถ่ายทอดสดนี่นา?

“อืม ถ่ายทอดสด ฉันสั่งซูอวี่แล้ว” เฟิงหานชวนยกมือขึ้นและตบหัวหญิงสาวเบาๆ

เป๋าฮวนตกตะลึงครู่หนึ่ง

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะเป็นห่วงเป็นใยหลีซืออวิ๋น ดังนั้นเธอจึงออกไปนั่งในรถข้างนอกก่อน แต่เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะสั่งให้ซูอวี่ถ่ายทอดสด

นี่เป็นสิ่งที่เป๋าฮวนไม่ได้คาดคิด และเฟิงหานชวนไม่เคยบอกเธอมาก่อน

“ช่างเถอะ เรื่องนี้หลีซืออวิ๋นทำผิดต่อฮวนฮวนแล้วเธอยังมีอารมณ์อยู่กับชายอื่นในโรงงานร้าง……นี่คือบทลงโทษที่เธอสมควรได้รับ” เฟิงเหลยถิงถอนหายใจและส่ายหัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและความรังเกียจ

ยังไงก็ตาม เขามองดูเธอเติบโตแล้วกลายเป็นแบบนี้ในตอนนี้ มากหรือน้อยเขาก็เป็นทุกข์และทำอะไรไม่ถูก

ในขณะนี้ มีการเคลื่อนไหวจากประตู จากนั้นหลีเซ่าชิวและคุณนายหลีก็เข้ามา

อย่างเร่งรีบ

ทันทีที่พวกเขาเห็นเป๋าฮวน พวกเขารีบพุ่งเข้าไป และทั้งคู่ก็คุกเข่าลงต่อหน้าเป๋าฮวน โดยเฉพาะคุณนายหลีจับมือเป๋าฮวนทันที

“คุณเป๋า ได้โปรดปล่อยอวิ๋นเออร์ของเราเถอะ เธอยังเด็กและติดคุกไม่ได้ โปรดยกโทษให้เธอด้วย คุณต้องการค่าเสียหายเท่าไหร่ พวกเราตกลงทั้งนั้น!” คุณนายหลีร้องไห้จนตาแดง และอ้อนวอนอยู่อย่างนั้น

“คุณเป๋า ขอแค่คุณบอกจำนวนมาก เราตอบตกลงคุณอย่างแน่นอน แม้ว่าคุณจะให้เราแบ่งหุ้นของตระกูลหลีให้กับคุณ เราก็ทำได้ เพียงแค่คุณอย่าให้อวิ๋นเออร์ติดคุก” หลีเซ่าชิวกล่าวอย่างมีหลักการ

ทั้งสองหมดหวังในตอนแรก แต่สงบลงมาและพูดคุยกัน พวกเขารู้ว่าแต่แรกเป๋าฮวนแต่งงานกับตระกูลเฟิงเพื่อเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะใช้เงินเพื่อขอร้องให้เป๋าฮวนละเว้นความผิดของอวิ๋นเออร์

เมื่อเป๋าฮวนยอมปล่อย เฟิงหานชวนก็จะไม่ตามเรื่องนี้อีกแน่นอน

พวกเขารู้สึกว่าถ้าเอาหุ้นของตระกูลหลีออกมาให้ เป๋าฮวนต้องรับข้อเสนออย่างแน่นอน!

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินคำอ้อนวอนของพวกเขา เป๋าฮวนยิ้มเยาะ “แน่นอนว่า มีพ่อแม่แบบไหนก็มีลูกแบบนั้น”

ตั้งแต่ต้นจนจบหลีเซ่าชิวและคุณนายหลีซื้อเธอด้วยเงิน เพื่อให้เธอปล่อยหลีซืออวิ๋นไป แต่ไม่มีคำขอโทษที่จริงใจแม้แต่คำเดียว

“คุณเป๋า นี่คุณหมายความว่าอย่างไร?” หลีเซ่าชิวถามลืมตาขึ้นถามอย่างรีบร้อน

ก่อนที่เป๋าฮวนจะตอบ เขาลุกขึ้นยืนทันทีและรีบคว้าแขนของเฟิงเหลยถิงและอ้อนวอนว่า: "ลุงเฟิง มิตรภาพของเราสองตระกูลมีหลายชั่วอายุคนแล้ว และคุณก็เห็นเยว่เอ่อร์โตมา คุณจะมองดูเธอติดคุกไปต่อหน้าต่อตาเหรอ?"

เขารู้ว่าเขาไม่สามารถขอร้องเฟิงหานชวนได้ เฟิงหานชวนหลงใหลเป๋าฮวน ดังนั้นนอกจากขอร้องเป๋าฮวน ก็ขอร้องได้แค่นายท่านเฟิงเท่านั้น

เฟิงเหลยถิงส่ายหัวอย่างผิดหวัง ถอนหายใจอย่างแรงและกล่าวว่า “เซ่าชิว คุณผิดแล้ว คุณผิดมากมาย เลี้ยงอวิ๋นเออร์มาให้เป็นอย่างในตอนนี้!”

“ลุงเฟิง คุณ……” เมื่อหลีเซ่าชิวได้ยิน เขาก็เดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว ตาทั้งคู่ตะลึงแล้วฟุบนั่งลงกับพื้น

เมื่อคุณนายหลีได้ยิน ก็ร้องไห้และตะโกนว่า "ลุงเฟิง คุณรู้เห็นเป็นใจกับสาวชาวป่าคนนี้กระทั่งทิ้งมิตรภาพของตระกูลหลีหรือ?"

“ชุนอวี่ เซ่าชิว ถ้าพวกคุณสำนึกผิดสักนิด ที่มาครั้งนี้ก็ควรขอโทษฮวนฮวนแทนที่จะใช้เงินซื้อเธอ!” เฟิงเหลยถิงดูออกถึงความตั้งใจของสองสามีภรรยาและเขาก็ผิดหวังอย่างยิ่ง

เพียงแค่พวกเขาทั้งสองคนขอโทษอย่างจริงใจ เขาจะขอร้องเป๋าฮวนแทนหลีซืออวิ๋นอย่างแน่นอน อย่างไรเขาก็เห็นหลีซืออวิ๋นโตมา

เพียงแต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นหลีซืออวิ๋นหรือหลีเซ่าชิวกับคุณนายหลี ก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด

ทำไมความเจริญของตระกูลหลีจึงหยุดนิ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันมีเหตุผลสินะ!

“บ้าไปแล้ว! พวกคุณบ้ากันไปหมดแล้วหรือ? ลุงเฟิง คุณก็บ้าเหมือนหานชวนหรือ? ช่วยเหลือสาวชาวป่าคนนี้อย่างนี้ เธอคงไม่ใช่นางจิ้งจอกกลับชาติมาเกิดหรอกนะ!” คุณนายหลีจ้องตาเขม็งและตะโกนว่า: "ลุงเฟิงคุณมีปัญญาเสมอ ไม่ใช่ว่าพวกคุณสองคนจะถูกสาวชาวป่าคนนี้ทำให้ลุ่มหลงไปแล้ว? ห๊ะ——”

เสียง "เพี๊ยะ" เป็นเสียงถูกตบหน้าอย่างแรง

เป๋าฮวนยกมือขึ้นตบที่หน้าคุณนายหลีอย่างแรงทีนึง และพูดอย่างดุดันว่า: "ทำปากของคุณให้มันสะอาดหน่อย!"

“อะไรนะ? จริง……จริงเหรอ?” เฉินเจี๋ยตกใจจนตาค้าง กระทั่งสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดหรือเปล่า

เพียงแค่ทำเรื่องแบบนี้กับหลีซืออวิ๋น ถ่ายวิดีโอไว้ เขาก็จะถูกปล่อยตัวไป?

“เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว คุณเป็นเพียงคนที่จ่ายเงินเพื่อทำสิ่งต่างๆ ถ้าคุณทำคุณไถ่โทษ ฉันก็จะไม่ตามสืบสวนอยู่แล้ว” เป๋าฮวนเบ้ปาก แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

“ฉัน! ฉันรับปาก! ฉันรับปาก!” เฉินเจี๋ยตื่นเต้นอย่างยิ่ง หัวของเขาผงกเหมือนกลองป๋องแป๋ง ลับๆล่อๆ

ส่วนตัวหลีซืออวิ๋นทั้งตัวยืนโง่ไปเลย ดวงตาของเธอจ้องจนเป็นสีแดงเข้มราวกับสามารถพ่นไฟออกมาได้ เธอจ้องเขม็งไปที่เฉินเจี๋ยอย่างดุร้าย จากนั้นจ้องไปที่เป๋าฮวนและตะโกนว่า: "เป๋าฮวนเธอบ้าไปแล้วเหรอ——"

เธอไม่คิดว่าเป๋าฮวนจะใช้กลอุบายแบบนี้!

บันทึกวิดีโอไว้ มีจุดประสงค์เดียวเท่านั้น คือเพื่อเผยแพร่วิดีโอออกไป ถึงเวลานั้นชื่อเสียงของเธอก็จะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง!

“หานชวน คุณช่วยฉันด้วย! พวกเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ของฉันดีกับคุณมากขนาดนั้น ถึงแม้ว่าฉันจะติดคุก ฉันก็ไม่อยากถ่ายวิดีโอนี้ คุณช่วยฉันด้วย……”

หลีซืออวิ๋นหมดหวังและวางความหวังสุดท้ายไว้กับเฟิงหานชวน เนื่องจากทั้งร่างถูกมัดไว้ เธอทำได้เพียงบิดร่างกายแล้วค่อยๆขยับไปทางเฟิงหานชวน ดูไปแล้วสกปรกและน่าอับอาย

เฟิงหานชวนเบือนหน้า สีหน้าของเขาเย็นชามาก เพียงแค่พูดอย่างเฉยเมยว่า: "คุณทำผิดเอง ต้องยอมรับเอง"

พูดแล้วเขาก็หันหลังกลับและเดินออกไปด้านนอก

เป๋าฮวนมองกลับไปที่เฟิงหานชวน แล้วสั่งไปทางจิ่งมั่ว: "อามั่ว แก้เชือกของเฉินเจี๋ยออก"

“ครับ” จิ่งมั่วพยักหน้า ก้าวออกจากหน้ากล้องถ่ายภาพ เดินไปทางเฉินเจี๋ยและแก้เชือกที่ร่างของเฉินเจี๋ยด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

“อาเหลิ่ง เตรียมอัดวิดิโอ” เป๋าฮวนออกคำสั่งกับจิ่งเหลิ่งอีก

“ครับ คุณหนูใหญ่!” จิ่งเหลิ่งเข้าประจำที่

เมื่อเฉินเจี๋ยได้ยิน ไม่ทันได้ฟังคำสั่งของเป๋าฮวนก็กระโจนไปหาหลีซืออวิ๋น……

ต่อจากนั้น ก็เป็นเสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลี ซืออวิ๋นขัดขืนอย่างไม่คิดชีวิต ลูกน้องของจิ่งมั่วกรอกยาให้พวกเขาทั้งสองคน

สุดท้ายแล้วเฉินเจี๋ยและหลีซืออวิ๋นแยกไม่ออกระหว่างความเป็นจริงและความฝัน หลงระเริงไปกับมัน และลืมความละอายใจไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเป๋าฮวนเห็นฉากดังกล่าว หันศีรษะและเดินออกไปนอกประตู มอบส่วนที่เหลือให้สองพี่น้องตระกูลจิ่งและซูหยูกับพรรคพวก

เธอเดินออกจากโรงงานและมาที่ข้างรถของเฟิงหานชวน เห็นเขานั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับ พิงพนักพิงอยู่ หลับตาทั้งสองข้าง ราวกับว่าได้นอนหลับไปแล้ว

เป๋าฮวนยืนอยู่หน้ารถ มองเขาอย่างเงียบๆ จากนั้นหันกลับมาและเดินไปที่รถอีกคัน ซึ่งเป็นรถที่จิ่งมั่งและจิ่งเหลิ่งขับมาจากคฤหาสน์หมิงอวี่

เธอนั่งที่นั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถเลย เลี้ยวหักศอกหนึ่งโค้ง และขับออกไปที่นี่อย่างรวดเร็ว

เมื่อเฟิงหานชวนกลับมารู้สึกตัว ก็พบหญิงสาววิ่งหนีไปแล้ว เขาจึงสตาร์ทรถทันทีและรีบไล่ตามไป

รถของเป๋าฮวนมีความเร็วมาก เฟิงหานชวนตามไม่ทันสักที สุดท้ายรถของเป๋าฮวนหยุดอยู่ที่ลานจอดรถของโรงแรมตี้ฮวง ขณะที่เธอเดินไปถึงทางเข้าโรงแรม เธอก็ถูกเฟิงหานชวนจับแขนไว้

เฟิงหานชวนหายใจหอบ เขาไม่เคยคิดว่าความเร็วของรถเป๋าฮวนจะน่าตกใจมากขนาดนี้!

“ปล่อย!” เป๋าฮวนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา สะบัดมือเฟิงหานชวนออกไป

“ฮวนฮวน คุณโกรธหรือ?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและจับมือเธอไว้อีกครั้ง

ครั้งนี้ เป๋าฮวนอยากจะสลัดออกไป แต่ก็ไม่สามารถสะบัดออกได้ เพราะชายหนุ่มใช้แรงจับมือเธอและกำนิ้วมือเธอไว้แน่น

“ทำไม ดูสีหน้าที่ยุ่งเหยิงของคุณ คุณรู้สึกเจ็บปวดใจต่อหลีซืออวิ๋นหรือ?” เป๋าฮวนกัดฟันแน่น พยายามต้านทานความขมขื่นในดวงตา และจ้องชายหนุ่มอย่างดุดัน

เธอหัวเราะเยาะตัวเอง “ใช่สิ ไม่ว่าจะพูดยังไง เธอก็เป็นคู่รักในวัยเด็กของคุณ ไม่ว่าเธอจะทำเรื่องอะไรผิด ก็ไม่ควรถูกดูหมิ่นแบบนั้นใช่ไหม? ดังนั้นคุณทนดูไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”

เดิมทีเป๋าฮวนไม่ได้คิดมาก แม้กระทั่งคิดที่จะให้ หลีซืออวิ๋นรับการลงโทษทางกฎหมายก็พอ แต่เมื่อได้รู้เกี่ยวกับการกระทำของหลีซืออวิ๋นและ เฉินเจี๋ยในโรงงานร้าง เธอถึงตัดสินใจลงโทษพวกเขาด้วยตัวเอง

แต่ว่าสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือเฟิงหานชวนไม่เห็นด้วยที่เธอทำแบบนี้ เพียงแค่ไม่ได้พูดออกมา

แท้จริงแล้วเขารู้สึกปวดใจต่อหลีซืออวิ๋นสินะ! ไม่สามารถเห็นหลีซืออวิ๋นถูกเหยียดหยามแบบนั้น!

“ไม่ใช่” เฟิงหานชวนรู้ว่าเป๋าฮวนเข้าใจผิด เขารีบอธิบายว่า: “ฮวนฮวน ผมไม่ได้เข้าข้างหลีซืออวิ๋น ผมแค่ไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์เหล่านั้น ดังนั้นจึงได้อยู่ด้านนอก”

“คุณไม่อยากเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นหรือ? พูดตรงๆ คุณก็รู้สึกเจ็บปวดใจต่อหลีซืออวิ๋น คุณทิ้งเธอไม่ลง!” เป๋าฮวนกัดฟันและมือยังพยายามดิ้นรน พยายามให้หลุดออกจากพันธนาการของเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน คุณเข้าใจผิดจริงๆ! ผมไม่ได้ต้องการรู้สึกเจ็บปวดใจต่อหลีซืออวิ๋น ผมแค่ไม่ต้องการเห็นร่างกายของผู้หญิงคนอื่น!” เฟิงหานชวนเพิกเฉยต่อสายตาของผู้สัญจรไปมาและกอดเป๋าฮวนไว้ในอ้อมแขนของเขา

เป๋าฮวนยอมแพ้การดิ้นรนทันที ดวงตาของเธอดูเฉื่อยชา แล้วเธอก็กัดริมฝีปากของอีกครั้ง “ฉันไม่เชื่อ คุณรักเธอสุดหัวใจ”

“ฮวนฮวน ถ้าผมรักเธอจริงๆ ผมจะเห็นด้วยที่คุณปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ไหม?” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลงแล้วจูบที่หน้าผากของหญิงสาว และพูดอย่างจริงจัง: “ในสายตาของผม ความรู้สึกของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผมไม่มีความเห็นอกเห็นใจหรือเจ็บปวดใจต่อเธอ นี่เป็นสิ่งที่เธอทำเองก็ต้องรับไว้เอง”

“ตอนนี้ผมทำสิ่งเหล่านั้นกับเธอแล้ว คุณคิดจะอธิบายกับตระกูลเฟิงและตระกูลหลียังไง?” เป๋าฮวนเม้มปาก ความโกรธเมื่อครู่นี้หายไปเกือบหมดแล้ว

“เธอทำเรื่องผิดจริงๆ พวกเราไม่จำเป็นต้องอธิบาย เธอควรต้องยอมรับการลงโทษ” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ แล้วก้มเอวลงอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นโดยตรง

เป๋าฮวนจู่ๆรู้สึกว่าร่างของเธอว่างเปล่า เธอตกใจ เกือบจะกรีดร้อง ก็พบว่าเฟิงหานชวนอุ้มเธอเดินไปที่รถ แล้ววางเธอลงบนที่นั่งข้างคนขับ

“ฮวนฮวน ทักษะการขับรถของคุณเก่งกาจตั้งแต่เมื่อไหร่?” เฟิงหานชวนงอเอวและกดเธอลงไปที่เบาะ

ลมหายใจร้อนโอบล้อมตัวเธอ เป๋าฮวนเม้มปากและตอบว่า: "ฉันฝึกตอนที่อยู่ประเทศเฉิน ที่สำคัญเพราะความสามารถสูง!"

“ต่อจากนี้ผมจะไม่ให้คุณจับรถจริงๆ” เฟิงหานชวนก้มศีรษะ กัดลูกปัดที่ต่างหูของเธอ และหายใจออกด้วยความร้อน

เป๋าฮวนแค่รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าสู่ร่างกาย เธอลืมตาขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมเหรอ? ฉันขับรถเป็นไม่ดีหรือไง?”

“ไม่ดี ไม่ดีเลยสักนิด” เฟิงหานชวนยื่นมือไปลูบที่แก้มหญิงสาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: "ความรู้สึกที่ผมตามคุณไม่ทัน ไม่ดีเลยสักนิด”

เป๋าฮวนบึนปากและพึมพำด้วยเสียงเบา: “ใครใช้ให้คุณไม่มีความสามารถหล่ะ?”

"อือ……"

วินาทีถัดมา ริมฝีปากของเธอถูกปิดไว้

หลังจากหมุนไปสักพัก เป๋าฮวนหายใจไม่ออกจนหน้าแดง แววตาของเธอเปลี่ยนเป็นกังวล ชายหนุ่มจึงปล่อยเธอ

“ฮวนฮวน ว่าใครไม่มีความสามารถ? หลังจากที่กลับไป จะให้คุณได้เห็นคสามสามารถของผม” เฟิงหานชวนเบ้ปากแล้วออกจากรถ หลังจากปิดประตูเรียบร้อย เขาอ้อมผ่านหน้ารถทันทีแล้วมาถึงตรงที่นั่งคนขับ

เขาหันศีรษะและเหลือบมองหญิงสาวที่หน้าแดง สตาร์ทรถอย่างเร็วและบึ่งรถไป

เฟิงหานชวนอุ้มเป๋าฮวน วางเธอลงบนที่นั่งข้างคนขับ

จากนั้น เขาก็สตาร์ทรถ ขับไปที่บริษัทหมิงอวี่ บ้านของพวกเขา

ตลอดถาม เป๋าฮวนพิงหลังบนที่นั่ง หลับตาลง ไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เหมือนกับหลับอยู่ยังไงยังงั้น

แต่เฟิงหานชวนรู้ ว่าหญิงตัวเล็กคนนี้ไม่ได้หลับ เธอแค่อารมณ์ไม่ดี

เขาไม่ได้รบกวนเธอ แล้วขับรถอย่างเงียบ ๆ

น่าจะประมาณสี่สิบนาที เขาจอดรถลงที่หน้าประตูบ้าน

เป๋าฮวนรู้สึกได้ว่าลงจอดลง จึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เป็นไปอย่างที่คิด ด้านหน้าก็คือคฤหาสน์ของเธอกับเฟิงหานชวน

เธอหันหน้ามา ประสานสายตาเข้ากับชายหนุ่มพอดี สีหน้าของเฟิงหานชวนแสดงถึงความเป็นห่วง “ฮวนฮวน ถึงบ้านแล้ว”

“อืม” เป๋าฮวนพยักหน้า เธอดูเศร้าเล็กน้อย

“ฮวนฮวน ผมไปส่งคุณที่ห้อง” เฟิงหานชวนยื่นมือออกมาลูบหัวหญิงสาวเบา ๆ

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นลูกน้องที่โทรมา

เขารับสายทันที แล้วเปิดลำโพง เสียงของซูอวี่ดังขึ้น “ประธานเฟิงครับ พวกเราจับหลีซืออวิ๋นกับเฉินเจี๋ยได้แล้วครับ พวกเขาอยู่ที่โรงงานร้างแถบชานเมือง พื้นที่รกร้างสุดถนนเฉินตง”

“ฉันจะไปตอนนี้” เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างมาก

“ประธานเฟิงครับ ไม่อย่างงั้น…พวกผมพาพวกเขาไปที่คุกก่อน? สถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้…” ซูอวี่พูดติด ๆ ขัด ๆ เหมือนจะพูดออกมาได้ยาก

“สถานการณ์ของพวกเขาเป็นยังไง?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม

“คือแบบนี้ครับ ตอนที่พวกเรามาที่นี่ หลีซืออวิ๋นกับเฉินเจี๋ยกำลังทำบางอย่าง…อยู่ที่โรงงานร้าง…แล้วถูกพวกเราจับได้พอดี” คำพูดของซูอวี่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ และอธิบายได้อ้อมค้อมมาก

หลังจากที่เป๋าฮวนได้ยิน ก็หน้าดำหน้าเขียว

หลังจากที่เฉินเจี๋ยถูกเปิดเผย หลีซืออวิ๋นไม่เพียงไม่รู้สึกผิดใด ๆ สักนิด แถมยังมีเพศสัมพันธ์กันกับเฉินเจี๋ยที่โรงงานร้างอย่างโอ่อ่า

เธอทำเรื่องร้ายกาจขนาดนั้น แม้แต่รู้สึกผิดสักนิดก็ไม่มีเลยเหรอ?

ตอนนี้เป๋าฮวนรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เดิมทีตัวเองไม่อยากจะซักถามเรื่องนี้แล้ว ให้หลีซืออวิ๋นได้รับการลงโทษตามกฎหมายก็พอแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอรู้สึกได้ถึงเปลวเพลิงแห่งความโกรธที่จุดประกายในหัวใจของเธอ

สองมือกำหมัดแน่น เส้นเลือดเขียวที่หลังมือปูดขึ้นมา

เธอกัดฟัน สายตาเย็นชา แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้น กดโทรหาจิ่งมั่ว “อามั่ว นายกับอาเหลิ่งพาคนกลุ่มหนึ่งไปที่โรงงานร้างสุดถนนเฉินตง”

“คุณหนูครับ คุณถึงประตูบ้านแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมจู่ ๆ…” จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งอยู่ที่ระเบียงของคฤหาสน์พอดี พวกเขาเห็นรถของเฟิงหานชวนจอดอยู่ที่ประตู เขาอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย

“สืบหาคนร้ายได้แล้ว อยู่ที่นั่น ฉันมีเรื่องให้พวกนายทำ” เป๋าฮวนสายตาเย็นชา สีหน้าไม่แสดงออกใด ๆ ทั้งสิ้น

หลังจากวางสาย เธอหันหน้ามามอง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา “อาหาน การลงโทษครั้งนี้ ให้ฉันเป็นคนจัดการเอง”

“นี่คือการลงโทษของตระกูลเป๋า ไม่เกี่ยวกับตระกูลเฟิงของคุณ และนี่ก็คือการลงโทษที่เป๋าฮวนมีต่อหลีซืออวิ๋น”

แต่ละคำพูดของเธอ ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนที่เคย รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าความเย็นชา

เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอโมโหจริง ๆ แล้ว

เขาพยักหน้า น้ำเสียงปกติ “ผมไม่มีทางห้ามขึ้น เพราะจากที่ผมดู อารมณ์ของคุณสำคัญที่สุด”

“อาหาน ขับรถไปกันเถอะ” เป๋าฮวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สายตาเย็นชาเป็นที่สุด

จากนั้นเฟิงหานชวนก็สตาร์ทรถ ไปยังตำแหน่งถนนเฉินตง

หลังจากที่รถของพวกเขาขับออกไป จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งก็ออกเดินทางทันที หลังจากพวกเขาไม่กี่นาที ก็มาถึงโรงงานร้างพร้อมกัน

ซูอวี่กับลูกน้องกลุ่มหนึ่งกำลังรออยู่ที่โกดังของโรงงาน ตอนที่เป๋าฮวนเดินเข้าไป เห็นเฉินเจี๋ยกับหลีซืออวี๋เปลือยเปล่า ถูกมัดไว้ทั้งตัว ล้มลงอยู่บนพื้น

เมื่อเห็นเป๋าฮวนกับเฟิงหานชวนมา หลีซืออวิ๋นน้ำตาไหลภายในสามวินาทีทันที ตาแดงชุ่มน้ำคู่นั้น เธอมองพวกเขา แล้วรีบขอโทษ “ฮวนฮวน ขอโทษ เมื่อก่อนฉันวู่วามเกินไปจริง ๆ ฉันไม่ควรจะทำแบบนั้น ฉันรู้ว่าตัวเองผิดไปแล้วจริง ๆ”

“หานชวน นายรีบให้พวกเขาปล่อยฉัน ตอนนี้ฉันไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอะไรเลย พวกเขาเป็นผู้ชายนะ ฮือฮือฮือ…” หลีซืออวิ๋นร้องไห้หนักมาก ใช้สายตาอ้อนวอนมองไปที่เฟิงหานชวน

เธอรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ แสดงความอ่อนแอเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เธอไม่มีความจำเป็นต้องยั่วโมโหเฟิงหานชวนกับเป๋าฮวน

“หลีซืออวิ๋น ตอนนี้เธอทำอะไร? แกล้งทำเป็นน่าสงสารเหรอ? ทำเหมือนกับเธอเป็นคนที่ถูกทำร้ายยังไงยังงั้น?” เป๋าฮวนมองดูหลีซืออวิ๋นที่ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด แล้วหัวเราะเย็นชา

หลีซืออวิ๋นรีบอธิบาย “ฮวนฮวน ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ เมื่อก่อนฉันวู่วามเกินไป ถูกความอิจฉาริษยาครอบงำ โทษฉันที่อยากแต่งงานกับหานชวน แล้วจู่ ๆ เธอก็ปรากฏตัวขึ้น ดังนั้นฉันถึงได้ทำร้ายเธอ ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ…”

“เธอผิดไปแล้ว? เธอรู้ว่าตัวเองผิด? ถ้าเธอรู้สึกผิดสักนิด คงไม่มีอารมณ์ทำเรื่องแบบนี้กับเฉินเจี๋ยที่โรงงานร้างนี่!” เป๋าฮวนมองดูรอยต่าง ๆ บนพื้น แถมยังได้กลิ่นคาว เธอรู้สึกว่าตัวเองแทบจะอ้วกแล้ว

“ไม่…ฮวนฮวน ฉันไม่ได้ตั้งใจ เฉินเจี๋ยบังคับฉัน! เป็นเขาทั้งนั้น…” เวลานี้ หลีซืออวิ๋นถลึงตาใส่เฉินเจี๋ยทันที เธอถลึงตาใส่เขาอย่างดุเดือด “เป็นเขาเป็นเขาทั้งหมด! เขาพูดว่าถ้าหากฉันไม่ทำตามเขา เขาจะพูดเรื่องนี้ออกมา ฉันถูกบังคับอย่างจนปัญญา ไม่อย่างงั้นฉันจะยินยอมคนแบบเขาได้ยังไง…”

อันที่จริงเธอพูดโกหก ตอนแรกเฉินเจี๋ยอยากจะขู่เธอ แต่เธอใจอยากแต่ทำเป็นปฏิเสธ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เฉินเจี๋ยรู้ความชอบของเธอเป็นอย่างดี สามารถบริการเธอได้อย่างดีมาก

เดิมทีเธอคิดว่าวันนี้จะสามารถตบตาผ่านไปได้แล้ว ด้านเฟิงหานชวนจะไม่มีทางสงสัยมาถึงเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าพ่อแม่โง่เขลาของเธอ จะเกิดพิรุธ!

“ถูกบังคับอย่างจนปัญญา?” เป๋าฮวนหัวเราะออกมา “บันทึกการขับขี่ของเธอ บันทึกทุกการเคลื่อนไหวของเธอ เธอคิดว่าเธอสามารถปกปิดอะไรได้?”

เป๋าฮวนรู้สึกตลกเป็นอย่างมาก เวลาแบบนี้ หลีซืออวิ๋นเป็นตายยังไงก็ไม่เปลี่ยนแปลง

“นาย…พวกนาย…” หลีซืออวิ๋นลืมเรื่องนี้ไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะตรวจสอบกล้องวงจรรถของเธอ

เธอหน้าซีด เธอกัดฟัน พยายามคิดว่าควรจะอธิบายยังไง

ในตอนนี้เฉินเจี๋ยร้องออกมาเสียงดัง “คุณเป๋า คุณเฟิง พวกคุณปล่อยผมไปเถอะ! ผมก็แค่ลูกกระจ๊อก ผมฟังคำสั่งของหลีซืออวิ๋นทั้งหมด ความผิดของผมไม่ต้องถึงกับตาย! ขอร้องพวกคุณปล่อยผมไปเถอะ จะให้ผมทำอะไรก็ได้เพื่อตอบแทนพวกคุณ…”

“เฉินเจี๋ย! นายทรยศฉัน!” หลีซืออวิ๋นถูกหักหลัง จึงตะคอกอย่างโมโห ดวงตาแดง

เวลานี้ จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งเดินถือกล้องกับขาตั้งกล้องเข้ามา เป๋าฮวนเหลือบมองพวกเขา จากนั้นสายตาเย็นชาก็มองไปทางเฉินเจี๋ยอีกครั้ง

“เฉินเจี๋ย ปล่อยนายไปก็ได้ แต่นายจะต้องทำเรื่องหนึ่งก่อน” เป๋าฮวนหัวเราะเย็นชา “ทำท่าทุกอย่างที่นายทำกับหลีซืออวิ๋นต่อหน้ากล้องนี้ แสดงมันออกมาทั้งหมดรอบหนึ่ง”

“ถ้าหากไม่มีแรง พวกเรายังเตรียมยาไว้แล้วด้วย” เธอพูดเสริม

“นายนายนาย…นายพูดอะไร…เฟิงหานชวน นายบ้าไปแล้วเหรอ? นายกำลังใส่ร้ายตระกูลหลีของพวกเรา! ใส่ร้ายอวิ๋นเออร์!”

หลีเซ่าชิวใจฝ่อจนหน้าซีด น้ำเสียงสั่นคลอน พูดติด ๆ ขัด ๆ

“เฉินเจี๋ยถูกพวกคุณพาตัวไปแล้ว บอกสถานที่ผมมาเถอะ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนยังคงเรียบเฉยมาก เหมือนกับกำลังพูดเรื่องปกติเป็นอย่างมาก

เป๋าฮวนมองดูเฟิงหานชวน เธองุนงงนิดหน่อย ด้านตระกูลหลีปฏิเสธแล้ว เขาก็ไม่มีหลักฐาน ทำไมถึงมั่นใจว่าตระกูลหลีซ่อนเฉินเจี๋ยไว้?

เฟิงหานชวนช่วยเธอตามหาฆาตกร ดังนั้นจึงทำอะไรเกินเลย?

“เฟิงหานชวน ฉันบอกนายไว้ ฉันจะไม่ยอมทนกับการใส่ร้ายของนายแบบนี้ ฉันจะไปหาพ่อของนายตอนนี้!” หลีเซ่าชิวโมโหจนตะคอกออกมา

เป๋าฮวนรีบเอานิ้วมืออุดหูตัวเอง เสียงของหลีเซ่าชิวดังก้องหู

“เรื่องวุ่นวายไปถึงฝั่งนายท่าน? คุณลุงหลี ผมเห็นแก่หน้าของคุณ อยากจะทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ถ้าหากคุณทำให้เรื่องวุ่นวายใหญ่โต? งั้นก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ” เสียงของเฟิงหานชวนเยือกเย็น เย็นเข้ากระดูก ทำให้คนรู้สึกหนาวสั่น

หลีเซ่าชิวได้ฟัง ก็อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เขาถามลองเชิง “อวิ๋นเออร์บอกอะไรกับพวกนาย?”

วันนี้เป็นเพราะเรื่องนี้ทำให้เขานั่งไม่ติด รู้สึกว่าเฉินเจี๋ยอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลีไม่ใช่เรื่องดี จึงให้ลูกสาวหลีซืออวิ๋นพาเฉินเจี๋ยเข้าไปอยู่ในท้ายรถ จากนั้นก็ขับรถพาเฉินเจี๋ยไปที่โรงงานล้างเขตชานเมือง

ตอนนี้พวกซูอวี่อยู่ที่นั่น เขาไม่มีวิธีโทรหาอวิ๋นเออร์เพื่อยืนยันสถานการณ์

“เรื่องของเธอกับเฉินเจี๋ย พวกเรารู้หมดแล้ว” ดวงตาเคร่งขรึมคู่นั้นของเฟิงหานชวน ค่อย ๆ หรี่ตาลง มีความหนาวเย็นอย่างรุนแรง

เป๋าฮวนรู้สึกว่าถึงแม้ตัวเองจะอาบแดดที่แรงจัด ก็ยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว

เฟิงหานในตอนนี้ น่ากลัวมากจริง ๆ!

ถึงแม้จะไม่ได้พูดคำรุนแรงอะไร แต่กลิ่นอายกลับน่าทึ่งมาก

หลีเซ่าชิวได้ยิน ก็รู้สึกขาสั่นในทันที เรื่องที่ลูกสาวเคยทำไว้ ไม่ง่ายเลยที่จะปิดบังไว้ โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามคือเฟิงหานชวน

เขาดูเฟิงหานชวนเติบโตมา แน่นอนว่ารู้ถึงความสามารถของเฟิงหานชวน ลูกน้องในมือแต่ละคนเก่งกาจทั้งนั้น สืบเรื่องหลีซืออวิ๋นได้ ไม่ใช่เรื่องยาก

สีหน้าของหลีเซ่าชิวดูแย่มาก เขาเข้าสู่ความเงียบ ยื่นโทรศัพท์ให้กับซูอวี่ “พรึ่บ” เขาล้มลงบนโซฟา

“เซ่าชิว!” คุณนายหลีรีบพยุงเขา

หลีเซ่าชิวไม่ได้เป็นลมไป เพียงแต่ไม่มีแรง เขาเหงื่อออกไปทั้งตัว น้ำเสียงอ่อนแรง “ให้หานชวนให้อภัยอวิ๋นเออร์เถอะ! พวกเรามีแค่อวิ๋นเออร์ลูกสาวเพียงคนเดียว…”

“เซ่าชิว เซ่าชิว…” คุณนายหลีร้องจนหน้ามืดตามัว แย่งโทรศัพท์ในมือซูอวี่มา แล้วพูดเสียงดัง “หานชวน เสียแรงที่เมื่อก่อนพวกเราเคยดีกับนายขนาดนั้น นี่คือสิ่งที่นายตอบแทนพวกเราเหรอ? ถ้าหากนายไม่ได้รักเฉินฮวนฮวนนั่น อวิ๋นเออร์ของพวกเราจะทำขนาดนั้นเหรอ?”

คุณนายหลีโมโห เขวี้ยงโทรศัพท์ในมือของซูอวี่ลงกับพื้นอย่างแรง แล้วซบลงในอ้อมกอดของหลีเซ่าชิว สองสามีภรรยากอดกัน

บทสนทนาทุกอย่างชัดเจนมาก เพราะว่าเปิดลำโพงอยู่ เป๋าฮวนฟังอย่างชัดเจน และเข้าใจ

เธอสั่นไปทั้งตัว สีหน้าเหม่อลอย ทำยังไงก็คิดไม่ถึง ว่าเป็นหลีซืออวิ๋นจริง ๆ!

เป็นหลีซืออวิ๋นร่วมมือกับเฉินเจี๋ย อยากจะฆ่าเธอ!

เฟิงหานชวนมองดูสายโทรศัพท์ที่ตัดไป รู้ว่าโทรศัพท์ของซูอวี่พัง จึงโทรหาคนอื่น ให้พวกซูอวี่ไปตามจับหลีซืออวิ๋นกับเฉินเจี๋ย

สายโทรศัพท์นี้ เป๋าฮวนได้ยินเสียงร้องครวญของสามีภรรยาตระกูลหลี

พวกเขาแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของหลีซืออวิ๋น หรือว่ารู้สึกว่าเคียดแค้นเศร้าโศกที่ลูกสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาอย่างยากลำบากเป็นฆาตกรฆ่าคนนะ?

เป๋าฮวนไม่เคยรู้มาก่อน แต่กลับกลุ้มใจขึ้นมา

จับตัวฆาตกรได้ ฆาตกรที่อยู่เบื้องหลัง เธอไม่ได้ดีใจสักนิด

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลีซืออวิ๋นถึงได้โหดร้ายขนาดนั้น ก็เพื่อที่จะได้ครอบครองเฟิงหานชวน ถึงได้ไม่ลังเลที่จะฆ่าเธอ?

ความเป็นคนล่ะ?

ผู้หญิงที่สง่างามไร้ที่ติแบบนั้น ทำไมเป็นคนใจร้ายแบบนี้?

เป๋าฮวนถอนหายใจอย่างแรง ในตอนนี้เองเฟิงหานชวนก็วางสายพอดี

เขามองดูสีหน้ากลุ้มใจของเป๋าฮวน เข้าใจความคิดของเธอ จึงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด ไม่รู้จะปลอบเธอยังไงชั่วขณะ

“อาหาน อันที่จริงฉันไม่คาดหวังว่าจะเป็นเธอ ฉันไม่หวังให้เธอลำบาก ฉัน…” เป๋าฮวนซบอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แล้วพึมพำเสียงเบา

“ฮวนฮวน ไม่ต้องพิจารณาถึงผม เป็นผมที่ต้องขอโทษคุณ ถ้าหากไม่ใช่เพราะผม คุณก็ไม่ต้องประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น” เฟิงหานชวนอดกลั้นความเสียใจไว้

ที่เป๋าฮวนต้องประสบกับอุบัติเหตุอันน่าเจ็บปวดแบบนั้น ถูกทำร้ายหนักขนาดนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะเขา

เป็นเขาที่ทำร้ายเป๋าฮวน เขาปกป้องเธอได้ไม่ดี

“ไม่ใช่คุณไม่ใช่คุณ พวกเราทุกคนไม่ควรต้องรับผิดชอบ ตอนนี้ด้านหลีซืออวิ๋น คุณวางแผนจะทำยังไง?” ดวงตาใสสะอาดของเป๋าฮวน มองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แล้วถามขึ้น

“ให้เธอได้รับการลงโทษของกฎหมาย” เฟิงหานชวนก้มหน้ามองเป๋าฮวน น้ำเสียงรู้สึกผิด “อาจจะแค่สิบปี”

“สิบปีพอแล้ว ยังไงซะฉันก็ยังมีชีวิตดีอยู่” เป๋าฮวนพยักหน้า นี่เป็นวิธีที่เธอค่อนข้างเห็นด้วย

“ฮวนฮวน คุณโทษผมไหม?” เฟิงหานชวนก้มหน้าลง พูดเสียงต่ำ “การลงโทษนี้ น้อยเกินไป”

“ไม่น้อยแล้ว ฉันรู้สึกว่าเหมาะสมดี ตระกูลหลีและตระกูลเฟิงเป็นมิตรกัน พ่อแม่ของหลีซืออวิ๋นดูคุณเติบโตมา น่าจะดีกับคุณ คุณไม่ควรลงมือแรงขนาดนั้น” เป๋าฮวนเม้มปาก

ในเมื่อผ่านไปสามปีแล้ว เรื่องหลาย ๆ เรื่องเธอปล่อยวางแล้ว ตราบใดที่หลีซืออวิ๋นได้รับการลงโทษ เธอไม่จำเป็นต้องทำเรื่องให้ร้ายแรงขนาดนั้น

ไม่ว่าจะยังไง คนเลวจะถูกลงโทษในที่สุด

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนกอดเธอไว้แน่น

ผ่านไปครู่หนึ่ง เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้น ถามอย่างสงสัย “อาหาน ทำไมคุณถึงมั่นใจว่าหลีซืออวิ๋นเป็นคนทำ?”

“ผมกับคุณลุงหลีถือว่าคุ้นเคยกันอยู่ น้ำเสียงของเขาในวันนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ปกติ อีกอย่างวันนี้เป็นวันทำงาน ตามหลักแล้วเขาน่าจะอยู่ทำงานที่หลีซื่อกรุ๊ป เขาเป็นคนที่รักษาเวลา ไม่มีทางที่จะขี้เกียจอยู่ที่บ้าน ดังนั้นผมมั่นใจว่าต้องเจอเรื่องอะไร จึงลองเชิงดู แล้วเขาก็เปิดเผยออกมาเอง” เฟิงหานชวนตอบ

“อาหาน คุณฉลาดมาก!” เป๋าฮวนรู้สึกชื่นชมมาก

นี่เป็นกลวิธีทางจิตวิทยาที่แข็งแกร่งจริง ๆ!

ไม่เปลืองแรง ก็สามารถงัดความจริงออกมาได้

จากที่เป๋าฮวนดู เฟิงหานชวนเก่งมาก ๆ

“ฮวนฮวน วันนี้น่าจะจับหลีซืออวิ๋นกับเฉินเจี๋ยได้ คุณ…อยากเจอพวกเขาไหม?” เฟิงหานชวนสีหน้าจริงจังมองดูหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอด แล้วถามขึ้นเสียงต่ำ

เป๋าฮวนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เธอควรจะไปพบพวกเขาไหม?

คนที่อยากจะฆ่าเธอให้ตาย เธอไม่มีความจำเป็นต้องเจอพวกเขา

“ฉันไม่ไป” เป๋าฮวนส่ายหน้า แล้วพูด “เพียงแค่พวกเขาได้รับการลงโทษก็พอแล้ว”

“อืม” เฟิงหานชวนยกมือลูบหัวปลอบเธอ

เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้น พูดเสียงเบา “ฉันอยากกลับบ้าน”

“ผมพาคุณกลับไป” เฟิงหานชวนให้อุ้มเธอขึ้น

เป๋าฮวนตกใจ รีบเอ่ยขึ้น “อาหานคุณทำอะไร? รีบปล่อยฉันเร็ว!”

“อย่าดื้อ ผมกอดคุณไว้” เฟิงหานชวนอุ้มเป๋าฮวนตรงออกไป

เป๋าฮวนซึ้งใจมาก ประทับใจอย่างสุดซึ้ง

“ยังทำสปาไม่เสร็จ ผมจะรอคุณตรงนี้ ผ่อนคลายให้เต็มที่ เรื่องอื่นปล่อยให้ซูอวี่จัดการ” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลงและจูบที่หน้าผากของเธอ

เป๋าฮวนพยักหน้าและนอนลงอีกครั้ง หมอนวดเป็นคนรู้จักวางตัว เธอไม่พูดอะไรที่ไม่ควรพูด ตั้งใจนวดให้เป๋าฮวน

เป๋าฮวนเพลิดเพลินกับการสปา แต่ก็ยังมีเรื่องวุ่นในใจ เธอยังคงสงสัยว่าหลีซืออวิ๋นเป็นคนที่อยากฆ่าเธอหรือเปล่า

เธอหวังว่าไม่ใช่อย่างที่คิด

เพราะตระกูลหลีและตระกูลเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หากหลีซืออวิ๋นเป็นฆาตกร ตระกูลเฟิงจะต้องลำบากใจอย่างแน่นอน เธอไม่ชอบความรู้สึกนี้ ไม่อยากให้ตระกูลเฟิงต้องลำบากใจ

เธออยากให้ฆาตกรเป็นคนที่เธอไม่รู้จัก

เฟิงหานชวนอยู่เป็นเพื่อนเป๋าฮวน มองไปที่ท่าทางที่สวยงามของผู้หญิง แต่เขาไม่มีความคิดเสน่หาใดๆ เขาเพียงมองดูโทรศัพท์ รอรายงานจากซูอวี่

ผ่านไปสักพัก ฝังฟังเองก็ทำสปาเสร็จแล้ว เมื่อเห็นว่าเป๋าฮวนยังไม่เสร็จ จึงริเริ่มเข้าไปหา

“คุณเป๋า คุณหุ่นดีมาก~” ฝังฟังเดินมาโดยไม่ได้รับเชิญ และนั่งลงข้างๆเป๋าฮวน เริ่มคุยกับเป๋าฮวน

เป๋าฮวนหัวเราะคิกคักสองครั้ง รู้ว่าฝังฟังกำลังพูดประจบเธอ เธอปฏิเสธว่า: “ฉันร่างเล็ก หุ่นของคุณฝังดีกว่า”

เพราะเธอไม่มีส่วนโค้งเหมือนหุ่นของฝังฟัง หุ่นของฝังฟังคือหุ่นที่ผู้ชายชอบที่สุด

“คุณเป๋า ฉันจะบอกความลับให้!” ฝังฟังก้มศีรษะลง เอนตัวไปที่หูของเป๋าฮวน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ฉันทำศัลยกรรมนมมา”

“ห๊ะ?” เป๋าฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง จ้องมองตรงไปที่นั้นอย่างประหลาดใจ: “ธรรมชาติมาก! ฉันคิดว่ามีตั้งแต่เกิด!”

“ฝีมือหมอคนนี้ดีมาก เพื่อนๆของฉันก็ทำที่นั่นหมดเลย ถ้าคุณเป๋าสนใจ ฉันพาคุณไปได้นะ” ใบหน้าของฝังฟังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ประจบประแจง

“อืม ไว้ฉันจะพิจารณาดูก่อน” เป๋าฮวนไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของฝังฟัง แต่เธอไม่มีความคิดเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมพวกนี้

เพราะเธอเป็นเหมือนเด็กน้อยที่กลัวความเจ็บปวด ไม่อยากถูกมีดบาดที่ตัวเธอ

“โอเค คุณเป๋า ถ้าสงสัยอะไร ปรึกษาฉันได้เลย ฉันมีประสบการณ์ด้านศัลยกรรมมามาก!” ฝังฟังพูดด้วยท่าทางพึงพอใจ

หมอนวดนวดเสร็จแล้ว เธอยืนขึ้นโค้งคำนับ แล้วพูดว่า: “คุณเป๋า เรียบร้อยแล้ว คุณนอนพักสักพักก็ได้ ฉันขอตัวก่อน มีอะไรเรียกฉันได้เลย”

พูดจบ เธอก็เดินออกจากห้องเงียบๆ

เป๋าฮวนไม่ได้นอนพักต่อ แต่ลุกขึ้นนั่ง มองไปที่เฟิงหานชวนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง กำลังจะตะโกนเรียกเขา แต่ฝังฟังนั่งอยู่ข้างๆ

เรื่องนี้ ไม่ให้คนอื่นรู้จะดีกว่า

“คุณฝัง คุณกลับไปก่อนไหม? ฉัน…ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณเฟิง” เป๋าฮวนพูดอย่างสุภาพ

ใบหน้าของฝังฟังแข็งทื่อ เธอเม้มริมฝีปาก จงใจถาม: “คุณเป๋า คุณไม่ไปช้อปปิ้งแล้วเหรอ?”

“วันนี้เหนื่อยมาก ฉันจะกลับไปพักผ่อน ขอบคุณที่ชวนนะ ถ้างั้นพรุ่งนี้ไปทานข้าวด้วยกันดีไหม?” เป๋าฮวนเป็นคนสุภาพ และเธอรู้สึกว่าเธอต้องชวนฝังฟางกลับ

เธอกำลังจะไปถ่ายรายการที่เมืองเหิงซื่อ วันนี้มีนัดมาทำสปากับฝังฟังจึงไม่ได้ไป

เริ่มแรกเธอแค่ใช้ฝังฟังเป็นข้ออ้าง เพราะไม่อยากกลับคฤหาสน์ แต่เธอรู้สึกว่าฝังฟังก็มีอารมณ์ขัน และเธอก็เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เธอคงไม่คิดอะไรกับเฟิงหานชวน เป็นเพื่อนกันไว้ก็ไม่เสียหาย

“โถ่ ฉันรบกวนคุณเป๋าหรือเปล่า เป็นเกียรติของฉันจริงๆ พรุ่งนี้เจอกันที่ห้างอวิ๋นตวน?” ฝังฟังถามอย่างตื่นเต้น

“ฮวนฮวน คุณลืมสถานการณ์ของคุณแล้วเหรอ? พรุ่งนี้ยังจะออกไปข้างนอกอีก?” ทันใดนั้น เสียงของผู้ชายก็ดังขึ้น

เป๋าฮวนงอปาก: "อืม… แต่จะเสียน้ำใจคุณฝัง… "

“คุณเป๋า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องเป็นพรุ่งนี้ก็ได้ คุณว่างเมื่อไหร่บอกฉันเราค่อยไปด้วยกัน เราก็มีวีแชทกันแล้วนิ ฉันว่างตลอด!” ฝังฟังเหลือบมองเฟิงหานชวน ใบหน้าเย็นชามาก เธอไม่กล้าทำให้ขุ่นเคือง

หลังจากพูดแบบนี้ เธอจากไปอย่างสิ้นหวัง มีเพียงเป๋าฮวนและเฟิงหานชวนที่อยู่ในห้อง

“อาหาน ซูอวี่ติดต่อคุณหรือยัง?” เป๋าฮวนลุกขึ้นยืนและเดินไปหาผู้ชาย

เฟิงหานชวนนั่งอยู่ริมหน้าต่าง แสงอาทิตย์ส่องมาที่เขา ราวกับว่าร่างกายของเขาเปล่งประกาย เขาดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ เป๋าฮวนพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเขาโดยตรง

กลิ่นมิ้นต์จางๆบนร่างของผู้ชาย ทำให้รู้สึกสดชื่น เป๋าฮวนสูดหายใจเข้าลึกๆหลายครั้ง

“ยังเลย เวลาเดินทาง บวกกับเวลาค้นหา ไม่น่าจะเร็วขนาดนั้น” เฟิงหานชวนยกมือขึ้น เหลือบมองดูนาฬิกาของเขา จากนั้นวางฝ่ามือใหญ่บนหลังผู้หญิง

เป๋าฮวนหันกลับมาและเอนหลังพิงแขนของผู้ชาย เกือบจะนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา กำลังอาบแดดอยู่ มีความรู้สึกสบาย

“อาหาน ทำสปาเสร็จแล้วนอนในอ้อมแขนของคุณ ฉันแทบจะหลับเลย” เป๋าฮวนยื่นมือออกและกางนิ้วทั้งห้าออกเผชิญแสงแดด ราวกับว่าเธอจับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าด้วยมือเดียว

เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง จูบที่หน้าผากของเธอ และพูดเบาๆว่า: "นอนเลย ผมจะอยู่เป็นเพื่อน"

“อืม” เป๋าฮวนพึมพำ แล้วหลับตาลง เธอต้องการเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกของการอาบแดด

หลังจากนั้นไม่นาน เป๋าฮวนก็ผล็อยหลับไป

เธอหลับไปไม่นาน ก็รู้สึกถึงโทรศัพท์สั่น เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นทันที

เฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย ขมวดคิ้วทันทีและพูดอย่างเคร่งขรึม: “เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ประธานเฟิง ที่บ้านตระกูลหลีไม่พบเฉินเจี๋ย คุณชายหลีและคุณนายหลี ดูเหมือนจะ…โกรธมากในตอนนี้” เสียงรายงานของซูอวี่

ใบหน้าของเฟิงหานชวนบึ้งตึง "เอาโทรศัพท์ให้พวกเขา"

“ครับ!” ซูอวี่ตอบกลับ

ทันใดนั้น เสียงดุของหลีเซ่าชิวดังขึ้นในวินาทีต่อมา: "อาหาน นี่นายหมายความว่ายังไง? ฉันเห็นนายตั้งแต่เด็กจนโต แต่นายให้คนมากมายขนาดนี้บุกเข้ามาบ้านของฉัน ไม่บอกไม่กล่าวสักคำ นายเห็นหัวพวกเราบ้างหรือเปล่า!”

“ผมขอโทษครับลุงหลี ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจ” เสียงของเฟิงหานชวนต่ำแต่มั่นคง ขอโทษหลีเซ่าชิว

“แหวกหญ้าให้งูตื่น! นายคิดว่าเราให้ที่พักพิงกับคนร้ายเหรอ? หานชวน ต่อให้นายจะไม่ชอบอวิ๋นเอ่อร์ ก็ไม่ควรสงสัยเธอมากขนาดนี้ พวกเราเคยทำไม่ดีกับนายงั้นเหรอ!” เสียงของหลีเซ่าชิวและคุณนายหลีดังมาพร้อมกัน

“ลุงหลี คุณป้า ได้โปรดใจเย็นๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ขุ่นเคือง ผมแค่ต้องการค้นหาความจริง” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนดูสงบ

“ตอนนี้นายทำให้เราขุ่นเคืองแล้ว! เพื่อผู้หญิงคนเดียว ที่ชื่อเป๋าฮวน นายไม่เอาญาติไม่เอาอะไรทั้งนั้นแล้วใช่ไหม? เป๋าฮวนบอกให้นายมาหาเฉินเจี๋ยที่บ้านเราใช่ไหม? อวิ๋นเอ่อร์เป็นเพื่อนนายตั้งแต่เด็ก นายทำกับเธอแบบนี้เหรอ?!” น้ำเสียงของหลีเซ่าชิวโกรธมากขึ้น

เฟิงหานชวนหรี่ตาลงเล็กน้อยและน้ำเสียงเย้ยหยัน: "ลุงหลี พวกคุณซ่อนเฉินเจี๋ยไว้ที่ไหน?"

หมอนวดผู้หญิงร้องอุทานและรีบพูดว่า: "ดูเหมือนว่าจะชื่อเฉินเจี๋ย ใช่ค่ะ คุณคุณหลีเรียกเขาว่าเฉินเจี๋ย"

"ดูเหมือนพวกเขาจะสนิสนมกันมาก แต่เฉินเจี๋ยน่าเกลียดมาก พวกเราจึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นแฟนของคุณหลี" เธอกลอกตาและลังเลที่จะพูด: "น่าจะเป็น…"

เป๋าฮวนลุกขึ้นนั่ง เธอมองไปทางเฟิงหานชวนแล้วพูดว่า: "ตอนเช้าเธอไม่ได้พูดถึงมันกับคุณเหรอ? ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉินเจี๋ยเป็นยังไง น่าจะสนิทสนมกันดีนะ แล้วในสปา…"

"เอ่อ น่าสนใจดีนะ"เป๋าฮวนพูดเสริม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

อย่างไรก็ตามหลีซืออวิ๋นและเฉินเจี๋ย นอกเหนือจากปัจจัยอื่นๆแล้ว รูปลักษณ์และภาพลักษณ์ของพวกเขาก็ไม่ได้เข้ากันเลย

แต่ว่าหลีซืออวิ๋นอาจชอบสไตล์ของเฉินเจี๋ยก็ได้

"อย่างไรก็ตาม มันแปลกที่จะบอกว่าฉันคิดว่าคุณหลีรังเกียจคุณเฉินคนนั้น แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงยังอยากอยู่กับเขา…"หมอนวดผู้หญิงขมวดคิ้วและถามคำถามของเธอ

เธอเป็นคนที่สังเกตคำพูดของคนและรู้ว่าเป๋าฮวนกับเฟิงหาชวนสนใจในเรื่องนี้และจะไม่เอาไปบอกกับหลีซืออวิ๋น ดังนั้นเธอจึงกล้าที่จะนินทากับพวกเขา

"รังเกียจ?"สีหน้าที่น่าเหลือเชื่อปรากฏบนใบหน้าของเป๋าฮวน เธอถามว่า: "รังเกียจเหรอ? เธอน่าจะชอบไม่ใช่เหรอ? ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ยอมเป็นเพื่อนกับเขาหรอก! "

"คือ…..ฉันพูดอะไรมากไม่ได้ ฉันรู้สึกว่าจริงๆแล้วคุณหลีรู้สึกรังเกียจเขามาก ดูเหมือนว่าเธอจะถูกบังคับนิดหน่อย! ตอนนั้นพวกเรายังคงเดาๆกันอยู่ว่าทำไมผู้หญิงที่มีบุคลิกอย่างคุณหลีถึงยอมผูกมัดตัวเองกับผู้ชายเตี้ยๆคนนั้น? "หมอนวดผู้หญิงซุบซิบ

"ผูกมัด?"เป๋าฮวนและเฟิงหาชวนส่งเสียงออกมาเกือบจะพร้อมๆกัน

ทำไมหลีซืออวิ๋นถึงอยู่กับเฉินเจี๋ย ถ้าไม่ได้เต็มใจ งั้นแสดงว่ามีอะไรผูกมัด แล้วมีอะไรที่ต้องผูกมัดล่ะ?

เป๋าฮวนนึกถึงสายตาของหลีซืออวิ๋นในทันที สายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังแบบนั้น เป็นไปได้ไหมว่า…หลีซืออวิ๋นเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง?

ดังนั้นแล้วเฉินเจี๋ยใช้สิ่งนี้เพื่อบังคับให้หลีซืออวิ๋นอุทิศตัวให้กับเขา?

การแสดงออกของเฟิงหาชวนดูมืดลงจนสุดขั้ว ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างออกและเรียกซูอวี่ทันที: "ส่งคนไปที่บ้านตระกูลหลีเพื่อค้นหาอีกครั้ง ดูว่าเฉินเจี๋ยอยู่ที่ไหน"

"ประธานเฟิง คุณหมายถึงบ้านของหลี่เซ่าชิวและหลี่ตงเหรอ? บ้านของคุณหลี? "ซูอวี่ยืนยัน

"อืม ส่งคนไปทันที เฉินเจี๋ยน่าจะซ่อนตัวอยู่ในบ้านตระกูลหลี"เฟิงหานชวนสั่ง

"ครับ ประธานเฟิง!"

หลังจากวางสาย ดวงตาสีดำอันเยือกเย็นของเฟิงหาชวนก็หรี่ลงเล็กน้อย เมื่อมองไปในระยะไกล เขาถือโทรศัพท์ด้วยมือข้างหนึ่ง สายตาของเขาดูเย็นชา

"ตรวจสอบที่อยู่ของเฉินเจี๋ย? ผู้ชายคนที่ชื่อเฉินเจี๋ย หายสาบสูญไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ? "หมอนวดผู้หญิงถามด้วยความสงสัย

"สิ่งที่เราคุยกันวันนี้ ห้ามพูดออกไป"เฟิงหานชวนมองย้อนกลับไปที่ผู้หญิงคนนั้น

หมอนวดผู้หญิงตัวสั่นและพยักหน้าอย่างรวดเร็วและไม่กล้าพูดอะไรอีก

เป๋าฮวนยืนขึ้นและเดินไปทางเฟิงหานชวน เธอจับแขนของเขาแล้วเอนศีรษะไปอิงที่ไหล่ของเขา: "คุณสงสัยไหมว่าทำไมหลีซืออวิ๋นถึงทำอย่างนั้น?"

"มันเป็นไปได้มากเพราะเธออยากแต่งงานกับผมมาตลอด"เฟิงหานชวนไม่เคยคิดมากมาก่อน แต่ตอนนี้คำพูดของหมอนวดผู้หญิงทำให้เขาเชื่อมั่นในความสงสัยนี้

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว: "ถ้าไม่ใช่ล่ะ มันจะไม่น่าอายหรือเปล่า?"

"ฮวนฮวน ผมยอมฆ่าคนผิด ดีกว่าปล่อยศัตรูที่แท้จริงไป"เฟิงหาชวนมองลงมาที่เธออย่างเสน่หา: "ในสายตาของผม ความปลอดภัยของคุณสำคัญที่สุด"

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เธอก็หันมาด้วยความสงสัย เธอมองไปที่เฟิงหานชวนที่ยืนขึ้นและถามว่า: "คุณเป็นอะไรไป?"

น้ำเสียงที่ไพเราะของหญิงสาวนั้นดูไร้เดียงสา และเธอไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองได้สร้างสถานการณ์ใดๆขึ้นในตอนนี้

"ผมจะออกไปสูบบุหรี่"เฟิงหานชวนพยายามที่จะยับยั้งไฟในตัวของเขาและใช้ขาเรียวของเขาก้าวเดินไปที่ประตู

ในขณะเดียวกันเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขามองไปที่โทรศัพท์มือถือและเห็นว่าเป็นเสียงเรียกเข้าจากหลีซืออวิ๋น จากนั้นเขาก็รับสายทันที

"หานชวน วันนี้ฉันติดต่อเฉินเจี๋ยตลอดทั้งวัน แต่ทำไมฉันถึงติดต่อเขาไม่ได้เลย คุณเห็นเขาบ้างไหม? ไม่รู้ว่าเขาไปไหนแล้ว! "เสียงของหลีซืออวิ๋นดูกังวลมาก เหมือนกับว่าเธอไม่รู้อะไรเลย ราวกับเธอถูกขังอยู่ในความมืด

แต่ในความเป็นจริงเฉินเจี๋ยกำลังคุกเข่าอยู่ข้างหน้าเธอ

"ผมยังไม่พบที่อยู่ของเขา ถ้าเขาติดต่อคุณมา อย่าลืมนะว่าให้บอกผมทันที"เสียงของเฟิงหานชวนเย็นลงและความร้อนในร่างกายของเขาก็หายไปในทันใด

ตอนนี้ยังจับฆาตกรไม่ได้และเขาก็ไม่ควรคิดเรื่องนั้น มิฉะนั้นเป๋าฮวนจะตกอยู่ในอันตราย

หลังจากวางสาย เขาก็ไม่ได้ออกจากห้องสปาแต่นั่งลงตรงที่ข้างๆหน้าต่างอีกครั้ง

"หานชวน เมื่อกี้ใครโทรมาเหรอ?"เนื่องจากเฟิงหานชวนไม่ได้ใช้สปีกเกอร์โฟน เป๋าฮวนจึงถามด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าใครโทรมาหาเฟิงหานชวน

"หลีซืออวิ๋น เธอติดต่อกับเฉินเจี๋ยไม่ได้"เฟิงหานชวนตอบ

"อ่อ โอเค"เป๋าฮวนรู้สึกว่ามันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเธอเท่าไหร่ ดังนั้นจึงแค่ตอบและนอนลงอีกครั้งอย่างเชื่อฟัง

ในตอนนี้หมอนวดผู้หญิงดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก เธอถามด้วยรอยยิ้มว่า: "คุณหลีซืออวิ๋นที่คุณพูดถึงคือคุณหลีจากตระกูลหลีใช่ไหมคะ?"

"อืม ใช่"เป๋าฮวนตอบกลับ

"คุณหลีมาที่นี่บ่อยด้วยนะคะ เธอมีหุ่นที่ดีและมีบุคลิกที่ดีเป็นพิเศษ หมอนวดของเราต่างจำเธอได้"หมอนวดผู้หญิงกดขาของเป๋าฮวนและพูดคุยไปด้วย: "คุณหลีน่าจะมีเสปกที่สูงมาก ปีนี้เธอก็ค่อนข้างจะมีอายุแล้วและฉันได้ยินมาว่าเธอยังไม่เคยคบกับใคร"

"อา~ เธอน่าจะมีเสปกที่สูงมาก เพราะเธอเก่งมาก"เป๋าฮวนพูดคุยแบบไม่ได้คิดอะไรมาก

"อ้อใช่ ก่อนหน้านี้มีผู้ชายคนหนึ่งมาหาคุณหลี ตอนนั้นพวกเราคิดว่าเป็นผู้ช่วยหรือบอดี้การ์ดของเธอ แต่คุณหลีก็ได้สั่งแพ็กเกจสปาให้กับเขา แล้วหลังจากนั้น…"จู่ๆหมอนวดผู้หญิงก็หยุดพูด

เป๋าฮวนเริ่มสนใจและรีบถามออกไปอย่างรวดเร็ว: "เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?"

ว่ากันว่าผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเรื่องซุบซิบและเป๋าฮวนก็เช่นกัน

"หลังจากที่คุณหลีนวดเสร็จก่อน เธอก็ไปหาผู้ชายคนนั้นและหมอนวดผู้ชายก็ถูกผู้ชายคนนั้นไล่ออกไปและบอกว่าต้องการคุยกับคุณหลี จากนั้นทั้งสองคนก็อยู่ข้างในเป็นเวลานาน หลังจากออกมาเพื่อนร่วมงานผู้ชายของฉันก็เข้าไปจัดการและบอกว่ามีอะไรบางอย่าง พวกเราก็เลยเดาๆกันเอาเอง"หมอนวดผู้หญิงไม่กล้าพูดตรงๆ ดังนั้นเธอจึงพูดอ้อมๆ

อย่างไรก็ตามแม้จะพูดอ้อมๆ แต่ทั้งเป๋าฮวนและเฟิงหานชวนก็เข้าใจมันอย่างชัดเจน

เป๋าฮวนถามทันทีว่า: "ผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง? เตี้ยๆผอมๆดูน่าเกลียดและดูโกโรโกโสหรือเปล่า? "

"ห้ะ? ใช่! จริงๆแล้วก็แต่งตัวดีมาก ตอนแรกพวกเราก็คิดว่าเป็นผู้ช่วยคุณหลี คุณเป๋า คุณรู้จักผู้ชายคนนั้นเหรอคะ? เขาเป็นแฟนของคุณหลีเหรอคะ? เธอบอกตลอดเลยว่าเธอโสด ไม่มีแฟน และไม่มีความรัก"หมอนวดผู้หญิงจุดประกายจิตวิญญาณแห่งการนินทาขึ้นมาทันที

ในขณะเดียวกันเสียงต่ำๆของผู้ชายก็ขัดจังหวะการสนทนาของพวกเธอ: "หลีซืออวิ๋นกับผู้ชายคนนั้นดูสนิทสนมกันมากไหม?"

มันเป็นเรื่องยากที่เป๋าฮวนจะทำตัวออดอ้อนแบบนี้

ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงทำตามที่เธอต้องการเพราะเขาชอบที่เธอเป็นแบบนี้

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ ร้านเสริมสวยหวงจิน

ในห้องวีไอพี เป๋าฮวนนอนอยู่บนเบาะและหมอนวดอายุประมาณสามสิบปีก็เดินเข้ามาพร้อมกับชา

ภายในห้อง นอกจากหมอนวดที่เพิ่งเข้ามาแล้ว ก็มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นคือเป๋าฮวนและเฟิงหานชวน

ฝังฟังที่ถูดจัดให้ไปอยู่อีกห้องหนึ่ง เธอรู้สึกโกรธมากจนไม่สามารถรู้สึกเพลิดเพลินไปกับการทำสปาได้

เธอจ่ายเงินตั้งแพงเพื่อจองห้องแบบเตียงคู่ โดยคิดว่าจะได้เพลิดเพลินไปกับการทำสปากับเป๋าฮวนและสามารถพูดคุยเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ไปกับเป๋าฮวนได้ ที่ไหนได้เฟิงหานชวนไม่ได้ให้โอกาสนี้กับเธอเลย

หมอนวดผู้หญิงที่นั่งยองๆข้างเบาะมองไปยังผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขาดูสูงส่งและเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เหลือล้น

แต่เมื่อมองไปยังผู้หญิงที่นอนอยู่บนเบาะ เธอน่าจะเป็นแฟนของผู้ชายคนนั้น ดังนั้นเธอจึงเลิกคิด

“คุณผู้หญิง ดื่มชาหน่อยไหมคะ?"หมอนวดผู้หญิงพูดด้วยความนอบน้อม

พวกเธอรู้วิธีในการพูด ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ก็มาเพื่อเพลิดเพลินไปกับการทำสปาและก็จะมีประเภทที่มาพร้อมกับผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นใครพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะละเลยลูกค้า

เมื่อได้ยินเสียงเป๋าฮวนก็โยนโทรศัพท์ทิ้งทันที เธอลุกขึ้นนั่งไขว่ห้างและหยิบชาจากหมอนวดผู้หญิงแล้วค่อยๆจิบ

ชามีกลิ่นสมุนไพร แต่แก้ความรู้สึกเลี่ยนจากการกินเนื้อสัตว์มากเกินไปในตอนเที่ยงได้ เป๋าฮวนรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเบาลงมาก

"อาหาน ทำไมเมื่อกี้คุณถึงไล่ฝังฟังไป? ฉันทำสปาคนเดียวมันค่อนข้างที่จะน่าเบื่อนะ และนี่มันก็เป็นห้องคู่ เธอมากับฉันมาแล้วมันจะเป็นอะไร? "เป๋าฮวนวางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยเบาๆ

เฟิงหานชวนนั่งข้างหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน เนื่องจากไม่มีเก้าอี้อยู่ในห้องเขาจึงต้องนั่งลงบนพื้น ขาเรียวของเขาวางอย่างสบายๆ ภายใต้แสงแดดที่ส่องประกายเขาเหมือนกับเทพบุตรที่กำลังอาบแดดอยู่

เฟิงหานชวนที่กำลังดูไฟล์บนโทรศัพท์มือถือของเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ คิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อย: "คุณต้องการให้ผมมองผู้หญิงคนอื่นทำสปาอย่างนั้นเหรอ?"

หลังจากที่เป๋าฮวนและฝังฟังมาถึง พวกเธอถูกพาไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ดังนั้นนอกจากเสื้อผ้าบางๆที่เตรียมไว้แล้ว ข้างในนี้ก็มีสภาพความดันอากาศค่อนข้างต่ำ

โดยเฉพาะหลังจากการทำสปา บางท่าทางมันค่อนข้างจะ… เป๋าฮวนเมื่อสักครู่คงคิดไม่ถึง แต่ตอนนี้เธอเข้าใจในทันทีแล้ว

เพราะเธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะมากับเธอ ดังนั้นเธอจึงเพิกเฉยต่อสิ่งนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ไม่อาจปล่อยให้เฟิงหานชวนเห็นทรวดทรงองค์เอวของผู้หญิงคนอื่นได้แน่ๆ!

"อืม คุณทำดีมาก"เป๋าฮวนพยักหน้าและพูดด้วยความพึงพอใจ

เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

เขาโดนชมเหรอ?

เป๋าฮวนหันกลับมานอนบนเบาะอีกครั้ง เมื่อหมอนวดผู้หญิงเห็นก็ถามอย่างรวดเร็วว่า: "คุณผู้หญิงคะ จะเริ่มเลยใช่ไหมคะ?"

"อืมๆ เริ่มได้เลย"เป๋าฮวนตอบกลับ

หมอนวดผู้หญิงวางถ้วยชาไว้ข้างๆและมาที่ฝั่งของเป๋าฮวน จากนั้นก็เริ่มนวดที่หลังและคอของเธอ

เมื่อเพิ่มความแรงในการนวด เสียงครางเบาๆเล็ดลอดออกมาจากปากของเป๋าฮวนราวกับลูกแมวตัวน้อยๆหายใจแรงๆ แบบนี้มันทำให้เขารู้สึกไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

แม้ว่าเฟิงหานชวนจะกำลังมองไปที่โทรศัพท์มือถือของเขา แต่เขาไม่ได้โฟกัสที่จะอ่านเอกสารอีกต่อไปและรู้สึกว่ามีไฟออกมาจากร่างกายของเขา

ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ แม้แต่นวดก็ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้!

เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่อยู่ไม่ไกล ในขณะเดียวกันหมอนวดผู้หญิงก็ได้เปิดเสื้อของเธอและเผยให้เห็นแผ่นหลังสีขาวและเอวบางๆของเธอ ซึ่งกระตุ้นประสาทของเขามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

เฟิงหานชวนลุกขึ้นยืนทันที

เฟิงหานชวนเริ่มแข็งทื่อ และถึงกับสงสัยว่าหูฝาดไปเอง

“ฮวนฮวน เมื่อครู่คุณพูดว่าอะไรนะ?” เขาถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ห๊ะ!” เป๋าฮวนผลักเขาออก เม้มปากแล้วพูดว่า: “คุณก็ได้ยินแล้ว ยังจงใจให้ฉันพูดอีกรอบเหรอ? คนเลว!”

เธอทิ้งคำพูดนี้ไว้ หันหลังกลับและเดินออกไป

เฟิงหานชวนตะลึงอยู่หลายวินาที จากนั้นก็หัวเราะอย่างตะลึงงัน แล้วรู้สึกตัวและตามหลังไปทันที

ขณะที่เป๋าฮวนนั่งลง เฟิงหานชวนก็เข้ามา ใบหน้าที่แดงนั่งลงข้างๆเธอ

เธอหันศีรษะและจ้องไปที่เขา ชายหนุ่มขดริมฝีปากและแกล้งยั่วอย่างจงใจ: "ฮวนฮวน คุณหิวไม่ใช่หรือ? ตอนเที่ยวทานมากหน่อย ทานให้อิ่มหน่อย"

“คุณเป๋า อาหารพอไหม? คุณต้องการสั่งอาหารเพิ่มไหม?” ได้ยินเฟิงหานชวนพูดว่าเป๋าฮวนหิว ฝังฟังถามเป๋าฮวนอย่างใส่ใจขึ้นทันที

ตอนนี้ในสายตาของเธอ เฟิงหานชวนไม่ใช่จุดสำคัญ เป๋าฮวนถึงจะเป็นจุดสำคัญของเธอ เธอต้องการผูกมิตรกับเป๋าฮวน

“ไม่ต้องแล้วคุณฝาง อาหารที่คุณสั่งไปเมื่อครู่มากแล้ว ไม่ต้องเพิ่มแล้ว” เป๋าฮวนเห็นฝังฟังสั่งอาหารด้วยตาของเธอเอง เธอกังวลจริงๆว่าโต๊ะจะไม่สามารถวางจานอาหารเหล่านั้นได้

ไม่นาน กับข้าวก็ขึ้นมาทีละจาน

เฟิงหานชวนรู้รสชาติอาหารของเป๋าฮวน จึงเป็นคนเริ่มคีบผักให้เธอ ราวกับจะป้อนอาหารให้เธอ และต้องการจะเลี้ยงเธอให้อิ่มหนำสำราญ

เป๋าฮวนมองดูเฟิงหานชวนคีบเนื้อให้เธอเต็มจาน เธอไม่ทันกินเลยด้วยซ้ำ เธอจ้องมองเขาขณะที่เคี้ยว

เมื่อเห็นทั้งสองคนท่าทางดูเหมือนงอนกัน ฝังฟังรู้สึกงงงวยจริงๆ และถามด้วยความสงสัย: "คุณเป๋า คุณชายสาม คุณสองคน……ทะเลาะกันหรือ?"

“เปล่า” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน

“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณ……” ฝังฟังกำลังสับสนอยู่ในขณะนี้

“เขาอยากจะป้อนฉัน ฉันรังเกียจเขา” เป๋าฮวนตอบเสียงคลุมเครือเพราะยังมีอาหารอยู่ในปาก

“โอเค” ฝังฟังรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนทำให้เธอสงสัยอย่างหนัก

หลังอาหารกลางวัน เธอไม่สามารถหาโอกาสพูดคุยเข้าใกล้กับเป๋าฮวนได้ เพราะปากของเป๋าฮวน เคี้ยวอาหารไม่หยุดเลย

อาหารจานหลังๆยังไม่มา เป๋าฮวนทานไม่ไหวแล้วเธอลูบที่ท้องกลมเล็กของตัวเอง ทั้งตัวพิงที่ร่างของเฟิงหานชวน

“ไม่กินแล้ว ไม่กินแล้ว คุณอยากให้ชั้นท้องแตกตายใช่ไหม?” เธอมองหน้าด้านข้างของชายหนุ่มและถามเขา

“คุณอิ่มจนท้องแตกตาย ผมควรทำยังไง? ผมจะหาใครมาจับเวลาได้หล่ะ?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความคลุมเครือ

เป๋าฮวนหน้าแดงและขู่นิดนึง ห้ามลืมตาและอย่ามองเขา

ฝังฟังนั่งอยู่ตรงข้าม เช็ดปากด้วยกระดาษทิชชู่ ดูการกระทำของคนสองคนที่อยู่ตรงข้าม เธอยังคงสับสนงุนงงอย่างยิ่ง

“คุณเป๋า อิ่มแล้วอยากเดินเล่นไหม? ไม่งั้นเราไปช้อปปิ้งในห้างกันไหม? หรือไปทำสปาเพื่อให้ผ่อนคลาย” ฝังฟังไม่อยากปล่อยโอกาสทิ้งไป วันนี้เธอต้องทำความคุ้นเคยกับเป๋าฮวนขึ้นมาให้ได้ ดังนั้นเธอจึงแนะนำอย่างกระตือรือร้น

“สปา?” ดวงตาของเป๋าฮวนเป็นประกายขึ้นทันที เธอรู้สึกเมื่อยไปทั้งตัว และเธอต้องการผ่อนคลายจริงๆ

“ใช่ ฉันมีบัตรวีไอพีของร้านเสริมสวยหวงจิน คุณเป๋าฉันขอเลี้ยงคุณ การบริการและสภาพแวดล้อมที่นั่นยอดเยี่ยมมาก” ฝังฟังตื่นเต้นมากเมื่อเห็นว่าเป๋าฮวนสนใจ

เป๋าฮวนหันศีรษะและมองไปที่เฟิงหานชวน สีหน้าของเฟิงหานชวนหมองลงและดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย

“ฉันจะไปทำสปาเพื่อให้ผ่อนคลาย คุณจะไปกับฉันไหม?” เป๋าฮวนคว้าแขนของเฟิงหานชวนและถามอย่างรวดเร็ว

“ไป” แน่นอนว่าเขาต้องไป ไม่อย่างนั้นเขาจะวางใจให้เป๋าฮวนอยู่กับคนแปลกหน้าได้อย่างไร

ไม่เพียงแต่เขาจะไปด้วยเท่านั้น แต่เขายังต้องจัดกลุ่มบอดี้การ์ดให้ไปคุ้มกันที่ร้านเสริมสวยด้วย

เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นและจูบที่แก้มของชายคนหนุ่ม: "อาหาน คุณดีที่สุดเลย~"

“เฟิงหานชวน คุณไร้ยางอาย!” เป๋าฮวนด่าอย่างโกรธเคือง

นับนาทีอะไร เฟิงหานชวนไร้ยางอายเกินไปแล้ว!

“ผมไร้ยางอาย?” เฟิงหานชวนโน้มตัวเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นและถามเบาๆ “หน้าผมไม่มีแล้ว

ยังต้องการหน้าอยู่อีกไหม?”

“เอ่อ……” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เป๋าฮวนจู่ๆก็พูดตอบไม่ออก

เฟิงหานคนพูดถูก หน้าของเขาทิ้งหายไปแล้วจริงๆ และเป็นการกระทำของเธอ

“ทำไม พูดไรไม่ออกแล้วหรือ?” เฟิงหานชวนขดริมฝีปากและถามแบบบังคับ

เป๋าฮวนเม้มปาก ยื่นมือออกไปทุบหน้าอกของชายหนุ่มเบาๆ และกระซิบว่า “อัยยะ ฉันทำเพื่อคุณหรอก~”

“เหรอ? เพื่อผมหรือ?” เฟิงหานชวนก้มศีรษะและเอาปลายจมูกเขาแตะกับปลายจมูกของเธอ

ความรู้สึกที่จั๊กจี้ทำให้ใบหน้าของเป๋าฮวนแดงก่ำ และเธอก็รีบอธิบายว่า: "ฉันสร้างข่าวลือเพื่อป้องกันไม่ให้คุณถูกคนอื่นแอบอ้าง~ คุณโกรธหรือเปล่า?"

"ออ ถ้าคุณโกรธถือว่าคุณไม่เห็นความสำคัญของฉัน คุณเห็นหน้าตัวเองสำคัญ เชอะ!”

พูดจบ เป๋าฮวนก็ทำเสียงฮึ่ม

เมื่อเห็นท่าทางหึงหวงของเธอ ปากบูดบึ้งขึ้น เหมือนแมวน้อยตัวหนึ่งที่ทุกข์ทรมาน ทำให้ทนไม่ได้อยากจะเอาใจใส่เธอ

ลูกกระเดือกของเฟิงหานชวนขยับ แล้วกดที่ปากของหญิงสาวโดยตรง

“อืม……” เป๋าฮวนเบิกตากว้างทันที

ที่นี่เป็นสถานที่สาธารณะ หรือว่าเฟิงหานชวนจะจับเวลาที่นี่เหรอ?

เธอยื่นมือออกไปผลักชายหนุ่ม เฟิงหานชวนปล่อยเธอและยิ้ม แล้วพูดว่า: "ไม่ต้องกังวล แค่จูบจุ๊บเดียว"

“โอ้” เป๋าฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที กระพริบตาสองสามครั้ง ไม่ทันตั้งสติ “ฉันก็นึกว่า……”

"คุณนึกว่าอะไร? ผมจะจับเวลาที่นี่?” เฟิงหานชวนอดหัวเราะไม่ได้

เป๋าฮวนหน้าแดง พยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม”

“ผมไม่ได้วิปริตขนาดนั้น” หน้าผากของเฟิงหานชวนเข้มขึ้น เขาจะทำอย่างนั้นกับเป๋าฮวนในที่แบบนี้ได้อย่างไร

“คุณเป็น” เป๋าฮวนพูดยืนยัน

เฟิงหานชวน:?

“ฮวนฮวน คุณพูดให้ชัดเจนว่าผมเป็นยังไง?” เดิมทีเขาต้องการปล่อยหญิงสาว แต่เขาก็โอบเอวบางของเธอทันที

“อ๊ะ!” เป๋าฮวนอุทานออกมาและรีบพูดว่า “คุณเป็น! คุณเป็นคนวิปริต ถ้าคุณไม่ได้วิปริต คุณก็จะไม่อยู่หน้ากระจก…..”

เป๋าฮวนไม่มีหน้าจะพูดถึงคำต่อไปอีก

ใบหน้าเล็กของหญิงสาวนั้นแดงแล้ว แดงมาก ราวกับว่าเลือดจะไหลออกมาได้

เมื่อมองดูท่าทางเช่นนี้ของเธอ เฟิงหานชวนมีความรู้สึกอยากจะอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำจริงๆ จากนั้น……

แต่ว่า เขาจะไม่ทำเช่นนี้

เขาจะไม่ปฏิบัติต่อฮวนฮวนแบบนั้นในที่สาธารณะ เพราะเธอไม่ใช่เครื่องมือทางกายภาพของเขา แต่เป็นผู้หญิงที่อยากพะเน้าพันออยู่ในหัวใจของเขา

“นั่นมันอยู่ที่ห้องเปลี่ยนเสื่อผ้าของเรา เป็นสถานที่ที่เป็นของเรา แม้แต่กระจกบานน้้นก็เป็นของเรา” เฟิงหานชวนยกมือขึ้นช่วยหญิงสาวปัดผมที่ยุ่งและอธิบายว่า: “ถ้าตอนนี้ผมคุณเข้าไปในห้องน้ำสาธารณะแบบนี้แล้วจับเวลา อย่างนั้นผมถึงจะเป็นคนวิปริต”

ทันใดนั้นเป๋าฮวนก็ตะลึง

สำหรับเธอแล้วฟังที่เฟิงหานชวนพูดก็มีเหตุผล

ถ้าเขาไม่สนใจจริงๆ เขาอาจจะพาเธอเข้าไปในห้องน้ำแล้วจริงๆ แต่เขาไม่ทำ

ดังนั้นเขาเป็นห่วงความคิดของเธอ

ส่วนกระจกในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน ถือซะว่าเขาเล่นสนุกไม่ว่าเขาวิปริตแล้ว

“รับทราบค่ะ” เธอทำท่าพยักหน้า

“เข้าใจแล้วจริงๆหรือ?” เฟิงหานชวนกังวลว่าเธอจะเข้าใจผิดในตัวเขา อย่างไรก็ตามในด้านนี้เขาเคยเสียเปรียบมามากแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะความเข้าใจผิด ทั้งสองก็จะไม่แยกจากกันเป็นเวลานานถึงสามปี

“เข้าใจ เข้าใจแล้ว” เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มและพูดอย่างจริงใจว่า: “คราวนี้ฉันเข้าใจแล้วจริงๆ”

เฟิงหานชวนถอนหายใจอย่างโล่งอกและพูดอย่างพึงพอใจว่า: “เพียงแค่คุณไม่เข้าใจผมผิดก็พอแล้ว”

“อาหาน เป็นการลงโทษฉันที่ใส่ร้ายคุณ พวกเรา……” เป๋าฮวนยื่นลิ้นออกมา เขย่งปลายเท้า กระซิบด้วยเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น ว่า: “จับเวลาในห้องน้ำตอนกลางคืนได้”

“คุณเป๋า คุณน่าสนใจจริง ๆ ……” ฝังฟังต้องกัดฟันชื่นชมออกไป ซึ่งในความเป็นจริงตกใจจนขนลุกต่างหาก

เธอรู้ข่าวใหญ่ขนาดนี้ จะถูกเฟิงหานชวนฆ่าปิดปากไหมเนี่ย?

ทันใดนั้น จู่ ๆ ฝังฟังก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นก็พูดออกไปด้วยความตกใจว่า : “เดี๋ยวนะ คุณเป๋า คุณแซ่เป๋า? คุณเป็นคนประเทศเฉิน?”

“ใช่ค่ะ! ที่ฉันมาหาคุณครั้งนี้ก็เพื่อมาถามเรื่องนี้กับคุณ เฉินเจี๋ยและคุณเคยได้ยินเรื่องราวของตระกูลเป๋ามาแล้วใช่ไหม?” เป๋าฮวนรีบกลับมาแสดงท่าทีเคร่งขรึมทันที ไม่ได้เยาะเย้ยอีก

ฝังฟังอึ้งงันไป จากนั้นก็พยักหน้า และมองไปทางเฟิงหานชวนที่แสดงสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะรีบตอบกลับไปว่า : “ใช่ค่ะ เฉินเจี๋ยและฉันเคยได้ยินเรื่องตระกูลเป๋ามาแล้ว ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ฉันรู้จักกับเป๋าอวี้ คุณเป๋า เป๋าอวี้เป็นคนแบบไหนเหรอคะ?”

“เป๋าอวี้? ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันละกัน” เป๋าฮวนเคยเจอเขาอยู่สองสามครั้ง รู้สึกว่าเขานั้นเอ้อระเหยลอยชาย และเจ้าเล่ห์เป็นที่สุด

ลุงเป๋าเฉินเคยเล่าเรื่องของเป๋าอวี้คนนี้ให้เธอฟัง เป๋าอวี้คนนี้ลอยชายไปลอยชายมาไม่ยอมทำงาน ประเด็กหลักก็คือหวังแต่เงินปันผลของตระกูลเป๋า ไม่ยอมทำงาน

“พระเจ้า เป๋าอวี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณอย่างไม่น่าเชื่อ!” ฝังฟังข่มความประหลาดใจไว้ในใจ จากนั้นก็เอ่ยถามหยั่งเชิงออกไปว่า : “คุณเป๋า คุณเป็นคนในตระกูลเป๋าหรือว่าเป็นญาติทางสายเลือดของตระกูลเป๋าคะ?”

“เรื่องนี้ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณ เรามาหาคุณในครั้งนี้ก็เพื่อหวังอยากให้คุณเล่าเรื่องของเฉินเจี๋ยอย่างละเอียด” สีหน้าของเป๋าฮวนจริงจังมาก น้ำเสียงยิ่งน่าทึ่งเข้าไปใหญ่

ไม่ได้มีท่าทางขี้เล่นเหมือนเมื่อสักครู่แต่อย่างใด ซึ่งนั้นทำให้ฝังฟังตื่นตกใจไม่น้อย

เธอรู้สึกได้ว่าเป๋าฮวนไม่ใช่คนที่จะเข้าไปยุ่งง่าย ๆ ออร่าของเธอนั้นแตกต่างจากเป๋าอวี้โดยสิ้นเชิง เธอมั่นใจมากพอ เป๋าฮวนน่าจะเป็นสายเลือดที่แท้จริงของตระกูลเป๋า

“คืออย่างนี้คะ คุณเป๋า จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้คุยอะไรกับเฉินเจี๋ยหรอกค่ะ ตอนนั้นเฉินเจี๋ยโทรศัพท์มาหาฉัน ฉันยังคิดอยู่เลยว่าเป็นเรื่องของสามีฉันและชู้คนนั้นได้ถูกตรวจสอบแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะถามถึงสถานการณ์ของตระกูลเป๋าอย่างฉับพลัน เล่าตอนที่เราเรียนอยู่ที่ประเทศเฉิน เล่าตอนที่เป๋าอวี้เป็นศิษย์เก่ากับเรา”

ฝังฟังเกิดอาการสั่นเทิ้มในใจ แต่ก็ยังพูดต่อว่า : “ฉันไม่ได้สนิทกับเป๋าอวี้ แต่ตอนที่คุณหนูของฉันเรียนอยู่ที่นั่น ก็เคยคบหาดูใจกับเป๋าอวี้มาก่อน ถึงแม้ว่าป๋าอวี้จะเป็นคนในตระกูลเป๋า แต่ก็เป็นญาติทางสายเลือด ไม่มีเงินมาให้พี่น้องของฉันหรอก ต่อมาทั้งสองคนก็เลิกรากัน ฉันพูดเรื่องนี้กับเป๋าอวี้แล้ว เขาไม่ได้บอกฉัน ว่าทำไมต้องถามเรื่องของตระกูลเป๋าด้วย ฉันเองก็ไม่ได้ถาม”

“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ไม่มีเรื่องอื่นแล้วเหรอ?” เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่น นี่ยังไม่ใช่ข้อมูลที่มีประโยชน์

“ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้วจริง ๆ เราไม่ได้ติดต่อกันบ่อย แค่โทรศัพท์ไปพูดเรื่องนี้เมื่อสองวันก่อน” ฝังฟังพยักหน้าอย่างมั่นใจ และพูดว่า : “คุณกับคุณชายสามก็เป็นบุคคลที่มีอิทธิพล ฉันจะไปกล้าปิดบังคุณได้ยังไง! เพียงแต่เฉินเจี๋ยก่อปัญหาอะไรบ้างนั้น ฉันไม่ได้ติดต่อเขานานแล้ว”

ฝังฟังตกอยู่ในสภาวะโง่เขลา ไม่เข้าใจสถานการณ์ภายใน

“ในเมื่อคุณกับเฉินเจี๋ยเป็นเรื่องร่วมชั้นกัน ตอนนี้ดันมีความสัมพันธ์ในฐานะผู้จ้างและนักสืบ ปกติแล้วเขามีคนสนิทอะไรทำนองนั้นไหม?” เฟิงหานชวนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เพราะตอนนี้ฉันอยู่ในสังคมชั้นสูงแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกับเฉินเจี๋ย ไม่ต้องติดต่อกันบ่อย” ฝังฟังส่ายหน้า รีบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ระหว่างตัวเองกับเฉินเจี๋ยทันที

เธอเป็นคนที่ฉลาดมาก เห็น ๆ อยู่ว่าเฉินเจี๋ยจะทำร้ายเฟิงหานชวนและเป๋าฮวน ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำร้ายยังไง แต่ตอนนี้เธอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจในความสัมพันธ์กับเฉินเจี๋ยแล้ว นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่ได้โกหก เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินเจี๋ยแบบนั้นด้วย

จริง ๆ แล้วเรื่องนั้น เธอบอกซูอวี่ได้ บางทีอาจจะบอกเฟิงหานชวนทางโทรศัพท์ก็ได้ แต่ประเด็นหลักก็คือเนื่องจากอยากเจอเฟิงหานชวน ดังนั้นจึงเสนอหัวข้อนี้ออกมา ใครจะไปรู้ละว่าเฟิงหานชวนจะมีแฟนแล้ว อีกทั้งแฟนของเขาก็ยังเป็นคนในตระกูลเป๋าอีกด้วย

ถึงอย่างไรเป๋าฮวนตรงหน้าคนนี้ก็เป็นญาติทางสายเลือดของตระกูลเป๋า มีต้นทุนมากกว่าตัวเอง อย่างน้อยก็คว้าตัวเฟิงหานชวนไปครอบครองได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงาน ตัวเองดันแต่งงานไปแล้ว นอกจากแค่หวังว่าจะได้มีวาสนากับเฟิงหานชวนสักคืน ก็ไม่ได้คาดหวังอย่างอื่นอีกเลย

เมื่อได้ยินเป๋าฮวนพูดว่าเฟิงหานชวนมีแค่หนึ่งนาที ความหวังสักคืนของเธอก็ยกเลิกไป ไม่มีเรี่ยวแรงอะไรอีก

“ตอนนี้ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว ทั้งสองคนยังไม่ได้กินข้าวกันมาใช่ไหมคะ? ถัดไปเป็นร้านอาหารจีนรสชาติอร่อยมากร้านหนึ่ง มีอาหารยอดนิยมหลากหลายเมนู คุณเป๋าเติบโตในประเทศเฉิน คงจะชินกับอาหารจีนแล้วใช่ไหม? อาหารจีนอร่อยที่สุด!” ฝังฟังยิ้มอย่างเอาใจ เธออยากเป็นเพื่อนกับเป๋าฮวน

เธอคิดว่าเป็นคนดั้งเดิมเหมือนกับตระกูลเป๋า ถึงเป๋าฮวนจะเป็นญาติทางสายเลือด และยังเป็นคนสนิทของเฟิงหานชวน ถ้าเป๋าฮวนได้แต่งงานกับเฟิงหานชวน ต่อไปเป๋าฮวนก็จะได้กลายเป็นคุณนายตระกูลสูงศักดิ์ในแวดวงของคนที่มีชื่อเสียง

เธอเอาใจเป๋าฮวน แค่ผลประโยชน์ไม่มีเจตนาร้าย

เมื่อเช้าเป๋าฮวนได้กินสเต๊กเนื้อไปแล้ว จริง ๆ ก็ไม่ได้เยอะหรอก ประกอบกับกิจกรรมอย่างคลุ้มคลั่ง ตอนนี้ก็เลยหิววขึ้นมาจริง ๆ

“ดีเลย!” ไม่ทันรอให้เฟิงหานชวนปฏิเสธ เป๋าฮวนก็ตอบรับไปเสียแล้ว

เมื่อฝังฟังได้ยิน ก็ดีใจอย่างมาก ไหน ๆ ก็เป็นคุณหนูที่เติบโตในต่างประเทศ เมื่อเห็นท่าทางไร้เดียงสา ก็น่าคบหาอยู่ไม่น้อย

เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงเจ้าเล่ห์เหล่านั้นแล้ว ดีมากแล้ว!

เมื่อเป๋าฮวนตอบกลับ ก็หันกลับไปสบสายตาที่เคร่งขรึมของผู้ชายคนนี้ มุมปากแสยะยิ้มขึ้นมาทันที จากนั้นก็กะพริบตาไปทางผู้ชายคนนี้ และพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า : “ไปกินข้าวร้านถัดไป ได้ไหม?”

น้ำเสียงออดอ้อนของผู้หญิง ทำให้เฟิงหานชวนจนปัญหาและปวดหัว แต่ก็ทำได้แค่คล้อยตามความต้องการของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ได้”

เขาพาเธอไปที่ไหนได้ทั้งนั้น แม้จะต้องตอบรับคำเชิญของผู้หญิงแปลกหน้า เด็กสาวตัวน้อยคนนี้ไม่ระวังตัวเลยรึไง?

จะบอกว่าเธอ ก็ไม่ได้โง่สักนิด ผู้หญิงโง่ที่ไหนจะสร้างข่าวลือหนึ่งนาทีนั้นแก่คนนอก?

เรื่องนี้ เขาจะสะสางเธอให้สาสมเลย

…..

10 นาทีผ่านไป ร้านอาหารจีน

ที่นั่ง 4 คน ยังคงไม่ต่างอะไรกับร้านกาแฟเมื่อสักครู่ ฝังฟังนั่งอีกฝั่งคนเดียว เป๋าฮวนนั่งตรงข้ามเธอ ส่วนเฟิงหานชวนก็นั่งข้างเป๋าฮวน

ฝังฟังเอ่ยถามทั้งสองคนด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นก็สั่งอาหารยอดนิยมของร้านไปมากมาย

“ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เป๋าฮวนลุกขึ้น และเดินจากไป

ในตอนที่เธอออกมาจากห้องน้ำ เฟิงหานชวนก็กำลังยืนรอเธอที่ระเบียงข้างนอก

วินาทีต่อจากนั้น เธอก็ถูกผู้ชายกดไว้กับกำแพง สัมผัสที่เย็นยะเยือกทำให้เธอตกใจ

“เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร! ที่นี่มันร้านอาหารนะ!” เป๋าฮวนถลึงตาใส่เขา พร้อมกับพูดตำหนิ

ผู้ชายตรงหน้าก้มหน้าลง จากนั้นก็กัดไปบนติ่งหูอย่างอ่อนโยนของเธอ ก่อนจะเอ่ยถามว่า : “ฮวนฮวน ผมขอถามคุณดี ๆ ผมหนึ่งนาทีจริง ๆ ใช่ไหม?”

“ไม่ว่าจะหนึ่งนาทีหรือสองนาที ตอนนี้ไม่ใช่เวลามีเถียงกันเรื่องนี้นะ ที่นี่มันที่สาธารณะ!” เป๋าฮวนผลักเขาออกไป ดวงตารูปอัลมอนด์สุกสกาวนั้นถลึงตาไปทางเขา

เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า : “ฮวนฮวน กลับไปผมอยากให้คุณคำนวณด้วยตัวเอง ดูสิว่าจะกี่นาที”

เป๋าฮวน : “???”

“เฟิงหานชวน หยุดเดี๋ยวนี้!”

เป๋าฮวนอยากจะตำหนิผู้ชายคนนี้ แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับอ่อนแอลง ไม่ได้ฟังดูโกรธแต่อย่างใด

เฟิงหานชวนย่อมฟังออก เขาหยุดการเคลื่อนไหวทันที จากนั้นก็คว้าเอวบางของฝ่ายหญิงแล้วอุ้มร่างที่เล็กกะทัดรัดขึ้นมา พาเธอมาหยุดยืนอยู่ที่หน้ากระจก

ริมฝีปากเรียวบางของเขากระซิบข้างหูของเธอ ด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “ฮวนฮวน คุณสวยจริง ๆ”

สีหน้าของเป๋าฮวนเริ่มแดง ตอนนี้พูดได้ว่าแดงระเรื่อเลยทีเดียว เธอเมินสายตาไปทางอื่น ไม่มองไปยังทิศทางของกระจก

ก่อนจะมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง

“กะล่อนนักนะ!” เป๋าฮวนหมุนตัวกลับไปจ้องผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง

“เปล่าซะหน่อย ผมพูดความจริงนะ” เขายกมือขึ้น ก่อนจะเคาะไปบนศีรษะของผู้หญิงเบา ๆ

“ฉันชักจะสงสัยแล้วสิว่าคุณน่าจะเป็นผู้ชายที่มีประสบการณ์โชกโชน” เป๋าฮวนแสยะยิ้ม

เมื่อ 3 ปีก่อน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เข้าใจเฟิงหานชวน เธอจะมักจะเกิดความสงสัยแบบนี้

แต่ตอนนี้ เธอไม่ได้สงสัยแล้ว แค่เยาะเย้ยเท่านั้น

สีหน้าของผู้ชายเคร่งขรึมลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้นว่า : “ฮวนฮวน ผมมีแค่ผู้หญิงอย่างคุณคนเดียว”

“ฉันรู้ค่ะ” เป๋าฮวนกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดว่า : “เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่น”

วินาทีต่อจากนั้น เธอถูกโอบเข้าไปอยู่อ้อมกอดที่อบอุ่น ผู้ชายพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ : “เมื่อกี้คุณทำผมตกใจแทบแย่”

“ตกใจ? ฉันไปทำอะไรให้คุณตกใจ?” เป๋าฮวนเบิกตากว้าง พร้อมกับถามขึ้นด้วยความงุนงง

“ผมเป็นกังวลกลัวว่าคุณจะสงสัยว่าผมมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น ผมเป็นกังวลกลัวว่าคุณจะโกรธผมเรื่องนี้ ผมเป็นกังวลกลัวว่าคุณจะจากผมไปอีก …….” เฟิงหานชวนกระชับกอดเธอแน่นขึ้น จากนั้นก็พูดความในใจของตัวเองออกไป

เป๋าฮวนอึ้งงันไป เธอนึกไม่ถึงว่าแค่คำพูดล้อเล่นของตัวเองกลับมีผลต่อหัวใจของเฟิงหานชวนได้

“ต่อไปฉันจะไม่พูดทำร้ายคุณอีกแล้ว” เป๋าฮวนยื่นมือออกไปโอบลำคอของผู้ชายตรงหน้าไว้ จากนั้นก็เงยหน้ามองเขา มองเขาด้วยสายตาจริงจัง

เฟิงหานชวนเองก็จ้องมองไปทางดวงตาทรงอัลมอลด์สุกสกาวคู่สวยของผู้หญิงตรงหน้า ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแดงเล็กน้อย และยังอมชมพูระเรื่อหน่อย ๆ ด้วย เหมือนกับลูกท้อน้อย ๆ ช่วยให้อยากลิ้มลอง

“ฮวนฮวน เมื่อคืนคุณอยากเล่นเกมไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จะเล่นหน่อยไหม?” น้ำเสียงของเขาแหบพร่าเล็กน้อย

“เอ๊ะ?” เป๋าฮวนเบิกตากว้าง ก่อนจะพูดด้วยความตกใจว่า: “อาหาน เราต้องไปพบคุณฝังคนนั้นที่ร้านกาแฟไม่ใช่เหรอคะ?”

“เล่นสักตาก็ยังทัน” เฟิงหานชวนพูดจบก็ก้มหน้าลง ประคองปากของผู้หญิงตรงหน้า

เป๋าฮวนกะพริบตาหลายครั้ง เดิมทีเธอคิดจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็คล้อยตาม

…….

ผ่านไป 2 ชั่วโมง

ณ ร้านกาแฟหย่าจวี

เป๋าฮวนลากตัวเฟิงหานชวนมาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว ฝังฟังนั่งไถ่โทรศัพท์อย่างเบื่อหน่ายอยู่บนเก้าอี้

ในตอนที่เห็นหญิงชายคู่หนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าของตัวเอง วินาทีที่เธอเงยหน้า ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง และรีบยืนขึ้นอยู่รวดเร็ว

“พวก พวก พวก…….พวกคุณคือ……..อ่า! คุณชายสามตระกูลเฟิง!”

ฝังฟังรู้จักเฟิงหานชวน ตอนที่เห็นเป๋าฮวนเป็นคนแรกเธอไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อเห็นเฟิงหานชวน เธอกลับร้องเสียงหลง

“คุณฝัง ช่วยเงียบหน่อยครับ” เฟิงหานชวนกวาดตามองไปทางเธอด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็เลื่อนเก้าอี้ออก ให้เป๋าฮวนนั่งก่อน

เมื่อเห็นการกระทำของเฟิงหานชวน คุณฝังเข้าใจสถานการณ์ในทันที ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอก็คือผู้หญิงของเฟิงหานชวน

คุณฝังตื่นตกใจมาก ไหนบอกว่าเฟิงหานชวนไม่ยุ่งกับผู้หญิง ทำแต่งานไง แล้วทำไมถึงได้มีผู้หญิงคนนี้ปรากฏขึ้นมาละ?

เธอรีบนั่งลง และถามขึ้นด้วยความอยากรู้ว่า : “คุณชายสาม คุณคนนี้คือ?”

“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นแฟนของอาหานค่ะ ฉันชื่อว่าเป๋าฮวน” เป๋าฮวนยื่นมือไปยังฝังฟังด้วยตัวเอง

ฝังฟังอึ้งงันไป แต่ก็เอื้อมมือออกไปจับมือกับเป๋าฮวน จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจและงุนงงเล็กน้อยแฝงไปด้วยความลังเลอยู่หน่อย ๆ : “ที่แท้คุณชายสามก็มีแฟนแล้ว ไม่เหมือนกับข่าวลือ”

“อ่อ? ในข่าวลือแฟนของฉันเป็นยังไงเหรอคะ?” เป๋าฮวนมองไปทางเฟิงหานชวน เลิกคิ้วสูง ก่อนจะหันกลับมามองฝังฟังตรงหน้าอีกครั้ง และถามขึ้นด้วยความอยากรู้

“เฮ้ ~ ไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่ข่าวลือในแวดวงเท่านั้น บอกว่าคุณชายสามไม่ยุ่งผู้หญิง เป็นโสด มีแต่เรื่องงานในสายตา ดังนั้นเมื่อเห็นคุณเป๋าวันนี้ ก็เลยประหลาดใจอยู่เล็กน้อย” ฝังฟังตีเนียนอยู่ในแวดวงสังคม ย่อมไม่แสดงความไม่พอใจใด ๆ ต่อเป๋าฮวนอย่างแน่นอน อีกทั้งเธอเองก็อยากจะรู้รายละเอียดที่ชัดเจนของเป๋าฮวนด้วย

ถึงอย่างไร ผู้หญิงก็เป็นพวกชอบซุบซิบนินทาอยู่แล้ว

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง~ฉันและอาหานเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ไม่รู้ข่าวที่เขาอยู่ในประเทศฮัว นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้~” เป๋าฮวนแสดงท่าทางไร้เดียงสา ราวกับว่าตัวเองเป็นกระต่ายตัวน้อยถูกผู้ชายหลอกมาอย่างไรอย่างนั้น

เฟิงหานชวนรู้ว่าเป๋าฮวนตั้งใจ เขาจึงกระตุกยิ้มมุมปาก : “คนแบบผม คุณไม่พอใจเหรอ?”

“ไอหยา ฉันไม่รู้ว่าอาหานคุณจะไม่มีประสบการณ์ หรือว่า………” เป๋าฮวนมองไปทางเขา นัยน์ตาที่สุกสกาวคู่นั้นได้แสดงแววตาที่ไร้เดียงสาอย่างเห็นได้ชัด

สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลงเล็กน้อย

ริมฝีปากของเป๋าฮวนอมยิ้มเล็กน้อย ใครใช้ให้ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจเกินไปล่ะ เพราะเขาลากเธอมาเล่นเกม ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาสายไป 1 ชั่วโมงกว่าแบบนี้หรอก

เรื่องเล่นเกมก็แล้วไป แต่เขายังจะเล่นอยู่หน้ากระจกห้องเสื้อผ้า

โชคดีที่เสื้อเชิ้ตสไตล์ชาววังของเธอนั้นคอสูง ไม่อยากนั้นรอยแดงบนคอ คงปกปิดไม่ได้แน่ ๆ !

“หรือว่าอะไร?” ฝังฟังได้ยินเป๋าฮวนหยุดชะงักไป จึงโพล่งถามออกไปด้วยความสงสัย

ตอนนี้เธออยากรู้มาก เพราะเฟิงหานชวนเป็นชายโสดผู้ร่ำรวยที่มีชื่อเสียง คำวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ผู้หญิงย่อมสูงตามเช่นกัน

“นี่….” เป๋าฮวนแกล้งแสดงท่าทีอึดอัดใจ ตั้งใจยื่นหน้าไปตรงหน้าของฝังฟัง จากนั้นก็ยื่นนิ้วชี้ออกไป และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “ฉันแอบบอกคุณ คุณอย่าบอกใครนะ หรือว่าเขามีแค่……หนึ่ง…..”

“หนึ่ง…….” ฝังฟังเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หนึ่งคืออะไรกันแน่เนี่ย?

ความอยากอาหารถูกกระตุ้นในทันที รอแค่เป๋าฮวนพูดออกมา

หนึ่งชั่วโมงใช่ไหม? ไม่น่าจะใช่หนึ่งนาทีหรอกมั้ง?

“นาที…….” เป๋าฮวนยิ้มตาหยี

ฝังฟังรู้สึกว่าดวงตาของตัวเองนั้นใกล้จะถลนออกมาแล้ว ที่แท้ก็…..หนึ่ง……นาที…..

เธอชำเลืองตามองไปทางผู้ชายผู้หล่อเหลาที่นั่งอยู่ข้างกายของเป๋าฮวนโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของผู้ชายคนนี้ดำคล้ำอย่างไม่สบอารมณ์ เธอนึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนผู้ชายสูงโปร่งแบบนี้ จะ…..แบบนั้น……..ไม่ได้…….

เป๋าฮวนมองไปทางสีหน้าของฝังฟัง จากนั้นก็หันกลับมามองสีหน้าของเฟิงหานชวนอีกครั้ง เธอกลั้นหัวเราะจนปวดท้องไปหมด

ตลกจริง ๆ !

หลังจากที่เธอพูดว่าหนึ่งนาทีออกไป ฝังฟังก็ไม่หลงใหลเฟิงหานชวนอีกแล้ว!

คู่แข่งถูกเธอโจมตีจนพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย ตอนนี้เธอรู้สึกประสบความสำเร็จ!

“คุณชายสาม คุณวางใจได้……..คำพูดในวันนี้ของคุณเป๋า ฉันจะไม่พูดออกไปเด็ดขาด ไม่มีทางเด็ดขาด……คุณวางใจได้เลยค่ะ……” ถึงแม้ว่าฝังฟังจะได้รับข่าวซุบซิบนี้ แต่เธอก็มองสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์ของเฟิงหานชวนออก ซึ่งนั้นทำให้เธอตกใจกลัวจนเกือบฉี่ราด

“พูดได้ไม่เป็นไร~” เป๋าฮวนยิ้มตาหยีและพูดขึ้นว่า “เขาทำแบบนั้นไม่ได้ อย่าให้สาว ๆ ต้องมารู้เรื่องเลย! ฉันจำต้องเก็บเขาไว้ เพื่อประโยชน์ของทุกคน~”

“ประธานเฟิง คุณฝังฟังอยากจะอธิบายสถานการณ์เอง คุณต้องการไหม?” ซูอวี่เรียนถาม

“อืม ให้เธอพูดเถอะ” เฟิงหานชวนพูดเสียงเรียบ

ตามมาด้วย เสียงดัดจริตของผู้หญิง ราวกับมีความรู้สึกตื่นเต้นมากๆ “โอ้พระเจ้า คุณก็คือคุณชายสามตระกูลเฟิง

ใช่ไหม?”

ฝังฟังรู้ว่าคุณชายสามตระกูลเฟิงกำลังสืบเรื่องเฉินเจี๋ย ไม่ได้ทำให้เธอดีใจมากนัก เธอรู้ชื่อเสียงของคุณชายสาม

ตระกูลเฟิง แม้ว่าคุณชายสามตระกูลเฟิงมีนิสัยน่ากลัวมาก แต่เขาเป็นไม้แขวนที่เดินได้!

และ ได้ยินว่าถึงตอนนี้เฟิงหานชวนยังไม่แต่งงาน หากสามารถมีความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวน แม้จะเป็นการนอนแค่คืนเดียว ก็สามารถทำให้เธอดีใจมากๆ

“คุณฝัง โปรดแจงข้อมูลของเฉินเจี๋ยให้ครบถ้วนหน่อย” เฟิงหานชวนพูดเสียงเย็นชา เขาไม่ชอบผู้หญิงโอ้อวดแบบนี้ แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่คุยกับฝังฟัง

ถึงยังไง พวกเขาต้องการรู้ข้อมูลเฉินเจี๋ยจากทางฝังฟัง

“ค่ะ คุณชายสามตระกูลเฟิง คุยทางโทรศัพท์คงพูดได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ต้องการเจอหน้าไหม?” ฝังฟังถามด้วยความตื่นเต้น เธออยากคุยกับเฟิงหานชวนแบบเห็นหน้าจริงๆนะ!

เฟิงหานชวนมีสีหน้าโมโห

โทรศัพท์เปิดลำโพงอยู่ ดังนั้นเป๋าฮวนได้ยินคำพูดของฝังฟัง และสามารถรับรู้ได้ถึงความปรารถนาที่ฝังฟังมีต่อ

เฟิงหานชวน

แต่เมื่อคิดว่าวันนี้ต้องอยู่ที่บ้าน เธอก็กินมื้อเที่ยงไม่ลง ด้วยเหตุนี้เป๋าฮวนพยักหน้าให้เฟิงหานชวน บอกเป็นนัยให้เขาตอบตกลง

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เขาไม่อยากเจอหน้าพูดคุยกับผู้หญิงแบบนี้

แต่เป๋าฮวนพยักหน้าแรงๆอีกครั้ง เธอยังอยากออกไปมากๆ อุดอู้ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นหลายวันแล้ว

ราวกับรับรู้ความคิดที่อยากออกไปของเป๋าฮวน เขาทำได้แค่พูดเสียงเย็นกับคนในสาย “หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ เจอกันที่ร้านกาแฟหย่าจวี”

“อา คุณชายสามตระกูลเฟิง ฉันไปตรงเวลาแน่นอน ตอนนี้ฉันเตรียมตัวเดี๋ยวก็ออกไปแล้ว ” ฝังฟังเกือบร้องกรี๊ดออกมาแล้ว

เฟิงหานชวนบีบโทรศัพท์ มองไปทางหญิงสาวอย่างไม่พอใจ พูดเสียงเข้ม “เรื่องที่สามารถคุยได้ทางโทรศัพท์ ไม่จำเป็นต้องเจอหน้า คุณอยากผลักผมออกไปขนาดนั้นเลย?”

ความบ้าผู้ชายของฝังฟังเมื่อครู่ ไม่ใช่ว่าเฟิงหานชวนไม่รับรู้ เขาก็ไม่เชื่อว่าเป๋าฮวนจะไม่รู้

เห็นได้ชัดว่าฝังฟังคนนี้พยายามยั่วยวนเขา

“อาหาน ฉันรู้สึกว่าคุยต่อหน้าจะแม่นยำกว่า ยิ่งคุณว่างๆอยู่ไม่ใช่เหรอ? พวกเราอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร” เป๋าฮวน ยิ้มกริ่มพูด แล้วพึมพำ “แบบนี้ฉันก็มีมื้อเที่ยงกินแล้ว”

เฟิงหานชวนอยากจะร้องไห้ “เพราะไม่อยากเล่นเกมอยู่บ้าน ดังนั้นเลยให้ผมออกไปเจอเธอ?”

“ใครบอกให้คุณออกไปเจอเธอกัน ฉันไปกับคุณด้วยนะ!” เป๋าฮวนถลึงตาให้เขา พูดว่า “ฉันไม่ให้โอกาสคุณได้อยู่กับ

ผู้หญิงคนอื่นตามลำพังหรอก แม้จะเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว!”

“เพราะว่ามีผู้ชาย ก็ชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ผู้หญิงที่ไม่โสดก็อันตรายมากเหมือนกัน” เป๋าฮวนพูดเสริมเป็นพิเศษ

ถ้าฝังฟังยั่วเฟิงหานชวนจะทำยังไง?

รับรู้ถึงความหึงของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนยกริมฝีปากขึ้นช้าๆ “อืม ตัวอย่างเช่นผม ก็ชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว”

“คุณว่าไงนะ!” เป๋าฮวนหน้าเปลี่ยนสีทันที มองเขาด้วยความโกรธ ตบลงไปที่โต๊ะแรงๆ “เฟิงหานชวน คุณ! คุณมันไม่ปกติแล้ว!”

ไม่รอให้เธอโวยวาย ชายหนุ่มก็เดินไปถึงข้างตัวเธอ จับเธอนั่งบนเก้าอี้ พูดยิ้มๆว่า“ฮวนฮวน คุณไม่ลองคิดดูสถานะตัวเองตอนนี้คืออะไร?”

“ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว พูดถึงไม่ใช่คุณเองเหรอ?” นิ้วเรียวยาวเชยคางของหญิงสาวขึ้น

เอ๊ะ?

คำพูดนี้ของเฟิงหานชวนเหมือนไม่ได้พูดผิด ถ้าเธอยอมรับว่าตัวเองเป็นภรรยาของเฟิงหานชวน อย่างนั้นเธอก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจริงๆ

แต่ว่า…

“ไม่ใช่สิ!” เป๋าฮวนมองทางเฟิงหานชวน กะพริบตาอย่างไร้เดียงสา ส่ายหน้าปฏิเสธ “อาหาน เฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว แต่เป๋าฮวนไม่ใช่”

“อาหาน เป๋าฮวนกับเฟิงหานชวน ไม่มีใบสมรสไม่มีงานแต่ง ไม่ถือว่าเป็นสามีภรรยา ดังนั้นนางสาวเป๋าฮวนไม่ใช่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว” เป๋าฮวนทำปากยื่น อธิบายเสียงดัง

แววตาของเฟิงหานชวนเข้มขึ้น ร่างก้มต่ำมากขึ้น กอดผู้หญิงในอ้อมกอดไว้แน่น พูดเสียงเบาข้างหูเธอ“แต่ในใจผม ไม่ว่าจะเป็นเฉินฮวนฮวนหรือเป๋าฮวน ก็เป็นภรรยาของผม เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเหมือนกัน”

“คุณ~” แก้มทั้งสองข้างของเป๋าฮวนแดงขึ้น เธอไม่เคยเถียงชนะเฟิงหานชวนเลยแม้แต่นิดเดียว

ผู้ชายคนนี้กะล่อนจริงๆ!

“ฮวนฮวน พวกเราหาฤกษ์ดีมาหนึ่งวัน จดทะเบียนสมรสกันอีกครั้งนะ?” เฟิงหานชวนจ้องผู้หญิงด้วยตาที่เป็นประกาย เปิดปากถาม “ไปประเทศของคุณ ไปจดทะเบียนที่สมรสประเทศเฉิน”

“หา?” เป๋าฮวนอึ้งไปทันที เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย

จดทะเบียนสมรส?

“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบมั้ง” เป๋าฮวนเม้มริมฝีปาก ในหัวยังยุ่งเหยิงอยู่เล็กน้อย

“อืม ไม่รีบ แต่ต้องกำหนดไว้” เฟิงหานชวนกัดติ่งหูอวบอิ่มของเธอไว้

เขาไม่อยากบีบบังคับเธอเกินไป แต่เขาต้องทำให้เธอเข้าใจ ความตั้งใจและมุ่งมั่นของเขา

ความรู้สึกชาๆ เหมือนกระแสไฟแล่นไปทั่วร่าง เป๋าฮวนพูดเหมือนไม่พอใจออกมา “หยุดกัดได้แล้ว”

ชายหนุ่มยิ้มปล่อยเธอออก

“คุณรีบกินสเต๊กเนื้อเถอะ ฉันขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำก่อน อีกเดี๋ยวไปร้านกาแฟเจอผู้หญิงที่แต่งงานแล้วคนนั้น” เป๋าฮวนผลักเขาออก วิ่งขึ้นชั้นบนไป

เฟิงหานชวนมองด้านหลังเธอที่หายวับไปกับตา อดหัวเราะออกมาไม่ได้

หลังจากที่เป๋าฮวนอาบน้ำในห้องน้ำ เดินไปถึงห้องแต่งตัวเพื่อเลือกชุดที่จะใส่ออกไปข้างนอก

นึกถึงว่าเดี๋ยวต้องไปเจอผู้หญิงที่มีเสียงเสแสร้งและแต่งงานแล้วคนนั้น เป๋าฮวนก็เป็นทุกข์ ไม่รู้ว่าตัวเองควรสวมชุดไหน

เธอเอาสัมภาระมาประเทศฮัว เพียงแต่สัมภาระอยู่ที่โรงแรม ตอนนี้ไปเอา เกรงว่าจะไม่ทัน

เสื้อผ้าที่เธอเอามา เป็นแบบที่เธอดีไซน์เป็นพิเศษ และในห้องแต่งตัวจะมีชุดที่สั่งทำจากแบรนด์หรู แต่ไม่ใช่ที่ตัวเองดีไซน์ เลยต้องพิถีพิถันขึ้นหน่อย

สวมใส่ปกติไม่มีปัญหา แต่วันนี้ เธอต้องไปประชันความสวย!

คิดไปคิดมา สุดท้ายเป๋าฮวนตัดสินใจ เลือกเสื้อสีส้มอ่อนสไตล์ฝรั่งเศสหนึ่งตัว และกางเกงยีนทรงกระบอกมาหนึ่งตัว จับคู่กับรองเท้าบูตสีดำ

ดูแล้วเรียบง่าย และไม่เสียเอกลักษณ์ไป!

หลังจากเลือกชุดเสร็จ เป๋าฮวนถอดชุดสายเดี่ยวบนตัวลง ในเวลานั้น ประตูเปิดออก ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาอย่าง

เป๋าฮวนหันหลังทันที มือทั้งสองข้างปิดด้านหน้าไว้

“ว้าย!ทำไมคุณไม่เคาะประตู?”

เฟิงหานชวนมองท่าทางเธอที่ขวยเขินแบบนั้น ด้านหลังขาวสะอาดที่ซ่อนสิ่งล่อใจ เขาเสียงแหบ“ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็น”

“คุณมันไม่มีมารยาท!” เป๋าฮวนตำหนิ

“ไม่มีมารยาท?”เขาเข้าใกล้เธอ ก้มมองด้านหลังเธอ ก้มศีรษะลง ริมฝีปากบางเข้าใกล้หูของเธอ พูดเสียงเบา“ระหว่างเรา ต้องมีมารยาทยังไง?”

มือใหญ่จับเอวบางของเธอ ค่อยๆเลื่อนขึ้นข้างบน

“แบบนี้…ถือว่ามีมารยาทไหม?” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมาเบาๆ

เป๋าฮวนอยากต่อต้าน แต่เสียงครางเบาๆออกจากปากอย่างไม่รู้ตัว ติ่งหูเธอแดงขึ้น ร่างกายพิงที่ชายหนุ่มด้วยความอ่อนแรง

เฟิงหานชวนสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดหรือเปล่า จากนั้นเป๋าฮวนก็ส่งโทรศัพท์ให้เขา

เมื่อเห็นผู้ชายตัวเตี้ยและในวิดีโอ เขาก็ขมวดคิ้วทันที ไม่แปลกใจที่เป๋าฮวนบอกว่าเฉินเจี๋ยขี้เหร่ ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่ขี้เหร่ แต่ยังดูเป็นคนที่อารมณ์ค่อนข้างแย่อีกด้วย

“อาหาน ตาของหลีซืออวิ๋นมีปัญหาหรือเปล่า? ผู้ชายแบบนี้ให้ฟรี ฉันก็ไม่เอา!” เป๋าฮวนโพล่งออกมาโดยไม่ลังเล

ความขยะแขยงเกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ

ไม่ใช่ว่าเธอดูถูกสายตาของหลีซืออวิ๋น แต่คนอย่างเฉินเจี๋ยอธิบายยากจริงๆ

เฟิงหานชวนก็แสดงท่าทางขยะแขยงเช่นกัน

ผู้ชายแบบนี้ แค่ดูแวบแรกก็รู้ว่าไม่เหมือนคนปกติ และแถมยังเป็นคนที่เห็นเงินแล้วตาโต สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสายตาของหลีซืออวิ๋นนั้นแย่มาก!

“ฉันรู้แล้ว!” เป๋าฮวนตะโกนทันที ราวกับนึกขึ้นอะไรบางอย่าง

“คุณรู้อะไร?” เฟิงหานชวนมองเธอและถามด้วยความสงสัย

เป๋าฮวนกลอกตา จากนั้นยืนขึ้น ด้วยความสูงจากเตียง เธอสามารถสบตากับเฟิงหานชวนได้

เธอเอียงศีรษะ วางริมฝีปากไว้ที่หูของผู้ชาย มือข้างหนึ่งแตะข้างปากของเธอ และกระซิบ: "บางทีเฉินเจี๋ยอาจจะเก่งเรื่องนั้นมาก…เลยทำให้หลีซืออวิ๋นติดใจ”

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุก: "…"

ภรรยาตัวน้อยของเขา ในหัวคิดแต่เรื่องแบบนี้?

เฉินเจี๋ยเป็นหนึ่งในฆาตกร ทำงานแลกเงิน เป็นหนึ่งในนั้นที่ทำร้ายเป๋าฮวน

ตอนนี้เป๋าฮวนไม่วิตกหรือกลัว แต่เธอรู้สึกสนใจเรื่องที่ยุ่งเหยิงเช่นนี้?

ผู้หญิงที่ตัวสั่นด้วยความกลัวและเกาะติดเขา เมื่อคืนนี้หายไปไหนแล้ว?

เมื่อเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของผู้ชาย เป๋าฮวนก็ปิดปากทันที จ้องมาที่เขา และถามอย่างระมัดระวัง: “อาหาน คุณโกรธเหรอ?”

การแสดงออกของเฟิงหานชวนบึ้งตึงและจริงจังมาก

“อาหาน คุณอย่าโกรธสิ~” เป๋าฮวนคว้าแขนของเขา เขย่าแขนแล้วพูดอย่างอารมณ์ดีว่า: “คุณเก่งที่สุดในใจของฉันแล้ว~”

เฟิงหานชวน: "???"

เธอคิดว่าเขากำลังโกรธเรื่องนี้เหรอ?

“อาหาน งั้นฉันจะจุ้บคุณ ใจเย็นๆ โอเคไหม~” จากนั้นเป๋าฮวนก็หอมแก้มเขา

ใบหน้าเดิมของเฟิงหานชวนที่บูดบึ้งจางหายไปทันที

ผู้หญิงบ้า!

เป๋าฮวนเกิดมาเพื่อเป็นศัตรูตัวฉกาจ!

“ฮวนฮวน” เขากระซิบ

ฝ่ามือใหญ่จับแก้มอันอ่อนนุ่มของเธอ ถูเบาๆ แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม: “ผมเป็นห่วงคุณ ไม่ได้โกรธคุณเพราะเรื่องแบบนี้”

เป๋าฮวนกระพริบตา แล้วพูดด้วยสีหน้านิ่ง: “ฉันรู้ มีคุณอยู่ ฉันไม่กังวลอะไรอีกแล้ว”

ท่าทางการพึ่งพาของผู้หญิง ทำให้ร่างกายของเฟิงหานชวนแข็งขึ้นทันที เขาเหยียดแขนออก รัดเอวของผู้หญิงแล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

เพียงกอดเธอไว้ครู่หนึ่ง เฟิงหานชวนก็ปล่อยเธอ จ้องไปที่ผู้หญิงด้วยดวงตาสีเข้ม แล้วถามว่า: "คุณหิวไม่ใช่เหรอ? ไปห้องครัวกับผม ผมจะทำสเต็กให้คุณเอง"

“ห้องครัว…สเต็ก…” เป๋าฮวนพึมพำ หน้าลังเลเล็กน้อย

ตอนเช้าของเมื่อวาน ในห้องครัว เพราะเธอกับเฟิงหานชวน…จากนั้นสเต็กก็ไหม้ อีกอย่างบ้านแม่หลี่เกือบเห็นพวกเขาทำอะไรกัน

เมื่อเห็นการแสดงออกที่พัวพันของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็กลั้นยิ้มและพูดอย่างเจาะจงว่า: “ไม่ต้องกังวล ครั้งนี้เป็นอาหารเช้าจริงๆ จะไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของเฟิงหานชวน สีหน้าของเป๋าฮวนก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นในห้องครัว

“อืม” เธอพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและมองคนตรงหน้าอย่างคาดหวัง

ท่าทางดีใจของเธอ ทำให้จิตใจของเฟิงหานชวนเต้นแรงอีกครั้ง แต่เขารีบตั้งสติและอุ้มเธอ ลงไปชั้นล่าง

เป๋าฮวนถูกปล่อยลงเมื่อถึงห้องครัว เธอเพิ่งตระหนักว่าเธอยังไม่ได้แปรงฟัน ล้างหน้า!

หันหลังกลับออกไป แต่เฟิงหานชวนจับแขนของเธอไว้ เขาพูดว่า: “รอกอนสเต็กก่อน กินเสร็จผมจะพาคุณขึ้นไป”

“ฉันมีมือมีเท้า ไม่ต้องการให้คุณอุ้มฉัน คนอื่นเห็น มันไม่ดี!” เป๋าฮวนกระซิบอย่างโกรธเคือง

ในเวลานี้ แม่บ้านหลี่เข้ามาถามอย่างกังวลว่า: “ฮวนฮวนคุณตื่นแล้วเหรอ? อยากกินอะไรไหม? อาหารเช้าที่ฉันเพิ่งทำ พวกเขากินไปหมดแล้ว”

จู่ๆเป๋าฮวนก็นึกขึ้นได้ว่า ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนในคฤหาสน์นี้ และมีจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งอีกด้วย

เธอยิ้มและตอบอย่างรวดเร็ว: “ไม่เป็นไรแม่บ้านหลี่ อาหานบอกว่าจะทำสเต็กให้”

“โอเคโอเค ถ้าคุณชายสามจะลงมือเข้าครัวเอง แม่บ้านหลี่อย่างฉันไม่กวนแล้วนะ” แม่บ้านหลี่ยิ้ม แล้วหันหลังกลับและหายตัวไป

ในขณะนี้ มีเพียงเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนที่ถูกทิ้งไว้ในห้องครัวที่เงียบสงบ

เฟิงหานชวนหยิบสเต็กออกจากตู้เย็นแล้วพูดว่า:"ฮวนฮวน วันนี้ไม่ออกไปซื้อของสดนะ ของแช่ไว้ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ฉันไม่เรื่องมาก ฉันไม่จู้จี้จุกจิกเหมือนคุณ ฉันกินของในตู้เย็นได้” เป๋าฮวนพูดทันทีว่า “ฉันเป็นเด็กเลี้ยงง่าย”

“เด็ก?” เฟิงหานชวนกระตุกคิ้วและยิ้ม: “คุณแน่ใจว่าคุณเป็นเด็ก? คุณเป็นผู้หญิงที่มีลูกได้แล้ว!”

“เฟิงหานชวน คุณ…” เป๋าฮวนโกรธจนพูดไม่ออก

วินาทีต่อมา ประตูตู้เย็นก็ปิดลง จากนั้นหลังของเธอก็เย็น ตัวเธอถูกผลักไปหน้าประตูตู้เย็น

“ฮวนฮวน ผมพูดผิดเหรอ? ถ้าผมพูดผิด ผมยอมให้คุณลงโทษผมเลย” เขาขดริมฝีปาก ใช้มือวาดส่วนโค้งที่ไม่ทราบความหมาย

ใบหน้าของเป๋าฮวนเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอยกมือขึ้นแล้วตีที่ไหล่ของผู้ชาย และพูดว่า "ฉันหิวแล้ว รีบหน่อย!"

“หืม?” เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ ก้มศีรษะเอนตัวไปที่หูของผู้หญิงคนนั้นแล้วกัดติ่งหูของเธอเบาๆ: “คุณหิวเหรอ? ให้ผมรีบหน่อย? รีบแบบไหน?”

“อ๊ากกกกก!” เป๋าฮวนผลักเขาออกทันที ปิดหู กรีดร้องและวิ่งออกจากห้องครัว

เฟิงหานชวนหัวเราะอย่างโง่เขลา ไม่ไล่ตามไป ในเวลานี้ เขาปล่อยให้เป๋าฮวนสงบสติอารมณ์ เขาก็ปรุงสเต็กต่อไป

หลังจากที่เป๋าฮวนวิ่งออกไป เธอก็นั่งลงบนโต๊ะอาหาร โต๊ะอาหารอยู่ติดกับหน้าต่าง เธอมองเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากมายที่ยืนเฝ้าอยู่นอกประตู

ความรู้สึกนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมาก

แต่ว่าจนถึงตอนนี้เธอก็คิดไม่ออกว่าใครเป็นคนสั่งให้เฉินเจี๋ยวางแผนฆ่าเธอ?

ประเด็นคือตอนนี้เฉินเจี๋ยก็หายไป ราวกับว่าไม่มีหลักฐาน ไม่มีเงื่อนงำ

ขณะที่เธอกำลังงุนงง ทันใดนั้น เธอก็ได้กลิ่นพริกไทยดำ หอม หอมมาก

ทันทีหลังจากนั้น ผู้ชายก็เดินมาพร้อมกับจานสีขาว และสเต็กอันประณีตปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ

เป๋าฮวนหิวมาก น้ำลายหลั่งในปากของเธอทันที เธอหยิบมีดและส้อมขึ้นโดยไม่พูดอะไร และเริ่มกิน

แสงแดดส่องบนโต๊ะผ่านหน้าต่างสูง และส่องผ่านร่างกายของเป๋าฮวน เธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับว่ามันเป็นรสชาติของชีวิต

เฟิงหานชวนมองดูเธออย่างเงียบๆ ราวกับว่ามีความรู้สึกดีที่ไม่เคยมีมาก่อนตลอด3ปีที่ผ่านมา

“ใช่สิ อาหาน ทำไมถึงมีแค่สเต็กจานเดียว แล้วคุณกินอะไร?” จู่ๆเป๋าฮวนก็เงยหน้าขึ้น มองไปที่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะและถามด้วยความสงสัย

“คุณบอกให้ผมรีบหน่อยไม่ใช่เหรอ? ผมเลยทำจานเดียวก่อน กลัวคุณรอไม่ไหว” เฟิงหานชวนยื่นมือออก ใช้นิ้วปัดริมฝีปากของผู้หญิง เช็ดคราบน้ำมันที่มุมปากของเธอ

หลังจากนั้น ก็ก้าวขาเรียวยาวเดินเข้าไปในห้องครัว

เป๋าฮวนแข็งค้างสักครู่ แล้วแลบลิ้นไปทางหลังเฟิงหานชวน ก้มศีรษะลงกินสเต็กต่อ

หลังจากกินสเต็กไปเกือบหนึ่งชิ้น เธอเห็นเฟิงหานชวนเดินออกมาพร้อมกับจานอีกสองจาน จากนั้นก็ยื่นให้เธอหนึ่งจาน

เขานั่งลงตรงข้ามกับเธอ และเฟิงหานชวนวางจานอีกจานไว้ข้างหน้าเขา

“นี่คือ?” เป๋าฮวนมองไปตรงหน้า เกาหัวแล้วพูดว่า: “ฉันอิ่มแล้ว”

เธอรู้ว่าสเต็กจานนี้ เป็นจานที่สองที่เฟิงหานชวนทำไว้ให้ตัวเอง

“กินอีกหน่อย ไม่งั้นต้องรอถึงตอนเย็นกว่าจะได้กินอีกที” เฟิงหานชวนพูดอย่างเคร่งขรึม

เป๋าฮวน: "???"

“เกิดอะไรขึ้น? ตอนเที่ยงไม่มีกับข้าวเหรอ? เป็นไปได้ยังไง แม่บ้านหลี่ก็อยู่บ้านนิ! ผู้รักษาความปลอดภัยมากมายต้องกินข้าว…” ก่อนที่คำซักถามของเป๋าฮวนจะพูดจบ เสียงของเธอก็ลดเบาลงเรื่อยๆ และหน้าเริ่มแดง

เมื่อเห็นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเธอ เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอเดาออก ขณะหั่นสเต็ก เขาพูดขึ้นว่า: “เมื่อคืนนี้มีคนโวยวายอยากเล่นเกมไม่ใช่เหรอ? วันนี้พอมีเวลาเล่นสนุกกันสักหน่อย”

“…” เป๋าฮวนก้มศีรษะลงครู่หนึ่ง อยากจะหารูมุดเข้าไป เธอกัดฟันและบ่นเงียบๆ: “คุณเฟิง คุณไม่ได้ไปบริษัทหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องจัดการปัญหาในบริษัทเหรอ? ฉันจำได้ว่าบริษัทของคุณยุ่งมากไม่ใช่เหรอ?”

“คุณเฟิง?” ผู้ชายขมวดคิ้วขึ้น

“อาหาน~” เป๋าฮวนเปลี่ยนคำพูดทันที

“ไม่เป็นไร มีคนระดับสูงช่วยจัดการ ผมพักผ่อนสักสองสามวันไม่มีปัญหาหรอก” เฟิงหานชวนตอบอย่างเฉยเมย

เป๋าฮวน : "…"

เธอรู้สึกว่าตัวเองถามคำถามที่โง่เง่า

เมื่อเหลือบมองผู้ชายที่นิ่งอยู่ตรงหน้า เป๋าฮวนหยิบมีดและส้อมขึ้น หั่นสเต็กต่อไป

กินเยอะหน่อย กินเยอะๆ ไม่งั้นคงต้องรอถึงเย็นแน่กว่าจะได้กิน

เมื่อวานก็มีบทเรียนแล้ว~

ในขณะนั้น โทรศัพท์ของเฟิงหานชวนบนโต๊ะดังขึ้น และเขาก็เปิดลำโพงทันที เสียงของซูอวี่ดังขึ้น: "ประธานเฟิง มีเบาะแสใหม่!"

“เราพบว่าเฉินเจี๋ยเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยในประเทศเฉิน เป็นเหมือนนักเรียนแลกเปลี่ยน และในรายชื่อผู้ติดต่อของเขา เราพบคุณฝังฟังคนนั้นด้วย เธอเป็นนักศึกษาที่จบจากมหาลัยในประเทศเฉิน เดิมทีเป็นชาวต่างชาติ จากนั้นแต่งงานกับตระกูลหลิว ลูกชายนอกกฏหมายหลิวเฉินเฟิง ซึ่งเป็นน้องชายของหลิวตงรุ่ย”

หลิวตงรุ่ย!

เป๋าฮวนนึกถึงเขาในทันที และเธอก็รู้สึกผิดเล็กน้อย หลิวตงรุ่ยไม่ได้ทำอะไรเลยในตอนนั้น มันเป็นคำโกหกของหลิวเยว่เอ่อร์ ที่ทำให้เธอเข้าใจหลิวตงรุ่ยผิด

“แล้วยังไงต่อ?” เฟิงหานชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมเพราะชื่อหลิวตงรุ่ย

เขาไม่ได้มีอคติต่อหลิวตงรุ่ย แต่เมื่อได้ยินชื่อนี้ จะทำให้เป๋าฮวนนึกถึงสิ่งที่เขาหลอกเธอ ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงไม่อยากให้คนในตระกูลหลิวมีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา

“เราไปที่บ้านคุณฝังฟังมา และเจอกับคุณฝัง เธอบอกว่าเธอจ้างเฉินเจี๋ยให้สืบเรื่องตารางงานของสามี แต่เมื่อสองวันก่อน เฉินเจี๋ยถามเธอเกี่ยวกับตระกูลเป๋า” ซูอวี่ยังคงรายงานต่อไป

“ตระกูลเป๋า?” เฟิงหานชวนและเป๋าฮวนพูดขึ้นพร้อมกัน

เป๋าฮวนกลับประเทศ เรื่องที่เปลี่ยนชื่อและนามสกุล มีแต่คนรู้จักที่รู้ คนอื่นไม่น่าจะรู้

ทำไมเฉินเจี๋ยถึงถามเกี่ยวกับตระกูลเป๋า?

หรือว่าเฉินเจี๋ยรู้ว่าเธอเปลี่ยนชื่อเป็นสมาชิกของตระกูลเป๋า? เป็นไปได้ไหมว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นคนใกล้ตัว?

เมื่อคืนเธอเพิ่งฝันถึงหลีซืออวิ๋น วันนี้ก็ได้ยินชื่อของหลีซืออวิ๋นเลย

แต่ว่า เธอกับหลีซืออวิ๋นไม่มีความแค้นต่อกัน แถมหลีซืออวิ๋นยังเป็นเพื่อนของเฟิงหานชวนอีกต่างหาก ไม่มีทางอยู่เบื้องหลังฆาตกรหรอกใช่ไหม

“เจออะไรเพิ่มเติมไหม ทำไมหลีซืออวิ๋นถึงติดต่อกับเฉินเจี๋ย” เฟิงหานชวนถาม

“ประธานเฟิง ตอนนี้ยังไม่เจอครับ เรากำลังเร่งตรวจสอบครับ” ซูอวี่รายงานทันที แต่หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็เสนอขึ้นว่า “คุณหลีเป็นเพื่อนของท่านประธาน ท่านประธานลองถามเองไม่ดีกว่าเหรอครับ”

“พวกนายตรวจสอบไปก่อน” หลังจากออกคำสั่ง เฟิงหานชวนก็วางสายไปทันที

เพราะว่าเปิดลำโพง เป๋าฮวนจึงได้ยินทุกอย่างที่ซูอวี่พูด

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจเธอรู้สึกแปลกๆ มาตลอด เธอนึกไปถึงตอนที่อยู่บ้านตะกูลเฟิง สายตาของหลีซืออวิ๋นที่มองตัวเอง

แฝงไว้ด้วยความดุร้าย ความริษยา และความเกลียดชัง

เดิมทีเธอสงสัยตัวเองว่ามองผิดไปหรือเปล่า หรือว่า…

“หลีซืออวิ๋นชอบคุณ เธอก็เลยเกลียดฉันมาก มันจะเป็นแบบนี้ได้ไหม ไม่อย่างนั้น ทำไมเธอถึงติดต่อกับเฉินเจี๋ยล่ะ นักสืบเอกชนคนหนึ่ง…” เป๋าฮวนพูดโพล่งออกมา รู้สึกเย็นวาบเล็กน้อยที่กลางสันหลัง

หลีซืออวิ๋นเป็นผู้หญิงที่สวยเพียบพร้อมและสง่างามขนาดนั้น จะทำเรื่องน่ากลัวแบบนี้ได้เหรอ

ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็ดำทะมึนมากเช่นกัน เขาและเป๋าฮวนคาดเดาไว้เหมือนกัน เขารีบโทรหาหลีซืออวิ๋นทันที และยังคงเปิดลำโพงไว้

ไม่นาน ปลายสายก็กดรับสาย

เพียงแต่ เฟิงหานชวนยังไม่ทันได้ถามอะไร เสียงครางของหญิงสาวก็ดังมาจากปลายสาย

“อืม…อา…”

เมื่อได้ยินเสียงน่าอายเช่นนี้ ใบหน้าของเฟิงหานชวนพลันเขียวคล้ำ

ทว่า ใบหน้าของเป๋าฮวนเขียวคล้ำยิ่งกว่าเฟิงหานชวนเสียอีก เป๋าฮวนถลึงตาใส่เขาอย่างดุเดือด

เฟิงหานชวนยักไหล่บอกเป็นเชิงว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจมาก

หลังจากนั้น หญิงสาวจากปลายสายดูเหมือนจะตอบสนองแล้ว เสียงร้องอุทานอย่างตกใจดังขึ้น ก่อนจะรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “เอ่อ ขอโทษนะหานชวน ฉันกำลังทำสปาอยู่ที่บ้าน! จู่ๆ นายก็โทรหาฉัน มีธุระอะไรเหรอ”

เมื่อพูดจบ หลีซืออวิ๋นขบเม้มริมฝีปากเงียบๆ ความจริงแล้วเธอจงใจทำเสียงเช่นนั้น

สปา?

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินคำนี้ เธอถึงกับกุมหน้าผากตัวเองทันที เสียงเมื่อสักครู่นี้ เธอคิดว่าหลีซืออวิ๋นกำลัง…

“ซืออวิ๋น ฉันมีเรื่องจะถามเธอ” เฟิงหานชวนไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่น น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง

เพราะหลีซืออวิ๋นและเฉินเจี๋ยติดต่อกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าหลีซืออวิ๋นจะเป็นมือมืด*ที่อยู่เบื้องหลัง

“หานชวน นายจะถามอะไรฉัน ไม่ใช่ให้ฉันอธิบายเรื่องนั้นกับเป๋าฮวนหรอกใช่ไหม” หลีซืออวิ๋นขบฟันกรามเข้าหากัน สีหน้าของเธอดูน่ากลัวมาก ทว่าเสียงของเธอกลับหวานหยาดเยิ้ม ฟังดูแล้วไม่มีความผิดปกติใดๆ

เรื่องนั้น???

เมื่อเป๋าฮวนได้ยิน สีหน้าของเธอพลันเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะถลึงตาใส่เฟิงหานชวนอีกครั้ง เฟิงหานชวนยังคงยักไหล่บอกเป็นเชิงว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจ

ตอนนี้เป๋าฮวนโกรธมาก อยากรู้มากว่าเรื่องนั้นที่หลีซืออวิ๋นพูดคือเรื่องอะไรกันแน่ ทว่าเธอไม่สะดวกพูดในตอนนี้

“ซืออวิ๋น เธอหมายถึงเรื่องไหน” เฟิงหานชวนก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องนั้นที่หลีซืออวิ๋นพูดถึงคือเรื่องอะไร

“โธ่เอ๋ย ก็เรื่องที่ฉันเข้าใจผิดว่านายจะขอฉันแต่งงาน แล้วฉันส่งวีแชตหานายไง ปกตินายไม่เคยติดต่อฉัน จู่ๆ ก็โทรหาฉัน ฉันเลยคิดว่าฮวนฮวนงอนนายอีกหรือเปล่า ผู้หญิงหึงหวงเป็นเรื่องปกติมาก ถ้านายอยากให้ฉันช่วยอธิบายต่อหน้าเธอ ฉันทำได้นะ” น้ำเสียงของหลีซืออวิ๋นฟังดูนุ่มนวลและอ่อนโยนมาก ไม่ก้าวร้าวเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเป๋าฮวนฟัง คิดว่าตัวเองอาจจะเข้าใจหลีซืออวิ๋นผิด เธอดูไม่เหมือนผู้หญิงไม่ดีแบบนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหลีซืออวิ๋นอยากครอบครองเฟิงหานชวนจริงๆ ถ้าอย่างนั้นสามปีที่ผ่านมา ทำไมเธอไม่ทำอะไรเลยล่ะ

ดังนั้น เธอน่าจะเข้าใจผิดแล้ว

เฟิงหานชวนหลับตาลง ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ “ฉันไม่ได้โทรหาเธอเพราะเรื่องนี้ ซืออวิ๋น ฉันมีเรื่องจะถามเธอ”

“ทำไมเธอถึงติดต่อกับเฉินเจี๋ย เขาเป็นนักสืบเอกชน และไม่ใช่เพื่อนโรงเรียนเก่าเธอ ว่ากันตามเหตุผลแล้วพวกเธอไม่น่าจะมาเจอกันได้นะ”

หัวใจของหลีซืออวิ๋น “กระตุก” ทันที นึกแล้วเชียวว่าต้องสอบสวนเธอ!

“เฉินเจี๋ย?” หลีซืออวิ๋นแสร้งถาม แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น “หานชวน ทำไมจู่ๆ นายถึงพูดถึงเฉินเจี๋ยล่ะ”

“ตอบฉันมา เธอกับเฉินเจี๋ยเป็นอะไรกัน ทำไมเธอถึงติดต่อกับเขา” เสียงของชายหนุ่มเย็นเยือกถึงขีดสุด

หลีซืออวิ๋นรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลังทันที เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่ง ความจริงเธอเตรียมแผนรับมือไว้นานแล้ว

ตราบใดที่เฟิงหานชวนจับไม่ได้คาหนังคาเขา เธอก็จะไม่เปิดโปงตัวเองอย่างแน่นอน

“หานชวน นายคงไม่สนใจฉันหรอกใช่ไหม นายมีปัญหาอะไรกับฮวนฮวนเหรอ ไม่อย่างนั้นทำไมนายถึงถามฉัน…เรื่องเฉินเจี๋ย” เสียงหวานของหลีซืออวิ๋นนุ่มนวลรื่นหู เธอจงใจทำเสียงกระเง้ากระงอด “ฉันกับเฉินเจี๋ยก็แค่ไม่กี่ครั้งเอง แค่นานๆ ครั้ง ถ้านายอยากแต่งงานกับฉัน ฉันจะตัดขาดกับเขา”

เมื่อเฟิงหานชวนและเป่าฮวนได้ฟังคำพูดของหลีซืออวิ๋น ทั้งสองมองหน้ากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง

เป๋าฮวนขยับปากถามชายหนุ่มตรงหน้าโดยไม่ออกเสียง ‘หลีซืออวิ๋นกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่’

เฟิงหานชวนก็ส่ายหน้าไม่พูดอะไร

“หานชวน อันที่จริงฉันกับเฉินเจี๋ยไม่ค่อยได้เจอกันจริงๆ ถ้านายคิดจะแต่งงานกับฉัน และยังอยากแต่งงาน นายไม่สนใจเขา ฉันก็ไม่สนว่านายเคยแต่งงานกับฮวนฮวนมาก่อน” หลีซืออวิ๋นเม้มริมฝีปากเล็กน้อย สิ่งที่เธอพูดออกมา ฟังดูจริงจังและจริงใจมาก แต่ในน้ำเสียงแฝงความขี้เล่นเอาไว้

ฟังไม่รู้ว่ากำลังเสแสร้งแกล้งทำ

เมื่อเธอธิบายเช่นนี้ เฟิงหานชวนและเป๋าฮวนต่างพอจะเข้าใจว่า หลีซืออวิ๋นและเฉินเจี๋ยมีความสัมพันธ์กันแบบชายหญิง

“เธอเคยคบกับเฉินเจี๋ยเหรอ” เฟิงหานชวนถามเธอ

“ไม่ใช่นะ หานชวน ฉันกับเขารู้จักกันหลายปีแล้ว ครั้งแรกตอนฉันดื่มอยู่ในบาร์ เขาอบอุ่นเป็นมิตรกับฉันมาก คืนนั้นเราก็เลย…หลังจากนั้น เราก็มีความสัมพันธ์กันแบบผู้ใหญ่ มันไม่ใช่ความรัก นายน่าจะเข้าใจนะ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา แค่ความต้องการทางร่างกายเท่านั้น ฉันก็ไม่อยากพูดตรงๆ แบบนี้หรอก แต่ในเมื่อนายถาม ฉันก็ตอบตามความจริง” ตอนหลีซืออวิ๋นอธิบาย น้ำเสียงของเธอฟังดูเขินอายเล็กน้อย

เธอยังคงเอ่ยกำชับเป็นพิเศษว่า “หานชวน ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิง ต้องคำนึงถึงหน้าตาของตัวเอง นายอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ตกลงไหม”

เป๋าฮวนตะลึงทันที แม้ว่าเธอเพิ่งคาดเดาอะไรบางอย่าง ทว่าเธอไม่คิดว่าหลีซืออวิ๋นจะอธิบายจนหมดเปลือกเช่นนี้

อีกอย่างเธอไม่คิดเลยว่า ผู้หญิงที่สวยสง่าอย่างหลีซืออวิ๋น นึกไม่ถึงเลยว่าเวลามีความต้องการ เธอก็มีคู่นอนเหมือนกัน!

“ในเมื่อเธอกับเฉินเจี๋ยมีความสัมพันธ์กันแบบนั้น เขาเคยพูดเรื่องฮวนฮวนกับเธอไหม” เฟิงหานชวนไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ของหลีซืออวิ๋นกับเฉินเจี๋ย ตอนนี้เขาต้องการหามือมืดที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมเป๋าฮวน

“ฮวนฮวน? ไม่นะ!” หลีซืออวิ๋นอุทานอย่างตกใจ ก่อนยกมือปิดปากถามอย่างจงใจ “หรือว่าฮวนฮวนกับเฉินเจี๋ยก็มีความสัมพันธ์กันแบบนี้?”

สีหน้าของเฟิงหานชวนพลันเปลี่ยนเป็นสีดำมืดทันที เป๋าฮวนก็มีท่าทีประหม่าเช่นกัน

นี่หลีซืออวิ๋นมีจินตนาการมากเกินไปหรือเปล่า

ทว่า ตอนนี้เป๋าฮวนควรแน่ใจได้แล้วว่า หลีซืออวิ๋นไม่ใช่มือมืดที่อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เธอดูเหมือนไม่รู้อะไรเลย

“ไม่ใช่ สามปีก่อนเฉินเจี๋ยร่วมมือกับคนขับรถคนหนึ่ง ตอนที่ฮวนฮวนเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น เขาต้องการให้ฮวนฮวนตาย แต่ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเขาแน่นอน” เฟิงหานชวนเอ่ยออกไปทันควัน

หลีซืออวิ๋นร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจ “พระเจ้า…เป็นไปได้ยังไง!”

“ฉันจะรีบติดต่อเฉินเจี๋ยเดี๋ยวนี้ ฉันจะช่วยนายถาม นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย!” หลังจากหลีซืออวิ๋นพูดจบ เธอก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินเสียงวางสาย “ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด” เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน แล้วเอ่ยขึ้นว่า “อาหาน ไม่น่าจะเป็นหลีซืออวิ๋นนะ เธอไม่รู้อะไรเลย แค่บังเอิญติดต่อกับเฉินเจี๋ยเท่านั้นเอง”

“ฮวนฮวน คุณไม่ต้องกังวล ซูอวี่กำลังสืบหาอยู่ ผมจะไม่ยอมให้คุณต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน” เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ

เป๋าฮวนนั่งอยู่บนที่นอน และเฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างเตียงนอน เป๋าฮวนเอียงศีรษะมองเขา จากนั้นกลอกตาไปมาอย่างเจ้าเล่ห์ มุมปากแย้มยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวซี่เล็กเรียงตัวสวย

“กำลังคิดอะไรอยู่” เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็รู้แล้วมีความคิดแปลกๆ ซ่อนอยู่ในหัวเล็กๆ ของเธอ

“อาหาน คุณเคยเจอเฉินเจี๋ยไหม” เป๋าฮวนถามเขา

“ไม่เคย” เฟิงหานชวนส่ายหน้า

“แล้วคุณมีรูปของเฉินเจี๋ยนไหม” เป๋าฮวนถามอีกครั้ง

“ไม่มี” เฟิงหานชวนยังคงส่ายหน้าไปมา

“งั้นคุณให้ซูอวี่ส่งรูปของเฉินเจี๋ยมาสักสองสามรูป โอเคไหม” เป๋าฮวนกระพริบตาปริบๆ ดวงตาคู่นั้นของเธอทอประกายวาววับ

เฟิงหานชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย หญิงสาวตรงหน้าเขาดูเหมือนไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย จู่ๆ อยากดูรูปของเฉินเจี๋ย เป็นเพราะอะไรกัน

จากนั้น ราวกับว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหัวเราะเบาๆ “ทำไมถึงสนใจเรื่องของคนอื่นขนาดนี้”

“ฉันก็แค่แปลกใจ อยากเห็นว่าเฉินเจี๋ยจะหล่อแค่ไหน นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่สวยสง่าอย่างหลีซืออวิ๋นจะมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับเขา ฉันก็เลยสงสัย” เป๋าฮวนเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มจนตาหยี

หล่อแค่ไหนกันเชียว…

ประโยคนี้ทำให้เฟิงหานชวนไม่พอใจอย่างมาก!

“ถึงเขาจะหล่อมาก ฮวนฮวนคุณอย่าลืมว่าเขาเกือบจะฆ่าคุณ!” เฟิงหานชวนเอ่ยเตือนอย่างจริงจัง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก

“ฉันรู้น่า ฉันแค่อยากเห็น” เป๋าฮวนกอดเอวแกร่งของชายหนุ่มเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “อีกอย่างนะ เราไม่เคยเห็นหน้าตาของเฉินเจี๋ยเลย ตอนนี้เฉินเจี๋ยยังไม่ถูกจับไม่ใช่เหรอ ถ้าเราเห็นเขาบนถนนจะไม่รู้จักเขานะ”

“คุณแค่อยากเห็นคนหล่อ” เฟิงหานไม่มีทางเลี่ยง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาซูอวี่ สั่งให้เขาส่งรูปถ่ายของเฉินเจี๋ยมา

ไม่นาน ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที โทรศัพท์มือถือของเฟิงหานชวนก็สั่น เขาโยนโทรศัพท์มือถือให้เป๋าฮวนทันที ไม่แม้แต่จะดูก่อนเลยด้วยซ้ำ

เป๋าฮวนหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมา กดเข้าไปในประวัติการสนทนาของซูอวี่ทันที พบว่าซูอวี่ส่งรูปถ่ายมาหลายรูป รวมทั้งคลิปวีดีโอสังเกตการณ์ของผู้ชายคนหนึ่ง

“พระเจ้า…” เป๋าฮวนปิดปากด้วยความตกใจ ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเป๋าฮวน มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย ผู้ชายที่ทำให้เธอตกใจขนาดนี้จะหล่อแค่ไหนกันเชียว

“ฮวนฮวน ถ้าคุณทำแบบนี้อีก ผมจะหึงเอาได้นะ” เฟิงหานชวนกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ไม่ใช่นะ อาหาน คุณมาดูเร็วสิ ทำไมเขาถึงขี้เหร่ขนาดนี้!” เป๋าฮวนตะโกนด้วยความตกใจ

ขี้เหร่?

……

*มือมืด หมายถึง คนที่กระทำการเลวร้ายในที่ลับๆ

การกัดนั้นไม่เบาและไม่แรง ราวกับจั๊กจี้ เฟิงหานชวนไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย

“ฮวนฮวน คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณเหมือนอะไร?” เฟิงหานชวนแสดงรอยยิ้มขบขัน

“เหมือนอะไร?” เป๋าฮวนถามเขา พลางเอียงศีรษะ

เฟิงหานชวนหันศีรษะมองเธอ ลูบปลายจมูกของเธอด้วยปลายจมูกของเขา พูดหยอกว่า: "เหมือนลูกหมา"

"???" เป๋าฮวนอึ้งไปครู่หนึ่ง

ลูกหมา!?

เปรียบเทียบเธอกับลูกหมา?

“เฟิงหานชวน คนเลว!” เป๋าฮวนโกรธ กัดไหล่อีกข้างของเขาอย่างแรง

เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ท่าทางของเป๋าฮวนตอนนี้ มันน่ารักมากจริงๆ

เขาชอบ

“เฟิงหานชวน ยังจะหัวเราะอีก! ตอนนี้คุณคิดว่าฉันเหมือนสัตว์เลี้ยงใช่ไหม?” เป๋าฮวนกระวนกระวาย

ทุกครั้งที่เธอรู้สึกว่าเธอสามารถควบคุมเขาได้ แต่เธอก็พ่ายแพ้เฟิงหานชวนทุกที!

จะไม่ให้เธอโกรธได้อย่างไร!?

“เปล่า คุณจะเป็นลูกหมาของผมได้ไง คุณเป็นภรรยาของผม ภรรยาสุดที่รักของผม” เฟิงหานชวนขดริมฝีปากของเขา เกลี้ยกล่อมเธอเบาๆ “ปลดกุญแจมือนะ คนดี”

เขาไม่ชอบความรู้สึกถูกผูกมัด

เป๋าฮวนมองลงมา ตระหนักว่าตอนนี้เธอกำลังควบคุมเฟิงหานชวนอยู่ มือทั้งสองข้างของเฟิงหานชวนไม่สามารถขยับได้

ดวงตากลมโตของเธอหมุนไปรอบๆ มีความคิดผุดขึ้นมาในหัว

เธอมีวิธีที่จะทำให้เฟิงหานชวนขอความเมตตา~

“อาหาน ฉันไม่อยากปลด” เป๋าฮวนพลิกตัวและลุกจากเตียง นั่งยองๆต่อหน้าผู้ชาย กระพริบตาอย่างไร้เดียงสา

เมื่อมองไปที่ท่าทางที่น่าเอ็นดูของผู้หญิง เฟิงหานชวนก็หัวเราะและกล่าวว่า:"ก็ได้ ไม่ปลดก็ไม่ปลด คุณจะล็อคผมไว้นานแค่ไหนล่ะ?”

“อืม…ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉัน” เป๋าฮวนทำหน้าบึ้งและตอบอย่างครุ่นคิด

เฟิงหานชวนกระตุกริมฝีปากเล็กน้อย แต่ไม่นานก็สงบลง เนื่องจากเป๋าฮวนต้องการล็อกเขา ก็ปล่อยให้เธอล็อค

อย่างน้อยก็แค่ใส่กุญแจมือ ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเขาไม่สามารถยอมรับเกมแบบนั้นได้

“ฮวนฮวน ทำไมคุณถึงชอบเล่นแบบนี้?” เขาอดไม่ได้ที่จะถาม เขาอยากรู้จักเป๋าฮวนในตอนนี้มากขึ้น

เพราะผ่านไป3ปี เป๋าฮวนเองก็เปลี่ยนไปแล้ว

เป๋าฮวนมองขึ้นไปที่เขาด้วยสายตาที่อ้อนวอน ทำให้คนรู้สึกหวั่นไหว เพียงแค่มองเขา กลับทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกไม่สบายใจ

“ทั้งหมดเป็นเพราะคุณ อาหาน” เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากและเอนศีรษะไปที่ขาของผู้ชาย

“ผม?” เฟิงหานชวนสงสัย

“เมื่อก่อนคุณมักจะรังแกฉัน เพราะงั้นตอนนี้ฉันเลยชอบรังแกคุณ” เป๋าฮวนหัวเราะ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และจ้องไปที่ผู้ชาย

เฟิงหานชวนตะลึงไปครู่หนึ่ง

เมื่อก่อนเขามักจะรังแกเป๋าฮวนเหรอ?

ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงบางสิ่งอีกครั้ง ตอนนั้นเป๋าฮวน เรียกว่าเฉินฮวนฮวน ตอนที่เธอมาบ้านตระกูลเฟิงครั้งแรก เขาเคยทำเรื่องไม่ดีกับเธอไว้มากมาย

เขาทำให้เธอร้องไห้หลายครั้ง และยังทำให้ขี้เถ้าของคุณยายกระจายบนพื้น

“ฮวนฮวน ผมขอโทษ” เขาสำลักและดวงตาของเขาแดงก่ำ

เขาไม่คิดว่าพฤติกรรมที่ไม่ตั้งใจในตอนนั้นทำให้เป๋าฮวนฝังใจนานขนาดนี้ แต่ถึงยังไง เขาก็ผิด

“ทำไมจู่ๆถึงขอโทษล่ะ?” เป๋าฮวนเริ่มไม่เข้าใจ

เธอบอกรังแก คือ "แกล้ง” หรือว่าเฟิงหานชวนจะนึกถึงเรื่องที่เขาเคยทำไม่ดีกับเธอ?

“ฮวนฮวน ผมขอโทษจริงๆ ให้โอกาสผมแก้ตัวอีกครั้ง ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก” เฟิงหานชวนไม่สามารถกอดผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาได้ดังนั้นเขาจึงเอนศีรษะเข้าหาไหล่ของเธอ

เป๋าฮวนยืนขึ้น กางแขนออก กอดผู้ชาย แล้วดึงเขาเข้ามาในอ้อมแขน

คราวนี้ เธอเป็นคนดึงเฟิงหานชวนมากอด แทนที่จะเป็นเฟิงหานชวนดึงเธอ

“คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ฉันบอกว่ารังแก ไม่ใช่รังแกอย่างที่คุณคิด” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเธอต้องอธิบายให้ชัดเจน พูดต่อว่า: “เริ่มแรกคุณทำกับฉันเกินไปมาก แต่ฉันเข้าใจ คุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงหน้าเงิน เลยยอมแต่งงานกับคนในตระกูลเฟิง เรื่องพวกนั้นฉันไม่ได้ใส่ใจหรอก ไม่งั้นฉันคงไม่ตอบตกลงแต่งงานกับคุณหรอก…”

“ฮวนฮวน…” เมื่อฟังคำอธิบายของเธอ เฟิงหานชวนก็ตกตะลึงอีกครั้ง

เนื่องจากไม่ใช่การรังแกแบบนั้น ถ้างั้น…

ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ

ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่น แต่ตอนนี้มือเล็กๆของเป๋าฮวน กำลังล้วงเข้าไปในชุดนอนของเขา

“ฮวนฮวน คุณกำลังจะทำอะไร?” เสียงของเขาเบาลง

เป๋าฮวนก้มลงมองผู้ชาย เธอยิ้มหน้าบาน พูดด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์ “อาหาน คุณรู้หรือยังว่ารังแกแบบไหน?”

“รู้ รู้แล้ว” เฟิงหานชวนหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย

เป๋าฮวนมองไปที่ผู้ชายตรงหน้า ใบหน้าของเขาเริ่มแดงระเรื่อ เธอรู้ว่าผู้ชายไม่ได้หน้าแดงเพราะเขินอาย แต่แดงเพราะเริ่มทนไม่ไหว

เธอรู้สึกภูมิใจในทันใด: "อาหาน กล้ามท้องของคุณดูดีจัง หุ่นดีมาก~"

“แค่คุณชอบก็พอ” ผู้ชายตอบเสียงแหบแห้ง

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว คำตอบของเฟิงหานชวนทำให้เธอไม่พอใจมาก ดังนั้นเธอจึงพูดว่า: "ฉันไม่ได้ชอบ ฉันแค่รู้สึกว่าคุณหุ่นดี รู้สึกกับชอบมันไม่เหมือนกัน”

“แล้วคุณไม่ชอบเหรอ?” เฟิงหานชวนสูดหายใจเข้าลึกๆ และถามเธอกลับ

“อืม…” เป๋าฮวนพ่ายแพ้ในทันที

อันที่จริง ถ้าเธอไม่ชอบ เธอก็คงไม่มีอารมณ์หรอก ถ้าตอนนี้เธอบอกว่าไม่ชอบ มันก็คงดูเสแสร้งเกินไป

เป๋าฮวนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ดึงมือออกมา และนั่งลงที่ข้างเตียงอย่างไม่พอใจ ทำปากบูดบึ้ง

“ทำไมคุณถึงอารมณ์เสีย?” เมื่อกี้ยังรุกอยู่เลย ทำไมถึงหยุดไปแล้ว เสียงของเฟิงหานชวนปกติมากขึ้น

“ฮึ่ม!” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ไม่มองเขาและพ่นลมอย่างหนัก

“ผมยั่วยวนคุณเหรอ?” เฟิงหานชวนรู้สึกเช่นนั้น

เป๋าฮวนเม้มปาก หันศีรษะและจ้องมาที่เขา และพูดอย่างแปลกๆว่า “ฉันไม่เคยเอาชนะคุณได้เลย!”

“อะไรนะ? ชนะผม?” เฟิงหานชวนรู้สึกงงงวย “ทำไมต้องเอาชนะผม?”

“เพราะ…ฉันแค่อยากจะเอาชนะคุณ” เป๋าฮวนไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะเธอเคยถูกรังแกอย่างทรมานมาก่อน ดังนั้นเธอจึงอยากจะถือไพ่เหนือกว่าบ้าง

แต่เมื่อกี้ เธอยั่วเฟิงหานชวน แต่เฟิงหานชวนไม่แสดงอาการอะไรเลย แถมยังพลิกชนะได้อีก

“คุณอยากเอาชนะผมยังไง?” เฟิงหานชวนรู้สึกร้องไห้ไม่ออก

ล็อคเขาด้วยกุญแจมือ เพียงเพื่ออยากเอาชนะเขา? อยากชนะยังไง?

“ฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เป๋าฮวนพูดด้วยความเขินอาย

เมื่อเห็นผู้หญิงหลบสายตาและหน้าแดงเล็กน้อย เฟิงหานชวนเป็นคนฉลาด เขาเดาได้

ไม่คิดว่า เป๋าฮวนอยากชนะเขาเรื่องแบบนั้น

“ฮวนฮวน ผมยอมแพ้” เฟิงหานชวนกระตุกริมฝีปากของเขาเบาๆ และพูดอย่างสงบ: “ผมยอมแพ้ คุณชนะผมแล้ว”

เป๋าฮวน: "???"

เธอยังไม่ได้เอาชนะเขาเลย ทำไมเขาถึงยอมแพ้แล้ว?

เฟิงหานชวนกำลังพูดถึงอะไร?

“ฮวนฮวน เริ่มรังแกผมสิ” เขามองเธอด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าในดวงตาของเขา

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินคำเหล่านี้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างทันที

นี่ นี่ นี่… นี่คือสิ่งที่เฟิงหานชวนพูดออกมาจากปากงั้นเหรอ?

เขาเขาเขา…ถึงกับพูดคำพวกนี้ออกมาเลยเหรอ?

เมื่อเห็นลักษณะที่ตกใจของเป๋าฮวน แทนที่จะยิ้ม เฟิงหานชวนกลับพูดอย่างจริงจัง: "ฮวนฮวน ผมพูดจริง"

“ไม่ว่าคุณอยากทำอะไร ผมก็จะให้ความร่วมมือ” เขากล่าวเสริม

แต่หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น เป๋าฮวนก็รู้สึกผิดหวัง

เธอคลานไปทางด้านหลังเฟิงหานชวน ปลดกุญแจมือของเขา แล้วโยนกุญแจมือออกไป ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

“ฮวนฮวน คุณ…” เฟิงหานชวนหันศีรษะ เห็นผู้หญิงก้มหน้า ดูไม่มีความสุขเลย

เขาเต็มใจให้ความร่วมมือ ทำไมเธอถึงไม่มีความสุข?

เขาทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือพูดอะไรผิดไป?

“ฮวนฮวน?” เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบ เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปจับไหล่ของเธอ แล้วเรียกเธออีกครั้ง

เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้น จากนั้นตบหน้าอกของผู้ชายเบาๆ กัดริมฝีปากแล้วพูดว่า:“ฉันไม่ต้องการความร่วมมือของคุณ!”

ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกว่าเป๋าฮวนคิดจะทำอะไร แล้วร่วมมือกับเธอโดยดี แบบนี้มันจะไปสนุกได้ยังไง

เธอไม่ชอบเกมที่ไม่มีความท้าทาย

“ฮวนฮวน ผม…” เฟิงหานชวนก็นึกขึ้นได้ว่าทำไมเป๋าฮวนถึงผิดหวัง เขาทำลายความคิดของเธอ

จู่ๆเขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ถ้ารู้ตั้งแต่แรกเขาจะไม่พูดแบบนั้น

“ฉันหิว ฉันจะลงไปกินข้าวเช้า ฉันไปแปรงฟันก่อน” เป๋าฮวนเหยียบเท้าลงบนพื้น แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฟิงหานชวนก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กอดเธอจากด้านหลัง แล้ววางเธอลงบนเตียง

“เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร…” เป๋าฮวนกำลังจะตะโกนด่า แต่เห็นเฟิงหานชวนนั่งยองๆ จับข้อเท้าของเธอด้วยมือที่เรียวยาว ช่วยเธอสวมรองเท้าแตะ

ประโยคที่เธอต้องการด่าเขา กลืนลงไปในทันที

เฟิงหานชวนยื่นมือไปจับสองมือเล็กๆของเธอ ดวงตาสีดำคู่หนึ่งจ้องมาที่เธออย่างจริงใจ และพูดว่า: “ฮวนฮวน สิ่งที่ผมบอกคุณก่อนหน้านี้ ผมอยากให้ระหว่างเราไม่มีเรื่องปกปิดใดๆ ดังนั้นถึงแม้จะเป็นเกมเล็กๆที่คุณอยากเล่น ผมก็จะบอกแผนของผมกับคุณ…”

“ถ้าความจริงใจของผมทำให้คุณผิดหวัง ผมขอโทษ”

เป๋าฮวนตกตะลึง นี่มันอะไรกัน?

เฟิงหานชวนขอโทษเธอเพราะเรื่องแบบนี้?

ในขณะนั้น จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ

เฟิงหานชวนลุกขึ้นทันที เดินไปปลายเตียง แล้วเดินไปที่โต๊ะข้างเตียง เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากซูอวี่ เขาก็เปิดหน้าจอทันทีและเปิดลำโพง

ทันทีหลังจากนั้น ซูอวี่ก็รายงานเสียงดัง: “ประธานเฟิง เรายังไม่พบเฉินเจี๋ย แต่เราได้ข้อมูลใหม่”

“พูดมา” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วทันที ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม

“เราพบว่าในรายชื่อผู้ติดต่อของเฉินเจี๋ย มีคนที่คุณรู้จัก คุณหลีซืออวิ๋น”

“หลีซืออวิ๋น?” เป๋าฮวนอุทานขึ้นทันที

“ทำไมคุณต้องด่าด้วย?”

เป๋าฮวนรู้สึกไม่มีความสุขในทันที ดวงตาทั้งสองข้างน้ำตาคลอ ท่าทางน่าเอ็นดู

เธอเอื้อมมือไปผลักผู้ชายออกไป แต่ผลักไม่ออก

“ผมไม่ได้ด่าคุณ” เสียงของเฟิงหานชวนนิ่ง และอธิบายว่า: “ผมด่าตัวเอง”

เป๋าฮวนไม่สนใจ ขบริมฝีปาก “โกหก คุณกำลังด่าฉัน คุณคิดว่าฉันใจง่าย ร้อยลิ้นกะลาวน คิดว่าฉันคบคนสองคนในเวลาเดียวกันใช่ไหม?”

“เปล่า ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมด่าตัวเองจริงๆ”

แววตาที่มืดมนของเฟิงหานชวนจ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ด้านล่างเขา เขาพูดด้วยเสียงต่ำ: "แค่การแสดงออกเล็กๆของคุณ ก็ทำให้ผมดิ้นรนเกือบตาย ผมกำลังด่าตัวเอง ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าคุณถึงชอบอารมณ์เสีย ทำไมอยู่ต่อหน้าคุณถึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้…”

เขายิ่งพูด ยิ่งทำให้ใบหน้าของเป๋าฮวนกลายเป็นสีแดง ยิ่งอยู่ยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ

เธอพบว่าตัวเองตกหลุมพรางของเฟิงหานชวนอีกแล้ว!

ทุกครั้ง เธอคิดว่าเธอจะเอาชนะเฟิงหานชวนได้ แต่เฟิงหานชวนก็นำหน้าทุกครั้ง!

ไม่ยุติธรรมเลย!

“หุบปาก รีบหุบปาก” เป๋าฮวนพูดขณะที่ยื่นมือไปปิดปากของผู้ชาย ดวงตาทั้งสองจ้องเขาด้วยความโกรธ

เธอทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกขบขัน อดไม่ได้หัวเราะออกมา

เมื่อเห็นผู้ชายไม่สำนึกผิด แต่ยังหัวเราะ เป๋าฮวนก็ยิ่งอายและโกรธมากขึ้น เธอใช้แรงทั้งหมดของเธอ พลิกตัวและกดผู้ชายให้อยู่ใต้เธอ

เฟิงหานชวนอยู่ในท่าที่นอนตะแคง มิฉะนั้น เป๋าฮวนไม่มีแรงมากพอที่จะพลิกเขาได้

เขานอนลงโดยดี ต้องการดูว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้จะเล่นกลอะไร!

เป๋าฮวนมองไปที่ผู้ชาย ริมฝีปากที่โค้งงอ รูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง

เธอไม่ได้ทำอะไร รีบลุกจากเตียงทันที แม้แต่รองเท้ายังไม่ทันใส่ ก็ออกจากห้องนอนและวิ่งลงไปชั้นล่าง

เฟิงหานชวนได้สติ รีบลุกขึ้นนั่ง ตามลงไป

เมื่อเขาตามไปถึงชั้นสอง เขาเห็นเป๋าฮวนเข้าไปในห้องของจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง เขารีบวิ่งตามไปโดยไม่ได้คิด

“อามั่ว ขอยืมกุญแจมือหน่อย ฉันจำได้ว่านายชอบพกกุญแจมือติดตัวไม่ใช่เหรอ?” เสียงที่ละเอียดอ่อนของผู้หญิงดังขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็หยุดที่ประตูทันที

“คุณหนูใหญ่ คุณจะเอากุญแจมือไปทำอะไร?” จิงมั่วถามอย่างสงสัย

“เล่นเกม!” เป๋าฮวนตอบด้วยรอยยิ้ม

จิ่งเหลิ่งงุนงงและถามด้วยความสงสัย: “คุณหนูใหญ่ กุญแจมือจะเอาไปเล่นเกมอะไร? หรือว่าจะเป็นเกมแบบที่ระหว่างสามีภรรยา… คุณหนูใหญ่ มีรสนิยมแบบนี้เหรอ?”

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ทำไมนายถึงคิดเรื่องแบบนั้น? ตั้งสติหน่อย!” เป๋าฮวนไอ แสร้งทำเป็นว่าจริงจัง

จิ่งเหลิ่งขดริมฝีปากและพึมพำอย่างลับๆ:“นอกจากเกมแบบนั้น กุญแจมือจะเอาไปทำเรื่องอะไรได้อีก…”

ในเวลานี้ จิ่งมั่วได้มอบกุญแจมือให้กับเป๋าฮวน

หลังจากที่เป๋าฮวนได้รับมัน เธอก็หันหลังกลับอย่างมีความสุข แต่เฟิงหานชวนรีบกลับไปที่ห้องนอนชั้นสามก่อนแล้ว

เป๋าฮวนกระโดดโลดเต้นขึ้นมาถึงชั้นสาม ถึงประตูห้องนอนก็รีบวิ่งเข้าไปในเฟิงหานชวน เธอยกมือขึ้นอย่างมีความสุข เขย่ากุญแจมือในมือของเธอ

จากนั้นเธอมองเฟิงหานชวยด้วยรอยยิ้มและถามว่า: "เล่นเกมไหม?"

เมื่อเฟิงหานชวนยืนขึ้นเขาสูงกว่าเป๋า เขาก้มลงมอง เป๋าฮวนสวมกระโปรงรัดรูป เผยให้เห็นสรีระ

เดิมทีสีหน้าก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่ดีเข้าไปอีก

เมื่อเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของเขา แถมยังไม่ตอบตัวเอง เป๋าฮวนก็ขดริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ "ไม่เล่นก็ไม่เล่น!"

เธออุตส่ายืมกุญแจมือมา แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ยอมเล่นกับเธอ!

วินาทีต่อมา ข้อมือของเธอถูกคว้าไว้ จากนั้นทั้งตัวก็ถูกลากเข้าไปในห้อง ประตูปิดลง และเธอถูกกดแนบประตู

ใจของเป๋าฮวนกระวนกระวายทันที มองไปที่ผู้ชายตรงหน้า เธอถามว่า: "เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร? ไม่เล่นไม่ใช่เหรอ???"

“ฮวนฮวน ปกติคุณอยู่บ้านตระกูลเป๋า คุณก็ไม่ระวังแบบนี้เหรอ?” เฟิงหานชวนดูหงุดหงิดเล็กน้อย

“ไม่ระวังอะไร?” เป๋าฮวนสับสน

“คุณสวมชุดแค่นี้เข้าไปในห้องนอนของผู้ชายสองคน?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนบึ้งตึง

เป๋าฮวนก้มลงมอง ตัวเองก็สวมปกติดี มันก็ไม่ได้โป๊ไม่ได้อะไรเลย แถมกระโปรงยังยาวถึงหัวเข่า ไม่สั้นเลยสักนิด

มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?

แบบนี้เรียกว่าสวมแค่นี้? กระโปรงตัวนี้ใส่เดินตามถนนยังปกติเลย

“อาหาน คุณหัวโบราณเกินไปหรือเปล่า? นี่ถือว่าเยอะแล้ว คุณไม่เคยเห็นคนอื่นสวมเอวลอย โชว์สะดือเดินตามถนนเหรอ? คุณไม่เคยเห็นผู้หญิงสวมบิกินี่ในสระว่ายน้ำเหรอ?” เป๋าฮวนมองผู้ชายที่หน้าตาบูดบึ้ง

ใบหน้าของเฟิงหานชวนบึ้งตึง และมุมปากของเขากระตุกอย่างต่อเนื่อง

ในวินาทีต่อมา เขาอุ้มผู้หญิงขึ้นโดยตรง โยนเธอลงบนผ้าห่ม แล้วห่อตัวเธอ

“ฮวนฮวน ต่อไปห้ามสวมชุดแบบนี้ต่อหน้าผู้ชายคนอื่นอีก ผมไม่อนุญาต!” น้ำเสียงของเขาผสมด้วยความระคายเคืองและน้ำเสียงบังคับ

เป๋าฮวนรู้สึกไม่มีความสุขในทันที

เธอควรจะเป็นผู้นำในความสัมพันธ์นี้! ผู้นำ! ผู้นำ!

ทำไมเฟิงหานชวนถึงออกคำสั่งกับเธออีกแล้ว?

รู้สึกเสียใจขึ้นมาที่ยอมคืนดีกับเฟิงหานชวน

เธอเบือนหน้าหนี ไม่มองผู้ชาย หน้าเธอเย็นชา และเธอดูอารมณ์เสียมาก

เฟิงหานชวนปล่อยมือของเธอ ปล่อยเธอ ตระหนักถึงการกระทำของเขา กล่าวขอโทษอย่างรวดเร็ว: "ฮวนฮวน ผมขอโทษ ผมไม่ควรพูดแบบนั้น"

“เฟิงหานชวน ฉันไม่ชอบที่คุณออกคำสั่งกับฉัน” เป๋าฮวนลุกขึ้นนั่ง ยังคงไม่มองเขา เพียงบ่นพึมพำ

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เมื่อกี้เขาโกรธมากไป เลยทำอะไรไม่ได้คิด

เป๋าฮวนในตอนนี้ไม่ใช่เฉินฮวนฮวนที่นุ่มนวล ตอนนี้เป๋าฮวนเป็นคุณหนูที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว

“ฮวนฮวน เมื่อกี้ผมหุนหันพลันแล่นเกินไป ผมขอโทษ…” เฟิงหานชวนกล่าวขอโทษอีกครั้งด้วยความจริงใจ เอื้อมมือไปสัมผัสมือเล็กๆของผู้หญิง

วินาทีต่อมา มือของเขาก็กระเด็นออก เป๋าฮวนหันศีรษะและจ้องมองมาที่เขา

“ฮวนฮวน ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีกไม่ว่าคุณจะสวมอะไร” แม้ว่าเฟิงหานชวนไม่อยากให้เป๋าฮวนสวมมัน แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงกัดฟันยอมเท่านั้น

เป๋าฮวนยังคงจ้องมาที่เขา แล้วพูดว่า: “เอามือไขว้ไว้ข้างหลัง”

เฟิงหานชวนไม่ถามอะไรมาก แค่ทำตาม หลังจากนั้น เขาก็รู้สึกถึงความเย็นจากข้อมือของเขา

เมื่อหันไปมอง เป๋าฮวนใส่กุญแจมือที่มือของเขาทั้งสองข้าง ติดไว้กับหัวเตียง มือทั้งสองไม่สามารถขยับได้

เป๋าฮวนเข้าใกล้หลังของผู้ชาย ค่อยๆขึ้นมาที่คอของเขา ก้มศีรษะลงและกัดไหล่อย่างแรง: “ใครให้คุณออกคำสั่งกับฉัน ฉันไม่ใช่สาวใช้ของคุณ ฉันจะลงโทษคุณ”

คฤหาสน์ตระกูลหลี ชั้นใต้ดินชั้นหนึ่ง

ชายหนุ่มตัวเตี้ยที่สวมใส่เสื้อโค้ตสีเบจ ผมที่ยาวเล็กน้อยกระเซอะกระเซิง เขาถูกขังอยู่ในห้องแม่บ้าน

ได้ยินเสียงลูกบิดประตู เขารีบลุกขึ้นทันที เฝ้าดูประตูอย่างระแวดระวัง จนกระทั่งเห็นคนที่เดินเข้ามาอย่างชัดเจน เขาถึงได้โล่งอก

หลีซืออวิ๋นยกชามข้าวถ้วยหนึ่งเดินเข้ามา แล้ววางลงบนโต๊ะเล็กที่อยู่ด้านข้าง เฉินเจี๋ยพุ่งเข้ามาในทันที แล้วยัดกินอย่างมูมมาม

เห็นท่าทางแบบนั้นของเขา หลีซืออวิ๋นเบ้ปากอย่างรังเกียจ สีหน้าเผยความดุดัน

เธอยกมือขึ้น ถีบแรง ๆ ลงบนหลังของเฉินเจี๋ย เฉินเจี๋ยไม่ได้ระวังตัว ใบหน้าทิ่มลงในชามทันที

“ไร้ประโยชน์! ถูกจับได้เร็วขนาดนี้!” หลีซืออวิ๋นเกลียดจนกัดฟัน

ถ้าหากเฉินเจี๋ยถูกจับได้ จะต้องลากตัวเองออกไปด้วยแน่ งั้นเธอก็จบเห่

“แค่กแค่กแค่ก…” เฉินเจี๋ยรีบเงยหน้าขึ้น เพราะว่าสำลักแล้ว เขาไอไม่หยุด ไอจนหน้าแดง

กว่าเขาจะสงบลง เขาคุกเข่าลงบนพื้น กอดขาของหลีซืออวิ๋นไว้ แล้วรีบพูดขึ้น “อวิ๋นเออร์ ช่วยฉัน ช่วยฉันด้วย! มีเพียงแต่เธอที่ช่วยฉันได้! ฉันจะตกอยู่ในมือของเฟิงหานชวนไม่ได้!”

เมื่อคืนวาน เขามีธุระที่ต้องกลับไปที่สำนักงานนักสืบ แต่กลับพบว่ามีคนนั่งลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ที่ห้องทำงานของเขา

จากนั้น ก็มีอีกหลายคนลงรถมา เขารู้จักผู้นำคนนั้น ก็คือผู้ช่วยเก่งกาจข้างกายเฟิงหานชวน…ซูอวี่

ตอนนั้นเขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ถูกต้อง จึงทิ้งรถไว้ แล้วแอบวิ่งออกมา เขาเป็นคนว่องไวเฉียบแหลม หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีกล้องวงจรได้ จนมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลี

เขารู้ว่าเวลาสำคัญในตอนนี้ตันเองไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้โทรหาหลีซืออวิ๋น แถมยังทิ้งลงโทรศัพท์ลงแม่น้ำ เพื่อป้องกันการถูกระบุตำแหน่ง

ตอนนี้ หลีซืออวิ๋นคือผู้ที่ช่วยชีวิตของเขาเพียงคนเดียว

“เฉินเจี๋ย นายกำลังขู่ฉันเหรอ!” หลีซืออวิ๋นตะคอก แล้วง้างมือขึ้น ตบหน้าเฉินเจี๋ย

เฉินเจี๋ยเจ็บจนร้องโอดครวญ

“พวกเราคือตั๊กแตนบนเรือลำเดียวกัน ฉันไม่ช่วยนายใครจะช่วยนาย? ฉันจะให้นายตกอยู่ในมือเฟิงหานชวนได้เหรอ?” หลีซืออวิ๋นโมโหจนคอแหบแห้ง

เฉินเจี๋ยถูกตะคอกจนหดตัว เขาตัวสั่นไปทั้งตัว ก่อนหน้านี้ที่เขาจับทางหลีซืออวิ๋นได้ ก็แอบข่มขู่ให้หลีซืออวิ๋นนอนค้างคืนกับเขา

แต่ตอนนี้ เขากลัวผู้หญิงคนนี้แล้ว ถ้าหากตอนนี้หลีซืออวิ๋นโหดร้ายกว่าเดิม แล้วฆ่าเขาที่คฤหาสน์ตระกูลหลี อาจจะไม่มีคนรู้ก็ได้

ดังนั้น เขาไม่สามารถยั่วโมโหหลีซืออวิ๋นได้

“ฉันจะอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง ฉันจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนให้เธอแน่นอน เพียงแค่เธอให้ข้าวฉันกิน ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น” เฉินเจี๋ยสั่นไปทั้งตัว แล้วออกแรงดึงแขนของหลีซืออวิ๋น

เขารู้นิสัยของเฟิงหานชวน ดังนั้นเขายินยอมที่จะมาหาหลีซืออวิ๋น เพื่อที่จะได้มีโอกาสมีชีวิตอยู่ เขาไม่ยินยอมจะให้ตัวเองตกอยู่ในมือของเฟิงหานชวน

แบบนั้นก็เหมือนจะตายทั้งเป็น

“เฉินเจี๋ย จำคำที่นายพูดตอนนี้ไว้ อยู่ที่นี่ทำตัวดี ๆ ไม่อย่างงั้น…” หลีซืออวิ๋นกัดฟัน โมโหจนหมุนตัวเดินออกไป

ตอนที่กลับมาถึงห้องรับแขก พ่อแม่ตระกูลหลีกำลังนั่งอยู่ สีหน้าของทั้งสองท่านไม่ดีเป็นอย่างมาก

ถ้าพูดว่าแอบซ่อนคนไว้ในบ้าน พวกเขารู้แน่นอน ดังนั้นเมื่อคืนจี้ถามหลีซืออวิ๋นว่ามันเรื่องอะไรกัน

หลีซืออวิ๋นรู้ว่าพ่อแม่เข้าข้างเธอ เพราะว่าเธอคือลูกสาวคนเดียวของตระกูลหลี จึงบอกพ่อแม่ของตัวเองทุกเรื่อง

พ่อแม่ตระกูลหลีไม่ได้นอนทั้งคืน ครั้งนี้พวกเขาบาดหมางกับเฟิงหานชวน พวกเขาดูเฟิงหานชวนเติบโตมา ฝีมือเก่งกาจ ไม่เช่นนั้นคงสร้างเครือข่ายธุรกิจบริษัทอาร์ไม่ได้

แม้กระทั่งพวกเขาก็ไม่สามารถรับรองได้ ว่าถ้าหากเฟิงหานชวนรู้ความจริง จะทำอะไรกับลูกสาวแสนรักของพวกเขาไหม

“อวิ๋นเออร์ เรื่องนี้ลูกวางแผนจะจัดการยังไง?” หลังจากคุณนายหลีถามขึ้น ก็ถอนหายใจอย่างแรง แล้วชี้หน้าเธอพูดขึ้นอย่างจนปัญญา “ลูกพูดมาว่าทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ ถึงลูกจะชอบเฟิงหานชวนขนาดไหน ลูกก็ไม่ควรทำร้ายคนนะ!”

“หุบปาก!” หลีเซ่าชิวดุ ถลึงตาใส่ภรรยาของตัวเอง แล้วถามกลับ “อวิ๋นเออร์ของพวกเราทำร้ายคนตอนไหน? คุณรู้ไหมว่าตัวเองพูดอะไรอยู่?”

สั่งสอนภรรยาเสร็จ หลีเซ่าชิวก็เงยหน้ามองลูกสาวของตัวเอง แล้วพูดเสียงเข้ม “อวิ๋นเออร์ พวกเรารอดูความเปลี่ยนแปลงก่อน อย่าสารภาพ เฟิงหานชวนเป็นคนที่มีเรื่องด้วยไม่ได้”

“พ่อคะ หนูรู้ค่ะ หนูไม่มีทางสารภาพ ตอนนี้เฉินเจี๋ยอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะสามารถสืบถึงหนูได้” หลีซืออวิ๋นสองมือกอดอก เชิดหน้า ท่าทางหยิ่งผยองมั่นอกมั่นใจ

หลีเซ่าชิวดวงตาเคร่งขรึม ลึกลงในสายตาแฝงไปด้วยความดุร้าย เขากัดฟันถามขึ้น “ผู้ชายคนนั้น ลูกวางแผนจะจัดการยังไง?”

รู้ว่าพ่อของตัวเองถามถึงเฉินเจี๋ย เธอยิ้มเยือกเย็น แล้วพูดขึ้น “เก็บไว้ดูสถานการณ์ก่อน หนูไม่รู้ว่าเขาเก็บอะไรไว้ลับหลังหนูหรือเปล่า”

“ได้ หนูรีบงัดคำพูดของเขาออกมาให้เร็วที่สุด คนคนนี้เก็บไว้นานไม่ได้”

บริษัทหมิงอวี่

ที่ห้องนอนใหญ่ชั้นสาม

เป๋าฮวนนอนอยู่บนตัวของชายหนุ่ม เอาหน้าวางไว้บนหน้าอกของเขา แล้วฟังเสียงหัวใจเต้นของเขาอย่างเงียบ ๆ

ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมาก

เฟิงหานชวนปล่อยให้เธอทำแบบนี้ ฝ่ามือใหญ่ลูบหัวเธอเบา ๆ เหมือนกับกำลังปลอบเด็กน้อยอยู่

“ความฝันนั่นเหมือนจริงมาก ๆ…” เป๋าฮวนพูดถึงเรื่องความฝันอีก

เฟิงหานชวนรีบเอามือปิดปากเธอทันที แล้วพูดเสียงเข้ม “เด็กโง่ นั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด”

“แต่ว่าโบราณว่าไว้ กลางวันคิดกลางคืนก็จะฝัน” เฟิงหานชวนหันหน้ามามองหญิงสาว ยิ้มมุมปากแล้วถาม “ฮวนฮวน คุณเป็นกังวลอยู่ตลอดว่าผมจะมีชู้ ถึงได้ฝันแบบนี้ใช่ไหม?”

“หือ?” เป๋าฮวนเอียงศีรษะ เธอเม้มปาก จากนั้นก็ส่งเสียงในลำคอ “ไม่ใช่สักหน่อย”

“ถ้าจะกังวล ก็ควรจะเป็นคุณกังวลว่าฉันจะมีชู้ ไม่ใช่ว่าฉันกังวลว่าคุณจะมีชู้” เธอพูดเสริมอีก

เพียงแต่เมื่อพูดประโยคนี้จบ ด้านหน้าก็มืดไป โลกหมุน เธอถูกชายหนุ่มทับร่างไว้

เป๋าฮวนกะพริบตา มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไร้เดียงสา แล้วถามขึ้น “ทำไมเหรอ? ฉันพูดไม่ถูกเหรอ?”

“ฮวนฮวน คุณอยากจะมีชู้กับใคร? เวินซือเหยี่ยน?” เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึมมาก น้ำเสียงยังแสดงความไม่พอใจอย่างมาก

อีกแล้ว! อีกแล้ว!

เป๋าฮวนโมโหจนเบ้ปาก แล้วถามกลับ “ทำไมคุณพูดถึงเขาอีกแล้ว? คุณกำลังหึงเหรอ?”

“ใช่ ผมหึง ผมอิจฉา” เฟิงหานชวนยอมรับอย่างไม่ลังเล “คุณดีกับเขามาก อ่อนโยนมา แต่กับผมคุณโหดร้ายมาก ดังนั้นผม…”

เฟิงหานชวนยังพูดไม่จบ แต่ตอนนี้เขาพูดไม่ออกแล้ว เพราะว่าหญิงสาวปิดกั้นคำพูดของเขาด้วยริมฝีปากของเธอ

วินาทีต่อมา เป๋าฮวนถอนริมฝีปากออก เธอถามเขาอีก “งั้นแบบนี้ล่ะ ยังจะหึงเหรอ?”

“บ้าจริง!”

เฟิงหานชวนสีหน้าเปลี่ยน รู้สึกว่าไฟในร่างกายถูกกระตุ้นทันที

“อยาก”

ตอบออกมาโดยที่แทบจะไม่ต้องคิด

เขาจะไม่อยากได้ยังไง เขาอยาก อยากมาก ๆ!

เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเป๋าฮวนจะเป็นฝ่ายรุกขนาดนี้ ยอมที่จะเกิดลูกให้เขา

“ฮวนฮวน คุณยินยอมที่จะมีลูกจริงเหรอ?” เฟิงหานชวนยืนยันกับเธอ

“ฉันพูดแล้วนี่ ว่าเป็นเกมสร้างลูก” เป๋าฮวนกลอกตา ท่าทางเหมือนจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์ เหมือนกับตอบคำถามแต่ก็ไม่ตอบ เหมือนกับใช่แต่ก็ไม่ใช่

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “เกมเล็ก ๆ ที่คุณพูด น่าจะเป็นเกมประเภทนั้นที่ผมคิดใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ไม่ใช่!” เป๋าฮวนส่ายหน้า แถมยังโบกมือ รีบปฏิเสธ

“งั้นคือ?” เฟิงหานชวนงงในทันที

“คุณรอก่อน ฉันให้คุณดูวิดีโอตอนหนึ่ง” เป๋าฮวนปล่อยเขา รีบเดินไปข้างโต๊ะน้ำชา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นก็เดินกลับมาด้านหน้าเฟิงหานชวน

เธอก้มหน้า จิ้มลงที่โทรศัพท์สองสามครั้ง จากนั้นก็กดเลือกวิดีโอที่ถ่ายที่โรงแรมในวันนั้น ส่งให้เฟิงหานชวนดู

เฟิงหานชวนดูอยู่ครู่หนึ่ง เขาหน้าเขียวนิดหน่อย มุมปากกระตุก “ฮวนฮวน คุณหมายความว่า…เล่นเกมประเภทนี้?”

เขาเขินอายเล็กน้อย ทำไมตอนนี้เป๋าฮวนถึงชอบแบบนี้แล้วนะ?

“อืม ครั้งที่แล้วฉันใช้เข็มขัดใยไหม ถูกคุณดิ้นหลุดไปได้ ครั้งนี้ฉันจะใช้กุญแจมือคล้องมือของคุณ ดีไหม?” เป๋าฮวนกะพริบตา มองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร้เดียงสา ท่าทางเต็มไปด้วยความรอคอย

เฟิงหานชวนมุมปากกระตุกยิ่งกว่าเดิม

“ฮวนฮวน ที่บ้านไม่มีกุญแจมือ” เขาสงบจิตใจลง พยายามเกลี้ยกล่อมผู้หญิงคนนี้

นี่มันนิสัยแปลกประหลาดอะไร?

หรือว่าตอนนี้ฮวนฮวนชอบที่ตัวเองเป็นผู้ควบคุมเหรอ?

แต่ในฐานะผู้ชาย อันที่จริงเขาไม่ค่อยชอบเกมแบบนี้

ประการแรกเขาไม่มีนิสัยแปลกประหลาดแบบนี้ ประการที่สองในฐานะที่เขาเป็นผู้ชายร่างกายกำยำ เขาไม่ชอบรสชาติของการถูกควบคุม

เขาไม่ต้องการทำลายความสนใจของเป๋าฮวน ดังนั้นจึงโกหกว่าไม่มีกุญแจมือ อันที่จริงในตู้นิรภัยน่าจะมีกุญแจมืออยู่

“อาหาน ที่จิ่งมั่วมี” เป๋าฮวนเบิกตากลมโต ตอบอย่าจริงจัง

เฟิงหานชวนพูดไม่ออกชั่วขณะ “…”

“ดังนั้น คุณยินยอมไหม? อาหาน” เป๋าฮวนขยับปาก ตั้งใจถามเขา

“ฮวนฮวน เรื่องเมื่อคืนเป็นผมที่ไม่ดีเอง คืนนี้พวกเรารีบพักผ่อน ดีไหม? ร่างกายสำคัญ วันนี้พักก่อน พรุ่งนี้เล่นเป็นเพื่อนคุณ” เฟิงหานชวนพูดกล่อมหญิงสาวตรงหน้า

อันที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่ยินยอม แต่เมื่อคิดถึงความเหนื่อยล้าของเป๋าฮวนเมื่อคืน แถมยังมีเรื่องฆาตกรนั่นอีก เขาหวังว่าวันนี้เธอจะบำรุงรักษาร่างกายสักหน่อย

ในเมื่อเป๋าฮวนยอมรับเขาแล้ว เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดลูก ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น

“อื้อ…คุณพูดอย่างมีเหตุผลนะ วันนี้เหนื่อยนิดหน่อยแล้วจริง ๆ” เดิมทีเป๋าฮวนไม่รู้อะไร ในหัวคิดแต่จะลงโทษเฟิงหานชวน แต่เมื่อเฟิงหานชวนทักขึ้นมาแบบนี้ เธอก็เริ่มหาวแล้ว

เธอปล่อยชายหนุ่มตรงหน้า แล้วหมุนตัว เดินไปทางข้างเตียง จากนั้นก็มุดเข้าไปในผ้าห่มทันที

เรื่องที่จะลงโทษเฟิงหานชวนไม่รีบร้อน รอให้จับฆาตกรคนนั้นได้ก่อน เธอก็สามารถสงบจิตใจได้ แล้วค่อยเล่นสนุกกับเฟิงหานชวน

ให้เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกของเธอ

หึหึ~

คิดได้ถึงตรงนี้ เป๋าฮวนอมยิ้ม แล้วรีบหลับตาลง

เมื่อเห็นเป๋าฮวนนอนลง เฟิงหานชวนยิ้มอ่อน ๆ แล้วส่ายหน้า จากนั้นก็เดินไปที่อีกด้านหนึ่งของเตียงนอนใหญ่ หลังจากที่เข้าไปในผ้าห่ม เขายื่นมือออกไปกอดเอวของเธอไว้

เป๋าฮวนไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้เฟิงหานชวนกอดตัวเอง ไม่ช้า เธอก็เข้าสู่ความฝัน

ในความฝัน เธอรู้สึกเหมือนจริงมาก ๆ เธอวิ่งอยู่บนถนน เหมือนจะวิ่งไปทางคฤหาสน์นั่น

ในคฤหาสน์ไม่มีคน เธอวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสามอย่างรวดเร็ว จากนั้นเปิดประตูห้องออก ก็เห็นเฟิงหานชวนกอดหลีซืออวิ๋นอยู่ ทั้งสองกอดกันแน่น หลีซืออวิ๋นมองมาทางเดิน แล้วกอดเฟิงหานชวนอย่างลำพองใจ จากนั้นก็จูบเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเหมือนกับมองไม่เห็นเธอ ก็กอดจูบกับหลีซืออวิ๋น

“กรี๊ด…”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น ทำลายความสงบเงียบยามเช้า

เป๋าฮวนลุกขึ้นนั่งอย่างแรง สีหน้าซีดขาว หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ หายใจอย่างแรง

เฟิงหานชวนก็ถูกทำให้ตกใจตื่น เขารีบลุกขึ้นนั่ง โอบบ่าของเธอไว้ แล้วรีบถามขึ้น “ฮวนฮวน คุณเป็นอะไร? ฝันร้ายเหรอ? ฝันถึงฆาตกรคนนั้นใช่ไหม?”

“ไม่ใช่…” เสียงของเป๋าฮวนอ่อนแรง เธอส่ายหน้าเบา ๆ

“ไม่ใช่? งั้นฝันถึงอะไร? สีหน้าของคุณดูกลัวมาก ฮวนฮวนบอกผมมา ตกลงเป็นอะไร?” สองมือของเฟิงหานชวนประคองใบหน้าของเป๋าฮวน สีหน้าเป็นกังวลอย่างมาก

เป๋าฮวนสูดลมหายใจเข้าลึก จับมือของเฟิงหานชวนออก จากนั้นก็นอนลงบนที่นอนนิ่ม ดวงตาสองข้างกะพริบตามองเพดาน

“ฉันฝันเห็นคุณ” เป๋าฮวนเบ้ปาก สีหน้าไม่ดีเป็นอย่างมาก

“ฝันเห็นผมเหรอ?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจ เอนกายลงข้างตัวเธอ เสียงทุ้มต่ำและอ่อนโยน

เป๋าฮวนยังคงมองเพดานอยู่ อารมณ์สับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้า เธอพูดพึมพำ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงฝันแบบนั้น…”

“ฮวนฮวน บอกผมมา ตกลงว่าฝันอะไร ทำให้คุณกลัวขนาดนี้?” เฟิงหานชวนเป็นห่วงมากจริง ๆ เขาเข้าใกล้เป๋าฮวน จูบลงบนหน้าผากของเธอ ยกมือเช็ดเหงื่อของเธอ

ถึงแม้ว่าเป๋าฮวนจะรู้สึกตื่นในตอนนี้ รู้ว่านี่คือความฝัน ก็ยังคงรู้สึกหวาดผวาอยู่

เธอค่อย ๆ เคลื่อนย้ายสายตาจากเพดาน มามองที่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นถอนหายใจ ค่อย ๆ พูดขึ้น “คุณไม่มีทางทำแบบนี้”

“ฮวนฮวน คุณกำลังพูดอะไร? ในฝัน ผมทำอะไรคุณ?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้ากังวลมาก ๆ

สีหน้าของหญิงสาวซีดขาว ทำให้เขาเป็นกังวลที่สุด

“ฉันฝันเห็นคุณกับหลีซืออวิ๋น…” เป๋าฮวนพูดเสียงเบา “พวกคุณสองคนอยู่ในห้องนอน”

ไม่รอให้เป๋าฮวนพูดต่อ เฟิงหานชวนเหมือนกับเดาอะไรได้ เขากอดเธอไว้ในทันที แล้วพูดปลอบอย่างอ่อนโยน “ไม่มีทาง ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่มีทางแน่นอน”

“ฮวนฮวน ในสายตาของผมมีเพียงคุณคนเดียว ไม่มีทางพัวพันกับผู้หญิงคนไหนทั้งสิ้น ไม่มีทางแน่นอน”

น้ำเสียงที่แน่วแน่ของเขา ทำให้จิตใจของเป๋าฮวนค่อย ๆ สงบลง เป๋าฮวนพยักหน้าอยู่ในอ้อมกอดเขา และพูดพึมพำเสียงเบา “ถ้าหากคุณกล้าทำแบบนั้น ฉันจะให้คุณเป็นขันที”

“ไม่มีทางเป็นไปได้ ฮวนฮวน ไม่มีทาง” เฟิงหานชวนปล่อยเธอ ดวงตาจ้องมองไปที่เธอ เขาเห็นว่าดวงตาของเธอเปียกเล็กน้อย

เขาก้มหน้าลง จูบดวงตาคู่นั้นของเธอ จากนั้นก็ถามเสียงเบา “ในฝัน คุณเสียใจมากใช่ไหม?”

“อืม” เป๋าฮวนพยักหน้าอีกครั้งโดยไม่ต้องคิด

เสียงของเธอสะอื้นนิดหน่อย ดวงตาคู่นั้นที่เปียกปอน ดูแล้วน่าสงสารที่สุด

“ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน ผมรักคุณเพียงแค่คนเดียว” เฟิงหานชวนก้มหน้า ครองริมฝีปากขาวของหญิงสาวอย่างเสน่หา

เป๋าฮวนโอบคอของเขา แล้วตอบรับจูบนี้…

เฟิงหานชวนตะลึง

แต่คราวนี้เขาตอบสนองอย่างเร็ว ตอบสนองขึ้นอย่างรวดเร็ว เป๋าฮวนยอมรับเขาแล้ว

เป๋าฮวนยอมรับเขาแล้ว!

เป๋าฮวนยอมรับเขาแล้ว!

เป๋าฮวนยอมรับเขาแล้ว!

ความตื่นเต้นและยินดีของดเฟิงหานชวนไม่สามารถยับยั้งได้และเลือดทั่วร่างกายของเขาดูเหมือนจะระเบิด เขากอดหญิงสาวที่อยู่หน้าเขาแน่นและอยากถูเธอเข้าไปในร่างกายของเขา

จากนั้นจูบก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

"อือ……"

เป๋าฮวนสะอื้นออกมาอย่างไม่สบายใจ และวางมือเล็กๆทั้งสองไว้บนหน้าอกของชายหนุ่ม อยากผลักเขาออกไป

เธอรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกอีกต่อไป

เฟิงหานชวนในตอนนี้ราวกับว่าควบคุมความปิติยินดีไว้ไม่อยู่ อย่างไรก็ไม่อยากปล่อยผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมอกของเขา จนกระทั่งเขารู้สึกว่าเป๋าฮวนดูเหมือนเป๋าฮวนหายใจไม่ออก จึงคลายเธอออก

ตาของเป๋าฮวนเบลอ เท้าทั้งสองข้างรู้สึกยืนไม่มั่นคง เธอหายใจเฮือกใหญ่ และดันมือของเธอบนราวอ่างอาบน้ำทันที คนทั้งคนก็วิงเวียนศีรษะ

เมื่อเห็นท่าทางเธอเช่นนี้ ริมฝีปากของเฟิงหานชวนก็ขดขึ้น อั้นยิ้มไว้ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เขาทำสำเร็จแล้วจริงๆ เป๋าฮวนยอมรับเขาแล้ว

เขาก้มลงและยื่นมือไปทางเป๋าฮวน เป๋าฮวนไม่ได้สนใจเขา ก้มลงและยังคงหอบอยู่ที่เดิม

“ผมผิดไปแล้ว เมื่อครู่ผมตื่นเต้นมากเกินไป ต่อไปผมจะควบคุมแรงผม” เฟิงหานชวนกล่าวด้วยความรู้สึกผิด เมื่อครู่เขาจูบแรงเกิน ถึงทำให้เป๋าฮวนลำบากขนาดนี้

เป๋าฮวนหันศีรษะและจ้องมาที่เขา แล้วถามว่า “คุณเป็นอสูรเฒ่าจากภูเขาทมิฬกลับชาติมาเกิดหรือไง?”

“ภูเขาทมิฬ อสูรเฒ่า?” ริมฝีปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย คำเปรียบเทียบนี้คืออะไร?

เขาน่ากลัวขนาดนั้นเหรอ?

“คุณเป็นเหมือนปีศาจภูเขาทมิฬที่ดูดลมหายใจ!” เป๋าฮวนเช็ดปากและยืนตัวตรง หันหน้าไปทางชายหนุ่ม จ้องมองเขาด้วยความโกรธ

เดิมทีทั้งสองคนคืนดีกันเป็นเรื่องที่วิเศษมาก แต่เฟิงหานชวนกลับ……แม้ว่าเธอจะเข้าใจว่าเขาไม่สามารถควบคุมมันอยู่

“ฮวนฮวน แม้ว่าผมจะเป็นปีศาจภูเขาทมิฬ เธอก็เป็นผู้หญิงที่ชอบปีศาจภูเขาทมิฬด้วยไม่ใช่หรือ?” เฟิงหานชวนยิ้ม เดินไปหาเธอ ก้มศีรษะลงและเอาหน้าผากเขาแนบกับหน้าผากเธอ จงใจยั่วเธอ

เป๋าฮวนหน้าแดงขึ้นทันที เธอรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะเฟิงหานชวนได้

ดูเหมือนว่าตั้งแต่เธอรู้จักกับเฟิงหานชวน เธอก็ดูเหมือนจะไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เธอก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้

แล้วยิ่งในเรื่องนั้น

เมื่อก่อนเรื่องยืมเด็กในโรงแรม ตอนแรกเธอเป็นผู้เล่นที่โดดเด่น และเธอก็ถ่ายวิดีโอตอนเขาถูกมัดไว้ด้วย แต่ต่อมา……สรุปก็คือเธอก็แพ้อยู่ดี

ทำไมเธอถึงแพ้เฟิงหานชวนตลอดนะ?

ไม่ยอม!

เธอรู้สึกไม่เต็มใจยอมจริงๆ~

เป๋าฮวนกัดฟันและเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า เสื้อคลุมอาบน้ำของเขาแยกออก กระดูกไหปลาร้าสุดเซ็กซี่ของเขาถูกเผยออกมา และกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาก็ปรากฏขึ้น

เธอขดริมฝีปากเล็กน้อย ยื่นมือไปดึงเข็มขัดของเขา จากนั้นก็ดึงมันออกจากกัน แล้วเข็มขัดก็ตกลงบนพื้นที่ชื้น

เมื่อเห็นฉากตรงหน้า เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากแล้วกลืนน้ำลายเข้าไป ตาทั้งคู่จ้องเขาโดยไม่กระพริบตา

ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปร่างของเฟิงหานชวนนั้นยอด……ยอดเยี่ยมมากจริงๆ

“ฮวนฮวน เธอกำลัง…..จะทำอะไร?” เสียงของชายหนุ่มแหบแห้ง มีร่องรอยของความสับสนและความสงสัย

“เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพบกับดวงตาที่ลึกล้ำของชายหนุ่ม เธอกระพริบตาและอ้าปากเผยให้เห็นฟันข้าวฟ่างสีขาวเรียงเป็นแถว “อาหาน ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันแค่มองที่ร่างของคุณ~”

อาหาน……

ชื่อเรียกนี้ทำให้เฟิงหานชวนแข็งทื่อ

ใบหน้าของเขาเริ่มกระวนกระวาย เขาเพิกเฉยต่อความอับอายในขณะนี้และพูดอย่างตื่นเต้นว่า: “ฮวนฮวน คุณเรียกอีกสองสามรอบ ได้ไหม?”

“ไม่ได้!” เป๋าฮวนไม่อยากทำตามใจเขา

เพราะเธอต้องการเป็นผู้นำ และตอนนี้เธอต้องการเป็นผู้ชนะในความสัมพันธ์นี้

“ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่เรียกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร คราวหน้าอย่าลืมเรียกผมชื่อนี้รู้ไหม?” เฟิงหานชวนสงบสติอารมณ์ เขาไม่อยากหุนหันพลันแล่นเกินไป ไม่เช่นนั้นจะทำให้เป๋าฮวนตกใจ

เขายกมือขึ้น ตบหัวเล็กๆของหญิงสาวเบาๆ แล้วพูดอ่อนโยนว่า "นี่คือชื่อที่เป็นของคุณเท่านั้น"

“อืม ฉันรู้” เป๋าฮวนรู้และเข้าใจ ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนชื่อเรียกเขาตอนนี้

ไม่ได้เรียกชื่อเต็มของเขาอีก

“ฮวนฮวน ผมจะอยู่กับคุณเสมอ อยู่กับคุณจนคุณแก่” เฟิงหานชวนก้มศีรษะและถามคำถามบนหน้าผากของเธอ กระซิบว่า: “ผมจะไปเปลี่ยนชุดนอน”

พูดแล้ว เฟิงหานชวนหลังจากเดินตรงไปที่ห้องน้ำ

มองดูด้านหลังชายหนุ่มที่จากไป เป๋าฮวนกะพริบตาปริบๆ เมื่อครู่เธอยังไม่เสร็จ ทำไมเขาถึงจากไป?

เธอต้องการที่จะชนะสักครั้ง!

เป๋าฮวนเดินออกจากห้องน้ำอย่างเศร้าโศก เฟิงหานชวนเปลี่ยนชุดนอนผ้าไหมซาตินเนื้อนุ่มโดยเร็วและเดินออกมา เมื่อเห็นเป๋าฮวนท่าทางไม่มีความสุข เขาก้าวไปข้างหน้าทันทีและถามว่า: "เป็นอะไร?"

ทันทีที่เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นก็เห็นเฟิงหานชวนในเสื้อและกางเกงนอนสีดำ คนทั้งคนก็หายใจแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

มีเสน่ห์มาก!

ความจริงแล้ว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เธอได้เจอขุนนางและคนดังมากมายนับไม่ถ้วน และมีคนจำนวนมากตามจีบเธอ แต่ไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกใจเต้นได้

แต่ชายหนุ่มตรงหน้าทำได้

สามปีที่ผ่านมา ความเกลียดชังของเธอนั้นผิด และในที่สุดเธอก็เห็นชัดแจ้งแล้ว

“อาหาน!” เป๋าฮวนยืนเขย่งปลายเท้าและกอดเข้ากับชายหนุ่มตรงหน้า

เฟิงหานชวนชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นก็อ้าแขนและกอดหญิงสาวไว้ด้วย เพียงแต่กอดอย่างเบามือ ไม่กล้าออกแรงมากอีก

ไม่อย่างนั้น เกรงว่าเขาจะถูกหญิงสาวจ้องตาเขม็งอีก

อย่างไรก็ตามเขาค้นพบเรื่องหนึ่ง เป๋าฮวนในคืนนี้ติดเขามาก อาจเป็นเพราะสาเหตุจากฆาตกรที่อยู่เบื้องหลัง เธอติดเขาแจ เขาชอบความรู้สึกนี้เป็นอย่างมาก

“ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่ นอนหลับอย่างสบาย ไม่แน่บางทีอาจจับตัวฆาตกรได้แล้ว” เฟิงหานชวนตบหลังเธอเบาๆเป็นการปลอบโยน

“ฉันนอนไม่หลับ ฉันไม่กล้านอน” เป๋าฮวนทำปากมุ่ย ดวงตาที่สดใสกลอกไปมา และจงใจหลอกเขา

แม้เธอจะกลัวนิดหน่อย แต่เธอรู้ว่าที่นี่มีความปลอดภัย อย่างน้อยก็ปลอดภัยอยู่ในคฤหาสถ์นี้

“ไม่ต้องกลัวนะฮวนฮวน ผมอยู่นี่ ผมจะกอดคุณนอนดีไหม?” เฟิงหานชวนกังวลกับปัญหาทางอารมณ์ของเป๋าฮวนมาก กังวลว่าเธอจะรู้สึกกดดันจากเรื่องนี้

“ไม่ดี ฉันไม่อยากนอน ฉันไม่ง่วง……” เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาหาน เรามาเล่นเกมกันดีไหม?”

“เล่นเกม? คุณอยากเล่นอะไร?” เฟิงหานชวนประหลาดใจเล็กน้อย ในความเห็นของเขา เป๋าฮวนดูเหมือนจะไม่ได้ชอบเล่นเกม

เป๋าฮวนเม้มปาก แก้มแดงระเรื่อขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่เธอยังคงพูดอย่างไม่อายว่า “เรามาเล่นเกมให้กำเนิดเด็กน้อยกันเถอะ~”

ให้กำเนิดเด็ก……

เฟิงหานชวนตกใจทันที!

เขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิด!

นี่คือ……สิ่งที่เป๋าฮวนพูดออกมาจริงหรือ?

“ฮวนฮวน คุณ……” น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง

เพียงแต่ว่ายังไม่ทันพูดจบ ริมฝีปากของหญิงสาวก็ขยับเข้ามา

แมลงปองได้น้ำแล้วจากไป

เป๋าฮวนจ้องไปที่ดวงตาของชายหนุ่มโดยไม่กระพริบตา แก้มสีแดงก่ำและเสียงหวานนุ่มถามว่า “อาหาน คุณอยากเล่นเกมเล็กๆ นี้ไหม?”

เป๋าฮวนหยุดก้าว

ที่สำคัญคือสถานการณ์ในตอนนี้ เธอก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้

“ฮวนฮวน อย่าไปเลยได้ไหม อยู่เคียงข้างผมตลอดไป ผมจะปกป้องคุณเอง ผมจะปกป้องคุณตลอดไป” เฟิงหานชวนกอดเธอแน่น ซบหน้าของเขาไว้ที่ไหล่ของเธอและสูดกลิ่นหอมอย่างแรงบนร่างกายของเธอ

ให้เขาได้รู้รสอันหอมหวน ให้เขาได้ฝันถึงรสชาติสามปีที่ผ่านมา……

เขาขาดเธอไม่ได้จริงๆ

“เฟิงหานชวน ตามหาตัวฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังเจอ และหลังจากถ่ายทำละครราชวังชิงเสร็จแล้ว ฉันจะไปจากประเทศฮัวและจะอยู่ที่ประเทศเฉินตลอดไป” ขณะที่เป๋าฮวนพูดเช่นนี้ ใจของเขาก็ไม่สบายราวกับเลือดกำลังไหล

เธอกระแอมในลำคอ ราวกับจะขจัดอารมณ์ที่สำลักออกไป พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง: “ถ้าคุณตกลงได้ ฉันก็จะรับปากกับคุณ”

“ผมตกลง ผมตกลงแน่นอน ผมยอมทิ้งทุกอย่างที่ประเทศฮัว ผมไปประเทศเฉินกับคุณ ผมยอมรับได้ทุกอย่าง เพียงแค่ผมสามารถอยู่กับคุณได้!” เฟิงหานชวนโพล่งออกมาโดยแทบไม่คิดเลย……

ในความเห็นของเขา ที่จริงที่ประเทศฮัวไม่มีอะไรที่คู่ควรแก่การยึดติด ธุรกิจของบริษัทที่นี่สามารถส่งต่อให้พวกพ้องได้ ตอนนี้การจราจรได้เจริญมากแล้ว สามารถกำหนดเวลากลับมาตรวจสอบได้ประจำ

ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้

ขอแค่ได้อยู่กับเป๋าฮวนอะไรก็ทำได้

“บริษัทของคุณ ญาติของคุณ เพื่อนของคุณ ทุกอย่างของคุณอยู่ที่นี่ คุณสามารถละทิ้งทุกอย่างที่นี่ได้จริงๆหรือ?” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเสียงของตัวเองสั่นเทา

จู่ๆเธอรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากโดย เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง ทำไมเธอถึงถามคำถามแบบนี้กับเฟิงหานชวน ทำไมเธอถึงให้ความหวังเขาและปล่อยให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

“ฮวนฮวน เพื่อคุณ ผมละทิ้งได้ทุกอย่าง” หลังจากที่เฟิงหานชวนพูดแบบนี้ เขาก็ปล่อยมือที่กอดเป๋าฮวน

เป๋าฮวนหันกลับมาและสบตากับเขา เพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองตกเข้าไปในความมืด

หัวใจของเธอราวกับจะหยุดเต้น

เพื่อเธอแล้ว อะไรก็ละทิ้งได้หรือ?

ความหุนหันทำให้เป๋าฮวนเขย่งปลายเท้าขึ้น ใช้สองมือโอบคอของชายหนุ่มตรงหน้า ขยับเข้าไปใกล้เขา แล้วจูบริมฝีปากบางๆของเขาอย่างดุเดือด

เย็นๆหนาวๆ แต่มันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ส่วนทั้งตัวของเฟิงหานชวนก็ตกตะลึงอยู่กับที่

นัยน์ตาลึกของเขาเบิกกว้าง และมีแสงระยิบระยับอันน่าเหลือเชื่อใต้แววตาของเขา ประหลาดใจจนกระทั่งไม่ได้ตอบสนองต่อการจุมพิตของหญิงสาว

เป๋าฮวนจูบเขาครู่หนึ่ง แต่เธอพบว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ขยับเขยื้อน การลงทุนของตัวเองเมื่อครู่ไม่ได้รับการตอบรับจากเขา เขาไม่ตอบรับเธอเลยสักนิด

หรือว่า……เขาเสียใจหรือ?

เขาไม่ต้องการไปประเทศเฉินกับตัวเอง?

เขาไม่เต็มใจที่ทิ้งละทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่หรือ?

ทุกสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องเท็จหรือเปล่า?

เป๋าฮวนปล่อยมือและเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว สีหน้าของเธอสุดจะทน เมื่อครู่เธอเป็นคนริเริ่มขึ้นเกินจำเป็น

“นี่คือการจูบลาของฉันกับคุณ” เธออธิบาย

จากนั้นเฟิงหานชวนก็รู้สึกตัว จากความประหลาดใจและตกใจไม่รู้จบก็ถูกดึงสติกลับมา สีหน้าของเขาประหลาดใจในทันที "ฮวนฮวน คุณพูดอะไร…..จูบลา?"

“คุณเพิ่งถามผมว่าตอบตกลงกลับประเทศเฉินกับคุณไหม? ผมตกลง ผมตกลงอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงบอกลาผมหล่ะ?”

เฟิฃหานชวนเดินไปหาเธออย่างไม่อยากเชื่อและจับมือเธอไว้ แต่เป๋าฮวนพยายามดิ้นให้หลุดออก

ในใจของเธอยุ่งเหยิง ยุ่งเหยิงมากจริงๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเดาความคิดของเฟิงหานชวนได้ เขาหมายความว่าอะไรกันแน่?

“ฮวนฮวน ไม่ต้องบอกลาผม ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอะไร เพียงแค่ได้อยู่กับคุณ……” เฟิงหานชวนไม่กล้าแตะต้องเธออีก กังวลว่าจะทำให้เป๋าฮวนรู้สึกไม่ดี เขาจึงเพียงแค่พูดเบาๆ

เขาคิดว่าเมื่อครู่เป๋าฮวนยอมรับเขาแล้ว แต่ไม่คิดว่าเธอกลับจูบบอกลา

เขาไม่ละทิ้งความตั้งใจ ชาตินี้นอกจากเป๋าฮวน เขาก็ไม่ต้องการใคร

เป๋าฮวนรู้สึกสับสนมากในหัว เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เธอพบว่าเธอต้องพึ่งพิงเฟิงหานชวน แต่ถ้าเธออยู่กับเขา เธอรู้สึกว่าตัวเองทำร้ายเขา

เขาไม่ควรถูกเธอขังอยู่ที่ประเทศเฉิน ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงของเขา อาณาจักรของเขา ล้วนอยู่ที่ประเทศฮัว!

“เฟิงหานชวน คุณเหมาะกับประเทศฮัว ที่นี่มีทุกสิ่งทุกอย่างของคุณ” เป๋าฮวนพูดเบาๆ บางทีเธอไม่ควรเห็นแก่ตัวขนาดนั้น

“ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น แต่ไม่สามารถปราศจาดคุณ ฮวนฮวนสามปีที่ผ่านมานี้ วันเวลาที่ไม่มีคุณ ผมอยู่อย่างผีดิบที่เดินได้ คุณคิดว่าผมจะสนใจทรัพย์สินเงินทองเหล่านี้ไหม?”

เฟิงหานชวนจับไหล่เรียวของหญิงสาวแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เขาทรุดตัวลงและพูดอย่างสงบ: "นี่ไม่ใช่สมัยโบราณ การจราจรก็เจริญขนาดนั้น ญาติและเพื่อนพ้องสามารถมาหาผมที่ประเทศเฉิน พวกเราก็สามารถมาประเทศเฉินเพื่อพบปะสังสรรค์กัน ฮวนฮวน ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้หรอก เว้นแต่คุณจะไม่ต้องการผม……”

เพียงแค่เธอไม่ต้องการเขาเหรอ?

ไม่ใช่ เธอแค่คิดมากเกินไป

เธอไม่ต้องการให้เฟิงหานชวนทำเพื่อเธอ สูญเสียคุณค่าของเขา เขาควรเป็นบุตรของสวรรค์ ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาที่ไม่ต้องการอะไรเพียงเพื่อผู้หญิง

เมื่อเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของหญิงสาว เฟิงหานชวนดูออกว่าเป๋าฮวนกำลังลังเล

ครุ่นคิดลังเลเป็นเรื่องดี พิสูจน์ได้ว่าเธอกำลังหวั่นไหวใช่ไหม?

“ฮวนฮวน ถ้าคุณต้องการผมแค่จูบผม คราวนี้ไม่ใช่จูบลา แต่เป็นจูบเพื่อตอบรับ” การแสดงออกของเฟิงหานชวนสงบนิ่ง ดวงตาสีดำของเขาจ้องไปที่เป๋าฮวนอย่างหนักแน่น

เขารอคำตอบจากเธอ รอคำตอบรับจากเธอ

เป๋าฮวนอึ้ง ไม่ใช่จูบลาแต่เป็นจูบรับ?

ดังนั้นถ้าเพียงแค่เธอจูบเฟิงหานชวนในตอนนี้ แสดงว่าเธอยอมรับเขาแล้วใช่ไหม?

เธอลังเล และเกิดความสับสนขึ้นในใจ เธอไม่รู้ว่าควรจูบเขาดีไหม ควรหรือไม่ควร….

“ฮวนฮวน ขอแค่คุณยกโทษให้ผม ก็ยอมรับผมเถอะ ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น ไม่ต้องคิดอะไร……เราพลาดมาสามปีแล้ว!” เฟิงหานชวนอกสั่นขวัญแขวน

เขากังวลว่าเพราะเรื่องคุณยายของเป๋าฮวนนั้นค้างคาในใจเธอมาตลอด และเธอไม่มีทางยอมรับเขาอีกมาตลอด

เป๋าฮวนฟังน้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่ม เขาบอกว่าไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เขาบอกว่าพวกเขาพลาดมันมาสามปีแล้ว

ใช่ พวกเขาพลาดไปสามปีแล้ว……

ถ้าเธอพลาดอีกครั้ง เธอไม่รู้จริงๆว่าต้องทำอย่างไรแล้ว

เธอไม่อยากพลาดมัน และเธอเพิ่งค้นพบว่าเธอต้องพึ่งพิงเฟิงหานชวนจริงๆ

เธอนึกภาพวันเวลาต่อจากนี้ที่ไม่มีเฟิงหานชวนไม่ออก

แม้แต่คุณตาก็ยอมรับเฟิงหานชวนแล้ว ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับเฟิงหานชวนหล่ะ?

“เฟิงหานชวน!” เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นสบตาสีแดงเข้มและเรียกเขา

“ผมอยู่นี่ ฮวนฮวน ผมอยู่นี่” เฟิงหานชวนพยักหน้าซ้ำๆ

เบ้าตาของเป๋าฮวนเจ็บเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าตัวเองอยากจะร้องไห้และเสียงของเธอก็สำลัก: "เฟิงหานชวน! ฉันคิดมากเกินไป ธุรกิจของตระกูลเป๋าเรายิ่งใหญ่ ถึงแม้ว่าคุณจะหาเงินไม่ได้ ฉันก็เลี้ยงคุณได้ !"

พูดแล้วเธอโอบที่คอของชายหนุ่มอีกครั้งแล้วยื่นริมฝีปากของตัวเอง……

“เฟิงหานชวน คุณอย่าเข้าใจผิดจริงๆ ปกติจิ่งเหลิ่งไม่ได้เป็นแบบนี้ เขาก็สุภาพมาก วันนี้เป็นเหตุการณ์กะทันหัน ดังนั้น……เขาถึงบุกเข้ามา”

เป๋าฮวนกังวลว่าจิ่งเหลิ่งบุกเข้ามาเห็นเฟิงหานชวนโป๊และทำให้เขาโกรธ ดังนั้นจึงรีบอธิบายแทนจิ่งเหลิ่ง: "เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณอย่าโกรธเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นผู้ชาย ดูคุณแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่เป็นไรหรอก"

เธอทำได้แค่ให้ความกระจ่างแบบนี้กับเฟิงหานชวน ยังไงทั้งหมดก็เป็นผู้ชาย

เฟิงหานชวนกระตุกมุมปาก ความคิดของเขาและเป๋าฮวนไม่ขนานกันเลย

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้โกรธที่เขาเห็นผม ผมโกรธที่เขาบุกเข้ามาตามใจชอบ แม้ว่าเรื่องจะเร่งด่วนมาก……ถ้าคนที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเมื่อครู่เป็นคุณ ไม่ใช่ผม ผมควรทำอย่างไร? " สิ่งที่เฟิงหานชวนใส่ใจจริงเป็นอันนี้

“ฉัน……” เป๋าฮวนตะลึง เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฟิงหานชวนกำลังพูดถึงเรื่องนี้

เธอยังนึกว่าเฟิงหานชวนใส่ใจที่จิ่งเหลิ่งเห็นเขาเมื่อครู่ แต่ไม่คิดว่าที่เฟิงหานชวนจะใส่ใจคือ ถ้าจิ่งเหลิ่งเห็นเธอโดยบังเอิญ

“คราวหน้าประตูห้องนอนของเราควรจะล็อคไว้” เฟิงหานชวนจูบที่หน้าผากของเธอ แล้วเดินไปที่ประตูด้วยขายาวของเขาและล็อคประตู

เมื่อก่อนที่บ้านมีแม่บ้านหลี่เพียงคนเดียว พวกเขาเปิดประตูก็ปิดประตูอย่างเดียว ไม่มีนิสัยล็อคประตู แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ในบ้านมีคนอยู่อีกมากมาย

มีผู้คุ้มกันจำนวนมากประจำการอยู่ทุกมุมที่ชั้นล่าง ซึ่งอันนี้ไม่เป็นอะไร แต่จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง เป็นคนของเป๋าฮวน เขาจึงเป็นกังวลกับสองคนนี้

“ก็ดี ล็อคแล้วก็ดี” เป๋าฮวนพยักหน้าและกระซิบว่า “ถ้าหากฆาตกรบุกเข้ามา……”

“ไม่หรอกฮวนฮวน” เฟิงหานชวนจับมือของเธอและพูดเสียงเข้ม: “การรักษาความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดมาก ไม่บุกเข้าหรอก คุณวางใจได้ ไม่ต้องกลัวดีไหม?”

“อืม” แม้ว่าในใจเป๋าฮวนยังประหม่าอยู่บ้าง แต่ภายใต้การปลอบโยนของเฟิงหานชวนก็ดีขึ้นมากแล้ว

“ผมจะไปเปลี่ยนชุดนอน แล้วเราก็จะเข้านอน ดีไหม?” เฟิงหานชวนถามเธอเบาๆ

เป๋าฮวนมองไปที่ลักษณะท่าทางของเฟิงหานชวนในตอนนี้ เขาสวมแค่เสื้อคลุมอาบน้ำเท่านั้น ผมของเขายังเปียกอยู่ เมื่อครู่ตอนเขาเช็ดผม จิ่งเหลิ่งก็บุกเข้ามา

“เฟิงหานชวน ฉันช่วยคุณเป่าผมก่อนดีกว่า” เป๋าฮวนเริ่มพูดขึ้น ดวงตาที่ชุ่มชื้นมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

เสียงของเฟิงหานชวนแหบแห้ง หัวใจราวกับจะหยุดเต้นเพราะคำพูดที่เป๋าฮวนเพิ่งเอ่ย เลยไม่มีการตอบสนอง

“คุณต้องการไหม?” เป๋าฮวนเม้มปากเมื่อเห็นว่าเขาไม่พูด ไม่รู้ว่าความอยากช่วยเหลือของตัวเองจะได้รับการตอบสนองหรือไม่

ถ้าเฟิงหานชวนไม่ต้องการ ก็ช่างเถอะ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร เธอแค่อยากจะช่วยเขาเท่านั้นเอง

ยังไงวันนี้เขาก็ช่วยเธอไว้มาก

“ต้องการ” เฟิงหานชวนตอบโดยไม่ลังเล

เขาต้องการแน่นอน ไม่เพียงแต่ต้องการเท่านั้น แต่ยังต้องการเป็นอย่างมาก เพราะว่าเป๋าฮวนดีกับเขาอย่างนี้น้อยมาก

“งั้นพวกเราไปห้องน้ำกัน” เป๋าฮวนจับแขนเขาราวกับไม่กล้าที่จะห่างแม้เพียงครึ่งก้าว จูงเขาเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน

เมื่อเป๋าฮวนเสียบเครื่องเป่าผมแล้ว ขณะที่กำลังจะเป่าผมเฟิงหานชวน กลับพบว่าเขาสูงกว่าตัวเองมาก ถ้าเธอยื่นมือออกไปเป่าคงจะเหนื่อยน่าดู

“คุณนั่งบนชักโครก” เป๋าฮวนออกคำสั่ง

เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ เขารู้ความหมายของเป๋าฮวน แต่เขาไม่ฟังคำของเป๋าฮวน เขาเดินไปที่อ่างอาบน้ำและนั่งบนราวจับของอ่างอาบน้ำ

เนื่องจากอ่างอาบน้ำอยู่ห่างจากที่อาบน้ำระยะหนึ่ง เป๋าฮวนจึงต้องลากสายไฟเครื่องเป่าผมและเดินไปตรงนั้น ยังดีที่สายไฟไปถึงพอดี

ถ้าไกลกว่านี้อีกนิดก็จะไม่ถึงแล้ว

"เสียงเครื่องเป่าผม——"

วินาทีต่อมา เธอเปิดเครื่องเป่าผมและเริ่มเป่าไปที่หัวของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนไม่ออกเสียงเลยสักนิด เพียงแค่เพลิดเพลินกับความรู้สึกนี้อย่างเงียบๆ สบายมากๆ มือเล็กของหญิงสาวลูบหัวเขา มันอบอุ่นมาก

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกแบบนี้อยู่ได้ไม่นานนัก ไม่นาน เสียงของเครื่องเป่าผมก็หายไป และเสียงอ่อนนุ่มของหญิงสาวก็ดังขึ้น: “เป่าเสร็จแล้ว!”

“ยังไม่เสร็จ เป่าต่ออีกแป๊ปนึง” เฟิงหานชวนยังอยากจะเพลิดเพลินต่ออีกซักพัก

“เป่าจนแห้งแล้ว เฟิงหานชวน ผมคุณสั้น ไม่ใช่ผมยาวของผู้หญิง” เป๋าฮวนรู้สึกว่าไม่มีเหตุผล

เฟิงหานชวน: "……"

ดูเหมือนไม่มีคำพูดจะตอบโต้

“คุณอยากสระผมไหม?” เขาถามเธอ

“ฉันช่างเถอะ พรุ่งนี้ตอนกลางวันค่อยสระ ฉันไม่อยากสระผมตอนกลางคืน” เป๋าฮวนเกาผมตัวเองแล้วส่ายหัว

“ได้ พรุ่งนี้ผมจะช่วยคุณสระผมและช่วยคุณเป่าผม” เฟิงหานชวนหันกลับมามองเธอตรงๆ

เป๋าฮวนก้มศีรษะลงสบตาเขา นัยน์ตาสีดำเข้มดูเหมือนจะดูดเธอเข้าไป เธอส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า: "ไม่ต้อง ฉันสระเองได้ และก็เป่าเองได้ ไม่ต้องรบกวนคุณ……"

ยังไม่ทันรอเธอปฏิเสธเสร็จ ชายหนุ่มยื่นมือออกไปกอดเอวเธอไว้และฝังหัวของเขาไว้ในอ้อมอกของเธอ

เป๋าฮวนจับเครื่องเป่าผมไว้ ยืนโง่อยู่ที่เดิม

ตอนนี้เธอยืนอยู่ แต่เฟิงหานชวนนั่งอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ ท่าทางตอนนี้ของเขาดูเตี้ยกว่าเธอ ดังนั้นศีรษะของเขาจึงพิงอยู่ที่หน้าอกของเธอ

“เฟิงหานชวน! คุณอย่ากอดฉันนะ คุณ……” เป๋าฮวนพยายามดิ้นรนอยู่สองครั้ง

เพียงแต่ว่าชายหนุ่มคงจะกอดแน่นเกินไป เธอจึงไม่สามารถดิ้นหลุดได้ ทำได้เพียงให้เขากอดเธอไว้ ใบหน้าของเธอยุ่งเหยิง

ฮวนฮวน ให้ผมกอดไว้สักครู่ แค่ครู่เดียว เฟิงหานชวนโลภในความอบอุ่นของอ้อมอกเธอ กลิ่นหอมที่เป็นของเธอเท่านั้น ยังไงก็ปล่อยมือไม่ลง

เป๋าฮวนไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยืนโง่อยู่ท่าเดิมแบบนี้

“ฮวนฮวน ต่อจากนี้คุณทำดีต่อผมเพียงคนเดียวได้ไหม……” เฟิงหานชวนกอดเธอแน่นขึ้น เมื่อคิดว่าเธอก็ดีกับเวินซือเหยี่ยนด้วยเหมือนกัน รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ

ดีต่อเขาแค่คนเดียวเท่านั้น…

ประโยคนี้ ทำให้สีหน้าที่ดีในตอนแรกของเป๋าฮวนกลายเป็นซีดทันที และในใจก็กระตุกและเจ็บอยู่สองครั้ง

เธอผลักชายหนุ่มในอ้อมอกออก ผลักออกอย่างแรง แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ในสายตาคุณ ฉันสุดทนขนาดนี้เหรอ?"

“ตอนอยู่กับคุณ ก็อยู่กับเวินซือเหยี่ยนด้วย คุณคิดแบบนี้ใช่ไหม?”

“ฉันรู้ว่าฉันเคยเข้าใจคุณผิด แต่คุณในตอนนี้หล่ะ? คุณจงใจเข้าใจฉันผิด หรือเข้าใจฉันผิดจริงๆ?”

เป๋าฮวนรู้สึกว่าทุกครั้งที่ตัวเองใจสั่นไหว ก็จะมีเรื่องที่ทำให้เธอไม่สบายใจเกิดขึ้น

เธอรู้สึกว่าตัวเองและเฟิงหานชวน มักจะอยู่ในความเข้าใจผิดกัน ความรู้สึกแบบนี้ไม่สามารถอยู่กับมันได้จริงๆ ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ต่อหน้ากันยังสามารถเข้าใจผิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีกหน่อยแยกคนละประเทศ

จิตใจที่แน่วแน่ไม่คืนดีของเธอนั้นถูกต้อง

เป๋าฮวนเหลือบมองชายตรงหน้าอย่างไม่สบายใจ โยนเครื่องเป่าผมในมือทิ้ง หันหลังกำลังจะเดินไป ชายหนุ่มก็กอดเธอแน่นจากด้านหลัง

“ผมขอโทษฮวนฮวน ผมขอโทษ ผมจะไม่พูดแบบนี้อีกเลย ไม่แน่นอน…… ” เฟิงหานชวนจู่ๆก็พบว่าตัวเองโง่เขลา

เมื่อครู่ฮวนฮวนของเขาดีต่อเขามากขนาดนี้ พึ่งพาเขาขนาดนี้ ต้องเต็มใจที่จะคืนดีกับเขาอย่างแน่นอน เมื่อครู่เขาพูดอะไรออกไป?

เป็นเขาที่กำลังผลักไสเธอออกไป

“ไม่ไม่ไม่ ฉันไม่ได้แอบ…มองคุณ ฉันไม่…” เป๋าฮวนส่ายหัวอย่างรวดเร็วและปฏิเสธ

หลังจากนั้น เธอก็ถูกผู้ชายกอดจากด้านหลัง

เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ตัวของเขาเย็น รู้สึกอบอุ่น จึงทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

“ฮวนฮวน จริงๆคุณไม่ต้องหลีกเลี่ยงก็ได้” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ เขาวางหัวของเขาไว้ที่ไหล่ของผู้หญิง

เป๋าฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอรู้สึกว่าตัวเอง… เกรงมากไป!

เธอกับเฟิงหานชวนเคยทำทุกอย่างแล้ว เคยเห็นทุกอย่างของกันและกัน เธอจะหลีกเลี่ยงไปทำไม?

เธอพยักหน้า แสร้งทำเป็นคนกันเอง และพูดว่า: "ถ้าไม่หลีกเลี่ยง ฉันกลัวคุณจะอาย! ถ้าคุณไม่อาย ฉันจะไม่หลีกเลี่ยงอีก!"

เป๋าฮวนกลอกตา เธอกำลังแก้ตัว!

“ถ้าไม่หลีกเลี่ยง งั้นก็หันกลับมา” เฟิงหานชวนพูดเบา ๆ เสียงของเขาอ่อนโยนมาก

ทันใดนั้นเป๋าฮวนก็ตระหนักได้ว่าเธอยังคงหันหลังให้ผู้ชาย เธอรีบหันกลับมา

เมื่อเธอหันกลับมา เธอเพิ่งรู้ว่าเฟิงหานชวนยังไม่ได้สวมใส่อะไรเลย

ฉากเด็ดมาก…

“ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อผ้า!” เป๋าฮวนด่า แก้มของเธอแดงก่ำอีกครั้ง

“ไม่ทันใส่” เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ แล้วเช็ดผมของเขาต่อหน้าเธออย่างเปิดเผย

แต่ ยังไม่ได้เริ่มใส่เสื้อผ้า

เป๋าฮวนกัดฟันด้วยความโกรธ เธอเพียงแค่จ้องไปที่ชายตรงหน้าเธอ เธอจะดูว่าเฟิงหานชวนจะหน้าด้านขนาดไหน!

ทันใดนั้น จู่ๆประตูห้องนอนด้านนอกก็ถูกเปิดออก จิ่งเหลิ่งวิ่งเข้ามา วินาทีต่อมา เขาหยุดทันที ใบหน้าของเขาตกตะลึง

เขายืนอยู่นอกประตูห้องน้ำพอดี เหลือบมองเข้าไปข้างใน และเห็นภาพที่น่าตกใจ

คุณหนูใหญ่ของเขา สวมชุดนอนและกำลังนั่งจ้องเฟิงหานชวนที่เปลือยกาย!

สายตาของจิ่งเหลิ่งอดไม่ได้ที่จะมองเฟิงหานชวน จากบนลงล่าง ราวกับว่าเห็นอะไรบางอย่าง เขาตะโกนว่า "ว้าว–"

"จิ่งเหลิ่ง!!!"

เป๋าฮวนรีบเข้าไปดึงหูของเขา :“ทำไมนายไม่เคาะประตู!”

หลังจากนั้น เธอดึงหูจิ่งเหลิ่ง และโยนเขาออกไป

ในห้องน้ำ ใบหน้าของเฟิงหานชวนบึ้งตึง รีบสวมเสื้อผ้าของเขาทันที

โชคดีคนที่ยังไม่สวมเสื้อผ้าคือเขา ถ้าเป็นเป๋าฮวน… เขาควักตาจิ่งเหลิ่งแน่

ที่ด้านนอกประตู จิ่งเหลิ่งได้สติกลับมา ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “คุณหนูใหญ่ เมื่อกี้ผมรีบมาก จนลืมเคาะประตู ครั้งหน้าจะไม่ทำแล้ว ไม่ทำอีกเด็ดขาด!”

“ตกลงมีเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงรีบขนาดนี้?” เป๋าฮวนถามทันที เธอรู้ว่าปกติจิ่งเหลิ่งจะมักประมาท แต่เขาไม่ใช่คนไม่มีมารยาทเช่นนั้น

มันคงมีเรื่องใหญ่มากจริงๆ เขาถึงได้รีบร้อนขนาดนี้

“ซูอวี่โทรหาคุณเฟิงแล้วไม่รับ ผมโทรหาคุณ คุณก็ไม่รับ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณหลับไปแล้วหรือเปล่าถึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ จึงรีบพุ่งเข้ามา!” จิ่งเหลิ่งรีบอธิบาย

“มีเรื่องอะไร?” เฟิงหานชวนใส่เสื้อคลุมแล้วเดินไป

จิ่งเหลิ่งแอบมองเฟิงหานชวน ก้มศีรษะของเขาและรายงานว่า: "พบผู้ต้องสงสัยแล้ว"

“อะไรนะ!!!” เป๋าฮวนอุทานและรีบถาม: “ใคร? ใครอยู่เบื้องหลัง?”

“จิ่งเหลิ่ง นายบอกว่าเจอผู้ต้องสงสัย? มันเป็นใคร?” เฟิงหานชวนถามทันที

“เป็นนักสืบคนหนึ่ง เขามีชื่อเสียงมากในวงการนี้ เขาชื่อเฉินเจี๋ย” จิ่งเหลิ่งปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขาแล้วพูดว่า: “แต่ซูอวี่และคนอื่นๆ เชื่อว่าเฉินเจี๋ยไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลัง แต่น่าจะรู้จักผู้ที่อยู่เบื้องหลัง”

“เฉินเจี๋ย? เฉินเจี๋ยคือใคร? ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำ!” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความนึกไม่ถึง

คนที่ไหนวะ!

“ฉันจะโทรหาซูอวี่” เฟิงหานชวนหันกลับมาและเดินไปที่ห้องนอน ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรกลับหาซูอวี่ทันที

ทันทีหลังจากนั้น เขาเปิดลำโพง

การโทรเชื่อมต่อในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ซูอวี่รายงานทันที: “ประธานเฟิง คนที่ติดต่อหลิวอวี่ถง เขาคือนักสืบคนหนึ่งชื่อ เฉินเจี๋ย”

“พูดต่อ” เสียงของเฟิงหานชวนเย็นชามาก

“เฉินเจี๋ยเป็นนักสืบที่มีชื่อเสียงในวงการ มีผู้หญิงมากมายติดต่อกับเขา เขามีวิธีการมากมาย รู้จักผู้คนเยอะ และเชี่ยวชาญในการหาข้อมูลต่างๆ” ซูอวี่กล่าวต่อ “ประธานเฟิง มีคนติดต่อหาเขาเยอะมาก ตอนนี้กำลังตรวจสอบทีละคน"

“ตรวจสอบอะไร? จับมันมาถามเลย!” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและคำราม

เสียงนี้ไม่เพียงทำให้จิ่งเหลิ่งและซูอวี่ตกใจ แม้แต่เป๋าฮวนก็ตกใจ

“ขอโทษครับประธานเฟิง ตอนที่คนของเราไปจับเขา เขาหนีไปแล้ว เราส่งคนไปค้นหาที่อยู่ของเขาแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจสอบรายชื่อที่ติดต่อ” ซูอวี่อธิบายอย่างรวดเร็ว

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาสีดำของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและมืดมน ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยรัศมีอาฆาต

“เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”

“ครับ ประธานเฟิง”

หลังจากวางสาย เฟิงหานชวนก็บิดจมูกของเขา ใบหน้าของเขาซีด

เป๋าฮวนเดินไปหาเขาทันที กอดเอวเขา เอนศีรษะที่หลังของเขา

เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จิ่งเหลิ่งจึงเปิดประตูห้อง หันหลังกลับและเดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว รีบกลับไปที่ห้องพักชั้นสอง

เมื่อเห็นเขากลับมา จิ่งมั่วเพิ่งออกมาจากห้องอาบน้ำและถามอย่างรวดเร็ว: “อาเหลิ่ง บอกคุณหนูใหญ่หรือยัง?”

“บอกแล้วบอกแล้ว! แถม…” จิ่งเหลิ่งมองลงมา แสดงรอยยิ้มที่มุ่งร้าย และหยุดพูด

ใบหน้าของจิ่งมั่วบึ้ง รู้สึกอธิบายไม่ถูก และถามว่า: "มองตรงนั้นทำไม?"

“อามั่วฉันจะบอกให้ ฉันเห็น…ของเฟิงหานชวน” จิ่งเหลิ่งเดินไปหาจิงมั่ว พูดสองสามคำที่ข้างหูของเขา: “ยิ่งกว่าของพวกเราอีก…น่าอิจฉาจัง!”

ใบหน้าของจิ่งมั่วนิ่งอีกครั้ง ยกมือขึ้นและตบหัวของจิ่งเหลิ่ง และตะโกนว่า: "ตอนนี้ใช่เวลาพูดเรื่องพวกนี้ไหม? สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคุณหนูใหญ่ จับฆาตกรให้ได้!"

จิ่งเหลิ่งพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ห้องนอนบนชั้นสาม

เฟิงหานชวนปล่อยให้เป๋าฮวนกอดเขา เพราะเขารู้ว่าเป๋าฮวนต้องการความรู้สึกปลอดภัย

“ฮวนฮวน ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เจอคนที่ติดต่อกับหลิวอวี่ถงแล้ว อีกไม่นานเราก็จะจับตัวผู้อยู่เบื้องหลังได้” เฟิงหานชวนปลอบโยนเธอด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุด

“อืม…” เป๋าฮวนพยักหน้า แล้วปล่อยมือ

เฟิงหานชวนหันกลับมา มองไปที่การแสดงออกที่มืดมนของเป๋าฮวน เขาต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ จึงถามว่า: "ปกติจิ่งเหลิ่งก็พุ่งเข้ามาแบบนี้เหรอ? ไม่เคาะประตู?”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่!” เป๋าฮวนส่ายหัวปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอเม้มปาก เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า: “คุณโกรธเหรอ?”

ระหว่างทางกลับ เป๋าฮวนกลัวมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอนั่งอยู่ในรถ มันทำให้เธอนึกถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ3ปีที่แล้ว นึกถึงความรู้สึกขาดอากาศหายใจ

เธอตัวสั่นมาก เฟิงหานชวนเห็นแล้วเจ็บปวดมาก กอดเธอแน่นไว้ในอ้อมแขนของเขา ปลอบโยนเธอตลอดเวลา

“ฮวนฮวน เขากำลังตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อกับหลิวอวี่ถง เมื่อเรารู้แล้ว เราก็จะจับตัวคนที่อยู่เบื้องหลังได้!”

“ฉันไม่รู้จริงๆว่าเป็นใคร ใครกันแน่ที่จะฆ่าฉัน ใครที่อยากให้ฉันตาย…” จิตใจของเป๋าฮวนกระวนกระวาย

กลับไปถึงคฤหาสน์ จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งได้มารอก่อนแล้ว รอเปิดประตูให้เป๋าฮวน

หลังจากเห็นทั้งคู่ เป๋าฮวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“คุณหนูใหญ่ เมื่อกี้ซูอวี่ได้บอกสถานการณ์กับพวกเราแล้ว พวกเราเองก็ได้ส่งคนไปหาคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วเช่นกัน” จิ่งมั่วก้าวไปข้างหน้าและก้มหน้าลงเพื่อรายงาน

“อืม” เป๋าฮวนพยักหน้า

เธอไม่เชื่อว่าตระกูลเฟิงและตระกูลเป๋าทั้งสองตระกูลใหญ่ จะไม่สามารถหาคนที่คิดจะฆ่าเธอได้!

เธออยากรู้ว่า เธอไปทำให้ใครขุ่นเคือง ทำให้เขาทำถึงขนาดนี้!

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งถูกมอบหมายให้อยู่ชั้นสอง

แต่เป๋าฮวนกลับไปที่ห้องนอนชั้นสาม พร้อมกับเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน ไม่ต้องห่วง ช่วงที่ยังจับฆาตกรไม่ได้ ผมจะปกป้องคุณเอง” หลังจากปิดประตู เฟิงหานชวนกอดเธอและปลอบโยนเธอ

เขาพยายามทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

เป๋าฮวนไม่ขัดขืน และกอดผู้ชายกลับ เธอพิงหน้าอกของเขาและพยักหน้าเบาๆ: “อืม คุณต้องปกป้องฉัน”

เธอไม่ได้ปฏิเสธ ตอนนี้เธอกลัวมาก เพราะตอนนี้เธอเป็นคนที่กลัวความตายมาก

“ ผมจะปกป้องคุณอย่างแน่นอน” มองลงไป เฟิงหานชวนรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของผู้หญิงที่พึ่งพาตัวเอง

อย่างน้อยในเวลานี้ ในสายตาของเป๋าฮวนมีเพียงเขาคนเดียว ไม่มีเวินซือเหยี่ยน

ไม่รู้ว่ากอดไปนานแค่ไหนแล้ว เป๋าฮวนกลับมารู้สึกตัวและพูดว่า: “งั้นฉันจะไปอาบน้ำก่อน”

“อืม” เฟิงหานชวนปล่อยเธอ

เป๋าฮวนเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุด หยิบชุดนอนแล้วเดินเข้าไปห้องน้ำ

แม้ว่าห้องน้ำจะไม่มีประตู แต่เธอก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ไม่ให้เฟิงหานชวนหันหลัง เธออาบน้ำอย่างเป็นกันเอง

เฟิงหานชวนตั้งใจจะหันหลังกลับ แต่ผู้หญิงไม่พูดอะไร เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขานั่งบนโซฟาหน้าต่าง รอเงียบๆ รอเธออาบน้ำ

“เฟิงหานชวน คุณห้ามออกไปนะ~” เสียงน้ำยังคงไหล และเสียงที่นุ่มนวลของผู้หญิงก็ดังออกมา

“ผมไม่ได้ออกไปไหน ผมอยู่ที่โซฟา” เฟิงหานชวนมองไปที่ห้องน้ำ เห็นหมอกในห้องอาบน้ำและเรือนร่างของผู้หญิง

เย้ายวนคน

เย้ายวนจิตวิญญาณของเขา

แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้

“อืม งั้นคุณนั่งรอที่โซฟา ห้ามไปไหนทั้งนั้น!” เป๋าฮวนตะโกนใส่เขา

อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกไม่ปลอดภัย กังวลอยู่เสมอว่าฆาตกรจะเข้ามาฆ่าเธอ ดังนั้นเธอจึงกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ต้องการใครสักคนอยู่กับเธอ

“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” เฟิงหานชวนตอบด้วยรอยยิ้มจางๆที่มุมริมฝีปากของเขา

เขาชอบความรู้สึกนี้มาก ความรู้สึกที่เป๋าฮวนต้องการเขา

เดิมทีเป๋าฮวนอยากจะแช่ในอ่าง แต่เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงรีบไปอาบน้ำ ใส่ชุดนอนแล้วเดินออกไป

ทันทีที่เธอเดินออกมา เธอก็หน้าแดง

เฟิงหานชวนนั่งบนโซฟาตามปกติ แต่เป๋าฮวนนึกถึงตำแหน่งจากโซฟา เขาสามารถเห็นทุกอย่างในห้องน้ำได้

ดังนั้น ตอนที่เธออาบน้ำ เฟิงหานชวนเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน?

ถึงจะไม่คิดอะไร แต่พอคิดแล้วก็รู้สึกเขิน

“ฉัน…ฉันอาบเสร็จแล้ว คุณจะอาบไหม?” เสียงของเธอแหบ

“อืม ผมจะเข้าไปอาบ คุณนั่งรอผมที่โซฟา” เฟิงหานชวนลุกขึ้น เดินไปตามทางของเธอ และเข้าไปในห้องน้ำ

จนกระทั่งเสียงน้ำไหล เป๋าฮวนก็ยังยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ เพียงแต่หันหลัง

เธอมองไปที่โซฟาที่อยู่ไม่ไกล ห่างจากประตูห้องน้ำอย่างน้อย 10 เมตร ทันใดนั้นเธอก็ตกใจเล็กน้อย จึงหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปในห้องน้ำ และนั่งบนฝาชักโครก

ห้องอาบน้ำอยู่ข้างๆเธอ

แต่เธอไม่ได้มองไปทางนั้น

แต่วินาทีต่อมา เสียงน้ำก็หยุดลง

เป๋าฮวนลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ แค่ไม่กี่นาที เฟิงหานชวนก็อาบเสร็จแล้วเหรอ?

มันเร็วเกินไปหรือเปล่า?

“เฟิงหานชวน ทำไมคุณอาบน้ำเร็วจัง? คุณต้องอาบให้สะอาดสิ!” เป๋าฮวนพึมพำเบาๆ เธอก้มศีรษะลงเพียงแค่มองที่พื้น ไม่มองไปทางอื่น

เมื่อมองดูท่าทางที่น่ารักและขี้อายของเธอ เฟิงหานชวนก็อดไม่ได้ที่จะถามเธอว่า: "คุณกลัวเหรอ?"

ตามนิสัยของเป๋าฮวน เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเข้ามาในห้องน้ำ ขณะที่เขากำลังอาบน้ำ และเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะติดกับเขาขนาดนี้

เฟิงหานชวนมีความคิดสกปรกในใจ แม้ว่าเขาจะพบฆาตกรแล้ว เขาจะแอบจัดการกับฆาตกร โดยไม่บอกฮวนฮวน

แบบนี้ฮวนฮวนก็จะต้องการเขาตลอด ติดกับเขาเสมอ เป็นเด็กน้อยของเขาตลอดไป

เขารีบขจัดความคิดนี้ทิ้งทันที เขาไม่อยากเห็นแก่ตัวขนาดนั้น

เขาไม่ควรเห็นแก่ตัวเกินไป

แม้ว่าเขาจะชอบเป๋าฮวนในตอนนี้มาก แต่เขาก็ต้องจับฆาตกรให้เร็วที่สุด ให้ฆาตกรได้รับโทษ!

“อืม ฉันกลัว ฉันก็เลยเข้ามาหาคุณ” เป๋าฮวนก้มหน้าลงไม่กล้ามองเฟิงหานชวน เพราะเธอมองไม่ได้

ทันทีที่หันไปทางเฟิงหานชวน เธอจะเห็นเรือนร่างของเฟิงหานชวนที่กำลังอาบน้ำ

“โอเค” เฟิงหานชวนตอบอย่างเฉยเมยและพูดว่า: “ไม่ว่าจะเวลาไหน ผมก็จะอยู่ข้างๆคุณ ผมเคยบอกแล้ว”

“ฉันรู้ คุณรีบไปอาบเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน ไม่ต้องคุยกับฉัน” เป๋าฮวนยังคงก้มหน้า รู้สึกเมื่อยคอ แต่เธอทำได้เพียงรักษาท่าทางนี้ไว้

มิฉะนั้น จะเป็นตากุ้งยิง

“อืม” หลังจากที่เฟิงหานชวนตอบ เขาก็อาบน้ำต่อ

เสียงน้ำดังก้องกังวาน

ประมาณ10นาทีต่อมา ตอนนี้เป๋าฮวนมองขึ้นไปบนเพดาน

ในช่วง10นาทีนี้ หันหน้าไปทางพื้นในช่วง 5 นาทีแรกและเพดาน 5 นาทีถัดไป กล่าวโดยสรุป แนวสายตาจะยึดในที่เดียว เพื่อป้องกันไม่ให้สายตาของเธอมองไปทางอื่น

ทันทีหลังจากนั้น ผ้าม่านกั้นห้องอาบน้ำก็เปิดออก ผู้ชายเดินออกมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ และเริ่มเช็ดร่างกายของเขา

เป๋าฮวนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเฟิงหานชวน แต่ไม่ได้มองเขา เธอหลับตาอย่างรวดเร็ว หันหลังของเธอ หันหลังให้กับเฟิงหานชวน

ด้วยวิธีนี้ ใบหน้าของเธอหันไปทางผนังและคอของเธอตั้งตรง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกสบายขึ้น

จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลัง

เป๋าฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนหัวเราะ เธอขดริมฝีปากและถามว่า: "คุณหัวเราะอะไร? ฉันไม่ได้…แอบมองคุณ"

“ฮวนฮวน ผมไม่ว่าหรอกถึงคุณจะแอบมองผม” เฟิงหานชวนขดริมฝีปาก มองที่ด้านหลังศีรษะของผู้หญิงและพูดด้วยเสียงเบา

“ใคร? ฮวนฮวน เป็นใครกันแน่” เฟิงหานชวนจับไหล่ของเธอทันที แล้วเอ่ยถาม

“อาจจะเฉินเหม่ยเจวียนกับเฉินซินโหรว อาจจะเป็นพวกเธอ…ตอนแรกพวกเธอเกลียดฉันมากขนาดนั้น พวกเธออาจจะจ้างวานฆ่า!” ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง แววตาตื่นตระหนกและกังวล

ตอนนี้เฉินเจี้ยนหมินรู้แล้วว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เฉินซินโหรวก็เห็นตัวเองที่งานเลี้ยงด้วยตาของเธอเอง…พวกเธอจะยอมวางมือยุติเรื่องราวไหม

“ผมจะส่งคนไปไต่สวนพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย” หลังจากเฟิงหานชวนพูดจบ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเสื้อ และโทรหาซูอวี่ทันที

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

เฉินซินโหรว เฉินเหม่ยเจวียน รวมทั้งเฉินเจี้ยนหมิน ทั้งหมดถูกพาไปที่โกดังร้างในเขตชานเมือง

เฉินซินโหรวยังคงอยู่ในชุดผู้ป่วย เฉินเจี้ยนหมินสวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง และเฉินเหม่ยเจวียน…ไม่ได้สวมเสื้อผ้า สวมเพียงชุดชั้นในผ้าโปร่งบาง ซึ่งไม่อาจบดบังไขมันส่วนเกินของเธอได้

เฟิงหานชวนรีบไปพร้อมกับเป๋าฮวน เมื่อพวกเขามาถึง ซูอวี่รายงานว่า “ประธานเฟิง คุณนาย ตอนนี้เฉินซินโหรวอยู่โรงพยาบาล เธอเพิ่งแท้งลูกครับ เฉินเจี้ยนหมินกำลังเก็บขยะหาเลี้ยงชีพ ส่วนเฉินเหม่ยเจวียนตอนนี้ขายบริการ คนของเราจับเธอได้บนเตียงของเศรษฐีใหม่คนหนึ่งครับ”

เดิมทีเฉินเหม่ยเจวียนก้มหน้าลง ดูเหมือนเธอจะโดนทุบตี เธอเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

เมื่อได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน เธอเงยหน้าขึ้น ทันทีที่เห็นเป๋าฮวน เสียงร้องตะโกนก็ดังไปทั่วทั้งโกดัง

“อ๊า…ผี…ผีมาแล้ว ผีมาแล้ว…”

“เฉินเจี้ยนหมิน คุณดูสิ ลูกสาวของคุณ ลูกสาวของคุณเฉินฮวนฮวน เธอกลายเป็นผีไปแล้ว…”

เฉินเหม่ยเจวียนส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง พลางตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นก็หมอบลงบนพื้น แล้วเคลื่อนตัวไปคุกเข่าอยู่แทบเท้าของเป๋าฮวน “เฉินฮวนฮวน เธอยกโทษให้ฉันเถอะ เธอเป็นผีมาสามปีแล้ว ยกโทษให้ฉันไม่ได้เหรอ ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด ถ้าได้เจอกันอีกครั้ง ฉันจะให้ยายของเธอยืมเงินไปรักษาแน่นอน ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันผิดไปแล้ว…”

ตอนนี้เฉินเหม่ยเจวียนสนใจแต่การขายตัวเพื่อหาเงิน เธอไม่ได้ติดต่อกับเฉินเจี้ยนหมินเลย ส่วนลูกสาวของเธอเฉินซินโหรวก็ไม่ได้ติดต่อกันบ่อยนัก ถึงขนาดที่ว่าช่วงนี้เธอยุ่งมาก จนไม่มีเวลาไปดูแลลูกสาวที่แท้งบุตรที่โรงพยาบาล

ดังนั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเฉินฮวนฮวนราวกับแกะ

เฉินเจี้ยนหมินรู้ว่าเป๋าฮวนที่อยู่ตรงหน้าเขา คือเฉินฮวนฮวนลูกสาวของตัวเอง แต่เฉินซินโหรวไม่ได้รับการยืนยันจากเป๋าฮวนในงานเลี้ยง อีกทั้งเป๋าฮวนยังเป็นแขกผู้มีเกียรติ ไม่ใช่ว่าเฉินฮวนฮวนจะสามารถทำได้ เดิมทีเธอเพียงสงสัยเท่านั้น

ในตอนนี้เอง เมื่อเห็นเป๋าฮวนและเฟิงหานชวนปรากฏตัวพร้อมกัน เฉินซินโหรวสรุปได้ว่า เป๋าฮวนคุณเป๋าในงานเลี้ยงวันนั้น ก็คือเฉินฮวนฮวน!

เฉินฮวนฮวนยังไม่ตาย เธอยังไม่ตายจริงๆ !

“เฉินเหม่ยเจวียน เธอไม่ต้องร้องไห้แล้ว ฉันไม่ใช่ผี ฉันเป็นคน” เป๋าฮวนควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เวลานี้ดูเหมือนเธอจะสงบนิ่งมากแล้ว

เฉินเหม่ยเจวียนผงะไปครู่หนึ่ง ดวงตาทั้งสองมองเป๋าฮวนด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว ก่อนจะชี้ไปที่เธอ และถามเสียงสั่นเครือ “เธอเธอเธอ…เธอพูดอะไร…เธอเป็นคน…เธอตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ…”

“แม่ เธอยังไม่ตาย! เธอคือเฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนยังไม่ตาย!” เฉินซินโหรวตะโกนใส่เฉินเหม่ยเจวียน

เฉินเจี้ยนหมินคุกเข่าลง รีบคลานไปตรงหน้าเป๋าฮวน ก่อนจะจับมือของเป๋าฮวนไว้ แล้วยิ้มอย่างประจบเอาใจ “ฮวนฮวน ลูกให้พ่อมาหามีเรื่องอะไรเหรอ คราวก่อนลูกเต็มใจให้เงินพ่อไม่ใช่เหรอ พ่อรู้ว่าเรื่องก่อนหน้านี้พ่อทำผิด ต่อไปพ่อจะแก้ไขให้ดีขึ้น พ่อจะดีกับลูกแน่นอน”

เป๋าฮวนมองใบหน้ายิ้มแย้มของเขา ฟังสิ่งที่เขาพูด เธอรู้สึกอยากจะอาเจียน คลื่นไส้ และสะอิดสะเอียนเป็นอย่างมาก

เธอเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ “พ่อวางแผนฆ่าหนู ยังพูดว่าจะดีกับหนูอีกเหรอ”

“อะไรนะ!” สีหน้าของเฉินเจี้ยนหมินพลันเปลี่ยนไปทันที ทั้งตกตะลึงทั้งงุนงง เขารีบกล่าวว่า “ฮวนฮวน ลูกกำลังพูดถึงอะไร พ่อจะฆ่าลูกได้ยังไงกัน ถึงก่อนหน้านี้พ่อจะไม่ดีกับลูก แต่พ่อไม่มีทางฆ่าลูก!”

“พ่อไม่รู้แผนการของเฉินเหม่ยเจวียนกับเฉินซินโหรวสักนิดเลยเหรอ พวกเธอต้องการฆ่าหนู พ่อไม่รู้เหรอ” เป๋าฮวนถามเขากลับ

สำหรับเธอแล้ว เธอไม่มีศัตรู จะมีแต่แม่ลูกเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรวเท่านั้นที่เป็นศัตรูของเธอ ในสายตาของพวกเธอแม่ลูกเห็นเธอเป็นหนามยอกอก

คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ น่าจะเป็นพวกเธอสองคน

“อะไรนะ!!! ฆ่าเธอ? พวกเราจะฆ่าเธอได้ยังไง” เฉินเหม่ยเจวียนก็ตกใจ เธอไม่อาจยอมรับข้อกล่าวหานี้ได้!

แม้ว่าตอนนี้เธอกำลังสับสนงุนงง ไม่รู้ว่าเป๋าฮวนฟื้นจากความตายได้อย่างไร แต่เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!

“สามปีก่อน เธอไม่ได้ส่งคนมาฆ่าฉันงั้นเหรอ” เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่น สายตาจับจ้องเฉินเหม่ยเจวียนด้วยความโกรธแค้น

“ไม่จริง! ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ! ต่อให้ฉันจะเกลียดเธอหรือรังเกียจเธอมากแค่ไหน ฉันก็ไม่ฆ่าคน!” เฉินเหม่ยเจวียนตบต้นขาตัวเองอย่างร้อนรนไม่เป็นสุข และรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

เฉินซินโหรวเห็นเป๋าฮวนยืนอยู่กับเฟิงหานชวน อีกทั้งเฟิงหานชวนยังโอบเป๋าฮวนไว้แน่น เธอรู้ว่าสองคนต้องคืนดีกันแล้ว ตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบแบบนี้ ไม่สามารถยั่วยุพวกเขาได้อย่างแน่นอน

เธอคลานไปข้างหน้า แล้วรีบอธิบายว่า “ไม่ใช่จริงๆ เฉินฮวนฮวน พวกเราไม่ได้ฆ่าเธอจริงๆ การตายของคุณยายเธอเป็นความผิดของพวกเราเองที่ไม่ให้เธอยืมเงิน แม่ของฉันพูดไม่ดีจนทำให้เธอโกรธ แต่พวกเราไม่ได้ฆ่าเธอจริงๆ…”

“ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ฮวนฮวน ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันผิดเองที่ตอนแรกไม่ให้เธอยืมเงิน ฉันไม่ยอมให้ยืมเงิน แต่ฉันไม่เคยคิดจะฆ่าใคร!” เฉินเหม่ยเจวียนร้องไห้พลางตะโกนเสียงดังลั่น

สองแม่ลูกร้องไห้ขอความเมตตา และยังคงอธิบายความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่หยุด

ในเวลานี้เอง เฉินเจี้ยนหมินกระแอมไอสองครั้ง แล้วเอ่ยว่า “ฮวนฮวน เฉินเหม่ยเจวียนกับพี่สาวของลูกเป็นคนเลวทรามจริงๆ เห็นแก่ตัว เห็นผลประโยชน์จนลืมความชอบธรรม!”

เมื่อเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรวได้ยิน ดวงตาของพวกเธอเบิกกว้าง ก่อนจะรีบโผเข้าไปหาเฉินเจี้ยนหมิน

ในเวลานี้เอง เฉินเจี้ยนหมินกล่าวต่อว่า “แต่ว่า พ่อรับรองได้ว่าพวกเธอไม่มีทางฆ่าใครโดยเจตนาอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่พ่อยืนยันได้”

“ดังนั้นฮวนฮวน ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่นอน”

แม้ว่าเฉินเจี้ยนหมินจะเกลียดชังเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรวมาก หลังจากตระกูลเฉินล้มละลาย เฉินเหม่ยเจวียนสวมหมวกสีเขียว*ให้เขามาตั้งเท่าไหร่แล้ว ชื่อเสียงข้างนอกเหม็นเน่ามาก ขายตัวให้ตาเฒ่าเลวๆ เพื่อแลกเงินก้อนโต

และลูกสาวที่เขาเลี้ยงจนโตอย่างเฉินซินโหรว หลังจากเข้าหาคนรวยจนได้ดิบได้ดี เธอก็อยู่ห่างจากเขา ไม่เคยส่งเสียให้เงินเขาใช้สักแดงเดียว

ทว่า ท้ายที่สุดแล้วคนหนึ่งก็อดีตภรรยา คนหนึ่งก็ลูกสาวของตัวเอง ไม่ว่าเฉินเจี้ยนหมินจะเกลียดชังพวกเธอแค่ไหน เขาก็จะไม่ทำร้ายพวกเธอ สิ่งที่เขาพูดคือความจริงอย่างแท้จริง

เป๋าฮวนดูออก ไม่ว่าจะเป็นเฉินเจี้ยนหมิน เฉินเหม่ยเจวียน หรือเฉินซินโหรว พวกเขาไม่ได้โกหก เธอก็คิดว่าเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรว ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนเลย

เมื่อสักครู่ความหวาดกลัวทำให้เธอตื่นตระหนก นึกถึงแต่พวกเธอเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงตัดสินว่าพวกเธอเป็นฆาตกร

ทว่าตอนนี้ เมื่อคิดดูให้ดี คนเห็นแก่ได้อย่างเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรว จะบุ่มบ่ามเสี่ยงฆ่าคน และใช้ชื่อเสียงเงินทองของตัวเองได้อย่างไร

ในสายตาของพวกเธอ ขอเพียงแค่มีเงิน และมีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว

เป๋าฮวนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น จู่ๆ เธอก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งร่างกาย

เธอทำให้ใครไม่พอใจกันแน่

ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เกิดขึ้น และคนที่อยากให้เธอตาย คือใครกันแน่

……

*สวมหมวกสีเขียว หมายถึง ภรรยามีการคบชู้ หรือภรรยานอกใจ

พวกเขาทั้งหมดคิดว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามปีที่แล้วเป็นอุบัติเหตุ……

เนื่องจากคนขับเมาแล้วขับ ตอนนั้นเป๋าฮวนยังเป็นเฉินฮวนฮวน ไม่มีความแค้นกับผู้อื่นและไม่มีใครคิดถึงเรื่องซื้อตัวฆาตกรแบบนี้

อารมณ์ของเฟิงหานชวนในตอนนี้ราวกับว่าบ้าไปแล้ว ตอนนั้นทำไมเขาถึงประมาทขนาดนั้น ไม่แม้กระทั่งสอบสวนเพิ่มเติมให้ลึกลงไปอีก……

ฆาตกรคนนั้นกลับพุ่งไปที่ฮวนฮวน ตอนนี้ฮวนฮวนตัวคนเดียว จะตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า!

“ฮวนฮวน ฮวนฮวน——”

เฟิงหานชวนตะโกนเรียกชื่อเป๋าฮวนขณะวิ่งไปตามถนน

เป๋าฮวนในขณะนี้ได้วิ่งไปถึงที่หน้าประตูใหญ่คฤหาสถ์แล้ว เธอมองไปที่ถนนกว้างตรงหน้าและสติหลุดไป

ตาเธอแดงมากๆ เพิ่งร้องไห้จนสุดทาง และตอนนี้ไม่ได้ร้องไห้แล้ว แต่มีคราบน้ำตาปรากฏที่แก้มทั้งสองข้างชัดเจน

ตอนนี้เธอจะกลับโรงแรม เธอไม่อยากเจอเฟิงหานชวนอีก ไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว……

เธอยืนอยู่ข้างถนน ล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และใช้แอพเรียกแท็กซี่ คนขับแท็กซี่คนหนึ่งรับคำสั่งและต้องรอประมาณ10นาทีถึงจะมาถึงบริเวณคฤหาสถ์

เป๋าฮวนยืนอยู่ที่เดิมอย่างนั้น มองดูรถที่แล่นไปๆมาๆข้างหน้าโดยไม่กะพริบตา ในขณะนั้นเอง เสียงเรียกเธอดังขึ้นจากที่ไม่ไกลนัก

“ฮวนฮวน!”

เป๋าฮวนมองย้อนกลับไป เวินซือเหยี่ยนยืนอยู่ที่ประตูหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต กำลังยิ้มและโบกมือให้เธอ

วินาทีต่อมาจากนั้น หลังจากที่เห็นดวงตาบวมแดงของเป๋าฮวน เวินซือเหยี่ยนก็ตกใจ ขณะที่เขากำลังจะเดินไปหาเธอ ร่างสีดำก็วิ่งไปทางเป๋าฮวนอย่างรวดเร็ว

เป๋าฮวนถูกเฟิงหานชวนกอดแน่นในอ้อมแขน อยากจะถูเธอเข้าไปในร่างกายของเขา ราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยมือ เธอจะจากเขาไปไกล

เป๋าฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง แม้กระทั่งเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามเมื่อเธออยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้ว่าชายที่จู่ๆกอดเธอนั้นคือเฟิงหานชวน

“เฟิงหานชวน คุณยังมาหาฉันทำไม! ก็เมื่อในสายตาคุณดูว่าฉันเหลือทนแล้ว งั้นก็อย่ามารบกวนฉันอีก!” เป๋าฮวนดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ตะโกนอยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนกอดเธอแน่น ตั้งใจที่จะไม่ปล่อยและพูดทันทีว่า: "ฮวนฮวน กลับไปกับผม มีเรื่องที่สำคัญมากจะบอกคุณ"

“ปล่อยมือ ฉันอยากกลับโรงแรม ฉันจะไม่กลับไปกับนายอีก!” เป๋าฮวนตะโกนเสียงแหบแห้ง แต่เพราะไม่มีแรง เสียงของเธอจึงดูอิดโรย

ไม่เหมือนทะเลาะกัน เหมือนกับกล่าวหากันเบาๆ

“ฮวนฮวน อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่คุณได้รับที่ประตูค่ายฝึกเมื่อสามปีก่อนไม่ใช่อุบัติเหตุ!” เฟิงหานชวนเป็นกังวลและโพล่งออกมาอย่างเร็ว

วินาทีถัดมา เป๋าฮวนก็ชะงัก ในสมองเธอว่างเปล่าขึ้นทันที ริมฝีปากซีดเซียวของเธอถามพึมพำว่า: “คุณ……คุณพูดว่าอะไรนะ?”

ไม่ใช่อุบัติเหตุหมายความว่าอะไร?

เธอไม่รู้จักคนขับคนนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจงใจชนเธอ?

ตอนนั้นได้ยินเฟิงหานชวนบอกว่าอีกฝ่ายเมาแล้วขับ จึงเชื่อเพียงว่าตัวเองโชคไม่ดี

ส่วนตอนนี้…

“ฮวนฮวน ผมขอโทษ ตอนนั้นผมไม่ได้สืบให้ชัดเจน ผู้ชายคนนั้นขับรถชนคุณไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ได้มีคนสั่งการ” หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน ดวงตาของแดงก่ำและเกือบจะร้องไห้ออกมา

ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา!

หากไม่ใช่เพราะเขาประมาท คนขับที่ก่อเหตุก็จะไม่ตาย และเบาะแสก็จะไม่ถูกตัดขาด

ฆาตกรที่ทำร้านฮวนฮวนคนนั้น ตอนนี้ยังคงเป็นอิสระอยู่นอกกฎหมาย

ฟังเสียงหายใจติดขัดของชายหนุ่ม เป๋าฮวนยืนโง่ไปแล้ว มีคนเจตนาฆ่าเธอ เรื่องนี้……ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!

“เฟิงหานชวน ใครกันที่อยากจะฆ่าฉัน? ตอนนี้คนขับคนนั้นอยู่ที่ไหน? ฉันอยากเจอเขา! ฉันอยากถามให้ชัดเจน!” เป๋าฮวนถามอย่างใจร้อน

เฟิงหานชวนเพียงแค่กอดเธอไว้แน่นและส่ายหัวไม่หยุดพร้อมอธิบายว่า: "คนขับเสียชีวิตแล้วเมื่อสามปีก่อน"

“อะไรนะ!” ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง

ตายแล้ว งั้นก็ตายไร้หลักฐานพิสูจน์แล้วเหรอ?

เธอจำได้ว่าตอนนั้นคนขับไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาจะตายได้ยังไง?

“เขาถูกมือมืดเบื้องหลังสั่งฆ่าเหรอ?” เป๋าฮวนถามต่อทันที

“ใช่ หลังจากที่เขาถูกผมส่งเข้าคุก เขาถูกคนรอบทำร้ายและเสียชีวิตในคุก” เฟิงหานชวนไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครทำแบบนี้ใต้จมูกของเขา

ตอนนั้นเขาส่งคนไปลงโทษคนขับที่ก่อเหตุ หลังจากนั้นก็ดูแลเป๋าฮวนสุดหัวใจ และไม่ได้สนใจคนขับอีก

ตอนนี้เขาโทษตัวเองที่ประมาทและโง่เกินไป……

“ใครกันแน่! เป็นใครกันแน่!” เป๋าฮวนดูหวาดกลัว ร่างทั้งร่างเย็นยะเยือก และเหงื่อเย็นๆยังออกทั่วตัวอย่างต่อเนื่อง

จู่ๆเธอก็รู้สึกหวาดกลัวมากๆ ที่ประเทศฮัวมีคนต้องการจะฆ่าเธอ เป็นใครกันแน่……

ถ้าในตอนนั้นเธอไม่ได้แกล้งทำเป็น "ฆ่าตัวตาย" ถ้าไม่ใช่เพราะสามปีนี้เธอหายตัวไปและอาศัยอยู่ที่ประเทศเฉินในฐานะเป๋าฮวน เธอคงกลายเป็นคนตายไปแล้วจริงๆใช่ไหม?

“เฟิงหานชวน ฉันกลัวมาก ฉันไม่อยากตาย……” เป๋าฮวนร้องไห้ออกมาทันที เธอยังมีคุณตา ตอนนี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียว เธอไม่อยากตายจริงๆ

ตอนนี้เธอกลัวความตายมาก กลัวมากจริงๆ

เธอต้องมีชีวิตที่ดีให้ได้ เพราะเธอต้องให้เป็นคนเลี้ยงดูและส่งคุณตาในบั้นปลายชีวิต……

“ฮวนฮวน วางใจเถอะ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณถูกทำร้าย คนของผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสืบค้นเรื่องนี้ ช่วงนี้คุณอยู่ที่นี่กับผม ผมจะส่งคนปกป้องคุณ” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง ริมฝีปากบางแตะหน้าผากของเธอและพยายามทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

“ฉันต้องการจิ่งมั่วและติ่งเหลิ่ง ฉันต้องการให้พวกเขามา…… ” เป๋าฮวนสั่นไปหมดทั้งตัว

“ได้ ผมจะติดต่อพวกเขาและให้พวกเขามา ผมจะพาคุณกลับก่อน ตกลงไหม?” เฟิงหานชวน พยายามปลอบของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนพยักหน้าอย่างเร็วในอ้อมแขนของเขา

ขาทั้งสองของเธออ่อนแรงมาก รู้สึกว่าจะเดินไม่ไหวแล้ว และตอนนี้เธอรู้สึกกลัวมาก เธอเอื้อมมือไปโอบคอของชายหนุ่มแล้วกระซิบ: "เฟิงหานชวน คุณอุ้มฉันกลับที……"

เฟิงหานชวนชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ผู้หญิงตัวเล็กๆตรงข้างหน้าเขาเต็มไปด้วยการพึ่งพาตัวเขา นี่คือสิ่งที่เขาคาดหวัง แต่ว่าตอนนี้เขากลับไม่มีความสุข

ตราบใดที่มือมืดที่อยู่เบื้องหลังค้นหาไม่เจอหนึ่งวัน เขาก็จะไม่มีความสุขหนึ่งวัน

เขาพยักหน้า อุ้มเป๋าฮวนขึ้นและพาเธอตรงไปเขตคฤหาสถ์

เวินซือเหยี่ยนยืนเงียบๆแบบนี้อยู่ที่ทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต มองดูร่างพวกเขาหายไปท่ามกลางความมืด เขายิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ได้ตามไป แต่เปิดขวดน้ำแร่และจิบสองสามอึก

เขาไม่ได้ยินการสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่นี้ ท่าทางของเฟิงหานชวนและเป๋าฮวนดูเหมือนคู่สามีภรรยาที่ทะเลาะกันแล้วก็คืนดีกัน

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคืนดีกันจริงๆ เวินซือเหยี่ยนคิด

……

หลังจากกลับมาที่คฤหาสถ์

เฟิงหานชวนอุ้มเป๋าฮวนตรงไปที่ห้องนอนที่ชั้นสาม แล้ววางเธอลงบนเตียงขนาดใหญ่

เป๋าฮวนกอดคอชายหนุ่มแน่น พูดอะไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ ในสมองของเธอเต็มไปด้วยเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น เธอนอนอยู่ในกองเลือด เธอเจ็บทั้งตัว เจ็บมากจนเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย……

ต่อมาหลังจากได้รับการช่วยเหลือ ระหว่างที่รักษาตัวในโรงพยาบาล เธอยังคงปวดตามร่างกายเป็นอย่างมาก และมีรอยแผลเป็นตามตัวของเธอซึ่งเกิดจากการผ่าตัดในปีนั้น

เงาตามตัวหลังจากอุบัติเหตุ สามปีมานี้ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้มันหายไป และตอนนี้กำลังกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้ง……ดูเหมือนว่าร่างกายไม่มีพละกำลังและหนาวเย็นเป็นอย่างมาก

“ฮวนฮวน ไม่ต้องกลัวไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่ ผมจะอยู่กับคุณตลอดไป” เฟิงหานชวนก้มตัวให้หญิงสาวโอบรอบคอของตัวเอง เขากอดเธอและปลอบเบาๆ พยายามสงบอารมณ์กลัวของหญิงสาว

“ทำไมถึงมีคนอยากฆ่าฉัน ฉันไม่มีศัตรู หรือว่า……” ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้างทันทีและอุทานว่า “หรือว่าจะเป็นเธอ!!!”

มองดูด้านหลังที่จากไปไกลของหญิงสาว เวินซือเหยี่ยนยืนอยู่กับที่ไม่ได้ตามไป เพียงแค่ยิ้มอ่อนๆ

เป็นการหัวเราะเยาะตัวเองแบบนั้น

เขามักจะรู้สึกว่าเขาอาจมีโอกาสแม่เพียงน้อยนิด แต่ในไม่ช้าความจริงก็บอกเขาว่าไม่มีโอกาส

เขาไม่มีโอกาสเลยสักนิด

เป๋าฮวนวิ่งกลับไปที่คฤหาสถ์อย่างรวดเร็ว อยู่ที่ไม่ไกลนักก็เห็นเฟิงหานชวนยังคงยืนอยู่ที่ประตูใหญ่ ยังคงรักษาท่าทางที่ไม่ขยับเขยื้อนนั้นไว้

เฟิงหานชวนในขณะนี้ไม่สามารถมองเห็นเธอได้ เพราะเขาหันหลังให้เธอ จนกระทั่งเป๋าฮวนเดินมาข้างหน้า เดินมาด้านหน้าของเขา เฟิงหานชวนถึงจะมองเห็นเธอ

“เฟิงหานชวน ทำไมคุณถึงยังยืนอยู่ตรงนี้?” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เธอไม่รู้จริงๆว่าทำไมเฟิงหานชวนในตอนนี้ถึงเป็นเหมือนลาที่ดื้อรั้น

เฟิงหานชวนไม่ตอบ

“คุณ……อาการป่วยกำเริบเหรอ?” ประโยคนี้ เป๋าฮวนไม่ได้แค่ถาม แต่สอบถามอย่างระมัดระวัง

มิฉะนั้น คนปกตินั้นแม้ว่าจะโกรธขนาดไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะยืนนิ่งอยู่ที่เดิมตลอด

นี่ดูแล้วผิดปกติจริงๆ!

ในที่สุดดวงตาที่มืดมนของเฟิงหานชวนก็สว่างขึ้น เขามองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยน้ำเสียงแหบทุ้มดูดว่า: "ฮวนฮวน เมื่อผมป่วยกำเริบเท่านั้นคุณถึงจะเป็นห่วงผมใช่ไหม?"

เป๋าฮวนตกตะลึงที่เฟิงหานชวนถามแบบนี้ เขาหมายถึงอะไร?

หรือเพราะอยากให้เธอห่วงใยเขา เลยจะอาการป่วยกำเริบเหรอ?

“เฟิงหานชวน คุณบ้าไปแล้ว! ตอนนี้คุณมีชีวิตอยู่เพื่อใคร ตอนนี้คุณมีชีวิตอยู่เพื่อฉันหรือ? คุณคิดผิด คุณควรมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง อย่าทำให้ตัวเองกลายเป็นท่าทางอย่างกับผีแบบนี้!” เป๋าฮวนข่มเสียงของเธอจนเกือบจะแหบแห้ง

เธอไม่สามารถเห็นเฟิงหานชวนกลายเป็นแบบนี้ได้จริงๆ เธอหวังจริงๆว่าเขาจะได้สติขึ้นมาในไม่ช้า

มองไปข้างหน้า ใช้ชีวิตให้ดี ไม่ดีหรือไง?

เธอก้าวเดินออกมาแล้ว ทำไมเขาถึงก้าวออกมาไม่ได้หล่ะ?

“ไม่มีคุณ ผมก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่” เสียงแหบของเฟิงหานชวนแสดงถึงความเศร้าโศกเหลือคณาอยู่ในคืนที่มืด

เป๋าฮวนรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตัวเองถูกกระแทกและคนทั้งคนก็ตะลึงอยู่ที่เดิม

เธอเดินถอยหลังโซเซไปสองก้าว มองขึ้นไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ดวงตาเจ็บปวดเมื่อยหล้า ตาทั้งคู่แดงก่ำ เธอสำลักและพูดว่า "คุณมีฉันไง พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?"

ตอนนี้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก รู้สึกหายใจไม่ออกจริงๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกอึดอัดใจมาก

คำพูดของเป๋าฮวนทำให้ดวงตาของเฟิงหานชวนเป็นประกายอีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงประโยคที่เธอพูดก่อนหน้านี้ ดวงตาสีดำของเขาก็หรี่ลงอีกครั้ง

“ผมมีคุณ แต่ว่า คุณไม่ได้มีแค่ผม……” เขาพึมพำ

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจว่าเฟิงหานชวนหมายความว่าอะไร เธอพูดออกมาว่า : "คุณกำลังคิดจะพูดอะไร? ถ้าเป็นเพื่อนในด้านนั้น มีเพียงคุณคนเดียว ฉันไม่ได้มั่วจนติดเป็นนิสัย"

เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนเข้าใจอะไรผิด

เข้าใจเธอผิดว่ามีเพื่อนผู้ชายมากมายในแง่นั้นเหรอ?

เป็นเพราะเธอเคยโกหกเขามาก่อน โดยบอกว่าตอนอยู่ที่ประเทศเฉินเธอมีเรื่องอย่างว่ามากมายเหรอ? บอกว่าผู้ชายเหล่านั้นของประเทศเฉินเก่งกาจกว่าเขาเหรอ?

“ในสายตาและหัวใจของคุณ ตำแหน่งของผมกับเวินซือเหยี่ยนเหมือนกันหรือเปล่า? เท่ากัน เป็นแค่เพื่อนของคุณ” เฟิงหานชวนจ้องมองเธอแน่วแน่และถามขึ้น

เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่นขึ้น เดิมเธอยังขมขื่นในใจ แต่ตอนนี้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น เธอยกมือขึ้นและตบที่แก้มของเฟิงหานชวน

"คุณพอได้แล้ว!" เธอโกรธและตะโกนใส่เขา: "ในสายตาของคุณ ฉันเหลือทนขนาดนั้นเลยเหรอ?"

“คุณเป็นแบบนี้เสมอ สิ่งที่ฉันอธิบายให้คุณฟัง คุณไม่เคยเชื่อเลย!”

เป๋าฮวนเชื่อว่าความหมายของเฟิงหานชวนคือประชดประชันเธอ เธอบอกว่าเวินซือเหยี่ยนเป็นเพื่อน แต่เฟิงหานชวนเชื่อว่าเธอถือว่าเวินซือเหยี่ยนเป็นเพื่อนในแง่นั้น

เธอโกรธจนหันหัวแล้วเดินเข้าคฤหาสถ์ เพียงแค่เดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าที่จริงตัวเองไม่จำเป็นต้องเข้าไปข้างใน

มือถือของเธออยู่ในกระเป๋าเสื้อและเธอก็ไม่มีกระเป๋าเดินทาง เธอยังจะเข้าไปทำอะไรในคฤหาสถ์?

เท้าหยุดก้าวเดิน เธอหันกลับมาอีกครั้งและเดินออกไปข้างนอก เดินผ่านด้านข้างของเฟิงหานชวนโดยไม่สนใจ ก้าวเดินหน้าต่อไป

ในเมื่อเขาเข้าใจเธอผิดมาตลอด เข้าใจนิสัยของเธอผิด แล้วทำไมเธอต้องสนใจว่าอาการเขาจะกำเริบหรือเปล่า ทำไมต้องไปสนใจว่าเขาโกรธหรือไม่ ทำไมต้องสนใจเขาด้วย!

เป๋าฮวนเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ น้ำตาก็ไหลโดยไม่รู้ตัว เธอไม่รู้ว่าเธอร้องไห้ทำไม จากคฤหาสน์ไปตอนนี้ก็เท่ากับหลุดพ้นจากเฟิงหานชวน ต่อไปนี้พวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอตั้งตารอเหรอ?

เธอจะร้องไห้ทำไมหล่ะ? ตอนนี้เธอก็ไม่เข้าใจตัวเอง

เธอปาดน้ำตาและวิ่งเร็วขึ้น เธอต้องการออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็ว เธอต้องการอยู่ห่างจากเฟิงหานชวน

……

เฟิงหานชวนหันกลับมา หันหน้าไปทางทิศที่เป๋าฮวนจากไป

เขาเฝ้ามองดูหลังของเธอเล็กลงเรื่อยๆ เขาอยากจะตามไป แต่ขาทั้งคู่ของเขาเหมือนจะเต็มไปด้วยตะกั่ว ยังไงก็ไม่สามารถขยับได้

เธอไม่มีเขาอยู่ในหัวใจเลย ไม่มีเลยสักนิด เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเธอ แต่เธอกลับผลักไสเขาแบบนี้

เธอยิ้มอย่างสดใสให้เวินซือเหยี่ยน แต่เขากลับถูกตำหนิทุกอย่าง ที่จริงในใจเธอยังคงรังเกียจเขาอยู่ อาจจะถึงกับเกลียดเขาด้วยซ้ำ……

เฟิงหานชวนรู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก เขาระงับจนสุดขีด กระแสความร้อนพุ่งออกมาจากลำคอ

"พรวด" เลือดพุ่งออกจากปากของเขา

เขายื่นมือออกมาเช็ด มือของเต็มไปด้วยเลือดสีแดง

ในขณะนั้น จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ใบหน้าของเขาซีดเซียว เดิมทีเขาไม่ต้องการรับสาย แต่เสียงเรียกเข้ายังคงดังไม่หยุด

เขาตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในโทรศัพท์ ไม่ให้มีการรบกวนการโทรมากเกินไป และเขายังมีโทรศัพท์มือถือส่วนตัวด้วย ดังนั้นทุกสายที่โทรเข้ามาได้จึงเป็นสายจากคนสำคัญ

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปข้างหน้า ร่างของเป๋าฮวนหายไปแล้ว จะเป็นโทรศัพท์จากเธอไหม?

เฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ แต่เมื่อเห็นหมายเลขสายเรียกโทร เขาก็ยิ้มเศร้าๆ เป็นสายเรียกเข้าของผู้ช่วยซูอวี่ ไม่ใช่เป๋าฮวน

อย่างไรก็ตาม ซูอวี่ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญก็จะไม่โทรหาพร่ำเพรื่อ เฟิงหานชวนจึงรับสายทันที

“ประธานเฟิง ไม่ดีแล้ว เราค้นพบเรื่องร้ายแรงมากเรื่องหนึ่ง!” เสียงของซูอวี่ดูวิตกกังวลมาก และเหมือนว่ากลัวมากเช่นกัน

“รีบพูดมา!” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ราวกับว่าใจของเขาเหมือนขึ้นมาถึงคอ

“คุณยังจำคนขับที่ทำให้คุณนายประสบอุบัติเหตุเมื่อสามปีที่แล้วได้ไหม? หลังจากที่เขาถูกจับเข้าคุก ไม่ถึงหนึ่งเดือนเขาก็เสียชีวิตจากอาการป่วย!”

เสียงของซูอวี่ยังรายงานต่อไป: “ในตอนนั้นพวกเราแค่สั่งสอนเขาทำให้มือข้างหนึ่งของเขาพิการ สภาพร่างกายของเขาไม่มีปัญหา เป็นชายหนุ่มที่แข็งแรง แต่จู่ๆเขาก็ป่วยด้วยน้ำตาลในเลือดต่ำเสียชีวิตกะทันหัน "

“ผมใช้ข้อมูลของเขาหลังจากนั้นค้นพบว่า เขาเข้ามาทำงาน เป็นหนี้การพนันมากจำนวนหนึ่ง และมีคุณย่าอยู่ที่บ้านเกิด ตอนนี้คนของเราอยู่ที่บ้านเกิดของเขา คุณย่าบอกว่าเมื่อสามปีที่แล้วเขาเคยบอกคุณย่าว่า เขาแค่ทำเรื่องอย่างหนึ่งเขาจะได้เงิน5ล้านมา เขาบอกว่าถ้าได้เงินจะให้ย่า ให้ย่ามาอยู่ในเมืองและมีชีวิตที่ดี”

“คุณย่าของเขาไม่รู้ข่าวการเสียชีวิตของเขา และเธอยังตั้งตารอเขากลับมาที่บ้านเกิด”

“ประธานเฟิง ผมคิดว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปีนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เกิดขึ้นโดยตั้งใจ!”

“อีกฝ่ายซื้อคนในคุกและฆ่าคนขับเพื่อหลีกเลี่ยงการโอนเงิน5ล้าน เพื่อไม่ให้ถูกตรวจสอบหมายเลขบัญชีจากพวกเรา”

“ประธานเฟิง เดิมทีเราคิดว่าอีกฝ่ายพุ่งตรงที่คุณ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ น่าจะพุ่งตรงมาที่คุณนาย……”

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินประโยคเหล่านี้ เขาก็รีบพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง……

เป๋าฮวนหันไปมอง เธอเห็นเวินซือเหยี่ยนยืนอยู่ไม่ไกล

เมื่อกี้เวินซือเหยี่ยนเรียกชื่อของเธอ ไม่ใช่เฟิงหานชวน

เธอหันหมุนตัวไปอีกครั้ง จากนั้นก็โบกมือทักทายไปทางเวินซือเหยี่ยน อีกฝ่ายวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ

“ฮวนฮวน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่? ไม่ได้อยู่ที่โรงแรมตี้ฮวงหรอกเหรอ?” เวินซือเหยี่ยนรู้ว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของเฟิงหานชวน จริง ๆ วันนี้เขาตั้งใจจะมาเดินเล่นที่นี่ อยากเห็นว่าเป๋าฮวนไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ

นึกไม่ถึงว่า เขาจะเจอเป๋าฮวนจริง ๆ

“เอ่อ ฉัน…..” เป๋าฮวนเกาศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะพูดอธิบายไปว่า : “เฟิงหานชวนชวนมาค่ะ ฉันรู้สึกว่าพักที่นี่ก็ดี สิ่งแวดล้อมก็ดี น่าจะดีกว่าโรงแรม ดังนั้นก็เลย ฮ่า ๆ ….”

ยิ่งเธอพูดก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด

แต่คงจะอธิบายความสัมพันธ์ในตอนนี้ของเธอและเฟิงหานชวนออกไปไม่ได้แน่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเวินซือเหยี่ยนและคนในตระกูลเวิน ถ้าขืนขอกลับไปกับเวินซือเหยี่ยน ถูกคุณตารู้เข้า คุณตาคงจะโกรธจนหน้าเขียวแน่ ๆ

ถ่อมาถึงประเทศฮัว ก็เพื่อมาถ่ายละครไม่ใช่เหรอ? ทำไมจะต้องมาแสดงเป็นเพื่อนลับ ๆ กับเฟิงหานชวนด้วย?

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงควรทำ!

ตอนนี้สมองของเป๋าฮวนเลอะเลือนมาก

“จริงสิ ซือเหยี่ยน คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ฉันพักในห้องพักแขก ฉัน……..ไม่ว่ายังไงคุณห้ามบอกคุณปู่ของคุณเด็ดขาดนะ …..” เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองพูดไม่รู้เรื่องแล้ว

เวินซือเหยี่ยนเป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง เขาไม่ได้โง่ เวลานี้เป๋าฮวนแสดงท่าทางเป็นกังวลทำอะไรไม่ถูก เขาย่อมเดาออกว่าหมายถึงอะไร

เพียงแต่รูปธรรมว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น เขาเดาไม่ออก แต่เขามั่นใจว่าความสัมพันธ์ของเป๋าฮวนและเฟิงหานชวน ไม่มีทางแข็งทื่อต่อกันแบบนั้นอีกแน่นอน

“ฮวนฮวน คุณวางใจเถอะ คุณไม่เชื่อนิสัยของผมเหรอ? เรื่องส่วนตัวของคุณ ผมไม่บอกคุณปู่ของผมหรอก และไม่บอกคนอื่นแน่นอน” เวินซือเหยี่ยนยิ้มอย่างอบอุ่น รอยยิ้มนั้นเหมือนกับลมในฤดูใบไม้ผลิ ช่างอบอุ่นใจจริง ๆ

เป๋าฮวนไม่ได้ปฏิเสธการเป็นเพื่อนกับเวินซือเหยี่ยน เพราะความรู้สึกที่มีให้กับเวินซือเหยี่ยน มันคือความสบายใจทำนองนั้นจริง ๆ มีระยะห่างแต่ไม่ได้เหินห่าง

“ขอบคุณนะ หลัก ๆ ฉันไม่อยากให้คุณตารู้ เขาต้องเป็นห่วงฉันแน่……” เป๋าฮวนอธิบายด้วยเสียงเล็ก ๆ

ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงฝีเท้าอย่างฉับพลัน เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าเฟิงหานชวนมายืนอยู่ข้างกายของตัวเองแล้ว

เพียงแต่สีหน้าของเฟิงหานชวนดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอใส่อารมณ์กับเขาเมื่อสักครู่ก็ได้ พูดคำพูดที่ไม่น่าฟัง ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังโกรธอยู่

“ประธานเฟิงก็ออกมาด้วย ตั้งใจจะมาเดินเล่นกับฮวนฮวนใช่ไหมครับ?” เวินซือเหยี่ยนยังคงมองไปยังเฟิงหานชวนด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้เปลี่ยนเจตนาอื่นแต่อย่างใด

“ครับ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนนั้นเย็นชามาก เขาตอบกลับไปง่าย ๆ ด้วยคำๆ เดียว

“ผมเองก็มาเดินเล่นเหมือนกัน สู้เราสามคนเดินไปด้วยกันดีไหมครับ?” เวินซือเหยี่ยนมองไปยังเฟิงหานชวนพร้อมกับชี้แนะอย่างไม่หลบเลี่ยงใด ๆ

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็มองไปทางเป๋าฮวน ราวกับกำลังถามความคิดเห็นของเธอ

เป๋าฮวนไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เธอรีบพยักหน้า และพูดว่า : “เอาละ ๆ งั้นเราสามคนไปเดินเล่นด้วยกันเถอะ! เป็นเดือนมืด ลมแรงพอดี ต้นไม้ก็เยอะ ฉันรู้สึกกลัวนิดหน่อย …… มีพวกคุณอยู่ด้วย ฉันก็วางใจ……..”

เธอไม่เคยคิดว่านี่จะเป็นปัญหาแต่อย่างใด จึงได้พูดออกมาอย่างปกติ แต่สีหน้าของผู้ชายทั้งสองคนกลับยังคงนิ่ง

แต่เป๋าฮวนไม่ได้สังเกต เธอหมุนตัวกลับไปและเดินตรงต่อไปข้างหน้า กระโดดก้าวหนึ่งเดินก้าวหนึ่ง ดูท่าทางอารมณ์ดีไม่ใช่น้อย เพราะกินอิ่มแล้ว ได้รับการย่อยสักหน่อยก็ดี

หลังจากที่เดินไปสักพัก เธอก็พลันพบว่าไม่มีเสียงฝีเท้าเดินตามมาด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้ง ก็พบว่าผู้ชายทั้งสองคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม กำลังเผชิญหน้าไม่ต่างกัน ราวกับกำลังมองหน้าของอีกฝ่าย

เป๋าฮวน : “???”

เธอเร่งก้าวเดินไปยังตำแหน่งนั้นทันที จากนั้นก็มองพวกเขาทั้งสองคน โบกมือไปมา ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปว่า : “เฮ้ ๆ พวกคุณทั้งสองคนเป็นอะไรไปคะ? ไม่เดินเล่นกันแล้วเหรอ?”

เวินซือเหยี่ยนได้สติเป็นคนแรก จากนั้นก็มองไปทางเป๋าฮวนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเปล่งน้ำเสียงที่อ่อนโยนออกไปว่า : “เดินเล่น ฮวนฮวน เมื่อกี้ผมเหม่อลอยไปหน่อย เราไปเดินเล่นกันเถอะ”

“ได้เลย!” เป๋าฮวนตอบรับ ทั้งสองคนจึงเดินไปข้างหน้าด้วยกัน

เพียงแต่ หลังจากที่เป๋าฮวนเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ต้องหยุดลงอีกครั้ง จากนั้นก็หันกลับไปมอง เฟิงหานชวนหันหลังให้เธอ ไม่ได้ขยับก้าวตามมาแต่อย่างใด

เธอจึงทำได้แค่ต้องเดินกลับไปอีกครั้ง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ในตำแหน่งของเวินซือเหยี่ยนก่อนหน้านั้น จากนั้นก็มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า และเอ่ยถามว่า : “เฟิงหานชวน คุณไม่เดินเล่นแล้วเหรอ?”

นัยน์ตาของเฟิงหานชวนดูนิ่งสงบ สีหน้าไร้ความรู้สึกใด ๆ เป๋าฮวนคิดว่าเขายังโกรธเรื่องเมื่อสักครู่อยู่

“ฉันยอมรับว่าฉันพูดแรงเกินไป แต่ที่ฉันพูดก็มีเหตุผล คุณลองคิดดูดีๆ นะ คุณไม่ควรทำเรื่องแบบนั้น” เป๋าฮวนไม่ได้หวังให้เฟิงหานชวนทำแบบนี้กับตัวเอง เขาไม่ควรทำเรื่องที่ต่ำแบบนี้

เขาสูงส่งดุจบุตรสวรรค์ผู้หยิ่งผยอง เป็นผู้นำของทุกคน ไม่ควรต้องนอบน้อมเพื่อเธอ

สีหน้าของเฟิงหานชวนยังคงเย็นชา เพียงแต่ความเย็นชานี้ แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกมากกว่าเดิม ลมเย็นที่พัดผ่าน ให้ความรู้สึกสงบ

หลังจากที่เป๋าฮวนพูดจบ เฟิงหานชวนก็ยังคงไม่ตอบเธอราวกับรูปปั้น

เป๋าฮวนใจอ่อน แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถบอกเหตุผลกับเฟิงหานชวนได้ เพราะเวินซือเหยี่ยนอยู่ที่นี่ด้วย ตอนที่บอกเหตุผลย่อมหมายถึงเรื่องส่วนตัวระหว่างพวกเขาด้วย ดังนั้นจึงยังไม่พูดก่อน

“เอาแบบนี้ละกัน เราไปเดินเล่นกันก่อนดีไหม? เดินเล่นเสร็จกลับมา ฉันจะคุยเรื่องนี้กับคุณ” เป๋าฮวนพยายามโน้มน้าวอย่างอดทนมาก

เฟิงหานชวนกยังคงนิ่งไม่ไหวติ่งแต่อย่างใด

เขารู้สึกแย่กับเรื่องที่เป๋าฮวนไม่ให้เขาช่วย แต่ไม่ได้โกรธ ตอนนี้เขารู้สึกแย่ละคนโกรธ สาเหตุที่เขาโกรธนั้นเพราะคำพูดเมื่อสักครู่ของเป๋าฮวน

เธอบอกว่า เดือนมืด ลมแรง มีพวกคุณอยู่ด้วย ฉันก็วางใจ

เธอไม่ได้มีแค่เขา แต่มีพวกเขา

ดังนั้นในใจของเป๋าฮวน เวินซือเหยี่ยนและเขาสำหรับเธอแล้วมีสถานะเหมือนกัน

เขาทำเพื่อเธอมากขนาดนั้น แต่กลับสู้น้ำเสียงที่อ่อนโยนของเวินซือเหยี่ยนไม่ได้เลยใช่ไหม?

“เฟิงหานชวน!” เมื่อเห็นเขายังไม่ตื่นตัว ราวกับลาโง่ เป๋าฮวนจึงเริ่มโกรธขึ้นมาเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าวไม่น้อย : “คุณไม่เดินเล่นก็ช่างเถอะ ฉันจะไปเดินเล่น”

เมื่อพูดจบ เธอก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก

เวินซือเหยี่ยนหันกลับมามองเฟิงหานชวนแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไป และไล่ตามเป๋าฮวนไป

เวินซือเหยี่ยนเดินทิ้งระยะห่างไปเรื่อย ๆ เมื่อมั่นใจว่าเฟิงหานชวนจะไม่เดินตามมาแล้ว เขาจึงเอ่ยถามด้วยตัวเอง : “พวกคุณทะเลาะกันเหรอ? เกิด……เกิดอะไรขึ้น?”

เป๋าฮวนเดินก้มหน้า สายตาทั้งสองข้างจ้องมองพื้น เมื่อเวินซือเหยี่ยนถามแบบนี้ เธอจึงหันกลับไปมองเขา โดยไม่พูดอะไร

จริง ๆ แล้วตอนนี้เธอกำลังโกรธมาก เธอรู้สึกว่าตัวเองอยากจะบอกเหตุผลกับเฟิงหานชวน แต่เขากลับมีทิฐิ เธอทำเพื่อเขา เขาไม่จำเป็นต้องช่วยทำเรื่องแบบนั้นให้เธอจริง ๆ ก็ได้

“ฮวนฮวน ผมคงจะกะทันหันไป คุณอย่าโกรธเลยนะ ผมก็ถามไปงั้นแหละ คุณไม่ต้องตอบผมก็ได้” เมื่อเวินซือเหยี่ยนเห็นเป๋าฮวนมองมาทางเขาโดยไม่พูดอะไร สีหน้ายังคงบูดบึ้งไม่พอใจ จึงรีบอธิบายทันที

“ฉันไม่ได้โกรธคุณหรอกค่ะ ฉันโกรธเฟิงหานชวนต่างหาก” เป๋าฮวนโพล่งออกไป จากนั้นก็ตำหนิด้วยความขุ่นเคือง : “เขาเป็นคนหัวดื้อ!”

แต่หลังจากที่ด่าคำนี้จบ ท่าทางนิ่งสงบของเฟิงหานชวนเมื่อสักครู่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาในสมองของเป๋าฮวน

เธอออกมาเดินเล่นแบบนี้ เฟิงหานชวนยังคงยืนอยู่ที่นั่นรึเปล่า จะ…..อาการกำเริบไหม?

เมื่อคิดได้ เป๋าฮวนก็ตกใจฉับพลัน รีบพูดกับเวินซือเหยี่ยนว่า : “ซือเหยี่ยน ฉันขอตัวก่อนนะคะ คุณค่อย ๆ เดินนะคะ เจอกันพรุ่งนี้!”

เมื่อพูดจบ เธอก็วิ่งไปอย่างรวดเร็วทันที

“ฉันอยากกิน…….สเต๊กพริกไทยดำและสปาเกตตี พรุ่งนี้เช้าต้องได้กิน”

เป๋าฮวนตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลทันที เพราะสเต๊กเนื้อเมื่อเช้าตรู่ถูกทอดสุกไปหน่อย ก็เลยไม่ได้กิน ดังนั้นจึงอยากกินมาก

“ได้สิ พรุ่งนี้ผมจะทำให้คุณกิน” เฟิงหานชวนได้แต่กำมือทั้งสองข้างแน่น ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เพราะตื่นเต้นต่างหาก

“อื้อ” เป๋าฮวนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินไปยังทิศทางของบันได

เฟิงหานชวนรีบลุกขึ้น และเรียกเธอไว้ “ฮวนฮวน คุณจะขึ้นไปตอนนี้เลยเหรอ?”

“คุณจะทำอะไรล่ะ?” เป๋าฮวนหันกลับมา และถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ความหมายของผมก็คือ อยากไปเดินเล่นไหม? ย่อยสักหน่อย?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนนั้นเคร่งขรึมลง แต่ไม่ได้รู้สึกอ้างว้างอีกต่อไป เป็นน้ำเสียงที่ค่อนข้างปกติมาก แต่แฝงไปด้วยความคาดหวัง

“กินอิ่มแล้วก็ต้องย่อยสิ แต่คุณคิดว่าฉันควรเดินเล่นในสภาพนี้เหรอ?” เป๋าฮวนชี้ไปยังชุดกระโปรงที่สวมอยู่บนตัว และพูดว่า : “ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างบน”

เฟิงหานชวนกระตุกยิ้มมุมปากทันใด รอยยิ้มแห่งความพึงพอใจได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า : “ได้สิ ผมจะรอคุณอยู่ตรงนี้”

เขาไม่ได้จะขึ้นไปด้วย เพราะแบบนี้จะทำให้เป๋าฮวนรู้สึกว่าเขาตามตื๊อเกินไป ดังนั้นเขารอเธออยู่ตรงนี้ดีที่สุดแล้ว

“อื้อ” เป๋าฮวนพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปยังทิศทางของบันได

เธอเดินพลางก้มหน้าลงมองชุดกระโปรงผ้าไหมของตัวเอง

ชุดที่เธอสวมเมื่อตอนเช้าคือชุดนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืน หลังจากที่ถอดชุดนอนออก เธอก็โยนไปบนพื้น เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ไม่ได้รู้สึกว่าเปลือยเปล่า แต่เธอกำลังสวมชุดกระโปรงอยู่จริง ๆ

อีกทั้งเธอยังรู้สึกว่าตัวเหนียว ๆ น่าจะเป็นเพราะเฟิงหานชวนช่วยทาตัวก่อนหน้านั้น

เธอคิดพลางกลับไปยังห้องนอนบนชั้นสาม เธอเห็นเสื้อผ้าที่แขวนเรียงรายสวยงามอยู่ในห้องแต่งตัว แต่หลังจากที่เปิดดูอย่างละเอียด เธอกลับอึ้งงันไปเล็กน้อย

เสื้อผ้าเหล่านี้เป็นคอลเลกชันใหม่ของทั้งฤดู ขนาดตัวเหมือนกับเมื่อก่อน เพียงแต่สามปีมานี้เธอโชคดีหน่อยที่ขนาดของเสื้อผ้ายังไม่เปลี่ยน

เป๋าฮวนค่อนข้างขี้เกียจ จึงเลือกชุดกระโปรงคอปกสบาย ๆ จากนั้นก็หยิบรองเท้ากีฬา ก่อนจะลงไปชั้นล่าง

เฟิงหานชวนยังคงรอเธออยู่หน้าบันไดชั้นหนึ่งที่เดิม

เฟิงหานชวนมองไปยังเป๋าฮวนที่กำลังเดินลงมา ผมที่ปล่อยสยายของเธอถูกรวบเป็นหางม้า สวมชุดกระโปรงคอปกระบายอากาศได้ดี ดูทะมัดทะแมงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับเด็กสาวมอปลาย

เขามองอย่างอึ้งงัน

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนยืนมองทางตัวเองโดยไม่ไหวติ่งอยู่ตรงนั้น เป๋าฮวนจึงได้แต่ขมวดคิ้วอย่างหมดคำพูด แต่สุดท้ายก็โพล่งออกไปว่า: “คุณมองอะไร!”

เฟิงหานชวนมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที ก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงราบเรียบว่า : “มองคุณไง”

“ฉันทำไม?” เป๋าฮวนหมดคำพูดเข้าไปใหญ่ เธอรู้สึกว่าตัวเองปกติมาก ทำไมต้องมองเธอด้วย

“ไม่ทำไม รู้สึกว่าคุณในตอนนี้ เหมือนเด็กสาวมอปลาย” เฟิงหานชวนพูดบางสิ่งที่อยู่ในใจ

“เอ่อ” ความรู้สึกหมดคำพูดของเป๋าฮวนเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง เธอเอียงคอถามกลับไปว่า : “เด็กสาวมอปลาย? คุณรู้ไหมการชมคนอื่นว่าเหมือนเด็กสาวมอปลาย หมายความว่าอย่างไร?”

เฟิงหานชวนเลิกคิ้วสูง ส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยสีหน้าสงสัย

“หาว่าเธอบ้านนอก หาว่าเธอรสนิยมห่วยแตก หาว่าเธอมีตาหามีแววไม่…..”

เฟิงหานชวน : “……คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนี้นะ คุณสวยมาก……”

เขารีบอธิบายด้วยความร้อนใจทันที

เป๋าฮวนมุ่ยปาก ถลึงตาใส่เขา จากนั้นก็เดินไปยังทางออกของห้องรับแขก เตรียมจะเปลี่ยนรองเท้า

ในตอนนี้เอง ร่างกายของเธอกลับถูกอุ้มกลางอากาศอย่างฉับพลัน เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เฟิงหานชวนอุ้มเธอขึ้นมา และเดินตรงไปยังทิศทางของโซฟา

จากนั้นเธอก็ถูกวางลงบนโซฟา

“เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร!” เป๋าฮวนรู้ว่าแม่บ้านหลี่กำลังล้างจานอยู่ในครัว เธอจึงกดเสียงให้ต่ำลง และตำหนิผู้ชายตรงหน้า

หลังจากที่ถลึงตาใส่เฟิงหานชวนด้วยความสงสัยแล้ว ก็ดุเขาด้วยความโกรธ เขากำลังจะ “ลงโทษ” เธอในห้องรับแขก

เพราะเขาในเมื่อก่อน เป็นผู้ชายนิสัยแบบนี้! เอะอะก็จะ “ลงโทษ” อย่างเดียว ผู้ชายมักพูดติดปากอยู่บ่อย ๆ !

เธอในตอนนั้น ไม่กล้าขัดขืน ทำได้แค่ปล่อยให้เขารังแก

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว!

เพียงแต่ตอนที่เธอกำลังจะสั่งสอนเฟิงหานชวนต่อนั้น เขากลับคุกเข่าลงตรงหน้าของเธอ ยื่นมือที่เห็นสันนูนของกระดูกออกไปยังขาของเธอ

มือข้างหนึ่งถอดรองเท้าแตะของเธอ ส่วนมืออีกข้างก็ยกข้อเท้าของเธอขึ้น มือที่ถอดรองเท้าแตะของเธอก็ได้หยิบรองเท้ากีฬาขึ้นมา จากนั้นก็สวมใส่รองเท้ากีฬาให้เธออย่างเบามือ

เป๋าฮวนอึ้งงันไป รูม่านตาเบิกกว้างหลายเท่า

เธอไม่ขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ช่วยใส่รองเท้าให้กับเธอ ไม่นานก็ใส่รองเท้าเสร็จ

เธอก้มหน้าลงมองอย่างอึ้งงัน มองไปยังรองเท้าที่ใส่เสร็จแล้วทั้งสองข้าง ด้วยสมองที่แทบจะว่างเปล่า

“รองเท้าก็ใส่เสร็จแล้ว ยังไม่ยืนขึ้นอีก อยากให้ผมอุ้มคุณเหรอ?” ทันใดนั้น ผู้ชายที่กำลังโน้มตัวลงมาก็ได้พูดขึ้นด้วยเสียงที่ทุ่มต่ำแต่แฝงไปด้วยการหยอกล้อเล็กน้อย

เป๋าฮวนได้สติกลับมา จากนั้นก็รีบยืนขึ้นทันที เธอเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้า จ้องมองไปทางเขาโดยไม่กะพริบตา

เธอเห็นมุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่าเรื่องเมื่อสักครู่น่าตลกอย่างไรอย่างนั้น

แต่เธอไม่ได้รู้สึกดี เขาเป็นบุตรสวรรค์ผู้หยิ่งผยอง ไม่ใช่คนใช้ที่จะต้องช่วยใส่รองเท้าให้เธอ

เป๋าฮวนรู้สึกว่าความกดดันในใจเพิ่มขึ้น เฟิงหานชวนดีกับเธอมาก ดีจนเธอต้านทานหัวใจตัวเองไม่ไหวแล้ว

“เฟิงหานชวน คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ คุณไม่ควรทำแบบนี้” น้ำเสียงของเธอร้อนใจมาก และโกรธยิ่งกว่าเดิมด้วย

มุมปากยกยิ้มของเฟิงหานชวนหายไป เขามองไปยังผู้หญิงตรงหน้า ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ : “ฮวนฮวน คุณไม่ชอบแบบนี้ใช่ไหม?”

เขาดีกับเธอมาก เธอต้องชอบมากอย่างแน่นอน เมื่อเธอก็ชอบ ถ้าเปลี่ยนเป็นฮวนฮวนในอดีต ต้องเขินและซาบซึ้งในตัวเขาไปแล้ว

แต่ตอนนี้ เธอกลับโกรธ

“ฉันมีมือ ฉันใส่เองได้ อีกอย่างคุณก็ไม่ใช่คนใช้ของฉันด้วย” เมื่อเป๋าฮวนพูดจบประโยคนี้ ก็หมุนตัวและตรงไปยังทางออกของห้องรับแขกทันที

เฟิงหานชวนถูกสั่งสอนจนหยุดชะงักอยู่ที่เดิมไปชั่วขณะ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไร้เรี่ยวแรง

เป๋าฮวนเดินไปยังประตูใหญ่ แต่เมื่อหันกลับมา ก็พบกว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ตามมา จึงคิดว่าเขาต้องโกรธอย่างแน่นอน

เขาดีกับเธอมากขนาดนั้น แต่เธอไม่ได้ซาบซึ้งใจเลยสักนิด แถมยังสั่งสอนเขาไปอีกหนึ่งฉาก ถ้าเป็นคนทั่วไปย่อมโกรธเป็นธรรมดาอยู่แล้ว!

แต่โกรธก็ดี โกรธแล้วจะได้ไม่ต้องดีกับเธอแบบนี้อีก เป๋าฮวนคิดอยู่เงียบ ๆ

เพราะเฟิงหานชวนดีกับเธอมาก เธอจึงรู้สึกกดดันมาก และหนักใจอยู่ในใจหลายเท่า

เมื่อ 3 ปีก่อน เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนวางยาในคืนนั้น แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นของเขา เธอคงได้ไปหาคุณยายเป็นครั้งสุดท้าย…….

อีกทั้งเขาก็ปกปิดเรื่องในคืนนั้นกับเธอมาตลอด เห็น ๆ อยู่ว่าเขารู้ คนในตระกูลเฟิงก็รู้ แต่เธอเหมือนคนโง่

เธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาร่วมมือกับหลิ่วเยว่เอ่อร์และหลิวหลี่ถงมี ต่อมาก็เธอก็แกล้งฆ่าตัวตาย หนีไปจากเขา ดังนั้นเธอจึงได้พูดว่าเขาหลอกเธอ เธอเองก็หลอกเขา ทั้งสองคนจึงสูญเสียกันทั้งคู่

เป๋าฮวนคิดเรื่องเหล่านี้พลางหันกลับไปด้านหน้า และเดินตรงต่อไป

“ฮวนฮวน”

ในตอนนี้เอง เสียงที่มีแรงดึงดูดของผู้ชายก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

เธอเคยเห็นอาการป่วยของเฟิงหานชวนกำเริบ คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง……

หรือเขาอาจพยายามที่จะควบคุมอย่างดีที่สุดต่อหน้าเธอ หรือเขาอาจอาการจะหนักกว่านี้เมื่ออยู่ที่บ้าน?

เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่น มือของเธอหยุดและปากก็หยุดเช่นกัน แม้ว่าจะมีอาหารอยู่ในปากก็ตาม

เมื่อเห็นสีหน้าผิดปกติและก็หมองคล้ำของเธอ แม่บ้านหลี่ตระหนักว่าเธอพูดมากเกินไปและรีบพูดว่า: “ฮวนฮวน ที่ฉันเพิ่งพูดไปเป็นแค่เรื่องตลกนะ ตอนนี้คุณกับคุณชายสามมีความสัมพันธ์ดีขนาดนี้ เรื่องในอดีตก็ไม่ต้องไปคิดถึง ฉันพูดมากเอง ฉันจะไม่พูดถึงอีก ตอนนี้ฉันจะไปเตรียมของหวานในครัว”

พูดจบ แม่บ้านหลี่ก็หันหลังและรีบออกจากห้องครัวไป

ในห้องอาหารเงียบเชียบมาก

เป๋าฮวนนั่งบนเก้าอี้และจ้องไปที่จานอาหารมากมายที่อยู่ข้างหน้า แต่เขาไม่มีความอยากอาหารเลย

“ทำไมไม่ทานหล่ะ?”

ข้างหู เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้น: "ที่แม่บ้านหลี่พูดทำให้คุณโกรธหรือ?"

“ฉันไม่ได้โกรธ” เป๋าฮวนปฏิเสธทันที

ที่แม่บ้านหลี่พูด เธอจะโกรธได้อย่างไรหล่ะ!

เธอแค่รู้สึกไม่สบายใจ เธอมีความรู้สึกที่อัดอั้นไว้อย่างหนึ่ง

“งั้นก็ทานต่อไป ทานมากๆหน่อย ไม่งั้นผมจะรู้สึกผิด” เฟิงหานชวนนั่งลงข้างเธอ ใช้ตะเกียบคีบกระหล่ำปลีหัวเล็กแล้วใส่ลงในชามของเธอและกระซิบว่า “ทานมังสวิรัติก่อน”

เป๋าฮวนหลับตาลงและมองไปที่ใบกะหล่ำปลีหัวเล็กที่ละเอียดอ่อนในชาม เธอเม้มปากแต่ก็เปิดทาน: "แม่บ้านหลี่คิดว่าเราคืนดีกันแล้ว แต่เปล่าเลย"

เดิมทีเฟิงหานชวนยังคงคีบผัก แต่หยุดค้างในอากาศ

“เฟิงหานชวน เรื่องราวก่อนหน้านี้ พวกเราถือว่าหายกันนะ”

“คุณโกหกฉัน และฉันก็โกหกคุณ เราเท่าเทียมกัน”

“ดังนั้นจริงๆนะ คุณอย่าได้ฝืนตัวเองอีกต่อไปเลย ฉันมีชีวิตอยู่ดี มีชีวิตอยู่ดียิ่งกว่าเดิม”

เสียงของเป๋าฮวนอ่อนมาก อ่อนมากๆ โดยเฉพาะขณะที่เธอพูดคำเหล่านี้จมูกของเธอรู้สึกเหม็นเปรี้ยว

เฟิงหานชวนดึงมือกลับและวางตะเกียบลง ใบหน้าของเขาก็ซีดมาก ไม่ได้แสดงออกอะไรเลย มีเพียงร่องรอยของความเหงาแฝงอยู่

เขารู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฮวนฮวนก็ไม่มีทางไม่ได้เจอคุณยายของเธอเป็นครั้งสุดท้าย……นี่เป็นหนามทิ่มอกของฮวนฮวนตลอดมา

แม้ว่าตอนนี้เขาจะติดเป็นเงาตามตัวเธอ และเธอฝืนเป็นเพื่อนกับเขา แต่เธอไม่เคยตอบตกลงที่จะคืนดีกับเขา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนด้านนั้นกับเธอ เขาก็เต็มใจ

“ฮวนฮวน ผมจะปล่อยวางได้ แม้ว่าคุณจะไม่คืนดีกับผม แม้ว่าเราจะเป็นแค่เพื่อนกันด้านนั้น เพียงแค่ยังได้เจอคุณ” เฟิงหานชวนเอนหลังพิงเก้าอี้ มองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเจือจางและเสียงก็เบามากเช่นกัน

เสียงของคนสองคนนั้นเบามาก และทั้งคู่ก็เผยให้เห็นถึงความเศร้าโศกจางๆ

เบามาก เจือจางมาก

เพียงแค่ได้เจอคุณ……

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินประโยคนี้ รู้สึกปวดใจ

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นบุตรสวรรค์ที่หยิ่งผยอง ทำไมเขาถึงถ่อมตัวได้ขนาดนี้!

“พวกเราไม่สามารถเป็นเพื่อนแบบนั้นกันได้ตลอดไป ยังไงคุณก็ต้องแต่งงาน ต้องมีภรรยา และต้องมีลูกด้วย?” เป๋าฮวนหันศีรษะมองไปที่ด้านข้างใบหน้าที่ไร้ที่ติของชายหนุ่ม น้ำเสียงเริ่มวิตกกังวลขึ้นมา

ถ้าเธอไม่ยอมรับเฟิงหานชวนสักที เป็นไปได้หรือที่เขาจะแก่ชราอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย?

“ถ้าคุณไม่แต่งงานกับผม ผมก็จะไม่แต่งงาน ถ้าคุณไม่ใช่ภรรยาของผม งั้นผมเฟิงหานชวนก็ไม่มีภรรยา ถ้าคุณไม่ให้กำเนิดลูกของผม งั้นผมก็จะไม่มีลูก……"

เฟิงหานยชวนรู้ว่าเขาพูดแบบนี้กับเป๋าฮวน ไร้ยางอายเพียงใด แต่นี่เป็นความคิดที่แท้จริงในใจเขา และเขาไม่ได้โกหกหรือปกปิดเลยสักนิด

ในใจของเขา ก็เป็นตามนี้

เป๋าฮวนงงงวยชั่วขณะ แม้แต่มือเล็กขาวก็เริ่มสั่น หัวใจดูเหมือนจะหยุดเต้น และคนทั้งคนก็ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

คำพูดเหล่านี้น่าตกใจมากจนเธอไร้สติครู่หนึ่ง

ขณะที่แม่บ้านหลี่ยกของหวานออกมา ก็เห็นคนทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่ไม่มีใครพูดเลย ไม่มีใครทานอาหารเลย และนั่งนิ่งไม่ขยับเลย ราวกับว่าพวกเขาเป็นรูปปั้นเสมือนจริงสองชิ้น

“พวกคุณเป็นอะไรไป?” แม่บ้านหลี่รู้สึกว่าบรรยากาศไม่ปกติ เธอก้าวไปข้างหน้าแล้ววางขนมบนโต๊ะ ยิ้มเละปรับบรรยากาศ พูดกับเป๋าฮวนก่อนว่า: “ฮวนฮวน ฉันทำโยเกิร์ตมะม่วงสาคู หลังจากทานข้าวเสร็จเธอก็ทานนี่นะ ช่วยย่อยอาหารได้"

“ค่ะ แม่บ้านหลี่” เป๋าฮวนกลับมารู้สึกตัวแล้วพยักหน้าเบาๆ

เฟิงหานชวนไม่พูดอะไรสักคำ แม่บ้านหลี่เป็นห่วงมากเลยถามขึ้นเองว่า:”คุณชายสาม คุณก็ไม่ได้ทานอะไรทั้งวัน ตอนบ่ายก็ยุ่งกับการทำอาหาร บอกว่าจะทำอาหารให้ฮวนฮวนด้วยตัวเอง คุณควรรีบทานสองสามคำ อย่าทำให้ร่างกายต้องอด "

แม่บ้านหลี่ถือได้ว่าเป็นคนที่เห็นเฟิงหานชวนเติบโต ตอนเฟิงหานชวนเพิ่งมาที่บ้านตระกูลเฟิง เขาอายุเพียง 10ขวบ ยังเป็นเด็กอยู่เลย

ในเวลานั้นแม่บ้านหลี่เรียกเขาว่า "นายน้อยสาม" หลังจากมีนายน้อยเฟิงเฉินเหยี่ยน เฟิงหานชวนก็อาวุโสขึ้นและก็กลายเป็น "คุณชายสาม"

“อืม ขอบคุณแม่บ้านหลี่” เฟิงหานชวนเคารพแม่บ้านหลี่เสมอมา เขาพยักหน้าและหยิบตะเกียบขึ้นใหม่

เฟิงหานชวนกับเป๋าฮวนสองคน เริ่มทานอาหารอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ

เดิมทีเป๋าฮวนมีความอยากอาหารมาก แต่ตอนนี้รู้สึกอึดอัดใจ ไม่มีความอยากอาหารอีกจริงๆ ทำได้เพียงแค่บังคับตัวเองทานให้มากขึ้นหรืออย่างน้อยก็ทานให้อิ่มเพื่อชดเชยที่ท้องว่างมาทั้งวัน

อาหารมื้อหนึ่ง ใช้เวลาทานเกือบครึ่งชั่วโมง

เธอเม้มปาก มองดูจานกับข้าวหลายอย่างแล้วถามว่า "กับข้าวอันไหนบ้างที่คุณเป็นคนทำ?"

"ผัดไก่ ไข่คนมะเขือเทศ กะหล่ำปลีอ่อนกระเทียม" เฟิงหานชวนเปิดปากบางของเขาแล้วตอบเบาๆ : "หมูตุ๋นและมะเขือเทศราดปลาแม่บ้านหลี่เป็นคนทำ คุณชอบรสชาติของเธอ ผมเลยไม่ได้ทำ….."

“คราวหน้าฉันอยากลองชิมดู” เป๋าฮวนโพล่งออกมา ตัวเธอเองชะงักอยู่ครู่หนึ่ง

เฟิงหานชวนก็เช่นเดียวกัน เขาตกใจ น้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่อยากเชื่อแล้วถามยืนยันว่า: "ฮวนฮวน คุณหมายถึงคราวหน้าคุณอยากทานหมูตุ๋นและมะเขือเทศที่ผมทำ?"

“อืม” เป๋าฮวนไม่ปฏิเสธ เมื่อครู่เธอหมายถึงแบบนี้จริงๆ

“’งั้นพรุ่งนี้ผมจะทำให้คุณ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนปนกับความตื่นเต้นและดีใจซึ่งถูกระงับไว้

“ไม่เอา”คราวนี้เป๋าฮวนปฏิเสธ

ทันใดนั้น สีหน้าที่ผ่อนคลายในตอนแรกของชายหนุ่มก็หายไปกลายเป็นผิดหวัง เขาขมวดคิ้วและถามว่า “ฮวนฮวน คุณจะไปจริงๆ หรือ? ผมสัญญาว่าฉันจะไม่ปฏิบัติต่อคุณ……พักที่โรงแรมคงไม่สะดวกสบายเหมือนที่นี่อย่างแน่นอน……ที่นี่มีแม่บ้านหลี่อยู่ ที่นี่มีต้นไม้เขียวขจี อากาศก็ดี กว้างขวางและเป็นธรรมชาติมากกว่าที่โรงแรม ดังนั้น……"

พูดถึงตอนท้าย ดูเหมือนเขามีท่าทีที่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี

“ฉันไม่ไป” เป๋าฮวนเม้มปากแล้วพูดว่า “ฉันแค่ไม่อยากทานหมูตุ๋นกับมะเขือแล้วในวันพรุ่งนี้ ฉันอยากทานกับข้าวอย่างอื่นบ้าง”

ในเวลานี้ เฟิงหานชวนตกตะลึงอีกครั้ง

จากนั้นเขายิ้มที่มุมปากทันที และเขาก็หัวเราะในลำคอ “ฮวนฮวน คุณอยากทานอะไร ผมจะทำให้คุณทานเอง”

“ฮวนฮวน อยู่นี่เถอะ ให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมสัญญาว่าผมจะเชื่อฟังคุณ…”

เฟิงหานชวนกอดเธอแน่น น้ำเสียงของเขาเกือบจะอ่อนโยนจนสุดขั้ว

เมื่อเห็นอาการจริงใจยอมรับความผิดของเขา เป๋าฮวนก็รู้สึกใจอ่อน!

อย่างไรก็ตาม สองสามวันนี้เธอก็ไม่มีอะไรทำ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่โรงแรมหรือที่นี่ก็ไม่ต่างกัน แล้วอยู่ที่นี่ยังได้ทานกับข้าวฝีมือแม่บ้านหลี่และสะดวกกว่า

ดังนั้น หัวเล็กๆ ของเธอจึงพยักหน้าและตอบตกลง: “ก็ได้ ฉันจะอยู่”

“แต่เฟิงหานชวนถ้าคุณกล้าเล่นตลกกับฉัชาตินี้ฉันจะไม่สนใจคุณอีก! ฉันไม่สนว่าอาการป่วยคุณจะกำเริบหรือเปล่า ฉันไม่สนใจว่าคุณจะแข็งแรงหรือไม่ ฉันไม่สนว่าสามคูณเจ็ดได้ยี่สิบแปด ห้าคูณเจ็ดจะได้สามสิบห้า ฉันจะไม่มองคุณเลยสักนิด……”

เป๋าฮวนตะโกนไม่รู้จบ ที่สำคัญความโกรธเคืองเล็กๆ ในใจเธอยังไม่หายไป เธอไม่กล้าเคลื่อนไหวไปเรื่อยจริงๆ ทุกการเคลื่อนไหวจะทำให้เจ็บปวดทุกรูปแบบ

“อืม ผมเข้าใจ ผมจะไม่ทำอะไร” เฟิงหานชวนรับปากอยู่แล้ว

เขาไม่ทำอะไรไปเรื่อยในช่วงสองสามวันนี้แน่นอน เว้นแต่ จะหาโอกาสได้อีกครั้ง…

“ฉันหิวแล้ว” เป๋าฮวนรู้สึกว่าท้องของเขาแห้งมากจนคนทั้งคนแทบจะพังทลาย

“ผมจะพาคุณลงไปทานข้าว” เฟิงหานชวนปล่อยเธอและลูบแก้มของเธอ

เป๋าฮวนพยักหน้า ใช้ขาทั้งสองข้างของเธอ จากนั้นจึงเหยียบเท้าทั้งสองข้างที่พื้น กะจะลุกขึ้นแล้วขาทั้งสองก็อ่อนแรง และล้มลงบนที่นอนอ่อนนุ่มโดยตรง

เมื่อเห็นเข้า เฟิงหานชวนไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่ได้รับความยินยอมจากเป๋าฮวน เขาก็อุ้มเธอขึ้นมาและเดินไปที่ประตูห้อง

“เฟิงหานชวน เฟิงหานชวน คุณปล่อยฉันลงมา ฉันเดินไปเองได้” เป๋าฮวนคิดถึงว่าแม่บ้านหลี่อยู่ชั้นล่าง เธอไม่ต้องการให้แม่บ้านหลี่เห็นเธอลงไปกินข้าวที่ชั้นล่างยังต้องให้เฟิงหานชวนอุ้มเธอไป

เดิมทีก็น่าอายอยู่แล้ว ถ้าลงไปข้างล่างแบบนี้ยิ่งน่าอายขึ้นไปอีก

เธอยังมีหน้าอีกหรือเปล่า?

“คุณแน่ใจหรือว่าเดินได้” เฟิงหานชวนไม่กล้าบังคับอุ้มเธอลงไปชั้นล่าง หยุดที่บนสุดของบันไดชั้นสาม

“ฉันเดินได้ ฉันไม่ได้พิการ ทำไมฉันจะเดินเองไม่ได้?” เป๋าฮวนจ้องมองเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่หุนหันพลันแล่น

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูไม่ดี และความกังวลก็ปรากฏขึ้นในดวงตา แต่เขาไม่กล้าเถียงเป๋าฮวน เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอรำคาญ ดังนั้นจึงเชื่อฟังเธอและวางเธอลง

เท้าของโบฮวนแตะพื้นอีกครั้ง ฝ่าเท้าของเธอเย็น พบว่าตัวเองไม่ได้สวมรองเท้าเลยสูดอากาศเย็นเข้าไป

“หนาวมาก……”

หลังจากที่เฟิงหานชวนช่วยเธอสวมรองเท้า เธอกัดฟันและจับราวบันได และเดินไปที่ด้านล่างบันไดด้วยความยากลำบาก

หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว……จู่ๆเป๋าฮวนก็นึกถึงเทพนิยายเรื่อง《ธิดาแห่งท้องทะเล》ของแอนเดอร์สัน

เงือกน้อยได้ทำข้อตกลงกับแม่มดเพื่อที่จะได้พบกับเจ้าชาย หางปลากลายเป็นสองขา และในที่สุดก็เดินขึ้นฝั่งและพบกับเจ้าชาย

ทว่า แม้ว่าเธอจะเดินได้ แต่ทุกย่างก้าวของเธอก็เหมือนเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ฝ่าเท้าและเธอรู้สึกเจ็บปวดเหลือคณา

เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้ สามารถสัมผัสความเจ็บปวดแบบนั้นของนางเงือกน้อยได้ แต่เป็นการสัมผัสได้ทางร่างกายเท่านั้น

สุดท้ายแล้ว เธอกลายเป็นแบบนี้ในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะเธอต้องการพบเจ้าชาย

การลงบันไดยากลำบากมากสำหรับเป๋าฮวน เหงื่อก็ไหลออกมาจากหน้าผาก และหลังของเธองอในขณะนี้ ราวกับหญิงชราที่ง่อนแง่น

“ถ้าฉันแก่แล้วก็จะกลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้ฉันเดินเหมือนหญิงชราคนหนึ่ง……” เป๋าฮวนพึมพำกับตัวเอง

เฟิงหานชวนเดินตามหลังเธอไปแบบนี้ เมื่อได้ยินที่เธอพูด เขาก็ยิ้มอย่างแผ่วเบา: "แม้ว่าจะกลายเป็นหญิงชรา ผมก็รักคุณ ถ้าผมยังมีกำลัง ผมสามารถอุ้มคุณ แบกคุณ แค่คุณยินยอม"

เป๋าฮวนหยุดก้าวทันที ร่างทั้งร่างชะงักงัน : "???"

นี่มันอะไรกันเกิดความรักขึ้นกะทันหัน?

เธอแค่บ่นว่าตอนนี้เธอเหมือนหญิงชรา แต่เฟิงหานชวนคิดไปถึงวันเวลาที่อยู่กันจนแก่ฒ่าร่วมกับเธอ?

เมื่อครู่เขายังบอกว่า รอเธอกลายเป็นหญิงชรา เขาสามารถอุ้มเธอ สามารถแบกเธอ……

ในเวลานี้ ขาของเป๋าฮวนไม่ได้แค่ปวดเมื่อย แต่ราวกับว่าถูกกรอกเต็มไปด้วยตะกั่ว รู้สึกหนักอึ้งและไม่สามารถที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อได้

ในใจเธอก็หนักอึ้งเช่นกัน……

“ฮวนฮวน เดินไม่ไหวแล้วเหรอ?” เฟิงหานชวนที่อยู่ข้างหลังเธอเห็นว่าเธอไม่เดินต่อสักทีเขาจึงถามอย่างเร็ว น้ำเสียงเขาปนไปด้วยความห่วงกังวล

เขาอยากจะกอดเธอ เขาไม่สามารถมองเธอทุกข์ทรมานได้ โดยเฉพาะความเจ็บปวดนี้ที่เขาเป็นคนมอบให้

วันนี้เขาไม่ควรเห็นแก่ตัว ไม่ควรเพียงเพื่อให้เธอท้องกับเขา แล้วไม่สนใจความรู้สึกเธอและเรียกร้องจากเธอ

เขาเป็นคนทำผิด

เฟิงหานชวนหลับตาสีดำเข้มคู่นั้นลง "ฮวนฮวน ผมขอโทษ"

“ทำไมจู่ๆคุณถึงขอโทษฉันหล่ะ?” เป๋าฮวนหันมองเฟิงหานชวนด้วยใบหน้าที่สับสน

“ถ้าไม่ใช่เพราะผม คุณก็คงไม่……”

“หยุด!” เป๋าฮวนหยุดคำขอโทษของเขาทันที

ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่บนบันไดที่ชั้น2 ถ้าตอนนี้เฟิงหานชวนพูดคำพูดที่ไม่สะดวกบนบันได แล้วแม่บ้านหลี่เกิดมาได้ยินเข้า มันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เมื่อเห็นน้ำเสียงดุของเป๋าฮวนและจ้องเขาครั้งหนึ่ง เฟิงหานชวนรู้สึกเศร้าใจ "ฮวนฮวน คุณยังโกรธอยู่ใช่ไหม?"

“เปล่า ฉันไม่ได้โกรธ” เป๋าฮวนรีบปฏิเสธ เหตุผลที่ปฏิเสธก็เป็นเพราะไม่อยากให้เฟิงหานชวนพูดถึงเรื่องนี้อีก

“คุณไม่ได้โกรธ?” นัยน์ตาสีดำอ่อนของเฟิงหานชวนดูเหมือนจะถูกจุดด้วยไฟแห่งความหวัง

“คุณมานี่! ช่วยพยุงฉันลงไปหน่อย!” เป๋าฮวนสั่นแล้วยื่นมือขึ้น ราวเหมือนกับท่าทางของไทเฮาในละครสมัยโบราณ

เฟิงหานชวนยิ้มอย่างฉับพลัน หัวเราะเบาๆ และรีบเข้าไปจับมือเธอทันที

เป๋าฮวนรู้สึกว่าชายหนุ่มจับมือเธอแน่น แบบที่จิกนิ้วแน่น เดิมทีเธอแค่อยากจะวางไว้บนหลังมือของเขา

ช่างมันเถอะ จับมือก็จับมือเถอะ มืออีกข้างของเธอยังคงจับราวบันไดไว้ แล้วเดินลงช้าๆ

เดิมทีใช้เวลาในการเดินเพียงสิบกว่าวินาทีอย่างมากก็หนึ่งนาที เป๋าฮวนใช้เวลาสิบนาทีเต็มๆ แต่เฟิงหานชวนอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา ไม่มีร่องรอยของความรำคาญใจแม้แต่น้อย

เมื่อเดินไปถึงที่โต๊ะอาหาร เฟิงหานชวนรีบดึงที่นั่งให้เธอ มีจานอาหารหลายจานวางอยู่บนโต๊ะแล้ว ทั้งหมดมีฝาปิดซึ่งเธอไม่สามารถมองไม่เห็นได้โดยตรง

เฟิงหานชวนตะโกนไปทางห้องครัว “แม่บ้านหลี่ เริ่มทานอาหารกันเถอะ”

ขณะที่พูด นิ้วมือของเขายื่นออกไปเปิดฝาเพื่อแสดงอาหารแต่ละอย่างในจาน

เป๋าฮวนมองไปที่จานอาหารร้อนๆด้านหน้า น้ำลายก็หลั่งออกมาอย่างไม่รู้จบทันที

ไม่สนใจบุคลิกภาพใดๆ เธอใช้ตะเกียบคีบหมูตุ๋นขึ้นมาหนึ่งชิ้น และเคี้ยวอย่างไม่คิดชีวิต……

“ช้าหน่อย ไม่มีใครแย่งกับคุณ” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ เขากลัวว่าเธอจะสำลักจริงๆ

“ทั้งหมดนี้เกิดจากคุณ เฟิงหานชวน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณฉันจะหิวมากขนาดนี้ไหม!” เป๋าฮวนเคี้ยวหมูตุ๋นในขณะที่ว่ากล่าวชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ

ในขณะนั้น แม่บ้านหลี่เดินยิ้มออกไปพร้อมกับชามซุป "ฮวนฮวน ทานเยอะๆหน่อย นี่คือซุปแม่ไก่แก่ที่ฉันตุ๋นไว้ตลอดช่วงบ่าย จะได้บำรุงร่างกาย"

บำรุงร่างกาย……

เมื่อได้ยินสี่คำนี้ เป๋าฮวนก็กลายเป็นหินทันที และปากก็หยุดเคี้ยว

“ฮวนฮวน ฉันดีใจมากที่ได้เห็นคุณกับคุณชายสามคืนดีกัน สามปีที่ผ่านมานี้ ฉันคิดว่าคุณไม่อยู่แล้ว เห็นคุณชายสามใช้ชีวิตแบบคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง ฉันเศร้าใจมากจริงๆ ……” แม่บ้านหลี่วางซุปบนโต๊ะแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

เดิมทีเฉินฮวนฮวนต้องการปฏิเสธว่าเธอไม่ได้คืนดีกับเฟิงหานชวน แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่แม่บ้านหลี่พูดตามมา เธอก็ไร้คำพูดทันที

ตอนนี้เป๋าฮวนเต็มใจเอง ไม่ใช่เพราะอยากได้ยีนของเฟิงหานชวน หรือเพื่อสิ่งอื่นใด แต่หวังจะช่วยเฟิงหานชวน

มีแสงวาบที่ไม่น่าเชื่อในดวงตาของเฟิงหานชวน เขาไม่คิดว่าเป๋าฮวนจะเป็นเช่นนี้…ปกติเธอจะปฏิเสธเขา

“ฮวนฮวน คุณ…” เขาต้องการยืนยันอีกครั้ง เขาไม่กล้าแสดงท่าทีเลินเล่อ

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาจ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา เขาเห็นใบหน้าที่เล็กกระทัดรัดของเป๋าฮวน น่ารัก แถมเย้ายวน

เหมือนผลแอปเปิลที่สุกบนต้นไม้ รอคนมาเก็บ

“คุณอะไรคุณอยู่ได้ เร็วเข้า! เดี๋ยวจะไม่สบาย…” เป๋าฮวนเอื้อมมือดึงเสื้อของเฟิงหานชวน

ร่างกายของเฟิงหานชวนแข็งทื่อ มีเปลวเพลิงมากมายออกมาจากดวงตาของเขา เขาคว้าเอวเป๋าฮวน เข้าใกล้ราวกับจะสิงร่างของเธอ

เป๋าฮวนรู้สึกเสียใจ

เมื่อเธอตื่นขึ้นอีกครั้ง พระอาทิตย์ก็กำลังจะตกแล้ว

เธอหยิบโทรศัพท์ข้างเตียง เหลือบมองดูเวลา เป็นเวลา5โมงเย็น เธอทรุดตัวลงทันที

เดิมทีตั้งใจว่าแค่จะช่วยเฟิงหานชวน ใครจะรู้ผู้ชายคนนี้… เป๋าฮวนรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว

ทีนี้ เธอต้องอายมากแน่ๆ!

เพราะแม่บ้านหลี่อยู่ในคฤหาสน์ เธอถูกอุ้มขึ้นมาตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ยังไม่ลงไป แม่บ้านหลี่ก็คงรู้แล้วว่าพวกเขาขึ้นไปทำอะไรกัน

ตอนนี้เธอไม่ใช่ภรรยาของเฟิงหานชวน แม่บ้านหลี่จะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายไหมนะ?

เป๋าฮวนอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา ปวดเมื่อยไปทั้งร่างกาย รู้สึกเริ่มหิว หิวมาก เพราะทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลย ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน

ทันใดนั้น มีการเคลื่อนไหวที่ประตูห้องนอน

จิตใจของเป๋าฮวนกระชับขึ้นทันที ดวงตาของเธอมองไปยังประตูโดยไม่กระพริบตา เสียงดัง "คลิก" ประตูก็เปิดออก

ขณะที่ผู้ชายเดินเข้ามา วัตถุสีขาวก็บินไปตรงหน้าเขา กระแทกศีรษะของเขา เขาเซไปมา แล้วล้มลงกับพื้น

เขามองลงไป มันคือหมอน

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เห็นผู้หญิงนั่งอยู่บนเตียงด้วยดวงตาที่เปียกชื้นสองข้างจ้องมอง กัดฟันจ้องอย่างดุเดือน

“ขอโทษ” เขาปิดประตู เดินเข้ามาหาเธอ ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วขอโทษเธอ

ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง เธอโกรธ โกรธมาก

แม้ว่าเธอจะเป็นคนยินยอมเอง แต่ความใจร้อนของเฟิงหานชวน ทำให้สภาพเป็นเหมือนตอนนี้

อยู่ในห้องทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แม่บ้านหลี่จะคิดยังไง?

เฟิงหานชวนนั่งลงข้างเป๋าฮวน เขาเอื้อมมือไปจับเป๋าฮวน แต่เป๋าฮวนสะบัดออก

“อย่าแตะต้องตัวฉัน ฉันจะไปอาบน้ำแล้วกลับโรงแรม” เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา

แค่ไม่อยู่ใกล้เขา อารมณ์ของเธอก็จะดีขึ้น เพราะไม่ถูกเฟิงหานชวนก่อกวน และเหตุการณ์อย่างเมื่อเช้าก็จะไม่เกิดขึ้น

“ฮวนฮวน ผมทำข้าวต้มทะเลไว้ให้คุณ ของโปรดของคุณ แม่บ้านหลี่ยังทำหมูตุ๋นและมะเขือยาวรสปลาอีกด้วย ของโปรดของคุณทั้งนั้นเลย” เฟิงหานชวนนั่งข้างเตียงของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ดวงตาที่มักจะเต็มไปด้วยความเย็นชา แต่ในตอนนี้กลับดูอ่อนโยน

ราวกับเป็นคนละคน

เป๋าฮวนเงียบไปครู่หนึ่ง

ข้าวต้มทะเล หมูตุ๋น มะเขือยาวรสปลา… เธอหิวมาก น้ำลายแทบไหลออกจากปาก

“ฮวนฮวน แม่บ้านหลี่ทำขนมพิเศษไว้ด้วย สาคูโยเกิร์ตมะม่วง บอกว่ากลัวคุณจะเลี่ยน จึงทำให้คุณกินหลังอาหาร” เฟิงหานชวนพูดอย่างยั่วยวน

ปกติเป๋าฮวนเป็นคนที่ไม่เจริญอาหาร แต่ตอนนี้เธอหิวจนกินม้าทั้งตัวได้ อยากจะกินข้าวสัก10ถ้วย

“ฉันกิน!” เป๋าฮวนพูดโดยไม่ลังเล

สีหน้าของเฟิงหานชวนผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ในวินาทีต่อมา ใบหน้าของเขาก็นิ่งอีกครั้ง

“กินเสร็จแล้วฉันค่อยกลับโรงแรม” เป๋าฮวนกล่าวเสริม

คำพูดเหล่านี้ทำให้ความสุขในตอนแรกของเฟิงหานชวนหายไปทันที เขารู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย ดวงตาที่หงอยของเขาก็ลึกขึ้นเรื่อยๆ

ทันทีที่เป๋าฮวนหันศีรษะ เธอก็เห็นท่าทางบูดบึ้งของเฟิงหานชวน ใจเธอเต้น “ตุบๆ” ท่าทางแบบนี้ ราวกับว่าโรคกำลังจะกำเริบ?

อันที่จริง เธอรู้สึกว่านอนที่นี่สบายมาก อย่างน้อยก็สบายกว่านอนในโรงแรม

ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ไม่รู้ว่าเพราะเตียงทำให้เธอรู้สึกสบายตัว หรือผู้ชายที่โอบกอด ทำให้เธอรู้สึกสบาย?

เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน

ในความเป็นจริง ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เฟิงหานชวนทำเกินไป เธอก็ไม่อยากไป

“ฮวนฮวน ผมไม่อนุญาตให้คุณไป” เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้น

ฟังดูเหมือนคำสั่ง แต่จริงๆแล้วเป็นคำขอ

“เท้าก็เท้าของฉัน คุณจะทำอะไรได้?” เป๋าฮวนแซะเขากลับ

“ฮวนฮวน ผมรู้ว่าคุณกำลังโกรธผม แต่คุณยั่วผมก่อน” เสียงของเฟิงหานชวนมั่นใจ ราวกับว่าเขารู้ว่าเขาทำอะไรลงไป แต่คิดว่าเขาไม่ผิด

ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง: "???"

“ฉันยั่วคุณ?” เธอชี้ไปที่จมูกของเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน

อะไรคือเธอยั่วเขา?

เธอต้องการช่วยเขา กลัวว่าการอั้นไว้จะส่งผลต่อสุขภาพของเขา เขาเย่อหยิ่งมาก ใส่ร้ายว่าเธอยั่วได้ยังไง?

เป๋าฮวนโมโหจนจะระเบิดแล้ว!

เฟิงหานชวนมองไปที่ผู้หญิงตัวเล็กข้างหน้าเขา เขาลุกขึ้น และดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขา

เฟิงหานชวนยืนอยู่ เป๋าฮวนกำลังนั่ง ดังนั้นตอนที่เขาดึงเธอ ใบหน้าของเธอก็แนบอยู่บนกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขา

“ปล่อยฉันนะ” เป๋าฮวนกัดฟันด้วยความโกรธ ใช้ศีรษะทุบหน้าท้องของเขา

“ฮวนฮวน ผมสัญญาว่าคืนนี้ผมจะไม่แตะต้องคุณ สองสามวันนี้จะไม่แตะต้องคุณเลย เว้นแต่คุณจะริเริ่มเต็มใจเอง กี่ครั้งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ โอเคไหม?” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง มองไปที่ศีรษะของหญิงสาว เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอน

เป๋าฮวนตะลึงอีกครั้ง: “…”

กำลังพูดเรื่องอะไร?

ระคายหู!

หูชา!

ดวงตาของเฟิงหานชวนบึ้งมาก สายตามืดมน ดวงตาของเขายกขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง

เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่วันแบบนี้เป็นโอกาสที่หายาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…ทั้งสองได้ป้องกันตลอด

สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความบ้าคลั่งของทั้งสองในวันนี้ อาจจะทำให้มีทายาทได้

ถ้าถึงเวลาเป๋าฮวนอ้อนวอนเขา เขาจะไม่ปล่อยเธอ

สองคืนก่อนพวกเขาก็ป้องกัน ถ้าครั้งนี้สำเร็จ เป๋าฮวน…อาจจะท้องลูกของเขาได้

เขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ใจดี ถ้าเธอมีลูก เธอไม่ไปจากเขาแน่ เขาก็จะได้แต่งงานกับเธออีกครั้ง

เพราะยังไง ก็ต้องให้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับลูก!

ในกรณีแบบนี้ถึงเป๋าฮวนจะไม่อยากยอมรับก็คงจะไม่ได้

แก้มของเธอแดงราวกับถูกต้มให้เดือด เธอวางคางบนไหล่ของร่างสูงแล้วกระซิบว่า: "ใช่"

ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอและเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของเธอเอง!

ถ้าเธอไม่พูดล้อเล่นก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้

เฟิงหานชวนแอบยิ้มอย่างลับๆ และแสงแห่งความสุขก็ส่องประกายผ่านดวงตาของเขา เขาอุ้มเป๋าฮวนและเดินออกจากห้องครัวมา

เขาเดินไปเพียงไม่ถึงสองก้าว เป๋าฮวนก็รีบคว้าแขนของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า: "เดี๋ยวก่อน คุณวางฉันลงก่อน อย่าอุ้มฉันเลย"

"แน่ใจเหรอว่าอยากให้ปล่อย?"เฟิงหานชวนลดเสียงลงและถามกลับ

เป๋าฮวนอึ้งไปและรับรู้ได้ถึงถึงสถานการณ์ในปัจจุบันทันที ดูเหมือนว่าเธอต้องให้เฟิงหานชวนอุ้ม เพื่อช่วยเฟิงหานชวนปกปิดความอับอายของเขาในตอนนี้

มิฉะนั้นหากเฟิงหานชวนพบแม่บ้านหลี่ระหว่างทางขึ้นไปชั้นบน มันจะต้องทำให้เฟิงหานชวนอับอายแน่ๆ

"งั้นก็ได้ อุ้มฉันขึ้นไปข้างบนเถอะ"เป๋าฮวนทำได้เพียงแค่เห็นด้วยและไม่กล้าขัดขืน สองมือของเธอจับรอบคอของเฟิงหานชวนแน่นและไม่ขยับเขยื้อนเลย

เส้นเลือดสีเขียวปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขาในตอนนี้ ความรู้สึกของความอดทนในตอนนี้ทำให้เขาแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เขาอุ้มเป๋าฮวนและรีบออกไปจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว

ต่อมา เขาเพียงแค่ก้าวออกจากห้องครัวเพียงแค่ไม่กี่ก้าว จากนั้นเขาก็หยุดเดิน

เฟิงหานชวนหันหน้าไปทางบันได แต่วิธีการจับของเป๋าฮวนนั้นทำให้เธอยังห้อยต่องแต่งอยู่บนตัวเขา ดังนั้นสายตาของเขาจึงมองไปทางตรงกันข้าม

"ทำไมคุณไม่เดินต่อ?"เป๋าฮวนถามด้วยความสงสัยแล้วหันกลับไป

วินาทีต่อมาเป๋าฮวนก็ชะงักไป

แม่บ้านหลี่ยืนอยู่ที่ชั้นบนสุดของบันได มองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มและกล่าวทักทาย: "คุณชายสาม ฮวนฮวน อรุณสวัสดิ์ค่ะ!"

เป๋าฮวนอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา สีหน้าของเธอดูรีแลกซ์ขึ้น ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง "ฉ่า"

"แม่บ้านหลี่ สเต๊กที่ทอดเมื่อกี้ไหม้แล้วและฮวนฮวนก็กลัว ผมจะพาเธอขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัว รบกวนคุณช่วยทำความสะอาดห้องครัวหน่อย"เฟิงหานชวนแสร้งทำเป็นนิ่ง หลังจากพูดจบเขาก็รีบขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับเป๋าฮวนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา

ตอนที่ขึ้นไปชั้นบน เป๋าฮวนหันศีรษะกลับมาและสบตากับแม่บ้านหลี่ เธอเม้มริมฝีปากและโบกมือให้แม่บ้านหลี่ในท่าทางที่เขินมากๆและพูดว่า: "แม่บ้านหลี่ รบกวนคุณด้วยนะคะ ฉันขึ้นไปข้างบนก่อน"

"ไม่มีปัญหาๆ มันเป็นหน้าที่"แม่บ้านหลี่ยิ้ม จากนั้นเธอก็หันหลังกลับและจากไปโดยไม่ได้ถามอะไรมาก

เฟิงหานชวนอุ้มเป๋าฮวนไปจนถึงห้องนอนบนชั้นสาม เฟิงหานชวนเตะประตูห้องนอนจากนั้นก็เดินไปที่เตียงใหญ่และวางเป๋าฮวนลง

เป๋าฮวนรีบลุกขึ้นและยืนบนพื้นอย่างเร็ว เธอเกาหัวของเธออย่างบ้าคลั่ง

"อ๊าก!" แม่บ้านหลี่ต้องเห็นแน่ๆเลย! ทำยังไงดี! มันน่าอายมาก! ฉันไม่อยากอยู่แล้ว! "เป๋าฮวนเหมือนคนเป็นบ้า เธอใช้เท้าของเธอกระทืบกับพื้น

เฟิงหานชวนมองดูเธอ เธอดูเหมือนเธออยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา และมันก็ดูน่ารักมาก

"ไม่เป็นไรหรอก แม่บ้านหลี่มาที่นี่ และถ้าเธอรู้ว่าเราต้องการจะทำอะไร เธอก็คงไม่คิดว่ามันแปลกหรอก ใช่ไหม?"เฟิงหานชวนปลอบเธอ เสียงของเขายังคงแหบแห้ง

"แต่มันน่าอายจริงๆ! เฟิงหานชวน มันเป็นความผิดของคุณ ความผิดของคุณ! "เป๋าฮวนกังวลใจจริงๆ คนตัวเล็กๆของเขาเดินวนไปวนไปอยู่ตรงหน้าของเขา

"ฮวนฮวน ไม่เห็นจะต้องอายเลยจริงๆ แม่บ้านหลี่เธอไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก"เฟิงหานชวนคว้าแขนของเป๋าฮวนและดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา

เป๋าฮวนส่ายหัวทันทีและพูดว่า: "ฉันเคยเป็นภรรยาของคุณ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วไง เมื่อเธอเห็นเราแบบนี้แม่บ้านหลี่คงต้องคิดว่าฉันทำตัวแย่แน่ๆเลย"

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วไง…

ประโยคนี้ทำให้หัวใจของเฟิงหานชวนเจ็บปวด

เขารู้สึกเจ็บปวดในทันที ไฟทั้งหมดถูกน้ำเย็นดับลงตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งร่างกายรู้สึกชาไปหมด

มันคือความหมดหวัง

ถ้าแม่บ้านหลี่ไม่มา เขาและเป๋าฮวนอาจทำเรื่องนั้นต่อในห้องครัวไปแล้ว แต่แม้ว่าเป๋าฮวนตกลงที่จะยอมรับเขา ก็คงเป็นเป็นได้แค่ความสัมพันธ์แบบ "เพื่อน" เท่านั้น

เธอตกลงกับเขาไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์แบบสามีภรรยากัน

เป็นแค่ "เพื่อน!”

"ฮวนฮวน…"เสียงที่ดูเหมือนจะหายใจไม่ออกบวกกับดวงตาที่เป็นสีแดงของเฟิงหานชวน

เป๋าฮวนสังเกตว่าเสียงของเฟิงหานชวนนั้นผิดปกติไป ดังนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าดวงตาของเขาเป็นสีแดง และเธอก็ตกใจทันที

เธอก้มหน้าลง หน้าของเธอแดงระเรื่อและรีบถามไปว่า: "เฟิงหานชวน หรือว่าคุณ…คุณทนไม่ไหวเหรอ? คุณเหมือนจะร้องไห้แล้ว…"

เธอคิดว่ามันเป็นเพราะความอดทนที่ทำให้ดวงตาของเฟิงหานชวนกลายเป็นสีแดงแบบนั้น

ว่ากันว่าถ้าผู้ชายบรรเทาตัวเองไม่ทันจะส่งผลเสียต่อร่างกาย แล้วตอนนี้…ตอนนี้จะทำยังไงดี?

เดิมทีเธอไม่ได้อยากจะเห็นด้วย และตอนที่อยู่ในห้องครัวเธอเองก็ถูกเขาบังคับ เธอยอมขึ้นมาข้างบนเป็นเพราะเธอต้องการหลีกเลี่ยงจากสายตาของแม่บ้านหลี่ให้เร็วที่สุดด้วย และไม่ต้องการให้แม่บ้านหลี่จับได้

แต่ตอนนี้…..

เป๋าฮวนรู้สึกสับสนในทันที เธอต้องทำอะไรสักอย่างกับเฟิงหานชวนใช่ไหม?

"ฮวนฮวน ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ดี"มันเป็นเพียงความทุกข์อย่างฉับพลันในจิตใจของเขา

เมื่อเขาได้ยินฮวนฮวนของเขาปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยากับเขา ความรู้สึกไม่สบายใจก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย

เมื่อนึกถึงความเข้าใจผิดที่พวกเขามีก่อนแต่งงาน ตอนนั้นเขาเองก็ใจร้ายกับเธอมาก และตอนนั้นเธอเองก็มีแต่ความสิ้นหวัง หลังจากนั้นเขาจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อชดเชยให้กับเธอ

เพียงแต่ความเข้าใจผิดมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายทั้งสองคนก็ถูกแยกจากกันเป็นเวลาสามปี แต่ตอนนี้พวกเขาได้พบกัน และเธอกลับตั้งกำแพงกันเขาไว้

ดูเหมือนว่าต่อให้พยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถก้าวเข้าไปในหัวใจของเธอได้อีก

"คุณ คุณ คุณ……งั้น งั้น งั้น…"เป๋าฮวนลังเลและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี

ความคิดของเธอกับความคิดของเฟิงหานชวนไม่ตรงกันเลย สิ่งที่เธอคิดว่าเฟิงหานชวนพูดว่ารู้สึกไม่ดี คงไม่ใช่ความรู้สึกไม่ดีที่อยู่ในใจ แต่…

เป๋าฮวนหน้าแดงและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่เฟิงหานชวนก็ไม่ได้ทำอะไรกับเธอมาเป็นเวลานานแล้ว เขาคำนึงถึงความรู้สึกของเธอใช่ไหม?

เมื่อเห็นดวงตาของผู้ชายตรงหน้าที่แดงก่ำ เป๋าฮวนก็รู้สึกกังวลใจจริงๆ ครั้งหน้าเธอคงไม่กล้าล้อเล่นอีกแล้ว ผู้ชายที่อดกลั้นมาสามปีคงแบกรับไม่ไหวแล้วจริงๆ!

เธอเม้มริมฝีปาก กัดฟันแน่นและหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เขย่งเท้าแล้วก็เอาแขนโอบรอบคอของร่างสูง แล้วใช้ริมฝีปากสีแดงของเธอ…

การรุกของคนตัวเล็กทำให้ดวงตาของเฟิงหานชวนเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย และสัมผัสของความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

ฮวนฮวนของเขาจะรุกเขาจริงๆเหรอ?

เฟิงหานชวนไม่จูบตอบเธอ แต่เขาจับไหล่เรียวของผู้หญิงด้วยมือทั้งสองข้างแล้วผลักเธอออกไป ด้วยดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งที่ไร้อารมณ์นั้นจ้องไปที่เธอ

ใบหน้าของเป๋าฮวนแดงก่ำและเธอก็รู้สึกสับสน เธอไม่รู้ว่าทำไมเฟิงหานชวนผลักถึงตัวเองออก เธอกำลังจะเอ่ยปากถามเขา แต่เฟิงหานชวนก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

"ฮวนฮวน คุณกำลังทำอะไร?"เฟิงหานชวนต้องการมั่นใจในความคิดของเธอ

"ฉัน….."แก้มของเป๋าฮวนยิ่งแดงขึ้นมากกว่าเดิมราวกับไฟกำลังลุกโชน เธอกัดริมฝีปากล่างและหลับตา จากนั้นก็รีบพูดว่า: "คุณเลิกถาม แล้วเรามาเริ่มกันเลยเถอะ…"

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะทำต่อ แต่เขาก็หยุดหลังจากที่พยายามเพียงไม่กี่ครั้งแล้วก็ปล่อยเธอไป

เป๋าฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย สมองรู้สึกมึนงง เธอจ้องมองไปที่ชายตรงหน้าของเธอโดยไม่กะพริบตา

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองดูเธอที่ไม่ต่อต้านเช่นนี้มันเหมือนกับย้อนเวลากลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว เขาก้มศีรษะลงและจูบเบาๆลงที่หน้าผากของเธออีกครั้ง

ความรู้สึกอุ่นๆทำให้เป๋าฮวนมีสติกลับมา เธอเม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและบ่นว่า: "ฉันไม่ได้แปรงฟัน"

"ผมไม่ได้ใส่ใจ"เฟิงหานชวนจูบริมฝีปากของเธออีกครั้ง จากนั้นจับมือเธอและพาเธอไปที่ห้องรับประทานอาหาร

ในไม่ช้าเป๋าฮวนก็ถูกเขาพาไปที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะอาหารมีจานกระเบื้องสีขาวพร้อมกับแซนด์วิชที่เตรียมไว้สองชิ้น ข้างๆมีนมขวดใหญ่และแก้วสองใบ

"คุณตื่นมาทำอาหารเช้าเหรอ?"เป๋าฮวนหันศีรษะมาถามด้วยความประหลาดใจ

"อืม"เฟิงหานชวนตอบ เขากดไหล่ของเธอให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็วางจานไว้ตรงหน้าของเธอ

จากนั้นเขาก็หยิบนมขึ้นมารินใส่แก้วและยื่นให้กับเธอ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: "กินไปก่อนนะ ผมจะไปทอดสเต๊ก"

"ยังมีสเต๊กอีกเหรอ?"ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้าง เธอดูแปลกใจมากกว่าเดิม

"อืม ผมจำได้ว่าคุณกินเยอะ"เฟิงหานชวนลูบหัวเล็กๆของเธอเบาๆ จากนั้นก็หันหลังเดินไปยังห้องครัว

เดินยังไม่ทันถึงสองก้าว เขาก็หันกลับมาและพูดเสริมว่า: "แซนด์วิชทั้งสองชิ้นนั้นเป็นของคุณ"

เป๋าฮวน: "???"

แซนด์วิชสองชิ้นกับสเต๊ก นี่เขากำลังให้อาหารหมูหรือเปล่า?

นี่เขากำลังจะทำให้เธอเป็นหมูใช่ไหม?

"เฟิงหานชวน ฉันไม่ต้องการ! ฉันกินแค่ชิ้นเดียวก็พอแล้ว อีกชิ้นเอาไว้ให้คุณเถอะ! "เป๋าฮวนตะโกนใส่หลังร่างสูง

เฟิงหานชวนยิ้มอย่างสบายใจโดยไม่ได้หันหลังกลับไป เขาเดินตรงเข้าไปในห้องครัวและเริ่มทอดสเต๊ก

ในตอนที่เขากำลังทอดสเต๊กอย่างตั้งใจอยู่นั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ข้างหลังเขา เขาหันศีรษะกลับมาและพบว่าเป็นเป๋าฮวนนั่นเองที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา สายตาของเธอจ้องมองไปยังกระทะโดยไม่กะพริบตา

"รอไม่ไหวเหรอ?"เขาหัวเราะเบาๆ เขาพบว่าเป๋าฮวนไม่ได้เปลี่ยนไปเลย

เมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร เธอมักจะสนใจและกระตือรือร้นอยู่เสมอ

"ฉันแค่อยากเห็นทักษะในครัวของคุณชายเฟิงที่สาม ฉันก็แค่สงสัยเฉยๆ"เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพูดอย่างตรงไปตรงมา

"คุณชายเฟิงที่สาม?"เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว

"คนอื่นไม่ได้เรียกคุณว่าคุณชายเฟิงที่สามหรือประธานเฟิงหรอกเหรอ? ดูเหมือนว่ามันไม่ค่อยดีสำหรับฉันสักเท่าไหร่ที่จะเรียกชื่อคุณตรงๆ แถมคุณยังไม่อนุญาตให้ฉันเรียกคุณว่าอาอีกด้วย งั้นก็เรียกคุณว่าคุณชายสามละกัน คุณชายสาม~" เป๋าฮวนมองเขาด้วยรอยยิ้ม

อาจเป็นเพราะอาหารที่ทำให้คนอารมณ์ดีขึ้น อารมณ์ของเป๋าฮวนในตอนเช้านี้ดีมาก

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุก: "…"

"คุณชายสาม คุณไม่ชอบชื่อนี้เหรอ?"อยู่ดีๆเป๋าฮวนก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสนุกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแกล้งเฟิงหานชวน

โดยเฉพาะสีหน้าของเฟิงหานชวนที่ดูแข็งทื่อและพูดไม่ออกแบบนั้น

ในวินาทีถัดมาก่อนที่เธอจะแกล้งสำเร็จ จู่ๆตัวของเธอก็ถูกอุ้มไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ในห้องครัว เธอตกใจจนตาเบิกกว้าง ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้เธออย่างใกล้ชิด ทำให้ร่างของทั้งสองคนแทบจะไม่มีช่องว่างหลงเหลืออยู่เลย

เป๋าฮวนดูบื้อไปเลย

"ฮวนฮวน คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่คุณทำเมื่อกี้คืออะไร? มันเรียกว่าการยั่วโมโหนะ"การแสดงออกที่แข็งทื่อของเฟิงหานชวนผ่อนคลายลง มุมปากของเขายกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

มือทั้งสองข้างของเขาวางไว้บนเคาน์เตอร์และกักขังเป๋าฮวนไว้ในอ้อมแขนของเขา แทบไม่มีที่ไหนเลยสำหรับเป๋าฮวนที่จะหลบหนีได้

"เฟิงหานชวน คุณคุณคุณ…"เป๋าฮวนอ้าปากจะพูด แต่เธอก็รู้สึกประหม่าจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

"ฮวนฮวน คุณเลือกในห้องครัว…แกล้งผม หรือว่าต้องการจะบอกใบ้อะไรผม หืม?"เฟิงหานชวนเลิกคิ้วและถามเธออย่างจงใจ

"ไม่ๆๆ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่ล้อเล่น"เป๋าฮวนจู่ๆก็ตระหนักได้อย่างลึกซึ้งถึงความหมายของการหาเรื่องใส่ตัวเอง

เธอแค่ล้อเล่นด้วยความสนุกเท่านั้น ทำไมมันถึงกลายเป็นความหมายแบบนี้ไปได้?

เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ เฟิงหานชวนเข้าใจผิดจริงๆ

จบแล้วๆ!

ในตอนนั้นเองที่เป๋าฮวนนึกได้ว่าเฟิงหานชวนทำเพราะต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอในเชิงแบบนั้น แถมเธอยังมาล้อเล่นกับเขาแบบนี้อีก เขาคงคิดว่าเธอคงอยากจะทำอะไรบางอย่างกับเขาจริงๆ

"ไม่ใช่จริงๆ!"เป๋าฮวนรีบปฏิเสธ

"ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิง ดังนั้นเลยละอายใจที่จะเริ่มก่อน คุณบอกใบ้ผมมาแบบนี้ คุณไม่ต้องกังวลไปนะ ผมจะเป็นคนทำให้คุณพอใจเอง"มุมปากของเฟิงหานชวนยกยิ้ม เขาก้มศีรษะลงและจูบเข้าที่ริมฝีปากของเป๋าฮวนทันที

เป๋าฮวนไม่สามารถหลุดพ้นจากตรงนี้ได้เลย เพราะเธอเองก็ยังไม่กินอาหารเช้าและไม่มีแรงที่จะต่อต้านเขา ดังนั้นจึงถูกเขาจูบทั้งๆที่เธอไม่มีสติ

เมื่อทั้งสองกำลังสูญเสียความเป็นตัวเอง จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นและตามมาด้วยกลิ่นไหม้อย่างรุนแรง

เฟิงหานชวนปล่อยเป๋าฮวนทันทีและปิดสวิตช์เตาไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว เป๋าฮวนหันมาอย่างตกใจและมองไปเห็นสเต๊กสองชิ้นในกระทะซึ่งตอนนี้กลายเป็นสีดำเหมือนก้อนถ่านไปแล้ว

เฟิงหานชวนหยิบกระทะขึ้นมาแล้วโยนมันลงในอ่างล้างจาน แล้วจากนั้นก็เดินไปหาเป๋าฮวนอีกครั้ง เป๋าฮวนรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มเล็กน้อยที่ขาของเธอ เธอหันตัวกลับเพื่อที่จะพยายามสไลด์ตัวลงมา แต่ก็ถูกเฟิงหานชวนกักตัวเธอเอาไว้เสียก่อน

ก่อนที่เป๋าฮวนจะพูด ริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดอีกครั้ง

ราวกับว่าดอกไม้ไฟกำลังระเบิดในหัวของเธอ ตอนนี้เธอไม่มีทางที่จะคิดอะไรออกได้เลย

……

"ปัง" เสียงหนึ่งดังขึ้น

ประตูด้านหน้าของห้องนั่งเล่นด้านนอกดูเหมือนจะถูกปิดลง

ทันทีหลังจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ในขณะเดียวกันเสื้อผ้าของเป๋าฮวนก็กระจัดกระจายยุ่งเหยิงไปหมด เธอกลัวจนเอามือทั้งสองข้างจับเข้าที่คอเสื้อของร่างสูงแน่น

"เฟิงหานชวน มีคนอยู่ข้างนอก"เป๋าฮวนรู้สึกประหม่ามากจนกลั้นหายใจ

ห้องครัวของคฤหาสน์เป็นแบบเปิด ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบเปิดไม่หมด แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นห้องครัวได้ชัดๆ แต่ห้องครัวก็ไม่มีประตูเช่นกัน และถ้าหากเดินเข้ามาจากห้องรับประทานอาหารก็จะมองเห็นทุกอย่างในห้องครัว

เฟิงหานชวนเองก็ได้ยินเช่นกัน เขาหยุดและพูดด้วยเสียงแหบๆว่า: "น่าจะเป็นแม่บ้านหลี่"

"แต่ แต่ว่า…"

เป๋าฮวนจะร้องไห้อยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นแม่บ้านหลี่ก็ไม่ได้ จะให้แม่บ้านหลี่มาเห็นพวกเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน

มันน่าอาย!

วินาทีถัดมา เสียงของแม่บ้านหลี่ก็ดังขึ้น: "เอ๊ะ แปลกๆ อาหารเช้าวางไว้ที่นี่ แล้วทำไมถึงไม่มีใครเลย?”

"นี่มันอาหารเช้าสองที่นี่หน่า ฮวนฮวนพักอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? หรือว่าทั้งสองคนไปเดินเล่นกัน? "

"คุณชายสาม ฮวนฮวน พวกคุณอยู่บ้านหรือเปล่า?"

แม่บ้านหลี่ตะโกนไปและพูดกับตัวเองไป

ในห้องครัวเฟิงหานชวนกอดเป๋าฮวนไว้โดยไม่มีใครตอบแม่บ้านหลี่สักคำและพวกเขาก็ไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกไปด้วย

เหมือนว่าคฤหาสน์ทั้งหลังนั้นเงียบมาก

จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าขึ้นบันไดดังขึ้น จากนั้นเป๋าฮวนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

แม่บ้านหลี่ไม่ได้มาที่ห้องครัวแต่ขึ้นไปชั้นบนแล้ว เธอใช้โอกาสนี้เขย่าคอเสื้อขอเฟิงหานชวนและกระซิบว่า: "ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้"

"กลับห้องไปทำต่อไหม?"เสียงของเฟิงหานชวนดูพยายามอดทนเป็นอย่างมาก

เป๋าฮวนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง

ความหมายของเฟิงหานชวนก็คือ ทั้งคู่นอนกอดกัน?

นี่…ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่สามีภรรยากัน แบบนี้จะใกล้ชิดกันเกินไปหน่อยไหม?

แต่ว่าในหัวของเป๋าฮวนความคิดตีกันไปหมด บางทีการนอนกอดกันจะสามารถเบนจุดสนใจของเฟิงหานชวนได้ ไม่ให้เขาอาการกำเริบ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้

“ก็ได้” เธอตกลงแล้ว

ชายหนุ่มเหมือนจะตะลึง ริมฝีปากบางของเขายิ้มนิดหน่อย ข่มความตื่นเต้นไว้ “ฮวนฮวน คุณยินยอมจริงเหรอ?”

“อืม แค่นอนกอดกันก็ไม่มีอะไรสักหน่อย” เป๋าฮวนพยายามปลอบตัวเอง

จากนั้นเธอยื่นมือออกมากอดเอวหน้าของชายหนุ่มไว้ จากนั้นก็ซุกหน้าในอ้อมกอดของเขา แล้วรีบพูดขึ้น “นอน รีบนอนได้แล้ว”

เสียงนุ่มนวลของหญิงสาว ก็เหมือนยาที่ดีที่สุดในโลก ล้างความคิดของเฟิงหานชวนจนหมด ราวกับล้างสิ่งสกปรกออกไปหมด

ในตอนที่ทั้งคู่นอนกอดกัน เสียงริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศแสนดีแบบนี้

“ติ๊งติ๊งติ๊งติ๊งติ๊ง…”

เป๋าฮวนฟังอยู่หลายวินาที เธอเงยหน้าขึ้น เอานิ้วจิ้มหน้าอกของชายหนุ่ม แล้วพูดขึ้น “เฟิงหานชวน เหมือนว่าจะเป็นโทรศัพท์ของคุณ”

เฟิงหานชวนได้ยินแล้ว เพียงแต่เขาไม่อยากปล่อยเป๋าฮวน ดังนั้นจึงไม่ยอมปล่อยมือออกง่าย ๆ

ตอนนี้เขาทำได้เพียงยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนหัวเตียง วางไว้ตรงหน้าแล้วมองดู เป็นสายของผู้ช่วยพิเศษซูอวี่ เป๋าฮวนก็เห็นพร้อมกัน

“คุณรีบรับเถอะ สายของซูอวี่ น่าจะเป็นเรื่องด่วนของบริษัท” เป๋าฮวนคิดแบบนี้

เฟิงหานชวนรับสายทันที ขณะเดียวกันก็กดเปิดลำโพง

“ประธานเฟิงครัง บันทึกการโทรของหลิวหลี่ถงเมื่อสามปีก่อน มีการโทรลึกลับอยู่สองครั้งจริงครับ แสดงว่าเป็นสายจากต่างประเทศ เป็นวันที่คุณนายเสียชีวิตพอดี แต่ด้านเทคโนโลยีบอกว่าไม่แน่ว่าจะเป็นสายจากต่างประเทศ อาจจะถูกซ่อน IP ทางด้านนั้นกำลังสืบหาอยู่ครับ”

การรายงานของซูอวี่ดังก้องในห้องนอนใหญ่ทันที

“สืบต่อไป” เสียงของเฟิงหานชวนดุดันเป็นพิเศษ

“ครับ” ซูอวี่น้อมรับคำสั่ง

จากนั้นเฟิงหานชวนก็วางสายไป โยนโทรศัพท์ไปที่โต๊ะหัวเตียง แล้วยื่นมือมากอดหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด

เป๋าฮวนเอนตัวเข้าอ้อมกอดของเฟิงหานชวน ดวงตาตกตะลึงจนกะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นก็เอ่ยปากพึมพำ “เฟิงหานชวน ฉันรู้สึกว่าคำเรียบของซูอวี่…เรียกผิดหรือเปล่า…”

เมื่อครู่ตอนที่ได้ยินซูอวี่รายงาน แล้วพูดถึงเธอ เรียกเธอว่า “คุณนาย” แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ภรรยาของเฟิงหานชวนแล้ว

“เขาเพียงแค่เรียกคุ้นเคยแล้ว คุณคงไม่โทษเขานะ?” เฟิงหานชวนกอดเป๋าฮวนแน่นยิ่งกว่าเดิม เหมือนกับกลัวว่าเธอจะโมโห กลัวว่าเธอจะหนีไป

เป๋าฮวนส่ายหน้า พูดขึ้น “ไม่เป็นไร ก็แค่ครั้งหน้า คุณอธิบายกับเขาหน่อยเถอะ”

เพียงแต่เมื่อเธอพูดประโยคนี้จบ เฟิงหานชวนกลับเงียบไป

เขาไม่ได้ตอบรับเธอ เพราะว่านี่คือการยอมรับของเขา

เป็นเขาที่ให้ซูอวี่เรียกเธอว่า “คุณนาย”

ในสายตาของเขา เธอเป็นภรรยาของเขามาโดยตลอด ไม่เคยเปลี่ยนเลยสักนิด

“อ่อใช่ ดูท่าน่าจะมีเบาะแสแล้ว คงจะใกล้หาคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้แล้ว” เป๋าฮวนไม่ได้สนใจว่าเฟิงหานชวนตอบรับหรือไม่ แล้วพูดต่อ

ครั้งนี้ เป็นเฟิงหานชวนที่เอ่ยขึ้น “อืม ใกล้แล้ว ใกล้หาคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้แล้ว”

“เขาทำให้พวกเราต้องแยกกันสามปี ผมไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่”

ประโยคหลังนั้น เขาพูดเสียงต่ำ แต่กลับเคร่งขรึมเป็นพิเศษ ทำให้คนรู้สึกตัวสั่น

แม้แต่เป๋าฮวนที่อยู่ในอ้อมกอดเขา ก็ยังรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เธอถามขึ้น “คุณวางแผนจะ…ลงโทษเขายังไง?”

“ดูสถานการณ์ก่อน” เฟิงหานชวนไม่ได้ตอบหญิงสาวในอ้อมกอด

เรื่องบางเรื่อง โหดร้ายเกินไป เขาไม่อยากจะให้เธอรู้

เขาไม่อยากทำให้หู ทำให้ความคิด ทุก ๆ อย่างของเธอต้องแปดเปื้อน

ทุกอย่างของเธอ ควรจะบริสุทธิ์

“ก็ได้” เมื่อเห็นเฟิงหานชวนไม่พูด เป๋าฮวนก็ไม่ได้จี้ถามอีก

โดยสรุปคือถ้าจับคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้ก็ดี จะปล่อยเขาไปไม่ได้อีกแล้ว

ในไม่ช้า ภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบมากอีกครั้ง

มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ประสานกัน

เป๋าฮวนง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ หลับไป ส่วนเฟิงหานชวนก็สังเกตได้ว่าสาวในอ้อมกอดหลับสนิท เหมือนกับมีความรู้สึกปลอดภัยแล้ว จึงหลับตาลง

ตื่นจากการนอนหลับที่แสนสบาย ก็เช้าแล้ว

ในตอนที่เป๋าฮวนลืมตาขึ้น ตัวเองยังนอนอยู่ในผ้าห่ม ผ้าห่มห่มตัวไว้อย่างดี เพียงแต่คนที่อยู่ด้านข้างไม่เจอแล้ว

หือ?

เธอจำได้ว่า ตัวเองกับเฟิงหานชวนนอนกอดกัน เฟิงหานชวนล่ะ?

หรือว่า…เขาอาการกำเริบแล้ว?

เป๋าฮวนรีบลุกขึ้นในทันที เธอเลิกผ้าห่มออก พุ่งตัวเข้าห้องน้ำ ในห้องน้ำไม่มีคน เธอก็พุ่งเข้าไปในห้องแต่งตัว ห้องแต่งตัวก็ไม่มีคน

เธอเหลือบมองไปที่ระเบียง ก็ไม่มีคน เธอรีบลงไปด้านล่าง เดินลงชั้นล่างไปด้วยเรียกไปด้วย “เฟิงหานชวน คุณอยู่ไหน! เฟิงหานชวน คุณไปไหน!”

จนกระทั่งเธอเดินมาถึงชั้นหนึ่ง ก็หยุดฝีเท้าลง

เฟิงหานชวนยืนอยู่ที่ปากบันไดของชั้นหนึ่ง ใบหน้ายิ้มอ่อน กำลังมองเธออยู่

“เฟิงหานชวน นายไม่ได้อาการกำเริบใช่ไหม?” เฟิงหานชวนรีบเดินไปข้างหน้าเขา แล้วถามขึ้นอย่างใจร้อน

“ตื่นมาแต่เช้าก็เป็นกังวลอาการป่วยของผม?” เฟิงหานชวนยิ้มพึงพอใจ

เป๋าฮวนมองดูเขาอยู่ครู่หนึ่ง เฟิงหานชวนท่าทางดูปกติดี เธอแอบถอนหายใจ

“คุณตื่นเช้าจัง รีบจะไปทำงานที่บริษัทเหรอ? เหมือนว่าคุณจะไม่ได้ไปจัดการธุระที่บริษัทหลายวันแล้วใช่ไหม? งั้นคุณรีบไปเถอะ ฉันเรียกรถกลับโรงแรมเอง วันนี้ฉันไม่อยู่ที่นี่แล้ว” เป๋าฮวนพูดเยอะแยะมากมาย เธอรีบพูดออกมาก่อน ก็เพื่อให้เฟิงหานชวนได้เตรียมใจ

เมื่อคืนนอนที่นี่แค่คืนเดียวก็พอแล้ว เธอรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ เธอจึงเตรียมตัวกลับไปอยู่ที่โรงแรม

“สำหรับอาการป่วยของคุณ อีกไม่กี่วันฉันจะไปเมืองเหิงซื่อแล้ว จะอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ได้แล้ว คุณกินยาเองเถอะ” เป๋าฮวนพูดเสียงเบา แต่ในใจกลับรู้สึกผิด

เธอรู้สึกเหมือนตัวเองใจดำไปหน่อย ในเมื่อเฟิงหานชวนก็คือคนป่วยคนหนึ่ง

เมื่อคืนพวกเขานอนด้วยกัน เป็นการนอนที่บริสุทธิ์มาก ๆ เฟิงหานชวนจึงอาการไม่กำเริบ

“ก่อนที่จะไปเมืองเหิงซื่อ พักอยู่ที่นี่ ได้ไหม?” เฟิงหานชวนยื่นมือมาจับมือเล็กของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนตะลึง รู้สึกว่าฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มเย็นชุ่ม จึงพูดอย่างทนไม่ได้ “ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณแล้ว ฉันอยู่ที่นี่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่”

“แต่ว่าฮวนฮวน ตอนนี้พวกเราคือเพื่อนนอนกัน ดังนั้นคุณสามารถอยู่ที่นี่ได้” เฟิงหานชวนหัวเราะเบา ๆ อ้าแขนออกกอดเธอไว้

เป๋าฮวนถลึงตาโต “???”

บ้าอะไร!

จู่ ๆ ภาพก็เปลี่ยนไป!

ทั้ง ๆ ที่กำลังคุยเรื่องจริงจังกัน ผลกลายเป็นว่าเปลี่ยนเรื่องในทันที

“ฮวนฮวน ทำไมถึงไม่พูด? หรือว่าเขินเหรอ?” เฟิงหานชวนไม่ได้หยุด แต่ยังคงถามต่อไป

เขารู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาจะถอยไม่ได้ และจะต้องรุกไปข้างหน้า

“ฉัน…” เป๋าฮวนเอ่ยปาก ด้านหน้าของเธอพร่ามัว เธอพูดติด ๆ ขัด ๆ “เหมือนฉันจำได้ว่าฉันพูดว่า ฉันแค่ล้อเล่นนะ…”

“คุณไม่ได้ล้อเล่น ผมตกลงแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเราก็คือความสัมพันธ์แบบนั้น” เฟิงหานชวนปล่อยเธอออก สองมือจับบ่าเรียวบางของเธอ แล้วมองเธออย่างจริงจัง

เป๋าฮวนรู้สึกในหัวสมองยุ่งวุ่นวายไปหมด

วินาทีต่อมา ชายหนุ่มก้มหน้าลง จูบลงบนริมฝีปากของเธอ

หลังจากที่เป๋าฮวนพูดคำพูดพวกนี้จบ ก็รู้สึกเสียใจแล้ว

เพราะว่าถ้าเธอตั้งครรภ์เด็กน้อย เธอจะสามารถเป็นเพื่อนแบบนั้นกับเฟิงหานชวนได้ยังไง? เธอไม่สามารถเจอเฟิงหานชวนได้อีก!

ถ้าหากถูกเฟิงหานชวนเห็นว่าเธอตั้งครรภ์ งั้นก็จะวุ่นวายมาก

ถ้าหากเฟิงหานชวนรู้ว่าเธอท้องลูกของเขา จะต้องเอาลูกไปแน่ ๆ ดูออกได้ว่าเฟิงหานชวนชอบเด็ก

อีกอย่างเฟิงหานชวนมีบริษัทที่ใหญ่ขนาดนั้น ก็ต้องการทายาทแน่นอน

เฟิงหานชวนได้ยินคำพูดของเป๋าฮวน เขาตัวแข็งทื่อ ตกตะลึง ไม่สามารถเอ่ยปากได้เป็นเวลาอยู่นาน

“เมื่อกี้ฉันล้อเล่นนะ แค่ล้อเล่นเอง นอนเถอะ” เสียงขี้เล่นของเป๋าฮวนแฝงไปด้วยความใจฝ่อ เธอรีบพูดอธิบาย

เธอพลิกตัว หันด้านข้าง หันหลังให้เฟิงหานชวน แล้วรีบนอนหลับ แต่วินาทีต่อมา ลมหายใจอุ่นอยู่ใกล้แผ่นหลังของเธอ

จากนั้นเธอก็ถูกชายหนุ่มโอบกอดไว้แน่น

“เฟิงหานชวน ฉันล้อเล่นจริง ๆ คุณรีบนอนเถอะ!” เป๋าฮวนตกใจ ร้อนรนนิดหน่อย

โทษความต้องการทางเพศของเธอ เมื่อหัวร้อน ก็อยากจะเป็นเพื่อนนอนกับเฟิงหานชวน เธอนับถือตัวเองมากจริง ๆ

“ฮวนฮวน ผมยินยอม” เฟิงหานชวนเหมือนไม่ได้ฟังคำอธิบายของเธอ เอาหน้าซุกลงบนลำคอของเธอ หน้าฝังลึกลง เสียงทุ้มต่ำค่อย ๆ ดังขึ้น

เป๋าฮวน “…”

เธอพูดแล้วว่าเธอล้อเล่น

“ฮวนฮวน เพียงแค่คุณชอบ จะทำอะไรกับผมก็ได้หมด” เสียงของเฟิงหานชวนแฝงไปด้วยการขอร้อง ความถ่อมตน

เป๋าฮวน “???”

บ้าอะไร!

เฟิงหานชวนพูดคำพวกนี้ ทำเหมือนเธอเป็นผู้หญิงที่บ้าคลั่งโรคจิตมาก?

เพียงแต่ว่า…จู่ ๆ เธอก็นึกได้ถึงคืนนั้นที่โรงแรมตี้ฮวง เธอใช้เข็มขัดรัดมือของเฟิงหานชวน แถมยังถ่ายวิดีโอเขาอีก

ไอหยา ทำไมตอนนั้นเธอถึงได้ทำแบบนั้น!

มันไม่ใช่เรื่องที่คนปกติทำกัน

“ฉันบอกคุณไว้นะเฟิงหานชวน ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ก่อนหน้านี้ที่ฉันถ่ายวิดีโอคุณ เพื่ออยากจะลงโทษคุณ ฉันไม่มีนิสัยแบบนั้น!”

เฟิงหานชวนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้น “ฮวนฮวน ผมชอบให้คุณทำแบบนั้น”

เป๋าฮวน “???”

“เฟิงหานชวน คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นายมีมาโซคิสม์เหรอ? นายบ้าไปแล้ว!”

เป๋าฮวนแทบจะตกใจ ทำไมเฟิงหานชวนพูดแบบนี้ออกมาได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาถูกเธอถ่ายวิดีโอยังรู้สึกขายขี้หน้า ตอนนี้ทำไมถึงพูดว่าชอบล่ะ?

“ฮวนฮวน” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เธอ แล้วพูดเสียงต่ำ “ประเด็นหลักคือสิ่งที่คุณทำ ผมชอบทั้งหมด”

“ถ้าฉันต่อยคุณ คุณก็ชอบเหรอ?” เป๋าฮวนพูดอย่างหมดปัญญา

“ชอบ” เฟิงหานชวนตอบอย่างจริงจัง

เป๋าฮวนถูกทำให้ตกใจจริง ๆ เธอรีบยื่นมือออกไปประคองใบหน้าของเฟิงหานชวน แล้วตะโกนอย่างตกตะลึง “ตายแล้วตายแล้ว คุณอาการกำเริบแล้ว คุณอาการกำเริบจริง ๆ ยาของคุณอยู่ไหน?”

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้อาการกำเริบ” เฟิงหานชวนจับมือของเธอไว้ เสียงอ่อนโยน น้ำเสียงใจเย็น

เขารู้ว่าในใจของเป๋าฮวนยังมีกำแพงกั้นอยู่ เขาจะต้องทำให้เธอประทับใจช้า ๆ ถึงจะได้ ในเมื่อเรื่องเมื่อสามปีที่แล้ว การแยกจากกันสามปี เธอไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ในทันที

แต่ว่าเขาดูออกว่า เป๋าฮวนค่อย ๆ ยอมรับเขา

ดังนั้นเขาจะไม่ท้อแท้

“คุณอาการกำเริบแล้ว! อาการกำเริบแล้ว! คนป่วยไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองป่วย!” ตอนนี้เป๋าฮวนท่าทางสุขุมมาก เธอคิดว่าเฟิงหานชวนต้องอาการป่วยกำเริบแน่!

“มีคุณอยู่ ผมไม่มีทางกำเริบ” เฟิงหานชวนหัวเราะเบา ๆ

เขารู้สึกได้ว่า ตอนนี้เขาสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่าตัวเองมีตัวตนอยู่ในใจของเป๋าฮวน

“คุณหัวเราะ คุณยังหัวเราะอีก นี่มันเวลาสำคัญ คุณรีบบอกฉันมาว่ายาของคุณอยู่ที่ไหน!” เป๋าฮวนร้อนรนจนเหงื่อออกหน้าผาก

“ฮวนฮวน จูบผม” เฟิงหานชวนมองเธออย่างจริงจัง ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย แถมยังยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน

เป๋าฮวนสะดุ้ง “???”

“ฉันถามว่ายาของคุณล่ะ!”

ตอนสำคัญแบบนี้ ในหัวของเฟิงหานชวนคิดอะไรอยู่กันแน่?

“ฮวนฮวน ตอนนี้อาการกำเริบของผมไม่หนักเท่าไหร่ ในบ้านไม่มียา คุณสามารถทำลายสมาธิของผมได้ พาผมทำเรื่องอื่น”

ไม่มียา?

ทำลายสมาธิ?

ทำเรื่องอื่น?

เธอคิดได้ถึงคำพูดเมื่อครู่ของเฟิงหานชวน ว่าให้เธอจูบเขา การจูบสามารถทำลายสมาธิ บรรเทาอาการได้จริง ๆ เหรอ?

เป๋าฮวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มปล่อยเธอออก พลิกตัวนอนลงบนพื้นที่ของตัวเอง

“เฟิงหานชวน?” เป๋าฮวนค่อย ๆ เรียกเขา หันหน้าไปมองเขา

เฟิงหานชวนปิดตา หันหน้าไปทางเพดาน เขาไม่ได้ตอบเธอ ไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับหลับไปแล้ว

จู่ ๆ เป๋าฮวนเป็นกังวลนิดหน่อย เธอรีบพยุงตัวขึ้น ขยับไปถามข้างเขา แล้วเอาหน้าแนบแก้มของเฟิงหานชวน

เธอเห็นผิวอันละเอียดอ่อนของเขา ดีกว่าผิวของผู้หญิงอีก มองไม่เห็นรูขุมขน ริมฝีปากสวยงาม ดั้งโด่ง โครงหน้าไม่มีที่ติ

ผู้ชายแบบนี้ ยีนทางพันธุกรรมดีมากจริง ๆ

เธอเม้มปาก กลืนน้ำลายโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็ยื่นไปข้างหน้า จูบลงเบา ๆ ลงบนแก้มของเขา

ผิวของเขาทำให้คนรู้สึกสบายจริง ๆ

เวลานี้ ชายหนุ่มลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีดำของเขา เผยความลึกซึ้งไม่มีที่สิ้นสุด

เขาหันหน้ามามองเธอ ทั้งสองประสานสายตากันในทันที เป๋าฮวนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกพัดเข้าสู่กระแสน้ำวน

“แบบนี้ได้ไหม? เลิกฟุ้งซ่านแล้วยัง?” เป๋าฮวนถามเขา

วินาทีต่อมา ริมฝีปากที่ร้อน ก็มีลมเย็นพัดมาในทันที

เป๋าฮวนกะพริบตา เมื่อกี้มันเรื่องอะไรกัน?

เหมือนกับเฟิงหานชวนจูบปากของเธอ แต่ก็แค่แตะครู่เดียว แล้วปล่อยเธอ?

“คุณ…” เป๋าฮวนอ้าปากถามขึ้น “ตอนนี้คุณดีขึ้นเยอะแล้วใช่ไหม? อาการไม่กำเริบแล้วเหรอ?”

ตอนนี้เธอสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย มองดูชายหนุ่มที่หน้าตาเฉยชาตรงหน้า รู้สึกเหมือนอาการป่วยของเฟิงหานชวนจะหายเป็นปกติแล้ว

“ในใจรู้สึกอึดอัด” เฟิงหานชวนมองเธออย่างจริงจัง เอ่ยขึ้นช้า ๆ

เขาไม่ได้พูดโกหก เขารู้สึกอึดอัดจริง ๆ ผู้หญิงที่รักอยู่ตรงหน้า แต่เขามักรู้สึกว่าตัวเองควบคุมได้ แล้วก็ควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกใกล้ชิดก็ไม่ใช่ จะห่วงเหินก็ไม่เชิง ให้อารมณ์ของเขาแปรปรวนตลอดเวลา

“หา งั้นก็แสดงว่ายังมีอาการอยู่ ควรจะทำยังไงดี ที่บ้านก็ไม่มียา…” เป๋าฮวนกัดปาก ในใจรีบร้อนมากกว่าเดิม เธอรีบพูดขึ้น “ฉันพาคุณไปโรงพยาบาล!”

“ฮวนฮวน ไม่ต้องไปโรงพยาบาล” เฟิงหานชวนยื่นฝ่ามือใหญ่ของเขาออกมา จับมือเล็กของหญิงสาวไว้ เขายิ้มบาง พูดขึ้น “นอนในอ้อมกอดผม ได้ไหม?”

เฟิงหานชวน ปลดกระดุมเสื้อของเขา…

ร่างกายที่บอบบาง และการถอดเสื้อผ้าที่สมบูรณ์แบบ

เมื่อเฟิงหานชวนหันกลับมา เขาก็บังเอิญมองหน้าเป๋าฮวน เป๋าฮวนหน้าแดงทันที วิ่งไปที่เตียง แล้วรีบกระโดดขึ้นไปบนเตียง

เธอเตือนเฟิงหานชวนว่าห้ามแอบมองเธอ แต่เธอกลับแอบมองเฟิงหานชวน และถูกจับได้! ! !

มันน่าอายจริงๆ!

เฟิงหานชวนจะคิดว่าเธอคิดถึงความหลังของเขาหรือเปล่า?

ท่าทางของเธอเหมือนจะคืนดีเหรอ?

แต่ถ้าเธอกับเฟิงหานชวนคืนดีกันจริงๆ พวกเขาอยู่คนละประเทศ มันคงมีความลำบากเล็กน้อย

ไกลเกินไป ระยะทางของประเทศเฉินกับประเทศฮัวห่างกันมาก

ต่อให้เฟิงหานชวนเต็มใจที่จะอยู่ประเทศเฉิน เมื่อเทียบกับเขาแล้ว เธอคงจะเห็นแก่ตัวเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้น เฟิงหานชวนเต็มใจอยู่ประเทศเฉินระยะยาวเหรอ? ละทิ้งอุตสาหกรรมที่ใหญ่ในประเทศฮัว ละทิ้งญาติและเพื่อนในประเทศฮัว ยอมละทิ้งทุกอย่างในประเทศฮัว?

แม้ว่าเฟิงหานชวนต้องการอยู่กับเธอจริงๆ ยอมจากบ้านแดนไกลไปกับเธอ แต่ถ้าในระยะยาวล่ะ? เขาจะเสียใจทีหลังไหม?

Rกรุ๊ปที่เขาก่อตั้งขึ้น จะยอมปล่อยไปแบบนี้เหรอ?

เป๋าฮวนไม่รู้ว่าควรคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ อย่างน้อยเธอก็แน่ใจในความคิดของเธอ เธอจะไม่อยู่ที่ประเทศฮัว เพราะคุณปู่อยู่ที่ประเทศเฉิน ครอบครัวเป๋าอยู่ที่ประเทศเฉิน

ดังนั้น ระหว่างเธอกับเขา ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอไม่สามารถอยู่เคียงข้างเขาได้ เหมือนเด็กผู้หญิงในเมื่อก่อน

แต่……

เมื่อนึกถึงว่าจะไม่ได้เจอเฟิงหานชวนอีก ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจ

กำลังลังเล?

มีเสียงน้ำดังออกมาจากห้องน้ำ เป๋าฮวนรู้สึกคิดหนัก เหนื่อยมาก เธอไม่อยากคิดถึงปัญหาเหล่านี้อีก เธอจึงนอนตัวตรง หลับตาลง กำลังจะนอน

เวลาผ่านไปหลายนาที เธอพลิกตัวไปมา นอนยังไงก็นอนไม่หลับ

เธอลืมตาขึ้น ลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิด วินาทีต่อมา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นทันใด

ผู้ชายเดินออกมาจากห้องน้ำ ส่วนบนเปลือย ส่วนล่างห่อด้วยผ้าเช็ดตัว เส้นผมที่เปียกแฉะมีน้ำหยดลงมาจนทั่วตัว

เป๋าฮวนหน้าแดง กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ยิ้มอย่างเชื่องช้า: "คุณ… คุณอาบเสร็จแล้วเหรอ… "

เธอทักทายเพราะเธอต้องการซ่อนความเขินอายของเธอ

“อืม” เฟิงหานชวนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุดข้างใน

เป๋าฮวนนั่งบนเตียงด้วยความงุนงง เกาหัวเบาๆ

หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงหานชวนสวมชุดนอนผ้าซาตินสีน้ำเงินเข้มเดินออกมา เดินไปที่เตียง แล้วมองดูผู้หญิงที่มองเธออย่างเงียบๆ

ตอนนั้นเองที่เป๋าฮวนตระหนักได้ว่าเธอกำลังจ้องเฟิงหานชวน รีบมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

“คือ ที่ฉันมองคุณฉันไม่ได้คิดอะไร ฉันแค่สงสัยนิดหน่อย” เป๋าฮวนอธิบายอย่างรวดเร็ว อย่าคิดว่าเธอกำลังมองรูปร่างเขา เธอเปล่า

“สงสัย? สงสัยอะไร?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนปกติ ไม่แสดงสีหน้าใดๆ

“ก็คือ… ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณชอบใส่เสื้อคลุมชุดนอน แต่ทำไมตอนนี้ถึงใส่ชุดนอนที่มีเสื้อและกางเกง?” เป๋าฮวนเม้มปากแล้วถาม

ในความทรงจำของเธอ เฟิงหานชวนชอบใส่เสื้อคลุม มีท่าทางที่มีเสน่ห์ชั่วร้าย เธอแทบจะไม่เคยเห็นเขาใส่ชุดนอนที่เรียบร้อยแบบนี้เลย…

เธอรู้สึก ตอนนี้เขาเหมือนเด็กน้อย

ไม่สิ เหมือนคนดี

เฟิงหานชวนไม่เป็นเด็กหรอก

“เพราะ ผมกลัวว่าคุณจะเข้าใจผิด” เฟิงหานชวนพูดอย่างจริงจัง

“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดอะไร?” เป๋าฮวนยิ่งงงงวยมากขึ้น

“กลางคืนเราจะนอนด้วยกัน ถ้าผมแต่งตัวไม่ดี คุณจะรู้สึกว่าผมคิดจะทำอะไร ผมเลยกลัวคุณเข้าใจผิด” เฟิงหานชวนยังคงอธิบายอย่างจริงจัง

เป๋าฮวน : "…"

มุมปากของเธอกระตุกและเธอกระซิบ: "ฉันก็เข้าใจผิดอยู่ดี"

“คุณเข้าใจผิดอะไร?” เฟิงหานชวนได้ยิน ในห้องนอนที่เงียบสงบ มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น และยังอยู่ใกล้กันมาก

ห่างกันเพียงครึ่งเตียง

“คุณใส่หนาแน่นขนาดนี้ ฉันก็เข้าใจผิดคิดว่าคุณกลัวฉันจะข่มขืนคุณ” เป๋าฮวนกล่าวอย่างเรียบง่าย

อันที่จริงเธอไม่ได้เข้าใจผิดจริงๆ เธอแค่ไม่อยากให้เฟิงหานชวนใส่ชุดนอนแบบนี้เพียงเพราะกลัวเธอเข้าใจผิด แถมยังใส่ชุดนอนที่ตัวเองไม่ชอบ เธอจึงรู้สึกทนไม่ได้

เขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพราะเธอ

“ฮวนฮวน คุณอยากข่มขืนผม?” เฟิงหานชวนถามเธอโดยตรง

เป๋าฮวน : "…"

เธอกำลังพาตัวเองเข้าถ้ำเสือเหรอเนี่ย?

“ฮวนฮวน คุณไม่ตอบ เพราะว่า…ถ้าคุณต้องการ ผมยินดีทำกับคุณทุกเมื่อ ตามที่ผมบอกคุณตอนที่อยู่ประเทศเฉิน ผมจะเป็นคู่นอนให้คุณ แค่คุณต้องการ ผมก็จะปรากฏตัวทันที…”

"เดี๋ยวนะ!"

ก่อนที่เฟิงหานชวนจะพูดจบ เป๋าฮวนก็ยืนขึ้นด้วยความโกรธและหยุดคำพูดต่อไปของเขา

“ฉันไม่ต้องการ!” เธอหน้าแดงด้วยความโกรธ เดินไปข้างหน้าเขา แล้วพูดด้วยสีหน้าบึ้ง: “ได้โปรดอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก มันทำให้ฉันดูเหมือนคนยังไงไม่รู้ ฉันบอกไปแล้ว สองครั้งก็พอ เพราะงั้นไม่จำเป็น เข้าใจ?”

เธอยืนอยู่บนที่นอนในขณะนี้ และเฟิงหานชวนกำลังยืนอยู่บนพื้น ความสูงของเตียง ทำให้เธอสบสายตากับเฟิงหานชวน เธอมองเขาอย่างดุดัน

จากนั้น เธอหันกลับมาอย่างดุเดือด ตั้งใจจะนั่งลงบนเตียง แต่แรงโน้มถ่วงของเธอก็ไม่สมดุล ทั้งร่างของเธอก็ล้มลงอย่างกะทันหัน

วินาทีต่อมา เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชาย เฟิงหานชวนรับเธอไว้

อ้อมกอดของผู้ชายอบอุ่นและสบายมาก และยังทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ในช่วงเวลาดังกล่าว เธอรู้สึกไม่อยากลุกขึ้น อยากอยู่ในอ้อมแขนของเขาตลอดไป

เฟิงหานชวนพยุงตัวเธอขึ้น พูดเพียงสามคำ: "ระวังหน่อย"

เป๋าฮวนไม่ตอบ แต่รีบเหยียบที่นอน ขึ้นเตียงแล้วห่มผ้า เผยให้เห็นเพียงสองตา

เฟิงหานชวนไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ สีหน้าของเขาซีดมาก เขาเอื้อมมือไปปิดไฟ และเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะสีส้มข้างเตียง ห้องก็มืดลงทันที มีเพียง แสงสีส้มแดงจางๆส่องประกาย มีบรรยากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้

เขายกผ้าห่มผืนเดียวกันขึ้น แล้วนอนอีกด้านหนึ่งของเตียง เนื่องจากเตียงใหญ่มาก จึงยังมีระยะห่างระหว่างเขากับเป๋าฮวนหลายสิบเซนติเมตร

เขาไม่ได้เข้าใกล้เธอ ไม่พูดอะไร เพียงคลุมผ้าห่ม หันหน้าไปทางเพดาน และหลับตา

เป๋าฮวนเหลือบมองเขา เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะนอนแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เฟิงหานชวนไม่อยากพูดอะไรกับเธอหน่อยเหรอ?

เป็นเพราะเธอปฏิเสธหรือเปล่า ทำให้เขารู้สึกว่าเขาหมดหวัง?

หรือว่า เขาเพียงต้องการอยู่ห่างจากเธอและไม่ต้องการให้เธอเข้าใจผิดว่าเขาจะทำอะไรกับเธอ

ถ้าเพราะไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด แล้วตอนที่เขาจูบเธอ เขาไม่คิดอยากทำอะไรเธอเลยเหรอ?

ในสองคืนก่อน เธอเป็นคนยั่วเขา เธอริเริ่ม เขาเต็มใจที่จะถูกเธอแกล้ง เขายังเต็มใจเป็นเพื่อนแบบนั้น เพียงเพราะอยากอยู่กับเธอ

ถ้าพวกเขาเป็นเพื่อนกันแบบนั้นจริง ก็ไม่จำเป็นต้องเจอกันทุกวัน ไม่มีความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างคนทั้งสอง ยังสามารถอาศัยอยู่ในประเทศของตัวเองและมีชีวิตของตัวเองได้โดยไม่รบกวนกันและกัน

ขอแค่ได้เจอสักครั้ง

แบบนั้นเธอก็จะได้เจอเฟิงหานชวนเป็นครั้งคราว?

“เฟิงหานชวน” เธอเรียกเขาเบาๆ

ห้องเงียบไปหลายวินาที ไม่มีเสียงตอบกลับ เป๋าฮวนคิดว่าเขาหลับไปแล้ว

เธอตระหนักได้ว่าตัวเองริเริ่มอีกแล้ว ต้องการปัดเป่าความคิดนี้ เสียงของผู้ชายก็ค่อยๆดังขึ้น: “มีอะไร?”

“เอ่อ ฉัน…” เป๋าฮวนคิด ถ้างั้นก็ลองดูก่อน

“คุณอยากพูดอะไร ก็พูดเลย” เมื่อเห็นเป๋าฮวนลังเล เฟิงหานชวนก็พูดอีกครั้ง

“ฉันอยากจะบอกว่า ฉันคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นสามีภรรยากัน การใช้ชีวิตในสองประเทศไม่เหมาะที่จะสร้างครอบครัว อย่างไรก็ตาม ความคิดของเราก็ดูเหมือนจะไม่เข้ากัน เป็นเพื่อนกันดีกว่า แล้วเจอกันบ้างเป็นครั้งคราว"

คนที่เหมาะสมกับเขา?

จะมีใครเหมาะสมกับเขามากกว่าเธออีก?

ในสายตาของเขา เธอคือคนเดียว เขาไม่เคยมองผู้หญิงคนอื่น เขา…

อยากอยู่กับเธอคนเดียว

“ฮวนฮวน ถ้าคุณไม่ยอมรับผมเพราะผมอยู่ต่างประเทศ ผมย้ายไปประเทศเฉินก็ได้ ตอนนี้การติดต่อสื่อสารสะดวก ผมอาศัยอยู่ที่ประเทศเฉินนานๆได้” ดวงตาของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็จุดไฟความหวังขึ้นอีกครั้ง

ถ้าเพราะเหตุผลนี้ มันก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าในใจฮวนฮวนยังมีเขา

แต่เพราะปัจจัยหลายอย่าง เธอถึงไม่ยอมรับเขา

“ฉัน…” เป๋าฮวนอ้าปาก ไม่รู้จะพูดอะไร

เธอต้องการปฏิเสธ งอริมฝีปาก “กลุ่มธุรกิจหลักของคุณอยู่ประเทศฮัว ประเทศเฉินไม่เหมาะกับคุณหรอก ประเทศเฉินเป็นเพียงประเทศเล็กๆ เทียบไม่ได้กับประเทศฮัว คุณไม่จำเป็นต้องย้ายไปที่นั่น อีกอย่าง…ครอบครัวของคุณอยู่ที่นี่”

“ฮวนฮวน!” เฟิงหานชวนขัดจังหวะเธอ เขาจ้องเธอด้วยดวงตาสีดำที่เงียบสงบ และถามเธอด้วยเสียงที่จริงจังมาก: “คุณกำลังคิดแทนผม ก็เลยปฏิเสธ ใช่ไหม?”

ตอนแรกเขาคิดว่าฮวนฮวนไม่เต็มใจมาประเทศฮัว ไม่อยากอยู่ต่างประเทศ แต่เมื่อได้ยินเธอพูดต่อ สิ่งที่เธอพูดและคิด ที่จริงแล้วกำลังคิดแทนสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเขา

เธอกำลังนึกถึงเขา

“ฉัน…” เป๋าฮวนรู้สึกวูบวาบอยู่ในใจ เธอกำลังสับสนในใจ

เธอกำลังคิดแทนเฟิงหานชวน? เธอไม่ได้กำลังปฏิเสธเฟิงหานชวน?

แล้วตอนนี้เธอกำลังพูดถึงอะไรอยู่?

หรือว่า เธอยังรักเฟิงหานชวนอยู่?

เป็นไปได้อย่างไร 3ปีที่ผ่านมา เธอเกลียดเขา หลังจากที่ความเกลียดลดน้อยลง มันควรไร้ความรู้สึกไม่ใช่เหรอ?

“ฮวนฮวน ในใจคุณยังมีผม ยังรักผม ใช่ไหม?” เฟิงหานชวนถามเธอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เขาไม่กล้าแสดงออกมาก ระงับความตื่นเต้นไว้ เพราะเขากลัวมาก กลัวว่าจะหมดหวัง กลัวว่าเธอจะปฏิเสธ กลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับเขา

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินคำถามของเฟิงหานชวน เธอก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอยังคงรักเฟิงหานชวน…

เธอไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจจริงๆ

ในหัวของเธอว้าวุ่นไปหมด หัวใจของเธอก็สับสนวุ่นวาย

“ฮวนฮวน คุณตอบคำถามของผมได้ไหม?” เฟิงหานชวนรู้สึกประหม่า หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ เหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากของเขาราวกับว่าหัวใจลอยอยู่ในอากาศ

“ฉัน…” เป๋าฮวนหลับตาลง เธอไม่กล้ามองตาที่คาดหวังของเฟิงหานชวน ยังคงลังเลไม่รู้จะพูดอะไร

ในวินาทีต่อมา เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง ริมฝีปากร้อนบางของเขากดลงที่เธอ ใช้แรงทั้งหมดจูบอย่างดูดดื่ม

เป๋าฮวนไม่ขัดขืน ราวกับว่าคนทั้งคนหยุดคิดและปล่อยให้ผู้ชายจูบเธอ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เฟิงหานชวนค่อยๆปล่อยเธอ ดวงตาสีดำของเขายังคงจ้องไปที่ดวงตาของเธอ เสียงแหบของเขากล่าวอย่างเคร่งขรึม: "ฮวนฮวน ในใจคุณยังมีผม ผมมั่นใจ"

“คุณไม่ปฏิเสธผม”

“เพราะงั้นฮวนฮวน อย่าปฏิเสธอีกเลย ต่อให้คุณจะปฏิเสธ ผมก็ไม่เชื่อแล้ว”

“ฮวนฮวน ผมรักคุณ”

เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนรู้สึกว่าดอกไม้ในใจของเธอกำลังจะระเบิด เธอตะลึงและไม่ตอบสนอง

เธอเม้มริมฝีปากที่เปียกของเธอ หันกลับมาอย่างรวดเร็ว หันหลังให้กับผู้ชาย และบ่นว่า: "คุณไปที่ระเบียง ฉันจะไปอาบน้ำ"

เธอต้องสงบสติอารมณ์

“ฮวนฮวน อย่าหนี” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ จับมือเธอ ดึงเธอหันกลับมาอีกครั้ง

เป๋าฮวนทำได้เพียงเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง เธอก้มศีรษะ หลีกเลี่ยงการจ้องมองที่แผดเผาของเขา

“ฮวนฮวน คุณบอกผมมา จูบเมื่อกี้ของผม คุณรังเกียจไหม?” เฟิงหานชวนถามเธอด้วยเสียงทุ้มลึก

เป๋าฮวนตะลึงชั่วขณะ รังเกียจไหม?

ดูเหมือนว่าจะไม่มีความรังเกียจเลย

หากเธอรู้สึกรังเกียจในใจจริงๆ เธอคงไม่ยืนนิ่ง เธอจะผลักเขาออกไปอย่างแน่นอน แต่เธอไม่ทำ

“ฮวนฮวน คุณอยู่นิ่ง คุณไม่ได้ผลักผมออกไป คุณไม่ได้รังเกียจผม ใช่ไหม?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนหนักแน่น

ในหัวของเป๋าฮวนยุ่งเหยิงไปหมด เธอเงยหน้าขึ้นมองชายผู้น่ารักที่อยู่ตรงหน้าเธอ ปฏิเสธว่า: "ฉัน…เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เกลียดคุณ ฉันจึงไม่จำเป็นต้องรังเกียจคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าในใจของฉันยังมีคุณ…”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ ริมฝีปากของเธอก็ถูกจูบอีกครั้ง

คราวนี้รุนแรงกว่าเดิม มือของเป๋าฮวนแนบกับหน้าอกของผู้ชาย เธอต้องการผลักออกไป แต่แรงของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป และในท้ายที่สุด เธอก็ทำได้แค่ปล่อย

“ฮวนฮวน ผมรักคุณมากจริงๆ…” ผู้ชายพูดอย่างเสน่หา ออกจากริมฝีปากของเธอ จูบหูของเธอ ค่อยๆลงต่ำ

เขาพิงใบหน้าของเขาไว้บนไหล่และคอของเธอ ดมกลิ่นของเธออย่างลึกล้ำ กลิ่นที่ทำให้เขาฝันถึง กลิ่นที่มีเฉพาะตัวเธอ

ประโยคนี้เหมือนระเบิดในใจของเป๋าฮวน

ในขณะที่เธอกำลังเคลิ้ม จู่ๆผู้ชายก็ปล่อยเธอ อ้อมแขนอันอบอุ่นนั้นก็พัดผ่านไปพร้อมกับสายลมเย็นๆ

เป๋าฮวนได้สติกลับมา เธอเงยหน้าขึ้นมองเฟิงหานชวน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และสัมผัสของความเศร้า

หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น

ในขณะที่เธอกำลังอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง ผู้ชายก็หันกลับและพูดเบาๆว่า: “ผมจะรอคุณที่ระเบียง คุณไปอาบน้ำเถอะ”

หลังจากพูดจบ เป๋าฮวนยังไม่ตอบ เฟิงหานชวนก็เดินไปที่ระเบียง

เมื่อเห็นแผ่นหลังสูงของเขา เป๋าฮวนก็ตกตะลึง ส่ายหัวระงับความคิด จากนั้นหันหลังเดินเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าแล้วไปอาบน้ำ

อันที่จริง เธออยากอาบน้ำอย่างผ่อนคลาย แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมาะกับการอาบน้ำ ดังนั้นเธอจึงรีบอาบ เดินออกจากห้องน้ำในชุดนอน

เธอเห็นเฟิงหานชวนยังคงยืนอยู่บนระเบียง โดยหันหลังให้เธอ ดูเหมือนเขาจะไม่เคยแอบมองเลย เธอควรจะเชื่อในนิสัยของเขา

ถ้าเขาอยากจะทำอะไรกับตัวเองจริงๆ เมื่อกี้ตอนที่จูบ เขาก็คงจะทำไปแล้ว แทนที่จะกลับไปที่ระเบียงและรอให้เธออาบน้ำ

เป๋าฮวนกัดริมฝีปาก เดินไปที่หน้าต่างสูง เปิดประตูกระจก และเดินไปที่ระเบียง

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินการเคลื่อนไหว เขาหันไปมองเธอและถามว่า: “อาบเสร็จแล้วเหรอ?”

“อืม คุณไปอาบเถอะ” เป๋าฮวนพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“โอเค” เสียงของเฟิงหานชวนก็เบามากเช่นกัน เมื่อเขาเดินผ่านเธอ เขาก็คว้าแขนเธอ

เป๋าฮวนเอียงศีรษะมองเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในวินาทีต่อมา หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็ขมวดคิ้วทันที

“อย่าตากลม ข้างนอกอากาศหนาว เดี๋ยวเป็นหวัด” เขาพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน จากนั้นเอื้อมมือออกไปจับแขนของเป๋าฮวน แล้วพาเธอเข้าไปในห้องนอน

หลังจากเข้าไปในห้องนอน เฟิงหานชวนก็ปล่อยมือเป๋าฮวน และเดินตรงไปที่ห้องน้ำ

แต่เป๋าฮวนยืนอยู่หน้าประตูกระจกด้วยความงุนงง เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ห้องน้ำ…

เป๋าฮวนประหลาดใจทันที

เธอเข้าใจเฟิงหานชวนผิดหรือ? ดังนั้นเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น

ขณะที่เธองุ่มง่ามอยู่นั้น เฟิงหานชวนได้อุ้มเธอไปถึงที่ชั้นสามแล้ว พาเธอเข้าไปที่ห้องนอนที่เคยเป็นห้องหอของพวกเขา

เป๋าฮวนมองดูภาพคุ้นตาตรงหน้า รู้สึกว่าปลายจมูกของเธอมีเมื่อยเล็กน้อยอย่างไม่มีเหตุผล หากไม่ใช่เพราะเรื่องเหล่านั้นเมื่อสามปีก่อน เธออาจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดมา

“นี่คือห้องนอนของคุณ ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ มีห้องรับแขกไหม?” เป๋าฮวนจำได้ว่ามีห้องรับแขก ห้องของแม่บ้านหลี่อยู่ชั้นสอง และชั้นสองยังมีห้องว่างอื่นๆอีก

“ห้องรับแขกมีแต่ยังไม่ได้เก็บกวาด เตียงใหญ่มาก นอนที่นี่ไม่ได้เหรอ?” ดวงตาสีเข้มของเฟิงหานชวนดูอ่อนโยนมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง และเขามองดูเธออย่างเงียบ ๆ : “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก หรือไม่ ผมนอนที่พื้นก็ได้”

เป๋าฮวน: "……คุณกำลังเล่นกลเจ็บกายอยู่เหรอ?"

เฟิงหานชวนปฏิเสธ: "ผมเปล่า ผมพูดจากใจจริง"

เป๋าฮวนพูดไม่ออก “ได้ คุณบอกว่าจะไม่ทำอะไรฉัน ฉันก็ไม่ได้รังเกียจคุณ ฉันจะไปอาบน้ำแล้วก็เข้านอน”

เป๋าฮวนก็ขี้เกียจไปห้องรับแขก เธอไม่ได้ระแวดระวังหรือป้องกันอะไรเฟิงหานชวน อย่างไรก็ตามพวกเขาได้พบกันอย่างตรงไปตรงมาตั้งนานแล้ว นอนเตียงเดียวกันก็ไม่เป็นอะไร

เมื่อเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ของตกแต่งก็ยังเหมือนเดิม เป๋าฮวนหยิบชุดนอนแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ

เพียงแต่ว่า หลังจากที่เธอเข้าไปในห้องน้ำ เธอก็ตะลึงเล็กน้อย ห้องน้ำนี้ไม่มีประตู ในการออกแบบก่อนหน้านี้ เฟิงหานชวนตั้งใจปรับปรุงให้เป็นห้องน้ำแบบเปิด

ถ้าเธออาบน้ำที่นี่ เฟิงหานชวนจะแอบดูไหม?

“เฟิงหานชวน ทำไมคุณไม่ติดตั้งประตูที่นี่?” เป๋าฮวนเดินไปที่หน้าประตูห้องน้ำและเห็นเฟิงหานชวนนั่งอยู่บนโซฟาข้างหน้าต่างสูงจากเพดานจรดพื้น

จากวิสัยทัศน์ของเฟิงหานชวน เป็นไปได้มากที่จะเห็นภาพข้างใน เธอรีบพูดว่า: "คุณไปรอที่ระเบียงหรือลงไปข้างล่าง ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วจะเรียกคุณ"

“ผมจะไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง” เฟิงหานชวนยืนขึ้น หันหลังกลับไปที่ประตู แล้วเปิดประตูระเบียง

“เดี๋ยวก่อน!” เป๋าฮวนเรียกเขาให้หยุด ขมวดคิ้วและพูดว่า “ห้ามสูบบุหรี่! สุขภาพของคุณไม่ดีอยู่แล้ว ถ้าคุณสูบบุหรี่อีก คุณอยากตายก่อนเวลาหรือไง?”

ร่างกายของเฟิงหานชวนแข็งทื่อ เขาหันหลังกลับและเขามองไปที่หญิงสาวที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว สีหน้าของเขายุ่งเหยิงมาก

เขาอยากจะก้าวไปข้างหน้ากอดเธอ แต่ก็กังวลว่าเธอจะปฏิเสธตัวเขา หัวใจของเขากำลังทุกข์ทรมาน

“คุณมองฉันทำไม? รีบไปที่ระเบียง! ห่ามแอบดูฉันอาบน้ำ!” เป๋าฮวนมองเขาอย่างไร้คำพูด

เพียงแต่ว่า เมื่อเธอหันหลังกลับ มีการเคลื่อนไหวข้างหลัง และทันทีหลังจากนั้น หลังของเธอก็ถูกกดทับด้วยอกที่ร้อนระอุ

เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยมาก แว๊บแรกเธอไม่ได้แม้กระทั่งคิดที่จะต่อต้านด้วยซ้ำ

เมื่อเธอฟื้นคืนสติ เธอไม่ได้ดิ้นรน การดิ้นรนนั้นเสียแรง เธอเพียงแค่ดุอย่างเย็นชาว่า “เฟิงหานชวน คุณต้องการทำอะไร?”

“ฮวนฮวน คุณหวงร่างกายผมไม่ใช่หรือ? ตอนนี้…… ยังหวงหรือเปล่า?” เขาฝังศีรษะลงบนซอกคอของหญิงสาว ดมกลิ่นของเธออย่างลึกล้ำ

เธอเป็นยาของเขา และเป็นตัวซวยของเขา และเป็นสิ่งดึงดูดเขา!

เป๋าฮวน: "???"

เธอเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย

เพื่อยืมยีนของเฟินหานชวน เธอทำเหมือนปลื้มร่างกายของเขา เทคนิคของเขา หลังจากนั้นทั้งสองบ้าคลั่งเป็นเวลาสองคืน

คืนหนึ่งที่ห้องเพรสซิเดนสูทของโรงแรมตี้ฮวง นั่นถือได้ว่าบ้าทั้งคืน และอีกคืนหนึ่งที่ห้องของเธอเองที่ประเทศเฉิง ซึ่งมีการเก็บอาการ

แต่ว่า ยืมแล้วสองครั้งน่าจะเพียงพอแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการยืมแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปพัวพันกับร่างกายของเฟิงหายชวนอีก!

“ตอนนี้ฉันไม่หลงแล้ว ไม่มีอารมณ์แล้ว สองครั้งก็พอแล้ว” เป๋าฮวนเม้มปากพูดปฏิเสธ

เสียงเย็นชาของหญิงสาวแสดงความเบื่อหน่ายของเธอ ซึ่งทำให้ใจของเฟิงหานชวนเย็นลงบางส่วน เขาทำดีไม่พอหรือ? ดังนั้นแค่สองครั้งก็ทำให้เธอเบื่อกับร่างกายของเขาแล้ว?

ดังนั้น แม้แต่เขาคนที่นำพาก็เบื่อแล้วหรือ?

“แล้วตอนนี้คุณหลงใคร? เวินซือเหยี่ยนหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะผมสร้างปัญหา คืนนี้คุณสองคนคงจะเปิดใช่ไหม!” ห้อง? เสียงของเฟิงหานชวนเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลขึ้นมา

เป๋าฮวนขมวดคิ้วทันทีและดุว่า “เฟิงหานชวน คุณพูดบ้าอะไร! ฉันกับเวินซือเหยี่ยนเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น สองตระกูลเป็นมิตรกัน คุณอย่าสกปรกแบบนั้น!”

เฟิงหานชวนอารมณ์เสียมากในขณะนี้

เขาจับไหล่ของหญิงสาวแล้วหันเธอกลับมา ให้เธอเผชิญหน้ากับตัวเขา ดวงตาสีดำสนิทของเขาจ้องที่เธอแน่วแน่ "ฮวนฮวน คุณก็บอกว่าเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ?" แต่คุณก็เกิดความสัมพันธ์กับผมไม่ใช่หรือ?”

เป๋าฮวน : "……"

จู่ๆเธอรู้สึกยากที่จะโต้เถียง รู้สึกเหมือนแม้กระโดดลงไปในแม่น้ำหวงก็ไม่สามารถล้างตัวให้สะอาดได้

ตอนนี้ในสายตาของเฟิงหานชวน เธอเป็นผู้หญิงลามกที่เมื่อเห็นผู้ชายก็อยากจะลิ้มรส?

ถึงแม้ว่าจะถูกเข้าใจผิดแบบนี้ แต่เธอก็ไม่ได้อยากจะอธิบายเรื่องการยืมเมล็ดพันธุ์ เพราะเธอไม่สามารถบอกเฟิงหานชวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้

“จะพูดอะไรก็แล้วแต่คุณเลย ฉันขี้เกียจอธิบาย คุณปล่อยฉัน ถ้าที่คุณไม่ต้อนรับฉัน ฉันจะโทรกลับโรงแรมเดี๋ยวนี้ ให้ฉันอยู่ต่อหรือไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่!” เสียงของเป๋าฮวนมีเรี่ยวไม่มีแรงและแฝงไปด้วยความโกรธ

เฟิงหานชวนปล่อยมือทันที สีหน้าของเขาแตกตื่นเล็กน้อย และรีบอธิบาย: “ฮวนฮวน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจเข้าใจคุณผิด ผมแค่ห่วงใยคุณมากเกินไป ผมกังวลว่าคุณจะอยู่กับผู้ชายคนอื่น ดังนั้นผมเลย……”

เป๋าฮวนมองไปที่ท่าทางตื่นตระหนกของชายหนุ่ม จู่ๆหัวใจก็เต้นแรงขึ้นทันที

เธอมองออกอยู่แล้วว่าเฟิงหานชวนห่วงใยเธอและห่วงใยมากด้วย แต่เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาต่อไปยังไงจริงๆ

หรือบางทีเธออาจจะเคยชินกับความเป็นอยู่ในตอนนี้แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่อยากย้อนกลับไป ยิ่งกว่านั้นเธอยังมีตระกูลเป๋าที่ต้องสืบทอด มีคุณตาที่ต้องดูแล

ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดที่จะกลับประเทศฮัวเพื่อตั้งหลักปักฐาน เธอไม่สามารถเป็นภรรยาตัวน้อยที่สงบเสงี่ยมข้างกายเฟิงหานชวนได้อีก เพราะเธอไม่ใช่เฉินฮวนฮวนคนเดิมอีกต่อไป

แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้วเป็นความเข้าใจผิด แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปอยู่กับเฟิงหานชวนอีกครั้งได้ยังไง

หรืออาจจะไม่เหมาะสมกันอีกต่อไป

“เฟิงหานชวน ในเมื่อความเข้าใจผิดในตอนนั้นคลี่คลายแล้ว ฉันก็ไม่ได้เกลียดคุณอีกต่อไป ดังนั้นฉันหมายความว่าเราอยู่กันอย่างสงบสุขเหมือนอยู่กับเพื่อน” เป๋าฮวนหยุดและพูดต่อ: “ ฉันรับปากว่าจะรับละครราชวงศ์ชิงเรื่องนั้นของเวินซือเหยี่ยน บางทีอาจเป็นแค่ความฝันธรรมดาๆ เพราะตอนที่ฉันยังเป็นเด็กฝึก ฉันฝึกหนักมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อกำลังจะเริ่มประกวด ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์…… "

เพราะอุบัติเหตุนั้น ตอนนี้ร่างกายของฉันไม่สมบูรณ์ ลูกของฉันแท้งไปแล้ว ม้ามของฉันไม่มีแล้ว แม้ว่าตอนนี้ร่างกายของฉันจะแข็งแรงมาก ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตปกติของฉัน แต่ฉันไม่สามารถไปเป็นเด็กฝึกได้อีก ไม่สามารถรับการฝึกฝนที่หนักแบบนั้นได้”

“การถ่ายทำเป็นตัวประกอบถือได้ว่าเป็นการเติมเต็มความฝันที่เคยอยากจะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง หลังจากฉันถ่ายทำเสร็จ ฉันจะกลับประเทศเฉิน บางทีฉันอาจจะไม่ได้มาประเทศฮัวบ่อยๆ อาจจะสามหรือห้าปีเพราะกิจกรรมอะไรแบบนี้ งานการกุศลอาจจะมาสักรอบ เวลาส่วนใหญ่ฉันจะอยู่ประเทศเฉิน และตอนนี้ที่นั่นถึงจะเป็นบ้านของฉัน”

“ฉันรู้สึกว่าเราไม่เหมาะสมกันแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะไม่ยึดติดกับอดีตและมองไปข้างหน้าใหม่ อนาคตยังอีกยาวไกลและมีสิ่งที่สวยงามอีกมากมาย หรือบางทีคุณอาจจะพบคนคนนั้นที่เหมาะสมกับคุณ…….”

ในวินาทีต่อมา ขาเรียวของชายหนุ่มขยับออกและก้าวเดินหาเธอ

เป๋าฮวนตกลงในอ้อมกอดอันอบอุ่นและถูกกอดไว้แน่น ราวกับว่าลมหายใจกำลังจะถูกดูดออกไป

“ฮวนฮวน ขอบคุณมาก ขอบคุณมากจริงๆ……” เฟิงหานชวนใช้ศีรษะซบคอของหญิงสาวและดมกลิ่นร่างกายของเธออย่างแรง

เหมือนกับว่ากลัวตัวเองปล่อยมือ ผู้หญิงในอ้อมกอดจะหายไป

“คุณปล่อยฉันก่อน” เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองพูดยังยากเลย เพราะเฟิงหานชวนกอดเธอแน่นมากเกินไป

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินคำแนะนำของเป๋าฮวน เขารีบปล่อยมือทันที มือทั้งสองข้างของเขาจับไหล่ที่เรียวและอ่อนนุ่ม ตาทั้งสองจ้องมองเธออย่างเงียบสงบ

“ฮวนฮวน ขอบคุณที่คุณอยู่ต่อ” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย เพราะเขาตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นจนแทบจะพูดไม่ออก

เขาไม่คิดว่าเป๋าฮวนจะตัดสินใจอยู่ต่อ เขาคิดว่าเธอจะต้องจากไปแล้วจริงๆ

“ฉันเห็นคฤหาสถ์คุณมืดสนิท ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ ถ้าคุณอาการกำเริบและตายที่นี่จะทำยังไง? ฉันเป็นสาวที่จิตใจดี……ฉันเป็นผู้หญิงจิตใจดี!" ในใจเป๋าฮวนก็สับสนมาก

หลังจากที่เฟิงหานชวนแก้ไขคำว่า"สาวน้อย" ในรถแล้ว เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีหน้าที่จะเรียกตัวเองว่าสาวน้อย

“ผมพาคุณเข้าไป” เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ จูงมือเธอและกำนิ้วมือเธอแน่น

้เป๋าฮวนอยากคลายมือแต่คลายไม่ออก ทำได้เพียงปล่อยให้เฟิงหานชวนจับมือเธอไว้แน่น

ในไม่ช้า เฟิงหานชวนก็พาเธอเข้าไปในคฤหาสถ์และเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เฟิงหานชวนเปิดไฟแล้ว การตกแต่งภายในเหมือนสามปีที่แล้วไม่ผิดเพี้ยน

“เฟิงหานชวน สามปีมานี้คุณอยู่ที่นี่เหรอ?” เป๋าฮวนอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย

“เป็นบางครั้ง” เฟิงหานชวนหลับตาลงและตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“บางครั้ง? งั้นคุณพักอาศัยอยู่ที่ไหน บ้านหลังเก่าเหรอ?” เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย

“อยู่บริษัท คุณยังจำได้ไหมว่ามีห้องรับรองในสำนักงานของผม? ผมมักจะนอนที่นั่นเพราะผมมักจะทำงานล่วงเวลา” เฟิงหานชวนกล่าวตามความจริง

เวลาส่วนใหญ่เขาใช้พลังงานไว้กับการทำงาน มักจะทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่น หรือแม้กระทั่งทั้งคืน สำหรับเขาแล้ว การนอนเป็นเพียงการเติมเต็มแรงกายอย่างง่าย ไม่มีความรู้สึกใดๆเลย

ในความเห็นของเขา วันเวลาที่ไม่มีเป๋าฮวน ทุกอย่างเป็นเครื่องจักรกลที่เหี่ยวเฉาน่าเบื่อ

หลังจากที่เป๋าฮวนได้ยินคำพูดของเขา คนทั้งคนก็ตกตะลึง เธอก็นึกถึงคำพูดที่โหรงจิ่งซิวเคยบอกเธอแต่ก่อนตอนที่ส่งเฟิงหานชวนไปโรงพยาบาล

โหรงจิ่งซิวบอกว่าตั้งแต่ที่เธอฆ่าตัวตายแล้ว เฟิงหาสชวนได้ทุ่มเทพลังงานทั้งหมดไว้ที่การทำงานหลีกเลี่ยงแม้กระทั่งการพบปะสังสรรค์กับพี่น้อง คนทั้งคนเป็นเหมือนคนตายที่เดินได้

ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ

“คุณไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองแบบนี้แล้ว ตอนนี้ฉันมีชีวิตอยู่ดี ดังนั้นคุณไม่ต้องบีบคั้นตัวเองขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาบ่อยๆแล้ว” น้ำเสียงของเป๋าฮวนแผ่วเบา ทนไม่ไหวจนแสดงออกมา

เมื่อเฟิงหานชวนฟังเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มเหนียวของหญิงสาว เขารู้สึกว่าเป๋าฮวนกำลังเป็นห่วงเขา แต่เขาได้เรียนรู้บทเรียนแล้ว และไม่ถามต่ออีก

เขาแค่ยิ้มเบา ๆ แล้วก้มเอวลงกอดเธอ อุ้มเธอขึ้นในแนวนอนแล้วเดินไปที่ด้านบนสุดของบันได

“อ๊ะ!” เป๋าฮวนอุทาน จากนั้นตาก็เบิกกว้างและตะโกนว่า: “เฟิงหานชวน คุณทำอะไร! รีบปล่อยฉันลงมา——”

เธอใจดีอยู่ต่อและยังห่วงใยเขา แต่แทนที่เฟิงหานชวนจะเก็บอาการ กลับยังคิดใช้กำลังกับเธอ

เมื่อเธอกำลังจะบันดาลโทสะ เฟิงหานชวนพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าหลงใหล: "คุณเหนื่อยมาทั้งวัน ผมแค่จะอุ้มคุณขึ้นไปข้างบน ไม่มีความหมายอื่น"

“เป็นห่วง? ไม่ใช่หรอก” เป๋าฮวนหันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่าง ทำปากมุ่ยปฏิเสธ: “ฉันก็แค่แปลกใจ”

“แปลกใจเหรอ?” เฟิงหานชวนถามด้วยแววตาหมองคล้ำ“แล้วถ้าผมมีเรื่องอะไรจริงๆ……”

“เฟิงหานชวน คุณอย่าสมมุติแบบนี้ได้ไหม? อย่างน้อยสามปีมานี้ คุณก็ไม่เป็นอะไร” เป๋าฮวนหันศีรษะและจ้องมองไปที่ชายหนุ่มในที่นั่งคนขับ

เฟิงหานชวนหัวเราะกะทันหัน

“คุณหัวเราะอะไร? หรือว่าฉันพูดผิดเหรอ?” เป๋าฮวนพูดไรไม่ออกอย่างยิ่ง

“คุณไม่ได้พูดผิด ผมไม่ควรสมมุติ ที่จริงผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมยังอยากถามด้วยปากผมเอง ผมทำมากเกินไป” เฟิงหานชวนขับรถอย่างใจเย็นและเสียงของเขาราบเรียบ

“หือ?” คิ้วที่บอบบางของเป๋าฮวนขมวดขึ้น เกิดความสงสัยและไม่เข้าใจบนใบหน้า: “อะไรที่เรียกว่าคุณรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร? งั้นฉันกำลังคิดอะไรอยู่?”

เป็นไปได้เหรอที่เฟิงหานชวนจะสามารถอ่านใจได้? เธอไม่เชื่อหรอก

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เมื่อครู่คุณสงสัยไม่ใช่เหรอ ว่าคุณเป็นห่วงผม ผมมั่นใจ”

เป๋าฮวน : "……"

“อย่าหลงตัวเองได้ไหม?”

“ผมไม่ได้หลงตัวเอง ฮวนฮวน ทุกครั้งที่อาการป่วยผมกำเริบ คุณก็เป็นห่วงผม แล้วเมื่อผมตกอยู่ในอันตราย คุณก็เป็นห่วงผมเช่นกัน ไม่ใช่หรือ?” เฟิงหานชวนถามกลับ

เป๋าฮวน : "……"

ดูเหมือนว่าไม่สามารถปฏิเสธได้

เพียงแต่ว่า หัวเล็กๆที่ฉลาดของเธอหันกลับมาและพูดอย่างรวดเร็วว่า "โอ้โห ฉันเป็นสาวน้อยที่จิตใจดีแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือลูกสุนัขข้างถนน ฉันก็เป็นห่วงทั้งนั้น"

เฟิงหานชวนกระตุกปาก เปรียบเทียบเขากับลูกสุนัขข้างถนน?

“ฮวนฮวน มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากเตือนคุณ” มุมปากของเขายกขึ้นยิ้ม

เป๋าฮวนไม่ได้สนใจ เพียงแค่งุนงงและพูดว่า: “เรื่องอะไร?”

“คุณจิตใจดีมาก ไม่ผิด แต่คุณไม่ใช่สาวน้อย”

เป๋าฮวนอึ้ง พูดไม่ออก “ฉันอายุแค่ 23 ปี ทำไมฉันถึงไม่ใช่สาวน้อย? อายุของฉันนี้ ไม่ใช่สาวน้อย ไม่งั้นฉันจะเป็นสาวแก่หรือ? ไม่งั้นฉันจะเป็นคนข้ามเพศหรือไง?”

“ฮวนฮวน ความรู้ทางภาษาของคุณจำเป็นต้องเสริมแล้ว ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณเป็นนักเรียนAที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่มีความรู้นี้?” เฟิงหานฉวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

หลังจากเป๋าฮวนได้ฟัง ใบหน้าก็มึนงงมากขึ้นไปอีก

เฟิงหายชวนยิ้มจางๆ และอธิบายว่า: "คำว่าสาวน้อยหมายถึงผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน ในสมัยโบราณหมายถึงผู้หญิงพรหมจรรย์ คุณคิดว่าคุณเหมาะกับคำเรียกสาวน้อยนี้ไหม?"

สาวโสด สาวพรหมจรรย์……

เป๋าฮวนกัดฟัน เธอไม่ใช่ทั้งสองอย่าง!

“ฉันถุย คุณยังคิดว่าเป็นสังคมศักดินาหรือไง? ผู้หญิงทุกคนเป็นสาวน้อย คุณนี่มันผู้ชายเหม็นน่าขยะแยง!” เป๋าฮวนมองเฟิงหานชวนอย่างดุเดือด หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง เม้มปากแล้วไม่พูดอีก

เฟิงหานชวนจู่ๆก็พบว่าตัวเองดูเหมือนจะยั่วเธอเข้าแล้ว?

ไม่ว่าอย่างไรเขาไม่ได้พูดผิด

ไม่ว่าจะเป็นสาวโสดหรือสาวพรหมจรรย์ เธอก็ไม่ใช่แล้วทั้งนั้น

เฟิงหานชวนเม้มริมฝีปากไม่ได้พูดอะไรอีก และในไม่ช้าจะอธิบายให้เธอฟังชัดเจน

ขณะที่รถแล่นไปตลอดทาง เป๋าฮวนรอเป็นเวลานาน ก็ไม่ได้คำขอโทษที่รอจากชายหนุ่ม และความโกรธเคืองในอกก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น รถก็เลี้ยวและถนนข้างหน้าก็คุ้นเคยมากขึ้น ดวงตาของเป๋าฮวนเบิกกว้างทันที

“เฟิงหานชวน นี่ไม่ใช่ทางไปโรงแรมตี้ฮวง นี่มัน……” เป๋าฮวนอุทานขึ้น

“ถูกต้อง นี่คือทางกลับบ้าน คุณยังจำได้ไหม?” เฟิงหานชวนยิ้มจางๆและพูดว่า “นี่คือคฤหาสถ์ที่เป็นเรือนหอของเรา”

สีหน้าของเป๋าฮวนเปลี่ยนไป และความโกรธยิ่งเพิ่มขึ้น: “ส่งฉันไปที่โรงแรม!”

“ฮวนฮวน เสื้อผ้า รองเท้า และทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ที่นี่ พักอยู่ที่นี่ไม่ดีหรือ?” เสียงของเฟิงหานชวนอ่อนโยน ดูเหมือนจะปลอบสงบสติอารมณ์ของเธอ

“ทำไมฉันต้องพักอยู่ที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตของฉัน และฉันก็ไม่ใช่ภรรยาของคุณอีกต่อไปแล้ว ทำไมฉันถึงต้องอาศัยอยู่ในคฤหาสถ์ที่เคยเป็นเรือนหอ?” เป๋าฮวนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

แต่เฟิงหานชวนไม่ได้หยุดรถ แต่กลับเหยียบคันเร่ง ความเร็วรถเพิ่มขึ้น และรถก็เหมือนเครื่องบินกำลังบินขึ้น ขับไปข้างหน้าอย่างเมามันโดยไม่คิดที่จะหยุดเลยสักนิด

ความเร็วรถทำให้เป๋าฮวนตกใจ เธอเอื้อมมือไปจับที่จับไว้แน่นและขดตัวอย่างประหม่า กลัวราวกับว่าตัวเองจะถูกโยนทิ้งไป

ห้านาทีต่อมา รถหยุดที่หน้าประตูคฤหาสถ์

เป๋าฮวนคืนสติและสูดหายใจเข้า ดึงเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเปิดประตูเดินกลับหลัง

เธอมีเท้า ถึงแม้ว่าเฟิงหานชวนจะพาเธอมาที่นี่ เธอก็สามารถเดินออกจากเขตคฤหาสถ์และนั่งรถแท็กซี่กลับโรงแรมได้!

เฟิงหานชวนฉุดรั้งเธอไว้ไม่อยู่หรอก!

“ฮวนฮวน อย่าไป” เฟิงหานชวนตามไปจับแขนเธอด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

เป๋าฮวนหันศีรษะไปมองเขาผ่านโคมไฟบนถนน เฟิงหานชวนเห็นดวงตาสีแดงของเธอ

เขาตกตะลึงทันที

หรือว่าเขาทำอะไรผิดอีกแล้วหรือ?

“เฟิงหานชวน คุณมากเกินไปแล้ว! ตอนแรกดูถูกฉันด้วยคำพูด ตอนนี้ก็บังคับฉันกลับมา ต่อไปถ้าฉันไม่หนี คุณต้องการให้โค้งคำนับต่อคุณไหม?” เป๋าฮวนตะโกนขึ้นใส่เขาตรงๆ

เฟิงหานชวนปล่อยมือทันทีและส่ายหัว "ฮวนฮวน ผมเปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมแค่……"

เขาแค่หวังว่าเธอจะอยู่ในอาณาเขตของเขา เขาแค่หวังว่าเธอใกล้ชิดตัวเองมากขึ้น

เป๋าฮวนมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นหันหลังเดินต่อไป

ร่างกายสูงใหญ่เศร้าสลดของเฟิงหานชวนยืนอยู่ที่เดิม เขามองดูแผ่นหลังที่เล็กกระทัดรัดของหญิงสาว ลำคอของเขาดูเหมือนจะแข็งตัวและส่งเสียงแหบออกมา “ฮวนฮวน อย่าไป ได้ไหม?”

“ฮวนฮวน ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ……”

ฝีเท้าของเป๋าฮวนหยุดชะวัก ร่างทั้งร่างก็แข็งอยู่กับที่ เสียงอ้อนวอนของชายหนุ่มราวกับโซ่ตรวนนับไม่ถ้วนที่ผูกติดอยู่กับร่างเธอ

เธอนึกถึงอาการป่วยกำเริบของเขา และเธอก็คิดถึงที่เขาพูดกับเธอว่า ฮวนฮวน คุณคือยาของผม!

ถ้าเธอจากไปตอนนี้ อาการป่วยของเขาจะกำเริบหรือเปล่า?

เป๋าฮวนหันศีรษะและเหลือบมองที่คฤหาสถ์ มืดมิดไปหมด คิดถึงแม่บ้านหลี่อยู่ในบ้านหลังเก่าและหลิวหลี่ถงที่ถูกคุมขัง ไม่มีคนรับใช้อื่นในคฤหาสถ์นี้แล้ว?

ถ้าตอนนี้เธอจากไปจริงๆ แล้วเฟิงหานชวนป่วยกำเริบ ก็ไม่มีคนที่สามารถช่วยเขาได้?

เป๋าฮวนใจอ่อน เธอค่อยๆหันกลับมา หันหน้าไปทางชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนหน้าบูดบึ้งในขณะนี้ คนทั้งคนดูไร้ชีวิตชีวา เขาไม่รู้ว่าเป๋าฮวนจากไปหรือไม่ เขาแค่ไม่มีใครช่วยได้ ราวกับว่าเขาไม่สามารถคว้าความหวังไว้ได้ยังไงยังงั้น

เป๋าฮวนมองท่าทางของเฟิงหานชวน แม้กระทั่งเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ได้สังเกตเห็นการหันกลับมาของเธอ ตอนนี้เขาปวดใจมากใช่ไหม?

จู่ๆหัวใจของเธอก็กลายเป็นลูกบอล เธออ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ช่างเถอะ มันดึกมากแล้ว พักที่นี่ก่อนหนึ่งคืนละกัน”

ในคืนที่เงียบสงัด เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที

หลังจากรอไม่กี่นาที เป๋าฮวนยังไม่ได้คำตอบที่รอจากชายหนุ่ม จู่ๆเธอก็ตกใจมาก เป็นไปได้ไหมว่าอาการป่วยของเฟิงหานชวนกำเริบ?

ทั้งสองอยู่ห่างกันหลายสิบเมตร ขณะที่เธอกำลังจะวิ่งไปข้างหน้า ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นและใบหน้าของเขาก็ชัดเจนขึ้น

ภายใต้แสงสว่างของโคมไฟบนถนน เป๋าฮวนมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขากำลังยิ้มให้เธอ

“ฮ่าฮ่าฮ่า…บอกคุณแล้วจะได้อะไร? ชีวิตของฉันพังทลายหมดแล้ว! พังพินาศถึงที่สุด…” เสียงแหบของหลิ่วเยว่เอ่อร์คมชัดขึ้น เหมือนเสียงเลื่อยยนต์กำลังคำราม

น่ารำคาญเป็นอย่างมาก

เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึม เขาพบว่าในเมื่อเรื่องไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดแบบนั้น

ที่แท้ฮวนฮวนของเขาไม่ได้ทิ้งเขาไปง่ายขนาดนั้น

“ถ้าหากพูดออกมาว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ฉันจะให้คนคืนทุกอย่างให้กับเธอ” ดวงตาเย็นชาดุดน้ำแข็งคู่นั้นของเฟิงหานชวน มองไปที่หลิ่วเย่ว์เอ่อร์อย่างเคร่งขรึม

หลิ่วเยว่เอ่อร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นประสานสายตาเข้ากับเฟิงหานชวนพอดี เธอตกใจจนสั่น แล้วส่ายหัวอย่างหวาดกลัว “ตอนนั้นฉันโกหกคุณ แค่เรื่องนี้ สิ่งที่ฉันชดใช้ก็เยอะมากพอแล้ว…นอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่นฉันไม่ได้ทำอะไรเลย…”

“หลิ่วเย่ว์เอ่อร์ ตอนนั้นที่ฉันเกิดอุบัติเหตุ เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ห้องคนไข้ห้องไหน? แล้วมาหาฉันได้ยังไง?” เป๋าฮวนจี้ถามทันที

ตอนนั้นเธอขาดการติดต่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ไปแล้ว จากความสามารถของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ไม่มีทางสืบหาห้องคนไข้ของเธอได้ และก็ไม่น่ารู้เรื่องที่เธอเกิดอุบัติเหตุ

ก่อนหน้านี้ที่เธอคิดมาโดยตลอดว่าเฟิงหานชวนกับหลิ่วเยว่เอ่อร์มีอะไรกัน ดังนั้นหลิ่วเยว่เอ่อร์จึงรู้ข่าวมาจากเฟิงหานชวน

“เฉินฮวนฮวน ถ้าฉันพูดว่าฉันไม่รู้ เธอจะเชื่อไหม?” หลิ่วเยว่เอ่อร์เคลื่อนสายตาจากเฟิงหานชวนมาที่เป๋าฮวน

เป๋าฮวนมองดูเงียบ ๆ เธอสามารถดูออกได้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้โกหก เหมือนกับหลิวหลี่ถง พวกเธอสองคนไม่ได้โกหก

“ฉันเชื่อ แต่เธอลองคิดดูให้ละเอียด สามปีก่อน ได้เจอคนแปลกประหลาดอะไรไหม?” เป๋าฮวนพูดเสียงเข้ม

เธอไม่เชื่อว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่มีจุดเล็ดลอด ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามพุ่งมาที่เธอกับเฟิงหานชวน ถ้างั้นก็ต้องมีจุดเล็ดลอดอยู่บ้าง

หลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ฟังคำพูดของเป๋าฮวน เหมือนในหัวจะคิดอะไรขึ้นมาได้ทันที เธอขมวดคิ้ว แล้วลุกขึ้นมา พยักหน้าพูด “มี มีอยู่คนหนึ่งไปหาฉันที่บ้านเกิด เขาแปลกประหลาดมาก ดังนั้นฉันยังจำได้…”

“ประหลาด? ประหลาดยังไง?” เป๋าฮวนจี้ถามทันที ใจเต้นจนถึงลำคอ

หลิ่วเยว่เอ่อร์เห็นท่าทางกังวลของเป๋าฮวน จู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา เธอยิ้มถามพวกเขา “เฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวน ถึงฉันจะพูดออกมาแล้วยังไง ยังไงฉันก็ยังต้องอยู่ในคุกต่อไป?”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าดุดันมาก

เขาไม่ชอบถูกคนข่มขู่ แต่เวลาสำคัญตอนนี้ เขาทำได้เพียงคล้อยถามหลิ่วเยว่เอ่อร์

“พูดออกมา ฉันจะให้คนปล่อยเธอไป ให้คฤหาสน์เธอ ให้เงินเธอห้าล้าน เป็นยังไง?” เขาหัวเราะเยือกเย็น

ตอนนั้นที่หลิ่วเยว่เอ่อร์มาหาเขาแทนเป๋าฮวน ก็แค่อยากได้ความมั่งคั่ง แค่เพียงเธอสามารถบอกเบาะแสได้ แน่นอนว่าเขาสามารถตอบสนองเธอได้

“จริงเหรอ?” จู่ ๆ ดวงตาเหม่อลอยของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็เป็นประกายในทันที เดิมทีเธอที่เหมือนจะหมดแรงตาย ค่อย ๆ มีแรงขึ้นมา

“รักษาสัญญา” เฟิงหานชวนพูดเสียงเข้ม

“ตกลง ฉันหวังว่าคุณจะไม่โกหก” หลิ่วเยว่เอ่อร์ยืนตัวตรง เดินไปที่หน้าราวกั้น แล้วพูดจริงจัง “สามปีที่แล้ว ฉันถูกส่งกลับมาเกิดจากคุก ตอนนั้นฉันกลัวมากว่านายจะลงโทษฉันอีก ระแวดระวังจนไม่เป็นอันทำอะไร แล้วญาติที่บ้านเกิดก็ไม่รู้ว่าฉันถูกไล่ออกจากมหาลัย จึงคิดว่าฉันกลับไปพักฟื้นร่างกายที่บ้าน”

“ฉันอยู่บ้านแบบมึนงงทุกวัน ที่ฉันจำได้แม่นก็คือวันนั้นฉันทะเลาะกับพ่อ ตอนที่ออกไปสงบสติอารมณ์ ก็ได้เจอกับชายสวมหน้ากากคนหนึ่ง”

“ผู้ชายคนนั้นถามฉันว่าใช่หลิ่วเยว่เอ่อร์ไหม แล้วยังบอกฉันอีกว่าเฉินฮวนฮวนเกิดอุบัติเหตุ แต่ภายหลัง ฉันก็ไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว รอให้ฉันตื่นมา ฉันก็อยู่ในห้องคนไข้ของเฉินฮวนฮวนแล้ว!”

“ชายสวมหน้ากาก? เธอไม่ได้เห็นหน้าตาของเขา?” เป๋าฮวนรอไม่ไหวที่จะถาม

เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้พุ่งหาเธอ แต่เธอไม่น่าจะเคยมีเรื่องอะไรกับใคร นี่มันเรื่องอะไรกัน?

“ไม่เห็น แต่เขารูปร่างไม่สูง ค่อนข้างเตี้ยง น่าจะไม่ถึง 170 ใส่เสื้อโค้ตอังกฤษตัวหนึ่ง เสียงน่าจะเป็นเสียงเดิม…ถ้าหากฉันได้เจอเขาอีก ได้คุยกับเขา ฉันน่าจะจำได้” หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้โกหก นี่คือความทรงจำเดียวขอเธอ

“ชายหนุ่มตัวเตี้ย…” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ผู้ชายที่เธอรู้จักไม่เยอะ ยิ่งไม่รู้จักชายหนุ่มตัวเตี้ยแบบนี้

“หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอรู้สิ่งที่ต้องได้รับของการโกหก” เฟิงหานชวนพูดเตือน น้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างมาก

หลิ่วเยว่เอ่อร์ส่ายหน้าอย่างแรง ท่าทางของเธอตอนนี้จริงจังมาก คำพูดก็ซื่อสัตย์เป็นพิเศษ เพราะว่าเงื่อนไขที่เฟิงหานชวนให้เธอดีจริง ๆ ถ้าหากเธอช่วยพวกเขาหาชายคนนั้นเจอ เธอก็สามารถออกไปจากคุกได้ ได้ใช้ชีวิตดี ๆ แล้ว!

“ฉันรู้ คุณเฟิง ตอนนี้ฉันไม่กล้าพูดโกหก และก็ไม่อยากโกหก ฉันหวังว่าพวกคุณจะรีบหาตัวคนคนนั้นเจอ แบบนี้แล้วฉันก็สามารถออกจากคุกได้ ฉันไม่มีทางโกหกพวกคุณแล้ว!”

“ฉันจะให้คนพาพวกเธอออกไป แต่จะมีคนของฉันคอยสอดส่องพวกเธอ ถ้าหากนึกเบาะแสอะไรได้ จะต้องพูดออกมาทันที” เฟิงหานชวนพูดสั่ง

ในตอนที่เดินออกมาที่ประตูใหญ่ของคุก ด้านนอกมืดแล้ว

เป๋าฮวนเคยชินกับการนั่งที่นั่งข้างคนขับ เมื่อเฟิงหานชวนขึ้นรถ เธอพูดขึ้น “ส่งฉันกลับโรงแรมตี้ฮวงเถอะ”

“อืม” เฟิงหานชวนตอบรับเบา ๆ โดยที่ไม่ได้อะไรอีก แล้วสตาร์ทรถมายบัคสีดำ

“เรื่องนี้ต้องมีคนพุ่งเป้ามาที่ฉัน แต่…ไม่รู้ว่าพุ่งเป้ามาที่ฉัน หรือว่าคุณ…” เมื่อครู่เป๋าฮวนคิดจนหัวระเบิด แต่ก็คิดไม่ออกว่าตัวเองมีเรื่องกับผู้ชายที่ไหน

งั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าฝ่ายตรงข้ามพุ่งเป้าไปที่เฟิงหานชวน

ในเมื่อดูไปแล้วเหมือนเฟิงหานชวนจะมีศัตรูอยู่บ้าน สามปีที่แล้วอุบัติเหตุที่บลูส์คลับ เป็นเพราะเฟิงหานชวนถูกคนวางยา

“น่าจะเป็นผม” เฟิงหานชวนรู้ว่าเขาสร้างศัตรูนับไม่ถ้วน

แต่เขาคิดไม่ถึงตรงที่ ฝ่ายตรงข้ามพุ่งเป้าไปที่ฮวนฮวนของเขา ทำให้เขากับฮวนฮวนต้องแยกจากกันสามปี

บัญชีนี้ เขาจำเป็นต้องคิดคำนวณให้ดี

“ตอนนี้สำคัญที่สุดก็คือหาให้ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร” เป๋าฮวนพูดจบ ก็เอนหัวไปด้านหลัง กะว่าจะงีบหลับสักครู่

จู่ ๆ เธอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วเงยหน้าขึ้นทันที แล้วหันหน้าไปถามชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่อย่างตะลึง “เฟิงหานชวน ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามคือศัตรูของคุณ งั้นสามปีมานี้ ได้เจออันตรายบ้างไหม? เกิดเรื่องอะไรขึ้นไหม?”

ถ้าหากเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามพุ่งไปที่เฟิงหานชวน งั้นตอนที่หนีไปสามปีมานี้ ฝ่ายตรงข้ามน่าจะไม่หยุดมือ

ถ้าหน้าเป็นไฟแดงพอดี เฟิงหานชวนค่อย ๆ จอดรถลง เขาหันหน้ามา ประสานสายตามกับหญิงสาวที่อยู่ตรงข้าม

เขายิ้มบางพูดขึ้น “ฮวนฮวน คุณกำลังเป็นห่วงผมเหรอ?”

สิ่งที่เป๋าฮวนสงสัยคือความแปลกประหลาดของหลิ่วเยว่เอ่อร์และหลิวหลี่ถงในตอนนั้น

ในเวลานั้น เธอถูกทำให้โกรธจนสมองเลอะเลือน ไม่มีกะจิตกะใจคิดให้ถี่ถ้วน ส่วนคำพูดที่หลิวหลี่ถงพูดในตอนนี้ ทำให้เธอรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

แท้จริงแล้ว หลิวหลี่ถงไม่เหมือนว่าโกหก เรื่องราวเมื่อสามปีที่แล้ว หลิวหลี่ถงและหลิ่วเยว่เอ่อร์ มีพฤติกรรมบ้าๆบอๆ และดูไม่ปกติ

“หลิวหลี่ถง เธอบอกว่าเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สถานการณ์แท้จริงเป็นอย่างไร?” เป๋าฮวนถามอย่างจริงจังด้วยใบหน้าที่เย็นชา

ตามหลักแล้ว ผู้หญิงขี้ขลาดอย่างหลิวหลี่ถง ไม่กล้าทำเรื่องแปลกประหลาดแบบนั้นกับเฟิงหานชวนบนเตียง ในตอนนั้นหลิวหลี่ถงดูเหมือนบ้าไปแล้วจริงๆ

“คุณนายสาม ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันรู้แค่ว่าพระเจ้าโทรหาฉัน เขาบอกว่าเขาสามารถช่วยฉันได้ ฉันชอบคุณชายสาม เขาบอกว่าเขาสามารถช่วยฉันขับไล่คุณออกไปและฉันจะได้ตัวคุณชายสาม จากนั้นฉันก็ไปจากวิลล่า ฉันก็ไม่รู้อะไรอีกเลย……"

“เมื่อฉันตื่นขึ้นมา ฉันพบว่าฉันอยู่ในห้องของคุณกับคุณชายสาม จากนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรเลย……” หลิวหลี่ถงยังคงสับสนอยู่ในสมอง เธอรู้เพียงว่าทุกอย่างแปลกมาก แปลกมากจริงๆ

เป๋าฮวนขมวดคิ้วและถามเธออีกครั้ง: “พระเจ้าที่คุณกำลังพูดถึงเป็นชายหรือหญิง? น้ำเสียงเป็นแบบไหน? ฟังจากเสียงเธอรู้หรือไม่ว่าคือใคร?”

“เป็นเสียงผู้ชาย ไม่ใช่เสียงมนุษย์ เป็นเสียงของพระเจ้า เป็นของพระเจ้า ฉันจำไม่ได้ จำไม่ได้จริงๆ……” หลิวหลี่ถงส่ายหัวกะทันหัน

“ฮวนฮวน เธอกำลังหลอกคุณ เธอแค่อยากให้คุณปล่อยเธอออกไป” เฟิงหานชวนไม่เชื่อเรื่องแบบนี้เลย เขาคิดเพียงว่าหลิวหลี่ถงจงใจทำให้พ้นตัวจึงแต่งเรื่องขึ้นมา

เป๋าฮวนหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วหันไปหาเฟิงหานชวนและว่า "ฉันเห็นเธอรับสายจากพระเจ้านั้นกับตา เธอวิ่งออกไปโดยไม่ใส่เสื้อผ้า หลังจากที่เธอจากไป ฉันก็เก็บกระเป๋าและจากไป"

“เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นกันแน่?” เฟิงหานชวนแปลกใจทันที

เขาไม่รู้เรื่องนี้ และยังมีสิ่งที่น่าแปลกแบบนี้

เขาคิดมาตลอดว่าเป๋าฮวนจากไปเพราะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับหลิ่วเยว่เอ่อร์และหลิวหลี่ถงง อีกเรื่องคือปกปิดเรื่องคืนนั้นที่บลูส์คลับ

เรื่องอื่นเขาไม่รู้

คิดไม่ถึงเลยว่า เหตุผลที่เป๋าฮวนจากไปนั้นเป็นเพราะสายโทรเข้าจากพระเจ้านั่น? เป็นเพราะการกระทำของหลิวหลี่ถง?

“ฉันต้องการให้คุณส่งคนไปตรวจสอบว่าคนที่โทรหาหลิวหลี่ถงในบ่ายวันนั้นคือใคร สืบให้ชัดเจนว่าคือใคร อาจมีเค้าลางอะไรบางอย่าง” เป๋าฮวนพูดวิเคราะห์

“คุณนายสาม ขอให้คุณสืบให้ละเอียด ต้องคืนความบริสุทธิ์ให้ฉัน! ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ! ถึงแม้ว่าคุณจะให้ร้อยความกล้าแก่ฉัน ฉันก็ไม่กล้าทำอะไรคุณ……” หลิวหลี่ถงร้องไห้และอ้อนวอนขอความเมตตา

ตรงข้ามกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่ดูสงบนิ่งมากกว่า เธอหัวเราะเยาะขึ้น ไม่สนใจที่จะขอความเมตตาเลย

ถึงแม้จะรู้ชัดว่ามีคนใส่ร้ายพวกเธอ แล้วจะทำอะไรได้?

เธอถูกขังที่นี่มาสามปีแล้ว ต่อให้ออกไป เธอก็ต้องเผชิญกับชีวิตที่โหดร้ายกว่า ไร้การศึกษาและไร้ความสามารถ มีแต่จะถูกญาติพี่น้องผองเพื่อนหัวเราะเยาะ!

ถึงแม้จะถูกปล่อยออกมา แล้วจะมีความหมายอีกเหรอ?

เธอกับหลิวหลี่ถงไม่เหมือนกัน หลิวหลี่ถงอาจยังมีความหวัง แต่ความผิดที่เธอทำไม่ใช่เพียงเรื่องเดียว

“หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอหัวเราะอะไร? เธอรู้ว่าใครคือมือมืดเบื้องหลัง? บอกฉันมา!” เป๋าฮวนมองดูหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่กำลังยิ้มอย่างมึนงง ขมวดคิ้วอย่างหนักและมองดูเธออย่างสงสัย

ดูเหมือนว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะรู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร

หลิ่วเยว่เอ่อร์นึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนจะยังมีชีวิตอยู่!

เฟิงหานชวนไม่ได้บ้า แต่มันคือความจริง ความจริงที่ว่ายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ เพราะเฉินฮวนฮวนอยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้

อีกทั้งกำลังจ้องมองมาทางเธอด้วย

หลิ่วเยว่เอ่อร์รีบคลานมายังหน้าคุกอย่างร้อนรน ดวงตาที่ว่างเปล่าของเธอได้จ้องมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา

“หลิ่วเยว่เอ่อร์ ไม่เจอกันนานเลยนะ” น้ำเสียงของเป๋าฮวนราบเรียบมาก ถึงขนาดนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ผ่านไป 3 ปี กลายเป็นเพื่อนเก่า แต่เมื่อเห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์ในตอนนี้ เธอรู้สึกสะเทือนใจอย่างไม่น้อย

เป๋าฮวนพบว่า ความเกลียดชังหลิ่วเยว่เอ่อร์ในตอนนั้น เวลานี้ได้เลือนหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ความสงสาร

“คุณ…..คุณคือเฉินฮวนฮวนจริง ๆ ………” น้ำเสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์แหบพร่ามาก ไม่หลงเหลือความอ่อนโยนเลยสักนิด เธอกินไม่ได้ ใส่เสื้อผ้าไม่อุ่นเวลาอยู่ในคุก ส่งผลให้ร่างกายดูแย่ลง

“ค่ะ” เป๋าฮวนไม่ได้อธิบายอะไรมาก ตอบแค่เพียงสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“อ่าฮ่า ๆๆๆ ………”

หลิ่วเยว่เอ่อร์เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะนั้น มันทั้งเศร้าและโหยหวนมากทีเดียว

เธอต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ตลอด 3 ปี แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนจะยังไม่ตาย อีกทั้งยังสง่างามและมีความสุขมากอีกด้วย

ส่วนตัวเองนั้น เพราะการฆ่าตัวตายของเฉินฮวนฮวน เวลานั้นเธอต้องได้รับความทุกข์ทรมานแค่ไหน?

สำหรับเฟิงหานชวนแล้ว การปรากฏตัวของเธอนำมาซึ่งการฆ่าตัวตายของเฉินฮวนฮวน เธอต้องอยู่ในเรือนจำตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เหมือนตลกทั้งเป็น

“คุณบ้าไปแล้ว? คุณหัวเราะอะไร? ยังไม่อ้อนวอนคุณนายสามอีก?” หลิวหลี่ถงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็คุกเข่าลงไปบนพื้น และตะโกนไปทางเฉินฮวนฮวนว่า : “คุณนายสาม ขอร้องนะคะไว้ชีวิตฉันเถอะ! ก่อนหน้านั้นฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันถูกคนอื่นควบคุม ถูกคนอื่นล้างสมอง ฉันคิดว่าตัวเองกำลังฝัน ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆ ……”

เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่น ภาพสำมะเลเทเมาของหลิวหลี่ถงในตอนแรกได้ปรากฏขึ้นมาในสมอง

จู่ ๆ หลิ่วเยว่เอ่อร์เหมือนคิดอะไรได้ เธอมองไปยังหลิวหลี่ถงอย่างอึ้งงัน ก่อนจะโพล่งออกมา : “เธอเองก็รู้สึกแบบนี้เหรอ? ฉันก็เหมือนกัน ฉันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เมื่อสามปีก่อนฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันกำลังกลับบ้านเก่า แต่หลังจากที่ฉันตื่นขึ้นมา กลับอยู่ตรงหน้าของเฉินฮวนฮวนแล้ว ในโรงพยาบาลเมืองเป่ยเฉิง…..”

ตอนนั้นหลิ่วเยว่เอ่อร์แค่มาแทนเฉินฮวนฮวน กลายเป็นผู้หญิงในคืนนั้น เธอถูกทำร้ายปางตาย ดังนั้นตอนนั้นเฟิงหานชวนจึงให้คนลงโทษเธอ และขังเธอไว้ 1 เดือนแล้วค่อยส่งตัวเธอกลับบ้านเก่า

นี่คือส่วนที่เขาเสียใจที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะหลิ่วเยว่เอ่อร์ปรากฏตัวอีกครั้ง มาสร้างปัญหาต่อหน้าเฉินฮวนฮวน เธอก็คงไม่ต้องเล่นสงครามเย็นกับเขา

เมื่อเฟิงหานชวนเห็นท่าทางที่สั่นสะท้านของผู้หญิงทั้งสองคนนี้ ก็รู้สึกอดขำไม่ได้ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “พวกเธอสองคนสร้างข่าวลือว่าฉันมีความสัมพันธ์กับพวกเธอ ทำร้ายฉันและเฉินฮวนฮวนจนต้องแยกจากกันสามปี ฉันไม่ทำร้ายพวกเธอ ก็เพื่อพิสูจน์ความจริงในวันนี้”

“ฮวนฮวน ตอนนี้ผู้หญิงสองคนนี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว ผมสามารถบอกคุณอย่างตรงไปตรงมา …….” เฟิงหานชวนหมุนตัว ไปเผชิญหน้ากับเป๋าฮวน จากนั้นก็มองเข้าไปในดวงตาของเธอด้วยสายตาจริงจัง และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ผมกับพวกเธอ ไม่ว่าใครคนไหน ก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน แม้แต่จะใกล้ชิดกัน ก็ไม่มี”

เป๋าฮวนอึ้งงันไปเล็กน้อย

จริง ๆ แล้วเธอไม่แคร์ความจริงด้วยซ้ำ ๆ แต่ความจริงใจของผู้ชายตรงหน้า ทำให้เธอเหม่อลอยไม่น้อย

ตอนนี้เธอเชื่อแล้ว เชื่อแล้วจริง ๆ เชื่ออย่างไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว

เธอไม่ต้องการคำยืนยันอะไรอีกแล้ว

เพียงแต่…..

ยังมีเรื่องสงสัยอีกหนึ่งเรื่อง ยังเปิดเผยไม่ได้!

“ฉันพักโรงแรม” เป๋าฮวนตอบความจริงกลับไป : “บอดี้การ์ดของฉันจองโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”

หลังจากลงเครื่อง เธอก็ตามเฟิงหานชวนไปยังบ้านตระกูลเฟิง ส่วนจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งก็ไปพักผ่อนที่โรงแรมแล้ว

“โรงแรมไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ผมจึงไปพักคอนโดใจกลางเมือง มีแม่บ้านทำความสะอาด และยังพาบอดี้การ์ดไปพักที่นั่นได้อีกด้วย ถึงอย่างไรก็เหลือเวลาเปิดกล้องอีกไม่กี่วันแล้ว หลังจากเริ่มถ่ายทำทีมงานในเมืองเหิงซื่อก็ต้องจองโรงแรมที่อยู่ละแวกใกล้เคียง”

น้ำเสียงของเวินซือเหยี่ยนประดุจสายน้ำที่ใสสะอาด อ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และยังเกรงใจอยู่เล็กน้อยด้วย

“ไม่ต้องรบกวนหรอก อยู่โรงแรมก็ดีอยู่แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันก็พักโรงแรมนี่คะ” เป๋าฮวนรู้ว่าเวินซือเหยี่ยนเต็มใจช่วยเหลือ แต่เธอไม่อยากรบกวนคนอื่นจริง ๆ

“ไม่ได้รบกวนเลย คุณคิดว่าคอนโดเป็นโรงแรมก็ได้ เดี๋ยวกินหม้อไฟเสร็จแล้ว ผมจะพาคุณไป” เวินซือเหยี่ยนกลับยังตั้งใจมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ และพูดต่อว่า : “คุณช่วยผมเรื่องนี้ รับเล่นบทที่สำคัญนี้ชั่วคราว ไม่อย่างนั้นเกรงว่าละครเรื่องนี้คงจะเปิดกล้องไม่ได้แน่ คุณอย่าปฏิเสธผมอีกเลยนะครับ”

ในเวลานี้เป๋าฮวนเข้าใจในที่สุด ว่าอะไรคือความรู้สึกที่ยากจะปฏิเสธ

ในตอนที่เธอกำลังรู้สึกลำบากใจ เธอเตรียมจะตอบกลับไป แต่แล้วผู้ชายที่นั่งอยู่อีกด้านก็เอ่ยพูดขึ้นฉับพลันว่า : “ประธานเวิน ตอนกลานคืนฮวนฮวนต้องอยู่กับผม เราไม่ลำบากประธานเงินดีกว่า”

เป๋าฮวนหันไปมองเฟิงหานชวน : “???”

เธอต้องอยู่กับเขาตอนกลางคืน?

เธอไปตอบรับตั้งแต่ตอนไหน?

“ฮวนฮวน ประธานเวินเจตนาดีกับคุณ ผมรู้ว่าคุณคงจะไม่กล้าปฏิเสธ แต่เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าตอนกลางคืนผมจะพาคุณไปเรือนจำ จากนั้นก็พาไปยังคฤหาสน์ก่อนหน้านั้น” เฟิงหานชวนยื่นมือออกไปกุมหลังมือของผู้หญิงตรงหน้าไว้

ความอบอุ่นที่แผ่กระจายออกมาจากหลังมือ ทำให้เป๋าฮวนอึ้งงันไป

ไปเรือนจำ?

ไปเรือนจำทำไม?

หรือว่า…….ไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์?

เป๋าฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเกิดความสับสน ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงไปชั่วขณะ

เวินซือเหยี่ยนตั้งใจจะพาเธอไปคอนโดของเขา เฟิงหานชวนจะพาเธอไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์ในเรือนจำ….

“ซือเหยี่ยน คืนนี้ไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่า ฉันต้องไปเรือนจำกับเฟิงหานชวนจริง ๆ” เป๋าฮวนเลือกที่จะไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์ และเป็นการปฏิเสธเวินซือเหยี่ยนในเวลาเดียวกัน

ความตั้งใจของเธอก็คือ หลังจากที่เยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์เสร็จแล้ว เธอไม่สามารถกลับคฤหาสน์ไปพร้อมเฟิงหานชวน แต่จะกลับโรงแรมไปพร้อมกับฮ่องเต้คนนี้

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็จะไม่บังคับคุณ” เวินซือเหยี่ยนยิ้มด้วยความลำบากใจ แต่ในใจกลับรู้สึกผิดหวัง

แต่ในใจของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนเชื่อมั่นมาก

…..

หม้อไฟมื้อนี้ไม่มีความสุขเลยสักนิด บรรยากาศก็เย็นยะเยือกและอึดอัดใจไม่น้อย

หลังจากที่แยกกัน เฟิงหานชวนก็พาเป๋าฮวนไปเรือนจำ

เป๋าฮวนเคยมาเรือนจำเมื่อสามปีก่อน ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ดี ไม่นาน ผู้คุมก็พาพวกเขาไปยังหน้าห้องห้อง ๆ หนึ่ง

หลิ่วเยว่เอ่อร์และหลิวหลี่ถงอยู่ในห้องนี้ ทั้งสองคนผมเผ้ายุ่งเหยิง สวมชุดนักโทษสีฟ้า นอนอยู่บนพื้นที่ทั้งเก่าและสกปรก

สิ่งแวดล้อมในนี้แย่มาก มีแค่ช่องระบายอาการเล็ก ๆ เหนือสุดของกำแพงช่องเดียวเท่านั้น ซึ่งนั้นทำให้รู้สึกหดหู่และหายใจไม่ออก

เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว หลิวหลี่ถงเงยหน้าขึ้นมาเป็นคนแรก เมื่อเธอเห็นผู้มาเยือนคือเฟิงหานชวนและเป๋าฮวน จึงรีบคลานไปยังหน้าคุกโดยไม่คิดทันที จากนั้นก็ตะโกนออกไปเสียงดังว่า : “ประธานเฟิง ให้อภัยฉันเถอะนะ ปล่อยฉันออกไปเถอะ…….”

เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของหลิวหลี่ถง วินาทีที่หันหน้าไปมอง ร่างทั้งร่างก็อึ้งงันไป

ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายของเฟิงหานชวน เหมือนกับเฉินฮวนฮวนไม่มีผิด……..

“อ๊า!!!” หลิ่วเยว่เอ่อร์จับศีรษะพร้อมกับกรีดร้อง : “คุณยังไม่ตาย! คุณยังไม่ตายจริง ๆ !”

ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ แล้วมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน

ภาพลักษณ์ของเขาในเวลานี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เป๋าฮวนรู้สึกราวกับหัวใจของเธอเต้นผิดไปครึ่งจังหวะ เธอไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ และไม่ได้ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว

“ฮวนฮวน ผมคีบให้คุณใหม่นะ อาหารในถ้วยของคุณเย็นหมดแล้ว” ในเวลานี้เอง เสียงของเวินซือเหยียนก็ดังขึ้น

สติของเป๋าฮวนถูกดึงกลับมา เธอหันกลับมาอีกครั้ง เห็นว่าเวินซือเหยียนใช้ตะเกียบคีบเนื้อและผักที่สุกแล้วให้เธอ

มันกำลังร้อนๆ ดูน่ากินมาก

“ขอบคุณค่ะ!” เป๋าฮวนรีบกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็หยิบตะเกียบ คีบเนื้อที่ยังร้อนๆ ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จุ่มลงในซอสงาแล้วนำเข้าปาก อร่อยจนเธอติดใจ

เป๋าฮวนกำลังหิวพอดี กินราวกับน้ำไหลหลากทะทักเข้าท่วมฉับพลัน ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ไม่นานผักและเนื้อในถ้วยของเธอก็หมด

เป๋าฮวนกำลังจะเปลี่ยนตะเกียบแล้วคีบต่อ ก็เห็นว่าเฟิงหานชวนเริ่มคีบเนื้อส่งมาในถ้วยของเธอแล้ว

“เฟิงหานชวนไม่ต้องแล้ว คุณกินของคุณเถอะ ไม่ต้องคีบให้ฉันแล้ว” เป๋าฮวนปฏิเสธโดยอัตโนมัติ

มือของชายหนุ่มหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ ใบหน้าของเขาพลันมืดครึ้มลงทันที

เวินซือเหยียนคีบอาหารให้เธอ เธอไม่ปฏิเสธ พอตัวเองคีบอาหารให้เธอบ้าง เธอกลับปฏิเสธ?

เฟิงหานชวนที่อารมณ์ดีในตอนแรก ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

เมื่อตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับชายหนุ่ม เป๋าฮวนหันไปมองเขา พบดวงตาสีดำสนิทของเขาที่เย็นยะเยือกราวกับจะแช่แข็งทุกสรรพสิ่ง เธอรู้สึกหัวใจ “กระตุก” ขึ้นมาทีหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ

นี่เธอทำให้เฟิงหานชวนโกรธเหรอ

ก็ไม่ใช่ ตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังป่วย อารมณ์แปรปรวนก็เป็นเรื่องปกติ

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนผ่อนคลายลงแล้ว อย่างไรประโยคนั้นของเขา ทำให้เธอนึกไปถึงตอนบ่าย เขาบอกกับเธอว่า ‘ฮวนฮวน คุณก็เป็นยาของผมไง’

ดังนั้นเมื่อเธออยู่ตรงนี้ เขาไม่น่าจะป่วยหรอกใช่ไหม

“เฟิงหานชวน ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายก็กลับไปก่อนนะ” เป๋าฮวนเอ่ยบอกเขาอย่างนิ่มนวล

อย่างไรเวินซือเหยียนก็อยู่ตรงนี้ เฟิงหานชวนต้องไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขาป่วยอย่างแน่นอน ดังนั้นเป๋าฮวนจึงไม่ได้พูดตรงๆ แต่พิจารณาจากความคิดของเฟิวหานชวน และเอ่ยโน้มน้าวอย่างนิ่มนวล

ทว่า ในหูของเฟิงหานชวน คำพูดของเป๋าฮวนกลับเปลี่ยนไป

สำหรับเขาแล้ว เป๋าฮวนก็แค่ไม่ชอบที่เขามาเกะกะอยู่เป็นก้างขวางคอ ทำให้เป๋าฮวนไม่สามารถอยู่กับเวินซือเหยียนได้ตามลำพัง

เมื่อสักครู่เขามั่นใจมาก คิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญในใจของเป๋าฮวน แต่ตอนนี้ เฟิงหานชวนเริ่มสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง…

เป๋าฮวนสามารถทำให้เขาอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ได้เสมอ

“ผมสบายดี ไม่ได้เป็นอะไร” เสียงของเฟิงหานชวนเย็นเยือกลง แล้วเอ่ยต่อด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พวกคุณคุยกันปกติเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ก็ได้”

เฟิงหานชวนดูเหมือนจะกลับไปเย็นชาตามปกติของเขา เป๋าฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังกังวลเล็กน้อยว่าเฟิงหานชวนจะป่วย

“โอเค ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายก็บอกฉันล่วงหน้านะ” เป๋าฮวนเอ่ยบอกเสียงเบา

ทุกการกระทำและบทสนทนาระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนตกอยู่ในสายตาของเวินซือเหยียน เวินซือเหยียนดูออกว่าเป๋าฮวนห่วงใยเฟิงหานชวนมาก

แต่ว่า เป๋าฮวนไม่ได้ยอมรับเฟิงหานชวนภายในเดียว ถ้าอย่างนั้นเขายังมีโอกาสไม่ใช่เหรอ

“ฮวนฮวน ช่วงนี้ประธานเฟิงไม่สบายเหรอ ผมรู้สึกว่าประธานเฟิงดูแข็งแรงมากเลยนะ” แม้ว่าเวินซือเหยียนจะถามเป๋าฮวน แต่สายตาของเขากำลังพินิจพิเคราะห์เฟิงหานชวน

เวินซือเหยียนรู้สึกว่า เฟิงหานชวนดูไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย แต่เป๋าฮวนกลับคิดว่าเฟิงหานชวนไม่สบาย หรือว่าเฟิงหานชวนกำลังแสร้งป่วยเพื่อเรียกร้องความสนใจ?

“ฮะ?” เป๋าฮวนผงะไป เธอรีบเอ่ยอธิบาย “เขาแค่เป็นหวัดน่ะ ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง”

ปลายนิ้วชี้ของเฟิงหานชวนขยับเคาะเบาๆ บนโต๊ะสองครั้ง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าด้านข้างของเป๋าฮวน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย

เธอไม่ได้พูดอาการป่วยของเขาออกไป พิสูจน์แล้วว่าเธอห่วงใยเขา

และยังพิสูจน์ด้วยว่า เวินซือเหยียนไม่ได้สำคัญกับเธอขนาดนั้น

ถ้าเป็นคนสำคัญ เป๋าฮวนควรจะซื่อสัตย์ต่อเวินซือเหยียน ไม่ใช่จงใจปิดปังอาการป่วยของเขา

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ผมคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับประธานเฟิงซะอีก” เวินซือเหยียนเพียงยิ้มน้อยๆ แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ฮวนฮวน คืนนี้คุณพักที่ไหน มีที่พักในเป่ยเฉิงไหม”

“เฟิงหานชวน คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”

เป๋าฮวนเดินไปที่ข้างโต๊ะของเฟิงหานชวน ขมวดคิ้วและเท้าเอวแล้วถามอย่างไม่พอใจ

เดิมเธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะใจดีพาเธอไปส่ง แต่คิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะสะกดรอยตามมาที่ร้านหม้อไฟ

นี่เป็นการสะดกรอยตาม นี่คือการเฝ้าสังเกต!

เมื่อถูกหญิงสาวจับได้ต่อหน้า เฟิงหานชวนเกลียดตัวเองที่ปกปิดอีกต่อไปไม่อยู่ แต่ว่าเขาไม่เสียใจ

ถูกเห็นเข้าก็ถูกเห็นเข้า เขาเป็นคนซื่อตรงและเปิดเผย

“ฮวนฮวน ผมแค่มาทานอาหารที่นี่” เขาอธิบายอย่างใจเย็น

“คุณคิดว่าฉันจะเชื่อไหม?” ใบหน้าเป๋าฮวนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“ในเมื่อคุณอยากเข้าใจผิด ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้” เฟิงหานชวนยืนขึ้นเผชิญหน้ากับเธอแล้วถามว่า: “ฮวนฮวน ถ้าคุณไม่ได้มาหาผม เมื่อครู่ผมรบกวนพวกคุณหรือเปล่า”

เป๋าฮวน : "……"

ดูเหมือนว่าไม่มีรบกวน

“อะแฮ่ม แม้ว่าคุณจะไม่ได้รบกวน แต่คุณกำลังเฝ้าดูฉันอยู่! ไม่อย่างนั้นคุณต้องมาทานที่นี่ให้ได้?” เป๋าฮวนไม่เชื่อสิ่งที่เฟิงหานชวนพูดเลย

“ร้านนี้รสชาติดีมาก ผมบังเอิญส่งคุณมา ก็เลยทานอาหารเย็นที่ร้านนี้ มีปัญหาอะไรไหม?” เฟิงหานชวนพูดอย่างชอบธรรม

เป๋าฮวน : "……"

ดูเหมือนว่าไม่มีปัญหา

ทันใดนั้นเธอก็หัวเสีย

แม้ว่าเฟิงหานชวนจะไม่ได้รบกวน ทานหม้อไฟที่นี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เขาต้องอยู่ทานหม้อไฟที่นี่ เพื่อความสะดวกในการเฝ้าตามดูเธอแน่ๆ

“ประธานเฟิงพบกันอีกแล้ว” ในขณะนั้นเวินซือเหยี่ยนก็เดินมาและเริ่มเป็นคนทักทายเฟิงหานชวน และยื่นมือขวาของตัวเองออกมา

เฟิงหายชวนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้ตอบหรือจับมือกับเขา

เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีมารยาท เป๋าฮวนก็หยิกแขนของเขาและสั่งสอนว่า “คนเขาทักทายคุณ ทำไมคุณถึงไม่สนใจ? เฟิงหานชวน คุณไม่มีมารยาทเลย”

เฟิงหานชวนเบ้ปาก:“……”

สมควรตาย!

ผู้หญิงคนนี้ให้ความสำคัญกับเวินซือเหยี่ยนมากขนาดนี้หรือ?

เขาแค่เพิกเฉยต่อคำทักทายของเวินซือเหยี่ยน เป๋าฮวนก็รู้สึกเห็นใจ?

“ฮวนฮวน ไม่เป็นไร ประธานเฟิงเย็นยะเยือกมาตลอด ผมเตรียมใจไว้แล้ว” เวินซือเหยี่ยนดึงมือกลับ แล้วยิ้มเจื่อนๆ

เฟิงหานชวนรับรู้ถึงการยั่วยุในคำพูดของเขา และเขาเยาะเย้ย "ประธานเวินนี่ว่างมากจริงๆ เป็นประธานที่สง่างาม เขาอธิบายสคริปต์ด้วยตัวเอง"

“ประธานเฟิง ฮวนฮวนเป็นเพื่อนของผม ตระกูลเป๋าก็เป็นคนรู้จักของตระกูลเวินเรา ดังนั้นฮวนฮวนจึงมีความสำคัญกับผมมาก และผมต้องการความช่วยเหลือจากฮวนฮวน ดังนั้นก็ต้องคุยต่อหน้ากันเป็นอย่างดี” เวินซือเหยี่ยนยังคงยิ้มเจื่อนๆ ที่มุมปาก ซึ่งดูแล้วอ่อนโยนและสง่างามมาก

อย่างไรก็ตาม เฟิงหานชวนตระหนักถึงความก้าวร้าวในคำพูดของเขา

เวินซือเหยี่ยนกำลังอวดดี ตระกูลเวินและตระกูลเป๋าเป็นเพื่อนกัน ตระกูลเป๋ายืนอยู่ข้างเขา และเขาชอบฮวนฮวน นี่คือจุดที่สำคัญ

เฟิงหานชวนรู้สึกหงุดหงิด สีหน้าของเขาดูหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม

“ในเมื่อประธานเฟิงมาคนเดียว ถ้าคุณไม่รังเกียจ ทำไมไม่อยู่ด้วยกันหล่ะ?” เวินซือเหยี่ยนเป็นคนเชิญเอง

ตอนนี้เขาเข้าใจสิ่งหนึ่ง นั่นคือเป๋าฮวนไม่ได้ยอมรับเฟิงหานชวน ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็จะไม่มีสถานการณ์แบบนี้

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังตามจีบเป๋าฮวน แต่เป๋าฮวนไม่มีท่าทีเห็นด้วย

ถ้ายังงั้น ตัวเองก็ยังมีโอกาส

“ได้” เฟิงหานชวนเห็นด้วยโดยไม่ลังเล

เป๋าฮวนที่อยู่ข้างๆ: "???"

ผู้ชายสองคนนี้กำลังทำอะไรกัน?

ไม่คิดจะถามเธอหรือ?

……เฮ้ย!

“พวกคุณสองคนควรทำอะไร ก็ทำเถอะ ฉันไปเข้าห้องน้ำ” เป๋าฮวนหันหัวอย่างหมดคำพูดและเดินไป

เรื่องนี้จบลงแล้ว เธอจะไล่เฟิงหานชวนออกไปก็ใช่เรื่อง ทานด้วยกันก็ทานด้วยกันเถอะ

เมื่อเธอกลับมา พนักงานเสิร์ฟก็เชิญเธอไปที่โต๊ะกลมเล็กๆอีกโต๊ะ เฟิงหานชวนและเวินซือเหยี่ยนนั่งอยู่ที่นั่น ต่างคนต่างหันไปคนละทิศ

เป๋าฮวนนั่งลงในด้านที่พวกเขาปล่อยให้ว่าง และตำแหน่งของทั้งสามคนกลายเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม

มีบรรยากาศที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน

“ซือเหยี่ยน ขอฉันดูเนื้อเรื่องก่อน หากมีตรงไหนที่ฉันไม่เข้าใจ ฉันจะถามคุณอีกครั้ง” เป๋าฮวนยังคงพูดกับเหวินซือเหยี่ยนอย่างสุภาพ

“ได้” เวินซือเหยี่ยนยิ้มพร้อมพยักหน้าแล้วพูดว่า “ทานอะไรหน่อยก่อนเถอะ ทานไปดูไปด้วยก็ได้ ไม่ต้องรีบ”

พูดแล้วเขาใช้ตะเกียบกลางคีบอาหารร้อนๆให้เป๋าฮวน

เฟิงหานชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาอารมณ์เสียกับการกระทำของเวินซือเหยี่ยน นึกไม่ถึงเลยว่าจะยั่วยุแบบนี้ต่อหน้าเขา

“ขอบคุณ” เป๋าฮวนยังคงขอบคุณเขาอย่างสุภาพ และหยิบตะเกียบขึ้นมา หยิบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากทาน

สีหน้าของเฟิงหานชวนยิ่งหมอง เป๋าฮวนไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธ ยังทานอาหารอีกด้วย

อารมณ์ของเขามืดมิดเกินไปแล้ว และดวงตาของเขาจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงข้าม

เวินซือเหยี่ยนสังเกตเห็นแววตาและสีหน้าของเฟิงหานชวน เขาหัวเราะเบาๆ และจงใจพูดว่า: "ประธานเฟิง ทำไมคุณไม่ทาน? ไม่ถูกปากคุณหรือ?"

“ฮวนฮวน ผมอยากทานเนื้อวัว” เฟิงหานชวนไม่สนใจคำพูดของเวินซือเหยี่ยน แต่หันไปมองเป๋าฮวนและพูดกับเธอ

เป๋าฮวนกำลังเคี้ยวเนื้อในขณะที่ดูเนื้อเรื่องในมือ เธอเงยหน้าขึ้นเผชิญกับสายตามของเฟิงหานชวนปรากฏเครื่องหมายคำถามขึ้นสามอันต่อหน้าเธอ

เป๋าฮวน: "???"

“โอ้ คุณอยากทานก็ทานสิ” เธอพยักหน้าด้วยสีหน้างุนงง แล้วมองเนื้อเรื่องต่อ

สีหน้าของเฟิงหานชวนคล้ำหมอง เขายิ่งพูดอย่างตรงไปตรงมา: "ฮวนฮวน คุณคีบให้ผมทานหน่อย"

เป๋าฮวน: "???"

เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ สงสัยว่าสมองเฟิงหานชวนถูกลาเตะหรือเปล่า?

“ฮวนฮวน ผมอยากทานเนื้อชิ้นนั้นในชามของคุณ” เฟิงหานชวนพูดต่อโดยไม่ย่อท้อ

“……” เป๋าฮวนมองหม้ออีก จากนั้นก็มองเฟิงหานชวนและพูดด้วยท่าทางงุนงง: “ในหม้อก็มีนี่!”

“ฮวนฮวน ฉันแค่อยากทานในชามของคุณ ผมแค่อยากทานที่คุณคีบให้ผมเท่านั้น” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้ว่าคำว่า "หนังหน้า" สองคำนี้เขียนอย่างไรแล้ว

เป๋าฮวน: "???"

เรื่องบ้าอะไร!

อาการป่วยของเฟิงหานชวนกำเริบหรือเปล่า?

เห็นลักษณะตกใจของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนไม่ลังเลและเกือบจะบีบคั้นทุกฝีก้าว: "ฮวนฮวน ผมอยากทาน"

เป๋าฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนไม่เคยแปลกประหลาดขนาดนี้ และกังวลว่าอาการป่วยเขากำเริบขึ้น ดังนั้นจึงรีบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งในชามตัวเองแล้วโยนมันลงในชามของเฟิงหานชวน

เธอรีบพูดว่า: "นี่ ทานสิ ทานสิ"

เฟิงหานชวนมองลงไปที่ชิ้นเนื้อวัวในชาม ยกมุมปากขึ้น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบชิ้นเนื้อเข้าปาก

จากนั้นเขาก็มองเวินซือเหยี่ยนที่ฝั่งตรงข้ามอย่างยั่วยุ

เวินซือเหยี่ยนมีรอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมปากมาตลอด แต่มันหายไปในทันที และมีความเศร้าอยู่ในใจ

ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าเขาจะอิจฉาเฟิงหานชวนขึ้นมา

ถ้าตัวเขาพูดแบบนี้กับเป๋าฮวน เป๋าฮวนคงไม่คีบอาหารเขา

“เฟิงหานชวน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” เป๋าฮวนมองดูเฟิงหานชวนที่แอบหัวเราะอยู่ แล้วรีบยื่นมือออกไปเขย่าไหล่และถามอย่างเป็นห่วง

“หือ?” ขณะที่เฟิงหานชวนหันศีรษะและมองเธอ แววตาของเขาอ่อนลงทันที เขายิ้มและพูดอย่างแผ่วเบา: “ผมไม่เป็นไรอยู่แล้ว”

“ฮวนฮวน มีคุณอยู่ ผมไม่เป็นอะไรหรอก”

“ที่นี่ไม่มีห้อง VIP เหรอ?”

เป๋าฮวนนั่งลงตรงข้ามเขา ประโยคแรกที่ถามก็คือคำถามนี้

ถึงอย่างไรเธอก็รู้ว่าเวินซือเหยี่ยนคือนักแสดงชายที่กำลังโด่งดัง ซุปตาร์หนุ่ม ที่มีแฟนคลับเยอะมาก ยังไงก็ต้องมีปาปารัสซีคอยตามอยู่แน่นอน คนแบบนี้มากินข้าวกับผู้หญิงเป็นการส่วนตัวในที่สาธารณะ คงไม่เหมาะสมแน่ ๆ?

เกิดเป็นข่าวขึ้นมา คงจะอธิบายยากแน่ ๆ?

“วางใจเถอะ ที่นี่คนน้อย อีกอย่างมันเป็นระบบการจอง ปาปารัสซีเข้ามาไม่ได้หรอก” เวินซือเหยี่ยนหัวเราะเบา ๆ

ความจริงแล้วเรื่องที่เขาอยากพูดก็คือไม่มีปาปารัสซีตามเขาทั้งนั้นแหละ

“งั้นก็ดี ไม่งั้นถ้ามีข่าวหลุดออกไปคงสะเทือนวงการบันเทิง เกิดปัญหาใหญ่แน่ ๆ” เป๋าฮวนพูดความจริง เธอเองก็ไม่อยากเข้าไปพัวพันเรื่องซุบซิบนินทาเหล่านั้น

ถึงแม้จะอยากก้าวหน้าในวงการบันเทิง แต่ก็ไม่อยากใช้วิธีนี้มาสร้างกระแส

เวินซือเหยี่ยนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบไอแพดยื่นให้กับเป๋าฮวน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า : “ดูสิว่าอยากกินอะไร ผมยังไม่สั่งอาหาร เลือกน้ำซุปก่อนเถอะ”

“ได้” เป๋าฮวนพยักหน้า

หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จแล้ว เวินซือเหยี่ยนก็หยิบบทละครออกจากระเป๋า และยื่นมันให้กับเป๋าฮวน

เป๋าฮวนมองไปบนตัวอักษรสีทองที่ปรากฏอยู่บนหน้าปกสีดำว่า หมิงเยว่แห่งวังหลวง เธอเข้าใจทันที นี่คือบทละครที่เวินซือเหยี่ยนเคยพูดกับเธอ

“แล้วฉันได้รับบทไหน? ชื่อว่าอะไร?” เป๋าฮวนถามขึ้นอย่างอดใจรอไม่ไหว

ก่อนหน้านั้นเวินซือเหยี่ยนเคยพูดแค่เรื่องตัวละครกับเธอเท่านั้น แต่บทที่เป็นรูปธรรมแบบไหน เป๋าฮวนไม่รู้

“บทที่คุณต้องแสดงก็คือ พี่น้องแสนดีกับนางเอกหมิงเยว่ ชื่อว่า กุยหลาน” เวินซือเหยี่ยนตอบกลับไป

โชคดีที่เป๋าฮวนเพิ่งศึกษาบทบาทของตัวละครกุยหลานคนนี้มาพอดี ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเปล่งประกาย ก่อนจะพูดว่า : “ชื่อนี้ไพเราะมาก แต่ ……. ไม่ค่อยจะสอดคล้องกับบทบาทของตัวละครเท่าไหร่”

ความคิดแรกที่เห็นชื่อนี้ เธอคิดว่าเป็นนางสนมที่สง่าผ่าเผยอยู่ในวัง แต่กุยหลานมีบทบาทเหมือนอย่างที่เวินซือเหยี่ยนพูดไว้ก่อนหน้านั้น เป็นคนที่โง่เขลาและไร้เดียงสาที่สุดในวัง

“ส่วนหมิงเยว่บทนี้ แสดงโดยหลินฉายเฟยหนึ่งในนักแสดงที่กำลังฮอตฮิตที่สุดในวงการบันเทิงตอนนี้ เนื้อเรื่องหลักเล่าถึงชีวิตของหมิงเยว่ตั้งแต่เป็นหญิงรับใช้ของฮองเฮาจนถึงพระสนมของฮ่องเต้” เวินซือเหยี่ยนตั้งใจเล่าให้เธอฟัง

หลังจากที่ได้ฟังอย่างละเอียด เป๋าฮวนก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ส่วนบทบาทของตัวเองนี้ ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นตัวดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ

แต่เรื่องที่หนักใจก็คือ กุยหลานเป็นพี่น้องที่แสนดีของหมิงเยว่ ตัวร้ายทำร้ายหมิงเยว่ไม่สำเร็จ ต่อมาก็มาลงมือกับกุยหลาน สุดท้ายกุยหลานก็ตายอย่างน่าอนาถอยู่ในสระน้ำของสวนยวี่ฮวาเยวี๋ยน ส่วนหมิงเยว่ก็กลายเป็นผู้ร้ายไปโดยปริยาย

ถึงแม้ว่าบทบาทของกุยหลานจะไม่ค่อยเยอะนัก แต่ก็ไม่น้อยเลย อีกทั้งยังอยู่ในเส้นทางที่แสนเล่ห์เหลี่ยมของหมิงเยว่ นำพาไปสู้บทสรุปของการตัดสินใจครั้งสุดท้าย

ดังนั้นพูดได้ว่ากุยหลานบทนี้ ถึงจะดูไม่สำคัญ แต่ก็สำคัญอยู่มากทีเดียว

เธอพอใจกับบทบาทนี้มาก

“อื้อ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะแสดง ฉันคุยกับคุณตาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจะถ่ายทำตอนไหนฉันโอเคหมด ก่อนจะถ่ายทำเสร็จ ฉันน่าจะยังอยู่ในประเทศฮัว” เป๋าฮวนพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น

เวินซือเหยี่ยนคลี่ยิ้ม เหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า : “งั้นผมขอสรุปให้คุณรับบทเป็นกุยหลานอย่างเป็นทางการ”

“ค่ะ!” เป๋าฮวนตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความอยากรู้อีกครั้งว่า : “แล้วนักแสดงคนอื่นเขาเป็นคนแบบไหนกันบ้าง? ฉันอยากจะหาประวัติของพวกเขา ทำความเข้าใจสักหน่อย”

ถึงอย่างไรหลังจากนี้ก็ต้องเป็นเพื่อนร่วมงานในกองถ่ายอยู่แล้ว หลายปีมานี้เธอไม่ค่อยรู้เรื่องราวของนักแสดงภายในประเทศเท่าไหร่ ดังนั้นจึงอยากจะค้นหาข้อมูลศึกษาคร่าว ๆ ก่อน ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องที่อึดอัดใจ

“แล้วฮ่องเต้ล่ะใครแสดง? คุณเหรอ ซือเหยี่ยน?” เป๋าฮวนถามไปเรื่อย

เวินซือเหยี่ยนหยุดชะงักไปทันที

ในเวลานี้ ก็มีผู้ชายที่นั่งอยู่ห่างจากด้านหลังของพวกเขาไม่ไกลนัก เกิดอาการนิ้วสั่นเล็กน้อย

ซือเหยี่ยน เรียกสนิทกันขนาดนี้เชียว……

เวินซือเหยี่ยนมองไปทางเป๋าฮวนที่กำลังอ่านบทละคร เมื่อเห็นเธอใจลอย ก็รู้ทันทีว่าเธอคงจะไม่ได้ตั้งใจถาม จึงอธิบายไปว่า : “ฮ่องเต้คือนักแสดงรุ่นเก่าของผมคนหนึ่ง เป็นนักแสดงมากฝีมือ ชื่อว่าซ่งเฟิง”

“ฮวนฮวน คุณ……อยากให้ผมแสดงเป็นฮ่องเต้เหรอ?” เขาอดใจไม่ไหว จึงถามออกไปอย่างระมัดระวัง

ถึงแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็อยากจะถามออกไป

“อ่า?” เป๋าฮวนอึ้งงันไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตาหยีและพูดว่า : “ฉันก็ถามไปงั้นแหละ ถึงอย่างไรคุณก็เป็นฝ่ายผู้จัดอยู่แล้ว ฉันก็แค่คิดว่าคุณจะเล่นบทนำด้วยรึเปล่าเท่านั้น”

“จริง ๆ แล้วผม…..” เวินซือเหยี่ยนเกิดเห็นแก่ตัว เขาคิดอยากจะเปลี่ยนตัวซ่งเฟิง ก็ใช่ว่าจะไม่ได้

ถึงอย่างไร เขาก็เป็นฝ่ายการสร้างและฝ่ายผู้จัดของบทละครเรื่องนี้อยู่แล้ว

เพียงแต่ว่ายังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็ถูกเป๋าฮวนตัดบทไปเสียก่อน

“ฉันรู้สึกว่าบทของฮ่องเต้นี้ไม่เหมาะสมกับคุณ คุณยังเด็กเกินไป อีกอย่างฉันรู้สึกว่าบทบาทฮ่องเต้เหมือนกับ……เอ่อ หลายใจ ไม่เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของคุณ” เป๋าฮวนไม่ค่อยชอบฮ่องเต้บทนี้เท่าไหร่

ที่เรียกว่านางงามในวัง 3000 นาง หมายถึงบรรดาพวกผู้หญิงของฮ่องเต้ วนเวียนอย่างเท่าเทียม ไม่มีจิตใจที่บริสุทธิ์เลย

สำหรับฮ่องเต้ การมีพระสนมเยอะแบบนี้ ผลัดเวรกันมาสร้างความสุขทุกวัน เป็นเรื่องปกติ แต่ความคิดของคนปัจจุบัน ก่อนแต่งงานจะอะไรยังไงกับใครก็ได้ ตอนแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน หลังแต่งงานถ้าไปมีผู้หญิงหรือผู้ชายคนอื่น นั้นเรียกว่าไม่ซื่อสัตย์

ส่วนบทฮ่องเต้ในละครเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นหมิงเยว่ กุยหลาน ฮองเฮาหรือว่าพระสนมคนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่มี “ความรัก” กับฮ่องเต้ทั้งนั้น บางคนถึงกับต้องต่อสู้เพื่อแก่งแย่งชิงดี บางคนก็เข้าใจซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นพี่น้องกัน

“ฮวนฮวน คุณเป็นห่วงภาพลักษณ์ของผมเหรอ?” เวินซือเหยี่ยนรู้สึกดีไม่น้อย

รู้สึกสบายใจอะไรประมาณนั้น

อีกทั้งในสายตาของเป๋าฮวน เขาน่าจะเป็นผู้ชายมั่นคงในความรัก

“คุณหล่อขนาดนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนที่มีความสามารถ แต่แฟนคลับก็คงอยากให้บทบาทที่คุณได้รับนั้นสะอาดไม่คดโกง ฉันคิดแทนพวกเธอ” เป๋าฮวนตอบกลับไปอย่างจริงจัง

ต่อจากนั้น เวินซือเหยี่ยนก็รู้สึกร้อนรุ่มในใจ แต่แล้วก็เกิดเสียง “ปุด” ทุกอย่างก็มอดไหม้ลง

“ฮวนฮวน ผมเป็นแขกรับเชิญได้นะ ส่วนนักแสดงหลักส่วนใหญ่ ก็เซ็นสัญญาไปหมดแล้ว ดังนั้นคงจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว” เวินซือเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ และยังคงมุ่งมั่น

อันดับแรก เขาไม่เคยยอมเป็นแขกรับเชิญแบบนี้ แต่เพื่อเป๋าฮวน เขาทำได้

เขาอยากจะเข้าไปดูเธอในกองถ่ายในนามของแขกรับเชิญ ถือโอกาสเข้าฉากกับเธอ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

ไม่อย่างนั้น เขาคงจะหาโอกาสสานสัมพันธ์กับเธอไม่ได้อีกแล้ว

“อื้อ ๆ ดีเลย” เป๋าฮวนอ่านบทละคร ได้แต่พยักหน้าโดยไม่คิดอะไร

ไม่นาน หม้อไฟก็เดือด ผักและเนื้อก็ถูกยกเสิร์ฟพอดี

เป๋าฮวนถือโอกาสตอนที่กำลังต้มผักและเนื้อบอกกล่าวกับเวินซือเหยี่ยน จากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมจะไปเข้าห้องน้ำ

ในตอนที่เธอหมุนตัวนั้น ก็เหลือบไปเห็นโต๊ะสองและสามในร้านอาหารกำลังรับประทานอาหาร แต่มีเงาคนคนหนึ่ง ที่เธอรู้สึกไม่ชอบมาพากล

ประเด็นคือโต๊ะนั้น มีเขาแค่คนเดียว อีกทั้งเสื้อผ้าตัวนั้น ด้านหลังศีรษะนั้น เธอไม่มีทางจำผิดแน่

เป๋าฮวนก้าวเท้าไปยังทิศทางของผู้ชายคนนั้น

หลังจากที่คุยกับฝังซูเสร็จ เฉินเจี๋ยก็วางสายไป

เพราะว่าตอนที่เฉินเจี๋ยโทรศัพท์ก็เปิดลำโพง ดังนั้นหลีซืออวิ๋นได้ยินคำพูดทั้งหมดของฝังซูอย่างชัดเจน

“เป๋าอวี้ เป็นแค่ลูกนอกคอก เป็นไปได้ว่าเป๋าฮวนก็อาจจะใช่ด้วย” หลีซืออวิ๋นคาดเดาแบบนี้ เธอพูดขึ้น “วันนี้ฉันเห็นกระโปรงที่เป๋าฮวนใส่ ไม่ใช่แบบของแบรนด์หรู ถึงแม้จะดูละเอียดสวยงาม แต่อาจจะเป็นแค่ผลงานดีไซเนอร์ของแบรนด์เล็ก ๆ แค่นั้นแหละ”

“ใช่ใช่ใช่ อาจจะเป็นไปได้มากว่าเป็นแค่ลูกนอกคอก อีกอย่างเธอดูนะก่อนหน้านี้เป๋าฮวนเร่ร่อนอยู่ด้านนอก จะต้องเป็นลูกนอกกฎหมายแน่นอน จะมาเทียบกับอวิ๋นเออร์ได้ยังไง?” เฉินเจี๋ยพูดเสริม

หลีซืออวิ๋นพอใจเป็นอย่างมากกับคำตอบของเฉินเจี๋ย เธออกผายไหล่ผึ่ง ดูมั่นใจในตัวเองมากกว่าเดิม

ในเมื่อเป๋าฮวนไม่ใช่ทายาทที่แท้จริงของตระกูลเป๋า งั้นก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่มีเงินนิดหน่อยเท่านั้นแหละ ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง

แต่หลีซืออวิ๋นไม่เหมือนกัน เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลหลี ธุรกิจทั้งหมดของตระกูลหลี ภายภาคหน้าก็จะเป็นของเธอทั้งหมด

“เฉินเจี๋ย ช่วงนี้ฉันไม่อยากทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป เพราะว่าหานชวนยังจีบเป๋าฮวนไม่ติด แต่…ฉันอยากให้นายช่วยฉันคอยสอดมองเป๋าฮวนไว้ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวและภูมิหลังของเธออย่างละเอียด” หลีซืออวิ๋นใบหน้าสวยสง่านั่น กลับเห็นถึงความเจ้าเล่ห์ได้อย่างชัดเจน

“อวิ๋นเออร์คุณวางใจได้ ไม่มีปัญหา เชื่อใจฉันได้ ฉันจัดการเรื่องต่าง ๆ เธอยังไม่วางใจเหรอ?” เฉินเจี๋ยจงใจขยับตา ดูเลี่ยนเป็นพิเศษ

หลีซืออวิ๋นรู้สึกพะอืดพะอม แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ เธอรู้ว่าตัวเองมีเรื่องที่ต้องพึ่งพาเฉินเจี๋ย ดังนั้นจึงลดทิฐิลง

เดิมทีเฉินฮวนเตรียมตัวจะกลับไปตอนบ่าย แต่เฟิงเหลยถิงให้เธออยู่เล่นหมากรุกต่อ

เห็นว่าฟ้าเริ่มมืด ตอนเย็นตนเองยังจะต้องนัดเจอกับเวินซือเหยี่ยน จึงเป็นฝ่ายบอกลาเฟิงเหลยถิง หยิบกระเป๋าเตรียมตัวจะออกไป

เฟิงหานชวนเรียกเธอไว้ “ฮวนฮวน ผมไปส่งคุณ”

“ไม่ต้อง ฉันเรียกแท็กซี่ก็ได้แล้ว” เป๋าฮวนส่ายหน้า ปฏิเสธอย่างนิ่มนวล

“ผมไปส่งคุณ” เฟิงหานชวนเหมือนไม่ได้ยินคำปฏิเสธของเธอ โอบเอวของเธอไว้ แล้วพาเธอออกไปจากห้องรับแขก

เมื่อมาถึงในสวน เป๋าฮวนถึงได้ดิ้นหลุดจากมือเขา แล้วพูดอย่างหมดอารมณ์ “เฟิงหานชวน คุณอย่าลงไม้ลงมือ!”

“ฮวนฮวน ผมแค่ทำให้นายท่านเห็น” เฟิงหานชวนหยิบโล่กำบังออกมา

“หมายความว่าอะไร? ฉันพูดกับนายท่านไว้แล้ว ว่าตอนนี้พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน แค่เพื่อน คุณเข้าใจไหม?” เป๋าฮวนจนปัญญาอย่างมาก

“แต่นายท่านกลับไม่ดีใจ ไม่ใช่เหรอ?” เฟิงหานชวนตอกกลับ

เป๋าฮวนอึ้งนิดหน่อย สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ

ในตอนที่เฟิงเหลยถิงถามเธอ เธอตอบไปแบบนี้ ทำให้สีหน้าของเฟิงเหลยถิงผิดหวังไปจริง ๆ เพียงแต่เธอก็ไม่อยากปิดบังอะไรไว้

อีกอย่างเธอไม่ใช่แม่พระ เป็นไปไม่ได้ที่จะคำนึงถึงความคิดของคนตระกูลเฟิง ก็คือดีกับเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน ตอนนี้คุณคือคนที่ผมตามจีบ ในเมื่อผมจีบคุณ ก็ให้นายท่านคิดว่าพวกเรามีความเป็นไปได้ เขาอายุเยอะขนาดนี้แล้ว ให้เขามีเครื่องยังชีพได้ไหม?” เฟิงหานชวนพูดอย่างจริงจังมาก

สีหน้าของเป๋าฮวนยิ่งอยู่ยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ เธอจับหูลูบแก้ม ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตอบยังไง

ความหมายของเฟิงหานชวนชัดเจนมาก ก็คือให้เสแสร้งต่อหน้านายท่าน ทำเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่เลว มีความเป็นไปได้ที่จะคืนดีกัน

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ลังเลนิดหน่อย “ฉัน…”

“ฮวนฮวน ผมจะไม่รบกวนคุณบ่อย นายท่านก็ไม่มีทางให้คุณมาที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงทุกวัน ดังนั้นไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” เฟิงหานชวนแทบจะพูดไม่ออก

หัวสมองของเป๋าฮวนมั่วเป็นปมไปหมด กว่าจะแยกแยะความคิดได้ จึงถามขึ้น “ความหมายของคุณก็คือ ต่อหน้านายท่าน ให้ฉันแกล้งทำเป็นอยากจะยอมรับคุณใช่ไหม?”

“อืม” เฟิงหานชวนตอบ

“…ตามใจคุณ” เป๋าฮวนพยักหน้า ถือว่าตอบรับแล้ว

ยังไงซะเธอจะไปถ่ายละครแล้ว น่าจะมาที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงไม่ได้แล้ว เฟิงหานชวนจะวุ่นวายยังไงก็ตามใจเถอะ

ถ้าหากการโกหกแบบนี้สามารถทำให้นายท่านอารมณ์ดี เธอก็ไม่สนใจที่เฟิงหานชวนจะใช้เธอเป็นหน้ากาก

“ฮวนฮวน ผมรู้ว่าคุณมีเมตตาที่สุด” ฝ่ามือใหญ่ของเฟิงหานชวนวางลงที่ท้ายทอยของหญิงสาว แล้วจูบลงบนหน้าผากของเธอ

เป๋าฮวนยุ่งเหยิงในทันที เธอรู้สึกตัว ก็ถลึงตาใส่เฟิงหานชวนทันที แล้วจี้ถาม “เฟิงหานชวน ฉันเคยพูดว่ายังไง? นายฟังไม่รู้เรื่องเหรอ? ต่อไปไม่ให้นายลงไม้ลงมืออีก!”

จริง ๆ เลย!

เธอแค่ตอบรับว่า “แกล้งทำเป็นยอมรับเขา” ไม่ใช่ว่ายอมรับเขา คือดีกับเขาจริง ๆ ทำไมถึงได้จูบแล้ว?”

นิสัยชอบแต๊ะอั๋งของเฟิงหานชวนไม่เปลี่ยนเลยสักนิด!

“ฮวนฮวน ผมมีความจำเป็นต้องเตือนคุณ แม้จะดูไร้ยางอายไปหน่อย” เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก แล้วพูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ “ผมไม่ได้ลงไม้ลงมือ ผมแค่ลงปาก”

เป๋าฮวนกระตุกมุมปาก เธอพ่นออกมาครึ่งเสียง “…เชี่ย”

“คุณเป็นกุลสตรี ต้องสำรวมหน่อย” เฟิงหานชวนยกมือลูบหัวของเธอ จากนั้นก็จับข้อมือของเธอ พาเธอไปเอารถ

และที่หน้าต่างห้องรับแขกของคฤหาสน์ เฟิงเหลยถิงยืนค้ำไม้เท้าอยู่ตรงนั้น

มองดูรถจี๊ปสีดำขับออกไป เขาเผยรอยยิ้มโล่งใจออกมา

แม่บ้านหลี่เดินเข้ามา ยิ้มแล้วพูด “นายท่านคะ ฉันก็เห็นแล้วค่ะ ฉันคิดว่าในใจของฮวนฮวนยังมีคุณชายสามอยู่แน่ เพียงแค่ต้องการเวลานิดหน่อย”

“ใช่ เจ้าสามสู้อย่างหนัก ก็น่าจะมีความหวัง ฉันอยากจะเห็นลูกของเจ้าสามเกิดมา ในตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ แบบนี้ฉันถึงจะมีหน้าไปเจอแม่ของเขา” เฟิงเหลยถิงขอบตาแดงขึ้น

แม่บ้านหลี่ถอนหายใจ พูดเกลี้ยกล่อม “นายท่านค่ะ ร่างกายของท่านยังแข็งแรงอยู่ อย่าคิดเยอะไปเลยค่ะ ออกกำลังกายเยอะ ๆ ทุกวัน แล้วก็ทานยา คุณยังวัยรุ่นอยู่เลย!”

“ฉันอายุเท่านี้ยังไม่แก่นะ แต่สามปีมานี้ดูเจ้าสามใช้ชีวิตยากลำบากขนาดนั้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นเยอะเลย” เฟิงเหลยถิงแอบถอนหายใจ ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น “เมื่อเห็นว่าฮวนฮวนกลับมาแล้ว ฉันสบายขึ้นเยอะ บางทีฉันควรจะหาหญิงสาวสักคนมาดูแลฉัน”

แม่บ้านหลี่ “…”

จู่ ๆ ก็หมดคำพูด

สถานที่ทานอาหารเย็นที่เวินซือเหยี่ยนอยู่ในร้านหม้อไฟเนื้อวัวระดับหรู

ที่ตั้งของร้านหม้อไฟนี้ค่อนข้างจะไกล ไม่ได้อยู่ในเมือง แต่สภาพแวดล้อมรอบด้านค่อนข้างเงียบ เหมาะสำหรับการเจรจากัน

เฟิงหานชวนจอดรถตรงที่จอดรถกลางแจ้ง เป๋าฮวนปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วโบกมือลาเขา “ขอบคุณค่ะ ฉันลงรถแล้ว บายบาย”

ในเมื่อเวินซือเหยี่ยนเลี้ยงอาหารเธอ เธอจึงไม่ได้ชวนเฟิงหานชวน อีกอย่างเธอกับเวินซือเหยี่ยนมีเรื่องสำคัญจะคุยกัน

“อืม” เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรเยอะ เพียงแค่ตอบรับคำเดียว

หลังจากเป๋าฮวนลงจากรถ ก็เข้าไปในร้านหม้อไฟคนเดียว จากการนำทางของพนักงานเสิร์ฟ เดินเข้าไปข้างใน

ในไม่ช้า เธอก็เห็นเวินซือเหยี่ยน เวินซือเหยี่ยนสวมชุดลำลอง นั่งอยู่ด้านในสุด

หลีซืออวิ๋นไม่ได้ไปช็อปปิ้งกับเฟิงหย่า แต่หาข้ออ้างว่ามีธุระที่บริษัท แล้วรีบออกไป

เธอไปคอนโดส่วนตัวที่อ่าวมั่นเย่ว์ นี่เป็นจุดนัดพบของเธอกับเฉินเจี๋ย

หลังจากที่เฉินฮวนฮวน “เสียชีวิต” เธอคิดว่าจะตัดความสัมพันธ์กับเฉินเจี๋ย เพียงแต่เฉินเจี๋ยตามจอแจเธอตลอด ด้านเฟิงหานชวนก็ไม่สนใจเธอ ดังนั้นเธอกับเฉินเจี๋ยก็อยู่ในสถานะเด็ดบัวสายใยไม่ขาด

แต่หลายวันมานี้ เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะคบกับเธอ ดังนั้นจึงตัดขาดกับเฉินเจี๋ย แต่เธอคาดไม่ถึง ว่าเธอจะเป็นฝ่ายที่มาหาเฉินเจี๋ยเอง

ถึงแม้ว่าเฉินเจี๋ยจะตัวเตี้ยขี้เหร่ แต่พูดหยอดคำหวานเก่ง ปกติก็สามารถปลอบเธอให้มีความสุขได้ ที่สำคัญคือ เฉินเจี๋ยมีฝีมือที่ทรงพลังมากนั่นก็คือ…วิธีสะกดจิต

เป็นเพราะการช่วยเหลือของเฉินเจี๋ย ตอนนั้นเธอถึงเอาชนะเฉินฮวนฮวนได้

แต่ตอนนี้กลับแย่กว่าเดิม ไม่มีเฉินฮวนฮวนแล้ว แต่กลับมีเป๋าฮวนปรากฏตัวขึ้น แถมยังเป็นคนเดียวกัน เพียงแค่เปลี่ยนสถานะ

เธอคิดไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนคือทายาทของตระกูลเป๋า!

หลีซืออวิ๋นมาอย่างรีบร้อน เมื่อเธอมาถึงอ่าวมั่นเย่ว์ เฉินเจี๋ยยังรถติดอยู่บนถนน

เธอเปิดไวน์แดงขวดหนึ่ง ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ในที่สุดเฉินเจี๋ยก็มาถึง เฉินเจี๋ยมีรหัส จึงเข้ามาในคอนโดได้ทันที

“อวิ๋นเออร์!” เฉินเจี๋ยไม่ได้เจอหลีซืออวิ๋นหลายวันแล้ว จึงพุ่งตัวเข้าไปกอดเธอไว้

เฉินเจี๋ยเตี้ยกว่าหลีซืออวิ๋นหลายเซนติเมตร บวกกับหลีซืออวิ๋นสวมรองเท้าส้นสูง หน้าของเฉินเจี๋ยสามารถถึงแค่ไหล่ของหลีซืออวิ๋นเท่านั้น เขาแทบรอไม่ไหวที่จะซุกหน้าลงบนกระดูกไหปลาร้าของหญิงสาว

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลา!” หลีซืออวิ๋นผลักเขาออก เดินไปที่หน้าต่างด้วยความหงุดหงิด เธอขมวดคิ้วแน่น พูดขึ้นอย่างกระหืดกระหอบ “ตอนนี้ฉันควรจะทำยังไงดี?”

“อวิ๋นเออร์ เธอบอกว่าเฉินฮวนฮวนคนนั้นกลับมาแล้ว ตกลงว่ามันเรื่องอะไรกัน เธอบอกฉันหน่อย” อันที่จริงเฉินเจี๋ยก็รู้สึกกลัดกลุ้ม ในเมื่อตอนนั้นเฉินฮวนฮวนถูกไฟเผาแล้วจริง ๆ

หลีซืออวิ๋นหมุนตัวมา หน้าดำหน้าเขียวถึงที่สุด เธอกัดฟันพูดขึ้น “ผ่านการสนทนาระหว่างนายท่านกับเฉินฮวนฮวนที่โต๊ะอาหาร ฉันเดาได้คร่าว ๆ แล้ว”

“เฉินฮวนฮวนคือทายาทของตระกูลเป๋า หลังจากที่ตระกูลเป๋าตามหาตัวเธอเจอ เธอจึงใช้อำนาจของตระกูลเป๋าหนีไปได้ ศพหญิงที่ถูกเผานั่นก็ไม่ใช่เธอ”

“ตระกูลเป๋า?” เฉินเจี๋ยได้ยินคำนี้ สีหน้าครุ่นคิดขึ้น

“ตระกูลเป๋า ตระกูลขุนนาง ในช่วงปลายราชวงศ์ชิงทั้งครอบครัวไปพัฒนาอยู่ที่ประเทศเฉิน ภายหลังยิ่งอยู่ยิ่งเงียบ ตอนนี้สถานะเป็นยังไง ยังไม่แน่ชัด”

เธอเกลียด!

เธอเกลียดที่เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนเป็นเป๋าฮวน ปรากฏตัวต่อหน้าเฟิงหานชวนอีกครั้ง!

เธอเกลียดมากจริง ๆ!

“ฉันก็เคยได้ยินตระกูลเป๋า ฉันเคยเรียนที่ประเทศเฉินอยู่ช่วงหนึ่ง” เฉินเจี๋ยพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของหลีซืออวิ๋น

ได้ยินเฉินเจี๋ยพูดแบบนี้ หลีซืออวิ๋นจับแขนของเขาในทันที แล้วรีบถามขึ้น “นายได้ยินอะไรมาอีก?”

“มหาลัยของพวกเรามีคนของตระกูลเป๋าคนหนึ่ง ตอนนั้นฉันไม่ได้ใส่ใจ แค่ได้ยินนักเรียนหญิงในห้องพูดว่าตระกูลของเขาเก่งมาก มีผู้หญิงเยอะแยะตามจีบเขา” เฉินเจี๋ยตอบตามความจริง

หลีซืออวิ๋นได้ยิน ก็เหมือนกับหาเบาะแสได้ จึงรีบถามขึ้นอีก “นายกับนักเรียนหญิงพวกนั้นยังติดต่อกันอยู่ไหม?”

“มีอยู่สองคนแต่งงานอยู่ที่เป่ยเฉิง ช่วงนี้มีอยู่คนหนึ่งที่ติดต่ออยู่ สามีของเธอเลี้ยงดูเมียน้อยอยู่ที่นอกบ้าน ให้ฉันช่วยสืบข้อมูล” เฉินเจี๋ยกลอกตา ยื่นมือออกไปลูบหน้านุ่มลื่นของหลีซืออวิ๋น แล้วถามขึ้น “อวิ๋นเออร์ ความหมายของเธอก็คือให้ฉันไปถามพวกเธอเหรอ?”

“ใช่ นายโทรไปให้ฉันตอนนี้เดี๋ยวนี้!” หลีซืออวิ๋นปัดมือเขาออก ถลึงตาโตแล้วพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่นกับนาย ฉันจะต้องรู้เกี่ยวกับตระกูลเป๋าให้ชัดเจน!”

“ได้ได้ได้ เธออย่าโมโห ฉันจะโทรให้เธอตอนนี้เลย” เฉินเจี๋ยตามใจหลีซืออวิ๋นมาโดยตลอด เพราะเธอคนนี้เท่านั้น เขาถึงสามารถลิ้มลองรสหวานได้

พูดจบ เฉินเจี๋ยก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหาเพื่อนนักเรียนหญิงของเขาทันที “ฮัลโหล ฝังซู ฉันเองเฉินเจี๋ย”

“ฉันรู้ว่าเป็นนาย เฉินเจี๋ย นายหาเบาะแสอะไรได้อีกเหรอ? ตอนนี้สามีของฉันอยู่กับเมียน้อยคนนั้นเหรอ?” เสียงของฝังซูค่อนข้างดัดจริต เมื่อได้ฟังก็รู้ว่าเป็นพวกชอบเข้าสังคม ที่เทิดทูนเงินทอง

หลีซืออวิ๋นเจอคนแบบนี้มาเยอะแล้ว ผู้หญิงแบบนี้รอบตัวเธอเยอะแยะที่ชอบประจบสอพลอเธอ คนมีชื่อเสียงแบบเธอ รู้สึกรังเกียจพวกเธอจนเข้ากระดูก เธอเผยสีหน้ารังเกียจออกมา

“ฝังซู เรื่องของสามีเธอกำลังสืบอยู่ เธอวางใจได้ ฉันจะหาหลักฐานมาให้เร็วที่สุด วันนี้ที่ฉันโทรหาเธอ ไม่ใช่เพราะเรื่องของเธอ แต่เป็นเรื่องของฉัน ฉันอยากจะถามเรื่องคนคนหนึ่งจากเธอ”

เฉินเจี๋ยเอ่ยปากตรง ๆ “ตอนที่เรียนมหาลัยที่ประเทศเฉิน เธอเคยจีบผู้ชายสกุลเป๋าคนหนึ่ง เคยพูดว่าเป็นคนของตระกูลเป๋า เธอรู้ภูมิหลังอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของผู้ชายคนนั้นไหม?

“เป๋าอวี้? ทำไมจู่ ๆ นายถามถึงเขา? ฉันเกือบจะลืมคนคนนี้ไปแล้ว!” ฝังซูพูดถึงชื่อนี้ แถมยังหัวเราะเยาะเย้ย

หลีซืออวิ๋นได้ยิน ก็เห็นได้ชัดว่าฝังซูดูเหมือนจะดูถูกเป๋าอวี้ เธอขมวดคิ้ว แล้วส่งสายตาให้เฉินเจี๋ย บอกเขาว่าให้ถามต่อให้ชัดเจน

“เขาทำไมเหรอ? ไม่ดีเหรอ? ที่บ้านล้มละลายเหรอ?” เฉินเจี๋ยจี้ถาม

“ไม่ใช่หรอก! ตระกูลของเขาไม่ได้ล้มละลาย ก็แค่ไฮโซเล็ก ๆ ไม่มีอะไรดี ตอนนั้นยังทำเป็นกร่าง อ้างว่าเป็นตระกูลขุนนางราชวงศ์ชิง ตอนนั้นพวกเราไม่รู้เรื่องอะไร ถูกเขาโกหกกันหมด กินฟรีดื่มฟรีแถมยังนอนฟรี มีผู้หญิงหลายคนที่ถูกหลอก!”

ฝังซูเหมือนว่าไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้เลยสักนิด พูดออกมาเยอะแยะไปหมด มีแต่เรื่องที่เป๋าอวี้หลอกฟันผู้หญิงยังไง พูดถึงชื่อนักเรียนหญิงเยอะแยะ”

“ไม่จริงมั้ง! ชายคนนี้ขี้งกขนาดนี้เหรอ? ฉันจำได้ว่ามีตระกูลเป๋าที่เป็นตระกูลขุนนางอยู่จริง แล้วย้ายไปพัฒนาอยู่ที่ประเทศเฉิน เป๋าอวี้คนนี้ใช้นามสกุลเดียวกัน เพื่อตั้งใจพูดอวด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่คนของตระกูลเป๋าหรือเปล่า?” เฉินเจี๋ยคิดว่าบางทีอาจจะเป็นแบบนี้ หลีซืออวิ๋นก็คิดเช่นเดียวกัน

“เป็นคนตระกูลเป๋าไหม แน่นอนว่าเป็นคนตระกูลเป๋า เพียงแต่ตอนหลังมีเพื่อนฉันพัฒนาความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเป๋าอวี้ ถึงได้รู้ว่าเป๋าฮวนก็แค่ลูกนอกคอก นายรู้ไหม? ก็คือพวกลูกคนใช้ แบ่งมรดกได้ไม่เท่าไหร่! ได้เพียงแค่เศษของตระกูลเป๋า ถือว่าเป็นลูกคนรวยเล็ก ๆ” คำพูดของฝังซูเต็มไปด้วยความดูถูกเป๋าอวี้

เฉินเจี๋ยพยักหน้าทันที “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ตระกูลผู้ดีก็ค่อนข้างวุ่นวาย แถมยังแบ่งเยอะขนาดนี้…”

“แน่นอนสิ ไม่อย่างนั้นนายคิดว่าลำดับชั้นของสังคมเก่ามาจากไหน? ไม่ได้เกิดมาจากของแท้ แม่งก็เป็นลูกเมียน้อย ต่อไปไม่มีสิทธิ์รับมรดก!”

ฝังซูเป็นคนนิสัยตรง ๆ เธอพูดฉอดต่อ “ประเทศของพวกเราตอนนี้ก็พอ ๆ กัน? สามีของฉันก็เป็นลูกเมียน้อย ได้รับส่วนแบ่งแค่บริษัทเล็ก ๆ โชคดีที่ธุรกิจของตระกูลใหญ่โต ใช้ชื่อในนามของบริษัท ผลประโยชน์ของบริษัทเล็กไม่เลว ไม่อย่างงั้นตอนนี้ฉันคงกินดินแล้ว!”

“แต่ก็โชคดีที่สามีของฉันคือลูกเมียน้อย ไม่อย่างงั้นฉันคงเหยียดเท้าเข้าตระกูลของเขาไม่ได้ ทายาทตระกูลที่แท้จริงต้องหาคนที่คู่ควรเหมาะสมอยู่แล้ว”

“เออคือ…คุณเฟิง ฉันกับอาสามของคุณไม่ใช่สามีภรรยากัน อีกอย่างอายุฉันน้อยกว่าคุณ แต่คุณเรียกฉันว่าอาสะใภ้ มันดูไม่ค่อยเหมาะ!”

เป๋าฮวนแอบกระตุกมุมปาก ชื่อเรียกอะไรกัน!

เธอไม่อยากเป็นอาสะใภ้อะไรทั้งนั้น!

“หืม? ฉัน… ฉันคิดว่าคุณคืนดีกับอาสามแล้ว พวกคุณยังเป็นสามีภรรยากัน ฉันเลยเรียกคุณแบบนั้น ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณยังไม่คืนดีกัน…” ใบหน้าของเฟิงหย่าประหลาดใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าการปฏิเสธของเป๋าฮวนนั้นตกตะลึง

ทั้งๆที่เธอเคยเห็นในสวน เห็นเป๋าฮวนและอาสามพูดคุยหัวเราะกันที่ระเบียง ดูเข้ากันได้ดี!

เธอไม่คิดว่า เป๋าฮวนยังไม่ตอบตกลงอาสาม ประสิทธิภาพของอาสามแย่จัง

“เราถือว่าคืนดีกันแล้ว แต่ไม่ใช่การคืนดีแบบที่คุณคิด อาสามของคุณและฉันถือเป็น…เพื่อนกันเท่านั้น” เป๋าฮวนอธิบายอย่างอดทน

“เพื่อน?” เฟิงหย่าและหลีซืออวิ๋นพูดพร้อมกัน

ทั้งสองคนประหลาดใจพอๆกัน คนหนึ่งแปลกใจ คนหนึ่งตะลึง

แต่หลีซืออวิ๋นแอบดีใจลึกๆ แต่ท่าทางที่แสดงออกดูเหมือนประหลาดใจ

“พูดได้ก็คือ อาสามยังจีบคุณไม่ติด ใช่ไหม?” เฟิงหย่าเกาหัว หลังจากถามเป๋าฮวน เธอก็มองไปที่อาสาม

ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะพูดว่า อาช้ามาก!

ใบหน้าของเฟิงหานชวนบูดบึ้ง การแสดงออกไม่ค่อยดี

“เออ คือ…” เป๋าฮวนยื่นมือออกเกาหัว หากเธอยืนยันเฟิงหานชวนจะเสียหน้าไหม?

เพราะสายตาของเฟิงหย่าเริ่มดูหมิ่นเฟิงหานชวนแล้ว

“ไม่ใช่หรอก อาสามของคุณไม่ได้จีบฉัน เขามีเสน่ห์ขนาดนี้ มีผู้หญิงที่สวยมากมายยินดีจะอยู่กับเขา” เป๋าฮวนพูดอย่างคลุมเครือ

เธอไม่เพียงยกย่องเฟิงหานชวนเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาศักดิ์ศรีของเฟิงหานชวน

เธอคิดว่ามันควรที่จะพูดอย่างนั้น แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็นเฟิงหานชวนที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของเขาบึ้งตึงมาก

“อาสาม ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันกับพี่อวิ๋นจะไปซื้อของที่ตลาด พวกเราไปก่อนนะ ไม่รบกวนอากับฮวนฮวนแล้ว” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปกติ เฟิงหย่ารีบพาหลีซืออวิ๋นออกไปอย่างรวดเร็ว แถมยังปิดประตูอย่างเป็นกันเอง

หลีซืออวิ๋นถูกดึงออกจากห้อง อันที่จริง เธอลังเลมาก กว่าจะหาโอกาสเข้ามาได้ ไม่อยากปล่อยให้เฟิงหานชวนและเป๋าฮวนอยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่ไม่คิดว่าเฟิงหย่าจะ “ไร้เดียงสา” ขนาดนี้

ความไร้เดียงสานี้ ใช้ผิดเวลาจริงๆ

“เสี่ยวหย่า ไม่คุยกับอาสามของเธออีกสักหน่อยเหรอ?” หลีซืออวิ๋นถูกเฟิงหย่าดึงไปที่บันได เธอเอ่ยขึ้นว่า: “ดูเหมือนว่าฮวนฮวนยังไม่ได้ตอบตกลงกับเขา?”

“โถ่พี่อวิ๋น พี่ไม่เห็นเหรอ? อาสามกำลังตามจีบฮวนฮวน แต่ฮวนฮวนยังไม่ตอบตกลง เพราะงั้นเราต้องให้พวกเขาอยู่ในโลกของพวกเขาตามลำพัง แบบนี้อาสามถึงจะมีโอกาสรุกฆาต!” เฟิงหย่าพูดพร่ำ ราวกับเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยนในร่างของผู้หญิง

“โอกาสรุกฆาต?” หลีซืออวิ๋นขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

“ฮี่ฮี่ฮี่…” เฟิงหย่ายิ้มเยาะ จากนั้นเอนตัวเข้าไปที่หูของหลีซืออวิ่นและกระซิบ: “เป็นหมากที่กินขาดไง!”

ดวงตาของหลีซืออวิ๋นหรี่ลง เธอหันหลังกลับและถามด้วยความประหลาดใจ: "แบบนี้…ไม่เหมาะสมมั้ง? ฮวนฮวนอาจจะรังเกียจ"

“พี่อวิ๋น เรื่องนี้พี่ไม่รู้หรอก เพราะพี่ไม่เคยมีความรักมาก่อน ไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้ มันจะทำให้ผู้หญิงตื่นเต้นมาก!” เฟิงหย่าพูดด้วยท่าทางที่เข้าใจมาก แล้วตบเบาๆที่หน้าอกของเธอ พูดอย่างมั่นใจ

อีกอย่างในสายตาของเธอ หลีซืออวิ๋นเป็นสาวโสดมาตลอดชีวิต เธอมีอารมณ์อ่อนโยนและความคิดโบราณ และแน่นอนว่าเธอไม่ค่อยรู้เรื่องผู้ชายและผู้หญิงมากนัก

หลีซืออวิ๋นหัวเราะเยาะในใจ เธอไม่เคยมีความรัก? เธอไม่เข้าใจ?

เหอะ เธอมีผู้ชายนับไม่ถ้วน สิบนิ้วมือยังนับไม่หมด!

ผู้ชายเหล่านั้น มีค่าแค่อยู่ใต้ตีนของเธอ เป็นสุนัขที่เลียขาของเธอ

เธอไม่ชอบพวกเขา แต่เธอจะเล่นกับพวกเขา ฟันแล้วทิ้ง ผู้ชายในใจของเธอคือเฟิงหานชวน

แต่คนที่เฟิงหานชวนชอบไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงที่ด้อยกว่าเธอทุกอย่าง!

เมื่อถูกผู้ชายกอดจากด้านหลัง เป๋าฮวนก็รู้สึกประหม่าในทันที

ตอนนี้เธอไม่เห็นการแสดงออกของเฟิงหานชวน อาจจะโกรธจนอยากหักคอเธอ?

เพราะผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าไม่ชอบคนที่อายุน้อยกว่า ถ้าอย่างนั้นผู้ชายที่แก่กว่า…ก็คงจะเหมือนกัน!

“ปล่อยฉันนะ มีอะไรก็คุยกันดีๆ~” เป๋าฮวนยอมรับทันที

เมื่อกี้แค่ต้องการหยอกล้อเฟิงหานชวน เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาโกรธจริงๆ

ผู้ชายไม่พูด แต่เขาโอบแขนเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“ฉันแค่ล้อเล่นจริงๆ” เป๋าฮวนเม้มปากและพึมพำ

“ฮวนฮวน ถ้าผมเรียกคุณว่าป้า คุณจะรู้สึกยังไง?” ผู้ชายก้มศีรษะลง เอนไปทางหูของเธอและกัดติ่งหูของเธอ

เป๋าฮวนสั่นสองครั้ง ราวกับว่าถูกไฟดูด

“ป้า?” มีเครื่องหมายคำถามมากมายบนหัวของเธอ

เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?

เฟิงหานชวนจะเรียกเธอว่าป้า?

“คุณเคยบอกว่าเราควรเท่าเทียมกันในทุกเรื่อง”

“ถ้าอย่างนั้น คุณเรียกผมว่าอา ว่าด้วยความเท่าเทียม ผมก็ควรเรียกคุณว่าป้า”

ผู้ชายอธิบายเช่นนี้

เป๋าฮวน : "…"

เธอพูดไม่ออก และรู้สึกละอายใจเล็กน้อย

ตอนนั้นเธอเรียกร้องความเท่าเทียมให้กับตัวเอง แต่มักจะปฏิบัติกับเขาอย่างไม่เท่าเทียม เอาอายุของเขามาล้อเล่น

ดูเหมือนว่าเธอจะทำผิดจริงๆ

“ฉันขอโทษ!” เป๋าฮวนเลือกที่จะขอโทษและสารภาพว่า: “ฉันไม่ได้จะล้ออายุของคุณ ฉันแค่พูดเล่น ต่อไปฉันจะไม่ทำอีก”

เมื่อได้ยินคำพูดที่จริงใจและอ่อนโยนของผู้หญิง เฟิงหานชวนก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะละลาย

เขาอดไม่ได้ที่จะกอดผู้หญิงไว้ในอ้อมแขนของเขา เขากดคางแนบกับไหล่ของเธอ

ความอบอุ่นและความรู้สึกหายใจไม่ออกแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเป๋าฮวน แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ขัดขืน ไม่พูดอะไร ยืนนิ่งอยู่ตรงจุดนั้น

ปล่อยให้ผู้ชายกอด

“ก๊อกก๊อกก๊อก!”

ทันใดนั้น ประตูตรงหน้าก็มีเสียงเคาะดังขึ้น

เป๋าฮวนดิ้นสองครั้ง เฟิงหานชวนปล่อยเธอทันที เดินไปที่ประตู แล้วเปิดประตู

“อาสาม!” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น

ร่างที่สูงของเฟิงหานชวนบังประตูไว้ เป๋าฮวนมองไม่เห็นว่าใครมา แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ เธอก็รู้ว่าคือเฟิงหย่า

ในวินาทีต่อมา เสียงของผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้น เสียงที่อ่อนโยน: “หานชวน รบกวนหน่อยนะ เสี่ยวหย่าบอกว่าอยากมาหา”

เป๋าฮวนจำเสียงนี้ได้ มันคือเสียงของหลีซืออวิ๋น

“เข้ามาก่อน” เฟิงหานชวนก้าวถอยหลังและพูดเบา ๆ

เป๋าฮวนเห็นเฟิงหย่าและหลีซืออวิ๋นยืนอยู่ที่ประตู เธอหันหน้าไปทางประตูพอดี ดังนั้นพวกเธอจึงเผชิญหน้ากัน

“อัยยะ! ทำไมแก้มของอาสะใภ้แดงจัง?” เฟิงหย่าวิ่งเข้าไปหาเธอ มองดูเธออย่างระมัดระวัง และถามด้วยรอยยิ้มว่า: “ ฉันมารบกวนเวลาของคุณกับอาสามหรือเปล่า?”

อา…สะใภ้?

อาสะใภ้อะไรกัน?

อาสะใภ้!!!

เป๋าฮวนลืมตากว้างด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความนึกไม่ถึง ราวกับว่ามีฝูงอีกาบินผ่าน

ก้าก้าก้า

กรรม ผลกรรมมาแล้ว!

เธอเรียกเฟิงหานชวนว่าอา จากนั้นหลานสาวของเขาก็เรียกเธอว่าอาสะใภ้!

คำเรียกนี้ฟังแล้ว ค่อนข้างจะ…

“อาสะใภ้ ทำไมอาไม่ตอบ? ชื่อเรียกนี้ฟังดูไม่ดีเหรอ? แล้วคุณอยากให้ฉันเรียกคุณว่าอะไร?” เฟิงหย่าจับมือเธออย่างตื่นเต้น เข้าหาเธอด้วยความกระตือรือร้น

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น

เธอไม่รู้ว่าจะตอบเฟิงหานชวนอย่างไร เธอไม่รู้จริงๆ

เธอเพียงมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความงุนงง ไม่ได้พูดหรือทำอะไรทั้งนั้น

“ฮวนฮวน…ผมทำให้คุณตกใจใช่ไหม ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ…” เฟิงหานชวนเห็นสีหน้าของเป๋าฮวนแปลกไป เธอดูตื่นตระหนกตกใจเล็กน้อย

เขากังวลว่าสถานการณ์ของเขาในตอนนี้จะทำให้เป๋าฮวนกดดัน และทำให้เป๋าฮวนอึดอัด เขากังวลว่าเป๋าฮวนจะจากเขาไปเพราะเหตุนี้

“ฮวนฮวน คุณวางใจเถอะ ผมจะไม่บังคับคุณแล้วจริงๆ ผมแค่หวังว่าคุณจะให้โอกาสผมได้อยู่ข้างๆ คุณ” ดวงตาสีดำสนิทลึกล้ำของเฟิงหานชวนค่อยๆ หลุบลง เสียงของเขาเบาลงเล็กน้อย เขาเอ่ยเสริมเสียงเบาขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “แม้จะเป็นเพียงคนที่ตามจีบคุณก็ตาม”

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ประโยคนี้ราวกับหินก้อนใหญ่ที่กดทับหัวใจของเธอ

“อาหาน…ความจริงแล้ว…” เธอพึมพำ

วินาทีต่อมา ยังไม่ทันพูดจบ เธอก็ถูกชายหนุ่มขัดจังหวะเสียก่อน เธอเห็นสีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าดูตกใจเล็กน้อย ราวกับไม่อยากจะเชื่อแบบนั้น

“มีอะไรเหรอ คุณ…ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เป๋าฮวนรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนดูแปลกไปเล็กน้อย

“ฮวนฮวน เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าอะไรนะ” เฟิงหานชวนเหมือนจะกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ แล้วถามอย่างระมัดระวัง “ชื่อนั้น คุณ…เรียกอีกครั้งได้ไหม”

ทันใดนั้น เป๋าฮวนก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อสักครู่เธอเผลอเรียกชื่อ “อาหาน” ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อาหาน ต่อไปฉันเรียกคุณแบบนี้ก็ได้” เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองได้ปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแล้ว

ดังนั้น เธอจึงไม่เกลียดชังเฟิงหานชวนแล้ว ชื่อนี้ต้องมีปัญหาอะไรอีกเหรอ

ไม่จำเป็นต้องมีปัญหาอะไรแล้ว

“ฮวนฮวน ผม…ผมดีใจจริงๆ นี่เป็นชื่อเรียกระหว่างเราสองคน ตอนนี้คุณยอมเรียกผมแบบนี้แล้ว…” ท่าทางระงับความตื่นเต้นของเฟิงหานชวน ทำให้เขาวางตัวผิดปกติไป

“คุณ คุณอย่าตื่นเต้นนักเลย” เป๋าฮวนเกาศีรษะ เธอเม้มริมฝีปากและกล่าวว่า “ฉันเรียกตามมารยาทน่ะ”

“มารยาท?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจ

“คุณดูสิ คุณแก่กว่าฉันตั้งเก้าปีนะ แก่กว่าฉันมากเลย คุณเป็นรุ่นอาของฉันแล้ว ฉันมักจะเรียกคุณว่าเฟิงหานชวน เหมือนฉันไม่ได้รับการสั่งสอนเลย!” เป๋าฮวนยกมือสองข้างกุมแก้มตัวเอง ก่อนจะกล่าวต่ออย่างจริงจังว่า “แต่ว่า คุณก็เป็นอดีตสามีของฉัน ฉันเรียกคุณว่าคุณอาก็ดูไม่ค่อยเหมาะสม ฉันก็เลยเรียกคุณว่าอาหาน ตอนนี้เราสองคนนับได้ว่าเป็นเพื่อนกันครึ่งหนึ่งแล้ว”

“คุณอา?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนมืดครึ้มลงทันที ใบหน้าดีอกดีใจเมื่อสักครู่ดูเหมือนจะหายวับไปทันที

เป๋าฮวนดูออกว่าเฟิงหานชวนโกรธมาก แต่สิ่งที่เธอพูดคือความจริงนะ!

เขาแก่กว่าเธอตั้งเก้าปี เฟิงเฉินเหยี่ยนและเฟิงหย่าเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ แม้ว่าเธอจะอายุน้อยกว่าพี่น้องสองคนนั้น แต่เฟิงหานชวนก็เป็นคนรุ่นอาของเธอ

“ถ้าคุณไม่รังเกียจที่ฉันเรียกคุณว่าคุณอา ฉันเรียกคุณว่าคุณอาก็ได้นะ คุณอา~” จู่ๆ เป๋าฮวนก็อยากหยอกล้อ เธอจงใจเย้าเฟิงหานชวนเล่น

“เป๋าฮวน!”

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกขึ้น ก่อนตะโกนว่า “ห้ามเรียกผมว่าคุณอา!”

“คุณอา คุณอา ฉันจะเรียกคุณว่าคุณอา คุณอาเฟิง คุณอาเฟิง…” เป๋าฮวนแลบลิ้นราวกับเด็กน้อยที่จงใจซุกซน แลบลิ้นปลิ้นตาใส่เฟิงหานชวน แล้วรีบวิ่งหนีไป

ทันใดนั้น แผ่นหลังของเธอก็แนบติดกับแผงอกอุ่นร้อนของชายหนุ่ม

ในเวลานั้นหลีซืออวิ๋นคิดว่ามันจบลงแล้ว

อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ และเฟิงหานชวนผู้ซึ่งสูญเสียเฉินฮวนฮวนก็ล้มป่วย

เขาเหมือนคนบ้า เขาทุ่มเทตัวเองเพื่องานของเขา ไม่ไปงานเลี้ยง ไม่ไปสังสรรค์และปฏิเสธทุกอย่าง

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เธอได้เห็นเขาแค่เพียงไม่กี่ครั้ง

อย่างไรก็ตามเธอคิดแล้วว่าเธอจะต้องรอเขาอย่างไม่มีวันจบ แต่กลับเป็นคำพูดของเฟิงหย่าที่ทำให้เธอรู้สึกมีความหวังอีกครั้ง ในตอนนั้นเธอรอเฟิงหานชวนเพื่อให้เขาขอเธอแต่งงานมาโดยตลอด

เธอคิดว่าเขาประมูลไพลินราชินีไพลินซีซาร์มาเพื่อมอบให้กับเธอ เพื่อขอเธอแต่งาน และเพื่อที่จะออกจากความเศร้าโศกที่เฉินฮวนฮวนนำมาให้เขา

ท้ายที่สุดเวลาสามปีก็นานพอแล้ว

แต่หลังจากผ่านไปหลายวัน เธอก็แทบจะรอไม่ไหว เธอแทบรอไม่ไหวจริงๆ เธอรู้สึกว่าเธอควรเริ่มทำอะไรบางอย่าง แต่…

ทั้งหมดก็เป็นเพราะเฉินฮวนฮวน! ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ!

ไม่สิ ไม่ควรเรียกว่าเฉินฮวนฮวนแล้ว ตอนนี้ต้องเรียกว่าเป๋าฮวน!

ทั้งหมดเป็นเพราะเป๋าฮวนที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด!

ในเมื่อสามปีที่แล้วเธอสามารถขับไล่เป๋าฮวนออกไปได้ ถ้าอย่างนั้นสามปีหลังจากนี้เธอก็ต้องสามารถทำแบบเดียวกันได้เหมือนกัน

……

บนระเบียงชั้นสอง

เป๋าฮวนนั่งอยู่บนเก้าอี้หวาย เธอแหงนมองท้องฟ้าเพื่อรับแสงแดด

เมื่อสักครู่เธอกับเวินซือเหยียนได้ติดต่อกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว และคืนนี้เราจะทานอาหารเย็นกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทของละครเรื่องราชวงศ์ชิง เพราะเธอได้ตัดสินใจแสดงแทนนักแสดงที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว

เมื่อเห็นหญิงสาวยิ้ม เฟิงหานชวนที่พิงราวบันไดก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติกับหัวใจของเขา

"ผมไปด้วยได้ไหม?"เขาถาม

อย่างไรก็ตามเขารู้สึกไม่สบายใจที่เป๋าฮวนจะไปทานอาหารเย็นกับเวินซือเหยียนตามลำพัง

"คุณจะไปทำอะไร? คุณก็ต้องแสดงเหมือนกันเหรอ? "เป๋าฮวนกลอกตาและพูดอย่างเงียบ ๆ

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย: "…ผมไม่อยากให้คุณไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่นสองต่อสอง"

เขาเปิดเผยความจริงในใจของเขาตรงๆ

อย่างไรก็ตามในตอนแรกเขาเคยปิดบังเป๋าฮวนมาก่อน และนั่นก็ทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองปะทุขึ้น ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่ต้องการที่จะปิดบังอะไรจากเป๋าฮวนอีกแล้ว

สิ่งที่อยู่ในใจที่เขาต้องการจะพูด เขาก็จะพูดมันกับเป๋าฮวนไปตรงๆ แม้ว่ามันจะตรงไปตรงมา แต่เขาก็จะหน้าด้านพูดมันออกไป

เมื่อได้ยินเขาพูดตรงๆเช่นนั้น เป๋าฮวนก็แอบกุมหน้าผาก เธอได้แต่คิดในใจว่าเฟิงหานชวนนั้นจะหน้าด้านเกินไปหน่อยแล้ว!

แต่ว่าพอมาคิดดูดีๆ เขาก็หน้าด้านเหมือนกับเมื่อสามปีที่แล้วนั่นแหละ

"เฟิงหานชวน ฉันไม่อยากเสียอารมณ์กับคุณ แต่ฉันหวังว่าคุณจะไม่พูดแบบนี้อีก"

เป๋าฮวนชะงักไปแล้วพูดว่า: "สิ่งที่ฉันอยากจะทำ มันคืออิสรภาพของฉัน คุณไม่มีสิทธิที่จะควบคุมฉัน"

เธอพูดอย่างเคร่งขรึมและไร้ความรู้สึกอย่างมาก ซึ่งมันแทงลึกเข้าไปในหัวใจของเฟิงหานชวนทันที

ใบหน้าของเฟิงหานชวนเศร้าลงทันที เขาเพียงแค่พยักหน้าเบาๆและเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า: "อืม"

ถูกต้อง เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปควบคุมเป๋าฮวน และเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เธอจะทำ

แม้ว่าเป๋าฮวนจะไปแต่งงานกับเวินซือเหยียนในตอนนี้ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะหยุดมัน

"ฮวนฮวน ตอนนี้ผมแค่อยากถามคุณเรื่องหนึ่ง"เฟิงหานชวนเม้มปากแน่น และการแสดงออกบนใบหน้าของเขาดูจริงจังและซีเรียส

"เรื่องอะไรเหรอ?"เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นและถามเขา

"คุณรู้สึกดีกับเวินซือเหยียนใช่ไหม?"เฟิงหานชวนถามตรงๆโดยไม่มีความลังเลใดๆ

เป๋าฮวนตกตะลึง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ: "ฮ่าฮ่า!"

"เฟิงหานชวน ตอนนี้คุณดูเหมือนผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเลย" เธอยักไหล่และตอบด้วยรอยยิ้มว่า: "ใช่ ฉันมีความรู้สึกที่ดีกับเขา"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงหานชวนก็ค่อยๆคลายริมฝีปากที่เม้มออก ใบหน้าของเขาดูเย็นชามาก และไม่แสดงท่าทีใดๆออกมาเลย ร่างกายของเขาดูเหมือนกำลังปล่อยรังสีที่น่ากลัวออกมา

และดูเหมือนว่ามันจะสามารถหยุดทุกคนรอบๆตัวได้!

เขาไม่คิดว่าเป๋าฮวนจะชอบเวินซือเหยียนจริงๆ เขามาช้าไปหนึ่งก้าวจริงๆเหรอ?

อย่างไรก็ตามถ้าเป๋าฮวนชอบเหวินซีเหยียน แล้วทำไมเธอถึงเริ่มทำสิ่งเหล่านั้นกับเขาล่ะ?

เป็นไปได้ไหมว่าในสายตาของเป๋าฮวนมีเพียงแค่ร่างกายของเขาเท่านั้นที่สำคัญ?

เฟิงหานชวนไม่อยากจะเชื่อเลย ตอนนี้ในหัวของเขาเกือบจะว่างเปล่า และความรู้สึกของการหายใจไม่ออกก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา มันเป็นความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยมาก

ดูเหมือนว่าเขาจะมีอาการป่วยอีกแล้ว!

เมื่อเห็นว่าการหายใจของเฟิงหานชวนดูหนักขึ้นและใบหน้าก็ดูซีดลง ทันใดนั้นเป๋าฮวนก็นึกถึงอาการป่วยของเฟิงหานชวนหลายๆครั้งก่อนหน้านี้ออก จากนั้นเธอก็รีบคว้าแขนของร่างสูงไว้ทันที

"คุณโง่หรือไง? ความหมายของการมีความรู้สึกดีๆ มันสามารถเป็นไปได้ในหลายรูปแบบ"เป๋าฮวนกล่าวทันที

เฟิงหานชวนประหลาดใจ ดูเหมือนว่าความสนใจจะถูกเบี่ยงเบนไป แต่ก็ยังคงยากที่จะส่งเสียงออกมา: "คุณหมายความว่ายังไง?"

"พูดอีกอย่างก็คือ ฉันคิดว่าตราบใดที่เป็นคนดี ฉันก็รู้สึกดีกับอีกฝ่ายหมดนั่นแหละ! ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง จะแก่หรือหนุ่ม เป็นกระเทยหรือเป็นเกย์ก็ตาม…..เฟิงหานชวน คุณเข้าใจความหมายของฉันไหม? "เสียงของเป๋าฮวนดูเร่งรีบ เธอต้องการที่จะอธิบายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ การแสดงออกของเฟิงหานชวนก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย เสียงของเขาแหบแห้ง เขาทำได้เพียงแค่จับมือเป๋าฮวนไว้แน่นแล้วถามเธอว่า: "ดังนั้นแล้วที่คุณมีความรู้สึกที่ดีต่อเวินซือเหยียน คุณก็แค่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะเพื่อนที่ดีใช่ไหม?"

"อืม เป็นแบบนั่นแหละ"เป๋าฮวนพยักหน้า

เมื่อได้ยินคำยืนยันของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็เหมือนได้กินยา สีหน้าของเขาดีขึ้นและความรู้สึกของการหายใจไม่ออกในตอนนี้ก็ดูเหมือนหายวับไปในทันที

เขายืดตัวขึ้นและกอดเป๋าฮวนไว้ในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง

เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงของร่างสูง เป๋าฮวนก็ขมวดคิ้วทันที เขาไม่ได้รู้สึกไม่สบายเหรอ? ทำไมจู่ๆถึงกลับมาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง?

"เฟิงหานชวน คุณแค่แกล้งทำเป็นป่วยเหรอ? คุณ……"ป๋อฮวนรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก และความโกรธของเธอก็เพิ่มขึ้นในทันที

เพราะเธอเป็นห่วงเฟิงหานชวน เธอจึงอธิบายกับเขาไปอย่างกังวลใจ แต่เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะโกหกเธอ

เธอเกลียดการหลอกลวงที่สุด!

เกลียดที่สุด!

ถ้าเฟิงหานชวนไม่ได้หลอกเธอตั้งแต่ตอนแรก เธอก็คงไม่ทิ้งเขาไปเช่นกัน

"ฮวนฮวน ผมไม่ได้โกหกคุณ ไม่ได้โกหกจริงๆ"เฟิงหานชวนรู้สึกตึงเครียดทันที เขารู้ว่าที่จู่ๆเขาดีขึ้น เป๋าฮวนคงคิดว่าเขาหลอกเธอแน่ๆ

เขาอธิบายอย่างรวดเร็วว่า: "คุณปฏิเสธเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเวินซือเหยียน ดังนั้นผมเลยรู้สึกดีขึ้นในทันที และอาการหายใจไม่ออกเมื่อกี้ก็หายไปเลย ดูเหมือนว่าผมจะดีขึ้นได้โดยไม่ต้องกินยา

ฮวนฮวน คุณคือยาของผม!"

เฟิงหานชวนปล่อยเป๋าฮวน มือทั้งสองข้างของเขาจับไหล่เรียวของเธอไว้แน่น ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความจริงจัง เขามองไปที่เธอและพูดประโยคเมื่อสักครู่

ฮวนฮวน คุณคือยาของผม…

เป๋าฮวนพูดประโยคนี้อีกครั้งในใจของเธอ เธอรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกกระแทกอย่างแรง และทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ทันที

เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทั้งเป็นใบ้ และตาพร่ามัว

อาการป่วยของเฟิงหานชวนเกิดจากเธอจริ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะการฆ่าตัวตายของเธอ เฟิงหานชวนก็คงจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานทางจิตใจเป็นเวลาสามปีแบบนี้

ดังนั้นตอนนี้เธอปรากฏตัวแล้ว เธอสามารถรักษาเฟิงหานชวนได้หรือเปล่า?

แต่เธอเองก็ได้รับความทุกข์ทางจิตใจเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

ถ้าไม่ใช่เพราะความทรมานในใจ ปีนั้นเธอก็คงจะไม่จากไป

"ผมคิดว่าคุณไปแล้ว ผมคิดว่าคุณจะจากไปโดยไม่บอกลาเหมือนก่อนหน้านั้น!"อารมณ์ของเฟิงหานชวนดูเหมือนจะกระวนกระวายใจเป็นพิเศษ

ก่อนที่เป๋าฮวนจะตอบสนอง เป็นอีกครั้งที่เธอถูกกอดแน่นไว้ในอ้อมแขน

เป๋าฮวนตกใจ ตอนนี้หัวใจของเธอดูเหมือนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

หลังจากที่เธอตอบสนอง เธอก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา: "เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมาเอง~"

น้ำเสียงของเธอกลับกลายเป็นดีมากและไม่ได้มีความดุร้าย แต่มันกลับอ่อนโยนราวกับเป็นการปลอบโยน

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินสิ่งที่เป๋าฮวนพูด เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและมันเป็นการหัวเราะให้กับตัวเขาเอง

เขาประหม่ามากจนจิตใต้สำนึกคิดว่าป๋อฮวนจะจากไปโดยไม่บอกลา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปหาเธอในห้องน้ำ

"เฮ้ เฟิงหานชวน ฉันเป็นคนมีมารยาทนะ ตอนนี้เราอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขแล้ว ดังนั้นถ้าฉันจะไป ฉันก็จะบอกลาคุณก่อน"เป๋าฮวนเม้มปากและพึมพำเบาๆ

ศีรษะของเป๋าฮวนถูกบังคับให้พิงกับหน้าอกของร่างสูงจนทำให้ไม่มีระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง ดังนั้นแม้ว่าเธอจะพูดเบาๆ แต่เฟิงหานชวนก็ได้ยินมันอย่างชัดเจนอยู่ดี

"อืม จำไว้นะว่าถ้ามีอะไรต้องบอกผม!"เฟิงหานชวนวางคางลงบนไหล่ของหญิงสาวและกอดเธอไว้แน่น

เป๋าฮวนไม่ได้ต่อต้านเช่นกันเพราะเธอรู้สึกว่าต่อต้านไปก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี ถ้าเฟิงหานชวนอยากจะกอด งั้นก็กอดกันไปสักพักละกัน

"รู้แล้ว"เธอพึมพำ

"นอกจากนี้ ผมต้องการที่จะทำให้มันชัดเจนว่าเราอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขแบบความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายแล้ว"เฟิงหานชวนพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาดูจริงจังมาก

"หืม? คุณพูดว่าอะไรนะ?"เป๋าฮวนไม่เข้าใจ: "คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่เก็บความแค้นไว้แล้ว และฉันก็จะไม่แก้แค้นคุณด้วย"

เกี่ยวกับความคับข้องใจที่ผ่านมา เป๋าฮวนไม่ต้องการไล่ตามอะไรอีกแล้ว อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องเยียวยาทุกสิ่ง

หรืออาจจะเป็นการเปลี่ยนความคิด

ไม่อย่างนั้นเธอก็จะไม่สามารถไปบ้านตระกูลเฟิงได้แล้ว

"ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้"เฟิงหานชวนปฏิเสธและพูดอย่างจริงจัง: "ผมพูดไปแล้วว่าผมต้องการจีบคุณ ตอนนี้ผมคือคนที่จีบคุณ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเราก็น่าจะเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนใช่ไหม?"

เป๋าฮวน: "???"

มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน!

คำอธิบายนี้มันคืออะไร?

"ได้โปรดล่ะ เราแค่อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ใครเป็นเพื่อนของคุณกัน?"เป๋าฮวนสับสนกับคำอธิบายที่ไม่ถูกต้องของใครบางคน

อย่างไรก็ตามเฟิงหานชวนกดริมฝีปากบางๆของเขาเข้ากับติ่งหูของหญิงสาว และกระซิบด้วยเสียงนิ่งๆว่า: "fwbก็เป็นเพื่อนประเภทหนึ่งเช่นกัน"

"เวร!"

มีเพียงแค่คำนี้ที่โพล่งออกมาจากปากของเป๋าฮวน

เธอประเมินเฟิงหานชวนต่ำไป!

เธอประเมินต่ำไป!

สู้ไม่ได้ สู้ไม่ได้จริงๆ สู้ไม่ได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว…

เป๋าฮวนกัดฟันของเธอแน่น ฝ่ามือนุ่มของเธอผลักหน้าอกอุ่นๆของเขาออกไปและดวงตาสีแอปริคอทของเธอก็จ้องเขาอย่างโกรธเกรี้ยว: "จะไปไหนก็ไปเลย!"

เดิมเขาคิดว่าทำไมเธอถึงได้ดุร้ายนัก เฟิงหานชวนต้องการทำให้ทุกอย่างมันบรรจบกันสักที ในวินาทีต่อมาร่างสูงก็จับมือของเธอและยกหลังมือของเธอขึ้นมา

จากนั้นก็จูบเบาๆลงบนหลังมือของเธอและพูดอย่างใจเย็นว่า: "ผมขอโทษ ต่อไปนี้ผมจะระวังคำพูด"

เป๋าฮวน: "???"

เป๋าฮวน: "….?"

เป๋าฮวนแข็งทื่อไปในทันที

……

พวกเขายืนอยู่บนระเบียง ทำให้แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องลงมากระทบพวกเขา

เมื่อมองไปยังท่าทางที่ไม่พอใจของหญิงสาว เฟิงหานชวนก็ยิ้มออกมาและรอยยิ้มของเขามันทำให้เขาดูเหมือนผู้ชายที่สุดแสนจะอบอุ่น

การจ้องมองเขาอย่างโกรธๆของเป๋าฮวนฮวน ทำให้ดูเหมือนว่าเธอกำลังทะเลาะกับแฟนหนุ่มของเธอ และการโต้ตอบระหว่างทั้งสองก็เหมือนกับฉากหนึ่งในซีรี่ย์

ฉากนี้ถูกเห็นโดยผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่บนชิงช้าในสนาม

เฟิงหย่ามองด้วยความงุนงง เธอพูดออกมาเบาๆว่า: "ฉันไม่เคยเห็นอาสามยิ้มอบอุ่นขนาดนี้มาก่อนเลย!"

เฟิงหย่ามองอย่างอึ้งๆ แต่สายตาของหลีซือวิ๋นนั้นกลับดูชั่วร้าย

วินาทีต่อมาเฟิงหย่าดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก เธอหันกลับมาอย่างรวดเร็ว และในขณะที่เธอกำลังจะพูดนั้น เธอก็พบเข้ากับดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวของหญิงสาว

เธอชะงักไปครู่หนึ่ง

เมื่อหลีซือวิ๋นเห็นว่าเฟิงหย่ากำลังมองเธออยู่ เธอก็รีบเปลี่ยนกลับไปเป็นท่าทางที่อ่อนโยนในทันที เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและถามว่า: "เสี่ยวหย่า เธอเป็นอะไร?"

"เอ่อ ฉัน…พี่อวิ๋น พี่…ก็คือ จะพูดยังไงดีล่ะ! จู่ๆฉันก็ลืมว่าจะพูดอะไรกับพี่…"เฟิงหย่าขมวดคิ้ว เธอรู้สึกแปลกๆ

"เธออยากพูดอะไรกับฉัน? ลองคิดๆดูใหม่สิ! มันเกี่ยวกับอาสามและฮวนฮวนหรือเปล่า? เธอดูพวกเขาสิ ดูเป็นคู่รักเพอร์เฟคจริงๆ ผู้ชายก็หล่อและผู้หญิงก็สวย! "หลี่ซื่ออวิ๋นยิ้มกว้างและพูดติดตลกว่า: "โอ้โห อาสามของเธอนี่ดีอะไรขนาดนี้ ฉันนี่ไม่มีโชคเอาซะเลย!"

"พี่อวิ๋น พี่…พี่จะว่าฉันไหม? ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน พี่ก็คงจะไม่เข้าใจอาสามผิด…"เฟิงหย่าลังเลที่จะพูด แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอถูกหลีซือวิ๋นขัดจังหวะเสียก่อน

"เสี่ยวหย่า ฉันจะว่าเธอได้ยังไง? อันที่จริงอาสามของเธอดีมากเลย ถ้าเขาขอฉันแต่งงาน ฉันก็ยินดีที่จะแต่งงานกับเขา! แต่ถึงจะหลอกตัวเองยังไง ฉันก็ไม่สามารถรู้สึกอะไรได้อยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้วต่อให้ฉันเป็นคนดีขนาดไหน ก็ไม่มีใครต้องการอยู่ดีใช่ไหมล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายดีๆก็ไม่ใช่แค่อาสามของเธอสักหน่อย! "

เมื่อเห็นหลีซือวิ๋นพูดอย่างร่าเริง เฟิงหย่าก็รู้สึกว่าเมื่อสักครู่ตัวเองอาจจะมองผิดไป

นัยน์ตาอันน่ากลัวของพี่อวิ๋นอาจไม่ได้กำลังนึกถึงอาสามและเป๋าฮวน บางทีอาจนึกถึงอย่างอื่น หรืออาจจะแค่แสดงสีหน้าแบบนั้นโดยไม่ได้มีความหมายอื่นก็ได้

เฟิงหย่าพยักหน้า เธอตบหน้าอกของเธอและพูดด้วยความมั่นใจว่า: "พี่อวิ๋นที่พี่พูดน่ะถูกแล้ว อาสามของฉันไม่ใช่คนดีแค่เพียงคนเดียว ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะหาคนที่ดีกว่าให้พี่เอง!"

"เอาล่ะ เสี่ยวหย่า งั้นต่อไปนี้เธอจะเป็นคู่หูที่ดีของฉัน!"ใบหน้าของหลีซือวิ๋นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

"อื้มๆ"หลังจากที่เฟิงหย่าตอบตกลง เธอก็หันไปมองทางระเบียงบนชั้นสอง และมองไปยังการกระทำระหว่างเฟิงหานชวนและเป๋าฮวน ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความอิจฉาริษยา

เธออยากมีผู้ชายคนหนึ่งที่ห่วงใยเธอ คิดถึงเธอ และรักเธอมากมาตลอด…

หลีซือวิ๋นมองไปที่ด้านหลังศีรษะของเฟิงหย่า แต่แล้วจู่ๆรอยยิ้มของเธอก็หายไปในทันที ใบหน้าของเธอนั้นมืดมนมาก มันฉายรัศมีอันน่ากลัวออกมาราวกับแม่มดที่ฝึกจนกลายเป็นปีศาจ

มันแตกต่างจากภาพที่อ่อนโยนเมื่อสักครู่มาก

หลีซือวิ๋นกัดฟันแน่น เธอหัวเราะเยาะเย้ยออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เฟิงหย่าคนนี้ช่างตลกจริงๆ ทำไมเธอถึงต้องหาสิ่งที่ดีกว่าสำหรับเธอกัน?

เธอรอมานานมาก ใครมันจะดีไปกว่าเฟิงหานชวน?

ในกลุ่มสังคมไฮโซของเมืองเป่ยเฉิง สามเหลี่ยมเหล็กที่ก่อตั้งโดยโม่เหวินโจว หรงจิ่นซิวและ เฟิงหานชวนมีชื่อเสียงอย่างมาก เหตุผลที่มีชื่อเสียงไม่เพียงเพราะพวกเขานั้นเลิศเลอเพอร์เฟค แต่ยังเป็นเพราะอาณาจักรธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาและรูปร่างหน้าตาของพวกเขาด้วย

ท้ายที่สุดแล้วมีผู้ชายหลายคนที่มีเงิน มีอำนาจ และหน้าตาดี แต่เมื่อเอาทุกอย่างมารวมกันแล้วให้เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบนั้น มันน้อยมาก!

โม่เหวินโจวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ หรงจิ่งซิวเป็นหมอและไม่ได้มีความสนใจในเรื่องธุรกิจนัก ทั้งรูปลักษณ์และนิสัยก็ไม่ใช่สไตล์ของเธอ เธอมองว่าหรงจิ่งซิวเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

และถ้าสักเกตดีๆดูเหมือนว่าหรงจิ่งซิวจะมีผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเขาแล้ว

แต่เดิมตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือเฟิงหานชวน เธอชอบเขามากที่สุด เธอชอบมาตั้งแต่ยังเด็ก และชอบมาหลายปีแล้ว!

เพื่อให้ได้มาซึ่งเฟิงหานชวน เธอใช้วิธีการมากมายที่ไม่เพียงแต่กำจัดเฉินฮวนฮวน แต่ยังกำจัดลูกของเธอและเฟิงหานชวนอีกด้วย

และมันเป็นอีกครั้งที่เธอจับได้โอกาสของเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน จนในที่สุดเธอก็ทำให้เฉินฮวนฮวนออกไปได้ ในเวลานั้นเธอค่อยหายใจได้อย่างสะดวกหน่อย

และไม่นานก็มีข่าวการฆ่าตัวตายของเฉินฮวนฮวน เธอไปร่วมงานศพด้วยตัวเธอเอง หลังจากกลับมาในคืนนั้น เธอก็มีความสุขทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน…

“อ่า….?”

เฟิงเฉินเหยี่ยนอ้าปากค้าง ตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง อยู่ในอาการตื่นตกใจในคำพูดที่เฟิงหานชวนพูดออกมา

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เขาก็พูดขึ้นเสียงดังว่า : “พระเจ้า! อาสามโคตรเจ๋งเลย! อาเก่งมาก!”

“เรื่องของฉัน ไม่ต้องให้นายมาสนใจหรอก” เฟิงหานชวนทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ จากนั้นก็เปิดประตูและเดินออกจากห้องไป

ในตอนที่กลับมาในห้องนอนนั้น เป๋าฮวนก็หายตัวไปแล้ว เฟิงหานชวนกังวลใจ จึงรีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันที

เมื่อเห็นแม่บ้านหลี่ผ่านตรงหน้าบันได เขาก็รีบคว้าตัวแม่บ้านหลี่ไว้ และถามด้วยความร้อนใจทันทีว่า : “แม่บ้านหลี่ เห็นฮวนฮวนไหมครับ?”

“ฮวนฮวน ไม่เห็นนี่คะ คุณชายสามพาเธอขึ้นไปชั้นบนไม่ใช่เหรอคะ?” แม่บ้านหลี่ตกอยู่ในอาการอึ้งงัน เธออายุตั้งขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่อง “กลับชาติมาเกิดใหม่” เลยสักครั้ง

“ทำไม? ฮวนฮวนหายตัวไปเหรอ?” เฟิงเหลยถิงได้ยินที่เฟิงหานชวนถามแม่บ้านหลี่ จึงรีบเดินมาหาและเอ่ยถามขึ้นทันที

“พ่อ พ่อเห็นฮวนฮวนไหม?” สีหน้าของเฟิงหานชวนกังวลมาก และร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เห็น พ่ออยู่ในห้องรับแขกตลอด ไม่เห็นฮวนฮวนออกไปไหนนี่!” เฟิงเหลยถิงเองก็งุนงงไม่แพ้กัน จากนั้นก็หันไปถามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งนั้น : “พวกเธอเห็นฮวนฮวนไหม?”

เฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงเจิ้งซวินสองพี่น้องกลับไปแล้วเพราะเรื่องที่บริษัท ภรรยาของเขาซ่งหวั่นโหรวและหลินเจินจึงนั่งพูดคุยและดื่มชากับนายท่านอยู่บนโซฟาฝั่งนั้น

ซ่งหวั่นโหรวและหลินเจินพร้อมใจกันส่ายหน้า ซ่งหวั่นโหรวได้ตอบกลับไปว่า : “เมื่อกี้ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าใครเลยนะ และไม่เห็นฮวนฮวนลงมาด้วย! ยังอยู่ชั้นบนรึเปล่า?”

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าโซฟาที่พวกเธอนั่งหันหลังให้กับประตูห้องรับแขก ดังนั้นถ้าเป๋าฮวนจะแอบออกไปแบบเงียบ ๆ ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น

เมื่อคิดได้ สีหน้าของเฟิงหานชวนก็เปลี่ยนไป เธอไม่อยากอยู่ข้างกายของเขาจริง ๆ ใช่ไหม? ถึงได้หนีไปไม่บอกสักคำแบบนี้?

เขาพุ่งตัวออกจากห้องรับแขก และเห็นว่าประตูใหญ่ยังคงปิด จู่ ๆ ก็คิดได้ว่าเฉินฮวนฮวนในอดีตมักจะชอบไปนั่งชิงช้าในลานกว้างอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงรีบวิ่งไปยังภูเขาเทียมฝั่งนั้น

เขาได้ยินเสียงผู้หญิงดังมาจากฝั่งนั้น แต่เห็นแค่เพียงเฟิงหย่าและหลีซืออวิ๋นที่นั่งแกว่งชิงช้าอยู่ เฟิงหานชวนเย็นสะท้านไปทั่วทั้งใจ

“อาสาม อามาได้ยังไงคะ?” เฟิงหย่าเห็นเฟิงหานชวนเดินมา จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย : “อามาขอโทษพี่อวิ๋นใช่ไหม?”

“เห็นฮวนฮวนไหม?” ในสายของเฟิงหานชวนมีแค่เป๋าฮวนเพียงคนเดียว

“เฉินฮวนฮวน? ไม่เห็นนะ! เธอไม่ได้มาหาเราสักหน่อย!” เฟิงหย่าส่ายหน้าอย่างอึ้งงัน

หลีซืออวิ๋นเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง : “หานชวน เกิดอะไรขึ้น? นายตามหาฮวนฮวน ฮวนฮวนหายตัวไปเหรอ?”

“พวกเธอนั่งเล่นต่อเถอะ ฉันจะไปตามหาเธอ” เฟิงหานชวนทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ จากนั้นก็วิ่งไปยังทิศทางของประตูใหญ่ทันที

ในขณะที่เขากำลังจะเปิดประตู ตั้งใจจะข้ามถนนไปตามหาเป๋าฮวนนั้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น : “เฮ้ เฟิงหานชวน ฉันอยู่นี่!”

เฟิงหานชวนหมุนตัวกลับไปด้วยท่าทางตัวแข็งทื่อ และก็เห็นเงาคนท่าทางอ้อนแอ้นที่เจิดจรัสอยู่ใต้แสงอาทิตย์บนระเบียงชั้นสอง เธอยกมือขึ้นและโบกมือไปทางเขา

เขารู้สึกโล่งใจ ราวกับได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

เฟิงหานชวนรีบวิ่งไปยังห้องรับแขกโดยไม่คิดอะไร จากนั้นก็ตรงขึ้นไปชั้นบน กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง

หลังจากที่ปิดประตู เขาก็ก้าวเท้าไปยังระเบียง เป๋าฮวนหันกลับมาพอดี และเห็นเฟิงหานชวนเดินเข้ามาหาตัวเอง

วินาทีต่อจากนั้น ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปาก ผู้ชายคนนี้ก็เข้ามาสวมกอดเธอแน่น ออกแรงกระชับกอดให้แน่นมากกว่าเดิม

ปฏิกิริยาแรกของเป๋าฮวนก็คือ เฟิงหานชวนป่าเถื่อนมาก ทุกครั้งที่กอดเธอ เหมือนจะฆ่าเธอให้อย่างไรอย่างนั้น!

“เฮ้ เฟิงหานชวน ครั้งต่อไปถ้าคุณยังกอดฉันแบบนี้อีก ฉันจะไม่ให้คุณกอดแล้ว!” เป๋าฮวนเม้มปาก ก่อนจะพูดแขวะออกไปอย่างหมดแรง

ถ้าเฟิงหานชวนอยากกอดเธอ เธอก็คงจะต้านไม่ไหว ถึงอย่างไรเรี่ยวแรงของเธอก็ยังน้อยกว่าเขามาก

ดังนั้น เธอทำได้แค่ขู่เขา ถ้าอยากกอดก็ได้ แต่ต้องเบาลงกว่านี้!

“ฮวนฮวน ผมตกใจหมดเลย คุณทำผมตกใจจริง ๆ …..” เฟิงหานชวนปล่อยตัวเป๋าฮวน มือทั้งสองข้างจับไหล่ของผู้หญิงตรงหน้าไว้แน่น สีหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ทำคุณตกใจ?” เป๋าฮวนกะพริบตาด้วยความอึ้งงัน

เป๋าฮวนสังเกตท่าทางดูมีความสุขและภูมิใจในตัวเองของเฟิงหานชวนอยู่เงียบ ๆ เธอคิดว่าเฟิงหานชวนคงจะเล่นงานสำเร็จแล้ว ความภูมิใจที่ก่อเกิด ได้หยุดชะงักแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ

“เฟิงหานชวน คุณ….ต่อไปถ้าคุณกล้าทำเรื่องแบบนี้อีก คุณจะได้เห็นดีกันแน่!” เป๋าฮวนขู่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับยกเข่าของตัวเองขึ้นมา

เธอเอื้อมมือไปชี้ที่เข่าของตัวเอง และขู่อีกครั้งว่า : “คุณรู้ไหม เข่าข้างนี้ทำอะไรได้บ้าง คุณน่าจะเคยสัมผัสมาแล้ว”

เฟิงหานชวนรู้สึกเย็นสะท้านในทันที

“ฮวนฮวน พูดกันดี ๆ ก็ได้” เขารีบยกมือยอมแพ้

นี่เกี่ยวกับความสุขอีกครึ่งชีวิตที่เหลือของทั้งสองคนเลยทีเดียว ดังนั้นในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ เขาจึงต้องยอมอ่อนข้อ

ถึงอย่างไรเป๋าฮวนในตอนนี้ก็เป็นนกฮูกตัวน้อยที่แสนดุร้าย ไม่ควรเข้าไปยั่วโมโห ขืนไปยั่วยุเข้า คงจะโต้กลับมาอย่างรุนแรงทันทีแน่ ๆ งั้น……ไม่ลองดีกว่า

“ฉันพูดดี ๆ ก็ได้ ก่อนอื่นคุณต้องปรับทัศนคติให้ดีเสียก่อน” เมื่อเป๋าฮวนเห็นเฟิงหานชวนยอมจำนน จึงตะโกนออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ

“อื้อ ผมปรับทัศนคติให้ดีแล้ว” เฟิงหานชวนพยักหน้า และพูดด้วยความซื่อตรง

เป๋าฮวนกลอกตาไปทางเขาแวบหนึ่ง ปากบอกว่าปรับทัศนคติให้ดี? เรื่องที่เขาทำ ไม่มีความถูกต้องสักนิด

“เอาละ คุณลากฉันออกมาแบบนี้คงอยากจะพูดเรื่องนั้นใช่ไหม? ในเมื่อพูดจบแล้ว งั้นฉันไปล่ะ” เป๋าฮวนไม่อยากอยู่ในห้องนี้นานนัก

เธอกลัวว่าถ้าขืนตัวเองอยู่ต่อไป คงจะยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่ แบบนี้คงจะกวนใจของเธอไม่น้อย

“ฮวนฮวน อย่าไป!” เฟิงหานชวนรีบคว้าแขนของเธอไว้ จากนั้นก็ดึงเธอกลับมาตรงหน้าของตัวเองอีกครั้ง

ภายใต้เหตุการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว ทำให้เป๋าฮวนล้มเซมาอยู่ในอ้อมอกของผู้ชายคนนี้ เธอเงยหน้ามองเขาและถามขึ้นว่า : “คุณจะพูดอะไรกันแน่?”

“เจิ้งจือหาวคนนั้น สรุปเป็นยังไงกันแน่?” เฟิงหานชวนไม่ทนอีกต่อไป โพล่งถามออกทันที

“หา? เจิ้งจือหาว?” เป๋าฮวนถามขึ้นอย่างหมดปัญญา

ผ่านมาขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้ยังจะอิจฉาคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง หึงไปทั่วอีกเหรอเนี่ย!

“อื้อ ก็คุณบอกว่าเขาตามจีบคุณ มันเป็นยังไงกันแน่?” เมื่อเห็นเป๋าฮวนไม่ตอบ เฟิงหานชวนจึงถามอีกครั้ง

เป๋าฮวนกลอกตาไปมาด้วยความโกรธเคือง และพูดอย่างจนปัญญาว่า : “เรื่องเมื่อ 3 ปีก่อนฉันจำไม่ได้แล้ว ขนาดชื่อของเขาฉันยังลืมเลย แล้วคุณกลับมาถามฉันว่าเรื่องเป็นมายังไง?”

“คุณจำได้ คุณบอกว่าเขาตามจีบคุณ” เฟิงหานชวนยังคงพูดอย่างหนักแน่น

เป๋าฮวน : “………”

“ฮวนฮวน คุณจะไม่ยอมบอกผมใช่ไหม?” เมื่อเฟิงหานชวนเห็นเป๋าฮวนไม่ยอมพูด จึงเกิดความกระวนกระวายใจราวกับมดที่ดิ้นพล่านอยู่ในกระทะร้อนอยู่ในใจ อยากจะรู้ความจริงจนแทบทนไม่ไหว

ทรมานใจอย่างมาก

“ไม่ใช่ฉันไม่อยากบอกคุณ แต่ฉันไม่มีความประทับใจแรกอะไร…เดี๋ยวนะ ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย? คุณเป็นอะไรกับฉันไม่ทราบ?” เป๋าฮวนผลักเขาออกไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “เฟิงหานชวน คุณรู้แก่ใจดี ตอนนี้เราเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายเรื่องของฉัน และไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องนั้นเรื่องนี้กับฉันด้วย”

เฟิงหานชวนไม่มีเหตุผลโต้แย้ง : “……….”

วินาทีต่อจากนั้น เขาก็พูดออกไปตรง ๆ ว่า : “ฮวนฮวน ผมคือคนรักของคุณ ผมย่อมถามสถานการณ์ของคู่แข่งจากคุณได้ คุณจะบอกผมหรือไม่ ก็แล้วแต่คุณ ผมไม่บังคับให้คุณบอกผมหรอก”

เป๋าฮวน : “……พูดดูมีเหตุผลดี”

เฟิงหานชวน : “ไม่ใช่แค่ดู แต่มันคือเหตุผลจริง ๆ ”

เป๋าฮวน: “……สู้คุณไม่ได้หรอก พ่อคนฉลาด”

เฟิงหานชวน : “ไม่ใช่ฉลาด แต่แคร์”

เป๋าฮวน : “….คำพูดหวานเยิ้ม ไม่มีใครเทียบคุณได้จริง ๆ ”

เฟิงหานชวน : “ปฏิบัติแบบนี้กับคุณแค่คนเดียว”

เป๋าฮวนปรายตามอง จนกระทั่งปะทะเข้ากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความลึกล้ำของผู้ชายตรงหน้า เธอกำลังจะเบนสายตาของตัวเองไปทางอื่น แต่ไม่รู้ทำไม กลับเบนหนีไม่ได้

ทั้งสองคนมองตาของอีกฝ่าย จ้องเขม็งกันอย่างไม่ลดละ

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”

แต่ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ใคร?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น

บรรยากาศที่คงรักษาไว้อย่างยากลำบาก ถูกรบกวนจนไม่เหลือชิ้นดี

“อาสาม ฮวนฮวน ฉันเอง!” เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเริงร่า

เฟิงหานชวน : “…….”

“เข้ามา” น้ำเสียงเคร่งขรึมดังขึ้น

วินาทีต่อจากนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก เฟิงเฉินเหยี่ยนก็พรวดพราดเข้ามา เมื่อเห็นทั้งสองคนยืนตรงข้ามกัน ขาของเขาก็หยุดชะงักลง พร้อมกับเกาศีรษะด้วยความลำบากใจ ก่อนจะถามออกไปว่า : “ฉัน….มารบกวนทั้งสองคนรึเปล่า?”

“แล้วนายว่าไงละ?” สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลง พร้อมกับเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย

“งั้นฉันออกไปก่อน?” เฟิงเฉินเหยี่ยนยิ้มอย่างโง่เขลา

เป๋าฮวนดูออกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนกำลังยิ้ม เธอจึงรีบเอ่ยปากถามว่า : “อาเยี่ยน นายมาหาเรามีธุระใช่ไหม?”

“ใช่! ฮวนฮวน เมื่อกี้ฉันอยู่ในอาการตกใจ แต่ตอนนี้ฉันปรับตัวได้แล้ว นึกไม่ถึงว่า เธอยังมีชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนดีใจมากจริง ๆ เขาเดินมาตรงหน้าของเป๋าฮวน มองพิจารณาใบหน้าของเธอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นก็มองต่ำลง และพูดด้วยความตื่นตกใจว่า : “ยังมีชีวิตจริง ๆ ด้วย!”

เมื่อเห็นสายตาที่ก้มมองต่ำของเฟิงเฉินเหยี่ยน นัยน์ตาของเฟิงหานชวนก็เคร่งขรึมลง จากนั้นก็รีบดึงตัวของเป๋าฮวนไปด้านหลังของตัวเอง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ในเมื่อเห็นแล้ว ก็ไสหัวออกไปได้แล้ว”

“ไม่ใช่สิ อาสาม คุณเพิ่งพาฮวนฮวนกลับมา ครอบครัวของเราก็อยู่ชั้นล่าง คุณจะร้อนใจไปทำไม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนแสดงสีหน้าดูถูกถากถางทันที จากนั้นก็แบะปากและพูดว่า : “กินเจมาสามปี คงจะอยากกินเนื้อสัตว์แทบไม่ไหวแล้วละสิ?”

เป๋าฮวนไม่ได้เป็นเด็กที่ไร้เดียงสา ย่อมรู้ว่าความหมายของเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นอย่างดี เธอเกร็งนิ้วเท้าด้วยความกระวนกระวายใจ เฟิงเฉินเหยี่ยนคนนี้ยังคงนิสัยปากโป้งและขี้อวดไม่เปลี่ยนจริง ๆ

“นายเข้าใจผิดแล้ว เขาแค่มาคุยกับฉันเท่านั้น ไม่ได้เป็นแบบที่นายคิดสักหน่อย” เป๋าฮวนกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “อีกอย่างอาเยี่ยน เรื่องที่ฉันพูดกับนายท่านบนโต๊ะอาหาร นายก็น่าจะได้ยินแล้วนี่?”

เธอหมายถึงความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวน ไม่ใช่สามีภรรยากันอีกแล้ว เธอไม่อยากเป็นคนของตระกูลเฟิงอีกแล้ว

เธอคือเป๋าฮวน ไม่ใช่เฉินฮวนฮวน

“เอ่อ….” เฟิงเฉินเหยี่ยนเกาศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางโง่เขลาว่า : “ได้ยิน ฉันได้ยินแล้ว แต่ฉันเหลือบเห็นพวกเธอสองคนขึ้นมาคุยกันชั้นบนเป็นการส่วนตัว จึงคิดว่าพวกเธอคงจะดีกันแล้ว!”

“เปล่าซะหน่อย” เป๋าฮวนส่ายหน้า จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว ไว้มีโอกาสนัดเจอกันใหม่ ถึงอย่างไรเราก็เป็นเพื่อนกัน”

เฟิงเฉินเหยี่ยนอึ้งงันไป : “อ่า? ฮวนฮวน เธอจะกลับแล้วเหรอ? ฉันคิดว่าเธอโกรธอาสาม เธอก็เลยยอมกลับมา ยอมที่จะกินข้าวที่บ้านเก่า ฉันคิดว่า…”

สีหน้าของเฟิงเฉินเหยี่ยนแปรเปลี่ยนเป็นผิดหวัง เขารีบมองไปทางเฟิงหานชวนทันที จากนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า : “อาสาม คุณไม่คิดจะรั้งฮวนฮวนไว้หน่อยเหรอ?”

เฟิงหานชวน : “……”

เขากำลังจะรั้ง แต่ถูกเจ้าหมอนี้เข้ามาขัดจังหวะไง

“อาสาม คุณมากับผม!” เฟิงเฉินเหยี่ยนดึงแขนของเฟิงหานชวนโดยไม่สนใจใคร ลากเขามายังห้องพักแขกที่อยู่ถัดไป

แถมยังล็อกประตูอย่างแน่นหนาอีกด้วย

เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “อาสาม ทำไมคุณได้โง่แบบนี้!”

เฟิงหานชวนเลิกคิ้วสูง : “?”

“สาเหตุที่ฮวนฮวนแกล้งตายในตอนแรก นั้นเป็นเพราะเกลียดคุณที่คุณหลอกลวงเธอ ในเมื่อเธอยอมกลับมากินข้าวที่บ้านกับคุณ นั้นก็ย่อมหมายความว่าเธอรู้สึกกับคุณแน่นอน คุณ..คุณไม่ได้รุกก่อนสักนิดเลยเหรอ?” น้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่สบอารมณ์กับความไม่เอาถ่านของอีกฝ่ายนัก

เฟิงหานชวน : “…..นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่รุกก่อน?”

เฟิงเฉินเหยี่ยนเห็นอาสามยังคงนิ่งสงบแบบนี้ ราวกับจักรพรรดิผู้ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนก็ยิ่งร้อนใจ เขาจึงรีบพูดขึ้นด้วยความเป็นกังวลว่า : “คุณไม่ได้กินเนื้อ ย่อมรู้ว่าคุณไม่มีทางรุกก่อนแน่!”

นัยน์ตาของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลง จากนั้นท่าทางรุกหาที่เย้ายวนใจของเป๋าฮวนก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของเขา จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียงแหบไปชั่วขณะ ร่างกายเกิดอาการเกร็งอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้กินเนื้อ?”

“คุณตาเธอ?” เฟิงเหลยถิงทั้งตกใจและประหลาดใจด้วย

เป๋าฮวนตอบตามความจริง: “คุณตาของฉันตอนวัยรุ่นได้สูญเสียความทรงจำ และทิ้งคุณยายของฉันไว้ที่ประเทศฮัวตามลำพัง ต่อมาคุณยายของฉันให้กำเนิดแม่ของฉันซูอวิ้นเรื่องราวหลังจากนั้นคุณก็รู้แล้ว”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้……” เฟิงเหลยถิงพยักหน้าเข้าใจกระจ่างแจ้ง และความสับสนในใจของเขาก็ได้รับการแก้ไขในทันที

เขามองดูแต่ละคนที่ท่าทางมึนงงและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น: "ฮวนฮวนกลับมาแล้ว อีกหน่อยบ้านก็จะครึกครื้นน่าอยู่"

“พวกเราอย่าโง่ไปเลย เป๋าฮวนก็คือเฉินฮวนฮวน ทั้งคู่เป็นฮวนฮวนคนเดียวกัน ศพผู้หญิงตอนนั้นไม่ใช่ฮวนฮวน เป๋าฮวนคนนี้ถึงจะเป็นฮวนฮวนตัวจริง”

“ไม่มีผีสิงอะไรทั้งนั้น ทุกคนรีบทานข้าวเถอะ” เฟิงเหลยถิงอารมณ์ดีในทันทีใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปิติยินดี

เป๋าฮวนคิดถึงประโยคหนึ่งที่เขาเพิ่งพูด คิดๆแล้วจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “นายท่าน ครั้งนี้ที่ฉันมา เพียงเพื่ออยากอธิบายให้พวกคุณชัดเจน ไม่อย่างนั้นจะทำให้ทุกคนประสาทกลับกันหมด ฉันก็รู้สึกผิดใอยู่ในใจ”

“สำหรับฉันและเฟิงหานชวน ในเมื่อแยกจากกันแล้ว งั้นก็แยกจากกันเลย ต่อไปถ้ามีโอกาส ฉันก็จะกลับมาเยี่ยมคุณอีก”

เป๋าฮวนรู้สึกว่าความหมายที่ตัวเองแสดงออกมานั้น น่าจะชัดเจนมากแล้ว

เฟิงเหลยถิงกำลังยื่นตะเกียบออกไปคีบผัก แต่มือของเขาหยุดกลางอากาศครู่หนึ่ง เขาคิดไม่กี่วินาที แล้วางตะเกียบกลับมาไว้ข้างหน้าตัวเอง จากนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่

เขามองไปยังลูกชายคนที่สามของตัวเอง สีหน้าของเฟิงหานชวนเยือกเย็นเหมือนชื่อของเขา เย็นจนไม่รู้จะเย็นยังไง

เป๋าฮวนก็หันศีรษะและมองไปที่เฟิงหานชวน เธอเห็นว่าสีหน้าของเฟิงหานชวนดูไม่ได้เลย แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรผิด ตัวเองได้แสดงความหมายแบบนี้กับเขาตั้งแต่แรกแล้ว

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ได้เห็นเธอยังมีชีวิตอยู่ดีฉันก็ดีใจแล้ว” เฟิงเหลยถิงโบกมือและพูดว่า “หิวแล้วหล่ะสิ? รีบทานอาหารเถอะ! ทุกคนทานกันเถอะ!”

เป๋าฮวนพยักหน้าแล้วหยิบตะเกียบขึ้น แม้ว่าคนอื่นๆจะเริ่มทานกัน แต่ทั้งหมดก็มีความคิดของตัวเอง

กระบวนการรับประทานอาหารกลางวันดูแปลกๆ เล็กน้อย และทุกคนก็แทบไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น ยกเว้นเฟิงเหลยถิงกับเป๋าฮวนที่คุยกันไม่กี่ประโยค

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เป๋าฮวนนั่งอยู่ที่ที่นั่งอย่างเบื่อหน่าย ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ จู่ๆก็ลุกขึ้นยืนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “ทานเสร็จหรือยัง?”

“ทานเสร็จแล้ว” เป๋าฮวนรู้ว่าเขากำลังถามตัวเองอยู่จึงพยักหน้าตอบ

“มากับผม” ชายหนุ่มคว้าข้อมือเธอไว้

เป๋าฮวนเลยต้องลุกขึ้นและเดินตามเฟิงหานชวน เห็นแค่เฟิงหานชวนดึงเธอขึ้นชั้นบน พอถึงชั้นสองก็พาเธอไปที่ห้องนอนห้องหนึ่ง

เธอรู้จักห้องนอนนี้แน่นอน เป็นห้องของเธอกับเฟิงหานชวนในบ้านหลังเก่า ภายในไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ยังเหมือนกับเมื่อ3ปีที่แล้ว และได้รับการทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อย

เมื่อเธอเห็นอย่างชัดเจน ชายหนุ่มก็กดร่างของเธอบนผนัง และจู่ๆเกิดความรู้สึกถูกกดขี่ขึ้นมา

“เฟิงหานชวน คุณต้องการทำอะไร? มีคนมากมายที่ชั้นล่าง!” สีหน้าของเป๋าฮวนเริ่มหมองคล้ำและดุด่า

วินาทีต่อมา ชายหนุ่มโอบร่างทั้งร่างของเธอไว้ในอ้อมอก คางของเขาวางอยู่บนบ่าเธอ เขาใช้แรงมาก อยากจะถูเธอเข้าไปในร่างกายของเขา

“ฮวนฮวน เธออยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ?” น้ำเสียงของเขาอ่อนน้อมและอ้อนวอน

เป๋าฮวนพูดไม่ออก

เธอพูดแต่แรกแล้วว่าเธอแค่มาอธิบายกับตระกูลเฟิง ไม่ได้กลับมาตระกูลเฟิง

“เฟิงหานชวน ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าเราไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว” เธอพูดทีละคำทีละประโยค: “เพราะว่าตอนนี้ฉันคือเป๋าฮวน”

“เฉินฮวนฮวนคนนี้ ไม่มีอีกแล้ว”

อย่างไรก็ตาม หลังจากพูดไม่กี่ประโยคนี้จบ

เฟิงหานชวนกอดเธอแน่นยิ่งขึ้น และเธอรู้สึกว่าเธอกำลังหายใจไม่ออก

“ไม่ว่าคุณจะเป็นเฉินฮวนฮวนหรือเป๋าฮวน คุณก็เป็นฮวนฮวนของผม เป็นภรรยาของผม!” เสียงของเฟิงหานชวนเกือบจะขาดรอนๆ ราวกับว่ากลัวว่าเธอจะหายไปทันทีที่ปล่อยมือ

“คุณปล่อยฉันก่อน ฉันจะหายใจไม่ออกแล้ว” เป๋าฮวนใช้กำปั้นทุบหลังของชายหนุ่ม เสียงกล่าวออกมาไม่ค่อยได้แล้ว เพราะเธอหายใจไม่ออกจริงๆ

ชายหนุ่มกอดเธอแน่นเกินไป ราวกับว่าต้องการชีวิตของเธอ

เฟิงหายชวนได้ยินความแตกต่างในเสียงของเป๋าฮวนรีบปล่อยมือทันที ก้มศีรษะและเอื้อมมือไปจับใบหน้าของเธอ และพูดอย่างกังวล: "ผมหุนหันพลันแล่นเกินไป คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม?"

เป๋าฮวนสูดอากาศบริสุทธิ์เฮือกใหญ่ แล้วพยักหน้าช้าๆ: “ฉันไม่เป็นไร”

เธอยอมแพ้เฟิงหานชวนจริงๆ กอดผู้หญิงก็ช่างเถอะ แต่นี่ไม่นับว่าเป็นการกอด นี่เขากำลังจะฆ่าปิดปากแล้ว!

“ผมขอโทษฮวนฮวน ผมขาดสติไปแล้ว” ในสมองของเฟิงหานชวนวุ่นวายไปหมด เขาไม่รู้ว่าตัวเองทนมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง

หลังจากที่เป๋าฮวนและนายท่านพูดคำเหล่านั้นออกมา เขาก็ทนอยู่ตลอด ทนจนถึงตอนนี้ ทนตลอดช่วงเวลาอาหารกลางวัน

“คุณ…เฟิงหานชวน คุณต้องการทำอะไรกันแน่?” เป๋าฮวนมองท่าทางแบบนี้ของเฟิงหานชวน พูดคำตำหนิไม่ออกมีแค่เสียงมีแบบช่วยไม่ได้

“ผมอยากให้คุณอยู่เคียงข้างผม” เขาพูดโดยไม่ลังเล

เป๋าฮวนหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างเย็นชา: “ฉันคิดว่าฉันไม่เพียงบอกคุณชัดเจนแค่ครั้งเดียว และฉันไม่ต้องการที่จะพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก”

“คุณโทรกลับหาเวินซือเหยี่ยนหรือยัง?” เฟิงหานชวนพูดขัดจังหวะเธอ

เป๋าฮวนใบหน้างงงวย: "มันเกี่ยวกับคุณหรือ?"

“เกี่ยว!” เฟิงหานชวนพูดอย่างจริงจัง: “ถ้าคุณรับปากเวินซือเหยี่ยนว่าจะเล่นเป็นตัวประกอบในละครราชวังชิง ถ้าอย่างนั้นคุณก็สามารถอยู่ในประเทศฮัวต่อ และอยู่ใกล้ผมมากขึ้น”

เป๋าฮวน : "……"

"ใกล้ชิดคุณมากขึ้น? คุณต้องการทำอะไร?"

“ผมอยากตามจีบคุณ!”

“……”

“ฮวนฮวน ตาของคุณเห็นด้วยแล้ว ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ฉันจะตามจีบคุณเรื่อยๆ ตามจีบคุณไปจนถึงสุดหล้าฟ้าเขียว จนกว่าคุณจะตอบตกลง”

“……”

เป๋าฮวนพูดไม่ออก อีกทั้งรู้สึกว่าสมองของเฟิงหานชวนไม่ปกติ

“สุดหล้าที่ไหนไม่มีฟ้าเขียว ทำไมถึงรักดอกไม้แค่ดอกเดียว?” เธอแอบพูด

“แต่ผมรักแค่ดอกไม้ดอกนี้”

เฟิงหานชวนจ้องไปที่ดวงตาที่สดใสของหญิงสาวด้วยความรักลึกซึ้ง ลูกกระเดือกของเขาสั่นไหว อดไว้ไม่อยู่ ก้มศีรษะลงและจูบริมฝีปากของหญิงสาวโดยตรง

เพียงแต่ว่าเร็วมาก ไม่กล้าค้างไว้

เป๋าฮวนผงะไปครู่หนึ่งและมองขึ้นไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า แม้กระทั่งสงสัยว่าช่วงเวลาเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตาของเธอ

แต่ความอบอุ่นอันน้อยนิดที่ริมฝีปาก ทำให้เธอรู้สึกอีกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกไปเอง

“คุณเพิ่ง……จูบฉันเหรอ?” เป๋าฮวนชี้ไปที่ปากตัวเองและถามด้วยสายตาที่จ้องเขม็ง

“อืม” เฟิงหานชวนตอบอย่างมั่นใจ “ทนไม่ไหว”

“ฉัน……เหี้ย……” เป๋าฮวนอดไม่ได้ที่จะระเบิดคำหยาบ

“ฮวนฮวน เมื่อก่อนคุณไม่เคยดุขนาดนี้” เฟิงหานชวนลิ้มรสความหวานและมีความสุขใจมาก

ไม่ว่าอย่างไรฮวนฮวนเป็นของเขา ร่างกายทั้งหมดของเธอก็เป็นของเขา

ส่วนเวินซือเหยี่ยนนั่น เกรงว่าแม้แต่นิ้วของฮวนฮวนก็ไม่เคยได้แตะ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากของเฟิงหานชวนก็ม้วนงอและรอยยิ้มที่พึงพอใจก็ปรากฏขึ้น

น้ำเสียงของหลีซืออวิ๋นทำให้เป๋าฮวนรู้สึกไม่สบายใจ

เธอหันศีรษะและเหลือบมองหลีซืออวิ๋น จากนั้นใช้สายตามองไปที่คนบ้านตระกูลเฟิง

หลีซืออวิ๋นรู้สึกถึงแววตาที่อธิบายไม่ได้ของเป๋าฮวน เธอรู้สึกอึดอัดมากราวกับว่าเป๋าฮวนเป็นคนที่สูงส่ง เธอถึงถูกเป๋าฮวนละสายตาเช่นนี้

วินาทีต่อมาหลังจากนั้น เสียงอันไพเราะของเป๋าฮวนก็ดังขึ้น: “ฉันไม่ได้ต้องการทำให้ทุกคนตกใจ ฉันกลับประเทศฮัวครั้งนี้ก็เพื่ออธิบายให้ทุกคนเข้าใจให้ชัดเจน”

“สามปีที่แล้ว ศพผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนตัวจริงไปจากประเทศฮัว และไปใช้ชีวิตที่ประเทศเฉิน”

“บางทีทุกคนอาจจะรู้สึกประหลาดใจและไม่อยากเชื่อ เพราะศพผู้หญิงในตอนนั้นถูกระบุว่าคือตัวเฉินฮวนฮวน แต่จริงๆแล้วนั่นเป็นสิ่งที่ปลอมขึ้นมา”

เป๋าฮวนอธิบายอย่างละเอียดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้น ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ตกตะลึง ยกเว้นเธอและเฟิงหานชวน

“คุณ……คุณคือ……ฮวนฮวนจริงๆ เหรอ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นคนแรกที่กลับมารู้สึกตัว ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ราวกับว่าเขาไม่อยากเชื่อความจริงข้อนี้

“คุณถูกอาสามของผมล้างสมองใช่ไหม? อาสามให้คุณพูดแบบนี้ใช่ไหม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนเกาศีรษะของเขาแล้วพูดไม่ปะติดปะต่อ: “แล้วคุณมีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ว่าคุณคือเฉินฮวนฮวน? หลีกเลี่ยงไม่ทานของเหล่านี้อาจเป็นเรื่องบังเอิญ……"

“ออ งั้นฉันจำเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นตามลำพังระหว่างเราได้?” เป๋าฮวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง นึกถึงเรื่องที่หลินอวี่หยางพาเธอไปเที่ยวผับ และก็บังเอิญได้เจอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนและเหล่าพี่น้องของเขา

เฟิงเฉินเหยี่ยนผงะไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “นับนับนับ คุณลองบอกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา ที่ไม่มีอาสามอยู่ด้วย!”

“ตามลำพัง? ผมไม่ได้อยู่ด้วย?” เมื่อเฟิงหานชวนได้ยิน สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำลง

เฟิงเฉินเหยี่ยนเกร็งทันทีและรีบอธิบาย: "อาสาม อาอย่าเข้าใจผิด ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฮวนฮวนเรียบง่ายมาก"

“เหรอ?” เฟิงหานชวนถามอย่างมีเลศนัย จากนั้นมองไปที่เป๋าฮวนและถามอย่างเย็นชา: “งั้นคุณเป๋าลองพูดถึงว่าเรื่องตามลำพังเป็นแบบไหน?”

เป๋าฮวน : "……"

ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเฟิงหานชวนกำลังข่มขู่เธอ?

เขาหึงหวงแม้กระทั่งกับหลานชายของเขา?

ส่วนคนอื่นๆไม่พูดอะไรสักคำ แต่ละคนมองไปที่ทั้งสามคน รอดูสถานการณ์ต่อจากนี้

“แค๊กแค๊ก” เป๋าฮวนไอสองครั้ง มองไปที่เฟิงเฉินเหยี่ยนแล้วกล่าวว่า “ฉันจำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง หยางหยางพาฉันไปที่โรงแรมพอยเซิน ตอนนั้นบังเอิญพบคุณและบรรดาพี่น้องสองสามคนของคุณ ฉันจำได้ว่าหนึ่งในนั้นเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียงมาก ชื่อเจิ้ง……ลืมชื่อไปแล้ว ตอนนั้นเขาต้องการตามจีบฉันด้วย แล้วถูกคุณตักตือน”

เมื่อพูดถึงชื่อหยางหยาง แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับเธอเพียงแค่สองสามเดือน แต่จริงๆแล้วในใจเป๋าฮวนไม่เคยลืมเธอ

ท้ายที่สุด หลินอวี่หยางก็ดีกับเธอมากจริงๆ

ครั้งนี้ถ้าเธอถ่ายทำอยู่ที่ประเทศฮัว เธออยากติดต่อกับหลินอวี่หยาง

“เจิ้งจือหาว เป็นเขา!” เฟิงเฉินเหยี่ยนตกตะลึงด้วยความตกใจ

“เจิ้งจือหาว?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาคล้ำหมองแบบดูไม่ได้แล้ว

เขาจ้องไปที่เป๋าฮวน แต่เป๋าฮวนไม่อยากใส่ใจเขา ท่าทางที่ไม่อยากอธิบายให้ชัดเจน เฟิงหานชวนจึงต้องถามหลานชายของเขาว่า: "อาเยี่ยน เหตุการณ์เป็นยังไงกันแน่?"

“ดังนั้น อาสามคุณก็ไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่ขณะที่ถามเฟิงหานชวน เขาถึงได้ยืนยันแบบจริงแท้แน่นอน

ส่วนคนอื่นๆในที่นั้น ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้ว ก็เหมือนเฟิงเฉินเหยี่ยนที่มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว

โดยเฉพาะหลีซืออวิ๋น เธอไม่เคยคาดคิดว่าเฉินฮวนฮวนยังไม่ตาย?

และยังกลับมาแบบเปิดเผยด้วย?

ตอนนั้นเธอสร้างเรื่องราวไว้มากมาย เดิมคิดว่ากำจัดเฉินฮวนฮวนได้แล้ว ส่วนคราวนี้ที่มาเป็นเพียงตัวแทน แต่ตอนนี้……

แม้ว่าหลีซืออวิ๋นจะจิตใจแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการกระแทกอันทรงพลังนี้ได้ สีหน้าของเธอซีดเซียวแทบจะในทันที

เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของหลีซืออวิ๋น เฟิงหย่าถามอย่างกังวลว่า: “พี่อวิ๋น คุณเป็นอะไร? ทำไมสีหน้าแย่ขนาดนี้ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

“ไม่ ไม่ใช่” เมื่อหลีซืออวิ๋นเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธอก็รีบปฏิเสธและอธิบายว่า: “ฉันอาจจะตกใจเพราะคิดว่าเฉินฮวนฮวนถูกสิง”

“ถูกสิง? อ๊าอ๊าอ๊า——เป็นไปได้!” เฟิงหย่ากรีดร้องออกมา มองไปยังเป๋าฮวนด้วยความกลัว และถามอย่างสั่นเทาว่า: “คุณถูกเฉินฮวนฮวนเข้าสิงหรือเปล่า?”

เป๋าฮวน : "……"

“เฉินฮวนฮวน ปีนั้นเธอเกลียดอาสามถึงได้กระโดดแม่น้ำฆ่าตัวตาย ดังนั้นตอนนี้คุณถึงเข้าสิงตัวเป๋าฮวน คุณมาเพื่อล้างแค้นอาสามใช่ไหม?” เสียงของเฟิงหย่าดูหวาดกลัวและก็ตื่นเต้น

เรื่องพัวพันระหว่างเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนในปีนั้น คนบ้านตระกูลเฟิงรู้กันอยู่แล้ว ดังนั้นเฟิงหย่าพูดแบบนี้เป๋าฮวนไม่ได้แปลกใจเลย

เธอยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันไม่มีเวลาแก้แค้น”

“อ๊า——คุณมาที่นี่เพื่อแก้แค้นจริงๆ!” เฟิงหย่ากรีดร้องอีกครั้งและตะโกนว่า: “คุณปู่ รีบหาพระอาจารย์มา ! ผี——”

เป๋าฮวน : "……"

เธอหันศีรษะและเหลือบมองเฟิงหานชวน ท่าทางรังเกียจอย่างยิ่ง

ถ้ารู้แต่แรกเธอก็จะไม่มาตระกูลเฟิง คุยกันตั้งนานก็ยังถูกมองว่าเป็นผี!

“เสี่ยวหย่า หุบปาก!” เฟิงหานชวนดุ

เฟิงหย่าปิดปากและส่ายหัวอย่างเอาชีวิต มองไปทางเป๋าฮวนด้วยสีหน้าสยดสยอง

ในเวลานี้ เฟิงเหลยถิงไอสองครั้งและพูดปลอบว่า: "เสี่ยวหย่า คุณเป๋าดูร่าเริงและมีชีวิตชีวาใบหน้าเป็นธรรมชาติ เธอไม่มีทางถูกเข้าสิงได้"

ทันใดนั้น เฟิงเหลยถิงยิ้มอย่างเมตตาและหันไปถามเป๋าฮวนว่า "ฮวนฮวน ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าตอนนั้นเธอให้ตำรวจระบุตัวตนอย่างไร? แม้แต่เราก็ถูกปิดซ่อนไปได้"

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินที่เฟิงเหลยถิงพูด ก็รู้ว่าเขาเชื่อว่าตัวเธอคือเฉินฮวนฮวน เพียงแต่เขายังสงสัยเกี่ยวกับ "วิธีดำเนินการอาชญากรรม" เมื่อสามปีก่อน

“นายท่านรู้จักเป๋าเยี่ยนไหม?” เป๋าฮวนพูดชื่อของคุณตาเธอออกมาโดยตรง

“เป๋าเยี่ยน? รู้จักแน่นอน เขาเป็นเจ้าของตระกูลเป๋าในปัจจุบัน ตอนหนุ่มๆพวกเรายังเคยต่อสู้ทางธุรกิจกัน” เฟิงเหลยถิงยิ้มเมื่อพูดจบประโยค ทันใดนั้นสีหน้าตกตะลึง

เขาชะงัก ดูเหมือนจะนึกไม่ถึง: “ฮวนฮวน ตอนนี้เธอชื่อเป๋าฮวน เป๋าเยี่ยนเป็นอะไรกับเธอ?”

ปีนั้น เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนของตระกูลเฉิน ตระกูลเฉินเริ่มธุรกิจขนาดเล็กด้วยมือเปล่า ต่อมาล้มละลาย พูดได้ว่าไม่มีภูมิหลังที่ต้องกล่าวถึง

แต่ตระกูลเป๋าต่างกัน ตระกูลเป๋าเป็นตระกูลชนชั้นสูงที่หยั่งรากลึกซึ่งอพยพไปยังประเทศเฉินตอนสิ้นสุดราชวงศ์ชิง ต่อมาก็ได้พัฒนาอยู่ในประเทศเฉินมาตลอด มีอุตสาหกรรมต่างๆทั่วโลกและลึกลับอย่างยิ่ง

ความลึกลับที่ว่านั้น แท้ที่จริงคือตระกูลเป๋าติดดินมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นตอนนี้หลายคนไม่รู้ว่าครอบครัวตระกูลเป๋ายังมีอยู่

เป๋า มีสายเลือดของราชวงศ์ เป็นชนชั้นสูงที่แท้จริง

“นายท่าน เขาเป็นคุณตาของฉัน” เป๋าฮวนตอบอย่างสงบนิ่ง

ตระกูลหลีก็เป็นครอบครัวที่ร่ำรวย หลีซืออวิ๋นเคยได้ยินชื่อตระกูลเป๋าอยู่แล้ว เมื่อเธอได้ยินคำตอบของเป๋าฮวน คนทั้งคนยืนงงอยู่อย่างนั้น

เป๋าฮวนสูดหายใจลึกๆ รุนแรงอะไรขนาดนั้น?

เธอพูดผิดตรงไหน?

สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง เธอยังไม่ได้ตอบตกลงเขา ดังนั้นหลีซืออวิ๋นก็ยังมีโอกาสไม่ใช่เหรอ?

เป๋าฮวนรู้สึกว่าข้อมือของเธอเจ็บ เพราะผู้ชายจับไว้แน่น เธอจ้องมาที่เขาและสะบัดมือของเขาออก

จากนั้น ก้าวไปข้างหน้าและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

หลีซืออวิ๋นมองดูฉากนี้อย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเธอก็เกิดความสงสัย สถานการณ์ในตอนนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าเฟิงหานชวนกังวลอย่างมากเกี่ยวกับเป๋าฮวน แต่เป๋าฮวนดูเหมือนต้องการกำจัดความสัมพันธ์ของเฟิงหานชวน

ดูเหมือนว่าที่เฟิงหย่าบอก บอกว่าตัวแทนคนนี้ยังไม่ได้ตอบตกลงเฟิงหานชวนจะเป็นความจริง

“หานชวน คุณสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ทำไมคุณเป๋าถึงปฏิเสธคุณ?” หลีซืออวิ๋นถามเฟิงหานชวนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

เฟิงหานชวนกำลังจะเข้าไปในห้องนั่งเล่น หยุดทันทีและตอบว่า: “เธอเข้าใจผมผิด”

“เข้าใจผิด?” หลีซืออวิ๋นงงงวย ต้องการจะถาม แต่เฟิงหานชวนเดินนำไปข้างหน้าแล้ว

เฟิงหานชวนพูดเบาๆ : "เข้าไปทานข้าวเถอะ"

หลังจากพูดจบ ขายาวของเขาก็ก้าวออก เดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนทำตัวเฉยชากับตัวเอง หลีซืออวิ๋นรู้สึกอึดอัดมาก อึดอัดและตื่นตระหนก

เธอเดินตามเข้าไปช้าๆ

ที่นั่งของทุกคนถูกคนใช้จัดเตรียมไว้แล้ว ที่ของเป๋าฮวนแม่บ้านหลี่จัดให้นั่งทางด้านซ้ายของเฟิงหานชวน และหลีซืออวิ๋นก็ถูกจัดไว้ด้านซ้ายของเป๋าฮวน ดังนั้นเป๋าฮวนจึงถูกคั่นกลางระหว่างคนทั้งสอง

หลีซืออวิ๋นรู้สึกอึดอัดมากขึ้นในขณะนี้ เฟิงหย่าที่อยู่ข้างๆเธอยังคงคุยกับเธอเกี่ยวกับกระเป๋าใบใหม่ เธอรู้สึกรำคาญมากและไม่อยากฟัง แต่เธอไม่สามารถหยุดเฟิงหย่าได้

เพราะเธอไม่สามารถให้ทุกคนเห็นว่าเธออารมณ์ไม่ดี

อาหารเย็นพร้อมแล้ว เฟิงเหลยถิงเชิญให้ทุกคนรับประทาน เป๋าฮวนรู้สึกว่าคราวนี้คล้ายกับงานเลี้ยงของครอบครัวตระกูลเฟิง ยกเว้นเธอและ หลีซืออวิ๋นทั้งสองเป็นบุคคลภายนอก

ทุกคนเริ่มทาน ไม่มีใครเริ่มพูดก่อน บรรยากาศก็ดูเคร่งเครียดเล็กน้อย

เฟิงเหลยถิงไอออกมา หาเรื่องคุยและถามเฟิงหานชวนทางด้านซ้ายมือ: "อยู่ดีๆทำไมหลิวอวี่ถงถึงเป็นลมกะทันหัน? มีโรคอะไรหรือเปล่า? ถ้าเธอป่วยก็ให้เงินกับเธอและเลิกจ้าง"

“ครับ” เฟิงหานชวนตอบเบาๆ

ในความเป็นจริง เขารู้ว่าหลิวอวี่ถงเป็นลมเพราะช็อก ไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วยใดๆ

“แล้ว… ฮวนฮวน? ชื่อเล่นของคุณเป๋าคือชื่อนี้ใช่ไหม?” เฟิงเหลยถิงเพิ่งรู้อายุและชื่อของเป๋าฮวนจากเฟิงหย่า แต่ในขณะที่เขาอยู่ในความงุนงงและไม่รู้จะพูดอย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป๋าฮวนดูคล้ายเฉินฮวนฮวนมาก

“ใช่ค่ะนายท่าน คุณเรียกหนูว่าฮวนฮวนก็ได้” เป๋าฮวนยิ้มจางๆและตอบ

“บังเอิญ ช่างบังเอิญเหลือเกิน…” เฟิงเหลยถิงมองดูมึนงงเล็กน้อย ราวกับว่าเขาจำอะไรบางอย่างได้

เขามองไปที่จานของเป๋าฮวนว่างเปล่า เขาคีบกระเจี๊ยบมาใส่ในจานของเป๋าฮวน แล้วกล่าวว่า: "กินเยอะๆนะ"

เป๋าฮวนอึ้งไปครู่หนึ่ง นายท่านเฟิงลืมไปแล้วเหรอว่าเธอไม่กินกระเจี๊ยบ?

จะว่าไปก็ผ่านมา3ปีแล้ว ตัวเองก็ไม่ใช่ลูกสาวหรือหลานสาวของเฟิงเหลยถิง เป็นเรื่องปกติที่เขาจะจำความชอบของเธอไม่ได้

เธอแค่พยักหน้าและไม่พูดอะไร

เวลาผ่านไปสักครู่ เห็นว่าเป๋าฮวนไม่เคยแตะกระเจี๊ยบเลย สายตาของเฟิงเหลยถิงค่อยๆเผยให้เห็นความสงสัย เขาก็ถามว่า: “ฮวนฮวน เธอไม่ชอบกินกระเจี๊ยบเหรอ?”

เป๋าฮวนก้มศีรษะลง เหลือบมองกระเจี๊ยบในชามของเธอ เธอพยักหน้าและพูดว่า: “ใช่ค่ะ”

เมื่อเสียงยืนยันดังขึ้น เฟิงเหลยถิงถึงกับตกตะลึง

ทันใดนั้น เฟิงเฉินเหยี่ยนซึ่งอยู่ตรงข้ามก็อุทาน: “คุณเป๋าก็ไม่ชอบกระเจี๊ยบเหรอ? ผมจำได้ว่าฮวนฮวนก็ไม่ชอบเหมือนกัน ปีนี้คุณอายุ23ปี ถ้าฮวนฮวนยังไม่ตาย เธอก็23เหมือนกัน…พระเจ้า!”

“คุณ คุณ…” เฟิงเฉินเหยี่ยนมองเธอด้วยสีหน้าตกใจ

เป๋าฮวนรู้สึกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเชื่อว่าเธอคือเฉินฮวนฮวน

อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา เฟิงเฉินเหยี่ยนลุกขึ้น ชี้ไปที่เธอและพูดอย่างตื่นเต้น: "คุณเป๋า คุณต้องเป็นพี่น้องฝาแฝดของฮวนฮวนแน่เลย คุณควรถามพ่อแม่ของคุณว่าคุณเป็นลูกบุญธรรมหรือเปล่า หรือพวกเขาเคยให้ลูกสาวกับใครไหม?"

เป๋าฮวน : "…"

ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินไอคิวของเฟิงเฉินเหยี่ยนสูงเกินไป

แต่เป็นเรื่องปกติที่จะคิดเช่นนี้ เพราะร่างของ "เธอ" ถูกส่งไปเผาโดยตระกูลเฟิง ในสายตาของพวกเขาเฉินฮวนฮวนได้กลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว

ดังนั้น หากมีคนที่อายุเท่ากันและคล้ายกัน พวกเขาจะคิดว่าเป็นฝาแฝดโดยไม่รู้ตัว

“แม่ของเธอให้กำเนิดเธอคนเดียว”

ในเวลานี้ เสียงต่ำของผู้ชายพูดปฏิเสธความสงสัยของเฟิงเฉินเหยี่ยน

เฟิงเฉินเหยี่ยนส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า: "เป็นไปไม่ได้! อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ฝาแฝดแล้วจะอธิบายยังไง เว้นแต่…"

เขาลังเล แล้วส่ายหัวอย่างแรง

“เว้นแต่อะไร?” เป๋าฮวนถามเธอด้วยความสนใจ

"เว้นแต่คุณจะเป็นฮวนฮวนที่ฟื้นคืนชีพ แต่… ไม่น่าจะเป็นไปได้!" เฟิงเฉินเหยี่ยนสับสนทันที

แน่นอน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ยกเว้นเป๋าฮวนและเฟิงหานชวน พวกเขาต่างตกตะลึง เพราะไม่มีใครเคยเจอเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน

“อาเหยี่ยน ฉันบอกคุณทางโทรศัพท์แล้ว แต่คุณไม่เชื่อฉัน” เป๋าฮวนยิ้มเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ

จุดประสงค์ของการมาของเธอคือเพื่อขจัดความสงสัยของครอบครัวตระกูลเฟิงที่มีต่อ "เฉินฮวนฮวน" และให้พวกเขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่คิดว่าเฟิงหานชวนเป็นคนบ้า

เป๋าฮวนคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายตัดสินใจกลับมาประเทศฮัวเพราะเฟิงหานชวน

“อาเหยี่ยน? ทางโทรศัพท์?” เฟิงเฉินเหยี่ยนอุทาน คิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการสนทนาของเขากับเป๋าฮวน

ที่สำคัญกว่านั้น ตอนนี้เขารู้สึกแปลกๆมากขึ้น เสียงที่เป๋าฮวนเรียกเขานั้นเหมือนกับเสียงของเฉินฮวนฮวนทุกประการ

เพราะเขาชอบน้ำเสียงที่เฉินฮวนฮวนเรียกเขา เขารู้สึกว่าเสียงของเธอดีมาก และมีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขเวลาได้ยิน

หลายคนเรียกเขาว่าอาเหยี่ยน แต่ว่าน้ำเสียงแต่ละคนต่างกัน

ยิ่งกว่านั้น เฟิงเฉินเหยี่ยนนึกถึงสิ่งที่พวกเขาคุยทางโทรศัพท์ เป๋าฮวนเคยบอกเขาว่า เธอคือเฉินฮวนฮวน

“ไม่… เป็นไปไม่ได้…” เฟิงเฉินเหยี่ยนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

แม้ว่าเขาจะรู้สึกเหลือเชื่อ แต่สัญญาณทั้งหมดบอกเขาว่าเป๋าฮวนคือเฉินฮวนฮวน

คนอื่นๆที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงและสงสัย โดยเฉพาะหลีซืออวิ๋น ที่ไม่เชื่อและรู้สึกไร้สาระมาก

ในความเห็นของเธอ เป๋าฮวนจงใจแกล้งสวมบท เพราะแวบแรกก็ดูออกว่าเธอกำลังสร้างความยุ่งเหยิง

หลีซืออวิ๋นจิบน้ำล้างคอของเธอ พูดขึ้นด้วยท่าทางราวกับคุณนาย: "คุณเป๋า พวกเราทุกคนรู้ว่าคุณเฉินจากไปแล้ว คุณพูดเล่นแบบนี้จะทำให้ทุกคนกลัว”

หลิวอวี่ถงเป็นเช่นนี้ ทำให้ทุกคนในนั้นตกใจ

เฟิงเจิ้งหมิงรีบเรียกคนใช้ชายสองคน พาหลิวอวี่ถงขึ้นรถ สั่งคนใช้ชายสองคนส่งหลิวอวี่ถงไปที่โรงพยาบาล

หลีซืออวิ๋นกัดฟันของเธอ ในขณะที่ทุกคนสับสน เธอก็ส่งข้อความถึงเฉินเจี๋ยอย่างลับๆ

“คุณยังไม่ไล่เธอออกเหรอ?” เป๋าฮวนสังเกตเห็นหลิวอวี่ถงตั้งแต่มาถึง แต่เธอไม่สนใจ

ในขณะนี้ เธอมองไปที่เฟิงหานชวนด้วยสายตาที่เย็นชา ยิ้มและกล่าวว่า: "เสียดายล่ะสิ!"

“ไม่ใช่ ผมรอคุณกลับมา” เฟิงหานชวนตอบอย่างเคร่งขรึม

เป๋าฮวน: "???"

“รอฉันกลับมา?” เธอเยาะเย้ยอีกครั้ง พึมพำว่า: “ข้อแก้ตัวเยอะจัง”

“รอคุณกลับมา ให้คุณยืนยันกับเธอต่อหน้า และหลิวเยว่เออร์ ผมตั้งใจว่าจะพาคุณไปพบเธอในตอนบ่าย” เฟิงหานชวนกระซิบข้างหูของเป๋าฮวน บอกเจตนาของตัวเอง

เป๋าฮวนตกตะลึงและกล่าวว่า: "ไม่จำเป็น"

“จำเป็น” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนหนักแน่น

เป๋าฮวน: "…"

“มันเป็นเรื่องของความบริสุทธิ์ของผม ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมต้องชี้แจงความบริสุทธิ์ของผม”

เป๋าฮวน: "…"

“เจ้าสาม ทำไมยังยืนอยู่ตรงนั้น? เข้ามา!” เฟิงเหลยถิงยืนอยู่ที่ประตูห้องนั่งเล่นและโบกมือให้พวกเขา

เฟิงหานชวนและเป๋าฮวนพยักหน้าพร้อมกัน จากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น

เมื่อเธอมาถึงประตูห้องนั่งเล่น หลีซืออวิ๋นยังคงยืนอยู่ที่นั่น การแสดงออกของเฟิงหย่ารู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอจับแขนของหลีซืออวิ๋น

การแสดงออกของหลีซืออวิ๋นสีหน้าไม่ค่อยดี เธอจ้องไปที่เฟิงหานชวนและเป๋าฮวน แต่ไม่ได้พูดอะไร

เฟิงหานชวนนึกขึ้นว่าเขายังไม่ได้ตอบกลับหลีซืออวิ๋น ดังนั้นเขาจึงหยุดและหันไปมองหลีซืออวิ๋น พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: "ขอโทษด้วยนะซืออวิ๋น ที่ทำให้คุณเข้าใจผิด”

“อาสาม หนูเข้าใจผิดเอง มันเป็นความผิดของหนู ขอโทษนะคะ ขอโทษพี่อวิ๋นด้วยเหมือนกัน!” เฟิงหย่าเกาศีรษะ ท่าทางยุ่งเหยิง

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่เนื่องจากเป็นการคิดไปเองของเธอ เธอทำให้เกิดความอับอายอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงอายและไม่มีหน้าไปเผชิญกับอาสามและพี่อวิ๋น

หลีซืออวิ๋นมาครั้งนี้ เพราะเธออยากดูว่าเฟิงหานชวนพาผู้หญิงแบบไหนกลับมา แต่—

เธอคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่เฟิงหานชวนพากลับมานั้นถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกับเฉินฮวนฮวน และที่สำคัญกว่านั้น เธอดูเยอะกว่าเฉินฮวนฮวน

พูดตรงๆก็คือ สวยกว่าเฉินฮวนฮวน

ใจที่หยิ่งจองหองของเธอก็ท่วมท้นทันที เมื่อยืนตรงหน้าชายหญิงคู่นี้ เธอเพียงรู้สึกละอายใจเท่านั้น

เข้าใจผิดคิดว่าเฟิงหานชวนจะขอตัวเองแต่งงาน อายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้น แถมตอนนี้เฟิงหานชวนเจอคนที่จะมาแทนเฉินฮวนฮวน ตัวเองคงไม่มีโอกาสอีกแล้วใช่ไหม?

หลีซืออวิ๋นรู้สึกไม่มีหน้าจะเผชิญกับผู้อื่น

“เหอะ ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน เป็นความเข้าใจผิด” หลีซืออวิ๋นพยายามแสร้งทำเป็นสงบ

แต่ความจริง แม้ว่าเธอดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่เธอก็รู้สึกแย่มากกว่าใครลึกๆในใจ

เธอรอมา3ปี 3ปีเต็ม คิดว่าตัวเองกำลังจะประสบความสำเร็จ แต่พระเจ้ากลับเล่นตลกกับเธอ

เธอจ้องมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธอ รูปลักษณ์ที่เล็กกระทัดรัดและน่ารักของเธอ ดึงดูดใจผู้ชายได้ง่ายมาก เป็นเหมือนเฉินฮวนฮวนเมื่อ3ปีก่อน ทำให้เฟิงหานชวนหลงใหลในเสน่ห์

และผู้หญิงอย่างเธอคือสเปคที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชายที่จะเลือกคู่ครอง แต่ก็ไม่ใช่แบบที่ผู้ชายทุกคนจะชอบ

“นี่คือแฟนใหม่ของหานชวนเหรอ? เรียกคุณว่าอะไรดี? ฉันชื่อหลีซืออวิ๋น เป็นเพื่อนของหานชวน” หลีซืออวิ๋นริเริ่มที่จะยื่นมือขวาของเธอ ทักทายเป๋าฮวน

เป๋าฮวนมองไปที่หลีซืออวิ๋น เธอพบว่าตอนนี้หลีซืออวิ๋นดูใจกว้างเป็นพิเศษ แต่ตอนที่เธอลงจากรถ หลีซืออวิ๋นไม่ได้มีท่าทางแบบนี้

ด้วยสายตาที่หึงหวง เป๋าฮวนดูไม่ผิด

อย่างไรก็ตาม สำหรับเธอ หลีซืออวิ๋นเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีอะไรสำคัญ

เธอยื่นมือออกไปจับมือกับหลีซืออวิ๋น และตอบว่า: "สวัสดี ฉันชื่อเป๋าฮวน"

“เป๋า…ฮวน?”

เมื่อเอ่ยคำสุดท้ายออกมา หลีซืออวิ๋นลังเลอยู่นานแล้วจึงถามว่า: "ฮวนที่แปลว่าความสุข…หรือเปล่า?”

“ใช่” เป๋าฮวนพยักหน้าและตอบด้วยรอยยิ้ม

สีหน้าของหลีซืออวิ๋นเปลี่ยนไปทันที

“พระเจ้าช่วย!” เฟิงหย่าอุทานและกล่าวว่า “อาสาม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณอาถึงคลั่งแบบนี้! ชื่อของพี่สาวคนนี้มีฮวนด้วย แถมเธอยังดูคล้ายเฉินฮวนฮวน เหลือเชื่อมาก! นี่คือสิ่งที่พระเจ้ามอบให้เป็นพิเศษ!”

เฟิงหานชวนไม่ตอบ ตรงกันข้ามเป๋าฮวนเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ พูดขึ้นเบาๆ : "พี่สาว?"

“ห๊ะ?” เฟิงหย่าตื่นเต้นมากในตอนแรก จากนั้นได้สติ ใบหน้าของเธอก็ประหลาดใจ: “ไม่ใช่พี่สาวงั้นเหรอ?”

“คุณอายุมากกว่าฉัน1ปี” เป๋าฮวนตอบด้วยยิ้ม

เธอจำได้ว่าตอนที่เธอมาที่บ้านตระกูลเฟิงครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว เธอรู้ว่าเฟิงหย่าอายุใกล้เคียงกับเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะแก่กว่า1ปี

ดังนั้น เมื่อเฟิงหย่าเรียกเธอว่าพี่สาว เธอรู้สึกเขินเล็กน้อย

“ห้ะ? ฉันแก่กว่าคุณ1ปีเหรอ? คุณอายุน้อยกว่าฉัน1ปี! พระเจ้า! คุณยังสาวมาก!” เฟิงหย่าตกตะลึง

ท่าทางที่แปลกใจของเธอ ทำให้เป๋าฮวนรู้สึกไม่พอใจ และถาม: “ฉันดูแก่มากเหรอ?”

เฟิงหย่าตอบสนองทันที ส่ายหัวและโบกมือ: “ไม่ใช่ไม่ใช่ น้องฮวน ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพราะคุณเป็นแฟนของอาสาม ฉันก็เลยคิดว่าคุณอายุมากกว่าฉัน…”

“เดี๋ยวนะ คุณอายุน้อยกว่าฉัน1ปีเหรอ?””

เมื่อเฟิงหย่าอธิบายเสร็จ เธอก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดวงตาทั้งสองของเธอก็เบิกกว้าง

“ใช่” เป๋าฮวนพยักหน้าอีกครั้ง: “ปีนี้ฉันอายุ 23 ปี”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลีซืออวิ๋นก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

ผู้หญิงคนนี้อายุน้อยมาก แต่เธออายุ 31 ปีแล้ว เธอจะเป็นคู่แข่งของเป๋าฮวนได้อย่างไร?

"โอ้พระเจ้า!!!"

เฟิงหย่าตะโกนทันที วิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่นและตะโกนว่า: "คุณปู่ ผู้หญิงคนนั้นอายุเท่าเฉินฮวนฮวนเลย!!!"

เป๋าฮวน : "…"

ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?

หรือจะรู้ว่าเธอก็คือเฉินฮวนฮวนตัวจริง?

“คุณเป๋า เสี่ยวหย่าเป็นคนตรงไปตรงมา อย่าถือสาเลยนะ” หลีซืออวิ๋นยิ้มจางๆ แล้วถามว่า: “ฉันได้ยินมาว่า คุณมาจากประเทศเฉิน? ฉันค่อนข้างคุ้นเคยกับประเทศเฉิน ฉันเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นั่น1ปี คุณเป็นคนประเทศเฉินหรือเปล่า?"

“ฉันเป็นคนเมือง L” เป๋าฮวนมองไปที่หลีซืออวิ๋นและพูดอย่างตรงไปตรงมา: “ฉันกับคุณเฟิง ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณคิด ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเขา คุณหลียังมีโอกาส”

ตอนนี้เป๋าฮวนฉลาดมาก ทำไมจะดูไม่ออกว่าหลีซืออวิ๋นสนใจเฟิงหานชวน ดังนั้นเธอจึงโพล่งออกมา!

สิ่งที่เธอพูดนั้นชัดเจนมาก บอกหลีซืออวิ๋น ถ้าคุณชอบเขา ก็ริเริ่มเข้าหาเลย ฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเฟิงหานชวน

แต่หลังจากที่เป๋าฮวนพูดเช่นนี้ ข้อมือของเธอก็เจ็บทันที เธอมองลงมา มันเป็นมือของเฟิงหานชวนที่กำข้อมือของเธอไว้แน่น

เธอเงยหน้าขึ้น พบกับสายตาที่บูดบึ้งของผู้ชายทันที

######เนื่องจากมีข้อผิดพลาดเรื่องการเรียงเนื้อหา บทที่359จึงถูกข้ามไป จะลงใหม่ภายในวันนี้ค่ะ

“เหอะเหอะ!”

เป๋าฮวนหัวเราะเยือกเย็นให้ชายหนุ่ม

สองครั้งนี้ ที่เธอยินยอมทำอะไรแบบนั้นกับเขา เป็นเพราะ “แผนมิดีมิร้าย” ของเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ “มีความสนใจ” เขาแล้วจริง ๆ!

“ฉันจะนอนแล้ว” เป๋าฮวนยื่นมือออกไปผลักเขา แล้วเดินไปที่ประตูห้องโดยสาร

จากนั้นก็เปิดประตูห้องโดยสารออก พบว่าจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งนั่งอยู่บนม้านั่งเล็กๆ ด้วยความเคารพ

“เข้ามาเถอะ ด้านในมีที่นั่ง” เสียงของเป๋าฮวนยืดยาด แต่ก็แฝงไปด้วยความเย็นชา

จิ่งเหลิ่งรู้สึกหัวสมองตึงเครียด แล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณหนูใหญ่ครับ คุณให้พวกเราเข้าไปทำอะไรครับ?”

ไม่ใช่ว่าจะทุบตีคนหรอกนะ?

“ด้านในที่นั่งเยอะขนาดนั้น พวกนายนั่งตรงนี้ทำอะไร? ฉันไม่มีนิสัยชอบแกล้งคน!” เป๋าฮวนพูดอย่างหมดคำพูด “เดี๋ยวฉันจะนอนสักงีบ รีบเข้ามา!”

“หา?” จิ่งเหลิ่งตะลึง จากนั้นก็เกาหัว เผยให้เห็นรอยยิ้มมีเลศนัย แล้วพูดเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ครับ พวกคุณเสร็จเรื่องเร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ? เฟิงหานชวนคนนี้ไม่ผ่านนี่ครับ”

เป๋าฮวน “…”

ผ่านไปหนึ่งนาที หัวของจิ่งเหลิ่งถูกตบจนกลายเป็นรังไก่

หลังจากผ่านเวลาการบินที่แสนนาน ก็มาถึงสนามบินปลายทาง แล้วนั่งรถไปที่คฤหาสน์เฟิง

ในเวลาเที่ยงวันที่มีแดดจ้า เป๋าฮวนกับเฟิงหานชวนมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเฟิง ในตอนนี้เอง คนในคฤหาสน์ตระกูลเฟิงทุกคนมารวมตัวกันที่ตัวคฤหาสน์

ที่มากันครบ เป็นเพราะก่อนที่เครื่องจะลงสู่พื้นหนึ่งชั่วโมง เฟิงหานชวนโทรหาเฟิงเหลยถิง ว่าจะพา “เฉินฮวนฮวน” กลับมาพบเขา

เป๋าฮวนเพียงแค่อยากจะอธิบายกับนายท่านให้ชัดเจน แต่เธอคิดไม่ถึง ว่าเมื่อมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเฟิง ก็พบว่าที่คฤหาสน์มีรถจอดอยู่หลายคันมาก

จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งออกมา

แทบทุกคนในนี้ เป๋าฮวนรู้จักหมด อีกอย่างเมื่อได้เห็นสายตาตกตะลึงของพวกเขา เธอก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน

ในเมื่อเพียงครู่หนึ่งก็มีกลุ่มคนวิ่งออกมาเยอะขนาดนี้ เธอตกใจมาก

เธอมองอย่างละเอียด คนที่ยืนนำอยู่ด้านหน้าคือนายท่านเฟิงเหลยถิง คนที่พยุงอยู่ด้านข้างเฟิงเหลยถิงคือเฟิงเฉินเหยี่ยน

และด้านหลังพวกเขา มีสองพี่น้องเฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงเจิ้งซวินยืนอยู่ แล้วก็ภรรยาของพวกเขา แม่บ้านหลี่ เสี่ยวลี่และหลิวหลี่ถงก็มาด้วย แม้กระทั่ง…หลีซืออวิ๋น

เธอมองไปรอบ ๆ มีเพียงเด็กหญิงวัยรุ่นคนนั้นที่อยู่ด้านข้างหลีซืออวิ๋นที่เธอไม่คุ้นหน้า อายุน่าจะเท่า ๆ กับตัวเอง เธอย้อมผมสีเกาลัด ดูทะเล้นและแปลกตามาก สวมชุดเดรสต่างประเทศสไตล์ใหม่

เป๋าฮวนคิดว่าตัวเองเดาไม่ผิด คนนั้นก็คือลูกสาวคนเดียวของเฟิงเจิ้งซวิน

สายตาของทุกคน บ้างก็ตกตะลึง บ้างก็ดีใจ มีเพียงคนเดียวก็คือ…หลีซืออวิ๋น สายตาของเธอแฝงไปด้วยความอิจฉา

เป๋าฮวนรู้สึกได้ถึงสายตาแบบนั้นในทันที ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดลูกตา ไม่สบายเป็นอย่างมาก

เพียงแต่เธอก็สามารถเข้าใจหลีซืออวิ๋นได้ ในเมื่อหลีซืออวิ๋นคิดเองเออเอง ทำเรื่องวุ่นวายใหญ่โต เสียศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก แล้วยังจะพาเธอออกมา เกลียดเธอเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

“แม่เจ้า!!!”

นี่เป็นเสียงประหลาดใจที่เฟิงเฉินเหยี่ยนส่งออกมา ม่านตาของเขากว้างขึ้นหลายเท่า แล้วร้องเรียกขึ้น “เหมือนกันมาก เหมือนกันมากจริง ๆ!”

“ฮวนฮวน ฮวนฮวนกลับมาแล้ว” เฟิงเฉินเหยี่ยนตื่นเต้นจนวิ่งมาด้านหน้าเป๋าฮวน

เป๋าฮวนยิ้มเล็กน้อย นึกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะจำตัวเองได้จริง ๆ อันที่จริงค่อนข้างโล่งใจอยู่

จากนั้นวินาทีต่อมา เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ตื่นเต้นจนจับมือของเธอ แล้วรีบพูดขึ้น “เธอคือฝาแฝดของฮวนฮวนใช่ไหม?”

เป๋าฮวน “…”

เฟิงหานชวนเหลือบมองมือของเฟิงเฉินเหยี่ยน ดวงตาเคร่งขรึม พูดด้วยความเย็นชา “อาเยี่ยน ปล่อยมือ”

เฟิงเฉินเหยี่ยนสัมผัสได้ถึงสายตาพิฆาตของอาสามของตัวเอง จึงรีบดึงมือกลับ แล้วพูดพึมพำ “แค่จับมือเอง เหมือนกับการทักทาย นี่ก็หึงเหรอ?”

เป๋าฮวนที่อยู่ด้านข้างหมดคำพูด “…”

เวลานี้ นายท่านเฟิงพยุงไม้เท้าเดินเข้ามา ท่าทางเชื่องช้า ดูแล้วเดินไม่ค่อยเร็ว เป๋าฮวนมองดูเขา แล้วคิดถึงคุณตาของตัวเอง จู่ ๆ ก็แสบจมูกขึ้นมา

เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนเฟิงเหลยถิงดีกับเธอมาก อีกอย่างร่างกายของเฟิงเหลยถิงเมื่อก่อนแข็งมาก ในเมื่อตอนนั้นยังมีความรักกับสาวเซ็กซี่ ไม่ต้องพูดเลยว่าโรแมนติกและอ่อนโยนแค่ไหน

แต่ตอนนี้ เฟิงเหลยถิงแก่ขึ้นเป็นสิบปียี่สิบปีจริง ๆ เปลี่ยนไปเยอะมาก เธอรู้สึกผิด เป็นเพราะตัวเองทั้งหมด ถึงได้ทำให้เฟิงเหลยถิงกลายเป็นแบบนี้

“ขอโทษค่ะ นายท่าน” เป๋าฮวนขอโทษอีกครั้ง

“เด็กโง่ เจอหน้ากันครั้งแรกก็ขอโทษฉันแล้ว?” เฟิงเหลยถิงยิ้มอย่างดีใจ มองไปทางเฟิงหานชวน แล้วพูดขึ้น “ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมนายถึงแน่ใจว่าเธอคือฮวนฮวน เหมือนกันจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือเสียง”

เพียงแต่นึกได้ถึงคำพูดที่หลานชายของตัวเองเฟิงเฉินเหยี่ยนเคยพูดว่า ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ยินยอมที่จะคบกับเจ้าสาม เฟิงเหลยถิงก็เป็นกังวลขึ้นมานิดหน่อย

ถ้าหากหญิงสาวคนนี้ปฏิเสธเจ้าสาม งั้นอาการป่วยของเจ้าสามก็เกรงว่าจะแย่ยิ่งกว่าเดิม?

เฟิงเหลยถิงเอ่ยปากถามขึ้นในทันที “หนูน้อย ครั้งนี้หนูกลับมากับเจ้าสาม เพราะยอมรับการจีบของเจ้าสามแล้วใช่ไหม?”

เป๋าฮวน “???”

“ไม่ใช่ค่ะ” เธอส่ายหน้า

การปฏิเสธนี้ ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ตกตะลึงอีกครั้ง

ยินยอมกลับมาพบผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว แต่ไม่ยินยอมให้ตามจีบ? ทุกคนมองหน้ากัน ไม่เข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างมาก

“งั้นครั้งนี้ที่หนูมาที่นี่ เพราะ…” เฟิงเหลยถิงก็งุนงง แม้กระทั่งรู้สึกแน่นหน้าอก

ถึงแม้จะรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือของทดแทน แต่แค่เพียงลูกชายของตัวเองชอบ สามารถช่วยลูกชายของเขาจากน้ำลึกได้ งั้นเขาก็ขอบคุณฟ้าขอบคุณสวรรค์แล้ว

เพียงแต่ของทดแทนนี้ไม่เหมือนกับที่พวกเขาคิดไว้แบบนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เขามักรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับเห็นเฉินฮวนฮวน แต่เขารู้ว่าศพของเฉินฮวนฮวนเขาเป็นคนเห็นเองกับตา

“นายท่านคะ หนูเคยคุยในสายโทรศัพท์กับท่านไปแล้วว่า หนูจะมาอธิบายกับท่านอย่างชัดเจนด้วยตัวของหนูเอง”

เป๋าฮวนหยุดนิ่งไป จากนั้นก็รวบรวมความกล้าเอ่ยปากขึ้น “หนูก็คือ…”

“พ่อครับ อาหารเที่ยงเตรียมพร้อมแล้วยังครับ?”

จู่ ๆ เสียงเย็นชาของชายหนุ่มก็ดังขึ้น ขัดคำพูดของเธอ

เป๋าฮวนหันหน้ามา ขมวดคิ้วมองไปทางเฟิงหานชวนอย่างไม่เข้าใจ

เธอจะอธิบายกับเฟิงเหลยถิงให้ชัดเจน ทำไมเฟิงหานชวนถึงขัดขวางเธอ?

“อาหารเที่ยง? แน่นอน เจ้าสามนายหิวแล้วเหรอ?” เฟิงเหลยถิงพยักหน้า

“ครับ หิวมาก เธอก็ด้วย” เฟิงหานชวนโอบบ่าของเฉินฮวน แล้วพูดขึ้นเบา ๆ “มีเรื่องอะไร ทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วค่อยพูดเถอะ”

เฟิงเหลยถิงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า พูดขึ้น “ตกลง พวกนายหิวกันแล้ว ตอนนี้ไม่คุยแล้ว ไปทานอาหารกันก่อน”

จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับ พูดสั่งแม่บ้านหลี่ “แม่บ้านหลี่ ไปเตรียมถ้วยตะเกียบ เสิร์ฟอาหารได้!”

แม่บ้านหลี่ที่ยังคงตกใจอยู่ ได้สติขึ้น จีบรีบพูดขึ้น “ค่ะค่ะค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

จากนั้นเธอก็ลากเสี่ยวลี่กับหลิวหลี่ถงเข้าไปด้านใน หลิวหลี่ถงกลับเหมือนกับก้อนหินก้อนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเหม่อลอยเป็นอย่างมาก

“ยืนอึ้งอะไรอยู่ รีบเข้าไปข้างในกับฉัน!” แม่บ้านหลี่พูดสั่งสอน

วินาทีต่อมา หลิวหลี่ถงตัวกระตุกสองสามครั้ง ตาเหลือก แล้วล้มลงไปกับพื้น

เห็นเป๋าฮวนเงียบไป เฟิงหานชวนมั่นใจว่าเป๋าฮวนพูดจริง ๆ

“ความสัมพันธ์ของคุณกับพวกเขาดีถึงขนาด…เรื่องแบบนี้ก็คุยกันได้?” เสียงของเขาเย็นชามาก และดูเหมือนจะมีร่องรอยของความโกรธอยู่

“เอ่อ” รอบนี้เปลี่ยนเป็นเป๋าฮวนที่ขายขี้หน้า

ไม่เพียงแค่เสียหน้า ใจฝ่อ แถมอารมณ์เสียกับความวู่วามของตัวเอง เมื่อหัวร้อนก็เผลอพลั้งปากไป

“คุณกับคุณลุงของคุณ มีความสัมพันธ์อะไรกัน?” เฟิงหานชวนดวงตาเคร่งขรึม สีหน้าเผยความดุดันขึ้น

ไม่เพียงแค่มีเวินซือเหยี่ยน ยังมีเป๋าเฉินอีกคน?

จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่ง เขารู้สึกว่าไม่ใช่สเปคของเป๋าฮวน อาจจะเป็นเพราะทั้งสองเป็นบอดี้การ์ดติดตัว ดังนั้นเป๋าฮวนอาจจะมีความสนิทสนมกับพวกเขา ไม่มีอะไรที่คุยกันไม่ได้

แต่เป๋าเฉิน…

“ฉันกับคุณลุงของฉัน เป็นอะไรกัน?” เป๋าฮวนงุนงง ถามขึ้นอย่างหมดคำพูด “คุณพูดเองว่าฉันกับคุณลุงของฉัน คุณว่าเป็นอะไรกันล่ะ? แน่นอนว่าเป็นลุงกับหลานสาวกัน!”

เป๋าฮวนสงสัยว่าเฟิงหานชวนถูกเธอทำให้โมโหจนโง่ไปแล้วเหรอ ถึงได้ไม่ชัดเจนกับปัญหาการนับญาติ

“ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่ลุงแท้ ๆ ของคุณ เป็นเพียงแค่ลูกบุญธรรมของคุณตาของคุณ คุณชอบเขาเหรอ?” เฟิงหานชวนเอ่ยปากตรง ๆ โดยไม่ลังเล เขาต้องทำให้ชัดเจน

เป๋าฮวนอึ้งก่อน จากนั้นบนหัวก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

“???”

“อะไรนะ? เฟิงหานชวน คุณพูดว่าฉันชอบคุณลุงของฉัน?”

“เฟิงหานชวน หัวสมองของคุณแม่งบ้าไปแล้วเหรอ!”

เป๋าฮวนโมโหจนสบถคำหยาบออกมา

ถึงแม้จะพูดว่าเธอกับเป๋าเฉินจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่สำหรับเธอแล้วเป๋าเฉินก็คือคุณลุงแท้ ๆ ของเธอ คุณตาก็เห็นเป๋าเฉินเป็นลูกชายแท้ ๆ

อีกอย่างสองวันมานี้เธอกับเป๋าเฉินก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน เป๋าเฉินปรากฏตัวขึ้นตอนที่เฟิงหานชวนสลบไปเท่านั้น ทั้งสองยังไม่ได้เจอกันอย่างเป็นทางการ

ทำไมเฟิงหานชวนได้พูดมั่วขนาดนี้นะ?

เห็นปฏิกิริยาตอบสนองที่โมโหเป็นอย่างมากของเป๋าฮวน ก้อนหินที่ทับหัวใจของเฟิงหานชวนตกลงสู่พื้นในทันที

ดีมาก เป๋าฮวนน่าจะไม่ชอบเป๋าเฉิน ความสัมพันธ์ระหว่างลุงกับหลานสาวเท่านั้นแหละ

“งั้นก็ดี ผมเข้าใจผิดแล้ว” เฟิงหานชวนถอนหายใจ

“เข้าใจผิด? เพราะความเข้าใจผิดของนาย ก็สามารถพูดมั่ว ๆ ได้เหรอ?” เป๋าฮวนโมโหจนกัดฟัน ยื่นสองมือออกมาบีบคอชายหนุ่มไว้

เฟิงหานชวนเห็นแบบนี้ จึงถือโอกาสโอบเอวของเป๋าฮวนไว้ ออกแรงยกขึ้นให้เธอควบนั่งบนหน้าขาของตัวเอง

เป๋าฮวนก้มหน้ามอง “???”

วินาทีต่อมาในตอนที่เธอเงยหน้าขึ้น เห็นหน้าขุ่นมัวของชายหนุ่มพอดี

ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธแล้ว?

เชอะ คนที่ควรจะโกรธเป็นเธอถึงจะถูก!

“ฮวนฮวน คุณเป็นแบบนี้มาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?” ดวงตาดำดุดสระน้ำเย็นจ้องมองเธอด้วยความสงสัย

จู่ ๆ เป๋าฮวนก็อึ้งไป คิดได้ถึงเรื่องต่าง ๆ เมื่อก่อน จู่ ๆ ก็สูญเสียความเย่อหยิ่งไป รัศมีรอบตัวหายไปในทันที

“คุณชอบเข้าใจผมผิดมาโดยตลอด ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้คุณน่าจะเข้าใจแล้วว่ารสชาติที่ถูกคนอื่นเข้าใจผิดเป็นยังไง?” เฟิงหานชวนยังคงจ้องมองเขา น้ำเสียงเคร่งขรึม เหมือนเน้นถามกลับ

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ก้มหน้าก้มตา คำพูดที่อยากจะสั่งสอนเฟิงหานชวนเมื่อครู่ ถูกลืมไปตั้งนานแล้ว

ในสมองมีแต่ฉากที่เคยเข้าใจเฟิงหานชวนผิด

เธอเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร สองมือที่บีบคอของชายหนุ่มไว้ ก็ค่อย ๆ คลายออก จากนั้นก็วางมือลงไว้ข้างกาย

“ฮวนฮวน อันที่จริง…เมื่อกี้แวบหนึ่งนั้น จู่ ๆ ผมก็เข้าใจเหตุผลหนึ่ง” สองโมของเฟิงหานชวนโอบเอวบางของหญิงสาวไว้

เป๋าฮวนถูกบังคับให้ใกล้ชิดเขา แต่กลับลืมขัดขืน แล้วถามเขาด้วยจิตใต้สำนึก “เหตุผลอะไร?”

“เพียงแค่สนใจคนคนหนึ่ง ถึงอดไม่ได้ที่จะคิดเยอะ สุดท้ายถึงได้เข้าใจผิด จากความเข้าใจผิดสู่การแก้ไขความเข้าใจผิด เป็นกระบวนการอย่างหนึ่ง”

เป๋าฮวนอึ้งในทันที

และในตอนนี้ ที่ประตูห้องบนเครื่องบิน แอบถูกแง้มออก คนที่แอบดูอยู่ ได้เห็นภาพด้านในห้อง ก็ถลึงตาโต

เขาหันตัวกลับ เดินไปทางชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังอย่างตื่นเต้นแล้วพูดขึ้น “อามั่ว ไม่ได้การแล้ว! คุณหนูใหญ่กับเฟิงหานชวนเปลี่ยนท่วงท่าอีกแล้ว เกรงว่าพวกเขาจะเอาจริงบนเครื่องบินแล้ว! คุณหนูใหญ่หิวกระหายเกินไปแล้ว”

เป๋าฮวน “?”

เฟิงหานชวน “?”

เฟิงหานชวนเอนคอมองดูเป๋าฮวน และเป๋าฮวนก็มองดูเขา ทั้งสองมองหน้าซึ่งกันและกัน ใบหน้างุนงง

จากนั้นเหมือนกับคิดได้ถึงประโยคสุดได้ เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก พูดทำปาก “คุณ หิวกระหายเหรอ?”

ใบหน้าของเขาดูดีอกดีใจเมื่อเห็นคนอื่นตกที่นั่งลำบาก

เป๋าฮวนสีหน้าเปลี่ยน แน่นอนว่าเธอฟังออกว่าเสียงเมื่อสักครู่คือเสียงของจิ่งเหลิ่ง และเห็นได้ชัดว่าจิ่งเหลิ่งแอบดูพวกเขา ไม่อย่างงั้นจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาเปลี่ยนท่วงท่า

วินาทีต่อมา ก็ได้ยินเป๋าฮวนตะคอกออกมา “จิ่งเหลิ่ง นายไสหัวเข้ามาเดี๋ยวนี้…”

หลังจากเสียงตะโกน ในห้องโดยสารเข้าสู่ความเงียบหนึ่งนาที

จากนั้น จิ่งเหลิ่งเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว ส่วนเป๋าฮวนเป็นเพราะโมโหมาก จึงลืมว่าตัวเองยังนั่งควบอยู่บนขาของเฟิงหานชวน

จิ่งเหลิ่งก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร จนกระทั่งจิ่งมั่วเดินเข้ามา โค้งคำนับให้เป๋าฮวน แล้วพูดเตือน “คุณหนูใหญ่ครับ แค่กแค่ก”

เห็นจิ่งมั่วกระแอม เป๋าฮวนคิดเพียงว่าเขามาขอร้องตัวเอง เพราะยังไงจิ่งเหลิ่งก็คือน้องชายแท้ ๆ ของจิ่งมั่ว

เธอตำหนิอย่างเคร่งขรึม “อามั่ว เวลานี้แล้ว นายควรจะสั่งสอนน้องชายแสนดีของนาย นายยังจะคิดขอร้องแทนเขาอีก?”

”คุณหนูใหญ่ครับ ไม่ใช่ครับ ผมคิดว่าอาเหลิ่งควรจะโดนตีสักยก ผมไม่ได้คิดจะขอร้องแทนเขา แต่เป็น…” จิ่งมั่วยื่นกำปั้นออกมาไว้ที่ข้างปากของตัวเอง แล้วกระแอมอีกครั้ง

เป๋าฮวนยังโมโหอยู่ ไม่ได้สังเกตถึงความหมายของจิ่งมั่ว แล้วพูดขึ้น “นายไม่สบายเหรอ? ทำไมถึงไออยู่ตลอด? บนเครื่องน่าจะมียาแก้หวัด รีบไปกินสักสองสามเม็ด”

จิ่งมั่วพบว่าการเตือนที่คลุมเครือนั้นไร้ประโยชน์จริงๆ จึงพูดโดยตรง “คุณหนูใหญ่ครับ ท่านั่งของคุณ…รอให้พวกเราไปห้องด้านข้าง พวกคุณค่อย…แค่กแค่ก!”

จู่ ๆ เป๋าฮวนก็ตะลึง ในตอนที่หันหน้าไป ก็ประสานสายตากับเฟิงหานชวนอีกครั้ง แล้วก้มหน้ามองดู ท่านั่งนี้ของเธอ…

“ว้าย!”

เป๋าฮวนอุทาน แล้วรีบกระโดดลงมา เธอยืนขึ้น แก้มสองข้างร้อนผ่าวอย่างรวดเร็ว

ภายใต้สภาพเมื่อสักครู่ เธอคุยกับจิ่งมั่วจิ่งเหลิ่งอยู่ตั้งหลายประโยค มันน่าขายขี้หน้ามาก!

“คุณหนูใหญ่ ผมไม่ได้พูดผิดสักหน่อย คุณ…คุณหิวกระหายจริง ๆ” จิ่งเหลิ่งทำหน้าทะเล้นใส่อย่างใจกล้า แล้วรีบวิ่งหนีออกไปที่ห้องโดยสารด้านข้างอย่างรวดเร็ว

เป๋าฮวน “…”

จิ่งมั่วกุมขมับ แล้วพูดอย่างจริงจัง “คุณหนูใหญ่ครับ คุณวางใจได้ครับ ผมกับอาเหลิ่งจะไม่มารบกวนอีก ผมจะล็อกประตู จะปกป้องอย่างดี แล้วก็จะไม่อนุญาตให้อาเหลิ่งมาแอบดูอีก”

พูดจบ อามั่วก็หันหลังกลับ เดินออกไปทางห้องโดยสารด้านข้าง แล้วลงกลอนประตูให้จริง ๆ ด้วย

เป๋าฮวนถลึงตาโต “…”

แต่ละคน กบฏกันหมดแล้ว?

รอให้เธอรู้สึกตัว ก็หมุนตัวกลับไป สองมือเท้าเอว โมโหชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายใจ เธอพูดขึ้นอย่างโมโห “โทษคุณเลย! ฉันขายขี้หน้าหมดแล้ว!”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำตำหนิของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนไม่ได้โกรธ แล้วยืนขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาเดินมาด้านหน้าเป๋าฮวน ใกล้ชิดกับเธอมาก ๆ

เป๋าฮวนอยากจะขยับถอยหลัง แต่จู่ ๆ เครื่องบินก็สั่นสะเทือน เธอล้มลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง แถมยังเกี่ยวคอของชายหนุ่มล้มลงไปด้วย

วินาทีต่อมาริมฝีปากสัมผัสกัน ประกายไฟกระเซ็น

เป๋าฮวนรู้สึกตัว แล้วผลักเฟิงหานชวนออกอย่างแรง เตรียมจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกเฟิงหานชวนจับกดเอาไว้

เขาก้มหน้า ริมฝีปากสัมผัสใบหูของเธอ เขาอ้าปากเล็กน้อย กัดลงบนหูของเธอเบา ๆ เสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ “ฮวนฮวน ในเมื่อบอดี้การ์ดของคุณคิดว่าพวกเราทำอะไรกัน ไม่อย่างงั้นสู้ทำจริง ๆ ดีไหม?”

“ไม่อย่างงั้น เกียรติของคุณ ก็ถือว่าเสียไปอย่างสูญเปล่า?”

คุณพระช่วย!

ถ้าคุณตารู้เรื่องนี้จริงๆ ก็น่าอายเกินไปแล้วจริงๆ!

ใบหน้าของเป๋าฮวนเป็นสีแดงทันที และสมองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่ายังคงสั่นอยู่

อย่างไรก็ตาม ตามหลักแล้วลุงของเขาเป๋าเฉินไม่ใช่ผู้ชายประเภทพูดมากยุ่งเรื่องคนอื่น ไม่น่าจะเป็นคนริเริ่มบอกคุณตา และเรื่องที่น่าอายแบบนี้ ก็เกิดขึ้นกับตัวเองและเฟิงหานชวนตามลำพัง……

ดังนั้น เป็นไปได้ไหมว่าเฟิงหานชวนเพื่อจะได้ความเห็นชอบของบริษัท เลยบอกเรื่องนี้แก่คุณตา ดังนั้นคุณตาถึงยอมให้เขาตามจีบตัวเอง?

“เฟิงหานชวน คุณมากเกินไปแล้ว! เรื่องแบบนี้พูดออกไปได้ยังไงกัน?” แก้มของเป๋าฮวนแดงก่ำทั้งสองข้าง ดูเหมือนเขินอาย แต่ดวงตาที่เปียกชื้นมีเปลวไฟแห่งความโกรธ

เฟิงหานชวนตกใจเล็กน้อยแล้วถามว่า: “ฮวนฮวน เรื่องแบบนี้ทำไมจะพูดไม่ได้?”

ในความเห็นของเขา เรื่องตามจีบเป๋าฮวนนี้เป็นเรื่องที่ชัดเจนมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูด นายท่านเป๋าก็ดูออก

ยิ่งไปกว่านั้น การพูดคุยเมื่อครู่นี้เป๋าเยี่ยนยังเป็นคนริเริ่มพูดคุยกับเขาเอง

“คุณ——คุณหน้าด้านไร้ยางอาย!”

เมื่อเป๋าฮวนเห็นเฟิงหานชวนมีท่าทีว่าเป็นเรื่องโดยธรรมชาติ ความโกรธในใจของเป๋าฮวนก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เธอแค่ลนลานหวาดกลัว

คิดไม่ถึงว่าปากของเฟิงหานชวนจะใหญ่เพียงนี้ และไม่มีความรู้สึกละอายเลย ถึงขนาดสามารถพูดคุยเรื่องแบบนี้กับผู้อาวุโสได้อย่างยิ่งใหญ่รโหฐาน

เพียงแค่ทำให้เธอหงุดหงิดเจียนตาย!

“ฮวนฮวน ผมไม่คิดว่าตามจีบคุณจะเป็นเรื่องหน้าด้านไร้ยางอาย” เฟิงหานชวนรู้ดีว่าตอนนี้เป๋าฮวนยังไม่เต็มใจ แต่ว่ามีเพียงแค่เขามีความหน้าด้านถึงจะมีความหวังอยู่

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เป๋าเยี่ยนก็ไม่ได้คัดค้าน อีกทั้งหลังจากที่มาที่ประเทศเฉินในครั้งนี้ เขามั่นใจว่าเป๋าฮวนยังคงไม่ลืมเขา ดังนั้นเพียงแค่เขาพยายาม เป๋าฮวนจะกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน

“คุณ คุณ คุณ……”

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานฉวนไม่มีความละอายใดๆ เป๋าฮวนแค่รู้สึกว่าตัวเองโกรธเจียนตายจริงๆ และพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ

เมื่อเห็นท่าทางเป๋าฮวนโกรธและโมโหมาก เฟิงหายชวนขมวดคิ้วและถามว่า "คุณเกลียดผมมากขนาดนี้จริงๆเหรอ?"

“ฉันเกลียดคุณแน่นอน ฉันเกลียดคุณเจียนตะตายอยู่แล้ว! คุณเพียงแค่——คุณเพียงแค่เป็นคนที่กากมาก!” เป๋าฮวนดุด่าและพยายามจะดิ้นรนลุกขึ้นจากตัวของชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนถูกดุด่า รู้สึกไม่สบายใจ และไม่ได้ห้ามเธอ เป๋าฮวนเพิ่งยืนได้มั่น จู่ๆเครื่องบินก็กระแทกและเธอก็ล้มลงอยู่ในอ้อมแขนของชายคนหนุ่มอีกครั้ง

“คุณบอกว่าผมกากไม่ใช่เหรอ? ทำไมมานอนอยู่ในอ้อมแขนผมอีกหล่ะ?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เขาโกรธนิดหน่อย โกรธแบบงอน

เป๋าฮวน : "……"

เงียบไปครู่หนึ่งเธอพูดเสริมอีกว่า “ฉันยืนไม่มั่น ฉันจะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”

เพียงแต่ว่าเมื่อเธอต้องการจะลุกขึ้น ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มก็รั้งเอวเธอไว้และถามอย่างเย็นชาว่า “ฮวนฮวน ที่แท้ผมทำอะไรผิด? ตามจีบคุณก็เป็นความผิดของผมหรือ?”

“……”

เป๋าฮวนกระตุกมุมปาก เธอพบว่าผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่รู้สึกละอายใจ แต่กลับยังมั่นอกมั่นใจอย่างมาก

“ตามจีบฉันไม่ใช่เรื่องผิด เพราะตามจีบใครก็เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวของคุณ แต่คุณเอาเรื่องส่วนตัวของเราออกมาพูดคุยกับคุณตา คุณน่าขยะแขยงไหม?” เป๋าฮวนจ้องเขาตาเขม็งด้วยความโกรธ

“เรื่องส่วนตัว?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจและพูดว่า “ผมต้องการตามจีบคุณ ไม่สามารถพูดได้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”

“สุดท้ายแล้ว คุณเพิ่งพูดว่าตามจีบใครเป็นเรื่องของผมเอง เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวของผม ไม่ใช่หรือ?”

เป๋าฮวนฟังจบ พบว่าเฟิงหานชวนก็ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นสำคัญ เธอมองไปที่เฟิงหานชวนด้วยลักษณะที่สับสนและสงสัย เห็นได้ชัดว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงนี้

“ฉันไม่ได้หมายถึงตามจีบหรือไม่ตามจีบ คุณยังไม่รู้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเอง ปกติคุณชอบพูดคุยเรื่องแบบนั้นกับคนอื่นใช่ไหม ดังนั้นจึงรู้สึกว่าไม่เห็นด้วย?” เป๋าฮวนคิดแบบนี้

“เรื่องแบบนั้น?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วมากขึ้น

“ก็คือฉัน……ฉันจะกับคุณ……เรื่องแบบนั้นสองคืนไง!” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเธอยังคงอนุรักษ์นิยมเกินไป และเธอยังคงไม่สามารถพูดถึงเรื่องแบบนี้อย่างเปิดเผยได้

และในขณะนี้มีเพียงเธอกับเฟิงหานชวนแค่สองคนในเครื่องบินนี้

หลังจากฟังคำพูดที่ลังเลของเป๋าฮวน ในที่สุดก็รู้ว่าเป๋าฮวนเข้าใจผิดอะไรแล้ว ปรากฎว่าคนสองคนไม่ได้พูดคุยในเรื่องเดียวกันเลย

“คุณคิดว่าผมบอกเรื่องที่เราสนิทสนมกันกับคุณตาหรือ?” เฟิงหานชวนอดหัวเราะไม่ได้

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สำนึกผิดเลย แล้วยังถามตัวเองกลับ เป๋าฮวนจ้องเขาตาเขม็งอีกครั้ง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หรือไม่ใช่?”

“ไม่ใช่แน่นอน” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมาดังๆ และเสียงหัวเราะดั่งแม่เหล็กก็สะท้อนอยู่ในห้องผู้โดยสาร ซึ่งดูน่าดึงดูดเป็นพิเศษ

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินการปฏิเสธของเฟิงหานชวน ก็ตกตะลึงทันที

ไม่ใช่แน่นอน?

นี่หมายความว่า เขาไม่ได้บอกเรื่องแบบนั้นของเราสองคนกับคุณตา?

งั้นเมื่อครู่……

เป๋าฮวนทบทวนบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนเมื่อครู่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ทันทีที่เธอจัดการความคิดได้ เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ: “คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมและคุณตาของคุณคุยกันเป็นเพียงเรื่องผิวเผิน ตัวอย่างเช่น ผมรักคุณเสมอมา ผมยังอยากตามจีบคุณต่อไป ส่วนสถานการณ์ที่ลึกซึ้ง คุณตาของคุณไม่รู้ ผมไม่ได้พูดเลยสักคำ มีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้……"

เสียงของชายหนุ่มมีความเย้ายวนที่อธิบายไม่ถูก เป๋าฮวนฟังแล้วรู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย รู้สึกชา เหมือนว่ากำลังจะโดนไฟฟ้าช็อต

แต่ว่า จู่ๆเธอก็พูดอย่างเหม่อลอย ปฏิเสธคำพูดของเฟิงหานชวน: "ไม่ใช่มีแค่เราสองคน"

เฟิงหานชวน: "???"

“ไม่ใช่มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้?” เขาถามอีกครั้งเพื่อยืนยัน

เป๋าฮวนพยักหน้าอย่างโง่เขลาและตอบว่า "อืม"

“มีใครอีก?” สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูเล็กน้อย

“เอ่อ ยังมีลุงของฉันเป๋าเฉิน รวมทั้งพี่น้องสองคนในห้องเครื่องถัดไป อามั่วกับอาเหลิ่ง” เป๋าฮวนดูเหมือนจะสังเกตเห็นว่าความดันอากาศในร่างกายของเฟิงหานชวนลดลง และเธอก็แลบลิ้นออกมาอย่างเขินอาย

เฟิงหานชวน: "……"

จู่ๆเขาก็ร้องไห้หัวเราะไม่ออก ยิ่งกว่านั้นมีความโกรธด้วย

“คุณไม่อนุญาตให้ผมพูดออกไป แต่คุณกลับนำเรื่องส่วนตัวแบบนี้บอกกับผู้ชายสามคน?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจเป๋าฮวนในตอนนี้จริงๆ

หากบอกกับผู้หญิง ก็เป็นเรื่องนินทาระหว่างเพื่อนรักอะไรทำนองนั้น เขาก็จะไม่รู้สึกอึดอัดใจ แต่ว่า เป็นผู้ชายสามคน และเป็นผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะ ทั้งหมดไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเป๋าฮวน!

เขาเคยพบกับเป๋าเฉิน เขารู้ว่าแม้ว่าเป๋าเฉินจะเป็นลุงของเป๋าฮวน แต่เป็นเพียงลูกชายบุญธรรมของเป๋าเยี่ยน

สีหน้าของเฟิงหานชวนเริ่มหมองคล้ำ

ในเวลานี้เป๋าฮวนคืนสติ จู่ๆก็พบเรื่องร้ายแรงเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอ…….จะหลุดปากพูดแล้ว!

เป๋าเฉิน จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง รู้เรื่องเธอกับเฟิงหานชวน เพราะพวกเขาคิดว่าเธอแค่ยืมเมล็ดพันธุ์ แน่นอนว่าเธอคิดอย่างนี้ในตอนนั้น เลยพูดไปอย่างนี้

แต่ตอนนี้เธอพลั้งปากไปแล้ว ถ้าเธอต้องการปกปิดเรื่องที่เธอยืมเมล็ดพันธุ์ แล้วเฟิงหานชวนจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอาย และชอบพูดถึงเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับผู้ชาย

ยิ่งกว่านั้น เธอเพิ่งดุด่าเฟิงหานชวน ด่าเขาหน้าด้านไร้ยางอาย ด่าเขาน่าขยะแขยง ส่วนตอนนี้——

ถึงคราวของตัวเองแล้ว?

หลังจากที่เป๋าฮวนนั่งลงตรงที่นั่งของเธอแล้ว ก็หันศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่างทันที ตำแหน่งนี้เธอสามารถมองเห็นคุณตาและเฟิงหานชวนพูดคุยกันได้พอดี

เพียงแต่ว่าระยะทางนั้นไกลเกินไป พวกเขาหันหลังให้เธอ เธอจึงมองไม่เห็นลักษณะปากของพวกเขา และก็ไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปาก แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าด้านข้างของเฟิงหานชวน สามารถเห็นท่าทางที่เคร่งขรึมของเขาในตอนนี้

หรือว่าคุณตากำลังเตือนเขาให้อยู่ห่างจากตัวเธอ?

อืม ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ!

เพียงแต่ ถึงแม้ว่าคุณตาจะไม่เตือน เธอก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าใกล้เฟิงหานชวน เธอแค่จะไปอธิบายกับตระกูลเฟิง เพื่อที่คนบ้านตระกูลเฟิงจะได้ไม่ต้องทำตัวแปลกประหลาด จากนั้นเธอจะได้ไปถ่ายละคร

แม้ว่าเธอและเฟิงหานชวนจะอยู่ในประเทศฮัวเหมือนกัน แต่ไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน และจะไม่ได้พบปะกันมากนัก

หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงหานชวนและเป๋าเยี่ยนก็พยักหน้า จากนั้นจึงหันหลังและเดินมาทางเครื่องบินนี้ หลังจากเข้าไปในห้องโดยสาร เฟิงหานชวนก็นั่งที่นั่งตรงข้ามกับเป๋าฮวน

เป๋าฮวนหันเข้าหาและถามเขาตรงๆ “คุณตาเตือนคุณใช่ไหม?”

“เตือน?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วแล้วยิ้มอย่างแผ่วเบา

เป๋าฮวน: "?"

ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าการแสดงออกของเฟิงหานชวนแปลกๆ?

“เปล่า” เฟิงหานชวนส่ายหัวเล็กน้อย

“ฉันไม่เชื่อหรอก คุณตาต้องเตือนคุณแน่นอน เตือนให้คุณอยู่ห่างจากฉัน” เป๋าฮวนชี้มาที่เขาและพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ใบหน้าเล็กๆของเธอดูเย่อหยิ่งยิ่งนัก

“ผิดแล้ว ไม่ใช่จริงๆ” เฟิงหานชวนฝืนไม่ให้ยิ้มและตอบอย่างเคร่งขรึม

“แล้วคุณตาชวนคุณคุยเรื่องอะไรตามลำพังหล่ะ?” เมื่อเห็นการปฏิเสธของเฟิงหานชวนอีกครั้ง เป๋าฮวนก็อดสงสัยไม่ได้ จึงรีบตามถามทันที

“คุณตาให้ผมปกป้องคุณ” มุมปากของเฟิงหานชวนเผยอขึ้นเล็กน้อย

เป๋าฮวนโพล่งออกมา: "คุณโม้ไปเรื่อย!"

เฟิงหานชวนกระตุกปาก: "……"

“ถ้าคุณตาขอให้คุณปกป้องฉัน ฉันจะตีขาตัวเองให้หัก!” เธอไม่มีทางเชื่อหรอก

“ฮวนฮวน ขาของคุณหักแล้ว ผมจะดูแลคุณเอง” เฟิงหานชวนยิ้ม แต่สีหน้าของเขาไม่สามารถควบคุมได้

เป๋าฮวน : "……"

เรื่องบ้าอะไร?

“เฟิงหานชวน คุณบอกความจริงกับฉันมา ฉันไม่มีอารมณ์พูดอ้อมค้อมกับคุณ!” ตอนนี้เธอรู้สึกอารมณ์ไม่ดีจริงๆ

เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักเพราะต้องจากคุณตาไปซักพัก

เฟิงหานชวนดูออกว่าเป๋าฮวนอารมณ์ไม่ดี สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมาทันทีและพูดอย่างจริงจังว่า: "ผมไม่ได้โกหกคุณ ถ้าคุณไม่เชื่อคุณสามารถถามคุณตาได้"

เป๋าฮวนมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เวลาเฟิงหานชวนจริงจัง สายตาที่แน่วแน่ของเขานั้นไม่สามารถหลอกใครได้ ดังนั้นเป๋าฮวนจึงยืนยันได้ว่าเฟิงหานชวนไม่ได้โกหกจริงๆ

คุณตาให้เขาดูแลตัวเองจริงๆเหรอ?

เป๋าฮวนไม่ได้ตอบ แต่หันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอเห็นคุณตาเป๋าเยี่ยนยืนถือไม้เท้าอยู่ไม่ไกล ที่ที่คุณตายืนอยู่สามารถมองเห็นหน้าต่างตรงนี้ได้

ขณะที่เธอหันศีรษะ เธอกับคุณตามองตากันพอดี และคุณตาก็มองดูเธอตลอด

เป๋าฮวนสงบลงอย่างไม่ง่าย ดวงตาของเธอก็แดงขึ้นอีก เห็นแค่คุณตายกมือขึ้นและโบกมือให้เธอ

เธอก็รีบโบกมือให้คุณตาทันที

ก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคนโบกมือกันนานเท่าไร จนกระทั่งพวกเขามองไม่เห็นกันและกัน เพราะเครื่องบินบินขึ้นไปกลางอากาศแล้ว

เป๋าฮวนหันศีรษะและมองไปที่เฟิงหานชวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและมองดูตัวเองตลอด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอก้มศีรษะลง ใช้มือเช็ด แล้วคลุมทั้งตัวด้วยผ้าห่ม รวมทั้งใบหน้าของเธอด้วย

“การร้องไห้ ไม่มีอะไรต้องอาย ไม่ต้องปิดบัง” เสียงทุ้มต่ำของชายผู้นั้นดังขึ้นช้าๆ

เป๋าฮวนรู้อยู่แล้วว่าเฟิงหานชวนกำลังพูดกับเธอ เธอถอนหายใจ ดึงผ้าห่มออกแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย: "คุณตาคุยกับคุณครู่ใหญ่ ยังพูดเรื่องอื่นอีกไหม?"

“อืม” เฟิงหานชวนตอบ

เป๋าฮวนมองเขา รอคอยคำพูดที่เขาจะพูดต่อไป แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดปากพูดสักที

“อืมอะไร!” คุณพูดสิ! เธอร้อนใจ

“ฮวนฮวน ในช่วงสามปีนี้ อารมณ์ร้อนของคุณเพิ่มขึ้นไม่น้อย” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมา

เป๋าฮวน : "……"

ใช่ ตอนนี้เธอเป็นคนเจ้าอารมณ์จริงๆ

“คุณพูดประเด็นสำคัญได้หรือเปล่า?” เป๋าฮวนจ้องด้วยดวงตาสีแดงคู่หนึ่งและพูดอย่างทนไม่ไหว

“ได้” เฟิงหานชวนพยักหน้าและยิ้มอย่างสงบ: “แต่ว่าคุณต้องเตรียมใจไว้ให้ดี”

“เตรียมใจ?” สีหน้าของเป๋าฮวนดูไม่ได้ในทันใด

หรือว่าร่างกายของคุณตาไม่ไหวแล้ว? แต่เขาไม่กล้าบอกตัวเธอเอง ดังนั้นให้เฟิงหานชวนดูแลเธอเป็นการส่วนตัว?

ในชั่วพริบตาใบหน้าของเธอซีดไม่มีเลือด

“ไม่ได้ ฉันไม่ถ่ายทำแล้ว ฉันจะกลับไป!” เป๋าฮวนลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความงุนงง กำลังคิดที่จะไปหากัปตัน

ในเวลานี้ ข้อมือของเธอถูกข้อมือใหญ่อันอบอุ่นจับไว้ และทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามใช้แรง รวมถึงเครื่องบินกำลังบินขึ้น เป๋าฮวนก็ล้มลงทันที

หลังจากนั้น ล้มลงสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น

เธอหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเธอลืมตาขึ้นเธอก็ได้พบกับดวงตาที่มืดคล้ำลึกล้ำของเฟิงหานชวน ราวกับว่าคนทั้งคนถูกดูดเข้าไปในวังวนลึกนั้น

ในเวลานี้ประตูเปิดออกพอดี จิ่งเหลิ่งยกน้ำส้มสองแก้วไว้ในมือและกำลังจะเดินเข้าไป จู่ๆก็เห็นฉากที่ทั้งสองคนกอดกัน

เขาเอามือข้างหนึ่งปิดตาทันทีแล้วรีบพูดว่า: “ผมขอโทษคุณหนูใหญ่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนพวกคุณ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

พูดแล้ว จิ่งเหลิ่งก็ปิดประตูเครื่องบินและกลับไปที่ห้องโดยสารห้องถัดไป

เป๋าฮวนกระพริบตา: "……"

แต่ว่าเธอตกตะลึงแค่วินาทีเดียว ก็นึกถึงหัวข้อที่ยังคุยไม่จบเมื่อครู่ เธอคว้าคอเสื้อของเฟิงหานชวนทันทีและถามร้อนใจว่า: “คุณตาเป็นอะไรกันแน่?”

“เขาสบายดี สุขภาพแข็งแรง ไม่มีอะไรผิดปกติ” เมื่อเฟิงหานชวนรู้ว่าเป๋าฮวนเข้าใจผิด ก็อธิบายสองสามประโยค

“แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าฉันต้องเตรียมใจให้พร้อม?” เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่นไม่รู้ว่าทำไม

“เตรียมใจไว้ให้ดี ไม่เกี่ยวกับคุณตาของคุณ แต่เกี่ยวกับ……ผม” ริมฝีปากของเฟิงหานชวนขดขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้บนใบหน้า

เป๋าฮวน: "?"

“เกี่ยวกับคุณ? เกี่ยวอะไรกับคุณ?” เธอดูมึนงง แต่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

อย่างน้อยคุณตาก็สบายดี เมื่อครู่เธอตกใจแทบตาย ยังนึกว่าคุณตาป่วยหนักแล้วไม่ได้บอกเธอ

“คุณตาบอกว่า ถ้าผมตามจีบคุณได้ เขาไม่คัดค้านเราอยู่ด้วยกัน”

หลังจากเป๋าฮวนฟังชายหนุ่มพูดจบ สองตาตกตะลึง เกือบจะสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดหรือเปล่า?

อย่างไรก็ตามเธอได้ยินไม่ผิด

“เป็นไปไม่ได้ คุณตาไม่คัดค้าน? คุณฝันอยู่สินะ! คุณโกหกฉัน!” เป๋าฮวนจ้องเขม็งไปที่เฟิงหานชวนโดยตรง

“ผมไม่ได้โกหกคุณ เขาไม่ได้ห้ามผมตามจีบคุณ แต่……” สีหน้าของเฟิงหานชวนหนักอึ้ง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

เป๋าฮวนขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัยว่า: “แต่ว่าอะไร?”

จู่ๆในใจเธอ "ตึกตึก" หรือว่าคุณตารู้เรื่องที่เธอเป็นคนเริ่มอะไรอะไรกับเฟิงหานชวน?

“หา?” จู่ ๆ เป๋าฮวนก็งงไปหมด

แถมงงมากกว่าเมื่อกี้เยอะ

วุ่นวายอยู่ตั้งนาน ทำไมเธอถึงได้กลายเป็นภรรยาของเฟิงหานชวนแล้ว?

ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน? เฟิงหานชวนเล่นตลกเหรอ?

สีหน้าของเป๋าเยี่ยนเปลี่ยนไป เขาไม่ได้พูดอะไร แต่กลับอยากจะรอให้หลานสาวของตัวเองเอ่ยปากก่อน

ขณะเดียวกัน คำพูดโต้แย้งของเป๋าฮวนก็ตามมาติด ๆ “เฟิงหานชวน คุณช่วยชัดเจนหน่อย ตอนนี้ฉันคือเป๋าฮวน ไม่ใช่เฉินฮวนฮวน”

“ที่ประเทศฮัว เฉินฮวนฮวนได้ตายไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้คู่สมรสของคุณเสียชีวิตแล้ว คุณไม่มีภรรยาแล้ว โอเค?”

เป๋าฮวนเกลียดวิธีการครอบงำแบบนี้ของเฟิงหานชวน เหมือนกับจะให้เธอตกเป็นของตัวเองโดยไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น อีกอย่างก่อนหน้านี้ไม่เคยเจรจากับเธอมาก่อน ว่าจะคุยเรื่องพวกนี้กับคุณตาของเธอ

ดังนั้นตอนนี้เป๋าฮวนโมโหนิดหน่อย

ฟังข้ออ้างของเป๋าฮวน อันที่จริงเฟิงหานชวนเดาได้ตั้งนานแล้วว่าเธอจะพูดแบบนี้ ที่เขาทำกระทันหันแบบนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาต้องการเผยต่อหน้าเป๋าเยี่ยนว่าตัวเองไม่อาจลืมเป๋าฮวนได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เขาอยากจะบอกเป๋าฮวนว่าเขาไม่มีทางยอมแพ้

“ผมเข้าใจ” เฟิงหานชวนตอบสามคำอย่างง่ายดาย

เห็นเฟิงหานชวนไม่ได้โต้แย้งตนเอง แต่กลับพยักหน้าตอบรับอย่างง่ายตาย ความโมโหที่เป๋าฮวนมีอยู่เมื่อครู่ก็หายไปในทันที

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนหุนหันพลันแล่นแค่ชั่วคราวเท่านั้น เธอเม้มปาก แล้วพูด “ในเมื่อคุณเข้าใจก็ดีแล้ว ฉันก็ไม่อยากพูดอะไรเยอะแยะ”

“ครับ” เฟิงหานชวนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางเป๋าเยี่ยน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “รบกวนเวลาพวกคุณทานอาหารเลยครับ”

“นั่งลงเถอะ ทานอาหารกลางวันกันต่อ” เป๋าเยี่ยนก็แค่พยักหน้าเบา ๆ

เริ่มทานอาหารกลางวันต่อ แต่ทั้งสามคนก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก

บรรยากาศวังเวงเป็นพิเศษ

เป๋าฮวนไม่ค่อยชินกับการทานอาหารที่เงียบขนาดนี้ เธอไม่ชินกับการทานอาหารในบรรยากาศที่น่าอึดอัดแบบนี้

เธอคิดได้ถึงสายที่เวินซือเหยี่ยนโทรมา เธอกระแอมเล็กน้อย แล้วหันหน้าไปทางเป๋าเยี่ยน เรียกขึ้นเสียงเบา “คุณตาคะ”

เป๋าเยี่ยนวางตะเกียบลง มองไปที่เป๋าฮวนเช่นเดียวกัน ใบหน้าเผยรอยยิ้มบาง ๆ ถามขึ้น “หนูอยากพูดอะไรกับตา?”

เป๋าเยี่ยนแทบจะยอมเป๋าฮวนทุกอย่าง ตามใจเธอเป็นอย่างมาก

“คุณตาคะ คือว่า…เมื่อกี้ตอนที่ลงไปด้านล่าง หนูได้รับสายของเวินซือเหยี่ยน หลานชายคนนั้นของคุณเวินเจี้ยนกัวที่เป็นเพื่อนของคุณตาค่ะ”

“อ๋อ ตารู้แล้ว เขาโทรหาหนูทำไม?” เป๋าเยี่ยนสงสัยขึ้นมา

จากนั้น เฟิงหานชวนที่อยู่ตรงข้ามเป๋าฮวนก็วางตะเกียบลงเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของเป๋าฮวน เขาหน้าเขียวหน้าดำเป็นอย่างมาก

เมื่อคิดได้ว่าเวินซือเหยี่ยนคือหลานชายของเพื่อนของนายท่านเป๋า เฟิงหานชวนรู้สึกว่าด้านความสัมพันธ์ เขาก็แพ้แล้ว

อย่างน้อย ถ้าหากเขากับเวินซือเหยี่ยนจีบเป๋าฮวนพร้อมกัน เป๋าฮวนจะต้องยืนอยู่ด้านของเวินซือเหยี่ยนอย่างแน่นอน

“เขาบอกหนูว่า บริษัทของพวกเขาเตรียมจะถ่ายทำละครในวัง มีนักแสดงหญิงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ อยากจะหาคนไปแทน ดังนั้น…” เป๋าฮวนเม้มปาก ไม่ได้พูดต่อ

เธอไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากยังไง

คุณตาอายุเยอะแล้ว หลายปีมานี้เธอไม่ได้อยู่ข้างกายคุณปู่ เพิ่งกลับมาเพียงแค่สามปี ถ้าหากออกไปถ่ายละคร อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองสามเดือนถึงจะกลับมาได้

ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอไปเข้าร่วมการฝึกอบรมหรือกิจกรรมงานเลี้ยงต่าง ๆ ไม่ก็ไปด้วยกันกับคุณตา ไม่ก็ออกไปแค่ไม่กี่วันก็กลับมา ไม่ได้นานขนาดนี้

“เด็กตระกูลเวินนั่น หวังจะให้หนูแสดงเป็นนักแสดงสำรองหญิงใช่ไหม?” เป๋าเยี่ยนรู้ว่าเป๋าฮวนอยากจะพูดอะไร

ยังไม่ทันรอให้เป๋าฮวนตอบกลับ เขาก็พูดขึ้นอีก “ถ้าหนูชอบก็เถอะ ตาสนับสนุนหนู”

“คุณตา…” เป๋าฮวนตะลึง จู่ ๆ ก็พูดไม่ออก

“ถ่ายละครก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ อีกอย่างตาก็สามารถไปหาหนูได้ พวกเรามีเครื่องบิน สะดวกสบายมาก” เป๋าเยี่ยนพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย

เป๋าฮวนรู้สึกแสบเบ้าตา ถึงแม้เธอรู้ว่าครอบครัวของตัวเองมีเครื่องบิน การเดินทางสะดวกสบายอย่างมาก แต่ประเทศเฉินห่างจากประเทศฮัวไกลมา เที่ยวบินอย่างน้อยสิบชั่วโมง

โดยเฉพาะตอนนี้คุณตาอายุเยอะแล้ว ร่างกายก็ไม่ได้ดีมาก มีแพทย์พิเศษประจำบ้านคอยตรวจทุกวัน ถึงแม้จะพูดว่าร่างกายจะยังทรงตัวอยู่ แต่ก็ไม่สามารถทนต่อการเดินทางที่ยาวนานได้อย่างแน่นอน

“คุณตาหัวใจไม่ค่อยดี ทางที่ดีอย่างนั่งเครื่องบินเลยค่ะ” เป๋าฮวนส่ายหัว ตาเริ่มแดง

เป๋าฮวนหัวเราะเบา ๆ เขายกมือขึ้นลูบหัวเป่าฮวน แล้วพูดขึ้น “เด็กโง่ ร่างกายของตาแข็งแรงขนาดนี้ นั่งเครื่องบินแค่ครั้งสองครั้ง จะกังวลอะไร?”

“แต่ว่า แต่ว่าหนูไม่แสดงแล้วดีกว่า…” เป๋าฮวนลังเลเล็กน้อย อยากจะเปลี่ยนใจ

เธอไม่ใช่ว่าจะเป็นนักแสดงให้ได้ แค่มีความสนใจแค่นั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะเคยเสียดายมาก่อน แม้แต่เข้าคัดเลือกไอดอลก็ไม่ได้เข้าร่วม ก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ คลาดกับวงการบันเทิง

“ฮวนฮวน อย่าเป็นเพราะอยู่เป็นเพื่อนตา แล้วทิ้งความฝันของตัวเอง ถ้างั้นตาจะกลับจะเสียใจ ตาเคยพูดไว้ว่าเห็นหนูดีใจ ตาถึงจะดีใจ” เป๋าเยี่ยนยื่นมือออกไปจับหลังมือของหลานสาว น้ำเสียงปลงต่อโลก

เป๋าฮวนเข้าใจความหมายของคุณตา แต่ในใจกลับรู้สึกไม่ดี

ในร้านอาหารกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงนุ่มลึกจู่ ๆ ก็ดังขึ้น “คุณตาครับ คุณวางใจได้ครับ ที่ประเทศฮัวมีผมอยู่ ผมจะดูแลฮวนฮวนอย่างดี จะไม่ให้เธอได้รับความลำบาก ผมจะประคองเธอตามความฝันของเธอ”

เป๋าฮวนได้ยินแบบนี้ ก็เงยหน้ามองไปทางเฟิงหานชวนที่นั่งอยู่ตรงข้าม หน้าหมองไปในทันที

เป๋าเยี่ยนก็มองไปที่เฟิงหานชวนด้วยสายตาแบบเดียวกัน เฟิงหานชวนสีหน้าจริงจัง ทำให้เขาสัมผัสได้

แต่ว่าตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ยอมปล่อยวางง่าย ๆ เพียงแค่พูดขึ้นเบา ๆ “ฉันจะให้คนไปคอยปกป้องดูแลฮวนฮวน ไม่รบกวนนายดีกว่า”

เมื่อพูดประโยคนี้กับเฟิงหานชวนจบ เฟิงเยี่ยนก็หันหน้าไปมองเป๋าฮวน แล้วพูดขึ้น “ให้อามั่วกับอาเหลิ่งไปด้วยกันกับหนู ให้พวกเขาดูแลหนูอยู่ที่นั่น”

“ตกลง” เป๋าฮวนฮวนพยักหน้า แต่เหลือบมองเฟิงหานชวนอย่างไม่ตั้งใจ

คำพูดพวกนั้นของเขาเมื่อครู่ พูดจริงจากใจไหม?

ฉันไม่ให้เธอได้รับความลำบาก จะปกป้องเธอตลอด?

แต่ว่าความเจ็บปวดของเธอเมื่อก่อน เกิดจากเขาทั้งนั้น!

เป๋าฮวนเหม่อลอยนิดหน่อย

ตลอดมื้อกลางวัน ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แถมบรรยากาศก็แปลกประหลาด

หลังจากมื้อกลางวัน เป๋าฮวนกลับห้องไปเก็บกระเป๋าเดินทางแล้วออกมา ในเมื่อตัดสินใจที่จะแสดงแล้ว งั้นเธอก็ต้องพาชุดกี่ชุดไปประเทศฮัว

เมื่อถึงตอนบ่ายสาม คนกลุ่มหนึ่งมาถึงที่สวน

เป๋าฮวนเห็นเครื่องบินที่อยู่ไม่ไกล หันหลังไปกอดเป๋าเยี่ยน ตาของเธอแดง ร้องไปด้วยพูดไปด้วย “คุณตา ถ่ายทำละครเรื่องนี้เสร็จ ถ้าหากครึ่งทางมีวันหยุด หนูจะกลับมา”

“ตกลง ตกลง ตาจะรอดูละครที่หนูถ่ายนะ!” เป๋าเยี่ยนถึงแม้จะรอบตาแดง แต่ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ ยิ้มตอบ

เขาแค่ไม่อยากรบกวนความฝันของหลานสาวตัวเอง ไม่อยากให้เป๋าฮวนเห็นเขาเสียใจ

หลังจากที่บอกลาเป๋าฮวนเสร็จ เป๋าฮวนกับเฟิงหานชวน แล้วก็จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งเดินไปทางเครื่องบินด้วยกัน

จู่ ๆ เสียงของเป๋าเยี่ยนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “หานชวน นายมานี่หน่อย อามั่วอาเหลิ่ง พวกนายพาฮวนฮวนขึ้นเครื่องไปก่อน”

ความหมายของเป๋าเยี่ยนชัดเจนมา ว่าต้องการจะคุยกับเฟิงหานชวนตามลำพัง

เฟิงหานชวนพยักหน้า แล้วเดินไปข้างกายเขา ทั้งสองคนคุยไปด้วย เดินไปที่ด้านข้างไปด้วย

เป๋าฮวนอยากจะตามไป แต่ก็ถูกจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งดักเอาไว้ จิ่งมั่วพูดขึ้นอย่างจริงจัง “คุณหนูใหญ่ครับ คุณขึ้นเครื่องไปก่อน นี่เป็นคำสั่งของนายท่านครับ”

เป๋าฮวนอึดอัดใจ แต่ก็ไม่อยากไม่เชื่อฟังคำของคุณตา จึงทำได้เพียงขึ้นเครื่องไปก่อน

เป๋าฮวนฟังออกว่าคุณตาแอบต่อต้านเฟิงหานชวน

เธอรู้ว่าคุณตาไม่ชอบเฟิงหานชวน สาเหตุที่ไม่ชอบเฟิงหานชวนน่ะเหรอ ความจริงอาจเป็นเพราะ “คุณงามความดี” ของเธอล่ะมั้ง!

“คุณเป๋า กระผมเป็นผู้น้อย ท่านเกรงใจเช่นนี้ เฟิงหานชวนรับไม่ไหว” ใบหน้าของเฟิงหานชวนมืดครึ้มลงเล็กน้อย ทว่าคำพูดของเขาสุภาพมาก เพียงแต่แสดงอาการไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น

ทันใดนั้น เป๋าเยี่ยนก็หัวเราะ ลูบเคราสีขาวของตัวเอง เขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดี มีความกล้าหาญ!”

ยังไม่ทันรอให้เฟิงหานชวนเอ่ยตอบ เป๋าเยี่ยนก็กล่าวต่อเสียก่อน “คุณเป็นโรคนี้มาสามปีแล้วเหรอ”

ตอนเช้า เป๋าเยี่ยนยังไม่ได้พูดคุยกับเฟิวหานชวน เพราะว่าเฟิงหานชวนยังไม่รู้สึกตัว หลังจากที่เขาตื่นขึ้น เป๋าเยี่ยนก็ไม่อยู่แล้ว

“ครับ สามปีแล้ว” เฟิงหานชวนไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเป๋าเยี่ยน แต่ก็ตอบคำถามนี้

“เป็นเพราะฮวนฮวนของเรา คุณถึงได้ป่วยใช่ไหม” เป๋าเยี่ยนไม่ได้อ้อมค้อมใดๆ เลยแม้แต่น้อย เขาถามไปตามตรง

เป๋าฮวนอยากจะห้ามปราม ทว่าไม่รู้จะพูดอย่างไร เธอดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจว่าในใจของคุณตากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

“ครับ” เฟิงหานชวนยังคงตอบตามความจริง

“เพราะความละอายใจเหรอ หรือเพราะความกลัว” เป๋าเยี่ยนเอ่ยถามต่อ

เฟิงหานชวนหลุบตาลงมองต่ำ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ทั้งความละอายใจ ไม่ใช่ทั้งความกลัว”

“เป็นความเสียใจครับ”

“ภรรยาของผมจากไปด้วยการฆ่าตัวตาย ความรู้สึกแบบนี้ บางทีอาจจะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจ”

เป๋าเยี่ยนถึงกับพูดไม่ออก เป๋าฮวนก็ชะงักงันอยู่กับที่

เฟิงหานชวนคาดเดาไว้นานแล้ว ว่าการฆ่าตัวตายของเป๋าฮวน หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากเป๋าเยี่ยน คงไม่มีทางทำสำเร็จ

ศพผู้หญิงที่นำมาแทน การวินิจฉัยของแพทย์นิติเวชชื่อดัง การยืนยันตัวตนของตำรวจ และอื่นๆ ตระหง่านอยู่ต่อหน้าเขา ความจริงทั้งหมดถูกปกปิดไว้

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เป๋าฮวนสามารถทำคนเดียวได้

“อันที่จริง ความตายทำให้คนทุกข์ยิ่งกว่าการจากไปซะอีก” เฟิงหานชวนกล่าวเสียงเบา บางทีตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป ความเจ็บปวดที่บีบเค้นหัวใจของเขาในตอนแรก ตอนนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างสงบนิ่งแล้ว

เพราะว่า เป๋าฮวนยังมีชีวิตอยู่ ก็เท่านั้นเอง

ดังนั้น ไม่มีความโศกเศร้าที่ทำให้รู้สึกทุกข์ระทมยิ่งกว่าตอนนั้นแล้ว

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องในอดีตแล้ว กินข้าวเย็นกันก่อนเถอะ” เป๋าเยี่ยนเห็นหลานของตัวเองผิดปกติไปเล็กน้อย จึงกระแอมไอทีหนึ่ง เพื่อห้ามปรามไม่ให้เฟิงหานชวนพูดอะไรต่อ

เฟิงหานชวนไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขาพยักหน้าน้อยๆ แล้วเริ่มหยิบตะเกียบขึ้นมา ก่อนจะคีบ*ไก่น้ำลายสอมาหนึ่งชิ้น แล้ววางลงบนจานของเป๋าฮวน

เป๋าฮวน “?”

เธอมองไปที่เฟิงหานชวนด้วยใบหน้างุนงง นี่…มันอะไรกัน

เฟิงหานชวนก็มองเธอเช่นกัน เขาเพียงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “ผมจำได้ว่าคุณชอบเมนูนี้มาก”

เป๋าฮวน “…”

เธอชอบมันจริงๆ แต่ว่า ตอนนี้เขาทำแบบนี้ ไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า

เธอไม่ได้รับปากว่าจะอยู่กับเขา เขาคีบอาหารให้เธอ การกระทำที่สนิทสนมแบบนี้ จงใจอยากให้คุณตาเข้าใจผิดหรือเปล่า

ผลออกมาตามคาด วินาทีต่อมา เสียงของเป๋าเยี่ยนดังขึ้น น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเย็นชาเล็กน้อย “คุณเฟิง ฮวนฮวนของพวกเรามีมือมีเท้า คีบอาหารเองได้”

แม้ว่าเป๋าเยี่ยนจะพูดเช่นนี้ ทว่าคำพูดของเขาไม่ได้ปฏิเสธความจริงที่ว่าเป๋าฮวนชอบกินไก่น้ำลายสอ เพราะว่าเป๋าฮวนชอบกินมันจริงๆ

รสนิยมไม่ใช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง

“คุณเป๋า เมื่อก่อนผมก็คีบอาหารให้ฮวนฮวน ฮวนฮวนก็ชอบกินอาหารที่ผมทำมาก ถ้ามีโอกาสผมจะทำให้เธอกินต่อไป” เฟิงหานดูเหมือนจะไม่เกรงกลัว น้ำเสียงยังแฝงไว้ด้วยความหนักแน่น

เป๋าฮวน “…”

เป๋าฮวนถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้ง เธอชอบอาหารที่เฟิงหานชวนทำมากจริงๆ และข้อนี้เธอไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ

เมื่อเห็นว่าหลานสาวของตัวเองไม่พูด กลับเอาแต่ก้มหน้างุด เป๋าเยี่ยนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าเด็กโง่คนนี้นี่ ตั้งสามปีแล้ว ไม่มีอะไรพัฒนาเลยสักนิด

เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดนเจ้าเฟิงหานชวนคนนี้ล่อลวงอีกแล้ว!

“เฮ้อ!” เป๋าเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเฟิงหานชวน แล้วถามว่า “ทุกคนเรียกคุณว่าหานชวน?”

“ครับ คุณเป๋าเรียกผมว่าหานชวนก็ได้ครับ” เฟิงหานชวนตอบอีกครั้ง

ประมาณสิบนาทีที่แล้ว เขาขอให้เป๋าเยี่ยนเปลี่ยนคำเรียก เป๋าเยี่ยนไม่สนใจ ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายถามก่อน เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะการยอมรับของเป๋าฮวน เขาจึงรู้สึกโล่งใจ

จู่ๆ เฟิงหานชวนก็รู้สึกว่า สิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำไปนั้นถูกต้อง

เมื่อมองเฟิงหานชวนที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้น เป๋าฮวนก็ตกอยู่ในห้วงความทรงจำในอดีต ตอนที่เธออยู่บ้านเก่าแก่ของตระกูลเฟิง ตอนนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าเธอกับเฟิงหานชวนเป็นสามีภรรยากัน ไม่ใช่เฟิงเฉินเหยี่ยน

คืนนั้น เธอและเฟิงหานชวนนอนอยู่บนเตียง ทั้งสองพูดคุยกัน เฟิงหานชวนให้เธอตั้งชื่อเล่นให้กับเขา เธอบังเอิญพูดชื่อหนึ่งออกมา ชื่อว่า “อาหาน”

หลังจากโพล่งชื่อนี้ออกไป เธอก็เห็นว่าสีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไป ดูไม่ค่อยดีนัก เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย ตอนนั้นเธออารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที

เพราะเธอคิดว่า ชื่อนี้อาจเป็นชื่อเล่นที่รักแรกของเฟิงหานชวนมอบให้เขา ด้วยเหตุนี้เธอจึงโกรธเคืองเล็กน้อย ทว่าเรื่องเข้าใจผิดนี้ไม่นานก็ได้รับคำอธิบาย

คำอธิบายนี้ นายท่านตระกูลเฟิงอธิบายให้เธอฟังว่า มันเป็นชื่อที่แม่ของเฟิงหานชวนเรียกเขา คนอื่นไม่สามารถเรียกเขาเช่นนั้นได้ ทว่าตั้งแต่เธอปรากฎตัว ชื่อนี้ก็กลายเป็นชื่อเฉพาะของเธอสำหรับเขา…

ตั้งแต่นั้นมา เธอก็เรียกเขาว่า “อาหาน” นอกจากเธอ และแม่ของเขาที่จากไป ก็ไม่มีใครอีกแล้ว

ในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เสียงของคุณตาเป๋าเยี่ยนก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ก็ได้ ยังไงนายก็เป็นเด็ก ฉันเป็นผู้อาวุโสเรียกนายว่าคุณ อันที่จริงก็ไม่สอดคล้องกับธรรมเนียมของประเทศฮัว ยังไงประเทศฮัวก็เป็นประเทศที่ต้องลำดับความอาวุโส ไม่เหมือนกับประเทศเฉิน”

เป๋าเยี่ยนกล่าวอย่างจริงจัง ทว่าดูเหมือนว่าเขากำลังหาข้ออ้างให้ตัวเอง อย่างไรเสีย ตอนแรกเขาไม่ต้องการกลับคำพูด และไม่ต้องการใกล้ชิดกับเฟิงหานชวนมากขึ้น

“ถ้าตามธรรมเนียมของประเทศฮัว ผมควรเรียกคุณว่า…คุณตา” เฟิงหานชวนยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยปากบอกไป

“นาย…นายได้คืบจะเอาศอกอีก!” เป๋าเยี่ยนตบโต๊ะ สีหน้าพลันจริงจังขึ้นมา “ฉันกับพ่อของนายเฟิงเหลยถิงเป็นรุ่นเดียวกัน สมัยหนุ่มๆ ก็เคยติดต่อกัน นายเป็นลูกชายของเขา ว่ากันตามเหตุผลแล้วนายควรเรียกฉันว่าคุณอา หรือคุณตา?”

“ใครเป็นตาของนาย” เป๋าเยี่ยนจ้องเขาตาเขม็ง

เฟิงหานชวน “…”

เป๋าฮวน “…”

หญิงสาวรู้สึกได้ทันทีว่า การลำดับรุ่นมั่วไปหมดแล้ว!

วุ่นวายกันไปหมดแล้ว!

“คุณตาคะ คุณตาอย่าโกรธเลยค่ะ เขาไม่ได้ตั้งใจ” เป๋าฮวนคิดว่าคุณตาของเธอโกรธจริงๆ ทั้งตบโต๊ะ ทั้งจ้องเขาอย่างโกรธเคือง

เธอรีบลงไปนั่งยองๆ ข้างคุณตา เอื้อมมือไปจับแขนขวาของเขา ก่อนจะกล่าวอย่างออดอ้อน “เฟิงหานชวนคิดว่าตัวเองเป็นคนรุ่นเดียวกันกับหนู ดังนั้นจึงเรียกคุณตาว่าตา คุณตาอย่าจริงจังไปเลยค่ะ ก็แค่เรียกโดยไม่ทันคิด เขาไม่ได้ว่าคุณตาแก่เลยนะคะ”

“คุณตา ผมไม่ได้เรียกผิดหรอกครับ” เฟิงหานชวนกล่าวต่อไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง จากนั้นลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเอง แล้วเดินไปด้านข้างของเป๋าฮวน ก่อนจะโค้งคำนับให้เขาอย่างสุดซึ้ง

ในเวลาเดียวกันนั้น เป๋าเยี่ยนและเป๋าฮวนต่างตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจสิ่งที่เฟิงหานชวนพูด เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่

จนกระทั่งคำอธิบายของเฟิงหานชวนดังขึ้นอีกครั้ง “สามปีก่อนผมกับฮวนฮวนเป็นสามีภรรยากัน ตอนนั้นจนถึงตอนนี้เราไม่เคยหย่าร้างกัน ในชีวิตของผม ปรากฎเพียงคำว่าคู่สมรสเสียชีวิตเท่านั้น

“แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่า คู่สมรสเสียชีวิตเป็นเรื่องโกหก ดังนั้น คู่สามีภรรยาคือเรื่องจริง”

“ในเมื่อฮวนฮวนเป็นภรรยาของผม ตามความอาวุโสในครอบครัว ผมควรเรียกคุณว่าคุณตานะครับ”

……

*ไก่น้ำลายสอ คือ เมนูไก่ขึ้นชื่อแถบเสฉวน จัดอยู่ในประเภทอาหารเย็น

กับเฟิงหานชวนที่จู่ๆพูดแทรก ความรู้สึกสงสารและเห็นใจที่เดิมทีเป๋าฮวนมีต่อเขาก็หายไปในทันที

เธอจ้องมองที่เขา กัดฟันแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ อีก และตอบอย่างใจเย็น: “ใช่ ตอนนี้เราอยู่ที่ประเทศเฉิน เขามาเป็นแขกที่บ้านฉัน”

“พวกคุณอยู่ที่ประเทศเฉิน?” เวินซือเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในเมื่อเขาเพิ่งไปร่วมงานเลี้ยงกับเป๋าฮวนที่ประเทศฮัวเมื่อคืนก่อน

ในช่วงสองวันนี้ เขาได้ขอให้คนของเขามองหารายการที่เหมาะสม โดยเฉพาะรายการที่สามารถเริ่มถ่ายทำได้ในเร็วๆนี้หรือโดยเร็วที่สุด เขาต้องการหาเป๋าฮวนมาเป็นนักแสดง พอดีเมื่อคืนได้รู้ว่ามีนักแสดงหญิงสมทบที่วางตัวไว้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

ดังนั้น เขาถึงได้โทรหาเป๋าฮวน

“อืม กลับมาเมื่อวาน แต่วันนี้ฉันต้องบินไปประเทศฮัวอีก หรือบางที……แต่บทบาทนี้ ขอฉันคิดดูก่อนนะ” เป๋าฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เธอไม่รู้ว่าควรรับบทบาทนี้หรือไม่

เธอไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ ไม่มีประสบการณ์ในการถ่ายทำ และอีกไม่นานก็จะเริ่มเปิดกล้อง และเธอก็ไม่มีเวลาฝึกอบรม อีกทั้งประเทศฮัวก็อยู่ห่างจากประเทศเฉินมาก

"ได้" เวินซือเหยี่ยนไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ตอบเจื่อนๆ

เมื่อรู้ว่าเฟิงหานชวนก็อยู่ที่บ้านตระกูลเป๋าด้วย ที่จริงเขารู้สึกใจลอยนิดหน่อย และมักสงสัยว่าเขามาช้าไปก้าวนึงหรือเปล่า

“ฉันจะตอบคุณโดยเร็วที่สุด” เป๋าฮวนพูดอย่างเคร่งขรึม

“อืม รอข่าวจากคุณ” เวินซือเหยี่ยนได้สติแล้วตอบกลับ

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็รีบพักผ่อนเถอะ พวกคุณทางโน้นน่าจะดึกมากแล้ว ฉันวางสายก่อน ราตรีสวัสดิ์” เป๋าฮวนวางสายหลังจากกล่าวคำอำลา

หลังจากใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าแล้ว เธอหันหน้ากลับมาทางเฟิงหานชวนและถามว่า: “เมื่อครู่คุณพูดทำไม?”

“ผมก็แค่เห็นคุณสับสนและอยากจะเกลี้ยกล่อมคุณสักสองสามคำ” เฟิงหานชวนรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบด้วยความมั่นใจด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาที่มีความไม่พอใจอยู่

เหตุผลที่เมื่อครู่เขาพูดแทรก ก็เพียงเพราะเขาอารมณ์เสีย!

มีสิทธิ์อะไรที่เป๋าฮวนจะมีท่าทีดีขนาดนั้นกับเวินซือเหยี่ยน แต่กับเขากลับไร้เยื่อใย!

เขาไม่ดีเท่าเวินซือเหยี่ยนสักนิดจริงๆหรือ? หรือว่าตอนนี้เป๋าฮวนจะชอบเวินซือเหยี่ยน ดังนั้นจึงไม่ต้องการกลับมาอยู่ข้างกายเขา?

เป๋าฮวนได้ยินเฟิงหานชวนเกลี้ยกล่อมเธอ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองดูใจร้ายเกินไปไหม เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า "ช่างมันเถอะ ลงไปกินข้าวข้างล่าง!"

พวกเขายังคงยืนอยู่กลางบันได และในขณะที่พูด เธอก็เดินลงไปที่ด้านล่างของบันได โดยไม่คำนึงว่าเฟิงหานชวนจะเดินตามมาหรือไม่

เดิมทีเฟิงหานชวนยังอยากถามเกี่ยวกับเรื่องของเธอและเวินซือเหยี่ยน แต่พบว่ามีสาวใช้หลายคนยืนอยู่ที่ชั้นล่าง หลังจากคิดแล้ว เขาก็เลยก้าวตามของเป๋าฮวนไป

ทั้งสองมาถึงห้องอาหารด้วยกัน ห้องอาหารเป็นสไตล์จีน แต่ผสมผสานกับสไตล์ตะวันตก โต๊ะยาวที่ทำจากไม้ดอกสีเข้มดูมีเอกลักษณ์มีหนึ่งเดียวและน่าสนใจ

นายท่านเป๋านั่งอยู่ที่ที่นั่งหัวโต๊ะแล้ว และตำแหน่งอื่นว่างเปล่า เป๋าฮวนเป็นคนเริ่มเดินไปและถามว่า "คุณตา แล้วคุณลุงหล่ะ?"

“เขามีธุระไปก่อนแล้ว” ขณะที่เป๋าเยี่ยนตอบ เขาก็จ้องมองเฟิงหานชวนที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะแล้วพูดว่า: “คุณเฟิง นั่งลงก่อนเถอะ”

ขณะพูดเป๋าเยี่ยนก็เคาะบนโต๊ะด้านซ้ายมือของเขา

เฟิงหานชวนเดินเข้ามาไปโค้งคำนับเขาแล้วนั่งทางด้านซ้ายและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “คุณเป๋า คุณเรียกผมว่าหานชวนก็ได้”

“คุณเฟิงอายุน้อยและมีความสามารถ ตอนนี้บริษัทR แข็งแกร่งมาก ผมไม่กล้าละเลย วันนี้เลยให้พ่อครัวทำอาหารของประเทศฮัวมากมายหลายชนิด น่าจะถูกปากของคุณ” เป๋าเยี่ยนเพียงแค่ยิ้มจางๆ พูดจาสุภาพและจริงจัง

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าเป๋าเยี่ยนไม่ชอบเขา

กับเฟิงหานชวนที่จู่ๆพูดแทรก ความรู้สึกสงสารและเห็นใจที่เดิมทีเป๋าฮวนมีต่อเขาก็หายไปในทันที

เธอจ้องมองที่เขา กัดฟันแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ อีก และตอบอย่างใจเย็น: “ใช่ ตอนนี้เราอยู่ที่ประเทศเฉิน เขามาเป็นแขกที่บ้านฉัน”

“พวกคุณอยู่ที่ประเทศเฉิน?” เวินซือเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในเมื่อเขาเพิ่งไปร่วมงานเลี้ยงกับเป๋าฮวนที่ประเทศฮัวเมื่อคืนก่อน

ในช่วงสองวันนี้ เขาได้ขอให้คนของเขามองหารายการที่เหมาะสม โดยเฉพาะรายการที่สามารถเริ่มถ่ายทำได้ในเร็วๆนี้หรือโดยเร็วที่สุด เขาต้องการหาเป๋าฮวนมาเป็นนักแสดง พอดีเมื่อคืนได้รู้ว่ามีนักแสดงหญิงสมทบที่วางตัวไว้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

ดังนั้น เขาถึงได้โทรหาเป๋าฮวน

“อืม กลับมาเมื่อวาน แต่วันนี้ฉันต้องบินไปประเทศฮัวอีก หรือบางที……แต่บทบาทนี้ ขอฉันคิดดูก่อนนะ” เป๋าฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เธอไม่รู้ว่าควรรับบทบาทนี้หรือไม่

เธอไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ ไม่มีประสบการณ์ในการถ่ายทำ และอีกไม่นานก็จะเริ่มเปิดกล้อง และเธอก็ไม่มีเวลาฝึกอบรม อีกทั้งประเทศฮัวก็อยู่ห่างจากประเทศเฉินมาก

"ได้" เวินซือเหยี่ยนไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ตอบเจื่อนๆ

เมื่อรู้ว่าเฟิงหานชวนก็อยู่ที่บ้านตระกูลเป๋าด้วย ที่จริงเขารู้สึกใจลอยนิดหน่อย และมักสงสัยว่าเขามาช้าไปก้าวนึงหรือเปล่า

“ฉันจะตอบคุณโดยเร็วที่สุด” เป๋าฮวนพูดอย่างเคร่งขรึม

“อืม รอข่าวจากคุณ” เวินซือเหยี่ยนได้สติแล้วตอบกลับ

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็รีบพักผ่อนเถอะ พวกคุณทางโน้นน่าจะดึกมากแล้ว ฉันวางสายก่อน ราตรีสวัสดิ์” เป๋าฮวนวางสายหลังจากกล่าวคำอำลา

หลังจากใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าแล้ว เธอหันหน้ากลับมาทางเฟิงหานชวนและถามว่า: “เมื่อครู่คุณพูดทำไม?”

“ผมก็แค่เห็นคุณสับสนและอยากจะเกลี้ยกล่อมคุณสักสองสามคำ” เฟิงหานชวนรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบด้วยความมั่นใจด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาที่มีความไม่พอใจอยู่

เหตุผลที่เมื่อครู่เขาพูดแทรก ก็เพียงเพราะเขาอารมณ์เสีย!

มีสิทธิ์อะไรที่เป๋าฮวนจะมีท่าทีดีขนาดนั้นกับเวินซือเหยี่ยน แต่กับเขากลับไร้เยื่อใย!

เขาไม่ดีเท่าเวินซือเหยี่ยนสักนิดจริงๆหรือ? หรือว่าตอนนี้เป๋าฮวนจะชอบเวินซือเหยี่ยน ดังนั้นจึงไม่ต้องการกลับมาอยู่ข้างกายเขา?

เป๋าฮวนได้ยินเฟิงหานชวนเกลี้ยกล่อมเธอ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองดูใจร้ายเกินไปไหม เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า "ช่างมันเถอะ ลงไปกินข้าวข้างล่าง!"

พวกเขายังคงยืนอยู่กลางบันได และในขณะที่พูด เธอก็เดินลงไปที่ด้านล่างของบันได โดยไม่คำนึงว่าเฟิงหานชวนจะเดินตามมาหรือไม่

เดิมทีเฟิงหานชวนยังอยากถามเกี่ยวกับเรื่องของเธอและเวินซือเหยี่ยน แต่พบว่ามีสาวใช้หลายคนยืนอยู่ที่ชั้นล่าง หลังจากคิดแล้ว เขาก็เลยก้าวตามของเป๋าฮวนไป

ทั้งสองมาถึงห้องอาหารด้วยกัน ห้องอาหารเป็นสไตล์จีน แต่ผสมผสานกับสไตล์ตะวันตก โต๊ะยาวที่ทำจากไม้ดอกสีเข้มดูมีเอกลักษณ์มีหนึ่งเดียวและน่าสนใจ

นายท่านเป๋านั่งอยู่ที่ที่นั่งหัวโต๊ะแล้ว และตำแหน่งอื่นว่างเปล่า เป๋าฮวนเป็นคนเริ่มเดินไปและถามว่า "คุณตา แล้วคุณลุงหล่ะ?"

“เขามีธุระไปก่อนแล้ว” ขณะที่เป๋าเยี่ยนตอบ เขาก็จ้องมองเฟิงหานชวนที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะแล้วพูดว่า: “คุณเฟิง นั่งลงก่อนเถอะ”

ขณะพูดเป๋าเยี่ยนก็เคาะบนโต๊ะด้านซ้ายมือของเขา

เฟิงหานชวนเดินเข้ามาไปโค้งคำนับเขาแล้วนั่งทางด้านซ้ายและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “คุณเป๋า คุณเรียกผมว่าหานชวนก็ได้”

“คุณเฟิงอายุน้อยและมีความสามารถ ตอนนี้บริษัทR แข็งแกร่งมาก ผมไม่กล้าละเลย วันนี้เลยให้พ่อครัวทำอาหารของประเทศฮัวมากมายหลายชนิด น่าจะถูกปากของคุณ” เป๋าเยี่ยนเพียงแค่ยิ้มจางๆ พูดจาสุภาพและจริงจัง

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าเป๋าเยี่ยนไม่ชอบเขา

เป๋าฮวนปวดจมูก และจู่ๆก็รู้สึกอยากจะร้องไห้

เธออ้าปากเล็กน้อย แต่เธอพูดอะไรไม่ออก

“ตึงตึงตึง……”

ในขณะนี้ ประตูที่อยู่ข้างหลังถูกเคาะดังขึ้นมา

เป๋าฮวนผลักเฟิงหานชวนเปิดโดยไม่รู้ตัว หันกลับมามองที่แผงประตูแล้วถามว่า “ใคร?”

“คุณหนูใหญ่ ฉันเอง ซูซาน มื้อเที่ยงพร้อมแล้ว พวกคุณไม่ได้ทานอาหารเช้า นายท่านบอกให้ทานอาหารกลางวันเร็วหน่อย ฉันมาเพื่อเรียกคุณหนูใหญ่และคุณเฟิงให้ลงไปทานอาหารชั้นล่าง” ซูซานตอบ

เป๋าฮวนรู้แล้ว และพูดว่า: “ได้ เธอลงไปก่อน เราจะรีบตามไป”

“ได้ค่ะ คุณหนูใหญ่” ซูซานถ่ายทอดคำสั่งเรียบร้อย แล้วหันกลับและจากไป

ในเวลานี้เป๋าฮวนหันกลับมาอีกครั้งและเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวน เธอเห็นแค่เพียงดวงตาที่แดงก่ำของเฟิงหานชวน และใบหน้าที่ซีดเล็กน้อย เธอก็นึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้

“เมื่อครู่คุณก็ได้ยินแล้ว เราสามารถลงไปรับประทานอาหารกลางวันที่ชั้นล่างแล้ว หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน บ้านฉันมีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวจอดอยู่ใกล้คฤหาสน์โน่น เราไปประเทศฮัวด้วยกัน” เป๋าฮวนมองเขาและพูดเบา ๆ

อย่างไรก็ตาม ในคำพูดของเธอ มีคำหนึ่งที่ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกปวดใจ

เพราะเป๋าฮวนพูดถึง "ไป" ประเทศฮัว แต่ไม่ใช่ "กลับ" ประเทศฮัว

ในโลกของเธอ ประเทศฮัวสำหรับเธอแล้วไม่ใช่มาตุภูมิเธออีกต่อไป ไม่ใช่บ้านเกิดเธออีกต่อไป และไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไป

เหมือนที่เธอเพิ่งพูดไป เธอแค่ไปอธิบายกับชายชราและคนอื่นๆฟัง แล้วเธอก็จะกลับประเทศเฉินทันที

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฟิงหานชวนก็เดินโซเซถอยหลังไปสองก้าว และตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ได้”

ในเมื่อเธอไม่ต้องการอยู่ที่ประเทศฮัว งั้นเขาก็สามารถมาหาเธอที่ประเทศเฉินได้

……

เป๋าฮวนกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่ที่เป็นชุดเดรสสีขาว

ผ้าของชุดเดรสเป็นผ้าฝ้ายแท้ที่เรียบง่ายมาก แต่เนื่องจากการออกแบบและการตัดเย็บที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงมีเสน่ห์เป็นพิเศษ และเน้นรูปร่างได้อย่างลงตัว

เธอเป็นคนออกแบบเองตั้งแต่กลับมาถึงประเทศเฉิน เธอเริ่มติดต่อกับแฟชั่นดีไซน์และพบว่าเธอมีพรสวรรค์ในด้านนี้มาก ตอนนี้เธอกลายเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่เก่งและทรงพลังมากแล้ว

ส่วนด้านเฟิงหานชวน เธอให้ชุดสูทที่เป๋าเฉินยังไม่เคยใส่กับเฟิงหานชวน เป๋าเฉินมีรูปร่างใกล้เคียงกับเฟิงหานชวน และเฟิงหานชวนก็สวมใส่ได้พอดี

สุดท้ายแล้วเขาไม่ได้นำเสื้อผ้ามาด้วย

เมื่อทั้งสองคนเก็บของเสร็จแล้ว พวกเขาก็ลงไปข้างล่างด้วยกัน พูดให้ถูกคือเป๋าฮวนพาเฟิงหานชวนลงไปข้างล่าง

บันไดเป็นบันไดเวียนไม้มะฮอกกานีที่มีความกว้างกว้างมาก เป๋าฮวนและเฟิงหานชวนเดินหน้ากระดานเคียงข้างกันโดยไม่รู้สึกแออัด แม้ว่าบันไดจะไม่ได้ตกแต่งมากนัก แต่ก็เผยให้เห็นถึงความหรูหราแบบเรียบง่าย

ในเวลานี้ เป๋าฮวนรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพานกำลังสั่น เธอหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าและพบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเวินซือเหยี่ยน

เฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างเธอ เพราะเขาสูงกว่าเธอ เพียงเหลือบมองที่โทรศัพท์ของเธอก็เห็นชื่อผู้โทรเข้าอย่างชัดเจน

สีหน้าของเขาหมองลงกะทันหัน ยังไม่ทันที่เขาจะห้าม เป๋าฮวนได้เชื่อมต่อโทรศัพท์แล้ว

“สวัสดี ซือเหยี่ยน จู่ๆโทรหาฉันทำไม?” เป๋าฮวนยิ้มและทักทายเขา เผยให้เห็นฟันขาวเรียงเป็นแถว และเสียงของเธอก็นุ่มเป็นพิเศษ

ลักษณะท่าทางแบบนี้ของเธอทำให้สีหน้าของเฟิงหานชวนหมองคล้ำขึ้น

แสดงอารมณ์ต่อผู้ชายคนอื่นดีขนาดนี้ แต่ว่ากับเขา…..

เฟิงหานชวนรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ

“ฮวนฮวน เรื่องเป็นแบบนี้ ผมเพิ่งรู้ว่านักแสดงสมทบคนหนึ่งในละครราชวังชิงเรื่องใหญ่ ที่เตรียมการโดยบริษัทของเราประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้กำลังจะเริ่มถ่ายทำแล้ว คนที่เหมาะกับบทค่อนข้างหายาก ผมคิดว่าภาพลักษณ์ของบทบาทนี้เข้ากับคุณ คุณก็สนใจในเรื่องตัวนักแสดงพอดีไม่ใช่หรือ? ผมอยากถามว่าคุณแสดงแทนได้ไหม?”

“เพียงแค่บทแสดงของตัวประกอบนี้เป็นนักแสดงหญิงลำดับที่5ของการแสดง ผมไม่รู้ว่าคุณจะรังเกียจไหม……”

เสียงของเวินซือเหยี่ยนสงบนิ่งและอ่อนโยนมาก ฟังผ่านลำโพงเข้าไปในหูของเป๋าฮวนอย่างช้าๆ

ในเวลาเดียวกัน ก็ผ่านไปถึงหูของเฟิงหานชวนเพราะเขายืนอยู่ข้างเป๋าฮวน อยู่ใกล้ๆไม่ห่างเป๋าฮวนก็เพื่อฟังว่าเวินซือเหยี่ยนพูดอะไร

ที่แท้ใช้เรื่องหานักแสดงมาตามจีบฮวนฮวนของเขา เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด!

แต่เดี๋ยวก่อน……

เฟิงหานชวนจู่ๆก็เปลี่ยนความคิด

ถ้าเป๋าฮวนรับแสดงละครเรื่องนี้ ก็ต้องถ่ายทำที่ประเทศฮัวไม่ใช่หรือ? ปกติละครราชวังชิงมักถ่ายทำในเมืองเหิงซื่อ และใช้เวลาบินเพียงแค่สองชั่วโมงจากเมืองเป่ยเฉิง

ยังไงก็ใกล้กว่าประเทศเฉินมาก

“จริงเหรอ? ละครราชวังชิง บทบาทที่เหมาะกับฉัน? บทบาทประเภทไหน?” เป๋าฮวนเดิมไม่โต้ตอบเเพราะยังไม่รู้ตัว พอคืนสติขึ้นได้ จู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้นมากและถามคำถามหลายคำถามต่อๆกัน

หลังจากเวินซือเหยี่ยนได้ฟังคำถามของเธอแล้ว เพียงแค่ยิ้มเบาๆ และพูดว่า: "ละครราชวังชิงคุณคงรู้จัก มีนางสนมต่อสู้กันมากมาย บทบาทที่ขาดคือพระสนมท่านหนึ่งเป็นบทบาทนางเอกคู่กัน บทนี้ไร้เดียงสา เซ่อเซ่อซ่าซ่าและชอบกินอาหารอร่อย ถือว่าเป็นบทที่มีกลอุบายน้อยที่สุดในเรื่องทั้งหมด"

เป๋าฮวน: ?

เป๋าฮวน: “เซ่อๆ……ซ่าๆ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า……” เวินซือเหยี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ แล้วพูดว่า “น่ารักดี น่ารักน่าเอ็นดูและชอบทานอาหารอร่อย เป็นนักกิน”

ขณะอธิบาย เขาก็คิดไปโดยไม่รู้ตัวถึงตอนที่พบกับเฉินฮวนฮวนเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นเป๋าฮวนยังชื่อเฉินฮวนฮวน ตอนอยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเธอซื้อส่วนประกอบของอาหารมากมายและบอกว่าเป็นของที่จะทำอาหารเช้า

ท่าทางที่ซื่อบื้อและน่ารักน่าเอ็นดูนั้น เขาสามารถจินตนาการหน้าตาเป็นตอนที่เธอกินได้ว่าเป็นยังไง เธอคงจะเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่เซ่อๆซ่าๆ

เป๋าฮวนเบ้ปากและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: "น่ารักน่าเอ็นดูไม่เท่าไหร่ เซ่อๆซ่าๆนี่ฉันปฏิเสธ!"

สรุปแล้วผู้หญิงคนไหนอยากให้คนอื่นบอกว่าเธอเซ่อซ่า?

ไม่ใช่นกเพนกวินซะหน่อย!

“อืม น่ารักน่าเอ็นดู ไม่ใช่เซ่อซ่า” เวินซือเหยี่ยนกลั้นยิ้มและถามอย่างจริงจังว่า: “แล้วคุณคิดว่าเป็นยังไงบ้าง? อยากเล่นเป็นตัวละครนี้ไหม?”

“ละครเรื่องนี้เริ่มแสดงประมาณช่วงเวลาไหน?” เป๋าฮวนถาม

“สัปดาห์หน้า ก็อีกสี่ห้าวัน แต่บทบาทของคุณไม่มีบทแสดงในตอนแรก แต่ควรมาล่วงหน้าเพื่อแต่งหน้า เพราะบทบาทนี้เปลี่ยนตัวกะทันหัน ไม่มีเวลาลองแต่งหน้าดูก่อน” เวินซือเหยี่ยนตอบจริงจัง

เป๋าฮวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดมากนิดหน่อย เดิมเธอบอกคุณตาว่าเธอจะอยู่ใช้ชีวิตที่ประเทศเฉิน แต่ตอนนี้……

อันที่จริง เธอสนใจในบทบาทนี้มาก แต่เธอไม่รู้ว่าควรกลับไปประเทศฮัวเพื่อเดินหน้าหรือไม่ โดยเฉพาะข้างกายที่ยังมีชายหนุ่มคนนี้เกาะติดอยู่

เธอหันศีรษะและเหลือบมองเฟิงหานชวนโดยไม่รู้ตัว เฟิงหานชวนก็มองเธอพอดี เธอเลยทำตาเขม็งใส่เขา

เฟิงหานชวนรู้สึกไฟลุกในใจทันที เดิมทีเขาเต็มไปด้วยความหึงหวง แต่ตอนนี้เป๋าฮวนทำตาเขม็งใส่เขาอีก ราวกับว่าเขากีดกันไม่ให้เธอกับเวินซือเหยี่ยนเกี้ยวพาราสีกัน

“ในเมื่อคุณอยากแสดงก็แสดง บางครั้งคิดมากเกินไปก็ไม่ดี” เสียงทุ้มต่ำที่มีพลังของเขาดังขึ้น

ทันใดนั้น เป๋าฮวนชะงัก ส่วนเวินซือเหยี่ยนที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ก็เงียบไป

บรรยากาศเย็นยะเยือกหลายวินาที

หลังจากนั้น เหวินซือเหยี่ยนพูดขึ้น เขารู้สึกอารมณ์คลุมเครือเล็กน้อย: "ฮวนฮวน คุณอยู่กับเฟิงหานชวนหรือ?"

ขณะนี้เวลาในประเทศฮัวเป็นเวลากลางคืน หลังจากงีบหลับสักพักจะเป็นวันถัดไป

เฟิงเหลยถิงอายุมากแล้ว การนอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพ เมื่อนึกถึงสุขภาพของเฟิงเหลยถิงไม่ค่อยดี เป๋าฮวนก็ไม่อยากอธิบายออกมา

“เดี๋ยวนะ เธอหมายความว่ายังไง?” เฟิงเหลยถิงเริ่มสับสนเล็กน้อย

ยิ่งเขาฟังเสียงของผู้หญิงคนนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเธอเหมือนเฉินฮวนฮวนมากขึ้นเท่านั้น เขาอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ ราวกับว่าเฉินฮวนฮวน กำลังคุยกับเขาอยู่

“นายท่าน รีบนอนเถอะค่ะ เจอกันพรุ่งนี้” เป๋าฮวนรู้ว่าคุยผ่านโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง เธอจึงไม่อยากพูดอะไรมาก

ไม่ว่าจะพูดทางโทรศัพท์ยังไง เฟิงเหลยถิงก็ไม่เชื่อ

“อืมโอเค เจอกันพรุ่งนี้” เฟิงเหลยถิงตอบอย่างงุนงง ตอบอย่างเรียบๆ

เมื่อเห็นว่าเขาตกลง เป๋าฮวนก็วางสาย

ผู้ชายยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาของเขาจ้องมาที่เธอ เป๋าฮวนรู้สึกได้ เธอวางโทรศัพท์ของเฟิงหานชวนไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วจ้องมาที่เขา

เธอพูดเบาๆ: "เตรียมตัวให้พร้อม กินมื้อเที่ยงเสร็จ เราก็จะบินไปประเทศฮัวเลย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเฟิงหานชวนก็สว่างขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะแปลกใจ: “จริงเหรอ?”

เขาดูไม่เชื่อเล็กน้อย เป๋าฮวนจะยอมกลับด้วยง่ายๆแบบนี้

“ฉันแค่จะกลับไปประเทศฮัวเพื่ออธิบาย อธิบายเสร็จก็จะกลับมา” เป๋าฮวนทำลายความหวังของเฟิงหานชวน

สีหน้าของเฟิงหานชวนเศร้าลงในทันใด เขาจับมือผู้หญิงทันที อารมณ์ของเขาหดหู่เล็กน้อย เขาทำอะไรไม่ถูกและกังวลเล็กน้อย

“ฮวนฮวน คุณ…คุณอยู่ที่ประเทศฮัวสักสองสามวันได้ไหม?” น้ำเสียงของเขาอ้อนวอน

“ไม่จำเป็น” เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นมองเขา เผยให้เห็นฟันขาวเรียงเป็นแถว ตอบด้วยรอยยิ้ม

รอยยิ้มของเธอราวกับมีดพุ่งเข้าใส่หัวใจของเขา ทำให้เลือดไหลออกจากหัวใจ

เฟิงหานชวนคิดว่าเป๋าฮวนให้อภัยเขาแล้ว เขาจะได้อยู่กับเป๋าฮวนอีกครั้ง แต่คำพูดของเธอ เหมือนทำให้เขาตายทั้งเป็น

“ใกล้เที่ยงแล้ว ฉันจะไปดูว่าอาหารใกล้เสร็จหรือยัง คุณพักก่อน เสร็จแล้วฉันจะมาเรียก” เป๋าฮวนพูดขณะลุกจากเตียง เดินไปที่ประตูห้อง

เมื่อเธอเดินไปที่ประตู เธอเอื้อมมือออกไปและจับลูกบิดประตู ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งเอื้อมขึ้นเหนือศีรษะของเธอ แล้วกดลงที่ประตู มือใหญ่อีกข้างหนึ่งก็จับมือที่เธอจับลูกบิดประตู

“เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร” เป๋าฮวนหันหลังให้ผู้ชาย ถามอย่างเย็นชา

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนเรียกเธอด้วยเสียงต่ำ แล้วกอดเธอแน่นในอ้อมแขนของเขา

เป๋าฮวนรู้สึกว่าแผ่นหลังของเธอเกาะติดกับหน้าอกอันร้อนระอุ เป็นความรู้สึกอบอุ่น แต่พฤติกรรมนี้ทำให้เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย

“เฟิงหานชวน ในหัวคุณคิดแต่เรื่องไม่ดีอีกแล้วใช่ไหม?” เป๋าฮวนถามเขา

“ผมแค่อยากกอดคุณ แค่กอดเฉยๆ” เฟิงหานชวนตอบโดยที่คางของเขาวางอยู่บนไหล่ของเธอ แขนของเขาโอบเอวเธอ กอดแน่นขึ้น

เป๋าฮวน : "…"

เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอกำลังจะถูกเฟิงหานชวนสิงเข้าไปในร่างกาย

นี่เหรอ? เรียกว่ากอดเฉยๆ?

ความรู้สึกของหญิงสาวไร้เดียงสากับเฒ่าหัวงูนั้นต่างกัน

อย่างไรก็ตาม อยากกอดก็กอดเถอะ แค่กอด ไม่มีการกระทำอื่นใด ดังนั้นเป๋าฮวนจึงไม่ขัดขืน

เป๋าฮวนไม่พูด และผู้ชายที่อยู่ข้างหลังก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอรู้สึกปวดหลังเล็กน้อย แต่ผู้ชายก็ยังมีทีท่าจะไม่ปล่อย

“เฮ้ย เฟิงหานชวน พอหรือยัง?” เป๋าฮวนถามอย่างช่วยไม่ได้

ผู้ชายยังคงกอดเธอ แต่ไม่ตอบสนอง

เป๋าฮวน: "???"

เธอค่อยๆหันศีรษะ ใบหน้าของผู้ชายปรากฏต่อหน้าต่อตา เขาเอาศีรษะซบไหล่เธอ หลับตาแน่น หายใจเข้าออก ราวกับว่า…

แม่เจ้า!

เธอพบว่า เฟิงหานชวนกำลังยืนซบไหล่เธอหลับ?

เขาต้องเหนื่อยแค่ไหน ขนาดยืนอยู่ยังหลับได้!

เป๋าฮวนอดคิดไม่ได้เรื่องคืนนั้นที่โรงแรม ทั้งสองคนทำกันตลอดทั้งคืน หลังจากที่ตัวเองผล็อยหลับไป ก็บินกลับประเทศเฉินตอนเช้า และนอนบนเครื่องบินไม่กี่ชั่วโมง

แต่ ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเฟิงหานชวนไปที่บริษัทก่อน จากนั้นจึงค้นหาที่อยู่ของเธอ แล้วรีบบินมาที่ประเทศเฉิน เมื่อคืนนี้ถูกเธอยั่วอีกและมี "ออกกำลังกาย" ที่หนักหน่วง ดูเหมือนจะหนักมาก

ที่สำคัญ เฟิงหานชวนยังเป็นผู้ป่วย!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เป๋าฮวนก็รู้สึกผิดเล็กน้อย

เมื่อมองดูขนตาที่เรียวยาวของผู้ชายและผิวบอบบาง โดยไม่มีร่องรอยของรูขุมขน เป๋าฮวนรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

รูปลักษณ์ของเฟิงหานชวน ไม่อาจปฏิเสธได้ มันหล่อมากจริงๆ!

แต่ว่าผู้ชายที่หล่อขนาดนี้ ถูกเธอทรมานจนกลายเป็นเช่นนี้… เป๋าฮวน ถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว

ราวกับว่ารู้สึกถึงการกระทำของผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา ผู้ชายค่อยๆลืมตาขึ้น เป๋าฮวนก็กำลังมองเขาเช่นกัน ทั้งสองสบตากัน

วินาทีต่อมา เฟิงหานชวนรีบปล่อยเธอ กล่าวขอโทษเบาๆ : “ขอโทษนะ คุณเหนื่อยไหม?”

เมื่อได้ยินคำขอโทษของเขา เป๋าฮวนก็เบ้ปากเล็กน้อย หลับตาลง ถอนหายใจอีกครั้ง อ้าปากจะพูด แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะถาม โดยตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเธอ

“คุณเหนื่อยมากใช่ไหม?” เป๋าฮวนหันกลับมาและยืนเผชิญหน้ากับเขา เงยหน้าขึ้นมองเขา

เฟิงหานชวนก็รู้ว่าเขาเพิ่งผล็อยหลับไป อย่างไรก็ตาม เขาหมดสติไปครู่หนึ่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเขาผล็อยหลับไปขณะยืน

เมื่อเป๋าฮวนถามเรื่องนี้ เขาก็รู้ว่าเขากำลังยืนหลับจริงๆ

“ใช่” เฟิงหานชวนตอบเบาๆ

“เป็นเพราะฉัน ใช่ไหม?” เป๋าฮวนถามอีกครั้ง ความรู้สึกผิดของเธอยิ่งแย่ลงไปอีก

เฟิงหานชวนเงียบ

“ไม่ว่าสมรรถภาพทางกายของคุณจะดีแค่ไหน แต่คุณก็ยังเป็นคน ไม่ใช่เหล็ก คุณหาเวลาพักผ่อนบ้างสิ” เป๋าฮวนรู้สึกถึงไฟในใจ ตะโกนใส่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ

ผู้ชายไม่ได้โกรธหรือโมโห แต่เขากลับหัวเราะ ในสายตาของเป๋าฮวน เขาหัวเราะเหมือนคนงี่เง่า

“สมองคุณมีปัญหาแน่ๆ!” เป๋าฮวนพูดไม่ออก

“ฮวนฮวน ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากพักผ่อน แต่ผมไม่กล้าพัก” หลังจากที่เฟิงหานชวนพูดเช่นนี้ เขาก็กอดผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา

อ้อมกอดนี้ต่างจากเมื่อกี้ คราวนี้เป็นการเผชิญหน้ากัน เมื่อกี้เป๋าฮวนหันหลังให้เขา

เป๋าฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินผู้ชายพูดต่อว่า: “ผมกลัวว่าถ้าผมพักแล้วจะเหมือน3ปีที่แล้ว ที่เสียคุณไป…”

“เพราะงั้น เลยไม่กล้าพัก”

“ผมพบว่าคุณจากไป ผมก็เรียกหาคุณอย่างบ้าคลั่ง”

“แต่ผมโชคดีมาก ที่คราวนี้ผมรู้ว่าคุณแค่จากไป กลับไปประเทศเฉิน ไม่ใช่ฆ่าตัวตายหรือตายจาก”

“ฮวนฮวน แค่คุณยังมีชีวิต แค่คุณยังมีชีวิตก็พอ…”

"ไม่จำเป็น"

เป๋าฮวนกลอกตาต่อหน้าตรงๆ

ทำไมเธอจะมองไม่ออกว่าเฟิงหานชวนตั้งใจทำ!

ตั้งใจแกล้งเธอ!

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินคำตอบของเธอ มุมปากกระตุก จากนั้นปล่อยมือทันทีแล้วลุกขึ้นนั่งข้างเตียง

เขาตั้งใจล้อฮวนฮวนเล่นเท่านั้น

เขารู้ว่าตัวเองมีศักยภาพเพียงใด เขายังคงรู้ตัวเองดี

แล้วก็สามารถเข้าใจได้ว่าเป๋าฮวนพูดโกหก

“ล้อคุณเล่น” เขาอธิบาย

“ฉันรู้” เป๋าฮวนจ้องมองเขา

เฟิงหานชวนไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หัวเราะ

เป๋าฮวนรู้สึกแปลก กำลังจะพูดแต่กลับถูกเฟิงหานชวนขัดจังหวะ:

“ผมคิดว่าคุณจะไม่สนใจพวกเขา”

“อะไรนะ?” เป๋าฮวนงุนงงถามอีกว่า “ไม่สนใจใคร? คุณหมายถึง……เฟิงหย่าและเฟิงเฉินเหยี่ยน?”

“อืม” เฟิงหานชวนตอบ

ที่จริงตอนนี้เขาอารมณ์ดีมากเพราะเป๋าฮวนริเริ่มพูดคุยกับหลานชายและหลานสาวของเขา เห็นได้ชัดว่าเป๋าฮวนไม่ได้ต่อต้านการเปิดเผยตัวตนของเธอเอง

กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป๋าฮวนเริ่มยอมรับเขาในใจขึ้นนิดหน่อยแล้วใช่ไหม?

“ฉันกับพวกเขาไม่ได้มีความแค้นต่อกัน พูดคุยกันสองสามคำแล้วทำไม?” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนแปลกประหลาด

“ไม่ใช่เพราะสิ่งนี้” เฟิงหานชวนปฏิเสธและกล่าวอีกว่า “เป็นคุณ ที่ยินดีที่จะยอมรับตัวตนของตัวเอง”

เป๋าฮวน : "……"

เธอไม่ยอมรับแล้วมีวิธีอะไร? เธอไม่ได้ทำศัลยกรรมและไม่ได้ทำอะไร และเธอก็รับสารภาพต่อหน้าเฟิงหานชวนมานานแล้ว

ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม ก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไร ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

คนที่เธอต้องการปกปิดมากที่สุดก็รู้จักตัวตนของเธอแล้ว

“ฮวนฮวน คุณสามารถให้อภัย……ได้ไหม” ก่อนที่เฟิงหานชวนจะพูดจบ โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีกครั้ง

เขาจับหน้าผาก ความคิดเมื่อครู่ของเขาหยุดชะงักทันที

เป๋าฮวนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อน และเห็นหมายเลขผู้โทรเข้า ปรากฏว่าเป็น "ตาเฒ่า"

ในสมองของเธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำบางอย่างในอดีต เฟิงหานชวนชอบเรียกเฟิงเหลยถิงว่า "ตาเฒ่า" ก็คือว่า——นี่คือสายโทรเข้าจากเฟิงเหลยถิง?

คุณพระช่วย!

หลังจากที่หลานสาวโทรเสร็จหลานชายโทรต่อ หลานชายโทรเสร็จพ่อโทรต่อ ธุรกิจในครอบครัวของเฟิงหายชวนยุ่งมากเลยทีเดียว!

“โทรศัพท์ของนายท่านเฟิง” เป๋าฮวนยื่นโทรศัพท์ให้เฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนรับไป เหลือบมองดูหมายเลขผู้โทรเข้าและเปิดลำโพง: "มีธุระหรือ?"

“เจ้าสาม ตอนนี้แกอยู่ประเทศเฉิน?” น้ำเสียงของเฟิงเหลยถิงแสดงถึงความโชกโชนไม่น้อย

“อืม อาเยี่ยนบอกคุณเหรอ?” เฟิงหานชวนตอบ

“ใช่ อาเยี่ยนเป็นคนบอกฉัน บอกว่าแกพบผู้หญิงคนหนึ่งที่ประเทศเฉิน เป็นตัวแทนของฮวนฮวน……” เฟิงเหลยถิงหยุดราวกับว่าเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี

มีน้ำเสียงที่อยากโน้มน้าวใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“ไม่ใช่” เฟิงหานชวนปฏิเสธ

เพียงแค่ ก่อนที่เขาจะพูดจบ เฟิงเหลยถิงก็ขัดจังหวะเขา น้ำเสียงของเขาดูเศร้าสร้อย: “เจ้าสาม ฉันทำผิดต่อแก เป็นเวลาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอะไร ฉันทำผิดต่อแกทั้งนั้น”

“ถ้าตอนนั้นฉันไม่ทำตามอำเภอใจ จับเฉินฮวนฮวนยัดไว้ข้างแก ก็จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในตอนนี้……”

“พ่อ!” เฟิงหานชวนหยุดเขาและหันสายตาไปที่เป๋าฮวน

เป๋าฮวนก็ไม่ใช่คนโง่ จากคำพูดของเฟิงเหลยถิง สามารถสรุปได้ว่าเฟิงเหลยถิงโทษตัวเอง และรู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นเฉินฮวนฮวนแต่งงานกับลูกชายคนที่สามของตัวเอง

“เห็นได้ชัดว่าเฟิงเหลยถิงหมายความว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินฮวนฮวนฆ่าตัวตาย เฟิงเหลยถิงก็จะไม่มีชีวิตที่เลวร้ายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

“ฉันขอโทษ” เป๋าฮวนเริ่มเปิดปากเอง เธอพูดกับเฟิงเหลยถิง

ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเฟิงเหลยถิงทางโทรศัพท์ทางโน้นหรือเฟิงหานชวนทางโทรศัพท์ทางนี้ก็ไม่มีเสียงอันใด

ดวงตาของเฟิงหานชวนจ้องมองตรงไปที่หญิงสาวบนเตียง

เป๋าฮวนรู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อถูกเฟิงหานชวนจ้องมองแบบนี้ เธอหันหน้าหนีและไม่มองเฟิงหานชวนตอบ

ในห้องตกอยู่ในความเงียบ

ทันใดนั้นมีเสียงที่ปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ เป็นเสียงที่น่าประหลาดใจไม่มีอะไรเทียบ รวมถึงมีอาการสั่นเล็กน้อย: "นี่นี่นี่……เสียงนี่……จริงๆ……เหมือนกันมากจริงๆ……"

“ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแปลกใจที่แกไล่ตามไปประเทศเฉิน เหมือนมากจริงๆ……”

เมื่อเฟิงเหลยถิงได้ยินเสียงของเป๋าฮวน เขาก็มีความรู้สึกลึกๆ

เป๋าฮวนเม้มปากและพูดอีกครั้ง และเริ่มยอมรับตัวตนเอง: “นายท่านเฟิง ฉันก็คือฮวนฮวน”

“อะ อะไรนะ?” เฟิงเหลยถิงผงะและรีบถาม “เจ้าสาม เจ้าสามฉันเพิ่งได้ยินเสียงของฮวนฮวน และเธอยังบอกว่าตัวเองก็คือฮวนฮวน แกล้างสมองเธอใช่ไหม?”

เป๋าฮวน : "……"

เมื่อเฟิงหานชวนมองไปที่ท่าทีที่เหมือนหินละลายของเป๋าฮวน เขาหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้ตอบ

เป๋าฮวนถอนหายใจและอธิบายว่า "นายท่าน ฉันยังไม่ตาย ฉันก็คือเฉินฮวนฮวน ศพในตอนนั้นไม่ใช่ฉัน"

เธออธิบายแบบนี้ เฟิงเหลยถิงน่าจะเข้าใจ

“เจ้าสาม! เจ้าสาม! เจ้าสามแกอยู่หรือเปล่า!” น้ำเสียงที่ผ่านอะไรมาอย่างโชคโชนของเฟิงเหลยถิงเปลี่ยนเป็นเฉียบขาดขึ้นมา

“พ่อ คุณกำลังทำอะไร?” เฟิงหานชวนรู้สึกปวดหัว

ฮวนฮวนที่ดีของเขาได้อธิบายให้ชายชราฟังแล้ว แต่ชายชราดูเหมือนบ้าไปแล้ว!

“ลูกสาม แกกลับมาเร็วๆ รีบกลับให้เร็ว! แกบ้าไปแล้ว ตอนนี้แกอาการสาหัส สาหัสมากจริงๆ!”

เฟิงเหลยถิงรู้สึกตกใจอย่างมากในตอนนี้ กำหน้าอกไว้และรีบพูดว่า: “แกอย่าสับสนกับความเป็นจริง ฮวนฮวนตายแล้วก็คือตายแล้ว ผู้หญิงที่แกหามาคือตัวแทน เธอไม่ใช่ฮวนฮวน แล้วแกยัง ล้างสมองเธอ……ศพถูกระบุโดยแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงและพวกเราเป็นคนส่งไปเผากับมือ!”

"แกรู้สึกตัวหน่อย——"

ตอนนี้สภาวะของเฟิงเหลยถิงแย่มาก

เขาคิดว่าลูกชายของตัวเองถึงขั้นเป็นบ้าไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงกังวลมาก กังวลมากจริงๆ

เขาหวังว่าเฟิงหานชวนจะดีขึ้นในไม่ช้า แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าลูกชายของเขาเป็นหนักกว่าเก่า!

"พ่อ เธอคือฮวนฮวน!” เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินเสียงวิตกกังวลของเฟิงเหลยถิง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรในเวลานี้

เขาถูขมับและพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า: "ผมพาเธอกลับไปพบคุณแล้วคุณก็จะเข้าใจ"

“ฮวนฮวน คุณเต็มใจไหม?” เฟิงหานชวนจับมือเป๋าฮวนทันทีและขอความคิดเห็นของเธอ

เป๋าฮวนมองออกว่าอารมณ์ของเฟิงเหลยถิงนั้นตื่นเต้นมากแล้ว และสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากเธอทั้งสิ้น

ถ้าเธอไม่ออกมาชี้แจงให้กระจ่าง บางทีคนในตระกูลเฟิงอาจคิดว่าเฟิงหานชวนบ้าไปแล้ว และคนในตระกูลเฟิงก็จะบ้าตามไปด้วย!

เธอไม่อยากทำบาป ไม่อยากทำร้ายผู้บริสุทธิ์

เรื่องของเธอกับเฟิงหานชวน เธอจะคิดบัญชีกับเฟิงหานชวน แต่เธอไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์พัวพันไปด้วย คนในตระกูลเฟิงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

ด้วยเหตุนี้ เป๋าฮวนพยักหน้าเบาๆ แสดงถึงความยินยอม

ยินยอมเต็มใจกลับไปกับเฟิงหานชวนเพื่อพิสูจน์ตัวตน

ชั่วขณะที่เห็นเป๋าฮวนพยักหน้า เฟิงหานชวนปรากฏรอยยิ้มที่หายาก เป็นรอยยิ้มที่มีความสุขและความตื่นเต้นรวมไว้ด้วยกันแบบนั้น

เมื่อเห็นเขายิ้ม เป๋าฮวนตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ ราวกับว่าทั้งสองได้ย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาของการแต่งงานที่หอมหวานที่สุด

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอกลับรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร เธอจึงมีสติขึ้นทันที

แค่ฟังน้ำเสียงที่ใจสลายของเฟิงเหลยถิงทางโทรศัพท์ “เจ้าสาม แกบ้าไปแล้ว แกบ้าไปแล้วจริงๆ……”

“ลูกชายของฉัน แกตื่นได้แล้ว ถือว่าพ่อขอร้องแก!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเหลยถิง เป๋าฮวนรู้สึกอึดอัดมาก เธอพูดอย่างใจเย็น: "นายท่าน คุณใจเย็นก่อน พวกเราจะออกเดินทางจากประเทศเฉินวันนี้ คุณนอนหลับให้สบายสักตื่น พรุ่งนี้คุณก็จะพบพวกเราแล้ว"

“ฉันจะอธิบายให้คุณฟังต่อหน้า”

"…"

เมื่อได้ยินคำอุทานของเฟิงเฉินเหยี่ยน มุมปากของเป๋าฮวนก็กระตุกขึ้น

ความหมายของเฟิงเฉินเหยี่ยนคือ ผู้หญิงทุกคนต้องชอบเฟิงหานชวน?

อย่างไรก็ตาม เป๋าฮวนอยากปฏิเสธ แต่จู่ๆก็ตระหนักว่าเธอแค่อคติ

เพราะแท้จริงแล้ว เธอชอบเฟิงหานชวน เธอตกหลุมรักเขาเมื่อ3ปีที่แล้ว 3ปีต่อมายังอยากได้ยีนของเขา

“อาสาม แล้วอาจะทำยังไงต่อ? อากำลังพยายามจีบอยู่ใช่ไหม ถึงตามไปที่ประเทศเฉิน” เสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนกลายเป็นกังวล เขาก็งงงวยมากขึ้น: "ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่ชอบอา?"

หลังจากที่เป๋าฮวนได้ยิน เป็นเรื่องปกติที่เฟิงเฉินเหยี่ยนจะแปลกใจมาก

ถ้าเป็นเธอ ถ้าได้ยินเรื่องแบบนี้ ก็คงรู้สึกแบบนี้เช่นกัน

ทำไมถึงมีคนที่ไม่ชอบเฟิงหานชวนอยู่ด้วย?

อาจจะไม่มีจริงหรอกมั้ง

เพราะเขาสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ทั้งรูปร่างหน้าตาและความสามารถ

แต่คำว่าชอบหรือไม่ชอบ เมื่ออยู่บนตัวของเฟิงหานชวนแล้ว เป็นคำถามที่ไม่น่ามีเลยจริงๆ

“เพราะว่า…” เฟิงหานชวนจ้องไปที่ดวงตาของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนรู้ ตอนแรกเธอเบี่ยงสายตา แต่ตอนนี้เธอสบตากับผู้ชายอีกครั้ง จู่ๆก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับคำตอบของเขา

“อาสาม เพราะอะไร? ผมอยากรู้จริงๆ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนตื่นเต้นมาก

ก่อนที่เฟิงหานชวนจะตอบ เขาได้ยินคำถามอีกครั้ง: “อาสาม คงไม่ใช่…คงไม่ใช่เพราะ!”

“นายจะพูดอะไร?” การแสดงออกของเฟิงหานชวนไม่พอใจเล็กน้อยกับการพูดแทรกของเฟิงเฉินเหยี่ยน

เพราะเฟิงเฉินเหยี่ยนขัดขวางจังหวะของเขา

เดิมทีเขาต้องการใช้โอกาสนี้แซะเป๋าฮวน

“เพราะ…อาสาม ผมเกรงใจที่จะพูดออกมา…เพราะ…เพราะไม่สามารถใช้อันนั้นได้แล้วหรือเปล่า?” เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดตะกุกตะกัก แสร้งทำเป็นไอสองครั้ง

เฟิงหานชวน: "…"

เป๋าฮวน: "…"

ไม่กี่วินาทีต่อมา

เฟิงหานชวนมองไปที่เป๋าฮวน ขมวดคิ้ว: "คิดว่าไง?"

เป๋าฮวน: "…"

“อาสาม ผมแค่เดา เพราะอาสมบูรณ์แบบมาก ยกเว้นแต่จะทำให้ผู้หญิงไม่พอใจเรื่องนั้น เรื่องอื่นก็ไม่น่ามีเรื่องที่เธอจะปฏิเสธอาได้” เฟิงเฉินเหยี่ยนคิดว่าเฟิงหานชวนกำลังถามเขา ดังนั้นจึงวิเคราะห์และตอบออกมาสองสามคำ

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย: "…"

เป๋าฮวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลกเล็กน้อย เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่แข็งทื่อของเขา

พูดตามตรง เฟิงหานชวนไม่มีปัญหาเรื่องนั้น แต่กลับ…อืม น่าทึ่งมาก

แต่เมื่อเห็นหลานชายของเฟิงหานชวนเข้าใจผิด ทำให้เธอรู้สึกขบขัน และได้เห็นเฟิงหานชวนรู้สึกขุ่นเคือง ทำให้เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

“อืม เขาไม่ค่อยได้เรื่องจริงๆ” เป๋าฮวนยิ้มและพูดใส่โทรศัพท์อย่างจงใจ

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ตะลึงเล็กน้อย

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เกิดความเงียบขึ้นกะทันหัน ผ่านไปประมาณ 3 วินาที เสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนก็ดังขึ้นอีกครั้ง เพราะความตื่นเต้นเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย:

“คุณ…คุณก็คือผู้หญิงที่อาผมกำลังตามจีบ? เสียงของคุณ…”

เฟิงเฉินเหยี่ยนเคยสนิทกับเฉินฮวนฮวน แม้ว่าจะผ่านไป3ปีแล้ว แต่เขาก็ยังจำเสียงของเฉินฮวนฮวนได้

ทันทีที่เขาได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนั้น เหมือนเสียงของเฉินฮวนฮวนมาก ทำให้เขาตกใจ

มีคนที่มีหน้าตาและเสียงคล้ายคลึงกันในโลกด้วยเหรอ? เว้นแต่เฉินฮวนฮวนมีพี่สาวฝาแฝดที่ถูกรับไปเลี้ยงในต่างประเทศ?

เดี๋ยวนะ เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้ บางทีอาจจะเพราะมีเสียงที่คล้ายคลึง อาสามก็เลยจีบเธอ?

ไม่จำเป็นต้องมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกัน แค่ใช้เสียงที่คล้ายกันก็สามารถแทนกันได้

“ผมขอดูรูปคุณได้ไหม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนอดไม่ได้ที่จะถาม

เป๋าฮวนหัวเราะคิกคักและพูดอย่างช่วยไม่ได้: “คุณจะดูรูปของฉันทำไม?”

“ผม…ผมอยากเห็นว่าคุณหน้าตาเป็นอย่างไร” เฟิงเฉินเหยี่ยนรู้สึกว่าเขาเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ

“อาเหยี่ยน มันยังเร็วไป”

ทันใดนั้น เสียงของเฟิงหานชวนก็ขัดจังหวะคำพูดของเฟิงเฉินเหยี่ยน

“อาสาม ผม…ผมแค่สงสัย” เฟิงเฉินเหยี่ยนตอบอย่างเชื่อฟัง

เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เขามีความอยากรู้อยากเห็นอย่างมากและต้องการพบผู้หญิงคนนี้

วินาทีต่อมา เฟิงหานชวนวางสายโทรศัพท์โดยตรง

เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัยและมองมาที่เขา ถามว่า: “ยังพูดไม่จบ คุณวางสายทำไม?”

“ไม่มีอะไรจะคุยกับเขาแล้ว” เฟิงหานชวนโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง จากนั้นเอื้อมมือออกไป แล้วดึงเป๋าฮวนไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง

ในเวลานี้ เป๋าฮวนบังเอิญเห็นว่าในถุงน้ำเกลือไม่มีน้ำแล้ว จึงพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า: “เฟิงหานชวน น้ำยาหมดแล้ว ฉันจะไปเรียกหมอ”

เฟิงหานชวนจึงต้องปล่อยมือ

เป๋าฮวนรีบลุกขึ้นและวิ่งออกจากห้อง

ผ่านไปครู่หนึ่ง หมอประจำตระกูลเป๋าก็เข้ามา ดึงเข็มออกให้เฟิงหานชวน เขาพูดอย่างใจเย็น: “คุณหนูใหญ่ สังเกตสถานการณ์ของผู้ชายคนนี้ก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้วก็ไม่จำเป็นต้องฉีดยาอีก หากมีปัญหาอะไร คุณค่อยเรียกผม”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ออกจากห้องไปทันที มีเพียงเฟิงหานชวนและเป๋าฮวนในห้อง

ใบหน้าของเฟิงหานชวนซีดเล็กน้อย แต่เขาดูผ่อนคลาย ไม่แสดงสีหน้าที่ไม่ดี เขาเอนตัวลงบนเตียง ดวงตาของเขายังคงจ้องมองที่เป๋าฮวน ที่ยืนอยู่ข้างเตียง

เป๋าฮวนยักไหล่และพูดกับเขาว่า: “คุณพักผ่อนเถอะ ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายตัว ค่อยเรียกฉัน ฉันจะกลับไปที่ห้องของตัวเอง”

เมื่อเธอหันกลับกำลังจะไป จู่ๆข้อมือของเธอก็ถูกฝ่ามือใหญ่คว้าไว้

เธอรู้สึกว่าใครบางคนกำลังจับมือเธอ แต่ก่อนที่เธอจะหันศีรษะไปมอง เธอก็ถูกดึงไปบนร่างกายของเขา เวียนไปทั้งหัว —

เมื่อเธอได้สติกลับมา เธอก็ถูกเฟิงหานชวนกอดไว้แล้ว

เป๋าฮวน: "?"

เมื่อมองไปที่การแสดงออกที่งุนงงของผู้หญิง เฟิงหานชวนนึกถึงคำตอบของเธอที่บอกเฟิงเฉินเหยี่ยน เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย: "ฮวนฮวน คุณบอกว่า…ผมไม่ค่อยได้เรื่องเหรอ?”

เป๋าฮวน: "???"

เธอแค่แกล้งเฟิงหานชวน แต่เธอไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะขุ่นเคืองใจ

“ดูเหมือนว่าสองสามวันมานี้ผมจะไม่ค่อยมีแรง ทำให้คุณรู้สึกว่าผมทำไม่ดี ก็เลยบอกแบบนั้นกับอาเหยี่ยน คุณไม่ยอมอยู่กับผม เพราะเรื่องนั้นเหรอ?”

ท่าทางเฟิงหานชวนดูเหมือนจะจริงจัง แต่จริงๆเป็นแค่กลอุบาย

เป๋าฮวนไม่รู้ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอยกมือขึ้นและตบไหล่ของผู้ชาย กัดฟันและพูดว่า “ปล่อยฉัน!”

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผม” เฟิงหานชวนพูดเรียบๆ

เป๋าฮวนกัดริมฝีปาก เธอไม่รู้จะตอบอย่างไรจริงๆ

ถ้าตอบว่าไม่ได้เรื่อง จะให้เฟิงหานชวนเก่งแค่ไหนอีก? เพราะเขาเยี่ยมมากแล้ว!

ถ้าบอกว่าพอได้ ก็เหมือนกับว่าชมเขา เธอไม่แสดงออกว่าชมเขาหรอก!

เธอไม่ตอบ แต่จ้องไปที่เฟิงหานชวน หลังจากนั้นประมาณหนึ่งนาที เฟิงหานชวนไม่รอเธอตอบ ค่อยๆลดศีรษะลง

เป๋าฮวนยื่นมือออกมาเพื่อสกัดกั้น แต่แรงของเธอไม่สามารถสู้กับเฟิงหานชวนได้ เฟิงหานชวนจับมือของเธอไว้บนหมอนโดยตรง

เขากล่าวเบาๆว่า: “ฮวนฮวน ผมจะพิสูจน์ความสามารถของผมอีกครั้ง”

เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังผ่านหูจนหูจะหนวก

เป๋าฮวนเอามือทั้งสองข้างปิดหูทันที สีหน้าของเธอดูไม่ได้เลย

ผี?

คิดว่าเธอเป็นผี?

ตอนเธอพูดเมื่อครู่ เธอนิ่งและเป็นธรรมชาติมาก ตรงไหนที่เหมือนผีกำลังพูด?

“นี่ เฟิงหย่า ฉันไม่ใช่ผี……”

เป๋าฮวนอยากอธิบายให้ชัดเจน แต่มีเสียงตัดสาย "ตุ๊ดตุ๊ดตุ๊ด" ที่อีกฝั่งจะของโทรศัพท์

เป๋าฮวน : "……"

ในขณะนี้เธอพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ

ไร้คำพูด!

ไร้คำพูดอย่างมาก!

ไร้คำพูดอย่างมากมาย!

“ฮวนฮวน เสี่ยวหย่าน่าจะตกใจเกินไป ถึงได้คิดว่าคุณเป็นผี คุณอย่าถือสาเลย”

ในเวลานี้ เสียงที่แผ่วเบาของชายหนุ่มก็ดังขึ้น เผยให้เห็นถึงความกระฉับกระเฉงที่อ่อนโยน

เป๋าฮวนหันไปมองเขา และตกลงไปในกระแสน้ำวนลึกของดวงตาสีดำของชายหนุ่มทันที

เฟิงหานชวนจับมือเธอ ใช้นิ้วลูบหลังมือที่อ่อนนุ่มของเธอเบาๆ แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา

โดยไม่คาดคิด ใบหน้าทั้งหมดของเป๋าฮวนถูกกดติดอยู่ที่หน้าอกของชายหนุ่ม กลิ่นบนร่างกายของเขาน่าดมมากและคุ้นเคย เพราะเขาอาบน้ำด้วยเจลอาบน้ำของเธอเมื่อคืนนี้

แม้ว่าจะเป็นกลิ่นหอมของเจลอาบน้ำของผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเขามีกลิ่นผู้หญิง แต่ให้ความรู้สึกถึงฮอร์โมนเพศชายที่แข็งแกร่งอย่างหนึ่ง

เป๋าฮวนไม่ได้พูดมาสักพักแล้ว

เฟิงหานชวนก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของเขา เขาก้มศีรษะลงและจูบที่หน้าผากเธอ

เธอไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ดิ้นรน มุมปากของเฟิงหานชวนเป็นเส้นโค้ง ซึ่งพิสูจน์ว่าเป๋าฮวนไม่ได้ปฏิเสธเขาอีกต่อไป

ส่วนเป๋าฮวนก็ตกตะลึงเล็กน้อยกับพฤติกรรมที่อ่อนโยนของเฟิงหานชวน และยิ่งไปกว่านั้น ในสมองอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพเมื่อสามปีที่แล้ว

ในความเป็นจริงบางครั้งเป๋าฮวนก็คิดว่า ถ้าเฟิงหานชวนสามารถโกหกเธอได้ตลอดชีวิต บางทีเธออาจจะไม่รู้สึกเศร้า

อย่างน้อยตอนที่เขาหลอกเธอ เขาก็ดีกับเธอจริงๆ

"เสียงโทรศัพท์สั่น…… "

ขณะที่ทั้งสองคนตกเข้าไปในความเงียบ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ด้านข้างก็สั่นอีกครั้ง

เป๋าฮวนผลักเฟิงหานชวนออกทันทีและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หากแต่เป็นสายโทรเข้าจากเฟิงเฉินเหยี่ยน

เป็นเฟิงเฉินเหยี่ยนที่โทรหาเฟิงหานชวน

เฟิงเฉินเหยี่ยน เป๋าฮวนมีความรู้สึกที่ดีต่อเขา เฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นคนร่าเริงและมองโลกในแง่ดี แต่ว่า……

เพียงแต่ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดไว้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะเหมือนกับเฟิงหานชวน ทั้งคู่หลอกลวงเธอและปกปิดเรื่องราวที่บลูส์

ทั้งบ้านตระกูลเฟิงรู้ มีเพียงเธอคนเดียวที่ถูกครอบไว้ในกะลา

"คุณรับสายเถอะ" เป๋าฮวนยัดโทรศัพท์มือถือไว้ในมือของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ดวงตาของเขาหมองลง จากนั้นเขาก็รับสายและกดที่ลำโพง

"อาเยี่ยน"

“อาสามอาสาม จริงหรือเปล่า? ฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่จริงไหม? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เสียงที่ตกใจและตื่นเต้นของเฟิงเฉินเหยี่ยนดังขึ้น ในห้องพักที่เงียบสงบทำให้รู้สึกแจ่มแจ้งชัดเจนเป็นพิเศษ

“เสี่ยวหย่าโทรหานายเหรอ?” เฟิงหานชวนถาม

“ใช่ เสี่ยวหย่าเพิ่งโทรหาฉันบอกว่าคุณป่วยทางจิต คิดว่าฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่ และยังบอกว่าได้ยินเสียงของผู้หญิง เธอกลัวจะตายอยู่แล้ว”

เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดต่ออย่างไม่จบ: “อาสาม คุณพบผู้หญิงที่ดูเหมือนฮวนฮวนมาก ให้มาเป็นตัวแทนเธอเหรอ? ตอนนั้นร่างของฮวนฮวนถูกเผาไปแล้วและพวกเราเป็นคนส่งไปที่เมรุด้วยตัวพวกเราเอง……”

อันที่จริงนี่คือความคิดเห็นที่แท้จริงของเฟิงเฉินเหยี่ยน

ที่เขาเชื่อว่าฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่เพราะคิดว่าอาสามของเขาได้พบตัวแทนที่คล้ายกัน

แต่เขาคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตามอาสามคิดถึงฮวนฮวนมาสามปีแล้ว หากมีตัวแทนที่สามารถทำให้อาสามเดินออกมา แล้วทำไมจะไม่ทำหล่ะ?

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินคำพูดของเฟิงเฉินเหยี่ยน ก็เข้าใจในความหมายของเฟิงเฉินเหยี่ยนโดยธรรมชาติ และยิ่งกว่านั้นเธอตกใจเล็กน้อย

เพราะจากน้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยน เธอฟังออกว่าเฟิงหานชวนใส่ใจต่อ "เฉินฮวนฮวน" ต่อตัวเองเป็นอย่างมาก

เพราะ "ตัวแทน" ที่เฟิงเฉินเหยียนกล่าวถึง ถ้าไม่สนใจในตัวเธอ แล้วจะหาคนมาแทนที่ทำไม?

เป๋าฮวนค่อยๆออกจากความตกใจ ก็ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนั้นเธอจากไปอย่างหุนหันพลันแล่นและไม่ได้แม้แต่จะเผชิญหน้าดีๆกับเฟิงหานชวน

ความจริงของเรื่องราว เป็นไปตามที่ตัวเองจินตนาการอย่างนั้นหรือ?

ดูเหมือน……จะไม่ใช่

“นั่นเป็นของปลอม” เสียงดั่งแม่เหล็กของชายหนุ่มค่อยๆดังขึ้น ตอนเขาพูดแบบนั้น สายตาของเขามองไปที่เป๋าฮวน

เป๋าฮวนรู้สึกได้อย่างแน่นอน เธอเงยหน้าขึ้นมองสายตาที่แน่วแน่ของเฟิงหานชวน แล้วก็รีบหลบสายตา

อย่างไรก็ตาม เธอเพิ่งยอมรับตัวตนของเธอ ดังนั้นหากเฟิงหานชวนต้องการอธิบายให้เฟิงเฉินเหยี่ยนฟังว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้เขาอธิบายด้วยตัวเขาเอง

เธอก็คร้านที่จะพูดอีก

ท้ายที่สุด เสียงกรีดร้องของเฟิงหย่าที่เหมือนเสียงผีร้องเมื่อครู่ยังทำให้เธอ "มีความกลัวอยู่"

“ของปลอม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนงงงวยในตอนแรก แล้วพูดว่า: “แน่นอนว่าเป็นของปลอม! อาสามถึงจะเป็นของปลอมก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่ดูเหมือนกับฮวนฮวนและพูดเสียงคล้ายๆกัน คุณก็เก็บเธอไว้ข้างกาย หรือแม้กระทั่งแต่งงานกับเธอ ไม่มีใครห้ามคุณหรอก”

“ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคุณปู่ ต้องมายืนยันกับคุณก่อน ถ้าคุณปู่รู้เรื่องก็คงมีความสุขมาก คุณปู่แก่ขึ้นมากจริงๆในช่วงสามปีที่ผ่านมา ท่านเป็นห่วงคุณทุกวันและไหว้พระขอพรให้คุณสามารถก้าวออกมาในเร็ววัน"

เฟิงเฉินเหยี่ยนนึกว่า "ของปลอม" ที่เฟิงหานชวนพูดหมายถึงเฉินฮวนฮวนตัวปลอม ดังนั้นถึงได้พูดสิ่งเหล่านี้ออกมาอย่างเยอะแยะมากมาย

ส่วนเป๋าฮวนก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก

ปู่ของเฟิงเฉินเหยี่ยนก็คือนายท่านเฟิงเฟิงเหลยถิง

ในความทรงจำของเธอ เฟิงเหลยถิงเป็นชายชราที่หลายใจตลอดมาคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามเฟิงเหลยถิงซึ่งอายุ 70 ปีในขณะนั้นยังคงตกหลุมรักกับเฉินนานาที่อายุ20ต้นๆ แม้กระทั่งทำเรื่องอย่างว่าแบบนั้นที่ระเบียง

ภาพติดตาแบบนั้นในตอนนั้น ทำให้เป๋าฮวนยากที่จะลืมได้

เธอนึกไม่ถึงว่าผู้ชายอย่างเฟิงเหลยถิงจะไหว้พระขอพร

“อืม” เฟิงหานชวนตอบเบาๆ แต่ไม่ได้ขัดจังหวะเฟิงเฉินเหยี่ยน

เพราะเขาพบว่าคำพูดของเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ใช่เรื่องไร้สาระ แต่เป็นคำพูดที่มีประโยชน์

เพราะการแสดงออกของเป๋าฮวนเปลี่ยนไป

"อาสาม ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ฮวนฮวนตัวปลอมเป็นคนที่ไหน? ไม่งั้นคุณรีบพาเธอกลับมาให้พวกเราพบเร็วๆ” เฟิงเฉินเหยี่ยนเห็นอาสามของเขาตอบอย่างเย็นชาราวกับว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยดี ดังนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะถามต่อด้วยความสงสัย

“ฉันอยู่ประเทศเฉิน” เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา

“ประเทศเฉิน? ประเทศเฉินอยู่ไกลมาก ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนประเทศเฉินหรือ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนถามอีก

“ใช่ เธอเป็นคนประเทศเฉิน เพียงแค่……” เฟิงหานชวนหยุดพูด

เฟิงเฉินเหยี่ยนยังคงถามต่อไป: “เพียงแค่อะไร?”

“เพียงแค่เธอไม่อยากไปกับฉัน”

ตอนพูดเช่นนี้เฟิงหานชวนก็จ้องไปที่ดวงตาของหญิงสาวอย่างแน่วแน่ จ้องจนเป๋าฮวนเกิดความรู้สึกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เธอไม่อยากไปกับเขา ทำผิดกฎหมายหรือไง?

จำเป็นต้องจ้องมองเธอแบบนี้เหรอ?

“ไม่เต็มใจ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนอุทาน “ยังมีผู้หญิงที่ไม่มองคนอย่างอาสาม?”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เฟิงหย่าพูด สีหน้าเป๋าฮวนเปลี่ยนเป็นซีดเขียว

เธอเกือบจะเชื่อคำพูดของเฟิงหานชวน ในตอนนี้เฟิงหย่าได้ขุดข้อเท็จจริงออกมา

หลีซืออวิ๋นยังไงก็เป็นคุณหนูที่สูงส่ง และไม่ได้เป็นโรคประสาท ถ้าเฟิงหานชวนไม่มีคำใบ้ใด หลีซืออวิ๋นจะเป็นคนเริ่มพูดอย่างนั้นหรือ?

เป๋าฮวนแค่ใช้นิ้วเท้าคิดก็น่าจะรู้ เฟิงหานชวนหลอกเธออีกแล้ว

สีหน้าของเฟิงหานชวนตกตะลึง เมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงที่เด็ดขาดของเฟิงหย่า ถึงกับสงสัยว่าตัวเองนอนละเมอไปหรือเปล่า หรือตัวเองไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรกับหลีซืออวิ๋น?

เมื่อเห็นท่าทางที่งุนงงของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น รู้สึกว่าเฟิงหานชวนกลัวความผิดและไม่กล้ายอมรับมัน

“อาสาม ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไร? ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนกันแน่? คุณใช้เงินจำนวนมากเพื่อประมูลไพลินของราชินีซีซาร์ในงานประมูล ไม่ได้ต้องการขอพี่อวิ๋นแต่งงานเหรอ?”

เสียงของเฟิงหย่ามาจากกระบอกฟังอีกครั้ง และยังมีความสับสนมากขึ้น: “หรือคุณไม่คิดจะขอพี่อวิ๋นแต่งงาน?”

“สวรรค์!” เฟิงหย่าอุทานเองอีกครั้ง เธอปิดปากและถามอย่างเหลือเชื่อว่า: “ข้างๆคุณมีพี่อวิ๋นที่เป็นเพศตรงข้ามเพียงคนเดียวและพวกคุณเป็นคู่กัน ถ้าไม่ใช่พี่อวิ๋น ยังจะมีใครอีก?"

แม้ว่าเฟิงหย่าจะถามเฟิงหานชวน แต่ก็เป็นการพึมพำพูดกับตัวเอง และเธอก็แปลกใจอยู่กับตัวเองอยู่นั่น

“พูดแบบนี้ หรือว่าฉันจะเข้าใจผิด? งั้น……ถ้าอย่างงั้นฉันจะอธิบายให้พี่อวิ๋นยังไง จบเห่แล้ว! นี่มันแย่เกินไปแล้ว!”

“เดี๋ยวก่อน อาสาม ถ้าไม่ใช่พี่อวิ๋น แล้วคุณประมูลไพลินเม็ดนั้นไปให้ผู้หญิงคนไหน พวกเรารู้จักไหม?”

เฟิงหย่าพูดเรื่อยเปื่อยเป็นเวลานาน แต่พูดจับต้นชนปลายจนแทบจะทำให้ละเอียดชัดเจนมากแล้ว

เป๋าฮวนตะลึงอยู่ที่เดิม

หนึ่งนาทีที่แล้ว เธอยังคิดอยากจะผลักหัวของเฟิงหานชวนเข้าไปในชักโครก แต่ตอนนี้หลังจากได้ยินคำพูดของเฟิงหย่า เธอถึงรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิดเป็นทอดๆต่อกัน

เริ่มต้นจากงานประมูล เฟิงหานชวนได้ประมูลไพลินของราชินีซีซาร์ ซึ่งเป็นไพลินเม็ดที่เธอต้องการประมูล

ส่วนเฟิงหย่าหลังจากรู้เรื่องนี้ เธอคิดว่าเฟิงหานชวนต้องการใช้ไพลินขอหลีซืออวิ๋นแต่งงาน ส่วนหลีซืออวิ๋นก็เชื่อคำพูดของเฟิงหย่า คิดว่าเฟิงหานชวนกำลังจะขอเธอแต่งงาน แต่เธอรอไม่ไหวก็เลยส่งข้อความพวกนั้น

หลังจากเห็นข้อความพวกนั้น เข้าใจผิดคิดว่าเฟิงหานชวนจะขอหลีซืออวิ๋นแต่งงาน เข้าใจผิดคิดว่าเฟิงหานชวนหลอกลวงเธอโดยอ้างว่าตัวเองเป็นโสด ทั้งที่จริงๆแล้วคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น

เฟิงหย่าเข้าใจเฟิงหานชวนผิด ทำให้หลีซืออวิ๋นเข้าใจเฟิงหานชวนผิดด้วย และหลีซืออวิ๋นก็ทำให้ตัวเองเข้าใจเฟิงหานชวนผิดอีก……

ล้วนเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด

“พวกคุณรู้จักกัน”

ทันทีที่เป๋าฮวนจัดการความคิดเสร็จ เสียงทุ้มของชายหนุ่มก็ค่อยๆดังขึ้น

เธอตกใจและนึกถึงคำถามของเฟิงหย่าที่ถามเฟิงหานชวนเมื่อครู่ทันที และเดาคำตอบที่เฟิงหายชวนกำลังจะตอบได้โดยไม่รู้ตัว

เธอยื่นมือออกเพื่อปิดปากของเฟิงหานชวน แต่ในวินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็พูดไปว่า: "เฉินฮวนฮวน"

“อะไรนะ? เฉินฮวนฮวน?” เฟิงหย่ารู้สึกอธิบายไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า

เฉินฮวนฮวน……เธอตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?

ดังนั้น……

“อาสาม คุณประมูลอัญมณีเม็ดนั้นเพื่อมอบให้เฉินฮวนฮวนหรือ?” เฟิงหย่าผงะและกลืนน้ำลาย แล้วดวงตาของเธอเบิกกว้างพร้อมกับยืนยันอีกครั้ง

“ใช่” เฟิงหานชวนตอบ

เป๋าฮวนได้ยินอยู่ข้างๆอย่างชัดถ้อยชัดคำและเข้าอกเข้าใจ

พอได้แล้ว!

ตอนนี้เธอ "ตายแล้วฟื้นคืนชีพ" เป็นที่คาดเดาว่าทุกคนคงรู้แล้ว

“อาสาม ดังนั้นคุณเอาไพลินราคาแพงขนาดนั้นไปให้คนตายเหรอ?” เฟิงหย่าไม่เคยคาดคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้

เธอคิดว่าอาสามของตัวเองประมูลไพลินที่สุภาพสตรีชอบ มอบให้กับเพศตรงข้าม และเพศตรงข้ามที่เหมาะสมคนนั้นมีเพียงหลีซืออวิ๋นคนเดียวเท่านั้น

แต่เธอไม่เคยคิดว่าจะยังมีคนตายอีกหนึ่งคน ภรรยาที่เสียชีวิตไปของอาสาม——เฉินฮวนฮวน

“เธอยังไม่ตาย” เสียงของเฟิงหานชวนสงบนิ่ง

เขาไม่ได้ขอความยินยอมจากเป๋าฮวนก็เปิดเผยความจริงที่ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ เพราะเขาต้องการให้เธอ "มีชีวิตอยู่" ให้เธอกลับมาอยู่เคียงข้างตัวเอง

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินเฟิงหานชวนบอกเฟิงหย่าแบบนี้ ก็ไม่สามารถหยุดมันได้อีกแล้ว ดังนั้นจึงทำใจให้สงบ

ให้ทุกคนรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ได้มีอะไรมารบกวนเธอ

เพียงแต่ว่า ปลายอีกด้านของโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง

ทั้งเฟิงหานชวนและเป๋าฮวนคิดว่าเฟิงหย่าวางสายแล้ว แต่ในวินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังออกมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์: "อ๊า—"

“อาสาม คุณบ้าไปแล้ว! คุณป่วยหนักกว่าเดิมอีก!!!”

“อาสาม ฉันจะบอกเรื่องนี้กับคุณปู่ พวกเราจะส่งคุณไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาให้ดีอย่างแน่นอน! พวกเราจะไม่ทิ้งคุณ!”

“อาสาม คุณอยู่ที่ไหน ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ฉันจะเรียกพี่ชายมาด้วย แล้วเราจะไปรับคุณไปที่โรงพยาบาล——”

เมื่อได้ยินเฟิงหย่าตะโกนอย่างต่อเนื่องและคิดว่าเฟิงหานชวนกลายเป็นโรคประสาท เป๋าฮวนก็ทนฟังไม่ได้อีกต่อไป

เธอตะโกนใส่โทรศัพท์มือถือของเฟิงหานชวนทันที: "ไม่ต้องตะโกนแล้ว! อาสามของคุณไม่ได้บ้า!"

“เธอเป็นใคร? อาสามของฉันบ้าไปแล้ว เขาบ้าไปแล้วจริงๆ! เขาคิดว่าภรรยาที่ตายไปแล้วของเขายังไม่ตาย เขาไม่ได้เป็นบ้าจะเป็นอะไร? เขาบ้าเข้าขั้นรุนแรงแล้ว……”

เฟิงหย่ายังพูดไม่ทันจบ เป๋าฮวนก็ขัดจังหวะทันที: “ขอโทษค่ะ คุณหยุดสักครู่”

“เธออยากจะพูดอะไร? เธอเป็นใคร?” เฟิงหย่ารู้สึกกังวลใจมากในตอนนี้ ผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามยังสามารถพูดอย่างใจเย็นได้ ทำให้เธอโกรธจัด

ขณะเฟิงหย่าต้องการดุด่าใครซักคน เธอก็ได้ยินเสียงที่ไม่แยแสของเป๋าฮวนจากปลายสายอีกด้าน: “ฉันก็คือเฉินฮวนฮวน”

“เธอรีบเอาโทรศัพท์มือถือให้อาสามของฉัน ฉันรำคาญคุณ!” เฟิงหย่าที่ยังคงตะโกนจู่ๆก็หยุดกะทันหัน

หลังจากนั้น เธอตกใจและเปิดปากพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก: “เธอ……เธอ……เธอพูดว่าอะไร เธอ……เธอคือเฉินฮวนฮวน?”

“อืม ฉันยังไม่ตาย ฉันคือเฉินฮวนฮวนจริงแท้ และอาสามของคุณก็ไม่ได้บ้า” เป๋าฮวนอธิบายอย่างจริงจัง

หากเธอไม่ยอมรับสถานะของเธอในตอนนี้ เฟิงหานชวนก็จะถูกคิดว่าเป็นคนบ้า คิดว่าเป็นโรคประสาท

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่จริงจังของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนซึ่งยืนอยู่ข้างเธอไม่ได้พูดอะไร แต่มุมปากของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อยและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้น

ในความเห็นของเขา ตราบใดที่เป๋าฮวนยอมรับ เขาก็มีโอกาส

มีโอกาสที่เป๋าฮวนจะกลับมาหาเขา

จู่ๆไม่มีเสียงที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์

เป๋าฮวนขมวดคิ้วหันศีรษะมองเฟิงหานชวนด้วยความสงสัยบนใบหน้า แล้วยักไหล่แสดงอาการงุนงง

ในเมื่อเธอก็ยอมรับแล้ว ทำไมเฟิงหย่าถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย?

“ฮวนฮวน เสี่ยวหย่าน่าจะแปลกใจเล็กน้อย คราวหน้าผมจะพาคุณไปเจอเธอ” เฟิงหานชวนเอื้อมมือออกไปจับมือเล็กของหญิงสาว แล้วใช้นิ้วลูบหลังมือของเธอเบาๆ

เจอเฟิงหย่า?

พาเธอไปเจอเฟิงหย่า?

เป๋าฮวนชะงักงัน เธอตอบตกลงไปเจอเฟิงหย่าเมื่อไหร่? เฟิงหานชวนคิดตัดสินใจเองมากเกินไปแล้ว!

“อา——อ๊าอ๊าอ๊า——”

ในขณะเดียวกันนี้ เสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัวของผู้หญิงดังขึ้นจากปลายสายอีกด้าน:“ผี!!!”

“หลีซืออวิ๋น?”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น

เขาจะขอหลีซืออวิ๋นแต่งงาน?

“ฮวนฮวน คุณพูดบ้าอะไร? ผมกับหลีซืออวิ๋นแทบไม่เคยเจอกับตลอดระยะเวลาสามปี อีกอย่างเมื่อสามปีก่อนผมก็อธิบายกับคุณไปแล้วว่าผมกับเธอเป็นแค่เพื่อนกัน” เฟิงหานชวนดึงมือของเป๋าฮวน และอธิบายให้เธอฟัง

3 ปีมานี้ เขาจมปลักอยู่กับตัวเอง แม้แต่พี่น้องของตัวเองก็ขี้เกียจจะเจอหน้า นับประสาอะไรกับเจอคนอื่น?

กับหลีซืออวิ๋นก็เจอกันไม่กี่ครั้ง และที่ต้องเป็นหลีซืออวิ๋นก็เพราะต้องทำโครงการร่วมกัน จึงไปเจอกับเธอที่บริษัทไม่กี่ครั้งเท่านั้น

“คุณโกหกไม่เนียนเลยจริง ๆ ตลอดสามปีที่ผ่านมาเจอกันไม่กี่ครั้ง คนคนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าคุณกับเธอแต่งงานกัน? คุณก็ไม่อธิบายให้เจ้าตัวเข้าใจ เจ้าตัวคิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียวงั้นสิ?” เป๋าฮวนคิดว่าตัวเองไม่มีทางเชื่อเฟิงหานชวนเด็ดขาด ถึงอย่างไรเนื้อหาในวีแชทที่หลีซืออวิ๋นส่งให้เขาก็ยังเป็นภาพฝังลึกอยู่ในสมองของเธอ

“ฮวนฮวน คุณพูด…..อะไร?” เฟิงหานชวนรู้สึกงุนงง ไม่รู้ความจริงที่แน่ชัด

“อ่อ ฉันนึกออกแล้ว คุณยังไม่เคยเห็นวีแชทใช่ไหม? ในโทรศัพท์ของคุณ คุณเปิดดูเองเลย!” ใบหน้าของเป๋าฮวนเย็นชา จากนั้นก็ชี้ไปทางหัวเตียงที่อยู่ไม่ไกลนัก

บนหัวเตียง มีโทรศัพท์สีดำเครื่องหนึ่งวางอยู่ นั้นเป็นโทรศัพท์ของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว จากนั้นก็หมุนตัวและเดินไปทางนั้น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูวีแชทอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นข้อความหลาย ๆ ข้อความที่หลีซืออวิ๋นส่งมา เฟิงหานชวนก็อึ้งงันไปจริง ๆ อีกทั้งยังอึ้งงันมากด้วย

หรือว่าเป๋าฮวนจะเข้าใจผิดเขา ที่เป๋าฮวนใจร้ายกับเขาขนาดนั้น ที่แท้…..ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้!

“ฮวนฮวน ฮวนฮวน….” เฟิงหานชวนรีบเดินเข้ามาหาเป๋าฮวนทันที จากนั้นก็จับมือของเธอ และอธิบายว่า : “ผมไม่รู้ว่าทำไมหลีซืออวิ๋นถึงได้ส่งวีแชทเหล่านี้มาให้ผม แต่คุณต้องเชื่อผมนะ ตลอดสามปีมานี้ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเกินเลยกว่านั้น ไม่มีทางขอเธอแต่งงานแน่นอน”

“เดี๋ยวนะ ไม่ใช่สามปีมานี้ ตั้งแต่ผมรู้จักกับเธอ ผมก็ไม่เคยคิดกับเธอในทางคนรักเลย”

เฟิงหานชวนพยายามอธิบาย ไม่ว่าจะต้องอธิบายคำเหล่านี้กี่ครั้งก็ตาม

เขาหวังให้เป๋าฮวนเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว จากนั้นก็สะบัดมือของเฟิงหานชวน และถามกลับว่า : “งั้นความหมายของคุณก็คือ หลีซืออวิ๋นคิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว คิดว่าคุณจะของเธอแต่งงานนะสิ? ”

“คุณป่วย แต่เธอไม่ได้ป่วย?”

เป๋าฮวนยิ้มอย่างเย็นชา ไม่มีทางเชื่อคำพูดพวกนั้นของเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน คุณต้องเชื่อผม…..”

ทันทีที่เฟิงหานชวนพูดประโยคนี้จบ ก็รู้ปวดหัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน และเริ่มหายใจลำบาก ราวกับว่าอาการป่วยกำลังกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อเห็นท่าทางที่ผิดปกติไปของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนกลับคิดว่าเขาแกล้งป่วย จึงขี้เกียจจะสนใจเขา

“ฉันต้องลงไปกินอาหารเช้าข้างล่าง! ถ้าคนของคุณยังไม่มาอีก คุณก็รอให้คุณตาของฉันลงโทษละกัน!” สิ้นสุดคำพูดนี้เป๋าฮวนก็ก้าวเท้าตรงไปยังทางออกทันที

ในเวลานี้เอง เธอได้ยินเพียงแค่เสียงตะโกนที่แสนเจ็บปวดของเฟิงหานชวน

เป๋าฮวนหันกลับไป และเห็นเขาพยายามกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น สีหน้าเริ่มซีดเผือด ลมหายใจเริ่มถี่ขึ้น

ท่าทางแบบนี้ คงไม่ได้แกล้งแล้ว

“ยาละ? ยาของคุณอยู่ไหน?” เป๋าฮวนรีบพุ่งตัวเข้าไปตรงหน้าของเขา และถามขึ้นด้วยความร้อนใจ

“ผม…..ผมลืมพามา……”

เสียง “ตึง” ดังขึ้น ทันทีที่สิ้นสุดคำนี้ ร่างสูงใหญ่ก็ได้ล้มลงไปบนพื้นอย่างหนักหน่วง จนเกิดเสียงดังตึง

“เฟิงหานชวน!!!”

เมื่อเป๋าฮวนเห็นผู้ชายตรงหน้าสลบไสลไปแล้ว เธอก็รีบหมุนตัว วิ่งตรงไปยังทางออก จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง : “ใครก็ได้ ตามหมอเร็ว!”

…….

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

เฟิงหานชวนยังคงสลบไสล มีสายน้ำเกลือเจาะระโยงระยางอยู่บนมือ นอนหลับอยู่บนเตียงในห้องพักแขก

มีกลุ่มคนยืนอยู่ข้างเตียง หนึ่งในนั้นเป็นคุณหมอตระกูลเป๋า แล้วก็ยังมีเป๋าฮวน เป๋าเยี่ยน เป๋าเฉิน รวมทั้งจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง

เป๋าเยี่ยนมองไปทางผู้ชายที่มีสีหน้าซีดเผือดอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็กุมไม้เท้าพร้อมกับถอนหายใจอย่างหนักหน่วง แต่กลับไม่พูดอะไร

“คุณตา จริง ๆ แล้ว…….จริง ๆ แล้วเมื่อคืนเขา…….” เป๋าฮวนรู้ว่าวินาทีที่ตัวเองตะโกนออกไปนั้น ทุกคนต้องรู้ว่าเฟิงหานชวนอยู่ในห้องของเธอ

แต่เธอไม่สามารถยืนมองเฟิงหานชวนอยู่ในอันตรายเฉย ๆ ได้

“เสี่ยวฮวนฮวน หลานให้เขามาเหรอ?” เป่าเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงคำพูดที่ตัวเองเคยพูดไว้เมื่อวางกลางวัน จากนั้นก็เม้มปากอมยิ้มและพูดว่า : “หลานปล้นของบางอย่างไปจากเขาแล้วเหรอ?”

เป๋าฮวนถลึงตาใส่ทันที นี่มันใช่เวลาที่จะล้อเล่นแบบนี้ไหม!

ถึงแม้ว่าเธอจะปล้นครั้งที่สองแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้คุณตาอยู่ด้วย เธอจะยอมรับเรื่องนี้ตอนนี้ไม่ได้

“ปล้นหัวใจของเขา ให้เขามาตามจีบฉัน คิดการใหญ่ไปรึเปล่า?” เป๋าฮวนกลอกตาไปมา

“ฮวนฮวน หลานยังชอบผู้ชายคนนี้อยู่ใช่ไหม?”

เวลานี้ น้ำเสียงที่แหบพร่าของเป๋าเยี่ยนก็ดังขึ้น

เป๋าฮวนอึ้งงันไปในทันที

คนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่ต่างก็ไม่พูดอะไร ได้แต่ตกอยู่ในความเงียบ

“ฮวนฮวน เมื่อคืนหน่วยรักษาความปลอดภัยเห็นว่าเขาอยู่บนระเบียงกับหลาน ดังนั้น…….”

ยังไม่ทันที่เป๋าเยี่ยนจะพูดจบ ดวงตาของเป๋าฮวนก็เบิกกว้างราวกับไข่ห่านทันที จากนั้นก็รีบถามกลับไปว่า : “ดังนั้นคุณตาก็เลยมาหาหนู จนกระทั่งพบเฟิงหานชวนอยู่ในห้องของหนู? ดังนั้นพวกคุณก็เลยรู้ว่าเขาอยู่ในห้องของหนูเมื่อคืน?”

“อื้อ” ทุกคนในห้องนี้ต่างพร้อมใจกันพยักหน้า

เป๋าฮวนรู้สึกเหมือนภาพตกหน้าดับวูบไป

เธอคิดว่าตัวเองปิดเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงพาเฟิงหานชวนไปหลบซ่อนในห้องของตัวเอง เพื่อไม่ให้ถูกใครเห็น แต่ก็นึกไม่ถึงว่าทุกคนจะรู้เรื่องนี้แล้ว!

“พวกคุณรู้แล้วทำไมไม่บอกหนูละคะ?” เป๋าฮวนรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

“เราเคารพในการตัดสินใจของหลาน” เป๋าเยี่ยนอธิบาย

“…..” เป๋าฮวนมองไปทางคุณตาผู้ใจดีตรงหน้า ไฟโกรธที่สุมอยู่ในอกก็ได้มอดไหม้ลงทันใด

เธอเคาะศีรษะของตัวเอง จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเสียใจว่า : “เขาบอกว่าคนของเขาจะมารับเขาตอนเช้า ดังนั้นหนูก็เลยให้เขาค้านหนึ่งคืน”

จริง ๆแล้ว เธอพูดประโยคนี้ด้วยความไม่เชื่อมั่นใจตัวเอง เพราะเธอกับเฟิงหานชวน ไม่ได้นอนค้างกันเฉย ๆ แค่คืนเดียว

เมื่อคืนทั้งสองคนยังทำเรื่องที่อธิบายไม่ได้อีกด้วย

“ฮวนฮวน ตาจำได้ว่าเมื่อก่อนเขาไม่ได้ป่วยแบบนี้? อาการป่วยนี้ คือ…..” เป๋าเยี่ยนมองไปทางผู้ชายที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออก

เป๋าฮวนยังสงสัยในอาการแกล้งป่วยของเฟิงหานชวน แต่ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าเฟิงหานชวนป่วยจริง ๆ

“เพราะหนู” เป๋าฮวนยอมรับออกไปตรง ๆ

“เพราะเรื่องนั้น ใช่ไหม?” เป๋าเยี่ยนทอดถอนใจอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง

เป๋าฮวนรู้ว่าคุณตาหมายถึงเรื่อง “ฆ่าตัวตาย” เธอจึงพยักหน้ายอมรับ

“งั้นเขา…..ก็แคร์หนูมากนะ” เป๋าเยี่ยนอยู่มาหลายปีแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไร มองแวบเดียวก็เข้าใจแล้ว

“เขารู้สึกผิด” เป๋าฮวนตอบกลับไป

สำหรับเธอแล้ว เฟิงหานชวนมั่นใจว่าเป็นเพราะคำโกหกนั้น ทำให้เธอต้องฆ่าตัวตาย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดอยู่ในใจ เนื่องจากความกดดันทางจิตใจมากเกินไปส่งผลให้เขาล้มป่วย

ต้องเป็นแบบนี้แน่!

“ให้เขาพักผ่อนเถอะ เราออกไปก่อน” เป๋าเยี่ยนส่ายหน้าอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็พูดกับเป๋าฮวนว่า : “หลานอยู่ดูแลเขาเถอะ”

“คุณตา…” เป๋าฮวนประหลาดใจ และอึ้งงันในเวลาเดียวกัน

เป๋าเยี่ยนมาพูดอะไร นอกจากหมุนตัวและเดินออกจากห้องไป หลังจากพ้นประตูห้องแล้ว เป๋าเยี่ยนก็หมุนตัวกลับมาตรงหน้าของเป๋าฮวนอีกครั้ง

“ฮวนฮวน เรื่องที่หลานทำทั้งหมด หลานคงจะทำตามหัวใจของตัวเอง ตาเคารพการตัดสินใจของหลานนะ ดังนั้นหลานไม่ต้องแบกรับความรู้สึกผิดใด ๆ แล้วนะ เข้าใจไหม?” เป๋าเยี่ยนกุมมือของเป๋าฮวน พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เป๋าเยี่ยนอยู่มาตั้งนานขนาดนี้ ย่อมรู้จักความคิดของเธอมากกว่าเป๋าฮวนเองเสียอีก

“ค่ะ คุณตา” เป๋าฮวนรู้สึกโง่เขลาไปชั่วขณะ ทำได้เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วย

เป๋าเยี่ยนและคนอื่น ๆ ลงไปข้างล่าง เป๋าฮวนเพิ่งกลับเข้ามาในห้อง จากนั้นก็ปิดประตู

ในเวลานี้ ในห้องพักแขก มีแค่เธอกับเฟิงหานชวนสองคน เฟิงหานชวนยังคงสลบไสล นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง

เป๋าฮวนเข้าใจความหมายของคุณตา บางทีคุณตาอาจจะคิดว่าเธอชอบเฟิงหานชวนก็ได้

จริง ๆแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับเฟิงหานชวนกันแน่

ในตอนที่เขาสลบไปนั้น เธอร้อนใจมาก เธอเหมือนคนบ้า เธอเหมือนกับมดที่อยู่ในกระทะร้อน ร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก

หลังจากที่เธอรู้ว่าเขาจะขอหลีซืออวิ๋นแต่งงาน เธอก็โกรธมาก เธอฉุนเฉียวมาก จนถึงขั้นรู้สึกแย่มากด้วย

ดังนั้น ในใจของเธอก็แคร์เฟิงหานชวนมากจริง ๆ?

แต่ เธอไม่อยากแคร์ เธอไม่อยากมีความสัมพันธ์กับผู้ชายแบบนี้อีกแล้ว

เธอถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง และได้ “เกิดใหม่” ทำไมจะต้องตกอยู่ในวังวนแบบนี้อีก?

“ฮวนฮวน……”

ในตอนที่เธอกำลังจมปลักอยู่กับความคิดของตัวเองนั้น เธอก็ได้ยินเสียงเรียกหาเบา ๆ

ดวงตาทั้งสองข้างของเป๋าฮวนเป็นประกาย จากนั้นก็รีบพุ่งไปยังข้างเตียง เมื่อเห็นผู้ชายตรงหน้าค่อย ๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาอย่างช้า ๆ วินาทีนี้ หัวใจของเป๋าฮวนก็เต้นระรัว

“คุณฟื้นแล้ว! เฟิงหานชวน คุณฟื้นแล้ว!” เป๋าฮวนตะโกนออกไปด้วยความโล่งใจ

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้ ผมไม่ได้…….” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนนั้นต่ำมาก ดูเหมือนจะไม่มีเรี่ยวแรง แต่ไม่นานก็เหมือนจะอธิบายอะไรสักอย่าง

“เอาละ ๆ คุณไม่ต้องพูดแล้ว คุณพักผ่อนเถอะค่ะ! คุณตารู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้ทำร้ายคุณ คุณพักผ่อนได้อย่างสบายใจ” เป๋าฮวนรีบอธิบายทันที

เธอเป็นกังวลว่าเฟิงหานชวนจะคิดว่าตระกูลเป๋าทำร้ายเขาหลังจากที่เจอเขา ดังนั้นจึงไม่กล้าพักผ่อนอย่างสบายใจ

เฟิงหานชวนไม่เพียงแต่จะไม่พักผ่อนแล้วเท่านั้น อีกทั้งยังพยายามลุกขึ้นมานั่งอีกด้วย ในปากก็พร่ำเรียกแต่ “ฮวนฮวน” ชื่อของเธอ

เป๋าฮวนรีบประคองตัวเขา อยากจะกดเขากลับลงไปนอนพักบนเตียง แต่ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะอยากนั่งคุยอะไรบางอย่าง เป๋าฮวนจึงจำใจประคองตัวเขาขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง

“คุณหิวใช่ไหม? ฉันจะไปทำอาหารให้คุณกินนะ อยากดื่มน้ำอะไรไหม?” เมื่อเห็นริมฝีปากที่ซีดเผือดของผู้ชายตรงหน้า เป๋าฮวนก็ตระหนักได้ว่าเฟิงหานชวนยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อคืน

อีกทั้งเมื่อคืนพวกเขาสองคนก็ใช้แรงค่อนข้างมากด้วย ตอนนี้เฟิงหานชวนก็ยังมาป่วยอีก ถ้าไม่กินอาหาร เกรงว่าน้ำตาลในเลือดคงต่ำลงกว่าเดิมแน่

ตอนที่เป๋าฮวนหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไปนั้น มือใหญ่ของผู้ชายก็คว้าข้อมือของเธอไว้

เป๋าฮวนหันกลับไปมอง มือของผู้ชายตรงหน้าออกแรงบีบแน่น อีกทั้งยังเป็นมือข้างที่เจาะน้ำเกลืออีกด้วย

“คุณจะทำอะไร? รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ มือข้างนี้ของคุณเจาะสายน้ำเกลืออยู่ด้วย ทำแบบนี้มันมีผลต่อการให้น้ำเกลือนะ!” เป๋าฮวนจำได้ก็เลยตะโกนขึ้นเสียงดัง

“ฮวนฮวน อย่าไป ……” เฟิงหานชวนเงยหน้ามองเธอ ดูเหมือนในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นได้สะท้อนความอ้อนวอนออกมาอย่างเห็นได้ชัด

เป็นการอ้อนวอนเล็ก ๆ น้อย ๆ

เป๋าฮวนรู้สึกตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย และถามขึ้นว่า : “คุณอยากจะพูดอะไร?”

“ฮวนฮวน ผมไม่เคยรู้สึกอะไรกับหลีซืออวิ๋นเกินเลยกว่านั้น ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงคิดว่าผมอยากจะขอเธอแต่งงาน ให้ผมโทรศัพท์หาเธอตอนนี้ก็ได้ ผมจะได้ถามให้ชัดเจนไปเลย แบบนี้คุณก็ได้เข้าใจ ดีไหม?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนแหบพร่า ดูเหมือนจะแข็งกร้าวอยู่เล็กน้อยด้วย

เป๋าฮวนอึ้งงันไป เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังเชื่อคำพูดของเฟิงหานชวน แต่ทุกครั้งความจริงก็มักจะ…

ดังนั้น เธอจึงอยากให้เขาโทรศัพท์หาอีกฝ่ายจริง ๆ ใช่ไหม?

“นี่โทรศัพท์ของคุณ!” เป๋าฮวนหยิบโทรศัพท์สีดำเครื่องหนึ่งจากหัวเตียง จากนั้นก็ยัดใส่มืออีกข้างของเฟิงหานชวน

เวลานี้ ภายในห้องเงียบสงัดลง ทันใดนั้นผู้ชายตรงหน้าก็หัวเราะด้วยเสียงเบา ๆ

“คุณหัวเราะอะไร?” เป๋าฮวนย่อมรู้ว่าเป็นเสียงหัวเราะของเฟิงหานชวน

เพราะเธออยู่ข้างเตียงของเขา เธอเห็นมุมปากของเขากระตุกยิ้ม เธอได้ยินเสียงหัวเราะของเขา

“ฮวนฮวน คุณแคร์ผม” เฟิงหานชวนเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีดำยากหยั่งถึงคู่นั้นได้จ้องเขม็งไปทางเป๋าฮวน ก่อนจะพูดอย่างมั่นใจว่า : “ผมยอมรับ”

เป๋าฮวน : “……”

“ฮวนฮวน รอให้ผมเคลียร์เรื่องนี้ชัดเจนก่อน คุณจะกลับมาอยู่ข้างกายผมได้ไหม?” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าสภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นมาก เพราะเขามั่นใจว่าเป๋าฮวนนั้นแคร์เขาจริง ๆ

แคร์เขามากจริง ๆ

เป๋าฮวน “……”

“ฮวนฮวน คุณตอบให้ผมมั่นใจหน่อยจะได้ไหม?” เมื่อเห็นเป๋าฮวนเงียบไป เฟิงหานชวนก็เค้นถาม และบีบข้อมือเธอแรงขึ้น

“คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เป๋าฮวนตะคอก แต่ไม่ได้ตะคอกด้วยอารมณ์โกรธแต่อย่างใด เธอเพียงแค่กังวลใจก็เท่านั้น

เธอกังวลว่าหากเฟิงหานชวนออกแรงมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อสายน้ำเกลือที่ข้อมือเขา

“โอเค ผมปล่อยก็ได้” เฟิงหานชวนค่อย ๆ ปล่อยมือ

เพราะว่าเขาทำใจไม่ได้ที่เห็นเป๋าฮวนกระวนกระวายใจ ทำใจไม่ได้ที่เห็นเธอเป็นกังวลเพราะเขา

เพียงแต่หลังจากที่เฟิงหานชวนปล่อยมือของตัวเองแล้ว ก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ภายในห้องตกสู่ความเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง

“ฮวนฮวน ผม……” เฟิงหานชวนอยากจะพูดออกมา แต่กลับถูกเป๋าฮวนพูดแทรกเสียก่อน

เธอพูดอย่างจริงจังว่า : “คุณอย่ามัวแต่พูดพร่ำอยู่เลย ถ้าคุณไม่มั่นใจ ก็รีบโทรหาหลีซืออวิ๋นสิ อย่ามาเรียกร้องอะไรกับฉัน”

อันที่จริงแล้วเป๋าฮวนก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน เธออยากรู้ความจริงระหว่างเฟิงหานชวนกับหลีซืออวิ๋น ตกลงแล้วมันใช้การขอแต่งงานหรือไม่ ตกลงเหตุการณ์มันเป็นยังไงกันแน่

เธอเองก็อยากรู้ อยากเข้าใจ ไม่อยากสับสนแบบนี้อีกแล้ว

ในเมื่อเฟิงหานชวนบอกว่าเขาบริสุทธิ์ งั้นก็เธอก็ขอดูหน่อย ว่าเขาจะโกหกไหม!

“ได้ งั้นผมจะโทรกลับหาเธอตอนนี้” เฟิงหานชวนก็คิดเหมือนกัน อยากจะรู้ว่าเรื่องเป็นมายังไงกันแน่

ถึงอย่างไร เขาก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งใด ๆ กับหลีซืออวิ๋น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลีซืออวิ๋นถึงได้พูดคำเหล่านี้ออกมา

ทันทีที่เขาพูดออกไป จู่ ๆ โทรศัพท์ก็สั่นขึ้น มีสายโทรเข้ามาจากวีแชท

เฟิงหานชวนรีบไถ่หน้าจอ ซึ่งก็เป็นสายวีแชทจากเฟิงหย่าหลานสาวของเขา

เป๋าฮวนยื่นหน้าเข้าไปดู และก็เห็นชื่อของเฟิงหย่า เธอจึงพูดขึ้นด้วยความสงสัย : “หลานสาวของคุณ? คุณรับก่อนเถอะ”

“อื้อ ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงโทรมากะทันหัน แต่จะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในบ้านแน่ ๆ” หลังจากที่เฟิงหานชวนตอบกลับ เขาก็กดรับสาย และถามขึ้น

ไม่ว่าจะเรื่องอะไร เขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเป๋าฮวน เขาอยากให้เป๋าฮวนเข้าใจตัวเขา

เวลานี้ ภายในห้องเงียบสงัดลง มีแค่เสียงที่ดูสดใสแต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงตำหนิของเด็กสาวดังขึ้นว่า : “อาสาม ทำไมอาไม่ตอบวีแชทของพี่อวิ๋นละคะ? เธอรอข้อความจากอาทั้งวันเลยนะคะ!แล้วตอนนี้อาอยู่ที่ไหน? กลางวันก็ไม่อยู่บริษัท กลางคืนก็ไม่กลับบ้าน…..”

เป๋าฮวนเพิ่งคิดได้ เธอเห็นข้อความที่หลีซืออวิ๋นส่งมาให้กับเฟิงหานชวนตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนนั้นน่าจะเป็นตอนเช้าที่ประเทศฮัว

ดังนั้น เช้าวันที่สองที่เธออยู่ตอนนี้ ประเทศฮัวก็คงจะมืดค่ำแล้ว

เฟิงหย่าพูดถูก หลีซืออวิ๋นรอเฟิงหานชวนมาทั้งวันแล้ว

“ที่เธอส่งวีแชทเหล่านั้นมา หมายความว่ายังไง?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เดาได้ว่าเฟิงหย่าต้องรู้ต้นสายปลายเหตุแน่นอน

เขาจึงรีบคว้าโอกาส ถามเฟิงหย่าออกไปก่อนว่า :” อาไปขอเธอแต่งงานตอนไหน?”

“อาสาม ก็อาอยากแต่งงานกับพี่อวิ๋นไม่ใช่เหรอ? ทำไมอาถึงไม่ยอมรับละคะ!” เฟิงหย่าถามกลับด้วยความตกใจ

บางทีถ้าตัวเองไม่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เฟิงหานชวนอาจจะขอหลีซืออวิ๋นแต่งงานไปแล้วใช่ไหม

อีกอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่เฟิงหานชวนจะขอแต่งงานอย่างกะทันหัน ปกติเขาต้องติดต่อกับหลีซืออวิ๋น และมีลับลมคมในกันอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นหลีซืออวิ๋นจะเร่งเร้าให้เขารีบขอแต่งงานได้อย่างไร

จะเห็นได้ว่า เฟิงหานชวนไม่ค่อยเก่งเรื่องผู้หญิงเท่าไรนัก

“ปัง”

ในเวลานี้เอง จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกถีบออก

โชคดีที่ประตูบานนี้คุณภาพดี เพียงแต่ส่วนที่ล็อกของประตูถูกถีบออก แต่ประตูไม่ได้ล้มลงมา

เมื่อเป๋าฮวนมองไปที่ประตู ร่างทั้งร่างก็ชะงักงันไปชั่วขณะ

“เฟิงหานชวน คุณ…คุณทำอะไร…” เป๋าฮวนตกใจเป็นอย่างมาก เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะถีบประตู

อีกอย่าง ตอนนี้เธอ…ตอนนี้เธอกำลังร้องไห้!

เดิมทีเฟิงหานชวนตั้งใจจะเข้ามาเค้นถามเป๋าฮวนอย่างดุดัน แต่เมื่อเขาเห็นเธอตาแดงจมูกแดงไปหมด ดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อล้นขอบตาแลดูน่าสงสาร อารมณ์ที่เดือดดาลของเขาก็พลันหายไปในทันที

“ฮวนฮวน ฮวนฮวน คุณร้องไห้ทำไม” เฟิงหานชวนรีบพุ่งตัวไปตรงหน้าเป๋าฮวน เขาจับใบหน้าเธอ และใช้นิ้วมือเช็ดเกลี่ยน้ำตาให้เธอ ใบหน้าของเขาดูกังวลอย่างมาก

“คุณทำอะไร คุณปล่อยฉันนะ!” ในใจเป๋าฮวนไม่เพียงแต่โกรธ แต่เพราะอิริยาบถของตัวเองในตอนนี้ด้วย

ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนชักโครกในห้องน้ำ แต่จู่ๆ เฟิงหานก็ถีบประตูแล้ววิ่งเข้ามา แถมยังนั่งยองๆ ตรงหน้าแล้วเช็ดหน้าให้เธออีก!

อย่างไรเป๋าฮวนก็ยังรู้สึกอายอยู่ดี เขามาเจอเธอแอบร้องไห้ ก็น่าอายมากแล้ว แถมเธอยังนั่งร้องไห้บนชักโครก เข้าห้องน้ำไปร้องไห้ไป แบบนี้น่าอายยิ่งกว่าเดิมซะอีก!

“เป๋าฮวน คุณร้องไห้ทำไม คุณบอกผมสิ ทำไม…” เฟิงหานชวนร้อนใจ จนแทบจะตะคอกออกมา

เขาไม่ได้ตะคอกใส่เป๋าฮวน เขากระวนกระวายใจ เขาไม่รู้ว่าเป๋าฮวนร้องไห้ทำไม ทำไมถึงดูทุกข์ใจแบบนี้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้แม่ทูนหัวของเขาต้องเป็นแบบนี้หรือเปล่า

เป๋าฮวนตกตะลึง เธอหยุดร้องไห้ และมองไปที่ชายหนุ่มอย่างงุนงง ดวงตาที่มีหยาดน้ำตากคลออยู่กำลังกระพริบตาปริบๆ

“คุณ…คุณมีสิทธิอะไรมาดุฉัน!” หลังจากตอบสนอง เป๋าฮวนก็แผดเสียงใส่เขา จากนั้นเธอก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก

สำหรับเธอแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนที่เจ็บปวดคือตัวเอง แอบร้องไห้ก็ยังโดนจับได้ แถมยังโดนเฟิงหานชวนตะคอกใส่อีก

ไม่มีใครไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าเธอแล้ว!

สาเหตุที่เป๋าฮวนร้องไห้ เป็นเพราะว่าเธอเสียใจ เพราะว่าเธออับอาย เพราะว่าเธอโกรธ

สรุปได้ว่า มีหลายเหตุผลปะปนกันไปหมด

เสียใจที่มีช่วงเวลาบ้าบิ่นไปกับเฟิงหานชวนถึงสองคืน อับอายเพราะอิริยาบถในตอนนี้ โกรธเพราะเฟิงหานชวนหลอกลวงเธอ

“ผมไม่ได้ดุคุณ ผมแค่เป็นห่วงคุณ!” เสียงของเฟิงหานชวนเริ่มเบาลงเรื่อยๆ

เพราะเขารู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้เป็นอะไรกับเป๋าฮวน เขามีสิทธิอะไรมาเป็นห่วงเธอ

ยิ่งเขาเป็นห่วงเธอมากเท่าไหร่ กลับจะยิ่งทำให้เธอรังเกียจมากขึ้นเท่านั้น

คำตอบของเฟิงหานชวน ทำให้เป๋าฮวนนิ่งไป แต่เมื่อเธอตอบสนอง เธอก็เค้นเสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน

เป็นห่วงเธอ?

ทำไมเธอรู้สึกว่ามันช่างน่าขบขันล่ะ!

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…”

ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น

จากนั้น น้ำเสียงกังวลของซูซานก็ดังขึ้น “คุณหนูใหญ่ ทำไมมีเสียงดังในห้องของคุณหนู เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ คุณหนูใหญ่ต้องการให้ฉันเข้าไปช่วยไหมคะ”

“ไม่ต้อง…” เป๋าฮวนตะโกนตอบกลับทันที

ตอนนี้ประตูห้องน้ำปิดไม่ได้ เพราะว่าเฟิงหานชวนถีบตัวล็อกประตูพังไปแล้ว และอิริยาบถของเธอในตอนนี้ก็ไม่สามารถพบใครได้

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันโอเค ไม่มีอะไร คุณไปทำงานของคุณเถอะ” เป๋าฮวนตอบอย่างสงบนิ่งอีกครั้ง และอธิบายสองสามประโยค

ซูซานที่ยืนอยู่ข้างนอกเกิดอาการลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จึงตอบว่า “ค่ะ คุณหนูใหญ่ ถ้ามีเรื่องอะไร เรียกฉันทันทีเลยนะคะ!

“อืมอืม” เป๋าฮวนเอ่ยตอบ

ไม่รู้ว่าซูซานไปแล้วหรือยัง แต่ข้างนอกก็เงียบลงแล้ว เป๋าฮวนมองเฟิงหานชวนที่กำลังนั่งยองๆ ตรงหน้าเธอ เธอยื่นมือไปวางบนหน้าอกของเขา แล้วผลักเขาออกไปทันที

เฟิงหานชวนไม่ทันได้ตั้งตัว จึงหงายลงไปนั่งบนพื้นกระเบื้อง

เป๋าฮวนสบโอกาส ดึงกางเกงขึ้นมาใส่แล้ววิ่งออกไป เธอวิ่งเข้ามาในห้องนอน จากนั้นเปิดตู้เสื้อผ้า พบเชือกคาดเอวเส้นหนึ่ง แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำอีกครั้ง

ในจังหวะเดียวกันนั้นเฟิงหานชวนก็เดินออกมาพอดี ทั้งสองจึงชนกระแทกเข้าด้วยกันทันที

“ฮวนฮวน คุณหยิบเชือกคาดเอวมาทำอะไร” คิ้วของเฟิงหานชวนขมวดเข้าหากันทันที

สำหรับของชิ้นนี้ เขาไม่ได้รู้สึกดีกับมันนัก เพราะเขาถูกเป๋าฮวนใช้เชือกมัดมือ แถมยังโดนถ่ายคลิปที่ไม่ค่อยดีอีก

เป๋าฮวนจ้องเขาตาเขม็ง เธอดึงเชือกแล้วคล้องคอของเขา ก่อนจะออกแรงดึง แล้วกัดฟันกล่าวว่า “ฉันจะฆ่าคุณ!”

เฟิงหานชวนถึงกับตะลึงไปในทันที

นี่มันเกิดอะไรขึ้น เป๋าฮวนกระทบกระเทือนจิตใจเรื่องอะไร เป๋าฮวนบ้าไปแล้วเหรอ

เป๋าฮวนเพียงแต่หุนหันพลันแล่นไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ดวงตาแดงก่ำขยับลืมขึ้น หลังจากได้สติกลับมา เธอก็คลายเชือกออกแล้วโยนทิ้งลงที่พื้น ก่อนจะหมุนตัวเดินไปที่หน้าต่าง

“คนของคุณจะมาตอนไหนกันแน่ คุณควรไปได้แล้ว!” น้ำเสียงของเธอเย็นชาและแข็งกระด้างเป็นอย่างมาก

เมื่อมองแผ่นหลังของเป๋าฮวน นึกถึงใบหน้าของเธอที่ก่อกวนเขาเมื่อคืนนี้ ใบหน้าของเขาเริ่มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ราวกับดอกไม้แรกแย้มที่กำลังเบ่งบาน

และตอนนี้ รังสีเย็นเยือกของเธอ ราวกับผลักเขาให้ไกลออกไปพันหมื่นลี้

“ฮวนฮวน ผมโกหกคุณ ความจริงแล้วตอนเช้าพวกเขาก็ไม่มาหรอก” เฟิงหานชวนตอบตามความจริง

เขานำโทรศัพท์มือถือมาด้วย ดังนั้นเมื่อไหร่ที่เขาจะไป เมื่อนั้นเขาถึงจะโทรบอกลูกน้องของเขา

เมื่อคืนเขาอยากอยู่กับเธอต่อ เดิมทีเขาไม่อยากมีเรื่องอะไรกับเป๋าฮวน เขาแค่อยากอยู่คุยกับเธอดีๆ สักครั้ง

“คุณพูดว่าอะไรนะ” เป๋าฮวนหันกลับมามองเฟิงหานชวน และถามอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณบอกว่าพวกเขาจะไม่มา?”

“ใช่ เมื่อคืนผมบอกว่าพวกเขาจะมาวันนี้ตอนเช้า ผมโกหกคุณ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเรียบนิ่ง

คำตอบของเขาราวกับเป็นจุดชนวนที่ไปกระตุ้นความเดือดดาลของเป๋าฮวน เธอตรงดิ่งไปหยุดตรงหน้าเฟิงหานชวน คว้าปกเสื้อของเขาเอาไว้ และถามว่า “คุณโกหกฉันมากี่ครั้งแล้ว”

คำถามของเป๋าฮวน ทำให้เฟิงหานชวนชะงักงันไปเล็กน้อย ในหัวสมองนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นที่บลูส์คลับ

แม้ว่าเป๋าฮวนจะไม่สนใจแล้ว แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังสนใจในสิ่งที่เขาหลอกลวงเธอก่อนหน้านี้

ไม่ว่าจะเป็นคืนนั้นที่บลูส์คลับ ไม่ว่าจะเป็นหลิวตงรุ่ย ไม่ว่าจะเป็นสถานะของลูก ไม่ว่าอะไรก็ตาม เขาก็ไม่อยากให้เธอจากไป

แต่ไม่คิดเลยว่า สุดท้ายเรื่องเหล่านี้จะเป็นต้นเหตุทำให้เป๋าฮวนจากไป

“นอกจากเรื่องบลูส์คลับ นอกจากเรื่องลูก นอกจากเรื่องครั้งนี้แล้ว เรื่องอื่น…ผมไม่เคยโกหกคุณ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนจริงจังมาก

“แล้วหลีซืออวิ๋นล่ะ เรื่องที่คุณขอหลีซืออวิ๋นแต่งงาน มันคืออะไร”

ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เป๋าฮวนเหยียดแขนออกโดยตรง ยื่นมือไปกอดคอผู้ชาย และยื่นศีรษะไปหา

ริมฝีปากสัมผัสกันอย่างดุเดือด

เฟิงหานชวนเป็นสุภาพบุรุษ แต่ต่อหน้าเป๋าฮวน เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษ

ตอนแรกเขายังทนได้ แต่หลังจากที่เป๋าฮวนเริ่มยั่ว สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว

เป๋าฮวนกังวลว่าจะทิ้งรอยไว้บนผ้าปูที่นอน ดังนั้นเธอจึงดึงเฟิงหานชวนไปที่ห้องน้ำ

หน้ากระจก เป๋าฮวนมองไปที่รูปร่างหน้าตาของเธอ จากนั้นมองไปที่เฟิงหานชวนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ โดยคิดนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะปล่อยตัวปล่อยใจ

อีกอย่าง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากทำ แต่ทำเพราะอยากตั้งครรภ์

อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเธอไม่รู้ความคิดของเธอ แต่กลับหลงเสน่ห์เธอ…

สองชั่วโมงต่อมา

เฟิงหานชวนอุ้มเป๋าฮวนที่สะลึมสะลือเดินออกมาจากห้องน้ำ วางเธอบนเตียง

เดิมทีเขานอนด้านทิศเหนือ แต่เขาคิดว่าเป๋าฮวนน่าจะชินกับทิศเหนือมากกว่า ดังนั้นเขาจึงวางเธอไว้ทางด้านทิศเหนือ

เขาทำความสะอาดให้เป๋าฮวนแล้ว แต่ยังไม่ได้ชำระล้างของตัวเอง หลังจากดึงผ้าห่มให้เป๋าฮวน เขาก็ก้าวขาออกและเดินไปห้องน้ำอีกครั้ง

เป๋าฮวนมึนงง ยังหลับไม่สนิท ยังคงรู้สึก รู้ว่าเฟิงหานชวนเข้าไปห้องน้ำแล้ว และเธอกำลังจะเข้านอน

เธอเหนื่อยมาก เหนื่อยมากจริงๆ

ขณะที่เธอกำลังจะผล็อยหลับไป ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นตรงข้างหูของเธอ

เป๋าฮวนหันศีรษะไปและเห็นโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงสว่างขึ้น โทรศัพท์เครื่องนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของเฟิงหานชวน

เป๋าฮวนเอื้อมมือออกไปอย่างสงสัยและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

หน้าจอโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่าเขาได้รับข้อความวีแชทใหม่หลายข้อความ ความง่วงนอนของเป๋าฮวนก็หายไป เธออยากดูข้อความที่ส่งมาในวีแชท

ไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนเปลี่ยนรหัสผ่านของเขาหรือยัง

ถ้ายังไม่เปลี่ยน รหัสผ่านก็เป็นวันเกิดของเธอ เป๋าฮวนแค่อยากลอง ไม่คาดคิดมันเปิดได้จริงๆ

หน้าจอโทรศัพท์เด้งขึ้นมาบนหน้าวีแชท

คนที่ส่งข้อความมา เป็นข้อความที่อยู่ด้านบนสุด เธอรู้จัก นั่นคือ-หลีซืออวิ๋น

เป๋าฮวนกดเข้าไปทันที จากนั้นเธอก็ตกตะลึง

หลีซืออวิ๋น: 【หานชวน ตอนนี้ฉันอยู่ที่บริษัทของคุณ ทำไมคุณถึงไม่อยู่ที่นี่? 】

หลีซืออวิ๋น: 【 หานชวน เมื่อคืนฉันไปหาคุณที่บ้าน คุณก็ไม่อยู่? 】

หลีซืออวิ๋น: 【สองสามวันนี้คุณหายไปอย่างไร้ร่องรอย โทรศัพท์ก็ไม่รับ คุณกำลังทำอะไรอยู่! 】

หลีซืออวิ๋น: 【 คุณกำลังทำเซอร์ไพรส์ฉันเหรอ? ฉันไม่ต้องการเซอร์ไพรส์พวกนี้ ฉันแค่หวังว่าคุณจะรีบกลับมา 】

หลีซืออวิ๋น: 【คุณจะขอฉันแต่งงานไม่ใช่เหรอ? ฉันอดใจรอไม่ไหวแล้ว เราเสียเวลามาหลายปี ฉันไม่อยากรออีกแล้ว 】

หลีซืออวิ๋น: 【หานชวน แค่คุณพูดออกมา ฉันยินดีที่จะแต่งงานกับคุณ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องไปแอบเตรียมอะไรเลย】

หลีซืออวิ๋น: 【ฉันรอไม่ไหวแล้วและไม่อยากรอ ในเมื่อเรารักกัน เรามาอยู่ด้วยกันเถอะ! อายุเราก็ไม่ใช่น้อยแล้ว! 】

หลีซืออวิ๋น: 【ถ้าคุณเห็นข้อความแล้วตอบกลับฉันด้วย! 】

เหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้า

ร่างกายเย็นชาไปทั้งตัว

เธอรู้ดีว่าเพราะเรื่องของเวลา ตอนนี้ที่ประเทศเฉินคือกลางคืน แต่ในประเทศฮัวตอนนี้คือตอนเช้า

ตอนนี้หลีซืออวิ๋นอยู่ที่บริษัทของเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนจะขอเธอแต่งงาน แถมยังเตรียมเซอร์ไพรส์เธอ?

แล้วเฟิงหานชวนมาประเทศเฉินตามหาตัวเองทำไม?

เฟิงหานชวนยังมีหน้าบอก ว่าเขาต้องการเป็นคู่ขากับตัวเอง?

แต่งงานกับหลีซืออวิ๋น กลับไปขอหลีซืออวิ๋นแต่งงาน แต่ยังคงพัวพันกับตัวเอง?

เป๋าฮวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ ราวกับเยาะเย้ย

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนอยู่ตัวคนเดียว เธอก็เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเฟิงหานชวนกำลังจะขอหลีซืออวิ๋นแต่งงาน

ดังนั้น สิ่งที่เขาบอกว่าเขาอยู่คนเดียว ก็ไม่ใช่คนเดียวอย่างแท้จริง

ดังนั้น สิ่งที่เขาขอคืนดี และสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ทั้งหมดคือคำโกหก โกหกทั้งเพ!

ในช่วง3ปีที่ผ่านมา เขาป่วยเพราะการ "ฆ่าตัวตาย" ของเธอ เป็นเรื่องจริงหรือหลอกลวง?

เธอมองดูท่าทางที่กระฉับกระเฉงของเขา ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้มีชีวิตที่เลวร้ายในช่วง3ปีที่ผ่านมา

ดังนั้น ทั้งหมดนี้มันเป็นกลอุบายของเขา?

เป๋าฮวนเหนื่อย เหนื่อยมาก แต่ไม่รู้สึกง่วงนอนเลยสักนิด มีความรู้สึกที่หดหู่

อันที่จริง เธอเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่กับเขา หลังจากคืนนี้ เธอก็จะบอกลาเขา

แต่ว่า เมื่อรู้ว่าเธอถูกหลอกเช่นนี้ เป๋าฮวนรู้สึกอึดอัดในใจ ราวกับว่าหัวใจของเธอถูกบีบแน่น จนกำลังจะหายใจไม่ออก

ในเวลานี้เสียงดัง "คลิก" ประตูห้องน้ำก็เปิดออก

ผู้ชายสวมชุดนอน กำลังจะไปนอนอีกฝั่งของเตียง แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็น แม้ว่าเป๋าฮวนจะนอนตะแคง แต่ตาของเธอยังคงก็เปิดกว้าง

เธอผล็อยหลับตอนที่เขาไปอาบน้ำแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมตาของเธอยังเปิดกว้างขนาดนี้?

“ยังไม่นอนเหรอ?” เฟิงหานชวนเดินไปหาเธอ แล้วนั่งยองๆตรงหน้าเธอ ยกมือขึ้นลูบผมของเธอ

แต่ในวินาทีต่อมา เป๋าฮวนสะบัดมือออก

“อย่าแตะต้องตัวฉัน ฉันจะนอน” น้ำเสียงของเป๋าฮวนเย็นชามาก

เฟิงหานชวนตะลึง

ตอนนี้เป๋าฮวนปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนแปลกหน้า

แต่ในห้องน้ำเมื่อกี้ ผู้หญิงที่เรียกร้องต้องการเขา คนนั้นคือใคร?

เขาถึงกับสงสัยว่าเป๋าฮวนมีสองบุคลิกในตัวหรือเปล่า!

แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่

เฟิงหานชวนไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่เขาก็เข้าใจเป๋าฮวนในตอนนี้ ร่างกายกำลังอ่อนแรง เขาก็ไม่ควรพูดอะไรมากกับเธอ

ดังนั้น เขาจึงยืนขึ้นเดินไปที่เตียงอีกข้าง นอนตะแคง แล้วขยับเข้าไปใกล้เป๋าฮวน

เขาเหยียดแขนยาวออกไปโอบเอวบางของเป๋าฮวน เป๋าฮวนต้องการเอามือของเขาออก แต่เธอไม่มีแรง ดังนั้นเธอจึงต้องยอมให้เฟิงหานชวนกอดเธอไว้แบบนี้

แต่ในใจของเธอมีความรู้สึกรังเกียจที่อธิบายไม่ถูก

หลังจากคืนนี้ เธอจะไม่มีวันเจอเฟิงหานชวนอีก ปล่อยให้เขาแก่เฒ่าไปพร้อมกับหลีซืออวิ๋น!

เช้าวันรุ่งขึ้น เป๋าฮวนตื่นแต่เช้า

อันที่จริงเธอไม่ตื่นเช้าขนาดนี้ แต่เธออึดอันในใจ จึงนอนหลับไม่สนิท

ในขณะนี้ เธอไม่ได้หันหลังให้เฟิงหานชวน แต่หันหน้าเข้าหาเฟิงหานชวน ทั้งสองกอดกันแน่น เหมือนทารกสยาม

เป๋าฮวนขมวดคิ้วทันทีและใบหน้าของเธอเปลี่ยนไป เธอไม่คิดว่าหลังจากที่เธอหลับไป เธอจะริเริ่มกอดเฟิงหานชวน

เธอรีบปล่อยเฟิงหานชวน และลุกขึ้นนั่งทันที

การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เฟิงหานชวนตื่น เฟิงหานชวนลืมตาขึ้นและสิ่งที่เขาเห็นคือท่าทางขยะแขยงของเป๋าฮวน

ใจของเขาเต้น “ตุบๆ” มีความรู้สึกหงุดหงิดเกิดขึ้น

การแสดงออกของเป๋าฮวน ขยะแขยงเขาเหรอ?

เธอเกลียดเขามาก? แล้วทำไมถึงริเริ่มทำแบบนั้นกับเขาก่อน?

“ลุกขึ้นเร็ว คนของคุณจะมาถึงเมื่อไหร่?” เป๋าฮวนมองเฟิงหานชวนและถามอย่างกังวล

เฟิงหานชวนลุกขึ้นนั่ง ลงจากเตียง เดินไปที่หน้าต่าง เปิดม่าน และมองออกไปที่ท้องฟ้าข้างนอก

ท้องฟ้ายังคงเป็นสีเทา ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ทำไมเป๋าฮวนถึงรีบร้อนไล่เขาไป?

“ฮวนฮวน ตกลงเมื่อคืนหมายความว่าอะไร!” เฟิงหานชวนหันกลับมา มองตรงไปที่เป๋าฮวนด้วยดวงตาสีเข้มคู่หนึ่ง

เป๋าฮวนหัวเราะเยาะออกมา

ก่อนจะทำแบบนั้น ไม่รู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับหลีซืออวิ๋น จึงแอบยืมพันธุ์ของเขา ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร

แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกเสียใจ ต่อให้เสียใจก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่ายืมไปแล้ว

ตอนนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะแยกความสัมพันธ์กับเขา

“อะไร? ไม่ได้หมายความว่ายังไงนิ แค่กีฬาที่คุณและฉันชอบ” เป๋าฮวนยักไหล่และพูดอย่างเฉยเมย: “คนของคุณจะมารับคุณกี่โมง?”

“กีฬาที่คุณและฉันชอบ?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนประหลาดใจ สีหน้าเปลี่ยนไปและถาม: “สำหรับคุณผมเป็นสิ่งที่คุณมีหรือไม่มีก็ได้ ใช่ไหม?

"ตอนมีความสุขก็เล่นด้วย พอหมดความสนใจก็เขี่ยทิ้ง?"

เป๋าฮวน : "…"

เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนพูดถูก ตอนที่เธอคิดยืมพันธุ์ของเขา เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ เมื่อทำเรื่องนั้นเสร็จเธอก็จะทิ้งเขา

แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ถูกหลอก

หากเธอรู้ว่าเฟิงหานชวนกำลังจะแต่งงานกับหลีซืออวิ๋น ต่อให้พันธุ์ของเฟิงหานชวนจะดีแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น!

“เฟิงหานชวน คุณเป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้คุณไม่เสียเปรียบเลย ฉันไปทำอะไรคุณงั้นเหรอ? ราวกับว่าไม่มีความยุติธรรมกับคุณ? ทั้งๆที่คุณก็ยินยอมเอง! และคุณ…คุณก็เป็นคนริเริ่ม…”

เป๋าฮวนโกรธจัด ต้องการที่จะอธิบายให้ชัดเจนกับเฟิงหานชวน อย่าทำเหมือนเธอเป็นผู้กระทำเขา

ทั้งๆที่คนที่น่าเกลียดที่สุดก็คือเขา

“พอแล้วพอแล้ว จะทำอะไรก็ตามใจ เมื่อคนของคุณมารับคุณ ชาตินี้เราอย่าเจอกันอีกเลย!” เป๋าฮวนรู้สึกหงุดหงิดมาก พูดจบ เธอก็ลุกขึ้น และเดินไปห้องน้ำ

เธอบอกว่าชาตินี้ เพราะเธอไม่รู้ว่าชาติหน้าจะเป็นอย่างไร

ขณะที่ประตูห้องน้ำปิดลง เป๋าฮวนก็หันมาเหลือบมองเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ราวกับว่าเขากำลังประกาศว่าพายุกำลังมา

เป๋าฮวนเกิดความกระวนกระวายในใจ เธอกำลังโกรธเฟิงหานชวนอยู่หรือเปล่า?

แต่แท้จริงแล้ว เธอเป็นคนถูกโกรธ!

เป๋าฮวนรู้สึกปวดท้อง นั่งบนชักโครก นึกถึงสิ่งที่เห็นเมื่อคืน ดวงตาทั้งสองก็แดงก่ำ

บอกว่า3ปีที่ผ่านมาไม่มีผู้หญิงคนอื่น บอกว่าในใจมีแต่เธอคนเดียว โกหก!

โกหกทั้งเพ!

บางทีถ้าตอนนี้ไม่เจอตัวเอง เฟิงหานชวนอาจจะขอหลีซืออวิ๋นแต่งงานไปแล้ว?

อีกอย่าง เฟิงหานชวนคงไม่ขอแต่งงานในทันที แต่เขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับหลีซืออวิ๋น มีความรู้สึกอบอุ่น ไม่เช่นนั้นทำไมหลีซืออวิ๋นถึงเร่งการแต่งงาน?

เห็นได้ว่า เฟิงหานชวนเจ้าชู้ไม่เบา

"ตูม” เสียงดังขึ้น

ในขณะนั้นเอง ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก

โชคดีที่ประตูนี้คุณภาพดี ส่วนที่ล็อคอยู่ถูกเปิดออก แต่ประตูไม่ล้มลง

เมื่อเป๋าฮวนมองไปที่ประตู ก็ต้องตะลึงไปทั้งตัว

“เฟิงหานชวน คุณ…คุณทำอะไร…” เป๋าฮวนประหลาดใจอย่างยิ่ง เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะเตะประตู

ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เธอ…เธอกำลังร้องไห้!

เดิมทีเฟิงหานชวนตั้งใจจะเข้ามาถามเป๋าฮวนอย่างอุกอาจ แต่เมื่อเขาเห็นเธอด้วยจมูกสีแดงและตาแดง ท่าทางน่าสงสารและน้ำตาไหล ความโกรธทั้งหมดในร่างกายของเขาก็หายไปในทันที

“ฮวนฮวน ฮวนฮวน คุณร้องไห้ทำไม?” เฟิงหานชวนรีบเข้าไปหาเป๋าฮวน จับใบหน้าของเธอ เช็ดน้ำตาของเธอด้วยนิ้วของเขา การแสดงออกของเขากังวลอย่างมาก

“ทำอะไรเนี่ย ปล่อยฉันนะ!” เป๋าฮวนไม่เพียงโกรธ แต่อายตัวเองในตอนนี้

ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนชักโครกในห้องน้ำ และทันใดนั้นเฟิงหานชวนก็เตะประตูเข้ามา นั่งยองๆตรงหน้าเธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ!

ถูกเขาพบว่าแอบร้องไห้ว่าอายแล้ว แต่นี่ยังนั่งอยู่บนชักโครกและร้องไห้ไปด้วย น่าอายมาก!

“ฮวนฮวน คุณร้องไห้ทำไม? บอกผม ว่าทำไม—” เฟิงหานชวนกังวลมาก เกือบจะคำราม

เขาไม่ได้ตะโกนใส่เป๋าฮวน เขากังวลจริงๆ เขาไม่รู้ว่าเป๋าฮวนร้องไห้ทำไม ทำไมถึงดูแย่แบบนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรทูนหัวของเขาหรือเปล่า

เป๋าฮวนตกตะลึง หยุดร้องไห้ มองไปที่ผู้ชายตรงหน้าอย่างงุนงง ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำของเธอกระพริบตาหลายครั้ง

“คุณ…คุณตะโกนใส่ฉันทำไม!” หลังจากได้สติ เป๋าฮวนก็ตะโกน แล้วร้องไห้อย่างดุเดือดมากขึ้น

ในความเห็นของเธอ เห็นได้ชัดว่าตัวเองเจ็บปวด แอบร้องไห้แล้วถูกจับได้ ยังถูกเฟิงหานชวนตะโกนใส่อีก

เธอไม่เคยได้รับความเป็นธรรม!

อย่างไรก็ตามขโมยก็คือขโมย เพื่อให้ผลลัพธ์มีความเสถียรภาพมากขึ้น ในเมื่อมีโอกาสอีกครั้งอยู่ตรงหน้าของเธอ เป๋าฮวนจึงตัดสินใจที่จะขโมยมันมาอีกเป็นครั้งที่สอง

เธอไม่มีประสบการณ์จริงๆ ไม่ว่าจะสามปีก่อนหรือสามปีหลังจากนั้น ท่าทางของเธอก็เลยดูเงอะงะเพราะว่าไม่ถนัดและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

เฟิงหานชวนตื่นขึ้นทันที

ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น เขาก็เห็นขนตาที่อ่อนนุ่มของผู้หญิงและเมื่อมองลงมามันก็คือปลายจมูกเล็กๆของเธอ

ริมฝีปากของเขารับรู้ถึงความรู้สึกที่นุ่มนวลราวกับมีขนมสายไหมกดลงบนริมฝีปากของเขา

เฟิงหานชวนตระหนักว่าได้เป๋าฮวนกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ เขาเอื้อมมือไปจับไหล่เพรียวของเธอแล้วผลักเธอออกไป

เป๋าฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนจะต้องตื่น ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกตกใจใดๆ เธอใช้ดวงตาสีแอปริคอทกลมโตจ้องมองไปที่ผู้ชายตรงหน้าของเธอ

"คุณกำลังจะทำอะไร?"เฟิงหานชวนลุกขึ้นนั่งทันที สายตาของเขาอยู่ในระดับเดียวกับเป๋าฮวน

"ฉัน? คุณไม่รู้ว่าฉันกำลังจะทำอะไรเหรอ?" เธอใช้นิ้วม้วนผมลอนของเธอ

เธอสวมชุดเดรสสายเดี่ยวเรียบง่ายซึ่งเธอทำมันขึ้นมาเอง สายเดี่ยวออกแบบมาอย่างดี แต่เนื่องจากเธออ้วนขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นมันจึงดูคับเล็กน้อย แต่ก็ดีเพราะทำให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าที่ชัดเจนขึ้น

ไฟในห้องไม่ได้ปิดเฟิงหานชวนจึงสามารถมองเห็นรูปร่างของผู้หญิงตรงหน้าทั้งหมด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนขึ้นมาเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เขามาที่ประเทศเฉินเพื่อทำธุระ และธุระนี้ก็คือมาหาเป๋าฮวนและถามให้ชัดเจนว่าเธอหมายถึงอะไร!

แต่ตอนนี้เฟิงหานชวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกสับสนอีกครั้ง

ในเมื่อเป๋าฮวนต้องการจะหนีเขาและออกห่างจากเขา แล้วทำไมเมื่อสักครู่เธอถึงเป็นคนเริ่มจูบเขาก่อน?

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น เขาไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด

"เป๋าฮวน ในเมื่อคุณต้องการจะไปจากผม ทำไมถึง…"

"ฮึ่ม~" เป๋าฮวนทำหน้ามุ่ย คำถามนี้ทำให้เธอตอบยาก

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางที่ไม่พอใจของเธอ บวกกับริมฝีปากชุ่มชื้นของเธอที่เปล่งประกายอวบอิ่มภายใต้แสงไฟ มันทำให้เขารู้สึกอยากจะจูบเธอ

แต่แม้ว่าจิตใจของเฟิงหานชวนจะกำลังว้าวุ่น แต่เขาก็ยังนึกถึงเหตุและผลอยู่

"ทำไมคุณไม่ตอบ?"เขาถาม

เมื่อสักครู่เป๋าฮวนกำลังคิดอยู่ตลอด และเธอก็คิดคำตอบออกพอดี: "ถ้าฉันบอกว่าฉันชอบร่างกายของคุณล่ะ!"

"คุณเข้าใจคำตอบนี้ไหม?"

เฟิงหานชวน: "…"

เขาไม่ตอบ เขาพูดไม่ออกและตกอยู่ในสภาวะที่กำลังตกตะลึง

เขาคิดไม่ถึงว่าเป๋าฮวนจะพูดแบบนี้ออกมา

เธอไม่มีอะไรเหมือนเมื่อสามปีที่แล้วเลย ยกเว้นใบหน้าและร่างกายของเธอ

"มีอะไรให้ตกใจเหรอ? ยังไงก็ตามพรุ่งนี้คุณต้องไปตั้งแต่เช้า ก่อนที่พวกเราจะจากกัน ขออีกสักคืนเถอะ~"

เป๋าฮวนหัวเราะคิกคักและรีบพุ่งไปที่เฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนไม่ได้หลบ เป๋าฮวนก็พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของเขาทันที

"ในเมื่อคุณชอบร่างกายของผม แล้วทำไมถึงไม่อยู่ประเทศจีนต่อล่ะ? ต่อให้คุณไม่อยากกลับมาคบกับผม ก็อย่างที่ผมเคยบอก พวกเราสามารถเป็น FWB ก็ได้ "เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเป๋าฮวนไม่ได้พูดความจริง ดังนั้นเขาจึงพยายามบีบเธอต่อไป

"แต่ฉันอยากกลับมาประเทศเฉินนี่ บ้านของฉันอยู่ที่นี่ และฉันก็คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ด้วย"เป๋าฮวนตอบอย่างไม่ใส่ใจ

"ผมมีบริษัทสาขาย่อยอยู่ที่ประเทศเฉิน และเรายังสามารถนัดเจอกันได้นะ ตัวอย่างเช่น ผมมาที่นี่สัปดาห์ละครั้งเพื่อมาหาคุณก็ได้ หรือถ้าคุณรู้สึกว่าไม่สะดวกที่จะอยู่บ้านของคุณ เราสามารถนัดไปที่อื่นในในประเทศเฉินก็ได้"

"เป๋าฮวน ตอนนี้การติดต่อสื่อสารมันสะดวกมาก และเราทุกคนก็มีเครื่องบินส่วนตัว ไปไหนมาไหนก็สะดวกมาก"

ใช่เหรอ?

นี่คือเขาจริงๆเหรอ!

เป็นไปได้ยังไง!

เธอจะยืมเชื้อพันธุ์ของเขา แล้วเธอจะนัดเจอกับเขาทุกสัปดาห์ได้อย่างไรกัน?

เฟิงหานชวนคิดเยอะเกินไปหรือเปล่า?

อย่างไรก็ตามเป๋าฮวนวนกลับมาคิดเกี่ยวกับมันอีกครั้ง เธอรู้สึกว่าเธอทำให้เฟิงหานชวนเข้าใจผิด เฟิงหานชวนเลยเข้าใจผิดคิดว่าเธอเต็มใจที่จะเป็น FWB กับเขา

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เป๋าฮวนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มีร่องรอยความไม่เข้าใจปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอจะปฏิเสธเฟิงหานชวนได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตามเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเป็นเพื่อนอะไรแบบนั้นกับเขาทั้งนั้น และก็ไม่สามารถนัดเจอกับเขาเป็นประจำได้ เพราะโอกาสของวันนี้อยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว ดังนั้นเธอจึงตั้งใจที่จะคว้าโอกาสครั้งที่สองของเธออีกครั้ง

ผลของการขโมยมันมาสองครั้งก็ควรจะพอและเห็นผลแล้ว และไม่จำเป็นต้องขโมยมันมาอีกในครั้งที่สาม

ยิ่งกว่านั้น ถ้าจะต้องขโมยมันอีกในครั้งต่อไป เธอกลัวว่าจะไม่สามารถหนีจากเฟิงหานชวนได้อีกแล้ว

ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะมีอะไรกับเฟิงหานชวนอีกครั้งในวันนี้และจะขอลาจากเขาตลอดไป

เพราะลูกของเธอจะต้องมีนามสกุลเป๋า ดังนั้นจึงไม่สามารถให้เฟิงหานชวนรู้ได้

"ไม่ใช่ นั่นมันวุ่นวายมากเกินไป ฉันต้องออกไปหาคุณ ฉันไม่อยากทำแบบนั้น!"เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นและมองไปที่คางของผู้ชายตรงหน้า เธอสังเกตเห็นว่ามีเคราบางๆขึ้นที่คางของเขา

"ผมสามารถมาหาคุณได้ มาหาคุณที่นี่ไง"เฟิงหานชวนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา เสียงของเขาดังก้องในห้องที่เงียบสงบ

"จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง!"เป๋าฮวนลุกขึ้นออกจากเขาและพูดติดๆขัดๆ: "คุณ คุณ ครั้งนี้คุณบังเอิญ บังเอิญจนมาอยู่ที่ระเบียงห้องของฉัน คุณจะทำเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง? คุณ…คุณมันบ้าไปแล้วจริงๆ!"

"แค่เพียงคุณตกลง ผมก็จะเข้ามาอย่างเปิดเผย"

"ไม่ได้! คุณมันบ้า! คุณมันบ้าไปแล้วจริงๆ! "เป๋าฮวนรู้สึกกระวนกระวายและตะโกน: "ถ้าคุณเข้ามาอย่างเปิดเผยทุกสัปดาห์ ทุกคนจะไม่รู้เลยหรือไงว่าเรานัดกัน? ฉันเป็นผู้หญิง ฉันต้องอายไหม? "

“……”

"เฟิงหานชวน คุณแค่ลืมๆสามปีที่แล้วไป แค่วันนี้คืนเดียว หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก คุณก็ไปตามทางของคุณ ฉันก็จะไปตามทางของฉัน"

“……”

"ทำไมคุณไม่พูด? จริงๆแล้วคุณไม่ต้องการเหรอ? ทำไม คุณไม่ได้ไม่มีผู้หญิงแล้วเหรอ อย่าทำเป็นลังเลสิ! "

"ฮวนฮวน"จู่ๆร่างสูงก็เรียกเธอ

เป๋าฮวนหยุดพูดและมองไปที่ผู้ชายตรงหน้าโดยไม่กะพริบตา

"คุณยังเกลียดผมอยู่เหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่คุณลงโทษผมแบบนี้ใช่ไหม? "เฟิงหานชวนรู้สึกว่านอกเหนือจากการลงโทษแล้ว เขาไม่สามารถเดาได้เลยว่าเป๋าฮวนต้องการจะทำอะไร

หลังจากคิดเกี่ยวกับมันแล้ว เขาก็มั่นใจได้เพียงว่าเป๋าฮวนยังคงเกลียดเขาอยู่

เกลียดเขาที่คืนนั้นขืนใจเธอ เกลียดเขาที่ไม่ยอมให้เธอเห็นยายเป็นครั้งสุดท้าย เกลียดเขาที่ปิดบังเธอมาตลอด เกลียดเขาที่หลอกเธอ

ทุกอย่างที่เธอพูดทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหกและเธอกำลังลงโทษเขาและทรมานเขา

เป๋าฮวนตกใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

ถ้าพูดว่าเกลียด ในตอนแรกเธอก็เกลียดเฟิงหานชวนจริงๆนั่นแหละ แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดเขาแล้ว และเธอก็ไม่ได้คิดที่จะลงโทษเขาด้วย

ท้ายที่สุดเขาเองก็ป่วยจนทรมานและนั่นก็นับได้ว่าเขาลงโทษตัวเองไปแล้ว

เพียงแต่ว่าเธอไม่สามารถยอมรับมันและกลับไปหาเขาได้ เธอไม่ใช่เฉินฮวนฮวนแล้ว และเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่กับเฟิงหานชวนอีกต่อไป

สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอต้องให้กำเนิดลูกหลานของตระกูลเป๋า ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถปล่อยให้เฟิงหานชวนรู้แผนของเธอได้ ถ้าเขารู้บางทีเฟิงหานชวนอาจจะแย่งตัวเด็กไป แต่ท้ายที่สุดแล้วนั่นก็คือลูกของเธอและเขา ลูกของเขา

เด็กคนนี้เป็นของตระกูลเป๋า และเป็นของตระกูลเฟิงด้วย

ดังนั้นเธอจึงต้องซ่อนมันเอาไว้

เฟิงหานชวนสามารถมีลูกกับผู้หญิงคนอื่นได้ แต่เด็กที่เธอให้กำเนิดนั้นจะต้องอยู่ในตระกูลเป๋าเท่านั้น

"ฉันไม่ได้เกลียดคุณ ฉันไม่ได้ลงโทษคุณ จะพูดยังไงดี เฟิงหานชวน ฉันคิดว่าฉันพูดไปชัดเจนมากแล้วนะ…"เป๋าฮวนเริ่มวิตกกังวล

"คุณพูดไม่ชัดเจน ไม่ชัดเจนเลย!"เฟิงหานชวนจับไหล่ของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง

ในขณะเดียวกันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งสองรีบปิดปากทันที

"ฮวนฮวน นี่ตาเอง"เสียงของเป๋าเยี่ยนดังขึ้น

"คุณตา ดึกแล้วยังไม่พักผ่อนอีกเหรอคะ? คุณตามาหาหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ?"จู่ๆเป๋าฮวนก็รู้สึกกังวล

เธอเหลือบมองเฟิงหานชวน จากนั้นก็มองไปที่ประตูห้อง คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อย หรือว่าคุณตาและคนอื่นๆพบว่าเฟิงหานชวนบุกเข้ามาแล้วอย่างนั้นเหรอ?

เพราะปกติแล้วถ้าคุณตาไม่มีเรื่องอะไรก็จะไม่มาหาเธอ โดยเฉพาะเวลานอนแบบนี้

"ฮวนฮวนอ่า ฉันได้ยินว่าซูซานบอกว่าเธอไม่ได้ทานมื้อดึก แล้วก็รู้สึกเจ็ตแล็กอยู่หน่อยๆด้วย เธอรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า?" เสียงของเป๋าเยี่ยนดังขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย

เป๋าฮวนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตอบไปว่า: "หนูสบายดีค่ะคุณตา หนูแค่ไม่อยากกินผลไม้แล้ว จริงๆหนูหลับไปสักพักแล้ว"

"หลับแล้วเหรอ? งั้นหลับต่อเถอะ ตาจะไม่กวนแล้ว ถ้าไปประเทศจีนอีกในครั้งนี้ คงจะไม่มีเรื่องอะไรอีกใช่ไหม? "

ตอนที่เป๋าเยี่ยนพูด เขาก็มองย้อนกลับไปที่จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งที่อยู่ข้างหลังเขา และยังมีบอดี้การ์ดในชุดดำอีกหลายคน

ถูกต้อง คนในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดเห็นเฟิงหานชวนมาที่ระเบียงห้องของเป๋าฮวน และพวกเขาก็ให้เป๋าเยี่ยนดูกล้องวงจรปิดได้ทันเวลา

ดังนั้นทั้งแผนกรักษาความปลอดภัยและเป๋าเยี่ยนจึงรู้ว่าเฟิงหานชวนอยู่ในห้องของเป๋าฮวน

อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่ได้พูดอะไรและนิ่งเงียบ

"ไม่เป็นไรค่ะ แน่นอนว่ามันจะไม่มีเรื่องอะไรแล้ว คุณตาอยากจะคุยกับหนูใช่หรือเปล่า?"ขณะที่พูดเป๋าฮวนก็ชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าของเธอ แล้วมองไปที่เฟิงหานชวน

เธอกังวลว่าถ้าเธอไม่เปิดประตู คุณตาอาจจะสงสัยได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอตกอยู่ในสภาวะรู้สึกผิดชอบชั่วดี

ใบหน้าของเฟิงหานชวนดูหดหู่ ให้เขาซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าอย่างนั้นเหรอ? นายท่านเป๋าคนนี้น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?

หรือว่าเป๋าฮวนไม่อยากให้คนในตระกูลเป๋ารู้เรื่องของพวกเขา?

"คุณตา คุณอยากเข้ามาคุยกับหนูไหม? หนูขอใส่เสื้อคลุมแป๊ปเดียวนะคะเดี๋ยวไปเปิดประตูให้! "เป๋าฮวนพูดไปทางประตู แล้วผลักเฟิงหานชวนออก

เฟิงหานชวนปฏิเสธที่จะซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าและเป๋าฮวนก็ผลักเขาออกไม่ได้ ในขณะที่เธอกำลังเหงื่อตก เสียงของเป๋าเยี่ยนก็ดังขึ้นอีกครั้ง: "ฮวนฮวน ดึกมากแล้ว และถ้าเธอหลับก็หลับต่อเถอะ พรุ่งนี้พวกเราค่อยคุยกันก็ได้เนอะ?"

"โอเค โอเคค่ะ งั้นหนูจะนอนต่อแล้ว คุณตาเองก็ไปนอนด้วยนะคะ!”เป๋าฮวนรีบตอบอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

"อื้ม ราตรีสวัสดิ์ฮวนฮวน"

"ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณตา"

เมื่อได้ยินเสียงไม้เท้าที่เดินออกไป เป๋าฮวนก็ปล่อยมือที่อยู่ข้างหลังของเฟิงหานชวนออกทันที จากนั้นเอนหลังนอนลงบนผ้าห่ม

"ตกใจแทบตาย!"เป๋าฮวนถอนหายใจอีกครั้ง

ใบหน้าของเฟิงหานชวนดูมืดมน เขาถามว่า: "คุณกลัวคุณตาของคุณเหรอ?"

"แน่นอนว่าไม่!"เป๋าฮวนวางมือบนผ้าห่มแล้วลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง จากนั้นก็พูดว่า: "ฉันไม่ได้กลัวคุณตา ฉันกลัวว่าคุณจะถูกคุณตาของฉันเห็นเข้า"

"ดังนั้นแล้ว คุณเป็นห่วงผม ใช่ไหม?"มีความหวังริบหรี่ในส่วนลึกของดวงตาสีดำของเฟิงหานชวน

"ไม่ใช่สักหน่อย!"เป๋าฮวนปฏิเสธและอธิบายทันที: "ฉันบอกคุณไปแล้วว่าถ้าคุณถูกคุณตาของฉันเห็นเข้า คุณคงจะต้องสาหัสแน่ๆ แม้ว่าเราจะเคยมีความแค้นกันมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้เกลียดคุณแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่อยากเห็นคุณเป็นทุกข์อีก! จริงไหม?"

ในความเป็นจริงเป๋าฮวนจงใจขู่เฟิงหานชวน เธอรู้ว่าถ้าตัวเธอไม่เห็นด้วย แล้วคุณตาจะลงมือทำเฟิงหานชวนได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตามเธอไม่ต้องการให้คุณตารู้เรื่องของเฟิงหานชวน จะดีกว่านี้ถ้าเหตุการณ์นี้ผ่านไปเงียบๆและผ่านไปด้วยดี

"ยิ่งไปกว่านั้น……"เป๋าฮวนลังเลที่จะพูดและหยุดชะงัก

"ยิ่งไปกว่านั้นอะไร?"เฟิงหานชวนถาม

"ยิ่งไปกว่านั้น คืนนี้คุณห้ามให้คุณตาเห็นเพราะฉันยังอยากอยู่กับคุณ…"เป๋าฮวนจ้องตรงไปที่เฟิงหานชวนด้วยสายตาที่น่าดึงดูด

เฟิงหานชวนรับรู้มันได้ทันที เดิมเขาคิดว่าเป๋าฮวนกำลังลงโทษเขาอย่างจงใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะรู้สึกว่าไม่เป็นเช่นนั้น

แค่วันนี้เธอดูทำเรื่องไม่ถูกต้องมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเธอรอเรื่องนั้นไม่ได้

ถ้าถูกใครวางยาเขาจะเข้าใจมันได้ทันที แต่เท่าที่ดูตอนนี้เป๋าฮวนน่าจะมีสติอยู่ ไม่ได้มีปัญหาใดๆเลยด้วย

เป็นไปได้ไหมสามปีที่เธออยู่ประเทศเฉิน เธอจะกลายเป็นผู้หญิงปล่อยตัว?

และใจร้อนขนาดนี้?

แต่ถ้าเป็นกรณีนี้ ทำไมเธอถึงไม่ตกลงที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวกับเขา?

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจ

เป๋าฮวนไม่สนใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เธอไม่สามารถเสียโอกาสดีๆแบบนี้ได้ เพราะเฟิงหานชวนกำลังจะไปในเช้าวันพรุ่งนี้แล้ว

“คุณ……เฟิงหานชวน คุณบ้าไปแล้ว! ทำไมคุณถึงใส่แค่นี้…..”

เป๋าฮวนชี้ไปที่เขาและดุด่า แต่ดวงตาทั้งคู่เกือบมองตรง

ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปร่างของเฟิงหานชวนยอดเยี่ยมจริงๆ ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ เธอคิดว่ายอดเยี่ยมแบบที่ชายอื่นไม่สามารถเทียบได้

อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ เธอจึงคิดที่จะยืมเมล็ดพันธุ์ของเฟิงหานชวน

แต่ไม่ได้คาดคิดว่า เพิ่งยืมกลับมาได้ไม่นาน ชายคนนี้ก็ไล่ตามมา

โชคดีที่เธอดูออกว่าเฟิงหานชวนไม่รู้แผนการของเธอ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางร่วมมือกับเธอเด็ดขาด

ถึงแม้ว่าเฟิงหานชวนจะร่วมมือ แต่ก็เพราะต้องการเด็กคนนั้น และต้องการเก็บเด็กไว้เป็นทายาทต่อไป อย่างไรก็ตามเฟิงหานชวนก็อายุมากขนาดนี้แล้ว และก็ไม่มีทายาท

เพียงแต่ ลูกที่เธอเป๋าฮวนเป็นคนคลอด เป็นทายาทของตระกูลเป๋า ไม่ใช่ทายาทของตระกูลเฟิง

ดังนั้นเธอจะต้องปิดบังเฟิงหานชวน

“มาแบบเร่งรีบ ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ตัวนี้ในตัว……ก็เคยใส่แล้วด้วย” เฟิงหานชวนดูไม่เขินอาย แต่พูดตามความจริง

เป๋าฮวนกระตุกมุมปากสองสามครั้ง: "คุณ……คุณเลอะเทอะ!"

เฟิงหานชวน: "….."

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่มีอารมณ์จะพูด เป๋าฮวนรู้สึกว่าคำพูดของเธอค่อนข้างแรง

เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “คุณอยู่ที่นี่ก่อน ฉันออกไปสักแป๊ป ถ้ามีคนมาเคาะประตู คุณไม่ต้องพูดอะไร”

“คุณจะไปไหน” เฟิงหานชวนถามทันที

“ช่วยคุณหาเสื้อผ้า” เป๋าฮวนเบ้ปาก ปิดประตูแล้วเดินออกไป

เมื่อคิดถึงที่เธอพูดดมื่อครู่ ความสิ้นหวังและความขุ่นเคือเดิมที่มีอยู่ของเฟิงหานชวนได้รับการบรรเทาลงอย่างมาก และเขายังเดาในใจว่าหรือเป็นเพราะนายท่านเป๋า เป๋าฮวนถึงได้ไปจากเขา?

เฟิงหานชวนนั่งลงรออยู่ข้างเตียง ไม่นานนักเป๋าฮวนก็เขย่งเท้ากลับมา

เป๋าฮวนปิดประตู โยนเสื้อผ้าในมือให้เฟิงหานชวนแล้วพูดว่า “ไปเปลี่ยนซะสิ!”

เฟิงหานชวนหยิบเสื้อผ้าในมือขึ้นและพบว่าเป็นกางเกงขาสั้นตัวหนึ่งและชุดนอนผ้าไหมหนึ่งชุด

“นี่เป็นของใคร?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขามีนิสัยรักความสะอาดแม้ว่าเขาจะใส่เสื้อผ้าสกปรกของตัวเอง เขาก็จะไม่ใส่เสื้อผ้าที่ซักแล้วของคนอื่น

เป๋าฮวนดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของเฟิงหานชวนและตอบทันทีว่า "ฉันรู้ว่าคุณรักความสะอาด นี่เป็นชุดใหม่ที่ยังไม่ได้ใส่ มีป้ายห้อยอยู่ คุณลองมองหาป้ายห้อยข้างในดูได้"

ขณะที่เป๋าฮวนกำลังพูดอยู่นั้น เฟิงหานชวนก็บังเอิญไปแตะโดนป้าย เมื่อเห็นชื่อแบรนด์บนป้ายเขาก็ถามเสียงทุ้มว่า “นี่เป็นของเป๋าเฉินลูกบุญธรรมที่คุณตาคุณเลี้ยงไว้เหรอ?”

“คุณรู้ได้อย่างยังไง?” เป๋าฮวนประหลาดใจเล็กน้อย คิดว่าเฟิงหานค้นหาเจอแม้กระทั่งสถานะของเป๋าเฉิน

“ฮวนฮวน เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ยากสำหรับผม” สีหน้าของเฟิงหานชวนหมองลง

สำหรับความประหลาดใจของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเป๋าฮวนกำลังคลางแคลงใจถึงความสามารถของเขา

“ได้ คุณเก่งกาจ คุณฉลาด และมีความสามารถสูง!” เป๋าฮวนแอบกลอกตาแล้วหันกลับ เดินอ้อมไปรอบปลายเตียงถึงอีกด้านหนึ่งของเตียงใหญ่

เมื่อเห็นว่าเธอนอนลง เฟิงหานชวนก็มองกลับมาที่เธอและถามทันทีว่า: "คุณไม่ใช่เคยบอกว่าชินกับการนอนทางด้านเหนือ?"

ตอนนี้เขานั่งอยู่ทางด้านเหนือของเตียงใหญ่ ส่วนเป๋าฮวนก็นอนอยู่ทางด้านใต้ของเตียงแล้ว

“ถ้าคุณอยู่ทางด้านเหนือ งั้นฉันก็จะนอนทางด้านใต้ ยังไงก็เหมือนกัน” เป๋าฮวนหันศีรษะไปหาเขาด้วยท่าทางที่ไม่แยแส และพูดเสริมขึ้นว่า “อาจเพราะอยู่บ้านแล้วรู้สึกปลอดภัย นอนทางไหนก็ได้ทั้งนั้น"

เดิมทีเฟิงหานชวนคิดที่จะเปลี่ยนฝั่งกับเธอ แต่เมื่อได้ยินคำว่า"บ้าน"ที่เป๋าฮวนพูด ใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อทันที

สามปีที่แล้ว ตระกูลเฟิงคือบ้านที่เธอพูด และคฤหาสถ์หมิงอวี่ถึงเป็นบ้านของเธอ แต่ตอนนี้ บ้านของเธอคือบ้านคนตระกูลเป๋าในประเทศเฉินที่อยู่ห่างไกลจากประเทศฮัว

“ในเมื่อคุณคิดว่าไม่เป็นไร ผมไม่มีความคิดเห็น นี่คือห้องของคุณ” เสียงของเฟิงหานชวนเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น

เป๋าฮวนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ของเขา เบ้ปากและถามว่า: "ฉันแค่กลัวว่าคุณจะโดนคุณตาของฉันพบเข้า เลยมีน้ำใจให้คุณค้างคืนที่นี่หนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้าคุณต้องรีบออกไปรู้ไหม?"

“อืม” เฟิงหานชวนลุกยืนขึ้น และหลังจากตอบแล้วเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเป๋าฮวน

เป๋าฮวนยังไม่ได้ตั้งสติ ดังนั้นจึงมองเห็นอย่างไม่ทันระวัง

แม้ว่าเธอจะเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว และยังเคยใช้มันก็ตาม แต่ตอนนี้เธอไม่ได้เตรียมใจไว้ก็เลยตกใจ จากนั้นจึงหันศีรษะไปทางอื่น มองดูผ้าม่าน แก้มก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“หน้าไม่อาย!” เป๋าฮวนแอบบ่นเงียบๆ

ในห้องเงียบสงบมาก เฟิงหานชวนก็เลยได้ยินเป็นธรรมดา เขาตอบด้วยเสียงทุ้มว่า: "ผมคิดว่าผมไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนในห้องน้ำ"

“ยังไงคุณก็เห็นหลายครั้งแล้ว และคุณก็ถ่ายวิดีโอแล้วด้วย ยังสนใจเรื่องพวกนี้อยู่อีกเหรอ?”

เป๋าฮวน : "……"

เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนจงใจ ต้องเป็นการจงใจแน่นอน

เธอเบ้ปากแล้วเข้าไปในผ้าห่ม หันหลังให้กับชายหนุ่มและหลับตาลง แสดงถึงว่าเธอขี้เกียจจะสนใจเขา

เฟิงหานชวนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากเปลี่ยนชุดนอนแล้ว เขาก็นอนลงข้างๆเป๋าฮวนโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

ผ่านไปครู่ใหญ่ เป๋าฮวนยังนอนไม่หลับ และเฟิงหานชวนก็ไม่ได้คุยกับเธอ เธอหันศีรษะอย่างเงียบๆและพบว่าเฟิงหานชวนนอนหลับแล้ว?

เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้ปิดไฟ เป๋าฮวนจึงเห็นเฟิงหานชวนหายใจอย่างสม่ำเสมอได้อย่างชัดเจน มองออกว่าเขากำลังหลับสบาย

ที่จริงแล้วเฟิงหานชวนไม่ได้ตั้งใจจะนอน แต่ตั้งแต่คืนนั้นในโรงแรมจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้หลับเลย รีบมาที่ประเทศเฉินที่ไกลเป็นพันๆลี้ก็เลยหมดแรง

นอนอยู่ข้างกายหญิงที่รักเขาก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เป๋าฮวนมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าของเขาที่งดงามสมบูรณ์แบบจนเธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนเป็นเหมือนชายหนุ่มที่พระเจ้าแกะสลักขึ้นเองและไม่พบข้อบกพร่องใดๆเลย

แน่นอนว่านี่หมายความว่าไม่มีข้อบกพร่องในด้านรูปลักษณ์และรูปร่างภายนอก และไม่ได้หมายถึงทุกๆด้าน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเป๋าฮวนดูไปดูมา เธอรู้สึกสติหลุดเล็กน้อย เพราะเธอนึกถึงสิ่งที่ลุงเป๋าเฉินพูดกับเธอตอนกลางวัน

แย่งแค่ครั้งเดียว แน่ใจหรือว่าแย่งได้?

เธอไม่แน่ใจ แต่เธอไม่ต้องการอยู่ต่อที่ประเทศฮัวและเข้าไปพัวพันกับผู้ชายคนนี้ มิฉะนั้นเขาจะคิดว่าเธอต้องการอยู่ในประเทศฮัวต่อเพื่อที่จะกลับไปอยู่กับเขา ดังนั้นเธอจึงคิดเพียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงหนึ่งแล้วก็หลบหนีกลับมา

และตอนนี้ผู้ชายคนนี้เป็นคนริเริ่มที่จะเดินเข้าประตูมาเอง!

พรุ่งนี้เช้า คนของเขาจะมารับเขาจากไป ดังนั้น……ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของเป๋าฮวน

ในเมื่อตัดสินใจที่จะแย่งแล้ว แย่งหนึ่งครั้งก็คือแย่งอยู่ดี ทำไมไม่แย่งอีกเป็นครั้งที่สองหล่ะ? โอกาสครั้งที่สองที่อยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้เธอเป็นพิเศษมั้ง?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เป๋าฮวนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ วางมือข้างหนึ่งไว้บนเตียง ยกร่างกายขึ้น และขยับปากเข้าไปใกล้ใบหน้าของชายหนุ่ม

ในขณะที่อยู่ชิดใกล้ เป๋าฮวนได้กลิ่นหอมผุดขึ้นจากร่างกายของชายหนุ่ม

ห๊า เฟิงหายชวนคนนี้ใช้เจลอาบน้ำสำหรับสุภาพสตรีอาบน้ำเหรอ?

อย่างไรก็ตาม กลิ่นหอมนั้นหอมน่าดมมาก ถ้าหากไม่ชอบกลิ่นนี้เธอก็คงไม่ซื้อหรอก

เป๋าฮวนจ้องไปที่ปลายจมูกของชายหนุ่ม ประหม่าเล็กน้อย ถ้าเธอทำให้เฟิงหานชวนตื่นขึ้นมา แล้วเขาไม่เห็นด้วยควรทำอย่างไร?

อย่างไรก็ตาม ความคิดนี้ถูกปฏิเสธโดยเป๋าฮวนอย่างรวดเร็ว หากเธอเป็นคนเริ่ม เฟิงหายชวนจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เป๋าฮวนก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก้มศีรษะลงจูบริมฝีปากบางของชายหนุ่ม……

กลางดึก มีหมอกบางเป็นชั้นในตอนกลางคืน

เนื่องจากเวลาที่ต่างกัน เป๋าฮวนเคยผ่านเวลากลางวันที่นี่มาก่อน แล้วค่อยถึงเวลากลางคืน

สภาพอากาศในประเทศเฉินค่อนข้างชื้น ตอนเป๋าฮวนมาครั้งแรกก็ไม่ชินกับมันมากนัก

แต่ตอนนี้สำหรับเธอ มันเป็นความเคยชินไปแล้ว

เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จในตัวมีกลิ่นหอมจางๆ สวมชุดนอนผ้าไหมที่ทำขึ้นเอง นั่งเหม่อลอยบนเก้าอี้หวาย

มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไม่มีที่สิ้นสุด เป๋าฮวนไม่ได้รู้สึกง่วงนอนเลย

หรือเป็นเพราะได้นอนบนเครื่องบิน หรือบางทีอาจจะเป็นคำพูดเหล่านั้นที่ลุงเป๋าเฉินพูด หรืออาจเป็นเพราะ……ผู้ชายคนนั้น

สรุปก็คือเธอไม่อยากนอนเลย

เธอยกแขนขึ้น ยังมีรอยแดงเข้มบนแขนของเธอ เธอส่องกระจกในห้องน้ำเมื่อครู่นี้ ที่คอกระดูกไหปลาร้าก็มีที่แผ่นหลังของเธอยิ่งมีมากกว่าอีก

ในใจอดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากเมื่อคืนนี้ และใบหน้าก็แดงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เป๋าฮวนลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายพร้อมกับเสียง"ชู่ว์" หันตัวและเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง เข้าไปในผ้าห่มและหยิบโทรศัพท์มือถือที่โต๊ะข้างเตียง

ปลดล็อกรหัสโทรศัพท์แล้วเธอก็เปิดอัลบั้มรูปทันที รูปถ่ายร่างเปลือยเปล่าของเฟิงหานชวนเป็นจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์

มือของเขาถูกแยกออกจากกันและผูกติดกับด้านซ้ายและขวา และในตอนท้ายยังมีวิดีโอ เป๋าฮวนกดเข้าไปดู

ในห้องมีเธอเพียงคนเดียว ดังนั้นเธอจึงเปิดดูโดยตรง

เป๋าฮวนมองชายหนุ่มในวิดีโออย่างจริงจัง ดูผลงานชิ้นเอกเมื่อคืนของตัวเอง

จากนั้นก็หน้าแดงและใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฟิงหานชวนจะถูกเธอกลั่นแกล้ง และมีวันที่ตกอยู่ในกำมือเธอ

เพียงแต่ว่า เธอจำทุกสิ่งทุกอย่างของเมื่อคืนได้ แม้ว่าอยู่ในกำมือเธอตอนแรก แต่หลังจากนั้น……

เป๋าฮวนถอนหายใจ สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถเอาชนะเฟิงหานชวนได้

"ฮวนฮวน"

ทันใดนั้น เสียงที่ทุ้มลึกดั่งแม่เหล็กของชายคนนั้นก็ดังขึ้น

เป๋าฮวนก้มลงมองที่วิดีโอบนโทรศัพท์มือถือ วิดีโออยู่ในสถานะที่หยุด เธอจำได้ว่าเมื่อครู่เธอได้หยุดวิดีโอแล้ว

แล้วทำไมเธอถึงได้ยินเฟิงหานชวนเรียกชื่อเธอ?

ขณะที่เป๋าฮวนกำลังสงสัย จู่ๆก็ได้ยินความเคลื่อนไหวบนระเบียง เธอลุกจากเตียงทันทีและเดินไปที่หน้าต่างสูงจากเพดานจรดพื้นแล้วเปิดผ้าม่านออก

ในตอนนี้เธอยืนโง่อยู่กับที่

ใบหน้าที่คุ้นเคยไม่มีใครเทียบ ชายหนุ่มคนที่ทำให้เธอคุ้นเคยไม่มีใครเทียม ยืนอยู่บนระเบียงห้องนอนของเธอ

เป๋าฮวนขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว เธอสงสัยว่าตัวเองประสาทหลอนหรือเปล่า? แต่เมื่อเธอลืมตากว้าง ชายหนุ่มก็ทำปากจู๋ให้เธอ

เฟิงหานชวนเดินมาข้างหน้าไม่กี่ก้าวก็ยืนอยู่หน้าเธอ เพียงแต่ทั้งสองคนถูกคั่นด้วยกระจกบานหนึ่ง

เป๋าฮวนตกตะลึงอย่างแท้จริง นี่คือเฟิงหานชวนที่มีชีวิต คือเฟิงหานชวนตัวเป็นๆ

เพียงแค่ว่า…..เฟิงหานชวนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

เฟิงหานชวนมาหาถึงตระกูลเป๋าหรือ?

เพียงแต่ว่า การรักษาความปลอดภัยของตระกูลเป๋านั้นเข้มงวดมาก จู่ๆเขาโผล่มาที่ระเบียงของเธอได้ยังไง?

ในขณะที่สมองของเธอว่างเปล่า เฟิงหานชวนก็เดินมาถึงหน้าประตูกระจก เปิดประตูและเดินเข้ามา เขาเดินมาจนถึงข้างเธอถึงหยุดฝีเท้า

เป๋าฮวนหันกลับมากะทันหัน หันหน้าไปทางเฟิงหานชวนและเปิดปาก แต่พูดอะไรไม่ออกสักคำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ

“คุณ…..คุณ……”

“ฮวนฮวน คุณต้องการที่จะถามผมว่าเข้ามาได้อย่างไรใช่มั้ย?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนไม่มีความโกรธเลย กลับมีร่องรอยของความได้ใจบนใบหน้า

“อืม” เป๋าฮวนประหลาดใจจริงๆ และรอไม่ไหวที่จะพยักหน้า

“ผมสืบที่อยู่ของบ้านคุณพบ พาคนนั่งเครื่องบินมาที่ประเทศเฉิน จากนั้นก็ใช้เฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบพื้นที่ของบ้านคุณ และกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์โดยตรง” เฟิงหานชวนตอบอย่างจริงจัง

“อะ อะไรนะ? กระ…… กระโดดลงมาโดยตรง?” เป๋าฮวนตกใจยิ่งกว่าเดิม รู้สึกเพียงว่าดวงตาดับมืด

เพราะเธอสามารถสรุปได้ว่าเฮลิคอปเตอร์ขับสูงมาก ไม่อย่างนั้นรปภ.ของตระกูลเป๋าต้องเห็นแน่ แต่ถ้าเฮลิคอปเตอร์อยู่สูงมาก เฟิงหายชวนกระโดดลงมาได้อย่างไร?

“ไม่ต้องห่วง ผมมีร่มชูชีพ” เฟิงหานชวนขดริมฝีปากเบาๆและก้าวเข้ามาใกล้เป๋าฮวนอีกก้าว

เป๋าฮวนก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเฟิงหานชวนแล้วพูดอย่างจริงจังว่า: "คุณโกหกฉันหรือ? ความปลอดภัยของตระกูล เป๋าแข็งแกร่งมาก แม้ว่าคุณจะมีร่มชูชีพแล้วคุณเดินมาที่ห้องของฉันได้ยังไง? ไม่มีใครตรวจเจอคุณเหรอ?”

ถ้าไม่มีใครตรวจเฟิงหานชวน พรุ่งนี้เป๋าฮวนจะต้องเตือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้

“ที่จริงผมเตรียมใจที่จะถูกจับโดยตระกูลเป๋าของพวกคุณ แต่……” วันนี้เฟิงหานชวนอารมณ์ดีและพูดตามจริงว่า: “พระเจ้าช่างสวยงาม ผมลงจอดที่หน้าห้องของคุณพอดี และยื่นมือจับราวที่ระเบียงของคุณแล้วกระโดดเข้ามาที่ระเบียง”

“ดังนั้น จึงไม่มีใครสังเกตเห็นผมชั่วขณะ เว้นแต่จะถูกกล้องวงจรปิดถ่ายไว้” เขากล่าวเสริมขึ้นอีกไม่กี่ประโยค

เป๋าฮวน : "……"

นี่มันคืออะไรกับอะไรกันเนี่ย?

“คุณ……เฟิงหานชวน ดังนั้น คุณมาทำอะไรที่ประเทศเฉิน?” เป๋าฮวนขมวดคิ้วและถาม

“ผมมาที่นี่เพื่อถามคุณให้ชัดเจน!” สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปกะทันหัน เปลี่ยนเป็นหมองคล้ำและหมองคล้ำมาก

เสียงเหมือนถูกบีบออกจากช่องว่างระหว่างฟัน ท่าทางแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างกับคนละคน

เป๋าฮวนกระตุกมุมปากและถามกลับว่า "มีอะไรน่าถาม? คงไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราเมื่อคืนนี้ ทั้งหมดก็เป็นชายหญิงที่โตแล้ว คุณคงไม่คิดที่จะให้ฉันรับผิดชอบใช่ไหม? "

“ใช่” ชายหนุ่มพูดอย่างหนักแน่น

“……” เป๋าฮวนพูดไม่ออกและโต้กลับทันที: “คุณไม่ใช่ผู้ชายบริสุทธิ์ซะหน่อย ยิ่งกว่านั้นคุณเป็นคนเริ่มไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่ได้บังคับคุณซะหน่อย คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะให้ฉันรับผิดชอบ?”

“คุณบังคับผมก่อน และผมเป็นคนเริ่มในภายหลังเพราะสัญชาตญาณ” เฟิงหานชวนตอบด้วยใบหน้าจริงจัง

“……” เป๋าฮวนไม่รู้จะพูดอะไรในขณะนี้

เธอเกาหัวแล้วมองไปยังชายที่หม่นหมองตรงหน้าและอธิบายว่า “ที่จริงแล้ว ความหมายที่ฉันทำเมื่อคืนนี้คือการชดเชยเรื่องก่อนหน้านี้ที่บลูส์คลับ ดังนั้นคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะให้ฉันรับผิดชอบ”

“คุณหมายถึงชดเชยเรื่องคืนนั้นที่บลูส์คลับ?” ดวงตาของเฟิงหานชวนหมองลง

“ใช่สิ อย่าลืมว่าคุณก็เคยทำเรื่องที่เกินไปแบบนี้กับฉันมาก่อน ดังนั้นสิ่งที่ฉันทำกับคุณ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะจับฉันไว้ พวกเราถือว่าหายกัน!” เป๋าฮวนสองมือเท้าเอว เพราะมีเหตุมีผลก็กลายเป็นมีความชอบธรรมขึ้นมา

“เพราะอะไร?” เฟิงหานชวนก้าวถอยหลัง พึมพำสามคำนี้ออกมา

“อะไรเพราะอะไร?” เป๋าฮวนขมวดคิ้วและถามว่า: “หรือฉันพูดผิดเหรอ?”

“ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะหลิวหลี่ถงและหลิ่วเยว่เอ่อร์ คุณบอกเองว่าอยากเห็นพวกเขาเผชิญหน้ากันไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณถึงรีบร้อนจากไป?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจมาตลอดทาง

เขาไม่เข้าใจมาตลอดว่าทำไมเป๋าฮวนถึงวิ่งเร็วขนาดนี้

แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการอยู่เคียงข้างเขา แต่ด้วยสถานะของเธอตอนนี้ ตัวเขารั้งเธอไว้ไม่อยู่ ทำไมไม่รอค้นหาความจริงของเรื่องนี้ กลับรีบหนีจากไป?

ราวกับว่ารอไม่ไหวที่จะหลบหนีเขา ไม่ต้องการเห็นเขาอีกตลอดชีวิต และดูเหมือนว่าจะไม่สนว่าเรื่องจริงตอนนั้นคืออะไร แค่คิดที่จะไปจากเขา

อันที่จริง หัวใจของเฟิงหานชวนตึงเครียดอยู่ตลอด

“ฉัน…..” เป๋าฮวนจู่ๆก็พูดไม่ออก

ความคิดที่จะกลับไปประเทศเพราะเธอต้องการนำผลผลิตจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งการเผชิญหน้าระหว่างหลิวหลี่ถงและหลิ่วเยว่เอ่อร์ไว้เบื้องหลัง

สำหรับเธอ ความจริงของตอนนั้นจะเป็นยังไง ก็ดูเหมือนจะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เธอแค่ต้องการให้ตระกูลเป๋ามีทายาทเท่านั้น

“ตึ่งตึ่งตึ่ง!”

ในเวลานี้มีเสียงเคาะหน้าประตูดังขึ้น

“คุณหนูใหญ่ ขอถามหน่อยว่าต้องการผลไม้ไหมคะ?” จากนั้นเสียงของหญิงวัยกลางคนก็ดังขึ้น

เมื่อเป๋าฮวนได้ยินว่าเป็นเสียงของซูซาน ถึงนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นเวลาทานผลไม้ในตอนกลางคืนของเธอ

ซูซานเป็นสาวใช้ที่ดูแลอาหารการกินและชีวิตประจำวันของเธอหลังจากที่เธอย้ายมาอยู่บ้านตระกูลเป๋า

เพียงแต่ว่า ชายหนุ่มด้านหน้ายังคงยืนอยู่ที่นี่ หากซูซานเห็นเข้า จะต้องบอกคุณตาอย่างแน่นอน

ถ้าคุณตารู้ว่าเฟิงหานชวนกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลเป๋า ไม่มีทางปล่อยเฟิงหานชวนอย่างแน่นอน

“ไม่ต้อง คืนนี้ไม่ต้องกิน” เป๋าฮวนตอบ

“แต่คุณหนูใหญ่ ตอนเย็นคุณไม่ได้ทานอาหารเย็นมากนัก ไม่หิวหรือ? ไม่ต้องทานผลไม้สักหน่อยจริงๆหรือ? คุณรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า ต้องการให้ฉันโทรเรียกหมอให้ไหม?” ซูซานถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอรู้ดีถึงการทำงานและพักผ่อนของเป๋าฮวน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกแปลกๆ

“ฉันไม่หิว เพิ่งกลับมาจากประเทศฮัว คงเพราะเวลาที่แตกต่าง เธอไปพักผ่อนเถอะ” เป๋าฮวนแสร้งทำเป็นตอบอย่างสงบนิ่ง

“ก็ได้ค่ะ คุณหนูใหญ่ ถ้าคุณมีอะไรให้รับใช้ เรียกชั้นได้ตลอด” น้ำเสียงของซูซานแสดงความเคารพอย่างมาก

"ได้"

เธอจากไปพร้อมกับเสียงฝีเท้า เป๋าฮวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในทันที แต่ทันทีที่เธอลืมตาขึ้น เธอเกือบจะตกเข้าไปอยู่ในวังวนอันมืดมิด

“คุณรีบไปเถอะ!” เป๋าฮวนเร่งชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้า

“ทำไมคุณไม่บอกสาวใช้ของคุณล่ะ?” เฟิงหานชวนถามเธอ

“ฉัน……” เป๋าฮวนชะงัก แต่ไม่นานก็สงบสติอารมณ์ได้และกล่าวว่า “หากคุณถูกจับได้ คุณจะลำบาก”

“ลำบากยังไง?” เฟิงหานชวนถามอีก

“คุณตาของฉันน่ากลัวมาก คุณบุกเข้าตระกูลเป๋ากลางดึก อย่างน้อยก็ให้คนทุบตีคุณอย่างหนัก แล้วส่งตัวไปที่โรงพักจำคุกสักระยะ ให้คุณกินไม่อิ่มดื่มไม่พอนอนไม่สบาย! " เป๋าฮวนพูดขู่

“พรุ่งนี้ผมถึงจะไปได้” เฟิงหานชวนท่าทีที่ดูสงบนิ่ง

“เพราะอะไร? คุณต้องไปเดี๋ยวนี้!” เป๋าฮวนเป็นกังวล

“คนของผมไปแล้ว คุณจะให้ผมไปยังไง? ถ้าตอนนี้ผมออกไปจากประตูห้องคุณ หรือกระโดดลงไปจากระเบียงของคุณ จะมีผลลัพธ์เดียวเท่านั้น——ก็คืออย่างที่คุณพูดเมื่อครู่

เป๋าฮวน : "……"

“แล้วคุณยังจะไล่ผมไปหรือเปล่า?”

“แล้วพรุ่งนี้พวกเขาจะมารับคุณเมื่อไหร่?” เป๋าฮวนถามด้วยสีหน้าที่ยุ่งเหยิง

"มาแต่เช้า" เฟิงหานชวนตอบ "ดังนั้น ผมขออยู่ที่ห้องคุณหนึ่งคืน"

“คุณพูดว่าอะไรนะ?” เป๋าฮวนใช้มือปิดที่ด้านหน้าตัวเองทันที

เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ หันหลังและเดินไปที่ห้องน้ำแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ผมมาเพื่อถามคุณให้ชัดเจน ไม่ได้มาทำอะไรคุณ”

เฟิงหายชวนอารมณ์ดีขึ้นในทันทีเพราะเขาเห็นว่าเป๋าฮวนเป็นห่วงเขา กังวลว่าคุณตาของเธอจะเจอเขา กังวลว่าเขาจะถูกคุณตาของเธอลงโทษ

เฟิงหายชวนไปอาบน้ำ แต่เป๋าฮวนกลับเดินไปมาในห้อง

สมองของเธอยังอยู่ในสภาพมึนงงมาจนถึงตอนนี้ เพราะเธอไม่เคยคาดคิดว่าเฟิงหานชวนจะหาตระกูลเป๋าพบ และทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาเธอที่นี่ โดยไม่นึกถึงผลที่ตามมาทั้งหมด

ถ้าร่มชูชีพเกิดผิดปกติหล่ะ? ถ้าเขาลงจอดในเขตสำคัญของตระกูลเป๋าแล้วถูกหน่วยสืบลับของตระกูลเป๋าจับได้?

เป๋าฮวนไม่กล้าคิดต่อไปอีก

เสียง "คลิ๊ก" ในขณะนั้นประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก

เป๋าฮวนหันไปมองและชะงักงันอีกครั้ง

เฟิงหานชวนเดินออกจากห้องน้ำด้วยผมเปียกชุ่ม และทั้งเนื้อทั้งตัวเขาสวมกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น

กล้ามเนื้อทั้งร่างเผยความชัดเจนไม่มีใครเทียบและคมชัดไม่มีใครเทียม

ห้าชั่วโมงต่อมา เครื่องบินค่อยๆลงจอดที่สนามบินซึ่งอยู่ติดกับคฤหาสน์ตระกูลเป๋า

เมื่อเป๋าฮวนเดินไปที่ประตูห้องโดยสารและกำลังจะลงจากเครื่องบิน เธอก็เห็นเป๋าเยี่ยนยืนถือไม้เท้าอยู่ไม่ไกล ข้างหลังเขามีอีธานพ่อบ้านของตระกูลเป๋าและคนรับใช้อีกหลายคนยืนอยู่

เมื่อเห็นเป๋าฮวนลงมา อีธานก็ขึ้นรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับรับผู้โดยสารและขับไปทางเป๋าฮวนทันที

รถประเภทนี้คล้ายกับรถเที่ยวชมสถานที่ในสวนสาธารณะ ด้านหลังสามารถนั่งได้ประมาณสิบคน เนื่องจากอาณาเขตของตระกูลเป๋าครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ การขับรถยนต์ในบ้านมันดูจริงจังเกินไปและไม่ค่อยสะดวก

ส่วนใหญ่แล้วทุกคนจะเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าประหยัดพลังงานดังกล่าวมากกว่า

"คุณหนูใหญ่ ยินดีต้อนรับกลับมาครับ"หลังจากลงจากรถ อีธานก็โค้งคำนับเป๋าฮวน

ในประเทศเฉินระดับตำแหน่งนั้นค่อนข้างเข้มงวด ดังนั้นคนใช้ของตระกูลเป๋าจึงมีมารยาทที่เคร่งครัดและไม่มีความสะเพร่า

แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลเป๋าอย่างอีธานก็ยังให้เกียรติเป๋าฮวน

"คุณอีธาน ฉันบอกไปแล้วว่าอายุของคุณถือได้ว่าเป็นลุงของฉัน ถ้าพูดอย่างจริงจังแล้ว คุณสามารถเป็นตาของฉันได้เลย คุณไม่ได้อายุน้อยไปกว่าคุณตาของฉันมาก ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกับฉันแบบนี้ก็ได้"เป๋าฮวนไม่รู้ว่าเธอพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากเดิมเลย

หลังจากกลับมาจากประเทศจีนในครั้งนี้ เธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับความนอบน้อมของอีธานสักเท่าไหร่

"คุณหนูใหญ่ครับ อย่าทำให้ผมลำบากใจเลย นี่มันเป็นงานของผม"อีธานก้มศีรษะลงแล้วพูด

ในตระกูลเป๋า มีพ่อบ้านสองคนที่ดำรงตำแหน่งสำคัญ ตำแหน่งแรกคือ อีธาน ซึ่งรับผิดชอบเรื่องชีวิตประจำวันของตระกูลเป๋าในทุกๆด้าน

และยังมีอีกหนึ่งตำแหน่งคือพ่อของจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง ชื่อว่าจิ่งหรูสยง ซึ่งรับผิดชอบด้านงานรักษาความปลอดภัยทั้งหมดของตระกูลเป๋า และครอบครัวจิ่งได้อารักขาตระกูลเป๋ามาหลายชั่วอายุคนแล้ว

"โอเค"เป๋าฮวนไม่สามารถทำอะไรกับอีธานได้ และไม่เพียงแต่จะเป็นไปไม่ได้แค่สำหรับเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนรับใช้คนอื่นๆด้วย

เธอยักไหล่และโบกมือให้เป๋าเยี่ยนที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็ขึ้นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกันเป๋าฮวนก็ได้ยินเสียงเกือกม้า เธอมองตามเสียงนั้นไปและพบเข้ากับผู้ชายในชุดสูทที่สวมหมวกขี่ม้าและสวมแว่นกันแดด

เมื่อมองแบบนี้ก็มองแทบไม่เห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อมองจากม้าสีขาวและขาที่เรียวยาวของชายคนนั้น เป๋าฮวนก็รู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันที

เป็นลุงของเธอ เป๋าเฉิน

"ชู่ว!"

ชายคนนั้นหยุดม้าของเขาข้างๆรถยนต์ไฟฟ้า และท่าทางการลงจากหลังม้าก็พริ้วเสียเหลือเกิน เขาถอดหมวกและแว่นตาออกทันทีและยิ้มให้เป๋าฮวน

"ยินดีต้อนรับกลับมานะหลานสาว"เป๋าเฉินตั้งใจพูดภาษาจีนเป็นพิเศษ เพราะเขาเติบโตในประเทศเฉิน ดังนั้นภาษาจีนของเขาจึงดูห่วยอยู่หน่อยๆ

เป๋าฮวน: "…."

เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเป๋าเฉิน ตอนที่เธอเข้ามาบ้านตระกูลเป๋า เป๋าเฉินได้สอนสิ่งต่างๆให้กับเธอมากมาย

"ลุง ถ้าพูดจีนไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดหรอกค่ะ มันฟังยาก"เป๋าฮวนนั่งไขว่ห้างอยู่บนรถยนต์ไฟฟ้าในท่าทางที่เอื่อยๆ

"ฮวนฮวน เธอรู้จักที่จะหัวเราะเยาะลุงของเธอนะ อย่าลืมสิ มันก็เหมือนกับตอนที่เขาสอนภาษาเฉินให้เธอตอนแรกๆ"เป๋าเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยไม้เท้า เขาหยุดอยู่ข้างๆของเป๋าฮวน และเอานิ้วแตะไปที่ปลายจมูกของเธอ

เป๋าฮวนหัวเราะและพยักหน้า: "ใช่ๆ"

"ไหนบอกว่าจะไม่กลับมาช่วงนี้? ทำไมจู่ๆถึงกลับมาล่ะ? "เป๋าเฉินมองไปที่เป๋าฮวนและกอดอก

รอยยิ้มที่มุมปากของเป๋าฮวนค้างทันที จากนั้นเธอก็เกาหัวของเธอแล้วพูดว่า: "อยากกลับมาก็แค่กลับมาไงคะ! อยู่บ้านมันสบายนี่หน่า! หนูคิดถึงอาหารเช้าที่มาเรียทำแล้ว "

มาเรียเป็นแม่ครัวหญิงของตระกูลเป๋า เธอฝีมือดีและทำอาหารเช้าได้ทุกประเภท

"เธอรีบกลับมาแบบนี้ เธอไม่ได้ไปงานเลี้ยงที่ประเทศจีนเมื่อคืนนี้และไม่ได้วางแผนที่จะไปเป็นนักแสดงเหรอ?"ประโยคนี้แสดงให้เห็นว่าเป๋าเฉินยังคงไม่เชื่อ

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากของเธอ เธอรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นเป๋าเฉินหรือตาของเธอ เป๋าเยี่ยน พวกเขาล้วนเป็นคนฉลาดและเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะหลอกพวกเขาได้

"โอเคค่ะๆ พูดก็ได้ หนูแค่ซ่อนตัวจากผู้ชายคนนั้น แผนของหนูก็เลยเปลี่ยนและก็กลับมาก่อนชั่วคราว"เป๋าฮวนตอบอย่างไม่อดทน

"โอ้?"ตอนนั้นเองที่เป๋าเฉินแสดงสีหน้าที่มีความหมายบาอย่างออกมา เขาถามด้วยความสงสัยว่า: คือคุณเฟิง เฟิงหานชวนคนนั้นหรือเปล่า? อดีตสามีของเธอ? "

"ค่ะ"เป๋าฮวนพยักหน้า

"ฮวนฮวน ผู้ชายคนนั้นทำอะไรเธอหรือเปล่า? ให้ตายสิ บอกตาสิ ยังไงตาก็จะช่วยคิดบัญชีให้ทีหลังแน่นอน! "ใบหน้าของเป๋าเยี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธ เขาเอาไม้เท้าเคาะบนพื้นหญ้าอย่างแรง

เป๋าเยี่ยนรู้เรื่องเฟิงหานชวนกับเป๋าฮวนก่อนหน้านี้ หลังจากสามปีของการเติบโตในประเทศเฉิน เป๋าฮวนก็มีชีวิตที่มีความสุขมากและเกือบลืมความเศร้าโศกที่เธอเคยมีมาเมื่อก่อน

แต่ตอนนี้เป๋าฮวนรีบหนีกลับมา และถ้าหากมันยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฟิงหานชวนอีก เป๋าเยี่ยนก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป

ตอนแรกเขาต้องการโจมตี R กรุ๊ป บริษัทของเฟิงหานชวน แต่หลังจากการขัดขวางของเป๋าฮวน เขาก็ไม่ได้ดำเนินการตามแผนนี้

"ไม่ ไม่ใช่ค่ะ คุณตา ใจเย็นๆก่อน!"เป๋าฮวนโบกมือทันทีและพูดว่า: "ไม่ใช่เขาที่ทำอะไรหนู แต่เป็นหนูที่ไปทำอะไรเขา"

"คิคิ" ในขณะเดียวกันเป๋าเฉินที่ซึ่งยืนอยู่ข้างเป๋าเยี่ยนก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

เป๋าฮวนดูเหมือนจะมองออกในสิ่งที่เขาคิด เธอจ้องไปที่เป๋าเฉินทันที

ใครจะไปรู้ว่าเป๋าเฉินนั้นไม่ได้กลัวเธอเลย แต่กลับพูดด้วยความสนุกสนานอีกว่า: "อ่าห้ะ ฮวนฮวนของพวกเราได้เอาคำแนะนำของฉันไปใช้หรือเปล่าน้า?"

เป๋าฮวน: "…."

เธอเกือบจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา!

ต้องให้แน่ใจว่าเป๋าเฉินไม่ได้พูดมันออกมาอย่างเปิดเผย

ดูเหมือนว่าเธอจะต้องหาวิธีจัดการลุงของเธอให้ดีซะแล้ว

"มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคำแนะนำของลุงเลย โอเคไหม?"เป๋าฮวนโต้กลับ

สำหรับสิ่งที่เป๋าฮวนพูด มันได้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเลย

เพราะคำแนะนำของเป๋าเฉินก็คือการหายีนที่ดีสำหรับการทำ IVF และแบบนี้เธอก็สามารถมีลูกได้โดยไม่ต้องแต่งงานและไม่ต้องมีผู้ชาย

แต่ว่าเธอไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่เธอกลับเลือกที่จะต่อสู้กับเฟิงหานชวนแทน

"โอ้? ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับคำแนะนำของฉัน? "ดวงตาที่แคบและยาวแต่เดิมของเป๋าเฉินหรี่ลงเล็กน้อย เขามองเป๋าฮวนด้วยความเจ้าเล่ห์

"ข้างนอกแดดแรง คุณตารีบขึ้นมานั่งเลยค่ะ พวกเรารีบกลับกันเถอะ"เป๋าฮวนเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว เธอดึงเป๋าเยี่ยนเพื่อให้เขาขึ้นมานั่งบนรถยนต์ไฟฟ้า

จริงๆแล้วเป๋าเยี่ยนยังคงมีความยืดหยุ่นมากในการเคลื่อนไหว เขาเหยียบตรงที่เหยียบเพื่อขึ้นมาบนรถและนั่งลงถัดจากเป๋าฮวน

เป๋าเฉินเดินตามหลังเขาอย่างใกล้ชิดและนั่งข้างหลังเป๋าฮวนทันที

"ลุงขึ้นมาทำอะไร? ขี่ม้าของลุงไปสิ! "เป๋าฮวนหันศีรษะและจ้องไปที่เป๋าเฉิน

"เสื้อผ้าของฉันไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่"เป๋าเฉินยักไหล่และพูดว่า: "มาจากบริษัทแล้วเห็นม้าตัวนั้นพอดี ก็เลยขี่มันมาเจอเธอ"

"ลุงนั่งรถยนต์ไฟฟ้ายิ่งไม่เหมาะเลย"เป๋าฮวนคว่ำริมฝีปากลงและล้อเลียนอย่างจงใจ

"ไม่เป็นไร ที่นี่ไม่มีนักข่าวสักหน่อย"เป๋าเฉินยิ้มอย่างมีชัย

เป๋าเฉินเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศเฉิน เขาเป็นเจ้าของแบรนด์หรูและเป็นคนที่เพียบพร้อมและมีชื่อเสียง เขาเป็นที่ต้องการตัวของผู้หญิงส่วนใหญ่ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนในวงการบันเทิง แต่นักข่าวหลายคนก็อยากที่จะสัมภาษณ์เขาและติดตามเขา

อายุของเป๋าเฉินไม่ใช่น้อยๆแล้ว เขาเป็นลูกบุญธรรมของคุณตาเป๋าฮวน เป๋าเยี่ยน และปีนี้เขาก็อายุ 36 แล้ว เขาถูกบังคับจากตระกูลเป๋าตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก แต่โชคดีที่เขามีทัศนคติที่ดี

อย่างไรก็ตาม อย่าดูแต่นิสัยที่มองโลกในแง่ดีของเป๋าเฉิน แต่เป๋าฮวนรู้ว่าเป๋าเฉินมีสิ่งหนึ่งอยู่ในใจเสมอ ซึ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง

……

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีในห้องนั่งเล่น

จากบริเวณคฤหาสน์มาถึงที่ตัวบ้านใช้เวลาสักครู่หนึ่ง เพราะความเร็วของรถยนต์ไฟฟ้าไม่เร็วพอและใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจนจะมาถึง

คนรับใช้ชงชาเสร็จแล้ว พอพวกเขานั่งลงก็รินชาทั้งสามถ้วยให้พวกเขา

เป๋าฮวนค่อนข้างกระหายน้ำและไม่ได้สนใจความสุภาพอะไรทั้งนั้น เธอดื่มมันทันที เมื่อสาวใช้เห็นก็รีบเติมมันให้เต็มอีกทันที

"หลานสาวของฉัน พูดเกี่ยวกับมันสิ เกิดอะไรขึ้นกับเธอและเฟิงหานชวน?"เป๋าเฉินถามทันที

เป๋าเยี่ยนเองก็กังวลเช่นกัน แต่เขาไม่เหมือนกับเป๋าเฉิน เขาไม่รู้ความหมายนัยอื่น เขาเพียงแค่คิดว่าเฟิงหานชวนทำอะไรสักอย่างให้เป๋าฮวนไม่พอใจ เขายังคงรีบถามออกไปอย่างรวดเร็วอีกว่า: "ใช่ ฮวนฮวน รีบพูดกับตามา ให้ตาได้จัดการให้เธอ"

เป๋าฮวน: "…."

การจิบชาในครั้งที่สองของเป๋าฮวน เธอเกือบจะพ่นมันออกมา

จะบอกชายแก่สองคนนี้เกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร?

ลืมจิ่งมั่ว จิ่งเหลิ่งไปได้เลย ลุงเป๋าเฉินก็เหมือนกัน แต่คุณตานี่สิ…แน่นอนว่าเขาไม่สามารถยอมรับมันได้หรอก?

ถ้าหากว่าคุณตารู้เรื่องที่เธอคิดก่อนหน้านั้น คุณตาก็จะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการลูกหลาน แต่เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอทำเรื่องผิดๆแบบนั้นแน่นอน

"ที่จริงไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณตา คุณตาไม่ต้องกังวล แค่เฟิงหานชวนพบว่าหนูยังไม่ตาย เขารบเร้าให้หนูกลับไปอยู่ด้วยกัน แต่หนูไม่สนใจเขาและรีบกลับประเทศมา หนูกลัวว่าถ้าหนูยังอยู่ในประเทศจีน เขาก็จะตามรังควานหนู"เป๋าฮวนหันศีรษะมองไปที่คุณตาของเธอและพูดอย่างจริงจัง

"ฮวนฮวน แล้วเธอไม่อยากอยู่ในวงการบันเทิงจีนเพื่อแสดงละครเหรอ? หลานชายของตาเวิน น่าจะคุยกับเธอดีใช่ไหม? เขาอยู่ในแวดวงการบันเทิง เธอสามารถพูดคุยกับเขาได้นะ ส่วนเฟิงหานชวน ตาจะจัดการด้วยตัวเอง…"

"คุณตา!"เป๋าฮวนขัดจังหวะคำพูดของเป๋าเยี่ยน และพูดอย่างจริงจังว่า: "หนูไม่ได้จำเป็นที่จะต้องเข้าวงการบันเทิงของประเทศจีนและแสดงละคร ส่วนเฟิงหานชวน…ตาอย่าได้ใช้ความคิดริเริ่มที่จะโจมตีเฟิงหานชวนเลยนะคะ เมื่อถึงเวลานั้นข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเป๋าของเราจะถูกเปิดเผยและเขาจะมาหาคุณตา! "

แม้ว่าเป๋าฮวนจะรู้ว่าตระกูลเป๋านั้นแข็งแกร่งมาก แต่เฟิงหานชวนนั้นก็ยังคงอยู่เหนือนอกความสามารถของทุกคนอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่ได้วางแผนที่จะทำอะไรกับเฟิงหานชวนเลย และเธอไม่ต้องการเห็นคุณตาของเธอที่แก่ขนาดนี้แล้วยังคงต้องเป็นห่วงเธออยู่อีก เธอไม่อยากทำร้ายทั้งสองฝ่าย

"โอเค ตารู้ว่าในใจของเธอยังคงรู้สึกขมขึ่นกับผู้ชายเจ้าชู้คนนั้น ตาสัญญาว่าจะไม่โจมตีบริษัทของเขา"เป๋าเยี่ยนอายุมากขนาดนี้แล้ว ทำไมยังมองไม่ออกและไม่เข้าใจความคิดของเป๋าฮวนกันอีกนะ

"ค่ะ หนูจะอยู่กับตาที่ประเทศเฉิน พัฒนาธุรกิจของตัวเอง และทำสิ่งต่างๆของตัวเองเหมือนที่หนูเคยทำในสามปีที่ผ่านมา"เป๋าฮวนจับแขนของเป๋าเยี่ยน เธอยิ้มแล้วพูดไปด้วย

"ก็ได้ ก็ได้ ตาจะไม่ทำมันแล้ว!"เป๋าเยี่ยนตบหลังมือของหลานสาวเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเมตตา

หลังจากนั้นไม่นานเป๋าฮวนก็ขึ้นไปชั้นบนและกลับไปที่ห้องของเธอเพื่อพักผ่อน แต่เป๋าเฉินก็ย่องตามเข้ามาและปิดประตู

เป๋าฮวนหันกลับมา เธอเอามือเท้าสะเอว ใบหน้าของเธอดูหมดหนทาง: "ลุง ลุงย่องมาที่นี่เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนูที่จีนใช่ไหม?"

"ฉันเดาออกหน่า"เป๋าเฉินกอดอก ใบหน้าลูกครึ่งของเขาดูหล่อเหลาเอาการ

พื้นหลังของเป๋าเฉินนั้นไม่ค่อยดีนัก

แม่ของเขาเป็นคนจีน ในตอนนั้นเขามาที่ประเทศเฉินเพื่อเรียนหนังสือ แต่ครอบครัวของเขาไม่รวยนัก แถมประเทศเฉินยังมีค่าครองชีพที่สูงมาก เธอหมดหวัง เธอจึงต้องการขายตัวเองและให้บริการพวกผู้ชายที่ร่ำรวยในประเทศเฉิน

ต่อมาแม่ของเขาได้พบกับรักแท้ เขาเป็นลูกของพวกชนชั้นสูง หลังจากที่ทั้งสองตกหลุมรักกัน พวกเขาก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและได้ให้กำเนิดเขา

อย่างไรก็ตาม พ่อผู้ให้กำเนิดปกปิดความสัมพันธ์นี้ไว้ หลังจากที่ครอบครัวของเขาค้นพบ ครอบครัวของเขาก็ได้ข่มขู่สิทธิในมรดกของพ่อผู้ให้กำเนิดเขา และขอให้พ่อผู้ให้กำเนิดทิ้งแม่และเขาไว้ สำหรับทรัพย์สินของครอบครัว พ่อผู้ให้กำเนิดจึงปฏิเสธที่จะออกจากบ้านของเขาไป

ประเทศเฉินเป็นประเทศที่มีระบบชนชั้นที่เข้มงวดอย่างยิ่ง และเขาให้ความสำคัญกับการสืบเชื้อสายมากเป็นพิเศษ ดังนั้นพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่กับผู้หญิงขายตัวชาวต่างชาติ นับประสาอะไรกับการมีตัวตนอยู่ของเขา

เนื่องจากการมีตัวตนอยู่ของเขาจะเป็นการพิสูจน์ว่าครอบครัวของพวกเขาเชื่อมโยงกับคนที่ต่ำต้อยกว่า

เนื่องจากการออกไปของพ่อผู้ให้กำเนิด แม่ของเขาจึงพาเขาไปพบแต่ความสับสนวุ่นวาย ในที่สุดแม่ของเขาทนไม่ไหวและกระโดดแม่น้ำเพื่อฆ่าตัวตาย และเป๋าเฉินก็ถูกส่งตัวไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

ต่อมาเมื่อเขาได้รับการอุปถัมภ์จากเป๋าเยี่ยน เป๋าเฉินเองก็พบกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากตระกูลเป๋าเช่นกัน

จริงๆแล้วเป๋าฮวนรู้สึกเสียใจสำหรับลุงของเธอที่ไม่มีสายเลือดที่แท้จริงเสมอ เพราะความเศร้าโศกในชีวิตของเขายังไม่มีที่สิ้นสุดสักที

เมื่อเป๋าเฉินเป็นผู้ใหญ่ แม้ว่าเขาจะสละสิทธิ์ในการรับมรดกของตระกูลเป๋า เพื่อที่ตระกูลเป๋าจะได้ไม่รังควานเขาอีกต่อไป แต่เป๋าเฉินก็ได้ตกหลุมรักกับผู้หญิงที่มีสถานะเทียบเท่ากับเจ้าหญิงในประเทศเฉิน

เดิมที ทั้งสองไปด้วยกันได้ดี อีกทั้งภูมิหลังทางครอบครัวก็คล้ายคลึงกัน และพ่อแม่ของอีกฝ่ายก็สนับสนุนความรักของพวกเขามากเช่นกัน แต่ช่วงเวลาดีๆก็มีไม่นานนัก เพราะความจริงที่ว่าเป๋าเฉินเป็นบุตรบุญธรรมของเป๋าเยี่ยน

ครอบครัวของผู้หญิงคนนี้จึงค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเป๋าเฉิน และพบว่าแม่ของเขาเป็นผู้หญิงขายตัว ทั้งสองจึงต้องเลิกกัน

หญิงสาวไม่เห็นด้วย ดังนั้นเธอจึงถูกขังอยู่ที่บ้านและออกไปไหนไม่ได้ เป๋าเฉินไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากเป๋าเยี่ยนเพราะเขารู้ว่าครอบครัวอีกฝ่ายมีอำนาจ

ด้วยเหตุผลนี้เป๋าเยี่ยนจึงรู้สึกผิดต่อเป๋าเฉินอยู่เสมอ เพราะไม่สามารถปกป้องเขาได้ ทำให้เป๋าเฉินต้องประสบกับความเจ็บปวดอย่างมาก

แต่เป๋าเฉินรู้สึกขอบคุณเป๋าเยี่ยนมาเสมอ และแม้ว่าเขาจะชอบพูดหยอกล้อเป๋าฮวน แต่เขาก็รักหลานสาวคนนี้มากจริงๆ

"ลุงที่แสนดีของหนู บอกหนูมา ว่าเดาอะไรออก?"เป๋าฮวนยักไหล่ เธอนั่งบนโซฟาแล้วถามอย่างเฉยเมย

อย่างไรก็ตามเธอทำมันมาแล้ว นี่มันเป็นความจริง และต่อหน้าเป๋าเฉินเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอะไร

"เธอบอกว่าเธอทำอะไรบางอย่างกับเฟิงหานชวน ฉันเดาว่าเธอขโมยของของเขามา"เป๋าเฉินพูดอย่างมีไหวพริบมาก

"เอ่อ….."เป๋าฮวนเกาศีรษะอย่างเขินอาย จากนั้นก็พยักหน้าแล้วตอบว่า: "อื้ม ลุงเดาถูก"

"มันก็แค่จอย ถึงแม้ว่าเธอจะขโมยของของเขามาได้ แต่เธอรีบกลับมาแบบนี้ เธอแน่ใจหรือว่าจะทำสำเร็จด้วยการขโมยมันมาเพียงแค่ครั้งเดียว"เป๋าเฉินพูดอย่างตรงไปตรงมา

เป๋าฮวน: "…."

แม้ว่าเธอจะพูดไม่ออก แต่ว่าเป๋าเฉินก็พูดถูก

แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีปัญหาสุขภาพ แต่เธอและเฟิงหานชวนแค่หนึ่งคืนเมื่อคืนจะทำมันสำเร็จได้จริงๆเหรอ?

"ลุง อีกเดือนหนึ่งก็รู้แล้ว"

เป๋าฮวนเม้มปาก เธอคิดที่จะรอหนึ่งเดือน รอผลลัพธ์ที่ไม่รู้ มันยากที่จะทนได้จริงๆ

เวลาตอนนี้ ห่างจากพื้นดินพันไมล์

เครื่องบินส่วนตัวที่กำลังบินไปที่ประเทศเฉิน หญิงสาวนอนอยู่บนเก้าอี้ ในปากคาบหลอดดูด กำลังดื่มน้ำส้มอย่างสบายใจ

“คุณหนูใหญ่ครับ คุณวางแผนจะเข้าวงการบันเทิงไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมจู่ ๆ ถึงรีบร้อนกลับประเทศ?” จิ่งเหลิ่งนั่งลงตรงข้ามเธอ แล้วถามขึ้นด้วยความงงงวย

นี่คงเป็นครั้งที่ร้อยแล้วที่เขาถามคำถามนี้

เพียงแต่เป๋าฮวนไม่สนใจเขาเหมือนกับครั้งที่หนึ่งถึงครั้งที่เก้าสิบเก้า เธอยื่นแก้วน้ำในมือส่งให้เขา

แล้วพูดสั่ง “เอามาอีกแก้ว!”

“คุณหนูใหญ่ครับ นี่เป็นแก้วที่ห้าแล้วนะครับ!” จิ่งเหลิ่งอึ้งนิดหน่อย เขาเห็นได้ชัดว่าท่าทางของเป๋าฮวนในวันนี้ไม่เหมือนกับปกติ

ใช่ ไม่ปกติมาก ๆ!

แปลกประหลาด!

แปลกประหลาดมาก!

“ความจุของแก้วใบนี้มากสุด 200 มิลลิลิตร แล้วทุกครั้งนายก็ไม่ได้เติมเต็มแก้ว ตอนนี้คิดซะว่า 150 มิลลิลิตร ดื่มห้าแก้วก็แค่ 750 มิลลิลิตร เท่ากับดื่มเครื่องธรรมดาขวดหนึ่งเท่านั้นแหละ”

“นี่ปกติมากไม่ใช่เหรอ?” เป๋าฮวนถามกลับ

จิ่งเหลิ่งอึ้งในทันที มือข้างหนึ่งรับแก้วน้ำมา มืออีกข้างเกาท้ายทอยของตัวเอง จากนั้นก็พยักหน้าครุ่นคิด “คุณหนูใหญ่ครับ คุณพูดอย่างมีเหตุผลมากครับ!”

เป๋าฮวนกลอกตามองเขา

“ดังนั้น คุณหนูใหญ่ทำไมจู่ ๆ ถึงกลับประเทศครับ?” จิ่งเหลิ่งยืนหยัดถามครั้งที่หนึ่งร้อยหนึ่ง

“จิ่งเหลิ่ง นายน่ารำคาญจริง ๆ!” เป๋าฮวนตะคอก

ในตอนนี้เอง จิ่งมั่วเดินเข้ามา รับแก้วเปล่าไปจากมือจิ่งเหลิ่ง โค้งคำนับให้เป๋าฮวน จากนั้นก็พูดขึ้น “คุณหนูใหญ่ครับ ผมไปรินน้ำส้มให้คุณครับ”

จิ่งมั่วสีหน้าจริงจังเดินออกไป จิ่งเหลิ่งก็รีบเดินตามไป

ที่ห้องอาหาร สองพี่น้องยืนเรียงกัน คนหนึ่งเทน้ำส้ม อีกคนกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดครุ่นคิด

“ไม่ปกติ ไม่ปกติมาก ๆ” จิ่งเหลิ่งส่ายหน้า พูดพึมพำกับตัวเอง

“ฉันรู้ว่าไม่ปกติ แต่นายถามแบบนี้ ไม่มีประโยชน์อะไร” จิ่งมั่วตอบอย่างใจเย็น

“นายก็รู้สึกว่าไม่ปกติเหรอ?” จิ่งเหลิ่งถามอย่างตื่นเต้น

“ใช่ อีกอย่างฉันเดาว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับเฟิงหานชวน” จิ่งมั่วตอบจริงจัง

“ฉันก็คิดแบบนี้! แต่ว่าทำยังไงคุณหนูใหญ่ก็ไม่ยอมพูด” จิ่งเหลิ่งรู้สึกว่าความสงสัยของตัวเองไม่ได้รับความพึงพอใจ รู้สึกร่างกายไม่สบายเป็นอย่างมาก

“ปกติคุณหนูใหญ่มีเรื่องอะไรจะไม่ปิดบังพวกเรา บางทีเรื่องนี้อาจจะไม่สะดวกที่จะพูดออกมา” จิ่งมั่วเทน้ำส้มเสร็จ แต่กลับวางแก้วลงบนเคาร์เตอร์ ไม่ได้รีบร้อนออกไป

ฟังคำวิเคราะห์ของจิ่งมั่ว จิ่งเหลิ่งเข้าใจในทัน เขาตบหน้าขาแล้วพูดขึ้น “อามั่ว นายฉลาดมาก! เพียงแต่…”

จิ่งเหลิ่งเริ่มสงสัยอีกครั้ง “เรื่องอะไรที่ไม่สะดวกจะพูด? คุณหนูใหญ่เป็นคนหน้าหนาขนาดนั้น จะมีตอนไหนที่รู้สึกเขินอายด้วยเหรอ?”

จิ่งมั่ว “…”

ในตอนนี้เอง ประตูถูกผลักออกอย่างแรง

จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งหันหน้าไปพร้อมกัน เห็นเป๋าฮวนยืนอยู่ที่ประตู กำลังถลึงตาใส่พวกเขาอย่างโมโห

“พวกนายกล้านินทาฉันลับหลัง?” เป๋าฮวนมือเท้าเอว โวยวายด้วยความโมโห

“คุณหนูใหญ่ครับ ขอโทษด้วยครับ” จิ่งมั่วรีบก้มหน้าขอโทษ

จิ่งเหลิ่งก็รีบทำตาม

“อันที่จริงไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ และก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่ยอมพูด เพียงแต่ตอนนี้ฉันยังฟื้นคืนสภาพไม่ได้ ดังนั้นไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าไม่สะดวกที่จะพูด!”

เป๋าฮวนพูดความจริง เธอไม่มีเรื่องอะไรที่จะเขินอายที่ไม่สะดวกจะพูดกับจิ่งมั่วจิ่งเหลิ่ง เหตุผลเพียงแค่จู่ ๆ ก็หนีมา คิดว่าต่อจากนี้ไปอาจจะไม่ได้เจอผู้ชายคนนั้นอีก เธอก็รู้สึกอัดอั้น จึงไม่อยากเอ่ยปากพูดอะไร

“พวกนายฟังให้ดี เมื่อคืนฉันมีอะไรกับเฟิงหานชวนแล้ว!” เธอประกาศอย่างดุดัน

“อะไรนะ???”

จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งถลึงตาโต จิ่งมั่วที่ท่าทางเย็นชาดุดันมาโดยตลอด ก็หลบความตะลึงไม่ได้

“ไม่ใช่ครับ คุณหนูใหญ่ คุณเกลียดผู้ชายคนนั้นมากไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมคุณถึง…คุณหิวกระหายเหรอ…” จิ่งเหลิ่งถามมั่ว ๆ

“หิวกระหายบ้าอะไร!” เป๋าฮวนตบหัวของจิ่งเหลิ่งอย่างแรง แล้วพูดขึ้น “ฉันแค่ยืมสายพันธุ์ ไม่อย่างงั้นคุณตาก็คงจะขาดผู้สืบทอด!”

“อะไรนะ???”

คราวนี้ดวงตาสองคู่ของจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม

“คุณหนูใหญ่ เรื่องนี้นายท่านรู้แล้วยังครับ?” คุณภาพทางจิตใจจิ่งมั่วค่อนข้างสูง เขากลับมาสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามขึ้นอย่างจริงจัง

เป๋าฮวนส่ายหน้าพูดขึ้น “ยังไม่รู้เลยว่าจะท้องหรือเปล่า! ถ้าไม่ท้อง…”

“คุณหนูใหญ่ ถ้าคุณไม่ท้อง งั้นก็หาชายหนุ่มตระกูลผู้ดีที่เก่งกาจที่ประเทศเฉิน ดีกว่าหาสามีเก่าคนนั้นของคุณเยอะ!” จิ่งเหลิ่งพูดแนะนำ

เป๋าฮวน “…”

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเจอชายหนุ่มตระกูลผู้ดีพวกนั้น พวกเขาไม่น่าสนใจเลยสักนิด

ในเมื่อรูปร่างแบบนั้นของเฟิงหานชวน หน้าตาแบบนั้น ไอคิวแบบนั้น ความสามารถแบบนั้น มีน้อยมากจริง ๆ

“คุณหนูใหญ่ครับ คุณยังรักเขาอยู่ใช่ไหมครับ?”

ในตอนที่เป๋าฮวนกำลังครุ่นคิดอยู่ เสียงของจิ่งมั่ว จู่ ๆ ก็ดังขึ้นแทงใจ

เป๋าฮวนตะลึง จากนั้นก็พูดปฏิเสธ “จะเป็นไปได้ยังไง? อามั่ว นายก็เริ่มพูดมั่วเหมือนอาเหลิ่งแล้วเหรอ?”

อาเหลิ่งที่อยู่ด้านข้าง “???”

“คุณหนูใหญ่ครับ ผมพูดมั่วตอนไหนครับ? ประโยคไหนของผมที่พูดไม่ถูก?” จิ่งเหลิ่งน้อยใจอย่างมาก

“ทุกประโยคของนายผิดหมด!” เป๋าฮวนพูดประโยคนี้จบ ก็หมุนตัวเดินกลับไปที่นั่งของตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วใช้ผ้าห่มห่มร่างกายของตัวเอง

แม้แต่ใบหน้าของตัวเองก็ยังถูกคลุมไปด้วย

ตั้งแต่ออกจากประเทศฮัวจนถึงตอนนี้ น่าจะประมาณห้าชั่วโมงแล้ว อย่างน้อยอีกห้าชั่วโมงกว่าจะถึงประเทศเฉิน

ดังนั้นตอนนี้เธอต้องนอนพักก่อน ไม่อย่างงั้นสมองจะชอบคิดมั่วไปมา ไม่สบายใจจริง ๆ

ท้องฟ้ามือที่ปกคลุมเมืองเป่ยเฉิง

ภายในห้องสวีทของโรงแรมตี้ฮวง ชายหนุ่มนั่งอยู่บนพื้น แผ่นหลังพิงหน้าต่าง ขวดเบียร์และก้นบุหรี่กระจัดกระจายไปทั่ว

“ครืดครืดครืด…”

โทรศัพท์ที่วางอยู่บนพื้นสั่นขึ้น

ชายหนุ่มมองดูเบอร์ที่แสดงขึ้น แล้วกดรับสายในทันที เสียงของเขาแหบเป็นอย่างมาก “หาเจอแล้วยัง?”

“ประธานเฟิงครับ มีเบาะแสแล้วครับ!” ซูอวี่เหนื่อยจนหอบ แล้วพูดรายงาน “ผมงัดปากเจ้าหน้าที่สนามบินกว่าพวกเขาจะยอมพูด วันนี้ตอนเที่ยง มีเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งบินออกจากสนามบินครับ”

“จุดหมายปลายทางคือที่ไหน?” เฟิงหานชวนรีบลุกขึ้นยืนทันที สีหน้ารีบร้อนอย่างเห็นได้ชัด แม้กระทั่งมือที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ก็สั่นเล็กน้อย

“ประเทศเฉินครับ! จุดหมายปลายทางคือ…ประเทศเฉิน!” ซูอวี่รีบตอบ

“เป็นไปอย่างที่คิด” เฟิงหานชวนหัวเราะเยือกเย็นในทันที ความรู้สึกเศร้าเต็มใบหน้า

เธอกลับประเทศเฉิน แต่ไหนแต่ไรไม่ได้คิดอยากจะข้องเกี่ยวกับเขาอีก ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งสองได้เจอกันโดยบังเอิญ บางทีชาตินี้เขาก็คงไม่ได้เจอเธออีก

ตอนนี้เธอแทบรอไม่ไหวที่จะกลับไปประเทศเฉินในทันที ก็เพื่อหลบเขา อยู่ให้ไกลจากเขา

ดังนั้นความสนิทสนมของทั้งสองคนเมื่อคืนนี้ นับประสาอะไร?

ให้ความหวังเขา แล้วโจมตีเขาอย่างแรง?

เป๋าฮวนรู้ว่าตัวเองไม่มีปัญหาในการให้กำเนิดบุตร

หรงจิ่นซิวพูดแบบนั้น ทางเดียวที่เป็นไปได้คือให้เธอเก็บเด็กไว้ เด็กที่เป็นลูกของเฟิงหานชวน

โดยที่เขาไม่ได้บอกความจริงกับเธอ ให้เธอรักษาเด็กไว้อย่างระมัดระวัง

เมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ไม่ได้มีปัญหาอะไร หลังจากที่เป๋าฮวนกลับมาถึงบ้าน ก็ด่าเฟิงหานชวนไปร้อยรอบ เพราะว่าเธอรู้สึกว่าต้องเป็นความคิดของเฟิงหานชวนแน่ ไม่อย่างงั้นหรงจิ่นซิวคงไม่มีความจำเป็นต้องพูดแบบนี้

แต่ว่าตอนนั้นเธอกับเฟิงหานชวนแยกกันคนละทางแล้ว ด่าส่วนด่า เธอไม่สามารถทำอะไรเฟิงหานชวนได้

ตอนนี้ลองคิดดู เป๋าฮวนรู้สึกว่าคืนนี้เป็นโอกาสที่ตนเองจะแก้แค้นเฟิงหานชวน!

เขาให้ความสำคัญกับลูกของเขา งั้นเธอก็จะพาเมล็ดพันธุ์ของเขา…หนีไป!

เขาคิดไม่ถึงว่าเป๋าฮวนจะยั่วแหย่เขาได้ขนาดนี้!

เห็นท่าทางอดทนแบบนี้ของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนรู้สึกตลก ทำหน้าทะเล้นใส่เขา ยั่วแหย่เขาอีกครั้ง

เสียงดังฟังชัด!

“เฟิงหานชวน คุณ คุณคุณคุณ…” เป๋าฮวนตกใจจนพูดไม่ออก

เป๋าฮวนเดิมที่ถูกทำให้ตกใจ แต่ตอนนี้จิตใจของเธอแข็งแกร่งมาก ยังไงซะเมื่อครู่เธอได้เปรียบแล้ว ตอนนี้เธอก็ไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าด้อยกว่า

เธอปฏิญาณในใจ: เฟิงหานชวน กลัวที่ไหนล่ะ!

ตลอดทั้งคืน

ตอนแรกเริ่มเธอเป็นฝ่ายชนะ แต่ตอนหลังในทางกลับกัน สุดท้ายเธอทนไม่ไหว หลับไปก่อน

เมื่อตื่นขึ้นมาก็ยามบ่ายแล้ว

ในตอนที่เป๋าฮวนลืมตาขึ้นมา ไม่เพียงแค่ได้เห็นแสงแดดจ้า แต่ก็ยังเห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม

เมื่อนึกได้ถึงเรื่องเมื่อคืน เป๋าฮวนหน้าแดงในทันที รีบพลิกตัวไปอีกข้าง หันหลังให้ชายหนุ่ม

เป๋าฮวนกระตุกมุมปาก ไม่ได้พูดอะไร

ถูกเขาเอาเปรียบอย่างมาก!

เกินไปแล้ว!

ทั้งเหนื่อยทั้งไม่สบาย

“ฮวนฮวน ทำไมคุณถึงไม่พูด” เฟิงหานชวนยิ้มมุมปากเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

ดีจริง ๆ เขาได้ครอบครองฮวนฮวนของเขาอีกครั้ง ได้กอดฮวนฮวนนอน และในตอนที่ตื่นขึ้นก็ได้เห็นฮวนฮวนของเขา

“เหนื่อย” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนน่ารำคาญมาก เธอเกรงว่าถ้าตัวเองไม่สนใจเขาอีก เขาก็จะพึมพำข้างหูอยู่แบบนั้น

ได้ยินคำนี้ เฟิงหานชวนอึ้งนิดหน่อย จึงกุมมือเธอไว้แน่นกว่าเดิม เขาค่อย ๆ เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ครั้งหน้าผมจะควบคุมตัวเอง”

ควบคุมตัวเอง?

ยังมีครั้งหน้า?

เป๋าฮวนกลอกตามองบน โมโหจนอยากจะสบถคำหยาบ

เป๋าฮวนได้ยินว่าเขินอาย?

เขินอายบ้าบออะไร?

เธออาย?

“ฉันอายบ้าบอสิ!” เป๋าฮวนสบถออกมา

เป๋าฮวน “…”

หน้าของเธอแดง หูก็แดง แดงไปหมดทั้งตัว เพราะว่าเลือดในตัวของเธอกำลังเดือดพล่าน

แล้วผู้ชายเฮงซวยคนนี้ยังจะคิดว่าเธอเขินอายอีก?

“ฮวนฮวน คุณไม่ต้องตอบผม ผมก็รู้ได้” เฟิงหานชวนกอดเธอไว้แน่นกว่าเดิม รัดเธอไว้แน่น ราวกับเป็นเจ้าของโลกทั้งใบ

เป๋าฮวนหมดคำพูด

ท่าทางของเมื่อคืน?

เป็นฝ่ายรุก หรือว่าถูกบังคับ?

เป๋าฮวนโมโหขึ้นอีก แล้วก็งงมาก

“ชอบหมด” เหมือนกับเดาได้ว่าเป๋าฮวนกำลังคิดอะไรอยู่ เฟิงหานชวนจึงพูดเสริมขึ้น

เป๋าฮวน “…”

เธอค้นพบแล้วว่า ไม่ว่าจะเมื่อไหร่เวลาไหน เธอไม่มีวันชนะเฟิงหานชวนได้เลย

เหมือนว่าเธอไม่เคยชนะมาแต่ไหนแต่ไร

“คุณน่ารำคาญมาก ตกลงว่าคุณจะไปบริษัทไหม! หรือว่าคุณเป็นประธานที่ปัดความรับผิดชอบ?” เป๋าฮวนโมโหจนหันหน้ามา ถลึงตาใส่เฟิงหานชวน

จู่ ๆ เฟิงหานชวนก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเลี่ยนเกินไป แค่เขาควบคุมความตื่นเต้นไม่ได้ เขารีบถามขึ้น “ฮวนฮวน คุณเป็นกังวลว่าผมจะไม่มีปัญญาเลี้ยงคุณเหรอ?”

ไม่ต้องให้นายมาเลี้ยงฉัน” เป๋าฮวนหันหน้ากลับไปอย่างหมดคำพูด แล้วหันหลังหัวให้เฟิงหานชวน

ตอนนี้เธอมีเงินมากมาย และไม่ใช่เงินอื่นไหน แต่เป็นเงินของตัวเอง

“ถึงแม้คุณจะไม่ให้ผมเลี้ยงดูคุณ แต่เลี้ยงดูคุณคือความรับผิดชอบของผม คุณภรรยา” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนตื่นเต้นมากจริง ๆ

หลังจากที่เป๋าฮวนหลับไปแล้ว เขาก็ไม่ได้นอนเลย เขากังวลว่าถ้าหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาพบว่านี่เป็นแค่ความฝัน และก็เป็นกังวลว่าถ้าหลับไปเป๋าฮวนจะแอบหนีออกไป

ดังนั้นเขาไม่ได้นอน และก็นอนไม่หลับ

เป๋าฮวน “…”

คิดไม่ถึงว่ายังจะเรียกเธอว่าภรรยา นี่มัน…

เฟิงหานชวนตะลึงนิดหน่อย จากนั้นก็รู้สึกถึงปัญหาของตัวเอง แล้วจึงรีบปล่อยมือ รีบลุกขึ้นนั่ง

“ฮวนฮวน เดี๋ยวผมไปบริษัท คุณ…” เฟิงหานชวนหยุดพูด

“คุณอยากจะพูดอะไร? เป๋าฮวนก็ลุกขึ้นนั่ง เธอขมวดคิ้ว ถามขึ้น

“คุณไปบริษัทเป็นเพื่อนผมได้ไหม?” เฟิงหานชวนหน้าด้านถามขึ้น

“ไม่ได้!” เป๋าฮวนตอบอย่างอึ้ง “ฉันไปบริษัทคุณทำไม? วันนี้ฉันจะไปเจอผู้กำกับ!”

อันที่จริงเธอไม่ได้นัดผู้กำกับอะไรหรอก พูดมั่วไปอย่างงั้นแหละ เพราะว่าเธอกลัวว่าเฟิงหานชวนจะตามแจไม่หยุด จะพาเธอไปบริษัทให้ได้

“คุณจะไปพบผู้กำกับ? ผู้กำกับคนไหน?” เฟิงหานชวนรีบถามขึ้น

“ผู้กำกับจาง ผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงท่านนั้น” เมื่อวานเป๋าฮวนได้พูดคุยกับผู้กำกับจางพอดี ดังนั้นจึงงัดเขาออกมาเป็นตัวกำบัง

“คุณจะเข้าวงการบันเทิง? เป็นนักแสดง?” เฟิงหานชวนถามขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงตื่นเต้น

“ใช่!” เป๋าฮวนพยักหน้า

การยืนยันของเธอ แลกกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเฟิงหานชวน

“คุณยิ้มอะไร? คุณยิ้มแล้วแปลกประหลาดมาก!” เป๋าฮวนดูใบหน้ายิ้มแย้มของเฟิงหานชวน กลับรู้สึกตื่นตระหนก

ในเมื่อเวลาส่วนใหญ่เฟิงหานชวนเป็นคนหน้าตาย สามารถทำให้เขาหัวเราะออกมาได้ เห็นได้น้อยครั้งมาก มากสุดก็แค่อมยิ้ม หรือไม่ก็ฝืนไม่ยิ้ม

ยิ้มแบบเปิดเผยแบบนี้ ไม่เข้ากับรูปลักษณ์ของเฟิงหานชวนจริง ๆ

“ไม่มีอะไร” เฟิงหานชวนปฏิเสธ สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที

เขาดีใจจริง ๆ เพียงแต่เห็นเป๋าฮวนเผยสีหน้ารังเกียจออกมา ดังนั้นเขาจึงกลับมาทำสีหน้าปกติ

ที่เขาดีใจก็เพราะเรื่องที่เป๋าฮวนจะเข้าวงการบันเทิง เพราะว่าลึก ๆ ในใจของเขา อันที่จริงเขากลัวว่าเป๋าฮวนจะจากไป ตอนนี้เป๋าฮวนวางแผนเข้าวงการบันเทิง แสดงว่าเธอจะอยู่ที่ประเทศฮัวตลอดไป

เพียงแต่เข้าวงการบันเทิงไม่ดีสักนิด ต้องไปถ่ายทำทั่วประเทศ นี่ก็ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกปวดประสาท

ในเมื่อเขายังมีบริษัทที่ต้องบริหารงาน ถึงจะไปต่างเมืองเป็นเพื่อนเป๋าฮวนได้

“อืม ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร งั้นคุณรีบไปเถอะ” เป๋าฮวนรีบเร่งเขา

เฟิงหานชวนพยักหน้า พลิกตัวจะลงจากเตียง แต่จู่ ๆ กลับหันหน้ามาอีก “ฮวนฮวน!”

“คุณ…คุณยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอ?” เป๋าฮวนถามขึ้น

“คุณพักผ่อนอีกสักหน่อย ช่วงค่ำผมมารับคุณ พวกเรากลับไปอยู่ที่บริษัทหมิงอวี่เถอะ? จากนั้นก็จัดการเรื่องหลิวหลี่ถงกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ด้วย”

เพราะว่าเมื่อคืนบ้าระห่ำทั้งคืน พวกเขาจึงนอนจนถึงเที่ยง เฟิงหานชวนเกือบจะลืมแล้ว ว่ายังไม่ได้จัดการการเผชิญหน้าระหว่างผู้หญิงสองคน

“ไม่ต้อง” เป๋าฮวนปฏิเสธ

“ฮวนฮวน คุณเลือกที่จะเชื่อผมแล้วเหรอ?” ดวงตาของเฟิงหารชวนปรากฏความประหลาดใจ

“ฉันหมายถึงไม่กลับบริษัทหมิงอวี่ คุณพาพวกเขามาที่นี่สิ!” เป๋าฮวนเบ้ปาก เธอไม่กลับไปกับเขาหรอก

“คุณยังไม่ให้อภัยผมเหรอ?” เฟิงหานชวนสีหน้าผิดหวัง

เป๋าฮวนถอนหายใจแรง ๆ แล้วพูดขึ้น “เฟิงหานชวน คุณให้ฉันสงบจิตสงบใจก่อนเถอะ”

อันที่จริงเธอไม่ได้พูดตรง ๆ ว่าพวกเขากลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ดังนั้นเธอจะกลับไปที่บริษัทหมิงอวี่กับเขาได้ยังไง?

เห็นเป๋าฮวนหลบหน้า เฟิงหานชวนเข้าใจแล้วว่าตัวเองรีบร้อนเกิน ในเมื่อเป๋าฮวนก้าวข้ามมาก้าวหนึ่งแล้ว ก็แสดงว่าเขายังมีโอกาสอยู่

“ตกลง ไม่ว่าคุณจะพิจารณานานแค่ไหน ผมจะรอคุณเสมอ” เฟิงหานชวนพูดประโยคนี้จบ ก็ออกไปจากห้อง

เป๋าฮวนก็ลงจากเตียง เธอแปรงฟันไปด้วย เดินไปที่ประตูไปด้วย เธอค่อย ๆ แง้มเปิดประตู

ผ่านไปประมาณสิบ เฟิงหานชวนสวมใส่ชุดสูท เดินออกจากห้องสวีท เดินไปทางลิฟต์

เป๋าฮวนปิดประตูลงทันที แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องนอน หยิบโทรศัพท์โทรหาจิ่งมั่ว

พลบค่ำ

รถมายบัคสีดำคันหนึ่ง ค่อย ๆ จอดลงที่ประตูโรงแรมตี้ฮวง

และด้านหลังรถมายบัคนั้น ก็มีรถตู้ทรุดโทรมคันหนึ่งจอดตามติดกัน

คนขับรถของรถตู้ลงมาจากรถ แล้วเปิดประตูออก บอดี้การ์ดชุดดำทั้งสี่คนพาผู้หญิงผมเผ้ารุงรังสองคนออกจากรถ

เวลานี้ เฟิงหานชวนลงมาจากรถมายบัค เดินไปทางประตูใหญ่ของโรงแรม ซูอวี่ตามติดหลัง จากนั้นก็เป็นบอดี้การ์ดชุดดำที่หิวปีกหลิวหลี่ถงกับหลิ่วเยว่เอ่อร์อยู่

ไม่ผิดก็คือผู้หญิงผมเผ้ายุ่งเหยิง ก็คือพวกเธอสองคน

โดยเฉพาะหลิวหลี่ถง ที่แทบจะตกใจจนบ้าแล้ว!

ตลอดทางที่เดินไปห้องสวีท เฟิงหานชวนแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง

เขากังวลว่าเป๋าฮวนเห็นผู้หญิงสองคนนี้ ก็ยังไม่ให้อภัยเขา ดังนั้นค่อนข้างเป็นกังวล

จนกระทั่งเดินจนถึงห้องของเป๋าฮวนแล้วหยุดฝีเท้าลง เฟิงหานชวนเคาะประตู แล้วเรียก “ฮวนฮวน ผมกลับมาแล้ว”

หลังจากที่เรียกอยู่พักใหญ่ ก็ไม่มีคนตอบรับ

“ฮวนฮวน!” เฟิงหานชวนเคาะประตูแรง ๆ อีกครั้ง

แต่ก็ไม่มีคนตอบ

เขาคิดว่าเป๋าฮวนยังไม่กลับมา จึงโทรไปหาเป๋าฮวน เขามีเบอร์โทรศัพท์ประเทศเฉินของเธอ

จากนั้นมีเสียงกลไกของผู้หญิงดังขึ้น “ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วในทันที

ในตอนนี้เอง จอห์นวิ่งออกมาจากฟิตเนสด้วยเหงื่อเต็มตัว กำลังจะออกไปหาอะไรกิน แต่กลับเห็นว่าที่ทางเดินมีคนยืนอยู่เยอะแยะ

เมื่อเขาเห็นชัดเจนว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของตนเอง แต่กลับยืนอยู่ที่ห้องสวีทของเป๋าฮวน

จอห์นจึงวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้าเฟิงหานชวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “ประธานเฟิง คุณไม่ได้มาหาคุณเป๋าใช่ไหม?”

“นายเจอเธอเหรอ? เธออยู่ที่ฟิตเนส?” เฟิงหานชวนถามขึ้น

“ไม่ครับ! ตอนเที่ยงคุณเป๋าได้เช็คเอ้าท์ออกไปแล้ว ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว!” ถึงแม้จอห์นจะตอบอย่างเป็นทางการ แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเสียดาย

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องของเขากับอันนาที่ฟิตเนสถูกเป๋าฮวนเห็นเข้า ไม่แน่ตอนนี้เป๋าฮวนอาจจะพาเขาไปด้วยก็ได้!

เขาเสียดายจริง ๆ!

“นาย…ว่าอะไรนะ?” เฟิงหานชวนอึ้งไปในทันที

“ประธานเฟิง คุณไม่ทราบเหรอครับ? ผมนึกว่าคุณกับเป๋าฮวนสนิทกัน น่าจะรู้…” จอห์นตั้งใจพูดแบบนี้ เขาเป็นคนที่สังเกตคนอื่นเก่งมาก เห็นท่าทางแบบนี้ของเฟิงหานชวน ก็รู้ว่าเป๋าฮวนไม่ได้บอกเหิงหานชวนแน่นอน

เฟิงหันชวนตั้งสติ ผลักจอห์นออกอย่างแรง แล้ววิ่งไปที่ลิฟต์

ในตอนที่กดปุ่มลิฟต์ เขากลับอึ้ง

ถึงตอนนี้เขาไปหาเธอ แต่เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป๋าฮวนไปไหน!

เดิมคิดว่าเฟิงหานชวนจะทำอะไรกับเธอต่อไป แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย

เป๋าฮวนพยายามดิ้นรนสองครั้ง ขมวดคิ้วแน่น และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ปล่อยฉันนะ!”

เฟิงหานชวนปล่อยมือของเธอทันทีและนั่งตัวตรงอีกครั้ง โดยแบบนี้เป๋าฮวนมองเห็นได้แค่หลังของเขาและใบหน้าด้านข้างเล็กน้อย

ในห้องที่มีแสงสลัว โครงร่างใบหน้าของเขามีความชัดเจนเป็นพิเศษ โดยมีทั้งขอบและมุม

เธอรักษาท่าทางที่เพิ่งนอนราบโดยมองไปที่เฟิงหานชวนอย่างไม่ขยับเลย

ผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่มีใครพูดอะไร เป๋าฮวนก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีรู้สึกแปลกๆอยู่ในใจ

“นอนเถอะ!” เธอไม่อยากคิดมาก เธอหันหลังแล้วนอนตะแคง โดยหันหลังให้เฟิงหานชวน

ชายหนุ่มไม่ตอบเธอ ยังคงนั่งตัวตรงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เป๋าฮวนนอนไม่หลับ จิตใจของเธอสับสน หันศีรษะและมองไปที่เฟิงหานชวนและพบว่าเขายังคงนั่งอยู่

“คุณจะไม่นอนเหรอ?” เป๋าฮวนถามอย่างหดหู่

“นอนไม่หลับ” เฟิงหานชวนพูดช้าๆด้วยเสียงทุ้ม

เป๋าฮวน : "……"

ดูเหมือนว่าเธอจะถามคำถามเกินความจำเป็น

“เพราะคุณ ผมถึงนอนไม่หลับ” ชายหนุ่มพูดเพิ่มเติมขึ้น

เป๋าฮวน: "?"

เธอขมวดคิ้วและถามว่า “เพราะฉันเหรอ? ทำไมเพราะฉันแซวคุณ ก็ไม่ได้อะไรกับคุณเลย ดังนั้นคุณเลยนอนไม่หลับ?”

แน่นอนว่าเฟิงหานชวนไม่ใช่หลอดไฟที่ประหยัดน้ำมัน

“ไม่ใช่” เฟิงหานชวนปฏิเสธทันที

เป๋าฮวน: "?"

ตอนนี้เธอสับสนเล็กน้อย

ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด แล้วทำไมเขาถึงนอนไม่หลับเพราะเธอหล่ะ?

“ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง? หรือว่าคุณยังโสด?” เฟิงหานชวนถามอีกครั้ง

เป๋าฮวนขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้นและพูดอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีว่า “นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะ”

“มันเกี่ยว เพราะผมอยากรู้” เฟิงหานชวนหันศีรษะและสบตากับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เป๋าฮวนตกตะลึงแล้วตอบว่า “โสดสิ! แต่ต่อให้ฉันโสดฉันก็ไม่กลับไปหาคุณ”

“ในเมื่อคุณยังโสดผมก็ยังโสด หากคุณต้องการ เราเป็นเพื่อนวิ่งกันได้” เฟิงหานชวนกล่าวเบาๆ

หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด เป๋าฮวนตกใจจนกรามเกือบค้าง

เพื่อนวิ่ง?

มีข้อผิดพลาดหรือเปล่า?

“ฉันไม่สนใจการพัฒนาระยะยาว” เป๋าฮวนปฏิเสธ

“ไม่กี่ครั้งก็ได้” เฟิงหานชวนตอบอย่างฝืนใจ

ตอนนี้ ถ้าเขาอยากจะรั้งเป๋าฮวนไว้ เขาต้องหาวิธีเข้าหาเธอ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด

“ไม่กี่ครั้ง? ครั้งเดียวก็พอแล้ว!” เป๋าฮวนเกือบจะโพล่งออกมา

ตอนที่พูดประโยคนี้ ในสมองเธอคิดว่าเรื่อง "หว่านเมล็ดพืช" สำหรับเธอแล้ว แค่แบบนี้ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

แต่เธอไม่เคยคิดถึงว่าตัวเองจะพูดอย่างนี้ออกมา

เมื่อเธอตั้งสติได้ เฟิงหานชวนก็ได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว เธอปิดปากตัวเอง แต่เธอหมดโอกาสกลับคำแล้ว

โชคดีที่เธอไม่ได้เปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา

“ฮวนฮวน ความหมายของคุณคือ……เต็มใจครั้งเดียว?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนถูกประกบด้วยความตื่นเต้น

จากที่เป๋าฮวนได้ยินมา เฟิงหานชวนเป็นผู้ชายที่ถูกลมพัดและไหลลื่นอย่างหาที่เปรียบมิได้ เมื่อได้ยินคำพูดที่ปล่อยไปตามสายลมพัดแบบนี้ ก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง

เธอแอบหัวเราะแล้วนั่งตัวตรง เอามือคล้องคอของชายหนุ่ม แล้วยิ้มอย่างมีเสน่ห์พูดว่า: "ค่ำคืนที่ยาวนาน ได้นี่ได้แน่นอน แต่…… ฉันมีคำขอ"

ขณะที่เธอกำลังพูด เธอยื่นมือเล็กๆออกมาแล้วล้วงเข้าไปในชุดนอนของชายหนุ่ม

เสียงของเฟิงหานชวนค่อยๆแหบแห้ง แล้วเขาถามทันทีว่า "คำขออะไร?"

เมื่อรู้ว่าตัวเธอเองกระตุ้นความสนใจของเฟิงหานชวน เธอเงยหน้าขึ้น วางปากไว้ใกล้หูของชายหนุ่ม และกระซิบสองสามประโยค

ในวินาทีต่อมา เธอถูกชายหนุ่มผลักออกทันที และสีหน้าก็เปลี่ยนไป

“ผมไม่เห็นด้วย!” เสียงของเฟิงหานชวนเย็นชา

เป๋าฮวนรู้สึกน่าเบื่อ ขดริมฝีปากและยักไหล่แล้วพูดว่า “ถ้าคุณไม่เห็นด้วยก็เลิกล้ม คนที่เห็นด้วยเต็มไปหมด!”

เธอพูดแล้วทำท่านอนลงไปอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็คว้าแขนเธอไว้

เฟิงหานชวนกัดฟัน ใบหน้าของเขาหมองคล้ำมากๆ แต่ห้องที่มืดสลัวทำให้ไม่สามารถมองเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของเขาได้ เพียงแต่เสียงเย็นชาของเขาแสดงถึงอารมณ์ของเขา

“ฮวนฮวน คุณต้องการทำอย่างนั้นจริงหรือ?” เฟิงหานชวนยอมรับคำขอของเป๋าฮวนยากจริงๆ

“ใช่สิ ฉันมั่นใจและแน่ใจ หากคุณไม่ต้องการก็ช่างมันเถอะ! ถือว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น!” เป๋าฮวนยักไหล่อย่างเฉยเมย

ในห้องเงียบไปไม่กี่วินาที

หลังจากนั้น เฟิงหายชวนพูดเสียงทุ้มอย่างช่วยไม่ได้ขึ้นว่า: "ได้ ผมตกลง"

เขาต้องเห็นด้วยกับเรื่องนี้ และเขาไม่เห็นด้วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเป๋าฮวนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป

เรื่องนี้เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนบรรเทาลง

……

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฟิงหานชวนไม่มีอะไรบดบังตัวเขาเลยและมือทั้งสองของเขาก็ถูกมัดไว้ที่ปลายเตียงใหญ่ทั้งสองข้าง

ข้างหน้าเขามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งคุกเข่าถือกล้องอยู่ในมือ กำลังถ่ายภาพเขาแบบ 360 องศา

เป๋าฮวนมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มในวิดีโอ แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่น่าอับอายเช่นนี้ เขาก็ยังทำเย็นชาแบบจริงจังได้

เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนสภาพทางจิตใจของเฟิงหายชวนไม่ได้แข็งแกร่งธรรมดา!

“เฟิงหานชวน คุณมีอะไรจะพูดไหม?” เป๋าฮวนยกโทรศัพท์มือถือขึ้น โกรธเกลียดใบหน้าของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนสีหน้าโกรธ หมองคล้ำแทบทั้งหน้า และตอบอย่างเย็นชาว่า "ไม่มี"

นี่คือสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วยเมื่อครู่นี้ แต่แล้วเขาก็ยอมจำนน

ในความเห็นของเขา นี่เป็นการลงโทษเขาของเป๋าฮวน และบางทีการทำเช่นนั้นอาจบรรเทาความโกรธของเป๋าฮวนได้มาก

ถ้าเพราะการประนีประนอมแบบนี้ของเขาทำให้เป๋าฮวนให้อภัยเขา ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว

“คุณไม่มีอะไรจะพูดจริงๆหรือ? คุณถูกมัดเป็นครั้งแรกหรือเปล่า? รู้สึกตื่นเต้นไหม?” เป๋าฮวนถามอย่างชั่วร้าย

เฟิงหานชวน: "……"

“ก็ได้ ถ้าคุณไม่อยากพูดก็ช่างมันเถอะ” เป๋าฮวนรู้สึกไม่สนุกเมื่อตัวเองต้องเผชิญหน้ากับก้อนน้ำแข็งก้อนใหญ่

“ฮวนฮวน” จู่ๆเฟิงหานชวนก็เรียกเธอ

เป๋าฮวนกำลังจะปิดการถ่าย แต่นิ้วของเธอหยุดกลางอากาศ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา และถามด้วยความสงสัยว่า: “มีอะไร?”

“มาเถอะ” สองคำที่เรียบๆง่ายๆ น้ำเสียงของเขาสงบเยือกเย็น

เป๋าฮวน: "?"

มาเถอะ?

อะไรมาเถอะ?

“คุณรู้ความหมายของผม” เฟิงหานชวนยังคงมีน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนเดิม

เป๋าฮวน : "……"

เธอเข้าใจแล้ว แต่ว่าสุนัขหนุ่มคนนี้ได้ผ่านช่วงเวลาที่น่าอับอายเช่นนี้ เขายังคงคิดถึงเรื่องแบบนั้น?

เป๋าฮวนหัวเราะเยาะ ล็อคหน้าจอโทรศัพท์แล้วโยนทิ้งไป สองมือเกี่ยวคอของชายหนุ่มทันที

“มาก็มาสิ คุณถูกฉันมัดไว้แล้ว ใครกลัวใคร!”

“ดูนะถ้าฉันไม่เล่นนายจนตายวันนี้!”

“เฟิงหานชวน คุณคอยดู!”

หลังจากที่เธอพูดคำสองสามคำนี้อย่างจริงจัง หัวเล็กๆของเธอก็ยื่นไปข้างหน้า ริมฝีปากเล็กที่หอมกรุ่นของเธอปิดริมฝีปากบางของชายหนุ่ม……

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าร่างกายของเขาแข็งทื่อขึ้นทันที

หลังจากที่เป๋าฮวนยืนยัน เฟิงหานชวนก็ตกใจเกือบสองเท่า

แต่เขาก็แอบสงสัยว่าเป๋าฮวนกำลังทดสอบอะไรเขาอยู่หรือเปล่า?

ทดสอบว่าเขาเป็นผู้ชายที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้หรือเปล่า?

“ช่างเถอะ วันนี้อาการคุณกำเริบ คงไม่มีแรงทำ” เป๋าฮวนพูดกับตัวเอง ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง และหันกลับไปอย่างเบื่อหน่าย

หันหลังให้เฟิงหานชวนอีกครั้ง

เหตุผลที่เธอถามเฟิงหานชวน เป็นเพราะในชีวิตนี้เธอเคยเสียตัวให้เฟิงหานชวนแค่คนเดียว อย่างน้อยทำกับเฟิงหานชวน ก็คงอายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่น

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอรู้สึกว่ายีนของเฟิงหานชวนนั้นดีจริงๆ ยกเว้นเรื่องหลายใจ อย่างอื่นไร้ที่ติทั้งในด้านอาชีพการงานและรูปลักษณ์

สำหรับประเด็นเรื่องหลายใจ เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้สอนกันทีหลังได้

เฟิงหานชวนมีนิสัยแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะเห็นจากนายท่านเฟิง

เช่นเดียวกับเฟิงเฉินเหยี่ยน ผู้ชายตระกูลเฟิงหลายใจทุกคน คงมีนายท่านเฟิงเป็นหัวโจก

ถ้าลูกของเธอ ถูกเลี้ยงดูโดยคุณปู่และคุณลุง เขาจะไม่มีทางหลายใจแน่นอน!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เฟิงหานชวนมีไอคิวสูงและหน้าตาดี เด็กที่เกิดจากยีนของเขา จะไม่มีปัญหาอะไร

อย่างไรก็ตาม เรื่องหลายใจมันแก้ได้ แต่ไอคิวและรูปลักษณ์ต้องมีมาแต่กำเนิด

“ฮวนฮวน คุณ…กำลังทดสอบผมเหรอ?” เฟิงหานชวนถาม โดยที่ดวงตาของเขาจ้องอยู่ที่ด้านหลังศีรษะของผู้หญิง

เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

พูดตามความเป็นจริงแล้ว ฮวนฮวนเกลียดเขามาก ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา และยังบอกเรื่องของพวกเขาเป็นไปไม่ได้แล้ว ทำไมถึงยังถามคำถามนี้กับเขา?

หรือว่า…เธอจะเปลี่ยนใจ?

“ฮวนฮวน คุณยกโทษให้ผมแล้วใช่ไหม?” เฟิงหานชวนลุกขึ้นนั่งทันทีและถามอย่างตื่นเต้น

“คุณคิดมากไปแล้ว” ราวกับเป๋าฮวนเทน้ำเย็นลงบนหัวของเขาทันที

หัวใจของเฟิงหานชวนจมลง แต่เขายังคงงงงวยมากและถามอีกครั้ง: "แล้วทำไมคุณถึงถามผมแบบนั้น?"

เป๋าฮวน : "…"

อะไร?

วัยหนุ่มสาวถามแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?

ทำไมเฟิงหานชวนต้องตื่นเต้นด้วย?

แน่นอน เธอไม่บอกเขาหรอก เธอแค่ต้องการยืม! พันธุ์!

“แค่กๆ คุณคิดว่าฉันถามคุณแบบนี้ทำไมล่ะ? เฟิงหานชวน คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว คุณน่าจะเข้าใจคำว่า 'ความต้องการ' อย่างดี!” เป๋าฮวนรู้สึกว่าต่อหน้าเฟิงหานชวน ไม่จำเป็นต้องอาย

เพราะว่า เฟิงหานชวนหน้าไม่อายยิ่งกว่าเธอ

เมื่อก่อน ตอนที่เธอยังเป็นภรรยาของเขา ลีลาท่าทางของเขา ก็รู้หมดแล้ว!

เมื่อนึกย้อนกลับไป ความทรงจำนี้ทำให้เธอหน้าแดง และหัวใจเต้น

เมื่อได้ยินสิ่งที่เป๋าฮวนพูด เฟิงหานชวนก็ตกตะลึง

“ความต้องการ? ฮวนฮวน คุณหมายถึง…คุณ…” เฟิงหานชวนไม่รู้จะพูดยังไง

เขาไม่คิดว่า ฮวนฮวนของเขาจะเรียกร้องเอง…

เดี๋ยวก่อน!

ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักถึงปัญหาที่น่ากลัว

ถ้าเป๋าฮวนเป็นผู้หญิงที่มีความต้องการสูง ในช่วง3ปีที่ผ่านมา เธอแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?

อีกอย่าง เป๋าฮวนในตอนนั้น ก็คือเฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนในเมื่อก่อนขี้อายมากไม่เหมือนกับตอนนี้ ที่กล้าพูดอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้

เฉินฮวนฮวนในเมื่อก่อน เขินอายแม้กระทั่งตอนจูบ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเธอจะพูดคำว่า 'ต้องการ'ออกมา

“เฟิงหานชวน คุณจะเอะอะโวยวายทำไม?” เป๋าฮวนหันศีรษะและจ้องไปที่เฟิงหานชวน แม้ว่าไม่รู้ว่าเขาเห็นหรือไม่ แต่เธออยากจ้องมองเขา

เฟิงหานชวนมีเมียบ่าวได้ มีความต้องการได้ แต่ทำไมเมื่อเธอพูดคำนี้ออกมา เขาถึงดูแปลกใจขนาดนี้?

อ่อ เข้าใจคำว่าความเป็นธรรมระหว่างชายและหญิงไหม?

เห็นได้ชัดว่า เฟิงหานชวนรู้สึกว่าความเป็นธรรมของชายและหญิงไม่เท่ากัน และเขาเป็นลูกผู้ชาย!

“ฮวนฮวน!” เฟิงหานชวนคว้าแขนเป๋าฮวนแล้วถามอย่างกังวล: “ในช่วง3ปีที่ผ่านมา คุณมีผู้ชายคนอื่นบ้างไหม?”

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเฟิงหานชวนคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่แสนดี

“มีสิ! ทำไมจะไม่มี? อย่าหาว่าพูด ชายต่างชาติแต่ละคนแซ่บไม่แพ้กันเลย” เป๋าฮวนนอนตัวตรง สายตาแลเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนนั่งตัวตรงและมองเข้าไปในดวงตาของเธอ

หลังจากฟังคำพูดของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็รู้สึกหนาวไปทั่วทั้งร่างกาย ราวกับว่าร่างกายของเขาถูกแช่แข็งทันที

ดูเหมือนว่าเลือดจะไม่ไหลอีกต่อไป

"ผู้ชายในประเทศเฉินก็ธรรมดาๆ แต่ก็ไม่ได้แย่ ฉันชอบผู้ชายอิตาลีที่สุด อืม ผู้ชายอเมริกาก็ดี ถึงยังไง…"

คำพูดของเป๋าฮวนยังไม่จบ ปากของเธอก็ถูกปิดทันที

หลังจากนั้น เธอรู้สึกถึงกลิ่นเลือดในปากของเธอ

“ผมไม่เชื่อ!” เฟิงหานชวนไม่เชื่อและไม่อยากเชื่อ

เป๋าฮวน : "…"

“ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ ไม่ได้สวมเขาให้คุณซะหน่อย คุณกัดฉันทำไม?” เป๋าฮวนลุกขึ้นนั่งอย่างโกรธเคือง หยิบหมอนด้านหลังแล้วตีเฟิงหานชวนอย่างแรง

ริมฝีปากของเธอถูกกัด เจ็บมาก

“ผมไม่เชื่อ! ฮวนฮวน สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมด ผมไม่เชื่อ!” ดวงตาของเฟิงหานชวนแดงก่ำ

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว: “จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ใช่เรื่องของฉัน! ฉันแค่ตอบตามความจริง!”

เฟิงหานชวนไม่พูด

ห้องกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่หายใจ

เป๋าฮวนรู้สึกน่าเบื่อ เดิมทีเธอแค่อยากจะยืมพันธุ์ แต่ไม่คิดว่ามันจะยุ่งยากขนาดนี้ วันหลังมัดเขาไว้ดีกว่า!

เธอเคยโดนเขาข่มขืนมาก่อน ดังนั้นเธอก็ข่มขืนเขาคืน แบบนี้ถึงจะยุติธรรม!

“ฮวนฮวน ผมจะทดสอบ”

ขณะที่เป๋าฮวนกำลังวางแผนอย่างลับๆ เสียงผู้ชายก็ดังขึ้น กัดฟันพูดออกมา

เป๋าฮวน: “หืม?”

ทดสอบอะไร?

ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงของเฟิงหานชวน ราวกับกำลังจะฆ่าเธอ

“ผมยอม ผมจะทำตามความต้องการของคุณ” เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชา: “ผมก็ไม่ได้แย่ไปกว่าชายต่างชาติเหล่านั้นที่คุณบอกหรอก”

เป๋าฮวน: "???"

อะไรวะเนี่ย?

ผ่านไปตั้งนาน สุดท้ายก็ยอม?

แถมยังพูดอย่างมั่นใจ?

“โทษที ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์ หมดความสนใจแล้ว” น้ำลายเป๋าฮวนเกือบจะสาดโดนหน้าเขา

ในขณะที่ถามเธอด้วยความเคารพ มือของเขาได้จับเธอด้วยท่าทางที่พร้อมทำแล้ว สำหรับเฟิงหานชวนเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดี

“คุณมี” เฟิงหานชวนพูดอย่างหนักแน่น

เป๋าฮวน: "???"

เธอก็บอกว่าไม่แล้ว เฟิงหานชวนกลับบอกว่าเธอมี?

บ้าหรือเปล่า!

“ไม่อยากสนคุณแล้ว!” เป๋าฮวนพลิกตัวและนอนตะแคงต่อไป โดยหันหลังให้ผู้ชาย

ในวินาทีต่อมา ร่างกายของเธอก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น

เป๋าฮวนเบิกตากว้าง กำลังจะปัดมือของผู้ชาย ไหล่ของเธอก็ถูกจับไว้ทันที ทั้งร่างกายของเธอถูกกดให้นอนราบ

“เฟิงหานชวน ปล่อยฉันนะ” เป๋าฮวนพูดอย่างเย็นชา

“ฮวนฮวน ครั้งนี้คุณเป็นคนเรียกร้องเอง…” ริมฝีปากกดแนบกับหูของผู้หญิง และเสียงทุ้มลึกพูดช้าๆ ราวกับคลื่นไฟฟ้าไหลผ่าน

"คิดถึง คุณ?"

เป๋าฮวนตะลึงในทันที

แต่แล้วเธอก็ตั้งสติ และถามว่า: "ทำไมฉันต้องคิดถึงคุณ? เฟิงหานชวน ฉันแกล้งฆ่าตัวตายเพื่อที่จะหนีคุณ เพราะงั้น ฉันจะคิดถึงคุณทำไม?"

การแสดงออกของเฟิงหานชวนหงอยมาก อันที่จริงเขารู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เขาก็ยังควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาอยากจะถามเป๋าฮวน

แต่คำตอบของเป๋าฮวน ก็เหมือนกับที่เขาคาดไว้

“ฉันไม่เคยคิดถึงคุณ และไม่เคยคิดที่จะคิดถึง” เป๋าฮวนกล่าวเสริมอีกครั้ง

ประโยคนี้ ทำให้เฟิงหานชวนหายใจแทบไม่ออก

แม้ว่าเขาจะเข้าใจเป็นอย่างดี แต่เมื่อได้ยินคำตอบของเป๋าฮวน เขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดมากอยู่ดี

“เรื่องที่ไม่สำคัญพวกนี้ ไม่ต้องพูดถึงมันอีก ฉันหวังว่าคุณจะรีบเข้านอน เพราะฉันเหนื่อยแล้ว ฉันอยากพักผ่อนแล้ว” เป๋าฮวนไม่อยากคุยเรื่องพวกนี้กับเฟิงหานชวนอีก

ดวงตาของเฟิงหานชวนจมลง เขาพูดเบาๆว่า: "สำหรับคุณ ตอนนี้ผมไม่มีความหมายอะไรแล้วใช่ไหม?"

ทันใดนั้นเป๋าฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อยในใจ

เมื่อเห็นการแสดงออกของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอไม่ตอบเลย แต่เธอหันกลับมา เดินตรงไปที่ด้านข้างของเตียง นอนลงและห่มผ้าห่ม

นอนตะแคง โดยหันหลังให้เฟิงหานชวน แล้วหลับตาลง

คนสองคนนอนเตียงเดียวกันเหมือนเมื่อ3ปีที่แล้ว แต่สถานการณ์แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เฟิงหานชวนเหลือบมองที่แผ่นหลังสีขาวของผู้หญิงและขมวดคิ้ว ตอนนี้เป๋าฮวนต่อต้านเขามาก มากจริงๆ

เขาไม่รู้ว่าจะต้องใช้วิธีไหนแล้ว

แม้จะใช้กลอุบายอันขมขื่น เป๋าฮวนก็แค่ "ฝืนอยู่" กับเขา แต่เธอจะเย็นชาใส่เขาและเกลียดเขาเหมือนเดิม

เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของเขา ส่งข้อความถึงซูอวี่ จากนั้นปิดไฟแล้วนอนลง

เป๋าฮวนไม่ได้หลับ เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนนอนลงมาแล้ว เธอจึงยังคงท่าเดิมของตัวเอง

แต่เธอรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย

ตลอด3ปีที่ผ่านมา เธอนอนคนเดียว นอนบนเตียงใหญ่ และกลิ้งได้มากเท่าที่ต้องการ

ตอนนี้ มีชายร่างใหญ่นอนอยู่ข้างๆเธอ และเธอไม่สามารถแม้แต่จะเปลี่ยนท่าทางได้

อีกอย่าง เพื่อรักษาระยะห่างจากเฟิงหานชวน เธอจึงขดตัวอยู่ข้างเตียง รู้สึกอึดอัดมาก ทำให้นอนไม่หลับ

เธอขยับตัวด้วยความหงุดหงิด

ทันใดนั้น เสียงของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง: “นอนไม่หลับเหรอ?”

ก่อนที่เธอจะตอบ เธอได้ยินผู้ชายถามอีกครั้ง: "เป็นเพราะผมนอนด้วยหรือเปล่า?"

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากและตอบว่า: “เปล่า”

เธอทำให้เฟิงหานชวนป่วย ดังนั้นเธอจะไม่โทษเขาอีก

แต่ว่า ความจริงที่เธอรู้สึกนอนไม่หลับ ก็เพราะเฟิงหานชวน

“ผมคิดว่าเพราะผมซะอีก” เสียงของเฟิงหานชวนฟังดูเหนื่อยมาก

เป๋าฮวนตกใจเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า: “คุณอย่าคิดมาก”

“ฮวนฮวน คุณอยู่กับผมได้แค่คืนนี้ ใช่ไหม?” เฟิงหานชวนถามด้วยเสียงต่ำ

เป๋าฮวนตกตะลึงอีกครั้ง แล้วตอบว่า: “ใช่ ฉันไม่ใช่พี่เลี้ยงของคุณนะ ฉันจะกลับประเทศเฉินในเร็วๆนี้ ถ้าอาการคุณกำเริบอีก ก็หาคนดูแลมาอยู่ด้วยสักคน”

เดิมทีเป๋าฮวนต้องการเข้าสู่วงการบันเทิง แต่เธอรู้สึกว่าเธอไม่ควรอยู่ในประเทศฮัว เพราะอาจจะพบกับเฟิงหานชวนได้

เนื่องจากเธอเลือกที่จะจากไปเมื่อ3ปีที่แล้ว เธอจึงไม่อยากพัวพันกับเขาอีก

แต่ว่า สภาพจิตใจของเธอตอนนี้ดีกว่าสองวันที่ผ่านมามาก อย่างน้อยเธอก็สามารถพูดอย่างใจเย็นกับเฟิงหานชวน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

ไม่ได้เกลียดชังอะไรขนาดนั้น เธอแค่รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้หญิง หัวใจของเฟิงหานชวนก็เย็นลง มือทั้งสองข้างกำแน่น

เธอกำลังจะจากไป…

“คุณจะไปเมื่อไหร่?” เขาถาม

“ไม่แน่ใจ อาจจะพรุ่งนี้ หรืออีกสองวัน พูดง่ายๆก็คือ ฉันอยากรีบกลับบ้าน” เป๋าฮวนเม้มปากพูดอย่างแผ่วเบา

บ้าน

เมื่อได้ยินคำนี้ เฟิงหานชวนก็ยิ้มอย่างบิดเบี้ยว

เมื่อ3ปีที่แล้ว สำหรับเป๋าฮวนคฤหาสน์หมิงอวี่คือบ้านของเธอ

แต่ตอนนี้…

“ไม่ไปได้ไหม?” เฟิงหานชวนพยายามควบคุมตัวเองให้ดีที่สุด พยายามทำให้เสียงของเขาให้สงบ

หลังจากเป๋าฮวนได้ยิน เธอก็ตกตะลึง

“บ้านของฉันอยู่ที่ประเทศเฉิน แน่นอนว่าฉันต้องกลับบ้าน ใครจะไปอยู่โรงแรมที่ประเทศฮัวตลอด?” เธอตอบอย่างใจเย็น แม้จะมีอาการหยอกล้อเล็กน้อย

“ฮวนฮวน คุณไปอยู่ที่คฤหาสน์หมิงอวี่…” เฟิงหานชวนโพล่งออกมา แต่คำสุดท้ายพูดไม่ออก

เขารู้สึกว่าเขาหวังมากเกินไป

เป๋าฮวนจะเต็มใจกลับไปกับเขาได้อย่างไร?

แม้ว่าเฟิงหานชวนจะพูดไม่จบ เป๋าฮวนก็เข้าใจ หลังจากผ่านไปหลายวินาที เธอก็ไม่พูด

ทั้งห้องเงียบมาก

เป็นเวลานาน เสียงของผู้หญิงค่อยๆดังขึ้น: "เฟิงหานชวน มีผู้หญิงนับพันล้านคนบนโลกนี้"

"สำหรับเรา คงเป็นไปไม่ได้แล้ว"

เป๋าฮวนพูดอย่างจริงจัง

แม้ว่าเฟิงหานชวนกับหลิวอวี่ถงและหลิวเยว่เอ่อร์จะไม่ได้มีอะไรกัน แต่เรื่องที่เฟิงหานชวนโกหกเธอ เธอลืมมันไม่ได้จริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจาก3ปีแห่งความแตกแยก เธอรู้สึกว่าเธอกับเฟิงหานชวนไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันจริงๆ

แถมตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว ไม่ขาดอะไร ทุกอย่างดีหมด สิ่งเดียว…

สิ่งเดียวที่ขาดคือ ตระกูลเป๋าไม่มีทายาท

แม้ว่าคุณปู่จะจำคุณยายไม่ได้ในตอนนั้น แต่เขาเป็นโสดมาทั้งชีวิตและไม่ได้มองหาผู้หญิงคนอื่น

ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นคุณยายให้กำเนิดแม่ และแม่ของเธอแต่งงานกับเฉินเจี้ยนหมินแล้วมีเธอ ไม่เช่นนั้น คงไม่มีตระกูลเป๋าอีกแล้ว

อยู่ดีๆ เป๋าฮวนก็นึกถึงเรื่องที่คุณลุงพูด ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากหาผู้ชาย ก็แค่ทำเด็กหลอดแก้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรียกว่ายีนที่ดี ดีจริงเหรอ?

เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด

เป๋าฮวนหันกลับมาอย่างกะทันหัน ตะแคงหันหน้าเข้าหาเฟิงหานชวน

ข้างนอกมีไฟนีออนส่องเข้ามา ทำให้ห้องไม่มืดสนิท ยังมองเห็นสภาพของสิ่งต่างๆ

เฟิงหานชวนเห็นทันทีว่าเป๋าฮวนหันมาเผชิญหน้ากับเขา

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้ เขารู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขาหยุดเต้น และโลกก็มืดสนิทในทันที ไม่เห็นแสงสว่างใดๆ

ทั้งๆที่ผู้หญิงอันเป็นที่รักอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เขาสัมผัสไม่ได้ ทำยังไงก็ไม่อาจเอื้อม

สิ่งที่ไกลที่สุดในโลก ไม่มีอะไรมากกว่านี้

ทั้งๆที่ทั้งสองอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่หัวใจของพวกเขาห่างกัน

“เฟิงหานชวน” เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร เป๋าฮวนก็เรียกเขา

“หื้ม” เฟิงหานชวนตอบเบาๆ ราวกับเสียงที่ไร้วิญญาณ

“คุณอยากทำแบบนั้นไหม?” เป๋าฮวนถามอย่างจริงจัง

ทันใดนั้น เฟิงหานชวนสงสัยว่าหูของเขามีปัญหาหรือเปล่า

เขาขมวดคิ้ว และปฏิกิริยาแรกของเขาคือ เขาได้ยินผิดหรือเปล่า?

หมายถึงแบบเดียวกับที่เขาคิดหรือเปล่า?

เมื่อรู้สึกถึงความประหลาดใจของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนรีบอธิบาย: "เออ หมายถึงแบบนั้นแหละ!"

"เป๋าฮวน"

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นในคืนอันเงียบงัน

เป๋าฮวนตกตะลึง จ้องมองไปที่ผู้ชายที่เอนกายพิงราวบันไดฝั่งตรงข้ามโดยไม่กระพริบตา

เมื่อกี้ เฟิงหานชวนเรียกชื่อปัจจุบันของเธอ?

“คุณคิดจะทำอะไร?” เป๋าฮวนขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัย

“เปล่า แค่เรียกชื่อคุณ” เฟิงหานชวนพูดอย่างเฉยเมย

เป๋าฮวน: "?"

ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เธอถามว่า: “ชื่อของฉัน มีปัญหาอะไรเหรอ?”

“เปล่า ไม่มีปัญหา” เสียงนั้นยังคงสงบนิ่ง

“แล้วคุณเรียกชื่อฉันทำไม?” เป๋าฮวนสับสนจริงๆ

“ไม่มีอะไร” เฟิงหานชวนยังคงตอบเบาๆ

“ถ้าไม่มีอะไร แล้วคุณเรียกทำไม? ในคืนนี้เรามีปากเสียงกันกี่ครั้งแล้ว?” เป๋าฮวนกลอกตาด้วยความโกรธ

เมื่อเห็นท่าทางโกรธของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็ยืนตัวตรง ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว และเผชิญหน้ากับเป๋าฮวนในระยะใกล้

“ผมแค่ทำความคุ้นเคยกับชื่อใหม่ของคุณ” เฟิงหานชวนตอบ

เป๋าฮวน: "?"

เฟิงหานชวนยกมือขึ้น และเมื่อนิ้วเรียวยาวแตะแก้มของผู้หญิง ผู้หญิงคนนั้นก็เอียงศีรษะของเธอทันที

จากนั้น เขาก็จับมือชายคนนั้นและพูดอย่างดุเดือด: "คุณรีบไปนอนเลย! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!"

เฟิงหานชวน: "…"

เขาถอนหายใจอย่างลับๆ และกล่าวเบาๆว่า: “ฮวนฮวน เมื่อก่อนผมมักจะลูบผมให้คุณ คุณจำได้ไหม?”

เป๋าฮวนตกตะลึง นึกถึงการกระทำของเฟิงหานชวนเมื่อกี้ เธอเอื้อมมือออกไปสัมผัสผมที่ยุ่งเหยิงของเธอโดยไม่รู้ตัว

แท้จริงแล้ว เขาไม่ตั้งใจจะจับหน้าเธอ เพียงจะช่วยจัดผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ?

“จำไม่ได้” เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นมองเขาและตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เธอบอกตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าผู้ชายคนนี้เคยหลอกเธอ หลอกเธออย่างน่าสมเพช ดังนั้นเธอจะไม่หลงกลด้วยรูปร่างหน้าตาของเขาอีก!

เมื่อได้ยินคำเย็นชาสามคำนี้ ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็แสดงท่าทีผิดหวัง

“จำไม่ได้ ก็ช่างเถอะ” เขาจับมือเป๋าฮวนออก แล้วเดินไปที่ห้องนอน

เป๋าฮวนหันกลับมาและเห็นเฟิงหานชวนนอนอยู่ ห่มผ้าห่มและหลับตาลง

ในใจเธอมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

เธอจำได้ แต่แค่ไม่อยากยอมรับ

เพราะเมื่อเธอยอมรับสิ่งเหล่านั้น เธอจะนึกถึงสิ่งสวยงามที่เคยเกิดขึ้นภายใต้คำโกหกที่เขาสร้างขึ้น

ทั้งๆที่เขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงในคืนบลูส์คลับ แต่เขากลับไม่บอกเธอ แถมยังโกหกว่าผู้ชายในคืนนั้นคือหลิวตงรุ่ย

เรื่องพวกนี้ เธอไม่สามารถลืมมันได้

เป๋าฮวนขี้เกียจง้อ และไม่อยากง้อ เธอถอนหายใจเงียบๆ เดินออกไปและเดินเข้าไปในห้องนอน

เมื่อเดินไปที่ปลายเตียง เธอเปิดประตูตู้เสื้อผ้า กำลังจะปลี่ยนชุดนอน

เมื่อปัดเสื้อผ้าไปมาสองสามครั้ง เป๋าฮวนก็นึกขึ้นได้

เธอไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วย และเธอไม่มีชุดนอน มีเพียงชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวไม่กี่ตัว รูปทรงของชุดนอนกระโปรงก็ค่อนข้างจะ…

แต่เสื้อผ้าตัวอื่น เมื่อใส่นอนแล้วก็จะรู้สึกอึดอัด

เป๋าฮวนมองย้อนกลับไปที่เฟิงหานชวน ท่าทางเขาหลับแล้ว เธอขดริมฝีปาก เลือกชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า และเดินเข้าไปในห้องน้ำ

หลังจากเปลี่ยนชุดนอนออกมาแล้ว เธอพบว่าเฟิงหานชวนนั่งพิงอยู่บนเตียง และมองดูเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“คุณนอนแล้วไม่ใช่เหรอ?” เป๋าฮวนขมวดคิ้วและถามอย่างรวดเร็ว: “ไม่สบายหรือเปล่า? ฉันจะไปเอายามาให้”

“เปล่า อาการผมไม่ได้กำเริบ” เฟิงหานชวนหยุดเธอและปฏิเสธ

“แล้วทำไมคุณถึงยังไม่นอน?” เป๋าฮวนถามอีกครั้ง

“นอนไม่หลับ” เฟิงหานชวนตอบโดยตรง

เป๋าฮวน : "…"

ดูเหมือนเธอจะถามคำถามงี่เง่า

“ต้องการยานอนหลับไหม? ฉันจะไปซื้อให้?” เป๋าฮวนเอ่ยปากถาม เพราะอาการป่วยของเฟิงหานชวนก็เกิดจากเธอ

“ไม่ต้อง คุณ…คุณคุยเป็นเพื่อนผมได้ไหม?” เฟิงหานชวนจ้องที่เธอด้วยดวงตาสีดำสนิท

“คุย?” เป๋าฮวนสับสน ตอบเบาๆว่า: “ฉันกับคุณ มีอะไรน่าคุยงั้นเหรอ?”

มีความรังเกียจในน้ำเสียงของเธอ

มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา คืนนี้เธออยู่กับเฟิงหานชวน เพราะเฟิงหานชวนป่วย ดังนั้นเธอจึงทิ้งเขาไว้คนเดียวไม่ได้

เฟิงหานชวนล่ะ? ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แถมยังอยากคุยกับเธอ

คุยบ้าอะไร!

“คุณถือว่าช่วยให้ผมได้ระบาย เป็นจิตแพทย์ของผม” คำพูดของเฟิงหานชวนนั้นจริงใจมาก เขาไม่ได้มีท่าทางที่เย็นชาเหมือนปกติ

มันเหมือนกับแมวสูงศักดิ์ที่ได้รับบาดเจ็บ ปรารถนาให้บาดแผลถูกรักษา

“จิตแพทย์?” เป๋าฮวนรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย เธอชี้มาที่ตัวเองแล้วถามว่า: “คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ฉันไม่ได้เรียนจิตวิทยา”

“ฮวนฮวน มีคำกล่าวไว้ว่า โรคไข้ใจต้องใช้ยารักษาด้วยใจ” เฟิงหานชวนมองเธออย่างจริงจังและกล่าวว่า: “ความเจ็บปวดของผมเกิดขึ้นจากคุณ และคุณเป็นหมอของผม”

“อันที่จริง คุณแค่คุยกับผมก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำการวินิจฉัยอื่นใด” เขากล่าวเสริมอีกครั้ง

เป๋าฮวน : "…"

ทำไมเธอรู้สึกราวกับว่าทั้งตัวตกลงไปในหลุมพราง?

แต่เมื่อนึกดูอีกทีแล้ว สิ่งที่เฟิงหานชวนพูดก็ถูก

โรคไข้ใจต้องรักษาด้วยใจ คำนี้ฟังดูแล้วก็ไม่แปลก

“คุณอยากคุยเรื่องอะไร?” เป๋าฮวนยืนอยู่ที่ปลายเตียงโดย กอดอกและมองลงไปที่ผู้ชายตรงหน้า

“ในช่วงเวลา 3ปีที่ผ่านมา คุณเป็นอย่างไรบ้าง?” ดวงตาของเฟิงหานชวนดูลึกซึ้ง

เป๋าฮวนตกใจเล็กน้อย แต่ยิ้มจางๆแล้วตอบ: “โอเค ก็ดี! ดีมากจริงๆ! ไม่เคยมีชีวิตที่ดีแบบนี้มาก่อน!”

เธอพูดความจริง ความจริงจากใจ

ความรู้สึกที่มีคุณตาเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุด คุณตารักเธอมาก คุณลุงที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกับเธอก็เอ็นดูเธอมาก นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ดีที่สุด2อย่าง จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง ที่ภักดีต่อเธอ

ทำไมชีวิตถึงจะไม่ดีล่ะ? มันยอดเยี่ยมมาก!

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรู้สึกอบอุ่นที่เธอไม่เคยมี เธอได้สัมผัสมันแล้ว

ก่อนหน้านี้ เธอรู้ว่าเธอไม่มีคุณตา เธอถามคุณยาย คุณยายมักจะคลุมเครือ หลังจากที่แม่ของเธอจากไป เฉินเหม่ยเจวียนก็พาเฉินซินโหรวที่มีอายุมากกว่าเธอ1ปีเข้ามา เฉินเจี้ยนหมินก็เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา

ตอนนั้นคุณยายกอดรูปถ่ายของแม่แล้วร้องไห้ บอกว่าผู้ชายทุกคนใจร้ายอำมหิต

แม้ว่าเป๋าฮวนจะยังเด็กในตอนนั้น แต่เธอก็มีสติสัมปชัญญะ และเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงไม่มีคุณตา

ต่อมา ทัศนคติของเฉินเจี้ยนหมินต่อเธอยิ่งอยู่ยิ่งแย่ ตอนแรกเขามักจะพูดคุยถามไถ่เธอ แต่เมื่อเฉินเหม่ยเจวียนพาเฉินซินโหรวเข้ามา เฉินเจี้ยนหมินก็มักจะเมินเฉยใส่เธอ

ในที่สุด เธอก็กลายเป็นเบี้ยในมือของเฉินเจี้ยนหมิน ต้องแต่งงานกับตระกูลเฟิง เฉินเจี้ยนหมินทำไปก็เพื่อผลประโยชน์

หลังจากที่คุณยายจากไป เธอคิดว่าไม่มีญาติคนไหนแล้วที่รักเธอ ความดีที่เฟิงหานชวนมีต่อเธอก็เหมือนฟองอากาศที่ลอยอยู่ในอากาศ

จนกระทั่งคุณตาเป๋าเยี่ยนพบเธอ ในที่สุดเธอก็รู้สึกถึงครอบครัวอีกครั้ง

“ดีก็ดีแล้ว ก็ดี… แล้วคุณเคยคิดถึงผมบ้างไหม?” ลึกลงไปในดวงตาของเฟิงหานชวนมีความเสน่หาปรากฏขึ้น

“ใช่สิ เฟิงหานชวน คุณจำได้ว่านอนทางทิศใต้ แต่ฉันเคยชินกับการนอนทางทิศเหนือแล้วน่ะสิ”

เป๋าฮวนราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ พูดจบก็หันหน้ากลับมา พบว่าใบหน้าของเฟิงหานชวนดำคล้ำและดูน่ากลัวมาก

“คุณ…คุณคงไม่ได้ป่วยอีกแล้วใช่ไหม” เมื่อเห็นสีหน้าผิดปกติของเขา เป๋าฮวนรีบถามด้วยความตกใจ

“ตอนนี้คุณกับเวินซือเหยียนเป็นอะไรกัน” เฟิงหานชวนจ้องหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตา และถามด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม

“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ” เป๋าฮวนรู้สึกงุนงง

เธอถามเฟิงหานชวนอย่างมีน้ำใจ สุดท้ายเฟิงหานชวนนอกประเด็น ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องเช่นนี้

“เกี่ยว เพราะว่าผมอยากรู้” เฟิงหานชวนตอบเสียงต่ำ ใบหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เป๋าฮวนอารมณ์เสียแล้ว อย่างไรเธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนป่วย เธอกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “เป็นเพื่อนกัน โอเคไหม”

“คุณเพิ่งกลับมา ก็เป็นเพื่อนกับเขาแล้ว?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว น้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก

“เฟิงหานชวน นี่คุณหมายความว่ายังไง คุณกำลังสงสัยฉันใช่ไหม” เป๋าฮวนหัวเสียขึ้นมาในทันที

สิ่งที่เฟิงหานชวนพูดเมื่อสักครู่นี้ ทำให้เธอดูเหมือนแอบคบกับผู้ชายแปลกหน้า

“เปล่า ผมแค่อยากเข้าใจสถานการณ์ของคุณ” เฟิงหานชวนพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ก่อนที่ยังไม่มีสายโทรเข้าของเวินซือเหยียน เขาควบคุมมันได้ดีมาก

แต่เพราะเวินซือเหยียน เขาจึงสูญเสียการควบคุมไปเล็กน้อย

“ฉันรู้จักกับเขาตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว ตอนนั้นเขาอยู่ที่บริษัทหมิงอวี่ เช้าวันต่อมาเราเพิ่งย้ายเข้าไป ฉันอยากไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตตรงประตูทางเข้า แต่ฉันกลับหลงทาง เขาก็ใจดีพาฉันออกไป” เป๋าฮวนนึกถึงเหตุการณ์ในปีนั้น จู่ๆ เธอก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย

ตอนนั้นเธอตื่นเช้ามาก ฟ้ายังไม่สว่างนัก เพื่อจะทำอาหารเช้าให้เฟิงหานชวน เธอรีบร้อนออกไปซื้อวัตถุดิบ แต่กลับหลงทางอยู่ในบริเวณคฤหาสน์

เธอหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง และกล่าวว่า “ตอนนั้นฉันเคยบอกคุณแล้ว แต่คุณน่าจะจำไม่ได้แล้ว”

เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เฟิงหานชวนจะจำได้อย่างไร

“ผมจำได้!” คำพูดของชายหนุ่มขัดจังหวะความคิดของเธอในทันที

เป๋าฮวนนิ่งไป เธอมองเขาอย่างงุนงง

เฟิงหานชวนมองเธออย่างจริง และกล่าวว่า “ผมจำได้ว่าวันนั้น ผมเพิ่งพาคุณเข้ามาอยู่บ้านของเรา เพราะว่าคุณอยากทำอาหารเช้าให้ผม จึงไปซื้อวัตถุดิบ คุณถึงได้หลงทาง หลังจากนั้นผมก็ไปรับคุณที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตตรงประตูทางเข้า ตอนผมไปรับคุณ เวินซือเหยียนก็ไม่อยู่แล้ว”

ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ “เฉินฮวนฮวน” เฟิงหานชวนจำได้อย่างชัดเจน ราวกับสิ่งเหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเขา

ความจริงมันก็ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว

เป๋าฮวนนิ่งไป

เพราะว่า เฟิงหานชวนพูดไม่ผิด ไม่มีผิดแม้แต่คำเดียว

ตอนแรกคิดว่าเขาจะจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาแทบจะจำได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว

“ระหว่างทางกลับ คุณบอกบอกผมเรื่องที่เกิดขึ้นกับเวินซือเหยียน แถมคุณยังเสียใจมากที่ไม่ได้ขอลายเซ็นจากเขา เพราะว่าเรื่องนี้นี่แหละ ผมถึงได้กินน้ำส้ม*” เฟิงหานชวนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทว่าในเสียงนั้นกลับแฝงความโศกเศร้าเอาไว้

ในตอนนั้นเขาและ “เฉินฮวนฮวน” แทบจะตัวติดกัน “เฉินฮวนฮวน” ก็ติดเขามาก

ไม่มีใครคิดเลยว่า ทั้งสองคนจะแยกจากกันถึงสามปี

แม้กระทั่งก่อนที่จะพบกับเป๋าฮวน เขาคิดว่าพวกเขาอยู่กันคนละโลกแล้ว

“โอเค คุณไม่ต้องพูดแล้ว มันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว” เป๋าฮวนเอ่ยขัดเฟิงหานชวน เธอไม่อยากกลับไปนึกถึงมันแล้ว

เธอพบว่า เฟิงหานชวนจำอะไรได้มากกว่าเธอ และละเอียดยิ่งกว่าเธอเสียอีก

ความทรงจำในอดีตก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที ทว่าเมื่อคิดถึงตอนนี้ เธอรู้สึกว่าขอบตาของเธอเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา และเธอไม่อยากหวนคิดเรื่องในอดีตอีกแล้ว

“ฮวนฮวน เมื่อกี้คุณบอกว่าผมจำไม่ได้ แต่ความจริงแล้วผมจำได้อย่างชัดเจน และจะไม่มีวันลืมมันด้วย” เฟิงหานชวนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีวันนี้

เขาก่อนที่จะพบกับ “เฉินฮวนฮวน” แทบจะเป็นคนที่หยิ่งผยองเลยทีเดียว ในแววตาของเขา ไม่เคยมีอะไรในเชิงชู้สาวเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการอยากมีชีวิตอยู่หรืออยากตายเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งเลย

ต่อมาเขาถึงได้รู้ว่า เขาไม่ได้พบกับเด็กสาวที่ทำให้เขาคลั่งไคล้ แต่เมื่อเขาได้พบ เขาก็รู้ว่าควรจะเศร้าหรือมีความสุขแค่ไหน

เวลามีความสุขเหมือนจะโบยบินขึ้นสรวงสวรรค์ เวลาโศกเศร้าก็เหมือนจะทรมานไม่สิ้นสุดในขุมนรกที่สิบแปด

“เฟิงหานชวน พอแล้ว คุณไม่ต้องพูดแล้ว!”

เป๋าฮวนสบตากับดวงตาแดงก่ำของชายหนุ่ม เธอรู้สึกว่าดวงตาของตัวเองก็เริ่มจะแดงแล้วเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากฟังเฟิงหานชวนพูดอีกต่อไป และไม่กล้ามองตาของเฟิงหานชวนอีก

เธอหมุนตัวกลับทันที และรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วราวกับติดปีกบิน

เฟิงหานชวนมองไปที่ประตูกระจกฝ้าที่ปิดสนิท เขาเดินซวนเซถอยหลังไปสองก้าว เมื่อเขากลับมารู้สึกตัว เขาก็ค่อยๆ เดินอ้อมเตียงนอน ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ทางทิศใต้ของเตียงแล้วนั่งลงข้างเตียง

สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ด้านนอกเป็นระเบียงเปิดโล่ง จากนั้นเป็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ เขาไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด

ความสัมพันธ์ของเขาและเป๋าฮวนควรจะซ่อมแซมอย่างไร

……

เป๋าฮวนรู้สึกเหนื่อยมาก

เหนื่อยมากๆ

เธอไม่กล้าอาบน้ำ กังวลว่าตัวเองจะเผลอหลับไปในอ่างอาบน้ำ

ดังนั้น หลังจากอาบน้ำอย่างเร่งรีบ เธอก็สวมเสื้อคลุมอาบน้ำที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ในห้องน้ำแล้วเดินออกมา

เมื่อเธอเดินออกมา พบว่าเฟิงหานชวนไม่ได้อยู่ในห้องนอนใหญ่ ทว่าทางทิศใต้ของเตียงนอน ผ้านวมกลับถูกยกออกไป

เฟิงหานชวนล่ะ?

เป๋าฮวนเดินไปสองก้าว ทันใดนั้นก็เห็นร่างสูงอยู่ตรงระเบียง เมื่อเพ่งมองดีๆ จึงพบว่าเฟิงหานชวนกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงกลางแจ้ง

เธอรีบเดินไปที่ระเบียง เปิดประตูกระจก แล้วถามเฟิงหานชวนว่า “ทำไมคุณไม่นอนล่ะ”

“คุณป่วย ร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้ว อาบน้ำเสร็จยังมายืนตากลมตรงนี้อีก ถ้าเป็นหวัดจะทำยังไง”

“คุณเป็นหวัดไม่เป็นไรหรอก ถ้าฉันติดหวัดจะทำยังไง”

เฟิงหานชวนหันกลับมา ทว่าไม่ได้เดินเข้ามา เขาเอนหลังพิงราวบันได มองไปยังหญิงสาวที่อยู่ห่างจากตัวเองสามสี่ก้าวอย่างเกียจคร้าน

เธอยังไม่ได้สวมชุดนอน แต่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำอย่างลวกๆ เสื้อคลุมอาบน้ำทำจากผ้าเทอร์รี่ ซึ่งเป็นสไตล์ที่เรียบง่ายมาก

ช่วงคอเสื้อเปิดกว้าง ชายเสื้อสั้นเพียงเหนือเข่า

“ทำไมไม่เปลี่ยนชุดนอน” เฟิงหานชวนถาม

เป๋าฮวน “?”

พวกเขากำลังพูดเรื่องเดียวกันใช่ไหม

เธอก้มหน้าลงมองตัวเองเล็กน้อย และรู้สึกว่ามันค่อนข้างปกติ เธอไม่ได้สวมชุดชั้นในเซ็กซี่เสียหน่อย

เป๋าฮวนเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเฟิงหานชวน และถามว่า “ฉันกำลังจะไปหยิบชุดนอน แต่เห็นคุณอยู่ตรงระเบียง ฉันก็เลยมากำชับคุณว่า กรุณาเข้านอนเร็วหน่อย!”

“คนป่วยก็ต้องดูแลสุขภาพมากๆ พักผ่อนเยอะๆ คุณไม่รู้หรือไง”

“ถ้าคุณไม่ดูแลสุขภาพตัวเอง งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจคุณใช่ไหม”

เธอรู้สึกว่าตัวเองมีน้ำใจ “รับเลี้ยง” เฟิงหานชวน หวังว่าคืนนี้เขาจะสามารถผ่านช่วงเวลาเจ็บป่วยไปได้อย่างราบรื่น สุดท้ายเฟิงหานชวนเหมือนเด็กเล็กๆ ไม่เชื่อฟังเธอเลยแม้แต่น้อย

เวลาควรพักผ่อนก็ไม่พักผ่อน กลับมายืนตากลมอยู่ตรงระเบียง เธอใกล้จะบ้าตายแล้วจริงๆ !

……

*กินน้ำส้ม หมายถึง อาการหึงหวง

"ไม่งั้นหล่ะ?"

เป๋าฮวนเหลือบมองเขาอย่างไม่ค่อยมีไรพูดแล้วพูดว่า “คุณคงไม่ใช่ว่าแค่นี้ก็เดินไม่ไหวนะ? ฉันดูคุณก็ยืนได้ดีนี่!”

“เปล่า ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ผมแค่……” เขาแค่ตื่นเต้น

เพราะเขาไม่คิดว่าเป๋าฮวนจะเป็นคนเริ่มชวนเขาไปที่ห้องของเธอเอง

“อะไรคือแค่นั้นไม่แค่นั้น คุณเก็บขวดยาแล้วตามฉันมา” เป๋าฮวนเริ่มรำคาญนิดหน่อย

เฟิงหานชวนที่ป่วยกำเริบทำไมถึงเป็นเหมือนหญิงแก่ไปได้

เฟิงหานชวนก็เกรงว่าเป๋าฮวนจะรำคาญ ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เธอเชื่อ จะให้เสียเปล่าไม่ได้

เขาหยิบขวดยาบนพื้นทันที จับมือเป๋าฮวนและเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกัน

ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินออกจากประตูห้องนอนใหญ่ จู่ๆก็ผลุดขึ้นในหัวของเฟิงหานชวน เขาปล่อยมือของเป๋าฮวน แล้วรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าทันที

เป๋าฮวนหันศีรษะและมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

เห็นเพียงแค่เฟิงหานชวนเปิดประตู หยิบชุดนอนออกจากด้านใน และเดินไปหาเป๋าฮวนอีกครั้ง

เป๋าฮวนขมวดคิ้วขณะมองดูเสื้อผ้าในมือของเขา และถามว่า “คุณเอาของพวกนี้ไปทำอะไร?”

“ฮวนฮวน ห้องของคุณก็เหมือนกับห้องของผม ไม่งั้นคืนนี้อยู่พักที่คุณนั่นก็แล้วกัน” เฟิงหานชวนพูดด้วยใบหน้าจริงจัง ดูไม่เหมือนว่ากำลังล้อเล่น ดูจริงจังมาก

เป๋าฮวน : "……"

แม้ว่าเธอจะไม่เห็นด้วยมากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เฟิงหานชวนพูดนั้นมีเหตุผล

เธอมองไปรอบๆทั้งสี่ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเตียงขนาดใหญ่หรือของในห้องเจ้าของห้อง รวมทั้งของตกแต่งอื่นๆทั้งหมดนั้นก็เหมือนกับห้องชุดของเธอ

เห็นได้ชัดว่าได้รับการตกแต่งเพิ่มเติมพร้อมกัน

ดังนั้นนอนที่นี่หรือนอนที่เธอนั้นก็ไม่ต่างกัน

ยิ่งกว่านั้นถ้านอนที่นี่ อาบน้ำเสร็จแล้วเธอยังจะต้องพาเฟิงหานชวนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งค่อนข้างลำบากนิดหน่อย

“คุณคิดได้รอบคอบดี งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน” เป๋าฮวนพยักหน้า

ภายใต้ความเคลื่อนไหวของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนยังคงเดินเข้าไปติดกับดักของคนอื่นเขาอย่างโง่เขลา

อย่างไรแล้วยังคงเป็นขิงแก่ที่เผ็ด!

……

ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงห้องนอนใหญ่ของห้องเพรสซิเดนสูทที่อยู่ติดกัน ซึ่งเป็นที่อาณาเขตของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนคิดถึงเฟิงหานชวนที่หมดสติในห้องน้ำ ซึ่งเธอไม่สามารถทนได้และกล่าวว่า "คุณควรไปอาบน้ำก่อน อาบเสร็จแล้วคุณจะได้เข้านอน"

“คุณอาบก่อน” เฟิงหานชวนบอกปัด

“ฉันอาบน้ำช้ามาก ฉันชอบแช่น้ำ” เป๋าฮวนเหนื่อยมาทั้งวันนี้และอยากแช่น้ำเพื่อให้สบายตัวหน่อย

“ก็ได้ งั้นผมอาบก่อน ผมเร็วมาก” เฟิงหานชวนไม่บอกปัดอีก เขาถือชุดนอนและของอื่นๆเข้าห้องน้ำไป

ในขณะที่ประตูมุ้งกระจกห้องน้ำปิดลง เป๋าฮวนก็เบ้ปากแล้วยื่นมือออกมาเกาหัวพร้อมกับนั่งลงข้างเตียง

เธอก็รู้สึกว่าตัวเองบ้าไปแล้วที่รับปากว่าจะอยู่กับเฟิงหานชวนคืนนี้ หรือเป็นเพราะตำหนิตัวเองหรือ?

สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะ "การฆ่าตัวตาย" ของเธอ ที่ทำให้เฟิงหานชวนป่วยเป็นโรคดังกล่าว

เป๋าฮวนนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น ทันใดนั้นกระเป๋าถือในมือก็สั่นขึ้น เห็นชัดว่าเป็นโทรศัพท์มือถือข้างในที่สั่น

เป๋าฮวนเปิดกระเป๋าถือและหยิบโทรศัพท์ออกมา เธอพบว่าเธอได้รับข้อความหลายข้อความที่ไม่มีหมายเลข แต่หลังจากอ่านเนื้อหาแล้ว เธอรู้ว่าหมายเลขนั้นเป็นของเวินซือเหยี่ยน เธอจึงทำเครื่องหมายไว้ทันที

ไม่รู้ว่าเวินซือเหยี่ยนได้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของเธอมาจากไหน เวินซือเหยี่ยนส่งข้อความสองสามข้อความถึงเธอ เพื่อถามว่าเธอคุยกับ เฟิงหานชวนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า มีเรื่องอะไรต้องรีบขอความช่วยเหลือจากเขา

เป๋าฮวนคิดว่าเวินซือเหยี่ยนเป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือคนอื่นตลอด เขาเป็นห่วงเธอ และเธอก็ไม่อยากทำให้คนอื่นเขาต้องเป็นห่วงเปล่าๆ เขาจึงโทรกลับหาเวินซือเหยี่ยนในทันที

ไม่นาน ก็มีการเชื่อมต่อสาย

“เวินซือเหยี่ยน ขอโทษนะที่ทำให้คุณเป็นห่วง ทางนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว” เป๋าฮวนพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย

“ไม่มีเรื่องแล้ว? ไม่มีอะไรแล้วก็ดี ผมเห็นคุณไม่ตอบข้อความสักที และกลัวว่าโทรไปจะรบกวนคุณ ดังนั้น……” เวินซือเหยี่ยนรู้สึกกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดจนถึงตอนนี้

“ขอบคุณมากจริงๆ ฉันกับเขาคุยกันถือว่าราบรื่นดี ไม่มีความขัดแย้งหรือทะเลาะวิวาท ไม่ต้องกังวล” เป๋าฮวนคิดเพียงว่าเวินซือเหยี่ยนเป็นห่วงว่าเธอจะทะเลาะกับเฟิงหานชวนหรือไม่

อย่างไรก็ตามหากมีการทะเลาะวิวาทกันระหว่างชายและหญิง ฝ่ายหญิงจะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน ถึงเวลาถ้าจมูกเขียวหน้าบวมคงแย่น่าดู

แต่ถึงแม้ว่าเธอและเฟิงหานชวนจะทะเลาะกันอย่างรุนแรง เฟิงหานชวนก็ไม่ตบตีเธอ มีเพียงเธอที่จะตบตีเฟิงหานชวน

เพราะเฟิงหานชวนดูเหมือนจะไม่ตบตีผู้หญิง

“ก็ดี แล้วคุณ……ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน” เวินซือเหยี่ยนยังคงยับยั้งความอยากรู้ของตัวเองไม่ได้

“ฉัน? ฉันอยู่ในห้องของฉันเอง! เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำและก็พักผ่อนแล้ว งานเลี้ยงอาหารค่ำของพวกคุณยังไม่เสร็จใช่ไหม?” เป๋าฮวนรู้สึกว่าคุยกับเวินซือเหยี่ยนแล้วผ่อนคลาย และเวินซือเหยี่ยนก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับเธอ เหมือนความอบอุ่นจากสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

“ยังเลย ยังอยู่ในระหว่างดำเนินงาน” เวินซือเหยี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินเป๋าฮวนบอกว่าเธออยู่ในห้องตัวเอง

ในสมองของเขาก็ปรากฏใบหน้าเคร่งขรึมของเฟิงหานชวนขึ้นมา แม้ว่ามันจะดูเย็นชา แต่ก็เต็มไปด้วยแข็งกร้าว

เขายังกังวลว่าเป๋าฮวนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงหานชวน และกังวลว่าตัวเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงหานชวน ความกังวลทั้งสองไม่เหมือนกัน

แต่เห็นได้ชัดว่าความกังวลของเขาตอนนี้ดูเหมือนจะมากเกินไป

งั้นคุณยุ่งก่อนเถอะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว” เป๋าฮวนกำลังคิดจะวางสาย แต่จู่ๆก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “ใช่แล้ว คุณรู้เบอร์มือถือของฉันที่ประเทศฮัวได้ยังไง”

“อันนี้ง่ายมาก ขอจากทางโรงแรม” เวินซือเหยี่ยนอดหัวเราะไม่ได้ เขาพบว่าบางครั้งเป๋าฮวนดูฉลาดมากและบางครั้งก็ดูโง่มาก

โง่เขลาเลยถูกหลอกเอาง่ายๆ

“อย่างนี้นี่เอง!” เป๋าฮวนก็นึกออกและพูดว่า: “ยังไงก็ตาม ขอบคุณที่เป็นห่วงฉัน ฉันวางสายก่อนนะ!”

“อืม แล้วเจอกัน” เวินซือเหยี่ยนเปิดปากพูด แต่สิ่งที่เขาต้องการพูดกลับเปลี่ยนเป็นกล่าวคำอำลา

อย่างไรก็ตาม อนาคตยังอีกยาวไกล ทุกสิ่งอย่ารีบร้อนมากเกินไป

ทันทีที่เป๋าฮวนวางสายโทรศัพท์มือถือ ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

“เฟิงหานชวน คุณเป็นผีเหรอ! คุณออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ โห! ตกใจหมดเลย!” เป๋าฮวนจับหน้าอกตัวเอง เธอตกใจจริงๆ

“คุณโทรหาใคร? เวินซือเหยี่ยน?” น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นชาเป็นพิเศษและแสดงถึงความโกรธปะปนอยู่

“ใช่! ฉันกำลังจะทานอาหารเย็นกับเขาอยู่ดีๆ แต่แล้วจู่ๆฉันก็ถูกคุณอุ้มมา คนเขาส่งข้อความห่วงใยฉัน ฉันก็ต้องโทรหาเขาสิ” เป๋าฮวนนึกถึงความบ้าบิ่นของเฟิงหานชวนในร้านอาหารฝรั่ง โกรธถึงขนาดกล่าวโทษเขา

เห็นแก่อาการป่วยกำเริบของเขา เธอแค่บ่นอย่างเร็วและก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยมากนัก

เป๋าฮวนลุกขึ้นยืน หันไปทางห้องน้ำแล้วพูดว่า “ฉันจะไปอาบน้ำ คุณนอนเถอะ”

เพราะเธอหันหลังให้เฟิงหานชวน เธอเลยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่หมองคล้ำของชายหนุ่ม

เวินซือเหยี่ยน?

ไอ้คนเข้ามาแทรกกลาง!

เฟิงหานชวนกัดฟันและกำมือทั้งสองแน่น

กลิ่นหอมฟุ้งกระจาย

เป็นกลิ่นที่เฟิงหานชวนชื่นชอบ

เป๋าฮวนตกใจ ยื่นมือคิดจะผลักชายที่อยู่ข้างหน้าเขา แต่มือของเธอหยุดอยู่กลางอากาศอีกครั้ง

เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยกับผู้ชายที่ป่วย

เมื่อเห็นว่าเป๋าฮวนไม่ได้ปฏิเสธ เฟิงหายชวนก็อารมณ์ดี ความเจ็บปวดทางร่างกายที่เกิดจากการป่วยเกือบจะหายไปหมดและคนทั้งคนก็มีพลังมากขึ้น

เขาโอบกอดหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาอย่างเสน่หา แต่เป๋าฮวนยังคงต่อต้านเล็กน้อย แต่ไม่ได้ปฏิเสธรุนแรง

เฟิงหานชวนไม่กล้าได้คืบจะเอาศอก และในไม่ช้าก็คลายริมฝีปากของผู้หญิง จ้องไปที่ดวงตาที่เปียกชุ่มของหญิงสาวอย่างจริงจัง เสียงแหบห้าวของเขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า: “ฮวนฮวน ผมจะให้คนพาหลิวหลี่ถงและหลิ่วเยว่เอ่อร์มาเดี๋ยวนี้ "

เป๋าฮวน: "?"

เดี๋ยวนี้เหรอ?

เธอหันศีรษะและชำเลืองมองออกไปนอกหน้าต่าง ห้องน้ำมีหน้าต่างสูงจากเพดานจรดพื้น ซึ่งเธอสามารถชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนขณะแช่น้ำได้

ด้านนอกท้องฟ้ามืดมาก แต่แสงไฟระยิบระยับ ทำให้เห็นเมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน

เฟิงหานชวนไม่ได้ลุกขึ้นง่ายๆ แต่ยังคงรอคำตอบของเป๋าฮวน

เป๋าฮวนหันศีรษะมองใบหน้าที่หล่อเหลาของชายตรงหน้าและพูดเบาๆว่า “ไม่ต้องหรอก วันนี้ดึกแล้ว คุณควรพักผ่อนก่อนแล้วค่อยว่ากันพรุ่งนี้”

ตอนนี้เฟิงหานชวนเพิ่งอาการป่วยกำเริบและเพิ่งกินยาไป เธอก็ไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ ให้เขาพักผ่อนก่อนดีกว่า

“ฮวนฮวน คุณเป็นห่วงผมใช่ไหม!” คำพูดของเฟิงหานชวนดูเหมือนคำถาม แต่ก็แฝงไปด้วยความมั่นใจ

“ใช่ ฉันเป็นห่วงคุณ แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” เป๋าฮวนเอามือของเขาที่อยู่ที่เอวเธอออกแล้วลุกขึ้นยืน

เธอพูดอย่างเฉยเมยว่า : "ฉันไม่ต้องการทำให้ใครไม่ปลอดภัยเพราะเหตุผลของตัวฉันเอง ดังนั้น……ต่อไปนี้โปรดรักษาสุขภาพของคุณด้วย! ฉันไม่อยากเห็นใครเกิดเรื่องเพราะฉัน!"

“อีกอย่าง เห็นแก่ที่คุณเจ็บป่วย เรื่องเมื่อครู่ก็ช่างมันเถอะ ถ้าเป็นปกติฉันคงจะตบคุณสองฉาดใหญ่!”

หลังจากเป๋าฮวนพูดจบอย่างสงบ ก็ก้าวขาออกและเดินไปที่ประตูห้องน้ำ

หลังจากเดินไปสองสามก้าวเกือบจะถึงที่ประตูแล้ว จู่ๆข้อมือของเธอกลับถูกชายหนุ่มจับไว้

“เฟิงหานชวน คุณยังมีธุระอะไรอีก?” เป๋าฮวนหันศีรษะมาและขมวดคิ้ว

“ฮวนฮวน คืนนี้คุณจะ……อยู่เป็นเพื่อนผมได้ไหม?” เฟิงหานชวนมองเธอด้วยสายตาอ้อนวอน

“เฟิงหานชวน คุณบ้าไปแล้วเหรอ!?” เป๋าฮวนตะโกนถามตรงๆ: “คุณไม่ลืมเรื่องแบบนั้นแม้กระทั่งตอนป่วย? ถ้าคุณอดอยากปากแห้งจริงๆ ฉันจะช่วยคุณเรียกอันนาเดี๋ยวนี้!”

เป๋าฮวนสะบัดมือออกและกำลังจะวิ่งออกไป แต่ถูกชายหนุ่มกอดจากด้านหลัง

“คุณปล่อยฉันนะ! ถ้าคุณกล้าทำอะไรฉัน คุณเคยได้รับบทเรียนจากฉันแล้ว!” เป๋าฮวนกัดฟันพูด

เฟิงหานชวนหัวเราะเยาะอยู่ข้างหลังเธอและถามด้วยเสียงทุ้มว่า: "ในสายตาของคุณ ผมเป็นคนแบบนี้จริงหรือ?"

“ฮวนฮวน ที่ผมบอกว่าอยู่เป็นเพื่อนผม ผมหมายความตามตัวอักษร” หลังจากคิดทบทวนแล้วเฟิงหานชวนจึงอธิบายอย่างชัดเจน

หมายความตามตัวอักษร?

เป๋าฮวนตกใจเล็กน้อยและถามว่า “คุณไม่ใช่ว่าอยาก……”

“ฮวนฮวน ผมเป็นคนป่วย คุณคิดว่าผมจะคิดถึงแต่เรื่องอย่างว่าหรือ?” เฟิงหานชวนพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่รู้สึกไม่ดีในใจ

เพราะเป๋าฮวนระวังตัวกับเขา เป๋าฮวนเข้าใจเขาผิด และเป๋าฮวนรังเกียจเขา

“คุณทำกับฉันแบบนั้น ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณต้องการก้าวไปอีกขั้นหรือเปล่า?” เป๋าฮวนอึดอัดนิดหน่อยและโพล่งออกมาตรงๆ

เธอคิดว่าความคิดของตัวเองมีเหตุมีผล แม้ว่าเธอจะเข้าใจผิดก็ตาม

“ฮวนฮวน ขอโทษด้วย เป็นผมที่ไม่ได้สื่อสารให้ชัดเจน” เฟิงหานชวนแทนที่จะปฏิเสธหรืออธิบาย แต่กลับเป็นคนขอโทษเอง: "ที่จริงผมอยากบอกว่า วันนี้สภาพของผมแย่มาก ผมหวังว่าคืนนี้คุณจะอยู่เป็นเพื่อนผมได้ เตียงในห้องนอนใหญ่มาก ผมไม่ได้มีความหมายอื่น ผมแค่หวังว่าจะมีใครสักคนอยู่ข้างๆผม เกิดอาการป่วยผมกำเริบขึ้นมา จะได้หยิบยาให้ผม……”

เฟิงหานชวนในเวลานี้สมองชัดเจนมาก เขามีสติดีแล้ว ดังนั้นเขาไม่ได้อยู่ในอาการป่วยที่จะกำเริบได้

คำพูดเหล่านี้เพียงแค่ต้องการทำให้ดูน่าสงสาร และโอกาสในคืนนี้หายาก

“ซูอวี่หล่ะ?” เป๋าฮวนพูดกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

แม้ว่าเธอคิดว่าการกระทำของเฟิงหานชวนเป็นเรื่องปกติ คนที่ป่วยก็ต้องการใครสักคนที่จะอยู่ดูแล แต่เธอก็ไม่ต้องการเป็นคนที่จะอยู่เป็นเพื่อนเขา

อย่างไรความเข้าใจผิดระหว่างทั้งสองคนยังไม่ได้รับการแก้ไข ถ้าเฟิงหานชวนมีอะไรกับหลิวหลี่ถงและหลิวเยว่เอ่อร์จริงๆ วันนี้เธอก็ยังอยู่เป็นเพื่อนเฟิงหานชวน เธอไม่ใช่พระแม่มารีแล้วจะเป็นอะไร?

“ซูอวี่อยู่ในบ้านตัวเอง เขาเป็นผู้ชาย และไม่ค่อยเหมาะสม” เฟิงหานชวนตอบ

“พูดอย่างงี้ ผู้หญิงเหมาะสม? ถ้าอย่างนั้นฉันจะเรียกอันนาให้คุณ!” เป๋าฮวนหัวเราะแบบเย็นชา เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนห่างผู้หญิงไม่ได้

“ไม่ใช่ ฮวนฮวน ไม่ใช่เพราะเป็นผู้หญิงแล้วเหมาะสม แต่เพราะคุณเหมาะสม” เฟิงหานชวนกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของเขาแน่น วางคางลงบนไหล่ของเธอ หลับตาลงและพูดอย่างเสน่หา

เป๋าฮวนตกใจไม่รู้จะพูดอะไร

“ฮวนฮวน ผม……คืนนี้อยู่กับผมได้ไหม? เหมือนที่คุณพูด ถ้ามีคนประสบอุบัติเหตุเพราะคุณ คุณจะทนให้ผมอยู่คนเดียวได้หรือ?” เฟิงหานชวนรู้ว่าเขาไม่มีคุณธรรม แต่เขามีคุณธรรมจะมีประโยชน์อะไร?

คุณธรรมจะทำให้เขาได้ภรรยากลับคืนมาหรือ?

ไม่ได้!

ดังนั้น เขาเลยไม่อยากมี…..!

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ใบหน้ายุ่งเหยิง

“ฮวนฮวน แค่คืนเดียว แค่คืนนี้คืนเดียว ผมไม่ต้องการให้คุณดูผมตลอด คุณนอนหลับได้ ถ้าผมมีอะไร ผมจะปลุกคุณ ตกลงไหม?” เฟิงหานชวนไม่หยุดอ้อนวอนข้างหูของหญิงสาว

ในที่สุดเป๋าฮวนก็ทนไม่ไหว ราวกับว่ากำแพงในใจเธอพังทลายลง เธอขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “งั้นก็ได้”

“จริงเหรอ? ฮวนฮวน!” จู่ๆชายหนุ่มก็ตื่นเต้น

เขาจับไหล่ของหญิงสาวด้วยมือทั้งสอง แล้วหันเธอกลับมา จากที่หันหลังให้เขาเป็นหันหน้าเข้าหาเขา

“ครั้งนี้เท่านั้น ไม่มีครั้งต่อไป” เป๋าฮวนมองเขาแล้วพูดว่า “ฉันต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ฉันจะกลับไปที่ห้องสักครู่”

เธอยังคงสวมชุดตัวน้อยที่ใส่ไปร่วมงานเลี้ยง

"อาบที่นี่เถอะ ผมมีชุดนอน" เฟิงหานชวนมองเธออย่างแน่วแน่และพูดว่า "ตัวใหม่"

“ฉันจะใส่ชุดนอนของคุณทำไม?” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนป่วย หลังจากอาการป่วยกำเริบสมองก็เบลอไปด้วยแล้ว

“คุณต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใช้เวลานานมาก ผมเกรงว่าอาการป่วยของผมจะกำเริบ” เฟิงหานชวนพูดอย่างเคร่งขรึม

แต่ในสายตาเป๋าฮวน เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนในขณะนี้ดูรู้สึกผิดมาก

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากและพึมพำ:ว่า “ที่คุณพูดก็ถูก……”

เฟิงหานชวนพูดถูก เธอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จะเร็วยังไงอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ถ้าเฟิงหานชวนเกิดอาการป่วยกำเริบในเวลานี้ งั้นจะทำอย่างไร?

“เอายาของคุณไปที่ห้องฉันด้วย คุณรอตอนฉันอาบน้ำ ถ้ามีที่ไหนไม่สบายให้เรียกฉัน”

“ฮวนฮวน คุณหมายถึง……ไปที่ห้องของคุณ?”

เข้าไปข้างในแล้วไม่เจอใครอยู่ในห้องนั่งเล่น

เป๋าฮวนเดินตรงไปที่ห้องนอน ไฟในห้องนอนเปิดอยู่ แต่ไม่มีใคร ไฟในห้องน้ำก็เปิดอยู่เช่นกัน

เห็นได้ชัดว่า เฟิงหานชวนอยู่ในห้องน้ำ

เป๋าฮวนอยากให้ผู้จัดการมาเปิดประตูเข้าไป เพราะเฟิงหานชวนเป็นผู้ชาย เธอไม่อยากเข้าไปโดยตรง ไม่อยากเห็นเรือนร่างของเขา

แต่เมื่อเธอเดินไปที่ประตูข้างนอก ไม่มีใครอยู่ตรงทางเดิน ทั้งผู้จัดการและจอห์นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

เป๋าฮวนเข้าใจว่าพวกเขาสองคนกลัวเฟิงหานชวน ดังนั้นพวกเขาจึงรีบหนีไปก่อน

มุมปากของเธอกระตุกหลายครั้ง เธอปิดประตู เดินไปที่ประตูห้องน้ำอีกครั้ง และตะโกนเข้าไปข้างใน: “เฟิงหานชวน ต่อให้คุณไม่เปิดประตูให้ฉัน ฉันก็มีวิธีที่จะเข้ามา!”

"อาบน้ำของคุณไปเหอะ! คนใจหมา! ชั่ว! สารเลว!"

เป๋าฮวนระบายพูดคำที่ไร้ความปราณีสองสามคำ จากนั้นหันและเดินไปที่ห้องนั่งเล่น หยิบกระเป๋าขึ้นจากโต๊ะ และเตรียมจะจากไป

แต่ในขณะที่เธอจับที่จับประตู เธอก็หันศีรษะและมองอีกครั้ง

ข้างในนั้นเงียบมาก เฟิงหานชวนไม่ตอบสนองต่อการดูหมิ่นของเธอ เธอเพิ่งด่าเขาที่ประตูห้องน้ำ ในนั้นก็ไม่มีเสียงของน้ำเลย ราวกับว่าไม่มีใคร ไม่มีการเคลื่อนไหว

เป๋าฮวนวางกระเป๋าลง เดินไปที่ประตูห้องน้ำอีกครั้ง เคาะประตูห้องน้ำ แล้วถามว่า: “เฮ้ย เฟิงหานชวน คุณอยู่ข้างในไหม?”

ยังคงไม่มีเสียงตอบกลับ

“เฟิงหานชวน ตอบสิ! คุณจงใจไม่ตอบหรือเป็นอะไรกันแน่?” เป๋าฮวนเกิดลางสังหรณ์ในทันใด

หลังจากที่เธอพูดจบ ก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากข้างใน

เป๋าฮวนขมวดคิ้วและเปิดประตูห้องน้ำโดยตรง

ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็นเรือนร่างของเฟิงหานชวน เห็นอีกรอบก็คงไม่เป็นอะไร

แต่เมื่อเธอเปิดประตู ถึงกลับตะลึงไปทั้งตัว เห็นเฟิงหานชวนนอนหมดสติอยู่บนพื้น

“เฟิงหานชวน!” เป๋าฮวนเขย่าตัวเขา จับไหล่ของผู้ชายด้วยมือทั้งสอง เขย่าเขา และเรียกชื่อเขาอย่างต่อเนื่อง

“เฟิงหานชวน คุณตื่นสิ ตื่น…”

ใบหน้าของเป๋าฮวนซีดด้วยความตกใจ เธอเรียกเฟิงหานชวนเป็นเวลานาน แต่เฟิงหานชวนไม่ตอบสนอง เธออยู่ในความตื่นตระหนก เธอเอื้อมมือไปหาโทรศัพท์เพื่อจะโทรเรียกรถพยาบาล แต่นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า

เธอลุกขึ้นกำลังจะไปเอาโทรศัพท์ แต่จู่ๆก็มีคนคว้าข้อมือเธอไว้

เป๋าฮวนหันศีรษะ เห็นเฟิงหานชวนค่อยๆลืมตาขึ้น เธอตะโกนทันทีว่า: "เฟิงหานชวน คุณตื่นแล้ว! คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันจะโทรเรียกรถพยาบาล!"

“ไม่ต้องโทร” เสียงของผู้ชายต่ำและแหบ ราวกับว่าเขาไม่มีเรี่ยวแรง

“คุณเป็นขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่ไปโรงพยาบาล?” เป๋าฮวนโกรธ เธอไม่คิดว่าเหตุผลที่เฟิงหานชวนไม่ยอมเปิดประตู เพราะเขาเป็นลมหมดสติ

“ไปโรงพยาบาลก็ไม่มีประโยชน์ ช่วยผม…ไปเอายา มันอยู่ในลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง” เฟิงหานชวนจับมือเธอแน่น

จู่ๆเป๋าฮวนก็นึกขึ้นได้ว่าซูอวี่และหรงจิ่นซิวเคยบอกว่า เฟิงหานชวนป่วยทางจิต ต่อให้เรียกรถพยาบาล ก็ไร้ประโยชน์

เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน และกล่าวว่า: "โอเค ฉันจะไปเอาให้คุณ"

เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ เฟิงหานชวนก็ปล่อยมือของเธอทันที และมือที่เรียวยาวของเขาก็ตกลงไปที่พื้นกระเบื้อง

เป๋าฮวนรีบออกจากห้องน้ำ ไปที่ลิ้นชักข้างเตียง หลังจากเปิดลิ้นชัก เธอเห็นกล่องยาสีขาวสองกล่องอยู่ข้างใน

เธอหยิบยาแล้วกลับไปหาเฟิงหานชวนทันที เธอนั่งลงและร้องไห้อย่างกังวล: "เฟิงหานชวน กี่เม็ด?"

"3" เสียงของเฟิงหานชวนอ่อนแรง

มือที่สั่นเทาของเป๋าฮวนเทยาสามเม็ดลงบนฝ่ามือ แล้วรีบป้อนเข้าที่ปากของเฟิงหานชวน แต่ราวกับว่านึกได้อะไรบางอย่าง ก็รีบพูดว่า: “ฉันยังไม่ได้เอาน้ำให้คุณ!”

เธอกำลังจะลุกขึ้น เฟิงหานชวนจับข้อมือของเธอ: "ไม่ต้อง"

จากนั้น เขาก็วางยาสามเม็ดลงบนฝ่ามือ และเอาเข้าปาก กลืนเข้าไปโดยตรง การเคลื่อนไหวชำนาญมาก

“เฟิงหานชวน แบบนี้จะสำลักได้ ฉันจะไปเอาน้ำมาให้คุณ!” เป๋าฮวนกังวลมาก กระวนกระวายโดยไม่รู้ตัว

“ไม่จำเป็นจริงๆ อยู่กับผม” ใบหน้าของเฟิงหานชวนซีด เขาจับมือผู้หญิงไว้แน่น

คราวนี้เขาป่วยจริงๆ ไม่ใช่เสแสร้งและไม่ใช่กลอุบายอันขมขื่น

เป๋าฮวนมองท่าทางของเขา ทั้งอึดอัดและวิตกกังวล เธอเห็นเขานอนอยู่บนกระเบื้องที่เย็นยะเยือกในห้องน้ำ พยุงเขาขึ้นอย่างเจ็บปวดใจ ให้ร่างกายส่วนบนของเขาพิงที่อกของเธอ

พฤติกรรมของเป๋าฮวน ทำให้อารมณ์ของเฟิงหานชวนดีขึ้นในทันที บางทีอาจเป็นเพราะยา ตอนนี้เขาไม่รู้สึกทรมานเหมือนเมื่อกี้แล้ว

“ฮวนฮวน คุณ…เป็นห่วงผมใช่ไหม?” เขาถามด้วยเสียงเบา มือข้างหนึ่งยังจับข้อมือผู้หญิงไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย

“ฉันเปล่า” เป๋าฮวนปฏิเสธโดยไม่ตั้งใจ หายใจเข้าลึกๆ แล้วถามว่า: “โรคของคุณแบบนี้ เกิดจากการฆ่าตัวตายของฉันใช่ไหม?”

คำพูดของหรงจิ่นซิว ทำให้เป๋าฮวนคิดอย่างนั้น

หลังจากได้ยิน เฟิงหานชวนไม่ตอบ ไม่ยืนยันและไม่ปฏิเสธ

เป๋าฮวนเหลือบมองเขา หันศีรษะกลับมาอีกครั้ง และพูดเบาๆว่า: “ในเมื่อตอนนี้ฉันสบายดี โรคของคุณก็มีหนทางรักษาแล้ว ต่อไปนี้คุณอย่างให้โรคกำเริบอีก ไปหาหมอจิตแพทย์รักษาดีๆ”

“ฮวนฮวน!” มืออีกข้างของเฟิงหานชวนก็คว้าเอวเธอไว้แน่น และรีบอธิบาย: “ผมไม่เคยมีผู้หญิงคนอื่น ไม่เคยจริงๆ!”

เขาจ้องเธออย่างลึกซึ้ง ด้วยดวงตาสีดำซีดเซียว

เป๋าฮวนตกใจ เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนไม่ได้โกหก แต่… แต่หลิวเยว่เอ่อร์และหลิวอวี่ถงก็ไม่ได้ดูเหมือนโกหก

เฟิงหานชวนมองไปที่การแสดงออกที่สับสนของเป๋าฮวน ดวงตาของเขาเห็นเป๋าฮวนไม่ไว้วางใจเขา ไม่เชื่อใจเขาจริงๆ

“ฮวนฮวน ผมต้องพิสูจน์อย่างไร? ถ้าผมเรียกผู้หญิงสองคนนั้นมาเผชิญถามตรงหน้า คุณก็จะคิดว่าผมขู่พวกเธอ ใช่ไหม?” เสียงของเฟิงหานชวนเย็นชาผสมกับทำอะไรไม่ถูก

ในความเห็นของเขา ไม่ว่าเขาจะทำยังไง เป๋าฮวนก็ไม่เชื่อเขาอีกต่อไป

"จริงๆแล้ว วิธีนี้ใช้ได้นะ มาเผชิญหน้ากัน" เป๋าฮวนเองก็อยากทำเรื่องนี้ให้มันชัดเจน

อย่างไรก็ตาม เธอติดอยู่กับเหตุการณ์นี้มาเป็นเวลา3ปีเต็มๆ

“ฮวนฮวน คุณเต็มใจจริงๆใช่ไหม…” ดวงตาสลัวของเฟิงหานชวนจุดประกายความหวังอีกครั้ง

อย่างน้อย ฮวนฮวนของเขาก็เต็มใจที่จะค้นหาความจริง ไม่ใช่เข้าใจผิดเขาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า

“หลิวอวี่ถงยังเป็นสาวใช้ที่บ้านคุณอยู่หรือเปล่า? ” เป๋าฮวนถามชายในอ้อมแขนของเธอ

“อืม ไม่ต้องห่วง ผมจะไล่เธอออกหลังจากการเผชิญหน้า เรื่องนี้จะไม่รบกวนคุณอีกต่อไป” เฟิงหานชวนตอบทันที

ตั้งแต่เฉินฮวนฮวนฆ่าตัวตาย เฟิงหานชวนก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะสนใจสิ่งใดเลย เขาเป็นโรคซึมเศร้ามาเป็นเวลานาน ต่อมา เขาได้ทุ่มเทพลังงานทั้งหมดไปกับงานของเขาและกลายเป็นคนบ้างาน

ดังนั้น เขาจึงไม่เคยสนใจเรื่องของสาวใช้ และเขาก็ไม่รู้ว่าเหตุผลที่เฉินฮวนฮวนหนีไป เพราะเรื่องของหลิวอวี่ถง

เฟิงหานชวนเอามือข้างหนึ่งดันพื้น นั่งตัวตรง หันกลับมา หันหน้าไปทางเป๋าฮวน และทั้งสองก็มองหน้ากัน

“รบกวน? ไม่ว่าคุณจะไล่เธอออกหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน” เป๋าฮวนตอบเบาๆ

ใบหน้าซีดของเฟิงหานชวนขดตัวเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้ม

“คุณยิ้มอะไร?” เป๋าฮวนรู้สึกแปลกๆ

“ฮวนฮวน คุณยังสนใจผม ถ้าคุณไม่สนใจผมแล้ว คุณคงไม่ขอเผชิญหน้าหรอก” เฟิงหานชวนพูดขณะที่เขาขยับเข้าหาเธอ

เป๋าฮวนรู้สึกว่าผู้ชายกำลังขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเธอก็พูดไม่ออกกับสิ่งที่เขาพูด เอียงศีรษะของเธอไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว

ทันใดนั้น มีฝ่ามือขนาดใหญ่จับด้านหลังศีรษะของเธอ ใบหน้าของผู้ชายก็เข้ามาใกล้ระยะเผาขน

วินาทีต่อมา ริมฝีปากก็ร้อนผ่าว

เฟิงหานชวนนิ่งอึ้ง

เพราะเป๋าฮวนพูดถูก

เขาโกหกเธอก่อน ปกปิดตัวตนของเขา ปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น

ดังนั้นถ้าเธอไม่เชื่อเขาก็คงไม่แปลก

เขานั่งลงบนโซฟาด้วยความสิ้นหวัง จับผมด้วยมือทั้งสองข้าง ถ้าเขาไม่ได้หลอกเป๋าฮวนตั้งแต่แรก เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้

“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก ลาก่อน” เป๋าฮวนรู้สึกเจ็บปวดมาก เธอกำลังจะจากไป

เธอรู้สึกว่าระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วจริงๆ

แต่เมื่อเธอหันหลังกลับ ข้อมือของเธอก็ถูกรั้งไว้ เป๋าฮวนหันศีรษะและเห็นเฟิงหานชวนมองเธอด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

เธอหยุดนิ่งด้วยความตกตะลึง

“ฮวนฮวน คุณเข้าใจผิดจริงๆ” เสียงของเฟิงหานชวนสะอื้น มือที่จับข้อมือของเธอก็จับแน่นขึ้นเล็กน้อย

ราวกับกังวลว่าจะปล่อยหลุดไป

เป๋าฮวนมองเขา โดยไม่พูดอะไร

“ระหว่างผมกับหลิวอวี่ถง หลิวเยว่เอ่อร์ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเขาต้องอธิบายให้ชัดเจน

ต้องอธิบายให้เข้าใจ เป๋าฮวนถึงจะให้อภัยเขา

“ในสายตาของผม หลิวอวี่ถงเป็นแค่สาวใช้ มีเพียงครั้งเดียวที่ผมใกล้ชิดเธอ ก็คือคืนที่ผมไปขอผ้าอนามัยให้คุณ”

“หลิวเยว่เอ่อร์ ผมยอมรับว่าผมมอบคฤหาสน์ให้กับเธอ และยังให้เงิน เพราะผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงในคืนนั้น ผมเลยชดเชยให้เธอ ที่ผมทำก็เพราะเหตุผลนี้”

“ผู้หญิงทั้งสองคนนี้ผมไม่เคยคิดจะแล”

เฟิงหานชวนจับมือเป๋าฮวนไว้แน่น จับไว้แน่นจริงๆ

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว เธอทั้งเชื่อและไม่เชื่อ และมือของเธอถูกจับแน่นจนรู้สึกเจ็บ

“ปล่อยมือของฉัน” เป๋าฮวนพูดทันที

“ผมไม่ปล่อย!” เฟิงหานชวนบีบแรงขึ้น

“ฉันเจ็บ!” เป๋าฮวนตะโกน

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ปล่อยมือเธอทันที ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและมองลงมา

มือเล็กๆสีขาวกลายเป็นสีแดง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผิวถูกบีบอย่างแน่น

“ขอโทษ ฮวนฮวน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” เฟิงหานชวนกล่าวขอโทษอย่างกังวล

เพราะเขายืนขึ้น เฟิงหานชวนสูงกว่าเป๋าฮวน ดังนั้นเป๋าฮวนไม่ได้ก้มลงมองเขา แต่ต้องเงยหน้ามองเขา จึงจะเห็นใบหน้าของเขา

เธอเห็นท่าทางกังวลใจของเฟิงหานชวน เธอหลับตา นึกถึงคำอธิบายของเฟิงหานชวนในใจของเธอ

“เฟิงหานชวน คุณเคยทำผิดมาก่อน คุณคิดว่าฉันจะยังเชื่อคุณอีกเหรอ?” เป๋าฮวนพูดเบาๆ

“ฮวนฮวน…” เฟิงหานชวนไม่สามารถพูดอะไรได้อีก

เช่นเดียวกับเด็กเลี้ยงแกะ เขาเคยโกหกเป๋าฮวนมาก่อน ตอนนี้เป๋าฮวนจะเชื่อเขาได้อีกเหรอ?

แน่นอนว่า ไม่ได้

จู่ๆเขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง

ถ้าเขาบังคับให้เธออยู่ข้างๆ เป๋าฮวนจะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน และจะยิ่งเกลียดเขามากขึ้น เกลียดเขามากยิ่งขึ้นไปอีก

“ฉันเหนื่อย ฉันจะกลับไปพักผ่อน” เป๋าฮวนสะบัดมือออกและเปิดประตู

เสียง "ปัง" ดังขึ้น เสียงปิดประตู

ขณะที่กำลังจะกลับมาที่ห้องตัวเอง เป๋าฮวนหันศีรษะและเหลือบมอง เฟิงหานชวนไม่ได้ตามมา

สาเหตุที่เขาไม่ตามมา เพราะเขาโกหกเธอ ก็เพราะเขาโกหกเธอ

โกหกได้สองประการ หนึ่งคือเรื่องในคืนบลูส์คลับ สองคือเรื่องของหลิวอวี่ถงและหลิวเยว่เอ่อร์

เป๋าฮวนไม่รู้ว่าทำไม บางทีอาจจะโกหกทั้งสองอย่าง

เธอถอนหายใจลึกๆ และกำลังจะรูดบัตรเพื่อเข้าไปในห้อง ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอไม่มีบัตรรูดเข้าห้อง

บัตรห้องพักอยู่ในห้องของเฟิงหานชวน

บัตรของเธออยู่ในกระเป๋า ตอนที่เธอถูกเฟิงหานชวนอุ้ม เฟิงหานชวนก็หยิบกระเป๋าของเธอไปด้วย

ตอนนี้กระเป๋าของเธออยู่บนโต๊ะในห้องของเฟิงหานชวน

เป๋าฮวนเกาศีรษะอย่างแรง เธอเพิ่งจะเดินออกมา แต่ลืมหยิบกระเป๋ามาด้วย

ไม่ได้มีเพียงแค่บัตรเท่านั้น แต่ยังมีโทรศัพท์มือถือของตัวเองอีกด้วย

ดังนั้น เป๋าฮวนทำได้เพียงเดินกลับไปที่ห้องของเฟิงหานชวน เอื้อมมือออกไปและเคาะประตู

จากนั้น เวลาผ่านไปสักครู่ ยังไม่มีคนมาเปิดประตู

“เฟิงหานชวน! เปิดประตู! ฉันจะเอากระเป๋า!” เป๋าฮวนตะโกนเข้าไปข้างใน

หลังจากรอสักครู่ ก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตู

เป๋าฮวนเอามือเท้าสะโพก โกรธมากจนดวงตาจะทะลุออกมา เฟิงหานชวนคงจะจงใจไม่เปิดประตู!

ต้องใช่แน่!

สารเลว แอบเอาคืนเธองั้นเหรอ!

เป๋าฮวนโกรธมากในตอนนี้ อยากจะเหยียดเท้าออกและเตะประตู แต่เธอรู้ว่าความแข็งแกร่งของเธอมีจำกัด และประตูก็แข็งแรงมากเช่นกัน ดังนั้นเธอคงไม่อยากทำให้เท้าตัวเองได้รับบาดเจ็บ

เธอหันกลับมาและกำลังจะเดินไปที่ลิฟต์ เธอกำลังจะไปที่แผนกต้อนรับเพื่อติดต่อผู้จัดการ ขอบัตรมาเปิดห้องของเฟิงหานชวน!

ในขณะนี้ จอห์นออกมาจากห้องฟิตเนสพอดี ทันทีที่เขาเห็นเป๋าฮวน ดวงตาของเขาเป็นประกาย เขาก็รีบเดินไปหาเป๋าฮวน

“คุณเป๋า สวัสดีตอนเย็น!” จอห์นยิ้มทักทาย

เป๋าฮวนรู้สึกปวดท้องเล็กน้อย เธอไม่ได้ทานมื้อเย็น ตอนแรกนัดกับเวินซือเหยี่ยนจะไปทานมื้อเย็นด้วยกัน แต่ถูกเฟิงหานชวนพามาซะก่อน แถมยังทำให้โมโหจนจะบ้า

“ขอยืมโทรศัพท์หน่อย!” เป๋าฮวนยื่นมือไปหาจอห์น

เธอไม่มีเรี่ยวแรง เธอเลยขอยืมโทรศัพท์กับจอห์นเพื่อโทรหาแผนกต้อนรับ จะได้ไม่ต้องลงไปด้วยตัวเอง

“คุณเป๋า คุณ…คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” จอห์นมองดูท่าทางของเป๋าฮวน รู้สึกกังวลขึ้นมา

เพราะความลับของเขาและอันนาอยู่ในมือของเป๋าฮวน ถ้าทำให้เป๋าฮวนไม่พอใจ เธออาจจะบอกทางโรงแรมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งคู่จะต้องตกงาน

“โทรหาแผนกต้อนรับ” เป๋าฮวนตอบ พยายามสงบสติอารมณ์

เหตุผลที่เธอโกรธก็เพราะเฟิงหานชวนไม่เปิดประตู

“อืออืม” จอห์นรีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง ไม่กล้าถามอะไรอีก ยื่นโทรศัพท์ให้เป๋าฮวน

เป๋าฮวนติดต่อแผนกต้อนรับทันทีและขอให้ผู้จัดการขึ้นมาเปิดประตู

ภายในห้านาที ผู้จัดการก็เดินขึ้นมา แต่ใบหน้าของเขาลังเลมาก เมื่อเขาเห็นเป๋าฮวน เขาก็พูดทันทีว่า: "คุณเป๋า นี่คือห้องของคุณเฟิง มันคงไม่เหมาะสม”

เมื่อวานเคยเปิดประตูไปแล้วหนึ่งครั้ง ถ้าจู่ๆวันนี้เปิดอีก กลัวจะทำให้คุณชายสามผู้โด่งดังไม่พอใจ และเขาจะไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการได้อีก

แต่ว่าเขาไม่กล้าขัดใจหญิงสาวผู้สง่างามที่อยู่ตรงหน้าเขา ดังนั้นตอนนี้ผู้จัดการจึงรู้สึกลำบากใจมาก

“ฉันจะรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง” เป๋าฮวนตอบอย่างเย็นชา เธอรู้ดีว่าผู้จัดการกลัวอะไร แต่เธอไม่กลัวเฟิงหานชวน

ผู้จัดการเม้มริมฝีปากของเขา สีหน้าไม่ค่อยดี เขาหยิบบัตรห้องจากกระเป๋าด้านในของชุดสูทอย่างลังเล ยื่นมือที่สั่นเทาของเขาให้เป๋าฮวน และดึงกลับอีกครั้ง

“คุณเป๋า คุณลองเคาะประตูอีกครั้งดีไหม?” ผู้จัดการรู้สึกกลัว

เป๋าฮวนใจร้อนมาก ยื่นมือออกไปคว้าบัตรในมือของผู้จัดการ รูดบัตรและรีบเข้าไปในห้อง…

“ภรรยา?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจ

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมรับ เป๋าฮวนก็มองเขาอย่างเย็นชาและถามว่า: “ผู้หญิงที่คุยโทรศัพท์กับคุณเมื่อกี้ คือภรรยาใหม่ของคุณใช่ไหม? เรียกคุณว่าอาสาม คงเหมือนกับสถานการณ์ของฉันในตอนนั้นสินะ?”

เฟิงหานชวนตระหนักว่าเป๋าฮวนเข้าใจผิดเรื่องนี้

“เธอเป็นหลานสาวของผม เฟิงหย่าลูกสาวของเฟิงเจิ้งซวิน เมื่อ3ปีก่อนคุณไม่เคยเจอเธอ เพราะเธอไปเรียนที่ต่างประเทศ” เฟิงหานชวนอธิบายอย่างอดทน

“เฟิงหย่า?” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว

เธอจำชื่อนี้ได้ คนในตระกูลเฟิงมีไม่มาก นอกจากเฟิงหย่า คนอื่นในตระกูลเฟิงเธอเคยเจอหมดแล้ว

แท้จริงแล้วคนที่โทรหาเฟิงหานชวนเมื่อกี้คือเฟิงหย่า แต่…

พี่อวิ๋น ก็คงจะเป็นหลีซืออวิ๋น?

“ฮวนฮวน คุณหึงเหรอ?” สีหน้าของเฟิงหานชวนผ่อนคลายลงอย่างมาก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็แน่ใจได้ว่าเป๋าฮวนยังแคร์เขา

“เปล่า” เป๋าฮวนตอบอย่างเย็นชา แล้วถาม: “พี่อวิ๋นที่เฟิงหย่าเรียก ก็คือหลีซื่ออวิ๋นใช่ไหม?”

“ใช่” เฟิงหานชวนยอมรับโดยไม่ลังเล พร้อมกล่าวเสริมว่า: “ความสัมพันธ์ของผมกับหลีซืออวิ๋น ผมเคยอธิบายกับคุณเมื่อ3ปีก่อนแล้ว คุณคงไม่เข้าใจผิดอีกนะ”

เป๋าฮวน : "…"

เธอรู้สึกไม่ว่าจะเถียงยังไงเธอก็ไม่สามารถเอาชนะเฟิงหานชวนได้

“กลางค่ำกลางคืน ยังไปหาคุณที่บ้าน คงไม่ใช่ความสัมพันธ์ธรรมดาหรอกมั้ง!” เป๋าฮวนผลักเขาออกไปและพูดอย่างสบายๆ

ใบหน้าของเฟิงหานชวนบูดบึ้ง กลายเป็นน่าเกลียด เขากระซิบ: "ฮวนฮวน เมื่อกี้คุณบอกว่าผมคบคนหลายคนในเวลาเดียวกัน หมายความว่ายังไง? คุณยังเข้าใจผิดเรื่องของผมกับหลีซืออวิ๋นอยู่เหรอ?"

แต่ว่า เขาตระหนักถึงอะไรบางอย่าง

ถ้าเป๋าฮวนคิดว่า เขากับหลีซืออวิ๋นมีความสัมพันธ์กัน คบคนหลายคนในเวลาเดียวกัน แล้วอีกคน…คือใคร?

“ฉันไม่รู้!” เป๋าฮวนตอบอย่างขุ่นเคือง

เธอไม่รู้ว่าระหว่างเฟิงหานชวนและหลีซืออวิ๋นมีอะไรกันหรือเปล่า แต่เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเฟิงหานชวนและหลิวอวี่ถง

“ฮวนฮวน มีอะไรเข้าใจผิด เราคุยกันให้ชัดเจนได้ไหม?” สีหน้าของเฟิงหานชวนกลายเป็นกังวล

เขารู้สึกว่าเป๋าฮวนมีเรื่องที่เข้าใจเขาผิด และความเข้าใจผิดนี้ไม่ใช่เรื่องคืนในบลูส์คลับหรือเรื่องของยายเธอ แต่เป็นเรื่องอื่น

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเรื่องอะไร

“อธิบายให้ชัดเจน? ได้สิ งั้นคุณบอกฉันมา ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ คุณเคยนอนกับผู้หญิงแล้วกี่คน บอกชื่อมาทั้งหมด!” เป๋าฮวนกอดอก มองไปยังชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ

เธอต้องการดูว่าเฟิงหานชวนจะยอมรับหรือไม่

“ฮวนฮวน คำถามนี้คุณยังไม่รู้อีกเหรอ? ตั้งแต่ต้นจนจบ มีแค่คุณคนเดียว… ไม่ว่าจะก่อนหน้า3ปีหรือหลังจาก3ปี” ดวงตาของเฟิงหานชวนดูจริงจังมาก เสียงของเขาก็หนักแน่น

“เหอะ!” เป๋าฮวนหัวเราะเยาะและพูดว่า:“คุณนี่มันหน้าด้านจริงๆ!”

เฟิงหานชวน: "???"

เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ชายเต็มไปด้วยความสงสัย เป๋าฮวนก็รู้สึกว่าทักษะการแสดงของเขาดีมาก

เธอพูดตรงๆว่า: “เอาล่ะ งั้นฉันจะช่วยรื้อฟื้นความจำ เมียบ่าวของคุณ ไม่ใช่หนึ่งในนั้นงั้นเหรอ? "

“เมียบ่าว?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วในทันทีและถาม: “ฮวนฮวน คุณกำลังพูดถึงอะไรกันแน่? นี่ไม่ใช่สมัยโบราณแล้วนะ จะมีเมียบ่าวได้ยังไง?”

“คุณไม่ได้ให้สถานะกับเธอ ไม่ได้เลี้ยงดูเธอ และเธอยังต้องทำงานให้คุณ ถ้าไม่ใช่เมียบ่าวแล้วจะเป็นอะไร? เทียบไม่ได้กับหญิงขายบริการด้วยซ้ำ!” เป๋าฮวนกัดฟันและจ้องเขม็งไปที่เฟิงหานชวน

ในความเห็นของเธอ หลิวอวี่ถงไม่ใช่ผู้หญิงขายบริการ แต่เป็นแค่เมียบ่าว

อย่างน้อย ผู้หญิงขายบริการยังได้เงิน และถูกเลี้ยงดู แต่หลิวอวี่ถงยังต้องทำงานที่บ้านตระกูลเฟิง เป็นสาวใช้

เธอรู้สึกเฟิงหานชวนคิดว่าตัวเองเป็นคุณชาย และให้หลิวอวี่ถงเป็นเมียบ่าว

เฟิงหานชวน: "…"

หลังจากที่เป๋าฮวนพูดคำเหล่านี้ เฟิงหานชวนก็พูดไม่ออกทันที

เพราะเขาไม่รู้ว่าเป๋าฮวนกำลังพูดถึงอะไร

แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจในทันทีว่าเป๋าฮวนหมายถึงอะไร 3ปีก่อนพวกเขาเคยทะเลาะกันเพราะเรื่องของ “คนนั้น”

คนนั้นคือสาวใช้ของบ้านตระกูลเฟิง—— หลิวอวี่ถง

“ฮวนฮวน เมื่อ3ปีก่อนผมก็เคยอธิบายเรื่องของเธอแล้ว ตอนนั้นคุณก็เชื่อแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้คุณถึงเอาเรื่องเก่ามาพูดอีก?” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเป๋าฮวนจงใจหาเรื่องเขา

หาข้ออ้างที่จะไล่เขาไป พยายามใส่ร้ายตัวเขา

“เรื่องเก่า?” เป๋าฮวนยิ้มอย่างเย็นชา ขดริมฝีปากแล้วพูดว่า: “เมื่อ3ปีที่แล้วฉันไร้เดียงสาเกินไป เชื่อคำพูดไร้สาระของคุณ”

“ฮวนฮวน คุณกำลังพูดถึงอะไรกันแน่?” คิ้วของเฟิงหานชวนบิดเบี้ยวเข้าหากัน

“หลิวอวี่ถงสารภาพกับฉันเอง ของเล่นชิ้นนั้นไม่ใช่ของที่คุณไปยืมมา เธอเข้าใจผิดคิดว่าคุณแค่ยืมมาเฉยๆ แต่ความเป็นจริงแล้วพวกคุณใช้มันตอน…ด้วยกัน!” เป๋าฮวนคิดแล้วก็เจ็บใจ

อย่างไรก็ตามเธอนึกถึงเรื่องที่เฟิงหานชวน “ข่มขืน” ตัวเองแล้ว ถ้าอย่างนั้นกับคนอื่นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร! หลิวอวี่ถงสารภาพเอง?” ใบหน้าของเฟิงหานบึ้งตึงทันที

“ใช่ ไม่ใช่แค่หลิวอวี่ถง คุณเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วทนไม่ได้! เมื่อ3ปีที่แล้ว คุณคิดว่าหลิวเยว่เอ่อร์เป็นผู้หญิงในคืนบลูส์คลับ คุณก็เลยให้คฤหาสน์หลังใหญ่กับเธอ เลี้ยงดูเธอมาระยะหนึ่ง ใช่ไหม?” เป๋าฮวนนึกถึงหลิวเยว่เอ่อร์อีกครั้ง

ทั้งหมดนี้ ผู้หญิงสองคนนั้นเป็นคนพูดออกมาเอง

สายตาของเฟิงหานชวนแข็งนิ่ง เขาลดเสียงลง และเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา: "เพราะแบบนี้… ฮวนฮวนคุณเลยวางแผนฆ่าตัวตายเพื่อหนีผมไป ก็เพราะหลิวอวี่ถงและหลิวเยว่เอ่อร์?”

“ไม่ใช่!” เป๋าฮวนปฏิเสธโดยตรง

ไม่ใช่เพียงเพราะผู้หญิงสองคนนี้ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ การปกปิดและการหลอกลวงของเฟิงหานชวน ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอจากไป

“ทำไมคุณถึงไม่ถามผมให้ชัดเจน?” เฟิงหานชวนก้าวถอยหลังแล้วหันหลัง จับหน้าผากของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง ดูอารมณ์เสีย

เป๋าฮวนมองดูท่าทางของเขา ไม่รู้ว่าทำไม รู้สึกไม่มีความสุขลีกๆในใจ

ทั้งๆที่เขาเป็นคนผิด ทำไมมันถึงเหมือนกับว่าเธอเป็นคนผิด?

“จำเป็นต้องถามคุณด้วยเหรอ?” เธอขมวดคิ้ว

“ใช่ จำเป็น!” เฟิงหานชวนหันกลับมาอีกครั้ง หันหน้าไปหาเธอ ดวงตาของเขาเป็นสีแดง ราวกับว่ากำลังพยายามควบคุมอารมณ์ของเขา

เป๋าฮวนตกใจเล็กน้อย และถอยกลับไปสองก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนกำลังโกรธ เหมือนกำลังโกรธและเหมือนกำลังป่วย เธอไม่เข้าใจ

“คนอื่นพูดอะไร คุณก็เชื่อหมด! แต่สิ่งที่ผมพูด คุณกลับไม่เคยเชื่อ” เฟิงหานชวนเกือบคร่ำครวญ

ในใจเป๋าฮวนเต้น "ตุบๆ" ทันที

ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง

แต่……

“คุณโกหกฉันมามากขนาดนั้น! ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย” เป๋าฮวนตะโกนใส่เขา

“ผมรู้ว่าคุณเห็นแก่หน้าผม ดังนั้นถึงไม่ได้ต่อหน้าเวินซือเหยี่ยน……”

ไม่รอให้เฟิงหานชวนพูดจบ เป๋าฮวนก็เข้าใจและหยุดเขาทันที: “พอพอพอ!”

“ฮวนฮวน ผมรู้ในใจคุณยังป็นห่วงผม” ในส่วนลึกของแววตาเฟิงหานชวนปรากฏความรู้สึกที่ลึกซึ้งออกมา

จู่ๆเป๋าฮวนก็รู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย เธอทำท่าอาเจียนและพูดว่า: "เฟิงหานชวน ไม่ได้พบกันสามปี คุณยิ่งอยู่ยิ่งทุเรศ

"ติ๊งต่อง……"

ในขณะเดียวกัน ถึงชั้นสูงสุดแล้ว และประตูลิฟต์ก็เปิดออกอย่างช้าๆ

เฟิงหานชวนไม่ได้พูดตอบเป๋าฮวน แต่อุ้มเป๋าฮวนไปที่หน้าประตูห้องและวางเธอลง

เพราะเขาต้องไปหยิบคีย์การ์ดห้องพัก

เป๋าฮวนใช้โอกาสนี้เพื่อจะหลบหนี แต่เธอรู้สึกว่าการหลีกเลี่ยงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ดังนั้นเธอจึงไม่วิ่งหนี แต่รอให้เฟิงหานชวนเปิดประตู

เฟิงหานชวนจับมือของเธอ ลากเธอเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูทันที และกดเธอไว้กับแผงประตู

“ฮวนฮวน เมื่อครู่ทำไมเธอไม่วิ่งหนีหล่ะ?” ชายหนุ่มกดเธอไว้ หายใจหอบยิ่งขึ้น

“วิ่งทำไม? ฉันต้องคุยกับคุณให้ชัดเจนก่อน ฉันถึงจะวิ่งได้……เอ่อ……”

ทันทีที่เป๋าฮวนพูดจบประโยค ชายหนุ่มก็ก้มศีรษะลงและปิดริมฝีปากของเธอ เธอเบิกตากว้างทันที และมือทั้งสองข้างก็ทุบหลังเฟิงหานชวนไม่หยุด

ชายหนุ่มแค่อยากลิ้มรส และในไม่ช้าก็ปล่อยเธอ

เป๋าฮวนหน้าแดงด้วยความโกรธ ยกมือขึ้นจะตบเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนตาไวมือเร็วและคว้าข้อมือเธอไว้ทันทีและขู่ว่า: "ฮวนฮวน ผมไม่ชอบให้คุณตบผม ถ้าคุณตบผมอีก ผมก็จะจูบคุณ……”

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าไหนๆตัวเองก็ไร้ยางอายอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงหน้าด้านต่อไปจนจบ

สุดท้ายถ้าเขายังไม่หน้าด้านอีก เมียของเขาก็จะหนีไปกับคนอื่นแล้วจริงๆ!

เดิมทีอยากจะหลอกให้ตายใจก่อน สุดท้าย……ช่างเถอะ นี่ผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเขาก็ประนีประนอมแล้ว

“เฟิงหานชวน นายมันไร้ยางอาย! นายมันไร้ยางอายจริงๆ!” เป๋าฮวนตะคอกขึ้นมา

“ฮวนฮวน ถ้าคุณด่าผมอีก ผมไม่รังเกียจที่จะปิดปากคุณอีก” เฟิงหานชวนขดริมฝีปากของเขาและยิ้มเยาะ

เป๋าฮวนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ ชี้ไปที่เขาแล้วพูดว่า “ฉันบอกนายแล้วว่าฉันไม่ใช่เฉินฮวนฮวนอีกต่อไป และเฉินฮวนฮวนได้ตายไปนานแล้ว ดังนั้นฉันกับนายจึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย”

“จากนี้ต่อไปฉันจะทำอะไร ได้โปรดอย่ารบกวนฉันเลย พวกเราต่างคนต่างไป สะพานส่วนสะพาน ถนนก็ส่วนถนน นายฟังเข้าใจไหม?

“ถ้าเป็นเพราะการฆ่าตัวตายของฉันที่ทำให้คุณป่วยทางจิต ฉันจะสารภาพกับคณตอนนี้ ฉันคือเฉินฮวนฮวน ฉันไม่ได้ฆ่าตัวตาย ฉันมีชีวิตดี ฉันทำเป็นฆ่าตัวตายก็เพื่อไปจากคุณดังนั้นได้โปรดเฟิงหานชวน คุณชายสามเฟิง ปล่อยฉันไปเถอะ!”

เป๋าฮวนพูดมากในลมหายใจเดียว เธอเหมือนส่งเสียงคำราม และไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาของเฟิงหายชวนเลย

แต่หลังจากที่เธอพูดจบ เธอมองไปที่เฟิงหานชวนอีกครั้ง พบว่าการแสดงออกของชายหนุ่มเหงาหงอยมาก และดวงตาของเขาก็แดงก่ำ

อารมณ์เป๋าฮวนอ่อนลงทันที และเธอก็กระซิบว่า: "ดังนั้น คุณก็ทำเป็นไม่รู้จักเป๋าฮวนคนนี้"

หลังจากพูดประโยคนี้จบ เธอผลักเฟิงหานชวนออก มือจับไปที่ที่จับประตู คิดที่จะเปิดประตูและจากไป แต่ในวินาทีต่อมา ชายหนุ่มกลับกอดเธอไว้แน่น

“ฮวนฮวน ตอนนั้นผมควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ ดังนั้นถึงได้……ผมไม่รู้ว่าการกระทำที่หุนหันพลันแล่นของผมจะทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะได้เจอคุณยายเป็นครั้งสุดท้าย”

“ผมสามารถใช้ทั้งชีวิตชดใช้ให้คุณ ผมจะดูแลคุณเป็นอย่างดี ผมจะดูแลคุณอย่างสุดหัวใจ ผมจะ……”

เสียงของชายหนุ่มยิ่งสำลักเป็นพิเศษ แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกเป๋าฮวนขัดจังหวะ: “เฟิงหานชวน ฉันไม่ต้องการให้คุณรับผิดชอบ”

“เรื่องของคุณย่านั้นมันผ่านมานานแล้ว และฉันก็ไม่อยากพูดถึงมันอีก”

“ฉันแค่อยากจะบอกว่า คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบฉันเพราะความรู้สึกผิด”

“สิ่งสำคัญที่สุดคือถ้าคุณรู้สึกผิดจริงๆ ก็ทำเหมือนไม่รู้จักฉัน แล้วฉันจะพิจารณาให้อภัยคุณ”

เฟิงหานชวนได้ยินสิ่งที่หญิงสาวพูด คิ้วของเขาเกือบจะขมวดเข้าหากัน และเขาก็กอดเธอแน่นขึ้น แน่นขึ้น และแน่นขึ้นอีก

ลำคอของเขาเหมือนจะสำลัก และพูดช้าๆว่า: “ผมไม่ได้รับผิดชอบ ฉันรักคุณฮวนฮวน ผมไม่อยากเสียคุณไป……”

เป๋าฮวนรู้สึกเพียงว่าหัวใจของเธอถูกบีบรัด และรู้สึกไม่สบายใจ

ในขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเฟิงหายชวนจู่ๆก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงบในห้อง

“รับสายเถอะ” เป๋าฮวนพูดเบาๆ

เฟิงหานชวนไม่มีกระจิตกระใจที่จะสนใจโทรศัพท์ เขาเพียงแต่กอดเป๋าฮวนแน่น เพราะกลัวว่าเมื่อเขาปล่อยมือ เธอจะหายตัวไปจากโลกของเขา

โทรศัพท์ดังขึ้นราวกับรีบร้อนมาก ดังตลอดเวลาและเมื่อสายตัดไป ก็ดังขึ้นมาอีก

ราวกับว่ามีเรื่องอะไรเร่งด่วน

“น่าจะมีเรื่องเร่งด่วน คุณรับโทรศัพท์ก่อนเถอะ ฉันจะรอคุณที่นี่ ไม่ไปไหน” เป๋าฮวนตอบอย่างช่วยไม่ได้

“ไม่ไปจริง ๆ เหรอ?” เฟิงหานชวนถามอย่างระมัดระวัง

“ไม่ไปจริงๆ” เป๋าฮวนยืนยัน

"ก็ได้"

ด้วยการยืนยันของเป๋าฮวน เฟิงหายชวนถึงกล้าปล่อยเธอ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงของเขา เหลือบมองสายผู้ที่โทรมาแล้วก็รับสาย

ในขณะที่เขาวางโทรศัพท์แนบหู มืออีกข้างที่ว่างของเฟินหานชวนก็โอบเป๋าฮวนไว้ในอ้อมแขน

"ฮัลโหล! โหล โหล โหล โหล โหล!ในที่สุดคุณก็รับสาย!"

เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังออกมาทางหูฟัง และเป๋าฮวนที่ถูกบังคับให้พิงอยู่ในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน ดังนั้นระยะห่างจากโทรศัพท์จึงใกล้มาก

หึ!

เมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิง และยังเป็นผู้หญิงที่อายุน้อย สีหน้าของเป๋าฮวนก็เย็นชาขึ้นทันที

“มีเรื่องอะไร?” เฟิงหานชวนถามด้วยความไม่ค่อยพอใจ

สุดท้ายแล้ว สายเรียกเข้าครั้งนี้ของเฟิงหย่า ก็รบกวนเขามากจริงๆ

“อาสาม ทำไมคุณดูไม่พอใจ? ฉันกับพี่อวิ๋นมีน้ำใจมาเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาล และพบว่าคุณไม่อยู่ ดังนั้นจึงโทรหาคุณ นี่ฉันรบกวนคุณหรือเปล่า?” เฟิงหย่าเบ้ปากและเหลือบมองหลีซืออวิ๋นถามอย่างรู้สึกไม่พอใจ

จู่ๆเป๋าฮวนก็ชะงัก อาสาม?

ผู้หญิงที่เรียกเฟิงหานชวนว่าอาสาม?

คงไม่ใช่ภรรยาที่นายท่านเฟิงจัดหาให้เฟิงหานชวนอีก?

ท้ายที่สุด เธอคิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นสามีของเธอ ดังนั้นเธอจึงเรียกเฟิงหานชวนว่า "อาสาม" ทุกคำ

“ฉันออกจากโรงพยาบาลแล้ว” คำตอบของเฟิงหานชวนกระชับรัดกุม และพูดว่า: “ถ้าไม่มีธุระอะไรฉันวางสายก่อน”

“เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว อาสาม!” เฟิงหย่ารีบเรียกเขาไว้และพูดเสียงดังว่า: “พี่อวิ๋นมีน้ำใจมาเยี่ยมคุณ คุณจะไม่พูดขอบคุณพี่อวิ๋นสักคำเหรอ? ตอนนี้คุณกลับไปที่ไหนแล้ว? ที่คฤหาสน์หมิงอวี่หรือเปล่า? หรือไม่ฉันจะพาพี่อวิ๋นไปเยี่ยมคุณที่บ้าน?”

เป๋าฮวนขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวในโทรศัพท์เรียกพี่อวิ๋น พี่อวิ๋นคนนี้หรือจะเป็นหลีซืออวิ๋น?

เฟิงหายชวนหรี่ตาลงก็เห็นใบหน้าที่สับสนยุ่งเหยิงของเป๋าฮวน เขารีบพูดกับโทรศัพท์ทันทีว่า “ไม่ต้องมา ฉันไม่ได้อยู่ที่บ้าน”

“ไม่อยู่ที่บ้าน? อาสาม งั้นคุณไปอยู่ที่ไหน? อาสาม——”

ยังไม่ทันที่เฟิงหย่าจะถามจบ เฟิงหานชวนก็วางสายเลย

เป๋าฮวนผลักเขาออกทันทีและพูดเยาะเย้ยว่า: “มีภรรยาแล้ว เมื่อครู่ยังพูดคำพูดที่ทำให้เข้าใจผิดเหล่านั้นกับฉันอยู่เลย คุณนี่ชอบที่จะเหยียบเรือหลายลำจริงๆ!”

เฟิงหานชวนรีบกดปุ่มลิฟต์ทันที

ไม่นาน ประตูลิฟต์ก็ค่อย ๆ เปิดออก เขารีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กดปุ่มเลข “2”

หลังจากที่ถึงชั้น 2 แล้ว เฟิงหานชวนก็พุ่งตัวออกจากลิฟต์ไป จนกระทั่งเจอประตูทางเข้าร้านอาหารตะวันตก

ในขณะที่เตรียมจะเข้าไป ก็ถูกพนักงานหญิงคนหนึ่งเข้ามาขวางไว้

พนักงานหญิงตกใจมาก เธอไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มา 3 ปีแล้ว

เธอชื่อว่าเจียงเม่ย ปีนี้เธอเปลี่ยนมาทำงานในร้านอาหารตะวันตกตี้ฮวง ก่อนหน้านั้นเธอทำงานในร้านอาหารบาบิโลน

เธอมีความประทับใจแรกกับเฟิงหานชวน และไม่เคยลืมตลอดชีวิตนี้

ถึงอย่างไร คน ๆ หนึ่งจะเจอกับผู้ชายตี ๆ ได้สักกี่คน? แต่คำว่าดีก็อาจจะไม่ได้ดีที่สุดก็ได้ ซึ่งเป็นความหมายแฝงเท่านั้น

“คุณผู้ชาย ไม่เจอกันนานเลยนะคะ! คุณมากันกี่คนคะ?” เจียงเม่ยกล่าวทักทายก่อน ตั้งใจจะดึงดูดความสนใจของเฟิงหานชวน แต่ก็ไม่อยากแสดงท่าทางที่ออกนอกหน้าเกินไป ดังนั้นมันจึงแค่ถามคำถามที่เป็นกิจวัตรประจำวันเท่านั้น

“ถอยไป” สีหน้าของเฟิงหานชวนยากจะคาดเดา เห็นได้ชัดว่าไม่อยากสนใจผู้หญิงที่ยืนขวางทางเขาตอนนี้

เจียงเม่ยสังเกตได้จากสีหน้าท่าทาง เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจของเฟิงหานชวนกำลังแย่มาก เธอไม่กล้าพูดอะไรมาก จึงทำได้เพียงแค่หลีกทางให้

เฟิงหานชวนแสดงสีหน้าเย็นชา จากนั้นก็สาวเท้าก้าวเข้าไปในร้านอาหารตะวันตก เจียงเม่ยรีบเดินตามไปด้านหลังทันที

เฟิงหานชวนขี้เกียจจะสนใจ เขารีบมองไปรอบ ๆ ด้าน สุดท้ายก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งนั่งตรงข้ามกันอยู่ในมุมหน้าต่าง

เป๋าฮวนและเวินซือเหยี่ยน

เขาจำไม่ผิดแน่นอน เป๋าฮวนหันหลังให้เขา กำลังหัวเราะสนุกสนานอยู่กับเวินซือเหยี่ยน!

เมื่อคิดได้ สีหน้าของเฟิงหานชวนก็เคร่งขรึมลง ขาทั้งสองข้างได้ย่างกรายตรงไปยังทิศทางของพวกเขา

เป๋าฮวนกำลังดูเมนูอาหาร ลังเลว่าจะสั่งอะไรดี ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกลง

เมื่อเธอหันกลับไป ก็เห็นผู้ชายสวมชุดสูทคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังของเธอ วินาทีที่เงยหน้า ก็พบกับสายที่ดูโกรธเคืองของผู้ชายตรงหน้า

“คุณมาได้ยังไง?” เป๋าฮวนขมวดคิ้วแน่นทันที

ท่าทางเหมือนถูกรบกวนของเป๋าฮวนทำให้เฟิงหานชวนไม่พอใจอย่างมาก เขาชี้ไปทางเวินซือเหยี่ยนและถามเป๋าฮวนว่า : “คุณมาเดทกับเขาเหรอ?”

เป๋าฮวน : “….”

เธอหมดคำพูดทันใด จากนั้นก็ถามกลับไปด้วยความโกรธว่า : “คุณสะกดรอยตามฉันเหรอ?”

ไม่อย่างนั้น ทำไมหลังจากที่เธอและเวินซือเหยี่ยนถึงร้านอาหารตะวันตกได้ไม่นาน เฟิงหานชวนก็ตามมาถึงทันที?

“ผมไม่ได้สะกดรอยตามคุณ” ผู้ชายคนนี้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เขาไม่ได้สะกดรอยตามเป๋าฮวนจริง ๆ แค่บังเอิญเห็นเป๋าฮวนและเวินซือเหยี่ยนอยู่ด้วยกัน ดังนั้นก็เลยตามมา

นี่ไม่ได้เรียกว่าสะกดรอยตาม

“งั้นถามหน่อย คุณเฟิงมีสิทธิ์อะไรมาถามว่าฉันไปทำอะไรกับคนอื่น? ฉันกับคุณเฟิงมีความสัมพันธ์อะไรกันเหรอคะ?” เป๋าฮวนมองไปทางผู้ชายที่มีสีหน้าเคร่งขรึมแฝงไปด้วยความโกรธเคืองตรงหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกมากกว่าเดิม

เฟิงหานชวนหมดคำพูดไปในทันที

เขาเป็นสามีของเฉินฮวนฮวน แต่ผู้หญิงตรงหน้า ชื่อว่าเป๋าฮวน

“คุณชายสามตระกูลเฟิง สวัสดีครับ” เวลานี้ เวินซือเหยี่ยนก็ยืนขึ้น จากนั้นก็ยื่นมือไปทางเฟิงหานชวนด้วยท่าทางสุภาพ

เฟิงหานชวนมองไปทางเขาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็มองไปทางเป๋าฮวนอีกครั้ง และมองเป๋าฮวนด้วยความสงสัย ก่อนเอ่ยถามว่า : “คุณกับเขา มีความสัมพันธ์อะไรกัน?”

เฟิงหานชวนรู้จักเวินซือเหยี่ยน นักแสดงหนุ่ม ทายาทตระกูลเวิน ซีอีโอผู้อยู่เบื้องหลังของบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

เรื่องที่สำคัญก็คือ เขารู้ว่าเป๋าฮวนรู้จักกับเวินซือเหยี่ยนเมื่อ 3 ปีก่อน

“เกี่ยวอะไรกับคุณเฟิงไม่ทราบคะ?” เป๋าฮวนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ทั้งสองคนเหมือนกำลังรับฝีปากกัน คนหนึ่งก็อีกอย่าง อีกคนก็อีกอย่าง กลับไปกลับมา ไม่มีใครยอมตอบออกไปตรง ๆ

เฟิงหานชวนพยายามระงับความโกรธ ก่อนจะโน้มตัวลงไป อุ้มเป๋าฮวนลอยขึ้นจากเก้าอี้

เป๋าฮวนตกใจกับการกระทำนี้ของเขาอย่างไม่ทันตั้งใจ พร้อมกับเบิกตากว้าง

ยังไม่ทันที่เธอจะได้สติกลับมา เฟิงหานชวนก็หมุนตัว อุ้มเธอตรงไปยังทิศทางของประตู สาวเท้าออกไปอย่างเร่งรีบ

แต่จังหวะที่กำลังจะถึงประตูนั้น เวินซือเหยี่ยนกลับไล่ตามมา ขวางเบื้องหน้าของเฟิงหานชวนไว้

“เวินซือเหยี่ยน ช่วยฉันด้วย!” เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย

“คุณชายสามตระกูลเฟิง คุณหนูเป๋าเป็นเพื่อนของผม คุณทำแบบนี้ เกรงว่าจะดูไม่ดีนะครับ?” ปกติแล้วเวินซือเหยี่ยนจะเป็นคนอบอุ่น แต่สีหน้าในตอนนี้เคร่งขรึมมากทีเดียว

“คุณเวิน ในเมื่อคุณรู้จักกับเป๋าฮวน ก็น่าจะรู้นะว่าผมกับเธอมีความสัมพันธ์อะไรกัน” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนหนักแน่น พร้อมกับกัดฟันกรอด

ตอนที่เขาจัดงานศพในนามของ “เฉินฮวนฮวน” นั้น เวินซือเหยี่ยนก็มาร่วมงานด้วย เห็นได้ชัดว่าเขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเฉินฮวนฮวน

บัดนี้ เป๋าฮวนก็คือเฉินฮวนฮวน ซึ่งปฏิกิริยาของเวินซือเหยี่ยนก็พิสูจน์ได้ว่า เขาต้องรู้แน่ ๆ

“คุณชายสามตระกูลเฟิง งั้นคุณก็ควรจะเข้าใจด้วยว่าคุณกับเป๋าฮวนไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน” เวินซือเหยี่ยนพูดเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลงยิ่งกว่าเดิมในชั่วพริบตาเดียว ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวมากขึ้น

ในตอนที่เป๋าฮวนเงยหน้ามองเขา ก็เห็นเส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของเขา แม้แต่เส้นเลือดบนหลังมือที่โอบอุ้มเธออยู่ก็ปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ลมหายใจของเขาหนักแน่น ราวกับว่ากำลังจะเกิดการหายนะขึ้น

เมื่อสักครู่เธอได้ยินเฟิงหานชวนพูดว่า ตระกูลเวินและตระกูลเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ งั้นเธอก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับสองคนนี้ ไม่ควรทำให้ความสัมพันธ์ของตระกูลเวินและตระกูลเฟิงต้องเกิดรอยร้าว

ดังนั้นเป๋าฮวนจึงมองไปยังเวินซือเหยี่ยน เม้มปากและพูดว่า “เวินซือเหยี่ยน ถ้าคุณหิวก็กินก่อนได้เลยนะคะ นี่เป็นเรื่องของฉันกับเขา ฉันต้องเป็นคนแก้ไขเอง”

ความหมายของเป๋าฮวนชัดเจนมาก ว่าไม่อยากให้เวินซือเหยี่ยนเข้ามายุ่ง เธออยากคุยกับเฟิงหานชวนเป็นการส่วนตัว

เมื่อเวินซือเหยี่ยนได้ยิน หัวคิ้วก็ขมวดกันแน่น แต่เขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างเฟิงหานชวนและเป๋าฮวนอย่างชัดเจน ถ้าเขาฝืนเข้าไปยุ่ง ไม่แน่อาจจะยุ่งยากมากกว่าเดิมก็ได้

แววตาของเขาหม่นหมองลงเล็กน้อย ทำได้แค่เดินหลบไปด้านข้าง เปิดทางให้อีกฝ่าย

“เฟิงหานชวน คุณปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้! ฉันยอมไปคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวก็ได้” เป๋าฮวนเงยหน้ามองปลายคางของเฟิงหานชวน ก่อนจะพูดตำหนิออกไป

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินน้ำเสียงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงของเธอ นัยน์ตาของเขาก็ฉายแววลึกล้ำยากหยั่งถึงทันที มือที่อุ้มเธอกลับกระชับแน่นขึ้น

“ปล่อยคุณ ไม่ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็อุ้มเป๋าฮวนตรงไปที่ลิฟต์

เวินซือเหยี่ยนไม่ได้ตามไป ตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะตามไป แค่ยืนมองพวกเขาสองคนจากไปอย่างสงสัย

….

เฟิงหานชวนอุ้มเป๋าฮวนเข้าไปในลิฟต์ กดปุ่มลิฟต์ชั้นสูงสุด

ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง เป๋าฮวนก็ยกมือขึ้นและตบหน้าเขา

“คนบ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันจะตบให้หน้าคุณบวมไปเลย!” เป๋าฮวนตะโกนอย่างสุดเสียง

“ผมเป็นคนบ้า เป็นคนบ้าที่ป่วยทางจิต!” เฟิงหานชวนไม่ปฏิเสธ แต่ยอมรับออกไปตรง

เป๋าฮวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เขามีอาการกำเริบในสุสานขึ้นมาได้ ซูอวี่ป้อนยาให้เขาอย่างชำนาญ ไม่เหมือนกับการแสดงแต่อย่างใด

“ฮวนฮวน คุณอยู่ในลิฟต์แล้วคุณถึงกล้าตบหน้าผม คุณตั้งใจไว้หน้าให้ผมใช่ไหม?”

ทันใดนั้น เบื้องหน้าของเป๋าฮวนปกคลุมไปด้วยเงาดำ น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของผู้ชายคนนี้ค่อย ๆ ดังเข้ามาในหูของเธอ

เป๋าฮวน : “?”

เธอค่อย ๆ เมินหน้าไปทางอื่น ซึ่งในระหว่างนั้นก็ปะทะเข้ากับสายตาสีดำทมิฬคู่นั้นพอดี เธอรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น

ว่ากันว่าม้าดีไม่กินหญ้าย้อนรอย*

เป๋าฮวนคิดว่า แม้ว่าจริงๆ แล้วในใจของเธอไม่อาจปล่อยวางเฟิงหานชวนได้ แต่คิดไม่ถึงว่าการกระทำเหล่านั้นของเฟิงหานชวน ทำให้หัวใจของเธอแข็งแกร่งอีกครั้ง

เขามีอาการป่วยทางจิต อาจไม่ใช่เพราะเธอฆ่าตัวตาย แต่เป็นเพราะการฆ่าตัวตายของเธอทรมานเขาด้วยความรู้สึกผิด

สรุปได้ว่าไม่ว่าอย่างไร เธอคิดว่าตัวเองไม่สามารถอยู่กับเฟิงหานชวนได้อีกแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เฟิงหานชวนก็ไม่ได้มีท่าทีขอโทษที่เด่นชัดมากนัก ราวกับรอให้เธอประนีประนอม

เหมือนที่สุสานวันนี้ เขาทิ้งเธอไว้แล้วกลับไปก่อน ไม่เหมือนผู้ชายที่ยอมรับผิดเลย!

เมื่อเห็นสีหน้าขุ่นเคืองของเป๋าฮวน เวินซือเหยียนไม่ต้องเดาก็รู้ว่าระหว่างคนทั้งสองต้องมีเรื่องขัดแย้งใหญ่มากอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะไม่เดินมาถึงจุดนี้

ส่วนเกิดอะไรขึ้นนั้น สถานะของเขาในตอนนี้ไม่สามารถถามได้ และไม่มีสิทธิถาม

เขาในตอนนี้ สำหรับเป๋าฮวนแล้ว ก็เป็นแค่เพื่อนทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้นเอง

ในเมื่อเป๋าฮวนจะไม่อยากจะพูด เขาก็ไม่สะดวกที่จะถามต่อ

“ในเมื่ออยากลืมก็ลืมมันซะ แล้วมองไปข้างหน้า” เวินซือเหยียนตอบกลับด้วยประโยคดังกล่าวอย่างแผ่วเบา

เป๋าฮวนเบ้ปาก ในจังหวะที่บริกรที่อยู่ด้านข้างเดินผ่านมาพร้อมกับไวน์แดง เธอคว้าแก้วไวน์แดงขึ้นมา แล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด

จากนั้น เธอวางแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าลง ก่อนจะคว้าแก้วไวน์แดงอีกแก้ว แล้วยกขึ้นดื่มจนหมดแก้วอีกครั้ง

เมื่อเธอกำลังจะคว้าแก้วที่สาม เวินซือเหยียนก็ขวางเธอไว้ “อย่าดื่มเร็วนัก ระวังจะเมา”

“ฉันคอแข็งอยู่เหมือนกัน” เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดื่มมากนัก แต่เพิ่งจะสองแก้วเท่านั้นเอง

อีกอย่างแก้วทรงสูงก้านยาวเช่นนี้ ในแต่ละแก้วมีไวน์แดงไม่มากนัก

“มีเรื่องทุกข์ใจอะไร พูดออกมาอาจจะรู้สึกดีขึ้นนะ เก็บไว้ในใจจะป่วยเอาได้” เวินซือเหยียนเริ่มพูดโน้มน้าวใจ

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากแน่น เพราะว่าเพิ่งดื่มไวน์แดงไป ทำให้ริมฝีปากของเธอดูสวยสดงดงาม ยิ่งอยู่ใต้แสงไฟสีส้มที่สาดส่องลงมาด้วยแล้ว ดูเหมือนจะเย้ายวนชวนให้หลงใหลเป็นพิเศษ

เวินซือเหยียนตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง ทว่ากลับมารู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว

“อันที่จริงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก พูดไปก็เปลี่ยนความจริงเหล่านั้นไม่ได้ เกิดขึ้นแล้วก็คือเกิดขึ้นแล้ว” สิ่งที่หลิวอวี่ถงพูดและสิ่งที่หลิวอวี่ถงทำก็ผุดขึ้นมาในหัวของเป๋าฮวนอีกครั้ง

บางทีสิ่งที่เธอสนใจมากกว่า คือความไม่ซื่อสัตย์ของเฟิงหานชวน และความเจ้าชู้ของเฟิงหานชวน

“คุณกินข้าวเย็นแล้วหรือยัง” เวินซือเหยียนรู้ว่าตอนนี้เป๋าฮวนไม่สบายใจ จึงตัดสินใจไม่ถามอะไรอีก และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

เป๋าฮวนมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างด้วยความงุนงง จากนั้นส่ายศีรษะไปมา และตอบว่า “ฉันไม่ได้กินข้าวเย็น หิวนิดหน่อย”

“งั้นพอดีเลย ผมก็ไม่ได้กินข้าวเย็น ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินข้าว” เวินซือเหยียนดึงแขนของเธอ และจูงเธอเดินไปข้างหน้า

เมื่อเดินมาที่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง เป๋าฮวนถึงได้ตอบสนอง เธอหยุดฝีเท้าลงทันที แล้วรีบถามขึ้นว่า “เราจะออกไปกินข้าวเย็น? ไม่ได้ไปที่โต๊ะขนมตรงนั้นเหรอ”

“ผมไม่ชอบกินของหวาน ไปกินข้าวร้านอาหารของโรงแรมกันเถอะ” เวินซือเหยียนคิดว่าที่นี่คนพลุกพล่าน ไม่ค่อยเหมาะแก่การพูดคุยอะไรมากนัก

คนในวงการบันเทิงไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน* หากคนที่ใส่ใจได้ยินบทสนทนาของพวกเขา อาจจะส่งผลกระทบต่อเป๋าฮวนได้

“แต่ว่า นี่เป็นงานเลี้ยงที่คุณจัดนะ คุณแน่ใจเหรอว่าจะไป” เป๋าฮวนงุนงงเล็กน้อย

“ผมไม่เข้าร่วม ก็ไม่เป็นไรหรอก” เวินซือเหยียนยกยิ้ม ก่อนจะเดินไปข้างหน้า

เป๋าฮวนลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองไปมา สุดท้ายก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินตามซือเวินเหยียนไปอย่างรวดเร็ว

……

ในเวลาเดียวกัน

รถยนต์คันสีดำสนิทหยุดจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าของโรงแรม

ท่อนขาเรียวยาวปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคนก่อน ยังไม่ทันรอคนในรถลงมา เหล่านักข่าวก็พากันกรูเข้าไปรุมล้อม

จนกระทั่งในชั่ววินาทีที่ชายหนุ่มลงจากรถ ทุกคนล้วนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น

ชายหนุ่มที่พวกเขารายล้อมไว้ ใบหน้าหล่อเหลาจนไม่อาจบรรยายได้ รูปร่างสัดส่วนก็ยอดเยี่ยม ที่สำคัญกว่านั้น ตั้งแต่หัวจรดเท้าทั้งตัวเต็มไปด้วยรังสีแห่งความสูงส่ง

ทว่า ผู้ชายที่ไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์เช่นนี้ กลับทำให้ทุกคนรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคย เพราะว่าเขาไม่ใช่นักแสดง

“เป็นหน้าใหม่เหรอคะ คุณผู้ชาย คุณเป็นหน้าใหม่ในวงการบันเทิงหรือเปล่าคะ” นักข่าวสาวกรีดร้องอย่างตื่นเต้น

ถ้าผู้ชายแบบนี้เข้าวงการบันเทิง นั่นเป็นโชคดีของผู้หญิงทั้งโลกจริงๆ *เลียหน้าจอจนมีความสุขตายเลยทีเดียว

“คุณผู้ชายคะ คุณเป็นดาราที่เซ็นสัญญากับบริษัทไหนคะ เตรียมตัวจะเข้าวงการหรือเปล่าคะ ครั้งนี้มาร่วมงานเลี้ยงของบริษัทเฉินฟานใช่ไหมคะ”

“คุณผู้ชาย คุณหล่อมากเลย! ปีนี้คุณอายุเท่าไรแล้ว เตรียมตัวจะไปสายนักแสดงหรือเปล่าคะ หรือว่าสายไอดอล?”

เสียงเอะอะโวยวายดังจอแจไปทั่วบริเวณ สีหน้าของเฟิงหานชวนแทบจะมืดครึ้มถึงขีดสุด

เดิมทีเขาก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เสียงดังโวยวายในตอนนี้ ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีมากขึ้นไปอีก

วันนี้ตอนเย็น เขารออยู่ในโรงพยาบาลนานมาก แต่เป๋าฮวนไม่ได้ไปเยี่ยมเขา ดังนั้นเขาจึงอารมณ์ไม่ดี และกลับมาหาเธอที่โรงแรม

หรงจิ่นซิวขอให้เขาอดกลั้นไว้หน่อย แต่เขากลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว

ตอนแรกเขาจงใจทำตัวห่างเหินกับเธอ ถ้าเธอสนใจเขา เธอจะเป็นฝ่ายมาหาเขา แต่ว่า…

เฟิงหานชวนพบว่า ถ้าตัวเองไม่เป็นฝ่ายมาหาเป๋าฮวนก่อน เป็นไม่ได้ที่เป๋าฮวนจะมาพบเขา!

ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่เพียงแต่ไม่ห่วงสุขภาพของเขา แต่ยังไปร่วมงานเลี้ยงของเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์อย่างเริงร่าอีกด้วย!

เฟิงหานชวนรู้สึกตีบตันในอกขึ้นมาเสียดื้อๆ

เมื่อเห็นสีหน้าของท่านประธานย่ำแย่จนดูไม่ได้ ซูอวี่ตอบสนองในทันที รีบแผดเสียงดังตอบกลับไป “พวกคุณเงียบหน่อย! พวกเราไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยง!”

ซูอวี่รู้เรื่องงานเลี้ยงที่จัดอยู่ในสถานที่แห่งนี้ อย่างไรเขาก็มีส่วนในการตรวจสอบเรื่องของเป๋าฮวน หากไม่ใช่เพราะเป๋าฮวน ประธานของเขาก็อาจจะไม่พักที่โรงแรมแห่งนี้

“คุณไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงเหรอคะ” นักข่าวสาวรีบซักไซ้ไล่เลียง

“พวกเรา…พวกเราเป็นแขกของโรงแรม!” ซูอวี่เอ่ยตอบทันที

“อ๋า! ขอโทษด้วยค่ะ!” นักข่าวสาวรีบขอโทษเฟิงหานชวนอย่างรวดเร็ว

เมื่อเหล่านักข่าวได้ยินว่าทั้งสองเป็นแขกของโรงแรม ไม่ใช่คนที่มาร่วมงานเลี้ยง จึงพากันกระจัดกระจายแยกย้ายกันไป ทว่านักข่าวสาวบางคนยังต้องการใกล้ชิดกับเฟิงหานชวน จึงขวางทางเฟิงหานชวนไว้ ทำให้เฟิงหานชวนไม่สามารถออกจากตรงนั้นได้ในทันที

ในเวลานี้เอง เฟิงหานชวนเห็นภาพนั้น!

เด็กหนุ่มคนหนึ่งกับเป๋าฮวน เดินหัวเราะต่อกระซิกผ่านล็อบบี้ของโรงแรมไป แล้วเดินไปทางทิศตะวันตกของโรงแรม

และถ้าเขามองไม่ผิด ผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นเวินซือเหยียน

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่นทันที เขาผลักนักข่าวที่ขวางหน้าออกไป และวิ่งไปที่โรงแรมราวกับติดปีกบิน

จุดที่จอดรถมีบันไดยาวเหยียดทอดยาวไปถึงประตูหลัก หลังจากรีบพุ่งเข้าไปในล็อบบี้ เฟิงหานชวนก็ไม่เห็นร่างของทั้งสองคนแล้ว

เขาเดินไปทางทิศตะวันตก และเดินไปจนสุดทางเดิน ก็ไม่เห็นสองคนนั้น

ทว่า เมื่อสักครู่เขามองไม่ผิดแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเป๋าฮวนและเวินซือเหยียนไปไหนกันแน่!

ในตอนนี้เอง เขานึกถึงลิฟต์แล้วเดินไปที่หน้าลิฟต์ทันที และเห็นว่าหมายเลขหยุดค้างอยู่ที่ “2”

ถ้าจำไม่ผิด ชั้น 2 เป็นร้านอาหารตะวันตกของโรงแรมตี้หวง

……

*ม้าดีไม่กินหญ้าย้อนรอย หมายถึง เดินหน้าไม่คิดถอยหลัง

*ไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน หมายถึง เปรียบเทียบกับคนที่เรื่องมาก มักจะสร้างความยุ่งยากให้กับผู้อื่นเสมอ

*เลียหน้าจอ หมายถึง ชอบมากจนแทบจะอดใจไม่ไหว จนอยากเลียหน้าจอ

อย่างไรผู้กำกับจางก็เป็นชายวัยกลางคน เป็นทั้งคนในวงการบันเทิงและทำธุรกิจด้วย และประสบการณ์ของเขาโชกโชน

ยิ่งไปกว่านั้น เวินซือเหยี่ยนก็แสดงออกชัดเจน ดังนั้นเขาจึงดูออกอยู่แล้ว

เพียงแต่ว่าผู้กำกับจางยังคงสังเกตเห็นว่า เป๋าฮวนดูเหมือนจะคิดกับเวินซือเหยี่ยนแค่เพื่อนเท่านั้น มองไม่เห็นความเสน่หาอื่นใด

“ผู้กำกับจาง ความยากลำบากที่ใหญ่หลวงคืออะไร?” เป๋าฮวนรู้สึกงง

เธอสามารถเข้าใจสองประโยคแรก ผู้กำกับจางอธิบายว่าไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่เป็นแบบนั้น แต่ประโยคหลังที่ว่า——ถนนยาวค่อยๆสร้างมันยากลำบาก ประโยคนี้ทำให้เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก

เพราะเธอไม่เข้าใจความหมายที่ผู้กำกับจางต้องการสื่อ

“ไม่มีอะไร ฉันหมายถึงว่าอยากให้ซือเหยี่ยนของเราหาแฟนสักคน ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากมาก! ท้ายที่สุดแล้วในใจของซือเหยี่ยนตอนนี้ก็จดจ่ออยู่กับการแสดงและบริษัท” ผู้กำกับจางยิ้มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็แอบส่งสัญญาณตาให้เวินซือเหยี่ยน

เวินซือเหยี่ยนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และไม่พูดอะไรอีก

เมื่อเธอเห็นท่าทางของเวินซือเหยี่ยนยอมรับโดยปริยาย เป๋าฮวนก็คิดถึงนายท่านเวิน เวินเจี้ยนกัวที่ดูเหมือนอยากจะจับคู่ตัวเองกับเวินซือเหยี่ยน อาจเป็นเพราะเขารู้ว่าเวินซือเหยี่ยนไม่อยากหาแฟน

“เวินซือเหยี่ยนผู้ชายอย่างคุณหายากจริงๆ แต่คุณก็อายุไม่น้อยแล้ว ครอบครัวน่าจะกังวลใจนะ?” เป๋าฮวนพูดอย่างจริงจังว่า “คุณมีผู้หญิงที่ชอบไหม? หรือคุณชอบผู้หญิงแบบไหน? ฉันสามารถช่วยคุณจัดการได้"

ครั้งนี้เป๋าฮวนกระตือรือร้นมาก อย่างแรกต้องการหลุดพ้นจากการจับคู่ของนายท่านเวิน ประการที่สอง เธอรู้สึกขอบคุณเวินซือเหยี่ยนจริงๆและต้องการช่วยเวินซือเหยี่ยนมาก

"พรวด——"

ผู้กำกับจางเพิ่งรู้สึกกระหายน้ำและจิบไวน์แดงอีกคำครั้ง แต่ไม่สามารถกลั้นไว้ได้และพ่นออกมาอีกครั้ง

เป๋าฮวน: "???"

เธอพูดอะไรผิดหรือเปล่า?

เธอคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดค่อนข้างปกติ!

“ผู้กำกับจาง ทำไมคุณทำเกินไปแบบนี้……หรือว่าตอนนี้เวินซือเหยี่ยนมีแฟนไม่ได้เหรอ? เป็นเพราะบทบาทนักแสดงของเขาเหรอ? จะเสียแฟนคลับเหรอ?” เป๋าฮวนใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง ดวงตาคู่โตเบิกกว้างและถามด้วยความสงสัยว่า

“เอ่อ!” ผู้กำกับจางได้สติกลับมา เกาหัวตัวเองและรู้สึกปวดกบาลเล็กน้อย เขาครุ่นคิดแล้วพูดว่า: “นี่……ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี พวกคุณค่อยๆคุยกันนะ! ผมมีธุระจะไปหาโปรดิวเซอร์หวังสักครู่!

หลังจากนั้น ผู้กำกับจางรีบเผ่นหนีไป

เขาตัดสินใจให้พื้นที่ทั้งสองคนตามลำพัง และปล่อยให้เวินซือเหยี่ยนแสดงออกด้วยตัวเอง เขาจะได้ไม่สับสน

เมื่อเห็นผู้กำกับจางวิ่งหนีไปโดยไม่เห็นแม้แต่เงา เป๋าฮวนยังคงทำหน้างงและมองเวินซื่อเหยี่ยนอีกครั้ง เธอชี้มาที่ตัวเองแล้วถามว่า “เมื่อครู่ฉันพูดอะไรผิดหรือ?”

“เปล่า” เวินซือเหยี่ยนตอบเสียงเบา

“ออ ฉันก็คิดว่าฉันไม่ได้พูดอะไรผิด ผู้กำกับจางเขาสติ……ผิดปกตินิดหน่อย?” เป๋าฮวนคิดอย่างนี้จริงๆ

ท่าทางของผู้กำกับจางเมื่อครู่ ดูไม่เหมือนผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเลยสีกนิด

“เขาอาจจะดื่มมากเกินไป เมาจนบ้า” เวินซือเหยี่ยนอดยิ้มเอาไว้ และยิ่งรู้สึกว่าเป๋าฮวนน่ารัก

ท่าทางโง่เขลาเหมือนนางฟ้าตัวน้อยที่ไม่รู้จักดอกไม้ไฟบนโลกมนุษย์

“เป็นไปได้!” เป๋าฮวนรู้สึกว่าเวินซือเหยี่ยนพูดได้ค่อนข้างแม่นและพยักหน้าเห็นด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงคำถามเมื่อครู่ของตัวเอง เป๋าฮวนรู้สึกว่าเวินซือเหยี่ยนไม่ได้ตอบ อาจจะไม่อยากพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว ดังนั้นเธอจึงขอโทษ: “ขอโทษนะเวินซือเหยี่ยน ฉันเพิ่งพูดบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของคุณ ไม่ได้จงใจรบกวน ฉันจะไม่พูดมากอีก”

“คุณหมายถึงที่ถามว่าผมชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอ? ทำไมผมถึงไม่มีแฟนเหรอ?” เวินซือเหยี่ยนจ้องไปที่ดวงตาที่นุ่มนวลของผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาแล้วถามตรงๆ

เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นมองเขา พยักหน้าอย่างแรงและพูดว่า “ใช่! ฉันแค่อยากจะช่วยคุณ ไม่ได้คำนึงถึงสถานการณ์ของคุณ”

“ยังไม่พบคนที่ทำให้ใจผมเต้นแรง จึงโสดมาตลอด ไม่ใช่เพราะฐานะของนักแสดง” เวินซือเหยี่ยนยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทางที่อ่อนโยน ราวกับชายหนุ่มที่เดินออกมาจากภาพวาด

“อย่างนี้นี่เอง!” เป๋าฮวนนึกออกทันทีเลยเพิ่งเข้าใจ

“แฟนคนเดียวที่ฉันเคยคบด้วย คือเพื่อนร่วมชั้นในชั้นเรียนการแสดงของมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเธอเป็นดาวชั้นเรียนและจีบผมตลอด จริงๆแล้วผมเหี้ยมาก เพราะอาชีพนักแสดงต้องเพิ่มประสบการณ์ชีวิต ผมเลยลองคบกับเธอ” เวินซือเหยี่ยนเล่าอดีตทั้งหมดโดยไม่ลังเล

“หือ?” เป๋าฮวนจู่ๆก็ตกตะลึง

เพราะในความเห็นของเธอ เวินซือเหยี่ยนเป็นคนอ่อนโยน เช่นเดียวกับชื่อของเขา ทำให้ผู้คนรู้สึกอ่อนโยนและอบอุ่นใจมาก ไม่เหมือนคนที่เหี้ย

“ที่จริงผมผิดต่อเธอ” เวินซือเหยี่ยนขมวดคิ้วขึ้นมาเมื่อนึกถึงแฟนคนแรกของเขา

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปาก พยักหน้าและพูดว่า “คุณทำแบบนี้มันผิดจริงๆ นี่ถือว่าคุณหลอกใช้เธอ……”

เป๋าฮวนรูกสึกว่าตัวเองไม่ควรพูดอะไรมาก และเรื่องนี้ก็ผ่านไปหลายปีแล้ว เวินซือเหยียนตอนนั้นยังก็ยังเด็กอยู่ อาจจะไม่ได้คิดอะไรมากมาย

“แล้วเธอเป็นนักแสดงหรือเปล่า?” เธอถามอีกประโยคด้วยความสงสัย

เนื่องจากเป็นเพื่อนร่วมชั้นในชั้นเรียนการแสดง ดังนั้นในอนาคตก็ควรเป็นนักแสดงด้วย

“เปล่า” เวินซือเหยี่ยนส่ายหัวเบาๆ แล้วตอบว่า “หลังจากเราเลิกกันเธอคบแฟนใหม่ และได้ยินมาว่าหลังจบการศึกษาก็แต่งงานไปต่างประเทศแล้ว”

“ก็ดี แบบนี้ดีแล้ว ไม่งั้นพวกคุณพบเจอกันในวงการบันเทิง คงจะทำอะไรไม่ถูกน่าดู” เป๋าฮวนรู้สึกว่าบทสรุปไม่เลวเลย

เวินซือเหยี่ยนมองเธอด้วยความสงสัยมากขึ้น และโพล่งออกมา: "ถ้าอย่างนั้นคุณควรเล่าเรื่องของคุณบ้าง"

“เรื่องของฉัน?” เป๋าฮวนประหลาดใจ

“อืม ก่อนหน้านี้คุณชื่อเฉินฮวนฮวนใช่ไหม? สามีของคุณคือเฟิงหานชวนหรือเปล่า?” เวินซือเหยี่ยนจำเขาได้

“เขาไม่ใช่สามีของฉัน” เป๋าฮวนปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา

“เขาไม่ใช่สามีของคุณหรือ? แต่เมื่อสามปีที่แล้ว……” เวินซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย และความสงสัยแวบเข้ามาภายใต้คิ้วของเขา

นี่คือสิ่งที่เขาสงสัยมากที่สุด

เฉินฮวนฮวนเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนที่เขาเห็นเธอ เป็นคนน่ารักมีชีวิตชีวา เขายังจำได้ตอนที่ได้ยินเธอพูดถึงสามีของเธอ ยังกับบังเกิดดวงดาวขึ้นในแววตาทั้งคู่ของเธอ

สิ่งเหล่านี้ยังใหม่อยู่ในความทรงจำของเขา

ดังนั้น การปฏิเสธของเป๋าฮวนจึงไม่สามารถขจัดความสงสัยของเวินซือเหยี่ยนได้

เป๋าฮวนยังจำได้ว่าตัวเองเคยบอกเวินซือเหยี่ยนว่าเธอมีสามีแล้ว ในตอนนั้นหลังจากซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เฟิงหานชวนบอกว่าจะมารับเธอ เธอบอกกับเวินซือเหยี่ยน ตอนนั้นเวินซือเหยี่ยนเลยกลับไปก่อน

แม้ว่าตอนนั้นเวินซือเหยี่ยนกับเฟิงหานชวนจะไม่ได้เจอกัน แต่ก็รู้เรื่องที่เธอแต่งงานแล้ว

นอกจากนี้เวินซือเหยี่ยนก็อาศัยอยู่ในบริษัทหมิงอวี่ด้วย เมื่อเห็นงานศพของเธอ ก็รู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นสามีของเธอ

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปาก ใบหน้ามีความเย็นชาเกิดขึ้นและพูดเสียงเบาว่า “เรื่องราวเมื่อสามปีที่แล้ว ฉันอยากลืมไปให้หมด”

“เฟิงหานชวนคนนี้ ฉันก็อยากลืมเช่นกัน”

“ซือเหยี่ยน ฉันเกรงว่าคุณเป๋าคนนี้จะไม่ใช่เพื่อนของคุณ?” ไกด์ที่ตรงไปตรงมาถามอย่างกระตือรือร้น

“ไม่ใช่ไม่ใช่ พวกเราเป็นเพื่อนกัน” เป๋าฮวนรีบปฏิเสธ เธอไม่ต้องการให้เหตุผลของตัวเองส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเวินซือเหยี่ยน

เมื่อได้ยินการปฏิเสธของเป๋าฮวน เวินซือเหยี่ยนขมวดคิ้ว ร่องรอยของการสูญเสียนั้นแวบเข้ามา แต่มันก็หายวับไป เขาเบ้ปากและพูดแผ่วเบาว่า: “ใช่ เพื่อน คบกันมาหลายชั่วอายุคน”

“เฮ้อ ฉันคิดว่าต้นเหล็กอายุหมื่นปีอย่างนายกำลังจะเบ่งบาน!” เนื่องจากผู้กำกับได้ร่วมงานกับเวินซือเหยี่่ยนสามครั้ง ถือว่าเป็นหุ้นส่วนร่วมที่คุ้นเคยกันมาก ดังนั้นจึงพูดตรงมาก

ต้นเหล็กหมื่นปี?

เป๋าฮวนหันไปมองเวินซือเหยี่ยน ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“มองผมทำไม?” เวินซือเหยี่่ยนก็มองมาที่เธอและถามด้วยความสนใจ

“ต้นเหล็กหมื่นปีหมายถึงโสดจากแม่สู่ลูกใช่ไหม? คุณ……ไม่เหมือนเลย!” เป๋าฮวนแสดงออกถึงความสับสน

ในความเห็นของเธอ เวินซือเหยี่ยนรวย เป็นที่นิยม และอยู่ในวงการบันเทิงสถานที่ที่ความสัมพันธ์วุ่นวาย ถึงแม้จะเป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่อง อย่างน้อยก็ต้องเคยมีแฟนสองสามคนถึงจะเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า?

“หรือว่าผมดูเหมือนหนุ่มเจ้าชู้ไก้แจ้?” ใบหน้าของเวินซือเหยี่่ยนก็เต็มไปด้วยความสับสน

เมื่อเป๋าฮวนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเพื่อเป็นการยืนยัน รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซือเหยี่่ยนก็หายไปทันที

สีหน้าเขาคร่ำเคร่งและถามอีกครั้งว่า: “คุณแน่ใจหรือ?”

เป๋าฮวนไม่ใช่คนโง่ ต้องรู้ถึงความเคร่งขรึมบนใบหน้าของเวินซือเหยี่ยนโดยธรรมชาติ เธอจึงเกาศีรษะและถามว่า "หรือไม่ใช่?"

“ไม่ใช่แน่นอน! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…. .” จู่ๆผู้กำกับก็หัวเราะจนตัวเอนไปหน้าหลัง ตบต้นขาแล้วพูดว่า: “เขาเคยสนุกกับผู้หญิงหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่พอเขาเข้ามาวงการนี้ผมก็รู้จักเขา ไม่เคยมีแฟนจนถึงตอนนี้ โดยส่วนตัวมีเพื่อนวิ่งหรือไม่ อันนี้ไม่แน่ใจ”

“ไม่มี” เวินซือเหยี่่ยนปฏิเสธตรงๆ: “ฉันไม่มีนิสัยชอบนัดหมาย”

“อันนี้ฉันเชื่อ!” เป๋าฮวนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะว่าคุณเป็นดาราใหญ่ จึงไม่สามารถนัดหมายได้ ถ้าคุณโดนผู้หญิงที่สมรู้ร่วมคิดจับได้ คุณก็จบเห่!”

เวินซือเหยี่ยน "……"

“ไม่ใช่สักหน่อย ผมบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่เพราะอาชีพของผม” เขาอธิบาย

“ขอโทษด้วย ฉัน……ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกคุณ” เป๋าฮวนรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที

เวินซือเหยี่ยนมองมาที่เธอและยิ้มเบาๆ: "ผมชี้แจง ไม่ได้บอกว่าคุณดูถูกผม"

เป๋าฮวนเกาศีรษะอย่างเขินอาย

ทันทีหลังจากนั้น เสียงอ่อนโยนของเวินซือเหยี่ยนก็ดังขึ้นอีกครั้ง: "ผมเคยมีแฟน ตอนเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็เข้าวงการ ไม่ได้คบหากันต่ออีก ความรู้สึกในชีวิตของผมเรียบง่ายมาก"

“ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ถึงทำให้คุณคิดว่าผมเป็นคนเจ้าชู้” เขาถามออกมาตรงๆ

“เวินซือเหยี่ยน ฉันขอโทษจริงๆ…” เป๋าฮวนยิ่งทำตัวไม่ถูกมากขึ้นและต้องอธิบายว่า “ไม่ใช่ว่าคุณทำอะไรไป แต่ในความรู้สึกของฉัน ผู้ชายเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถควบคุมได้……”

"พรวด——”

ผู้กำกับกำลังดื่มไวน์แดง ก็พ่นออกมาโดยตรง

“ผู้กำกับจาง คุณนี่……เกินไปหน่อยนะ หรือฉันพูดอะไรผิด?” เป๋าฮวนพูดอย่างมีมารยาทมาก และอายที่จะพูดคำหยาบคาย

ยิ่งกว่านั้น ประโยคนี้คลาสสิกมาก ทุกคนคุ้นเคย ทุกคนน่าจะเคยได้ยิน ก็ไม่รู้ว่าผู้กำกับใหญ่จางทำไมเกินจริงขนาดนี้

“ประโยคนี้ถึงจะไม่ผิด แต่ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะเป็นแบบนี้” ผู้กำกับจางหัวเราะสองครั้ง ตบไหล่เวินซือเหยี่ยนแล้วพูดว่า: “ถนนยาวค่อยๆสร้าง มันค่อนข้างยากลำบากนะ!”

อันที่จริงเขาหมายความถึงบางอย่าง

ก็ประโยคง่ายๆเมื่อครู่นี้ จากคำตอบของเวินซือเหยี่่ยนและรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เขาดูออกว่า เวินซือเหยี่ยนชอบเด็กผู้หญิงที่ชื่อเป๋าฮวนคนนี้อย่างแน่นอน

เป๋าฮวนรู้ภูมิหลังของเวินซือเหยียน แต่หลิวจงไม่รู้

หลิงจงคิดว่าเวินซือเหยียนเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งเท่านั้น เขาแสดงท่าทางเหนือกว่าอยู่ตรงหน้าเวินซือเหยียน

ราวกับว่าไม่มีนักลงทุนอย่างพวกเขา เฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ของซือเวินเหยียนจะดำเนินต่อไปไม่ได้

เป๋าฮวนรู้สึกขบขัน อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

แม้ว่าเธอจะเกลียดเฉินซินโหรว แต่เธอเห็นหลิวจงทุบตีเฉินซินโหรว เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้น

แม้ว่าเฉินซินโหรวจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ในท้องของเธอก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหลิวจง นึกไม่ถึงว่าเขาจะเตะท้องของเฉินซินโหรวอย่างรุนแรงต่อหน้าทุกคน คนแบบนี้ไม่มีมนุษยธรรมเลยแม้แต่น้อย

และไม่จำเป็นต้องมีความเห็นอกเห็นใจใดๆ

“อนาคตของเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จะเป็นยังไง ประธานหลิวไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง” รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเวินซือเหยียน ราวกับไม่สนใจคำพูดของหลิวจงเลยแม้แต่น้อย

“เวินซือเหยียน นายรอฉันก่อนเถอะ! นายรอก่อน!” หลิวจงชี้หน้าด่าเวินซือเหยียน พร้อมกับกำลังจะพุ่งตัวเข้าไปหาเขา

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้น และมัดมือของหลิวจงไว้ จากนั้นพาเขาออกไปจากห้องจัดเลี้ยง

ระหว่างทางควบคุมตัว มีเพียงเสียงร้อนตะโกนของหลิวจง ข่มขู่ว่าจะทำให้เฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ล่มสลาย และจะแบนเวินซือเหยียน

จนกระทั่งหลิวจงถูกลากออกไป ห้องจัดเลี้ยงจึงกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง

เฉิงซวี่ก็เดินตามออกไป เวลานี้เหลือเพียงเวินซือเหยียนและเป๋าฮวนเท่านั้นที่ยังคงถูกรุมล้อม เป๋าฮวนมองไปรอบๆ ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “ขอโทษนะที่ทำให้คุณเปิดเผยตัวตน”

ยังไม่ทันรอให้เวินซือเหยียนเปิดปากตอบ นักแสดงหญิงกลุ่มหนึ่งก็มารายล้อมเขา เป๋าฮวนจึงถูกเบียดออกไปในทันที

“ซือเหยียน นายเป็นซีอีโอของเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทำไมนายไม่เปิดเผยล่ะ”

“ซือเหยียน นายเก่งมากจริงๆ! นึกไม่ถึงว่านายจะก่อตั้งเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ด้วยตัวเอง แถมยังเติบโตได้มากขนาดนี้!”

“ซือเหยียน ซือเหยียน นายรีบให้ลายเซ็นฉันเลย ต่อไปนายเป็นซีอีโอไม่แสดงละครแล้ว เราจะไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว”

……

เสียงจอแจของเหล่าหญิงสาว เสียงดังจนเป๋าฮวนปวดหู

ทว่าเธอแอบมองแวบหนึ่ง หญิงสาวพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นนักแสดง ใบหน้าสวยงาม รูปร่างผอมมาก บุคลิกแตกต่างกัน แต่มองเเวบเเรกก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา

เวลานี้ เวินซือเหยียนรายล้อมไปด้วยผู้คน เธอก็คุยอะไรกับเวินซือเหยียนไม่ได้ ทำได้เพียงหมุนตัวเตรียมจะเดินไปพูดคุยกับผู้กำกับด้วยตัวเอง

ในขณะที่เป๋าฮวนเดินไปไม่กี่ก้าว แขนของเธอถูกใครสักคนจับไว้ เธอหันกลับมา ก็เห็นใบหน้าที่ประดับไว้ด้วยความอันตรายเล็กน้อยของเวินซือเหยียน

หลังจากนั้น ข้างหลังเขา หญิงสาวกลุ่มนั้นยืนเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน พวกเธอต่างมองเธออย่างไม่ค่อยพอใจนัก สายตาเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรแกมพินิจพิเคราะห์

เห็นได้ชัดว่า เธอกลายเป็นศัตรูของผู้หญิงพวกนั้นซะแล้ว!

“ฮวน…เป๋าฮวน คุณอยากเป็นนักแสดงไม่ใช่เหรอ ผมจะพาคุณไปรู้จักผู้กำกับที่ไว้ใจได้สักสองสามคน” เวินซือเหยียนยังคงเรียกชื่อเต็มของเธอ

หากเรียกชื่อเล่นโดยตรง ดูเหมือนจะรีบร้อนไปหน่อย

“ดีเลย ดีเลย!” พอเป๋าฮวนได้ยิน ก็พยักหน้าอย่างตื่นเต้น

เธอรู้ว่าเวินซือเหยียนเป็นคนมีน้ำใจ ตอนที่เจอกันครั้งแรกก็เป็นแบบนี้ เธอไปถามทางเวินซือเหยียน เวินซือเหยียนก็ใจดีพาเธอไปซุปเปอร์มาร์เก็ต

เมื่อเห็นท่าทางดีอกดีใจของเป๋าฮวน ความเย็นชาของเวินซือเหยียนเมื่อสักครู่ก็พลันหายไป ใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เขากล่าวว่า “ตามผมมา”

“อืมอืม!”

……

ภายใต้การชี้แนะของเวินซือเหยียน เป๋าฮวนได้รู้จักกับคนมากมายในวงการ ทุกคนต่างก็เคารพนบน้อมต่อเธอมาก

แต่เป๋าฮวนรู้สึกว่า นี่เป็นเพราะเวินซือเหยียน

หลังจากเปิดเผยตัวตนของเวินซือเหยียน ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์เหล่านั้นต่างก็สุภาพกับเขามากขึ้น

เฉินซินโหรว ไม่คิดว่าตัวเองจะท้อง

เธอกินยามาตลอด คราวนี้เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจ

เธอปวดท้องมาก เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเธอ ริมฝีปากของเธอซีดขาว และร่างกายของเธอสั่นเทา

“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย…” เธอเหลือบตามองคนอื่นที่อยู่ตรงหน้า

เธอรู้ว่ามันน่าอาย แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือก ถ้าไม่มีใครช่วยเธอ เธอกลัวว่าจะถูกหลิวจงทุบตีจนตาย

หนึ่งศพสองชีวิต

หลิวจงระบายความโกรธที่เป๋าฮวนทำให้เขาขุ่นเคือง และความโกรธการท้องของฉินซินโหรวบนร่างกายของเฉินซินโหรว ใช้แรงเตะแล้วเตะอีก

เฉินซินโหรวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถต้านทานได้

เป๋าฮวนรู้สึกสะใจในตอนแรก แต่เมื่อเธอเห็นว่าขาเรียวยาวของเฉินซินโหรวเต็มไปด้วยเลือด เธอก็นึกถึงลูกของเธอเอง

หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอก็เต็มไปด้วยเลือดเช่นนี้ และเด็กก็แท้งไป

“หยุด!” เป๋าฮวนตะโกนใส่หลิวจงทันที

หลิวจงหยุดทันที หันไปมองเป๋าฮวน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากใบหน้าที่บูดบึ้งเป็นยิ้มจางพร้อมกล่าว: “คุณเป๋า คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง?”

เป๋าฮวนไม่สนใจเขา แต่พูดกับเวินซือเหยี่ยน: "เรียกคนพาเธอไปส่งโรงพยาบาล"

เวินซือเหยี่ยนมองเฉิงซวี่ เฉิงซวี่พยักหน้าทันที เดินไปข้างหน้า และพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนที่เพิ่งมาถึง: “พาคุณเฉินคนนี้ไปที่โรงพยาบาล และเชิญคุณหลิวจงออกไปด้วย”

"ครับ!"

“ครับ!"

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนพูดพร้อมกัน

คนหนึ่งพยุงเฉินซินโหรว และอีกคนจับหลิวจง

เฉินซินโหรวกระวนกระวายรีบจับมือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไว้แน่น ดีใจที่จะได้รับการช่วยเหลือ แต่การแสดงออกของหลิวจงโกรธจัด

ถ้าเขาถูกเชิญออกไป เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

หลิวจงไม่อยากออกไป เขาจ้องเฉิงซวี่ และถามด้วยน้ำเสียงขู่เข็ญ: "ผู้ช่วยเฉิง ผมเป็นนักลงทุนที่ทำงานกับเฉินฟานมาหลายครั้ง คุณปฏิบัติกับผมเช่นนี้ ประธานของคุณรู้หรือเปล่า?”

“รู้” เฉิงซวี่ตอบโดยไม่ลังเล

“แก…” หลิวจงเบิกตากว้าง กัดฟันและกล่าวว่า: “ประธานของแกไม่อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ แกก็ยังไม่ได้รายงานเขา จะรู้ได้อย่างไร! แกขู่ฉันเหรอ?”

ก่อนหน้านี้หลิวจงสุภาพกับเฉิงซวี่ นั่นก็เพราะเฉิงซวี่เป็นคนของบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเมนท์ แต่เฉิงซวี่ไม่สุภาพกับเขา ถึงยังไงเฉิงซวี่ก็เป็นแค่พนักงาน ดังนั้นหลิวจงจึงรู้สึกตัวเองสูงส่งกว่า

“ประธานของเราอยู่ที่นี่” เฉิงซวี่ยิ้มเล็กน้อยและตอบอย่างเฉยเมย

คำตอบนี้ ทำให้ทุกคนมองไปรอบๆหันซ้ายหันขวา ดูว่าคนไหนกันแน่ ทุกคนอยากรู้ว่าประธานของเฉินฟานคือใคร

ท้ายที่สุด ถ้าสามารถตีสนิทประธานเฉินฟานได้ ก็จะเข้าสู่เส้นทางวงการบันเทิงได้โดยง่าย

“อะไรนะ!” สีหน้าของหลิวจงเปลี่ยนไป เขาสูญเสียความเย่อหยิ่งที่เขามีในตอนแรก เขาถามอย่างจริงจัง:“ประธานของแกอยู่ที่ไหน? ฉันเป็นแขกผู้มีเกียรติที่พวกแกเชิญมา ตอนนี้ฉันมาร่วมเลี้ยงแล้ว พวกแกกลับไล่ฉันออกไป นี่มันหมายความว่ายังไง?

“ประธานหลิว พฤติกรรมของคุณเมื่อกี้ฝ่าฝืนข้อบังคับของงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ และการ "ทุบตี" ก็ยังเป็นพฤติกรรมทางอาชญากรรม” เฉิงซวี่ยังคงตอบต่อไป

“แก…” การแสดงออกของหลิวจงกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง

เขาโกรธมากในขณะนี้ เขารู้สึกว่าเฉิงซวี่ตั้งใจทำให้เขาอับอาย แต่เขาไม่สามารถแสดงความโกรธออกมาได้ เขาทำได้เพียงอดทนไว้ และชี้ไปที่เฉินซินโหรวที่กำลังจะตายและกล่าวว่า: “ฉันสั่งสอนผู้หญิงของฉัน แล้วยังไง?”

“รีบส่งเธอไปโรงพยาบาล!” เป๋าฮวนเห็นว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังไม่ออกไป ดังนั้นเธอจึงพูดขึ้นอีกครั้ง

“ครับ!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมัวดูความวุ่นวาย จนลืมพาเฉินซินโหรวออกไป

ในขณะนี้ ใบหน้าของเฉินซินโหรวซีดจนเธอไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่ขณะที่เธอถูกพาออกไป เธอก็จ้องเป๋าฮวนอย่างดุเดือด

หลังจากที่เฉินซินโหรวถูกพาออกไป หลิวจงก็ดึงเนคไทของเขาออก รู้สึกหายใจไม่ออก เขาจัดการตัวเองและพูดกับเฉิงซวี่: "ตัวสร้างปัญหาก็ไปแล้ว ฉันจะอยู่ต่อ"

"ประธานหลิว ต้องขออภัยด้วย คุณต้องออกไป" เฉิงซวี่ทำท่าทาง “เชิญ" ยิ้มและกล่าวว่า "เชิญประธานหลิวออกไปด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะลากคุณออกไป”

“ผู้ช่วยเฉิง แกรู้หรือเปล่าถ้าแกไล่ฉันออกไป เท่ากับว่าแกกำลังจะสูญเสียนักลงทุนรายใหญ่!” หลิวจงโกรธมาก เหงื่อออกเต็มตัว และยังคงข่มขู่ต่อไป: “เพื่อนของฉัน ก็จะไม่ร่วมงานกับบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเมนท์อีก”

“ประธานหลิว บริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเมนท์ของเราไม่ต้อนรับนักลงทุนอย่างคุณ” เฉิงซวี่ยังคงยิ้ม

“ แก…ประธานของพวกแกอยู่ไหน ให้มันออกมาเจอฉัน! ออกมาสิ—” หลิวจงโกรธและคำรามใส่เฉิงซวี่

เฉิงซวี่เพียงส่ายหัวและกล่าวว่า: “ประธานของเราจะไม่ออกมาเจอคุณ เชิญออกไป!”

เสียงดัง “ตุบ" ในขณะที่เฉิงซวี่ไม่ระวัง หลิวจงยกกำปั้นขึ้นและกระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขา

เฉิงซวี่ไม่ทันตั้งตัวและล้มลงกับพื้น

“เฉิงซวี่” เวินซือเหยี่ยนเดินไปทันทีและพยุงเฉิงซวี่ลุกขึ้น

ใบหน้าของเขาเย็นชามาก ไม่แสดงสีหน้าใดๆ เขาเพียงออกคำสั่งที่เย็นชา: "เฉิงซวี่ ฟันต่อฟัน พวกเราเฉินฟานอย่ายอมให้ใครมารังแก"

“พวกเราเฉินฟาน?” นักแสดงสาวคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนขึ้น

เธอรู้จักเวินซือเหยี่ยน เวินซือเหยี่ยนไม่ใช่ศิลปินของเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเมนท์ และเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเมนท์ก็ไม่ได้ทำสัญญากับศิลปินคนไหน แต่ทำไมเวินซือเหยี่ยนถึงพูดว่า "พวกเราเฉินฟาน"ออกมา

อีกอย่าง ดูเหมือนว่าต่อหน้าเฉิงซวี่ เขามีสถานะที่สูงกว่าเฉิงซวี่ ฟังจากน้ำเสียงของเฉิงซวี่

เช่นเดียวกับเธอ ทุกคนเริ่มสับสนและมองไปที่เวินซือเหยี่ยนทีละคน

เฉิงซวี่พยักหน้าให้เวินซือเหยี่ยน จากนั้นยกกำปั้นขึ้นและชกหน้าหลิวจงอย่างรุนแรง หลิวจงถอยหลังไปสองก้าว จับหน้าด้วยรอยยิ้มและตะโกนว่า "อัยยะ"

“มึง…มึงเป็นแค่พนักงาน กล้ามาต่อยกูเหรอ!” หลิวจงปาดเลือดจากมุมปากของเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง

“เฉิงซวี่ ส่งวิดีโอที่ประธานหลิวทุบตีเฉินซินโหรวให้ตำรวจ” เวินซือเหยี่ยนเหลือบมองหลิวจงอย่างเย็นชา จากนั้นมองไปทางเฉิงซวี่ พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เฉิงซวี่โค้งคำนับและตอบว่า: “ครับ ประธานเวิน”

ในเวลานี้ ทุกอย่างเงียบสงัดในชั่วพริบตา เงียบในระดับที่น่าประหลาด

เฉิงซวี่ตระหนักได้ทันทีว่าเขาเพิ่งโพล่งออกมาว่า "ประธานเวิน" เขารีบปิดปากของเขา ใบหน้าของเขากระสับกระส่ายเล็กน้อย เพราะกลัวว่าเวินซือเหยี่ยนจะตำหนิเขา

การแสดงออกของเวินซือเหยี่ยนจางๆ แต่เขาไม่ตำหนิ เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงสงบ: "เฉิงซวี่ โทรหาตำรวจ!"

“ครับ!” เฉิงซวี่ทำตามคำสั่งทันที

ขณะที่หลิวจงมองที่ใบหน้าด้านข้างของเวินซือเหยี่ยน เขาก็เดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าของเขาประหลาดใจและทำอะไรไม่ถูก

แต่แล้วเขาก็กัดฟันอีกครั้งและชี้ไปที่เวินซือเหยี่ยน พร้อมกล่าวว่า: "เป็นพระเอกแล้วคิดว่าเจ๋งเหรอ? มีเงินนิดเดียวตั้งบริษัทบันเทิง คิดว่าเจ๋ง? ถ้าไม่มีนักลงทุนอย่างพวกกูลงทุน มึงคิดว่าบริษัทมึงจะลืมตาอ้าปากได้เหรอ?”

ในเวลานั้นเป๋าฮวน ยังเรียกว่าเฉินฮวนฮวน

ร่างกายตังเล็กของเธอกระโดดโลนเต้นไปตรงหน้าเขา เสียงของเธอช่างไพเราะจนฟังดูเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิที่นุ่มนวล

เธอเรียกเขาว่า "คุณ" สุภาพมาก แต่ก็น่ารักมาก

เป็นเรื่องยากที่เวินซือเหยี่ยนจะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยตัวเอง แต่เช้าวันนั้น เขาช่วยเธอ พาเธอไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้คฤหาสน์

คิดว่าอยู่ชุมชนเดียวกัน คงจะได้พัฒนาความสัมพันธ์เรื่อยๆ แต่ใครจะรู้ว่าผู้หญิงกลับพูดถึงสามีของเธอ

ปฏิกิริยาของเวินซือเหยี่ยนในเวลานั้นคือความผิดหวัง แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงแม้จะผิดหวังเล็กน้อย แต่ยังไงเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงแปลกหน้า

เจอกันครั้งที่2 คือครั้งที่เดินผ่านหน้าบ้านเธอ เธอเริ่มทักทายเขาที่ระเบียง แต่การพูดคุยอย่างเป็นมิตรระหว่างทั้งสองถูกสาวใช้ของเธอขัดจังหวะ

ตอนนั้นเขาผิดหวังมาก บวกกับที่เธอมีสามีแล้ว เขาจึงตัดสินใจอยู่ห่างๆจากเธอ

จนกระทั่ง 2 เดือนต่อมา เขาเห็นครอบครัวของเธอกำลังจัดงานศพ เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น จึงริเริ่มถาม ปรากฏว่า—

สิ่งที่เขาไม่คาดคิด คนที่จากไปคือเธอ

แม้ว่าจะเคยเจอกันแค่2ครั้ง แต่เขาก็รู้สึกเสียใจมาก หญิงสาวสวยต้องมาจากไปเช่นนี้

ได้ยินผู้ดูแลบ้านบอกว่า เกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขารู้สึกทุกอย่างบนโลกนั้นไม่แน่นอน

ตอนแรกคิดว่าผู้หญิงคนนี้ จะคงอยู่ในความทรงจำของเขา แต่… พรหมลิขิตช่างอัศจรรย์ใจ

มันน่าทึ่งจริงๆ!

เวินซือเหยี่ยนคิดไม่ถึง ว่าจะมีเฉินฮวนฮวนอีกคนปรากฏตัวต่อหน้าเขา

ตั้งแต่วินาทีที่เขาพบเธอ เขาก็ไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนมีรอยยิ้มที่งดงามเท่าเธอ

“ยังจะยิ้มอีก คุณยิ้มอะไร?” ประธานหลิวถามเป๋าฮวน และพูดอย่างชั่วร้าย: “คุณหลอกผม แสร้งทำเป็นสาวสวยและรวย ผมจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของคุณให้ทุกคนได้เห็น!”

“ประธานหลิว คุณจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของคุณหนูใหญ่ตระกูลเป๋าเหรอ?” เวินซือเหยี่ยนยิ้มเบาๆ: “เธอเป็นแขกวีไอพีที่ได้รับเชิญจากบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เลยนะ”

“อะไรนะ!” สีหน้าของหลิวจงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

แล้วทำไมเขาถึงไม่เห็นชื่อเป๋าฮวนในรายชื่อแขก?

“เธอชื่อเป๋าฮวนใช่หรือเปล่า!? ใช่ไหม?” หลิวจงถามเวินซือเหยี่ยนพร้อมชี้ไปที่เป๋าฮวน

“ใช่” เวินซือเหยี่ยนตอบ

“อ่อ คุณพาเธอเข้ามาเป็นการส่วนตัวล่ะสิ?” หลิวจงเยาะเย้ย ปิดบังความเจ็บปวดที่หลังของเขา โน้มตัวไปหยิบรายการบนพื้นแล้วพูดว่า: "ในรายชื่อแขกไม่มีชื่อของเป๋าฮวน”

“ถ้าอย่างงั้นผู้หญิงคนนี้ก็คงใช้ชื่ออื่น หรือไม่ก็พวกคุณสมรู้ร่วมคิดกัน”

ในเวลานี้ มีชายหนุ่มเดินตัวตรงเข้ามา เขาเดินไปหาเวินซือเหยี่ยน โค้งคำนับ แล้วหันไปทางหลิวจง เขากล่าวว่า: “สวัสดีประธานหลิว ผมเป็นผู้รับผิดชอบงานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งนี้ ผู้ช่วยพิเศษและเลขาธิการของบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์”

เมื่อได้ยินว่าคนของบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์มาแล้ว สถานที่ก็เงียบอีกครั้ง เงียบกว่าเดิม และพวกเขาทั้งหมดต่างรอฟังคำกล่าวของบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้พวกเขาอยากรู้มากขึ้นก็คือประธานบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ไม่เคยปรากฏตัว แม้ว่าจะเป็นโอกาสที่สำคัญมาก แต่ก็เป็นผู้ช่วยที่จะเข้าร่วมแทนประธาน

ดังนั้น วิธีการและคำพูดของเฉิงซวี่ จึงแสดงถึงทัศนคติของบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

“ผู้ช่วยเฉิง สวัสดี สวัสดี” หลิวจงรีบทักทายเฉิงซวี่ เอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วและจับมือกับเฉิงซวี่

เฉิงซวี่ไม่ตอบ แต่พูดอย่างเคร่งขรึม: “ประธานหลิว พฤติกรรมของคุณส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่องานเลี้ยงอาหารค่ำที่จัดโดยบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ หากคุณยังไม่ทำตามข้อบังคับ เรามีสิทธิ์ที่จะเชิญคุณออกไป "

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?” เมื่อหลิวจงได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนทันที เขาดึงมือออกและชี้ไปทางเป๋าฮวน: “ผู้หญิงคนนั้นแอบลักลอบเข้ามา พวกคุณยังไม่จัดการเลย จะมาพูดพร่ำอะไรกับผม?”

“คุณเป๋า ต้องขออภัยด้วยจริงๆ” เฉิงซวี่โค้งคำนับกับเป๋าฮวนและกล่าวว่า: “ทำให้คุณเสียบรรยากาศในงานเลี้ยง พวกเราเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จะชดเชยให้คุณ และเราจะไม่ปล่อยให้คุณถูกรบกวนอีก…”

หลังจากขอโทษเป๋าฮวน เขามองไปที่หลิวจงอีกครั้งและอธิบายว่า:"คุณเป๋า เป็นแขกผู้มีเกียรติของเรา ดังนั้นจึงไม่มีชื่อเธอในรายชื่อแขก"

หลิวจงได้รับเชิญเพราะเขาลงทุนในรายการของบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เฉินซินโหรวเป็นศิลปินหญิงที่มีชื่อเสียงอันดับสอง จึงได้รับคำเชิญ แต่สำหรับของต่งอวี่ซาน หลิวจงเป็นคนขอบัตรเชิญกับบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ให้เธอ เห็นแก่หลิวจงบริษัทจึงให้บัตรเชิญอีกใบ

งานเลี้ยงแบบนี้ ไม่มีพิธีอะไรมากมาย คนยิ่งมาเยอะยิ่งดี

“แขกผู้มีเกียรติ…” หลิวจงอึ้งทันที

หลังจากผ่านมาเป็นเวลานาน เธอเป็นสาวสวยและรวยจริงๆ เป็นเพราะตัวเองหูเบาจริงๆ ฟังคำพูดของเฉินซินโหรว ถึงทำให้เป็นเช่นนี้

หลิวจงกลายเป็นกังวลทันที หันกลับมา ยกมือขึ้นแล้วตบหน้าเฉินซินโหรวสองครั้ง แก้มซ้ายหนึ่งมี แก้มขวาหนึ่งที

เสียงก้องกังวานไปทั่วห้องจัดงานเลี้ยง เฉินซินโหรวจับแก้มทั้งสองข้าง จ้องมองอย่างโกรธเคือง และดวงตาก็เต็มไปด้วยน้ำตา

ห้องจัดงานเลี้ยงมีขนาดใหญ่มาก แต่คนในห้องจัดเลี้ยงเกือบทุกคนมารวมตัวกันตรงนี้ ดูสถานการณ์ตรงนี้ ดังนั้นเธอจึงอายมาก ต่อหน้าคนส่วนใหญ่ในวงการบันเทิง

"โอ้ย–"

ก่อนที่เธอจะตอบสนอง เธอก็รู้สึกปวดท้องไปแล้ว ล้มลงกับพื้น เจ็บปวดจนนิ่งไปทั้งตัว

หลิวจงเตะเข้าที่ท้องของเธอและผลักเธอล้มลงกับพื้น

ในขณะนั้น เฉินซินโหรวรู้สึกอายมาก ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น เธอก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาอีกครั้ง

เธอต้านทานความเจ็บปวดและพยายามลุกขึ้น แต่เธอก็รู้สึกเหมือนมีของเหลวไหลลงมาระหว่างขา

เฉินซินโหรวก้มศีรษะลงและดวงตาทั้งสองเห็นมันเป็นเลือด เลือดไหลลงมา นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไง?

ต่อให้จะเป็นประจำเดือน ก็ไม่น่าไหลออกมาเยอะขนาดนี้!

เธอครุ่นคิดสักพัก ประจำเดือนของเธอไม่มาเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว เธอมีเลือดออกเมื่อถูกเตะเข้าที่ท้อง หรือว่า…

ทันใดนั้นใบหน้าของเฉินซินโหรวก็ซีด เธอคว้าแขนของหลิวจงแล้วตะโกนว่า: "อาจง ฉันท้อง โทรเรียกรถพยาบาล! เร็วเข้า!"

“ท้อง? ทำไมเธอถึงไม่กินยา ใครอนุญาตให้เธอท้อง? นังโง่ ไปให้พ้น—” หลิวจงยกเท้าขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินว่าเฉินซินโหรวกำลังท้อง เตะท้องของ เฉินซินโหรวอีกครั้งต่อหน้าทุกคน

"โอ้ย–"

เฉินซินโหรวก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว และล้มลงกับพื้นอีกครั้ง หน้าของเธอซีดมาก ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด

เป๋าฮวนได้เห็นฉากนี้ด้วยตาของเธอเอง ขมวดคิ้วแน่นเข้าหากัน

ในที่สุดคนชั่วก็ได้รับกรรม

เฉินเหม่ยเจวียนบังคับจนยายของเธอตายในตอนนั้น ตอนนี้ลูกสาวของเธอก็ล้มลงมาถึงจุดนี้ พวกเธอต้องรับผิดชอบ ทำอะไรไว้ย่อมได้อย่างนั้น!

พวกเธอสมควรได้รับมัน!

ความมั่นใจของเฉินซินโหรวเมื่อกี้ ทำให้หลิวจงเริ่มสงสัย

เพราะยังไง เขาไม่เคยได้ยินชื่อเสียงตระกูลเป๋า นี่เป็นแค่คำพูดปากเปล่าของเป๋าฮวน

ทันใดนั้น มีพนักงานเดินมาทางหลิวจง แล้วโค้งถามว่า "ไม่ทราบว่าใช่ประธานหลิวจงไหมครับ?"

"ใช่ ผมเอง" หลิวจงเงยหน้า แล้วพูดออกมาอย่างมั่นใจ

"นี่เป็นรายชื่อแขกที่มางานครับ" พนักงานเอากระดาษผ่านหนึ่งออกมา แล้วยื่นให้หลิวจง

หลิวจงรีบรับไว้ทันที แล้วตรวจดูรายชื่อทีละคน หาไปตั้งนาน ตั้งแต่บนลงล่าง ก็ไม่เห็นชื่อของเป๋าฮวน

แต่ว่า เขาก็ไม่เห็นชื่อของเฉินฮวนฮวนเหมือนกัน นี่เลยทำให้หลิวจงงง

"คุณชื่ออะไรกันแน่? ใบรายชื่อแขกไม่มีชื่อเป๋าฮวน ไม่มีเฉินฮวนฮวนด้วย คุณเป็นใครกันแน่?" หลิวจงชี้เป๋าฮวน โมโหจนหน้าแดง

เขาเป็นถึงผู้บริหาร แต่กลับโดนผู้หญิงหลอก ตอนนี้เขาโมโหมาก โกรธจนหน้าแดง

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินซินโหรวให้เขาไปสืบเรื่องเฉินฮวนฮวนก่อน เขาจึงให้คนไปเอาใบรายชื่อ ไม่งั้นคงไม่ได้ใบรายชื่อเร็วขนาดนี้ แล้วรู้ว่าตัวเองโดนหลอกเร็วขนาดนี้

"อาจง คุณว่าอะไรนะ? ไม่มีทั้งสองชื่อเลยเหรอ? งั้นมันเข้ามาได้ยังไง?" เฉินซินโหรวขมวดคิ้วแน่น แย่งใบรายชื่อแขกจากหลิวจง แล้วมาเช็กดูทีละคน

แต่ว่า เธอดูอย่างละเอียดแล้ว ก็ไม่เห็นชื่อสองชื่อนั้นเหมือนกัน

ไม่ว่าจะเป็นเป๋าฮวน หรือว่าเฉินฮวนฮวน ก็ไม่มีเลย

"ฉันจะรู้ได้ยังไงว่ามันเข้ามาได้ยังไง? รีบเรียกยามมา! มีคนแอบเข้ามาในงาน!" หลิวจงโมโหมากๆ อยากจะสั่งสอนเป๋าฮวนด้วยซ้ำ

เฉินซินโหรวก็เหมือนกัน แล้วเธออยากให้เฉินฮวนฮวนหน้าแตก จึงรีบพูดว่า "ฉันจะไปเรียกยามเดี๋ยวนี้เลย!"

พูดไปด้วย เฉินซินโหรวก็จับกระโปรงขึ้นมาวิ่งพุ่งไปที่หน้าประตู

เป๋าฮวนมองทั้งสองคนอย่างหมดคำพูด มุมปากก็กระตุก แล้วหมุนแหวนที่นิ้วกลางเล่นอย่างขี้เกียจ "พวกคุณสองคนอยากทำอะไร?"

"นังสารเลว กล้าหลอกฉันงั้นเหรอ คอยดูว่าฉันจะให้คนจัดการแกยังไง!" สีหน้าหลิวจงบึ้งตึง รูจมูกก็เปิดกว้างจนคนอื่นมองเห็นขนในรูจมูก

เป๋าฮวน: "……"

เธอเบะปาก ไม่อยากสนใจ

ตอนที่จะหันเดินไป แต่แขนกลับโดนหลิวจงดึงไว้ เป๋าฮวนเจ็บจนขมวดคิ้ว จากนั้นจึงเปลี่ยนมาทุ่มหัวไหล่หลิวจงแทน

เสียงดึง"ปึก" ถึงหลิวจงไม่อ้วนมาก แต่ก็ไม่ผอม ร่างกายกำยำ ตอนที่โดนทุ่มลงพื้น เสียงจึงดังมาก

ทีนี้ คนทั้งงานก็เริ่มมองมาทางนี้ จากนั้นก็ค่อยๆเดินมามุงที่นี่

"โอ๊ย ใครก็ได้! รีบจับผู้หญิงคนนี้ไว้ โอ๊ยเอวฉัน……" หลิวจงนอนอยู่ที่พื้น รู้สึกปวดไปทั้งตัว แล้วเอาแต่โอดครวญ

คนอื่นก็ซุบซิบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีใครไปพยุงตัวเขา

ทันใดนั้น เฉินซินโหรวก็พายามสองคนวิ่งมา เห็นหลิวจงนอนอยู่ที่พื้น จึงสะดุ้งตกใจ รีบพุ่งไปพยุงหลิวจง

เธอพยุงหลิวจงไปด้วย แล้วหันไปพูดกับยามว่า "รีบจับตัวผู้หญิงคนนี้ไว้! มันแอบเข้ามาในงาน ต้องคิดไม่ดีแน่นอน แถมยังทำร้ายประธานหลิวขนาดนี้ รีบจับตัวมันซะ!"

ถึงเฉินซินโหรวจะตะโกนพูดแบบนี้ แต่ยามทั้งสองคนก็ลังเลที่จะไปจับตัวเป๋าฮวน

พวกเขาเห็นกับตาว่าเป๋าฮวนเข้างานมาพร้อมการ์ดเชิญ จึงไม่มีทางจับตัวแขกผู้มีเกียรติเพราะแค่คำพูดปากเปล่าของเฉินซินโหรว ไม่งั้นถ้าเกิดเรื่องอะไรพวกเขาคงรับผิดชอบไม่ไหว

เฉินซินโหรวเห็นว่ายามไม่ลงมือ จึงใจร้อนมาก แต่ก็ยังพยุงตัวหลิวจงขึ้นมาก่อน

ตอนที่หลิวจงลุกขึ้น เขากัดฟันแน่น ดูท่าทางเหมือนจะเจ็บมาก วินาทีที่เขาลุกขึ้นแล้ว เขาจึงจ้องเป๋าฮวนอย่างโกรธแค้น แล้วง้างมือขึ้น

เป๋าฮวนกำลังจะหลบ แต่มีมือมาจับแขนของหลิวจงไว้ก่อน

ทันใดนั้น เสียงรอบข้างเงียบลงทันที ทุกคนกำลังดูเหตุการณ์อยู่ รอคอยว่าจะเป็นยังไงต่อ

หลิวจงเงยหน้าขึ้น จึงเห็นใบหน้าที่หล่อเหลา แล้วใบหน้านี้ คงเกือบทั้งประเทศรู้จัก

ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นนักแสดงยอดเยี่ยม–เวินซือเหยี่ยน

"เวินซือเหยี่ยน คุณจะทำอะไร? กล้ายุ่งเรื่องของผมเหรอครับ?" หลิวจงถามอย่างโมโห

จากที่เขาดูมา ตัวเองเป็นนักธุรกิจ ถึงเวินซือเหยี่ยนจะเป็นนักแสดงชื่อดัง แต่ก็แค่ดาราในวงการบันเทิง เขาไม่จำเป็นต้องแยแส

"ประธานหลิวครับ รักษาภาพลักษณ์ตัวเองด้วยครับ" เวินซือเหยี่ยนพูดอย่างเรียบนิ่ง แต่น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความเสียดสี

หลิวจงจึงเดือดกว่าเดิม เมื่อกี้เพิ่งโดนผู้หญิงหลอก ตอนนี้ยังโดนดารามาเยาะเย้ย เขาเป็นนักลงทุน เป็นถึงบอส คนพวกนี้เหมาะแค่ถือรองเท้าให้เขา

"มึงกล้าสั่งสอนกูเหรอ? เวินซือเหยี่ยน มึงคิดว่ามึงเป็นใคร?" หลิวจงชี้หน้าเวินซือเหยี่ยน แล้วเริ่มด่าอย่างดูถูก "กล้ามาขัดใจกู เดี๋ยวกูจะให้เฉินฟานขึ้นบัญชีดำพวกมึง"

เป๋าฮวนเห็นหลิวจงที่กำลังเดือด ปากจึงกระตุก พูดอะไรไม่ออกเลย

เพราะว่า เธอหมดคำพูดมาก

หมดคำพูดมากๆ มากถึงมากที่สุด

พอหลิวจงพูดแบบนี้ ดารารอบข้างจึงเริ่มซุบซิบกัน

ดาราชายเหมือนสะใจมาก ถ้าเวินซือเหยี่ยนดับ งั้นโอกาสในวงการบันเทิงของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น

แล้วดาราหญิงก็ประหลาดใจมาก ถึงเวินซือเหยี่ยนจะเป็นนักแสดงแนวหน้า มีสิทธิ์ที่จะเอาแต่ใจ ปกติชอบทำตัวสูงส่งก็ช่างเถอะ ทำไมถึงกล้าเสียมารยาทกับหลิวจง ไม่กลัวว่าจะโดนหลิวจงขึ้นบัญชีดำเหรอ?

"ขึ้นบัญชีดำ?" น้ำเสียงของเวินซือเหยี่ยนนิ่งเฉย "ประธานหลิวก็แค่ลงทุนละครไปไม่กี่เรื่อง มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องในวงการบันเทิงแล้วเหรอครับ?"

"เหอะ ขอแค่มีเงิน ทำไมจะยุ่งไม่ได้? ถึงกูไม่ได้ทำธุรกิจในวงการบันเทิง แต่กูมีเงิน กูก็ลงทุนสร้างละครได้!" พอหลิวจงพูดถึงเรื่องเงิน จึงรู้สึกมั่นใจมาก

"อย่างนี้เหรอครับ!" เวินซือเหยี่ยนเหมือนเข้าใจ

หลิวจงคิดว่าเวินซือเหยี่ยนยอมแล้ว จึงหัวเราะเสียงดัง เขามองแขนตัวเองที่เวินซือเหยี่ยนจับอยู่ แล้วพูดเสียงเข้มว่า "ยังไม่ปล่อยอีก? กูบอกมึงไว้เลย มึงต้องคุกเข่าขอโทษกู ไม่งั้น กูจะให้เฉินฟานไล่พวกมึงออก!"

เป๋าฮวน: "……"

เธออึ้งไปหนึ่งวินาที จากนั้นจึงทนไม่ได้ แล้วหลุดขำออกมา

"ฮ่าฮ่าฮ่า……"

เสียงหัวเราะของเธอ ดังไปทั่วงาน

เวินซือเหยี่ยนหันไปทางเป๋าฮวน จึงเห็นหน้าด้านข้างของเธอที่กำลังหัวเราะอยู่ ให้ความรู้สึกน่ารักมีชีวิตชีวามาก

เขาเคยเห็นผู้หญิงที่ชอบยิ้มปลอมๆมาเยอะ รอยยิ้มของเป๋าฮวน ทำให้เขาเหม่อ

เขาจึงนึกถึงเธอเมื่อสามปีก่อน

หลิวจงตะคอกอย่างไม่สบอารมณ์ "เธอยังไม่จบอีกเหรอ? คุณหนูเป๋าจะเป็นน้องสาวเธอได้ยังไง! อย่ามาทำให้ฉันขายหน้า เธอมีสิทธิ์อะไรมาตีสนิทคุณหนูเป๋า? ไสหัวไปเลย"

สีหน้าของเฉินซินโหรวเขียวทันที แล้วรู้สึกหน้าแตกมาก

เธอก็แค่ถาม แต่หลิวจงกลับทำกับตัวเองต่อหน้าคุณหนูเป๋าแบบนี้ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

"คุณหลิว นี่เป็นภรรยาคุณเหรอคะ?" เป๋าฮวนไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมาก ยิ้มอ่อนแล้วจงใจถาม

"ไม่ใช่ครับ คุณหนูเป๋า เขาเป็นแค่ผู้หญิงของผม" หลิวจงรีบโบกมือปฏิเสธ

ทีนี้ สีหน้าของเฉินซินโหรวอึดอัดมากกว่าเดิม

เธอไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะคนที่ทำให้หลิวจงก้มหัวได้ ฐานะของคุณหนูเป๋าคนนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

"อ๋อ~" เป๋าฮวนทำหน้าเข้าใจ หันมองเฉินซินโหรว แล้วพยักหน้า

ความจริงเธอรู้ความสัมพันธ์ของเฉินซินโหรวกับหลิวจงตั้งนานแล้ว เมื่อกี้แค่จงใจถาม

สีหน้าตอนนี้ของเฉินซินโหรว บรรยายไม่ได้เลย ในใจเธอโมโหมาก แต่กลับระบายออกมาไม่ได้ ไม่กล้าระบายออกมา

เธอกัดฟันแน่น แล้วฝืนยิ้มออกมา สีหน้าดูแย่มาก

"อาจง คุณหนูเป๋า งั้นพวกคุณคุยกันไปก่อนนะคะ ฉันไม่รบกวนแล้วกัน" เฉินซินโหรวไม่มีหน้าอยู่ต่อ

ถ้าอยู่ต่อ เธอคงเสียหน้ากว่าเดิม เธอไม่อยากโดนเหยียดหยามอีก

ตอนที่เฉินซินโหรวหันหลังเดินไป เป๋าฮวนกลับหลุดขำ เฉินซินโหรวก็มีวันนี้เหมือนกัน!

เธอขำอย่างเปิดเผย เฉินซินโหรวจึงรีบหันกลับมา แล้วจ้องเป๋าฮวน

"คุณหนูเฉิน มีอะไรเหรอคะ?" เป๋าฮวนเลิกคิ้ว สีหน้าดูชิลล์มาก

จากที่เฉินซินโหรวดูมา เป๋าฮวนกำลังเยาะเย้ย ใช่ เป๋าฮวนกำลังเยาะเย้ยอยู่

"คุณหนูเป๋า เมื่อกี้ลืมถามคุณไป ชื่อเต็มของคุณชื่ออะไรคะ?" เฉินซินโหรวไม่ใช่คนโง่ เธอรู้สึกว่าในนี้ต้องมีอะไรแน่นอน

เธอมีลางสังหรณ์ ถึงข้อมูลของคุณหนูเป๋าคนนี้จะไม่ตรงกับเฉินฮวนฮวน แต่เธอรู้สึกว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือเฉินฮวนฮวน!

เฉินซินโหรวพยายามหาร่องรอยต่างๆ

"คุณหนูเป๋าชื่อJoy·เป๋า" หลิวจงเป็นคนตอบก่อน

"Joy? คุณหนูเป๋ามีชื่อภาษาฮัวไหมคะ?" เฉินซินโหรวถามอีก

ทีนี้หลิวจงก็แปลกใจเหมือนกัน เขาก็ไม่รู้ชื่อภาษาฮัวของคุณหนูเป๋า แค่เอาแต่เรียกคุณหนูเป๋า

พอเป๋าฮวนได้ยิน จึงยิ้มเห็นฟันสวยๆ แล้วยิ้มตอบว่า "ฉันชื่อเป๋าฮวนค่ะ"

"เป๋าฮวน!?" เฉินซินโหรวตกใจจนเบิกตาโต

ฮวน!

ฮวนของเฉินฮวนฮวนเหรอ?

"คุณหนูเฉินดูตกใจมากเลยนะคะ เคยได้ยินชื่อของฉันเหรอคะ?" เป๋าฮวนเอาผมทัดหู แล้วถามลอยๆ

"คำว่าฮวนในชื่อคุณหนูเป๋า เป็นฮวนที่แปลว่ามีความสุขเหรอคะ?" เฉินซินโหรวรู้สึกว่าเสียงตัวเองสั่น

ต้องมีอะไรแน่นอน!

เรื่องนี้ต้องมีอะไรแน่นอน!

เป๋าฮวนเป๋าฮวน ผู้หญิงตรงหน้า ต้องใช่เฉินฮวนฮวนแน่นอน!

ชื่อเป๋าฮวน ต้องแค่ตบตาแน่นอน!

เฉินฮวนฮวนยังมีชีวิตอยู่!

"ใช่ค่ะ~" เป๋าฮวนยิ้ม มองออกว่าเฉินซินโหรวคิดอะไรอยู่

ตัวตนของเธอถูกเปิดเผยแล้ว เฉินเจี้ยนหมินรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว เธอจึงไม่อยากปิดบังอีก

เฉินซินโหรวสบตากับเป๋าฮวน รู้สึกเหมือนโดนมองทะลุ เธอรู้สึกว่าทุกอย่างที่ตัวเองคิด เป๋าฮวนเหมือนรู้ทันหมด

เป๋าฮวนเป๋าฮวน นี่ต้องเป็นชื่อปลอมแน่นอน ผู้หญิงตรงหน้า คือเฉินฮวนฮวน เธอแน่ใจมาก

"คุณหนูเป๋า ชุดเดรสชุดนี้ของคุณ น่าจะเป็นฝีมือของดีไซเนอร์J คุณซื้อจากที่ไหนเหรอคะ?" เฉินซินโหรวมองชุดของเป๋าฮวน จึงนึกถึงสิ่งที่ต่งอวี่ซานพูดเมื่อกี้ แล้วจงใจถาม

หลิวจงคิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคุณหนูร่ำรวย จึงทำตัวเกรงใจ ตอนนี้เธอจะฉีกหน้ากากของเฉินฮวนฮวนออกต่อหน้าหลิวจงเอง

"นี่ไม่ได้ซื้อมาค่ะ" เป๋าฮวนเลิกคิ้ว เหมือนรู้สึกประหลาดใจที่อยู่ๆเฉินซินโหรวก็เปลี่ยนประเด็น

"งั้นเช่ามาเหรอคะ? ค่าเช่าเท่าไหร่คะ? มีโอกาสฉันก็อยากเช่าเหมือนกัน!" เฉินซินโหรวจี้ถามอีก

"ขอโทษนะคะ ไม่ได้เช่าค่ะ แต่คนอื่นให้มา" เป๋าฮวนตอบอย่างเรียบนิ่ง

ชุดเดรสนี้คนอื่นให้มาจริงๆ เพราะคุณลุงของเธอให้เธอเอง

นี่เป็นชุดที่เธอออกแบบเอง ชื่อของเธอที่เป็นดีไซเนอร์ มีชื่ออยู่ในบริษัทของคุณลุง แล้วตัวJที่ว่า ก็คืออักษรตัวแรกของJoy

ดีไซเนอร์J เป็นของบริษัทคุณลุง

เพราะฉะนั้น งานออกแบบของเธอจึงเป็นของคุณลุง ทีแรกงานออกแบบนี้มาจะผลิตขาย แต่คุณลุงกลับยกให้เธอ

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ซื้อ ไม่ได้เช่า แต่มีคนให้

เป๋าฮวนไม่ได้โกหก

พอเฉินซินโหรวได้ยินคำตอบนี้ จึงอึ้งเล็กน้อย เธอได้ข่าวว่าสามปีนี้เฟิงหานชวนโสดมาตลอด แถมยังเป็นโรคอะไรสักอย่าง สภาพไม่ค่อยดีเลย

เพราะฉะนั้นชุดเดรสนี้ ต้องไม่ใช่เฟิงหานชวนให้แน่นอน

"เป๋าฮวน"มาจากประเทศเฉิน งั้นก็หมายความว่าสามปีที่ผ่านมาเฉินฮวนฮวนอยู่ที่ประเทศเฉิน หรือว่าไปยั่วผู้ชายต่างประเทศที่มีอำนาจได้?

แต่ว่า เฉินซินโหรวก็รีบปฏิเสธความคิดนี้ ถ้าเฉินฮวนฮวนมีเสี่ยที่รวยกว่า คงไม่มายั่วดาราอย่างเวินซือเหยี่ยนหรอก

เธอรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนอยากเข้าวงการบันเทิง ไม่งั้นคงไม่มาร่วมงานเลี้ยงนี้หรอก

แล้วอีกอย่าง ชุดเดรสบนตัวของเฉินฮวนฮวนนี้ อาจจะเป็นงานลอกเลียนแบบก็ได้

"คุณหนูเป๋าคะ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้ชุดนี้กับคุณเหรอคะ? ชุดเดรสชุดนี้ เหมือนจะแตกต่างจากแฟชั่นโชว์ที่ฉันเคยเห็นนะคะ" เฉินซินโหรวจงใจถาม

พอหลิวจงได้ยิน จึงเข้าใจความหมายของเฉินซินโหรวทันที จากนั้นจึงตบหน้าเธอ จนเป๋าฮวนสะดุ้งตกใจ

"นางบ้า คุณหนูเป๋าเป็นใคร แกยังกล้ามาสงสัยของคุณหนูใส่ของปลอมเหรอ?" สีหน้าหลิวจงบึ้งตึงมาก

เฉินซินโหรวจับหน้าไว้ แล้วตัวก็เริ่มสั่น ไม่คิดเลยว่าที่ตัวเองถาม จะโดนหลิวจงตบหน้า

คนรอบข้างมุงมาดู เฉินซินโหรวรู้สึกขายหน้ามาก แต่ยังรวบรวมความกล้าพูดว่า "คุณหนูเป๋าอะไรล่ะ ฉันแน่ใจว่าเธอเป็นเฉินฮวนฮวนน้องสาวฉัน ก็แค่เด็กข้างถนน บนตัวมันใส่งานลอกเลียนแบบ เป็นของปลอม! ชุดเดรสนี้ดีไซเนอร์Jเป็นคนออกแบบเอง แค่เคยเปิดตัวที่แฟชั่นโชว์ครั้งเดียว ไม่ใช่สินค้าซื้อขาย ไม่มีทางขายไม่มีทางให้เช่าแน่นอน!"

"เธอพูดว่าอะไรนะ?" เห็นเฉินซินโหรวมั่นใจขนาดนี้ หลิวจงจึงเริ่มสงสัย

เขาไม่เคยได้ยินตระกูลเป๋าประเทศเฉินอะไรนั่น แต่เพราะเป๋าฮวนบอกว่าบริษัทBAเป็นบริษัทเล็กๆของตระกูล เขาจึงเกรงใจเป๋าฮวน

หรือว่าเด็กบ้านี่มาหลอกตัวเอง?

หลิวจงหันไปทางเป๋าฮวน แล้วมองสำรวจเธอ พร้อมถามว่า "คุณไม่ใช่คุณหนูเป๋า คุณคือเฉินฮวนฮวน?"

เป๋าฮวนรู้สึกว่าทุกคนกำลังมองเธออยู่

เธอเดาได้ว่าต้องเป็นแบบนี้ จึงทำตัวสบายๆ สีหน้าชิลล์ๆ

เพราะว่า เธอมั่นใจในตัวเองมาก

ระหว่างทางที่มางานเลี้ยง เวินซือเหยี่ยนบอกเธอแล้ว กับคนนอก เขาเป็นแค่นักแสดง คนในวงการไม่รู้ว่าเขาเป็นคนก่อตั้งเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

เพราะฉะนั้น เป๋าฮวนรู้ ตอนนี้ตัวเองในสายตาคนอื่น ไม่ใช่คู่ออกงานของประธานเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ แต่เป็นแค่คู่ออกงานของเวินซือเหยี่ยน

"ผู้หญิงคนนั้นเหมือนไม่ใช่ดารานักแสดง เป็นคุณหนูคนไหนหรือเปล่า? ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็น!"

"เวินซือเหยี่ยนไม่ค่อยใกล้ชิดกับผู้หญิงอยู่แล้ว หรือว่าผู้หญิงคนนั้นคือแฟนของเขา?"

"ตอนนี้เวินซือเหยี่ยนยังหนุ่ม ถึงจะได้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมแล้ว แต่คงไม่เปิดตัวแฟนตอนนี้หรอกมั้ง? ไม่กลัวว่าแฟนคลับจะหายเหรอ?"

"คนอื่นๆกลัวแฟนคลับหาย เวินซือเหยี่ยนจะกลัวเหรอ? เขาใช้ความสามารถ ไม่ได้ใช้หน้าตา"

"พูดผิดแล้วล่ะ เวินซือเหยี่ยนมีทั้งหน้าตา ทั้งความสามารถ"

"พูดนอกประเด็กหรือเปล่า เรายังไม่แน่ใจเลยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนเวินซือเหยี่ยนหรือเปล่า! บางทีอาจจะเป็นแค่น้องสาวอะไรแบบนี้ก็ได้!"

"ใช่ ใช่ ใครพูดว่าต้องเป็นแฟน?"

ดาราหญิงเอาแต่ซุบซิบเรื่องนี้ เพราะในวงการบันเทิงเวินซือเหยี่ยนตัวหอมมาก พวกเธอแต่ละคนก็เล็งเขาเหมือนกัน แต่แค่เวินซือเหยี่ยนไม่มอง

ก่อนหน้านั้นยังมีข่าวลือว่า เวินซือเหยี่ยนชอบผู้ชาย เพราะเขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนที่มายั่วเลย ไม่เหมือนผู้ชายปกติทั่วไปเลย

หลังจากนั้น ยังมีเว่อร์กว่านี้อีก มีผู้ชายที่ชอบเวินซือเหยี่ยนกระโจนตัวไปหาเขา แต่ก็ถูกเมินเหมือนเดิม

ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เวินซือเหยี่ยนก็ไม่เคยมีข่าวฉาวด้วย เป็นคนที่ชื่อเสียงค่อนข้างสะอาดเลย

เพราะแบบนี้ ตอนที่เห็นเวินซือเหยี่ยนพาคู่ออกงานมาด้วย ทุกคนจึงรู้สึกตกใจกันหมด

แต่ว่า คนที่ตกใจที่สุด ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเฉินซินโหรว

เธอคิดไม่ถึงจริงๆ เป๋าฮวนจะโผล่มาในฐานะคู่ออกงานของเวินซือเหยี่ยน

"พี่ซินโหรว คนนี้เป็นน้องสาวพี่ไม่ใช่เหรอคะ? ประธานหลิวคุณรีบดูสิคะ!" ต่งอวี่ซานตื่นเต้นมาก แล้วชี้ไปทางเป๋าฮวน

สายตาของหลิวจงถูกเป๋าฮวนดึงดูไปตั้งนานแล้ว เขาชอบดูผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเป๋าฮวน สะกดใจเขามาก

ถึงตัวจะไม่สูงมาก แต่ก็ไม่เตี้ย ส่วนสูงอยู่ในระดับกลางๆประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร เรียวขาที่เผยให้เห็น ดูสวยมาก ชุดเดรสสีชมพู เข้ากับสีผิวขาวๆของเธอได้ดี

เธอเป็นคนตัวเล็ก ทำให้คนดูแล้วอยากทะนุถนอมมากอด บวกกับดวงตาที่เป็นประกาย ริมฝีปากสีแดงดูแล้วน่ารักมาก

หลิวจงรู้สึกสนใจเป๋าฮวนทันที แล้วเอาแต่มองเธอ พร้อมพูดว่า "โหรวเอ่อร์ นั่นน้องสาวเธอเหรอ? ดูตาก็เหมือนเธอเหมือนกัน"

แต่ความรู้สึกที่ให้ของทั้งสองกลับต่างกันสิ้นเชิง

เฉินซินโหรวดูมีเสน่ห์ เสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คน ตัวสูงหุ่นดีเป็นสัดเป็นส่วน ดูแล้วกระแทกใจมาก

เป๋าฮวนดูน่ารัก น่ารักเหมือนนางฟ้า โดยเฉพาะตอนที่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นใจมาก

เธอดูเด็กว่าอายุจริง แต่เฉินซินโหรวจะดูโตกว่า

"อาจง เขาหน้าเหมือนน้องสาวฉันเป๊ะ แต่ฉันแน่ใจว่าเขาไม่ใช่น้องสาวฉัน" เธอปฏิเสธ "แต่ว่าฉันรู้สึก……ฉันรู้สึกแปลกๆ เลยอยากให้คุณไปสืบให้ฉันหน่อย" เฉินซินโหรวพูดตามความจริง ไม่ได้ใส่สีตีไข่เลย

"ได้ เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจะสืบให้แน่ใจเอง!" หลิวจงตื่นเต้นมาก เพราะเขาสนใจเป๋าฮวน

……

ส่วนทางของเป๋าฮวน เผชิญหน้ากับสายตาของผู้คน เป๋าฮวนนิ่งเฉยมาก แต่พอเวลานานไปก็ทำตัวไม่ค่อยถูก

เธอดึงแขนเสื้อของเวินซือเหยี่ยน ตอนที่เขาก้มลงมา จึงพูดเสียงเบาข้างหูเขาว่า "เราแยกกันเดินเถอะ ฉันจะไปโซนขนมหวาน คุณก็ไปคุยกับเพื่อน ยุ่งเรื่องของคุณ"

เธอพูดชัดเจนมาก ก็คือแยกกันอยู่

"ได้ มีอะไรก็มาหาผม" เวินซือเหยี่ยนก็ไม่ได้ยืดเยื้ออะไร ตอบตกลงทันที

"อื้อ" เป๋าฮวนพยักหน้า

พอแยกกับเวินซือเหยี่ยนแล้ว เป๋าฮวนจึงรู้สึกสบายใจขึ้น แล้วเดินไปโซนขนมหวาน

เธอยังไม่ทันได้กิน ก็มีดาราสาวๆเดินมาหา แล้วถามเธอเรื่องความสัมพันธ์กับเวินซือเหยี่ยน ยังแอบถามเรื่องเธออีก

เป๋าฮวนไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นใคร แค่อธิบายว่าเธอกับเวินซือเหยี่ยนเป็นแค่เพื่อนกัน แต่พอดาราสาวๆพวกนั้นเดินไปแล้ว ก็แอบนินทาว่าเธอโกหก

เพราะพวกเธอรู้ เวินซือเหยี่ยนไม่มีทางดีกับเพื่อนขนาดนั้นแน่นอน

ทีแรกคิดว่าพวกดาราสาวๆไปแล้ว เธอจะได้กินขนมอย่างสบายใจ ใครจะรู้ว่ามีผู้ชายวัยกลางคนที่ดูเจ้าเล่ห์เดินมาหาเธอ

เป๋าฮวนรู้จักเขา ส่วนรู้จักได้ยังไง เพราะเคยเห็นจากข้อมูลที่จิ่งมั่วทำ เขาเป็นเสี่ยเลี้ยงของเฉินซินโหรว ทำธุรกิจด้านถ่านหิน ชื่อหลิวจง

เป๋าฮวนคิดว่าที่เขาเดินมา เพราะอยากหาอะไรกิน ใครจะรู้ว่าหลิวจงเดินมาตรงหน้าเธอ แล้วยกแก้วในมือขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม "สาวสวย คุณชื่ออะไรเหรอครับ? ดื่มสักแก้วไหมครับ?"

ท่าทางที่"สนิทสนม"ของเขา ทำให้เป๋าฮวนอยากอ้วก

เป๋าฮวนมองออก หลิวจงอยากมาจีบ

แต่ว่า เป๋าฮวนไม่ได้ไม่สนใจเขา แล้วยิ้มตอบว่า "สวัสดีค่ะ ฉันชื่อJoy·เป๋าค่ะ"

"Joy·เป๋า? ผมเหมือนไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูเป๋าเลย!" หลิวจงแปลกใจกับเป๋าฮวนมากกว่าเดิม

"ฉันเป็นคนประเทศเฉินค่ะ จะมาพัฒนาที่ประเทศฮัว คุณหลิวก็ต้องไม่รู้จักฉันอยู่แล้วค่ะ" เป๋าฮวนตอบอย่างดูดี

"โอ๋? คุณหนูเป๋ารู้จักผม?" กับสรรพนามที่เป๋าฮวนเรียก หลิวจงรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก

เขาคิดว่าที่เป๋าฮวนรู้จักเขา เพราะต้องสืบเรื่องเขามาแล้ว เขาเป็นชายโสดที่มีชื่อเสียง กับสิ่งที่เป๋าฮวนทำ หลิวจงจึงดีใจมาก

"ต้องรู้จักสิคะ คุณหลิวมีชื่อเสียงในประเทศฮัวขนาดนี้ เป็นนักธุรกิจชื่อดัง" บนหน้าเป๋าฮวนยิ้มอ่อน แต่ความจริงในใจยิ้มอย่างเยือกเย็น

พอหลิวจงได้ยินแล้ว จึงยิ้มอย่างพอใจ

คนชอบแอบเรียกเขาว่าเป็นคนขนถ่านหิน แล้วรังเกียจธุรกิจตระกูลเขา แต่เป๋าฮวนชมเขาว่าเป็นนักธุรกิจ เขาจึงรู้สึกพอใจมาก

"คุณหนูเป๋า มาดื่มด้วยกันสิครับ!" หลิวจงยื่นแก้วเหล้าให้เป๋าฮวน จงใจเข้าใกล้เธอ แล้วใช้ระดับเสียงที่แค่ทั้งสองได้ยินเอ่ยว่า "คืนนี้ ว่างไหมครับ? ที่คุณมางานเลี้ยงครั้งนี้ อยากเข้าวงการบันเทิงใช่ไหมครับ? ผมช่วยคุณได้"

เฉินซินโหรวที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เห็นหลิวจงขยับไปพูดกับเป๋าฮวนใกล้ๆ บวกกับทั้งสองคุยไปยิ้มไป เธอจึงร้อนใจมาก

ทีแรกอยากให้หลิวจงไปสืบเรื่องเป๋าฮวน ใครจะรู้ว่าหลิวจงจะชอบเป๋าฮวน?

เธออยู่ข้างตัวหลิวจงมาสามปีแล้ว หลิวจงเป็นคนยังไง เธอรู้ดี หลิวจงกำลังสนใจเป๋าฮวนชัดๆ

"ขอโทษนะคะ ฉันไม่ดื่มเหล้า" สีหน้าเป๋าฮวนกลับมานิ่งเหมือนเดิม ไม่ยิ้มเหมือนเมื่อกี้

เห็นเป๋าฮวนปฏิเสธ สีหน้าหลิวจงจึงบึ้งตึง เขาพูดเสียงเข้มว่า "คุณหนูเป๋า นี่คุณหมายความว่ายังไงครับ?"

เขาอุตส่าห์ดีด้วย แต่ยังมีผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอีก?

Joy·เป๋าคนนี้ เป็นใครกันแน่?

"คุณหลิวคะ เบื้องหลังของฉัน ไม่จำเป็นต้องเดินทางอ้อมหรอกค่ะ" เป๋าฮวนยิ้มอ่อน แล้วทำตัวมั่นใจมาก

หลิวจงอึ้งเล็กน้อย หรือว่าเขาหาเรื่องคนที่มีอำนาจ?

"คุณหนูเป๋า เบื้องหลังของคุณ……คือ?" หลิวจงแปลกใจมากกว่าเดิม

สำหรับนักธุรกิจอย่างพวกเขา ผู้หญิงเป็นแค่ของเล่น ไม่ก็เพื่อนร่วมงาน

ถ้าเขาเล่นกับผู้หญิงอย่างเป๋าฮวนไม่ได้ งั้นก็แสดงว่าเป๋าฮวนอยู่สูงกว่าเขา งั้นก็ต้องเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นเพื่อนแทน

ถ้าอย่างงั้น เขาจะเป็นคนประจบเป๋าฮวนแทน ไม่ใช่เป๋าฮวนมาประจบเขา

เพราะฉะนั้น ตอนนี้หลิวจงจึงทำตัวเกรงใจมาก ไม่เจ้าเล่ห์เหมือนเมื่อกี้

"ตระกูลเป๋าประเทศเฉินค่ะ" เป๋าฮวนก็ยังยิ้มแย้มเหมือนเดิม ดูหวานมากจนผู้ชายใจละลาย

"ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน?" หลิวจงขมวดคิ้ว เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าเธออยู่ตระกูลเป๋า แต่ตระกูลเป๋าที่ประเทศเฉิน เขาเหมือนไม่เคยได้ยินเลย

หรือว่าเขาตกข่าว?

"บริษัทBA คุณหลิวเคยได้ยินไหมคะ? นั่นเป็นแค่บริษัทเล็กของตระกูลฉันค่ะ" ตอนที่เป๋าฮวนพูด จงใจทำมือด้วย

สีหน้าของหลิวจงเปลี่ยนไปทันที

บริษัทBAชื่อดัง เป็นธุรกิจของตระกูลเป๋า แถมยังเป็นแค่บริษัทเล็กๆ?

เขาเกือบทำผิดมหันต์ ถ้ายุ่งกับคุณหนูบริษัทBA ทั้งชาตินี้เขาจบแน่!

"คุณหนูเป๋า เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ! เมื่อกี้เสียมารยาท คุณหนูเป๋าอย่าถือสาเลยนะครับ!" หลิวจงโค้งขอโทษเป๋าฮวน ท่าทางจริงใจมาก

เป๋าฮวนจงใจมองไปทางเฉินซินโหรว จึงเห็นเฉินซินโหรวกระทืบเท้า แล้วสีหน้าก็บูดบึ้งด้วย

เธอยิ้มอ่อน แล้วมองศีรษะของหลิวจงเอ่ยว่า "คุณหลิว คนไม่รู้ไม่ผิดค่ะ"

"คุณหนูเป๋าใจกว้างมาเลยครับ ผมรู้สึกโชคดีมาก โชคดีมากครับที่ได้เจอคุณ" หลิวจงโค้งอีกครั้ง

เฉินซินโหรวเห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติมาก เธอจึงรีบเดินไปทางหลิวจง แต่ก็ไม่กล้าวู่วาม แค่คล้องคอหลิวจงอย่างอ่อนโยน

"อาจง~" เฉินซินโหรวเรียกเสียงอ้อน

"เธอมาทำอะไร!?" กับการที่เฉินซินโหรวมารบกวน หลิวจงไม่พอใจมาก จึงพูดตรงๆว่า "คุณหนูเป๋าจะเป็นน้องสาวเธอได้ยังไง เธอตาบอดไปแล้วเหรอ? คุณเขาเป็นคุณหนูตระกูลเป๋าที่ประเทศเฉิน!"

"ฮะ?" กับการต่อว่าของหลิวจง เฉินซินโหรวรู้สึกงงมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ตระกูลเป๋าประเทศเฉินคือตระกูลอะไร?

ตระกูลเป๋า? ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เฉินฮวนฮวนเหรอ?

แต่ว่าทำไม หน้าตาของเธอเหมือนกับเฉินฮวนฮวนเป๊ะเลย?

แถมเสียงที่พูดก็ยังเหมือนกันอีก

"คุณหนูเฉิน เจอกันอีกแล้วนะคะ" เป๋าฮวนยิ้มอ่อน แต่กลับให้ความรู้สึกเย็นชา

"แกไม่ใช่เฉินฮวนฮวนจริงเหรอ?" เฉินซินโหรวรู้สึกไม่อยากเชื่อ

เป๋าฮวนมองออก เวินซือเหยี่ยนตกใจมาก จนตอนที่เรียกชื่อเธอ ก็เหมือนไม่ค่อยกล้ายอมรับ

หรือว่าเวินซือเหยี่ยนก็รู้เรื่องที่เธอ"เสียไป"เมื่อสามปีก่อน?

ตอนนี้ เธอก็ไม่อยากปิดบังอะไรอีก จึงลุกขึ้น แล้วพยักหน้าให้อย่างมีมารยาท "คุณชายเวิน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ"

"ฮวนฮวน อาเหยี่ยน พวกเรารู้จักกันเหรอ?" สีหน้าของตาแก่เวินเจี้ยนกัวก็ตกใจเหมือนกัน

ครั้งนี้ที่ท่านมา ก็เพื่ออยากให้เด็กทั้งสองคนเจอกัน ให้พวกเขารู้จักกัน แล้วมีโอกาสได้คุยกัน

ไม่คิดเลยว่า พวกเขาสองคนรู้จักกันตั้งนานแล้ว นี่จึงทำให้เวินเจี้ยนกัวแปลกใจ

"เคยเจอกันเมื่อสามปีก่อนค่ะ" เป๋าฮวนตอบตามความจริง "ตอนนั้นหนูใช้ชีวิตในเป่ยเฉิง ครั้งหนึ่งหนูเดินหลงทาง คุณชายเวินเลยพาหนูไปซูเปอร์มาร์เก็ตค่ะ"

เวินซือเหยี่ยนเดินไปหาเธอ แล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย "เพราะฉะนั้น เป๋าฮวนคือคุณ คุณก็คือเฉินฮวนฮวน เป๋าฮวนก็คือเฉินฮวนฮวน?"

"แต่ว่า เมื่อสามปีก่อน คุณก็……" เวินซือเหยี่ยนไม่ได้พูดต่อ

เป๋าฮวนรู้ว่าเขาอยากพูดอะไร จึงถามตรงๆว่า "คุณชายเวินรู้ข่าวที่ฉันฆ่าตัวตายเมื่อสามปีก่อนไหมคะ?"

"ฆ่าตัวตาย?"

วินาทีนี้ เวินซือเหยี่ยนกับเวินเจี้ยนกัวพูดออกมาพร้อมกัน

"ฮวนฮวน หนูจะฆ่าตัวตายได้ยังไง?" เวินเจี้ยนกัวถามอย่างตกใจ

"คุณฆ่าตัวตาย? ตอนนั้นที่ผมผ่านบ้านคุณ แล้วเห็นจัดงานศพ แม่บ้านแค่บอกว่าคุณเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ" ตอนนี้เวินซือเหยี่ยนงงมาก

ไม่ว่าจะฆ่าตัวตายหรืออุบัติเหตุ ผู้หญิงที่เคยจัดงานศพ ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อ แล้วโผล่มาต่อหน้าเขาแบบนี้?

นี่มหัศจรรย์เกินไปหรือเปล่า!

"ความจริง……เรื่องนี้ค่อนข้างยาวค่ะ" ตอนนี้เป๋าฮวนก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง

แต่เธอก็ยังอธิบายว่า "ฉันไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ไปที่ประเทศเฉิน แล้วหลุดพ้นจากที่นี่"

"หลุดพ้น?" เวินซือเหยี่ยนนึกถึงเรื่องที่เฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว

แต่ต่อมาเขารู้ว่า สามีของเฉินฮวนฮวนคือคุณชายสามตระกูลเฟิง แต่ตอนที่รู้ ก็เป็นตอนที่อยู่ในงานศพ

"อื้อ พูดง่ายๆก็คือ เฉินฮวนฮวนตายแล้ว ตอนนี้มีแต่เป๋าฮวนค่ะ" เป๋าฮวนพูดอย่างจริงจัง

เวินซือเหยี่ยนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เขาก็เริ่มเข้าใจ จึงพยักหน้า

"พรหมลิขิต พรหมลิขิตจริงๆ!"

ทันใดนั้น เถ้าแก่เวินเจี้ยนกัวที่อยู่ข้างๆ อยู่ๆก็ปรบมือ

เป๋าฮวนกับเวินซือเหยี่ยนมองไปทางท่าน ปากท่านยิ้มจนจะฉีก แล้วยิ้มพูดว่า "พวกเราสองคนเคยเจอกันเมื่อสามปีก่อน? นี่ไม่ใช่พรหมลิขิต จะใช่อะไรล่ะ?"

"ปู่ครับ" เวินซือเหยี่ยนเอ่ยเรียก

เขาเป็นคนฉลาด จะไม่รู้ได้ยังไงว่าคุณปู่กำลังคิดอะไรอยู่? ก็แค่ อยากเชียร์เขากับเฉินฮวนฮวน

ไม่สิ ต้องพูดว่าเชียร์เขากับเป๋าฮวน

ตอนนี้ไม่มีเฉินฮวนฮวนแล้ว มีแค่เป๋าฮวน

เวินเจี้ยนกัวก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง แล้วรีบพูดว่า "เอาล่ะ เอาล่ะ ปู่ต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว งานเลี้ยงจะเริ่มแล้วไม่ใช่เหรอ? อาเหยี่ยน คืนนี้ฮวนฮวนเป็นคู่ออกงานหลาน หลานต้องดูแลดีๆ เข้าใจไหม?"

พูดไปด้วย เวินเจี้ยนกัวก็ยันไม้เท้าลุกขึ้น พ่อบ้านหวูก็รีบไปพยุงท่าน แล้วพยุงเดินไปทางประตู

"คุณปู่เวินคะ คุณปู่ไม่อยู่ร่วมงานเลี้ยงเหรอคะ?" เป๋าฮวนรีบเอ่ยถาม

งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม ทำไมคุณปู่เวินถึงรีบไปล่ะ?

"คุณหนูเป๋า ร่างกายเถ้าแก่ไม่ค่อยดี ไม่ควรอยู่ข้างนอกนาน ผมพาท่านกลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ ต่อจากนี้คุณชายจะเป็นคนดูแลคุณเองครับ" พ่อบ้านหวูเอ่ย

เวินเจี้ยนกัวรีบพยักหน้าให้

เป๋าฮวน: "……"

ถึงเธอจะโง่แค่ไหน ก็รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง

ฝากเธอกับเวินซือเหยี่ยน แถมยังให้เธอเป็นคู่ออกงานเขา เถ้าแก่เวินอยากเชียร์พวกเขา?

"งั้นเดี๋ยวหนูไปส่งค่ะ คุณปู่เวิน" เป๋าฮวนเดินไปทางพวกเขา

พ่อบ้านหวูห้ามเธอไว้ แล้วพูดว่า "ไม่รบกวนคุณหนูเป๋าดีกว่าครับ ข้างนอกมีคนตระกูลเวิน คุณหนูเป๋าอยู่ร่วมงานกับคุณชายเถอะครับ"

เป๋าฮวน: "……"

เหมือนเธอจะปฏิเสธไม่ได้

"งั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณคุณปู่เวินมากนะคะ ขอบคุณคุณชายเวินด้วยค่ะ" เป๋าฮวนขอบคุณเวินเจี้ยนกัวแล้ว ค่อยหันไปขอบคุณเวินซือเหยี่ยนด้วย

เวินเจี้ยนกัวรีบพูดว่า "คนบ้านเดียวกัน จะขอบคุณทำไม ฮวนฮวน หนูเรียกอาเหยี่ยนว่าคุณชายดูเกรงใจเกินไป เขาก็เหมือนพี่ชายหนู โตกว่าหนูแค่ไม่กี่ปี หนูเรียกชื่อตรงๆเลยก็ได้"

"ค่ะ……ได้ค่ะ……" เป๋าฮวนจำใจต้องตอบตกลง

พอเวินเจี้ยนกัวไปแล้ว เป๋าฮวนค่อยรู้สึกโล่งใจ แล้วนั่งลงบนโซฟา

ทันใดนั้น ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆค่อยเอ่ยพูดเสียงเบาว่า "คำพูดของคุณปู่ คุณไม่ต้องใส่ใจก็ได้ ไม่ต้องรู้สึกหนักใจด้วย"

"อื้อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้คิดอะไร" เป๋าฮวนค่อยรู้สึกตัวว่าเวินซือเหยี่ยนยังอยู่ เธอจึงยืนขึ้นแล้วยิ้มแก้เก้อ

สามปีก่อน เธอกับเวินซือเหยี่ยนเคยเจอกันแค่สองครั้ง ไม่ได้สนิทกันมาก ตอนนี้อยู่ๆก็เจอกัน เธอเลยรู้สึกไม่มีอะไรจะคุยด้วย

"งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว ไปพร้อมกันไหมครับ?" เวินซือเหยี่ยนเอ่ยพูดก่อน

เป๋าฮวนมองไปทางเขา เห็นเขาสวมใส่ชุดสูทที่สั่งตัดด้วยมือ เข้ากับตัวมาก แล้วดูดีมาก

"คุณชายเวิน คุณไปก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันค่อยตามไป" เป๋าฮวนจงใจพูดแบบนี้

ถ้าเธอไปพร้อมเวินซือเหยี่ยน ก็ถือว่ายอมรับว่าเป็นคู่ออกงานเขา แบบนี้ชัดเจนเกินไปไม่ค่อยดี

"ฮวนฮวน คุณไม่ต้องเกรงใจกับผมขนาดนั้นก็ได้" ใบหน้าเวินซือเหยี่ยนอ่อนโยน แล้วยิ้มอ่อน

"คะ?" เป๋าฮวนงงเล็กน้อย

"คุณเรียกผมว่าอาเหยี่ยนก็ได้" เวินซือเหยี่ยนยิ้มเอ่ย "ปู่ผมกับตาคุณเป็นเพื่อนรักกัน เราก็ถือว่ามีพรหมลิขิตต่อกัน สามปีก่อนผมเคยช่วยคุณ ยังไงตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันไหมครับ?"

"หา?" เป๋าฮวนอึ้งอีกครั้ง พอตั้งสติได้แล้ว เธอจึงพยักหน้าตอบว่า "ค่ะ!"

นักแสดงดังจะเป็นเพื่อนกับเธอ ทำไมถึงไม่รับไว้ล่ะ?

พอได้ยินคำตอบของเป๋าฮวน เวินซือเหยี่ยนจึงยิ้ม เดินไปหาเธอ แล้วยื่นมือไปหาเธอ ก้มตัวลงเล็กน้อย "เป็นเกียรติของผมครับ!"

ท่าทางเวินซือเหยี่ยนมีมารยาทมาก จึงทำให้เป๋าฮวนปฏิเสธเป็นคู่ออกงานไม่ได้ เธอจึงยื่นมือออกไป วางลงที่ฝ่ามือของเขา

พอวางมือลงบนฝ่ามือของเขาแล้วลุกขึ้น มือของเป๋าฮวนจึงดึงออกจากฝ่ามือเขา แล้วเปลี่ยนไปที่แขนแทน

ทั้งสองเดินไปที่ห้องโถงงานเลี้ยงด้วยกัน วินาทีที่ยามหน้าประตูเห็นเวินซือเหยี่ยน จึงรีบเปิดประตูให้พวกเขาทันที

พอเปิดประตูแล้ว วินาทีที่เวินซือเหยี่ยนพาเป๋าฮวนเดินเข้าไปในงาน สายตาของทุกคนจึงหันมามองพวกเขาสองคน

"เวินซือเหยี่ยน!"

"เวินซือเหยี่ยนพาคู่ออกงานมาด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลยใช่ไหม?"

"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?"

……

เป๋าฮวนเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัยและตอบกลับไปว่า: "ฉันอยู่ คุณคือใคร?"

"สวัสดีครับ คุณเป๋า ผมเป็นพ่อบ้านของตระกูลเวิน"เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้น

พ่อบ้านตระกูลเวิน?

พ่อบ้านตระกูลเวินอะไรกัน?

เป๋าฮวนสับสน เธอถามกลับไปอีกครั้ง: "ฉันไม่รู้จักตระกูลเวิน!"

"คุณเป๋า คุณตาของคุณบอกว่าคุณต้องการบัตรเชิญสำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำนี้ เฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเมนท์อยู่ในเครือของตระกูลเวิน"ชายวัยกลางคนได้ตอบกลับไป

ทันใดนั้นเป๋าฮวนก็ตระหนักได้ว่าเป็นคุณตาที่รู้จักคนที่อยู่เบื้องหลังของเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเมนท์ และนั่นก็คือตระกูลเวิน ดังนั้นเธอจึงได้รับคำเชิญ

"สวัสดีค่ะ เชิญเข้ามา!"ท่าทางของเป๋าฮวนกลายเป็นสุภาพ เธอปิดกล่องอาหารลงทันที

เพราะเขาเป็นคนที่คุณตารู้จัก เธอจึงต้องเปลี่ยนกิริยาให้ดูสุภาพ โดยเฉพาะคนของเจ้าภาพงานเลี้ยงนี้

เพียงแต่เธอไม่เคยได้ยินสถานการณ์ของตระกูลเวินเลย บางทีเธออาจจะไม่ได้สนใจกับเรื่องของธุรกิจห้างสรรพสินค้าสักเท่าไหร่

เสียง "กริ๊ก" ดังขึ้นและประตูก็ถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนในชุดทักซิโด้เดินเข้ามา เป๋าฮวนลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไปเพื่อจับมือทักทาย

"สวัสดีค่ะ ให้ฉันเรียกคุณว่าอย่างไรดีคะ?"เป๋าฮวนถามอย่างสุภาพ

"สวัสดีครับคุณเป๋า เรียกผมว่าพ่อบ้านอู๋ก็ได้ครับ เจ้านายของเราต้องการพบคุณครับ"พ่อบ้านอู๋โค้งคำนับและกล่าว

"พบฉัน? ได้สิคะ!"เป๋าฮวนพยักหน้าโดยไม่ลังเล

เนื่องจากนายท่านตระกูลเวินและคุณตารู้จักกัน ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็น่าจะเป็นเพื่อนกัน แล้วก็คงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องการพบเธอ

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเปิดเผยตัวตนของเธอครั้งแรกในประเทศเฉิน หลายคนมาที่บ้านตระกูลเป๋าเพื่อมอบของขวัญให้กับเธอและทำความรู้จักกับทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเป๋า

ใช่ เธอเป็นทายาทเพียงคนเดียว

หลังจากที่คุณตาสูญเสียความทรงจำ แม้ว่าเขาจะจำคุณย่าไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้แต่งงานและไม่มีลูก

ก่อนหน้านี้ตระกูลเป๋าต้องการให้ลูกเลี้ยงกับคุณตา แต่คุณตาไม่เห็นด้วย และหลังจากพบเป๋าฮวน เป๋าฮวนก็กลายเป็นทายาททางสายเลือดของตระกูลคุณตา

อย่างไรก็ตามเธอยังมีคุณลุง ซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของคุณตาของเธอและถือว่าเป็นน้องชายของแม่ เธอจึงเรียกเขาว่า "ลุง"

ลุงเริ่มสร้างองค์กรด้วยตัวเองและประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม

เมื่อโตขึ้นลุงก็ตัดสินใจสละสิทธิในมรดกของคุณตา ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่ทายาทอีกต่อไป

บางครั้งเป๋าฮวนก็คิดว่าตัวเองไม่ได้มีความสนใจทางด้านการทำธุรกิจเลย แต่ตาของเธออายุมากแล้ว เธอควรจะทำอย่างไรกับธุรกิจขนาดใหญ่ของตระกูลเป๋าดี?

ลุงของเธอเป็นเจ้าของบริษัทและจะไม่สืบทอดตระกูลเป๋า และคนในตระกูลเป๋าก็ให้ความสำคัญกับสายเลือดเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็จะไม่ยอมให้ทรัพย์สินของตระกูลเป๋าตกทอดไปยังผู้อื่นอย่างแน่นอน

นี่เป็นปัญหาของเป๋าฮวน เธอเองก็รู้สึกว่าคุณตาของเธอก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่คุณตาแค่ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับเธอ แต่สนับสนุนให้เธอไล่ตามทำสิ่งที่เธอชอบมากกว่า

เนื่องจากกำลังใจของคุณตา เธอจึงประสบความสำเร็จสูงสุดในสาขาที่เธอสนใจ

อย่างไรก็ตามลุงเคยพูดติดตลกในตอนนั้นว่าไม่มีทางรอให้ถึงตอนนั้นได้หรอก ยังไงซะเธอเป็นผู้หญิงและก็ต้องหาคนที่ยอดเยี่ยมและจะได้มีลูกด้วยกัน และสุดท้ายก็จะได้เป็นทายาทคนต่อไปของตระกูลเป๋า

เธอเคยคิดอย่างจริงจัง แต่แล้วก็คิดว่าสิ่งที่เรียกว่า "ยอดเยี่ยม" นั้นจะยอดเยี่ยมจริงหรือ?

จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีปัจจัยผิดปกติที่ซ่อนอยู่ภายใต้ยีนที่ยอดเยี่ยมนั่น?

ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่ต้องการใช้ยีนของคนแปลกหน้า

โดยไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆเธอก็นึกถึงเฟิงหานชวน

……

เป๋าฮวนถูกพาไปที่หน้าห้องส่วนตัวโดยพ่อบ้านอู๋

"ปังๆ!"

พ่อบ้านอู๋เคาะประตูแล้วพูด: "นายท่าน คุณเป๋ามาแล้ว"

"รีบเข้ามาเลย"เสียงของชายชราดูตื่นเต้นมาก

พ่อบ้านอู๋เปิดประตูทันที และทันทีที่เป๋าฮวนเดินเข้ามา เธอก็พบกับชายชราที่ดูใจดียืนถือไม้เท้าอยู่

"สวัสดีค่ะ คุณเวิน"เป๋าฮวนทักทายอย่างสุภาพ

"เธอคือฮวนฮวนใช่ไหม? สวัสดีๆ รีบนั่งลงเถอะ"ชายชรายิ้มอย่างเป็นมิตรและดูกระตือรือร้น

เป๋าฮวนนั่งลงบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง จากนั้นชายชราก็นั่งลงแล้วยิ้ม: "ฉันชื่อเวินเจี้ยนกั๋ว เธอจะเรียกฉันว่าตาก็ได้ ตาของเธอและฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายและมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ตอนแรกพวกเราเริ่มต้นความสัมพันธ์กันได้ดีมาก"

"คุณตาเวิน"เมื่อได้ยินการแนะนำของชายชรา เป๋าฮวนก็พยักหน้าและตะโกนอย่างกระตือรือร้น

"เอ้อ!"เวินเจี้ยนกั๋วพูดอย่างตื่นเต้นว่า: "เริ่มแรกฉันไปประเทศเฉินเพื่อศึกษาในโรงเรียนมัธยมและได้พบกับตาของเธอ พวกเราทั้งสองคนได้หล่อหลอมมิตรภาพตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ก็ได้แยกย้ายกันไปคนละประเทศในภายหลัง และได้พบกันน้อยลง แต่มิตรภาพก็ยังคงมีอยู่เสมอมา"

"ตาของเธอเล่าเรื่องยายของเธอให้ฉันฟัง ฉันไปทำโปรเจกต์ที่ต่างประเทศ และก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา ไม่อย่างนั้นฉันก็จะเตือนตาของเธอก่อน มิฉะนั้นก็จะไม่ทำให้เธอทุกข์ทรมาณมากขนาดนั้น"เวินเจี้ยนกั๋วถอนหายใจอย่างหนัก

"คุณตาเวิน อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณ"เป๋าฮวนส่ายหัวเงียบๆ

"เด็กดี เด็กดี ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ถ้าจู่ๆฉันไม่ได้เป็นโรคหลอดเลือดในสมองกะทันหัน และต้องอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน มิฉะนั้นฉันคงไปพบเธอที่ประเทศเฉินนานแล้ว"เวินเจี้ยนกั๋วยิ้มอย่างอ่อนโยน เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยมาก

เป๋าฮวนรู้สึกดีกับเวินเจี้ยนกั๋วมากอย่างอธิบายไม่ถูก เธอได้ยินชายชราพูดอีกครั้งว่า: "จริงๆแล้วฉันไม่มีแผนที่จะมาในวันนี้ เฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเมนท์อะไรเนี่ย ฉันก็ไม่ได้เป็นคนก่อตั้ง"

"เอ๊ะ?"เป๋าฮวนดูตกตะลึงและไม่เข้าใจว่าเวินเจี้ยนกั๋วหมายถึงอะไร

เขาไม่ได้ก่อตั้ง? หมายความว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเมนท์ไม่ใช่ตระกูลเวินเหรอ?

"มันถูกก่อตั้งโดยหลานชายของฉัน ฮ่าฮ่า เขามีประสบการณ์มากในวงการบันเทิง ดังนั้นเขาจึงก่อตั้งบริษัทนี้ด้วยตัวเขาเอง และตอนนี้บริษัทก็มีการพัฒนาที่แข็งแกร่งมาก และฉันก็มีความสุขกับเขาด้วย"เวินเจี้ยนกั๋วมองดูนาฬิกาโบราณที่ชำรุดในมือแล้วยิ้ม: "เขาน่าจะมาถึงเร็วๆนี้"

"หลานชายของคุณตาน่าทึ่งมากเลยค่ะ!"หลังจากฟังสิ่งที่เวินเจียนกั๋วพูดแล้ว ปฏิกิริยาแรกของเป๋าฮวนก็รู้สึกทึ่งมาก

เวินเจี้ยนกั๋วเพิ่งพูดว่าหลานชายของเขาเป็นคนก่อตั้งบริษัทเอง ซึ่งหมายความว่าหลานชายของเขาไม่ได้พึ่งพาทรัพยากรทางการเงินของตระกูลเวินเลย ดังนั้นจึงถือว่าเขาเก่งมากที่พัฒนาให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมภายในเวลาสามปี

เมื่อได้ยินคำชมของเป๋าฮวน เวินเจี้ยนกั๋วแทนที่จะอ่อนน้อมถ่อมตน เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข เขาพยักหน้าและกล่าวว่า: "ใช่ หลานชายของฉันไม่เพียงแต่มีความสามารถในด้านธุรกิจเท่านั้น แต่ยังหล่ออีกด้วย!"

"คุณตาเวิน คุณโชคดีมากเลยค่ะที่มีหลานชายเช่นนี้ เขาทำให้คุณภูมิใจมากจริงๆ!"เป๋าฮวนยังคงเอ่ยชมตามเวินเจี้ยนกั๋ว แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นหลานชายของเขา

อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องปกติที่คนสูงอายุจะชอบหลานชาย และมันเป็นมารยาทที่เธอจะพูดชม โดยไม่ได้มีความหมายอื่นเลย

"ฮวนฮวน ฉันจะบอกเธอนะ ปีนี้หลานชายของฉันอายุ 28 ปี…"

"ปังๆ!"

ในขณะเดียวกันเวินเจี้ยนกั๋วก็ถูกขัดจังหวะด้วยการเคาะประตู

"คุณปู่ อยู่ไหมครับ?"เสียงดังก้อง

เมื่อเป๋าฮวนได้ยิน เธอก็รู้สึกราวกับว่าเธอเคยได้ยินเสียงนี้จากที่ไหนสักแห่ง

พ่อบ้านอู๋เปิดประตู และเป็นเวินซือเหยี่ยนที่เดินเข้ามา แต่ว่าเขาก้าวเข้ามาได้เพียงแค่สองสามก้าว ทันทีที่เขาเห็นเป๋าฮวนเขาก็หยุดลงทันที

"เฉิน…ฮวนฮวน? "

ต่งอวี่ซานเกลียดท่าทางที่ดูเย้อหยิ่งของเฉินซินโหรว แต่ก็เฉินซินโหรวก็ไม่ได้ต่างจากเธอเท่าไหร่ที่เป็นพวกผู้หญิงประเภทที่ทำแต่เรื่องแย่ๆ

เมื่อได้ยินคำถากถางของต่งอวี่ซาน สีหน้าของเฉินซินโหรวก็เปลี่ยนไปทันที เธอจ้องมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าเธออย่างดุเดือด

"ต่งอวี่ซาน เธอกำลังมองหาความตายอยู่หรือไง? มองดูชุดถูกๆบนตัวเธอสิ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? "เฉินซินโหรวโกรธมากจนกำหมัดแน่น

"เฉินซินโหรว ฉันไม่ได้หน้าตาดีเท่าคุณ ชุดของฉันเป็นผลงานของดีไซเนอร์ท้องถิ่น และราคาของมันก็แค่หนึ่งในสิบของราคาชุดแบรนด์หรูๆที่ตกรุ่นแล้วของคุณ"ต่งอวี่ซานไม่ได้รู้สึกตัวเลย แต่เธอกลับยังหัวเราะเยาะกับชุดของเฉินซินโหรวที่ตกรุ่นแล้วอีกด้วย

เฉินซินโหรวโกรธมากจนเอื้อมมือไปบีบคอของต่งอวี่ซาน แต่ในขณะเดียวกันชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาพอดี เธอรีบชักมือของเธอเก็บทันทีและเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมาแทน

เรียกได้ว่าเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วมาก

"อาจง~" เฉินซินโหรวจับชุดกระโปรงของ เธอเดินอย่างเร่งรีบและคว้าเข้าที่แขนของชายผู้นั้นทันที

คนที่มาคือเสี่ยเลี้ยงของเฉินซินโหรว เจ้าของธุรกิจถ่านหินที่ทำให้เธอได้กลายเป็นนักแสดงแถวสอง เขามีทรัพย์สินที่เยอะแยะมากมาย นอกจากหน้าตาที่ดุ ลงพุงนิดหน่อย ในบรรดาเสี่ยๆเขาก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง

อย่างน้อยเขาไม่ได้อ้วน ทั้งยังสูงระดับปานกลาง ดังนั้นเฉินซินโหรวจึงยอมประจบเขาและปรารถนาที่จะไต่เต้าขึ้นไปอยู่ด้านบน

อย่างไรก็ตามมีช่วงที่หลิวจงมักจะละเลยเธอและสนใจเธอน้อยลง เธอก็แอบไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอย่างลับๆ

แต่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความผูกพันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้ายแล้วเธอรักเสี่ยเลี้ยงอย่างหลิวจงมากที่สุด

"เสียงดังอะไรกัน? รังแกซานซานอีกแล้วเหรอ? "หลิวจงไม่ได้ผลักเฉินซินโหรวออกไป เขาปล่อยให้เธอยังคงอยู่ข้างๆเขา แต่กลับส่งสายตาดุๆไปให้เธอแทน

ต่งอวี่ซานปล่อยวางมากกว่าเฉินซินโหรว ดังนั้นตอนนี้หลิวจงจึงโปรดปรานต่งอวี่ซานมากที่สุด

"อาจง ฉันไม่ได้รังแกเธอ คุณพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง? คุณไม่ได้บอกว่าคุณรักฉันแค่เพียงคนเดียวเหรอ? "เฉินซินโหรวยังคงอวดดีอยู่ในอ้อมแขนของชายวัยกลางคน

เฉินซินโหรวอยู่กับหลิวจงมาเป็นเวลาสามปี และนับได้ว่าเป็นความพยายามของเธออย่างมาก โดยธรรมชาติแล้วเธอรู้วิธีที่จะอดทนเวลาที่เขาไม่พอใจ

เมื่อตอนที่หลิวจงยังเป็นเด็ก ครอบครัวของเขายากจนและถูกรังแกมาโดยตลอด ต่อมาเขาเริ่มทุกอย่างจากศูนย์เพื่อทำให้มาถึงระดับที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เขาชอบความรู้สึกที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยสาวสวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาชอบเวลาที่เห็นผู้หญิงเหล่านี้กระดิกหางต่อหน้าเขา

นี่คือสิ่งที่เขาสนใจ

"โอเคๆ ซานซานเองก็เป็นผู้หญิงของฉัน หน้าที่ของพวกเธอคือต้องรับใช้ฉันให้ดี หากแอบไปหึงหวงและทะเลาะกัน อย่าโทษฉันที่ทำตัวหยาบคายแล้วกัน"หลิวจงทำตัวเหมือนกับตัวเองเป็นฮ่องเต้

ทั้งต่งอวี่ซานและเฉินซินโหรวก็เหมือนกับเป็นนางสนมในฮาเร็มของเขา

เฉินซินโหรวกัดฟันของเธอและทำได้เพียงแค่ยิ้ม เธอพยายามสงบสติอารมณ์: "อาจง ฉันจะทำตัวดีๆกับคุณ"

หลังจากพูดจบเธอก็แอบเหลือบมองต่งอวี่ซาน ต่งอวี่ซานยิ้มอย่างมีชัย เธอเดินไปอีกด้านหนึ่งของหลิวจงและคว้าแขนของเขา จากนั้นก็จงใจเบียดร่างของเธอเพื่อเข้าใกล้ชิดเขา

"ประธานหลิว ฉันแค่อยากจะรับใช้คุณให้ดี ฉันจะอยู่กับพี่เฉินซินโหรวอย่างสันติและไม่ทะเลาะกัน~”

เมื่อได้ยินคำพูดหวานๆของต่งอวี่ซาน หลิวจงก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที และตอนนี้เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะมีสาวสวยๆมาประกบเขาทั้งสองข้าง ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันจะมีความสุขมากแค่ไหน

"ไปเถอะ ไปดื่มกับฉัน"เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ

ในขณะเดียวกันเฉินซินโหรวก็คว้าแขนของหลิวจง สีหน้าของเธอจริงจังมาก: "อาจง ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณ"

"โอ้? เธอชอบโปรเจ็กต์หนังเรื่องไหนอีกแล้วล่ะ? "หลิวจงเริ่มหมดความอดทน ใบหน้าของเขาเริ่มฉายแววไม่พอใจ และเสียงของเขาก็เข้มขึ้น

เมื่อเทียบกับนักแสดงตัวเล็กๆอย่างต่งอวี่ซานแล้ว เขาก็แค่ช่วยให้เธอผ่านเรื่องที่ถูกโจมตีบนโลกอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องเสียเงินมากแถมเธอยังทำให้เขามีความสุขอีกด้วย

แต่ความทะเยอทะยานของเฉินซินโหรวนั้นเยอะเกินไป สำหรับเฉินซินโหรว เธอเป็นคนที่เขาลงทุนไปมากที่สุด เริ่มแรกเฉินซินโหรวก็ยังปล่อยวางเป็น จนกระทั่งตั้งแต่ที่เธอกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง เธอก็เริ่มที่จะถือตัว ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุขสักเท่าไหร่

"อาจง ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันแค่หวังว่าคุณจะตรวจสอบคนๆหนึ่งให้ฉัน"ลักษณะการพูดของเฉินซินโหรวดูจริงจังมาก เพราะเธอต้องการให้หลิวจงช่วยจริงๆ

"ตรวจสอบคนๆหนึ่ง?"หลิวจงดูประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซินโหรวไม่ได้ขอเงินและขอของแบรนด์หรูจากเขา

"ฉันจะบอกว่าฉันเคยมีน้องสาวต่างแม่ที่ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงแม่น้ำ แต่เมื่อกี้…ฉันเห็นผู้หญิงที่หน้าเหมือนเธอเป๊ะๆ! ฉันอยากรู้ตัวตนและชื่อของผู้หญิงคนนั้น! "เฉินซินโหรวดูตื่นเต้นมาก เธอจำเป็นที่จะต้องทำให้มันชัดเจน

เมื่อต่งอวี่ซานได้ยินเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกแปลกใจและรีบพูดขึ้นว่า: "ผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวคุณเหรอ?"

เฉินซินโหรวแอบเหลือบมองเธอและตัดสินใจที่จะไม่สนใจเธอ เธอกำลังจะพูดต่อแต่หลิวจงก็ขัดจังหวะเธอเสียก่อน: "โหรวเอ่อร์ เธอหมายถึงน้องสาวที่เสียชีวิตของเธอปรากฏตัวอีกครั้งน่ะเหรอ? ซานซานก็เห็นด้วยเหรอ? "

หลิวจงหันมามองต่งอวี่ซาน และต่งอวี่ซานก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วและตอบว่า: "ฉันเห็น แต่ฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น พอมาคิดดีๆแล้วคิ้วของเธอก็ค่อนข้างคล้ายกับพี่ซินโหรวนะ"

"ในเมื่อน้องสาวเธอตายไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นอาจจะมีฝาแฝดอะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?"หลิวจงเริ่มรู้สึกอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องน่าอัศจรรย์จำพวกนี้

"เป็นไปไม่ได้ น้องสาวของฉันไม่มีฝาแฝด ฉันอยากรู้ว่าเธอคือผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า…"ดวงตาของเฉินซินโหรวเต็มไปด้วยความสงสัย

"ในเมื่อเธออยู่ที่นี่ แสดงว่าเธอก็เป็นแขกที่มาทานอาหารเย็นด้วยงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นพาเธอมาหาฉัน เดี๋ยวฉันจะถามเป็นการส่วนตัวให้"หลิวจงรู้สึกสนใจขึ้นมา

"เธอเพิ่งออกไป ไม่รู้ว่าเธอไปไหน"เฉินซินโหรวมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของ "เฉินฮวนฮวน"

เมื่อเห็นว่าหลิวจงสนใจ ต่งอวี่ซานจึงริเริ่มเสนอเบาะแส: "คุณหลิว ฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแขกรับเชิญในงานเลี้ยงอาหารค่ำและเธอก็เข้ามาด้วยบัตรเชิญ"

"โอ้ะ? งั้นเรื่องนี้ก็จัดการง่ายเลยสิ ฉันจะให้ผู้จัดงานส่งรายชื่อคนที่มางานเลี้ยงให้ฉันดูว่ามีชื่อผู้หญิงคนนั้นไหม "ขณะที่หลิวจงพูด เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

เมื่อเห็นว่าหลิวจงเต็มใจที่จะสอบสวนเรื่องนี้ เฉินซินโหรวก็แสดงสีหน้าโล่งใจ เท่าที่เธอมองหลิวจงก็ยังคงห่วงใยเธออยู่

……

ในห้องนั่งเล่น

เป๋าฮวนขอให้พนักงานเสิร์ฟนำกล่องข้าวสไตล์จีนมาเสิร์ฟ ในขณะที่เธอกินมันอย่างเอร็ดอร่อยเธอก็ตรวจสอบเอกสารที่ส่งโดยจิงมั่วไปด้วย

เธอเห็นข้อมูลเกี่ยวกับต่งอวี่ซาน หญิงสาวผู้มีชื่อเสียงในโลกอินเทอร์เน็ตและเดบิวต์มาเป็นนักแสดง และข้อมูลของเฉินซินโหรวก็รวมอยู่ในนั้นด้วยเหมือนกัน

ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเฉินซินโหรวได้ปรากฏตัวในละครที่มีชื่อเสียงหลายเรื่อง แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ดังขนาดนั้น เพราะเล่นได้แค่บทนางอิจฉาหรือนางรอง

เธอได้เป็นแค่นักแสดงนำในซีรี่ย์ออนไลน์เท่านั้น มันก็เหมือนกับการไม่ได้เติบโตสักที และในทางตรงกันข้ามกันการแสดงในบทนางอิจฉาของเธอก็ค่อนข้างเข้มข้น และสามารถทำให้นักแสดงนำหญิงโดดเด่นได้

เรียกได้ว่าน่าเจ็บใจ น่าเจ็บใจที่เป็นได้เพียงแค่คนที่ได้แต่รอความหวัง

"ปังๆ…."

ในขณะเดียวกันประตูก็ถูกเคาะหลายครั้ง และมีคนถามว่า: "คุณเป๋าอยู่ข้างในหรือเปล่าครับ?"

เฉินซินโหรวไม่เคยคิดว่าจะได้เจอเฉินฮวนฮวนอีกครั้ง

สีหน้าของเธอนตอนนี้ตกใจมาก ตกใจมากจนคิดว่าตัวเองเห็นผี

แต่เห็นได้ชัดว่า เฉินฮวนฮวนที่อยู่ข้างหน้าเป็นคนที่ยังมีชีวิต และมือของเฉินฮวนฮวนยังคงจับข้อมือของเธอไว้

เฉินฮวนฮวนตายไปสามปีแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงฟื้นคืนชีพอีกครั้ง?

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เฉินซินโหรวตกตะลึงอยู่ที่เดิม ดวงตาเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา

“เฉินฮวนฮวน เธอ……เธอยังไม่ตาย? เธอยังไม่ตาย?” เฉินซินโหรวกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง

เป๋าฮวนปล่อยมือของเฉินซินโหรวทันที และรีบปิดหูไว้ เธอรู้สึกว่าหูถูกกรีดร้องจนจะหนวก

“คุณหุบปากได้แล้ว!” เธอตะโกนเสียงดัง

ดวงตาของเฉินซินโหรวเบิกกว้าง เธอจับไหล่ของเป๋าฮวนด้วยมือทั้งสองและถามว่า: "เธอยังไม่ตาย? ทำไมเธอถึงยังไม่ตาย? เธอฆ่าตัวตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอกระโดดแม่น้ำแล้วไม่ใช่เหรอ?

เธอไม่ต้องการให้เฉินฮวนฮวนมีชีวิตอยู่สักนิด เพราะในสายตาของเธอ

เฉินฮวนฮวนเป็นหนามที่ทิ่มแทงเธอ

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนยังมีชีวิต และยังมีชีวิตอยู่ดี อยู่อย่างมีชีวิตชีวาและผิวของเธอก็ดีขึ้นอีก ว่าไปแล้วดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเฉินฮวนฮวนในอดีตเลย

แม้ว่าเฉินซินโหรวจะรู้สึกประหลาดใจ แต่อิจฉามากกว่า อิจฉามากๆ

เพียงแต่ว่า จู่ๆเธอก็ตกอยู่ในความสงสัย เฟิงหานชวนเป็นโสดมาสามปีแล้ว ผู้หญิงที่อยู่ต่อหน้าคนนี้คือเฉินฮวนฮวนจริงๆหรือ?

“คุณมันน่ารำคาญ เหมือนคนบ้า” เป๋าฮวนมองเธอบ้าคลั่งด้วยความเย็นชา น้ำเสียงแบบเกียจคร้าน

“ถูกต้อง เธอมันคนบ้า!” หญิงเซเลปหน้าแดงรีบหลบอยู่หลังเป๋าฮวน ในความเห็นของเธอ เป๋าฮวนและเธอต่างก็เป็นศัตรูของเฉินซินโหรว งั้นเป๋าฮวนก็อยู่ฝั่งเดียวกับเธอ

“ต่งอวี่ซาน ฉันเป็นคนบ้า? เธอยั่วยวนผู้ชายของฉัน เธอเลวหรือเปล่า! บัตรเชิญของเธอขอจากผู้ชายของฉันมาใช่ไหม? นังเลว!” เฉินซินโหรวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ชี้ไปที่ต่งอวี่ซานและกรีดร้องดุด่าขึ้นมา

ต่งอวี่ซานซ่อนอยู่หลังเป๋าฮวนและหัวเราะเสียงดัง: "ฉันเลว ฉันยั่วยวนชายที่แต่งงานแล้ว แต่เธอไม่เลวเหรอ? เฉินซินโหรว ประธานหลิวไม่ใช่สามีของเธอ เธอคิดดูให้ดี! เธอเป็นเมียน้อย ถึงฉันจะเป็นเมียน้อยอีกคน พวกเราก็พอกัน!"

“ต่งอวี่ซาน เธอนังสารเลว! อาจงบอกว่าเขาจะแต่งงานกับฉันปีหน้า เธอดูสถานะของเธอกับฉันให้ชัดเจน มันไม่เหมือนกัน!” เฉินซินโหรวหัวเราะ

“เฉินซินโหรว ฉันจะรอดูว่าปีหน้าประธานหลิวจะแต่งงานกับเธอไหม ฉันจะรอ! ถ้าเธอไม่ได้เข้าประตูบ้านตระกูลหลิว เธอก็กินอึดีไหม?” ต่งอวี่ซานเท้าเอวพูดอย่างมีชัย น้ำเสียงบ่งบอกถึงความมั่นใจ

เฉินซินโหรวโกรธจนอ้าปากค้าง จ้องเขม็งไปที่เป๋าฮวนและพูดว่า “ดูพอแล้วสิ! ฉันรู้ เธอมาเพื่อเรื่องตลกของฉัน เป็นยังไงบ้าง? เธอพอใจหรือยัง?”

เป๋าฮวน : "……"

เธอขยับมุมปากหลายครั้งก่อนจะพูดออกมาสองคำ: “ป่วยเหรอ?”

พูดจบเธอกลอกตาแล้วหันหลังเดินจากไป ไม่อยากคั่นอยู่ระหว่างสุนัขทั้งสองตัวและถูกพ่นด้วยน้ำลาย

เธอมาที่นี่เพื่อดูสถานการณ์ปัจจุบันของวงการบันเทิง ดูว่าจะมีโอกาสอะไรหรือเปล่า ไม่ใช่มาดูผู้หญิงปากตลาดสองคนด่ากัน

เพียงแต่เธอเดินไปไม่ถึงสองก้าว จู่ๆแขนของเธอก็ถูกคว้าไว้ และทันทีที่เธอหันศีรษะไป เธอก็เห็นใบหน้าที่เธอไม่อยากมอง

“ยังมีธุระอะไรอีก?” เป๋าฮวนถามอย่างหงุดหงิด

“เฉินฮวนฮวน ในเมื่อเธอยังไม่ตาย เธอทำอะไรในช่วงสามปีที่ผ่านมา? ทำไมเธอถึงมีคุณสมบัติที่จะมาร่วมงานอาหารค่ำนี้ เฟิงหานชวนเป็นคนพาเธอมาเหรอ? ” เฉินซินโหรวอยากรู้ความเคลื่อนไหวในสามปีนี้ของเฉินฮวนฮวนเป็นพิเศษ และแทบรอไม่ไหวที่จะรู้ให้ได้

“เสียใจด้วย ฉันไม่ได้ชื่อเฉินฮวนฮวน” เป๋าฮวนไม่ได้ปฏิเสธตัวตนของเธอ แต่ปฏิเสธชื่อของเธอเอง และพูดอีกว่า “ฉันมีบัตรเชิญของฉันเอง และเข้ามาด้วยตัวเอง ไม่มีใครพาฉันมาที่นี่”

“สุดท้ายนี้ กรุณาปล่อยมือของฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกรปภ.” สีหน้าของเธอเคร่งขรึมและแววตาที่ปราดเปรื่องเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

เฉินซินโหรวปล่อยมือกะทันหัน นี่ไม่ใช่เฉินฮวนฮวนที่เธอรู้จัก

อีกอย่าง ไม่ได้ชื่อเฉินฮวนฮวน? หรือว่าเธอจำคนผิด?

เฉินซินโหรวถามอย่างเหลือเชื่อว่า: “เป็นไปได้ยังไง? เธอไม่ใช่เฉินฮวนฮวน? เธอชื่ออะไร? เธอและเฉินฮวนฮวนเหมือนกันทุกประการ และเฉินฮวนฮวนไม่มีฝาแฝด เป็นไปได้ยังไง……”

เฉินซินโหรวรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

“ฉันจะพูดอีกครั้ง คุณมันน่ารำคาญมาก อย่ามารบกวนฉัน” เป๋าฮวนเตือนอย่างดุดัน หันหลังกลับและเดินไปข้างหน้า

เธอรู้สึกรำคาญเฉินซินโหรวจริงๆ และไม่อยากเจอผู้หญิงคนนี้เลย ดังนั้นเธอจึงต้องรักษาระยะห่างกับเฉินซินโหรว

คำพูดของเป๋าฮวนทำให้เฉินซินโหรวไม่กล้าตามไป แต่เธอก็ตกใจและสงสัยอย่างยิ่ง เธอรู้สึกว่าเป๋าฮวนคือเฉินฮวนฮวน แล้วก็ไม่ใช่เฉินฮวนฮวน

เมื่อคิดว่าต่งอวี่ซานดูเหมือนจะคุยกับเฉินฮวนฮวนเมื่อครู่ เฉินซินโหรวรีบหันมาทันที เดินไปด้านหน้าของเฉินซินโหรวและถามอย่างหยิ่งยโสว่า: "ต่งอวี่ซาน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? เธอชื่ออะไร?"

“ฉันจะรู้ได้ยังไง? ตัวเธอเองรู้จักหล่อนไม่ใช่เหรอ?” ต่งอวี่ซานกลอกตาและตอบแบบแปลกประหลาด

“เมื่อกี้เธอคุยกับหล่อนไม่ใช่เหรอ? เธอรีบบอกฉันสิว่าหล่อนชื่ออะไร!” เฉินซินโหรวร้อนใจอย่างยิ่ง

“ฉันไม่รู้จริงๆ! ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน!” ต่งอวี่ซาน ตะโกนอย่างหงุดหวิด: “ฉันกำลังคุยกับหล่อนอยู่ก็ถูกเธอตบตี ฉันจะรู้ได้ยังไงหล่ะ?”

“อะไรนะ……” เฉินซินโหรวสับสนทันที เดิมทีเธอคิดว่าต่งอวี่ซานจะรู้จักชื่อ “เฉินฮวนฮวน” แต่ต่งอวี่ซานก็ไม่รู้เหมือนกัน

ต่งอวี่ซานเหลือบมองแผ่นหลังของเป๋าฮวนและกระซิบว่า: "หล่อนไม่ใช่นักแสดงหรือคนดังทางอินเทอร์เน็ต เกรงว่าจะเป็นคนรักของเจ้านายคนไหนหรือเปล่า"

“เธอดูการแต่งตัวของหล่อนสิ ฉันเคยเห็นมันในนิตยสารแฟชั่น เป็นงานแฟชั่นโชว์ล่าสุดของดีไซเนอร์J เป็นแฟชั่นใหม่ในฤดูกาลนี้ ว่ากันว่าห้ามขาย”

“สามารถยืมชุดนั้นมาใส่ได้ เจ้าของคงเป็นลูกค้ารายใหญ่แน่ๆ อาจจะเก่งกาจกว่าประธานหลิวเสียอีก” ต่งอวี่ซานเยาะเย้ยเฉินซินโหรวอย่างจงใจ

ทั้งเธอและเฉินซินโหรวเป็นผู้หญิงของประธานหลิว ต่งอวี่ซานเป็นดาราดังในเน็ตที่เดบิวต์แล้วมาเป็นนักแสดง และเธอทำศัลยกรรมทั้งหน้า เธอมักจะเล่นเป็นกระสุนปืนใหญ่หรืออะไรทำนองนั้น แล้วการแสดงก็ไม่ได้ดีเท่าเฉินซินโหรวเป็นธรรมดา

แต่ว่าต่งอวี่ซานทำให้ประธานหลิวพึงพอใจ และในวิธีการในแง่นั้นเก่งกว่าเฉินซินโหรว ดังนั้นตอนนี้เฉินซินโหรวจึงถูกประธานหลิวละเลยไม่น้อย การแสดงโทรทัศน์ในมือของเธอไม่ดีแล้ว ดังนั้นเธอจึงอิจฉาและชังต่งอวี่ซาน

“เสื้อผ้าของJ คุณคิดว่ายืมได้ง่ายๆเหรอ?” เฉินซินโหรวยื่นมือออกไปและผลักที่หน้าผากของต่งอวี่ซาน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน: “ใช้สมองคิดเรื่องนี้ แม้แต่นักแสดงหรือดาราดังก็ใส่ชุดของJไม่ได้ ชุดนั้นต้องเป็นของลอกเลียนแบบขั้นสูง!"

ในกลุ่ม การสวมชุดที่ลอกเลียนแบบขั้นสูงยิ่งจะถูกปฏิเสธ

ในมุมมองของเฉินซินโหรว ไม่ว่าเป๋าฮวนจะใช่เฉินฮวนฮวนหรือไม่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสวมชุดของJ

“เฉินซินโหรว แม้ว่าคนอื่นเขาจะลอกเลียนแบบขั้นสูง แต่พวกเขาก็เลียนแบบชุดล่าสุดอยู่ดี ชุดนี้ที่เธอใส่มาจากไตรมาสที่แล้วใช่ไหม?” ต่งอวี่ซานปัดมือของเฉินซินโหรวออกและหัวเราะขึ้นมา

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งมองหน้ากัน แล้วจิ่งมั่วเป็นคนเริ่มก้าวออกไปอีกฝั่งหนึ่งและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

เป๋าฮวนไม่ได้สนใจและเดินเข้ามาทางประตูหน้า แต่เมื่อเธอเดินผ่านกลุ่มนักข่าว จู่ๆเธอก็ถูกรายล้อมไปทั่วรอบๆตัว

“คุณนักแสดงคนนี้ คุณชื่ออะไร?”

“คุณเป็นคนแรกที่มาที่นี่ รับการสัมภาษณ์หน่อยได้ไหม?”

“คุณมีตัวแทนผลงานอะไรไหม? ดูเหมือนคุ้นๆหน้าเลย!”

ทุกคนรอจนเบื่อและในที่สุดก็มีนักแสดงเข้ามา ดังนั้นจึงคิดที่จะสัมภาษณ์เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อน

เป๋าฮวนจ้องไปที่กล้องและพูดอย่างว่างเปล่าว่า: "ขออภัย ฉันเป็นผู้พักอาศัยของโรงแรม"

"ห๊า?"

นักข่าวทุกคนประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ มีคนอุทานว่า: "มีมือสมัครเล่นที่สวยขนาดนี้เหรอ? เราคิดว่าคุณเป็นนักแสดงหน้าใหม่ของบริษัทไหนซะอีก!"

“จริงหรือ? ฉันดูเหมือนนักแสดงหรือ?” เป๋าฮวนเผชิญกับคำชมของนักข่าวบันเทิง เผยให้เห็นฟันข้าวฟ่างสีขาวเรียงเป็นแถวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

“ว้าว คุณผู้หญิงคนนี้ คุณยิ้มยิ่งสวยขึ้นอีก! เหมือนนางเอกเลย! น่าเสียดายที่ไม่ได้เข้าวงการบันเทิง~” นักข่าวชายคนหนึ่งมองไปที่รอยยิ้มสดใสของเป๋าฮวน ใจของเขาก็ละลายไปแล้ว

“ขอบคุณมากจริงๆ! คุณชมฉันแบบนี้ ฉันจะบินขึ้นสวรรค์!” เป๋าฮวนหัวเราะปากไม่หุบ

นักข่าวชายหน้าแดงหลังถูกเป๋าฮวนสนทนาตอบ เดิมทีเขาเบื่อกับการรอที่นี่ ตอนนี้มีสาวงามคุยด้วยเลยทำให้เขามีความสุข

“คนสวย วันนี้ต้องมีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทบันเทิงจำนวนมาก ฉันคิดว่าคุณสามารถลองเข้าสู่วงการบันเทิงได้ ถึงเวลานั้นพวกเราจะเขียนข่าวให้คุณอย่างแน่นอน!” นักข่าวสาวกล่าวอย่างกระตือรือร้น

พวกเธอแค่ดูความตื่นเต้น และมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่นัก หากเพราะคำพูดของพวกเธอแล้วมีนักแสดงหญิงเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต พวกเธอก็มีความดีความชอบอย่างแน่นอน

“คุณคนนี้ คุณมาเมืองเป่ยเฉิงเพื่อท่องเที่ยวหรือคะ? คุณพักในโรงแรมไม่น่าจะเป็นคนในท้องถิ่น? ตอนนี้คุณเป็นนักศึกษาหรือเปล่า?” นักข่าวชายอีกคนถามอย่างตื่นเต้น

เป๋าฮวนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ถือว่ามาท่องเที่ยว ฉันเป็นคนประเทศเฉิน และเรียนมหาวิทยาลัยจบแล้ว~”

“สวรรค์ คุณเป็นคนประเทศเฉิน งั้นคุณคงจะกลับประเทศเฉินเร็วๆนี้ใช่ไหม คุณไม่คิดที่จะเข้าสู่วงการบันเทิงจริงๆหรือ? ฉันรู้จักผู้กำกับและมีความสัมพันธ์ที่ดี ฉันสามารถแนะนำคุณได้ " นักข่าวชายรีบหยิบมือถือออกมาแล้วพูดว่า "ทำไมเราไม่เพิ่มวีแชตกันก่อนล่ะ? คุณมีวีแชตไหม?"

“วีแชต? ฉันมีอยู่แล้ว!” เป๋าฮวนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ในขณะนั้นเอง จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งก็ปรากฏตัวขึ้น ขวางด้านหน้าของเป๋าฮวน เหมือนกับพระพุทธรูปใหญ่สององค์ที่ยืนอยู่ตรงนั้น บังสายตาของนักข่าวชายไว้

“พวกคุณเป็นใคร?” นักข่าวชายรู้สึกถึงแรงกดดัน

“พวกเราเป็นใหญ่……” ก่อนที่จิ่งมั่วจะพูดจบ ก็ถูกเป๋าฮวนขัดจังหวะ

“พวกเขาเป็นพวกพี่ใหญ่ฉัน พวกเขาปกป้องฉันกลัวว่าฉันจะถูกหลอก ดังนั้นพวกคุณอย่าถือสาเลย~” เป๋าฮวนดึงจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งออกและพูดกับนักข่าวชายด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งจะเป็นบอดี้การ์ดของเธอ แต่พวกเขาก็เป็นเหมือนกับพี่ชายของเธอ แต่ที่สำคัญ ถ้าเธอบอกว่าพวกเขาเป็นบอดี้การ์ด เธอกลัวว่าจะทำให้ผู้คนรู้สึกห่างเหิน

เธอยังคงต้องการใกล้ชิดกับนักข่าวเหล่านี้ให้มากขึ้น

นักข่าวชายถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที แต่ก็ยังรู้สึกประหม่ามาก และตอบไปอย่างรวดเร็วว่า “พี่ใหญ่ทั้งสอง เมื่อครู่ผมแค่เสนอแค่นั้น ไม่ได้ต้องการโกหกน้องสาวของพวกคุณ”

“เรามีบัตรเชิญของงานเลี้ยง ไม่ต้องรบกวนคุณ” จิ่งมั่วพูดอย่างสุภาพแล้วมองให้สัญญาณจิ่งเหลิ่ง

แล้วทั้งสองก็จับเป๋าฮวนทั้งสองข้าง แล้วลากเธอออกไป

เป๋าฮวนมองดูกลุ่มนักข่าว ยิ่งอยู่ยิ่งไกลออกไป ในใจรู้สึกโกรธจัด

หลังจากเข้าไปในลิฟต์ เธอเปลี่ยนท่าทีทันที เงยหน้ายืดอกและถามอย่างโกรธเคืองว่า: "ใครอนุญาตให้พวกคุณลากฉันออกมา? พวกคุณจะต่อต้านเหรอ?"

“คุณหนูใหญ่ คุณไม่ควรพูดมากกับคนพวกนั้น” จิ่งมั่วก้มหัวลง แม้ว่าเขาจะยอมรับผิดแต่เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด

เฉินฮวนฮวนเบ้ปาก: "คนเขามีน้ำใจอยากแนะนำให้ฉันรู้จักกับผู้กำกับ พูดคุยกันหน่อยจะเป็นอะไร?"

“คุณหนูใหญ่ครับคุณหนูใหญ่ อามั่วหาบัตรเชิญให้คุณได้แล้ว ทำไมคุณต้องขายหน้าตาและคุยกับผู้กำกับไม่ดีพวกนั้น?” จิ่งเหลิ่งพูดอย่างรีบร้อน

“หาบัตรเชิญได้แล้วจริงๆเหรอ? ไม่ได้โกหกนะ?” ดวงตาทั้งคู่ของเป๋าฮวนเป็นประกายขึ้นมาทันที

เดิมทีเธอคิดที่จะยอมแพ้ คราวนี้ความหวังก็กลับมาอีกครั้ง

“คุณหนูใหญ่ ผมเป็นคนโกหก คุณคิดว่าอามั่วเป็นไหม?” จิ่งเหลิ่งพูดอย่างมั่นใจ: “อามั่วหาบัตรเชิญให้คุณได้จริงๆ เดี๋ยวก็ไปเอามาให้คุณ คนของบริษัทเฉินฟานกำลังรีบจัดทำส่วนของคุณอยู่”

“อามั่ว นายหามาได้ยังไง?” เป๋าฮวนหันไปมองจิ่งมั่วและถามด้วยความสงสัย

“คุณหนูใหญ่ ไม่ใช่ผมหามาได้ ผมแค่พูดกับนายท่านไม่กี่ประโยค เป็นนายท่านที่ติดต่อให้” จิ่งมั่วตอบตามความจริง เขาแค่บอกความคิดของเป๋าฮวนให้กับเป๋าเยี่ยน

“หือ? คุณตารู้จักคนของเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเมนท์เหรอ? เฉินฟานเป็นบริษัทใหม่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณตาถึงรู้จัก?”

ตอนนี้เป๋าฮวนยิ่งงงมากขึ้น

แต่ในวินาทีต่อมา เธอก็ตระหนักได้ในทันทีแล้วพูดว่า "ฉันก็ว่าภูมิหลังของเฉินฟานไม่ธรรมดา บริษัทบันเทิงที่สามารถไปถึงจุดสูงสุดได้ภายในสามปี เป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีตัวหนุนดี"

“ใช่ครับ เฉินฟานมีภูมิหลัง ส่วนภูมิหลังเป็นอย่างไร นายท่านไม่ได้พูดอะไรมาก” จิ่งมั่วตอบอย่างจริงใจ เขาไม่เคยคิดริเริ่มที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

“ไม่ว่าจะมีภูมิหลังอะไร ยังไงคุณตาต้องรู้จักคนที่อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นถึงสามารถช่วยให้ฉันได้บัตรเชิญ ในเมื่อมีบัตรเชิญแล้ว งั้นฉันก็สามารถไปงานเลี้ยงได้อย่างเปิดเผย”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เป๋าฮวนก็หัวเราะคิกคักและหันกลับมาอย่างมีความสุข

จิ่งเหลิ่งถามอย่างลับๆในเวลานี้ว่า “คุณหนูใหญ่ ถ้าคุณเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว ก็สามารถอยู่ที่ประเทศฮัวต่อได้ คุณไม่กลับประเทศเฉินแล้วหรือ?”

เป๋าฮวนหยุดเคลื่อนไหวและสับสนในทันที แม้ว่าร่างกายของคุณตาของจะสบายดี แต่ถ้ามาที่ประเทศฮัวอาจจะไม่ชินต่อสภาพอากาศ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพักฟื้นในประเทศเฉินเป็นระยะเวลานาน

ถ้าตัวเองยังอยู่ที่ประเทศฮัว ก็จะไม่มีทางอยู่กับคุณตาได้ทุกวัน

“อาเหลิ่ง!” จิ่งมั่วดุแล้วหันไปทางเป๋าฮวนพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า: “นายท่านบอกว่า คุณหนูใหญ่ชอบอะไรก็ทำในสิ่งที่ชอบ ทำตามที่ใจต้องการ ไม่ต้องคิดมาก คนเราเมื่อยังอายุน้อย ต้องไล่ตามความฝัน กล้าที่จะเร่งมือ ถ้าเหนื่อยก็กลับไปพักผ่อน……"

เป๋าฮวนเข้าใจความหมายของคุณตา

เธอพยักหน้าและพูดว่า “ฉันรู้แล้ว ดูสถานการณ์ละกัน”

……

หลังจากนั้น 2 ชั่วโมง

เป๋าฮวนมาที่ประเทศฮัวครั้งนี้ไม่ได้พกสัมภาระมามากนัก และนำชุดเดรสมาแค่ชุดเดียว ซึ่งเป็นชุดสีชมพูรากบัวตัวน้อยจากการร่วมงานประมูลเมื่อวันก่อน ทางโรงแรมได้ซักแห้งเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น เธอจึงยังคงสวมชุดสีชมพูรากบัวนี้ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของวงการบันเทิง

ในมือถือบัตรเชิญอันวิจิตรงดงามซึ่งเพิ่งจัดทำขึ้น ส่งบัตรเชิญให้คนเฝ้าประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง

ในขณะนี้ ผู้คนจำนวนมากมาถึงสถานที่แล้ว เป๋าฮวนมองไปรอบๆ และพบว่าทุกคนแต่งตัวหรูหรามาก

เมื่อตอนร่วมงานประมูล เหล่าดาราและสุภาพสตรีเหล่านั้นถึงแม้จะแต่งกายอย่างหรูหราสง่างาม แต่เป็นความสง่างามแบบเรียบง่าย

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน นักแสดงหญิงส่วนใหญ่แต่งหน้าจัดและชุดเดรสแต่ละตัวก็แข่งกันเซ็กซี่ มีความตั้งใจที่จะให้ดึงดูดสายตา

เป๋าฮวนไม่ค่อยรู้จักคนเหล่านี้ เมื่อสามปีที่แล้ว เธอยุ่งเกินกว่าจะสนใจนักแสดงในวงการบันเทิง แต่ในช่วงสามปีนี้ เธอไม่เคยติดตามพวกเขาเลย

ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากสนใจ แค่กลัวที่จะคิดถึงช่วงเวลาประกวดที่ไม่เสร็จสิ้น เธอกลัวที่จะคิดถึงทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศฮัว เธอจึงปิดกั้นสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับประเทศฮัวโดยอัตโนมัติ

ถึงแม้ว่าเป๋าฮวนจะไม่รู้จักใคร แต่เมื่อเป๋าฮวนเข้ามา เธอก็ได้รับความสนใจจากสิบแปดสายนักแสดงหญิง

เป๋าฮวนรอเอกสารผลสำรวจของจิ่งม่อที่ยังไม่ส่งมา จึงคิดที่จะหาอะไรทานให้อิ่มท้องก่อน ดังนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะขนมหวาน

เธอขอให้จิ่งมั่วนำรายชื่อของคนในงานเลี้ยงนี้มาไว้ในมือ และจัดการรูปภาพและข้อมูลของบุคคลสำคัญเพื่อที่เธอจะได้ระบุตัวตนแต่ละคนได้

ท้ายที่สุด เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้เฉยๆอย่างแน่นอน เธอต้องมีจุดมุ่งหมายและแบบแผนที่เพื่อที่จะได้แนะนำตนเองให้ได้

เป๋าฮวนหยิบเค้กขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วกัดไปหนึ่งคำ มีเสียงหญิงแปลกหน้าดังมาจากข้างหลัง: “สวัสดีค่ะพี่สาว~”

เป๋าฮวนหันศีรษะไปเห็นผู้หญิงหน้าแดงที่มีร่อยรอยของการทำศัลยกรรมชัดเจนและแต่งหน้าจัด เธอถามด้วยความสงสัยว่า: “สวัสดี มีเรื่องอะไรหรือ?”

เธอไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ และไม่รู้จักตัวตนของเธอ

“ฉันค่อนข้างคุ้นหน้าพี่สาว คุณมาจากบริษัทไหนเหรอ? เป็นศิลปินที่เซ็นสัญญาใหม่หรือเปล่า?” หญิงสาวเป็นคนเริ่มพูด และคำถามก็ตรงไปตรงมามาก

เป๋าฮวนส่ายหัวและตอบว่า: "ฉันไม่ได้ทำสัญญากับบริษัท"

“ฮะ? ไม่ใช่มั้ง……” หญิงสาวจงใจพูดด้วยความสงสัย: “ไม่ได้ทำสัญญากับบริษัท แล้วคุณจะมาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำได้ยังไง? คุณมีผู้นำทีมหรือเปล่า? แต่ฉันเพิ่งเห็นคุณให้บัตรเชิญเพื่อเข้างานคนเดียว"

“ฉันมีบัตรเชิญ ฉันเลยเข้ามาได้” เป๋าฮวนรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังพูดเรื่องไร้สาระ

ในเมื่อเธอมีบัตรเชิญ ทำไมเธอจะเข้าร่วมงานรับประทานอาหารค่ำไม่ได้ล่ะ?

“แล้วใครเป็นคนให้บัตรเชิญคุณ? ในเมื่อไม่ใช่บริษัทให้ ก็ต้องมีคนให้คุณมาใช่ไหม?” หญิงสาวถามต่อโดยไม่มีการหลบเลี่ยงใดๆ และก็ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย

จู่ๆเป๋าฮวนก็รู้สึกตลกเล็กน้อย เธอเพิ่งเข้ามาก็พบเจอคนแปลกหรือ?

"เฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ให้ฉันมา" เป๋าฮวนตอบอย่างเกียจคร้าน

"งั้นเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คงไม่ได้ให้คุณเองโดยตรงมั้ง? คุณก็ไม่ใช่นักแสดงที่มีชื่อเสียง ดูเหมือนฉันจะไม่เคยเห็นคุณมาก่อน คงมีคนให้คุณมาใช่ไหม?" หญิงสาวยังคงพูดต่อ

เป๋าฮวนหันศีรษะกลับ หันหน้าไปทางโต๊ะขนมหวาน และกลอกตามองบน

มีพิษภัย!

ผู้หญิงคนนี้มีพิษภัยแน่นอน!

เธอไม่อยากตอบ และเธอก็ขี้เกียจตอบ

“ทำไมเธอไม่พูดแล้วหล่ะ?” หญิงสาวถามอีกครั้ง

เป๋าฮวนโกรธขึ้นมาทันที เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และคิดอยากจะพูดให้บทเรียน ได้ยินแต่เสียง "เพี๊ยะ" ดังขึ้นที่หลังหูของเธอ

หลังจากนั้นเธอหันศีรษะทันที ก็เห็นผู้หญิงคนนั้นจับแก้มซ้ายของเธอและกรีดร้องเสียงดัง

"โอ๊ย–"

“ผู้หญิงเลว ใครเป็นคนให้บัตรเชิญเธอ?” เสียงที่คุ้นเคยถามอย่างดุดัน

เสียงแบบนี้ เป๋าฮวนไม่คุ้นเคยกับเสียงไหนมากกว่านี้อีกแล้ว

เธอหันศีรษะกลับไปก็เห็นเฉินซินโหรวกัดฟันจ้องไปที่หญิงสาวที่หน้าแดง

หา!

เมื่อเช้านี้เพิ่งพบกับเฉินเจี้ยนหมิน ตอนเย็นก็เจอกับเฉินซินโหรว?

โชคชะตานะโชคชะตา เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจริงๆ~

“เฉินซินโหรว เธอมันนังบ้า! บัตรเชิญของฉันเกี่ยวอะไรกับเธอ? เธอมีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน?” หญิงสาวหน้าแดงจับแก้มอย่างขุ่นเคือง จ้องไปที่เฉินซินโหรวและบ่นเสียงดัง

“นังตัวเหม็น คนที่ฉันตบก็คือเธอ!” เฉินซินโหรวตะโกนพร้อมยกมือขึ้นเตรียมตบหญิงสาวอีกครั้ง

วินาทีถัดมา จู่ๆข้อมือเธอถูกจับไว้ ฝ่ามือของเธอยังไม่วางลง แล้วเธอก็หันไปมองคนที่ขัดขวางเธอ

เพียงแต่ขณะที่เห็นชัดเจน รูม่านตาของเฉินซินโหรวหดตัวลงอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าเปลี่ยนเป็นตกตะลึงอย่างยิ่ง

“เฉิน…เฉินฮวนฮวน…” ปากของเธอสั่นเทา

เป๋าฮวนตกใจมาก

เพราะฉะนั้นเมื่อคืน ที่เฟิงหานชวนเป็นลม ก็เพราะโรคกำเริบ?

ไม่ใช่แผนแกล้งเจ็บ?

"คุณหนูเฉินครับ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นคุณต้องจัดฉากฆ่าตัวตาย ถึงคุณไม่อยากอยู่กับบอสจริงๆ คุณก็หย่ากับเขาแล้วไปจากประเทศฮัวก็ได้ บอสอาจจะไม่เป็นแบบนี้ แต่ว่าคุณ……"

"คุณรู้ไหมครับ การที่คุณจากไป มันกระทบจิตใจกับบอสมากแค่ไหน?"

ซูอวี่จับกรอบแว่นตา อารมณ์เริ่มขึ้น เขาเป็นผู้ช่วยของเฟิงหานชวน สามปีนี้ เขาที่เป็นแค่ผู้ช่วยยังทนดูไม่ได้

เพราะว่า สามปีที่ผ่านมา เฟิงหานชวนผ่านมาอย่างทุกข์ทรมาน

ไม่ใช่ความทรมานที่คนทั่วไปจินตนาการได้

แล้วทั้งหมด ก็เพราะเฉินฮวนฮวน

"ซูอวี่ นายห้ามพูดกับเธอแบบนั้น!"

ทันใดนั้น เสียงที่เย็นชาของเขาดังขึ้น เสียงดูอ่อนแรงมาก

"บอส คุณตื่นแล้วเหรอครับ?" ซูอวี่ตกใจ รีบพยุงตัวเฟิงหานชวนขึ้นมา

เป๋าฮวนมองเขาอยู่อย่างนั้น มองเงียบๆ แล้วสีหน้าก็มีความสงสัย

เพราะตัวเอง"ฆ่าตัวตาย" ก็เลยทำให้สามปีนี้ เฟิงหานชวนทุกข์ทรมานขนาดนี้?

เธอคิดว่า เฟิงหานชวนอาจจะรู้สึกหลุดพ้น แล้วไปใช้ชีวิตที่สุขสบาย

ตอนนี้ เฟิงหานชวนโดนซูอวี่พยุงตัวไว้ แล้วเดินมาตรงหน้าเธอ สีหน้าเขาซีดขาว ไม่ได้ดูดีเหมือนก่อนหน้านั้น

"ฮวนฮวน ถ้าคุณไม่อยากเจอผมอีกก็ไม่เป็นไร ผมจะไม่โผล่ไปให้คุณเห็นหน้า ตอนนี้ผมรู้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่ แค่นี้ก็พอแล้ว"

เฟิงหานชวนถอนหายใจ แล้วหันไปพูดว่า "ซูอวี่ ส่งฉันไปโรงพยาบาล"

"แล้วก็ ให้พวกเขาหยุด อย่าไปห้ามคุณจิ่งสองคนนั้น"

"ครับ บอสเฟิง" พอซูอวี่ได้รับคำสั่ง จึงพยุงตัวเฟิงหานชวนเข้าไปนั่งหลังรถ

เขาโทรไปหาบอดี้การ์ดที่ล้อมจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่ง แล้วบอกคำสั่งของเฟิงหานชวน จากนั้นจึงขึ้นรถ แล้วสตาร์ทรถ

เป๋าฮวนก็ยังยืนอยู่นอกรถ มองผู้ชายในรถด้วยสีหน้าลังเล

เขาพูดว่า จะไม่โผล่มาให้เธอเห็นหน้าอีก?

แต่ไม่รู้ทำไม ตอนที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ในใจเป๋าฮวนรู้สึกไม่โอเค เหมือนหายใจไม่ออก

"ไหนคุณบอกว่าต้องการให้ฉันให้อภัย ไหนบอกจะชดใช้ให้? ในเมื่อจะไม่โผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีก แล้วจะชดใช้ยังไง?" เป๋าฮวนมองเขา แล้วพูดพรวดออกมา

แววตาของเฟิงหานชวนมืดมน รู้สึกไม่สบายร่างกาย แต่มุมปากก็เลิกขึ้นเล็กน้อย

แต่ว่า แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น

ตอนที่หันไปหาเธอ บนใบหน้าเขาไม่มีความรู้สึกอะไรเลย แล้วริมฝีปากก็ซีดขาวมาก

"ฮวนฮวน คุณพูดเองว่า……ไม่มีทางให้อภัยผม" เฟิงหานชวนมองออกไปที่ไกลๆ แววตาแฝงไปด้วยความเศร้า

"คุณก็แค่ผู้ชายที่เก่งแต่ปาก!" เป๋าฮวนกัดฟันแน่น

จากที่เธอดูมา เฟิงหานชวนเก่งแต่ปาก แต่ความจริงกลับไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วจะให้อภัยยังไง?

"ฮวนฮวน คุณหมายความว่า……" ตาเฟิงหานชวนเป็นประกาย

ทันใดนั้น จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งก็วิ่งพุ่งมา ทั้งสองเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย จนเหงื่อเต็มหน้าผาก

"คุณหนู คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?" ทั้งสองถามพร้อมกัน

พอเห็นเฟิงหานชวนที่ทำตัวนิ่งเฉย เป๋าฮวนจึงรู้สึกว่าตัวเองใจอ่อนเกินไป ยังแอบหวังว่าเฟิงหานชวนจะทำอะไรบางอย่าง

เธอเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา แล้วหันไปพูดกับจิ่งมั่วจิ่งเหลิ่งว่า "พาฉันกลับไป"

"ครับ คุณหนู"

เป๋าฮวนเดินไปที่รถโรสลอยด์ของตัวเอง แล้วขึ้นรถทันที แต่เฟิงหานชวนก็ไม่ได้ตามมา

จากนั้น จิ่งมั่วยังไม่ทันสตาร์ทรถ เป๋าฮวนก็เห็นซูอวี่ขับรถพาเฟิงหานชวนแล่นออกไปก่อน

"คนสารเลว!" เป๋าฮวนโมโหจนเกือบจะกระอักเลือด

พูดได้น่าฟังมาก แต่กลับไม่ทำอะไรเลย เธอด่าได้ถูกมาก

ก็แค่ผู้ชายที่เก่งแต่ปาก!

……

ระหว่างทางที่กลับโรงแรมตี้ฮวง จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งไม่มีใครพูดอะไรเลย

ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แต่เพราะอารมณ์เป๋าฮวนไม่ดี ไม่ดีมากๆเลยแหละ

แล้วอีกอย่าง พวกเขาสองคนเป็นบอดี้การ์ดฝีมือดี แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญกลับไปช่วยคุณหนูไม่ได้ นี่จึงทำให้พวกเขาละอายใจจนไม่กล้าพูดอะไรเลย

พอจอดรถที่โรงแรม ส่งรถให้เด็กรับรถแล้ว จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งจึงตามเป๋าฮวนลงรถ

ตอนที่เป๋าฮวนลงรถ เห็นหน้าประตูโรงแรมมีคนล้อมอยู่ ดูแล้วครึกครื้นมาก

"วันนี้ที่นี่มีงานอะไรเหรอ?" ความโมโหของเป๋าฮวนหายไปเล็กน้อย

"ที่ห้องจัดงานของโรมแรมตี้ฮวง มีงานเลี้ยงในวงการบันเทิงครับ คนที่เฝ้าอยู่หน้าประตู น่าจะเป็นนักข่าวครับคุณหนู"

"วงการบันเทิง?" ตาเป๋าฮวนเป็นประกาย แล้วเริ่มสนใจ "อาเหลิ่ง ไปหาการ์ดเชิญให้ฉัน"

"การ์ดเชิญ? แต่ว่า คุณหนูคุณไม่ใช่คนในวงการบันเทิงประเทศฮัว แล้วการ์ดเชิญก็น่าจะแจกหมดแล้ว……" จิ่งเหลิ่งลำบากใจ

"ใครเป็นคนจัดงานนี้?" เป๋าฮวนขมวดคิ้ว

สามปีก่อน เธอคิดจะเข้าวงการบันเทิง แต่เพราะอุบัติเหตุรถชน เธอจึงพลาดโอกาสไป

หลังจากนั้น เธอก็ไปจากประเทศฮัว ไม่ได้สนใจเรื่องในวงการบันเทิงอีก

แล้วตอนนี้ คิดได้ว่าเฉินซินโหรวเป็นดาราในวงการบันเทิง เธอจึงรู้สึกสนใจเรื่องในวงการบันเทิง"

"ฝ่ายจัดงานเป็นบริษัทเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ครับ เป็นบริษัทวีดีโอใหม่มาแรงในช่วงสามปีนี้ ครั้งนี้ที่พวกเขาจัดงานเลี้ยงนี้ ไม่ใช่เพื่อสร้างชื่อเสียง แต่เพื่อตีสนิทกับคนในวงการบันเทิงด้วยครับ" จิ่งเหลิ่งรู้เรื่องพวกนี้ดี

"เฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์?" เป๋าฮวนทำหน้าสงสัย

ประเทศฮัวเมื่อสามปีก่อน เหมือนไม่มีเฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เพราะฉะนั้น ใช้เวลาแค่สามปีก็ดังขนาดนี้ได้ เบื้องหลังของบริษัท คงไม่ธรรมดาแน่นอน!

"เฉินฟานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์มีแอปพลิเคชันวิดีโอของตัวเอง จะลงทุนในด้านการสร้างภาพยนตร์ละครต่างๆ เพราะสายตาดี การลงทุนต่างๆจึงมีกำไรครับ" จิ่งเหลิ่งรายงาน

เป๋าฮวนเลิกคิ้ว แล้วหันไปขำให้จิ่งเหลิ่ง

"คุณหนู คุณ……คุณเป็นอะไรครับ?" จิ่งเหลิ่งถามอย่างร้อนตัว

"อาเหลิ่ง นายชอบดูละครในแอปนั้นใช่ไหม? ไม่งั้น ฉันไม่ได้ให้นายสืบ นายจะรู้ดีขนาดนี้ได้ยังไง?" เป๋าฮวนพูดหยอกล้อ

จิ่งเหลิ่งเกาหัวอย่างทำตัวไม่ถูก แล้วพูดว่า "คุณหนูครับ คุณอย่าล้อผมเลยครับ ดูละครเป็นเรื่องปกติ ผมไม่เหมือนอามั่วหรอกครับ วันๆเอาแต่ฝึก"

"ฉันว่านายอยากดูดาราสวยๆมากกว่า!" เป๋าฮวนขำอย่างทะเล้น

"คุณหนู……" จิ่งเหลิ่งอาย

"ในเมื่อแบบนี้ เข้าไปไม่ได้ก็ช่างเถอะ ถ้าเข้าไปแล้ว ไม่แน่ฉันอาจจะอยู่ประเทศฮัวต่อก็ได้~" เป๋าฮวนกอดอกไว้ เม้มปากส่ายหน้า แล้วก้าวเดินเข้าไป

เป๋าฮวนถูกเฟิงหานชวนกดให้อยู่ใต้ร่าง ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างยิ่งกว่าระฆังเสียอีก

“ไอตาบ้า คุณคิดจะทำอะไร? ฉันบอกคุณไว้เลยนะ ถ้าคุณกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายนิ้วก้อย ฉันจะทำให้คุณไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตแน่!” เป๋าฮวนส่งเสียงตะโกนออกไป

ตอนนี้เธอเสียใจมาก เสียใจที่เมื่อคืนแรงเข่าไม่พอ จึงเตะเขารุนแรงไม่ได้ แถมตอนนี้ยังต้องมาเคลียร์กัน ในสุสานแบบนี้อีก

น่าชื่นชมจริง ๆ!

เธอชื่นชมผู้ชายคนนี้จากใจจริง ๆ!

“ผมแค่อยากหาที่สงบ ๆ มีแค่เราสองคนเท่านั้น จะได้คุยกันดี ๆ ” เฟิงหานชวนพันธนาการมือทั้งสองข้างของเธอไว้ สีหน้าจริงจังและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ผมมีแค่วิธีนี้วิธีเดียว คุณถึงจะไม่หนีผมไป”

เป๋าฮวน : “……”

ดูเหมือนจะฟังขึ้นอยู่บ้าง

“งั้นขอถามหน่อยคุณเฟิง คุณอยากคุยอะไรกับฉันเป็นการส่วนตัว? เรายังคุยกันไม่จบอีกเหรอ? น่าจะจบไปแล้วนะคะ!” เป๋าฮวนถามขึ้นอย่างหมดคำพูด

“คุณไม่ใช่ตัวแทน” เฟิงหานชวนตัดบทเธอทันที

เป๋าฮวน : “???”

“ฮวนฮวน ต่อให้คุณไม่ยอมรับยังไง ผมก็รู้ว่าคุณคือเฉินฮวนฮวน นี่เป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้” เฟิงหานชวนพูดอย่างหนักแน่น

หลังจากนั้นเป๋าฮวนก็ตกอยู่ในอาการอึ้งงันไป นานหลายวินาทีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้สติ

“ฮวนฮวนตายไปแล้ว” เธอเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ

“แต่เป๋าฮวนยังมีชีวิตอยู่” เขาตอบกลับไปอย่างจริงจัง

เป๋าฮวนขมวดคิ้ว ก่อนจะมองไปยังผู้ชายตรงหน้าที่ห่างกันแค่ไม่กี่เซนด้วยสายตาสับสน

“ฮวนฮวน ให้โอกาสผมได้ไถ่โทษสักครั้ง ได้ไหม?” เฟิงหานชวนถามเธอต่อ ถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นเรื่อย ๆ

ไถ่….โทษ?

เป๋าฮวนอึ้งงันไป ไม่พูดอะไรเลยช่วงเวลาหนึ่ง

“ฮวนฮวน ถ้าคุณเงียบ ผมจะคิดว่าคุณตกลง” เฟิงหานชวนอดเค้นถามไม่ได้

แต่เขาไม่กล้าร้อนใจ กลัวว่าถ้าบีบบังคับเฉินฮวนฮวนเหมือนอย่างในตอนแรก เธอจะหายตัวไปอีก

ถึงอย่างไร เธอก็มี “ชนักติดหลัง”

“คุณบอกว่าภรรยาของคุณตายไปแล้วสามปี นี่ก็สามปีแล้ว คุณไม่หาผู้หญิงแต่งงานใหม่ล่ะ?” เป๋าฮวนถามเขา

เพียงแต่คำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของหรงจิ่นซิว ได้แวบเข้ามาในสมองของเธออีกครั้ง

“ไม่” คำตอบของผู้ชายหนักแน่น

“ว่ากันว่าผู้ชายมีความต้องการที่รุนแรง สามปีมานี้ คุณคงจะมีผู้หญิงแวะเวียนเข้ามาสนองความต้องการของคุณบ้างแหละ?” เป๋าฮวนนึกถึงหลิวหลี่ถง

ในสายตาของเธอ หลิวหลี่ถงเป็นนางบำเรอของเฟิงหานชวน

เพราะรู้ความสัมพันธ์นี้ เหมือนจุดชนวนระเบิดอย่างไรอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจจากไปตั้งแต่ตอนแรก

“ไม่มี” คำตอบของผู้ชายยังคงหนักแน่น

“เหอะ!” เป๋าฮวนอดส่งเสียงเหอะอย่างเย็นชาออกมาไม่ได้ จากนั้นก็โต้กลับไป : “ผู้ชาย จะอดทนได้ถึง 3 ปีเหรอ? จะไม่สนองความใคร่ได้เลยจริง ๆ เหรอ?”

ถึงอย่างไร เฟิงหานชวนก็มี “ชนักติดหลัง” เธอไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาอย่างแน่นอน

“ได้สิ” นัยน์ตาที่ลึกล้ำของเฟิงหานชวนได้มองไปทางเธอด้วยสายตาที่หนักแน่น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ตลอดชีวิตนี้ผมเคยแตะต้องผู้หญิงเพียงคนเดียว นอกจากเธอแล้ว ผมก็ไม่ได้สนใจใครอีก”

ผู้หญิงเพียงคนเดียว?

นอกจากเธอ ก็ไม่สนใจใครอีก?

เป๋าฮวนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แววตาของเธอเย็นชา ก่อนจะโต้กลับไปว่า : “อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่——คนแรกที่ฉันเคยเจอมา ก็คือคุณ!”

“ผมไม่ได้โกหกนะ” เฟิงหานชวนเริ่มร้อนใจ ก่อนจะพูดอย่างซื่อสัตย์ : “ถึงคุณจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ตลอดสามปีที่ผ่านมาผมป่วยหนัก ไม่มีแรงไปเที่ยวเล่นกับผู้หญิงคนอื่นหรอก!”

แววตาของเป๋าฮวนหม่นหมองลง ดูท่าหรงจิ่นซิวจะไม่ได้พูดจาซี้ซั้ว เฟิงหานชวนป่วยหนักจริง ๆ

“ป่วยเป็นอะไร? ถ้าคุณป่วยจริง ๆ ก็อยู่ห่าง ๆ ฉันเลย ฉันไม่อยากได้ผู้ชายขี้โรค!” เป๋าฮวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับพยายามจะถอยห่างออกไป

“เพราะคุณ ผมถึงป่วย” เฟิงหานชวนตอบกลับไป

“คุณป่วยเอง ยังกล้ามาโทษฉันอีกเหรอ?” เป๋าฮวนตอบกลับไป

เฟิงหานชวนไม่ตอบ ได้แต่มองเธอเงียบ ๆ จากนั้นก็ปล่อยตัวเธอ แล้วถอยหลังออกไปเอง

เขาหยิบบุหรี่และไฟแช็กจากฝั่งคนขับ จากนั้นก็พิงประตูรถ จุดบุหรี่และสูบมัน

ควันขมุกขมัวไปทั่วพื้นที่

เมื่อเป๋าฮวนเห็นการกระทำของเขา หัวคิ้วก็ได้ขมวดเข้าหากัน เธอเปิดประตูลงจากรถ และเดินอ้อมมาฝั่งของเขา ก่อนถามขึ้นว่า : “ในเมื่อคุณป่วยแล้ว ทำไมต้องสูบบุหรี่ด้วย?”

เฟิงหานชวนหยุดชะงักไป จากนั้นก็โยนบุหรี่ที่ยังสูบไม่หมดลงบนพื้น ก่อนจะใช้รองเท้าหนังบดขยี้ และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “เชื่อฟังคุณก็ได้ ไม่สูบแล้ว”

เป๋าฮวน : “???”

เธอแค่ถามเขาว่าทำไมต้องสูบบุหรี่ ไม่ได้บอกให้เขาอย่าสูบสักหน่อย

ไม่เจอกัน 3 ปี ทำไมเฟิงหานชวนถึงได้หลงตัวเองขนาดนี้นะ?

“ฮวนฮวน ถ้าคุณไม่เลือกจะจากไป ตอนนี้ลูกของเราคงจะเดินได้แล้ว……” เฟิงหานชวนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ลูก?

เธอเกือบลืมไปแล้ว เธอเสียเด็กไปหนึ่งคน….

เด็กที่จากไปโดยที่ยังไม่เป็นรูปร่างคนนั้น

“จะจากหรือไม่จากไป เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?” เป๋าฮวนปฏิเสธกลับไป

วินาทีต่อจากนั้น แววตาของผู้ชายก็เปล่งประกายขึ้นมาชั่วพริบตาเดียว เป๋าฮวนยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเอง

เธอเผลดหลุดปากออกไป แม้แต่เหตุผลที่จะโต้กลับอีกฝ่ายก็ไม่มี

“ฮวนฮวน คุณเปิดเผยออกมาแล้ว” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนหนักแน่นกว่าเดิม

เป๋าฮวนหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป แต่ผู้ชายคนนี้กลับโอบกอดเธอจากด้านหลัง

“คุณไม่อยากให้เด็กคนนั้นกลับมาเหรอ? ผมได้ยินว่า หลังจากที่เขาจากไป จะมีโอกาสกลับมาอีก กลายเป็นลูกของเรา…….” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนแหบพร่าเล็กน้อย

เป๋าฮวนรู้สึกตาร้อนผ่าว สรุปแล้ว เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่ใจร้ายที่สุด

สามปีมานี้ เธอคิดถึงเด็กคนนี้น้อยลง ราวกับเขาเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดในชีวิตของเธอ

“คุณเฟิง กรุณาปล่อยฉันเถอะ!” เป๋าฮวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เฟิงหานชวนไม่ขยับสักนิด

“เฟิงหานชวน! คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันอยู่กับคุณไม่ได้!” เป๋าฮวนพูดปฏิเสธออกไป

วินาทีต่อจากนั้นมือที่โอบกอดเธอของผู้ชายคนนี้ ก็ปล่อยทันที

เป๋าฮวนหันกลับไป เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“ฮวนฮวน เพราะคุณยายของคุณ ดังนั้นคุณถึงไม่ยอมให้อภัยผม?” น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย ราวกับพบเจอกับการโจมตีที่ทำร้ายจิตใจ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจึงแหบพร่าไม่สามารถดังกว่านี้ได้

“ผมอยากรู้ว่าต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมให้อภัยผม…..”

เป๋าฮวนอึ้งงันไปในทันที

แต่สีหน้าของเธอยังคงเย็นชา และถามขึ้นว่า : “คุณทำให้เธอฟื้นกลับมาได้ไหมละ?”

เห็น ๆ อยู่ว่าคำตอบคือไม่ได้

ดังนั้น นี่คือการเยาะเย้ยของเป๋าฮวน ไม่ใช่คำถามจริง ๆ

เฟิงหานชวนถอยโซซัดโซเซไปด้านหลัง มือข้างหนึ่งค้ำยันประตูรถเอาไว้ หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ สีหน้าเริ่มซีดเผือดลง

“ในเมื่อไม่ได้ ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของฉันอีก” เป๋าฮวนแกล้งทำเป็นไม่สนใจเฟิงหานชวน น้ำเสียงของเธอเย็นยะเยือกมากขึ้น

เธอมองไปยังจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งกำลังตะลุมบอนกับคนอื่นอยู่ที่ไกล ๆ ก่อนจะชำเลืองมองเฟิงหานชวน และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ให้คนของคุณหยุดด้วย ฉันจะพาบอดี้การ์ดของฉันกลับ!”

เสียง “พรึบ” ดังนั้น ทันใดนั้น ร่างของผู้ชายตรงหน้าก็ล้มลงไปบนพื้น

เวลานี้ ซูอวี่ได้พุ่งเข้ามาจากนั้นก็ควานหาขวดยาในรถ ก่อนจะเปิดเทใส่มือ และรีบป้อนใส่ปากของเฟิงหานชวนทันที

เมื่อเป๋าฮวนเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ถามขึ้นด้วยความตกใจว่า : “เขา…..เขาเป็นอะไร?”

เฟิงหานชวนในตอนนี้ ไม่ได้ดื่มเหล้าไม่ได้โดนแดด ทำไมถึงได้ล้มลงไปแบบนี้?

อีกทั้งยังต้องป้อนยาด้วย

ซูอวี่รู้สถานการณ์ล่วงหน้า ดังนั้นเมื่อเห็นท่าทางของเป๋าฮวน จึงไม่ได้ตกใจเท่าไหร่นัก แค่ตอบกลับไปว่า : “สามปีมานี้ ประธานเฟิงไม่ได้เป็นลมแค่ครั้งสองครั้ง……..”

“หลายครั้งเหรอ?” เป๋าฮวนเบิกตากว้าง และถามขึ้นด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ

“ครับ ประธานเฟิงไม่ใช่ไม่ทำงาน แต่เขาทำงาน ถ้าวันไหนไม่ทำงาน นั้นคือเขาป่วย……. เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณหนูเฉินครับ!”

“ห้ะ?” ดวงตาของเฟิงหย่าเบิกกว้าง

เธอจับมือหลีซืออวิ๋นอย่างตื่นเต้น หลีซืออวิ๋นก็ประหลาดใจเช่นกัน เธอก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย

“อาสาม อาจะมีภรรยาใหม่แล้วเหรอ? ในที่สุดอาก็ออกมาจากจุดนั้นได้แล้ว?” เฟิงหย่าถามอย่างรวดเร็ว: “ถ้าคุณปู่และพี่ชายรู้ พวกเขาต้องดีใจมากแน่ๆ”

ลูกพี่ลูกน้องของเฟิงหย่า คือเฟิงเฉินเหยี่ยน

“จำไว้ เรื่องนี้อย่าไปบอกใคร” เฟิงหานชวนสั่งอย่างจริงจัง: “ยังไม่แน่นอน”

“อะไรคือไม่แน่นอน? อาสามจีบเอง มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธบ้าง? หนูรับประกันได้ว่าจีบติดแน่!” เฟิงหย่าพูดขณะที่เธอกระพริบตาไปที่หลีซืออวิ๋น

“อากำลังจะประชุมแล้ว วางก่อนนะ” เฟิงหานชวนไม่อยากพูดอะไรอีก

“ก็ได้ อาสามทำงานก่อน หนูไม่กวนแล้ว จะรอฟังข่าวดีนะ” เฟิงหย่ารีบตอบ

เมื่อเฟิงหานชวนวางสายเสร็จ เฟิงหย่าก็ตะโกนว่า "อัยยะ" และกล่าวว่า:"พี่อวิ๋น พี่ได้ยินหรือยัง? อาสามจะขอพี่แต่งงานเร็วๆนี้!"

“เสี่ยวหย่า เธอกำลังพูดอะไรเนี่ย~ พูดอย่างกับฉันไม่มีความเป็นผู้หญิงเลย จะจีบติดแน่นอนอะไรกันล่ะ พูดแบบนี้ฉันดูไม่สงวนตัวเลยนะ” หลีซืออวิ๋นแสร้งทำเป็นว่าขี้อายและน้ำเสียงของเธอก็เคืองเล็กน้อย

“โถ่ พี่อวิ๋น พี่กับอาสามก็ไม่ใช่คนอายุน้อยๆแล้ว อย่าฝืนใจกันเลย กว่าอาสามจะออกมาจากเฉินฮวนฮวนได้ ถ้าอาสามสารภาพกับพี่ พี่ต้องตอบตกลงทันที เข้าใจไหม?” เฟิงหย่าดูกังวลมาก

“พอแล้วพอแล้ว เมื่อถึงเวลาค่อยว่ากัน” หลีซืออวิ๋นยิ้ม เผยให้เห็นฟันเรียงขาว

ในขณะนั้น โทรศัพท์ที่เธอวางบนโต๊ะก็สั่นอย่างกะทันหัน หลีซืออวิ๋นมองดู ชื่อคนโทรคือ "Z"

เธอหันหน้าไปข้างหนึ่งแล้วปิดโทรศัพท์ทันที

Z คือชื่อตัวย่อเบอร์โทรศัพท์ของเฉินเจี๋ยที่เธอเมมไว้

เฉินเจี๋ยโทรหาเธอ เพราะอยากนัดเธอไปที่อวิ๋นซูอพาร์ทเม้นท์ แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจเฉินเจี๋ยแล้ว

เพราะอีกไม่นานเธอจะแต่งงานกับเฟิงหานชวน

ผู้ชายเตี้ยคนนั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับเธออีก

สุสานชุนเทียน

ข้างหน้าหลุมฝังศพทั้งสองข้าง มีช่อดอกไม้วางอยู่

เป๋าฮวนยืนอยู่กลางหลุมฝังศพทั้งสอง ถอนหายใจเบาๆ

ในขณะนี้ จิ่งเหลิ่งก็ตะโกนว่า: “คุณหนูใหญ่ มาดูนี่เร็ว!”

“อาเหลิ่ง ตะโกนทำไม?” เป๋าฮวนหันศีรษะ มองไปยังผู้ชายที่อยู่ข้างหลัง โบกมือและตะโกนเรียกเธอ

“คุณหนูใหญ่ คุณมาดูก็จะรู้เอง” จิ่งเหลิ่งดูเป็นกังวลมาก

ดังนั้น เป๋าฮวนจึงต้องเดินไป และเมื่อเธอเดินไปข้างจิ่งเหลิ่ง เธอก็เห็นหลุมศพที่เขากำลังชี้

บนหลุมฝังศพ เป็นรูปของเธอ

ด้านล่างหลุมฝังศพเขียนไว้ว่า -เฉินฮวนฮวนภรรยาที่รัก เฟิงหานชวน

“นี่มันอะไรกันเนี่ย?” เป๋าฮวนขยี้ตา

จิ่งมั่วก็เดินตามไปดู หลังจากเห็นมันชัดเจนแล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า: “คุณหนูใหญ่ คุณตายที่ประเทศฮัว เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายคนนั้นจะสร้างหลุมฝังศพนี้ให้คุณ”

“คุณหนูใหญ่ คุณว่าเฟิงหานชวนคนนั้นไร้ศีลธรรมไหม? ยังเขียนว่าภรรยาที่รัก แอวะ!” จิ่งเหลิ่งแสดงท่าทางดูถูก

“หลุมฝังศพนี้ดูเส็งเคร็ง อาเหลิ่ง นายส่งคนมาจัดการด้วย” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว

ถ้าเธอไม่รู้ก็คงไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่และสบายดี ดังนั้นเธอคงไม่อยากเห็นหลุมฝังศพของตัวเอง

“รับทราบ คุณหนูใหญ่!” จิ่งเหลิ่งตอบ

อีกด้าน

ผู้ชายที่แสร้งทำเป็นเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้รับโทรศัพท์จากซูอวี่

“ประธานเฟิง ทางสุสานรายงานมาว่า มีคนกำลังทำลายหลุมฝังศพของคุณเฉิน แถมมีหนึ่งคนในนั้นคล้ายคุณเฉินมาก พวกเขาคิดว่าคุณเฉิน…ฟื้นคืน…ชีพ” ซูอวี่ยังรู้สึกตัวสั่นตอนรายงาน

“อะไรนะ!?” ดวงตาของเฟิงหานชวนเบิกกว้าง

ทันทีที่เขาวางสาย รีบออกจากห้องผู้ป่วยทันที

เป๋าฮวนมองไปที่หลุมฝังศพที่แตกเป็นเสี่ยงๆ พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

เธอยังไม่ตาย ดังนั้นเธอจึงไม่อยากเห็นหลุมศพแบบนี้สร้างขึ้นในสุสาน และขี้เถ้าในหลุมศพก็เป็นศพของหญิงนิรนาม

ดังนั้น เธอจึงสั่งจิ่งมั่วไปสร้างหลุมฝังศพอันใหม่ที่นี่

เมื่อเห็นว่ามันถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เป๋าฮวนก็กำลังจะจากไป ไม่คาดคิดทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดที่แขนของเธอ เธอถูกฝ่ามือขนาดใหญ่จับไว้อย่างรุนแรง

เธอหันศีรษะ ตกลงไปในวังวนมืดมิดทันที

เฟิงหานชวน!

เฟิงหานชวนมาที่นี่?

เขาอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ?

ซวยแล้ว!

ตัวตนของเธอกำลัวจะถูกเปิดเผย?

“คุณ…ทำอะไรของคุณเนี่ย! ปล่อยนะ!” เป๋าฮวนพยายามสะบัดมือออก

อย่างไรก็ตาม แรงของเฟิงหานชวนมีมากกว่า เป๋าฮวนไม่สามารถสะบัดมันออกได้

จิ่งเหลิ่งและจิ่งมั่วจะก้าวไปข้างหน้า แต่ถูกรายล้อมไปด้วยคนชุดดำหลายคน

พวกเขากำลังจะต่อสู้ เป๋าฮวนหยุดพวกเขาไว้ มองไปที่เฟิงหานชวนและถามว่า: “คุณเฟิง นี่คุณหมายความว่าอะไร?”

“คุณเป๋า ผมควรถามคุณมากกว่า นี่คุณหมายความว่าอะไร? ทำไมต้องทุบหลุมฝังศพของภรรยาผม?” เฟิงหานชวนถามกลับ

“ฉัน……"

เป๋าฮวนพูดไม่ออก เพราะเธอไม่คิดว่าในขณะที่เธอกำลังทำเช่นนี้จะถูกเฟิงหานชวนจับได้

“คุณเป๋า คุณควรอธิบายกับผม” เฟิงหานชวนเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว

เป๋าฮวนก้าวถอยหลัง พยายามรักษาระยะห่างจากเฟิงหานชวน ในขณะที่มีความรู้สึกกดขี่ จิตใจของเธอว่างเปล่า ไม่สามารถคิดคำอธิบายได้

“เพราะว่า เพราะ… เธอคล้ายกับฉันมาก!” เป๋าฮวนคิดอย่างหนักและในที่สุดก็โพล่งออกมา

“แล้ว? คุณก็เลยทำลายหลุมฝังศพของเธองั้นเหรอ?” เฟิงหานชวนบีบคอของผู้หญิง การแสดงออกของเขาน่ากลัว ราวกับปีศาจจากนรก

ทันใดนั้นเป๋าฮวนตกใจมาก เธอไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอไม่คาดคิดมาก่อน

เธอหายใจไม่ออกและถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า: "ใช่! แล้วไง? ฉันทนไม่ได้ที่เห็นรูปของตัวเองอยู่บนหลุมฝังศพ!"

ทันใดนั้น มือที่จับคอของเธอก็คลายลง เธอรู้สึกถึงความหวังของชีวิต และหอบหายใจอย่างหนัก

“ฮวนฮวน ในที่สุดคุณก็สารภาพออกมา” ใบหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนจากมืดครื้มเป็นสว่างทันที แม้แต่รอยยิ้มจางๆก็ปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของเขา

ใบหน้าของเป๋าฮวนเปลี่ยนไปและอธิบายว่า: “ฉันหมายถึง ภรรยาของคุณคล้ายกับฉันมาก ฉันรู้สึกเหมือนรูปของฉัน ฉันก็เลย…”

“ฮวนฮวน ไม่ต้องอธิบายแล้ว” เฟิงหานชวนกางแขนออกและโอบกอดผู้หญิงทันที จากนั้นก้มศีรษะไปที่หูของเธอ: “สามปีแล้วที่คุณลงโทษผม พอแล้วได้ไหม?”

เป๋าฮวน: "???"

นี่มันอะไรกันแน่?

เฟิงหานชวนระบุว่าเธอคือเฉินฮวนฮวนแล้วงั้นเหรอ?

“คุณเฟิง เรื่องนี้ฉันผิดเอง ฉันจะให้พวกเขาซ่อมหลุมฝังศพของภรรยาคุณ” เป๋าฮวนฝืนยิ้ม มือทั้งสองข้างพยายามเอามือของเฟิงหานชวนออกจากเธอ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็บูดบึ้งทันที เขากระซิบ: "ฮวนฮวน ผมรู้แล้วว่าคุณก็คือคุณ ไม่ต้องอธิบายแล้ว"

เป๋าฮวน: "???"

“คุณเฟิง คุณเอาอะไรมาพูด? ภรรยาของคุณกับฉันคือคนละคนกัน คุณจะคิดแบบนี้เพราะว่าเราคล้ายกันไม่ได้ คุณ…”

“เพราะคุณเป็นห่วงผม” เฟิงหานชวนขัดจังหวะคำพูดของผู้หญิง

เป๋าฮวนสับสนอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงที่งุนงงว่า: “ฉันเป็นห่วงคุณ? ฉันเป็นห่วงคุณตั้งแต่เมื่อไหร่? ถ้าคุณหมายถึงเรื่องที่ฉันส่งคุณไปโรงพยาบาล โทษที มันเป็นเพราะคุณดื่มไวน์แดงของฉัน ถ้าคุณดื่มหนักแล้วเป็นอะไรขึ้นมา มันจะเป็นความผิดของฉัน”

“ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ฮวนฮวน จริงๆคุณเป็นห่วงผม ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่กลับมาอีก ใช่ไหม?” เฟิงหานชวนมีความวิตกกังวลเล็กน้อย

เป๋าฮวนขมวดคิ้วและตอบอย่างใจเย็น: "ฉันมาที่ประเทศฮัว เพื่อเข้าร่วมการประมูล คุณคิดว่าฉันมาหาคุณงั้นเหรอ?”

"เป็นห่วงคุณ? ไปให้พ้น!”

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย: "…"

เขาหายจากอาการไอและกล่าวว่า: "ดูเหมือนว่าผมต้องเอาหลักฐานออกมาแล้ว"

“หลักฐาน?” เป๋าฮวนถามอย่างสับสน

จนกระทั่งเฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ออกมา เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด

ในภาพเธอยืนอยู่ที่ทางเดินของโรงพยาบาลรุ่ยเอิน ใบหน้าของเธอวิตกกังวลอย่างมาก และดวงตาของเธอแดงก่ำ ราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้

เธอมองไปที่ห้องผ่าตัดอย่างไม่ละสายตา เห็นได้ชัดว่าเป็นห่วงผู้ป่วยข้างใน

ช่วงเวลาที่กล้องจับภาพได้ คือเมื่อคืน เป็นช่วงเวลาหลังจากที่เฟิงหานชวนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล

เป๋าฮวนดูรูป นิ่งอึ้งไปทั้งตัว เธอคิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะเล่นกลอุบายกับเธอ

“ท่าทางและการแสดงออกเช่นนี้ คุณแน่ใจเหรอว่าคุณไม่ได้เป็นห่วงผม?” เฟิงหานชวนขดริมฝีปากของเขา จงใจถาม

ด้วยหลักฐานดังกล่าวแม้ว่าเป๋าฮวนจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่มีทางปฏิเสธได้

เธอแทบรอไม่ไหวที่จะตบตัวเองแรงๆสักที เป็นห่วงเฟิงหานชวน แถมยังถูกเขาจับได้อีก!

เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงหานชวนจริงๆ!

เมื่อเห็นว่าเป๋าฮวนเงียบ เฟิงหานชวนยังคงถามต่อ: "ฮวนฮวน คุณคือฮวนฮวนของผม ใช่ไหม"

“คือบ้าอะไร!” เป๋าฮวนจ้องเขา และเกิดความคิดขึ้นมาทันที: “ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร ฉันก็ไม่ใช่ฮวนฮวนของคุณ ฮวนฮวนของคุณตายไปแล้ว คุณก็เห็นกับตาตัวเองไม่ใช่เหรอ?”

“อันที่จริง ฉันเป็นห่วงคุณ เพราะฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น แต่ฉันไม่อยากมาแทนที่ภรรยาที่เสียชีวิตของคุณ เพราะงั้นฉันเลยจงใจแกล้งทำเป็นไม่แยแสคุณ”

"คุณ…คุณเข้าใจความหมายของฉันไหม?"

เป๋าฮวนกระพริบตา แม้ว่าเธอจะรู้ว่าข้อแก้ตัวของเธอนั้นแย่มาก แต่เธอก็ไม่ยอมรับว่าเธอคือเฉินฮวนฮวน

เฟิงหานชวนรู้สึกปวดหัว แต่ก็ยังพูดอย่างอดทนว่า: “ในเมื่อคุณบอกว่าคุณตกหลุมรักผมตั้งแต่แรกเห็น ถ้างั้นคุณคบกับผมได้ไหม?”

“ไม่! ไม่ได้!” เป๋าฮวนส่ายหัวและพูดอย่างน่าเชื่อถือ: “คุณเฟิง ฉันเพิ่งบอกไปว่า ฉันไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร ดังนั้นฉันจะไม่คบกับคุณ!”

เฟิงหานชวน: "…"

เขาค้นพบแล้วว่า หลังจากไม่ได้เจอมา3ปี เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนจากผู้หญิงตัวเล็กที่ขี้อาย กลายเป็นคนขี้เนียนแบบหน้าด้านกว่ากำแพงเมือง

“คุณเฟิง คุณหล่อมาก อ่อนโยนและมีเสน่ห์ คุณจะเจอผู้หญิงที่คุณชอบแน่นอน ขอบคุณที่คุณแสดงความรักของคุณ ฉันขอลา!” เป๋าฮวนพยายามยิ้มอย่างที่สุดและโบกมือให้ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า แล้วเดินจากไป

แต่ยังไม่ทันก้าวถึงสองก้าว เธอถูกดึงไว้ จากนั้นทั้งตัวก็ลอยอยู่บนอากาศ ถูกอุ้มขึ้นไปบนบ่า

เป๋าฮวนตกตะลึง เธอตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มคน ไม่สามารถเข้าไปช่วยเธอได้

เธอถูกผู้ชายอุ้มไปตลอดทาง และในที่สุด เธอถูกวางไว้ที่เบาะหลังของรถหรูคันหนึ่ง

เธอยังไม่ทันที่จะหายใจ ผู้ชายก็เข้ามาประชิดตัวเธอแล้ว

“50ล้าน? คุณนี่มันโลภมากไม่รู้จักพอจริงๆ” เป๋าฮวนเยาะเย้ยแสดงความรังเกียจ

“ฮวนฮวน ฉันเป็นพ่อเธอนะ! ฉันเลี้ยงเธอมา 20 ปี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเฟิงหานชวนรวยแค่ไหน 50ล้านนั้นเทียบเท่าปลายเล็บของเขา ไม่จำเป็นต้องพูดมากเลย!”เฉินเจี้ยนหมินเอามือเท้าสะโพก ความกระสับกระส่ายก่อนหน้านี้หายไปหมด และท่าทางมั่นใจมาก

“แล้วทำไมคุณถึงไม่ขอ100ล้านเลยล่ะ?” เป๋าฮวนมองเขาด้วยรอยยิ้ม

ดวงตาของเฉินเจี้ยนหมินเป็นประกายขึ้นทันใด ดูตื่นเต้นไปทั้งตัว พูดติดอ่างว่า: “100ล้าน? จริง …จริงเหรอ รีบให้เฟิงหานชวนเอาเงินมาให้ฉันเลย!”

“เฉินเจี้ยนหมิน ทำไมคุณไม่ฝันเอาล่ะ?” สีหน้าของเป๋าฮวนเย็นลงทันที และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “อาเหลิ่ง อามั่ว ไปกันเถอะ”

“ครับ คุณหนูใหญ่!” จิ่งเหลิ่งและจิ่งมั่ว ก้าวไปข้างหน้าทันที ดึงเฉินเจี้ยนหมินออกไป

เป๋าฮวนหันหลังเดินกลับ เฉินเจี้ยนหมินถูกดึงไว้โดยจิ่งเหลิ่งและจิ่งมั่ว แต่เขายังคงตะโกน:“ฮวนฮวน ถ้า100ล้านไม่ได้ 50ล้านก็ไม่ได้ ให้ฉัน10ล้านก็ได้…”

“ฮวนฮวน ห้ามไป แกห้ามไปนะ กลับมาเดี๋ยวนี้!”

ไม่รู้ว่าเฉินเจี้ยนหมินตะโกนมานานแค่ไหน ถูกจิ่งเหลิ่งและจิ่งมั่วลากออกไป

ในความสิ้นหวัง จิ่งมั่วทำได้เพียงใช้ฝ่ามือผลักเฉินเจี้ยนหมิน เฉินเจี้ยนหมินล้มลงกับพื้นทันที

หลังจากขึ้นรถ จิ่งมั่วสตาร์ทรถแล้วถามว่า: "คุณหนูใหญ่ เราจะกลับโรงแรมใช่ไหมครับ?"

“เที่ยงแล้ว หาร้านอาหารกินกันก่อน” เสียงของเป๋าฮวนดูทื่อเล็กน้อย

“ครับ คุณหนูใหญ่” จิ่งมั่วขับรถออกไป

ตลอดทาง เป๋าฮวนไม่ได้พูดอะไรสักคำ จิ่งเหลิ่งรู้สึกว่าบรรยากาศเคร่งขรืมเล็กน้อย เขาจึงถามว่า: “คุณหนูใหญ่ พ่อคุณ…”

“ฉันไม่น่ามาที่นี่เลย” เป๋าฮวนเสียใจ

“ใช่ครับ ตัวตนของคุณถูกเปิดเผยแล้ว” จิ่งเหลิ่งพยักหน้าเสริม

เป๋าฮวนเม้มริมฝีปาก เธอไม่ได้เสียใจกับเรื่องนี้ แต่เธอเสียใจที่ยอมใจอ่อน

เมื่อเห็นว่าเฉินเจี้ยนหมินยังคงเหมือนเดิม เธอไม่อยากรู้ข่าวคราวของเขาอีกต่อไป

ไม่ว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง ก็ไม่เกี่ยวกับเธออีก

มื้อกลางวัน เป๋าฮวนและจิ่งเหลิ่ง จิ่งมั่วมาที่ร้านอาหารหลานเซียง

เป๋าฮวนเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง ตอนที่เธอท้อง เฟิงหานชวนพาเธอและหลีซืออวิ๋นมาทานข้าว

เธอรู้สึกว่าอาหารของร้านหลานเซียงสดและอร่อย ดังนั้นเธอจึงเลือกทานมื้อกลางวันที่นี่

เมื่อทานเสร็จแล้ว จิ่งมั่วถามอีกครั้ง: “คุณหนูใหญ่ กลับโรงแรมเลยไหม?”

“พาฉันไปที่สุสาน” พูดจบเป๋าฮวนก็สวมแว่นกันแดด

เธอเดินไปข้างหน้า จิ่งเหลิ่งและจิ่งมั่วเดินตามหลัง ภาพนี้สง่างามชนะขาดลอย

เมื่อเป๋าฮวนเดินไปที่ประตูร้านอาหารหลานเซียง เธอก้มศีรษะลงคิดอะไรบางอย่าง เธอไม่ได้สังเกตคนที่อยู่ข้างๆ เธอเพิ่งเดินผ่านไป

ทันใดนั้น หลีซืออวิ๋นหยุดและมองย้อนกลับไป เธอมองและขมวดคิ้ว

“พี่อวิ๋น พี่กำลังดูอะไร? ผู้หญิงคนนั้นเหรอ?” เด็กสาวที่อยู่ข้างๆจับแขนของหลีซืออวิ๋นถามด้วยความสงสัย

หลีซืออวิ๋นไม่ได้ปิดบัง และพูดตามความจริงว่า: "ผู้หญิงคนเมื่อกี้ เหมือนฉันจะคุ้นๆ…"

“ใคร?” เฟิงหย่าสงสัย

เธอไม่ได้สังเกตรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้น เพราะเธอมองโทรศัพท์และตอบข้อความ แต่เห็นบอดี้การ์ดหล่อสองคนที่เดินตามเธอ เธอพูดขึ้นว่า: "ลูกคุณหนูตระกูลไหนล่ะมั้ง พี่อาจจะเคยเห็นในงานเลี้ยง "

“ไม่ ไม่ใช่ รูปร่างเหมือน เหมือนเธอ…” แม้ว่าหลีซืออวิ๋นและเฉินฮวนฮวนจะไม่ได้เจอกันหลายครั้ง แต่เธอก็จำรูปร่างของเธอได้

เพราะเธอมักจ้องดูรูปถ่ายของเฉินฮวนฮวน และศึกษาเธออย่างรอบคอบหลายครั้ง

“เหมือนเธอ? เธอเป็นใคร?” เฟิงหย่ายิ่งงุนงงมากขึ้นไปอีก

“เฉินฮวนฮวน” หลีซืออวิ๋นโพล่งออกมา

“เฉินฮวนฮวน!?” เฟิงหย่าอุทาน แสดงท่าทางรังเกียจ และกล่าวว่า:“พี่อวิ๋น พี่จะพูดถึงผู้หญิงคนนั้นทำไม? เสียบรรยากาศ! เธอฆ่าตัวตายเมื่อ3ปีที่แล้ว!”

“ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจจริงๆ อาสามดีกับเธอมาก ก็แค่ความเข้าใจผิดนิดเดียวไม่ใช่เหรอ? เขาก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชดเชยให้เธอ แต่เธอก็ไม่พอใจ แถมยังฆ่าตัวตายอีก ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีปัญหาทางจิตหรือเปล่า!"

เฟิงหย่าไม่เคยเห็นตัวจริงของเฉินฮวนฮวน เรื่องทั้งหมดได้ยินมาจากครอบครัวตระกูลเฟิง เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่รักการใช้ชีวิต ผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายง่ายๆแบบนี้เธอไม่อยากสนใจ

เธอชื่นชมอาสามเฟิงหานชวนมาก สถานการณ์ของอาสามตอนนี้แย่มาก เธอหวังว่าอาสามจะหาผู้หญิงที่เหมาะสมได้โดยเร็วที่สุด กำจัดเงาของเฉินฮวนฮวนออกไป

และคนที่เธอเห็นสมควรก็คือ หลีซืออวิ๋น

เพราะเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลีซืออวิ๋น หลีซืออวิ๋นปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นน้องสาว ถ้าหลีซืออวิ๋นเป็นอาสะใภ้ของเธอ เธอจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ

“ใช่ เธอฆ่าตัวตายเมื่อสามปีที่แล้ว ฉันคงตาฝาดไปเอง” หลีซืออวิ๋นส่ายหัว ราวกับกำลังตอบเฟิงหย่า และกำลังทบทวนตัวเอง

เฟิงหย่าดึงแขนของเธอแล้วกล่าวว่า:"พี่อวิ๋น ฉันจองที่นั่งไว้แล้ว อย่าไปนึกถึงเฉินฮวนฮวนผู้หญิงคนนั้นเลย เดี๋ยวพี่อวิ๋นก็จะได้เป็นอาสะใภ้สามของฉันแล้ว!”

“เสี่ยวหย่า อย่าพูดไปเรื่อย หานชวนยังไม่แสดงออกเลย!” เมื่อพูดเช่นนี้ แก้มของหลีซืออวิ๋นก็แดงอย่างเขินอาย

เฟิงหย่าหัวเราะและพูดติดตลกว่า: "อาสามประมูลไฟลิน5พันล้าน พวกเรารู้ว่าอาสามต้องมอบไพลินให้พี่ ไม่งั้นจะให้ใคร?"

นอกจากหลีซืออวิ๋นกับผู้นำหญิง เฟิงหานชวนไม่มีผู้หญิงคนอื่นรอบตัวเขา ทัศนคติของเขาที่มีต่อผู้นำหญิงปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นผู้นำหญิงคนนั้น

เฟิงหย่ารู้สึกว่าตำแหน่งของหลีซืออวิ๋นในฐานะอาสะใภ้สาม ไม่มีใครแย่งไปได้

“เสี่ยวหย่า!” หลีซืออวิ๋นคร่ำครวญ แต่ไม่ปฏิเสธ

“เดี๋ยวฉันจะช่วยพี่ถามอาสามเอง” เฟิงหย่าพาหลีซืออวิ๋นไปที่ที่นั่ง และโทรหาเฟิงหานชวนทันที

ไม่นาน โทรศัพท์ก็เชื่อมต่อ เฟิงหย่าเปิดลำโพงแล้วพูดขึ้นว่า: “อาสาม ไม่เจอกันนาน!”

“เสี่ยวหย่า มีอะไรหรือเปล่า?” เสียงที่นุ่มนวลของผู้ชายดังขึ้น

เฟิงหย่าในฐานะหลาน ทัศนคติของเขาค่อนข้างใจดี

“ไม่มีอะไร ก็แค่อาสามไม่ได้กลับบ้านเก่านานแล้ว คุณปู่ถามว่าอาจะกลับมาอีกเมื่อไหร่?” คุณปู่ที่เฟิงหย่าเอ่ย ก็คือนายท่านเฟิงเหลยถิง

“ตอนนี้ยังไม่กลับ ไว้จะบอกอีกที” เฟิงหานชวนตอบตามความจริง

“ตอนนี้? อาสามยุ่งมากเลยเหรอ? อาสามมัวทำอะไร?” เฟิงหย่าหันไปกระพริบตาให้หลีซืออวิ๋น

หลีซืออวิ๋นกังวลว่าเฟิงหย่าจะถามตรงเกินไป เธออยากห้าม แต่ก็อยากได้ยินคำตอบ เฟิงหานชวนตอบอย่างใจเย็น: "มัวตามจีบผู้หญิง”

เป๋าฮวน: "???"

สรุปแล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน?

ภรรยาใหม่คือเธอ?

"แต่งงานกับคุณไง!" เป๋าฮวนแอบกลอกตาและด่ากลับไป: "เฟิงหานชวน คุณนี่ป่วยจริงๆนะ!"

หลังจากพูดจบเธอก็หันหลังและวิ่งออกจากห้องผู้ป่วยไป

หลังจากนั่งรถกลับมาถึงโรงแรม เป๋าฮวนก็นอนไม่หลับและเอาแต่คิดถึงสิ่งที่หรงจิ่นซิวพูด

ทุกครั้งที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเข้าใจเฟิงหานชวนผิดไป แต่พอกลับมานึกถึงคำพูดที่เฟิงหานชวนพูด เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนใจอ่อนเกินไป

เธอคิดพลางพลิกตัวไปมา…

วันรุ่งขึ้นจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งมาหาเป๋าฮวน แต่พวกเขาก็ต้องตกใจกับใบหน้าที่หมองคล้ำของเธอ

"คุณหนูใหญ่ นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?"จิ่งเหลิ่งอุทาน

เป๋าฮวนขยี้ผมที่กระเซอะกระเซิง จากนั้นเดินไปทางห้องน้ำและตัดสินใจที่จะส่องกระจก

วินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องดัง "อ๊าย–" เสียงดังไปทั่วทั้งชั้น

เมื่อเป๋าฮวนเดินออกมาก็เห็นจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งยังคงปิดหูของพวกเขาอยู่และดูกลัวๆ

"เอามือลงเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ตะโกนแล้ว แกล้งทำหรือยังไงกัน?"เป๋าฮวนแอบกลอกตา

"คุณหนูใหญ่ ที่คุณตะโกนเมื่อกี้เกือบทำพวกเราเกือบหูหนวกแล้ว"จิ่งเหลิ่งโจมตี

เป๋าฮวนชำเลืองมองเขาตาแข็งแล้วพูดว่า: "อาเหลิ่ง ฉันได้ยินมาว่าเดวิดยังไล่ตามนายอยู่เหรอ?"

จู่ๆจิ่งเหลิ่งก็ตัวหดทันทีและรีบพูดว่า: "คุณหนูใหญ่ ผมผิดไปแล้ว! ผมผิดไปแล้วจริงๆ! "

เมื่อพูดถึงสิ่งที่จิ่งเหลิ่งกลัวที่สุด ก็คือคนทำสวนของตระกูลเป๋าที่ชื่อเดวิด

เดวิดเป็นผู้ชายที่มีกล้ามใหญ่แต่เขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับรูปร่างของเขา แต่เป็นผู้ชายจำพวกผิดผี

เดวิดชอบจิ่งเหลิ่ง นี่คือสิ่งที่หลายคนรู้ เขาไล่ตามจิ่งเหลิ่งอย่างหลงใหล แต่จิ่งเหลิ่งก็เลี่ยงทุกครั้งเมื่อเจอเดวิด

แค่มีการกล่าวถึงเดวิด จิ่งเหลิ่งก็จะต้องยอมจำนนอย่างเชื่อฟัง

"ฮ่าๆ" แม้แต่จิ่งมั่วที่จริงจังมาตลอดก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้

จิ่งเหลิ่งเหยียดมือออกไปหยิกแขนของจิ่งมั่วอย่างแรง เขากัดฟันด้วยความโกรธ

"คุณหนูใหญ่ พวกเราได้ข่าวเรื่องพ่อของคุณแล้ว"จิ่งมั่วไม่สนใจสนใจจิ่งเหลิ่ง แต่รายงานกับเป๋าฮวนอย่างจริงจัง

"ฉันรู้เรื่องนี้แล้ว คุณปู่โทรหาฉันเมื่อคืนนี้ พวกนายรอฉันแต่งหน้าก่อนแล้วค่อยมารับฉัน"เมื่อเป๋าฮวนพูดถึงเฉินเจี้ยนหมินสีหน้าของเธอก็ทรุดลงทันที จากท่าทางที่เจ้าเล่ห์เมื่อสักครู่ของเธอก็เปลี่ยนนิ่งเฉย

"ได้ครับ คุณหนูใหญ่"จิ่งเหลิ่งและจิ่งมั่วฟังคำสั่งและปฏิบัติ

……

หลังจากหนึ่งชั่วโมง

รถโรลส์รอยซ์สีดำจอดอยู่ข้างทางในชนบท

"คุณหนูใหญ่ ถ้าจะขับเข้าไปข้างในมันจะขับยาก ต้องลงจากรถแล้วเดิน"จิ่งมั่วหันหน้ามาและรายงานเป๋าฮวนซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลัง

"โอเค"เป๋าฮวนพยักหน้าและลงจากรถ

จิ่งมั่วเดินอยู่ข้างหน้าสุด ส่วนเป๋าฮวนเดินอยู่ตรงกลาง และจิ่งเหลิ่งอยู่ท้ายสุด

หลังจากเดินไปเกือบสิบนาทีในซอยเล็กๆ จิ่งมั่วก็หยุดอยู่หน้าบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่ดูทรุดโทรม

เป๋าฮวนมองไปรอบๆและขมวดคิ้ว สภาพแวดล้อมที่นี่ลำบากกว่าที่เธอคิดไว้มาก

ในขณะเดียวกันเสียงเปิดประตูดัง "กริ๊ก" และประตูก็เปิดออกอย่างกะทันหัน ผู้ชายในชุดเหมือนผ้าขี้ริ้วก็เดินออกมา

ผมของเขายุ่งเหยิงและปรกใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง ผมของเขาเป็นสีขาวครึ่งหนึ่งและสีดำครึ่งหนึ่ง เขาถือชามข้าวสเตนเลสอยู่ในมือ

อาหารในชามดูเหมือนอาหารสุนัข

เขาไม่ได้สังเกตเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงข้าม เขาหันไปและกำลังจะเดินข้างหน้าแต่จู่ๆเขาหยุดกะทันหัน

ในขณะที่เขาหันกลับมา ชามข้าวในมือก็ตกลงกับพื้นดัง "แกร๊ง" และอาหารก็กระจัดกระจายไปทั่วพื้น ทำให้สภาพแวดล้อมดูสกปรกมากกว่าเดิม

"เธอ……เธอ……"ดวงตาของเขาเบิกกว้างและนิ้วที่สั่นของเขาชี้ไปทางของเป๋าฮวน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนทั้งสองคนที่อยู่ด้านของเป๋าฮวน จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งในชุดสีดำยังคงยืนอยู่ การต่อสู้แบบนี้ทำให้เฉินเจี้ยนหมินนั่งลงบนพื้นทันที "พรุ่บ"

เขาเอามือกุมหัวแล้วพูดกับตัวเองในหัวอย่างมึนงง: "ฉันตายแล้วเหรอ? นี่ฉันตายแล้วเหรอ? พวกคุณมาที่นี่เพื่อพาฉันไปนรกเหรอ? "

เป๋าฮวน: "…."

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด เป๋าฮวนก็ตระหนักว่าตอนนี้เธอเป็นเพียง "คนตาย" สำหรับเฉินเจี้ยนหมิน

นอกจากนี้ยังมีคนชุดดำสองคนที่อยู่ข้างๆ เฉินเจี้ยนหมินคงกลัวจนคิดว่าพวกเขาจะเป็นยมทูตที่มาจากยมโลก

"ฮวนฮวน ฉันตายแล้วเหรอ? ฉันจะตายได้ยังไง? ฉันไม่ได้มีชีวิตอยู่หรอกเหรอ?"เฉินเจี้ยนหมินลุกยืนขึ้นอย่างลำบากลำบน เขามองไปที่เป๋าฮวนและต้องการจะเดินเข้าไปข้างหน้าเพื่อหาเธอแต่เขาไม่กล้า

เป๋าฮวนหัวเราะเยาะโดยไม่ได้รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่ถามอย่างเย็นชาว่า: " คุณมีชีวิตที่ดีไหม? แต่เท่าที่ฉันเห็น ชีวิตคุณไม่น่าจะดีสักเท่าไหร่"

"เฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรวล่ะ?"

เมื่อได้ยินชื่อของทั้งสองคนนี้ ใบหน้าของเฉินเจี้ยนหมินก็เปลี่ยนสีทันที ดวงตาของเขาเปลี่ยนจากหวาดกลัวกลายเป็นดุร้าย และทันใดนั้นเขาก็ตะโกนว่า: "อ๊าก–"

"ถ้าฉันตาย ฉันก็จะพาพวกเธอไปลงนรกด้วยกันเหมือนกัน!"

"เฉินเหม่ยเจวียนคือคนที่ทำร้ายฉัน มันคือเธอ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ!"

เฉินเจี้ยนหมินกุมหัวของเขาไว้แน่นและกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของเขา บูดบึ้ง เขาดูเหมือนคนบ้าที่วิ่งหนีออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช

"เฉินเหม่ยเจวียนทำร้ายคุณ? เหอะ พวกคุณไม่ใช่คู่สามีภรรยาที่รักกันหรอกเหรอ? ทำไมเธอถึงทำร้ายคุณล่ะ? "เป๋าฮวนรู้สึกว่ามันไร้สาระ

"เธอเป็นคนทำร้ายฉัน เธอแอบไปมีความสัมพันธ์กับเสี่ยวไป่เหลียน และเมื่อบริษัทล้มละลายเธอก็เอาเงินสดและเครื่องประดับทั้งหมดจากตู้เซฟที่บ้านไปทั้งหมด! เธอทำร้ายฉันจนต้องมาลำบากอยู่ที่นี่! "

เสี่ยวไป่เหลี่ยน?

จิ๊ๆ เป๋าฮวนดึงริมฝีปากของเธอ

ไม่คิดว่าเฉินเหม่ยเจวียนจะเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจเช่นนี้ อย่างว่าผู้หญิงก็คือผู้หญิง!

เป๋าฮวนหันหน้ามาถามจิ่งมั่วว่า: "เฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรวตอนนี้เป็นยังไง?"

"คุณหนูใหญ่ เฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรวทำตัวเป็นผู้หญิงแย่ๆ สำหรับเฉินเหม่ยเจวียนไม่ได้เป็นที่สนใจนัก เธอติดตามนักธุรกิจตัวเล็กๆที่มีความต้องการทางอารมณ์สูง ปกติแล้วเธอไม่ค่อยได้เงินจากเขา ก่อนหน้านี้เธอก็ถูกภรรยาที่แท้จริงของเขาทุบตีอยู่บนถนน”

จิ่งมั่วรายงานอย่างจริงจัง

"เฉินเหม่ยเจวียนอายุขนาดนั้นแล้ว ยังไปเป็นเมียน้อยอีกเหรอ?"เป๋าฮวนขมวดคิ้ว สีหน้าของเธอดูรังเกียจ

"ใช่ครับ แต่คนนั้นเป็นแค่นักธุรกิจตัวเล็กๆ และไม่ได้ให้เงินเธอสักเท่าไหร่ ดังนั้น…

เฉินเหม่ยเจวียนจึงไปแอบขายตัวในราคาที่ต่ำด้วยค่าเฉลี่ย 500 หยวนต่อครั้ง กลุ่มผู้ใช้บริการหลักคือผู้ชายชนชั้นล่างจนถึงชนชั้นกลางที่มีอายุมากกว่าหกสิบปี

"แหวะ!"เป๋าฮวนรู้สึกคลื่นไส้

ผู้ชายชนชั้นล่างจนถึงชนชั้นกลางที่มีอายุมากกว่าหกสิบปี ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือพวกชายแก่

เฉินเหม่ยเจวียนนี่เห็นแก่เงินจริงๆ

"ลูกสาวก็กับเหมือนแม่ เฉินซินโหรวเองก็เหมือนกับแม่ของเธอเฉินเหม่ยเจวียน แต่เธอมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเพราะเธอยังเด็กและสวย แถมยังมีรูปร่างที่ดีอีกด้วย คนเลี้ยงดูคนปัจจุบันเป็นหัวหน้าเหมืองถ่านหิน และตอนนี้เธอก็เป็นนักแสดงแถวสอง และถ่ายละครอยู่บ่อยครั้ง และมักจะมีความสัมพันธ์กับพวกคนในวงการบันเทิงระดับสูง นักแสดงชาย ผู้กำกับ เป็นต้น"จิ่งมั่วพูดต่อ

"แฟนของเธอไม่ใช่เยี่ยจิ่งเฉินเหรอ? เธอทิ้งเยี่ยจิ่งเฉินเหรอ? "เป๋าฮวนถามด้วยความสงสัย

"ไม่ใช่ครับ เยี่ยจิ่งเฉินทิ้งเฉินซินโหรวไปก่อนหน้านี้ประมาณสองปีครึ่ง และหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาก็ได้แต่งงานกับลูกสาวของเจ้าของกิจการหวังซื่อชื่อ หวังย่วนย่วน

หลังจากแต่งงานกับหวังย่วนย่วนแล้ว เยี่ยจิ่งเฉินก็ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดในธุรกิจของหวังซื่อ เมื่อมีอำนาจที่มากขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน"

"ทิ้งเฉินซินโหรว?"เป๋าฮวนหัวเราะเยาะ เธอเล่นเล็บของเธอและพูดว่า: "ดูเหมือนว่านิสัยของผู้ชายคนนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนอยู่ดี สันนิษฐานว่าเฉินซินโหรวก็คงถูกทิ้งหลังจากถูกนอกใจ"

"ถูกครับ คุณหนูใหญ่"จิ่งมั่วเสริม

เมื่อฟังสิ่งที่พวกเขาพูด เฉินเจี้ยนหมินก็ค่อยๆกลับมีสติ เขาหยิกใบหน้าของเขา หยิกแขนและต้นขาของเขา และพบว่าเขายังคงอยู่ในโลกมนุษย์และยังไม่ตาย

"เธอ……ฮวนฮวน เธอยังไม่ตายเหรอ? เธอ……"เฉินเจี้ยนหมินชี้ไปที่เธอและถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"ขอโทษนะ ฉันไม่ใช่เฉินฮวนฮวน"เป๋าฮวนยักไหล่แล้วพูดว่า: "เฉินฮวนฮวนตายไปแล้วเมื่อสามปีก่อน"

"ไม่ เธอคือฮวนฮวน ฮวนฮวน เธอไปอยู่ที่ไหนมาในช่วงสามปีที่ผ่านมา?"เฉินเจี้ยนหมินรีบเข้ามาเพื่อที่จะได้มองเฉินฮวนฮวนอย่างชัดๆ แต่ก็ถูกจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งขวางไว้เสียก่อน

"พวกคุณคือใคร? สรุปแล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน?"เฉินเจี้ยนหมินตกตะลึงมึนงง เขามองไปที่เฉินฮวนฮวนและถามด้วยความสับสน: "ในเมื่อเธอไม่ใช่ฮวนฮวน แล้วทำไมเธอถึงรู้เรื่องครอบครัวของพวกเรา ทำไมเธอถึงดูเหมือนฮวนฮวน สรุปแล้วเธอเป็นใคร!"

"ฉันเป็นใคร ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย คุณทำตัวเองให้ดีเถอะ"เป๋าฮวนขี้เกียจตอบ เธอตบไหล่ของจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่ง บอกเป็นนัยว่าไปกันเถอะ

เมื่อเป๋าฮวนหันหลังและเดินไปได้เพียงสองก้าว เธอก็ได้ยินเสียง "ฟุ่บ" ดังขึ้นข้างหลังเธอ เมื่อเธอหันหน้ามาเธอก็เห็นเฉินเจี้ยนหมินคุกเข่าลงบนพื้นและก้มหัวให้เธอ

"ฮวนฮวน พ่อเคยทำผิดพลาดมาก่อน พ่อไม่ควรโหดร้ายกับเธอแบบนั้น! แม้ว่าพ่อจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอในช่วงสามปีที่ผ่านมา แต่เธอช่วยพ่อได้ไหม? ตอนนี้ชีวิตพ่อลำบากเหลือเกิน แทบจะอยู่ไม่ได้แล้ว ช่วยพ่อด้วย! "เฉินเจี้ยนหมินร้องไห้

เมื่อมองไปที่ท่าทางที่ดูต่ำต้อยของเขา เป๋าฮวนก็ขมวดคิ้วและเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคน

ขณะที่เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขา มือคู่หนึ่งก็จับเข้าที่ข้อเท้าของเธอทันที ราวกับว่าจับเส้นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย

"ฮวนฮวน ช่วยพ่อด้วย! พ่อรู้ว่าตอนนี้เธอมีชีวิตที่ดีมาก แถมเธอยังมีบอดี้การ์ดอีก เธอต้องช่วยพ่อและพาพ่อไปจากบ้านผีสิงนี้! "เฉินเจี้ยนหมินยังคง ร้องโหยหวน

เป๋าฮวนหลับตาลงและถามว่า: "แล้วคุณรู้ไหมว่าฉันใช้เวลาสามปีที่ผ่านมาอย่างไร?"

"ฮวนฮวน ทุกคนต่างบอกว่าเธอตายแล้ว แล้วทำไมเธอถึงยังไม่ตาย? เธอหนีไปไหนมา?"เห็นได้ชัดว่าเฉินเจี้ยนหมินไม่มีความคิดที่จะพยายามเข้าใจเลยสักนิด และยังคว้ามือเธอมาจับอย่างร้อนใจแล้วพูดว่า: "เธอต้องช่วยพ่อ พ่อมีเพียงลูกสาวคนเดียวก็คือเธอ!"

เป๋าฮวนอยากจะหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้หัวเราะออกมา

ลูกสาว?

เมื่อไหร่กันที่เขาคิดว่าเธอเป็นลูกสาว?

"คุณอยากได้เงินเหรอ? อยากได้เท่าไหร่?" เป๋าฮวนถามอย่างเย็นชา

ทันทีที่เขาได้ยินคำว่า "เงิน" ดวงตาของเฉินเจี้ยนหมินก็เป็นประกายทันที เขาลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นและถามว่า: "ฮวนฮวน เธอสามารถให้เงินฉันได้เท่าไหร่? เธอกลับมาอยู่กับเฟิงหานชวนอีกแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ต้องมีเงินเยอะแน่ๆ! "

เฉินเจี้ยนหมินรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาจับมือของเป๋าฮวนและพูดว่า: "ให้ฉันสักห้าสิบล้านเป็นยังไง?"

“ผมคิด เฮียสามกลายเป็นอย่างตอนนี้ คงเป็นเพราะคุณ”

หรงจิ่นซิวพูดกับเป๋าฮวนหนึ่งประโยค พร้อมหันหน้าสั่งพยาบาล “ส่งเขาไปที่ห้องคนไข้ก่อน”

“ค่ะ!” พวกพยาบาลรับคำสั่ง

พยาบาลหนึ่งในนั้นจับมือเป๋าฮวนที่จับเฟิงหานชวนไว้ออก แล้วคนจำนวนหนึ่งเข็นเฟิงหานชวนจากไป

เป๋าฮวนอยากตามไป แต่หรงจิ่นซิวกลับเรียกเธอไว้อีกครั้ง

“คุณไม่อยากฟังหลายปีมานี้เฮียสามผ่านมายังไงเหรอ?”

เป๋าฮวนหยุดเดิน หันกลับมาพยายามให้ตัวเองสงบไว้ เปิดปากพูด“ขอโทษ ฉันไม่สนใจอดีตที่ผ่านมาของเขา”

“ถ้างั้นทำไมคุณเป็นกังวลสภาวะเขาขนาดนั้น?” หรงจิ่นซิวยักไหล่ เอ่ยถาม

อันที่จริงเขาเองนึกว่าเฉินฮวนฮวนตายไปนานแล้ว เขาคิดมาตลอดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่จิตใจอ่อนแอคนหนึ่ง เพราะการเข้าใจผิดครั้งเดียวเท่านั้น ก็ทิ้งชีวิตตัวเอง

แต่ว่าตอนนี้ เป็นเขาประเมินเฉินฮวนฮวนต่ำไป

ผู้หญิงที่สามารถทำให้เฟิงหานชวนหลงใหลจนสูญเสียความเป็นตัวเอง จะเป็นคนเรียบง่ายได้ยังไง?

และสามารถกุเรื่องฆ่าตัวตาย ถึงขนาดไม่มีพิรุธใดๆ เบื้องหลังของเฉินฮวนฮวน ประมาทไม่ได้จริงๆ

“เขาดื่มเหล้าที่เอามาจากห้องฉัน ถ้าหากเกิดเรื่องจริงๆ ยากจะปัดความรับผิดชอบ” เป๋าฮวนตอบหนักแน่น

“เป็นเพราะแค่นี้จริงๆเหรอ?” หรงจิ่นซิวอดถามไม่ได้

อันที่จริงชั่วพริบตาที่เห็นเป๋าฮวนนั้น เขาถึงขนาดสงสัยบางทีโลกนี้อาจมีคนที่เหมือนกันทุกอย่างอยู่ด้วย อาจจะเป็นแฝดที่พลัดพรากกัน อาจจะเกิดมาก็เหมือน…

แต่ความสงสัยนี้ หลังจากเป๋าฮวนเปิดปากพูด กลับถูกหรงจิ่นซิวปัดทิ้ง

เขาสวมชุดลำลอง และผ่านไปสามปีแล้ว ตอนนี้เขาไม่ใช่หมอในโรงพยาบาลรุ่ยเอินตั้งนานแล้ว และลงจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการ

และผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ กลับเรียกเขา “คุณหมอหรง” เป็นเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆนี้ ทำให้เป๋าฮวนเผยตัวตนออกมา

เป๋าฮวนไม่รู้ ภายใต้ความรีบของตัวเอง ทำให้หรงจิ่นซิวแน่ใจแล้วว่าเธอก็คือเฉินฮวนฮวน

“แค่นี้เท่านั้น” เธอพูดยืนยัน

แม้หรงจิ่นซิวสงสัย เธอก็ยังตอบคำตอบนี้เหมือนเดิม

“ผู้หญิง ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ” หรงจิ่นซิวถอนหายใจเงียบๆ พูดว่า “สามปีที่ผ่านมานี้เฮียสามผ่านมาอย่างยากลำบาก”

“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร พวกคุณจำคนผิดแล้วจริงๆ ” เป๋าฮวนตอบเสียงเย็น

“เฮียสามกินยามาโดยตลอด ร่างกายแย่มาก” หรงจิ่นซิวพูดเสริมต่อ

เป๋าฮวนกำลังจะเดินออกไป ได้ยินคำพูดนี้ เธอขมวดคิ้วพูดโพล่งออกมา “เขาป่วยเป็นอะไร?”

“ป่วยทางจิต โรคคลุ้มคลั่งแบบนั้น” หรงจิ่นซิวถอนหายใจ พูดว่า“มีบางครั้งอาการกำเริบ ซูอวี่ทำได้ฉีดยาระงับประสาท”

จู่ๆ เป๋าฮวนรู้สึกเหมือนหัวใจถูกคนกระชากแรงๆ หายใจลำบากเล็กน้อย

สามปีก่อน เฟิงหานชวนปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไรผิดปกติ น่าจะเป็นโรคในสามปีนี้?

“มองไม่ออกว่าเขาเป็นโรคแบบนี้ เขาดูเหมือนปกติดี” เป๋าฮวนกัดริมฝีปาก สีหน้าหงิกงอมาก

“เพราะคุณไม่ได้เห็นตอนเขามีอาการ พูดจริง สามปีมานี้ นิสัยเขาเปลี่ยนไปมาก ทำงานทั้งวัน ไม่มาสังสรรค์กับพี่น้องเลย”

“หากไม่ใช่วันนี้เขาถูกส่งมาโรงพยาบาล ผมกับเขาไม่เจอหน้ากันมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เจอหน้ากันเดือนก่อน เป็นผมกับเหวินโจวไปหาเขาที่บริษัทเอง”

“ถ้าหากเป็นเพราะปีนั้นที่เขาปกปิด คุณถึงจากไป การทรมานสามปีนี้คงพอแล้ว เฉินฮวนฮวน”

หรงจิ่นซิวพูดประโยคยาวออกมา หลังจากเขาพูดเสร็จ ไม่สนคำตอบของเป๋าฮวน เดินตรงไปข้างหน้า

เป๋าฮวนอึ้งอยู่กับที่

หรงจิ่นซิวเดินไปสักระยะหนึ่ง หยุดฝีเท้า หันกลับมาเตือน “เฮียสามอยู่ห้อง V808 ผมเชื่อว่าคุณคุ้นกับเลขนี้”

เป๋าฮวนมองด้านหลังหรงจิ่นซิว ครุ่นคิดอย่างหนัก

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เธอมาถึงห้องคนไข้

ในห้องไม่มีพยาบาล มีเพียงเฟิงหานชวนนอนนิ่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว

บนมือยังมีสายน้ำเกลือ

เป๋าฮวนสูดลมหายใจ ยกเท้าคิดจะเดินไปทางชายหนุ่ม ทันใดนั้น มือถือในกระเป๋าสั่นขึ้น

เธอล้วงมือถือออกมาดู คุณตาเป๋าเยี่ยนโทรมา เธอถอยออกจากห้องคนไข้ทันที เดินมารับโทรศัพท์ที่ทางเดิน

ชั่วพริบตาที่เธอออกมา ผู้ชายบนเตียงลืมตาขึ้น

ตรงทางเดิน เป๋าฮวนถามเสียงเบา “คุณตามีอะไรเหรอคะ?”

“ที่หนูอยู่ตอนนี้คงจะรุ่งสางแล้ว? ทำไมยังไม่นอน?” เป๋าเยี่ยนเสียงอ่อน กลับเต็มไปด้วยพลัง

“หนู…เพราะเจ็ทแลค หนูนอนไม่หลับ” เป๋าฮวนปกปิดสถานการณ์ที่นี่

“ตาได้ยินอามั่วรายงานว่า หนูไม่แค่เจอเฟิงหานชวนที่โรงแรมเท่านั้น ยังสืบข่าวเรื่องเฉินเจี้ยนหมินด้วย?” เป๋าเยี่ยนจี้ถาม

เป๋าฮวนเบะปาก เธอรู้อยู่แล้วไม่ว่าเรื่องอะไรจิ่งมั่วต้องรายงานคุณตาทั้งหมด

“คุณตา รู้ข่าวของเฉินเจี้ยนหมินไหมคะ?” อันที่จริงเป๋าฮวนกำลังเดา คุณตาจะล้างแค้นเฉินเจี้ยนหมินหรือเปล่า แต่คุณตาไม่เคยพูดถึงเลย

“ตารู้ แต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้” เป๋าเยี่ยนตอบตามจริง “จิ่งมั่วสืบได้แล้ว รายงานตาก่อน”

เป๋าฮวน “???”

เธอพูดด้วยความไม่พอใจทันที “คุณตา จิ่งมั่วเป็นคนของคุณตา หรือเป็นคนของหนูกันแน่?”

เป๋าเยี่ยนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เป็นคนของหนูแน่นอน หลานสาวที่น่ารักของตา”

“งั้นคุณตาบอกหนู เฉินเจี้ยนหมินตอนนี้…” เป๋าฮวนสูดหายใจลึกๆ ปวดหางตานิดๆ ไม่ได้พูดจบประโยค

แต่เป๋าเยี่ยนรู้ เป๋าฮวนอยากถามสภาพตอนนี้ของเฉินเจี้ยนหมิน เขาก็ถอนหายใจยาวๆ พูดว่า “ตอนนี้เขาเก็บขยะเพื่อดำรงชีวิต หลังจากเฉินซื่อกรุ๊ปล้มละลายเฉินเหม่ยเจวียนกับเฉินซินโหรว ก็จากเขาไป”

“เก็บขยะ?” เป๋าฮวนขมวดคิ้ว

“เขาเช่าบ้านอยู่ที่หมู่บ้านตงเจียวเฉิงผิง หมายเลข24 หากหนูอยากไปเยี่ยม จำไว้ว่าต้องพาจิ่งมั่วกับ

จิ่งเหลิ่งไปด้วย ตาเป็นห่วงความปลอดภัยของหนู” เป๋าเยี่ยนพูดอย่างปลงๆ “ได้ยินมาว่าชีวิตไม่ดีนัก”

“ไม่ดีเหรอคะ? ไม่ดีก็คือดี” เป๋าฮวนยิ้มเยาะ

แรกเริ่มเฉินเจี้ยนหมินชั่วร้ายมากแค่ไหน ตอนนี้ก็คืนสนองเขา

คุยโทรศัพท์กับคุณตาเสร็จ เป๋าฮวนหันกลับไปเข้าห้องคนไข้อีกครั้ง ครั้งนี้เข้าไปไม่เหมือนกับเมื่อกี้ที่เข้าไป เพราะเธอเห็นเฟิงหานชวนนั่งอยู่

“คุณตื่นแล้ว?” เป๋าฮวนเดินเข้าไปด้วยความประหลาดใจ

“คุณเป็นคนส่งผมมาโรงพยาบาล?” เฟิงหานชวนทำเหมือนไม่รู้อะไรเลย เอ่ยถามก่อน

“ฉันเอง” เป๋าฮวนตอบ บนหน้าไม่ได้แสดงออกมากมาย

เฟิงหานชวนพยักหน้าเงียบๆ พูดเสียงเบา “ขอบคุณ”

เขาท่าทางเย็นชา ต่างจากตอนอยู่โรงแรมก่อนหน้านี้ เหมือนเป็นคนละคน

จู่ๆเป๋าฮวนก็นึกถึงท่าทางของเขาสองวันมานี้ เดี๋ยวบ้าคลั่ง เดี๋ยวเย็นชา เดี๋ยวเป็นมิตร เดี๋ยวก็เปลี่ยนท่าทีไปอีกแบบ

เชื่อมโยงไปถึงคำพูดนั้นของหรงจิ่นซิว เฟิงหานชวนน่าจะมีปัญหาทางจิตจริง?

“ดึกขนาดนี้ รบกวนการพักผ่อนของคุณเป๋าแล้ว คุณเป๋ารีบกลับไปเถอะ” เฟิงหานชวนหลบตา พูดเสียงเย็น

เป๋าฮวนขมวดคิ้วทันที ถามว่า “อยู่ ๆ คุณดื่มเหล้ามากขนาดนั้นทำไม? คุณรู้ไหมเหล้าทำร้ายร่างกายมากแค่ไหน?”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเป๋า ไวน์ 9 ขวดนั้น ผมจะให้คนคืนให้คุณ” เฟิงหานชวนหน้านิ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย เหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

“นี่เป็นเรื่องคืนหรือไม่คืนเหล้าเหรอ? ฉันได้ยินคุณหมอหรงพูด คุณ…คุณเป็นโรคทางจิต?” เป๋าฮวนอดจี้ถามไม่ได้

สามปีมานี้ สำหรับเรื่องทั้งหมดในประเทศจีน เธออยู่ในสถานะที่ไม่รับรู้ และไม่มีความคิดที่จะรับรู้

เพราะในความคิดของเธอ หลังจากตัวเอง “ตาย” เฟิงหานชวนคงใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาแน่นอน เพราะฉะนั้นเธอถึงไม่อยากรับรู้ความเป็นอยู่ของเขาเลย ว่า “เต็มที่”มากขนาดไหน

แต่ตอนนี้ เป๋าฮวนเกิดความสงสัย ความจริงจะเหมือนที่เธอคิดแบบนั้นไหม?

“คุณดื่มเหล้ามากขนาดนั้น เป็นเพราะ…อาการกำเริบเหรอ?” เป๋าฮวนถามลึกลงไป

เฟิงหานชวนเพียงแค่มองไปข้างหน้าเงียบๆ ดวงตาสีดำเผยความลึกล้ำ ทำให้คนเดาความคิดไม่ออก

เป๋าฮวนคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับเฟิงหานชวนเมื่อสามปีก่อนอีกครั้ง เวลานั้นในสายตาเธอ

เฟิงหานชวนเป็นผู้ชายที่เจ้าระเบียบคนหนึ่ง ไม่เคยติดเหล้าสูบบุหรี่

แม้ว่าเธอจะเคยเห็นเขาสูบบุหรี่ ก็แค่บุหรี่ม้วนเดียวเท่านั้น

เพราะฉะนั้น ในความทรงจำของเธอ เฟิงหานชวนเป็นคนเจ้าระเบียบมาก ไม่มีทางทำเรื่องบ้าคลั่งแบบนี้ได้

“อาจจะ” เฟิงหานชวนตอบเสียงเรียบ

“คุณ…ป่วยเมื่อไร?” เป๋าฮวนอดไม่ได้ที่จะถามต่อ

เฟิงหานชวนหันหน้ามา ดวงตาลึกคู่นั้นมองที่เธอ สายตาที่จ้องนั้น ทำให้เป๋าฮวนร้อนตัวขึ้นมาเล็กน้อย

“ขอโทษ ฉันถามมากไป คุณพักผ่อนเถอะ ฉันต้องกลับโรงแรมแล้ว” ท่าทางของเป๋าฮวนสงบลงมาก เธอหันหลัง เพิ่งเดินได้สองก้าว เสียงของชายหนุ่มกับดังขึ้นมา

ได้ยินเสียงเขาพูดเบาๆ “หลังภรรยาผมตาย ผมก็ป่วย”

ในเรื่องนี้ เฟิงหานชวนไม่ได้โกหก เพียงแต่อาการป่วยนั้น หลังจากเจอเฉินฮวนฮวนอีกครั้ง เหมือนดีขึ้นทันใด

ที่เรียกว่า ป่วยใจต้องใช้ยาใจรักษา คงจะเป็นแบบนี้

หลังจากได้ยินคำตอบของเฟิงหานชวน เป๋าฮวนนิ่งไป รอจนเธอได้สติ หันกลับไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่บนเตียง

เธอพยายามรักษาอารมณ์ให้นิ่ง ทำเหมือนพูดล้อเล่น “ถ้างั้นคุณหาภรรยาคนใหม่ อาจจะรักษาได้?”

“ผมว่าน่าจะใช่ และผมก็หาเจอแล้ว” เฟิงหานชวนยกมุมปากช้าๆ ตอบเรียบๆ

เป๋าฮวน “…”

หัวใจเธอ จู่ๆ รู้สึกถูกมีดที่แหลมคมแทงเข้าไป เธอกัดฟันแน่น รู้สึกแค่ความห่วงใยของตัวเองเมื่อกี้ เสียเปล่าจริงๆ

เธอเกือบจะ เกือบจะ โดนผู้ชายคนนี้หลอกอีกแล้ว

“โอ้? ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็อวยพรให้คุณเฟิงกับภรรยาใหม่ของคุณ ขอให้รักกันตลอดไป ใจผูกพันกันชั่วนิรันดร” เป๋าฮวนแค่นยิ้มออกมา

ในความเป็นจริง เธอกำลังกัดฟันอยู่

“คุณเป๋า คุณแน่ใจจะอวยพรแบบนี้จริงๆ?” เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆ เป็นเสียงหัวเราะที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ

เป๋าฮวนเห็นท่าทางดีใจแบบนั้นของเขา แทบอยากจะเตะเขาให้ปลิว แต่เธอทนเอาไว้ ตอบกลับว่า “ใช่ คนจีนไม่ใช่อวยพรคู่บ่าวสาวแบบนี้กันเหรอ?”

“เห็นที คุณเป๋าจะยอมแต่งงานกับผม” เฟิงหานชวนมองเธออย่างจริงจัง พูดทีละคำ“ภรรยาใหม่ที่ผมเลือก ก็คือคุณเป๋า”

"โสด?"

เป๋าฮวนตกใจครู่หนึ่งด้วยสีหน้าที่งุนงง

ดูเหมือนว่าเธอจะสับสนกับกลอุบายของเฟิงหานชวนอย่างสิ้นเชิง

“คุณเป๋าห่วงใยผมมากขนาดนี้ ถ้าคุณมีแฟน แฟนของคุณคงจะหึงใช่ไหม?” เฟิงหานชวนวางคางบนไหล่ของหญิงสาว เสียงดั่งแม่เหล็กของเขาพร้อมด้วยแหบห้าวของความหลงใหลอย่างหนึ่ง

“……”

ไอ้บ้า!

เป๋าฮวนเกือบจะสบถคำหยาบออกมา!

“คุณเฟิง คุณหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า คุณเอาไวน์แดงทั้งหมดของฉันไป ฉันบอกไปเมื่อครู่แล้วว่า ฉันให้ผู้จัดการเปิดประตู นั่นเพราะว่า……”

“เป็นเพราะคุณกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับผม” เฟิงหานชวนขัดจังหวะเธอ

“ใช่ เมื่อกี้นายพูดบ้าอะไร” เป๋าฮวนเมาไปแล้วจริงๆ

“นั่นก็เป็นความห่วงใยแบบหนึ่ง ถ้าคุณไม่ได้เป็นห่วงผมสักนิดเลย คุณจะไม่สนใจว่าผมจะเป็นหรือตาย” เฟิงหานชวนพูดต่อด้วยความหน้าด้าน

เป๋าฮวน : "……"

เธอกัดฟันและพูดว่า “คุณเฟิง กรุณาปล่อยฉันด้วย ฉันอยากกลับห้องแล้ว”

“Alex เป็นแฟนคุณหรือ?” เฟิงหานชวนยังคงกอดเธอแน่นและถามด้วยเสียงเข้ม: “เขาเป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลอเล็กซานเดอร์ เขามีข่าวเจ้าชู้มากและมีแฟนเก่ามากมาย คุณแน่ใจหรือว่าอยากอยู่กับผู้ชายแบบนี้?”

เป๋าฮวน: "???"

“แม้ว่าผมจะมีประวัติเคยแต่งงาน แต่ภรรยาคนก่อนของผมไม่อยู่ที่แล้ว ตอนนี้ผมโสด คุณเป๋าต้องการเก็บไปพิจารณาไหม?” เฟิงหานชวนรังควานอย่างไม่เต็มใจ

“คุณเฟิง คิดว่าฉันเตะคุณไม่แรงพอใช่ไหม?” เป๋าฮวนกัดฟันอย่างดุดัน

เฟิงหานชวนนะเฟิงหานชวน เป็นไปตามที่เธอคาดไว้ นิสัยเจ้าชู้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินคำพูดของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยที่ใดที่หนึ่ง

ริมฝีปากบางเฉียบขยับมาที่หูของหญิงสาว กัดติ่งหูของเธอเบาๆ แล้วกดเสียงต่ำพูดช้าๆ ว่า “นั่นเป็นความสุขอีกครึ่งชีวิตของคุณ”

เมื่อเห็นเขาไร้ยางอายแบบนี้ เป๋าฮวนก็กระตือรือร้นที่จะลอง เตรียมยกเท้าขึ้น

เมื่อเธอต้องการจะเตะเท้าไปข้างหลัง แขนของชายหนุ่มก็คลายออกและปล่อยเธอทันที

เป๋าฮวนหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ความโกรธบนใบหน้าของเธอไม่สามารถยับยั้งได้อีกต่อไป และในสายตาของเธอ เฟิงหานชวนเป็นคนอ้วนและมีกลิ่นเหม็นที่น่าขยะแขยงอย่างยิ่ง!

เธอเกือบถูกหลอกโดยความโศกเศร้าของเฟิงหานชวน!

เสียง "เพี๊ยะ" เป๋าฮวนยกมือขึ้นและตบหน้าของชายหนุ่มเสียงดังอีกครั้ง

ใบหน้าข้างเดียวกันถูกตบสองครั้งในคืนเดียว และด้านหนึ่งของใบหน้าที่หล่อเหลาของเฟิงหานชวนแดงและบวมขึ้น

เฟิงหานชวนยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยให้เป๋าฮวนตบเขาและไม่ตอบโต้เลย

“ทำไมคุณไม่สู้กลับ? เห็นได้ชัดว่าคุณมีโอกาสที่จะหยุดมันได้” เมื่อเห็นเขาท่าทางที่ถูกทรมาน เป๋าฮวนขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะถาม

“คุณยังสามารถตบหน้าอีกข้างหนึ่ง ผมแค่หวังว่าจะบรรเทาความโกรธของคุณ” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ จ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยดวงตาลึกล้ำ

เป๋าฮวนยิ่งขมวดคิ้วขึ้น เธอไม่รู้จริงๆว่าเฟิงหานชวนกำลังเล่นกลอะไร

“ฉันไม่หายโกรธ และไม่อยากสนใจคุณ!” เป๋าฮวนพูดจบอย่างโกรธเคือง แค่คิดว่าต้องการออกจากที่นี่โดยเร็ว

เมื่อมองไปที่เฟิงหานชวน ความโกรธในร่างกายของเธอยังคงเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง และเธอจะรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเมื่อเธอโกรธ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ค่อยแข็งแรงเพราะเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อน

เธอจ้องไปที่เฟิงหานชวน แล้วรีบเดินไปที่ประตูห้อง

ขณะที่เธอเปิดประตู มี "เสียงดังกึกก้อง" จากด้านหลัง เธอหันศีรษะและเห็นว่าเฟิงหานชวนเป็นลมบนพื้น

ครั้งนี้ เป๋าฮวนไม่ได้รู้สึกกังวล แต่เดินช้าๆไปที่ด้านข้างของเฟิงหานชวน เตะเขาที่ขาและหัวเราะเยาะว่า "แกล้งตายเหรอ?"

“เฟิงหานชวน ฉันเคยโดนหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่จะไม่โดนหลอกอีกเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้ฉันจะกลับห้องแล้ว คุณค่อยๆแสดง!”

พูดแล้ว เป๋าฮวนก็หันหลังและเดินไปข้างหน้า เมื่อเธอเดินถึงที่ประตู ฝีเท้าของเธอก็หยุดลงอีก

เธอหันกลับมามองอีกครั้ง เฟิงหานชวนยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้น ไม่เหมือนที่เขาเพิ่งล้มเมื่อครู่ คราวนี้เขาหมดสติแบบที่ไม่รู้ตัว

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจงใจแกล้งทำ แต่ตอนนี้ดูๆไป เหมือนว่าเฟิงหานชวนเป็นลมไปแล้วจริงๆ?

ไม่ใช่เป็นเพราะดื่มมากเกินไปหรอกเหรอ?

เป๋าฮวนรีบวิ่งเข้าไป นั่งยองๆจับไหล่เขาด้วยมือทั้งสองข้าง เขย่าตัวเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย และตะโกนว่า “เฮ้ เฟิงหานชวน คุณตื่นสิ!”

“เฟิงหานชวนคุณตื่นขึ้นสิ…”

เป๋าฮวนเรียกหลายนาทีเธอถึงรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง เฟิงหานชวนหมดสติไปแล้วจริงๆ มือที่สั่นของเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาทันทีและกดเรียกรถพยาบาล

……

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก็มา

หลังจากเห็นชายหนุ่มนอนอยู่บนพื้น พวกเขาตกใจ รีบยกเฟิงหานชวนขึ้นเปลและรีบร้อนไปทางลิฟต์

ใบหน้าของเป๋าฮวนซีดเซียว เธอตกใจแย่แล้ว

ในช่วงเวลาครึ่งชั่วโมงนี้ เธอรอรถพยาบาลมาอย่างร้อนใจขณะที่เฝ้าอยู่ข้างเฟิงหานชวนไม่ห่างสักก้าวเดียว

เฟิงหายชวนยังคงแน่นิ่ง แม้ว่าเขายังหายใจ แต่คนทั้งคนหมดสติไปแล้ว

เมื่อตระหนักว่าเฟิงหายชวนถูกพาตัวไป เป๋าฮวนรีบลุกขึ้นตามทีมพยาบาลไปอย่างบ้าคลั่ง และเข้าไปในรถพยาบาลพร้อมกับพวกเขา

หลังจากนั้นอีกยี่สิบนาที รถพยาบาลก็มาถึงโรงพยาบาลรุ่ยเอิน

เฟิงหายชวนถูกนำตัวไปที่ตึกVIPอย่างเร่งด่วน หรงจิ่นซิวซึ่งได้รับโทรศัพท์จากหมอเร่งเหมือนบินมาอย่างด่วน

เมื่อเขาเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเปล หรงจิ่นซิวชะงักเท้าทันที ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ในโลกนี้ จะมีผู้หญิงที่ดูเหมือนกันทุกประการหรือ?

ที่แท้ว่าเฮียสามไม่ได้โกหกเขา นี่คือเรื่องจริง เขาถึงกับคิดว่าเฮียสามเปลี่ยนจากโรคซึมเศร้าเป็นความจำเสื่อมไปแล้ว

“เฉินฮวนฮวน!” หรงจิ่นซิวเรียกขึ้น

เป๋าฮวนมองเห็นหรงจิ่นซิวแน่นอน เธอรู้จักหรงจิ่นซิว และถือว่ารู้จักกันดีด้วย อย่างไรก็ตาม ตอนแรกที่ตัวเธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ก็คือโรงพยาบาลรุ่ยเอิน

ส่วนหรงจิ่นซิวเป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลหรง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาลรุ่ยเอิน และยังเป็นรองผู้อำนวยการอีกด้วย

“เสียใจด้วย คุณจำผิดคนแล้ว” เป๋าฮวนพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้: “คุณควรรีบดูอาการของเฟิงหานชวน”

“จำผิดคน?” หรงจิ่นซิวขมวดคิ้ว

แม้แต่เสียงก็เหมือนกันหมด จำผิดคนจริงหรือ?

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ไม่ใช่เฉินฮวนฮวนจริงเหรอ?

แม้ว่าเขาจะงงงวย แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้ไม่ใช่ค้นหาตัวตนของผู้หญิงคนนี้ แต่คือช่วยเฟิงหานชวน

“นำผู้ป่วยไปที่ห้องผ่าตัด” หรงจิ่นซิวสั่งทันที

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์รีบนำตัวเฟิงหานชวนไปที่ห้องผ่าตัด เป๋าฮวนอยากตามไปด้วย แต่ถูกหรงจิ่นซิวรั้งไว้ทันที

“คุณคนนี้ คุณไม่สามารถเข้าไปในห้องผ่าตัดได้ กรุณารออยู่ที่นี่” หลังจากที่หรงจิ่นซิวพูดจบ เขาก็รีบเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที

เมื่อเห็นไฟสีแดงของห้องผ่าตัดสว่างขึ้น สองมือของเป๋าฮวนจับกันแน่น และฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น

เมื่อถูกนำเข้าไปในห้องผ่าตัดแสดงว่าอาการหนัก เฟิงหานชวนไม่เหมือนคนที่มีวินัยในตนเอง เขาจะดื่มไวน์แดงมากขนาดนั้นทำไม?

เป๋าฮวนเดินไปเดินมาบนทางเดินอย่างกังวล

ขณะนี้ ในห้องผ่าตัด

หรงจิ่นซิวสวมถุงมือเรียบร้อย และกำลังตรวจเฟิงหานชวน เมื่อเขาเห็นเฟิงหานชวนลืมตาทำให้เขาตกใจ

“ไอ้บ้าเฮียสาม สถานการณ์อะไร?”

“เรียกคนมาต่อกล้องวงจรปิดตรงทางเดิน” เฟิงหานชวนลุกขึ้นนั่งอย่างสงบและสั่งอย่างเย็นชา

“นายเมาจนไม่ได้สติไม่ใช่หรือไง? ทำไมดูสติดี?” หรงจิ่นซิวสับสน

“แกดูฉัน ท่าทางเหมือนคนดื่มจนหมดสติไหม?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนเข้มขึ้นและน้ำเสียงของเขาเย็นชา

หรงจิ่นซิวส่ายหัวทันที ในขณะที่แพทย์และพยาบาลคนอื่นๆที่อยู่ที่นั่นยืนงงอยู่กับที่ จากนั้นก็จ้องตากัน ตาโตจ้องมองตาเล็ก

มีใครรู้บ้างว่าสถานการณ์เป็นยังไง!

“ดังนั้นเฮียสาม นี่คือกลเจ็บกาย? นายแกล้งตาย!” หรงจิ่นซิวตระหนักขึ้นมาและเข้าใจในสถานการณ์ทันที

“จิ่นซิว เมื่อกี้ฉันขอให้นายทำอะไร?” เฟิงหานชวนมองเขาอย่างเย็นชา

หรงจิ่นซิวเข้าใจทันที หยิบโทรศัพท์มือถืออย่างรีบร้อน และขอให้แผนกรักษาความปลอดภัยเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดทางเดินหน้าห้องผ่าตัดหมายเลขสองชั้นหนึ่ง

หลังจากยืนยันแล้ว หรงจิ่นซิวก็โยนโทรศัพท์ให้ เฟิงหานชวน เฟิงหานชวนสีหน้าจริงจังและจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์โดยไม่กะพริบ

คนอื่นๆ ล้วนเป็นใบ้โดยอัตโนมัติ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ

……

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

เป๋าฮวนเกาผมอย่างแรงและกระทืบเท้าอย่างกังวล

“ทำไมถึงยังไม่ออกมาอีก? อาการหนักขนาดไหนกันแน่?” เธอพึมพำกับตัวเอง

หรงจิ่นซิวมีความร้ายกาจ เขาคว้าโทรศัพท์มือถือของหมอคนหนึ่ง และฉายภาพจากกล้องวงจรปิดไปยังหน้าจอขนาดใหญ่ในห้องผ่าตัด

“เฮียสาม แบบนี้เห็นชัดกว่าไหม?” หรงจิ่นซิวแกล้งยั่วเฟิงหานชวน

สีหน้าของเฟิงหานชวนเข้มขึ้น แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธอะไร เขาโยนโทรศัพท์คืนให้กับหรงจิ่นซิว และมองไปที่หน้าจอ

ในเวลานี้ สายตาทุกคนต่างจ้องมองตาม

บนหน้าจอขนาดใหญ่เห็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด พร้อมด้วยเหงื่อเป็นชั้นๆบนหน้าผากของเธอ

สายตาของเธอมองไปทางห้องผ่าตัดเกือบตลอดเวลา

เฟิงหานชวนขดริมฝีปากเล็กน้อย ใบหน้าของเขาค่อยๆผ่อนคลายจากเดิมที่เคร่งขรึม

“เฮียสาม นายจะออกไปเมื่อไหร่ ก็บอกเราเมื่อนั้น?” หรงจิ่นซิวหยอกล้ออีกครั้งแล้วหาเก้าอี้เพื่อนั่งลง

ทันทีที่เขานั่งลง เฟิงหานชวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เตรียมตัวออกไปได้”

“ห๊ะ???” หรงจิ่นซิวยืนขึ้นอีกครั้งแล้วสบถว่า: “ก้นของฉันนั่งยังไม่ทันร้อนเลย!”

“เดี๋ยวจะบอกเธอยังไง รู้หรือยัง?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ฉันไม่รู้ คุณชายสามเฟิงโปรดชี้แนะด้วย” หรงจิ่นซิวยักไหล่

……

"คลิก" เสียงประตู

ในที่สุดเป๋าฮวนก็รอจนกระทั่งพยาบาลเปิดประตูห้องผ่าตัด

เฟิงหานชวนยังไม่ตื่นเหมือนเดิม ถูกนำตัวออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว และเป๋าฮวนก็รีบวิ่งไปหาทันที

เธอคว้าแขนของเฟิงหานชวนแล้วรีบถามหรงจิ่นซิวว่า "หมอหรง เขาเป็นอย่างไรบ้าง?"

หรงจิ่นซิวผงะไปครู่หนึ่งและรีบพูดว่า: "สถานการณ์ค่อนข้างร้ายแรง ได้ทำการล้างกระเพาะ เขาจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของเขาเอง"

“ร้ายแรงขนาดนี้เลย!?” เป๋าฮวนตกใจจนใบหน้าเปลี่ยนสี

ขณะที่เป๋าฮวนเข้าไป ไม่เห็นใครในห้องนั่งเล่น

เธอเห็นว่าประตูห้องนอนใหญ่ปิดอยู่ เธอจึงวิ่งไปทางห้องนอนใหญ่และเปิดประตูห้องนอนทันที

ในขณะนั้น เสียง "คลิก" ประตูห้องน้ำก็เปิดออก ชายหนุ่มผมเปียกชุ่ม และเสื้อคลุมอาบน้ำบนตัวของเขาเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเข้มเป็นสีดำ

ทันใดนั้นเป๋าฮวนก็ตะลึงอยู่ที่เดิม

เธอ……เธอไม่เห็นเฟิงหานชวนที่เมามาก คนเขาก็แค่อาบน้ำในห้องน้ำ ดังนั้นจึงไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู?

“มีอะไรหรือ?” เฟิงหานชวนเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูแห้ง มองไปยังเป๋าฮวนและผู้จัดการโรงแรมอย่างเย็นชา

ผู้จัดการรู้สึกเพียงว่าสองขาอ่อนแรงและเหงื่อออกทั่วทั้งตัวและรีบอธิบายว่า: “คุณชายสาม คุณเป๋าคนนี้เกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับคุณ ต้องให้ผมเปิดประตูให้ได้ ผมไม่ได้ตั้งใจ ต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก คุณชายสามโปรดยกโทษให้ด้วย……”

เมื่อฟังคำอธิบายของผู้จัดการ เป๋าฮวนก็เบ้ปากหลายครั้ง และนิ้วเท้าก็จิกพื้นอย่างดุดัน รู้สึกเพียงว่าทำอะไรไม่ถูกทั่วทั้งตัว

เธอเป็นห่วงเฟิงหานชวนหรือ?

ไม่ใช่เลย!

เธอแค่กังวลว่าหลังจากที่ตัวเองยืมไวน์แดงให้แล้ว เกิดทำให้เฟิงหานชวนได้รับอันตรายถึงชีวิต เธอก็ไม่สามารถปัดความผิดได้

แม้ว่าเธอจะเกลียดเฟิงหานชวน แต่เฟิงหานชวนไม่ได้มีความผิดถึงขั้นตาย

“ออกไปเถอะ” เฟิงหานชวนมองผู้จัดการโรงแรมและพูดอย่างเย็นชา

ผู้จัดการวิ่งออกไปอย่างเร็วทันที

เป๋าฮวนกำลังคิดหนักเมื่อครู่ เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงหานชวน จึงคิดเพียงว่าเฟิงหานชวนพูดทั้งกับตัวเองและผู้จัดการ

เมื่อเห็นว่าผู้จัดการไปโดยไม่เห็นแม้แต่เงา เธอก็หันหลังและเตรียมจะจากไป แต่หลังจากเดินไปสองก้าว เธอก็ได้ยินเสียงดังจากข้างหลัง

เธอหันศีรษะกะทันหัน และเห็นเฟิงหานชวนล้มลงกับพื้น เธอผงะด้วยความตกใจ

เป๋าฮวนรีบพุ่งเข้าไปพยุงเฟิงหานชวนทันที จับแขนของเขาแล้ววางไว้หลังคอของเธอ พยายามที่จะดึงเขาขึ้น

เฟิงหานชวนไม่ได้สลบ แต่ดูเหมือนสภาพจิตใจไม่ปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธออยู่ใกล้เขามากในตอนนี้จนเธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์ไปทั่ว

“คุณดื่มไวน์แดงไปมากแค่ไหนเนี่ย?” เป๋าฮวนทั้งกังวลทั้งหดหู่ในขณะนี้

ทั้งๆที่ไม่กี่วินาทีที่แล้ว ผู้ชายคนนี้ยังดูปกติ ทำไมตอนนี้ถึงไม่ไหวแล้ว?

“ดื่มจนหมดเกลี้ยง” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

“อะไรนะ! ดื่มหมดเกลี้ยง? คุณดื่มไวน์แดงมากขนาดนั้นจนหมดเลยหรือ?” เป๋าฮวนตกใจ และรีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าเพื่อจะโทร120

เมื่อตระหนักถึงการกระทำของหญิงสาว ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มก็จับมือเธอไว้ทันที วินาทีถัดมา เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธออยู่ภายใต้แรงอันหนักอึ้ง คนทั้งคนถูกบังคับให้ต้องพยุงเขาจนถอยหลังหลายก้าว

น้ำหนักเกือบทั้งตัวของเฟิงหายชวนทับอยู่บนตัวเธอ แขนขาผอมบางของเธอตอนนี้รู้สึกเหมือนยกน้ำหนักอยู่ยังไงยังงั้น

“คุณเอามือออก ฉันจะเรียกรถพยาบาลให้คุณ!” เป๋าฮวนพูดอย่างกังวล

เฟิงหานชวนดูเหมือนจะไม่ได้ยินหมือนเดิมและจับมือเป๋าฮวนไว้แน่น ทั้งตัวของเขาพิงเธออยู่ และตัวทั้งสองคนก็ติดไว้ด้วยกัน

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเฟิงหานชวนเมา เป๋าฮวนสงสัยจริงๆว่าเขาตั้งใจเอาเปรียบเธอ

“เฟิงหานชวน!” เป๋าฮวนหันศีรษะและตะโกนใส่หู: “เอามือคุณออกไป”

เธอดิ้นตลอด แต่เฟิงหานชวนแรงเยอะเกินไป ถ้าเขาไม่คลายมือเขาเอง เธอไม่ทางหลุดจากเขาได้อย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่าหลังจากตะโกนจบ ความแรงที่เฟิงหานชวนจับมือเธอ ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

เป๋าฮวนจ้องมองเขาด้วยความโกรธ

ในเวลานี้ เฟิงฟานชวนหันศีรษะด้วยเบ้าตาสีแดงจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยตาพร่ามัว

เป๋าฮวนก็ถูกกระแสน้ำวนสีดำในดวงตาของเขาดูดเข้าไปทันที

ใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก สี่ตาประสานกัน ทั้งคู่ต่างจ้องมองดวงตาของกันและกัน

“ฮวนฮวน คุณกลับมาแล้วเหรอ……” เฟิงหานชวนพึมพำ

เป๋าฮวนเกือบจะไม่มีสติ เธอฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างเร็วและพูดอย่างเฉยเมยว่า: “คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ”

“ทำไมคุณก็ชื่อฮวนฮวน?” ดวงตาของเฟิงหานชวนอ่อนโยนขึ้นมา เขาปล่อยมือที่จับเป๋าฮวนอยู่ และพยายามยกนิ้วโป้งขึ้นช้าๆเพื่อจับแก้มของหญิงสาว

“คนที่ชื่อฮวนฮวนคงจะมีมากมาย? อีกอย่าง ฉันไม่ได้ชื่อฮวนฮวน ฉันชื่อJoy” เป๋าฮวนกล่าวด้วยเสียงเข้ม พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองไว้

“คุณไม่ใช่ฮวนฮวน!” เฟิงหานชวนปล่อยตัวเป๋าฮวนทันทีและถอยหลังหลายก้าวเพื่อรักษาระยะห่างกับเธอ

“ใช่ ฉันไม่ใช่ฮวนฮวนที่คุณพูด” เป๋าฮวนพูดเสริมอีกเมื่อมองไปที่ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามที่มีท่าทางซึมเศร้า

เธอต้องการดูว่าเฟิงหานชวนจะพูดความจริงออกมาหลังจากที่เมาหรือไม่

“ฮวนฮวน ฮวนฮวน…” เฟิงหานชวนกอดศีรษะของตัวเอง น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้น

เมื่อมองดูท่าทางแบบนี้ของเขา เป๋าฮวนก็รู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย ราวกับว่าหายใจลำบากขึ้นนิดหน่อย

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามว่า “ดูเหมือนคุณเฟิงจะคิดถึงภรรยาที่เสียชีวิตมาก เมื่อก่อนคุณคงเป็นสามีที่ดีในยี่สิบสี่กตัญญู?”

เฟิงหานชวนนั่งบนพื้นตามแนวกำแพง สองมือจับหัวไว้ เป๋าฮวนมองไม่เห็นสีหน้าของเขา

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ยอมตอบ เป๋าฮวนอดไม่ได้และถามว่า "เท่าที่ฉันรู้ภรรยาของคุณเฟิงโดดน้ำฆ่าตัวตาย คุณเฟิงรักภรรยาเหมือนกับที่แสดงออกมาหรือเปล่า? "

เธอแค่อยากจะได้ยินความในใจของเฟิงหานชวน

ในตอนแรก เขาปฏิบัติต่อตัวเธอเป็นอย่างดีและดูแลทุกวิถีทาง แต่เบื้องหลังนั้นเป็นเพราะคืนนั้นที่บลูส์คลับ

เขาหลอกเธอ ปกปิดเธอ แม้กระทั่งไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นลับหลังเธอ…

"ผมผิดต่อเธอ!"

เป็นเวลานานกว่าที่เสียงเข้มและแหบแห้งของชายหนุ่มจะดังขึ้นช้าๆ

เดิมทีเป๋าฮวนรออย่างร้อนใจและกำลังจะจากไป ไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะพูดขึ้น

เมื่อได้ยินคำขอโทษนี้ เป๋าฮวนสะดุ้งและเยาะเย้ยแล้วกล่าวว่า “ดังนั้น ในเมื่อขอโทษแล้ว ทำไมต้องแสร้งทำเป็นสามีที่มีความรักที่ลึกซึ้ง? เป็นการหลอกลวงผู้หญิงคนอื่นต่อไปหรือ?”

“ไม่ใช่” เฟิงหานชวนปฏิเสธอย่างแผ่วเบา

“คุณเฟิง ฉันคิดว่าตอนนี้คุณสบายดีแล้ว คุณมีโทรศัพท์มือถือใช่ไหม? ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย โทรเรียกรถพยาบาลเอง ลาก่อน!”

เป๋าฮวนไม่ต้องการฟังต่ออีกต่อไป ไม่ต้องการฟังคำอธิบายของเฟิงหานชวน และไม่ต้องการที่จะฟังเขาพูดอีกแม้แต่ประโยคเดียว

เธอเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา

ทันใดนั้น ร่างกายของเธอก็ถูกโอบกอด หน้าอกอันร้อนระอุของชายหนุ่มกดทับแผ่นหลังของเธอ และแขนอันยาวก็โอบรอบเอวเรียวเล็กของเธอ

เธอถูกเฟิงหานชวนกอดแน่นจากด้านหลัง

“เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร? ปล่อยฉันนะ!” เป๋าฮวนบิดตัวอย่างกังวล พยายามเพื่อจะให้หลุดพ้น

“คุณเป๋า ทำไมคุณถึงรู้เรื่องของผมกับภรรยาผมมากขนาดนี้?” ชายหนุ่มกอดผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแรงขึ้น ราวกับว่ากลัวเธอจะหนีไป

“รู้เรื่อง? ขอโทษ ฉันไม่ได้รู้เรื่อง เพียงแค่บังเอิญได้ยินพอดี” เป๋าฮวนแก้ตัว

“งั้นผมขอถามละลาบละล้วงประโยคหนึ่ง ตอนนี้คุณเป๋าโสดหรือเปล่า?”

เป๋าฮวนมองผู้ชายตรงหน้า

ถ้าไม่ใช่เพราะเคยโดนทำร้าย โดนภาพลักษณ์ของเขาโกหก ตอนนี้เธออาจจะร้องไห้ฟูมฟายแล้วก็ได้

แต่ว่า เป๋าฮวนกลับพูดอย่างเรียบนิ่ง "ขอโทษนะคะคุณชายเฟิง ฉันไม่ใช่คนนั้นที่คุณคิด"

ความจริงก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน

เธอไม่ใช่เฉินฮวนฮวนแล้ว แต่เป็นเป๋าฮวน บนโลกนี้ไม่มีเฉินฮวนฮวนอีก

เฉินฮวนฮวนตายไปเมื่อสามปีก่อนแล้ว

เพราะฉะนั้น เธอไม่ใช่เฉินฮวนฮวน ไม่มีทางเป็นเฉินฮวนฮวนอีก

"ฮวนฮวน คุณก็ยังไม่ให้อภัยผมเหรอ?" เขามองเธอ ตาแดงทั้งสองข้าง แล้วเหมือนมีอะไรติดคอ จนเสียงแหบมาก

"ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้อภัยคุณ แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่"

เป๋าฮวนถอนหายใจ แล้วพูดเสียงเข้มว่า "ถ้าเพราะว่าคุณเคยทำอะไรล่วงเกินฉัน อยากให้ฉันให้อภัยคุณ งั้นฉันก็จะบอกว่าไม่เป็นไร ดูออกว่าจิตใจคุณมีปัญหา ฉันให้อภัยได้"

ความจริง พอเจอเฟิงหานชวนอีกครั้ง เป๋าฮวนรู้สึกว่าความเกลียดในใจไม่ได้ลึกขนาดนั้น แต่ถ้าจะให้อภัยเขา เธอยังทำไม่ได้

"ได้ ผมเข้าใจแล้ว" เฟิงหานชวนเซถอยหลัง แล้วพูดว่า "ผมเสียมารยาทเอง ผมเอาแต่คิดว่าคุณเป็นใครอีกคน"

"ขอโทษ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย"

เฟิงหานชวนหันหลังเดินไปทางประตู แผ่นหลังที่เฉื่อยชาของเขา ทำให้เป๋าฮวนรู้สึกปวดใจ

"คุณชายเฟิง คุณคิดว่าฉันเป็นใคร?" เธออดพูดพรวดออกมาไม่ได้

ฝีเท้าของเฟิงหานชวนหยุดลง น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเศร้า "ภรรยาผม"

ภรรยา……

เป๋าฮวนนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืน ภรรยาเขาเสียไปแล้ว

"ภรรยาของคุณเสียไปแล้ว" เป๋าฮวนพูดเสียงเบา แล้วแอบถอนหายใจอย่างไม่รู้ตัว

"ผมรู้ แต่แค่ไม่อยากยอมรับความจริง" เฟิงหานชวนหันกลับมา ดวงตาคู่นั้นมองเป๋าฮวน แล้วเอ่ยพูดว่า "หน้าตาของคุณเหมือนเธอ ผมเลยคิดว่า……"

"คุณคิดว่าเธอฟื้นคืนชีพ? คุณชายเฟิงคะ บนโลกนี้มีคนมากมายขนาดนี้ ยังไงหน้าตาก็ต้องเหมือนกันบ้าง เพราะฉะนั้น เสียใจด้วยค่ะ" เป๋าฮวนก้มลงไป หยิบแก้วที่เฟิงหานชวนเคยใช้ แล้วเดินไปที่ตู้เก็บไวน์

เธอเปิดขวดไวน์แดง แล้วเทลงแก้วจนเต็ม จากนั้นค่อยเดินไปทางเฟิงหานชวน

"คุณชายเฟิง ฉันให้คุณค่ะ" เป๋าฮวนยื่นแก้วในมือไปให้เขา แล้วพูดว่า "ไวน์เต็มแก้ว สามารถช่วยให้นอนหลับได้ค่ะ"

"งั้นคุณให้ผมยืม ไวน์แดงทั้งหมดในตู้นี้ได้ไหมครับ?” เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชา

เป๋าฮวนหันกลับไปดูตู้เก็บไวน์ แล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย "ทั้งหมด?"

เธอลองนับดู หนึ่งขวด สองขวด สามขวด……รวมกับขวดที่เหลือไวน์ครึ่งขวด ทั้งหมดเก้าขวด

"พรุ่งนี้ผมจะให้พนักงานโรงแรมมาคืนให้คุณเก้าขวดเหมือนเดิม" เฟิงหานชวนไม่ได้รับแก้วที่มีไวน์ แต่เดินอ้อมเป๋าฮวน แล้วเดินไปทางตู้เก็บไวน์

เขาเปิดตู้ออก แล้วหยิบออกมาทีละขวด แถมยังหาถุงในตู้มาใส่ แล้วหิ้วไวน์ทั้งเก้าขวด เดินไปหาเป๋าฮวนอีกครั้ง

"คืนนี้ รบกวนคุณอีกแล้ว ผมขอโทษนะครับ ขอโทษครับ" เฟิงหานชวนเอ่ยพูด แล้วเดินไปทางประตู

เสียงปิดประตูดัง"ปัง" เป๋าฮวนค่อยดึงสติกลับมา

นี่อะไรกันเนี่ย?

ทำไมเธอรู้สึกว่าอารมณ์ของเฟิงหานชวน เหมือนผิดปกติ?

แล้วอีกอย่าง เขาเอาไวน์ไปเก้าขวด พูดให้ชัดเจนคือแปดขวดครึ่ง แต่ก็ยังเยอะอยู่ดี

หรือว่าคืนนี้เขาจะดื่มให้หมดทุกขวด?

เป๋าฮวนเบิกตาโต เฟิงหานชวนต้องอยากดื่มให้หมดแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่เอาไปครั้งเดียวทั้งหมดแบบนี้หรอก!

เขาบ้าไปแล้วเหรอ?

ถ้าดื่มให้หมด เขาอาจจะตายก็ได้?

บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้วจริงๆ!

เป๋าฮวนคิดไปด้วย แล้วเดินไปมาในห้องรับแขก พอเดินจนเหนื่อย เธอจึงนั่งลงบนโซฟา

ทันใดนั้น เธอก็หันกลับไปมองโซฟา

เมื่อกี้บนโซฟา เธอกับเฟิงหานชวนจูบกัน ท่าทางที่เขาจูบเธอ เหมือนสามปีที่แล้วเลย

เป๋าฮวนเกาหัวแรงๆ เธอกำลังคิดอะไรเนี่ย?

เธอรีบลุกขึ้น แล้วเดินไปทางห้องนอน เธอจะเตรียมตัวนอนแล้ว เธอไม่อยากสนใจเฟิงหานชวนหรอก!

เฟิงหานชวนจะเป็นยังไง เกี่ยวอะไรกับเธอ!

……

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น

เป๋าฮวนนอนยังไงก็นอนไม่หลับ สมองตีกันวุ่น แล้วรู้สึกหงุดหงิดมาก

เธอกัดฟันแน่น แล้วลุกขึ้นนั่ง จากนั้นจึงไปเปลี่ยนชุดออกกำลังกาย แล้วไปที่ฟิตเนส

เธอไม่เชื่อ ถ้ารอออกกำลังกายจนเหนื่อยแล้ว เธอต้องนอนหลับทันทีแน่นอน

เธอเดินจากห้องสูทสองศูนย์ศูนย์สองของเธอ ระหว่างทางที่ไปฟิตเนส จึงเดินผ่านห้องสูทสองศูนย์ศูนย์หนึ่งด้วย

เป๋าฮวนแอบเหลือบมอง เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนอยู่ในนั้น แต่เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนกำลังดื่มไวน์หรือเปล่า

เธอดึงสติกลับมา แล้วส่ายหน้า จากนั้นจึงเดินไปทางฟิตเนส

ในฟิตเนส ตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว เพราะแขกสองคนของชั้นนี้ คือสองคนที่สามารถมาใช้บริการได้ คนหนึ่งคือเธอ แล้วอีกคนคือเฟิงหานชวนที่อยู่ในห้อง

เพราะฉะนั้น เธอเข้าไปแล้วไม่เห็นใครเลย เธอจึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ

แต่ว่า เธอเพิ่งก้าวขาขึ้นลู่วิ่ง อยู่ๆก็ได้ยินเสียงถี่ๆของผู้หญิง

"อื้อ~อ้า~"

"ออกแรงหน่อย……เร็วหน่อย……"

ฝีเท้าของเธอหยุดลงทันที เธอฟังเสียงของผู้หญิงคนนั้นออก เป็นอันนาเทรนเนอร์สาวสวยของที่นี่

แล้วอีกอย่าง เธอไม่ใช่ผู้หญิงไร้เดียงสา จึงฟังออกว่าอันนากำลังทำอะไรอยู่

สีหน้าเธอจึงเย็นชาทันที

เธอยังอุตส่าห์เป็นห่วงที่เฟิงหานชวนจะดื่มเยอะหรือเปล่า ไม่คิดเลยว่าเขามาที่ฟิตเนส แล้วมาพัวพันกับเทรนเนอร์สาวสวยตั้งนานแล้ว

เป๋าฮวนยิ้มอย่างเยือกเย็น เธออยากไปดูให้เห็นกับตาว่า เฟิงหานชวนกับอันนา กำลังสนุกกันแค่ไหน!

เธอเดินไปทางต้นเสียง เห็นแค่อันนาคุกเข่าอยู่บนเครื่องออกกำลังกาย มีผู้ชายที่ใส่ชุดออกกำลังกายยืนอยู่ข้างหลังเธอ……

ภาพเหตุการณ์ดุเดือดมาก

แต่ว่า เป๋าฮวนกลับยืนอึ้งนิ่งอยู่กับที่

เธอผิด เธอเดาผิด

ผู้ชายที่อยู่กับอันนา ไม่ใช่เฟิงหานชวน แต่เป็นจอห์น

เมื่อกี้เธอยังคิดว่าเฟิงหานชวนกับอันนากำลัง……

ที่แท้ ที่แท้ไม่ใช่เฟิงหานชวน

"อ๊าย!!!"

ทันใดนั้น อันนากรี๊ดเสียงดัง จึงทำให้เป๋าฮวนดึงสติกลับมา

เป๋าฮวนมองกลับไปทางพวกเขา เห็นแค่อันนามองหน้าเธอ แล้วสีหน้าหวาดกลัวมาก

"คุณหนูเป๋า ผม ผม ผม……" จอห์นค่อยตั้งสติได้ จึงเห็นเป๋าฮวนกำลังมองพวกเขาอยู่ เขาจึงรีบบังตัวเองไว้ แล้วอธิบายว่า "คุณหนูเป๋า ไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นนะครับ เราแค่กำลัง……"

"พวกคุณแค่กำลังออกกำลังกายกัน?" เป๋าฮวนหลุดขำออกมา เธอรู้สึกตลกมาก

"ผม……"จอห์นไม่รู้จะอธิบายยังไง ก้มหน้าเครียด ไม่มีความดุเดือดเหมือนเมื่อกี้

เพราะเป๋าฮวนเห็นเขากับอันนามีอะไรกัน งั้นเป๋าฮวนก็อาจจะไม่เอาเขา งั้นเขาก็จะพลาดโอกาส"แต่งเข้าตระกูลร่ำรวย"

"พวกคุณเป็นแฟนกัน?" เป๋าฮวนยิ้มถาม ไม่ได้ทำตัวไม่ถูก เพราะการแอบดูเลย

ตอนนี้ หน้าของเธอหนากว่ากำแพงอีก

"ไม่ใช่ครับ!" จอห์นรีบปฏิเสธทันที

อันนาจัดเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เธอจึงส่ายหน้า แล้วรีบพูดว่า “ไม่ใช่ค่ะ"

"งั้นทำไมพวกคุณถึง……" เป๋าฮวนเลิกคิ้วอย่างทะเล้น

พอจอห์นโดนถามแบบนี้ จึงสำลักไอ แล้วทำหน้าอึดอัด พร้อมอธิบายว่า "คุณหนูเป๋าครับ ผมกับอันนาอยู่ในฟิตเนสทุกวัน ทำงานด้วยกันมานาน ปกติก็ไม่มีแขกอะไรด้วย ก็เลย……"

"ก็เลย พวกคุณก็เลยใช้เรื่องแบบนี้ มาฆ่าเวลา?" เป๋าฮวนรู้สึกว่าตัวเองหน้าไม่อายมาก แล้วเอาแต่ถามเรื่องนี้

"เปล่า เปล่าครับ เราไม่ได้ทำตลอด แค่ทำไปไม่กี่ครั้ง เพราะผมกับอันนาก็โตๆกันแล้ว แล้วเราก็ทำงานด้วยกันทุกวัน บางครั้งก็มีความต้องการบ้างครับ……"

จอห์นพยายามอธิบาย อธิบายไปในทางที่ดี พยายามฟื้นคืนภาพลักษณ์จากเป๋าฮวน

ความจริง ไม่ใช่แค่ไม่กี่ครั้ง แต่ว่าหลายครั้งเลยแหละ

เพราะเหมือนที่เขาพูด เขากับอันนาอยู่ในฟิตเนสตลอด ปกติก็ไม่มีแขกมาออกกำลังกาย จึงฆ่าเวลาแบบนี้

เทรนเนอร์อย่างพวกเขา ต้องรักษาหุ่นตัวเองตลอด แล้วนี่……ก็เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งด้วย

"อ๋อ~" เป๋าฮวนเลิกคิ้ว กอดอกไว้ แล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ

"คุณหนูเป๋า คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันกับจอห์นไม่มีอะไรจริงๆนะคะ แค่เป็นอุบัติเหตุค่ะ" สีหน้าอันนาเลิ่กลั่กมาก แล้วรีบอธิบาย

หนึ่งคือ เธอคิดว่าเป๋าฮวนสนใจจอห์น กลัวว่าที่ตัวเองมีอะไรกับเขา จะทำให้เป๋าฮวนโมโห แล้วไม่พอใจเธอ

สองคือ เธอรู้สึกสนใจเฟิงหานชวน ถึงจะรู้ว่าตอนนี้เฟิงหานชวนยังไม่สนใจเธอ แต่เธอก็ไม่อยากให้เป๋าฮวนบอกเฟิงหานชวนเรื่องของตัวเองกับจอห์น

ถ้าเป๋าฮวนบอกเฟิงหานชวน งั้นโอกาสอันน้อยนิดของเธอ ก็คงไม่เหลือแล้ว

"งั้นพวกคุณทำต่อเถอะ อย่าหยุดเพราะฉัน เรื่องแบบนี้ถ้าหยุดลง คงรู้สึกไม่ค่อยดีใช่ไหม?" เป๋าฮวนรู้สึกอารมณ์ดีมาก จึงยิ้ม แล้วเล่นการ์ดห้องในมือ

"ไม่ ไม่ ไม่ เราไม่ต้องค่ะ/ครับ" จอห์นกับอันนาพูดพร้อมกัน

"ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันพูดจริงๆ พวกคุณทำต่อเถอะ ฉันไปก่อนแล้วกัน" เป๋าฮวนพูดอย่างจริงจัง แล้วหันหลังเดินไป

จอห์นกับอันนาพุ่งไปหาเป๋าฮวนพร้อมกัน ขวางทางเดินของเธอไว้

เป๋าฮวน: "???"

เธอยกที่ให้ทั้งสองคนแล้ว มาขวางเธอไว้ อยากทำอะไรกันแน่?

"คุณหนูเป๋าครับ ตอนนี้คุณต้องการให้ผมบริการไหมครับ? ถ้าคุณโอเค ผมจะไปล้างให้สะอาดตอนนี้เลยครับ" จอห์นพูดออกมาตรงๆ

"คุณหนูเป๋าคะ เรื่องวันนี้คุณอย่าบอกใครได้ไหมคะ อย่าบอกคนในโรงแรมได้ไหมคะ? งานนี้สำคัญกับฉันมาก ขอร้องล่ะค่ะ!" อันนาจับแขนเป๋าฮวนไว้ แล้วคุกเข่าให้เธอ

เป๋าฮวนมองสองคนตรงหน้า แล้วรู้สึกงง

"อาจจะเพราะสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ เลยทำให้พวกคุณเข้าใจผิด" เป๋าฮวนปรับสีหน้า แล้วทำหน้าจริงจัง "ฉันไม่ต้องการให้พวกคุณบริการ ไม่มีเวลาไปร้องเรียนพวกคุณด้วย เมื่อกี้ที่ฉันให้พวกคุณทำต่อ เป็นความจริง พูดออกมาจากใจจริง"

จอห์น: "???"

อันนา: "???"

พวกเขามองหน้ากัน แล้วรู้สึกโล่งอก

"เอาล่ะ อย่าขวางทางเดินฉันเลย ฉันอุตส่าห์ยกที่ให้ พวกคุณก็อย่าทำร้ายน้ำใจฉันแล้วกัน" เป๋าฮวนยักไหล่ พอพูดจบ จึงเดินอ้อมทางสองคน แล้วเดินออกจากฟิตเนส

พอเป๋าฮวนไปแล้ว จอห์นจึงเซถอยหลังไป แล้วนั่งลงไปกับพื้น จิกผมตัวเองอย่างโมโห จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น มองอันนาอย่างโกรธแค้น

"นายจะจ้องฉันทำไม? นายคิดว่าตอนนี้ฉันรู้สึกดีเหรอ?" อันนาเกลียดสีหน้าของจอห์นแบบนี้ แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์

"อันนา ถ้าไม่ใช่คืนนี้เธอตอแยฉัน เราจะโดนคุณหนูเป๋าเห็นเหรอ?" ตอนนี้จอห์นโมโหมาก

เมื่อกี้เป๋าฮวนเดินไปอย่างนิ่งเฉย แล้วยังพูดเล่นกับพวกเขาอีก ดูเหมือนว่าไม่ใส่ใจเขาเลย แล้วคงไม่มีทางมาหาเขาอีก

โอกาสดีๆแบบนี้อยู่ตรงหน้า แต่กลับเสียไปแบบนี้

"ฉันตอแยนาย?" อันนาชี้ตัวเอง แล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น พร้อมถามกลับว่า "หลี่จื้อเฉียง อย่าลืมว่าตอนแรก นายเป็นคนมายั่วฉันเอง!"

"นั่นเป็นเรื่องเมื่อครึ่งปีก่อน ฉันหมายถึงวันนี้!" อยู่ๆก็โดนเรียกชื่อจริง หน้าจอห์นจึงเขียว แล้วตะคอกว่า "เฉินช่วยช่วย ถ้าต่อไปฉันแตะเธออีก ฉันจะไม่ใช้นามสกุลหลี่อีก……"

"ได้ ฉันจะรอดู!" อันนาโกรธจนกัดฟันแน่น

……

ห้องสูทห้องสองศูนย์ศูนย์หนึ่ง

มีร่างเล็กที่ใส่ชุดออกกำลังกายยืนอยู่หน้าประตู

เดิมทีออกจากฟิตเนส เธอก็จะกลับห้องเลย แต่ไม่รู้ทำไม เธอกลับหยุดฝีเท้าที่นี่

"ก๊อก ก๊อก ก๊อก……"

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วอดเคาะประตูไม่ได้

ไม่มีคนตอบ

"ก๊อก ก๊อก ก๊อก!"

เธอลงแรงที่มืออีก

ไม่มีคนตอบเหมือนเดิม

เป๋าฮวนจึงเริ่มใจร้อน หรือว่าเฟิงหานชวนดื่มจนไม่ได้สติแล้ว?

ไม่งั้น เธอเคาะประตูเสียงดังขนาดนี้ ไม่มีทางไม่ได้ยินหรอก!

"ก๊อก ก๊อก ก๊อก……" เป๋าฮวนเคาะประตูอีก

แต่ว่า ไม่มีคนตอบเหมือนเดิม

เป๋าฮวนร้อนใจทันที จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้น แล้วโทรหาเคาน์เตอร์โรงแรม

ไม่นาน ผู้จัดการก็มาถึง แล้วยังโค้งให้เป๋าฮวนอีก

เพราะผู้จัดการรู้ แขกที่สามารถพักชั้นนี้ได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

"คุณหนูเป๋าครับ นี่……นี่ไม่ใช่ห้องของคุณหรือเปล่าครับ? ทำไมคุณถึงบอกว่าเปิดประตูไม่ได้?" ผู้จัดการมองป้ายหน้าห้อง แล้วรู้สึกงง

เมื่อกี้เขาได้รับโทรศัพท์จากเคาน์เตอร์ บอกว่าคุณหนูเป๋าห้องสองศูนย์ศูนย์หนึ่งแจ้งมาว่าเปิดประตูไม่ได้ แต่พอเขารีบเดินมา กลับเห็นว่าเจ้าของห้องไม่ใช่เป๋าฮวน

เป๋าฮวนเป็นแขกห้องสองศูนย์ศูนย์สอง แล้วแขกห้องสองศูนย์ศูนย์หนึ่ง คือคุณชายสามตระกูลเฟิง–เฟิงหานชวน

ทายาทบริษัทอาร์ชื่อดัง

"เขาอาจจะสลบไป ตอนนี้เลยต้องเปิดประตู เพื่อแน่ใจสถานการณ์" เป๋าฮวนรู้ว่าทางโรงแรมมีการ์ดสำรอง แล้วสามารถเปิดประตูได้เลย

"คุณหนูเป๋าครับ นี่……นี่ไม่ค่อยดีมั้งครับ! ถ้าคุณชายสามกำลังนอนอยู่ อยู่ๆเราก็เข้าไปแบบนี้……" ที่หน้าผากของผู้จัดการเหงื่อเริ่มออก

ถ้าขัดใจคุณหนูเป๋า เป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ถ้าขัดใจคุณชายสาม ยิ่งไม่ดี

ตอนนี้เขาลำบากใจมาก

"รีบเปิดประตู!" เป๋าฮวนตะคอกเสียงดัง สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

ผู้จัดการเริ่มกลัว ไม่กล้าขัดอีก จึงรีบเอาการ์ดห้องออกมา แล้วสแกนไปที่ประตู

เสียงดัง"ติ๊ก" ประตูจึงเปิดออก

เป๋าฮวนไม่พูดอะไรเลย ดันเปิดประตู แล้วรีบพุ่งเข้าไปทันที……

ในแก้วทรงสูงก้านยาวยังมีของเหลวสีไวน์แดงที่ยังดื่มไม่หมด

“ไวน์…แดง?” ความงุนงงปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเป๋าฮวน แน่นอนว่าเธอพยักหน้าตอบ “มีค่ะ!”

นี่เธอไม่ได้กำลังดื่มอยู่หรอกเหรอ แน่นอนว่าต้องมีไวน์แดงสิ นี่เฟิงหานชวนไม่ได้ถามไร้สาระใช่ไหม

“ผมขอยืมสักแก้วได้ไหม” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วเล็กน้อย เสียงทุ้มต่ำค่อยๆ เอ่ยทำลายความเงียบยามค่ำคืน

บรรยากาศราวกับถูกแช่เเข็งไปหลายวินาที เมื่อเป๋าฮวนได้สติกลับมา ความงุนงงยิ่งฉายชัดออกมาให้เห็นบนใบหน้าของเธอ “ยืม…ไวน์แดง?”

“ดึกมากแล้ว ผมขี้เกียจติดต่อพนักงานของโรงแรมอีก สู้ยืมคุณสักแก้วดีกว่า?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนสงบนิ่งมาก ราวกับไม่รู้สึกว่าไม่สมควรทำแต่อย่างใด

เป๋าฮวนถามโดยไม่รู้ตัว “คุณก็นอนไม่หลับเหรอคะ”

เฟิงหานชวนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบกลับไปว่า “ครับ”

“โอเค งั้นคุณรอฉันตรงนี้” เป๋าฮวนครุ่นคิดอยู่หลายวินาที ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงตกลง

“ครับ” หลังจากเฟิงหานชวนเอ่ยตอบ เขาก็หันหลังหายไปในความมืด

เมื่อเป๋าฮวนรู้สึกตัวอีกครั้ง ทันใดนั้น เธอตระหนักได้ถึงความวู่วามของตัวเอง ทำไมเธอถึงยอมให้เฟิงหานชวนยืมไวน์แดง

คุยกันแล้วว่าให้ทำเหมือนคนแปลกหน้าไม่ใช่เหรอ ทำไมเฟิงหานชวนถึงมาถามขอยืมไวน์แดงกับเธอ

นี่มันอะไรกันเนี่ย

“แปะ” เธอตบแก้มของตัวเองเบาๆ เธอรู้สึกเจ็บเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

ช่างเถอะ ช่างเถอะ แค่ไวน์แดงเเก้วเดียวเองไม่ใช่เหรอ ไม่มีอะไรนี่ ยืมแล้วก็ยืมไปสิ

ขณะที่เป๋าฮวนกำลังคิดอะไรอยู่ เสียงเคาะประตูก็ดังเข้ามาข้างใน เธอรีบออกไปเปิดประตู

ทันทีที่เปิดประตู เป๋าฮวนเห็นเฟิงหานชวนยืนอยู่หน้าประตู เขายังคงอยู่ในชุดนอนสีน้ำเงินเข้มตัวเดิม รังสีแห่งความสูงส่งแทบจะกระแทกใบหน้าของเธอเลยทีเดียว

ภายใต้แสงไฟสีส้มที่สาดส่องลงบนโถงทางเดิน ราวกับพระเจ้าย่างกรายมาก็ไม่ปาน

เป๋าฮวนกำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง จนกระทั่งเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้น “สะดวกให้ผมเข้าไปไหม”

“หะ?” เป๋าฮวนได้สติกลับมาทันที เธอถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจะเม้มปากแล้วกล่าวว่า “เข้ามาสิ”

เธอกล่าวพร้อมกับเดินนำเฟิงหานชวนไปที่ตู้เก็บไวน์ และมาหยุดยืนอยู่ข้างตู้เก็บไวน์ เธอกล่าวว่า “ในนี้มีไวน์แดงหลายขวด คุณเลือกได้ตามใจเลย”

เฟิงหานชวนไม่ลังเลที่จะหยิบขวดไวน์แดงที่เป๋าฮวนเปิดไว้แล้วขึ้นมา จากนั้นก็หยิบแก้วทรงสูงก้านยาวใบใหม่มาหนึ่งใบ หลังจากล้างทำความสะอาด ก็เทไวน์ลงในแก้ว

เขาถือแก้วทรงสูงในมือพร้อมกับนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะยกขาข้างหนึ่งขึ้นด้วยท่าทางเกียจคร้านสุดขีด

เป๋าฮวนอยากจะเอ่ยปากไล่แขกผู้มาเยือน เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนราวกับเป็นเจ้าของบ้าน กวัดแกว่งแก้วไวน์แดงในมือเบาๆ จากนั้นก้มลงแตะริมฝีปากที่ขอบแก้ว แล้วจิบไปอึกหนึ่ง

การเคลื่อนไหวของเขาดูไหลลื่นเป็นธรรมชาติ ทั้งยังเต็มไปด้วยความสง่างาม ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เลยแม้แต่น้อย ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขาตลอดเวลา

เป๋าฮวนก็ไม่มีข้อยกเว้น

จนกระทั่งเฟิงหานชวนเหลือบตาขึ้นมองเธอ เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองลืมตัวจนเสียกิริยา จึงรีบกล่าวว่า “ฉันยกขวดนี้ให้คุณเลย คุณเอากลับไปดื่มเถอะ!”

“คุณเป๋า คุณรังเกียจผมขนาดนี้ เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมจำคนผิด และลวนลามคุณใช่ไหม” เฟิงหานชวนวางแก้วลงบนโต๊ะกาแฟ สองมือสอดประสานกุมกันไว้ด้วยท่าทีสบายๆ

“…” เป๋าฮวนชะงักไปครู่หนึ่ง เธอไม่คิดว่าจู่ๆ เฟิงหานชวนจะถามเธอแบบนี้

เธอทำสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ใช่”

เหตุผลที่ตอบเช่นนี้ เพราะว่าเธอทำได้เพียงยอมรับเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงเกลียดเฟิงหานชวน

“เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมเคยขอโทษคุณไปแล้ว” เฟิงหานชวนชะงักไปหลายวินาที ก่อนจะตอบเสียงเบา

เป๋าฮวน “???”

นี่เฟิงหานชวนหมายถึงอะไร เขาอยากจะตีสนิทเธอเหรอ

ได้เลย เธอก็อยากจะเห็นเหมือนกัน เขาจะใช้ลูกไม้อะไรกันแน่!

“คุณเฟิงบอกว่า อยากทำกับฉันเหมือนคนแปลกหน้าไม่ใช่เหรอคะ ทำไมจู่ๆ ถึง…” เป๋าฮวนพิงกำแพง จงใจจัดท่าตัวเองให้ดูมีเสน่ห์ยั่วยวน และมองไปที่เฟิงหานชวนด้วยสายตาหยาดเยิ้ม

น้ำเสียงสะบัดสะบิ้งเสียเหลือเกิน

เธอจงใจทำ

ทันใดนั้น เฟิงหานชวนถึงกับสำลักออกมา แต่ก็กลับคืนสู่สภาวะปกติในทันที ไม่ได้ถูกเป๋าฮวนจับพิรุธได้แต่อย่างใด

เขายิ้มน้อยๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ไม่มีอะไร แค่ในฐานะเพื่อนบ้านเท่านั้น ผมหวังว่าความสัมพันธ์ของเราจะผ่อนคลายลงบ้าง คนแปลกหน้าดูจะใจจืดใจดำไปหน่อย”

“เพื่อนบ้าน?” เป๋าฮวนสับสน

“คุณกับผมอยู่ชั้นเดียวกัน แถมยังอยู่ห้องข้างกัน ไม่ใช่เพื่อนบ้านแล้วจะเป็นอะไร” เฟิงหานชวนถาม

“คุณ…อยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ” เป๋าฮวนยิ่งงุนงงหนักไปอีก

“ที่นี่ใกล้กับบริษัทของผมมาก ถ้าสะดวกผมจะอยู่ประจำที่นี่เลย” เฟิงหานชวนตอบ

“โอ้ แต่เราน่าจะนับว่าเป็นเพื่อนบ้านกันไม่ได้ เพราะว่าอีกไม่นานฉันอาจจะไปจากที่นี้แล้ว” เป๋าฮวนม้วนผมลอนยาวของตัวเองเล่น

เมื่อได้ฟังประโยคนี้ เฟิงหานชวนยกแก้วขึ้น แล้วดื่มของเหลวสีไวน์แดงในแก้วจนหมด นัยน์ตาฉายแววเย็นเยือก จ้องเขม็งไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ

เมื่อเห็นท่าทีของเขา เป๋าฮวนก็หัวเราะเบาๆ และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “นี่คุณไม่อยากให้ฉันไปเหรอ”

หลังจากที่เธอถามจบ เฟิงหานชวนเงียบไม่ตอบอะไร ทว่าเขาก้มหน้าลงเล็กน้อย

ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบทันที

เป๋าฮวนขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่แน่ใจว่าเฟิงหานชวนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เธอใช้ความกล้าอย่างมาก เดินบิดสะโพกไปหยุดอยู่ด้านข้างชายหนุ่มอย่างช้าๆ

เฟิงหานชวนนั่งบนโซฟา เธอนั่งบนโต๊ะกาแฟตรงข้ามกับเขา ก่อนจะถามเสียงหวานหยด “คุณเฟิง ทำไมคุณ…ไม่ตอบล่ะ หรือว่าจริงๆ แล้ว…”

“ใช่ ผมไม่อยากให้คุณไป” ทันทีที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ขอบตาของเขาแดงก่ำ

ร่างทั้งร่างของเป๋าฮวนนิ่งค้างไป

วินาทีต่อมา ฝ่าใหญ่อุ่นร้อนของชายหนุ่มก็คว้าหมับที่ข้อมือของเธอไว้ก่อนจะออกเเรงดึง เธอถูกชายหนุ่มดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของเขา

“อ๊ะ!” เป๋าฮวนสะดุ้งแล้วร้องขึ้นด้วยความตกใจ

เมื่อเธอตอบสนอง เธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเฟิงหานชวนเสียแล้ว เธอนั่งบนตักของเขา ร่างกายส่วนบนของเธอถูกโอบล้อมด้วยแขนยาวสองข้างของเขาอย่างแน่นหนา

“เฟิงหานชวน คุณทำอะไร!” ใบหน้าของเป๋าฮวนบึ้งตึงขึ้น เธอตะโกนเสียงดังใส่ชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนสมควรตาย แน่นอนว่าเขาเป็นผีเจ้าชู้ ศีลธรรมในใจเขาคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ไปจนตาย!

เธอเพียงจงใจพูดคลุมเครือไปสองสามประโยค ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ

“ฮวนฮวน ผมไม่อยากให้คุณไป อย่าไปไหนอีกได้ไหม” เสียงของเฟิงหานชวนสะอึกสะอื้น ขอบตาทั้งสองข้างแทบจะแดงก่ำ ใบหน้าของเขาเศร้าหมองเป็นอย่างมาก

ท่าทางดูเหมือนกำลังสิ้นหวัง

“คุณกำลังพูดอะไรกันแน่ พอแล้ว! คุณบอกว่าจำคนผิดไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเล่นลูกไม้แบบนี้อีก” เป๋าฮวนตะโกนอีกครั้งด้วยความโกรธ

สำหรับเธอแล้ว เฟิงหานชวนจงใจ เขาจงใจแสร้งทำเป็นเศร้า เพียงแค่ต้องการหลีหญิง และจัดการรวบหัวรวบหางเธอ “เป๋าฮวน” คนนี้!

ขอเพียงเขาให้เกียรติ “เฉินฮวนฮวน” สักนิด ปีนั้นเธออาจจะไม่จากไป

เมื่อถูกเป๋าฮวนตะโกนใส่เช่นนี้ เฟิงหานชวนนิ่งไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาใจเย็นลงมาก มือทั้งสองที่กักขังเป๋าฮวนไว้แน่นก็ค่อยๆ คลายออก

เป๋าฮวนสบโอกาสผลักเขาออกไปทันที แล้วรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

เฟิงหานชวนถูกเป๋าฮวนผลักล้มลงบนโซฟาด้านหลัง เมื่อเป๋าฮวนลุกขึ้นยืน เท้าของเธอยังไม่มั่นคง ร่างกายโอนเอนไปมา ก่อนจะถลาพรวดไปข้างหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว

“อ๊า…”

เธอกรีดร้องเสียงแหลม พร้อมกับหลับตาแน่นทันที

วินาทีต่อมา เธอถลาพรวดเข้าไปปะทะกับ “กำแพง” ที่แข็งแกร่งแต่ร้อนระอุ

เป๋าฮวนลืมตาขึ้น สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอคือใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่ม

“ฮวนฮวน…” เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก

เป๋าฮวนตกตะลึงไปชั่วขณะ มือทั้งสองค้ำยันบนโซฟาอย่างร้อนรน ตั้งใจจะดันตัวลุกขึ้นยืน ทว่าทันใดนั้น ท้ายทอยของเธอก็ถูกฝ่ามือใหญ่รั้งเอาไว้

จากนั้น ความร้อนผ่าวทาบทับบนริมฝีปากของเธอ

“อื้อ!”

เป๋าฮวนเบิกตากว้างทันที ตอนนี้…นี่มันเกิดอะไรขึ้น

เธอ เธอ เธอ…เธอถูกเฟิงหานชวนบังคับจูบแล้ว

บ้าไปแล้ว!

บ้าไปแล้วจริงๆ !

เธอรีบดิ้นรนขัดขืน ทว่าพละกำลังของชายหนุ่มมีมากกว่าเธอนัก สามปีก่อนเธอไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ตอนนี้ก็ยังไม่มีการพัฒนาอะไรเลย

กลิ่นกายหอมของหญิงสาว ทำให้จิตสำนึกของเฟิงหานชวนถูกดึงกลับไปเมื่อสามปีก่อน ความทรงจำดีๆ ฉายซ้ำเข้ามาในสมองของเขา เขาหลับตาลง ยิ่งออกแรงกดจูบมากท่าไร รสจูบก็ยิ่งลึกล้ำมากขึ้นเท่านั้น

ในขณะที่กำลังตื่นเต้นมากที่สุด ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล่นเข้าสู่ส่วนสำคัญของเขาโดยฉับพลัน

เฟิงหานชวนลืมตาขึ้น ใบหน้าของเขาพลันเขียวคล้ำทันที ร่างทั้งร่างหยุดการเคลื่อนไหว ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ราวกับก้อนหินที่นิ่งสนิทอยู่กับที่

เป๋าฮวนสบโอกาสลุกขึ้นยืนทันที เมื่อเห็นเฟิงหานชวนเช่นนี้ เธอยกมือขึ้น ฝากรอยแดงปื้นของนิ้วมือทั้งห้าไว้บนใบหน้าของเขา

“ไอ้คนบ้ากาม! ไอ้บ้า!”

หากเธอไม่กระทำรุนแรงอย่างเมื่อสักครู่ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ เธอก็ยังโดนเฟิงหานชวนกระทำหยาบคายอยู่แบบนั้น

“ฮวนฮวน ผมขอโทษ…” เฟิงหานชวนโค้งตัวลง เสียงของเขาแหบแห้งจนไม่อาจลอดผ่านลำคอได้อีก ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

ทว่าเขายังคงยืนหยัดที่จะพูด “เมื่อกี้ผมวู่วามเกินไป ผมขอโทษ!”

“เฮอะ ถ้าวู่วามแบบนี้แล้วใช้คำขอโทษได้ ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงกี่คนต้องทนรับความทรมานทั้งกายและใจ” เป๋าฮวนเค้นเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน

“มีแค่คุณ ผมทำแบบนี้แค่กับคุณ ไม่เคยทำกับคนอื่น…” เฟิงหานชวนต้องการอธิบาย แต่ทันใดนั้นก็พบว่า ไม่ว่าตัวเองจะอธิบายอย่างไร เฉินฮวนฮวนต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน

เขาลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เผชิญหน้ากับเป๋าฮวน มือทั้งสองข้างจับไหล่เล็กของเธอไว้ พยายามแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง และอดกลั้นต่อความเจ็บปวด

“ฮวนฮวนอยู่กับผมนะ อย่าไปไหนอีกได้ไหม”

“เรื่องในปีนั้น ผมขอโทษ คุณให้โอกาสผมได้ไถ่โทษสักครั้งได้ไหม”

“แค่คุณขอมา ผมทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ”

ท่าทางของชายหนุ่มแทบจะหมอบกราบเลยทีเดียว

……

เวลานี้ อวิ๋นซูอพาร์ทเมนท์

ริมหน้าต่างยาวจรดพื้น หญิงสาวร่างสูงและชายหนุ่มร่างเล็กกำลังนัวเนียกัน

เมื่อได้ฟังหญิงสาวพูดอย่างเหนื่อยหอบ “เฉินเจี๋ย อีกไม่นานฉันก็ต้องอยู่กับเฟิงหานชวนแล้ว ต่อไปฉันจะมาหาคุณไม่ได้อีกแล้ว”

ชายหนุ่มหยุดชะงักการกระทำลงทันที ใบหน้าฉายแววไม่อยากเชื่อ เขาถามอย่างร้อนใจ “อะไรนะ อวิ๋นเอ๋อร์ คุณกำลังพูดอะไร คุณต้องอยู่กับเฟิงหานชวนแล้ว?”

หลีซืออวิ๋นยังรู้สึกไม่หนำใจ เธอตะกายขึ้นร่างของเฉินเจี๋ยแล้วเริ่มจู่โจมก่อน พร้อมกับกล่าวว่า “แน่นอน การรอคอยสามปีของฉันกำลังจะสำเร็จแล้ว!”

เมื่อพูดจบ เธอก็หัวเราะดังลั่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“ทำไม ทำไมถึง…” เฉินเจี๋ยส่ายหน้าพร้อมกับพูดช้าๆ และพูดพึมพำกับตัวเอง “เขา…เขาพูดอะไรกับคุณ…เขามีแค่เฉินฮวนฮวนคนนั้นอยู่ในสายตาและหัวใจของเขาไม่ใช่เหรอ…”

“ยังไงเฉินฮวนฮวนก็คือคนตาย เธอตายไปสามปีแล้ว แม้ว่าหานชวนจะเศร้าเสียใจ แต่เวลาสามปีก็เพียงพอแล้ว!”

หลีซืออวิ๋นรู้สึกลำพองใจแบบสุดๆ เธอยิ้มแล้วกล่าวว่า “คุณไม่ได้อ่านรายงานทางการเงินของวันนี้เหรอ ในงานประมูลเมื่อคืนนี้เฟิงหานชวนใช้เงินห้าพันล้าน เพื่อประมูลพลอยไพลินที่ราชินีซีซาร์สะสมไว้ นั่นคือหัวใจนิรันดร์”

“เขาน่าจะใกล้ขอฉันแต่งงานแล้ว!” หลีซืออวิ๋นตื่นเต้นมาก ร่างกายของเธอยิ่งสั่นเทาหนักขึ้น

เฉินเจี๋ยไม่เต็มใจแยกทางกับหลีซืออวิ๋น เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยแย้งเธอไปว่า “ขอแต่งงานไม่ใช่ว่าควรใช้แหวนเพชรหรอกเหรอ ใครใช้พลอยไพลินขอแต่งงานกัน”

พูดกันตามตรง เขาไม่ต้องการให้เฟิงหานชวนและหลีซืออวิ๋นอยู่ด้วยกัน เพราะเมื่อพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน หลีซืออวิ๋นก็จะอยู่ห่างจากเขา ไม่สามารถไปมาหาสู่กับเขาได้อีก

“คุณผิดแล้ว! คุณผิดแล้ว! เฟิงหานชวนเขาจะเปรียบเทียบกับผู้ชายทั่วไปได้ยังไง”

“เขาไม่เคยซื้อของใช้ของผู้หญิงเลยนะ พลอยไพลินเม็ดนั้นไม่คุ้มเงินห้าพันล้านของราคาตลาดเลยด้วย แต่เขาพยายามประมูลกลับมา นอกจากให้ฉันแล้ว ยังจะมีตัวเลือกอื่นอีกเหรอ”

“แน่นอนว่าไม่มีตัวเลือกอื่น มีแค่ฉันเท่านั้นที่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด!”

“ครั้งนี้เขาให้พลอยไพลินฉัน ต้องขอฉันแต่งงานแน่…”

“ใกล้แล้วๆ เขาต้องแอบเตรียมขอแต่งงานแน่ๆ อีกไม่นานฉันก็จะแต่งงานกับเขาแล้ว!”

……

“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา หรือเทคนิค ผมสุดยอดแน่นอน! "

จอห์นยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเบ่งกล้ามแขน พูดโอ้อวดตัวเอง

เมื่อเห็นว่าจอห์นยังคงตื้อ เป๋าฮวนก็ตะโกนอย่างโกรธเคือง: “ไปให้พ้น!”

มีเสียงดังขึ้น "ปั๊ง” เป๋าฮวนปิดประตูอย่างดุเดือด

จอห์นยืนที่ประตูกระพริบตาหลายต่อหลายครั้ง ทำหน้าร้องไห้ เคาะประตูและตะโกน: "คุณเป๋า ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณโกรธ คุณต้องยกโทษให้ผมนะ!"

“คืนนี้คุณไม่สนใจ แล้วคืนพรุ่งนี้คุณจะยังอยู่ที่นี่ไหม? ผมชอบคุณเป๋ามากจริงๆ ผมอยากดูแลคุณเป๋า”

เป๋าฮวนไม่สนใจเขาเลย และไม่ตอบ เธอมีเพียงความรู้สึกที่หงุดหงิด

ขณะที่เธอหันหลัง กำลังจะกลับไปที่ห้อง วินาทีต่อมา จอห์นก็กรีดร้องลั่นจากนอกประตู

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ—”

เป๋าฮวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรีบเปิดประตูและเห็นจอห์นคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว เฟิงหานชวนจับเขาคุกเข่าด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม

“นี่…” เป๋าฮวนไม่รู้ว่าเพราะอะไร

“คุณเป๋า ครั้งต่อไปถ้าคุณเจอผู้ก่อกวนแบบนี้อีก คุณควรรีบโทรแจ้งตำรวจ” เฟิงหานชวนชำเลืองมองเธอ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงขู่ที่เย็นชา

เป๋าฮวนกระตุกปากสองครั้งแล้วกล่าวว่า: “ขอบคุณมากคุณเฟิง”

“คุณเป๋า คุณจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้! คุณต้องช่วยผม! ผมมาหาคุณตอนกลางคืน เพราะคุณนัดกับผมไว้ แต่ผมไม่รู้ว่าคุณเปลี่ยนแพลนแล้ว คุณต้องช่วยผม…” ใบหน้าของจอห์นบูดบึ้งเพราะความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาทั้งหมดบิดเบี้ยวไปหมด

เขากัดฟันและพยายามขอความช่วยเหลือจากเป๋าฮวน

เป๋าฮวนรู้สึกรำคาญกับการวิงวอนของเขา เธอจึงมองไปที่เฟิงหานชวน และกล่าวเบาๆว่า: "คุณเฟิง คุณปล่อยจอห์นเถอะ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด"

เธอเข้าใจการกระทำของจอห์น เป็ดธรรมดาต้องการจะขึ้นมาอยู่ตำแหน่งหงษ์ที่สูงกว่า จึงริเริ่มเข้าหาแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติ

ตอนแรกถ้าเธอไม่สนใจ เรื่องนี้ก็จบ แต่ไม่คาดคิด เฟิงหานชวนจะปรากฏออกมา แถมยังให้บทเรียนกับจอห์น

“ไม่ได้ทำอะไรผิด?” เฟิงหานชวนหัวเราะเยาะราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างและพูดประชดประชันว่า: “ผมก็ลืมไป คุณเป๋าชอบเขาก่อน แถมยังถามเขาว่าเขาแข็งแกร่งหรือเปล่า ใช่ไหม?”

เป๋าฮวน: "???"

ตอนที่เธออยู่ห้องฟิตเนส เธอหยอกล้อกับจอห์นแบบนี้จริงๆ แต่สิ่งที่เฟิงหานชวนพูดออกมาหมายถึงอะไร?

เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ตอบ เฟิงหานชวนก็ปล่อยจอห์น และพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า: “ผมเข้าไปยุ่งเอง"

หลังจากนั้นก็หันหลังเดินออกไป

เป๋าฮวนยืนมองแผ่นหลังของเขา ยังคงสูงและทรงพลัง ปฏิเสธไม่ได้ว่าสัดส่วนร่างกายของเฟิงหานชวน นั้นสมบูรณ์แบบมากจริงๆ

จากนั้น เธอก็มองเขาเปิดประตูอีกบานของชั้นนี้

มีเสียงดัง "ปั๊ง” เสียงกระแทกประตู

จู่ๆเป๋าฮวนก็รู้สึกอธิบายไม่ถูก คุยกันแล้วว่าจะเป็นคนแปลกหน้ากันไม่ใช่เหรอ?

เฟิงหานชวนเล่นอะไรอยู่กันแน่?

จอห์นที่คุกเข่าลงบนพื้น คลานไปที่เท้าของเป๋าฮวน คว้าน่องของเธอแล้วกล่าวขอบคุณ: “ขอบคุณคุณเป๋า ขอบคุณคุณเป๋าที่ช่วยผม ผมจะไม่รบกวนคุณเป๋าอีกแล้ว!”

“คุณเป๋า นี่คือนามบัตรของผม ผมอาจจะไม่อยู่ในห้องฟิตเนสตลอด 24 ชั่วโมง หากคุณมีความต้องการใดๆ โทรหาผมได้ตลอดเวลา”

เมื่อพูดจบ จอห์นก็หยิบนามบัตรสีขาวออกมาจากกระเป๋ากางเกงวอร์มของเขา โดยไม่คำนึงว่าเป๋าฮวนจะอยากได้หรือเปล่า เขาวางบนมือของเธอโดยตรง

ก่อนที่เป๋าฮวนจะได้สติหลับมา จอห์นก็กลับไปแล้ว

"…"

เป๋าฮวนมองไปที่นามบัตรในมือและไม่พูดอะไร

หลังจากได้สติกลับมา เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่เหลือบมองไปยังทิศทางอีกห้อง

ตอนนี้เธอกับเฟิงหานชวน ระยะห่างถือว่าใกล้กันมาก แต่ก็ไม่ใกล้ขนาดนั้น เธออยู่ห้องข้างๆเขา แต่ก็ไม่ใช่ข้างๆที่แท้จริง

เนื่องจากห้องมีขนาดใหญ่มาก ระยะห่างระหว่างสองห้องถึงแม้จะอยู่ในห้องสวีทติดกัน แต่ก็ยังห่างกันมาก

เป๋าฮวนถอนหายใจออกมาเบาๆโดยไม่รู้ตัว ปิดประตู หันหลังเดินเข้าไปในห้อง

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง

เธอนอนกลิ้งไปมาใต้ผ้าห่ม นอนยังไงก็นอนไม่หลับ เพราะมีเรื่องหงุดหงิดมากมาย เตะผ้าห่มออกไปอย่างดุเดือด

เธอลุกขึ้นนั่ง เกาศีรษะอย่างมึนงง เธอรู้สึกเหนื่อยมากและง่วงนอน แต่นอนไม่หลับ

ในหัวมีเรื่องให้คิดมากมาย คิดย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว

ในความเป็นจริง แม้ว่าเธอกับเฟิงหานชวนจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ระยะเวลาศึกษาดูใจกันนั้นสั้นมาก ตั้งแต่รู้จักจนแยกกัน ไม่ถึง3เดือนด้วยซ้ำ

อีกอย่าง ครึ่งเดือนอยู่ในค่ายฝึก และอีกหนึ่งเดือนอยู่ในสงครามเย็น

เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้พูดยังไงก็ไม่เข้าใจ

แม้ว่าเวลาที่อยู่ด้วยกันจะไม่นาน แต่3ปีที่แล้วที่อยู่กับเฟิงหานชวน รู้สึกเหมือนอยู่ด้วยกันมานานแสนนาน

อันที่จริง คำนวณแล้วเป็นเวลาที่สั้นมาก

เป๋าฮวนลุกขึ้นจากเตียง เดินออกจากห้องนอนและเดินไปที่ตู้เก็บไวน์เล็กๆข้างห้องนั่งเล่น

ห้องราคาสูงก็ต้องมีของดีในห้องราคาสูง มีไวน์แดงคุณภาพดีหลายขวดในตู้เก็บไวน์ เธอหยิบขวดหนึ่ง เทลงในแก้ว

เมื่อก่อน ประสิทธิภาพการนอนของเธอดีมาก แต่หลังจากมาที่ประเทศเฉิน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการเจ็ตแล็กหรือการปรับตัวทางร่างกาย เธอมักมีอาการนอนไม่หลับ

ตอนนั้น จิตแพทย์ที่คุณปู่เชิญมา บอกเธอว่าก่อนนอนดื่มไวน์แดงสักเล็กน้อย ไวน์แดงมีส่วนช่วยในการนอนหลับ

เธอถือแก้วไวน์แดง เดินเข้าไปในห้องนอน เดินผ่านห้องนอน เดินไปที่ระเบียง และนั่งบนเก้าอี้หวาย

ตึกที่นี่สูงมาก มองจากตรงนี้ มีตึกสูงเรียงกันเป็นแถวประดับประดาไปด้วยไฟนีออน ส่องประกายระยิบระยับเต็มไปหมด เห็นความเจริญรุ่งเรืองและความสง่างามของเมือง

เป๋าฮวนเอียงขา จิบไวน์แดง อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงออกมา

เมื่อ3ปีที่แล้ว เธอกับกู้ไหว่แต่งเพลง "คุณยาย” ก่อนที่เธอจะเดบิวต์ ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อน

เธอชอบเพลงนี้มาก การเรียบเรียงของกู้ไหว่นั้นยอดเยี่ยม เป็นเนื้อเพลงความรู้สึกที่เธออยากบอกกับคุณยาย ได้เรียบเรียงมันออกมาทั้งหมด

จากที่ฮัมเพลงป๊อปยอดนิยมของประเทศเฉิน จู่ๆเธอก็ฮัมเป็นเพลง "คุณยาย" เป๋าฮวนเหมือนเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเอง

แต่ว่า เพราะเธอเมามากแล้ว เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีเงาดำ ยืนอยู่ข้างระเบียง กำลังตั้งใจฟังเธอร้อง

อาจเป็นเพราะไวน์แดง หรือบางทีเป็นอารมณ์ผ่อนคลายที่คล้อยตามสายลม

เมื่อคืน ถือว่าเป๋าฮวนนอนหลับฝันดี

เมื่อเธอตื่นขึ้น แดดก็ส่องเข้ามาแล้ว เธอลุกขึ้นนั่งและเหยียดแขนอย่างเกียจคร้าน

“ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง…”

ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงกริ่งประตู

เช้าแบบนี้ หรือว่าจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งจะมาหาเธอแล้ว?

เป๋าฮวนรีบไปที่ประตู แต่คราวนี้ เธอมองผ่านตาแมวประตูก่อน พบว่าเป็น Alex

เธอรีบเปิดประตูและถามด้วยความสงสัย: “Alex มีอะไรหรือเปล่า?”

"หึหึหึหึ!”Alexเปล่งเสียงออกมา เอากล่องสีดำออกมาจากข้างหลัง

เขายกมุมปาก ยิ้มแล้วยื่นกล่องให้เป๋าฮวน แล้วกล่าวว่า: “Joy เมื่อคืนหลังจากที่คุณจากไป ผมเห็นสร้อยคอที่สวยมาก ผมว่ามันเหมาะกับคุณมาก ผมเลยประมูลมันมา "

Alexกล่าวพร้อมกับเปิดกล่อง

เป๋าฮวนเห็นสร้อยคอทองคำขาวที่สวยมาก เป็นเหมือนรูปดอกทานตะวัน มีความรู้สึกที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่นุ่มนวล

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้อยเส้นนี้สวยมาก ทำให้ดวงตาของเป๋าฮวนเปล่งประกาย

“ขอโทษนะ Alex ฉันรับของขวัญของคุณไว้ไม่ได้หรอก”

แต่ เป๋าฮวนก็ปฏิเสธโดยตรง

เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมรับสิ่งของจากคนอื่นง่ายๆ

แม้ว่าเธอจะปฏิเสธโดยตรง แต่ท่าทางการพูดของเธอนั้นสุภาพมาก ไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกอับอาย

Alexเกาหัว ยิ้มอย่างเขินอาย ยักไหล่แล้วพูดว่า: "แม้ว่าผมจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ได้ยินคุณปฏิเสธ ผมก็ยังแอบรู้สึกผิดหวัง"

“ขอโทษจริงๆ” เป๋าฮวนเม้มริมฝีปากของเธอ

“Joy ผมไม่มีโอกาสเลยใช่ไหม?” Alexเป็นชาวอเมริกา เป็นคนเปิดกว้างทางอารมณ์ เขาจึงถามตรงๆ

พวกเขาไม่ชอบอ้อมค้อม

3ปีที่เป๋าฮวนมาอยู่ต่างประเทศ ความกล้าก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน

เธอเพียงพยักหน้าเบาๆ แต่ไม่พูดอะไร

Alexเข้าใจจากการพยักหน้าของเธอ เขาพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด: “ดูเหมือนว่าผมจะไม่ใช่สเปคของคุณ”

“Alex ฉันขอโทษจริงๆ คุณเป็นคนดี” เป๋าฮวนทำได้เพียงปลอบโยนเขา

"ถ้าอย่างนั้นเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ไหม? อันที่จริง ผมเป็นคนที่ไม่คิดมากอยู่แล้ว ต่อให้คุณปฏิเสธผม สำหรับผมมันก็ไม่เป็นไรหรอก" Alexต้องการรักษาความเป็นเพลย์บอยของเขาไว้

เป๋าฮวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง และกำลังจะตอบ ก็ได้ยินเสียง "ปั๊ง" จากอีกด้านของทางเดิน

เธอรีบหันศีรษะไปทางขวา เห็นเฟิงหานชวนออกมาจากห้องของเขา เสียงดังเมื่อกี้ คือเสียงที่เขาปิดประตู

เป็นเรื่องบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ เธอเจอเฟิงหานชวนอีกครั้ง?

อีกอย่าง ตอนนี้Alexยังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอสังเกตเห็น เฟิงหานชวนเหลือบมองพวกเธอ

แต่ว่า เฟิงหานชวนไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาเดินตรงไปที่ลิฟต์และจากไป

เป๋าฮวนขดริมฝีปากของเธออย่างลับๆ บอกว่าเป็นคนแปลกหน้ากัน เฟิงหานชวนนี่ "รักษาคำพูด" จริงๆ~

“Joy คุณกำลังมองเขาเหรอ?” Alexเห็นเฟิงหานชวนจากไป ถามด้วยความอิจฉาเล็กน้อย

“ห้ะ?” เป๋าฮวนได้สติและพูดอย่างรวดเร็ว: “จะเป็นไปได้อย่างไร! ฉันแค่เหลือบมองโดยไม่ได้ตั้งใจ”

“เมื่อคืนเขาประมูลไพลินของราชินี เขามอบให้คุณหรือเปล่า?” Alexอยากถามคำถามนี้มาตลอด

เมื่อคืนนี้ เขาคิดว่าเฟิงหานชวนก็เหมือนกับเขา เป็นแค่คนที่คอยตามจีบเป๋าฮวน และเป๋าฮวนก็ดูเหมือนจะเกลียดเฟิงหานชวน

ดังนั้น ในเวลานั้น เขาจึงไม่ได้เห็นเฟิงหานชวนเป็นคู่ต่อสู้

แต่ว่า เฟิงหานชวนใช้เงินจำนวนมาก เพื่อประมูลไพลิน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจะต้องมอบให้เป๋าฮวน ซึ่งทำให้ Alex รู้สึกตกใจเพราะเขาไม่มีกำลังพอที่จะประมูลไพลินนั้นได้

ต่อมา เขาก็ประมูลสร้อยคอทองคำขาวรูปดอกทานตะวัน ที่จริงเขาไม่ได้ต้องการจะมอบให้เป็นของขวัญกับเป๋าฮวน แต่เขาแค่อยากรู้ว่าเป๋าฮวนได้รับไพลินนั้นไหม

“พูดให้ถูกคือ เขาไม่ได้ให้ฉัน ฉันใช้เงินของฉันซื้อมา” เป๋าฮวนโพล่งออกมา

“อะไรนะ? คุณซื้อไพลินจากเขาในราคา5พันล้าน?” Alexอ้าปากด้วยความตกใจ

“เรื่องมันซับซ้อนกว่านั้น ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ที่จริงฉันไม่ได้ซื้อในราคา5พันล้าน แต่เป็น1พันล้าน”

หลังจากที่เป๋าฮวนตอบ จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โอนเงินให้เฟิงหานชวน!

“อ๊ะ!” เธออุทาน ตบหัวตัวเองแล้วกล่าวว่า: “ฉันลืมเรื่องที่สำคัญแบบนี้ได้อย่างไร”

ดังนั้น เธอจึงหันหลังกลับและรีบไปที่ห้องนอน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที จะบอกให้จิ่งมั่วช่วยเธอโอนเงินให้เฟิงหานชวน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอกำลังจะโทรหาจิ่งมั่ว เธอก็นึกถึงสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือเฟิงหานชวนไม่ได้ส่งเลขบัญชีธนาคารให้เธอ

เมื่อนึกขึ้นว่าเขาเพิ่งขึ้นลิฟต์ไปเมื่อกี้ น่าจะยังมีเวลารับโทรศัพท์ ดังนั้นเป๋าฮวนจึงโทรหาเขาทันที

ในเวลาประมาณหนึ่งวินาที การโทรก็เชื่อมต่อ

“มีอะไร?” เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้นทันที

“เฟิงหานชวน นี่ฉันเอง เป๋าฮวน ส่งเลขบัญชีธนาคารของคุณมา ฉันกำลังจะโอนเงินให้คุณ” เป๋าฮวนพูดทันที

“คุยกับผู้ชายอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมีเวลามาโอนเงินให้ผม?”

เป๋าฮวนไม่เคยคาดคิดว่าเฟิงหานชวนจะน่ารังเกียจได้ขนาดนี้!

คาดไม่ถึงว่าจะทำกับเธอ…

“นี่คุณทำอะไรฉัน!?"เป๋าฮวนกรีดร้อง

"คุณเข้าใจผิดแล้ว"เสียงของเฟิงหานชวนนิ่งมากเขาเดินตรงไปที่ด้านหน้าของตู้เสื้อผ้า

เขาเปิดประตูตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อคลุมออกมา แล้วเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง

การกระทำของเขาทำให้เป๋าฮวนรู้สึกสับสนมากกว่าเดิม เป๋าฮวนใช้ประโยชน์จากที่เฟิงหานชวนไม่อยู่ โดยไม่ได้พูดอะไรสักคำและรีบสวมชุดเดรสอย่างรวดเร็ว

เมื่อเธอเพิ่งสวมชุดเดรสเสร็จ เสียงต่ำๆของเฟิงหานชวนก็ดังขึ้นมาจากในห้องน้ำ: "สะดวกไหมถ้าผมจะออกไป?"

เป๋าฮวนตกตะลึง เขามารู้มารยาทอะไรในเวลานี้?

เธอกัดฟันและพูดว่า: "ออกมาสิ!"

เฟิงหานชวนเดินออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง

"สารเลว!"เป๋าฮวนจ้องมองเขา ในขณะที่เธอด่า เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเตรียมโทรหาจิ่งมั่ว

"ผมไม่ได้ทำอะไรคุณ"ใบหน้าของเฟิงหานชวนเย็นชาและเผยให้เห็นท่าทางที่ดูผิดหวังเล็กน้อย

เขาพูดเบาๆและอธิบายว่า: "ผมเพิ่งมาหาคุณและพบว่าคุณนอนหลับอยู่ในอ่างอาบน้ำ หลังจากที่ผมพาคุณไปที่เตียง เสื้อผ้าของผมก็เปียกไปหมด ผมเลยขอยืมห้องน้ำของคุณ"

เป๋าฮวน: "???"

ดังนั้นแล้วเฟิงหานชวนไม่ได้ทำอะไรเธอ เขาเพียงแค่อุ้มเธอออกมาจากอ่างอาบน้ำแล้วพาไปที่ห้องนอน?

แต่ว่า!

"คุณเข้ามาในห้องฉันทำไม? คุณ—" เป๋าฮวนกรีดร้องอีกครั้ง

"ผมมาหาคุณและพบว่าประตูมันไม่ได้ปิด"สีหน้าของเฟิงหานชวนนั้นเย็นชา เขาตอบเสียงต่ำ

เป๋าฮวนมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เธอขมวดคิ้วและพูดว่า: "เป็นไปไม่ได้! ฉันแน่ใจว่าฉันปิดประตูแล้ว! "

เธอคงไม่โง่ขนาดที่เธอเข้ามาในห้องโดยไม่ปิดประตูหรอก?

"นี่เป็นเรื่องจริง ไม่เช่นนั้นคุณสามารถโทรเช็คกล้องวงจรปิดทางเดินของโรงแรมก็ได้ เรื่องนี้ผมไม่โกหกหรอก"

เฟิงหานชวนเดินไปทางเป๋าฮวนด้วยท่าทางที่สงบพร้อมกับใบหน้าที่เรียบนิ่งของเขา

เป๋าฮวนกัดฟันกรอด เธอจ้องเขาเขม็งแล้วถาม: "ต่อให้ฉันไม่ได้ปิดประตู แต่ว่าคุณก็ไม่ได้รับความยินยอมจากฉัน คุณเข้ามาเองตามใจชอบ แถมยังเข้าไปถึงอ่างอาบน้ำ แล้วพาฉัน… ถึงฉันจะหลับในอ่าง คุณก็ไม่ควรพาฉันไปที่ห้องนอน! "

"คุณ คุณออกไปให้พ้นสายตาของฉันนะ!"

เป๋าฮวนโกรธแทบตายแล้วจริงๆ นอกจากตั้งคำถามแล้วเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ

เธอต้องการเอาชนะเฟิงหานชวนอย่างมาก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เธอจะไม่สามารถเอาชนะเฟิงหานชวนได้อย่างแน่นอน

เมื่อสามปีที่แล้ว เธอไม่เคยเอาชนะเฟิงหานชวนได้เลยและเธอก็เป็นผู้แพ้ทุกครั้ง

"ขอโทษ ผมเรียกคุณที่หน้าประตูหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีคนตอบรับ ผมกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรกับคุณหรือเปล่าผมเลยเข้ามา เรื่องนี้ผมต้องขอโทษคุณด้วย"

"พอผมเห็นคุณอยู่ในอาการหมดสติในอ่างอาบน้ำ ผมก็อยากช่วยคุณ ผมเลยอุ้มคุณขึ้นมา เรื่องนี้ผมก็ต้องขอโทษเหมือนกัน แล้วผมก็เพิ่งมาพบว่าคุณแค่หลับไปทีหลัง"

"หลังจากที่ผมพบว่ามันเป็นแบบนั้น ผมก็เลยใช้อ่างอาบน้ำของคุณอาบน้ำ"

เฟิงหานชวนอธิบายอย่างจริงจังอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เดินผ่านเป๋าฮวนไปและหยิบกล่องกำมะหยี่สี่เหลี่ยมจากโต๊ะข้างเตียงส่งให้เป๋าฮวน

เขาพูดอย่างเคร่งขรึม: "คุณเป๋า เรื่องเมื่อสักครู่ผมไม่มีมารยาทเอง และของขวัญชิ้นนี้ถือเป็นของขวัญแทนคำขอโทษของผม"

หลังจากนั้นเขาก็ยัดกล่องใส่มือของเป๋าฮวนแล้วหันหลังเดินออกไป

เป๋าฮวนรีบเปิดกล่องกำมะหยี่ในมือของเธอ อย่างที่คาดไว้ เธอพูดถูก ภายในกล่องบรรจุไพลินราชินีซีซาร์

เป็นของที่เฟิงหานชวนจ่ายห้าพันล้านแล้วประมูลได้มันมา

"เฮ้ คุณอย่าเพิ่งไป!"เป๋าฮวนเรียกเขาให้หยุด

เฟิงหานชวนหยุด

เป๋าฮวนเดินตามเขาและไปอยู่ข้างหน้าของเฟิงหานชวน จากนั้นก็วางกล่องใส่ลงกลับไปในฝ่ามือของเฟิงหานชวน

"ฉันจะไม่รับของที่มีมูลค่าเช่นนี้!"เป๋าฮวนพูดอย่างหนักแน่น

ยิ่งกว่านั้นเฟิงหานชวนเป็นเจ้าของสิ่งที่เขาประมูลมา และมันก็ถือว่าเป็นสิ่งของของเฟิงหานชวน เธอไม่ต้องการอะไรจากเฟิงหานชวน

"อัญมณีนี้ถูกผมประมูลมาเพื่อคุณ สำหรับผมแล้ว มันไม่มีค่าอะไร"เฟิงหานชวนมองไปที่เธออย่างเย็นชาและตอบอย่างเฉยเมย

จู่ๆเป๋าฮวนก็พบว่า เฟิงหานชวนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน?

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขาหลงใหลในตัวเธอ และในงานประมูลนั้นเขาก็ทำเพื่อเธอ และเขาก็เกือบจะสู้กับอเล็กซ์อีกด้วย

ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นนี้? ความเย็นชาแบบนี้ ทำให้ใครดูกัน?

"คุณบ้าหรือเปล่า!"เป๋าฮวนด่า

"ใช่ ผมมันบ้าและปฏิบัติต่อคุณเหมือนเป็นอีกคนหนึ่ง วันนี้ผมทำเรื่องหยาบคาย ไม่ว่าจะในห้องฟิตเนส งานประมูล หรือในห้องน้ำเมื่อกี้นี้ มันคือความตั้งใจทั้งหมดของผม"

เฟิงหานชวนดูผิดหวังและสีหน้าเศร้าสร้อยของเขาปะปนกับร่องรอยของความสิ้นหวัง

"คุณ……คุณกำลังพูดถึงอะไร "หลังจากที่เป๋าฮวนได้ยิน เธอก็ขมวดคิ้วแน่น

ดังนั้นแล้วเฟิงหานชวนในตอนนี้ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นเฉินฮวนฮวนแล้วเหรอ?

ทำไมจู่ๆเขาก็เปลี่ยนไป?

เธอเงยหน้าขึ้นและถามอย่างจริงจัง: "ในที่สุดคุณก็พบว่าคุณจำผิดคนแล้วใช่ไหม?"

"ใช่"เฟิงหานชวนพูดโดยไม่ลังเล เขายกกล่องกำมะหยี่ในมือขึ้นแล้วพูดว่า: "นี่มันเป็นของที่ผมประมูลมาผิด คุณเอาไปเถอะ"

“???”

เป๋าฮวนสับสน เฟิงหานชวนรู้ได้อย่างไรว่าเขาจำผิดคน?

"ฉันไม่สามารถรับมันได้หรอก คุณเอาไพลินนี้ไปให้ผู้หญิงคนอื่นก็ได้นี่"แม้ว่าเฟิงหานชวนจะต้องการให้ไพลินกับเธอเพื่อขอโทษ แต่เธอก็ยังไม่ต้องการที่จะรับมันอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ราคาของไพลินนี้สูงเกินไปสำหรับเธอ

"ผู้หญิงของผมไม่อยู่แล้ว ผมไม่มีแฟน ไม่มีแฟนเก่า ไม่มีเพื่อนที่รู้ใจ ภรรยาที่รักของผมตายไปแล้ว และไม่มีของขวัญที่คู่ควร"เสียงต่ำของเขาเอ่ยอย่างช้าๆ

ทันใดนั้นหัวใจของเธอก็ดูเหมือนถูกตีอย่างรุนแรง เป๋าฮวนรู้สึกหายใจไม่ออก

ภรรยาที่รักตาย?

ภรรยาที่รัก ภรรยาที่รัก เหอะ ผู้ชายที่เต็มไปด้วยคำโกหก

"งั้นคุณก็เก็บไว้เองสิ!"เป๋าฮวนไม่อยากรับของของเขาอีกแล้ว

ดวงตาของเฟิงหานชวนมืดลง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: "คุณเอาหนึ่งพันล้านมาให้ผมก็ได้ นี่คือราคาประมูลที่คุณวางแผนจะเสนอในตอนนั้น"

“???”

เป๋าฮวนไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนต้องการจะทำอะไร

"ในเมื่อคุณบอกว่าจำผิดคน แล้วยังจะมายุ่งกับฉันอีกทำไม?"เธอถามกลับ

"แต่เดิมอัญมณีนี้ถูกประมูลมาเพราะคุณ ดังนั้นหลังจากคืนมันให้คุณแล้ว ทุกอย่างก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเราเป็นแค่คนแปลกหน้ากัน"เฟิงหานชวนมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเขา ใบหน้าที่คุ้นเคย แต่เขาหาความเขินอายในอดีตไม่เจออีกแล้ว

คนแปลกหน้า……

ไม่รู้ว่าทำไม แต่อารมณ์ของเป๋าฮวนไม่ค่อยดีนักเมื่อได้ยินคำสามคำนี้

ตรงกันข้าม หัวใจเหมือนถูกบางสิ่งขวางกั้นไว้ เธอรู้สึกเซ็ง

"พูดแล้วไม่คืนคำ?"เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีแอปริคอทที่สดใสมองผู้ชายตรงหน้าเธอ

"ไม่คืนคำ"ชายหนุ่มตอบทันที

"ตกลง เอาบัญชีของคุณมาแล้วฉันจะโอนเงินหนึ่งพันล้านให้คุณ และไพลินนี้จะเป็นของฉัน"เป๋าฮวนแบฝ่ามือของเธอให้กับชายหนุ่ม

วินาทีถัดมา กล่องกำมะหยี่ก็ถูกวางลงบนฝ่ามือของเธอ

นี่คือไพลินที่เธอรอคอยมาเป็นเวลานาน แต่เธอรู้สึกไม่มีความสุขนักเมื่อได้มันมา

เฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถามอย่างเย็นชาว่า: "เบอร์โทรศัพท์"

เป๋าฮวนไม่คิดเยอะ และบอกเบอร์กับเขาไป จากนั้นไม่นานโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

เธอกำลังจะรับโทรศัพท์ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอก็พูดอีกครั้งว่า: "ผมเป็นคนโทรไป แล้วผมจะส่งบัญชีธนาคารให้คุณ"

"โอเค"เป๋าฮวนพยักหน้าแล้วทำท่าทาง "กรุณา" เธอยิ้มแล้วพูดว่า: "คุณเฟิงกลับดีๆล่ะ ฉันคงจะไม่ได้ไปส่ง"

ถึงแม้ว่าเธอจะดูสุภาพ แต่ในคำพูดของเธอก็ดูจงใจที่จะไล่เขาออกไป

"ส่งเพียงเท่านี้ก็พอ"เฟิงหานชวนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเลี่ยงเธอแล้วเดินไปที่ประตู

เสียง "ปัง" ดังขึ้น จากนั้นประตูก็ถูกปิดลง

เฟิงหานชวนไปแล้วจริงๆ เขาไม่ได้กวนใจเธอและเดินจากไปอย่างง่ายๆ

เป๋าฮวนจ้องมองไปที่ประตูอยู่เป็นเวลานาน

คนแปลกหน้า?

ไปซะเถอะคนแปลกหน้า!

ไสหัวไปซะเฟิงหานชวน เขาจำอดีตภรรยาของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ

ดีมาก ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นคนแปลกหน้าตลอดไป!

เป๋าฮวนกัดฟันด้วยความโกรธ เธอหันหลังกลับแล้วรีบเข้าไปในห้องนอน แล้วกระโดดตรงเข้าไปในผ้าห่ม

"ปังๆ ปังๆ ……."

ในขณะเดียวกันประตูก็ถูกเคาะจากประตูด้านนอกอีกครั้ง

เป๋าฮวนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระโดดลงจากเตียงแล้วหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง

เหอะๆ!

ไม่ได้พูดว่าเป็นคนแปลกหน้าไปแล้วหรือไง?

ทำไมผ่านไปแค่ไม่กี่นาที ก็กลับมาหาเธออีกแล้วเหรอ?

ความเยาะเย้ยเย้ยหยันปรากฏขึ้นในดวงตาของเป๋าฮวน เธอหันตัวกลับไปและเดินไปที่ประตูด้านนอกสุด

เสียงดัง "กริ๊ก" เธอเปิดประตูโดยไม่ได้ถามว่าเป็นใคร

"เฟิงหานชวน คุณ…ทำไมเป็นคุณ?”เป๋าฮวนตกใจ

คนที่เคาะประตูไม่ใช่เฟิงหานชวน แต่เป็นเทรนเนอร์จอห์น

"คุณเป๋า สวัสดีตอนเย็น!"จอห์นเลิกคิ้วและสูดลมหายใจพร้อมกับใบหน้าที่มันเยิ้มของเขา

เป๋าฮวนรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย

"มีเรื่องอะไรเหรอ?"เธอถามอย่างเย็นชา

"คุณเป๋า ไม่ใช่คุณที่นัดผม…คิคิ คุณนัดผมให้มาเจอตอนค่ำไม่ใช่เหรอ?"จอห์นส่ายหัว การจัดแต่งผมด้วยมูสของเขาทำให้ผมไม่ขยับเลยสักนิด

เป๋าฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบอย่างเหลืออดว่า: "ฉันเหนื่อยแล้ว"

"คุณเป๋า เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เป็นไร ผมจะรับผิดชอบทุกขั้นตอนเอง ผมจะทำให้คุณ… รู้สึกมีความสุขทั้งกายและใจ "จอห์นกะพริบตามองเธอ น้ำเสียงของเขาดูคลุมเครือและทุกประโยคก็ดูสองแง่สองง่าม

เป๋าฮวนรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนเล็กน้อย ใบหน้าของเธอดูแย่ลง และเธอตอบกลับไปว่า: "ขอโทษนะ คืนนี้ฉันไม่สนใจ"

"เอ่อ นี่…"จอห์นแสดงสีหน้าผิดหวัง เขามีความกระตือรือร้นขนาดนี้ ทำไมหญิงสาวคนนี้ถึงไม่สนใจเขา?

เขานึกขึ้นได้ว่าเฟิงหานชวนเพิ่งเดินออกมาในชุดคลุมอาบน้ำ ทั้งสองคนทำอะไรบางอย่างงั้นเหรอ?

ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ เฟิงหานชวนใช้เวลาไม่นานในการเข้าไปในห้องเพรสซิเดนสูทของเป๋าฮวนแล้วก็ออกมา

แม้ว่าเฟิงหานชวนจะทำอะไรบางอย่างกับเป๋าฮวน เป๋าฮวนก็ไม่น่าจะเหนื่อยขนาดนี้

มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวนั่นคือ เป๋าฮวนไม่ได้สนใจเขา

เมื่อเทียบกับเฟิงหานชวน เทรนเนอร์ฟิตเนสอย่างเขาจะสามารถเทียบได้กับประธานของ R กรุ๊ปที่สูงส่งได้อย่างไร

ของล้ำค่าอยู่ตรงหน้า เป๋าฮวนก็เลยดูถูกผู้ชายธรรมดาอย่างเขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดได้ว่าเวลาของเฟิงหานชวนที่เข้ามานั้นสั้นมาก และเขาก็มั่นใจขึ้นมาอีกครั้งในทันที

"คุณเป๋า คุณไม่อยากลองจริงๆเหรอ?"

เป๋าฮวนไม่ได้สังเกตการแสดงออกของเฟิงหานชวน เธอไม่สามารถละสายตาจากไพลินในกรอบแก้วบนเวทีประมูลได้

เธอตื่นเต้นมาก!

อย่างไรก็ตาม เธอกลับรู้สึกเจ็บใจมากอีกครั้ง!

ราคาพันล้านนี้คงจะไม่มีใครไล่ตามได้อีกแล้ว

เพียงแค่มากกว่างบประมาณของตัวเองสามเท่า!

ไม่มีทางหรอก ใครกันทำให้เธอชอบราชินีซีซาร์ ใครกันบอกให้เธอมาที่นี่เพื่อไพลิน!

เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองชอบ เธอก็ควรลงทุน

"พันล้านครั้งที่หนึ่ง!"

"พันล้านครั้งที่สอง!"

เป๋าฮวนฟังเสียงของพนักงานประมูล เธอมองไปที่บริเวณที่ประมูลและทุกคนยังคงเงียบ ริมฝีปากของเธอยกขึ้น

ไพลินจะเป็นของเธอในไม่ช้า

ในขณะที่อยู่ช่วงเวลาแห่งความสุขของเธอ เสียงต่ำๆก็ดังขึ้นข้างๆหูของเธอ

"สองพันล้าน!"

เป๋าฮวนตกตะลึง เธอหันศีรษะและมองไปยังเฟิงหานชวนที่ถือป้ายหมายเลข ดวงตาของเธอนิ่งไม่เคลื่อนไหว

"สอง….สองพันล้าน?"เป๋าฮวนกลับมารู้สึกตัวและอ้าปากค้าง ริมฝีปากของเธอสั่นด้วยความตกใจ

ไม่ใช่เพียงแค่เธอคนเดียว แต่รวมถึงทุกคนที่อยู่ด้วย ราวกับว่าทุกคนกำลังเห็นมนุษย์ต่างดาว ทุกๆสายตาจับจ้องมองไปที่เฟิงหานชวน

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที หญิงสาวในบริเวณงานประมูลก็เริ่มกรีดร้อง: "เขาหล่อมาก!"

"คือเขา ตำนานของสแตนฟอร์ดในปีนั้น! รุ่นพี่ของฉัน! "

"เขาเป็นผู้ก่อตั้ง R กรุ๊ป เฟิงหานชวน"

"คุณชายที่สามแห่งตระกูลเฟิงที่มีชื่อเสียงมากๆในเมืองเป่ยเฉิง!"

"เขาบ้าไปแล้วเหรอ? ว่ากันว่าเขาไม่เคยทำธุรกิจให้ขาดทุน จู่ๆก็มาใช้เงินสองพันล้านเพื่อซื้ออัญมณีชิ้นเล็กๆเนี่ยนะ? "

"เขาคงทำเพื่อผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขา ผู้หญิงที่ประมูลราคาพันล้านเมื่อกี้!"

"พวกเขาเป็นศัตรูกันหรือเปล่า? ทำไมเฟิงหานชวนถึงต้องการแย่งไพลินที่ผู้หญิงคนนั้นก็กำลังเล็งไว้อยู่เหมือนกัน? "

"ฉันคิดว่าไม่ใช่ศัตรู แต่มันคือความต้องการ!"

……

ในบริเวณที่ประมูลเริ่มเกิดเสียงดังวุ่นวาย

เป๋าฮวนหันศีรษะและจ้องไปที่เฟิงหานชวน เธอด่าสาปแช่ง: "คุณบ้าไปแล้วเหรอ? คุณใช้เงินสองพันล้านเพื่อซื้ออัญมณีที่แตกแล้วน่ะเหรอ? "

"ฮวนฮวน เป็นเพราะมุมมองของคุณ ผมเชื่อว่ามันจะต้องมีคุณค่ามาก"เฟิงหานชวนยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยและตอบกลับเบาๆ

เป๋าฮวนกุมขมับและพยายามระงับความโกรธของเธอ จากนั้นก็อธิบายไปว่า: "ไม่ใช่เพราะคุณค่าของมัน แต่มูลค่าในตลาดของมันมีค่าน้อยกว่าราคาที่สูงเช่นนี้มาก เพราะฉันก็แค่ชอบราชินีซีซาร์มากเท่านั้นเอง"

"ถ้าคุณชอบ ผมก็จะเอามันมาให้คุณ"เฟิงหานชวนยิ้มบางๆ

เป๋าฮวนเกาหัวของเธออย่างแรง เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ชอบไพลินน้ำเงินนี้ แต่เขาจงใจประมูลมัน

แค่นั้นแหละ!

ถ้าเป็นเช่นนั้น เธอก็ไม่ต้องการมันแล้ว!

"ฉันไม่ต้องการมัน คุณเล่นเองไปเถอะ"เป๋าฮวนจ้องมองเขาอย่างดุดัน จากนั้นก็หันไปทางด้านหน้า

ในเวลานี้พนักงานประมูลได้ขอให้ทุกคนเงียบและเริ่มประกาศต่อว่า: "พันล้านครั้งที่หนึ่ง มีใครจะเพิ่มราคาไหม?"

"สองพันหนึ่งร้อยล้าน!"

ในขณะเดียวกันก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านซ้ายของเป๋าฮวน เขาพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

เธอหันศีรษะของเธอมาอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ แต่ในทิศทางที่แตกต่างกันเพราะเมื่อสักครู่คืออเล็กซ์ที่เพิ่มราคา!

"อเล็กซ์ คุณก็เป็นบ้าไปแล้วเหมือนกันเหรอ?"เป๋าฮวนอุทาน

เป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับคนทั่วไปที่จะซื้อไพลินขนาดเล็กในราคาที่สูงเช่นนี้

เกือบจะทุกคนในตอนนี้หันความสนใจไปที่ทั้งสามคน และเสียงของภาษาของประเทศต่างๆก็เริ่มซุบซิบกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามคน

"จอย ผมจะช่วยเอาไพลินนี้มาให้คุณ และผมจะไม่มีวันปล่อยให้คนบางคนได้หน้าหรอก!"อเล็กซ์ทุบหน้าอกของเขาและสัญญากับเป๋าฮวน

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นเป๋าฮวน พูดได้เลยว่าเขาตกหลุมรักเป๋าฮวนตั้งแต่แรกเห็น เป๋าฮวนเป็นผู้หญิงในแบบที่เขาชอบ

อย่างไรก็ตาม ท่าทางของเป๋าฮวนที่มีต่อเขานั้นไม่ได้เกลียดแต่ก็ไม่ได้ชอบเขา ทำให้เขาไม่สามารถหาโอกาสที่จะรุกเธอได้ และคราวนี้เขาได้พบเธออีกครั้ง เขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่พระเจ้ามอบให้กับเขา

นอกจากนี้ เขาต้องการช่วยเป๋าฮวนจากผู้ชายที่ก่อกวนเธอ หากเขาสามารถเอาไพลินมาให้เป๋าฮวนได้ เป๋าฮวนก็คงจะตกลงคบกับเขาอย่างแน่นอน!

อเล็กซ์กำลังคิดเพลินๆ แต่จู่ๆในวินาทีต่อมาก็เสียงที่เยือกเย็นของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น

"ห้าพันล้าน!"

คราวนี้ ทุกคนยกเว้นเฟิงหานชวนตกอยู่ในความตะลึง

รวมทั้งเป๋าฮวนและอเล็กซ์

"ฟัค! บ้าชะมัด!"อเล็กซ์แอบสบถ

เขาไม่สามารถเพิ่มราคาได้อีกแล้ว

เขาเป็นลูกคนที่สองในครอบครัวและไม่มีสิทธิ์สืบทอดมรดก เขาเป็นแค่เพลย์บอยที่เที่ยวเล่นไปวันๆ

ห้าพันล้านเพื่อซื้ออัญมณีเม็ดเล็กๆน่ะเหรอ เขาไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น!

เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มที่ใช้เงินไปวันๆ และเงินออมทั้งหมดในบัญชีของเขาตอนนี้อยู่ที่สามพันล้านเท่านั้น

"บ้าไปแล้ว เฟิงหานชวน คุณบ้าไปแล้วจริงๆ!"เป๋าฮวนมองไปที่เฟิงหานชวนอย่างไม่เชื่อและพึมพำกับตัวเอง

เธอนึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะใช้เงินห้าพันล้านเพื่อซื้ออัญมณีอันเดียว

เฟิงหานชวนยังคงมีการแสดงออกที่เฉยเมย ราวกับว่าห้าพันล้านนั้นเท่ากับห้าสตางค์สำหรับเขา

"ห้าพันล้านครั้งที่หนึ่ง"

เสียงพนักงานประมูลดังขึ้นอย่างตื่นเต้น

"ห้าพันล้านครั้งที่สอง!!!"

ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ และยังไงทุกคนก็สามารถเดาได้ว่าคงจะไม่มีใครตอบ

"ปัง!"พนักงานประมูลตะโกนเสียงดังลั่น "ห้าพันล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับหมายเลข 87 คุณเฟิง เฟิงหานชวน"

ล่างเวทีมีเสียงปรบมืออย่างดุเดือดจากผู้ชม ดังจนแทบจะทำให้หูหนวก ทุกคนปรบมือให้กับความบ้าคลั่งของเฟิงหานชวน

เป๋าฮวนรู้สึกมึนไปแล้วจริงๆ เธอรู้สึกมึนมาก

เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนต้องการอะไร ตอนนี้ไพลินที่เธอต้องการถูกเฟิงหานชวนประมูลไปแล้ว เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นที่เธอจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป

เธอกำลังจะลุกขึ้นและจากไป

ราวกับว่าสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของหญิงสาว เฟิงหานชวนจับมือเธอทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า

เป๋าฮวนสะบัดมือออก เธอกัดฟันแล้วพูดว่า: "ไพลินเป็นของคุณเฟิงไปแล้ว ฉันจะไปแล้ว มีอะไรหรือเปล่า?"

"ฮวนฮวน ผมประมูลไพลินมาให้คุณ"เฟิงหานชวนพูดอย่างจริงใจ และยังคงจับข้อมือที่เรียวยาวของหญิงสาวต่ออีกอย่างไร้ยางอาย

เป๋าฮวนสะบัดมือออกอีกครั้งด้วยความขยะแขยง เธอหันไปมองอีกฝั่งหนึ่งแล้วพูดกับอเล็กซ์: "เฮ้ พี่ชาย ช่วยฉันลากเขาไปที ฉันอยากไปแล้ว!"

อเล็กซ์ทั้งโกรธและรู้สึกอับอาย เขาไม่เคยต้องมากังวลเรื่องเงินมาก่อน แต่ครั้งนี้เพราะเฟิงหานชวน ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถสู้หน้าเป๋าฮวนได้

ถ้าเขาไม่กลัวและถ้าเขาสามารถประมูลไพลินให้มาอยู่ในมือได้ เป๋าฮวนก็จะต้องยินดีกับเขาอย่างแน่นอน

"โอเค"อเล็กซ์จำเป็นต้องตกลง

เป๋าฮวนใช้แรงแกะมือของเฟิงหานชวน เธอลุกขึ้นและวิ่งไปทางซ้าย เฟิงหานชวนเองก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะตามเธอไป แต่ก็ถูกอเล็กซ์ยืนขวางไว้เสียก่อน

เฟิงหานชวนไม่ได้ต่อยอเล็กซ์อีก เขาได้แต่เฝ้าดูเป๋าฮวนวิ่งเหยาะๆออกไป

เมื่อเธอวิ่งไปที่ด้านหลังของห้องจัดเลี้ยงก็พบว่าเป็นจิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งที่รออยู่ที่นั่น

เขาหันกลับมาและมองอเล็กซ์อย่างเย็นชา จากนั้นก็พูดว่า: "หลีกทางด้วย ผมจะไปเอาอัญมณี"

เมื่อพูดถึงอัญมณี อเล็กซ์รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของเขาถูกทำลาย เขากัดฟันกรอดและในที่สุดก็นั่งลงบนเก้าอี้

เฟิงหานชวนเดินออกไปข้างหน้าและเดินไปทางหลังเวทีประมูล ที่อยู่ตรงข้ามกับทางเข้าห้องจัดเลี้ยง

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ได้มาหาเธอ เป๋าฮวนก็รู้สึกโล่งใจและสั่งให้จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งพาเธอกลับไปส่งที่ห้องเพรสซิเดนสูทเพื่อพักผ่อน

……

ภายในลิฟต์

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งอยู่ด้านหลังสถานที่จัดงานและได้เห็นทุกเหตุการณ์ในการประมูลแย่งชิงไพลินทั้งหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิ่งเหลิ่งที่ยังคงรู้สึกอึ้งอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกไปว่า: "ซื้อไพลินในราคาห้าพันล้านหยวน เฟิงหานชวนคนนี้นี่เงินทุนหนาเกินไปแล้ว!"

ดวงตาของเป๋าฮวนจมดิ่ง

เธอรู้มาโดยตลอดว่าเฟิงหานชวนนั้นรวยมาก แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าการจ่ายห้าพันล้านของเขาจะง่ายเหมือนกับการซื้อพริกเส้นหนึ่งห่อขนาดนี้

เมื่อเห็นท่าทางที่ครุ่นคิดของเป๋าฮวน จิ่งมั่วก็กระแอมไอและเตือนว่า: "คุณหนูใหญ่ คุณเฟิงเป็นผู้ชาย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ต้องการไพลินนั้น และไพลินนี้ก็ไม่มีค่าเท่ากับสิ่งของอื่นๆของเขา เขาน่าจะประมูลเพื่อมอบให้เป็นของขวัญ"

จิ่งมั่วกล่าวอย่างจงใจ เขามั่นใจว่าเฟิงหานชวนประมูลไพลินเพื่อมอบให้เป๋าฮวน

เป๋าฮวนเข้าใจความหมายของจิ่งมั่ว เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า: "เขาบอกแล้วว่าเขาต้องการจะมอบมันให้กับฉัน"

"อะไรนะ! คุณหนูใหญ่ ผู้ชายคนนี้ยังไม่ยอมแพ้เรื่องของคุณอีกเหรอ! "จิ่งเหลิ่งอุทานออกมา

เสียง "ติ๊งต่อง" ประตูลิฟต์เปิดออกอย่างช้าๆ ทำลายบรรยากาศที่หนักหน่วงในตอนนี้

เป๋าฮวนเดินออกมาพร้อมกับพูดว่า: "ยังไงฉันก็ไม่ยอมรับ"

"คุณหนูใหญ่ ในเมื่อเขาต้องการจะมอบมันให้กับคุณ คุณก็รับเอาไว้เถอะ ไม่มีอะไรเสียหายนี่! คุณไม่ได้ชอบไพลินนั่นมากหรอกเหรอ? แถมคุณยังออกแบบสร้อยคอสำหรับอัญมณีนั้นด้วยตัวของคุณเองอีกด้วย! "จิ่งเหลิ่งพูดพล่าม

“อาเหลิ่ง!”จิ่งโม่ดุจากด้านข้างของเขา

จิ่งเหลิ่งหุบปากทันที

เป๋าฮวนเดินไปถึงหน้าประตู เธอหันหลังกลับและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้: "ชอบก็ส่วนชอบ แต่ไม่ใช่ว่าจะได้สิ่งที่เราชอบทุกๆอย่าง และไม่จำเป็นต้องรับมัน"

"ฉันต้องการพักผ่อน พวกนายสองคนก็ไปพักผ่อนเถอะ"

หลังจากนั้นเป๋าฮวนก็รูดบัตรห้อง และเดินเข้าไปในห้องชุด จากนั้นก็ปิดประตูทันที

ที่ประตู จิ่งเหลิ่งเหลือบมองไปที่จิ่งมั่วและถามด้วยเสียงเบาๆว่า: "เมื่อกี้ฉันพูดผิดเหรอ? คุณหนูใหญ่เหมือนจะโกรธ! "

"เธอไม่ได้โกรธนาย ลงไปข้างล่างกันเถอะ คุณหนูใหญ่เธอมีแผน "จิ่งมั่วตอบกลับ

……

เป๋าฮวนเปิดน้ำร้อนใส่อ่าง

เธอแช่ตัวในน้ำร้อน เธอหลับตาและเพลิดเพลินไปกับมัน อย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าของการเดินทางได้

จากประเทศเฉินจนถึงประเทศจีน เธออยู่บนเครื่องบินเป็นเวลา 12 ชั่วโมง

และหลังจากลงจากเครื่องเธอก็รีบมาที่โรงแรมต่อไม่ได้หยุดพักเลย เธอนั่งทานอาหารมื้อพิเศษอย่างสิ้นหวัง จากนั้นก็ไปออกกำลังกายอยู่สักพักหนึ่ง แล้วก็เก็บสัมภาระและรีบไปงานประมูลทันที

ผลก็คือหลังจากผ่านไปครึ่งวัน เธอก็ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ

สุดท้ายก็มีความผิดหวังอยู่เสมอ

แต่แทนที่จะติดต่อกับเฟิงหานชวนต่อ เธอก็รู้สึกไม่อยากได้ไพลินนั่นอีกแล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เปลือกตาของเธอก็เริ่มต่อสู้กับเธอ จากนั้นสติของเธอก็ค่อยๆหายไป

เมื่อเธอตื่นขึ้นด้วยความงุนงง เธอพบว่าเธอไม่ได้อยู่ในอ่างอาบน้ำ แต่กลับมานอนอยู่บนเตียงแทน

เป๋าฮวนลุกขึ้นนั่งทันทีและมองลงมาที่ร่างกายของเธอ และเธอไม่ได้เสื้อผ้า!

ผ้าห่มถูกเธอถีบทิ้งและเธอก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย

สถานการณ์ตอนนี้คืออะไร?

เธอจำได้ชัดเจนว่าเธอกำลังอาบน้ำอยู่ เธอน่าจะเผลอหลับในอ่างอาบน้ำ แต่ตอนนี้เธอกลับมาอยู่บนเตียงได้อย่างไร

เธอไม่น่าจะเดินละเมอหรอกหน่า? ถ้าเดินละเมอ เธอจะเดินไปที่เตียงแล้วนอนห่มผ้าเองได้อย่างนั้นเหรอ?

เธอพยายามคิดเกี่ยวกับมัน แต่หัวสมองของเธอกลับว่างเปล่า

เมื่อเธองุนงงมากและจู่ๆก็มีเสียง "กริ๊ก" จากนั้นประตูห้องน้ำก็เปิดออกทันที

ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าเย็นชาที่คุ้นเคย

เมื่อมองลงไปอีกครั้ง ร่างกายท่อนบนของชายหนุ่มไม่มีอะไรเลย ร่างกายถูกห่อเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวเท่านั้น

ทันใดนั้นเป๋าฮวนก็ตระหนักว่าไม่มีอะไรอยู่บนร่างกายของเธอเช่นกัน เธอตะโกนและรีบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกายของเธอทันที

"เฟิงหานชวน ไอ้สารเลว—"

“ห้องของพวกเราสองคนอยู่ชั้นเดียวกัน ที่นั่งก็ติดกัน ตอนเย็นกลับด้วยกัน ไม่ได้เหรอ?”

ท่าทางของเฟิงหานชวนอ่อนโยนมาก ถึงแม้สีหน้าจะยังเย็นชา แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความอบอุ่น ไม่ได้แสดงออกว่าเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็งแบบนั้น

เป๋าฮวนกระตุกมุมปากแล้วตอกกลับ “ไม่ได้!”

เฟิงหานชวน “…”

เขารู้แล้วว่าสามปีมาแล้ว เฉินฮวนฮวนก็ยังไม่สามารถให้อภัยเขาได้

ไม่อย่างงั้นคงไม่แยกไปสามปี ไม่อย่างงั้นคงไม่แกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา

ไม่อย่างงั้นคงไม่ทำเป็นฆ่าตัวตาย เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล หายไปอย่างไร้วี่แวว

“นายคงได้ยินที่ฉันคุยกับจอห์นที่ฟิตเนตแล้วใช่ไหม? คืนนี้ฉันจะทดสอบเนื้ออ่อนนั่นของเขา สำหรับผู้ชายแก่อย่างคุณ ฉันไม่สนใจ”

ได้ยินแบบนี้ เฟิงหานชวนสีหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนไป เขาตัวแข็ง รอบตัวแผ่ซ่านไปด้วยรังสีอำมหิต

“ผู้ชายบริการแบบนั้น คุณชอบเหรอ?” เขาข่มความโมโห พูดเสียงต่ำ แล้วถามย้ำ

“ผู้ชายบริการอะไร? นายไม่มีการศึกษาจริงเลยนะ? ถึงเขาจะเป็นผู้ชายบริการแล้วยังไง เขาเป็นผู้ชายบริการที่น่ารักน่าหลงใหล!” พูดจบ เป๋าฮวนก็ทำเอามือปิดแก้ม ดวงตาเปล่งประกาย ดูท่าทางรอคอยเป็นอย่างมาก

เฟิงหานชวนหน้าดำหน้าเขียว เขาคว้าข้อมือของเป๋าฮวนไว้ เตรียมจะลากเธอออกไป ต่อหน้าสามีอย่างเขา เธอยังจะชมผู้ชายบริการแบบนั้นอีก?

เขาทนไม่ได้อีกต่อไป!

จะไม่ทนอีกต่อไป!

ในช่วงเวลาสำคัญ จู่ ๆ เสียงที่มีความตื่นเต้นก็ดังขึ้น “ไฮ Joy ไม่ได้เจอกันนานเลย!”

เฟิงหานชวนกับเป๋าฮวนหันหน้ามองไปทางซ้ายพร้อมกัน เป็นด้านที่มีเสียงดังขึ้น

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ดวงตาสีฟ้าเดินเข้ามา สายตาจ้องมองไปที่เป๋าฮวน ขณะเดียวกันก็นั่งลงที่ด้านซ้ายของเป๋าฮวน

ตำแหน่งที่เดิมทีว่างอยู่

เป๋าฮวนจำเขาได้ เธอยิ้มอ่อน ๆ ตอบรับเขาอย่างสุภาพ “ไฮ Alex!”

Alex ลูกชายคนที่สองของตระกูลอเล็กซานเดอร์ในสหรัฐอเมริกาพวกเขาเคยเจอกันในงานเลี้ยงการกุศลในสหรัฐอเมริกา ตอนนั้น Alex เป็นฝ่ายชวนเธอเต้นรำ ดังนั้นถือว่ารู้จักกันแล้ว

“Joy คนนี้คือ?” สายตาของAlexมองไปที่มือของเป๋าฮวนข้างที่เฟิงหานชวนจับไว้แน่น แล้วขมวดคิ้วในทันที

ดูแล้วไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่

เป๋าฮวนถึงได้นึกได้ว่าเฟิงหานชวนยังจับมือตัวเองไว้อยู่ จึงรีบสะบัดออก มุมปากกระตุก แล้วตอบ “ผู้ชายน่ารำคาญคนหนึ่ง”

พวกเขาใช้ภาษาอังกฤษคุยกัน แต่เฟิงหานชวนฟังรู้เรื่องทั้งหมด แล้วก็ฟังอย่างเข้าใจมาก เข้าใจเป็นอย่างมาก

เขาหน้าตาเคร่งขรึม มองหน้าด้านข้างของเป๋าฮวน แล้วถามขึ้น “ฮวนฮวน เขาคือใคร?”

เฟิงหานชวนรู้สึกได้ว่า สายตาที่ผู้ชายที่ชื่อ Alex คนนี้มองเฉินฮวนฮวน เต็มไปด้วยความร้อนระอุ เห็นได้ชัดว่าคิดอะไรบางอย่างกับเฉินฮวนฮวน ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ

ไม่ได้เจอกันสามปี ผู้ชายรอบตัวเฉินฮวนฮวนทำไมถึงเยอะขนาดนี้!

“เกี่ยวอะไรกับนาย?” เป๋าฮวนหันหน้าไปมองเฟิงหานชวน แล้วเผยยิ้ม ค่อย ๆ ตอบกลับสี่คำ

เฟิงหานชวน “…”

Alex ถามขึ้นอย่างสงสัย “Joy เธอพูดอะไรน่ะ? เกี่ยว อะ ไร กับ นาย แปลว่าอะไร?”

เขาตั้งใจเรียนแบบเสียงของเป๋าฮวน

“อ๋อ เกี่ยวอะไรกับนาย แค่บอกเขาว่าอย่าเสือก” เป๋าฮวนหันหน้ามามอง Alex อีกครั้ง แล้วอธิบายอย่างใจเย็น

Alex พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเหลือบมองเฟิงหานชวน แล้วเผยสีหน้าดูถูกออกมา

ตอนนี้ในสายตาของเขา เฟิงหานชวนก็คือผู้ชายคนที่สร้างความรำคาญให้เป๋าฮวน แต่กลับถูกเป๋าฮวนรังเกียจ

ความโมโหของเฟิงหานชวน “ปรี๊ดขึ้น” จนควันออกมา

ในสายตาของเขา ความดูหมิ่นของAlex ที่มีต่อเขา คือตั้งใจหาเรื่องเขา!

“เธอเป็นภรรยาของฉัน นายหลีกไปไกล ๆ หน่อย!” เฟิงหานชวนพูดเสียงต่ำ ตะคอกออกมา

เพื่อเป็นการไม่ให้กระทบต่องานประมูล เขาทำได้เพียงเท่านี้ ไม่อย่างงั้นเขาแทบอยากจะต่อย Alex สักยก!

เขาใช้ภาษาอังกฤษ Alexฟังออก

“ภรรยา?” Alexแผ่มือออก สีหน้าแสดงออกว่าไม่อยากจะเชื่อ จึงรีบถามเป๋าฮวน “เขาพูดจริงเหรอ?”

“จะเป็นไปได้ยังไง? เขามีอาการหลงผิด ไม่ต้องสนใจเขา!” เป๋าฮวนตอบกลับอย่างไม่ลังเล

Alex ถึงบางอ้อในทันที เขามีสีหน้าดูถูกมากกว่าเดิม แล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ผู้ชายจีน หน้าด้านขนาดนี้เลยเหรอ?”

เฟิงหานชวนลุกขึ้นยืน เดินอ้อมเป๋าฮวนไปด้านหน้า Alex แล้วจับคอเสื้อของเขาไว้

สีหน้าของเขาน่ากลัวอย่างมาก

“นายจะทำอะไร!” Alexตะคอกเสียงดัง

สถานการณ์ด้านนี้ ดึงดูดสายตาของทุกคนในงานในทันที

เป๋าฮวนรู้สึกขายขี้หน้า จึงรีบลุกขึ้น จับแขนของเฟิงหานชวนไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “นายรีบปล่อย Alex! ตอนนี้กำลังอยู่ในงานประมูลนะ!”

“บอกฉันมา ว่าเธอกับเขาเป็นอะไรกัน?” เฟิงหานชวนไม่ได้ปล่อยมือ แต่กลับหันหน้ามาถามเป๋าฮวน

เป๋าฮวนกัดฟันตอบกลับ “เพื่อนเฉย ๆ”

เธอกลัวจริง ๆ ว่าถ้าหากตัวเองโกหกอีก เฟิงหานชวนจะลงไม้ลงมือกับ Alex!

“แค่เพื่อน?” เฟิงหานชวนถามยืนยัน

“ใช่ ฉันกับ Alex เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว จะเป็นเพื่อนแบบไหนได้ล่ะ?” เป๋าฮวนถามเขากลับอย่างโมโห

ได้ยินแบบนี้ เฟิงหานชวนปล่อยมือออกจาก Alex

Alex ที่ถูกจับคอเสื้อไว้เมื่อกี้ ก็ถูกรัดคอไปด้วย แทบจะหายใจไม่ออก จึงรีบสูดหายใจอย่างแรงเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์

“นายรีบกลับไปที่นั่งของนาย!” เป๋าฮวนออกแรงลากแขนของเฟิงหานชวน

ตอนนี้พวกเขาสามคน ถูกคนทั้งงานรู้จักหมดแล้ว ขายขี้หน้าจนถึงตระกูล!

เห็นท่าทางของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนหัวเราะเบา ๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็ใช้สายตาส่งสัญญาณเตือน Alex แล้วกลับไปนั่งที่ของตัวเองอย่างเชื่อฟัง

ตลอดเวลา เป๋าฮวนไม่กล้าพูดคุยอะไรกับ Alex อีก

ถึงแม้ Alex จะไม่พอใจ แต่เขาก็เหมือนกับเป๋าฮวน ที่ไม่กล้าพูดอะไรอีก เกรงว่าเฟิงหานชวนจะหาเรื่องตนเอง แล้วทำให้ตนเองขายขี้หน้า

นั่งข้างเฟิงหานชวนทุกนาทีทุกวินาที เป๋าฮวนรู้สึกทรมานอย่างที่สุด กลับกัน เฟิงหานชวนกลับสีหน้าเรียบเฉย เขามุ่งมั่นอยู่กับการประมูลของเก็บสะสม

เป๋าฮวนแอบกัดฟัน เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนยิ่งอยู่ยิ่งไร้ยางอาย ยิ่งอยู่ยิ่งหน้าหนา

ถ้ารู้ตั้งแต่แรก เธอไม่ควรจะกลับมาประเทศจีน ไม่ควรเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้

ตอนนี้เป็นแบบนี้ เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนต้องตามติดเธอแน่ งั้นความตายจอมปลอมในตอนนั้น ไม่ถือว่าเสียแรงเปล่าเหรอ?

ไม่มีทาง!

แบบนี้ไม่ได้นะ เธอต้องแกล้งโง่ให้จนจบ!

“ต่อไป ของประมูลชิ้นที่ 47 คืออัญมณีสีฟ้าของราชินีซีซาร์แห่งประเทศเฉินในยุคกลางตอนต้น…”

เป๋าฮวนจับชอบอัญมณีสีฟ้านี้มาเป็นเวลานานแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่เธอรีบมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประมูล

เธอจ้องไปที่โต๊ะประมูลโดยไม่กะพริบตา ดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก จนดึงดูดความสนใจของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนดูออกว่าเป๋าฮวนชอบอัญมณีสีฟ้าชิ้นนี้มาก

ในไม่ช้า การประมูลอัญมณีสีฟ้าก็เริ่มขึ้น ราคาประมูลเริ่มต้นที่ห้าสิบล้านหยวน

“ห้าสิบเอ็ดล้าน!” หญิงวัยกลางคนแถวหน้าชูป้ายขึ้น

“ห้าสิบห้าล้าน!” ผู้หญิงอเมริกันที่มีชื่อเสียงที่นั่งอยู่ตรงกลางก็ยกป้ายขึ้นเช่นกัน

“หกสิบล้าน!”

“หกสิบแปดล้าน!”

“แปดสิบล้าน!”

“แปดสิบห้าล้าน!”

คนที่แย่งชิงอัญมณีสีฟ้านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ผู้ชายแค่ส่วนน้อย คิดว่าคงซื้อให้สมาชิกหญิงในครอบครัว

อัญมณีสีฟ้านี้เป็นของสะสมของราชินีซีซาร์ และราชินีซีซาร์เป็นราชินีที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ไม่เพียงโดดเด่นในด้านรูปลักษณ์และสง่าราศีเท่านั้น เธอยังมีส่วนสำคัญต่อคุณประโยชน์ของผู้คน และยังเป็นไอดอลที่ผู้หญิงหลายคนชื่นชอบอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงดิ้นรนเพื่อแย่งชิงอัญมณีชิ้นนี้

เป๋าฮวนไม่ได้ยกป้าย เพราะเธอต้องการรอรวบแห รอจนกว่าคนอื่นๆ จะประมูลจบ แล้วเธอค่อยประมูล

แต่ว่ราคาถูกเรียกยิ่งอยู่ยิ่งสูง เธอรอจนแทบจะทนไม่ไหว

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่วิตกกังวลของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนก็มั่นใจยิ่งขึ้น เขาจึงถามขึ้น “เธออยากประมูลอัญมณีชิ้นนี้จริงๆ เหรอ?”

“ไม่เกี่ยวกับนาย!” เป๋าฮวนตอบอย่างหงุดหงิด

สำหรับเรื่องที่เฟิงหานชวนที่จับคอเสื้อของ Alex เธอไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อเฟิงหานชวนจริง ๆ

ไม่อยากจะสนใจเขาสักนิด!

ท่าทางแบบนี้ของเป๋าฮวน เฟิงหานชวนเคยชินแล้ว แล้วก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เขาก็เดาได้ว่าเป๋าฮวนในตอนนี้ไม่อยากจะสนใจเขา

แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เขาจะให้เธอเป็นฝ่ายสนใจตัวเอง

เป๋าฮวนเห็นเฟิงหานชวนไม่ได้พูดอะไรอีก ก็รู้สึกว่าข้างหูสงบลงไม่น้อย แล้วจ้องมองไปที่พวกหญิงวัยกลางคนที่กำลังแย่งชิงอัญมณีกันอยู่

สุดท้ายได้ยินผู้ประมูลตะโกน “"หนึ่งแสนห้าพันหยวนครั้งที่หนึ่ง มีใครเพิ่มราคาไหม?"

“หนึ่งแสนห้าพันหยวนครั้งที่สอง!”

หญิงวัยกลางคนในชุดสีน้ำเงินแถวหน้าดูมั่นอกมั่นใจ นัยน์ตาของเธอมีรอยยิ้ม ไม่มีใครจะแย่งชิงอัญมณีชิ้นนี้กับเธอได้

“สุดท้ายยังมีคนประมูลอีกไหม?”

ในงานเงียบสงบ

ในตอนที่หญิงวัยกลางคนคนนั้นกำลังคิดว่าชนะ เป๋าฮวนก็ยกป้ายขึ้น

เสียงที่ละเอียดอ่อนทำลายความเงียบในห้องทันที

“สองร้อยล้าน!”

ฝูงชนอยู่ในความโกลาหล

ในตอนที่ทุกคนหันกลับมามองไปที่เป๋าฮวน จากนั้นก็เริ่มพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว

หญิงวัยกลางคนคนนั้นก็หันหน้ามา ถลึงตาใส่เป๋าฮวน หน้าเขียวหน้าดำ แล้วยกป้ายต่อ ตะโกนออกมาอย่างมั่นใจ “สองแสนห้าพันหยวน!”

เป๋าฮวนเผยรอยยิ้มอ่อน ๆ แต่ไม่ได้ยกป้ายขึ้น

เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ทำต่อ สายตาของหญิงวัยกลางคนคนนั้นเริ่มผยองขึ้น แล้วเชิดคางอย่างภูมิใจ

“คุณผู้หญิงหมายเลข 88 ท่านนั้น จะประมูลต่อไหม?” นักประมูลขึ้นเสียงดัง

เป๋าฮวนไม่ตอบ ในตอนนี้เอง ก็มีอีกคนชูป้ายขึ้นตะโกน “สามร้อยล้าน!”

ทุกคนเริ่มเกิดความโกลาหลอีกครั้ง

อัญมณีชิ้นนี้ ถูกประมูลราคาสูงถึง 300 ล้านหยวน ทุกคนตะลึงถึงขนาดนี้ ก็เพราะมูลค่าของอัญมณีชิ้นนี้ ไม่ได้สูงขนาดนั้น

ก็แค่อัญมณีสีฟ้าธรรมดาแค่นั้นแหละ ลูกเล่นเดียวก็คืออัญมณีนี้เคยเป็นของราชินีซีซาร์

อัญมณีถูกเพิ่มราคา หญิงกลางคนโมโหจนกัดฟัน แต่ถ้าเพิ่มไปอีก ก็เกินขอบเขตที่เธอจะสามารถรับไหวแล้ว

เธอกัดฟัน จึงทำได้เพียงเลือกยอมแพ้

ในทางกลับกัน สตรีที่มีชื่อเสียงชาวอเมริกันที่เรียกร้อง 300 ล้านคนเริ่มเชิดหน้าชูตา

“สามร้อยล้าน สามร้อยล้าน อัญมณีสีฟ้าสะสมของราชินีซีซาร์ ราคาประมูลปัจจุบันคือสามร้อยล้าน มีใครให้เพิ่มไหมอีกไหม?” เสียงของผู้ประมูลดังขึ้นเรื่อยๆ

ในงานเงียบไปอีกครั้ง

“สามร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง สามร้อยล้านครั้งที่สอง…”

เป๋าฮวนยิ้มมุมปาก แล้วชูป้ายขึ้นอีกครั้ง แล้วพูดด้วยเสียงกระฉับกระเฉง “พันล้าน!”

วินาทีต่อมา ทั้งงานก็เงียบสงบลง

ราคาหนึ่งพันล้านเป็นราคาสูงสุดในการประมูลคืนนี้

อีกอย่างสิ่งที่ถูกประมูลราคาสูงที่สุด ก็แค่อัญมณีสีฟ้าเม็ดเล็ก ๆ แค่นั้น

เฟิงหานชวนที่นั่งอยู่ด้านข้างเป๋าฮวน มองใบหน้าที่มีความมั่นใจของเป๋าฮวน เขาถึงกับตะลึงไปเลย

จู่ ๆ เขาก็เข้าสู่ความสงสัย ความสงสัยที่ลึกมาก

สามปีมานี้ เฉินฮวนฮวนทำอะไรกันแน่?

เฉินฮวนฮวนที่ยากจน แม้แต่ค่าสุสานของคุณยายของเธอหนึ่งแสนหยวน เฉินฮวนฮวนร้องไห้และขอร้องให้เขายืมเงินแก่เธอ ตอนนี้กลับประมูลออกมา“หนึ่งพันล้าน?”ได้อย่างเรียบเฉย

“คุณหนูใหญ่ของบ้านเรา โสดยังไม่แต่งงาน จะมีสามีได้ยังไง?” จิ่งมั่วตอบก่อน

จิ่งเหลิ่งก็รีบพูดว่า “นั่นสิ นั่นสิ ผู้ชายหน้าด้านอย่างคุณ คุณหนูใหญ่ของเราไม่สนใจหรอก ไม่ต้องตามตื๊อเลย!”

เฟิงหานชวน “…”

ซูอวี่ที่อยู่ข้างๆ “???”

เขาอึ้งไปหลายวินาที ร้องขึ้นมาทันที “นี่มันเรื่องอะไร? ประธานเฟิงของเราเป็นใครรู้ไหม? ไม่สนใจประธานเฟิง? คุณหนูของพวกนายทำไมไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ?(มีดีอะไรหนักหนา)”

จิ่งมั่ว “…”

จิ่งเหลิ่ง “…”

เฟิงหานชวน “…”

ซูอวี่ด่าเสร็จ ถึงได้สติ จู่ๆ ก็ร้องเสียงแหลมออกมาหลายครั้ง รีบจับแขนของเฟิงหานชวน ถามอย่างตื่นเต้น “ประธานเฟิง ในที่สุดคุณก็เดินออกมาได้แล้ว?”

จิ่งมั่ว “???”

จิ่งเหลิ่ง“???”

เฟิงหานชวน“หุบปากเดี๋ยวนี้”

ซูอวี่รีบเอามือปิดปาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ประธานเฟิง นี่คือคุณสนใจ…คุณหนูตระกูลไหน?”

ภายในใจเขาซ่อนความสงสัยไว้ คุณหนูตระกูลไหนกันแน่ นึกไม่ถึงว่าจะปฏิเสธประธานเฟิงของเรา?

นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้วมั้ง!

ประธานเฟิงรวยก็รวย มีอำนาจ รูปลักษณ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงมากมายเท่าไหร่ยอมสยบใต้ชุดสูทของประธานเฟิง นี่เป็นคุณหนูตระกูลไหนกัน ไม่สนใจประธานเฟิง นี่ควรขึ้นสวรรค์ไปจริงๆเลย!

และที่สำคัญในตอนนี้ก็คือ คิดไม่ถึงว่าประธานเฟิงจะเดินออกมาได้ จากการตายของเฉินฮวนฮวน เดินออกมาแล้ว!

แต่ แต่ ผู้หญิงที่ประธานเฟิงสนใจ เหมือนไม่สนใจเขา งั้นควรทำยังไงดีล่ะ? หากประธานเฟิงได้รับการกระทบอีกครั้ง มันจะไม่จบเห่เหรอ?

ภายในใจของซูอวี่ตอนนี้เรียกได้ว่าร้อนใจจนปั่นป่วน

“คุณหนูใหญ่ตระกูลเป๋า” เฟิงหานชวนมองจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งที่อยู่ตรงข้าม พูดเสียงเข้มขึ้น

“คุณหนูใหญ่ตระกูลเป๋า” ซูอวี่ได้ยิน คิ้วก็ขมวดขึ้น ในหัวมีแต่คำถามเป็นพรวน

เขาระดมสมองอยู่สักพัก แต่ก็ค้นหาไม่เจอมีตระกูลใหญ่ที่ไหน นามสกุล “เป๋า”

หรือว่าจะเป็นเศรษฐีหน้าใหม่?

แต่ยิ่งเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ ยิ่งเป็นที่จับตามอง แต่ว่าเหมือนจะไม่มีนามสกุลเป๋าเลย

ในเมื่อไม่ใช้คุณหนูใหญ่ของตระกูลใหญ่ ทำไมถึงยังกล้าปฏิเสธประธานเฟิงของเราได้?

“ขอโทษด้วยคุณเฟิง คุณหนูใหญ่บ้านเราไม่สนใจคุณ” จิ่งมั่วตอบกลับหน้านิ่ง

จิ่งเหลิ่งพูดเสริม “ใช้แล้ว คุณหนูใหญ่ของเรา ไม่มีวันสนใจคุณ คุณไม่ใช่สเปคคุณหนูใหญ่ คุณคงเห็นเมื่อกี้ที่คุณหนูใหญ่รังเกียจคุณมากแค่ไหน”

สองพี่น้องจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่ง จิ่งมั่วพูดน้อยกว่า นิสัยออกไปทางเย็นชานิดๆ

ตรงกันข้าม จิ่งเหลิ่งแม้ว่าจะมีชื่อเหลิ่ง(เย็น) แต่เป็นคนชอบพูดมากกว่า นิสัยมีชีวิตชีวากว่ามาก

“สนใจหรือไม่สนใจผม ไม่ใช่พวกคุณมาตัดสิน” เฟิงหานชวนพูดเสียงเย็น

แม้ว่าเขาไม่แน่ใจสามปีที่ผ่านมานี่ ในตัวของเฉินฮวนฮวน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เป๋าฮวน ก็คือเฉินฮวนฮวนแน่นอน

เขาไม่มีวันจำคนผิด!

จิ่งมั่ว “…”

จิ่งเหลิ่ง “เคยเห็นคนหลงตัวเอง แต่ไม่เคยเห็นคนหลงตัวเองขนาดนี้”

เฟิงหานชวนเหล่มองจิ่งเหลิ่งแวบหนึ่ง พูดเสียงเย็น “หลีกไป!”

จิ่งเหลิ่งก็เหลือบมองดูเขาอย่างเหยียดๆแวบหนึ่ง เงยหน้าพูดว่า “คิดอยากจีบคุณหนูใหญ่ของเรา ข้ามศพผมไปก่อน!”

เสียงดัง“ปึก”

ชายหนุ่มเดินเฉียดไหล่ ทำให้จิ่งเหลิ่งล้มไปที่พื้น

ดวงตาทั้งคู่ของจิ่งเหลิ่งกะพริบไปหลายครั้ง ชั่วเวลาหนึ่งยังไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้

จิ่งมั่วที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าตื่นตระหนก ไม่คิดเลยว่าการกระทำของเฟิงหานชวนจะรุนแรงแบบนี้

หน้าของเฟิงหานชวนยังนิ่งเหมือนเดิม ปฏิบัติกับคนอื่น แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่แยแสแบบนี้มาตลอด

วินาทีต่อมา เขายกเท้า ก้าวข้ามตัวของจิ่งเหลิ่งไปเลย เดินไปทางลิฟต์

ซูอวี่เห็น มองจิ่งเหลิ่งที่นอนอยู่บนพื้น จับกรอบแว่นสีดำ แล้วรีบเผ่นตามเฟิงหานชวนไป

รอจนเฟิงหานชวนกับซูอวี่ลงลิฟต์ไป จิ่งมั่วถึงประคองจิ่งเหลิ่งขึ้น

อันที่จริงตัวจิ่งเหลิ่งไม่ได้เจ็บอะไร ถึงอย่างไรเขาก็แข็งแรงอยู่ ที่ลุกขึ้นช้า เป็นเพราะช็อก และขายหน้า

เป็นบอดี้การ์ดระดับต้นๆที่อยู่ข้างกายคุณหนูใหญ่ เขากลับล้มลงพื้นอย่างไม่ทันป้องกันตัว?

จิ่งมั่วกระแอมเบาๆ บนใบหน้าแสดงสีหน้ารังเกียจ “หากคุณหนูใหญ่รู้เข้า หน้าของแกจะวางไว้ไหน?”

จิ่งเหลิ่งขมวดคิ้วอย่างน้อยใจ พูดเสียงเบา “ผมจะรู้ได้ไงว่าผู้ชายคนนั้นจะมาไม้นี้?”

“พอแล้ว อย่าเสียใจเลย ได้เวลาแล้ว พวกเราต้องรีบไปที่หอประชุมเหมือนกัน” จิ่งมั่วมองนาฬิกา พูดเตือน

“อืม” จิ่งเหลิ่งตอบรับมึนๆ

ในหอประชุมขนาดใหญ่ แสงไฟสว่างไสว คนมืดฟ้ามัวดิน

คืนนี้ ที่นี่รวบรวมคนดังทั่วโลก นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ดารา ศิลปินต่างๆ

ทุกคนต่างมาเพื่อประมูลสิ่งของในคืนนี้

เป๋าฮวนจับป้ายหมายเลข หาที่นั่งของตัวเอง แล้วนั่งลงเงียบๆ

เพราะว่าการประมูลยังไม่เริ่ม ในห้องเลยค่อนข้างคึกคัก ต่างคนต่างทักทายพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร

แต่ว่า เป๋าฮวนกลับไม่มีความคิดใดๆ ในหัวมีแต่หน้าของเฟิงหานชวนโผล่ออกมา คิดว่าตอนนี้ เฟิงหานชวนยังคงถูกจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งกันอยู่ที่ทางเดินมั้ง

เหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง งานประมูลเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

เป๋าฮวนรู้สึกแปลกนิดๆ หันซ้ายหันขวา แล้วมองไปรอบทิศ

อันที่จริงที่นั่งเต็มหมดแล้ว มีแต่ด้านซ้ายด้านขวาของตัวเอง ที่นั่งต่างว่างอยู่

เจ้าของป้ายหมายเลขทั้งสองคน ไม่ได้มาเข้าร่วมเหรอ?

แต่ว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอก็รู้สึกเงียบสงบลงหน่อย

หลังจากที่พิธีการแนะนำสั่นๆ หลังเวทีก็ยกของสะสมขึ้นมาหนึ่งชิ้น

“นี่เป็นของชิ้นแรกที่จะประมูล รูปปั้นมังกรทองของราชวงศ์ชิง นี่เป็นช่างฝีมือในพระราชวังสร้างขึ้น…”

การประมูลครั้งนี้ เป็นการประมูลสองภาษา หลังจากพิธีกรภาษาจีนพูดจบ พิธีการภาษาอังกฤษก็พูดอีกรอบ

เป๋าฮวนไม่มีความสนใจใดๆกับของชิ้นแรก ดวงตาทั้งสองมองรูปปั้นมังกรทองบนเวทีด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

ทันใดนั้น เธอรู้สึกว่ามีคนมาทางด้านขวา เหมือนจะนั่งลงตรงข้างเธอ เห็นทีว่า“คนข้างๆ”จะมาสาย

ตามมารยาท เธอเตรียมจะทักทาย

เพียงแต่ ตอนเธอหันไปอยากทักทาย รอยยิ้มที่มุมปากก็ค้างไป

คนที่นั่งข้างขวาเธอ ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเฟิงหานชวนที่เพิ่งแยกกันไม่นานมานี้

“นี่เป็นที่นั่งของคุณ?” เธอถามเพื่อความแน่ใจ

เฟิงหานชวนพยักหน้าเรียบๆ พูดเสียงเข้ม “ครั้งนี้ ผมไม่ได้ตามคุณ สวรรค์เป็นคนลิขิต”

พูดจบ เขายังชี้ไปด้านบน

เป๋าฮวน “…”

ตอนนี้เธอสบถอยู่ในใจ บังเอิญขนาดนี้เลย?

ตลอดการประมูล อย่างน้อยสามชั่วโมง เธอต้องอยู่ร่วมกับเฟิงหานชวนนานขนาดนี้?

“เหอะ” เป๋าฮวนทำเสียงเยาะ หันศีรษะไปด้านหน้า

เธอไม่สนใจเฟิงหานชวน มองเวทีการประมูลต่อ

การกระทำแบบนี้ของเป๋าฮวน ทำให้เฟิงหานชวนหงุดหงิดในใจ

เขาอยากจะรู้จริงๆ สามปีที่ผ่านมานี้ เฉินฮวนฮวนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ว่าสถานที่ตอนนี้ ไม่เหมาะที่เขาจะถามอะไรเธอมาก

และคิดว่าเธอก็คงไม่ตอบเขา

“ฮวนฮวน” เขาเรียกเธอเสียงเบา

เป๋าฮวนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน จ้องมองไปข้างหน้า

“รอการประมูลจบ พวกเรากลับพร้อมกัน?” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าควรสนิทกับเป๋าฮวนก่อน ไม่ควรให้ความสัมพันธ์แย่เกินไป

เดิมห้องเพรสซิเดนสูทก็เป็นแค่ที่พักชั่วคราวของเขา แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้ว ก็คือคืนนี้จะนอนที่นี่

“???”

เป๋าฮวนได้ยิน ขมวดคิ้วแน่น หันไปถาม “กลับพร้อมกัน?”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว แล้วสีหน้ามีความผิดหวัง

พอเห็นท่าทางเขาแบบนั้น เป๋าฮวนจึงพูดอย่างเย็นชาว่า

"ฉันมาจากประเทศเฉิน มาเพราะงานประมูลครั้งนี้ ฉันมาประเทศฮัวครั้งแรก เพราะฉะนั้นไม่มีทางเป็นคนที่คุณรู้จักแน่นอน"

"หรือว่า คุณก็มาร่วมงานประมูล?"

"งั้น เจอกันตอนเย็นค่ะ"

พูดจบ เป๋าฮวนก็ก้มดูข้อมือตัวเอง มือของเขาที่จับมือเธอไว้ ค่อยๆปล่อยออก

เธอรีบดึงมือกลับมา แล้วก้าวเดินออกจากฟิตเนส

พอกลับถึงห้องแล้ว เป๋าฮวนจึงเดินเข้าห้องอาบน้ำ ถอดแว่นดำออก โยนไปที่อ่างล้างมือ แล้วยืนดูตัวเองหน้ากระจก

สามปีแล้ว นอกจากใบหน้าเธอ เสียงเธอ แล้วที่อื่นๆ เธอรู้สึกว่าหาร่องรอยของเฉินฮวนฮวนไม่เจอแล้ว

เพราะแบบนี้ ตอนที่อยู่ต่อหน้าเฟิงหานชวน จึงพูดอย่างมั่นใจแบบนั้น

ตามคาด เขาเชื่อสิ่งที่เธอพูด ไม่ได้บังคับให้เธอถอดแว่นดำ ไม่ได้คิดว่าเธอคือเฉินฮวนฮวนอีก

เธอถอดนาฬิกาออก สีหน้าของเป๋าฮวนก็ยังเย็นชาเหมือนเดิม พอถอดชุดออกกำลังกายแล้ว เธอจึงก้าวเข้าไปอาบน้ำ

……

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น

เป๋าฮวนใส่ชุดเดรสสีชมพู แล้วแต่งหน้าสวยๆ ที่มือก็ถือกระเป๋าฝังเพชร แล้วเดินไปที่ประตูห้อง

เธอเปิดประตู กำลังจะออกไป แต่เรียวขาเรียวยาวที่กำลังจะก้าวออกไป กลับหยุดชะงักกลางอากาศ

เธอยื่นมือไปจับบริเวณตาตัวเอง เธอ……ไม่ได้ใส่แว่นดำ

"คุณผู้ชายคะ คุณมาอีกทำไมคะ? หรือว่าคุณเป็นโรคจิตสะกดรอยตาม?" แววตาขอเป๋าฮวนแฝงไปด้วยความโมโห แล้วจ้องเขาตรงหน้า

เฟิงหานชวนก็ยังดูดีเหมือนเดิม ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอไม่ขยับเลย แต่สีหน้ากลับตกใจมาก

เขาอ้าปากจะพูด แต่กลับเห็นว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออกเลย

"คุณผู้ชายคะ คุณมายืนขวางทางทำไมคะ? รบกวนถอยหน่อยค่ะ คุณขวางทางฉัน!" เป๋าฮวนอดไม่ได้จนต้องมองบน แล้วพูดอย่างหมดคำพูด

เธอก้าวเดินไปข้างหน้า บีบเข้าใกล้เฟิงหานชวน จนตัวจะติดเขาอยู่แล้ว จากนั้นจึงออกแรงผลักเขาออก แล้วเดินอ้อมเขา

"ฮวนฮวน……" เขาพึมพำเสียงเบา

ตัวของเป๋าฮวนแข็งทื่อทันที

เขาจำเธอได้แล้ว?

แต่ว่า เธอรีบปรับสีหน้า แล้วหันไปยิ้มอย่างเยือกเย็น "คุณผู้ชายคะ ถ้าจะจีบก็ควรมีขอบเขต! มาจีบทั้งๆที่เรียกชื่อคนอื่น มันจะทำให้คนอื่นจะอ้วก!"

"Joy!" เฟิงหานชวนจับมือเธอไว้

เป๋าฮวนอึ้ง ก้มมองมือของเขา แล้วเงยหน้าสบตากับดวงตาของเขา อยู่ๆเธอก็ไม่เข้าใจว่า เฟิงหานชวนกำลังคิดอะไรอยู่

"คุณผู้ชาย นี่คุณทำอะไรอีกคะ? ทำไมถึงเรียกชื่อฉันล่ะ?"

เฟิงหานชวนออกแรง แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด

เป๋าฮวนไม่ทันตั้งตัว จึงเซไปแนบกับหน้าอกเขา ทันใดนั้น จึงได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ

กลิ่นที่คุ้นเคยนั้นลอยเข้าจมูก แล้วอ้อมล้อมเธอไว้

ยังไม่รอให้เธอต่อต้าน มือทั้งสองข้างของเขายันประตูไว้ แล้วบังคับให้เธออยู่ตรงหน้าเขา

เป๋าฮวนเบิกตาโต กำลังจะตะโกนเรียกคน แต่เสียงที่ทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นว่า "joyที่แปลว่าสนุกสนาน ชื่อของคุณคือเป๋าฮวน"

"ฮวนฮวน สามปีแล้ว คุณโผล่มาสักที!"

ประโยคสุดท้าย เขาพูดกัดฟันแน่น

เขาโดนโกหกมาสามปี ระยะเวลาสามปีนี้ เขาคิดว่าเธอจากไปแล้วจริงๆ

แต่ว่า เธอกลับเปลี่ยนไปเป็นอีกคน แล้วใช้ชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้ แถมยังหยอกล้อผู้ชายเป็นแล้ว

สีหน้าของเป๋าฮวนอึ้งทันที แต่เธอก็รีบตั้งสติ จ้องมองเขาตรงหน้าแล้วพูดกัดฟันแน่นว่า "ปล่อยฉัน!"

"ฮวนฮวน ทำไม ทำไมตอนนั้นต้องไปจากผม……" เฟิงหานชวนจับไหล่เธอไว้ เสียงเริ่มเข้ม แล้วตาก็เริ่มแดง

"ฉันไม่รู้จักคุณ จะไปจากคุณได้ยังไง?" เป๋าฮวนพยายามดิ้นหลุดจากเขา แต่แรงของเธอ สู้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย

"คุณคือฮวนฮวน ผมแน่ใจ!" เฟิงหานชวนกอดเธอไว้แน่น แล้วจะกลืนกินเธอเข้าไปด้วยซ้ำ

เป๋าฮวนจะหายใจไม่ออกแล้ว เธอจึงตะโกนเสียงดัง "ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!"

ทันใดนั้น ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี สองพี่น้องจิ่งเหลิ่งกับจิ่งมั่วได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือของเป๋าฮวน จึงรีบวิ่งไปทันที

ตอนที่เห็นเฟิงหานชวน สองพี่น้องอึ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงไปดึงเฟิงหานชวนคนละข้าง

เป๋าฮวนหายใจคล่องสักที จึงหายใจเสียงดัง พอตั้งสติได้แล้ว เธอจึงเดินไปหาเฟิงหานชวน ยกขาขึ้น แล้วใช้รองเท้าส้นสูงเตะเท้าของเขา

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น แล้วรู้สึกเจ็บ

"ไอ้โรคจิต!" เป๋าฮวนจ้องเขา โกรธจนกัดฟันแน่น

ดวงตาของเฟิงหานชวน เอาแต่จ้องเธอตรงหน้า ไม่ได้โมโห แต่กลับหัวเราะออกมา

เสียงของเขาทุ้มต่ำ เสียงที่หัวเราะ จึงน่าฟังมาก

แต่ว่า ตอนนี้เป๋าฮวนกลับไม่อยากชื่นชม เธอเม้มปากเอ่ยถามว่า "คุณหัวเราะอะไร? ลวนลามผู้หญิงทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้เลยเหรอ?"

สามปีแล้ว เฟิงหานชวนก็ยังไม่แก้นิสัยที่เจ้าเล่ห์!

"เปล่า เพราะผมเจอคุณ ก็เลยมีความสุข" เฟิงหานชวนปฏิเสธ แต่ก็อธิบาย

เป๋าฮวน: "……"

"ฮวนฮวน คุณกลับมาแล้ว คุณกลับมาสักที!" เฟิงหานชวนเอาแต่หัวเราะ แล้วพึมพำกับตัวเอง

เป๋าฮวนไม่รู้จะตอบยังไง เฟิงหานชวนในตอนนี้ เหมือนคนบ้าชัดๆ

"คุณคนบ้า ฉันเตือนคุณไว้เลย คนที่จับตัวคุณอยู่ตอนนี้ เป็นพี่น้องบอดี้การ์ดของฉัน ถ้าคุณยังมารังควานฉันอีก พวกเขาจะสั่งสอนคุณเอง!"

พอเป๋าฮวนเตือนแล้ว จึงหันไปพูดกับจิ่งเหลิ่งจิ่งมั่วว่า "อาเหลิ่ง อามั่ว ไปที่งานประมูลกับฉัน"

"คุณหนู แล้วผู้ชายคนนี้จะจัดการยังไงครับ?" จิ่งเหลิ่งเอ่ยถาม

"ช่างเขาเถอะ คนบ้าคนนี้ก็เหมือนจะไปงานประมูลด้วย" เป๋าฮวนเหลือบมองเฟิงหานชวน แล้วหันหลังเดินไป

เฟิงหานชวนอยากตามไป แต่จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งขวางทางไว้ เป๋าฮวนจึงรีบเข้าลิฟต์ แล้วลงไปข้างล่างก่อน

ตอนที่ซูอวี่มาตามหาเฟิงหานชวน จึงเห็นเฟิงหานชวนโดนคนที่เหมือนบอดี้การ์ดขวางทางไว้

"บอสเฟิงครับ นี่ นี่ นี่……นี่อะไรกันครับ?" ซูอวี่เดินมาอย่างระมัดระวัง แล้วเอาแต่เหลือบมองจิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่ง

จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งแค่ยืนนิ่งๆอยู่แบบนั้น ไม่ตอบอะไรเลย ยืนขวางทางเฟิงหานชวนจนมิด

เฟิงหานชวนไม่ได้ตอบซูอวี่ แต่แค่มองสองคนตรงหน้า แล้วถามเสียงเข้ม "เธอคือนายจ้างของพวกนาย?"

จิ่งมั่วกับจิ่งเหลิ่งไม่ตอบเหมือนเดิม

"รู้อะไรไหม? ผมเป็นสามีเธอ" เฟิงหานชวนพูดอย่างเยือกเย็น

สามปีก่อน ศพผู้หญิงในแม่น้ำ ใบชันสูตรศพ เป็นของปลอม

คุณตาเป็นคนทำเพื่อปกป้องเธอ

ที่เธอทำแบบนั้น ก็เพื่อหลุดพ้นจากเขา แล้วหายไปจากชีวิตเขา

พอนึกถึงพวกนี้ มุมปากเป๋าฮวนเลิกขึ้น แล้วหันเดินไปที่ลู่วิ่ง

เธอเดินเร็วบนลู่วิ่งไปด้วย แล้วมองความมืดข้างนอกหน้าต่าง แต่ใบหน้าของผู้ชายคนนั้น กลับเอาแต่โผล่มาต่อหน้าเธอ

ไม่เจอกันสามปี ใบหน้าของเขาก็ยังเย็นชาเหมือนเดิม ทั้งๆที่เป็นผู้ชายอายุสามสิบสอง แต่ดูไม่แก่เลย

แต่ว่า เมื่อกี้เธอไม่ได้สังเกตอย่างละเอียด ไม่แน่บนหน้าเขาก็อาจจะเริ่มมีริ้วรอยแล้วก็ได้!

เป๋าฮวนพึมพำกับตัวเอง ไม่มีคำพูดดีๆเลยสักคำ

เธอยกข้อมือขึ้นดูเวลา พอเห็นว่าเวลาได้ที่แล้ว เป๋าฮวนจึงกดหยุดลู่วิ่ง

ในฟิตเนสมีเทรนเนอร์ผู้ชายหล่อๆผู้หญิงสวยๆ ถ้าเป็นแขกผู้ชาย เทรนเนอร์หญิงก็จะเป็นคนบริการ แต่ถ้าเป็นแขกผู้หญิง ก็จะเป็นเทรนเนอร์ชายมาบริการ

เทรนเนอร์ชายข้างๆเห็นว่าเป๋าฮวนหยุดเดินแล้ว จึงหยิบผ้าขนหนู แล้วเดินไปอย่างกระตือรือร้น "คุณหนูเป๋า เช็ดเหงื่อก่อนครับ! ต่อจากนี้ จะออกกำลังกายต่อไหมครับ?"

"ไม่ค่ะ" เป๋าฮวนรับผ้าขนหนูมา แล้วเช็ดเหงื่อบริเวณคอกับไหล่

เทรนเนอร์ชายเห็นเป๋าฮวนปฏิเสธ จึงร้อนใจ ผู้หญิงตรงหน้า เป็นคุณหนูร่ำรวย เขาไม่อยากพลาด

"เครื่องออกกำลังกายของเราที่นี่มาตรฐานดีเยี่ยม ตอนที่คุณออกกำลังกาย จะทำให้รู้สึกอารมณ์ดี แล้วการเทรนของผมด้านนี้ ก็ดีเยี่ยมเหมือนกันครับ"

เทรนเนอร์ชายชี้ป้ายหน้าอกตัวเอง แล้วเชิดอกแนะนำตัวอย่างมั่นใจ "คุณหนูเป๋าครับ ผมชื่อจอห์น เป็นเทรนเนอร์มือโปรของโรงแรมตี้ฮวงครับ"

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป๋าฮวนเจอคนแบบนี้ เธอเงยหน้ามองจอห์นคนนี้ แล้วยิ้มถามว่า "คุณจอห์นคะ ที่คุณบอกว่าดีเยี่ยม เยี่ยมแค่ไหนเหรอคะ?"

ตาทั้งสองข้างของจอห์นเป็นประกายทันที เขายกแขนขึ้น แล้วโชว์กล้ามเนื้อตัวเอง พร้อมพูดอย่างมั่นใจว่า "ดีเยี่ยมแบบที่คุณหนูเป๋าพอใจแน่นอนครับ"

เขาเคยบริการคุณหนูมาหลายคน ทุกคนพอใจเขามาก แล้วมีแขกที่มาใช้บริการซ้ำเยอะด้วย

ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ หรือว่าด้านนั้น ฝีมือเขาดีเยี่ยม เขาจึงมั่นใจมาก

เป๋าฮวนเอามือป้อมปากขำ แล้วหยิบแว่นดำขึ้นมาใส่ ใช้นิ้วมือแตะๆที่ไหล่ของจอห์น

ตามคาด กล้ามเนื้อแข็งแรงมาก

"เดี๋ยวฉันต้องไปงานประมูล ไว้เจอกันใหม่ค่ะ" เธอเลิกคิ้ว ลงจากลู่วิ่ง แล้วเดินไปทางประตู

จอห์นตื่นเต้นมาก จึงตะโกนตามหลังเธอว่า "ผมรอคุณครับ คุณหนูเป๋า ผมรอคุณ……"

เป๋าฮวนหลุดขำ เรื่องแบบนี้เธอทำมาไม่น้อย

ตอนที่เธอเงยหน้าเดินต่อ แต่วินาทีต่อมา ฝีเท้าของเธอกลับหยุดกะทันหัน

หน้าประตูฟิตเนส มีผู้ชายที่สวมชุดสูทสั่งตัดโดยเฉพาะ สวมรองเท้าหนังวาววับ การแต่งตัวแบบนี้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ได้มาออกกำลังกาย

สีหน้าเป๋าฮวนเริ่มเกร็ง แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

จนกระทั่ง หยุดลงตรงหน้าเธอ

สีหน้าของเขาตกใจมาก แต่ก็มีความไม่อยากเชื่อ ดวงตาที่มืดสนิทนั้น เอาแต่จ้องผู้หญิงตรงหน้า

เป๋าฮวนเริ่มร้อนตัว จึงดันแว่นดำ แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก แล้วเดินอ้อมผู้ชายคนนั้นไป

แต่ว่า กลับทำไม่สำเร็จ

แขนของเธอถูกดึงไว้ จนเธอโดนดึงกลับไปตรงหน้าเขา

"คุณผู้ชาย คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?" น้ำเสียงเธอแฝงไปด้วยความโมโห

เฟิงหานชวนเบิกตากว้างกว่าเดิม แม้แต่เสียง……ก็ยังเหมือนกันเป๊ะ

"คุณชื่ออะไรครับ?" เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย

เป๋าฮวนใจสั่น หรือว่าเฟิงหานชวนจำเธอได้?

แต่ว่า ตอนนี้เธอใส่แว่นดำอันใหญ่อยู่ จนเกือบจะบังหน้าเธอได้แล้ว

เธอสะบัดมือของเขาออกแรงๆ แล้วพูดอย่างโมโหว่า "ใครกันที่มาจีบคนอื่นแบบนี้?"

"คุณชายเฟิง!" เทรนเนอร์หญิงข้างๆรีบเดินมาหา แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "คุณชายเฟิง คุณมาออกกำลังกายเหรอคะ? มีอะไรให้ช่วยเรียกหาฉันได้นะคะ! ฉันชื่ออันนา คุณเรียกฉันอันนาได้เลยค่ะ"

"ไสหัวไป……" เฟิงหานชวนพูดเสียงเข้ม

สีหน้าอันนาเกร็งทันที แล้วรีบถอยออกไปยืนข้างๆ

พอจอห์นเห็นสถานการณ์แบบนี้ จึงร้อนใจมาก แต่ก็ไม่กล้าไปพูดอะไร กลัวว่าจะทำให้เฟิงหานชวนโมโห

นี่เป็นคุณชายสามตระกูลเฟิง ฝีมือเด็ดขาด ไม่ใช่คนที่คนทั่วไปยุ่งด้วยได้

จอห์นมองออก คุณชายเฟิงสนใจคุณหนูเป๋า กว่าเขาจะตีสนิทกับคุณหนูเป๋าได้ จะโดนคุณชายเฟิงแย่งไปงั้นเหรอ?

จอห์นรู้สึกทรมานใจมาก

เห็นใบหน้าที่เย็นชาของเขา ใจของเป๋าฮวนจึงสั่น เธอเบะปาก แล้วกลืนน้ำลาย จงใจพูดไปว่า "คุณผู้ชายคะ สมองคุณมีปัญหาเหรอคะ? ในเมื่อคุณให้ฉันไสหัวไป งั้นฉันก็จะไสหัวไป!"

พูดจบ เธอก็เตรียมตัวจะหนี แต่แขนกลับโดนดึงไว้อีกครั้ง

เป๋าฮวนคิดในใจว่า ตายแน่!

เธอเพิ่งกลับมา ก็เจอกับเฟิงหานชวนแล้ว จากนั้นเขาก็จับได้?

ทำไมเธอถึงซวยขนาดนี้?

"ผมไม่ได้ให้คุณไสหัวไป" เสียงที่ทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น

"……" เป๋าฮวนไม่รู้จะตอบยังไง

"เสียงของคุณ เหมือนกับคนที่ผมรู้จัก แล้วหุ่นของคุณ……" สายตาของเฟิงหานชวน มองเธอทั้งแต่เท้า แล้วมองขึ้นมาข้างบน แล้วจ้องสบตากับแว่นตาดำของเธอ

เขาไม่เห็นหน้าเธอ มองไม่เห็นตาเธอ เขาอยากจะเอาแว่นดำเธอออก

"อือ การจีบของคุณเชยไปไหมคะ? ผู้ชายแก่ รบกวนหัดดูหนุ่มๆสมัยนี้หน่อยได้ไหมคะ?" เป๋าฮวนจงใจทำมือดูถูก

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกทันที

"ปล่อยมือฉันค่ะ ตอนนี้ฉันจะกลับห้อง" เป๋าฮวนพูดอย่างเย็นชา น้ำเสียงที่พูดกับเขา มีแต่ความหงุดหงิด

เฟิงหานชวนพูดเสียงเข้มว่า "คุณยังไม่ได้บอกผมเลย ว่าคุณชื่ออะไร"

ที่เขามาฟิตเนส ก็เพื่อมาเช็กหน้าตากับชื่อของผู้หญิงคนนั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินสิ่งที่เธอคุยกับเทรนเนอร์คนนั้น

ปล่อยตัวมาก ไม่เหมือนกับเฉินฮวนฮวนที่ขี้อายเลยสักนิด

ทีแรกเขาจะไปแล้ว แต่ว่า เขาก็เลือกอยู่ต่อ อยากเช็กให้แน่ใจอีกครั้ง

เขารู้ว่าตัวเองบ้า เฉินฮวนฮวนจากไปตั้งนานแล้ว แต่ผู้หญิงตรงหน้า นอกจากนิสัย อย่างอื่นเหมือนเฉินฮวนฮวนเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์

ยังมีอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ก็เพราะที่เธอใส่แว่นดำ

"ชื่อของฉัน?" เป๋าฮวนหลุดขำ แล้วพูดว่า "ไม่ใช่ว่าบอกไม่ได้ งั้นฉันจะบอกคุณเดี๋ยวนี้เลย ฉันชื่อ……"

"Joy•เป๋า"

พนักงานชายมองเป๋าฮวนจนเหม่อ แล้วเขาก็รู้สึกว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้สักที่

"เอาบะหมี่มาให้ฉันก็ได้ค่ะ" เป๋าฮวนแบมือออก

พนักงานชายรีบดึงสติกลับมา แล้วยื่นให้เธออย่างมีมารยาท "คุณหนูเป๋า เชิญครับ"

เป๋าฮวนรับบะหมี่มา กำลังจะปิดประตู แต่อยู่ๆพนักงานคนนั้นร้องขึ้นมาว่า

"อ๋อ! คิดออกแล้ว!" เขาอุทานออกมา

"มีอะไร……เหรอคะ?" มุมปากเป๋าฮวนกระตุก

"คุณหนูเป๋า คุณเองเหรอครับ เราเคยเจอกันครับ! เมื่อสามปีที่แล้ว!" พนักงานตื่นเต้นมาก แล้วตาก็เป็นประกาย

เป๋าฮวนอึ้งเล็กน้อย มองสำรวจผู้ชายตรงหน้า แล้วส่ายหน้าเอ่ยว่า "ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้จักคุณ"

"ผมรู้ว่าคุณไม่รู้จักผมครับ แต่ผมรู้จักคุณ ตอนนั้นผมเป็นเด็กในพอยเซิน คุณหนูตระกูลหลินเป็นคนพาคุณไปเที่ยว ผมเคยทักทายคุณ แต่ว่า……"

พนักงานพูดอย่างตื่นเต้น แต่สีหน้าก็เริ่มสงสัย เขาเกาหัว แล้วเอาแต่นึกย้อน พร้อมพึมพำว่า "ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณไม่ได้นามสกุลเป๋า นามสกุล……"

"ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่คนประเทศฮัว ฉันมาจากประเทศเฉิน ฉันมาที่นี่ครั้งแรก ฉันมาร่วมงานประมูลค่ะ" เป๋าฮวนพูดอย่างเรียบนิ่ง "ตอนนี้ฉันอยากพักแล้ว เชิญไปได้เลยค่ะ!"

พูดจบ เธอก็ปิดประตูทันที

เสียงดัง"ปัง" พนักงานยืนบื้ออยู่หน้าประตู ค่อยรู้ว่าตัวเองใจร้อนเกินไป

เขาอาจจะจำคนผิด ถึงความจำจะดีแค่ไหน ทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกัน แต่ท่าทางต่างกันสิ้นเชิง

อาจจะเพราะว่าหน้าตาเหมือนกันเกินไปมั้ง!

เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะนี่เป็นแขกระดับห้องสูท ยุ่งด้วยไม่ได้ จึงยอมเดินจากไป

……

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น

จิ่งมั่วเอาเคเอฟซีมาส่ง

เป๋าฮวนนั่งอยู่ที่ระเบียง รับลมไปด้วย กินบะหมี่กับเคเอฟซีไปด้วย

"ไม่ได้กินตั้งนาน อร่อยมาก!" เธอเลียริมฝีปากอย่างพอใจ

จิ่งมั่วกุมขมับ แล้วเอ่ยเตือนว่า "คุณหนูครับ ดูแลสุขภาพด้วยครับ"

"รู้แล้วหน่า เดี๋ยวฉันจะไปออกกำลังกายเอง ยังไงฉันก็ต้องรักษาหุ่นอยู่แล้ว!" เป๋าฮวนหมดคำพูด

สองพี่น้องจิ่งเหลิ่งกับจิ่งมั่ว เป็นบอดี้การ์ดสามปีนี้ของเธอ ตระกูลจิ่งจงรักภักดีต่อตระกูลเป๋า พ่อของพวกเขาสองคน ตอนนี้เป็นพ่อบ้านของตระกูลเป๋า

ตระกูลเป๋าที่อยู่ประเทศเฉิน เป็นตระกูลที่ลึกลับ เพราะว่าลึกลับเกินไป จึงไม่มีข่าวอะไร ไม่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน

"ครับคุณหนู เพราะอาชีพของคุณก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว" จิ่งมั่วเตือนอีกครั้ง

"พวกนายสองพี่น้อง พูดอะไรที่น่าฟังหน่อยไม่ได้เหรอ?" เป๋าฮวนกุมหัวไว้ แล้วพูดว่า "นายรีบไปหาจิ่งเหลิ่งเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆคนเดียว"

"ครับ คุณหนู" จิ่งมั่วพยักหน้า แล้วหันหลังเดินออกไป

เป๋าฮวนค่อยถอนหายใจ แล้วยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิ แล้วใช้มือจับปีกไก่ขึ้นมา

เธอกำลังจะอ้าปากกัด แต่ทันใดนั้น โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่น

เป๋าฮวนใช้มืออีกข้างที่สะอาดจับโทรศัพท์ขึ้นมา บนหน้าจอก็มีใบหน้าของคนแก่คนหนึ่งโผล่มา

ใบหน้าที่ดูมีอายุ แต่ก็ปกปิดความเป็นผู้ดีไม่ได้ โครงหน้าสมส่วน ดูออกว่าตอนหนุ่มต้องดูดีแน่นอน

"ฮวนฮวน ถึงโรงแรมแล้วเหรอ?" เป๋าเยี่ยนไอเสียงเบา แล้วถามอย่างเป็นห่วง

"ถึงแล้วค่ะ คุณตา หนูกำลังกินบะหมี่อยู่" ขณะพูด เป๋าฮวนก็ยกบะหมี่ร้อนๆไปที่หน้าจอ

เป๋าเยี่ยนหัวเราะ แล้วพูดว่า "ถ้าหนูอยากกิน เดี๋ยวตาให้คนไปซื้อมาก็ได้ ทำไมต้องไปกินถึงประเทศฮัว"

"คุณตาคะ หนูไม่ได้มาเพื่อกินนะคะ หนูมาร่วมงานประมูล!" เป๋าฮวนเอ่ยย้ำ "จากที่หนูรู้มา มีเพชรไพลินของราชินีซีซาร์ที่จะมาประมูลด้วย หนูอยากซื้อมาออกแบบเป็นสร้อยคอค่ะ"

"ฮวนฮวน ถ้าหนูอยากได้อะไร ก็สั่งให้คนไปประมูลก็ได้ ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้น ลำบากแย่เลย" เป๋าเหยี่ยนพูดย้ำอีก

เป๋าฮวนกุมขมับ แล้วเอ่ยว่า "คุณตาคะ คุณตาอย่าลืมสิคะ ตอนนี้หนูถึงที่นี่แล้ว"

"ไม่คุยแล้วค่ะ หนูจะกินตอนร้อนๆ" พูดจบ เธอก็วางสายวิดีโอคอลทันที

จากนั้น เธอก็เริ่มกินคำใหญ่

อีกฝั่ง ประเทศเฉินที่อยู่แสนไกล

บ้านสไตล์จีนที่เรียบหรู

ในห้องรับแขก เถ้าแก่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีแดง มองหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับไปแล้ว พร้อมส่ายหน้า

แล้วเขาก็พึมพำกับตัวเอง "ฮวนฮวน ตาไม่รู้ว่าหนูยังปล่อยวางคนคนนั้นไม่ได้ ก็เลยอยากกลับไปหรือเปล่า"

……

พอกินอิ่มแล้ว

เป๋าฮวนก็เปลี่ยนชุดออกกำลังกาย หยิบการ์ดห้องไว้ แล้วเดินออกจากห้อง

เธอเดินไปทางฟิตเนส ตอนที่เดินผ่านหน้าลิฟต์ ได้ยินเสียง"ติ้ง"พอดี แล้วประตูลิฟต์ก็ค่อยๆเปิดออก

เป๋าฮวนหยุดฝีเท้า แล้วหันไปทางลิฟต์ คิดว่าพี่น้องจิ่งมา

แต่ว่า วินาทีต่อมา รอเห็นหน้าผู้ชายที่ยืนอยู่ในลิฟต์ชัดแล้ว ร่างกายเธอจึงหยุดนิ่งอยู่กับที่

คือเขา……

เป๋าฮวนดึงสติกลับมา แล้วรีบหันเดินตรงไปข้างหน้า

ตอนที่เฟิงหานชวนเดินออกจากลิฟต์ จึงหันไปมอง เขาเห็นแค่แผ่นหลังที่คุ้นเคย รีบวิ่งเข้าไปในฟิตเนส จากนั้นก็หายไปเลย

ชุดออกกำลังกายรัดรูป แล้วมัดผมหางม้าสูงๆ ถึงการแต่งตัวจะดูไม่เหมือน แต่แผ่นหลังนั้น เหมือนเธอมาก เหมือนมากๆ

"บอสเฟิง คุณกำลังดูอะไรเหรอครับ?" ซูอวี่เห็นเฟิงหานชวนเหม่อ จึงมองตามสายตาเขาไป

จากนั้น เขาก็เห็นคำว่า"ฟิตเนส" จึงรู้สึกงง

"บอสเฟิง ตอนนี้คุณจะออกกำลังกายเหรอครับ?"

"ซูอวี่ เมื่อกี้นายเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหรือเปล่า?" เฟิงหานชวนถามเสียงเย็นชา

"ผู้หญิง? เหมือนมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปในฟิตเนส แต่ผมไม่ได้สังเกต……" ซูอวี่พูดความจริง เพราะเมื่อกี้เขากำลังตอบข้อความอยู่

แน่นอน ต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับเรื่องงานอยู่แล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่กล้าเล่นโทรศัพท์ต่อหน้าเฟิงหานชวนหรอก

ให้ความกล้าเท่าไหร่กับเขา เขาก็ไม่กล้าทำหรอก!

"เมื่อกี้ เหมือนฉันเห็นฮวนฮวน" ตอนที่เฟิงหานชวนพูด เสียงเบามาก แล้วสายตาก็เอาแต่มองไปทางฟิตเนส

"คุณ คุณหญิง???" ซูอวี่ตกใจจนเบิกตาโต

ใช่ ตกใจมาก

คุณหญิงเสียชีวิตไปสามปีแล้ว หรือว่าเมื่อกี้บอสเจอผีผู้หญิง?

ซูอวี่รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว แล้วรีบเอ่ยเตือนว่า "บอสครับ เมื่อสามปีก่อน คุณหญิงก็……"

แววตาลึกๆของเฟิงหานชวน แฝงไปด้วยความเศร้าความเจ็บปวด เขาถอนหายใจเสียงเบา แล้วพึมพำว่า "สามปีแล้วเหรอ"

"ครับบอสเฟิง สามปี สามปีแล้วครับ!" ตัวซูอวี่สั่น

ตอนนี้เขากลัวว่าอารมณ์บอสจะไม่คงที่ แล้วจะกำเริบอีก ไม่อยากนึกถึงผลกระทบที่จะตามมาเลย

เพราะฉะนั้น สามปีนี้ ไม่มีใครกล้าพูดถึงชื่อเฉินฮวนฮวน เหมือนผู้หญิงคนนั้น ไม่เคยมีตัวตนอย่างนั้น

แต่ว่าซูอวี่คิดไม่ถึงจริงๆ วันนี้ อยู่ๆบอสก็พูดถึงคุณหญิงอย่างนิ่งเฉย ไม่ได้อาละวาด

"ผ่านมานานขนาดนี้แล้วเหรอ" เฟิงหานชวนพูดเสียงเบา เหมือนพูดให้ตัวเองฟัง

เขาหันเดินไปทางห้องสูท แล้วซูอวี่ก็รีบเดินตามไป

พอได้ยินเสียงปิดประตู ผู้หญิงที่อยู่หน้าฟิตเนส ค่อยชะโงกหน้าออกมา

พอแน่ใจแล้วว่าเฟิงหานชวนกับซูอวี่เข้าห้องสูทไปแล้ว เธอจึงยืนตัวตรง แล้วสีหน้ามีแต่ความเย็นชา

"เหอะ!"

เป๋าฮวนยิ้มเยาะเย้ย

ผู้ชายคนนี้ แม้แต่เธอ"ตาย"ไปนานแค่ไหน ก็จำไม่ได้?

ตอนนั้นเอาแต่พูดว่ารักเธอ แต่สุดท้าย น่าตลกชะมัด!

เธอรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่สุดท้ายไม่ได้เชื่อเขา แล้วเลือกที่จะจากไป……

ตกกลางคืน

เฟิงหานชวนจอดรถที่ทางเข้าวิลล่า แต่ไม่ลงจากรถสักที

เขารอคอยการให้อภัยของเฉินฮวนฮวนในใจ แต่ก็กังวลว่าเธอจะไม่ยอมให้อภัยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกประหม่ามาก

ในที่สุด หลังจากการต่อสู้ทางความคิด เขาก็เปิดประตูและลงจากรถ

ทันทีที่เธอมาถึงห้องนั่งเล่น แม่บ้านหลี่ก็ออกมาต้อนรับ และมีกลิ่นหอมจางๆของยาจีนลอยมาจากห้องครัว

“คุณชายสาม คุณกลับมาแล้ว นายหญิงกำลังนอนหลับอยู่ชั้นบน ฉันเลยไม่กล้าไปรบกวนเธอ” แม่บ้านหลี่ตอบตามความจริง

“ครับ ผมไปดูหน่อย” เฟิงหานชวนพยักหน้าและเดินขึ้นไปชั้นบน

หลังจากไปถึงชั้นสาม เขาก็หายใจเข้าลึกๆอีกครั้งและก้าวเข้าไปในห้องนอนอย่างกล้าหาญ

เพียงแต่ว่า เตียงสีขาวนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นพิเศษ ราวกับว่าถูกจัดไว้ และไม่มีใครอยู่บนเตียง

เฟิงหานชวนรีบเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่รู้ตัว แต่ห้องน้ำก็ว่างเปล่าเช่นกัน

เขารีบไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อด้านใน แต่ก็ไม่มีใคร

เขาวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างบ้าคลั่ง ไปถึงที่ชั้นสอง มองหาทีละห้อง

“ฮวนฮวน——”

เฟิงหานชวนตระหนักถึงอะไรบางอย่างและตะโกนออกมาดังๆ แต่ไม่มีใครตอบ

ฝ่ามือที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ ลำโพงมีเสียงผู้หญิงดังขึ้น: "ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้"

……

หนึ่งเดือนต่อมา

เฟิงหานชวนส่งคนไปค้นหาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม แต่ก็ไม่พบเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนดูเหมือนจะระเหยไปจากโลก

ในสำนักงานขนาดใหญ่ ร่างกายของเขาผอมลง และมีรอยคล้ำมากๆใต้ตาและดูซีดเซียวมาก

“ไม่ดีแล้ว ไม่ดีแล้ว ประธานเฟิง ไม่ดีแล้ว!”

ในเวลานี้ ซูอวี่เปิดประตูพุ่งเข้ามาพร้อมกับกองเอกสาร

เฟิงหานชวนลุกขึ้นยืนและถามอย่างกระวนกระวายใจ "พบฮวนฮวนแล้วเหรอ?"

“ประธานเฟิง……ใช่ พบคุณนายแล้ว แต่ แต่……” ซูอวี่อ้ำๆอึ้งๆไม่กล้ารายงาน

“แต่ว่าอะไร? เธอ……ไม่ยอมกลับมาเหรอ?” เฟิงหานชวนเดินโซเซถอยหลังไปสองก้าว

วันนั้น เดิมทีเขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนจะให้อภัยเขา แต่ไม่คิดว่าเธอแทบรอไม่ไหวที่จะหนีจากเขา

“ไม่ ไม่ใช่ คุณนายไม่ได้ไม่ยอมกลับมา แต่ว่า……” ซูอวี่รู้สึกว่าเขาไม่สามารถพูดต่อได้

“แต่ว่าอะไร?” เฟิงหานชวนเดินอ้อมรอบโต๊ะอย่างกระวนกระวายไปด้านหน้าซูอวี่ และคว้าเอกสารในมือของเขา

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอวี่จึงต้องรีบรายงาน: “คุณนายไม่ได้ไม่ยอมกลับมา แต่ไม่สามารถกลับมาได้แล้ว เธอ……เธอเสียชีวิตแล้ว”

"อะไรนะ……"

เมื่อมองดูกระดาษในมือ มีรูปถ่ายของศพผู้หญิงที่เน่าเปื่อยและยังมีผลชันสูตรทางนิติเวช

ผลชันสูตรระบุว่าเป็นการกระโดดลงแม่น้ำฆ่าตัวตาย

แววตาของเฟิงหานชวนดับวูบและร่างสูงของเขาล้มลงบนพื้นอย่างแรง

……

สามปีต่อมา

สนามบินเมืองเป่ยเฉิง

รูปร่างที่สวยงามปรากฏตัวขึ้นที่ล็อบบี้และเดินไปที่ประตูสนามบิน

หญิงสาวสวมแว่นกันแดดสีดำ หมวกเบเร่ต์หนังสีดำบนหัว เสื้อแขนสั้นธรรมดา กางเกงรัดรูปผ้ายีนส์และรองเท้าบูทสีดำ และกระเป๋าคาดเอวสีน้ำตาลที่เอว

แม้ว่าจะเป็นเพียงการจับคู่ธรรมดา แต่ถ้าเป็นคนที่รู้ด้านนี้ ก็รู้ว่าชุดของเธอคือรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ ทั้งเนื้อทั้งตัวรวมมูลค่ารวมกว่า10 ล้าน

เพียงแค่กระเป๋าเดินทางสีแดง ก็มีราคาห้าล้าน

ข้างหลังของเธอ ตามด้วยบอดี้การ์ดที่สูงแข็งแรงสวมชุดสูทดำสองคน ระหว่างทางไปที่ประตู อัตราการหันหัวกลับของเธออยู่ที่ 100%

“อาเหลิ่ง รถคันที่จอดอยู่ข้างหน้าเป็นของเราเหรอ?” เสียงของหญิงสาวช่างออดอ้อน เช่นเดียวกับรูปร่างที่เล็กกระทัดรัดและน่ารักของเธอ

“ใช่ค่ะ คุณหนูใหญ่ อีกสักครู่ตรงไปที่โรงแรมตี้ฮวงเลยและจองห้องเพรสซิเดนสูทชั้นบนสุดให้คุณแล้วค่ะ” บอดี้การ์ดด้านหลังฝั่งขวาตอบอย่างเคารพ

“อามั่ว หลังจากถึงโรงแรมแล้ว ช่วยฉันไปที่เคเอฟซีใกล้ๆ แล้วซื้อชุดถังครอบครัวและเอาเป่ยเฉิงเนื้อไก่ม้วนเจ้าเก่าด้วย” หลังจากพูดจบประโยค หญิงสาวก็เดินไปที่ประตูรถโรสรอยด์

เมื่อได้ยินคำว่าเคเอฟซี จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งเพร้อมกัน: "คุณหนูใหญ่ แน่ใจหรือ?"

“คุณหนูใหญ่ เคเอฟซีไม่ถูกสุขอนามัย แถมน้ำมันก็เยอะ……” จิ่งเหลิ่งพูดเสริมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

หญิงสาวหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำหน้าร้องไห้ เท้ามือทั้งสองที่สะโพก และพูดอย่างมีเหตุผลว่า: "ฉันไม่ได้กินเคเอฟซีรสชาติของจีนมาสามปีแล้ว ฉันจะกิน!"

“ค่ะ คุณหนูใหญ่” จิ่งมั่วได้แค่พยักหน้า

เมื่อเห็นจิ่งมั่วเห็นด้วย หญิงสาวก็ยิ้มทันที เผยให้เห็นฟันขาวเรียงเป็นแถว: "ขึ้นรถเถอะ"

พูดจบเธอก็หันหลังกลับและเข้าไปอย่างรวดเร็ว

จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งมองหน้ากัน ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นรีบยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปและทั้งคู่ก็ขึ้นรถ

เร็วมาก ถึงโรงแรมตี้ฮวงแล้ว

คืนนี้ ที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมตี้ฮวงจะมีงานการประมูลระดับนานาชาติครั้งใหญ่ และมีคนดังจากทั่วทุกมุมโลกมา

หลังจากลงจากรถ หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือและมีเสียงติ๊ดติ๊ดสองครั้ง"ยังเช้าอยู่ เดี๋ยวฉันต้องนอนสีกหน่อย"

“ได้ค่ะ คุณหนูใหญ่” สองพี่น้องตอบพร้อมกัน

“อมยิ้ม!” หญิงสาวเอื้อมมือไปข้างหลัง กางฝ่ามือออก

จิ่งเหลิ่งหยิบอมยิ้มหนึ่งอันออกมาจากกระเป๋าทันที แล้วยื่นถึงมือของหญิงสาว

หญิงสาวเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับอมยิ้มในปาก และจิ่งมั่วก็กดปุ่มที่ชั้นบนสุดทันที

ห้านาทีต่อมา

เสียง "ติ๊งต่อง" ประตูลิฟต์ก็ค่อยๆเปิดออก

เธอเงยหน้าขึ้น และเดินออกไปอย่างเงยหน้าอกตั้งตรง เมื่อเธอไปถึงประตูห้องสูท จิ่งเหลิ่งก็รูดบัตร และทั้งสามคนก็เดินเข้ามา

ท้องฟ้ามืดลงแล้ว สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากเข้าไปในห้องสูท ก็คือเดินไปทางหน้าต่างจรดพื้น

ด้านนอกมีไฟนีออนที่สว่างแล้ว และมองจากที่นี่ คุณสามารถเห็นเมืองเป่ยเฉิงอันกว้างใหญ่

สามปีแล้ว ในที่สุดเธอก็กลับมา

เมื่อมองดูเมืองที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยนี้ มุมปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อย จากนั้นใบหน้าของเธอก็เย็นชาอีกครั้ง

หลังจากที่จิ่งมั่วและจิ่งเหลิ่งวางกระเป๋าเดินทางของเธอเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ออกจากห้องไป

ไม่รู้ว่ายืนเหม่ออยู่ด้านหน้าของหน้าต่างจรดพื้นนานแค่ไหน จนกระทั่งเสียงกริ่งประตู"ติ๊งต่อง" ดังขึ้น ได้ดึงความคิดของเธอกลับมา

หญิงสาวเหยียบรองเท้าบู๊ทสีดำเดินไปที่ประตู และถามอย่างระมัดระวัง: “ใคร?”

“รบกวนถามว่าใช่คุณเป๋าฮวน คุณเป๋าไหมครับ? ผมเป็นพนักงานเสิร์ฟของโรงแรม บะหมี่เนื้อตุ๋นอาจารย์คังที่คุณต้องการส่งมาให้คุณแล้วครับ” กิริยาของพนักงานเสิร์ฟให้ความเคารพเป็นพิเศษ

นี่คือชั้นที่สูงที่สุด มีห้องเพรสซิเดนสูทเพียง 2 ห้องเท่านั้น และมียิมขนาดเล็กแยกต่างหาก ซึ่งมีเพียงแขกของห้องเพรสซิเดนสูทเท่านั้นที่สามารถใช้ได้

ราคาของห้องเพรสซิเดนสูทชั้นบนสุด สูงถึงเจ็ดหลักต่อคืน

ดังนั้น แขกที่เข้าพักบนชั้นสูงสุดจึงเป็นคนรวยและสูงส่ง และแม้แต่ระดับความมั่งคั่งก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจะส่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งถัง พนักงานเสิร์ฟก็จะรู้สึกประหม่ามาก และไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อย

เสียง"คลิก" จู่ๆประตูก็เปิดขึ้น

หญิงสาวถอดแว่นกันแดด ในปากเธอยังมีอมยิ้มอยู่ เธอยิ้มจางๆแล้วตอบว่า “ใช่ ฉันชื่อเป๋าฮวน”

หลังจากเฉินฮวนฮวนรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ก็พักผ่อนในห้องนอน

หลังจากใช้เวลาคิดมาตลอดช่วงเช้า รวมถึงการดูแลทั้งหมดที่เฟิงหานชวนทำให้เธอตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมานี้ เธอจึงตัดสินใจให้โอกาสเฟิงหายชวนอีกครั้ง

และถือว่าเป็นการให้โอกาสตัวเองอีกครั้งด้วย

บางทีเพราะตัดสินใจไปแล้ว เฉินฮวนฮวนรู้สึกโล่งกว่าเมื่อก่อนมากและในไม่ช้าก็หลับลึกไปแล้ว

และก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในความงุนงง เธอได้ยินเสียงคร่ำครวญของผู้หญิงคนหนึ่งในหูของเธอ

เฉินฮวนฮวนขยี้ตา หันศีรษะก็พบว่าหลิวหลี่ถง กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆเธอ นอนอยู่ในตำแหน่งที่เดิมที่เป็นของเฟิงหานชวน

เธอรีบลุกขึ้นนั่งและมองดูผู้หญิงที่อยู่ข้างๆอย่างไม่อยากเชื่อ หลิวหลี่ถงสวมชุดชั้นในเซ็กซี่ที่ไม่สามารถปกปิดร่างกายได้เลย และกำลังบิดตัวไปมาตลอดเวลา

และในมือของถือเธอ ยังถือของเล่นแบบนั้นไว้ด้วย

“หลิวหลี่ถง เธอกำลังทำอะไร!” เฉินฮวนฮวนตะคอก

ในความเห็นของเธอ สาวใช้นอนบนเตียงของนายจ้างก็ยากที่จะเชื่อแล้ว อีกทั้งหลิวหลี่ถงยังกระทำการที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้

หลิวหลี่ถงยังคงกระทำการของเธอต่อไปราวกับว่าไม่ได้ยิน การกระทำนั้นยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้นและยิ่งทำให้ประหลาดใจ

เฉินฮวนฮวนมองเธอ ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองตาโตเท่ากับระฆังทองแดงเพราะความตกใจและถามว่า: "หลิวหลี่ถง เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?"

“คุณชายสาม คุณเร็วเข้า เร็วเข้า หลี่ถงต้องการจริงๆ……”

“คุณชายสามคุณได้ยินไหม? เฉินฮวนฮวนรู้สึกรำคาญมาก เธอรู้สึกรำคาญจริงๆ!”

“คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่เปิดเผยเรื่องของฉันกับคุณ ไม่มีทางบอกเฉินฮวนฮวนเด็ดขาด”

“โอ้ คุณชายสาม คุณเก่งมาก……”

หลิวหลี่ถงไม่เพียงแต่เพิกเฉยต่อเฉินฮวนฮวน แต่กลับทำการกระทำที่ไม่เหมาะสมและพูดด้วยคำพูดที่หยาบคาย

เดิมทีเฉินฮวนฮวนยื่นมือออกเพื่อผลักมือของหลิวหลี่ถง และหยุดในอากาศ เธอมองดูทุกการเคลื่อนไหวของหลิวหลี่ถงอย่างไม่อยากเชื่อ และฟังคำพูดที่ออกมาจากปากของเธอ คนทั้งคนก็กลายเป็นหินอยู่ตรงที่เดิม

ดังนั้นเฟิงหานชวนและหลิวหลี่ถงมีอะไรกันจริงๆเหรอ?

แสดงว่า เมื่อก่อนเขาเคยโกหกเหรอ?

“หลิวหลี่ถง เธอบอกฉันตอนนี้ ระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนอยู่ในฐานะอะไร!” เฉินฮวนฮวนคว้าข้อมือของหลิวหลี่ถง แล้วดึงเธอลุกขึ้น

หลิวหลี่ถงมองเฉินฮวนฮวนด้วยสายตาที่อ่อนนุ่มแล้วปล่อยเสียง "เสียงหัวเราะ" หัวเราะเยาะ

หลังจากหัวเราะจบเท่านั้น แววตาของเธอก็ดุดันขึ้นทันทีอย่างกับเสือดาวตัวหนึ่ง จ้องมองเฉินฮวนฮวนอย่างดุร้าย

“นังสารเลว!” เธอยกมือขึ้นและตบหน้าเฉินฮวนฮวนอย่างแรง

เฉินฮวนฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดเลยว่าหลิวหลี่ถงจะตบหน้าเธอ

“หลิวหลี่ถง เธอหยุดได้แล้ว!”

ขณะที่หลิวหลี่ถงกำลังจะตบครั้งที่สองลงมา เฉินฮวนฮวนตาไวมือเร็วคว้าแขนของเธอไว้ได้ทัน

หลิวหลี่ถงถูกจับมือไว้ ท่าทีที่ดุร้ายเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิด เสียงร้องไห้ฟูมฟาย และออดอ้อนกับอากาศ: "คุณชายสาม คุณดูสิ เฉินฮวนฮวนทำแย่กับฉันเกินไป เมื่อคุณเบื่อเธอแล้ว ก็รีบเขี่ยเธอทิ้งเถอะ?”

“บ้าไปแล้ว เธอมันบ้าไปแล้วจริงๆ!” เมื่อเห็นหลิวหลี่ถงพูดกับตัวเอง เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าขนลุกขนชันไปหมด

หลิวหลี่ถงที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนบ้าไปแล้วจริงๆ

“คุณชายสาม คุณให้เงินก้อนหนึ่งกับเฉินฮวนฮวนก็จบแล้วไหม? ทำไมต้องรับผิดชอบเธอด้วย? ฉันรู้ว่าคุณขาดภรรยา เฉินฮวนฮวนสวยกว่าฉัน แต่ว่า……”

หลิวหลี่ถงร้องไห้ไปในขณะที่พูดต่อว่า: "แต่ว่า แต่ว่าฉันรู้งานกว่าเฉินฮวนฮวน! ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณว้าเหว่ จะไม่แสดงสีหน้าต่อคุณ ฉันจะรักคุณให้ดีเท่านั้น ฉันเป็นคนเชื่อฟังมาก คุณให้ฉันทำอะไรฉันก็จะทำอย่างนั้น "

แววตาทั้งสองของหลิวหลี่ถงว่างเปล่า และยังคงสะอื้นไห้ไม่หยุด ราวกับว่าถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิง

ในขณะนี้ บนถนนนอกพื้นที่วิลล่า ภายในรถธรรมดาๆคันหนึ่ง

ด้านในมีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ กำลังมองสีหน้าของเฉินฮวนฮวนผ่านกล้องวงจรปิดขนาดเล็กบนตัวของหลิวหลี่ถง

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขาวมาก ขาวแบบซีด เธอขมวดคิ้วแน่น แสดงออกถึงความสับสน

“ดูท่าเฉินฮวนฮวนจะไม่เชื่อในสิ่งที่หลิวหลี่ถงพูด” หลีซืออวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อย ใบหน้าแสดงถึงความหงุดหงิด

เฉินเจี๋ยไม่รีบร้อน ที่จริงแล้วเขาหวังให้เฉินฮวนฮวนไม่เชื่อ อย่างไรก็ตาม เพียงแค่เฉินฮวนฮวนยังอยู่ข้างกายเฟิงหานชวนหนึ่งวัน หลีซืออวิ๋นก็ยังต้องขอร้องเขา

“ถ้าแผนนี้ไม่ได้ผล ครั้งหน้าเราค่อยหาวิธีอื่นต่อไป?” เฉินเจี๋ยพูดเสนอ

หลีซืออวิ๋นกำหมัด เธอไม่มีความอดทนอีกต่อไป เธอกัดฟันแล้วพูดว่า: "เวลาสะกดจิตใกล้จะหมดลงแล้วใช่ไหม?"

“เฉินเจี๋ยยกมือขึ้นและเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือ จากนั้นพยักหน้าและกล่าวว่า “ใกล้จะถึงแล้ว”

“อย่าทิ้งร่องรอยไว้ เรียกหลิวหลี่ถงมาและเอากล้องออก” หลีซืออวิ๋นสั่ง

เฉินเจี๋ยปัดหน้าจอโทรศัพท์และกดหมายเลขโทรศัพท์ของหลิวหลี่ถง

"กริ๊ง……"

ในห้องนอน จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วยิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของตนเอง ถ้างั้นก็คือโทรศัพท์มือถือของหลิวหลี่ถง?

หลิวหลี่ถงได้ยินเสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคย รีบคลานไปหยิบโทรศัพท์และรับสาย เพียงได้ยินเสียงเธอพึมพำกับตัวเอง: "คือเสียงของพระเจ้า คือเสียงของพระเจ้า……"

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหลิวหลี่ถงแปลกมากขึ้น เธอกำลังคิดที่จะลงไปข้างล่างหาแม่บ้านหลี่ แต่วินาทีต่อมา หลิวหลี่ถงก็วิ่งออกจากห้องนอนของเธออย่างบ้าคลั่ง

เธอรีบวิ่งตามลงไป แต่พบว่าหลิวหลี่ถงไม่ได้กลับห้อง ไม่ได้สวมเสื้อผ้า งั้นเธอก็คงวิ่งออกนอกประตูไปเลย

การเคลื่อนไหวของบันได ทำให้แม่บ้านหลี่วิ่งออกจากห้องมาดู เมื่อเธอพบเฉินฮวนฮวนยืนอยู่บนบันได เธอรีบถามทันทีว่า “ฮวนฮวน เป็นอะไรเหรอ?”

“ไม่เป็นไรแม่บ้านหลี่ เพิ่งเห็นหลิวหลี่ถงวิ่งออกไปเมื่อครู่ ท่าทางดูผิดปกตินิดหน่อย……” เฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนอน

“ออ ช่วงนี้เธอบ้าๆบอๆ ฉันหักเงินเดือนเธอแล้ว ถ้าเธอยังทำตัวไม่ดี จะไล่เธอออก” ขณะที่แม่บ้านหลี่พูดถึงหลิวหลี่ถง สีหน้าไม่พอใจมาก

“อืม” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า หันหลังและเดินขึ้นชั้นบน

แต่เธอก้าวขึ้นบันไดสองสามขั้น ก็หันกลับมาถามว่า: "แม่บ้านหลี่ หลิวหลี่ถงอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงมานานแค่ไหนแล้ว?"

“ประมาณปีครึ่งแล้ว” แม่บ้านหลี่ตอบและพูดอีกว่า: “ปกติเธออยู่ที่บ้านหลังเก่า ทำงานคล่องแคล่วว่องไวและกระฉับกระเฉงมาก ไม่คิดว่ามาที่นี่แล้วจะกลายเป็นแบบนี้! "

“ตอนนี้เงินเดือนเธอเท่าไหร่?” เฉินฮวนฮวนถาม

“เดิมทีหมื่นกว่า ต่อมาคุณชายสามสั่งให้ผู้ดูแลจางเพิ่มให้เธอเป็นสองเท่า และคราวนี้ฉันตัดสินใจเอง หักเงินเธอห้าร้อย” แม่บ้านหลี่ตอบตามความจริง

“ค่ะ แม่บ้านหลี่ คุณไปพักผ่อนเถอะ ฉันก็จะขึ้นไปนอนข้างบนสักพัก” เฉินฮวนฮวนไม่ได้ถามอะไรอีก

“จ่ะ ฮวนฮวน คุณรีบไปนอนเถอะ” แม่บ้านหลี่พยักหน้า

เมื่อเฉินฮวนฮวนกลับมาถึงห้องนอน พบว่าของเล่นของหลิวหลี่ถงหล่นอยู่บนผ้าปูที่นอนสีขาว

ในสมองของเธอนึกถึงทุกการเคลื่อนไหวของหลิวหลี่ถง ทุกคำทุกประโยค และนึกกลับไปถึงคำพูดที่เสี่ยวลี่เคยพูดก่อนหน้านี้

ในเวลานี้ เธอรู้สึกเพียงว่าวัตถุชิ้นนี้สะดุดตาเป็นพิเศษ……

“อวิ๋นเอ๋อร์ เรากุเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นมันจะดูหลอกลวงเกินไป ตระกูลเฟิงต้องตรวจสอบได้แน่ ๆ ” เฉินเจี๋ยรีบพูดขึ้น

“พูดมาก ฉันรู้อยู่แล้ว!” หลีซืออวิ๋นลุกขึ้นยืน รูปร่างที่สง่างามภายใต้แสงสว่างจากไฟนีออน ช่างดึงดูดสายตาจริง ๆ

เฉินเจี๋ยเงยหน้ามองเธอ ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และแสดงความคิดเห็นออกไป : “ผมแนะนำให้ใช้การสะกดจิต ถึงอย่างไรก็ต้องยืมมือคนอื่นทำอยู่แล้ว เราไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย”

เฉินเจี๋ยไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากล่วงเกินตระกูลเฟิงเข้าละก็ เขาต้องไม่ตายดีแน่ ๆ

“สะกดจิต? ฉันก็อยากจะยืมมือคนอื่นมาทำนะ แต่ไม่มีใครให้ฉันยืมมือทำเรื่องแบบนั้น!” หลีซืออวิ๋นโกรธจนต้องทุบหน้าต่าง

เรื่องการสะกดจิต ต้องให้อีกฝ่ายมีความคิดนั้นด้วยตัวเอง หรือไม่ก็ให้อีกฝ่ายประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ไม่อย่างนั้นต่อให้สะกดจิตยังไง ก็ไม่มีประโยชน์หรอก

ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงจะหาคนสะกดจิตทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนไปแล้ว เพียงแต่นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เฉินเจี๋ยกลับไม่ใส่ใจ แต่แอบยิ้มอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปแตะเรียวขาของหลีซืออวิ๋น และลวนลามเธออย่างอุกอาจ……

หลีซืออวิ๋นกำลังหงุดหงิดใจ ยกขาขึ้นมาเตรียมจะเตะเขา แต่เฉินเจี๋ยกอดขาของเธอไว้ และรีบพูดขึ้นว่า : “ผมมีแหล่งข่าวที่นี่ ไม่แน่อาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้?”

หลีซืออวิ๋นเข้าใจความหมายของเฉินเจี๋ยทันที จึงปล่อยให้เขาทำต่อ

เธอหรี่ตาทั้งสองข้างลง พร้อมกับสะท้อนความเกลียดชังออกมาทางแววตาอย่างชัดเจน จากนั้นก็ถามขึ้นว่า : “ยังไม่รีบพูดอีก?”

“มีคนหลุดปากออกมาในกลุ่มสาวใช้ตระกูลเฟิง เป็นผู้หญิงที่ชื่อว่าหลิวหลี่ถง”

…..

เช้าตรู่ ในวันที่ท้องฟ้าสีขาวโพลน

การเคลื่อนไหวข้างกายทำให้เฉินฮวนฮวนสะดุ้งตื่น

“ทำคุณตื่นเหรอ?” เมื่อตระหนักได้ถึงการเคลื่อนไหวของผู้หญิงในอ้อมกอด เฟิงหานชวนจึงถามออกไปเบา ๆ

เขาเตรียมจะลุกจากที่นอน แต่พบว่าเฉินฮวนฮวนตื่นพอดี จึงรีบกลับมากอดเธอไว้

“คุณรีบไปบริษัทเถอะ ฉันไม่อยากถ่วงเวลาคุณ” เสียงของเฉินฮวนฮวนเหมือนยังไม่คงที่ จึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เมื่อพบว่าเฉินฮวนฮวนยังให้ความสำคัญกับตัวเอง ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิงหานชวนฉายแววดีใจทันที จากนั้นก็โอบไหล่ของเฉินฮวนฮวนและออกแรงบีบเล็กน้อย

“โอ๊ย——”

เมื่อบาดแผลถูกกดทับ ถึงแม้จะตกสะเก็ดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังปวดระบมอยู่

เฉินฮวนฮวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

เฟิงหานชวนรีบปล่อยมือทันที ก่อนจะถามขึ้นด้วยความร้อนใจว่า : “ฮวนฮวน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้า

“ขอโทษนะ ผมไม่ทันระวัง ให้ผมดูแผลที่ตกสะเก็ดหน่อย” เฟิงหานชวนลุกขึ้นมา เปิดผ้าห่ม ก่อนจะเอื้อมมือออกไปเปิดชายเสื้อชุดนอนของฝ่ายหญิงขึ้น

ในขณะที่กำลังเปิด กลับถูกเฉินฮวนฮวนขวางไว้

“ไม่ต้องดูหรอกค่ะ คุณดูทั้งวันแล้วไม่ใช่เหรอคะ?” เฉินฮวนฮวนถามเขาด้วยท่าทางนิ่งเฉย

ช่วงนี้บาดแผลผ่าตัดจำเป็นต้องทายาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็เป็นฝีมือของเฟิงหานชวนทั้งสิ้น

“ฮวนฮวน คุณยังไม่……ให้อภัยผมเหรอ?” เฟิงหานชวนกุมมือเล็ก ๆ ของเธอไว้แน่น จากนั้นก็ถามออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเล็กน้อย : “เรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม?”

เฉินฮวนฮวนอึ้งงันไป แต่กลับไม่ตอบ

ทุกวันนี้เธอเฝ้าแต่ถามตัวเองว่าควรจะให้อภัยเฟิงหานชวนดีไหม ควรจะอยู่กับเขาต่อไปดีไหม?

ทุกครั้งที่เธอเห็นเฟิงหานชวนดูแลเอาใจใส่เธอ เกราะป้องกันของเธอจึงค่อย ๆ ลดลง แต่ในตอนที่เธออยากจะโผเข้าไปในอ้อมกอดเขานั้น ภาพใบหน้าที่ซีดเผือด อ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างของคุณยายก็แวบเข้ามาในสมองของเธออีกครั้ง

ใช่ ตอนที่คุณยายจากโลกนี้ไป ตาของเธอไม่หลับ

เธอรู้ว่าการจากไปของคุณยาย เป็นฝีมือของเฉินเหม่ยเจวียน แต่กลับเป็นเพราะเฟิงหานชวน เธอจึงเข้าไปขวางเฉินเหม่ยเจวียนไม่ได้ และไม่ได้เห็นช่วงเวลาสุดท้ายของคุณยาย

“คุณยังอยากรับผิดชอบฉันอีกไหม? ฉันอาจจะ……มีลูกไม่ได้ไปอีกตลอดชีวิต?” เฉินฮวนฮวนหันกลับมา ดวงตาไร้ความรู้สึกคู่นั้นมองไปยังผู้ชายที่อยู่ข้างกาย

เธอยิ้มอย่างราบเรียบและพูดว่า : “จริง ๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบฉันเพราะความเป็นสามีของคุณก็ได้ คุณช่วยฉันมาเยอะแล้ว ทดแทนในคืนนั้นไปหมดแล้ว”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น มือทั้งสองข้างกุมไหล่ที่อ่อนแอของเธอจากนั้นก็มองเข้าไปในดวงตาของเธออย่างจริงจัง ก่อนจะพูดเน้นย้ำทีละคำว่า : “ฮวนฮวน ผมยอมรับที่ตอนแรกผมแค่อยากรับผิดชอบคุณ แต่ตอนนี้ไม่ใช่…”

“ตอนนี้ ผมอยากให้เราอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ผมขาวไปด้วยกัน รักกันตลอดไป”

“ถึงจะไม่มีลูก ก็ไม่เป็นไร เราอยู่ในโลกของเราสองคนไปตราบนานเท่านาน”

“ถ้าคุณชอบเด็ก เรารับเลี้ยงเอาก็ได้ ผมไม่ได้หัวโบราณ ดังนั้นจึงไม่มีความคิดที่จะมีทายาทสืบสกุล”

“ฮวนฮวน ผมรักคุณนะ หลังจากนี้ผมจะดูแลคุณไปตลอดชีวิต ดีไหม?”

…….

หลังจากที่ผู้ชายพูดจบ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เฉินฮวนฮวนยังตกอยู่ในอาการเหม่อลอย

เฟิงหานชวนไม่ได้เร่งเร้าเธอ เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนกำลังคิด เขาจึงให้เวลาเธอได้คิดไตร่ตรอง

เธอใช้เวลาคิดนานมาก พิสูจน์ได้ว่าในใจของเธอนั้นยังแคร์เขา ไม่อย่างนั้น เธอคงจะปฏิเสธเขากลับไปโดยไม่ลังเลแล้ว

“คุณรีบไปทำงานที่บริษัทเถอะค่ะ ฉันค่อยให้คำตอบคุณตอนค่ำ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนอยู่ในใจ สับสนจนไม่สามารถตอบคำถามของเฟิงหานชวนตอนนี้ได้

“ได้ ผมจะรอคุณ” เฟิงหานชวนเข้าใจชัดเจน

ถึงแม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะยังให้คำตอบที่แน่นอนแก่เขาไม่ได้ แต่เขาก็มองออก เฉินฮวนฮวนถูกเขาล่วงเกิน จึงเกิดความลังเลเล็กน้อย

เชื่อว่าตอนค่ำจะมีคำตอบที่ดี

ช่วงเวลาแบบนี้ บริษัทมีโครงการที่ยังไม่สะสางมากมาย จึงต้องให้เขามารับผิดชอบโครงการสำคัญ ดังนั้นเขาจึงต้องไปจัดการที่บริษัทก่อน

ก่อนจะจากไปนั้น เฟิงหานชวนอดใจไม่ไหว พรมจูบไปบนหน้าผากของเฉินฮวนฮวนอย่างอ่อนโยนไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะไปบริษัทอย่างอารมณ์ดีในที่สุด

เมื่อเห็นแผ่นหลังของผู้ชายจากไป แววตาของเฉินฮวนฮวนก็หม่นหมองลง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมา กดเบอร์ใครคนหนึ่ง

หลังจากที่ได้รับการตอบกลับ เฉินฮวนฮวนก็ไปหาแม่บ้านหลี่ บอกว่าจะไปสุสาน แม่บ้านหลี่รู้ว่าเป็นเรื่องของเธอและเฟิงหานชวน จึงรับทราบ ไม่ได้ขวางอะไร

แม่บ้านหลี่ถามแค่ว่า : “ฮวนฮวน ตอนเที่ยงจะกลับมาทานอาหารไหมคะ?”

“อื้อ กลับค่ะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

แม่บ้านหลี่วางใจ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ตอนที่เฉินฮวนฮวนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น แม่บ้านหลี่ก็รีบโทรศัพท์หาเฟิงหานชวนทันที

เฟิงหานชวนรู้สึกเป็นกังวล เฉินฮวนฮวนไปสุสาน ต้องไปหาคุณยายของเธอแน่ ๆ บางที….เธอกำลังเลือกที่จะให้อภัยเขาอู่ก็ได้?

……..

ตอนเที่ยง เฉินฮวนฮวนกลับมาตามสัญญา

แม่บ้านหลี่เตรียมอาหารเที่ยงไว้พร้อมแล้ว เฉินฮวนฮวนกินไปเยอะมาก ดูท่าทางจะถูกปากไม่ใช่น้อย

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนขึ้นไปพักผ่อนข้างบนแล้ว แม่บ้านหลี่ก็โทรรายงานเฟิงหานชวนอีกครั้ง

หลังจากที่เฟิงหานชวนได้ฟัง สภาพจิตใจของเขาก็ดีขึ้นมาทันที เพราะช่วงนี้เฉินฮวนฮวนทานข้าวน้อยมาก เจริญอาหารแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะให้อภัยเขาแน่ ๆ

เขาแทบอยากจะบินไปหาเธอตอนนี้เลย

แต่เขาไม่กล้ากลับไป เพราะเฉินฮวนฮวนพูดไว้ว่าจะให้คำตอบเขาตอนค่ำ เรื่องที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือตั้งใจทำงาน

แม่บ้านหลี่โทรศัพท์หาเฟิงหานชวนเสร็จ ก็มองไปทางตะเกียบที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาทันที

“หลี่ถง มีใครอยู่ไหม? ทำไมไม่มีคนมาเก็บจานชามเลย?” แม่บ้านหลี่ตะโกนเรียกเสียงดัง

เสี่ยวลี่กำลังรดน้ำอยู่ข้างนอกก็รีบวิ่งเข้ามา และพูดว่า : “แม่บ้านหลี่ เดี๋ยวฉันเก็บเองค่ะ หลี่ถงได้รับโทรศัพท์ และก็ออกไปเลยค่ะ….”

“โทรศัพท์จากใคร? ทำตัวลับ ๆ ล่อ อย่าให้รู้นะว่าแอบอู้งาน แม่จะเพิ่มงานให้หนักเลย!” ปกติแม่บ้านหลี่จะใจดีและเมตตา แต่ถ้าโกรธขึ้นมา ยิ่งกว่าพายุเสียอีก

หนึ่งเดือนต่อมา

ร่างกายของเฉินฮวนฮวนเกือบจะหายดีแล้ว

เฟิงหานชวนพาเธอกลับไปที่คฤหาสน์ คืนนั้น คนในตระกูลเฟิงทั้งหมดไปที่คฤหาสน์ เพื่อเยี่ยมเฉินฮวนฮวน

โดยเฉพาะนายท่าน ตั้งแต่เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก็เข้าสู่ธรรมะ สวดมนต์ในบ้านเก่าทุกวัน และเชิญอาจารย์ให้มาปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากหลานชายที่ยังไม่เกิด

เขารู้สึกว่าตัวเองมีหนี้บาปหนักมาก ดังนั้นผลกรรมจึงตกมาที่รุ่นลูกหลาน

นายท่านเฟิงนำจี้พระเครื่องที่ผ่านพิธีมอบให้เฉินฮวนฮวน ให้เธอสวมที่คอเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ

“ฮวนฮวน นี่คือความตั้งใจของนายท่าน ให้ผมสวมให้คุณไหม?” เฟิงหานชวนไม่เคยรับของจากนายท่าน แต่คราวนี้เขายอมรับไว้

เขาถามเฉินฮวนฮวนด้วยเสียงที่อ่อนโยน แต่เฉินฮวนฮวนไม่แสดงรอยยิ้ม เพียงแค่กล่าวขอบคุณนายท่าน

ในเดือนนี้ เฟิงหานชวนดูแลเฉินฮวนฮวนมาตลอด แต่เฉินฮวนฮวนยังไม่ให้อภัยเขา เพิกเฉยต่อคำพูดของเขาเสมอและไม่สนใจเขา

เฟิงหานชวนรู้สึกเสียใจ แต่เฉินฮวนฮวนไม่ได้ต่อต้านเขาอย่างโหดร้าย และไม่ได้บอกว่าจะจากไป ดังนั้นเขาเชื่อว่า เฉินฮวนฮวนยังมีความรู้สึกดีต่อเขา

ในช่วงเวลาที่เขาดูแลเธอ เฉินฮวนฮวนจะให้อภัยเขาอย่างแน่นอน

“ฮวนฮวน สิ่งที่เจ้าสามทำกับเธอก่อนหน้านี้ เกินไปจริงๆ เจ้าสามเองก็พยายามจะชดเชยให้เธอ ฉันหวังว่าเธอจะให้อภัยเจ้าสามนะ” เฟิงเหลยถิงยื่นมือออกไปตบไหล่ของเฉินฮวนฮวนเบาๆ

นายท่านรู้เรื่องคืนที่บลูส์คลับแต่แรกแล้ว นายท่านจึงเฝ้าดูการแต่งงานของลูกชายคนที่สามของเขากับเฉินฮวนฮวนมาตลอด

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินฮวนฮวนก็ตกใจเล็กน้อย

เฟิงเฉินเหยี่ยนวิ่งเข้ามา ยิ้มและพูดกับเฉินฮวนฮวน: "ฮวนฮวน คุณปู่พูดถูก ตอนนั้นอาสามเองก็ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างผมรู้สึกเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่พระเจ้ากำหนดมา มันคือโชคชะตา”

เฟิงเฉินเหยี่ยนก็โน้มน้าวเฉินฮวนฮวนเช่นกัน เพราะทั้งครอบครัวตระกูลเฟิง รู้ว่าเฉินฮวนฮวนเมินเฉยต่อเฟิงหานชวนตลอดทั้งเดือนเพราะเรื่องนี้

เฉินฮวนฮวนหัวเราะออกมา เป็นการหัวเราะที่ขมขื่น

ที่แท้ตระกูลเฟิงทุกคนรู้เรื่องนั้น มีแต่ตัวเองที่ถูกปิดบัง

เธอกำลังถูกตระกูลเฟิงเล่นกับความรู้สึกอยู่เหรอ?

“ฮวนฮวน คุณยิ้มแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า ผมบอกแล้ว คุณไม่อยากเมินอาสามหรอก เพราะในใจคุณยังใส่ใจอาสามมากใช่ไหม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนคนซื่อบื่อ คิดว่าเฉินฮวนฮวนหัวเราะออกมาเพราะความสุข

เฉินฮวนฮวนไม่ได้ปฏิเสธ แต่เพียงแค่เหลือบมองเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างหลังเธอ เขาได้ยินเพียงเสียงหัวเราะของเฉินฮวนฮวน แต่ไม่เห็นการแสดงออกของเฉินฮวนฮวน

เขาตื่นเต้นมาก คิดว่าภายใต้การโน้มน้าวของนายท่านและเฟิงเฉินเหยี่ยน จะทำให้เฉินฮวนฮวนเริ่มใจอ่อน

เขาเปิดกล่องในมือทันที หยิบพระเครื่องออกมา ก้มศีรษะลง แล้วสวมให้เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนไม่ขัดขืน ปล่อยให้เฟิงหานชวนสวมให้ เมื่อนายท่านเฟิงและเฟิงเฉินเหยี่ยนเห็นก็ยิ้มออกมา

หลังอาหารเย็น ครอบครัวตระกูลเฟิงก็กลับไปพร้อมกัน

ในคฤหาสน์หลังใหญ่ มีเพียงแม่บ้านหลี่และสาวใช้สามคน รวมถึงเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นจากโซฟาและเดินขึ้นไปชั้นบน ด้วยท่าทางที่ว่างเปล่า ไม่พูดอะไรสักคำ

เฟิงหานชวนกำลังปอกแอปเปิ้ลให้เธอ เมื่อเห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวน เขาก็วางแอปเปิ้ลและตามไปอย่างรวดเร็ว

“ฮวนฮวน คุณจะขึ้นไปพักผ่อนเหรอ?” เฟิงหานชวนถามพร้อมจับมือเธอ

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและตอบด้วยเสียงเบาๆ "อืม"

“ผมจะขึ้นไปกับคุณ”

เฉินฮวนฮวนไม่ตอบและยังคงเดินตรงไปทางบันได

หลังจากมาถึงห้องนอนแล้ว เฟิงหานชวนบอกให้เฉินฮวนฮวนไปอาบน้ำก่อน ขณะที่เขากำลังสูบบุหรี่ที่ระเบียง

เฉินฮวนฮวนอาบน้ำเร็วมาก ทันทีที่เฟิงหานชวนสูบบุหรี่เสร็จ เฉินฮวนฮวนก็สวมชุดนอนเดินออกมา เธอเดินเหมือนศพเดินได้ ร่างไร้วิญญาณ

เมื่อเห็นท่าทางเธอเช่นนี้ เฟิงหานชวนรู้สึกกังวลมากกว่าใครๆ เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนยังไม่ให้อภัยเขา

เขาทิ้งก้นบุหรี่ แล้วเดินไปที่เตียง เฉินฮวนฮวนกำลังนอนอยู่ เขายกมือขึ้นเพื่อสัมผัสใบหน้าของเธอ แต่ถูกเธอขวางไว้

“ฮวนฮวน นี่ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว คุณบอกผมได้ไหม อีกนานแค่ไหนคุณถึงจะให้อภัยผม?” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเดือนที่ผ่านมา ทรมานจริงๆ

ทุกวินาทีที่เฉินฮวนฮวนเมินเฉย เป็นวินาทีที่ทุกข์ทรมานที่สุด

เฉินฮวนฮวนไม่ตอบเขา พลิกตัว หันหลังให้เขา หลับตาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

เฟิงหานชวนถอนหายใจอย่างเงียบๆ เมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถบังคับเฉินฮวนฮวนได้ เขาจึงเดินไปที่ห้องน้ำและอาบน้ำ

เมื่อนอนอยู่บนเตียง เฉินฮวนฮวนหันกลับมาและหันหลังให้เขาอีกครั้ง

เฟิงหานชวนเข้าหาเธอ ใช้มือใหญ่โอบเอวของเธอ กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา ปลายจมูกวางอยู่ที่ด้านหลังศีรษะของเธอ

“เอาออก” เสียงของเธอฟังดูไม่แยแส

เฟิงหานชวนรู้ว่าเฉินฮวนฮวนบอกให้เขาเอามือออก แต่เขาก็เลียนแบบเฉินฮวนฮวน แสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายและยังคงกอดเธออย่างหน้าด้าน

เฉินฮวนฮวนยื่นมือออกมาและจับข้อมือของผู้ชาย พยายามดึงมือของเขาออกอย่างแรง แต่ก็ไม่ได้ผล

เธอทำได้เพียงปล่อยให้ชายคนนี้โอบกอดเธอ จนเธอหลับไปในที่สุด

อวิ๋นซูอพาร์ทเม้นท์

ริมหน้าต่าง ผู้หญิงสูงและผู้ชายตัวเตี้ย ไม่สวมเสื้อผ้าสักชิ้น

หลังจากที่พวกเขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ทั้งคู่ก็ล้มลงกับพื้น เอนหลังพิงกับหน้าต่างสูง หายใจหอบอย่างหนัก

ใบหน้าของเฉินเจี๋ยเต็มไปด้วยความรู้สึกพึงพอใจ หลังจากที่เขาเล้าโลมหลิวเยว่เอ่อร์ ทำให้หลิวเยว่เอ่อร์ไปที่โรงพยาบาลบอกความจริงกับเฉินฮวนฮวน หลีซืออวิ๋นก็เล่นต่อกับเขาหลายครั้ง

มีความสุขมากทุกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเป็นการตอบแทนเขา

วินาทีต่อมา เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ทำลายบรรยากาศที่จะบอกว่าเงียบก็ไม่เงียบ

หลีซืออวิ๋นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและรับสาย จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนทันที

เมื่อตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหลีซืออวิ๋น เฉินเจี๋ยจึงถามอย่างรวดเร็ว: "อวิ๋นเอ่อร์ เกิดอะไรขึ้น?"

หลีซืออวิ๋นขว้างโทรศัพท์ไปด้านข้าง จ้องเขม็งไปไกล กัดฟันและกล่าวว่า: "เฟิงหานชวนพาเฉินฮวนฮวนกลับบ้านแล้ว และครอบครัวตระกูลเฟิงก็ยังฉลองการออกจากโรงพยาบาลให้เธอด้วย เธอไม่เคยคิดที่จะออกจากบ้านตระกูลเฟิง!”

“ถ้าผมเป็นเฉินฮวนฮวน ผมก็ไม่ไปแน่นอน แม้ว่าเฟิงหานชวนจะฉุดเธอ แต่ตอนนี้เขาก็ทำดีกับเธอ มีความรับผิดชอบ แถมครอบครัวตระกูลเฟิงยังดีกับเธอขนาดนั้น มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะออกไป…”

แต่ก่อนที่เฉินเจี๋ยจะพูดจบ เขาก็ตระหนักว่าเขาพูดอะไรผิดไป

หลีซืออวิ๋นต้องการให้เฉินฮวนฮวนออกไป ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ก็จะทำให้อวิ๋นเอ่อร์ของเขาหงุดหงิดเปล่าๆ

"บัดซบ! ถือว่าอายุยืน ถูกรถตู้ชนขนาดนั้นยังไม่ตาย" หลีซืออวิ๋นกำหมัดแน่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสยดสยอง

"ฉันเป็นคนเอารูปสร้อยคอไป แล้วเสียบแทนแก อ้างว่าเป็นผู้ถูกกระทำในห้องเก็บของบลูส์คลับคืนนั้น"

"เฟิงหานชวนคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงคืนนั้น เลยดูแลฉันเป็นอย่างดี แถมยังให้บ้าน จ้างแม่บ้านส่วนตัวให้อีก"

"ตอนนั้นฉันก็ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าเฟิงหานชวนจะเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบขนาดนี้ เพราะข่มขืนฉัน ก็เลยดีกับฉัน"

"แต่ฉันได้ใช้ชีวิตดีๆแค่ไม่กี่วัน แกก็เป็นคนมาทำลาย! เฉินฮวนฮวน แกทำให้ฉันเป็นแบบนี้ แกก็อย่าคิดจะมีความสุข!"

"เพราะฉะนั้น แกรู้ว่าทำไมเฟิงหานชวนถึงดีกับแกหรือเปล่า? เพราะแกแท้งลูกไง นั่นเป็นลูกของเฟิงหานชวน!"

หลิ่วเยว่เอ่อร์ยืนตัวตรง แล้วพูดออกมาทีละคำ เหมือนกระสุนปืน ที่ยิงสาดไปทางเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเข้าใจแล้ว ได้ยินชัดเจนแล้ว เธอแค่รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว โดยเฉพาะสมอง เหมือนหัวจะระเบิดอย่างนั้น

ความหวาดกลัวในที่มืดอ้อมล้อมเธอไว้ จนเธอเหงื่อตก

"ไม่……"

เธอกุมหัวแล้วกรีดร้อง จากนั้นทุกอย่างก็มืดลง แล้วสลบไปกับพื้น

พอเห็นเธอสลบไปต่อหน้า หลิ่วเยว่เอ่อร์จึงสะดุ้ง แล้วเบิกตาโต

"ฉันกำลังฝันเหรอ? ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่? ที่นี่คือที่ไหน?" หลิ่วเยว่เอ่อร์มองเฉินฮวนฮวนที่พื้น แล้วรีบนั่งลงไปเขย่าตัวเธอ

แต่ว่า เฉินฮวนฮวนที่นอนอยู่ที่พื้น กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

"ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องจริง นี่มันอะไรกันเนี่ย อ๊ายยย……"

หลิ่วเยว่เอ่อร์เอาแต่ส่ายหน้า แล้วรีบหนีออกจากห้อง

เสียงดังขนาดนี้ จึงทำให้พยาบาลมาสนใจ พยาบาลรีบมาตรวจดูสถานการณ์ จึงเห็นเฉินฮวนฮวนนอนอยู่ที่พื้น

"คุณหนูเฉิน!!!"

……

ตอนที่เฟิงหานชวนกลับมา เฉินฮวนฮวนก็ถูกช่วยเหลือแล้ว

เธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ทีแรกนอนอยู่นิ่งๆ แต่วินาทีที่เฟิงหานชวนแตะมือเธอ เธอก็เริ่มฝันร้าย

ในฝันร้าย ผู้ชายในห้องเก็บของเปิดเผยตัวตน เป็นหน้าของเฟิงหานชวน แล้วพุ่งมาหาเธอ

"อย่า อ๊าย ไม่ใช่ ไม่ใช่คุณ……"

เฉินฮวนฮวนส่ายหน้าสุดชีวิต แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตา

เฟิงหานชวนเห็นเฉินฮวนฮวนเป็นแบบนี้ จึงนึกถึงสิ่งที่หรงจิ่นซิวบอกเขาเมื่อกี้ กล้องวงจรในโรงพยาบาลจับภาพได้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์เข้ามาในห้อง ไม่นานก็วิ่งออกไปอย่างลนลาน

เฉินฮวนฮวนไม่มีแผล อาจจะเพราะสะเทือนจิตใจเลยสลบ ถ้าเขาเดาไม่ผิด น่าจะเป็นหลิ่วเยว่เอ่อร์บอกความจริงเรื่องบลูส์คลับกับเฉินฮวนฮวน

เฟิงหานชวนรู้สึกใจสั่น เขาจับมือเฉินฮวนฮวนไว้แน่น แล้วเอ่ยเรียกเธอ "ฮวนฮวน ผมอยู่ที่นี่ คุณรีบตื่นสิ……"

เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนกำลังฝันร้ายอยู่ จึงจำเป็นต้องปลุกให้เธอตื่น

ตามคาด พอได้ยินเสียงเรียกของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนจึงรีบลืมตาขึ้นมา แล้วหายใจเสียงดัง บนใบหน้ามีแต่ความหวาดผวา

"ฮวนฮวน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?" เฟิงหานชวนรีบเอ่ยถาม

เฉินฮวนฮวนได้ยินเสียงเขา จึงหันไป แล้วใช้ดวงตาที่บวมแดงจ้องเขา น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

"ใช่คุณหรือเปล่า?" ตาของเธอ มองเฟิงหานชวนอย่างไม่กะพริบเลย

เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอถามถึงอะไร จึงพยักหน้า

เขาจะหาข้ออ้างอีกไม่ได้ จะโกหกอีกไม่ได้

"คุณจริงๆด้วย……" เฉินฮวนฮวนยิ้มอย่างเยือกเย็น น้ำตาก็เอ่อล้นออกมามากกว่าเดิม

"ฮวนฮวน ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ" เฟิงหานชวนรู้สึกทรมานจนหายใจไม่ออก เห็นน้ำตาของเฉินฮวนฮวน เขายื่นมือไป อยากจะเช็ดน้ำตาให้เธอ

เสียงดัง"เพี๊ยะ" มือของเขาโดนเฉินฮวนฮวนบังไว้ วินาทีที่มือของทั้งสองสัมผัสกัน จึงเกิดเสียงดัง

เห็นเฉินฮวนฮวนต่อต้านขนาดนี้ เฟิงหานชวนรู้สึกบีบหัวใจมาก

"ทำไมต้องโกหกฉัน?" แววตาที่โมโหของเธอจ้องเขาตรงหน้า ใช้แรงทั้งหมดที่เหลือตะโกนพูดออกมา

เฟิงหานชวนอึ้ง เขามองออก เฉินฮวนฮวนโกรธจริงๆ

"ฮวนฮวน คุณฟังผมนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ ผมกลัวว่าถ้าพูดออกมา คุณจะ……ไม่ให้อภัยผม" ตาเฟิงหานชวนแดง ท่าทางรู้สึกผิดมาก แล้วเขาก็จับมือของเฉินฮวนฮวนไว้แน่น

"ไม่ให้อภัยคุณ? คุณรู้สึกว่าคุณโกหกฉัน ฉันก็จะให้อภัยคุณเหรอ?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกใจหายมาก

เหมือนทั้งตัวโดนผนึกอยู่ในน้ำเย็น แล้วรู้สึกเย็นไปทั้งตัว

"ฮวนฮวน……"

"เชิญคุณออกไป ฉันอยากอยู่เงียบๆ ฉันไม่อยากเห็นคุณ" เฉินฮวนฮวนชี้ไปทางประตู

"ฮวนฮวน ร่างกายคุณตอนนี้ยังไม่ดี ผมต้องอยู่ดูแลคุณ" เฟิงหานชวนไม่ยอมออกไป

"ฉันไม่ต้องการให้คุณมาดูแล!" เฉินฮวนฮวนกรีดร้องออกมา "ฉันแค่อยากให้คุณไสหัวไป รีบไสหัวไปซะ……"

"ฮวนฮวน คืนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจ ผมโดนวางยา แล้วไม่ได้สติ ผมก็เลย……"

เฟิงหานชวนอยากอธิบาย แต่กลับโดนเฉินฮวนฮวนพูดแทรก "เพราะฉะนั้นคุณก็เลยจับตัวผู้หญิงคนหนึ่งมา แล้วข่มขืนเธอ จากนั้นก็รับผิดชอบ งั้นเหรอ?"

เฟิงหานชวนไม่มีอะไรจะพูด

"รู้จักกับคุณมาเดือนกว่า ฉันรู้สึกมหัศจรรย์มาก ตอนแรกคุณยังรังเกียจฉันขนาดนั้น ทำไมหลังๆถึงทำดีกับฉัน?"

"เพราะว่า คุณรู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์โกหกว่าเป็นฉัน ฉันต่างหากที่เป็นผู้หญิงคืนนั้น แล้วฉันก็เป็นภรรยาที่นายท่านแต่งให้คุณพอดีด้วย”

"คุณก็เลยรู้สึกสงสาร แล้วรับผิดชอบฉันในฐานะสามี ใช่แบบนี้ไหม เฟิงหานชวน?"

"ไม่ใช่!" เฟิงหานชวนรีบปฏิเสธ เขามองตาเฉินฮวนฮวนอย่างจริงใจ แล้วอธิบายว่า "ฮวนฮวน ผมรักคุณ ผมอยากเป็นสามีภรรยากับคุณจริงๆ ไม่ใช่เพราะอยากรับผิดชอบ"

"เอามือของคุณออกไป" เฉินฮวนฮวนแสดงสีหน้ารังเกียจ

เฟิงหานชวนไม่อยากทำให้เธออารมณ์ขึ้น จึงยอมเอามือออก แต่อยากจะอธิบายต่อ กลับโดนเฉินฮวนฮวนแทรกอีกครั้ง "ฉันอยากนอน อยากพักผ่อน เชิญคุณออกไป"

"ฮวนฮวน คุณฟังผมพูดให้จบได้ไหม? กับคุณ ผมไม่ใช่แค่จะรับผิดชอบ……"

"ฉันเชื่อคุณ แต่คุณต้องให้เวลาฉันคิด ได้ไหม?" เฉินฮวนฮวนไม่อยากพูดถึงประเด็นนี้อีก

ไม่อยากเจอหน้าเฟิงหานชวนอีก

ตอนนี้เธอแค่อยากตั้งสติ อยากอยู่เงียบๆคนเดียว ไม่อยากให้ใครมารบกวน

"ได้ ผมเฝ้าคุณอยู่นอกประตู มีอะไรคุณก็เรียกผมได้ โอเคไหม?" เฟิงหานชวนถามเธอ

เฉินฮวนฮวนไม่ได้ตอบ

เฟิงหานชวนไม่อยากให้เธอโกรธอีก จึงยอมออกจากห้อง

วินาทีที่ประตูปิดลง เฉินฮวนฮวนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดหาเบอร์ใหม่เบอร์หนึ่ง

……

เฟิงหานชวนเดินออกไปที่ทางเดิน แล้วรีบโทรหาซูอวี่ทันที

"ส่งตัวหลิ่วเยว่เอ่อร์กลับไปในคุก แล้วให้คนสั่งสอนให้หลาบจำ!"

น้ำเสียงของเขาไม่ได้อ้อนวอนเหมือนเมื่อกี้ แต่กลับมีแต่ความเลือดเย็นกับกัดฟันแน่น

“คุณ…คุณรู้จักคุณยายของฉัน?” เสียงของเฉินฮวนฮวนเริ่มสั่นเครือ

เธอมองชายชราตรงหน้าเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ใบหน้าของเขาก็ยังทำให้เธอนึกถึงแม่ของตัวเอง

ก่อนหน้านี้คุณยายยังพูดเสมอว่า อวิ้นเอ๋อร์ดูไม่เหมือนฉัน เธอเหมือนกับผู้ชายทรยศคนนั้น ผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีเลย

ดังนั้น ชายชราคนนี้คือ…คือ…

“ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว คุณเพิ่งมาปรากฏตัวเหรอ” เฉินฮวนฮวนเค้นเสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน

“ไม่ ฮวนฮวน ไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิด ไม่ใช่…” ชายชราส่ายหน้าไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ขอบตาทั้งสองข้างของเขาเริ่มมีน้ำตารื้นขึ้นมา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน “ตอนแรกฉันกับหมิงจูรักกัน แต่ฉันไม่ใช่คนจีน ฉันเป็นคนตระกูลเป๋ามาจากประเทศเฉิน ฉันต้องกลับไปบอกครอบครัว และจัดการเรื่องแต่งงานของฉันกับหมิงจู แต่พอไปครั้งนี้…”

“ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนสูญเสียความทรงจำไป จนกระทั่งช่วงก่อนหน้านี้ ฉันเพิ่งจำเรื่องราวในอดีตได้”

……

สามวันผ่านไป

ระเบียงห้องพักผู้ป่วย เฉินฮวนฮวนนั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้

ทว่า ในหัวสมองของเธอเต็มไปด้วยคำพูดของคุณตาเป๋าเยี่ยน

เดิมทีคุณตาไม่ได้ตั้งใจจะปรากฏตัว เขากังวลว่าเธอจะไม่สามารถให้อภัยเขาได้ เขาแค่อยากติดตามข่าวคราวของเธออย่างเงียบๆ แต่อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เขารีบมาที่ประเทศจีน

ในช่วงสามวันมานี้ เฉินฮวนฮวนไม่ได้บอกเฟิงหานชวนเรื่องการปรากฏตัวของคุณตา ทุกอย่างราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

สองสามวันมานี้เธอเอาแต่คิดว่า ถ้าหลังจากนี้ตัวเองไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้จริงๆ เธอควรไปจากเฟิงหานชวนหรือไม่

อย่างไรเธอก็ไม่สามารถถ่วงชีวิตของเฟิงหานชวนได้ คนเก่งอย่างเฟิงหานชวนจะต้องมีลูกหลานมาสืบทอดธุรกิจของเขา

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…”

ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูจากด้านนอกห้องผู้ป่วยดังขึ้นหลายครั้ง

เวลานี้ มีเพียงเธอคนเดียวในห้องผู้ป่วย แม่บ้านหลี่เพิ่งจะไปเอาข้าวที่โรงอาหารให้เธอ

และเฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนไปจัดการเรื่องคนขับรถตู้ที่โรงพัก ดังนั้นคนที่เคาะประตูตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร ใบหน้าของเธอฉายแววงุนงง

เธอยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยถาม “ใครอยู่ข้างนอกคะ”

หากเป็นพยาบาล น่าจะบอกล่วงหน้าก่อน

“ฮวนฮวน ฉันหลิ่วเยว่เอ่อร์” เสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ดังขึ้น

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนฉายแววตกใจ ก่อนจะรีบเปิดประตู เธอขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย และถามว่า “หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอมาที่นี่ทำไม”

การกระทำก่อนหน้านี้ของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ทำให้เฉินฮวนฮวนผิดหวังเป็นอย่างมาก และตัดความสัมพันธ์กับเธอมานานแล้ว เธอไม่รู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์รู้หมายเลขห้องของเธอได้อย่างไร

“ฮวนฮวน ทำไมเธอถึงดุฉันขนาดนั้นล่ะ” หลิ่วเยว่เอ่อร์มองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า ทว่าเสียงของเธอกลับร่าเริงมาก น้ำเสียงที่เธอพูดก็เหมือนกับตอนที่พวกเธอยังคบกันเป็นเพื่อน

“หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอกำลังเล่นลูกไม้อะไรอยู่กันแน่” เฉินฮวนฮวนสับสน

“ฉันได้ยินว่าเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็เลยรีบมาเยี่ยมเธอ เธอดีขึ้นแล้วหรือยัง” น้ำเสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ยังคงแสดงถึงความห่วงใย

“ฉันดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องรบกวนเธอหรอก” เฉินฮวนฮวนตอบอย่างเย็นชา

หลิ่วเยว่เอ่อร์ราวกับไม่ได้ยิน เธอเดินเข้ามายืนอยู่กลางห้องพักผู้ป่วย และหมุนตัวกลับมามองเฉินฮวนฮวน ท่าทางของเธอราวกับเป็นหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน

“เธอยังมีธุระอะไรไหม ถ้าไม่มีก็รีบไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อนแล้ว” เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการพูดคุยกับหลิ่วเยว่เอ่อร์อีกต่อไป

“ฮวนฮวน ฉันมาบอกความจริงกับเธอ” ใบหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงตาทั้งสองยังคงจับจ้องไปที่เฉินฮวนฮวน ริมฝีปากขยับเปล่งเสียงออกมา

“ความจริง?” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะถามด้วยความไม่เข้าใจ “ความจริงอะไร”

“เด็กที่เสียไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเธอ คือลูกของเฟิงหานชวน” หลิ่วเยว่เอ่อร์ดูเหมือนกำลังสวดมนต์ น้ำเสียงราบเรียบราวกับเครื่องบันทึกเสียงก็ไม่ปาน

“…” เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังจะทำอะไรอีก เธอเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกล่าวว่า “ใช่ นั่นคือลูกของเฟิงหานชวน เธอต้องการพูดอะไร”

เมื่ออยู่ข้างนอก เด็กในท้องของเธอคือลูกของเฟิงหานชวน เพราะในใจเธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนคือพ่อของเด็กคนนี้ไปแล้ว

เพียงแต่ ลูกยังไม่ทันโตก็จากพวกเขาไปเสียแล้ว

“สิ่งที่ฉันจะพูดคือ เธอต้องคิดว่าเด็กคนนี้คือลูกของหลิวตงรุ่ยแน่ๆ แต่ว่า เด็กคนนี้คือลูกของเฟิงหานชวน” หลิวเยว่เอ่อร์ยังคงดูเหมือนกับเครื่องบันทึกเสียง เธอท่องประโยคเหล่านี้ราวกับคนไร้วิญญาณ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกงุนงง เมื่อมองท่าทางของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ดูไม่เหมือนกับคนปกติ เธอรีบเอ่ยบอก “ฉันแนะนำให้เธอหาจิตแพทย์นะ ตอนนี้เธอเหมือนกับคนบ้าเลย”

“ฉันไม่ได้บ้า ฮวนฮวน เธอรู้ไหมว่า ผู้ชายที่ฝืนใจเธอในห้องเก็บของที่บลูส์คลับ ไม่ใช่หลิวตงรุ่ย” หลิ่วเยว่เอ่อร์กล่าวต่อ

“เธอกำลังพูดอะไรกันแน่! ไม่ใช่หลิวตงรุ่ย?” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วแน่นทันที ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาหลิ่วเยว่เอ่อร์ และเอื้อมมือไปจับไหล่ของเธอไว้ด้วยความตื่นตระหนก “เธอพูดอีกทีสิ!”

“คือเฟิงหานชวน คือเฟิงหานชวน คือเฟิงหานชวน” หลิ่วเยว่เอ่อร์กล่าวสามครั้ง

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนฉายแววไม่อยากเชื่อ เธอคว้าปกเสื้อของหลิ่วเยว่เอ่อร์ไว้แน่น ทว่าเธอเคลื่อนไหวมากเกินไปจนสะเทือนไปถึงบาดแผลที่ผ่าตัด จนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

เธอกุมหน้าท้องเอาไว้ ดวงตาทั้งสองจ้องเขม็งไปที่หลิ่วเยว่เอ่อร์ ก่อนจะตะโกนขึ้นมาว่า “เธออย่ามาพูดไร้สาระกับฉัน!”

“คือเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนฝืนใจเธอ คืนนั้นคือเฟิงหานชวน ดังนั้นเด็กที่เธอสูญเสียไปคือลูกของเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนปิดบังความจริง คือเฟิงหานชวน…” หลิ่วเยว่เอ่อร์ดูเหมือนนกแก้วที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายตัวหนึ่ง เธอพูดคำเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขาวซีด เธอเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว สีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“เธอมีหลักฐานอะไรไหม เธอมีหลักฐานอะไรไหม!” เธอใช้แรงทั้งหมดตะโกนออกไป

หลิ่วเยว่เอ่อร์ยกมือหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ก้มลงกดบางอย่างบนโทรศัพท์มือถือ

ไม่นานนักเสียงหยาดเยิ้มของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ

“คุณชายสาม ฉันเองค่ะ เยว่เอ่อร์”

“พอใจกับคฤหาสน์ไหมครับ”

จากนั้น เสียงเรียบเฉยของเฟิงหานชวนก็ดังขึ้น น้ำเสียงฟังดูไม่ใส่ใจนัก

เมื่อได้ฟังถึงตรงนี้ รูม่านตาของเฉินฮวนฮวนก็หดลงทันที ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“พอใจค่ะ พอใจอย่างแน่นอน ฉันอยู่คฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้คนเดียว ฉันไม่ชินเลยค่ะ!”

น้ำเสียงสะบัดสะบิ้งของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เฉินฮวนฮวนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมื่อก่อนหลิ่วเยว่เอ่อร์คุยกับผู้ชาย เธอชอบใช้เสียงจีบปากจีบคอเช่นนี้

“พอใจก็ดีครับ มีอะไรที่ต้องการก็ไปหาซูอวี่ได้”

นี่คือเสียงของเฟิงหานชวน เธอคุ้นเคยกับเสียงของเฟิงหานชวนเป็นอย่างดี นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เฟิงหานชวนจัดเตรียมคฤหาสน์ให้หลิ่วเยว่เอ่อร์?

เฟิงหานชวนเลี้ยงดูหลิ่วเยว่เอ่อร์?

ช่วงที่เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เฟิงหานชวนแอบคบกับหลิ่วเยว่เอ่อร์?

หรือว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาแอบคบกันแล้ว?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกราวกับหัวใจถูกใครสักคนบีบจนแน่น เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก เธอบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ลง และถามว่า “บันทึกนี้ตั้งแต่เมื่อไร”

เฉินฮวนฮวนฝันถึงฝันร้ายที่น่ากลัวมากๆ

ในความฝัน เธอเห็นตัวเองนอนจมกองเลือด ผ่านไปแว็บเดียว เธอก็เห็นสีหน้าที่ซีดขาวของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเงยหน้ามองเธอ แล้วพูดกับเธอว่า "ฮวนฮวน ลูกจากไปแล้ว ต่อไปเราคงไม่มีลูกอีก!"

เฉินฮวนฮวนร้องไห้ น้ำตาไหลออกมาเต็มหน้า

เธอรีบลืมตาขึ้นมา ค่อยรู้ว่า เมื่อกี้เป็นแค่ความฝัน

เธอยกมือขึ้นมาเช็ดตา กลับเห็นว่าตาเธอเปียก เมื่อกี้ตอนที่เธอฝัน เธอร้องไห้จริงๆ

เธอปวดบริเวณท้องมาก เธอทนความเจ็บไว้แล้วลุกขึ้นนั่ง ค่อยเห็นว่าห้องพักฟื้นที่ใหญ่หรูนี้ มีแค่เธอคนเดียว

เฟิงหานชวนล่ะ? เขาอยู่ไหน?

ทันใดนั้น เธอเหมือนได้ยินเสียงผู้ชายที่หน้าประตู เสียงคุ้นหูมาก คือหรงจิ่นซิว

"เจ้าสาม ตอนนี้เฉินฮวนฮวนแคร์ลูกคนนี้มาก ก็เลยเป็นลม ไม่เกี่ยวกับการผ่าตัด ปัญหาอยู่ที่อารมณ์ของเธอ"

หรงจิ่นซิวถอนหายใจยาว แล้วพูดว่า "ถ้าเธอตื่นแล้ว นายก็อย่าลืมปลอบใจแล้วกัน ตอนนี้พวกนายยังมีโอกาสมีลูกอีก ต้องให้เธอรักษาร่างกายดีๆ"

เฉินฮวนฮวนอึ้งไปครู่หนึ่ง พวกเขายังมีโอกาสมีลูก?

ไม่ เป็นไปไม่ได้แล้ว……

อาหานมีลูกไม่ได้ แล้วมดลูกเธอบางมาก แล้วตั้งครรภ์ยากด้วย พวกเขาสองคนคงไม่มีทางมีลูกแล้ว

"ความผิดฉันเอง ฉันไม่ควรอนุญาตให้เธอไปร่วมรายการ ถ้าเธออยู่ที่บ้าน ก็อาจจะไม่เกิดอุบัติเหตุรถชน" เสียงของเฟิงหานชวนแหบแห้งมาก

"นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายคาดเดาได้ นายไม่ต้องโทษตัวเอง! นายไม่ได้หลับได้นอนมาสองวันสองคืนแล้ว รีบไปนอนเถอะ! ไม่งั้นร่างกายนายทรุด ใครจะดูแลเฉินฮวนฮวน?" หรงจิ่นซิวเป็นห่วงเฟิงหานชวน จึงพูดเสียงเข้มขึ้น

"ไม่ ฉันไม่อยากนอน ฉันจะรอเธอฟื้น" เฟิงหานชวนยื่นหมัดออกไปชกกำแพง

เฉินฮวนฮวนจะร้องไห้ออกมาแล้ว เธออ้าปาก อยากตะโกนเรียกเฟิงหานชวน แต่เสียงของหรงจิ่นซิวแทรกขึ้นมาก่อน

"เธอไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต แค่นอนสลบอยู่ เดี๋ยวถ้าเธอตื่น นายก็รีบบอกเรื่องที่โกหกเธอซะ" หรงจิ่นซิวเอ่ย

เฉินฮวนฮวนเริ่มขมวดคิ้ว เฟิงหานชวนโกหกเธอ?

เขาโกหกอะไรเธอ?

"หรือว่าให้ฉันอธิบายแทนนาย" เสียงของหรงจิ่นซิวดังอีกครั้ง "ร่างกายนายไม่มีปัญหาอะไร แค่อยากให้เธอคลอดลูกอย่างสบายใจ ก็เลยแกล้งว่าตัวเองมีลูกไม่ได้ แบบนี้อารมณ์ของเฉินฮวนฮวนก็จะไม่แย่เพราะเรื่องลูก"

พอได้ยินแบบนี้ เฉินฮวนฮวนจึงเบิกตาโต แสดงสีหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

ที่แท้……ที่แท้เรื่องที่เฟิงหานชวนมีลูกไม่ได้ คือโกหกเธอ?

ความจริงเขาเป็นผู้ชายปกติ?

เพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกผิด ไม่อยากให้เธอหนักใจ ก็เลยยอมรับว่าตัวเองมีลูกไม่ได้?

เฉินฮวนฮวนร้องไห้ออกมาทันที

พอได้ยินเสียงร้องไห้ของเฉินฮวนฮวน ประตูจึงถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน ร่างสูงรีบเดินไปที่ข้างเตียงเธอ แล้วจับมือเธอไว้ทั้งสองข้าง

น้ำเสียงเขาลนลานมาก ตาแดงมากด้วย เสียงที่แหบแห้งรีบเอ่ยถามว่า "ฮวนฮวน ฮวนฮวน คุณเป็นอะไร? ไม่สบายที่ไหนหรือเปล่า? ฮวนฮวน รีบบอกผม……"

"อาหาน คุณเป็นผู้ชายปกติ ทำไมต้องยอมรับว่ามีลูกไม่ได้เพราะฉัน? สิ่งที่พวกคุณคุยกันเมื่อกี้ ฉันได้ยินหมดแล้ว" เฉินฮวนฮวนร้องไห้หนักกว่าเดิม มือเธอจับแผลผ่าตัดไว้ เพราะเจ็บมาก สีหน้าเธอจึงไม่ค่อยดี

"จิ่นซิว รีบเอายาระงับปวดมา!" พอเห็นสีหน้าของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนจึงรีบตะโกนออกไป

หรงจิ่นซิวรีบเดินออกประตูไป

เฟิงหานชวนจับมือเฉินฮวนฮวนไว้แน่น แล้วพูดว่า "ฮวนฮวน คุณฟังผมนะ ตอนนี้ยังไม่ต้องคิดอะไรพวกนี้ ฟื้นฟูร่างกายก่อน อีกหน่อยเราจะมีลูกด้วยกันเองนะ"

"ฉัน……ลูกของฉัน……" เฉินฮวนฮวนร้องไห้หนักกว่าเดิม

ทีแรกเพราะพ่อของเด็ก เธอจึงไม่ชอบเด็กคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงหานชวนขอร้อง เธอคงทำแท้งไปตั้งนานแล้ว

แต่ว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอเริ่มมีความรู้สึกกับลูก แต่สวรรค์กลับพรากเขาไป

"ฮวนฮวน ไม่ร้องนะ อีกหน่อยจะมีลูกอีกนะ อีกหน่อยจะมีอีก……" เฟิงหานชวนไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำได้แค่ปลอบใจ

"อีกหน่อยจะมีอีกจริงๆเหรอ?" เฉินฮวนฮวนพึมพำ

หรงจิ่นซิวเคยบอกว่า เธออย่าทำแท้งดีกว่า ไม่งั้นต่อไปจะมีลูกยาก อีกหน่อยเธอยังจะมีลูกอีกเหรอ?"

"มีแน่นอน รักษาร่างกายดีๆ อีกหน่อยเราต้องมีลูกอีกแน่นอน" เฟิงหานชวนจับมือเธอไว้แน่น

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าพูดพึมพำกับตัวเองไปนานแค่ไหน แล้วค่อยหลับไปอีกครั้ง

……

พอตื่นมาอีกที ก็ดึกมากแล้ว

ในห้องพักฟื้น มีแค่แสงไฟสีนวลดวงเดียวสว่างอยู่

ตอนที่เฉินฮวนฮวนหันไป ทีแรกคิดว่าจะเห็นเฟิงหานชวน แต่เธอกลับเห็นตาแก่แปลกหน้าคนหนึ่ง

เธอตกใจจนเบิกตาโต กรีดร้องรีบลุกขึ้น แต่ตาแก่ที่นั่งอยู่ข้างเตียงรีบ"ชู่ว" แล้วพูดเสียงเบาว่า "อย่าทำให้สามีหนูตื่น"

"คุณ……คุณเป็นใคร?" ตอนที่เฉินฮวนฮวนถาม เธอเหลือบมองเฟิงหานชวนที่นอนอยู่ที่เตียงข้างๆ

แต่ว่า รอบๆเขามีคนใส่ชุดสีดำล้อมอยู่ แล้วเมื่อกี้ที่เธอกรี๊ด เฟิงหานชวนไม่ได้ยิน แต่เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นคนที่หลับไม่ลึก

"คุณทำอะไรสามีฉัน?" เฉินฮวนฮวนแค่กล้าถาม แต่ไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะเธอเห็นว่าข้างๆเธอ ก็มีคนใส่ชุดสีดำล้อมอยู่

เธอกับเฟิงหานชวน โดนล้อมไว้แล้ว

"เขาเหนื่อยเกินไป เราก็เลยมีโอกาสใช้ยาสลบ เขาแค่นอนสลบไป" ตาแก่ยิ้มอ่อน ตอนที่อธิบาย น้ำเสียงดูชิลล์มาก

ถึงจะพูดว่าเป็นตาแก่ แต่เขาสวมใส่ชุดสูท ดูแข็งแรงมาก ตอนที่พูด ดูพูดไม่ค่อยคล่อง แต่ก็ดูจริงจังมาก ดูแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้ดี

"พวกคุณจะทำอะไรกันแน่?" เฉินฮวนฮวนถามอย่างระแวง

"ฮวนฮวน ทีแรกปู่ก็ไม่อยากรบกวนชีวิตหนู แต่ตอนนี้หนูบาดเจ็บ ปู่แค่อยากมองหนูอย่างเงียบๆ ไม่คิดเลยว่าหนูจะรู้ตัว" ตาแก่ถอนหายใจยาว แววตามีความเอ็นดู แต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้า

"มองฉันเงียบๆ?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกงงมาก แล้วพูดว่า "แต่หนูไม่รู้จักคุณนะคะ!"

"ฮวนฮวน หลายปีมานี้ หนูลำบากมากแล้ว" ตาแก่ไม่ตอบว่าตัวเองเป็นใคร แล้วถอนหายใจต่อ

จากนั้น เขาก็เริ่มร้องไห้ ขอบตามีน้ำตา คนใส่ชุดดำข้างๆก็รีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขา

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองเจอคนบ้า คนที่บ้ามากๆ

เธอถอยหลังไปอย่างระแวง พยายามให้ตัวเองใจเย็น แล้วเอ่ยถามว่า "ฉันไม่รู้จักคุณ คุณรีบไปเถอะ! ฉันแนะนำให้คุณไปโรงพยาบาลจิตเวชดีกว่า"

"ตอนนั้นปู่ทำผิดกับหมิงจูเอง ความผิดของปู่เอง ถ้าปู่รีบดีขึ้น ก็คงไม่เป็นเหมือนตอนนี้……"

หมิงจู?

คุณยายของเธอชื่อซูหมิงจู

ฐานะของเหวินหนานทำให้เธอประหลาดใจ คำพูดของเหวินหนาน ยิ่งทำให้เธอประหลาดใจเข้าไปอีก

บริษัทหวาเถิงก็คือผู้จัดการคัดเลือก “ไอดอลหนึ่งร้อยคะแนน” ที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ เหวินหนานที่นอบน้อมถ่อมตนมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นลูกสาวของบริษัทหวาเถิง

สำคัญกว่านั้นก็คือ เหวินหนานพูดเมื่อกี้ เฟิงหานชวนให้บริษัทหวาเถิงทำเรื่องมากมาย คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอทั้งนั้นมั้ง?

เป็นไปตามคาด เธอเดาไม่ผิด เฟิงหานชวนช่วยเธออยู่เบื้องหลังเงียบๆจริงด้วย ถึงขนาดไม่เคยพูดถึงเลย

“ดูแล้วเธอคงไม่รู้สิ!คุณพ่อฉันไม่ให้ฉันบอกเธอ ดังนั้นฉันทำได้เพียงทำเหมือนไม่รู้ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดไป” เหวินหนานหัวเราะออกมา เข้าใกล้ข้างหูเฉินฮวนฮวน พูดเสียงเบา “สามีเธอดีกับเธอจังเลย!”

เฉินฮวนฮวนหน้าแดง

“เพราะฉะนั้น ฉันรู้เรื่องของเธอทั้งหมด เธอก็รู้ฐานะแท้จริงของฉันแล้ว ไม่ถือสาฉันส่งเธอกลับ?” เหวินหนานยื่นมือไปทางเฉินฮวนฮวน เชิญเธอขึ้นรถ

“เหวินหนาน ขอบใจเธอมากจริงๆ แต่คนรถกำลังเดินทางมาแล้ว ฉันรอเขาที่นี่อีกสักพักก็ได้” เฉินฮวนฮวนไม่อยากจะรบกวนเหวินหนาน และลุงเฉินกำลังเดินทางมาจริงๆ

“งั้นก็ได้ วันนี้ฉันไม่ได้เป็นผู้ปกป้องสาวงาม แล้วเจอกันใหม่!” เหวินหนานบอกลาเธอ พร้อมขึ้นรถลินคอล์นคันนั้น

เฉินฮวนฮวนก็โบกมือลาเธอเหมือนกัน

หลังจากเหวินหนานออกไป ประตูใหญ่รีสอร์ตที่ห่างไกลแห่งนี้ เหลือเพียงเฉินฮวนฮวนคนเดียว ยังมีรถที่มารอรับคนที่นี่

เพียงแต่ว่าคนขับต่างพักผ่อนอยู่บนรถ ไม่มีใครลงจากรถ

ผ่านไปสักพัก เธอเห็นป้ายรถแท็กซี่ที่คุ้นตา อยู่ตรงข้ามถนน ขับมุ่งหน้ามาทางนี้ เธอจำได้ทันที เป็นรถที่ลุงเฉินขับ

เฉินฮวนฮวนโบกมือให้รถคันนั้น พร้อมเดินไปหลายก้าว เตรียมเดินข้ามถนน

ในตอนนั้นเอง รถตู้เก่าที่อยู่ไม่ไกล ตาของชายคนขับนั้นเป็นประกาย เหมือนในที่สุดก็สบโอกาส เหยียบคันเร่งทันที พุ่งมาทางเฉินฮวนฮวน

เสียงดัง“โครม”

โลกทั้งใบเงียบสงบไป

“คุณเฉิน” ลุงเฉินเหยียบเบรก เปิดประตูรถพุ่งออกไป

เห็นเฉินฮวนฮวนนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน คนขับที่มารอรับอยู่รอบๆ ต่างลงจากรถมาดูสถานการณ์

มีลุงใจดี รีบจับคนขับรถตู้ที่จะหลบหนี ลุงเฉินโทรหาเฟิงหานชวนด้วยความตกใจ

ตอนเฟิงหานชวนรีบไปถึงโรงพยาบาลรุ่ยเอิน หมอกำลังช่วยชีวิตเฉินฮวนฮวนอยู่

เดิมวันนี้หรงจิ่นซิวต้องอยู่บ้านพักผ่อน ได้ยินข่าวเรื่องนี้ ก็รีบมาทันที ตามหลังเฟิงหานชวนมาไม่กี่นาที

“เฮียสาม เฮียใจเย็นก่อน ผมเข้าไปดูสถานการณ์ให้เฮีย ศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลเราเก่งเรื่องผ่าตัดที่สุด” หรงจิ่นซิวตบที่ไหล่ของเฟิงหานชวน นอกจากปลอบ เขาก็ทำอะไรไม่ได้

“พาฉันเข้าไป!”เฟิงหานชวนจับแขนหรงจิ่นซิวไว้ มือเรียวนั้นกลับสั่นมากๆ

หรงจิ่นซิวลำบากใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้า พูดกำชับ“หลังจากเข้าไปแล้ว ห้ามตื่นตระหนกเด็ดขาด ไม่งั้นจะกระทบการผ่าตัด เฮียคิดดีๆ อีกที”

“พาฉันเข้าไป ฉันอยากเจอเธอ” เฟิงหานชวนกุมศีรษะ รู้สึกเหมือนหัวใกล้จะระเบิดออกมาอย่างนั้น

เมื่อหลายชั่วโมงก่อน ผู้หญิงคนนี้ยังคุยเล่นกับเขาแท้ๆ ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้?

ทำไม!

“เฮียต้องนิ่งไว้รู้ไหม?” หรงจิ่นซิวกดที่ไหล่เขา พูดจริงจัง“เธอไม่มีคนในครอบครัวแล้ว เฮียเป็นคน

ซัปพอร์ตเธอ เพราะฉะนั้นเฮียจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้”

พูดจบ หรงจิ่นซิวเรียกพยาบาลคนหนึ่งมา เตรียมชุดปลอดเชื้อสองชุด เตรียมพาเฟิงหานชวนเข้าห้องผ่าตัด

ในตอนนั้น พยาบาลห้องผ่าตัด มีเลือดอยู่เต็มมือวิ่งออกมา ถามอย่างร้อนใจ “ใครเป็นญาติคนไข้ ? ใครเป็นคนไข้?”

“ผมครับ!” เฟิงหานชวนหน้าซีดขาว ริมฝีปากและมือทั้งสองข้างสั่นอยู่ เดินไร้เรี่ยวแรงไปหยุดตรงหน้าพยาบาล

หรงจิ่นซิวก็รีบวิ่งเข้าไป พวกเขาทั้งสองสวมชุดปลอดเชื้อ พยาบาลจ้องมองไป ถึงตะโกนอย่างตกใจ “รองผู้อำนวยการหรง!”

“ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง?” หรงจิ่นซิวถามทันที

“สถานการณ์คนไข้เข้าขั้นอันตราย และยังตั้งท้อง ร่างกายเจ็บหนัก คงรักษาเด็กไว้ไม่ได้ และม้ามแตกต้องเอาออก” พยาบาลพูดอย่างรวดเร็ว ในมือยังจับเอกสาร พูดว่า“ตอนนี้ต้องให้ญาติคนไข้เซ็นยินยอม”

“ไม่ต้องยินยอม ให้หมอหวังผ่าตัดได้ทันที” หรงจิ่นซิวไม่สนความคิดของเฟิงหานชวน พูดออกไปทันที

“ค่ะ รองผู้อำนวยการหรง ฉันไปเดี๋ยวนี้” พยาบาลวิ่งกลับห้องผ่าตัดอย่างรีบร้อน

เฟิงหานชวนยื่นอึ้งอยู่ที่เดิม ตอนได้สติ ถอยหลังไปหลายก้าว ทรุดนั่งลงที่พื้น

ตาขาวของเขาแทบจะแดงไปหมด สองมือกุมศีรษะ สั่นไปทั้งตัว

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน มองไฟสีแดงที่ห้องผ่าตัด เฟิงหานชวนถึงได้สติกลับมาช้าๆ มองชุดปลอดเชื้อบนตัว เขาลุกขึ้นเดินไปทางห้องผ่าตัด

“ฮวนฮวนต้องกลัวมากแน่ ๆ ฉันจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ ฉัน… ”

หรงจิ่นซิวหยิบเข็มออกมา ปักเข้าไปที่หลังของเฟิงหานชวน วินาทีต่อมา เฟิงหานชวนหมดสติไป

“เฮียสาม ถึงแม้ตื่นมาเฮียจะเกลียดผม แต่ตอนนี้การผ่าตัดของเฉินฮวนฮวนต้องดำเนินการด้วยความสงบ ผมกลัวว่าหลังจากเฮียเข้าไปอารมณ์จะไม่นิ่ง เฮียพักผ่อนไปก่อนเถอะ”

หรงจิ่นซิวถอนหายใจออกมาหนักๆ ให้หลายคน พาเฟิงหานชวนไปห้องคนไข้

หลังจากนั้นหนึ่งวัน

เฉินฮวนฮวนลืมตาขึ้น เห็นตรงหน้าขาวโพลน

เป็นห้องคนไข้

นาทีต่อมา ความเจ็บที่ไม่จบสิ้นแล่นขึ้นมา เธอสูดอากาศเย็นเข้าไป คิ้วขมวดกันแน่น

ได้ยินเสียง เฟิงหานชวนนั่งตัวตรงทันที เห็นเฉินฮวนฮวนที่ตื่นมา เขาจับมือของเธอด้วยความตื่นเต้น

“ฮวนฮวน ฮวนฮวน…”

เมื่อวานหลังจากที่เขาตื่นมา ต่อยหรงจิ่นซิวไปหนึ่งมัด แล้ววิ่งมาห้องคนไข้ อยู่เป็นเพื่อนเฉินฮวนฮวนจนถึงตอนนี้ ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว

“อาหาน” เฉินฮวนฮวนอ้าปาก รู้สึกลำคอแทบจะเปล่งเสียงออกมาไม่ได้

“คุณรู้สึกยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เฟิงหานชวนตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แทบจะไม่ผ่อนคลายลงแม้วินาทีเดียว

แม้หมอจะพูด เฉินฮวนฮวนปลอดภัยแล้ว แต่เห็นผ้าสีขาวพันทั่วตัวเฉินฮวนฮวน เบ้าตาเขาก็แดงเลย

“อาหาน คุณอย่าร้อง ฉันสบายดี ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น” แม้จะเจ็บมาก แต่เฉินฮวนฮวนยังคงกัดฟันปฏิเสธ

หยุดไปสักพัก เธอพูดขึ้นช้าๆ “เกิดอุบัติทางรถยนต์จริงๆ ฉันไม่ได้ฝันไป ฉันยังนึกว่าฉันแค่ฝันไปเอง”

เฟิงหานชวนจับมือเธอไว้ วางที่แก้มตัวเอง ร้องไห้ออกมาเงียบๆ

“จริงสิ ลูกล่ะ? ลูกยังอยู่ไหม?” นึกถึงเด็กในท้อง เฉินฮวนฮวนพลิกมือไปจับมือของเฟิงหานชวน ถามอย่างร้อนใจ

เฟิงหานชวนพูดไม่ออกไปสักพัก แล้วส่ายหน้าเงียบๆ

มือของเฉินฮวนฮวนตกลงมาทันที ห้อยอยู่ข้างเตียง หมดสติไป…

“ฉินฟางฟาง!” เฉินฮวนฮวนรู้สึกพอแล้ว

ฉินฟางฟาง ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะสงบปากเลย

“ฟางฟาง เธออย่าพูดแบบนี้ ฮวนฮวนก็เพราะหวังดีกับฉัน อย่าทำให้เสียบรรยากาศ” ติงเซียงยิ้มและอธิบายว่า: “ฮวนฮวนใจดีมาก อย่าทำให้เธออับอายสิ”

“หุบปากเหอะ รำคาญ เยว่เอ่อร์มาแล้ว ฉันจะไปหาเธอ เบื่อที่จะสนใจพวกเธอ ” ฉินฟางฟางหันศีรษะแล้วเดินจากไป

เฉินฮวนฮวนพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อฉินฟางฟางเดินไปไกลแล้ว เธอถามว่า: "เซียงเซียง ทำไมความสัมพันธ์ของเธอกับฉินฟางฟางถึงดีขนาดนี้? ทั้งๆที่ฟางฟางปฏิบัติกับเธอแบบนั้นมาก่อน"

“โถ่ฮวนฮวน เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้โกรธอะไรเธอ แต่ในช่วงนี้ ฉันต้องซ้อมอะไรสักอย่างกับพวกเธอ ก็เลยต้องทำดีกันหน่อย จะได้ไม่ทำให้ความสัมพันธ์อึดอัดเกินไป” ติงเซียงอธิบายหลายประโยค

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ

ติงเซียงมองดูใบหน้าที่สงสัยของเธอ ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีเข้ม และเธอกระซิบ: "ฉันแกล้งทำเป็นเอาใจพวกเธอ เข้าใกล้เพื่อจะได้ล่วงรู้แผนของพวกเธอ”

“เซียงเซียง อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องทำให้พวกเธอพอใจ รู้แผนไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องทำดีกับพวกเธอ” เฉินฮวนฮวนไม่เห็นด้วยกับความคิดของติงเซียง

ติงเซียงอุทาน “โอ้ย” แล้วบ่นว่า:“ตอนนี้เธอเดบิวต์คนเดียว ไม่มีใครกดดันเธอ แต่ฉันไม่ใช่ไง ฉันต้องอยู่กับพวกเธอทั้งสามคน ถ้าฉันอยากมีวันที่ดี ฉันต้องห้ามทำให้พวกเธอขุ่นเคือง”

แท้จริงแล้ว ติงเซียงเกลียดเฉินฮวนฮวนแทบตาย เฉินฮวนฮวนคุยกับกู้ไหว่ จนได้เดบิวต์เดี่ยว เธอกับฉินฟางฟางไม่เคยมีความคับข้องใจใดๆ แต่ตอนนี้เหลือเธออยู่คนเดียวในค่ายศัตรู เธอรู้สึกจะเป็นบ้า

ดังนั้น วันที่เฉินฮวนฮวนออกไปไม่ถึงวัน เธอก็ตกลงไปค่ายของฉินฟางฟาง

แต่ตอนนี้ เธอเข้าหาเฉินฮวนฮวน เป็นเพื่อนกับเฉินฮวนฮวนต่อไป เป็นงานที่ได้รับมอบหมายจากฉินฟางฟาง เพื่อให้เธอจับตาเฉินฮวนฮวนไว้

คำตอบของติงเซียง ทำให้เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น เธอไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้อยู่ในจุดของติงเซียง คงไม่เข้าใจความรู้สึกของติงเซียง

แต่ว่า ถ้าติงเซียงและฉินฟางฟางสนิทกันมากแล้ว ถ้าอย่างงั้นก็ต้องห้ามพูดอะไรมากกับติงเซียง

“ใช่สิ ฮวนฮวน เพลงของเธอแต่งเสร็จหรือยัง? ฉันอยากฟังเธอร้องเพลงจัง” ติงเซียงถามอย่างกังวล

“เสร็จแล้ว แต่ตอนนี้คนเยอะมาก ไม่ร้องดีกว่า” เฉินฮวนฮวนไม่อยากปล่อยทำนองของเพลงออกมาล่วงหน้า

“ฮวนฮวน ฉันอยากฟังจริงๆ ร้องให้ฉันฟังหน่อยสิ นี่คนยังมาไม่ถึงครึ่งเลย เยอะที่ไหน?” ติงเซียงเขย่าแขนของเฉินฮวนฮวน ต้องร้องเพลงให้เธอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าไม่ได้เจอกันนานกว่าครึ่งเดือน ติงเซียงดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมากจริงๆ แม้ว่ายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ แต่ก็ทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“ลืมมันไปเถอะ ไม่ร้องดีกว่า” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวเบาๆ

“โอ้ย ฮวนฮวน เธอทำตัวน่าเบื่อจัง! ฉันแค่อยากฟังนิดหน่อย สนองความต้องการฉันหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?” ติงเซียงยืนกราน

“หยางหยางยังมาไม่ถึง ฉันจะไปโทรหาเธอก่อนนะ” หลังจากนั้น เฉินฮวนฮวนก็ลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องโถง

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนเมินเฉยต่อตัวเอง ติงเซียงก็กระทืบเท้าของเธออย่างดุดัน โชคดีที่เธอเปลี่ยนไปค่ายของอันเยว่ ถ้าอยู่กับเฉินฮวนฮวน เธอคงจะไม่ได้อะไรเลย

ทันทีที่ เฉินฮวนฮวนออกจากห้อง เธอก็เห็นหลินอวี่หยางเดินมาช้าๆ หลินอวี่หยางก็เห็นเธอพอดี จากเดินมาช้าๆเป็นรีบวิ่งมา

“ฮวนฮวน!” หลินอวี่หยางรีบตรงไปหาเฉินฮวนฮวนและกอดเธอทันที

ในวินาทีถัดมา ดูเหมือนเธอจะนึกขึ้นอะไรบางอย่าง รีบปล่อยเฉินฮวนฮวน และถามด้วยความกลัวว่า: “ฮวนฮวน เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันวิ่งเข้าหาเธอแรงไปหน่อย จะเป็นอะไรไหม…”

เธอเข้าใจสิ่งที่หลินอวี่หยางพูด เฉินฮวนฮวนส่ายหัวและอธิบายว่า: "มันไม่เปราะบางขนาดนั้นหรอก"

เพราะหลินอวี่หยางและเฟิงหานชวนรู้จักกันดี ช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอมาที่บ้านหลายครั้ง ดังนั้นหลินอวี่หยางจึงรู้เกี่ยวกับสภาพร่างกายของ เฉินฮวนฮวน

“ฉันบอกแล้ว เธอไม่ควรเข้าร่วมการแข่งขัน ถึงแม้ฉันจะอยากให้เธอมาเป็นเพื่อน แต่ฉันคิดว่า…สุขภาพของเธอสำคัญกว่า” หลังจากหลินอวี่หยางพูดจบ เธอมองไปรอบๆ เธอกลัวว่าอาจจะหลุดปาก ทำให้คนอื่นเกิดความสงสัย

“ไม่เป็นไร ฉันแค่ร้องเพลง รายการที่ต้องเต้นฉันไม่เข้าร่วม ส่วนรอบสุดท้ายแล้วแต่โชคชะตา” เฉินฮวนฮวนยิ้มจางๆ

เธอแค่ไม่อยากเสียใจทีหลัง ตอนนี้เธอไม่คาดหวังกับอันดับหรืออะไรทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม เธอกำลังจะมีลูก เธอไม่มีแรงพอที่จะแข่งขันในรอบลึก และไม่สามารถจัดตั้งกลุ่มได้

“อืม ถือว่าเป็นช่วงเวลาอดิเรกแล้วกัน ฉันได้ยินมาว่าคนท้องมีแนวโน้มมักจะเป็นโรคซึมเศร้า” หลินอวี่หยางพิงหูของเฉินฮวนฮวนและพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาที่สุด

“สมเหตุสมผล อาจจะเป็นเช่นนั้น” เฉินฮวนฮวนก็พยักหน้าเห็นด้วย

ในตอนแรกเธอเกือบจะหดหู่เพราะพ่อแท้ๆของเด็ก แต่โชคดีที่เฟิงหานชวนอยู่ที่นั่นและทุกอย่างก็จบลง

หลังจากที่สมาชิกทุกคนมาถึงแล้ว หนี้ซวงได้จัดประชุมสำหรับทุกคนโดยพูดถึงจุดสนใจของการบันทึกรายการและขั้นตอนการแข่งขันเป็นหลัก

ทุกคนฟังอย่างระมัดระวัง นี่เป็นเพียงการประชุมธรรมดา ดังนั้นจึงไม่มีกล้องอยู่รอบๆ และไม่ใช่รายการบันทึกจริง

หลังจากประชุมเสร็จ พนักงานก็พาทุกคนไปดูสถานที่ ทำความคุ้นเคยกับรอบๆรีสอร์ท แล้วจึงแยกย้ายกันไป

ยกเว้นเฉินฮวนฮวนและเหวินหนาน ทีมอื่นๆต้องการพักในรีสอร์ทและฝึกซ้อมสักพัก เพื่อสัมผัสบรรยากาศของสถานที่จัดงาน

หลินอวี่หยางและเฉินฮวนฮวนจะออกไปพร้อมกัน แต่ทีมของหลินอวี่หยางต้องการอยู่ซ้อม หลินอวี่หยางเลยไปก่อนไม่ได้ เธอไม่ใช่คนที่ขาดความรับผิดชอบ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถไปกับเฉินฮวนฮวนได้

เฉินฮวนฮวนและเหวินหนานเดินไปที่ประตูรีสอร์ทด้วยกัน รถลีมูซีนค่อยๆหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเธอ

เฉินฮวนฮวนตกตะลึง เกือบจะคิดว่าเฟิงหานชวนส่งคนมารับเธอ จนกระทั่งบอดี้การ์ดเปิดประตูรถและเรียก "คุณหนู" มองไปที่เหวินหนาน

เฉินฮวนฮวนรู้ในทันทีว่ามารับเหวินหนาน

“ฮวนฮวน บ้านเธออยู่ที่ไหน? ฉันจะไปส่งเธอ” เหวินหนานถามด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เป็นไร เหวินหนาน เธอกลับก่อนเลย” เฉินฮวนฮวนโบกมืออย่างสุภาพและปฏิเสธ

“ฉันรู้ตัวตนของเธอ ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรฉันหรอก” เหวินหนานกระพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์

เฉินฮวนฮวนตกใจเล็กน้อยและถามว่า: "เธอรู้ตัวตนของฉัน?"

“ใช่” เหวินหนานพยักหน้าและกล่าวว่า: “เธอเป็นภรรยาของคุณชายสามตระกูลเฟิง ใช่ไหม?”

“เธอรู้ได้อย่างไร?” เฉินฮวนฮวนประหลาดใจ

“พ่อของฉันเป็นประธานของบริษัทหวาเถิง คุณชายสามตระกูลเฟิงขอให้พ่อของฉันทำหลายเรื่อง” เหวินหนานทำหน้าบึ้ง แกล้งทำเป็นบ่น

เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง ร่างกายของเธอก็นิ่งอึ้งไปทั้งตัว

เฉินฮวนฮวนไปถึงห้องโถง ข้างในเต็มไปด้วยเก้าอี้ มีเด็กฝึกนั่งอยู่หลายคน และพนักงานอีกสองสามคน

เด็กฝึกเหล่านั้น ตอนระหว่างฝึกพวกเธออยู่คนละห้องกัน เธอไม่รู้จัก ดังนั้นจึงไปหาที่นั่งที่อื่น

ในขณะนี้ โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น เฉินฮวนฮวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พบว่ามีข้อความเข้าจากวีแชท

เธอนัดกับหลินอวี่หยาง เจอกันที่รีสอร์ท เดิมทีหลินอวี่หยางต้องการจะมารับเธอ แต่เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางเดียวกัน จะทำให้เธอลำบากเปล่าๆ

คิดว่าหลินอวี่หยางส่งข้อความมา แต่หลังจากเปิดอ่าน เป็นข้อความจากเฟิงหานชวน เขาได้ส่งอิโมจิ ซึ่งเป็นอิโมจิขยิบตาของเด็กน้อยน่ารัก

เฉินฮวนฮวนก็มีเครื่องหมายคำถามสามอันปรากฏขึ้นบนหัว

เธอแตะหน้าจอสองสามครั้งแล้วตอบว่า: 【 คุณถูกแฮ็กเหรอ? 】

เฟิงหานชวน: 【เปล่า ผมได้ยินมาว่าวัยรุ่นชอบส่งอิโมจิ】

เฉินฮวนฮวน: 【วัยรุ่น…ถ้างั้นคุณเป็นคนแก่เหรอ? 】

เฟิงหานชวน: 【คุณเคยว่าผมหลายรอบ บอกผมเป็นคนแก่】

เฉินฮวนฮวน: 【ฉันผิดไปแล้ว คุณไม่ได้แก่ คุณแค่แก่กว่าฉัน9ปี 】

เฟิงหานชวน: 【ก่อนหน้านี้คุณรังเกียจผม… 】

เฉินฮวนฮวน: 【หน้าจริงจัง ฉันเปล่านะ! 】

เฟิงหานชวนกำลังประชุมอยู่ หลังจากที่เขาได้รับการรายงานจากอาเฉินพอสมควรแล้ว เขาก็เลยส่งข้อความหาเฉินฮวนฮวน

ในเวลานี้ เป็นคราวที่ผู้อำนวยการต้องรายงานผลประกอบการไตรมาสนี้ เฟิงหานชวนจึงวางโทรศัพท์ลงและตั้งใจฟังเนื้อหาการประชุมอย่างรอบคอบ

เฉินฮวนฮวนรอเป็นเวลานาน เฟิงหานชวนยังไม่ตอบกลับ หรือว่าเฟิงหานชวนจะโกรธ?

เพราะเรื่องที่เธอว่าเขา"แก่" คาใจ?

ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ก่อนถึงเวลารายงานตัว เฉินฮวนฮวนก็ไม่มีอะไรทำ ดังนั้นเธอจึงเริ่มส่งข้อความ

เฉินฮวนฮวน: 【อาหาน คุณโกรธหรือเปล่า? 】

เฉินฮวนฮวน: 【 ส่งอิโมจิน่ารัก】

เฉินฮวนฮวน: 【คุณสนใจฉันหน่อยสิ ฉันไม่ได้ว่าคุณแก่จริงๆ 】

เฉินฮวนฮวน: 【ถึงแม้คุณจะอายุมากกว่าฉัน9 ปี แต่แรงของคุณ… มีแรงมากกว่าวัยรุ่นอย่างฉันอีก ! 】

เฉินฮวนฮวน: 【จริงๆ คุณไม่เหมือนคนที่แก่กว่าฉัน9ปีเลย สามี~]

เฉินฮวนฮวน: 【สามี คุณเป็นสามีที่ทรงพลังที่สุด คุณเป็นสามีที่หล่อที่สุด คุณเป็นสามีที่ดีที่สุดในโลก! 】

เพื่อเอาใจเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนใช้ทุกวิธีทาง แม้แต่คำที่อี๋ที่สุด เธอก็พูดออกมาจนหมด

ไม่ พูดตามความจริง มันถูกส่งออกโดยการพิมพ์

ที่โต๊ะประชุม โทรศัพท์มือถือของเฟิงหานชวนสั่นไม่หยุด

เขาเอื้อมมือไปเปิดหน้าจอและเห็นว่าอีกฝ่ายส่งข้อความวีแชทมาหลายข้อความ หลังจากอ่านแล้ว เฟิงหานชวนก็หัวเราะออกมา

ทันใดนั้น ในห้องประชุมทั้งห้อง ไม่มีใครกล้าขยับอีกเลย แม้แต่ผู้อำนวยการที่กำลังรายงานก็ยืนนิ่ง

ในความเห็นของเขา ประธานเฟิงไม่เคยหัวเราะ ครั้งนี้เขาหัวเราะตอนประชุม เห็นได้ชัดว่าเขาคงไม่พอใจผลงานของไตรมาสนี้มาก!

แต่ว่า ผลการดำเนินงานของไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนๆ นี่ยังไม่พอใจประธานเฟิงอีกเหรอ?

ผู้อำนวยการรู้สึกมันยากมาก รู้สึกยากมากทั้งกายและจิตใจ

ดูเหมือนว่า เฟิงหานชวนจะไม่ได้สังเกตเห็นความเงียบในห้องประชุม ยังคงใช้นิ้วแตะบนหน้าจอโทรศัพท์

เฉินฮวนฮวนคิดว่าเฟิงหานชวนจะไม่ตอบเธอ เมื่อเธอกำลังจะล็อคหน้าจอ ก็เห็น "อีกฝ่ายกำลังพิมพ์อยู่" ดวงตาของเธอเป็นประกายและเธอก็รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

วินาทีถัดมา โทรศัพท์สั่นและมีข้อความใหม่ส่งมาจากอีกฝ่าย

เฟิงหานชวน: 【มีแรง? มันคือแรงแบบไหนกันนะ? 】

? ? ?

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงในทันที คิดเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?

เธอรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว: 【ฉันหมายถึง แรงด้านกีฬา อย่าคิดลึก! 】

เฟิงหานชวน: 【หล่อที่สุดและดีที่สุด ผมรู้ แล้วอันที่ทรงพลังที่สุด ทรงพลังด้านไหน? 】

เฉินฮวนฮวน: 【แน่นอนว่าหมายถึงศิลปะการการต่อสู้ ฉากการต่อสู้ครั้งที่แล้วที่คุณเอาชนะได้ ฉันยังจดจำมันไว้ในใจ】

เฟิงหานชวนตอบกลับอย่างสงบ: 【ผมหวังว่าครั้งต่อไปคำว่า "มีแรงและทรงพลัง" ที่จะอยู่ในใจของคุณ เป็นอีกความหมายหนึ่ง 】

เฉินฮวนฮวน: 【? ฉันไม่เข้าใจ! 】

เธอแกล้งไม่รู้!

ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ แต่เธอไม่อยากเข้าใจ!

แม้ว่าไม่ต้องการที่จะเข้าใจ แต่คำพูดของหรงจิ่นซิวก็ผุดขึ้นมาในหัว

แม้ว่าเฟิงหานชวนจะมีลูกไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขามีปัญหาเรื่องนี้ เธอเชื่อเรื่องนี้ เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่มีปัญหาแน่นอน!

เฟิงหานชวน: 【ไม่เข้าใจ? เดี๋ยวคืนนี้ผมจะทำให้เข้าใจเอง 】

เฉินฮวนฮวน: 【อิโมจิตกใจ เฟิงหานชวน คุณบ้าไปแล้ว ฉันตั้งท้องอยู่! 】

เฟิงหานชวน: 【ฮวนฮวน จริงๆแล้วคุณรู้อยู่แก่ใจ หื้ม? 】

เฉินฮวนฮวน: 【ฉันถูกเปิดเผยแล้ว 】

เธอพบว่าเธอไม่สามารถเอาชนะเฟิงหานชวนได้จริงๆ ไม่สามารถเอาชนะเฟิงหานชวนได้ …

ในขณะนั้น จู่ๆก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัว แข็งขันและเยาะเย้ย: “เฉินฮวนฮวน ได้ยินมาว่าเธอเปลี่ยนตัวการแสดง เธอนี่มันเก่งจริงๆ ทำให้รายการเปลี่ยนกฎให้ได้!”

เฉินฮวนฮวนล็อคหน้าจอโทรศัพท์ของเธอทันที และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็เห็นฉินฟางฟางเดินเข้ามา

“เปลี่ยนกฎ?” เธอถาม

“เธอไม่รู้เหรอ? ครูกู้เป็นคนช่วยเธอสมัครเดบิวต์เอง รายการนี้ไม่ใช่รายการเดบิวต์แต่แรก การเดบิวต์ต้องเดบิวต์เป็นกลุ่ม เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอแกล้งเป็นบ้าใบ้!” ฉินฟางฟางจ้องเธออย่างดุร้าย

จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็นึกขึ้น ก่อนหน้านี้ติงเซียงบอกกับเธอว่าเหวินหนานก็ถอนตัวจากการแสดงของกลุ่ม และหันไปร้องเพลงในฐานะเดบิวต์เดี่ยว

ตอนนั้นติงเซียงมักจะอยู่กับฉินฟางฟางและคนอื่นๆ ทั้งสามกอดกันแน่นราวกับเดินอยู่บนน้ำแข็ง ทิ้งเธอไว้ลำพัง

เหวินหนานก็เป็นคู่แข่งของเธอเมื่อเธอหันมาเดบิวต์ร้องเพลง เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้

เธอไม่คาดคิด กู้ไหว่จะช่วยเธอยื่นการเปลี่ยนกฎของรายการ นี่…กู้ไหว่ทำได้จริงๆอย่างงั้นเหรอ?

หรือมีคนอยู่เบื้องหลัง?

ใบหน้าที่หล่อเหลาของเฟิงหานชวนปรากฏขึ้นในใจของเธอทันที

“ไม่พูด? แกล้งทำเป็นใบ้? ฉันจะบอกให้ การเดบิวต์คนเดียวไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีการเต้นอะไรเลย เมื่อถึงเวลาคัด เธอก็จะถูกตัดออก!” ฉินฟางฟางจงใจขู่เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเยาะเย้ยและโต้กลับ: "ฉินฟางฟาง ถ้าเธอไม่รู้อะไรก็พูดให้มันน้อยหน่อย ไม่มีใครคิดว่าเธอเป็นใบ้หรอก"

“แก—ปากดีจริงๆเลยนะ! ต่อให้หลินอวี่หยางจะอยู่ข้างแก แต่เธอก็ช่วยซื้อโหวตไม่ได้หรอก ถ้าไม่เด่นก็ไม่มีแฟนคลับ แกรอน้ำตานองได้เลย!” ฉินฟางฟางเห็นเฉินฮวนฮวนแล้วไม่ชอบใจ อยากจะเยาะเย้ยเธอ

แต่อารมณ์ของเฉินฮวนฮวนไม่ได้รับผลกระทบเลย ในสายตาของเธอ ฉินฟางฟางเป็นตัวตลกที่กระโดดไปมา

ในเวลานี้ ติงเซียงก็เดินเข้ามาเช่นกัน เธอจับมือเฉินฮวนฮวนด้วยใบหน้าที่มีความสุข และกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มว่า: “ฮวนฮวน เราไม่ได้เจอกันนานเลย สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง? ฉันอยากไปเยี่ยมเธอที่บ้าน แต่เธอก็ไม่ได้ให้ที่อยู่ไว้”

“เซียงเซียง ฉันไม่อยากให้เธอลำบาก ในช่วงเวลานี้ เธอตั้งใจเน้นการฝึกดีกว่า” เฉินฮวนฮวนพูดจากใจ

ฉินฟางฟางหัวเราะดังลั่นหลังจากได้ยินสิ่งนี้: "ไม่อยากทำให้ลำบาก? ฉันว่านะ แกกลัวว่าบ้านจะโทรมเกินไป กลัวติงเซียงไปเห็น แล้วจะอายมากกว่ามั้ง?"

"คุณหลี คุณไม่ต้องกังวล ผมจะไม่สะกดจิตคุณ"

เฉินเจี๋ยกล่าวอย่างจริงใจว่า: "หลังจากการสะกดจิต คนๆนั้นก็จะโง่ ไร้ความหมาย ไร้จิตวิญญาณ ดังนั้น…ผมชอบคุณหลีแบบตอนนี้มากกว่า "

หลังจากที่หลีซืออวิ๋นได้ยิน เธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินเฉินเจี๋ยต่ำเกินไป

คงจะเป็นเรื่องเคราะห์ร้ายถ้าเธอถูกเฉินเจี๋ยสะกดจิตโดยไม่ทันได้ระวังตัว

"แล้วหลังจากการสะกดจิตล่ะ? เธอพูดอะไรเหรอ?"หลีซืออวิ๋นถามทันที

"อันที่จริง ผมคิดไม่ถึงว่าคุณชายเฟิงที่สามจะรู้สึกรับผิดชอบมากขนาดนี้"

"คุณกำลังพยายามจะสื่อถึงอะไร? รีบพูดมา!"หลีซืออวิ๋นถูกเฉินเจี๋ยกระตุ้นความอยากรู้ของเธอ

เฉินเจี๋ยยิ้มและพูดตามความจริง: "หลังจากที่ผมสะกดจิตหลิวเยว่เออร์แล้ว หลิวเยว่เออร์ก็บอกทุกอย่างออกมาในตอนนั้น ก่อนหน้านี้เฟิงหานชวนถูกวางยาจากครอบครัวของศัตรูและเขาได้ขัดขืนเฉินฮวนฮวนโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาต้องการที่จะรับผิดชอบ แต่ตอนนั้นเฉินฮวนฮวนไปทำงานแทนหลิ่วเยว่เอ่อร์ หลิ่วเยว่เอ่อร์จึงแทนที่เฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงในคืนนั้น…"

เฉินเจี๋ยตื่นเต้นมากและพูดเร็วมาก ในขณะที่พูดเขาก็ใช้ทั้งมือทั้งเท้าขยับอย่างมีความสุข พยายามแสดงให้เห็นถึงความเก่งของตัวเอง

เขาต้องการพูดถึงเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว เพื่อที่เขาจะได้มีความสุขกับหลีซืออวิ๋นสักที

เขาพูดอยู่เป็นเวลานานและในที่สุดก็พูดจบ ตอนนี้เขาแทบอยากจะกระโจนเข้าไปกอดหลีซืออวิ๋นแต่ถูกหลีซืออวิ๋นปิดกั้นตัวเองไว้เสียก่อน

หลีซืออวิ๋นสวมและจัดชุดนอนให้เรียบร้อย ทีแรกเธอนั่งอยู่ตรงโต๊ะกาแฟ แต่ตอนนี้เธอลุกขึ้นและเดินคิดอยู่ในห้องนั่งเล่น

เฉินเจี๋ยหมดความอดทนและถามอย่างรวดเร็วว่า: "อวิ๋นเอ่อร์ คุณคิดเสร็จหรือยัง?"

"ดังนั้นพูดได้ว่าเฉินฮวนฮวนคิดว่าผู้ชายในคืนนั้นคือหลิวตงรุ่ยและหลิวตงรุ่ยก็ถูกหานชวนบีบบังคับให้ไปต่างประเทศ ดังนั้นเฉินฮวนฮวนก็ยังไม่รู้จนกระทั่งตอนนี้ว่าหานชวนเป็นผู้ชายในคืนนั้น?"หลีซืออวิ๋นลูบคางของเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ใบหน้าของเธอสะท้อนให้เห็นว่าเธอกำลังคิดหนัก

"ใช่"เฉินเจี๋ยพยักหน้าและวิเคราะห์: "สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนที่เฉินฮวนฮวนถูกขืนใจ ยายของเธอก็เสียชีวิตกะทันหัน เธอไม่เห็นแม้กระทั่งแววตาสุดท้ายของยาย"

"ฉันเข้าใจแล้ว!"หลีซืออวิ๋นก็ตระหนักได้ในทันทีว่าในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าทำไมเฟิงหานชวนต้องปกปิดเรื่องของเฉินฮวนฮวน

เหตุผลสุดท้ายก็คือยายของเฉินฮวนฮวน

"อวิ๋นเอ่อร์ ผมได้อธิบายไปหมดแล้ว คุณดูสิ พวกเรามาเริ่มกันเลยดีไหม?"เฉินเจี๋ยถูมือของเขาอย่างคาดหวัง

ก่อนหน้านี้หลีซืออวิ๋นคิดแค่ว่าจะเตะเขาออกไป แต่ตอนนี้เมื่อเธอรู้ว่าเฉินเจี๋ยมีเทคนิคลับ เลยทำให้เธอไม่กล้าดูหมิ่นผู้ชายคนนี้ เพราะกังวลว่าจะถูกเขาแก้แค้น

"ครั้งนี้เท่านั้นและครั้งเดียวเท่านั้นนะ"หลีซืออวิ๋นผลักเขาไปที่โซฟา

เธอมีประสบการณ์กับหนุ่มหล่อมากมายในต่างประเทศ ดังนั้นโดยพื้นฐานเธอจึงไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้มากนัก

ก่อนหน้านั้นเธอไม่เต็มใจที่จะผูกมัดตัวเองกับเฉินเจี๋ยและไม่มีอะไรมากไปกว่าการดูถูก เฉินเจี๋ยผู้ซึ่งไม่มีทั้งรูปร่างและหน้าตาที่ดี

อันที่จริงในลักษณะนี้เธอจะเสียเท่าไหร่ก็เสียได้ แต่เพียงแค่ต้องแอบซ่อนไว้เท่านั้น

ภายนอกเธอเป็นลูกสาวของตระกูลหลีที่สูงส่ง เธอเป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียง อ่อนโยนและมีคุณธรรม และเป็นผู้หญิงที่อุดมไปด้วยความรู้

คำศัพท์ดีๆมากมายคงไม่เพียงพอที่จะอธิบาย

……

ครึ่งเดือนหลัง

สถานที่สำหรับ Idol 100 Points ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ผู้เข้ารับการฝึกทุกคนจะต้องเข้าเยี่ยมชมและซ้อมลำดับขั้นตอนในการบันทึกรายการตอนแรก

เฟิงหานชวนต้องการส่งเฉินฮวนฮวนไปยังสถานที่บันทึกเทปด้วยตัวเอง แต่เฉินฮวนฮวนไม่ยอม ดังนั้นเขาทำได้แค่จัดคนขับรถไปส่งเฉินฮวนฮวนแทน แต่เฉินฮวนฮวนก็ยังคงไม่ยอม

หลังจากที่ทั้งสองคนยุ่งอยู่กับการถกเถียงกัน สุดท้ายก็ตัดสินใจให้คนขับแท็กซี่ไปส่งเฉินฮวนฮวนและเฉินฮวนฮวนก็ยอมตกลงในที่สุด

คนขับเป็นชายวัยกลางคนที่ทำงานในบ้านของตระกูลเฟิง และชื่อของเขาคือลุงเฉิน

ลุงเฉินเป็นคนนิ่งและพูดน้อย หลังจากขับรถไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เฉินฮวนฮวนก็ถูกส่งถึงหน้าประตูของสถานที่ถ่ายทำ

เฉินฮวนฮวนเห็นรีสอร์ทอยู่ข้างหน้าของเธอ ตาของเธอก็สว่างขึ้นมาทันที เทปบันทึกนี้จะถูกถ่ายในรีสอร์ทอย่างนั้นเหรอ?

เธอมาเร็วและเห็นเด็กฝึกหลายคนค่อยๆมาทีละคน แต่ทีมหลักยังมาไม่ถึง

เฉินฮวนฮวนบอกลาลุงเฉิน และบอกให้เขากลับไปพักผ่อนก่อน จากนั้นเธอจึงเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าของเธอและรายงานตัวกับสตาฟ

มีโต๊ะเล็กๆอยู่ข้างประตูรีสอร์ท เฉินฮวนฮวนเข้ามาและเห็นว่าเป็นเฉินเฟยหยางที่กำลังลงทะเบียนข้อมูลอยู่ที่นั่น

เฉินเฟยหยางดูเขินเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอ เขาโบกมือให้เธอและพูดว่า: "ไม่เจอกันนานเลย"

เฉินฮวนฮวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองไม่เจอกันมาประมาณสามสัปดาห์ได้ นานมากแล้วเธอโบกมือให้เขา: "ไม่เจอกันนานเลย ฉันต้องลงทะเบียนที่นี่ใช่ไหม?"

"ใช่"เฉินเฟยหยางพยักหน้าและมอบแบบฟอร์มเซ็นชื่อให้เฉินฮวนฮวนหนึ่งใบ

เฉินฮวนฮวนเซ็นชื่อ เธอยิ้มและส่งแบบฟอร์มเซ็นชื่อให้กับเฉินเฟยหยาง เฉินเฟยหยางไม่ได้พูดอะไร การแสดงออกของเขาดูเย็นชาเล็กน้อย

เฉินฮวนฮวนงงนิดหน่อย ในช่วงระหว่างเข้าค่ายฝึก เธอและเฉินเฟยหยางเป็นเพื่อนสนิทกันที่ดีต่อกัน แต่พวกเขาไม่ได้เจอกันนานมาก ทำไมเฉินเฟยหยางดูเหมือนจะมีปัญหาบางอย่างกับเธอ?

ในช่วงระหว่างการฝึก เฉินเฟยหยางนัดกับเธออยู่สองหรือสามครั้ง โดยต้องการให้เธอพาเพื่อนออกไปเที่ยวเล่น แต่เพราะเธอต้องฝากครรภ์ เธอจึงต้องเรียนกับกู้ไหว่แทน เธอเลยปฏิเสธไป

เป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า?

"หลังจากเซ็นชื่อแล้วให้เดินเข้าไปข้างใน มีห้องโถงใหญ่อยู่ด้านในซึ่งวางเก้าอี้ไว้แล้ว ให้ไปรออยู่ตรงนั้น"คำพูดของเฉินเฟยหยางดูเป็นทางการ

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรมาก เธอเดินไปข้างหน้า แต่จู่ๆเฉินเฟยหยางก็ตะโกนเรียกเธออีกครั้งหลังจากที่เธอเพิ่งจะเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว

"เฉินฮวนฮวน"

เฉินฮวนฮวนหันกลับมาและถามด้วยความสงสัย: "อะไรเหรอ?"

"เธอมีปัญหากับฉันหรือเปล่า?"เฉินเฟยหยางมองมาที่เธอและถาม

"ห้ะ?"เฉินฮวนฮวนผงะไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความสงสัย: "เฉินเฟยหยาง นายเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? ฉันไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับนายใช่ไหม?"

"ฉันนัดเธอออกไปข้างนอกตั้งหลายครั้ง แต่เธอก็หาข้อแก้ตัวทุกอย่าง ทั้งไม่สบาย ทั้งต้องเรียนดนตรี ถ้าเธอไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับฉัน เธอก็บอกตรงๆเลยไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม"เฉินเฟยหยางรู้สึกเศร้าและเสียใจ เขาอดกลั้นมันมาครึ่งเดือน

เฉินฮวนฮวน: "….."

เธอพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง

อย่างไรก็ตามหลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เธอก็ตอบไปว่า: "เฉินเฟยหยาง ฉันเกือบจะถอนตัวออกจากการแข่งขันแล้ว รู้ไหม?"

"อะไรนะ เธอเกือบจะถอนตัวออกจากการแข่งขันแล้ว? นี่มันเรื่องอะไรกัน?"เฉินเฟยหยางถามด้วยความประหลาดใจ

"ฉันป่วยและบาดเจ็บที่ขา ฉันไม่สามารถออกกำลังได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถเข้าร่วมการฝึกเต้นได้ ดังนั้นฉันเลยเกือบจะถอนตัวจากการแข่ง"

"เป็นครูกู้ที่ยื่นเรื่องสมัครการแสดงครั้งแรกของฉันในด้านการร้อง วันนี้ฉันเลยมีโอกาสมารายงานตัว"

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าตัวเองกำลังโกหก แต่เธอถูกบังคับให้ต้องโกหกแบบนี้

"แสดงว่าข้อแก้ตัวครั้งก่อนของเธอเป็นความจริงทั้งหมด…"ใบหน้าของเฉินเฟยหยางเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที มันคือความอับอายและความผิดหวัง

เขายื่นมือมาเกาหัวและขอโทษอย่างเขินอาย: "ฉันขอโทษที่เข้าใจเธอผิด"

"ไม่เป็นไร แค่อธิบายให้ชัดเจนก็โอเคแล้ว ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนกัน"เฉินฮวนฮวนแซว จากนั้นก็ชี้ไปยังอาคารที่อยู่ข้างหน้าแล้วพูดว่า: "งั้นฉันจะเข้าไปข้างในก่อน"

"ขาของเธอ เดินไหวไหม? ให้ฉันไปส่งเธอไหม "เฉินเฟยหยางเอ่ยก่อน

"ไม่เป็นไร ฉันเดินได้ แค่ฉันไม่สามารถฝึกได้แล้วเท่านั้นเอง"เฉินฮวนฮวนโบกมือและเดินไปข้างหน้าอย่างสงบ

เฉินเฟยหยางคอยเฝ้าดูเธอจากด้านหลัง

ในขณะเดียวกันรถตู้เก่าๆก็มาหยุดจอดอยู่ที่ข้างถนน

ผู้ชายที่นั่งเบาะตรงที่นั่งคนขับสวมหมวกสีดำ เขาถือกล้องส่องทางไกลและมองผ่านราวบันไดของรีสอร์ท และล็อกเป้าหมายไว้ที่เฉินฮวนฮวน

อพาร์ทเม้นท์อวิ๋นซู

ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนอนยืนอยู่ข้างหน้าหน้าต่าง ภายใต้แสงนีออนที่ส่องประกายแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันเหลือล้นของเธอ

ข้างๆของเธอคือผู้ชายที่ดูธรรมดาที่มีเครา เขาคุกเข่าอยู่ข้างๆตัวเธอและจ้องมองมาที่เธอตลอดเวลา

เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ชายคนนั้นมีโซ่คล้องอยู่ที่คอและมีเชือกจูงอยู่กับมือของหญิงสาวคนนั้น และเธอกำลังสูบบุหรี่

"อวิ๋นเอ่อร์ อวิ๋นเอ่อร์ รีบๆให้ผมกอดคุณสักที…"ชายคนนั้นคุกเข่าอยู่บนพื้นและบิดตัวด้วยความเจ็บปวด

หลีซืออวิ๋นหันศีรษะของเธอมา เธอเหลือบมองเขาด้วยความรังเกียจ และพูดด้วยความโกรธว่า: "หุบปาก!"

เฉินเจี๋ยทำได้แค่หุบปากอย่างเชื่อฟัง เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา แต่สายตาของเขามองเห็นแค่ร่างของผู้หญิงตรงหน้าที่สง่างาม

ตอนที่เขาพบหน้าหลีซืออวิ๋นครั้งแรก เขาก็ตกหลุมรักหลีซืออวิ๋นในทันที แต่ที่น่าเสียดายคือตัวตนของหลีซืออวิ๋นและเขาไม่สามารถกินเนื้อหงส์ได้

ดังนั้นเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาจึงใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในมือเพื่อนัดหลีซืออวิ๋นมาเจอกันตามลำพัง และหลีซืออวิ๋นก็มาร์คโลเคชั่นเป็นที่นี่ และที่นี่คืออสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อของหลีซืออวิ๋น

เฉินเจี๋ยใช้ข้อมูลของเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับหลีซืออวิ๋น แต่น่าเสียดายที่ทั้งๆพวกเขาทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันแล้ว แต่เขาไม่ได้สามารถแตะต้องหลีซืออวิ๋นได้อย่างแท้จริง

เขาเก็บไว้และไม่ได้เปิดเผยมันทั้งหมด ดังนั้นวันนี้หลีซืออวิ๋นจึงนัดเขามาอีกครั้ง และเป็นเธอที่เป็นคนที่นัดเขามา

"เฉินเจี๋ย คุณควรบอกเรื่องนี้กับฉันให้เร็วกว่านี้ ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษฉันแล้วกัน!"หลีซืออวิ๋นดึงเชือกอย่างรุนแรง

เฉินเจี๋ยรู้สึกหายใจไม่ออกและไออยู่หลายครั้ง เขาอ้อนวอนขอความเมตตาครั้งแล้วครั้งเล่า: "เจ้าหญิง ไว้ชีวิต ไว้ชีวิตผมด้วย!"

เดิมที่เขาไม่ต้องการเล่นเรื่องแบบนี้ เขาต้องการเป็นคนที่ควบคุมเธอ แต่หลีซือวิ๋นพูดคำเดียวว่าไม่เห็นด้วยและให้เขาคุกเข่าลง แถมยังใช้ปลอกคอสุนัขใส่รอบคอของเขา

"ฉันยังพูดไม่ชัดอีกเหรอ?"ดวงตาของหลีซืออวิ๋นนั้นดูดุร้าย ดูไม่มีความอ่อนโยนและดูไม่มีคุณธรรม

ในสายตาของเฉินเจี๋ยเห็นเพียงแค่ขาที่เรียวยาวของหญิงสาว เขากลืนน้ำลายและพูดว่า: "เฉินเจี๋ย คราวที่แล้วพวกเรายังเล่นกันไม่จบเหรอ? จะดีกว่านี้ถ้า…."

"เหอะ เฉินเจี๋ย คุณคิดว่าฉันจะให้คนอย่างคุณแตะต้องได้เหรอ?"หลีซืออวิ๋นพูดอย่างโหดร้าย เธอยกเท้าขึ้นมาแล้วเหยียบไปที่หลังของผู้ชายคนนั้นด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอ

"โอ๊ย…" เฉินเจี๋ยร้องด้วยความเจ็บปวด

"อยากสู้กับฉันเหรอ? ครั้งที่แล้วคุณก็ต่อรองกับฉัน และถ้าฉันต้องมาเสียเวลาอีก ฉันจะทำให้คุณหายไปจากโลกนี้"หลีซืออวิ๋นก้มลงและพูดข้างๆหูของเฉินเจี๋ย

เฉินเจี๋ยเหงื่อออกตกและส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่กล้ากับหลีซืออวิ๋นอีก ตอนแรกเขาคิดว่าครั้งล่าสุดหลีซืออวิ๋นจะยอมง่ายๆ คิดว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่หลอกได้ง่าย แต่ไม่คิดเลยว่าเธอนั้นยากที่จะหลอก

เขาเป็นคางคกที่อยากกินเนื้อหงส์ แต่ถูกหงส์กระชวกแทงเกือบตาย

เมื่อเห็นร่างที่สั่นเทาของเฉินเจี๋ย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาถูกเธอหลอกเข้าแล้ว หลีซืออวิ๋นยกริมฝีปากขึ้นอย่างมีชัย เผยให้เห็นถึงการเยาะเย้ยถากถาง

หลีซืออวิ๋นดูเหมือนจะสังเกตเห็นสิ่งที่เฉินเจี๋ยกำลังมองอยู่ หลีซืออวิ๋นรู้สึกว่ามันไร้สาระ แต่เธอก็รู้สึกภูมิใจมาก เธอหัวเราะเยาะเย้ยแล้วพูดว่า: "อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน แล้วฉันจะทำให้คุณพอใจ"

เมื่อได้ยินคำพูดของหลีซืออวิ๋นดวงตาของเฉินเจี๋ยก็สว่างขึ้นทันที และเขาก็รีบพูดว่า: "ผมพบมันแล้ว ผมมันพบแล้ว!"

"สรุปแล้วคุณไปเจออะไรมา?"อารมณ์ของหลีซืออวิ๋นเริ่มตึงเครียด และด้วยเหตุนี้เธอจึงตั้งตารออย่างหวาดกลัว

เธอรอที่จะที่โจมตีเฉินฮวนฮวน แต่เธอเองก็กลัวว่าผลลัพธ์จะไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ

"เรื่องนี้มันซับซ้อนมาก สำหรับคนฉลาดอย่างผม ผมต้องแยกแยะและเคลียร์สมองของผมก่อน คุณค่อยๆฟังผมพูดนะ แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก ผม…"

ก่อนที่เฉินเจี๋ยจะพูดจบ หลีซืออวิ๋นก็คว้าปลอกคอของเขาและคว้ามันขึ้นมาด้วยความโกรธ ตอนนี้เฉินเจี๋ยอยู่ต่ำกว่าหลีซืออวิ๋นเล็กน้อย

บวกกับความกลัวของเขา เขางอหลังของเขาและอธิบายอย่างรวดเร็วว่า: "อวิ๋นเอ่อร์ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะข่มขู่คุณ คุณให้ผมนั่งบนโซฟาแล้วค่อยๆพูดกันได้ไหม? ผมไม่อยากคุกเข่าบนพื้น…"

"ไสหัวไป!"หลีซืออวิ๋นกำลังเดือดดาล

เฉินเจี๋ยคลานขึ้นไปบนโซฟา จากนั้นเขาก็ค่อยรู้สึกหายใจออก และจากนั้นก็เริ่มปลดเข็มขัดของเขา…

"คุณทำอะไร?"ดวงตาของหลีซืออวิ๋นเบิกกว้าง

"ผมอยากผ่อนคลาย ผ่อนคลายๆ เสื้อผ้าของผมมันหนักเกินไป"เฉินเจี๋ยพูดไปและถอดเสื้อผ้าไป เสื้อผ้าและกางเกงทั้งหมดของเขาถูกโยนลงบนพื้น

หลีซืออวิ๋นมองเขาด้วยความรังเกียจ แต่เธอก็ไม่ได้โกรธและพูดอย่างเฉยเมยว่า: "ตอนนี้ พูดได้หรือยัง?"

เมื่อถูกหลีซืออวิ๋นจับจ้องเช่นนี้ เฉินเจี๋ยก็รู้สึกตื่นเต้นมากและเริ่มพูด: "ผมบอกกับคุณเมื่อสองสามวันก่อนว่าเฉินฮวนฮวนและหลิวตงรุ่ยมีอะไรกันใช่ไหม?"

"ก็นะ แต่คุณไม่มีหลักฐาน ฉันไม่สามารถมั่นใจกับคำพูดของคุณได้ แล้วถ้าไม่มีล่ะ?"หลีซืออวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อยและวิเคราะห์: "หานชวนทำให้หลิวตงรุ่ยไปต่างประเทศ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าหลิวตงรุ่ยจะต้องมีอะไรกันกับเฉินฮวนฮวน"

"ที่จริง….เป็นความจริงที่หลิวตงรุ่ยและเฉินฮวนฮวนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน มันเป็นความเข้าใจผิด แต่เป็นความเข้าใจผิดที่เกิดจากเฟิงหานชวน"เฉินเจี๋ยกล่าว

"หมายความว่ายังไง?"หลีซืออวิ๋นงงงวยและรู้สึกสับสน และไม่เข้าใจสิ่งที่เฉินเจี๋ยพูด

"อวิ๋นเอ่อร์ ผมบอกไปแล้วว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนมาก ถึงต้องค่อยๆอธิบาย"เฉินเจี๋ยหัวเราะสองครั้ง

เธอมองเขาอย่างรังเกียจ หลีซืออวิ๋นรู้สึกคลื่นไส้และพยายามระงับอาการคลื่นไส้ของเธอ เธอกัดฟันแล้วพูดว่า: "อย่าเรียกฉันว่าอวิ๋นเอ่อร์ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ!"

"ขอโทษนะ คุณหลี หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ธรรมดา ดังนั้นผมจึงอยากเรียกชื่อเล่นคุณ"เฉินเจี๋ยพูดอย่างไร้ยางอาย

ใบหน้าของหลีซืออวิ๋นนั้นน่าขยะแขยงและเธออยากจะบีบคอเฉินเจี๋ยให้ตายเสียตรงนี้แต่เธอก็ไม่ได้ทำ แต่เธอจงใจปลดสายเดี่ยวออกและถกชุดนอนขึ้นมาครึ่งหนึ่งต่อหน้าเฉินเจี๋ย

สายตาของเฉินเจี๋ยเหมือนถูกดึงดูด

"รีบพูดให้จบ แล้วรีบทำ"หลีซืออวิ๋นมัดผมของเธออีกครั้งและพูดอย่างเบื่อหน่ายด้วยใบหน้าที่มีเสน่ห์

เธอชอบรูปลักษณ์ของสุนัขที่ยอมจำนนต่อเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถดึงดูดเฟิงหานชวนได้อยู่ดี

"พูด พูด ผมจะพูดแล้ว!"เฉินเจี๋ยหมดความอดทนและรีบพูดขึ้นว่า: "เฉินฮวนฮวนมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อหลิวเยว่เออร์ ซึ่งเธอเพิ่งออกจากคุกเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยและกลับบ้านเกิดของเธอไปแล้ว"

"ฉันรู้"หลีซืออวิ๋นเคยพบหลิ่วเยว่เอ่อร์มาก่อนแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้อะไร

ในสายตาของเธอ หลิ่วเยว่เอ่ร์เป็นเพียงผู้หญิงที่ขายร่างของเธอเพื่อเงิน

"เธอถูกเฟิงหานชวนปิดปาก แน่นอนว่าไม่พบสิ่งใดในตัวเธอ แต่…"เฉินเจี๋ยยิ้มแปลกๆและพูดว่า: "ผมมีเทคนิคลับ ผมสะกดจิตเธอ"

"คุณพูดว่าอะไรนะ?"หลีซืออวิ๋นไม่อยากจะเชื่อ

ว่ากันว่าเฉินเจี๋ยมีความสามารถพิเศษ เขาจึงสามารถทำธุรกิจนักสืบลับได้ดี เขามีรายได้สูงมากตั้งแต่อายุยังน้อยและเขารู้วิธีรักษาความลับเพื่อให้นายจ้างสบายใจได้

แต่เธอไม่คิดว่าเฉินเจี๋ยจะสะกดจิตเป็น

สีหน้าเฉินซินโหรวเปลี่ยนไป แล้วไม่พูดอะไรอีก

เธอในเมื่อก่อน ไม่แยแสที่จะคุยกับหลี่ซูฉิน ยิ่งไม่มีทางมาดูแลเธอตอนออกจากโรงพยาบาล

แต่ตอนนี้เธอไม่เหมือนเดิม ตระกูลเฉินล้มละลายแล้ว ตอนนี้มีแต่หนี้ ชีวิตก็ยากลำบากกว่าคนทั่วๆไป นอกจากกอดขาแฟนอย่างเยี่ยจิ่งเฉิน เธอไม่มีวิธีอื่นเลย

เพราะฉะนั้น เธอจึงต้องสนใจหลี่ซูฉิน

เพราะแบบนี้ อะไรที่หลี่ซูฉินเคยได้รับจากเธอ ตอนนี้จึงย้อนกลับมาที่ตัวเอง

ในใจเฉินซินโหรวไม่โอเคมาก บวกกับเยี่ยจิ่งเฉินเป็นลูกนอกสมรส ถึงตระกูลเยี่ยจะร่ำรวยแค่ไหน แต่เยี่ยจิ่งเฉินไม่มีอำนาจอะไรเลย จึงช่วยตระกูลเฉินไม่ได้

เฉินซินโหรวใจร้อนจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

เมื่อกี้เห็นเฉินฮวนฮวนมีชีวิตที่ดี ได้ใส่ของแบรนด์เนม ยังมีสามีที่มีอำนาจอย่างเฟิงหานชวนอีก เฉินซินโหรวจึงหงุดหงิดมาก

เดี๋ยวนะ!

อยู่ๆเธอก็คิดเรื่องบางอย่างได้ ที่นี่คือโรงพยาบาล เฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนมาโรงพยาบาลทำไม?

ดูพวกเขาก็ไม่เหมือนคนป่วย ถ้าไม่ใช่มาเยี่ยมคนป่วย งั้นก็คือ……

"เฉินซินโหรว เธอยังจะยืนอยู่ทำไม? รีบไปขนของขึ้นรถสิ!" ตอนที่เธอกำลังเหม่อ เสียงด่าทอของหลี่ซูฉินจึงดังขึ้น

เฉินซินโหรวแอบกัดฟันแน่น หยิบกระเป๋าเดินทางขึ้น แล้วเดินไปข้างหน้า

เยี่ยจิ่งเฉินอยากตามไปด้วย แต่หลี่ซูฉินดึงเขาไว้ แล้วพูดข้างหูเขาว่า "อีกวันสองวัน ลูกก็หาโอกาสทิ้งมันไปซะ ตอนนี้มันเป็นแค่ตัวถ่วง!"

"แม่ แม่กำลังพูดอะไรครับ?" เยี่ยจิ่งเฉินขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า "ตอนนี้ตระกูลเฉินเป็นแบบนี้ ถ้าทิ้งซินโหรวไป ก็จะเป็นคนทรยศสิครับ?"

ไม่พูดไม่ได้เลยว่า กับเฉินซินโหรว เยี่ยจิ่งเฉินยังมีความรู้สึกกับเธอ เฉินซินโหรวเข้ากับเขาได้ดี แล้วชอบเอาอกเอาใจเขา ไม่งั้นตอนนั้นเขาคงไม่คบกับเธอหรอก

เรื่องของตระกูลเฉิน ทำให้เขาปวดหัวจริงๆ แต่เฉินซินโหรวตัวติดเขามาก เขาหาข้ออ้างอะไรไม่ได้เลย

"อาเฉิน ลูกต้องคิดดีๆ ถึงลูกจะเป็นลูกนอกสมรส แต่ยังไงก็เป็นคนตระกูลเยี่ย ถ้าทิ้งเฉินซินโหรวไป ลูกทั้งเก่งทั้งหล่อขนาดนี้ อีกหน่อยต้องมีคุณหนูคนอื่นมาจีบลูกแน่นอน" หลี่ซูฉินเอาแต่ยุยงเยี่ยจิ่งเฉิน

คุณหนูคนอื่น……เยี่ยจิ่งเฉินส่ายหน้าทันที

เขาจะไม่เคยคิดได้ยังไงว่าจะหาคุณหนูที่รวยๆ หรือว่าเทียบกับตระกูลเยี่ยได้ ยังไงก็ต้องเป็นตระกูลร่ำรวยอยู่แล้ว

ตระกูลเฉิน เป็นแค่ตระกูลเล็กๆ ต่อหน้าตระกูลเยี่ย ก็เหมือนเป็นแค่นิ้วก้อย

แต่ว่า เขาเจอคุณหนูมาไม่น้อย หน้าตาก็งั้นๆ แถมยังเคยมีคุณหนูตระกูลหวังแอบตามจีบเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นหุ่นหรือหน้าตา เหมือนแม่หมูชัดๆ

ไม่ว่าจะเป็นเฉินฮวนฮวน หรือว่าเฉินซินโหรว ต่างก็มีข้อดี แล้วหุ่นของเฉินซินโหรวดีเยี่ยม แล้วความสามารถด้านนั้นก็โอเคด้วย

แน่นอน เขาไม่เคยเห็นหุ่นของเฉินฮวนฮวน แต่เห็นเธอผอมบางขนาดนั้น หุ่นคงสู้เฉินซินโหรวไม่ได้

เพราะแบบนี้ ตอนนั้นเขาเลยหลงใหลกับเฉินซินโหรว

"แม่ ไว้ค่อยคุยกันครับ รอดูสถานการณ์ไปก่อน" เยี่ยจิ่งเฉินพูดขอไปที แล้วถือกระเป๋าเดินไป

เฉินซินโหรวยืนอยู่หลังรถ ก้มหน้าไว้ แล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น

……

สุสานชุนเทียน

เฉินฮวนฮวนคุกเข่าโค้งให้คุณแม่กับคุณยายหน้าสุสาน

พอแน่ใจความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวนแล้ว เธอก็ไปฝึกอบรมเลย กลับมาได้ไม่กี่วัน ก็เกิดเรื่องต่างๆมากมาย ยังไม่ทันพาเฟิงหานชวนมาเจอ”ผู้ใหญ่”เลย

ตอนนี้ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ประตูหน้าสุสานปิดแล้ว เพราะเฟิงหานชวนใช้อำนาจ จึงทำให้สุสานเปิดเพื่อพวกเขาได้

ตอนบ่ายเฉินฮวนฮวนเพิ่งมา กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ พอเห็นรูปถ่ายหน้าสุสานของคุณยายกับคุณแม่ น้ำตาก็เอาแต่ไหลออกมา

"คุณยายคะ คุณแม่คะ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหนู ชื่อเฟิงหานชวน เป็นสามีหนูค่ะ หนูแต่งงานแล้ว เรื่องนี้ซับซ้อนมาก ค่อยๆฟังหนูเล่านะคะ……"

เฉินฮวนฮวนเล่าไปนานมาก เฟิงหานชวนก็ตั้งใจฟังไปนานมาก ไม่พูดแทรกอะไรเลย

"อาหาน คุณให้ฉันพาคุณมาเจอผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ? คุณรีบทักทายคุณยายกับคุณแม่ฉันสิ!" เฟิงหานชวนนิ่งเหมือนขอนไม้ เฉินฮวนฮวนจึงเช็ดน้ำตา แล้วดึงเขามาหน้าสุสาน

เฟิงหานชวนเกร็งเล็กน้อย เหมือนกำลังเจอแม่ยายจริงๆ เขาโค้งอย่างมีมารยาท แล้วทักทายว่า "คุณยาย คุณแม่ สวัสดีครับ"

"คุณยายกับคุณแม่อย่าใส่ใจเลยนะคะ ปกติเขาพูดน้อยอยู่แล้ว แต่เขาดีกับหนูมากๆ คุณยายคุณแม่ไว้ใจได้นะคะ" เฉินฮวนฮวนอธิบายเพิ่ม

เฟิงหานชวนได้ยินว่าเธอพูดแทนตัวเอง มุมปากจึงยิ้มขึ้น แล้วมองเธอที่เอาแต่คุยกับอากาศ

เดิมทีเขาไม่เชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับพวกนี้ แต่ตอนนี้ เขาเหมือนรู้สึกว่า ท่านทั้งสองคนที่จากไปแล้ว กำลังยืนมองพวกเขาอย่างอิ่มเอมใจอยู่

เฉินฮวนฮวนพูดไปเยอะมาก ทั้งๆที่เป็นเรื่องดี แต่กลับร้องไห้หนักกว่าเดิม เฟิงหานชวนรีบช่วยเธอเช็ดน้ำตา ไม่รู้ว่าควรปลอบใจเธอยังไง

เขารู้ เวลาแบบนี้ คำปลอบใจไม่มีประโยชน์ เขาจึงคอยอยู่ข้างเธอเงียบๆ

จนกระทั่งเฉินฮวนฮวนสงบสติแล้ว เธอค่อยจับแขนเสื้อเขาไว้ แล้วพูดว่า "ดึกมากแล้ว ฉันอยากให้คุณยายกับคุณแม่พักผ่อน เราก็กลับไปพักผ่อนกันเถอะ"

"ได้" เฟิงหานชวนจูบหน้าผากเธอ แล้วช่วยเธอจัดผมที่ยุ่งเหยิง

จากนั้น เขาก็ยื่นมือไปกอดเอวเธอ มองสุสานตรงหน้า แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "คุณยายครับ คุณแม่ครับ ผมพาฮวนฮวนกลับไปก่อนนะครับ คุณยายคุณแม่ไว้ใจเถอะครับ ผมจะดูแลเธอดีๆ ดูแลลูกดีๆ"

"ใช่สิ ยังมีลูก อื้อ ลูกของเรา" เฉินฮวนฮวนมองเฟิงหานชวน แล้วยิ้มทั้งน้ำตา

รอยยิ้มนั้น ไม่ใช่เยาะเย้ย แต่ยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ ยิ้มจากใจจริง

เฟิงหานชวนฟังออก เฉินฮวนฮวนคิดว่าลูกในท้องคือลูกของเธอกับเขาจริงๆ

ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของเขา เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

"อยู่ต่อหน้าคุณยายกับคุณแม่ ผมขอสาบานอีกครั้ง อีกหน่อยจะไม่ดุคุณอีก ไม่งั้นผมจะโดนฟ้า……"

เฟิงหานชวนยังสาบานไม่จบ ก็โดนเฉินฮวนฮวนใช้มือปิดปากไว้ก่อน เธอส่ายหน้า แล้วพูดเสียงเบาว่า "ฉันไม่โทษคุณหรอก นิสัยของคุณ แค่ดูก็รู้ว่าติดมาตั้งแต่เกิด"

……

พอพวกเขาไปจากสุสานแล้ว มีรถลีมูซีนลินคอล์นสีดำ ค่อยๆแล่นมาจอดที่หน้าประตูสุสาน

จากนั้นก็มีบอดี้การ์ดหลายคนลงมา คอยคุมกันผู้ชายตรงกลาง แล้วเดินไปที่หน้าสุสานของซูหมิงจูกับซูอวิ้น

มือเขาจับไม้เท้าไว้ แล้วสั่นเล็กน้อย สีหน้าก็มีความตกใจ

"มาสายไป ผมมาสายไป……"

เสียงที่สั่นเครือนั้น แฝงไปด้วยความเสียใจ

"ก๊อก ก๊อก ก๊อก!"

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เฉินฮวนฮวนเคาะประตู

วินาทีต่อมา เฟิงหานชวนจึงเปิดประตู แล้วหรงจิ่นซิวกับเฉินฮวนฮวนก็ทักทายกัน

"คุณหมอหรงคะ นี่เป็นผลตรวจของฉันค่ะ" เฉินฮวนฮวนถือซองเอกสารไว้ แล้วยื่นให้หรงจิ่นซิว

หรงจิ่นซิวยิ้ม แล้วหยิบแว่นตามาใส่ ยื่นมือรับเอกสารไป "ไม่ต้องเกรงใจกับผมขนาดนั้นก็ได้ ในเมื่อคุณเป็นภรรยาของเจ้าสาม งั้นก็ถือว่าเป็นน้องสะใภ้ผม เรียกผมพี่รองก็ได้"

เฉินฮวนฮวนเกาหัวอย่างทำตัวไม่ถูก แล้วหันมองเฟิงหานชวนข้างๆ เฟิงหานชวนจึงพูดว่า "หรงจิ่นซิว นายไม่ได้มีน้องสาวเยอะขนาดนั้น"

หรงจิ่นซิว "……หึงเหรอ ไม่หรอกมั้ง"

"เขาขี้หึงแบบนี้แหละค่ะ หึงซะทุกคนเลย" เฉินฮวนฮวนแอบบ่นเสียงเบา

สีหน้าเฟิงหานชวนเข้มขรึมทันที แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "คุณไปกินชาบูกับหนุ่มๆสองต่อสอง ยังโทษที่ผมอารมณ์เสียอีก?"

"ฉันบอกคุณล่วงหน้าแล้ว วันนี้ฉันจะไปเรียนกับครูกู้" เฉินฮวนฮวนเถียง

"คุณบอกว่าไปเรียน ไม่ได้บอกว่าไปกินข้าวสองต่อสอง"

"เฟิงหานชวน คุณ……คุณไม่มีเหตุผลเลย!"

"ผมไม่มีเหตุผลยังไง? การกระทำคุณต่างหากที่มีปัญหา"

"เฟิงหานชวน คุณ คุณ คุณ……"

หรงจิ่นซิวรู้สึกปวดหัว เขาจึงพูดเสียงดังอย่างเอือมระอาว่า "พอแล้ว! พอแล้ว! หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!"

"ให้สภาพแวดล้อมที่สงบ แล้วให้ฉันดูผลตรวจ โอเค?"

เฟิงหานชวนไม่พูดอะไรอีก เฉินฮวนฮวนก็หุบปากเหมือนกัน

พอหรงจิ่นซิวตั้งใจเปิดดูแล้ว จึงดันกรอบแว่นตา พร้อมเอ่ยว่า "ไม่มีปัญหาอะไร เจ้าสาม แกก็อย่าเว่อร์ แค่ไปกินชาบูไม่มีอะไรสักหน่อย"

"……" เฟิงหานชวนมองเขาอย่างเย็นชา

หรงจิ่นซิวไอเสียงเบา เหมือนคิดอะไรได้ จึงยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วหันไปพูดกับเฉินฮวนฮวน "น้องสะใภ้ ผมได้ยินเจ้าสามพูดว่า มันยอมรับเรื่องนั้นกับเราแล้ว?"

"หรงจิ่นซิว!" สีหน้าเฟิงหานชวนเข้มขรึม แล้วพูดเสียงเข้ม

ทีแรกเฉินฮวนฮวนยังไม่เข้าใจ แต่ปฏิกิริยาของเฟิงหานชวน เธอจึงเข้าใจทันที

เธอไม่รู้ว่าควรตอบยังไง แค่หันมองหรงจิ่นซิว แล้วพยักหน้าเบาๆ "คุณก็รู้เหรอคะ?"

"ผมเป็นหมอ ก็ต้องรู้สิ!" หรงจิ่นซิวพยายามกลั้นขำ ยังจงใจมองเฟิงหานชวนที่หน้าเขียวบูดบึ้ง แล้วพูดว่า "แต่ว่าน้องสะใภ้ไว้ใจเถอะ ถึงเจ้าสามจะมีลูกไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าด้านนั้นมันจะทำไม่ได้ ไม่กระทบชีวิตคู่ของเราสองคนหรอก"

เฉินฮวนฮวนไม่คิดเลยว่าหรงจิ่นซิวจะอธิบายเรื่องนี้ หน้าเธอจึงแดงทันที

"หรงจิ่นซิว นายหุบปากไปเลย!" เฟิงหานชวนพูดเสียงเข้ม แล้วจับข้อมือเฉินฮวนฮวนไว้ พาเธอออกจากห้องทันที

วินาทีที่ประตูปิดลง สุดท้ายหรงจิ่นซิวจึงทนไม่ไหว แล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง

……

เฟิงหานชวนดึงเฉินฮวนฮวนออกมา พอถึงลานจอดรถแล้วค่อยปล่อยมือเธอ

ระหว่างนั้นเฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเฟิงหานชวนเป็นผู้ชาย รักศักดิ์ศรีมาก ถ้าพูดถึงเรื่องนั้น ต้องโกรธมากแน่นอน

"อาหาน หรงจิ่นซิวเป็นเพื่อนรักคุณ เป็นหมอด้วย ไม่……ไม่เป็นไรหรอก คุณอย่าใส่ใจเลย ฉันไม่……ไม่รังเกียจคุณหรอก" เฉินฮวนฮวนพูดออกมาอย่างเกร็งๆ

พอเฟิงหานชวนได้ยิน แค่รู้สึกปวดหัว แต่เขายอมรับเอง เขาจึงต้องรับไว้

"ขึ้นรถ เราไปสุสานกันเถอะ"

เฟิงหานชวนเพิ่งพูดจบ บนถนนข้างทางก็มีคนสามคนเดินมา แล้วยังพูดคุยหัวเราะกัน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าคุ้นเสียงมาก จึงหันไปดู แล้วขมวดคิ้ว ที่แท้คือเยี่ยจิ่งเฉิน หลี่ซูฉินกับเฉินซินโหรว

สามคนนั้นหยุดเดิน พอเห็นพวกเขา โดยเฉพาะเยี่ยจิ่งเฉิน เขายืนอึ้งนิ่งอยู่กับที่เลย

"ฮวนฮวน! ไม่เจอกันนานเลย" หลี่ซูฉินโบกมือทักทายก่อน

ความสัมพันธ์เฉินฮวนฮวนกับหลี่ซูฉินค่อนข้างดี จึงไม่อยากเมินเฉย เลยโบกมือทักทายว่า "คุณน้าหลี่ สวัสดีค่ะ"

หลี่ซูฉินเดินมาหาเฟิงหานชวนกับเฉินฮวนฮวน สีหน้าตอนนี้ของเฟิงหานชวนเยือกเย็นมาก แล้วยังแฝงไปด้วยความรังเกียจ

"คุณคือคุณชายเฟิงใช่ไหมคะ? สวัสดีค่ะ ฉันเป็นแม่ของเพื่อนฮวนฮวนค่ะ" หลี่ซูฉินยื่นมือออกมา อยากจับมือกับเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนมองมือเธออย่างรังเกียจ แล้วเลิกคิ้วถามอย่างเสียดสี "เพื่อน?"

เขามองไปทางเยี่ยจิ่งเฉิน เยี่ยจิ่งเฉินตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรเลย

"ทั้งสองคนยังเด็กไม่รู้เรื่อง ก็แค่ลองคบกัน แล้วเลิกกันอย่างเข้าใจกัน งั้นก็ถือว่ากลับไปเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอคะ?" หลี่ซูฉินเจ้าเล่ห์มาก

แต่เฟิงหานชวนไม่แยแส ไม่อยากสนใจด้วยซ้ำ

เฉินฮวนฮวนที่ยืนอยู่ข้างๆไม่รู้ควรพูดยังไง เธอจึงเอ่ยว่า "คุณน้าหลี่ คุณน้าออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอคะ?"

พอเห็นเฉินฮวนฮวนคุยด้วย หลี่ซูฉินยังไม่หน้าแตกมาก เธอจึงยิ้มเอ่ยว่า "ใช่จ้ะ ฟื้นฟูได้ดี อยากประหยัดหน่อย ก็เลยออกจากโรงพยาบาลก่อน"

พอได้ยินคำว่าประหยัด เฉินฮวนฮวนจึงนึกถึงคุณยายตัวเองทันที ก่อนที่คุณยายยังไม่ป่วยหนัก ก็เคยนอนโรงพยาบาลหลายครั้ง ทุกครั้งก็เอาแต่ยื้อ เพิ่งไปอยู่ในโรงพยาบาลได้ไม่กี่วัน ก็จะกลับไปแล้ว

"คุณน้าหลี่คะ เงินแบบนี้คุณน้าจะประหยัดไม่ได้นะคะ อยู่ดูอาการอีกวันสองวันดีกว่าค่ะ" น้ำเสียงเฉินฮวนฮวนมีความใจร้อน

"ฮวนฮวน หนูเป็นเด็กดีจริงๆ รู้ว่าต้องเป็นห่วงคนอื่น ถ้าใครได้แต่งงานกับหนู คงโชคดีมากแน่ๆ" หลี่ซูฉินพูด แล้วตบหลังมือเธอเบาๆ แต่กลับถอนหายใจ

เหมือนกำลังเสียใจเพราะลูกชายตัวเอง ทำไมถึงไม่ได้แต่งงานกับเฉินฮวนฮวน

สีหน้าเฟิงหานชวนเข้มกว่าเดิม เขาดึงมือเฉินฮวนฮวนมาจากหลี่ซูฉิน แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "ฮวนฮวน ขึ้นรถ"

พอรู้ว่าเฟิงหานชวนโกรธ เฉินฮวนฮวนจึงไม่คิดจะคุยอะไรกับหลี่ซูฉินอีก จึงโบกมือลา "คุณน้าหลี่ พวกหนูยังมีธุระ ไปก่อนนะคะ"

"ได้จ้ะ ไม่รบกวนพวกหนูแล้วกัน" หลี่ซูฉินพยักหน้า แล้วยิ้มโบกมือลาพวกเขา

พอเฟิงหานชวนกับเฉินฮวนฮวนไปแล้ว เฉินซินโหรวกับเยี่ยจิ่งเฉินค่อยเดินมาหา

"แม่ครับ แม่ไม่ควรทักเฉินฮวนฮวนเลย" เยี่ยจิ่งเฉินยืนพูดข้างๆเธอ "สีหน้าเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปเลย"

"เด็กคนนี้นี่ ลูกไม่เข้าใจ เมื่อกี้ที่แม่ทักทาย เฟิงหานชวนพูดอะไรไหม?" หลี่ซูฉินมองบนใส่ลูกชายตัวเอง

เฉินซินโหรวที่ยืนอยู่ข้างๆแอบกัดฟันแน่น แล้วพูดว่า "คนเขาสั่งให้คนมาทำร้ายลูกตัวเอง น้ายังยิ้มแย้มกับเขาอีก"

"เธอจะรู้อะไร!?" หลี่ซูฉินต่อว่าเสียงดัง "ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ จิ่งเฉินจะมีเรื่องกับเฟิงหานชวนเหรอ? ก็เพราะเมื่อก่อนตระกูลเฉินของพวกเธอทำไม่ดีกับฮวนฮวน ตอนนี้เลยเป็นแบบนี้ไง!"

“เด็กนั่นเป็นลูกของผม”

นิ่งไปหลายวินาที เสียงเย็นชาดังขึ้นช้าๆ ในความเงียบสงบ

เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะมองเขา เกร็งไปทั้งตัว ขมวดคิ้วขึ้นทันที บนหน้าเผยให้เห็นถึงประหลาดใจและสงสัยสุดขีด

“เฟิงหานชวน คุณ… แปลกเกินไปแล้ว!”

เฉินฮวนฮวนเกือบจะพูดออกมา เธอถามต่อ“ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหน ใจกว้างเหมือนคุณขนาดนี้ เห็นลูกคนอื่นเป็นลูก”

“เดิมฉันนึกว่า เป็นเพราะฉัน คุณถึงยอมรับเด็กคนนี้ แต่ตอนนี้ ทำไมฉันเห็น…คุณสนใจเด็กคนนี้มากกว่า?”

สุดท้ายเฉินฮวนฮวนก็สังเกตเห็นถึงจุดที่แปลกๆ เธอรู้สึกแปลกจริงๆ เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมากแบบนั้น

เธอรู้สึกเฟิงหานชวนผิดปกติ ไม่ปกติสักนิด เกินขอบเขตความเข้าใจของคนปกติ

ถ้าหากเป็นเพราะเฟิงหานชวนชอบเด็ก แต่เขาดูเหมือนไม่ได้ชอบเด็กขนาดนั้น เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เร่งรัดเธอให้มีลูก ยังเคยบอกรอเธอเรียนจบแล้วค่อยมี

เพราะฉะนั้น ทำไมเฟิงหานชวนถึงสนใจเด็กคนนี้ขนาดนี้? นี่ถือว่าเป็นลูกของหลิวตงรุ่ย?

“ฮวนฮวน ผม…” ในหัวของเฟิงหานชวน ความคิดตีกันอยู่นับครั้งไม่ถ้วน

เขาถึงขนาดอยากพูดเรื่องคืนนั้นออกมาตรงๆ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ หากเขาพูดไป เกรงว่าเฉินฮวนฮวนจะยิ่งจากเขาไป

ในท้องของเธอยังมีลูกเขาอยู่ เขาจะไม่มีวันยอมให้เธอจากตัวเขาไป

เฉินฮวนฮวนสังเกตกิริยาเล็กๆของเฟิงหานชวนตลอด เธอรู้สึกเฟิงหานชวนกำลังปิดบังอะไรอยู่แน่นอน ท่าทางยากที่จะเปิดปากพูดแบบนั้น

“อาหาน คุณบอกความจริงกับฉันเถอะ คุณ…เป็นหมันใช่ไหม?” สีหน้าของเฉินฮวนฮวนจริงจังมาก ความเป็นไปได้อย่างเดียวที่เธอคิดออก

ไม่งั้น ไม่มีผู้ชายคนไหน ยอมรับลูกของผู้ชายคนอื่น มาเป็นลูกหรอก

เฟิงหานชวน …?

เป็นหมัน?

เขาดูเหมือนผู้ชายเป็นหมันเหรอ?

เห็นเขาไม่พูด เฉินฮวนฮวนถอนหายใจออกมา พูดว่า“คุณเคยบอกว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ระหว่างสามีภรรยาไม่ควรมีความลับใดๆ ฉันบอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้กับคุณ คุณก็ไม่ควรปิดบังอะไรฉัน”

“ถ้าหากคุณเห็นฉันเป็นภรรยาคุณ คุณก็บอกฉัน”

มุมปากของเฟิงหานชวนยกขึ้นหลายครั้ง น้ำเสียงเลื่อนลอยนิดๆ “พูดเรื่องคุณกับกู้ไหว่ก่อน”

“ตกลง ฉันพูดก่อน” เฉินฮวนฮวนนิ่งมาก เพราะระหว่างเธอกับกู้ไหว่ บริสุทธิ์ใจมากจริงๆ

เธอเปิดปากพูด “ก่อนไปร้านหม้อไฟ ฉันกับครูกู้ไปสุสานชุนเทียนมา…”

เธอเพิ่งพูดไปหนึ่งประโยค ก็ถูกเฟิงหานชวนขัดขึ้น เห็นเพียงสีหน้าไม่พอใจของอีกครั้ง เอ่ยถาม“คุณพาเขาไปเจอผู้ใหญ่แล้ว? คุณยังไม่เคยพาผมไปอย่างเป็นทางการเลย!”

เฉินฮวนฮวน “…”

เกิดอะไรขึ้น?

“คุณฟังฉันพูดให้จบก่อนได้ไหม?” เธอหมดคำพูด

เฟิงหานชวนจากราชสีห์ที่โกรธ สงบลงทันที พยายามทำให้ตัวเองสงบลง พูดด้วยความจนใจ“คุณพูดก่อน”

“เมื่อก่อนฉันไม่เคยพูดถึงเลย ไม่ว่าใครก็ไม่เคยพูด เมื่อก่อนคุณยายฉัน เป็นนักดนตรีคนหนึ่งที่อำลาวงการ”

“พอดีวันนี้ ตอนฉันกับครูกู้หารือกันเรื่องทำนองเพลงใหม่ ครูกู้จำบทเพลงของคุณยายได้ คุณยายสำหรับครูกู้ เป็นครูคนแรกในด้านดนตรี ดังนั้นเขาพูดออกมาว่าอยากไปเยี่ยมคุณยายที่สุสาน ”

“ครูกู้เป็นคนดี ไม่ใช่แบบที่คุณคิด ระหว่างเราก็ไม่เป็นอย่างที่คุณคิด มีเพียงการพูดคุยเรื่องดนตรีกับการเรียน”

เฉินฮวนฮวนเพิ่งพูดจบ เฟิงหานชวนก็ขัดเธออีกครั้ง “คุณพากู้ไหว่ไปสุสานคุณยาย คุณยายของคุณจะคิดว่าเขาเป็นแฟนคุณหรือเปล่า?”

“จะเป็นไปได้ยังไง!” เฉินฮวนฮวนปฏิเสธทันที และรู้สึกอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก

เธอรู้สึก บางเวลาเฟิงหานชวนดูเป็นผู้ใหญ่มากๆ บางเวลากลับมีความคิดเหมือนเด็กๆ

“ผมพาคุณไปโรงพยาบาลก่อน แล้วเราค่อยไปสุสานชุนเทียน” ระหว่างที่เฟิงหานชวนพูด ก็สตาร์ทรถยนต์ทันที

เฉินฮวนฮวนมึนงงไปหมด แต่ชั่วพริบตาก็เข้าใจ ทำไมเฟิงหานชวนทำแบบนี้

ไปโรงพยาบาล เป็นการตรวจสภาวะของเด็ก ไปสุสานเพื่อไปประกาศสถานะของเขากับคุณยายและคุณแม่

แต่จู่ๆ เธอก็นึกเรื่องหนึ่งออก นั่นก็คือเฟิงหานชวนยังไม่ได้ตอบคำถามเธอ

เธอรีบถาม “อาหาน คุณยังไม่ได้บอกฉัน คุณ…”

“ใช่!” เฟิงหานชวนกัดฟัน ยอมรับมันไปเลยแล้วกัน

“อะ…อะไร…” เฉินฮวนฮวนอ้าปากกว้าง ตอนนี้กลับมามึนงงเช่นเดิม

เธอยังไม่ทันตั้งตัว เฟิงหานชวนก็ยอมรับเรื่องนี้แล้ว เพราะฉะนั้น เฟิงหานชวนยอมรับเด็กคนนี้ เพราะว่าเขา…

เฉินฮวนฮวนช็อกมาก

“ฮวนฮวน คุณจะรังเกียจผมไหม?” เฟิงหานชวนจงใจถาม

เดิมทีเขาไม่อยาก “ยอมรับ” เพราะแบบนั้นจะกระทบถึงภาพลักษณ์เขา แต่เขาคิดไปคิดมาเห็นว่า ถ้าหากยอมรับเรื่องนี้ ภายในใจของเฉินฮวนฮวนจะรู้สึกดีขึ้น

อย่างน้อย เธอจะดูแลลูกคนนี้เพื่อเขา ไม่คิดฟุ้งซ่านเพราะ“หลิวตงรุ่ย”อีก

อย่างน้อย พูดแบบนี้ เธอก็ไม่รู้สึกละอายใจกับเขาอีก

เพราะฉะนั้น เฟิงหานชวนเลยยอมรับ

“ไม่…ฉันไม่รังเกียจคุณแน่นอน เพียงแต่…ก่อนหน้านี้คุณไม่เคยบอก…” เฉินฮวนฮวนยังอยู่ในสภาพมึนงง

เพียงแต่แบบนี้ เรื่องก่อนหน้าทั้งหมดก็สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนแล้ว

เพราะเฟิงหานชวนมีลูกไม่ได้ ดังนั้นเขาไม่สนใจความเป็นมาของเด็ก ดังนั้นเขาเลยเห็นเด็กคนนี้ เป็นลูกของเขาเอง

เพราะการทำแท้งเด็กคนนี้ มีความเป็นไปได้ที่เธอจะไม่มีลูกอีก เพราะฉะนั้นเฟิงหานชวนเลยต้องการเก็บเด็กคนนี้ไว้ และเพื่อชีวิตคู่ของพวกเรา เก็บสิ่งหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นก้อนผลึกไว้

คิดแบบนี้ เฉินฮวนฮวนรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย เหมือนปริศนาในใจทั้งหมด จางหายไปหมด

“ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เรื่องแบบนี้ ผมยากจะเอ่ยปาก” เฟิงหานชวนตอบกลับด้วยความจริงจัง สีหน้าจริงจังมาก แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความทุกข์

หนึ่งชั่วโมงให้หลัง

โรงพยาบาลรุ่ยเอิน ห้องรองผู้อำนวยการ

เสียงหัวเราะที่ดังของหรงจิ่นซิว ทำยังไงก็หยุดไม่ได้

“เพราะงั้น เฉินฮวนฮวนเชื่อจริงๆ?” เดรัจฉานในคราบมนุษย์อย่างหรงจิ่นซิว ตอนนี้กลับหัวเราะจนไม่เหลือภาพลักษณ์ กุมท้องหัวเราะเสียงดัง

“แกรีบปิดปากเดี๋ยวนี้” เฉินฮวนฮวนถูกพยาบาลพาไปตรวจแล้ว เฟิงหานชวนกังวลว่าตอนเธอกลับมา เกิดได้ยินเสียงของหรงจิ่นซิวเข้า จะสงสัยอะไร

“เฮียสาม เฮียวางใจ ตอนนี้เธอมาไม่ได้ ผมแค่อยากถาม ศักดิ์ศรีของเฮียล่ะ?” หรงจิ่นซิวหัวเราะออกมา พูดว่า“คุณสามตระกูลเฟิง ข่าวลือเรื่องเป็นหมันนี้แพร่ออกไป คนอื่นจะมองเฮียยังไง?”

“ไปให้พ้น!” เฟิงหานชวนตะคอกเสียงต่ำ

หรงจิ่นซิวพยายามรักษาอารมณ์ให้สงบ เขาข่มสีหน้า พยายามกลั้นยิ้มไว้ ท่าทางจริงจัง พูดว่า“แต่ว่าแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ ถือว่าดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ เฉินฮวนฮวนจะดูแลเด็กคนนี้เป็นอย่างดีแน่นอน”

เฟิงหานชวนดึงเธอขึ้นและโยนตะเกียบไม้ในมือของเธอทิ้ง สีหน้าของเขาดูมืดมนอย่างหาที่เปรียบไปไม่ได้

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงทันที

เดิมเธอคิดว่าเฟิงหานชวนโกรธเธอและไม่สนใจเธออีก แต่เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะตามมาหาถึงร้านหม้อไฟ

“คุณไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองหรือ? คุณทานของเหล่านี้?” เฟิงหานชวนพูดขู่เสียงทุ้มต่ำ

เฉินฮวนฮวนตกใจสุดขีด

“คุณเป็นใคร! ตะโกนใส่ฮวนฮวนทำไม? ของเหล่านี้มันทำไม? ทั้งหมดนี้มีแต่ของดี! วัตถุดิบของบ้านเราสดมาก!” เผิงต้าหย่งเป็นคนหัวร้อน เขาตะโกนด่าพร้อมพับแขนเสื้อขึ้น

เสียงทะเลาะของพวกเขาที่นี่ ดึงดูดความสนใจของแขกคนอื่นๆ

กู้ไหว่กันเผิงต้าหย่งไว้ แล้วเดินไปหน้าเฟิงหานชวนด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบ: "สุภาพบุรุษท่านนี้ คุณเป็นอะไรกับเฉินฮวนฮวน?”

“คุณไม่จำเป็นต้องยุ่ง” เฟิงหานชวนเหลือบมองกู้ไหว่อย่างเย็นชา จากนั้นจับมือเฉินฮวนฮวนแล้วบอกว่า “ตามผมกลับไป”

เฉินฮวนฮวนได้สติ อยากหลุดจากโซ่ตรวนของเฟิงหานชวน แต่ว่าทำอะไรไม่ได้ จึงถูกเฟิงหานชวนดึงให้เดินไปข้างหน้า

“คุณปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน……” นัยน์ตาของเธอแดงก่ำในทันที

กู้ไหว่และเผิงต้าหย่งพุ่งเข้าไปขวางทางของเฟิงหานชวน สีหน้าของกู้ไหว่แย่มากและถามว่า "ตกลงคุณเป็นอะไรกับฮวนฮวน? ไม่อย่างนั้น พวกเราจะโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้!"

“ฮวนฮวน เขาเป็นญาติของคุณหรือเปล่า?” กู่ไหว่ถามด้วยความเป็นห่วง

”เฉินฮวนฮวนอ้าปากไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร กลับถูกเฟิงหานชวนแย่งตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ว่า: "ผมเป็นอาของเธอ"

เมื่อได้ยินคำตอบของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนตกใจเล็กน้อย

“แม้ว่าคุณจะเป็นอาของเธอ คุณก็ไม่สามารถบังคับให้เธอกลับบ้านทั้งๆที่เธอไม่ยอม” กู้ไหว่พูดทฤษฎีกับเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเย้ยหยันแล้วถามกลับว่า “ตอนนี้สภาพร่างกายของเธอไม่สามารถกินของที่หนักไปทางมันและรสเผ็ดได้เลย คุณคิดว่าผมควรพาเธอไปไหม?”

“อะไรนะ……” ตอนนี้ถึงคราวของกู้ไหว่ที่ต้องตกตะลึง

หลังจากที่เผิงต้าหย่งได้ยินว่าเฟิงหานชวนเป็นอาของเฉินฮวนฮวน ก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้

“ผมจะพาเธอไปโรงพยาบาล อย่าตามมา” หลังจากที่เฟิงหานชวนดุใส่ เขาก็กอดอุ้มเฉินฮวนฮวนขึ้นมาและเดินไปข้างหน้า

เฉินฮวนฮวนต้องการดิ้นรนเพื่อลงมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กู้ไหว่ไม่กล้าตามไปอีกและทำได้เพียงปล่อยให้เฟิงหานชวนพาเฉินฮวนฮวนไป

เฉินฮวนฮวนรู้สึกละอายใจต่อกู้ไหว่ เธอจึงตะโกนไปทางเขาว่า: "อาจารย์กู้ ขอโทษด้วย วันนี้ฉันต้องไปก่อน แล้วค่อยติดต่อทางวีแชต——"

เมื่อเฉินฮวนฮวนถูกเฟิงหานชวนอุ้มเข้าไปที่เบาะหลัง เธอเม้มริมฝีปากและไม่กล้ามองตาที่เย็นชาของชายหนุ่มแล้วกระซิบว่า: "ฉันคิดว่าคุณไม่สนใจฉันแล้ว"

เสียง "ปัง" เป็นเสียงปิดประตูรถ

รอบตัวมืดลง และเฉินฮวนฮวนผงะอีกครั้ง

ทันทีหลังจากนั้น เมื่อชายหนุ่มเข้าไปที่ที่นั่งคนขับ ขณะที่สตาร์ทรถ เสียงที่เย็นยะเยือกก็ดังขึ้นอีกครั้ง: "ผมตามใจคุณมากเกินไป?"

“ฉันผิดที่ไปกินหม้อไฟ แต่ฉันก็ไม่ได้กินเท่าไหร่ ไม่มีผลอะไรหรอก” เฉินฮวนฮวนชี้แจง

“กินหม้อไฟกับผู้ชายคนอื่น เฉินฮวนฮวน คุณมีผมในสายตาไหม?” เฟิงหานฉวนพูดขู่เสร็จ ก็กระแทกคันเร่งที่ใต้เท้า

เสียง "ชิ้ว" รถก็บินออกไปทันที

เฉินฮวนฮวนหน้าซีดด้วยความตกใจทันที และจับที่จับไว้แน่น

“ต่อหน้าผมยังทำตาละห้อยกับกู้ไหว่นั่น แล้วยังบอกว่าติดต่อกันทางวีแชต……เฉินฮวนฮวน ตอนนี้คุณแต่งงานแล้ว รู้จักกาละเทศะไหม!” เฟิงหานชวนนับความผิดของหญิงสาว

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนแดงขึ้นมา เธอกัดปากแน่นโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ที่จริงเฟิงหานชวนไม่เข้าใจอะไรเลย ก็สรุปว่าเธอมีความสัมพันธ์กับกู้ไหว่ และยังดุกับเธอขนาดนี้

“ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ทำดีต่อคุณโดยไม่มีเงื่อนไข เขาต้องมีแผน คุณยังเชื่อเขาไม่หยุด เขาพาคุณไปกินหม้อไฟ คุณปฏิเสธไม่เป็นหรือ?”

เฉินฮวนฮวนจับที่มุมเสื้อด้วยมือทั้งสองข้างแน่น และไม่สามารถระงับความคับข้องใจในท้องของได้ เธอตะโกนว่า: "ฉันเป็นคนเลี้ยงเขากินหม้อไฟ!"

“คุณเลี้ยงเขากินหม้อไฟ? คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณกำลังท้องอยู่?” ชายหนุ่มพูดเสียงดัง

“ฉันรู้ ฉันกำลังตั้งท้องทานหม้อไฟหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอะไร เขาช่วยฉันไว้มาก ฉันเลี้ยงอาหารเขามื้อนึงยังรู้สึกไม่ดีด้วยซ้ำ!”

“รู้สึกไม่ดี? ผมจะช่วยคุณหาครูคุณไม่ต้องการ ยังไงก็จะเรียนกับกู้ไหว่คนนี้ เขาดึงดูดคุณได้ขนาดนี้หรือ?”

“เฟิงหานชวน คุณอย่าใส่ร้ายคนอื่น! ฉันในสายตาของคุณ ใช้ไม่ได้ขนาดนี้เลยเหรอ? ความสัมพันธ์ของฉันกับอาจารย์กู้นั้นบริสุทธิ์ ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด!”

“ถึงแม้ว่าคุณจะไม่คิดอะไรกับเขา แต่เขาคิดไม่ซื่อกับคุณแน่นอน!”

“พอแล้วเฟิงหานชวน คุณพอได้แล้ว——”

เสียงของคนทั้งสอง คนหนึ่งดังกว่าอีกคนหนึ่ง

แต่ในท้ายที่สุด เฉินฮวนฮวนก็ร้องไห้ออกมาทั้งน้ำตาเต็มใบหน้าของเธอ

เสียง "เอี๊ยด ——" รถจอดที่ข้างถนน

เฟิงหานชวนไม่ได้ลงจากรถและไม่หันไปมองเธอ เพียงแต่นั่งเงียบๆในที่นั่งคนขับ

บรรยากาศที่เงียบสงบและความหนาวเย็นที่ผิดปกติ ทำให้เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ดังขึ้น

เธอยกมือขึ้นอยากไปเปิดประตูรถ แต่ประตูรถถูกล็อคและเธอไม่สามารถเปิดได้ เธอร้องไห้พร้อมกับตะโกนว่า: "เฟิงหานชวน คุณเปิดประตูรถ ฉันจะออกไป!"

“เธอจะไปไหน?” เสียงของชายหนุ่มสงบลงมาก

“ฉันจะไปจากคุณ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณอีกต่อไป ฉันจะลงรถ ฉันจะไป!” เฉินฮวนฮวนตบกระจกรถ เกือบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

“คุณจะไปไหน? เฉินฮวนฮวน คุณคือภรรยาของผม คุณไปจากผมไม่ได้” เฟิงหานชวนหันศีรษะและมองเธอด้วยท่าทางที่จริงจัง

เฉินฮวนฮวนจ้องมองด้วยดวงตาที่แดงก่ำและบวม และก็มองไปที่ชายผู้เย็นชาคนนี้ด้วย เธอพยายามหยุดร้องไห้และพูดว่า "ฉันไม่ได้ติดหนี้อะไรคุณ ทำไมฉันจะไปจากไม่ได้?"

“ผมจะจัดการให้ครูคนใหม่มาสอนคุณร้องและแต่งเพลงที่บ้าน คุณอยู่บ้านดูแลครรภ์ดีๆ” ชายหนุ่มสีหน้าเข้มลงบางส่วน

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินประโยคนี้ เธออดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย: "เฟิงหานชวน คุณคิดให้ดี นี่ไม่ใช่ลูกของคุณ! นี่คือลูกของฉัน ฉันจะจัดการยังไงก็เรื่องของฉัน!"

“ตอนนี้ถึงฉันจะเอาเด็กออก มันก็เรื่องของฉันคนเดียว!”

“เฉินฮวนฮวน เธอกล้าหรือ!” เฟิงหานชวนใบหน้าบูดบึ้ง และบรรยากาศรอบตัวเขามีแต่ความน่ากลัว

เฉินฮวนฮวนกัดฟันโดยไม่ตอบอะไรสักคำ

เป็นเวลานานแล้วเธอพูดช้าๆว่า:

“เฟิงหานชวน คุณให้ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ แล้วคุณหล่ะ? คุณกลับไม่เชื่อฉัน! คุณบอกว่าคุณจะไม่ดุฉันอีก แล้วตอนนี้หล่ะ?”

“เฟิงหานชวน ฉันรู้สึกว่าเทียบกับฉันแล้ว คุณใส่ใจเด็กคนนี้มากกว่าฉันซะอีก? เหมือนกับว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของคุณจริงๆ”

“เฟิงหานชวน คุณก็รู้ นี่ไม่ใช่ลูกของคุณ!”

เฉินฮวนฮวนถอนหายใจเล็กน้อยและมุมปากเป็นเส้นโค้งเสมือนว่าดูถูกตัวเอง

สุสานชุนเทียน

กู้ไหว่ไม่เคยคิดว่าในช่วงชีวิตของเขา จะได้พบกับคุณย่าที่มีความมั่นใจซึ่งให้ความรู้ทางดนตรีแก่เขา——ซูหมิงจู

เขายิ่งคิดไม่ถึงว่านักเรียนที่ตัวเองให้ความสำคัญซึ่งก็คือหลานสาวของซูหมิงจู

เมื่อเห็นกู้ไหว่วางช่อดอกไม้ช่อหนึ่งให้ซูหมิงจู ดวงตาของเฉินฮวนฮวนก็แดงขึ้นอีกครั้ง

ทั้งๆที่คุณย่าจากไปได้ไม่นาน แต่เธอรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมากๆ เมื่อมองดูรอยยิ้มที่ใจดีของหญิงชราในภาพ เฉินฮวนฮวนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นเวลาบนหลุมฝังศพ กู้ไหว่ก็ถอนหายใจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว

“ฮวนฮวน เสียใจด้วย” เขาปลอบโยน

เฉินฮวนฮวนเช็ดดวงตาของเขา พยายามสงบสติอารมณ์ไว้ เพียงแค่พยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

ทั้งสองเศร้าเสียใจอยู่ครู่หนึ่งที่หน้าหลุมฝังศพ แล้วเดินไปที่ประตูสุสานด้วยกัน

ระหว่างทางกู้ไหว่ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบโดยพูดว่า: "ฉันจะใช้ทำนองนั้นในเพลงนี้ งานแต่งเพลงให้เป็นหน้าที่ของผม ถ้าคุณมีแรงสามารถมาเรียนรู้จากผมได้"

“ได้หรือ?” เฉินฮวนฮวนกังวลว่าเธอจะรบกวนกู้ไหว่

“ได้แน่นอน” กู้ไหว่ตอบโดยไม่ลังเล เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิด จากนั้นหันศีรษะแล้วพูดว่า “ค่ำแล้ว ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปทานอาหารเย็น”

“หือ?” เฉินฮวนฮวนตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงคืนสติและพูดว่า: “อาจารย์กู้ ฉันจะเลี้ยงอาหารเย็นคุณเอง”

กู้ไหว่ช่วยเธอไว้มากเกินไป เธอไม่รู้จริงๆว่าควรขอบคุณอย่างไร จึงทำได้เพียงเสนอตัวจะเป็นคนเลี้ยงเท่านั้น

“ได้ งั้นเราไปร้านหม้อไฟกันไหม? คุณหลีกเลี่ยงที่จะทานอะไรไหม? ” กู้ไหว่ถามอย่างสนิทสนม

“ฉันไม่มีอะไรที่ทานไม่ได้” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวทันที

หลังจากขึ้นรถของกู้ไหว่แล้ว ทั้งสองก็มาถึงที่ร้านหม้อไฟอย่างรวดเร็ว ขณะที่ลงจากรถกู้ไหว่อธิบายว่า: "ร้านอาหารนี้เพื่อนผมเป็นคนเปิดและรสชาติดีมาก"

“งั้นฉันต้องทานมากหน่อย” เฉินฮวนฮวนยิ้มจางๆ

เมื่อเธอนั่งลง เฉินฮวนฮวนถูกกลิ่นหอมของในร้าน"โชย" โดนจริงๆ ทำให้รู้สึกว่าน่ารับประทานมาก แต่ตอนนี้เธอไม่อยากทานอะไร

หลังจากออกจากสุสาน อารมณ์ของเธอยังไม่กลับคืนปกติ เพียงเพื่อไม่ให้กู่ไหว่หมดสนุก เธอจึงพยายามแสร้งทำเป็นท่าทีอารมณ์ดีและสั่งอาหารไปมากมาย

ขณะที่ทั้งสองทานไปด้วย กู้ไหว่บอกความรู้ทางดนตรีบางส่วนกับเธอ และเฉินฮวนฮวนได้รับประโยชน์มากมาย

ในขณะนั้น ลุงสวมแว่นคนหนึ่งเดินเข้ามา ตบไหล่กู้ไหว่อย่างแรงและหัวเราะ: “ไอ้หนู เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นนายพาผู้หญิงมา ไม่แนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ?”

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าลุงคนนี้ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรผิด

กู้ไหว่ยืนขึ้นและแนะนำว่า: "อาหย่ง นี่คือนักเรียนของผมชื่อเฉินฮวนฮวน"

“ฮวนฮวน นี่ก็คือเพื่อนคนที่ผมพูดกับคุณ เจ้าของร้านนี้ชื่อเผิงต้าหย่ง เป็นหัวหน้าวงร็อคที่ผมเคยอยู่”

เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นทันที โค้งคำนับเผิงต้าหย่งแล้วกล่าวทักทาย: "สวัสดีค่ะ"

“อ๊า ดีใจเก้อเลย!” เผิงต้าหย่งอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นสองครั้งและกล่าวว่า “ฉันยังคิดว่าในที่สุดต้นไม้เหล็กพันปีก็ผลิบาน ที่แท้ก็เป็นแค่นักเรียนของนาย!”

พูดจบเขาก็มองไปที่เฉินฮวนฮวนอีกครั้งและกวักมือเรียก “สวัสดี สวัสดี ดูเหมือนว่าคุณจะอยู่ในระดับที่ดี หรือไม่งั้นแสดงให้เราดูหน่อยได้ไหม? อาไหว่ของพวกเราไม่เคยรับลูกศิษย์ง่ายๆ

“ฉัน……” เฉินฮวนฮวนทำอะไรไม่ถูกทันที

ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น เธอก้มหน้าลงมองเห็นหมายเลขผู้โทร จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที

“อาจารย์กู้ อาจารย์เผิง ฉันขอตัวไปรับสาย พวกคุณคุยกันก่อน” เฉินฮวนฮวนพูดจบอย่างสุภาพแล้วออกจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว

หลังจากเฉินฮวนฮวนจากไป เผิงต้าหย่งก็คว้าไหล่ของกู้ไหว่ แล้วเอาหัวของเขาไปซุกใต้รักแร้ตังเองพร้อมพูดติดตลกว่า "นักเรียน? จะโกหกใคร! ฉันคิดว่าท่าทางเธอเหมือนแจกัน ไม่เหมือนว่าจะมีระดับอะไร"

“ต้าหย่ง นายเดาผิดจริงๆ เธอเป็นนักเรียนของฉันในการประกวดไอดอลหนึ่งร้อยคะแนนในครั้งนี้ เป็นเด็กฝึกในกลุ่มร้องและแต่งเพลง” กูไหว่อธิบายสองสามประโยคอย่างอดทน

“นายสนใจคนอื่นเขาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นนายสอนดนตรีเธอลำพังเหรอ? นายเป็นคนกระตือรือร้นขนาดนี้เหรอ?” เผิงต้าหย่งเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

กู้ไหว่หัวเราะเบาๆและกล่าวว่า "เรื่องนี้พูดแล้วเรื่องมันยาวจริงๆ อาจเป็นทำนองเพลงที่ดึงดูดให้สนใจ"

"เกิดอะไรขึ้น? บอกพี่ให้น้องฟังหน่อย" เผิงต้าหย่งหยิบเก้าอี้มานั่งลงด้วยใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็น

กู้ไหว่พูดอย่างช้าๆ

……

เฉินฮวนฮวนพบมุมที่ห่างไกลและรีบเชื่อมต่อโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

“ยังไม่จบอีกเหรอ?” เฟิงหานชวนไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากเฉินฮวนฮวนเลย ดังนั้นเขาจึงเป็นคนเริ่มโทรมา

“อาหาน ฉันอาจจะกลับดึกหน่อย มีบางอย่างเกิดขึ้น อาจารย์กู้กับฉันกำลังทานหม้อไฟอยู่ข้างนอก” เฉินฮวนฮวนตอบตามความจริง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็หมองลงและบ่นด้วยเสียงเย็นชาว่า: "ใครให้คุณทานหม้อไฟ? สถานการณ์ของเธอตอนนี้ทานหม้อไฟได้ยังไง?"

“น่าจะไม่เป็นไร ฉันทานหม้อซุปน้ำใส ไม่ได้ทานหม้อน้ำมันเนื้อ” เฉินฮวนฮวนพูดกระซิบ

“ตอนนี้คุณอยู่ร้านหม้อไฟร้านไหน ผมจะไปรับคุณ” พูดด้วยน้ำเสียงที่ห้ามไม่ให้ปฏิเสธ

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก น้ำเสียงที่นุ่มนวลด้วยเสียงอ้อน: "อาหาน ความสัมพันธ์ของเราไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้…"

ขณะที่เธออยากปรึกษากับเฟิงหานชวน วินาทีต่อมาเธอก็ได้ยินเสียง "ปิ๊บปิ๊บ" จากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์

เฉินฮวนฮวนผงะไปครู่หนึ่ง เฟิงหานชวนวางสายเหรอ?

นี่เขาโกรธเธอเหรอ?

เฉินฮวนฮวนกังวลขึ้นมา รีบกดโทรศัพท์โทรหาเฟิงหานชวนอีกครั้ง เสียงเรียกดังขึ้นสักพักและเฟิงหานชวนก็ไม่รับสาย

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าดวงตาแดง เฟิงหานชวนไม่อยากสนใจเธอแล้วหรือ?

เมื่อคิดว่ากู้ไหว่ยังคงรออยู่ที่ล็อบบี้ เฉินฮวนฮวนกลั้นน้ำตาของเธอไว้ พยายามสงบอารมณ์ของตนเอง แล้วค่อยๆเดินออกไปด้านนอก

กู้ไหว่เพิ่งพูดถึงเรื่องยายของเฉินฮวนฮวนกับเผิงต้าหย่งจบ เผิงต้าหย่งเห็นเฉินฮวนฮวนเดินมา ก็รีบดึงเก้าอี้ให้เธอและหัวเราะพร้อมพูดว่า "คุณเฉิน เมื่อครู่ขอโทษด้วยที่ล่วงเกิน ผมขอโทษคุณไว้ตรงนี้”

“อาจารย์เผิง คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย

“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ในเมื่อคุณเป็นนักเรียนของอาไหว่ ก็คือนักเรียนของผม คราวหน้ามาที่ร้านหม้อไฟของผม ลดครึ่งราคา!” เผิงต้าหย่งตบหน้าอกและพูดอย่างภาคภูมิใจ

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะดูมึนงง แต่ก็ยังพยายามยิ้มและพยักหน้า: “ขอบคุณอาจารย์เผิง”

“มาเถอะ ทานเยอะๆ ทานเยอะๆ” เผิงต้าหย่งใช้ตะเกียบกลางช่วยเฉินฮวนฮวนคีบอาหารอย่างกระตือรือร้น

มองดูผักที่มีน้ำมันสีแดงลอยในชาม เฉินฮวนฮวนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหยิบตะเกียบและทานด้วยคำเล็กๆ

ในขณะที่เธอทานไปครึ่งชามจากเต็มๆชาม ข้อมือของมือที่ถือตะเกียบอยู่จู่ๆก็ถูกจับขึ้น

เมื่อเฉินฮวนฮวนหันศีรษะ กลายเป็นเฟิงหานชวน

ตาของเฉินฮวนฮวนกะพริบไปหลายที นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

รอจนชายหนุ่มยอมปล่อยเธอออก เธอถามโง่ๆไป “คุณ…ไม่รู้สึกขมเหรอ?”

อย่างน้อยเมื่อกี้ตอนดื่มยาเสร็จ เธอรู้สึกในปากเต็มไปด้วยรสชาติขมปี๋

“ช่วยคุณแบ่งรสขม ยังไม่เต็มใจเหรอ?” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมาเบาๆ จุ๊บลงบนหน้าผากเธออีกครั้ง

ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ได้ขมขนาดนั้นแล้วจริงๆ

“หลังจากนี้ยอมดื่มยาแล้วค่อยกินของหวาน หรือว่าดื่มยาแล้ว…” เฟิงหานชวนพูดแล้วหยุดไป บนใบหน้ากลับเผยให้เห็นถึงความชั่วร้าย

เฉินฮวนฮวนลุกพรวดขึ้นมา แล้วรีบเดินไปทางบันได พลางตอบคำถามไปด้วย“ฉันปฏิเสธจะตอบคำถามนี้”

“ฮวนฮวน งั้นคุณก็เลือกวิธีการที่สอง” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยหยอกล้อ

เฉินฮวนฮวนปิดหน้าไว้ รีบขึ้นบันไดไป

“ระวัง!” น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความกังวลในฉับพลัน

ก็ผ่านไปแบบสงบร่มเย็นแบบนี้ไปหลายวัน

วันนี้ เฉินฮวนฮวนไปที่เอเจนซี่ของกู้ไหว่ นี่ก็เป็นที่พวกเขานัดกันไว้ก่อนแล้ว

ในหลายวันนี้ กู้ไหว่ของให้เธอเขียนเนื้อเพลงหลายเพลง เพราะฉะนั้นตอนเฉินฮวนฮวนอยู่บ้าน ก็ไม่ได้ว่าง

นำเนื้อเพลงสองเพลง เฉินฮวนฮวนเห็นกู้ไหว่กำลังบันทึกเสียงอยู่

หลังจากกู้ไหว่ทักทายเธอเสร็จ ก็เข้าเรื่องเลย ถามเอาเนื้อเพลงกับเธอ เฉินฮวนฮวนเอาต้นฉบับสองใบยื่นให้กู้ไหว่ทันที

เนื้อเพลงแรก ชื่อ 《คุณยาย》 เธอเขียนให้กับคุณยายที่รักของเธอ

เนื้อเพลงที่สอง ชื่อ《เข้มแข็ง》เธอเขียนให้กำลังตัวเองในอดีต

กู้ไหว่ดูเสร็จ เบ้าตาแดงเล็กน้อย นั่งกลับไปบนเก้าอี้ น้ำเสียงสะอึกสะอื้นนิดๆ “คุณยายผมตายไปสิบปีแล้ว ตอนนั้นผมไปโปรโมตที่ต่างจังหวัด มาไม่ทันดูหน้าท่านครั้งสุดท้าย ผมเสียใจมาก แต่กลับไม่มีความกล้าเขียนเพลงเพื่อท่านมาโดยตลอด”

ได้ยินกู้ไหว่เปิดเผยออกมา เบ้าตาของเฉินฮวนฮวนก็แดงออกมา เธอพูดเสียงเบา “เพราะเรื่องหนึ่ง ฉันก็ไม่ได้เจอหน้าคุณยายเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนกัน”

“คุณให้ฉันเขียนเพลง คิดด้วยตัวเอง ในหัวของฉัน สิ่งแรกที่คิดได้ก็คือคุณยายของฉัน…”

พูดถึงตอนท้าย ในที่สุดเฉินฮวนฮวนก็ทนไม่ไหว น้ำตาหยดลงมาทีละหยด แล้วหล่นลงไปบนพื้น

ชั่วพริบตาที่กู้ไหว่เงยหน้าขึ้นนั้น เห็นเข้าพอดี รีบดึงทิชชูหลายแผ่นมายื่นให้เฉินฮวนฮวน พูดว่า“รีบเช็ดน้ำตา ผมรู้สึกว่าเพลง《เข้มแข็ง》หนักเกินไป ใช้ในการแสดงเปิดตัวไม่ค่อยเหมาะ แต่เนื้อเพลงเขียนให้จิตใจคนฮึกเหิมขึ้นมาก ผมรู้สึกสามารถเก็บไว้ใช้ตอนการเปิดการแสดงครั้งแรกได้ การเปิดตัวก็ใช้เพลง《คุณยาย》นี้แล้วกัน”

“ขอบคุณค่ะ ครูกู้ ขอบคุณครูจริงๆ” เฉินฮวนฮวนเช็ดน้ำตา โค้งคำนับให้กู้ไหว่ด้วยความซาบซึ้งใจ

ถ้าหากไม่มีความช่วยเหลือของกู้ไหว่ เธอก็ไม่มีโอกาสแบบในตอนนี้

“คุณมีพรสวรรค์มาก ผมรู้สึกสัมผัสของเนื้อเพลงไม่มีปัญหาอะไร ต่อจากนี้ก็คือแต่งทำนองกับเรียบเรียงแล้ว เรื่องนี้ก็ยกให้ผม ผมช่วยคุณเอง”กู้ไหว่พูดอย่างจริงใจ เขาอยากช่วยเฉินฮวนฮวนด้วยใจจริงๆ

หลังจากได้ยินคำว่าเรียบเรียง เฉินฮวนฮวนสูดหายใจลึกๆ พยายามคุมน้ำตาของตัวเองไว้ รีบถาม “ครูกู้ ฉันอยากเล่นทำนองท่อนหนึ่งให้คุณฟัง ทำนองนี้ไม่มีความขัดแย้งด้านลิขสิทธิ์ คุณลองฟังดู สามารถใช้ในเพลงนี้ได้หรือเปล่า”

“ได้ คุณเล่น” กู้ไหว่ชี้ไปที่เปียโนไฟฟ้าข้างๆ

เฉินฮวนฮวนเดินไป ยืนอยู่หน้าเปียโน หลับตา ย้อนนึกถึงอดีตหลายวินาที สองมือเต้นพลิ้วไหวอยู่บนแป้นเปียโน

เสียงเปียโนที่ไพเราะ น่าฟังมาก กลับซ่อนความเศร้าไว้เล็กน้อย เหมือนกับนางฟ้าตกลงมาในโลก กำลังร้องเพลง

ตอนเฉินฮวนฮวนกำลังตั้งใจบรรเลง กู้ไหว่กลับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ คนทั้งคนตัวแข็งไป จู่ๆเขาตะโกนเสียงดัง “คุณเล่นทำนองนี้ได้ยังไง?”

เฉินฮวนฮวนตกใจ หยุดเล่นไป มองไปที่กู้ไหว่ด้วยความงง กลับเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของกู้ไหว่

“ครูกู้ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? คุณเคยได้ยินทำนองนี้?” เฉินฮวนฮวนถามด้วยความตกใจ แล้วอธิบายไปหนึ่งประโยค“นี่เป็นการแต่งของคุณยายฉัน เรื่องนี้ ท่านไม่เคยพูดกับใคร”

ในอดีตคุณยายเป็นนักดนตรีรุ่นเยาว์ที่มีชื่อมากคนหนึ่ง แต่หลังจากที่ตั้งท้องแม่ของเธอ คุณยายก็อำลาวงการไป

ทำนองเพลงพวกนี้ คุณยายเป็นคนมอบให้เธอกับมือ แต่เธอกลับไม่เคยค้นเจอข้อมูลในอดีตของคุณยายเลย

“มิน่าล่ะ ตอนคุณปรับการร้องของเพลง《ลม》ผมก็แอบคิดว่าทำนองของคุณคุ้นๆ ที่แท้คุณ…คุณเป็นหลานสาวของเธอ!”

สีหน้าของกู้ไหว่ดูประหลาดใจมาก ในปากพูดพึมพำกับตัวเอง “นี่เป็นโชคชะตา โชคชะตา”

“ครูกู้ คุณรู้จักคุณยายของฉัน!?”

กู้ไหว่แค่สามสิบต้นๆ แต่คุณยายของเธออำลาวงการมาสี่สิบกว่าปีแล้ว ตอนนั้นกู้ไหว่ยังไม่เกิดแท้ๆ รู้จักคุณยายได้ยังไงกัน?

“เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมเรียนประถม ตอนนั้นคุณยายของคุณมาท่องเที่ยวในเมืองของผม เจอเข้ากับวงดนตรีแสดงข้างถนนวงหนึ่งพอดี ท่านแย่งที่คนอื่น จัดแสดงเดี่ยวข้างถนนขึ้น”

“น่าจะราว ๆเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ผมคิด คุณยายคนนี้เท่จัง ไวโอลินอันหนึ่งก็รู้สึกดึงโลกทั้งใบออกมา และเพราะแบบนี้ ดึงดูดผมเข้ามาในเส้นทางดนตรีนี้”

“ในสายตาของผม ท่านก็เหมือนครูชั้นยอด แต่ต่อมาผมกลับค้นหาข้อมูลของท่านไม่เจอเลย ตอนนั้นสังคมยังไม่ก้าวหน้า ไม่มีคนไปถ่ายรูปอะไร ไม่มีคนระลึกถึงเวลาศักดิ์สิทธิ์แบบนั้น”

ใบหน้าแสดงความนับถือของกู้ไหว่แทบจะล้นออกมาแล้ว เฉินฮวนฮวนดูออก กู้ไหว่ชื่นชมคุณยายจริงๆ เธอไม่เคยคิดมาก่อน จะมีคนแปลกหน้าคิดถึงคุณยายมาตลอด

20กว่าปีก่อน ตอนนั้นเธอยังไม่เกิด คุณแม่ซูอวิ้นดูแลบริษัท คุณยายนอกจากดูแลบ้านแล้ว ก็คือท่องเที่ยวไปทั่ว

คุณยายในตอนนั้น แม้ว่าในใจจะซ่อนเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต แต่เห็นลูกสาวประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน คงจะมีความสุขเหมือนกัน

แต่ว่าหลังจากนั้น…

“เสียดายมาก ไม่รู้จักคุณให้เร็วกว่านี้ แบบนี้ไม่แน่บางทีตอนที่คุณยายมีชีวิตอยู่ ได้พบท่านอีกครั้ง ฟังท่านบรรเลงอีกหนึ่งบทเพลง”กู้ไหว่ถอนหายใจเบาๆ

เฉินฮวนฮวนเช็ดตา พยายามยิ้มออกมา พูดว่า“ครูกู้ ขอบคุณ คุณมากจริงๆ ขอบคุณ คุณมากที่ยังจำท่านได้”

หลายปีมานี้ ตั้งแต่คุณแม่ตายไป มีแค่เธอกับคุณยายสองคนดูแลซึ่งกันและกัน คุณยายนับวันยิ่งแก่ลง ร่างกายวันหนึ่งไม่สู้วันหนึ่ง สุดท้ายตรวจเจอโรคร้ายแรง

เธอกับคุณยาย ทั้งสองคนเหมือนลอยไปถึงเกาะร้าง หาเรือที่จะออกไปไม่ได้เลย

“ถ้าหากสะดวกใจ พาผมไปสุสานคุณยายหน่อย ผมอยากไปเยี่ยมท่าน คุณครูด้านดนตรีคนแรกของผม” กู้ไหว่ยกมือตบไปที่ไหล่ของเฉินฮวนฮวนเบาๆ

เรื่องของโชคชะตา พูดยากจริงๆ มิน่าหลังจากที่เขาเจอเฉินฮวนฮวน คิดอยากช่วยเหลือเธอจากก้นบึ้งของหัวใจ หรือบางที นี่ก็เป็นแรงชักนำลึกลับอย่างหนึ่ง

เมื่อแม่บ้านหลี่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบริเวณลานกว้าง ก็รีบคลุมเสื้อลงไปข้างล่างทันที จังหวะนั้นเฟิงหานชวนก็พาเฉินฮวนฮวนเข้ามาในห้องรับแขกพอดี

“คุณชายสาม คุณนาย” แม่บ้านหลี่ปรี่เข้าไปต้อนรับ

ชั้นล่างมีห้องแม่บ้าน 2 ห้อง เสี่ยวลี่และหลิวหลี่ถงอยู่ห้องเดียวกัน แล้วก็สาวใช้อายุมากอีก 1 คนชื่อว่าป้าหลิวอยู่คนเดียวอีกห้องหนึ่ง ส่วนแม่บ้านหลี่ถูกจัดให้ขึ้นไปอยู่ห้องพักแขกที่กว้างขวางบนชั้นสอง

“แม่บ้านหลี่ ต้มยาจีนเสร็จแล้วใช่ไหมครับ?” เฟิงหานชวนถามขึ้น

“ต้มเสร็จแล้วค่ะ คงจะเย็นแล้ว เดี๋ยวป้าไปอุ่นให้ฮวนฮวนนะคะ” แม่บ้านหลี่พูดขึ้นขณะที่กำลังจะเดินไปยังทิศทางของห้องครัว แต่กลับถูกเฟิงหานชวนเรียกดักไว้

“ไม่ต้องครับ แม่บ้านหลี่ไปพักผ่อนเถอะ ผมอยู่ทั้งคน” เฟิงหานชวนให้ความเคารพแม่บ้านหลี่มาก เพราะแม่บ้านหลี่สำหรับเขาแล้วเปรียบเสมือนแม่ของเขา

เฉินฮวนฮวนเองก็รีบพูดขึ้นว่า : “แม่บ้านหลี่ ไปพักผ่อนเถอะค่ะ เรากลับมาดึกขนาดนี้ รบกวนแม่บ้านจะแย่แล้วค่ะ”

“ไม่รบกวน ๆ เลยค่ะ ป้าต้องดูแลพวกคุณ ๆ ไม่ใช่เหรอคะ? ป้ารับเงินเดือนนะคะ จริงสิ พวกคุณไล่หลิวหลี่ถงออกเหรอคะ? ” แม่บ้านหลี่มองออกไปข้างนอก และเห็นหลิวหลี่ถงยืนอยู่บนลานกว้างเพียงแค่คนเดียว

เดิมทีเธอหลับไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวหลี่ถงร้องไห้คร่ำครวญออกมาเสียงดัง ก็คงไม่ตื่นหรอก

“เปล่าสักหน่อย เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ผมเคลียร์กับเฉินฮวนฮวนเรียบร้อยแล้วครับ” เฟิงหานชวนอธิบาย

แม่บ้านหลี่งุนงง ก่อนถามด้วยความสงสัยว่า : “เข้าใจผิดอะไรเหรอคะ?”

“แม่บ้านหลี่ ไม่มีอะไรหรอก ฉันทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เอง อีกอย่างวันนี้ตอนเที่ยงฉันก็หนีออกไปไม่บอกใครด้วย ก็เลยทำให้แม่บ้านเป็นห่วง” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหลิวหลี่ถงคงจะลำบากใจไม่น้อย ก็เลยไม่อยากบอกแม่บ้านหลี่ เปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่องอื่นแทน

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ต่อไปถ้าคุณนายจะไปหาคุณชายสาม บอกกับป้าสักคำก็พอค่ะ ไม่ต้องขอโทษหรอกนะคะ” แม่บ้านหลี่แค่คิดว่าเฉินฮวนฮวนอยากไปหาเฟิงหานชวน แต่อาย ก็เลยกระดากปากที่จะพูด

“ได้ค่ะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

……

หลังจากที่แม่บ้านหลี่ขึ้นชั้นบนไปแล้ว เฟิงหานชวนก็พาเฉินฮวนฮวนมาตรงโซฟา จากนั้นก็จับไหล่ของเธอ กดเธอนั่งลง

“ผมจะไปอุ่นยามาให้คุณ คุณรอผมตรงนี้นะ ดื่มยาเสร็จก็ค่อยขึ้นไปชั้นบน” เฟิงหานชวนยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของผู้หญิงตรงหน้าด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินจากไป

เฉินฮวนฮวนดึงแขนเสื้อของเขาไว้ และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “ฉันจะไปห้องครัวกับคุณด้วย”

“อย่าดื้อ รอผมตรงนี้” เฟิงหานชวนพูดปลอบใจ จากนั้นก็แกะมือของเธอออก และก้าวเท้าตรงไปยังทิศทางของห้องครัวทันที

เฉินฮวนฮวนกระทืบเท้าเบา ๆ สองครั้ง จากนั้นก็นั่งบนโซฟาอย่างว่าง่าย ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ก่อนจะเปิดโทรทัศน์

ในโทรทัศน์กำลังถ่ายทอดข่าวรัฐบาลอยู่พอดี เฉินฮวนฮวนไม่ได้สนใจอะไร จึงปิดโทรทัศน์อีกครั้ง

ในเวลานี้ จู่ ๆ เธอก็เหลือบไปเห็นเงาคนลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงหัวมุมผนัง เธอตกใจจนเกือบหัวใจวาย แต่เมื่อมองดี ๆ ก็พบว่าเป็นเสี่ยวลี่

เฉินฮวนฮวนรีบตะโกนออกไปทันที : “เสี่ยวลี่ เธอไปยืนทำอะไรตรงนั้น?”

เสี่ยวลี่ก้มหน้าและส่ายหน้าเบา ๆ ร่างทั้งร่างหลบอยู่หัวมุมผนัง ไม่กล้าแม้แต่จะเดินออกมา

เฉินฮวนฮวนรู้สึกแปลกใจ จึงรีบเดินเข้าไปหา เสี่ยวลี่ชำเลืองตามองไปยังห้องครัวด้วยท่าทางหวาดกลัว ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “คุณนายสาม คุณนายบอกคุณชายสามไปแล้วเหรอคะ? ฉัน…..”

เธอได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของหลิวหลี่ถงเมื่อสักครู่ จริง ๆ แล้วเธอก็เหมือนกับหลิวหลี่ถง จิตใจพะว้าพะวังมาตั้งแต่บ่าย เป็นกังวลกลัวว่าเฉินฮวนฮวนจะเปิดเผยเธอ

ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ เธอต้องถูกไล่ออกฐานฟ้องลับหลังนายจ้างแน่ ๆ

“เพราะเรื่องนี้เองเหรอ ไม่มีอะไรหรอก ฉันไม่ได้บอกเรื่องที่เธอบอกฉันหรอก อีกอย่างเขาและหลิวหลี่ถง ระหว่างพวกเขาสองคนก็ไม่ได้มีอะไรกันด้วย” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจให้กับเฟิงหานชวน ไม่อย่างนั้นเสี่ยวลี่คงจะคิดว่าเฟิงหานชวนและหลิวหลี่ถงต้องมีลับลมคมในต่อกันแน่ ๆ

“คุณนายสาม คุณนาย……มั่นใจใช่ไหม?” เสี่ยวลี่รู้สึกว่าบางทีคุณนายสามอาจจะแค่รักษาภาพลักษณ์ไว้ ดังนั้นจึงช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจให้กับคุณชายสาม

“คืนที่เธอเห็น ในงานเลี้ยงวันนั้น ใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนถามออกไปตรง ๆ

เสี่ยวลี่อึ้งงันไป ก่อนจะรีบพยักหน้า

“เขาไปช่วยยืมผ้าอนามัยจากหลิวหลี่ถงให้ฉัน ผู้ชายร่างใหญ่คนนั้นดันไม่เข้าใจ บอกว่าเป็นของใช้ของผู้หญิง หลิวหลี่ถงคิดว่าเป็นของเล่นอะไรแบบนั้น ดังนั้นจึงได้เห็นภาพอย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ” เฉินฮวนฮวนอธิบายเหตุการณ์นี้ให้กับเสี่ยวลี่ฟัง

เสี่ยวลี่ตกใจสุดขีด เวลานี้ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเบิกกว้าง สายตาของเธอมองเลยไปด้านหลังของเฉินฮวนฮวน

เมื่อเฉินฮวนฮวนหมุนตัวไปก็เห็นหลิวหลี่ถงยืนสีหน้าไร้ความรู้สึกอยู่ด้านหลังของเธอ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เหมือนกับผีสาว เกือบทำให้เธอหัวใจวายตาย

“คุณนายสาม ความจริงเป็นแบบนี้นี่เอง” น้ำเสียงของหลิวหลี่ถงเย็นเยียบ เธอพูดต่อว่า : “ฉันขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะ เชิญทั้งสองคุยตามสบาย”

เมื่อพูดจบหลิวหลี่ถงก็ตรงไปยังห้องแม่บ้านทันที ราวกับผีดิบที่ไร้วิญญาณ

หลังจากที่เสี่ยวลี่ได้ยิน ก็ตระหนักได้ว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่เสียแล้ว ตอนที่เธอกำลังคิดจะไปขอโทษนั้น เธอก็เห็นคุณชายสามยกถ้วยยาเดินออกมาพอดี

“คุณนายสาม คุณชายสาม ฉันขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ” เสี่ยวลี่กลัวเฟิงหานชวนมาก เธอรีบหายตัวไปไม่เหลือแม้แต่เงา

เฉินฮวนฮวนหมุนตัวไป เฟิงหานชวนก็เดินเข้ามาหาเธอ เขาวางถ้วยในมือลงบนโต๊ะน้ำชาตรงหน้าโซฟาพลางถามขึ้นว่า : “เมื่อกี้เสี่ยวลี่พูดอะไรกับคุณเหรอ?”

จริง ๆ แล้วเฟิงหานชวนรู้อยู่แล้ว มั่นใจว่าเสี่ยวลี่ต้องฟ้องเฉินฮวนฮวนแน่นอน เขาไม่พอใจกับการกระทำแบบนี้ของเสี่ยวลี่มาก

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของเฉินฮวนฮวน เขาจึงทำเหมือนไม่คิดอะไร

“ไม่มีอะไร ฉันอธิบายให้เธอฟังนิดหน่อย เรียกร้องความบริสุทธิ์ใจระหว่างคุณกับหลิวหลี่ถงค่ะ” เฉินฮวนฮวนโพล่งออกไป

แต่หลังจากที่พูดจบ เธอก็เพิ่งพบว่าเธอทรยศเสี่ยวลี่ไปแล้ว จึงรีบยกมือขึ้นมาปิดปาก พร้อมกับแสดงความเสียใจออกมาทางสีหน้า

“ไม่ต้องร้อนใจหรอก ผมรู้นานแล้วว่าเป็นเธอ” เฟิงหานชวนพาเฉินฮวนฮวนมานั่งลงตรงหน้าโซฟา จากนั้นก็ยื่นถ้วยยาไปตรงหน้าของเธอ

“อาหาน คุณอย่าไล่เธอออกเลยนะ เธอ…เธอบอกฉันก็เพื่อตัวฉัน” เฉินฮวนฮวนเขย่าแขนของเฟิงหานชวนเบา ๆ ช่วยเสี่ยวลี่ขอร้องอีกแรง

“ผมไม่ได้จะไล่เธอออกอยู่แล้ว” เฟิงหานชวนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา จากนั้นก็ตักยาต้มขึ้นมาเป่าเล็กน้อย ก่อนจะยื่นไปตรงปากของเฉินฮวนฮวน

คำพูดนี้ของเขา ทำให้เฉินฮวนฮวนคลี่ยิ้มมุมปาก

“กินยา อย่ามัวแต่ยิ้มซื่อบื้อ” เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนหัวเราะคิคะ เฟิงหานชวนก็เหลือบไปมองช้อนยา ก่อนจะมองไปทางเฉินฮวนฮวนด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง และสั่ง

“อื้อ” เฉินฮวนฮวนเม้มปากกินยาอย่างว่าง่าย

เพราะมันเป็นน้ำ เฉินฮวนฮวนจึงกินเองไม่ได้ สุดท้ายก็กลายเป็นเด็กทารกตัวใหญ่ไปโดยปริยาย ให้เฟิงหานชวนป้อนเธอทีละคำ

“ขมไหม?” เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนแทบจะขมวดคิ้วเข้าหากัน เฟิงหานชวนก็วางถ้วยยาลงบนโต๊ะน้ำชาทันที

เฉินฮวนฮวนมองไปทางเขา และรีบพยักหน้า ก่อนจะพูดว่า : “ขมมาก ฉันอยากไปกินลูกอมข้างบนแล้ว”

เฟิงหานชวนซื้อลูกอมให้เธอ เก็บอยู่ในลิ้นชักข้างหัวเตียงของเธอ

เพียงแต่ หลังจากที่เธอพูดประโยคนี้ออกไป ฝ่ามือใหญ่ก็โอบรอบท้ายทอยของเธอ ตามมาด้วยเงาเลือนรางที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า

ริมฝีปากของเธอถูกวัตถุเย็น ๆ ประกบลงมา

เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างทันใด เธอ เธอ เธอ…..เธอถูกเฟิงหานชวนจูบ?

เดิมทีหลีซืออวิ๋นคิดว่าเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนรู้จักกันได้ไม่นาน แม้ว่าจะหลงใหลในเรือนร่างและรูปลักษณ์ของเฉินฮวนฮวนก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทั้งสองคนจะรู้จักกันมานาน

ตอนนี้ เธอรู้สึกเหมือนมีเสียงวิ้งๆ อยู่ในสมอง เธอนึกไม่ถึงว่าภายในระยะเวลาสั้น ๆ เฉินฮวนฮวนจะตั้งท้องเร็วขนาดนี้

ถ้าลูกของเฟิงหานชวนลืมตาดูโลก เฉินฮวนฮวนก็จะได้ครองตำแหน่ง “คุณนายตระกูลเฟิง” ไปโดยปริยาย?

“มันเกิดขึ้นกะทันหันมาก ฉันกับฮวนฮวนก็ยังไม่ได้อยากมีลูกเร็วขนาดนี้ แต่ในเมื่อมีแล้ว ก็คงต้องเลี้ยงดูให้ดีที่สุด” สีหน้าของเฟิงหานชวนนั้นนิ่งสงบ น้ำเสียงก็ราบเรียบ ท่าทางสงบนิ่งไม่สะทกสะท้านใด ๆ

หลีซืออวิ๋นรู้สึกเหมือนมีมดนับหมื่นตัวกำลังไต่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันรู้สึกแย่จนหายใจไม่ออก

แต่เธอก็ยังดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คลี่ยิ้มด้วยความกระตือรือร้น ซึ่งเป็นรอยยิ้มไม่ยิงฟันดั่งกุลสตรีที่มีจิตใจงดงาม และพูดว่า : “งั้นก็คงเป็นความประสงค์ของฟ้าเบื้องบนแล้วล่ะ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าทั้งสองคนเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมา”

ถึงแม้ว่าเธอจะพูดออกไปแบบนี้ แต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกยินดีด้วยเลย

“เป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต” ประโยคนี้เฟิงหานชวนได้หันไปมองเฉินฮวนฮวน และพูดกับเธอ

ไม่เพียงแต่ตอบคำถามของหลีซืออวิ๋นเท่านั้น แต่ยังแอบสารภาพรักกับเฉินฮวนฮวนลับ ๆ ด้วย เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเขาร้ายไม่เบา

แต่ในใจกลับหอมหวานราวกับน้ำผึ้ง

……

มื้อค่ำคืนนี้พวกเขาฝากท้องไว้กับร้านอาหารหลานเซียง

เพราะร้านนี้มีวัตถุดิบสดใหม่ทั้งหมด รสชาติอร่อยถูกปาก เฉินฮวนฮวนกินจนอิ่มแปล้ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาลูบหน้าท้องด้วยความพอใจ

ทั้งหมดนี้เธอกินอยู่คนเดียว ส่วนหลีซืออวิ๋นและเฟิงหานชวนคุยเรื่องห้างสรรพสินค้าไปตลอดมื้ออาหาร เฉินฮวนฮวนขี้เกียจจะฟัง

แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เธอมั่นใจมาก นั้นคือความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน เป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ ไม่มีการลับลมคมในแต่อย่างใด กลับกลายเป็นเธอที่ใจแคบเกินไป

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนกินอิ่มหนำสำราญแล้ว เฟิงหานชวนก็หยุดสนทนากับหลีซืออวิ๋นไปทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมลงว่า : “ฮวนฮวนต้องกลับไปกินยา ฉันจะให้ซูอวี่ไปส่งเธอแล้วกันนะ”

เหมือนกันครั้งที่แล้ว ให้คนขับรถของตระกูลหลีไปส่งหลีซืออวิ๋นที่บริษัทอาร์ ทั้งที่เดิมทีตั้งใจจะให้เฟิงหานชวนไปส่งเธอที่บ้านตระกูลหลี แต่เฉินฮวนฮวนกลับแทรกตัวเข้ามาขวาง

“หานชวน ไม่ต้องลำบากซูอวี่หรอก ฉันให้คนขับรถของบ้านฉันมารับแล้ว นายพาฮวนฮวนกลับไปก่อนเถอะ” หลีซืออวิ๋นยกมือขึ้นมาม้วนผมอย่างอ่อนโยน ดูไปแล้วเหมือนจะเข้าใจดี

“คิดเงินที่ฉันนะ ขอตัวก่อนนะ” เฟิงหานชวนลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ดึงเฉินฮวนฮวนให้ลุกขึ้นตาม

เฉินฮวนฮวนนึกไม่ถึงว่าอิ่มปุ๊บก็ต้องกลับทันที เธอค่อย ๆ ดึงสติกลับมา จากนั้นก็รีบโบกมือไปทางหลีซืออวิ๋น : “พี่ซืออวิ๋น บ๊ายบาย!”

“บ๊ายบาย” หลีซืออวิ๋นยิ้มพร้อมกับตอบกลับไป

หลังจากนั้นเฟิงหานชวนก็จูงมือของเฉินฮวนฮวนเดินออกจากร้านอาหารหลานเซียงไป เหลือไว้แค่หลีซืออวิ๋นเพียงคนเดียว รอให้คนขับรถมารับที่ห้องวีไอพี

หลีซืออวิ๋นนึกถึงภาพที่เฟิงหานชวนจูงมือเฉินฮวนฮวนเดินออกไปอยู่ในหัวตลอดเวลา ท่าทางสนิทสนมแบบนั้น ทำให้เธอเกลียดจนต้องกัดฟันกรอด

จากนั้นก็ล้วงไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าหนังจระเข้ลิมิเต็ดใหม่ล่าสุด และรีบกดโทรเบอร์ทันที : “มัวหาอะไรอยู่? ยังหาไม่เจออีกรึไง?”

เธอแทบจะตะโกนออกมาเสียงดัง

“คุณหนูหลี ผมหาเจอแล้ว! เห็นว่าวันนี้ดึกมากแล้ว ก็เลยตั้งใจว่าจะติดต่อคุณหนูไปพรุ่งนี้ เพียงแต่…..” น้ำเสียงที่เอ้อระเหยลอยชายของอีกฝ่ายดังขยายออกมา ตามมาด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยการข่มขู่ : “เงินของคุณหนู ไม่ค่อยพอเท่าไหร่นะ”

“นายหมายความว่ายังไง? ราคาที่นายเสนอมามันไม่ต่ำเลยนะ ฉันจ่ายไปหมดแล้วด้วย นายจะเอาอะไรอีก?” หลีซืออวิ๋นเบิกตากว้าง ก่อนจะกัดฟันแน่น

ลูกน้องที่อยู่ใต้บัญชาของตัวเองหาข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังของเฉินฮวนฮวนไม่ได้ ดังนั้นหลีซืออวิ๋นจึงต้องจ้างนักสืบฝีมือดี นักสืบผู้รู้ความลับมากมาย ด้วยเงินก้อนใหญ่จำนวนหนึ่ง

“คุณหนูหลี พรุ่งนี้คุณว่างไหม? สู้เราออกมาคุยกันหน่อยดีกว่า?” เฉินเจี๋ยแสยะยิ้ม ก่อนจะพูดว่า : “ถ้าคุณหนูไม่อยากรู้ ผมก็จะคืนเงินทั้งหมดกลับไปให้คุณหนู ถ้าคุณหนูอยากรู้……..”

หลีซืออวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อย ได้แต่จำใจต้องยอม : “ได้ พรุ่งนี้บ่ายสอง ห้อง 2102 อวิ๋นซูอพาร์ทเม้นท์ 3”

“ตกลง แล้วเจอกันนะครับ~” เฉินเจี๋ยพึงพอใจมาก เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจ

หลีซืออวิ๋นไม่รู้ว่าเฉินเจี๋ยจะอุบไว้ทำไม แต่เธอก็มั่นใจว่าเฉินเจี๋ยจะต้องเจอเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเล่นเนื้อเล่นตัวแบบนี้

เพื่อต้องการรู้เบื้องหลังของเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวน เธอจึงต้องลงทุน ยอมจ่ายเงินจำนวน 5 ล้านหยวนเต็ม ตอนนี้เฉินเจี๋ยกลับบอกว่ายังน้อยเกินไป

เมื่อคิดได้ หลีซืออวิ๋นได้แต่กำมือแน่นอย่างเงียบ ๆ

….

เฟิงหานชวนขับรถพาเฉินฮวนฮวนกลับบริษัทหมิงอวี่

เมื่อได้ยินเสียงรถ หลิวหลี่ถงก็รีบวิ่งออกมาจากห้องรับแขกทันที จากนั้นก็รีบเดินตรงไปยังข้างรถsuv สีดำอย่างรวดเร็ว

เมื่อตอนบ่ายเธอได้ยินแม่บ้านหลี่พูดว่าคุณนายสามไปบริษัทของคุณชายสามแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่กล้านิ่งนอนใจ ได้แต่รอสามีคู่นี้กลับมา

เธอกลัวว่าเฉินฮวนฮวนจะไปฟ้องเรื่องของเธอกับคุณชายสาม เธอไม่อยากถูกไล่ออก ดังนั้นจึงได้อกสั่นขวัญแขวนตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำ

จนกระทั่งประตูรถเปิดออก เรียวขายาวของผู้ชายก้าวลงจากรถ หลิวหลี่ถงรีบเอ่ยขึ้นทันที : “คุณชายสาม สวัสดีตอนค่ำค่ะ”

เมื่อเห็นหลิวหลี่ถงยืนอยู่หน้าประตูรถของตัวเอง เฟิงหานชวนก็คิดขึ้นได้ว่าเฉินฮวนฮวนอาจจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลิวหลี่ถง เขาจึงแสดงท่าทางไม่สบอารมณ์กับหลิวหลี่ถง

“ออกไป!” เขาตำหนิด้วยเสียงเย็นชา

เพราะรถจอดอยู่บนลานกว้าง โคมไฟดวงเล็กของลานกว้างค่อนข้างริบหรี่ เฉินฮวนฮวนที่กำลังสะลึมสะลือ แทบจะอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนเดินเข้ามา

เสียงเมื่อสักครู่ของเฟิงหานชวนทำให้เธอตกใจจนเด้งตัวขึ้นมานั่ง จากนั้นก็หันไปมองที่นั่งของเฟิงหานชวน พบว่าเฟิงหานชวนลงจากรถไปแล้ว และกำลังยืนอยู่ตรงข้ามหลิวหลี่ถง

เฉินฮวนฮวนขยี้ตาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามออกไป : “เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อหลิวหลี่ถงได้ยินว่า “ออกไป” เมื่อสักครู่ ร่างทั้งร่างตกอยู่ในอาการอึ้งงัน คิดแค่ว่าเฟิงหานชวนให้เธอเก็บกระเป๋าออกไปจากบ้าน เธอแค่รู้สึกเหมือนเลือดในร่างกายมันแข็งตัวไปชั่วขณะ

ที่แท้เฉินฮวนฮวนก็ไปฟ้องเรื่องของเธอจริง ๆ!

“พรึ่บ” เสียงหนึ่งดังขึ้น หลิวหลี่ถงคุกเข่าตรงหน้าของเฟิงหานชวน ก่อนจะร้องไห้คร่ำครวญ : “คุณชายสาม ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะนะคะ ฉันอยากทำงานนี้จริง ๆ ขอร้องละคะ คุณชายอย่าไล่ฉันออก…….”

เฉินฮวนฮวน : “?”

เธออึ้งงั้นไป เฟิงหานชวนไล่หลิวหลี่ถงออกงั้นเหรอ?

นอกจากคำว่า “ออกไป” อย่างอื่นเธอก็ไม่ได้ยินอะไรอีก

เฉินฮวนฮวนรีบเปิดประตูฝั่งข้างคนขับลงมาทันที จากนั้นก็เดินอ้อมรถตรงไปยังข้างกายของเฟิงหานชวน

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนเดินมา หลิวหลี่ถงรีบพุ่งตัวไปหาเฉินฮวนฮวนทันที มือทั้งสองข้างกอดขาของเฉินฮวนฮวนไว้แน่น ก่อนจะร้องขอ : “คุณนายสาม ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นนะคะ คุณนายให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะ ต่อไปฉันจะดูแลคุณอย่างดี ให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะนะคะ!”

เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นหลิวหลี่ถงร้องไห้อย่างน่าสงสาร เธอเองก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากหันไปพูดกับเฟิงหานชวนว่า : “ให้โอกาสเธออีกสักครั้งเธอนะคะ เธอทำงานว่องไว ถ้าเปลี่ยนคนอีก คนใช้ในบ้านเก่าก็คงจะไม่พอ คนใหม่ก็ต้องเข้ามาปรับตัวกันอีก”

“อื้อ” เฟิงหานชวนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนพยักหน้าตอบรับ จิตใจของหลิวหลี่ถงก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที เธอลุกขึ้นยืนจากพื้น เช็ดคราบน้ำตา จากนั้นก็พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า : “คุณชายสาม คุณนายสาม วางใจได้เลยค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุด”

เฟิงหานชวนไม่ได้สนใจ เอื้อมมือออกไปโอบเอวของเฉินฮวนฮวน จากนั้นก็โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหูของเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า : “ผมจะพาคุณไปกินยานะครับ”

“ค่ะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า จากนั้นก็แนบชิดเข้าไปในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องรับแขกอย่างสนิทสนม ส่วนหลิวหลี่ถงกลับยังยืนอยู่ที่เดิม มองตามแผ่นหลังของพวกเขาสองคนจนลับหายไปตรงหน้าของเธอ

เธอกำมือทั้งสองข้างแน่น ทำงานได้ว่องไว เฉินฮวนฮวนคิดว่าเธอเป็นแค่คนรับใช้เหรอ?

ก็แค่ไก่บ้านไร้ค่าที่กลายเป็นหงส์ฟ้า แต่กล้าแสดงความเป็นนายหญิงอย่างมั่นใจต่อหน้าของเธอ!

“หานชวน งั้นแผนของโครงการนี้ก็วางแผนไว้แบบนี้ก่อนแล้วกัน”

เสียงอ่อนโยนของหญิงสาวดังขึ้น มือเรียวเพ้นท์เล็บ ค่อย ๆ วางลงบนบ่าของชายหนุ่ม แล้วถามขึ้น “ฟ้าค่ำมืดแล้ว ไปทานอาหารเย็นด้วยกันเถอะ”

เฉินฮวนฮวนฟังหญิงสาวพูด รู้สึกเพียงว่าเสียงที่อ่อนโยนนี้แทบจะกร่อนเข้าสู่กระดูกแล้ว อีกอย่างเสียงนี้ทำให้เธอเดาได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใครในทันที

เธอเคยได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนี้ คือหลีซืออวิ๋น

เฉินฮวนฮวนเอามือปิดปาก ไม่กล้าพูดอะไร เธออยากแอบฟังว่าเฟิงหานชวนจะตอบว่าอะไร

วินาทีต่อมา เสียงของเฟิงหานชวนก็ดังขึ้น ยังคงเย็นชาเฉยชาอยู่แบบนั้น “ได้สิ”

เฉินฮวนฮวนได้ยินคำนี้ หัวใจก็หล่นตุบในทันที สีหน้าเผยให้เห็นถึงความผิดหวัง

ทั้ง ๆ ที่เฟิงหานชวนเคยรับปากเธอไว้ ว่าจะรักษาระยะห่างกับหลีซืออวิ๋น แต่ตอนนี้ล่ะ คนสวยเอ่ยว่าไปทานข้าว เขาแทบรอไม่ไหวที่จะตอบรับ

เชอะ!

ยังเห็นเธอที่เป็นภรรยาอยู่ในสายตาไหม?

ในตอนที่เธอกำลังโมโหอยู่เป็นอย่างมาก เธอเห็นเฟิงหานชวนลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ คลายเนกไทออก แล้วพูดเสียงทุ้ม “ภรรยาของฉันเฉินฮวนฮวน กำลังนอนอยู่ในห้องพักผ่อน พอดีเลยคืนนี้จะแนะนำให้พวกเธอรู้จักกันอย่างเป็นทางการ”

พูดจบ เฟิงหานชวนก็หมุนตัวกลับ แล้วพูดต่อ “ฉันไปปลุกเธอจากที่นอน…”

คำว่า “ที่นอน” คำสุดท้าย เฟิงหานชวนตั้งใจลากเสียงยาว เพราะเขาเห็นเฉินฮวนฮวนที่หลบอยู่ที่ประตูแล้ว

เฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนสบตากันอย่างไม่คาดคิด เธอจึงรีบปิดประตูลง แล้วพยายามยืดตัว อกผายไหล่ผึ่ง แสร้งทำเป็นว่าเมื่อครู่ไม่ได้แอบฟังอยู่

หลีซืออวิ๋นก็หันตัวมาพอดี จึงเห็นเฉินฮวนฮวนที่กำลังอกผายไหล่ผึ่งอยู่ สีหน้าของเธออึ้งอยู่ไม่กี่วินาที จากนั้นก็ยิ้มขึ้นในทันที

“นี่ก็คือน้องฮวนฮวน? ในที่ก็เจอตัวเป็น ๆ สักที!” หลีซืออวิ๋นทักทาย แล้วเดินสวมรองเท้าส้นสูงเข้ามาหาเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนยกมือขึ้น โบกมือทักทายหลีซืออวิ๋น ยิ้มเก้ ๆ กัง ๆ ทักทายเธอ “สวัสดีค่ะ คุณหลี”

“เธอรู้จักฉันเหรอ?” หลีซืออวิ๋นตะลึงนิดหน่อย

“เอ่อ…ฉัน…” เฉินฮวนฮวนนึกขึ้นได้ว่า เธอกับหลีซืออวิ๋นยังไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ตามหลักแล้วควรจะไม่รู้จักฝ่ายตรงข้าม

ในตอนที่เธอหน้าเสียจนจิกเล็บเท้า เฟิงหานชวนก็พูดอธิบายขึ้น “ฮวนฮวนฟังออกว่าเป็นเสียงของเธอ ฉันเคยแนะนำเธอกับฮวนฮวน เธอเป็นเพื่อนของพวกเรา”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง ฉันนึกว่าฮวนฮวนเคยเจอฉันที่ไหนมาก่อนนะเนี่ย!” หลีซืออวิ๋นเอามือปิดปาก แล้วหัวเราะเบา ๆ

รอยยิ้มของเธอ ดูสง่าราศรีมาก ทำให้สายตาของเฉินฮวนฮวนติดหนึบอยู่บนตัวของหลีซืออวิ๋น

ถ้าหากเธอคือเฟิงหานชวน ผู้หญิงสวยมีสง่าราศีขนาดนี้อยู่ตรงหน้า เธอคงไม่แต่งงานกับเฉินฮวนฮวน ต้องแต่งงานกับหลีซืออวิ๋นแน่นอน!

“คุณหลีคะ คุณสวยมากจริง ๆ ค่ะ!” เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม

ไม่พูดไม่ได้ว่า ก่อนหน้านี้เฉินฮวนฮวนเคยเห็นรูปของหลีซืออวิ๋น แต่ตอนนี้ได้เจอตัวจริง เห็นได้ว่าตัวจริงสง่างามกว่าในรูป แล้วก็สวยกว่าในรูป

จู่ ๆ ถูกเฉินฮวนฮวนชม ทำให้หลีซืออวิ๋นอึ้งไปนิดหน่อย จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ฮวนฮวน เธอชมเกินไปจริง ๆ! เธอก็น่ารักมาก ความสวยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”

หลีซืออวิ๋นพูดเก่งมาก เฉินฮวนฮวนเขินจนหน้าแดง

เห็นพวกเธอเข้ากันได้ดี เฟิงหานชวนก็โล่งใจ เดิมทีเขายังเป็นกังวลว่าเด็กขี้หึงในบ้านคนนี้ จะไม่ไว้หน้าเขาเสียแล้ว

เดิมทีเขากะว่าจะรักษาระยะห่างกับหลีซืออวิ๋นจริง ๆ แต่ตอนบ่ายวันนี้หลีซืออวิ๋น ไม่ได้บอกเขาไว้ก่อนว่าจะนำแผนโครงการมาหาเขาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง เขาจึงทำได้เพียงต้อนรับเธอ

“ซืออวิ๋น ตอนนี้สถานการณ์ของฮวนฮวนค่อนข้างพิเศษ ฉันกะว่าจะพาเธอไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารหลานเซียง” เฟิงหานชวนตัดตอนการพูดคุยระหว่างทั้งสอง แล้วพูดกับหลีซืออวิ๋น “ร้านอาหารหลานเซียงรสชาติค่อนข้างจืด เธอไม่แคร์นะ?”

เฉินฮวนฮวนได้ยินว่าร้านอาหารหลานเซียง ก็ถลึงตาโตในทันที นี่เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ร้านอาหารสั่งสดทำสด ทำอาหารจีนเป็นหลัก

วัตถุดิบสดใหม่เป็นอย่างมาก ผักสดเก็บสด ๆ สัตว์เล็กถูกฆ่าเป็น ๆสัตว์ใหญ่ถูกฆ่าภายในวันนั้นเป็นเนื้อที่สดใหม่ และส่วนผสมก็แสนจะเรียบง่ายในตอนปรุงอาหาร ไม่มีการเติมเครื่องปรุงรสเคมี แม้กระทั่งบางเมนู ใส่เพียงแค่เกลืออย่างเดียวเท่านั้น

ร้านนี้บอกเลยว่าจองคิวได้ยาก เพราะว่าทำสดขายสด ใช้เวลานานมาก ในหนึ่งวันรับลูกค้าตามจำนวนที่กำหนด มีหลายคนมากที่ต่อคิวไม่ได้

“อาหาน พวกเราไปร้านอาหารหลานเซียง จะไม่ได้ทานไหม? ฉันได้ยินว่าไม่จองคิวล่วงหน้าหลายวัน ก็ไม่มีคิวแล้ว” เฉินฮวนฮวนพูดขึ้นทันที

ในสายตาของเธอ เธอเป็นกังวลว่าจะได้ทานข้าวไหว แต่กลับมองข้ามคำพูดที่เฟิงหานชวนพูดในตอนเริ่มต้น

อีกอย่าง หลีซืออวิ๋นไม่เหมือนกับเธอ หลีซืออวิ๋นก็จับประเด็นหลักได้สองที่ หนึ่งคือ “สถานการณ์ของฮวนฮวนค่อนข้างพิเศษ” อีกอย่างก็คือ “อาหาน” คำเรียกที่เฉินฮวนฮวนเรียกเฟิงหานชวน

“อาหาน” คำเรียกนี้ เป็นคุณแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วของเฟิงหานชวนเรียกเขาโดยที่ไม่เหมือนใคร เฟิงหานชวนไม่อนุญาตให้คนอื่นเรียกเขาว่า “อาหาน” ดังนั้นไม่มีคนเรียกเขา “อาหาน”

แต่ตอนนี้ เฉินฮวนฮวนเรียก “อาหาน” อย่างเปิดเผย เดิมทีคิดว่าเฟิงหานชวนจะโกรธ แต่วินาทีต่อมา หลีซืออวิ๋นกลับเห็นด้วยตาตัวเองว่าเฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก แล้วยกมือลูบหัวเฉินฮวนฮวนเบา ๆ

ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดโดยที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนพูดกับเฉินฮวนฮวน “เด็กโง่ ผมจะให้คุณไม่ได้ทานข้าวได้ยังไง?”

เฉินฮวนฮวน “…”

จากนั้นเฉินฮวนฮวนถึงนึกขึ้นได้ ว่าเธอดูถูกความสามารถของเฟิงหานชวน เป็นถึงประธานของบริษัทอาร์ ยังจำเป็นต้องต่อคิวอีกเหรอ?

ไม่ว่าจะใช้เส้น ใช้หน้าตา เขาต้องมีวิธีอยู่แล้ว

“หานชวน ฮวนฮวนสุขภาพไม่ค่อยดีเหรอ? เมื่อกี้นายพูดว่าสถานการณ์ของเธอค่อนข้างพิเศษ ถ้าฮวนฮวนไม่สบาย อาหารมือนี้ก็ไม่ต้องทานก่อนหรอก พาเธอไปโรงพยาบาลก่อน” หลีซืออวิ๋นเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น น้ำเสียงยังคงอ่อนโยนดังเดิม

เธออยากจะถามให้ชัดเจนว่า สถานการณ์พิเศษนี้ มันพิเศษยังไง

“ไปโรงพยาบาลแล้ว” เฟิงหานชวนโอบบ่าของเฉินฮวนฮวนอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมกอด น้ำเสียงจริงจังมาก “ฮวนฮวนตั้งครรภ์แล้ว ดังนั้นอาหารการกินต้องระวังหน่อย”

“ตั้ง ตั้งครรภ์แล้ว?” หลีซืออวิ๋นตะลึงไปเลย เผยให้เห็นสีหน้าที่แทบไม่อยากจะเชื่อ “พวกนายเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นานนี่!”

เฉินฮวนฮวนคิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะพูดออกมาเร็วขนาดนี้ ทำให้เธอรู้สึกเก้กัง ยิ่งไปกว่านั้นคือรู้สึกผิด ในเมื่อเด็กคนนี้ ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเฟิงหานชวน

เพียงแต่ความเก้กังนั้นก็เพียงชั่วครู่เดียว หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความหวานในทันที เฟิงหานชวนบอกกับคนอื่นแบบนี้ เห็นได้ว่าเธอให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้ขนาดไหน

ยังไงก็ตามหลีซืออวิ๋นไม่ได้สังเกตเห็นถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเฉินฮวนฮวน ในตอนนี้เธอช็อก ช็อก ช็อก

“เฟิงหานชวน คุณบ้าไปแล้วหรือ?”

เฉินฮวนฮวนเพิ่งจะรู้สึกตัว จ้องเขม็งด้วยความโกรธและตะโกนว่า "เมื่อครู่ถูกเลขาของคุณเห็นเข้าแล้ว เธอไม่มีทางเชื่อว่าฉันเป็นหลานสาวของคุณอีก อากับหลานจะมีความคลุมเครือแบบนี้ได้ยังไง…… "

“แล้วเราเป็นอาหลานกันเมื่อไหร่? คุณเป็นหลานสาวของผมหรือ?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงเดียว

“ฉัน……” เฉินฮวนฮวนพูดไม่ออก เธอขดริมฝีปากแล้วพูดว่า: “ฉันไม่ใช่หลานสาวของคุณจริงๆ แต่……แต่แกล้งทำเข้าใจไหม?”

“ทำไมคุณต้องแกล้งทำ? ใครกันแน่ที่บอกนักบอกหนาว่าต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะ?” เฟิงหานชวนแสดงความไม่พอใจ

เฉินฮวนฮวน: "……"

เธอยื่นมือออกและเกาศีรษะแล้วยืนยันว่า “ฉันเคยพูดแบบนี้จริงเหรอ?”

เธอเหมือนจะคลับคล้ายคลับคราว่าเคยพูดเมื่อคืนวันก่อน ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าตัวเองตั้งท้อง ภายใต้การไล่ถามของติงเซียง เธอคิดที่จะบอกติงเซียงเรื่องการแต่งงานของเฟิงหานชวนกับเธอ

เฟิงหานชวนก็อยู่ที่นั่นในตอนนั้น เธอพูดต่อหน้าเฟิงหานชวน แต่ว่านั่นไม่นับว่าเป็นการเปิดเผยมั้ง

“ต้องการให้ผมช่วยรื้อฟื้นให้ไหม” เฟิงหานชวนก้มศีรษะและเอนตัวเข้ามาใกล้เธอ จมูกของเขาเกือบจะแตะตรงกลางคิ้วของเธอ

ความใกล้ชิดสนิทสนมของเขาทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกร้อนบนใบหน้าของเธอ เธอหันหน้าหนีและพึมพำด้วยเสียงเบา: "ฉันจำได้ ฉันจำได้ ไม่ต้องรื้อฟื้น … "

“ตอนนี้ฉันแกล้งทำเป็นหลานสาวของคุณ ก็เป็นเพราะต้องเข้าร่วมการประกวดนี่~บริษัทคุณมีคนตั้งมากมาย ความสัมพันธ์ของเราถูกเปิดเผยที่บริษัทคุณ ไม่ใช่เท่ากับการบอกให้โลกรู้หรือ?

เฟิงหานชวนมองดูด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอแอบขดริมฝีปาก ฝ่ามือทั้งสองเลื่อนออกจากโต๊ะและยื่นออกมาจากชายเสื้อของเธอ

สัมผัสที่เย็นเฉียบเล็กน้อยทำให้เฉินฮวนฮวนกระตุกฉับพลัน รีบหันศีรษะจ้องตาเฟิงหานชวน เธออ้าปากและกำลังคิดจะต่อต้านชายคนนี้ แต่พบว่า…… เฟิงหานชวนไม่ได้จะทำอะไรเธอ แต่ช่วยเธอติดกระดุมให้เรียบร้อย

จากนั้นก็รีบเอามือทั้งสองออกอย่างเร็ว กลับสู่กลางอากาศใหม่

“ขอบคุณ ขอบคุณ” เฉินฮวนฮวนหรี่ตาลงอย่างเขินอายและกล่าวขอบคุณเสียงเบา

“เมื่อครู่คุณแค่อยากตะโกนใส่ผมหรือ?” เฟิงหานชวนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของเฉินฮวนฮวนเมื่อครู่นี้

“เอ่อ……ไม่ ไม่ใช่นะ……” เฉินฮวนฮวนเพียงแค่อยากปฏิเสธในขณะนี้

“ไม่พูดความจริง?” ริมฝีปากของเฟิงหานชวนยิ่งงอนมากขึ้น เขาเอียงตัวไปที่ข้างหูของหญิงสาวและกระซิบว่า “ถ้าคุณไม่บอกความจริงหล่ะก็ ผมจะปลดกระดุมคุณอีกครั้ง”

เฉินฮวนฮวนโพล่งออกมา: "คนเลว!"

วินาทีต่อมา อากาศก็แข็งตัว เธอรีบปิดปากของตัวเองทันที จากนั้นส่ายหัวอย่างกะทันหัน ดวงตาโตคู่ที่ดูไร้เดียงสาแอบมองตรงหน้าอย่างลับๆ

“หือ? คนเลว?” เฟิงหานชวนยกมือทั้งสองข้างวางบนโต๊ะอีกครั้ง กอดหญิงสาวไว้ด้านหน้าแน่น

ความรู้สึกถูกกดขี่เกิดขึ้นทันที เฉินฮวนฮวนรีบอ้อนวอนขอความเมตตา “อาหาน นี่คือปรับเปลี่ยน~ไม่ใช่คำด่า~”

“เปลี่ยน อารมณ์?” เฟิงหานชวนพบว่าผู้หญิงคนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งฉลาดขึ้น

เสียงทุ้มต่ำของเขาพูดช้าๆ “คุณแน่ใจหรือว่าสภาพร่างกายของคุณตอนนี้ มีคุณสมบัติที่จะมีปรับเปลี่ยนกับผม?”

เฉินฮวนฮวน: "……"

สู้ไม่ได้ สู้ไม่ได้ เธอสู้เฟิงหานชวนไม่ได้สักนิดเลยจริงๆ

“มันดึกแล้ว อาหาน ฉันต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว คุณยังต้องทำงาน ฉันไม่ควรรบกวนคุณ” เฉินฮวนฮวนตัดสินใจถอยหลัง

“อยู่พักที่นี่” ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มจับเอวเธอไว้

เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที สมองอดไม่ได้ที่จะคิดไปเรื่อยเปื่อย เธอกระพริบตาทั้งสองข้างและส่ายหัวอย่างกะทันหันเพราะกลัวว่าเฟิงหานชวนจะชวนเธอทำสิ่งที่ถูกขัดจังหวะก่อนหน้านี้

“ที่นี่มีห้องนั่งเล่น พักผ่อนที่นี่มีอะไรไม่เหมาะ?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูออกว่าไม่พอใจขึ้นมา

ห้องนั่งเล่น

เฉินฮวนฮวนจู่ๆนึกขึ้นมาได้ เธอเบิกตากว้างทันทีและชี้ไปที่ประตูลับ "ก็คือที่นี่!"

“ถูกต้อง คุณเคยพักผ่อนด้านในแล้ว” เฟิงหานชวนนึกว่าเฉินฮวนฮวนเห็นด้วยแล้ว

แต่วินาทีถัดมา เฉินฮวนฮวนเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของเฟิงหานฉวน และพูดพร้อมกับทำแก้มป่องออกมาว่า “ตอนนั้น คุณทำกับฉัน……คุณอาศัยตอนฉันหลับ……”

“ไม่ได้ ฉันจะกลับไป ถ้าหากว่าคุณอาศัยตอนฉันหลับ แล้วทำอะไรอีก……ฉัน”

สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนทันที เปลี่ยนเป็นมืดมนขึ้นมา เขาจับหัวของหญิงสาวและถามอย่างเย็นชาว่า "ฮวนฮวน สถานการณ์ของคุณตอนนี้ ผมจะทำอะไรกับคุณได้?"

เฉินฮวนฮวน: "……"

เธอคิดว่าคำพูดของเฟิงหายชวนค่อนข้างมีเหตุผล

“ตราบใดที่คุณเชื่อฟังและไม่ยั่วผม ผมยังคงสามารถยับยั้งตัวเองได้” เฟิงหายชวนยกมือขึ้นและช่วยเฉินฮวนฮวนปัดผมที่บังหน้าผากอย่างอ่อนโยน

เฉินฮวนฮวนเข้าใจอยู่แล้วว่าสิ่งที่เฟิงหานชวนพูดหมายถึงอะไร เธอหน้าแดงและเบ้ปากพูดว่า "เห็นๆกันอยู่ว่าคุณเป็นคนเริ่มทุกครั้ง……แล้วคุณโยนความรับผิดชอบให้ฉัน…… "

“ผิดแล้ว” เฟิงหานชวนพูดโดยไม่ลังเลเบาๆว่า: “เพียงแค่มีเสียงลมพัดต้นหญ้า ก็สามารถรบกวนผมได้”

“……” เฉินฮวนฮวนตัดสินใจเลิกเถียงกับเฟิงหานชวน

อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถพูดหรือเอาชนะเฟิงหานชวนได้เลยสักนิด คนเขาเป็นสุนัขจิ้งจอกพันปี เธอเป็นแค่คนที่โง่เขลา

เพียงแต่ว่า สุนัขจิ้งจอกพันปีทนเธอเป็นอย่างมากและยังทนต่อเด็กในท้องของเธอ แค่นี้ก็เพียงพอที่เธอจะให้อภัยความเอาแต่ใจของเขา

เฉินฮวนฮวนยื่นนิ้วชี้ออก แล้วชี้ที่หน้าอกของชายหนุ่มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ปล่อยฉันลง ฉันจะไปนอนที่ห้องนั่งเล่นสักครู่ ฉันยังไม่ได้งีบตอนกลางวันเลย คุณทำงานต่อ……ในเมื่อคุณต้องการพวกเราสองแม่ลูก คุณต้องหาเงินเก่งๆเพื่อซื้อนมผง”

เมื่อได้ยิน เฟิงหานชวนยิ้มอย่างโล่งอก ก้มศีรษะลงและจูบหน้าผากหญิงสาวอย่างอ่อนโยน จากนั้นยกเธอขึ้นบนไหล่และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น

วางเฉินฮวนฮวนราบบนเตียงในห้องนั่งเล่น เฟิงหานชวนยังช่วยเธอถอดรองเท้าอย่างพิถีพิถัน ช่วยเธอคลุมผ้าห่ม แล้วนั่งลงที่ข้างเตียงเพื่อสางผมให้เรียบ

“นอนให้สบายใจ มีเรื่องอะไรเรียกผม ผมอยู่ด้านนอกตลอด” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลอ่อนโยนสุดขีด

“ค่ะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าแล้วหลับตาลง

จนกระทั่งหลังจากเฉินฮวนฮวนหลับไปแล้ว เฟิงหานชวนถึงจะออกจากห้องนั่งเล่นแบบเบามือเบาเท้า และกลับออกไปที่สำนักงานด้านนอก

……

ตอนกลางคืน

เฉินฮวนฮวนตอนกลางวันหลับนานไปสักหน่อย แต่หลับอย่างสบาย

หลังจากตื่นนอน ท้องฟ้าด้านนอกมืดมิด ไฟนีออนก็สว่างขึ้น และห้องนั่งเล่นก็เป็นหน้าต่างสูงจากเพดานจรดพื้น เมื่อหันศีรษะกลับมาก็สามารถมองเห็นโลกที่เต็มไปด้วยสีสันภายนอกหน้าต่าง

เดิมทีสำหรับเฉินฮวนฮวนแล้วโลกช่างมืดมิด จนถึงตอนนี้เธอรู้สึกว่าโลกเริ่มมีสีสันสดใสขึ้นอย่างช้าๆ

สาเหตุเป็นเพราะเฟิงหานชวน

เธอลุกจากเตียง ไม่กล้าเคลื่อนไหวเสียงดังออกมา เดินไปที่ประตูเงียบๆ แล้วเปิดช่องเล็กๆเพื่อแอบดูว่าเฟิงหานชวนกำลังทำอะไรอยู่

เมื่อเธอมองไปแล้ว พบว่าเฟิงหานชวนนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน และข้างๆเขามีผู้หญิงที่สง่างามคนหนึ่งยืนอยู่

ผู้หญิงคนนี้สูง แต่งกายด้วยชุดกระโปรงผ้าถักรัดรูป เพียงแค่มองจากด้านหลังก็รู้สึกดึงดูดมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ทำให้เธอรู้สึกว่ามีความรู้สึกที่คุ้นเคย

ในที่สุดเฉินฮวนฮวนก็เข้าใจแล้วว่า อะไรเรียกว่าทุนนิยม

เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพยักหน้า ก่อนจะกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ได้ คุณบอกจะจัดการยังไงก็จัดการอย่างนั้นเถอะ”

“จัดการตามที่คุณบอก ก็เหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อน ไม่ทำให้คนได้บทเรียน กลับจะทำให้คนอื่นแย่ลงด้วย” เฟิงหานชวนกล่าวเตือน

เฉินฮวนฮวนรู้ดีว่า เขาหมายถึงเรื่องของหลี่เหมยและอันฉี

“อืม ฉันรู้แล้ว ทำตามที่คุณบอกแล้วกัน” เธอพยักหน้าอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนเห็นด้วยจริงๆ เฟิงหานชวนเอ่ยบอกเสียงเย็น “ซย่าฉิง ไปบอกซูเฉียงว่าจัดการตามนี้”

ซูเฉียง คือหัวหน้าแผนกทรัพยากรมนุษย์

“ค่ะ ประธานเฟิง” ซย่าฉิงรับคำสั่ง เธอเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างเชื่อฟัง

เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง เธอยืนอยู่ด้านนอกประตู เดิมทีเธอตั้งใจจะเดินไป ทว่าเธอกลับหยุดฝีเท้าลง

เดิมทีความคิดของเธอที่มีต่อประธานเฟิงนั้นเปลี่ยนไปน้อยมาก เมื่อวานหลังจากรู้ว่าเฟิงหานชวนแต่งงานแล้ว เธอเกือบจะปล่อยเฟิงหานชวนไปแล้ว

เพราะเธอคิดว่า บางทีชีวิตนี้ประธานเฟิงอาจจะไม่มองมาที่เธอแล้ว

เมื่อสักครู่เธอพบว่าประธานเฟิงเปลี่ยนไป หรือเธออาจจะพบอีกด้านหนึ่งของประธานเฟิง เดิมทีเขาไม่ใช่คนเย็นชาไร้ความรู้สึก เขาก็เอาใจใส่ผู้หญิงเป็นเหมือนกัน

แม้ว่าเขาจะยังดูเย็นชา ทว่าเธอมองออกว่าเขาเอาอกเอาใจคุณหนูเฟิงตัวปลอมคนนั้นมาก

ทว่า เมื่อคิดว่าคุณหนูเฟิงตัวปลอมคนนั้นเป็นผู้หญิงในความลับเพียงคนเดียวของประธานเฟิง และภรรยาตัวจริงของเขากลับอยู่เฝ้าบ้านตามลำพัง ทันใดนั้น ซย่าฉิงก็รู้สึกว่า แท้จริงแล้วผู้ชายก็เหมือนกันหมด

เดิมทีเธอคิดว่าประธานเฟิงจะไม่เป็นเช่นนั้น

ในใจซย่าฉิงรู้สึกแย่มาก และรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม คนเจ้าชู้อย่างประธานเฟิงกลับไม่สนใจตัวเองเลย ตัวเองไม่มีเสน่ห์เลยเหรอ

หรือบางที เธอจะไม่ใช่สเปกของประธานเฟิงจริงๆ

……

ด้านนอกห้องทำงาน ซย่าฉิงรู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก

ด้านในห้องทำงาน เฉินฮวนฮวนกลับเลิกเสื้อของตัวเองขึ้นต่อหน้าเฟิงหานชวน

แน่นอนว่าเธอหันหลังให้เฟิงหานชวน ไม่ได้เผชิญหน้ากับเฟิงหานชวน

“คุณช่วยฉันติดกระดุมหน่อย!” เฉินฮวนฮวนสั่งชายหนุ่มด้านหลัง

จู่ๆ แผ่นหลังขาวเนียนสวยปรากฏตรงหน้าตัวเองเช่นนี้ เฟิงหานชวนเพียงลอบกลืนน้ำลายลงคอ

ผู้หญิงสมควรตาย ไม่รู้อะไรเรียกว่า “ยั่วแบบไม่รู้ตัว” เหรอ

“เอาเสื้อลง” เขาเก็บไว้ในใจไม่ได้เอ่ยออกไป ก่อนจะตะคอกเสียงดัง

เดิมทีความคิดที่แวบเข้ามาเมื่อสักครู่ เขาไม่ได้ตั้งใจจะหยอกเย้าเฉินฮวนฮวน อย่างไรห้องทำงานก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดี เรื่องดีๆ ค่อยทำค่อยไปในห้องนอนตอนกลางคืนจะดีกว่า

ทว่าตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนจะเลิกเสื้อขึ้นต่อหน้าตัวเอง เขาถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง

เสียงตะคอกของเขา ทำให้หญิงสาวที่อยู่ด้านนอกตกใจ

เฉินฮวนฮวนก็ตกใจเช่นเดียวกัน เธอรีบปล่อยเสื้อลงแล้วหันกลับมา ดวงตาทั้งสองข้างกระพริบปริบๆ เธอถามด้วยสีหน้าหมองหม่น “ทำไมคุณต้องดุขนาดนี้ด้วย”

เธอน้อยใจ!

“คุณไม่รู้เหรอ เมื่อกี้คุณกำลังปลุกไฟ” สายตาของเฟิงหานชวนมองลงไป เขาเพียงรู้สึกว่าเส้นเลือดบนหน้าผากกระตุกขึ้นมา

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนถึงกับพูดไม่ออกทันที ไม่รู้จะพูดอย่างไร “ฉันแค่จะให้คุณช่วยติดกระดุม ฉันไม่ได้ให้คุณมองด้านหน้าของฉัน จะเรียกว่าปลุก…ไฟ…ได้ยังไง”

เธอกลุ้มใจ!

“คราวหน้า ห้ามเลิกเสื้อขึ้นง่ายๆ ก่อนจะเลิกเสื้อขึ้น บอกให้ผมรู้ก่อน!” เฟิงหานชวนกล่าวอบรมอย่างจริงจัง

เฉินฮวนฮวน “…”

เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรจะพูดแล้ว!

“เข้าใจไหม” เฟิงหานชวนถาม

เฉินฮวนฮวนไม่หันกลับมา เธอยังคงเงียบราวกับกำลังงอนเขา

แน่นอนว่าเธอกำลังงอนเขาจริงๆ

เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ทำอะไรที่ทำให้เธอเหมือนกับผู้หญิงไร้ยางอาย เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้คนที่ลามก คือเขา…เฟิงหานชวน!

หากไม่ใช่เขา ทำไมเธอถึงติดกระดุมไม่ได้

ตอนนี้เขาช่างดีเหลือเกิน กลับจะเอาความผิดมาลงที่เธอเสียอย่างนั้น

“ทำไมไม่พูด” เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนทำปากมุ่ย และยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอต้องโกรธเขาอย่างแน่นอน

ท่าทีของเขาอ่อนลง เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองรุนแรงเกินไป เขารีบเดินไปด้านหลังเฉินฮวนฮวน แล้วเอื้อมมือจะช่วยเธอติดกระดุมให้เรียบร้อย

จากนั้น เมื่อเขาบังเอิญสัมผัสโดนผิวกายของเธอ เธอดีดตัวออกทันที และรีบรักษาระยะห่างกับเขามากกว่าหนึ่งเมตร

“ฮวนฮวน ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมไม่ควรดุคุณขนาดนั้น แต่คุณทำแบบเมื่อกี้ไม่ได้จริงๆ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนอ่อนโยนขึ้นมาก เขาง้องอนเฉินฮวนฮวน และกวักมือเรียกให้เธอเข้าไปหาเขา

“ฉันไม่อยากสนใจคุณแล้ว ฉันจะกลับแล้ว ลาก่อน!” หลังจากที่เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างกระฟัดกระเฟียด เธอก็รีบไปที่ประตู

เธอเปิดประตูห้องทำงานอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ราวกับบินไป ทว่าวินาทีต่อมา เมื่อเดินมาถึงหน้าลิฟต์ เธอหยุดฝีเท้าลงทันที

ซย่าฉิงกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์ ทว่าเวลานี้ เสื้อผ้าของเธอไม่เรียบร้อย และยังไม่ได้ติดกระดุมเม็ดนั้น

เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที เธอพยายามส่งยิ้มน้อยๆ และกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะ เลขาซย่า”

“สวัสดีค่ะ คุณหนูเฟิง” ซย่าฉิงยังคงแสดงท่าทีเคารพนบน้อม

ทว่า ในใจเธอกลับดูถูกเหยียดหยามเฉินฮวนฮวน และกำลังหัวเราะเย้ยหยันเฉินฮวนฮวนอยู่ในใจ

เมื่อสักครู่ที่หน้าประตูห้องทำงาน เธอได้ยินเสียงตะคอกของเฟิงหานชวน ประโยคนั้นชัดเจนมาก นั่นคือ “เอาเสื้อลง”

และตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้ก็ลนลานวิ่งออกมา เธอต้องถูกไล่ออกมาอย่างแน่นอน

ภาพเหตุการณ์โดยรวม ซย่าฉิงคาดเดาว่า เฉินฮวนฮวนยั่วยวนประธานเฟิงในห้องทำงาน เธอกำลังจะทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับประธานเฟิง แต่ประธานเฟิงกลับไม่พอใจ แถมยังโมโหอีกด้วย

เดิมทีเธอยากจะฟังต่อ ทว่าเธอไม่กล้ายืนแนบติดประตูอยู่อย่างนั้น เธอจึงเดินไปที่ลิฟต์ และแสร้งทำเป็นกำลังยืนรอลิฟต์ ความจริงแล้วเธอก็อยากดูว่าจะมีการเคลื่อนไหวอะไรต่อไปหรือไม่

ผลออกมาตามคาด เฉินฮวนฮวนวิ่งกุลีกุจอออกมา

ตอนนี้ซย่าฉิงแอบลำพองใจ ขณะที่เธอกำลังคิดว่าเฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้พิเศษอะไรนัก เฟิงหานชวนกลับสาวเท้าเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าซย่าฉิง และช้อนเฉินฮวนฮวนขึ้นอุ้มทันที

ตอนแรกเฉินฮวนฮวนยืนอยู่ดีๆ ทันใดนั้น ร่างทั้งร่างของเธอก็ลอยขึ้นกลางอากาศ เมื่อเธอหันมามอง ก็เห็นว่าตัวเองถูกเฟิงหานชวนอุ้มขึ้น แถมยังอยู่ตรงหน้าซย่าฉิงอีกด้วย

ขอร้องล่ะ!

เธอใกล้จะระเบิดแล้ว!

ตอนนี้สถานะของเธอคือหลานสาวของเฟิงหานชวน แต่นึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะอุ้มเธอในท่าเจ้าหญิงต่อหน้าเลขาของเขา

“อาสาม เลขาของคุณยังอยู่นะ! ฉันโตขนาดนี้แล้ว คุณไม่ต้องอุ้มฉันแล้ว” เฉินฮวนฮวนพยายามยกมุมปากยิ้ม ทำราวกับว่าเฟิงหานชวนเป็นคุณอาที่รักหลานสาวของเขามาก และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาในตอนนี้ราวกับเป็นครอบครัวสุขสันต์

ทว่า เจตนาดีของเธอ ไม่ได้รับการยอมรับจากเฟิงหานชวน ใบหน้าของเฟิงหานชวนเรียบนิ่ง เขาอุ้มเฉินฮวนฮวนเข้าห้องทำงานไปต่อหน้าต่อตาซย่าฉิง

“ปัง” เขาใช้เท้าถีบปิดประตูห้องทำงาน

เวลานี้ยังไม่จบสิ้น หลังจากเข้ามาในห้องทำงาน คิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะไม่ปล่อยเธอลง แต่ยังคงเดินไปข้างหน้า

จนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะทำงาน เฟิงหานชวนก็วางเธอลงบนโต๊ะทำงาน สองแขนค้ำยันไว้ข้างลำตัวเธอคล้ายกับกักขังเธอในอ้อมแขนของเขา

เซี่ยฉิงยังคงรอคำแนะนำของเฟิงหานชวน และในวินาทีต่อมา เธอเห็นเฟิงหานชวนที่สดใสปรากฏขึ้นต่อหน้าตัวเอง

เฟิงหานชวนเป็นคนเปิดประตูให้เธอ นี่เป็นครั้งเดียวที่เซี่ยฉิงตกตะลึงจนคนทั้งคนนิ่งอยู่กับที่

“เข้ามา วางวัตถุดิบบนโต๊ะของผม” เฟิงหานชวนมีน้ำเสียงเย็นชาเช่นเดิม

เซี่ยฉิงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง พยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปที่โต๊ะของท่านประธานอย่างคุ้นเคย และวางเอกสารไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย

เธอหันกลับมาและเพิ่งสังเกตเห็นเฉินฮวนฮวน เพราะว่าขาที่อ่อนแรงของเฉินฮวนฮวน ยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเมื่อครู่นี้ นั่นก็คือด้านหน้าหน้าต่างจรดพื้น

เมื่อถูกเซี่ยฉิงจับตามอง เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย แสร้งทำเป็นหันหลังกลับอย่างไม่ใส่ใจ มองออกไปนอกหน้าต่าง แสร้งทำเป็นเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันตระการตาด้านนอก

สายตาของเซี่ยฉิงนั้นดีมาก และภายใต้แสงแดดที่ส่องประกาย เสื้อเชิ้ตสีขาวของเฉินฮวนฮวนดูเหมือนจะโปร่งใสขึ้นเล็กน้อย กระดุมวรรณกรรมที่อยู่ด้านหลังไม่ได้ถูกติด แต่ปล่อยหลวมอยู่ทั้งสองข้าง

เซี่ยฉิงมองเห็นได้ชัดเจน เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ครู่เดียวเธอก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ

เหมือนครั้งที่แล้ว เมื่อครู่เธอสงสัยอยู่ตลอดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนหลานสาวของประธานเฟิงเลย

ตอนนี้เธอมั่นใจมากขึ้น

หลานสาวคนไหนจะแต่งตัวไม่เรียบร้อยในที่ทำงานของอา?

นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่ากำลังพยายามยั่วยวนประธานเฟิง เธอเป็นแฟนของประธานเฟิงหรือ?

เดี๋ยวก่อน ประธานเฟิงแต่งงานแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะเป็นภรรยาที่แท้จริง

หมายความว่า เป็นไปได้ว่าได้รับข่าวการประธานเฟิงแต่งงาน เธอรอแทบไม่ไหวเลยมาที่บริษัทเพื่อเกาะประธานเฟิง!

เซี่ยฉิงแอบทำคิดอยู่ในสมอง จนกระทั่งเสียงทุ้มขรึมของเฟิงหายชวนดึงความคิดของเธอกลับมา

"เซี่ยฉิงคุณต้องการรายงานอะไรกับผม?"

“เฟิง ประธานเฟิง” เซี่ยฉิงหันกลับมาด้วยความตื่นตระหนก มองไปทางเฟิงหานชวนและพูดตามความจริง: “คือหวังลู่ขอให้ฉันบอกกับประธานเฟิงว่าเธอไม่ได้ตั้งใจมุ่งเป้าไปที่คุณหนูใหญ่เฟิง เธอเข้าใจสถานะของคุณหนูเฟิงผิด หวังว่าประธานเฟิงและคุณหนูเฟิงอย่าตำหนิเธอ

อันที่จริง เซี่ยฉิงไม่ได้ต้องการช่วยหวังลู่ เธอแค่รู้สึกว่าเฟิงหานชวนไม่ยอมให้เธอเข้ามาส่งวัตถุดิบ ซึ่งค่อนข้างแปลก เธอจึงนำเรื่องหวังลู่ออกมาใช้

ตามที่คิดการณ์ไว้ ทำให้เธอพบสิ่งผิดปกติจริงๆ

“หวังลู่คือใคร?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเย็นชา

บริษัทของเขาเลี้ยงลูกน้องไว้จำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักชื่อของคนส่วนใหญ่

“หวังลู่ก็คือแผนกต้อนรับในล็อบบี้ที่ชั้นหนึ่ง คนที่ยืนอยู่ข้างฉันเมื่อครู่นี้ ตัวค่อนข้างสูง รูปร่างดี ผมสีทอง” เซี่ยฉิงรายงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เฟิงหานชวนพอจะนึกออก เขาก้าวเดินไปทางเฉินฮวนฮวน

เดิมทีเฉินฮวนฮวนหันหลังให้กับพวกเขา และเห็นเฟิงหานชวนเดินถึงด้านหลังเธอจากกระจก เธอก็รีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นก็พบว่ามีบางอย่างว่างเปล่าอยู่ข้างหน้าเธอ

เธอตกใจอย่างกะทันหัน เพียงพบว่ากระดุมด้านหลังนั้นคลายออก เมื่อครู่เธอติดกระดุมอย่างเร่งรีบ คิดไม่ถึงว่าติดไม่ดี?

เฉินฮวนฮวนหนีบแขนทันที พยายามรักษาท่าทีสงบนิ่ง

“ฮวนฮวน สำหรับหวังลู่คุณคิดว่าจะจัดการยังไง?” เฟิงหานชวนขอความคิดเห็นจากเฉินฮวนฮวน เขาไม่ค่อยตัดสินด้วยตัวเองเสมอ แต่ไหนแต่ไรทั้งหมดขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของเฉินฮวนฮวนเป็นหลัก

แน่นอนว่า ในบางแง่มุมเขามีอำนาจเหนือกว่าและจะไม่ฟังคำวิงวอนขอความเมตตาของเฉินฮวนฮวน

หวังลู่?

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเป็นผู้หญิงที่แผนกต้อนรับที่ข่มขู่ตัวเองตลอด และเยาะเย้ยเธออย่างภาคภูมิใจคนนั้น

“เธอดูถูกภาพลักษณ์ของบริษัทคุณมากเกินไป” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากและพึมพำ

แม้ว่าเฟิงหานชวนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็สามารถเดาเรื่องราวคร่าวๆได้จากคำพูดของเฉินฮวนฮวน

“ได้ ฉันจะให้เธอไสหัวออกไป” เสียงของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

กล้าล่วงเกินผู้หญิงของเขา อย่าคิดที่จะอยู่ใต้จมูกเขา

เมื่อได้ยินว่าเฟิงหานชวนจะไล่หวังลู่ออก เฉินฮวนฮวนคิดจะพูด แต่ถูเซี่ยฉิงแย่งพูดก่อน

“ประธานเฟิง หวังลู่กระตือรือร้นในการทำงานของเธอตลอด และคนอื่นๆต่างก็ประเมินว่าเธอดีเยี่ยมเสมอ ไม่งั้นให้โอกาสเธออีกครั้งได้หรือเปล่า?”

เซี่ยฉิงอธิบายให้เฟิงหานชวนฟังเสร็จ ก็มองไปที่ เฉินฮวนฮวน ท่าทีให้ความเคารพดังเดิม: "คุณหนูเฟิง ที่ว่าผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด หวางลู่ไม่รู้สถานะคุณหนูเฟิง ดังนั้นถึงได้ปฏิบัติต่อคุณด้วยท่าทีแบบนั้น เห็นแก่ความไม่รู้ของเธอ ขอโอกาสให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่อีกครั้งได้หรือไม่?”

“ภาพลักษณ์ของพนักงานเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของบริษัท ไม่ว่ากับใคร ก็ไม่ควรมีท่าทีที่เลวร้าย” เฟิงหานชวนทำหน้าเคร่งขรึมแล้วตวาดว่า “ให้เธอออกไปทันที!”

เซี่ยฉิงถูกสั่งสอนแบบนี้ ไม่กล้าขอความเห็นใจแทนหวังลู่อีก เธอจึงทำได้เพียงพยักหน้าและตอบว่า "ค่ะ ประธานเฟิง ฉันจะไปบอกกับแผนกบุคคลทันที"

ขณะที่เซี่ยฉิงหันหลังเตรียมจากไป เฉินฮวนฮวนกลับเรียกเธอไว้: "คุณ เลขาเซี่ย คุณรอเดี๋ยว…… "

เฉินฮวนฮวนก็เคยได้ยินคนเรียกเธอว่า "เลขาเซี่ย" มาก่อน ดังนั้นจึงเรียกเซี่ยฉิงแบบนี้ เธอไม่รู้จักชื่อของเซี่ยฉิง

เซี่ยฉิงหันตัวกลับมาทันที มองไปที่เฉินฮวนฮวนและถามอย่างสุภาพว่า: "คุณหนูเฟิง คุณมีอะไรจะสั่งคะ?"

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก และก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เธอจึงหันสายตาไปมองเฟิงหานชวน พร้อมจับแขนของเขาและกระซิบว่า “อย่าไล่ออกเลยนะ? ฉันเกรงว่าเธอจะแทงลูกของฉัน"

หลังจากเธอรู้ว่าอันฉีถูกไล่ออก เธอแทงลูกน้อยของเธอที่บ้าน เดิมทีเธอไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้จู่ๆเธอมีลูกของหลิวตงรุ่ยอยู่ในท้อง กลับทำให้เธอดูน่าขนลุกเล็กน้อย

อย่างน้อยก็มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับตัวเธอจริงๆ

เธอไม่รู้ว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับคำสาปแช่งหรือไม่ แต่ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์ทารกและไม่ต้องการสร้างปัญหาใดๆอีกจริงๆ ถือว่าเป็นการสั่งสมความดีให้กับทารก

“เด็กน้อย?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจ มองจ้องลงไปที่ท้องแบนของหญิงสาว พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เธอไม่กล้าทำอะไรคุณ มีผมอยู่”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเธอไม่สามารถสื่อสารกับเฟิงหานชวนได้ เธอจึงกระแอมและเปลี่ยนวิธีพูดอีกแบบ: “ฉันหมายความว่า ฉันคิดว่าไม่จำเป็นต้องไล่ออก ประเมินให้ความรู้ และหักเงินเดือน ให้เธอรับบทเรียนก็พอแล้ว ไม่ต้องถึงกับบีบให้หมดทาง”

เซี่ยฉิงดูการโต้ตอบระหว่างเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวน รู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้องอย่างแน่นอน แต่มันก็ไม่เหมือนความสัมพันธ์ของเพื่อนผู้ชายและเพื่อนผู้หญิง

ตอนนี้เธอยืนยันการคาดเดาของตัวเองมากขึ้น บางทีเฉินฮวนฮวนเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกเฟิงหานชวนเลี้ยงดูไว้เบื้องหลัง

“ฮวนฮวน คุณไม่จำเป็นต้องจิตใจดีขนาดนี้” เฟิงหานชวนอดไม่ได้จึงยกมือขึ้นตบศีรษะแล้วพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นหักเงินเดือนเธอครึ่งปี"

“ครึ่ง…ครึ่งปี!?”

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนและเซี่ยฉิงเบิกกว้าง

“นี่เป็นบทเรียนสำหรับเธอ ซึ่งเทียบเท่ากับการว่างงานเป็นเวลาครึ่งปีหลังจากถูกไล่ออก” เสียงของเฟิงหานชวนเย็นจนแทบถึงกระดูก

เฟิงหานชวนวางฝ่ามือทั้งสองบนกระจก เฉินฮวนฮวนถูกล้อมรอบด้วยแขนของเขา

“เฟิง เฟิงหานชวน ที่นี่คือห้องทำงาน คุณอย่า…ทำ…”

เฉินฮวนฮวนกลืนน้ำลาย พูดติดอ่างอย่างประหม่า

เธอรู้ดีผลที่กระตุ้นเฟิงหานชวนจะเป็นอย่างไร แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน เธอคงไม่อยากสัมผัสมันที่นี่

“ฮวนฮวน เพราะคุณไม่เชื่อผมก่อน” เฟิงหานชวนเอนตัวลง เอียงศีรษะ ริมฝีปากบางของเขากดแนบกับหูของผู้หญิง น้ำเสียงของเขาคลุมเครือ

กลิ่นหอมจางๆบนร่างของผู้ชายรายล้อมเธอ กลิ่นนี้ทำให้เธอคุ้นเคย แก้มของเฉินฮวนฮวนก็แดงในทันที

“อาหาน คุณทำผิดก่อน คุณทำให้ชื่อเสียงของฉันเสื่อมเสีย ฉันแค่หัวเราะเยาะคุณเอง ฉันผิดอะไร?” เฉินฮวนฮวนรวบรวมความกล้าและเงยหน้าขึ้น เผชิญหน้ากับเฟิงหานชวนอย่างกล้าหาญ

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ดวงตาสีดำสนิทจ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา ผิวของเธอขาวนวล สวยงามราวกับนางฟ้า

ตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนสวย แต่หลังจากที่เขาชอบเธอ เขาพบว่าเธอยิ่งอยู่ยิ่งสวย

บางทีนี่อาจเป็น "ความรักทำให้โลกกลายเป็นสีชมพู"

เมื่อเห็นดวงตาของเฟิงหานชวนจ้องมองตัวเอง เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะนึกขึ้นว่าเขาจะลงโทษเธอไม่ได้ คืนที่เขาไปหาหลิวอวี่ถง คืนนั้นทำให้เธอนอนไม่หลับ

“ฮวนฮวน เรื่องนั้นผมผิดไปแล้ว ผมก็ขอโทษคุณแล้ว ผมไม่ควรพูดคำนั้น” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลงและจูบริมฝีปากของผู้หญิง

เพียงวินาทีเดียว เขาถอยออกมา

เฉินฮวนฮวนกระพริบตาเพราะการเคลื่อนไหวของเฟิงหานชวนเร็วมาก ถ้าเธอไม่รู้สึกถึงลมเย็นจากริมฝีปากของเธอ เธอคงสงสัยว่าตกลงทั้งสองได้จูบกันแล้วหรือยัง

“แต่…” เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้นอีกครั้ง

“แต่อะไร?” เฉินฮวนฮวนถาม

“คุณไม่เชื่อใจผม นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว? คุณลองพูดมา ว่าผมควรลงโทษคุณอย่างไรดี?” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลงและวางหน้าผากของเขาไว้บนศีรษะของเฉินฮวนฮวน

อุณหภูมิเย็นลงเล็กน้อย ทำให้เฉินฮวนฮวนตื่นเต้นและโพล่งออกมา: "คุณจะลงโทษที่นี่ไม่ได้!"

“อือ? คุณหมายถึง…กลับไปลงโทษที่บ้านได้?” เฟิงหานชวนพยายามฝืนยิ้ม

สีหน้าของเฉินฮวนฮวนรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นหน้าแดงอีกทันที เธอหลบสายตา แล้วกล่าวว่า: “ไม่ ไม่ใช่ ฉันหมายถึง คุณ…คุณไม่ควรลงโทษฉัน…”

“ครั้งนี้ฉันเชื่อใจคุณ เพราะงั้นฉันเลยมาถามคุณให้แน่ชัด ฉันไม่ได้แสร้งทำเป็นเข้าใจคุณผิด รอให้คุณกลับบ้านแล้วทะเลาะกัน แบบนั้นถึงเรียกว่าไม่เชื่อใจ”

“ฉันยอมรับว่าตอนแรกฉันไม่เชื่อใจคุณเลย เพราะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันนั้นสั้นมาก แต่ตอนนี้ฉันเชื่อใจคุณมาก เพราะคุณรับลูกของฉัน…”

เฉินฮวนฮวนพูดพล่ามเป็นคำพูดยาว หลังจากที่เฟิงหานชวนได้ยิน เขาก็เอามือออกจากกระจกอย่างเงียบๆ และจับแก้มของเฉินฮวนฮวน

ฝ่ามือที่เย็นเฉียบของเขา ทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกสบายตัว เพราะแก้มของเธอแดงมาก

“คุณเชื่อผม เพียงเพราะผมรับเด็กคนนี้? ถ้าเป็นเพราะแบบนี้ ผมต้องลงโทษคุณจริงๆ” เสียงของผู้ชายเบาลง ฟังแล้วสบายหู

แต่หลังจากที่เฉินฮวนฮวนฟังแล้ว เธอกลับรู้สึกสึกเกร็ง

“ไม่ ไม่ใช่ ฉันเชื่อใจคุณ เพราะคุณคือเฟิงหานชวน ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น เพราะคุณ!” เพื่อความปลอดภัยของเธอ เธอจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้

“ฮวนฮวน คำพูดของคนคำแรกคือสิ่งที่พวกเขาคิดในใจจริงๆ ผมรู้สึกว่าไม่มีความไว้วางใจระหว่างเรา เพราะว่าร่างกายของเรายังสัมผัสแนบชิดกันไม่พอ” เฟิงหานชวนดูจริงจัง

ร่างกาย แนบชิด?

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงในทันที เห็นได้ชัดว่ามันต้องเป็นเรื่องลามกแน่ๆ ดังนั้นเขาเลยจริงจังมาก สมแล้วที่เป็นเฟิงหานชวน!

เฉินฮวนฮวนตัดสินใจที่จะไม่สุภาพกับเขาอีก เธอยิ้มอย่างน่ารัก เอามือคล้องคอของชายคนนั้น แล้วพูดด้วยเสียงกระซิบว่า: “อาหาน ฉันก็อยากแนบชิดกับคุณเช่นกัน แต่สภาพร่างกายของฉันตอนนี้มันไม่ได้ ความแนบชิดของเรา คงต้องรออย่างน้อย1ปี”

“ท้องเดือนตุลาคม คลอด อยู่ไฟหลังคลอด หลังจากอยู่ไฟแล้วไม่มีปัญหา ถึงจะ…”

เดิมทีเฉินฮวนฮวนต้องการที่จะล้อเลียนเฟิงหานชวน แต่หลังจากที่เธอพูดจบ เธอกลับเขินหน้าแดง

เฟิงหานชวนรู้สึกเพียงว่าเส้นเลือดระหว่างหน้าผากของเขากระตุก

เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนจงใจพูดเช่นนี้ โดยอาศัยว่าเธอกำลังท้องอยู่ ดังนั้นจึงล้อเลียนเขาว่าเขาอาจจะมีชู้ระหว่างนี้

“ฮวนฮวน คุณอย่าลืมสิ การเสพสุขไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว มันยังมีอีกหลายวิธี”

เฟิงหานชวนจับเอวของผู้หญิง ก้มศีรษะลง กดปลายจมูกของเธอด้วยปลายจมูกของเขา ขดมุมริมฝีปากและกล่าวว่า: “ในเมื่อคุณบอกว่าคุณอยาก ถ้างั้นก็ตอนนี้…”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็ยื่นศีรษะไปข้างหน้าและจูบริมฝีปากของผู้หญิงอย่างแรง

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างในทันที

นี่เธอกำลังส่งตัวเองเข้าถ้ำเสือใช่ไหม?

อย่างไรก็ตาม เฟิงหานชวนในตอนนี้ ไม่ทำอะไรมากไปกว่าการจูบ ดังนั้นเฉินฮวนฮวนจึงยอมให้เขาทำต่อ

กลิ้ง พลิก ฉีก กัด ไม่ลืมสักการกระทำ

เมื่อความรักกำลังรุนแรงขึ้น เฟิงหานชวนยังคงคุมสติไว้ แต่เขาก็อยากทำมากกว่านี้ เหยียดฝ่ามือเข้าไปในชายเสื้อของผู้หญิง

สัมผัสที่เย็นเฉียบ ทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกตื่นเต้น จากที่เธอหลับตา เธอก็ลืมตาขึ้นทันที

เมื่อเธอมีปฏิกิริยาตอบสนอง ผู้ชายได้ปลดเสื้อในของเธอด้วยมือข้างเดียว เธอสัมผัสได้ถึงลมเย็น

เธอรีบวางฝ่ามือบนหน้าอกของผู้ชาย พยายามผลักเขาออกไป แต่เฟิงหานชวนจับมือที่เรียวยาวของเธอด้วยมืออีกข้าง

เขาปล่อยริมฝีปากของเธอและกล่าวเบาๆว่า :"ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ทำอะไรคุณ"

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยิน ตาทั้งสองก็จ้องเขม็ง นี่เรียกว่าจะไม่ทำอะไร?

ไม่ทำอะไร แต่ปลดเสื้อในของเธอแล้ว?

“เฟิงหาน…” เฉินฮวนฮวนกำลังจะด่า แต่ก็ถูกปิดปากอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เธอแค่รู้สึกว่าเธอกำลังจะมึน และทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ก๊อกก๊อกก๊อก!”

เฉินฮวนฮวนตกใจ และในขณะเดียวกัน เฟิงหานชวนก็ปล่อยเธอ

"ใคร?"

เมื่อถูกขัดจังหวะ เสียงของเฟิงหานชวนเย็นชาและผสมด้วยความโกรธเล็กน้อย

“ประธานเฟิง ฉันเองค่ะ เอกสารสรุปการประชุมเรียบร้อยเแล้ว” เซี่ยฉิงตอบจากนอกประตู

“เอาให้ซูอวี่” เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชา

เซี่ยฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทั้งๆที่อยู่ในห้องทำงาน แต่กลับให้เธอเอาไปให้ซูอวี่?

เอกสารพวกนี้ เป็นเอกสารที่ประธานเฟิงขอเอง ทำไมถึงต้องให้เธอเอาให้ซูอวี่?

ในขณะที่เซี่ยฉิงประหลาดใจ เธอก็ยิ่งสับสนมากขึ้น เธอรวบรวมความกล้าและพูดต่อไปว่า: “ประธานเฟิง มีบางอย่างที่ฉันต้องการรายงานกับคุณ เกี่ยวกับคุณหนูเฟิงหลานสาวของคุณ”

หลานสาว? คุณหนูเฟิง?

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินคำนี้ เธอรู้ทันทีว่าคุณหนูเฟิง น่าจะกำลังหมายถึงตัวเอง

เธอดึงเสื้อผ้าของเธอลงอย่างรวดเร็ว เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว หันหลังและเดินไปที่ประตู

ขณะที่เขาจับที่จับประตู เฟิงหานชวนก็หันศีรษะมอง หลังจากยืนยันว่าเฉินฮวนฮวนใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดประตู

“เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณ ฉันมาหาคุณ ก็เพื่ออยากจะถามคุณให้ชัดเจน”

เฉินฮวนฮวนสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดขึ้น “เพื่อเป็นการรู้ให้แน่ชัดว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือว่าเรื่องเข้าใจผิด ฉันรอไม่ได้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นก็เลยมาหาคุณที่บริษัทโดยตรง”

เรื่องเข้าใจผิดกับเฟิงหานชวนก่อนหน้านี้ เป็นเธอที่ไม่ได้ถามเฟิงหานชวนให้ชัดเจน ดังนั้นครั้งนี้เธอได้เคยได้รับบทเรียนแล้ว จึงมาเจอเฟิงหานชวนในเวลาแรก

“คุณพูดมา” เฟิงหานชวนไม่รู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น จึงให้เฉินฮวนฮวนเป็นฝ่ายพูดขึ้น

เฉินฮวนฮวนหันหน้ามา มองดวงตาดำคมคู่นั้นของชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา ไม่เหมือนผู้ชายขี้เล่นเลยสักนิด

“คุณกับหลิวหลี่ถง เป็นคู่นอนกันลับ ๆ ใช่ไหม?” เธอถามโดยตรง ไม่อยากจะอ้อมค้อมสักนิด

เฟิงหานชวน “…”

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ มีแม้กระทั่งความสับสนระหว่างคิ้ว ทำให้เฉินฮวนฮวนใจร้อนยิ่งกว่าเดิม

เธอถามขึ้นอีก “ทำไมคุณถึงไม่ตอบ?”

“เพราะตั้งครรภ์ถึงทำให้คนคิดอะไรมั่วซั่วใช่ไหม? ผมกับหลิวหลี่ถง แทบจะไม่มีพบเจอกันเลย” ตอนนี้เฟิงหานชวนพูดได้ว่างงไปหมด

เขายอมแพ้กับจินตนาการของเฉินฮวนฮวน ที่สามารถคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้

เฉินฮวนฮวนเห็นเขาไม่พูดความจริง จึงพูดเสริมขึ้นอีก “คุณพูดว่าไม่ได้พบหน้ากันเลย งั้นทำไมตอนกลางคืนถึงได้เข้าไปในห้องของหลิวหลี่ถง?”

ได้ยินแบบนี้ เฟิงหานชวนก็หัวเราะออกมา เขาตบหัวของเฉินฮวนฮวนเบา ๆ แล้วพูดขึ้น “เด็กโง่ ตอนนั้นคุณบอกว่าประจำเดือนมา ผมเลยไปยืมผ้าอนามัยให้คุณไม่ใช่เหรอ?”

เฉินฮวนฮวน “???”

“เวลาสั้นขนาดนั้น ผมกับหลิวหลี่ถงจะทำอะไรได้ หืม?” เฟิงหานชวนเข้าใกล้เฉินฮวนฮวน แล้วขยับไปนั่งชิดกับเธอ มือข้างซ้ายโอบบ่าของเธอไว้ อยากจะโอบเธอไว้ในอ้อมกอด

แต่วินาทีต่อมา เฉินฮวนฮวนเด้งกลับ เธอส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่คืนนั้น”

“ไม่ใช่คืนนั้น?” กว่าเฟิงหานชวนจะคลายขมวดคิ้วได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง น้ำเสียงเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “บอกผมหน่อย ว่าครั้งนี้ใครเป็นคนปล่อยข่าวลือครั้งนี้? นอกจากคืนนั้น ผมก็ไม่ได้เข้าไปในเขตคนใช้อีกเลย”

มือสองข้างของเฉินฮวนฮวนกำชายเสื้อของตัวเองไว้แน่น เธอไม่สามารถเอ่ยถึงเสี่ยวลี่ออกมาได้ ในเมื่อเสี่ยวลี่ต้องการงานงานนี้

“คุณไม่ต้องสนใจว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือ เพราะมีคนเห็น แถมในตอนที่คุณออกมา บนพื้นห้องของหลิวหลี่ถง ยังมีของเล่น…เหลือไว้อยู่!”

เฉินฮวนฮวนกัดฟันแน่น อดไม่ได้ที่จะตาแดงขึ้นมา น้ำเสียงสะอึกสะอื้น “คุณพูดความจริงกับฉัน ตอนนี้พวกคุณยังรักษาความสัมพันธ์แบบนี้กันอยู่ใช่ไหม?”

“ผู้ชายไม่ใช่ของดีอะไรจริง ๆ คุณให้เธอเป็นขี้ข้าที่ร่วมห้องด้วย แต่ไม่ให้สถานะชื่อเสียงกับเธอ”

เฟิงหานชวนไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี

เขาอดไม่ได้ที่จะล้อเล่น “นี่ไม่ใช่ยุคสมัยโบราณ ที่จะมีขี้ข้าร่วมห้องนอน?”

เฉินฮวนฮวนตอกกลับ “ทำไมถึงไม่มี?”

“เรื่องของเล่นนั้น มันคือเรื่องเข้าใจผิด ในตอนที่ผมไปยืมผ้าอนามัยให้คุณ ผมพูดว่าของใช้ของผู้หญิง เธอเข้าใจผิดคิดว่าผมไปยืมของเล่นให้คุณใช้ ดังนั้นจึง…”

เฟิงหานชวนยังอธิบายไม่จบ เฉินฮวนฮวนก็ฟังเข้าใจแล้ว เธออึ้งไปก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดตะโกนออกมา “คุณว่าอะไรนะ? ให้ฉันใช้?”

“นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด” เฟิงหานชวนลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “คุณไปถามคนที่มาฟ้องคุณได้ ว่างานเลี้ยงของที่บ้านในคืนนั้นเห็นผมที่ห้องหลิวหลี่ถงใช่ไหม?”

เฉินฮวนฮวนจู่ ๆ ก็กระโดดลุกขึ้น ตะโกนเสียงดัง “เฟิงหานชวนยืมผ้าอนามัยก็คือผ้าอนามัย คุณพูดว่าของใช้ของผู้หญิง? ฉันไม่ต้องมีศักดิ์ศรีเหรอ!!!”

จู่ ๆ เธอก็สะดุด แล้วเสียการทรงตัวเอนตัวไปทางด้านหลัง

เฟิงหานชวนรีบลุกขึ้นยืน ยื่นแขนเรียวยาวออกไป โอบรัดเอวบางของหญิงสาวไว้ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมอกของตัวเอง

เขาขมวดคิ้ว สีหน้าน่ากลัวเป็นอย่างมาก มองหญิงสาวในอ้อมอกที่ตกใจจนหายใจหอบ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดสั่งสอน “คุณอย่าลืมว่าตอนนี้ในท้องของคุณยังมีเด็กอยู่ อย่ากระโดดโลดเต้น”

ถึงแม้น้ำเสียงของชายหนุ่มจะดุมาก ๆ แต่หลังจากที่เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัว คิดได้ถึงแค่จุดสำคัญว่าเขาเป็นห่วงเธอ เป็นห่วงลูกในท้องของเธอ นั่นมันออกมาจากใจ

ถึงแม้จะไม่ให้เสี่ยวลี่ยืนยัน เธอก็เชื่อการอธิบายของเฟิงหานชวน

คิดได้ถึงตรงนี้ เฉินฮวนฮวนยิ้มมุมปาก สองมือโอบเอวกำยำของชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนรู้สึกได้ถึงร่างกายของหญิงสาวที่สั่นไม่หยุด เขาตกตะลึงในทันที นึกว่าเฉินฮวนฮวนกำลังร้องไห้อยู่ จึงรีบพูดขอโทษ “ผมขอโทษ ผมไม่ควรดุคุณขนาดนี้ ผมเป็นห่วงคุณ อย่าร้องนะ”

แต่ว่า ร่างกายของเฉินฮวนฮวนกลับสั่นแรงยิ่งกว่าเดิม

เฉินฮวนฮวนฝืนกลั้นหัวเราะไว้ ถึงแม้จะกลั้นเสียงไว้ได้แล้ว แต่ผลที่ตามมาคือความสั่นของร่างกายเธอที่ควบคุมไม่ได้

เฟิงหานชวนร้อนใจ นึกว่าเฉินฮวนฮวนร้องหนักยิ่งกว่าเธอ เขาจับบ่าทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนไว้ อยากจะดึงเธอยืนขึ้น แต่เฉินฮวนฮวนกลับกอดเขาไว้แน่น ทำยังไงก็ไม่ยอมปล่อย

“ฮวนฮวน ผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ครั้งหน้าผมจะไม่มีทางดุคุณขนาดนี้อีก คุณอย่าร้องเลยนะ?” น้ำเสียงของชายหนุ่มอ่อนโยนเป็นที่สุด มีความขอร้องอ้อนวอนแฝงอยู่

ทันใดนั้นเฉินฮวนฮวนก็ยิ้มไม่ออกแล้ว เธออึ้งไปเลย คำขอร้องที่จริงจังขนาดนั้นของเฟิงหานชวน ทำให้เธอไม่อยากที่จะแกล้งเขาอีกต่อไป

“ฮวนฮวน?”

เห็นร่างกายของหญิงสาวไม่สั่นแล้ว เฟิงหานชวนค่อย ๆ เรียกเธออย่างระมัดระวัง

“ค่ะ” เฉินฮวนฮวนตอบรับ

“หยุดร้องแล้วเหรอ?”

“อันที่จริงฉันไม่ได้ร้องไห้” เธอพูดความจริง

“เมื่อครู่คุณร้องไห้หนักขนาดนั้น คุณวางใจได้ ต่อไปผมไม่มีทางดุคุณขนาดนี้แน่นอน” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความสำนึกผิด

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น รอบดวงตาแดงนิดหน่อย แต่กลับยกมุมปากยิ้มขึ้น แล้วพูดขึ้น “ฉันไม่ได้ร้องจริง ๆ ค่ะ”

“พูดมั่ว ดาแดงหมดแล้ว” เฟิงหานชวนคิดว่าเฉินฮวนฮวนไม่อยากยอมรับว่าตัวเองร้องไห้น้ำหูน้ำตาเล็ด ดังนั้นถึงได้พูดแบบนี้

“ดาแดงเป็นเพราะ…” เฉินฮวนฮวนเม้มปาก จากนั้นก็ยิ้ม แล้วพูดเสียงเบา “เกือบจะหัวเราะจนร้องไห้แล้ว!”

หลังจากที่ได้ยิน เฟิงหานชวนขมวดคิ้วด้วยความสับสน แต่กลับถูกหญิงสาวคว้าแขนเอาไว้ แล้วเขย่าแขนไปมา

เขาได้ยินเฉินฮวนฮวนพูดอ้อน “คุณอย่าโมโหนะคะ”

“ดังนั้น เมื่อกี้คุณหัวเราะอยู่ตลอด?” เฟิงหานชวนกำลังแยกแยะความคิด

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าเล็กน้อย หน้าตาเชื่อฟังเป็นอย่างมาก

สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมในทันที เขาดันลิ้นไปที่ไรฟัน ออร่าดุดันไปทั้งตัว

“ฮวนฮวน คุณยิ่งอยู่ยิ่งใจกล้าแล้วนะ? อันดับแรกคือไม่แยกแยะความคิดความถูกเข้าใจความสัมพันธ์ของผมกับหลิวหลี่ถงผิด จากนั้นก็แอบหัวเราะเยาะผม?” เขาถามไปด้วย เข้าใกล้เธอไปด้วย

เฉินฮวนฮวนใจฝ่อแล้ว เฟิงหานชวนที่เป็นแบบนี้ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว เธอก้าวถอยหลังไม่หยุด ส่วนเฟิงหานชวนก็เข้าใกล้เธอไม่หยุด

จนกระทั่งแผ่นหลังของเธอแนบกับกระจกหน้าต่าง เธอรู้ว่าตัวเองหมดหนทางถอยแล้ว

“เฟิงหานชวน คุณ…คุณอยากจะทำอะไรคะ?” เฉินฮวนฮวนเอามือสองข้างปิดร่างกายของตัวเองไว้

“ประธานเฟิง พวกเธอเข้าใจผิดคิดว่าคุณผู้หญิงท่านนี้ไม่รู้จักคุณ เตรียมจะไล่คุณเขาออกไป ฉันเห็นเข้าพอดีค่ะ…” เซี่ยฉิงอธิบายทันที ท่าทางของเธออ่อนน้อมมาก

ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เป็นชายในฝันของเธอ แต่ขณะเดียวกันก็ยังเป็นผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทด้วย เป็นประธานที่เธอไม่สามารถผิดใจได้ เธอรู้ว่าสถานะของเฉินฮวนฮวนไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่กล้าปิดบังอะไรใด ๆ กับเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนได้ยินแบบนี้ ก็ขมวดคิ้ว ท่าทางแบบนี้ ทำให้พวกหวังลู่กลัวยิ่งกว่าเดิม

หวังลู่เหงื่อเริ่มออกหน้าผาก เพราะว่าเธอได้ยินประโยคนั้นที่เซี่ยฉิงถามเฉินฮวนฮวนเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าเฉินฮวนฮวนรู้จักเฟิงหานชวนจริง ๆ

แต่ความสัมพันธ์เป็นอะไรกันนั้น เธอยังไม่รู้ เธอมองไปทางเฉินฮวนฮวน พบว่าสีหน้าของเฉินฮวนฮวนนิ่งเฉยเป็นพิเศษ

วินาทีต่อมา เฉินฮวนฮวนยิ้มขึ้น เผยให้เห็นฟันเรียงขาว แล้วเดินเข้าไปหาเฟิงหานชวน แล้วยืนอยู่ข้างเขา

“อาสาม ในที่สุดอาก็ลงมาแล้ว” น้ำเสียงของเธอออดอ้อนนิดหน่อย ฟังแล้วหวานเป็นพิเศษ

เดิมทีเฟิงหานชวนกะว่าจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เฉินฮวนฮวนจะเรียกเขาว่า “อาสาม” เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมกว่าเดิม เฉินฮวนฮวนเห็นแล้ว จึงรีบคล้องแขนของเขา แล้วแอบหยิกแขนของเขา

เฟิงหานชวนเข้าใจความหมายของเฉินฮวนฮวน ว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเขา ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ มีลูกด้วยกันแล้ว ทำไมยังต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ?

ทันใดนั้นเขานึกอะไรขึ้นได้ เขาเข้าใจสถานการณ์ในทันที

เฉินฮวนฮวนยังไม่ได้ออกจากการแข่งขัน งั้นก็หมายความว่าต่อไปยังจะต้องเข้าอัดรายการคัดเลือกไอดอล แน่นอนว่าไม่สามารถเปิดเผยสถานะแต่งงานแล้วได้

คิดได้ถึงตรงนี้ ท่าทางของเฟิงหานชวนสงบลง แล้วพูดเสียงหนักแน่น “ตามผมมา”

พูดจบ เฟิงหานชวนก็จับแขนของเฉินฮวนฮวนไว้ แล้วพาเข้าไปในลิฟต์

ประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดลง รอให้ตัวเลขขึ้นไปทางด้านบน กลุ่มคนพวกนั้นที่อยู่ที่ชั้นหนึ่ง ก็เหมือนหม้อระเบิดยังไงยังงั้น เริ่มพึมพำกันไม่หยุด

“แม่เจ้า ประธานเฟิงมีหลานสาวที่โตขนาดนี้เลยเหรอ?”

“ประธานเฟิงเป็นลูกคนที่สามของตระกูลเฟิง ผู้หญิงคนนั้นเรียกประธานเฟิงว่าอาสาม น่าจะเป็นลูกสาวของพี่ชายคนที่สองของประธานเฟิงมั้ง?”

“ใช่ ๆ ใช่แน่นอนแหละ คุณชายสองเฟิงเจิ้งซวินกำลังเลี้ยงดูลูกสาวคนหนึ่งอยู่ เฟิงเจิ้งซวินกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวการเงินว่าลูกสาวอายุยี่สิบปี เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ”

“ที่แท้ก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฟิง หน้าตาสวยจริง ๆ! เมื่อกี้พวกเรายังเข้าใจผิดว่าเธอมายั่วยวนประธานเฟิง สร้างเรื่องใหญ่โตจริง ๆ”

“พวกเรายังดีอยู่ แต่หวังลู่…ไม่รู้ว่าจะถูกคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิงเคียดแค้นไหม?”

มีคนพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนจึงค่อย ๆ มองไปทางหวังลู่ที่อยู่ด้านข้าง หวังลู่หน้าซีดขาวตั้งนานแล้ว เหงื่อซิบเต็มหน้าผาก แม้กระทั่งฝ่ามือ แผ่นหลัง จนกระทั่งทั้งตัวก็มีเหงื่อผุดออกมา

ถึงแม้ตอนนี้เธอเป็นแค่พนักงานต้อนรับ แต่เธอเป็นพนักงานต้อนรับของบริษัทอาร์ เงินเดือนสูง มีหน้ามีตา ต่อให้ตีเธอให้ตายเธอก็ไม่มีทางทำให้งานนี้หลุดมือ

แต่ว่า เมื่อครู่เธอไร้มารยาทกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิง แต่ละคำพูดเยาะเย้ยเธอ แถมยังผลักเธอเข้าไปที่มุมเพื่อขู่เข็ญ ถ้าหากคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิงคนนั้นเคียดแค้น แล้วฟ้องกับประธานเฟิง งั้นเธอก็ทำอะไรไม่ได้ไหม?

หวังลู่สั่นไปทั้งตัว เธอเห็นเซี่ยฉิงที่กำลังเหม่อลอยอยู่ด้านข้าว จึงโอบแขนของเซี่ยฉิงในทันที แล้วพูดขอร้อง “เลขาเซี่ย คุณช่วยฉันหน่อยค่ะ ช่วยฉัน…ฉันไม่อยากถูกประธานเฟิงไล่ออก ฉันต้องการงานนี้ ขอร้องคุณช่วยฉันนะคะ…”

เซี่ยฉิงรู้ว่าทำไมหวังลู่ถึงได้ขอร้องตัวเอง แต่ตอนนี้เธอไม่อยากยุ่งเรื่องของหวังลู่เลย ในหัวเต็มไปด้วยความสงสัย ครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ไม่หยุด

เธอไม่เคยเจอคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิงมาก่อน แต่ว่าสัมผัสที่หกของเธอ เธอคิดว่าคุณผู้หญิงคนเมื่อกี้ ไม่ใช่คุณหนูของตระกูลเฟิง

ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเหตุอื่น แต่เป็นเพราะท่าทางของประธานเฟิง ไม่ใช่ท่าทางที่มีต่อหลานสาวแน่นอน

แต่ในเมื่อไม่ใช่อาหลานกัน ทำไมผู้หญิงคนเมื่อกี้ ถึงได้เรียกประธานเฟิงว่า “อาสาม” นะ?

“เลขาเซี่ย คุณคือมือขวาของประธานเฟิง สามารถพูดกับประธานเฟิงได้ ช่วยฉันข้อร้องหน่อยนะคะ ให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง ต่อไปฉันจะไม่มีทางไร้มารยาทแบบนั้นกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิงอีกค่ะ…” หวังลู่แทบจะร้องออกมาแล้ว

“พอแล้ว เธอไปทำงานก่อน เรื่องนี้ฉันช่วยเธอถามเอง” เซี่ยฉิงรู้สึกหวังลู่จ้อกแจ้กจอแจน่ารำคาญ จึงปลอบเธออย่างจริงจัง หวังลู่ทำได้เพียงพยักหน้า ไม่กล้าพูดอะไรเยอะ เกรงว่าจะทำให้เซี่ยฉิงรำคาญ

ภายในลิฟต์

เฉินฮวนฮวนถูกชายหนุ่มต้อนเข้ามุม คางถูกนิ้วมือจับเงยขึ้น ให้เงยหน้ามองเขา

“อาสาม?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว ก้มหน้าลง แทบจะตรงหน้าเธอแล้ว

เฉินฮวนฮวนหลบหน้า แล้วรีบพูดขึ้น “ถ้าหากลิฟต์หยุดขึ้นมา คนอื่นเห็นเข้าจะไม่ดี”

“ไปชั้น 22 ก็ถึงโดยตรง” เฟิงหานชวนปฏิเสธคำพูดของเฉินฮวนฮวน เพราะแบบนี้เขาถึงได้กำเริบเสิบสานกับเธอ

เฉินฮวนฮวน “…”

น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม “ทำไมไม่พูดแล้ว? ไม่มีอะไรจะอธิบายเหรอ?”

เฉินฮวนฮวนหันหน้ามา ดวงตาทั้งสองจ้องมองชายตรงหน้าอย่างกล้าหาญ เธอยิ้มมุมปาก แต่รอยยิ้มนั้นกลับมีความเยาะเย้ยอยู่

“ติ๊ง” ถึงชั้นบนแล้ว ประตูลิฟต์ค่อย ๆ เปิดออก

เฉินฮวนฮวนเอามือวางลงบนหน้าอกของชายหนุ่ม เงยหน้าพูดข้างหูเขา แล้วพูดจริงจัง “ไปห้องทำงานคุณก่อนแล้วค่อยคุยกัน คนที่ต้องอธิบายคือคุณ”

พูดจบเธอก็ผลักเฟิงหานชวนออกอย่างแรง เฟิงหานชวนเหม่อลอยชั่วขณะ แล้วเซถอยหลังสองสามก้าว

รอให้เขารู้สึกตัว เฉินฮวนฮวนก็เดินออกจากลิฟต์ไปแล้ว

เขาขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน

เมื่อกี้เฉินฮวนฮวน เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?

เขาไม่ได้คิดอะไรเยอะ แล้วรีบเดินตามหญิงสาวไป หลังจากที่เข้าห้องทำงาน เขาเห็นเฉินฮวนฮวนนั่งอยู่ที่โซฟาหนังแท้สีดำอยู่ก่อนแล้ว ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนขาอีกข้าง เผยให้เห็นข้อเท้าขาวเรียว

“ปิดประตู” เฉินฮวนฮวนเหลือบมองเฟิงหานชวน แล้วพูดสั่ง

หลังจากที่เฟิงหานชวนทำตามคำสั่ง ก็สาวเท้าเดินเข้าไปหาหญิงสาว นั่งลงข้างเฉินฮวนฮวน

แต่วินาทีต่อมา เฉินฮวนฮวนก็ขยับไปอีกข้างหนึ่ง รักษาระยะห่างกับเขา

เห็นระยะห่างช่วงนี้ เฟิงหานชวนขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วถามขึ้นทันที “ตกลงว่าเกินเรื่องอะไรขึ้น? พนักงานพวกนั้นที่ชั้นล่างทำให้คุณไม่พอใจเหรอ?”

“ผมจะไล่พวกเธอออก ตกลงไหม?”

คำพูดประโยคหลัง ค่อย ๆ เอาอกเอาใจ

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนได้ยิน ก็รู้สึกว่าใจเต้นอีกครั้ง แต่เมื่อเธอนึกถึงคำพูดพวกนั้นของเสี่ยวลี่ เสี่ยวลี่เป็นผู้หญิงชนบทที่ซื่อสัตย์ ไม่น่าจะโกหกได้

เธอกดเสียงต่ำ “ไม่เกี่ยวกับพวกเธอ”

ได้ยินแบบนี้ เฟิงหานชวนขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความสับสน จึงถามขึ้น “พูดแบบนี้ แสดงว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผม?”

เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร ถึงได้ทำให้ทูนหัวคนนี้ไม่พอใจ

"ใช่ ฉันมาเพื่อพบคุณ"เฉินฮวนฮวนตอบอย่างจริงจังแล้วพูดว่า: "เป็นเพราะ…"

"คุณรอผมก่อน ผมกำลังลงไปรับคุณ"หลังจากนั้นเฟิงหานชวนก็วางสายและรีบออกจากออฟฟิศทันที

ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะพูดจบ เธอก็ได้ยินเสียง "ตู๊ดๆๆ" ในโทรศัพท์

ยังไงเดี๋ยวก็เจอกันแล้ว ถ้ามีอะไรก็คุยกันต่อหน้าดีกว่า

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนจะลงมารับเธอ ดังนั้นเธอจึงยืนรอตรงลิฟต์

แต่หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเธอแหงนหน้าขึ้น เธอก็เห็นพนักงานหญิงหลายคนกำลังพูดคุยกันที่แผนกต้อนรับในล็อบบี้ และทุกคนก็มองมาในทิศทางของเธอและชี้นิ้วมาทางเธอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกได้ชัดเจนว่าพวกเธอกำลังชี้มาที่เธอ และสิ่งที่พวกเธอพูดก็เกี่ยวข้องกับตัวเองอีกด้วย สีหน้าของเธอแสดงความสงสัยบางอย่างออกมาอย่างช่วยไม่ได้

จนกระทั่งผู้หญิงสองคนที่แผนกต้อนรับเดินเข้ามาหาเธอด้วยรองเท้าส้นสูงและยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

หนึ่งในนั้นคือพนักงานต้อนรับหุ่นสูงเพรียว เธอกอดอกและมีท่าทีที่ค่อนข้างเย่อหยิ่ง: "คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณไม่ใช่พนักงานของ R กรุ๊ปใช่ไหม?"

"ฉันไม่ใช่"เฉินฮวนฮวนตอบอย่างใจเย็น

"เหอะ"ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับหัวเราะเยาะ น้ำเสียงของเธอดูร้ายๆ: "ที่นี่เป็นสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คนนอกเข้ามา ในเมื่อคุณไม่ใช่พนักงานที่นี่ กรุณาช่วยรีบออกไปด้วย!"

"ฉันมาที่นี่เพื่อรอคน"เฉินฮวนฮวนเห็นว่าผู้หญิงที่แผนกต้อนรับกำลังหัวเราะเยาะเธอ แต่เธอก็ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง

"กำลังรอคน?"พนักงานต้อนรับหุ่นท้วมที่ดูใจดีอีกคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: "คุณผู้หญิง ขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าคุณกำลังรอใคร? เมื่อสักครู่มีพนักงานผู้หญิงมาบอกทางเรา บางทีคุณอาจจะมา… สรุปคือทางเราไม่อนุญาตให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ที่นี่ หากมีอะไรผิดพลาดทางเราต้องรับผิดชอบ กรุณาอย่าตำหนิเราเลยค่ะ"

พนักงานแผนกต้อนรับหุ่นท้วมพูดจาค่อนข้างสุภาพ เธอยังคงพยายามที่จะไว้หน้าเฉินฮวนฮวน และทัศนคติของเธอค่อนข้างแตกต่างจากพนักงานแผนกต้อนรับหุ่นเพรียวโดยสิ้นเชิง

คำพูดของเธอทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกสบายใจขึ้น และไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ จากนั้นเธอจึงตอบไปว่า: "ฉันกำลังรอประธานเฟิง ประธานเฟิงมีธุระกับฉัน"

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าน่าจะเหมาะสมมากกว่าที่จะตอบแบบนี้

แต่ในวินาทีถัดมา พนักงานต้อนรับหุ่นเพรียวก็หัวเราะออกมาและพูดจาโอเว่อร์

"ได้ยินไหม? ได้ยินไหม? คนบ้าอีกแล้ว คนบ้าอีกแล้ว! "ขณะที่ชี้ไปที่เฉินฮวนฮวน เธอก็หัวเราะดังลั่นแล้วพูดว่า: "พวกเราไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับเรื่องนี้อีกกี่ครั้ง แต่ก็ยังมีคนกล้าเข้ามาอีก ไม่รู้สึกอายเลยเหรอ?"

****

ใบหน้าของเธอเย็นชา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: "เวลาพูด อย่าชี้นิ้วไปที่คนอื่น นี่เป็นการให้เกียรติขั้นพื้นฐาน"

"ให้เกียรติ? ผู้หญิงอย่างคุณต้องการให้คนอื่นให้เกียรติอย่างนั้นเหรอ? "พนักงานแผนกต้อนรับเดินเข้ามาหาเฉินฮวนฮวนสองก้าวโดยยังคงทำหน้าเสียดสีและพูดว่า: "ผู้หญิงที่ต้องการหาวิธีที่จะพบประธานเฟิงมีเยอะแยะไปหมด และถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่ออกไปหมด ถ้าคุณออกไปด้วยตัวเองไม่ได้ นั่นแหละคือจุดจบ รู้ไหม?"

มีผู้ชมมากขึ้นเรื่อยๆและเฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าการทำแบบนี้มันไม่ใช่ทางที่ดี เฟิงหานชวนบอกว่าเขาจะลงมารับเธอแต่เขาก็ยังไม่มาสักที

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกำลังจะโทรหาเฟิงหานชวนอีกครั้ง และเธอจะขอให้ท่านประธานที่เคารพมาชี้แจงด้วยตัวเองว่าเธอไม่ได้มาเพื่อยั่วยวนเขา ไม่เช่นนั้นเธอก็จะกลายเป็นพวกผู้หญิงหน้าด้านแบบที่พนักงานต้อนรับพูดถึง

เมื่อเธอกำลังจะต่อสายโทรศัพท์ น้ำเสียงที่จริงจังของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา: "พวกคุณมารวมตัวกันทำอะไรที่นี่?"

ทุกคนหันกลับมา เมื่อเห็นคนที่เข้ามาก็กล่าวทักทายอย่างสุภาพ: "เลขาซย่า"

พนักงานแผนกต้อนรับคนที่มีทัศนคติแย่ในตอนนี้ เธอมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับเฉินฮวนฮวน เธอทั้งดูถูกเหยียดหยามและร้าย แต่ตอนนี้เมื่อเธอมองไปที่ซย่าชิงช่างดูประจบสอพลอเหลือเกิน

"เลขาซย่า วันนี้คุณทาลิปสติกเบอร์อะไรคะ มันดูดีมากเลย!"เธอเดินไปหาซย่าชิงและพูดกับซย่าชิงอย่างกะตือรือร้น

ซย่าชิงเป็นหัวหน้ากลุ่มเลขาของประธาน และตำแหน่งของเธอใน R กรุ๊ปนั้นก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นเธอจึงตั้งใจทำตัวประจบประแจงต่อหน้าซย่าชิง

"หวังลู่ เกิดอะไรขึ้น?"ซย่าชิงถูกคนอื่นๆบังจึงทำให้ไม่เห็นเฉินฮวนฮวนที่อยู่ที่ตรงมุม ตอนที่เธอเข้ามาเธอพบว่ามีเสียงดังเอะอะโวยวาย ดังนั้นเธอจึงต้องการเคลียร์

"โอ้ เลขาซย่า จะเป็นเหตุผลอะไรไปได้ล่ะคะ มีผู้หญิงหิวเงินเข้ามาหาประธานเฟิงอีกแล้ว พวกเราไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ทำได้เพียงแค่เชิญให้เธอออกไป"หวังลู่พูดอย่างสุภาพ เธอเรียกว่าเป็นการโน้มน้าวแต่ในความเป็นจริงทั้งหมดที่เธอพูดคือการคุกคามและเยาะเย้ย

"ขอฉันคุยกับเธอหน่อยนะ ผู้หญิงคนไหน?"ซย่าชิงมองไปรอบๆและพบว่าเป็นผู้ชมที่เธอคุ้นเคยอยู่แล้วและพวกเขาทั้งหมดน่าจะเป็นพนักงานของ R กรุ๊ป

ในขณะเดียวกัน เสียงใสๆก็ดังขึ้น: "ฉันเอง"

เฉินฮวนฮวนเดินออกมาจากมุม เธอเดินเลี่ยงกลุ่มคนไปถึงหน้าของซย่าชิงและพูดอย่างจริงจังว่า: "ฉันมาที่นี่เพื่อมาหาประธานเฟิง จริงๆแล้วไม่ใช่สิ่งที่พนักงานต้อนรับท่านนี้พูด "

เมื่อซย่าชิงเห็นเห็นว่าเป็นเฉินฮวนฮวนเธอก็ตกตะลึงไปในทันที

เธอรู้จักเฉินฮวนฮวน

ครึ่งเดือนก่อน ประธานเฟิงพาผู้หญิงคนหนึ่งมาที่บริษัท ตอนนั้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และคนอื่นๆก็ลาพักร้อน ส่วนเธอก็มาทำโอทีและบังเอิญที่เธอไปหาประธานเฟิงเพื่อส่งข้อมูลเอกสาร แล้วเธอก็บังเอิญเห็นผู้หญิงคนนี้พอดี

ความจริงที่ว่าการแต่งงานของเฟิงหานชวนได้รับการยืนยันแล้วเมื่อวานนี้ ปฏิกิริยาแรกของเธอคือภรรยาของเฟิงหานชวนคือผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า แต่เธอก็ไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามเฉินฮวนฮวนยังดูเด็กมากและเหมือนไม่ใช่ภรรยาที่ประธานเฟิงเลือก

บางทีมันอาจเป็นแค่การแต่งงานแบบส่วนตัวภายในครอบครัว?

แต่ตอนนี้เธอเห็นเฉินฮวนฮวนอีกครั้ง และหลังจากได้ยินคำพูดของเฉินฮวนฮวน เธอก็กลับมามีสติอีกครั้ง

ในขณะเดียวกันหวังลู่ก็พูดอย่างไม่สนใจว่า: "เลขาซย่า ไม่รู้ว่าแล้วตอนนี้เป็นคนที่เท่าไหร่ ใช้วีธีพูดแบบนี้ก็คงจะไม่ไป ให้ฉันเรียกรปภ.เลยไหมคะ?"

เมื่อเลขาซย่าอยู่ที่นี่ในตอนนี้ หวังลู่ก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตามอำนาจของเลขาซย่าในบริษัทถือว่าใหญ่อยู่เหมือนกัน เธอจำเป็นจะต้องเอาใจเลขาซย่าและมันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการเลื่อนตำแหน่ง

"เธอน่ะหุบปากก่อน!"ซย่าชิงรู้สึกว่าหวังลู่นั้นส่งเสียงดังน่ารำคาญ เธอคำราม และหลังจากนั้นก็มองไปที่เฉินฮวนฮวนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ และคำพูดของเธอก็อ่อนโยนขึ้นมาก: "ประธานเฟิงรู้หรือไม่ว่าคุณมาที่นี่?"

เฉินฮวนฮวนกำลังจะพยักหน้าตอบ แต่ทันใดนั้นประตูลิฟต์ที่อยู่ตรงข้ามกับพวกเขาก็ค่อยๆเปิดออกพร้อมกับเสียงดัง "ติ๊ง"

สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาก็คือคือรองเท้าหนังแวววาวและกางเกงขาเรียวสีดำ

"ประธานเฟิงมาแล้ว!"ใครบางคนเอ่ยเสียงเบาๆ

ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็แทบหยุดหายใจ บรรยากาศคือแทบไม่มีใครกล้าที่จะหายใจ

เมื่อเฟิงหานชวนก้าวออกจากลิฟต์ เขาก็เห็นเฉินฮวนฮวนและซย่าชิงยืนเผชิญหน้ากันอยู่พอดี โดยมีกลุ่มคนที่ล้อมรอบพวกเธอ และพนักงานแผนกต้อนรับในล็อบบี้ก็ยืนอยู่ข้างๆ

เขาขมวดคิ้วอย่างทันทีและถามเสียงต่ำว่า: "นี่มันเรื่องอะไรกัน?"

เสี่ยวลี่พยักหน้า ร่างกายของเธอสั่นอย่างช่วยไม่ได้

เธอไม่เคยพูดมากมาก่อนและเธอเองก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ แต่เมื่อเห็นว่าคุณนายสามใจดีกับเธอ เธอจึงรู้สึกว่าเธอควรเตือนคุณนายสาม

อย่างไรก็ตามใครที่ทำให้เธอดูโง่ เธอก็อยากจะเปิดโปง เธออยากจะเตือน และเมื่อคุณนายสามมาถามเธอ เธอก็ต้องสารภาพความจริง

"เสี่ยวลี่ บอกฉันที นี่มันเรื่องอะไรกัน? ให้ฉันขัดขวางหลิวอวี่ถง แถมเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับอาหานอีก เธอบอกฉันมานะ! "เฉินฮวนฮวนเริ่มรู้สึกกังวลด้วยลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

เสี่ยวลี่เกลียดตัวเองที่พูดมากเกินไป แต่เธอทนไม่ไหวที่จะปิดบังเฉินฮวนฮวน ดังนั้นเธอจึงต้องตอบไปว่า: "คุณนายสาม ระหว่างคุณชายสามกับหลิวอวี่ถง…เหมือนจะมีเรื่องอะไรแบบนั้น…"

"เธอพูดว่าอะไรนะ?"ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าริมฝีปากของเธอกำลังสั่น: "อาหาน…กับหลิวอวี่ถง? "

ตอนแรกเธอคิดว่าหลิวอวี่ถงเป็นสาวใช้ขี้นินทา และในเมื่อเธอชอบนินทา เธอจึงไม่เคยคิดว่าเฟิงหานชวนจะยุ่งเกี่ยวกับหลิวอวี่ถง

"ฉันเห็นคุณชายสามออกมาจากห้องของหลิวอวี่ถงตอนกลางคืนค่ะ หลังจากที่คุณชายสามออกไป ฉันก็ไปที่ห้องของหลิวอวี่ถงและถามเธอ ฉันเห็นว่าผมของเธอกระเซอะกระเซิงและบนพื้นยังมี…ยังมี…."เมื่อคิดถึงสิ่งนั้น ใบหน้าของเสี่ยวลี่ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

"ยังมีอะไร?"หน้าของเฉินฮวนฮวนซีดลง

"มีของเล่นแบบนั้น!"เสี่ยวลี่รวบรวมความกล้าและในที่สุดก็พูดออกมา

เฉินฮวนฮวนรู้สึกแข็งทื่อไปทั้งตัว ขาของเธออ่อนแรง เธอเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าวแล้ววางมือข้างหนึ่งบนเสาในศาลา

เสี่ยวลี่กำลังโกหกหรือเฟิงหานชวนกำลังโกหกเธออีกครั้ง?

เมื่อคืนเฟิงหานชวนขอให้เธอเลือกคนรับใช้สองคน ซึ่งเธอเลือกเสี่ยวลี่และหลิวอวี่ถงก่อน แต่เฟิงหานชวนปฏิเสธหลิวอวี่ถงเนื่องจากคุณสมบัติต่ำ

เธอไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมัน แต่ตอนนี้…แม้แต่หลิวอวี่ถงยังบอกว่าลูกของเธอไม่ใช่ลูกของเฟิงหานชวน

หรือว่า…เฟิงหานชวนบอกหลิวอวี่ถง?

ทั้งหมดนี่มันเป็นยังไงกันแน่?

"คุณนายสาม ฉัน ฉันสมควรตาย!"เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเฉินฮวนฮวนนั้นผิดปกติไป เสี่ยวลี่ก็ตระหนักได้ถึงอารมณ์ชั่ววูบของตัวเองและตบหน้าของตัวเองทันที

เธอเพียงต้องการเตือนเฉินฮวนฮวนและให้เธอระวังหลิวอวี่ถง แต่เธอไม่เคยคาดหวังว่าทุกอย่างจะกลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

"คุณนายสาม คุณอย่าโกรธเลยนะคะ หลิวอวี่ถงเป็นคนรับใช้ บางทีอาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบของคุณชายสาม ถ้าเขาชอบหลิวอวี่ถงจริงๆ หลิวอวี่ถงก็คงไม่มาเป็นสาวใช้หรอกค่ะ"

เสี่ยวลี่จับมือเฉินฮวนฮวนอย่างกังวลและพูดต่อว่า: "ฉันเห็นมันแค่เพียงครั้งเดียว ฉันไม่เคยเห็นคุณชายสามและหลิวอวี่ถงติดต่อกันมาก่อน"

เสี่ยวลี่อยากจะพูดว่ามันเป็นเพียงครั้งเดียวเมื่อสองคืนก่อน แต่คิดว่าเวลาที่ไม่ได้นานมากเท่าไหร่อาจทำให้คุณนายสามเศร้ายิ่งกว่าเดิม ดังนั้นเธอจึงไม่ได้บอกว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนกลายเป็นสีแดงและบวมในทันที เธอยืนตัวตรงและพยายามกลั้นน้ำตา เธอใช้มือถูดวงตาของเธอเพื่อสงบสติอารมณ์

"กลับกันเถอะ"เฉินฮวนฮวนเอ่ยเบา ๆ

"ห้ะ?" คุณนายสาม คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?"สำหรับความนิ่งอย่างกะทันหันของเฉินฮวนฮวนนั้น ทำให้เสี่ยวลี่ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกและเป็นกังวลมากกว่าเดิม

"ฉันไม่เป็นไร เรากลับก่อนเถอะ"เฉินฮวนฮวนเพียงแค่ส่ายหัวเบา ๆ

เสี่ยวลี่ไม่กล้าพูดอะไรอีก ดังนั้นเธอจึงประคองแขนของเฉินฮวนฮวนและพาเธอออกจากศาลาและเดินกลับบนทางเล็กๆ

หลังจากกลับไปที่คฤหาสน์ เฉินฮวนฮวนก็ยังไม่พูดอะไร เธอเดินตรงกลับไปที่ห้องนอนและเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ออกจากคฤหาสน์โดยไม่พูดอะไรสักคำ

……

เฉินฮวนฮวนเรียกแท็กซี่ที่ประตูใหญ่ของบริเวณคฤหาน์ ปลายทางคือ R กรุ๊ป

มันคือบริษัทของเฟิงหานชวน

สิ่งเสี่ยวลี่พูดถึง เธอต้องการถามเฟิงหานชวนตัวต่อตัว

การเดินทางค่อนข้างราบรื่น และภายในครึ่งชั่วโมงแท็กซี่ก็มาถึงทางเข้าหลักของ R กรุ๊ป

หลังจากจ่ายค่าโดยสารแล้ว เฉินฮวนฮวนก็เดินตรงเข้าไปในล็อบบี้ของ R กรุ๊ป จากนั้นก็เดินไปที่หน้าลิฟต์

เวลานี้เป็นช่วงพักกลางวันจึงมีผู้คนเดินไปมาและมีพนักงานจำนวนมากใน R กรุ๊ป และไม่มีใครสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเธอ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเดินเข้าไปในลิฟต์ เธอกดไปที่เลข "22" แต่มันก็ไม่แสดงผล

ในเวลานี้พนักงานคนอื่นๆหยุดพูดคุยในลิฟต์และทุกคนก็มองไปที่เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนกดอยู่หลายครั้ง แต่ไฟตัวเลขก็ไม่สว่างขึ้น

"คนสวย เธอไม่ใช่พนักงานของบริษัทเราใช่ไหม? เธอไม่รู้หรือว่าไม่มีทางขึ้นตรงไปที่ชั้น 22 ได้? "ชายผู้อยู่ข้างหลังของเฉินฮวนฮวนเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว

พนักงานผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเยาะเย้ยและกล่าวว่า: "ต้าหยาง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สอง เด็กสาวหลายคนแอบเข้ามาหาประธานเฟิง ผลก็คือไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าของประธานเฟิง"

เฉินฮวนฮวนเข้าใจในสถานการณ์ทันที หากไม่ได้รับอนุญาตจากเฟิงหานชวน ก็จะไม่สามารถขึ้นไปบนชั้น 22 ได้

"ในเมื่อเธอไม่ใช่พนักงานของบริษัทเราก็รีบออกไปเถอะ อย่าทำให้เสียเวลาทำงานของพวกเราเลย!"ข้างหลังของเธอมีการเสียดสีจากทั้งผู้ชายและผู้หญิง

"ใช่ๆ ออกไปจากที่นี่! ประธานเฟิงแต่งงานแล้ว พวกผู้หญิงที่อยากจะบินขึ้นไปเพื่อเป็นหงส์ฟ้า อย่าหวังว่าจะได้ประธานเฟิงเลย! "

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากและต้องก้าวเท้าออกจากลิฟต์ ทันทีที่เธอเดินออกไป ประตูลิฟต์ก็ปิดลง

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าของเธอ เธอกดค้นหาชื่อที่คุ้นเคยและกำลังจะกดโทรออก แตาทว่าคนๆนั้นก็โทรเข้ามาหาเธอพร้อมกันพอดี

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมที่เฟิงหานชวนจะรู้แล้วว่าเธอมา?

เธอกดเชื่อมต่อโทรศัพท์ทันที น้ำเสียงต่ำๆและน้ำเสียงที่ดูวิตกกังวลของเฟิงหานชวนก็ดังขึ้นมาจากปลายสาย: "ทำไมคุณถึงวิ่งออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ? ไปไหน?"

ถามเธอว่าไปไหน? ดูเหมือนว่าจะไม่รู้ว่าเธอมาที่ R กรุ๊ปแล้ว

"คุณกลับบ้านแล้วเหรอ?"เฉินฮวนฮวนถาม

"แม่บ้านหลี่โทรหาผมและบอกว่าหาคุณไม่พบ ผมเช็คกล้องวงจรปิดและพบว่าคุณวิ่งออกไป"เฟิงหานชวนถามเสียงต่ำ: "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?"

"อยู่ที่บริษัทของคุณ!"เฉินฮวนฮวนโพล่งออกมา

"หยุดพูดเถอะ บอกผมสักทีว่าคุณไปไหน? คุณไปพบกู้ไหว่เหรอ? "เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนไม่เหมือนคนที่จะวิ่งหนีไปอย่างเงียบๆ เธอต้องไม่อยากให้เขารู้อะไรบางอย่างแน่ๆ ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธที่จะบอกความจริง

"ฉันอยู่ที่บริษัทของคุณจริงๆ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ตอนที่ฉันอยู่ในลิฟต์ ฉันไม่สามารถกดปุ่มไปที่ชั้น 22 ได้ ก็เลยเดินออกจากลิฟต์ ตอนที่ฉันยืนอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์ ตอนแรกฉันจะโทรหาคุณ แต่คุณก็ดันโทรเข้ามาซะก่อน"

เฉินฮวนฮวนร่ายยาวและสุดท้ายก็อธิบายไปว่า: "ฉันไม่ได้จะไปพบอาจารย์กู้ไหว่ ฉันมาเพื่อพบคุณ"

หลังจากที่เฟิงหานชวนได้ยิน เขาก็ผงะไปครู่หนึ่ง และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ: "คุณมาหาผมเหรอ?"

พอสงบสติแล้ว เฉินฮวนฮวนจึงโทรหากู้ไหว่ ตอบตกลงที่กู้ไหว่เสนอ

เธอขอบคุณกู้ไหว่มาก ถ้าไม่มีไอเดียจากกู้ไหว่ เธอก็อาจจะถอนตัวออกเลย แล้วก็จะรู้สึกเสียใจด้วย

พอคุยกับกู้ไหว่ไปสักพัก เฉินฮวนฮวนจึงลงไปชั้นล่าง แม่บ้านหลี่เตรียมยากับมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว

เฉินฮวนฮวนกินยา แล้วกินมื้อเที่ยง อาจจะเพราะอารมณ์ดี วันนี้เธอเลยกินเยอะ จึงตัดสินใจจะไปเดินย่อยข้างนอก

แม่บ้านหลี่ไม่วางใจ จึงให้เสี่ยวลี่ตามเธอไปด้วย เพราะตอนนี้เธอไม่ไว้ใจหลิวหลี่ถงมาก

เสี่ยวลี่กำลังยุ่งกับการทำความสะอาด ทีแรกคิดว่าถ้าทำเสร็จแล้ว จะไปขอบคุณเฉินฮวนฮวน

แล้ววันนี้ก็มีโอกาสอยู่สองต่อสอง พอทั้งสองเดินออกจากประตูคฤหาสน์แล้ว เสี่ยวลี่จึงรีบเอ่ยขอบคุณ "คุณหญิงสามคะ ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ! ต่อไปฉันจะทำหน้าที่ในตระกูลเฟิงดีๆ แล้วรับใช้คุณหญิงสามค่ะ"

"เสี่ยวลี่ ทำไมอยู่ๆเธอถึงขอบคุณฉันล่ะ?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกงง

"คุณหญิงสาม คุณเป็นคนบอกพ่อบ้านจาง ให้ขึ้นเงินเดือนฉันเป็นสองเท่าไม่ใช่เหรอคะ?" เสี่ยวลี่ก็งงเหมือนกัน พ่อบ้านจางบอกว่าคุณหญิงเป็นคนสั่ง แต่ตอนนี้คุณหญิงเหมือนไม่รู้เรื่อง

"อ้อ เรื่องนี้เหรอ ฉันรู้สถานการณ์ของเธอ เธอขยันใช้ชีวิตขนาดนี้ ฉันรู้สึกว่าเธอควรได้รับเงินเดือนที่สูงกว่านี้" เฉินฮวนฮวนมองผู้หญิงที่ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ผิวคล้ำๆตรงหน้า รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ดิ้นรนมาก

พอขาสามีพิการทั้งสองข้าง เธอไม่ได้เลือกที่จะหนี ไม่ได้เลือกที่จะหย่า จึงแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ดี อย่างน้อยก็เป็นคนมีเมตตา

อาจจะเพราะชีวิตเมื่อก่อน ผ่านความลำบากมาเยอะ รอบข้างมีแต่คนใจดำ ตอนนี้เฉินฮวนฮวนจึงอยากรู้จักคนที่จิตใจดี

"คุณหญิงสาม ขอบคุณคุณมากนะคะ! คุณเป็นผู้มีพระคุณของฉัน บุญคุณของคุณ ฉันจะไม่ลืมค่ะ" เสี่ยวลี่ร้องไห้ไปด้วย แล้วคุกเข่าให้เฉินฮวนฮวน

เสียงดัง"ปึง"ชัดเจนมาก

เฉินฮวนฮวนรีบจับมือเสี่ยวลี่ไว้ พยายามดึงเธอขึ้นมา แล้วรีบพูดว่า "เสี่ยวลี่ เธออย่าทำแบบนี้ เธอแค่ทำงานดีๆก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก"

เห็นเฉินฮวนฮวนออกแรง แล้วคิดได้ว่าเธอเป็นคนท้อง เสี่ยวลี่จึงไม่กล้าคุกเข่าอีก แล้วรีบลุกขึ้นมา ใช้มือเช็ดน้ำตาตัวเอง "คุณหญิงสามคะ คุณเป็นคนดีจริงๆ! ขอแค่คุณต้องการฉัน ฉันพร้อมจะดูแลคุณอย่างดี จะไม่ขี้เกียจเลยค่ะ"

"ในเมื่อเธอพูดขนาดนี้แล้ว งั้นภารกิจของเธอตอนนี้ก็คือ ไปเดินเล่นกับฉัน เราต้องเดิน โอเคไหม?" เฉินฮวนฮวนต้องใช้วิธีนี้มาปลอบใจเสี่ยวลี่ ให้เธอหยุดขอบคุณตัวเองสักที

จากที่เธอดูมา ถึงชีวิตของเสี่ยวลี่จะลำบาก แต่ก็เป็นคนที่ขยันใช้ชีวิต ก็เหมือนเธอในอดีต

ก่อนหน้านั้น คุณยายป่วย เธอก็ต้องหางานทำ ตอนนั้นลำบากมากจริงๆ แต่พอร้านชานมของเกาเหวินรับเธอเข้าทำงาน เงินเดือนก็ดีกว่าที่อื่น แล้วยังอยู่ในมหาวิทยาลัยอีก จึงเดินทางสะดวกมาก

เพราะฉะนั้น พอรู้สถานการณ์ของเสี่ยวลี่ เธอจึงอยากช่วยเหลือเสี่ยวลี่ ไม่ได้คิดอะไรมาก

พอเสี่ยวลี่ฟังเฉินฮวนฮวนพูดจบ จึงพยักหน้าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา แล้วทั้งสองค่อยไปเดินเล่นต่อ

เดินไปสักพัก เฉินฮวนฮวนเริ่มเหนื่อยแล้ว ข้างหน้ามีศาลานั่งพักพอดี เธอจึงให้เสี่ยวลี่ไปนั่งพักกับเธอ

ตอนนี้ ห่างจากคฤหาสน์มาสักระยะหนึ่งแล้ว เสี่ยวลี่มองหน้าด้านข้างของเฉินฮวนฮวน แล้วเม้มปาก เหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็ไม่พูดออกมา

สุดท้าย พอเฉินฮวนฮวนนั่งพักพอแล้ว กำลังจะลุกขึ้น แล้วกลับโดนเสี่ยวลี่ดึงมือไว้

เฉินฮวนฮวนหันไป แล้วถมอย่างสงสัย "เสี่ยวลี่ อะไรเหรอ?"

เสี่ยวลี่เม้มปาก สีหน้าดูลังเลมาก แล้วเธอก็พูดติดๆขัดๆออกมาว่า "คุณหญิงสามคะ ฉัน……ฉันมีเรื่อง……อยาก อยากพูดกับคุณ……แต่ว่าฉัน……ฉันไม่กล้า……"

เสี่ยวลี่กังวล ถ้าพูดเรื่องนั้นออกมา ถ้าเฉินฮวนฮวนไปโวยวายกับคุณชายสาม ตัวเองก็อาจจะเสียงานไป

เพราะยังไง คุณชายสามก็เป็นเจ้านายเธอ เฉินฮวนฮวนก็แค่คุณหญิงสามที่เพิ่งแต่งเข้ามาไม่นาน

"เสี่ยวลี่ เธออยากพูดอะไรฉันเหรอ? ทำไมไม่กล้าพูดล่ะ?" นี่ทำให้เฉินฮวนฮวนสงสัยกว่าเดิม จนอดถามต่อไม่ได้

"ฉัน……ฉัน……" เสี่ยวลี่หงุดหงิดที่ตัวเองใจร้อน แต่พอเห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเฉินฮวนฮวน เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวเกินไป

คุณหญิงสามดีกับเธอขนาดนั้น แล้วยังเพิ่มเงินเดือนให้อีก เธอรู้แต่ไม่บอก เหมือนเป็นคนทรยศเลย

"เสี่ยวลี่ เธออยากพูดอะไรก็พูดเถอะ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ฉันไม่ใช่คนที่แยกแยะไม่เป็น" เฉินฮวนฮวนคิดว่าเพราะเรื่องที่ตัวเองสั่งสอนหลิวหลี่ถง แล้วทำให้เสี่ยวลี่กลัว ก็เลยไม่กล้าพูดอะไรกับเธอ

เสี่ยวลี่ส่ายหน้า สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า "คุณหญิงสามคะ อีกหน่อยคุณต้อง……ระวังหลิวหลี่ถงนะคะ"

"อือ นิสัยเขาไม่ดี อีกหน่อยคุณห้ามฟังสิ่งที่เขาพูด แล้วเขาก็……เขา……" ตอนนี้เสี่ยวลี่ลังเลมากว่าจะพูดเรื่องนั้นหรือเปล่า

ตอนนี้คุณหญิงสามกำลังท้องอยู่ ถ้าอารมณ์ไม่ดี อาจจะกระทบเด็ก งั้นเธอก็ผิดเต็มๆเลยสิ

พอเฉินฮวนฮวนได้ยิน ที่แท้แค่เตือนให้เธอระวังหลิวหลี่ถง เธอยิ้มอ่อนแล้วเอ่ยว่า "ตอนเที่ยง ฉันสั่งสอนเขาไปแล้ว ฉันคิดว่าเธอรู้ ก็เลยไม่กล้าพูดกับฉัน"

"คุณหญิงสาม คุณรู้หมดแล้วเหรอคะ?" พอได้ยินว่าเฉินฮวนฮวนสั่งสอนหลิวหลี่ถง เสี่ยวลี่จึงเบิกตาโตอย่างตกใจ

พอเฉินฮวนฮวนได้ยินเธอพูดแบบนี้ ค่อยรู้สึกว่าผิดปกติ จึงรีบถามว่า "เขาทำอะไรใช่ไหม? แล้วเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฉัน"

เสี่ยวลี่รีบปิดปากตัวเอง ที่แท้คุณหญิงสามไม่รู้ เธอพูดหลุดปากเอง

เธอแค่อยากเตือนคุณหญิงสาม ให้ระวังหลิวหลี่ถง ทีแรกไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่ตอนนี้……

เฉินฮวนฮวนเห็นเธอทำหน้าตกใจ จึงถามเสียงเข้มว่า "เสี่ยวลี่ เธอบอกฉันมาว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่? ฉันจะไม่บอกหลิวหลี่ถงว่าเธอเป็นคนบอกฉัน"

"คือ……คือ……คุณหญิงสามคะ นอกจากหลิวหลี่ถง คุณอย่าบอกคุณชายสามด้วยได้ไหมคะ? ฉันกลัวว่าคุณชายจะไล่ฉันออก……ฉันจะเสียงานนี้ไปไม่ได้……" เสี่ยวลี่ขอร้องอย่างหวาดกลัว

"อาหาน?" เฉินฮวนฮวนพึมพำอย่างสงสัย จากนั้นจึงจับมือเสี่ยวลี่ไว้ รีบถามว่า "ที่เธอจะพูด เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับคุณชายสามอีกเหรอ?"

พอแสดงโชว์แรกเสร็จ มีการทดสอบการเต้นเป็นทีม แล้วจากช่วงเวลาที่เรียนเต้นกับความสามารถ ก็ประเมินอันดับอีกครั้ง

นี่ก็คือเหตุผลที่ทำไม เฉินฮวนฮวนจึงลังเล

"ส่วนของการเต้นทีม ถ้าคุณไม่สามารถฝึกซ้อมได้จริงๆ ก็ละไปได้เลย แต่ก็อาจจะ……ถูกแบ่งให้เข้าห้องD"

เสียงของกู้ไหว่หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอีกว่า "ถ้าคุณมั่นใจว่าสามารถแซงขึ้นมาได้ ผมขอแนะนำแบบนี้ดีกว่า อย่ายอมแพ้ง่ายๆ มันน่าเสียดาย"

การจัดลำดับในรายการ จะแบ่งจากการโชว์ความสามารถแต่ละครั้ง แล้วแบ่งห้องให้ มีทั้งหมดสี่อันดับก็คือ ABCD ห้องDก็แสดงว่าเป็นเด็กฝึกไม่มีความสามารถ เป็นลำดับที่แย่ที่สุด

"ครูกู้คะ หนู……หนูอยากร่วมรายการด้วยวิธีแบบนี้ค่ะ แต่หนูอยากปรึกษากับครอบครัวก่อน เดี๋ยวค่อยโทรกลับครูกู้ ได้ไหมคะ?" เฉินฮวนฮวนพยายามควบคุมเสียงตัวเองไว้

ไม่ว่าสุดท้ายเธอจะได้เดบิวต์หรือเปล่า แต่ก็รู้ว่าสถานการณ์ของเธอตอนนี้คงเดบิวต์ไม่ได้ แต่ถ้าได้ลองมาด้วยตัวเอง เธอก็ไม่เสียใจ

อย่างน้อย เธอก็จะไม่รู้สึกผิดกับเกาเหวิน คุ้มกับที่ฝึกหนักมาครึ่งเดือน คุ้มกับความคาดหวังของกู้ไหว่

"ได้ เดี๋ยวผมรอคำตอบคุณ" กู้ไหว่เอ่ยตอบ

"งั้นหนูวางก่อนนะคะ ครูกู้"

"อื้อ"

พอเฉินฮวนฮวนกดวางสายแล้ว กำลังจะโทรหาเฟิงหานชวน จะปรึกษากับเขาเรื่องที่ยังไม่ถอนตัวออก แต่ยังไม่ทันโทรไป หน้าประตูก็มีเสียงของหลิวหลี่ถงดังขึ้นมา

"คุณหญิงสามคะ แม่บ้านหลี่ให้ฉันมาเรียกคุณไปทานมื้อเที่ยงค่ะ" หลิวหลี่ถงยืนรออยู่หน้าประตู ไม่ได้เดินเข้ามา มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ข้างหน้า ดูมีมารยาทมาก

เมื่อกี้ตอนที่เฉินฮวนฮวนคุยโทรศัพท์ เธอก็มาถึงหน้าประตูแล้ว แค่รอให้เธอกดวางสาย แล้วค่อยเอ่ยพูด

เพราะตอนนี้ เธอไม่กล้าทำตัวเหิมเกริม กลัวว่าตัวเองจะโดนเฉินฮวนฮวนไล่ออก แล้วเสียงานนี้ไป

"เดี๋ยวฉันค่อยลงไป ตอนนี้มีธุระจะคุยโทรศัพท์ เธอลงไปก่อนแล้วกัน" เฉินฮวนฮวนทำตัวนิ่งเฉย น้ำเสียงก็กลับมาอ่อนโยนเหมือนปกติ

"ได้ค่ะ" หลิวหลี่ถงพยักหน้า แล้วเดินถอยออกไป

แต่ว่า เธอไม่ได้ไปไหน กลับยืนอยู่ที่บันไดชั้นสาม เพราะประตูห้องนอนหลักไม่ได้ปิด เธอยืนอยู่ที่บันได จึงได้ยินเสียงของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนรีบโทรหาเฟิหานชวนทันที เฟิงหานชวนกำลังประชุมอยู่ พอเห็นโทรศัพท์สั่น แล้วหน้าจอขึ้นว่า"คุณภรรยา" จึงรีบทำมือให้หยุด

เขารีบลุกขึ้น แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก้าวเดินออกจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกดรับสาย

"อาหาน คุณรับโทรศัพท์สักที ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ" เฉินฮวนฮวนรีบเอ่ยพูดอย่างตื่นเต้น

เขาฟังออกว่าน้ำเสียงเธอแฝงไปด้วยความดีใจ เฟิงหานชวนจึงโล่งอก เมื่อกี้เขาเกร็งมาก กังวลว่าเกิดเรื่องอะไรกับเฉินฮวนฮวนหรือเปล่า

"เรื่องอะไรเหรอ? น่าจะเป็นเรื่องดีใช่ไหม? ฟังดูแล้วคุณมีความสุขมาก" เฟิงหานชวนถามอย่างใจเย็น

"สำหรับฉันถือเป็นเรื่องดี แต่ว่า……ฉันกังวลว่าคุณจะไม่ตกลง" เฉินฮวนฮวนเม้มปาก แต่ก็พูดออกมา

"หื้อ? ผมไม่ตกลง?" เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามอย่างสงสัย "พูดเถอะ เรื่องอะไร?"

"คือคุณครูกู้ของฉันตอนที่ฝึกอบรม ช่วยฉันให้ร่วมรายการเพราะบาดเจ็บได้ ไม่ต้องเต้น ขอแค่ร้องเพลงก็พอแล้ว ฉันรู้สึกว่าแบบนี้ไม่กระทบกับลูก คุณน่าจะตกลงใช่ไหม?"

ตอนที่เฉินฮวนฮวนพูด ในใจเกร็งมาก อยู่ๆก็รู้สึกเกร็ง กลัวว่าเฟิงหานชวนจะไม่ตกลง

ตามคาด พอเฉินฮวนฮวนพูดจบ สีหน้าเฟิงหานชวนจึงเข้มขรึมทันที แค่เฉินฮวนฮวนไม่เห็นสีหน้าเขา

"กู้ไหว่?" เสียงของเขาทุ้มต่ำ แล้วเอ่ยถามว่า "ผมจำได้ เขาเป็นผู้ชาย ทำไมต้องดีกับคุณขนาดนี้ด้วย?"

"ไม่ใช่นะอาหาน คุณอย่าเข้าใจผิด ฉันกับครูกู้เป็นแค่ศิษย์กับคุณครู ฉันเคารพเขามาก เขาก็ฝากความหวังกับฉัน เขาเลยไม่อยากให้ฉันถอนตัวออกแบบนี้" เฉินฮวนฮวนรีบอธิบาย เธอกลัวว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไป จะทำให้เฟิงหานชวนเข้าใจผิด

"สถานการณ์ตอนนี้ของร่างกายคุณ ไม่ควรไปร่วมรายการ" เสียงเฟิงหานชวนเย็นชามาก เหมือนไม่อยากให้ปฏิเสธ

ความเข้มขรึมของเขา ทำให้เฉินฮวนฮวนเริ่มใจร้อน เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนทำเพื่อเธอ แต่เธอไม่อยากปล่อยโอกาสแบบนี้ไป

ถ้าอยู่บำรุงครรภ์ที่บ้าน เธอคงเบื่อตายแน่ๆ

แล้วอีกอย่าง เด็กคนนี้ ต้องทำให้เธอคิดมากแน่นอน ถ้าไม่หาอะไรทำ เธอกลัวว่าตัวเองจะคิดสั้น

"อาหาน ฉันอยากไปลองจริงๆ ถ้าฉันรู้สึกว่ากระทบกับลูก ฉันจะรีบถอนตัวออกจากรายการ ได้ไหม?" เฉินฮวนฮวนใช้น้ำเสียงที่ปรึกษา แล้วเอ่ยถามเขา

มือของเฟิงหานชวนที่จับโทรศัพท์ จับแน่นขึ้นกว่าเดิม เฉินฮวนฮวนขอร้องเขา เขาทำใจปฏิเสธไม่ได้เลย ไม่กล้าใช้น้ำเสียงบังคับ แล้วให้เธอบำรุงครรภ์ที่บ้านดีๆ

แต่ว่า เขาถามหรงจิ่นซิวแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ของเธอนอนพักผ่อนบำรุงครรภ์ดีที่สุด รอให้ทุกอย่างคงที่แล้ว ค่อยทำกิจกรรมได้

"อาหาน ฉันกลัว ฉันกลัวว่าถ้าเอาแต่อยู่บ้าน ฉันจะคิดมาก คิดมากเกี่ยวกับที่มาของเด็กคนนี้ เพราะฉะนั้นฉัน……ฉันก็เลยอยากหาอะไรทำ……" เฉินฮวนฮวนเห็นเฟิงหานชวนไม่ตอบ จึงรวบรวมความกล้า แล้วพูดเรื่องนี้

ที่บันไดชั้นสาม คนที่แอบยืนอยู่ที่นั่นได้ยินคำนี้ จึงเบิกตาโตอย่างตกใจ แล้วอ้าปากค้าง กลัวว่าตัวเองจะส่งเสียงออกมา จึงรีบปิดปากตัวเองไว้

หลิวหลี่ถงเข้าใจแล้วว่า อะไรคือได้มาฟรีๆโดยที่ไม่ต้องทำอะไร

ไม่คิดเลยว่าจะเร็วขนาดนี้ เฉินฮวนฮวนก็พูดเรื่องนี้ออกมาเอง เฉินฮวนฮวนคงคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าตอนนี้เธอแอบฟังอยู่ข้างนอก

แต่ว่า หลิวหลี่ถงก็รีบตั้งสติ สิ่งที่เฉินฮวนฮวนพูดเมื่อกี้ คือพูดกับคุณชายสาม หรือว่า……คุณชายสามรู้ว่าเด็กไม่ใช่ของเขา แต่ก็ยังยอมเป็นพ่อ?

พระเจ้า!

หลิวหลี่ถงอึ้งนิ่งอยู่กับที่

ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างล่างบันได เธอรีบหันกลับไป แล้วเดินลงไปอย่างลนลาน แล้วที่บันไดชั้นสอง ก็เจอกับแม่บ้านหลี่ที่กำลังขึ้นมาพอดี

"ให้เธอไปเรียกคุณหญิงลงมาทานข้าวไม่ใช่เหรอ? คุณหญิงล่ะ?" เห็นว่าหลังหลิวหลี่ถงไม่มีใครเลย แม่บ้านหลี่จึงอารมณ์ขึ้น แล้วพูดเสียงดังใส่หลิวหลี่ถง

ที่เธอพาหลิวหลี่ถงมาด้วย ก็คิดว่าอายุหลิวหลี่ถงกับเฉินฮวนฮวนไม่ห่างกันมาก บวกกับหลิวหลี่ถงบอกว่าคุยกับเฉินฮวนฮวนถูกคอ แล้วหวังว่าเธอจะช่วยอะไรได้ แต่ไม่คิดเลยว่าช่วยอะไรไม่ได้เลย ยังทำให้เฉินฮวนฮวนอารมณ์เสียอีก

"ไม่ใช่ค่ะแม่บ้านหลี่ คุณหญิงสามกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ค่ะ บอกว่าเดี๋ยวลงมา"

ครั้งนี้หลิวหลี่ถงน้อยใจมาก ทั้งๆที่เธอไปแจ้งแล้ว แต่เฉินฮวนฮวนไม่ลงมาสักที แล้วแม่บ้านหลี่ก็โทษเธอ

ถึงตอนนี้เธอโมโหจะเป็นบ้า แต่ในใจก็สงสัยมาก เธอยังไม่รู้เลยว่าระหว่างเฉินฮวนฮวนกับคุณชายสาม เกิดเรื่องอะไรกันแน่ คุณชายสามถึงยอมเลี้ยงลูกคนอื่น?

หรือว่า ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่า เขาโดนสวมเขา?

แต่ว่า คุณชายสามไม่ต้องแคร์เรื่องนี้เลย ถ้าจากนิสัยเมื่อก่อนของคุณชายสาม เฉินฮวนฮวนท้องลูกของคนอื่น คุณชายสามก็มีโอกาสพอดี แล้วเตะเฉินฮวนฮวนทิ้ง

หรือว่าคุณชายสามหลงรักเฉินฮวนฮวนจริงๆ? ก็เลยยอมเลี้ยงลูกของคนอื่น เพื่อรั้งเฉินฮวนฮวนไว้?

หลิวหลี่ถงงงมาก ในสมองตีกันวุ่น คิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจสักที

"ในเมื่อคุณหญิงคุยโทรศัพท์อยู่ งั้นเราก็ลงไปรอข้างล่าง" แม่บ้านหลี่ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วหันหลังเดินลงไป

หลิวหลี่ถงแอบเหลือบมองชั้นบน กำมือแน่น แล้วกัดฟัน จากนั้นจึงเดินตามแม่บ้านหลี่ลงไป

ห้องนอนหลักชั้นสาม เฉินฮวนฮวนกำลังรอคำตอบของเฟิงหานชวน เหมือนเฟิงหานชวนจะยอมแล้ว แต่ต้องถามหรงจิ่นซิวก่อน

ผ่านไปไม่นาน เธอก็ได้รับสายโทรกลับจากเฟิงหานชวน เสียงของเขาทุ้มต่ำมาก แล้วเหมือนทำอะไรไม่ได้ "ถ้าไม่ต้องเต้น แค่ร้องเพลง น่าจะไม่มีปัญหาอะไร กี่วันนี้ก็กินยาบำรุงครรภ์ดีๆ เดี๋ยวอีกสองสามวันผมพาคุณไปตรวจ ถ้าแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร คุณก็ไปร่วมรายการต่อได้"

"รอก่อนอาหาน ครูกู้ยังรอให้ฉันตอบกลับ ในเมื่อหรงจิ่นซิวบอกว่าแค่ร้องเพลงไม่เป็นอะไร งั้นฉันตอบตกลงครูกู้ก่อนว่าจะร่วมรายการต่อ ได้ไหม?" เสียงของเฉินฮวนฮวนอ้อนมาก แล้วขอร้องอ้อนวอนเขา

ถึงแม้เฟิงหานชวนไม่อยากให้เฉินฮวนฮวนไปร่วมรายการ แต่ก็คิดได้ว่าร่วมรายการอาจจะทำให้เธอสดใสขึ้น แล้วลืมหลิวตงรุ่ยไปซะ เขาจึงกัดฟัน แล้วจำใจตกลง

"ได้"

พอเฟิงหานชวนตกลงแล้ว เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันดีใจ ก็ได้ยินเขาย้ำอีกว่า "แต่ว่า ระหว่างร่วมรายการ ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหน ต้องรีบบอกผม รู้ไหม?"

"รู้แล้ว" เฉินฮวนฮวนรีบพยักหน้า

"กินมื้อเที่ยงหรือยัง?" เฟิงหานชวนถามอย่างเป็นห่วง

"ยัง เดี๋ยวค่อยไป แม่บ้านหลี่ทำเสร็จแล้ว" เฉินฮวนฮวนตอบ

"อย่าทนหิว รีบไปกินข้าวเลย เดี๋ยวต้องกินยาอีก" เฟิงหานชวนพูดย้ำ

"ฉันรู้แล้ว รู้แล้ว" เฉินฮวนฮวนเหมือนเด็กที่กำลังโดนอบรม ทำได้แค่ตอบตกลง

"อื้อ เดี๋ยวผมต้องประชุมต่อ เจอกันตอนเย็น" เฟิงหานชวนค่อยนึกถึงการประชุมที่ตัวเองหยุดไปกลางคัน

เฉินฮวนฮวนรีบตอบว่า "คุณรีบไปประชุมเถอะ ประชุมสำคัญกว่า เจอกันตอนเย็นนะ"

ตอนที่เฉินฮวนฮวนกำลังจะกดวางสาย เสียงที่เข้มขรึมของเขาจึงดังขึ้นว่า "ไม่ คุณสำคัญกว่าการประชุม"

"อือ……วางละนะ!" พูดจบ เฉินฮวนฮวนก็รีบวางสายทันที

มองหน้าจอที่ดับไปแล้ว เธอรู้สึกแค่ว่าใจเต้นแรงมาก เธอทาบหน้าอก แล้วแก้มก็แดงทั้งสองข้าง

เฟิงหานชวนนี่หนา ตอนที่ทำตัวจริงจังยังจะหยอกคนอื่นอีก

เดิมทีเฉินฮวนฮวนไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่ไม่ชอบน้ำเสียงในคำพูดของหลิวหลี่ถงเมื่อสักครู่นี้

แต่ตอนนี้ พฤติกรรมตื่นตระหนกของหลิวหลี่ถงนี้ทำให้เธอต้องไล่ถามต่อไป

“สงสัยฉัน?” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้นอีก

หลิวหลี่ถงไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนจะบีบถามขนาดนี้ คาดเดาไม่ได้จริงๆ หรือแกล้งหยั่งเชิงว่าเธอจะบอกความจริงหรือไม่

เธอไม่กล้าเดินไต่เชือกง่ายๆในตอนนี้ เธอจึงต้องบอกความจริงว่า “คุณนายสาม ฉันไม่ควรสงสัยเด็กในท้องของคุณว่า ไม่……ไม่ใช่ของคุณชายสาม……”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเฉินฮวนฮวนก็เปลี่ยนไปทันที และตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ

เดิมทีหลิวหลี่ถงคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้น พบว่าเฉินฮวนฮวนทั้งตัวแทบจะติดอยู่กับที่ เธอเงยหน้าขึ้นเงียบๆ และเห็นว่าสีหน้าของเฉินฮวนฮวนแย่มาก

หรือว่า……หรือว่าเธอพูดถูกจริงๆ? หรือว่าการคาดเดาของเธอนั้นถูกต้อง?

เด็กในท้องของเฉินฮวนฮวนไม่ใช่ของคุณชายสามจริงๆ?

หลิวหลี่ถงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ แต่ได้ยินเสียงที่สงบนิ่งของผู้หญิงเหนือหัวของเธอ: “ถ้าฉันได้ยินคำพูดนี้อีกในครั้งต่อไป อย่าโทษฉันที่ไล่เธอออก”

คนที่พูดแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นเฉินฮวนฮวน ซึ่งเป็นนายผู้หญิงของบ้านหลังนี้ และเป็นนายจ้างของหลิวหลี่ถง

ใบหน้าของหลิวหลี่ถงซีดเผือดเมื่อได้ยิน เดิมเธอคิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นลูกพลับที่อ่อนนุ่ม แต่คิดไม่ถึงว่าจะโหดขนาดนี้

เธอร้องไห้ทันทีและพูดว่า “ฉันขอโทษ คุณนายสาม ฉันขอโทษจริงๆ……ต่อไปฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระแน่นอน ไม่อย่างแน่นอน ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย…”

หลิวหลี่ถงในตอนนี้รู้สึกกระวนกระวายใจ ดังเช่นกับมดนับไม่ถ้วนที่คลานไปทั่วบนหม้อร้อน รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง เปรียบได้ว่ากลัวจนตัวสั่น

ที่สำคัญเธอไม่คาดคิดเลยว่า เฉินฮวนฮวนจะเปลี่ยนหน้าได้รวดเร็วอย่างนี้

เฉินฮวนฮวนใบหน้าไร้อารมณ์ แววตามองไปที่ไกลราวกับว่าตกอยู่ในภวังค์ ในเมื่อสาวใช้คนหนึ่งยังสงสัยในตัวของเด็ก แล้วคนที่บ้านตระกูลเฟิงจะคิดอย่างไรบ้าง?

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ตอบ หลิวหยี่ถงก็กังวลอย่างมากจนจะเป็นบ้า เธอสัมภาษณ์เข้าบ้านตระกูลเฟิงได้ในฐานะสาวใช้ไม่ใช่เรื่องง่าย เงินเดือนสูงมาก และได้รู้จักคนชั้นสูง จึงไม่อยากจากไปเลย

ตอนนี้เธอกลัวว่าเฉินฮวนฮวนจะไล่เธอออกจริงๆจากความโกรธชั่วขณะ

“คุณนายสาม คุณก็ทราบว่าฉันชอบพูดนินทาและเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง แต่นอกจากคุยกับตัวคุณเองแล้ว ฉันไม่กล้าซุบซิบนินทากับคนอื่นจริงๆ ฉันเข้าใจกฎดี คุณอย่าไล่ฉันออกเลยนะ!” หลิวหลี่ถงกังวลจนร้องไห้

มองดูท่าทางของหลิวหลี่ถงตอนนี้ เฉินฮวนฮวนถอนหายใจอย่างจำใจและพูดว่า: "ฉันแค่เตือนเธอ ต่อไปให้ทำงานดีๆ อะไรที่ไม่ควรพูดไม่ควรถาม ก็ไม่ต้องพูดมาก"

เธอไม่ต้องการให้คนอื่นพูดถึงหัวข้อนี้อีก

“ค่ะค่ะค่ะ ไม่อย่างแน่นอน” หลิวหลี่ถงพยักหน้าพร้อมทั้งน้ำตาและน้ำมูก

ในเวลานี้ แม่บ้านหลี่รีบเร่งออกไป มองเหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้าด้วยความประหลาดใจแล้วถามว่า "นี่นี่นี่……นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"

“ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว” เฉินฮวนฮวนสั่งหลิวหลี่ถง จากนั้นหันกลับมามองที่แม่บ้านหลี่และอธิบายว่า “แม่บ้านหลี่ ไม่มีอะไร เพียงแค่เธอพูดผิดไปไม่กี่ประโยค ฉันเลยโกรธนิดหน่อย เธอคิดว่าฉันจะไล่เธอออก เธอเลยขอโทษฉัน”

สำหรับเฉินฮวนฮวนแล้ว แม่บ้านหลี่ไม่ใช่คนรับใช้ แต่เป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงอธิบายให้ถึงที่

“หลิวหลี่ถง ตอนพาเธอมา เธอสัญญากับฉันว่ายังไง? เธอจะไม่ก่อกวนคุณนาย ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?” แม่บ้านหลี่หน้าเปลี่ยนทันที น้ำเสียงของเธอดุมาก และใบหน้าของเธอก็จริงจังมาก

หลิวหลี่ถงรีบโบกมืออย่างรวดเร็วและร้องไห้พูดว่า: “แม่บ้านหลี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คือว่าพูดอย่างหุนหันพลันแล่นไปไม่กี่ประโยค ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ฉันสัญญากับคุณนายสามแล้ว”

แม่บ้านหลี่ถอนหายใจแรงๆ แสดงใบหน้าที่หงุดหงิดและพึมพำว่า: "บอกให้เธอล้างผัก วิ่งออกมาโดยที่ฉันไม่ทันระวัง ผักก็ยังล้างไม่เสร็จ แล้วมาพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าคุณนายสาม ถ้ายังมีครั้งหน้าอีก เธอไม่ต้องทำแล้วจริงๆ!”

“ไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้วแน่นอน!” หลิวหลี่ถงเห็นว่าแม้แต่แม่บ้านหลี่ก็ยังไม่พอใจตนเอง คนทั้งคนก็ทั้งกลัวและตื่นตระหนก

แม่บ้านหลี่เป็นหัวหน้าของเธอ และเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเฟิง ในมุมมองของหลิวหลี่ถง แม่บ้านหลี่มีอำนาจในการพูดใหญ่กว่าเฉินฮวนฮวน

“รีบไปทำงานในครัว อย่ารบกวนคุณนายสามพักผ่อน” แม่บ้านหลี่ดุ

หลิวหลี่ถงไม่กล้าพูดมาก รีบวิ่งเข้าไปข้างใน ที่ประตูห้องนั่งเล่นเหลือเพียงแม่บ้านหลี่และเฉินฮวนฮวน

“ฮวนฮวน ฉันขอโทษจริงๆ หลิวหลี่ถงบอกว่าพวกคุณสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดี พูดคุยกันบ่อย ฉันถึงพาเธอมาที่นี่ ไม่ได้คิดว่าวันแรกก็ทำให้คุณโกรธแล้ว” แม่บ้านหลี่รู้สึกผิดและรีบขอโทษเฉินฮวนฮวนทันที

เฉินฮวนฮวนรีบส่ายศีรษะ จับมือแม่บ้านหลี่ยิ้มแล้วพูดว่า: "แม่บ้านหลี่ ฉันรู้ว่าคุณหวังดีกับฉัน ที่จริงหลิวหลี่ถงเพียงแค่พูดมากไปหน่อย เธอเป็นคนร่าเริง ทำให้คนอื่นมีความสุข เป็นเพราะช่วงสองสามวันนี้อารมณ์ของฉันไม่ปกติ เป็นปัญหาของตัวฉันเอง”

เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการทำให้แม่บ้านหลี่รู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นจึงพูดแบบนี้และรับผิดไว้ที่ตนเอง

“โธ่ ฉันรู้เด็กดี ตอนนี้เธอยังไม่ได้เตรียมพร้อมก็ตั้งท้องแล้ว มีผลต่อจิตใจแน่นอน ไปนั่งบนโซฟานะ อีกเดี๋ยวจะทานข้าวแล้ว” แม่บ้านหลี่ตบหลังมือของเฉินฮวนฮวนเบาๆเป็นการปลอบใจ

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและพูดเบาๆ: "อืม ขอบคุณแม่บ้านหลี่"

……

หลังอาหารกลางวัน เฉินฮวนฮวนขึ้นไปพักผ่อนชั้นบน

เพิ่งเดินเข้าห้องนอน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือสั่น

เธอรีบเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นสายเรียกเข้าจากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย แต่ยังคงเชื่อมต่อสาย

“สวัสดีค่ะ นั่นใครคะ?” เฉินฮวนฮวนถาม

“เพื่อนเฉิน ผมเอง กู้ไหว่” เสียงดั่งแม่เหล็กที่ต่ำพูดขึ้น

เฉินฮวนฮวนตะลึง จากนั้นดวงตาเป็นประกาย และตะโกนด้วยความประหลาดใจ: “อาจารย์กู้!”

เธอชื่นชมกู้ไหว่เป็นอย่างมาก รวมถึงการฝึกครึ่งเดือนมานี้ กู้ไหว่ให้ความสำคัญกับเธอมากและหวังกับเธอไว้สูง ดังนั้นทัศนคติของเธอต่อกู้ไหว่จึงดีมาก

สำหรับเธอแล้ว กู้ไหว่เป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณ

“ผมได้ยินมาว่าขาของคุณได้รับบาดเจ็บ และคิดที่จะถอนตัว……คุณแน่ใจว่าจะถอยตัวจริงๆหรือ?” น้ำเสียงของกู้ไหว่ดูเหมือนจะรวมกับเสียงถอนหายใจแรง

เฉินฮวนฮวนฟังออกว่าเขาเสียใจ มืออีกข้างหนึ่งลูบท้องแบนราบของตนเองโดยไม่รู้ตัวด้วยใบหน้าที่ยุ่งเหยิง

“ขาของฉันไม่สามารถฝึกเต้นแบบเข้มงวดได้ จริงๆแล้วฉันก็เสียใจมาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ฉันไม่อยากถอนตัว แต่ว่า……” เฉินฮวนฮวนหยุดพูด เธอไม่รู้แล้วว่าจะพูดถึงสถานการณ์ของตัวเองอย่างไร อารมณ์ของตัวเอง

สรุปคือมันวุ่นวาย และทุกอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอ ซึ่งทำให้เธอทนไม่ไหว

“ที่จริง ผมช่วยยื่นขอโชว์ครั้งแรกตามลำพังให้คุณได้ โชว์ครั้งแรกแบบนี้คุณไม่จำเป็นต้องซ้อมเต้นในทีม คุณแค่ต้องแต่งเพลงของคุณเองและแสดงมันออกมา แบบนี้คุณก็สามารถแข่งขันต่อได้โดยไม่ต้องเต้นรำ" กู้ไหว่กล่าวอย่างจริงจังราวกับว่าพยายามรั้งเฉินฮวนฮวนไว้

เฉินฮวนฮวนตกใจเล็กน้อยและถามว่า "ทำ…… แบบนี้ได้หรือ? แล้วหลังจากโชว์ครั้งแรกควรทำอย่างไร?"

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เวินซือเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว

เมื่อเขาหันกลับมา มีหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งได้วิ่งมาข้างหน้าเขาแล้ว

“เวินซือเหยี่ยน เป็นคุณจริงๆ อา——” หลิวหลี่ถงปิดปาก แล้วตะโกนอีกครั้ง

“คุณคือ?” เวินซือเหยี่ยนใบหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงออกชัดเจน

เขาเห็นว่าผู้หญิงคนนี้วิ่งออกจากบ้านของเฉินฮวนฮวน น่าจะเป็นอะไรสักอย่างกับเฉินฮวนฮวน?

"ฉันเป็นแฟนคลับของคุณ! ฉันชอบคุณมากๆ! คุณอาศัยอยู่ที่นี่หรือ?" หลิวหลี่ถงกระทืบเท้าอย่างตื่นเต้น

เธอไม่เคยคาดคิดว่า เพิ่งจะย้ายมาที่นี่ก็ได้เจอเวินซือเหยี่ยนแล้ว

เดี๋ยวก่อน จู่ๆเธอคิดอะไรบางอย่างออก เฉินฮวนฮวนกับเวินซีเหยี่ยนรู้จักกัน? เมื่อครู่ทั้งสองกล่าวทักทายกัน!

ในทันที หลินหลี่หยางก็สงบลงมาก เพียงแค่ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ มองไปที่เวินซือเหยี่ยน ไม่ได้หุนหันพลันแล่นเหมือนเมื่อครู่นี้

สิ่งที่เวินซือเหยี่ยนต้องการไม่ใช่คำตอบนี้ บังเอิญเฉินฮวนฮวนก็รีบเข้ามาคว้าแขนของหลิวหลี่ถงและเตือนว่า "หลี่ถงเธอห้ามเปิดเผยที่อยู่ของเวินซือเหยี่ยนกับคนอื่นนะ!"

เธอไม่คิดว่าแค่ตัวเองทักทายเวินซือเหยี่ยน ก็จะเป็นการสะกดรอยและเปิดเผยที่อยู่ออกมา เธอกังวลว่าถ้าไม่เตือนหลิวหลี่ถง ถึงเวลาหลิวหลี่ถงออกไปพูดเรื่องไร้สาระและรบกวนเวินซือเหยี่ยน เธอจะกลายเป็นแพระรับบาป

“อ๊า!” หลิวหลี่ถงอุทาน พยักหน้าอย่างรวดเร็ว มองไปที่เวินซือเหยี่ยนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดอย่างจริงจังว่า: “ฉันจะไม่ทำแน่นอน ซือเหยี่ยน คุณสบายใจได้”

“คนนี้เป็นเพื่อนของคุณเหรอ?” เวินซือเหยี่ยนถามเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันตอบ หลิวหลี่ถงก็ควงแขนของเฉินฮวนฮวนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: "ใช่ ฉันเป็นเพื่อนของฮวนฮวน"

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหลิวหลี่ถงหยิกตัวเองอย่างลับๆ และไม่ได้บอกความจริง เพียงแค่ยิ้มจางๆแสดงถึงความการยอมรับ

หรือบางทีหลิวหลี่ถงไม่อยากยอมรับฐานะสาวใช้ต่อหน้าไอดอล

“ฮวนฮวน?” เวินซีเหยี่ยนหัวเราะและถามว่า “ฉันยังไม่รู้ว่าชื่อเต็มของคุณชื่ออะไร”

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วตอบว่า: "ฉันชื่อเฉินฮวนฮวน เฉินที่เขียนนำหน้าด้วยอักษรสามหยดน้ำขีดสามขีด ฮวนที่แปลว่าร่าเริง"

จู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่เคยบอกชื่อของเธอกับเวินซือเหยี่ยน

“อืม” เวินซือเหยี่ยนตอบเบาๆ

หลิวหลี่ถงเบิกตากว้างอยู่ข้างๆด้วยความสงสัย พวกเขาสองคนรู้จักกันไม่ใช่เหรอ? แถมยังทักทายกัน ทำไมเวินซือเหยี่ยนถึงไม่รู้จักชื่อของเฉินฮวนฮวน?

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

“ไปแล้วนะ” เวินซือเหยี่ยนยกมือขึ้นแล้วหันหลังเดินไปข้างหน้า

หลิวอหลี่ถงก็กังวลขึ้นมารีบตะโกนว่า: "ซือเหยี่ยน คุณรอเดี๋ยว"

พูดแล้วเธอเดินอ้อมไปด้านหน้าของเวินซือเหยี่ยน และยืนเผชิญหน้ากับเวินซือเหยี่ยน

“มีเรื่องอะไรอีกหรือ?” เวินซือเหยี่ยนพูดด้วยความสงสัย

“คือว่า……ซือเหยี่ยน ในเมื่อทุกคนก็เป็นเพื่อนบ้านกัน และอาศัยอยู่ในชุมชน งั้น……ขอเพิ่มวีแชตได้ไหม? เพื่อเป็นเพื่อนกัน?” หลิวหลี่ถงถามอย่างหน้าด้าน

เธอรู้สึกว่าในเมื่อเวินซือเหยี่ยนไม่รู้จักชื่อของเฉินฮวนฮวน นั่นพิสูจน์ได้ว่าทั้งสองคนน่าจะไม่มีข้อมูลติดต่อกัน ดังนั้นเธอจึงเป็นคนริเริ่ม

เวินซือเหยี่ยนก็เป็นหนุ่มนักแสดงวัยรุ่นที่มีคุณภาพ ว่ากันว่าเขาเป็นคนดังรุ่นที่สาม เขามีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา และเป็นเป้าหมายในการล่าและรักของหลิวหลี่ถง

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนกำลังตั้งครรภ์อยู่ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าท้องเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง แต่ถ้าเธอตั้งครรภ์กับคุณชายสามจริงๆ และมีนายท่านหนุนหลัง เธอกลัวว่าโอกาสจะน้อยนิด

แต่พระเจ้ามีตา ขณะที่เธอก้าวเดินลำบาก พระองค์ได้ส่งเวินซือเหยี่ยนมาอยู่ต่อหน้าเธอ

"ไม่จำเป็น"

เมื่อได้ยินว่าขอวีแชตของตัวเอง สีหน้าของเวินซือเหยี่ยนก็เย็นชาลงเล็กน้อย ทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเดินไปข้างหน้าต่อ

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวหลี่ถงหยุดนิ่งทันที

เฉินฮวนฮวนรู้สึกทำไรไม่ถูกเมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวกับตา อับอายแทนหลิวหลี่ถง และอายแทนตัวเอง

อย่างไรในสายตาของเวินซือเหยี่ยนนั้นหลิวหลี่ถงเป็นเพื่อนของเธอ การกระทำของหลิวหลี่ถงก็แสดงถึงการกระทำของเธอด้วยเช่นกัน

เฉินฮวนฮวนทำอะไรไม่ถูกและเกลี้ยกล่อมว่า: "เขาเป็นนักแสดง ไม่มีทางเพิ่มวีแชตของใครไปเรื่อยอย่างแน่นอน"

หลิวหลี่ถงเหลือบมองไปทางเวินซือเหยี่ยน พบว่าเวินซือเหยี่ยนไปไกลแล้ว เธอจึงกัดฟันอย่างลับๆ และมองไปที่เฉินฮวนฮวนแล้วถามว่า "คุณนายสาม คุณก็ไม่มีวีแชตของเวินซือเหยี่ยนเหรอ? ฉันเห็นคุณและเขาทักทายกัน ฉันคิดว่าพวกคุณสองคนเป็นเพื่อนกันซะอีก!"

เฉินฮวนฮวนส่ายหัวและพูดว่า "ฉันกับเขาพบกันแค่ครั้งเดียว วันนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้พบกัน"

"โอ้ ก็ได้ เป็นฉันเองที่หุนหันพลันแล่น" หลินหลี่ถงแสร้งทำเป็นเขินอาย แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้รู้สึกอายแต่อย่างใด

ริเริ่มเข้าหาผู้ชายและขอวีแชตแบบนี้ เธอไม่ได้ทำแค่ครั้งสองครั้ง

“ใช่แล้วหลี่ถง ที่อยู่ของเวินซือเหยี่ยน เธอต้องห้ามพูดออกไปเด็ดขาด” เฉินฮวนฮวนเตือนเธออีกครั้ง

เวินซือเหยี่ยนตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ถ้ามีคนรู้ที่อยู่ของเขาแล้วมาสร้างปัญหาให้ที่นี่ เขาจะต้องเดือดร้อนแน่นอน

“ไม่ต้องห่วงคุณนายสาม ฉันไม่ใช่คนพูดมาก ฟ้ารู้ดินรู้คุณรู้ฉันรู้” หลิวหลี่ถงตบหน้าอกแสดงท่าทางว่าเก็บเป็นความลับอย่างแน่นอน

“พวกเราเข้าบ้านกันเถอะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า หันหลังเดินเข้าข้างใน

เฉินฮวนฮวนต้องเดินผ่านลานเล็กๆจากประตูใหญ่ไปถึงประตูห้องนั่งเล่น หลิวหลี่ถงไล่ตามมา ควงแขนของเฉินฮวนฮวนและถามด้วยความแปลกใจ: "คุณนายสาม ฉันรู้สึกว่าเวินซือเหยี่ยนแสดงต่อคุณไม่เหมือนกัน พวกคุณเคยพบกันหนึ่งครั้ง คุยกันดีขนาดนั้นเลย คุณช่างเป็นที่รักใคร่ของใครๆ! คุณกับคุณชายสามก็ด้วย และเพิ่งรู้จักกันก็ตั้งท้องลูกของเขาทันที…”

หลิวหลี่ถงพูดมาก กึ่งประจบสอพลอและกึ่งสอบถาม พร้อมความหมายหยั่งเชิง

เฉินฮวนฮวนหยุดก้าว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ที่หลิวหลี่ถงพูดเมื่อครู่นี้ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร แต่หลังจากที่เธอฟังแล้ว รู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบายใจ

เธอหันศีรษะมองหลิวหลี่ถงแล้วพูดเบา ๆ ว่า: "ฉันกับอาหานเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแค่ตั้งท้องเร็วไปหน่อยเท่านั้น"

“คุณนายสาม คุณอย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น คุณอย่าเข้าใจฉันผิดเด็ดขาด……” หลิวหลี่ถงตกใจ โบกมืออย่างเร็วและรีบอธิบาย

“เธอไม่ได้หมายถึงแบบไหน?” แววตาของเฉินฮวนฮวนเย็นลงเล็กน้อย เธอฟังออกว่าคำพูดของหลิวหลี่ถงมีความหมายแอบซ่อน

“ฉัน……ฉัน……” เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็รู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน และนั่งยองๆอยู่ครู่หนึ่ง

ในความเห็นของเธอ เฉินฮวนฮวนเป็นเหมือนคนโง่เขลาแสนหวานเสมอ แต่สายตาของฮวนฮวนเมื่อครู่นี้ เหมือนจะดูความคิดทั้งหมดของเธอออก

“พูดให้ชัดเจน ฉันไม่ชอบคนอ้อมค้อม” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจมองดูท่าทางของหลิวหลี่ถง เธอไม่รู้ว่าหลิวหลี่ถงตั้งใจแสดงอะไรกันแน่

หลิวหลี่ถงตกใจมากเมื่อได้ยิน คุกเข่าต่อหน้าเฉินฮวนฮวนทันที และจับมือเธอแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยคุณนายสาม ฉันไม่ควรสงสัยคุณ ฉันขอโทษ ต่อไปฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระแล้วแน่นอน…"

เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดของเฉินฮวนฮวน หลิวอวี่ถงรู้สึกคลื่นไส้

ในความเห็นของเธอ เฉินฮวนฮวนก็เป็นแค่ของที่ใช้ซื้อขาย และบังเอิญเข้าตาตระกูลเฟิง ยังมาแสร้งทำเศร้าใจ เห็นแล้วขยะแขยง

หลิวอวี่ถงอ้าปากกล่าว: "คุณนายสาม เด็กที่คุณกำลังท้องเป็นหลานชายของนายท่าน ท่านก็ต้องมีความสุขมากสิ! ดังนั้น คุณต้องดูแลดีๆ เมื่อเด็กเกิดออกมา ครอบครัวตระกูลเฟิงคงจะมีชีวิตชีวามากขึ้น!"

เมื่อแม่บ้านหลี่ได้ยินคำพูดของหลิวอวี่ถง สีหน้าดูไม่พอใจเล็กน้อยและดุว่า: "อวี่ถง ลงไปล้างผักข้างล่าง"

หลิวอวี่ถงยังอยากอยู่ที่นี่ แต่เธอไม่คิดว่า แม่บ้านหลี่จะสั่งให้เธอไปล้างผัก เธอกัดริมฝีปากของเธออย่างลับๆ และไม่กล้าแสดงท่าทีไม่เต็มใจ เธอต้องทำตาม หันหลังออกจากห้องนอน

อาจเป็นเพราะมีคนน้อยลงในห้อง เฉินฮวนฮวนรู้สึกโล่งขึ้น

“ฮวนฮวน อย่าคิดมากนะ คุณคือลูกสะใภ้ที่นายท่านยอมรับและเป็นภรรยาของคุณชายสาม ทุกคนต่างตั้งตารอการมาของเด็กคนนี้” แม่บ้านหลี่พูดเบาๆ ตบหลังมือของเฉินฮวนฮวน พูดอย่างจริงจัง

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าไม่พูดอะไร เพียงตอบสั้นๆ: "อืม ขอบคุณนะแม่บ้านหลี่"

“ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก คุณพักผ่อนก่อน ฉันจะลงไปทำอาหาร ถ้าเสร็จแล้วจะขึ้นมาเรียกคุณ”

พูดจบ แม่บ้านหลี่ก็รีบออกจากห้อง ปล่อยให้เฉินฮวนฮวนอยู่คนเดียว

เฉินฮวนฮวนยกผ้าห่มขึ้นและลุกจากเตียง หลังจากสวมรองเท้าแตะแล้ว เธอก็เดินไปที่ระเบียง ระเบียงกว้างขวางมาก มองออกไปไกลจากระเบียง มีต้นไม้เขียวขจีมากมาย และทิวทัศน์ที่สวยงาม

ในขณะนี้ บนถนนหน้าประตูคฤหาสน์ เธอเห็นเวินซือเหยี่ยนโดยไม่คาดคิด

เวินซือเหยี่ยนไม่ได้สังเกตเห็นเธอ แค่เดินผ่าน สวมเสื้อผ้าสบายๆ และถือถุงของต่างๆอยู่ในมือ โลโก้บนถุงคือถุงซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ตรงทางเข้าคฤหาสน์

“เวินซือเหยี่ยน!” เฉินฮวนฮวนตะโกนอย่างตื่นเต้น

แต่ว่า หลังจากตะโกน เธอก็รู้สึกไม่น่าตะโกนเลย

เขาไม่ได้สังเกตเห็นเธอ แต่เธอกลับตะโกนเรียกเขา ถ้าเขาไม่ตอบกลับ ก็คงจะเสียหน้ามาก

อย่างไรก็ตาม ครั้งก่อนเวินซือเหยี่ยนใจดีนำทาง ยังไงก็เถอะ เธอเป็นหนี้บุญคุณเขา และเมื่อเธอเห็นเขาเดินผ่านมา เธอจึงไม่อยากแสร้งทำเป็นไม่เห็น

เวินซือเหยี่ยนได้ยินเสียงนั้นและมองไปรอบๆทันที แต่เขาไม่พบอะไร

เมื่อเห็นพฤติกรรมของเขา เฉินฮวนฮวนโบกมือและตะโกนอีกครั้ง: “เวินซือเหยี่ยน!”

เวินซือเหยี่ยนจับทิศทางของเสียงได้แล้ว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาเห็นเฉินฮวนฮวนยืนอยู่บนระเบียงชั้นสาม

ยังคงใส่ชุดนอน ผมรุงรัง ยืนอยู่ภายใต้แสงแดดตอนเที่ยง มีอารมณ์ที่สุดจะพรรณนา เขาไม่เคยเห็นในวงการบันเทิง

แต่เมื่อคิดได้ว่าเธอแต่งงานแล้ว มีสามีแล้ว แววตาของเวินซือเหยี่ยนก็หรี่ลง

“คุณอยู่ที่นี่เหรอ?” เขาชี้ไปที่คฤหาสน์

“ใช่” เฉินฮวนฮวนตอบและพยักหน้า

“สวยดีนะ” เวินซือเหยี่ยนพยักหน้าและกล่าวว่า: “ถ้างั้นคุณพักผ่อนเถอะ ผมไปก่อน”

เมื่อเห็นเวินซือเหยี่ยนเดินไปข้างหน้า เฉินฮวนฮวนก็โบกมืออย่างรวดเร็วและกล่าวลา: “ลาก่อน! เรื่องครั้งก่อนขอบคุณนะ!”

“ยินดี” เวินซือเหยี่ยนหันกลับมาและโบกมือ

ในขณะนี้ มีเสียงร้องดังมาจากชั้นล่าง: "เวินซือเหยี่ยน กรี๊ด—"

จากนั้น ผู้หญิงในชุดกระโปรงชีฟองก็วิ่งออกไปที่ประตู

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

เธอจำได้ว่าเธอเคยคุยกับเฟิงหานชวนว่าให้เสี่ยวลี่มา แต่ทำไมหลิวอวี่ถงถึงอยู่ที่นี่?

ในขณะที่เธออยู่ในความงุนงง หลิวอวี่ถงเดินมาตรงหน้าเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และนั่งที่ข้างเตียงอย่างคุ้นเคย จับมือเฉินฮวนฮวนด้วยมือทั้งสองข้าง

“คุณนายสาม ฉันมาที่นี่แล้ว ต่อไปนี้ฉันจะเป็นคนดูแลคุณเอง ถ้าคุณต้องการอะไร เรียกฉันได้ตลอดเวลา” หลิวอวี่ถงยิ้มอย่างประจบสอพลอ แต่จริงๆ แล้วเธอกัดฟันแน่นอย่างลับๆ

ตอนที่เธออยู่บ้านเก่า เธอรู้ว่าคนใช้ที่เฉินฮวนฮวนเลือกคือเสี่ยวลี่ แต่เนื่องจากยังขาดแคลนคน แม่บ้านหลี่ต้องพาคนใช้มาอีกสองคน เธอจึงตามแม่บ้านหลี่มา

ในเวลานั้น แม่บ้านหลี่จะพาคนใช้แก่มาอีกสองคน แต่เธอโน้มน้าวแม่บ้านหลี่และบอกว่าเธอกับคุณนายสามคุยกันถูกคอ และบอกว่าคุณนายสามอยากให้เธอมา แม่บ้านหลี่จึงตกลง

ดังนั้น เมื่อมองไปที่เฉินฮวนฮวนตรงหน้าเธอ แม้ว่าหลิวอวี่ถงกำลังยิ้ม แต่ในใจเธอเกลียดฮวนฮวนมาก

ตอนแรกเฉินฮวนฮวนรับปากว่าจะพาเธอมา แต่แล้วก็เปลี่ยนคำพูด เห็นได้ชัดว่าเพราะเธอยังสาว กลัวว่าเธอจะมาแย่งความรักจากคุณชายสาม

เพราะตอนนี้เฉินฮวนฮวนกำลังตั้งท้อง ไม่สามารถปรนนิบัติคุณชายสามได้ มีคนใช้สาวอยู่ในบ้านเธอจะสบายใจได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม เฉินฮวนฮวนไม่อยากให้เธอมา เธอก็จะมา ตอนนี้เธอก็ย้ายมาแล้ว เฉินฮวนฮวนคงไม่มีข้ออ้างที่จะไล่เธอกลับ ไม่งั้นเฉินฮวนฮวนก็คงต้องเสียหน้า!

“อืม โอเค แม่บ้านหลี่พาเธอมาเหรอ?” เฉินฮวนฮวนถาม

เธอนึกขึ้นได้ว่า ตอนแรกจะให้เสี่ยวลี่และหลิวอวี่ถงมาทั้งสอง แต่เฟิงหานชวนรู้สึกว่าหลิวอวี่ถงอายุยังน้อย ดังนั้นเธอจึงเลือกแค่เสี่ยวลี่

ตอนนี้หลิวอวี่ถงอยู่ที่นี่ คงไม่ใช่เพราะคำสั่งของเฟิงหานชวน แต่น่าจะตามแม่บ้านหลี่มา

“ใช่ค่ะ คุณนายสาม ฉันบอกแม่บ้านหลี่ว่าฉันคุยถูกคอกับคุณนายสาม ถ้าฉันมาที่นี่ คุณนายสามคงดีใจมาก” หลิวอวี่ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ แต่รอยยิ้มนั้นดูปลอม

ไม่มีความรู้สึกจริงใจเลย

“อืม” เฉินฮวนฮวนเพียงพยักหน้าเบาๆ

อันที่จริง เธอกับหลิวอวี่ถงเคยคุยกันไม่กี่ครั้ง และไม่มีความสัมพันธ์พิเศษใดๆ แต่เห็นได้ชัดว่าหลิวอวี่ถงสำคัญตัวเองมาก แต่เธอก็ไม่อยากพูดอะไรมาก

“คุณนายสาม ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว แม่บ้านหลี่กำลังเตรียมอาหารกลางวันที่ชั้นล่าง คุณมีอะไรอยากกินเป็นพิเศษไหม?” หลิวอวี่ถงถามอย่างกระตือรือร้น

ตอนนี้เธอต้องประจบประแจง ถ้าเป็นแบบนี้ เฉินฮวนฮวนก็จะไม่มีเหตุผลไล่เธอกลับ

“ฉัน… ฉันไม่มี กินอะไรก็ได้” เฉินฮวนฮวนส่ายหัว รู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมาก แค่พริบตาก็ผ่านไปแล้วครึ่งวัน

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษ หลิวอวี่ถงกลอกตาอย่างลับๆ และความอยากรู้อยากเห็นในหัวของเธอแทบจะควบคุมไม่อยู่ เธอจึงถามออกมาว่า:"คุณนายสาม ฉันได้ยินแม่บ้านหลี่บอกว่าคุณกำลังท้อง ไม่คิดว่าคุณจะท้องเร็วขนาดนี้ วันแรกที่คุณเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิง คืนนั้นฉันเป็นคนเอาชุดนอนให้คุณ คุณจำได้ไหม?”

ในความเป็นจริง ในใจหลิวอวี่ถงไม่เข้าใจเล็กน้อย

คืนนั้น คุณชายสามไม่ได้แตะต้องเฉินฮวนฮวน และหลังจากนั้นเฉินฮวนฮวนก็ไปที่ค่ายฝึกเป็นเวลาครึ่งเดือน ไม่รู้ว่าเธอไปท้องกับคุณชายสามตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงท้องเร็วขนาดนี้?

เธอคิดว่ามันแปลก

“ฉันจำได้” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า เสียงของเธอเบาลง

สองวันก่อนวันนั้น เธอไปทำงานแทนหลิวเยว่เอ่อร์ที่บลูส์คลับ แต่…

มือเล็กๆของเธอซ่อนอยู่บนเตียงอย่างลับๆ กำหมัดแน่น แต่ไม่นานก็ปล่อย

เธอไม่ควรคิดถึงเรื่องเก่าๆ อย่างที่เฟิงหานชวนบอก ตอนนี้เด็กคนนี้เป็นลูกของพวกเขาสองคน

เมื่อหลิวอวี่ถงได้ยินเฉินฮวนฮวนตอบ หลิวอวี่ถงก็ขยับศีรษะไปทางเฉินฮวนฮวน เอามือปิดปากและถามต่อไปว่า: "คุณนายสาม เด็กในท้องเกิดจากคืนนั้นใช่ไหม?”

เฉินฮวนฮวนตกตะลึง ดวงตาของเธอแข็งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า: “อืม ใช่”

คืนนั้น เป็น “คืนแต่งงาน" ระหว่างเธอกับเฟิงหานชวน แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาในขณะนั้น แต่ในสายตาของคนอื่นก็คิดว่าเป็นคืนเข้าหอของพวกเขา

คืนนั้นเป็นวันที่ใกล้กับวันที่เกิดขึ้นในบลูส์คลับ เฉินฮวนฮวนจึงตอบคำถามนี้

อย่างไรก็ตาม หลิวอวี่ถงสามารถเข้าใจรายละเอียดเล็กๆได้ดี เมื่อกี้เฉินฮวนฮวนเสียสติไปครู่หนึ่งและเธอก็จับได้อย่างรวดเร็ว

เห็นได้ชัดว่า เฉินฮวนฮวนกำลังโกหก

เธอทำงานในบ้านตระกูลเฟิงมานานกว่าหนึ่งปี และเธอรู้จักเฟิงหานชวนดี เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนอนกับเฉินฮวนฮวนตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

หลิวอวี่ถงรู้สึกว่าเด็กในท้องของเฉินฮวนฮวนนั้นแปลกมาก เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย คิดในใจว่าเธอต้องขุดความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้

“ดูเหมือนว่าคุณชายสามจะตกหลุมรักคุณนายสามตั้งแต่แรกพบ คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่พวกคุณเจอกันใช่ไหม? ครั้งแรกก็…พวกคุณใจร้อนกันจัง!” หลิวอวี่ถงพูดติดตลกกลบเกลื่อน แกล้งทำท่าทางเขินอาย

ถ้านี่เป็นเรื่องจริง เฉินฮวนฮวนต้องอายมากแน่ แต่ตอนนี้เธอต้องพยายามทำตัวปกติที่สุด

ขณะที่เธอกำลังจะเปลี่ยนหัวข้อ เสียงของแม่บ้านหลี่ก็ดังขึ้นจากประตูห้องนอน: “อวี่ถง อย่ามารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณนาย”

เมื่อหลิวอวี่ถงได้ยินเสียงของแม่บ้านหลี่ เธอก็ตกใจรีบลุกขึ้นทันที ยืนขึ้นด้วยความเคารพ ก้มศีรษะลง และแสร้งทำเป็นให้ความเคารพ

แม่บ้านหลี่เดินเข้ามา เฉินฮวนฮวนที่ใบหน้าซีดขาว ยิ้มและทักทาย: “แม่บ้านหลี่ รบกวนคุณอีกแล้ว”

“ฮวนฮวน เกรงใจฉันทำไมกัน? ฉันดีใจมากกว่า!” แม่บ้านหลี่พูดอย่างตื่นเต้น: “นายท่านเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้ ว่าถ้าคุณสะดวกเมื่อไหร่ให้โทรบอกท่าน ท่านจะมาเยี่ยมด้วยตัวท่านเอง”

“นายท่าน?” เฉินฮวนฮวนโบกมืออย่างรวดเร็วและพูดอย่างกังวล: “จะให้นายท่านมาหาฉันได้อย่างไร ควรเป็นฉันที่ไปหาท่านสิ”

“ฮวนฮวน คุณเป็นคนในครอบครัวตระกูลเฟิงแล้ว จะเกรงใจทำไม? นายท่านยังกระโดดโลดเต้นได้ จะปล่อยให้คนท้องไปหาท่านได้อย่างไร ต้องเป็นท่านมาหาคุณสิ จะได้มาหาหลานด้วย”

แม่บ้านหลี่ดึงหลิวอวี่ถงออกไป ยืนข้างเตียงเฉินฮวนฮวนจับมืออย่างมีความสุข และพูดเสียงดัง: “ไม่ต้องพูดถึงว่านายท่านตื่นเต้นแค่ไหน! ถ้าไม่กลัวจะรบกวนคุณ เขาคงบินมาที่นี่แล้ว”

“ฮ่าๆ” เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

เธอไม่คิดว่าแม่บ้านหลี่จะมีอารมณ์ขบขันเช่นนี้

หลังจากหัวเราะเสร็จ ดูเหมือนเธอจะนึกถึงอะไรบางอย่าง และรอยยิ้มของเธอก็แข็งนิ่งในทันใด

“ฮวนฮวน เป็นอะไรหรือเปล่า?” เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของเฉินฮวนฮวนแปลกไป แม่บ้านหลี่จึงรีบถาม

“เปล่า แม่บ้านหลี่ แค่รู้สึกขอบคุณพวกคุณมาก ขอบคุณคุณ ขอบคุณนายท่านที่ใจดีกับฉัน” เฉินฮวนฮวนส่ายหัว น้ำตาคลอเล็กน้อย

นายท่านเฟิงมีความคาดหวังกับเธอสูง แต่ลูกในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของตระกูลเฟิง…

“อาหาน ที่นี่ใหญ่โคตรโตเลยนะ”

เฉินฮวนฮวนหมุนตัวกลับมา ก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาศีรษะและพูดว่า : “แม่บ้านหลี่ก็อายุมากแล้ว เธอทำความสะอาดบ้านและห้องน้ำหนักอยู่แล้ว ไม่ควรเพิ่มงานให้เธออีก ถ้าแค่เสี่ยวลี่เพียงคนเดียวก็พอ เธอลำบากมาก เธอมีความกดดันสูงมาก ซึ่งฉันรู้สึกว่า…..”

“ฮวนฮวน”

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เฟิงหานชวนก็พูดตัดบทเธอ จากนั้นก็เดินไปหาเธอทันที

“อื้อ” เฉินฮวนฮวนตอบรับสั้น ๆ

“ผมรู้ความหมายของคุณ ความคิดของผมเหมือนกับคุณ” เดิมทีเฟิงหานชวนไม่ได้คิดมากแบบนี้ แต่ตอนนี้เขาคิดแล้ว

เขาเอื้อมมือไปตบไหล่ของเฉินฮวนฮวนเบา ๆ และพูดว่า : “ผมให้แม่บ้านหลี่เลือกคนใช้อีกสองคน จากนั้นก็เดินทางมาพร้อมกัน”

“ดีเลย” เฉินฮวนฮวนกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมกับพยักหน้า

……

เพราะแม่บ้านหลี่ยังไม่มา ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงต้องเป็นคนเตรียมอาหารเช้าด้วยตัวเอง

เฟิงหานชวนถามเธอว่าอยากจะกินอะไร เฉินฮวนฮวนอยากกินโจ๊กและหมูหย็อง ดังนั้นอาหารมื้อเช้าจึงต้องเป็นสองอย่างนี้

หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จ เฉินฮวนฮวนก็เร่งให้เฟิงหานชวนไปบริษัท ส่วนตัวเองก็กลับมายังห้องนอน เตรียมตัวจะนอนหลับอีกสักตื่น

ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับนั้น ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เธอถูกเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นขึ้น

เธอเอื้อมมือออกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหน้าของตัวเอง จากนั้นก็หรี่ตาเล็กน้อย ในตอนที่เห็นรายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์นั้น เธอก็ตาสว่างโพลงในทันที

นั้นคือสายจากเกาเหวิน

เฉินฮวนฮวนรีบลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว

“ฮวนฮวน เธอแน่ใจว่าจะถอนตัวจากการแข่งขันจริง ๆ ใช่ไหม? เมื่อเช้าฉันได้รับสายจากประธานเฟิงแล้ว บอกว่าเธอตั้งท้อง” น้ำเสียงของเกาเหวินดูลำบากใจเล็กน้อย ไม่ได้กังวานเหมือนอย่างเคย แต่กังวลใจอย่างเห็นได้ชัด

เธอแค่คิดไม่ถึงว่า เฉินฮวนฮวนจะตั้งท้องทายาทของตระกูลเฟิงเร็วขนาดนี้ ถ้าคลอดออกมาเป็นลูกชาย งั้นก็เข้าข่ายที่ว่าแม่ได้ดีเพราะลูก ได้ครองตำแหน่งคุณนายสามประจำตระกูลเฟิงอย่างสบาย ๆ

เธออิจฉาเฉินฮวนฮวน และก็ดีใจกับเฉินฮวนฮวนในเวลาเดียวกัน เพียงแต่ไม่ค่อยชินกับการเปลี่ยนแปลงสถานะอย่างกะทันหันของทั้งสองคน

ก่อนหน้านั้นเธอเป็นเจ้านายของเฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนก็ยังเป็นแค่เด็กฝึกผู้หญิงที่ขยันทำงานและประหยัดมัธยัสถ์ มีภูมิหลังในครอบครัวที่ค่อนข้างซับซ้อน ต่างก็พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันกับยายแค่สองคน ซึ่งเธอก็ได้ทำงานอยู่ในร้านชานมด้วยความขยันขันแข็งและซื่อสัตย์มาก

แต่ตอนนี้ ระยะเวลาแค่ครึ่งเดือน เธอไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ตำแหน่งของเฉินฮวนฮวนกลับเลื่อนสูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

ดั่งสำนวนที่ว่า นกกระจอกเปลี่ยนเป็นหงส์

เดิมทีเมื่ออยู่ต่อหน้าของเฉินฮวนฮวน เพราะสถานะของเธอ จริง ๆ ก็พูดได้ว่าสูงกว่าเฉินฮวนฮวนระดับหนึ่ง ไม่ว่ายังไงตัวเองก็เป็นเจ้านายคนหนึ่ง ย่อมปฏิบัติต่อพนักงานด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เธอไม่สามารถใช้น้ำเสียงของเจ้านายสั่งหรือวางแผนงานให้กับเฉินฮวนฮวนได้อีกแล้ว

“พี่เหวิน ขอโทษนะคะ ฉัน…..ฉันต้องถอนตัวจากการแข่งขันจริง ๆ” เฉินฮวนฮวนเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สับสนอย่างเห็นได้ชัด : “อาการแพ้ท้องตอนนี้ก็ยังไม่คงที่ ฉันเป็นห่วงว่าการฝึกจะหนักเกินไปแล้วส่งผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ ดังนั้นฉันจึงปรึกษากับเฟิงหานชวนแล้ว ว่าจะขอถอนตัวออกชั่วคราว”

“จริง ๆแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้ถอนตัวหรอกนะ แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ไปแล้ว ก็คงต้องถอนตัว”

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเสียดายจริง ๆ เธออยากทะนุถนอมโอกาสแบบนี้ไว้ แต่เธอกลับไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

“เฮ้อ น่าเสียดายจริง ๆ!” เกาเหวินทอดถอนใจอย่างหนักหน่วง

ถึงแม้ว่าเฟิงหานชวนจะรับผิดชอบในส่วนของค่าชดเชยจากการผิดสัญญาให้กับเกาเหวิน อีกทั้งยังไม่ยอมให้ซงหลิงเอ่อร์มาแทนตำแหน่งของเฉินฮวนฮวนด้วย แต่เธอไม่ได้ต้องการเงิน ซึ่งเธอทำได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน

เธอบอกกับจางฟานไปแล้วว่าเฉินฮวนฮวนเป็นภรรยาของเฟิงหานชวน จางฟานคิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนของเกาเหวิน และคิดว่าเธอสามารถมากพอที่จะสานสัมพันธ์กับตระกูลเฟิงได้ ดังนั้นสองวันมานี้จึงยอมเชื่อฟังเธอ ไม่ได้สนใจซงหลิงเอ่อร์อีก

และยังรับปากกับเธอว่าจะไม่กลับไปสนใจซงหลิงเอ่อร์อีก

แต่ตอนนี้ ถ้าเฉินฮวนฮวนถอนตัวออกจากการแข่งขัน เธอจะไม่มีเฉินฮวนฮวนในฐานะภรรยาของตระกูลเฟิงอยู่ในกำมืออีก จางฟานก็คงคิดว่าเธอคงไม่สามารถสานสัมพันธ์กับตระกูลเฟิงได้อีก และอาจจะต้องกลับไปหาซงหลิงเอ่อร์อีกครั้งก็ได้

ดังนั้นตอนนี้เกาเหวินไม่แคร์เงินค่าเสียหาย ไม่แคร์เรื่องเงิน แต่แคร์แค่เฉินฮวนฮวนคนเดียวเท่านั้น

ทว่าตอนนี้สถานการณ์การตั้งท้องของเฉินฮวนฮวนทำให้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้ ถ้ายังฝืนโน้มน้าวให้เฉินฮวนฮวนทำการแข่งขันต่อ เกิดเฉินฮวนฮวนไปบอกเฟิงหานชวน เธออาจจะเข้าไปล่วงเกินเฟิงหานชวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สมองในตอนนี้ของเกาเหวินสับสนมาก อารมณ์ของเธอดำดิ่งมากเช่นกัน

“พี่เหวิน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ ที่ทำลายความหวังของพี่” เฉินฮวนฮวนเองก็รู้สึกลำบากใจไม่น้อย

เกาเหวินเชื่อใจเธอ ดังนั้นจึงให้เธอมาแทนที่ของตัวเอง แต่เธอกลับทรยศเกาเหวิน

“เธอไม่ต้องมาขอโทษฉันหรอก เธอไม่มีอะไรต้องมาขอโทษฉัน อีกอย่างเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกะทันหันด้วย ประธานเฟิงก็บอกแล้วว่าพวกเธอสองคนก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย” เกาเหวินเองก็ไม่ได้คิดมากอะไร แค่รู้สึกลำบากใจเท่านั้น

ถ้าเฉินฮวนฮวนถอนตัวอย่างเป็นทางการ ก็เท่ากับว่าถอนตัวออกจากบริษัทของเธอและจางฟานด้วย หลังจากนั้นจางฟานก็จะกำเริบเสิบสานขึ้นมาอีกครั้ง

เดิมทีคิดว่าจะแค่พึ่งพาสถานะของเฉินฮวนฮวน ก็สามารถจับจางฟานให้อยู่มัดได้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า…..

“ฮวนฮวน เธอตัดสินใจจะถอนตัวจริง ๆ แล้วใช่ไหม? จริง ๆ แล้วถ้าเธอยัง……..” เกาเหวินหยุดชะงักไปในทันที ก่อนจะถามขึ้นว่า : “กู้ไหว่รู้เรื่องนี้ไหม? เขาให้ความสำคัญกับเธอมากไม่ใช่เหรอ? บอกว่าจะฝึกเธอให้ไปอยู่กลุ่มร้องให้ได้”

“ยังเลยค่ะ พี่เหวิน ฉันไม่มีเบอร์ติดต่อครูกู้ เลยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขา” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้า พร้อมกับปฏิเสธออกไป

ตอนที่อยู่ในค่ายเธอและกู้ไหว่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในฐานะครูและเด็กฝึก คอยชื่นชมกันและกัน แต่ด้วยเวลาและห้องเรียนที่จำกัด จึงไม่มีใครล้ำเส้นกัน

เมื่อเกาเหวินได้ยิน เธอก็ตระหนักได้ทันที จึงทำการยื้ออีกครั้ง : “ถ้ากู้ไหว่รู้เรื่องที่เธอถอนตัวละก็ จะต้องผิดหวังมากแน่ ๆ เพียงแต่เธอไม่สามารถบอกเขาเรื่องที่เธอตั้งท้องได้ ถึงอย่างไรก็คงจะไม่สะดวกจะให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”

เมื่อได้ยิน เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกอึดอัดใจทันที สีหน้าหม่นหมองมากขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับกู้ไหว่นั้น เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเขาเหมือนครูผู้มีพระคุณของตัวเอง เขาคาดหวังในตัวเธอสูงมาก และเพราะแบบนี้ จึงได้ไปหาเรื่องฉินฟางฟางตอนที่คนเหล่านั้นมารุมเธอ

“ไอหยา ฮวนฮวน ฉันไม่อยากบังคับเธอหรอกนะ ถึงอย่างไรเด็กในท้องก็สำคัญ ตระกูลเฟิงก็คงจะไม่อนุญาตให้เธอลงแข่งขันต่อแน่ ๆ เอาแบบนี้ละกัน วันนี้ตอนบ่ายฉันจะช่วยยื่นเรื่องถอนตัวให้กับเธอ ถึงตอนนั้นฉันจะบอกว่าเธอตกบันได สมองได้รับความกระทบกระเทือนและกระดูกหัก เธอจะถือสาไหม?”

“ไม่อย่างนั้นถ้าไม่มีข้ออ้างที่ดีมากพอ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ต่อไป ตรงกันข้ามเกิดเด็กฝึกคนอื่นรู้เข้า คงได้มีข่าวลือเรื่องเธอแน่” เกาเหวินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนได้ยินที่เกาเหวินพูด หัวคิ้วก็ได้ขมวดเข้าหากันทันที

“พี่เหวิน สถานการณ์ในตอนนี้ของฉันไม่สามารถฝึกซ้อมท่าเต้นที่ยากเกินไปได้ ถ้าขาได้รับบาดเจ็บ ฉันจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันต่อได้ไหม?” เฉินฮวนฮวนเอยถามขึ้น

หลังจากที่ถามจบ เธอก็คิดขึ้นได้ เกาเหวินเองก็เคยได้รับบาดเจ็บที่ขาจึงต้องถอนตัว ไม่เช่นนั้นโอกาสคงไม่มีทางตกมาอยู่ที่เฉินฮวนฮวนหรอก

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ละ? แต่ตอนนั้นความต้องการของฉันมันสูงมาก คิดว่าถ้าเขาร่วมการแข่งขันโดยไม่มีการเต้น ก็เหมือนกับการแสดงที่ไร้วิญญาณ ดังนั้นฉันจึงได้ถอนตัว” ตอนนี้เกาเหวินพยายามรั้งเฉินฮวนฮวนไว้

เธอโน้มน้าวต่อว่า : “จริง ๆ แล้วถึงเธอจะตั้งท้อง แต่ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้สักหน่อย เธอไม่ต้องเต้นท่ายากที่ต้องกระโดดสูงอะไรแบบนั้นก็ได้ เต้น ๆ ไปตามกลุ่ม ถือซะว่าเป็นการออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย คนท้องยังไง ๆ ก็คงจะให้นอนเฉย ๆ อยู่บนเตียงไม่ได้ เมื่อก่อนตอนที่แม่ของเราตั้งท้องก็ยังดำนาทำงานเป็นปกติเลย!”

หลังจากที่เกาเหวินพูดปลุกระดมแล้ว ก็พบว่าเฉินฮวนฮวนนั้นเงียบไป ซึ่งนั้นก็ทำให้ตระหนักได้ถึงการกระทำของตัวเอง จึงรีบอธิบายทันทีว่า : “ฮวนฮวน ฉันไม่ได้อยากจะโน้มน้าวอะไรเธอนะ เธออย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดนะ เธอถอนตัวได้ ฉันสนับสนุนเธอเต็มที่”

“พี่เหวิน ฉันขอกลับไปคิดดูก่อนนะ” เฉินฮวนฮวนกำลังสับสนมาก

จริง ๆ แล้วเธอไม่ใช่คนที่สบายเหมือนอย่างคนอื่น ตั้งแต่เด็กจนโต เธอยุ่งตลอดเวลา ไม่เคยได้หยุดพักเลย

จู่ ๆ จะให้เธอมานอนเฉย ๆ อยู่บนเตียงนอน สำหรับเธอแล้ว คงจะทรมานน่าดู

เมื่อเฉินฮวนฮวนพูดประโยคนี้จบ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขยายออกมาจากหน้าห้องนอน และยังดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดด้วย

“คุณนายสาม ฉันมาแล้ว…”

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยิน เธอก็เห็นหลิวหลี่ถงในชุดกระโปรงฟูฟ่องเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เข้ามาหาเธอ

เมื่อเห็นท่าทางอึ้งงันของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนจึงตระหนักได้ว่าคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่จะต้องมีบางอย่างที่ผิดพลาดแน่ ๆ

เขาไม่แน่ใจว่าเฉินฮวนฮวนจะสังเกตเห็นรึเปล่า

เขาบอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกหลานของนายท่าน แต่ในใจของเฉินฮวนฮวนคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่สายเลือดของตระกูลเฟิง

ในตอนที่เขากำลังเป็นกังวลว่าเฉินฮวนฮวนจะคิดมากนั้น เฉินฮวนฮวนก็ได้เข้าไปกอดเขาอย่างฉับพลัน ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “อาหาน ขอบคุณนะ ขอบคุณจริง ๆ ….”

ทันทีที่ได้ยิน เฟิงหานชวนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เฉินฮวนฮวนไม่ได้คิดมาก ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นเขาเองที่คิดมาก

เหมือนกับที่เขาได้พูดกับเฉินฮวนฮวนไว้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของ “ตัวเอง” ดังนั้นคำพูดเมื่อสักครู่ของเขาไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด

ในเมื่อเป็นลูกของตัวเอง ก็ย่อมเป็นลูกหลานของนายท่าน เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฟิงแน่นอนอยู่แล้ว

“ฮวนฮวน ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องมาขอบคุณผม ไม่ต้องมาแสดงท่าทางเกรงใจแบบนี้กับผม” เฟิงหานชวนตบไปบนแผ่นหลังของเธอเบา ๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เฉินฮวนฮวนขยี้ตาเล็กน้อย พร้อมกับพยักหน้าในขอบเขตที่จำกัด แต่แล้วจู่ ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที

“อาหาน ฉันมีเรื่องอยากรบกวนคุณหนึ่งเรื่อง คุณช่วยถามหรงจิ่นซิวให้ฉันหน่อยได้ไหม สถานการณ์ของฉันในตอนนี้ ถ้าจะเต้นละก็ จะกระทบต่อลูกในท้องรึเปล่า?” เฉินฮวนฮวนไม่อยากทิ้งการแข่งขันจริง ๆ

หลังจากที่เฟิงหานชวนได้ยิน สีหน้าก็เคร่งขรึมลงทันที : “คุณไม่คิดจะถอนตัวเหรอ?”

“ระยะเวลากว่าครึ่งเดือนของการฝึก มันทรหดมาก ดังนั้นฉันจึงไม่อยากทิ้งมันไปง่าย ๆ อีกอย่างรายการการแข่งขันก็มีระยะเวลาแค่สองสามเดือนเอง ท้องคงไม่น่าจะใหญ่จนเห็นได้ชัดขนาดนั้นหรอก” เฉินฮวนฮวนเม้มปากเล็กน้อย

“ในเมื่อรู้ว่าการซ่อมมันค่อนข้างทรหด ก็ไม่ควรฝืนต่อนะ คุณต้องคิดถึงลูกที่อยู่ในท้องให้มาก ๆนะ เพราะการฝึกของคุณ จึงส่งผลให้เกิดภาวะแท้งคุกคาม ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เลือดออกหรอก”

น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมมาก เรื่องนี้เขาไม่ยอมคล้อยตามเฉินฮวนฮวนอีกแล้ว

ไม่เช่นนั้น ไม่เพียงแต่จะสร้างผลกระทบต่อเด็กแล้ว แต่ยังสร้างผลกระทบต่อเฉินฮวนฮวนอีกด้วย

“แต่พี่เหวิน….” เฉินฮวนฮวนครุ่นคิดสักพักใหญ่ หรือว่าจะบอกเรื่องของเกาเหวินและซงหลิงเอ่อร์ให้เฟิงหานชวนรู้ดี

ตอนนี้เธอไม่อยากปิดบังเฟิงหานชวนอีกแล้ว ดังนั้นเธอจึงกำลังคิดว่าถ้าเกิดมีปัญหาอะไร เธอยากให้เฟิงหานชวนช่วยชี้แนะให้เธอ

เมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงหานชวน เธอกลับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“เรื่องนี้ง่ายจะตายไป ผมจะช่วยชดเชยค่าเสียหายให้กับคุณ เพื่อรักษาตำแหน่งของคุณเอาไว้ ผมจะไม่มีวันยอมให้ซงหลิงเอ่อร์มาแทนที่คุณเด็ดขาด แค่นี้ก็เรียบร้อย” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนนั้นคิดมากเกินไป ช่วยคนอื่นคิด แต่ตัวเองกลับคิดไม่ได้

แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป เพราะเฉินฮวนฮวนที่ดูไร้เดียงสาและใจดีแบบนี้ไงจึงได้ดึงดูดความสนใจเขา

ก่อนหน้านั้นเขาไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงในคืนนั้น เขาถูกเธอดึงดูดเข้าหา อยากไปหาเธอและอยากอยู่ใกล้เธอโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย

เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็บ่นพึมพำเบา ๆ ว่า : “แบบนี้ได้เหรอ?”

แบบนี้เท่ากับว่าเป็นการใช้เงินควบคุมอีกฝ่าย ให้ความรู้สึกเผด็จการยังไงก็ไม่รู้ แค่เธอไม่ได้พูดออกมาก็เท่านั้น

“หรือว่าทำแบบนี้ไม่ได้?” เฟิงหานชวนเอื้อมมือออกไปเชยคางของเธอขึ้น พร้อมกับหัวคิ้วที่เลิกสูงขึ้น

“ได้ ได้สิ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า ก่อนจะสารภาพออกไปว่า : “จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้สนใจวงการบันเทิงตั้งแต่แรกหรอก แค่อยากเรียนรู้ ไว้ใช้หางานที่มั่นคงในอนาคต”

“ต่อมาหลังจากที่ผ่านเรื่องราวก่อนหน้านั้นไป เกาเหวินสนับสนุนให้ฉันเข้าแข่งขัน บอกว่าถ้าฉันกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง มีคนคอยสนับสนุน ฉันจะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวระหว่างพ่อของฉันและแม่เลี้ยงได้ ฉันก็เลยตกลงเข้าไปในนามบริษัทของเธอ”

“แต่คุณก็ช่วยลงโทษพวกเขาให้ฉันไปแล้ว สำหรับการลงโทษ ดูเหมือนเรื่องนี้จะกลายเป็นจุดประสงค์ที่ฉันไม่อยากเข้าร่วมการแข่งขันอีกต่อไป ตอนที่ฉันเข้าฝึก ฉันพบว่ายิ่งฉันฝึกฝนตัวเองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความกระตือรือร้นในการแข่งขันขึ้นเท่านั้น”

“จนกระทั่ง โหยหาเวทียิ่งกว่าเดิม…….”

ยังไม่ทันที่เธอจะได้ขึ้นเวที กลับเจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน นั้นคือการไม่มีโอกาสได้แข่งขัน ถ้าบอกว่าเฉินฮวนฮวนไม่เสียใจ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้

ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจ แต่เสียใจมากเลยต่างหาก

เพียงแต่ถ้าเธอฝืนแข่งขันต่อไป ลูกก็อาจจะเกิดปัญหาได้ เธอยิ่งลำบากใจมมากเข้าไปอีก

ดังนั้นเธอจึงต้องยอมจำนนแล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินฮวนฮวน หัวคิ้วของเฟิงหานชวนก็ขมวดเข้าหากันทันที พร้อมกับสีหน้าแห่งความรู้สึกผิด

ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เฉินฮวนฮวนก็คงจะไม่มีลูกในเวลาที่ไม่เหมาะสมในวัยแบบนี้

เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าการกระทำของตัวเองจะทำลายความฝันของเด็กสาวคนหนึ่ง

ถึงตอนนี้เขาจะยอมให้เธอเข้าร่วมการแข่งขันต่อก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่ยอม ยังไงเขาก็เข้าไปยุ่งไม่ได้อยู่ดี แต่ร่างกายในตอนนี้ของเฉินฮวนฮวนไม่สามารถฝึกซ้อมบนรองเท้าส้นสูงได้

“ฮวนฮวน หลังจากที่คลอดเด็กคนนี้แล้ว รอจนร่างกายฟื้นตัวแล้ว ผมจะช่วยจัดการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศให้กับคุณ” เฟิงหานชวนนั่งลงข้างเตียง พร้อมกับคว้าแขนของผู้หญิงคนนี้ไว้ ให้ศีรษะของเธอเอนลงมาพิงไหล่ของตัวเอง

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนได้ยิน ก็อดขำไม่ได้ และพูดว่า : “เกินไปไหม! ไม่ต้องเลยนะ ถ้ามีโอกาสละก็ ฉันจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันรอบที่สาม รอบที่สี่ของรายการนี้ให้ได้! ไม่ต้องให้คุณเอาเงินมาใช้ฟุ่มเฟือยแบบนี้หรอก…….”

เฟิงหานชวนหันข้างไปเล็กน้อย จากนั้นก็พรมจูบลงบนหน้าผากของเธอเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “เด็กโง่ เสียเงินเพื่อภรรยา จะเรียกว่าฟุ่มเฟือยได้ยังไง?”

เฉินฮวนฮวนอมยิ้มอย่างเขินอาย

ไม่กี่วินาทีผ่านไป เธอก็ได้สติกลับมา จากนั้นก็ยืดตัวขึ้น และเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ : “ฉันขอโทรศัพท์หาพี่เหวินหน่อยนะ ถึงอย่างไรตอนนี้ฉันก็เป็นศิลปินในสังกัดบริษัทของพวกเขา ในเมื่อจะขอถอนตัว ฉันก็ต้องบอกเธอโดยเร็วที่สุด”

“ไม่ต้อง” เฟิงหานชวนกุมมือของเธอไว้ และพูดว่า : “เรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ของผมเอง”

“ก็ได้” เฉินฮวนฮวนแค่พยักหน้า

…….

วันถัดไป

เฉินฮวนฮวนถูกเฟิงหานชวนปลุกให้ตื่น วินาทีที่ตื่นขึ้นมา เธอก็ได้กลิ่นยาจีนทันที

ดื่มยาอีกแล้ว

เธอเป็นพวกที่กลัวความขมที่สุด แต่เธอก็ต้องดื่มยานี้

“อาหาน ลำบากคุณจริง ๆ เลย” เฉินฮวนฮวนนึกถึงยาที่เฟิงหานชวนลุกขึ้นมาต้มให้เธอตั้งแต่เช้าตรู่ เธอซาบซึ้งใจ และในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดในใจไม่น้อย

“ไม่ลำบากหรอก นี่คือสิ่งที่สามีควรทำ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนนั้นราบเรียบ แต่สงบมาก

เฟิงหานชวนต้องดูแลบริหารบริษัทที่ใหญ่โตขนาดนี้ แถมยังจะมาช่วยจัดการเรื่องหยุมหยิมให้กับตัวเองอีก เฉินฮวนฮวนจึงอดถามขึ้นไม่ได้ว่า : “อาหาน เรื่องเหล่านี้ให้แม่บ้านจัดการไปก็ได้? คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะให้แม่บ้านหลี่มาอยู่ที่นี่ด้วย? ให้เธอพาเสี่ยวลี่มาด้วยสิ!”

เฉินฮวนฮวนเคยได้ยินหลิวหลี่ถงพูดเมื่อครั้งที่แล้ว เสี่ยวลี่ต้องส่งเงินเดือนกลับไปให้ลูกชายและสามีพิการของเธอที่บ้านเกิด เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเสี่ยวลี่เป็นคนขยันตั้งใจทำงาน รู้สึกไว้ใจได้อย่างบอกไม่ถูก

เธอรู้สึกว่าคนแบบเสี่ยวลี่ ตั้งใจทำงาน และก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากอย่างแน่นอน

“ได้ ผมจะสั่งการลงไปเดี๋ยวนี้ ให้พวกเธอเก็บของวันนี้เลย เตรียมตัวเดินทาง” เฟิงหานชวนไม่รู้ว่าทำไมเฉินฮวนฮวนถึงรักเขา เขาลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน จากนั้นก็หยิบถ้วยยาจีนขึ้นมา

เฉินฮวนฮวนคว้ามาทันที เนื่องจากยากำลังร้อน เธอจึงเป่าไล่ความร้อนไปพลางและพยายามกลืนยาลงไปในท้อง เพราะมันขมมาก สีหน้าจึงดูแย่มากทีเดียว

ในที่สุดก็ดื่มยาจนหมด เธอก้าวขาลงจากเตียง จากนั้นก็วิ่งไปข้างหน้าด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า ก่อนจะทอดมองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง

“ฮวนฮวน เป็นอะไรไป?” สำหรับเฉินฮวนฮวนแล้วการกระทำที่เกิดขึ้นกะทันหันแบบนี้ ได้ทำให้คิ้วของเฟิงหานชวนขมวดปมแน่นด้วยความไม่เข้าใจ

เธอสบตากับดวงตาดำขลับลึกล้ำคู่นั้นของเฟิงหานชวนอย่างจริงจัง จากนั้นก็แย้มยิ้มมุมปาก เผยให้เห็นฟันขาวซี่เล็กๆ ขาวสะอาดเรียงตัวสวยงาม

  

“คุณว่านั่นเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุดแล้ว งั้นฉันก็จะทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด”

  

เฉินฮวนฮวนเอ่ยเสียงเบาราวกับกระซิบ ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับมีดวงดาวอยู่ในนั้น เธอแหงนหน้าขึ้น ริมฝีปากที่ดูซีดเซียวเล็กน้อยค่อยๆ บรรจงจรดประกบริมฝีปากของเขา

การกระทำเช่นนี้ของเฉินฮวนฮวน ทำให้เฟิงหานชวนตัวแข็งทื่อไปวินาทีหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็โอบรัดรอบเอวของเธอไว้ด้วยความประหลาดใจ

……

เฉินฮวนฮวนกลับไปที่ห้องนอนก่อน โดยทิ้งเฟิงหานชวนไว้ในห้องครัว

เมื่อเธอเข้ามาในห้องนอน เธอก็สอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มทันที และเอาผ้าห่มคลุมหน้าตัวเอง

  

เมื่อนึกว่าเมื่อสักครู่เธอเป็นฝ่ายรุกเสียเอง ใบหน้าของเธอก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ

  

ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงดังขึ้น เฉินฮวนฮวนรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พบว่าเป็นสายจากหลินอวี่หยาง

  

เฉินฮวนฮวนรับสายทันที

“หยางหยาง”

“ฮวนฮวน วันนี้ฉันส่งข้อความหาเธอเยอะมาก เธอไม่ตอบฉันเลย ตอนนี้ฉันเพิ่งซ้อมเสร็จ ฉันยังเป็นห่วงสถานการณ์ของเธออยู่ ก็เลยโทรหาเธอ” ปกติหลินอวี่หยางก็ช่างพูดอยู่แล้ว ตอนนี้เธอพูดเจื้อยแจ้วไม่มีท่าทีจะหยุด

ทว่าเฉินฮวนฮวนกลับไม่รู้สึกว่าเธอเสียงดังเอะอะโวยวายเลยสักนิด กลับจะรู้สึกอบอุ่นในใจเสียด้วยซ้ำ อย่างน้อยเธอยังมีเพื่อนดีๆ คนหนึ่งที่ห่วงใยเธอ

“วันนี้ฉันไม่สบาย ไม่ได้ดูข้อความเลย ขอโทษนะหยางหยางที่ทำให้เธอเป็นห่วง” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างรู้สึกผิด

  

“เธอไม่สบายเหรอ ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหรือยัง” น้ำเสียงของหลินอวี่หยางร้อนใจอย่างมาก

เฉินฮวนฮวนนึกถึงสถานการณ์ของตัวเอง สถานการณ์ของเธอตอนนี้ไม่ดีมากนัก บางทีเธออาจต้องถอนตัวออกจากการคัดเลือกเพื่อมาบำรุงครรภ์

  

ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจสารภาพออกไปทันที “หยางหยาง ฉันท้อง”

  

หลินอวี่หยางกำลังสะพายกระเป๋าเดินออกจากห้องซ้อม เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเฉินฮวนฮวน เธอตกตะลึงไปทันที ดวงตากระพริบปริบๆ ร่างทั้งร่างของเธอชะงักงันอยู่กับที่

  

“หยางหยาง?” เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝั่ง เฉินฮวนฮวนจึงเอ่ยถาม

  

“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน ตอนนี้สมองของฉันสับสนนิดหน่อย เธอเพิ่งพูดว่า…พูดว่าไงนะ เธอ…เธอท้อง?” เมื่อหลินอวี่หยางกล่าวจบ เธอตระหนักถึงอาการตื่นเต้นของตัวเอง เธอรีบมองไปรอบๆ พบว่าไม่มีใครสนใจ เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

  

เฉินฮวนฮวนพยักหน้า “อืม ใช่”

  

“นี่ นี่ นี่ นี่ นี่…” หลินอวี่หยางพูดตะกุกตะกักราวคนติดอ่าง ไม่สามารถพูดออกมาได้ทั้งประโยค

“หยางหยาง ฉันอาจจะถอนตัวออกจากการคัดเลือก ตอนนี้สถานการณ์ของเด็กยังไม่คงที่นิดหน่อย ดังนั้น…” เฉินฮวนฮวนอึกอักอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรพูดเรื่องนี้อย่างไรดี

นี่เป็นลูกคนแรกของเธอ หากเธอแท้งลูกคนนี้ไป หลังจากนี้ก็ยากที่เธอจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง

  

อาจเป็นเพราะว่าเธอต้องการมีกรรมสิทธิ์ในตัวลูกของเฟิงหานชวน ดังนั้นเธอจึงต้องการรักษาเด็กคนนี้ไว้

  

เมื่อหลินอวี่หยางได้สติกลับมา เธอรีบกล่าวว่า “ฮวนฮวน ยินดีด้วย ยินดีด้วย นี่เป็นเรื่องน่ายินดีมาก! เมื่อกี้ฉันตกใจมากไป ไม่คิดว่าเธอจะท้องเร็วขนาดนี้”

  

ท้องเร็วขนาดนี้…เฉินฮวนฮวนรู้สึกจุกอยู่ในลำคอครู่หนึ่ง

เธอและเฟิงหานชวนเริ่มรู้จักกันได้อย่างไร เธอเคยเล่าให้หลินอวี่หยางฟังแล้ว ดังนั้นหลินอวี่หยางจะตกใจก็เป็นเรื่องปกติมาก

  

อันที่จริง จากการคบหากันระหว่างเธอและเฟิงหานชวน หากตอนนี้เธอตั้งท้องลูกของเฟิงหานชวนจริงๆ ดูเหมือนว่าจะเร็วเกินไป ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงนัก

  

“แน่นอนว่าลูกต้องสำคัญกว่า คัดเลือกอะไรไม่ต้องสนใจแล้ว ยังไงตอนนี้เธอก็เป็นคุณนายสามของตระกูลเฟิง การคัดเลือกเล่นๆ ไม่ต้องให้ความสำคัญมากหรอก ถอนตัวก็ถอนตัวสิ! เพียงแต่…” หลินอวี่หยางมุ่ยปาก

  

เฉินฮวนฮวนรีบถามขึ้น “เพียงแต่อะไรเหรอ”

“เฮ้อ ตอนคัดเลือกฉันยังอยากอยู่ซ้อมกับเธอนะ ถ้าเธอถอนตัวออกจากการแข่งขัน ฉันก็ไม่ได้อยู่กับเธอแล้ว ฮือฮือฮือ!” หลินอวี่หยางกล่าวอย่างน้อยใจ

  

เฉินฮวนฮวนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เธอเอ่ยขึ้นอย่างปลอบใจ “ตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจว่าจะถอนตัวจากการแข่งขัน ฉันยังสับสนอยู่น่ะ ยังไงฉันก็เป็นความหวังของพี่เกาเหวิน ถ้าฉันไม่เข้าร่วมคัดเลือก ซ่งหลิงเอ๋อร์อาจจะเข้ามาแทนฉัน”

  

เฉินฮวนฮวนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างซ่งหลิงเอ๋อร์และจางฟาน และรู้ว่าตอนนี้เกาเหวินกำลังเหมือนตกนรกทั้งเป็น หากตัวเองออกจากการคัดเลือก ซ่งหลิงเอ๋อร์จะถูกผลักเข้ามาแทรกกลางระหว่างเกาเหวินและจางฟานอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

  

เธอตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียแล้ว

  

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เธอผ่านการฝึกอบรมสุดโหดมาแล้ว ตอนนี้เธอมาสละสิทธิ์เช่นนี้ ยากที่จะยอมรับได้จริงๆ

ทว่า เด็กในท้องยังไม่แข็งแรงดี หากเข้าร่วมการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ต้องส่งผลกระทบต่อเด็กอย่างแน่นอน…

  

จู่ๆ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกสับสนและกังวล

  

“ฮวนฮวน ฉันจำได้ว่าเธอกับคุณอาเฟิงอยู่ด้วยกัน ก่อนฝึกอบรมจนถึงตอนนี้…ไม่ใช่แค่ครึ่งเดือนเหรอ ครึ่งเดือนก็ตรวจเจอเด็กแล้วเหรอ” หลินอวี่หยางร้องขึ้นอย่างตกใจ เธอรู้สึกสับสนกับเรื่องนี้ และเกิดความสงสัย

  

ร่างของเฉินฮวนฮวนแข็งทื่อไปทันที เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเฟิงหานชวน แต่เป็นลูกของหลิวตงรุ่ย ยังคงเป็นหนามแหลมในใจเธอ

  

“ความจริงแล้ว หยางหยาง ฉัน…” เฉินฮวนฮวนลังเลว่าจะตอบอย่างไร

  

ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือถูกกระชากไปทันที เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างเตียงของตัวเองแล้ว เธอไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด

  

เธออ้าปากค้าง เมื่อเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นว่าเฟิงหานชวนเปิดลำโพงโทรศัพท์มือถือเสียแล้ว น้ำเสียงของเขาหนักแน่นมาก และจริงจังมากเช่นกัน “ก่อนหน้านี้เราเคยเกิดเหตุสุดวิสัยครั้งหนึ่ง เด็กมาตอนนั้น ตรวจพบเกือบจะเดือนหนึ่งแล้ว”

  

“เฟิง คุณอาเฟิง!” หลินอวี่หยางไม่เป็นตัวของตัวเอง น้ำเสียงพลันเปลี่ยนมาเคารพนบน้อมมากขึ้น

  

“เฉินฮวนฮวนต้องการพักผ่อน” เสียงอึมครึมของเฟิงหานชวนทะลุผ่านเข้ามาในสาย

  

หลินอวี่หยางรู้สึกได้ถึงเม็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก เธอไม่กล้าถามอะไรอีก และรีบกล่าวว่า “ค่ะ ค่ะ ค่ะ ฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้ว ฉันวางแล้วค่ะ!”

หลังจากนั้น โทรศัพท์ก็ดังตู๊ดๆ ติดต่อกันพักหนึ่ง

  

เฟิงหานชวนล็อกหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แล้ววางลงบนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นบีบมือของเฉินฮวนฮวน ก่อนจะกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “คราวหน้าถ้ามีใครถามอะไรก็ตอบแบบนี้ เข้าใจไหม”

  

“หลินอวี่หยางหรือว่าใครก็ตาม ไม่ต้องบอกความจริง” เขาเอ่ยกำชับอีกครั้ง

  

เฉินฮวนฮวนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า แล้วเอ่ยตอบเสียงเบา “ค่ะ”

  

ราวกับไม่รู้เนื้อรู้ตัว ภายใต้การแนะนำของเฟิงหานชวน เธอคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเธอกับเฟิงหานชวนไปแล้ว

  

กับหลิวตงรุ่ยคนนั้น ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว

  

เมื่อเห็นท่าทางเชื่อฟังของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนรู้สึกโล่งใจ เขารู้สึกราวกับหินก้อนใหญ่ตกลงไปที่พื้น

  

เขาลูบศีรษะของเธอเบาๆ ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเบา “รีบนอนเถอะ ช่วงนี้ก็อยู่บ้านบำรุงครรภ์ ผมจะให้แม่บ้านหลี่มาดูแลคุณ”

  

“แม่บ้านหลี่?” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้าทันที และรีบกล่าวว่า “แม่บ้านหลี่ดูแลบ้านเก่า ถ้าให้เธอมาที่นี่ บ้านเก่าจะทำยังไง”

  

“บ้านเก่ายังมีผู้ดูแลจาง ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างนายท่านก็ยินดีมากที่จะส่งแม่บ้านหลี่มา ยังไงในท้องคุณก็มีหลานชายตัวน้อยของเขา” เฟิงหานชวนแทบจะโพล่งออกไปโดยไม่ต้องคิด

  

หลังจากพูดจบ เขาเองก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เฉินฮวนฮวนก็เช่นกัน

“ใช่ ตัวติดคุณ”

เฉินฮวนฮวนตอบอย่างสบายใจ ไม่มีความเขินอายแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้หลบเลี่ยง

เฟิงหานชวนอึ้งนิดหน่อย จากนั้นก็ยิ้มมุมปาก เดินสาวเท้าอ้อมรอบโต๊ะไปข้างหน้าเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอเงยหน้าขึ้นมองเฟิงหานชวน กะพริบตาแล้วถามขึ้นอย่างสงสัย “ทำ…ทำไมเหรอ? ในเมื่อคุณชอบฉันขนาดนั้น งั้นฉันตัวติดกับคุณ ไม่ได้เหรอ?”

เฟิงหานชวนก้มตัวลง มือค้ำโต๊ะอาหาร ดูเหมือนมีความประหลาดใจแวบผ่านใบหน้า แล้วดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้น ก็จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า

เฉินฮวนฮวนโดนจ้องจนเขินอายนิดหน่อย ดวงตาอันชาญฉลาดของเธอมองไปมา แล้วเอ่ยปากเสียงเบา “คุณ คุณรีบไปล้างจานเร็ว”

“มีเครื่องล้างจาน” เฟิงหานชวนไม่ได้ยืดตัวขึ้น ยังคงก้มตัวอยู่อย่างงั้น มือข้างหนึ่งค้ำโต๊ะ อีกมือหนึ่งค้ำเก้าอี้ที่เฉินฮวนฮวนนั่งอยู่

“งั้น งั้นงั้น งั้นคุณก็ต้องเอาจานใส่เข้าไปในเครื่องล้างจาน” เฉินฮวนฮวนหลบสายตา เธอรู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่

ในเมื่อสายตาจ้องมองของเฟิงหานชวน ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับไหว

“ล้างจานเหรอ ไม่รีบร้อน” น้ำเสียงของชายหนุ่มเบาบาง แต่กลับให้ความรู้สึกไม่ชัดเจน

“งั้น…งั้นฉันขึ้นไปพักที่ชั้นบนก่อน?” เฉินฮวนฮวนร้องขอ

เฟิงหานชวนยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วถามอย่างเฉยเมย “ไม่ใช่ว่าตัวติดกับผมเหรอ? ทำไมถึงได้ทิ้งผมไว้แล้วขึ้นไปชั้นบนก่อน?”

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนพึมพำ “คุณอย่าจ้องฉันอยู่ตลอด ฉันก็สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุณได้”

“ทำไมผมจะมองคุณไม่ได้? ไม่ให้ผมมองคุณ แล้วจะให้ผมไปมองใคร?” เฟิงหานชวนรู้สึกตลก เพราะว่าเมื่อเฉินฮวนฮวนเขินอายขึ้นมา น่ารักมากจริง ๆ

เฉินฮวนฮวนหน้าแดงขึ้นมาในทันที แล้วพูดขึ้น “คุณจะมองคนอื่นไม่ได้!”

“ไม่มอง” เฟิงหานชวนตอบอย่างใจเย็นมาก

เฉินฮวนฮวนเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร

“ดังนั้น อนุญาตให้ผมมองคุณได้แล้วยัง?” เฟิงหานชวนยิ้มมุมปากแล้วถามขึ้น

เฉินฮวนฮวนรู้สึกกระอักกระอ่วน คำถามนี้ทำให้เธอไม่พยักหน้า…ไม่ได้ เธอจึงพยักหน้า แล้วตอบรับ “ค่ะ”

แน่นอนว่าเธออนุญาตให้เฟิงหานชวนมองเธอได้ เพียงแต่เป็นเพราะเฟิงหานชวนจ้องเธออยู่ตลอด ทำให้เธอเขินแค่นั้นแหละ มักรู้สึกเหมือนบนหน้าตัวเองมีอะไรติดอยู่อย่างงั้นแหละ

“งั้น…” จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรออก จึงเอ่ยถามขึ้น “คุณมองฉันทำไม?”

เฟิงหานชวนตอบอย่างไม่ลังเล “มองภรรยาของผม ว่าสวยขนาดไหน”

ไม่ต้องสงสัยเลย เฉินฮวนฮวนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม แดงไปถึงขอบฟ้า แดงไปถึงหัวใจ

เธอรีบก้มหน้าก้มตาลง แต่หลังจากนั้นก็มีความเย็นแผ่ซ่านมาจากคาง

นิ้วมือของชายหนุ่มจับคางของเธอไว้ จากนั้นก็จับคางของเธอให้เงยหน้าขึ้น เธอถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น แล้วก็ต้องจ้องตากับชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง

ในตอนที่เธอเพิ่งรู้จักเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนมักจะสีหน้าเย็นชา เย็นยะเยือกจนถึงกระดูก ความเยือกเย็นแบบนั้น เป็นความเย็นที่ทำให้คนรู้สึกกลัว

ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ในตอนที่เฟิงหานชวนมองไปที่เธอ เขามักจะยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก สีหน้าผ่อนคลาย แม้ว่าในตอนที่เขาไม่ได้ยิ้ม ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัว

อีกอย่างในตอนที่เขาสีหน้าเคร่งขรึม มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจมาก

ในตอนที่หัวสมองของเธอเต็มไปด้วยเฟิงหานชวน ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามา

ในตอนที่เธอได้สติขึ้น ริมฝีปากของเฟิงหานชวนกับริมฝีปากของเธอ ห่างกันเพียงแค่หนึ่งเซนติเมตรเท่านั้น

เฉินฮวนฮวนตะลึงจนถลึงตาโต เธออ้าปากเล็กน้อย อยากจะพูดอะไร สถานการณ์แบบนี้ ทำให้เธอพูดไม่ออก

เฟิงหานชวนเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเธอ เขายิ้มมุมปาก จากนั้นก็เอนศีรษะ ประกบริมฝีปากอันอ่อนนุ่มนั้น

มีกลิ่นอ่อน ๆ ของมะเขือเทศ ทำให้เขารู้สึกว่าหอมมาก และก็มีความอยากอาหาร เหมือนกับกำลังลิ้มรสของอาหารอยู่อย่างละเอียดลออ

เฉินฮวนฮวนประหม่ามาก ถึงแม้ว่าเรื่องของการจูบ จะไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว แต่เธอก็ยังประหม่ามาก สองมือน้อย ๆ กำชายเสื้อไว้แน่น

เขาอ่อนโยนมาก ตั้งแต่ที่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนคือผู้หญิงในคืนนั้น เขามีความใจเย็นกับเธอมากขึ้น ไม่รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน

ช่วงเวลาดังกล่าวทำให้เขาเพลิดเพลินมาก จนกระทั่งหญิงสาวผลักหน้าอกของเขา เขาถึงปล่อยเธอออกอย่างไม่เต็มใจ

“รีบ…รีบไปล้างจาน” ในตอนที่เฉินฮวนฮวนพูด กำลังหอบอยู่

“ฮวนฮวน คุณว่ายน้ำไม่เป็นใช่ไหม?”

จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ถามประโยคนี้ขึ้น

เฉินฮวนฮวนใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย จึงถามขึ้น “ฉันว่ายน้ำไม่เป็นค่ะ ทำไมจู่ ๆ คุณถามเรื่องนี้คะ?”

เธอยังสงสัยว่าเฟิงหานชวนเพิ่งทำเรื่องเลวร้ายมา ดังนั้นอยากจะหาโอกาสเปลี่ยนเรื่องคุย

“ฮวนฮวน เพราะว่าคุณเปลี่ยนลมหายใจไม่เป็น” เฟิงหานชวนอมยิ้ม ก้มหน้าลง ริมฝีปากบางอยู่ข้างใบหูของเธอ แล้วพูดเสียงเบา “ต่อไปจะสอนคุณว่ายน้ำ แบบนี้เวลาที่พวกเราจูบกัน ก็สามารถยืดเวลาออกไปได้เยอะ”

เฉินฮวนฮวนหน้าแดงสุด ๆ

เดิมทีเธอคิดว่าเฟิงหานชวนยังมีความเขินอายอยู่เล็กน้อย หลังจากที่ผ่านเรื่องแบบนี้ อยากจะหาเรื่องอื่นคุย เพื่อคลี่คลายบรรยากาศที่ครุมเครือ แต่เธอคิดไม่ถึง…

คิดไม่ถึงตรงที่ เขาเพิ่มความลึกของเรื่องนี้!

“ยังจำคืนวันก่อนได้ ตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์เก่า ผมพอใจกับผลงานของคุณมาก” เฟิงหานชวนตั้งใจพูดขึ้น “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน คุณไม่ควรจะเขินอายกับผมแบบนี้ การแสดงของคุณเมื่อคืนวาน ถึงจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุด”

เฉินฮวนฮวนได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเฟิงหานชวน เหตุการณ์ในคืนก่อนผุดขึ้นในหัว

เธอรู้สึกสับสน เธอลุกขึ้นยืนกะทันหัน อยากจะวิ่งไปข้างหน้า แต่เท้าลื่น จู่ ๆ ก็หงายไปด้านหลัง

เฟิงหานชวนมือไวตาไว รับเธอไว้ได้ในทันที เฉินฮวนฮวนโชคดีจริง ๆ ที่ล้มอยู่ในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน อย่าประมาทเลินเล่อขนาดนี้! ถ้าล้มลงไป จะส่งผลกระทบต่อลูก” น้ำเสียงดุดันของเฟิงหานชวนตะโกนออกมา

เฉินฮวนฮวนตะลึง กะพริบตาปริบ ๆ อยู่หลายครั้ง จากนั้นก็จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า

เธอพบว่า เฟิงหานชวนให้ความสำคัญกับเด็กในท้องของเธอมากกว่าที่เธอคิด ความเป็นห่วงแบบนั้น ปฏิกิริยาตอบรับแบบนั้น ไม่ได้เสแสร้งออกมา

เห็นเฉินฮวนฮวนมองตัวเองอย่างงุนงง เฟิงหานชวนรู้ได้ถึงการแสดงออกของตัวเอง อาจจะทำให้เฉินฮวนฮวนตกใจ เขาอธิบายอย่างจริงจัง “ขอโทษด้วยฮวนฮวน ผมไม่ควรจะดุคุณขนาดนี้ ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณกับลูก”

“อาหาน เด็กคนนี้คือ…หลิวตง…” เฉินฮวนฮวนยังพูดไม่จบ นิ้วชี้ของชายหนุ่มก็วางลงบนปากของเธอ

“ฮวนฮวน ผมเคยพูดไว้ เด็กคนนี้คือลูกของพวกเรา ต่อไปไม่ต้องพูดแบบเมื่อกี้อีก” เฟิงหานชวนสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงก็จริงจัง แม้แต่น้ำเสียงที่เถียงไม่ได้

วินาทีต่อมา เฉินฮวนฮวนอ้าแขนออกกอดคอของชายหนุ่มเอาไว้ แล้วยื่นหน้าของตัวเองยื่นออกไป…

การเคลื่อนไหวในการทำอาหารของเฟิงหานชวนดูมีความชำนาญอย่างมาก

เฉินฮวนฮวนค่อนข้างสงสัยว่า เฟิงหานชวนเคยทำงานเป็นพ่อครัวหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เห็นฝีมือของเฟิงหานชวน ไม่พูดไม่ได้ว่าเฟิงหานชวนทำอาหารเก่งจริงๆ

“อาหาน ตอนเช้าคุณว่าชำนาญการทอดสเต็ก เพราะว่าตอนเด็กๆคุณใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา ตอนนี้มะเขือเทศผัดไข่ที่คุณทำก็เก่งขนาดนี้ ฉันสงสัยว่าคุณเคยเป็นพ่อครัวมาก่อนหรือเปล่า……"

เฉินฮวนฮวนยืนอยู่ข้างเฟิงหานชวน ถามขณะดูรูปร่างลักษณะที่เปลี่ยนไปในกระทะ

เฟิงหานชวนหัวเราะและพูดอย่างแผ่วเบา: "เรียนรู้เองโดยไม่มีครู อาจเป็นเพราะไอคิวสูงเกิน"

เฉินฮวนฮวน: "……"

เธอไม่เคยคิดถึงคำตอบแบบนี้

เฟิงหานชวนหันศีรษะมองที่เธอ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมุมปากของเขางอขึ้น: "ไม่เชื่อหรือ?"

เฉินฮวนฮวนส่ายหัวและพูดว่า "เชื่อสิ! คุณดูเหมือนเป็นคนที่ฉลาดมาก"

“โอ้? นี่คุณชมผมเหรอ?” เฟิงหานชวนถามกลับและขณะเดียวกัน เริ่มวางมะเขือเทศผัดไข่ลงบนจาน

กลิ่นหอมรุนแรงมากขึ้น

เดิมทีเฉินฮวนฮวนไม่มีความอยากอาหาร แต่ตอนนี้เธออยากทานมาก อยากทานอาหารจานนี้มาก

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและพูดว่า “แน่นอนว่ากำลังชมคุณอยู่ ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนมาเปรียบเปรยคุณ รู้สึกว่าคุณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก”

เธอพูดอย่างจริงจัง เป็นคำพูดจริงใจที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่หลังจากที่เธอพูดออกไป จู่ๆเธอก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ดูเหมือนว่าจะมี……การแอบเกลี้ยกล่อม

ร่องรอยของความเขินอายปรากฏบนใบหน้าของ เฉินฮวนฮวน วางมือทั้งสองข้างและรีบอธิบาย: "ฉันหมายความว่าฉันคิดว่าคุณเป็นผู้ชายที่มีฝีมือทำอาหารที่ดีที่สุดในโลก"

เมื่อเฟิงหานชวนฟังคำอธิบายของเฉินฮวนฮวน เดิมทีสีหน้าที่ผ่อนคลายค่อยๆขรึมขึ้น คิ้วของเขาแสดงออกว่าไม่มีความสุข: "ฮวนฮวน ผมชอบวิธีพูดอันแรกมากกว่า"

เขาดูออกชัดเจนว่าเพราะเรื่องของเด็ก ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินฮวนฮวนแย่ลง ยิ่งกว่านั้น กับตัวเขาเองก็ดูห่างเหินขึ้น

ก่อนหน้านี้ ทั้งสองเกือบจะสนิทสนมกัน แต่ตอนนี้เฉินฮวนฮวนกลับ……

“เอ่อ วิธีแรกในการพูดก็ค่อนข้างดี” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะ เหมือนไม่รู้ว่าจะวางมือเท้าของเธออย่างไร

เฟิงหานชวนทำตาเข้ม จับไหล่เรียวของหญิงสาวด้วยมือทั้งสองแล้วพูดเสียงทุ้ม: "ฮวนฮวน มองตาผม"

เฉินฮวนฮวนสบตาของชายหนุ่มทันที ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง ราวกับว่าเขาสามารถดูดเธอเข้าไปในกระแสน้ำวนสีดำได้

“ฮวนฮวน เราควรเข้ากันได้เหมือนเมื่อก่อน เด็กคนนี้เป็นลูกของเรา เป็นสิ่งที่ผมต้องการ ไม่ต้องคิดอะไรมาก” เสียงของเฟิงหานชวนอ่อนโยน ช่างอ่อนโยนมากจริงๆ

“อืม” เฉินฮวนฮวนหลับตาลง เพียงแค่พยักหน้าเงียบๆ

“ผมจะบอกนายท่านว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ลูกของผม ดังนั้นลืมความลับทั้งหมดก่อนหน้านี้ให้หมด” เฟิงหานชวนต้องการที่จะฝังความจริงในอดีต

เฉินฮวนฮวนตกตะลึง ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นและเปิดปากพูด: “พูดกับ……นายท่านเหรอ?”

“เด็กโง่ พวกเรามีลูกแล้ว ต้องบอกนายท่านแน่นอน ไม่ใช่หรือ?” เฟิงหานชวนยกมือขึ้น บีบแก้มของหญิงสาว สัมผัสได้ถึงผิวบอบบางบนปลายนิ้วของเขา

เบื้องหน้าของเฉินฮวนฮวนพร่ามัวทันที เธอพยักหน้าและกอดเฟิงหานชวนไว้

“อาหาน คุณช่างดีมาก จริงๆนะ……” เฉินฮวนฮวนซาบซึ้งจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเป็นทุกข์ แต่เป็นเพราะซึ้งใจ

“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน จำข้อนี้ไว้” มือของเฟิงหานชวนลูบหัวหญิงสาวอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งและดังก้องกังวาน

“จำได้แล้ว จำได้แล้ว” เฉินฮวนฮวนเช็ดดวงตาและมัวแต่ตอบด้วยการพยักหน้า

ไม่ง่ายเลยที่จะปลอบโยนผู้หญิงคนนี้ เฟิงหานชวนปล่อยเธอและเริ่มต้มบะหมี่ในหม้อ

เฉินฮวนฮวนเป็นเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่น่าสงสารและหิวโหย ยืนอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง รอการกำเนิดของอาหารอันโอชะ

ความเร็วของเฟิงหานชวนเร็วมาก ไม่นานนัก มะเขือเทศผัดไข่ราดบะหมี่สองชามก็อยู่ขึ้นต่อหน้าเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนหยิบชามขึ้นมาทันที แต่เนื่องจากมันร้อนเกินไป ก็รีบวางลงอย่างเร็ว สะบัดมือในอากาศ แม้แต่ปากของเธอก็เป่าลมอยู่

“ผมจะยกชาม คุณเอาตะเกียบมา” ขณะที่พูด เฟิงหานชวนยกชามทั้งสองใบด้วยสองมือขึ้นมา แล้วเดินออกจากครัวไป

เฉินฮวนฮวนรีบหยิบตะเกียบสองคู่ แล้วเดินตามออกไปอย่างรวดเร็ว

……

ขณะทานบะหมี่ทั้งคู่ไม่มีใครพูด เฉินฮวนฮวนหิวมาก ดังนั้นเธอจึงทานอย่างเดียว ก้มหน้าก้มตาทาน

คิดไม่ถึง ชายหนุ่มตรงหน้าถามว่า “ไม่อร่อยเหรอ?”

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น “หือ?”

“คุณไม่ได้ชมผม เป็นเพราะบะหมี่ราดหน้านี้ไม่อร่อยใช่ไหม?” เฟิงหานชวนมองเธออย่างจริงจังและถามอีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัวเหมือนกลองป๋องแป๋งและรีบปฏิเสธ: “ไม่ใช่ ไม่ใช่ อร่อยมาก อร่อยมากจริงๆ เพราะฉันทานอย่างใจจดใจจ่อเกินไป เลยไม่ได้พูด…”

อันที่จริงมีอีกประการหนึ่ง นั่นคือเฉินฮวนฮวนเหนื่อยมาก ดังนั้นจึงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูด

“งั้นก็ดี” เฟิงหานชวนเพียงแค่ตอบอย่างแผ่วเบา

“คุณ… สนใจรสชาติของฉันหรือ?” เฉินฮวนฮวนมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างระมัดระวัง เม้มปากและถามด้วยเสียงเบา

เฟิงหานชวนกระแอมและพูดว่า: "ใช่"

เฉินฮวนฮวนหน้าแดง

“งั้นคุณชอบฉันมากใช่ไหม” เธอถามด้วยความหัวร้อน

จากนั้นเธอแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง

เฟิงหานชวนหัวเราะเบา ๆ เพียงเบ้ปากและมองที่เธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหม่าอย่างมาก หรือว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ชอบตัวเธอเหรอ? แล้วเขา……ทำไมถึงดีกับเธอขนาดนี้?

ดีถึงขั้นต้องยกนิ้วเลยทีเดียว

ดีถึงขนาดที่ยอมรับลูกที่ไม่ใช่ของเขาเพื่อเธอ

“ฮวนฮวน ผมคิดว่าผมแสดงออกชัดเจนมาก” เขากล่าว

เฉินฮวนฮวนฟังเข้าใจแล้ว และได้ยินอย่างชัดเจน ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนมะเขือเทศขนาดใหญ่ รอไม่ไหวที่จะหารูเพื่อมุดเข้าไปให้เร็ว

เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงถามคำถามแบบนี้ออกมา

“ฮวนฮวน นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของผม อยากใช้ทั้งชีวิตกับผู้หญิงคนหนึ่ง”

“ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องสงสัยอะไร หรือถามคำถามเหล่านี้กับผมอีก คำตอบของผมคุณน่าจะเข้าใจได้”

เสียงของเฟิงหางชวนเรียบๆ แต่หาไม่พบน้ำเสียงที่หงุดหงิดเลยสักนิด

“ฉันรู้แล้ว” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า แล้วใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีบอกชายหนุ่มตรงข้ามว่า: “ฉันก็ด้วย”

พูดจบ เธอก้มหัวและเริ่มตั้งหน้าตั้งตาทานบะหมี่ในชาม "เสียงซดบะหมี่" ดังก้องไปทั่วห้องอาหาร

ในไม่ช้า เธอก็ทานบะหมี่ในชามจนหมด และวางชามลงอย่างพึงพอใจ

“ขึ้นไปพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ ผมล้างชามเสร็จค่อยขึ้นไป” เฟิงหานชวนกล่าว

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก ส่ายหัว และกล่าวว่า “ฉันรอคุณขึ้นข้างบนพร้อมกัน”

“ติดผมขนาดนี้เลยเหรอ?” เฟิงหานชวนลุกขึ้นพร้อมกับดึงเนคไท การกระทำอย่างต่อเนื่องนี้ เต็มไปด้วยฮอร์โมนเพศชาย

"ได้แน่นอน"

เฟิงหานชวนวางชามบนโต๊ะข้างเตียงก่อน จับมือหญิงสาวทั้งสองข้างด้วยมือทั้งคู่ของเขาไว้ มองเธอด้วยดวงตาสีดำสนิทอย่างจริงจัง

น้ำเสียงของเขาหนักแน่นเป็นพิเศษ ทำให้หัวใจที่ห้อยอยู่ของเฉินฮวนฮวนค่อยๆร่วงหล่นลงมา

เนื่องจากเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเฟิงหานชวน เธอจึงกังวลว่าเฟิงหานชวนจะรักเด็กคนนี้จริงๆหรือไม่ เมื่อเห็นดวงตาที่แน่วแน่ของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนมั่นใจแล้ว

เธอมั่นใจว่าเฟิงหานชวนจะดีกับเด็กคนนี้แน่นอน ได้แน่นอน

เธอเอามือของเฟิงหานชวนออก และเอนตัวไปข้างหน้า เกี่ยวคอของเฟิงหานชวนด้วยมือทั้งสองข้าง และกอดเขาอยู่แบบนี้

เฟิงหานชวนตกใจโดยไม่รู้ตัว แต่ก็คืนสติขึ้นมาอย่างรวดเร็วและถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากจะกอดคุณ” เฉินฮวนฮวนเอนหน้าซบลงบนไหล่ของชายหนุ่มแล้วกระซิบ: “ถ้าไม่ใช่คุณ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไร”

“จากนี้ไป มีผมอยู่” เฟิงหานชวนตอบเบาๆ โดยไม่พูดอะไรมาก เขาเชื่อว่าเฉินฮวนฮวนสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเขาแล้ว

ตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณสำหรับความเห็นแก่ตัวของเขา ถ้าเขาบอกความจริงเกี่ยวกับคืนนั้น ทั้งสองคนก็จะไม่มีความสงบสุขเหมือนตอนนี้

“ค่ะ มีคุณอยู่” เฉินฮวนฮวนหลับตาลงด้วยความยินดี

กอดกันสักพัก คราวนี้เป็นเฟิงหานชวนที่เริ่มดึงเฉินฮวนฮวนออก น้ำเสียงของเขาเย้ายวนมากแล้วกล่าวว่า "คนดี ดื่มยาก่อน ไม่อย่างนั้นมันจะเย็น"

“ได้” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และไม่ต้องรอให้เฟิงหานชวนป้อนเธอ หยิบชามขึ้นมาดื่มลงไปในคราวเดียว

ทันทีที่เธอดื่มเสร็จ ใบหน้าเกือบทั้งหมดของเธอก็แข็งเข้าหากัน ปากของเธอเป่าลมออกตลอดเวลา และเธอดูเจ็บปวดเป็นพิเศษ

“ขมมากเหรอ?” เฟิงหานชวนมองเธอท่าทีแบบนี้ รู้สึกตลกเล็กน้อย แต่เขาก็รู้สึกปวดใจมาก

ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เฉินฮวนฮวนก็ไม่ต้องทนกับความเจ็บปวดเช่นนี้

“อืม ขมจะตายแล้ว” เฉินฮวนฮวนเม้มปากอย่างเป็นทุกข์ คิ้วของเธอยังคงขมวดเข้าหากันดังเดิม

“ลืมซื้อน้ำตาลมาให้คุณ ตอนนี้ผมจะไปซุปเปอร์มาร์เก็ตสักรอบ” เฟิงหานชวนลุกขึ้นยืนหันหลังและเตรียมจากไป

เฉินฮวนฮวนคว้าแขนของเขาทันที ส่ายหัวกะทันหันแล้วพูดว่า “ไม่ต้องออกไปแล้ว ไม่เป็นไร ผ่านไปแป๊ปเดียวก็ไม่ขมแล้ว”

“คุณหิวไหม? ยังไม่ได้ทานอาหารเย็น อยากกินอะไรผมจะทำให้คุณ” เฟิงหานชวนนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง จับมือของเฉินฮวนฮวนด้วยเสียงที่เบา และน้ำเสียงอ่อนโยนมาก

เขารู้สึกว่าความอดทนทั้งชีวิตของเขา ใช้เพียงแค่กับตัวเฉินฮวนฮวนคนเดียวเท่านั้น เพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้กับคนอื่น

“ไม่ต้องแล้ว” เฉินฮวนฮวนส่ายหัว เธอไม่อยากอาหาร

ถึงแม้ว่าเฟิงหานชวนจะดีกับเธอมากและไม่ถือสากับชาติกำเนิดของเด็กคนนี้ แม้ว่าเธอก็ไม่ได้เป็นทุกข์ขนาดนั้นแล้ว แม้กระทั่งคิดที่จะคลอดเด็กคนนี้

แต่สุดท้ายเด็กคนนี้เป็นลูกใคร ใจตัวเธอเองรู้ดี แล้วก็จะมีความสุขขึ้นมาทันทีได้อย่างไร?

เฟิงหานชวนรู้ดีว่าเฉินฮวนฮวนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาใช้แรงนิดหน่อยจับมือเธอแล้วพูดอย่างจริงจังว่า "เฉินฮวนฮวนตอนนี้ร่างกายของคุณสำคัญมาก ต้องดูแลร่างกายดีๆและอดอาหารอีกไม่ได้แล้ว รู้หรือเปล่า?"

“ตอนเช้าผมซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถุงหนึ่งมี5ซอง หรือไม่ก็ต้มบะหมี่และเพิ่มไข่ละกัน สะดวกหน่อย” เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนก็เหนื่อยมาทั้งวัน และทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เขายุ่งกับอาหารเย็น

เฟิงหานชวนดีกับเธอมาก ต่อไปเธอจะทำดีกับเขา ดีขึ้น ดีขึ้น และดีขึ้น

“อันนั้นไม่มีประโยชน์ ถ้าคุณอยากทานบะหมี่ ผมจะต้มบะหมี่ให้คุณ” พูดแล้วเฟิงหานชวนก็ปล่อยมือของเฉินฮวนฮวน ตบหลังมือของเธอเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องนอนไปเลย

เฉินฮวนฮวนไม่มีปฏิกิริยาในตอนแรก จู่ๆนึกขึ้นได้ว่าไม่มีบะหมี่อยู่ในบ้าน เธอรีบยกผ้าห่มออกแล้วลุกจากเตียง เมื่อเธอเตรียมจะลงไปข้างล่าง เธอเห็นไฟรถสว่างขึ้นที่ชั้นล่างผ่านหน้าต่างที่จรดพื้น

เธอเปิดประตูจรดพื้นทันที วิ่งไปที่ระเบียง มองลงไปก็เห็นเฟิงหานชวนขับรถออกจากวิลล่า

ทันใดนั้น จมูกของเฉินฮวนฮวนคัดและดวงตาเปียก เธอยื่นมือออกแล้วขยี้ตา มีน้ำตาติดอยู่บนนิ้วมือของเธอ

นอกจากแม่และยายของเธอแล้ว ไม่เคยมีใครดีกับเธอขนาดนี้

……

เฟิงหายชวนขับรถกลับมาอย่างเร็ว เขาแค่ขับรถไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ประตูใหญ่เพื่อซื้อส่วนผสมเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาหยุดรถก็พบร่างเล็กที่คุ้นเคยยืนอยู่ที่ประตูรอเขาอยู่

เฟิงหานชวนลงจากรถทันที หยิบถุงที่บรรจุส่วนผสมแล้วรีบเดินไปหาเฉินฮวนฮวน น้ำเสียงของเขาเร่งรีบและเป็นห่วง: “ออกมาทำไม?”

“รอคุณกลับมา” เฉินฮวนฮวนเม้มปากและตอบด้วยเสียงเบา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเฟิงหานชวนก็อ่อนลงมากแล้วเขายกมือขึ้นแตะศีรษะของเฉินฮวนฮวน พูดด้วยรอยยิ้ม: "ตามผมไปที่ห้องครัว"

“ได้” เฉินฮวนฮวนหรี่ตาเป็นมุมโค้ง จากนั้นควงแขนของเฟิงหานชวน ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องครัวที่ชั้นหนึ่งด้วยกัน

ของในครัวมีน้อยมากจึงดูสะอาดตาเป็นพิเศษ นำส่วนผสมทั้งหมดที่เขาซื้อออกมาจัดเรียงและ เฉินฮวนฮวนก็ช่วยเขาทำพร้อมกัน

แม้ว่าเฟิงหานชวนจะไม่อยากให้เฉินฮวนฮวนทำสิ่งต่างๆ แต่เขารู้สึกว่าบางทีแบบนี้เฉินฮวนฮวนอาจเบี่ยงเบนความคิด หยุดคิดฟุ้งซ่าน เลยปล่อยให้เธอช่วย

“ฮวนฮวน ล้างแล้วหั่นมะเขือเทศสองลูกนี้” เฟิงหานชวนส่งมะเขือเทศสองลูกให้เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเหมือนเด็กที่ได้ลูกอม ยกริมฝีปากขึ้นอย่างมีความสุข พยักหน้าทันทีแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “สัญญาว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ!”

เฟิงหายชวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เริ่มหยิบชามมาตีไข่และพูดว่า "คืนนี้จะทำมะเขือเทศและไข่ราดบะหมี่ให้คุณ"

“ดีเลยดีเลย!” เฉินฮวนฮวนยังคงพยักหน้าต่อไป หัวเล็กๆ ของเธอสั่นเหมือนกับกลองป๋องแป๋ง

อาจเป็นเพราะเธอพบสิ่งที่ทำได้ เฉินฮวนฮวนทำอย่างจริงจังเอามากๆ ในสมองไม่ได้คิดถึงเรื่องเด็กอีกต่อไป

เธอหั่นมะเขือเทศอย่างพิถีพิถัน หั่นมะเขือเทศมีขนาดเท่ากันเกือบทุกชิ้น เฟิงหานชวนยุ่งเสร็จก็หันกลับไปมอง เมื่อเห็นฉากนี้ถึงกับยิ้มเบาๆ

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินเสียงหัวเราะ เธอหันศีรษะอย่างรวดเร็วและพบกับดวงตายิ้มแย้มคู่นั้น หน้าของเธอหน้าแดงก่ำ

“ทำไมจู่ๆถึงยิ้ม?” เธอสงสัยว่าตัวเองทำอะไรผิด

“หลังจากทอดมะเขือเทศแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงรูปร่าง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหั่นเรียบร้อยขนาดนี้” เฟิงหานชวนเดินไปหาเฉินฮวนฮวน ช่วยเธอรวบผม แล้วเดินไปรอบๆเธอและเทมะเขือเทศบนเขียงลงในชาม

เขาหยิบชามขึ้นมา เดินไปที่หน้ากระทะ เปิดเตา เทน้ำมันลงไป แล้วหันไปมองเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนถูกเขาเฝ้าดูและกระซิบว่า: "ครั้งต่อไปรู้แล้วนะ"

เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนซุ่มซ่าม ซึ่งทำให้เฟิงหานชวนรังเกียจ

“เด็กโง่ มานี่สิ” เฟิงหานชวนกวักมือเรียกเธอ

เฉินฮวนฮวนมึนงงเล็กน้อย แต่ก็ยังขยับเท้าก้าวเล็กๆเดินไปที่ด้านข้างของเฟิงหานชวน

ในขณะนี้ น้ำมันร้อนในกระทะเดือดขึ้นมา

“ยืนอยู่ข้างผม เป็นเพื่อนผม” เฟิงหานชวนมองที่เธอ ขดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วหันศีรษะไปเริ่มทำอาหาร

"ฉันจะต้องคลอดลูกของศัตรูจริงเหรอ? ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้ ทำไมถึงทำแท้งไม่ได้……" เฉินฮวนฮวนหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง

สิ่งที่เฟิงหานชวนจะพูด กลับติดอยู่ที่คอ แล้วไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

ศัตรู……พอเขาได้ยินสองคำนี้ จึงรู้สึกปวดใจ เหมือนมีมีดมากรีดลงที่หัวใจเขา

ในใจเฉินฮวนฮวน ผู้ชายคืนนั้น คือศัตรูของเธอ

เพราะฉะนั้น ถ้าเขาบอกเรื่องคืนนั้น พวกเขาก็ต้องจบสิ?

ครั้งนี้เฟิงหานชวนถอดใจอีกครั้ง

"ฮวนฮวน เขาไม่ใช่ลูกของศัตรูคุณ เขาเป็นลูกของคุณ เป็นลูกของเรา" เขาทำได้แค่ปลอบใจเฉินฮวนฮวน แล้วปลอบใจตัวเองด้วย

"อาหาน ฉันกลัว……" เฉินฮวนฮวนกอดเฟิงหานชวนไว้ แล้วซบอยู่ในอ้อมกอดเขา น้ำเสียงก็สะอึกสะอื้นด้วย

เฟิงหานชวนยกมือขึ้น แล้วตบหลังเธอเบาๆ แล้วพูดปลอบใจเสียงเบาว่า "ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไร ขอแค่คุณจำไว้ว่า เขาคือลูกของเรา คือลูกของเราสองคน"

"แต่ว่า นี่ไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ" เฉินฮวนฮวนร้องไห้ออกมา

ถึงเฟิงหานชวนจะยอมรับเด็กคนนี้ แต่ยังไงก็ไม่ใช่ลูกของเขา สำหรับเฟิงหานชวน การที่เลี้ยงดูลูกของคนอื่น นี่ต้องเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว

เฉินฮวนฮวนไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไงดี จนเธอรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ เหมือนเป็นเรื่องที่ผิด

"ไม่ได้ไม่ยุติธรรมสำหรับผม ฮวนฮวน อย่าคิดอะไรแบบนี้ ผมชอบเด็กคนนี้ การมาของเขา ผมดีใจมาก" เฟิงหานชวนกอดเฉินฮวนฮวนไว้แน่น แล้วบอกกับเธอว่า การตัดสินใจของตัวเองมุ่งมั่นแค่ไหน

ความจริง การที่รักษาเด็กคนนี้ไว้ เฟิงหานชวนดีใจมาก เพราะนี่เป็นลูกคนแรกของเขากับเฉินฮวนฮวน

แต่ว่า ตอนนี้อารมณ์เฉินฮวนฮวนไม่ค่อยดี นี่จึงทำให้เขากังวล

"ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ฉันกำลังถ่วงคุณ คุณไม่จำเป็นต้องเลี้ยงดูลูกคนอื่น" ในหัวเฉินฮวนฮวนตีกันวุ่น ไม่รู้จะทำยังไงดี

"ฮวนฮวน อย่าพูดแบบนี้" ฝ่ามือของเฟิงหานชวนจับศีรษะเธอไว้ แล้ววางคางลงที่ศีรษะเธอ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นว่า "ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ลืมเรื่องเมื่อก่อนซะ แล้วบอกตัวเองว่า เด็กในท้องคือลูกของเราสองคน แล้วคลอดเขาออกมา"

"บำรุงครรภ์ดีๆ ส่วนเรื่องอื่นให้ผมจัดการ โอเคไหม?"

เฉินฮวนฮวนมึนมัว แค่พยักหน้าให้ แล้วตอบว่า "อื้อ"

……

เฉินฮวนฮวนรออยู่ในห้องรับรอง แล้วเฟิงหานชวนก็ไปปรึกษากับหรงจิ่นซิว ตอนที่กลับมา เฟิงหานชวนก็ถือถุงยาเต็มมือกลับมาด้วย

เขาเดินไปหาเธอ จับมือเธอขึ้น แล้วพูดว่า "เรากลับบ้านกัน"

เฉินฮวนฮวนเหลือบมองถุงนั้น เพราะเป็นสีใส เธอจึงว่าในนั้นมีทั้งยาแผนปัจจุบัน ทั้งยาแผนจีนโบราณ

เธอไม่ต้องคิดก็รู้ ยาในนั้นต้องใช้มาบำรุงครรภ์แน่นอน

กับเด็กคนนี้ เฟิงหานชวนไม่ให้เธอทำแท้ง เหมือนคิดว่าเป็นลูกของเขาเองอย่างนั้น

พอเฉินฮวนฮวนคิดได้แบบนี้ จึงรู้สึกแสบจมูก กางแขนออก แล้วกอดเอวของเขาไว้

เพราะอยู่ๆเฉินฮวนฮวนก็กอดเขา เฟิงหานชวนจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ รอเขาตั้งสติได้ จึงรีบเอ่ยถามว่า "ฮวนฮวน คุณเป็นอะไร?"

เพราะความเห็นแก่ตัวของเขา เลยทำให้เธอทุกข์ทรมาน นอกจากปลอบใจเธอ เขาก็ทำอย่างอื่นไม่ได้เลย

"ขอบคุณนะ อาหาน" เฉินฮวนฮวนพูดสะอึกสะอื้น "ขอบคุณจริงๆนะ……"

"ฮวนฮวน ไม่ต้องพูดขอบคุณกับผม ผมเป็นสามีคุณ รู้ไหม?" ในใจเฟิงหานชวนรู้สึกไม่ค่อยโอเค แต่เขาก็พยายามควบคุมเสียงแล้วปลอบใจเธอ

"ฉันรู้ ฉันรู้" เฉินฮวนฮวนร้องไห้แล้วพยักหน้า แล้วพึมพำว่า "คุณดีที่สุด ดีที่สุดจริงๆ"

"เด็กดี เรากลับบ้านกันก่อน เดี๋ยวผมต้มยาให้" เฟิงหานชวนปลอบเสียงเบา

"อื้อ" เฉินฮวนฮวนรีบลุกขึ้นมา

……

ความจริงคืนนี้ พวกเขาจะกลับไปคฤหาสน์เก่า แต่เพราะเรื่องนี้ พวกเขาจึงกลับไปที่หมิงอวี่

นั่นเป็นคฤหาสน์ของพวกเขาสองคน

เฉินฮวนฮวนถูกพากลับไปถึงห้องนอน เฟิงหานชวนให้เธออาบน้ำพักผ่อนก่อน แล้วเขาก็ลงไปต้มยา

พอเฉินฮวนฮวนอาบน้ำเสร็จ จึงนอนลงบนเตียงกว้างๆ มือของเธอวางลงที่ท้องตัวเองเบาๆ

ในนี้ มีก้อนเลือด เป็นอีกชีวิตหนึ่ง เป็นสิ่งที่เธอคิดจะเอาออก

เธอถอนหายใจเสียงเบา อยู่ๆก็รู้สึกใจหาย

เฟิงหานชวนพูดถูก เด็กคนนี้ เป็นลูกของเธอ เธอเป็นแม่ของเด็กคนนี้

สำหรับพ่อเด็กเป็นใคร ตอนนี้สามีเธอคือเฟิงหานชวน เพราะฉะนั้นเด็กคนนี้ก็เป็นของเขาได้ แล้วเฟิงหานชวนก็ยอมรับเด็กคนนี้ด้วย

เพราะฉะนั้น เธอเลยไม่ได้ทำแท้ง แล้วอีกอย่าง ร่างกายเธอก็ไม่ให้เธอทำด้วย

เพราะฉะนั้น นี่อาจจะเป็นคำสั่งจากสวรรค์

แล้วตอนนี้ สิ่งที่เธออิ่มเอมใจคือ ไม่ใช่ว่าเก็บเด็กคนนี้ไว้ แต่เพราะเด็กคนนี้ เธอจึงมั่นใจเรื่องที่เธอจะแก่ไปพร้อมกับเฟิงหานชวน

มีผู้ชายแบบนี้คอยอยู่เคียงข้าง ไม่สนใจเรื่องอดีตของเธอ ไม่ติดใจเรื่องเด็กคนนี้ แล้วยังต้มยาให้เธอเองกับมือ แถมยังคิดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของตัวเองอีก

พอคิดแบบนี้ สีหน้าที่ซีดขาวของเฉินฮวนฮวน จึงมีรอยยิ้มจางๆ

สถานการณ์แบบนี้ บวกกับเหนื่อยล้ามาทั้งวัน เฉินฮวนฮวนจึงหลับไปอย่างไม่รู้ตัว

ในความฝัน เธอฝันเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เธอมองเห็นหน้าไม่ชัด แต่เธอเห็นว่าเขากำลังเล่นชิงช้าอยู่ เธอกับเฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างๆ แล้วช่วยเขาดึงเชือกไว้ด้วยรอยยิ้ม

เด็กผู้ชายตะโกนอย่างดีใจว่า"มามี๊ แดดดี๊" ทันใดนั้น ข้างหูเธอก็ได้ยินเสียงผู้ชายเรียกว่า "ฮวนฮวน ตื่นก่อน ควรกินยาแล้ว"

เฉินฮวนฮวนลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย เห็นว่าเมื่อกี้เป็นแค่ความฝัน เธอหันไป จึงเห็นเฟิงหานชวนนั่งอยู่ข้างเตียง แล้วมีถ้วยยาสีน้ำตาลวางอยู่บนหัวเตียง ในอากาศได้กลิ่นยาแผนโบราณลอยมา

"ฮวนฮวน เดี๋ยวผมช่วยพยุงคุณขึ้นมา กินยาถ้วยนี้ก่อนนะ" เฟิงหานชวนยื่นมือออกไป ข้างหนึ่งพยุงเอวเธอไว้ อีกข้างก็กอดไหล่เธอไว้

เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นนั่ง แล้วพิงหมอนไว้ข้างหลัง สีหน้าดูซีดมาก

เฟิงหานชวนเห็นเฉินฮวนฮวนเป็นแบบนี้ จึงขมวดคิ้วแน่น ในใจเป็นห่วงมาก เขาจึงรีบช่วยเธอทัดผม แล้วยกถ้วยยานั้นมา

เขาหยิบช้อนขึ้นมา แล้วตักยา จากนั้นก็เป่าลมให้ แล้วยื่นไปที่ปากของเฉินฮวนฮวน

เห็นเฟิงหานชวนทำแบบนี้ เฉินฮวนฮวนจึงนึกถึงความฝันเมื่อกี้ เธอคอแห้งมาก จึงพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า

"อาหาน ฉันฝันถึงเด็กคนนั้น……เราสองคนเล่นกับเขา เขาเป็นเด็กผู้ชาย เขามีความสุขมาก เราก็มีความสุขมากเหมือนกัน ฉันหวังว่าอนาคตจะเป็นแบบนั้น……" เธอพึมพำ

ในตอนที่เฉินฮวนฮวนเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของเฟิงหานชวน เธอคิดว่าเฟิงหานชวนคงไม่ยอมรับเด็กคนนี้อย่างแน่นอน

บางทีอาจจะไม่ยอมรับเธอด้วยอีกคน

ผู้ชายธรรมดาจะยอมรับภรรยาที่ตั้งท้องลูกคนอื่นได้อย่างไร?

ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเมื่อรู้ผลตรวจก็จะแยกทางกับเฟิงหานชวน ส่วนเรื่องของเด็ก เธอจะจัดการยังไงก็เรื่องของตัวเอง

แต่ตอนนี้ คำพูดของเฟิงหานชวนทำให้สีหน้าของเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนไป

น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเธอไหลไม่หยุด เฉินฮวนฮวนตัวสั่นและร้องไห้อย่างดุเดือด

“ฮวนฮวน ขอโทษ เรื่องนี้มันกะทันหันมาก เมื่อกี้ผมเอาแต่คิดเลยไม่ได้ปลอบคุณ แต่คุณไม่ต้องคิดมากนะ” เฟิงหานชวนยกมือขึ้นและตบหลังเฉินฮวนฮวนเบาๆ

เขาทำได้เพียงอธิบายเช่นนี้

เฉินฮวนฮวนร้องไห้อยู่นานและสงบลงเล็กน้อย เธอแค่ส่ายหัว แล้วนั่งยองๆ กล่าวว่า: "ไม่ ฉันไม่ต้องการมัน ไม่เอา…"

“ฮวนฮวน…” สีหน้าของเฟิงหานชวนแข็งอึ้ง เขาอ้าปากค้าง แต่พูดอะไรไม่ออก

“ฉันเซ็นสัญญากับพี่เหวินไว้ ฉันต้องเข้าร่วมการแข่งขัน ดังนั้นฉันอุ้มท้องเด็กคนนี้ไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ…” เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเบาๆและกล่าว: “ฉันไม่อยากได้ลูกที่เกิดจากการข่มขืน ฉันไม่เอา!”

“ฮวนฮวน!” เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนสูญเสียการควบคุม เฟิงหานชวนกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนพิงกับหน้าอกของผู้ชาย จมูกของเธอกระตุก และร่างกายของเธอก็สั่น ปากของเธอพึมพำว่า: "ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไม…"

ทั้งสองไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ในรถมานานแค่ไหนแล้ว เฟิงหานชวนไม่กล้าที่จะปลอบอะไรเธอมาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอยู่เงียบๆ ให้พื้นที่เฉินฮวนฮวนตัดสินใจด้วยตัวเอง

เด็กคนนี้มาผิดเวลา ถ้าเฉินฮวนฮวนตัดสินใจที่จะทำแท้งจริงๆ แม้ว่าเฟิงหานชวนจะทุกข์ใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงยินยอมเท่านั้น

เฉินฮวนฮวนยังสาว พวกเขาสามารถมีลูกกันใหม่ได้

“อาหาน ไปโรงพยาบาลกันเถอะ ฉันอยากรู้ผลตรวจแล้ว” เฉินฮวนฮวนเอนตัวออกจากอ้อมแขนของเฟิงหานชวนและกระซิบ

“โอเค” เฟิงหานชวนปล่อยเธอ จับไหล่ของเธอด้วยมือทั้งสอง ดวงตาสีดำสนิทจ้องไปที่ดวงตาสีแดงของผู้หญิง

เขารู้สึกพูดไม่ออกในลำคอ แต่ในที่สุดเขาก็อ้าปากพูด: "ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ คุณตัดสินใจเลือกเองได้"

“อืม” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและตอบอย่างแผ่วเบา

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฟิงหานชวนพาเฉินฮวนฮวนไปที่ห้องตรวจ

หรงจิ่นซิวรออยู่ที่นั่นแล้ว

หรงจิ่นซิวเปิดเอกสารดู ทักทายเขาธรรมดา โดยไม่ถามอะไรมาก

เขาเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย ในเวลาแบบนี้ เขาควรช่วยเฟิงหานชวนแก้ปัญหาเท่านั้นและไม่ควรถามมากเกินไป

เฉินฮวนฮวนอยู่ภายใต้การตรวจของหรงจิ่นซิว ได้ทำการตรวจหลายครั้ง หลังจากตรวจเสร็จ เฟิงหานชวนก็พาเฉินฮวนฮวนไปพักผ่อนที่ห้องรับรอง รอให้หรงจิ่นซิวนำผลตรวจมาให้

เฉินฮวนฮวนนั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำ มือและเท้าของเธอเย็นมาก ทั้งตัวนั่งนิ่งกับแววตาที่ว่างเปล่า

เธอไม่ได้กำลังคิดอะไร หัวของเธอว่างเปล่าไปหมด เหมือนกับคนตายที่กำลังเดินอยู่เพื่อรอคำตอบสุดท้าย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เหมือนจะไม่นาน แต่ก็นาน หรงจิ่นซิวเดินเข้ามาพร้อมเอกสาร

เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นทันที แต่หรงจิ่นซิวบอกให้นั่งลงก่อน เฟิงหานชวนเข้าใจสภาพจิตใจของเฉินฮวนฮวนในตอนนี้ เฟิงหานชวนจึงลุกขึ้นยืนกับเธอ

คนที่หนักใจไม่ได้มีเพียงคนเดียว ยังมีเฟิงหานชวน เขาเองก็คิดมากไม่น้อยกว่าเฉินฮวนฮวน

"เฉินฮวนฮวน ผลตรวจยืนยันออกมาแล้วว่าคุณตั้งครรภ์" หรงจิ่นซิวยื่นเอกสารออกมา

ราวกับสายตึงขาดในทันใด ขาของเฉินฮวนฮวนอ่อนลงและทั้งตัวก็ล้มลง

ดวงตาของเฟิงหานชวนว่องไวและมือของเขาไว เขากอดเธอไว้ทันที ตัวของเฉินฮวนฮวนถูกเฟิงหานชวนรับไว้

เฉินฮวนฮวนรู้สึกมืดมน ผลตรวจที่ได้เป็นเช่นนี้ ทำไมพระเจ้าถึงทำกับเธอเช่นนี้?

“แต่ตอนนี้สุขภาพร่างกายของคุณไม่ค่อยดีและอาจส่งผลต่อการพัฒนาของตัวอ่อน ผมแนะนำให้รักษาทันที” หรงจิ่นซิวเป็นคนฉลาด แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเดาได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เขาไม่ได้ถามอะไรมาก ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะเพื่อนของเฟิงหานชวน แต่เขาอยู่ในฐานะหมอ

“ไม่…ไม่รักษา ไม่รักษา…” ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบลอ เธอส่ายหัว ราวกับคนสติไม่ดี

หรงจิ่นซิวขมวดคิ้วและมองไปที่เฟิงหานชวน เฟิงหานชวนเพียงแค่ส่ายหัวเบาๆ แล้วถามว่า: "ถ้าเอาเด็กคนนี้ออก จะเป็นอันตรายต่อร่างกายของเธอไหม?"

คำพูดของเฟิงหานชวน ทำให้หรงจิ่นซิวประหลาดใจ แต่เขาสงบลงและตอบว่า: "ผมแนะนำให้เก็บไว้"

“ทำไม!?” เฉินฮวนฮวนตะโกนทันที ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง

“เฉินฮวนฮวน ผนังมดลูกของคุณบางมาก และสมรรถภาพทางกายของคุณยังไม่เพียงพอ หากคุณเอาเด็กคนนี้ออก มันจะส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณอย่างมาก และเป็นไปได้คุณอาจจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกเลย "

หรงจิ่นซิวถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นมองไปที่เฟิงหานชวนและกล่าวว่า: "พวกคุณลองปรึกษากันก่อน ผมคิดว่าผมไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ผมจะไปรอคำตอบของพวกคุณที่ห้องทำงาน”

หลังจากพูดจบ หรงจิ่นซิวก็ออกจากห้องรับรอง ให้พื้นที่ที่นี่กับเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินสิ่งที่หรงจิ่นซิวพูด ใบหน้าของเธอก็ซีด ถ้าเธอเอาเด็กไป เธอจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก

ก็เท่ากับว่าเธอจะมีลูกกับเฟิงหานชวนอีกไม่ได้งั้นเหรอ?

แต่ว่า ถึงแม้เฟิงหานชวนจะไม่รังเกียจเด็กคนนี้ แต่ตอนนี้เธอกำลังจะเข้าร่วมการแข่งขัน ถ้าเธอท้องเธอจะฝึกอย่างเต็มที่ได้อย่างไร?

“ฮวนฮวน เก็บเด็กคนนี้ไว้เถอะ เงินค่าปรับลาออกจากการแข่งผมจะจ่ายเอง” หลังจากได้ยินสิ่งที่หรงจิ่นซิวพูด เฟิงหานชวนก็ยืนยันความคิดนี้

ต้องเก็บเด็กคนนี้ไว้ ไม่อย่างงั้นจะมีผลเสียต่อร่างกายเฉินฮวนฮวนมาก

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นลูกคนแรกของเขากับเฉินฮวนฮวน ที่จริงแล้ว ลึกๆในใจเขา เขาไม่ต้องการให้เฉินฮวนฮวนเอาเด็กออก

เพียงเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขา เขาจึงต้องปกปิดความจริงในคืนนั้น

เนื่องจากร่างกายของเฉินฮวนฮวนไม่พร้อมที่จะทำแท้ง เขาจึงต้องเก็บเด็กคนนี้ไว้ นี่เป็นการตัดสินใจของพระเจ้าแทนเขา

หลังจากที่เฟิงหานชวนพูดคำเหล่านี้ เฉินฮวนฮวนไม่ตอบสนอง ตกอยู่ในความเงียบ

“ฮวนฮวน” เขาเขย่าไหล่ของเฉินฮวนฮวนเบาๆ อดไม่ได้ที่จะเรียกอีกครั้ง

สภาพของเฉินฮวนฮวนตอนนี้ เขากังวลมากจริงๆ

ถ้าบอกเฉินฮวนฮวนเกี่ยวกับความจริงในคืนนั้น เธอจะรู้สึกไม่แย่ขนาดนั้นไหม?

“คุณ… คุณพูดว่าอะไรนะ?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนแข็งอึ้งทันที เขาตกใจมาก

เฉินฮวนฮวนไม่สนใจ เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เธอเอามือปิดหน้า สะอื้นและกล่าว: “คุณหมอเป็นคนบอกเอง คุณหมอบอกว่าไม่ใช่ประจำเดือนของฉัน มันเป็นเลือดที่ออกทางช่องคลอด บอกว่าฉันอาจจะท้อง…”

“ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ฉันไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ยังต้องรอผลตรวจอีกเป็นสัปดาห์ ฉันเพิ่งซื้อที่ตรวจครรภ์จากร้านขายยามา ยังไม่ทันได้ตรวจเลย”

“ถ้าฉันท้องขึ้นมาจริงๆ แล้วเป็นลูกของคนที่ขืนใจฉัน ฉันจะทำอย่างไร…”

เฉินฮวนฮวนรู้สึกหมดหนทาง รู้สึกสิ้นหวังมาก มีเพียงเสียงร้องไห้ของเธอ ราวกับว่าเธออยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่

“ฮวนฮวน ไม่ต้องกังวล ยังไม่ได้ผลตรวจที่แน่นอน ผมจะพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลของจิ่นซิวอีกครั้ง” เฟิงหานชวนพยายามควบคุมตัวเองให้สงบลงก่อนและคว้าข้อมือของเฉินฮวนฮวน

ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ เขาไม่สามารถตื่นตระหนกได้ ไม่เช่นนั้นเขาและเฉินฮวนฮวนคงจะวุ่นวายกว่านี้

เขาต้องใจเย็น

“ไม่ ไม่ได้!” เฉินฮวนฮวนปล่อยมือของเฟิงหานชวน ดวงตาของเธอแดงก่ำและบวมมาก เธอส่ายหัวทันที ร้องไห้และกล่าวว่า: “คุณพาฉันไปโรงพยายามไม่ได้ ไม่ได้…”

“ฮวนฮวน ผมจะปล่อยให้คุณไปโรงพยาบาลคนเดียวได้ยังไง? ผมต้องพาคุณไป” เฟิงหานชวนพูดอย่างหนักแน่น

“ไม่ได้จริงๆ นี่ไม่ใช่ลูกของคุณ ถ้ามีคนรู้ คุณจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” เฉินฮวนฮวนยังคงส่ายหัว รู้สึกสับสนพร่ามัวไปหมด ไม่เห็นหนทางแก้ปัญหา

เธอคิดว่าเหตุการณ์นั้นจะหายไปจากโลก เมื่อหลิวตงรุ่ยเดินทางไปต่างประเทศ แต่พระเจ้าเล่นตลกกับเธอ

เธอเริ่มสงสัยว่า ชาติที่แล้วเธอเคยเป็นคนทรยศหรือเปล่า ชาตินี้เธอถึงตกอยู่ในสภาพที่โชคร้ายตลอด

ตอนนี้เฟิงหานชวนเป็นสามีของเธอ สามีที่ถูกกฏหมายของเธอ แต่ลูกในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของเฟิงหานชวน หากคนอื่นรู้เรื่องนี้เธอจะทำอย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านายท่านเฟิงรู้… เฉินฮวนฮวนไม่กล้าคิดเรื่องนี้

“ฮวนฮวน มันไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้ จิ่นซิวจะเก็บเป็นความลับแน่นอน” สิ่งที่เฟิงหานชวนต้องทำตอนนี้คือทำให้อารมณ์ของเฉินฮวนฮวนสงบลงและยืนยันว่าเฉินฮวนฮวนท้องหรือไม่ท้อง

ถ้าเฉินฮวนฮวนท้องจริง ลูกในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของหลิวตงรุ่ย แต่เป็นลูกของเขาเอง

แต่เรื่องนี้ เขาควรบอกเฉินฮวนฮวนอย่างไรดี?

ถ้าเฉินฮวนฮวนรู้ว่าเขาเป็นคนในคืนนั้น เธอจะยกโทษให้เขาหรือไม่?

“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันไม่อยากไป –” เฉินฮวนฮวนคว้ามือเฟิงหานชวนและส่ายหัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมไปโรงพยาบาล

ไม่ว่าหรงจิ่นซิวจะเก็บเป็นความลับหรือไม่ เธอก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้

เฟิงหานชวนมองเฉินฮวนฮวนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เขาเข้าใจได้ว่าเฉินฮวนฮวนไม่อยากให้คนอื่นรู้ แต่ตอนนี้เขากังวลมาก เขาต้องยืนยันสภาพร่างกายของเฉินฮวนฮวน

ถ้าท้องจริงๆ เขาต้องบอกความจริง ไม่เช่นนั้น เฉินฮวนฮวนไม่มีทางเก็บลูกของ "หลิวตงรุ่ย" ไว้อย่างแน่นอน

“อาหาน ฉันไม่อยากไปโรงพยาบาล ฉันไม่อยากไปจริงๆ ฉันซื้อที่ตรวจครรภ์มา ฉันจะกลับไปตรวจที่บ้าน…” เฉินฮวนฮวนกล่าวทั้งน้ำตาและเสียงของเธอกลายเป็นเสียงแหบราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ

เฟิงหานชวนกัดฟันของตัวเอง แววตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความหนาวเย็น คนทั้งตัวถูกแช่แข็ง ไม่สามารถพูดอะไรได้

เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ เขาเดินมาถูกทางแล้ว แต่จู่ๆมันก็เบรกตรงทางโค้งและเลี้ยวไปอีกทาง

ราวกับว่าฆ่าเขาโดยไม่ทันตั้งตัว

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนไม่พูด ดวงตาของเขามองไปอีกทางอย่างเศร้าโศก เฉินฮวนฮวนตกใจกับท่าทางที่ไม่สามารถอธิบายได้ จากนั้นรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูกก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก

“อาหาน ถ้าคุณต้องการพาฉันไปตรวจที่โรงพยาบาล ฉันตกลง” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองสงบลงมาก และหยุดร้องไห้

เฟิงหานชวนหันศีรษะและสังเกตเห็นความนิ่งเฉยของเฉินฮวนฮวน ความสับสนเล็กน้อยปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขาและน้ำเสียงของเขาเป็นกังวล: "อยู่ๆทำไมคุณถึงตกลง?"

ทั้งๆที่เมื่อกี้เฉินฮวนฮวนยังปฏิเสธที่จะไม่ไปโรงพยาบาลอย่างดื้อรั้น

“ไปตรวจที่โรงพยาบาลแม่นยำกว่า อีกอย่างคุณกับหรงจิ่นซิวเป็นเพื่อนสนิทกัน ผลการตรวจของฉันก็คงไม่ต้องรอนาน” เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวพร้อมน้ำเสียงที่แหบแห้ง

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ความคิดของเเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จนเขารู้สึกไม่สบายใจ

“ฮวนฮวน คุณไม่อยากให้คนอื่นรู้ไม่ใช่เหรอ? ถ้างั้นเรากลับกันก่อนไหม…” เสียงของเฟิงหานชวนนั้นเบามาก พยายามตามอารมณ์ของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเพียงแค่ส่ายหัวเบาๆ ตอนนี้อารมณ์ของเธอก็สงบลงมาก: "ตอนนี้ฉันแค่อยากรู้ผลตรวจที่แน่ชัด ถ้ามันเป็นความจริง … เรื่องนี้เป็นความจริง ฉันจะรับผิดชอบคนเดียว จะไม่ทำให้คุณเดือดร้อน "

รับผิดชอบคนเดียว ไม่ทำให้เขาเดือดร้อน?

สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปทันที เขาจับมือของเฉินฮวนฮวนและกล่าวเบาๆ: "ฮวนฮวน คุณกำลังพูดบ้าอะไรอยู่? ถ้า… คุณท้องจริงๆ นี่ก็เป็นลูกของ คุณควรเก็บมันไว้"

ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เฟิงหานชวนยังไม่ได้พูดถึงความจริงในคืนนั้น

เขาไม่มีความกล้า

“ใช่ ฉันเลือกที่จะเก็บมันไว้หรือเลือกที่จะไม่เก็บก็ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของฉัน มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” เฉินฮวนฮวนดึงมือของเฟิงหานชวนออกพร้อมกล่าว: “ไปโรงพยาบาลรุ่ยเอินกันเถอะ”

โรงพยาบาลรุ่ยเอิน เป็นโรงพยาบาลที่หรงจิ่นซิวทำงาน

เมื่อไปถึงที่นั่น ความจริงทั้งหมดจะถูกเปิดเผย

เพื่อนและครอบครัวของเฟิงหานชวนทั้งหมดจะรู้เรื่องของเธอกับหลิวตงรุ่ย พวกเขาทั้งหมดจะรู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของหลิวตงรุ่ย

เธอ…ไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่กับเฟิงหานชวนอีกต่อไป

“ฮวนฮวน คุณกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่!” เฟิงหานชวนกังวลกับการตัดสินใจของเฉินฮวนฮวน กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า: “ถ้าคุณท้องจริงๆ ก็คลอดออกมา! ผมเลี้ยงเอง!”

เขารู้ความคิดของเฉินฮวนฮวน เพราะในความเข้าใจของเฉินฮวนฮวนนี่คือลูกของหลิวตงรุ่ย ดังนั้นเธอคงมีความคิดที่จะไปจากเขา

ดังนั้นในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ เขาจึงต้องบอกเฉินฮวนฮวนว่าเขายินดีที่จะยอมรับเด็กคนนี้

สำหรับความจริงในคืนนั้น เขารอโอกาสที่ดีกว่านี้ค่อยบอกเฉินฮวนฮวน

“อาหาน คุณ…คุณพูดอะไร?” เฉินฮวนฮวนตกตะลึงในทันที ถึงกับสงสัยว่าเธอหูฝาดหรือเปล่า

“นี่คือลูกของคุณ ลูกของคุณก็คือลูกของผม ถ้ามีเด็กคนนี้จริงๆ ก็คลอดเขาออกมา” เฟิงหานชวนกล่าวอย่างหนักแน่น

เฉินฮวนฮวนมองออกว่าจีจี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอันเยว่และฉินฟางฟาง

นอกจากนี้ ครั้งนี้เหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ได้ทำสัญญากับการแสดงครั้งแรกของพวกเธอ ทั้งอันเยว่และฉินฟางฟางก็เป็นเด็กฝึกของเหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

ดังนั้นเฉินฮวนฮวนจึงรู้ว่าจีจี้เลือกปฏิบัติใครโดยไม่ต้องคิดเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เต็มใจที่จะเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์ ยังไงเสียตำแหน่งเซ็นเตอร์ก็ไม่มีทางมาถึงเธอได้แน่นอน ดังนั้นในการแสดงครั้งแรกของเฉินฮวนฮวน ทัศนคติของเธอคือจะไม่พยายามชนะหรือแพ้

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การที่ไม่พยายามชนะหรือแพ้ที่แท้จริง แต่แทนที่จะโต้เถียงหรือทะเลาะวิวาท เธอจะพยายามทำให้ดีที่สุดในส่วนของตัวเอง

เธอขี้เกียจเกินไปที่จะจัดการกับเรื่องอื่นๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้เธออยู่ในอาณาเขตของของคนอื่น

"ครูคะ ฉันจะทำตามทุกการเคลื่อนไหวที่คุณสอน ไม่จำเป็นต้องแยกทดสอบศักยภาพของฉัน" เฉินฮวนฮวนตอบอย่างเฉยเมย: "ในความคิดของฉัน ตำแหน่งเซ็นเตอร์ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตำแหน่งอื่นๆ ท้ายที่สุดแล้วฉันก็คงจะไม่ได้ยืนตรงกลางเสมอไปหรอก"

"เป็นไปไม่ได้เลยที่กลุ่มจะแสดงในรูปแบบเดียวกันตั้งแต่ต้นจนจบ และเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะยืนตรงกลางตั้งแต่ต้นจนจบ ความจริงคุณต้องทดสอบศักยภาพของทุกคนเป็นรายบุคคลไม่ใช่เหรอ?"

มุมปากของจีจี้กระตุกขึ้นหลายครั้ง เธอยิ้มเยาะ ในใจลึกๆของเฉินฮวนฮวนคงคิดว่าเธอไม่ใช่ครูที่ดี

ในขณะเดียวกันเธอเห็นอันเยว่มองมาที่เธอและแอบส่ายหัว เธอก็ยิ่งเข้าใจว่าอันเยว่หมายถึงอะไร

"มองไม่ออกเลยว่าจะพูดแบบนี้ หน้าตากับนิสัยช่างต่างกัน"จีจี้ไม่ใช่คนที่มีอารมณ์รุนแรงเช่นกัน เธอยักไหล่และไม่ได้รู้สึกโกรธอีกต่อไป

เธอหันกลับมาและเดินไปที่เครื่องเปิดเพลง จากนั้นก็ขยับร่างกายเล็กน้อยแล้วพูดว่า: "อย่าเสียเวลา วอร์มอัพกันก่อนเถอะ รอสมาชิกที่มาสาย"

เมื่อเห็นว่าจีจี้ไม่ได้พูดอะไรอีก เฉินฮวนฮวนก็ตามหลังไปและเริ่มอุ่นเครื่อง

หลังจากรอสักครู่ เหวินหนานก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหงื่อที่ไหลเต็มไปหมด จากนั้นก็โค้งคำนับจีจี้อย่างรวดเร็ว: "ขอโทษค่ะครู ฉันเผลอหลับไป"

"เวลาคือบ่ายสอง แล้วตอนนี้ก็บ่ายสองครึ่งแล้ว ทำโทษเธอด้วยการ jump squat หนึ่งร้อยครั้ง"จีจี้พูดอย่างซีเรียส

"โอเคค่ะ"เหวินหนานเกาหัวของเธอและใบหน้าที่อ่อนแอของเธอปรากฏขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากวางกระเป๋าลง เธอก็เริ่ม jump squat ข้างๆ

เฉินฮวนฮวนมองผ่านไปข้างหลังและพบว่าเหวินหนานกำลัง jump squat อย่างเหน็ดเหนื่อย เธอดูเจ็บปวดและหน้าซีด

"ครูคะ เหวินหนานดูไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ หรือว่าหยุดการลงโทษก่อนดีไหม?"เฉินฮวนฮวนยกมือขึ้นและพูด

ฉินฟางฟางหันกลับมามองเหวินหนานที่กำลัง jump squat อยู่ข้างๆกำแพงและยิ้มเยาะเย้ย: "เฉินฮวนฮวน ใครๆก็ไม่รู้เลยมั้งว่าเธอเป็นเพื่อนเหวินหนาน เธอกำลังปกป้องเพื่อน!"

"เหวินหนาน เธอเหลืออีกกี่ครั้ง?"จีจี้ถามเสียงดัง

เหวินหนานตอบในขณะที่ jump squat ว่า: "เหลืออีก28ครั้ง ฉันจะทำให้เสร็จค่ะ"

เมื่อได้ยินคำตอบของเหวินหนาน ฉินฟางฟางก็หัวเราะออกมาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: "เฉินฮวนฮวน เธอกำลังทำสิ่งที่ไม่ได้รับการตอบแทน เธอต้องการช่วยเหลือคนอื่นแต่พวกเขาก็ไม่เห็นค่าของมัน"

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากและพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เธอเพียงแค่หันหลังกลับไปและฝึกต่อ

ติงเซียงเห็นว่าเฉินฮวนฮวนห่วงใยเหวินหนานมาก จากนั้นก็มองลงไปที่หลังหลังเท้าของเธอ ที่มีรองเท้าของเธอบังไว้อยู่ มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงรอยฟกช้ำ คนอื่นๆคงมองไม่เห็นมัน

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินฮวนฮวน เธอคงไม่ถูกฉินฟางฟางรังแก อีกทั้งเฉินฮวนฮวนยังไม่สนใจเธออีกด้วย

สิ่งที่ทำให้เธอโกรธมากที่สุดคือความสัมพันธ์ที่ดีของเฉินฮวนฮวนและเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่เฉินฮวนฮวนไม่หาเหตุผลที่จะช่วยเธอเลย นี่คือความโกรธที่สุดของเธอ

"อ่า! ฉันทำเสร็จแล้ว? ฉันทำเสร็จแล้วจริงๆ! ! ! "

ในเวลานี้เสียงหายใจหอบยาวๆของเหวินหนานดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ ติงเซียงเห็นเฉินฮวนฮวนรีบวิ่งเข้าไปที่ด้านหน้าของเหวินหนานที่เหงื่อโชกและโอบเธอ

"ขอบคุณฮวนหวน ขอบคุณมาก จริงๆฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเพราะฉันมีประจำเดือน แต่ฉันเป็นคนที่มีหลักการมาก ดังนั้นฉันจึงต้องทำตามบทลงโทษให้เสร็จ"เหวินหนานโค้งคำนับเฉินฮวนฮวนอย่างจริงใจ

เฉินฮวนฮวนตะลึงเล็กน้อย เธอพบว่าเหวินหนานดูเหมือนจะเข้มงวดและดื้อรั้น ดูๆแล้วนักร้อง-นักแต่งเพลงมักจะมีความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไปอยู่เสมอ

"ไม่ต้องขอบคุณหรอก"เธอโบกมือ

……

จากนั้นก็ฝึกการแสดงทั้งสองชุดตลอดบ่าย

แต่จีจี้ค่อนข้างพอใจ และโดยรวมก็มีความคืบหน้าค่อนข้างเร็ว

"พวกเธอซ้อมต่อสักพักเดี๋ยวฉันจะไปก่อน พรุ่งนี้ฉันมีธุระและจะหยุดหนึ่งวัน พอ 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ต้องเห็นว่าอยู่ในห้องซ้อมนี้นะ"หลังจากที่จีจี้แจ้งกับทุกๆคนเสร็จเธอก็ออกไปอย่างรวดเร็ว

หากไม่มีครูคอยคุมบวกกับที่ทุกคนเหนื่อยมากแล้วจริงๆ ทุกคนจึงนั่งลงบนพื้น

เฉินฮวนฮวนมองออกไปนอกหน้าต่างและพบว่าท้องฟ้ามืดแล้ว ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าใบเล็กๆที่เธอวางไว้ข้างกำแพงของเธอ และหยิบโทรศัพท์ออกมา

เธอพบว่าเฟิงหานชวนส่งข้อความวีแชทหลายข้อความมาหาเธอและเตือนเธอว่าต้องส่งข้อความหาเขาหลังเลิกคลาส

เฉินฮวนฮวนรีบถามทันที: "พวกเรายังซ้อมอยู่ไหม?"

"วันนี้มีผลลัพธ์ที่ดีมาก ค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน"จ้าวซีแทบรอไม่ไหวที่จะพูดว่าเธอเป็นเบอร์ใหญ่ๆ แต่เรื่องการเต้นเธอยังต้องคงดิ้นรนต่อไป เธอกระตือรือร้นที่อยากจะกลับไปพักผ่อนให้เร็วที่สุด

"แบบนี้แล้วกัน การแสดงทั้งสองชุดนี้สามารถฝึกฝนได้ด้วยตัวเอง ใครเต็มใจที่จะอยู่และฝึกต่อก็อยู่ และใครที่จะกลับไปก็กลับไป"เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตั้งแต่ตัวเองเป็นหัวหน้า เธอต้องมีความเป็นผู้นำ

ไม่อย่างนั้นทีมจะเละเทะ

"โอเค"ทุกคนเหนื่อยมากและไม่มีใครปฏิเสธเธอ

เฉินฮวนฮวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น เธอส่งข้อความกลับไปหาเฟิงหานชวนโดยบอกว่าเธอฝึกเสร็จแล้ว และถามเขาต่อว่าเขามีเวลามารับเธอไหม

เฟิงหานชวนอยู่ในที่ประชุม และข้อความของเธอก็ขัดจังหวะการประชุมทันที เขาตอบกลับข้อความไปยังเฉินฮวนฮวน โดยบอกว่าเขาจะมารับเธอทันที และให้เธอรอหน่อยเพราะเขากำลังไป

หลังจากส่งข้อความ เฟิงหานชวนก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ทิ้งคนในห้องประชุมและออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็ว

ซูอวี่รู้มึนงง ท้ายที่สุดแล้วการประชุมครั้งนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

"ช่วงนี้ท่านประธานเฟิงดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นะ?"ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกล่าวอย่างกล้าหาญ

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้รับการเห็นด้วยจากคนอื่นๆ

หัวหน้าผู้บริหารจับซูอวี่ที่กำลังหนีทันทีและถามว่า: "ผู้ช่วยซู คุณน่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! ประธานเฟิงไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา? "

"อะแฮ่มๆ!"ซูอวี่ไอหลายครั้ง เขาหลับตาและกระซิบว่า: "ประธานเฟิง เขา…เขาน่าจะไปรับภรรยาหลังเลิกงาน "

"อะไรนะ!!!"ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

……

เฉินฮวนฮวนเป็นคนแรกที่ออกจากตึก

เธอรู้ว่าต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่เฟิงหานชวนจะมาหา เมื่อเธอลงมาเร็ว เธอก็รีบไปที่ร้านขายยาเพื่อซื้อแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์

หลังจากซื้อแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์แล้ว เธอก็ค่อยๆเดินไปทางแยกที่ตกลงกันไว้กับเฟิงหานชวน

ก่อนที่เฟิงหานชวนจะมาถึง เฉินฮวนฮวนยืนรออยู่ข้างถนน ตอนนี้หัวสมองของเธอว่างเปล่า มือเล็กๆของเธอพันกันไปหมด เหงื่อเย็นๆเริ่มไหลออกมาบนฝ่ามือของเธอ

เธอไม่รู้ว่าจะบอกเฟิงหานชวนเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรหลังจากนี้ เธอจะพูดกับเขาอย่างไรดี เธอไม่รู้จะพูดอย่างไรจริงๆ

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็บังเอิญเห็นรถของเฟิงหานชวนขับเข้ามาพอดี

เฟิงหานชวนจอดรถข้างถนน และเฉินฮวนฮวนก็รีบขึ้นไปที่นั่งข้างคนขับและรัดเข็มขัดนิรภัย

ใบหน้าของเธอดูแย่มาก เฟิงหานชวนเข้าไปใกล้ๆเธอและเอื้อมมือออกไปช่วยเธอลูบผมยุ่งๆของเธอ แต่เฉินฮวนฮวนเขยิบออกโดยไม่รู้ตัว

"เป็นอะไรไป?"เฟิงหานชวนถามด้วยความเป็นห่วง: "เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า? หากคุณรู้สึกเหนื่อย ก็อย่าฝืนตัวเอง"

สิ่งที่เขาต้องการจะพูดก็คือเขาสามารถดูแลเธอได้ เธอไม่ต้องดิ้นรนไปหาเข้าร่วมการแข่งขันอะไรที่สิ้นหวังแบบนี้ เธอผอมมากจนแทบไม่มีเนื้อแล้ว

"อาหาน ฉัน…"มือของเฉินฮวนฮวนสั่นเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าหัวของเธอหนักอึ้งและหายใจแรงขึ้น

"หืม? อยากพูดอะไร? "เฟิงหานชวนเพียงแค่คิดว่าเธอคงจะเหนื่อยเกินไป เสียงของเธอเลยแผ่วเบาแบบนี้

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนดีกับเธอมาก ตอนนี้เธอต้องการพึ่งพาเขาจริงๆ

เธอแสบจมูก น้ำตาไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก เหมือนกับว่าเธอควบคุมมันไม่ไหวแล้ว

เธอร้องไห้หอบ และพึมพำว่า: "อาหาน ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ฉันอาจจะท้อง ฉันอาจจะตั้งท้องลูกของหลิวตงรุ่ย…"

"เสี่ยวซี เธอไม่เข้าใจความคิดของฟางฟาง"

อันเยว่ส่งเสียงออกมา เธอยิ้มเล็กน้อย และเมื่อเธอยิ้มทีไรก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความมีเสน่ห์

อย่างไรก็ตามรูปร่างหน้าตาสวยหวานก็จริง แต่จิตใจนั้นไม่ใช่

เธอพูดเบา ๆ : "ตอนนี้ติงเซียงคือคนที่อยู่ข้างเฉินฮวนฮวน ถ้าเพราะฟางฟางยังคงสอนเฉินฮวนฮวนต่อไป ตัวของเธอก็จะเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ แต่เฉินฮวนฮวนสามารถหนีไปได้ เธอลองเดาสิว่าติงเซียงจะคิดยังไง?

จ้าวซีตระหนักในทันทีและยกนิ้วให้กับฉินฟางฟาง และพูดอย่างตื่นเต้นว่า: "ฉลาดสุดๆ! ฟางฟาง เธอฉลาดมาก! วางแผนให้แตกแยก! "

"เหอะ! ในบรรดากลุ่มเด็กฝึก นอกเหนือจากเธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับหลินอวี่หยาง ก็ยังมีติงเซียงนี่แหละ"ฉินฟางฟางหัวเราะเยาะ เธอเหยียดนิ้วออกและมองดูเล็บที่เธอเพิ่งไปทำมา จากนั้นก็พูดต่อว่า: "หลินอวี่หยางเราทำอะไรไม่ได้ แต่พื้นฐานของติงเซียงเราก็รู้นี่ว่าเป็นยังไง งั้นเรามาเริ่มกันที่เธอก่อนแล้วกัน ใครให้เธอยืนผิดทีมกัน!"

……

เฉินฮวนฮวนมาถึงห้องซ้อมเหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่เตรียมไว้สำหรับพวกเธอแล้ว เนื่องจากตอนนี้เธอกำลังใจลอย เธอจึงไม่ได้สังเกตว่าติงเซียงไม่ได้ตามเธอมาแล้ว

หลังจากที่เธอรู้ เธอก็รีบโทรหาติงเซียง แต่ติงเซียงก็ตัดสาย

เธอหันหน้าและเดินออกจากห้องซ้อมไป แล้วพบเข้ากับฉินฟางฟางที่อยู่กันสามคน

เฉินฮวนฮวนไม่ได้สนใจพวกเธอ แต่เดินเลี่ยงพวกเขาไปทางลิฟต์แทน

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนเดินออกไป จ้าวซีก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำ: "ฟางฟาง ถ้าติงเซียงบอกเฉินฮวนฮวนล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้ ถ้าเฉินฮวนฮวนสั่งสอนเธออีกจะทำยังไง?"

"นี่คือจุดที่สำคัญที่สุด"ฉินฟางฟางแอบยิ้มอย่างลับๆและอธิบายว่า: "ถ้าเฉินฮวนฮวนไม่มาหาฉัน มันก็จะพิสูจน์ว่าได้ว่าติงเซียงไม่ได้บอกอะไรเธอ ดังนั้นฉันหวังว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่มาหาฉัน ~"

อันเยว่นั่งขัดสมาธิบนพื้น เพราะอยู่ในห้องซ้อมของบริษัทเธอ การกระทำของเธอจึงดูผ่อนคลายมาก

เธอบีบขวดน้ำ จากนั้นก็จิบน้ำแล้วพูดว่า: "นิสัยของติงเซียงก็เหมือนกับกิ้งก่าเปลี่ยนสี ไม่มีใครอยากยุ่งกับเธอหรอก ฉันเดาว่าเธอคงไม่บอกเฉินฮวนฮวน"

จ้าวซีนั่งลงข้างๆอันเยว่ ราวกับว่ากำลังดูการแสดงที่ยอดเยี่ยม: "คำตอบจะถูกเปิดเผยในไม่ช้านี้"

……

เฉินฮวนฮวนลงลิฟต์ไปที่ชั้นหนึ่ง ติงเซียงไม่ใช่เด็กฝึกของเหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เธอกังวลว่าติงเซียงจะไม่รู้ว่าห้องซ้อมอยู่ที่ไหน เธอจึงตัดสินใจลงไปหาเธอ

เธอเองก็เพิ่งถามหลายต่อหลายคนมาเหมือนกัน จนถึงได้รู้ว่าห้องซ้อมอยู่ที่ไหน

เมื่อประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก เธอก็เห็นติงเซียงยืนอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์ด้วยดวงตาสีแดงก่ำ

"เซียงเซียง"เฉินฮวนฮวนเรียกหาเธอและพูดอย่างรวดเร็ว: "ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันรีบไปหาห้องซ้อมเลยทิ้งเธอไว้"

"โอ้ะ"ติงเซียงอุทานตอบกลับ

"เข้ามาสิ ฉันเจอห้องซ้อมแล้ว ตามฉันมา"เฉินฮวนฮวนจับมือติงเซียงแล้วดึงเธอเข้าไปในลิฟต์ จากนั้นก็กดปุ่มลิฟต์ขึ้นไปชั้นเจ็ด

ในพื้นที่เล็กๆมีเพียงเฉินฮวนฮวนและติงเซียงแค่สองคนเท่านั้นที่กำลังขึ้นลิฟต์ แอบรู้สึกน่าเบื่ออยู่เหมือนกัน

ส่วนใหญ่เป็นเพราะบรรยากาศที่ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าจู่ๆติงเซียงก็พูดน้อย คงน่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์ของเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่เธอเองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะช่วยเหลือจริงๆ แค่นี้เธอก็รู้สึกไม่มีเวลาให้ผ่อนคลายอยู่แล้ว

หลังจากมาถึงห้องซ้อมแล้ว ครูฝึกที่ถูกจ้างโดยเหวินหรานก็มาถึงแล้ว

"ไม่ได้มีหกคนเหรอ? ทำไมมีแค่ห้า? "ครูหญิงมีผมสั้นสีแดงเอ่ยขึ้น เธอขมวดคิ้วแลดูโมโห

"ครูจีจี้ จริงๆมีสมาชิกอีกคนด้วย แต่พวกเราไม่ค่อยสนิทกับเธอ เดี๋ยวฉันขอถามเธอในกลุ่มก่อนนะคะ"อันเยว่ยิ้มหวาน น้ำเสียงของเธอไพเราะน่าฟังมาก และเธอก็มีความกระตือรือร้นทุกครั้ง ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกพอใจมาก

ก็เหมือนนักเรียนที่เต็มใจช่วยเหลือครูในเรื่องต่างๆเสมอ

"อันเยว่ เธออยู่ตำแหน่งซีใช่ไหม? งั้นฉันขอจัดตำแหน่งก่อน"จีจี้ดูคุ้นเคยกับอันเยว่มาก

อันเยว่ส่ายหัวทันทีและปฏิเสธ: "ครูจีจี้คะ ฉันไม่ได้อยู่ตำแหน่งซี ในรายการต้องให้หัวหน้าเป็นตำแหน่งซี และหัวหน้าของเราคือเพื่อนร่วมชั้นของเรา เฉินฮวนฮวน"

ในขณะที่อันเยว่พูด เธอก็ชี้ไปทางเฉินฮวนฮวนที่อยู่ข้างหลังเธอ

เฉินฮวนฮวนโค้งคำนับจีจี้และกล่าวสวัสดี: "สวัสดีค่ะครู"

"เธอ? หัวหน้า? ตำแหน่งซี? "จีจี้ขมวดคิ้วแน่นและถามอย่างน่ารังเกียจ: "เธอเก่งกว่าอันเยว่เหรอ? ฉันเคยสอนอันเยว่มาก่อน ภาพโดยรวมของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก"

อันที่จริงจีจี้และอันเยว่ รวมถึงฉินฟางฟางนั้นคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว และพวกเขาก็รับรู้สถานการณ์ในครั้งนี้อยู่แล้วด้วย

เธอรู้ว่าตำแหน่งเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ตรงกลางระหว่างการแสดง ดังนั้นอันเยว่และฉินฟางฟางจึงไม่เต็มใจที่จะเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์

ด้วยเหตุนี้ฉินฟางฟาง อันเยว่และคนอื่นๆจึงให้เฉินฮวนฮวนเป็นหัวหน้าแค่ชั่วคราว และกลายเป็นหัวหน้าอย่างเป็นทางการ และอยู่ตำแหน่งเซ็นเตอร์ของการแสดงครั้งแรกนี้

จีจี้รู้ข้อเท็จจริงนี้ดี แต่เธอพูดอย่างจงใจ เธอแค่อยากจะแสดงอำนาจใส่เฉินฮวนฮวน อย่างไรก็ตามเธออยู่ข้างอันเยว่และฉินฟางฟางอยู่แล้ว

"ครูจีจี้ ฉันไม่สามารถเทียบกับอันเยว่ได้หรอกค่ะ แต่เพราะพวกเธอไม่ต้องการเป็นหัวหน้าและยืนตรงตำแหน่งเซ็นเตอร์ ดังนั้นพวกเธอจึงผลักมันมาให้ฉัน"เฉินฮวนฮวนบอกข้อเท็จจริงอย่างมั่นใจ

เดิมเธอเป็นแค่หัวหน้าชั่วคราว แต่เธอก็เต็มใจที่จะสละตำแหน่งหัวหน้าในภายหลัง เป็นฉินฟางฟางและคนอื่นๆกังวลว่าตำแหน่งเซ็นเตอร์ในครั้งนี้จะส่งผลต่อสิ่งที่ตามมา นั่นเป็นเหตุผลที่มันกลายเป็นแบบนี้

ไม่มีใครเต็มใจอยากเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์ มีแต่เธอเท่านั้น

"แต่ถ้าเธอไม่แข็งแกร่งพอ การยืนตรงกลางจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของทั้งกลุ่ม"จีจี้จ้องไปที่เฉินฮวนฮวนอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: "แสดงความแข็งแกร่งของเธอให้ฉันดูซิ ถ้าเธอไม่มีสมบัติพอ ฉันจะลดระดับความยากในการเต้นของตำแหน่งเซ็นเตอร์"

เธอเคยได้ยินจากอันเยว่มาก่อนว่า ความแข็งแกร่งของเฉินฮวนฮวนนั้นธรรมดา ความหมายของอันเยว่ในตอนนั้นทำให้เธอฝึกซ้อมต่อ แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์ แต่เธอก็จะเหลือการแสดงที่สำคัญที่สุดให้กับอันเยว่อยู่ดี

นอกจากนี้ เธอยังรับกระเป๋าแบรนด์หลีว์ที่อันเยว่มอบให้เธอ ซึ่งมีมูลค่าถึงห้าหลัก ดังนั้นเธอจึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับเฉินฮวนฮวน และเพื่อทำให้การแสดงของตำแหน่งเซ็นเตอร์นั้นเด่นน้อยลง ตอนนั้นเฉินฮวนฮวนก็คงไม่มีทางคัดค้านใดๆ

ท้ายที่สุดแล้วถ้าตำแหน่งเซ็นเตอร์ไม่มีความความแข็งแกร่งมากพอ ก็เป็นเรื่องปกติที่จะทำให้การแสดงนั้นออกมาไม่ดี

อันเยว่ที่อยู่ข้างๆเริ่มกระวนกระวายใจ เธอต้องการหยุดจีจี้แต่มันก็สายเกินไป

ก่อนที่เธอจะได้พบกับซ่งหลิงเอ่อร์ เธอคิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นมือใหม่ และเมื่อรู้ว่าจีจี้เป็นครูฝึก เธอก็แทบรอไม่ไหวที่จะติดต่อกับจีจี้

เพื่อให้ตัวเองเด่นในการแข่งขัน ดังนั้นในครั้งนี้เธอจึงไม่สามารถเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์ได้ แต่เธอหวังว่าครั้งแรกในการแข่งขันเธอจะได้ซีนเยอะๆ ดังนั้นเธอจึงติดต่อกับจีจี้

แต่จีจี้ขอให้เฉินฮวนฮวนแสดงศักยภาพต่อหน้าผู้คน ถ้าเฉินฮวนฮวนแสดงความสามารถที่แท้จริงของเธอออกมา จีจี้ก็จะไม่มีเหตุผลที่จะลดท่าการแสดงของเฉินฮวนฮวนได้

ตอนนี้อันเยว่ปวดหัวมากๆ สายตาของเธอจ้องมองไปที่เฉินฮวนฮวนโดยไม่กะพริบตา แต่กลับพบว่าเฉินฮวนฮวนนั้นนิ่งสงบมาก

เฉินฮวนฮวนส่ายหัวเงียบๆ และอธิบายว่า: "อาจเป็นเพราะที่ฐานฝึกฝึกเข้มงวดเกินไป ประจำเดือนของฉันจึงผิดปกติ เร็วๆนี้คิดว่าจะปรับสมดุลย์ ไม่มีอะไรร้ายแรง"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ติงเซียงก็โล่งอก ตบหน้าอกแล้วพูดว่า: “ฉันตกใจแทบตาย ฮวนฮวน เธอไม่เป็นอะไรหนักหนาก็ดีแล้ว”

อย่างไรก็ตาม เฉินฮวนฮวนยังคงมีประโยชน์ต่อเธอมาก ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเธอไม่ต้องการให้เฉินฮวนฮวนป่วยหนัก ไม่อย่างนั้นตัวเธอเองจะได้รับผลกระทบ

“เฉินฮวนฮวน!”

ในขณะนั้น มีเสียงดังกังวานขึ้น แต่ก็แฝงไปด้วยความประชดประชันและความโกรธ

เฉินฮวนฮวนกับติงเซียงมองตามเสียงพร้อมกัน ก็เห็นอันเยว่ ฉินฟางฟาง และจ้าวซี เดินเข้าหาพวกเธอพร้อมกัน

เสียงเมื่อครู่นี้ เฉินฮวนฮวนจำได้อยู่แล้ว เป็นเสียงที่ฉินฟางฟางเปล่งออกมา

“โอ้ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ! พวกเราพบกันที่ประตูใหญ่นี้” จ้าวซีสูงมาก ยืนข้างเฉินฮวนฮวนพร้อมแขนที่กอดอกอยู่ ผลักเฉินฮวนฮวนด้วยข้อศอกโดยเฉพาะ

เฉินฮวนฮวนขี้เกียจโต้เถียงด้วย ยืนข้างๆแล้วพูดอย่างเฉยเมย: "ในเมื่อมาแล้ว ก็เข้าไปพร้อมกันเถอะ"

“เฉินฮวนฮวนอย่าพึ่งรีบเข้าไปสิ! เรื่องที่เธอหลอกพวกเรา ควรจะอธิบายให้พวกเราฟังหน่อยไหม?” ฉินฟางฟางเข้าใกล้เฉินฮวนฮวนด้วยสายตาที่ดุร้ายและกัดฟันพูด

“ฉันหลอกพวกเธอเหรอ?” สายตาของเฉินฮวนฮวนดูเย็นชา

“ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเรารู้จักซงหลิงเอ่อร์ ยังไม่รู้จริงๆ ว่าจะถูกเธอปิดไปนานแค่ไหน! ที่จริงเธอเต้นเก่งมาก ทำไมถึงแสร้งทำเป็นไม่ประสีประสา?” ฉินฟางฟางขู่ด้วยความโกรธ

ในขณะนี้หลินอวี่หยางไม่ได้อยู่ด้วย เฉินฮวนฮวนไม่มีใครหนุนหลัง ดังนั้นฉินฟางฟางจึงบ้าคลั่งขึ้นมาและเกือบจะลงมือกับเฉินฮวนฮวนแล้ว

“ฉันแสร้งทำเป็นไม่ประสีประสาเมื่อไหร่?” เฉินฮวนฮวนหัวเราะเยาะ จ้องไปที่ฉินฟางฟางด้วยใบหน้าจริงจังและกระซิบว่า: “อย่ายุ่งเรื่องของฉัน ไม่อย่างนั้นอย่าโทษที่ฉันไม่เกรงใจ”

“นังตัวแสบ ยังทำเป็นหยิ่ง? ตอนนี้หลินอวี่หยางไม่อยู่เธอคิดว่าฉันกลัวเธอจริงๆเหรอ?” ฉินฟางฟางรู้สึกว่าเธอถูกเฉินฮวนฮวนยั่ว ยื่นมือออกไปแล้วลากผมหางม้าของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเพียงว่าเจ็บที่หนังศีรษะ

“ฉินฟางฟาง เธอกำลังทำอะไร? ปล่อยฮวนฮวนเร็ว!” ติงเซียงตะโกนจากด้านข้าง

ฉินฟางฟางปล่อยมือและยิ้มอย่างจงใจ: "เฉินฮวนฮวนเมื่อครู่ไม่มีอะไรใช่ไหม? ถ้าเธอไปพูดเรื่องไร้สาระกับหลินอวี่หยาง ฉันจะฟ้องเธอข้อหาหมิ่นประมาท!"

“ฮ่า" เฉินฮวนฮวนหัวเราะเยาะ เธอรู้ว่าในใจฉินฟางฟางก็ยังกลัวหลินอวี่หยางอยู่ ดังนั้นตอนนี้หลินอวี่หยางไม่อยู่ ฉินฟางฟางถึงได้ลงมือกับเธอ

เธอยืดตัวตรงและดึงยางรัดผมออกมา ผมปลิวสยายและผมหยักศกตามธรรมชาติเพิ่มเสน่ห์เล็กน้อย ซึ่งทำให้อันเยว่ที่มองอยู่ในสายตาและรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ

รูปลักษณ์ของอันเยว่พูดให้น่าฟังคือน่ารักอ่อนหวาน แต่พูดให้ไม่น่าฟังคือรูปลักษณ์มีข้อจำกัดและรูปแบบของเธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

ส่วนเฉินฮวนฮวนไม่เหมือนกัน ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนงดงามสมบูรณ์แบบ ถ้าหากสร้างเป็นรูปแบบ น่าจะสามารถปรับให้เข้ากับสไตล์ต่างๆ จัดอยู่ในประเภทที่หวานได้ เค็มได้ และเซ็กซี่ได้

“เฉินฮวนฮวน หลินอวี่หยางเพียงแค่รู้จักกับเธอครึ่งเดือน เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะขอให้ทำอะไรเพื่อเธอ และเธออาจจะเป็นแค่ของใหม่ช่วงหนึ่งสำหรับหลินอวี่หยาง” ฉินฟางฟางกดเสียงต่ำและเยาะเย้ยเฉินฮวนฮวนโดยเจตนา ดูเหมือนเธอจะเป็นแค่ของเล่นแก้เบื่อของหลินอวี่หยางเท่านั้น

เฉินฮวนฮวนยิ้มเล็กน้อย อาศัยช่วงเวลาที่ฉินฟางฟางยื่นศีรษะขึ้นเพื่อพูด เธอยกมือขึ้นคว้าผมของฉินฟางฟางแล้วดึงอย่างแรง

“โอ๊ย ——” ฉินฟางฟางไม่ทันตั้งตัวและตะโกนขึ้นมา

เฉินฮวนฮวนยิ้มแล้วปล่อยมือของเธอ ฉินฟางฟางยังไม่ทันจะพูด เฉินฮวนฮวนพูดอย่างสบายๆว่า “เมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”

นั่นคือสิ่งที่ฉินฟางฟางเพิ่งพูดกับเธอ เธอทำก็เพียงแค่โดยฟันต่อฟันแค่นั้นเอง

“เฉินฮวนฮวน เธอ……โอ๊ย!” สีหน้าของฉินฟางฟางเปลี่ยนไปก่อนที่จะด่าทอออกมา เธอตะโกนอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด

เฉินฮวนฮวนดึงผมของเธออย่างรุนแรงอีกครั้ง แต่สีหน้าของเฉินฮวนฮวนสงบราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนทั้งคนดูเฉยเมยมาก

“อย่าทำฉันโกรธ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ทำเพียงแค่โดยฟันต่อฟัน แต่จะเอาคืนเป็นสองเท่า” เฉินฮวนฮวนพูดจบก็จ้องมองฉินฟางฟางอย่างเย็นชา จากนั้นหันหลังและเดินเข้าไปในอาคาร

ติงเซียงยืนโง่อยู่ที่เดิม ฟังเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธและเสียงบ่นของฉินฟางฟาง เธอมึนงงไปชั่วขณะ

เธอพบว่าปกติเฉินฮวนฮวนเป็นคนอ่อนแอและเข้ากับคนง่าย แต่เมื่อถึงเวลาคับขันดูเหมือนจะกลายเป็นคนละคน เย็นชาไม่เข้าท่า

จนถึงตอนนี้ เธอจับนิสัยใจคอของเฉินฮวนฮวนไม่ถูก จับนิสัยที่แท้จริงของเธอไม่ได้

"โอ๊ย!"

ขณะที่ติงเซียงกำลังเหม่อลอย จู่ๆ ก็มีอาการปวดที่หลังเท้า และเธอก็ตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัวแล้วมองลงไปที่เท้าของเธอ

ฉินฟางฟางเหยียบหลังเท้าของเธอด้วยรองเท้าส้นสูง ติงเซียงเงยหน้าขึ้นมองฉินฟางฟาง เธอกำลังจ้องมองตัวเองอย่างดุดัน

“ฉินฟางฟางนี่เธอทำอะไร?” ติงเซียงกรีดร้องและคิดจะเอื้อมมือไปผลักฉินฟางฟางออก แต่กลับถูกฉินฟางฟางผลักทีนึง

ติงเซียงเซถอยหลังไปสองสามก้าว หลังเท้าที่ถูกเหยียบเจ็บมาก เท้าข้างนั้นไม่มีแรงทำอะไรเลย

“ติงเซียง เธอแค่สุนัขรับใช้ของเฉินฮวนฮวน ฉันจะแต้มสีใส่เธอให้ดู!” ฉินฟางฟางจ้องเขม็งด้วยความโกรธ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วพูดกับติงเซียง

“ฉินฟางฟาง ฉันกับเธอไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมเธอทำกับฉันแบบนี้? ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ!” ติงเซียงฉลาดเสมอที่จะปกป้องตัวเองและไม่เคยล่วงเกินใคร ตอนนี้เธอรู้สึกอธิบายไม่ถูก

เธอเป็นสุนัขรับใช้ของเฉินฮวนฮวน ฉันทำอะไรเฉินฮวนฮวนไม่ได้ ฉันก็จะทำเธอ! เฉินฮวนฮวนมีหลินอวี่หยางคอยปกป้อง ส่วนเธอ……ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!” ฉินฟางฟางสูดอากาศเย็นๆ เอียงศีรษะไปหาแล้วพูดกับทั้งสองคนข้างหลังว่า: "เยว่เอ่อร์ เสี่ยวซี พวกเราเข้าไปกันเถอะ"

ดังนั้น ฉินฟางฟาง อันเยว่ และจ้าวซีทั้งสามคนเดินเข้าไปในอาคารอย่างโอ้อวด

ติงเซียงยืนอยู่ข้างนอกคนเดียว มองดูด้านหลังของทั้งสามคนตลอดจนหายวับไปจากสายตาของตัวเอง จากนั้นก้มศีรษะลง จ้องมองไปที่หลังเท้าตัวเอง จ้องจนน้ำตาออกจากดวงตาสองสามหยด

มือทั้งคู่ของเธอกำแน่นอย่างลับๆจนเส้นเลือดสีเขียวที่หลังมือปูดออกมา

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินฮวนฮวน ตัวเองคงไม่ตกเป็นเป้าหมายของพวกฉินฟางฟาง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเฉินฮวนฮวน!

……

ที่ประตูลิฟต์ ฉินฟางฟางหัวเราะเสียงดังลั่น

“ฟางฟาง เธอถูกเฉินฮวนฮวนรังแก ทำไมถึงยังหัวเราะออกมาได้ล่ะ?” จ้าวซีรู้สึกไม่มีเหตุผล

“เพราะฉันสอนบทเรียนให้ติงเซียงแล้ว ต่อไปฉันยังจะสอนบทเรียนให้เธอ” ฉินฟางฟางยกมุมปากของเธออย่างมีชัยและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“ติงเซียงกับเธอไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน เป็นแค่คนที่ไม่มีตัวตน เธอเสียสมองไปสั่งสอนทำไม ไม่เสียเวลาเปล่าเหรอ?” จ้าวซีถามอย่างงงๆ

"ไม่เป็นไร"

กับคำถามที่ติงเซียงจี้ถาม เฉินฮวนฮวนรู้สึกไม่ค่อยโอเค

อาจจะเพราะสัมผัสที่หก เธอรู้สึกว่าไม่บอกความจริงกับติงเซียง เป็นวิธีที่ปลอดภัย

"ฮวนฮวน ไม่น่าล่ะฉันถึงรู้สึกว่าบนตัวเธอให้ความรู้สึกบางอย่าง ที่แท้เธอก็เป็นคุณหนูเหมือนกัน แค่เกิดเรื่องกับที่บ้าน เลยดูธรรมดาแบบนี้!" ติงเซียงยิ้มไปด้วย ชมเฉินฮวนฮวนไปด้วย

เฉินฮวนฮวนทำได้แค่ส่ายหน้า ไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้ต่อ

ตอนที่กินชาบู ติงเซียงยังอยากถามข้อมูลบางอย่าง แต่ก็โดนเฉินฮวนฮวนตอบขอไปที ไม่ได้บอกรายละเอียดมาก

ติงเซียงไม่พอใจ แต่จะถามต่อก็ไม่ดี กลัวว่าเฉินฮวนฮวนจะรำคาญ เดี๋ยวจะเสียมากกว่าได้

เพราะเฉินฮวนฮวนยังมีประโยชน์กับเธอ เธอไม่ค่อยสนิทกับหลินอวี่หยาง ถ้าเสียเฉินฮวนฮวนไป เธอคงไม่มีโอกาสตีสนิทหลินอวี่หยาง

"ใช่สิเซียงเซียง เมื่อคืนพวกเธอเป็นยังไงกันบ้าง?" เฉินฮวนฮวนตัดสินใจเปลี่ยนประเด็น แล้วถามว่า "เธอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นยังไงบ้าง?"

พอติงเซียงได้ยินแบบนี้ จึงเม้มปาก สีหน้ามีความโมโห ดูแล้วเหมือนโกรธมาก

"ทำไมเหรอ? เฟิงเฉินเหยี่ยนรังแกเธอเหรอ?" เห็นสีหน้าติงเซียงแบบนี้ เฉินฮวนฮวนจึงรีบเอ่ยถาม แต่เธอก็สงสัย เพราะเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่เหมือนผู้ชายที่จะรังแกผู้หญิง

"เปล่า เขาจะรังแกฉันได้ยังไง! เพราะพวกเฉินเสี่ยวอวี่กับจางถิงเอาแต่ตอแยเขา ระยะเวลานานขนาดนั้นทั้งคืน ฉันได้คุยกับเขาแค่ไม่กี่คำเอง" พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าติงเซียงจึงโมโหกว่าเดิม

พอเฉินฮวนฮวนได้ยิน จึงรีบปลอบใจว่า "เฟิงเฉินเหยี่ยนอาจจะเสน่ห์แรงเกินไป เฉินเสี่ยวอวี่กับจางถิงเป็นคนกล้าแสดงออก ถ้าเธอชอบเขาจริงๆ ก็ต้องเป็นฝ่ายรุกบ้าง"

"ฉันก็อยากรุกเหมือนกัน แต่ฉันไม่มีโอกาสไง!" ติงเซียงโกรธจนกัดฟันแน่น

ทันใดนั้น เธอก็หันไปทางฉินฮวนฮวน แล้วสีหน้าก็เปลี่ยน ความโมโหหายไปหมดเลย เปลี่ยนมาเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแทน

เฉินฮวนฮวนเห็นเธอเปลี่ยนไปขนาดนี้ จึงถามอย่างสงสัย "เซียงเซียง เธอเป็นอะไรเนี่ย?"

"ฮวนฮวน เธอเป็นเพื่อนกับเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ใช่เหรอ? เธอช่วยฉันหน่อยสิ!" ติงเซียงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

พอเฉินฮวนฮวนได้ยิน ถึงอึ้งไปครู่หนึ่ง

ตอนนี้เพราะเรื่องตัวเอง เธอก็ปวดหัวจะบ้าอยู่แล้ว ไม่มีเวลาไปช่วยคนอื่น แล้วทำเรื่องเป็นแม่สื่อหรอก

เห็นเฉินฮวนฮวนไม่ค่อยเต็มใจ สีหน้าติงเซียงจึงเปลี่ยนทันที น้ำเสียงเธอจึงเย็นชาไม่น้อย "ฮวนฮวน ไม่ใช่ว่าเธอชอบเฟิงเฉินเหยี่ยนหรอกมั้ง? เธอแต่งงานแล้วนะ เฟิงเฉินเหยี่ยนรู้หรือเปล่าว่าเธอแต่งงานแล้ว?"

เธอย้ำเตือนความจริงนี้กับเฉินฮวนฮวน ในเมื่อแต่งงานแล้ว ก็ไม่ควรคิดอะไรกับผู้ชายที่ยังไม่แต่งงานอย่างเฟิงเฉินเหยี่ยน

"เซียงเซียง ฉันกับเฟิงเฉินเหยี่ยนแค่เป็นคนรู้จักเฉยๆ ฉันไม่ได้ชอบเขา" เฉินฮวนฮวนพูดอย่างเข้มงวด

"ขอโทษนะฮวนฮวน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ฉันแค่ใจร้อน ก็เลยพูดอะไรบ้าๆ เธออย่าคิดมากนะ! ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอมีสามีแล้ว ฉันไม่ควรพูดอะไรแบบนั้น เธอไว้ใจเถอะ อีกหน่อยฉันจะระวังนะ" ติงเซียงแอบหมุนลูกตา แล้วหรี่ตายิ้มอธิบาย

เธอรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนแคร์สิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้ ต้องแอบคิดอะไรแน่นอน เฟิงเฉินเหยี่ยนมีเสน่ห์ขนาดนั้น ขอแค่เป็นผู้หญิง ก็ต้องโดนเขาสะกดทั้งนั้นแหละ

อาจจะเพราะเฉินฮวนฮวนขายตัวเองไปเป็นภรรยาคนอื่น ก็เลยตามจีบเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้ เป็นได้แค่เพื่อนที่คอยอยู่ข้างเขา ก็เลยไม่อยากแนะนำเขาให้เธอรู้จัก

ติงเซียงทัดผม นึกได้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนดีกับเฉินฮวนฮวนมาก จึงเอ่ยถามอีกว่า "เฟิงเฉินเหยี่ยน……ไม่รู้เรื่องที่เธอแต่งงานแล้วใช่ไหม?"

"เขารู้" เฉินฮวนฮวนตอบอย่างไม่ลังเล

"งั้น……" ติงเซียงหรี่ตาลง เข้าใจว่าเรื่องเป็นมายังไง

เธอคิดว่า เฟิงเฉินเหยี่ยนก็รู้สึกดีกับเฉินฮวนฮวน ไม่งั้นคงไม่สนใจเธอขนาดนั้น แต่เฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว เขาเลยไม่ได้ลงมือกับเธอ

"เซียงเซียง ถ้าเธอชอบเฟิงเฉินเหยี่ยนจริงๆ แล้วอยากตามจีบเขา นั่นเป็นเรื่องระหว่างพวกเธอ ฉันให้เบอร์โทรกับวีแชทเขาได้ แต่ช่วงนี้ร่างกายฉันไม่ค่อยโอเค อาจจะช่วยเป็นแม่สื่อไม่ได้"

เฉินฮวนฮวนพูดกับติงเซียงอย่างจริงจัง สถานการณ์ตอนนี้ของเธอ ไม่มีอารมณ์ไม่ทำเรื่องพวกนี้จริงๆ

"ถ้าเธอไม่เต็มใจ ฉันก็ไม่อยากฝืน เมื่อวานฉันเพิ่มวีแชทเขาแล้ว ฉันติดต่อเขาเองก็ได้" เห็นเฉินฮวนฮวนเอาแต่ปฏิเสธ ติงเซียงจึงไม่มีอารมณ์ถามต่อ

ตอนนี้เธอคิดว่า เพราะเฉินฮวนฮวนไม่ได้เฟิงเฉินเหยี่ยน เลยไม่อยากให้เธอได้ ก็เลยหาข้ออ้างพวกนี้

เฉินฮวนฮวนมองออกว่าติงเซียงไม่ค่อยโอเค แต่ตอนนี้เธอไม่อยากยุ่งอะไรมากแล้ว

……

เพราะอารมณ์ของเธอ ตอนที่เฉินฮวนฮวนกินชาบู จึงกินแค่ไม่กี่คำ

เพราะติงเซียงก็โกรธเหมือนกัน จึงระบายอารมณ์ด้วยการกิน จนกินของที่สั่งมาเกือบหมด

ทั้งสองไปที่บริษัทเหวินหรานจากร้านชาบู ระหว่างนั้นไม่ได้คุยกันอีก เหมือนไม่มีอะไรจะคุยอย่างนั้น

เฉินฮวนฮวนไม่สังเกตอะไร เพราะในสมองเธอมีแต่เรื่องท้อง จนกระทั่งเธอเห็นร้านยาที่อยู่ไม่ไกลมาก

ตรวจเลือดรอผลนานเกินไป ถ้าฝึกซ้อมเสร็จ เธอจะไปซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านยานั้นเลย

เธอคิดว่าที่เลือดออก เพราะประจำเดือนมา ไม่คิดเลยว่าอาจจะเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก แค่คิดว่าประจำเดือนตัวเองมา ก็ไม่มีทางท้องแล้ว

แต่ความจริง เธอไร้เดียงสาเกินไป

ติงเซียงเดินตรงไปที่ประตูตึก เดินไปสักพัก เห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่เดินตามมาด้วย ตอนที่เธอหันกลับไป จึงเห็นเฉินฮวนฮวนยืนเหม่ออยู่ข้างทาง

เธอรีบเดินไป มองตามสายตาของเฉินฮวนฮวน เห็นว่าเธอกำลังมองร้านยาอยู่

"ฮวนฮวน แต่จะซื้อยาเหรอ? ร่างกายเธอเป็นอะไร? อยู่ๆเมื่อคืนก็บอกว่าไม่สบายร่างกาย แล้วรีบกลับไป เมื่อกี้ก็บอกอีกว่าช่วงนี้ร่างกายไม่ค่อยโอเค……" ติงเซียงถามอย่างแปลกใจ แล้วเอาแต่ถามคำถามติดๆกัน

เมื่อคืนเฉินฮวนฮวนยังดีอยู่เลย หลังจากนั้นก็บอกว่าไม่สบายร่างกายขอตัวก่อน รอเธอวิ่งตามไป ก็เห็นมีรถส่วนตัวมารับเธอไปแล้ว เธอเดาว่าสามีของเฉินฮวนฮวนไม่ให้เที่ยวกลางคืน ก็เลยรับเธอกลับไป

แล้วตอนนี้ เฉินฮวนฮวนเอาแต่มองไปทางร้านยา นี่เลยทำให้ติงเซียงคิดว่าเรื่องคงไม่ธรรมดาเหมือนที่คิด หรือว่าเฉินฮวนฮวนเป็นโรคอะไรหรือเปล่า?

ไม่งั้น ใครจะเอาแต่จ้องร้านยาล่ะ?

แล้วอีกอย่าง เฉินฮวนฮวนนิสัยดีมาก วันนี้ก็เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เหมือนไม่รู้สึกสนใจอะไรเลย

ติงเซียงค่อยรู้สึกผิดปกติ หรือว่าเฉินฮวนฮวนจะเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรง!

ตอนนี้สมองเฉินฮวนฮวนว่างเปล่า

ถ้าเธอท้องจริงๆ สถานการณ์ตอนนี้ เธอจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เพราะร่วมรายการ หรือว่าเพราะเฟิงหานชวน เธอก็เก็บลูกของฆาตกรข่มขืนหลิวตงรุ่ยไว้ไม่ได้

"ตอนนี้ยังมั่นใจไม่ได้ค่ะว่าตั้งครรภ์ แต่หมอขอแนะนำให้คุณลองใช้ที่ตรวจครรภ์ เพราะผลตรวจเลือดจะออกช้ากว่า ถ้าทั้งที่ตรวจครรภ์กับผลตรวจเลือดออกมาว่าตั้งครรภ์ ตอนนี้เด็กยังเล็ก ถ้าทำแท้ง พักผ่อนแค่อาทิตย์เดียวก็พอค่ะ"

คุณหมอผู้หญิงอธิบายละเอียดมาก

หนึ่งอาทิตย์……สำหรับเฉินฮวนฮวน เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก

ตอนนี้เริ่มซ้อมโชว์แรกแล้ว ต่อจากนี้ทุกวันต้องไปซ้อมที่บริษัทเหวินหราน จะพักหนึ่งอาทิตย์คงเป็นไปไม่ได้

"ขอบคุณนะคะ คุณหมอ เดี๋ยวหนูไปซื้อที่ตรวจครรภ์ในร้านยาก่อน" เฉินฮวนฮวนพูดไปอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วกดวางสาย

แต่ว่า ตอนนี้เธออยู่ที่ถนนคนเดิน ติงเซียงยังรอเธออยู่ที่ร้านชานม เดี๋ยวยังต้องไปซ้อมที่บริษัทเหวินหรานอีก เธอไม่มีเวลาไปหาร้านยาเลย

ตอนนี้เที่ยงพอดี แดดจัดมาก แสงแดดสาดส่องลงมา บนใบหน้าของคนที่เดินผ่านไปผ่านมามีแต่รอยยิ้ม

มีแต่เฉินฮวนฮวน รู้สึกว่าทางข้างหน้ามืดมิด เหมือนมองไม่เห็นความหวังเลย

ถ้าเธอไม่ได้ท้อง อนาคตต้องขาวสว่างแน่นอน เธอมีสามีที่รักเธอ มีเจ้านายที่ดีอย่างเกาเหวิน มีวุฒิจากมหาวิทยาลัยA แถมยังรู้จักเพื่อนดีๆอย่างหลินอวี่หยาง……ทุกอย่าง ดูเหมือนกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี

ทันใดนั้น โทรศัพท์ในมือของเฉินฮวนฮวนก็ดังอีกครั้ง พอเธอก้มดู จึงเห็นว่าติงเซียงโทรมา เลยรีบกดรับสาย

"ฮวนฮวน เธอเสร็จหรือยัง? ฉันรอเธอนานแล้ว ฉันหิวจะตายอยู่แล้วนะ" ติงเซียงแสดงอาการหงุดหงิด

ทั้งๆที่เฉินฮวนฮวนนัดเธอตอนเที่ยง ยังบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเธออีก แต่เธอรอไปทั้งนาน เฉินฮวนฮวนยังไม่ถึงสักที ตอนนี้ติงเซียงเลยโกรธจริงๆ

"เซียงเซียง ขอโทษนะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ถนนคนเดิน ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้เลย ขอโทษจริงๆนะ" เฉินฮวนฮวนบังหน้าไว้ พูดไปด้วย แล้ววิ่งเข้าไปทางถนนคนเดิน

ห้านาทีหลังจากนั้น เธอหาติงเซียงเจอแล้ว ติงเซียงกำลังดื่มชานมอยู่ในร้านชานม เฉินฮวนฮวนโบกมือให้เธอ ติงเซียงจึงเดินออกมาหา

ติงเซียงใส่ชุดวอร์มสบายๆ สีหน้าไม่ค่อยดีมากนัก แล้วเอ่ยถามเฉินฮวนฮวนว่า "ฮวนฮวน ตอนนี้เธอพักที่ไหน? ใช้เวลานานเกินไปหรือเปล่า!"

"ขอโทษจริงๆนะ เราไปหาร้านกินมื้อเที่ยงกันเถอะ?" เฉินฮวนฮวนพูดอย่างรู้สึกผิด ครั้งนี้เธอให้ติงเซียงรอนานมาก จึงรู้สึกผิด

"ฝั่งนู้นมีร้านชาบูที่คนเยอะมาก ไปที่นั่นดีกว่า" ติงเซียงชี้ไปฝั่งตรงข้าม

"ได้" เฉินฮวนฮวนพยักหน้า แล้วเดินตรงไป

ติงเซียงเป็นคนละเอียดอ่อน เธอมองออกว่าสีหน้าเฉินฮวนฮวนผิดปกติ ดูไร้ชีวิตชีวา เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างอย่างนั้น

เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้ตั้งใจจะมาสาย เธอรู้จักเฉินฮวนฮวนมาครึ่งเดือนกว่า รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ตรงต่อเวลา เพราะฉะนั้น……ต้องเกิดเรื่องกับเฉินฮวนฮวนแน่นอน

พอนั่งลงที่ร้านชาบูแล้ว ติงเซียงก็เลือกของที่ตัวเองชอบกิน แต่เฉินฮวนฮวนไม่อยากกินอะไรเลย จึงสั่งแค่ผักสองสามอย่าง แล้วยื่นให้พนักงาน

ติงเซียงเห็นว่าโอกาสมาแล้ว จึงรีบเอ่ยถามว่า "ฮวนฮวน วันนี้เธอบอกว่าเธอจะบอกฉันเรื่องเธอกับสามีไม่ใช่เหรอ รีบบอกฉันหน่อยสิ"

ฉัน……" เฉินฮวนฮวนกำลังจะพูด แต่อยู่ๆก็ลังเล

ถ้าเฟิงหานชวนรู้ว่าเธอท้องลูกของหลิวตงรุ่ย จะยังยอมเป็นสามีภรรยากับเธออยู่ไหม?

ถ้าเพราะเรื่องนี้ เฟิงหานชวนหย่ากับเธอล่ะ?

ก่อนที่จะแน่ใจว่าเฟิงหานชวนคิดยังไง แล้วเธอบอกความจริงกับติงเซียง แบบนี้วู่วามเกินไปหรือเปล่า?

"ฮวนฮวน เมื่อคืนเธอรับปากเองนะว่าจะเล่าเรื่องทุกอย่างกับฉัน ไม่อยากบอกแล้วเหรอ?" ติงเซียงเห็นเธอลังเล จึงรีบพูดเร่ง

เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึกๆ เม้มปากด้วยสีหน้าอึดอัดใจ "เพราะที่บ้าน แล้วเราสองคนก็คิดว่าเหมาะสมกันดี ก็เลยตกลงเรื่องแต่งงาน"

เธอพูดกำกวม แต่ก็ถือว่าเป็นความจริง การแต่งงานของเธอกับเฟิงหานชวน ก็เพราะที่บ้านจัดการให้จริงๆ

นายท่านเฟิงแต่งภรรยาให้เฟิงหานชวน เฉินเจี้ยนหมินให้เธอแต่งเข้าตระกูลเฟิง นี่ไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานที่ที่บ้านจัดการให้เหรอ?

บวกกับ เพราะเธอกับเฟิงหาชวนต่างคิดว่าเหมาะสมกัน ไม่งั้นคงไม่อยู่ด้วยกันหรอก แล้วเป็นสามีภรรยากันจริงๆ

"ที่บ้านจัดการให้? ฮวนฮวน ก็ว่าทำไมเธอคุยถูกคอกับหยางหยาง เธอก็เป็นลูกคนรวยเหรอ?" ติงเซียงเบิกตาโต สีหน้าตกใจมาก

จากที่เธอดูมา สังคมในปัจจุบัน มีแค่ตระกูลรวยๆ ยังแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลแบบนี้ คนทั่วไปจะอิสระเรื่องนี้

"เปล่า บ้านฉันล้มละลายแล้ว" เฉินฮวนฮวนไม่ได้โกหก ตระกูลเฉินกำลังจะถังแตกจริงๆ

"อ๋อ อย่างนี้เองเหรอ" ติงเซียงเข้าใจแล้ว แต่ก็เหมือนคิดอะไรได้ จึงรีบถามว่า "ในเมื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูล งั้นสามีเธอก็ต้องรวยมากเลยล่ะสิ? เมื่อคืนฉันได้ยินเสียงเขา ยังชงนมให้เธออีก น่าจะดีกับเธอมาก แล้วเสียงของเขา ฉันรู้สึกว่าเหมือน……"

ถึงช่วงที่สำคัญที่สุด ติงเซียงยังพูดไม่จบ พนักงานก็มาเสิร์ฟอาหารก่อน

เฉินฮวนฮวนเดาออกว่าติงเซียงจะถามอะไร เธอจึงเปลี่ยนประเด็น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "เซียงเซียง เรื่องที่ฉันแต่งงานแล้ว รบกวนเธอช่วยรักษาความลับให้ด้วยนะ ห้ามบอกใคร ได้ไหม?"

"ฮวนฮวน นี่มันกระทบกับอนาคตเธอ ฉันไม่พูดแน่นอน เธอเชื่อใจฉัน" ติงเซียงตบหน้าอก แล้วทำท่าทางรับประกัน

"ขอบใจนะ" เฉินฮวนฮวนไม่ค่อยมีอารมณ์อะไร จึงพูดขอบคุณ

"เธอจะเกรงใจกับฉันทำไม ถึงเรารู้จักกันไม่นาน แต่เรามีพรหมลิขิต เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่ใช่เหรอ?" ติงเซียงยังมีความสงสัย จึงอดถามไม่ได้ว่า "ฮวนฮวน สามีเธอหล่อหรือเปล่า? ในเมื่อทำให้เธอแต่งงานเร็วขนาดนี้ได้ คงต้องหล่อแน่เลย? แล้วที่บ้านก็รวยมากด้วยใช่ไหม?"

ติงเซียงคิดว่าต้องเป็นอย่างนี้แหละ ไม่งั้นผู้หญิงคนไหนจะยอมแต่งงานเร็วขนาดนี้ แล้วถูกตีตราว่าเป็น"ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว"

เพราะฉะนั้น อีกฝ่ายต้องทั้งหล่อทั้งรวยแน่นอน!

"ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ที่ฉันยอมแต่งงานเพราะ……บ้านฉันต้องการเงิน ก็เลย……" เฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดต่อ

เธอไม่ค่อยอยากพูดถึงประเด็นนี้ เรื่องที่เกิดวันนี้ ทำให้ความคิดที่เธอจะบอกความจริงเปลี่ยนไป เธอแค่อยากจบประเด็นนี้เร็วๆ

"อ้อ! อย่างนี้เองเหรอ……" ติงเซียงหยุดพูด แล้วยิ้มแก้เก้อ พร้อมเอ่ยขอโทษว่า "ขอโทษนะฮวนฮวน ฉันไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างนั้น"

อยู่ๆติงเซียงก็โล่งอก ความจริงไม่ใช่อย่างที่เธอคิด แต่เฉินฮวนฮวนขายตัวเองไป ไม่ได้เต็มใจจะแต่งงาน

ยังบอกอีกว่ารู้สึกเหมาะสมกัน ความจริงก็แต่งงานเพราะเงิน ถ้าไม่ใช่ตัวเองจี้ถาม คงไม่รู้เหตุผลแบบนี้

หลังจากที่วางสายไป เฉินฮวนฮวนก็ตรงไปยังแผนกสูตินรีแพทย์ทันที

ถึงแม้ว่าจะเป็นวันทำงาน แต่คนที่มาหาหมอก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด หลังจากที่นั่งรออยู่ชั่วครู่ ก็ถึงชื่อของตัวเอง

“อาการเป็นยังไงคะ?” คุณหมอผู้หญิงประมาณวัยกลางคนได้ถามออกมาตรง ๆ

เฉินฮวนฮวนแทบจะไม่เคยมาหาหมอเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนกนี้ ไม่เคยมาเลยด้วยซ้ำ เพราะประจำเดือนของเธอมาปกติมาก

“ประจำเดือนของฉันมาไม่ปกติค่ะ มาแค่เล็กน้อย แล้วก็หมดไป ก่อนหน้านั้นก็มาปกตินะคะ แต่ครั้งนี้กลับเป็นแบบนี้” เฉินฮวนฮวนรีบตอบกลับไป

“เคยมีเรื่องอะไรแบบนั้นไหมคะ?” สีหน้าของคุณหมอเคร่งขรึมลง จากนั้นก็ก้มหน้าเขียนอะไรสักอย่าง ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าคุณหมอถามเรื่องอะไร เธอจึงพยักหน้าไป และตอบว่า : “มี มีค่ะ”

“แล้วอาการช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะ? เดือนที่แล้วประจำเดือนมาเมื่อไหร่? แล้วหลังจากที่ประจำเดือนหมดคุณมีอะไรกันกี่ครั้ง? ได้มีการป้องกันรึเปล่าคะ?”

………

คุณหมอผู้หญิงถามคำถามติดต่อกัน เฉินฮวนฮวนได้ตอบกลับไปทุกคำถาม รวมทั้งคืนในคืนบลูส์คลับด้วย เพราะวันนั้นเธอจำมันได้อย่างชัดเจน

นอกจากจะไม่ป้องกันในครั้งนั้นแล้ว ก็ยังมีอีกครั้งประมาณครึ่งเดือนก่อน คืนก่อนเข้าค่าย ตอนที่อยู่บ้านเก่ากับเฟิงหานชวน แต่ตอนนั้นได้มีการป้องกัน

เธอไม่รู้ว่าคุณหมอผู้หญิงถามคำถามเหล่านี้ทำไม แค่คิดว่าน่าจะเป็นการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเท่านั้น ในเมื่อเธอมีประจำเดือนปกติ ก็แสดงว่าไม่ได้ตั้งท้องอย่างแน่นอน

หรือว่าประจำเดือนของเธอจะผิดปกติ อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนั้น?

“ถอดกางเกงออกค่ะ แล้วขึ้นไปนอน หมอจะทำการตรวจ” คุณหมอผู้หญิงชี้ไปยังเตียงคนไข้ที่อยู่ด้านข้าง

“ตรวจ ตรวจเหรอคะ?” เฉินฮวนฮวนแสดงท่าทางโง่เขลาไปในทันที เธอไม่เคยทำการตรวจแบบนั้นมาก่อนเลย

“ก็ไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์แล้ว จะหวงทำไมละคะ? เร่งมือหน่อยนะคะ ยังมีคนไข้คนอื่นหลังจากคุณอีก” คุณหมอผู้หญิงทำหน้าดุ และพูดตำหนิ

สำหรับเธอแล้ว เฉินฮวนฮวนยังอายุน้อยมาก แต่กลับมีเรื่องแบบนั้นในวัยนี้แล้ว บางครั้งก็ไม่ได้ทำการป้องกัน ดังนั้นสีหน้าของเธอจึงไม่ค่อยสู้ดีนัก

ถึงอย่างไรก็เป็นผู้หญิงที่ไม่รักตัวเอง ใคร ๆ เขาก็ดูถูกทั้งนั้น

“ก็ได้ค่ะ” ถึงแม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะรู้สึกลำบากใจก็ตาม แต่ก็หมดหนทาง ได้แต่ทำตาม

ตอนที่คุณหมอผู้หญิงทำการตรวจนั้น เฉินฮวนฮวนยิ่งรู้สึกลำบากใจมากไปอีก แต่ก็ทำได้แค่กัดฟันเอาไว้ ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ

ในที่สุดก็ทำการตรวจเสร็จ เฉินฮวนฮวนรีบลงมาใส่กางเกงทันที ก่อนจะได้ยินคุณหมอผู้หญิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “หมอจะให้คุณไปตรวจเลือดนะ มีความเป็นไปได้ว่าจะตั้งท้องค่ะ”

ประโยคนี้เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของเฉินฮวนฮวนอย่างไม่ทันตั้งตัว

ขาทั้งสองข้างเหมือนหลอมละลายกลายเป็นตะกั่ว แม้แต่จะขยับก็ยังทำไม่ได้

“ถึงจะอายุแค่ 20 ปี ก็ควรจะมีความรับผิดชอบนะคะ รักสนุกแต่ไม่รู้จักป้องกัน ยังไงก็ต้องมีวันนี้ค่ะ!” คุณหมอผู้หญิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนซีดเผือดลง ไร้เลือดฝาดใด ๆ เธอพยายามอ้าปาก แต่ก็พูดไม่ออก แม้แต่ริมฝีปากก็ยังสั่นเทา

ความเย็นสะท้านแผ่ขยายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งภาพตรงหน้าเกิดดับวูบ เกิดอาการโซเซยืนไม่ได้

“คุณหมอคะ ประจำเดือนของฉัน….ฉันก็มาปกตินี่คะ? จะ……ท้องได้ยังไงละคะ?” มือของเธอพยายามประคองตัวเองอยู่บนโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง ประคองให้ตัวเองยืนขึ้นอย่างมั่นคง ก่อนจะรวบรวมพลังถามคำถามเหล่านี้ออกไป

“นั้นอาจจะไม่ใช่ประจำเดือน แต่เป็นภาวะแท้งคุกคาม นับจากวันแล้วยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเต็ม คงจะอัลตราซาวด์ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องตรวจเลือดค่ะ หรือคุณจะไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเองก็ได้นะคะ”

เมื่อคุณหมอผู้หญิงเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของเฉินฮวนฮวน เธอก็ส่ายหน้าอย่างหมดปัญญา และไม่ได้โกรธเหมือนเมื่อสักครู่แล้ว นอกจากพูดว่า : “หลังจากที่มั่นใจว่าตั้งท้องแล้ว ถ้ายังต้องการเด็ก หมอจะจัดยาบำรุงครรภ์ให้ แต่ถ้าไม่ต้องการ ก็ทำแท้งค่ะ”

“คุณหมอ มีความเป็นไปได้ว่าฉันจะไม่ท้องไหมคะ?” ดวงตาทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนเหม่อลอย ดูเหมือนจะมีความหวังสุดท้ายฉายชัดออกมาทางแววตาที่ลึกล้ำคู่นั้น

“อาจจะมีความเป็นไปไม่ได้ และอาจจะมีความเป็นไปได้” คุณหมอผู้หญิงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เฉินฮวนฮวนถอยหลังอย่างโซซัดโซเซ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนใจว่า : “ฉันจะไปตรวจเลือดค่ะ!”

เมื่อพูดจบ เธอก็หมุนตัวและพุ่งตัวออกจากห้องตรวจของคุณหมอทันที

……

เพราะเป็นโรงพยาบาลใหญ่ จึงค่อนข้างยุ่งมาก ผลการตรวจเลือดจึงต้องรอไปอีกหนึ่งอาทิตย์

อาทิตย์นี้ สำหรับเฉินฮวนฮวนแล้ว ต้องเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานมากแน่ ๆ

เธอเดินอยู่บนระเบียงทางเดินของโรงพยาบาลอย่างคนไร้วิญญาณ จนกระทั่งได้รับสายจากติงเซียง

“ฮวนฮวน ฉันมาถึงถนนคนเดินแล้วนะ คุณอยู่ไหน? ตอนนี้ฉันรอคุณอยู่ที่ร้านน้ำชาสีขาวในตึก ๆ หนึ่ง!” น้ำเสียงของติงเซียงดังขยายออกมาจากปลายสาย

เฉินฮวนฮวนได้สติทันใด เธอลืมไปเลยว่ามีนัดกินข้าวกับติงเซียงที่ถนนคนเดินในตอนเที่ยง ตอนนี้สมองของเธอคิดวนแต่เรื่องผลตรวจเลือด เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นแต่อย่างใด

“ขอโทษนะเซียงเซียง รถมันติดมากเลย คุณรอฉันก่อนนะ” ในขณะที่พูด เฉินฮวนฮวนก็รีบเดินไปยังประตูทางออกของโรงพยาบาลทันที จากนั้นก็ข้ามทางม้าลายและเรียกรถไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

ในขณะที่นั่งรถแท็กซี่ไปยังถนนคนเดินนั้น เฉินฮวนฮวนก็เอาแต่ร้องไห้ไปตลอดทาง เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะทำยังไง ถ้าผลตรวจเลือดออกมาว่าเธอท้อง แล้วเธอจะทำยังไง?

เธอจะต้องทำยังไง?

ถ้าทำแท้งละก็ ตอนนี้เธอยังต้องฝึกซ้อม และต้องเข้าร่วมการแข่งขัน ยังไงก็ทำการผ่าตัดไม่ได้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นร่างกายจะอ่อนแอลงทันที

แต่ถ้ายื้อต่อไปจนถึงการแข่งขันในรอบสุดท้าย อย่างน้อยก็อีกหนึ่งถึงสองเดือน เด็กคนนั้นก็คงจะโตขึ้นแล้ว………

สิ่งสำคัญก็คือ ถ้าเฟิงหานชวนรู้ว่าตัวเองตั้งท้องลูกของหลิวตงรุ่ย เขาจะดีกับเธอเหมือนเดิมไหม?

เฉินฮวนฮวนยกมือขึ้นมาปิดหน้า น้ำตาแห่งความเสียใจไหลอาบไปทั่วทั้งใบหน้า เธอคิดว่าตัวเองจะไม่ท้อง แต่ตอนนี้ เธอไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ

จนกระทั่งเธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นจะตั้งท้องจริง ๆ เพราะทัศนคติและคำพูดของคุณหมอคนนั้น ดูท่าทางมั่นใจมากด้วย

เธอรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่ผลตรวจเลือดจะออกมาว่าไม่ท้องมันเป็นแค่หนึ่งในร้อยเท่านั้น

“คุณผู้หญิง คุณร้องไห้มาตลอดทาง คุณยังเด็กอยู่เลย ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรที่ทำให้เสียใจคุณจะจัดการมันได้ อย่าคิดมากเลย!” เมื่อคนขับแท็กซี่ได้ยินเสียงร้องไห้มาตลอดทาง ก็อดพูดปลอบใจไม่ได้

เมื่อได้ยินคำปลอบใจจากคนแปลกหน้า เฉินฮวนฮวนกลับร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม เธอไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ

คนขับแท็กซี่เพิ่งตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากล เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งรับเฉินฮวนฮวนมาจากริมถนนข้างโรงพยาบาล จากนั้นก็รีบถามขึ้นว่า : “คุณผู้หญิง ตรวจเจอโรคร้ายอย่างนั้นเหรอ?”

เฉินฮวนฮวนเช็ดดวงตามที่บวมแดง พลางส่ายหน้า

“ในเมื่อไม่ใช่โรคร้าย แล้วจะร้องไห้หนักแบบนั้นทำไม หรือว่าคนที่บ้านป่วยหนัก?” คนขับแท็กซี่อดถามขึ้นด้วยความอยากรู้ไม่ได้

เฉินฮวนฮวนกำลังจะส่ายหน้า แต่จู่ ๆ ก็คิดได้ว่าถ้าปฏิเสธอีก คบขับรถแท็กซี่คนนี้จะต้องถามต่อแน่ ๆ จึงทำได้แค่พยักหน้าเท่านั้น เพราะอยากให้หยุดถามในสิ่งที่เขาอยากรู้

“ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง อย่าเสียใจไปเลย คนเราอ่านะ เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดา ในตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ พวกคุณได้แสดงความกตัญญูรู้คุณเต็มที่แล้ว นั้นก็มากพอแล้วล่ะ….”

คนขับแท็กซี่เริ่มสาธยายยาวขึ้น ทว่าเฉินฮวนฮวนกลับไม่ได้ฟังแม้แต่คำเดียว เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยสมองที่ว่างเปล่า

หลังจากที่ลงรถ เฉินฮวนฮวนก็โทรศัพท์หาคุณหมอจางทันที ซึ่งก็คือคุณหมอผู้หญิงเมื่อสักครู่คนนั้น

“คุณหมอจางคะ ถ้าฉันท้องจริง ๆ แล้วทำแท้งแบบไม่เจ็บเลย ต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อยกี่วันคะ?”

“อื้อ ไม่ผิด เธอชื่อว่าไป๋ซินหรุ่ย นี่คือชื่อจริงของเธอ” เฟิงหานชวนเคาะไปบนศีรษะของเฉินฮวนฮวนเบา ๆ

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พร้อมกับแสดงความสงสัยออกมาทางสีหน้า ก่อนจะทำท่าทางครุ่นคิดอย่างหนักว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหน

“ทำไมเหรอ?” เมื่อสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็รีบถามขึ้นทันที

“เปล่าค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่า…..เคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหน คุ้น ๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่ง” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะเล็กน้อย แต่สมองกลับว่างเปล่า

หลังจากที่คิดอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน

ถ้าแม่ของเฟิงหานชวนยังมีชีวิตอยู่ คาดว่าน่าจะอายุอย่างน้อย 50 กว่าปีแล้ว ไม่มีทางเป็นเพื่อนสมัยเรียนหรือศิษย์เก่าของตัวเองได้อย่างแน่นอน แล้วยิ่งใช้สกุลไป๋ด้วยอีก ไม่มีทางที่จะเป็นญาติของตัวเองได้ ตามหลักเหตุผลแล้วยังไงต้องเป็นคนแปลกหน้า

ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นแบบนี้

“บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาที่มองไม่เห็นก็ได้นะ” เฟิงหานชวนไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด แต่กลับหมุนตัวไปหยิบไข่ไก่ขึ้นมา 2 ฟอง

เขากระชับเฉินฮวนฮวนอยู่ในอ้อมกอด พร้อมทั้งบอกวิธีการทอดไข่ดาว วิธีการทำมะกะโรนี ควรจะใช้ไฟแบบไหน เวลาเท่าไหร่ ในที่สุดสเต๊กเนื้อที่เสร็จสมบูรณ์ก็ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเฉินฮวนฮวน

ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเฉินฮวนฮวนทั้งสิ้น แต่เฟิงหานชวนเป็นหัวเรือคอยชี้แนะ แต่ไม่ว่าจะยังไง นี่ก็ถือว่าเป็นอาหารเช้าที่เธอและเฟิงหานชวนทำด้วยกัน ถือว่าเป็นการร่วมด้วยช่วยกันอย่างหนึ่งอยู่ดี

ทั้งสองคนนั่งลงหน้าโต๊ะอาหาร และนั่งในตำแหน่งตรงข้ามกัน จากนั้นก็กินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย

แต่แล้วเฟิงหานชวนก็หยุดชะงักและเงยหน้ามองผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า : “ฮวนฮวน ไว้ตอนกลับบ้านเก่า ผมจะพาคุณไปเจอแม่ของผมสักครั้ง”

“เอะ?” เฉินฮวนฮวนที่กำลังเคี้ยวสเต๊กเนื้ออยู่ในปากก็เงยหน้าขึ้นฉับพลัน คราบซอสพริกไทยดำยังเปื้อนมุมปากอยู่เลย เห็นแล้วน่าตลกจริง ๆ

เมื่อเห็นภาพนี้ เฟิงหานชวนอดไม่ได้จริง ๆ เขาดึงกระดาษทิชชูออกมา 2 แผ่น ในตอนที่กำลังเอื้อมมือออกไปนั้น เฉินฮวนฮวนก็เข้าใจสถานการณ์ทันที เตรียมจะรับกระดาษทิชชูจากผู้ชายตรงหน้า

เพียงแต่เฟิงหานชวนไม่ได้อนุญาตให้เธอรับกระดาษไป แต่เขาจะเป็นคนเช็ดมุมปากให้กับเฉินฮวนฮวนเอง

เฉินฮวนฮวนหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอายเล็กน้อย

เธอเม้มปาก ก่อนจะถามขึ้นว่า : “อาหาน เมื่อกี้คุณว่ายังไงนะ? หลุมศพแม่ของคุณ อยู่ที่อเมริกาไม่ใช่เหรอคะ?”

แววตาของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลงทันใด ก่อนจะพูดว่า : “ภาพของเธอ เก็บรักษาอยู่ในห้องสมุดของผม”

“อ่า ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ได้ค่ะ งั้นเรากลับบ้านเก่าสักค่ำ ๆ เลยดีไหม?” เฉินฮวนฮวนรีบถามขึ้น

“คุณอยากเจอแม่ของผมเร็ว ๆ เหรอ?” มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกยิ้มเล็กน้อย ซึ่งเป็นรอยยิ้มแห่งความพอใจ

“เธอ……เป็นแม่สามีของฉันนะคะ ฉันก็ต้องอยากรู้จักเธอเร็ว ๆ อยู่แล้ว” เมื่อพูดจบ เฉินฮวนฮวนก็หน้าแดงด้วยความอายพร้อมกับก้มหน้าลงทันที

ไป๋ซินหรุ่ยเป็นแม่ของเฟิงหานชวน ส่วนเฟิงหานชวนก็เป็นสามีของเธอ งั้นไป๋ซินหรุ่ยก็เป็นแม่สามีของเธอ ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน

ประกอบกับความอยากรู้อยากเห็นที่เธอมีต่อไป๋ซินหรุ่ย เธอเลยอยากไปเห็นภาพของไป๋ซินหรุ่ยโดยเร็วที่สุด

สำหรับคำตอบของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนได้อึ้งงันไปเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าได้คลี่ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เขารีบตอบกลับไปว่า : “ได้ คืนนี้เราจะไปค้างกันที่บ้านเก่า”

“อื้อ” เฟิงหานชวนรีบพยักหน้าทันที

หลังจากที่ตอบรับแล้ว จู่ ๆ เธอก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า : “อาหาน ตอนเที่ยงฉันต้องไปกินข้าวกับติงเซียง จากนั้นตอนบ่ายก็ต้องไปฝึกซ้อมนอกสถานที่ ไม่รู้ว่าจะฝึกซ้อมตอนกลางคืนด้วยรึเปล่า ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมง”

“ฝึกซ้อมที่ไหน ผมจะได้ไปรับคุณ” เฟิงหานชวนถามขึ้น

“เหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์”

“ได้”

“ถ้าซ้อมเสร็จดึกมากแล้ว เรากลับบ้านเก่าแบบนั้นไม่เป็นการรบกวนนายท่านเหรอคะ?” เฉินฮวนฮวนถามขึ้นด้วยความกังวล

“ถ้าดึกมากก็ค่อยไปดูก็ได้ อย่ากังวลมากขนาดนั้นสิ” เฟิงหานชวนปลอบใจเธอ

“อื้อ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าเบา ๆ และพูดขึ้นอีกครั้งว่า : “ฉันยังอยากขอโทษนายท่านอยู่นะ เกี่ยวกับเรื่องร้านเนื้อย่างในตอนนั้น……..”

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องไปคิดถึงมันหรอก และก็ไม่ต้องโทษตัวเองด้วย” เฟิงหานชวนไม่อยากให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกผิด เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า : “คุณไม่ได้ผิดนะ เข้าใจไหม?”

“แต่ถ้าฉันไม่พูดนายท่านสักคำ อาจจะทำให้นายท่านคิดว่าฉันไม่มีมารยาทก็ได้นะคะ?” เฉินฮวนฮวนแคร์สายตาของนายท่านมากจริง ๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงเหลยถิง เธอก็คงไม่มีวันได้แต่งงานกับเฟิงหานชวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เธอเป็นลูกสะใภ้ของเฟิงเหลยถิง ทุกการกระทำและทุกวาจาล้วนแล้วแต่เป็นภาพลักษณ์ของตระกูลเฟิงทั้งสิ้น

เมื่อเกิดเรื่องแบบนั้น ต่อให้ไม่ใช่ความผิดของเธอ เธอก็ต้องสารภาพกับนายท่านโดยตรงอยู่ดี

“คุณคุยกับเขาได้ แต่จงจำไว้ว่าห้ามโทษตัวเองเด็ดขาด” เฟิงหานชวนอดเอื้อมมือออกไปบีบจมูกของผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ และพูดว่า : “คุณอ่านะ ดีเกินไป เวลาเกิดเรื่องทีไรมักจะจำฝังใจ”

“ฉัน….” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะอย่างเอียงอาย

เธอไม่ได้ดีเกินไปหรอก แต่สิ่งแวดล้อมที่เติบโตมาทำให้เธอต้องพยายาม จะผิดพลาดไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงต้องพยายามในทุกวัน เพราะอยากให้คุณยายได้อยู่อย่างสุขสบายในสักวัน

ทว่าสวรรค์ไม่เคยเข้าข้างใคร ยังไม่ทันที่เธอจะเรียนจบมหาวิทยาลัย คุณยายก็มาด่วนจากโลกนี้ไปเสียก่อน

“รีบกินในตอนที่ร้อน ๆ เถอะ ตอนนี้ร่างกายของคุณกินของเย็นไม่ได้นะ” เฟิงหานชวนพูดกระตุ้น เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนกำลังคิดถึงญาติของตัวเอง

เมื่อเอ่ยเรื่องนี้ เฉินฮวนฮวนก็คิดถึงสถานการณ์ที่ไม่ค่อยปกติของประจำเดือนตัวเองขึ้นมาได้ แต่เรื่องของผู้หญิงแบบนี้ เธอเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูดกับเฟิงหานชวน

เธอแค่หยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กินสเต๊กเนื้อต่อ

หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จ เฟิงหานชวนก็เดินเล่นอยู่ในลานกว้างเป็นเพื่อนเฉินฮวนฮวนสักพัก ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากคฤหาสน์ ตรงไปยังบริษัท

เฉินฮวนฮวนอยู่ในบ้านคนเดียวอีกพักใหญ่ ก็ได้รับสายโทรศัพท์ของติงเซียง เฉินฮวนฮวนนัดเจอเธอบนถนนคนเดินใกล้ ๆ กับบริษัทเหวินหรานในตอนเที่ยง ถึงเวลาก็ค่อยบอกเธอ ซึ่งนั้นทำให้ติงเซียงตื่นเต้นมาก

เมื่อเห็นว่ายังเช้าอยู่ เฉินฮวนฮวนจึงไม่อยากให้เฟิงหานชวนต้องเป็นห่วง จึงได้เรียกรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง

ทันทีที่เธอถึงโรงพยาบาล เฟิงหานชวนก็โทรศัพท์มาพอดี ซึ่งนั้นทำให้เฉินฮวนฮวนตกใจมาก หรือว่าเฟิงหานชวนจะติดเครื่องสะกดรอยตามไว้บนตัวเธอ?

เฉินฮวนฮวนรีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว

“ฮวนฮวน คุณอยู่ไหน? คนขับบอกว่าคุณไม่อยู่บ้าน” เฟิงหานชวนถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

เขาเพิ่งประชุมช่วงเช้าเสร็จก็ได้รับสายโดยตรงจากคนขับรถที่ไปรับไปส่งเฉินฮวนฮวน คนขับรถบอกว่าเฉินฮวนฮวนไม่อยู่บ้าน ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงได้โทรศัพท์มาถาม

“อาหาน คุณเตรียมคนขับรถให้ฉันเหรอคะ? ไม่ต้องยุ่งยากก็ได้ ฉันเรียกรถออกมาเองแล้ว พอดีมีนัดกับติงเซียงที่ปาเซียนสตรีทใกล้ ๆ กับบริษัทเหวินหราน เพื่อนที่ฉันรู้จักตอนอยู่ในค่อยฝึกที่ฉันบอกคุณไปก่อนหน้านั้นไงคะ”

เฉินฮวนฮวนปกปิดเรื่องที่มาโรงพยาบาลเอาไว้

เธอฟังออกว่าเฟิงหานชวนเป็นห่วงเธอมาก ถ้าบอกเรื่องที่ตัวเองมาโรงพยาบาลกับเฟิงหานชวน เขาต้องรีบมาหาเธอแน่ ๆ

เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ เธอไม่อยากให้เฟิงหานชวนต้องเสียเวลา ถึงอย่างไรเฟิงหานชวนก็ยังต้องดูแลบริษัทที่ใหญ่ขนาดนั้น คงต้องยุ่งมากแน่ ๆ

“ก็ได้ ก่อนฝึกเสร็จโทรหาผมด้วยนะ ผมจะไปรับคุณ” เมื่อได้ยินว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้เป็นอะไร เฟิงหานชวนก็โล่งอก

“อื้อ ๆ ” เฉินฮวนฮวนตอบรับทันที

เฉินฮวนฮวนอยู่ในอ้อมแขนของเฟิงหานชวน เฝ้าดูเฟิงหานชวนถือตะหลิวตักสเต็กที่ไหม้นิดหน่อยออกมา แล้ววางลงฝั่งหนึ่งของจาน

“มันไหม้…” เฉินฮวนฮวนพึมพำ: “เพราะฉันมันถึงไหม้”

เมื่อได้ยินประโยคนี้เฟิงหานชวนก็อดหัวเราะไม่ได้ แล้วจึงหยิบเนื้อดิบอีกจานมาวางไว้ด้านหน้าเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนถามอย่างสงสัยว่า: "นี่จะทำอะไร? คุณไม่อนุญาตให้ฉันทำอาหารเช้าแล้วใช่ไหม?"

เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเฟิงหานชวนจู่ๆถึงยื่นสเต็กดิบมาไว้ด้านหน้าของตัวเอง

“ผมจะพาคุณทอดสเต็กพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นผมกลัวจริงๆว่าคุณจะโกรธผมอยู่ตลอด” เฟิงหานชวนไม่ได้พูดโกหก ตอนนี้เขาคิดอย่างนี้จริงๆ

เขาไม่เคยสนใจความคิดของคนอื่น แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เขาสนใจต่อความคิดของเฉินฮวนฮวน เขาไม่ต้องการให้เฉินฮวนฮวนเสียใจและไม่ต้องการให้เฉินฮวนฮวนลำบาก

ดังนั้นเขาจึงคิดหาทางออกที่ดีกว่าได้วิธีหนึ่ง

“คุณหมายถึง…คุณพาฉันทอดสเต็ก?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนนิดหน่อย นี่มันวิธีการแบบไหนกัน?

“ถือจานใบนี้ดีๆ” เฟิงหานชวนออกคำสั่ง

เฉินฮวนฮวนยังคงมึนงง แต่สองมือก็เชื่อฟังคำสั่งรับจานสีขาวที่มีสเต็กดิบอยู่

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนเชื่อฟัง เฟิงหานชวนเทน้ำมันมะกอกลงในกระทะก่อน จากนั้นใช้อุปกรณ์หยิบสเต็กดิบวางในกระทะ

เนื่องจากวิธีของเขาแม่นยำ แม้ว่าจะมีเสียง "ของวางบนน้ำมัน" แต่น้ำมันในกระทะก็ไม่ได้กระเด็นออกไปด้านนอกเลย

เฉินฮวนฮวนมองไปที่วิธีของเฟิงหานชวนอย่างจริงจัง ประหลาดใจกับทักษะของเขา แล้วคิดถึงเช้าวันแรกที่ฐานฝึก เธอเคยทานสเต็กที่เฟิงหานชวนทอดให้เธอเอง มันร้อนถึงที่จริงๆ

“อาหาน คุณทอดสเต็กเองบ่อยไหม?” เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย

หลักๆคือหลังจากที่เธอได้รู้จักกับเฟิงหานชวน นอกจากครั้งนั้นที่เฟิงหานชวนทำอาหารให้เธอ เธอก็ไม่เคยเห็นเฟิงหานชวนทำอะไรด้วยตัวเองอีก ดังนั้นเธอจึงรู้สึกสงสัย

“ตอนที่ผมยังเป็นเด็กผมอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา หลังจากอายุ10ขวบถึงตั้งรกรากอยู่ในประเทศ ตอนที่ฉันอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ที่โน่นการทานสเต็กหรือแซนวิชเป็นเรื่องปกติ ทานอาหารจีนน้อยหน่อย หลังจากที่กลับมาที่ประเทศจีน อาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่า แม่บ้านหลี่รับผิดชอบเรื่องอาหารการกิน ดังนั้นหลังจากนั้นจึงทานอาหารจีนเป็นส่วนใหญ่”

เฟิงหานชวนตอบคำถามของเฉินฮวนฮวนอย่างอดทนและตอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยไม่ใช่การตอบแบบขอไปที

“หือ?” เฉินฮวนฮวนอุทานแล้วถามอีกว่า: “เมื่อก่อนคุณอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาหรือ?”

เนื่องจากเฟิงหานชวนไม่เคยพูดถึงเรื่องสหรัฐอเมริกา ดังนั้นเฉินฮวนฮวนถึงรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น

“อืม แม่ของผมเลี้ยงผมที่อเมริกา ต่อมาเธอล้มป่วย เราถึงได้กลับมาในประเทศจีน” เฟิงหานชวนไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน และตอนนี้เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้ขึ้น

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าแม่ของเฟิงหานชวนเสียชีวิตแล้ว เมื่อก่อนเฟิงหานชวนเคยบอกเธอเป็นการส่วนตัว แต่ตอนนี้เธอได้ยินเฟิงหานชวนบอกว่าแม่ของเขาป่วย เธอจึงไม่กล้าถามต่อ เพียงแต่พยักหน้าเงียบๆ

อย่างไรเสียตามถามคนอื่นว่าป่วยเป็นอะไรมันไม่สุภาพ

เพียงแต่ในใจของเธอนึกขึ้นได้ว่านายท่านเฟิงเรียกชื่อแม่ของเฟิงหานชวนว่า——ซินหรุ่ย

ขณะนั้นที่เธอได้ยินชื่อนี้ เธอมีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างหนึ่ง แต่เธอไม่รู้ว่าเคยได้ยินชื่อสองคำนี้หรือเคยเห็นคำสองคำนี้ที่ไหน

หรืออาจเป็นเพราะมันออกเสียงคล้ายกับคำว่าฮวาหรุ่ย ดังนั้นจึงรู้สึกคุ้นเคยหรือ?

“รอเราทั้งสองคนมีเวลาว่าง ผมจะพาคุณไปพบเธอที่สหรัฐอเมริกา” เฟิงหานชวนพูดเสียงทุ้ม น้ำเสียงเรียบๆไม่มีจังหวะใด ๆ

“หือ?” เฉินฮวนฮวนประหลาดใจ ต่อมาก็เข้าใจความหมาย รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ดีค่ะ”

เดิมเธอคิดว่าแม่ของเฟิงหานชวนเสียชีวิตแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมเฟิงหายชวนยังพูดว่าจะพาเธอไปพบแม่ของเขา ต่อมาตระหนักขึ้นมาว่าที่บอกว่า "พบ" นั้นไม่ใช่ "พบ" ที่แท้จริง

ความหมายคือไปเยี่ยมที่สุสาน

“เธอจะต้องชอบคุณแน่นอน เธอเคยบอกว่าหวังว่าผมจะเจอเด็กผู้หญิงที่มีน้ำใจและน่ารัก” เฟิงหานชวนพูดไปด้วยขณะที่เขาวางสเต็กลงบนจาน

ตลอดการทำงานเฉินฮวนฮวนอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเขาเลยแม้แต่น้อย

เฉินฮวนฮวนยิ้มจนตาของเธอเป็นเส้นโค้ง เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนพูดเก่งเกินไปแล้ว แต่เมื่อเธอคืนสติขึ้นมา เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า: "อาหาน แม่ของคุณชื่อซินหรุ่ยใช่หรือเปล่า?"

“ใช่” หลังจากที่เฟิงหานชวนตอบ จู่ๆเขาก็นึกได้ว่าเขาไม่เคยเอ่ยชื่อแม่ของเขามาก่อน แล้วถามว่า “นายท่านบอกคุณหรือ?”

“อืม” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าเบาๆ

“เขายังพูดอะไรอีก?” เฟิงหานชวนถามต่อ

“นายท่านไม่ได้พูดอะไรจริงๆ เขาบอกแค่ว่าตัวเองรู้สึกผิดต่อซินหรุ่ย รู้สึกผิดต่อคุณ รู้สึกผิดต่อพวกคุณสองคนแม่ลูก อย่างอื่นไม่ได้พูดมากนัก” เฉินฮวนฮวนตอบตามจริง

อันที่จริง สิ่งที่จำได้ต่อมารดาของเฟิงหานชวนเพียงแค่รู้ชื่อของเธอว่าชื่อซินหรุ่ย นอกจากเรื่องนี้ อย่างอื่นไม่รู้อะไรเลย

“ฮวนฮวน ที่จริงแล้ว…” เฟิงหานชวนถอนหาย

เฉินฮวนฮวนรู้สึกสงสัยและหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เผชิญหน้ากับเฟิงหานชวนแล้วถามว่า: "อาหาน คุณมีอะไรอยากจะพูดใช่ไหม?"

“ผมไม่เคยบอกคุณเกี่ยวกับแม่ของผม มีเหตุผลสองข้อ ข้อหนึ่งคือผมไม่คิดที่จะพูดถึงเรื่องเธอมากเกินไป เพราะเธอจากไปหลายปีแล้ว และข้อสองคือผมไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไร" เฟิงหานชวนเสียงเบามาก แต่ก็เผยให้เห็นว่าทำอะไรไม่ถูก

เฉินฮวนฮวนดูออกว่าเฟิงหานชวนสับสน เธอรีบพูดขึ้นว่า "อาหาน ในเมื่อคุณไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด"

เธอรู้สึกว่าอาจมีบางสิ่งที่น่าเศร้าที่ทำให้เฟิงหานชวนไม่อยากพูดถึงมารดาผู้ให้กำเนิดของเขาอีก

“ฮวนฮวน คุณเป็นภรรยาของผม คุณควรรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าถ้าเขาปกปิดมากเกินไป กลับกลายเป็นไม่ยุติธรรมต่อเฉินฮวนฮวน

อดีตของเขา อดีตของเขาและแม่ของเขา ไม่ควรปิดบังเฉินฮวนฮวน

“อาหาน ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่อยากพูดก็ไม่จำเป็นต้องบอกฉัน” เฉินฮวนฮวนส่ายหัว น้ำเสียงของเธอค่อนข้างสงบนิ่ง แต่ยังมีการปลอบใจเฟิงหานชวนอยู่

แต่เฟิงหานชวนยังคงพูดออกมาว่า "แม่ของผมเป็นภรรยาน้อย"

“อาหาน คุณหยุดพูด คุณหยุดพูดอย่างนี้ แม่ของคุณคงจะปิดบังคำพูดที่ไม่สามารถพูดได้ นายท่านบอกว่าเขาทำผิดต่อแม่ของคุณ ดังนั้นเธอ……” เฉินฮวนฮวนรีบขัดจังหวะคำพูดของเฟิงหานชวน

เธอรู้สถานะลูกนอกกฎหมายของเฟิงหานชวน และรู้โดยธรรมชาติถึงสถานะของแม่เฟิงหานชวน รู้ว่าอยู่ในสถานะแบบไหน ดังนั้นเธอจึงไม่ซักถามเรื่องแม่ของเขา

“ใช่ ตอนที่เธออยู่กับพ่อ ไม่รู้เลยว่าเขามีภรรยาหลวงอยู่แล้ว” เมื่อเฟิงหานชวนพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาเย็นชาและน้ำเสียงของเขาเคร่งขรึม

“เรื่องราวในอดีตก็ปล่อยมันผ่านไปเถอะ” เฉินฮวนฮวนดึงแขนของเฟิงหานชวนแล้วพูดว่า “นายท่านก็อายุมากขนาดนั้นแล้ว คุณก็อย่าตำหนิเขาอีกเลย”

“ฮวนฮวน ตอนนั้นแม่ของผมได้รู้ความจริงแล้ว เธอไปต่างประเทศ แต่แล้วเธอก็พบว่าเธอมีผมอยู่ในท้องของเธอ ให้กำเนิดและเลี้ยงดูผมตามลำพัง เธอหายตัวไปจากในประเทศเป็นเวลาสิบปี”

“ฮวนฮวน แม้ว่าผมจะเป็นลูกนอกกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่ของผมเป็นผู้หญิงที่ผิดศีลธรรม เธอไม่เคยคิดที่จะทำลายครอบครัวของคนอื่น”

“ผมรู้ คุณก็ไม่คิดว่าเธอเป็นคนแบบนั้น”

เฟิงหานชวนถอนหายใจ กางแขนออกและสวมกอดผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าตัวเอง

“อาหาน อย่าเศร้าโศกไปเลย” เฉินฮวนฮวนก็กอดเฟิงหานชวนไว้แน่น

เธอรู้ว่าคำเรียกว่า "อาหาน" นี้ว่างมาหลายปีแล้ว ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์จุดยืนของมารดาในใจของเขาว่ามีความสำคัญต่อเขามาก

“ฮวนฮวน แม่ผมนามสกุลไป๋ ชื่อซินหรุ่ย” เฟิงหานชวนปล่อยเฉินฮวนฮวน จับไหล่ของเธอด้วยมือทั้งสอง จ้องมองดวงตาทั้งคู่ของเธออย่างจริงจัง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มว่า “เธอชื่อไป๋ซินหรุ่ย "

“ไป๋……ซินหรุ่ย?” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วกะทันหัน

เธอเคยได้ยินชื่อนี้อย่างแน่นอน แต่ว่าเธอเคยได้ยินมาจากที่ไหนกันแน่?

ไป๋ซินหรุ่ย ไป๋ซินหรุ่ย…

เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงหานชวน ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนที่วิตกกังวลและคับข้องใจก็หายไป แทนที่ด้วยรอยยิ้มที่สดใส

“พวกเรารีบกลับกันเถอะ ฉันจะกลับไปทำอาหารเช้าให้คุณ” หลังจากเฉินฮวนฮวนพูดจบ เขาก็กระโดดโลดเต้นไปข้างหน้าเหมือนเด็กที่ได้กินลูกอม

เมื่อมองไปที่หลังเรียวเล็กของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนมีความคิดอย่างหนึ่งในใจก็คือจะทำให้เธออ้วนขึ้น อย่างน้อยก็มีเนื้อนิดหน่อยถึงจะดี

เฉินฮวนฮวนกระโดดอยู่ข้างหน้าครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็คิดได้ว่าตัวเองไม่รู้ทางเลย ดังนั้นเขาจึงถอยกลับไปและเดินเคียงข้างกับเฟิงหานชวน

“ทำไมไม่กระโดดแล้ว?” เฟิงหานชวนถาม

“ฉัน……มีสี่แยกข้างหน้า ฉันไม่รู้ถนน” เฉินฮวนฮวนบอกตามความจริง

“ผมจะพาคุณไป” เฟิงหานชวนถือถุงช้อปปิ้งไว้ในมือข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างโอบเอวของเฉินฮวนฮวน

ทั้งสองเดินไปตามทางเดินในบริเวณวิลล่าด้วยท่าทางที่สนิทสนมและกลับมาถึงบ้านโดยไม่รู้ตัว

“ฉันไปทำอาหารเช้าในครัว คุณไปพักผ่อนก่อน รอจนกว่าฉันจะเรียกคุณ”

พูดจบเฉินฮวนฮวนก็คว้าถุงช้อปปิ้งในมือของเฟิงหานชวนไป รีบวิ่งเข้าไปในครัวอย่างรีบร้อน แล้วหยิบของที่ซื้อออกมาทีละชิ้น

เธอพับแขนเสื้อและยุ่งกับงานขึ้นมา ทันใดนั้น เธอเห็นเฟิงหานชวนพิงอยู่ที่ประตูห้องครัว กำลังมองดูเธอในท่าทางทีเรียบร้อย

“อาหาน รีบไปพักผ่อนเถอะ ฉันบอกว่ารอฉันเรียกคุณไม่ใช่หรือ? ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งยืนอยู่ในครัว!” เฉินฮวนฮวนถูกจ้องมองจนรู้สึกเกร็งเล็กน้อย

“คุณแน่ใจหรือว่าจะทำคนเดียวไหว?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว เดินเข้าไปหาเธอแล้วพูดว่า “ผมดูคุณยุ่งมาก ให้ผมเป็นคนจัดการดีกว่า

พูดแล้วเขาก็คิดที่จะหยิบส่วนประกอบทำอาหาร แต่ถูกเฉินฮวนฮวนดึงมือไว้

“เฟิงหานชวน ฉันบอกว่าฉันอยากทำอาหารเช้าให้คุณด้วยตัวเอง ดังนั้นอย่ายุ่ง!” เฉินฮวนฮวนโกรธมากรู้สึกเหมือนทำการบ้านอยู่แล้วมีคนมารบกวน

เฟิงหานชวน: "…"

เขามีใจอยากช่วยเหลือภรรยา แต่ยังถูกรังเกียจ?

“คุณแน่ใจหรือว่าไม่อยากให้ผมช่วย” สุดท้ายเฟิงหานชวนยืนยันอีกรอบ

“ไม่ต้อง ทอดสเต็กหรือทำแซนด์วิชไม่ได้ยากอะไร” เฉินฮวนฮวนมั่นใจเต็มร้อย

“ถ้าอย่างนั้นผมอยู่ที่ห้องนั่งเล่น มีอะไรก็เรียกผม” เฟิงหานชวนไม่อยากดื้อดึงวุ่นวายกับภรรยาของเขา ดังนั้นเขาจึงออกจากครัวอย่างเชื่อฟัง

ในครัวเหลือเฉินฮวนฮวนอยู่คนเดียว เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเริ่มทำงานต่อไป

เฟิงหายชวนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ฟังเสียง "ตึงตึงตังตัง" ที่มาจากห้องครัว แต่รู้สึกว่านี่เป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดที่เขาเคยได้ยิน

ก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน และเฉินฮวนฮวนก็ร้องตะโกนว่า "อ๊า–" ทำให้เฟิงหานชวนลุกขึ้นยืนทันทีและรีบตรงเข้าไปในครัว

เฉินฮวนฮวนถูกเฟิงหานชวนทำให้ตกใจ รีบเอามือตบหน้าอกและถามว่า "ทำไมจู่ๆคุณถึงพุ่งเข้ามาทำฉันตกใจแทบตาย"

“ฮวนฮวน คุณทำให้ผมตกใจเหมือนกัน เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?” ตอนนี้เฟิงหานชวนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนพ่อชราที่เป็นห่วงลูกสาวยังไงยังงั้น ไม่สามารถวางใจได้สักวินาที

“เปล่า ไม่มีอะไร!” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะอย่างเกรงใจและตอบว่า “ฉันไม่เคยทอดสเต็กมาก่อน เมื่อครู่น้ำมันร้อนกระเด็น ฉันเลยตกใจ”

“มีที่ไหนโดนลวกไหม?” เฟิงหานชวนคว้ามือของเฉินฮวนฮวนทันทีหลังจากที่ได้ฟังและตรวจดูสภาพของเธอไปมา

“ไม่เป็น ไม่เป็น ไม่เป็นอะไร แค่ตกใจเท่านั้น” เฉินฮวนฮวนดึงมือกลับและส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

“คราวหน้าไม่ต้องทำพวกนี้อีกแล้ว ผมไม่ต้องการให้คุณทำพวกนี้เพื่อผม” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว คว้าตะหลิวในมือของเฉินฮวนฮวน ขวางหน้าเธอแล้วพลิกสเต็กกลับด้วยตะหลิว

เฉินฮวนฮวนตะลึงไปไม่กี่วินาที เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เธอเห็นคือแผ่นหลังของเฟิงหานชวน ทันใดนั้นเธอเจ็บจมูก

“คุณ……คุณคิดว่าผมสร้างปัญหาให้คุณหรือเปล่า?” เธอสูดจมูกรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

เดิมทีเธออยากทำอาหารเช้าแสนอร่อยด้วยตัวเองเพื่อเป็นการขอบคุณเฟิงหานชวน อยากทำให้เขาประทับใจ แต่ความเป็นจริงกลับกลายเป็นอย่างนี้ไปได้

เฟิงหายชวนคงรังเกียจที่เธอขวางมือขวางเท้า

“อาหาน ในเมื่อคุณไม่ให้ฉันทำอาหารเช้า งั้นคราวหน้าฉันจะไม่ทำอีกแล้ว วันนี้ฉันสร้างปัญหาเพิ่มให้คุณ ฉันขอโทษ”

เฉินฮวนฮวนรู้สึกไม่สบายใจมาก หลังจากพูดจบด้วยเสียงเบา เธอหันหลังกลับและเดินไปที่ประตูห้องครัว

ขณะที่เธอเพิ่งเดินไม่กี่ก้าว แขนยาวสองข้างโอบรอบเอวของเธอ กอดเธอไว้แน่น แผ่นหลังของเธอพิงกับผนังที่ร้อนระอุ

เธอต้องการหันศีรษะ แต่คางของชายหนุ่มอยู่บนศีรษะของเธอ เธอจึงถูกบังคับให้มองไปข้างหน้า ไม่อาจหันกลับมามองเขาได้

"ฉันขอโทษจริงๆ ฉันงุ่มง่ามเอง ฉันไม่เคยทอดสเต็กมาก่อน ฉันทานข้าวต้มเป็นอาหารเช้า ฉันรู้สึกว่าคุณคงไม่อยากทาน ฉันก็เลย……"

เฉินฮวนฮวนกำลังอธิบาย แต่ถูกฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มปิดปากไว้

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้หมายความว่ารังเกียจคุณ อย่าเข้าใจผมผิด” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ

เฉินฮวนฮวนผงะไปครู่หนึ่ง

“ควรเป็นผมที่ต้องขอโทษคุณ ผมขอโทษ ผมไม่รู้จะแสดงความคิดของตัวเองอย่างไร” เฟิงหานชวนรู้สึกผิดในใจ เขาสารภาพว่า: “ผมกลัวว่าคุณจะได้รับบาดเจ็บ ผมถึงไม่ต้องการให้คุณ ทำอาหารเช้าใหผม ไม่ได้รังเกียจคิดว่าคุณสร้างปัญหา”

“ฮวนฮวน คุณไม่จำเป็นต้องทำพวกนี้เพื่อที่จะขอบคุณผม ผมไม่ต้องการให้คุณทำอะไรเพื่อผม ผมแค่หวังว่าคุณจะใช้ชีวิตอย่างสบายและมั่นคง ไม่อยากให้คุณเผชิญอันตรายใดๆ แม้จะอันตรายเล็กน้อยผมก็ไม่ต้องการ”

“ถ้าน้ำมันมะกอกกระเด็นใส่มือคุณและไหม้ผิวคุณ คุณจะเจ็บ แล้วผมจะรู้สึกเจ็บมากกว่าคุณ คุณรู้ไหม?”

เดิมทีในความคิดของเฉินฮวนฮวนรู้สึกมาตลอดว่าเฟิงหานชวนเป็นคนเย็นชา พูดน้อย และเขาก็ไม่ค่อยพูดประโยคยาวขนาดนั้นเท่าไหร่

ดังนั้นเธอจึงตกตะลึงอยู่ที่นั่น ดวงตาเหม่อลอย เธอไม่สามารถคืนสติได้ชั่วขณะหนึ่ง

“ฮวนฮวน อย่าโกรธผมเลยไดัไหม?” เฟิงหานชวนโอบรอบเอวของหญิงสาว แล้วกอดแรงขึ้นเล็กน้อย เขาขยับคางไปที่ไหล่ของหญิงสาว แล้วเอาหัวชิดกับเธอ

เขารู้สึกประทับใจกับการกระทำของเฉินฮวนฮวนมาก แต่เขากังวลเรื่องในตัวเฉินฮวนฮวนมากกว่า ไม่อยากให้เธอเหนื่อย ไม่อยากให้เธอลำบาก ดังนั้นจึงไม่ปล่อยให้เธอทำสิ่งเหล่านี้

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นของชายหนุ่ม เธอรู้สึกเพียงตาเมื่อยหล้า และเสียงของเธอก็สะอึกสะอื้นเล็กน้อยเพราะตื้นตันใจ: “ฉันไม่ได้โกรธ ฉันแค่อยากจะทำอะไรให้คุณบ้าง แต่กลับทำให้คุณเป็นกังวลเช่นนี้……”

นอกจากตื้นตันใจ ที่จริงในใจของเฉินฮวนฮวนรู้สึกขมขื่น เฟิงหานชวนดีกับเธอและห่วงใยเธออย่างพิถีพิถันขนาดนี้ แต่เธอไม่สามารถทำอะไรเพื่อเขาได้

เธอก้มศีรษะลง รอบตัวแสดงออกถึงความผิดหวังที่ทำให้เฟิงหานชวนสามารถสัมผัสได้โดยตรง

“ฮวนฮวน คุณมากับผม” เขาปล่อยหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วหมุนเธอหันกลับมา จากนั้นจับมือเธอ

สุดท้ายเฟิงหานชวนก็พาเฉินฮวนฮวนไปที่หน้ากระทะอีกครั้ง

"สามี?"

เวินซือเหยี่ยนเกือบจะอึ้งไป แต่เขาพอมีประสบการณ์ ไม่นานนักเขาก็กลับมาได้สติ

เขาไม่คิดว่าหญิงสาวนิสัยดีที่อยู่ข้างหน้าเขาจะแต่งงานแล้ว

"ฉัน……ฉันแต่งงานเร็วเพราะมีเหตุผลพิเศษ"เมื่อเห็นท่าทางที่ตกใจของเวินซือเหยี่ยน เฉินฮวนฮวนก็อธิบายออกไปอย่างเขินอาย

ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดของนายท่านเฟิง ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเฉินที่กำลังจะล้มละลาย และถ้าไม่ใช่เพราะเฉินซินโหรวไม่เต็มใจ…เธอก็คงไม่ได้มาเป็นสามีภรรยากับเฟิงหานชวน

เธอรู้สึกว่าบางทีนี่อาจเป็นความตั้งใจของพระเจ้า พระเจ้านำเฟิงหานชวนมาหาเธอ เธอจะรักและทะนุถนอมการแต่งงานครั้งนี้

"อะแฮ่ม"เวินซือเหยี่ยนกระแอมไอและอธิบายว่า: "ผมไม่ได้มีความหมายอื่นเลยนะ แค่เห็นว่าคุณยังดูอายุน้อย เลยไม่คิดว่าคุณจะแต่งงานแล้ว ผมก็เลยรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย"

"เข้าใจแล้ว"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าเบาๆ ถ้าเป็นเธอ เธอก็คงแปลกใจเหมือนกัน

ท้ายที่สุดนี่คือเมืองเป่ยเฉิงที่เจริญรุ่งเรือง ทุกคนแต่งงานกันช้ามาก การแต่งงานก่อนวัยอันควรนั้นหาได้ยากมาก โดยเฉพาะเมื่ออายุยังน้อยเช่นนี้

เมื่อทั้งสองคนจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่พวกเขาเดินไปที่ประตู เวินซือเหยี่ยนก็กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินฮวนฮวนก็ขัดจังหวะเขาขึ้นมาเสียก่อน

"คุณเหวิน สามีของฉันมารับฉันแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคุณให้พาฉันกลับแล้ว ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับวันนี้"เฉินฮวนฮวนแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ

เธอก้มลงหยิบขวดน้ำจากถุงช้อปปิ้งและยื่นให้เวินซือเหยี่ยนแล้วพูดว่า: "ดื่มน้ำสักหน่อยนะคะ"

อย่างไรก็ตามเขาช่วยเธอและพาเธอไปที่ประตูใหญ่ เธอไม่รู้จะขอบคุณเขาอย่างไร เธอจึงซื้อน้ำมาให้เวินซือเหยี่ยน

เวินซือเหยี่ยนไม่ได้ปฏิเสธและรับน้ำจากเธอ จากนั้นเขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า: "ในเมื่อสามีของคุณมารับคุณ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอตัวกลับก่อน"

"โอเค บ๊ายบาย"เฉินฮวนฮวนโบกมือให้เขา

เวินซือเหยี่ยนหยุดแล้วพูดเบาๆว่า "บ๊ายบาย" จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไป

เมื่อเห็นเวินซือเหยี่ยนเดินออกไปแล้ว ในใจของเฉินฮวนฮวนก็ยังคงรู้สึกขอบคุณเขาอยู่

เธอจ้องมองไปไกลๆอย่างใจลอย จนกระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเหนือหัวของเธอ: "คุณกำลังมองอะไรอยู่?"

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น และเมื่อเห็นเฟิงหานชวน เธอก็กอดเขาอย่างตื่นเต้นแล้วพูดอย่างมีความสุขว่า "คุณมาแล้ว!"

"ทำไมถึงเงียบไปไม่บอกกัน"เฟิงหานชวนรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เขาต้องการสั่งสอนผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของเธอ คำพูดของเหล่านั้นก็กลืนกลับเข้าไปในทันที

เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนก็ถามด้วยความสงสัย: "หือ? อาหาน คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันหลงทาง? "

"คุณหลงทางเหรอ?"เฟิงหานชวนจับไหล่ของหญิงสาวและจ้องไปที่ดวงตาของเธอ จู่ๆใบหน้าของเขาก็กลายเป็นกังวลแล้วถามต่อว่า: "เกิดอะไรขึ้น? ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม? "

"ไม่เป็นไร ฉันโอเค ฉันบังเอิญเจอคนใจดีและเขาก็กำลังจะมาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตพอดี เขาก็เลยอาสาพาฉันมา"

ดวงตาที่สดใสของเฉินฮวนฮวนมองไปรอบๆ เธอยืนเขย่งปลายเท้าไปที่หูของเฟิงหานชวนและกระซิบ: "เดาสิว่าใครเป็นคนใจดีที่ฉันพบ?"

"หืม?"เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าแสดงออกถึงความงุนงง

เท่าที่เขารู้ไม่น่าจะมีคนรู้จักของเฉินฮวนฮวนในละแวกผู้อยู่อาศัยในบริเวณคฤหาสน์แห่งนี้

"เขาคือเวินซือเหยี่ยน เวินซือเหยี่ยนพาฉันมาที่นี่"เฉินฮวนฮวนยังคงกระซิบข้างๆหูของเฟิงหานชวน เธอค่อนข้างดูตื่นเต้น

เธอพูดเบาๆเพราะกลัวว่าคนในซูเปอร์มาร์เก็ตจะได้ยิน เวินซือเหยี่ยนแต่งตัวมิดชิดก่อนที่จะเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต โดยบอกว่าเธอว่าเขากังวลว่าจะถูกจำได้

"เวินซือเหยี่ยนคือใคร?"เฟิงหานชวนยังคงขมวดคิ้วและถามต่อว่า: "ผู้ชายหรือผู้หญิง?"

"เอ่อ….."เฉินฮวนฮวนเกาหัวและพึมพำ: "โอเค คุณนี่ล้าสมัยกว่าฉันจริงๆ"

เมื่อตอนที่เธอพบเวินซือเหยี่ยน ขนาดมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็รู้สึกเขินมากๆแล้ว แต่เฟิงหานชวนที่ได้ยินชื่อเวินซือเหยี่ยนในตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้จักอยู่ดีว่าเวินซือเหยี่ยนคือใคร ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงล้าสมัยกว่าเธอจริงๆ

"นี่คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าเขาเป็นใคร?"เฟิงหานชวนคว้าเอวของเธอและดึงเธอมาข้างหน้า

ตัวของเฉินฮวนฮวนชิดกับตัวของเฟิงหานชวนโดยไม่รู้ตัว แต่เธอก็ไม่ได้ต่อต้านใดๆ ได้แต่เกาะคอของร่างสูงไว้แน่น

เมื่อไม่เห็นใครอยู่รอบๆ เธอจึงอธิบายไปว่า: "เขาเป็นผู้ชาย นักแสดงวัยรุ่นชื่อเวินซือเหยี่ยน! ไม่คิดเลยว่าฉันแค่ถามคนไปเรื่อย แต่ดันได้ไปถามนักแสดงชื่อดังอย่างเขา! "

ในขณะที่เฉินฮวนฮวนพูด เธอก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่จู่ๆเธอก็อารมณ์เสียขึ้นมา เธอเกาหัวของเธอและพูดว่า: "ฉันลืมขอลายเซ็นเขา…"

อย่างไรก็ตามเวินซือเหยี่ยนเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ถ้าเธอได้ลายเซ็นของเวินซือเหยี่ยนก็คงจะทำเงินได้มากมาย

แน่นอนว่าเขาเป็นคนที่ช่วยเหลือเธอ และเธอไม่สามารถหาเงินด้วยชื่อเสียงของเวินซือเหยี่ยนได้ มันผิดศีลธรรม

"ลายเซ็น!?"เฟิงหานชวนกัดฟัน จากนั้นก็ก้มหน้าไปตรงหน้าผากของหญิงสาวแล้วถามว่า: "คุณชอบเขาเหรอ?"

เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เรียกว่าความหึงหวงแผ่ออกมาจากใจของเขา

"ไม่ใช่ จะเป็นไปได้ยังไง อาหาน คุณเข้าใจฉันผิดแล้ว"เฉินฮวนฮวนรีบอธิบายต่อว่า: "ฉันตื่นเต้นมากเพราะเขาเป็นนักแสดง ฉันไม่รู้จักเขามาก่อนและฉันก็ไม่ได้ชอบเขา"

เธอไม่ต้องการให้เฟิงหานชวนเข้าใจผิด ตอนนี้ในใจของเธอ เขาเป็นคนที่สำคัญที่สุด

เฟิงหานชวนปล่อยเฉินฮวนฮวน และก้มลงหยิบถุงช้อปปิ้งที่พื้น จากนั้นก็หันหลังเดินไปข้างหน้าแล้วหันกลับมาและพูดว่า: "กลับกับผม"

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ได้พูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เฉินฮวนฮวนก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวลมาก เธอรีบเดินตามไปทันที เธอคว้าแขนของเฟิงหานชวนไว้และอธิบายอีกครั้งว่า: "อาหาน ฉันไม่ได้ชอบเวินซือเหยี่ยนจริงๆ ฉันแค่เจอซูเปอร์สตาร์ฉันก็เลยรู้สึกตื่นเต้นมาก อย่าเข้าใจฉันผิด…"

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนแดงราวกับว่ากำลังจะร้องไห้

เฟิงหานชวนหันกลับมามองหญิงสาวผู้น่าสงสารที่อยู่ข้างหน้าเขา เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ: "คนโง่ ผมรู้"

"แล้วทำไมคุณถึงเมินฉัน?"เฉินฮวนฮวนสูดจมูกสีแดงของเธอแล้วถาม

"ผมไม่ได้เมินคุณ ผมแค่ต้องการพาคุณกลับบ้านก่อน"จริงๆแล้วในใจของเฟิงหานชวนมีความสุขมาก แต่เขาอยากแสร้งทำเป็นนิ่งๆ

เขาชอบท่าทางของเฉินฮวนฮวนที่ดูเป็นกังวลแบบนี้

"ฉันคิดว่าคุณเมินฉัน…"เฉินฮวนฮวนจับแขนของเฟิงหานชวนไว้แน่น เธอเอนศีรษะของเธอไปซบลงบนแขนของเฟิงหานชวนและพึมพำกับตัวเอง: "ตอนนี้คุณเป็นคนที่สำคัญที่สุดของฉัน ดังนั้นคุณจะเข้าใจฉันผิดไม่ได้"

ตอนนี้คุณเป็นคนที่สำคัญที่สุดของฉัน…เฟิงหานชวนตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ

ทันทีที่ได้ยินเขาก็ยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็ก้มลงจูบเฉินฮวนฮวนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: "ฮวนฮวน คุณเป็นคนที่สำคัญที่สุดของผมเช่นกัน"

คางของเฉินฮวนฮวนถูกบังคับให้มองไปที่ชายที่อยู่ตรงหน้า

“ทำไมจะไม่ใช่การตัดสินใจของฉัน ฉันพูดเองก็ต้องเป็นการตัดสินใจของฉันสิ” เฉินฮวนฮวนประท้วงคำพูดของเฟิงหานชวน

“เมื่อกี้คุณกอดคอผมก่อน แต่คุณบอกว่าไม่ได้ริเริ่ม? ถ้าอย่างนั้นที่คุณพูดคืออะไร?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยและขยับศีรษะเข้าไปใกล้เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเห็นริมฝีปากบางๆของผู้ชายห่างจากเธอเพียง 1 เซนติเมตร เธอเอียงศีรษะไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ฝ่ามือใหญ่ของผู้ชายคว้าด้านหลังศีรษะของเธออย่างรวดเร็วและจับศีรษะของเธอ

“หนีอะไร?” เฟิงหานชวนแสดงความไม่พอใจกับท่าทางของเฉินฮวนฮวน

“ฉัน…ฉันไม่ได้หนี มันคือสัญชาตญาณ” เฉินฮวนฮวนหัวเราะและพึมพำ: “ใครให้คุณเข้ามากะทันหันแบบนี้!”

“ผมเป็นสามีของคุณ เข้าใกล้คุณไม่ได้เหรอ?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนบึ้งตึง ดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยเผยให้เห็นแววตาที่เป็นอันตราย

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น ดูเหมือนเธอจะทำให้เฟิงหานชวนอารมณ์เสีย ผลความไม่พอใจของเฟิงหานชวนที่ตามมา เธอ…

“ได้ ได้สิ!” เฉินฮวนฮวนตะโกนออกมาทันที สบตากับชายตรงหน้าอย่างกล้าหาญ และกล่าวว่า: “คุณเป็นสามีของฉัน สิ่งที่เราควรทำก็ทำแล้ว แค่เข้าใกล้ทำไมจะไม่ได้?”

“แล้วเมื่อกี้คุณหลบทำไม?” เฟิงหานชวนถามด้วยเสียงที่เย็นชา

“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่า…มันคือสัญชาตญาณ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกเพียงว่าหัวใจเต้นแรง

"ผมหมายความว่า ทำไมกับสามีต้องมีสัญชาตญาณรีบหลบ?" เฟิงหานชวนหมายถึงเรื่องนี้

“อาหาน ฉัน…” เฉินฮวนฮวนพูดไม่ออกครู่หนึ่ง

ดวงตาของเฟิงหานชวนหรี่ลงเล็กน้อย และกล่าวเบาๆว่า: “คุณยังไม่เปิดใจให้ผม เวลาที่เราอยู่ด้วยกันน้อย แต่คุณต้องรีบปรับตัวให้เร็วที่สุด เข้าใจไหม?”

เขาไม่ชอบปฏิกิริยาตอบสนองของเฉินฮวนฮวนที่มีต่อตัวเอง

“ฉันเข้าใจแล้ว” เฉินฮวนฮวนไม่รู้เหตุผลเรื่องนี้ แต่เธอก็เข้าใจ

สำหรับเธอ ตอนนี้เฟิงหานชวนคือสามีของเธอ และเป็นคนที่สำคัญที่สุดของเธอ เพราะแม่และยายของเธอจากไปแล้ว ดังนั้น เฟิงหานชวนจึงเป็นคนที่เธอพึ่งพาได้มากที่สุดในขณะนี้

“เด็กดี” เมื่อเห็นคำตอบที่เชื่อฟังของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็ลูบหัวของเธอเบาๆและกล่าวว่า: “รีบนอนเถอะ ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ต่อไปจะมีผมอยู่ข้างๆ”

เขาพูดอย่างคลุมเครือ แต่จริงๆแล้วกำลังปลอบเฉินฮวนฮวนไม่ให้คิดถึงคืนนั้นอีก

“โอเค” เฉินฮวนฮวนพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของชายคนนั้น เอื้อมมือไปโอบเอวที่แข็งแรงของผู้ชาย แล้วถามว่า: “ฉันขอนอนกอดคุณได้ไหม?”

เฟิงหานชวนแอบขดริมฝีปากของเขา กดคางแนบกับศีรษะของผู้หญิง และตอบสั้นๆสองคำ: “ได้สิ”

ก่อนรุ่งสาง เฉินฮวนฮวนตื่นขึ้น

เธอฝันร้าย

อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเธอเจอหลิวตงรุ่ย เธอฝันถึงเรื่องที่เธอถูกทรมานในบลูส์คลับ

เมื่อเธอตื่นขึ้น เธอยังคงกอดเฟิงหานชวน แต่ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ หน้าผากของเธอก็มีเหงื่อออกเช่นกัน และผมของเธอก็เปียกจนเกือบหมด

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนนอนหลับอย่างสงบ เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองดูใบหน้าที่กำลังหลับของชายคนนั้น จากนั้น เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาก ความกลัวทั้งหมดในความฝันก็หายไป

อาจเป็นเพราะวันก่อนหน้านั้นทุกข์ทรมานเกินไป พระเจ้าจึงส่งของขวัญให้เธอ ส่งเฟิงหานชวนมาอยู่ข้างๆเธอ

ชีวิตที่เหลือ เธอคงจะมีความสุขใช่ไหม?

อย่างน้อย ตอนนี้เธอก็มีความสุข

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินฮวนฮวนยิ้มที่มุมปากของเธอ แล้วลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบๆ

เธอบอกว่าเธอจะทำอาหารเช้าให้เฟิงหานชวน เธออยากให้เฟิงหานชวนกินอาหารเช้าที่เธอทำเอง นี่คือความตั้งใจของเธอ

เธอไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรเพื่อเฟิงหานชวนได้บ้าง ตอนนี้เธอคิดได้เพียงเท่านี้

เฉินฮวนฮวนกลัวทำให้เฟิงหานชวนตื่น เธอไม่ได้เปลี่ยนชุดนอน ไม่แปรงฟันหรือล้างหน้า เธอออกจากห้องนอนอย่างเงียบๆ และเดินไปที่ชั้นหนึ่ง

เมื่อเข้ามาถึงห้องครัว เปิดตู้เย็น เฉินฮวนฮวนก็ตกตะลึงในทันใด

ตู้เย็นว่างเปล่า ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลย เธอมองไปที่ห้องครัวที่สะอาดและรู้สึกเขินอายเล็กน้อย

นี่มันบ้านใหม่ เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อคืนนี้ ยังไม่ได้จัดการเรื่องคนใช้ ดังนั้นห้องครัวจึงยังไม่เคยถูกใช้งาน

ตอนนี้ยังเช้ามาก เธอไม่คุ้นเคยกับถนนแถวนี้ ไม่รู้ว่าต้องไปซื้อวัตถุดิบที่ไหน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่างเปล่าในใจ เดินออกจากครัวด้วยความสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

เธอนึกขึ้นได้ น่าจะมีซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าอื่นๆใกล้คฤหาสน์ แต่เธอไม่รู้ว่าร้านเปิดหรือยัง ทำได้เพียงลองไปดูด้วยตัวเอง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง รีบไปที่ประตูห้องนั่งเล่น ใส่รองเท้าแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ

เพราะเธออยากทำอาหารเช้าเซอร์ไพรส์เฟิงหานชวน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากปลุกเฟิงหานชวน เธอจึงไม่เปลี่ยนชุดนอนของเธอ โชคดีที่ชุดนอนไม่ได้โป๊เกินไป สวมออกไปก็ไม่อาย

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ท้องฟ้าเริ่มสว่าง

แต่มีบางอย่างที่น่าอายเกิดขึ้น เฉินฮวนฮวนหลงทางในบริเวณคฤหาสน์

ชุมชนเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ทั้งหมดเป็นบ้านพักตากอากาศ เธอเดินไปตามถนนที่สลับซับซ้อน และในที่สุดก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงไหน

เฉินฮวนฮวนกังวลมาก กำลังจะโทรหาเฟิงหานชวน ทันใดนั้นเธอเห็นชายในชุดกีฬาสีดำวิ่งไปตามถนนข้างหน้าเธอ

ตาของเธอเป็นประกายและเธอก็รีบตามไป

“เดี๋ยวก่อน คุณคะ!”

ชายคนนั้นหันกลับมา เฉินฮวนฮวนรู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามาก แต่เธอไม่รู้ว่าเคยเห็นที่ไหน

“คุณคะ ฉันหลงทาง ไม่ทราบว่าทางออกจากหมู่บ้านไปทางไหน?” เฉินฮวนฮวนถามอย่างกังวลใจ เหงื่อออกเต็มหัว

เมื่อเห็นเธอเช่นนี้ สีหน้าของเวินซือเหยี่ยนเปลี่ยนเป็นผ่อนคลาย เขาตอบว่า: “ไปข้างหน้าและคุณจะเห็นถนนใหญ่ เลี้ยวขวาและตรงไปข้างหน้าเลี้ยวซ้ายอีกครั้งแล้วไปทางใต้อีกครั้ง จากนั้น … "

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนหม่นหมองไปชั่วขณะ หัวของเธอสับสนไปหมด สีหน้ามึนงงปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“คุณอาศัยอยู่ที่นี่เหรอ?” น้ำเสียงของเวินซือเหยี่ยนนั้นอ่อนโยนมาก

“ใช่ ใช่ค่ะ ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อคืนนี้ จะออกไปดูว่ามีร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวนี้ไหม แล้วฉันก็หลงทาง…” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะของเธอ

“ถ้าอย่างนั้น ผมพาคุณไป ผมกำลังจะไปที่ประตูทิศใต้พอดี” เวินซือเหยี่ยนยิ้มจางๆ

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและพูดอย่างตื่นเต้น: “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณคุณมาก!”

“คุณเรียกผมว่าคุณ คือ…” เวินซือเหยี่ยนอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่ถาม

เฉินฮวนฮวนเริ่มสงสัยเล็กน้อยและรีบถาม: “คุณอยากถามอะไรฉันหรือเปล่าคะ? คุณยังหนุ่มมาก ฉันเรียกว่า“คุณ” มันดูแก่ไปเหรอ? ถ้างั้นฉันเรียกคุณว่า…สหาย?”

“แฮร่!” เวินซือเหยี่ยนยิ้มและถามว่า: “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอผู้หญิงที่ไร้เดียงสาอย่างคุณ คุณไม่รู้จักผมจริงเหรอ?”

“หือ?” เฉินฮวนฮวนประหลาดใจและพูดอย่างตรงไปตรงมา: “ฉันรู้สึกคุ้นๆเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเคยเห็นคุณที่ไหน บางทีฉันอาจเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อน แต่ฉันไม่รู้จักคุณ”

“ตามผมมาก่อน” เวินซือเหยี่ยนยิ้มและส่ายหัว เดินไปข้างหน้า

เฉินฮวนฮวนเดินตามไปทันที

หลังจากเดินมาได้ซักพัก เวินซือเหยี่ยนก็หันศีรษะและเห็นว่าเฉินฮวนฮวนกำลังเดินอยู่ข้างหลังเขาอย่างจริงจัง โดยไม่มีการล่วงเกินหรือพูดคุยใดๆ น่าจะไม่รู้จักตัวเองจริงๆ

ก็แค่แปลกใจที่ในประเทศจีน ในหมู่สาวๆจะมีคนที่ไม่รู้จักเขาจริงเหรอ?

“คุณบอกว่าคุณเพิ่งมาถึงเมื่อคืน ย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ?” เวินซือเหยี่ยนรู้สึกว่าเขาอยากรู้เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้

สามารถซื้อคฤหาสน์ของบริษัทหมิงอวี่ได้ ต้องมีทรัพย์สินไม่น้อยแน่นอน แต่เขารู้สึกว่าเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน เป็นไปได้ไหมว่าเธอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ?

ไม่อย่างนั้น ถ้าเป็นผู้หญิงชนชั้นสูง ก็น่าจะเคยเจอในงานเลี้ยงต่างๆ และน่าจะรู้สึกคุ้นเคย

“ใช่ค่ะ เพิ่งย้ายมาที่นี่ คุณก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?” เฉินฮวนฮวนแสดงความอยากรู้เกี่ยวกับชายหนุ่มรูปงามที่อบอุ่นคนนี้

“ผมอยู่ที่นี่มานานแล้ว แต่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน” เวินซือเหยี่ยนตอบตามความจริง เขาไม่ได้อยู่บ้านตลอด เพราะเขาต้องออกไปถ่ายงานตลอดทั้งปี

ช่วงนี้เป็นช่วงพักร้อน เขาจึงกลับมาบ้าน

“อืมอืม” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าแสดงความเข้าใจ

“คุณเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศหรือเปล่า?” เวินซือเหยี่ยนอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองและถามผู้หญิงในชุดนอนอีกครั้ง

“ห้ะ? ไม่ใช่ ฉันโตในเมืองเป่ยเฉิง” เฉินฮวนฮวนโบกมืออย่างรวดเร็วและปฏิเสธ

“เติบโตในเมืองเป่ยเฉิง?” เวินซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ซึ่งดูไม่เหมือนกับความคิดของเขาเลย

ผู้หญิงที่เดินตามเขาอยู่ ชุดนอนของเธอเป็นแบรนด์ซี และกางเกงผ้าฝ้ายขาสั้นธรรมดา ราคาอยู่ที่ห้าหลัก คนทั่วไปคงไม่มีปัญญาซื้อ

“ใช่ ฉันเป็นคนเป่ยเฉิง ยังไม่เคยไปต่างประเทศ!” เฉินฮวนฮวนตอบคนนำทางที่ใจดีตามปกติ โดยไม่มีการหลีกเลี่ยงคำพูดใดๆ

เซนส์ของผู้หญิงนั้นแม่นยำมาก ผู้ชายที่เดินนำหน้าเธอดูหล่อเหลาและมีอารมณ์ที่อ่อนโยน มีเสน่ห์ ดังนั้นเขาคงไม่ใช่คนเลวอย่างแน่นอน เธอจึงตอบอย่างสบายใจ

หลังจากที่เวินซือเหยี่ยนฟังแล้ว เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาสงสัยจริงๆ และอดไม่ได้ที่จะอวดตัวเองออกมา: "ในเมื่อคุณเป็นคนจีน ทำไมคุณถึงไม่รู้จักผม"

“ห้ะ?” เฉินฮวนฮวนหยุดและถามอย่างรวดเร็ว: “ไม่ทราบว่าคุณรู้จักฉันเหรอ?”

เมื่อกี้ชายคนนี้ถามเธอว่าเธอรู้จักเขาไหม เธอก็ตอบแล้วว่า เธอรู้สึกคุ้นเคย แต่เธอไม่รู้จักเขา

และตอนนี้ เขาถามเธออีกครั้ง เธอจึงรู้สึกว่าเขารู้จักเธอ?

“ผมไม่รู้จักคุณ” เวินซือเหยี่ยนตอบ เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ และกล่าวด้วยความขบขันเล็กน้อย: “ครั้งแรกที่ผมเจอคนที่ไม่รู้จักผม”

หลังจากดื่มนมอุ่นเสร็จ ทั้งสองก็นอนพักผ่อน

แต่ว่า ไม่มีใครนอนหลับ

เฉินฮวนฮวนนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้เธอไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำ เธอจึงพูดขึ้นว่า: "อาหาน พรุ่งนี้ฉันอยากทำอาหารเช้าให้คุณ"

ในคฤหาสน์เงียบมาก พวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามา จึงยังไม่มีคนใช้

“หือ? ทำอาหารเช้าให้ผมเหรอ? ยัยบ๊อง ผมไม่ขอให้คุณทำสิ่งเหล่านี้เพื่อผม” เฟิงหานชวนพลิกตัว นอนตะแคงโดยหันหน้ามาทางเฉินฮวนฮวน

ตอนแรกเฉินฮวนฮวนนอนราบ แต่ตอนนี้เธอก็นอนตะแคงและมองหน้าเฟิงหานชวน

“แต่ว่า ฉันอยากทำอาหารเช้าให้คุณ อยากให้คุณได้กินฝีมืออาหารเช้าของฉัน” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากของเธอ เสียงของเธอเบามาก แต่ใบหน้าของเธอดูจริงจัง

เฟิงหานชวนขดริมฝีปาก อดไม่ได้ที่จะปัดปลายนิ้วมือไปที่แก้มของผู้หญิงและกล่าวเบาๆว่า:“โอเค”

“ถ้าอย่างนั้นตามนี้นะ พรุ่งนี้ฉันจะตื่นเช้าๆ” เฉินฮวนฮวนตอบพร้อมรอยยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวเรียงสวย

เมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็รู้สึกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกมีความสุขเช่นนี้มาก่อน

“ใช่สิฮวนฮวน เราต้องมีคนใช้สักสองคนที่นี่ คนใช้ที่บ้านเก่าคุณชอบคนไหนเป็นพิเศษไหม หรือจะให้ผมไปหาคนใหม่”

หลังจากเฟิงหานชวนพูดจบ เขาก็หยุดและกล่าวเสริมว่า: “คนใหม่อาจจะไม่รู้ว่าพวกเขาบุคลิกเป็นอย่างไร คนใช้ที่บ้านเก่าส่วนมากเป็นคนที่แม่บ้านหลี่และผู้ดูแลจางพามา ก็พอมีหลักประกัน”

“ไม่ต้องหาคนใหม่หรอก เอาคนที่บ้านเก่านั่นแหละ!” ชื่อของคนสองคนก็ปรากฏขึ้นในหัวของเฉินฮวนฮวน เธอกล่าวอย่างรวดเร็วว่า: “ถ้าคนใช้สองคน ถ้างั้นเสี่ยวลี่กับหลิวหลี่ถง เป็นไง?”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาไม่ได้อคติต่อเสี่ยวลี่ แต่มีความอคติต่อหลิวหลี่ถง เพราะเคยช่วยเฉินฮวนฮวนขอผ้าอนามัย มีภาพจำที่ไม่ดีกับหลิวหลี่ถง

เพราะภาพจำที่ไม่ดีนี้ เขาเกือบจะไล่หลิวหลี่ถงออก แต่หากเขาไล่เธอออก ก็จะทำให้คนใช้คนอื่นๆเอาเรื่องนี้มาพูดได้ เพราะหลิวหลี่ถงขยันทำงานมาตลอด การถูกไล่ออกอย่างกะทันหันย่อมต้องสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เขาเพิ่มเงินเดือนให้หลิวหลี่ถง เพื่อปิดปากหลิวหลี่ถง เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่รู้ ตราบใดที่หลิวหลี่ถงไม่พูด ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้

เรื่องแบบนี้เขาก็ไม่คิดที่จะบอกเฉินฮวนฮวน มันน่าอายเกินไป และไม่อยากให้เฉินฮวนฮวนสงสัย

“หลิวหลี่ถงยังสาว ประสบการณ์ทำงานก็น้อย ไม่จำเป็นต้องกระฉับกระเฉง หาคนเก่าแก่ที่คุ้นเคยดีกว่า” เฟิงหานชวนหลับตาลงและกล่าวว่า: “ส่วนเสี่ยวลี่…”

เขานึกไม่ออกว่าเสี่ยวลี่คือคนไหน…

“ถ้าคุณรู้สึกว่าเสี่ยวลี่ไม่โอเค ถ้างั้นก็ให้เธออยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงต่อ แต่ว่าฉันอยากขอร้องคุณเรื่องหนึ่ง” เฉินฮวนฮวนกระพริบตามองไปยังชายตรงหน้าและพูดอย่างจริงจัง

“เรื่องอะไร?” เฟิงหานชวนถามทันที

“เพิ่มเงินเดือนให้เสี่ยวลี่ได้ไหม?” เฉินฮวนฮวนจ้องไปที่เฟิงหานชวนโดยไม่กระพริบตา

ขณะที่เธอกล่าวคำเหล่านี้ เธอมีความจริงใจและอ้อนวอน

“เสี่ยวลี่แข็งแกร่งมาก เธอคนเดียวเลี้ยงสามีและลูก สามีของเธอพิการเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์และไม่สามารถทำงานได้ ลูกชายของเธอยังเรียนอยู่ชั้นประถมและเกรดของเขาดีมาก ฉันเลย… "

ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะพูดจบ เฟิงหานชวนก็ขัดจังหวะ: "ฮวนฮวน คุณใจดีมาก"

เขาไม่เคยสนใจสภาพความเป็นอยู่ของคนอื่น ไม่สนใจภูมิหลังครอบครัวคนอื่นจะเป็นยังไง เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ และไม่ต้องเข้าใจ

แต่มาวันนี้ คำวิงวอนของเฉินฮวนฮวนทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งในใจของเขา

“ผมจะเพิ่มเงินเดือนให้เธอเป็นสองเท่า แล้วย้ายเธอมาทำงานที่นี่ โอเคไหม?” เฟิงหานชวนถามความคิดเห็นของเฉินฮวนฮวน

“โอเค!” เฉินฮวนฮวนกอดคอของผู้ชายอย่างมีความสุขและยิ้มอย่างสดใส

เธอเคยมีประสบกับช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิต ดังนั้นเมื่อเธอรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเสี่ยวลี่ เธอเพียงหวังที่จะช่วยเสี่ยวลี่ ทำให้เสี่ยวลี่มีชีวิตที่ดีขึ้น

“เวลามีความสุข ชอบที่จะริเริ่มเหรอ?” ดวงตาของเฟิงหานชวนเหลือบมองลงและคิ้วของเขาถูกยกขึ้นเล็กน้อย

เฉินฮวนฮวนตระหนักถึงความตื่นเต้นของเธอ ก็รีบดึงมือกลับและวางมันไว้ข้างหลัง หลับตาลงและกระซิบว่า: “ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำ อย่ามาพูดไปเรื่อย”

“พูดไปเรื่อยหรือไม่ ไม่ใช่การตัดสินใจของคุณ” เฟิงหานชวนเข้าหาเธอ ยกคางของเธอขึ้นด้วยปลายนิ้วของเขา

ติงเซียงรู้สึกเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน และในใจสามารถจับเสียงชายหนุ่มแบบนี้ไว้ได้อย่างรวดเร็ว

จู่ๆ สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไป

คือเฟิงหานชวน เสียงของชายหนุ่มเมื่อครู่เหมือนกับเฟิงหานชวน!

ตอนเธออยู่ในโรงอาหารที่ฐานฝึก เธอเคยเห็นเฟิงหานชวนด้วยตาของเธอเองและเคยได้ยินเสียงของเฟิงหานชวน เพียงแต่ว่าน้ำเสียงของเฟิงหานชวนเย็นชาเป็นอย่างมาก แต่เสียงเมื่อครู่ของผู้ชายคนนั้นช่างอ่อนโยนมาก

มีเสียงที่คล้ายกันหรือ? หรือว่า……ผู้ชายคนนั้นคือเฟิงหานชวน?

ไม่ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเฟิงหานชวนอย่างแน่นอน!

ถ้าเป็นเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนคงจะดีเลิศขึ้นสวรรค์ตั้งแต่แรกแล้ว จะเก็บซ่อนมันได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเฟิงหานชวนเป็นสามีของเฉินฮวนฮวนจริงๆ ตอนพวกเขาอยู่ที่ฐาน ทั้งสองดูเหมือนจะไม่รู้จักกันเลย

นอกจากนี้ เฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นหลานชายของเฟิงหานชวน ถ้าเฉินฮวนฮวนเป็นภรรยาของเฟิงหานชวน งั้นเฟิงเฉินเหยี่ยนควรเรียกเฉินฮวนฮวนว่าป้าสามถึงจะถูก

ดังนั้น ไม่ใช่เฟิงหานชวนแน่ เพียงแต่เสียงคล้ายกัน แต่ไม่ใช่เฟิงหานชวน

“เซียงเซียง ฉัน……” เฉินฮวนฮวนจู่ๆก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร

เดิมทีเธอต้องการปิดติงเซียง แต่ตอนนี้ถูกติงเซียงได้ยินเข้า บางทีเธอไม่ควรปิดบังอีกต่อไป

เพียงแต่ว่าเธอไม่แน่ใจว่าปากของติงเซียงไว้ใจได้หรือไม่ ที่จริงเธอไม่แน่ใจ ดังนั้นเธอยังคงลังเล

“ฮวนฮวน ไม่ใช่แฟนเธอใช่ไหม? เธออาศัยอยู่กับแฟนเธอหรือ?” ติงเซียงตามถามอีกครั้ง

แม้ว่าจะรู้ตัวตนของอีกฝ่าย แต่ติงเซียงฟังออกว่าเฉินฮวนฮวนไม่อยากพูด ดังนั้นจึงเปลี่ยนวิธีถามอีกแบบ ที่จริงคือบีบบังคับให้เฉินฮวนฮวนตอบ

เฉินฮวนฮวนเห็นว่าเฟิงหานชวนหันหลังและเดินออกไปด้านนอกแล้ว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงบันได เธอนึกถึงความดีของเฟิงหานชวนที่มีต่อเธอ นึกถึงคำพูดที่เขาพูดกับเธอ ทันใดนั้นเธอไม่อยากปิดบังความสัมพันธ์นี้

เพียงแต่ว่าเธอไม่คาดหวังให้พวกฉินฟางฟางรู้ เธอเกลียดหน้าตาของคนเหล่านั้นและไม่ต้องการที่จะยอมรับคำวิพากวิจารณ์ของพวกนั้น

ตอนนี้ บอกติงเซียงก็คงไม่เป็นไร ทำได้เพียงให้ติงเซียงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าหลุดปากพูด

“ไม่ใช่แฟนฉัน เขาคือสามีของฉัน” เฉินฮวนฮวนบอกอย่างตรงไปตรงมา

“อะไรนะ? สามี! ?” ติงเซียงอุทาน แสร้งทำท่าทางว่าแปลกใจเป็นอย่างมาก

แต่ว่า ในความเป็นจริงเธอรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ รู้เรื่องที่เฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว เธอล้วนแสร้งทำสิ่งเหล่านี้ออกมา ไม่เช่นนั้นเฉินฮวนฮวนจะรู้ว่าเธอแอบฟังอยู่ในขณะนั้น งั้นคงไม่ดี

“อืม เป็นสามี ฉันแต่งงานแล้ว” เฉินฮวนฮวนรู้ว่าติงเซียงจะต้องแปลกใจ เพราะถ้าเป็นเธอ ก็คงแปลกใจ

“โอ้สวรรค์ ฮวนฮวนเธออายุน้อยกว่าฉัน เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะ ทำไมถึงแต่งงานเร็วขนาดนี้?” ติงเซียงพูดเสียงดังมาก แล้วก็แอบถามว่า“เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีที่สองไม่ใช่เหรอ?เธอกับสามีเธอรักกันนานแค่ไหนถึงแต่งงาน?รักแรกหรือเปล่า?”

“เซียงเซียง เรื่องนี้พูดแล้วเรื่องมันยาว เขาไม่ใช่รักแรกของฉัน แต่เขาคือผู้ชายที่ฉันอยากอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต” เมื่อเฉินฮวนฮวนกล่าวเช่นนี้ คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความสุข

ติงเซียงฟังออกโดยธรรมชาติ เธอคาดเดาว่านั่นคือรักครั้งแรกของเฉินฮวนฮวน ดังนั้นเธอถึงแต่งงานไวกับแฟนที่เป็นรักแรก แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่รักแรกของเฉินฮวนฮวน

เธอมองเฉินฮวนฮวนว่าดูบริสุทธิ์และน่ารัก แต่ไม่คิดว่าเรื่องความรักจะมีมากมาย แต่ตอนนี้เธอแค่ไม่รู้ว่าสามีของเฉินฮวนฮวนเป็นคนยังไง

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนพูดจบประโยค ก็พบว่าเฟิงหานชวนถือแก้วนมแล้วยืนพิงกำแพงอยู่ ท่าทางสบายๆ และยังเป่าความร้อนของนมจากการอุ่น

ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงสิ่งที่เธอเพิ่งพูดกับติงเซียง ไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนได้ยินทั้งหมดหรือไม่?

“ฮวนฮวน ผู้ชายที่สามารถทำให้เธอเห็นค่า ทำให้เธอแต่งงานเร็วขนาดนี้ น่าจะยอดเยี่ยมหรือเปล่า? หรือไม่เป็นคนที่รวยและหล่อมาก?” ติงเซียงยังคงสอบสวนต่อไป

ปัญหาแบบนี้ เฉินฮวนฮวนรู้สึกแปลกๆที่จะพูดถึงเขาและเธอต่อหน้าเฟิงหานชวน

เธอหันไปที่โทรศัพท์แล้วพูดว่า “เซียงเซียง วันนี้ดึกเกินไปแล้ว หรือไม่เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้ยังต้องฝึกซ้อมอีก คืนนี้เธออย่าเล่นดึกเกินไปนะ”

“เอ๊ะ ฮวนฮวน ทำไมเธอไม่พูดคุยกับฉันหล่ะ? สามีของเธอไปชงนมให้เธอกลับมาแล้วใช่หรือเปล่า?” ตอนนี้ติงเซียงกำลังทุกข์ทรมานจากความอยากอาหาร ที่จริงไม่อยากวางสายเลย

อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอก็เบื่อมาก นั่งอยู่บนโซฟาแบบพับได้ตามลำพัง

หลินอวี่หยางเล่นสนุกกับเพื่อนสองสามคนอย่างมีความสุข เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ถูกล้อมรอบด้วยผู้หญิงคนอื่นๆ เธอเป็นเหมือนคนนอกที่ไม่สามารถเข้ากับแวดวงของพวกเขาได้ และไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเฟิงเฉินเหยี่ยน

“อืม ใช่แล้ว ฉันจะบอกพวกเธอพรุ่งนี้ตอนเที่ยงนะ? ตอนเที่ยงพวกเราไปทานข้าวด้วยกัน แล้วไปฝึกที่เหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์” เฉินฮวนฮวนเหลือบมองเฟิงหานชวน ไม่มีทางคุยกับติงเซียงต่อได้เลยจริงๆ

เขาจ้องมองตลอดด้วยดวงตาทั้งคู่ที่ร้อนรน นิ้วที่เรียวยาวของเขาถือช้อนสีทองอันเล็ก คนนมร้อนอย่างสบายๆ

แม้จะดูสบาย แต่ที่จริงเต็มไปด้วยลักษณะการโจมตี

“งั้นก็ได้” ติงเซียงทำได้เพียงเห็นด้วย

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนบอกลาเธอแล้วก็วางสาย เมื่อมองขึ้นไปที่เฟิงหานชวน เขาก็เดินมาหาตัวเธอแล้ว

“อะแฮ่ม ฉันเล่าเรื่องของเราให้กับเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อติงเซียงฟัง ก็เป็นคนที่ฉันรู้จักตอนอยู่ที่ฐานฝึก” เฉินฮวนฮวนเม้มปากและอธิบายให้เฟิงหานชวน

“ผมหวังว่าคุณจะสามารถบอกคนอื่นๆอีกมากมาย แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับความเต็มใจของคุณ” เฟิงหานชวนก้มลงวางแก้วสีขาวบนโต๊ะข้างเตียง แล้วนั่งลงที่ข้างเตียงเอื้อมมือไปจับศีรษะของเฉินฮวนฮวน

คำพูดของเขาทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ราวกับว่ามีกระแสความร้อนไหลเข้ามา เธอขดริมฝีปากด้วยความโล่งอกและรอยยิ้มที่สนุกสนานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“ฉันจะบอกคนที่ฉันคิดว่าสามารถบอกได้ และคนที่ฉันคิดว่าไม่สามารถบอกได้ฉันก็จะไม่บอก” เฉินฮวนฮวนยิ้มกว้าง เผยให้เห็นฟันดั่งเมล็ดข้าวสีขาวสะอาดเรียงเป็นแถว

“ดี ได้ทั้งนั้น” เฟิงหานชวนพยักหน้าเล็กน้อย เขาเคารพความคิดของเฉินฮวนฮวนและจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของเธอ

เฉินฮวนฮวนยิ้มจนตาหรี่ เธอพูดอย่างมีความสุขว่า “เฟิงหานชวน คุณดีมากจริงๆ”

“หือ?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว

“สรุปก็คือดี” เฉินฮวนฮวนบอกไม่ได้ว่าเป็นยังไง

แต่ในใจของเธอ เฟิงหานชวนเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด

“ดียังไง?” เฟิงหานชวนแกล้งถาม เขาแค่ต้องการฟังว่าผู้หญิงคนนี้จะชมเขาอย่างไร

“ให้ฉันคิดก่อน คือว่า……เฟิงหานชวน ต่อไปนี้คุณจะเป็นท่าเรือที่พึ่งพิงสำหรับเฉินฮวนฮวน ไม่ว่าเฉินฮวนฮวนจะลำบากจากภายนอกขนาดไหน ก็กลับมาให้คุณปลอบได้ ดีไหม? เฉินฮวนฮวนถามเขาพร้อมกับเอียงศีรษะ

เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะอดทนอดกลั้น ในความเห็นของเขา เฉินฮวนฮวนเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ไม่โตคนหนึ่ง

“ได้แน่นอน เพราะผมคือสามีของคุณ” เขาตอบเห็นด้วยอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ลังเล

เขาลูบศีรษะเธอและจูบที่ริมฝีปากของเธอ

"ผมเกิดอารมณ์มาก"

ห้าคำง่ายๆนี้ทำให้เฉินฮวนฮวนตกตะลึงอยู่ที่นั่น

เฟิงหานชวน…นี่คือคำพูดอะไรเนี่ย?

นี่ยังเป็นคำพูดของมนุษย์หรือ!

“คุณคุณคุณ คุณหยุดพูดเลยนะ คุณรีบไปห้องอาบน้ำ!” เฉินฮวนฮวนรีบไล่เฟิงหานชวนออกไปอย่างกระอึกกระอัก เพราะมันช่างน่าอายและตกตะลึงเกินกว่าจะพูดออกมาได้ทั้งหมด

เธอพบว่าในความเป็นจริงเฟิงหานชวนเป็นคนหน้าด้านมาก ขับรถได้ทุกที่ทุกเวลา เธอแค่ไม่อยากให้เขาเป็นหวัด สุดท้ายกลายเป็นเรื่องแบบนี้จากปากของเขา

“ฮวนฮวน คุณไม่อยากแสดงออกอะไรหน่อยหรือ?” เฟิงหานชวนในท่าทีที่หน้าด้าน

แม้ว่าเขาต้องการเหย้าแหย่เฉินฮวนฮวน แต่สิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ก็เสริมพอดีกับเป็นความเป็นจริง แต่เหตุผลมากกว่านั้นคือเขาหวังว่าจะหยุดความกังวลเกี่ยวกับเรื่องในคืนนั้นที่บลูส์คลับ และหยุดคิดว่าตัวเธอสกปรก

ตราบใดที่ตัวเขาเองแสดงความสนใจอย่างมากต่อร่างกายของเธอ งั้นเฉินฮวนฮวนก็คงจะไม่คิดมากอีกต่อไป

ดังนั้น เฟิงหานชวนจะไม่หลบเลี่ยงความคิดของตัวเองอีกต่อไป ต่อหน้าเฉินฮวนฮวนเขาไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าตาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามต่อหน้าเฉินฮวนฮวนเขาก็ไม่มีหน้าตาอะไรให้พูดถึง

“ไม่อยาก” เฉินฮวนฮวนปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

“คุณไม่อยาก? ถ้าอย่างนั้นเมื่อคืนทำไมคุณถึงเป็นคนแหย่ผมก่อน?” เฟิงหานชวนยักคิ้วและจงใจพูดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้

ในขณะนี้ ภาพเป็นฉากฉากนั้นก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเฉินฮวนฮวน เธอหน้าแดง ลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ด้านหลังของเฟิงหานชวน ผลักหลังของเขาแรงๆไปที่ห้องอาบน้ำ

“คุณรีบไปแปรงฟัน ห้ามพูดนะ!” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงหานชวน นอกจากหลบหนี ก็ทำได้แค่หลบหนี

สุดท้ายเธอก็ต้องพ่ายแพ้

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนรีบหันกลับมาเรียกเธออย่างสงบนิ่ง

เฉินฮวนฮวนถูกจับโดยไม่ทันระวัง และทั้งร่างก็พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเฟิงหานชวนจนเกือบจะชนเขาอย่างจัง

เธอคิดจะถอยกลับ แต่เอวของเธอถูกฝ่ามือของชายหนุ่มดึงไว้ แล้วเสียงทุ้มก็ดังขึ้นเหนือหัวของเธอ: “สามีของคุณไม่ได้เป็นใบ้ ทำไมถึงพูดไม่ได้?”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นใบ้ และไม่ได้ห้ามคุณพูด ฉันแค่……” ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะอธิบายจบ ก็ถูกชายหนุ่มขัดจังหวะอีกครั้ง

“ฮวนฮวน คุณเพิ่งห้ามผมไม่ให้พูด” เฟิงหานชวนดูจริงจัง ทำเหมือนตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์

เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะและอธิบายต่ออย่างกังวลว่า “ที่ฉันห้ามคุณพูดหมายความว่าห้ามพูดแบบนั้น ฉันบอกให้คุณแปรงฟันและล้างหน้าก่อนแล้วค่อยมาพักผ่อน……สรุปแล้วฉันไม่ได้ไม่ให้คุณพูด…… "

เธอเกือบถูกเฟิงหานชวนทำให้กังวลใจตาย

“ก็ได้ ฉันไปอาบน้ำ” ขณะที่หญิงสาวกังวลใจเป็นอย่างมาก เฟิงหานชวนพูดอย่างใจเย็น แล้วหันหลังเดินเข้าห้องอาบน้ำไป

ห้องนอนเงียบลงทันที แต่เฉินฮวนฮวนยังคงยืนอยู่ที่เดิม กะพริบตาถี่ๆ ชั่วขณะหนึ่งยังไม่ทันรู้สึกตัว

เมื่อครู่เธอยังเถียงกับเฟิงหานชวนอยู่ไม่ใช่หรือ? แล้วมันก็…… หยุดลงกะทันหัน?

เธอเกาหัวอย่างมึนงงแล้วหันหลังมุดเข้าที่นอน

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนนอนลง กะว่าจะดูเวลา ขณะเอื้อมมือออกไปหยิบโทรศัพท์มือถือยกขึ้นตรงหน้า ก็พบว่ามีข้อความแจ้งเตือนใหม่มากมายแสดงอยู่ในวีแชต

เธอเปิดดูก็เห็นว่าทั้งหมดเป็นข่าวจากวีแชตกลุ่มย่อยของการแสดงรอบแรก

ฉินฟางฟาง:【เฉินฮวนฮวน พวกเราได้รู้จักความสามารถที่แท้จริงของเธอแล้ว พรุ่งนี้ส่องประกายความสามารถที่แท้จริงของเธอออกมา! 】

อันเยว่:【ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องเก็บซ่อนความสามารถของตัวเอง เธอต้องการให้พวกเราทุกคนละเลยความระมัดระวังและป้องกันตัวจากเธอหรือ? @เฉินฮวนฮวน】

ติงเซียง:【พวกเธอสองคนกำลังพูดถึงอะไร? เกิดอะไรขึ้นกับฮวนฮวน? ความสามารถที่แท้จริงคืออะไร? 】

จ้าวซี:【เฉินฮวนฮวน คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จริงๆ ฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พรุ่งนี้ฉันจะคอยดูว่าเธอมีความสามารถอะไรบ้าง! 】

เหวินหนาน:【เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? 】

……

เฉินฮวนฮวนไม่ได้แปลกใจอะไรมากมาย แค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย

เธอรู้ว่าวันนี้ที่เธอได้พบกับซงหลิงเอ่อร์ เรื่องที่เธอแข่งเต้นที่ไนท์คลับจะต้องถูกขุดคุ้ยออกมา จากนั้นอันเยว่และฉินฟางฟางก็จะรู้ว่าตัวเธอเองไม่ใช่มือใหม่

แน่นอนว่าเธอเดาถูก

แค่ไม่จำเป็นต้องรายงานความสามารถของตัวเองให้กับกับพวกเธอ ยิ่งพวกเธอถามแบบบีบบังคับ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ดี

เธอใช้นิ้วแตะบนหน้าจอหลายครั้งและตอบกลับด้วยข้อความหนึ่งว่า

【ความสามารถของฉันเป็นอย่างไร แสดงออกมากเท่าไหร่ เป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เรื่องสำคัญในวันพรุ่งนี้ควรจะเป็นการฝึกฝนการแสดงรอบแรก แต่ไม่ใช่การแสดงส่วนตัวของฉัน 】

หลังจากส่งข้อความนี้ไป เธอล็อกหน้าจอโทรศัพท์แล้ววางลงบนโต๊ะข้างเตียง มองดูโคมไฟคริสตัลบนเพดานด้วยตาทั้งสองข้าง และก็ไม่อยากสนใจกลุ่มเล็กๆแบบนั้นอีก

เธอแสดงความหมายเมื่อสักครู่อย่างชัดเจน พรุ่งนี้เธอเพียงแค่เข้าร่วมการฝึกการแสดงครั้งแรก ไม่ได้แสดงสามารถที่แท้จริงที่ว่าให้พวกเธอเห็น

เธอคิดว่าไม่จำเป็น และเธอก็ไม่อยากสนใจคนที่น่ารำคาญพวกนั้น

ขณะที่เฉินฮวนฮวนหลับตากำลังจะนอน ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่โทรเข้ามาจากวีแชต

เฉินฮวนฮวนจึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พบว่าติงเซียงเป็นคนโทรมา เธอจึงรับสาย

“ฮวนฮวน ฉันเพิ่งเห็นข้อความของเธอที่ส่งกลับไปที่กลุ่ม เธอยังไม่นอนเหรอ? พวกเธอพูดถึงเรื่องอะไรกัน ทำไมเธอถึงไม่เคยบอกฉันเลย?” ติงเซียงไม่ให้โอกาสเฉินฮวนฮวนตอบปฏิเสธ แล้วก็ตรงเข้าเรื่องและถามอย่างโผงผาง

“ที่จริงไม่มีอะไร เพียงแค่พวกเธอรู้ถึงความสามารถของฉันว่าเยอะกว่าที่ฉันแสดงให้เห็นที่ฐานฝึก ดังนั้นจึงบังคับให้ฉันแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาในวันพรุ่งนี้” เฉินฮวนฮวนก็หมดคำพูดเช่นกัน

เธอเก็บซ่อนความสามารถ ก็เพียงเพื่อสร้างศัตรูให้น้อยลง แล้วในช่วงเวลาสำคัญศัตรูก็จะรับมือไม่ทัน

เธอไม่มีพื้นฐานเลยต้องใช้กลยุทธ์แบบนี้

“ฮวนฮวน เธอหมายถึง……ความสามารถที่แท้จริงของเธอแข็งแกร่งกว่าตอนที่เธอฝึกมากหรือ?” ดวงตาของติงเซียงเบิกกว้าง ดูเหมือนไม่น่าเชื่อ

ดังนั้นเฉินฮวนฮวนแกล้งทำเป็นมือใหม่มาตลอด?

“ฮวนฮวน ดื่มนมไหม? ฉันจะลงไปชงให้คุณแก้วนึง”

ทันใดนั้น เสียงดั่งแม่เหล็กของชายหนุ่มก็ดังออกมาจากประตูห้องอาบน้ำ

และประโยคนี้ก็ส่งผ่านไปยังอีกปลายสายหนึ่งของโทรศัพท์ด้วย

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงและรีบทำท่าทาง "จุ๊ๆ" ให้เฟิงหานชวน แต่ก็ไม่ทันการแล้ว

ติงเซียงถามด้วยความประหลาดใจ: "ฮวนฮวน มีผู้ชายอยู่ข้างคุณหรือ?"

เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว ดังนั้นผู้ชายที่เพิ่งพูดคงเป็นสามีของเฉินฮวนฮวน แต่เธอทำเป็นแปลกใจและแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เธอจับประเด็นสำคัญและสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป

ชายคนนั้นบอกว่าลงไปชงนมให้เฉินฮวนฮวนที่ชั้นล่าง พิสูจน์ให้เห็นว่าบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่มีอย่างน้อย 2 ชั้น

เป็นบ้านที่ซื้อหรือบ้านที่เช่า?

มันเป็นวิลล่า บ้านซ้อนกัน หรือคอนโดห้องใต้หลังคา?

ยิ่งกว่านั้น น้ำเสียงของชายหนุ่มไพเราะมาก ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินที่ไหน ค่อนข้างคุ้นเคย……

"ผมเกิดอารมณ์มาก"

ห้าคำง่ายๆนี้ทำให้เฉินฮวนฮวนตกตะลึงอยู่ที่นั่น

เฟิงหานชวน…นี่คือคำพูดอะไรเนี่ย?

นี่ยังเป็นคำพูดของมนุษย์หรือ!

“คุณคุณคุณ คุณหยุดพูดเลยนะ คุณรีบไปห้องอาบน้ำ!” เฉินฮวนฮวนรีบไล่เฟิงหานชวนออกไปอย่างกระอึกกระอัก เพราะมันช่างน่าอายและตกตะลึงเกินกว่าจะพูดออกมาได้ทั้งหมด

เธอพบว่าในความเป็นจริงเฟิงหานชวนเป็นคนหน้าด้านมาก ขับรถได้ทุกที่ทุกเวลา เธอแค่ไม่อยากให้เขาเป็นหวัด สุดท้ายกลายเป็นเรื่องแบบนี้จากปากของเขา

“ฮวนฮวน คุณไม่อยากแสดงออกอะไรหน่อยหรือ?” เฟิงหานชวนในท่าทีที่หน้าด้าน

แม้ว่าเขาต้องการเหย้าแหย่เฉินฮวนฮวน แต่สิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ก็เสริมพอดีกับเป็นความเป็นจริง แต่เหตุผลมากกว่านั้นคือเขาหวังว่าจะหยุดความกังวลเกี่ยวกับเรื่องในคืนนั้นที่บลูส์คลับ และหยุดคิดว่าตัวเธอสกปรก

ตราบใดที่ตัวเขาเองแสดงความสนใจอย่างมากต่อร่างกายของเธอ งั้นเฉินฮวนฮวนก็คงจะไม่คิดมากอีกต่อไป

ดังนั้น เฟิงหานชวนจะไม่หลบเลี่ยงความคิดของตัวเองอีกต่อไป ต่อหน้าเฉินฮวนฮวนเขาไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าตาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามต่อหน้าเฉินฮวนฮวนเขาก็ไม่มีหน้าตาอะไรให้พูดถึง

“ไม่อยาก” เฉินฮวนฮวนปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

“คุณไม่อยาก? ถ้าอย่างนั้นเมื่อคืนทำไมคุณถึงเป็นคนแหย่ผมก่อน?” เฟิงหานชวนยักคิ้วและจงใจพูดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้

ในขณะนี้ ภาพเป็นฉากฉากนั้นก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเฉินฮวนฮวน เธอหน้าแดง ลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ด้านหลังของเฟิงหานชวน ผลักหลังของเขาแรงๆไปที่ห้องอาบน้ำ

“คุณรีบไปแปรงฟัน ห้ามพูดนะ!” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงหานชวน นอกจากหลบหนี ก็ทำได้แค่หลบหนี

สุดท้ายเธอก็ต้องพ่ายแพ้

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนรีบหันกลับมาเรียกเธออย่างสงบนิ่ง

เฉินฮวนฮวนถูกจับโดยไม่ทันระวัง และทั้งร่างก็พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเฟิงหานชวนจนเกือบจะชนเขาอย่างจัง

เธอคิดจะถอยกลับ แต่เอวของเธอถูกฝ่ามือของชายหนุ่มดึงไว้ แล้วเสียงทุ้มก็ดังขึ้นเหนือหัวของเธอ: “สามีของคุณไม่ได้เป็นใบ้ ทำไมถึงพูดไม่ได้?”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นใบ้ และไม่ได้ห้ามคุณพูด ฉันแค่……” ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะอธิบายจบ ก็ถูกชายหนุ่มขัดจังหวะอีกครั้ง

“ฮวนฮวน คุณเพิ่งห้ามผมไม่ให้พูด” เฟิงหานชวนดูจริงจัง ทำเหมือนตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์

เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะและอธิบายต่ออย่างกังวลว่า “ที่ฉันห้ามคุณพูดหมายความว่าห้ามพูดแบบนั้น ฉันบอกให้คุณแปรงฟันและล้างหน้าก่อนแล้วค่อยมาพักผ่อน……สรุปแล้วฉันไม่ได้ไม่ให้คุณพูด…… "

เธอเกือบถูกเฟิงหานชวนทำให้กังวลใจตาย

“ก็ได้ ฉันไปอาบน้ำ” ขณะที่หญิงสาวกังวลใจเป็นอย่างมาก เฟิงหานชวนพูดอย่างใจเย็น แล้วหันหลังเดินเข้าห้องอาบน้ำไป

ห้องนอนเงียบลงทันที แต่เฉินฮวนฮวนยังคงยืนอยู่ที่เดิม กะพริบตาถี่ๆ ชั่วขณะหนึ่งยังไม่ทันรู้สึกตัว

เมื่อครู่เธอยังเถียงกับเฟิงหานชวนอยู่ไม่ใช่หรือ? แล้วมันก็…… หยุดลงกะทันหัน?

เธอเกาหัวอย่างมึนงงแล้วหันหลังมุดเข้าที่นอน

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนนอนลง กะว่าจะดูเวลา ขณะเอื้อมมือออกไปหยิบโทรศัพท์มือถือยกขึ้นตรงหน้า ก็พบว่ามีข้อความแจ้งเตือนใหม่มากมายแสดงอยู่ในวีแชต

เธอเปิดดูก็เห็นว่าทั้งหมดเป็นข่าวจากวีแชตกลุ่มย่อยของการแสดงรอบแรก

ฉินฟางฟาง:【เฉินฮวนฮวน พวกเราได้รู้จักความสามารถที่แท้จริงของเธอแล้ว พรุ่งนี้ส่องประกายความสามารถที่แท้จริงของเธอออกมา! 】

อันเยว่:【ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องเก็บซ่อนความสามารถของตัวเอง เธอต้องการให้พวกเราทุกคนละเลยความระมัดระวังและป้องกันตัวจากเธอหรือ? @เฉินฮวนฮวน】

ติงเซียง:【พวกเธอสองคนกำลังพูดถึงอะไร? เกิดอะไรขึ้นกับฮวนฮวน? ความสามารถที่แท้จริงคืออะไร? 】

จ้าวซี:【เฉินฮวนฮวน คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จริงๆ ฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พรุ่งนี้ฉันจะคอยดูว่าเธอมีความสามารถอะไรบ้าง! 】

เหวินหนาน:【เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? 】

……

เฉินฮวนฮวนไม่ได้แปลกใจอะไรมากมาย แค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย

เธอรู้ว่าวันนี้ที่เธอได้พบกับซงหลิงเอ่อร์ เรื่องที่เธอแข่งเต้นที่ไนท์คลับจะต้องถูกขุดคุ้ยออกมา จากนั้นอันเยว่และฉินฟางฟางก็จะรู้ว่าตัวเธอเองไม่ใช่มือใหม่

แน่นอนว่าเธอเดาถูก

แค่ไม่จำเป็นต้องรายงานความสามารถของตัวเองให้กับกับพวกเธอ ยิ่งพวกเธอถามแบบบีบบังคับ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ดี

เธอใช้นิ้วแตะบนหน้าจอหลายครั้งและตอบกลับด้วยข้อความหนึ่งว่า

【ความสามารถของฉันเป็นอย่างไร แสดงออกมากเท่าไหร่ เป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เรื่องสำคัญในวันพรุ่งนี้ควรจะเป็นการฝึกฝนการแสดงรอบแรก แต่ไม่ใช่การแสดงส่วนตัวของฉัน 】

หลังจากส่งข้อความนี้ไป เธอล็อกหน้าจอโทรศัพท์แล้ววางลงบนโต๊ะข้างเตียง มองดูโคมไฟคริสตัลบนเพดานด้วยตาทั้งสองข้าง และก็ไม่อยากสนใจกลุ่มเล็กๆแบบนั้นอีก

เธอแสดงความหมายเมื่อสักครู่อย่างชัดเจน พรุ่งนี้เธอเพียงแค่เข้าร่วมการฝึกการแสดงครั้งแรก ไม่ได้แสดงสามารถที่แท้จริงที่ว่าให้พวกเธอเห็น

เธอคิดว่าไม่จำเป็น และเธอก็ไม่อยากสนใจคนที่น่ารำคาญพวกนั้น

ขณะที่เฉินฮวนฮวนหลับตากำลังจะนอน ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่โทรเข้ามาจากวีแชต

เฉินฮวนฮวนจึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พบว่าติงเซียงเป็นคนโทรมา เธอจึงรับสาย

“ฮวนฮวน ฉันเพิ่งเห็นข้อความของเธอที่ส่งกลับไปที่กลุ่ม เธอยังไม่นอนเหรอ? พวกเธอพูดถึงเรื่องอะไรกัน ทำไมเธอถึงไม่เคยบอกฉันเลย?” ติงเซียงไม่ให้โอกาสเฉินฮวนฮวนตอบปฏิเสธ แล้วก็ตรงเข้าเรื่องและถามอย่างโผงผาง

“ที่จริงไม่มีอะไร เพียงแค่พวกเธอรู้ถึงความสามารถของฉันว่าเยอะกว่าที่ฉันแสดงให้เห็นที่ฐานฝึก ดังนั้นจึงบังคับให้ฉันแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาในวันพรุ่งนี้” เฉินฮวนฮวนก็หมดคำพูดเช่นกัน

เธอเก็บซ่อนความสามารถ ก็เพียงเพื่อสร้างศัตรูให้น้อยลง แล้วในช่วงเวลาสำคัญศัตรูก็จะรับมือไม่ทัน

เธอไม่มีพื้นฐานเลยต้องใช้กลยุทธ์แบบนี้

“ฮวนฮวน เธอหมายถึง……ความสามารถที่แท้จริงของเธอแข็งแกร่งกว่าตอนที่เธอฝึกมากหรือ?” ดวงตาของติงเซียงเบิกกว้าง ดูเหมือนไม่น่าเชื่อ

ดังนั้นเฉินฮวนฮวนแกล้งทำเป็นมือใหม่มาตลอด?

“ฮวนฮวน ดื่มนมไหม? ฉันจะลงไปชงให้คุณแก้วนึง”

ทันใดนั้น เสียงดั่งแม่เหล็กของชายหนุ่มก็ดังออกมาจากประตูห้องอาบน้ำ

และประโยคนี้ก็ส่งผ่านไปยังอีกปลายสายหนึ่งของโทรศัพท์ด้วย

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงและรีบทำท่าทาง "จุ๊ๆ" ให้เฟิงหานชวน แต่ก็ไม่ทันการแล้ว

ติงเซียงถามด้วยความประหลาดใจ: "ฮวนฮวน มีผู้ชายอยู่ข้างคุณหรือ?"

เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว ดังนั้นผู้ชายที่เพิ่งพูดคงเป็นสามีของเฉินฮวนฮวน แต่เธอทำเป็นแปลกใจและแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เธอจับประเด็นสำคัญและสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป

ชายคนนั้นบอกว่าลงไปชงนมให้เฉินฮวนฮวนที่ชั้นล่าง พิสูจน์ให้เห็นว่าบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่มีอย่างน้อย 2 ชั้น

เป็นบ้านที่ซื้อหรือบ้านที่เช่า?

มันเป็นวิลล่า บ้านซ้อนกัน หรือคอนโดห้องใต้หลังคา?

ยิ่งกว่านั้น น้ำเสียงของชายหนุ่มไพเราะมาก ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินที่ไหน ค่อนข้างคุ้นเคย……

“เฟิงหานชวน คุณอย่ากวนฉัน คุณรับโทรศัพท์ก่อน!” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างกังวล ดวงตายังคงหลับแน่น

  

เฟิงหานชวนไม่แกล้งเธออีกต่อไป เขารับสายทันที และกดเปิดลำโพง

  

เสียงอ่อนหวานของหญิงสาวดังมาจากเครื่องรับสัญญาณเสียง “หานชวน ทำไมนานจังกว่าจะรับโทรศัพท์”

เสียงของหลีซืออวิ๋นเหมือนกับตัวเธอ ทำให้คนรู้สึกว่าเธอช่างมีเสน่ห์เฉพาะตัว และงดงามเหลือเกิน

  

เฉินฮวนฮวนค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้าง และเงยหน้าขึ้น ตรงหน้าเธอคือใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม

เธอไม่คิดว่า เฟิงหานชวนจะอยู่ตรงหน้าเธอ และเปิดลำโพงให้เธอได้ยินเสียงของหลีซืออวิ๋น

  

ตามคำกล่าวที่ว่า มิได้กระทำเรื่องผิดมโนธรรม ย่อมไม่กลัวผีสางมาเคาะประตู เฟิงหานชวนคุยโทรศัพท์กับหลีซืออวิ๋นอย่างเปิดเผยต่อหน้าเธอเช่นนี้ ต้องเป็นความสัมพันธ์เพื่อนที่บริสุทธิ์ใจต่อกันมากอย่างแน่นอน

  

“มือถือไม่อยู่ข้างๆ มีเรื่องอะไร” เฟิงหานชวนเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย

“คืออย่างนี้นะ พรุ่งนี้ตอนกลางวันนายว่างไหม พ่อฉันมีโปรเจคหนึ่ง ท่านจะส่งฉันกับนายไปคุยโปรเจคนี้ ไม่รู้ว่านายจะสนใจไหม” หลีซืออวิ๋นหัวเราะอย่างนุ่มนวล น้ำเสียงของเธอแฝงความขี้เล่นเล็กน้อย

  

โดยเฉพาะเสียงหัวเราะนั้น ช่างไพเราะเหลือเกิน ทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกรื่นหูอย่างมาก

เธอกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งในทันที เมื่อนึกได้ว่าตอนนี้เฟิงหานชวนยังไม่สวมเสื้อผ้า เธอรีบเดินไปที่อ่างล้างหน้า แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ก่อนจะมาหยุดยืนข้างหลังเฟิงหานชวน

เธอคลี่ผ้าเช็ดตัวออก และช่วยเฟิงหานชวนเช็ดหยดน้ำบนร่างกายของเขา จากนั้นก็ช่วยเขาพันผ้าเช็ดตัวปกปิดส่วนสำคัญเอาไว้

  

ในเวลานี้เอง เสียงทุ้มต่ำของเฟิงหานชวนดังขึ้น “ไม่ต้องรบกวนเธอมาเองหรอก พรุ่งนี้ฉันจะให้ซูอวี่ไปที่หลีซื่อกรุ๊ป เขาสามารถแสดงความเห็นแทนฉันได้”

  

“หะ?” หลีซืออวิ๋นไม่ได้ตอบสนองในทันที

  

และมือของเฉินฮวนฮวนที่กำลังผูกปมผ้าเช็ดตัวก็หยุดชะงักลงทันที เฟิงหานชวนตอบแบบนี้…ไม่มีเหตุผลเกินไปหรือเปล่า

  

“หานชวน ช่วงนี้นายไม่ค่อยสบายเหรอ ถ้านายไม่สบาย อีกสองสามวันฉันค่อยไปคุยกับนายแล้วกัน” หลีซืออวิ๋นไม่เข้าใจว่าทำไมเฟิงหานชวนถึงปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

  

เขาไม่อยากพบเธอ หรือว่าไม่อยากร่วมงานกับหลีซื่อกรุ๊ป?

  

เฟิงหานชวนรู้สึกได้ว่ามือของเฉินฮวนฮวนชะงักค้างอยู่กลางอากาศ เขาก้มหน้าลงมองเล็กน้อย ฝ่ามือใหญ่กุมมือเล็กๆ ของเฉินฮวนฮวนเอาไว้ ราวกับมอบความรู้สึกปลอดภัยให้เธอ

  

เฉินฮวนฮวนรีบชักมือออก และช่วยเฟิงหานชวนผูกปมผ้าเช็ดตัว จากนั้นก็เดินเลี่ยงไปทางด้านข้างลำตัวของเขา แล้วรีบเดินออกไปจากห้องน้ำ

  

เมื่อเห็นว่า จู่ๆ เฉินฮวนฮวนออกไป เขาคิดว่าเธอให้ความสนใจกับหลีซืออวิ๋นเป็นพิเศษ เฟิงหานชวนตอบกลับอย่างเรียบเฉย “ฉันค่อนข้างยุ่ง วางสายก่อนนะ”

  

ดังนั้น เฟิงหานชวนจึงตัดสายทิ้งทันที แล้วตามออกไป

  

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนนั่งลงข้างเตียง เฟิงหานชวนก็รีบออกมา เธอมองชายหนุ่มที่เดินสาวเท้ายาวๆ มาหยุดตรงหน้าเธอด้วยความงุนงง เธอถามอย่างสงสัย “ทำไมคุณออกมาแล้วล่ะ”

 

“คุณโกรธใช่ไหม ผมตั้งใจเปิดลำโพงเลยนะ ผมกับเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์อื่นจริงๆ” เดิมทีเฟิงหานชวนคิดว่าตัวเองเปิดลำโพง จะสามารถขจัดความสงสัยของเฉินฮวนฮวน แต่ไม่คิดเลยว่าเฉินฮวนฮวนจะยังโกรธเขา

  

“ฉันไม่ได้โกรธนะ!” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้าด้วยความงงงวย ก่อนจะกล่าวอธิบาย “ฉันเห็นคุณไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ก็เลยช่วยคุณนุ่งผ้าเช็ดตัว คุณคุยโทรศัพท์กับหลีซืออวิ๋น ฉันแอบฟังอยู่ข้างๆ ไม่ได้หรอกใช่ไหม ดังนั้น ฉันก็เลยเดินออกมา”

  

เมื่อได้ฟังคำตอบของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของหญิงสาว และกล่าวว่า “เมื่อกี้ผมตกใจแทบแย่ คุณรู้ไหม จู่ๆ ก็วิ่งออกไป ผมคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดซะอีก”

“พรืด” เมื่อมองไปที่เฟิงหานชวนผู้เคร่งขรึมและจริงจัง นึกไม่ถึงว่า เขาจะแสดงสีหน้าตื่นตระหนก เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

  

“อาหาน ตอนนี้คุณน่ารักจัง!” เฉินฮวนฮวนยิ้มจนดวงตาทั้งสองโค้งเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว

  

“คนที่น่ารัก ควรเป็นคุณนะ” เฟิงหานชวนรู้สึกว่า ตอนนี้เฉินฮวนฮวนต่างหากที่น่ารัก

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินฮวนฮวนยิ่งแย้มกว้างขึ้นไปอีก เธอกล่าวว่า “เมื่อกี้ฉันได้ยินว่าหลีซืออวิ๋นอยากร่วมโปรเจคกับคุณ ใช่ไหม”

 

“ใช่ แต่ผมจะปฏิเสธ ผมพยายามรักษาระยะห่างกับเธอ จะได้ไม่ทำให้คุณกังวลอีก” เฟิงหานชวนรู้สึกว่า ตอนนี้ใครก็เทียบกับเฉินฮวนฮวนไม่ได้ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเขากับหลีซืออวิ๋น ก็ไม่ได้แนบแน่นขนาดนั้น

เหตุผลที่เขาค่อนข้างสนิทกับหลีซืออวิ๋น เพราะว่าเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของมั่วเหวินโจว และเมื่อก่อนผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลหลีเคยดูแลเขาเป็นอย่างดี ท่าทีที่เขามีต่อหลีซืออวิ๋น อันที่จริงเป็นความเกรงใจและมารยาทมากกว่า

  

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ก่อนหน้านี้ฉันคิดฟุ้งซ่านเอง ระหว่างพวกคุณก็เป็นความสัมพันธ์เพื่อนที่บริสุทธิ์ใจต่อกันมาก ไม่ต้องรักษาระยะห่างเพื่อฉันหรอก แบบนี้กลับดูเหมือนว่าฉันใจแคบมากด้วยซ้ำไป” เฉินฮวนฮวนโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า

  

เธอคิดว่าถ้าเป็นเพราะตัวเองจริงๆ ที่ทำให้เฟิงหานถอยห่างเพื่อนอย่างหลีซื่ออวิ๋น เธอจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีเหตุผลมาก

  

“ฮวนฮวน ตอนนี้ผมเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว รักษาระยะห่างกับผู้หญิงโสด ก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว” เฟิงหานชวนย่อตัวลงนั่งยองตรงหน้าเฉินฮวนฮวน และกุมมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “จากนี้ไปข้างกายผม มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็นเพศตรงข้าม”

  

“พวกคุณเป็นเพื่อนกัน ก่อนหน้านี้ฉันคิดมากเกินไป ไม่จำเป็นต้องรักษาระยะห่างเพราะฉันหรอก” เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นผู้หญิงใจแคบแบบนั้น

  

“ผมเข้าใจความหมายของคุณ คุณวางใจเถอะ ผมมีความพอดี” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง จูบลงบนหลังมือของหญิงสาว จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอเบาๆ

  

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนรับปากตัวเองแล้ว เฉินฮวนฮวนพยักหน้า แล้วกล่าวเร่งเร้า “คุณรีบไปล้างหน้าแปรงฟันเถอะ”

  

เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนเพิ่งอาบน้ำ แต่ยังไม่ได้แปรงฟันและล้างหน้า ดังนั้นเธอจึงเร่งเร้าให้เฟิงหานชวนไปห้องน้ำอีกครั้ง เพราะเธออยากรีบข้ามหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับหลีซืออวิ๋น  

“โอเค คุณนอนก่อนเลย” เฟิงหานชวนลุกขึ้นยืน แล้วโน้มตัวลงจูบที่หน้าผากเธอ แล้วก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

  

ในเวลานี้เอง ผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่รอบเอวเขาค่อยๆ คลายออก จากนั้น เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที ผ้าเช็ดตัวก็ตกลงพื้นทันที

  

เฉินฮวนฮวนเพิ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกับตาตัวเอง เธอตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก รูม่านตาขยายกว้างขึ้นหลายเท่าตัว

  

ทว่า เฟิงหานชวนกลับสงบนิ่งมาก เขาโน้มตัวลงเก็บผ้าเช็ดตัวบนพื้น และยืนผงาดขึ้นอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ตรงหน้าเฉินฮวนฮวน ไม่มีท่าทีหลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย เขาค่อยๆ พันผ้ารอบเอวอย่างไม่รีบร้อน

  

“ฮวนฮวน ฝีมือการผูกปมผ้าเช็ดตัวของคุณตกไปเยอะเลยนะ มันถึงหล่นลงง่ายๆ แบบนี้ไง” หลังจากเฟิงหานชวนผูกปมผ้าเช็ดตัวเสร็จ เขาก็ไม่ลืมที่จะหยอกล้อเฉินฮวนฮวน

  

เฉินฮวนฮวนกรีดร้องเสียงแหลม แล้วเอาผ้าห่มคลุมศีรษะตัวเองทันที เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ตอนนี้สายเกินไปแล้วที่จะคลุมศีรษะตัวเอง

  

ทว่า ตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงมาก หากการปกคลุมใบหน้า ทำให้อุณหภูมิบนใบหน้าลดต่ำลงได้ก็คงดี

  

ทันทีที่เธอคิดเช่นนั้น ผ้าห่มที่คลุมบนศีรษะของเธอก็ถูกดึงออก ใบหน้าเคร่งขรึมของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ

“เฟิงหานชวน” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ของเธอเต็มไปด้วยความเขินอาย

  

“ฮวนฮวน คุณรู้ไหม” เฟิงหานชวนเหยียดยิ้ม ก่อนเคลื่อนริมฝีปากแนบชิดข้างใบหูของเธอ และกล่าวน้ำเสียงคลุมเครือ “เมื่อกี้ในห้องน้ำ ตอนคุณช่วยผมเช็ดตัว…”

"ยัยบื้อ ผมไม่ต้องการให้คุณทำอะไรแบบนั้น" เฟิงหานชวนมองผู้หญิงที่ใสซื่อน่ารักตรงหน้า แล้วบีบจมูกเธอ

"แต่ว่า คุณไม่ให้ฉันขอบคุณ ไม่ต้องการให้ฉันทำเพื่อคุณ แบบนี้ฉันก็เหมือนเอาแต่ได้ ระหว่างสามีภรรยากันก็ต้องยุติธรรมสิ ฉันก็อยากให้อะไรบ้าง"

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนไม่ต้องอะไรเลย ไม่ขาดอะไรด้วย แต่เธอก็ไม่อยากเป็นปลิง ไม่อยากเป็นภรรยาที่พึ่งพาเขาตลอด

"สิ่งที่คุณให้เป็นการเสียสละที่ใหญ่โตมาก ส่วนอย่างอื่น ผมเป็นคนรับไว้เอง" เฟิงหานชวนก้มลงไป แล้วจูบหน้าผากเธอ

เฉินฮวนฮวนทำสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วถามว่า "ในชีวิตคู่ของเรา ฉันไม่ได้ให้อะไรเลย……ทำไมคุณถึงพูดว่า สิ่งที่ฉันให้เป็นการเสียสละที่ใหญ่โต?"

เฉินฮวนฮวนรู้สึกงง สงสัยว่าเฟิงหานชวนกำลังพูดมั่วๆ

"รอคุณเรียนจบแล้ว เรามีลูกกันเถอะ" เฟิงหานชวนจับมือเฉินฮวนฮวนไว้ แล้วเอ่ยว่า "ตั้งแต่ท้องจนคลอดลูก แล้วหลังจากนั้นต้องเลี้ยงดูอีก การเป็นแม่เป็นอะไรที่ใหญ่โตมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดขอบคุณผม"

"ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายคลอดลูกไม่ได้ ผมก็ยอมทนรับความลำบากแทนคุณ"

เขาพูดอย่างจริงจัง มุ่งมั่น จนเฉินฮวนฮวนอึ้งนิ่งอยู่กับที่

วินาทีต่อมา ขอบตาเธอแดง แล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา พร้อมฉีกยิ้มอย่างมีความสุข

เป็นน้ำตาแห่งความสุข

เธอร้องไห้ไปด้วย แล้วยิ้มไปด้วย ดูแล้วไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้ แต่กลับควบคุมอารมณ์ตอนนี้ของตัวเองไม่ได้เลย

เฉินฮวนฮวนอยากเอามือปิดหน้า แต่มือของเธอโดนเขาจับไว้ เธอจึงพยายามหันหน้าไปอีกข้าง ไม่ให้เฟิงหานชวนเห็นตัวเองในตอนนี้

เธอรู้ว่าตัวเองทั้งร้องไห้ทั้งยิ้มแบบนี้ ต้องขี้เหร่มากแน่ๆ

"ฮวนฮวน มองผม" เห็นว่าเธอหลบสายตาเขา เฟิงหานชวนจึงพูดเสียงเข้ม

เฉินฮวนฮวนพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ พอสงบสติได้แล้ว ค่อยหันกลับไป แล้วสบตากับแววตาที่อ่อนโยนของเขา

"อาหาน คุณอยากมีลูกแค่คนเดียวเหรอ?" ไม่รู้ทำไม อยู่ๆฉินฮวนฮวนก็ถามออกไปแบบนี้

"หื้อ?" เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว

"ฉันหมายความว่า ถ้าลูกคนเดียว อาจจะเป็นได้แค่ลูกชายหรือลูกสาว แต่ว่า……ฉัน……" เฉินฮวนฮวนหลุดขำ แล้วถามกลับว่า "คุณไม่คิดว่าถ้ามีทั้งลูกชายกับลูกสาว จะดีกว่าเหรอ?"

พอได้ยินแบบนี้ ตาเฟิงหานชวนจึงเป็นประกาย แต่พอนึกถึงความลำบากตอนท้องกับตอนคลอด ประกายในแววตาเขาจึงหายไป "ผมเป็นห่วงร่างกายคุณ คนเดียวก็พอแล้ว สองคน……"

"ถึงเวลาค่อยว่ากันเถอะ เดี๋ยวฉันจะบำรุงร่างกายดีๆ แต่ว่าฉันอยากท้องลูกฝาแฝดมากกว่า แก้ปัญหาได้ในครั้งเดียว" เฉินฮวนฮวนพูดล้อเล่น เธอรู้ว่าโอกาสแบบนั้นน้อยมาก เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ

"ผมก็หวังแบบนั้น เพราะผมไม่อยากให้คุณลำบาก" เฟิงหานชวนกอดเธอไว้แน่น แล้วรู้สึกอิ่มเอมใจ

เฉินฮวนฮวนยอมมีลูกให้เขา แถมยังยอมมีถึงสองคน นี่ก็แสดงว่าเฉินฮวนฮวนพึ่งพาเขาจริงๆจังๆแล้ว

"อื้อ ฉันอยากให้ลูกชายเหมือนคุณ ลูกสาวเหมือนฉัน แบบนี้แหละเพอร์เฟค……" เฉินฮวนฮวนซบอกเขา แล้วจินตนาการถึงอนาคต มุมปากยิ้มขึ้น ไม่มีความเศร้ากับไร้ความช่วยเหลือเหมือนเมื่อกี้เลย

……

พอเฉินฮวนฮวนอาบน้ำเสร็จ ก็นอนลงที่เตียงนอนใหม่ เตียงนุ่มมาก เธอรู้สึกว่าคืนนี้ต้องหลับสบายแน่นอน

เพราะห้องอาบน้ำไม่มีประตู เสียงหยดน้ำจึงดังลอยเข้าหูเธอ เธอหลับตาลง รู้สึกว่าเสียงแบบนี้ทำให้ตัวเองสบายใจ

เธอนึกถึงสิ่งที่คุยกับเฟิงหานชวนที่ระเบียง ทั้งสองคิดว่าอีกหน่อยจะมีลูกอย่างน้อยสองคน คิดถึงสิ่งที่ดีๆ……

แต่ว่า อยู่ๆเธอก็นึกถึงเรื่องประจำเดือนตัวเอง ตอนที่อาบน้ำเมื่อกี้ เห็นว่าบนผ้าอนามัยไม่มีสีแดงเลย

เรื่องประจำเดือนเกี่ยวกับเรื่องตั้งครรภ์ในอนาคต พรุ่งนี้เธอต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ

กำลังนึกถึงปัญหานี้ อยู่ๆโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงก็สั่น เธอยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ บนหน้าจอแสดงมีข้อความในวีแชท

พอเธอเปิดวีแชทแล้ว เป็นข้อความใหม่จากกลุ่ม"ทีมโชว์ครั้งแรก" อันเยว่แจ้งทุกคนในกลุ่ม พรุ่งนี้บ่ายสองโมงที่บริษัทเหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ของเธอ นัดซ้อมโชว์แรก

การฝึกซ้อมครั้งใหม่จะเริ่มต้นแล้ว พอจบโชว์แรก ก็จะอัดรายการเลือกไอดอล เฉินฮวนฮวนเริ่มรู้สึกเกร็ง จึงรีบลุกขึ้นนั่ง

เธอก้มหน้า แล้วปล่อยผมลงมาทั้งสองข้าง นิ้วมือก็จิ้มๆที่หน้าจอ พิมพ์ตอบกลับไปว่า

[รับทราบ]

ทันใดนั้น ติงเซียงก็ทักมาหาเธอส่วนตัว เป็นข้อความเสียงไม่กี่วินาที

[ฮวนฮวน ถึงบ้านหรือยัง? ร่างกายดีขึ้นไหม?]

น้ำเสียงติงเซียงแฝงไปด้วยความเป็นห่วง เฉินฮวนฮวนรู้สึกขอบคุณมาก เลยตอบว่า: [ดีขึ้นแล้ว กำลังจะนอน ขอบใจนะเซียงเซียง เจอกันพรุ่งนี้นะ]

เพราะติงเซียงอยู่ทีมเดียวกับเธอ พรุ่งนี้ก็จะไปซ้อมที่เหวินหรานด้วย เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้พวกเธอจะเจอกันอีก

ติงเซียงที่นั่งอยู่บนโซฟา หรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วกดปุ่มข้อความเสียง

[โอเค งั้นเธอรีบพักผ่อนเถอะ ฝันดีนะ]

ตอนที่เฉินฮวนฮวนฟังข้อความเสียง ยังได้ยินเสียงเพลงของดีเจอยู่ เลยรู้ว่าติงเซียงยังอยู่ที่พอยเซิน

นึกถึงเรื่องที่ติงเซียงบอกว่าจะจีบเฟิงเฉินเหยี่ยน เฉินฮวนฮวนเลยอยากถามสถานการณ์ แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะ จึงวางโทรศัพท์ลง คิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปที่เหวินหรานค่อยถาม

ตอนที่เธอนอนลงแล้ว โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นโทรศัพท์ของเฟิงหานชวน

โทรศัพท์ของเขาวางอยู่อีกฝั่ง เฉินฮวนฮวนจึงขยับไป แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จากนั้นจึงอึ้งเล็กน้อย

คนที่โทรหาเฟิงหานชวนคือ หลีซืออวิ๋น

ตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังอาบน้ำอยู่ แล้วโทรศัพท์ในมือก็เอาแต่สั่น เฉินฮวนฮวนจึงลงจากเตียง แล้ววิ่งไปที่ห้องอาบน้ำ

ตอนที่เธอพุ่งเข้าห้องอาบน้ำ เฟิงหานชวนได้ยินเสียง จึงปิดฝักบัวแล้วหันมาพอดี

สายตาของเฉินฮวนฮวนเห็นร่างกายเขา หน้าเธอจึงแดงทันที แล้วรีบหลับตาลง

"ฉัน……ฉันไม่ได้จงใจจะเข้ามา คือ……หลีซืออวิ๋นโทรมาหาคุณ……" พูดไปด้วย เฉินฮวนฮวนก็ยื่นมือข้างที่ถือโทรศัพท์ออกไป

แต่ว่าเธอหลับตาอยู่ ไม่กล้าเดินเข้าไป กลัวว่าตัวเองจะชนอะไรแล้วหกล้ม จึงเอาแต่โบกมือไปมา

ไม่นาน โทรศัพท์ในมือก็โดนหยิบไป เฉินฮวนฮวนเลยลืมตาขึ้น ครั้งนี้เห็นใกล้กว่าเดิม เลยตกใจแล้วรีบหลับตาลงอีกครั้ง

"ไม่ใช่ไม่เคยเห็นสักหน่อย จะหลับตาทำไม?" เขาพูดแซว เหมือนไม่รู้สึกอายเลย

เฟิงหานชวนอึ้งเล็กน้อย แล้วเอ่ยตอบว่า "ไม่มีอะไร แค่สูบเป็นครั้งคราว"

ความจริง เพราะรู้สึกได้ว่าอารมณ์เธอไม่ดี อารมณ์เขาก็เริ่มไม่ดีตามไปด้วย จนคิดว่าถ้าเธอรู้ความจริงเรื่องคืนนั้น เรื่องจะเป็นยังไง

เฉินฮวนฮวนยังจะดีกับเขาขนาดนี้ไหม? จะยังเชื่อใจเขาหรือเปล่า? จะยังพึ่งพาเขาหรือเปล่า?

ตอนที่เขาสูบบุหรี่ คิดแต่คำถามพวกนี้ จากนั้นอารมณ์ก็เสียกว่าเดิม

"เมื่อก่อนไม่ค่อยเห็นคุณสูบเลย ฉันคิดว่าคุณไม่สูบซะอีก" เฉินฮวนฮวนมองต่ำ ไม่เข้าใกล้เฟิงหานชวน ยังรักษาระยะห่างหนึ่งเมตร

เฟิงหานชวนเห็นว่าเธอเหมือนรักษาระยะห่างกับเขา เลยคิดว่าเธอไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ จากนั้นจึงขยี้บุหรี่ที่กระถางต้นไม้ข้างๆ

เขาเดินไปหาเฉินฮวนฮวน ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วลูบผมเธอเบาๆ "ไม่ชอบผมสูบบุหรี่เหรอ? งั้นต่อไปผมจะไม่สูบอีก"

"ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่อยากถามคุณว่า ทำไมอยู่ๆถึงสูบบุหรี่?" ตอนนี้อารมณ์เฉินฮวนฮวนเซนซิทีฟมาก

เธอเม้มปาก พูดเสียงเบาอย่างนิ่งเฉย "เพราะเรื่องของฉันเหรอ?"

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว แล้วแสดงสีหน้าลนลาน แล้วถามว่า "เพราะเรื่องของคุณ?"

ตอนนี้เขาเหมือนร้อนตัว ขอแค่เฉินฮวนฮวนพูดถึงอะไร เขาก็จะกังวลว่าเธอรู้ความจริง รู้ว่าเขาคือผู้ชายคืนนั้น

"คุณบอกว่าไม่ติดใจอะไร เป็นเรื่องจริงเหรอ?" เฉินฮวนฮวนรวบรวมความกล้า แล้วถามออกไป

ถึงก่อนหน้านั้นเธอเคยถามแล้ว แต่ตอนนี้ก็อดคิดมากไม่ได้ เพราะสัมผัสที่หกของเธอรู้สึกว่า ที่เฟิงหานชวนสูบบุหรี่เกี่ยวกับเรื่องนั้น

"ไม่ติดใจ?" เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ทีแรกยังไม่เข้าใจ แล้วพอตั้งสติได้ จึงรีบยื่นมือออกไป แล้วดึงเธอเข้ามากอด

เขากอดเธอไว้แน่น แล้ววางคางลงที่ไหล่เธอ ตาของเขาแดงเล็กน้อย ท่าทางแบบนั้นเฉินฮวนฮวนไม่เห็นแววตาเขา ไม่เห็นสีหน้าที่รู้สึกผิดของเขา

"ยัยบื้อ ผมไม่ติดใจอยู่แล้ว" เสียงของเขาเบามาก เหมือนเสียงออกจากลำคอไม่ได้ เป็นความรู้สึกกดดัน

"คุณไม่ติดใจจริงๆเหรอ?" เฉินฮวนฮวนถามอีกรอบ ในดวงตามีแต่น้ำตา

เธอเอาแต่ถามสวรรค์ ทำไมเธอต้องเจอเรื่องแบบนั้น ทำไมวันนี้ต้องให้เธอเจอหลิวตงรุ่ยอีก ทำไม……

ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของเธอถามเขา เฟิงหานชวนจึงรู้สึกใจสั่น ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เฉินฮวนฮวนก็คงไม่ทรมานขนาดนี้

"ฮวนฮวน คุณฟังผมพูดนะ นี่ไม่ใช่ความผิดคุณ" เฟิงหานชวนปล่อยเฉินฮวนฮวน วางฝ่ามือไว้ที่หลังศีรษะเธอ แล้วจ้องสบตากับดวงตาที่เปียกชื้นของเธอ

เฉินฮวนฮวนเห็นดวงตาที่แดงของเขา เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนกำลังเป็นห่วงเธอหรือเปล่า ตอนนี้เธอทำตัวไม่ถูก แล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา

"ไม่ใช่ความผิดของฉัน ไม่ใช่ ไม่ใช่ความผิดของฉัน……" เฉินฮวนฮวนร้องไห้ แล้วเอาแต่พึมพำคำนี้

"อื้อ ไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่ใช่ความผิดของคุณ" เฟิงหานชวนกอดเธออีกครั้ง แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำ "ฮวนฮวน ผมไม่ติดใจ คุณไม่ต้องคิดมาก ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไร ผมก็จะยืนอยู่ข้างคุณ"

น้ำเสียงที่หนักแน่นของเขา ทำให้ใจของเฉินฮวนฮวนเริ่มสงบลง เธอซบอยู่ในอ้อมกอดเขา แล้วถามให้แน่ใจ "ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร คุณก็จะยืนอยู่ข้างฉันจริงๆเหรอ?"

"จริง สิ่งที่เฟิงหานชวนพูด ถ้าโกหกคุณ ขอให้ตกนรกทั้งเป็น" เฟิงหานชวนไม่เคยสงสัยกับความมุ่งมั่นที่เขาจะแก่ไปพร้อมกับเธอ เพราะฉะนั้นเขาจึงสาบาน

"ไม่ คุณอย่าสาบานแบบนี้!" เฉินฮวนฮวนรีบผลักเขาออก แล้วใช้มือปิดปากเขาไว้

"ฮวนฮวน ผมไม่คิดจะโกหกคุณ ไม่เคยคิดอะไรอย่างอื่นเลย ผมรู้ว่าเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันสั้น คุณเลยไม่วางใจ แต่เวลาจะพิสูจน์ใจผมเอง" เฟิงหานชวนสบตากับเธอ แล้วพูดออกมาทีละคำ

ตาเฉินฮวนฮวนแดงกว่าเดิม ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เพราะซึ้งใจ เพราะซึ้งกับเฟิงหานชวน

"ความจริง ฉันคิดว่าความรู้สึกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มันมีเวลาจำกัด"

เธอเม้มปาก มองเฟิงหานชวนอย่างกล้าหาญ แล้วยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ พร้อมเอ่ยว่า "ถ้าวันนี้ไหนคุณไม่อยากอยู่กับฉันแล้ว ฉันหวังว่าคุณอย่าปิดบังฉัน แล้วบอกกับฉันว่าจะหย่า ถึงตอนนั้น ฉันก็จะไม่ตอแย เพราะเราเคยมีชีวิตคู่ที่มีความสุขด้วยกัน ถึงสุดท้ายต้องแยกจากกัน ฉันก็อยากเก็บความทรงจำดีๆนี้ไว้"

"คุณน่าจะรู้เรื่องของฉันกับเยี่ยจิ่งเฉิน ตอนที่เลิกกันน่าอนาถใจมาก ฉันไม่อยากให้เราเป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้น……"

เฉินฮวนฮวนยังพูดไม่จบ ก็รู้สึกมองอะไรไม่เห็น เขาก้มหน้าลงมา แล้วจูบปิดริมฝีปาก

หลังจากนั้น ก็เปลี่ยนมาเป็นกัด เหมือนกำลังโกรธ เหมือนกำลังลงโทษเธอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกขาดอากาศหายใจ

พอรู้สึกถึงการต่อต้านของเธอ เฟิงหานชวนค่อยปล่อยเธอออก ดวงตาที่ดำสนิทที่ของเขา เขาพูดอย่างเยือกเย็นว่า "หย่า เป็นไปไม่ได้"

"เฟิงหานชวน เรารู้จักกันยังไม่ถึงเดือน คุณรับประกันทั้งชีวิตได้เหรอ?" เฉินฮวนฮวนไม่เชื่อคำสาบานอยู่แล้ว เพราะเธอไม่เคยเห็นความรักที่ยืนยาว

ไม่ว่าจะเป็นพ่อเธอเฉินเจี้ยนหมิน หรือว่ารักแรกของเธอเยี่ยจิ่งเฉิน หรือว่าจางฟานแฟนของเกาเหวิน แล้วก็นายท่านเฟิงเหลยถิงที่หลายใจอีก……ทุกๆอย่าง เธอไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าเฟิงหานชวนจะดีกับเธอไปทั้งชีวิต

หรือว่าสักวันหนึ่ง เขาเบื่อเธอแล้ว หรือว่าสักวันหนึ่ง มีผู้หญิงที่ทำให้เขาหวั่นไหวโผล่มา

เรื่องของโชคชะตา เอาอะไรแน่นอนไม่ได้

ความจริงเธอมองในแง่ดี อย่างน้อยตอนนี้เฟิงหานชวนดีกับเธอ อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แค่นี้ก็พอแล้ว

"ผมทำได้" คำพูดธรรมดาๆ กลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น

พอได้ยินคำตอบที่มุ่งมั่นนี้ เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น สบตากับเขาอีกครั้ง ใบหน้าเขาเย็นชา แฝงไปด้วยความจริงจัง

"เชื่อผม" เฟิงหานชวนจับไหล่ทั้งสองข้างเธอไว้ แล้วพูดอย่างหนักแน่น

ดวงตาเฉินฮวนฮวนพร่ามัวทันที แค่ชั่ววินาที เหมือนเขื่อนแตก แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

เธอพยักหน้า แล้วพุ่งเข้าอ้อมกอดเขา กอดเอวเขาไว้แน่นๆ กอดเขาไว้แน่นๆ

เฟิงหานชวนไม่ได้ตอบอะไรอีก เขารู้ว่าวินาทีนี้ เฉินฮวนฮวนแค่ต้องการความเงียบ แล้วต้องการเวลาเพื่อคิดพิจารณา

เขาแค่กอดเธอไว้ แล้วปลอบใจซึ่งกันและกัน ให้พลังบวกกับอีกฝ่าย เหมือนให้ความไว้วางใจกับอีกฝ่าย

ค่ำคืนที่หนาวเย็น

ท้องฟ้าของเมืองเป่ยเฉิงไม่มีความโรแมนติกของธรรมชาติ เพราะไม่มีดวงดาวที่ระยิบระยับ มีแต่แสงไฟสีต่างๆที่มาประดับแทน

ไม่รู้ว่าทั้งสองกอดกันไปนานแค่ไหน เฉินฮวนฮวนเป็นคนปล่อยเฟิงหานชวนก่อน เธอเช็ดดวงตาที่บวมแดง เพราะร้องไห้ไปนานมาก เสียงเลยเบา "ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ"

"อื้อ" เฟิงหานชวนพยักหน้าให้

เฉินฮวนฮวนเดินกลับเข้าไปข้างใน เพิ่งเดินไปถึงประตูระเบียง ก็เหมือนนึกอะไรได้ จึงหันกลับไปอีกครั้ง แล้วถามอย่างทำตัวไม่ถูก "อาหาน เรื่องที่อวิ๋นตวนวันนี้ สร้างผลกระทบที่ไม่ดีกับตระกูลเฟิงหรือเปล่า? อาเหยี่ยนบอกว่า พ่อเขา พี่ใหญ่คุณ พวกเขารู้เรื่องนั้นแล้ว"

"พ่อคุณก็น่าจะรู้แล้ว" เฉินฮวนฮวนพูดเสริมอีกคำ

เธอเป็นภรรยาที่นายท่านยัดให้เฟิงหานชวน ถ้านายท่านมีความเห็นอะไรกับเธอ จะแยกเธอกับเฟิงหานชวนหรือเปล่า?

เฉินฮวนฮวนไม่กล้าคิดต่อ

"ไม่เป็นไร" เฟิงหานชวนยื่นมือออกไป แล้วขยี้หัวเธอเบาๆ ยิ้มเอ่ยว่า "พ่อผมไม่ใช่คนที่จะเชื่อคนอื่นง่ายๆ ผมช่วยคุณอธิบายกับพ่อแล้ว"

"อีกหน่อยฉันจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก แล้วสร้างความเสื่อมเสียให้ตระกูลเฟิง" เฉินฮวนฮวนก้มหน้า ในใจรู้สึกผิดมาก

"ไม่เสื่อมเสีย ไม่ต้องโทษตัวเอง ตระกูลเฟิงไม่เสื่อมเสียเพราะเรื่องนี้หรอก" เฟิงหานชวนจับแก้มเธอ แล้วพูดอีกว่า "ถึงแม้การกระทำของหลินอวี่หยางน่าขยะแขยง แต่ผมรู้สึกว่าเขาทำแบบนั้นสะใจมาก"

"หา?" เฉินฮวนฮวนเอียงหัว ทำหน้าสงสัย

ทำไมเธอรู้สึกว่า เฟิงหานชวนกำลังชมสิ่งที่หลินอวี่หยางทำ? ก่อนหน้านั้นเขายังรังเกียจหลินอวี่หยางอยู่เลย

"ที่หลินอวี่หยางทำถือว่าหนามยอกเอาหนามบ่ง พอคิดดูดีๆก็สะใจเหมือนกัน ดีกว่าวิธีอื่น" เฟิงหานชวนหัวเราะ แล้วพูดอีกว่า "ไม่มีใครโทษคุณ เพราะคนตระกูลเฟิง คนอื่นจะรังแกได้ยังไง"

ถ้าวันนี้หลินอวี่หยางไม่อยู่ด้วย ให้เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนโดนรังแก คงไม่ลงโทษอะไรง่ายๆแบบนั้นหรอก

แต่ว่า เขาก็จะไม่ปล่อยเพราะหลินอวี่หยางลงโทษผู้หญิงสองคนนั้นแล้ว ไม่ใช่แค่หลี่เหมยกับอันฉีที่โดนสั่งสอน แต่ร้านเนื้อย่างนั้น เขาก็จัดการแล้ว

ทีแรกร้านเนื้อย่างก็ไม่เกี่ยว เพราะผู้จัดการดูแลไม่ดี เลยทำให้คนอื่นรู้เรื่องนั้น เขาจึงลงโทษร้านนั้นด้วย

แน่นอน เรื่องนี้เขาไม่คิดจะบอกเฉินฮวนฮวน เพราะเขารู้นิสัยเธอดี นิสัยของเธอ ไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวมาโดนลูกหลง แต่เขาไม่คิดแทนคนอื่น

กล้าทำกับภรรยาเขา ก็ต้องโดนแบบนั้นแหละ

"ขอบใจนะ อาหาน" เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนกำลังปลอบใจตัวเอง จึงมองเขาตรงหน้าอย่างจริงใจ แล้วพูดขอบคุณ

"ผมบอกแล้วไง ระหว่างสามีภรรยาไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้" เฟิงหานชวนพูดย้ำ

"งั้นฉันควรจะขอบคุณยังไงดีล่ะ?" เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้ว แล้วทำหน้าสงสัย

ถ้าไม่พูดว่าขอบคุณ แต่เธออยากขอบคุณเฟิงหานชวน ไม่พูดอะไรเลยคงไม่ได้มั้ง?

นี่เลยทำให้เธอลำบากใจ ไม่รู้จะทำยังไงดี

"ถ้าอยากจะขอบคุณจริงๆ คุณเป็นภรรยาผม ก็ควรใช้วิธีของภรรยา มาขอบคุณสามีสิ" เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก น้ำเสียงมีเลศนัย

เฉินฮวนฮวนไม่ได้คิดอะไรมาก แค่กะพริบดวงตาที่ไร้เดียงสา แล้วเอ่ยถามว่า "วิธีที่ภรรยาขอบคุณสามี? วิธียังไงเหรอ? ทำอาหารซักผ้าให้สามีเหรอ?"

"ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ ฉันไม่เป็นไร" เฉินฮวนฮวนเอามือของเฟิงหานชวนออก แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ

"ทำไมอยู่ๆถึงทำตัวซุ่มซ่ามล่ะ ไม่พอใจกับการตกแต่งข้างในเหรอ?"

เพราะทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้องรับแขกแล้ว เฟิงหานชวนเปิดไฟสว่าง จึงเห็นการตกแต่งในห้องรับแขกอย่างครบถ้วน

"เปล่า ตกแต่งสวยมาก ฉันแค่อยากถามคุณว่า……" เฉินฮวนฮวนเกาหัว ไม่รู้ว่าควรถามยังไง

"หื้อ? อยากถามอะไรผม?" เฟิงหานชวนสงสัย รีบเอ่ยถามทันที

"เมื่อกี้คุณพูดว่า เพราะสนิทกับพวกเขา ก็เลยไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าไม่ดีกับพวกเขา……งั้นคุณดีกับฉันขนาดนี้ เพราะว่าเรา……ไม่สนิทกันเหรอ?" แววตาเฉินฮวนฮวนไร้เดียงสา เม้มริมฝีปาก แล้วเอ่ยถาม

สีหน้าเฟิงหานชวนเข้มขรึมทันที แล้วมุมปากก็กระตุกด้วย

ความคิดของภรรยาแปลกๆทำยังไงดี? ขอความช่วยเหลือ ด่วน!

เห็นสีหน้าเฟิงหานชวนเปลี่ยนไป เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกว่าเธอถามคำถามโง่ๆ เพราะตอนนี้สมองเธอตีกันวุ่นไปหมด ไม่รู้เลยว่าควรคิดยังไง

หรือเป็นเพราะว่าคืนนี้เจอหลิวตงรุ่ย ตอนนี้เธอเลยเกร็งมาก ลนลานมาก แล้วยังคิดมากอีก ชอบพูดอะไรที่ไม่เป็นเรื่อง พูดเรื่องบ้าบอคอแตก

"ขอโทษนะอาหาน ฉัน……ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงถามแบบนี้ ฉัน……เหมือนว่าฉัน……" เฉินฮวนฮวนจับศีรษะไว้ แล้วเอาแต่ส่ายหน้า

เฟิงหานชวนรู้สึกเป็นห่วงทันที เขาดึงเฉินฮวนฮวนเข้ามากอด แล้วใช้มือตบหลังเธอเบาๆ พร้อมพูดอย่างอ่อนโยนว่า "ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่เป็นไร ผมไม่โทษคุณ ผมรู้ว่าวันนี้อารมณ์คุณไม่ดี เรื่องมันผ่านไปแล้ว อีกหน่อยจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง"

เขาปลอบใจผู้หญิงในอ้อมกอด เขารู้ว่าที่เฉินฮวนฮวนหวาดระแวงขนาดนี้ เพราะอารมณ์ไม่คงที่ เขาไม่โกรธเธอเพราะเรื่องแบบนี้หรอก

เพราะว่า เขาเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนี้เอง ถ้าคืนนั้นเขาไม่ดึงเธอไว้ เรื่องทุกอย่างก็อาจจะไม่เหมือนเดิม เฉินฮวนฮวนอาจจะได้คุยกับคุณยาย เธออาจจะไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องเสียใจ เธออาจจะ……

ไม่ว่ายังไง ในใจเขารู้สึกผิด เป็นห่วงมาก

ยังดีที่สวรรค์พาเฉินฮวนฮวนมาข้างตัวเขา ชีวิตหลังจากนี้ เขาจะดีกับเธอ ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเธอ

"อาหาน คุณไม่โกรธก็ดีแล้ว ฉันอยากนอนแล้ว เดี๋ยวนอนทุกอย่างก็จะดีขึ้น เดี๋ยวนอนอาจจะลืมเรื่องคืนนี้ก็ได้" เฉินฮวนฮวนรู้สึกหนักหนังตา รู้สึกเหนื่อยล้ามาก

"ได้ เดี๋ยวผมพาคุณไปที่ห้องนอน" เฟิงหานชวนปล่อยเธอ จากนั้นก็ก้มลงไป แล้วอุ้มเฉินฮวนฮวนขึ้น

อยู่ๆตัวเฉินฮวนฮวนก็ลอย เธอจึงตกใจ แล้วเผลอกรีดร้องออกมา

"เด็กดี ซบที่อกผม ผมจะอุ้มคุณขึ้นไป" เธอในอ้อมกอดเบามาก เหมือนน้ำหนักลดลง นี่เลยทำให้เขาเป็นห่วงมาก

เฉินฮวนฮวนไม่ได้ดิ้น แต่เม้มปากอย่างเขินอาย เพราะตัวลอยเลยกลัว มือทั้งสองข้างของเธอจึงคล้องคอเขาไว้

เฟิงหานชวนอุ้มเธอแน่นกว่าเดิม แล้วเดินไปทางบันได พอขึ้นไปถึงชั้นสองแล้ว เฉินฮวนฮวนเห็นว่าเขาไม่หยุดเดิน แต่เดินขึ้นไปต่อที่ชั้นสาม

พอเลี้ยวมาแล้ว เฉินฮวนฮวนจึงตกใจกับสิ่งที่เห็น ห้องนอนหลักใหญ่มาก แล้วข้างนอกยังมีระเบียงกว้างๆอีก สามารถมองวิวตอนกลางคืนได้

ที่สำคัญคือ ห้องอาบน้ำในห้องไม่มีประตู มีแค่ช่องว่างเท่าประตู ที่คนสามารถเดินเข้าออกได้

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่ายังไม่ทันประกอบประตู หรือว่าไม่มีประตูจริงๆ เธอจึงรู้สึกอึ้ง

เฟิงหานชวนปล่อยเธอลง สิ่งแรกที่เธอทำคือวิ่งเข้าห้องอาบน้ำ ห้องอาบน้ำก็กว้างมาก มีโซนอาบน้ำ อ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้าสองอัน เกือบจะใหญ่กว่าห้องนอนอีก

แล้วอีกอย่าง ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น สีดำขาวเทาเป็นหลัก แล้วยังให้ความรู้สึกหรูหราอีก

เธอมองไปรอบๆ แล้วเดินออกจากห้องอาบน้ำ ชี้ไปที่ตำแหน่งประตู แล้วเอ่ยถามว่า "อาหาน ทำไมที่นี่ไม่มีประตูล่ะ? หรือว่ายังไม่ได้ประกอบ?"

"เปล่า ดีไซน์ของบ้านนี้เป็นแบบนี้แหละ ห้องอาบน้ำห้องนอนหลักไม่มีประตู" เฟิงหานชวนจงใจเลือกบ้านหลังนี้ แบบนี้เขาก็จะไม่ต้องถีบประตูอีก

"ไม่……ไม่มีประตู?" ถึงเฉินฮวนฮวนจะเดาได้แล้ว แต่ก็ยังตกใจอยู่ดี

ถ้าไม่มีประตู ขอแค่เดินไปที่ประตู ก็จะเห็นทุกอย่างในนั้นแล้ว

"ฮวนฮวน การที่ไม่มีประตู สำหรับเรามันสะดวกกว่า" เฟิงหานชวนเดินไปหาเธอ เลิกคิ้วแล้วยิ้มเอ่ย "วันนี้ผมให้คนไปดูประตูที่คฤหาสน์แล้ว เพราะวัสดุต้องสั่งทำโดยเฉพาะ อีกสองสามวันค่อยซ่อมได้"

"คือ……" เฉินฮวนฮวนเกาหัว

เธอเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อคืน เธอกรี๊ดในห้องอาบน้ำเพราะประจำเดือนมา เฟิงหานชวนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร ก็เลยถีบประตูเข้ามา

"ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกรี๊ด ลำบากคุณเลย" เฉินฮวนฮวนรู้สึกผิด

"บอกว่าลำบากผม?" สีหน้าเฟิงหานชวนเข้มขรึม พูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ "ฮวนฮวน ต้องให้ผมเน้นย้ำความสัมพันธ์ของเราตอนนี้เหรอ?"

"ไม่ ไม่ต้องเน้นย้ำ เราเป็นสามีภรรยากัน" เฉินฮวนฮวนพูดอย่างเขินอาย

"อื้อ เราเป็นสามีภรรยา" เฟิงหานชวนยื่นมือไปขยี้หัวเธอ แล้วพูดอย่างเรียบนิ่งว่า "เพราะฉะนั้น อีกหน่อยไม่ต้องเกรงใจกับผมอีก"

"ฉันไม่ได้เกรงใจ ฉันแค่……" เฉินฮวนฮวนเม้มปาก ไม่รู้ว่าควรพูดยังไงดี

"น้ำเสียงเมื่อกี้ นั่นแหละเกรงใจ" เฟิงหานชวนใช้นิ้วชี้ยกคางเธอขึ้น ให้เธอสบตากับตัวเอง แล้วพูดทีละคำอย่างจริงจังว่า "ฮวนฮวน คุณต้องเชื่อใจผม พึ่งพาผม แบบนี้เราถึงจะเป็นสามีภรรยาที่มีความสุข"

ฟังน้ำเสียงที่จริงจังของเขา เฉินฮวนฮวนแค่รู้สึกสมองว่างเปล่า แล้วเอาแต่จ้องสบตากับเขา พร้อมพยักหน้าให้ "อื้อ……อื้ออื้อ……"

เห็นเธอตอบตกลงอย่างใสซื่อ เฟิงหานชวนจึงรู้สึกว่าเธอน่ารักกว่าเดิม จึงก้มลงไป แล้วปิดริมฝีปากของเธอ

ถ้าไม่ใช่เพราะประจำเดือนเธอมา เขาคงควบคุมตัวเองไม่ได้

อีกอย่าง ทำไมสวรรค์ถึงไม่ยุติธรรมขนาดนี้ เฉินฮวนฮวนเพิ่งฝึกกลับมา ก็มาประจำเดือนเลย ไม่ให้ของหวานอะไรเขาเลย

ถึงแม้เมื่อคืนได้ลงโทษเฉินฮวนฮวนไปแล้ว แต่คนที่ลำบากคือตัวเอง เพราะไม่ว่าจะลงโทษเธอยังไง เขาก็ทำอะไรมากกว่านั้นกับเธอไม่ได้

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าตัวเองเศร้ามาก ฝึกฝนอดทนกับความลำบาก คงแบบนี้แหละมั้ง

โดยเฉพาะตอนนี้ เธออยู่ในอ้อมกอด นอกจากจูบกับอุ้ม ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลย

เพื่อควบคุมตัวเอง เฟิงหานชวนจึงรีบปล่อยเฉินฮวนฮวน แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ เขาเลยหันเดินไปทางระเบียง

เขาเปิดประตูระเบียงเดินออกไป ระเบียงกว้างมาก เฟิงหานชวนหันหลังให้ห้องนอน แล้ววางมือลงที่ราวระเบียง ให้ลมพัดมาตีหน้าตัวเอง

แต่ว่า พอเฉินฮวนฮวนเห็นแบบนี้ จึงไม่รู้จะทำตัวยังไง

เมื่อคืนเฟิงหานชวนกระตือรือร้นมาก ตอนที่จูบเธอ จูบได้นานมาก ปกติเธอจะเป็นคนผลักเขาออก แล้วเขาไม่อยากปล่อยมือ

แต่ตอนนี้ เฟิงหานชวนแค่จูบเธอปกติ แล้วปล่อยตัวเธอ จากนั้นก็เดินไปที่ระเบียงคนเดียว เหมือนเอาแต่สูดหายใจเข้าลึกๆด้วย เหมือนกำลังอดทนอะไรบางอย่าง

เพราะว่า……หลิวตงรุ่ยเหรอ?

เพราะเฟิงหานชวนคิดว่าเธอสกปรก เลยไม่อยากแตะต้องเธอ?

แต่ว่า เรื่องของหลินตงรุ่ย เฟิงหานชวนรู้ตั้งนานแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่คิดอะไร แต่ทำไมวันนี้เขาถึงทำตัวผิดปกติล่ะ?

เฉินฮวนฮวนไม่อยากคิดแบบนี้ แต่สมองเธอวุ่นวายไปหมด คืนนี้เอาแต่คิดมาก ถึงจะมีอะไรที่ผิดปกติเล็กๆน้อยๆ เธอก็จะคิดไปไกล

เธออยากพุ่งไปถามเฟิงหานชวนที่ระเบียง แต่สุดท้าย เธอแค่นั่งเงียบๆอยู่ที่เตียง ไม่พูดอะไรสักคำเลย

พอรับลมข้างนอกไปสักพัก เฟิงหานชวนค่อยหันกลับมา กลับเห็นว่าเฉินฮวนฮวนกำลังนั่งเหม่ออยู่บนเตียง

"เหนื่อยเหรอ?" เขายืนอยู่หน้าเธอ แล้วขยี้หัวเธอเบาๆ

"งั้นฉันไปอาบน้ำนะ อาบเสร็จฉันอยากนอนเลย" เฉินฮวนฮวนลุกขึ้น แต่กลับไม่ได้เงยหน้ามองเขา แค่ก้มหน้าพูดเสียงเบาเหมือนเดิม

เฟิงหานชวนไม่ได้คิดอะไรมาก แค่คิดว่าอารมณ์เธอไม่ดี เพราะเฉินฮวนฮวนเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา เจอเรื่องแบบนั้น แล้วเจอ"ฆาตกร"ที่ว่าอีก คงใจเย็นไม่ได้

เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่จับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน แล้วพาเธอไปที่ตู้เสื้อผ้า พร้อมพูดว่า "ในนี้มีชุดนอนชุดใหม่ คุณเลือกใส่ได้ตามสบาย"

พูดจบ เพื่อให้เวลาส่วนตัวกับเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนจึงเดินออกไป แล้วกลับไปที่ระเบียงเหมือนเดิม

เฉินฮวนฮวนเปิดตู้เสื้อผ้าสีใสออก ในนั้นมีชุดนอนแขวนเรียงกัน หลากหลายสี ทั้งสั้นทั้งยาว ทั้งเซ็กซี่ทั้งปกปิด มีทุกเนื้อผ้าเลย

สุดท้ายเธอจึงเลือกชุดนอนสีฟ้า แขนสั้นขายาว เนื้อผ้าทั้งปกปิดทั้งใส่สบาย

หลังจากนั้น เฉินฮวนฮวนก็ก้มลงไป เปิดลิ้นชักข้างล่าง ในนั้นมีชุดชั้นในต่างๆ ยังมีผ้าอนามัยอีก

เธอจึงอึ้งไปหลายวินาที

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เฟิงหานชวนเป็นคนละเอียดจริงๆ ไม่ว่าด้านไหน ก็เตรียมพร้อมทุกอย่าง

เธอรู้สึกขอบคุณมาก รู้สึกซึ้งใจด้วย

สุดท้าย พอหยิบเสื้อผ้าของใช้เสร็จแล้ว เธอจึงเดินไปทางห้องอาบน้ำ แต่พอยืนอยู่หน้าประตูห้องอาบน้ำ เธอเลยหันมองไปทางระเบียงอีกครั้ง

เธอเห็น เฟิงหานชวนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง เพราะเขาหันข้าง เธอจึงเห็นควันบุหรี่ล้อมรอบอยู่ตรงหน้าเขา แล้วอีกอย่าง ระหว่างคิ้วของเขาแฝงไปด้วยความเศร้า

เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ววางของในมือลงที่ผ้าห่ม รวบรวมความกล้าเดินไปที่ระเบียง

พอได้ยินเสียงเปิดประตู เฟิงหานชวนจึงหันกลับไป จึงเห็นว่าเธอเดินมาหาเขา

"ทำไมอยู่ๆถึงสูบบุหรี่ล่ะ?" เธอห่างจากเขาหนึ่งเมตร แล้วถามเสียงเบา

“ฮวนฮวน ความหมายของคุณก็คือไม่ให้รุ่มร่ามข้างถนน แต่หลังจากที่กลับบ้านไป…….” เฟิงหานชวนส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ

สำหรับเขาแล้ว เฉินฮวนฮวนไร้ซึ่งความกลัวและขลาดกลัวใด ๆ ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะลวนลามเธอ เพราะจะทำให้เธอหลุดพ้นจากเงาภายในจิตใจของเธอได้

“ไม่ ไม่ใช่นะ เฟิงหานชวน คุณ……” เฉินฮวนฮวนผลักผู้ชายตรงหน้าออกไป ก่อนจะรีบลุกขึ้นมานั่ง ให้ตัวเองและเฟิงหานชวนรักษาระยะห่างระหว่างเบาะคนขับและเบาะข้างคนขับไว้

“ผมทำไม? ฮวนฮวน คุณเขินเหรอ?” เฟิงหานชวนมองออกอย่างชัดเจน ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนแดงระเรื่อและค่อย ๆ ลามไปถึงลำคออย่างเห็นได้ชัด

“เปล่าสักหน่อย ฉันไม่ได้เขินนะ ฉันละอายใจต่างหาก!” เฉินฮวนฮวนม้วนผมเล็กน้อย พร้อมกับรู้สึกร้อนผ่าวอยู่บริเวณหน้าผาก เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “เพราะคุณเลย วันนี้ฉันเลยเสียหน้า”

“อือ? เพราะผม?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจ

เฉินฮวนฮวนชำเลืองตามองไปทางเขา จากนั้นก็หันกลับมามองทางข้างหน้าอีกครั้ง และบ่นพึมพำว่า : “คุณไม่เห็นฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่ไหมเนี่ย?”

“อ่อ ไม่สิ วันนี้คุณออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า ก็เลยไม่เห็นว่าฉันแต่งตัวออกจากบ้านยังไง” เธอพบว่าตัวเองนั้นเข้าใจผิด ก็เลยรีบแก้ต่าง

“ฮวนฮวน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คุณเปลี่ยนชุด? ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมชุดนี้ถึงไม่ค่อยเหมือนกับสไตล์ที่คุณชอบแต่งเป็นประจำ” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหาเล็กน้อย พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ช่างเถอะ ๆ ไม่มีอะไรหรอก เรากลับกันเถอะ จอดรถข้างทางแบบนี้มันดูไม่ดี” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้าทันที ถึงอย่างไรการพูดคุยอยู่ข้างทางก็เป็นเรื่องแปลกมากพออยู่แล้ว

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกยิ้ม น้ำเสียงกลับยังคงราบเรียบเช่นเดิม แต่ความหมายที่แฝงอยู่ภายในกลับคลุมเครืออยู่ไม่น้อย : “คุณหมายความว่า กลับไปค่อย ๆ คุยกันงั้นเหรอ?”

“อื้อ” เฉินฮวนฮวนไม่อยากคิดมาก ก็เลยพยักหน้ากลับไป

“ได้ งั้นเรากลับกันเถอะ” ในขณะที่พูด เฟิงหานชวนก็รีบสตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งออกไปทันที

…….

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

เฟิงหานชวนก็ได้ขับรถมาจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง แต่เฉินฮวนฮวนกลับพบว่า นี้ไม่ใช่บ้านตระกูลเฟิง

“อาฟาน ที่นี่ที่ไหน?” เฉินฮวนฮวนถามขึ้นด้วยความสงสัย

“นี่คือบ้านที่เราจะอยู่ด้วยกันยังไงล่ะ” เฟิงหานชวนรีบตอบกลับไป

“บ้านที่เราอยู่ด้วยกัน? แล้วคืนนี้เราไม่กลับบ้านตระกูลเฟิงเหรอ? “เฉินฮวนฮวนเกิดความแปลกใจ เรื่องนี้ทำให้เธอค่อนข้างตั้งตัวไม่ทัน

“ก่อนที่คุณจะไปค่าย เรานัดกันแล้ว หลังจากที่คุณกลับมา เราจะย้ายออกจากบ้านตระกูลเฟิง?” เฟิงหานชวนเอื้อมมือออกไปลูบผมที่ตรงเรียบของเธอ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เฉินฮวนฮวนพยักหน้า และตอบกลับไปว่า : “อื้อ เรานัดกันไว้แล้วจริง ๆ แต่เรายังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลยนะ”

“ผมให้คนไปหาซื้อเสื้อผ้าและของใช้และของที่จำเป็นมาเพิ่มแล้ว ซึ่งเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา” เฟิงหานชวนเคาะไปบนศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูและลงจากรถ

ถึงแม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะรู้สึกตั้งตัวไม่ทันก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็ได้มีการพูดคุยกันแล้วก่อนหน้านั้น ซึ่งเธอเองก็ยอมรับความจริงเรื่องนี้นานแล้ว

ในขณะที่เธอหันข้างกำลังจะเปิดประตูรถนั้น เฟิงหานชวนก็ได้เดินอ้อมรถมาถึงฝั่งของเธอแล้ว จากนั้นก็ช่วยเปิดประตูรถให้กับเธอและกุมมือของเธอลงจากรถ

สำหรับการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเฟิงหานชวน ได้สร้างความอบอุ่นภายในหัวใจให้กับเฉินฮวนฮวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นมินต์จากร่างกายของเขาที่ให้ความรู้สึกสบาย เธออดเอื้อมมือทั้งสองข้างออกไปกอดเฟิงหานชวนไม่ได้

มือของเฟิงหานชวนที่กำลังจะปิดประตูรถนั้นได้หยุดชะงักค้างกลางอากาศทันที เขาไม่ได้ขยับตัว ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้กอดตัวเองต่อไป

เฉินฮวนฮวนนำหน้าซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข : “อาหาน อ้อมกอดของคุณอบอุ่นที่สุดเลยค่ะ”

“แล้วเมื่อกี้ใครกันนะที่ผลักผม?” เฟิงหานชวนตั้งใจถามขึ้น

เฉินฮวนฮวนรีบปล่อยเขาทันที จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ขาวนวลเนียนนั้นได้มองไปยังผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะเม้มปากเล็กน้อยและพูดว่า : “แล้วใครใช้ให้คุณพูดเรื่องพวกนั้นเล่า……..”

ในตอนที่รถจอดอยู่ข้างทางนั้น เฟิงหานชวนทั้งขบทั้งกัดใบหูของเธอ และยังพูดว่าจะลงโทษเธอะไรก็ไม่รู้ด้วย ดังนั้นเธอก็เลยผลักเขาออกไป

“ผมไม่พูดแล้วก็ได้ มานี่มา มากอดหน่อย” เฟิงหานชวนกางมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ดึงตัวเธอเข้ามากอดแน่น โดยไม่ได้สนใจว่าเธอจะยอมหรือไม่แต่อย่างใด

เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้เฟิงหานชวนกอดตัวเองอย่างว่าง่าย อีกทั้งแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างของเธอก็กำลังโอบกอดรอบเอวที่แข็งแรงของผู้ชายคนนี้ด้วย

หลังจากนั้น มือเล็ก ๆ ก็ทำการกระแทกเข้าใส่อย่างไม่พอใจ และพูดอย่างทอดถอนใจว่า : “อาหาน ทำไมรูปร่างของคุณถึงได้ดีแบบนี้นะ~”

เฟิงหานชวนตัวแข็งทื่อไปในทันที จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า : “แซวผมอีกแล้วอ่อ?”

“เปล่านะ ฉันก็พูดไปงั้นแหละ ทำไมคุณถึงชอบเข้าใจผิดอยู่เรื่อยเลย?” ครั้งนี้เฉินฮวนฮวนไร้เดียงสาจริง ๆ

เธอแค่ทอดถอนใจกับรูปร่างที่น่าดึงดูดใจของเฟิงหานชวน ผลสุดท้ายผู้ชายคนนี้กลับคิดว่าเธอจะแซวเขา ซึ่งในความเป็นจริงเธอไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลย

“คุณไม่ได้แซวผมจริง ๆ เหรอ?” เฟิงหานชวนก้มหน้าลง ก่อนที่ฝ่ามือจะเลื่อนมาตรงลำคอด้านหลังของเธอ จากนั้นก็ยื่นหน้าไปตรงหน้าของเธอ และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ไม่ได้แซวจริง ๆ นะ” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นมาทำสัญลักษณ์สาบาน พร้อมกับแสดงความบริสุทธิ์ใจ : “ถ้าฉันตั้งใจจะแซวคุณจริง ๆ ขอให้ฟ้าผ่าเลย”

“ชู่ว์!” นิ้วชี้ของเฟิงหานชวนเลื่อนมาแตะที่ปากของผู้หญิงตรงหน้าทันที เพื่อให้เธอหยุดพูด

“อย่าสาบานแบบนี้ ผมไม่ชอบ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูเหมือนจะโกรธของเขา เฉินฮวนฮวนทำการกัดริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเสียงเบา ๆ ว่า : “ฉันแค่อยากพิสูจน์ว่าฉันไม่ได้พูดโกหกเท่านั้นเอง”

“ผมเชื่อคุณ” เฟิงหานชวนพูดอย่างไม่ลังเล

คำตอบแค่สามพยางค์เพียงสั้น ๆ กลับทำให้หัวใจของเฉินฮวนฮวนเต้นเร็วขึ้น เธอรีบหมุนตัวกลับไป ด้วยสีหน้าที่แดงก่ำเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาปิดแก้มและพูดว่า : “รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ ฉันอยากเห็นบ้านที่เราจะอยู่ด้วยกันแล้ว”

ในขณะที่พูด เธอก็รีบเดินตรงไปยังประตู แต่แค่ประตูยังคงปิด เธอจึงเข้าไปไม่ได้

“เปิดเองสิ รหัสก็วันเกิดของคุณ” เฟิงหานชวนเอามือล้วงกระเป๋า ก่อนจะเดินไปหาเฉินฮวนฮวนด้วยท่าทางสบาย ๆ เขายืนอยู่ด้านหลังของเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

หัวใจดวงน้อย ๆ ของเฉินฮวนฮวนเต้นเร็วขึ้น เธอพยักหน้า จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปยังที่กดรหัส และกดตัวเลข 6 หลัก

เสียง “แก็ก” ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออก

เฉินฮวนฮวนหมุนตัวไปพูดกับผู้ชายที่อยู่ข้างหลังด้วยความตื่นเต้นว่า : “เปิดได้แล้ว เปิด…….”

เธอหยุดชะงักลงทันที เมื่อเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง เธอยิ้มอย่างลำบากใจ : “คุณก็ไม่ได้ตาบอดนี่เนอะ คงจะเห็นว่าประตูมันเปิดแล้ว ฉัน……”

“คุณหาว่าผมตาบอด” เฟิงหานชวนพูดด้วยท่าทางจริงจัง

เฉินฮวนฮวน : “???”

ยิ่งอยู่เธอก็ยิ่งพบว่าเฟิงหานชวนพูดเก่งขึ้นเยอะ ไม่เหมือนกับ——คนที่ไม่เห็นใจคนอื่นอะไรแบบนั้น

“อาหาน ฉันอยากถามคำถามคุณสักหนึ่งคำถาม” เฉินฮวนฮวนเงยหน้ามองเฟิงหานชวน และถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า : “คุณทำดีแค่กับฉันใช่ไหม?”

ทัศนคติที่เฟิงหานชวนมีต่อคนในตระกูลเฟิง เฉินฮวนฮวนเคยเห็นมาแล้ว รวมทั้งทัศนคติที่เขามีต่อเธอก่อนหน้านั้นด้วย ความเย่อหยิ่ง ความใจร้อนและความโหดร้ายในบางครั้ง โดยสรุปก็คือเขามักจะแสดงท่าทางที่ไม่อยากสนใจคนอื่น

“ไม่ใช่ ไม่ใช่แค่ฉัน” ทันใดนั้น เฉินฮวนฮวนก็ส่ายหน้าฉับพลัน เธอปฏิเสธคำถามนี้

“อือ?” เฟิงหานชวนกำลังจะตอบกลับ จู่ ๆ ผู้หญิงตรงหน้าก็ปฏิเสธทันใด ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วแน่นและพูดว่า : “นอกจากคุณแล้ว ยังมีใครอีกเหรอ?”

“ยังมีหลีซืออวิ๋นอีกคน!”

เฉินฮวนฮวนโพล่งออกไป ซึ่งเธอก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นใจแคบเกินไป เธอรีบส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า : “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นนะ ฉันแค่รู้สึกว่าพวกคุณเข้ากันได้ดี ซึ่งคุณเองก็ไม่ได้โหดร้ายแบบนั้นกับทุกคน”

ถึงอย่างไรก่อนหน้านั้นเฟิงหานชวนก็ได้อธิบายไปแล้ว เขาและหลีซืออวิ๋นเป็นแค่เพื่อนกัน เธอไม่ควรเข้ามาพัวพันกับเรื่องแบบนี้ แต่ตัวเองกลับกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด

“ถ้าคุณคิดว่าผมดีกับเธอ ภายในขอบเขตแบบนี้ ก็ไม่ถือว่ามีคุณแค่คนเดียวนะ” เฟิงหานชวนหัวเราะเบา ๆ ราวกับไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใด

“หา? ไม่ได้มีฉันแค่คนเดียว?” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างอย่างรวดเร็ว

เธอไม่เข้าใจว่าเฟิงหานชวนหมายความว่ายังไง หรือว่าเฟิงหานชวนยังมีเพื่อนผู้หญิงคนอื่นที่มีความสัมพันธ์ที่ดีอีกเหรอ?

“หึงเหรอ?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วสูง และตั้งใจถาม

“เพื่อนผู้หญิงของคุณ…..เยอะขนาดนี้เลยเหรอ? สรุปมีกี่คนกันแน่?” เฉินฮวนฮวนเริ่มร้อนใจทันใด เธอร้อนรุ่มและกระวนกระวายใจมาก

เธอรู้สึกว่าในโลกใบนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงค่อนข้างจะหาความบริสุทธิ์ใจได้ยาก ถ้าเพื่อนผู้หญิงของเฟิงหานชวนมีจำนวนมาก ก็พิสูจน์ได้ว่าเขาค่อนข้างเจ้าชู้นะสิ?

เฟิงหานชวนเห็นความวิตกกังวลของเฉินฮวนฮวนได้อย่างชัดเจน เขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีใจอยู่ในใจไม่น้อย

นี่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเฉินฮวนฮวนแคร์เขามากแค่ไหน

“ผมไม่มีเพื่อนผู้หญิงแล้ว คนภายในที่คุณคิดว่าผมน่าจะดีด้วยก็มีแค่หรงจิ่นซิว โม่เหวินโจวรวมทั้งอาเยี่ยน” เฟิงหานชวนไม่ได้ล้อเล่น แต่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ถึงอย่างไร ถึงจะล้อเล่นต่อไป ก็กลัวว่าเฉินฮวนฮวนจะคิดมาก

“เหลวไหล คุณดีกับหรงจิ่นซิวและอาเยี่ยนตรงไหน? แม้แต่โม่เหวินโจวคนนั้น ฉันก็ยังไม่เคยเจอเลย ไม่รู้สถานการณ์ด้วยซ้ำ” เฉินฮวนฮวนบ่นพึมพำอยู่เงียบ ๆ

ถึงอย่างไรเธอก็เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเฟิงเฉินเหยี่ยนและหรงจิ่นซิวมาก่อน ย่อมเห็นทัศนคติที่เฟิงหานชวนมีต่อทั้งสองคนนี้ สั้น ๆ ก็คือชอบทำหน้าตาเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งอยู่เสมอ

“ฮวนฮวน ท่าทางหึงหวงของคุณนี่น่ารักจริง ๆ เลยนะ” เฟิงหานชวนหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าดึงดูดใจว่า : “เพราะสนิทกับเขามาก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจมาก ไม่ใช่จะทำไม่ดีกับพวกเขาสักหน่อย”

“อาเยี่ยนเป็นหลานชายของผม จิ่นซิวและเหวินโจวก็เป็นพี่น้องที่อยู่กับผมมานานกว่า 10 ปีแล้ว ถ้าผมทำไม่ดีกับพวกเขา คนแบบผมจะยังมีคุณค่าให้คุณวางใจไหม?”

เฉินฮวนฮวนอึ้งงันไปในทันที รู้สึกว่าที่เฟิงหานชวนพูดก็มีเหตุผล เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ และพูดว่า : “คุณพูดถูก”

“เราเข้าไปข้างในกันเถอะ ไหนบอกว่าอยากเห็นสิ่งแวดล้อมในบ้านที่เราจะอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ?” เฟิงหานชวนตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนานี้ เพราะเขาพบว่าเฉินฮวนฮวนนั้นมีศักยภาพชักจูงไปในเรื่องที่ไม่มีประโยชน์

“ก็ได้” เฉินฮวนฮวนหมุนตัว และเปิดประตูเดินเข้าไปในคฤหาสน์

ส่วนเฟิงหานชวนก็เดินตามเธอเข้าไป

หลังจากที่เดินเข้ามาถึงในห้องรับแขก จู่ ๆ เฉินฮวนฮวนก็ดูเหมือนจะคิดอะไรได้ เธอหมุนตัวกลับมาทันที ซึ่งในจังหวะนั้นหน้าผากของเธอก็ชนเข้ากับแผงอกของผู้ชายคนนี้พอดี

“ไอหยา!” เธอยกมือขึ้นมากุมศีรษะของตัวเอง

“เจ็บไหม?” เฟิงหานชวนดึงมือที่แตะอยู่บนหน้าผากของเฉินฮวนฮวนออก และรีบใช้มือของตัวเองเข้าไปวางแทนที่ ก่อนจะลูบหน้าผากของเธอเบา ๆ

"ฉัน……ฉันเห็นหลิวตงรุ่ย……"

เมื่อพูดถึงชื่อของชายผู้นี้ เฉินฮวนฮวนปิดตาด้วยสองมือของเธอและไม่สามารถหยุดสะอื้นได้ ไม่มีทางที่จะสามารถสงบสติอารมณ์ลงได้

เพราะว่าเฟิงหานชวนรู้เรื่องนี้และเคยเห็นสถานการณ์ยากลำบากของเธอ เฉินฮวนฮวนถึงไม่เคยคิดปิดบังเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนกระซิบ แล้วรีบหยุดรถริมถนน

เขาเอื้อมมือไปโอบไหล่ของ เฉินฮวนฮวน ปล่อยให้ศีรษะเธอซบไหล่ของเขา และปล่อยให้เธอร้องไห้ในอ้อมแขนของเขา

เขาอ้าปากค้าง พยายามปลอบโยน แต่เขาไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไร ท้ายที่สุดเขารู้ดีว่าชายในคืนนั้นไม่ใช่หลิวตงรุ่ย

แต่คือตัวเขาเองเฟิงหานฉวน

แต่เมื่อมองท่าทีที่กลัวของเฉินฮวนฮวน เขาก็ไม่มีความกล้าที่จะบอกความจริงกับเฉินฮวนฮวน

ไม่ใช่ว่าไม่บอก แต่ไม่กล้าจะบอก

“อาหาน ทำไมฉันถึงต้องเจอเรื่องแบบนั้น ทำไม……” เฉินฮวนฮวนร้องไห้หนักขึ้น เธอซบศีรษะไว้บนตักของเขาพร้อมกับร้องไห้แล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวตงรุ่ย ฉันอาจจะได้เจอคุณยายเป็นครั้งสุดท้าย……"

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เฟิงหานชวนก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาแข็งทื่อ ราวกับน้ำเย็นในกะละมังที่ราดจากหัวจรดเท้า และทั้งกายของเขาก็เย็นด้วยความหวดกลัว

ในใจของเฉินฮวนฮวนผู้ชายในคืนนั้นไม่เพียงแต่เป็นคนที่ทำความผิดอย่างรุนแรง แต่ยังเป็นคนที่ทำให้เธอและยายเสียโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกัน——ผู้ร้าย

“ฮวน ฮวนฮวน……” เสียงของเฟิงหานชวนเกือบสำลัก และเขากระซิบชื่อเฉินฮวนฮวน แต่ก็พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ

เขากลัวความผิด เขาสูญเสีย เขาไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะเขาคือฆาตกรตัวจริงในคืนนั้น

“อาหาน ขอบคุณมาก ขอบคุณมากจริงๆ มีคุณอยู่ โชคดีที่มีคุณอยู่……” เฉินฮวนฮวนกอดคอของชายคนหนุ่มแน่น ซบอยู่ในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้อย่างขมขื่น แสวงหาความอบอุ่นนั้น

เฉินฮวนฮวนหมดหนทางและที่พึ่งพิง ทำให้เฟิงหานชวนนึกในใจ ถ้าวันหนึ่งเฉินฮวนฮวนรู้ความจริง เธอจะยกโทษให้เขาหรือไม่?

อย่างไรก็ตามหลิวเยว่เอ่อร์ถูกเขาให้คนส่งตัวไปแล้ว พรุ่งนี้หลิวตงรุ่ยก็จะเดินทางไปต่างประเทศ เช่นนี้แล้ว เฉินฮวนฮวนจะไม่มีวันรู้ความจริงของคืนนั้นอีกต่อไป

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฟิงหานชวนดูเหมือนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ฝ่ามือใหญ่ของเขาลูบหลังหญิงสาว ตบเบาๆ และปลอบเสียงอ่อนโยนว่า: "ผมจะอยู่เสมอ ฮวนฮวน เชื่อใจผม … "

“ฉันเชื่อใจคุณ อาหาน ขอบคุณที่ดีกับฉันมากขนาดนี้” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าในอ้อมแขนของเขาอย่างเร็ว

ตอนนี้เธอดีขึ้นมากแล้ว ดีขึ้นมากจริงๆ อาจเป็นเพราะมีเฟิงหานชวนเป็นที่พึ่งพาของเธอทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ปราศจากความหวาดกลัวที่เคยมี

“คุณคือภรรยาของผม ภรรยาที่เป็นอย่างถูกต้อง” เฟิงหานชวนลูบผมของเธอเบาๆ พูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

เธอผงะไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินสี่คำที่ว่า "เป็นอย่างถูกต้อง" แล้วเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย

“เกิดอะไรขึ้น?” เฟิงหานชวนถูกจ้องมองจนรู้สึกผิด เขากังวลอยู่เสมอว่าเฉินฮวนฮวนจะรู้ความจริง

“อาหาน ที่จริงเราไม่ได้เป็นอย่างถูกต้อง” เฉินฮวนฮวนมองเฟิงหานชวนอย่างขึงขังและพูดจริงจัง

“หือ?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงความงุนงง

“เราไม่มีรูปถ่ายในใบทะเบียนสมรส เราไม่มีรูปถ่ายก่อนแต่งงาน และเราก็ไม่มี……” เฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดต่อ

“ไม่มีงานแต่งงานใช่ไหม?” เฟิงหานชวนรู้ว่าเฉินฮวนฮวนเบื้องหลังต้องการจะพูดอะไร

“ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ขอจัดงานแต่งงาน ที่ฉันต้องการจะพูดคือ…… มันเป็นเรื่องของทะเบียนสมรส……” เฉินฮวนฮวนเริ่มพูดไม่ต่อเนื่อง

ที่จริงแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ต้องการมีงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ เดินไปหาชายผู้เป็นที่รักในชุดแต่งงาน สาบานต่อหน้าบาตรหลวง และสัมผัสความรู้สึกโรแมนติกนั้น

เพียงแต่ว่าสถานการณ์ระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนพิเศษเกินไป

เริ่มต้นจาก เธอเป็นเพียงแค่คนที่นายท่าน "ซื้อ" กลับมาให้เป็นภรรยาของเฟิงหานชวน ดังนั้นแม้แต่ทะเบียนสมรสก็ต้องรีบเร่ง

เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะขอจัดงานแต่งงาน

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปจับคางหญิงสาว กระทำอย่างนุ่มนวล

“ฉัน……ฉันหมายถึงว่า แค่เพิ่มรูปถ่ายในทะเบียนสมรสก็พอแล้ว อย่างอื่น……ไม่จำเป็นหรอก” เฉินฮวนฮวนเม้มปากอธิบาย

เพราะตอนนี้พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน เธอจึงหวังว่ามีใบทะเบียนสมรสก็จะสมบูรณ์

“ฮวนฮวน จะมีรูปถ่าย จะมีรูปถ่ายก่อนงานแต่ง และจะมีงานแต่งงาน” เฟิงหานชวนกล่าวอย่างเคร่งขรึม

สีหน้าแววตาของเขาดูจริงจัง ซึ่งทำให้เฉินฮวนฮวนมึนงงนิดหน่อย

“พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปถ่ายรูปติดทะเบียนสมรส ส่วนถ่ายรูปก่อนแต่งงานและงานแต่งงานรีบเร่งไม่ได้ คุณคิดดูให้ดีก่อน เราสามารถวางแผนให้ดีได้” เฟิงหานชวนทำปากจู๋แล้วก้มลงจูบบนหน้าผากของหญิงสาว จูบแรงๆ

เขาไม่ได้คาดคิดว่าเฉินฮวนฮวนจะเป็นคนเริ่มพูดเรื่องนี้ขึ้นเอง ที่จริงเขาอยากใจจะขาด

เฉินฮวนฮวนตะลึง เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะตอบตรงไปตรงมาและไม่มีการล้อเล่นเลยสักนิด

“ทำไม ยืนโง่เลยเหรอ?” เฟิงหานชวนชี้หน้าผากของหญิงสาวด้วยนิ้วชี้แล้วยิ้ม: “ไม่อยากจัดงานแต่งงานกับผมเหรอ?”

"ไม่ใช่นะ ฉัน……ฉันแค่ไม่รู้ว่า……ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี…" เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าสมองว่างเปล่าจริงๆ

“เนื่องจากว่าเราจะกลายเป็นคู่สามีภรรยาได้อย่างถูกต้อง นี่เป็นสิ่งที่วางมือลงไม่ได้ และเงินส่วนแบ่งที่ผมให้ไปในตอนแรกก็ควรได้คืนจากโอกาสนี้ด้วย” เฟิงหานชวนเป็นคนพูดตลกได้ยาก ที่เขาพูดคำพูดเหล่านี้ ทั้งหมดก็เพื่อให้เฉินฮวนฮวนตลกขบขัน

แน่นอนว่าเฉินฮวนฮวนรู้สึกขัน ทั้งๆที่ยังมีน้ำตาอยู่บนใบหน้า แต่ก็หัวเราะออกมาจริงๆ หัวเราะจนน้ำมูกเกือบจะไหลออกมา

“เฟิงหานชวน คุณอยากจะจัดงานแต่งงานกับฉันหรืออยากจะเก็บเงินส่วนแบ่งกันแน่?” เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ

แน่นอน เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ขาดแคลนเงินเลย

“คุณว่าหล่ะ?” เฟิงหานชวนเห็นว่าเฉินฮวนฮวนอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว ก็ใช้ฝ่ามือใหญ่โอบรอบเอวเธอ และกอดเธอแน่นไว้ในอ้อมแขนของเขา

“ฉันคิดว่า คุณต้องการเก็บเงินแบ่งส่วน” เฉินฮวนฮวนจงใจตอบแบบนี้

“หือ ผมต้องการเก็บเงินส่วนแบ่ง?” เฟิงหานชวนยักคิ้วและเลื่อนฝ่ามือขึ้นจากเอวของผู้หญิง

เฉินฮวนฮวนตระหนักได้ทันทีว่าเธอชักไฟเข้าตัว และรีบส่ายหัวบ้างไม่ส่ายหัวบ้าง หัวเราะแล้วตอบว่า: "ฉันหมายความว่าคุณต้องการจัดงานแต่งงานกับฉัน แล้วคุณยังสามารถเก็บเงินส่วนแบ่งคืน เพียงแค่ยิงปืนนัดเดียวก็ได้นกสองตัว

เฟิงหานชวน: "……"

เขาเอียงศีรษะเอนตัวไปข้างหูของหญิงสาวและเป่าที่หูเบาๆ เสียงดั่งแม่เหล็กของเขาพูดเบาๆว่า: "ฮวนฮวนน้อย คุณกะล่อนเกินไปแล้ว คุณควรถูกลงโทษ"

“ฉันไม่ได้กะล่อนซะหน่อย คุณรีบปล่อยฉันนะ นี่มันข้างถนน มีคนไปๆมาๆ อย่าทำอะไรไปเรื่อยนะ!” เฉินฮวนฮวนหน้าแดงระเรื่อ แล้วตื่นตระหนกขึ้นทันที

สุดท้ายแล้วชะตากรรมของการยั่วชายคนนี้ เมื่อคืนเธอได้สัมผัสอย่างถ่องแท้ด้วยตัวเธอเอง

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนเฝ้าประตู ติงเซียงก็รีบถาม: “เพื่อนของฉันเพิ่งออกไปเมื่อกี้ ฉันกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอ แท็กซี่มารับเธอใช่หรือเปล่า?”

คนเฝ้าประตูถูกคำถามของติงเซียงดึงสติกลับมา เขาส่ายหัวอย่างรวดเร็ว และโพล่งออกมา: "จะเป็นแท็กซี่ได้อย่างไร! มันเป็น…"

ทันใดนั้น เขาตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ คำถามของผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงคนนี้กับคุณชายสามของตระกูลเฟิง ไม่เช่นนั้นคงไม่ถามเช่นนี้

ดังนั้น คุณหนูคนเมื่อกี้อาจจะไม่อยากให้เธอรู้ ไม่งั้นเธอคงไม่รีบจากไปเช่นนี้

“มันเป็นรถส่วนตัว รถส่วนตัวมารับเธอไป” คนเฝ้าประตูเปลี่ยนน้ำเสียงทันที แม้ว่าเขาทำงานตอนกลางคืน หรือเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็ระวังในคำพูดของเขามาก

หากมีการรั่วจากเขา เขาอาจไม่มีจะกิน การงานที่นี่ก็อาจจะไล่เขาออก เขาควรจะปิดปากเงียบ

“รถส่วนตัวเหรอ? ถ้างั้น…” ติงเซียงกระซิบ แล้วถามคนเฝ้าประตูว่า: “คุณเห็นยี่ห้อรถไหม?”

“ผมไม่ได้สังเกต” เด็กหน้าประตูยิ้มแห้ง

“คุณลองนึกดูดีๆ” ติงเซียงกล่าวอย่างเร่งด่วน

“แขกมาเยอะมาก ผมไม่ได้สังเกตดีๆ” คนเฝ้าประตูยังคงตอบอย่างคลุมเครือ เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาพยายามจะสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ แค่ดูเขาก็รู้

“ถ้าอย่างนั้นขอดูกล้องวงจรปิดได้ไหม? กล้องวงจรปิดที่หน้าประตู น่าจะสามารถดูได้นะ?” ติงเซียงกลอกตาอย่างลับๆและแสร้งทำเป็นกังวลมาก: “สุขภาพของเพื่อนฉันไม่ค่อยดี จู่ๆก็จากไป ฉันเป็นห่วงสถานการณ์ของเธอจริงๆ ฉันกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรตอนอยู่บนรถ”

“น่าจะเป็นคนรู้จักมารับนะครับ” คนเฝ้าประตูตอบอย่างสุภาพ

“มันไม่แน่นอน เธอจากไปอย่างรีบร้อน ปกติเธอไม่มีเพื่อนคนอื่นที่ไหน เธออาจจะเรียกบริการรถ ถ้าหากคนขับทำอะไรไม่ดี…” ติงเซียงตั้งใจพูดเช่นนี้ ท่าทางกังวลมาก: "ฉันแค่อยากจะดูป้ายทะเบียนรถ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะได้โทรแจ้งตำรวจ"

“คุณหนู ถ้าหากคุณเป็นห่วงเพื่อนคุณมากจริงๆ ทำไมคุณไม่โทรถามเธอเลย? ไม่จำเป็นต้องดูกล้องวงจรปิดหรอกครับ” คนเฝ้าประตูหัวเราะสองครั้ง เผยให้เห็นการเสียดสีเล็กน้อยระหว่างคิ้วของเขา

สีหน้าของติงเซียงเปลี่ยนอย่างกะทันหัน เธอกัดฟัน บีบรอยยิ้มออกมา จับผมของเธอและกล่าว: “ยังดีที่คุณเตือนฉัน เมื่อกี้ฉันกังวลมากจริงๆ จนลืมคิดเรื่องนี้…”

หลังจากที่ติงเซียงพูดจบ ใบหน้าของเธอก็บึ้งและหันกลับมา รีบเดินไปที่ห้อง

เมื่อมองไปที่ด้านหลังของติงเซียง คนเฝ้าประตูก็นึกถึงคำพูดที่เฉินฮวนฮวนเพิ่งพูดไป และก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง

ภายในรถออฟโรดที่กว้างขวาง

เฉินฮวนฮวนสูดจมูก จมูกของเธอเป็นสีแดง และดวงตาของเธอก็เป็นสีแดง แค่มองก็รู้ว่าเธอเพิ่งร้องไห้

“เมื่อกี้ผมไม่ได้ลงไปรับคุณ เพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็น อาเหยี่ยนบอกว่ามีคนอื่นอยู่ที่นั่น” เฟิงหานชวนรู้สึกผิดเล็กน้อยดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอธิบายสองสามคำก่อน

เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้ร้องไห้เพราะเหตุนี้ แต่เพราะเรื่องของหลิวตงรุ่ย หรือพูดให้ถูกก็คือเพราะเหตุการณ์ในบลูส์คลับคืนนั้น

เพียงแต่ว่า คนกระทำผิดที่แท้จริงอยู่ไม่ไกลและอยู่ใกล้ตรงหน้าเธอ อีกอย่างในฐานะคนกระทำความผิด เขาไม่รู้ว่าจะปลอบเฉินฮวนฮวนอย่างไร

“อาหาน ฉันไม่ได้โทษคุณ คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายกับฉัน” เฉินฮวนฮวนขยี้ตาและสารภาพว่า: “ตอนนี้ฉันรู้สึกแย่มาก ไม่ใช่เพราะคุณไม่ได้ลงมารับฉัน แต่เพราะว่า…”

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนยังมองเขาเป็นคนชั่วร้าย หลิวตงรุ่ยก็แทบอยากจะตายจริงๆ

"คุณหนู คุณร้องขอความช่วยเหลือ หรือผมร้องขอความช่วยเหลือกันแน่? คุณมองตาของผม มองจมูกของผม…"ขณะที่พูดหลิวตงรุ่ยก็ขยับใบหน้าของเขาเข้าไปใกล้เฉินฮวนฮวน

เมื่อเห็นใบหน้าที่น่าสยดสยองเข้ามาใกล้เธอ เฉินฮวนฮวนตะโกนและผลักหลิวตงรุ่ยออกไป และจากนั้นก็รีบวิ่งหนีไปตรงทางเดินอย่างกับคนบ้า

"ช่วยด้วย" เสียงร้องดังก้องไปทั่ว

"ปึก" ดวงตาของเธอพร่ามัว ตอนนี้เหมือนกับว่าเธอชนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดที่แข็งแกร่งของใครบางคน

"ฮวนฮวน คุณเป็นอะไรไป?"เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอพร่ามัวและร่างของชายคนนั้นก็ปรากฏขึ้น แต่เธอมองเห็นไม่ชัดเจน แต่เสียงนั้นคุ้นเคยมาก และเธอก็รู้จักเจ้าของเสียงเป็นอย่างดี

"อาเหยี่ยน ช่วยฉัน ช่วยฉันด้วย…มีคน…"ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะพูดจบ ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อไปในทันที

เดิมทีเธอต้องการจะบอกว่ามีคนมาข่มขู่เธอ แต่เธอก็หยุดทันทีเพราะเธอยังคงตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง

ถ้าเฟิงเฉินเหยี่ยนรู้เรื่องของเธอและหลิวตงรุ่ย ดังนั้นคนในตระกูลเฟิงก็จะรู้ จากนั้นเธอก็จะไม่สามารถอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงต่อได้ และเธอจะยังสามารถอยู่ข้างๆเฟิงหานชวนได้ต่อไปอีกหรือเปล่า?

"ฮวนฮวน คุณพูดว่าอะไรนะ? เกิดอะไรขึ้น? ใครรังแกคุณ? "เฟิงเฉินเหยี่ยนถามอย่างกังวล เขาวางมือลงบนไหล่ของหญิงสาวแล้วส่ายหน้าเบาๆ

ผู้หญิงในอ้อมแขนของเขากำลังร้องไห้ ร่างกายที่เล็กกะทัดรัดของเธอสั่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้เฟิงเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้ว หัวใจของเขารู้สึกเป็นกังวล

เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งหลิวตงรุ่ยตกใจที่เห็นพวกเขาแล้วสะดุดหนีเดินออกจากพวกเขาไป ดูเหมือนว่าเขาจะมีเซนส์อะไรบางอย่าง

"อาเหยี่ยน เขา เขา เขาไปแล้วใช่ไหม…"เฉินฮวนฮวนไม่สามารถหยุดสะอื้นได้ ขนาดจะพูดให้จบประโยคยังทำไม่ได้เลย

เฟิงเฉินเหยี่ยนรู้ว่าเฉินฮวนฮวนหมายถึงใคร เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย สีหน้าของเขาดูสับสนและพยักหน้า: "เขาไปแล้ว เขาหนีไปแล้ว"

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ความกลัวของเฉินฮวนฮวนก็ค่อยหายและค่อยๆสงบลง

เธอเช็ดดวงตาของเธอและหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็มองขึ้นไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอและฝืนยิ้ม: "ขอบคุณ อาเหยี่ยน ฉัน…ฉันไม่เป็นไรแล้ว"

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ถ้าเฟิงเฉินเหยี่ยนถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็คงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เขาทำให้คุณกลัวหรือเปล่า?" เฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้ตั้งใจจะถามเพื่อทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมด: "มีผู้ชายจำนวนมากในไนต์คลับที่เป็นพวกโรคจิต แต่ที่นี่มีคนเยอะมาก ถ้ามีเรื่องอะไรคุณก็ตะโกนเลย"

"อืม…."เมื่อเห็นว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้ถามเธอต่อ เขาเพียงมองแค่ว่าหลิวตงรุ่ยเป็นพวกคนเลวๆพวกนั้น เฉินฮวนฮวนก้มศีรษะลงและพยักหน้าเบา ๆ

เหตุการณ์นี้จะติดตามเป็นเงาชีวิตของเธอ เธอไม่ต้องการให้ใครรับรู้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้เรื่องแบบนี้ถูกเปิดเผย

"ฮวนฮวน ดูเหมือนว่าคุณจะมีเสน่ห์จริงๆ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่อาสามจะหวงคุณขนาดนี้ เขาคงกลัวว่าคุณจะโดนลักพาตัวไป! "เฟิงเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเฉินฮวนฮวนยังคงดูอึดอัดใจมาก ดังนั้นเขาจึงเริ่มพูดหยอกล้อ

"ห้ะ?"เมื่อกี้เฉินฮวนฮวนคิดถึงแต่เรื่องนั้นตลอด จู่ๆเฟิงเฉินเหยี่ยนก็เปลี่ยนเรื่องในทันใด ทำให้เธอไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ

"คุณดูสิ อาหาวเป็นเพลย์บอยที่ตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น คุณเพิ่งมาเข้าห้องน้ำและก็มีผู้ชายอีกคนหนึ่งตามคุณมาอีก คุณเป็นผู้หญิงประเภทที่คนรักคนหลง ใครเห็นใครก็ชอบ และน่ารักจนแทบอดใจไม่ไหวจริงๆ เวลากลางคืนอาสามต้องนอนไม่ค่อยหลับแน่ๆ!" เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดติดตลกด้วยรอยยิ้ม และคำพูดของเขาก็ดูพูดเกินจริงไปหน่อย

เขาล้อเล่นขนาดนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าหวังที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเฉินฮวนฮวน

"ฉัน….."เฉินฮวนฮวนได้ยินสิ่งที่เฟิงเฉินเหยี่ยนจงใจหยอกเธอ แต่ตอนนี้เธอหัวเราะไม่ออกจริงๆ

ในใจของเธอเต็มไปด้วยใบหน้าของหลิวตงรุ่ย ความกลัวและแม้แต่ความสิ้นหวังของคืนนั้นทั้งหมดก็ทะลักไหลเข้ามาในจิตใจของเธอ

เดิมทีเธอคิดว่าเธอจะปล่อยวางได้ แต่เมื่อเธอเห็นหลิวตงรุ่ยอีกครั้ง เธอก็ไม่รู้ว่าเธอจะปล่อยวางกับเรื่องแบบนี้ไปได้อย่างไร?

"โอเค ฮวนฮวน หลินอวี่หยางเพิ่งโทรหาคุณไม่ใช่เหรอ? ได้เวลาไปเต้นแล้ว ผมจะพาคุณไปด้วยกัน และผมจะปกป้องคุณเอง! จะไม่มีผู้ชายเข้ามากวนใจคุณแน่นอน! "เฟิงเฉินเหยี่ยนทุบหน้าอกและสัญญา

เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างเงียบๆ ใบหน้าเล็กๆของเธอดูซีดมาก และเธอพูดเบาๆว่า: "ขอบคุณนะอาเหยี่ยน ฉันเหนื่อยนิดหน่อยและฉันอยากกลับไปพักผ่อน ฉันคงไม่ได้ไปสนุกกับพวกคุณแล้ว"

ในตอนนี้เธอเพียงแค่ต้องการเห็นเฟิงหานชวน เพียงแค่ต้องการได้ยินเสียงของเฟิงหานชวน และเพียงต้องการแค่ซบลงในอ้อมแขนของเฟิงหานชวน

"ผมจะไปส่งคุณ"เฟิงเฉินเหยี่ยนดูเป็นกังวล เขารู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนอยู่ในสภาพที่แย่มาก เขาต้องส่งเธอกลับและบอกกับอาสามว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้

เขารู้สึกว่าตอนนี้มีเพียงอาสามเท่านั้นที่สามารถปลอบโยนเฉินฮวนฮวนได้

"ไม่ต้องหรอก คุณไปสนุกต่อเถอะ ฉันไม่ต้องการที่จะทำลายความสนุกของคุณเพราะเรื่องของฉัน"เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอีกครั้ง เธอเลี่ยงเฟิงเฉินเหยี่ยนและพูดขณะที่เดินไปข้างหน้า: "ฉันจะไปบอกหยางหยาง"

ในขณะเดียวกันหลิวตงรุ่ยก็โผล่ออกมาจากมุมและมองมาที่เฉินฮวนฮวน เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเฉินฮวนฮวนอย่างรวดเร็ว

"ผมขอโทษ ขอโทษ โปรดยกโทษให้ผมด้วย คุณเฉินผมจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคุณอีกต่อไป สิ่งที่ผมทำผิดกับคุณ ผมขอโทษคุณ ขอโทษ…"หลิวตงรุ่ยก้มหน้าขอความเมตตาและขอโทษ

เฉินฮวนฮวนผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว เธอถูกเฟิงเฉินเหยี่ยนจับไว้และเกือบจะล้มลงไปกับพื้นอีกครั้ง

"หลิวตงรุ่ย คุณทำอะไร!”เฟิงเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วและดุ

"นายน้อยเฟิง ผมขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของผม ผมต้องขอโทษคุณเฉิน ผมแค่หวังว่าคุณเฉินจะปล่อยเรื่องนี้ไป ผมจะไปต่างประเทศในไม่ช้านี้แล้ว คุณเฉินจะไม่ได้เจอผมอีก"หลิวตงรุ่ยยังคงก้มหน้าและตัวสั่นไปด้วยความกลัว

"ไปต่างประเทศ?"เฟิงเฉินเหยี่ยนตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติและเขาก็ตั้งข้อสงสัยขึ้น

เขารู้ว่าหลิวตงรุ่ยกำลังไปได้ดีในประเทศ ตระกูลหลิวเป็นบริษัทท้องถิ่นและไม่มีความตั้งใจที่จะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อขยายธุรกิจ เป็นไปไม่ได้…หรือว่าอาสามอยู่ที่นี่?

"คุณเฉิน นายน้อยเฟิง ผมหลิวตงรุ่ยจะเปลี่ยนแปลงและจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ในอนาคต"หลังจากที่หลิวตงรุ่ยพูดคำเหล่านี้ เขาก็เดินออกไปอย่างกลัวๆ

เฉินฮวนฮวนยังคงไม่ตอบสนอง ทั้งๆที่ข้างหน้าเธอไม่มีใครแล้ว

"ฮวนฮวน ฮวนฮวน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?"เฟิงเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ข้างๆเฉินฮวนฮวน เขาเขย่าแขนของเธอเบาๆเมื่อเห็นว่าเธอยังคงใจลอย

เฉินฮวนฮวนกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งและพึมพำกับตัวเอง: "เขากำลังจะไปต่างประเทศ เขาจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีกต่อไป…"

ใช่ หลิวตงรุ่ยกำลังจะไปต่างประเทศ และเขาจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคุณอีก"เฟิงเฉินเหยี่ยนยืนยันคำตอบ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกราวกับว่าหินก้อนใหญ่ตกลงไปที่ในหัวใจของเธอ และเธอก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก ซึ่งต่างจากเมื่อสักครู่

"ฮวนฮวน หรือว่าให้ผมโทรหาอาสาม? ให้เขามารับคุณ? "แม้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะพูดอย่างนั้น แต่เขาสงสัยว่าเฟิงหานชวนน่าจะมาถึงแล้ว

เมื่อพูดถึงอาสาม ใบหน้าที่หล่อเหลาของเฟิงหานชวนก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเฉินฮวนฮวน จู่ๆเธอก็คิดถึงอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของเขา

เธอพยักหน้าและตอบว่า: "อืม"

"คุณไปนั่งรอที่ห้องไพรเวทก่อนนะ ผมจะโทรหาอาสาม"

"โอเค"

เฉินฮวนฮวนเดินไปที่บาร์ ขณะที่เฟิงเฉินเหยี่ยนเข้าไปในห้องน้ำชายและโทรหาเฟิงหานชวน

"อาสาม ฮวนฮวนเจอหลิวตงรุ่ยที่พอยเซินและตอนนี้อารมณ์ของเธอก็ไม่ค่อยคงที่สักเท่าไหร่ อามารับเธอไปเถอะ"เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดอย่างเร่งรีบหลังจากที่อีกฝ่ายรับสาย

"ฉันรู้ ฉันกำลังไป"หลังจากที่อาสามตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาก็วางสายไป

"อาสาม หรือว่าอา…"เฟิงเฉินเหยี่ยนยังพูดไม่จบ แต่กลับพบว่าอาสามของเขาได้วางสายไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขา

เขาเดินไปที่อ่างล้างหน้า โดยนึกถึงใบหน้าซีดเผือดของเฉินฮวนฮวน และท่าทางที่กลัวมากของเธอ เขารู้สึกเจ็บปวดใจและต้องการปกป้องเธอ

แค่นึกถึงสถานะของทั้งสองคน เขาก็ยิ้มอย่างเงียบๆ แล้วก้มลงไปล้างมือด้วยน้ำเย็นและมุ่งหน้าไปยังบาร์

หลังจากมาถึงห้องไพรเวทแล้ว เฟิงเฉินเหยี่ยนก็พบว่าเฉินฮวนฮวนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาคนเดียวและไม่มีใครสังเกตเห็น

"ฮวนฮวน ผมโทรหาอาสามแล้วนะ ตอนนี้เขากำลังมารับคุณ เดี๋ยวผมจะออกไปส่งคุณเอง"เฟิงเฉินเหยี่ยนนั่งลงข้างๆเฉินฮวนฮวน ทำให้อารมณ์ของเธอสงบลง

"อืม ขอบคุณนะอาเหยี่ยน"เฉินฮวนฮวนกล่าวขอบคุณ

"คุณจะมาเกรงใจผมทำไม คุณเป็นอาสะใภ้สามของผม!"เฟิงเฉินเหยี่ยนยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถว และมันดูสดใสมาก

"อ้อใช่ อาเหยี่ยน ฉันเพิ่งไปทักทายหยางหยางและคนอื่นๆ ฉันบอกว่าไม่ค่อยสบาย เดี๋ยวอาหานจะมารับฉันกลับบ้าน แล้วก็อย่าพูดถึงเรื่องของหลิวตงรุ่ยนะ"เฉินฮวนฮวนมองไปที่เฟิงเฉินเหยี่ยนและพูดกำชับ

"โอเค ผมเข้าใจ ไม่ต้องห่วง ผมจะปิดปากให้สนิท เพราะอย่างไรแล้วความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว"เฟิงเฉินเหยี่ยนโอบไหล่ของเฉินฮวนฮวน ทั้งสองดูเหมือนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

"อืมๆ"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอย่างจริงจัง

เธอไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดมัน แต่เพราะชื่อเสียงของตระกูลเฟิงที่โด่งดัง เธอไม่ต้องการสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็น และเธอไม่ต้องการเป็นขี้ปากของใคร

เธอแค่ต้องการอยู่กับเฟิงหานชวนอย่างเงียบๆ

เฟิงเฉินเหยี่ยนรออยู่กับเฉินฮวนฮวนครู่หนึ่ง แต่สักพักถูกเฉินเสี่ยวอวี่และจางถิงดึงตัวออกไป ทันทีที่เขาถูกดึงออกไป เฉินฮวนฮวนก็ได้รับโทรศัพท์จากเฟิงหานชวนพอดี

ขณะรับโทรศัพท์ เธอลุกขึ้นและเดินไปทางประตู

"ฮวนฮวน ผมมาถึงแล้ว รถจอดอยู่ข้างถนน" เสียงดังก้องอยู่ในหูของเธอ

จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็รู้สึกแสบตาและรู้สึกอยากจะร้องไห้ เธอสะอื้นและพูดว่า: "ฉันกำลังไป"

หลังจากพูดจบ เธอก็วางสายและรีบเดินไปข้างหน้า

เมื่อเธอรีบไปที่ประตู เธอบังเอิญเจอเข้ากับการ์ดเฝ้าประตู เขาขวางเฉินฮวนฮวนอย่างกระตือรือร้นและถามว่า "กลับเร็วจังเลยครับ?"

"อืม ใช่"เฉินฮวนฮวนถูดวงตาของเธออย่างรวดเร็ว แทบจะไม่มีรอยยิ้มออกมาจากเธอ เธอตอบอย่างสุภาพ

"ให้ช่วยเรียกรถไหมครับ?"การ์ดเฝ้าประตูยิ้มและถามต่อ

"ไม่ต้อง สามีฉันมารับแล้ว"ดวงตาของเฉินฮวนฮวนจับจ้องอยู่ที่รถSUVสีดำข้างถนน

หลังจากตอบ เธอก็วิ่งไปเปิดประตูข้างคนขับอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าไปนั่ง

รถเริ่มออกตัวทันที เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นป้ายทะเบียน เขารู้สึกตกใจจนเอามือขึ้นมาปิดปาก

ในขณะเดียวกัน ติงเซียงก็บังเอิญออกมาพอดี…

เจิ้งจือหาวกำลังถามเธอ เฉินฮวนฮวนรู้สึกได้

"ใช่ค่ะ ยังเรียนไม่จบ" เธอคิดว่าแค่คุยธรรมดา เลยไม่ได้ใส่ใจ แล้วตอบแบบปกติ

"เรียนที่ไหน? ปีไหนแล้ว?" เจิ้งจือหาวถามอีกครั้ง

"มหาวิทยาลัยAที่เป่ยเฉิง ปีสองแล้วค่ะ" เฉินฮวนฮวนตอบ

"มหาวิทยาลัยA เป็นมหาวิทยาลัยดังเลย ดูเหมือนว่าผลการเรียนของเธอคงดีมาก" เจิ้งจือหาวกะพริบตา แล้วยิ้มเห็นฟันขาวๆอย่างเจ้าเล่ห์

"ยังพอใช้ได้ค่ะ" เฉินฮวนฮวนยิ้มอ่อน

เจิ้งจือหาวเห็นว่าเฉินฮวนฮวนเกร็ง เขาจึงเปิดคิวอาร์โค้ดโทรศัพท์ออกมา แล้วยื่นไปให้เฉินฮวนฮวน พร้อมพูดว่า "เพิ่มวีแชทกัน"

เฉินเสี่ยวอวี่กับจางถิงอุทานอย่างตกใจ เจิ้งจือหาวแสดงออกชัดเจนแล้วว่า เขาสนใจเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเห็นคิวอาร์โค้ดบนหน้าจอโทรศัพท์ จึงไม่รู้จะทำยังไง เลยรีบหันมองไปทางเฟิงเฉินเหยี่ยน

เฟิงเฉินเหยี่ยนยื่นมือออกไป ดึงโทรศัพท์เจิ้งจือหาวกลับมา แล้วยัดโทรศัพท์เข้ามือเจิ้งจือหาวอย่างเย็นชา

เจิ้งจือหาวทำหน้าสงสัย แล้วขมวดคิ้วถาม "ไหนบอกว่าเพื่อนแก? นี่หมายความว่ายังไง?"

เขามองออก เฟิงเฉินเหยี่ยนห้ามเขาจีบเฉินฮวนฮวน แล้วไม่พอใจกับการกระทำของเขา นี่เลยทำให้เจิ้งจือหาวไม่สบอารมณ์

"เพื่อนฉัน แต่แกจีบไม่ได้" เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดอย่างเข้มงวด

อยู่ๆเจิ้งจือหาวก็หัวเราะ แล้วยื่นมือไปตบไหล่เฟิงเฉินเหยี่ยน พร้อมพูดแซวว่า "คุณชายเฟิง คุณก็มีวันนี้เหรอครับ?"

"หุบปาก" เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดเสียงเข้ม

"ผู้หญิงเขาอยู่ตรงหน้า กำลังฟังอยู่ ทำไมแกปอดแหกขนาดนี้วะ? ไม่เหมือนแกเลย!" เจิ้งจือหาวจงใจมองเฉินฮวนฮวนแล้วพูด

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเจิ้งจือหาวเข้าใจเธอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนผิด กำลังจะพูดอธิบาย แต่เฟิงเฉินเหยี่ยนลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วจับคอเสื้อเจิ้งจือหาวไว้

ทุกคนที่อยู่ต่างก็พากันอึ้ง ที่ทุกคนอึ้งที่สุดคือท่าทางของเฟิงเฉินเหยี่ยน ปกติเขายิ้มแย้ม นิสัยเข้าถึงง่าย ไม่เคยทะเลาะมีเรื่องกับใครเลย แล้วไม่เคยมีปัญหากับใครด้วย

ตอนนี้ เหมือนเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่พอใจเจิ้งจือหาวมาก

"เฟิงเฉินเหยี่ยน นี่มึงทำอะไร!" เจิ้งจือหาวเลียริมฝีปาก แววตาก็ดุดัน โดนคนอื่นจับคอเสื้อไว้ สีหน้าคงไม่ดีมาก

ตอนที่ทุกคนคิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะชกเจิ้งจือหาว แต่เฟิงเฉินเหยี่ยนกลับปล่อยมือ แล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง "ตามฉันมา มีเรื่องจะคุยกับแก"

"หาที่ตัวต่อตัว?" เจิ้งจือหาวจัดคอเสื้อ เลิกคิ้วขึ้น เหมือนกำลังยั่วอารมณ์

"ตัวต่อตัวเชี้ยไร! ฟังไม่รู้เรื่องเหรอวะ? กูบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับมึง!" เฟิงเฉินเหยี่ยนหมดคำพูด

"……" เจิ้งจือหาวอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยพูดว่า "ได้"

พอทั้งสองเดินไปแล้ว บรรยากาศในห้องจึงอึดอัด แล้วสายตาทุกคนก็มองไปที่เฉินฮวนฮวน

หลินอวี่หยางรีบช่วยเฉินฮวนฮวนแก้สถานการณ์ "พวกเธอมองอะไร ควรทำอะไรก็ไปทำสิ!"

"หยางหยาง ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ" เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าบรรยากาศอึดอัดมาก แล้วตอนนี้เธอก็ต้องไปห้องน้ำพอดี เธอจะไปเปลี่ยนผ้าอนามัย

"ฮวนฮวน เดี๋ยวฉันไป……งั้นเธอรีบไปรีบกลับมานะ ฉันรอเธอกลับมา" หลินอวี่หยางโบกมือให้

ทีแรกเธออยากไปกับเฉินฮวนฮวน แต่นึกถึงพวกเฉินเสี่ยวอวี่เป็นพวกขี้นินทา ต้องมีคนนินทาเฉินฮวนฮวนแน่นอน เลยเลือกอยู่ต่อ

ตามคาด พอเฉินฮวนฮวนไปแล้ว เฉินเสี่ยวอวี่ก็รีบพูดว่า "หยางหยาง เฟิงเฉินเหยี่ยนต้องชอบเฉินฮวนฮวนแน่ๆ!"

"เป็นไปไม่ได้ พวกเธอไม่เข้าใจ!" หลินอวี่หยางปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ที่เธออยู่ต่อก็เพื่อแก้ข่าวให้เฉินฮวนฮวน เดี๋ยวเรื่องซุบซิบจะบานปลาย

"จะเป็นไปไม่ได้ได้ยังไง? ชัดเจนขนาดนี้ เธอยังมองไม่ออกอีกเหรอ?" จางถิงพูดเสริม "หยางหยาง เธอไม่เคยมีแฟน เธอไม่เข้าใจเรื่องความรักหรอก!"

"ฉันไม่เคยมีความรัก แต่ฉันก็เคยเห็นคนมีความรัก ฉันบอกว่าพวกเขาสองคนเป็นไปไม่ได้ ก็คือเป็นไปไม่ได้!" หลินอวี่หยางจะบ้าตายแล้ว

เธอเป็นคนเดียวที่รู้เรื่อง รู้ว่าเฉินฮวนฮวนคืออาสะใภ้สามของเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่เธอทำได้แค่รักษาความลับ พูดออกมาไม่ได้ แต่แบบนี้ก็ช่วยเฉินฮวนฮวนอธิบายยาก ใจเธอเลยลนลาน

"หยางหยาง ฉันรู้สึกว่าเสี่ยวอวี่กับถิงถิงพูดถูก รู้สึกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนแคร์เฉินฮวนฮวนมาก เจิ้งจือหาวอยากจีบฮวนฮวน เขาเลยโกรธขนาดนั้น ความรู้สึกที่เขามีต่อฮวนฮวนไม่ธรรมดา……" ติงเซียงอดพูดไม่ได้

"ช่างเถอะ ช่างเถอะ พวกเธอไม่เข้าใจ ไม่ว่ายังไงฉันบอกพวกเธอไว้เลย พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่ได้มีเรื่องรักๆใคร่ๆ พวกเธอจะเชื่อไม่เชื่อแล้วแต่!" หลินอวี่หยางขี้เกียจอธิบายแล้ว

เธอเห็นว่า อธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่อธิบายดีว่า

"หยางหยาง เธออย่าโมโหสิ ฉันไม่ได้จงใจขัดเธอ ฉันแค่รู้สึกว่า……" ระหว่างติงเซียงกับหลินอวี่หยางมีที่ว่างของเฉินฮวนฮวน เธอจึงขยับเข้าไปใกล้หลินอวี่หยาง แล้วจับแขนเธอไว้

"เฟิงเฉินเหยี่ยนเรียกเจิ้งจือหาวออกไปคุยตัวต่อตัว เพราะไม่ให้เขาจีบฮวนฮวนแน่ๆ ทำไมถึงไม่ให้จีบล่ะ เพราะเขาชอบฮวนฮวนไง ยังจะมีเหตุผลอะไรอีก?"

เฉินเสี่ยวอวี่รู้ว่าหลินอวี่หยางเป็นคนซื่อบื้อ เห็นหลินอวี่หยางเอาแต่ปฏิเสธ เธอเลยคิดจะเปิดโปง เธอรู้สึกว่าหลินอวี่หยางโดนเฉินฮวนฮวนหลอก

"ต้องมีเหตุผลอื่นแน่นอน" หลินอวี่หยางตอบอย่างไม่ลังเล

เธอรู้ว่าทำไมเฟิงเฉินเหยี่ยนต้องเรียกเจิ้งจือหาวไปคุยตัวต่อตัว คงจะบอกเรื่องตระกูลเฟิงกับเจิ้งจือหาว ให้เจิ้งจือหาวล้มเลิกความคิดที่มีต่อเฉินฮวนฮวน

"เหตุผลอื่นอะไร?" ติงเซียงรู้สึกผิดปกติ เลยรีบเอ่ยถาม

……

เฉินฮวนฮวนเลี้ยวเดินไปทางห้องน้ำ จึงเห็นเฟิงเฉินเหยี่ยนกับเจิ้งจือหาวยืนพิงผนังอยู่

ในปากของทั้งสองคาบบุหรี่ไว้ ตรงหน้ามีแต่ควันล้อมรอบ

เจิ้งจือหาวเห็นเฉินฮวนฮวนก่อน เขาจึงรีบขยี้บุหรี่ทิ้ง แล้วยิ้มโบกมือกับเธอ ถือว่าทักทายกัน

เฉินฮวนฮวนก็พยักหน้าให้ แล้วยิ้มอ่อน

"บอกให้แกอย่ามอง ยังมองอีก!" เสียงเข้มของเฟิงเฉินเหยี่ยนดังขึ้น หลังจากนั้นหูของเจิ้งจือหาวก็โดนจับไว้

เจิ้งจือหาวรีบเอามือเขาออก สีหน้าไม่ค่อยดีมากนัก แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ "ใครจะรู้ว่าเธอเป็นอาสะใภ้สามของแกวะ ถ้ารู้แต่แรก ฉันไม่มองหรอก!"

เฉินฮวนฮวน: "……"

เธอเดินผ่านพวกเขาไปอย่างเงียบๆ ทีแรกคิดจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำหญิง แต่เฟิงเฉินเหยี่ยนเรียกไว้ก่อน

"ฮวนฮวน ขอโทษนะ ฉันบอกอาหาวแล้ว มันจะไม่วู่วามอีก" น้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด

"ไม่ ไม่เป็นไร พวกนายคุยกันเถอะ" เฉินฮวนฮวนรู้สึกทำตัวไม่ถูก จึงรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำหญิง

พอเธอเข้าไปแล้ว เจิ้งจือหาวจึงถอนหายใจ แล้วพึมพำว่า "กว่าจะชอบใครสักคน แต่สุดท้าย……"

"พอแล้ว แกหุบปากไปเลย" เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดเสียงเข้มอีกครั้ง

"รำคาญ!" เจิ้งจือหาวก้มหน้าลง แล้วเดินกลับไป

เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ขยี้บุหรี่ในมือให้ดับ แล้วตามไปด้วย

……

ห้องน้ำหญิง

เฉินฮวนฮวนนั่งอยู่บนชักโครก แล้วคิ้วก็ขมวดแน่น

ทำไมผ้าอนามัยสะอาดมาก ไม่มีอะไรเลย

ก่อนมื้อเย็นเธอเพิ่งเปลี่ยนไป ถึงตอนนี้ก็สองชั่วโมงกว่าแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นวันที่สอง ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

เมื่อก่อนรอบเดือนเธอปกติ ปริมาณก็ปกติ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

หลังจากฝึกอบรมครั้งนี้ ก็กลายเป็นแบบนี้ หรือว่าเป็นเพราะชอบทนหิว? ฮอร์โมนในร่างกายจึงไม่สมดุล?

ดูเหมือนว่าถ้าพรุ่งนี้มีเวลา เธอต้องไปถามหมอที่โรงพยาบาลแล้ว ไปเบิกยามาปรับสมดุล

แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะจะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใช่ เดี๋ยวบำรุงร่างกายก็จะกลับมาเป็นปกติ เพราะฉะนั้นเฉินฮวนฮวนเลยไม่ได้กังวลอะไรมาก แล้วเปลี่ยนแผ่นใหม่

ทันใดนั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่น เธอหยิบมาดู จึงเห็นว่าหลินอวี่หยางโทรมา

ตอนนี้หลินอวี่หยางอยู่ในห้อง ทำไมอยู่ๆถึงโทรมาหาตัวเอง เพราะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?

เฉินฮวนฮวนรีบกดรับโทรศัพท์ "หยางหยาง มีอะไรเหรอ?"

"ฮวนฮวน ปาร์ตี้เริ่มแล้ว เธอรีบกลับมาสิ ฉันรอเธอมาพร้อมกัน!" หลินอวี่หยางตะโกนอย่างตื่นเต้น

เฉินฮวนฮวนทำตัวไม่ถูก จึงรีบเอ่ยว่า "โอเค ฉันจะมาเดี๋ยวนี้เลย!"

พูดจบ เธอก็กดวางสาย เดินออกจากห้องน้ำ แล้วเดินไปที่อ่างล้างมือส่วนรวม

แต่ว่า วินาทีที่เธอเงยหน้าขึ้น คนในกระจก ทำให้เลือดในตัวเธอหยุดไหลทันที

สีหน้าก็ซีดขาวทันที

จนขาทั้งสองข้างก็เริ่มอ่อน แล้วขนลุกเต็มตัว

วินาทีนี้ ผู้ชายที่ล้างมือข้างเธอ คือฆาตกรข่มขืนคืนนั้น–หลิวตงรุ่ย

เขาใส่ชุดสีขาวชิลล์ๆ แล้วยังฮัมเพลง ดูอารมณ์ดีมาก

เขากำลังก้มหน้าล้างมือ เลยไม่ได้สังเกตเฉินฮวนฮวน

ทันใดนั้น เสียงดัง"ปึก" ผู้หญิงข้างๆล้มลงไปกับพื้น หลิวตงรุ่ยจึงรีบไปดู

ไม่ดูไม่รู้ พอดูแล้วจึงสะดุ้งตกใจจนสีหน้าเขาซีดขาว

"เฉิน เฉินเฉินเฉิน……เฉินฮวนฮวน……" ปากเขาเอาแต่สั่น นิ้วของเขาชี้เฉินฮวนฮวนที่นั่งอยู่ที่พื้น แล้วนิ้วก็เริ่มสั่นด้วย

ชีวิตเขาราบรื่นตลอด เป็นชีวิตที่สุขสบาย มีแค่เรื่องหนึ่งที่ฝังใจ ก็เพราะผู้หญิงคนนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ใส่ร้าย เขาคงไม่ทุกข์ทรมานแบบนั้น โดนซ้อมจนฉี่ราดกางเกง ใบหน้าบวมช้ำ สองสามวันก่อนเพิ่งกล้าออกมา เกือบจะเป็นประสาทแล้ว

จากนั้นเขาจึงคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินฮวนฮวน แล้วขอร้องว่า "คุณหนู คุณปล่อยผมไปเถอะครับ อย่าตามมาหลอกหลอนกันเลยได้ไหมครับ? ผมขอร้องล่ะ……คุณดูแผลที่จมูกผมสิ ยังไม่หายดีเลย……"

เฉินฮวนฮวนกอดตัวเองไว้แน่นๆ รู้สึกหนาวจนตัวสั่น

เธออยากหนี ไม่อยากเห็นผู้ชายคนนี้ ไม่อยากฟังที่เขาพูด แต่เธอกลับยืนขึ้นไม่ได้ เหมือนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้

"ช่วยด้วย ช่วยด้วย……" ดวงตาทั้งสองข้างของเธอพร่ามัว ก้มหน้าลงที่เข่า แล้วเอาแต่พึมพำ

“หยางหยาง เธอใจไม่ถึงเลย! เฟิงเฉินเหยี่ยนมาแล้ว ทำไมเธอไม่บอกพวกเราล่ะ?” เฉินเสี่ยวอวี่บิดตัว น้ำเสียงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

จางถิงก็พูดเสริมขึ้น “ใช่ใช่ ฉันเกือบจะไปเดทกับแฟนของฉันแล้ว เกือบจะพลาดไปแล้ว”

“พูดแบบนี้แสดงว่าฉันสำคัญกว่าแฟนของเธอ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนเลิกคิ้ว ใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ให้พวกผู้หญิงที่อยู่ในที่เหตุการณ์รู้สึกสั่นระริก

แน่นอนว่าในนั้นไม่ได้รวมเฉินฮวนฮวนและหลินอวี่หยาง

“เฟิงเฉินเหยี่ยน นายสำคัญกว่าแฟนของฉันจริง ๆ นะ” จางถิงเขินจนหน้าแดง ตั้งใจขยับไปชิดกับแขนของเฟิงเฉินเหยี่ยน

เห็นได้ชัดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเคยชินกับการกระทำแบบนี้แล้ว เขายิ้มอ่อน ๆ แล้วพูด “แบบนั้นแฟนของเธอจะหึงเอานะ”

“ฉันไม่สนหรอก ใครใช้ให้นายหล่อกว่าเขาล่ะ” จางถิงไม่ใช่ผู้หญิงจากตระกูลเล็ก ๆ ถึงแม้ว่าภูมิหลังของครอบครัวเธอจะเทียบไม่ได้กับตระกูลเฟิงและตระกูลหลิน แต่ยังไงเธอก็เป็นเด็กสาวที่คาบช้อนเงินช้อนทองโตมา

ดังนั้นถึงแม้หน้าตาจะไม่เด่น แต่นิสัยเปิดเผย แถมมั่นใจในตัวเองมาก

เฉินเสี่ยวอวี่เป็นผู้หญิงที่ร่าเริง เธอก็พูดหว่านเฟิงเฉินเหยี่ยนขึ้นมา ทั้งสามคุยกันอย่างสนุกสนาน

ติงเซียงเห็นภาพแบบนี้ ในใจไม่ต้องพูดเลยว่ารู้สึกไม่ดีขนาดไหน เดิมทีเธออาศัยที่ตัวเองกับหลินอวี่หยางแล้วก็เฉินฮวนฮวนรู้จักกัน อยากจะพูดคุยใกล้ชิดกับเฟิงเฉินเหยี่ยนอีกสักขั้น ใครจะไปรู้ว่าครึ่งทางจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

เห็นหัวข้อสนทนาที่เฉินเสี่ยวอวี่กับจางถิงคุยกับเฟิงเฉินเหยี่ยน ตัวเองไม่มีที่ให้แทรกเลย เฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยางก็กำลังคุยอะไรกันอยู่ เธอจึงทำได้เพียงนั่งดื่มเครื่องดื่มอยู่ข้าง ๆ เธอโมโหจนกัดหลอดดูด

หลินอวี่หยางมองดูเวลา แล้วพูดกับเฉินฮวนฮวน “เดี๋ยวรอสองทุ่มผับเปิด พวกเราไปด้วยกัน

“ฉันเต้นไม่เป็น” เฉินฮวนฮวนเกาหัว อันที่จริงรู้สึกว่าไปเที่ยวผับค่อนข้างน่าเบื่อ

“ง่ายมากเลย! เดี๋ยวฉันสอนเธอ!” หลินอวี่หยางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

เห็นแบบนี้เฉินฮวนฮวนก็ไม่อยากให้หลินอวี่หยางเสียอารมณ์ จึงตอบรับเธอ

“ฮวนฮวน เธอจะไปเต้นจริงเหรอ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนที่อยู่ตรงข้ามได้ยินเฉินฮวนฮวนตอบรับ เขาไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วถามขึ้น

“ใช่ ทำไมเหรอ?” เฉินฮวนฮวนถามเฟิงเฉินเหยี่ยนอย่างสงสัย

เดิมทีเธอคิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนหลงอยู่ในคารมของเฉินเสี่ยวอวี่กับจางถิง คิดไม่ถึงว่าจะยังฟังที่หลินอวี่หยางคุยกับเธอ

“เธอแน่ใจว่าเธอจะไปผับ? ลานเต้นผู้ชายเยอะมาก ถึงเวลาเนื้อแนบเนื้อ ไม่ค่อยดีหรอกนะ?” สีหน้าของเฟิงเฉินเหยี่ยนลังเลและจริงจังนิดหน่อย ไม่มีท่าทางหยอกล้อเหมือนเมื่อครู่เลยสักนิด

“เอ่อ…” เฉินฮวนฮวนได้ตระหนักถึงตัวตนของตัวเองในฐานะผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เธอตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ได้ยินคำพูดของเฟิงเฉินเหยี่ยน หลินอวี่หยางหน้าเสียนิดหน่อย แล้วจึงพูดตะคอกขึ้น “เฟิงเฉินเหยี่ยน นายยุ่งไปทั่วจริง ๆ นะ! ไปผับแล้วยังไง? ไปผับแล้วไม่ได้อยู่ในจารีตเหรอ? ใครบอกว่าไปผับแล้วต้องแนบเนื้อแนบตัวกับผู้ชาย? ไปผับแล้วไม่ดียังไง?”

“…” เฟิงหานชวนกะพริบตาปริบ ๆ เขาอึ้งอยู่ตรงนั้น

หลินอวี่หยางถือโอกาสลุกขึ้นยืน แล้วชี้หน้าด่าเฟิงหานชวนต่อ “ฮวนฮวนไม่ใช่ภรรยาของนายสักหน่อย นายจะมาขู่อะไร?”

“หยางหยาง เธออย่าด่าคน คนอื่นมองอยู่” จู่ ๆ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกปวดหัว รีบดึงแขนของหลินอวี่หยาง

หลินอวี่หยางรีบนั่งลง สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามระงับสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วพูดขึ้น “เฟิงเฉินเหยี่ยน ฉันไม่ได้ตั้งใจด่านาย แต่นายลองพิจารณาดูว่าที่ตัวเองพูดมันถูกหรือเปล่า”

“ฉันผิดไปแล้ว” หลินอวี่หยางพูดจบ เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ตอบกลับทันที

หลินอวี่หยาง : ??? เร็วขนาดนี้เลย?

“นายอยู่ใต้อำนาจของฉัน ก็เลยพูดโกหกเหรอ?” เธอจ้องตาเขม่นมองดวงตาของเฟิงเฉินเหยี่ยน แล้วถามแบบบีบบังคับ

“ไม่ใช่ จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกถึงความผิดของตัวเอง คุณพูดไม่ผิดครับ คุณหนูหลิน” เฟิงเฉินเหยี่ยนเหี่ยวเฉาไปเลย จากนั้นก็มองไปทางเฉินฮวนฮวนอีก แล้วพูดขอโทษ “ขอโทษด้วยฮวนฮวน เมื่อกี้ฉันไม่ได้คิดอะไรเยอะขนาดนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น แค่เป็นห่วงว่าเธอจะถูกเอาเปรียบ”

เห็นว่าเฉินฮวนฮวนต้องปกปิดสถานะเอาไว้ ดังนั้นเฟิงเฉินเหยี่ยนจึงไม่ค่อยสะดวกที่จะพูดถึงอาสามของตัวเอง เขาจึงพูดได้แค่นี้

ได้ยินข้ออ้างเมื่อกี้และคำขอโทษในตอนนี้ของเฟิงหานชวน ติงเซียงที่อยู่ด้านข้างจึงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าถ้าหากไม่ได้โง่ ก็สามารถฟังออกได้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นห่วงเฉินฮวนฮวน

แถมความเป็นห่วงแบบนี้ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแน่นอน แถมยังไม่อนุญาตให้เฉินฮวนฮวนไปผับ เป็นห่วงว่าเฉินฮวนฮวนจะถูกเอาเปรียบในสภาพแวดล้อมแบบนี้

ตกลงว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนชอบเฉินฮวนฮวน หรือว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์อะไรที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้?

ติงเซียงสังเกตุอย่างละเอียด ตอนที่บอกว่าตัวเองจะจีบเฟิงเฉินเหยี่ยน นอกจากว่าเฉินฮวนฮวนตกตะลึง ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากเกิน ดูออกได้ว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้ชอบเฟิงเฉินเหยี่ยน

หรือว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนชอบเฉินฮวนฮวนฝ่ายเดียว? หรือว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว?

ใช่ อาจจะเป็นแบบนี้

“คุณชายเฟิง ตระกูลเฟิงของพวกนายเป็นตระกูลเก่าแก่ ความคิดก็คล้อยตามไปแล้วเหรอ? นี่มันยุคไหนแล้ว? ไปผับก็ไม่ได้? มันน่า…” หลินอวี่หยางยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเฉินฮวนฮวนหยิกขาก่อน

เธอจึงรีบปิดปากทันที

“อาเยี่ยน ฉันจะดูแลตัวเองอย่างดี! นายไม่ต้องเป็นกังวล อีกอย่างฉันไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรจะทำ” เฉินฮวนฮวนตอบอย่างรื่นหู

อันที่จริงเธอรู้ว่าที่เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดเมื่อกี้เป็นเพราะเฟิงหานชวน เป็นเพราะตระกูลเฟิง และคำตอบของตัวเองในตอนนี้ ก็เพื่ออยากจะบอกกับเฟิงเฉินเหยี่ยนว่าเธอไม่มีทางทำให้ตระกูลเฟิงเสียหน้า

“ขอโทษด้วยฮวนฮวน ฉันเป็นผู้ชายที่ตรงเกินไป” เฟิงเฉินเหยี่ยนโขกหัวตัวเองอย่างละอายใจ

เฉินเสี่ยวอวี่เป็นผู้หญิงฉลาด เธอกลอกตาไปมา สังเกตได้ถึงความไม่ถูกต้องเป็นอย่างมาก จึงถามขึ้น “เฟิงเฉินเหยี่ยนหรือว่านายชอบเฉินฮวนฮวน?”

“หา?” เฟิงเฉินเหยี่ยนกับเฉินฮวนฮวนแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน

“แน่นอนว่าไม่ใช่ พวกเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน” เฟิงหานชวนรีบปฏิเสธ ถ้าหากคำพูดนี้อาสามของเขาได้ยินเข้า เขาต้องขาขาดแน่

“งั้นทำไมนายถึงเป็นห่วงเฉินฮวนฮวนขนาดนี้?” เฉินเสี่ยวอวี่ถามอย่างซุบซิบนินทา

“ฉันเพิ่งจะพูดไปไม่ใช่เหรอ? ฉันกับฮวนฮวนเป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้นฉันก็เลยเป็นห่วง”จู่ ๆ เฟิงเฉินเหยี่ยนรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย เขารู้สึกว่าตัวเองโง่ไปหน่อย สมองไปค่อยพอใช้

เฉินฮวนฮวนรีบพูดตัด “พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันจริง ๆ ถ้าอาเยี่ยนชอบฉัน เราสองคนคงคบกันตั้งนานแล้วไหม?”

เธอใช้วิธีถามกลับเพื่อปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเฟิงเฉินเหยี่ยน

ในตอนนี้เอง ผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินผ่านโต๊ะหมายเลข 8 เห็นเฟิงเฉินเหยี่ยนกำลังดื่มเบียร์อย่างซึมเศร้าอยู่

ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าใส่เสื้อผ้าแบรนด์แฟชั่นทั้งตัว เขาขยี้ตา แล้วพูดอย่างตกใจ “เชี่ย อาเยี่ยนมึงเที่ยวเล่นกับผู้หญิงเยอะแยะขนาดนี้ลับหลังพวกกู? นี่มึงเล่น 1ต่อ5เลยเหรอวะ?”

เฟิงเฉินเหยี่ยนวางขวดเบียร์ลง แล้วเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนในทันที เขายิ้มแล้วแบมือยกไหล่ เดินไปทางชายหนุ่มคนนั้น “อาหาว วันนี้มึงก็มาที่นี่เหรอ?”

“ว้าย!!! เจิ้งจือหาว!!!” เฉินเสี่ยวอวี่กับจางถิงร้องวี้ดว้ายออกมาพร้อมกัน

เฉินฮวนฮวนมองไปอย่างสงสัย พวกเขาดูวัยรุ่นมาก อีกอย่างมีเทรนแฟชั่นเป็นอย่างมาก ดูค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตานิดหน่อย

“ดาราเหรอ?” เฉินฮวนฮวนพึมพำ

ติงเซียงตะลึงจนถึงตอนนี้ ได้ยินเฉินฮวนฮวนพึมพำ จึงรีบพูดขึ้น “เจิ้งจือหาว คิดไม่ถึงว่าฉันจะได้เจอตัวจริง! เขาเป็นนักร้องแร็พ มีชื่อเสียงมากเลย! มีความสามารถมาก! แถมยังวัยรุ่นมาก!”

ร้องแร็พ? ถึงว่าทำไมดูตามเทรนมาก

แต่ว่า ก่อนหน้านี้เฉินฮวนฮวนไม่ค่อยได้ดูรายการโชว์แร็พสักเท่าไหร่ ดังนั้นไม่รู้จักเจิ้งจือหาวก็ไม่แปลก

“แวดวงสังคมของเฟิงเฉินเหยี่ยนกว้างขวางดีนะ เป็นเพื่อนกับเจิ้งจือหาวด้วย ?” หลินอวี่หยางที่อยู่ข้าง ๆ ขยี้จมูก แล้วส่ายหน้าพูดขึ้น “ถึงว่าชอบโดนปาปารัซซี่จ้องอยู่”

เฟิงเฉินเหยี่ยนกับเจิ้งจือหาวพูดคุยกันสองสามประโยค จากนั้นก็เรียกให้พวกเขานั่งด้วยกัน เขายิ้มให้กับพวกเฉินฮวนฮวนแล้วพูดแนะนำ “คนนี้คือเพื่อนของฉัน เจิ้งจือหาว คิดว่าพวกเธอคงรู้จักแล้ว ฉันไม่ต้องพูดอะไรเยอะ แล้วก็เพื่อน ๆ พวกนี้ด้วย เป็นคนในแวดวงเดียวกัน”

“ไฮ~” เฉินเสี่ยวอวี่กับจางถิงทักทายเจิ้งจือหาวอย่างเป็นมิตร

เจิ้งจือหาวเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เป็นนักเรียนโรงเรียนดนตรีชื่อดังในสหรัฐอเมริกา พ่อแม่เป็นคนเชื้อสายจีน เปิดบริษัทอยู่ที่ต่างประเทศ อยู่ในระดับหล่อรวย ดังนั้นพวกเธอสองคนจึงตื่นเต้นมาก

แต่ติงเซียง ไม่ค่อยชอบสไตล์ฮิปฮอปแบบเจิ้งจือหาวสักเท่าไหร่ ในสายตาของเธอ เฟิงเฉินเหยี่ยนตรงสเปกของเธอมากกว่า ดังนั้นเธอไม่ได้เป็นมิตรอะไรมากกับเจิ้งจือหาว

เฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยางก็ทักทายธรรมดา ๆ

เจิ้งจือหาวมองไปรอบ ๆ สุดท้ายก็มองไปที่เฉินฮวนฮวน เขามองเฉินฮวนฮวนอยู่หลายวินาที ถึงได้เคลื่อนสายตาออกมองไปทางเฟิงเฉินเหยี่ยน แล้วถามขึ้นด้วยความสนใจ “คนของมึงหมดเลยเหรอ?

“แน่นอนว่าไม่ใช่ เพื่อน ๆ ทั้งนั้น” เฟิงเฉินเหยี่ยนรีบปฏิเสธ

เขามีชื่อเสียงด้านความเจ้าชู้มาตลอด ขี้เกียจจะอธิบาย ดาราสาวหลายคนใช้โอกาสนี้เอาชนะเรื่องอื้อฉาวกับเขา เขาขี้เกียจเกินกว่าจะชี้แจง

เจิ้งจือหาวรู้ว่าถ้าหากเฟิงเฉินเหยี่ยนปฏิเสธ งั้นก็แสดงว่าเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ ความสัมพันธ์บริสุทธิ์ยิ่งกว่าบริสุทธิ์

“เดิมทีเห็นคนสวยทุกคนสไตล์ไม่เหมือนกัน นึกว่าอาเยี่ยนจะเก็บสะสมสแตมป์ซะอีก” เจิ้งจือหาวชูขวดเบียร์ขึ้น มองไปทางเฉินฮวนฮวน เขายิ้มแล้วพูดขึ้น “เมื่อกี้ทำให้ทุกคนขุ่นเคือง พูดจาไม่สุภาพ ฉันลงโทษตัวเองก่อนสามขวด”

พูดจบ เจิ้งจือหาวจึงเริ่มมอมเหล้าตัวเอง สำหรับพวกเขาแล้วพูดได้ว่าเหล้าเบียร์เป็นเรื่องเล็ก แค่ไม่กี่นาทีเบียร์สามขวดก็ว่างเปล่าแล้ว เขายังคว่ำขวดแล้วเขย่า ๆ

“ว้าว! เก่งมาก!” เฉินเสี่ยวอวี่กับจางถิงเป็นงาน แถมยังประจบประแจงเก่ง ทั้งสองปรบมือให้กับเจิ้งจือหาว

เฉินฮวนฮวน หลินอวี่หยางแล้วก็ติงเซียงก็มองตาม เมื่อทุกคนเที่ยวเล่นด้วยกัน ก็เกรงใจที่จะปล่อยให้สภาพแวดล้อมน่าเบื่อ

เจิ้งจือหาวมองไปที่เฉินฮวนฮวนเหมือนไม่ตั้งใจแต่ตั้งใจ เขาหาหัวข้อพูดคุยขึ้น “สาวสวยทุกคนดูเด็กขนาดนี้ ยังเรียนมหาลัยอยู่เหรอ?”

“ยังเรียนมหาลัยอะไร พวกเราจบมหาลัยแล้ว” เฉินอวี่หยางกับจางถิงหัวเราะคิกคัก เห็นได้ชัดว่าเข้ากับพวกเขาได้แล้ว

เจิ้งจือหาวทำได้เพียงยิ้มตอบพวกเธอ แล้วมองไปทางเฉินฮวนฮวนอย่างจริงจัง แล้วเป็นฝ่ายถามขึ้น “คนสวยคนนี้ น่าจะยังเรียนไม่จบนะ?”

“นั่นไม่จริง แต่ฉันรู้ว่าเขาชอบไปไหนมาไหนกับผู้ชายจริงๆ เพื่อนของเขาเยอะมาก” หลินอวี่หยางขมวดคิ้ว

“ห้ะ… หรือว่าเขาจะเป็นไบเซ็กชวล?” ติงเซียงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

หลินอวี่หยางยักไหล่และกล่าวว่า: "เรื่องนี้ฉันไม่แน่ใจ เธอลองไปถามเขาเองสิ"

“ฉันเกรงใจเขา ฉันคิดว่าพวกเธอเป็นเพื่อนของเขา น่าจะรู้ดีซะอีก” ติงเซียงกล่าวอย่างลังเล เธอรู้สึกว่าหลินอวี่หยางไม่จริงใจกับเธอ

ตรงกันข้ามกับเฉินฮวนฮวน ปฏิบัติกับเธอดีเป็นพิเศษ

“ไม่ได้คุ้นเคยกันขนาดนั้น แค่ไปมาหาสู่กันครั้งคราว จะไปรู้เรื่องส่วนตัวของเขาได้อย่างไร?” หลินอวี่หยางโต้กลับโดยตรง

“อืม ก็จริง” ติงเซียงพยักหน้า น้ำเสียงของเธอพูดอย่างช่วยไม่ได้

“สรุปคือ ขึ้นอยู่กับเธอ เธอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนจะลงเอยยังไง เราก็ไม่ได้ขัดอะไร” หลินอวี่หยางยืนขึ้นและพูดอย่างหมดความอดทน “ฉันไปจ่ายเงินก่อนนะ พวกเธอรอฉันสักครู่”

เมื่อได้ยินหลินอวี่หยางบอกว่ากำลังจะไปจ่ายเงิน เฉินฮวนฮวนก็ยืนขึ้นหยุดทันทีและกล่าวว่า: "หยางหยาง ฉันจ่ายแล้ว เธอไม่ต้องจ่าย เราไปโรงแรมพอยเซินกันเลยดีกว่า”

“ฮวนฮวน ทำไมถึงทำเช่นนี้! บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันจะเลี้ยง? ทำไมเธอถึงไปแอบจ่ายก่อน? เธอไม่ไว้หน้าฉันเลย!” หลินอวี่หยางเอามือเท้าสะโพกด้วยท่าทางโกรธ

เมื่อเห็นหลินอวี่หยางทำท่าทางโกรธ เฉินฮวนฮวนรู้สึกขบขัน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและอธิบายอย่างรวดเร็วว่า: "ครั้งหน้าเธอค่อยเลี้ยง รอฉันเจริญอาหารกว่านี้ก่อน ฉันจะสั่งเยอะๆ"

"ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว" หลินอวี่หยางงอปาก

ติงเซียงยืนขึ้นอย่างเงียบ ๆ และดูการโต้เถียงระหว่างทั้งสอง เธอรู้สึกไม่สบายใจ ทุกครั้งที่เธอออกมากับพวกเธอเธอเป็นคนเดียวที่ไม่มีใครสนใจ

พวกเธอทั้งคู่ไม่ได้เห็นเธออยู่ในสายตา

หลังอาหารเย็น คนขับรถของตระกูลหลินส่งทั้งสามไปที่โรงแรมพอยเซิน

เฉินฮวนฮวนเคยมาที่นี่ ครั้งที่เกาเหวินพาเธอมาแข่งเต้น เธอคุ้นเคยกับที่นี่ ไม่รู้สึกแปลกต่อโรงแรมพอยเซิน

หลินอวี่หยางเป็นลูกค้าเก่า เธอยิ่งคุ้นเคยกับที่นี่ เมื่อเห็นเธอ คนเฝ้าประตูก็ทักทายเธออย่างอบอุ่น: "คุณหลิน ไม่เจอกันนาน"

“ฉันไปเข้าร่วมค่ายฝึก ถูกกักตัวไว้หนึ่งเดือน เหนื่อยแทบตาย วันนี้ก็เลยมาสนุกๆผ่อนคลาย คาราโอเกะห้องเลข8 มีคนมาหรือยัง?” หลินอวี่หยางกล่าวอย่างคุ้นเคย

“คุณชายเฟิงเพิ่งมาถึง อยู่ที่ห้องแล้ว คุณหลิน พวกคุณมาด้วยกันเหรอครับ?” คนเฝ้าประตูยังหนุ่ม ปากหวานมาก เป็นที่ชื่นชอบของแขก

“ใช่ เรามาด้วยกัน” หลินอวี่หยางพยักหน้า

เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นเฉินฮวนฮวนที่อยู่ข้างหลัง มองจนตาเขาเป็นประกาย จะว่าไปแล้ว เฉินฮวนฮวนน่าสนใจมากสำหรับเขา

แต่พนักงานคนเฝ้าประตูหน้าหนา ริเริ่มถามหลินอวี่หยาง: “คุณหลิน คุณสองคนนี้คือ? ไม่เคยเห็นพวกคุณมาด้วยกันเลย”

"เพื่อนใหม่ของฉันเอง" หลินอวี่หยางไม่ค่อยคิดมาก มักจะตอบทุกคำถาม

“คุณหนูคนนี้สวยมาก” คนเฝ้าประตูพูดขณะมองเฉินฮวนฮวน ขณะที่เขาพูด ใบหน้าเล็กๆที่หล่อเหลาของเขาก็ปรากฏความเขินอาย

เนื่องจากเป็นคนเฝ้าประตู ยืนอยู่ที่ประตูต้อนรับแขก รูปร่างหน้าตาก็ต้องผ่านในระดับหนึ่ง

เฉินฮวนฮวนประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นยิ้มและตอบว่า: "ขอบคุณ"

เมื่อเห็นคนเฝ้าประตูชมเฉินฮวนฮวน แต่ไม่ได้ชมตัวเอง ติงเซียงที่ยืนข้างๆเฉินฮวนฮวนก็แอบกัดฟัน แต่ต่อหน้ากลับพูดว่า: "ฮวนฮวนสวยขนาดนี้ ผู้ชายคนไหนเห็นก็ชอบ"

หลินอวี่หยางหัวเราะออกมา ขมวดคิ้วมองคนเฝ้าประตูและกล่าว: "ระวังจะแกว่งเท้าหาเสี้ยน"

คนเฝ้าประตูเข้าใจความหมายของหลินอวี่หยางในทันที ไม่กล้าพูดอะไรอีก ทำท่าทาง "เชิญ" และพูดอย่างกระตือรือร้นว่า: "คุณหลิน และคุณหนูทั้งสอง เชิญเข้าไปข้างใน"

หลินอวี่หยางเดินเข้ามาพร้อมกับเฉินฮวนฮวนและติงเซียง

ติงเซียงไม่ค่อยเข้าใจว่าสิ่งที่หลินอวี่หยางพูดนั้นหมายถึงอะไร ดังนั้นเธอจึงถาม: "หยางหยาง เด็กผู้ชายคนเมื่อกี้เห็นได้ชัดว่าสนใจฮวนฮวน ทำไมเธอถึงตัดโอกาสความรักที่สวยงามของฮวนฮวน?"

“ฮวนฮวนจะชอบเด็กผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไร?” หลินอวี่หยางโต้กลับทันที: “ถ้าไม่ชอบ จะให้ช่องทางการติดต่อทำไม?”

แม้ว่าเธออยากจะบอกว่าเฉินฮวนฮวนเป็นดอกไม้ที่มีเจ้าของแล้ว แต่เรื่องนี้กำลังปิดบังติงเซียง เธอจึงไม่ได้พูดออกมา

“เธอยังไม่ได้ถามความคิดเห็นจากฮวนฮวนเลย ถ้าฮวนฮวนชอบเด็กผู้ชายคนนั้นล่ะ? ฉันเห็นผิวของเขาขาวและอ่อนโยน เขาดูหล่อมาก ดูแล้วน่าอร่อย!” เป็นครั้งแรกที่ติงเซียงวิจารณ์หลินอวี่หยาง แต่เธอวิจารณ์อย่างมีไหวพริบ

เฉินฮวนฮวนอยากจะตอบ แต่ถูกหลินอวี่หยางห้ามไว้: "ติงเซียง เธออยากกินเด็กหนุ่มคนเมื่อกี้ใช่ไหม? ค่าตัวเขาดูเหมือนจะไม่แพง ฉันได้ยินมาว่าราคาคืนละสี่หลักเท่านั้น เธอลองดูสิ"

“ห้ะ…” ติงเซียงปิดปากของเธอทันทีและขอโทษเฉินฮวนฮวนอย่างรวดเร็ว: “ฮวนฮวน ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นทำงานพวกนี้ด้วย…”

“ไม่เป็นไร ถึงเขาจะดูขาวหล่อ แต่ไม่ใช่สเปคของฉัน ฉันไม่ชอบคนอายุน้อยกว่าฉัน” เฉินฮวนฮวนโบกมือและตอบอย่างเฉยเมย

เธอรู้สึกว่าเธออายุเพียง20 ปี เด็กผู้ชายดูเหมือนจะเด็กกว่าเธอหลายปี แม้ว่าเขาจะขาวและหล่อ แต่อายุน่าจะราวๆ 17-18ปี เธอไม่ชอบแบบนี้

ทันใดนั้น ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ เป็นผู้ใหญ่และเย็นชา บางครั้งเมื่อเขายิ้มเยาะให้เธอ มีความชั่วร้ายและเสน่ห์ที่อธิบายไม่ได้ ซึ่งทำให้เห็นใจเต้นแรง

“ฮวนฮวน ทำไมเธอหน้าแดง? ไม่ได้พูดโกหกอยู่ใช่ไหม?” ติงเซียงสังเกตเห็นใบหน้าของเฉินฮวนฮวนโพล่งถามออกมาทันที

เฉินฮวนฮวนปิดแก้มของเธอโดยไม่รู้ตัวและส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “ไม่ใช่ไม่ใช่ บางทีที่นี่อาจจะร้อน มันไม่เกี่ยวอะไรกับเด็กผู้ชายคนนั้น”

“ติงเซียง กำลังจะเจอเฟิงเฉินเหยี่ยน เธอกลับมาสนใจเรื่องตัวเองดีกว่า” หลินอวี่หยางรู้สึกว่าคำพูดของติงเซียงค่อนข้างน่าเบื่อ

“อืม จริงด้วย กำลังจะเจอเขาแล้ว…” ติงเซียงรู้สึกประหม่าและลืมเรื่องคนเฝ้าประตู

ขณะที่หลินอวี่หยางพูดจบ ทั้งสามคนก็มาถึงห้องคาราโอเกะ โต๊ะน้ำชาเต็มไปด้วยเบียร์ ของว่าง ผลไม้ ฯลฯ แต่ไม่มีใครอยู่บนโซฟา

“เฟิงเฉินเหยี่ยนมาแล้วไม่ใช่เหรอ? คนไปไหนแล้ว?” หลินอวี่หยางแตะจมูกของเธอ มองไปรอบ ๆ ไม่เห็นแม้แต่เงา จึงพูดออกมาว่า: “พวกเรานั่งก่อนเถอะ”

“อย่าบอกนะว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนกลับแล้ว?” ติงเซียงนั่งลงอย่างไม่รีบร้อน มองดูทุกหนทุกแห่ง หัวใจของเธอกังวลว่าวันนี้เธอจะไม่เจอเฟิงเฉินเหยี่ยน

ทันใดนั้น เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ปรากฏตัวจากมุมหนึ่ง วิ่งมาทางนี้ และตะโกนด้วยรอยยิ้มว่า: "ฮวนฮวน ผมมาแล้ว!"

เฉินฮวนฮวน หลินอวี่หยาง ติงเซียง ทั้งสามคนได้ยินเสียง และพวกเธอทั้งหมดก็หันไปทางเฟิงเฉินเหยี่ยนพร้อมกัน เฟิงเฉินเหยี่ยนรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว

"หลินอวี่หยาง ไม่เจอกันนานเลย" เฟิงเฉินเหยี่ยนยื่นมือออกมาและตบไหล่หลินอวี่หยาง เหมือนเพื่อนทักทายกัน และหันไปทางเฉินฮวนฮวน แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: "ฮวนฮวน วันนี้สนุกให้เต็มที่เลย ผมจะส่งคุณกลับเอง"

ขณะที่เขาพูด เขาตบหน้าอกอย่างมั่นใจ

“แค่ก!” เฉินฮวนฮวนไอออกมาและมองเฟิงเฉินเหยี่ยน บอกให้รีบเขาหุบปาก

เฟิงเฉินเหยี่ยนทำท่าทางปกติ ยืนข้างๆเธอ โอบไหล่ของเธอไว้ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “เราเป็นเพื่อนรักกัน ผมก็ต้องดูแลความปลอดภัยของคุณ!”

“เอาล่ะ ถ้างั้นก็ต้องขอบคุณ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ก่อนที่จะมาโรงแรมพอยเซิน เธอส่งข้อความถึงเฟิงเฉินเหยี่ยน โดยบอกเฟิงเฉินเหยี่ยนว่าจะมีผู้หญิงคนอื่นมาด้วยและเธอไม่ต้องการเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวน ให้เฟิงเฉินเหยี่ยนเก็บความลับนี้ไว้ และบอกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน

ด้วยอารมณ์ที่ไร้กังวลของเฟิงเฉินเหยี่ยน เฉินฮวนฮวนกังวลจริงๆว่าเขาจะหลุดพูดความลับออกมา

“ฮวนฮวน หยางหยาง นี่คือเฟิงเฉินเหยี่ยนใช่ไหม?” ติงเซียงเห็นว่าเธอถูกเมินเฉยและรีบก้าวไปข้างหน้า ยืนอยู่ข้างหน้าเฟิงเฉินเหยี่ยน ยิ้มอย่างเขินอายให้เขา

เฟิงเฉินเหยี่ยนมองดูเธออย่างสงสัย จากนั้นหันไปหาเฉินฮวนฮวนและหลินอวี่หยาง ถามว่า: "นี่คือ? เพื่อนของพวกคุณเหรอ?"

"ใช่ เซียงเซียง เป็นเพื่อนของเรา รู้จักกันตอนฝึก" เฉินฮวนฮวนจับมือเฟิงเฉินเหยี่ยนบนไหล่ของเธอออก และแนะนำติงเซียงให้กับเฟิงเฉินเหยี่ยน

เฟิงเฉินเหยี่ยนพยักหน้าและเอื้อมมือไปที่ติงเซียง: "เซียงเซียง สวัสดี ผมชื่อเฟิงเฉินเหยี่ยน คุณเรียกผมว่าอาเหยี่ยนก็ได้ ไม่ต้องเกรง พวกเราทุกคนเป็นเพื่อนกัน”

ติงเซียงรู้สึกเบิกบานในใจ เอื้อมมือไปจับมือเฟิงเฉินเหยี่ยนอย่างรวดเร็ว และยิ้มอย่างตื่นเต้น: "สวัสดี อาเหยี่ยน ชื่อเต็มของฉันคือติงเซียง ฉัน…ฉัน… "

เธอตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไร

“เธอไม่ต้องตื่นเต้นหรอก ผมรู้ว่าสาวๆมักจะตื่นเต้นเมื่อเห็นผม นั่งลง ดื่มอะไรกันก่อน” เฟิงเฉินเหยี่ยนขดริมฝีปากของเขา กระพริบตาให้ติงเซียง จากนั้นปล่อยมือของเธอแล้วหันไปนั่งบนโซฟาและเขย่าขาทั้งสองข้าง

ติงเซียงรู้สึกทึ่งกับการกระทำของเฟิงเฉินเหยี่ยน เธอคิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นผู้ดี ร่ำรวย และหล่อเหลา เมื่อเธอเห็นตัวจริง เธอพบว่าตัวจริงนั้นหล่อและน่าดึงดูดกว่าอีก

หัวใจดวงเล็กๆเต้นแรง ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกาย และดวงตาของเธอจับจ้องไปที่เฟิงเฉินเหยี่ยนอย่างไม่กระพริบ

ขณะที่ติงเซียงก้าวขากำลังจะนั่งข้างเฟิงเฉินเหยี่ยน เสียงของผู้หญิงสองคนก็ดังขึ้นพร้อมกัน: "หยางหยาง พวกเรามาแล้ว"

ทุกคนหันศีรษะไปมอง เฉินฮวนฮวนเห็นเสี่ยวอวี่และจางถิงเด็กฝึกบริษัทเดียวกันกับหลินอวี่หยางเดินมาทางนี้ พวกเธอไม่ได้มีนิสัยที่ไม่ดี และเป็นคนง่ายๆ ดังนั้นพวกเธอจึงมักจะนั่งกินข้าวด้วยกันที่ค่ายฝึก

“อ๊ะ!!! เฟิงเฉินเหยี่ยน!!!” เฉินเสี่ยวอวี่หยุดกะทันหันและกรีดร้องอย่างตื่นเต้น

จางถิงก็กรีดร้องด้วย ทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปนั่งประกบทั้งซ้ายและขวาของเฟิงเฉินเหยี่ยน เฟิงเฉินเหยี่ยนล้อมไว้ตรงกลาง

ใบหน้าของติงเซียง นิ่งอึ้งเมื่อเห็นฉากนี้

เพียงไม่กี่วินาที เธอก็จะได้นั่งข้างเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่ตอนนี้เฉินเสี่ยวอวี่และจางถิงปล้นที่นั่งของเธอไปแล้ว!

"ฉันกับเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นเพื่อนกัน ความสัมพันธ์ก็โอเค ที่ไม่ได้พูดตอนฝึกอบรม เพราะไม่อยากให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์" เฉินฮวนฮวนยิ้มพูดแทรกหลินอวี่หยาง

หลินอวี่หยางรีบปิดปาก รู้ตัวว่าเฉินฮวนฮวนไม่อยากพูดถึงตระกูลเฟิง แล้วแอบโทษที่ตัวเองวู่วามเกินไป

"ใช่ ใช่ ใช่ ฉันก็เพิ่งรู้ ไม่คิดเลยว่าฮวนฮวนรู้จักกับเฟิงเฉินเหยี่ยนตั้งนานแล้ว ทีแรกฉันคิดว่าจะแนะนำให้พวกเธอรู้จักพร้อมกัน" หลินอวี่หยางรีบกลับคำ

ติงเซียงเป็นคนชอบสังเกตอยู่แล้ว เห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของเฉินฮวนฮวน มองอะไรไม่ออกเลย แต่สัมผัสที่หกของเธอรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความจริง

เธอเคยแอบฟังรู้ว่าเฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว หรือว่าสามีของเฉินฮวนฮวนคือเฟิงเฉินเหยี่ยน?

ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเฟิงเฉินเหยี่ยนแต่งงานแล้ว ข่าวนี้นักข่าวน่าจะเอามาทำข่าวตั้งนานแล้ว

"ฮวนฮวน เธอรู้จักกับเฟิงเฉินเหยี่ยนได้ยังไงเหรอ? ก่อนหน้านั้นเธอปิดบังได้ดี ไม่ให้เรารู้อะไรเลย" ติงเซียงอดถามต่อไม่ได้ เธอต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ได้

"อื้อ รู้จักกันปกติ รู้จักกันตอนงานเลี้ยงของเพื่อน" เฉินฮวนฮวนเกาหัว แล้วตอบอย่างกำกวม

ติงเซียงจับจุดอ่อนของเฉินฮวนฮวนได้เลย เฉินฮวนฮวนโกหกไม่เก่ง เลยโป๊ะแตกง่าย

แต่ว่า เธอก็ไม่ได้แฉเฉินฮวนฮวนทันที แต่กลับแกล้งพยักหน้าเข้าใจ "ที่แท้อย่างนี้เองเหรอ! งั้นดีมาก หยางหยางกับฮวนฮวน พวกเธอเป็นเพื่อนเฟิงเฉินเหยี่ยน วันนี้ฉันก็จะได้เป็นเพื่อนเขาด้วยใช่ไหม?"

"ความจริง ฉันก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับเฟิงเฉินเหยี่ยน" หยุดไปครู่หนึ่ง ติงเซียงค่อยพูดเสริมอีกคำ

เห็นเฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยางทำหน้าสงสัย เธอเลยเอ่ยว่า "ฉันชอบเฟิงเฉินเหยี่ยน ถ้าเขายังโสด งั้นฉันจะจีบเขา"

พูดจบ ติงเซียงก็ทำหน้าเขิน ก้มหน้าลงไปเล็กน้อย แต่แววตาแอบสังเกตเฉินฮวนฮวน

ครั้งนี้เฉินฮวนฮวนระวังตัว เห็นว่าติงเซียงแอบมองเธอ เป็นสายตาที่มองสังเกตแบบนั้น

ความจริงเธอก็ไม่อยากปิดบัง เพราะเดี๋ยวตอนดึกจะออกไปเที่ยวกับเฟิงเฉินเหยี่ยน ติงเซียงก็เป็นเพื่อนคนแรกที่รู้จักตอนฝึกอบรม เดิมทีจะบอกความจริงกับเธอ

แต่ว่า ปกติความสัมพันธ์ติงเซียงกับคนอื่นๆค่อนข้างดี เป็นกลางตลอด ไม่ขัดใจใครเลย นี่เลยทำให้เฉินฮวนฮวนไม่วางใจ กลัวว่าเดี๋ยวติงเซียงจะพูดหลุดปากออกไป

แต่เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นคือ สายตาเมื่อกี้ของติงเซียง ทำให้เฉินฮวนฮวนระแวง อาจจะเพราะหลิ่วเยว่เอ่อร์ ตอนนี้เธอเลยเชื่อใจคนอื่นร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้

แต่ว่า ที่เฉินฮวนฮวนคิดไม่ถึงคือ ติงเซียงบอกว่าจะจีบเฟิงเฉินเหยี่ยน

"เซียงเซียง เธอจริงจังเหรอ?" เฉินฮวนฮวนประหลาดใจเล็กน้อย "เธอน่าจะรู้ข่าวฉาวของเฟิงเฉินเหยี่ยนนะ?"

"เธอหมายถึงเรื่องที่เขาทำไม่ได้เหรอ? ความจริงฉันคิดว่า นักข่าวแค่สร้างเรื่องไปเองมั้ง? ฮวนฮวน หยางหยาง ในเมื่อพวกเธอเป็นเพื่อนเขา พวกเธอรู้ความจริงเรื่องนั้นหรือเปล่า?" ติงเซียงถามอีก

ความจริงหลินอวี่หยางก็อึ้งเหมือนกัน แต่เฉินฮวนฮวนกลับไม่ได้อึ้งขนาดนั้น เพราะทั้งฐานะแล้วหน้าตาของเขา มีผู้หญิงมากมายตามจีบเขา เธอคิดว่าปกติมาก

"เรื่องที่เขาทำได้หรือไม่ได้ ฉันยังไม่ได้ถามเขาต่อหน้า ก็เลยไม่ค่อยแน่ใจ อีกอย่างเขาเป็นผู้ชาย ถึงทำไม่ได้จริงๆ ก็คงไม่พูดความจริงหรอก" หลินอวี่หยางพูดเสริมติงเซียง

"อย่างนี้เหรอ……ความจริง ถึงเขาทำไม่ได้ ฉันก็ชอบเขา ฉันชอบเขาตั้งแต่แว็บแรกที่เห็นรูปเขา ฉันจีบเขาได้ไหม? ถ้าฉันจีบเขา พวกเธอจะโกรธหรือเปล่า?" ติงเซียงเอ่ยถามหลินอวี่หยางกับเฉินฮวนฮวนด้วยแววตาไร้เดียงสา

"เธอจะจีบก็จีบสิ เธอไม่รังเกียจเขา เราจะไม่ตกลงได้ยังไง? เราไม่ได้ชอบเฟิงเฉินเหยี่ยนสักหน่อย" หลินอวี่หยางตอบอย่างหมดคำพูด

จากที่เธอดูมา ผู้หญิงอย่างติงเซียง ผู้หญิงธรรมดาอยากตามจีบคุณชาย เธอเจอมาเยอะแล้ว ถึงไม่ดูถูก แต่ก็ไม่รู้สึกดีด้วย

"จริงเหรอ? งั้นดีมากเลย ฉันก็กลัวว่าจะแย่งคนที่พวกเธอชอบ ถ้าพวกเธอไม่ชอบเขา งั้นฉันก็จะได้ตามจีบเขาอย่างสบายใจ" ติงเซียงยิ้มอย่างเขินอาย แล้วเธอก็ดีใจจริงๆ

ปกติเธอคงไม่มีโอกาสรู้จักลูกคนรวยอย่างหลินอวี่หยาง ก็เลยไม่มีสังคมไปเจอผู้ชายระดับเฟิงเฉินเหยี่ยน วันนี้มีโอกาส จะไม่ชอบได้ยังไง?

ติงเซียงคิดว่า ขอแค่เป็นผู้หญิง ใครไม่อยากคบกับคนรวยล่ะ? ใครไม่อยากแต่งเข้าตระกูลรวยๆล่ะ?

พอคิดได้แบบนี้ เธอจึงแอบเหลือบมองเฉินฮวนฮวน แต่กลับเห็นว่าเธอครุ่นคิด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนธรรมดา ไม่งั้นคงไม่ไปเป็นตัวสำรองหรอก บวกกับเธอแต่งงานเร็ว ติงเซียงคิดว่าที่เฉินฮวนฮวนไม่จีบเฟิงเฉินเหยี่ยน อาจจะเพราะแต่งงานแล้ว เลยโดนจำกัดขอบเขตไว้

เพราะยังไง คุณชายสูงส่งก็มีมาตรฐานเหมือนกัน คงไม่เอาผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้ว

แล้วตัวเอง ถึงไม่สวยเท่าเฉินฮวนฮวน แต่ยังไงก็ยังเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์!

"ฮวนฮวน เธอติดใจที่ไหนหรือเปล่า?" เห็นเฉินฮวนฮวนไม่ตอบ ติงเซียงจึงหันไปถามเธอ

เฉินฮวนฮวนค่อยดึงสติกลับมา แล้วส่ายหน้าให้ ยิ้มตอบว่า "ไม่เลย นี่เป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง"

เธอไม่มีสิทธิ์ไปห้ามไม่ให้ติงเซียงตามหารักแท้ ถ้าติงเซียงจีบเฟิงเฉินเหยี่ยนติดจริงๆ งั้นเรื่องที่เธอปิดบังเมื่อกี้ ก็โป๊ะแตกสิ

"ทำไมฉันเห็นว่าอารมณ์เธอไม่ค่อยดี? ไม่ใช่ว่าเธอชอบเฟิงเฉินเหยี่ยนหรอกมั้ง?" ติงเซียงหันมองไปทางเฉินฮวนฮวน แล้วถามด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา "ถ้าเธอชอบ งั้นฉันก็จะไม่จีบเขา เธอเป็นคนแนะนำฉันให้รู้จักเขาเอง ฉันไม่แย่งกับเธอหรอก"

"ติงเซียง เธอคิดมากไปเอง ฮวนฮวนจะชอบเฟิงเฉินเหยี่ยนได้ยังไง เป็นไปไม่ได้ เธอจะจีบก็จีบเถอะ! แต่ว่า ถ้าจะจีบเขาคงยากหน่อย" หลินอวี่หยางตอบแทนเฉินฮวนฮวน แล้วยังแอบเตือนติงเซียงด้วย

ติงเซียงรู้สึกว่าหลินอวี่หยางไม่พูดโกหก ดูเหมือนว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่ชอบเขาจริงๆ ไม่ชอบคุณชายที่มีเสน่ห์ขนาดนี้ หรือว่าสามีเธอเป็นผู้ชายระดับเทพบุตร?

ตอนที่ติงเซียงกำลังสงสัย แล้วนึกถึงประโยคสุดท้ายที่หลินอวี่หยางพูด จึงรีบถามว่า "จีบยากหมายความว่ายังไง? สเปกเขาสูงมาก? ฉันเห็นเขาเคยมีข่าวฉาวกับดาราหญิงหลายคน……"

"เขายังเคยมีข่าวฉากกับไอดอลชายอีก!" หลินอวี่หยางเป็นติดตามเรื่องพวกนี้ เพราะยังไงก็เป็นเด็กฝึกของบริษัทบันเทิง

"หรือว่า……หรือว่าเขาชอบผู้ชาย?" ติงเซียงปิดปากอย่างตกใจ

ติงเซียนมาถึงอย่างเร่งรีบ เฉินฮวนฮวนและหลินอวี่หยางเกือบจำเธอไม่ได้

ตอนอยู่ที่ฐานฝึก ทุกคนยุ่งกับการฝึกซ้อมทุกวัน และไม่มีเวลาแต่งหน้า ทุกคนหน้าตาจืดชืดเหมือนกันหมด

แต่ติงเซียงในตอนนี้ แต่งหน้าอย่างวิจิตรงดงาม สวมชุดกระโปรงตาข่าย มีกลิ่นแรงของเครื่องสำอาง

“เซียงเซียง?” เฉินฮวนฮวนกระพริบตา มองแล้วมองอีก ก่อนจะถามออกมา

เมื่อครู่ติงเซียงทำเป็นไม่พูด ก็เพื่ออยากดูการแสดงออกที่ประหลาดใจของเฉินฮวนฮวน เธอพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย: "ฉันเอง”

“เซียงเซียง อายไลเนอร์เธอหนาเกินไป!” หลินอวี่หยางกลั้นหัวเราะไม่อยู่

ติงเซียงเบะที่มุมปาก แล้วแสร้งทำเป็นผ่อนคลายพร้อมพูดว่า "ฮ่าฮ่าฮ่า มือฉันพิการไง! แต่งหน้าได้ไม่ดี แต่ก็ไม่อยากให้หน้าจืด เอาแบบนี้แหละ”

รูปลักษณ์ของติงเซียงดูธรรมดาไปหน่อย ตาเธอค่อนข้างเล็ก ดังนั้นหลังจากเธอติดแผ่นตาสองชั้น เธอจึงวาดอายไลเนอร์ที่หนาขึ้น เธอรู้สึกว่าสวยมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกหลินอวี่หยางแขวะ

แม้ว่าในใจจะไม่มีความสุข แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะโกรธหลินอวี่หยาง ดังนั้นจึงทำได้เพียงนั่งลงด้วยเสียงหัวเราะและถามว่า "เธอทั้งคู่ทานเสร็จหรือยัง?"

“เซียงเซียง เธอดูว่าอยากทานอะไร เราจะอยู่เป็นเพื่อน” เฉินฮวนฮวนยื่นเมนูให้ติงเซียงแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าคุณจะมาถึงเมื่อไร เลยไม่ได้สั่งไว้ให้ก่อน”

“ไม่เป็นไร ขอฉันดูก่อนนะ หรือไม่ก็…… สเต็กเนื้อสันนอกที่นึง ฉันไม่หิวเท่าไหร่ ฉันเพิ่งตื่นนอนตอนบ่าย” ติงเซียงม้วนผมของเธอแล้วยังปิดปากที่หาวโดยเฉพาะ

“ดี เราก็กินสเต็กกันคนละชิ้น” เฉินฮวนฮวนหยิบเมนูกลับและเรียกพนักงานมารับรายการอย่างกระตือรือร้น จากนั้นเธอหาข้ออ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วไปชำระเงินของทั้งสามคน

เมื่อเธอกลับมา ติงเซียงทานไปแล้วครึ่งหนึ่ง หลินอวี่หยางเบื่อจึงเล่นโทรศัพท์มือถือ ดูเหมือนไม่มีหัวข้อสนทนาอะไรกับติงเซียง

“ฉันกลับมาแล้ว” เฉินฮวนฮวนนั่งลงที่นั่งตัวเองที่อยู่ตรงข้ามกับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม

“ชิบหาย!” หลินอวี่หยางมองดูโทรศัพท์และตะโกนเสียงดังขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินฮวนฮวนและติงเซียงพูดพร้อมกัน

“หลังจากเหตุการณ์ระหว่างหลิวเฟยเฟยกับซวนเลี่ยงถูกเปิดเผยขึ้น เธอถูกไล่ออกจากทีมงานรายการแล้วไม่ใช่หรือ? แฟนของเธอก็รู้เรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตามที่เธอได้เข้าไปในหวงทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากแฟนของเธอ จากนั้น…… "

หลินอวี่หยางดูประวัติการสนทนาในโทรศัพท์ด้วยและแสดงความคิดเห็นไปด้วย: "แฟนของเธอทิ้งเธอ และหลิวเฟยเฟยก็ถูกไล่ออกจากบริษัทในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ได้ติดยี่ห้อสวรรค์บนดินแล้ว!"

“สวรรค์ ทำไมเธอถึงไม่รักตัวเองเลย!” ติงเซียนอุทาน แสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม

แต่เฉินฮวนฮวนถามอย่างงุนงงว่า "ติดยี่ห้อสวรรค์บนดินหมายความว่าอะไร?"

"ฮวนฮวน, สวรรค์บนดินเป็นคลับเฮาส์ทำนองนั้น มีชื่อเสียงมากในแง่นั้น ในนั้นมีผู้หญิงมากมาย ติดยี่ห้อหมายถึงการขายตัว จากนั้นยี่ห้อจะถูกแบ่งออกเป็นสี หมายถึงราคาที่แตกต่างกัน" หลินอวี่หยางอธิบายอย่างมีหลักการ

“ที่แท้คือแบบนี้” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้ว

เธอรู้อยู่ว่ามีสถานที่แบบนั้น แต่แค่ไม่รู้จักชื่อเรียกสวรรค์บนดิน

แต่สิ่งที่เธอยิ่งคิดไม่ถึงก็คือ หลิวเฟยเฟยจะตกต่ำถึงขนาดนี้ มีมือมีเท้าและมีความสามารถ ทำไมเธอจะต้องไปติดยี่ห้อ?

ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงหลิงเยว่เอ่อร์ หลิวเยว่เอ่อร์ก็ทำเรื่องที่สกปรกโสโครกแบบนี้ ว่าไปแล้วเลวร้ายยิ่งกว่าสถานการณ์ของหลิวเฟยเฟยเสียอีก ตอนมีแฟนเธอยังทำข้อตกลงแบบนี้เป็นการส่วนตัว

เธอไม่รู้ว่าหลิวเยว่เอ่อร์ตอนนี้ถูกปล่อยจากคุกหรือยัง แต่เธอไม่ได้อยากรู้ เพราะคนอย่างหลิวเยว่เอ่อร์ ไม่มีค่าให้เธอคิดถึงอีก

“สกปรกจริงๆ! เสียดายที่ฉันเคยเล่นกับเธอ น่าขยะแขยงจริงๆ!” หลินอวี่หยางแสดงท่าทีรังเกียจ

“ใช่แล้ว สกปรกเกินไป แม้ว่าเธอจะถูกไล่ออกจากบริษัท ก็ควรหางานที่ดีทำ ไม่ใช่ทำข้อตกลงไร้ยางอายแบบนี้” ติงเซียนเสริม

เฉินฮวนฮวนถอนหายใจกล่าวว่า "นี่คือบทลงโทษของเธอ ทำเองรับเอง

“ใช่ ฮวนฮวนคุณพูดถูก นี่คือสิ่งที่เธอทำเองรับเอง และต่อไปสิ่งนั้นของเธอป่วย เธอต้องทนรับเอง” หลินอวี่หยางทำเสียงแตะริมฝีปากด้วยความรังเกียจอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นหลินอวี่หยางยืนยันคำพูดของเฉินฮวนฮวน แต่ไม่ได้สนใจตัวเอง แววตาของติงเซียงดิ่งลงเงียบๆ เธอกัดฟันแน่น และสีหน้าของเธอก็หงอยลง

เฉินฮวนฮวนนั่งฝั่งตรงข้ามเยื้องๆติงเซียง เธอบังเอิญเห็นแววตาที่โกรธเคืองคู่นั้นของติงเซียง และรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที

พูดตามเหตุผล เผชิญหน้ากับสถานการณ์ของฟลิวเฟยเฟย ติงเซียงไม่น่าจะแสดงแววตาแบบนี้ เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหลิวเฟยเฟย อย่างมากน่าจะแค่รังเกียจ แต่ไม่ใช่โกรธเคือง

ยิ่งกว่านั้น ราวกับว่าแววตานั้น ไม่ได้ตั้งใจมองแต่อดไม่ได้ เมื่อครู่ประโยคไหนที่เธอทำให้ติงเซียงไม่พอใจ? ความโกรธเคืองของติงเซียงมุ่งไปที่ตัวเธอเองหรือ?

“ติงเซียง เธอทานเสร็จแล้วหรือยัง? ต้องทำเวลาหน่อย ไม่งั้นเฟิงเฉินเหยี่ยนจะรอไม่ไหว” หลินอวี่หยางหันศีรษะอย่างเกียจคร้านและถามติงเซียง

ติงเซียงเหลือบมองไปยังสเต็กครึ่งหนึ่งที่เหลือด้านหน้าเธอ ไม่อยากอาหารตั้งนานแล้ว กำลังจะพูดเธอก็นึกถึงชื่อคนที่หลินอวี่หยางกล่าวออกได้

“เฟิงเฉินเหยี่ยนก็อยู่ที่นั่นตอนกลางคืนหรือ?” เธอปิดปากและอุทานออกมา

“ใช่ เราเพิ่งติดต่อกันเมื่อครู่ และคืนนี้เขาเลี้ยง” หลินอวี่หยางคิดอยู่ครู่หนึ่ง เกาหัวแล้วถามว่า “เมื่อก่อนเธอให้ฉันแนะนำเฟิงเฉินเหยี่ยนให้เธอรู้จักใช่ไหม ฉันรู้สึกจะจำไม่ค่อยได้……”

บางครั้งหัวข้อสนทนาบางอย่าง หลินอวี่หยางก็ตอบอย่างคลุมเครือและไม่ได้สนใจมันเลย เมื่อเห็นติงเซียนมีท่าทางตื่นเต้น เธอถึงนึกขึ้นมาได้

อันที่จริง เธอไม่มีความรู้สึกอยากเล่นกับติงเซียงเท่าไหร่ ตอนอยู่ฐานฝึกเธอกับติงเซียงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งหมดก็เพราะเฉินฮวนฮวน

“จริงเหรอ เขาอยู่จริงๆเหรอ ฉันสามารถเจอตัวจริงของเขาไหม……” ติงเซียงเบิกตากว้างอีกครั้งและพึมพำกับตัวเอง เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นมากเกินไปเลยเหม่อลอย

“ใช่ วันนี้เขานั่งทางทิศตะวันออก เธอไม่เพียงแต่จะได้พบกับตัวจริงเขา แต่เธอยังสามารถเล่นกับเขาได้ด้วย” หลินอวี่หยางพูดยืนยัน

เมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของติงเซียง เฉินฮวนฮวนก็อดไม่ได้ที่จะล้อเล่น: "เซียงเซียง คุณชอบอาเหยี่ยนหรือ?

เธอไม่ได้ตั้งใจจึงเรียกชื่อเล่นของเฟิงเฉินเหยี่ยนโดยตรง เมื่อเธอรู้ตัวติงเซียงก็มองเธอด้วยความแปลกใจ

เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนคำพูดไม่ทัน

“ฮวนฮวน เธอสนิทกับเฟิงเฉินเหยี่ยน?” สีหน้าของติงเซียงเริ่มจริงจัง แม้แต่คิ้วของเธอก็ยังครุ่นคิดและสงสัย

อาเหยี่ยน, เมื่อครู่เฉินฮวนฮวนเรียกเฟิงเฉินเหยี่ยนว่าอาเหยี่ยน และตอนเรียกดูปกติมากราวกับว่ารู้จักเฟิงเฉินเหยี่ยนมาเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม เฉินฮวนฮวนไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน

"เฉินฮวนฮวนสนิทกับเฟิงเฉินเหยี่ยนอยู่แล้ว เพราะพวกเขาคือ…… " หลินอวี่หยางโพล่งออกมา

เมื่อเห็นว่าซ่งหลิงเอ่อร์มีปฏิกิริยาที่ผิดปกติไป อันเยว่จึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและถามออกไปอย่างรวดเร็วว่า: "หลิงเอ่อร์ การเต้นของเฉินฮวนฮวนไม่ดีเหรอ?

"แน่นอนมันว่าไม่ได้แย่"ซ่งหลิงเอ่อร์มองไปที่อันเยว่และพูดอย่างจริงจังว่า: "ไม่เพียงแต่จะไม่แย่ แต่ยังดีกว่าฉันอีกด้วย"

"อะไรนะ!?"อันเยว่เบิกตากว้าง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ฉินฟางฟางที่อยู่ข้างๆไม่รู้ถึงอำนาจของซ่งหลิงเอ่อร์ เธอคิดว่าซ่งหลิงเอ่อร์พูดเล่นเธอเลยพูดตรงๆออกไปว่า: "หลิงเอ่อร์ เธอเต้นไม่ดีเหรอ? เฉินฮวนฮวนเต้นดีกว่าเธอ ถ้าอย่างนั้นเธอคงต้องตั้งใจฝึกเต้นแล้วแหละ"

"เหอะ"เมื่อได้ยินการเยาะเย้ยของฉินฟางฟาง ซ่งหลิงเอ่อร์ก็ยิ้มเยาะ: "ถ้าระดับของฉันจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน ระดับของเธอก็ยิ่งควรได้รับการฝึกฝน"

ซ่งหลิงเอ่อร์ยังคงคิดว่าตัวเองนั้นเต้นเก่งมาก และเธอสามารถแข่งขันกับคนอย่างระดับอันเยว่ได้ เธอไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันในตอนแรกเพราะเธอขี้เกียจเกินกว่าจะเข้าร่วม และไม่ใช่เพราะไม่มีศักยภาพด้วย

นอกจากนี้ ปัจจุบันเธอไม่มีสัญญากับบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์หรือบริษัทบันเทิงใดๆ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าร่วม อย่างไรก็ตามเด็กฝึกที่ไม่มีผู้สนับสนุนก็จะถูกเงินทุนกลืนกินได้ง่ายๆ

"เอ่อ หลิงเอ่อร์ ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูด"ฉินฟางฟางรู้สึกสับสนในทันใด

แต่อันเยว่นั้นเข้าใจ แต่เพียงเธอแค่รู้สึกประหลาดใจมาก ดังนั้นเมื่อกี้เธอจึงรู้สึกมึนงงอยู่ชั่วครู่ และตอนนี้เธอก็กลับมารู้สึกตัวและพูดอย่างรวดเร็วว่า: "ฟางฟาง พวกเราถูกหลอกกันหมดแล้ว"

"เยว่เอ่อร์ ถูกหลอกอะไรเหรอ? เธอจะพูดว่าพวกเราถูกเฉินฮวนฮวนหลอกอย่างนั้นเหรอ? เธอหลอกอะไรพวกเราล่ะ?"ฉินฟางฟางรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิม

"ใช่ พวกเราถูกเฉินฮวนฮวนหลอก เธอแข็งแกร่งมาก เธอไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเธอออกมา เธอเอาแต่ล้อเล่นกับพวกเรา!"อันเยว่แสดงดวงตาที่ดุร้าย เธอกัดฟันพูดและมือของเธอก็ยังคงกำหมัดแน่น

เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะแสดงออกถึงความขุ่นเคืองใจ อย่างไรก็ตามเธอมีนิสัยที่อ่อนหวานและต้องการคงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ของตัวเอง แต่ในขณะนี้เธอไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ของเธอได้เลย

"อะไรนะ!? จริงๆแล้วเฉินฮวนฮวนนั้นเก่งมากเหรอ?"ฉินฟางฟางอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

"ใช่ เธอเก่งมากจริงๆ"ซ่งหลิงเอ่อร์ตอบออกไป แม้ว่าเธอจะเกลียดเฉินฮวนฮวนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเฉินฮวนฮวนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ

"นี่มัน …"เมื่อฉินฟางฟางได้รับการยืนยันข้อมูลนี้ เธอก็รู้สึกอึ้งไปในทันที

เธอไม่เคยคาดคิดว่าเฉินฮวนฮวนที่เธอเคยดูถูกเหยียดหยามจะแกล้งทำเป็นอ่อนแอ

หากครั้งนี้ไม่ใช่เพราะซ่งหลิงเอ่อร์ พวกเธอก็จะถูกเฉินฮวนฮวนหลอกไปอีกนานแค่ไหนกัน?

ความแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งของเฉินฮวนฮวนสุดท้ายแล้วมันยอดเยี่ยมมาก!

"หลิงเอ่อร์ เธอมีวิดีโอการเต้นของเฉินฮวนฮวนบ้างไหม?"อันเยว่ถามซ่งหลิงเอ่อร์ ท่าทางของเธอดูกังวลมาก

"ฉันไม่มีที่นี่ แต่ฉันสามารถช่วยหามันให้เธอได้ ถ้าฉันได้วิดีโอมาแล้วฉันจะส่งให้เธอ"ซ่งหลิงเอ่อร์พูดอย่างครุ่นคิด

เธอสามารถไปหาจางฟานและพูดคุยกับจางฟานเพื่อใช้ประโยชน์ในการเอาวิดีโอมา

……

ตกกลางคืน

เฉินฮวนฮวนและหลินอวี่หยางกำลังนั่งกินสเต๊กอยู่ที่ร้านอาหารตะวันตกแห่งหนึ่ง

ทั้งคู่ไม่ได้มีความอยากอาหารมากนัก แต่เพื่อให้ท้องได้อิ่มพวกเธอจึงเลือกกินเสต๊ก

ในขณะนั้นโทรศัพท์มือถือของเฉินฮวนฮวนก็ดังขึ้น และเมื่อเธอหยิบขึ้นมามันก็เป็นสายของเฟิงเฉินเหยี่ยน

"ฮัลโหล อาเหยี่ยน มีอะไรรึเปล่า?"เฉินฮวนฮวนถามด้วยความสงสัย

เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่จู่ๆเฟิงเฉินเหยี่ยนก็โทรหาเธอ

"ฮวนฮวน คุณอยู่กับหลินอวี่หยางหรือเปล่า? เหตุการณ์ที่ถุยน้ำลายใส่คนคืออะไร? "น้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"ถุยน้ำลาย?"เฉินฮวนฮวนผงะไปชั่วครู่และถามว่า: "คุณ…คุณรู้ได้ยังไง?"

เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พูดตามความจริงเฟิงหานชวนไม่น่าจะบอกเฟิงเฉินเหยี่ยนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่เธอก็รู้สึกว่าเธอรู้จักเฟิงหานชวนดี

"พ่อผมเพิ่งกลับมาและกำลังพูดถึงเรื่องนี้อยู่ ผมก็เลยโทรมาถามคุณ"เฟิงเฉินเหยี่ยนเอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ

"พ่อของคุณ? นี่….."จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็รู้สึกไม่ดี

"ใช่ วันนี้พ่อของผมกำลังจัดการกับเรื่องต่างๆที่ห้างอวิ๋นตวน และเขาบังเอิญได้ยินเรื่องของคุณ พอกลับมาพ่อก็บอกกับพวกเรา ผมก็เลยโทรมาถามคุณนี่ไง~" เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม

เฉินฮวนฮวนรู้สึกอับอายที่เฟิงเจิ้งหมิงพ่อของเฟิงเฉินเหยี่ยนรู้เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าคนในตระกูลเฟิงทั้งหมดจะรู้เรื่องที่เธอถุยน้ำลายใส่คนหมดแล้วเหรอ?

ไม่น่าแปลกใจที่เฟิงหานชวนไม่ได้อยู่ที่ห้างอวิ๋นตวน ตอนที่เธอโทรหาเขาในตอนเที่ยง เขาถามเรื่องนี้ตรงๆ แสดงว่าทุกคนในบ้านตระกูลเฟิงก็รู้หมดแล้ว

เธอเม้มริมฝีปากและเผชิญหน้ากับคำถามของเฟิงเฉินเหยี่ยน เธอตอบกลับไปว่า: "เป็นอีกฝ่ายที่ถุยน้ำลายใส่น้ำส้มของฉันก่อน มันเป็นการโต้กลับ ทุกคนรู้เรื่องนี้หมดแล้วเหรอ?"

มือที่กำลังหั่นสเต๊กของหลินอวี่หยางหยุดลงทันที จากคำตอบของเฉินฮวนฮวนที่เธอได้ยิน เฟิงเฉินเหยี่ยนน่าจะถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ของเฉินฮวนฮวน และดูเหมือนว่าคนในตระกูลเฟิงจะรู้เรื่องนี้แล้ว

เธอรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉินฮวนฮวน ดังนั้นเธอจึงยื่นมือออกไปคว้าโทรศัพท์ของเฉินฮวนฮวนและเปิดลำโพงโทรศัพท์

"ผมไม่รู้ ผมเพิ่งรู้ตอนที่ได้ยินที่พ่อพูด จากนั้นผมก็โทรหาคุณทันที ผมไม่รู้ว่าคุณปู่กับอาสามรู้หรือเปล่า"เฟิงเฉินเหยี่ยนตอบตามความจริง

อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนใจร้อน ก่อนที่เฟิงเจิ้งหมิงและซ่งหวั่นโหรวจะพูดจบเขาก็รีบกลับไปที่ห้องและโทรหาเฉินฮวนฮวนทันที

"เฟิงเฉินเหยี่ยน ฉันชื่อหลินอวี่หยาง เรื่องนี้ฉันเป็นคนทำและไม่เกี่ยวอะไรกับฮวนฮวน!"หลินอวี่หยางพูดใส่โทรศัพท์

ก่อนหน้านี้เธอหุนหันพลันแล่นมากเกินไป เพราะเธอได้ดื่มน้ำน้ำลายของอีกฝ่ายและทำให้เธอโกรธมาก เธอจึงทำเช่นนั้น

แต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกัน และตอนนี้การกระทำของเธอก็ดันมาส่งผลกระทบต่อเฉินฮวนฮวน ดังนั้นเธอจึงยอมรับว่าเธอจะรับผิดชอบ

เมื่อได้ยินเสียงของหลินอวี่หยาง เฟิงเฉินเหยี่ยนก็หัวเราะเสียงดัง: "ผมรู้ว่าคุณต้องเป็นคนทำ เพราะผมได้ยินพ่อของผมบอกว่ามีหญิงสาวจากหลินซื่อกรุ๊ป ก็คือคุณไม่ใช่เหรอ!"

เฟิงเฉินเหยี่ยนรู้จักหลินอวี่หยางและมีความสัมพันธ์ที่ดี อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดเป็นพวกกลุ่มวัยรุ่นในสังคมไฮโซ

"ใช่ คุณเดาไม่ผิด ฉันทำทุกอย่างเอง ดังนั้นอย่าโทษฮวนฮวน"หลินอวี่หยางเตือนอีกครั้ง: "คุณรีบไปบอกพ่อของคุณว่าฉันเป็นคนทำ ไม่ใช่ฮวนฮวน"

"ได้ๆ ไม่ต้องกังวล ครอบครัวของเราจะไม่โทษฮวนฮวน ฮวนฮวนมีอาสามและปู่ของผมคอยสนับสนุนอยู่แล้ว ใครจะกล้าไปหาเรื่องเธอ?"เฟิงเฉินเหยี่ยนไม่รู้ว่าเฟิงเจิ้งหมิงโทรหาเฟิงหานชวนแล้วเลยพูดประโยคนี้ออกมา

ในตระกูลเฟิง เฉินฮวนฮวนมีเฟิงหานชวนและเฟิงเหล่ยถิงที่คอยหนุนหลัง โดยเฉพาะเฟิงหานชวน ดังนั้นคนในตระกูลเฟิงจึงไม่มีใครกล้าหาเรื่องใส่ตัว

แน่นอนว่าข้างนอกก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง

"งั้นก็ดี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฮวนฮวน ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาหาฉัน” หลินอวี่หยางพูดขู่

เฉินฮวนฮวนเอ่ย: "หยางหยาง ถ้าไม่ใช่เพื่อฉันมันก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้น ฉันเองก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย"

"เธอไม่ต้องรับผิดชอบ ฮวนฮวน เธอตกเป็นเหยื่อและฉันเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน คนโง่สองคนนั้นสิที่ควรจะรับผิดชอบ"หลินอวี่หยางด่าโดยไม่ลังเล คนสองคนที่เธอด่าคืออันฉีและหลี่เหมย

"โอเค โอเค พวกคุณหยุดเถียงกันได้แล้ว ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหนกัน?"เฟิงเฉินเหยี่ยนถามด้วยความสงสัย

"ฉันจะพาฮวนฮวนไปที่พอยซัน สำหรับค่ายฝึกฉันถูกกักตัวไว้หนึ่งเดือนและของฮวนฮวนคือครึ่งเดือน พวกเราต้องรีบผ่อนคลาย ยะฮู้ว!"หลินอวี่หยางดูตื่นเต้นมาก

เมื่อเฟิงเฉินเหยี่ยนได้ยินชื่อพอยเซิน ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย: "พาผมไปด้วย! ตอนนี้ผมกำลังขับรถไปเดี๋ยวสักพักเจอกันนะ ถ้าพวกคุณมาถึงก่อนเวลา ให้ไปที่ห้องไพรเวทหมายเลข 8 ของผม คืนนี้ผมจะจ่ายเอง "

"โอเค นับถือคุณเลย คืนนี้คุณจ่าย! พวกเราไม่เมาก็จะไม่กลับบ้าน! "หลินอวี่หยางตอบอย่างห้าวหาญ

"อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกัน"หลังจากที่เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดจบ เขาก็วางสายและรีบไปจัดการกับตัวเองทันที

เฉินฮวนฮวนไม่มีการคัดค้านใดๆ เธอและเฟิงเฉินเหยี่ยนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว เพิ่มเฟิงเฉินเหยี่ยนมาอีกคน เฟิงหานชวนก็จะไม่เป็นกังวลเกี่ยวกับเธอมากขึ้นด้วย

"หยางหยาง นอกจากเรากับอาเหยี่ยนแล้ว มีใครอีกไหม?"เฉินฮวนฮวนลืมถามคำถามนี้

"ฉันโทรหาจางถิง เฉินเสี่ยวอวี่ และพวกพี่ๆน้องๆในกลุ่มของฉันตอนนั้น ฉันตะโกนว่าใครก็ตามที่มาจะมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา"หลินอวี่หยางไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

"อื้ม"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง และรีบพูดขึ้นว่า: "อ้อใช่ เราลืมติงเซียง ฉันโทรหาเธอนะ"

"โอ้ใช่ ยังมีติงเซียง ฉันเองก็ลืมไปเลย งั้นรีบโทรหาเธอเถอะ"

หลังจากที่หลินอวี่หยางพูดจบ เฉินฮวนฮวนก็กดโทรศัพท์โทรออกหาติงเซียงทันที เกือบจะไม่ถึงหนึ่งวินาทีติงเซียงก็รับสาย

"ฮวนฮวน เธอโทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่า?"อันที่จริงติงเซียงรอมาหนึ่งวันแล้ว

เธอรู้สึกว่าวันนี้หลินอวี่หยางจะโทรหาเฉินฮวนฮวนเพื่อออกไปหาอะไรทำอย่างแน่นอน และเธอก็รอให้เฉินฮวนฮวนส่งข้อความหรือโทรหาเธอ เธอที่กำลังจะหมดความหวัง แต่ก็ดันได้รับโทรศัพท์จากเฉินฮวนฮวนเสียก่อน

"เซียงเซียง ฉันและหยางหยางวางแผนที่จะไปไนต์คลับที่ชื่อว่าพอยเซิน เธออยากไปไหม?"เฉินฮวนฮวนไม่ได้บังคับแต่ถามอย่างชักชวน

"โอเค โอเค ฉันจะไปกับพวกเธอ งั้นฉันจะนั่งแท็กซี่ไปรอพวกเธอนะ"ติงเซียงเต็มใจและตอบตกลงโดยไม่ลังเล

เมื่อได้ยินว่าติงเซียงจะนั่งแท็กซี่ และนึกขึ้นได้ว่าหลินอวี่หยางเรียกคนขับไว้แล้ว เฉินฮวนฮวนจึงรีบถาม: "เซียงเซียง ตอนนี้เธอพักอยู่ที่ไหน เอาที่อยู่มามาให้พวกเรา แล้วหยางหยางกับฉันจะไปรับเธอ หยางหยางมีคนขับรถ"

ติงเซียงผงะไปครู่หนึ่งและถามว่า: "ฮวนฮวน ตอนนี้เธออยู่กับหยางหยางเหรอ? ตอนนี้พวกเธอสองคนอยู่ที่ไหน?"

"พวกเรากำลังกินข้าวเย็นกันอยู่ เซียงเซียงเธอกินข้าวหรือยัง?"จู่ๆเฉินฮวนฮวนตระหนักได้ถึงปัญหาอาหารเย็น ดังนั้นเธอจึงถามด้วยความเป็นห่วง

"ฉันยังไม่ได้กิน งั้นฉันไปหาพวกเธอก่อนดีกว่า ตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหน? ฉันจะได้ไปกินข้าวเย็นกับพวกเธอก่อนแล้วค่อยไปพอยเซินด้วยกันเนอะ?"ติงเซียงแนะนำ

"ได้สิ ตอนนี้พวกเราอยู่ในร้าน Love ที่ชั้นหนึ่งของห้างอวิ๋นตวน เรานั่งอยู่ริมหน้าต่างนะ พวกเราจะรอเธอมา"เฉินฮวนฮวนเหลือบมองที่ป้ายร้านอาหารและบอกชื่อร้านอาหาร

"โอเค ฉันจะรีบไป"หลังจากพูดจบติงเซียงก็วางสายไป

ดวงตาของเธอจ้องไปที่ผนังอย่างเคียดแค้น เธอกำหมัดแน่นและใบหน้าของเธอก็ดูน่ากลัว

เฉินฮวนฮวนไปช้อปปิ้งกับหลินอวี่หยางกันสองคน พอจะไปไนต์คลับที่ที่มีคนเยอะถึงค่อยเรียกเธอ!

“เยว่เออร์ เรื่องนี้พูดแล้วเรื่องมันยาว”

ซงหลิงเอ่อร์ลูบเส้นผม แล้วถามเฉินฮวนฮวน “เฉินฮวนฮวน ความรู้สึกในค่ายอบรมเป็นยังไงบ้าง?

แต่สำหรับเธอแล้ว น่าจะเป็นเรื่องเล็กมั้ง”

ในตอนที่พูดคำนี้อยู่ สีหน้าของซงหลิงเอ่อร์ไม่ค่อยดีนัก น้ำเสียงแสดงความอิจฉาและไม่พอใจ

โดยเฉพาะเฉินฮวนฮวนยังเป็นคนของเกาเหวิน เธอก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องทำสีหน้าอ่อนโยน

อย่างไรเสีย แข่งเต้นในโรงแรมพอยเซินคืนนั้น ซงหลิงเอ่อร์เห็นกับตาถึงความแข็งแกร่งของ

เฉินฮวนฮวน และเป็นเพราะครั้งนั้น เธอถึงเสียรายชื่อคัดเลือกในการมาแทนเกาเหวิน

อันที่จริงเริ่มแรกเธอไม่ได้คิดจะไปคัดเลือก เพราะเธอรู้สึกว่าคัดเลือกมันลำบากเกินไป ตามความสวยและความสามารถของเธอ ภายหลังแสดงเป็นนางเอกไม่มีปัญหาแน่นอน และไม่จำเป็นต้องไปร่วมการคัดเลือก เหนื่อยแทบตาย ไม่แน่ว่าจะไม่ได้รับโอกาสดีๆอะไร

แต่ว่าหลังจากที่เธอเจอจางฟาน เธอชอบจางฟาน ไม่งั้นตามนิสัยของเธอ ก็ไม่ยอมให้ตัวเองลดตัวไปเป็นกิ๊กของจางฟาน พูดตรงๆก็คือแค่คู่นอน

เธอรู้จางฟานมีแฟนสาวคนหนึ่งที่คบกันมาหลายปี เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมาก ชื่อเกาเหวิน

เกาเหวินเพื่อสร้างบริษัทบันเทิงกับจางฟาน ไปร่วมการคัดเลือกด้วยตัวเองก่อน ใครจะรู้ตอนที่อยู่ค่ายอบรมได้รับบาดเจ็บที่ขา บวกกับแผลเดิม รับการฝึกอบรมไม่ได้

ตอนนั้นจางฟานถามเธอเต็มใจไปแทนหรือเปล่า ถ้าหากไปคัดเลือกแทนเกาเหวิน ก็จะได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับบริษัทพวกเขา ซงหลิงเอ่อร์เลยไม่ลังเลที่จะตอบรับ และกระตือรือร้นมาก

แต่ทว่า เกาเหวินมองความสัมพันธ์ของเธอกับจางฟานออก พาเฉินฮวนฮวน ให้เฉินฮวนฮวนมาแทนที่ ทำให้ความหวังตัวเองหายไป

ซงหลิงเอ่อร์จดจำอยู่ในใจเสมอ ในเวลาครึ่งเดือนนี้ หว่านล้อมจางฟานหลายครั้ง ขอร้องข้างหู

จางฟาน ให้จางฟานเซ็นสัญญากับตัวเอง

เดิมจางฟานเห็นด้วยแล้ว และยังให้เธอติดต่ออีกรายการวาไรตี้โชว์หนึ่ง ถึงขนาดเอกสารสัญญาก็เตรียมเสร็จแล้ว ยังพาเธอไปร่วมกินข้าวเย็นกับเกาเหวินและเฉินฮวนฮวน

แม้ว่าไม่ได้เข้าร้านอาหาร เกาเหวินก็พาเฉินฮวนฮวนออกไป แต่ในใจเธอกลับมีความสุขมาก ถึงอย่างไรเกาเหวินกับจางฟานทะเลาะกันยิ่งรุนแรง เธอยิ่งมีโอกาส

จางฟานเพราะเกาเหวินไม่ไว้หน้า พูดแขวะมากมาย แขวะความแข็งกร้าวของเกาเหวินเป็นส่วนใหญ่ เดิมซงหลิงเอ่อร์คิดว่าโอกาสตัวเองมาแล้ว ใครจะรู้เมื่อคืน จู่ ๆ จางฟานโทรหาเธอ ผิดสัญญา

ไม่เซ็นสัญญากับเธอ ถึงขนาดเว้นระยะห่าง ยังโอนเงินให้เธอก้อนหนึ่ง

ซงหลิงเอ่อร์โมโหมาก รู้สึกว่าเป็นความคิดของเกาเหวิน เธอคิดว่าให้ตัวเองสงบลงก่อน ด้วยเหตุนี้วันนี้เลยลากอันเยว่ออกมาเดินซื้อของ เตรียมช้อปปิ้งอย่างบ้าคลั่ง เอาเงินที่จางฟานโอนให้เมื่อคืนใช้ให้หมด

ใครจะรู้เธอยังเดินไปถึงสองร้าน ก็เจอเฉินฮวนฮวน

“เรื่องเล็ก ? หลิงเอ่อร์ เธอล้อเล่นเก่งจริงๆ คนที่เต้นจับจังหวะไม่ได้อย่างเฉินฮวนฮวน ค่ายอบรมสำหรับหล่อนแล้ว ก็คือการทรมานมั้ง!” ฉินฟางฟางมองประเมินเฉินฮวนฮวน พูดเสียดสีแปลกๆ

ซงหลิงเอ่อร์กับฉินฟางฟางไม่ถือว่าสนิท พวกเธอมาเดินซื้อของด้วยกัน ทั้งหมดเป็นเพราะอันเยว่เป็นคนกลาง

ซงหลิงเอ่อร์ต้องการลากอันเยว่มาซื้อของ ฉินฟางฟางก็ต้องการลากอันเยว่มาซื้อของเหมือนกัน ดังนั้นทั้งสามคนเลยมาด้วยกัน

“ฟางฟาง เธอคงไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” ซงหลิงเอ่อร์ได้ยินคำพูดของฉินฟางฟาง นิ่งอึ้งไปสักพัก

ไม่รู้เพราะอะไร

ถ้าหากเฉินฮวนฮวนจับจังหวะไม่แม่น แล้วจะมีใครสามารถจับจังหวะได้แม่นกัน?

ในเมื่อเธอเป็นคนเห็นความสามารถของเฉินฮวนฮวนกับตามาแล้ว

“ล้อเล่น? เป็นไปได้ไง หลิงเอ่อร์เธอไม่เคยเห็นการเต้นของเฉินฮวนฮวน นั่นเหมือนกับนกอินทรีจับลูกไก่เลย น่าขำมาก” ฉินฟางฟางจงใจพูดแบบนั้น เพราะเธอไม่ชอบเฉินฮวนฮวน

แต่เธอเพิ่งพูดจบ ก็ถูกหลินอวี่หยางที่อยู่ต้องข้ามถลึงตาให้ ฉินฟางฟางตกใจไม่กล้าพูดต่อทันที ทำได้แค่รีบอธิบาย “ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น เฉินฮวนฮวน เธออย่าใส่ใจเลย”

เฉินฮวนฮวน “…”

ซงหลิงเอ่อร์เห็นเฉินฮวนฮวนหน้านิ่ง และเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งคำพูดของฉินฟางฟาง แม้ว่าสุดท้าย

ฉินฟางฟางบอกว่าพูดเล่น แต่ตอนที่เธอพูดเหน็บแนมเฉินฮวนฮวนเมื่อกี้ เหมือนไม่ได้ล้อเล่น

หรือว่า ตอนเฉินฮวนฮวนอยู่ค่ายอบรม ไม่ได้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา?

เห็นซงหลิงเอ่อร์กำลังมองตัวเอง เฉินฮวนฮวนรู้เลยคำพูดพวกนั้นของฉินฟางฟางเมื่อกี้ สร้างความสงสัยให้ซงหลิงเอ่อร์ ในเมื่อซงหลิงเอ่อร์เคยแข่งเต้นกับเธอ รู้ความสามารถของเธอ

เพียงแต่ความบังเอิญ เธอก็ไม่รู้ซงหลิงเอ่อร์จะรู้จักฉินฟางฟาง ตอนนี้เธอปิดความสามารถไม่อยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องปกปิดเกินไปดังนั้นเลยไม่มีผลกระทบทางอารมณ์ ลักษณะท่าทีไม่สนใจใดๆ

“ฉันซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ขอตัวก่อน พวกเธอค่อยๆช้อปปิ้งไป” เฉินฮวนฮวนทำตามมารยาทเล็กน้อย พร้อมลากแขนหลินอวี่หยาง ลากเธอเดินออกไป

ผ่านไประยะหนึ่ง หลินอวี่หยางหยุดฝีเท้าลง จับมือเฉินฮวนฮวนกลับ พูดด้วยความโมโห “ฮวนฮวน

เมื่อกี้ฉันอยากตบปากฉินฟางฟางสักหลายๆครั้ง”

“ไม่จำเป็น เธอว่าร้ายฉันแบบนั้นเสมอ ฉันชินแล้ว” ถึงอย่างไรครึ่งเดือนมานี้เฉินฮวนฮวนก็ผ่านมาแบบนี้

“ตอนนี้หล่อนเป็นกลุ่มการแสดงครั้งแรกกับเธอ ฉันเลยไม่ลงมือ กลัวจะกระทบเธอ รอจบ ฉัน…” ดวงตาของหลินอวี่หยางดูชั่วร้ายครู่หนึ่ง หัวเราะเหอะๆออกมา พูดว่า“ฉันไม่ใช่แม่พระนะ!”

“ฉันก็ไม่ใช่แม่พระเหมือนกัน” เฉินฮวนฮวนตอบกลับหนึ่งประโยค

นัยน์ตาอันเยว่เต็มไปความไม่เข้าใจ รอจนแน่ใจว่าเฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยางเดินไปไกลแล้ว เธอถามทันที “หลิงเอ่อร์ เธอรู้จักเฉินฮวนฮวนได้ยังไง? ทำไมฉันฟังจากน้ำเสียงเธอ หล่อนดูเก่งมาก?”

“ฟางฟางเมื่อกี้ไม่ใช่พูดเล่นเหรอ? หรือว่าตอนเฉินฮวนฮวนอยู่ค่ายอบรม ทำตัวเป็นเด็กใหม่จริงๆ?”

ซงหลิงเอ่อร์ค่อยๆเบิกตากว้าง

“ทำตัวเป็นเด็กใหม่ หมายความว่าไง ? หลิงเอ่อร์ เมื่อกี้ฉันบอกพูดเล่น ไม่อยากจะผิดใจกับหลินอวี่หยาง ก็คือผู้หญิงผมสั้นคนนั้น เธอเป็นคุณหนูใหญ่ของหลินซื่อกรุ๊ป ตอนนี้ปกป้องเฉินฮวนฮวนสุดใจ

ไม่รู้จริงๆเฉินฮวนฮวนประจบอะไรเธอ”ฉินฟางฟางพูดแขวะด้วยความอิจฉา

ถ้าหากหลินอวี่หยางกลายเป็นเพื่อนเธอ ดีกับเธอขนาดนี้ จะดีแค่ไหน? ทำไมต้องดีกับเฉินฮวนฮวนขนาดนั้น?

อีกทั้งเฉินฮวนฮวนยังเคยโกรธเอาไม้ถูพื้นเหม็นๆใส่หน้าหลินอวี่หยาง ไม่รู้จริงๆว่าหลินอวี่หยางเป็นมาโซคิสม์หรือเปล่า ดูแข็งแรงขนาดนั้น แต่ก็ไม่เหมือน งงมากจริงๆ

“ดังนั้น เธอเยาะเย้ยความสามารถหล่อน ไม่ได้พูดเล่น?” ตาใสๆของซงหลิงเอ่อร์ หรี่เป็นเส้นตรง

“แน่นอนไม่ได้พูดเล่น ครูสอนเต้นของพวกเรา ก็คือซูเวย รังเกียจเธอจะตายแล้ว เต้นได้แย่มาก”

ฉินฟางฟางเดาะลิ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยการดูถูก

“เหอะ น่าสนใจจริงๆ ” จู่ ๆ ซงหลิงเอ่อร์หัวเราะเยาะขึ้น

เมื่อเห็นหลินอวี่หยางพูดเสียงดัง เฉินฮวนฮวนก็รีบโบกมือไปมาทันที เธอไม่อยากพูดต่อ แบบนี้เฟิงหานชวนต้องได้ยินอย่างแน่นอน

“หลินอวี่หยางรบเร้าให้คุณไปไนต์คลับใช่ไหม?” เฟิงหานชวนพูดด้วยสุ้มเสียงที่เย็นเยียบ

เฉินฮวนฮวนรู้จักนิสัยของเฟิงหานชวนดี ความเย็นชาและความโหดร้ายมันฝั่งลึกในกระดูก และดูเหมือนเขาจะดูอ่อนโยนแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าตัวเองเท่านั้น

ดังนั้น เฉินฮวนฮวนจึงเป็นห่วงกลัวว่าเฟิงหานชวนว่าจะพาลโกรธใส่หลินอวี่หยาง จึงรีบอธิบายว่า : “ถ้าฉันอยากไปเที่ยวกับหยางหยาง ไม่ใช่เพราะเธอมารบเร้าฉันหรอก”

“ให้กินน้ำลาย ไม่ใช่ความตั้งใจของเธอเหรอ?” เฟิงหานชวนแสยะยิ้มเย็นชา

“กินน้ำลาย?” เฉินฮวนฮวนอึ้งงันไป ก่อนจะรีบถามกลับไปว่า : “อาหาน คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? คุณก็อยู่ห้างอวิ๋นตวนด้วยเหรอคะ?”

“หลินอวี่หยางดีกับคุณมาก แต่คนนิสัยไม่ดีอย่างเธอจะสอนเรื่องเลวทรามให้กับคุณ” เฟิงหานชวนนวดสันจมูกเล็กน้อยด้วยอาการปวดหัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ก่อนหน้านั้นก็เห็นอยู่ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่เชื่อฟังมาตลอด หลังจากที่เจอกับหลินอวี่หยาง นิสัยก็ค่อย ๆ แย่ลงเรื่อย ๆ

ดั่งสุภาษิตที่ว่า คนใกล้ชาดแดง คนใกล้หมึกดำ อยู่ในสังคมแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้น ตอนนี้เฟิงหานชวนจนปัญญามาก

“ไม่ใช่นะ อาหาน คุณไม่เข้าใจสถานการณ์ ถ้าหยางหยางไม่อยู่ ฉันไม่มีวันปล่อยพวกเธอไปหรอก” เฉินฮวนฮวนรีบแก้ตัวให้หลินอวี่หยางทันที ถึงอย่างไรหลินอวี่หยางก็เป็นเพื่อนที่ดีของเธอ เธอไม่อยากให้เฟิงหานชวนเข้าใจหลินอวี่หยางผิดไป

เมื่อพูดถึงตัวเอง หลินอวี่หยางที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดออกไปตรง ๆ ว่า : “อาเฟิง เรื่องกินน้ำลายอะไรนั้น เป็นความผิดของฉันเอง ไม่เกี่ยวกับฮวนฮวน! อีกอย่างฉันก็ปกป้องฮวนฮวนได้ ถ้าคุณให้เธอไปเที่ยวกลางคืนกันฉัน! ฉันจะพาคนขับรถไปด้วย รับรองเลยว่าจะพาเธอไปส่งที่บ้านตระกูลเฟิงอย่างปลอดภัยแน่นอน”

“หลินอวี่หยาง บทเรียนจากครั้งที่แล้วยังไม่พออีกเหรอ?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนนั้นเย็นเยียบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

บทเรียนที่เขาพูดถึง ก็คือภาพของเขาและหลีซืออวิ๋นที่หลินเจี้ยนกั๋วถ่ายได้ หลังจากที่หลินอวี่หยางให้เฉินฮวนฮวนดู ก็สร้างความเข้าใจผิดให้กับเขาและเฉินฮวนฮวนอย่างมาก

ตอนแรกที่เห็นหลินอวี่หยางทำดีกับเฉินฮวนฮวน เขาก็ตั้งใจจะไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บแล้ว แต่นิสัยไม่ดีของหลินอวี่หยางในตอนนี้ได้ถูกส่งต่อมาถึงตัวของเฉินฮวนฮวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว

“เอ่อ อาเฟิงคะ ครั้งที่แล้วฉันได้อธิบายให้คุณฟังไปแล้ว มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณเป็นสามีของเฉินฮวนฮวน” หลินอวี่หยางยังคงไร้ยางอายพูดต่อว่า : “อีกอย่าง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องนี้ เรามาคุยเรื่องที่ฮวนฮวนจะไปโรงแรมพอยเซินกับฉันในตอนกลางคืนดีกว่า ฉันรู้สึกว่า……”

“สั้น ๆ ผมไม่อนุญาต” ยังไม่ทันรอให้หลินอวี่หยางพูดจบ เฟิงหานชวนก็ปฏิเสธออกไปตรง ๆ ทันที

“ไม่ได้ อาเฟิง คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ นี่คุณกำลังควบคุมฮวนฮวนแล้ว หลังจากที่ฮวนฮวนแต่งงานกับคุณ แม้แต่จะไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนก็ไม่ได้เลยเหรอ?”

หลินอวี่หยางยกมือขึ้นมาเท้าเอว ด้วยท่าทางไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น จากนั้นก็ตำหนิกลับไปด้วยความโกรธดุดัน : “คุณทำแบบนี้ เพราะอยากให้ฮวนฮวนรู้สึกว่าคุณไม่เชื่อใจเธองั้นเหรอ?”

“……..” มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย ในเวลานี้เขาอยากจะวางสายจริง ๆ

“หลินอวี่หยาง ผมขอเตือนคุณอีกครั้ง อย่าพาฮวนฮวนไปสร้างปัญหา” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ พยายามระงับอารมณ์โกรธเอาไว้

เมื่อหลินอวี่หยางเห็นว่าเฟิงหานชวนมีทิฐิสูง และกำลังโกรธ ในตอนที่เธอกำลังจะตัดใจนั้น เฉินฮวนฮวนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า : “อาหาน คุณไม่เชื่อใจฉันจริง ๆ เหรอคะ? คุณคิดว่าฉันจะไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นลับหลังคุณเหรอ?”

“ไม่ใช่แน่นอน ฮวนฮวน ผมแค่ไม่อยากให้คุณไปในสถานที่ที่ไม่ดีเหล่านั้นต่างหาก” เฟิงหานชวนรีบอธิบายทันที ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความร้อนใจ

เขาเป็นห่วงเพราะการใส่ไฟของหลินอวี่หยาง ทำให้เฉินฮวนฮวนเข้าใจเขาผิด ตอนนี้เขาอยากจะบีบคอหลินอวี่หยางให้ตายคามือด้วยซ้ำ

“อื้อ………” น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนนั้นอู้อี้เล็กน้อย ถึงแม้จะตอบเพียงสั้น ๆ แต่ก็ฟังออกว่าไม่พอใจ

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้ไม่เชื่อใจคุณนะ” เฟิงหานชวนร้อนใจ และรีบถามขึ้นว่า : “ตอนนี้คุณอยู่ห้างอวิ๋นตวนใช่ไหม? ผมจะไปหาคุณ”

“อย่า คุณอย่ามานะคะ ฉันกำลังเดินเล่นชอปปิงอยู่กับหลินอวี่หยาง ผู้ชายตัวใหญ่อย่างคุณจะมาทำไหมคะ?” เฉินฮวนฮวนปฏิเสธทันที จากนั้นก็พูดเสริมอีกว่า : “เดี๋ยวฉันเดินชอปปิงเสร็จฉันจะกลับเลย แค่นี้นะคะ”

น้ำเสียงของเธอยังคงอู้อี้อยู่เล็กน้อย ด้วยท่าทางไม่พอใจเอามาก ๆ ยังไม่ทันรอให้เฟิงหานชวนตอบกลับ เฉินฮวนฮวนก็ตัดสายไป

เมื่อเห็นภาพนี้ หลินอวี่หยางก็เกิดความผิดหวัง เธอพูดเหมือนจะร้องไห้ว่า : “ฮวนฮวน เราไปเที่ยวกลางคืนไม่ได้จริง ๆ เหรอ เกินไปแล้วนะ! ทำไมเฟิงหานชวนถึงเป็นแบบนี้! เขากำลังจำกัดอิสระของคุณอยู่นะ!”

เฉินฮวนฮวนไม่พูดอะไร ได้แต่มองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอยู่เงียบ ๆ ทันใดนั้น หน้าจอสีดำก็สว่างขึ้นฉับพลัน ตามมาด้วยเสียงเรียกเขา พร้อมกับชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอว่าอาสาม

เธอรีบยิ้มกว้างด้วยความดีใจทันที ก่อนจะยกมือขึ้นมาแตะปากพร้อมกับส่งเสียง “ชู่ว์” จากนั้นก็รับกดรับสายทันที

“อาหาน คุณมีอะไรอีก?” เธอยังคงใช้น้ำเสียงไม่พอใจ

“ฮวนฮวน ผมยอมให้คุณไปก็ได้ แต่ต้องดูแลตัวให้ดี ๆ ด้วย” เฟิงหานชวนนวดสันจมูก พร้อมกับพูดอย่างจนปัญญา

เขาต้องพยายามประนีประนอม ไม่อย่างนั้นเด็กสาวคนนี้ต้องไม่พอใจแน่ ๆ สุดท้ายความซวยจะมาตกอยู่ที่ตัวเขาเอง

เฉินฮวนฮวนเม้มปากเล็กน้อย พยายามที่จะหุบยิ้ม แล้วถามกลับไปด้วยเสียงที่อ่อนโยนอีกครั้งว่า : “อาหาน คุณยอมให้ฉันไปจริง ๆ แล้วใช่ไหม?”

“ผมยอมแล้ว” ถึงแม้ว่าเสียงของผู้ชายจะหนักแน่นก็ตาม แต่ในใจกลับไม่เต็มใจแต่อย่างใด

“ขอบคุณนะคะสามี รักคุณนะ แค่นี้นะ บ๊ายบาย” เฉินฮวนฮวนพูดออดอ้อนจบ ก็รีบกดวางสายไปในทันที

สุ้มเสียงที่เรียกว่าสามีเมื่อสักครู่นั้นทำให้กระดูกของเฟิงหานชวนอ่อนระทวยลงทันที เขาอยากจะได้ยินมากกว่านี้ เฉินฮวนฮวนกลับรีบตัดสายไปเสียก่อน

เขาวางโทรศัพท์ลง แต่จู่ ๆ ก็ตระหนักได้ถึงปัญหาอย่างหนึ่ง เขาถูกเฉินฮวนฮวนหลอกแล้ว?

หรือว่าเมื่อสักครู่นี้เฉินฮวนฮวนจะใช้กลอุบายหลอกให้เขาตายใจ?

สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลงในทันที ดูท่าทางบทเรียนของเมื่อคืนจะไม่พอเสียแล้ว คืนนี้เขาต้องลงโทษผู้หญิงคนนี้ให้สาสมอีกครั้ง

“ขอบคุณนะคะสามี รักคุณนะ …..แหวะ ไม่ไหว ฉันจะอ้วก ……” หลินอวี่หยางเลียนแบบเสียงของเฉินฮวนฮวนไปพลางแกล้งทำท่าอ้วกไปพลาง

เฉินฮวนฮวนจีไปบนไหล่ของเธอด้วยความโกรธ ก่อนจะกะพริบตาปริบ ๆ และพูดว่า : “หยางหยาง ถ้าฉันไม่พูดแบบนี้ เฟิงหานชวนจะยอมให้ฉันไปโรงแรมพอยเซินกับคุณไหม?”

“ใช่ ๆ คุณนี่เก่งจริง ๆ เลยนะบีบอาเฟิงของพวกคุณให้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเฟิงหานชวนจะมีวันนี้!” หลินอวี่หยางทอดถอนใจ และตื่นตกใจในเวลาเดียวกัน

ภาพความประทับใจแรกก่อนหน้านั้นของเธอ เฟิงหานชวนคือพวกอสูรอะไรทำนองนั้น น่ากลัว จนไม่มีใครสามารถสงบนิ่งเวลาอยู่ต่อหน้าเขาได้

ทว่า วันนี้เธอตระหนักได้แล้วจริง ๆ ทำไมเฉินฮวนฮวนถึงต้องออดอ้อนต่อหน้าของเฟิงหานชวน

“แต่ เพื่อจะได้ไปโรงแรมพอยเซินกับคุณในวันนี้ ฉันคิดว่าฉันเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตรายมากเลยนะ” เฉินฮวนฮวนที่เพิ่งจะอวดเก่งอยู่เมื่อสักครู่ แต่เมื่อคิดย้อนกลับไป ก็หมดเรี่ยวแรงลงในทันที

“เอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย???” หลินอวี่หยางเบิกตากว้าง พร้อมกับปิดปาก และถามขึ้นด้วยความตกใจว่า : “หรือว่า…….หรือว่าเฟิงหานชวนจะโกรธ?”

“เหอะ ไม่ใช่แน่นอน ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ เราไปเดินชอปปิงต่อดีกว่า” เฉินฮวนฮวนรีบโบกมือปฏิเสธทันที ถึงในใจจะคิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ถึงขนาดเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย จริง ๆ แล้วก็เป็นเพียงแค่การเปรียบเทียบของเฉินฮวนฮวนเท่านั้น ถึงอย่างไรเรื่องที่ทำให้หน้าแดงหัวใจเต้นระรัวเหล่านั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตอยู่แล้ว

ถ้าหัวใจเธอเต้นรัวเร็วมากกว่านี้ หัวใจวายตายขึ้นมา จะทำยังไง?

เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว ก็พบว่าเธอเป็นคนก่อเรื่องเองทั้งสิ้น ถ้าเมื่อคืนเธอไม่ได้ยั่วโมโหเฟิงหานชวน ก็คงจะไม่มีเรื่องที่น่าอายแบบนั้นตามมา

เฉินฮวนฮวนเช็ดหน้าอยู่เงียบ ๆ สิ่งที่เรียกว่าหาเรื่องใส่ตัว คงจะเป็นแบบนี้สินะ เธอได้เรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเองแล้วจริง ๆ

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนแสดงท่าทางแปลกไป สีหน้าของหลินอวี่หยางก็แย่ลงในทันที ก่อนจะรีบพูดว่า : “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร แต่ฉันเหมือนจะหิวแล้ว พูดเรื่องนั้นจนน้ำลายแห้งหมดแล้ว ฉันพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าก่อน จากนั้นเราค่อยไปหาร้านใหม่ ๆ ทานกันดีกว่า”

“ได้เลย ~” เฉินฮวนฮวนตอบรับ

……

ผ่านไปสักพัก หลินอวี่หยางพาเฉินฮวนฮวนเข้าไปในร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่ง

นี่เป็นร้านแบรนด์เนมของผู้หญิง เป็นของแบรนด์เนมที่ค่อนข้างทันสมัย แตกต่างจากสไตล์ของแบรนด์วีวี่โดยสิ้นเชิง ซึ่งโน้มไปทางสีธรรมชาติมากกว่า ส่วนแบรนด์วีวี่ให้อารมณ์แบบผู้หญิงที่ดูฉลาด

พนักงานไม่รู้จักเฉินฮวนฮวน แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่เฉินฮวนฮวนและหลินอวี่หยางสวมใส่บ่งบอกถึงราคาที่ไม่ธรรมดาเลย ก็รีบเข้ามาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นทันที : “คุณผู้หญิง พวกคุณบังเอิญจังเลยนะคะ ตอนนี้เราจัดกิจกรรมวันครบรอบของทางแบรนด์อยู่พอดี ลดทั้งร้าน คุ้มมากเลยนะคะ!”

เฉินฮวนฮวนกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้านโดยคร่าว ๆ ภายในร้านเป็นสินค้าตามฤดูร้อน ทั้งหมดเป็นสไตล์ที่ค่อนข้างร้อนแรงและจัดจ้านมาก ส่วนใหญ่ท่อนบนจะเป็นเสื้อกล้ามโชว์สะดืออะไรประเภทนั้น ส่วนท่อนล่างจะเป็นกระโปรงสั้นหรือไม่ก็กางเกงขาสั้น ถ้าเป็นกระโปรงยาวก็จะเน้นไปในทางโชว์เรียวขาทำนองนั้น

เธอมองไปยังหลินอวี่หยาง ก่อนจะส่ายหน้าอยู่เงียบ ๆ และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “หยางหยาง เสื้อผ้าร้านนี้ไม่เหมาะกับฉันหรอก”

จริง ๆ แล้วเฉินฮวนฮวนเป็นพวกสไตล์อนุรักษนิยม รวมทั้งชุดกระโปรงที่เธอสวมอยู่บนร่างกายด้วย คอสูง แขนยาว ส่วนด้านล่างเป็นกระโปรงคลุมยาว ห่อตัวเธอมิดจนไม่เห็นอะไร

สิ่งสำคัญก็คือ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากใส่เสื้อผ้าเหล่านี้หรอกนะ แต่เธอใส่ไม่ได้ เพราะเธอมีแต่ร่องรอยช้ำ ๆ อยู่เต็มตัวไปหมด ดังนั้นจึงต้องปกปิดไว้จะเปิดเผยสู่ภายนอกไม่ได้

“ใครบอกว่าไม่เหมาะกับคุณเล่า ฉันรู้สึกว่ามันเหมาะกับคุณมาก ๆ เลยต่างหาก คุณเห็นแก่หน้าฉันหน่อยนะ ลองใส่สักชุด! ฉันรู้สึกว่าเวลาคุณใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นมันดูดีมากเลยทีเดียว!” หลินอวี่หยางเขย่าแขนของเฉินฮวนฮวนเบา ๆ พยายามโน้มน้าวสุดกำลัง

เมื่อพนักงานขายเห็นโอกาส ก็รีบเข้ามาแนะนำด้วยความกระตือรือร้นทันที : “คุณผู้หญิง ดิฉันคิดว่าเพื่อนของคุณพูดถูกนะคะ รูปร่างของคุณดีขนาดนี้ ทำไมถึงได้แต่งตัวอนุรักษนิยมแบบนี้ละคะ? ใส่เสื้อผ้าผู้หญิงแบบนี้ตลอด มันลดสไตล์ของคุณลงเยอะเลยนะคะ ~ มาลองใส่เสื้อผ้าร้านนี้ก่อนก็ได้ ไม่เสียเงิน ถ้าคิดว่ามันไม่เหมาะสม ไม่ซื้อก็ได้ค่ะ คุณน่าจะหาโอกาสลองเสื้อผ้าสไตล์ใหม่ ๆ ให้กับตัวเองบ้างนะคะ”

เป็นพนักงานร้านแบรนด์เนม คำพูดก็ต้องฉะฉาน ประกอบกับการโน้มน้าวของหลินอวี่หยาง เฉินฮวนฮวนจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีโอกาสที่จะปฏิเสธแล้ว

เมื่อหลินอวี่หยางเห็นเฉินฮวนฮวนไม่ปฏิเสธ ก็รีบหยิบเสื้อกล้ามสีเขียวอะโวคาโดและกางเกงขาสั้นสีขาวอย่างละตัวขึ้นมา จากนั้นก็พูดด้วยความตื่นเต้นว่า : “ฉันมองไม่ผิดแน่ ฮวนฮวนเข้ากับชุดนี้แน่นอน คืนนี้เราจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโรงแรม!”

“หยางหยาง ฉัน….” เฉินฮวนฮวนรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เธออยากจะเล่าถึงสถานการณ์จริง ๆ ของตัวเองให้หลินอวี่หยางได้รับรู้ แต่พนักงานขายก็กำลังจ้องพวกเธอทั้งสองคนอยู่ข้าง ๆ

เธอจึงรับเสื้อผ้าชุดนั้น และพูดแค่ว่า : “หยางหยาง คุณไปห้องลองชุดกับฉันหน่อย”

“ได้เลย ๆ ” หลินอวี่หยางตอบกลับอย่างไม่ลังเล

เฉินฮวนฮวนดึงมือของหลินอวี่หยางไปยังห้องลองชุดทันที และถือโอกาสนี้สลัดพนักงานขายที่ยังคงกระตือรือร้นคนนั้นออกไปด้วย สุดท้ายเธอก็พาตัวเองและหลินอวี่หยางเข้ามาในห้องลองชุดและทำการล็อกประตูในที่สุด

“หยางหยาง ฉันไม่อยากใส่ชุดนี้จริง ๆ นะ เพราะ…..” เฉินฮวนฮวนพยายามกดเสียงให้เสียงให้ต่ำลง

แต่เธอกลับรู้สึกไม่ดีที่จะพูดประโยคหลังออกมา ก็เลยพับแขนเสื้อขึ้น แล้วยื่นแขนไปตรงหน้าของหลินอวี่หยาง

เมื่อหลินอวี่หยางเห็น ดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างในทันที พร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ

“หยางหยาง ไม่ใช่ฉันไม่ซาบซึ้งใจหรอกนะ แต่ฉัน…..ไม่สะดวกจะใส่ชุดนี้จริง ๆ” เฉินฮวนฮวนเม้มปาก จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อลงมา

“อื้อ ๆ” หลินอวี่หยางพยักหน้าทันที เธอเข้าใจแล้ว จากนั้นก็ชี้ไปข้างนอกและพูดว่า : “ฉันจะไปเลือกชุดใหม่มาให้คุณละกัน คุณรอก่อนนะ”

ยังไม่ทันที่เฉินฮวนฮวนจะตอบรับ หลินอวี่หยางก็เปิดประตูห้องลองชุดและพุ่งตัวออกไปทันที เฉินฮวนฮวนได้แต่นั่งรอข้างใน ได้ยินเพียงแค่เสียงถามของพนักงานขาย หลินอวี่หยางส่งคืนไปด้วยคำพูดไม่ค่อยเหมาะสม

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าหลินอวี่หยางจะเลือกเสื้อผ้าแบบไหนให้กับตัวเอง ไม่นานเธอก็ลุกขึ้นและตัดสินใจว่าจะออกไปดู แต่ในตอนนี้เอง หลินอวี่หยางก็กลับมาด้วยความร้อนใจ

ในมือของเธอตอนนี้มีเสื้อผ้ามากกว่าหนึ่งชุด เธอตบไปบนหน้าอกและพูดอย่างมั่นใจว่า : “ฮวนฮวน ครั้งนี้รับรองเลยว่าเหมาะสมกับคุณแน่นอน ขับรูปร่างของคุณให้ดูโดดเด่น และยังปกปิดส่วน……….แค่ก ๆ ”

เฉินฮวนฮวนรับเสื้อผ้าเหล่านั้นมาอย่างใจลอย ก่อนจะหยิบขึ้นมาดู ท่อนบนเป็นเสื้อถักไหมพรมสีเขียวอะโวคาโด แล้วก็กางเกงยีนรัดรูป

ถ้าใส่ชุดนี้ ร่องรอยเหล่านั้นก็จะได้รับการปกปิด เฉินฮวนฮวนจึงพยักหน้า จากนั้นก็ปิดประตูห้องลองชุด

หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้วเธอก็ออกมา หลินอวี่หยางกำลังรอเธออยู่หน้ากระจกพอดี วินาทีที่เห็นเฉินฮวนฮวน หลินอวี่หยางก็อ้าปากกว้าง กว้างราวกับโดนยัดไข่ไก่เข้าปากอย่างไรอย่างนั้น

“ฮวนฮวน คุณสวยมาก! ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันคงโผเข้าหาคุณแล้ว!” หลินอวี่หยางส่งเสียงพูดด้วยความตื่นเต้น

เฉินฮวนฮวนรีบเดินมาตรงหน้ากระจกทันที เสื้อผ้าชุดนี้เหมาะสมกับเธอจริง ๆ เธอคลี่ยิ้ม ก่อนจะชื่นชมว่า : “หยางหยาง สายตาของคุณเฉียบแหลมจริง ๆ”

“ก็บอกแล้ว?” หลินอวี่หยางแสดงท่าทางภูมิใจ อวดเก่งเป็นที่สุด

แทบจะไม่ถึง 20 นาที ก็สรุปเป็นมติ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินทั้งสองคนก็ยื้อแย่งกันจะจ่าย เฉินฮวนฮวนทำท่าจะโกรธ หลินอวี่หยางจึงไม่แย่งเธอจ่ายเงินอีก

เฉินฮวนฮวนจ่ายเงินเสร็จแล้ว ก็ถือถุงเสื้อหาชุดเก่าเดินออกไปพร้อมกับหลินอวี่หยาง

ตอนที่ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตู ก็มีผู้หญิง 3 คนเข้ามากล่าวทักทาย ซึ่งเฉินฮวนฮวนรู้จักผู้หญิงทั้ง 3 คนนี้ดี

นับจากซ้ายไปถึงขวา ก็คือซงหลิงเอ่อร์ อันเยว่ และฉินฟางฟาง

“เฉินฮวนฮวน!” ทั้ง 3 คนส่งเสียงเรียกแทบจะพร้อมกัน

จากนั้นอันเยว่และฉินฟางฟางก็พากันแสดงสีหน้าตกใจ อันเยว่ถึงขนาดหันไปถามซงหลิงเอ่อร์ว่า : “หลิงเอ่อร์ คุณรู้จักเฉินฮวนฮวนด้วยเหรอ?”

“ฉันรู้จักเฉินฮวนฮวนแน่นอนอยู่แล้ว” ซงหลิงเอ่อร์มองไปทางเฉินฮวนฮวน ก่อนจะกัดฟันกรอดเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“หลิงเอ่อร์ คุณกับฮวนฮวนรู้จักกันได้ยังไง? ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าพวกคุณรู้จักกัน?” อันเยว่ถามอีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนเองก็สงสัยเช่นกัน เธอนึกไม่ถึงว่าซงหลิงเอ่อร์จะเป็นเพื่อนของอันเยว่และฉินฟางฟาง มิน่าล่ะคนรุ่นก่อนถึงได้สร้างคำว่า “แวดวงสังคม” ขึ้น

แวดวงในสังคม เพราะไม่มีใครรู้ว่าใครรู้จักกับใคร

นี่แหละคือแวดวง

“อุก…”

เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นภาพนี้ เธอคลื่นไส้ขึ้นมาเลยทีเดียว

เธอยืนขึ้นทันที แล้วพุ่งไปที่หน้าประตู ขณะที่เธอกำลังเปิดประตู เธอกล่าวกับหลินอวี่หยางว่า “หยางหยาง ตรงนี้ส่งต่อให้เธอเลยแล้วกัน ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”

เมื่อพูดจบ เฉินฮวนฮวนปิดปากวิ่งออกไป

เมื่อมาถึงอ่างล้างมือในห้องน้ำหญิง เฉินฮวนฮวนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ เศษอาหารของเมื่อคืนถูกอาเจียนออกมาจนหมด

เธอไม่มีความอยากอาหารอะไรเลย หลังจากผ่านเรื่องราวของหลี่เหมยมาอีกครั้ง วันนี้ทั้งวันเธออาจจะกินอะไรไม่ลงแล้ว เธอคลื่นไส้จนรู้สึกทรมาน

หลังจากอาเจียนเสร็จ เฉินฮวนฮวนเดินโซเซกลับมาที่โต๊ะอาหารที่อยู่บริเวณด้านหน้า เธอนั่งลงบนเก้าอี้ และมองเนื้อสดแต่ละจาน เธออดทนต่อความอยากอาเจียน

อย่างไร หากอาเจียนอีกรอบก็มีเพียงน้ำย่อยเท่านั้น แม้แต่เศษอาหารก็ไม่มีแล้ว

เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปกว่าสิบนาทีแล้ว เฉินฮวนฮวนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วโทรหาหลินอวี่หยาง

แม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ในร้านปิ้งย่างแห่งนี้ ทว่าเฉินฮวนฮวนไม่อยากไปห้องทำงานของผู้จัดการ เพราะว่าเธอนึกถึงเครื่องดื่มขวดนั้นเมื่อสักครู่ เธอไม่สามารถมองมันได้จริงๆ

โทรศัพท์ถูกตัดสายไปทันที ระหว่างที่เฉินฮวนฮวนกำลังงุนงง หลินอวี่หยางเดินเข้ามาแล้ว และดึงแขนของเธอไว้

“ฮวนฮวน ฉันกินปิ้งย่างของที่นี่ไม่ลงแล้ว เราเปลี่ยนที่กันเถอะ” ขณะที่พูด หลินอวี่หยางก็ลากเฉินฮวนฮวนเดินออกไปข้างนอก

หลังจากทั้งสองคนเดินออกไป ทั้งคู่สูดหายใจเข้าลึก

“แม่เจ้า ฉันคลื่นไส้จะแย่แล้ว” ใบหน้าของหลินอวี่หยางย่นเข้าหากันหมดแล้ว

“พวกเธอ…ดื่มแล้วเหรอ” เฉินฮวนฮวนถามอย่างอดไม่ได้

“ดื่มแล้ว ฉันบังคับให้ดื่มจนเกลี้ยงเลย” เมื่อหลินอวี่หยางพูดจบ เธอปิดปากตัวเองอย่างเงียบๆ

เฉินฮวนฮวนก็รีบปิดปากไว้เช่นกัน เธอกังวลว่าตัวเองจะอาเจียนอีกครั้ง

“นี่คือสิ่งที่พวกเธอสมควรได้รับ ต้องสั่งสอนแบบนี้แหละ ไม่งั้นก็ไม่รู้จักเข็ดจำ” หลินอวี่หยางกล่าวอย่างดุเดือด

เฉินฮวนฮวนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย และกล่าวว่า “หยางหยาง เธอทำได้ดีมาก คราวหน้าฉันจะเรียนรู้จากเธอ”

“อย่าเลย ฮวนฮวน ถ่มน้ำลายแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอหรอก” หลินอวี่หยางรีบโบกมือไปมา

เฉินฮวนฮวนรู้สึกขบขันทันที เธอรีบอธิบายว่า “ฉันไม่ได้บอกว่าจะเรียนเรื่องนี้ ฉันหมายถึง…ตอนลงโทษคนอื่น ต้องอย่าใจกว้างเกินไป”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันคิดว่าเธออยากเรียนสูบบุหรี่ถ่มน้ำลายจากฉันซะอีก!” หลินอวี่หยางหัวเราะออกมาเสียงดัง

“แต่พูดตามตรงนะ หยางหยาง ท่าสูบบุหรี่ของเธอเท่มากเลย แล้วก็ท่าถ่มน้ำลายท่านี้…” เฉินฮวนฮวนจงใจล้อเลียน

“ฮวนฮวน จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ทุเรศขนาดนี้นะ เมื่อก่อนฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนี้หรอก วันนี้ฉันแค่อยากประจานยัยหลี่เหมยนั่นโดยเฉพาะ ใครใช้ให้ฉันกินน้ำลายของหล่อนล่ะ!” หลินอวี่หยางอธิบายอย่างฉะฉานมีเหตุผล

“ฉันรู้” เฉินฮวนฮวนรู้อยู่แล้ว ปกติหลินอวี่หยางจะไม่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้

“เธอไม่รังเกียจฉันก็พอ” หลินอวี่หยางเกาศีรษะอย่างขัดเขิน

เฉินฮวนฮวนหัวเราะขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะกล่าวหยอกล้อ “ฉันไม่รังเกียจเธออยู่แล้ว ยังไงพวกเราก็เป็นมิตรภาพที่เชื่อมต่อกันด้วยไม้ถูพื้นห้องน้ำ~”

“อ๊า! ฮวนฮวน เธอนิสัยเสียเกินไปแล้ว! ฉันน่าสงสารขนาดนี้ เธอยังสะกิดแผลใจฉัน…” หลินอวี่หยางแสร้งทำท่าร้องไห้พลางกล่าวอย่างเสียอกเสียใจ “ฉันน่าสงสารจัง!”

“เพื่อชดเชยจิตใจอันบอบช้ำของเธอ วันนี้เธออยากเล่นอะไรกินอะไร ฉันจะอยู่กับเธอ” เฉินฮวนฮวนหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้ เธอรู้สึกว่าหลินอวี่หยางช่างดูตลกเหลือเกิน

“กิน? อย่าพูดเรื่องกินกับฉัน ตอนนี้ฉันกินอะไรไม่ลงทั้งนั้นแหละ” หลินอวี่หยางกุมหน้าอกตัวเอง และกล่าวว่า “ถึงฉันจะหิวมาก แต่ฉันต้องพักหน่อย เดี๋ยวค่อยกิน”

“โอเค ได้หมด” เฉินฮวนฮวนตอบโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเธอก็ไม่อยากกินอะไรตอนนี้เหมือนกัน

หลินอวี่หยางก้มลงมองกระโปรงที่เปื้อนคราบน้ำส้มของเฉินฮวนฮวนเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ยิ้มพร้อมกับกลอกตาไปมา และเอ่ยขึ้นทันที “ฮวนฮวน ฉันจะพาเธอไปซื้อเสื้อผ้า ตอนเย็นเราไปเที่ยวผับกัน ชุดนี้ของเธอไม่เหมาะ แถมยังสกปรกอีก ได้โอกาสเปลี่ยนชุดพอดีเลย”

“หะ? ไปผับ?” เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

หลินอวี่หยางไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอ เพียงบอกจะพาเธอออกมาเที่ยว เฉินฮวนฮวนเพียงคิดว่าเป็นการช้อปปิ้งดูหนังตามปกติ

“ใช่ กว่าการฝึกอบรมจะจบลง เราต้องสนุกกันหน่อย ฉันจะเรียกเพื่อนมาสองสามคน พวกเราไม่เมาด้วยกันไม่กลับ!” เมื่อหลินอวี่หยางกล่าวสาบานอย่างหนักแน่นจบ เธอก็ลากเฉินฮวนฮวนเดินมุ่งไปข้างหน้า

ครั้งนี้เฉินฮวนฮวนค่อนข้างสับสน เวลานี้ปฏิเสธหลินอวี่หยางก็ไม่ดี ทว่าเธอไม่ได้ชอบไปผับมากขนาดนั้น ยิ่งตอนนี้เธอแต่งงานด้วยแล้ว หากเธอไปเที่ยวสนุกในผับ เฟิงหานชวนจะโกรธไหม

หลินอวี่หยางเดินไปไม่กี่ก้าว เมื่อหันกลับมาเห็นว่าเฉินฮวนฮวนกำลังยืนเหม่อลอย เธอจึงหยุดฝีเท้าลง และถามขึ้นว่า “ฮวนฮวน เธอไม่อยากไปผับเหรอ จริงๆ แล้วผับก็ไม่ได้วุ่นวาย ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ก็แค่สถานที่ที่มีความคึกคักมีสีสันหน่อย เธอไปกับฉันนะ~~~”

ขณะที่พูด หลินอวี่หยางก็เขย่าแขนของเฉินฮวนฮวน และขอร้องให้เธอไปอย่างออดอ้อน

“หยางหยาง ฉันต้องบอกเฟิงหานชวนก่อน” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะด้วยความลังเลเล็กน้อย

หากเธอไม่บอกอะไรสักคำ แล้วไปผับกับหลินอวี่หยางเลย ดูเหมือนจะไม่รักษาจารีตประเพณีที่ผู้หญิงพึงปฏิบัติไปหน่อย

“อ่า ใช่สิ จบกันจบกัน ฉันลืมคุณอาเฟิงไปเลย แต่ว่า เราก็ไปเที่ยวที่โรงแรมพอยเซินสิ คุณอาเฟิงต้องไม่ว่าอะไรแน่ งั้นเธอก็โทรหาเขาเถอะ”

เมื่อหลินอวี่หยางเอ่ยถึงเฟิงหานชวน เธอก็กลัวแล้ว มือไม้อ่อนไปหมด เธอเอาแต่เกาศีรษะ เกาแขน แล้วก็เกาขาไปมา

“โอเค งั้นฉันจะโทรหาเขาก่อน” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าใบเล็ก

……

Rกรุ๊ป

สำนักงานชั้นบนสุด

ประกายแดดส่องผ่านหน้าต่างสูงจรดเพดาน สาดส่องลงมาในพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้ภายในห้องดูสวยงามมีชีวิตชีวา

ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้สำนักงานด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย และกล่าวอย่างราบเรียบ “พี่อยากทำยังไงก็ทำเถอะ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ น้ำเสียงกังวลดังออกมาจากโทรศัพท์ “หานชวน ตอนนี้พนักงานของอวิ๋นตวนทั้งหมดต่างพูดกันว่า หลานสาวของนายทำตัวอันธพาลเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป แถมยังบังคับให้พนักงานดื่มเสมหะอีก ทำคนอื่นแตกตื่นกันไปหมด มันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของห้างอวิ๋นตวนอย่างร้ายแรงแล้วนะ”

“พี่ใหญ่ ผมเพิ่งพูดไป พี่ฟังไม่เข้าใจหรือไง” เสียงของชายหนุ่มเย็นเยือกลงเล็กน้อย

“เข้าใจ ฉันเข้าใจทุกอย่าง ฉันรู้ว่านายรักเฉินฮวนฮวน ฉันก็ไม่ได้อะไรกับเธอหรอก แค่อยากให้นายบอกเธอหน่อย คราวหน้าเก็บอารมณ์หน่อย นี่ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ของอวิ๋นตวน แต่ยังเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตระกูลเฟิงด้วย ยังไงเธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานสาวของนาย” เฟิงเจิ้งหมิงก็นั่งคุยโทรศัพท์ในสำนักงานเช่นเดียวกัน ทว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยุ่งยากลำบากใจ ดูเหมือนจะไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่กล้าตำหนิอะไรมากนัก

เดิมทีเขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นเด็กดีคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าไม่มีพิษภัย เขาไม่รู้ว่าเพิ่งรับประทานมื้อค่ำกับครอบครัวเมื่อคืนนี้ วันต่อมาเขาก็โดนตบหน้าเสียแล้ว

แถมยังให้พนักงานคนนั้นดื่มเสมหะดื่มน้ำลายอีก เมื่อเฟิงเจิ้งหมิงมองแก้วน้ำที่อยู่ตรงหน้า เขาก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา

“งั้นพี่บอกพวกเขาก็ได้ว่า ฮวนฮวนไม่ใช่หลานสาวของผม แต่เป็นภรรยาของผมเฟิงหานชวน” ใบหน้าของเฟิงหานชวนอึมครึม น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย

“ไม่ใช่ หานชวน ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นหลานสาวของนายหรือว่าเป็นภรรยาของนาย ไม่ว่าจะเป็นหลานสาวหรือภรรยาของนาย มันแสดงถึงภาพลักษณ์ของตระกูลเฟิงทั้งนั้น นี่ตอนนี้…” เฟิงเจิ้งหมิงกำลังปวดหัวจริงๆ

นัยน์ตาของเฟิงหานชวนดำมืดลงเล็กน้อย เสียงเย็นชาของเขาแฝงไว้ด้วยคำขู่ “พี่ใหญ่ อย่าลืมว่าตอนนี้ห้างอวิ๋นตวนรุ่งเรืองได้ เป็นผลงานของใคร”

เมื่อกล่าวเช่นนี้ออกมา เฟิงเจิ้งหมิงถึงกับพูดอะไรไม่ออก

เฟิงหานชวนคร้านจะพูดอะไรมากนัก เขาวางสายลงทันที

หลังจากวางโทรศัพท์มือถือไว้ด้านข้าง เขากำลังจะอ่านเอกสาร โทรศัพท์มือถือก็สั่นอีกครั้ง

เดิมทีเขาคิดว่าเฟิงเจิ้งหมิงโทรมาอีกครั้ง เฟิงหานชวนจึงไม่อยากรับสาย ทว่าเมื่อเขาจะตัดสายทิ้ง เขากลับเห็นว่าชื่อผู้โทรเข้ามาคือ “ภรรยา”

เฟิงหานชวนรีบวางปากกาลง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วกดรับสายทันที

“อาหาน คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า” น้ำเสียงระแวดระวังของหญิงสาวดังเข้ามาจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์

“ไม่ยุ่ง มีอะไรเหรอ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเหมือนจะอ่อนโยนขึ้นมาก

“ไม่ ไม่มีอะไร ฉันแค่จะอยากบอกคุณสักหน่อย ฉัน…ฉันจะไปเที่ยวที่พอยเซินกับหยางหยางตอนเย็นได้ไหม” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะถามความเห็นจากเขา

เมื่อได้ยินภาษาอังกฤษคำนั้น ใบหน้าของเฟิงหานชวนมืดครึ้มลงทันที เขานึกถึงภาพที่เฉินฮวนฮวนเต้นในโรงแรมพอยเซินวันนั้นทันที

ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทางคลั่งไคล้ผู้ชายที่อยู่ด้านล่างเวทีเหล่านั้น ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก

“ไม่ได้” เฟิงหานชวนแทบไม่ได้คิด เขาปฏิเสธทันที และกล่าวกำชับว่า “ไปช้อปปิ้งตอนกลางวันได้ แต่ตอนเย็นกลับเร็วหน่อย”

เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนก็แสดงท่าทีผิดหวัง

เมื่อหลินอวี่หยางเห็น เธอถามเฉินฮวนฮวนแบบไม่ออกเสียง “คุณอาเฟิงของเธอไม่อนุญาต?”

เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

“ทำไมคุณอาเฟิงทำแบบนี้! เธอไม่ใช่ทั้งเด็ก ไม่ใช่ทั้งลูกสาวของเขา ทำไมออกไปเที่ยวผับไม่ได้” หลินอวี่หยางกังวล เธอจงใจกล่าวอย่างมีเจตนาแอบแฝงอยู่ข้างๆ “อีกอย่าง เขาไม่ยอมให้เธอไปเที่ยวผับ เพราะเขาไม่เชื่อใจเธอ”

เฉินฮวนฮวน: "……"

ผู้จัดการ: "……"

หลี่เหมย: "……"

หลินอวี่หยางรีบพุ่งไปหน้าอ่างล้างมือ จากนั้นจึงมีเสียงอ้วกดังขึ้น

"แหวะ……"

เสียงนั้น เสียงดังสนั่น เหมือนจะอ้วกทุกอย่างในร่างกายออกมา

เฉินฮวนฮวนรีบตั้งสติ แล้วเดินไปข้างหลังหลินอวี่หยาง ช่วยเธอลูบหลัง แล้วรีบถามอย่างใจร้อน "หยางหยาง เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?"

"อ๊ายยยยย!" หลินอวี่หยางเช็ดปาก แล้วเอาแต่จิกผมตัวเอง

พอตั้งสติได้ เธอจึงพุ่งไปหน้าหลี่เหมย แล้วจับคอเสื้อหลี่เหมย ใช้ดวงตาที่แดงเพราะเพิ่งอ้วกเมื่อกี้จ้องหลี่เหมยไว้

หลี่เหมยตกใจ จนยืนอึ้งอยู่กับที่

เสียงดัง"เพี๊ยะ" ส่งเสียงดังสนั่นอีกครั้ง

มือข้างหนึ่งของหลินอวี่หยางจับคอเสื้อหลี่เหมยไว้ อีกข้างก็ตบหน้าเธอแรงๆ ผ่านไปไม่กี่วินาที หน้าของหลี่เหมยก็เริ่มบวมแดง

หลินอวี่หยางไม่สะใจ จึงเปลี่ยนมืออีกข้างจับเสื้อ แล้วตบหน้าเธออีกครั้ง หน้าทั้งสองข้างของหลี่เหมยโดนตบจนครบ

หลี่เหมยแค่รู้สึกว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว หน้าก็บวมแดงทั้งสองข้าง วินาทีที่หลินอวี่หยางปล่อยคอเสื้อเธอ หลี่เหมยจึงเดินเซถอยหลัง สุดท้ายก็ล้มลงไปกับพื้น

ตอนนี้หลินอวี่หยางโมโหมาก โกรธจนจะเป็นบ้า แต่พอเห็นสีหน้าที่ตกใจของเฉินฮวนฮวน สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปเป็นความน้อยใจทันที

จากนั้นจึงวิ่งไปหาเฉินฮวนฮวน จับแขนเธอไว้แล้วร้องไห้เอ่ยว่า "ฮวนฮวน ความจริงฉันไม่ได้ชอบใช้กำลังขนาดนี้ แต่ผู้หญิงคนนั้นทำเกินไป มัน……มันถุยน้ำลายลงในแก้วน้ำส้มเธอ แล้วยังให้ฉันกินอีก……"

พอพูดประโยคสุดท้าย หลินอวี่หยางจึงคลื่นไส้อีกครั้ง

ผู้จัดการที่ยืนอยู่ข้าง เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ตาเขาเอาแต่กะพริบ มองหลินอวี่หยาง แล้วมีแต่คำถาม

จากที่เขาดูมาผู้หญิงผมสั้นคนนี้ เหมือนเป็นคนสองบุคลิก

เฉินฮวนฮวนเบิกตาโต แล้วกะพริบตาไปหลายครั้งเหมือนกัน เธอมองหลินอวี่หยาง ยังไม่ทันได้พูดอะไร หลินอวี่หยางก็ร้องไห้ก่อน

"ฮือฮือฮือ ฮวนฮวน เธออย่ารังเกียจฉัน ฉันไม่ได้จงใจจะใช้ความรุนแรง เธอรู้สึกว่าฉันร้ายมากเลยใช่ไหม? ถ้าเธอไม่อนุญาตให้ฉันตบคนอื่น ต่อไปฉันจะไม่ตบอีก ถ้าเธอรังเกียจฉัน เธอก็ใช้ไม้ถูพื้นตีฉันเลย……"

พูดไปด้วย หลินอวี่หยางก็หันมองรอบๆ เห็นที่มุมห้องน้ำมีไม้ถูพื้น เธอจึงรีบพุ่งไป แล้วเอาไม้ถูพื้นมายื่นให้เฉินฮวนฮวน ท่าทางรู้สึกผิดมาก

เฉินฮวนฮวนดึงสติกลับมา อดขำไม่ได้ เธอพูดว่า "หยางหยาง ทำไมเธอต้องน่ารักขนาดนี้ด้วย?"

"น่ารัก? ฮวนฮวน เธอบอกว่าฉันน่ารักเหรอ?" หน้าหลินอวี่หยางแดงทันที ท่าทางความดุร้ายเหมือนสุนัขตำรวจ กลายมาเป็นสุนัขปอมเมอเรเนี่ยนที่น่ารักทันที

"ไม่สิ ไม่ควรพูดว่าเธอน่ารัก ควรพูดว่าเธอ……เท่มาก!" เฉินฮวนฮวนยกนิ้วโป้งให้ แล้วพูดชม

"เท่มาก?" ตาหลินอวี่หยางเป็นประกาย

"อื้อ" เฉินฮวนฮวนพยักหน้า เลียนแบบท่าทางที่หลินอวี่หยางตบคน แล้วพูดว่า "แบบนี้ ทำได้ดีมาก!"

"เพราะฉะนั้น ฮวนฮวนเธอไม่คิดว่าฉันเป็นคนหัวรุนแรง?" หลินอวี่หยางกังวลว่าจะโดนเธอรังเกียจ ความจริงก่อนหน้านั้นเธอเอาแต่ใจมาก

"ไม่เลย อีกอย่าง เป็นเพราะฉัน เธอถึง……โดนรังแก" เฉินฮวนฮวนไม่อยากพูดเรื่องขยะแขยงนั้น เดี๋ยวหลินอวี่หยางจะคลื่นไส้กว่าเดิม

เพราะฉะนั้น เธอเลยใช้คำว่าโดนรังแกแทน

"ฮวนฮวน ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่อยากให้เธอโดนรังแกมากกว่า ยังดีที่ฉันเป็นคนดื่ม ถ้าเธอดื่ม ฉันต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ" หลินอวี่หยางกางแขนออก แล้วกอดเฉินฮวนฮวนไว้

ความจริงหลินอวี่หยางเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แค่รู้สึกว่าตอนนี้ตัวติดเฉินฮวนฮวนมาก

"หยางหยาง เธอเป็นขนาดนี้แล้ว ยังคิดแทนฉันอีก" เฉินฮวนฮวนรู้สึกแสบตา

เธอปล่อยหลินอวี่หยางออก มองไปทางหลี่เหมยที่ลุกขึ้นยืนแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่เหมย หลินอวี่หยางก็คงไม่ต้องกินน้ำส้มที่สกปรกแบบนั้น

อีกอย่าง หลี่เหมยทำแบบนี้ เป็นเรื่องที่อำมหิตมาก ไม่มีจิตสำนึกเลย ไม่แน่ก่อนหน้านั้นอาจจะเคยทำกับคนอื่นเหมือนกัน

"หลี่เหมย ตอนนี้ฉันจะให้เธอ ขอโทษฉัน กับเพื่อนฉันด้วย" น้ำเสียงเฉินฮวนฮวนเย็นชา สีหน้าเข้มงวดมาก

หลี่เหมยกลัวจนตัวสั่น ผู้จัดการก็เหมือนกัน

หลี่เหมยก็ต้องกลัวเฉินฮวนฮวนอยู่แล้ว แล้วผู้จัดการก็กลัวว่าเธอจะบอกเรื่องนี้กับเฟิงหานชวน เขากลัวคุณชายสาม

"ขอโทษค่ะ คุณหนูเฉิน ขอโทษจริงๆนะคะ ฉันแค่วู่วามแล้วทำเรื่องแบบนั้นลงไป ขอให้คุณให้อภัยฉันด้วยค่ะ อีกหน่อยฉันจะไม่ทำอีก ฉันยอมเป็นทาสรับใช้คุณเพื่อชดใช้ให้คุณ……" ถึงแม้ในใจหลี่เหมยไม่ยอม แล้วโกรธมาก แต่เพื่อความอยู่รอด เธอจึงต้องก้มหน้าขอโทษเฉินฮวนฮวน

พอขอโทษเฉินฮวนฮวนเสร็จ เธอก็รีบไปคุกเข่าต่อหน้าหลินหวี่หยาง แล้วพูดอย่างรีบร้อนใจว่า "คุณหนูคะ คุณตบฉันอีกก็ได้ค่ะ ตบจนกว่าคุณจะพอใจ ฉันไม่รู้จริงๆว่าคุณดื่มน้ำส้มแก้วนั้น ฉันขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะ!"

"คุณหนูเฉินครับ ในเมื่อหลี่เหมยขอโทษพวกคุณแล้ว เห็นแก่หน้าผม อย่าบอกเรื่องนี้กับคุณชายสามได้ไหมครับ?" ผู้จัดการเดินมาหาอย่างระมัดระวัง แล้วเอ่ยพูดอย่างระมัดระวัง

"เห็นแก่หน้าแก? หนังหน้าแกมีประโยชน์อะไร!" หลินอวี่หยางจับคอเสื้อเขาไว้ แล้วชี้ตัวเองพูดว่า "แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร? ฉันมาที่ร้านพวกแกแล้วได้กินน้ำลาย พวกแกจะชดใช้ฉันยังไง?"

ผู้จัดการกลัวมาก แล้วพูดติดๆขัดว่า "คุณ……คุณเป็นใครครับ?"

"ฉัน? ทายาทหลินซื่อกรุ๊ป!" ตอนที่หลินอวี่หยางพูดประโยคนี้ น้ำเสียงดุดันมาก หนักแน่นมาก

"หา……" ผู้จัดการล้มลงไปนั่งกับพื้น เขาตบขาตัวเอง แล้วร้องไห้ออกมา "คุณหนู คุณหนูทั้งสองคน เวรกรรม เวรกรรมอะไรเนี่ย……"

เห็นท่าทางที่น่าสงสารของผู้จัดการ เฉินฮวนฮวนเลยเดินไปหาหลินอวี่หยาง เอ่ยถามว่า "หยางหยาง เธอคิดจะจัดการยังไง?"

เมื่อก่อนเธอเมตตาเกินไป แล้วครั้งก่อนใจกว้างกับอันฉี เลยเกิดเรื่องวันนี้ เลยทำให้หลินหวี่หยางโดนรังแกแบบนี้

"ก็ต้อง……ตาต่อตา ฟันต่อฟันสิ" สีหน้าหลินอวี่หยางดุมาก

"ตาต่อตา ฟันต่อฟัน?" เฉินฮวนฮวนทำหน้างง

หลินอวี่หยางชี้หลี่เหมย แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "ให้มันกินน้ำลายฉันด้วย! แล้วก็หักเงินเดือนไล่ออก แค่นี้แหละ"

"ไม่! ไม่ ฉันไม่กินน้ำลาย……" หลี่เหมยส่ายหน้าสุดชีวิตด้วยสีหน้าหวาดกลัว เธอลุกขึ้น แล้วพุ่งไปที่ห้องน้ำเหมือนคนบ้า

ทีแรกผู้จัดการโล่งอกไปแล้ว เพราะคุณหนูบอกวิธีจัดการเรื่องนี้แล้ว แต่หลี่เหมยกลับหนีไปก่อน

"ใครก็ได้ ไปจับตัวหลี่เหมยกลับมา! จับตัวไปที่ห้องทำงานผม!" ผู้จัดการตะโกนออกไปข้างนอก "เทน้ำส้มมาแก้วหนึ่งด้วย"

ห้านาทีหลังจากนั้น

ในห้องทำงานแคบๆของผู้จัดการ หลี่เหมยโดนพนักงานสองคนจับตัวไว้

เฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยางนั่งอยู่บนโซฟา แล้วผู้จัดการยืนอย่างเคารพอยู่ข้างๆ

"คุณหนูทั้งสองคนครับ ผมจะให้หลี่เหมยดื่มน้ำส้มเดี๋ยวนี้เลยครับ" ผู้จัดการยกน้ำส้มขึ้นมา แล้วเหมือนนึกอะไรได้ จึงรีบยกน้ำส้มไปตรงหน้าหลินอวี่หยาง แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "คุณหนูหลินครับ เชิญคายน้ำลายครับ"

เฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยางรู้สึกขยะแขยง

"มีบุหรี่หรือเปล่า?" หลินอวี่หยางเลิกคิ้วขึ้น

"มีครับ มีครับ" ผู้จัดการรีบพยักหน้า วางน้ำส้มลงก่อน แล้วรีบหยิบบุหรี่หนึ่งม้วนมา แล้วจุดให้หลินอวี่หยาง

หลินอวี่หยางสูดเข้าไป แล้วพ่นควันออกมา ยิ้มเอ่ยอย่างมีเลศนัยว่า "ฉันเป็นคนที่แยกแยะทุกอย่างได้ชัดเจน มีความแค้นก็ต้องแก้แค้น ในเมื่อกล้าหาเรื่องฉัน หาเรื่องเพื่อนฉัน งั้นก็ต้องรับโทษ"

"หยางหยาง สูบบุหรี่ไม่ดีต่อร่างกาย" เฉินฮวนฮวนพูดแทรกความเข้มขรึมของเธอ

หลินอวี่หยางโป๊ะแตก แล้วเกาหัวแก้เก้อ "ฮวนฮวน นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก……"

"ประเด็นหลักคือ……ถุยน้ำลาย" เฉินฮวนฮวนจงใจพูดแบบนี้ เพราะเธออยากให้เรื่องนี้รีบๆจบ

เพราะว่า เอาแต่มองหลี่เหมย จนตัวเธอก็เริ่มไม่โอเค

"ฉันอยากสูบบุหรี่ก่อนค่อยถุย อาจจะมีเสมหะก็ได้" หลินอวี่หยางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

เฉินฮวนฮวนคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้ รู้สึกคลื่นไส้ เกือบจะอ้วกแล้ว

"ฮวนฮวน ใจเย็นๆ ใจเย็นๆนะ เราไม่ใช่คนดื่มสักหน่อย" หลินอวี่หยางรีบตบหลังเธอ

พอได้ยินสิ่งที่หลินอวี่หยางพูด หลี่เหมยจึงเบิกตาโตอย่างตกใจ พอตั้งสติได้แล้ว เลยเอาแต่กรีดร้องจะไปจากที่นี่

"ปล่อยฉัน อ๊าย……ปล่อยฉันไป……" เธอเอาแต่ดิ้นรน แล้วร้องเสียงดัง "พวกแกมันปีศาจร้ายกาจ ขยะแขยงมาก รีบปล่อยฉันไป……"

"ขยะแขยง?" เฉินฮวนฮวนลุกขึ้น เดินไปตรงหน้าหลี่เหมย แล้วจับคางหลี่เหมยไว้ "ตอนที่เธอถุยน้ำลายใส่น้ำส้มของฉัน ไม่รู้สึกขยะแขยงเหรอ? ทำไม ตอนนี้รู้สึกขยะแขยงแล้ว?"

"ฉัน……" หลี่เหมยโดนเฉินฮวนฮวนตอกกลับ จึงพูดอะไรไม่ออก

หลินอวี่หยางยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วพูดว่า "หลี่เหมย จะโทษก็โทษที่แกหาเรื่องฉัน แกไว้ใจได้ เดี๋ยวฉันไม่ให้แกอยู่เป็นสุขแน่"

"อย่า อย่าทำกับฉันแบบนี้ พวกแกจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่อย่าให้ฉันกิน……" หลี่เหมยกลัวจนร้องไห้ จากนั้นจึงมีเสียงน้ำไหล

พอเฉินฮวนฮวนก้มหน้าดู เห็นว่ากางเกงหลี่เหมยเปียก แล้วยังมีของเหลวไหลที่พื้น เธอจึงรีบถอยหลังมา

หลี่เหมยกลัวจนฉี่ราดกางเกง

"ใช่สิหยางหยาง ฉันอยากจะขอร้องอะไรเธอ" เฉินฮวนฮวนหันเดินกลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม

หลินอวี่หยางที่อยู่ข้างๆถามอย่างสงสัย "เรื่องอะไรเหรอ? เธอมีเรื่องให้ฉันทำ ยังต้องเกรงใจขนาดนี้อีก?"

"หลี่เหมยมีเพื่อนคนหนึ่งชื่ออันฉี ก็หาเรื่องฉันเหมือนกัน ตอนนี้น่าจะกำลังไปสัมภาษณ์งานที่เคาน์เตอร์ชาแนล เธอให้คนไปรับเขามาด้วย มารับบทลงโทษพร้อมกับหลี่เหมย" แววตาเฉินฮวนฮวนมืดมน

ครั้งก่อนปล่อยอันฉีไปง่ายๆแบบนั้น ไม่คิดเลยว่าอันฉีไม่กลับตัวกลับใจ ยังแอบใช้ตุ๊กตาสาบแช่งเธออีก ครั้งนี้เธอไม่ปล่อยอันฉีไปแน่

"ได้ ไม่มีปัญหา ฉันจะให้คนไปเอาตัวอันฉีมาให้เธอเดี๋ยวนี้เลย! หลินอวี่หยางรับประกัน แล้วรีบโทรหาบอดี้การ์ดในบ้าน

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น

อันฉีกับหลี่เหมยโดนจับตัวไว้ แล้วคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยาง

อันฉีมองตาขวางใส่หลี่เหมย แล้วหันไปร้องไห้กับเฉินฮวนฮวน "คุณหนูเฉินคะ ทั้งหมดหลี่เหมยเป็นคนคิดเอง ไม่เกี่ยวกับฉันนะคะ ไม่รู้ว่าที่คุณให้คนพาฉันมา มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?"

ความจริงตอนนี้อันฉีทำหน้างง เธอโดนพาตัวมาที่นี่ แต่ไม่รู้เลยว่าเฉินฮวนฮวนคิดจะทำอะไรกับตัวเอง

"ฮ่าฮ่าฮ่า……" หลี่เหมยหัวเราะเหมือนคนบ้า แล้วพูดอย่างสิ้นหวังว่า "อันฉีนะอันฉี ฉันคิดว่าแกเป็นเพื่อนรัก แล้วแก้แค้นแทนแก จนฉันตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันช่างน่าสงสารจริงๆ!"

"แกน่าสงสาร? ถ้าไม่ใช่เพราะแกอิจฉาคุณหนูเฉิน แล้วทำเรื่องขยะแขยงแบบนี้ เลยลามมาถึงฉันเหรอ? ทีแรกฉันจะได้เข้าเคาน์เตอร์ชาแนลอยู่แล้ว ตอนนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ ฉันนี่สิที่น่าสงสาร ฉันน่าสงสารมาก ทำไมฉันต้องมีเพื่อนแบบแกด้วย?"

อันฉีรู้สึกว่าเธออยู่เงียบๆ แต่กลับมีภัยหล่นมาที่หัวตัวเอง ที่ซวยตอนนี้ ก็เพราะหลี่เหมย

เห็นพวกเธอผลักไสกัน เฉินฮวนฮวนจึงรู้สึกตลก ตลกจนอยากหัวเราะ หัวเราะเยาะเย้ยพวกเธอ

"แค่ก แค่ก!" พอหลินอวี่หยางเห็น จึงหลุดขำออกมา แล้วเริ่มรู้สึกในลำคอ

เธอรีบเอาแก้น้ำส้มมา แล้วถุยเสมหะลงไป

คนทั้งห้องทำงานอึ้ง รวมถึงพนักงานสี่คน ผู้จัดการ บอดี้การ์ดตระกูลหลิน กับเฉินฮวนฮวนด้วย

แน่นอน หลี่เหมยไม่ใช่แค่อึ้ง แล้วรู้สึกตามัว เกือบจะล้มลงไปที่พื้น แต่โดนพนักงานจับตัวไว้ก่อน

แต่อันฉีกลับไม่เข้าใจ แค่รู้สึกว่าขยะแขยง แค่คิดว่าหลินอวี่หยางสูบบุหรี่แล้วถุยเสมหะ

หลินอวี่หยางยกแก้วน้ำส้ม แล้วยื่นไปหาเฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนจึงรีบหลบ ให้ตัวเองออกห่างจากน้ำส้มแก้วนั้น

นี่เป็นน้ำส้มที่มีสิ่งปนเปื้อน ถึงแม้จะเป็นเสมหะของหลินอวี่หยาง แต่เธอก็ทนดูไม่ได้

"ฮวนฮวน เธอรังเกียจฉัน" หลินอวี่หยางเม้มปาก แล้วพูดอย่างน้อยใจ

"เปล่า ฉันเปล่า ก็แค่……รู้สึกขยะแขยง" เฉินฮวนฮวนรีบหันมองไปทางอื่น

"ฮวนฮวน ฉันไม่ได้ให้เธอดูเสมหะของฉัน ฉันให้เธอถุยน้ำลาย" หลินอวี่หยางรีบเอ่ย

"ฮะ?" เฉินฮวนฮวนหันไปอย่างตกใจ ที่แท้ให้เธอเข้าร่วมด้วย

เฉินฮวนฮวนมองผู้หญิงอำมหิตสองคนตรงหน้า คนอื่นไม่หาเรื่อง ตัวเองก็จะไม่ยุ่งด้วย แต่ถ้ามาหาเรื่อง งั้น……ตัวเองก็ต้องทำกลับ

"ได้ ฉันถุย" เฉินฮวนฮวนตอบตกลง แล้วทำตาม

หลินอวี่หยางถือน้ำส้มไว้ แล้วใช้หลอดคน จากนั้นเดินไปหาผู้จัดการ แล้วยื่นไปที่ปากเขา

ผู้จัดการตกใจจนขาอ่อน "คุณหนู ปล่อยผมไปเถอะครับ ผมไม่ได้ทำอะไร ทำไมคุณต้องให้ผมดื่ม……"

"ลุกขึ้น ใครให้แกกิน?" หลินอวี่หยางมองบน แล้วเอ่ยว่า "มา ถุยน้ำลายเข้ามา"

"หา?" ผู้จัดการงง แต่ก็รีบตั้งสติ แล้วทำตาม

หลังจากนั้น หลินอวี่หยางก็ให้ถุยน้ำลายทีละคน นอกจากอันฉีกับหลี่เหมย น้ำลายของคนอื่นๆอยู่ในแก้วน้ำส้มหมดเลย

หลินอวี่หยางคนอย่างสนุกสนาน จากนั้นจึงนำแก้วน้ำส้มที่เต็มแก้วนี้ ไปให้อันฉีกับหลี่เหมย

“เธอเดาว่าฉันช่วยเธอแก้แค้นยังไง? ฉันจงใจทำน้ำส้มหกลงบนกระโปรงของหล่อน ทำให้หล่อนเปื้อนไปทั้งตัว แล้วให้หล่อนยกน้ำส้มแก้วใหม่ แต่น้ำส้มแก้วใหม่ถูกฉันถุยน้ำลาย ฮ่าๆ…”

หลี่เหมยหัวเราะสะใจ หันหลังเดินถึงด้านในห้องข้างๆ และเป็นตำแหน่งที่เฉินฮวนฮวนอยู่พอดี

เธอได้ยินอย่างชัดเจน รู้สึกในกระเพาะปั่นป่วน ขยะแขยงจนอยากอ้วกแล้ว

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนดีใจมาก ดีใจเมื่อกี้ตัวเองไม่อยากดื่มน้ำส้ม ไม่งั้นก็ดื่มน้ำลาย

และเธอคิดไม่ถึงเลย หลี่เหมยเป็นเพื่อนของอันฉี อีกทั้งยังคิดแก้แค้นให้อันฉี

“เป็นยังไง? มีความสุขละสิ เธอสอบสัมภาษณ์พนักงานเคาน์เตอร์ชาเนลผ่าน ต้องใช้บัตรส่วนลดพนักงานซื้อของขวัญให้ฉัน ในเมื่อฉันแก้แค้นให้เธอได้แล้วนะ” หลี่เหมยพูดด้วยความภาคภูมิใจ เห็นชัดว่าสนิทกับอันฉี ไม่มีความเกรงใจเลย

“ดูเธอหัวเราะเสียงดังขนาดนี้ ตอนนี้เธออยู่บนรถโดยสาร หรืออยู่ที่ไหนกัน? ระวังภาพลักษณ์หน่อย

จะหัวเราะกลับไปหัวเราะ” หลี่เหมยยังพูดกำชับคนในสาย

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้ยินเสียงของอันฉี แต่จากคำพูดของหลี่เหมย เธอก็รู้ตอนนี้อันฉีมีความสุขมาก

ตอนนั้นท่าทีของอันฉีเลวร้ายมาก เฟิงหานชวนถึงขนาดอยากดับอนาคตเธอ เป็นตัวเองรู้สึกว่าไล่เธอออกก็พอ ตักเตือนเธอก็พอ เธอยังไปทำงานที่อื่นได้ เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

แต่ตอนนี้ อันฉีไม่รู้จักสำนึกเลย ยังร่วมกันทำชั่วกับหลี่เหมย โดยเฉพาะหลี่เหมย คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีการน่ารังเกียจแบบนั้น

เฉินฮวนฮวนก้มมองกระโปรงที่เปื้อนน้ำส้มของตัวเอง ในใจโมโหขึ้น เปิดประตูห้องตัวเองออก แล้วยืนอยู่หน้าห้องหลี่เหมย

หลี่เหมยยังคุยสนุกกับอันฉี ในตอนที่เธอหัวเราะเสียงดัง ประตูห้องตัวเองถูกพังกะทันหัน เฉินฮวนฮวนก็ยืนอยู่หน้าตัวเอง

และเธอเอง นั่งอยู่บนชักโครก คนทั้งคนนิ่งอึ้งไปทันที

“หลี่เหมย จู่ ๆ ทำไมเธอถึงเงียบไป? เธอถูกเรียกไปทำงานเหรอ? เดี๋ยวตอนเธอเสิร์ฟอาหารให้

เฉินฮวนฮวน จำไว้ว่าต้องถุยน้ำลายใส่มากหน่อย”

และไม่รู้เป็นเพราะตกใจ นิ้วของหลี่เหมยลื่นไปกดโดนลำโพง เสียงของอันฉีถูกขยายดังหลายเท่า

ทุกคำชัดเจน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะใจ

“หลี่เหมย หายไปไหน? เธอไม่ได้วางสาย ทำไมจู่ ๆ ไม่พูดล่ะ? ” ตอนนี้อันฉีกำลังเบื่อพอดี ได้ยินเรื่องเฉินฮวนฮวนดื่มน้ำลาย มีความสุขมาก

หลี่เหมยยังคงนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ไม่รู้จะทำยังไงดี ก็เหมือนแข็งตัว เธอไม่คิดว่าวิธีการของตัวเอง จะถูก

เฉินฮวนฮวนรู้

เฉินฮวนฮวนมองผู้หญิงที่นิ่งอยู่ตรงหน้า แล้วยื่นมือแย่งมือถือในมือของหลี่เหมย วางไว้ข้างปาก หัวเราะเยาะออกมา

เพราะเป็นแค่เสียงหัวเราะเยาะ อันฉีนึกว่าเป็นหลี่เหมย เลยถามอย่างใจร้อน “เธอหัวเราะอะไร? น้ำส้มแก้วนั้นเฉินฮวนฮวนดื่มไปแล้วใช่ไหม?”

หลี่เหมยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

ในห้องน้ำผู้หญิงที่เงียบสงบ เงียบวังเวงไปหลายวินาที

ตามมาด้วย เสียงเรียบๆดังขึ้น “อันฉี เสียใจด้วย น้ำส้มแก้วนั้นฉันยังไม่ได้ดื่มสักคำ”

ชั่วพริบตา อีกคนก็เงียบไป

ถึงตอนนี้หน้าของหลี่เหมยยังคงตกใจ อันฉีก็ไม่กล้าพูดอีกคน จู่ ๆ เฉินฮวนฮวนรู้สึกน่าเบื่อนิดๆ

ไม่สนุกสักนิดเดียว

ตอนที่เฉินฮวนฮวนคิดอยากจะวางสาย เสียงร้อนใจของอันฉีดังขึ้น

“คุณเฉิน เป็นหลี่เหมย หลี่เหมยเป็นคนทำทั้งหมด เธอเป็นคนคิด ฉันไม่ได้ทำ เป็นเธอถุยน้ำลายใส่คุณ ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน…”

เดิมทีเฉินฮวนฮวนเห็นพวกเธอต่างก็อึ้งไป และไม่มีความคิดจะสั่งสอน อย่างไรก็ตามตัวเองก็ไม่ได้ดื่มน้ำส้มนั้น เพียงแค่คลื่นไส้ ไม่อยากกินอาหาร

แต่อันฉีไม่เพียงไม่สำนึก แม้แต่ขอโทษก็ไม่มี กลับยังโยนความรับผิดชอบไปที่ตัวหลี่เหมยทั้งหมด

“อันฉี! ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ ฉันจะทำเรื่องนี้ไหม? ฉันดีกับเธอขนาดนี้ เรื่องมาถึงตัวแล้ว ไม่นึกว่าเธอจะโยนทุกอย่างมาที่ฉัน เมื่อกี้ใครบอกให้ฉันไปถุยน้ำลายในอาหารของคุณเฉิน?”

“หลี่เหมย ก่อนหน้านี้ฉันอะไรก็ไม่ได้พูด เธอกลับคิดเองทำเอง ทำอย่างนั้นกับคุณเฉิน เธอแค้นคนรวยอยู่แล้ว อิจฉาที่คุณเฉินเป็นญาติของตระกูลเฟิงผู้มีอำนาจ เดิมทีเธอก็ไม่ได้ทำเพื่อฉัน ปกติเธอก็ชอบอิจฉาคน เธอจงใจ!”

“ดีจังนะเธอ อันฉีนะอันฉี ไม่คิดว่าเธอกล้าให้ร้ายฉัน งั้นฉันก็บอกคุณเฉิน วันนั้นหลังจากเธอถูกไล่ออก กลับไปยังแทงตุ๊กตาสาปแช่งคุณเฉิน บอกว่าคุณเฉินไม่ตายดีแน่ ภายหลังคลอดลูกไม่ได้… ”

“หลี่เหมย เธอหยุดพูด เธอรีบหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ฉันเกลียดเธอจริงๆ เธอรีบหยุดพูด…”

แต่เดิมคนสองคนที่สนิทกัน เพราะเรื่องถูกเฉินฮวนฮวนจับได้ ต่างให้ร้ายกันมากมายในสาย

คำพูดอะไรก็พูดออกมาหมด

เฉินฮวนฮวนได้ยินพวกเธอด่ากันและกัน ไม่เพียงไม่โกรธ กลับรู้สึกน่าขำ

เห็นรอยยิ้มของเฉินฮวนฮวน หลี่เหมยลนลานทันที เธอกังวลว่าตัวเองจะกวนโมโหเฉินฮวนฮวน แม้แต่กางเกงก็ลืมดึง คุกเข่าลงไปหน้าเฉินฮวนฮวนตรงๆ

“คุณเฉิน ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้กับคุณจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันเห็นอันฉีเป็นเพื่อนสนิท อยากช่วยเธอแก้แค้น แต่ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ ฉันเสียใจทีหลังที่ทำแบบนั้น ขอคุณเฉินยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันเต็มใจเป็นวัวเป็นม้าให้คุณเฉิน…”หลี่เหมยร้องไห้ไปพลาง ขอร้องไปพลาง

เสียงดังในห้องน้ำ ดึงดูดความสนใจของพนักงานข้างนอก มีคนเข้ามาดูๆ แล้วตกใจหันหลังแล้ววิ่งหนี

ไม่นาน ผู้จัดการก็รีบเข้ามา เห็นหลี่เหมยยังไม่ได้สวมกางเกงให้เรียบร้อย ก็คุกเข่าบนพื้นอย่างนั้น น้ำมูกน้ำตาไหล่ไม่หยุด ใบหน้าตกใจจนเขียวแล้ว

“หลี่เหมย เธอทำอะไรกันแน่?” ผู้จัดการเป็นผู้ชายหัวล้านพุงปล่องวัยกลางคน แต่เสียงกลับแหลมเล็กนิดๆ เสียงตะโกนทำให้คนฟังรู้สึกแย่

“ผู้ ผู้จัดการ ช่วยฉัน ช่วยฉันหน่อย…”หลี่เหมยเกาะไปที่ขาของผู้จัดการ เกาะขาของเขา เล่าเรื่องทั้งหมดเมื่อกี้ไปหนึ่งรอบ

ผู้จัดการได้ยิน ผู้หญิงน่ารักมีเสน่ห์ตรงหน้า คิดไม่ถึงที่แท้ก็คือญาติของตระกูลเฟิงผู้มีอำนาจคนนั้น

คุณเฉินที่ถูกวีวี่รังแกคนนั้น ว่ากันว่าคุณชายสามตระกูลเฟิงช่วยเธอไล่อันฉี ยังสั่งสอนลูกค้าอีกคน

แม้ว่าครั้งก่อนเขาไม่ได้เห็นหน้าจริงๆของเฉินฮวนฮวน แต่เรื่องนี้พนักงานห้างอวิ๋นตวน ต่างรู้กันหมด แพร่กระจายไปทั่ว บอกว่าคุณชายสามตระกูลเฟิงยังมีหลานสาวคนหนึ่ง คุณชายสามตระกูลเฟิงรักมาก

ตอนนี้เขาไม่คิดเลย หลี่เหมยลูกน้องของตัวเอง กลับขัดใจคุณเฉินคนนี้

ผู้จัดการรีบโค้งคำนับเฉินฮวนฮวนหนึ่งครั้ง เช็ดเหงื่อที่หน้าผาก พูดด้วยสีหน้าอึดอัดใจ “คุณเฉิน เรื่องที่หลี่เหมยทำ ไม่เกี่ยวข้องกับร้านของเราจริงๆ เรากำกับดูแลได้ไม่ดี ทำให้พนักงานทำเรื่องแบบนี้”

“ตอนนี้ผมไล่หลี่เหมยออก พร้อมหักเงินเดือนเธอ หลังจากนี้จะกำกับดูแลและอบรมพนักงานมากขึ้น คุณเห็นว่าใช้ได้ไหม?” ผู้จัดการเอ่ยขอร้องเฉินฮวนฮวน

“ผู้จัดการ คุณอย่าหักเงินเดือนฉัน ไม่งั้นค่าเช่าบ้านเดือนหน้าฉันคงไม่มีจ่าย ขอร้องคุณช่วยฉันเถอะ”

หลี่เหมยดึงขาของผู้จัดการไม่หยุด

ในใจผู้จัดการโมโหแทบตาย เห็นหลี่เหมยยังไม่เจียมตัว โมโหจนเตะเธอหนึ่งที หลี่เหมยร้องเสียงดัง ล้มอยู่ข้างๆ

เฉินฮวนฮวนเห็นภาพนี้ ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

เห็นเฉินฮวนฮวนขมวดคิ้ว ผู้จัดการยิ่งเครียดขึ้น เขารีบถาม “คุณเฉิน ค่าเสียหายทางจิตใจทางร้านเราชดเชยให้คุณ คุณเรียกราคามาต้องการเท่าไหร่? พวกเราแค่หวัง คุณจะไม่บอกคุณชายสามตระกูลเฟิง…คุณวางใจ หลังจากนี้คุณสามารถมากำกับดูแลได้ตลอดเวลา พวกเราจะเพิ่มการอบรมพนักงานแน่นอน ไม่มีวันมีพนักงานไร้คุณภาพแบบนี้อีกแล้ว ”

“ฉันไม่ต้องการเงิน” เดิมเฉินฮวนฮวนไม่ได้คิดถึงด้านนี้

ตอนนี้ ผู้จัดการยิ่งตึงเครียด เสียงดัง“ตุบ” ก็คุกเข่าลง พูดด้วยความตื่นตัว “คุณเฉิน ขอร้องคุณจริงๆ เรื่องนี้ห้ามบอกคุณชายสามตระกูลเฟิงเด็ดขาด ไม่งั้นร้านปิ้งย่างของเราคงถูกห้างถอดออก ขอร้องคุณจริงๆ หากปิดร้าน พนักงานในร้านมากมาย ก็ตกงานกันหมด…”

“ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นมั้ง? ฉันไม่ได้ให้พวกคุณปิดร้าน” ตอนนี้เฉินฮวนฮวนมึนงงนิดๆ

ตอนนี้เธอโดนพนักงานคนหนึ่งรังแก เพียงแค่อยากสั่งสอนพวกเธอหน่อย ผลคือผู้จัดการร้านนี้เข้ามา บอกจะจัดการแบบนี้ บอกจะจัดการแบบนั้น แล้วยังขอร้องเธออย่าทำทุกคนตกงาน…

“คุณเฉิน คุณเป็นคนมีน้ำใจ ขอได้โปรดเข้าใจ…” ผู้จัดการพูดไปพูดมา ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหล

มีลูกค้าผู้หญิงหลายคนเข้ามาห้องน้ำ เห็นภาพข้างในตกใจวิ่งหนีหมด

เฉินฮวนฮวนรู้สึกผู้จัดการคนนี้แปลกมาก เธอทำได้แค่พูด “คุณผู้จัดการ คุณลุกขึ้นก่อนเถอะ ฉันไม่คิดให้พวกคุณปิดร้าน คุณไม่ต้องเครียด”

เธอไม่ได้คิดถึงด้านนี้จริงๆ เป็นผู้จัดการเองไม่ให้โอกาสเธอได้พูด คนหนึ่งพยายามขอร้องแทบตาย เหมือนเธอสั่งคำพูดน่ากลัวอย่างนั้น

“จริง จริงเหรอ…” ผู้จัดการยากจะเชื่อ ลืมตาคู่เล็ก คนทั้งคนดูเจียมเนื้อเจียมตัว

“พนักงานชื่อหลี่เหมยคนนี้ พฤติกรรมแย่ ควรไล่ออกจริงๆ” เฉินฮวนฮวนมองหลี่เหมยครู่หนึ่ง พูดกับผู้จัดการ

“ครับๆ ไล่ออกแน่นอน ยังจะหักเงินเดือนเธอด้วย” ผู้จัดการพยักหน้าก้มตัวและพูด

ในเวลานี้ หลินอวี่หยางเดินเข้ามา งงกับภาพตรงหน้า แล้วเดินไปข้างตัวเฉินฮวนฮวน ถามด้วยความสงสัย “ฮวนฮวน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

เธอเห็นเฉินฮวนฮวนไปห้องน้ำไม่กลับสักที ก็เลยมาดู คิดไม่ถึงว่าจะเห็นพนักงานคนเมื่อกี้คุกเข่าบนพื้น ด้านข้างยังมีผู้ชายวัยกลางคนที่เหมือนผู้จัดการยืนอยู่

“ตอนฉันอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินผู้หญิงชื่อหลี่เหมยคนนี้ บอกว่าถุยน้ำลายในแก้วน้ำส้มฉัน” เฉินฮวนฮวนพูดเรื่องนี้ขึ้น ก็รู้สึกขยะแขยงมาก

ตอนนี้เธอดีใจมากที่ตัวเองมาเข้าห้องน้ำก่อน ไม่งั้นไม่แน่ว่าดื่มเข้าไปแล้ว

“อะไรนะ! !” หลินอวี่หยางได้ยิน ร้องเสียงแหลมขึ้นมาทันที “ว้าย…น้ำส้มแก้วนั้นของเธอถูกฉันดื่มหมดแล้ว!!!”

“เสี่ยวลี่ เธออย่าวุ่นวาย!” หลิวหลี่ถงมองเสี่ยวลี่อย่างดุๆ

ผิวของเสี่ยวลี่มีสีเข้มเล็กน้อย รูปร่างของเธอผอมแห้งมาก เทียบกับส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดูดีของหลิวหลี่ถง คนละอารมณ์เลย

“เธอนี่มันไม่มีศีลธรรม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะยั่วยวนคุณชายสามฉันจะไม่พูดสักคำ คุณชายสามเมื่อก่อนเป็นโสด แต่ตอนนี้คุณชายสามมีภรรยาแล้ว เธอทำแบบนี้……” เสี่ยวลี่ตักเตือนอย่างจริงจัง แต่ถูกหลิวหลี่ถงตัดบท

“ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้ว ให้เธอหยุดพูดได้แล้ว เธอหุบปากซะ!” หลิวหลี่ถงกัดฟันและชี้ไปที่จมูกของเสี่ยวลี่แล้วพูดว่า “คุณชายสามเป็นคนมาหาฉันเอง ไม่อย่างนั้นฉันจะเป็นคนดึงเขาเข้าไปในห้องหรือไง? ถ้าเธอกล้าพูดออกไป คุณชายสามไล่เธอออกแน่”

“เสี่ยวลี่ เธอต้องคิดถึงสามีและลูกชายในชนบท!” หลิวหลี่ถงเอนตัวเข้าไปข้างหูเสี่ยวลี่และแอบขู่อย่างเงียบๆ

เสี่ยวลี่ขมวดคิ้ว ใบหน้าลังเลปรากฏขึ้น สองมือที่ผอมดังฟืนของเธอประกบกันและรู้สึกประหม่า

ห้องของเธออยู่ตรงข้ามห้องหลิวหลี่ถงพอดี เมื่อคืนเธอบังเอิญเห็นคุณชายสามออกมาจากห้องของหลิวหลี่ถง ดังนั้นเธอจึงตามถามหลิวหลี่ถง หลิวหลี่ถงบอกให้เธออย่าพูดเรื่องไร้สาระ ไม่เช่นนั้นคุณชายสามจะโกรธ เธอก็รู้เลยว่าหลิวหลี่ถงและคุณชายสามมีเรื่องอย่างว่ากัน

แต่ตอนนี้คุณชายสามมีภรรยาแล้ว แม้กระทั่งเมื่อครู่เสี่ยวลี่ก็เห็นหลิวหลี่ถงพูดอะไรกับคุณนายสามบ้าง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตักเตือนหลิวหลี่ถง

“ฉันไม่พูดออกไปหรอก ฉันไม่กล้าทำให้คุณชายสามโกรธ” เสี่ยวลี่ไม่กล้าพูดเรื่อยเปื่อยแน่ เพราะเธอต้องทำงานที่นี่เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว เธอคนเดียวต้องเลี้ยงดูทั้งครอบครัว

โดยเฉพาะสามีซึ่งพิการจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่สามารถทำงานได้และยังมีอาการข้างเคียง ซึ่งต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก

“อืม ทำอย่างนี้ถูกแล้ว” หลิวหลี่ถงเอื้อมมือออกไปตบไหล่เสี่ยวลี่โดยเฉพาะ ซึ่งที่จริงแล้วต้องการให้เธอรู้สึกตัว

อันที่จริงเมื่อคืนก่อน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอและคุณชายสาม แต่เสี่ยวลี่เข้าใจผิดว่าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธอก็ไม่อยากอธิบาย เพราะเธอหวังว่าตัวเองจะเกิดเรื่องแบบนั้นกับคุณชายสามจริงๆ

“ในเมื่อเธอกับคุณชายสามเกิดเรื่องแบบนั้น เธอก็ไม่ควรใกล้ชิดคุณนายสามมากนัก” เสี่ยวลี่พูดตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่ยังคงพูดออกมา ร่างกายที่ผอมแห้งแรงน้อยของเธอดูออกว่าเธอขาดสารอาหาร

“ฉันกับคุณนายสามจะเป็นยังไงไม่เกี่ยวกับเธอ เสี่ยวลี่ ดูแลตัวเธอเองเถอะ” หลิวหลี่ถงกลอกตามองบนใส่ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรำคาญ

เสี่ยวลี่อ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นหลิวหลี่ถงที่กดขี่ครอบงำอยู่เบื้องหน้าเธอ เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

หลังจากคิดดูแล้วก็พูดว่า: "เธออายุยังน้อย ไม่ควรเป็นเมียน้อย ควรหาคนที่ดีและแต่งงานอย่างถูกต้องเปิดเผย แทนที่จะไปทำลายชีวิตคู่ของคนอื่น"

“แต่งงาน? เช่นเดียวกับเธอ แต่งงานกับผู้ชายที่ไร้ประโยชน์ ฉันยังต้องเสียเงินเพื่อเลี้ยงดูเขา?” หลิวหลี่ถงหัวเราะเยาะสองสามครั้ง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม

สีหน้าของเสี่ยวลี่เปลี่ยนไปในทันทีและรีบปฏิเสธว่า: “ชายหนุ่มของฉันนอกจากเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุ เขาเป็นคนมีความสามารถมาก”

“มีความสามารถมากจะมีประโยชน์อะไร? หาเงินได้เท่าไหร่? เมื่อก่อนก็เป็นแค่ช่างทาสีไม่ใช่หรือ?” หลิวหลี่ถงใช่ว่าจะไม่รู้พื้นภูมิของเสี่ยวลี่ น้ำเสียงของเธอแปลกประหลาดมาก ทุกประโยคมีแต่คำดูถูกเสี่ยวลี่

เสี่ยวลี่ถึงกับพูดไม่ออก

“ก็ได้ ไม่ต้องสนใจเรื่องของฉัน ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจว่าให้สามีของเธอ ฉันจะเป็นยังไง เธอไม่ต้องมาเป็นห่วง” เมื่อเห็นสีหน้าของเสี่ยวลี่แย่มาก หลิวหลี่ถงก็กลัวว่าเธอจะพูดไปเรื่อย จึงรีบปลอบเธอไม่กี่ประโยค

เสี่ยวลี่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถพูดคุยสื่อสารกับหลิวหลี่ถงได้ เธอจึงหันหลังและจากไป

หลิวหลี่ถงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอรู้ว่าเพื่องานแล้วเสี่ยวลี่ไม่มีทางเอาเรื่องนี้ออกไปพูด ดังนั้นจึงพักผ่อนบนผ้าปูที่นอนอย่างสบายใจ

เพียงแต่ว่าจู่ๆเธอก็คิดถึงว่าเฉินฮวนฮวนกับคุณชายสามไปอาศัยอยู่ข้างนอก ไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนจะพาเธอไปด้วยไหม ถ้าเฉินฮวนฮวนไม่พาตัวเธอไปด้วย อีกหน่อยเธอก็จะไม่ได้เจอคุณชายสามอีกแล้วหรือ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิวหลี่ถงก็ลุกขึ้นนั่ง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

……

อีกฝั่งหนึ่ง เฉินฮวนฮวนออกไปนอกบ้านกับหลินอวี่หยางอย่างมีความสุข

หลินอวี่หยางนำคนขับรถของตระกูลหลินมาด้วย และคนขับรถพาพวกเธอไปส่งที่หน้าประตูทางเข้าห้างสรรพสินค้า

ขณะที่ลงจากรถ เฉินฮวนฮวนเพิ่งสังเกตว่าที่นี่คือห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวน ที่เธอเคยมากับเฉินนานา

ห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวนเป็นทรัพย์สินของตระกูลเฟิง และในห้างนี้เธอยังเกิดเหตุการณ์ที่ลำบากใจขึ้น ท้ายที่สุดคนที่ชื่ออันฉีที่เป็นคนแนะนำสินค้าถูกไล่ออก หลิวเสี่ยวจิงก็ต้องถูกภรรยาคนเแรกตบตีอย่างแน่นอน

เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่ตอนนี้ก็คือเสื้อผ้าของวีวี่ หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เฟิงหานชวนก็ให้คนนำเสื้อผ้าของวีวี่ ที่มีขนาดของเธอไปส่ง รวมถึงเครื่องประดับด้วย ให้นำไปส่งที่บ้านตระกูลเฟิงทั้งหมด

ดังนั้น กระเป๋าของเธอในตอนนี้ ชุดนอนกระโปรง เสื้อผ้า เสื้อตัวนอก ล้วนเป็นของวีวี่ทั้งหมด ทำให้เธอกลายเป็นลูกค้าเฉพาะของวีวี่

“ฮวนฮวน เธอคิดอะไรทำไมเหม่อลอยหล่ะ? นี่คือทรัพย์สินของครอบครัวเธอ ถ้าฉันซื้อของต้องมีส่วนลดให้ฉันนะ!” หลินอวี่หยางโอบไหล่ของเฉินฮวนฮวนและพูดติดตลก

“หยางหยาง ฉันไม่มีสิทธิ์ให้ส่วนลดแก่เธอนะ กิจการเหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การบริหารของฉัน……” เฉินฮวนฮวนรู้สึกลำบากใจ เธอนึกว่าหลินอวี่หยางต้องการส่วนลดจริงๆ

เธอแค่แต่งงานกับเฟิงหานชวน ไม่เคยคิดที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องธุรกิจเหล่านี้ของตระกูลเฟิง และไม่มีสิทธิ์ในการจัดการและรับมรดกของครอบครัวของตระกูลเฟิง

ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้ส่วนลดกับหลินอวี่หยาง แต่ถ้าเธอเข้าไปยุ่ง เกรงว่าคนในบ้านตระกูลเฟิงจะคิดมาก

“อ๊ะ ฉันแค่ล้อเล่นกับเธอ! เธออย่ากังวลไปเลย ฉันแค่ตั้งใจจะพูดขำๆ” หลินอวี่หยางตบไหล่เฉินฮวนฮวนและอธิบายว่า “ไม่ใช่เพราะอวิ๋นตวนเป็นสมบัติของตระกูลเฟิงฉันเลยพาเธอมาเล่นที่นี่ แต่เพราะมันเป็นห้างสรรพสินค้าที่ครบวงจรมากที่สุด เพราะฉะนั้นฉันถึงพาเธอมาที่นี่"

“แต่ว่าฮวนฮวน มีเรื่องหนึ่งเธอรู้ไหม? เกี่ยวกับอวิ๋นตวนและอาเฟิงของเธอ” หลินอวี่หยางกล่าวขึ้นมา

เฉินฮวนฮวนเริ่มสงสัยและถามว่า “เรื่องอะไรเหรอ?”

เธอก็ตระหนักถึงปัญหาหนึ่งทันที

เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนก่อตั้ง Rกรุ๊ปในต่างประเทศด้วยตัวเอง ไม่ได้ร่วมดำเนินงานกับตระกูลเฟิง แต่เนื่องจากห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวนเป็นอุตสาหกรรมของตระกูลเฟิง แล้วทำไมคราวก่อนเธอถึงเห็นเฟิงหานชวนตรวจงานจัดการประชุมที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้?

“อาเฟิงของเธอเก่งกาจมาก!” หลินอวี่หยางกล่าวด้วยความชื่นชม: “ในตอนแรก ห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวนของตระกูลเฟิงถูกส่งต่อจากนายท่านเฟิงให้อยู่ในมือของเฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงเจิ้งซวินสองพี่น้อง เป็นห้างสรรพสินค้าแรกๆในยุคต้น ค่อยๆล้มลงและ ถูกห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ที่เกิดขึ้นใหม่แซงหน้า ผลประกอบการแย่มาก……”

“แล้วยังไงต่อ?” เฉินฮวนฮวนถามอย่างไม่ลดละ

“หลังจากนั้น ก็เป็นอาเฟิงของบ้านเธอออกโรง” หลินอวี่หยางดูชื่นชมอย่างมาก พยักหน้าและพูดต่อว่า “ว่ากันว่าลุงทั้งสองคนขอความช่วยเหลือจากอาเฟิง เดิมทีอาเฟิงไม่อยากสนใจเรื่องของตระกูลเฟิง แต่ต่อมาก็ช่วยเหลือ ภายใต้การแนะนำของอาเฟิง ห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวนฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของการจัดอันดับห้างสรรพสินค้า และสร้างสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์"

“ว้าว……” เฮินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาขณะที่เธอฟังคำอธิบายของหลินอวี่หยาง

เธอคิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนไม่ได้เก่งกาจเหมือนที่เธอคิดไว้ แต่เก่งกว่าที่เธอคาดคิดไว้มาก

“แปลกใจขนาดนี้เลย ดูเหมือนว่าเธอจะรู้เรื่องอาเฟิงน้อยเกินไป!” หลินอวี่หยางเม้มริมฝีปากและถามอย่างสงสัย: “ฉันดูจากท่าทางของเขา เดาว่าเขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องพวกนี้กับเธอ ถ้าเธอสองคนคบหากัน คุยเรื่องอะไรกันบ้างนะ?"

“เอ่อ…” เฉินฮวนฮวนหยุดกะทันหัน

เมื่อเธออยู่กับเฟิงหานชวนคุยอะไรกันบ้าง?

เธอครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูเหมือนจะคุยถึงแต่เรื่องของเธอ แต่ก็ไม่ได้พูดคุยมากเท่าไหร่ เวลาส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับ——เรื่องรักๆใคร่ๆ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนก็แดงขึ้นทันที

“ฮวนฮวน หน้าเธอแดง!” หลินอวี่หยางอุทานและรีบเอื้อมมือมาปิดปาก ลดเสียงลงและถามด้วยเสียงเบา: “เธอสองคนอยู่ด้วยกัน คงไม่ใช่ว่าไม่คุยอะไรกันเลย ทำแต่ธุระส่วนตัว?”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ……” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างเร็ว แต่สีหน้าของเธอยิ่งอยู่ยิ่งแดงขึ้น

เธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

“ไม่ใช่?” หลินอวี่หยางแอบยิ้มสองครั้ง แสดงออกถึงรอยยิ้มที่อธิบายไม่ถูกและพูดอย่างมั่นใจ: “ฉันเดาแม่นไม่ผิดแน่ ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนทำไมเธอถึงไม่มีเวลาแม้แต่จะดูโทรศัพท์มือถือ?”

“หยางหยาง ไม่ใช่ เธอหยุดพูดเลย…” เฉินฮวนฮวนเขินอายเหลือเกิน

“ได้ ได้ ได้ ฉันไม่พูดแล้วฉันไม่พูดแล้ว เรารีบไปทานอาหารกันก่อนเถอะ! ถ้าไม่ใช่ว่าทานผลไม้ที่บ้านเธอไปหน่อย ฉันคงหิวมาก ฉันไม่ได้ทานอาหารเช้า” หลินอวี่หยางจับมือเฉินฮวนฮวนแล้วเดินเข้าไปข้างใน

หลินอวี่หยางถามความคิดเห็นของเฉินฮวนฮวนก่อน เฉินฮวนฮวนก็ไม่รู้ว่าจะทานอะไรดี หลินอวี่หยางอยากทานเนื้อย่าง ทั้งสองจึงเดินไปร้านเนื้อย่างเกาหลีที่ชั้นห้า

หลินอวี่หยางชอบทานที่สุด เธอสั่งเนื้อจำนวนมากในคราวเดียว ทั้งสองคุยกันระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ

ขณะที่พวกเธอกำลังพูดคุยกัน พนักงานเสิร์ฟสองคนรวมตัวกันในสถานที่ลับตาคน พวกเธอมองเฉินฮวนฮวนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่ละสายตา

“เธอนั่นเอง คุณหนูของตระกูลเฟิงนั้น อันฉีถูกไล่ออกเพราะเธอ” สาวผมเหลืองพูดเสียงกระซิบ

“งั้นพวกเราไปรายงานกับผู้จัดการดีไหม? คุณหนูตระกูลเฟิงมาทานอาหารแล้วร้านของเราจะเก็บเงินได้ไหม?” พนักงานเสิร์ฟผมดำทำสีหน้าครุ่นคิด

“ไม่เห็นมีอะไรน่ารายงาน? ร้านของเราจ่ายค่าเช่าให้กับห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวน ไม่ใช่ตระกูลเฟิงเปิดซะหน่อย ทำไมเราจะเก็บเงินไม่ได้หล่ะ?” ผมสีเหลืองเย้ยหยันและพูดว่า: “ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคุณหนูเฟิงที่แท้จริง ดูเหมือนว่าเธอชื่อเฉินฮวนฮวน เธอก็ไม่ได้นามสกุลเฟิง เป็นญาติกันแค่ในนามเท่านั้น”

ผมสาวผมเหลืองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอันฉี ดังนั้นเธอจึงพูดแทนอันฉี เธอคิดว่าอันฉีเพียงแค่มีปัญหาเรื่องทัศนคติ แต่ใครให้คุณหนูตระกูลเฟิงแต่งตัวโทรมเกิน?

สุดท้ายด้วยเรื่องทัศนคติ อันฉีซึ่งเป็นพนักงานที่มียอดแบบนี้ก็ถูกไล่ออกโดยปริยาย ไม่มีแม้แต่ที่ยืน

สาวผมเหลืองเกลียดเฉินฮวนฮวนแท้จริง เธอรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนเหมือนคนพาลในสมัยโบราณโดยอาศัยฐานะญาติของจักรพรรดิ เธอก็กดขี่ผู้คนโดยไปทั่ว

“ยังไงซะเธอก็เป็นคนตระกูลเฟิงเหมือนกัน ในเมื่อเรารู้ว่าเธอมานี่ ไม่บอกผู้จัดการสักคำ คงไม่ดีมั้ง?” พนักงานเสิร์ฟผมดำยังคงครุ่นคิดต่อ

“ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ทำเป็นไม่รู้สิ!” ผมสีเหลืองทำท่าทางไม่รู้สึกรู้สา

ขณะที่เธอพูดจบ หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามายื่นรายการให้เธอและสั่งว่า: "หลี่เหมย ที่โต๊ะ12ตรงโน้น ไปเสิร์ฟน้ำส้มคั้นสดสองแก้ว ให้ฉันขยันๆหน่อย! ในช่วงเที่ยงที่เป็นเวลาสำคัญแบบนี้ ยังหลบอยู่นี่คุยกันอีกเหรอ?”

“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” พนักงานเสิร์ฟผมเหลืองชื่อหลี่เหมยเหลือบมองไปที่โต๊ะ12 ซึ่งเป็นที่นั่งของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนกระหายน้ำมาก ในที่สุดก็รอจนกระทั่งพนักงานมาเสิร์ฟน้ำส้ม ในตอนนี้เธอต้องการดื่มเครื่องดื่มรสเปรี้ยวอย่างไม่มีเหตุผล

หลี่เหมยวางน้ำส้มหนึ่งแก้วไว้ด้านหน้าหลินอวี่หยางก่อน และเมื่อเธอหยิบน้ำส้มอีกแก้วมาวางด้านหน้าเฉินฮวนฮวน เธอกลอกดวงตาไปมา แกล้งทำเป็นมือสั่นแล้วแก้วก็หกลงไป

น้ำส้มสีเหลืองไหลลงจากโต๊ะทันที ทั้งหมดหยดลงบนกระโปรงตาข่ายของเฉินฮวนฮวน

“คุณหนูคะ ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ ฉันจะรีบเสิร์ฟให้คุณอีกแก้ว…” หลี่เหมยแสร้งทำเป็นขอโทษ ทั้งๆที่เธอจงใจ

“ฮวนฮวน!” หลินอวี่หยางลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เหลือบมองกระโปรงของเฉินฮวนฮวนแว็บนึง และชี้ไปที่หลี่เหมยทันที “เธอทำอะไรของเธอเนี่ย ทำไมเธอถึงประมาทแบบนี้?”

“ฉันขอโทษค่ะคุณลูกค้า ฉันขอโทษจริงๆ” หลี่เหมยกล่าวขอโทษด้วยสีหน้าลำบากใจ ขอโทษขอโพยอยู่อย่างนั้น

“หยางหยาง อย่ากล่าวโทษเธอเลย คนย่อมผิดพลาดได้ ไม่เป็นไร” เฉินฮวนฮวนคิดว่าหลี่เหมยไม่ระวังจริงๆ และเธอก็ไม่อยากทำให้คนอื่นลำบาก

“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวทานเสร็จฉันจะพาเธอไปซื้อเสื้อผ้า” หลินอวี่หยางโบกมือ และขี้เกียจเกินกว่าจะโทษพนักงานเสิร์ฟ

เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้เอาเรื่อง หลี่เหมยแกล้งทำเป็นขอบคุณและกล่าวว่า "ขอบคุณคุณลูกค้าทั้งสองที่เข้าใจ ฉันจะรีบไปหยิบแก้วใหม่มาให้"

หลังจากหลี่เหมยพูดจบ เธอก็รีบไปที่ห้องครัวด้านหลัง

หลังจากเทน้ำส้มเสร็จแล้ว หลี่เหมยถือโอกาสที่พ่อครัวทั้งหลายและพนักงานไม่ได้สนใจ ถุยน้ำลายสองสามหยดลงในแก้วแล้วยกน้ำส้มออกไป มาถึงที่โต๊ะ12 แล้ววางไว้ด้านหน้าของเฉินฮวนฮวน

"คุณลูกค้า เชิญดื่มตามสบายค่ะ" หลี่เหมยพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

หลี่เหมยหยิบถาดเดินจากไปอย่างมีความสุข เธอจะรีบไปบอกข่าวดีนี้ให้อันฉี

ถึงแม้เฉินฮวนฮวนจะเช็ดกระโปรงด้วยกระดาษทิชชู่ แต่ก็ยังมีรอยสีเหลืองขนาดใหญ่ที่กระโปรง หลังจากเหลือบมองไปที่น้ำส้มที่หน้าเธออีกครั้ง เธอก็รู้สึกไม่อยากดื่มแล้ว

“หยางหยาง ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ” บอกหลินอวี่หยางแล้วเฉินฮวนฮวนก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ

หลังจากเข้าไปในห้องน้ำข้างๆ เฉินฮวนฮวนพบว่าผ้าอนามัยของตัวเองมีเพียงรอยสีชมพูเล็กๆ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นในวันที่สองของการมีประจำเดือน

หรือเป็นเพราะตัวเองขาดสารอาหารในค่ายฝึก ประจำเดือนเลยมาไม่ปกติ?

ขณะคิดอยู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากนอกประตู มีคนเข้ามาในห้องน้ำห้องถัดไป

เธอไม่ได้สนใจ เธอเตรียมจะฉีกผ้าอนามัยผืนใหม่ แต่ได้ยินคนข้างๆกำลังโทรศัพท์

“อันฉี ฉันมีข่าวดีจะบอกเธอ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” หญิงสาวปิดปากหัวเราะ เสียงของเธอคือพนักงานเสิร์ฟผมสีเหลือง

อันฉี?

เฉินฮวนฮวนไม่ได้ทำธุระในมือต่อ แต่นิ่งไปครู่หนึ่ง ชื่ออันฉีนี้เป็นที่นิยมมากเลย!

“อะไรนะ ตอนนี้เธอจะไปสัมภาษณ์ที่เคาเตอร์เซียงไน่เอ๋อร์ของอี๋ไท่เหรอ? เธอรอเดี๋ยว ฉันต้องบอกข่าวนี้กับเธอตอนนี้” น้ำเสียงของหลี่เหมยดูตื่นเต้นมากและพูดว่า: “เฉินฮวนฮวนคนที่ไล่เธอออกคราวก่อน ตอนนี้เธอมาทานอาหารในร้านของเรา! แล้วฉันก็ช่วยเธอแก้แค้นแล้ว"

เฉินฮวนฮวนรีบลุกขึ้น จับข้อมือของหลิวหลี่ถงไว้ แล้วดึงเธอลุกขึ้น

“เธอวางใจได้ ฉันไม่มีทางไปฟ้องหรอก เหตุการณ์ตอนนั้นเธอเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?” อันที่จริงเฉินฮวนฮวนค่อนข้างประหลาดใจอยู่

ตามที่หลิวหลี่ถงพูดเมื่อกี้ เฟิงหานชวนน่าจะไม่ชอบหลานสาวของหลินเจิน ไม่อย่างงั้นคงไม่ใช้ให้คนไปไล่พวกเธอ

ถึงแม้เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนทำแบบนี้ ไม่ค่อยไว้หน้าคุณนายรอง แต่ก็รู้สึกอีกว่าเฟิงหานชวนที่เป็นแบบนี้ ยิ่งมีเสน่ห์มากกว่าเดิม

ในเมื่อเธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่ได้ดีกับผู้หญิงทุกคนขนาดนั้น

คิดได้ถึงตรงนี้ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกดีใจ

“อันที่จริงตอนนั้นก็ไม่มีอะไร คุณชายสามเป็นคนเย็นชามาแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้จะเป็นนายท่าน ในตอนที่ไม่ควรไว้หน้า ก็ไม่มีทางไว้หน้าสักนิด” หลิวหลี่ถงได้ยินมาจากคนใช้คนอื่น

เธอมาที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงได้ไม่นาน แค่ประมาณหนึ่งปี นิสัยของเฟิงหานชวนก็เป็นคนใช้ที่อยู่มานานของตระกูลเฟิงบอกกับเธอ

“ดูออกอยู่” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเธอเห็นกับตาตัวเองว่าเฟิงหานชวนโมโหใส่นายท่านเฟิงยังไง

เขาไม่ไว้หน้าสักนิดเลยจริง ๆ สถานะของทั้งสองเหมือนกับสลับกันยังไงยังงั้น

“คุณนายสามก็คิดแบบนี้เหรอคะ?” หลิวหลี่ถงลองเชิงปฏิกิริยาของเฉินฮวนฮวน

“ใช่ ฉันรู้สึกว่าเขาเย็นชากับคนอื่นจริง ๆ เข้ากับคนอื่นได้ยาก” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอีกครั้ง

ได้ยินเฉินฮวนฮวนพูดแบบนี้ หลิวหลี่ถงสายตาเคร่งขรึม เป็นไปอย่างที่คิด อันที่จริงคุณชายสามก็ไม่ได้ดีกับเฉินฮวนฮวนเป็นพิเศษสินะ?

ก็แค่ภรรยาที่คลุมถุงชน ลองดูใจกันแค่นั้นแหละ ไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน

แต่ทว่า หลิวหลี่ถงได้ใจแค่ไม่กี่วินาที ก็เห็นเฉินฮวนฮวนยิ้มมุมปาก สีหน้าเผยให้เห็นความเขินอาย

“คุณนายสาม คุณยิ้มอยู่เหรอคะ? ทำไมถึงยิ้มล่ะ?” หลิวหลี่ถงถือโอกาสนี้ รีบถามขึ้น

“หือ? ฉันยิ้มเหรอ? ฉัน…” เฉินฮวนฮวนเกาหัวอย่างเขินอาย แล้วปฏิเสธ “ไม่ได้ยิ้มสักหน่อย…

“คุณนายสาม กำลังคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องของคุณชายสามอยู่ใช่ไหมคะ? จู่ ๆ ก็ยิ้มเขินอายแบบนั้น หน้าแดงแล้วด้วย!” หลิวหลี่ถงเห็นเฉินฮวนฮวนหน้าแดงแล้วจริง ๆ

เฉินฮวนฮวนเห็นว่าข่มอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จึงพูดขึ้น “ไม่มีอะไรจริง ๆ ก็แค่ดีใจ ก็เลยยิ้มออกมา”

“ดีใจ? ทำไมถึงดีใจคะ?” หลิวหลี่ถงใจกระตุก แล้วถามต่อ

“อันที่จริง…เฟิงหานชวนเขาเย็นชามากกับคนอื่น แต่กับฉันเขาไม่เย็นชาเลย ดังนั้น…ก็เลยดีใจ…” เฉินฮวนฮวนพูดอย่างเขินอาย แล้วรีบถามขึ้น “ตอนนี้แต่งหน้าเสร็จแล้วยัง?”

เห็นว่าหลินอวี่หยางรอเธออยู่ที่ห้องรับแขก เธอเกรงใจที่ให้หลินอวี่หยางรอนานเกิน

“อ๊ะ ใกล้แล้วค่ะ ใกล้แล้วค่ะ ยังขาดแค่อายไลเนอร์” หลิวหลี่ถงหยิบปากกาอายไลเนอร์วาดให้เฉินฮวนฮวนไปด้วย ถามไปด้วย “งั้นคุณนายสามก็มีความสุขมากจริง ๆ ฉันยังไม่เคยเห็นคุณชายสามดีกับใครขนาดนี้เลยค่ะ”

หลิวหลี่ถงตั้งใจขยับมือช้า ๆ เพื่อที่จะได้คุยกับเฉินฮวนฮวนนานหน่อย เธออยากจะฟังเรื่องราวจากเฉินฮวนฮวน

น้ำเสียงที่เธอพูด ดูภายนอกคือกำลังยกยอเฉินฮวนฮวน แต่อันที่จริงแล้วกำลังบอกเฉินฮวนฮวนเป็นนัย ๆ ว่านิสัยของคุณชายสามไม่ค่อยดีต่อคนอื่น

แต่เฉินฮวนฮวนได้ยินคำพูดของหลิวหลี่ถงกลับทำให้เธอมั่นใจในคำพูดของเฟิงหานชวนมากขึ้น เฟิงหานชวนไม่โกหกเธอ ก่อนหน้าเธอ เขาไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นเลย

“อื้อ…”เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าควรจะตอบหลิวหลี่ถงยังไง ทำได้แค่ตอบรับไป

เห็นเฉินฮวนฮวนไม่ได้โต้แย้งอะไร แถมยังตอบรับ หลิวหลี่ถงรู้สึกไม่ค่อยดี แต่กลับพูดอะไรไม่ได้ ในเมื่อเป็นเธอเองที่ยกยอเฉินฮวนฮวน

เห็นได้ชัดว่าเฉินฮวนฮวนไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเธอ ในทางกลับกันกลับคิดว่าเธอพูดว่าคุณชายสามดีกับเฉินฮวนฮวนจริง ๆ

“ฉันหวังว่าต่อไปคุณนายสามจะมีความสุขแบบนี้ตลอด ในเมื่อคุณนายสามเข้ากับคนอื่นได้ดีขนาดนี้ ถ้าหากคุณนายสามอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงตลอด งั้นฉันก็สามารถพูดคุยกับคุณนายสามได้ ฉันคงจะดีใจมาก” หลิวหลี่ถงวางปากกาอายไลเนอร์ลง มือค้ำโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วหันหน้ามาพูดกับเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนได้ยินเพียงแค่ครึ่งแรกและครึ่งหลังของประโยค แล้วรีบพูดขึ้นอย่างเกรงใจ “หลี่ถง ขอบคุณเธอมาก ได้คุยกับเธอฉันก็ดีใจ”

แต่ว่ารอเธอพูดจบ จู่ ๆ ก็นึกถึงประโยคที่หลิวหลี่ถงพูดว่าถ้าเธออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงตลอด

หลิวหลี่ถงกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่กลับถูกเฉินฮวนฮวนพูดดักไว้ “หลี่ถง ต่อไปฉันอาจจะไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์แล้ว”

“อะไรนะคะ? คุณนายสาม คุณจะไปไหนคะ? นี่มันเรื่องอะไรกันคะ?” หลิวหลี่ถงถามอย่างรีบร้อน “หรือว่าคุณชายสามพูดอะไรกับคุณ?”

เธอรู้สึกว่าคุณชายสามไม่มีทางให้เด็กน้อยมาเป็นคุณนายสาม หรือว่าทั้งสองเซ็นสัญญาอะไรกัน คล้ายการแต่งงานตามสัญญา เพื่อทำให้นายท่านดีใจ?

จากนั้น รอให้ถึงกำหนดสัญญา เฉินฮวนฮวนก็เสร็จงานไป?

หลิวหลี่ถงคิดแบบนี้ แต่คำตอบของเฉินฮวนฮวนกลับทำให้เธออึ้งตะลึง

“ฉันกับเฟิงหานชวนจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอก อาจจะไม่อยู่ที่คฤหาสน์เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าปิดบัง จึงพูดออกมา

“อ๊ะ? ทำไมถึงกะทันหันแบบนี้? คุณนายสาม ทำไมจู่ ๆ พวกคุณจะย้ายออกไปคะ?” หลิวหลี่ถงตอบสนอง น้ำเสียงร้อนรนเป็นอย่างมาก

เธอคิดในใจ ถ้าหากคุณชายสามกับเฉินฮวนฮวนไปใช้ชีวิตกันสองต่อสอง งั้นความสัมพันธ์ก็ต้องลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม แล้วตัวเองก็ไม่ได้เจอคุณชายสามแล้ว ควรจะทำยังไงดี?

“ก่อนที่ฉันจะไปฝึกอบรม ฉันคุยกับเฟิงหานชวนไว้แล้ว นายท่านก็เห็นด้วย” เฉินฮวนฮวนยิ้มเก้กัง แล้วพูดต่อ “อันที่จริง เหตุผลเป็นเพราะเธอเลยหลี่ถง”

“เป็นเพราะฉัน…ฉัน?” หลิวหลี่ถงถลึงตาโต ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“อันที่จริงก่อนหน้านี้เฟิงหานชวนมีแผนจะย้ายออกไปอยู่แล้ว เดิมทีฉันไม่เห็นด้วย แต่ตอนนั้นเธอพูดกับฉัน ว่าเสียงของฉัน…เอ่อ ก็คือเรื่องน่าอายเรื่องนั้น อันที่จริงเป็นเสียงของนานา ดังนั้นฉันรู้สึกว่าไม่ค่อยจะสะดวกเท่าไหร่ ก็เลย…” เฉินฮวนฮวนพูดอย่างจนปัญญา

หลิวหลี่ถงตะลึงงัน ที่แท้ก็เป็นเพราะเธอ

เดิมทีเธออยากจะใช้เรื่องนั้นสอดแนมความสัมพันธ์ของเฉินฮวนฮวนกับคุณชายสาม แต่คิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเรื่องนั้น ทำให้เฉินฮวนฮวนกับคุณชายสามย้ายออกจากคฤหาสน์

หลิวหลี่ถงเสียใจเป็นอย่างมาก เสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา

เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ยื่นมือออกไปตบบ่าหลิวหลี่ถง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ยังไงนายท่านก็ยังอยู่ที่นี่ ฉันกับเฟิงหานชวนจะกลับมาอยู่ที่นี่บ้างเป็นครั้งคราว”

เธอคิดว่าที่หลิวหลี่ถงดูเสียใจมาก เป็นเพราะไม่ได้พูดคุยกับตัวเองแล้ว ดังนั้นถึงได้ปลอบใจแบบนี้

“ค่ะ” หลิวหลี่ถงขวัญหนีดีฝ่อตอบกลับ ไร้สีหน้าใดใดทั้งสิ้น

เมื่อคุณชายสามพาเฉินฮวนฮวนไปอยู่ด้านนอก ต้องกลับมาที่นี่ไม่บ่อยแน่ ๆ งั้นเธอจะมีจุดมุ่งหวังอะไรอีกล่ะ?

อีกอย่าง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะตัวเธอเอง?

ตอนนี้หลิวหลี่ถงเสียใจเป็นอย่างมาก เสียใจมากจริง ๆ

“ขอบคุณเธอนะ หลี่ถง การแต่งหน้านี้ฉันชอบมาก เพื่อนฉันรอฉันอยู่ งั้นฉันไปก่อนนะ” เฉินฮวนฮวนขอบคุณอย่างลึกซึ้ง แล้วเดินไปทางประตูห้อง

ในตอนที่เธอเปิดประตูนั้น จู่ ๆ หลิวหลี่ถงก็จับเธอไว้ แถมยังคุกเข่าลงข้างตัวเธอ

เฉินฮวนฮวนตกใจเป็นอย่างมาก ไม่เข้าใจว่าหลิวหลี่ถงทำอะไร จึงรีบถามขึ้น “หลี่ถง รีบลุกขึ้น นี่เธอทำอะไร?”

ก่อนหน้านี้ที่หลี่ถงคุกเข่ากับเธอ เพราะขอร้องเธอไม่ให้บอกเรื่องหลานสาวของหลินเจินกับเฟิงหานชวน ไม่อยากถูกเฟิงหานชวนลงโทษ แต่ตอนนี้จู่ ๆ หลิวหลี่ถงคุกเข่าลง ในหัวของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

“คุณนายสาม พวกคุณออกไปอยู่ข้างนอก จะต้องพาคนใช้ไปด้วยแน่ พาฉันไปด้วยเถอะค่ะ?” หลิวหลี่ถงยื่นมือออกไปจับแขนเฉินฮวนฮวนไว้แน่น แล้วพูดอย่างกระตือรือร้น

เฉินฮวนฮวนอึ้งอยู่พักหนึ่ง เธอยังไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้

“นี่…เธอคือคนใช้ของตระกูลเฟิง น่าจะไม่ค่อยเหมาะสมนะ” เฉินฮวนฮวนค่อนข้างลำบากใจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถตัดสินใจเองได้”

“ ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินว่าคนใช้ของคุณชายหมิงและคุณชายรอง ก็เลือกคนใช้ที่ผ่านการฝึกมาดีแล้วของตระกูลเฟิง เมื่อถึงคุณชายสามก็ต้องใช้กฎเกณฑ์เดียวกัน ดังนั้นพาฉันไปด้วยได้ไหมคะ?

“หลี่ถง ฉัน…” เฉินฮวนฮวนลำบากใจมากจริงๆ จึงพูดได้แค่ “ฉันลองเจรจากับเฟิงหานชวนดู”

“จริงเหรอคะ?” หลิวหลี่ถงตื่นเต้นจนลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยปากอย่างดีใจ “คุณนายสาม ฉันจะทำงานเป็นอย่างดีค่ะ จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนค่ะ”

เห็นหลิวหลี่ถงกระตือรือร้นแบบนี้ แถมยังเป็นมิตรอย่างมาก เวลาทำงานจะต้องคล่องแคล่วมากแน่นอน ถ้าหากเธอไปเป็นคนรับใช้ เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าไม่ลองดูก็ไม่รู้

เพียงแต่เธอเพิ่งแต่งงานเข้าตระกูลเฟิง เกรงใจที่จะขออะไรจริง ๆ ทำได้เพียงลองเจรจาเรื่องนี้กับเฟิงหานชวนดู ลองถามความคิดเห็นของเฟิงหานชวนดู

ในตอนนี้เอง เสี่ยวลี่เดินมา ห้องของเธออยู่ตรงข้ามห้องของหลิวหลี่ถงพอดี เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวน เสี่ยวลี่รีบทักทายขึ้น “คุณนายสาม”

“สวัสดี” เฉินฮวนฮวนยิ้มกับเสี่ยวลี่แล้วโบกมือทักทาย

“คุณนายสาม ในเมื่อเพื่อนของคุณรออยู่ งั้นคุณรีบไปเถอะค่ะ ฉันไม่รบกวนเวลาของคุณแล้วค่ะ” หลิวหลี่ถงรีบพูดกับเฉินฮวนฮวน แถมยื่นมือออกไปผลักแขนของเธอ

เฉินฮวนฮวนคิดได้ถึงหลินอวี่หยาง จึงยิ้มกับเสี่ยวลี่ แล้วเดินออกไปจากพื้นที่ของคนใช้

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนเดินไปแล้ว เสี่ยวลี่เหลือบมองหลิวหลี่ถงอย่างมาเลศนัย แล้วถามขึ้นด้วยภาษาจีนกลางที่ไม่ค่อยได้มาตรฐาน “เธอพาคุณนายสามมาที่ห้องของเธอทำไม? เธอพูดอะไรมั่ว ๆ กับคุณนายสามใช่ไหม? พูดเรื่องที่เมื่อคืนคุณชายสามมาที่ห้องของเธอใช่ไหม?”

“เสี่ยวลี่ เธอพูดมั่วอะไร” หลิวหลี่ถงเอามือปิดปาก จากนั้นก็รีบดึงเสี่ยวลี่เข้าห้องของตัวเอง แล้วปิดประตูห้องลง

“หลิวหลี่ถง ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้? คุณชายมีคุณนายสามอยู่แล้ว ทำไมเธอถึงทำเรื่องแบบนั้นกับคุณชายสาม? แล้วตอนนี้ก็ยังตีสนิทกับคุณนายสาม? เธอเป็นแค่คนใช้ เธอทำผิดศีลธรรมแบบนี้ไม่ได้” เสี่ยวลี่ท่าทางโมโหเนื่องจากความไม่ถูกต้อง พูดกับหลิวหลี่ถงฉอด ๆ

“ไม่ว่าพวกที่ใช้เดือนชนเดือนหรือว่าพวกที่มีเงินเก็บ ทุกคนต่างมีแนวทางชีวิตเป็นของตัวเองทั้งนั้น”

ถึงแม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่ใช่พวกใช้เดือนชนเดือน แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าหลิวหลี่ถงมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ทุกคนอยากมีชีวิตแบบไหน ตัวเองคือคนตัดสิน

“คุณนายสาม ที่คุณนายพูดก็มีเหตุผลนะคะ ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนเสี่ยวลี่จะไม่ได้คิดแบบนี้นะคะ ทุกครั้งที่เธอเห็นฉันซื้อของก็มักจะเข้ามาสอนฉันอยู่เสมอ ฉันไม่เหมือนกับเธอนะคะ ที่จะเอาเงินเก็บทั้งหมดส่งกลับไปให้สามีและลูกชายที่อยู่บ้านนอก”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวหลี่ถงก็แบะปากเล็กน้อย นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อเสี่ยวลี่

“เธอเองก็ทำเพื่อสามีและลูกชายของเธอ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะไปวิจารณ์เธอ แค่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเท่านั้น

เสี่ยวลี่อายุราว ๆ 30 ปีแล้ว ซึ่งเป็นคนรับใช้ของบ้านตระกูลเฟิง เฉินฮวนฮวนไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรมากมายกับเธอ โดยพื้นฐานแล้วไม่เคยพูดกันด้วยซ้ำ

“อื้อ แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่เธอทำแบบนี้ ดูเหมือนสามีของเธอได้รับอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อหลายปีก่อน และกลายเป็นคนพิการ ดังนั้นเธอจึงต้องมาทำงานในเมืองเป่ยเฉิง……..” หลิวหลี่ถงยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูของเฉินฮวนฮวน นินทาเรื่องของเสี่ยวลี่ แต่ละประโยคเต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อเสี่ยวลี่

“เธอกำลังบอกว่า สามีของเสี่ยวลี่รถคว่ำจนกลายเป็นคนพิการ? และมีลูกชายอีกหนึ่งคน?” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวลี่ผู้ดูซื่อตรงจะมีภูมิหลังครอบครัวแบบนี้

เธออดเห็นอกเห็นใจเสี่ยวลี่ขึ้นมาไม่ได้

“ใช่ค่ะ ลูกชายของเธอสิบขวบแล้ว กำลังขึ้นประถมเลย เสี่ยวลี่มักจะเอาผลการเรียนดีของลูกชายเธอมาอวดอยู่เสมอ เขาได้ที่หนึ่งของชั้นเรียนเลยนะคะ แต่นั้นก็เป็นการวัดระดับการศึกษาในบ้านนอก ที่หนึ่งของบ้านนอก อาจจะเป็นที่โหลของในเมืองก็ได้!” หลิวหลี่ถงเห็นเฉินฮวนฮวนแสดงท่าทางสนใจต่อเรื่องราวของเสี่ยวลี่ จึงเล่าเรื่องของเธอต่อ

ตอนนี้เธออยากตีสนิทกับเฉินฮวนฮวน จึงสรรหาหัวข้อต่าง ๆ มาพูดคุยกับเฉินฮวนฮวน แบบนี้ถึงจะสามารถเปิดใจของเฉินฮวนฮวนได้ และล้วงเอาความลับในตัวของเฉินฮวนฮวนออกมา

“ไม่แน่นะ เด็กที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจำนวนมากต่างก็เป็นนักเรียนยากจนทั้งสิ้น เพราะพวกเขามีความพยายามและความขยัน” เฉินฮวนฮวนไม่เห็นด้วยกับความคิดของหลิวหลี่ถง จึงพูดอีกครั้งว่า : “เด็กในครอบครัวที่มีฐานะยากจนจะกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย ลูกของเธอรู้ว่าแม่ของตัวเองต้องออกไปทำงานนอกเมืองด้วยความลำบาก พ่อก็ดันมาพิการ ดังนั้นเขาจึงยิ่งตั้งใจเรียนมากขึ้น เพื่อให้พ่อแม่ได้มีชีวิตที่ดี”

เหมือนกับเธอในตอนนั้น ตั้งใจเรียนเพื่อหวังมีอนาคตที่ดีในสักวัน พาคุณยายไปอยู่บ้านที่กว้างขวางขึ้น ไม่ต้องมาทนเบียดเสียดอยู่ในห้องพี่เลี้ยงขนาดเล็กแบบนี้

“อาจจะเป็นไปได้ หวังว่าลูกชายของเธอจะเป็นแบบนี้ ไม่อย่างนั้นคงต้องโทษเสี่ยวลี่แล้วล่ะที่เลือกจะเอาเงินเก็บส่งไปให้กับที่บ้านจนหมด” หลิวหลี่ถงรู้สึกว่าตัวเองและเฉินฮวนฮวนไม่ได้มีภาษาที่เหมือนกัน จึงได้แต่ยักไหลอย่างไม่ใส่ใจนัก

“อื้อ หวังว่าจะเป็นแบบนี้” เฉินฮวนฮวนคาดหวังอยู่ในใจจริง ๆ คำพูดเหล่านั้นจึงไม่ได้มีอะไรซับซ้อน

เมื่อเห็นว่าหัวข้อสนทนาที่ตัวเองพยายามสร้างขึ้นนั้นไปต่อไม่ได้ หลิวหลี่ถงแบะปากเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง และพูดว่า : “คุณนายสามคะ ให้ฉันช่วยคุณนายแต่งหน้าดีไหม?”

“เอาสิ งั้นก็รบกวนด้วยนะ” เฉินฮวนฮวนคลี่ยิ้ม นี่คือจุดประสงค์ที่เธอมา

เฉินฮวนฮวนนั่งตัวตรง จากนั้นก็หลับตาลง เธอคิดว่าแบบนี้น่าจะอำนวยความสะดวกในการแต่งงานให้กับหลิวหลี่ถงไม่น้อย

ทว่า เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของเฉินฮวนฮวน ท่าทางที่กำลังรอให้คนมาปรนนิบัติรับใช้ตัวเอง หลิวหลี่ถงก็เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่ในใจ

แต่เธอก็จนปัญญา เธอเป็นคนเรียกเฉินฮวนฮวนมาแต่งงานเอง จึงทำได้แค่ช่วยเฉินฮวนฮวนแต่งหน้าต่อไป

ในขณะที่กำลังแต่งหน้านั้น โทรศัพท์ของเฉินฮวนฮวนก็ดังขึ้น เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที และพบว่าเป็นสายของ หลินอวี่หยาง

“ฉันขอรับโทรศัพท์ก่อน” เฉินฮวนฮวนชี้ไปยังโทรศัพท์ของตัวเอง และพูดกับหลิวหลี่ถง

“ได้ค่ะ” หลิวหลี่ถงวางมือทุกอย่าง

เฉินฮวนฮวนกดรับสาย จากนั้นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู และพูดว่า : “หยางหยาง คุณถึงบ้านตระกูลเฟิงแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ ฮวนฮวน ตอนนี้ฉันรออยู่ในห้องรับแขก แม่บ้านหลี่ของพวกคุณปอกผลไม้ให้ฉันเยอะแยะเลย เธอบอกว่าไปหาคุณที่ห้องแล้วแต่ไม่มีใครอยู่ คุณไปไหนเหรอ?” หลินอวี่หยางพูดไปพลางเคี้ยวผลไม้ไปพลาง

“ฉันแต่งหน้าอยู่ที่ตึกของคนใช้ คุณทำตัวตามสบายอยู่ในห้องรับแขกไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันแต่งหน้าเสร็จแล้วจะรีบตามไป?” เฉินฮวนฮวนรีบพูดอย่างรวดเร็ว

“ก็ได้ ฉันจะรอคุณ” หลินอวี่หยางพูดจบ ก็กดวางสายไป

เฉินฮวนฮวนเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองหลิวหลี่ถง ก่อนจะคลี่ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า : “หลี่ถง รบกวนช่วยแต่งหน้าให้ฉันแบบด่วน ๆ เลยนะ พอดีเพื่อนของฉันมาถึงแล้ว”

“ได้แน่นอนค่ะ ฉันเชี่ยวชาญการแต่งหน้าอยู่แล้ว ไม่ถึง 10 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ” หลิวหลี่ถงหยิบฟองน้ำแต่งหน้าขึ้นมาแต่งหน้าให้กับเฉินฮวนฮวนต่อ

“ขอบใจนะ” เฉินฮวนฮวนกล่าวขอบคุณอย่างเกรงใจ

“จริงสิ คุณนายสาม เพื่อนคนนี้ของคุณนายเป็นเพื่อนคนก่อนหน้านั้นของคุณนายใช่ไหม? คุณนายเรียกเธอมาที่บ้านตระกูลเฟิงแบบนี้ ได้บอกคุณชายสามแล้วรึยังคะ?” หลิวหลี่ถงแต่งหน้าไปพลางและถามสถานการณ์ของเฉินฮวนฮวนไปพลาง

“เธอไม่ใช่เพื่อนคนก่อนของฉัน เป็นเพื่อนในค่ายของฉันเอง เพิ่งรู้จักกัน” เฉินฮวนฮวนตอบกลับไปตามความจริง และถามขึ้นอีกครั้งว่า : “เธออยากให้ฉันบอกเฟิงหานชวนก่อนเหรอ? แต่นี่มันไม่ใช่…….”

เธอไม่รู้ว่าทำไมหลิวหลี่ถงถึงได้ถามแบบนี้ เป็นเพราะยังไม่ได้รับการอนุญาตจากเฟิงหานชวน เธอจึงไม่สามารถพาเพื่อนมาบ้านตระกูลเฟิงได้อย่างนั้นเหรอ?

เมื่อวาน เกาเหวินมาที่บ้าน เฟิงหานชวนก็รู้ แต่เขาก็ไม่เห็นจะพูดอะไรเลย แถมเขาก็รู้จักหลินอวี่หยางด้วย ความสัมพันธ์ของตัวเองและเฟิงหานชวน เขาก็เป็นคนบอกหลินอวี่หยางด้วยตัวเอง

หลินอวี่หยางมาหาเธอแล้ว เฟิงหานชวนคงไม่พูดอะไรหรอกมั้ง?

“คุณชายสามเกลียดเวลาที่มีคนแปลกหน้ามาที่บ้านตระกูลเฟิงที่สุด มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณนายรองพาหลานสาวของเธอมาที่บ้าน น่าจะอยากแนะนำหลานสาวของเธอให้กับคุณชายสามได้รู้จัก แต่คุณชายสามกลับส่งคนไปเชิญพวกเธอกลับไป” ถึงแม้ว่าหลิวหลี่ถงจะใช้คำว่า “เชิญ” ก็ตาม แต่ความหมายของมันเฉินฮวนฮวนเข้าใจเป็นอย่างดี

พูดตรง ๆ ก็คือการไล่นั่นแหละ

“อีกอย่าง ตอนนั้นคุณชายสามก็ยังพูดอีกว่า ห้ามพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านตามใจชอบอีก” หลิวหลี่ถงพูดเสริมอีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าข้อมูลนี้ดูน่าเชื่อถือมาก เธอกะพริบตา เพื่อจัดการอารมณ์เล็กน้อย ก่อนจะถามออกไปว่า : “หลี่ถง เธอกำลังจะบอกว่า…. คุณนายรองอยากจะแนะนำหลานสาวของเธอให้เฟิงหานชวนรู้จักงั้นเหรอ?”

เธอรู้จักคุณนายรองแน่นอน ซึ่งก็คือผู้หญิงที่ชื่อว่าหลินเจินผู้ดูแลเรื่องโต๊ะอาหารมื้อค่ำสำหรับเมื่อคืนนี้ และเป็นคนที่เธอเรียกว่า “พี่สะใภ้รอง” ด้วย

“อ่า คุณนายสาม ขอโทษนะคะ ฉัน ……. ฉันพูดหลุดปากพูดออกไปแล้ว!” หลิวหลี่ถงรีบยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองทันที ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าตกใจว่า : “ฉันคิดว่าคุณนายรู้แล้ว แต่กลายเป็นว่าคุณนายยังไม่รู้ งั้นฉัน……ฉันพูดออกไปได้ยังไงเนี่ย…….จะทำยังไงดี……..”

“หลี่ถง เธออย่าเพิ่งกังวลสิ ฉันไม่บอกใครหรอก ฉันแค่อยากรู้สถานการณ์เฉย ๆ” เฉินฮวนฮวนรีบปลอบหลิวหลี่ถงทันที

“จริง ๆ นะคะ? คุณนายสาม คุณนายจะไม่บอกคุณชายสามจริง ๆ นะคะ? ถ้าคุณชายสามรู้ว่าฉันพูดจาไร้สาระแบบนี้ละก็ ฉันต้องโดนไล่ออกแน่ ๆ ”

เมื่อหลิวหลี่ถงพูดจบ ก็ “สบถ” ออกมาด้วยความกังวลใจ เธอคุกเข่าลงข้างกายของเฉินฮวนฮวน จับมือของเฉินฮวนฮวน และรีบอธิบายด้วยความร้อนใจว่า : “เงินเดือนของฉันเพิ่งขึ้น อยากจะทำงานในบ้านตระกูลเฟิงต่อ ขอร้องละคะคุณนายอย่าบอกคุณชายสามเลย……….”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร คุณนายสาม ฉันแค่กลัวว่าสาวใช้คนอื่นจะรู้ พวกเธอจะอิจฉา ก็เลยไม่ได้พูดออกมา คุณห้ามบอกสาวใช้คนอื่นนะคะว่าคุณชายสามขึ้นเงินเดือนให้ฉัน”

หลิวหลี่ถงทำท่าทางสนิทสนม จับมือเฉินฮวนฮวน แสร้งทำเป็นเห็นแก่ภาพลักษณ์ของเฟิงหานชวน

“อืมอืมโอเค ฉันจะไม่เอาไปพูด ฉันเองก็ไม่คุ้นเคยกับคนอื่น” เฉินฮวนฮวนตอบอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ลังเล

อันที่จริง นอกจากแม่บ้านหลี่และผู้ดูแลจาง เธอก็ไม่คุ้นเคยกับคนรับใช้คนอื่น แต่หลิวหลี่ถงเคยคุยกับเธอไม่กี่คำ ครั้งที่เข้าใจผิดคิดว่าเสียงของเฉินนานาเป็นเสียงเธอ เธอก็เลยอธิบายจึงทำให้เธอและหลิวหลี่ถงคุ้นเคยกันเล็กน้อย

แต่ก็ไม่ได้คุ้นเคยขนาดนั้น

“ขอบคุณคุณนายสามมากๆนะคะ” หลิวหลี่ถงยืนใกล้เฉินฮวนฮวน ยิ้มจนเห็นฟันเรียงขาว

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเหมือนมีลูกบอลสองลูกมาถูที่แขนของเธอ โชคดีที่เธอเป็นผู้หญิง ถ้าเธอเป็นผู้ชาย เธอคงจะมีความสุขไม่น้อย

จะว่าไปแล้ว รูปร่างของหลิวหลี่ถงดีมาก

“ไม่เป็นไร ฉันควรขอบคุณเธอมากกว่า อายุเราน่าจะเท่ากัน เรียกฉันว่าฮวนฮวนก็พอ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเธอเริ่มคุ้นเคยกับหลิวหลี่ถง เธอเองก็ไม่อยากถืออะไรมาก

คุณนายสามอะไรกัน ฟังดูแข็งกระด้างเกินไป อีกอย่างเธอและหลิวหลี่ถงก็เป็นสาวเหมือนกัน ดังนั้นเรียกชื่อแทนน่าจะดีกว่า

“ไม่กล้าหรอกค่ะ ถ้าผู้ดูแลจางได้ยิน ฉันถูกลงโทษแน่ๆ” หลิวหลี่ถงทำหน้าเหมือนกลัว แต่ที่จริงแล้วเธอแอบด่าเฉินฮวนฮวนในใจ

เธอรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนตั้งใจ ถ้าเธอเรียกชื่อเฉินฮวนฮวน เมื่อผู้ดูแลจางหรือแม่บ้านหลี่ได้ยิน ไม่แน่เธออาจจะถูกไล่ออก

มีใครที่ไหนเรียกชื่อของเจ้านาย?

ในใจของเธอ เธอไม่ยอมรับว่าเฉินฮวนฮวนเป็นเจ้านาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะในความเป็นจริงเฉินฮวนฮวนเป็นเจ้านายของเธอ ก็แค่เป็นคนวาสนาดี

“เดี๋ยวฉันจะบอกผู้ดูแลจางเอง เขาไม่ลงโทษหรอก ไม่ต้องห่วง” เฉินฮวนฮวนคิดว่าหลิวหลี่ถงกลัวจริงๆ ดังนั้นเธอจึงปลอบโยน

“ไม่เป็นไรจริงๆ! คุณนายสาม ฉันซาบซึ้งในความตั้งใจของคุณมาก แต่ฉันไม่อยากทำเกินขอบเขต” หลิวหลี่ถงจับมือเฉินฮวนฮวน จับแน่นขึ้น แต่สิ่งที่พูดมาสุภาพมาก

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ยังไงก็ขอบคุณเธอมากนะ” เฉินฮวนฮวนก็ไม่อยากทำให้คนอื่นลำบากใจเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้จะพูดอะไรอีก หลิวหลี่ถงก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เธอกลอกตาอย่างลับๆ และถามว่า: "คุณนายสาม วันนี้คุณแต่งตัวสวยมาก คุณจะไปไหนเหรอคะ?"

“เพื่อนของฉันจะมาหาฉัน บอกว่าจะพาฉันออกไปเที่ยว” เฉินฮวนฮวนตอบตามความจริง

“แบบนี้นี่เอง แต่ฉันรู้สึกว่า คุณนายสามยังขาดอะไรบางอย่าง” หลิวหลี่ถงปล่อยมือเฉินฮวนฮวน เดินไปยืนอยู่ข้างหน้าเฉินฮวนฮวน และมองดูเธอหัวจรดเท้า

เฉินฮวนฮวนดูงุนงงและถามว่า :“ขาดอะไรเหรอ?”

“ฉันรู้แล้ว คุณนายสามยังไม่ได้แต่งหน้า ฉันมีทักษะการแต่งหน้าที่ดีมาก ให้ฉันแต่งหน้าให้คุณไหม?” หลิวหลี่ถงเสนอแนะ

“แต่งหน้า?” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง

ดูเหมือนว่าหลินอวี่หยางยังไม่มา เธอไม่ค่อยได้แต่งหน้า แต่จริงๆแล้วเธอก็อยากแต่งหน้าเช่นกัน

“ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันก็เกือบจะทำความสะอาดห้องนั่งเล่นเสร็จแล้ว ถ้างั้นคุณนายสามไปที่ห้องของฉัน ฉันจะแต่งหน้าอ่อนๆให้คุณ” หลิวหลี่ถงจับแขนของเฉินฮวนฮวนอย่างคุ้นเคย

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เฉินฮวนฮวนก็เดินตามหลิวหลี่ถงไปที่ห้องสาวใช้

ตั้งแต่เธอเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าไปในพื้นที่ของคนใช้

หลิวหลี่ถงแยกห้องอยู่คนเดียว ห้องค่อนข้างเล็กและรกนิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นระเบียบ

เธอเคยไปที่ห้องเช่าของหลิวเยว่เอ่อร์ แม้ว่าสภาพแวดล้อมและทิวทัศน์จะสวยงาม แต่ห้องรกรุงรัง

เมื่อนึกถึงหลิวเยว่เอ่อร์ที่อยู่ในเรือนจำ และนึกถึงหลิวเยว่เอ่อร์ยอมขายสร้อยคอของเธอแม่เพื่อเงิน จนถึงตอนนี้เฉินฮวนฮวนก็ยังปล่อยวางไม่ได้

“คุณนายสาม ทำไมคุณถึงดูเหม่อลอย? เพราะว่าที่นี่รกเกินไปหรือเปล่า?” หลิวหลี่ถงเห็นเฉินฮวนฮวนจ้องมองที่ห้องของเธออย่างเหม่อลอย รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ดังนั้นจึงถามออกมา

เพียงแต่เธอไม่กล้าแสดงความไม่พอใจ แสร้งทำเป็นถามอย่างระมัดระวัง

เฉินฮวนฮวนได้สติกลับมา ส่ายหัวอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า:"ไม่ใช่ ฉันคิดว่าห้องของเธอค่อนข้างเป็นระเบียบ"

“แล้วคุณรู้สึกว่าห้องนี้เล็กไปไหม? ก้าวเท้าไม่ออก?” หลิวหลี่ถงถามอีกครั้ง

“เปล่า ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ห้องที่ฉันเคยอยู่เล็กกว่าห้องเธอ อีกอย่างฉันไม่ได้อยู่คนเดียว อยู่กับคุณยายฉัน” เฉินฮวนฮวนไม่ได้โกหกและพูดตามความจริง

ตระกูลเฉินดีสู้ตระกูลเฟิงไม่ได้ ไม่มีพื้นที่สำหรับคนใช้ มีเพียงห้องพี่เลี้ยงเล็กๆที่มุมชั้นล่าง เธอกับคุณยายของเธอแออัดอยู่ในห้องพี่เลี้ยงนั้น

แม้ว่าห้องจะเล็ก แต่คุณยายก็รักษาความสะอาดและจัดเป็นระเบียบอยู่เสมอ

เฉินฮวนฮวนคิดถึงคุณยายของเธอ แม้แต่หน้าครั้งสุดท้ายของคุณยายเธอก็ไม่ได้เจอ ตอนที่เธอถูกขาย ยายของเธอก็เสียชีวิตด้วยอาการป่วย

นี่คือเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเธอ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เบ้าตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

หลิวหลี่ถงมองดูท่าทางของเฉินฮวนฮวน และรู้สึกว่าเธอกำลังเสแสร้ง สภาพในอดีตแย่มาก บ้านที่อาศัยอยู่ยังเล็กกว่าห้องคนใช้ของเธอ แต่ตอนนี้เธอสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเฟิงและกลายเป็นคุณนายสามผู้สูงส่ง

หลิวหลี่ถงยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บใจมากขึ้น

“คุณนายสาม เชิญนั่งทางนี้ ฉันจะช่วยคุณแต่งหน้า” หลิวหลี่ถงจับแขนของเฉินฮวนฮวนและพาเธอไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง

เมื่อเฉินฮวนฮวนนั่งลง เห็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชื่อดัง เครื่องสำอาง และน้ำหอมทุกชนิดบนโต๊ะเครื่องแป้ง

แม้ว่าปกติแล้วเธอจะไม่ได้ใช้ของเหล่านี้ แต่เฉินฮวนฮวนรู้จักแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ และรู้ราคา ทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพงมาก

“นี่คือสกินแคร์ เอสเค-ทู ใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนชี้ไปที่ขวดน้ำที่อยู่ข้างหน้าและถาม

“ใช่ค่ะ และขวดนี้คือลาแมร์” หลิวหลี่ถงพยักหน้า หยิบขวดครีมขึ้นมาแนะนำอย่างภูมิใจ

แม้ว่าเธอจะเป็นแค่สาวใช้ แต่ในแง่การใช้ชีวิต เธอไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นสาวใช้ เธอใช้เงินเดือนของเธอหมดทุกเดือน

นอกจากการซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชื่อดังแล้ว เธอยังซื้อเครื่องประดับ กระเป๋า และเสื้อผ้าชื่อดังอีกด้วย เป็นพวกใช้เงินชนเดือน

“ว้าว พวกนี้ราคาแพงมาก” เฉินฮวนฮวนอุทานออกมาโดยไม่ตั้งใจ

หลิวหลี่ถงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และตระหนักว่าเธอหลุดควบคุมตัวเอง เธอจึงรีบเปลี่ยนคำ และกล่าวว่า: "คุณนายสาม ปกติฉันก็กินอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง และเงินเดือนของฉันก็ใช้ซื้อของเหล่านี้หมด ฉันเป็นลูกจ้างของบ้านตระกูลรวย เงินเดือนก็ไม่น้อย ของพวกนี้ฉันพอซื้อไหว”

เหตุผลที่เธอหัวเราะเมื่อกี้ เพราะรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนเป็นแค่คนบ้านนอกคอกนา ท่าทางไม่เคยเห็นตลาดมาก่อน ยังรู้สึกว่าของพวกนี้แพงอีก

ดังนั้นเธอจึงหัวเราะ หัวเราะแบบเยาะเย้ย แต่เนื่องจากฐานะปัจจุบันของเฉินฮวนฮวน เธอจึงยิ้มและอธิบายให้เฉินฮวนฮวน

"หยางหยาง ฉัน ฉัน…"เฉินฮวนฮวนลังเลและพูดไม่ออก

เมื่อนึกถึงฉากเมื่อคืนนี้ ทำให้ตอนนี้เธอหน้าแดงและหัวใจเต้นรัว เธอส่ายหัวด้วยความเสียใจที่ทำลงไป

เธอไม่น่าเริ่มไปยั่วยุเฟิงหานชวนก่อนเลย ถึงอย่างไรเธอก็อายุน้อยกว่า ส่วนเฟิงหานชวนก็อายุมากกว่า เขาเลยใช้หลายวิธีเพื่อลงโทษเธอ และพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้นอนเกือบทั้งคืน

เขามีเล่ห์เหลี่ยมมากเกินไป คืนนั้นเธอสงสัยจริงๆว่าเฟิงหานชวนไม่ใช่ผู้ชายที่บริสุทธิ์ สรุปคำตอบของเฟิงหานชวนคือเขาเป็นคนที่เก่งได้โดยไม่ต้องมีครู

คำว่าเก่งได้โดยไม่ต้องมีครูนั้น เธอคงจะไม่กล้ายั่วโมโหเฟิงหานชวนอีกต่อไป!

อย่างไรเสียเธอก็ถูกบังคับให้ยอมรับในบทเรียน

"เอ้า พูดไม่ออกเหรอ? เหมือนฉันจะเดาถูกนะ พวกเธอทั้งสองคงไม่มีอะไรกันมาครึ่งเดือนแล้ว เมื่อคืนคงทั้งคืน…ฮิฮิฮิ…."หลินอวี่หยางพูดติดตลกในขณะที่หัวเราะไปด้วย

เฉินฮวนฮวนรีบปฏิเสธ: "ไม่ ไม่ หยางหยาง ประจำเดือนของฉันมา เรามีไม่ได้มีอะไรกัน…"

เธอเกาผมของเธอด้วยความหงุดหงิด

เมื่อคืนพวกเขาไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่านั้นมากเท่าไหร่นัก

“โอ้~~~ ได้ใกล้ชิดกันใช่ไหมล่ะ? จริงๆตามนาฬิกาชีวิตปกติของคนเรา เราควรตื่นอย่างน้อย 7 หรือ 8 โมงเช้า"นิสัยของหลินอวี่หยางเป็นคนตรงไปตรงมา และเธอไม่อายเลยที่จะพูดหรือทำในสิ่งต่างๆ

เฉินฮวนฮวนพูดไม่ออก เธอถูกหลินอวี่หยางเดาออกได้หมดจริงๆ เธอตอบได้เพียงเบาๆว่า "อืม" เท่านั้น

"จริงเหรอ? บ้าจริง ฉันเดาถูกจริงๆด้วย! วันนี้อยากชวนเธอออกไปหาอะไรทำ พลังงานของเธอจะหมดหรือยัง? หรือต้องการที่จะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน? "หลินอวี่หยางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นและพูดต่อว่า: "ฮวนฮวน เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน?"

"เธออยู่ที่บ้านเหรอ?"เฉินฮวนฮวนถามกลับไปโดยไม่รู้ตัว

"ผิด ฉันกำลังไปบ้านตระกูลเฟิง"หลินอวี่หยางหัวเราะคิกคักและพูดว่า: "เธอไม่รับสาย ฉันเลยถามที่อยู่กับเฟิงเฉินเหยี่ยน และตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ในรถ"

"ฮวนฮวน ถ้าเธอเหนื่อยก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะ ฉันจะได้ให้คนขับรถพาฉันกลับ"หลินอวี่หยางรีบพูดเสริม

"เธอไม่ต้องกลับ หยางหยาง ไหนๆเธอก็มาแล้ว งั้นพวกเราออกไปหาอะไรทำกันไหม? ฉันไม่ได้เหนื่อยสักหน่อย!"ในขณะที่พูดเฉินฮวนฮวนก็ลุกออกจากเตียงและบิดขี้เกียจ

"จริงเหรอ? งั้นสักพักเจอกัน! "หลินอวี่หยางพูดอย่างตื่นเต้นและวางสายทันที

เมื่อมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์สีดำ เฉินฮวนฮวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ตอนนี้เธอรู้สึกสบายใจ

ในเวลาเพียงครึ่งเดือน เธอกับหลินอวี่หยางกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและพูดคุยกันทุกเรื่อง หลินอวี่หยางดูเหมือนจะมีพลังเวทมนตร์พิเศษซึ่งทำให้เธอรู้สึกสบายใจเสมอ

เมื่อวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างๆเตียง เฉินฮวนฮวนก็เหลือบมองลงที่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัว และพบว่าแม้แต่แขนของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยแดง

เธอคิดได้ว่าหลินอวี่หยางกำลังจะมาในไม่ช้า เธอจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและรีบเข้าไปในห้องน้ำ เธอรีบเข้าไปยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้าและรีบแปรงฟันล้างหน้าของเธอทันที

ในขณะที่แปรงฟัน เธอส่องกระจกอีกครั้งแล้วเธอก็ตกใจ

เพราะชุดนอนที่เธอใส่เป็นชุดกระโปรงสายเดี่ยว ทำให้เธอเห็นคอ กระดูกไหปลาร้า ไหล่ แขน หลัง ขา…เกือบทั้งตัวถูกปกคลุมไปด้วยรอยประทับ

เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นรอยเหล่านี้ ก็ทำให้เธอนึกถึงตอนที่เฟิงหานชวนทำรอยเหล่านี้ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้จริงๆ ราวกับว่าผิวของเธอถูกจุดไฟ

เธอหน้าแดงอีกครั้งและหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอแปรงฟันโดยหันหลังให้กระจกและไม่กล้ามองตัวเองอีก

หลังจากรีบแปรงฟันและล้างหน้า เฉินฮวนฮวนกำลังจะเปลี่ยนผ้าอนามัยแต่กลับพบว่าไม่มีเลือดบนผ้าอนามัยที่ใส่ไว้เมื่อคืนนี้

แปลกจัง คราวก่อนประจำเดือนของเธอยังมาปกติอยู่เลย ทำไมครั้งนี้วันแรกถึงมาน้อยจัง?

อีกสักพักเธอต้องออกไปหาอะไรทำแล้ว หลังจากจัดการกับเรื่องผ้าอนามัยเรียบร้อยแล้วเธอก็ออกมาและเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง

เธอไม่ได้ออกไปซื้อของมาหลายปีแล้ว ยกเว้นแค่กระเป๋านักเรียนเก่าๆใบหนึ่ง เฉินฮวนฮวนเดินไปที่ห้องถัดไปและพบกับถุงช้อปปิ้งสีม่วงอ่อน

เธอสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวและกางเกงยีนส์ และสะพายกระเป๋าแบบผู้หญิงๆ ซึ่งดูไม่เหมาะเลยสักนิด

ดังนั้นเฉินฮวนฮวนจึงพลิกดูพวกถุงช้อปปิ้งอีกครั้งและพบกับชุดเดรสสีเบจ ส่วนกระโปรงทำจากเส้นด้ายและส่วนบนก็เป็นแบบถัก

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนชุด และหลังจากที่ลงไปข้างล่าง เธอก็บังเอิญไปเจอหลิวอวี่ถงที่กำลังถูพื้นอยู่ในห้องนั่งเล่น

เมื่อนึกถึงผ้าอนามัยสองห่อเมื่อคืนนี้ เธอรีบเดินไปข้างหน้าและยิ้มและขอบคุณ: "หลิวอวี่ถง ขอบคุณที่ให้ผ้าอนามัยสองห่อเมื่อคืนนี้ ฉันจะโอนเงินให้คุณ เท่าไหร่เหรอ? ฉันไม่สามารถเอาของคุณมาเปล่าๆได้หรอก"

หลิวอวี่ถงหันกลับมามองเฉินฮวนฮวนอย่างมึนงง

ตอนที่เฉินฮวนฮวนเพิ่งเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิงเธอแต่งตัวธรรมดาๆ และตอนนี้เธอแทบจะจำเฉินฮวนฮวนไม่ได้เลย

วันนี้เฉินฮวนฮวนสวมชุดเดรสสีเบจ ชุดนี้ช่วงบนเป็นแบบรัดรูปและฟูฟ่อง ทำให้รูปร่างของเฉินฮวนฮวนดูดีมาก

อย่างกับสะใภ้สาวที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวย!

เธอคิดในใจ ตราบใดที่เธอมีเงิน บุคลิกและสไตล์ของเธอก็จะเปลี่ยนไป เธอเองก็อยากใส่เสื้อผ้าแบบนี้เหมือนกัน!

"หลิวอวี่ถง สองห่อน่าจะ 30 หยวนใช่ไหม? ฉันเพิ่มวีแชทของคุณและจะโอนเงินคุณให้นะ"เฉินฮวนฮวนเห็นหลิวอวี่ถิงอึ้งไปเลยถามอีกครั้ง

จากนั้นหลิวอวี่ถงก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เธอพบว่าทัศนคติของเฉินฮวนฮวนนั้นดีมาก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าอับอายเมื่อคืนนี้คุณชายสามต้องไม่ได้บอกเฉินฮวนฮวนแน่ๆ

ทำไมคุณชายสามถึงไม่บอกเฉินฮวนฮวนล่ะ?

คุณชายสามน่าจะไว้หน้าเธอหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะคุณชายสามกำลังปิดบังเฉินฮวนฮวน หรือมีความหมายอื่น?

"คุณนายสาม ฉันเป็นสาวใช้ในบ้านตระกูลเฟิง ฉันกินอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง อย่างไรก็ตามผ้าอนามัยแค่สองห่อมันราคาไม่เท่าไหร่ ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอกค่ะ"

แม่บ้านมาหาเธอเมื่อเช้านี้และบอกเธอว่าเงินเดือนของเธอเพิ่มขึ้นแล้ว เธอรู้ว่าคุณชายสามต้องทำตามสัญญาของเธอ แล้วเธอจะรับเงินหลายสิบหยวนจากเฉินฮวนฮวนได้อย่างไร?

"ถ้าอย่างนั้นขอโทษจริงๆ หรือว่า…ฉันให้อะไรให้คุณดี? ฉันยังมีขนมอยู่เยอะนะ ฉันให้คุณสักสองสามห่อเถอะ? "เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการเอาของของคนอื่นไปเปล่า ๆ นี่คือความจริงที่คุณยายสอนเธอเสมอ

เธอหันเพื่อขึ้นไปชั้นบน แต่หลิวอวี่ถงก็ดึงเธอไว้ก่อน หลิวอวี่ถงพูดด้วยน้ำเสียงไม่อดทน: "คุณนายสาม คุณต้องไม่ทำเช่นนี้ มันจะส่งผลร้ายต่อฉัน คุณชายสามได้ขึ้นเงินเดือนให้ฉันแล้ว ถ้าคุณชายสามรู้ว่าฉันยังรับเงินคุณอยู่ ฉันจะโดนไล่ออกหรือเปล่า?"

"อ่อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอโทษจริงๆ…"เฉินฮวนฮวนรู้สึกอาย เธอเกาหัวและพูดว่า: "ฉันไม่รู้ว่าอาหานจะเพิ่มเงินเดือนให้คุณ ฉันคิดว่าเขาเอาของของคุณไปเปล่าๆ ฉันขอโทษ"

หลิวอวี่ถงแอบกลอกตา

เมื่อคืนดูเหมือนว่าคุณชายสามจะกังวลเรื่องของเฉินฮวนฮวนมาก แต่เธอก็ไม่ได้บอกเฉินฮวนฮวนเกี่ยวกับรายละเอียดเหล่านี้ หรือว่าเธอคิดผิดหรือเปล่า หรือว่าคุณชายสามไม่ได้ใส่ใจเฉินฮวนฮวนขนาดนั้น?

ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสองคนรู้จักกันไม่ถึงหนึ่งเดือน และมันเป็นการแต่งงานที่ถูกจัดโดยนายท่านเฟิง ดังนั้นความรู้สึกของคุณชายสามที่มีต่อเฉินฮวนฮวนไม่น่าจะลึกซึ้งขนาดนั้น

ดวงตาที่เปล่งประกายของเฉินฮวนฮวน จ้องไปที่ชายตรงหน้าด้วยดวงตาที่สดใส

“ฮวนฮวน คุณรู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายหลายครั้ง

“ฉันรู้ ฉันกำลังยั่วยวนคุณ” เฉินฮวนฮวนกลอกตาไปมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

เฟิงหานชวนยังไม่ตอบ เธอก้มศีรษะลงและปิดปากของชายหนุ่ม

เฟิงหานชวนประหลาดใจยิ่ง เฉินฮวนฮวนในขณะนี้ ราวกับถูกวิญญาณชั่วร้าย ถึงได้กลายเป็นคนริเริ่มเรื่องแบบนี้เอง

เฉินฮวนฮวนพยายามที่จะใช้เทคนิค แต่มันซุ่มซ่ามมาก แต่ว่าความซุ่มซ่ามดังกล่าวกลับจุดไฟทั้งหมดในตัวของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนตระหนักว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้กะทันหัน เขาผลักเฉินฮวนฮวนออกในทันที ลุกขึ้นนั่งและหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ

เฉินฮวนฮวนล้มลงด้านข้างโดยไม่คาดคิด เธอนอนตะแคงยันศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งหันหน้าไปทางเฟิงหานชวน เฝ้าดูการกระทำของเฟิงหานชวนโดยไม่กระพริบตา

เฟิงหานชวนหันศีรษะไปก็เห็นหญิงสาวยิ้มอย่างมีเสน่ห์ไม่อายเหมือนเมื่อก่อน

“ฮวนฮวน เธอ……” เฟิงหานชวนสงสัยว่าเฉินฮวนฮวนถูกปีศาจจิ้งจอกเข้าสิง

“อาหาน~~ทำไมคุณถึงผลักฉันออกไป~~” เฉินฮวนฮวนกระพริบตาอีกทั้งยังแกล้งเลียริมฝีปาก

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะระเบิด

“เฉินฮวนฮวน! คุณรู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังทำอะไร!” เขาขู่กระซิบ

จะบ้าตาย!

เขาถูกแหย่จนควันออกหู

เมื่อเห็นท่าทางของเฟิงหานชวนที่สูญเสียการควบคุม เฉินฮวนฮวนมีความรู้สึกพอใจอยู่เงียบๆ

ทุกครั้งเป็นเฟิงหานชวนที่เป็นผู้ครอบงำ เธอจะต้องไม่ยอมแพ้และปล่อยให้เฟิงหานชวนลิ้มรสฤทธิ์เดชของเธอบ้าง

อย่างนี้แล้ว เฟิงหานชวนก็จะไม่กล้ารังแกเธออีกต่อไป

“ฉันรู้ เมื่อครู่ฉันได้ตอบคุณแล้วไม่ใช่หรือ?” เฉินฮวนฮวนทำหน้าบึ้งและตอบด้วยใบหน้าแบบผู้บริสุทธิ์

“……” เฟิงหานชวนเกือบลืมไปว่าเมื่อครู่เฉินฮวนฮวนได้ตอบไปแล้ว

คำตอบของเธอคือเธอกำลังดื่มด่ำในตัวเขา

“คุณถูกสิงหรือเปล่า” เฟิงหานชวนมองไปที่แววตาของเฉินฮวนฮวนและถามด้วยเสียงทุ้ม

“เปล่าสักหน่อย” เฉินฮวนฮวนวางฝ่ามือลงบนผ้าปูที่นอนแล้วลุกขึ้นนั่ง หลังจากนั้นพุ่งตัวไปข้างหน้า

มือทั้งสองข้างคล้องที่คอของชายหนุ่ม เธอรอแทบไม่ไหวที่จะยึดติดกับร่างกายของเขา เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “อาหาน คิดไม่ถึงว่าคุณจะเชื่อเรื่องผีสางเทวดาด้วย……”

“เฉินฮวนฮวน คุณพอได้แล้ว!” เฟิงหานชวนสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง เซลล์ประสาททั่วร่างกายของเขาส่งเสียงโห่ร้อง

มองดูท่าทีอดทนอดกลั้นของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนกลั้นหัวเราะไว้ เธออยากหัวเราะจริงๆ แต่ก็ไม่กล้าที่จะหัวเราะมากเกินไป

เธอทำได้เพียงยิ้มเล็กน้อยแล้วถามอย่างนุ่มนวลว่า: "อาหาน คุณบอกว่าจะลงโทษฉันไม่ใช่เหรอ? งั้นคุณก็มาลงโทษฉันตอนนี้สิ~"

“เฉินฮวนฮวน นี่คุณจงใจใช่ไหม?” เฟิงหานชวนคว้าข้อมือหญิงสาวแล้วตะโกนอย่างโกรธเคือง: “คุณก็รู้สถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ดี ผมจะลงโทษคุณได้ยังไง?”

"เสียงหัวเราะ–"

ในที่สุดเฉินฮวนฮวนก็อดไม่ได้เลยหัวเราะออกมา

เฟิงหานชวนดูออกว่าเธอหมายถึงอะไร เขาโกรธจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดขึ้นมา เขาบีบที่ข้อมือของเธอด้วยแรงเพียงเล็กน้อย

“โอ๊ย เจ็บ!” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้ว พยายามจะดึงมือกลับ แต่ดึงยังไงก็ดึงกลับไม่ได้

เฟิงหานชวนคลายมือ แต่ไม่ได้ปล่อย เฉินฮวนฮวนค่อยๆคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ รู้สึกว่าแหย่เฟิงหานชวนแบบนี้ก็ไม่ค่อยสนุก แถมยังทำให้เฟิงหานชวนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“ฉันไม่แกล้งคุณแล้ว คุณปล่อยมือฉันเถอะ ฉันจะไปนอนแล้ว” เฉินฮวนฮวนขี้ขลาดขึ้นมา เธอไม่สามารถเอาชนะเฟิงหานชวน พลางเม้มริมฝีปากและพึมพำว่า “ข้อมือเจ็บมาก……”

“เฉินฮวนฮวน แกล้งผมเล่นสนุกไหม?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึม ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวอ่อนแอตรงหน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ฉัน……ฉันไม่ได้ตั้งใจแกล้งคุณ คุณบอกเองว่าอยากลงโทษฉัน ฉันเลยคิดว่าฉันก็สามารถลงโทษคุณได้…..” เฉินฮวนฮวนกัดปากตัวเองแล้วพูดว่า “ผู้ชายและผู้หญิงเท่าเทียมกัน แบบคุณเรียกว่าให้เพียงเจ้าหน้าที่จุดไฟ แต่ไม่ให้ประชาชนจุด”

ให้เพียงเจ้าหน้าที่จุดไฟแต่ไม่ให้ประชาชนจุด?

เฟิงหานชวนกระตุกมุมปากหลายครั้ง

“เฉินฮวนฮวน คุณคิดว่านี่คือความหมายหรือ?” เขารู้สึกปวดหัว รู้สึกว่าปวดหัวจริงๆ

หญิงสาวด้านหน้าที่ตอนนี้สวมชุดนอนกระโปรงอยู่ เป็นชุดนอนกระโปรงผ้าไหมสายเดี่ยว และยังมีใบหน้าที่มีเสน่ห์ เสียงของเธอออดอ้อนมากเกิน และเขาควบคุมมันไม่ได้จริงๆ

แต่ว่า เขารู้ดีว่าตอนนี้มีญาติพี่น้องอยู่ติดตัวเฉินฮวนฮวน เขาจึงไม่สามารถทำอะไรกับเธอได้เลย คนที่รู้สึกไม่สบายก็คือตัวเขาเอง

“แน่นอนว่ามันมีความหมายเดียว!” เฉินฮวนฮวนมองเฟิงหานชวนอย่างจริงจัง จากนั้นพยักหน้าอย่างจริงจังและกล่าวว่า “คุณได้รับอนุญาตให้ลงโทษฉัน ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ลงโทษคุณ อย่างนี้ไม่ใช่เพียงอนุญาตให้เจ้าหน้าที่จุดไฟ แต่ไม่อนุญาตให้ประชาชนจุดไฟ "

“……” ปากของเฉินหานชวนกระตุกแล้วแล้วกระตุกอีก

“การลงโทษฉันของคุณ คือกินฉัน ส่วนการลงโทษคุณของฉันคือ……ทำให้คุณไม่สามารถกินได้ ฮิฮิ!” เฉินฮวนฮวนเอียงตัวไปกระซิบที่ข้างหูของชายหนุ่ม

หลังจากพูดจบ เธอยังยิ้มเจ้าเล่ห์เปิดเผยฟันขาวสะอาดที่เรียงเป็นแถว ดูแล้วรู้สึกอยากต่อยเป็นพิเศษ

ดังเสมือนหนูตัวน้อยที่ได้ใจ

“ฮวนฮวน” ชายหนุ่มพูดอย่างเย็นชา ลดเสียงลงแล้วถามว่า “เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอกำลังเล่นกับไฟอยู่?”

“ฉันรู้!” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอย่างดุดัน ยังคงมีรอยยิ้มได้ใจอยู่บนใบหน้าของเธอ

ตอนนี้เธอสามารถเล่นได้มากเท่าที่เธอต้องการ เพราะเธอรู้ว่าๆเฟิงหานชวนไม่สามารถทำอะไรกับเธอได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินฮวนฮวนก็หัวเราะจนปากฉีก

ก่อนที่เธอจะภูมิใจมากจนพอ ชายหนุ่มก็พลิกตัวและกดเธอให้อยู่ภายใต้ตัวเขา

“เฟิงหานชวน คุณ……คุณต้องการทำอะไร?” ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว

เพราะเธอรู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาโดยสัญชาตญาณ

“ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะแตะต้องคุณไม่ได้ แต่……ผมจะทำให้คุณรู้ว่ามีอีกมากมายหลายวิธีที่จะลงโทษคุณได้”

เสียงของชายหนุ่มทุ้มและหนักแน่น มีแรงดึงดูดที่อธิบายไม่ได้ แต่มันทำให้รู้สึกร้อนรนกระวนกระวายใจ

“มากมายหลายวิธี…” เฉินฮวนฮวนยิ่งสับสนและกังวลมากขึ้น

ยังมีวิธีลงโทษอะไร?

“ผมจะให้คุณได้ลิ้มรสตอนนี้” เฟิงหานชวนขดริมฝีปากและยื่นมือไปจับข้อมือของหญิงสาว

เขาจะทำให้เฉินฮวนฮวนรู้ว่าการหยอกล้อเขาจะต้องลงเอยอย่างไร

……

เมื่อเฉินฮวนฮวนตื่นขึ้น เห็นดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าข้างนอก

เธอรีบเอื้อมมือออกไปที่โต๊ะบนหัวเตียง หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา วางไว้ตรงหน้าแล้วดู ปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาแล้ว!

เธอนอนถึงช่วงเวลาเที่ยง!

เดี๋ยวก่อน เธอยังเห็น 55 สายที่ไม่ได้รับบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ทั้งหมดเป็นสายที่โทรมาจากหลินอวี่หยาง

ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ จนถึงเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว มีสายเรียกเข้ามากมายขนาดนี้

เฉินฮวนฮวนรีบโทรกลับและสายก็เชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว

“ฮวนฮวน ทำไมคุณเพิ่งรับสาย? ฉันคิดว่าคุณถูกลักพาตัวไป!” หลินอวี่หยางตะโกน

“ขอโทษนะหยางหยาง โทรศัพท์ของฉันดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นโหมดปิดเสียง และฉันก็ไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย ฉันเพิ่งตื่นนอนเลยพึ่งเห็น” เฉินฮวนฮวนอธิบายตามความจริง

“เธอไม่มีเวลาดูโทรศัพท์มือถือเลยหรือ?” เสียงของหลินอวี่หยางเปลี่ยนจากกังวลเป็นคลุมเครือ หัวเราะและถามว่า: “ฮวนฮวน เมื่อคืนเธอกับเฟิงหานชวน สายฟ้าสวรรค์ชักนำพสุธาไฟหรือ?”

“ขอโทษ ดังนั้นที่ฉันพูดเมื่อกี้ ถือว่าเราสองคนเสมอกันแล้ว ห้ามใครตำหนิตัวเองอีก”

เฉินฮวนฮวนก้มหน้าลงอย่างหดหู่ใจ ประเด็นหลักคือเธอไม่กล้าที่จะสบตาของเฟิงหานชวนโดยตรงต่างหาก เธอรู้สึกว่าความคิดเมื่อสักครู่ของตัวเอง ดูไม่มีจริยธรรมเอาเสียเลย

“ฮวนฮวน เมื่อกี้คุณคิดว่า…..ผมจะถูกผู้หญิงคนอื่นปอกลอกเหรอ?” หลังจากที่ผู้ชายคนนี้ได้สติกลับมา สีหน้าก็เคร่งขรึมลงทันที

เฉินฮวนฮวนชำเลืองตามองผู้ชายคนนี้ด้วยท่าทางระมัดระวัง หัวใจของเธอเต้นแรงจนไม่อาจควบคุมได้ สีหน้าของเฟิงหานชวนในตอนนี้ดูน่ากลัวมาก บรรยากาศที่เย็นยะเยือกรอบตัวก็สร้างความน่ากลัวให้ไม่น้อย

“ไม่ ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอยากจะให้คุณถูกผู้หญิงคนอื่นปอกลอกหรอกนะ ฉันคิดว่ารูป …… รูปร่างคุณดีมาก…..” หลังจากที่พูดประโยคสุดท้ายออกไป เนื่องจากขาดความมั่นใจ เฉินฮวนฮวนจึงพูดตะกุกตะกักไปโดยปริยาย

“คิดว่ารูปร่างของผมดีเหรอ?” ผู้ชายคนนี้บีบเข้าไปใกล้ตัวเธอ แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับเย็นเยียบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเหมือนโดนคุกคามอย่างบอกไม่ถูก เธอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ผู้ชายคนนี้กลับก้าวตามมาทีละก้าว สุดท้ายเธอก็หนีไม่พ้น

หลังจากที่แผ่นหลังของเธอติดกับผนัง ในขณะที่กำลังคิดจะหนีออกไปทางประตูนั้น เธอก็ถูกผู้ชายคนนี้ดักทางเอาไว้แล้ว

“ใช่ ใช่ รูปร่างของคุณดูดีมาก ดีชนิดที่ว่าไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย ความสมบูรณ์แบบนั้นมัน……ไร้ที่ติจริง ๆ ” เฉินฮวนฮวนขวัญหนีดีฝ่อและพยายามที่จะพูดประจบประแจงเฟิงหานชวนในเวลาเดียวกัน เนื่องจากสมองในตอนนี้ว่างเปล่า จึงสรรหาคำอื่นมาอธิบายไม่ได้

แต่หลังจากที่เธอชื่นชมจบ และเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเฟิงหานชวน สีหน้าของผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดูผ่อนคลายลงแต่อย่างใด เฉินฮวนฮวนตกใจจนขาไร้เรี่ยวแรง

เธอได้ล่วงเกินเฟิงหานชวนเข้าแล้วใช่ไหม?

“อาหาน คุณ……คุณโกรธเหรอ? ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ ฉันคิดว่ารูปร่างของคุณดีจริง ๆ ถ้าผู้หญิงคนอื่นเห็นรูปร่างแบบนี้ของคุณ คงจะพากันโผเข้าหาคุณอย่างแน่นอน ฉันแค่เดาเท่านั้น ฉัน……..”

ยังไม่ทันที่เธอจะอธิบายจบ ก็ถูกนิ้วชี้ของผู้ชายยื่นมาแตะที่ปาก เธอจึงหยุดพูดในทันที

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น ก็สบเข้ากับนัยน์ตาสีดำทมิฬยากหยั่งถึงคู่นั้นของเฟิงหานชวนอย่างฉับพลัน เพราะเธอพูดไม่ได้ ทำได้เพียงแค่จ้องมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาเท่านั้น

“ในเมื่อคิดว่ารูปร่างของผมดูดีแล้ว ทำไมถึงไม่คิดจะมาปอกลอกผมล่ะ แต่กลับคิดว่าเป็นผู้หญิงคนอื่น?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนนั้นแข็งทื่ออย่างชัดเจน

ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา เฉินฮวนฮวนถึงกับเบิกตากว้าง พร้อมกับแสดงสีหน้าตกใจ เธอนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเฟิงหานชวนจะถามคำถามนี้ออกมา

อีกทั้งเธอถึงกับไปไม่ถูก และกำลังคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้วเหรอ?

“ฉัน ….. ฉันตัวคนเดียว ไม่มีทางหลอกลวงคุณได้หรอก ดังนั้น……” เฉินฮวนฮวนพูดตะกุกตะกัก พร้อมกับสีหน้าที่แดงระเรื่ออย่างไม่มีเหตุผล

“ดังนั้น คุณก็เลยคิดแบบนั้นใช่ไหม?” สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลงยิ่งกว่าเดิม

“ก็แค่คิด ไม่ได้จะทำจริง ๆ สักหน่อย ฉัน….. อาหาน คุณหยุดจู้จี้คำถามนี้ได้ไหม? ต่อไปฉันจะไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว” เฉินฮวนฮวนตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก รู้อย่างนี้เธอไม่พูดเรื่องที่คิดอยู่ในใจออกมาเสียยังดีกว่า

ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา กลับกลายเป็นการหาเรื่องใส่ตัวซะงั้น เฟิงหานชวนไม่สามารถพาตัวเองออกจาเรื่องนี้ได้

“ถึงจะเป็นความคิด ก็ไม่ควรคิดแบบนี้” ครั้งนี้เฟิงหานชวนโกรธจริง ๆ

ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงได้คิดเรื่องแบบนั้นได้?

“ขอโทษค่ะ ต่อไปฉันจะไม่คิดอีกแล้ว” เฉินฮวนฮวนเม้มปากเล็กน้อย ด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้

“คุณไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตาเลย ดังนั้นถึงได้คิดเรื่องแบบนี้ตามใจชอบ” เฟิงหานชวนปล่อยตัวเธอ จากนั้นก็เท้าสะเอวด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นมานวดขมับ แสดงท่าทางปวดหัวอย่างชัดเจน

“ไม่ใช่ ไม่ใช่จริง ๆ ทำไมฉันจะไม่เห็นคุณในสายตาล่ะ คุณอย่าเข้าใจฉันผิดสิ…….” เฉินฮวนฮวนรีบร้อนอธิบาย ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของเธอ เฟิงหานชวนก็เพิ่งตระหนักได้ว่าท่าทางของตัวเองคงจะดูใจร้ายเกินไป เขาโอบรอบเอวของเธอ และดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด

จากนั้นก็ค่อย ๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า : “เอาละ ไม่โทษเธอแล้วก็ได้ แต่ต่อไปอย่าคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีกนะ”

ผ่านไปชั่วครู่ เฉินฮวนฮวนจึงพยักหน้าอยู่ในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “อื้อ ฉันจะไม่คิดแบบนี้อีกแล้ว”

เธอจะไม่คิดแล้วจริง ๆ เพราะเธอไม่กล้าอีกแล้ว

เวลาที่เฟิงหานชวนโกรธ น่ากลัวมากจริง ๆ ถึงแม้จะไม่ได้โมโหออกมา ถึงแม้จะไม่ได้ทำอะไร แต่ก็ทำให้รู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย

“ผมจะออกไปข้างนอก คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ” เมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้าเงียบลง เฟิงหานชวนจึงปล่อยตัวเธอ จากนั้นก็หมุนตัวเตรียมเดินจากไป

แต่ในตอนที่เขากำลังจะก้าวพ้นประตูไป เสียงที่อ่อนโยนของผู้หญิงก็ดังขึ้น : “อาหาน เดี๋ยวก่อน”

“เป็นอะไรไป?” เฟินหานชวนหันกลับมา

“เอ่อ คือว่า ….. คุณ คุณ….. อยู่ต่ออีกหน่อยสิ…….” เฉินฮวนฮวนกลืนน้ำลายด้วยความกังวล จากนั้นก็พูดตะกุกตะกักออกมาไม่เป็นประโยค

ทว่า เฟิงหานชวนกลับเข้าใจ ดวงตาที่ยากหยั่งถึงคู่นั้น ได้เปล่งประกายขึ้นมาฉับพลัน เขาก้าวเท้าเข้าไปหาเฉินฮวนฮวนทันที จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ทั้งสองข้างของเธอด้วยความตื่นเต้น

“ฮวนฮวน คุณพูดจริง ๆ ใช่ไหม?” เฟิงหานชวนพูดด้วยสีหน้าดีใจสุดขีด

ถ้าเฉินฮวนฮวนยอมให้เขาอยู่ต่อจริง ๆ ก็พิสูจน์ได้ว่าเธอเต็มใจที่จะยอมรับตัวเอง

การยอมรับนี้ ไม่ได้มีแค่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังหมายถึงจิตใจด้วย ยอมรับว่าทั้งสองคนคือสามีภรรยากันจริง ๆ

“อื้อ” เฉินฮวนฮวนก้มหน้าลง ก่อนจะพยักหน้าในขอบเขตที่จำกัด

เธออายจนตัวม้วน ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ

เฟิงหานชวนนึกไม่ถึงว่าหลังจากที่ผ่านเรื่องราวความขัดแย้งไปเมื่อสักครู่ เฉินฮวนฮวนจะเป็นคนเอ่ยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขาก้มหน้าลง แล้วพรมจูบบนหน้าผากของเธอด้วยความตื่นเต้น

“ไหน ๆ คุณก็ยอมให้ผมอยู่ต่อแล้ว คุณเองก็ห้ามออกไปก่อนเหมือนกัน” เฟิงหานชวนพูดเสริม

“อื้อ” เฉินฮวนฮวนทำได้แค่พยักหน้าอีกครั้ง

ต่อจากนั้น ในห้องน้ำที่เต็มไปด้วยไอน้ำ

ทั้งสองคนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่ต่างคนต่างทำเรื่องของตัวเอง ไม่มีใครรบกวนใคร

เฟินหานชวนอาบน้ำเร็วมาก จากนั้นก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ ในขณะที่เฉินฮวนฮวนยังแปรงฟันอยู่เลย

กลิ่นมินต์ที่แผ่ขยายออกมา ได้แฝงไปด้วยกลิ่นอายของฮอร์โมน ทำให้เฉินฮวนฮวนอึ้งงันไปชั่วขณะ ถึงกับลืมวิธีใช้แปรงสีฟันที่ถืออยู่ในมือไปเลยทีเดียว

จนกระทั่งเฟิงหานชวนเดินมาตรงหน้าของเธอ เอื้อมมือมาหยิบแปรงสีฟันของเขา เฉินฮวนฮวนจึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา

เมื่อตระหนักได้ถึงความบ้าผู้ชายเมื่อสักครู่ของตัวเอง เธอก็รีบหมุนตัวทันที จากนั้นก็มองไปยังตัวเองที่กำลังหน้าแดงระเรื่ออยู่ในกระจก และเริ่มแปรงฟังอย่างคลุ้มคลั่ง

เมื่อเฟิงหานชวนเห็นท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูกของผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มุมปากก็ได้กระตุกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ทำการบีบยาสีฟันอยู่เงียบ ๆ และแปรงฟันโดยไม่ได้รีบร้อนอะไร

เฉินฮวนฮวนรู้สึกได้ถึงฟันที่ปวดระบม จึงรีบบ้วนทิ้ง และบ้วนน้ำตามอีกครั้ง ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้า จากนั้นก็หันหน้าไปพูดกับเฟิงหานชวนว่า : “ฉันเสร็จแล้ว ขอออกไปก่อนนะ”

ในขณะที่เธอกำลังจะหมุนตัวนั้น แขนยาวของผู้ชายคนนี้ก็ยื่นออกมาโอบเอวของเธอ จากนั้นก็ดึงกลับมา ให้เธออิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง

“อยู่เป็นเพื่อนผมก่อน” ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังแปรงฟัน แต่สุ้มเสียงที่ดังลอดออกมาตามรอยฟันนั้นชัดเจนมาก

เฉินฮวนฮวนเข้าใจทันที ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

เธอยืนอยู่ข้างกายของเฟิงหานชวนอย่างเงียบ ๆ รอให้เขาแปรงฟันเสร็จ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เฉินฮวนฮวนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็หันไปถามเฟิงหานชวนว่า : “เราออกไปกันได้รึยัง?”

“อื้อ” เฟิงหานชวนพยักหน้า จากนั้นก็จูงมือของเฉินฮวนฮวนเดินออกจากห้องน้ำ

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนเอนตัวลงนอนแล้ว กลับพบว่าเฟิงหานชวนไม่ได้เดินไปยังอีกด้านหนึ่งของเตียง แต่กลับยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า และหยิบชุดนอนออกมาหนึ่งชุด

เธอเพิ่งตระหนักได้ ว่าเฟิงหานชวนนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว

ในเวลานี้ เฟิงหานชวนได้ดึงผ้าขนหนูออก และหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ออกมาจากลิ้นชักด้านล่างของตู้เสื้อผ้า

เฉินฮวนฮวนรีบยกมือขึ้นมาปิดตาของตัวเองทันที

และคิดในใจว่า : อนาจารห้ามดู อนาจารห้ามดู…..

เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนจึงได้แค่กลั้นหัวเราะ จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วรีบเดินมาข้างเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างกายของผู้หญิงคนนี้

เฉินฮวนฮวนยังคงปิดตา จนกระทั่งพบว่าเฟิงหานชวนนอนลงบนเตียงแล้ว เธอจึงได้เลื่อนมือออก จากนั้นก็หันมาสบตาของเฟิงหานชวน

“ฝันดีนะ” หน้าของเธอแดงระเรื่อ และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงพูดแค่ประโยคนี้ออกมา

“ถ้าครั้งต่อไปยังปิดตาอีก ผมจะทำโทษคุณจริง ๆ แล้วนะ” เฟิงหานชวนโอบกอดเธอ ตามมาด้วยลมร้อนที่ปะทะอยู่ข้างหูของเธอ

เฉินฮวนฮวนรีบมุดหน้าเข้าในอ้อมกอดของผู้ชายตรงหน้า จากนั้นก็เอื้อมมือไปกอดเอวของเขา และกระชับกอดให้แน่นขึ้น

เฟิงหานชวนอึ้งงันไปในทันที

เดิมทีเขาต้องเป็นฝ่ายรุกก่อน แต่ตอนนี้กลับเป็นเฉินฮวนฮวนที่รุกก่อน เขาถูกกระทำ?

อีกทั้งเฉินฮวนฮวนไม่ค่อยกอดเขาก่อนด้วย

“ตกใจเหรอ?” ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดไม่พูดอะไร เฟิงหานชวนจึงได้ถามขึ้น

ถึงอย่างไร เฉินฮวนฮวนที่เป็นฝ่ายรุกก่อนก็ดูผิดปกติอยู่แล้ว

“คุณนี่น่าเอะอะ ๆ ก็จะทำโทษอย่างเดียว ฉันก็เลยต้องทำโทษคุณบ้างไง” เฉินฮวนฮวนทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยความไม่พอใจ

“อือ?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจความหมายของเฉินฮวนฮวน

วินาทีต่อจากนั้น เฉินฮวนฮวนก็พลิกตัว และกดเฟิงหานชวนให้อยู่ใต้ร่างของตัวเอง………….

บทที่ 217 เฟิงหานชวน คุณรังแกฉัน!

หากบอกว่าไม่ชอบ ตามนิสัยของเฟิงหานชวน เขาต้องโกรธอย่างแน่นอน

หากบอกว่าชอบ ไม่ใช่ว่าเธอจะดูไม่สงวนท่าทีหรอกเหรอ

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ หัวสมองของเธอมึนงงเล็กน้อย เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“งั้นก็แสดงว่าชอบ” หลังจากเฟิงหานชวนพูดจบ เขาก้มศีรษะลงมาอย่างแรง

“อื้อ!” ริมฝีปากของเธอถูกประกบปิดเอาไว้

จากนั้น หัวสมองของเฉินฮวนฮวนขาวโพลนไปหมด

ไม่รู้นานแค่ไหนกว่าเธอจะถูกปล่อยเป็นอิสระ

เมื่อเฉินฮวนฮวนรู้สึกตัว ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอวิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องน้ำ

ก่อนหน้านี้เธออาบน้ำแล้ว ดังนั้นคราวนี้เธอเพียงล้างเนื้อล้างตัว เพื่อชำระล้างเหงื่อจากการเดินเท่านั้น

เมื่อเธอกำลังสวมชุดนอน จู่ๆ ชายหนุ่มก็เดินเข้ามา เธอตกใจรีบสวมชุดนอนอย่างรวดเร็ว

“รีบไปทำไมกัน ไม่ใช่ไม่เคยเห็น” เฟิงหานชวนดูสงบนิ่งมาก เขายื่นห่อผ้าอนามัยส่งให้เฉินฮวนฮวน ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเบา “คุณไม่ได้หยิบอันนี้มา”

“ในนี้มีค่ะ ของหลิวอวี่ถง…” เฉินฮวนฮวนหลุบตาลงต่ำ แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวด้วยความอาย

“น่าจะต่างกันนะ ผมหยิบมาเป็นแบบที่ใช้ตอนกลางคืน” เฟิงหานชวนไม่ได้เบี่ยงเบนประเด็นใดๆ เลยแม้แต่น้อย

“งั้น งั้นก็ขอบคุณค่ะ” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะอย่างเก้อเขิน

อันที่จริงเธออยากบอกว่า สองห่อนั้นของหลิวอวี่ถงก็ใช้สำหรับตอนกลางคืนเหมือนกัน

ทว่า ในเมื่อเฟิงหานชวนหวังดีเอามาให้เธอ เธอก็จะไม่ด่าทอว่าเขาตัณหาจัดแล้ว

“เกรงใจผม?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนไม่ค่อยพอใจนัก

“ไม่ได้เกรงใจ ก็…ก็…” เฉินฮวนฮวนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

เฟิงหานชวนลอบเหยียดยิ้ม และกล่าวว่า “ผมจะอาบน้ำ”

ขณะที่พูด เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทันที

เมื่อเห็นการกระทำของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนถึงกับเบิกตากว้าง เธอรีบตะโกนว่า “เฟิงหานชวน ฉันยังใช้ห้องน้ำไม่เสร็จ!”

แม้ว่าเธอจะสวมชุดนอนแล้ว แต่เธอยังไม่ได้ใส่ผ้าอนามัย แถมยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลยนะ

“ผมใช้ฝักบัว คุณใช้อ่างล้างหน้า ไม่ชนกัน” เฟิงหานชวนกล่าว พร้อมกับโยนเสื้อเชิ้ตลงบนพื้น

ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีจะบ่ายเบี่ยงเลยสักนิด ราวกับรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ

“ไม่ ไม่ใช่ งั้น…งั้นฉันจะไม่เห็นคุณอาบน้ำเหรอ คุณ…คุณจะไม่รออีกหน่อยเหรอ ฉัน…” เฉินฮวนฮวนตกใจจนพูดสะเปะสะปะมั่วไปหมด

ไม่รอให้เฉินฮวนฮวนเรียบเรียงคำพูด เฟิงหานชวนเอื้อมมือลงไปที่เข็มขัดบนกางเกงสแล็คของตัวเอง

“คลิก” เสียงปลดเข็มขัดดังขึ้น

“อ๊า!” เฉินฮวนฮวนกรีดร้องเสียงแหลม แล้วรีบหลับตาพร้อมกับหมุนตัวหันหลัง เธอเอ่ยบอกอย่างยากลำบาก “งั้น งั้น งั้น งั้นคุณอาบก่อนเถอะ รอคุณอาบเสร็จฉันค่อยเข้ามาอีกรอบ”

ขณะที่พูด เธอก็วิ่งไปที่ประตูห้องน้ำ

“หยุด” เสียงของชายหนุ่มเย็นเยือกลงหลายระดับ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหม่าจนเกร็งไปทั้งตัว เธอหยุดฝีเท้าลงทันที ทว่าไม่ได้หมุนตัวกลับ และไม่ได้หันหน้ามา

“ฮวนฮวน เราเป็นอะไรกัน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามอย่างช้าๆ

“เป็น…เป็นสามีภรรยาไง!” เฉินฮวนฮวนเพียงรู้สึกประหม่าจนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

“สามีภรรยา ทำไมใช้ห้องน้ำร่วมกันไม่ได้”

น้ำเสียงที่สุดแสนจะน่าดึงดูดเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ข้างใบหูของเธอ เธอรีบหันหน้ามา ปลายจมูกของเธอชนกับปลายจมูกของชายหนุ่ม

จากนั้น เอวบางของเธอถูกโอบกอดไว้ แผงอกอุ่นร้อนของชายหนุ่มแนบติดกับแผ่นหลังบางของเธอ เขากักตัวเธอไว้แน่นในอ้อมอกของเขา

“ฉันยังไม่…ไม่ชิน…ฉัน…” เฉินฮวนฮวนเริ่มพูดจาสะเปะสะปะ แถมยังถูกเฟิงหานชวนกอดเอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกร้อนมาก

“คุณอาย?” เฟิงหานชวนถามอีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยตอบเขา “อือ”

“ต้องเรียนรู้ให้เคยชิน รู้ไหม” เฟิงหานชวนกอดเธอแน่น และกระซิบข้างใบหูของเธอ “คืนก่อนคุณไปอบรม ผมช่วยคุณอาบน้ำนะ”

ตอนนั้นเฉินฮวนฮวนสะลึมสะลือ เธอเหนื่อยมากจนไม่อยากจะขยับตัว เดิมทีเธอไม่ได้สนใจว่าใครช่วยตัวเองอาบน้ำ ทว่าตอนนี้เฟิงหานชวนพูดขึ้นมา เธออายจนพูดอะไรไม่ออก

“หลังจากญาติคุณไปแล้ว เราอาบน้ำด้วยกันได้ มีหลายอย่างที่ทำได้…” ริมฝีปากบางกดแนบกับใบหูของเธอ เสียงของเขาทุ้มลึกมาก

เฉินฮวนฮวนหลับตาแน่น เธอกลัวจนพูดไม่ออก

เธอรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้เป็นเพียงลูกแกะ และเฟิงหานชวนเป็นหมาป่าตัวโต ราวกับว่าเขาจะกลืนกินเธอลงท้องเสียให้ได้

ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้เธออยู่กับญาติ เธอสงสัยจริงๆ ว่าเฟิงหานชวนจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัว

“ฮวนฮวน คุณว่ายังไง” เฟิงหานชวนขบเม้มใบหูของหญิงสาวเบาๆ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าในร่างกายของตัวเอง ราวกับกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน เดิมทีเธอตั้งใจจะสลัดตัวให้หลุดพ้น ทว่า เมื่อคิดว่าจะทำให้เฟิงหานชวนผิดหวัง เธอจึงกัดฟันอดทน

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้ปฏิเสธ รอยยิ้มที่มุมปากของเฟิงหานชวนเหยียดขึ้น ยิ่งนานยิ่งกดลึก

“ฉัน ฉันว่า…ไม่ได้ว่าอะไร…” เฉินฮวนฮวนยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก

เฟิงหานชวนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเธอ เขาปล่อยเธอ แล้วจับเธอหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับตัวเอง

เฉินฮวนฮวนไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตาทั้งสองสบเข้ากับแผงอกแกร่งของชายหนุ่มทันที เธอเบิกตาค้างด้วยความตกใจ

แม้ว่าเธอจะเคยเห็นมาก่อน ทว่า เมื่อมองในระยะใกล้ๆ เธอรู้สึกว่ารูปร่างของเฟิงหานชวนดีมากจริงๆ กล้ามเนื้อท่อนบนได้สัดส่วนเป็นอย่างมาก ไม่ใช่รูปร่างประหลาดที่ฝึกอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนั้น ทว่าแวบแรกที่เห็นเหมือนกับว่ากำลังปล่อยฮอร์โมนเพศชายออกมา

หากพาเฟิงหานชวนที่อยู่ในสภาพนี้ไปทิ้งไว้กลางถนน เฟิงหานชวนอาจจะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินฮวนฮวนขำพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“หัวเราะทำไม” เฟิงหานชวนประหลาดใจ

ถ้าจะว่ากันตามเหตุผลแล้ว เมื่อสักครู่เขาทำตัวหน้าไม่อายเช่นนั้น ควรจะเป็นเฉินฮวนฮวนโดนเขาเย้าแหย่จนเธอหน้าแดง พูดไม่ออก

ทว่าตอนนี้ นึกไม่ถึงว่า เฉินฮวนฮวนจะหัวเราะอย่างมีความสุขขนาดนี้

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นมองไปที่เฟิงหานชวนเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้างุนงงของเฟิงหานชวน เธอก็นึกถึงสมมุติฐานของตัวเองเมื่อสักครู่ เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง และหัวเราะหนักกว่าเมื่อสักครู่ เธอยืนหัวเราะจนตัวงอ

“…” เฟิงหานชวนมองพฤติกรรมของเฉินฮวนฮวน เขาพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง และงุนงงสงสัยมากขึ้นไปอีก

“ฮวนฮวน คุณกำลังหัวเราะอะไรกันแน่” เฟิงหานคว้ามือเธอเอาไว้ และถามอย่างเคร่งขรึม

เฉินฮวนฮวนเหลือบเห็นว่าเฟิงหานชวนกำลังขมวดคิ้วเข้าหากัน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม สุดท้ายเธอไม่กล้าที่จะหัวเราะแล้ว เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น และส่ายหน้าทันที เธอไม่กล้าพูดความจริง

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ตอบตัวเอง เฟิงหานชวนยื่นมือเข้าไปในชุดนอนของเธอ เขาเอ่ยขู่เสียงต่ำ “ฮวนฮวน ถ้าคุณไม่พูดความจริง อย่าโทษว่าผม…”

เฉินฮวนฮวนตกใจ เธอรีบกล่าวว่า “ฉันคิดว่าคุณหุ่นดีมาก ประมาณว่าคุณดูเพอร์เฟคมาก ดึงดูดผู้หญิงได้เป็นพิเศษ ไม่ได้กล้ามใหญ่อย่างเทรนเนอร์แบบนั้น ก็…ก็ยังดูเพอร์เฟคมาก…”

ขณะที่พูด เฉินฮวนฮวนกลืนน้ำลายลงคอด้วยความประหม่า

เธอกลัวจริงๆ ว่าเฟิงหานชวนจะทำอะไรกับเธอ ตอนนี้เธออยู่กับญาติ ไม่สามารถทำอะไรตอนนี้ได้

“แค่นี้?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อคำตอบนี้

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเหงื่อเย็นไหลออกมาเต็มแผ่นหลัง เธอได้รู้ว่าตัวเองหัวเราะไม่ออกเสียแล้ว

เธอพบว่า เฟิงหานชวนยังไงก็คือเฟิงหานชวน เมื่อถูกเขาเค้นถามด้วยวิธีรุนแรง เธอกลัวเขามาก และไม่เคยเอาชนะเขาได้เลย

เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถสู้เฟิงหานชวนได้

“อืม แค่นี้” เฉินฮวนฮวนหวาดกลัวมาก

“แน่ใจ?” เฟิงหานชวนก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง และคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้

เฉินฮวนฮวนกลัวจนอยากจะชักมือกลับ ทว่าเธอไม่อาจชักกลับได้เลย เธออยากจะร้องไห้แต่น้ำตาก็ไม่ไหลออกมา “เฟิงหานชวน คุณรังแกฉัน!”

“ผมไม่ได้รังแกคุณ” ท่าทีของเฟิงหานชวนอ่อนลง ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาก

“ตอนนี้ฉันกำลังอ่อนแอที่สุด คุณกลับข่มขู่ฉันแบบนี้ ยังไม่รังแกฉันอีกเหรอ” เฉินฮวนฮวนสูดหายใจ แสร้งทำเป็นน้อยใจ

เวลานี้เอง จู่ๆ เฟิงหานชวนก็ตระหนักถึงความเอาแต่ใจของตัวเอง เขาตกใจรีบปล่อยมือเธอ และเอ่ยบอกเสียงเบา “ผมขอโทษ ฮวนฮวน ผมวู่วามเอง”

ไม่ว่าเขาจะต้องเข้ามาอาบน้ำ หรือจะต้องให้เฉินฮวนฮวนพูดความจริงเสียให้ได้ เขาก็วู่วามและเอาแต่ใจมากเกินไป เขาไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเฉินฮวนฮวนเลยสักนิด

“ฮวนฮวน ขอโทษนะ ถ้าคุณไม่ยอมให้ผมเข้ามาอาบน้ำ ผมก็จะออกไป ถ้าคุณไม่ยอมให้ผมถามคุณ ผมก็จะไม่ถามคุณอีก ผมไม่ควรขู่คุณ ผมขอโทษ” เฟิงหานชวนกังวลมาก ยากที่เขาจะกล่าวยาวเหยียดเช่นนี้ ทุกประโยคล้วนมีแต่คำขอโทษ

เฉินฮวนฮวนนิ่งไป

เธอไม่คิดว่า ตัวเองเพียงทำเป็นกระเง้ากระงอด น้อยใจเพียงเล็กน้อย เฟิงหาวนก็ยอมเธอเเล้ว แถมยังยอมอ่อนลงให้เธอมากด้วย!

กับเฟิงหานชวนคนที่เอาแต่ใจเมื่อสักครู่ ช่างแตกต่างราวกับคนละคน

“ฉัน…คุณไม่ต้องขอโทษฉัน ความจริงคุณแค่เข้ามาอาบน้ำ ไม่ได้ทำอะไรผิด คุณอยากให้ฉันพูดความจริง ก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่วิธีการของคุณไม่ถูกต้อง…” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ความจริงในใจเธอรู้สึกผิดเล็กน้อย

เธอไม่ได้บอกความจริงกับเฟิงหานชวน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกผิด เธอเจตนาหลอกเฟิงหานชวน ดังนั้นเธอจึงยิ่งรู้สึกผิด

“ผม ผมวู่วามเกินไป ตอนนี้คุณกำลังอ่อนแอที่สุด ผมกลับทำตัวแย่กับคุณ ผมผิดเอง” เฟิงหานชวนผมขยุ้มเส้นผมตัวเองด้วยความโมโห

“คุณอย่าโทษตัวเองเลย อันที่จริง…เราเสมอกันแล้ว” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกล่าวออกไป

“เสมอกันอะไร” ใบหน้าของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความงุนงง

เฉินฮวนฮวนก้มหน้างุด ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเบา “เมื่อกี้คุณถามฉันว่าหัวเราะทำไม ความจริงไม่ใช่แค่เพราะคุณหุ่นดี แต่ยัง…”

“แต่ยังอะไร” เฟิงหานชวนไม่คิดว่า หลังจากนั้นไม่นาน เฉินฮวนฮวนจะเริ่มพูดขึ้นมาเอง

เขารีบเค้นถามเอาคำตอบ

“สภาพของคุณตอนนี้ เมื่อกี้ฉันคิดว่า ถ้าทิ้งคุณไว้กลางถนน คุณอาจจะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้แล้ว” ขณะพูด เฉินฮวนฮวนก็ยิ่งรู้สึกบาปในใจ เธอเอาแต่ก้มหน้างุด

“หมายความว่ายังไง” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจ

“ก็คือว่า คุณหุ่นดีขนาดนี้ แถมยังไม่ใส่เสื้อผ้าอีก ผู้หญิงที่ผ่านมาเห็นต้องอยากได้คุณแน่นอน ดังนั้นคุณ…อาจจะไม่รอดถึงวันพรุ่งนี้

เพราะหลังจากโดนหญิงสาวเหล่านั้นสูบจนตัวแห้ง เขาตายแน่!

เมื่อเฉินฮวนฮวนพูดจบ เธอรีบกุมศีรษะทันที และกล่าวอย่างน่าสงสาร “ฉันไม่ได้ตั้งใจคิดแบบนี้นะ ฉันรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยให้คุณตายนะ”

“ฮวนฮวน คุณกำลังคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่…” มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกขึ้น

"ภาพยนตร์จบแล้ว คุณปล่อยฉันได้แล้ว" เฉินฮวนฮวนไอเสียงเบา แล้วหันหน้าไปมา รู้สึกเมื่อยคอมาก

เพราะเธอโดนเฟิงหานชวนอุ้มไว้ เลยไม่กล้าขยับ

"อื้อ" เฟิงหานชวนตอบเสียงนิ่ง แล้วปล่อยเฉินฮวนฮวนลงมา

พอเฉินฮวนฮวนยืนตัวตรงแล้ว จากนั้นจึงยืดเส้นยืดสายที่ไหล่ ค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้น

"อาหาน ฉันรบกวนคุณนานขนาดนี้แล้ว คุณไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันรอคุณอาบเสร็จแล้วค่อยอาบ" เฉินฮวนฮวนมองเฟิงหานชวนที่นั่งอยู่บนโซฟา ในใจรู้สึกผิดมาก

คืนนี้ เธอทั้งดึงเขาไปเดินเล่น ทั้งให้เขาดูหนังกินขนมกับเธอ เธอรู้สึกเกรงใจ

"ไม่รบกวน เพลินดี" เฟิงหานชวนลุกขึ้น อดยื่นมือไปจับแก้มเธอไม่ได้ แล้วเอ่ยว่า "ผอมไปเยอะมาก ต้องกินเยอะๆแล้วล่ะ"

"นี่ฉันก็กินเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ?" เฉินฮวนฮวนชี้ถังขยะที่มีถุงขนมล้นออกมา

"นี่ไม่นับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมบอกแม่บ้านหลี่ ช่วงนี้ให้เตรียมอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ไม่มัน แต่ต้องมีสารอาหาร" เฟิงหานชวนพูดไปด้วย แล้วใช้นิ้วโป้งจับติ่งหูเธอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าจักจี้หู ตัวเธอเลยสั่นอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นจึงรีบเอามือของเขาออก พร้อมเอ่ยว่า "ขอบใจนะ"

"การขอบคุณของคุณ คือปฏิเสธผม?" เฟิงหานชวนเห็นว่าเธอเอามือตัวเองออก สีหน้าจึงเข้มขรึม

"เปล่า ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ปฏิเสธคุณ ฉันแค่รู้สึกจักจี้หู คุณอย่าเอาแต่เล่นหู……" เฉินฮวนฮวนพูดอย่างเขินอาย แล้วหน้าก็แดงทันที

"ครั้งหน้าต้องบอกผมแบบนี้ อย่าใช้การกระทำปฏิเสธผม รู้ไหม?" เฟิงหานชวนยื่นมือไปขยี้หัวเธอ ท่าทางดูอ่อนโยนมาก

"อื้อ" เฉินฮวนฮวนแค่พยักหน้าให้เบาๆ

ในห้อง กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

หลังจากนั้น เสียงของเฉินฮวนฮวนจึงดังขึ้นอีก "อาหาร คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ"

"คุณไปก่อน" เขาพูดอย่างเรียบนิ่ง

"ฉันอาบแล้ว คุณไปก่อน" เฉินฮวนฮวนดันหน้าอกเขา เพราะเฟิงหานชวนอยู่ใกล้เธอเกินไป

"ไหนบอกว่าจะอาบอีกรอบ?" เฟิงหานชวนเลิกคิ้วขึ้น

"โอ๊ย คุณไปก่อนสิ ทำไมทุกครั้งฉันต้องไปก่อนด้วย" เฉินฮวนฮวนรู้สึกทำตัวไม่ถูก

"ในเมื่อเราเอาแต่ผลักไสไปมา งั้นไปพร้อมกัน?" เฟิงหานชวนก้มลงมา เอียงศีรษะเข้าไปใกล้หูเธอ แล้วขยับริมฝีปากเบาๆ

มีลมหายใจอุ่นๆพ่นมาที่คอเธอ จนทำให้เธอตามัว แล้วสมองเผลอคิดอะไรบางอย่าง

ไปพร้อมกันคือ……

หลังจากนั้น เธอยังตั้งสติไม่ได้ ที่ติ่งหูก็โดนเขากัด จนเธอสะดุ้งถอยหลังไปหลายก้าว

สีหน้าเฟิงหานชวนเข้มขรึมทันที

พอรู้สึกว่าตัวเองแสดงปฏิกิริยามากเกินไป เฉินฮวนฮวนจึงรู้สึกผิด แล้วก้าวเดินไปหาเขา ดึงแขนเสื้อเขาไว้แล้วเอ่ยว่า "ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ……"

"ฮวนฮวน เมื่อกี้ผมเพิ่งพูดว่า อย่าใช้การกระทำปฏิเสธผม" เฟิงหานชวนรู้สึกว่า เขากับเฉินฮวนฮวนยังไม่ชินกับฝ่ายตรงข้าม

พูดตรงๆคือ เฉินฮวนฮวนยังไม่ชินกับเขา

ก็แค่การกระทำที่ใกล้ชิดปกติ แต่ในใจเฉินฮวนฮวน กลับปฏิเสธ

ไม่อย่างนั้น ก็คงไม่ถอยหลังไปแบบนั้นหรอก

นี่เลยทำให้อารมณ์เฟิงหานชวนไม่ดี

"ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน……" เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าควรอธิบายยังไง

ตอนนี้เฟิงหานชวนคือสามีเธอ เป็นสามีจริงๆ ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน ตอนที่เขาจะทำอะไรใกล้ชิดกับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ

เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ชิน ถึงแม้จะเคยใกล้ชิดกับเขามากกว่านี้แล้วก็ตาม

"อาหาน ฉันคิดว่าเวลาที่เราอยู่ด้วยกันอาจจะน้อยเกินไป ในใจฉันเลยปฏิเสธคุณ คุณให้เวลาฉันหน่อยได้ไหม ฉัน……ฉันรู้สึกว่าฉันจะค่อยๆชินเอง” เฉินฮวนฮวนเม้มปาก เงยหน้ามองเฟิงหานชวน ดวงตาคู่นั้นดูน่าสงสารมาก

มองแล้วทำให้คนอื่นอดใจไม่ไหว

"ผมไม่ได้จะโทษคุณ" เฟิงหานชวนจับมือเธอไว้ แล้วเล่นมือเธอ น้ำเสียงดูอ่อนโยนกว่าเดิม

"ฉัน ฉันรู้" เฉินฮวนฮวนฟังออก เฟิงหานชวนไม่ได้โทษเธอ แต่แค่ผิดหวังเล็กน้อย

แต่การกระทำที่กะทันหันของเขา ตัวเองยังไม่ชินเร็วขนาดนั้น

โดยเฉพาะโซนหูที่เซนซิทีฟแบบนั้น

"คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ" เฟิงหานชวนปล่อยมือเธอ แล้วเอ่ยเสียงเบา

เฉินฮวนฮวนก็ไม่อยากดื้อรั้นอีก เพราะเฟิงหานชวนพูดว่า ถ้ายังผลักไสกันอีก ก็อาบพร้อมกัน

"งั้นฉันไปก่อนนะ?" เฉินฮวนฮวนชี้ไปทางห้องอาบน้ำ

"อื้อ ไปเถอะ" เฟิงหานชวนขยี้หัวเธอ พยักหน้าให้

เฉินฮวนฮวนก็แค่พยักหน้า จากนั้นจึงหันเดินไปทางห้องอาบน้ำ แต่เธอเพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

เฟิงหานชวนดีกับเธอขนาดนั้น ตามใจเธอขนาดนั้น แถมคืนนี้ยังให้ของขวัญเธอเป็นแบล็กการ์ดอีก

แล้วตัวเอง ไม่ได้ขอบคุณอะไรเขา แล้วยังทำให้เฟิงหานชวนอารมณ์ไม่ดีอีก

อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ ก็เหมือนรู้สึกผิดหวัง เพราะฉะนั้นตอนนี้สมองเธอเลยตีกันวุ่น เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงดี

เฟิงหานชวนจะคิดว่าเธอเป็นคนที่ไม่สำนึกบุญคุณหรือเปล่า? ดีกับเธอ แต่เธอกลับไม่ตอบแทนอะไรเลย?

เธอ ไม่ใช่คนแบบนั้น

พอคิดได้แบบนี้ เฉินฮวนฮวนจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบหันกลับไป ก้าวเดินไปทางเฟิงหานชวน

ตอนนี้เฟิงหานชวนเดินจากโซฟาไปที่หน้าต่างแล้ว พอได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ วินาทีที่เขาหันกลับไป ร่างเล็กจึงพุ่งเข้าอ้อมกอดเขา

เขาอึ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มอ่อน เอ่ยถามว่า "นี่คุณเป็นอะไร?"

จากที่เขาดูมา เฉินฮวนฮวนทำแบบนี้ ไม่ค่อยปกติ เพราะระหว่างที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เฉินฮวนฮวนจะเป็นฝ่ายที่โดนสะกิดตลอด

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขารังแกก่อนหน้านั้น หรือว่าที่เขา"รังแก"ตอนนี้ ไม่ว่ายังไง เขาเป็นฝ่ายรุกตลอด

"อาหาน ฉันมีคำถามจะถามคุณ" เฉินฮวนฮวนเม้มปาก หลับตาลง แล้วรวบรวมความกล้าถาม

"คำถามอะไร?" เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว

เฉินฮวนฮวนออกแรงกอดเขาแน่นกว่าเดิม เธอจะอ้าปากถาม แต่ก็ไม่ถามออกมา

"ฮวนฮวน คุณอยากถามอะไร?" เฟิงหานชวนถามอย่างใจเย็น

"ฉัน……" เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น วางคางลงที่หน้าอกเขา ดวงตาที่เป็นประกาย มองแล้วหวั่นไหวมาก

"เด็กดี มีอะไรอยากถาม ก็ไม่ต้องเก็บไว้ในใจ" เฟิงหานชวนเห็นว่าเธอเหมือนไม่กล้าถาม จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ฉันอยากถามว่า ตอนที่พี่สะใภ้รองกินข้าว ถามเรื่องลูกกับเราสองคน คุณบอกว่ายังไม่คิดจะมีลูกตอนนี้ คือ……คือคุณเป็นกลุ่มคนไม่อยากมีลูกเหรอ?" สุดท้ายเฉินฮวนฮวนถามออกมาอย่างกล้าหาญ

เพราะยังไง ก่อนหน้านั้นเธอกับเฟิงหานชานไม่มีฐานความรู้สึกต่อกัน อยู่ด้วยกันกะทันหันแบบนี้ หลายๆครั้ง เธอก็ไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ด้วยความควรถามยังไง

"ไม่ใช่สักหน่อย"

เฟิงหานชวนปฏิเสธอย่างไม่ลังเล แล้วหลุดขำออกมา

"คุณไม่ใช่? งั้นคุณ……ทำไมถึงไม่คิดจะมีลูกล่ะ?" เฉินฮวนฮวนกะพริบตา แล้วทำหน้าสงสัย

"ฮวนฮวน" นิ้วชี้ของเฟิงหานชวนแตะจมูกเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู

แต่เฉินฮวนฮวนยังงงอยู่ เธอจึงตอบว่า "อื้อ?"

"ที่ผมพูดคือ ตอนนี้ยังไม่คิด ไม่ได้แปลว่าอีกหน่อยจะไม่คิดสักหน่อย" เฟิงหานชวนตอบ

"อ๋อ ก่อนหน้านั้นคุณเคยพูดว่า ยังไม่อยากเป็นพ่อคนเร็วขนาดนั้น" เฉินฮวนฮวนคิดแล้วพยักหน้า แต่ก็มองเขาอย่างสงสัย "ปีหน้าคุณก็สามสิบแล้ว งั้นคุณคิดจะมีลูกเมื่อไหร่? ไม่รู้สึกว่าสายเกินไปเหรอ?"

ความจริงเธออยากถามคือ ตอนนี้เขามีเธอเป็นภรรยาแล้ว ทำไมยังไม่รีบอยากมีลูก?

"ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกว่าสายไป ผมคิดว่าถ้าให้คุณมีลูก เร็วเกินไป" เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก ยิ้มเอ่ยว่า "อีกอย่าง คุณยังเรียนไม่จบ แล้วจะร่วมรายการอีก ถึงผมใจร้อน แล้วช่วงนี้คุณมีเวลาเตรียมตัวตั้งครรภ์เหรอ?"

"ฉัน……" เฉินฮวนฮวนทำตัวไม่ถูกทันที

ประเด็นของเธอคือเฟิงหานชวนไม่อยากมีลูก แต่กลับลืมดูสถานการณ์ตอนนี้ของตัวเอง ตัวเองยังเด็ก เป็นนักศึกษาที่ยังไม่จบมหาวิทยาลัย แล้วยังเซ็นสัญญากับบริษัทเกาเหวิน ต้องร่วมรายการ หลังจากนั้นก็อาจจะมีกิจกรรมอื่นอีก

ที่แท้เฟิงหานชวนไม่ใช่ไม่อยากมีลูก แต่เขาคิดทุกอย่างไว้ดีแล้ว แถมยัง……เฟิงหานชวนเหมือนคิดไว้แล้วว่าจะให้เธอมีลูกให้ แต่ด้วยอายุของเธอ วัยของเธอ ก็เลยบอกว่าตอนนี้ยังไม่คิดจะมีลูก

"เฟิงหานชวน……ไม่สิ อาหาน คุณคืออาหานของฉัน……" มือของเฉินฮวนฮวน จากที่กอดเอวของเขาไว้ เลื่อนไปที่คอเขา

มือทั้งสองข้างคล้องคอเขาไว้ แล้วเงยหน้ามองคางเขา เฉินฮวนฮวนรู้สึกแสบตามาก

หลังจากที่คุณแม่เสียไปแล้ว นอกจากคุณยาย ไม่มีใครดีกับเธอแบบนี้เลย ไม่มีใครคิดเผื่อเธอขนาดนี้เลย

"ทำไมอยู่ๆถึงอ้อนล่ะ?” เห็นเธอที่กอดเขาไว้ ในใจเฟิงหานชวนมีความสุขมาก

"ฉัน ฉันไม่ได้อ้อน……" เฉินฮวนฮวนรีบดึงมือกลับ แล้วก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เว้นระยะห่างกับเฟิงหานชวน

แต่ว่า เธอเพิ่งเว้นระยะห่าง ก็รู้สึกอุ่นๆที่เอว ฝ่ามือของเขายื่นมาหา แล้วดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดเหมือนเดิม

เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก ก้มลงไปใกล้หูเธอ แล้วพูดเสียงเบาว่า "ผมชอบให้คุณอ้อน น่ารักมาก"

"……" เฉินฮวนฮวนหน้าแดงทันที

เขาพูดว่า ชอบให้เธออ้อน?

ยังพูดอีกว่า เธอน่ารักมาก?

"คุณนี่เต๊าะเก่งจริงๆ" เฉินฮวนฮวนเม้มปาก แล้วเอ่ยพึมพำ

เฟิงหานชวนอดขำไม่ได้ แล้วพูดอย่างหน้าด้านว่า "งั้นคุณชอบหรือเปล่า?"

"……"

หน้าเฉินฮวนฮวนแดงกว่าเดิม คำถามนี้เธอจะตอบยังไง?

เฉินฮวนฮวนนิ่งไปทันที

ให้แบล็กการ์ดกับเธอ? รหัสยังเป็นวันเกิดของเธอ?

เพราะฉะนั้น แบล็กการ์ดใบนี้เฟิงหานชวนให้เธอโดยเฉพาะ?

“อาหาน คุณ…” เฉินฮวนฮวนอ้าปาก รู้สึกว่าตัวเองยังตั้งสติไม่ค่อยได้

“เก็บรักษาไว้ให้ดี”เฟิงหานชวนพูดเสียงเรียบ พร้อมก้มตัว จุ๊บลงบนหน้าผากของเธอ

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก ใบหน้าเล็กแดง เงยหน้ามองชายหนุ่มหน้าหล่อตรงหน้า ถามเสียงเบา“การ์ดใบนี้ คุณให้ฉันโดยเฉพาะใช่ไหม? ในเมื่อรหัสเป็นวันเกิดของฉัน…”

“ฉลาด”เฟิงหานชวนเข้าใกล้ผู้หญิงตรงหน้า ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย

แม้ว่าเดาคำตอบได้แล้ว แต่ชายหนุ่มตอบยืนยัน ทำให้หน้าของเฉินฮวนฮวนยิ่งแดงขึ้น

“ฉัน…คุณ…”เฉินฮวนฮวนเขินอายจนพูดไม่ออก

“ก่อนหน้านี้ก็เตรียมไว้แล้ว แต่เพราะคุณอยู่ค่ายอบรม ดังนั้นเลยหาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้มาตลอด” เฟิงหานชวนอธิบาย

แต่ทว่า เฉินฮวนฮวนได้ยินคำตอบนี้ ตกใจขึ้นอีกครั้ง

เดิมที เธอนึกว่าหลังจากทั้งสองตัดสินใจเป็นสามีภรรยาที่แท้จริงแล้ว เฟิงหานชวนถึงเตรียมแบล็กการ์ดใบนี้ให้ แต่ตอนนี้ความหมายของเฟิงหานชวนคือว่า…ก่อนที่เธอจะเข้าค่ายอบรม เขาก็เตรียมไว้แล้ว

แต่ก่อนเข้าค่ายอบรม ทั้งสองคนเพียงแต่อยู่ในความสัมพันธ์ทดลองแต่งงาน

“ตอนนั้น ตอนนั้นพวกเรา…”เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะ และไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน

“คุณอยากถามก็คือ ตอนนั้นพวกเรายังเป็นความสัมพันธ์ทดลองแต่งงาน ยังไม่ได้ตัดสินใจเป็นทางการ ทำไมผมถึงเตรียมแบล็กการ์ดให้คุณ?” เฟิงหานชวนมองออกว่าในใจของเฉินฮวนฮวนคิดอะไรอยู่

“อืม” ได้ยินชายหนุ่มพูดความในใจของเธอออกมาแล้ว เฉินฮวนฮวนตอบรับออกไป พยักหน้าแรงๆ

“เพราะผมคิดเสมอ พวกเราไปจนสุดทางได้” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนจริงจัง สีหน้าจริงจัง ไม่มีท่าทางล้อเล่นแม้นิดเดียว

ความจริงจังของชายหนุ่ม ทำให้หัวใจของเฉินฮวนฮวนเหมือนหยุดเต้น เธอนิ่งอึ้งมองผู้ชายตรงหน้า นิ่งไปหนึ่งนาทีเต็มๆ

ตอนที่เฟิงหานชวนอยากพูดต่อ เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นทันที สองมือคว้าคอเขาไว้ มอบจุ๊บให้หนึ่งที

เป็นเพียงการสัมผัสเรียบง่าย เธอปล่อยผู้ชายตรงหน้าออก หน้าของเธอแดงมากๆ และไม่กล้ามองตาชายหนุ่มตรงๆ

เฉินฮวนฮวนพูดเสียงเบา “ฉันไปอาบน้ำ”

ตอนที่เธอเตรียมหมุนตัวไป เฟิงหานชวนดึงแขนเธอไว้

เฉินฮวนฮวนหันหน้ามางงๆ ใบหน้ายังมีความเขินอายนิดๆ เอ่ยถาม “ทำไมเหรอ?”

“ไม่ใช่หิวแล้วเหรอ? ซื้อขนมมาเยอะขนาดนี้ ไม่กินหน่อยเหรอ?” เฟิงหานชวนกลั้นยิ้มไว้ แม้ว่าสีหน้าดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สา แต่ความจริงอย่าให้บอกว่าในใจมีความสุขมากแค่ไหน

“ฉัน…ฉันลืมไป…” เฉินฮวนฮวนเขินเป็นที่สุด ยื่นมือเกาศีรษะด้วยความเขิน

เดิมทีเธอคิดจะกินนิดหน่อย ผลคือเฟิงหานชวนยื่นแบล็กการ์ดให้กะทันหัน ทำเอาความคิดในสมองเธอยุ่งเหยิงไปหมด

“นั่งลงมากินเถอะ” มือทั้งสองของเฟิงหานชวนวางอยู่บนไหล่ของหญิงสาว แล้วกดเธอลงไปนั่งบนโซฟาอีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนเชื่อฟัง ทำตามการกระทำของเฟิงหานชวน ตอนนี้นั่งตัวตรง แล้วยื่นมือหยิบถุงขนมบนโต๊ะ

เฟิงหานชวนไม่ได้นั่งลงทันที แต่หยิบรีโมตทีวี เปิดทีวีแล้วเอารีโมตยื่นให้เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเลือกหนังที่ได้คะแนนสูงก่อนหน้านี้ แล้วกินขนมไปพลาง ดูหนังกับเฟิงหานชวนไปพลาง

เพราะก่อนหน้านี้เธอยุ่งมากๆมาตลอด มีละครและหนังมากมายน่าดู เธอไม่มีเวลาดู หลังจากเลิกกับเยี่ยจิ่งเฉิน เธอก็ไม่เคยไปโรงหนังอีกเลย

ดังนั้น ชีวิตที่ผ่อนคลายและอิสระแบบนี้ เธอแทบจะไม่เคยได้สัมผัสเท่าไหร่

หนังเรื่องนี้เป็นช่วงปีใหม่ เป็นแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศปีก่อน ตอนนั้นพูดร่วมห้องต่างพูดว่าสนุก แต่เฉินฮวนฮวนกลับไม่เคยดู

แม้ว่าเป็นแนวสืบสวน แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นหนังตลก ทำให้ในระหว่างการดู เฉินฮวนฮวนหัวเราะออกมาเสียงดัง

เฟิงหานชวนไม่มีความสนใจหนังเลย แม้ว่าเขาดูเหมือนกำลังดูหนัง แต่ความจริงกลับกำลังดูหญิงสาวข้างๆ เทียบกับหนังเรื่องนี้ เขาอยากมองภรรยาตัวเองคนนี้มากกว่า

เขารู้สึกก่อนหน้านี้ตัวเองโง่มาก ตอนเฉินฮวนฮวนเพิ่งเข้ามา นึกไม่ถึงว่าเขาจะอำมหิตกับเธอขนาดนี้ ตอนนี้คิดแล้ว เสียใจสุดๆ

ตอนนั้นก็อยู่ในห้องนี้ เฉินฮวนฮวนร้องไห้เก็บขี้เถ้าของยายเธอ ลากกระเป๋าเดินไปพลางร้องไห้ไปพลางกลางฝนตกหนัก ภาพในตอนนั้น ทำยังไงเฟิงหานชวนก็ลืมไม่ลง

เฉินฮวนฮวนให้อภัยเรื่องนี้ได้ เป็นเรื่องความโชคดีในโชคดีแล้ว เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่กล้าให้เฉินฮวนฮวนรู้เรื่องคืนนั้นในบลูส์คลับ เพราะเขาไม่กล้าขอเฉินฮวนฮวนยกโทษให้เขา

“ฮ่า ๆ”

แต่เฉินฮวนฮวนตอนนี้ ตกอยู่ในภวังค์ความสนุกของหนังเรื่องนี้ ไม่ทันรู้ตัว ถุงขนมในมือก็หมดแล้ว

เฉินฮวนฮวนสนุกเลยไม่รู้สึกเหนื่อย ยื่นมือคว้าขนมอีกถึงหนึ่ง ฉีกถุงออกแล้วหยิบแผ่นมันฝรั่ง คิดอยากให้เฟิงหานชวนลองชิมก่อน

ตอนเธอหันหน้าไป สบตาเข้ากับเฟิงหานชวนพอดี เธอสังเกตเห็น เฟิงหานชวนกำลังมองเธออยู่

สายตาเขามองมาที่เธอ ไม่ใช่ทางหน้าจอ เพราะฉะนั้นเฟิงหานชวนกำลังมองเธออยู่จริงๆ

เฉินฮวนฮวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง หรือว่าเมื่อกี้เฟิงหานชวนมองเธอมาตลอด ไม่ใช่กำลังดูหนัง?

หรือเพราะว่า ตัวเธอกินขนมหมดไปห้าถุง ทำให้เฟิงหานชวนสนใจ?

“อาหาน คุณ…กำลังมองฉัน?” เฉินฮวนฮวนถามออกไปหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ แล้วยื่นมันฝรั่งไปที่ปากของชายหนุ่ม

แม้ว่าปกติเฟิงหานชวนไม่กินขนม แต่ในเมื่อภรรยามีน้ำใจ เขาก็อ้าปากกินลงไป

“ใช่” เขาพยักหน้าเรียบ ๆ

“เพราะฉัน…กินมากไปใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก ยังคงถามออกไป

“แน่นอนว่าไม่ใช่” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมาเบาๆ ปฏิเสธการเดาของเฉินฮวนฮวนทันที เขายื่นมือตบที่ศีรษะเธอเบาๆ พูดเสียงอ่อนโยน “ผมไม่รังเกียจคุณ”

เขาไม่รังเกียจเธอ…

แม้ว่า เฉินฮวนฮวนได้ยินคำพูดเอ็นดูแบบนั้น แต่ยิ่งรู้สึกตรงไหนแปลกๆ

“เฟิงหานชวน!” เธอเม้มปาก พูดด้วยความไม่พอใจ “คุณรู้สึกว่าฉันกินมาก”

“ผมเปล่า” เฟิงหานชวนปฏิเสธทันที

“ถ้าหากคุณไม่รู้สึกว่าฉันกินมาก คุณคงไม่ใช้คำว่ารังเกียจสองคำนี้ ดังนั้นในจิตใต้สำนึกของคุณ รู้สึกว่าฉันกินมาก…” เฉินฮวนฮวนสองมือเท้าเอว หันหน้าไปทันที ไม่มองผู้ชายตรงหน้าอีก

เอาสายตากลับไปมองจอทีวีอีกครั้ง

“ผมเปล่าจริงๆ ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆ รีบยื่นมือออกไปคว้าเอวบางของหญิงสาว ใช้แรงที่ฝ่ามือ เหนี่ยวเธอเข้ามากอด

เฉินฮวนฮวนเสียการทรงตัว ครู่เดียวก็ล้มไปทางเฟิงหานชวน แล้วล้มลงบนตักของชายหนุ่มทันที

เธอรู้สึกว่าท้ายทอยเหมือนชนกับของที่ยืดหยุ่น ตอนเธอรู้ตัว คนทั้งคนก็กลายเป็นหิน

เป็นหินเหมือนกัน ยังมีบางคนที่ถูกชน

หลายวินาทีต่อมา เฉินฮวนฮวนได้สติ รีบลุกขึ้นทันที นั่งตัวตรง นั่งบนโซฟาอย่างนอบน้อม ท่านั่งแทบจะ90องศา

ตอนนั้น บรรยากาศภายในห้อง แทบจะแช่แข็ง

เฉินฮวนฮวนนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ตอนเธอหันไปอยากถามเฟิงหานชวน กลับเห็นสีหน้าเฟิงหานชวนเหมือนหลากสี

“อาหาน คุณ…คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกศีรษะตัวเองค่อนข้างหนัก ก็เหมือนลูกเหล็กขนาดใหญ่

ลูกเหล็กขนาดใหญ่หนึ่งลูกตกลงไปอย่างแรง เฟิงหานชวนคงไม่รู้สึกแย่ใช่ไหม?

แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้ชาย เธอไม่สามารถรู้สึกแทนได้ ทำได้แค่เห็นใจเฟิงหานชวนเงียบๆ ถึงจะเป็นห่วงเขามากๆ ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะเธอ

แน่นอน สาเหตุส่วนใหญ่ยังคงเป็นเฟิงหานชวนเอง หากไม่ใช่เฟิงหานชวนพยายามกอดเธอ ก็ไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“ฮวนฮวน คุณรู้สึกว่าไง?” เฟิงหานชวนแทบจะกดฟันพูดออกมา หน้าผากเขามีเหงื่อออกมาเป็นชั้นบางๆ

แรงเมื่อกี้นี้ ไม่เบาจริงๆ ตอนนี้เขายังเจ็บอยู่นิดๆ

ความรู้สึกนั้นแย่มาก

“ฉัน…ฉันรู้สึก…”เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก ไม่กล้ามองตาเฟิงหานชวนตรงๆ พูดติดๆขัดๆ “ฉันรู้สึก…คุณคงไม่เป็นไรมั้ง?”

“คุณแน่ใจว่าผมไม่เป็นไร?” เฟิงหานชวนคิ้วกระตุก น้ำเสียงมีความข่มขู่เล็กน้อย

“หากคุณ…หากคุณเจ็บ ตอนนี้ฉันพาคุณไปโรงพยาบาลได้” เฉินฮวนฮวนตกใจลุกขึ้นทันที

ใช้โอกาสนี้ เฟิงหานชวนจับข้อมือเธอไว้ แล้วดึง หลังจากนั้นตกลงในอ้อมกอดเขา

ครั้งนี้เขามีประสบการณ์แล้ว แม้ว่าเฉินฮวนฮวนถูกเขาดึงลงมา แต่เฉินฮวนฮวนถูกเขาโอบกอดไว้ทั้งหมด ไม่ได้เกิดข้อผิดพลาดแบบเมื่อกี้นี้

“เฟิงหานชวน คุณคิดจะทำอะไร?” ในความร้อนใจ เฉินฮวนฮวนอดเรียกชื่อเต็ม ของบางคนไม่ได้

“เด็กดี อย่าดิ้น แบบนี้แหละ” เฟิงหานชวนใช้ด้านอบอุ่น มาปฏิบัติกับเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนมองท่าทีตัวเองในตอนนี้ คือนอนราบอยู่บนตัวเฟิงหานชวน มือข้างหนึ่งของเฟิงหานชวนวางอยู่ที่หลังของเธอ มืออีกข้างวางขาทั้งสองของเธอ ถือว่าคนที่นั่งอุ้มท่าเจ้าหญิงอยู่

“อาหาน คุณปล่อยฉันลง ฉันจะดูหนัง หนังยังไม่จบ” เฉินฮวนฮวนยื่นนิ้ว กดไปที่หน้าอกของชายหนุ่ม

“แบบนี้ก็ดูได้” เฟิงหานชวนมองไปทางหน้าจอทีวี

มองท่าทางชายหนุ่มนิ่งเฉย ถึงขั้นไม่มีความคิดที่จะปล่อยมือ เฉินฮวนฮวนยอมแพ้ที่จะเจรจาไปง่ายๆ และขี้เกียจขัดขืน เป็นเด็กดีอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม

หลังจากนั้น เฉินฮวนฮวนก็ดูหนังไปพลาง กินขนมไปพลางเหมือนเดิม เพียงแค่ท่าทางต่างออกไป

ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ ตอนนี้นอนอยู่ เพียงแต่สถานที่นอน พิเศษนิดหน่อยแค่นั้น

ไม่ทันรู้ตัว หนังสนุกก็เข้าสู่ตอนจบ เฉินฮวนฮวนตกอยู่ในภวังค์ของหนัง ตอนนี้ถึงได้สติกลับมา เห็นว่าตัวเองยังถูกเฟิงหานชวนอุ้มอยู่

“เฟิง…อาหาน คุณเมื่อยมือไหม?” เธอยังรู้สึกเมื่อยหลังเลย

“ไม่เมื่อย” ชายหนุ่มยังนั่งอยู่ปกติเหมือนเดิม นอกจากอุ้มเฉินฮวนฮวนไว้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ฮวนฮวน ในเมื่อผมเป็นสามีคุณ ของที่คุณซื้อ ทำไมผมจะจ่ายเงินไม่ได้?”เฟิงหานชวนถามเสียงเข้ม

“ไม่ใช่ ฉันก็แค่รู้สึก…ฉันก็แค่รู้สึก ของพวกนี้เป็นของฉันทั้งหมด ฉัน…”เฉินฮวนฮวนอ้าปาก พูดอย่างตะกุกตะกัก เครียดไม่รู้อธิบายยังไง

ที่จริงเธอก็แค่รู้สึกเกรงใจ เกรงใจที่จะใช้เงินของเฟิงหานชวน และไม่ใช่ว่าเธอไม่มีเงิน ถ้าหากเธอไม่มีเงิน ทำได้แค่เพียงให้เฟิงหานชวนจ่ายเงิน แต่ตอนนี้เธอสามารถจ่ายเงินได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่อยากใช้เงินเฟิงหานชวน

ยิ่งไปกว่านั้น ค่าใช้จ่ายสุสานของคุณยายเฟิงหานชวนก็เป็นคนออก เธอรู้สึกตัวเองติดเงินเฟิงหานชวนอยู่ ของเล็กน้อยพวกนี้ไม่อยากให้เฟิงหานชวนจ่ายเงินจริงๆ

“ฮวนฮวน” มองท่าทาง อ้ำๆ อึ้งๆ ของเฉินฮวนฮวน บนหน้าของเฟิงหานชวนก็แสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย ถามอีกครั้ง “ในใจคุณ ยังไม่คิดว่าผมเป็นสามีของคุณใช่ไหม? มีอย่างที่ไหนระหว่างภรรยาและสามี แบ่งแยกชัดเจนขนาดนี้? ”

“ฉัน…”คำพูดนี่ของเฟิงหานชวน ทำให้เฉินฮวนฮวนนิ่งไป

ใช่สิ!

เธอกับเฟิงหานชวนเป็นสามีภรรยากันแล้ว มีอย่างที่ไหนระหว่างสามีภรรยา แบ่งแยกเรื่องเงินทองชัดเจนแบบนี้?

ถ้าหากแบ่งแยกชัดเจนละก็ นี่ก็ไม่ใช่สามีภรรยาคู่รักกันแล้ว

สามีภรรยาที่รักกัน ควรเป็น…ของเธอก็คือของฉัน ของฉันก็คือของเธอ

“คุณมาจ่ายเงินสิ” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก พร้อมอ้อมผ่านเฟิงหานชวน ไปยืนข้างหลังเขา

มองทั้งสองโต้ตอบ แม้แคชเชียร์ไม่พูด ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมา แต่ในใจกลับงงและสงสัย

ยิ่งมากกว่านั้นคือรู้สึกแปลกๆ

คู่นี้ ชายหล่อหญิงสวย และได้ยินคำที่พวกเขาพูดออกมา สถานะของทั้งสองคนน่าจะเป็นคู่สามีภรรยา

แต่…เห็นชัดว่าไม่เหมือนสามีภรรยาทั่วไป ท่าทางฝ่ายหญิงไม่สบายใจ ถึงขั้นไม่อยากใช้เงินฝ่ายชาย

แคชเชียร์รู้ที่นี่เป็นพื้นที่แพงที่สุด คนที่ปรากฏตัวที่นี่ พื้นฐานไม่รวยก็ข้าราชการ เธอชี้ชัด นี่เป็นคู่สามีภรรยาที่ครอบครัวจับคู่ ก่อนแต่งไม่ค่อยติดต่อกันเท่าไหร่ ความรู้สึกไม่ลึกซึ้ง

มิฉะนั้น ถ้าหากเป็นรักกันแล้วค่อยแต่งงาน เป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงออกแบบนี้

เห็นแคชเชียร์มองตัวเขากับเฉินฮวนฮวนแล้วเหม่อ เฟิงหานชวนแสดงสีหน้าไม่พอใจนิดๆ พูดเสียงเย็น “คิดเงิน”

“อา โอ้ ได้ค่ะได้ค่ะ รอสักครู่” แคชเชียร์สาวถึงได้สติกลับมา รีบเริ่มสแกนทีละบิล

ในช่วงที่รอ เฉินฮวนฮวนเหม่อลอยอย่างน่าเบื่อ ทันใดนั้น เฟิงหานชวนเอากล่องบรรจุหนึ่งยื่นเข้ามาในมือเธอ

เฉินฮวนฮวนก้มมอง เริ่มแรกยังไม่ทันตั้งตัว หลังจากเห็นชัดเจน ตกใจรีบเอามือเด้งออก

กล่องบรรจุนั้นตกลงบนพื้น

เฉินฮวนฮวนรีบก้มตัวไปเก็บ เฟิงหานชวนก็คิดก้มไปเก็บพอดี หน้าผากของทั้งสองชนกัน…

“โอ๊ย” เฉินฮวนฮวนร้องออกมา แล้วรีบยื่นมือจับหน้าผากตัวเอง

แต่ว่า วินาทีต่อมา แม้ว่าหน้าผากจะรู้สึกถึงความอบอุ่น แต่เธอพบว่ามือตัวเองไม่ได้ปิดบนหน้าผากตัวเอง

เงยหน้าไปดู เป็นมือของเฟิงหานชวนปิดอยู่บนหน้าผากของเธอ ดวงตาทั้งสองแสดงถึงเป็นห่วงและกังวลออกมา

“เจ็บไหม?” ชายหนุ่มถามเสียงต่ำ

“ไม่เจ็บ คุณเจ็บไหม?” เฉินฮวนฮวนยื่นมือไปทางหน้าผากเฟิงหานชวน แล้วช่วยเขานวดเบาๆ

“ผมก็ไม่เจ็บ” สำหรับการกระทำแบบนี้ของหญิงสาว เฟิงหานชวนยกริมฝีปาก มุมปากมีรอยยิ้ม

มองทั้งสอง จู่ ๆ ก็แสดงความรัก แคชเชียร์สาวถึงกลับมึนไปเลย วินาทีก่อนหน้านี้ยังเหมือนคู่ที่ไม่มีความรู้สึกอะไร ตอนนี้ทำไมในดวงตาทั้งสองคนมีความรู้สึกลึกซึ้งและหวานกัน?

เธอไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ในพวกคนรวย เป็นประเภทอะไรที่แปลกๆ ทั้งหมด ?

“ไม่เจ็บก็ดีแล้ว” เฉินฮวนฮวนสบายใจขึ้น

เฟิงหานชวนเอามือออก ก้มลงอีกครั้ง เก็บกล่องบรรจุที่ตกพื้นขึ้นมา แล้ววางกองกับขนมที่ยังไม่ได้สแกน

“เฟิงหานชวน คุณ…คุณซื้อนั่นทำอะไร? ตอนนี้ประจำเดือนฉันเพิ่งมา…”เฉินฮวนฮวนหน้าแดงขึ้นทันที พูดพึมพำ

กล่องบรรจุที่เฟิงหานชวนหยิบ เป็นเวลาที่ชายหญิงแสดงความรัก ผลิตภัณฑ์ใช้มาปฏิบัติ

พูดตรงๆก็คือ ถุงยางอนามัย

“อีกไม่กี่วันก็ได้ใช้” เฟิงหานชวนหน้านิ่ง บนหน้าไม่มีความรู้สึกใดๆ ท่าทางเงียบสงบ

ไม่มีความอายเลยไม่แต่น้อย

เฉินฮวนฮวนเกิดคำถามมากมาย เฟิงหานชวนพูดมาก็มีเหตุผล เธอถึงกลับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

“ทำไมตกใจขนาดนี้?” ดวงตาลึกซึ้งของเฟิงหานชวน จ้องมองผู้หญิงหน้าแดงตรงหน้า

เฉินฮวนฮวนพูดด้วยความเขินอาย “คุณ…ทำไมคุณคิดเรื่องนี้…”

เสียงเธอเบามาก เพราะกลัวแคชเชียร์ได้ยิน แต่เพราะแบบนี้เฟิงหานชวนเลยได้ยินไม่ชัด

“ฮวนฮวน คุณพูดอะไร?” เฟิงหานชวนถามอีกครั้ง

“ไม่สนใจคุณแล้ว!” เฉินฮวนฮวนคิดว่าเฟิงหานชวนแกล้งโง่ หันหน้าหนี ปากจู๋ขึ้น คนทั้งคนแสดงออกว่าโมโหมาก

เฟิงหานชวนรู้สึกเฉินฮวนฮวนน่ารักมากเลย แม้จะเป็นท่าทางตอนโมโห ก็น่ารักมากๆ

เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปโอบเอวหญิงสาวไว้ ใช้แรงนิดหน่อย เฉินฮวนฮวนไม่ทันตั้งตัว ตอนที่รู้ตัวก็ถูกเฟิงหานชวนกอดไว้แล้ว

“คุณทำอะไร? ที่นี่เป็นร้านสะดวกซื้อ คนอื่นมองอยู่นะ…”เฉินฮวนฮวนเห็นแคชเชียร์มองมา เธอเขินจะตายอยู่แล้ว

เฟิงหานชวนคนนี้ จะแสดงความใกล้ชิดก็ต้องดูสถานการณ์ สถานที่สาธารณะแบบนี้ ยังไงก็ต้องสนใจภาพลักษณ์บ้างสิ

เฟิงหานชวนหันไปมองแคชเชียร์แวบหนึ่ง แคชเชียร์สแกนต่ออย่างจริงจังแล้ว เพราะของที่ซื้อเป็นชิ้นเล็กๆทั้งหมด ดังนั้นต้องใช้เวลาในการสแกน

เวลานี้เหลือกล่องบรรจุชิ้นสุดท้ายที่ยังไม่ได้สแกนพอดี ตอนแคชเชียร์หยิบมาสแกน ชำเลืองเห็นขนาดบนกล่อง แก้มแดงขึ้นมาแปลกๆ

“สวัสดีค่ะ ทั้งหมด598หยวน”แคชเชียร์สาวไม่กล้ามองเฟิงหานชวน ก้มศีรษะเล็กน้อย แจ้งจำนวนเงิน

เฟิงหานชวนจ่ายเงินเสร็จ ถือของสองถุงใหญ่เดินออกไป เฉินฮวนฮวนก็รีบเดินตามไป

เธออยากช่วยเฟิงหานชวนถือสักถุงหนึ่ง แต่เฟิงหานชวนไม่ยอมให้เธอถือ เฉินฮวนฮวนรู้สึกอบอุ่นในใจ

ไม่ง่ายที่จะกลับถึงห้อง เฉินฮวนฮวนนั่งบนโซฟาด้วยความเหนื่อย พูดว่า “ร้อนจังเลย ร้อนจังเลย ฉันคงต้องอาบน้ำอีกครั้งค่อยนอน ก่อนหน้านี้ที่อาบไปเสียเปล่าแล้ว”

เฟิงหานชวนวางสองถุงใหญ่บนโต๊ะแล้ว มองเฉินฮวนฮวนที่นั่งบนโซฟาอย่างจริงจัง

เฉินฮวนฮวนเห็นเฟิงหานชวนเอาแต่ยืนอยู่ รีบตบที่นั่งข้าวตัวเอง พูดว่า “อาหาน คุณรีบมานั่งสิ”

“ฮวนฮวน มีของสิ่งหนึ่งผมอยากมอบให้คุณ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนจริงจังขึ้นมาก

เฉินฮวนฮวนกะพริบตาครู่หนึ่ง เอ่ยถาม “ของอะไร?”

เฟิงหานชวนหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา ดึงแบล็กการ์ดใบหนึ่งออกมาจากข้างใน แล้วดึงมือของเฉินฮวนฮวนไว้ เอาแบล็กการ์ดใบนั้นวางอยู่ในฝ่ามือของเฉินฮวนฮวน

“นี่เป็นแบล็กการ์ดอันลิมิต สามารถผูกจ่ายกับมือถือ ไม่จำกัดวงเงินการใช้ รหัสคือวันเกิดของคุณ”

ความอดทนของเฟิงหานชวนหายไปโดยหลิวหลี่ถง

“ของเหล่านี้แพงแค่ไหน เสียดายที่จะต้องเอาออกมาเหรอ?”

เมื่อเห็นหลิวหลี่ถงชักช้า สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมขึ้น และน้ำเสียงของเขาโกรธ: "เดือนหน้าเริ่มขึ้นเงินเดือนแล้ว ทำให้มันเร็วๆหน่อย"

ตอนนี้เขากำลังรอส่งของชิ้นหนึ่งไปให้เฉินฮวนฮวน เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน

จะปล่อยให้ภรรยาของเขานั่งบนชักโครกไปเรื่อยๆหรือ?

“ถ้าอย่างนั้น…… ในเมื่อคุณชายสามร้องขอ ฉันก็จะหยิบให้” หลิวหลี่ถงหน้าแดงด้วยความอาย และรีบเดินไปที่ข้างเตียงของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นเอื้อมมือออกไปและยกหมอนขึ้น

เธอหยิบวัตถุที่มีพลังงานไฟฟ้าขึ้นมา ถือไว้ด้านหลัง แล้วค่อยๆก้าวพร้อมกับเคลื่อนมันไปด้านหน้าของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนไม่ได้สนใจดู ยื่นมือไปหาหลิวหลี่ถง และพูดอย่างเย็นชาว่า "ส่งมาให้ฉัน"

หลิวหลี่ถงหลับตาอย่างเขินอาย บิดร่างกายไปมาอย่างขวยเขิน และในที่สุดก็เอาวัตถุที่อยู่ข้างหลังออกมา วางไว้ในมือของเฟิงหานชวน แล้วรีบปิดแก้มตัวเอง

เพราะว่าเมื่อครู่มือเธอสั่น เลยกดโดนปุ่มเปิดปิดพอดี ของชิ้นนั้นก็สั่นขึ้นในมือของเฟิงหานชวน

ใบหน้าของเฟิงหานชวน เปลี่ยนเป็นหน้าดำคร่ำเครียด

เมื่อเขาคืนสติ เขาก็โยนของในมือลงบนพื้นและตะโกนว่า “หลิวหลี่ถง คุณคิดจะทำอะไร?”

“อ๊ะ!” หลิวหลี่ถงตกใจ ทันทีที่เขามองไปที่เฟิงหานชวน เขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกห้อมล้อมด้วยอากาศที่เย็นยะเยือก

เธอทำให้เฟิงหานชวนโกรธ?

เป็นไปได้อย่างไร ไม่ใช่เฟิงหานชวนที่เป็นคนขอให้เธอมอบของใช้ของผู้หญิงอันนี้เหรอ?

ทำไมต้องดุเธอแบบนี้?

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าตัวเองเสียเวลาเปล่า

เดิมเห็นหลิวหลี่ถง นึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นสาวใช้ที่บ้าน น่าจะมีของใช้แบบนั้นอยู่ ดังนั้นจึงอยากรีบนำไปให้เฉินฮวนฮวนใช้ก่อนสักชิ้น

แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้นมา

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว หันหลังเตรียมจากไป ไม่คิดที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับหลิวหลี่ถงอีก เขาควรรีบไปร้านสะดวกซื้อให้เร็วที่สุด

ในขณะเดียวกันนี้ หลิวหลี่ถงคว้าแขนของเขาและถามด้วยน้ำตาคลอเบ้า: “คุณชายสาม ไม่ใช่คุณที่บอกให้ฉันเอามันออกมาเหรอ? แล้วทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้? ฉันทำอะไรผิดกันแน่?”

หลิวหลี่ถงแสดงออกมาน่าสงสารมาก ดังเช่นผู้หญิงยากไร้ที่ถูกเขี่ยทิ้งหลังจากได้หลับนอนกับผู้ชาย

“ของใช้ที่ฉันพูดถึง คือของที่ผู้หญิงต้องใช้เดือนละครั้งที่เรียกว่าผ้าอนามัย” เฟิงหานชวนดุเสียงดัง สีหน้าของเขาเคร่งขรึมดั่งเคย

หลิวหลี่ถงตกตะลึง

เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่าของใช้สำหรับผู้หญิงที่เฟิงหานชวนบอก จะหมายถึงแค่——ผ้าอนามัย

แล้วสิ่งที่เธอทำไปเมื่อครู่นี้ ไม่เพียงแต่จะมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อหน้าเฟิงหานชวน แม้แต่งานของเธอก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว?

“คุณชายสาม ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันเข้าใจผิด คุณอย่าไล่ฉันออกด้วยเหตุผลนี้ ต่อไปฉันจะแก้ไขให้ถูกต้อง” หลิวหลี่ถงร้องไห้หนักมากขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำและเธอรีบพูดว่า: “ฉัน มีผ้าอนามัย ฉันมี …… "

“คุณมีหรือ? ยังไม่รีบเอามันออกมาอีก?” เฟิงหานชวนดุอย่างเฉยชา

เขาขี้เกียจเกินกว่าจะคิดเล็กคิดน้อยกับหลิวหลี่ถง เพราะทุกนาทีทุกวินาทีมีค่าสำหรับเขา ไม่จำเป็นต้องโต้เถียงกับสาวใช้คนหนึ่ง

“ใช่ค่ะ ฉันมี ฉันมีค่ะ” ขณะพูด หลิวหลี่ถงก็รีบเดินไปที่หน้าตู้เสื้อผ้า เปิดลิ้นชักด้านล่าง หยิบออกมาสองห่อแล้วส่งให้เฟิงหานชวน

เมื่อเฟิงหานชวนเห็นดังนั้น ก็รีบหันหลังจะกลับ แต่ถูกหลิวหลี่ถงขวางทางไว้

“คุณชายสาม ฉันผิดไปแล้วจริงๆ คุณได้โปรดยกโทษครั้งนี้ให้ฉันด้วย! ฉันก็แค่เข้าใจความหมายของคุณผิด ฉันไม่ได้ตั้งใจ โปรดยกโทษให้ฉันด้วย…” เธอยังคงอ้อนวอนขอความเมตตา ตัวเธอเองรู้สึกต่ำต้อยและทำไรไม่ถูก

เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะทำเรื่องที่เข้าใจผิดขนาดนี้ออกมา

“ทำหน้าที่ของเธอให้ดี” เฟิงหานชวนสะบัดมือออก ก้าวเท้าออกจากห้องแม่บ้านแล้วเดินไปที่วิลล่า

เขาวิ่งเร็วมากจนหลิวหลี่ถงไม่สามารถตามได้ทัน เธอจึงทำได้แค่ยืนกระทืบเท้าอยู่ที่เดิม

ส่วนเฟิงหานชวนรีบไปที่ห้องของเขาด้วยความเร็วที่เร็วมาก แต่กลับเห็นว่าเฉินฮวนฮวนได้สวมชุดนอนเดินออกมาจากห้องน้ำ

“อาหาน คุณทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้?” เฉินฮวนฮวนสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นผ้าอนามัยสองห่อที่อยู่ในมือของเฟิงหานชวน

จากวิลล่าไปร้านสะดวกซื้อ คุณต้องขับรถอย่างน้อย 5 นาที และต้องใช้เวลาซื้อของอย่างน้อยก็อีก 5 นาที แล้วกลับมา……คำนวณยังไง มันก็ไม่น่าจะเร็วขนาดนั้น!

“ฮวนฮวน รีบเอาไปใช้ ผมจะไปซื้อมาให้คุณอีก” เฟิงหานชวนเดินไปหาเธอและยัดผ้าอนามัยสองห่อไว้ในมือของเฉินฮวนฮวน

เขาหันตัวกลับเตรียมเดินไป แต่ถูกเฉินฮวนฮวนดึงไว้ และเธอรีบบอกว่า “สองห่อก็พอแล้ว พรุ่งนี้ฉันไปซื้อเองได้ คุณรีบไปอาบน้ำและพักผ่อนได้แล้ว”

ตอนนี้มันดึกมากแล้ว เฟิงหานชวนก็ไปแล้วเที่ยวนึง และเธอก็ทนไม่ได้ที่จะให้เฟิงหานชวนต้องวิ่งไปที่นั่นอีกรอบ

“ไม่เป็นไร เมื่อครู่ผมไม่ได้ไปร้านสะดวกซื้อ ไปตอนนี้สักรอบ ตอนนี้ผมมีเวลาเหลือเฟือ ผมอยากถามคุณว่าต้องการยี่ห้ออะไร?” เฟิงหานชวนมองไปที่สองห่อนั่นในมือของเฉินฮวนฮวนแล้วพูดเบา ๆ : "นี่เป็นแค่ให้คุณใช้แก้ขัดเท่านั้น ผมกลัวว่าคุณจะไม่สามารถออกจากห้องน้ำได้"

“ห๊ะ?” เฉินฮวนหวนเริ่มงุนงงและรีบถามว่า “สองห่อนี้ไม่ได้ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเหรอ? แล้วไปเอามาจากที่ไหน?”

“ตอนที่ฉันไปเอารถ พบหลินหลี่ถงเข้าพอดี ผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงวัยรุ่น น่าจะมีของใช้แบบนี้ ก็เลยขอกับเธอ เธอเลยหยิบออกมาให้สองห่อ” เฟิงหานชวนตอบตามความเป็นจริง

เพียงแต่ว่า เขาละเว้นที่จะพูดถึงส่วนที่น่าอายนั้น

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าแล้วชี้ไปที่บรรจุภัณฑ์ในมือแล้วพูดว่า: “ฉันไม่เลือกยี่ห้อ หรือไม่คุณก็ซื้อยี่ห้อนี้ก็ได้”

“ก็ได้ รอผมกลับมานะ” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลงและจูบที่หน้าผากของหญิงสาว

เมื่อเขาหันตัวจะไป เฉินฮวนฮวนเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก และจับมือชายหนุ่มอีกครั้งมองเขาด้วยดวงตาที่สดใส

“มีอะไรหรือ?” เฟิงหานชวนถาม “มีอะไรที่อยากจะซื้ออีก?”

“อืม” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากของเธอ พยักหน้าและพูดอย่างเขินอาย: “คุณพาฉันไปด้วยนะ? ฉันอยากไปที่ร้านสะดวกซื้อกับคุณ”

วันนี้เธออารมณ์ดีมาก อาจเป็นเพราะเธอรู้ว่าประจำเดือนเธอมาแล้ว ดังนั้นเรื่องไม่คาดฝันในคืนนั้นไม่ได้ทำให้เธอท้อง ต่อไปเธอก็สามารถอยู่กับเฟิงหานชวนได้อย่างสงบสุข

รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างเบาหวิว ราวกับว่าฝันร้ายนั้น ยิ่งอยู่ยิ่งห่างตัวเองออกไปเรื่อยๆ

“ก็ได้” เฟิงหานชวนตอบตกลงโดยไม่ลังเล

ที่จริงแล้วเขาและเฉินฮวนฮวนมีความคิดเหมือนกัน เขาในเวลานี้ก็รู้สึกว่าตัวเองผ่อนคลายมาก เพราะเฉินฮวนฮวนไม่ได้ตั้งท้องเพราะเรื่องในคืนนั้น

นี่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เฉินฮวนฮวนจะไม่มีทางรู้ความจริงในคืนนั้นอีกต่อไป

……

เฉินฮวนฮวนหยิบผ้าอนามัยที่หลิวหลี่ถงให้มา และหลังจากเปลี่ยนมันในห้องน้ำ เธอก็ออกไปพร้อมกับเฟิงหานชวน

ทั้งสองไม่ได้ขับรถ แต่เลือกที่จะเดินไป

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะรู้สึกปวดท้องเล็กน้อย แต่เธอรู้สึกว่ายังทนได้ แค่ต้องการเดินเล่นพร้อมกับเฟิงหานชวนด้วยความรู้สึกเพลิดเพลิน

ไม่เร่งไม่รีบ เดินช้าๆ บนทางเดินเล็กๆในเขตวิลล่า

เฟิงหานชวนถามเธอเกี่ยวกับเรื่องค่ายฝึก เธอค่อยๆเล่าให้ฟัง และ เฟิงหานชวนก็ตั้งใจฟัง

ดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา ทั้งสองคนก็มาถึงร้านสะดวกซื้อนอกเขตวิลล่า และเฉินฮวนฮวนก็เริ่มสนใจในทันที

อาจเป็นเพราะเธอกินน้อยในตอนกลางคืน ตอนนี้เธอก็เลยหิวมาก หรืออาจเป็นเพราะเธออารมณ์ดี เมื่อเธอเห็นขนมและเครื่องดื่มชนิดต่างๆเลยอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย

“คุณอยากกินอะไรก็หยิบ” เฟิงหานชวนพูดกับเธอและเดินเข้าไปอีกช่องหนึ่ง

คราวนี้เฉินฮวนฮวนไม่อยากทน กินแต่สลัดผักมาเป็นเวลานาน เดิมเธออยากกินอะไรดีๆ แต่กลับไม่อยากอาหาร ไม่ง่ายเลยที่ตอนนี้จะรู้สึกอยากอาหาร เลยไม่อยากรู้สึกผิดต่อตัวเอง

เธอหยิบตะกร้าใบหนึ่งและเริ่มใส่ขนมขบเคี้ยวลงไป

เมื่อเธอเลือกจนเกือบเสร็จ เธอก็พบว่าเฟิงหานชวนหายไปแล้ว เธอหันศีรษะและกำลังจะเรียก ก็พบว่าเฟิงหานชวนปรากฏตัวขึ้นที่ระหว่างทางเดินของเธอ

เฟิงหานชวนในเวลานี้ ถือกล่องสีสันสดใสคู่หนึ่งไว้ในมือทั้งสองข้าง เฉินฮวนฮวนจ้องเข้าไปใกล้ ๆ กลับเป็นผลิตภัณฑ์สุขอนามัยทั้งหมด

“คุณ… คุณซื้อมาให้ฉันเหรอ?” เฉินฮวนฮวนประหลาดใจมากจนวิ่งเหยาะๆเข้าไปหา

“เธอดูสิ ยี่ห้อเหล่านี้หรือเปล่า” เฟิงหานชวนหยิบความยาวทุกแบบเกือบทั้งหมด แบบละหลายห่อ

“ใช่ใช่ใช่ พอแล้วพอแล้ว เหล่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉันที่จะใช้ได้เป็นเวลาหลายเดือน” เฉินฮวนฮวนรีบหยิบตะกร้าอีกใบและใส่ผลิตภัณฑ์สุขอนามัยมากมายที่เฟิงหานชวนถืออยู่ลงในตะกร้า

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนใส่มันเรียบร้อย ก็หยิบตะกร้าสองใบขึ้นมาเองและพูดกับเฟิงหานชวนด้วยรอยยิ้มว่า "ทั้งหมดนี้เป็นของฉัน ฉันเลือกเสร็จแล้ว คุณจะซื้ออะไรไหม?

“ให้ผมถือ” เฟิงหานชวนยื่นมือออกไปหาเฉินฮวนฮวน

“อะไรนะ?” เฉินฮวนฮวนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเข้าใจและส่งตะกร้าสองใบให้เฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนถือตะกร้าและถามว่า "ต้องการอะไรอีกไหม?"

“ไม่แล้วหล่ะ ในนี้มีหลายอย่างแล้ว ไม่มีอย่างอื่นที่ต้องการแล้ว” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างไวพร้อมกับโบกมือ

“ดี ผมจะไปชำระเงิน” เฟิงหานชวนหันหลังเดินออกไปขณะที่เขาพูด

เขาจะไปชำระเงิน?

เฉินฮวนฮวนชะงัก พอรู้สึกตัวรีบวิ่งตามเฟิงหานชวน

เฟิงหาชวนได้เดินไปถึงที่เครื่องคิดเงินแล้ว เฉินฮวนฮวนพุ่งเข้าไปยืนขวางตรงหน้าเขา

“อาหาน ฉัน…ฉันจะจ่ายเอง นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการทั้งนั้น ฉันมีเงิน ฉันจ่ายเอง” เฉินฮวนฮวนกล่าว

ตอนนี้เธอไม่ได้เงินขาดมือขนาดนั้นแล้ว เพราะหลังจากเซ็นสัญญากับบริษัทของเกาเหวินแล้ว เกาเหวินให้เงินเธอหนึ่งแสนเหรียญ รวมทั้งตอนฝึกไม่ได้ใช้เงินเลย ตอนนี้เงินยังอยู่ครบทั้งหนึ่งแสนเหรียญ

เมื่อพูดเสร็จเฉินฮวนฮวนก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว กำลังคิดที่จะเปิดแอพอาลีเพย์เพื่อชำระเงิน แต่จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็ถูกหยิบไป

เมื่อเธอหันศีรษะ เธอก็สบตากับชายคนหนุ่มทันที และทั้งตัวของเธอก็ดูเหมือนจะตกเข้าไปในกลุ่มหมอกดำ

เธอพบว่าเฟิงหานชวนโกรธแล้ว?

“บอกผมมาว่าคุณเป็นอะไรกับผม” เสียงเย็นชาของชายหนุ่มดังก้องอยู่ในหูของเธอ

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากแน่น แล้วตอบอย่างเขินอายและเสียงเบาว่า “สามี”

“เสียงเบาเกินไป ผมได้ยินไม่ชัดเจน”

"คุณเป็นสามีของฉัน!"

ตอนที่เฟิงหานชวนกำลังจะอุ้มเธอขึ้น เฉินฮวนฮวนจึงรีบดึงสติกลับมา

โรงพยาบาล?

ไม่ ไม่ได้ เธอไปโรงพยาบาลไม่ได้

"ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร……" เฉินฮวนฮวนจับข้อมือเขาไว้ แล้วส่ายหน้าสุดชีวิต พร้อมเอ่ยว่า "แค่ช่วงนี้ฉันเหนื่อยเกินไป ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก ฉันแค่พักผ่อนก็ดีขึ้นแล้ว"

ในหัวเธอมีแต่ความหวาดผวากับโรงพยาบาล เธอกลัวโดนตรวจร่างกาย กลัวว่าตัวเองท้อง แล้วท้องลูกของหลิวตงรุ่ย เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริง

"ฉัน ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ อาบน้ำเสร็จฉันจะนอนเลย……" เฉินฮวนฮวนพูดอย่างลนลาน แล้วดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดเขา ลุกขึ้นยืน แล้วพยายามเดินไปทางห้องอาบน้ำ

จากนั้นจึงล็อกตัวเองอยู่ในห้องอาบน้ำ

ตอนที่เฟิงหานชวนตามไป เปิดประตูห้องอาบน้ำไม่ออก จึงเคาะประตูเอ่ยว่า "ฮวนฮวน คุณไม่เป็นอะไรจริงเหรอ? ไม่ไปโรงพยาบาลจริงเหรอ?"

เขาขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเกร็งมาก แต่ก็ลังเล สีหน้าก็มีความสงสัย

ถ้าเขาเดาไม่ผิด อยู่ๆเฉินฮวนฮวนก็เกร็งขนาดนี้ อาจจะเพราะสิ่งที่หลินเจินพูดตอนกินข้าว บอกว่าเฉินฮวนฮวนไม่อยากกินเนื้อสัตว์ อาจจะท้อง……

หลังจากนั้น เฉินฮวนฮวนก็เริ่มผิดปกติ นี่เลยทำให้เฟิงหานชวนคิดว่า เธอต้องนึกถึงเรื่องคืนนั้นในบลูส์คลับแน่ๆ

ถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ได้บอกความจริงกับเฉินฮวนฮวน หรือว่าเธอยังคิดว่า ผู้ชายคืนนั้นคือหลิวตงรุ่ย

เฟิงหานชวนกำมือแน่น ขมวดคิ้วแน่นจนติดกัน ถ้าฮวนฮวนของเขาท้องจริง งั้นเขาก็จำเป็นต้องบอกความจริงคืนนั้น

เพราะนั่นเป็นลูกของพวกเขา ต้องเก็บไว้

ตอนนี้ เห็นเฉินฮวนฮวนเจ็บปวดขนาดนี้ เฟิงหานชวนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตัดสินใจอย่างเข้มงวดว่า……

ไม่ว่าเฉินฮวนฮวนจะโกรธหรือไม่โกรธ จะเสียใจหรือไม่เสียใจ เดี๋ยวถ้าเฉินฮวนฮวนออกมา เขาจะบอกความจริง เรื่องคืนนั้นในบลูส์คลับกับเธอ

"ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ฉันไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก ฉัน……" เฉินฮวนฮวนตอบไปด้วย แล้วถอดเสื้อผ้าไปด้วย

ทันใดนั้น เธอเห็นที่กางเกงตัวเอง มีคราบเลือด จากนั้นจึงรีบใช้ทิชชูเช็ด ทิชชูสีขาว ก็มีคราบเลือดติดมาด้วย

"อ๊ายยยยย!" เฉินฮวนฮวนกรีดร้อง

เสียงดัง"ปัง" เฟิงหานชวนถีบประตูจนเปิด

พอเห็นเหตุการณ์ข้างใน เขายืนอึ้ง จากนั้นจึงรีบหันกลับไป หันหลังให้เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนก็ตกใจเหมือนกัน ที่สำคัญคือ ประตูห้องน้ำโดนถีบจนเสียไปแล้ว

เธอรีบเอาผ้าขนหนูมาพันตัวเองไว้ หน้าก็แดงมาก เม้มปาก แล้วพูดเสียงเบาว่า "อาหาน คุณ……ทำไมอยู่ๆคุณ……"

"ผมเป็นห่วงคุณ" เฟิงหานชวนหันกลับไป เดินก้าวไปหาเฉินฮวนฮวน แล้วดึงตัวเธอเข้ามากอด พร้อมเอ่ยถามว่า "บอกผม เมื่อกี้กรี๊ดทำไม?"

ทีแรกเขาคิดว่าเกิดเรื่องกับเฉินฮวนฮวน แต่พอถีบประตูเข้าไปแล้ว กลับเห็นว่าบนตัวเธอไม่มีเสื้อผ้าเลย แล้วยืนหน้าอึ้งอยู่ที่นั่น เพราะกระวนกระวาย เลยใช้มือปิดร่างกายไว้

"ฉัน……" เฉินฮวนฮวนส่ายหน้า แล้วเอ่ยว่า "ไม่ ไม่มีอะไร แค่เห็นว่า……ประจำเดือนมาแล้ว!"

เธอชี้ทิชชูที่พับทิ้งไว้ที่พื้น

เมื่อกี้อยู่ๆเฟิงหานชวนก็พุ่งเข้ามา เธอสะดุ้งตกใจ ทิชชูในมือเลยหล่นลงไปที่พื้น

พอเฟิงหานชวนเห็น จึงก้มลงไปเก็บทิชชูขึ้นมา แล้วเปิดดู

พอเห็นคราบเลือดแล้ว เขาจึงโยนลงถังขยะทันที

เห็นว่าเฟิงหานชวนเปิดดู หน้าเฉินฮวนฮวนเลยแดงมาก เธอกัดริมฝีปากแล้วเอ่ยว่า "ฉันไม่มีอะไร แต่……ประตูห้องอาบน้ำ จะทำยังไง?"

พูดไปด้วย เธอจึงชี้ไปที่ประตู พิงอยู่ที่กำแพงเหมือนจะล้ม ดูท่าทางคงปิดไม่ได้แล้ว

ประตูนี้ ยังไงก็ต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้คนมาเปลี่ยน" น้ำเสียงของเฟิงหานชวนดูอ่อนโยนขึ้น

"งั้น……งั้นฉันอาบน้ำก่อน คุณ……คุณออกไปก่อน" เฉินฮวนฮวนเม้มปาก แล้วพูดเสียงเบา

เฟิงหานชวนหันไปมองถังขยะ แล้วพยักหน้าให้ จากนั้นค่อยหันหลังเดินออกไป

เฉินฮวนฮวนเดินตามเขาไปที่หน้าประตูห้องอาบน้ำ เห็นประตูที่กำลังจะล้ม จึงเกาหัวอย่างทำอะไรไม่ได้

ตอนนี้ปิดประตูไม่ได้ เธอจึงต้องอาบน้ำโดยที่ไม่มีประตู

เห็นสีหน้าเฉินฮวนฮวนลังเล เฟิงหานชวนจึงหันกลับไป แล้วลูบผมเธอยิ้มเอ่ยว่า "ส่วนไหนบนร่างกายของคุณที่ผมยังไม่เคยเห็น? ถึงไม่มีประตู ก็ไม่เห็นเป็นอะไร"

"……" เฉินฮวนฮวนไม่รู้จะตอบยังไง จึงรีบผลักเขาออกไป

เฟิงหานชวนหลุดขำ แล้วพูดปลอบใจว่า "ไว้ใจเถอะ ผมไม่แอบดูหรอก"

"งั้นคุณก็ต้องทำให้ได้อย่างที่พูด!" เฉินฮวนฮวนก็อดขำไม่ได้

พอกลับไปในห้องอาบน้ำแล้ว เธอจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินไปที่ถังขยะ แล้วเช็กดูคราบเลือดอีกครั้ง

ที่แท้แค่ตกใจไปเอง!

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกสบายใจมาก เหมือนโดนปลดล็อกความกดดัน จนตอนนี้เธอรู้สึกตัวเบามาก

ขอแค่ไม่ท้อง เธอก็จะได้บอกลากับความทรงจำที่มืดมนนั่น ในความทรงจำเธอ จะไม่มีคำว่าหลิวตงรุ่ยอีก

ความทรงจำที่มืดมนนั้น ค่อยๆจางหายไปจากหัวเธอ จางลงไปเรื่อยๆ……จนกระทั่งเธอไม่นึกถึงมันอีก

เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึกๆ เอาผ้าขนหนูออก แล้วเดินไปใต้ฝักบัว

……

คนที่รู้สึกสบายใจเหมือนกัน ไม่ใช่มีแค่เฉินฮวนฮวน ยังมีเฟิงหานชวน

ตอนนี้ประจำเดือนเฉินฮวนฮวนมา งั้นก็แสดงว่าคืนนั้นเธอไม่ได้ท้อง เธอก็จะไม่คิดมากเรื่องคืนนั้นอีก ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี

พอได้ยินเสียงน้ำในห้องอาบน้ำ บวกกับเสียงเพลงที่มีความสุขของเธอ เขาเดาว่าอารมณ์ของเธอตอนนี้ คงต้องโล่งใจมากแน่ๆ

เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก ฝีเท้าอดก้าวเดินไปยังต้นทางของเสียงไม่ได้

ระยะห่างระหว่างเขากับประตูที่โดนถีบจนเสีย ยังมีอีกระยะหนึ่ง แต่กลับเห็นท่าทางของเธออย่างชัดเจน

บ้าชะมัด!

เฟิงหานชวนรู้สึกว่า เขาไม่ควรแอบดู

ตอนนี้ประจำเดือนเธอมา ตกดึกทั้งสองคนก็ทำอะไรกันไม่ได้ แต่เขากลับโดนผู้หญิงที่เขาแอบดูอยู่สะกดอย่างไม่รู้ตัว

เฟิงหานชวนปลดคอเสื้อออก แล้วเดินไปรับลมที่ระเบียง เพื่อให้ตัวเองสงบสติอารมณ์

……

เฉินฮวนฮวนอาบน้ำครั้งนี้ อาบไปประมาณยี่สิบนาที

รอเธอเช็ดตัวจนแห้ง กำลังจะใส่ชุดนอน แต่อยู่ๆก็นึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง

เธอไม่ได้ซื้อผ้าอนามัย

"อาหาน อาหาน……" เฉินฮวนฮวนรีบเอ่ยเรียก

อาจจะเพราะเสียงเบาเกินไป เฟิงหานชวนที่ยืนอยู่ที่ระเบียง จึงไม่ได้ยินเลย

เฉินฮวนฮวนเห็นว่าไม่มีคนตอบ เธอเลยเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น "เฟิงหานชวน เฟิงหานชวน"

"เป็นอะไร? ฮวนฮวน" หลังจากนั้น เสียงของเขาดังขึ้น แล้วมีเงาสีดำพุ่งเข้ามา

เฉินฮวนฮวนนั่งอยู่บนชักโครก สีหน้าก็ร้อนแดง เธอเม้มปาก แล้วเกาหัว พร้อมพูดอย่างเกรงใจ "อาหาน ฉัน……ฉันไม่ได้ซื้อผ้าอนามัย คุณไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อข้างนอกให้ฉันหน่อยได้ไหม?"

"ได้ คุณรอผมกลับมา" เฟิงหานชวนไม่พูดพร่ำทำเพลง หันหลังเดินออกไปเลย

เฉินฮวนฮวนมองแผ่นหลังของเขาเดินจากไป แล้วปิดหน้ายิ้มอย่างเขินอาย

……

เฟิงหานชวนรีบวิ่งลงไป ตอนที่ผ่านห้องรับแขก กลับไม่มีใครเลย

ตอนที่เขาขึ้นมา เฟิงเจิ้งหมิงกับเฟิงเจิ้งซวินกำลังจะกลับ ตอนนี้นายท่านเฟิงก็น่าจะขึ้นไปพักผ่อนแล้ว

ตอนที่ออกจากห้องรับแขก แล้วเดินผ่านสวน เขาจึงใช้กุญแจปลดล็อกก่อน

ตอนที่เขากำลังเดินไปที่รถ อยู่ๆก็มีคนพุ่งออกมาจากด้านข้าง แล้วมายืนตรงหน้าเขา

"คุณชายสามคะ ดึกขนาดนี้แล้วคุณจะไปไหนคะ?" หลิวหลี่ถงถามอย่างสงสัย

เวลานี้ น่าจะเป็นเวลาแห่งความสุขของคู่ชายหญิง เธอจึงหลบอยู่ในสวน อยากฟังว่าห้องของเฟิงหานชวนกับเฉินฮวนฮวน จะมีเสียงอะไรหรือเปล่า

เพราะเฟิงหานชวนรีบออกไปซื้อของ จึงไม่ได้สนใจหลิวหลี่ถง แต่ตอนที่เดินไปถึงประตูรถ ก็โดนหลิวหลี่ถงตอแยอีกครั้ง

"คุณชายสามคะ ถ้าคุณมีอะไรที่ต้องการทำ สั่งฉันได้เลยค่ะ ฉันรับเงินเดือนของตระกูลเฟิง ต้องยอมทำงานหนักกว่านี้แน่นอนค่ะ" หลิวหลี่ถงรีบเอ่ย

"ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ" เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา กำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ

ทันใดนั้น เขาก็เหมือนนึกอะไรได้ จึงหันกลับไปมองผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดาๆตรงหน้า แล้วถามเสียงเข้มว่า "เธอมีของใช้ส่วนตัวผู้หญิงหรือเปล่า?"

"คะ?" ทีแรกหลิวหลี่ถงคิดว่าตัวเองยั่วไม่สำเร็จ แต่ไม่คิดเลยว่าเฟิงหานชวนจะเป็นฝ่ายพูดกับเธอก่อน

ความพยายามของเธอ ทำให้เฟิงหานชวนสนใจเธอ?

ของใช้ส่วนตัวผู้หญิง?

หรือว่าเฟิงหานชวนถามถึง……

"ฉัน……ฉัน……" หลิวหลี่ถงหน้าแดง บิดตัวไปมา แสร้งทำเป็นเขินอาย

"สรุปมีหรือไม่มี?" เฟิงหานชวนพูดเสียงเข้มกว่าเดิม ขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่สบอารมณ์

"ฉัน……ฉันมีค่ะ แต่ว่า……ฉันไม่ค่อยใช้……" หลิวหลี่ถงพูดติดๆขัดๆจนจบ แล้วเอามือปิดหน้าอย่างเขินอาย

สีหน้าเฟิงหานชวนมีความรังเกียจ แล้วเอ่ยว่า "พาผมไปเอา"

"หา?" หลิวหลี่ถงเบิกตาโต รู้สึกอึ้ง

นี่ นี่ นี่……นี่อะไรกันแน่?

ทำไมเฟิงหานชวนต้องถามเอาของแบบนั้นจากเธอ?

เมื่อกี้ที่เขารีบร้อนจะออกไป เพราะอยากไปซื้อของแบบนั้น?

หลิวหลี่ถงงงมาก ไม่เข้าใจว่าเฟิงหานชวนหมายความว่ายังไง

"อย่าชักช้า" เฟิงหานชวนพูดอย่างไม่สบอารมณ์

"ค่ะ คุณชายสาม เดี๋ยวฉันพาคุณไปที่ห้องฉันค่ะ" หลิวหลี่ถงพยักหน้า แล้วรีบเดินนำทาง

พอพาเฟิงหานชวนไปถึงห้องตัวเอง หลิวหลี่ถงก็เขินอายอีกครั้ง เอาแต่บิดตัวไปมาอยู่อย่างนั้น

"เร็วหน่อย เอาให้ผมก่อน" เฟิงหานชวนเอ่ยเร่ง

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนยังรออยู่ ถ้าไปร้านสะดวกซื้อยังต้องใช้เวลา เพราะคฤหาสน์หลังใหญ่มาก ต้องออกไปถึงหน้าประตูคฤหาสน์ ถึงจะมีร้านสะดวกซื้อ

แล้วเจอหลิวหลี่ถงพอดี หลิวหลี่ถงเป็นผู้หญิง ต้องมีของแบบนั้นแน่นอน เขาเลยจะยืมไปให้เฉินฮวนฮวนก่อน จากนั้นเขาค่อยออกไปซื้อกลับมาตุนให้เฉินฮวนฮวน

"คุณ คุณชายสาม คุณ……คุณจะใช้ของฉันจริงๆเหรอคะ?" หลิวหลี่ถงกัดริมฝีปาก แล้วกะพริบตามองเฟิงหานชวน ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้

เมื่อได้ยินคำอธิบายของเฉินฮวนฮวน เฟิงเหลยถิงซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งหัวโต๊ะก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ในสายตาของเขามีแต่ความชื่นชมและเห็นด้วย

ในช่วงเวลานี้ ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าการตัดสินใจตามอำเภอใจของเขานั้นถูกต้องเป็นพิเศษ

และเป็นเพราะความหุนหันพลันแล่นของเขาในขณะนั้น ถึงช่วยส่งเสริมให้ลูกชายคนที่สามของเขาเฟิงหานชวน และลูกสะใภ้คนที่สามเฉินฮวนฮวนมีช่วงเวลาแต่งงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้

“เอาล่ะ ไม่ต้องหารือเรื่องนี้อีก อย่างไรฮวนฮวนก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่และยังต้องเข้าร่วมการประกวด อยากมีลูกต้องรอเรียนจบก่อนค่อยมาหารือเรื่องนี้”

เฟิงเหลยถิงเป็นคนเริ่มเปิดหัวข้อสนทนา และถามลูกชายคนโตว่า "เจิ้งหมิง โครงการใหม่ของบริษัทตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"

“พ่อครับ โครงการกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ผลกำไรน่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้” เฟิงเจิ้งหมิงตอบทันที

ด้วยวิธีนี้ หัวข้อนี้จึงถูกดึงเข้าไปยังเฟิงซื่อกรุ๊ป เฉินฮวนฮวนฟังไม่เข้าใจและไม่ต้องการฟัง ดังนั้นเธอจึงทานผักใบเขียว ยาสมุนไพรป่าและพวกอาหารมังสวิรัติเอง

หลินเจินนั่งเยื้องๆฝั่งตรงข้ามกับเฉินฮวนฮวนพอดี เธอมองไปที่เฉินฮวนฮวนเป็นระยะๆตลอดเวลา และพบว่าเฉินฮวนฮวนไม่ทานเนื้อหมูตุ๋นที่แม่บ้านหลี่ทำเลยสักคำ และเธอก็กินแต่อาหารมังสวิรัติจืดๆ

เมื่อเธอเห็นว่าเฉินฮวนฮวนผอมมาก เธอจึงเริ่มคีบน่องไก่ชิ้นหนึ่งให้เฉินฮวนฮวนและกล่าวว่า “เด็กผู้หญิงยังคงลดน้ำหนักอยู่ ก็ยังต้องทานอาหารพวกที่มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย"

เฉินฮวนฮวนตกใจกับน่องไก่ที่จู่ๆ ก็โผล่มาในชาม น่องใหญ่ขนาดนี้ ชิ้นใหญ่กว่าชิ้นหมูตุ๋นมาก

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนตะลึงเล็กน้อย เฟิงหานชวนคิดถึงการสนทนาระหว่างทั้งสองเมื่อเขาอยู่ในห้องน้ำ และพูดอย่างเย็นชาว่า "ฮวนฮวนไม่ชอบทานน่องไก่"

เขายื่นตะเกียบออกและกำลังจะคีบน่องไก่ แต่ถูกเฉินฮวนหวนที่คืนสติหยุดไว้

“พี่สะใภ้รองหวังดี ฉันไม่เลือกทานหรอก ฉันทานได้หมด” เฉินฮวนฮวนยิ้มให้เฟิงหานฉวน จากนั้นก็หยิบตะเกียบ กัดน่องไก่คำหนึ่งแล้วยกศีรษะมองไปที่หลินเจินและรีบกล่าวคำขอบคุณ

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มว่า “ในเมื่อคุณไม่อยากทาน ก็ไม่ต้องทาน”

น้ำเสียงของเขาจริงจังจนทุกคนในที่นั้นตกตะลึง

“อาหาน!” เฉินฮวนฮวนรีบหยิกแขนเฟิงหานชวน และพูดทันทีว่า: “ฉันอยากทาน ฉันจะทานเดี๋ยวนี้”

ด้วยความที่ทุกคนต่างจ้องมองมาที่พวกเขา และในโอกาสที่สำคัญเช่นนี้ เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียบรรยากาศ

รอสักประเดี๋ยวเธอต้องพูดกับเฟิงหานชวนหน่อย หลินเจินก็เพราะหวังดีถึงได้คีบน่องไก่ให้เธอ หากไม่ใช่เพราะเธอหยุดยั้งไว้ทันเวลา เฟิงหานชวนจะทำให้เธอหาทางลงไม่เจอ

เพียงแต่ว่า เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้เสร็จ เสียงเย็นชาของเฟิงหานชวนรวมกับความโกรธ: “ถ้าคุณอยากทานจริงๆ เมื่อครู่ตอนที่คุณคีบผัก น่องไก่ชามเบ้อเร่อ ตะเกียบทำไมไม่แตะสักหน่อย? "

“…” เฉินฮวนฮวนตะลึงทันที

เธอควรต่อบทสนทนานี้อย่างไร? เธอรู้สึกว่าEQ ของเฟิงหานชวนต่ำไปหน่อย

ก่อนที่เธอจะเอ่ยปาก หลินเจินรีบหยิบน่องไก่ในชามกลับอย่างรวดเร็วและรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว: “ฉันก็แค่หวังดีอยากให้ฮวนฮวนทานมากหน่อย ไม่รู้ว่าฮวนฮวนไม่ทานน่องไก่ ฉันขอโทษนะฮวนฮวน ……. "

หลังจากที่หลินเจินขอโทษ ก็ถูกสามีของตัวเองเฟิงเจิ้งซวินจ้องตาเขม็ง ใบหน้าของเธอแดงทำอะไรไม่ถูก

เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ เฉินฮวนฮวนรีบแก้ตัว: “พี่สะใภ้รอง คุณหวังดีกับฉัน ขอบคุณมากจริงๆ เพียงแต่วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย และไม่สามารถทานอาหารที่มีกลิ่นฉุนได้ ฉันจึงทานแต่มังสวิรัติ ไม่ได้จงใจลดน้ำหนัก"

สถานการณ์ในตอนนี้ ทำให้เธอไม่สามารถอาการของเธอไว้ได้ เธอจึงตอบตามความเป็นจริง

“ฮวนฮวน คุณอยากอาเจียนหลังจากดมอาหารที่มีกลิ่นฉุนใช่ไหม?” ซ่งหวั่นโหรวพูดแทรกขึ้นมาในเวลานี้

“อืม ใช่แล้ว” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

“คุณเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิงเกือบเดือนแล้วใช่ไหม?” ซ่งหวั่นโหรวถามอีก

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอีกครั้งและตอบตามจริง: "เกือบแล้ว รวมเวลาฝึกที่ฐานด้วย ประมาณ 20กว่าวัน"

เกือบหนึ่งเดือนแล้ว

"เป็นไปได้ไหมที่จะ…มีแล้ว?" หลินเจินตาเบิกกว้างโตด้วยความประหลาดใจและโพล่งออกมา

“เสียงไอแค่กๆ!” เฉินฮวนฮวนกำลังจิบน้ำอยู่และเกือบจะสำลัก

ดวงตาของเฟิงหานชวนอ่อนลงและรีบเอื้อมมือไปลูบหลังเฉินฮวนฮวน เพียงแต่ มีอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ในดวงตาของเขา

“ถ้านับตั้งแต่ที่เธอเข้าประตูบ้านมา สำหรับปฏิกิริยาในตอนนี้ก็นับว่าเร็วไปหน่อย แต่ผู้หญิงบางคนมีร่างกายที่แตกต่างกัน พรุ่งนี้ไปตรวจดูสักหน่อยนะ” หลินเจินกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม

เฉินฮวนฮวนคืนสติ เหลือบมองเฟิงหานชวนที่กำลังครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ และพูดโดยไม่รู้ตัวว่า "ไม่มีแน่นอน!"

“ห๊า?” ทุกคนที่ดูเหมือนจะดีใจในตอนแรกก็ตะลึงในทันที

“ฮวนฮวน หรือพวกเธอยังไม่…” หลินเจินท่าทางลังเล ยื่นมือปิดปาก ไม่ได้พูดต่อ

“พรุ่งนี้ฉันจะพาฮวนฮวนไปตรวจ ไม่รบกวนพี่สะใภ้รอง” เสียงเย็นชาของเฟิงหานชวนออกจากปาก ทำลายบรรยากาศที่ดีในตอนนี้

“อืม ดีเลย อย่าโทษที่ฉันพูดมากไปหน่อย ฉันก็แค่เดาอย่างสมเหตุสมผล หรืออาจจะแค่เป็นหวัด กระเพาะลำไส้อักเสบ เธอต้องระวังดูแลร่างกายให้ดี” หลินเจินไม่ได้พูดซุบซิบต่อ

เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนเพียงเพื่อยับยั้งคำถามของพวกเขา จึงบอกว่าจะพาเฉินฮวนฮวนไปโรงพยาบาล เห็นได้ชัดว่าการกระทำของเฉินฮวนฮวน แสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนอาจยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ในแง่นั้น

ไม่อย่างนั้น คงจะไม่พูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่าไม่มีแน่นอน

เป็นไปได้ไหมที่เฟิงหานชวนเป็นเกย์จริงๆ?

……

แม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปอย่างง่ายดาย แต่หลังจากนั้น เฉินฮวนฮวนก็ไม่มีอารมณ์ทานอะไรอีก แม้แต่อาหารมังสวิรัติก็ทานไม่ลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

หลังจากงานเลี้ยง เธอรีบกลับเข้าไปในห้อง ขังตัวเองอยู่ในห้องนอน เดินไปเดินมา ใบหน้าของเธอดูกังวลและคิดเรื่อยเปื่อย

เธอและเฟิงหานชวนมีเพียงครั้งเดียวในวันก่อนเข้าค่ายฝึก ห่างจากวันนี้เป็นเวลาแค่ครึ่งเดือน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอาการแพ้ท้อง ยิ่งไปกว่านั้นเฟิงหานชวนได้ป้องกัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะท้อง

แต่ว่า…..ถ้าสิ่งที่หลินเจินคาดเดานั้นถูกต้อง ถ้าเธอตั้งท้องขึ้นมาจริงๆ ลูกในท้องของเธอ ถ้าไม่ใช่ของเฟิงหานชวน แต่…..เป็นของหลิวตงรุ่ย

อย่างไรก็ตาม มีเพียงครั้งนั้น เธอติดต่อกับชายหนุ่มที่ไม่ได้ติดต่อกัน

เมื่อเฉินฮวนฮวนนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ใบหน้าของเธอก็ซีดทันที

แม้กระทั่งสองแขนสองขาของเธอก็เริ่มสั่นขึ้นมา

ตอนนี้เธอมีสามีเป็นของตัวเองแล้ว แต่ถ้าเธอตั้งท้องลูกคนที่ก่อเหตุรุนแรง เธอควรทำอย่างไร?

เธอควรทำอย่างไรกันแน่?

เฉินฮวนฮวนทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างอ่อนเพลีย รู้สึกว่ามองเห็นแต่ความมืดมิดเบื้องหน้า ราวกับว่าเธอไม่สามารถเห็นอะไรได้ชัดเจน

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จนมีเสียงที่คุ้นเคยอยู่ข้างหู เรียกชื่อเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"ฮวนฮวน ฮวนฮวน…"

เฉินฮวนฮวนลืมตาขึ้นและพบว่าเดิมเธอนั่งอยู่บนพื้น แต่ตอนนี้เธอถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน ขาสองข้างของเธอยังคงวางราบอยู่กับพื้น

“ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเป็นกังวลอย่างมาก

เฉินฮวนฮวน เม้มริมฝีปากอย่างเขินอาย

ความรู้สึกที่อยากคลื่นไส้ก็หายไป เมื่อเฟิงหานชวนมาถึง

“อืม ครอบครัวของเรา งานเลี้ยงครอบครัวของเรา…” เฉินฮวนฮวนพูดเบามาก ด้วยความอ่อนโยนเล็กน้อย

ห้องน้ำเงียบมาก ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงได้ยินอย่างชัดเจน เขาดึงเฉินฮวนฮวนไว้ในอ้อมแขน หัวเราะเบาๆแล้วกล่าวว่า: "อืม แบบนี้ถึงจะถูก"

ในขณะนี้ มีเสียงเคาะประตู “ก๊อกก๊อกก๊อก” ดังขึ้น

“อาสาม อาสะใภ้สาม พวกคุณเสร็จหรือยัง? ผมปวดท้อง ผมอยากเข้าห้องน้ำ ผมทรมาน…” เสียงกระวนกระวายของเฟิงเฉินเหยี่ยนดังขึ้น

ความกระวนกระวายนี้ เป็นความกระวนกระวายที่ต้องการเข้าห้องน้ำ

เฟิงหานชวน: "…"

เฉินฮวนฮวน: "…"

สองสามีภรรยามองหน้ากัน แล้วพูดพร้อมกันว่า: "เข้ามาสิ"

แน่นอน เฟิงเฉินเหยี่ยนพุ่งเข้าไปทันที เมื่อเห็นทั้งสองคนยืนใกล้กัน เขาก็อ้าปาก พูดทันทีว่า: "ไม่จริงมั้ง!"

เฟิง หานชวน: "???"

เฉินฮวนฮวน: "???"

สามีภรรยามองไปที่เฟิงเฉินเหยี่ยน ทั้งคู่มีสีหน้าตกตะลึง

“อาสาม อาสะใภ้สาม พวกอาก็รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า? ทำไมถึงมาทำอะไรแบบนี้ที่ห้องน้ำ…” เฟิงเฉินเหยี่ยนปิดปากของเขา พูดถึงครึ่งหนึ่งก็หยุดและไม่พูดต่อ

แต่เฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนเข้าใจสิ่งที่เขากำลังจะสื่อ

เฟิงหานชวนกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา: "อย่ามาพูดไร้สาระ"

“อาเหยี่ยน มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด!” เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างรวดเร็ว

เฟิงเฉินเหยี่ยนไม่สนใจฟังคำอธิบายของพวกเขา ดึงเข็มขัดของเขาแล้วกล่าวว่า: "อาสาม ฮวนฮวน ได้โปรดรีบออกจากห้องน้ำเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้ว…"

วินาทีต่อมา เฟิงหานชวนดึงเฉินฮวนฮวนออกไป เสียงดัง “ปั๊ง”ประตูก็ปิดลง

เฟิงเฉินเหยี่ยนตกใจมาก เขายังไม่ได้ถอดกางเกง ก็นั่งลงบนชักโครก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์แชทไป หัวเราะไป

เมื่อเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนนั่งลง หญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงข้ามกับเฉินฮวนฮวนได้ถามขึ้นว่า: "นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเจ้าสามเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นมาก ฮวนฮวน อนาคตเธอโชคดีมาก"

คนที่พูดเป็นภรรยาของเฟิงเจิ้งซวิน ซึ่งเป็นคุณนายรองของตระกูลเฟิง – หลินเจิน

“ขอบคุณค่ะ พี่สะใภ้รอง” เฉินฮวนฮวนลูบผมของเธอ ไม่รู้จะตอบอย่างไร ดังนั้นเธอจึงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวขอบคุณ

“ได้แต่งงานกับฮวนฮวน ควรเป็นผมที่โชคดี” เฟิงหานชวนกล่าวคำเหล่านี้อย่างสงบโดยไม่มีการแสดงออกอื่นใด

เฉินฮวนฮวนหันศีรษะและมองที่เขา เธอเห็นใบหน้าด้านข้างของเฟิงหานชวนมันสมบูรณ์แบบมาก และคำพูดที่เขาพูดเมื่อกี้ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง

“นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเจ้าสามเกลี้ยกล่อมผู้หญิง” คุณนายใหญ่ซ่งหวั่นโหรวก็เอ่ยขึ้นตามบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา

“จริงด้วยจริงด้วย ฮวนฮวน ฉันได้ยินมาว่าเธอยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ แล้วจะมีลูกเมื่อไหร่?” หลินเจินถาม

บางคำถาม คุณชายทั้งหลายไม่สามารถถามได้ และไม่ควรถาม แต่พวกเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ดังนั้นจึงสามารถถามเฉินฮวนฮวนได้โดยตรง

“ห้ะ? มี…มีลูกเหรอคะ?” เฉินฮวนฮวนตกตะลึงในทันใด

เธอไม่เคยคาดคิด อยู่ในสถานที่ที่เป็นทางการเช่นนี้ ยังถูกถามเรื่องคลอดบุตร?

“ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้วางแผนครับ” เฟิงหานชวนกล่าวโดยตรง

“เอ๊ะ? ไม่มีแผนที่จะมีลูกเหรอ? เป็นผู้หญิง ควรรีบมีลูกดีกว่า ไม่งั้นเมื่ออายุมากแล้วจะมีลูกยาก” หลินเจินกล่าวอย่างไม่เต็มใจ “เจ้าสาม ฮวนฮวน พวกเธอลองกลับไปพิจารณาดีๆนะ”

“ใช่ พวกเธอยังหนุ่มยังสาว อย่าทำอะไรตามอารมณ์ ที่สำคัญห้ามมีความคิดแบบคู่รักไร้บุตร ลูกเป็นเรื่องที่สำคัญมาก” ซ่งหวั่นโหรวย้ำ

อย่างไรก็ตาม เฟิงหานชวนไม่สนใจทรัพย์สินของตระกูลเฟิงอยู่แล้ว บริษัทอาร์ที่ก่อตั้งเองข้างนอกก็ได้แซงหน้าเฟิงซื่อกรุ๊ปแล้ว ดังนั้นหลินเจินและซ่งหวั่นโหรวจึงไม่กังวลว่าเฟิงหานชวนจะมาแย่งทรัพย์สินของสามี

ส่วนเรื่องการคลอดบุตรหรืออะไรสักอย่าง หญิงวัยกลางคน ผู้หญิงที่สูงศักดิ์อย่างพวกเธอไม่อาจหลุดพ้นจากคำนินทา

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเฟิงหานชวนเริ่มเย็นชาลง เฟิงเหลยถิงก็รีบกล่าวว่า: "พอแล้วพอแล้ว พวกเธอสองคนหยุดพูดได้แล้ว เรื่องของหนุ่มสาวให้พวกเขาตัดสินใจเอง”

หลินเจินนั่งตรงข้ามและเธอเห็นใบหน้าของเฟิงหานชวน เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นคนที่ไม่มีอารมณ์ขันอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงยิ้มและกล่าวว่า: "เจ้าสาม ฉันแค่ล้อเล่นกับพวกเธอ อย่าไปใส่ใจเลยนะ!"

อันที่จริงที่เธอพูดเช่นนี้ เพราะเธอต้องการทำให้ชัดเจน เฟิงหานชวนที่ไม่เคยมีความสุข กลับถูกผู้หญิงที่นายท่านซื้อมาทำให้มีความสุขได้?

ก่อนหน้านี้ เธอเคยแนะนำหลานสาว รวมถึงลูกสาวของเพื่อนๆให้เฟิงหานชวนรู้จัก แต่เฟิงหานชวนไม่แม้แต่จะแลพวกเธอ

นี่เป็นเหตุผลที่หลินเจินสงสัยว่าผู้หญิงแบบไหนที่จะปราบเฟิงหานชวนได้ แต่กลับเป็นผู้หญิงธรรมดาอย่างเฉินฮวนฮวน

ในตอนนี้ ถามถึงการมีลูกของทั้งสอง เพียงเพื่อค้นหาสิ่งผิดปกติ แต่เฟิงหานชวนไม่ได้วางแผนที่จะมีลูกกับเฉินฮวนฮวน?

ไม่ตั้งใจจะมีลูกหรือเขาไม่ได้ตั้งใจจะมีลูกกับเฉินฮวนฮวน?

เมื่อเห็นสายตาของหลินเจิน เอาแต่จ้องมองตัวเองและเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนรู้สึกอึดอัด

เธอรู้สึกว่าสายตาของหลินเจินกำลังจ้องจับผิด

“มันเป็นเรื่องของผมกับฮวนฮวน แผนของเราแค่อีกฝ่ายเห็นด้วยก็พอ ไม่จำเป็นต้องรายงานพวกคุณ” เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชา น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาราวกับว่าสามารถนำผู้คนสู่ความหนาวได้

เขาไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อพี่ใหญ่และพี่รองของเขา นับประสาอะไรกับภรรยาของพวกเขา

เหตุผลที่ตกลงเตรียมงานเลี้ยงของครอบครัวในวันนี้ แค่อยากให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกถึงการมีตัวตน ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นคุณนายสามของตระกูลเฟิงจริงๆ

ปากของหญิงวัยกลางคนสองนี้ ทำลายอารมณ์ของเขา ทำให้เขาไม่เหลือสีหน้าที่ดี

ทันทีที่คำพูดของเฟิงหานชวนพูดออกไป ใบหน้าของหลินเจินและซ่งหวั่นโหรวก็แข็งอึ้ง เฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงเจิ้งซวินก็นั่งอยู่ข้างๆเช่นกัน ใบหน้าของชายวัยกลางทั้งสองแสดงความรู้สึกอายเล็กน้อย

เมื่อเห็นบรรยากาศที่อึดอัด เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกว่าคำพูดของเฟิงหานชวนดูเย็นชาและโหดเหี้ยมเกินไป ในฐานะที่เป็นญาติ การที่จะถามไถ่เรื่องของพวกเขาก็เป็นเรื่องปกติ

ที่จริง เฉินฮวนฮวนไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรทำให้ไม่โอเค

เธอแอบดึงที่มุมเสื้อผ้าของเฟิงหานชวน ยิ้มและพูดกับทุกคนว่า: "พวกคุณอย่าถือสาอาหานเลยนะคะ เขาก็เป็นคนแบบนี้ แต่เขาไม่ได้มีเจตนาร้าย เรื่องที่พี่สะใภ้รองถามว่าเมื่อไหร่เราจะมีลูก เรื่องนี้เรายังตกลงกันไม่ได้ ดังนั้นจึงตอบไม่ได้…"

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะอธิบายเช่นนี้ ความเป็นจริงไม่ใช่ว่าพวกเขายังตกลงกันไม่ได้ แต่คือพวกเขายังไม่เคยตกลงกันเลยด้วยซ้ำ

เธอนึกถึงสิ่งที่เฟิงหานชวนพูด ตอนนี้ยังไม่มีแผนที่จะมีลูก ก็นึกถึงความพัวพันสองครั้งนั้น

มีอยู่ครั้งหนึ่งคือครั้งที่นายท่านเฟิงกลับมากะทันหัน คือครั้งที่ยังทำกันไม่เสร็จ และอีกครั้งคือคืนก่อนเข้าค่ายฝึก คืนนั้นทั้งสองได้ทำกันจนเสร็จ

ไม่ว่าจะทำจนเสร็จหรือไม่เสร็จ เฟิงหานชวนก็ป้องกันทุกครั้ง

เธอยังจำครั้งที่ไม่เสร็จได้ ตอนนั้นเธอยังคงคิดว่าเฟิงหานชวนเป็นอาสามของเธอ ตอนนั้นเฟิงหานชวนบอกว่าเขายังไม่คิดจะเป็นพ่อคนเร็วขนาดนี้

นี่ก็หมายความว่า เขาไม่เคยคิดจะมีลูกตั้งแต่แรก?

เฉินฮวนฮวนตกอยู่ในความสับสน เฟิงหานชวนอายุกำลังจะเข้าเลขสาม และตอนนี้เขาก็มีภรรยาอย่างเธอ…

แต่เขากลับตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่มีลูก หรือว่าจะเป็นคู่รักไร้บุตร?

"อาเหยี่ยน ลูกอย่าทำตัวไม่มีมารยาท ถึงฮวนฮวนเด็กกว่าลูก แต่ยังไงก็เป็นอาสะใภ้สาม" เฟิงเจิ้งหมิงพูดเสียงเข้ม

"พี่ใหญ่ ไม่เป็นไรค่ะ พี่อย่าโทษอาเหยี่ยนเลยค่ะ หนูกับอาเหยี่ยนก็เหมือนเพื่อนกัน ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นก็ได้ค่ะ" เฉินฮวนฮวนกุมขมับ แล้วช่วยพูด

ถ้าอีกหน่อยเฟิงเฉินเหยี่ยนเจอเธอ แล้วทำตัวเคารพนับถือ เอาแต่เรียกว่าอาสะใภ้สาม เฉินฮวนฮวนคงคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่มีอายุแล้ว

แล้วเฟิงเฉินเหยี่ยนเรียกผู้หญิงที่เด็กกว่าเขาว่าคุณอา ก็รู้สึกแปลกๆ

เพราะฉะนั้น เธอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนเลยทำตัวสบายๆ แบบนี้ทั้งสองฝ่ายก็จะสบายใจด้วย

"ทุกคนนั่งเถอะครับ" พอเฉินฮวนฮวนพูดจบ เฟิงหานชวนจึงเปลี่ยนประเด็น แค่น้ำเสียงดูเย็นชาไปไม่น้อย

แต่ว่า เฉินฮวนฮวนกลับไม่สังเกต

"ได้ ได้ ได้ เราทุกคนไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันนานแล้ว เดี๋ยวผมไปเรียกพ่อลงมา" เฟิงเจิ้งซวินยิ้มเอ่ย แล้วเดินอ้อมเฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวน กำลังจะขึ้นไปชั้นบน แต่กลับหยุดฝีเท้าลงก่อน

จากนั้น เสียงของเฟิงเหลยถิงจึงดังขึ้น "พ่อมาแล้ว ไปนั่งกันเถอะ"

ทีนี้ ทุกคนจึงเดินไปที่โต๊ะอาหาร แล้วเฟิงหานชวนกับเฉินฮวนฮวนก็อยู่หลังสุด

พอมีโอกาสนี้ เฉินฮวนฮวนจึงแอบดึงแขนเสื้อเฟิงหานชวน หันไปพูดเสียงเบากับเขาว่า "ทำไมวันนี้คนตระกูลเฟิงอยู่หมดเลย? วันนี้วันอะไร?"

เธอรู้ว่าครอบครัวเฟิงเจิ้งหมิงกับเฟิงเจิ้งซวิน แยกออกไปอยู่ตั้งนานแล้ว แยกบ้านอยู่กับนายท่านหลายปีแล้ว

"มาดูคุณนั่นแหละ" เฟิงหานชวนก้มหน้าเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาข้างหูเฉินฮวนฮวน

"ดูฉัน?" เฉินฮวนฮวนเบิกตาโตอย่างตกใจ แล้วพูดพรวดออกมา พอรู้ตัวว่าพูดเสียงดัง จึงรีบปิดปากตัวเองไว้

เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก ฝ่ามือวางลงที่เอวเธอ ดึงตัวเธอมาใกล้ แล้วเอ่ยว่า "ตอนนี้คุณเป็นคุณหญิงสามตระกูลเฟิง คนตระกูลเฟิงก็มารู้จักคุณสิ"

เฉินฮวนฮวนเข้าใจว่าหมายความว่ายังไงทันที จากนั้นหน้าจึงแดง

"แล้วอีกอย่าง เมื่อกี้คุณ……ทำได้ดีมาก" เฟิงหานชวนพูดชมเธอ แล้วพาเธอเดินไป

ทำได้ดี?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกงง

……

รอทุกคนนั่งลงหมดแล้ว นายท่านเฟิงจึงสั่งแม่บ้านหลี่ให้คนใช้ยกอาหารมา

วันนี้ถือว่าเป็นงานเลี้ยงในครอบครัว มีเชฟห้าดาวมาทำ แล้วอาหารก็หรูหรา ไม่ได้ธรรมดาเหมือนปกติ

หลิวหลี่ถงถือขวดไวน์ไว้ แล้วรินไวน์ให้ทุกคน เธอรู้ว่างานเลี้ยงครั้งนี้เตรียมเพื่อเฉินฮวนฮวนโดยเฉพาะ ในใจเลยไม่โอเค

เป็นซินเดอเรลล่าเหมือนกัน ทำไมคนอื่นถึงโบยบินไปสูงส่งขนาดนั้น?

แล้วตัวเธอ ทำได้แค่งานของคนใช้ ก้มหน้าก้มตาอยู่ต่อหน้าคนตระกูลเฟิง

จากนั้น เฟิงเหลยถิงจึงยกแก้วไวน์ขึ้น แล้วหัวเราะพูดอย่างอารมณ์ดี "ตอนนี้นอกจากเสี่ยวหย่า เราทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เรามาต้อนรับฮวนฮวนด้วยกัน อีกหน่อยฮวนฮวนคือสมาชิกใหม่ของตระกูลเฟิง"

นายท่านเป็นคนนำ ทุกคนจึงลุกขึ้น แล้วชนแก้วเฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนทีละคน แสดงความยินดีกับการแต่งงานของพวกเขา

เฟิงหานชวนรับคำยินดีไว้หมด ไม่ได้เย็นชาเหมือนวันปกติ

นายท่านมองอยู่ในสายตา ในใจมีความสุขมาก ท่านคิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

"เอาล่ะ อะไรไร้สาระก็จะไม่พูด อีกหน่อยจะทำยังไง เราสองคนสามีภรรยาก็ตัดสินใจเอง ตาแก่อย่างพ่อจะไม่ยุ่งด้วย" เฟิงเหลยถิงยิ้มเอ่ย

"อื้อ" เฟิงหานชวนตอบอย่างนิ่งเฉย แต่ก็ไม่ได้ทำตัวรังเกียจอะไรนัก

"ขอบคุณค่ะคุณพ่อ" เฉินฮวนฮวนรีบพยักหน้า แล้วยิ้มตอบ

เฟิงเหลยถิงพอใจมาก จากนั้นจึงยกตะเกียบขึ้น แล้วพูดกับทุกคนว่า "กินกันเถอะ"

เห็นทุกคนเริ่มขยับตะเกียบแล้ว เฉินฮวนฮวนก็หิวแล้วด้วย เธอมองสำรวจอาหารต่างๆที่น่ากิน แต่กลับไม่อยากกินเลย

"ทำไมไม่กินล่ะ?" เฟิงหานชวนหันมาถามเสียงเบา

"กินสิ" เฉินฮวนฮวนตอบเสียงเบา ยื่นตะเกียบออกไป แล้วคีบผักกวางตุ้งมา

เห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนจึงขมวดคิ้ว ขยับไปใกล้หูเธอแล้วพูดว่า "คนเยอะ ก็เลยทำตัวไม่ถูก?"

เขารู้ว่าความจริงเธอกินเยอะ แล้วชอบกินเนื้อมากกว่า ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเอาแต่ลังเล แล้วคีบผักมา เลยทำให้เฟิงหานชวนสงสัย

"เปล่า ไม่ใช่ แค่อยากกินคลีน อยู่ที่ฝึกอบรมจนชิน" เฉินฮวนฮวนรีบอธิบาย

ตอนที่เธอฝึกอบรม ในหนึ่งวันเจอเนื้อสัตว์ยากมาก ถึงวันไหนมี ก็จะเป็นแค่อกไก่ต้ม

อาจจะเพราะแบบนี้ ตอนเที่ยงที่เธอกินชาบูกับเกาเหวิน เลยกินแต่คลีน ไม่ค่อยอยากกินเนื้อสัตว์เลย

แล้วบนโต๊ะอาหารตอนนี้ มีทั้งอาหารทะเล ทั้งไก่เป็ดปลาเนื้อ อาหารคลีนยังไม่ยกมา ตอนนี้เลยมีแค่ผัดผักกวางตุ้งที่ดูคลีน

"ก็โอเค อาหารคลีนดีต่อร่างกาย แต่ก็ต้องกินเนื้อด้วย ผอมเกินไปแล้ว" เฟิงหานชวนเป็นห่วงที่เฉินฮวนฮวนดูผอมลงไปเยอะมาก

ภรรยาของเขาผอมอยู่แล้ว ตอนนี้ผอมลงไปกว่าเดิม จับแล้วไม่มีเนื้อแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเลยให้เฉินฮวนฮวนกินเนื้อเยอะๆ

"ผอมหน่อยขึ้นกล้องสวย" เฉินฮวนฮวนเอ่ยเสียงเบา

เธอไม่อยากให้ตัวเองกินเนื้อด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็จะไม่อ้วน

ทันใดนั้น เสียงของแม่บ้านหลี่ดังขึ้น "หมูผัดซอสแดงมาแล้วค่ะ!"

เฉินฮวนฮวนหันกลับไปดู แม่บ้านหลี่เดินมาข้างเธอ แล้ววางหมูผัดซอสแดงลงตรงหน้าเธอ แล้วยิ้มพูดว่า "คุณหนูฮวนฮวน ป้าจำได้ว่าคุณหนูเคยบ่นว่าคิดถึงหมูผัดซอสแดงของคุณยาย จานนี้เชฟไม่ได้ทำ ป้าทำเอง คุณหนูลองชิมดูสิคะ"

"แม่บ้านหลี่……" เฉินฮวนฮวนอึ้งเล็กน้อย ตาก็เริ่มแสบ แล้วรีบพยักหน้า "ขอบคุณนะคะแม่บ้านหลี่ ขอบคุณค่ะ……"

เธอจำได้ครั้งหนึ่ง เธอกับแม่บ้านหลี่เก็บของในห้องครัว แล้วแม่บ้านหลี่ถามเรื่องคุณยาย เธอก็แค่พูดไปว่า หมูผัดซอสแดงของคุณยายอร่อยมาก

คิดไม่ถึงเลยว่า คืนนี้แม่บ้านหลี่จะทำให้เธอเองกับมือ

เห็นก้อนหมูสามชั้นตรงหน้า ถึงเฉินฮวนฮวนไม่มีอารมณ์กิน แต่ในใจรู้สึกขอบคุณมาก ไม่อยากทำร้ายน้ำใจแม่บ้านหลี่ จึงคีบหมูขึ้นมากิน

"อื้ออื้ออื้อ!" เฉินฮวนฮวนเคี้ยวไปด้วย แล้วพยักหน้าไปด้วย จนทุกคนอดหัวเราะไม่ได้

แม่บ้านหลี่ยิ่งยิ้มจนหุบปากไม่ได้ รีบเอ่ยถามว่า "คุณหนูฮวนฮวน คุณหนูพอใจหมูผัดซอสแดงนี้ไหมคะ?"

"พอใจค่ะ พอใจมากเลยค่ะ อร่อยเหมือนของคุณยายหนูเลยค่ะ" เฉินฮวนฮวนเอาแต่พยักหน้า

"งั้นก็ดี งั้นก็ดี คุณหนูทานเยอะๆนะคะ เดี๋ยวป้าไปยุ่งก่อน" พูดจบ แม่บ้านหลี่ก็รีบไปจากที่นี่ ไปยุ่งที่ครัวต่อ

พอแม่บ้านหลี่ไปแล้ว ตอนที่ทุกคนไม่สังเกต เธอพยายามกลืนอาหารในปากลงไป แล้วขมวดคิ้วแน่น

ในร่างกาย รู้สึกคลื่นไส้ เธอรีบจับหน้าอกไว้ รู้สึกไม่โอเคมาก

"เป็นอะไรเหรอ?" เฟิงหานชวนเห็นเธอผิดปกติ จึงรีบเอ่ยถาม

ความลนลานของเขา ดึงดูดสายตาทุกคน เฟิงเหลยถิงจึงถามว่า "ฮวนฮวน หนูเป็นอะไร?"

"เปล่าค่ะ เมื่อกี้กินเร็วเกินไปเลยติดคอค่ะ เดี๋ยวหนูไปห้องน้ำก่อนนะคะ" พูดไปด้วย เฉินฮวนฮวนก็รีบลุกจากโต๊ะ รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำห้องรับแขก

พอปิดประตูแล้ว เฉินฮวนฮวนรีบก้มหน้าลงกับอ่าง มีกลิ่นเปรี้ยวตีขึ้นมา เธออาเจียนไปหลายครั้ง จากนั้นก็มีแต่น้ำลายกับอะไรบางอย่าง

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วแน่น มองสิ่งที่อ้วกออกมาอย่างลำบากใจ จนเกือบจะอ้วกอีกครั้ง

ตอนที่เธอกำลังจะเปิดก๊อกน้ำล้าง อยู่ๆประตูก็เปิดออก เขารีบก้าวเดินเข้ามาหาเฉินฮวนฮวน

เฟิงหานชวนเห็นของในอ่าง จึงขมวดคิ้วทันที รีบจับมือเฉินฮวนฮวนไว้ แล้วถามอย่างเป็นห่วง "ฮวนฮวน คุณไม่สบายเหรอ?"

เฉินฮวนฮวนเห็นเฟิงหานชวนจ้องสิ่งที่เธออ้วกออกมา จึงทำตัวไม่ถูก เลยรีบผลักเขาออก ใช้ร่างกายตัวเองบังอ่างไว้

เธอรีบพูดว่า "เปล่า ไม่เป็นไร แค่รู้สึกอยากอ้วก"

พูดจบ เธอก็รีบหันไปเปิดก๊อกน้ำ เริ่มล้างอ่างแล้วบ้วนปากด้วย

พอเธอทำทุกอย่างเสร็จ ตอนที่หันกลับไป เห็นว่าสีหน้าเฟิงหานชวนเข้มขรึมมาก เธอเลยยื่นมือไปจับแขนเขา "ไปเถอะ เราไปกินข้าวกัน"

"เดี๋ยวผมพาคุณไปโรงพยาบาล" เฟิงหานชวนจับข้อมือเธอไว้แทน

"อย่า ไม่ต้อง" เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า แล้วพูดเสียงเบาว่า "วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัวพวกคุณ ตอนนี้ฉันสบายดี ฉันเพิ่งอ้วก ตอนนี้ท้องว่างมาก อยากจะไปกินต่อ!"

"ไม่เป็นไรจริงๆ?" เฟิงหานชวนเป็นห่วงมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

"ไม่เป็นไรจริงๆ ฉันแค่ไปฝึกจนไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ เมื่อกี้ไม่อยากทำร้ายน้ำใจแม่บ้านหลี่ เลยฝืนกินหมู ฉันก็เลยคลื่นไส้" เฉินฮวนฮวนเม้มปาก ก้มหน้าอธิบาย

แม่บ้านหลี่ดีกับเธอขนาดนี้ แต่สภาพเธอตอนนี้ กินหมูผัดซอสแดงอร่อยๆนั้นไม่ลงจริงๆ

"ในเมื่อไม่อยากกิน ก็ไม่ต้องบังคับตัวเอง อธิบายกับแม่บ้านหลี่ก็พอแล้ว ป้าไม่โทษคุณหรอก" เฟิงหานชวนยื่นมือไปจับศีรษะเธอ แล้วถอนหายใจเอ่ยว่า "อีกอย่าง อีกหน่อยถ้ามีเรื่องอะไรที่รู้สึกไม่โอเค ก็ต้องบอกความจริงกับผม อย่าปิดบังผม"

"เหมือนเมื่อกี้ คุณอยากอ้วก แต่กลับปิดบังผมบอกว่าติดคอ แล้ววิ่งมาอ้วกที่ห้องน้ำคนเดียว……"

"ชู่ว!" เฉินฮวนฮวนใช้นิ้วชี้ปิดปากเขาไว้

เฟิงหานชวนยังพูดไม่จบ จึงต้องกลืนคำพูดกลับไป

"พอแล้ว อาหาน ครั้งหน้าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก แค่วันนี้คนเยอะ ฉันไม่อยากทำให้ทุกคนเสียอารมณ์" เฉินฮวนฮวนเอามือออก แล้วพูดอย่างจริงจัง "แล้วอีกอย่าง ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่ไม่อยากกินเนื้อสัตว์ก็แค่นั้น"

"ในเมื่อคุณไม่เป็นอะไร งั้นผมก็วางใจแล้ว" เฟิงหานชวนเอ่ย "อีกอย่าง คุณพูดเรื่องหนึ่งผิด"

"เรื่องอะไร?" เฉินฮวนฮวนสงสัย

"เมื่อกี้คุณพูดว่า วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัวพวกคุณ?" เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ก้มหน้าลงไปถามเธอ "ครอบครัวพวกคุณ หรือว่าครอบครัวพวกเรา คำศัพท์ที่ใช้ ต้องใช้ให้ถูกหรือเปล่า?"

"ฮวนฮวน บอกหญิงสาวคนนี้สิว่าเจ้าสามก็คืออาสามของเธอ?"เฟิงเหลยถิงมองไปที่เฉินฮวนฮวนและเอ่ยถาม

เฉินฮวนฮวนเกาหัวของเธออย่างเงียบๆ และตอบอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า: "พ่อ ฉันไม่รู้มาก่อน …ดังนั้น…"

"มันเป็นความผิดของฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันจะอธิบายให้ผู้หญิงคนนี้ฟังเอง"เฟิงเหลยถิงหันไปทางเกาเหวินอีกครั้ง จากนั้นเขาก็กวักมือเรียกให้เธอนั่งลงที่โซฟาอีกด้าน

เกาเหวินจำเป็นต้องทำตามและนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง และเฟิงเหลยถิงก็เริ่มเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับเรื่องของเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวน

"กล่าวอีกนัยหนึ่งคือฮวนฮวนแต่งงานกับคุณเฟิง คือท่านได้จัดเตรียมการแต่งงานใช่หรือไม่?"ในที่สุดเกาเหวินก็ไม่รู้สึกสับสนอีกต่อไป สุดท้ายแล้วเธอก็มีความเข้าใจที่ชัดเจนในรายละเอียดมากกว่าเดิม

"ไม่สามารถพูดแบบนั้นได้หรอก อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาเป็นคู่ที่ดีมาก และฉันก็รู้สึกโล่งใจ"เฟิงเหลยถิงมองไปที่เฉินฮวนฮวนแล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและถามว่า "ฮวนฮวน รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการฝึกบ้าง? เหนื่อยเลยใช่ไหม? ฉันเห็นเธอดูผอมลงมาก "

"ไม่เหนื่อยค่ะพ่อ ฉันอยากเข้าร่วมรายการนี้มาก ฉันเลยไม่รู้สึกเหนื่อย"เฉินฮวนฮวนโบกมืออย่างรวดเร็วและส่ายหัว

แม้ว่าการฝึกจะเหนื่อยยากจริงๆ แต่เธอก็สนุกกับมันและไม่อยากบ่นเลย ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็คือทางเลือกที่เธอเลือก

"ในเมื่อเธอชอบ งั้นพวกเราก็เห็นด้วย"เฟิงเหลยถิงพยักหน้าอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วพูดว่า: "ฉันมีธุระข้างนอก ฮวนฮวน เธอต้อนรับพี่สาวของเธอให้ดีล่ะ ขอให้สนุกกับบ้านตระกูลเฟิงของเรา"

"ค่ะ พ่อ"เฉินฮวนฮวนรีบตอบและลุกขึ้นไปส่งเฟิงเหลยถิง

เกาเหวินเองก็ยืนขึ้นและพูดกับเฟิงเหลยถิงว่า: "ขอบคุณค่ะนายท่านเฟิง"

"ไม่ต้องเกรงใจ"เฟิงเหลยถิงโบกมือให้เกาเหวิน จากนั้นเธอก็สั่งกับเฉินฮวนฮวนว่า: "ฮวนฮวน ไม่ต้องไปส่งฉัน พวกเธอไปคุยกันเถอะ ฉันจะขับรถไป"

ในขณะพูดเฟิงเหลยถิงก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นอย่างกระฉับกระเฉง

หลังจากรอจนกระทั่งนายท่านเฟิงขับรถออกจากบ้านเฟิงไป เกาเหวินก็รีบไปกระซิบที่ข้างหูของเฉินฮวนฮวนและถามว่า: "ฮวนฮวน ห้องของเธออยู่ที่ไหน?"

"อยู่ชั้นสอง"เฉินฮวนฮวนตอบตามความจริง

"พาฉันไปที่ห้องของเธอทีสิ มีบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในห้องนั่งเล่น"เกาเหวินพูดเบาๆ

"โอเค"เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าเกาเหวินจะพูดอะไร ได้แค่เพียงตอบเธอไปก่อน

หลังจากเข้าไปในห้อง เกาเหวินก็ปิดประตูและมองไปรอบๆภายในห้องนอน เธอขมวดคิ้วและนั่งบนโซฟาในห้องนอน

"ฮวนฮวน ห้องนี้ดูเหมือนห้องนอนของผู้ชายเลย ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นห้องหอเลยสักนิด"เกาเหวินเม้มริมฝีปากของเธอเล็กน้อยแล้วพูดว่า: "เฟิงหานชวน…มีท่าทางต่อเธออย่างไร?"

หลังจากฟังคำพูดของเฟิงเหลยถิง เกาเหวินก็รู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนถูกส่งตัวให้กับเฟิงหานชวน และไม่ใช่ผู้หญิงที่เฟิงหานชวนต้องการจะแต่งงานด้วยจริงๆ

"เขา……ดีต่อฉันมาก"เมื่อนึกถึงสิ่งต่างๆของเฟิงหานชวน มุมปากของเฉินฮวนฮวนก็ยกขึ้นและใบหน้าของเธอก็มีความเขินอาย

"ฮวนฮวน เธอแน่ใจเหรอ?"เกาเหวินเพิ่งมีประสบการณ์กับจางฟานและซ่งหลิงเอ่อร์ในตอนเที่ยง ดังนั้นเธอเลยไม่มีความคิดที่ดีเกี่ยวกับผู้ชายสักเท่าไหร่

เมื่อได้ยินคำถามที่ถามกลับของเกาเหวิน และดูเหมือนว่าจะนำพามาซึ่งความสงสัยเป็นอย่างมาก เฉินฮวนฮวนจำได้ว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ขับรถออกไปไปที่ประตูของค่ายฝึก

เธอเอ่ยปากพูดว่า: "อาหานไม่ได้ขับรถออกไป เขาน่าจะเสียเวลาอยู่พักหนึ่ง บางทีเขาอาจจะรับโทรศัพท์หรืออะไรบางอย่าง…"

อย่างไรก็ตามเธอจะไม่เข้าใจผิดเฟิงหานชวนอีกต่อไป เฟิงหานชวนควรจะต้องจริงจังกับเธอเพราะเธอได้รับการยืนยันอย่างสมบูรณ์แล้ว

"ห้องของเธอไม่ได้ตกแต่งเลย ตามหลักเหตุผลแล้วห้องแต่งงานควรจะมีรูปถ่ายแต่งงานของเจ้าสาวและเจ้าบ่าว เขาไม่ได้พาเธอไปถ่ายรูปงานแต่งงานเหรอ?" เกาเหวินตกใจและถามอีกครั้ง

ในเวลานี้เฉินฮวนฮวนตกอยู่ในความงุนงง เธอส่ายหัวแล้วตอบตามความจริง: "ไม่"

จู่ๆเธอก็คิดขึ้นได้ว่า นับประสาอะไรรูปถ่ายงานแต่งงาน แม้แต่รูปถ่ายทะเบียนสมรสของทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ถูกถ่ายเลยด้วยซ้ำ

"อะไรนะ!? ไม่ได้ถ่ายรูปงานแต่งงาน? ไม่มีงานแต่งงานด้วย? นี่มันคือการแต่งงานแบบไหนกันเนี่ย? "เกาเหวินถามคำถามเป็นชุด

เฉินฮวนฮวนชะงักไปชั่วครู่และอธิบายว่า: "อาหานไม่ได้ถ่ายรูปงานแต่งงาน บางทีเขาอาจจะยุ่ง และฉันเองก็ต้องการเข้าร่วมรายการด้วย ไว้ฉันจะถามเขาทีหลัง…"

เธอรู้สึกว่าสิ่งที่เกาเหวินพูดนั้นสมเหตุสมผล ถ้าเธอและเฟิงหานชวนกลายเป็นคู่รักกันจริงๆ รูปถ่ายทะเบียนสมรสและรูปถ่ายงานแต่งงานก็มีความจำเป็น

"อืม ฮวนฮวน ฉันไม่มีความเห็นใดๆเกี่ยวกับการแต่งงานของเธอ แต่เธอต้องแต่งงานโดยปิดเป็นความลับเพื่อรักษาภาพลักษณ์ เหมือนตอนที่เธอปิดบังจากฉันเมื่อก่อน ทำได้ไหม?"เกาเหวินเตือนอย่างจริงจัง

"ได้สิพี่เหวิน ฉันวางแผนที่จะให้การแต่งงานเป็นความลับเหมือนกัน"เฉินฮวนฮวนเข้าใจความหมายของเกาเหวิน เพราะการเข้าร่วมการแข่งขันไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าแต่งงานแล้ว

แม้แต่สัญญาของรายการก็ระบุชัดเจนไว้อยู่แล้วว่าไม่สามารถแต่งงานได้ และจะต้องเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานเท่านั้น

"ทางที่ดีคือเธอห้ามให้เรื่องแต่งงานของเธอถูกเปิดเผย ส่วนเรื่องอื่นๆฉันก็ไม่มีความเห็นใดๆ เออ ใช่แล้ว เฟิงหานชวนมีท่าทางอย่างไรที่เธอเข้าร่วมการแข่งขัน? เขาสามารถช่วยเธอได้ไหม? "เกาเหวินรีบถาม

หากเฉินฮวนฮวนเข้าร่วมการแข่งขันแล้วเฟิงหานชวนยื่นมือเข้ามาช่วย ถ้าอย่างนั้นบริษัทของเธอก็จะไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใดๆและยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อีกด้วย

"ฉันบอกเขาว่าอย่ายื่นมือเข้ามาช่วย ฉันอยากแข่งด้วยความพยายามและความแข็งแกร่งของตัวเอง…"เฉินฮวนฮวนยังคงตอบอย่างตรงไปตรงมา

แค่คำตอบนี้ก็ทำให้เกาเหวินตกตะลึงไปชั่วครู่ แต่ในไม่ช้าก็มีสีหน้าที่ชัดเจนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

ในสายตาของเธอเฉินฮวนฮวนพูดแบบนี้เพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ช่วยเธอ

"ไม่เป็นไร เนื่องจากเขาไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย บริษัทของเราก็ยังคงพยายามที่จะช่วยให้เธอคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้"เกาเหวินปลอบเฉินฮวนฮวน เธอเอื้อมมือออกไปและตบไหล่ของเธอเบา ๆ

"ขอบคุณค่ะพี่เหวิน"

……

เกาเหวินคุยกับเธอเป็นเวลานานในห้องของเธอก่อนจะออกไป

หลังจากส่งเกาเหวินออกไปแล้ว เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกเหนื่อยล้า เธอตัดสินใจไปไปอาบน้ำและสุดท้ายก็ผล็อยหลับไป

เมื่อเธอตื่นขึ้นข้างนอกก็มืดเสียแล้ว เธอเปิดไฟด้วยความงุนงง และเมื่อเธอพยายามลุกขึ้นนั่งเธอก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน

"เฟิงหานชวน คุณกลับมาเมื่อไหร่?"เฉินฮวนฮวนตกใจและตื่นทันที

เฟิงหานชวนปิดคอมพิวเตอร์ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาเฉินฮวนฮวนและนั่งลงข้างๆเตียงของเธอ

"ไม่ฟังกันเลย คิดเอาเองแล้วกันว่าไปทำอะไรผิดมา?"เฟิงหานชวนเลิกคิ้วและจับคางของผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยปลายนิ้ว

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนแดง เธอพูดเบาๆว่า: "อาหาน…ฉันหิวแล้ว"

"ไม่มีอะไรดีกว่าที่ทำผิดพลาดและแก้ไขมันนะ"เฟิงหานชวนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย

สิ่งที่เขาพูดถึงคือความผิดของเฉินฮวนฮวน ยิ่งไปกว่านั้นก็คือปัญหาในการเรียกเฟิงหานชวนหรืออาหาน ดีที่ตอนนี้เฉินฮวนฮวนสามารถเข้าความหมายที่เขาต้องการจะสื่อได้ในทันที และเขาต้องการจะแก้ปัญหานั้น

"อาหาน ฉัน…."เฉินฮวนฮวนกำลังอยากจะพูดต่อ

"ปังๆ….."

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู และเสียงของแม่บ้านหลี่ก็ดังขึ้น: "คุณชายสาม ทุกอย่างพร้อมแล้ว ต้องการอะไรอีกไหมคะ? ฮวนฮวนตื่นหรือยังคะ? "

"ไม่ต้องเตรียมอะไรแล้ว ฮวนฮวนเพิ่งตื่นเดี๋ยวผมจะพาเธอลงไป"เฟิงหานชวนตอบกลับ

"โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปเตรียมพร้อมค่ะ"แม่บ้านหลี่ตอบเสียงดังแล้วหันหลังเดินจากไป

เฉินฮวนฮวนได้ยินสิ่งที่แม่บ้านหลี่พูดอย่างชัดเจน เตรียมพร้อม? เตรียมอะไร?

ในขณะที่เธอกำลังสับสน ริมฝีปากบางๆของร่างสูงก็แนบมาที่หูของเธอ เขาพ่นลมหายใจอุ่นๆออกมาแล้วกระซิบว่า: "เดี๋ยวคุณก็รู้"

การล้อเล่นของเฟิงหานชวนทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกตื่นเต้น เธอถามด้วยความสงสัยว่า: "มันคืออะไร?"

"ไม่มีอะไร"เฟิงหานชวนกลับมาแสดงท่าทางสงบและจริงจัง

จนกระทั่งเฉินฮวนฮวนถูกพาลงไปชั้นล่าง และเธอก็อึ้งไปในทันที

ถ้ารู้ก่อนว่ามันจะเป็นโอกาสที่จริงจังแบบนี้ เธอจะไม่สวมเสื้อสบายๆหลวมๆแบบนี้ ตอนนี้เธอดูเหมือนคนขี้เกียจเลย

เหตุใดมันถึงจริงจังขนาดนี้ เพราะตอนนี้มีหลายคนนั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่น แถมเธอยังเห็นพ่อลูกเฟิงเฉินเหยี่ยนและเฟิงเจิ้งหมิงอีกด้วย

และยังมีผู้ชายอีกหนึ่งคนและผู้หญิงอีกสองคน เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเธอสามารถเดาได้ว่ามีคนหนึ่งอายุน้อยกว่าเฟิงเจิ้งหมิงเล็กน้อย และน่าจะเป็นลูกคนที่สอง เฟิงเจิ้งซวิน และยังมีผู้หญิงอีกสองคนซึ่งน่าจะเป็นคุณนายใหญ่และคุณนายรองของตระกูลเฟิง

"นี่มัน …"เมื่อเห็นภาพดังกล่าว เฉินฮวนฮวนก็สติหลุดลอยหายไปในทันที

เฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างหลังของเธอ เขาหัวเราะและพูดว่า: "ผมได้เชิญทุกคนจากตระกูลเฟิงมา นี่เป็นขั้นแรกในการยอมรับความสัมพันธ์ของเรา"

"ฉัน….."เฉินฮวนฮวนอ้าปาก เธอรู้สึกพูดอะไรไม่ออก

สถานการณ์ตอนนี้คืออะไร? เฟิงหานชวนไม่ได้บอกเธอล่วงหน้า!

"ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นพี่น้องของเจ้าสาม! ฉันได้ยินชื่อเธอและฉันก็อยากมาพบเธอมานานแล้ว แต่แล้วฉันก็ได้ยินนายท่านพูดว่าเธอไปเข้าร่วมฝึกในการแข่งขัน"เฟิงเจิ้งซวินเดินเข้ามา เขายิ้มและยื่นมือไปทางเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนรีบเอื้อมมือออกไปและจับมือกับเฟิงเจิ้งซวิน

"อ้อ ฉันลืมแนะนำตัว ฉันเป็นลูกคนที่สองของตระกูลเฟิง เฟิงเจิ้งซวิน"เฟิงเจิ้งซวินกล่าวแนะนำตัวเองและดึงผู้หญิงอีกคนมาอยู่ข้างๆเขาแล้วพูดว่า: "นี่คือภรรยาของฉัน หลินเจิน"

"พี่รอง พี่สะใภ้รอง สวัสดีค่ะ"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอย่างรวดเร็วและก้มหัวกล่าวทักทาย

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองอยู่ในวัยที่พวกเขาควรจะเป็นพ่อแม่ คาดไม่ถึงว่าเธอต้องเรียกพวกเขาว่าพี่ชายและพี่สะใภ้

"ฮวนฮวน พวกเราเคยพบกันมาก่อนแล้ว ฉันเป็นพ่อของอาเหยี่ยน เฟิงเจิ้งหมิง ลูกชายคนโตของครอบครัว"เฟิงเจิ้งหมิงแนะนำตัวตามเฟิงเจิ้งซวิน จากนั้นก็มองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาและพูดว่า: "นี่คือภรรยาของฉันซ่งหวั่นโหรว"

"พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่สวัสดีค่ะ"เฉินฮวนฮวนยิ้มด้วยความเขินอาย เพียงรู้สึกว่าตัวเองเป็นเครื่องทักทายอัติโนมัติยังไงไม่รู้

ในขณะเดียวกันหัวของเฟิงเฉินเยี่ยนก็โผล่ออกมาระหว่างเฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงเจิ้งซวิน เขาหัวเราะแล้วพูดว่า: "ฮวนฮวน พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งเดือน คุณคิดถึงผมไหม?"

"อะแฮ่ม!"

เสียงไอทำลายบรรยากาศที่ตลกขบขัน

เฟิงเฉินเหยี่ยนรีบก้มหัวหลบไปที่หลังของชายวัยกลางคนทั้งสองคนด้วยความตกใจ เขายกมือขึ้นและมอบตัว จากนั้นก็รีบตะโกนว่า: "อาสาม อย่าโกรธผมเลย ผมแค่ล้อเล่นกับอาสะใภ้สามเท่านั้นเอง~"

พูดได้ว่า ที่นี่นอกจากเฟิงหานชวน น่าจะยังมีคนของตระกูลเฟิงคนอื่นอีก?

เฉินฮวนฮวนถูกเฟิงหานชวนพาไปอยู่ในคฤหาสน์?

“พี่เหวิน อันที่จริงฉัน…” เฉินฮวนฮวนเอ่ยปาก ตัดสินใจที่จะพูดเรื่องที่เธอกับเฟิงหานชวนแต่งงานกันออกมา

ในเมื่อ แรกเริ่มที่เธอปิดบังความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวนต่อหน้าเกาเหวิน เพราะตอนนั้นเธอคิดว่าเฟิงหานชวนคือคุณอาของเฟิงเฉินเหยี่ยน คิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนคือสามีของเธอ

แต่ตอนนี้ เธอกับเฟิงหานชวนตัดสินใจเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่ใช่แต่งงานปลอม ๆ ไม่ใช่ลองแต่ง แต่เป็นสามีภรรยาที่เป็นทางการกัน

ดังนั้นเธอตัดสินใจบอกเกาเหวิน และเธอก็เชื่อว่าเกาเหวินไม่มีทางเอาไปป่าวประกาศ

“แอ๊ด” ตอนนี้เอง จู่ ๆ ประตูใหญ่ก็ถูกเปิดออก

คำพูดที่เฉินฮวนฮวนอยากพูด ก็ถูกเสียงประตูขัดไว้

“ฮวนฮวน หนูกลับมาแล้วเหรอ?” เสียงตื่นเต้นของแม่บ้านหลี่ดังขึ้น จากนั้นก็มองไปทางเกาเหวิน สีหน้าหงุดหงิดนิดหน่อย แล้วถามขึ้น “คุณชายสามไปรับหนูไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึง…”

“แม่บ้านหลี่คะ นี่คือเจ้านายของหนู แล้วก็เป็นรุ่นพี่ของหนูด้วย ชื่อเกาเหวิน ตอนเที่ยงหนูทานข้าวด้วยกันกับพี่เหวิน แล้วคุยกันเรื่องรวมกลุ่มอบรม พี่เหวินพาหนูส่งกลับบ้านด้วยตัวเอง” เฉินฮวนฮวนรีบอธิบาย

“อ่อ ที่แท้ก็คือเจ้านายของฮวนฮวนเอง คุณหนูเกาใช่ไหม? รีบเข้ามานั่งก่อน” แม่บ้านหลี่ทำมือเชื้อเชิญ ใบหน้ายิ้มแย้ม ดูเป็นมิตรเป็นพิเศษ

ตอนนี้เกาเหวินงุนงงมาก เธอชะงักงั้น จากนั้นก็พยักหน้าพูดขึ้น “ค่ะ”

เธออยากจะเห็นพอดีว่า สถานการณ์ของตระกูลเฟิงว่าเป็นยังไงบ้าง

อีกอย่างเธอดูออกได้ว่า แม่บ้านคนนี้กับเฉินฮวนฮวนสนิทกันเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเฉินฮวนฮวนอยู่ที่นี่มาพักใหญ่แล้ว

หลังจากที่เกาเหวินตอบรับ แล้วจึงเดินตรงเข้าไปด้านในประตูใหญ่ เฉินฮวนฮวนก็รีบตามเข้าไป เธอเม้มปาก เมื่อพบว่าตัวเองยังคุยกับเกาเหวินไม่จบ

แม่บ้านหลี่พาเกาเหวินเข้าไปที่ห้องรับแขก ให้เกาเหวินนั่งบนโซฟา

เกาเหวินกวาดตามองไปรอบด้าน ในนี้ออกแบบตกแต่งสไตล์จีน อารมณ์โบราณ แต่ไม่มีความรู้สึกเก่าแก่ ตรงกันข้ามกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ทันสมัย

เฉินฮวนฮวนเพิ่งจะนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้าม เกาเหวินก็พูดขึ้น “ฮวนฮวน เธออยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว?”

“ฉัน…ถ้าหากไม่นับเวลาที่ฝึกอบรม น่าจะประมาณหนึ่งอาทิตย์ ถ้านับเวลาฝึกอบรม ก็ใกล้หนึ่งเดือนแล้ว” เฉินฮวนฮวนพยายามคิดคำนวณในหัว

เกาเหวินพยักหน้าครุ่นคิด ไม่นับที่ฝึกอบรม ก็แสดงว่าเฉินฮวนฮวนเพิ่งถูกรับมาอยู่ได้ไม่นาน

ในความทรงจำของเธอ เฉินฮวนฮวนน่าจะเป็นแค่ผู้หญิงในวงที่ถูกเฟิงหานชวนเลี้ยงดู ทำไมถึงรับเฉินฮวนฮวนมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงนะ?

ดูสีหน้าของเกาเหวินที่ยิ่งอยู่ยิ่งแสดงความสงสัย เฉินฮวนฮวนจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้บอกความจริงกับเกาเหวิน ในตอนที่กำลังจะเอ่ยขึ้น แม่บ้านหลี่ก็ยกถาดผลไม้กับน้ำชามาให้

“ฮวนฮวน คุณหนูเกา ดื่มน้ำ ทานผลไม้สักหน่อย” แม่บ้านหลี่วางถาดผลไม้และแก้วน้ำชาลงบนโต๊ะชาอย่างเอาใจใส่

ตอนนี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นบน จากนั้นเสียงที่มีอำนาจก็ดังขึ้น “แม่บ้านหลี่ ฉันเหมือนได้ยินเธอตะโกนเรียกฮวนฮวน ฮวนฮวนกลับมาแล้วเหรอ? คุณชายสามบอกว่าฮวนฮวนตอนเย็นถึงจะกลับมาไหมใช่เหรอ?”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินฮวนฮวนก็รู้แล้วว่าเป็นนายท่านกำลังพูดอยู่ เธอรีบลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งไปทางบันได

เห็นว่านายท่านเดินลงมาแล้ว เฉินฮวนฮวนจึงตะโกนขึ้นทันที “นายท่าน!”

“เฉินเฉิน เธอไปฝึกอบรมครึ่งเดือน ก็ลืมสถานะของตัวเองไปแล้วเหรอ?” เฟิงเหลยถิงสีหน้าหงุดหงิด ตั้งใจส่งเสียงกระแอมขึ้น

“เอ่อ คุณพ่อ…” เฉินฮวนฮวนก้มหน้าเล็กน้อย ทำได้เพียงเรียกอย่างเชื่อฟัง

เพียงแต่เธอรู้สึกว่าอายุของเฟิงเหลยถิงสามารถเป็นคุณปู่ของตัวเองได้แล้ว เรียก “พ่อ” แล้วรู้สึกแปลกประหลาดจริง ๆ

แต่ว่าก็ไม่มีทางอื่น นายท่านเฟิงเป็นคุณพ่อของเฟิงหานชวน และเธอก็คือภรรยาของเฟิงหานชวน งั้นนายท่านเฟิงก็คือพ่อสามีของเธอ ก็ต้องเรียกว่า “คุณพ่อ”

“อื้ม เด็กดี!” นายท่านเผยรอยยิ้มพึงพอใจ

เกาเหวินสีหน้าตกตะลึงมองไปทางพวกเขา ดวงตาเบิกกว้างเป็นสิบเท่า จนกระทั่งเดินไปข้างพวกเขา เฉินฮวนฮวนถึงได้เห็นว่าเกาเหวินเดินมาแล้ว

เธอเห็นสีหน้าของเกาเหวิน หงุดหงิดใจที่ตัวเองไม่ได้บอกกับเกาเหวินให้เร็ว ในตอนที่กำลังจะพูดขึ้น เกาเหวินกลับมองไปทางเฟิงเหลยถิง แล้วพูดพึมพำ “ฮวนฮวน ท่านนี้คือคุณพ่อของเธอเหรอ?”

เกาเหวินจำได้ว่าเฉินฮวนฮวนเคยพูดถึงพ่อแท้ ๆ ของเธอ เป็นผู้ชายใจจืดใจดำ เป็นคนวัยกลางคนที่มีโชคลาภ มีพุงย้อย แต่นายท่านที่อยู่ข้างหน้า ดูกระฉับกระเฉง ร่างกายแข็งแรง ดูท่าน่าจะบำรุงรักษาร่างกายเป็นอย่างดี

แต่ที่ทำให้เธออึ้งเป็นที่สุดคือ ตาแก่คนนี้เป็นใครกันแน่? ทำไมถึงปรากฏตัวขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิง? แล้วก็ถูกเฉินฮวนฮวนเรียกว่าพ่อ?

“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ พี่เหวิน นายท่านคือ…พ่อสามีของฉัน” เฉินฮวนฮวนโบกไม้โบกมือ รีบพูดอธิบาย “ฉันกับเฟิง…”

“พ่อสามี!?” เกาเหวินถามอย่างสงสัย “คุณตาเหรอ? เธอไม่มีคุณตาไม่ใช่เหรอ?”

“พ่อสามีจะแปลว่าคุณตาได้ยังไง? ฮวนฮวนคือลูกสะใภ้ของฉัน ฉันเป็นพ่อสามีของเธอ แน่นอนว่าเธอต้องเรียกฉันว่าพ่อ” เฟิงเหลยถิงค้ำไม้ค้ำไว้ แล้วตอบตามที่ควรจะเป็น

“ลูก…ลูกสะใภ้?” เกาเหวินถลึงตาโต อ้าปากค้างจนแทบจะยัดไข่ไก่เข้าไปได้แล้ว

เห็นท่าทางตกตะลึงแบบนี้ของเกาเหวิน เฟิงเหลยถิงขมวดคิ้ว มองไปทางเฉินฮวนฮวน แล้วถามขึ้น “ฮวนฮวน ท่านนี้เป็นอะไรกับเธอ?”

“พ่อคะ พี่เหวินเป็นเจ้านายของหนู และก็เป็นรุ่นพี่ของหนูค่ะ” เฉินฮวนฮวนตอบตามความจริง แล้วหันหน้าไปอธิบายกับเกาเหวิน

“ดังนั้น ท่านนี้คือนายท่านตระกูลเฟิง ส่วนสามีของเธอ ก็คือ…เฟิงหานชวน” เกาเหวินพูดออกมาอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่ค่ะ” เฉินฮวนฮวนรีบพยักหน้า

เกาเหวินรู้สึกหน้ามือ รอบตัวราวกับถูกหมอกห้อมล้อมอยู่

เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?

จู่ ๆ เสียงมีอำนาจของชายที่อยู่ด้านข้างดังขึ้นอีก “หานชวนคือลูกชายคนที่สามของฉัน ฮวนฮวนคือลูกสะใภ้คนที่สาม คุณผู้หญิงคนนี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”

เฟิงเหลยถิงมองเกาเหวินด้วยสายตาเฉียบคม

เกาเหวินค่อย ๆ ดึงสติกลับมา แต่ก็ยังตกตะลึงเป็นอย่างมาก เธอเอ่ยปากขึ้น เธออดไม่ได้ที่จะถามต่อ “ฮวนฮวน เธอ ก่อนหน้านี้เธอไม่ใช่พูดว่า เฟิงหานชวนคือ…อาสามของเธอเหรอ?”

ในหัวของเกาเหวินตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด แยกไม่ออกว่านี่คือความฝัน หรือว่าความจริง

เพราะว่าเธอไม่เคยคิดเลยว่า ที่แท้เฉินฮวนฮวนก็คือภรรยาของเฟิงหานชวน?

“อาฟาน บริษัทของเราเพิ่งจะก้าวหน้า ไม่ได้มีทรัพยากรมากมายจะไปสู้กับคนอื่นหรอก”

เกาเหวินทอดถอนใจอย่างหนักหน่วง เธอข่มอารมณ์โกรธไว้ และพูดชี้แนะออกไปอย่างจริงจัง : “ตอนนี้ฮวนฮวนสิ้นสุดการอยู่ในค่ายแล้ว อีกไม่นานก็จะเข้าสู้ขั้นตอนการบันทึกเทปการแข่งขัน ยังไงก็ต้องยัดเงินค่าซีนกล้องให้กับทีมงานรายการอยู่แล้ว แต่คุณดันเพิ่มซงหลิงเอ่อร์เข้ามา……..ค่าใช้จ่ายก็เลยเกินกว่าที่เราจะคาดคิดไว้!”

“พี่เกาเหวิน พี่ฟานเคยพูดเรื่องนี้กับฉันแล้ว เราไม่เอาค่าโฆษณาของพวกคุณก็ได้ แต่ฉันอยากแย่งซีนในรายการ ด้วยการแทรกรายการคู่รักฉบับมือใหม่ลงไป” ซงหลิงเอ่อร์ม้วนผมเล็กน้อย ก่อนจะเอียงคอมองจางฟาน และพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า : “พี่ฟาน เพราะเห็นแก่หน้าของพี่หรอกนะ จริง ๆ ฉันยังมีบริษัทใหญ่ที่อยากเข้ามาชิงตัวฉันอีกหลายแห่งนะ!”

ที่ซงหลิงเอ่อร์พูดก็ไม่ผิด เธอไม่อยากตามติดจางฟาน จึงไม่จำเป็นต้องใช้บริษัทเล็ก ๆ ที่เพิ่งจะเริ่มก้าวหน้าของจางฟาน

ถึงแม้ว่าจางฟานจะลงทุนกับบริษัทโกโรโกโสนี้ไม่มากนัก แต่ครอบครัวของจางฟานก็มีภูมิหลังที่เก่งกาจมาก อีกทั้งจางฟานเองก็ยังมีเงินส่วนตัวเป็นจำนวนมาก สามารถออกค่าใช้จ่ายให้กับเธอด้วยเงินส่วนตัวของเขาได้โดยไม่มีปัญหา

ส่วนค่าใช้จ่ายของบริษัทโกโรโกโสแห่งนี้ ก็เก็บไว้ให้กับเฉินฮวนฮวนผู้หญิงที่ยากจนและล้าหลังคนนี้เถอะ

เรื่องสำคัญที่สุด เธอรู้สึกไม่เป็นธรรมที่เซ็นสัญญากับบริษัทเล็ก ๆ ของจางฟาน คงจะหวังว่าหลังจากที่ผลักดันจนตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดังแล้วก็คงจะเบียดเกาเหวินตกจากตำแหน่งเจ้านายเป็นแน่

“งั้นเธอก็ไปเซ็นสัญญากับบริษัทใหญ่ ๆ สิ!” เกาเหวินตะโกนออกมาทันที เพราะความโกรธ สีหน้าจึงแดงก่ำ

ซงหลิงเอ่อร์ตกใจสุดขีด จึงรีบยกมือขึ้นมาตบหน้าของตัวเองทันที ดวงตาที่ไร้เดียงสาคู่นั้นได้เบิกกว้างอย่างน่าสงสาร และถามขึ้นว่า : “พี่เกาเหวิน ทำไมพี่ถึงชี้แนะฉันหนักหน่วงแบบนี้? ฉันคิดว่าเงื่อนไขก็ไม่เลวเลยนะ ฉันยอมเซ็นสัญญากับบริษัทของพวกพี่ พวกพี่ก็ควรจะดีใจสิถึงจะถูก”

“ซงหลิงเอ่อร์ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?” เกาเหวินยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ก่อนจะชี้หน้าด่าเธอว่า : “เธออยู่ห่าง ๆ จางฟานเลยนะ รีบไสหัวออกไปจากสายตาฉันเดี๋ยวนี้!”

ครั้งนี้เกาเหวินทนไม่ไหวอีกต่อไป เพราะซงหลิงเอ่อร์เข้ามารังแกเธอถึงที่

“เหวินเหวิน เธอพูดอะไร?” ใบหน้าของจางฟานแสดงออกถึงความไม่พอใจ

ซงหลิงเอ่อร์ถูกเกาเหวินตำหนิ ดวงตาคู่นั้นเริ่มแดงก่ำไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นน้ำตาก็ได้ไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย ดูท่าทางน่าสงสารจับใจ

“พี่เกาเหวิน พี่ชักจะทำเกินไปแล้วนะ ฉันไปล่วงเกินพี่ตรงไหนเหรอ? พี่ถึงได้มาทำแบบนี้กับฉัน?” ซงหลิงเอ่อร์ฟูมฟายไปพลางใช้มือปาดน้ำตาไปพลาง

“หลิงเอ่อร์ คุณหยุดร้องไห้ได้แล้ว ผมขอโทษคุณแทนเกาเหวินด้วยนะครับ” จางฟานทำอะไรไม่ถูก ดูท่าทางคงจะอยากปลอบใจซงหลิงเอ่อร์ แต่ก็เป็นกังวลว่าจะทำให้เกาเหวินโกรธ

“จางฟาน นายเป็นอะไรกับฉัน? นายมีสิทธิ์อะไรมาขอโทษเธอแทนฉัน?” เกาเหวินเขวี้ยงกระเป๋าแอร์เมสลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็ถลึงตาที่แดงก่ำไปทางจางฟาน และยิ้มเยาะด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “นายอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายกับซงหลิงเอ่อร์มีความสัมพันธ์อะไรกัน ฉันอดทนมานานแล้ว จางฟาน นายยังจำคำพูดตอนที่นายสารภาพรักกับฉัน ได้ไหม?”

ประโยคสุดท้าย เกาเหวินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าเล็กน้อย จางฟานถึงกับอึ้งงันทันที เห็นได้ชัดว่านึกไม่ถึงว่าเขาจะทำให้เกาเหวินโกรธแบบนี้

เกาเหวินหมุนตัว จากนั้นก็ดึงมือของเฉินฮวนฮวนและเดินจากไป แต่จู่ ๆ ก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบหันกลับมาเก็บกระเป๋าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา

“เหวินเหวิน ฉัน………” จางฟานเห็นการกระทำของเกาเหวิน เขากำลังอ้าปากราวกับอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะพูดออกมายังไง

“เราไปกันเถอะ” เกาเหวินไม่ได้สนใจจางฟานแต่อย่างใด เธอกระชากเฉินฮวนฮวนเดินกลับขึ้นรถไป จากนั้นก็สตาร์ทรถและขับออกไปทันที

ระหว่างที่ขับรถนั้น เธอพบว่าจางฟานไม่ได้ตามเธอมา ดังนั้นจึงได้หักเลี้ยวรถจอดข้างทาง เธอจับพวงมาลัยและกรีดร้องไห้ออกมาเสียงดัง

“พี่เหวิน” เฉินฮวนฮวนมองไปยังเกาเหวินที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เธอเอ่ยเรียกด้วยเสียงทุ้มต่ำ แต่กลับไม่รู้ว่าจะปลอบใจยังไง

เกาเหวินไม่ตอบ ได้แต่ร้องไห้อย่างทุกข์ทรมานต่อไป เฉินฮวนฮวนจึงทำได้เพียงแค่รออยู่เงียบ ๆ

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ราวกับน้ำตาได้ถูกขับออกมาจนแห้งเหือดหายไป และราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ เกาเหวินจึงยืดตัวขึ้น จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าของตัวเอง และกลับมาอยู่ในโหมดปกติอีกครั้ง

“ฮวนฮวน เธอคงจะหัวเราะเยาะฉันอยู่ล่ะสิท่า” เกาเหวินยิ้มเรียบ ๆ แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูฝืนเต็มทน

เธอรักษาภาพลักษณ์ภายนอกที่ดีอยู่เสมอมา ไม่เคยเสียสติแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ บางทีอาจจะเพราะเธอไม่แคร์ว่าเฉินฮวนฮวนนั่งอยู่ตรงนี้ หรือบางทีอาจเป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่ผูกมัดได้ขาดสะบัดแล้ว เธอจึงไม่สามารถอดกลั้นมันได้อีกต่อไป

เดิมที เธออยากจะเซ็นสัญญากับเฉินฮวนฮวน แล้วไล่ซงหลิงเอ่อร์ออกด้วยซ้ำ แบบนี้ ศิลปินในบริษัทอย่างเฉินฮวนฮวนก็จะกลายเป็นคนของตัวเอง ส่วนซงหลิงเอ่อร์ก็จะได้ไม่มีเวลามาเจอกับจางฟานอีก

เธออยากทำแบบนี้ จะได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจางฟานและซงหลิงเอ่อร์มันลดลงบ้าง แต่นึกไม่ถึงว่า ตอนนี้จางฟานจะกล้าพาซงหลิงเอ่อร์เข้ามาในบริษัท

“พี่เหวิน ฉันไม่มีทางหัวเราะเยาะพี่หรอก แค่เหตุการณ์ในวันนี้ เด็กฝึกผู้หญิงคนนั้น……..” ผู้เฝ้าดูเหตุการณ์อย่างเฉินฮวนฮวนย่อมมองออก เห็นได้ชัดว่าซงหลิงเอ่อร์และจางฟานมีอะไรกันอย่างแน่นอน

ไม่อย่างนั้น เกาเหวินไม่มีทางเสียสติขนาดนี้ ไม่เพียงแค่เพราะเซ็นสัญญากับซงหลิงเอ่อร์เท่านั้น น่าจะเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงด้วย

“ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว เราไปกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า” เกาเหวินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็สตาร์ทรถออกไป

ทั้งสองคนหาร้านหม้อไฟที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง กินไปพลางเม้าท์มอยอย่างสนุกสนานไปพลาง เฉินฮวนฮวนได้รายงานสถานการณ์ในค่ายฝึกให้เกาเหวินฟัง

“เธอหมายความว่า……เธอไม่ได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาเหรอ?” เกาเหวินนึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนจะยั้งมือเอาไว้

“พี่เหวิน ฉันคิดว่าในเมื่อมันคือการแข่งขัน ฉันกับเด็กฝึกทุกคน คือศัตรูกันนะ อยากจะชนะศัตรู ฉันเลยคิดว่าจะปิดศักยภาพของตัวเองเอาไว้ก่อน” เฉินฮวนฮวนพูดอย่างจริงจัง

เกาเหวินอึ้งงันไปทันที จากนั้นก็โพล่งออกไปว่า : “ฮวนฮวน เธอเคยเรียนทหารยุทธศาสตร์มาใช่ไหม?”

“ไม่นี่คะ” เฉินฮวนฮวนแสดงท่าทางงุนงง จากนั้นก็ส่ายหน้าทันที

“เธอ…..ฉลาดเกินไปแล้ว” เกาเหวินชูนิ้วโป้งขึ้นมาชื่นชมทันที

เฉินฮวนฮวนยิ้มด้วยความลำบากใจ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาเกาศีรษะเล็กน้อย

“ฮวนฮวน จู่ ๆ ฉันก็คิดได้ว่าการมีศิลปินที่เฉลียวฉลาดอย่างเธอ ฉันคงได้ทำงานคนเดียวแล้วใช่ไหม?” จู่ ๆ เกาเหวินก็หัวเราะอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“พี่เหวิน พี่พูดอะไรคะ?” เฉินฮวนฮวนเริ่มไม่เข้าใจ

แต่เมื่อผ่านไปไม่กี่วินาที เธอก็ได้สติกลับมาทันที ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง และถามกลับไปว่า : “พี่หมายความว่า พี่จะถอนตัวออกจากบริษัทในตอนนี้ พี่จะเลิกกับแฟนของพี่เหรอคะ?”

“ฉัน……ยังไม่แน่ใจ ฉันอยากจะพยายามอีกสักตั้ง” เกาเหวินทิ้งจางฟานไม่ได้จริง ๆ

หลายปีมานี้ เธอได้รับความไม่เป็นธรรมไม่น้อย พยายามอดทนมาโดยตลอด แต่วันนี้ซงหลิงเอ่อร์คนนี้เบ่งอำนาจเกินไป เนื่องจากเกาเหวินเป็นคนที่เคารพตัวเองมาก จึงทนการยั่วยุของซงหลิงเอ่อร์ไม่ไหว ดังนั้นจึงได้คลุ้มคลั่งออกมา

ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเกาเหวิน เฉินฮวนฮวนก็รู้ทันที จริง ๆ แล้วเกาเหวินตั้งใจจะให้อภัยจางฟานอยู่เงียบ ๆ ในใจ ต่อให้จางฟานจะมีอะไรกับซงหลิงเอ่อร์จริง ๆ ก็ตาม

“พี่เหวิน พี่เก่งและมีความสามารถมากขนาดนี้ ทำไมถึงต้องทนรับความไม่เป็นธรรมแบบนี้ด้วย? ให้โอกาสได้นะ แต่อีกฝ่ายต้องคว้าโอกาสนั้นไว้ด้วย แบบนั้นถึงจะให้อภัยกันได้ ถ้าไม่คว้าโอกาสนั้นเอาไว้ ก็ไม่ควรจะให้อภัยนะคะ” เฉินฮวนฮวนพูดโดยไม่ลงรายละเอียด เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แทรกแซงความรักของเกาเหวินและจางฟาน

แต่เธอจะไม่พูดก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงอดพูดออกไปสักสองสามประโยคไม่ได้

เกาเหวินได้ยินเฉินฮวนฮวนพูดมีเหตุผลแบบนี้ครั้งแรก ในความประทับใจของเธอ เฉินฮวนฮวนน่าจะเป็นเด็กฝึกผู้หญิงผู้น่าสงสารที่ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

“ฉันจำแฟนคนแรกของเธอได้ เขานอกใจเธอไปยุ่งกับพี่สาวบุญธรรมของเธอ ตอนนั้นเธอให้อภัยเขาได้ไหมล่ะ?” เกาเหวินอดถามขึ้นไม่ได้

เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนเคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มาเหมือนกัน แต่เหตุการณ์ที่เป็นรูปธรรมเป็นยังไงนั้นเธอไม่รู้

“ไม่ค่ะ” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้า จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา : “และแน่นอนว่าเขาไม่ตามมาให้ฉันยกโทษให้เขาด้วย”

“พอแล้ว” เกาเหวินรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรพูดเรื่องนี้ จึงพูดออกไปว่า : “ขอโทษนะที่ทำให้เธอคิดถึงเรื่องที่เสียใจ”

“ไม่เสียใจเลยค่ะ ฉันไม่มีความรู้สึกนั้นนานแล้ว…….ถ้าจะรู้สึก ก็คงจะรู้สึกรังเกียจ โกรธ แต่ไม่ได้เสียใจ บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมรักครั้งแรกที่ควรจะสวยงามกลับต้องมาตกอยู่ในน้ำมือของผู้ชายแบบนี้ด้วย” เฉินฮวนฮวนตอบกลับตามความจริง

ไม่มีอะไรแอบแฝง

แม้กระทั่งเรื่องที่คิดวนเวียนอยู่ในหัวสมองตอนนี้ ถ้ามอบรักครั้งแรกที่สวยงามให้กับเฟิงหานชวน คงจะเป็นเรื่องที่โรแมนติกมากแน่ ๆ?

เพียงแต่ว่าสมมติฐานนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพราะรักครั้งแรกของเธอคือเยี่ยจิ่งเฉิน นี่เป็นความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

“ที่แท้ก็ไม่ได้รักผู้ชายแค่คนเดียวแล้ว นอกจากความเกลียดและความโกรธ ก็คงจะไม่มีความรู้สึกอื่นอีกแล้ว” เกาเหวินดื่มน้ำไปหนึ่งอึก จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างเงียบ ๆ

“พี่เหวิน กินเนื้อด้วยสิ” เฉินฮวนฮวนใช้ตะเกียบคีบเนื้อวัวหมาล่าให้กับเกาเหวิน

เธอดูออก เกาเหวินแคร์จางฟานมาก เลยตั้งใจจะเบี่ยงหัวข้อนี้

“อื้อ กินหม้อไฟต่อเถอะ ไม่พูดแล้ว” เกาเหวินพยักหน้าเล็กน้อย

……

หลังจากที่อิ่มหนำสำราญแล้ว เกาเหวินเสนอจะขับรถไปส่งเฉินฮวนฮวน ซึ่งเฉินฮวนฮวนก็ตอบรับ

“ไปส่งที่ย่านคฤหาสน์ในครั้งที่แล้วใช่ไหม?”

“อื้อ ใช่ค่ะ”

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า เกาเหวินก็ขับรถมาถึงหน้าประตูใหญ่ของย่านคฤหาสน์ เธอเตรียมจะขับรถเข้าไปข้างใน แต่กลับถูกปิดกั้น รถของเธอไม่สามารถขับเข้าไปในย่านคฤหาสน์ได้

“พี่เหวิน ฉันลงตรงนี้ก็ได้ค่ะ พี่ไม่ต้องขับไปส่งข้างในหรอก” เฉินฮวนฮวนปลดเข็มขัดนิรภัยออก

เกาเหวินจึงรีบพูดว่า : “เธอมีกระเป๋าเดินทางด้วยนะ ฉันจะให้เธอเดินกลับเข้าไปคนเดียวได้ยังไง? เฟิงหานชวนไม่ได้ให้คีย์การ์ดกับเธอเหรอ?”

“ฉันไม่มีคีย์การ์ด แต่ประตูบานนี้สแกนใบหน้าได้” เฉินฮวนฮวนเองก็ไม่อยากขัดเจตนาที่ดีของเกาเหวิน จึงได้ลงจากรถไปสแกนใบหน้า

เกาเหวินขับรถเข้าไปในย่านคฤหาสน์ ตามทิศทางของเฉินฮวนฮวน ในที่สุดเธอก็ขับรถมาจอดหน้าประตูบ้านสไตล์จีนอันหรูหราหลังหนึ่ง

“พี่เหวิน ถึงแล้วล่ะ ขอบ…..” ยังไม่ทันที่เฉินฮวนฮวนจะพูดขอบคุณและกล่าวลาจบลง เกาเหวินก็เปิดประตูลงจากรถไปแล้ว

เฉินฮวนฮวนจึงรีบเปิดประตูลงจากรถเช่นกัน

ในเวลานี้ เกาเหวินได้เดินนำเธอไปก่อน หยิบกระเป๋าเดินทางของเธอออกมาจากหลังรถ ช่วยเธอเข็นกระเป๋าเดินทางไปยังประตูบ้านตระกูลเฟิง

เกาเหวินมองไปยังออดหน้าประตูและเครื่องใส่รหัสผ่าน จากนั้นก็มองเลยไปยังตัวอักษรเลื่อมทองสามมิติขนาดใหญ่ข้างเครื่องใส่รหัสนั้น —— บ้านตระกูลเฟิง

เฉินฮวนฮวนเตรียมยื่นมือออกไปใส่รหัสฝ่านหน้าประตู แต่จู่ ๆ กลับถูกเกาเหวินขัดจังหวะเสียก่อน

“ฮวนฮวน เฟิงหานชวนพาเธอเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงเลยเหรอ?” ใบหน้าของเกาเหวินแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

“ผมไม่มีจริงๆ” เฟิงหานชวนชูมือขึ้น ทำสัญญาณมือเหมือนสาบานต่อฟ้าออกมา

เฉินฮวนฮวนหันศีรษะไปทางกระจกรถ หันด้านหลังให้เฟิงหานชวน แก้มทั้งสองข้างยังคงโมโหมากๆ

ตอนกลางคืนเมื่อห้าวันก่อน เธอกับเฟิงหานชวนห้องรับรองในอาคารเรียน แก้ไขความเข้าใจผิดกันแล้ว แล้วก็ไม่รู้ยังไง คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นฝ่ายขอร้องให้เฟิงหานชวนกลายเป็นสามีภรรยาจริงๆเอง

ผลก็คือ เฟิงหานชวนรับปากเธอ ห้าวันมานี้ เธออารมณ์ดีมาก ทุกวันเอาแต่คิดเรื่องจบค่ายฝึกอบรม ก็สามารถกลับบ้านไปเจอเฟิงหานชวนแล้ว

แต่เจอหน้ากันตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีความรู้สึกสวยงามเหมือนเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ

“ไม่มีก็ไม่มีสิ งั้นตอนนี้พวกเราไปที่ไหน?” เฉินฮวนฮวนเพิ่งถามออกไป มือถือก็ดังขึ้นมา

เธอก้มไปดู เกาเหวินเป็นคนโทรมา

“แย่แล้ว!” เฉินฮวนฮวนร้องด้วยความตกใจ หันศีรษะไปทางเฟิงหานชวน พูดว่า “ตอนนี้พี่เหวินคงมารับฉันแล้ว พี่บอกว่าจะพาฉันไปกินข้าวเที่ยง ถามสถานการณ์ตอนฉันอยู่ในค่ายฝึกอบรมหน่อย”

“ให้เธอกลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยถาม” เฟิงหานชวนเดิมที่มีสีหน้าอ่อนโยน ขรึมลงอีกครั้ง

ไม่งานที่จะรับภรรยาตัวเล็กกลับบ้าน เอาช่วงเวลาสำคัญขนาดนี้ ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างเกาเหวินได้ยังไง?

“ไม่ได้ ฉันเป็นนักแสดงที่เซ็นสัญญากับพี่เหวิน ตอนนี้ค่ายอบรมจบแล้ว ฉันจำเป็นต้องรายงานสถานการณ์กับพี่ ฉันรับเงินเดือน” สีหน้าของเฉินฮวนฮวนจริงจังขึ้นทันที พูดด้วยความจริงจัง “เฟิงหานชวน คุณกลับไปก่อนเถอะ พวกเราค่อยเจอกันคืนนี้”

ระหว่างที่พูด เฉินฮวนฮวนปลดเข็มขัดนิรภัยออก เปิดประตูจะลงรถ กลับถูกเฟิงหานชวนดึงข้อมือไว้

“จะไปจริงเหรอ?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ความผิดหวังกระจายทั่วใบหน้า “ผมมารับคุณโดยเฉพาะ”

“เฟิงหานชวน ฉันซาบซึ้งใจที่คุณมารับฉัน แต่คุณไม่ได้บอกฉันล่วงหน้า ตอนนี้พี่เหวินมาแล้ว ฉัน…” เฉินฮวนฮวนลำบากใจจริงๆ

“อืม งั้นคืนนี้เจอกัน” เฟิงหานชวนพยักหน้าช้าๆ พร้อมปล่อยมือออก

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเฟิงหานชวนผิดหวังจริงๆ ความผิดหวังที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ความรู้สึกเหมือนโดนเธอทอดทิ้งแบบนั้น ทำให้เธอรู้สึกโทษตัวเอง

และไม่รู้ยังไง จู่ ๆ ก็หัวร้อน เฉินฮวนฮวนพุ่งไปทางเฟิงหานชวน แล้วก็พึมพำออกมา

เธอหอมแก้มชายหนุ่มแรงๆ

การกระทำไม่มีปี่มีขลุ่ยของหญิงสาว ทำให้เฟิงหานชวนนิ่งไปทันที แต่ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว หันศีรษะไปทางหญิงสาว

“อาหาน ขอโทษ เมื่อกี้ฉันเรียกชื่อเต็ม ของคุณอีกแล้ว” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก ลูบเส้นผมของตัวเอง แก้มแดงเล็กน้อย พูดเสียงเบา“คืนนี้เจอกันที่บ้านตระกูลเฟิง?”

“อืม คืนนี้เจอกันที่บ้านตระกูลเฟิงก่อน” เฟิงหานชวนพยักหน้านิ่งๆ

“ได้ งั้นฉันลงรถแล้ว บายๆ” เฉินฮวนฮวนไปทางเฟิงหานชวน แล้วหันหน้าเตรียมเปิดประตูรถ

ทันใดนั้น มือใหญ่ข้างหนึ่งจับท้ายทอยของเธอไว้ ตามมาด้วย ศีรษะของเธอถูกบังคับให้หันไป จูบร้อนหนึ่งประทับลงมา

“อึ่ม…”ตาทั้งสองของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างด้วยความตกใจ

โดยไม่ทันตั้งตัว เธอคาดไม่ถึง

เธอถึงขั้นรู้สึกว่าสัมผัสที่หกตัวเองมีปัญหา

ตอนที่เธอนึกว่าเฟิงหานชวนจะจูบเธอ เฟิงหานชวนกลับไม่ได้จูบเธอ ตอนเธอนึกว่าเฟิงหานชวนจะไม่จูบเธอ เขาก็จูบเธอกะทันหันเสมอ ทำให้เธอมึนงงไป

แต่จูบครั้งนี้กลับไม่ได้ใช้เวลานาน เฟิงหานชวนเพียงแค่สัมผัสแล้วหยุด ก็ปล่อยเฉินฮวนฮวนออก

เขายื่นมือตบไปที่หัวของหญิงสาวเบาๆ อยู่ใกล้หูเธอ พูดเสียงชวนฟังออกมาช้าๆ “คืนนี้ ผมจะไม่ปล่อยคุณแล้ว”

เสียงดังปัง เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหัวตัวเองเหมือนมีดอกไม้กองหนึ่งระเบิดออกมา

ใบหน้าของเธอแดงเหมือนก้นลิงทันที

“ฉัน…ฉันไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไรอยู่ คุณรีบกลับบริษัทเถอะ ฉัน…ฉันลงรถแล้ว” พูดจบ เฉินฮวนฮวนเปิดประตูรถหนีไปทันที เหมือนกำลังหนีตาย

มองด้านหลังหญิงสาวหนีเตลิดไป บนใบหน้าเย็นชาของเฟิงหานชวน มีรอยยิ้มโผล่ออกมา

เฉินฮวนฮวนวิ่งลงรถมาสักพัก หลังจากที่ห่างรถของเฟิงหานชวนไปนิดหน่อยถึงหยุดลง

เธอถึงเห็น เมื่อกี้ที่จับมือถือ นึกไม่ถึงว่าไม่ได้รับสายของเกาเหวิน

กำลังจะโทรกลับไป รถเก๋งสีแดงคันหนึ่งก็จอดอยู่หน้าตัวเอง ตามมาด้วยกระจกรถเลื่อนลง ใบหน้าสวยของเกาเหวินก็มาอยู่ตรงหน้าเฉินฮวนฮวน

“ขึ้นรถเถอะ ฮวนฮวน” เกาเหวินพูดด้วยน้ำเสียงกระฉับกระเฉง

เฉินฮวนฮวนพยักหน้า ก็ขึ้นรถทันที มีบทเรียนจากเมื่อกี้ เรื่องแรกที่เธอทำคือคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย

“ฉันจองร้านอาหารจีนแห่งหนึ่ง เดี๋ยวพวกเรากินไปพลางคุยไปพลาง” เกาเหวินพูดไปพลาง สตาร์ทรถไปพลาง

“ค่ะ ขอบคุณพี่เหวิน” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าตอบทันที

ตอนที่รถเก๋งหันหัวกลับ เกาเหวินหันศีรษะไปมองแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะออกมา เอ่ยถาม “ฮวนฮวน รถเบนซ์สีดำคันใหญ่เมื่อกี้ มารับเธอละสิ?”

“เอ๊ะ?” เฉินฮวนฮวนมองตามสายตาของเกาเหวิน หันกลับไปก็เห็นรถของเฟิงหานชวนยังจอดอยู่ที่เดิม เพียงแต่หันหัวกลับแล้ว

“เป็นใคร? เฟิงหานชวนใช่ไหม?” เกาเหวินเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่เฟิงหานชวนเลี้ยงดู

เฉินฮวนฮวนหันกลับมา หน้าแดงแล้วแดงอีก ตอบกลับว่า “อืม เป็นเขา เขาไม่ได้บอกฉัน ก็มาเลย ฉันเพิ่งบอกเขา วันนี้เที่ยงต้องรายงานสถานการณ์ค่ายฝึกอบรมกับพี่ ดังนั้นเลยกลับกับเขาไม่ได้”

“งั้นทำไมเขายังไม่กลับ? เหมือนยังรอใครอยู่?” เกาเหวินงงเล็กน้อย

เธอขับรถไปข้างหน้าแล้ว ถ้าหากเฟิงหานชวนมารับเฉินฮวนฮวน ตอนที่เธอรับเฉินฮวนฮวน ตามหลักแล้วเฟิงหานชวนก็ควรขับรถออกไปถึงจะถูก

“ไม่หรอกมั้ง เขานอกจากฉัน คงไม่รู้จักคนอื่น” เฉินฮวนฮวนหันกลับไปมองอีกครั้ง เห็นรถของเฟิงหานชวนจอดตรงนั้นไม่ขยับไปไหน ขณะนี้ระยะห่างเธอกับเฟิงหานชวนยิ่งไกลออกเรื่อย ๆ

เกาเหวินหันกลับไปมองอีกครั้ง ก็เห็นเฟิงหานชวนไม่ได้จากไปไหนเหมือนกัน

เธอยักไหล่ น้ำเสียงบอกใบ้นิดๆ “ฮวนฮวน เป็นไปได้ไหม…เขายังมีผู้หญิงคนอื่น ที่เป็นเด็กฝึกเหมือนกัน?”

เกาเหวินรู้จักกับทายาทเศรษฐีไม่น้อย แฟนตัวเองก็เป็นทายาทเศรษฐีเหมือนกัน เธอรู้จักผู้ชายวงการนี้ดีกว่าใคร ประพฤติตนเหมาะสมมีที่ไหน ไม่มีอุปนิสัยที่ดีมากและเลว แม้เป็นของดีชั้นยอด

ก็เหมือนแฟนของเธอจางฟาน นิสัยดีใช้ได้ ร่าเริงใจกว้าง ท่าทีที่มีต่อเธอก็ดี ฉลองเทศกาลก็ทำตัวโรแมนติกเป็นประจำ

นอกจาก…นัดผู้หญิงคนอื่นลับหลังเธอ

แต่การนัดแบบนี้ ไม่มีความรู้สึกอยู่ เธอเคยโวยวาย แต่นิสัยเสียนั้นของจางฟานก็แก้ไม่หาย และเป็นเพราะแบบนี้ เธอทำได้แค่อดทนต่อไปเงียบๆ

แต่ครั้งนี้ ส่งเฉินฮวนฮวนมารายการคัดเลือก เพราะเธอไม่อยากให้ซงหลิงเอ่อร์เข้าบริษัทแค่นั้น ซงหลิงเอ่อร์เป็นคนสวยน้ำเสียงอ่อนหวาน และเด็ก มีความไม่ชัดเจนกับจางฟาน เธอกลัวจริงๆ ถึงเวลานั้นจางฟานจะคบซ้อนจริงๆ

ดังนั้น ในเรื่องผู้ชาย เกาเหวินรู้สึกว่าตัวเองมองออกเก่งกว่าหญิงสาวแบบเฉินฮวนฮวน ถึงอย่างไรเธอก็เห็นมาเยอะ

สถานการณ์ของเฉินฮวนฮวน เธอก็เข้าใจพอสมควร เมื่อก่อนถูกแฟนคนแรกนอกใจ หลังจากนั้นทำงานมาโดยตลอด และไม่ได้รู้จักผู้ชายคนอื่น ไม่มีวิธีการรับมือกับผู้ชายจริงๆ

ดังนั้น เธอไม่เชื่อว่าเฉินฮวนฮวนสามารถปราบเฟิงหานชวนได้ เฟิงหานชวนไม่ได้จากไปไหน รอผู้หญิงคนอื่นอยู่แน่นอน

“เป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีผู้หญิงคนอื่น” เฉินฮวนฮวนปฏิเสธอย่างไม่ลังเล พูดต่อว่า“อันที่จริงก่อนหน้านี้ ฉันก็รู้สึกว่าเขามีผู้หญิงคนอื่น แต่เขาอธิบายชัดเจนกับฉันด้วยความอดทนทุกครั้ง ฉันเป็นคนเข้าใจเขาผิดทุกครั้ง”

ไม่ว่าจะเป็นแฟนเก่ามหาวิทยาลัย A ที่ไม่มีตัวตน หรือว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ หรือจะเป็นหลีซืออวิ๋น เธอเป็นฝ่ายคิดภาพไปเองคนเดียวทั้งหมด

อันที่จริงเรื่องนี้ก็โทษเธอไม่ได้ เธอเคยถูกเยี่ยจิ่งเฉินกับเฉินซินโหรวทำ เฉินเจี้ยนหมินพ่อแท้ๆ ที่เป็นผู้ชาย ก็ทำเรื่องแย่แบบนั้นอีก ยากมากที่เธอจะเชื่อหมดใจผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จัก

โดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้เฟิงหานชวนกับเธอยังมีปัญหากันรุนแรง ต่างเห็นอีกฝ่ายขวางหูขวางตา

“สถานการณ์ที่เธอบอกนี้ ฉันรู้สึกคุ้นเคยมากนะ” เกาเหวินฟังแล้ว หัวเราะเยาะตัวเองออกมา

“พี่เหวิน พี่พูดอะไร?” เฉินฮวนฮวนแสดงท่าทางสงสัยออกมา

“ไม่มีอะไร มีบางครั้งอย่ามองทะลุเกินไป กลับเป็นเรื่องดี กลับรู้สึกมีความสุข” เกาเหวินถอนหายใจด้วยความหดหู่ พูดว่า“ฉันฉลาดเกินไป ดังนั้นที่จริงแล้วฉันไม่ได้มีความสุขมากนัก”

“พี่เหวิน…” เฉินฮวนฮวนเหมือนจะเข้าใจคำบอกใบ้ของเกาเหวิน เธอเปิดปาก รีบถามว่า “แฟนพี่นอกใจเหรอ?”

“ไม่ใช่นอกใจ พูดยังไงดีล่ะ ตอนนี้เธอคงไม่มีทางเข้าใจ ไม่คิดเรื่องพวกนี้ดีกว่า” เกาเหวินโบกมือ จริงจังในการขับรถต่อ เห็นชัดว่าไม่อยากตอบคำถามนี้

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก ถามมากก็ไม่ดีอีก อย่างไรเกาเหวินเป็นเจ้านายของเธอ ไม่ใช่เพื่อนเธอ เธอไม่มีสิทธิ์ถามมาก

ไม่นาน เกาเหวินจอดรถอยู่ที่ลานจอดรถร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตอนลงรถ รถของจางฟานขับเข้ามาพอดี

เกาเหวินพาเฉินฮวนฮวนเดินไปทางจางฟาน ตอนที่จางฟานลงจากรถ มีผู้หญิงคนหนึ่งลงมาจากที่นั่งข้างคนขับด้วย

เฉินฮวนฮวนจ้องไป เธอรู้จักผู้หญิงคนนี้ เป็นซงหลิงเอ่อร์ที่แข่งเต้นกับเธอในร้านกลางคืนวันนั้นเอง

การแต่งตัวครั้งก่อนของซงหลิงเอ่อร์ ดูสดใสมาก ซนน่ารัก แต่ครั้งนี้ เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคน สวมชุดสีขาวโปร่ง ปล่อยผมลงมา ม้วนอยู่ข้างแก้ม ดูกุลสตรีมากๆ

เธอจำได้เหมือนซงหลิงเอ่อร์อยู่สาขาการแสดง หลายสไตล์ ดูเหมือนจะเหมาะกับการเป็นนักแสดงมาก

“อาฟาน ทำไมคุณพาเธอมา?” เกาเหวินสีหน้าตกใจทันที ในคำพูดซ้อนความโมโหไว้

“พี่เกาเหวิน พี่อาฟานคิดจะเซ็นสัญญากับฉันแล้ว ให้ฉันไปเข้าร่วมอีกรายการหนึ่ง” ซงหลิงเอ่อร์ยิ้มหวาน อ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

เธอยืนอยู่ข้างตัวจางฟาน เหมือนเธอเป็นแฟนของจางฟาน แต่เกาเหวินเป็นแค่เพื่อนร่วมงานของจางฟาน

ติงเซียงไม่ถือว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคู่แข่งในตอนแรก แต่เฉินฮวนฮวนแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน และมีหลินอวี่หยางคอยสนับสนุน ซึ่งทำให้ติงเซียง กังวลเล็กน้อย

แต่ในคืนนั้น หลังจากที่เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็รู้จุดอ่อนของเฉินฮวนฮวน

หากเฉินฮวนฮวนเก่งกว่านี้ มันจะส่งผลต่อการพัฒนาของเธอ เธอจะปล่อยข่าวเรื่องที่เฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว จากนั้นรายการก็จะไล่เฉินฮวนฮวนออก

แต่ถ้าเฉินฮวนฮวนสู้เธอไม่ได้ เธอจะปล่อยให้เฉินฮวนฮวนพัฒนาต่อ อยู่กับเฉินฮวนฮวนต่อไป ช่วยให้เข้ากับหลินอวี่หยางได้

หลินอวี่หยางสัญญาว่าหลังจากสิ้นสุดการฝึก เธอจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวด้วยกัน ติงเซียงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืน วางแผนที่จะจับสามีที่มีฐานะร่ำรวย

เพราะคำพูดเดียวของเหวินหนาน ทำให้เฉินฮวนฮวนถูกบังคับให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มต่อไป และถูกย้ายให้ไปอยู่ในตำแหน่งซี

หลังจากกลับมาที่หอพัก เฉินฮวนฮวนกำลังจัดกระเป๋าเดินทาง เกาเหวินโทรมาและบอกว่าจะมารับเธอไปกินมื้อเที่ยง

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเกาเหวินจะถามเกี่ยวกับสถานการณ์การฝึกของเธอ ดังนั้นเธอจึงตอบรับและรีบจัดของให้เร็วขึ้น

หลังจากที่เธอวางสาย หลินอวี่หยางก็วิ่งเข้ามาและพูดอย่างตื่นเต้น: "ฮวนฮวน เดี๋ยวคนขับรถบ้านฉันจะมารับฉัน เราไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันเถอะ"

“หยางหยาง ฉันเกรงว่าวันนี้จะไม่ได้…” เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นยืนและพูดกับหลินอวี่หยาง: “เจ้านายของฉันพี่เหวินกำลังจะมารับฉันไปกินมื้อเที่ยง ฉันต้องรายงานสถานการณ์ล่าสุด ถ้างั้นเราไปกันพรุ่งนี้ได้ไหม?”

“อ๋อ ถ้าฉันไปด้วยก็คงไม่สะดวก งั้นเรานัดกันพรุ่งนี้นะ ไม่รีบไม่รีบ ยังมีเวลาอีกนาน!” หลินอวี่หยางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อติงเซียงเห็นสิ่งนี้ ได้ริเริ่มเดินไปหาหลินอวี่หยางและพูดด้วยรอยยิ้ม: "หยางหยาง ถ้างั้นเราไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันไหม?"

“วันนี้ฮวนฮวนไม่อยู่ เราค่อยนัดกันใหม่พรุ่งนี้! ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ” หลินอวี่หยางโบกมือให้พวกเธอและรีบจากไป

เฉินฮวนฮวนยังคงก้มศีรษะเก็บของ ติงเซียงเหลือบมองที่หลังของเธอ ดวงตาของเธอก็หรี่ลง

ถ้าเฉินฮวนฮวนไม่อยู่ หลินอวี่หยางจะไม่อยู่กับเธอตามลำพัง หลินอวี่หยางจะพาเธอไปด้วยก็ต่อเมื่อเฉินฮวนฮวนอยู่ที่นั่น

ความรู้สึกนี้ทำให้ติงเซียงอึดอัดมาก

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เฉินฮวนฮวนก็ลากกระเป๋าเดินไปที่ประตู

ข้างนอกมีเสียงรถบีบแตรยาวๆ ยี่ห้อรถต่างกัน ทั้งหมดต่างก็มารับเด็กฝึก

“ติ๊ดติ๊ดติ๊ด!”

ในเวลานี้ รถเบนซ์จีคลาสสีดำคันใหญ่ค่อยๆหยุดอยู่ตรงหน้าเฉินฮวนฮวน และเสียงแตรก็ดังขึ้น

เฉินฮวนฮวนมองผ่านทางหน้าต่างรถ เห็นเพียงเงามืดสีดำ มองไม่เห็นผู้คนภายในรถ เธอขมวดคิ้วด้วยความสับสน คิดว่าเกาเหวินเปลี่ยนรถคันใหม่

ก่อนหน้านี้เกาเหวินขับแค่รถคันสีแดงธรรมดา

“ติ๊ดติ๊ดติ๊ด!”

เสียงแตรดังขึ้นอีก

เฉินฮวนฮวนแน่ใจว่ารถคันนี้มารับเธอ เธอรีบเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ——

คิดว่าคนที่นั่งที่คนขับน่าจะเป็นเกาเหวิน แต่กลับกลายเป็นเฟิงหานชวน!

"ปั๊ง"เสียงดังขึ้น เฉินฮวนฮวนไม่ได้ขึ้นรถ เธอปิดประตูรถทันที

เธอตกตะลึง ทำไมถึงเป็นเฟิงหานชวน?

เฟิงหานชวนรู้ได้อย่างไรว่าเธอสิ้นสุดการฝึกแล้ว?

เฟิงหานชวนจะมารับเธอ ทำไมถึงไม่บอกก่อน?

ในขณะที่เฉินฮวนฮวนตกอยู่ในความสับสน หน้าต่างข้างคนขับก็ค่อยๆเลื่อนลงมา

ใบหน้าของผู้ชายโน้มตัวมา ริมฝีปากของเขาม้วนงอ เขาพูดอย่างแผ่วเบา: “ยังไม่ขึ้นรถอีก? อยากให้คนอื่นเห็นเหรอ?”

“ถ้าถูกเปิดเผยความสัมพันธ์ ผมไม่รับผิดชอบนะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชาย หัวของเฉินฮวนฮวนฉุกคิด เปิดประตูขึ้นรถทันที และปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว

เธอยังไม่ได้นั่งลงดีๆ รีบหันหัวไปมองรอบๆข้างนอกผ่านหน้าต่าง เมื่อยืนยันว่าไม่มีใครเห็น เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“ทำไมคุณถึงมาที่นี่?” เฉินฮวนฮวนหันศีรษะและถามด้วยความประหลาดใจ

“ผมรู้ว่าคุณสิ้นสุดการฝึกตอนเที่ยง ดังนั้นผมก็เลยรออยู่ที่นี่ อยากเซอร์ไพรส์คุณ” เฟิงหานชวนยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย

“เซอร์ไพรส์?” เฉินฮวนฮวนหมดคำจะพูดและพึมพำกับตัวเอง: “น่ากลัวมากกว่า”

“หืม? คุณไม่ต้อนรับผมเหรอ” ใบหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึม และเสียงของเขาก็เบาลง: “ภรรยา เราไม่ได้เจอกันมาหกวันแล้ว แต่คุณกลับทำท่าทีกับผมเช่นนี้”

“ไม่ใช่หกวัน ห้าวันครึ่ง” เฉินฮวนฮวนเน้นย้ำ เธอไม่คิดว่าจะสิ้นสุดก่อนครึ่งวัน

“ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของเวลา แต่คุณไม่สนใจผมเลย” เฟิงหานชวนพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา และอุณหภูมิทั่วร่างกายของเขาดูเหมือนจะลดลงต่ำกว่าศูนย์

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะถูกแช่แข็งและพูดอย่างรวดเร็ว: “ฉันต้องสนใจคุณสิ! ฉันแค่…กังวลว่าคนอื่นจะเห็น”

“ไม่เห็นหรอก คนอื่นไม่สามารถมองเห็นจากข้างนอกได้ เมื่อกี้คุณก็ลองมาแล้ว” เฟิงหานชวนกล่าวและหันไปทางเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนย่อตัวลงโดยไม่รู้ตัว ย่อตัวเข้าไปในมุมประตูรถ

“สามี คุณ…กำลังจะทำอะไร? ข้างนอกมีคนเยอะนะ…” เฉินฮวนฮวนกลืนน้ำลายอย่างประหม่า พูดอย่างไม่สบายใจ

เสียง “คลิก” ดังขึ้น

เฟิงหานชวนดึงเข็มขัดนิรภัยออกมา ดึงมาข้างหน้าเฉินฮวนฮวนและกล่าวเบาๆว่า: "ภรรยา นั่งรถอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย"

"…" มุมปากของเฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะกระตุก

นี่ นี่มันอะไรกันเนี่ย!

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนไม่ได้เจอเธอมาหลายวัน จึงอยากจะจูบ…จูบเธอ ใครจะรู้ว่าที่แท้คือคาด…เข็มขัดนิรภัย!

เสียง "คลิก" ดังขึ้นอีกครั้ง เฟิงหานชวนก็คาดเข็มขัดนิรภัยของเขา

เขาสบตากับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาอีกครั้ง เอียงศีรษะเล็กน้อย จ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ ค่อยๆเข้าใกล้หูของเธอ

ช่วงเวลาที่เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่ากำลังเข้าใกล้คอเธอ มือทั้งสองของเธอจับแน่น เธอเห็นเฟิงหานชวนใกล้ชิดกับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ …

เธอหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว

คิดว่าคราวนี้ เฟิงหานชวนจะทำอะไรบางอย่างกับเธอ เพื่อแสดงความรักของคู่หนุ่มสาวและคู่แต่งงานใหม่

แต่ เสียงของผู้ชายดังขึ้นในหูของเธอ: “ฮวนฮวน คุณกำลังคิดอะไรอยู่? นี่คือประตูค่ายฝึกของคุณนะ”

"???"

เฉินฮวนฮวนลืมตาขึ้นทันที ทันทีที่เธอหันศีรษะ ปลายจมูกของเธอก็ไปแตะปลายจมูกของชายคนนั้น แต่เธอไม่รู้สึกอายอีกต่อไป

เพราะบรรยากาศที่คลุมเครือเช่นนั้น ถูกผู้ชายคนนี้กำจัดไปหมดแล้ว

เธอจ้องเขม็ง ผลักเฟิงหานชวน กัดฟันและพูดว่า “เฟิงหานชวน คุณแกล้งฉัน!”

“ผมเปล่านะ” ผู้ชายปฏิเสธทันที

“คุณแกล้ง คุณแกล้ง คุณแกล้งฉัน!” เฉินฮวนฮวนจับหัวของเธออย่างโมโห

เธอคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่โรแมนติกมาก ปรากฏว่า…ไม่ได้เจอกันมาห้าวันครึ่ง เฟิงหานชวนกลายเป็นคนเข้าใจยากและไม่โรแมนติก!

เธอจะเป็นบ้าแล้วจริงๆ!

เวลาตลอดช่วงเช้าถูกใช้เพื่อจับฉลากแบ่งกลุ่มเกือบทั้งหมด

หลินอวี่หยางไม่มีความสุขอย่างยิ่งเพราะเธอไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับกับเฉินฮวนฮวน เธอทำปากจู๋ เฉินฮวนฮวนปลอบเธอได้เพียงทำปากในอากาศ

กลุ่มของเฉินฮวนฮวน ดำเนินการแสดงของกลุ่มโดยอันเยว่และฉินฟางฟางจากบริษัทเหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

เฉินฮวนฮวนมาจากบริษัทเวิร์กช็อปเล็กๆ จ้าวซีมาจากบริษัทนางแบบ ติงเซียงมาจากบริษัทที่ไม่ใหญ่โต เหวินหนานเป็นเด็กฝึกส่วนตัว ทั้งกลุ่มมีเพียงบริษัทเหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เท่านั้นที่มีคุณสมบัติ

หลังจากที่ทุกคนแบ่งออกเป็นกลุ่มแล้ว การฝึกซ้อมถือว่าสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ เมื่อเสร็จสิ้นแล้วหลินอวี่หยางตรงไปหาหนีซวง ต้องการให้จ้าวซีเปลี่ยนกลุ่มกับเธอ

“หลินอวี่หยางแม้ว่าคุณจะเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลิน แต่ในระหว่างเข้าร่วมรายการคุณต้องเคารพกฎของเรา เด็กฝึกจำนวนมากกำลังดูอยู่!” หนีซวงไม่กล้าพูดแรงเกินไป แต่สีหน้าของเธอจริงจังมาก : "คุณมาร่วมประกวด ไม่ได้มาเพื่อหาเพื่อน มิตรภาพของคุณกับเฉินฮวนฮวนไว้สานต่อนอกรายการดีไหม?"

เหตุผลที่หนีซวงไม่ใส่ใจกับหลินอวี่หยางมากนัก เพราะหลินอวี่หยางที่มีหลินซื่อกรุ๊ปหนุนหลังไม่ได้สนับสนุนทีมงานรายการเลย และหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ได้กำหนดชื่อเด็กฝึกหลายคนเข้ามาและไม่ได้เจาะจงชื่อหลินอวี่หยาง

หนีซวงยังรู้ด้วยว่าที่จริงหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ไม่ได้ตั้งความหวังในตัวหลินอวี่หยางเลย เพราะบุคคลิกสาวผมสั้นของหลินอวี่หยางไม่เหมาะกับเกิร์ลกรุ๊ป และตัวหลินอวี่หยางเองก็มีลักษณะเล่นๆกับการประกวด

ดังนั้นหนีซวงไม่ได้ให้ความพิเศษกับหลินอวี่หยางมากเท่าไหร่

“ฉัน…..แต่ว่า ฉันอยากอยู่กับฮวนฮวน…” ปากของหลินอวี่หยางบึนไปถึงบนท้องฟ้าแล้ว

เฉินฮวนฮวนรีบดึงแขนหลินอวี่หยางไว้แล้วพูดว่า: "หยางหยางเมื่อการประกวดเริ่มขึ้น พวกเราก็จะสามารถเจอกันทุกวันแล้ว"

"ก็ได้" สุดท้ายหลินอวี่หยางก็ได้แต่ทำตาม

……

หลังจากแบ่งกลุ่มเสร็จ ทีมงานรายการก็ให้รถบัสส่งทุกคนกลับฐาน เรื่องแรกที่ทำก็คือคืนโทรศัพท์มือถือที่ยึดมาให้ทุกคน

หลังจากได้รับโทรศัพท์มือถือ สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มก็เพิ่มวีแชทเพื่อดึงเข้ากลุ่ม เพื่อสะดวกต่อการติดต่อในช่วงครึ่งเดือนต่อจากนี้ และพยายามร่วมมือกันเพื่อให้การแสดงครั้งแรกของรอบแรกสำเร็จลุล่วง

หลังจากที่ฉินฟางฟางเพิ่มวีแชทของเฉินฮวนฮวนแล้ว เหลือบมองหน้าเธอแล้วพูดแปลก ๆ ว่า “คนประเภทนี้ที่ไม่มีความสามารถอะไร แบ่งได้กลุ่มเดียวกับฉัน ฉันคงดวงซวยไปแปดชาติจริงๆ!”

“ฟางฟางอย่าพูดไร้สาระ” อันเยว่ดึงแขนของฉินฟางฟาง จากนั้นหันศีรษะไปยิ้มแล้วพูดกับเฉินฮวนฮวนว่า: "ฮวนฮวน ต่อไปคุณจะต้องไปฝึกที่บริษัทของพวกเราแล้ว เวลาและสถานที่เดี๋ยวฉันจะส่งเข้าไปในกลุ่มนะ "

“ได้ ขอบใจนะอันเยว่” เฉินฮวนฮวนยิ้มตอบเช่นกัน

“เยว่เอ่อร์ คุณจะมีทัศนคติที่ดีแบบนี้กับเธอทำไม เธออยู่กลุ่มเดียวกับพวกเรา จะถ่วงเราไปด้วย!” เฉินฟางฟางใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจต่อเฉินฮวนฮวน

จ้าวซีเดินเข้ามาในเวลานี้ สะบัดผมของเธอแล้วพูดว่า "กลุ่มอื่นหมายเลข1เป็นหัวหน้าทีม แต่ฉันคิดว่าเฉินฮวนฮวนไม่มีความสามารถ เยว่เอ่อร์ควรเป็นหัวหน้าทีม"

“ใช่ เยว่เอ่อร์เป็นหัวหน้าเด็กฝึกของบริษัทเรา ไม่เพียงแต่ต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเท่านั้น แต่ยังต้องยืนในตำแหน่งเซ็นเตอร์ด้วย” ฉินฟางฟางเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำกล่าวของจ้าวซี

“ฟางฟาง เสี่ยวซี พวกเธออย่าทำแบบนี้เลยนะ มันจะทำให้ฉันทำตัวลำบาก” อันเยว่โบกมือด้วยสีหน้าที่กังวลมาก

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าฉินฟางฟางและจ้าวซีไม่ถูกชะตากับตัวเธอ เมื่อเธอรู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมทีมเธอก็ปวดหัวทันที ตอนนั้นก็เดาได้ว่าจะเกิดสถานการณ์นี้แบบนี้ขึ้น

“ฉันคิดว่าควรตัดสินด้วยการลงคะแนนเสียง ทุกคนเลือกเพื่อนร่วมทีมที่คิดว่าสมควรอยู่ตำแหน่งเซ็นเตอร์ เขียนชื่อลงบนกระดาษ ใครมีคะแนนเสียงมากกว่าคนนั้นเป็นหัวหน้าทีมและเซ็นเตอร์” เฉินฮวนฮวนใบหน้าสงบนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไรกับฉินฟางฟางและจ้าวซี แต่รู้สึกท้อแท้

“วิธีนี้ดี” อันเยว่เห็นด้วยทันที แล้วพูดอย่างอ่อนหวานว่า “ถ้าอยู่ดีๆก็เปลี่ยนฉันเป็นหัวหน้าทีม ฉันก็รู้สึกไม่ดี”

อันที่จริงอันเยว่รู้ดีว่าในกลุ่มมีเพียง 6 คน จ้าวซีและฉินฟางฟางต้องลงคะแนนให้ตัวเธออย่างแน่นอน รวมกับของเธอเองอีกหนึ่งคะแนนเสียง ก็มีสามคะแนนเสียงแล้ว

เฉินฮวนฮวนอาจลงคะแนนให้ตัวเอง ติงเซียงเป็นเพื่อนของเฉินฮวนฮวน เธออาจลงคะแนนให้เฉินฮวนฮวน งั้นก็เหลือเหวินหนานคนเดียว

อันเยว่รู้ว่าเหวินหนานเป็นเด็กฝึกส่วนตัว มีความสามารถมาก ส่วนใหญ่เป็นการร้องเพลงและแต่งเพลงเอง และเฉินฮวนฮวนถูกกู้ไหว่วางตัวไว้ในด้านการร้องและแต่งเพลง ดังนั้นถือได้ว่าทั้งสองคนเป็นศัตรูกัน

ดังนั้นอันเยว่จึงมั่นใจว่าเหวินหนานจะไม่ลงคะแนนเสียงให้เฉินฮวนฮวน

ถ้าเป็นตามนี้ การลงคะแนนเสียงเป็นแค่รูปแบบหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายเธอก็กลายเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์ ในการแสดงครั้งแรกนี้ เธอจะต้องกลายเป็นคนที่สะดุดตาที่สุด

“ก็ดี เฉินฮวนฮวน นี่เธอพูดเองนะ ผลลงคะแนนออกมาเธออย่ากลับคำหล่ะ?” ฉินฟางฟางหัวเราะเยาะเย้ยพร้อมกับสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม: “เธอพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”

“ฉันไม่กลับคำ แต่ก่อนลงคะแนนฉันมีคำขอ” เฉินฮวนฮวนกล่าวแบบไม่แยแส

“คำขออะไร?”

ฉินฟางฟาง จ้าวซี และอันเยว่ ทั้งสามคนพูดเสียงเดียวกัน

“ฉันอยากฟังเหวินหนานร้องเพลง” เฉินฮวนฮวนกล่าว จากนั้นมองไปที่เหวินหนานแล้วถามว่า: “ฉันได้ยินมาว่าคุณก็ร้องและแต่งเพลงเหมือนกัน คุณช่วยแสดงความสามารถของคุณหน่อยได้ไหม?”

เมื่อครู่เหวินหนานไม่ได้พูดอะไรเลย ตลอดเวลาเธอเหมือนมนุษย์โปร่งแสง เมื่อถูกถามแบบไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกอายและยิ้มอ่อนๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า: "เล่นและร้องเองนะ ฉันไปเอากีตาร์ก่อน"

แล้วเหวินหนานเดินเข้าไปในตึกหอพักอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เธอจากไป ฉินฟางฟางมองไปที่เฉินฮวนฮวนด้วยความสงสัยและถามว่า: "เธอกำลังทำอะไร อยากดูคนอื่นแสดงกะทันหัน?ต้องการถ่วงเวลาเหรอ?

“นอกจากเหวินหนาน พวกเราทุกคนอยู่ในชั้นเรียนเดียวกัน ความสามารถเป็นยังไงเราเห็นกันทุกวัน แต่ความสามารถของเหวินหนานฉันไม่ชัดเจน” เฉินฮวนฮวนกล่าวตามจริง “แม้ฉันจะได้ยินมาว่าเธอเป็นผู้เข้าแข่งขันที่เก่งมาก แต่ฉันไม่เคยเห็นการแสดงของเธอ"

“แล้วยังไงหล่ะ” ตอนนี้เธอจะดูการแสดงของเหวินหนาน หมายความว่ายังไง?” ฉินฟางฟางถามต่อ

“ความหมายของฉันง่ายมาก นั่นคือจะเลือกคนที่ฉันจะลงคะแนนเสียงให้” เฉินฮวนฮวนตอบอย่างเคร่งขรึม

“คุณจะเลือกเหวินหนาน?” ฉินฟางฟางเหลือบมองเธอ จับมือของอันเยว่และพูดว่า “เยว่เอ่อร์ คุณเห็นหรือยัง? คุณพูดแทนเฉินฮวนฮวน แต่เธอไม่คิดที่จะลงคะแนนให้คุณเลย เธอก็เป็นแค่คนที่ไม่รู้บุญคุณคน!"

“ฟางฟาง เธออย่าเอาแต่ว่าให้ฮวนฮวน ตอนนี้เราอยู่กลุ่มเดียวกัน ครึ่งเดือนนี้เรายังต้องอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข และทำงานหนักร่วมกันเพื่อการแสดงครั้งแรกที่ดีเยี่ยม” แม้ว่าอันเยว่จะพูดออกมาเหมือนใจกว้างมาก แต่ในใจของเธอเต็มไปด้วยอคติต่อเฉินฮวนฮวน

ถ้าหากเฉินฮวนฮวนลงคะแนนเสียงให้ตัวเอง เธอคงไม่มีอะไรจะพูด แต่ตอนนี้เฉินฮวนฮวนแสดงออกว่าไม่ต้องการยกตำแหน่งหัวหน้าทีมให้กับเธอ ทั้งยังต้องการยกให้เหวินหนานด้วย

“อันเยว่ ฉันไม่ได้อคติกับคุณ ฉันแค่หวังว่าจะสามารถเลือกคนที่ดีที่สุดในกลุ่มของเราอย่างยุติธรรม ถ้าการแสดงของเหวินหนานไม่โดดเด่น ฉันจะลงคะแนนเสียงให้คุณ” เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างจริงจัง

“ไม่เป็นไร ฮวนฮวน ตอนนี้พวกเราอยู่กลุ่มเดียวกันแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข” อันเยว่ยิ้มออกมาแต่ดูฝืนใจเล็กน้อย

ทันทีที่เธอพูดจบ เหวินหนานก็เดินมาพร้อมกับกีตาร์ในอ้อมแขนของเขา เดินตรงไปหาเฉินฮวนฮวน ยิ้มด้วยฟันขาวสะอาดที่จัดเรียงเป็นแถว: “คุณเป็นคนแรกที่ริเริ่มให้ฉันแสดง”

“หือ?” เฉินฮวนฮวนถามด้วยความสงสัย

“เพราะเป็นการประกวดของเกิร์ลกรุ๊ป ทุกคนก็คิดว่านักร้องนักแต่งเพลงแบบฉันไม่เหมาะกับที่นี่ ตอนฉันอยู่ห้องเรียนที่หนึ่ง ไม่เคยมีใครริเริ่มมาขอฟังฉันร้องเพลง” เหวินหนานตอบตามความจริง

เฉินฮวนฮวนอ้าปากค้าง เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี เหวินหนานก็หันหลังกลับแล้วนั่งข้างสวนดอกไม้และเริ่มเล่นกีตาร์

หลังจากทำนองที่ผ่อนคลายและไพเราะจบลง เหวินหนานก็เริ่มร้องเพลง เสียงร้องของเธอ เส้นเสียงของเธอ แค่ครู่เดียวก็ไพเราะติดหูของเฉินฮวนฮวน

มีเอกลักษณ์ สวยงาม น่าฟัง…

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเธอไม่สามารถหาคำเปรียบเปรยใดๆมาเปรียบได้ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าหาศัพท์มาพูดไม่ได้

เธอได้ยินมาว่าเหวินหนานค่อนข้างเก่ง แต่ไม่คิดว่าเก่งขนาดนี้ เสียงเป็นธรรมชาติ เป็นเสียงที่ประทานจากพระเจ้า

ผู้คนมากมายควรได้ยินเสียงนี้

“เหวินหนาน ฉันลงคะแนนให้คุณ” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างตื่นเต้น

เหวินหนานวางกีตาร์ลงแล้วยืนขึ้น เดินไปอยู่ต่อหน้าเฉินฮวนฮวนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณลงคะแนนนี้ให้ฉัน ฉันก็ไม่สามารถเป็นหัวหน้าทีมได้ ยิ่งไปกว่านั้นการเต้นของฉันไม่ดี ไร้ความสามารถที่จะรับตำแหน่งเซ็นเตอร์"

“หัวหน้าทีม ยังไงก็ให้อันเยว่เป็นดีกว่า เธอมีประสบการณ์และความสามารถ” เหวินหนานกล่าวเสริม

"ฮ่าๆๆๆๆ……"

หลังจากที่เหวินหนานพูดเช่นนี้ ฉินฟางฟางก็หัวเราะขึ้นและชี้ไปที่เฉินฮวนฮวนแล้วพูดว่า "เฉินฮวนฮวน เธอแม่งทำฉันขำแทบตาย! เธอหวังดีอยากจะช่วยเหลือคนอื่น คนอื่นเขาไม่ยอมรับน้ำใจของเธอ!"

“ใครว่าหล่ะ?” เหวินหนานมองไปที่ฉินฟางฟางด้วยดวงตาคู่เปล่งประกาย เธอเอียงศีรษะด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก: “ตำแหน่งเซ็นเตอร์ของการแสดงครั้งแรกเมื่ออยู่ในการแสดงรอบสองจะไม่สามารถเป็นเซ็นเตอร์ได้~ดังนั้นที่ฉันไม่ลงคะแนนให้ฮวนฮวน ฉันหวังว่าเธอจะอยู่ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ในรอบการแสดง"

เมื่อเหวินหนานพูดเช่นนี้ ฉินฟางฟางก็ตกตะลึงจริงๆ ดวงตาของอันเยว่ก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ

อิทธิพลของการแสดงใหญ่กว่าการแสดงรอบแรกมาก หมายความว่าตำแหน่งเซ็นเตอร์ในรอบแรกเทียบไม่ได้กับตำแหน่งเซ็นเตอร์ในรอบการแสดงที่มีอิทธิพลกว่า

“ไม่ได้! ฉันไม่สามารถเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์ได้ เนื่องจากหัวหน้าทีมคือเฉินฮวนฮวน ดังนั้นเฉินฮวนฮวนควรจะอยู่ตำแหน่งเซ็นเตอร์ ” อันเยว่กล่าวทันที ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผลคะแนนเสียงในการแสดงของเธอเอง เธอไม่สามารถยอมแพ้ได้อย่างแน่นอน

หลังจากพูดจบ เธอหันศีรษะและจ้องไปที่ฉินฟางฟางและจ้าวซี แววตามีความหมายเสมือนว่าตำหนิ

ฉินฟางฟางเป็นลูกน้องของอันเยว่ เธอพูดทันทีว่า: "ถูกต้อง เฉินฮวนฮวนตอนนี้เป็นหัวหน้าทีมแล้ว งั้นก็ให้เฉินฮวนฮวนเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์!"

เซินฮวนหวน: "???"

ผ่านไปครึ่งค่อนวัน ทุกคนลงคะแนนเสียงให้เธอเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์ เฉินฮวนฮวนยังดูอึ้งไปเลย

เหวินหนานยิ้ม มองไปที่เฉินฮวนฮวนอีกครั้งและกล่าวว่า "ฮวนฮวน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คงต้องลำบากเธอเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์แล้ว"

“ฉัน…..” เฉินฮวนฮวนยังไม่คืนสติจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถานการณ์นี้

“ฮวนฮวน เธอแน่ใจหรือว่าต้องการเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์? หากเธอเป็นเซ็นเตอร์ในการแสดงรอบแรก เธอจะไม่สามารถเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์ในรอบการแสดง” ติงเซียงเดินไปข้างๆเฉินฮวนฮวน ดึงแขนเธอแกล้งทำท่าว่าเป็นห่วงเป็นใยเธอ

"วันที่ฉันแต่งงานกับเขา ความจริงเราสองคนเพิ่ง……รู้จักกัน แล้ว……เกิดเรื่องเข้าใจผิดด้วย" พอนึกถึงวันนั้น เฉินฮวนแต่งงานก็อดขำไม่ได้

เธอคิดว่าตัวเองเป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยน คิดว่าเฟิงหานชวนเข้าผิดห้อง ตอนที่จะจับมือกับเฟิงหานชวน แต่กลับคิดไม่ถึงคือ……

ภาพเหตุการณ์นั้น ยังเหมือนอยู่ตรงหน้า

"พระเจ้า! นี่ นี่ นี่……ฮวนฮวน เธอกำลังพูดอะไรเนี่ย?" หลินอวี่หยางรู้สึกว่าสมองคิดไม่ทัน

"หยางหยาง เรื่องนี้เธอต้องฟังฉันค่อยๆเล่า ฉันต้องเริ่มพูดตั้งแต่ตระกูลเฟิงมาสู่ขอที่ตระกูลเฉิน……" เฉินฮวนฮวนเกาหัว แล้วเริ่มเล่า

เธอเล่าอย่างละเอียด หลินอวี่หยางเข้าใจสักที สุดท้ายก็พยักหน้าอย่างรู้เรื่อง แล้วพูดออกมาว่า "พรหมลิขิตชัดๆ!"

"ฉันก็ว่างั้น" เฉินฮวนฮวนเม้มปากแล้วยิ้มอย่างเขินอาย

"ฮวนฮวน แต่ฉันมีบางอย่างไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงปล่อยสามีดีๆอย่างเฟิงหานชวนไว้ไม่ใช้งานล่ะ แล้วมาเป็นเด็กฝึกแบบนี้?" หลินอวี่หยางชี้ตัวเอง แล้วพูดอีกว่า "ถ้าเธอทำเหมือนฉัน เปิดเผยตัวตน คนอย่างพวกจ้าวซี จะกล้ามาดูถูกเธอได้ยังไง"

"ตอนนี้ ถึงแม้ฉันจะหนุนหลังเธอ แต่พวกเขาคิดว่าเธอไม่มีเบื้องหลังอะไร จะรู้สึกว่าเธอโดนรังแกง่าย!"

ตอนที่หลินอวี่หยางพูดประโยคนี้จบ เท้าที่ใส่รองเท้าแตะอยู่ ค่อยๆเดินมาที่หน้าบันได

"ตอนแรก ฉันรู้สึกว่าฉันกับเขาแตกต่างเกินไป ไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่กับฉันนานหรือเปล่า บวกกับฉันอยากชนะด้วยความสามารถตัวเอง ก็เลยไม่ได้พูดออกมา แล้วก็……"

เฉินฮวนฮวนหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า "เพราะเป็นการเลือกไอดอลหญิง เป็นผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน ถ้าฉันถูกแฉว่าแต่งงานแล้ว กระแสข่าวอาจจะไม่ค่อยดี"

พอได้ยินคำว่า"แต่งงานแล้ว" ผู้หญิงที่แอบฟังพวกเธอคุยกันที่หน้าบันไดเบิกตาโต สีหน้ามีแต่ความไม่อยากเชื่อ

"ฮวนฮวน เธอคิดรอบคอบจริงๆ ฉันสนับสนุนเธอ ฉันจะรักษาความลับให้เธอเอง" หลินอวี่หยางตบหน้าอก พูดอย่างมั่นใจ "ปากฉันปิดสนิทมาก!"

"ขอบใจนะ หยางหยาง" เฉินฮวนฮวนมองเธออย่างซึ้งใจ

"ใช่สิฮวนฮวน เมื่อกี้เธอพูดว่าไม่แน่ใจจะอยู่ด้วยกันนานแค่ไหน ความจริงจากที่ฉันดูมา ฉันรู้สึกว่าพวกเธอต้องอยู่กันอีกนานเลยแหละ เพราะว่า……" หลินอวี่หยางยังไม่ทันพูดจบ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้น

ติงเซียงกำลังจะหันหลังเดินไป ใครจะรู้ว่ารองเท้าลื่นออกจากเท้า จนเธอตกใจขยับถอยหลังไป

"ใคร! ใครหลบอยู่ที่นั่น?" หลินอวี่หยางพูดเสียงดัง

ติงเซียงไม่อยากให้คนอื่นรู้ ไม่อยากให้พวกเธอรู้ว่าตัวเองแอบฟัง จึงก้มลงไปเก็บรองเท้า แล้วรีบวิ่งลงไปชั้นล่าง

หลินอวี่หยางรีบตั้งสติ พอวิ่งไปถึงหน้าบันได ก็ไม่เห็นเงาของใครสักคนแล้ว

"ตายแล้ว ตายแล้ว! ฮวนฮวนเมื่อกี้มีคนแอบฟังที่เราคุยกัน!" หลินอวี่หยางพูดอย่างใจร้อน

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้ว เธอไม่รู้ว่าใครแอบฟัง ไม่รู้ด้วยว่าคนคนนั้นได้ยินไปมากแค่ไหน

"ไม่เป็นไร หยางหยาง เธออย่าใจร้อน" เฉินฮวนฮวนพยายามให้ตัวเองสงบสติ แล้วพูดอย่างใจเย็น "ถ้ามีคนป่าวประกาศออกไป งั้นฉันก็จะยอมรับ"

"เธอพูดว่า ถ้ามีคนแฉเรื่องที่เธอกับเฟิงหานชวนแต่งงานกันแล้ว เธอก็จะเปิดตัวความสัมพันธ์?" หลินอวี่หยางถามให้แน่ใจ

"อื้อ" เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง งั้นก็คงต้องแล้วแต่โชคชะตา

……

ติงเซียงเพิ่งล้างเท้าออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นเฉินฮวนฮวนนอนอยู่บนเตียงแล้ว

เธอเริ่มเกร็ง ไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยางรู้หรือเปล่าว่าเธอแอบฟัง

"ฮวนฮวน เธอกลับมาแล้วเหรอ?" ติงเซียงเดินไปหา แกล้งทำเป็นใจเย็น แล้วเอ่ยถาม

"อื้อ ดึกมากแล้ว รีบนอนเถอะ" เฉินฮวนฮวนเพิ่งถึงเตียง ก็รู้สึกง่วงแล้ว

"เธอกับหยางหยางไปทำอะไรเหรอ?" ติงเซียงลองถามอีกครั้ง

"ฉันกับหยางหยางแค่ไปคุยเล่นกัน เซียงเซียงเธอรีบนอนเถอะ ฉันนอนก่อนนะ" เฉินฮวนฮวนรู้สึกหนักหนังตา

"โอเค ฝันดีนะ" เห็นเฉินฮวนฮวนไม่พูดอะไร ติงเซียงจึงโล่งอก แล้วกลับไปที่ที่นอนตัวเอง

ติงเซียงที่นอนอยู่บนที่นอนตัวเอง เพราะเฉินฮวนฮวนอยู่ตรงข้าม เธอยังไม่นอน แต่เอาแต่มองเฉินฮวนฮวน

พอเฉินฮวนฮวนคุยกับติงเซียงเสร็จ ก็นอนหลับไปเลย แล้วความสงสัยบนหน้าติงเซียง ก็เอาแต่คาอยู่อย่างนั้น

เธอไปช้า สิ่งที่เฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยางคุยกันก่อนหน้านั้น เธอไม่ได้ยิน รอหาพวกเธอเจอ ก็แค่ได้ยินข่าวที่เฉินฮวนฮวนแต่งงานแล้ว

เพราะเธอตกใจเกินไป ไม่คิดเลยว่าฮวนฮวนยังเด็กขนาดนี้ก็แต่งงานแล้ว แล้วตอนนี้ที่เธอสงสัยคือ……

สามีของเฉินฮวนฮวนคือใคร?

คนที่ทำให้เฉินฮวนฮวนแต่งงานเร็วขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่เก่งมากๆหรือเปล่า?

แต่ว่า ติงเซียงรีบตัดความคิดนี้ออก ถ้าสามีของเฉินฮวนฮวนเป็นคนที่เก่งมากๆ จะไม่มาช่วยเฉินฮวนฮวนในรายการได้ยังไง

เฉินฮวนฮวนอาจจะเป็นคนที่งมงายกับเรื่องความรัก แล้วสามีเป็นรักแรกตอนยังเรียนอยู่ เลยไม่มีความสามารถขนาดนั้น

เธอรู้ว่าปีนี้เฉินฮวนฮวนเพิ่งยี่สิบ เพิ่งถึงอายุที่แต่งงานได้ตามกฎหมาย ต้องเป็นนิทานของรักแรกแล้วแต่งงานด้วยกันแน่ๆ

จากที่เธอดูมา ผู้หญิงที่แต่งงานกับรักแรกเร็วขนาดนี้ ไร้สาระ ไม่มีสมองมาก

พอคิดได้แบบนี้ ติงเซียงจึงแอบเบะปาก หันตัวกลับไปแล้วหลับตานอน

……

เช้าวันต่อมา เฉินฮวนฮวนคิดว่าข่าวที่เธอกับเฟิงหานชวนเป็นสามีภรรยากันคงถูกลือไปทั่วแล้ว

แต่ว่า กลับไม่มีคนพูดถึงเลย

แต่ว่า เพราะหลิวเฟยเฟยกับซวนเลี่ยงโดนไล่ออก ในห้องก็มีคนถามเธอว่าเพราะโดนเฟิงหานชวนสั่งสอนหรือเปล่า

ทุกครั้งที่มีคนถาม จ้าวซีก็จะแย่งตอบ บอกว่าเฉินฮวนฮวนเคยยอมรับในหอพักแล้ว

ไม่มีใครพูดถึงความสัมพันธ์ของเฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนเลย จนเธอสงสัยว่าเธอกับหลินอวี่หยางหูฝาดไปเอง อาจจะแค่มีคนเดินผ่าน แต่ไม่ได้ยินอะไร

……

ผ่านไปอีกห้าวัน ถึงวันสุดท้ายของการฝึกอบรมแล้ว

วันนี้ไม่มีคลาสเรียน ตั้งแต่เช้า เด็กฝึกทุกคนก็ถูกพาไปห้องสัมมนาในโรงแรมใกล้ๆ

ในห้องสัมมนามีเวที เด็กฝึกทุกคนนั่งอยู่ข้างล่าง แล้วมีผู้จัดพูดกล่าวก่อน นี่ก็คือการประชุมสรุปการฝึกอบรม

เฉินฮวนฮวนตื่นเต้นมาก ไม่ได้ตื่นเต้นเพราะการประชุมนี้ แต่เพราะตอนบ่ายวันนี้ ทุกคนก็สามารถเก็บของไปจากที่ฝึกได้แล้ว

อารมณ์ของเธอตอนนี้ ก็เหมือนตอนที่จบการฝึกอบรมระเบียบ

ผู้ชายวัยกลางคนสองคนพูดเสร็จ ก็ถึงหนีซวง วันนี้หนีซวงใส่ชุดสูท ดูดีมากๆ

เธอเดินไปกลางเวที หยิบไมโครโฟนขึ้น แล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่น "เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักฉันดี เพราะฉันจะไปเฝ้าดูทุกคนฝึกเกือบทุกวัน"

"คุณหนีซวง คุณหนีซวง……" ผู้หญิงที่ชอบเอาอกเอาใจเอาแต่ตะโกนเรียก

"ขอบคุณที่ทุกคนให้การสนับสนุนค่ะ เงียบก่อนค่ะ!" หนีซวงทำมือให้หยุด สีหน้าเข้มงวด น้ำเสียงก็เข้มงวดด้วย "สถานที่อัดรายการครั้งแรก ตอนนี้กำลังสร้างอยู่ อีกครึ่งเดือนก็น่าจะเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงกำหนดระยะเวลาโชว์แรกของพวกคุณคือ อีกครึ่งเดือน"

"ว้าว!" เด็กฝึกข้างล่างเวทีปรบมือเสียงดัง

อัดรายการรอบแรก งั้นก็แสดงว่าโชว์ของทุกคนจะได้ฉายแล้ว คนอื่นก็จะเห็นความพยายาม นี่เป็นสิ่งที่เด็กฝึกทุกคนใฝ่ฝัน

ฝึกมาตั้งหนึ่งเดือน รวมกับความลำบากที่ก่อนอัดรายการ ก็เพื่อรอวันนี้

"แต่ว่า……" เสียงของหนีซวงดังขึ้น จึงทำให้ทุกคนเงียบลง

ทุกคนเกร็งมาก กำลังรอให้หนีซวงพูดต่อ

"รายการไอดอลหนึ่งร้อยคะแนนซีซั่นสองของเราครั้งนี้ ซีซั่นแรกทุกคนก็น่าจะเคยดูกันแล้ว โชว์แรกแต่ละบริษัทจะเป็นคนเตรียมเอง แล้วเพื่อนร่วมทีมก็จะอยู่บริษัทเดียวกัน แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม!"

"เพราะเด็กฝึกบริษัทเดียวกันก็จะร่วมมือกันได้ดี ครั้งนี้เราเลยใช้การจับฉลากเพื่อรายชื่อแต่ละทีมในการโชว์ครั้งแรก"

"อีกเดี๋ยว ฉันจะเริ่มจับฉลาก แต่ละทีมจะอยู่ที่ห้าถึงสิบคน นี่เป็นภารกิจสุดท้ายของเช้านี้"

"พอเสร็จแล้ว เราก็จะให้รถส่งพวกคุณกลับไป ถึงเวลาพวกคุณก็แจ้งผู้จัดการ พ่อแม่ หรือว่าเพื่อนก็ได้ ให้มารับพวกคุณกลับไป หรือจะกลับไปเองก็ได้

หนีซวงพูดสรุป เด็กฝึกข้างล่างเวทีก็พยักหน้าอย่างตั้งใจ แล้วรอจับฉลากเลือกทีม

……

เวลาค่อยๆผ่านไป มีห้าหกทีมที่ได้รายชื่อแล้ว เฉินฮวนฮวนก็เริ่มเกร็ง

เพราะเธอไม่รู้ว่าจะได้อยู่ทีมเดียวกับใคร แค่หวังว่าจะเป็นคนที่เข้ากันง่าย เพราะเธอรู้ว่าการจับฉลาก โอกาสที่จะได้อยู่กับหลินอวี่หยางกับติงเซียงมีน้อยมาก

เพราะยังไง ก็มีเด็กฝึกตั้งเก้าสิบเก้าคน

เดิมทีมีหนึ่งร้อยคน แต่หลิวเฟยเฟยโดนไล่ออกแล้ว ตอนนี้เลยเหลือเก้าสิบเก้าคน

"ทีมที่เจ็ด มีทั้งหมดหกคน คนแรก เฉินฮวนฮวน"

พอได้ยินหนีซวงเรียกชื่อตัวเอง เฉินฮวนฮวนจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วรีบวิ่งไปที่เวที ยืนอยู่คนแรกของแถวทีมที่เจ็ด

เพราะเด็กฝึกคนแรกของทีม จะเป็นหัวหน้าทีมชั่วคราวไปก่อน

"คนที่สอง อันเยว่" เสียงของหนีซวงดังขึ้นอีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนค่อยโล่งอกไปที แล้วลูบหน้าอก เพราะนิสัยอันเยว่เข้ากันง่าย แล้วมีความสามารถด้วย

"คนที่สาม จ้าวซี"

เฉินฮวนฮวนจับสันจมูก รู้สึกปวดหัว

"คนที่สี่ ฉินฟาง"

ตายแน่ เฉินฮวนฮวนรู้สึกปวดหัวกว่าเดิม

"คนที่ห้า เหวินหนาน"

ผู้หญิงที่ชื่อเหวินหนาน เฉินฮวนฮวนรู้ว่าอยู่ห้องหนึ่ง ห้องเดียวกับหลินอวี่หยาง ดูแล้วเป็นผู้หญิงที่ดูดีมาก

"คนสุดท้าย คนที่หก ติงเซียง"

พอได้ยินชื่อของติงเซียง ตาเฉินฮวนฮวนจึงเป็นประกาย ถึงไม่ได้อยู่ทีมเดียวกับหลินอวี่หยาง แต่ยังดีที่ยังมีติงเซียงอยู่เป็นเพื่อน

ติงเซียงรีบวิ่งมาหา แล้วกอดเฉินฮวนฮวน ดูแล้วตื่นเต้นมาก "ฮวนฮวน เราอยู่ทีมเดียวกัน!"

“อบรมเธอนานขนาดนั้น แต่กลับไม่ปลดเธอออก…เธอวิ่งไปร้องไห้ที่ห้องน้ำหญิง มันเกิดขึ้นอะไรขึ้น” จ้าวซีไม่ใช่คนโง่ เธอเริ่มสงสัยขึ้นมาทันที

  

อย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง ใครๆ ก็บอกว่าสัมผัสที่หกของผู้หญิงนั้นแรงมาก เธอรู้สึกว่าเหตุผลนั้น ไม่ง่ายอย่างที่เฉินฮวนฮวนบอก

“ฉันจะร้องไห้ไม่ร้องไห้ เหมือนว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับเธอนะ” เฉินฮวนฮวนเหลือบมองไปที่ห้องน้ำ ดูเหมือนว่าทุกคนจะอาบน้ำกันเสร็จแล้ว ดังนั้นเธอจึงหยิบชุดนอนของตัวเอง และเดินไปที่ห้องน้ำ

  

เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเฉินฮวนฮวน จ้าวซีเรียกเธอไว้ทันที “เฉินฮวนฮวน เธอหยุดนะ! เธอล้อฉันเล่นเหรอ”

“ฉันล้อเธอเล่นยังไง” เฉินฮวนฮวนหันกลับมา ใบหน้าของเธอนิ่งเรียบ

“เธอให้ฉันขอโทษติงเซียง แต่เธอไม่ยอมบอกความจริงฉัน!” จ้าวซีจ้องอย่างโกรธเคือง เธอกระทืบเท้าด้วยความโกรธ

“ฉันเพิ่งบอกเธอไปไม่ใช่เหรอ ฉันแค่พูดว่าฉันบอกเธอได้ ไม่ได้พูดว่าจะบอกเธออย่างละเอียด” เฉินฮวนฮวนเหยียดยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวเดินไปที่ห้องน้ำแล้วล็อกประตู

เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู จ้าวซีขยุ้มทึ้งเส้นผมของตัวเองด้วยความโมโหจัด เธอตะโกนเสียงดัง “อ๊าก…เฉินฮวนฮวน!”

  

“เธอรังแกฮวนฮวนของฉันอีกแล้วเหรอ”

ในเวลานี้เอง “ปัง” ประตูห้องพักถูกผลักออก หลินอวี่หยางเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามา เธอเขย่งปลายเท้าคว้าคอของจ้าวซีดึงเข้าหาตัวเอง แล้วตะโกนว่า “ฉันยอมเธอเกินไปใช่ไหม”

  

“หลินอวี่หยาง เธอปล่อยฉันก่อน ฉันโดนฮวนฮวนหลอก ฉันระบายความโกรธไม่ได้เหรอ” เมื่อจ้าวซีเห็นหลินอวี่หยาง ท่าทีเกรงกลัวขึ้นมาทันที

  

“เกิดอะไรขึ้น ฮวนฮวนล่ะ!” หลินอวี่หยางมองไปรอบๆ แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ เธอเคาะประตูห้องน้ำแล้วกล่าวว่า “ฮวนฮวน ฉันมาหาเธอแล้ว”

  

“หยางหยาง เธอรอฉันแป๊บหนึ่ง ฉันกำลังอาบน้ำ” เฉินฮวนฮวนตะโกนบอกจากด้านใน

  

“ไม่ต้องรีบ เธอค่อยๆ อาบ ฉันเล่นรอก่อน” ขณะที่พูด หลินอวี่หยางเดินไปเตียงของเฉินฮวนฮวนแล้วนั่งลง เธอมองไปที่จ้าวซี และถามว่า “พูดมา ฮวนฮวนของฉันหลอกเธอยังไง”

  

จ้าวซีขบฟันกรามเข้าหากัน เธอลอบมองไปทางห้องน้ำ แล้วนั่งลงบนเตียงของตัวเองที่อยู่ตรงข้ามกับหลินอวี่หยางพอดี ซึ่งห่างกันเพียงหนึ่งช่องทางเดินเท่านั้น

“เขาบอกให้ฉันขอโทษติงเซียง เขาจะบอกความจริงกับฉันว่า วันนี้ตอนเย็นเขาคุยอะไรกับเฟิงหานชวนตามลำพัง จากนั้นฉันก็ขอโทษติงเซียง และติงเซียงก็ให้อภัยฉันแล้ว สุดท้ายเฉินฮวนฮวนบอกว่า…” จ้าวซีเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ให้หลินอวี่หยางฟังอย่างละเอียด

หลังจากที่หลินอวี่หยางได้ฟัง “พรืด” เธอหลุดขำพรืดจนน้ำลายกระเด็น

  

เธอเอนหลังลงบนเตียงแล้วกุมท้องหัวเราะไม่หยุด

  

จ้าวซีรู้สึกว่าตัวเองดูไม่เหมือนพูดเล่นเลยสักนิด ทว่าหลินอวี่หยางกลับหัวเราะชอบอกชอบใจอย่างไม่มีเหตุผล ราวกับว่าเธอเป็นคนโง่

  

จ้าวซียิ่งรู้สึกว่า ตัวเองโดนเฉินฮวนฮวนหลอกอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นหลินอวี่หยางคงไม่แสดงออกเช่นนี้

  

ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่า สิ่งที่เฉินฮวนฮวนบอกเธอเป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน!

  

ทว่า…จ้าวซียิ่งจมอยู่กับความสงสัยของตัวเอง

ถ้าจะว่ากันตามเหตุผลแล้ว เฟิงหานชวนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของหวาเถิง เขาลากเฉินฮวนฮวนออกไปตามลำพัง และพูดคุยกันสองชั่วโมง ระหว่างนั้นเฉินฮวนฮวนวิ่งออกมาร้องไห้ แล้วกลับไปหาเฟิงหานชวนอีกครั้ง

  

เหมือนอย่างที่เฉินฮวนฮวนบอก น่าจะเป็นเพราะว่าการรายงานของเฉินฮวนฮวนส่งผลเสียต่อหวาเถิง ดังนั้นเธอจึงโดนเรียกไปอบรม

  

ทว่า หลินอวี่หยางปกป้องเฉินฮวนฮวนขนาดนั้น ทำไมเมื่อได้ฟังเธอเล่า เธอถึงได้หัวเราะเสียงดังจนตัวโยนแบบนี้ล่ะ

  

ตอนนี้จ้าวซียิ่งสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ

  

“หยางหยาง ทำไมเธอหัวเราะมีความสุขขนาดนั้น” ติงเซียงที่อยู่ด้านข้าง ทนรอไม่ไหวจึงเอ่ยถาม

เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อันที่จริง ความรู้สึกของเธอในตอนนี้เหมือนกับจ้าวซี เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างจะผิดปกติ

  

“ตลกมาก มันตลกมากจริงๆ…” หลินอวี่หยางไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่กลั้นอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เธอหัวเราะต่อไม่หยุด

ติงเซียงและจ้าวซี รวมถึงเพื่อนร่วมห้องอีกสามคน ใบหน้าของพวกเธอต่างฉายแววสงสัย

ในเวลานี้เอง เฉินฮวนฮวนยกกะละมังเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอมองคนอื่นในห้องพักด้วยใบหน้างุนงง

  

หลินอวี่หยางหัวเราะอย่างเสียสติ ทว่าคนอื่นๆ ต่างทำหน้างุนงงสงสัย เฉินฮวนฮวนจึงเอ่ยถาม “หยางหยาง พวกเธอกำลังคุยอะไรกัน”

“ฮวนฮวน!” หลินอวี่หยางดีดตัวขึ้นจากเตียง แล้วพุ่งตัวไปอยู่ตรงหน้าเฉินฮวนฮวนทันที เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮวนฮวน คุณอาเฟิงเห็นแก่หน้าฉัน เขาถึงไม่ปลดเธอออกนะ! ต่อไปเธอต้องดูแลฉันให้ดีกว่านี้นะ”

  

เฉินฮวนฮวนมองหญิงสาวผมสั้นตรงหน้าด้วยความงุนงง เพราะว่าหลินอวี่หยางกำลังหันหลังให้กับคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลัง เธอฉวยโอกาสนี้ขยิบตาให้เฉินฮวนฮวน

  

เฉินฮวนฮวนถึงได้เข้าใจความหมายของหลินอวี่หยาง ที่แท้เธอกำลังช่วยตัวเองแก้ปัญหา

  

“ขอบใจเธอนะ หยางหยาง ถ้าไม่ใช่เธอ ฉันก็ต้องออกจากเขตกิจกรรมจริงๆ…” ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนราวกับจะร้องไห้ออกมา

จ้าวซีถึงบางอ้อในทันที ที่แท้หลินอวี่หยางออกหน้า ขอให้เฟิงหานชวนเว้นโทษเฉินฮวนฮวน ไม่แปลกใจที่เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตอนนี้เธอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว

  

“ในเมื่อหยางหยางช่วยเธอ เมื่อกี้เธอปิดบังไม่ยอมบอก เฉินฮวนฮวน เธอก็รู้สึกผิดต่อความทุ่มเทของหยางหยางบ้างนะ” จ้าวซีจงใจยุแยง

  

หลินอวี่หยางหันกลับมา และกล่าวด้วยเสียงเชิงตำหนิ “ฉันไม่ให้ฮวนฮวนพูดเอง ยังไงฉันก็ใช้เส้นสายจากคนรู้จัก มันไม่ค่อยดี ทำให้พวกเธอรู้สึกไม่ยุติธรรม ถูกไหม”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนี้” จ้าวซีสารภาพทันที

  

เมื่อเห็นว่าจ้าวซีเงียบลงแล้ว หลินอวี่หยางหันกลับมาอีกครั้ง เธอแย่งกะละมังในมือของเฉินฮวนฮวนมาวางไว้บนอ่างน้ำด้านข้าง แล้วลากเธอออกจากห้องพัก

เฉินฮวนฮวนถูกหลินอวี่หยางลากขึ้นไปชั้นสอง ชั้นนี้เป็นพื้นที่ว่าง และไม่มีใครอยู่ เฉินฮวนฮวนเข้าใจความหมายของหลินอวี่หยางทันที

เพราะว่าคุยตรงนี้จะไม่มีใครได้ยิน

  

“หยางหยาง เธอจะถามฉันเรื่องเฟิงหานชวนใช่ไหม” เฉินฮวนฮวนถามขึ้นมาก่อน

  

“แน่นอน! ฮวนฮวน เธอไม่มีศีลธรรม!” หลินอวี่อยางทำปากมุ่ย ก่อนจะกล่าวอย่างโกรธเคือง “ไม่นึกเลยว่า เธอจะปิดบังเรื่องใหญ่ขนาดนี้กับฉัน ฉันยังห่วงว่าเธอจะโดนเฟิงหานชวนด่า สุดท้าย…”

  

“ขอโทษนะหยางหยาง ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกเธอ แต่เมื่อคืนที่ฉันคุยกับเธอตรงบันได ฉันตั้งใจว่าคืนนี้จะบอกเรื่องนี้กับเธอ ใครจะรู้…แผนของฉันกลับล่มไม่เป็นท่า”

  

อันที่จริงเฉินฮวนฮวนรู้สึกละอายใจเล็กน้อย อย่างไรหลินอวี่หยางก็ดีกับเธอมาก แต่เธอกลับไม่บอกเรื่องของตัวเองกับหลินอวี่หยาง แถมยังทำให้หลินอวี่หยางเป็นห่วงเธออีก

“วันนี้ตอนเย็น ตอนฉันถูกเฟิงหานชวนเรียกไปพบตามลำพัง เขาขอโทรศัพท์จากฉัน ฉันตกใจหมดเลย” หลินอวี่หยางกลับมาหัวเราะคิกคักอีกครั้ง และกล่าวว่า “ฉันคิดว่าเขาอบรมเธอ หลังจากนั้นเธอก็บอกฉันเกี่ยวกับภาพนั้น แต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะไม่เอาฉันไปเปิดโปงหรอก สุดท้ายฉันยังไม่ได้ถามออกไป เฟิงหานชวนก็สารภาพออกมา!”

“สารภาพอะไร” เฉินฮวนฮวนถามอย่างสงสัย

  

“จู่ๆ เขาก็พูดกับฉันว่า ผมเป็นสามีของฮวนฮวน คุณรู้หรือเปล่า ตอนนั้นฉันอึ้งไปเลย ฉันสงสัยว่าฉันอาจจะหูฟาดไป โอ้วแม้เจ้า ฉันเดาว่าชาตินี้ฉันคงไม่ลืมเหตุการณ์นั้น!” เวลานี้หลินอวี่หยางตื่นเต้นเป็นพิเศษ เธอเล่าถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นพร้อมกับทำท่าทางเต้นแร้งเต้นกา

เฉินฮวนฮวนรู้สึกขบขันหลินอวี่หยาง ไม่รู้ว่าเพราะท่าทางตลกของหลินอวี่หยางตอนนี้ หรือว่าคำสารภาพนั้นของเฟิงหานชวนที่ทำให้เธอมีความสุข สรุปได้ว่า ตอนนี้เฉินฮวนฮวนมีความสุขมาก

  

“หลังจากนั้นล่ะ หลังจากนั้นล่ะ” เธอแทบรอไม่ไหวที่จะถามหลินอวี่หยางต่อ

“หลังจากนั้น สีหน้าของเขาน่ากลัวมาก พอเห็นว่าฉันเหม่อไม่ได้ตอบอะไร เขาก็ดุฉัน และขอให้ฉันเอารูปให้เขาดู ระหว่างนั้น…ฉันรู้สึกมือสั่นขาสั่นตลอดเวลา” หลินอวี่หยางตบหน้าอกตัวเองเบาๆ และพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด ก่อนจะถามว่า “ฮวนฮวน เธอยอมแต่งงานกับผู้ชายน่ากลัวแบบนี้ได้ยังไง เขาทำฉันกลัวจริงๆ !”

  

“เขา…ไม่ได้พูดเรื่องนี้เหรอ” เฉินฮวนฮวนชะงักไปเล็กน้อย

  

“อะไรนะ” หลินอวี่หยางยังคงจมอยู่ในโลกของตัวเอง ทันทีที่การตอบสนองกลับมา เธอรีบถามขึ้นทันที

“ทำไมฉันถึงแต่งงานกับเขา เขาไม่ได้บอกเธอเหรอ” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน

  

“เรื่องนี้เขาไม่ได้บอกฉันอยู่แล้ว เขาแค่บอกว่าเธอเป็นภรรยาของเขา เขาเป็นสามีของเธอ และขอให้ฉันอย่ายุให้ผิดใจกัน เขากับหลีซืออวิ๋นเป็นแค่เพื่อนที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน และหลีซืออวิ๋นเป็นพี่น้องที่ดีของเขา

  

หลินอวี่หยางย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ตอนนั้น แล้วเดาะลิ้นอย่างใช้ความคิด ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “พอคิดดีๆ แล้ว วันนี้ตอนเย็นเฟิงหานชวนดูเหมือนจะประหม่าเล็กน้อย ทำลายภาพที่ฉันรู้จักเขาก่อนหน้านี้ไปเลย”

  

“ประหม่า?” เฉินฮวนฮวนชะงักอีกครั้ง เฟิงหานชวนประหม่าเป็นด้วยเหรอ

  

“อืม ฉันรู้สึกได้ว่า เขาให้ความสำคัญกับเธอ! เหมือน…กังวลมากว่าเธอจะเข้าใจเขาผิด กลัวว่าเธอจะจากไป…ความรู้สึกแบบนั้นเลย” หลินอวี่หยางไตร่ตรองอย่างละเอียด เธอใช้นิ้วลูบคางตัวเองพลางวิเคราะห์อย่างจริงจัง

เฉินฮวนฮวนรู้สึกราวกับหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ หลังจากนั้นหัวใจของเธอเต้นแรง “ตึก ตึก ตึก ตึก” เธออ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก

  

เธอไม่คิดเลยว่า ที่จริงแล้วเฟิงหานชวนจะให้ความสำคัญกับเธอมากขนาดนี้

“ใช่สิ ฮวนฮวน เธอยังไม่เล่าให้ฉันฟังเลยว่า เธอกับเฟิงหานชวนรู้จักกันยังไง แต่งงานกันได้ยังไง” จู่ๆ หลินอวี่หยางก็ตอบสนอง เธอรีบถามขึ้นว่า “ตอนแรกฉันคิดว่าเฟิงหานชวนไม่สนใจผู้หญิง เขาอาจจะเป็นเกย์ ไม่คิดเลยว่าเขามีภรรยาแล้ว แถมภรรยาของเขายังเป็นผู้หญิงที่ฉันชอบอีก!”

  

“พรืด…” ประโยคสุดท้ายของหลินอวี่หยาง ทำให้เฉินฮวนฮวนพ่นเสียงหัวเราะออกมา

  

“หยางหยาง จริงๆ แล้วฉันกับเฟิงหานชวนเพิ่งรู้จักกันแค่ครึ่งเดือนกว่า” เฉินฮวนฮวนหวนคิดเรื่องราวที่ผ่านมาอยู่ครู่หนึ่ง พบว่าช่วงครึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นจริงๆ

ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงราวกับพลิกฟ้าคว่ำดิน

  

“อะไรนะ!” หลินอวี่หยางถึงกับอึ้งไปทันที เธอถามยืนยันอีกครั้ง “เธอกับเฟิงหานชวนเพิ่งรู้จักกันแค่ครึ่งเดือนกว่า ถ้าอย่างนั้นพวกเธอแต่งงานกันตอนไหน”

เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นจ้าวซีคิดไปเองเช่นนี้ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำยิ่งกว่าเดิม

เธอหันกลับมา และเงยหน้ามองหญิงสาวร่างสูงตรงหน้าอย่างจริงจัง ก่อนจะกล่าวว่า “ขอโทษที่ทำให้เธอผิดหวังนะ ฉันไม่ได้โดนปลดออก”

  

“จ้าวซี แวบแรกที่ฉันเห็นเธอ แค่มองก็รู้สึกว่าเธอดูมีมาดนางแบบ ฉันคิดว่าในใจว่าเธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่สง่างามมากคนหนึ่ง”

“แต่พอเราได้มารู้จักกัน เธอทำลายความประทับใจแรกที่ฉันมีต่อเธอไปหมดเลย”

เมื่อจ้าวซีได้ฟัง ดวงตาที่เดิมทีไม่ใหญ่มากนัก ถลึงตาใส่จนลูกตาแทบถลน สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เธอขบฟันกรามเข้าหากัน “เฉินฮวนฮวน เธอ…”

ทว่า หลังจากเธอเรียกชื่อของเฉินฮวนฮวน เธอกลับพูดอะไรไม่ออก

  

เพราะว่าตอนแรกเฉินฮวนฮวนเป็นคนที่เกาเหวินพาเข้ามา ตัวเองต่อต้านเธอโดยไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่มองเธอจะรู้สึกขัดหูขัดตาไปเสียหมด ทว่าตอนนี้…จ้าวซีพบว่า ไม่รู้ว่าตัวเองเกลียดอะไรเฉินฮวนฮวนกันแน่

การเกลียดโดยไม่มีสาเหตุนั่นเอง

  

“จ้าวซี ถ้ารวมคืนนี้ด้วย ชีวิตในหอพักเหลือแค่หกคืนแล้วนะ ฉันไม่อยากมีเรื่องขัดแย้งอะไรกับรูมเมทอีก หวังว่าเธอจะหยุดโจมตีฉันสักทีนะ”

เฉินฮวนฮวนกล่าวประโยคนี้ทิ้งไว้ ก่อนจะเดินไปที่ระเบียง และเก็บชุดนอนที่แห้งแล้วและชุดฝึกซ้อมของตัวเอง

เมื่อมองไปยังด้านหลังของเฉินฮวนฮวน จ้าวซีขบฟันกรามเข้าหากัน มือทั้งสองกำแน่น เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของเฟิงหานชวน เธอโพล่งถามออกไปว่า “ทำไมเฟิงหานชวนไม่ปลดเธอออก”

เฉินฮวนฮวนยังคงจัดการสิ่งที่อยู่ในมือต่อไปโดยไม่สนใจคำถามของจ้าวซี เธอคร้านจะสนใจ และไม่อยากจะสนใจ

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่สนใจตัวเอง จ้าวซียิ่งร้อนอกร้อนใจ เธอเอ่ยถามอีกครั้ง “ฮวนฮวน ฉันกำลังถามเธออยู่นะ! ทำไมเฟิงหานชวนไม่ปลดเธอออก ในเมื่อเธอร้องไห้หนักขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะว่าเธอโดนปลดออกหรอกเหรอ”

เรื่องนี้ทำให้จ้าวซีเต็มไปด้วยความสงสัย ในเมื่อเฉินฮวนฮวนร้องไห้หนักขนาดนั้น เธอกลับไ้ม่ได้โดนปลดออก หรือว่าเฟิงหานชวนเมตตาปล่อยเฉินฮวนฮวนไปอย่างนั้นเหรอ

หรือว่า…มีเหตุผลอื่น?

  

เฉินฮวนฮวนเดินเข้ามาจากระเบียงโดยไม่แม้แต่จะมองจ้าวซีเลยสักนิด เธอตรงดิ่งไปนั่งข้างเตียงของตัวเอง แล้วพับเสื้อผ้าไว้ข้างหมอน

“เฉินฮวนฮวน!” จ้าวซีรู้สึกว่าตัวเองถูกเมินเฉย เธอร้องเรียกเสียงแหลม

ฉิวอิ๋งที่นอนอยู่ข้างๆ ขยี้หู และกล่าวอย่างหงุดหงิด “ฮวนฮวน เธอก็ตอบคำถามของเสี่ยวซีหน่อยเถอะ ไม่งั้นเธออยากให้ทุกคนนอนไม่หลับใช่ไหม”

ฉิวอิ๋งเป็นหัวหน้าหอพัก เหตุผลที่เธอได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหอพัก เป็นเพราะว่าฉิวอิ๋งมีความเป็นผู้นำ

ทันทีที่เธอกล่าวเช่นนี้ หากเฉินฮวนฮวนยังไม่ตอบ ดูเหมือนว่าเฉินฮวนฮวนคนที่เอาแต่เงียบคนนี้จะส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของทุกคนเสียแล้ว

เฉินฮวนฮวนไม่มีทางเลี่ยง เธอรู้ว่าฉิวอิ๋งเป็นคนของฝ่ายจ้าวซี ทว่าคำพูดของฉิวอิ๋งรัดกุมไม่มีช่องโหว่ ทำให้เธอไม่อาจโต้แย้งได้

  

ทว่า ความจริงเธอเตรียมคำอธิบายไว้แล้ว ตอนนี้เธอก็สามารถใช้ประโยชน์ผ่านปากของจ้าวซีถ่ายทอดออกไป เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจะได้ไม่ต้องอธิบายให้คนอื่นฟังอีก

“คำตอบของฉันคือใช่” ทันทีที่เฉินฮวนฮวนเอ่ยออกไป ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน

ติงเซียงรีบคลุมผมเดินออกมา และถามอย่างร้อนใจ “ฮวนฮวน เธอกลับมาแล้วเหรอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ เธอไม่ได้เข้าห้องเรียนทั้งคืน ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่!”

  

“ติงเซียง เธอหุบปาก!” เมื่อติงเซียงถามรัวยาวเป็นชุด จ้าวซีตวาดใส่เธอด้วยความโมโห

ความจริงแล้วติงเซียงเป็นคนค่อนข้างขี้กลัว เธอจึงเงียบเสียงลงทันที

“จ้าวซี ขอโทษติงเซียงซะ” เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นจากเตียงแล้วมาหยุดยืนคิ้วขมวดอยู่ตรงหน้าจ้าวซี น้ำเสียงเต็มไปด้วยพลัง   

“ฉันไม่เป็นไร ฮวนฮวน เธออย่าทะเลาะกับจ้าวซีเพราะฉันเลย” ติงเซียงรีบเดินเข้ามาดึงแขนของเฉินฮวนฮวน

“ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย จำเป็นต้องขอโทษด้วยเหรอ” จ้าวซีกลอกตาคล้ายจะยียวนกวนประสาท

  

ถึงอย่างไร ตอนนี้เธอกำลังยุแหย่คนสองคนที่ไร้อำนาจอย่างติงเซียงและเฉินฮวนฮวน ไม่ใช่หลินอวี่หยาง อีกอย่างหลินอวี่หยางก็ไม่มีทางรับผิดชอบทุกเรื่องให้เฉินฮวนฮวนและติงเซียงได้หรอก

“ถ้าเธอขอโทษติงเซียง ฉันก็จะตอบคำถามของเธอ” น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนไป แฝงไว้ด้วยอำนาจการต่อรอง

“เธอ…” จ้าวซีไม่คิดว่าเฉินฮวนฮวนจะมาไม้นี้ เธออดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เฉินฮวนฮวน

ติงเซียงส่ายหน้า และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮวนฮวน ฉันไม่เป็นไร จ้าวซีก็ไม่ได้ตั้งใจ ช่างมันเถอะ”

  

“ฉันช่างมันก็ได้ แต่เขาก็ไม่ต้องมาอยากฟังเรื่องอะไรจากปากฉัน” เฉินฮวนฮวนหัวเราะเบาๆ ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายไม่ทุกข์ร้อน และสบายอกสบายใจเป็นพิเศษ

จ้าวซีกำหมัดเข้าหากันแน่น ตอนนี้เธออยากรู้มากว่าเฟิงหานชวนพูดอะไรกับเฉินฮวนฮวนกันแน่ ทว่าเฉินฮวนฮวนกลับจงใจยักท่าเล่นตัว แถมยังให้เธอขอโทษติงเซียงอีก

ทว่า เพื่อที่จะรู้ความจริง จ้าวซีกัดฟันกรอด และหันกลับมากล่าวกับติงเซียงอย่างขอไปที “ขอโทษนะ ติงเซียง”

“หะ?” เสียงของเธอช่างแผ่วเบา ติงเซียงถามอย่างสงสัย “จ้าวซี เธอกำลังพูดอะไรเหรอ”

ความจริงเธอได้ยินแล้ว ทว่าเธอจงใจถาม แม้ว่าเธอจะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ทว่าเธอก็ไม่ยอมให้ใครรังแกได้ตามใจชอบ

  

“ฉัน…ฉันบอกว่า ขอโทษนะ ติงเซียง!” จ้าวซีทำได้เพียงเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น และหันกลับมาถามเฉินฮวนฮวน “แบบนี้ได้หรือยัง”

“เธอไม่ได้ขอโทษฉัน ถามฉันว่าได้หรือไม่ได้ไปทำไมกัน เธอควรถามติงเซียงนะ” เฉินฮวนฮวนยักไหล่

จ้าวซีกัดฟันกรอดอีกครั้ง เธอได้แต่มองไปที่ติงเซียง และถามว่า “ติงเซียง ฉันขอโทษเธอแล้ว เธอรับคำขอโทษจากฉันได้ไหม”

“อืม ฉันรับได้อยู่แล้ว จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก” ติงเซียงยิ้มน้อยๆ พลางโบกมือไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ท่าทางคล้ายจะโอนอ่อนผ่อนตาม

  

ดังนั้น จ้าวซีไม่ได้ส่งความเกลียดชังไปยังติงเซียงเลย ตรงกันข้าม เธอส่งความกล้ำกลืนฝืนใจขอโทษติงเซียงไปยังเฉินฮวนฮวนทั้งหมด เธอรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เฉินฮวนฮวนจงใจทำให้เธอต้องอับอาย

ทว่า ถูกต้องแล้ว จริงๆ แล้วเฉินฮวนฮวนจงใจ

“เฉินฮวนฮวน ฉันขอโทษติงเซียงแล้ว ติงเซียงก็ยอมรับคำขอโทษของฉันแล้ว เธอบอกพวกเราได้แล้วว่า เธอกับเฟิงหานชวนเกิดอะไรขึ้นกันแน่” จ้าวซีแอบกัดฟันกรอด และกล่าวเน้นย้ำว่า “ฉันพูดจริงทำจริง ทำตามที่พูดไว้ เธอก็ต้องบอกความจริงมา อย่ามามั่วนิ่ม!”

  

เฉินฮวนฮวนนั่งลงบนเตียงของตัวเองด้วยท่าทีสบายๆ เมื่อเห็นท่าทางกล้ำกลืนฝืนใจขอโทษของจ้าวซี นึกไม่ถึงว่า เธอจะรู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาได้บ้าง

เธอเลิกคิ้วขึ้น มือทั้งสองข้างเท้าค้างเอาไว้ ก่อนจะกล่าวว่า “จริงๆ เรื่องมันง่ายมาก”

“ง่าย? งั้นเธอก็พูดมาสิ!” จ้าวซีร้อนใจทนรอไม่ไหว เธออยากรู้เรื่องของเฟิงหานชวนเป็นอย่างมาก

“เฟิงหานชวนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของหวาเถิง เพราะฉันรายงานเรื่องของซุนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟย ทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อบริษัท ดังนั้นเขาจึงลากฉันออกไปตามลำพัง และอบรมฉันในห้องรับรองอยู่พักหนึ่ง…”

นี่คือบทสนทนาของเฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนในห้องรับรอง

“ก่อนหน้านั้นคุณเคยพูดกับฉันว่า ผู้ชายที่แก่กว่า ……จะอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย?”

แววตาที่เปล่งประกายของเฉินฮวนฮวนนั้นเบิกกว้าง เอียงคอเล็กน้อย มือทั้งสองข้างพาดอยู่บนไหล่ของผู้ชาย และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ใช่” เฟิงหานชวนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

ก่อนหน้านั้นเพื่อปลอบใจเฉินฮวนฮวน เขาจึงโกหกออกไป นึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนกลับจำขึ้นใจมาโดยตลอด

“งั้น…..งั้นถ้าเราไม่……..” เฉินฮวนฮวนเม้มปากเล็กน้อย ยังไม่ทันพูดจบ ก็ก้มหน้าลงทันที

“ไม่อะไร?” เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนหยุดพูดฉับพลัน เฟิงหานชวนจึงรีบถามทันที

“เรา……” เฉินฮวนฮวนเกิดความลังเลเล็กน้อย แต่ไม่นานก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สดใสคู่นั้นได้มองไปยังผู้ชายตรงหน้าด้วยแววตาจริงจัง

“อือ?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย

“ความหมายของฉันก็คือ ถ้าเราไม่ได้อยู่กันก่อนแต่งแล้ว เรามาอยู่แบบสามีภรรยากันจริง ๆ ดีไหม? สามีภรรยาจริง ๆ ไม่ใช่อยู่ก่อนแต่งแบบนั้น!” เฉินฮวนฮวนพูดออกมาอย่างกล้าหาญ แต่เพราะความเขินอาย จึงพูดออกไปแบบรวดเร็ว

หลังจากที่ถามจบลง เธอก็รีบก้มหน้าลงทันที ก้มให้ต่ำที่สุด จนแทบจะมุดลงดินหนีหายไปให้รู้แล้วรู้รอด

เฟิงหานชวนอึ้งงันเล็กน้อย ตอนแรกเขาเกือบดึงสติกลับมาไม่ได้ คำพูดของเฉินฮวนฮวนได้ลอยวนเวียนอยู่ในหัวของเขาอีกครั้ง ทำให้มุมปากของเขากระตุกยิ้มทันที

ความโค้งของรอยยิ้มนั้นลึกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ดีสิ” เขาตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล

ทันทีที่ได้ยินคำตอบง่าย ๆ นี้ เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องสุดเซอร์ไพรส์อย่างไรอย่างนั้น เฉินฮวนฮวนรีบเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ ดวงตาคู่นั้นฉายแววกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย

ยังไม่ทันที่เธอจะได้สติกลับมา มือทั้งสองข้างของผู้ชายตรงหน้าก็เอื้อมมาแตะใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอ จากนั้นก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนสัมผัสกันในที่สุด

และถูกันเล็กน้อย…..

ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เฉินฮวนฮวนรู้สึกเพียงแค่ว่าลำคอของเธอนั้นแข็งทื่อไปชั่วขณะ ทำได้แค่เอื้อมมือออกไปผลักหน้าอกของผู้ชายคนนี้

ขืนปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป เกรงว่าคอของเธออาจจะขยับไม่ได้อีกหลังจากนี้

เฟิงหานชวนจำใจต้องปล่อยผู้หญิงในอ้อมกอดคนนี้อย่างอาลัยอาวรณ์ เฉินฮวนฮวนจึงรีบยืนขึ้น จากนั้นก็ลูบผมของตัวเองด้วยความอึดอัดใจ และเบี่ยงหน้าไปมองทางอื่น ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “ฉัน ….. ฉันต้องไปเรียนแล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ”

“กริ๊ง กริ๊ง…..”

โชคดีที่ตอนนี้ เสียงสัญญาณเตือนบอกเวลาในคาบเรียนสุดท้ายของวิชาภาคค่ำก็ได้ดังขึ้น

“ทำไมเวลาถึงได้เร็วขนาดนี้เนี่ย!” เฉินฮวนฮวนอดบ่นพึมพำไม่ได้ ตอนนี้ 3 ทุ่มแล้วเหรอ?

เธอรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะพูดกับเฟิงหานชวนได้ไม่กี่ประโยคเอง เวลาเรียนผ่านไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินคำบ่นของเฉินฮวนฮวน เขาก็ลุกขึ้น จากนั้นก็โน้มตัวลงมา ยื่นปากเข้าไปข้างหูของเธอ มุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เป่าลมร้อนออกมาอย่างช้า ๆ

“ไม่อยากแยกจากผมใช่ไหม?”

เฉินฮวนฮวนรู้สึกจั๊กจี้ที่ลำคอและใบหู สีหน้าที่ตึงเครียดเดิมทีก็ค่อย ๆ เริ่มแดงระเรื่อขึ้น เพียงแต่เพราะภายในห้องพักแห่งนี้ค่อนข้างสลัวเกินไป ดังนั้นเธอจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอีกครั้ง

“เหลือเวลาอีก 6 วัน คุณห้ามมาหาฉันเด็ดขาด” เฉินฮวนฮวนรีบอ้าปากพูด : “ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว ฉันต้องรีบกลับไปอาบน้ำและพักผ่อน หลังจากที่ฉันออกไปแล้วคุณค่อยออกไปทีหลังนะ”

เมื่อเฉินฮวนฮวนพูดจบ ก็หมุนตัวและเตรียมเดินไปยังประตูทันที เพียงแต่ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวเดินออกไป ก็ถูกมือใหญ่คว้าตัวไว้ ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกดึงกลับมา

เธอรู้สึกได้ถึงแผ่นอกที่ร้อนรุ่มของผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง เธอถูกเฟิงหานชวนสวมกอดจากด้านหลัง และกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

“ฉันต้องกลับหอพักแล้วจริง ๆ” เฉินฮวนฮวนเม้มปากเล็กน้อย และพูดอีกครั้งว่า : “ความสัมพันธ์ของเรา ฉันยังไม่อยากเปิดเผยให้สาธารณะรู้ ไม่ได้บอกว่าฉันจะไม่อยากเปิดเผยเรื่องคุณหรอกนะ แต่เป็นเพราะ………”

“ผมเข้าใจ และเชื่อฟังคุณ” เฟิงหานชวนตัดบทพูดของฝ่ายหญิง และเอ่ยปากพูดต่อ

“คุณเข้าใจอะไร?” เฉินฮวนฮวนตื่นตกใจ หรือว่าเฟิงหานชวนเดาออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?

“ผมเข้าใจว่าคุณอยากจะผ่านการประกวดด้วยความพยายามของคุณเอง ไม่อยากพึ่งอำนาจใด ๆ ” เฟิงหานชวนสัมผัสได้ถึงความหมายนี้จากน้ำเสียงก่อนหน้านั้นของเฉินฮวนฮวน

เพียงแต่เฉินฮวนฮวนในตอนนั้น ยังคงรักษาระยะห่างกับเขา คอยย้ำเตือนเสมอว่าห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป และคอยย้ำว่าเราสองคนอยู่ในสถานะอยู่ก่อนแต่งเท่านั้น เขาเลยรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนไม่อยากยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขา

แต่ตอนนี้ คนที่เสนอขอเปลี่ยนสถานะกลายเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ เป็นคนแรกก็คือเฉินฮวนฮวน

ดังนั้นเมื่อเฉินฮวนฮวนบอกว่ายังไม่อยากเปิดเผยออกไป เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกลำบากใจแต่อย่างใด

“อื้อ!” เมื่อได้ยินเสียงตอบรับของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนก็พยักหน้านั้นฉับพลัน ก่อนจะคลี่ยิ้มฟันขาวที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข

“แล้วแต่คุณเลย คุณอยากจะทำอะไรก็ทำเลย” ตอนที่เฟิงหานชวนพูดประโยคนี้ ความรักที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้นแทบจะล้นทะลักออกมาเลยทีเดียว

เขาปล่อยเฉินฮวนฮวน ทันทีที่เฉินฮวนฮวนเป็นอิสระแล้ว เธอก็หมุนตัวและเดินมาตรงหน้าของเฟิงหานชวน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีดำทมิฬของเขาและพูดว่า : “งั้นฉันไปจริง ๆ แล้วนะ”

“ผมอยากไปส่งคุณ แต่…..คุณคงไม่อนุญาต” แววตาของเฟิงหานชวนหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้ ดังนั้น ตอนนี้แม้แต่สิทธิ์ที่จะส่งภรรยากลับหอพักก็ยังไม่มี

จู่ ๆ ความโศกเศร้าก็พลันเกิดขึ้นอีกครั้ง

“ทางแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เฉินฮวนฮวนพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็โบกมือไปทางเฟิงหานชวน และหมุนตัวเตรียมเดินจากไป

วินาทีนี้ เฟิงหานชวนไม่มีเหตุผลอะไรไปรั้งเธอไว้อีกแล้ว เขาได้แต่มองแผ่นหลังของเธอ และทอดถอนใจออกมาเบา ๆ

การแยกกันครั้งนี้ กว่าจะได้เจอกันอีกครั้งก็อีกตั้ง 6 วัน จะบอกว่านานมันก็ไม่นาน แต่จะบอกว่าสั้นมันก็ไม่สั้น

เฉินฮวนฮวนเดินพ้นประตูออกไป เธอเอื้อมมือออกไปจับลูกบิดประตู แต่จู่ ๆ เหมือนจะคิดอะไรได้ จึงรีบหันไปมองเฟิงหานชวน และพูดว่า : “ตอนที่ฉันกลับไปแล้ว คงมีหลายคนเข้ามาถามเรื่องคุณแน่ ๆ ”

“อือ? แล้วคุณจะตอบว่ายังไง?” เฟิงหานชวนเดินไปหาเธอ จากนั้นก็เอนตัวพิงผนังข้างประตูด้วยท่าทางขี้เกียจ แต่น้ำเสียงนั้นขี้เกียจยิ่งกว่า

แค่เห็นเฟิงหานชวนยืนด้วยท่าทางขี้เกียจอยู่ตรงหน้าของตัวเอง เฉินฮวนฮวนก็รู้เหมือนกำลังชื่นชมภาพวาด จนเกือบจากเคลิบเคลิ้มคล้อยตามแล้ว

เธอรีบเรียกสติกลับมา และพูดว่า : “ฉันตั้งใจจะบอกว่าคุณคือหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทหวาเถิง เพราะคิดว่าฉันทำเรื่องที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพลักษณ์ของบริษัท ดังนั้นจึงได้เรียกฉันมาที่ห้องพักเป็นการส่วนตัว และสั่งสอนฉันไปฉากหนึ่ง”

“ผมยังไม่ได้สั่งสอนคุณเลยนะ” เฟิงหานชวนมองยังไปผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่ลดละ และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้บอกให้คุณสั่งสอนฉันจริง ๆ สักหน่อย ฉันแค่บอกว่าจะอธิบายแบบนี้กับพวกเธอ บอกว่าคุณสั่งสอนฉัน ทำให้ฉันร้องไห้ แต่ภายใต้การอ้อนวอนของฉัน คุณก็เลยไม่ไล่ฉันออก” เฉินฮวนฮวนวิเคราะห์ออกมาอย่างจริงจัง

“ผมสั่งสอนคุณ ทำคุณร้องไห้? ภายใต้การอ้อนวอนของคุณ ผมก็เลยปล่อยคุณไป?” เฟิงหานชวนพูดทวนประโยคของเฉินฮวนฮวนแทบจะทั้งหมดอีกครั้ง

“อื้อ ๆ ถูกต้อง แบบนี้แหละ นี่เป็นเหตุผลที่ฉันจะอธิบายให้พวกเธอฟัง” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอย่างจริงจัง โดยไม่ได้สังเกตเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลแต่อย่างใด

เฟิงหานชวนกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พร้อมกับหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็ก้มหน้าลง และยื่นหน้าไปตรงหน้าของเธอ ก่อนจะถามว่า : “ฮวนฮวน ทำไมผมรู้สึกคุ้น ๆ ฉากนี้จัง?”

“อะไร?” เฉินฮวนฮวนไม่เข้าใจ จึงถามอีกครั้งว่า : “ฉากอะไร?”

เพียงแต่ทันทีที่ถามจบ เธอก็เห็นมุมปากของผู้ชายตรงหน้ากระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากล เฟิงหานชวนกำลังทำรุ่มร่ามกับเธอ!

“ให้ผมเตือนสติคุณไหม? คืนก่อนที่จะเข้ามาในค่าย ฉากในห้องนอนของเรา…….” ยังไม่ทันที่เฟิงหานชวนจะพูดจบ ก็ถูกผู้หญิงตรงหน้าใช้มือปิดปากของเขาแล้ว

เฉินฮวนฮวนถลึงตาใส่เขาอย่างตำหนิ ก่อนจะพูดด้วยความขุ่นเคืองใจว่า : “คุณ หยุดพูดเดี๋ยวนี้!”

เฟิงหานชวนมองไปยังแก้มป่อง ๆ ของผู้หญิงตรงหน้า ท่าทางโกรธแก้มป่องนี้ น่ารักมากจริง ๆ

เขาดึงมือของเฉินฮวนฮวนออก จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้ลูบไปบนหลังมือของเธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า : “ผมจะรอคุณกลับมา ถึงตอนนั้น………”

“เฟิงหานชวน คุณนี่มันหน้าไม่อายจริง ๆ !” เฉินฮวนฮวนหน้าแดงด้วยความเขินอาย เธอสะบัดมือของผู้ชายทิ้ง จากนั้นก็พรวดพราดเปิดประตูออกไป

เมื่อเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงที่รีบร้อนวิ่งออกไป เฟิงหานชวนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

ไม่รีบก็ได้ ระยะเวลา 6 วัน ไม่นานเท่าไหร่!

…….

เฉินฮวนฮวนเพิ่งวิ่งมาถึงหน้าบันไดได้ไม่นาน ก็ถูกใครบางคนคว้าแขนไว้

เธอตกใจจนเกือบส่งเสียงร้องออกมา แต่เมื่อหันกลับไปมองและเห็นว่าเป็นหลินอวี่หยาง จึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“หยางหยาง คุณมาทำอะไรตรงนี้?” เฉินฮวนฮวนรีบถามขึ้น

“ผมก็มารอคุณไงครับ! ผมหลบซ่อนตัวจากคนอื่นอยู่เงียบ ๆ” หลินอวี่หยางเงี่ยหูฟังเสียงด้านล่างของบันได ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “เวลานี้คนส่วนใหญ่ต่างก็น่าจะกลับหอพักกันแล้ว เราเองก็ไปกันเถอะ”

“หยางหยาง คุณ…..” เฉินฮวนฮวนตั้งใจจะถือโอกาสตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนถามขึ้นว่า : “คุณรู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเฟิงหานชวนไหม?”

“ไอหยา! ชู่!” หลินอวี่หยางเลื่อนนิ้วชี้ออกไปตรงปากของเฉินฮวนฮวน จากนั้นก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า : “ความสัมพันธ์ของคุณกับเฟิงหานชวนยังเปิดเผยออกไปไม่ได้ เราค่อยกลับไปคุยกันดีกว่า ตอนนี้กลับไปอาบน้ำก่อนเถอะ”

“ก็ได้” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า ทั้งสองคนเดินออกจากตึกเรียนไป

หลังจากที่มาถึงหอพักแล้ว หลินอวี่หยางและเฉินฮวนฮวนก็แยกกันตรงหน้าบันได เฉินฮวนฮวนรีบกลับไปยังหอพักของตัวเอง

ในเวลานี้ มีคนกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ เฉินฮวนฮวนกวาดตามองไปรอบ ๆ พบว่าทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด มีแค่ติงเซียงเท่านั้นที่ไม่อยู่ เธอจึงรู้ว่าติงเซียงกำลังอาบน้ำอยู่ข้างใน

“เฮ้ เฉินฮวนฮวนกลับมาแล้ว?” จ้าวซีลุกขึ้นยืนจากเตียงนอน จากนั้นก็ก้าวขาที่เรียวยาวคู่นั้นไปหาเฉินฮวนฮวนทันที เธอยิ้มเยาะเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า : “เธอไม่ได้เข้าเรียนภาคค่ำ ทำไม หรือว่ากลับไปเก็บกระเป๋ามาใช่ไหม?”

“เก็บกระเป๋า? ทำไม จ้าวซี เธอคิดว่าฉันจะหอบผ้าหอบผ่อนกลับบ้านเหรอ?” เฉินฮวนฮวนอดหัวเราะไม่ได้ จ้าวซีคนนี้พยายามโจมตีเธออย่างไม่ลดละจริง ๆ

“เธอถูกเฟิงหานชวนสั่งสอนทั้งคืน แถมยังร้องไห้ขี้มูกโป่งด้วย ร้องไห้อย่างน่าสงสารขนาดนั้น ก็ควรจะต้องถูกไล่ออกสิ?” น้ำเสียงของจ้าวซีเต็มไปด้วยความอวดเก่ง

ถูกเฟิงหานชวนสั่งสอนทั้งคืน…..ทันทีได้ยินประโยคนี้ เฉินฮวนฮวนกลับไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับยังหน้าแดงระเรื่อด้วย

ประเด็นก็คือ เพราะคำพูดเมื่อสักครู่ของเฟิงหานชวน เธอก็เลยไขว้เขวกับคำพูดของจ้าวซี

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนหน้าแดงโดยไม่พูดอะไร จ้าวซีจึงคิดว่าตัวเองนั้นจี้จุดได้ถูกต้อง ส่วนเฉินฮวนฮวนยังถูกตัวเองมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เพราะความอึดอัดใจและหน้าที่แดงระเรื่อ ในเวลานี้จ้าวซีจึงยิ่งภาคภูมิใจ

“ในเมื่อถูกไล่ออกแล้ว ก็รีบ ๆ ไสหัวไปสิ” จ้าวซีกลอกตาไปมา จากนั้นก็บ่นพึมพำเบา ๆ ว่า : “วันนี้ก็ยังไม่เห็นหลินอวี่หยางมาหาเธอเลยนี่ ดูท่าเขาคงช่วยเธอไม่ได้แล้วละ!”

"เฟิงหานชวน ตอนนี้เป็นฉันเหรอที่ไม่ยอมรับ? ตอนนี้คุณ……" เฉินฮวนฮวนก็ยังพูดไม่จบ นิ้วมือของเขาก็ปิดริมฝีปากเธอไว้ก่อน

เธออยากเอาออก แต่เฟิงหานชวนเอ่ยก่อนว่า "รูปถ่ายนี้ เป็นเรื่องของมุมกล้อง หรือว่าเป็นปัญหาของการจับภาพ ผมให้คนส่งกล้องวงจรในงานมาแล้ว"

"คุณว่าอะไรนะ?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกงง ไม่เข้าใจความหมายของเฟิงหานชวน

เขากำลังอยากบอกว่าเขาไม่มีอะไรกับหลีซืออวิ๋น?

"เดี๋ยวผมให้คุณฟังคลิปเสียงก่อน" เฟิงหานชวนไม่ตอบคำถามของเธอ แล้วล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา

นี่เป็นโทรศัพท์เครื่องสีดำ เป็นโทรศัพท์ของเขาเอง

พอเปิดโทรศัพท์แล้ว เขากดๆที่หน้าจอ จากนั้นจึงมีเสียงของผู้ชายวัยกลางคน

[ประธานเฟิงครับ ความผิดของนายหลินคนนี้เองครับ ผมไม่ควรถ่ายรูปคุณกับคุณหนูหลี หยางหยางยังเด็ก บอกว่าอยากจะเห็นหน้าคุณ แล้วเราก็อยู่ในงานเลี้ยงเดียวกัน ผมเลยแอบถ่ายรูปไปให้หยางหยางครับ แล้วคุณยืนอยู่กับคุณหนูหลีพอดี……ความผิดของผมเองครับ ประธานเฟิงยกโทษให้ผมด้วยนะครับ]

เฉินฮวนฮวนได้ยินคำว่า"นายหลิน" แล้วผู้ชายคนนั้นก็พูดถึงหยางหยาง หรือว่าเขาคือหลินเจี้ยนกั๋วพ่อของหลินอวี่หยาง?

เธอรู้ว่ารูปนั้นหลินเจี้ยนกั๋วเป็นคนถ่ายส่งให้หลินอวี่หยาง แต่ที่เธอคิดไม่ถึงคือ เฟิงหานชวนให้หลินเจี้ยนกั๋วขอโทษ

"เฟิงหานชวน เขาเป็นพ่อของหยางหยาง อายุมากกว่าคุณด้วย คุณทำแบบนี้กับเขา ไม่ค่อยดีมั้ง?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนใจดำมาก

"เขาแอบถ่ายผม คุณจะให้ผมทำยังไงกับเขา? เพราะเห็นว่าเขาเป็นพ่อของหลินอวี่หยาง ผมเลยไม่ได้ทำอะไรเขา" เฟิงหานชวนตอบอย่างอารมณ์เสีย

"ไม่ได้ทำอะไรเขาก็ดี" เฉินฮวนฮวนโล่งอก แต่ก็เห็นว่าที่ไหนผิดปกติ

เธอเงยหน้ามองผู้ชายที่นั่งอยู่หน้าเธอ แล้วถามอีกว่า "เพราะเห็นว่าเขาเป็นพ่อของหยางหยาง?"

"หลินอวี่หยางเป็นเพื่อนคุณ เพราะฉะนั้น ผมเห็นแก่คุณ เลยไม่ได้ทำอะไรหลินเจี้ยนกั๋ว" เฟิงหานชวนพูดตรงๆ

เฉินฮวนฮวนหน้าแดงทันที ความโมโหเมื่อกี้หายไปหมดเลย แต่พอนึกถึงเรื่องของเฟิงหานชวนกับหลีซืออวิ๋น เธอก็เริ่มลนลานอีกครั้ง

"คุณลุงหลินก็แค่ถ่ายรูปคุณ ไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงสักหน่อย" เฉินฮวนฮวนพึมพำ

"ถึงเขาจะทำแค่เรื่องเล็กๆ แต่สำหรับผม มันกระทบกับชีวิตผม แล้วทำให้ภรรยาผมเข้าใจผมผิดด้วย" เฟิงหานชวนเอ่ย

เฉินฮวนฮวนอึ้งเล็กน้อย แล้วจ้องมองเขาตรงหน้า

"เข้าใจผิด?" เธอพูดออกมาอย่างสงสัย

"ฮวนฮวน ผมบอกคุณว่า'ผมไม่มีทางจับปลาสองมือ'หมายความว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมมีแค่คุณ" เฟิงหานชวนจับมือเธอไว้แน่น แล้วถอดมองเธออย่างลึกซึ้ง

ตอนนี้ เฉินฮวนฮวนสงบสติได้แล้ว ไม่ได้ใส่อารมณ์ แบบนี้ก็สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้แล้ว

ไม่งั้น ตอนที่ร้องไห้อารมณ์เสีย เขาไม่มีอารมณ์อธิบายกับเธอเลย

"คุณ……" เฉินฮวนฮวนสบตากับแววตาที่ลึกซึ้งจนเหม่อ จะอ้าปากพูด ไม่รู้เลยว่าควรพูดอะไร

"เมื่อกี้คุณก็ได้ยินแล้ว หลินเจี้ยนกั๋วบอกว่าแอบถ่าย คุณก็น่าจะเข้าใจว่าเขาถ่ายแบบไหน" เฟิงหานชวนพูด แล้วก้มหน้ากดหน้าจอโทรศัพท์ จากนั้นก็ยื่นให้เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนไม่เข้าใจ แต่พอเห็นภาพบนหน้าจอ เหมือนเป็นคลิปวิดีโอ เธอจึงรับโทรศัพท์เขามา วางลงตรงหน้า

คลิปวิดีโอยังไม่เล่น เธอยื่นนิ้วออกไปรีบกดให้เล่น จากนั้นคลิปวิดีโอจึงเริ่มเล่น

นั่นเป็นภาพกล้องวงจรในงานเลี้ยง

เธอเห็นหลีซืออวิ๋นเข้างานก่อน พอทักทายกับคนอื่นแล้ว หันกลับมา จึงเห็นเฟิงหานชวนเข้างานพอดี เธอจึงเดินไปทักทายกับเขา

เพราะกล้องวงจรอยู่ห่าง เฉินฮวนฮวนจึงไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ก็เหมือนคุยกันปกติ จากนั้นหลีซืออวิ๋นก็คล้องแขนเฟิงหานชวน แล้วเดินไปหาสามีภรรยาคู่หนึ่ง

ต่อมา เพราะมุมกล้องวงจรใกล้เคียงกับรูปที่แอบถ่ายมา เฟิงหานชวนยืนอยู่กับหลีซืออวิ๋น แล้วคุยกับคนตรงหน้า ระหว่างนั้นไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร หลีซืออวิ๋นเลยหัวเราะ แล้วเอียงหัว

ทันใดนั้น เฟิงหานชวนก็ยื่นมือมากดหยุดเล่น

พอเฉินฮวนฮวนดู ภาพในตอนนี้ ใกล้เคียงกับในรูปมาก แค่แตกต่างกันเล็กน้อย

ในรูปนั้น หลีซืออวิ๋นคล้องแขนเขา แล้วซบแขนเขา แต่มุมกล้องในคลิปวิดีโอหลีซืออวิ๋นแค่เอียงหัวมาทางเฟิงหานชวน ไม่ได้ซบแขนเขา

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าสงสัย หรือว่าเธอเข้าใจผิดจริงๆ?

เฟิงหานชวนดูสีหน้าเฉินฮวนฮวน ไม่ได้รีบอธิบาย แต่กลับกดเล่นคลิปวิดีโอต่อ

จากนั้น เฉินฮวนฮวนเห็นเฟิงหานชวนดึงมือกลับมา แล้วหลีซืออวิ๋นก็ยืนตัวตรง เปลี่ยนมาจับกระเป๋าแทน ทั้งสองเหมือนออกห่างกัน

เฟิงหานชวนพูดคุยกับแขกตรงหน้าอย่างมีมารยาท จากนั้นก็หันหลังเดินไป ระหว่างนั้นไม่มีท่าทางที่สนิทสนมกับหลีซืออวิ๋นเลย ท่าทางที่สนิทสนมที่สุดก็เป็นแค่ตอนหลีซืออวิ๋นคล้องแขนเขา

พอเล่นคลิปวิดีโอสำคัญจบแล้ว เฟิงหานชวนค่อยเอ่ยว่า "คู่สามีภรรยาที่คุยกับผม เป็นพ่อแม่ของหลีซืออวิ๋น"

"ก็เหมือนที่คุณพูด เพราะเป็นผู้ใหญ่ แล้วเห็นผมโตมาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนก็ดูแลผมไม่น้อย เพราะฉะนั้นหลีซืออวิ๋นเลยพาผมไปทักทายพวกท่าน แล้วผมก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะมารยาท"

"ส่วนเรื่องที่หลีซืออวิ๋นคล้องแขนผม แค่มารยาทในงานเลี้ยง อีกหน่อยผมจะระวัง ไม่ให้ผู้หญิงคนอื่นคล้องแขนผม นอกจากคุณ"

"เนื้อหาที่ผมพูดคุยกับพวกท่าน ก็คือเรื่องคุณ"

เฉินฮวนฮวนแค่รู้สึกว่ามึนๆ ข้อมูลเยอะเกินไปเธอยังรับไม่ได้ จนกระทั่งเธอได้ยินประโยคสุดท้ายที่เขาพูด

"อะไรนะ? เรื่องของฉัน? หมายความว่ายังไง?" เฉินฮวนฮวนเบิกตาโต ถามอย่างตกใจ

"พวกท่านไม่รู้เรื่องที่ผมแต่งงานแล้ว ผมเลยบอก รอตอนที่เราจัดงานแต่ง จะเชิญพวกท่านมาร่วมงาน" เฟิงหานชวนตอบอย่างเรียบนิ่ง แล้วถูหลังมือเธอเบาๆ

จนตอนนี้เฉินฮวนฮวนก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้ ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด?

"เมื่อคืนที่คุณบอกผมว่า ผมปิดบังคุณ อยากให้ผมพูดเองกับปาก ก็คือเรื่องนี้" ตอนนี้อารมณ์เฟิงหานชวนดีผิดปกติ

เพราะว่า เรื่องที่เฉินฮวนฮวนพูดถึง ไม่ใช่เรื่องในบลูส์คลับ เพราะฉะนั้นตอนนี้เฉินฮวนฮวนไม่รู้เรื่องคืนนั้น เขาเลยรู้สึกสบายใจ

"อื้อ……" เฉินฮวนฮวนก้มหน้า พอตอบเสียงเบาแล้ว จึงก้มหน้าลงมากกว่าเดิม

เห็นเธอก้มหน้าแบบนี้ เฟิงหานชวนจึงรู้สึกตลก เขารู้สึกว่าท่าทางที่ยอมรับผิดของเธอ น่ารักมากๆ

"คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมหลีซืออวิ๋นถึงหัวเราะ?" เฟิงหานชวนเข้าไปใกล้เธอ แล้วค่อยเอ่ย

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย ปลายจมูกจึงชนกับของเขาพอดี เธอเลยรีบก้มหน้าใส่เขา

"ฉันไม่รู้" เธอของเธอเบาเหมือนเสียงยุง

"เพราะคุณลุงคุณป้าหลีบอกว่า ไม่คิดเลยว่าผมจะตกอยู่ในมือของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง" เฟิงหานชวนเอียงหัว แล้วพูดใกล้ๆหูเธอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว เธอเบิกตาโตอย่างไม่รู้ตัว วินาทีที่เงยหน้าขึ้น อยากจะพูดอะไรบางอย่าง กลับโดนปิดริมฝีปากไว้ก่อน

คำพูดที่อยากพูดถูกกลืนลงไปในท้อง

ครั้งนี้ เฉินฮวนฮวนไม่ได้ขัดขืน แล้วให้ความร่วมมือ เพราะเธอรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด แล้วในใจก็รู้สึกผิดด้วย ไม่มีหน้ามองหน้าเขาเลย

ทั้งๆที่เฟิงหานชวนเป็นผู้ชายที่ดี แต่เธอเอาแต่เข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนหลายใจ แล้วยังพูดจาแรงๆแบบนั้นอีก แล้วพูดอีกว่าไม่ใช่คนประเภทเดียวกันอยู่ด้วยกันไม่ได้…… ทั้งดูถูกตระกูลเฟิง ทั้งทำร้ายเฟิงหานชวน

พอคิดได้แบบนี้ เฉินฮวนฮวนจึงรู้สึกไม่สบายใจ ลำบากใจมาก

เธอวางมือลงที่แผ่นอกของเขา แล้วออกแรงผลักเบาๆ

เฟิงหานชวนรู้สึกได้ว่าเธอกำลังปฏิเสธเขา จึงรีบปล่อยเฉินฮวนฮวน แล้วรีบถามว่า "ยังไม่เชื่อผมเหรอ?"

"เปล่า เปล่า" เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

"แล้วทำไมต้องผลักผมออก?" เฟิงหานชวนถามอีก

"ฉัน……ฉันแค่อยากขอโทษคุณ ขอโทษนะ เฟิงหานชวน ขอโทษจริงๆ……" เฉินฮวนฮวนก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด

"ทำไมต้องขอโทษผม? รูปถ่ายนั้น ความจริงถ้าผมเห็น ก็จะเข้าใจผิดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องขอโทษผม เราเข้าใจกันก็พอแล้ว" เฟิงหานชวนเอ่ย แล้วยื่นมือไปขยี้ผมเธอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกอบอุ่นใจมาก เธอรู้สึกแสบตา ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เพราะซึ้งใจ

"อาหาน……" เฉินฮวนฮวนพุ่งเข้าอ้อมกอดเขา แล้วใช้มือทั้งสองข้างคล้องคอเขาไว้ น้ำตาก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตา

ได้ยินเธอเรียกเขา จากชื่อเต็ม"เฟิงหานชวน" มาเป็นชื่อเรียกระหว่างกันว่า"อาหาน" เฟิงหานชวนจึงยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ

แต่ที่รอยยิ้มบนใบหน้า เฉินฮวนฮวนไม่เห็น เพราะเธอซบอยู่ในอ้อมกอดเขา แล้วเอาแต่ร้องไห้

เธอเข้าใจเฟิงหานชวนผิดหลายครั้งแล้ว แต่เฟิงหานชวนไม่มีทีท่าโทษเธอเลย แล้วยังอดทนอธิบายกับเธออีก

"เด็กดี!" เฟิงหานชวนลูบศีรษะเธอ แล้วรีบปลอบใจเธอ "ไม่ร้องนะ เดี๋ยวผมจะเป็นห่วง"

"เฟิงหานชวน คำพูดที่คุณเคยพูดเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?" เฉินฮวนฮวนขยี้ตาที่บวมแดง ปล่อยเฟิงหานชวนออกแล้วถามเขาอย่างจริงจัง

"ประโยคไหน?" เฟิงหานชวนถาม

ฉินฟางตกใจจนถอยหลังไปสองก้าว เธอรู้สึกกลัวจนไม่กล้าที่จะยั่วโมโหหลินอวี่หยางอีก

"ออกไปให้พ้นๆจากฉัน" หลินอวี่หยางตะโกนเสียงดัง

ฉินฟางไม่กล้าพูดอะไร ทำเพียงแค่ถอยหลัง คนอื่นๆก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลินอวี่หยางเช่นกัน

"ฮวนฮวน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?" เมื่อเห็นดวงตาสีแดงก่ำของเฉินฮวนฮวน หลินอวี่หยางก็ถอนหายใจแล้วถามด้วยความเป็นห่วง

"ฉันไม่เป็นไร" เฉินฮวนฮวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า: "หยางหยาง พวกเราไปกันเถอะ"

"ฉันจะพาเธอไปที่ที่หนึ่ง" ในขณะที่พูดหลินอวี่หยางก็จับมือเฉินฮวนฮวนแล้วดึงเธอออกไปจากห้องน้ำหญิง

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าหลินอวี่หยางต้องการพาเธอไปที่ไหน จนกระทั่งหลินอวี่หยางลากเธอมาที่หน้าประตูห้องรับรอง เธอขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

เธอหันกลับมาแล้วถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า: "หยางหยาง เธอพาฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?"

"ฮวนฮวน เธอไม่จำเป็นต้องปิดบังฉันแล้ว ฉันรู้หมดแล้ว" น้ำเสียงของหลินอวี่หยางหนักแน่น เธอกล่าวต่อว่า: "เธอคุยกับเฟิงหานชวนก่อน เธอปิดบังฉันและฉันจะชำระบัญชีกับเธอในภายหลัง!"

แม้ว่าน้ำเสียงของหลินอวี่หยางจะหนักแน่น แต่ภายในน้ำเสียงก็ยังคงมีความจับผิด ทั้งยังมีความเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย

หลินอวี่หยางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หลังจากนั้นก็ตบไหล่ของเฉินฮวนฮวนแล้วรีบวิ่งออกไป

เฉินฮวนฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอมองดูหลินอวี่หยางที่หายออกไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นก็เหลือบมองประตูห้องรับรองที่ปิดอยู่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยมากกว่าเดิม

เป็นไปได้ไหมที่เฟิงหานชวนจะป่าวประกาศเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาไปแล้ว? เธอไม่มีเวลาที่จะบอกหลินอวี่หยางด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นแล้วหลินอวี่หยางจะรู้ได้อย่างไร?

เมื่อมองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ เฉินฮวนฮวนก็เม้มริมฝีปากแน่น พอนึกถึงเฟิงหานชวนเธอก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาได้อย่างไร

พวกเขาได้พูดในสิ่งที่ควรจะพูดไปแล้ว และมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงมันอีกในตอนนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินฮวนฮวนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอหันหลังเตรียมที่จะกลับไป แต่เสียงกริ่งของคลาสเรียนสุดท้ายก็ดังขึ้นพอดี

ในขณะเดียวกันเสียงประตูก็ดังขึ้น "กริ๊ก"

เฉินฮวนฮวนหันศีรษะกลับมาโดยไม่รู้ตัวและพบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทของร่างสูงพอดี สีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าตอนที่แยกกันคราวนั้นเยอะเลย ดูไม่มีความเกลียดชังหลงเหลือแล้ว

"ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?" เธอเม้มริมฝีปากและถามออกไป

อีกทางหนึ่งก็คือเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และถ้าเธอหันหน้าหนี ก็จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองหาทางออกไม่ได้

เธอคิดว่าในเมื่อก็จะหย่ากันอยู่แล้ว เป็นการดีกว่าถ้าจะหย่ากันด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน

"รอคุณไง" ร่างสูงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา พร้อมกับยืดแขนออกมาเพื่อโอบเอวของเธอ

ยังไม่ทันที่เฉินฮวนฮวนจะตอบสนอง เธอก็ถูกดึงเข้าไปในห้องรับรอง จากนั้นประตูก็ถูกปิดลงอย่างรวดเร็วและแผ่นหลังของเธอแนบติดกับประตูทันที

ทันใดนั้นประตูห้องทำงานของหนีซวงก็ถูกเปิดออกพร้อมกับหลิวเฟยเฟยที่เดินออกมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา

เนื่องจากห้องพักอยู่ชั้นเดียวกันกับห้องทำงานของหนีซวง มันเป็นเพียงหนึ่งในห้องสุดท้ายและหลิวเฟยเฟยก็บังเอิญได้เห็นฉากที่เฉินฮวนฮวนถูกผู้ชายดึงเข้าไปในห้องรับรองพอดี

อย่างไรก็ตามเธอยังไม่ทันได้เห็นชัดๆเลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่ประตูห้องรับรองก็ถูกปิดไปเสียก่อน

…….

ภายในห้องรับรองนั้นมืดสลัว

และตอนนี้ก็ค่ำแล้ว เฟิงหานชวนไม่ได้เปิดไฟ และมีเพียงแค่แสงไฟจากถนนเท่านั้นที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง

ทั้งสองที่เผชิญหน้ากันเห็นเพียงแค่ใบหน้าของกันและกัน แต่เพราะมันมืดเกินไปเลยทำให้มองเห็นไม่ชัด

เฉินฮวนฮวนรู้สึกอึดอัดที่เธอโดนกักตัวด้วยผู้ชายตรงหน้า เธอไม่เข้าใจว่าเธอตกลงที่จะหย่ากันแล้ว ทำไมเฟิงหานชวนถึงยังทำกับเธอแบบนี้

"คุณ…คุณปล่อยฉันก่อน" เธอเม้มริมฝีปากและเอ่ยออกไป

"ไม่ปล่อย" เฟิงหานชวนก้มหน้าลงไปใกล้กับหูของเธอ ลมหายใจร้อนๆเป่าไปที่หูของเธอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกจั๊กจี้และอึดอัดตรงลำคอของเธอ เธอถามกลับไปว่า: "เฟิงหานชวน คุณ…คุณไม่ได้พูดเหรอว่าคุณจะไม่เหยียบเรือสองลำอีก? แล้วตอนนี้คุณกำลังจะทำอะไร?"

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆเฟิงหานชวนถึงคลุมเครือกับเธอ เธอไม่เข้าใจว่าเฟิงหานชวนคิดอะไร

เป็นไปได้ไหมที่เขาต้องการคบกับหลีซืออวิ๋นและก็ไม่ต้องการที่จะปล่อยเธอไปด้วย?

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เฟิงหานชวนก็คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัวสุดๆ!

"ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร ผมกำลังคุยกับภรรยาของผมอยู่" เฟิงหานชวนไม่ได้ขยับออกห่างจากเฉินฮวนฮวน แถมยังกัดเข้าที่ติ่งหูของเธออย่างซุกซนอีกด้วย

เฉินฮวนฮวนตัวสั่นราวกับกระแสไฟฟ้ากระจายไหลเข้ามาจากหัวจรดเท้า

"เฟิงหานชวน คุณ!" เขาทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกหงุดหงิด เธออดไม่ได้ที่จะด่าออกไป: "คุณมันไร้ยางอาย"

"ผมไร้ยางอายเหรอ?" เฟิงหานชวนรู้สึกขบขัน ฝ่ามือของเขาสอดเช้าไปในชุดยูนิฟอร์มของหญิงสาว

สัมผัสที่เย็นเฉียบทำให้เฉินฮวนฮวนสะดุ้งโหยง เธอจ้องเขม็งและพยายามผลักเฟิงหานชวนออกไป แต่เธอก็ไม่สามารถผลักเขาออกไปได้

"เฟิงหานชวน คุณ….คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ……" เฉินฮวนฮวนร้องไห้ จากเดิมที่ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาก็เริ่มรื้นขึ้นเต็มดวงตา

เพราะว่าแสงไฟมันสลัวเลยทำให้เฟิงหานชวนมองเห็นดวงตาของเฉินฮวนฮวนไม่ชัด แต่ว่าเขาได้ยินเสียงสะอื้นของเธอ

เขาไม่กล้าที่จะแกล้งเล่นต่ออีก จากนั้นเขาจึงรีบปล่อยเฉินฮวนฮวนและเอื้อมมือออกไปเปิดไฟทันที

ห้องสว่างขึ้นมาทันใด

แสงส่องวาบเข้าที่ตาของเฉินฮวนฮวน เธอยกมือขึ้นเพื่อปิดตาของเธอโดยไม่รู้ตัว

การกระทำนี้ยังเป็นการทำให้ตัวเธอไม่ต้องเห็นเฟิงหานชวนอีกด้วย เพราะเธอไม่อยากที่จะเห็นผู้ชายที่ไร้ยางอายคนนี้

"ฮวนฮวน เมื่อกี้ผมแค่แกล้งคุณเล่น" เฟิงหานชวนพูดอย่างกังวล

เขาเห็นเฉินฮวนฮวนที่ยกมือขึ้นมาปิดดวงตาของเธอ ร่างกายของเขากระตุก แน่นอนว่าเธอยังคงร้องไห้อยู่และมันทำให้เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

เขาไม่ควรบังคับเธอ

"บ้า! คุณมันบ้า!" เฉินฮวนฮวนปล่อยมือที่ปิดตาออกและทุบไปที่หน้าอกของร่างสูงสองครั้งและจ้องไปที่ชายตรงหน้าของเธอด้วยความโกรธพร้อมกับดวงตาที่บวมและแดง

"ฮวนฮวน คุณสงบสติอารมณ์และฟังผมอธิบายก่อน" เฟิงหานชวนพูดอย่างจริงจัง

แต่เฉินฮวนฮวนกำลังจะบ้าตายด้วยความโกรธ เธอไม่ต้องการฟังเฟิงหานชวนพูดอีกต่อไป เธอหันหลังกลับด้วยความโกรธและเฟิงหานชวนก็ไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้ ทำได้เพียงแต่กอดเธอไว้

"ปล่อยฉัน คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้…" เฉินฮวนฮวนสะบัดขาของเธออย่างดิ้นรน เธอไม่กล้าที่ตะโกนเสียงดังเกินไปเพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน

เธอถูกเฟิงหานชวนอุ้มและปล่อยลงที่โซฟา นั่นทำให้เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้งเพราะเธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนต้องการที่จะทำอะไรกับเธอบางอย่างในห้องรับรอง เขาถึงได้อุ้มเธอมาวางไว้บนโซฟา

"เฟิงหานชวน แต่ก่อนฉันคิดว่าคุณจะเป็นคนดี แต่ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้….." เธอบ่นและร้องไห้ไปด้วย

เฟิงหานชวนนั่งลงตรงหน้าของเธอ เขาจับมือเธอแน่นแล้วพูดว่า: "คุณใจเย็นๆก่อน ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ"

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนร้องไห้สะอึกสะอื้นและน้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้ม เฟิงหานชวนก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ เขายื่นมือออกไปเพื่อเช็ดน้ำตาให้กับร่างบาง

แต่เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นมือของเขาที่ยื่นออกมา เธอก็รีบหันหน้าหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสของร่างสูงทันที

มือของเฟิงหานชวนลอยเคว้งอยู่ในอากาศ เขาไม่อยากเห็นสถานการณ์ที่เป็นเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบพูดออกไปว่า: "ฮวนฮวน ผมต้องการอธิบายเรื่องที่เข้าใจผิดให้ชัดเจนกับคุณ"

ฮวนฮวนไม่ตอบและยังคงหันหน้าหนี

"ดูสิ ภาพนี้ใช่ไหม?" เฟิงหานชวนยกโทรศัพท์มือถือขึ้นและหน้าจอหันไปทางเฉินฮวนหวน

เฉินฮวนฮวนเหลือบมองที่หน้าจอโทรศัพท์และเห็นภาพของเฟิงหานชวนกับหลีซืออวิ๋น แถมโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเฟิงหานชวนก็ยังเป็นของหลินอวี่หยางอีกด้วย

เพราะเคสโทรศัพท์ของหลินอวี่หยางเป็นรูปเป็ดน้อยสีเหลืองที่ดูตลก เธอรู้ดี

"ทำไมคุณถึงมีโทรศัพท์ของหยางหยาง?" เฉินฮวนฮวนถามด้วยความประหลาดใจ

อย่างไรก็ตามทันทีที่เธอถามเสร็จ เธอนึกถึงเรื่องที่หลินอวี่หยางลากเธอเข้ามาที่ห้องรับรอง แถมหลินอวี่หยางก็รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวนอีก

ดังนั้นจึงต้องเป็นเฟิงหานชวนที่บอกหลินอวี่หยางเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขาแล้วขอโทรศัพท์มือถือจากหลินอวี่หยางมาแน่ๆ

"เฟิงหานชวน ฉันเห็นภาพนี้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเอามาให้ฉันดูอีก" เฉินฮวนฮวนหันหน้าหนีอีกครั้ง เธอไม่ต้องการเห็นเฟิงหานชวนหรือดูภาพนี้อีก

เมื่อมองไปยังท่าทางของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา

เขายกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนไม่มีอะไรและถามว่า: "ฮวนฮวน คุณหึงเหรอ?"

"หึง?" เฉินฮวนฮวนหันหน้ามองไปที่เฟิงหานชวนอีกครั้ง และยิ้มเยาะ: "เฟิงหานชวน ในที่สุดตอนนี้ฉันก็เข้าใจสิ่งหนึ่งแล้ว จริงๆแล้วถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวยังไงก็ไม่มีสิทธิได้เข้าไปในบ้าน"

"อะไรนะ?" เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย

"ทั้งนายท่านเฟิงและเฟิงเฉินเหยี่ยน คนหนึ่งคือคนที่หลายใจและเลือกปฏิบัติและฉันเห็นมันด้วยตาของฉันเอง และอีกคนก็มีเรื่องอื้อฉาวและมีข่าวในเชิงลบ ซึ่งฉันคิดว่าคุณแตกต่าง คุณสร้างรูปลักษณ์ที่ทุ่มเทแบบนั้นมาก่อนและฉันก็ยังคงเชื่อ! "

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินฮวนฮวนก็หัวเราะกับตัวเอง

"…" เฟิงหานชวนไม่ได้คาดหวังว่าในขณะที่เขาไล่ตามภรรยาของเขา แต่จะกลับถูกพ่อและหลานชายของเขาทำให้เสียเวลาแบบนี้

อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างออก ไม่เพียงแต่เขาจะไม่รู้สึกโกรธ เขายังถามกลับไปว่า: "ฮวนฮวน ตามที่คุณพูดคุณคือคนของตระกูลเฉิน หรือว่าคุณไร้ยางอายเหมือนกับเฉินเจี้ยนหมินและเฉินซินโหรว?"

"เฟิงหานชวน!" เฉินฮวนฮวนสำลัก เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะโต้กลับเธอแบบนี้

"คิดให้รอบคอบ คุณนั่นแหละที่เป็นคนที่ไร้ยางอาย" เฟิงหานชวนพูดอย่างหงุดหงิด

"ฉันไร้ยางอายเหรอ? ฉันจะไร้ยางอายแบบคุณได้อย่างไร" เฉินฮวนฮวนเพียงรู้สึกว่าอวัยวะภายในร่างกายของเธอกำลังจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธ

"คุณสัญญาว่าจะเป็นภรรยาของผม และคุณเริ่มที่จะนอนกับผมก่อน ทำไมตอนนี้จะหย่าแล้วถึงไม่อยากที่จะยอมรับมันล่ะ?" เฟิงหานชวนเลิกคิ้วและดูเหมือนจะเผยให้เห็นถึงความไม่ละอายใจ

เฉินฮวนฮวนพูดไม่ออกในทันที และเธอรู้สึกว่าเธอกับเฟิงหานชวนไม่ได้ไปในทางเดียวกันเลย

มันเป็นเรื่องของเขาไม่ว่าเธอจะนอนกับเขาหรือไม่? เห็นได้ชัดว่ามันพูดถึงการเหยียบเรือสองลำของเขา!

"ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากยอมรับ แต่คุณ…" เฉินฮวนฮวนถูกผู้ชายคนนี้ขัดจังหวะก่อนที่เธอจะพูดจบ

"ในเมื่อคุณต้องการยอมรับ คุณก็จะไม่ได้รับอนุญาตได้ขอหย่าอีกในอนาคต"

เฟิงหานชวนนึกย้อนสิ่งที่พวกเขาคุยกันเมื่อคืน

ระหว่างนั้น เฉินฮวนฮวนไม่พูดถึงบลูส์คลับเลย แค่เอาแต่ถามว่าเขามีผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า ยังพูดถึงหลีซืออวิ๋นด้วย

เพราะเขามีแค่เฉินฮวนฮวนคนเดียว เลยไม่ค่อยใส่ใจ แค่คิดว่าตัวเองไม่ได้มาหาเธอเป็นอาทิตย์แล้ว เฉินฮวนฮวนเลยน้อยใจ

แต่เมื่อวานก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะไป เธอถามเขาว่ามีอะไรปิดบังเธอหรือเปล่า เขาเลยคิดว่าเธอพูดถึงเรื่องบลูส์คลับคืนนั้น แต่พอมาคิดดูดีๆ กลับไม่ใช่

"ฮวนฮวน คุณบอกผมมา เกิดเรื่องอะไรกันแน่? ผมกับหลีซืออวิ๋น เราไม่เคยคบกัน" อยู่ๆเฟิงหานชวนก็ควบคุมสติ แล้วเอ่ยถามเธออย่างใจเย็น

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่า ถ้าไม่ใช่เห็นรูปนั้นกับตาตัวเอง แล้วเฟิงหานชวนตั้งใจอธิบายแบบนี้ เธอต้องเชื่อแน่ๆ

แต่ว่า ในรูปนั่น หลีซืออวิ๋นคล้องแขนเฟิงหานชวน ศีรษะเธอซบแขนเขา ท่าทางทั้งสองเหมือนเป็นแฟนกันมาก

เป็นแค่เพื่อนจริงๆเหรอ?

"อาทิตย์ก่อน คุณกับหลีซืออวิ๋นไปร่วมงานเลี้ยง ใช่ไหม?" เฉินฮวนฮวนสบตาเขา แล้วถามอย่างกล้าหาญ

ในเมื่อเฟิงหานชวนไม่อยากบอก งั้นเธอก็ต้องถามให้แน่ใจ

เดิมที ความจริงเธอหวังว่าเฟิงหานชวนจะเป็นคนบอกเธอเอง

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วตอบว่า "ใช่ คุณรู้ได้ยังไง?"

ช่วงเวลานั้น เฉินฮวนฮวนถูกขังอยู่ในที่ฝึกอบรม ทำไมถึงรู้เรื่องที่เขาไปร่วมงานเลี้ยง?

"ในงานเลี้ยง พวกคุณเป็นคู่ออกงานกัน ท่าทางพวกคุณสนิทสนม เหมือนเป็นแฟนกัน พวกคุณเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆเหรอ?" เฉินฮวนฮวนถอนหายใจ แล้วเอ่ยว่า "ความจริง คุณพูดออกมาก็ไม่เป็นไรหรอก ก่อนที่ฉันจะแต่งงานกับคุณ พวกคุณคงคบกันตั้งนานแล้ว?"

"ไม่งั้น เขาเพิ่งกลับมา พวกคุณค่อยคบกัน คงไม่ได้พัฒนาเร็วขนาดนั้น"

"หรือว่า พวกคุณอาจจะห่างกันไป พอเขากลับมา พวกคุณเลยคืนดีกัน?"

ตามที่พูดไป เป็นแค่การคาดเดาของเฉินฮวนฮวน เธอรู้สึกว่าเธอเดาหนึ่งในนั้นถูก

เฟิงหานชวนจึงรู้สึกผิดปกติ เขารีบตอบว่า "คุณรู้ได้ยังไงว่าผมกับหลีซืออวิ๋นไปร่วมงานเลี้ยง แล้วรู้ได้ยังไงว่าท่าทางของผมกับเขาสนิทสนมกัน? ฮวนฮวน ไม่เห็นกับตาอย่าหลงเชื่อ อย่าโดนคนอื่นหลอก"

"ฉันเห็นกับตา มีรูปถ่าย" เฉินฮวนฮวนพูดออกมาอย่างไม่ลังเล

"รูปถ่ายอะไร? มุมถ่ายรูปแบบไหน? ถ้าคุณเข้าใจผมผิดเพราะรูปถ่ายรูปเดียว ผมเอากล้องวงจรทั้งงานเลี้ยงมาให้คุณดูได้" เฟิงหานชวนลุกขึ้น มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า แล้วเดินไปทางหน้าต่าง

เขาเปิดหน้าต่าง แล้วสูดอากาศสดชื่นเข้าปอด เพื่อลดความอัดอั้นใจ

ถ้าเขาเอาบุหรี่มาด้วย ตอนนี้อาจจะอยากสูบก็ได้

ไม่ว่าตอนนี้เขาจะทำอะไร เฉินฮวนฮวนก็คงไม่เชื่อใจเขา

"เฟิงหานชวน รูปถ่ายนั้น……" เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เธอหันหลังไป มองแผ่นหลังของเขา แต่กลับหยุดพูด

เธอฟังออก เฟิงหานชวนหมายความว่าเธอเข้าใจเขาผิด แต่รูปถ่ายนั่น เธอไม่รู้สึกว่าเธอเข้าใจเขาผิด

แล้วอีกอย่าง เขาก็ไม่ได้อธิบายกับตัวเอง เหมือนคนที่ทำผิดคือเธออย่างนั้น

"ฉันรู้ ในแง่มุมของคุณ ไม่จำเป็นต้องอธิบายกับฉัน ฉันก็แค่ภรรยาที่นายท่านซื้อกลับมาให้คุณ" น้ำเสียงเธอทุ้มต่ำ แล้วพูดออกมาอย่างเรียบนิ่ง จากนั้นก็หันเดินไปทางประตู

"ฮวนฮวน"

วินาทีที่เธอจับด้ามประตู เสียงที่ทุ้มต่ำของเขาจึงดังขึ้น

ตอนที่เฉินฮวนฮวนหันหน้ากลับไป เฟิงหานชวนก็หันมาพอดี ระยะห่างของทั้งสองคือทั้งห้องรับรอง คนหนึ่งอยู่ที่หน้าต่าง อีกคนอยู่ที่ประตู แล้วอยู่ตรงข้ามกันพอดี

"เฟิงหานชวน ฉันแค่รู้สึกว่า…… ถ้าคุณคบกับหลีซืออวิ๋นจริงๆ เขาเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลหลี เป็นคุณหนูผู้ดี จะยอมอยู่กับคุณอย่างไม่มีตำแหน่งได้ยังไง" เฉินฮวนฮวนรู้สึกแสบตา เสียงก็เริ่มสะอึกสะอื้น "ฉันจะไม่ตอแยคุณ ถ้าคุณจะหย่า ฉันจะตกลงทันที"

"แต่ว่า ฉันไม่อยากให้คุณจับปลาสองมือ แบบนี้ไม่ยุติธรรมกับเขา"

ในโลกของเธอกับเฟิงหานชวน เธอไม่มีสิทธิ์ขอให้เฟิงหานชวนรักเดียวใจเดียว ไม่มีสิทธิ์ขอให้เขาทิ้งหลีซืออวิ๋น เธอไม่มีสิทธิ์อะไรเลย……

สิทธิ์เดียวที่เธอมีก็คือ ตกลงหย่า แล้วคืนตำแหน่งภรรยาเฟิงหานชวนให้หลีซืออวิ๋น

"ผมไม่มีทางจับปลาสองมือ" เฟิงหานชวนมองเธอ แล้วพูดเสียงเข้ม

พอเฉินฮวนฮวนได้ยินคำนี้แล้ว รู้สึกเหมือนใจตัวเองหยุดเต้น

เขาบอกว่า ไม่มีทางจับปลาสองมือ งั้นก็แสดงว่า เขาจริงใจกับหลีซืออวิ๋นคนเดียว?

"ได้ ฉันเข้าใจแล้ว รอฉันฝึกอบรมเสร็จ งั้นเราก็……" เฉินฮวนฮวนยังพูดไม่จบ ก็เห็นเขาเดินมาทางเธอ

เขาหยุดลงตรงหน้าเธอ แล้วจับตัวเธอติดผนัง เธอรู้สึกว่าอากาศลดน้อยลง

"คุณเข้าใจอะไร?" เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว น้ำเสียงมีความโมโห

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น สบตากับเขาที่กำลังโมโห เธอจึงรีบหลบสายตา พูดเสียงเบาว่า "ฉันเข้าใจความหมายของคุณแล้ว"

"เฉินฮวนฮวน คุณเข้าใจความหมายอะไรของผม?" เสียงของเฟิงหานชวนแอบแฝงไปด้วยการบีบคั้น

"ฉัน……" พอเฉินฮวนฮวนโดนเขาดุ จึงรู้สึกน้อยใจ เธอกัดริมฝีปากเอ่ยว่า "ฉันเข้าใจที่คุณบอกว่าจะไม่จับปลาสองมือ แล้วอยากจะหย่ากับฉัน อีกหน่อยคุณจะได้ไปดูแลหลีซืออวิ๋น"

"เฉินฮวนฮวน คุณอยากให้ผมเป็นบ้าเหรอ!" เฟิงหานชวนจิกผมตัวเองแรงๆ แล้วพูดออกมาอย่างโมโห

"ฉันจะหย่ากับคุณ อีกแค่หกวัน คุณไม่ต้องใจร้อน!" เฉินฮวนฮวนร้องไห้แล้วพูดออกมา จากนั้นก็ดันหน้าอกเขาออกแรงๆ

เฟิงหานชวนถอยหลังไปโดยที่ไม่ทันตั้งตัว เขายังไม่รู้สึกตัว เธอก็เปิดประตูห้อง แล้ววิ่งออกไปแล้ว

……

พอเธอวิ่งไปถึงชั้นสอง ได้ยินเสียงคลาสตอนดึก เลยหยุดฝีเท้าลง

ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้ ไปเรียนไม่ได้ ไม่งั้นคนอื่นต้องคิดว่าเธอมีอะไรกับเฟิงหานชวนแน่นอน

ยังไงอีกหกวันเธอก็จะหย่ากับเฟิงหานชวนแล้ว งั้นเธอก็ต้องปิดบังความสัมพันธ์นี้ไว้ ต้องไม่ให้คนอื่นรู้

เฉินฮวนฮวนจึงไปหลบที่ห้องน้ำหญิง เพราะรู้สึกไม่โอเคมาก เธอจึงแอบร้องไห้ในห้องน้ำ

ห้องข้างๆ จ้าวซีได้ยินเสียงร้องไห้ของเฉินฮวนฮวน จึงทำหน้าดีใจ จากนั้นค่อยแอบออกไปจากห้องน้ำ

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่ามีคนเพิ่งออกไป เธอจมอยู่กับความเศร้าของตัวเอง จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงกริ่งดัง

เธอรีบเช็ดน้ำตา แล้วรีบออกจากห้องน้ำ เธอยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ แล้วใช้น้ำเย็นทำให้ตัวเองสงบสติอารมณ์

เพิ่งเช็ดหน้าเสร็จ กำลังจะเดินออกไป แต่กลับมีกลุ่มผู้หญิงมาล้อมรอบอยู่ในห้องน้ำหญิง

คนแรกคือจ้าวซี แล้วยังมีคนอื่นอีก ส่วนใหญ่จะเป็นห้องสี่ของพวกเธอ

"พวกเธอจะทำอะไร?" เฉินฮวนฮวนมองพวกเธอ ทำสีหน้าไม่เข้าใจ

"จ้าวซี เธอพูดถูก เฉินฮวนฮวนเพิ่งร้องไห้ ตายังบวมแดงอยู่เลย" คนที่พูดคือฉินฟาง ปกติไม่ถูกคอกับเฉินฮวนฮวน

ใจเฉินฮวนฮวนสั่น เธอมองไปที่จ้าวซี ขมวดคิ้วถามว่า "จ้าวซี เธอไปพูดอะไรกับพวกเธอ?"

"ฮ่าฮ่าฮ่า……" จ้าวซีหัวเราะเสียงดัง แล้วเอ่ยว่า "ฉันไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย! ก็แค่พูดว่า เธอแอบชอบเฟิงหานชวน แต่กลับโดนคนอื่นสั่งสอน แล้วมาแอบร้องไห้ในห้องน้ำ!"

เฉินฮวนฮวนหมดคำพูด เธอสูดจมูก แล้วตอบว่า "ที่ฉันร้องไห้ไม่เกี่ยวกับเฟิงหานชวน เธออย่าพูดมั่วๆ"

"จะไม่เกี่ยวได้ยังไง? เธออวดเก่งมากเลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมพอโดนเฟิงหานชวนพาตัวไปแล้ว กลับร้องไห้น่าสงสารแบบนี้ล่ะ?" จ้าวซีมั่นใจว่าเฉินฮวนฮวนต้องหาเรื่องเฟิงหานชวนถึงโดนเรียกตัวไป แล้วต้องโดนเขาสั่งสอนด้วย

แต่ทำอะไรให้เฟิงหานชวนโกรธ ตอนนี้เธอเดาว่าเป็นเรื่องของซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟย เพราะเฟิงหานชวนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของหวาเถิง เพราะเฉินฮวนฮวนป่าวประกาศเรื่องเสียๆหายๆของรายการ ก็เลยพาตัวไปสั่งสอน

ไม่งั้น ถ้ารู้สึกดีกับเฉินฮวนฮวนจริง เฉินฮวนฮวนคงได้ใจมากๆ จะมาแอบร้องไห้ในห้องน้ำได้ยังไง

"เพราะฉะนั้น พวกเธอก็เลยมาที่ห้องน้ำ เพื่อมาดูฉันร้องไห้?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกตลก

"แน่นอน!" ฉินฟางกอดอกไว้ เดินไปต่อหน้าเฉินฮวนฮวนแล้วเชิดคางขึ้น พูดอย่างดูถูกว่า "ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่พาแกไปคือเฟิงหานชวน แกร้องหรือไม่ร้องไห้เกี่ยวอะไรกับฉัน!"

เฉินฮวนฮวนไม่รู้จะตอบยังไง แค่เหลือบมองเธออย่างเย็นชา กำลังจะเดินอ้อมเธอ แต่ฉินฟางกลับจับแขนเธอไว้ก่อน

"เฉินฮวนฮวน แกจะหนี? แกยังไม่ได้พูดเลย เฟิงหานชวนสั่งสอนแกยังไง?" ฉินฟางรีบเอ่ยถาม

เพราะจ้าวซีรู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นใคร แต่ก่อนหน้านั้นโดนหลินอวี่หยางขู่ไว้ เธอเลยไม่กล้าพูด แล้วตอนนี้เฟิงหานชวนเปิดเผยตัวตนเอง เธอเลยบอกกับทุกคน

ตอนนี้ คนทั้งห้องสี่รู้เรื่องเฟิงหานชวนแล้ว รู้ชื่อของเฟิงหานชวนด้วย

เพราะฉะนั้น ฉินฟางเลยพูดชื่อเฟิงหานชวนออกมาตรงๆ แล้วเธอก็ชอบเฟิงหานชวนด้วย เหมือนรักแรกพบกับเขา เพราะผู้ชายแบบนั้นใครจะไม่รักล่ะ?

"ฉันไม่จำเป็นต้องตอบเธอ" เฉินฮวนฮวนสะบัดมือฉินฟางออก แววตาเยือกเย็นมาก

"แก……" ฉินฟางโมโห ชี้หน้าเฉินฮวนฮวนพูดว่า "ตอนนี้เราอยู่กันเยอะขนาดนี้ แกอยากหนี ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก! ไม่บอกเรื่องเฟิงหานชวน แกก็อย่าคิดจะไปจากห้องน้ำนี่!"

"อีกอย่าง ฉันเตือนแกไว้เลย ฉันไม่ใช่หลินอวี่หยาง อย่าคิดว่าแกจะใช้ไม้ถูพื้นได้อีก"

ตอนที่ฉินฟางพูดคำนี้จบ ที่หน้าประตูจึงมีเสียงดังขึ้นมาว่า "ก็แกไม่ใช่หลินอวี่หยางไง เพราะตอนนี้หลินอวี่หยางมาแล้ว!"

ฉินฟางเบิกตาโต แล้วหันมองไปที่ประตูห้องน้ำ

หลินอวี่หยางเดินเข้ามา ผมสั้นของเธอดูชิลล์มาก เธอเดินมาตรงหน้าฉินฟาง แล้วตบหน้าฉินฟาง

"ใครอนุญาตให้แกมาดักฮวนฮวนของเรา? คนของฉันแกก็กล้ายุ่ง?" หลินอวี่หยางตะคอกเสียงดัง

“ไล่ออกเดี๋ยวนี้ อย่ามาพูดไร้สาระ”

เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชาและจับมือเฉินฮวนฮวนเดินออกจากโรงอาหาร

โรงอาหารขนาดใหญ่ก็เงียบไปทันที จากนั้นทุกคนก็โต้เถียงกัน ราวกับหม้อเดือดที่กำลังจะระเบิด

“เกิดอะไรขึ้น ผู้ชายคนนั้นพาเฉินฮวนฮวนออกไป?”

“เขายังจับมือของเฉินฮวนฮวนด้วย หรือว่าพวกเขาจะรู้จักกัน?”

“เชี่ย อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนเฉินฮวนฮวน พระเจ้า!”

“เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้ปกป้องเฉินฮวนฮวนเลย ไม่ดูเหมือนแฟนสักนิด หรือว่าจะพาเฉินฮวนฮวนไปตักเตือน?”

“จริงด้วย เขาเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหวาเถิงไม่ใช่เหรอ? ก็คงไปตักเตือนเฉินฮวนฮวนแหละ!”

“ใช่ใช่ใช่ คงเป็นอย่างนั้น เขามีสิทธิ์ไล่ครูซวนออก เขาคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทหวาเถิง”

“เป็นไปไม่ได้ที่เฉินฮวนฮวนจะเป็นแฟนเขา มิฉะนั้น ทำไมถึงไม่มีสิทธิพิเศษอะไรเลย?”

ทุกคนกำลังพูดคุยกันไม่หยุด แต่หลินอวี่หยางและติงเซียงยืนบื้ออยู่ที่เดิม

ในเวลานี้ เฉินเสี่ยวอวี่เพื่อนร่วมห้องของหลินอวี่หยาง วิ่งเข้ามาจับมือเธอแล้วถามว่า: "หยางหยาง เธอรู้จักผู้ชายคนนั้นใช่ไหม? เขาเป็นใครกันแน่? เมื่อกี้เหมือนเธอเรียกเขาว่าอาเฟิง?"

“จริงด้วย หยางหยาง เหมือนเรียกเฟิงกับชวนอะไรสักอย่าง เป็นชื่อของเขาหรือเปล่า? เขารู้จักกับเฉินฮวนฮวนเหรอ?” จางถิงถามด้วยความสงสัย

หลินอวี่หยางขมวดคิ้วและสีหน้าตกใจบนใบหน้าของเธอ เธอโบกมือและกล่าวว่า: "พวกเธอสองคนเงียบๆหน่อย ให้ฉันสงบสติอารมณ์ก่อน"

ติงเซียงได้สติกลับมา และอดไม่ได้ที่จะถามว่า: "หยางหยาง ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเฟิงหานชวนรู้จักเฉินฮวนฮวน?"

ติงเซียงรู้จักตัวตนของเฟิงหานชวนมาก่อน เพราะหลินอวี่หยางเคยพูดถึงเขา แต่เมื่อเห็นตัวจริงอีกครั้งในวันนี้ มันรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เธอเกือบจะสูญเสียจิตวิญญาณ

"เป็นไปไม่ได้ ฮวนฮวนไม่รู้จักเฟิงหานชวนอย่างแน่นอน แต่ว่า… " หลินอวี่หยางเหยียดมือออกและเกาศีรษะพูดอย่างสงสัย: "แต่ว่าฉันไม่เข้าใจ ทำไมเฟิงหานชวนถึงพาฮวนฮวนออกไปคนเดียว?"

“หยางหยาง เธอรู้จักเฟิงหานชวน ถ้างั้นเธอตามไปดูสิ” ติงเซียงพูดอย่างหมดความอดทน เธออยากรู้ว่าเฟิงหานชวนพาเฉินฮวนฮวนออกไปมันเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้ รอให้ฮวนฮวนกลับมาดีกว่า ฉันไม่กล้า…” หลินอวี่หยางส่ายหัวทันที

ติงเซียงอดสงสัยไม่ได้ เพราะหลินอวี่หยางเป็นคนที่กล้าหาญไม่เคยกลัวอะไรมาก่อน แต่ทำไมถึงกลัวเฟิงหานชวน?

“เฟิงหานชวนน่ากลัวมากเหรอ?” ติงเซียงถามอีกครั้ง

“ไม่ใช่ว่าน่ากลัว แค่รู้สึก…เป็นคนน่าขนลุก ฉันไม่กล้าคุยกับเขาเยอะ” เป็นเรื่องยากที่หลินอวี่หยางจะแสดงด้านกลัวออกมา

ติงเซียงก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เธอรู้สึกราวกับว่ามดนับพันกำลังคืบคลานอยู่ในใจ เธออยากรู้ว่าเฟิงหานชวนจะพูดอะไรกับเฉินฮวนฮวน

ถ้าทั้งสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพราะความปั่นป่วนของคุณนายซวน ทำให้เฉินฮวนฮวนบังเอิญเข้าตาเฟิงหานชวน งั้น… ติงเซียงไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้

เพราะเธอตกหลุมรักเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนพาเฉินฮวนฮวนไปที่ห้องรับรอง

ห้องทำงานของหนีซวงกำลังจะจัดการกับเรื่องของซวนเลี่ยง ดังนั้น เฟิงหานชวนจึงไม่พาเฉินฮวนฮวนไปที่ห้องทำงานของหนีซวง

มาถึงห้องรับรอง เฟิงหานชวนปิดประตู แล้วดึงเฉินฮวนฮวนไปที่โซฟา กดไหล่ของเธอ บังคับให้เธอนั่งลง

“คุณพาฉันมาที่นี่คนเดียว คุณต้องการจะพูดอะไร?” ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนนิ่งมาก และเสียงของเธอก็สงบ

สำหรับความห่างเหินของเธอ เฟิงหานชวนได้เตรียมใจมาพร้อมแล้ว หลังจากที่เฉินฮวนฮวนรู้เรื่องเกี่ยวกับบลูส์คลับในคืนนั้น เธอไม่ร้องไม่โวยวายก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

“รอผมสักครู่” หลังจากที่เฟิงหานชวนพูดคำเหล่านี้ เขาก็เปิดประตูอีกครั้งและออกจากห้องรับรอง

เมื่อมองไปที่ประตูสีน้ำตาลที่ปิดอยู่ เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าเฟิงหานชวนพาเธอมาที่นี่แล้วออกไป มันหมายความว่าอะไร?

อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่ารอเขาสักครู่ เขาก็คงจะกลับมา

เฉินฮวนฮวนก้มหน้า มองรองเท้าของเธอ ตกอยู่ในความงุนงง

ไม่นาน ประตูก็เปิดออก ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่องยาเล็กๆ

เขาวางกล่องยาลงบนโต๊ะ จากนั้นนั่งยองๆต่อหน้าผู้หญิง หยิบยาออกจากกล่องยา บีบยาสีขาวออกมา แล้วทาบนแก้มของผู้หญิง

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเย็นที่แก้มของเธอ และการเคลื่อนไหวที่อ่อนโยนของชายคนนั้น ทำให้เธอตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว ไม่ขยับ นั่งนิ่งอย่างเชื่อฟัง ปล่อยให้เฟิงหานชวนทายาบนแก้มที่บวมของเธอ

“ผู้หญิงท้องคนนั้นเป็นคนตบ?” เขาถามช้าๆด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“ไม่ใช่” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวเบาๆ: “คุณนายซวนแค่ดึงผมของฉัน”

“ซวนเลี่ยง? หรือหลิวเฟยเฟย?” เขาถามอีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงครู่หนึ่งและถามโดยไม่รู้ตัว: "คุณรู้ได้อย่างไร?"

หลังจากถามเธอก็นึกถึงสิ่งที่หนีซวงพูดกับเธอ เธอเม้มปากแล้วกล่าวว่า:“ครูหนีเป็นคนบอกคุณสินะ”

“อืม” เฟิงหานชวนตอบ จากนั้นปิดฝายา แล้วใส่ลงในกล่องยา

“คราวหน้าฉันจะไม่ทำเรื่องวุ่นวายพวกนี้อีก จะไม่รบกวนคุณให้ต้องมาที่นี่ คุณบอกครูหนีด้วยว่าเธอไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องของฉันกับคุณ” เฉินฮวนฮวนละสายตาจากเขา พูดน้ำเสียงที่แผ่วเบา

เหมือนเด็กที่ทำผิด

และเฟิงหานชวนเป็นเหมือนพ่อที่ถูกครูใหญ่เรียกมาที่โรงเรียน

“ผมรู้ว่าคุณทำเพื่อเฉินเฟยหยางเลยทำเรื่องแบบนั้นใช่ไหม?” เฟิงหานชวนยังคงนั่งยองอยู่ตรงหน้าเฉินฮวนฮวน เสียงของเขานุ่มนวลและจับมือ เฉินฮวนฮวนด้วยมือทั้งสองข้าง

“อืม” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าโดยไม่ปฏิเสธ

เธอไม่สนใจเรื่องของซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟยอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะความเข้าใจผิดที่คิดว่าซวนเลี่ยงไล่เฉินเฟยหยางออก เธอคงไม่โกรธจนฟ้องเรื่องของพวกเขาทั้งสอง

จากนั้น มันก็กลายเป็นสถานการณ์เช่นนี้

“คุณชอบเขาเหรอ? ” แม้ว่าเฟิงหานชวนถามด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย แต่เสียงของเขาเบา ราวกับว่ากำลังพยายามควบคุมอารมณ์

“ไม่ใช่แน่นอน!” เฉินฮวนฮวนรีบปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว ขมวดคิ้วและถาม: “ทำไมคุณถึงถามคำถามนี้?”

เธอรู้สึกงงงันอธิบายไม่ถูก

“คุณปกป้องเฉินเฟยหยาง เขาถูกไล่ออก คุณก็กังวลมาก เพื่อเขาคุณถึงกับทำให้หนีซวงขุ่นเคือง” ดวงตาของเฟิงหานชวนหรี่เล็กน้อยและน้ำเสียงของเขาแสดงความหึงหวง

แต่เฉินฮวนฮวนรู้สึกเพียงว่าเฟิงหานชวนเหมือนกำลังสอบปากคำ เธอเม้มปากแล้วกล่าวว่า: “ฉันรู้ว่าฉันยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ คุณกังวลว่าฉันจะนอกใจคุณ ฉันเข้าใจ แต่ฉันไม่ได้ชอบเฉินเฟยหยางจริงๆ”

“ฉันปกป้องเขา ฉันมีเหตุผลของฉัน คืนนั้นเขารอส่งฉันกลับ ก็เลยเห็นเหตุการณ์ของซวนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟยพร้อมฉัน”

“เขาถูกไล่ออกตอนเที่ยงกะทันหัน ฉันคิดว่าซวนเลี่ยงเป็นคนทำ ฉันรู้สึกว่ามันเป็นความผิดของฉันที่ทำให้เฉินเฟยหยางถูกไล่ออก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยความโกรธ”

หลังจากอธิบายเรื่องนี้แล้ว เฉินฮวนฮวนก็เผชิญหน้ากับใบหน้าเคร่งขรึมของผู้ชาย เธอรู้สึกเจ็บปวดในใจและพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรสร้างความเดือนร้อนให้คุณ”

เหตุผลที่เฟิงหานชวนมาหาเธอคงเป็นเพราะหนีซวงบอกเขาเรื่องของเธอ จากการคำนวณนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เพียงสร้างปัญหาให้กับเฟิงหานชวน แต่ยังทำให้เฟิงหานชวนมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี

สำหรับภาพลักษณ์ที่ไม่ดีนี้ หนีซวงอาจคิดว่า เฟิงหานชวนไม่มีศักดิ์ศรี ผู้หญิงที่เขาเลี้ยงดูมาทำเรื่องน่าอายข้างนอก

“ทำไมต้องมาขอโทษผม?” เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและกล่าวว่า: “คนที่ต้องขอโทษ ควรเป็นผม”

เขาไม่เข้าใจ เฉินฮวนฮวนตอนนี้ดูสงบ ไม่เหมือนตอนรู้ความจริงในคืนนั้นเลย

ตอนนี้ เขาสงสัยว่าสิ่งที่เฉินฮวนฮวนพูดกับเขาเมื่อคืน หมายถึงบลูส์คลับในคืนนั้น?

หรือมันหมายถึงอย่างอื่น?

“เฟิงหานชวน คุณไม่ได้ทำอะไรผิด! ทำไมคุณต้องขอโทษฉัน?” เฉินฮวนฮวนมองดูสีหน้าที่ผิดปกติของผู้ชาย การแสดงออกที่งงงวยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

เธอเม้มริมฝีปาก หลับตาลงเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า: "ฉันเป็นคนทำให้ภาพลักษณ์ของคุณเปื้อน และฉันสร้างปัญหาให้กับคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน…"

“อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องมาหาฉัน อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ เราแสร้งทำเป็นไม่รู้จักฉัน แบบนี้พฤติกรรมของฉันจะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณ” หลังจากคิดแล้วคิดอีก เฉินฮวนฮวนก็เพิ่มคำอีกสองสามคำ

แต่หลังจากที่เธอพูดจบ ใบหน้าของผู้ชายก็บูดบึ้งมากขึ้น

เฉินฮวนฮวน คิดว่าเฟิงหานชวนโกรธ เธอหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าเพื่อกล่าวต่อ: “ถ้าคุณคิดว่ามันยังไม่เพียงพอ เมื่อการฝึกของฉันจบลง ฉันจะไปที่สำนักงานเพื่อขอหย่ากับคุณ แบบนี้คุณกับหลีซืออวิ๋นจะได้เปิดตัวได้อย่างเต็มที่"

“เฉินฮวนฮวน มันเกี่ยวอะไรกับหลีซืออวิ๋น? เธอเป็นแค่เพื่อนของผม ผมเคยอธิบายให้คุณแล้ว คุณเอาเธอมาเป็นข้ออ้าง ก็เพราะอยากไปจากผมใช่ไหม?” เฟิงหานชวนตอนนี้รู้สึกหงุดหงิด โมโห ลุกขึ้นยืน มองผู้หญิงที่นั่งอยู่บนโซฟา

เฉินฮวนฮวนตกตะลึง

เป็นแค่เพื่อนของเขา?

เขายอมรับว่าอยู่กับหลีซืออวิ๋นแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงปฏิเสธ?

“คุณบอกผมมาตรงๆเถอะ ว่าทำไมคุณถึงอยากไปจากผม? ถ้าเหตุผลของคุณสมเหตุสมผล ผมจะปล่อยคุณไป” เฟิงหานชวนพยายามสงบอารมณ์ของเขา เขาต้องการทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน

เขาคิดว่าเมื่อคืนเฉินฮวนฮวนเย็นชาใส่เขา เพราะเธอรู้ความจริงเกี่ยวกับคืนในบลูส์คลับ แต่ในตอนนี้ เขาก็รู้สึกว่าไม่ใช่ ดังนั้นเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ก่อน แต่ถามไปอ้อมๆ

“คุณยอมรับแล้วไม่ใช่เหรอ? เราคุยกันแล้วว่าจะคุยเรื่องนี้ตอนฉันออกจากค่ายฝึกไม่ใช่เหรอ?” เฉินฮวนฮวนก็สงสัยเช่นกัน

เฟิงหานชวนนั่งบนโต๊ะ เผชิญหน้ากับเฉินฮวนฮวน เขาจับมือผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาแล้วกล่าวว่า:"เมื่อคืนผมแค่ไม่อยากทะเลาะกับคุณ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น"

“เมื่อกี้ฉันพูดไปแล้ว เรื่องที่คุณอยู่กับหลีซืออวิ๋นฉันรู้แล้ว แต่ว่า ฉันไม่เข้าใจทำไมคุณต้องปฏิเสธ?” เฉินฮวนฮวนไม่เข้าใจ

คือเขา!

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทำไมเขาถึงมาที่นี่?

หรือว่า เขามาหาเธอ?

“คุณ…คุณเป็นใคร!” คุณนายซวนชี้ไปที่เฟิงหานชวน น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ

แค่เห็นหนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่คนนี้ต่อหน้าเธอ ก็รู้สึกว่ามีรังสีทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวอยู่รอบตัวเธอ ทำให้เธอไม่กล้าโวยวายต่ออีก

“เฟิงหานชวน! ลุงเฟิง!” หลินอวี่หยางผลักติงเซียงออกวิ่งตรงไปทางเฟิงหานชวน คว้ามือของเขาทันที แล้วพูดอย่างเร่งรีบว่า: “ฉันเป็นเพื่อนของเฟิงเฉินเหยี่ยน ฉันชื่อหลินอวี่หยาง พ่อของฉันคือหลินเจี้ยนกั๋ว คุณรีบช่วยเพื่อนฉันเร็ว"

ชั่วขณะที่หลินอวี่หยางเห็นเฟิงหานชวน มีเพียงความคิดเดียวในใจของเขาก็คือหวังว่าเฟิงหานชวนจะช่วยเฉินฮวนฮวนได้

“ผมรู้จักคุณ คุณหลิน” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเย็นชา เขาเหลือบมองที่มือของหลินอวี่หยางเบาๆ

หลินอวี่หยางรีบดึงมือกลับ เกาหัวและพูดว่า "นี่คือเพื่อนของฉันเฉินฮวนฮวน หญิงตั้งครรภ์คนนี้ตบตีคนไปเรื่อย คุณช่วยจัดการให้ฮวนฮวนด้วย!"

“เธอหยุดวุ่นวายได้แล้ว!” คุณนายซวนตะโกนใส่หลินอวี่หยาง หลังจากจ้องมองเธออย่างดุดัน แล้วก็จ้องไปที่เฟิงหานชวนและถามว่า: “คุณเป็นใครกันแน่? มีสิทธิ์อะไรมาไล่สามีของฉันออก? สามีของฉันได้ลงนามทำสัญญากับหวาเถิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แล้ว!”

“อีบ้า แกมันอีบ้าแน่ๆ!” หลินอวี่หยางชี้ไปที่คุณนายซวน ในหัวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอผู้หญิงบ้าสมองพิกลพิการเช่นนี้

หลังจากดุด่าคุณนายซวน หลินอวี่หยางปล่อยเธอไปและเดินไปอีกด้านหนึ่งของเฉินฮวนฮวน รีบช่วยนวดหัวของเธอและถามว่า "เจ็บไหม?"

“ฉันไม่เป็นไร” เฉินฮวนฮวนส่ายหัว จากนั้นถอดที่คาดผมแล้วคลี่ผมออก

แม้ว่าหนังศีรษะจะเจ็บนิดหน่อย แต่เธอเป็นเด็กดีที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ เธอไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอของเธอต่อหน้าใครๆ

เธอต้องแข็งแกร่ง ต้องยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ไม่มีใครเอาชนะเธอได้นอกจากตัวเธอเอง

“คุณพูดมา ทำไมคุณถึงไม่พูด” คุณนายซวนเห็นสายตาของเฟิงหานชวนมองที่ร่างของเฉินฮวนฮวน อีกทั้งยังเก็บซ่อนความเป็นห่วง เฉกเช่นเดียวกับสายตาที่เธอมองซวนเลี่ยง

เธอพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “เชอะ ฉันไม่คิดว่าคุณมีคุณสมบัติที่จะไล่สามีฉันออก คุณแค่ต้องการช่วยผู้หญิงเหม็นเน่าคนนี้!”

ผู้หญิงเหม็นเน่าที่เธอพูดแน่นอนว่าหมายถึงเฉินฮวนฮวน

เมื่อได้ยินคำดูถูกของคุณนายซวนที่ยิ่งพูดยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ เฉินฮวนฮวนกำลังคิดจะเปิดปากบอกให้หยุดพูด แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของชายหนุ่ม

ข้างๆหู เสียงดั่งแม่เหล็กที่ดึงดูดแถมแทรกด้วยความโกรธ "ผมไม่ตบตีหญิงตั้งครรภ์ ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่สั่งสอนคุณ"

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ เธอตกตะลึง เธอหันศีรษะอีกครั้งและเห็นความเย็นยะเยือกบนใบหน้าของเฟิงหานชวน รังสีรอบตัวเขาเหมือนจะสามารถแช่แข็งคนรอบข้างได้

“สั่งสอนฉัน แกเป็นใครกันแน่ แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน?” คุณนายซวนมือเท้าเอว ดูไม่มีเมตตาไร้ความปราณีไม่สมกับลักษณะคนที่เป็นแม่คนเลย

เฟิงหานชวนหัวเราะเยาะและพูดอย่างเฉยชาว่า: คุกเข่าลงและขอโทษเธอ ไม่เช่นนั้นซวนเลี่ยงไม่เพียงจะถูกไล่ออก ยังต้องจ่ายค่าผิดสัญญาสามเท่าและถูกฆ่าปิดปาก

“อะไรนะ!?” สีหน้าของคุณนายซวนเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจและปากของเธอก็เริ่มสั่น

“ถ้าคุณอยากยืนยันตัวตนและคุณสมบัติของผม งั้นผมจะให้หวาเถิงไล่ซวนเลี่ยงออกเดี๋ยวนี้” เฟิงหานชวนเหลือบมองที่นาฬิกาของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมให้เวลาคุณสามสิบวินาที”

“ตุบ” เสียงคุณนายซวนคุกเข่าลงกับพื้น ทุกคนมองเธอด้วยความประหลาดใจ

รวมถึงเฉินฮวนฮวนก็ตกใจด้วย

เธอยังไม่ทันคืนสติ ข้อเท้าก็ถูกมืออวบอิ่มทั้งสองข้างของคุณนายซวนจับไว้ ได้ยินเพียงแค่คุณนายซวนร้องไห้พูดว่า: “ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย คุณเฉิน ฉันผิดไปแล้ว เห็นแก่ครรภ์ที่แก่ของฉัน โปรดยกโทษให้ฉันด้วย "

"……" เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วขณะมองคุณนายซวนที่คุกเข่าขอความเมตตาจากเธออยู่ที่พื้น

เมื่อเผชิญหน้ากับคุณนายซวน เธอพูดไม่ออกเลยสักคำ

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่พูด คุณนายซวนจับมือเธอขึ้นมาบนศีรษะของเธอ น้ำเสียงของเธอวิตกกังวลอย่างมาก: “คุณเฉินถ้าคุณไม่หายโกรธคุณก็ดึงผมของฉัน! ได้โปรดอย่าไล่สามีฉันออกเลยนะ ได้โปรดหล่ะ…”

“คุณนายซวน รีบปล่อยมือเถอะ ฉันไม่จำเป็นต้องดึงผมหญิงตั้งครรภ์อย่างคุณ และฉันก็เป็นเพียงเด็กฝึก ไม่มีคุณสมบัติที่จะไล่สามีของคุณออก” เฉินฮวนฮวนรู้สึกไร้คำพูด

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนกล่าวดังนั้น คุณนายซวนก็คุกเข่าลงอีกครั้งต่อหน้าเฟิงหานชวน โขกศีรษะเพื่อขอความเมตตา: "สุภาพบุรุษผู้นี้ ได้โปรดอย่าไล่สามีของฉันออกเลย ได้โปรด…"

เฟิงหานชวนเหลือบมองผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความรังเกียจ จากนั้นหันไปมองเฉินฮวนฮวน ดวงตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

เขาพูดว่า "คุณเฉิน มากับผมสักครู่"

เฉินฮวนฮวนหันศีรษะของเธอกลับมาทันที สบตากับชายหนุ่มอีกครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้เธออ่านความห่วงใยที่มีต่อเธอจากสายตาของเฟิงหานชวนออก?

รวมทั้งสิ่งที่เขาทำเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาออกตัวแทนเธอ เธอไม่เข้าใจความหมายของเฟิงหานชวน

“ฉัน?” เฉินฮวนฮวนแปลกใจเล็กน้อย

เมื่อครู่เฟิงหานชวนบอกว่า "คุณเฉิน มากับผมสักครู่ หมายถึงให้เธอไปคุยกับเขาตามลำพัง?

เขาเรียกเธอว่าคุณเฉิน…… หรือกะว่าจะหย่ากับเธอ? กลับสู่ความสัมพันธ์ปกติ?

“หลิวเหม่ย! คุณทำอะไรอยู่!”

ในเวลาเดียวกันนี้ มีเสียงข่มดังอึกทึกขึ้นในโรงอาหาร

ทันทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มร่างเตี้ยและอ้วนเล็กน้อยก็ตรงดิ่งเข้ามา เขาคือซวนเลี่ยง

“อาเลี่ยง คุณมาแล้ว!” เมื่อเห็นซวนเลี่ยงมา หลิวเหม่ยลุกขึ้นยืนอย่างดีใจ จับมือของซวนเลี่ยงแล้วพูดว่า “อาเลี่ยง ฉันช่วยขอร้องเจ้านายคนนี้ของคุณ ให้เขาเก็บคุณไว้ ไม่ไล่คุณออก!"

หลิวเหม่ยก็คือชื่อของคุณนายซวน

ซวนเลี่ยงเหลือบมองเฟิงหานชวน สีหน้าโกรธเคืองและชี้ไปที่เขาแล้วถามว่า: “คุณเป็นใคร! คุณไม่ใช่คนระดับสูงของหวาเถิง คุณมีคุณสมบัติอะไรที่จะมายุ่งเรื่องของผม?”

ตอนเขาเข้ามาเมื่อครู่ ก็เห็นหลิวเหม่ยคุกเข่าที่พื้นและรู้สึกอายทันที รวมถึงสิ่งที่เขาได้ยินและสถานการณ์ตอนนี้ คนฉลาดอย่างเขาก็สามารถวิเคราะห์ได้ทันทีว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเมื่อสักครู่นี้

“อะไรนะ? เขาไม่ใช่เถ้าแก่ของหวาเถิงเหรอ? เมื่อครู่เขาบอกกับฉันว่าถ้าไม่คุกเข่าขอโทษ เขาจะไล่คุณออก รวมทั้งให้คุณจ่ายค่าปรับ บอกอีกว่าจะตามเก็บคุณ!” เมื่อได้ยินว่าเฟิงหานชวนไม่ใช่เถ้าแก่ของหวาเถิง หลิวเหม่ยรีบกระทืบเท้า

เสียงดัง "เพี๊ยะ" หลิวเหม่ยเพิ่งพูดจบก็ถูกตบอย่างแรง

ทันใดนั้น ทุกคนถอนหายใจ

แม้แต่เฉินฮวนฮวนก็เพิ่งเจอกับสถานการณ์บ้าบอเช่นนั้น เมื่อเห็นเข้าก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

ซวนเลี่ยงตบภรรยาของเขาอย่างแรงต่อหน้าคนจำนวนมาก และยังเป็นภรรยาที่กำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง

หลิวเหม่ยท้องใหญ่ เมื่อครู่ไม่ว่าเธอจะหาเรื่องอย่างไร ไม่มีใครลงมือกับเธอ แต่ตอนนี้คนแรกที่ลงมือ ก็คือสามีที่หลิวเหม่ยปกป้องในทุกวิถีทาง——ซวนเลี่ยง

“คุณมันนังตัวดีที่ไม่รู้จักชั่งใจ คุณมาทำอะไรที่ฐานฝึก? คุณยังคิดว่าตัวเองขี้เหร่ไม่พอ มาทำให้ผมอับอายขายหน้าหรือ” ซวนเลี่ยงโกรธมากจริงๆ

เขาถูกเด็กฝึกดูหมิ่นเพราะเกิดเรื่องชู้สาวกับหลิวเฟยเฟยขึ้น ตำแหน่งและเกียรติของครูที่ปรึกษาของเขาลดน้อยลง แต่ตอนนี้เพราะหลิวเหม่ยสร้างเรื่อง เขาจึงไม่มีหน้าพบใครแล้วจริงๆ

“ก็เพราะคุณ ซวนเลี่ยง คุณเอาแต่พูดว่าคุณรักฉัน แต่คุณกลับไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นลับหลังฉัน! บ้าจริง! คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของฉันไหม? ฉันกังวลว่าชื่อเสียงของคุณจะเสียหาย เลยมาสั่งสอนคนที่รายงานคุณ ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อคุณ! " หลังจากที่หลิวเหม่ยถูกซวนเลี่ยงตบ ไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ ยังอธิบายให้ซวนเลี่ยงตลอด

เฉินฮวนฮวนเห็นสถานการณ์แบบนี้ เธอหมดคำพูดแล้วจริงๆ

ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอทำเพื่อภรรยาของซวนเลี่ยงเพราะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม กำลังตั้งท้องคนที่สองแต่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากสามี ดูๆไปแล้วเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้เองก็เป็นพวกชอบถูกทารุณ

ตอนนี้คิดๆไปแล้ว เธอไม่ควรขุดเรื่องของซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟยออกมาอย่างหุนหันพลันแล่น ทำให้เกิดปัญหามากมายขนาดนี้

ไม่ว่าอย่างไร ถ้าย้อนกลับไปอีกครั้ง เวลานั้นได้ยินว่าเฉินเฟยหยางถูกไล่ออก แค่เธอคิดว่าซวนเลี่ยงเป็นคนทำ เธอจะต้องขุดเรื่องนี้ออกมาพูดอยู่ดี

“พอแล้ว! อย่ามาทะเลาะกับฉัน ตอนนี้มันใช่เวลาที่เราจะมาทะเลาะกันหรือ?” ซวนเลี่ยงตะโกนใส่หลิวเหม่ย แล้วจ้องเฟิงหานชวนอย่างดุร้าย: “คุณเป็นใครกันแน่? มีสิทธิ์อะไรให้ภรรยาของผมคุกเข่า! คุณต้องขอโทษภรรยาผม !"

ที่ซวนเลี่ยงทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาต้องการปกป้องภรรยาของเขา แต่เพื่อหน้าตาของเขาเอง

ภรรยาของตนเองคุกเข่าขอโทษคนอื่น ทุกคนเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว เขาจะเอาหน้าไปไว้ไหน?

เมื่อได้ยินคำขู่ของซวนเลี่ยง ใบหน้าของเฟิงหานชวนยังคงเย็นยะเยือกเช่นเดิม เพียงแค่หัวเราะอย่างเย็นชา

ในสายตาเขามองว่าซวนเลี่ยงเป็นตัวตลก ช่างน่าขันสิ้นดี

เฟิงหานชวนไม่ได้คิดจะสนใจเขา แต่คว้าข้อมือของเฉินฮวนฮวน และพูดกับเธอว่า "มากับฉัน"

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงครู่หนึ่ง เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะจับมือเธอต่อหน้าผู้คนมากมาย

หลินอวี่หยางก็ตกตะลึง แต่เธอตอบสนองเร็วคืนสติแล้วถามอย่างรวดเร็วว่า: "ลุงเฟิง คุณจะพาฮวนฮวนไปไหน"

“ไม่ใช่ธุระของเธอ” เฟิงหานชวนเหลือบมองหลินอวี่หยาง

หลินอวี่หยางเส้นยึดตัวตึง ตกใจเกินกว่าจะพูดอะไร เพียงคิดว่ารังสีของเฉินหานชวนช่างน่ากลัว

ขณะที่เฟิงหานชวนดึงเฉินฮวนฮวนเดินไปข้างหน้า ซวนเลี่ยงพุ่งไปด้านหน้าพวกเขาและขวางทางเดินของพวกเขาไว้

“อยากหนีหรือ? ไม่มีทางผมจะโทรหาหนีซวงเดี๋ยวนี้!” ซวนเลี่ยงตะโกน ขณะที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเขาก็ขู่เฟิงหานชวนว่า: “ให้เธอจับตัวคนที่ปลอมตัวเป็นเถ้าแก่ของหวาเถิงอย่างคุณไป! "

“ไม่ต้องโทร ฉันมานี่แล้ว” เสียงทรงพลังของหนีซวงดังขึ้น รวมกับความโกรธที่ซ่อนอยู่ภายใน และเดินตรงดิ่งไปหาพวกเขา

ซวนเลี่ยงเปลี่ยนจากใบหน้าบูดบึ้งเป็นใบหน้ายิ้มแย้ม เขายิ้มแฉ่งและพูดกับหนีซวงว่า: “ผู้อำนวยการหนี ที่นี่มีผู้ชายปลอมตัวเป็นเจ้านายของหวาเถิง แถมยังโกหกภรรยาของผมว่าให้ผมคืนเงินค่าปรับ เราจะจัดการปัญหานี้อย่างไร? ต้องแจ้งตำรวจไหม?”

ซวนเลี่ยงมองไปที่เฟิงหานชวนและเห็นว่าเขาจับมือเฉินฮวนฮวน เขารู้สึกว่าชายคนนี้ต้องเป็นชายชู้ที่ตั้งใจมาช่วยออกหน้าแทนเฉินฮวนฮวน

ยังคิดที่จะข่มขู่เขา? ไม่มีทาง!

“แจ้งตำรวจบ้าบออะไรของคุณ!” หนีซวงตะโกนใส่ซวนเลี่ยง เธอถูกซวนเลี่ยงทำให้โกรธมาก

ซวนเลี่ยงถูกหนีซวงตะโกนใส่และตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

“ซวนเลี่ยง นี่คุณตาบอดเพราะถูกผายลมใส่หรือไง? คุณรู้ไหมว่าคนที่คุณล่วงเกินคือใคร” หนีซวงสั่งสอนซวนเลี่ยงและพูดว่า “เขาคือ…”

เธอแค่จะอ้าปากพูด แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเยือกเย็นว่า: "ไล่เขาออกไป ไม่ต้องพูดมาก"

เมื่อเลิกเรียนในตอนเย็น หลินอวี่หยางเห็นใบหน้าข้างหนึ่งของเฉินฮวนฮวนแดงก่ำ

“ฮวนฮวน หลิวเฟยเฟยตบหน้าเธอใช่ไหม?” หลินอวี่หยางกัดฟันและม้วนแขนเสื้อขึ้น มองหาหลิวเฟยเฟยอย่างอุกอาจเพื่อเอาคืน

"หยางหยาง ตอนฮวนฮวนพัก หลิวเฟยเฟยมาหาฮวนฮวนเพื่อชำระแค้น ฮวนฮวนออกมาจากห้องทำงานของครูกู้ หลิวเฟยเฟยก็เข้ามาตบ!" ช่วงนี้ติงเซียงประจบประแจงหลินอวี่หยาง เธอจึงพูดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดออกมา

เป็นเพราะเฉินฮวนฮวน ความสัมพันธ์ของติงเซียงและหลินอวี่หยางจึงดีขึ้นมาก ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสามแน่นแฟ้น มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ

“ฉันไม่เป็นไร หลิวเฟยเฟยอาจจะแย่กว่านี้” เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ห้ะ ฮวนฮวน หน้าที่แดงก่ำทั้งสองข้างของหลิวเฟยเฟย เธอเป็นคนตบเหรอ?” หลินอวี่หยางตระหนักถึงบางสิ่ง

“ใช่ ไม่งั้นเธอคิดว่าใครล่ะ? เธอตบฉันก่อนหนึ่งครั้ง ฉันเลยตบกลับสองครั้ง” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ

“ฉันยังคิด คิดว่าเธอถูกซวนเลี่ยงตบซะอีก” หลินอวี่หยางหัวเราะทันทีและกล่าวว่า: “ในเมื่อฮวนฮวนได้แก้แค้นแล้ว งั้นเราก็อย่าไปสนใจเธอเลย ตอนนี้ฉันแค่เห็นหน้าเธอก็อยากอ้วกแล้ว”

“ไปกันเถอะ ไปกินข้าวกัน” เฉินฮวนฮวนไม่อยากพูดถึงเรื่องของหลิวเฟยเฟยอีก ชวนหลินอวี่หยางและติงเซียงไปที่โรงอาหาร

ปรากฏว่า ไม่อยากเจอคนไหน ก็มันจะเจอคนนั้น

พวกเธอเจอหลิวเฟยเฟยที่ทางเข้าโรงอาหาร ใบหน้าของหลิวเฟยเฟยทั้งสองข้างแดงและบวม ผมและใบหน้าของเธอเปียก ดูเหมือนถูกคนสาดน้ำใส่

ช่วงเวลาที่หลิวเฟยเฟยเห็นเฉินฮวนฮวน ดวงตาของเธอจ้องจนแทบจะทะลุออกมา แต่เธอไม่ได้พูดอะไร บีบกำปั้นของเธอและเดินไปที่หอพัก

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หลินอวี่หยางว่าจะสั่งสอนหลิวเฟยเฟยสักหน่อย แต่เมื่อเห็นท่าทางที่น่าอับอายของหลิวเฟยเฟย ก็เกิดความสงสัยขึ้นบนใบหน้า

“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เข้าไปดูไหม?” เฉินฮวนฮวนก็สงสัยเช่นกัน

เมื่อเดินเข้าไป พบว่ามีผู้หญิงท้องโตคนหนึ่ง ในมือถือถังน้ำ ผมรุงรัง และหอบอยู่ตลอดเวลา

“เธอมาแล้ว! คนนี้แหละ!” ใครบางคนตะโกน: “เธอเป็นคนฟ้องเรื่องของครูซวนกับหลิวเฟยเฟย!”

หลังจากเสียงดังกล่าวดังขึ้น ผู้หญิงท้องโตก็หันกลับมามองเฉินฮวนฮวน พยุงท้องของเธอเดินไปหาเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนรู้คำตอบในใจแล้ว เธอได้ยินมาว่าภรรยาของซวนเลี่ยงกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง หลิวเฟยเฟยเพิ่งถูกน้ำสาด ผู้หญิงท้องโตคนนี้ก็กำลังถือถังน้ำ

ดังนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็คือภรรยาของซวนเลี่ยง

“เธอคือเฉินฮวนฮวน? เธอเป็นคนฟ้องเรื่องของสามีฉันกับผู้หญิงเลวคนนั้นเหรอ?” ผู้หญิงตั้งท้องหน้าซีด เหงื่อออกที่หน้าผาก และมีผมสองสามเส้นติดอยู่บนใบหน้าของเธอ ทำให้ท่าทางเธอดูน่าอับอาย

“ใช่ค่ะ คุณคือคุณนายซวน?” เฉินฮวนฮวนถาม

“ใครอนุญาตให้เธอฟ้องเรื่องของสามีฉัน!” ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องเสียงดัง จ้องไปที่เฉินฮวนฮวนด้วยดวงตาที่โกรธแค้น

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหูของเธอเกือบจะหูหนวก

“คุณตะโกนอะไร?” เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้คลั่ง หลินอวี่หยางตะโกนใส่เธอโดยตรง: “สามีของคุณทำเรื่องผิดศีลธรรม มีคนฟ้องแล้วทำไมต้องขออนุญาต?”

“ฉันกำลังท้อง สามีของฉันไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นแล้วทำไม? เธอมีสิทธิ์อะไรไปฟ้องเขา ทำให้เขามีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับผู้บริหารระดับสูง เธอมีสิทธิ์อะไร!” ผู้หญิงคนนั้นไม่สนใจหลินอวี่หยาง และยังคงพูดต่อ ตะโกนใส่เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงในทันที เธอ… เธอกำลังเจอกับคนแปลกประหลาดอะไรเนี่ย?

สามีนอกใจ ภรรยายังมาช่วยหาความยุติธรรม?

มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?

“เชี่ย บ้าไปแล้ว!” หลินอวี่หยางอุทานออกมา ใบหน้าของเธอตกตะลึงอย่างมาก

คนอื่นๆก็เช่นกัน ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน

พวกเธอรู้แค่ว่าครูซวนมีภรรยาแล้ว และภรรยาของเขากำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นครอบครัวที่รักกันมาก พวกเขาไม่คิดว่าภายในจะซับซ้อนขนาดนี้

“คุณนายซวน คุณควรไปพบจิตแพทย์นะ” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างใจเย็น

“คนเลว! เธอมันคนเลว! ฉันว่าเธอคงอ่อยสามีฉันไม่สำเร็จ ก็เลยจงใจทำลายสามีฉัน!” ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องและเธอก็เอื้อมมือออกไปดึงผมเปียของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะ ตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ปล่อยฮวนฮวน ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!” หลินอวี่หยางรีบจับมือผู้หญิงคนนั้น แต่ผู้หญิงคนนั้นดึงผมเปียของเฉินฮวนฮวนอย่างดื้อดึง

เฉินฮวนฮวนก็ดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา แต่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์ เธอไม่สามารถเตะผู้หญิงคนนั้นได้ ดังนั้น เธอทำได้เพียงดึงมือของผู้หญิงคนนั้นออกไป

แต่ผู้หญิงคนนี้เหมือนคนบ้า ราวกับจะฉีกหนังศีรษะเธอออก

ท่ามกลางผู้คนที่มองดู ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างระมัดระวัง คนส่วนใหญ่ก็มองดูพวกเขา ราวกับว่ากำลังดูความตื่นเต้น

ยกเว้นหลินอวี่หยางและติงเซียง ไม่มีใครเข้ามาช่วย

หลินอวี่หยางอยากเตะหญิงตั้งครรภ์ แต่ถูกติงเซียงดึงไว้ ในขณะนี้ก็มีแต่เฉินฮวนฮวนและหญิงตั้งครรภ์ที่กำลังออกแรงสู้กัน

“ปล่อยฉัน ฉันจะไปช่วยฮวนฮวน!” หลินอวี่หยางดิ้นรนภายใต้การดึงของติงเซียง

“หยางหยาง ใจเย็นๆ อีกฝ่ายเป็นหญิงตั้งครรภ์ กำลังท้อง เธอใช้ความรุนแรงไม่ได้” ติงเซียงเตือนอย่างรวดเร็ว

เฉินฮวนฮวนขัดขืนและกล่าวว่า: "หยางหยาง ฉันไม่เป็นไร อย่าหุนหัน"

จากนั้นเธอก็พยายามที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่กำลังท้องโต

“คุณนายซวน คุณรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณยังอยากให้สามีคุณมีที่ยืน คุณไม่ควรมาสร้างปัญหาที่นี่”

“คนเลว ฉันจะไม่ฟังคำพูดคนเลวแบบเธอ! กล้าฟ้องสามีฉัน อยากทำลายคู่สามีภรรยาของเรา อยากให้สามีของฉันเสียเงิน ฉันจะไม่ปล่อยเธอ!” คุณนายซวนดึงผมเปียของเฉินฮวนฮวนแรงขึ้น

เนื่องจากเธอเป็นหญิงตั้งครรภ์ เฉินฮวนฮวนจึงไม่กล้าทำอะไรกับเธอ ยกเท้าขึ้นและเตะเข่าของเฉินฮวนฮวนอย่างแรง

“โอ้ย –” เฉินฮวนฮวนถูกเตะโดยไม่ทันตั้งตัว คุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรงด้วยความเจ็บปวด

"ฉันต้องการให้เธอคุกเข่าขอโทษสามีฉัน!"

หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้อง เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น

“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นซวนเลี่ยงจะถูกไล่ออก”

เมื่อคุณนายซวนได้ยิน เธอก็หยุดการเคลื่อนไหวในมือทันทีและมองไปทิศทางของเสียง คนอื่นๆก็หันไปมองเช่นกัน

เห็นแค่คนร่างสูงเดินมาทางพวกเขา เขาสวมสูท พอดีกับตัว แต่เมื่อมองขึ้นไป ใบหน้าของเขาก็มืดมน ราวกับว่าเขาเป็นซาตานที่เพิ่งออกมาจากนรก

“โอ้พระเจ้า! คือเขา คือเขา!”

“ผู้ชายที่เจอวันก่อน หล่อมาก เขาเดินมาแล้ว หน้าตรงเขาหล่อมาก”

“จบแล้วจบแล้ว ฉันกำลังจะเป็นบ้า ฉันจะตายอยู่แล้ว!”

“เขาเป็นใคร เขาเป็นใครกันแน่… ทำให้ฉันตะลึงจริงๆ…”

คนส่วนใหญ่เป็นเด็กฝึกหญิง เมื่อทุกคนเห็นเฟิงหานชวน พวกเธอกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น

ขณะที่คุณนายซวนตกตะลึง เฉินฮวนฮวนก็สะบัดมือเธอออก จับผมของตัวเอง แล้วหันศีรษะ…

ทันใดนั้น เธอก็พบกับดวงตามืดมนคู่หนึ่ง

เมื่อต้องเผชิญกับคำพูดมากมายของหนีซวง เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้ตกใจมากจนเกินไป

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องเจอกับคนแบบนี้ เธอเคยพบคนที่ไร้ยางอายมากกว่าหนีซวงซะอีก

นอกจากนี้ หนีซวงทำไปก็เพื่อทีมงานรายการ เพื่อบริษัท เธอสามารถเข้าใจได้

“อาจารย์หนี ฉันอยากถามคุณเรื่องเดียว คุณต้องพูดความจริงกับฉัน” สีหน้าของเฉินฮวนฮวนจริงจังมาก

“เธอพูดมา” หนี่ซวงยืนจนเหนื่อยแล้วนั่งลงบนโซฟาอีกครั้งอย่างเกียจคร้าน

“เรื่องที่เฉินเฟยหยางถูกไล่ออก ไม่เกี่ยวข้องกับซวนเลี่ยงจริงหรือ?” เธอแค่อยากรู้ความจริงของเรื่องนี้

“อย่างที่ฉันเคยพูด ไม่เกี่ยวอะไรกับซวนเลี่ยงจริงๆ คุณคิดว่าซวนเลี่ยงเป็นเพียงที่ปรึกษาที่ต่ำต้อย จะสามารถแทรกแซงการเลิกจ้างบุคลากรในบริษัทได้หรือ” หนีซวงตอบโดยไม่ลังเล

คราวนี้เฉินฮวนฮวนเชื่อแล้ว แต่เช่นเดิม ก็มีคำถามอีกข้อผุดขึ้นในใจเธอ

หรือที่เฉินเฟยหยางถูกไล่ออก เกี่ยวข้องกับเฟิงหานชวนจริงๆ? ไม่อย่างนั้น ทำไมหนีซวงถึงพูดเหมือนบอกใบ้แบบนั้น?

อย่างไรก็ตาม เฟิงหานชวนไม่รู้จักเฉินเฟยหยางซะหน่อย ทำไมต้องไล่เฉินเฟยหยางออกด้วย?

“อาจารย์หนี เฉินเฟยหยางถูกไล่ออกเป็นความต้องการของเฟิงหานชวนหรือ?” เฉินฮวนฮวนถามออกมาตรงๆ

หนีซวงตกใจ เธอไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนแกล้งโง่หรือเปล่า หรือไม่รู้จริงๆ

“ไม่ใช่ เฉินเฟยหยางทำให้คนอื่นขุ่นเคือง” หนีซวงพูดปฏิเสธอย่างถูๆไถๆ “นี่เป็นปัญหาภายในของบริษัท อย่าถามมากเกินไป อย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับซวนเลี่ยงก็แล้วกัน”

อย่างไรก็ตามเมื่อคืนที่เจ้านายมอบหมายให้ไล่เฉินเฟยหยางออก ต้องการให้ปิดเป็นความลับกับเฉินฮวนฮวนๆ

“อาจารย์หนี่ เนื่องจากมันไม่เกี่ยวอะไรกับซวนเลี่ยง งั้นเรื่องระหว่างซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟยคุณจัดการตามสมควรเถอะ ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก” เฉินฮวนฮวนพูดอย่างประนีประนอม

อย่างที่หนีซวงบอก หากเธอยืนยันที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ จะไม่เพียงแค่สูญเสียผลประโยชน์ของทีมงานรายการ ผลประโยชน์ของบริษัท แม้แต่ผลประโยชน์ของตัวเธอเอง

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอเข้าใจแจ่มแจ้งว่าเฉินเฟยหยางไม่ได้ถูกซวนเลี่ยงไล่ออก ซึ่งพิสูจน์ว่าเธอกับซวนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟยไม่ได้มีความเคียดแค้นอะไรต่อกัน

งั้นเธอก็ไม่อยากใส่ใจเรื่องนี้อีก

อย่างไรก็ตาม เธอมาเข้าร่วมการประกวด เพราะเธอต้องการประกวดให้ดีจริงๆ ไม่ใช่มาเพื่อค้นหาความยุติธรรม

“เฉินฮวนฮวน ถ้าคุณทำอย่างนี้แต่แรก ฉันก็จะไม่โกรธมากขนาดนี้!” หนี่ซวงยืนขึ้นตบไหล่เฉินฮวนฮวนแล้วยิ้มและพูดว่า: “เอาหล่ะ รีบกลับไปเรียนเถอะ เรื่องนี้จบแล้ว พอกลับไปเธอก็ไปขอโทษหลิวเฟยเฟยและซวนเลี่ยง”

เฉินฮวนฮวนรู้สึกน่าขัน

คนสองคนที่ทำผิดแท้ๆ เธอแค่เปิดโปงพวกเขา แต่ตอนนี้กลับให้เธอไปขอโทษพวกเขา?

เมื่อเห็นสีหน้าที่หมองของเฉินฮวนฮวน หยีซวงคิดถึงว่าเธอมีเฟิงหานชวนหนุนหลังอยู่ ดังนั้นเธอจึงรีบเปลี่ยนคำพูดว่า: "ไม่จำเป็นต้องขอโทษ คิดซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เธออย่าพูดอะไรทั้งนั้นก็พอแล้ว"

แม้ว่าเธอจะแน่ใจว่าเฉินฮวนฮวนเป็นเพียงของเล่นของเฟิงหานชวน แต่เธอก็เป็นคนของเฟิงหานชวน เธอไม่กล้าที่จะสั่งเฉินฮวนฮวนมากเกินไป

“ค่ะ อาจารย์หนี” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าเล็กน้อย หันหลังเดินออกจากสำนักงานไป

……

เมื่อเลิกเรียนในตอนบ่าย เฉินฮวนฮวนถูกกู้ไหว่เรียกไปหาตามลำพัง

หลังจากที่กู้ไหว่ถามถึงรายละเอียดที่มาที่ไปอย่างชัดเจน แสดงว่าเขาก็เห็นด้วยกับวิธีการของหนีซวง

“ที่ผู้อำนวยการหนีพูดก็ไม่ผิด หากบริษัทรู้สึกว่าเสียผลประโยชน์ ก็จะเอาความโกรธไปลงที่ตัวคุณ ดังนั้น……การปล่อยซวนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟยเป็นวิธีที่ดีที่สุด”

“อาจารย์กู้ คุณคิดว่าฉันควรประนีประนอมหรือเปล่า?” เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะถาม

“ฉันรู้สึกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอได้ประนีประนอมแล้วไม่ใช่หรือ” กู้ไหว่ถามกลับ

เฉินฮวนฮวนก้มหัวลงอย่างหดหู่แล้วพยักหน้าเงียบ ๆ

“อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่ การตัดสินใจของคุณไม่ผิด คุณมาที่นี่เพื่อประกวด ไม่ใช่เพื่อเป็นผู้ตรวจสอบคุณธรรมจริยธรรม” กู้ไหว่หัวเราะเบาๆ น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะล้อเล่น

เฉินฮวนฮวนเดิมมีอารมณ์ขุ่นมัว กลับถูกกู้ไหว่ทำให้ขำได้

“หลินอวี่หยางจะต้องตามถามคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน คุณต้องปลอบเธอดีดี ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยหุนหันพลันแล่นของเธอ ……” กู้ไหว่พูดตรงๆ: “ตัวเธออยู่นั่น เกิดเรื่องอะไรขึ้น บริษัทจะต้องโทษคุณอย่างแน่นอน "

“ฉันจะพูดกับหยางหยางให้ดีที่สุด” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอีกครั้ง

“เอาหล่ะ คุณกลับห้องเรียนและพักผ่อนก่อน” กู้ไหว่โบกมือ

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าแล้วหันหลังออกจากสำนักงาน

เธอเพิ่งเดินไปถึงประตูห้องเรียนห้องสี่ ก็เห็นหลิวเฟยเฟยเดินออกมาจากห้องเรียน ทั้งสองประจันหน้ากัน

“เฉินฮวนหฮวน ในที่สุดเธอก็กลับมาซะที!” หลิวเฟยเฟยเท้ามือที่เอว ดวงตาจ้องมองด้วยความเกลียดชัง ดูแล้วน่ากลัว

“เธอมีธุระหรือ?” เฉินฮวนฮวนสีหน้าเฉยเมยมาก เธอไม่ต้องการพูดอะไรกับผู้หญิงที่ไร้ศีลธรรมอย่างหลิวเฟยเฟยเลย

“เพี๊ยะ” เสียงดังอึกทึก

เฉินฮวนฮวนเพียงรู้สึกว่ามีเสียงหึ่งหึ่งในหูและปวดแสบปวดร้อนที่แก้มของเธอ เธอรีบจับที่ใบหน้าทันที และมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ต่อหน้าอย่างเหลือเชื่อ

“เป็นยังไง รู้สึกดีที่ถูกตบไหม?” หลิวเฟยเฟยหัวเราะสองครั้ง จากนั้นชี้ไปที่จมูกของเฉินฮวนฮวนและด่าทอว่า: “เธอมันผู้หญิงชั่วร้าย อยากทำร้ายฉัน แต่โดนทำร้ายเองน่าสมเพช !”

“ฉันรู้ว่าหวาเถิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ไม่ได้อยากไล่ฉันออก ยังไงฉันก็เป็นเด็กฝึกของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ส่วนเธอก็เป็นแค่ตัวตลกที่กระโดดขึ้นๆ ลงๆ”

"หุบปากแล้วกลับไปที่ห้องเรียนของเธอ" เฉินฮวนฮวนจ้องตาเขม็งไปที่หลิวเฟยเฟยด้วยสายตาที่เยือกเย็น

หลิวเฟยเฟยยังคงไม่หายแค้น เธอยกมือขึ้นต้องการตบเฉินฮวนฮวนอีกสองสามครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะถูกเฉินฮวนฮวนตอบโต้

"เพี๊ยะ" เพี๊ยะ" สองครั้ง เฉินฮวนฮวนตบที่แก้มซ้ายและขวาของหลิวเฟยเฟย

ตบไปสองฉาด

“หวาเถิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ไม่ไล่เธอออก ก็ไม่ไล่ฉันออกเหมือนกัน เราทั้งคู่ไม่มีใครเหนือกว่าใคร” เฉินฮวนฮวนหัวเราะเยาะและเตือนหลิวเฟยเฟยว่า: “โดยฟันต่อฟันสี่คำนี้ เธอรู้จักไหม

“อย่าแตะต้องฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธออยู่ไม่เป็นสุข”

หลิวเฟยเฟยเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างจับแก้มทั้งสอง จ้องเฉินฮวนฮวนตาเขม็งด้วยความโกรธ แต่ไม่กล้าตอบโต้กลับอีก

อย่างที่เฉินฮวนฮวนพูด ทั้งสองคนจะไม่ถูกไล่ออกจากหวาเถิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เพราะค่ายฝึกใกล้จะสิ้นสุดและทีมงานรายการไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเด็กฝึกอย่างแน่นอน

บรรดาเด็กฝึกทั้งหนึ่งร้อยคนเหล่านี้ เพิ่มขึ้นอีกคนไม่ได้ น้อยลงอีกคนก็ไม่ได้ เป็นแผนงานที่ถูกวางไว้แล้ว

นั่นก็เป็นเหตุผลที่ถึงแม้ว่าจะรู้เรื่องของเธอและซวนเลี่ยง แต่ทั้งคู่ก็ยังรอดออกมาได้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ต้องการลงโทษพวกเขา แต่เพราะในสายตาของบริษัท มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น

“เฉินฮวนฮวนแค้นนี้ฉันจะจำไว้! เธอคอยดูต่อไป!” หลิวเฟยเฟยทิ้งคำเหล่านี้และจากไปอย่างโกรธแค้น

เฉินฮวนฮวนมองไปที่ด้านหลังของหลิวเฟยเฟย ไม่มีความโกรธเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกว่าที่โดนตบเมื่อครู่ไม่เห็นจะสำคัญอะไรเลย

เพราะในใจของเธอคิดถึงแต่คำพูดที่หนีซวงกล่าวเมื่อตอนเที่ยง

หนีซวงกล่าวว่า สำหรับเฟิงหานชวนแล้วตัวเธอเองเป็นแค่ผู้หญิงที่เขาเลี้ยงดู…

"คุณหนีซวงคะ คุณจะคุยกับฮวนฮวนสองต่อสอง? เราฟังไม่ได้เหรอคะ?" หลินอวี่หยางพูดพรวดออกมา

"หลินอวี่หยาง เมื่อกี้ฉันบอกแล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับเฉินฮวนฮวนเป็นการส่วนตัว สิทธิพิเศษของเธอมากพอแล้ว อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอชอบแอบใช้โทรศัพท์" สีหน้าหนีซวงเข้มงวด ดูน่ากลัวมาก

เฉินฮวนฮวนไม่อยากให้หนีซวงอารมณ์เสียกับหลินอวี่หยาง เธอจึงรีบเอ่ยว่า "คุณหนีซวงคะ เดี๋ยวฉันไปห้องทำงานกับคุณค่ะ"

จากนั้น เธอก็หันไปพูดกับหลินอวี่หยาง "หยางหยาง เธอไปเรียนก่อนเถอะ"

หลินอวี่หยางเป็นห่วงเฉินฮวนฮวน แต่เธอก็กลัวถ้าตัวเองมีเรื่องกับหนีซวง หนีซวงจะระบายอารมณ์บนตัวเฉินฮวนฮวน จึงยอมเดินลงตึกไปกับกู้ไหว่

"ครูกู้คะ ครูว่าที่คุณหนีซวงจะคุยกับฮวนฮวน เขาอยากทำอะไรคะ?" ตอนนี้หลินอวี่หยางงงมาก คิดอะไรไม่ออกเลย

"อาจจะอบรมสั่งสอน" กู้ไหว่พูดตรงๆ

"อะไรนะคะ? อบรมสั่งสอน? งั้นหนูจะให้ฮวนฮวนโดนด่าไม่ได้ หนูต้องไปหาเขา!" หลินอวี่หยางหันหลังเดินไป แต่กลับโดนกู้ไหว่ดึงไว้ก่อน

"อบรมสั่งสอนที่ผมพูดถึง ไม่ใช่อะไรรุนแรงแบบนั้น ตอนนี้ถ้าเราไปก็เหมือนไปราดน้ำมันในกองไฟ" กู้ไหว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วอธิบายว่า "เหมือนเมื่อกี้ที่หนีซวงไม่อยากไล่ซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟยออก เพราะถ้าไล่พวกเขาออก อาจจะมีผลกระทบต่อกองรายการ กระทบกับผลประโยชน์ของหวาเถิง"

"แล้วฮวนฮวนเปิดโปงเรื่องของพวกเขา ถ้าหนีซวงไม่จัดการ งั้นในสายตาทุกคน อาจจะมีผลกับความเกรงขามของเขา ถ้าเผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงบริษัทก็จะไม่ดีด้วย……"

กู้ไหว่ยังพูดไม่จบ ก็โดนหลินอวี่หยางพูดแทรกก่อน "ครูกู้คะ งั้นครูก็หมายความว่า ฮวนฮวนเปิดโปงเรื่องนี้ ขัดต่อคุณหนีซวง? ขัดต่อหวาเถิง?"

"อาจจะ แต่ก็ไม่แน่" กู้ไหว่ยังไม่แน่ใจ

เขารู้สึกว่า ท่าทางที่หนีซวงทำกับเฉินฮวนฮวนแปลกๆ ไม่เหมือนทำกับเด็กฝึกทั่วๆไป

"หนูจะไปโทรหาคุณพ่อตอนนี้เลยค่ะ ให้คุณพ่อช่วยฮวนฮวน!" หลินอวี่หยางเป็นห่วงเฉินฮวนฮวน ใจร้อนจะรีบไป

กู้ไหว่พูดเสียงเข้ม "หลินอวี่หยาง สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือนิ่งไว้ก่อน ไม่งั้นเราอาจจะไม่ได้กำลังช่วย แต่กลับทำร้ายเขา"

"แต่ว่า……" หลินอวี่หยางเม้มปาก สีหน้าลังเลมาก

"ไม่มีแต่ว่า เฉินฮวนฮวนเป็นนักเรียนที่ผมชื่นชม ผมจะช่วยแน่นอน" กู้ไหว่พูดอย่างเข้มงวด

"ค่ะ ครูกู้ รบกวนด้วยนะคะ ครูนี่สมกับเป็นไอดอลหนูจริงๆ!" ก่อนหน้านั้นหลินอวี่หยางยังใจร้อนจะเป็นบ้า แต่ตอนนี้กลับยิ้มอย่างเพ้อฝัน

"รีบไปเรียนเถอะ! ครูร้องเพลงของเราคือซวนเลี่ยง จำไว้ว่าอย่าออกหน้าแทนเฉินฮวนฮวน อย่ามีเรื่องในคลาสกับเขา" กู้ไหว่รู้จักนิสัยหลินอวี่หยางดี ผู้หญิงที่ใจร้อนเอาแต่ใจ เลยพูดย้ำเตือน

"ครูกู้ หนูจะจำที่ครูพูดไว้ค่ะ รบกวนครูกู้ดูแลฮวนฮวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ!" หลินอวี่หยางโค้งให้ แล้ววิ่งไปทางห้องเรียนตัวเอง

กู้ไหว่มองตามแผ่นหลังของเธอ แล้วส่ายหน้า เผยรอยยิ้มที่อิ่มเอม

เขารู้ว่าหลินอวี่หยางชื่นชมตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นไอดอล แล้วรู้ว่าหลินอวี่หยางกับเฉินฮวนฮวนเคยมีเรื่องกันถึงเป็นเพื่อนกันได้ เขาอิจฉาความเป็นเพื่อนของพวกเธอ

……

อีกฝั่ง ห้องทำงานผู้อำนวยการ

หนีซวงนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา แล้วจิบกาแฟ ไม่พูดอะไรเลย

แล้วเฉินฮวนฮวนก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้คือยังไง

หนีซวงเรียกเธอมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง บอกว่าจะคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว แต่พอเข้ามาแล้ว หนีซวงกลับชงกาแฟ แล้วนั่งดื่มกาแฟ ไม่พูดอะไรเลย

เฉินฮวนฮวนยืนไม่ไหวแล้ว เธอจึงถามตรงๆว่า "คุณหนีซวงคะ คุณมีเรื่องอะไรที่จะคุยกับหนูเป็นการส่วนตัวเหรอคะ?"

"เฉินฮวนฮวน เพราะเธอคิดว่ามีเฟิงหานชวนหนุนหลัง ก็เลยอยากทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?" น้ำเสียงของหนีซวงแฝงไปด้วยความดูถูก

พอได้ยินชื่อเฟิงหานชวน เฉินฮวนซฮนจึงขมวดคิ้วเอ่ยว่า "คุณหนีซวงคะ หนูไม่เข้าใจว่าคุณหมายความว่ายังไง"

"หนูตั้งใจฝึกอบรม ไม่เคยใช้ความสัมพันธ์ของใครเพื่อขี้เกียจหรือไปทำเรื่องอะไร หนูตั้งใจทุกวัน อยู่อย่างเจียมตัวทุกวัน"

"เจียมตัว?" หนีซวงวางกาแฟในมือ แล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็นเอ่ยว่า "เธอแอบดูซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟย แล้วยังแฉพวกเขาต่อหน้าคนอื่น สร้างปัญหาให้กับรายการ นี่เหรอเจียมตัว?"

ยังไงหนีซวงก็เป็นหัวหน้าระดับสูงในหวาเถิง เป็นผู้หญิงเก่งมีชื่อเสียง ถึงเธอจะเกรงกลัวคุณหนูอย่างหลินอวี่หยาง แต่ก็ยังสอนยังว่าเหมือนเดิม

อย่าพูดถึงเฉินฮวนฮวนเลย ก็แค่ผู้หญิงที่เฟิงหานชวนเลี้ยงไว้ข้างนอก

ก่อนหน้านั้นเธอให้หน้าเฉินฮวนฮวนมากพอแล้ว ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอมาก แต่เฉินฮวนฮวนคนนี้ กลับไม่เคยทำให้เธอสบายใจเลย

"เพราะเรื่องนี้ซวนเลี่ยงทำให้เฉินเฟยหยางโดนไล่ออก หนูทนไม่ได้ ก็เลยแฉชู้คู่นั้น" พอเฉินฮวนฮวนพูดถึงเรื่องนี้ ในใจก็ยังโมโหอยู่

"เหอะ เพราะเรื่องนี้ เมื่อกี้เธอยังเถียงฉัน ใช่ไหม?" หนีซวงกัดฟันแน่น พูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี "เฉินฮวนฮวน เมื่อกี้เธอไม่ไว้หน้าฉันเลยสักนิด"

"ขอโทษค่ะ คุณหนีซวง หนูแค่อยากให้เฉินเฟยหยางอยู่ต่อ เพราะที่เขาเห็นซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟย เพราะเขาส่งหนูกลับหอพักตอนดึก" เฉินฮวนฮวนรีบอธิบาย "หนูไม่ได้จะเป็นศัตรูกับคุณจริงๆนะคะ"

"เฉินฮวนฮวน เธอนี่เก่งจริงๆเลยเนอะ" หนีซวงพูดเสียดสี "ข้างนอกยั่วเฟิงหานชวน ในนี้ก็ยุ่งกับเฉินเฟยหยาง ฝีมือไม่ธรรมดาเลย!"

พอเฉินฮวนฮวนได้ยินแล้ว สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที เธอจะเถียง แต่ก็ไม่รู้จะเถียงยังไง

เรื่องที่เฟิงหานชวนแอบมาหาเธอที่นี่ หนีซวงรู้ เพราะเธอเป็นคนจัดสถานที่ให้เอง

แต่ว่า ยุ่งกับเฉินเฟยหยาง เรื่องนี้เธอไม่ยอมรับ

"คุณหนีซวงคะ หนูกับเฉินเฟยหยาง……" เฉินฮวนฮวนกำลังจะอธิบาย แต่หนีซวงแทรกก่อน

หนีซวงยื่นมือออกมา แล้วทำมือให้หยุด จากนั้นก็ส่ายหน้าพูดว่า "เธอไม่ต้องอธิบาย เธอจะทำยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันก็ไม่อยากยุ่งด้วย ฉันจะไม่แฉเธอกับเฟิงหานชวน แต่……"

หนีซวงลุกขึ้น เพราะใส่รองเท้าส้นสูง เลยตัวสูงกว่าเฉินฮวนฮวน

เธอจ้องเฉินฮวนฮวน แล้วพูดว่า "เรื่องที่เฉินเฟยหยางโดนไล่ออก ไม่เกี่ยวกับซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟย ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็ลองไปถามนายเธอสิ"

หนีซวงพูดอย่างอ้อมค้อม แต่ความจริงหมายถึงเฟิงหานชวน

เฉินฮวนฮวนก็ไม่โง่ ฟังออกว่าหนีซวงพูดถึงใคร เธอจึงขมวดคิ้ว แล้วทำหน้างง จนเริ่มสงสัยว่าหนีซวงอยากปกป้องซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟย เลยโยนเรื่องนี้ไปให้เฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนไม่รู้จักเฉินเฟยหยางสักหน่อย ทำไมต้องยุ่งกับการฝึกงานของเขาด้วย?

"ไม่ว่ายังไง เฉินเฟยหยางได้อยู่ต่อแล้ว ยังฝึกงานตำแหน่งเดิม เรื่องของซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟย เธอไปแก้ข่าวกับทุกคน บอกว่าเธอจงใจใส่ร้ายพวกเขา" หนีซวงยกมือขึ้นนวดขมับ

เมื่อกี้ ตอนที่พวกเฉินฮวนฮวนไปแล้ว เธอจึงรีบโทรหาประธานเหวินของหวาเถิง จะให้เขาไปถามเฟิงหานชวนเรื่องเฉินเฟยหยาง

ทางนั้นให้คำตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บอกว่าให้เฉินเฟยหยางอยู่ต่อได้ ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก

เพราะฉะนั้น หนีซวงเลยคิดว่า ความจริงเฟิงหานชวนก็ไม่ได้จริงจังกับเฉินฮวนฮวนขนาดนั้น ก็แค่เห็นผู้หญิงที่ตัวเองเสียเงินเลี้ยงไว้ใกล้ชิดกับหนุ่มหน้าอ่อน ก็เลยอารมณ์ไม่ดี

"อะไรนะคะ!?" พอได้ยินที่หนีซวงพูด เฉินฮวนฮวนจึงอุทานออกมา

ก่อนหน้านั้นหนีซวงไม่ยอมไล่ซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟยออก แล้วพูดว่าจะออกประกาศประณามการกระทำของทั้งสอง แต่นี่ผ่านไปไม่นาน เธอกลับกลับคำเอง?

ยังให้เธอบอกว่าซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟยไม่ผิด?

"คุณหนีซวงคะ ความผิดร้ายแรงของพวกเขาสองคน นั่นเป็นเรื่องจริง ไม่เชื่อคุณก็ไปดูกล้องวงจรสิคะ" เฉินฮวนฮวนถามอย่างไม่อยากเชื่อ "อีกอย่าง เมื่อกี้คุณพูดว่า ไล่ออกไม่ได้ แต่ประณามการกระทำได้? ตอนนี้ คุณหมายความว่ายังไงคะ?"

"เฉินฮวนฮวน เธอรู้หรือเปล่า? ถ้าออกประกาศประณามพวกเขา ก็แสดงว่ายอมรับเรื่องของพวกเขา ถ้ามีคนเผยแพร่ออกไป จะมีผลกระทบกับทั้งชื่อเสียงบริษัท ทั้งชื่อเสียงรายการ นี่เป็นข่าวเสียหาย!"

หนีซวงเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ยอมตกลง ยังเถียงเธออีก จึงเริ่มโมโห "ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวน บริษัทคงไล่เด็กฝึกที่ชอบก่อเรื่องอย่างเธอออกแล้ว!"

เฉินฮวนฮวนไม่พูดอะไรอีก

ความจริง หนีซวงบอกว่าเธอชอบก่อเรื่อง พูดได้ถูก ถ้าไม่ใช่เพราะอยากช่วยให้เฉินเฟยหยางอยู่ต่อ เธอก็ไม่อยากยุ่งเรื่องบ้าๆของซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟยหรอก

เห็นตัวเองพูดโดนจุดอ่อนของเฉินฮวนฮวน ตอนที่พูดถึงเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนเลยพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่าทางเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนไม่มีความมั่นใจเลยสินะ

เพราะฉะนั้น หนีซวงจึงเริ่มอบรมสั่งสอน

"เฉินฮวนฮวน เธอต้องรู้ว่าตัวเองเป็นใคร เธอก็แค่ผู้หญิงที่เฟิงหานชวนแอบซุกไว้ข้างนอก ตอนนี้เขายังสนใจเธอ มาหาเธอที่นี่ แล้วอีกหน่อยล่ะ?"

"เพราะฉะนั้น เธออย่าทำตัวเอาแต่ใจเพราะมีเฟิงหานชวนหนุนหลังเลย เธอควรสงบปากสงบคำบ้าง ไม่งั้นถ้าขัดใจเบื้องบน อีกหน่อยเธอยังอยากอยู่ในวงการบันเทิงหรือเปล่า?"

"เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ฉันก็ทำเพื่อเธอ เลยอยากจะเตือนเธอ ถ้าเธอยอมให้เรื่องนี้ผ่านไป โชว์ครั้งแรกเดี๋ยวฉันจะเพิ่มซีนให้เธอ"

"เกาเหวินกับแฟนที่มีบริษัทคนนั้น ถึงจะยัดเงินให้รายการแล้ว แต่ถ้าเทียบกับบริษัทใหญ่ๆ เทียบไม่ติดเลย ถ้าขัดบริษัทเธอก็จะไม่มีซีนเลยสักซีนเดียว"

เฉินฮวนฮวนฟังออกว่าเดิมทีแล้วคุณหนีซวงไม่ได้อยากไล่ซวนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟยออก แต่เธอก็ไม่สามารถโต้แย้งคุณหนีซวง

เธอเดาว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนีซวงกับซวนเลี่ยงค่อนข้างดีมาก ไม่เช่นนั้นไม่มีทางไล่เฉินเฟยหยางออกแน่ ๆ

“ครูหนีคะ ในเมื่อเรื่องที่พวกเขาทำ ได้รับอภัยแล่ว ทำไมจะต้องไล่เฉินเฟยหยางออกด้วย?” จริง ๆ แล้วเฉินฮวนฮวนไม่ได้อยากสนใจเรื่องของซวนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟย เธอแค่อยากช่วยเฉินเฟยหยางให้ได้อยู่ต่อเท่านั้น

ถึงอย่างไรที่เฉินเฟยหยางถูกไล่ออกก็เป็นเพราะเธอกลับไปช้า จนบังเอิญไปเห็นเรื่องไม่ดีของซวนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟยโดยไม่ได้ตั้งใจ และล่วงเกินซวนเลี่ยงไป

“เฉินเฟยหยางทำผิดเรื่องอื่น ดังนั้นจึงถูกไล่ออก” คุณหนีซวงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“นั่นนะสิ เด็กผู้ชายคนนี้ถูกไล่ออก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย” ซวนเลี่ยงรีบทวงความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง

แต่ยิ่งเขารีบอธิบายเท่าไหร่ เฉินฮวนฮวนก็ยิ่งมั่นใจว่าซวนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟยนั่นสมรู้ร่วมคิดกัน ที่ไล่เฉินเฟยหยางออกเพราะอยากจะปิดปากของเฉินเฟยหยางเท่านั้นเอง

เฉินฮวนฮวนกัดฟันกรอดอยู่เงียบ ๆ เธอเพิ่งรู้สึกได้ถึงความมืดที่ครอบคลุมอยู่ในสังคมทั่วทุกหนแห่ง เธอยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงสวยอย่างเป็นระเบียบ และถามขึ้นอีกครั้งว่า : “ครูหนี งั้นขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าเฉินเฟยหยางทำผิดเรื่องอะไร ถึงได้โดนไล่ออก? แค่เรื่องความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างนักเรียนกับคุณครู มันร้ายแรงมากขนาดนี้เลยเหรอ?”

คุณหนีซวงอึ้งงันไปในทันที เธอนึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนจะเค้นถามแบบนี้ ความโกรธจึงได้คุกรุ่นขึ้น แต่กลับไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

ประการแรก เฉินเฟยหยางไม่ได้ทำผิดกฎร้ายแรง เธอจึงตอบกลับไปไม่ได้ ประการที่สอง เฉินฮวนฮวนเป็นคนของเฟิงหานชวน ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นภาพแบบนั้น แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะสั่งสอนเฉินฮวนฮวนแบบตามใจชอบได้

“ผู้อำนวยการหนี ในเมื่อเฉินเฟยหยางไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอะไร ก็ให้เขาอยู่ต่อเถอะครับ” กู้ไหว่มองออกว่าเฉินฮวนฮวนนั้นเป็นผู้หญิงที่ใจนักเลงเอามาก ๆ เขายอมออกหน้าให้กับเฉินฮวนฮวน เพื่อช่วยให้เฉินเฟยหยางได้อยู่ต่อ

ตอนนี้คุณหนีซวงจะเห็นด้วยก็ไม่ได้ จะไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้ จึงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ในใจไม่น้อย

ถ้าเธอเก็บเฉินเฟยหยางไว้ แล้วถูกเฟิงหานชวนรู้เข้า นั่นไม่เป็นการล่วงเกินเฟิงหานชวนหรอกเหรอ?

แต่ถ้าเธอไม่เก็บเฉินเฟยหยางไว้ ขืนเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ต่อไปเด็กฝึกและพนักงานทุกคน รวมทั้งกู้ไหว่ผู้ชายที่ถือตัวแบบนี้ จะมองเธอยังไง?

“ครูหนีคะ ในเมื่อเฉินเฟยหยางไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมถึงไม่ให้เขาอยู่ต่อละคะ?” เฉินฮวนฮวนถามอีกครั้ง

เฉินเฟยหยางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับรู้สึกขลาดกลัวเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนกำลังบีบคุณหนีซวงเพื่อให้เขาอยู่ต่อ เขากลัวว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เขาและเฉินฮวนฮวนจะกลายเป็นคนที่คุณหนีซวงเกลียดที่สุดก็ได้

เดิมทีเขาตั้งใจจะโน้มน้าวเฉินฮวนฮวนไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แต่เมื่อคิดได้ จริง ๆ แล้วในใจลึกของเขาอยากจะอยู่ต่อ จึงไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไป

“ได้ เฉินเฟยหยางอยู่ต่อได้ ถือว่าทั้งสองเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว พวกเธอรีบออกจากห้องทำงานของฉันได้แล้ว” คุณหนีซวงตอบตกลง แต่น้ำเสียงอึดอัดอย่างสุดจะทน

“ขอบคุณครูหนีมากนะคะ” เฉินฮวนฮวนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในใจ

เฉินเฟยหยางเองก็รีบโค้งตัวไปทางคุณหนีซวงเช่นกัน ก่อนจะพูดว่า : “ขอบคุณผู้อำนวยการหนีมากนะครับที่ให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมจะไม่ทำผิดพลาดอีกครับ เรื่องก่อนหน้านั้น เชิญผู้อำนวยการหนีชี้แนะได้เลย ผมจะนำไปปรับปรุงแก้ไข”

ถึงแม้ว่าเฉินเฟยหยางจะพูดแบบนี้ก็ตาม แต่ในใจของเขาก็มั่นใจว่าเป็นแผนการชั่ว ๆ ของซวนเลี่ยงอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้ถูกไล่ออกทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยล่ะ?

นอกจากล่วงเกินซวนเลี่ยงแล้ว เขาก็ไม่เคยล่วงเกินใครอีกเลย

“เอาละ ๆ พวกเธอรีบออกไปได้แล้ว ฉันอยากพักผ่อน” ตอนนี้คุณหนีซวงกระวนกระวายอย่างมากทีเดียว

เฉินฮวนฮวนพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูห้องทำงานเป็นคนแรก ตามมาด้วยคนอื่น ๆ ในห้องทำงาน ก่อนจะเดินออกไปทีละคน ๆ

หลังจากที่เสียงปิดประตูดังขึ้น ภายในห้องทำงานก็กลับมาเงียบลงอีกครั้ง

เมื่อมั่นใจว่าเสียงฝีเท้านอกประตูไกลออกไปเรื่อย ๆ แล้ว คุณหนีซวงก็รีบยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา และกดโทรหาเบอร์ผู้อำนวยการเหวินบริษัทหวาเถิงทันที

“ผู้อำนวยการเหวินคะ ฉันเอง หนีซวง” คุณหนีซวงทอดถอนใจ ก่อนจะรีบพูดว่า : “เรื่องไล่เฉินเฟยหยางออกนั้น ไม่สำเร็จค่ะ ถูกเฉินฮวนฮวนไล่ต้อน เรื่องก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้……..”

คุณหนีซวงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟัง สุดท้ายก็พูดอย่างจนปัญญาว่า : “ฉันทำได้แค่ต้องให้เฉินเฟยหยางอยู่ต่อ เพราะฉันเองก็ไม่รู้จะต้องทำยังไง หรือว่าผู้อำนวยการช่วยถามท่านให้หน่อยได้ไหม? ว่ายังต้องการไล่เฉินเฟยหยางออกอีกไหม?”

………

หน้าบันไดชั้นห้า

เฉินฮวนฮวนกำลังลงบันได แต่จู่ ๆ กลับถูกหลิวเฟยเฟยจับแขนไว้

“เฉินฮวนฮวน คุณมันเลว! กล้ามากนะที่ทำแบบนี้กับฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยให้คุณอยู่อย่างมีความสุขหรอก!” หลิวเฟยเฟยยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้น

“เพียะ” เสียงตบดังขึ้น ซึ่งเสียงนั่นก้องกังวานไปทั่วทุกหนแห่ง

เฉินฮวนฮวนยืนตัวแข็งทื่อ เดิมทีเธอคิดว่าคงถูกหลิวเฟยเฟยตบสั่งสอนไปแล้ว แต่เมื่อได้สติกลับพบว่า เสียงตบนั่นเป็นฝ่ามือของหลินอวี่หยางที่ตบลงบนใบหน้าของหลิวเฟยเฟยเต็มแรง

“อ๊าก—— หยางหยาง คุณมาตบฉันทำไม?” หลิวเฟยเฟยยกมือขึ้นมากุมใบหน้า ก่อนจะมองไปยังหลินอวี่หยางด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็กรีดร้องเสียงแหลมออกไป

“หลิวเฟยเฟย ต่อไปอย่ามาพูดว่าฉันเป็นเพื่อนของคุณอีก ฉันอาย!” หลิวเฟยเฟยด่ากราดออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะพูดด้วยความเกลียดชังว่า : “เมื่อกี้ตอนที่ฉันไม่ได้แทรกตัวเข้าไปในห้องทำงาน ไม่ใช่เพราะฉันอยากช่วยคุณ แต่เพราะฉันไม่อยากยุ่งเรื่องของคุณ”

“หยางหยาง ฉันเคยบอกแล้ว ฉันถูกบังคับ ฉัน……” หลิวเฟยเฟยอยากจะอธิบาย

“พอได้แล้ว ฉันไม่เคยเป็นเพื่อนกับคนอย่างคุณ” หลินอวี่หยางไม่อยากได้ยินคำอธิบายของหลิวเฟยเฟยอีก

หลิวเฟยเฟยโกรธฉุนเฉียวมาก เธอตกต่ำถึงขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเฉินฮวนฮวน เธอถลึงตาใส่เฉินฮวนฮวน ความโกรธที่สุมอยู่ในใจ ส่งผลให้ร่างกายสั่นเทิ้มราวกับใกล้จะระเบิด

“หยางหยาง คุณฟังฉันอธิบายก่อน!” หลิวเฟยเฟยร้อนใจอย่างมาก

เธอไม่ขอให้หลินอวี่หยางเชื่อเธอ คำอธิบายโดยทั่วไปของเธอในตอนนี้ เธอหวังแค่ขออย่าให้หลินอวี่หยางนำเรื่องนี้ไปฟ้องเฉียนเจ๋อเฟยก็พอ

วันนี้เธอไม่มีหวังที่จะได้รับการคัดเลือกให้เข้าทีมแล้ว ถ้าเรื่องคบชู้คนนั้นรั่วไหลออกไปอีก เธอได้ไม่คุ้มเสียแน่

“อธิบาย? คุณเก็บคำอธิบายไว้ใช้กับเฉียนเจ๋อเฟยเถอะ” หลินอวี่หยางหัวเราะอย่างเย็นชา

ทันทีที่หลิวเฟยเฟยได้ยิน เท้าที่อ่อนแรงได้ก้าวร่นไปด้านหลังอย่างโซซัดโซเซ ก่อนจะกระแทกเข้าไปในอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง เมื่อเธอหันกลับไป ก็เห็นว่าเป็นซวนเลี่ยง

เมื่อคิดได้ว่าที่ซวนเลี่ยงใส่ร้ายป้ายสีให้กับตัวเธอเองเพียงเพราะอยากรักษาตำแหน่งคุณครูเอาไว้ ไฟโกรธที่สุมอยู่ในใจก็ยิ่งทวีความรุนแรง เธอเบิกตากว้างไปยังซวนเลี่ยง แต่กลับถูกซวนเลี่ยงผลักจนล้มไปกองกับพื้นอย่างแรง

“อ๊าก——” หลิวเฟยเฟยรู้ว่าร่างกายของตัวเองนั่นกำลังจะระเบิด

“นังผู้หญิงแพศยา ต่อไปอยู่ห่างฉันไว้เลยนะ!” ซวนเลี่ยงเตะหลิวเฟยเฟยออกไป ราวกับโรคระบาด จากนั้นก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันที

หลิวเฟยเฟยกุมท้องไว้จนลุกขึ้นไม่ไหว ตำแหน่งที่ซวยเลี่ยงเตะเมื่อสักครู่ตรงกับท้องของเธอพอดี ตอนนี้จู่ ๆ เธอก็รู้สึกปวดท้องแทบขาดใจ จนต้องร้องออกมาเสียงดัง

แต่ทั้ง 4 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ เฉินฮวนฮวน เฉินเฟยหยาง กู้ไหว่และหลินอวี่หยาง ไม่มีใครเข้ามาประคองเธอแม้แต่คนเดียว

“สมน้ำหน้า!” หลินอวี่หยางด่ากราดออกไป และตั้งใจจะลากตัวของเฉินฮวนฮวนลงไปข้างล่าง

ในตอนนี้ คุณหนีซวงก็ได้เดินออกมา แล้วประคองหลิวเฟยเฟยขึ้นมา

จากนั้นเธอก็มองไปยังเฉินฮวนฮวน และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “เฉินฮวนฮวน ตามฉันมาที่ห้องทำงาน ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว”

“พวกคุณไปหาผู้อำนวยการหนีกับฉัน” กู้ไหว่แสดงออกว่าไม่ได้แยแสราวกับว่าเขาไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้

"ขอบคุณอาจารย์กู้" เฉินฮวนฮวนซาบซึ้งใจที่กู้ไหว่ยอมยื่นมือมาจัดการเรื่องนี้

กู้ไหว่เหลือบมองเฉินฮวนฮวน เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ โดยไม่พูดอะไรมาก

……

สิบนาทีต่อมา ที่สำนักงานของหนีซวง

หนีซวงนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน คนอื่นๆ อีกหลายคนยืนอยู่ ห้องเงียบสงัด ไม่มีใครพูดอะไร ราวกับกำลังรอใครสักคน

ในที่สุด ประตูสำนักงานก็ถูกเคาะดังขึ้น ตามด้วยชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาโกนหัวเรียบ ท้องของเขาค่อนข้างกลม และใบหน้าของเขาอวบอิ่มสมบูรณ์

เขาชำเลืองดูหนึ่งรอบด้วยดวงตาคู่หนึ่งอย่างกับโจร จากนั้นจับจ้องไปที่ร่างของหลิวเฟยเฟย จ้องมองเธออย่างดุดัน และเดินส่ายเข้ามา

“ผู้อำนวยการหนี เรื่องนี้ฉันไม่ยอมรับ!” ประโยคแรกที่ซวนเลี่ยงพูดหลังจากเข้ามาคือปฏิเสธความจริง

“ซวนเลี่ยง มีพยานสองคนอยู่ที่นี่ เฉินฮวนฮวนและเฉินเฟยหยาง ถ้าคุณไม่ยอมรับ ฉันยังสามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิด” หนีซวงบีบจมูกของเธอ รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

เดิมทีเธอก็ไม่อยากสนใจเรื่องเสียหายของซวนเลี่ยง ใครจะไปรู้ว่าที่เธอไล่เฉินเฟยหยางออก ทำให้เฉินฮวนฮวนคิดว่าซวนเลี่ยงเป็นคนไล่เฉินเฟยหยางออก ทำให้เรื่องของซวนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟยถูกขุดคุ้ยออกมา

ยิ่งกว่านั้น เธอไม่เพียงแต่ขุดมันออกมาพูดต่อหน้าทุกคน เธอยังบอกกับกู้ไหว่ต่อหน้าทุกคน กู้ไหว่เป็นคนตรงไปตรงมา เรื่องนี้ถึงเธอเองจะไม่ต้องการจัดการก็ต้องจัดการกับมัน

มิฉะนั้น ถ้าทุกคนบอกว่าเธอปกป้องซวนเลี่ยง จะได้ไม่คุ้มเสีย อย่างไรก็ตามซวนเลี่ยงก็ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับเธอ

“ผู้อำนวยการหนี!” ซวนเลี่ยงรีบดิ่งไปหาหนีซวงและชี้ไปที่เฉินฮวนฮวนพร้อมกล่าวว่า “เฉินเฟยหยางคนนี้ทำผิดและถูกคุณไล่ออก เฉินฮวนฮวนโทษผม คุณตัดสินของคุณเอง ผมและเฉินเฟยหยางไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย!”

“ซวนเลี่ยง! ตอนนี้กำลังพูดถึงเรื่องที่ขับไล่เฉินเฟยหยางออกหรือ? ที่กำลังพูดถึงคือเรื่องที่คุณกับเด็กฝึกทำเรื่องงามหน้านี่” หนีซวงจ้องไปที่ซวนเลี่ยงบอกเป็นนัยว่าให้รีบหุบปาก

ไล่เฉินเฟยหยางออก จะให้เฉินฮวนฮวนรู้เรื่องไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้เฟิงหานชวนเป็นคนให้พวกเขาทำเช่นนี้

“ผู้อำนวยการหนี ผม…..ผมถูกหลิวเฟยเฟยล่อลวง ผมไม่สามารถอดกลั้นได้ คุณก็รู้ว่าภรรยาของผมกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง ผมทำเรื่องอย่างว่าไม่ได้ ผมเลยอดใจไม่ไหว……"

ซวนเลี่ยงยกมือขึ้นและสาบานว่า: "คุณให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมสัญญาว่าจะไม่แตะต้องเด็กฝึกหญิงอีก คุณสามารถไล่หลิวเฟยเฟยออก! เธอเป็นคนยั่วยวนผมก่อน!"

ซวนเลี่ยงในเวลานี้ เพียงต้องการรักษาตำแหน่งที่ปรึกษาเบื้องหลังของตัวเองไว้ สุดท้ายแล้วถ้าเขาถูกไล่ออกเพราะผิดสัญญา ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้เงินเดือนที่สูง แต่ยังต้องโดนปรับโทษฐานที่ผิดสัญญาอีกด้วย

เพียงเพื่อผู้หญิงคนเดียวมันไม่คุ้มกับการสูญเสียนี้!

“ซวนเลี่ยง คุณกำลังพูดว่าอะไรนะ? ห๊ะ——” ในเวลานี้ หลิวเฟยเฟยกรีดร้องเสียงดังใส่ซวนเลี่ยง

ดังสิงโตตัวเมียที่บ้าคลั่ง

“หลิวเฟยเฟย หุบปากซะ!” ซวนเลี่ยงจ้องเธอเขม็งแล้วตรงเข้าไปหาเธอ ชี้ไปที่จมูกของเธอแล้วพูดว่า: “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณยั่วยวนผม เหตุการณ์ในวันนี้ก็ไม่มีวันเกิดขึ้น คุณทำตัวของคุณเองรีบถอนตัวออกจากรายการไปซะ”

“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้เป็นคนยั่วยวนคุณ คุณบังคับฉันต่างหาก เพราะคุณ——” หลิวเฟยเฟยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอและซวนเลี่ยงปัดความรับผิดชอบกันและกัน

หากเธอยอมรับว่าตัวเองยั่วยวนซวนเลี่ยง เธอจะถูกไล่ออก ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแต่เธอจะไม่สามารถประกวดได้ เฉียนเจ๋อเฟยก็จะทิ้งเธออย่างแน่นอน และหลินอวี่หยางก็จะไม่มีทางคบเพื่อนคนนี้อีกเลย เธอจะไม่เหลืออะไรเลย

“ผมบังคับคุณ คุณสวยแค่ไหนหรือรูปร่างดีเท่าไหร่ ผมถึงต้องบังคับคุณ” ซวนเลี่ยงรู้สึกตลกขบขัน

ในเรื่องนี้ แท้จริงแล้วเป็นหลิวเฟยเฟยที่ยั่วยวนซวนเลี่ยงก่อน แต่นิสัยของซวนเลี่ยงก็เป็นอย่างนั้น แค่ตกก็ติดเบ็ด ทั้งสองเลยถูกจุดอารมณ์ง่ายดายดั่งฟืนที่ยังมีเชื้อไฟ

ดังนั้นจึงไม่มีใครถูกหรือผิด

“เป็นเพราะคุณ คุณหาข้ออ้างเพื่อพาฉันเข้าไปในสำนักงานก่อน แล้วคุณก็ใช้กำลังกับฉัน ฉันไม่กล้าพูดออกมา ฉันเลยถูกคุณข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งหมดเป็นเพราะคุณ…” หลิวเฟยเฟยพูดอย้างบ้าคลั่ง

เพื่อรักษาที่ยืนตอนนี้ของเธอ เธอพยายามสาดโคลนใส่ซวนเลี่ยง ทั้งสองปัดความรับผิดชอบของกันและกัน ทำให้คนที่กำลังดูอยู่เต็มไปด้วยความสงสัย

เพราะทุกคนไม่รู้ว่าใครถูกใครผิดกันแน่

“พอได้แล้ว! หยุดเถียงกันได้แล้ว!” หนี่ซวงตะโกนขึ้นเธอรำคาญสองคนนี้เหลือเกิน

หลิวเฟยเฟยและซวนเลี่ยงไม่กล้าพูดต่ออีก

“สามีมีเหตุผลของสามี ภรรยาก็มีเหตุผลของภรรยา ถ้าใครมีหลักฐานแสดงว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำก็เอาออกมา ไม่เช่นนั้น พวกคุณจะถูกลงโทษทั้งคู่!” ตอนนี้หนีซวงหัวโตไม่มีทางออกเรื่องนี้จริงๆ

เด็กฝึกทั้งร้อยคนถูกจัดตำแหน่งตายตัว ถ้าขาดไปคนนึงต้องหาคนมาแทนที่อีก ยิ่งกว่านั้นซวนเลี่ยงเป็นที่ปรึกษาของงานเบื้องหลัง ถ้าเขาถูกไล่ออก บริษัทไม่สามารถหาอาจารย์ที่ปรึกษาชั่วคราวเก่งๆ แบบนี้มาได้

หนีซวงนวดที่ขมับ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เธอจ้องมองไปที่เฉินฮวนฮวนแล้วถามว่า "เฉินฮวนฮวนเมื่อคืนที่คุณผ่านพื้นที่เขตสีเขียว คุณเห็นพวกเขาทั้งสองอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยตาของคุณเอง……ใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ อาจารย์หนี” เฉินฮวนฮวนตอบทันที

“งั้นเธอบอกฉันสิว่าพวกเขาใครที่ถูกบังคับ ใครเป็นคนเริ่ม และสถานการณ์ของทั้งสองคน” แม้ว่าหนีซวงจะถามอย่างผู้พิพากษา แต่ภายในใจเธอรู้สึกชังน้ำหน้าเฉินฮวนฮวน

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินฮวนฮวนก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา เธอคงไม่ต้องปวดหัวขนาดนี้

“อาจารย์หนี โดยส่วนตัวแล้วฉันรู้สึกว่าพวกเขายินยอมทั้งสองฝ่าย” เฉินฮวนฮวนตอบอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีความลำเอียงเลย

“ยินยอมทั้งสองฝ่ายบ้าบออะไร” ซวนเลี่ยงอยากจะพุ่งเข้าไปต่อยเฉินฮวนฮวนสักหมัด เขาชี้ไปที่เฉินฮวนฮวนหน้าตาเอาเรื่อง

กู้ไหว่ยืนขวางหน้าเฉินฮวนฮวน บดบังสายตาของซวนเลี่ยง เขาพูดอย่างเฉยเมย: “อาจารย์ซวนทำสิ่งที่น่าละอายอย่างนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่สำนึก ยังจะปัดความรับผิดชอบ ทั้งยังโกรธเคืองนักเรียนคนอื่นอีกด้วย

กู้ไหว่ไม่พอใจกับการกระทำของซวนเลี่ยงมาตั้งนานแล้ว เดิมเขาไม่อยากสนใจเรื่องนี้ แต่เนื่องจากเรื่องนี้ถูกรายงานขึ้นมาโดยเฉินฮวนฮวน เขาจึงมาจัดการ

“กู้ไหว่ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ นายไม่ถูกชะตาฉันตั้งนานแล้ว นายมันสารเลวชอบซ้ำเติม!” ซวนเลี่ยงตะคอกเสียงดังขึ้นมา

“อาจารย์ซวน คุณเงียบๆหน่อย!” หนีซวงปวดหัวเพราะเสียงทะเลาะวิวาท เธอตบโต๊ะทีนึงพร้อมตะโกน

เพิ่งพ้นจากความคิดที่ว้าวุ่นของเธอ เธอคิดพิจารณาอย่างรอบคอบและพูดกับหลายคนที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานว่า: "ค่ายฝึกใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว และหลังจากนี้จะต้องเตรียมตัวเพื่อเริ่มการถ่ายทำ การเปลี่ยนครูที่ปรึกษาและเด็กฝึกเป็นการชั่วคราวเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ "

“ฉันคิดว่าฉันจะขอให้เจ้าหน้าที่ออกประกาศเพื่อตักเตือนอาจารย์ซวนและหลิวเฟยเฟย ไม่อนุญาตให้พวกเขามีสัมพันธ์ส่วนตัวกันอีก พวกคุณเป็นผู้ตรวจสอบให้กับพวกเขา พวกคุณคิดอย่างไรกับวิธีการนี้”

เฉินฮวนฮวนตรงไปที่โรงอาหารมองหาร่างของใครบางคนอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุด เธอเห็นหลิวเฟยเฟยนั่งอยู่ไม่ไกล เธอเดินไปหาหลิวเฟยเฟยอย่างโกรธเคือง

“เฉินฮวนฮวนเธอจะทำอะไร?” หลิวเฟยเฟยขมวดคิ้วถามอย่างไม่พอใจ

เดิมทีเธอก็ไม่พอใจเฉินฮวนฮวนอยู่แล้ว ในขณะนี้เฉินฮวนฮวนมาหาเธอกะทันหัน ทำให้เธอกังวลว่า เฉินฮวนฮวนจะปล่อยเรื่องระหว่างเธอกับซวนเลี่ยง

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความโกรธ เธอต้องการจะเก็บมันไว้ แต่เธอก็ไม่สามารถเก็บมันอยู่ได้

“หลิวเฟยเฟย เธอมันเป็นอสรพิษจริงๆ!”

เฉินฮวนฮวนข่มหลิวเฟยเฟย เอื้อมมือไปหยิบชามข้าวหลิวเฟยเฟย แล้วราดลงบนหัวของเธอโดยตรง

“อ๊า—” หลิวเฟยเฟยกรีดร้อง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยผักและน้ำสลัด

ทันใดนั้น สายตาทุกคนในโรงอาหารจ้องมองมาที่พวกเธอ เสียงซุบซิบนินทาไม่ขาดหู

หลินอวี่หยาง รีบตรงดิ่งเข้ามาและดึงตัวเฉินฮวนฮวน แล้วรีบถามว่า "ฮวนฮวนเธอกำลังทำอะไร? ทำไมเธอถึงทำกับหลิวเฟยเฟยอย่างนี้?"

ตอนนี้หลินอวี่หยางสับสน ไม่รู้ว่าที่เฉินฮวนฮวนมีพฤติกรรมแบบนี้เพราะเหตุใด

“เพราะหลิวเฟยเฟยเป็นคนทำให้เฉินเฟยหยางถูกไล่ออก” เฉินฮวนฮวนกล่าวโดยไม่ลังเล

“อะไรนะ!?” เฉินเฟยหยางนึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ สองตาของเขาเบิกกว้าง และชี้ไปที่หลิวเฟยเฟยแล้วพูดว่า: “ใช่ เธอนั่นเอง?”

จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเหตุใดเขาจึงถูกไล่ออกกะทันหัน ที่แท้ก็เพราะเรื่องที่เขาบังเอิญไปเจอหลิวเฟยเฟยและซวนเลี่ยงโดยบังเอิญเมื่อคืน

“เฉินเฟยหยางถูกไล่ออกเพราะเฟยเฟย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลินอวี่หยางยังคงสับสนและไม่รู้เหตุการณ์ที่ชัดเจนพร้อมพูดว่า: “เฟยเฟยเป็นเด็กฝึกธรรมดา จะมีอำนาจในการขับไล่ เฉินเฟยหยางได้อย่างไร?”

อย่างไรก็ตามหลิวเฟยเฟยเป็นผู้ติดตามของเธอ และก็ไม่มีภูมิหลังอะไรหลินอวี่หยางรู้ดี ปกติในบริษัทเธอก็มักจะช่วยเหลือหลิวเฟยเฟย

“เมื่อคืนฉันกับเฉินเฟยหยางผ่านพื้นที่สีเขียว…” ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังจะพูดก็ถูกเสียงกรีดร้องของหลิวเฟยเฟยขัดจังหวะ

“อ๊ะ—เฉินฮวนฮวน เธอหุบปากนะ! หุบปาก! อ๊า…” หลิวเฟยเฟยกรีดร้องด้วยเสียงอันดังกึกก้องขัดขวางไม่ให้เฉินฮวนฮวนพูด

เธอตื่นตระหนกและรีบพูดว่า: "ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ ต้องเป็นอาจารย์ซวนแน่ๆ ฉันจะช่วยขอร้องแทนเฉินเฟยหยาง เฉินฮวนฮวนเธออย่าพูด–"

หลิวเฟยเฟยภายใต้ความตื่นเต้น เดิมต้องการปกปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ใครจะรู้ว่าเธอจะพลั้งปากพูดออกมาเอง

หลังจากที่เธอตะโกนเสร็จ เธอพึ่งรู้ตัวว่าเป็นคนขุดซวนเลี่ยงออกมาเอง

แต่เธอไม่คิดว่าซวนเลี่ยงจะเร็วขนาดนี้ แถมยังไล่เฉินเฟยหยางออกด้วย?

“เฟยเฟย เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” หลินอวี่หยางเพียงรู้สึกว่าหลิวเฟยเฟยกำลังพูดเรื่องไร้สาระ

หลิวเฟยเฟยในขณะนี้ตื่นตระหนกยิ่งและยังคงส่ายหัวไม่หยุด มือทั้งคู่ของเธอจับผมตัวเองแล้วดูเหมือนจะพึมพำกับตัวเอง: "เปล่า ฉันเปล่า อย่าพูด เฉินฮวนฮวนอย่าพูด ฉันไม่ได้บอกให้เขาไล่เฉินเฟยหยางออกจริงๆ !”

“เฉินเฟยหยางถูกไล่ออกแล้ว ที่เธอพูดตอนนี้ เธอคิดว่ามันมีประโยชน์ไหม?” เฉินฮวนฮวนยิ้มเจื่อนแล้วพูดว่า: “ตอนนี้ฉันจะเปิดเผยความไร้ยางอายของเธอต่อหน้าทุกคน!”

ในมุมมองของเฉินฮวนฮวนเป็นหลิวเฟยเฟยกับซวนเลี่ยงที่ทำเกินไปก่อน ไล่เฉินเฟยหยางออก หากไม่ใช่เพราะพวกเขาไล่เฉินเฟยหยางออก ตัวเธอก็จะไม่ขุดเรื่องของพวกเขาออกมา

ตอนนี้ ถ้าเธอต้องการช่วยเฉินเฟยหยาง เธอก็ทำได้แค่เสี่ยงและประกาศเรื่องไม่ดีของหลิวเฟยเฟยกับซวนเลี่ยง

ท้ายที่สุดไม่ว่ายังไง เมื่อคืนเฉินเฟยหยางก็ไม่ได้ตั้งใจแอบดูหลิวเฟยเฟยกับซวนเลี่ยง เพราะเขารอเธออยู่ที่อาคารเรียนในตอนกลางคืนและพาเธอกลับไปที่หอพัก ดังนั้นที่เฉินเฟยหยางถูกไล่ออก เธอก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเช่นกัน

ฉะนั้นตอนนี้ เฉินฮวนฮวนต้องการช่วยให้เฉินเฟยหยางได้อยู่ต่อ

เฉินเฟยหยางเป็นห่วงเฉินฮวนฮวนที่ทำแบบนี้ จะทำให้พวกเขาผิดใจกับซวนเลี่ยง แม้ว่าซวนเลี่ยงจะไม่ได้มีอำนาจมากเท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นนักดนตรีที่มีที่ยืน เฉินเฟยหยางกังวลว่าหลังจากผิดใจกับซวนเลี่ยง ไม่เพียงแต่เขาจะอยู่ต่อที่หวาเถิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ไม่ได้เท่านั้น ไปบริษัทอื่นก็ไม่มีใครอยากรับเขา

เขาดึงแขนเฉินฮวนฮวน พยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอเย็นลง แต่เฉินฮวนฮวนในเวลานี้เต็มไปด้วยความโกรธ ไม่มีทางที่จะใจเย็นลงได้

“ตอนนี้ฉันอยากจะบอกทุกคนว่า เมื่อคืนฉันเห็นหลิวเฟยเฟยกับซวนเลี่ยงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่สีเขียวด้วยสายตาเธอเอง!” เฉินฮวนฮวนเสียงดังมาก เต็มไปด้วยพลังและใบหน้าที่ปราศจากความกลัว

ต่อหน้าเด็กฝึกเกือบทั้งหมด เธอได้เปิดเผยเรื่องไม่ดีของหลิวเฟยเฟยและซวนเลี่ยง

"คุณพระช่วย!"

เมื่อทุกคนได้ยินข้อมูลนี้ ก็พากันถอนหายใจ

“อะไรนะ?” หลินอวี่หยางอุทานออกมา มองดูใบหน้าซีดเซียวของหลิวเฟยเฟย เธอคว้าแขนของหลิวเฟยเฟยแล้วถามว่า: “เฟยเฟย เธอทำเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง? เธอยั่วยวนอาจารย์ซวนเหรอ?”

“เปล่า เปล่านะ ฉันเปล่านะ…” แก้มของหลิวเฟยเฟยที่เปื้อนซอสนั้นดูปราศจากเลือด

เมื่อเธอเรียกสติคืนมา นัยน์ตาคู่แดงจ้องเขม็งไปที่เฉินฮวนฮวนแล้วตะโกน ยกมือขึ้นแล้วฟาดไปที่เฉินฮวนฮวน

หลินอวี่หยางตาไวมือเร็ว เธอคว้าข้อมือของหลิวเฟยเฟยได้ทันที จากนั้นผลักเธออย่างแรง หลิวเฟยเฟยล้มลงกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัวและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

"หยางหยาง คุณผลักฉัน!" หลิวเฟยเฟยหันศีรษะและมองไปหลินอวี่หยางด้วยดวงตาสีแดงและร้องไห้กล่าวว่า: "คุณช่วยเฉินฮวนฮวน คุณไม่ช่วยฉัน ฉันดีกับคุณขนาดนั้น คุณถูกเฉินฮวนฮวนซื้อตัวเร็วขนาดนี้เลย!”

“หลิวเฟยเฟย ฉันจะถามเธออีกครั้ง เธอยั่วยวนอาจารย์ซวนหรือเปล่า? เป็นเธอหรือเปล่าที่ให้อาจารย์ซวนขับไล่เฉินเฟยหยาง?” หลินอวี่หยางสีหน้าโกรธมาก

“ฉันเปล่า ฉันเปล่า เฉินฮวนฮวนพูดเรื่อยเปื่อยทั้งนั้น มันเป็นเพราะเธอ!” หลิวเฟยเฟยในตอนนี้ถึงตายก็ไม่ยอมรับ

เฉินฮวนฮวนมองไปที่หญิงสาวที่ล้มลงบนพื้น เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะและพูดเบา ๆ ว่า: "ถ้าพวกคุณไม่ยุ่งกับเฉินเฟยหยาง เดิมทีฉันไม่คิดว่าจะพูดเรื่องของพวกคุณ แต่ตอนนี้พวกคุณล้ำเส้นขีดความอดทนของฉัน"

ในขณะนั้นเอง เสียงของชายหนุ่มผู้อ่อนโยนก็ดังขึ้นที่ประตู: “ที่นี่เสียงดังขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เฉินฮวนฮวนหันกลับมาทันที อาจารย์กู้มา เธอฟังเสียงของกู้ไหว่ออก

“อาจารย์กู้”

กู้ไหว่กำลังเดินมา เฉินฮวนฮวนรีบกล่าวคำทักทาย

“ตอนที่ฉันทานอาหารที่ชั้นสอง ฉันได้ยินเสียงทะเลาะดังลั่นจากด้านล่างและยังได้ยินเสียงแผ่วเบาของคุณ ดังนั้นเลยมาดู” กู้ไหว่ขมวดคิ้วขณะมองดูหลิวเฟยเฟยที่นั่งอยู่บนพื้นแล้วถามเฉินฮวนฮวนว่า: “นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“อาจารย์กู้ ได้โปรดช่วยให้เฉินเฟยหยางได้อยู่ต่อด้วย” เฉินฮวนฮวนรวบรวมความกล้าขึ้นต่อหน้าผู้คนมากมาย และบอกกู้ไหว่ถึงความเป็นมาเป็นไป

หลังจากที่กู้ไหว่ฟังแล้ว สีหน้าของเขาดูไม่ดี เขาเหลือบมองหลิวเฟยเฟยที่อยู่บนพื้น เสียงของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม: "อาจารย์ซวนแตะต้องนักเรียนหญิง เรื่องนี้ต้องจัดการให้เด็ดขาด

"แต่ว่า ผู้อำนวยการหนีครับ คุณรู้หรือเปล่าครับว่าผู้ชายที่เฉินฮวนฮวนยุ่งด้วยคือใคร? เหมือนจะเป็นเด็กฝึกงานที่คุณชื่นชม ชื่อเฉินเฟยหยางอะไรนี่แหละครับ"

คนเจ้าเล่ห์อย่างซวนเลี่ยง มองออกตั้งนานแล้วว่า ทุกครั้งหนีซวงชอบเรียกเฉินเฟยหยาง ต้องคิดอะไรกับเฉินเฟยหยางแน่ๆ

หัวหน้าผู้หญิงตำแหน่งสูงๆอย่างหนีซวง ปกติถ้าชอบเล่นกับหนุ่มๆ หญ้าอ่อนแบบนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ

แต่เฉินเฟยหยางนั่นดูเอาการเอางาน หนีซวงเลยลงมือช้า แต่มือยังไม่ทันยื่นออกไป ก็โดนเฉินฮวนฮวนป่วนก่อน

พอหนีซวงฟังแล้ว จึงหรี่ตาลง สีหน้าไม่ค่อยดีเลย

เธอไอเสียงเบา แล้วแสร้งพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า "เฉินเฟยหยางโดนไล่ออกตั้งนานแล้ว"

"อะไรนะครับ?" ซวนเลี่ยงสงสัยมาก

ตามหลักแล้ว เมื่อกี้เหมือนหนีซวงไม่รู้เรื่องของเฉินเฟยหยางกับเฉินฮวนฮวน ทำไมถึงไล่เฉินเฟยหยางออกแล้วล่ะ?

"ความผิดพลาดในหน้าที่ เลยโดนไล่ออก ไม่คิดเลยว่าจะแอบยุ่งกับเฉินฮวนฮวนด้วย" หนีซวงกัดฟันแน่น สีหน้าก็เริ่มโมโห

เมื่อคืนตอนดึกมากแล้ว เธอกำลังพัวพันกับหญ้าอ่อนในโรงแรม ใครจะรู้ว่าได้รับโทรศัพท์จากกรรมการบริษัทหวาเถิง

กรรมการบริษัทหวาเถิงไม่บอกอะไรเลย แค่บอกว่าเป็นความต้องการของเฟิงหานชวน ให้ไล่เด็กฝึกงานเฉินเฟยหยางออก

หนีซวงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่คิดว่าเฉินเฟยหยางอาจจะไปขัดใจเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนเลยไม่อยากให้เขาฝึกงานต่อ แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่า จะเป็นเพราะเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเข้ามาฝึกหนึ่งอาทิตย์แล้ว ในหนึ่งอาทิตย์เฟิงหานชวนเคยมาหาเฉินฮวนฮวนสองครั้ง แถมยังไล่ผู้ชายที่ยุ่งกับเฉินฮวนฮวนออกอีก ดูเหมือนว่าจะสนใจเฉินฮวนฮวนมาก

ฝีมือการยั่วยวนผู้ชายของเฉินฮวนฮวนนี่เจ๋งจริงๆ ผู้ชายอย่างเฟิงหานชวนถึงสนใจเธอขนาดนั้น นี่เลยทำให้หนีซวงเริ่มสนใจเฉินฮวนฮวน

เดิมที เธอแค่คิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นแค่ของเล่นของเฟิงหานชวน จึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอตอนนี้ คงไม่ใช่แค่เล่นแล้วล่ะ

ไม่งั้น เฟิงหานชวนจะสนใจเฉินเฟยหยางได้ยังไง? ไล่ออกตั้งแต่คืนนั้น เพื่อไม่ให้เฉินฮวนฮวนนอกใจ?

กับเรื่องของพวกเขาสองคน หนีซวงแปลกใจมากกว่าเดิม

"อย่างนี้เหรอครับ เฉินเฟยหยางก็ดูเอาการเอางานนะครับ ทำผิดเรื่องอะไรเหรอครับ?" ซวนเลี่ยงรู้สึกว่าหนีซวงกำลังโกหก

เพราะยังไง "ความชื่นชม"ที่หนีซวงมีต่อเฉินเฟยหยาง ซวนเลี่ยงมองออก แต่นี่ไล่เฉินเฟยหยางออกไปง่ายๆแบบนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน

แต่ว่า เขายังไม่ได้ข่าวเลยว่าใครทำอะไรผิด ทำไมอยู่ๆถึงโดนไล่ออกล่ะ?

"ครูซวนคะ นี่เป็นความลับภายใน ไม่สะดวกที่จะบอกค่ะ" หนีซวงยิ้มให้ แล้วยกข้อมือดูนาฬิกา "ถึงเวลาคลาสแล้ว ครูซวนรีบไปสอนเด็กฝึกเถอะค่ะ"

"ครับ งั้นไม่คุยแล้วนะครับ" ซวนเลี่ยงลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินไปทางประตูห้องทำงาน

วินาทีที่เขาปิดประตู รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที เขาขมวดคิ้วแน่น รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกๆ

เฉินเฟยหยางที่ดูซื่อตรง เป็นหนอนบ่อนไส้จากคู่แข่ง?

ซวนเลี่ยงคิดไปด้วยส่ายหัวไปด้วย ตอนนี้หวาเถิงครองตลาดวงการบันเทิง คงไม่มีคู่แข่งคนไหนกล้ามาล้วงความลับหรอก

แต่ว่า ไม่ว่าเฉินเฟยหยางจะโดนไล่ออกด้วยเหตุผลอะไร ตอนนี้คนที่รู้ความลับเขากับหลิวเฟยเฟย โดนไล่ออกไปคนหนึ่งแล้ว

ยังเหลือเฉินฮวนฮวน ขอแค่อุดปากเธอได้ ก็จะไม่มีปัญหาอะไรอีก

……

เลิกคลาสตอนเที่ยง เฉินฮวนฮวน หลินอวี่หยาง แล้วก็ติงเซียง พวกเธอเดินไปกินข้าวที่โรงอาหารพร้อมกัน

ระหว่างทางที่พวกเธอเดินไป เฉินฮวนฮวนเห็นเฉินเฟยหยางเดินลากกระเป๋าเดินทางมาทางนี้

"เฉินเฟยหยาง นายจะไปไหน? กลับบ้านเหรอ?" หลินอวี่หยางเดินไปหา แล้วถามเฉินเฟยหยาง

"ผม……ผม……" เฉินเฟยหยางพูดติดๆขัดๆ สีหน้าอึดอัดมาก

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าสีหน้าเขาแปลกๆ เลยถามอย่างสงสัย "เฉินเฟยหยาง การฝึกอบรมยังไม่จบ อยู่ๆนายก็ไป เพราะที่บ้านมีธุระเหรอ?"

"ผม……เปล่า ผมโดนไล่ออก บอกว่าฝึกงานไม่ผ่าน" เฉินเฟยหยางรู้สึกเสียหน้า แม้แต่ฝึกงานเขายังโดนไล่ออก น่าอายมาก

แต่ว่า เขาถามคุณหนีซวงว่าทำที่ไหนได้ไม่ดี คุณหนีซวงไม่ตอบ บอกว่าเขาขัดใจคนอื่น

"โดนไล่ออก?" หลินอวี่หยางกับเฉินฮวนฮวนพูดออกมาพร้อมกัน

เฉินฮวนฮวนถามอย่างไม่อยากเชื่อ "นายตั้งใจทำงาน แล้วยังอยู่ในช่วงฝึกงาน ทำไมอยู่ๆถึงโดนไล่ออกล่ะ?"

เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกๆ แต่ก็พูดไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน

อาจจะเพราะเฉินเฟยหยางโดนไล่ออกอย่างกะทันหัน เธอจึงรู้สึกแปลก รู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

"ผม……" เฉินเฟยหยางลังเล พูดอะไรไม่ออก

หลินอวี่หยางจึงถามตรงๆว่า "เฉินเฟยหยาง นายคงไม่ไปขัดใจใครหรอกมั้ง?"

"คือ……" เฉินเฟยหยางเงยหน้าขึ้น เหมือนหลินอวี่หยางพูดถูกแล้ว

หลินอวี่หยางขมวดคิ้วแล้วเอ่ย "ไม่หรอกมั้ง จริงเหรอ? นายไปขัดใจใครเนี่ย? ฉันจะลองดูว่าฉันจะให้นายอยู่ต่อได้หรือเปล่า!"

"เธอช่วยให้ผมอยู่ต่อได้?" เฉินเฟยหยางรู้ว่าหลินอวี่หยางเป็นคุณหนู แถมยังพูดอะไรเด็ดขาด น่าจะทำได้ตามที่พูด

เขาเหมือนเจอแสงสว่างปลายอุโมงค์ เพราะโอกาสฝึกงานในหวาเถิง สำคัญกับประวัติทำงานเขามาก เขาก็ไม่โอเคที่ต้องไปแบบนี้

"ใช่ นายต้องบอกฉันก่อนว่าเรื่องเป็นยังไง" หลินอวี่หยางเอ่ย ดูใจเย็นมาก เพราะเธอเป็นคนที่เจอสังคมมาเยอะ เคยเจอเรื่องบ้าๆมาเยอะแยะ

"คือคุณหนีซวงไปที่ห้องทำงานตั้งแต่เช้า อยู่ๆก็เรียกผมไป ผมคิดว่าจะสั่งงานผม ใครจะรู้ว่าเขาไล่ผมออก……"

เฉินเฟยหยางเกาหัว รู้สึกทำตัวไม่ถูก แต่ก็พูดตรงๆว่า "ผมถามเหตุผลเขา เพราะผมตั้งใจทำงานมาก ไม่เคยทิ้งงานเลย เขาโดนผมถามจนรำคาญ เลยบอกว่าผมไปขัดใจคนอื่น เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น"

"อะไรเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น? นายเห็นอะไร?" หลินอวี่หยางถามอย่างหมดคำพูด

พอเฉินฮวนฮวนได้ยิน สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที ความโมโหเริ่มขึ้นสมองเธอ

"ฉันรู้แล้วว่าใครทำ แล้วไล่นายออก ทีแรกฉันก็ไม่อยากยุ่งเรื่องพวกนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำถึงขนาดนี้!" เฉินฮวนฮวนพูดอย่างอารมณ์เสีย "เฉินเฟยหยาง เรื่องนี้นายไม่ผิด นายไม่ควรโดนไล่ออก ฉันจะเอาความยุติธรรมกลับมาให้นายเอง!"

พูดจบ เฉินฮวนฮวนก็เดินพุ่งตรงไปทางโรงอาหาร

“ครูซวน ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องห่วง! อีกอย่าง ฉันรู้จุดอ่อนของเฉินฮวนฮวน ฉันเตือนเธอแล้ว” หลิวเฟยเฟยกล่าวอย่างมั่นใจ

เธอคิดว่าคำเตือนที่เธอบอกเมื่อคืนนี้ได้ผล ไม่เช่นนั้นเมื่อคืนเฉินฮวนฮวนก็คงบอกหลินอวี่หยาง เรื่องของเธอกับซวนเลี่ยงไปแล้ว

“จุดอ่อนอะไร?” ซวนเลี่ยงถามทันที

“เมื่อคืนตอนที่พวกเรากำลังแอบพลอดรัก เฉินฮวนฮวนและเฉินเฟยหยางก็อยู่ที่นั่นด้วย!” หลิวเฟยเฟยก็ทำสายตาที่ลึกลับ และกล่าวว่า “พวกเขาทั้งคู่ก็แอบมีความสัมพันธ์กัน”

“เชี่ย?” ซวนเลี่ยงอุทานออกมา ด้วยสายตาที่ตกใจในตอนแรก จากนั้นก็หัวเราะออกมา: “ทั้งๆที่มีกู้ไหว่ แต่เฉินฮวนฮวนดันไปตกหลุมรักทีมงานเหรอ?”

“อืมมมมม บางทีเฉินเฟยหยางยังเด็กและมีเรี่ยวแรงเยอะกว่า? หรือบางทีเธออาจรู้สึกว่าคงไม่มีหวังกับครูกู้? หรือว่าบางทีครูกู้ไม่เก่งเรื่องแบบนั้น?” น้ำเสียงของหลิวเฟยเฟยเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย

“ผมว่าน่าจะเป็นประเด็นสุดท้าย!” ซวนเลี่ยงอิจฉากู้ไหว่ จึงอยากพูดแต่ข้อเสียของกู้ไหว่

“เฮ้อ ครูซวน ครูนิสัยไม่ดีเลย~” หลิวเฟยเฟยหัวเราะและโน้มไปในอ้อมแขนของซวนเลี่ยงและกล่าวว่า: “ไม่มีใครดีสู้ครูได้หรอก”

“ปากหวานจริงๆเลย” ซวนเลี่ยงก้มศีรษะลงและจูบหลิวเฟยเฟยอย่างดุเดือดด้วยท่าทางที่พอใจมาก

ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของหลิวเฟยเฟยไม่ได้สวยงามมาก แต่เธอเก่งเรื่องเอาใจผู้ชาย ซวนเลี่ยงก็มีความสุขมากที่ได้แอบมีความสัมพันธ์กับเธอทุกวัน

ซวนเลี่ยงมีกลิ่นปากเหม็นบุหรี่ แต่หลิวเฟยเฟยก็แสร้งแสดงว่าชอบมันมาก เพราะซวนเลี่ยงเป็นครูที่ปรึกษา การได้รับการยอมรับและความช่วยเหลือของเขาจะมีอิทธิพลอย่างมากในอนาคต

ดังนั้น หลิวเฟยเฟยจึงยอมที่จะเอาใจซวนเลี่ยง เพราะเธออยากจะเดบิวต์เข้าวงการ

เมื่อเห็นว่าเวลาพักใกล้จะหมดลง หลิวเฟยเฟยจึงปล่อยซวนเลี่ยงแสร้งทำเป็นไม่เต็มใจและกล่าวว่า: “ครูซวน ฉันต้องกลับไปที่ห้องเรียนแล้ว เดี๋ยวเจอกันนะ”

“อืม เธอออกไปก่อน ตอนออกไประวังอย่าให้ใครเห็น” ซวนเลี่ยงเอื้อมมือออกไปและหยิกเอวของเธอ

หลิวเฟยเฟยอุทานเบาๆ ขยิบตาให้ซวนเลี่ยง จากนั้นเดินไปที่ประตูห้อง เปิดประตู

เธอไม่รีบออกไป แต่โผล่หัวออกมาก่อน หลังจากยืนยันว่าไม่มีใครอยู่บนทางเดิน เธอก็เดินออกไป

ขณะที่เธอกำลังปิดประตูห้อง เฉินฮวนฮวนเดินออกมาจากห้องข้างๆ ทั้งสองคนก็หันหน้าเข้าหากันพอดี

หลิวเฟยเฟยรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าตอนเธอออกมาจากห้องทำงานของซวนเลี่ยง จะถูกเฉินฮวนฮวนเห็นอีกแล้ว

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนหรี่ลง เธอรู้ว่าห้องทำงานของซวนเลี่ยงอยู่ถัดจากห้องทำงานของกู้ไหว่ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่า หลิวเฟยเฟยและซวนเลี่ยงนัดเจอกันในห้องทำงาน

เมื่อนึกถึงฉากใต้ต้นไม้ใหญ่เมื่อคืนนี้ มันดูน่าเกลียด แม้ว่าความรักระหว่างชายหญิงจะเป็นเรื่องปกติ เธอไม่มีสิทธิ์ยุ่ง แต่สถานะของหลิวเฟยเฟยและซวนเลี่ยงนั้นไม่สมควร

ภรรยาของซวนเลี่ยงกำลังท้องลูกคนที่สอง ซวนเลี่ยงนอกใจภรรยาระหว่างตั้งท้อง ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!

"หลิวเฟยเฟย เจอกันพอดีเลย งั้นลงไปพร้อมกันเถอะ" เฉินฮวนฮวนริเริ่มเชิญหลิวเฟยเฟยด้วยกัน จริงๆแล้วอยากจะพูดคุยกับเธอเพียงลำพัง

หลิวเฟยเฟยดูออกว่าเฉินฮวนฮวนมีอะไรจะพูดด้วย ดังนั้นเธอจึงตกลงและเดินไปหาเฉินฮวนฮวน

ทั้งสองเดินไปถึงหน้าบันได เธอก็คว้าตัวเฉินฮวนฮวนที่กำลังจะเดินลงบันได: "เธอมีอะไรจะคุยกับฉัน?"

“หลิวเฟยเฟย เธอรู้หรือเปล่าว่าภรรยาของซวนเลี่ยงกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง?” เฉินฮวนฮวนไม่เรียกครูซวนอีก เพราะเธอรู้สึกว่าซวนเลี่ยงไม่คู่ควรกับตำแหน่ง “ครู”

“เธออยากบอกอะไรกันแน่? เฉินฮวนฮวน! หุบปาก!” หลิวเฟยเฟยลืมตาโต และพูดอย่างไม่พอใจ

เธอรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนตั้งใจหาเรื่องเธอ ตั้งใจเอาเรื่องระหว่างเธอกับซวนเลี่ยงขึ้นมาพูด หากมีใครผ่านมาตอนนี้ ก็คงได้ยินหมด

“ฉันไม่สนิทกับเธอ เรื่องของเธอฉันก็ไม่อยากยุ่งหรอก และไม่จำเป็นต้องสนด้วย แต่ฉันเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนของหยางหยาง ก็เลยอยากเตือน ฉันหวังว่าเธอจะรีบออกห่างจากเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้นะ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกเห็นอกเห็นใจภรรยาของซวนเลี่ยง

การตั้งท้องลูกคนที่สองกับผู้ชายคนนี้ ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าเธอรู้สึกพึ่งพาและไว้ใจผู้ชายคนนี้ได้ แต่ซวนเลี่ยงอยู่ข้างนอกกับทำอะไรลับหลังกับนักเรียน แถมยังเป็นในห้องเรียน!

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าฉากที่เธอเห็นเมื่อคืนนี้ เกือบจะทำให้เธอตาบอด

“เฉินฮวนฮวน เธอเป็นร่างจุติของพระแม่มารีหรือไง? จำเป็นต้องเป็นคนดีขนาดนี้ไหม?” หลิวเฟยเฟยเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยาม

เฉินฮวนฮวนเห็นว่าหลิวเฟยเฟยไม่มีความสำนึกผิดเลย ไม่รู้สึกละอายใจเลยแม้แต่น้อย เธอไม่อยากพูดอะไรมากกับคนแบบนี้

“ฉันไม่ใช่พระแม่ เรื่องของเธอฉันก็จะไม่ยุ่งแล้ว ทำตัวให้ดีๆล่ะ” เฉินฮวนฮวนพูดคำเหล่านี้อย่างเย็นชา สะบัดมือของหลิวเฟยเฟย และเดินลงบันไดเพียงลำพัง

หลิวเฟยเฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเฉินฮวนฮวน แม้ว่าเธอจะรู้สึกโล่งใจ แต่การดูถูกที่เฉินฮวนฮวนมองเธอ ทำให้เธออารมณ์เสียมาก

เธอไม่ใช่เมียน้อย และเธอก็ไม่ได้คิดจะทำลายความสัมพันธ์ของซวนเลี่ยงและภรรยา เธอแค่ใช้ร่างกายของเธอทำข้อตกลงกับซวนเลี่ยง แค่อยากให้ซวนเลี่ยงดันเธอ

หลิวเฟยเฟยรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด!

ในอีกด้านหนึ่ง ซวนเลี่ยงรู้ว่าหลิวเฟยเฟยออกจากห้องทำงานแล้วเจอกับเฉินฮวนฮวน ดังนั้นเขาจึงเดินตรงไปที่ชั้นห้า

“ผู้อำนวยการหนี วันนี้คุณสวยจังเลย ชุดใหม่ของชาแนลนี้ทำให้คุณดูเด็กลง” ซวนเลี่ยงเป็นคนคุ้นเคย โดยเฉพาะในวงการบันเทิง มีฝีมือดีในการทำงาน

เขาเดินเข้าไปในห้องทำงานของหนีซวง กระพริบตากับเธอ และนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับชมหนีซวง

“ครูซวน ลมอะไรพัดคุณมาที่นี่?” หนีซวงยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่น

“ไม่มีอะไร ผมได้ยินมาว่ามีเด็กฝึกและทีมงามที่นี่แอบมีความสัมพันธ์กัน เรื่องแบบนี้ไม่ได้รับอนุญาตจากรายการไม่ใช่เหรอ?” ซวนเลี่ยงเอามือลูบคาง แสร้งทำเป็นพูดลอยๆ

“ใคร?” ใบหน้าของหนีซวงเริ่มจริงจังในทันทีและถามว่า: “เด็กฝึกคนไหน? ทีมงานคนไหน?”

“เห้ยเห้ยเห้ย ทำไมสาวสวยของเราทำหน้าแบบนี้? คนหนุ่มสาวแอบชอบกันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? คุณไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลย” ซวนเลี่ยงยิ้มแล้วพูด: “ เด็กฝึกคนนี้ คนที่กู้ไหว่เล็งไว้ ชื่อว่าอะไรนะ นามสกุล เฉิน…”

ซวนเลี่ยงแสร้งทำเป็นจำไม่ได้

“เฉินฮวนฮวน!” หนีซวงขมวดคิ้วและพึมพำ:“ทำไมเด็กคนนี้มีแต่เรื่องให้กังวล!”

“ ผู้อำนวยการหนี เธอเคยทำให้คุณไม่สบายใจมาก่อนเหรอ?” ซวนเลี่ยงได้ยินสิ่งผิดปกติในน้ำเสียงของหนีซวง

“ไม่มีอะไร ผู้หญิงที่เข้ามากลางคันก็มีแต่ปัญหานั่นแหละ เข้ามาก็มีเรื่องผู้ชายเลย ช่าง…ไม่รู้จักอายเลยจริงๆ!” หนีซวงด่าออกมาอย่างขมขื่น

ตอนนี้หลินอวี่หยางโมโหมาก

เธอไม่คิดว่าเฉินฮวนฮวนจะเคยถูกแฟนเก่าทำร้าย แม้จะเป็นเพราะแฟนเก่า หลังจากนี้ไปเธอก็ไม่อยากมีความรักแล้ว

นั่นแสดงให้เห็นว่าเฉินฮวนฮวนถูกผู้ชายคนนั้นทำร้ายมากแค่ไหน!

นี่เป็นเรื่องร้ายแรงมากเรื่องหนึ่ง!

“หยางหยาง เธออย่าตกใจเลย…” เฉินฮวนฮวนเพียงอยากล้มเลิกความคิดที่หลินอวี่หยางจะจับคู่เธอกับเฉินเฟยหยาง แต่คิดไม่ถึงว่าหลินอวี่หยางจะโมโหขึ้นมาเพราะเรื่องนี้

ทำไมต้องเอาเจ้าหมอนั่นมารุมทำร้ายด้วย

ใบหน้าของเฟิงหานชวนผุดขึ้นมาในหัวของเฉินฮวนฮวน ตามมาด้วยร่างกายกำยำสูงใหญ่ของเขา ภาพลักษณ์เช่นนี้ของเขา ดูเหมือนจะไม่ค่อยใกล้เคียงกับเจ้าหมอนั่นเลยใช่ไหม

พูดตามตรงเลยว่า เฟิงหานชวนเป็นผู้ชายเฮงซวย!

แม้ว่าเฟิงหานชวนจะช่วยเหลือเธอมากมาย แต่ผู้ชายที่เหยียบเรือสองแคมอย่างเฟิงหานชวน ทั้งห่วยแตกทั้งน่ารังเกียจจริงๆ ต่างอะไรกับเยี่ยจิ่งเฉิน!

“ฮวนฮวน ฉันจะไม่ตกใจได้ยังไง นึกถึงก่อนหน้านี้เราไม่รู้จักกัน ฉันไม่สามารถอยู่ข้างๆ เธอปกป้องเธอได้ แต่ตอนนี้ฉันอยู่ข้างเธอแล้ว ความคับข้องใจที่เธอได้รับ ฉันจะช่วยเธอเอาคืน!” หลินอวี่หยางตบหน้าอกของตัวเอง และกล่าวอย่างผึ่งผาย ดูเหมือนว่ามีคุณธรรมน้ำมิตรภาพเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้น ขอบตาของเฉินฮวนฮวนร้อนผ่าว ในใจรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก เสียงของเธอก็สะอึกสะอื้นขึ้นมา “หยางหยาง…”

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองและหลินอวี่หยางหากไม่ทะเลาะกันก็คงไม่รู้จักกันจริงๆ ในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งสัปดาห์ ราวกับพวกเธอเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีแล้ว

“ฮวนฮวน อย่าทุกข์ใจเลยนะ รอฉันออกไปช่วยเธอแก้แค้น ฉันจะพาเธอไปอธิบายกับคุณน้าหวังให้ชัดเจนก่อน” ขณะที่พูด หลินอวี่หยางก็จูงมือเฉินฮวนฮวน และพาเธอเดินลงไปชั้นล่าง

เมื่อทั้งสองคนมาถึงฝ่ายหอพัก คุณน้าหวังกำลังจะเข้านอน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

เธอสวมชุดนอนเดินออกมาเปิดประตู เมื่อเห็นว่าตรงหน้าเป็นหลินอวี่หยาง เธอก็โบกมือไปมา และกล่าวว่า “ดึกมากแล้ว ใช้โทรศัพท์ไม่ได้แล้ว รีบกลับไปนอนเถอะ”

“คุณน้าหวัง ฉันไม่ได้มาใช้โทรศัพท์ค่ะ ฉันพาเฉินฮวนฮวนมาแก้ข่าว” หลินอวี่หยางกล่าว พร้อมกับดันเฉินฮวนฮนมายืนตรงหน้าคุณน้าหวัง

เฉินฮวนฮวนโค้งคำนับให้คุณน้าหวังหนึ่งครั้ง และกล่าวอธิบายว่า “คุณน้าหวัง ฉันกับเฉินเฟยหยางไม่ใช่อย่างที่คุณน้าคิดนะคะ ตอนกลางคืนอาจารย์หนีให้ฉัน…”

เฉินฮวนฮวนเล่าต้นสายปลายเหตุให้คุณน้าหวังฟังอย่างจริงจัง

“ไอโยว ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันคิดว่าเธอกับเฉินเฟยหยาง…ฉันคิดมากเอง เธอก็อย่าถือสาเลยนะ หลิวเฟยเฟยมาคุยกับฉัน ฉันก็พูดไปเรื่อยไม่กี่ประโยคหรอก” คุณน้าหวังโบกมือไปมาด้วยความขัดเขินเล็กน้อย

แม้ว่าเธอจะยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าเธอก็อายุมากแล้ว เธอยังซุบซิบนินทาเรื่องของเด็กสาว และยังถูกเด็กสาวมาอธิบายถึงหน้าประตู ความจริงแล้วเธอเองก็รู้สึกขัดเขินทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรค่ะคุณน้าหวัง ฉันกลัวคุณน้าจะเข้าใจผิด ฉันก็เลยมาอธิบายให้คุณน้าฟังโดยเฉพาะ” เฉินฮวนฮวนไม่ได้ตั้งใจจะมากล่าวโทษคุณน้าหวังอยู่แล้ว เธอเพียงต้องการมาบอกความจริงเท่านั้น

ไม่เช่นนั้น เมื่อข่าวอื้อฉาวแพร่กระจายมากขึ้นเรื่อยๆ จะอธิบายได้ยาก ข่าวลือที่พูดต่อๆ กันจนคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเช่นนี้ เธอเคยมีประสบการณ์ด้วยตัวเองมาแล้ว

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจผิดเอง ฉันจะไม่พูดส่งเดชอีก พวกเธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” คุณน้าหวังโบกมือไปมา และรีบปิดประตู

เฉินฮวนฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งใจที่ยุติต้นตอข่าวลือได้ทันเวลา

เรื่องของเธอและเฉินเฟยหยางในคืนนี้ มีเพียงคุณน้าหวังและหลิวเฟยเฟยเท่านั้นที่รู้ เธอสามารถห้ามปรามคุณน้าหวังได้แล้ว และจุดอ่อนของหลิวเฟยเฟยก็อยู่ในมือ เธอไม่เอาไปพูดส่งเดชอย่างแน่นอน

ดังนั้น เรื่องนี้ถือว่าจบลงแล้ว หลังจากนี้เธอระมัดระวังตัวและรักษาระยะห่างกับเฉินเฟยหยางก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว

“หยางหยาง พวกเรากลับไปนอนกันเถอะ” ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย เธอหันกลับมาบอกหลินอวี่หยาง

หลินอวี่หยางพยักหน้า ทั้งสองคนเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองด้วยกัน

เมื่อมาถึงปากทางของบันไดชั้นสอง ทั้งสองคนก็แยกกัน เพราะห้องพักของหลินอวี่หยางเป็นห้องแรกที่อยู่ริมสุดของระเบียงทางเดิน และห้องพักของเฉินฮวนฮวนเป็นห้องสุดท้ายที่อยู่ริมสุดของระเบียงทางเดิน

“ฮวนฮวน ฉันไปส่งเธอ” หลินอวี่หยางบอกอย่างกระตือรือร้น

“ไม่ต้องหรอก เธอรีบกลับห้องพักตัวเองเถอะ กลางวันเหนื่อยมามากแล้ว กลางคืนก็รีบเข้านอนเร็วหน่อย” ในใจเฉินฮวนฮวนรู้สึกขอบคุณหลินอวี่หยางเป็นอย่างมาก เธอสัมผัสได้ถึงมิตรภาพอันอบอุ่น

“ฮวนฮวน นี่เธอรักฉันแล้วใช่ไหม” หลินอวี่หยางหัวเราะแหะๆ และกล่าวว่า “งั้นฉันไม่แซวเธอแล้ว บ๊ายบาย!”

“อือ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า และโบกมือให้หลินอวี่หยาง ก่อนจะเดินไปที่ห้องพักของตัวเอง

ทว่า เธอเดินไปได้เพียงสองก้าว เหมือนว่าเธอนึกอะไรบางอย่างได้ เธอหันกลับมาเรียกหลินอวี่หยางไว้ “หยางหยาง วันนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ตอนกลางคืนฉันมีเรื่องจะบอกเธอเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไรเหรอ ฮวนฮวน เธอมีลับลมคมในกับฉันนะ พูดตอนนี้เลยสิ!” หลินอวี่หยางราวกับถูกยั่วเย้ากระตุ้นความอยากรู้ เธอพูดรบเร้าเฉินฮวนฮวน

“เรื่องนี้ต้องคุยยาว วันนี้ฉันง่วงมากแล้ว พรุ่งนี้ฉันเล่าให้เธอฟังแน่นอน” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเปลือกตาของตัวเองกำลังจะปิดลง เธอไม่มีเรี่ยวเเรงจะเล่าเรื่องอะไรแล้วจริงๆ

“งั้นก็ได้ ฉันจะรอคืนพรุ่งนี้ ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงคืนพรุ่งนี้เร็วๆ” ใบหน้าของหลินอวี่หยางดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็กลับห้องพักของตัวเอง เฉินฮวนฮวนเอนตัวนอนลงบนเตียง เธอกำลังคิดจะบอกหลินอวี่หยางเรื่องของตัวเองกับเฟิงหานชวนในคืนพรุ่งนี้

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ผล็อยหลับไป

……

เช้าของวันรุ่งขึ้น ระหว่างเวลาเลิกเรียน

ห้องพักของเมนเทอร์

เมื่อหลิวเฟยเฟยเดินเข้ามาก็รีบล็อกประตู แล้วโผไปหาซุนเลี่ยงที่นั่งอยู่บนโซฟา

“อาจารย์ซุน~” เธอขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“เมื่อคืนหาเจอไหมว่าใครแอบดูเรา” ใบหน้าของซุนเลี่ยงดูแย่มาก ตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงตอนนี้ เขาแทบไม่ยิ้มเลย

หลิวเฟยเฟยรู้ว่าเขากังวลว่าทีมงานจะรู้เรื่องของพวกเขา เธอรีบกล่าวว่า “ฉันหาเจอแล้ว เฉินฮวนฮวนห้องสี่ และเฉินเฟยหยางเด็กฝึกงานของทีมเขียนบทและกำกับการแสดงค่ะ”

“แม่งเอ้ย เฉินฮวนฮวน!?” เมื่อซุนเลี่ยงได้ยินชื่อนี้ เขาก็สบถคำหยาบออกมาทันที

“อาจารย์ซุน คุณอย่าตกใจไปเลยค่ะ เฉินฮวนฮวนไม่พูดเรื่องของเราหรอกค่ะ” หลิวเฟยเฟยเขย่าแขนของซุนเลี่ยงพร้อมกับกล่าวด้วยเสียงกระเง้ากระงอด

“เธอเป็นลูกศิษย์คนโปรดของกู้ไหว ไม่แน่ว่าตอนนี้เธออาจจะบอกเรื่องของเรากับกู้ไหวไปแล้ว!” เมื่อซุนเลี่ยงกล่าวถึงกู้ไหว เขาก็ดีดตัวขึ้นจากโซฟาด้วยความโกรธ และพับแขนเสื้อขึ้น

ปกติแล้วซุนเลี่ยงมักจะสนใจแต่ผู้หญิงสวยๆ ไม่ใช่เด็กฝึกหัดทุกคนที่รู้ บังเอิญว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนสวย และเป็นเด็กฝึกหัดที่กู้ไหวชื่นชม ดังนั้นซุนเลี่ยงจึงรู้สึกประทับใจเฉินฮวนฮวน

เขาค่อนข้างเกลียดกู้ไหว ตอนนี้ตัวเองถูกคนของกู้ไหวแอบเห็นแล้ว อารมณ์โกรธของเขาก็พุ่งขึ้นมาทันที

“เป็นไปไม่ได้หรอก?” หลิวเฟยเฟยมองว่าท่าทางของเฉินฮวนฮวน ดูไม่เหมือนคนช่างพูด เธอยืนขึ้นแล้วกอดซุนเลี่ยงเอาไว้ และกล่าวว่า “เมื่อคืนฉันเตือนเธอแล้ว เธอไม่น่าจะบอกคนอื่นหรอกค่ะ เพราะหลินอวี่หยางก็ไม่รู้เรื่องของเรา”

“ถ้าเฉินฮวนฮวนพูดจริง เธอต้องบอกหลินอวี่หยางเป็นคนแรกสิ หลินอวี่หยางไม่รู้อะไรเลยสักนิด เมื่อเช้าฉันลองหยั่งเชิงดูแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหลินอวี่หยางรู้ ฉันไม่จำเป็นต้องลองหยั่งเชิงหรอกค่ะ เธอต้องมาเล่นงานฉันแล้ว”

น้ำเสียงที่มั่นใจของหลิวเฟยเฟย กลับไม่สามารถปลอบประโลมซุนเลี่ยงได้

“ผมจำได้ว่าหลินอวี่หยางสนิทกับเฉินฮวนฮวน คุณค่อนข้างสนิทกับหลินอวี่หยาง คุณรู้ไหมว่าเฉินฮวนฮวนมีจุดอ่อนอะไร คุณเอาจุดอ่อนของเธอมาขู่ไม่ให้เธอพูดเรื่องของเรา!” นัยน์ตาทั้งสองของซุนเลี่ยงจ้องเขม็งไปข้างหน้าอย่างดุเดือด เขากัดฟันกรอดกล่าวว่า “อย่าให้เธอบอกเรื่องของเรากับกู้ไหว!”

เดิมทีกู้ไหวก็ดูถูกวิธีการทำงานของเขาอยู่แล้ว หากกู้ไหวรู้เรื่องเขาลอบคบกับเด็กฝึกหัดหญิง คนนิสัยอย่างกู้ไหวต้องรายงานเขาต่อบริหารระดับสูงของหวาเถิงอย่างแน่นอน

“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หนีหรือตัวฉันหลินอวี่หยาง เป็นคนขอให้เฉินเฟยหยางคุ้มกันฮวนฮวนกลับมา พวกเขาแค่ทำงานด้วยกันตามปกติ ไม่มีอย่างอื่น”

หลินอวี่หยางชี้แจงแทนเฉินฮวนฮวนที่กำลังอาบน้ำอยู่

ที่จริงหลินอวี่หยางดูออกว่าเฉินเฟยหยางอยากตามจีบเฉินฮวนฮวน เธอมองไปที่เฉินเฟยหยางที่ดูหล่อเหลาและดูซื่อสัตย์จริงใจ เธอจึงสร้างโอกาสให้กับพวกเขา

ไม่อย่างนั้น ด้วยนิสัยของเธอ ไม่ว่าเฉินฮวนฮวนจะกรอกข้อมูลดึกขนาดไหน เธอก็จะต้องอยู่รอ

อย่างไรก็ตาม หลินอวี่หยางยังไม่แน่ใจในทัศนคติของเฉินฮวนฮวนที่มีต่อเฉินเฟยหยาง รวมทั้งในเวลาของการฝึกอบรม จะเกิดเรื่องอื้อฉาวได้อย่างไร ดังนั้นเธอจึงรีบชี้แจงแทนเฉินฮวนฮวน

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ฉันนึกฮวนฮวนกับเฉินเฟยหยางอยู่ด้วยกันซะอีก ดังนั้นจึงรีบมาสอบถามเธอ บอกให้เธอระวังตัวหน่อย อย่าให้คนอื่นรู้มากเกินไป ยังไงเรื่องอื้อฉาวฉาวต้องส่งผลกระทบต่อเธออยู่แล้ว หลิวเฟยเฟยแสร้งทำเป็นคิดแทนเฉินฮวนฮวน

หลินอวี่หยางพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร ชี้ไปที่ประตูแล้วพูดว่า "เฟยเฟย คุณควรกลับไปอาบน้ำก่อน! ฉันอาบเสร็จแล้วและฉันจะกลับไปหลังจากนั่งเล่นที่นี่สักครู่"

“อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าฉันจะว่าคุณ คุณควรเปลี่ยนนิสัยชอบวิ่งในตอนกลางคืนของตัวเองนะ กลางวันก็เหนื่อยเจียนตายอยู่แล้ว กลางคืนคุณยังไปวิ่งอีก ทำไมคุณจะไม่มาสายในตอนเช้าหล่ะ?” หลินอวี่หยางเดิมอยากให้หลิวเฟยเฟยกลับหอพักก่อน พูดไปพูดมาก็เริ่มอบรมเธอ “ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ซวนเป็นคนพูดง่ายคุณจะต้องถูกรายงานไปที่อาจารย์หนีจริงๆ”

ทันทีที่เธอได้ยินคำว่าอาจารย์ซวน สีหน้าของหลิวเฟยเฟยก็เปลี่ยนเป็นกังวลมากขึ้น แล้วเธอก็มองไปที่ประตูห้องน้ำโดยไม่รู้ตัว

ความลับของเธอกับซวนเลี่ยง นอกจากทั้งสองคนที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่มีใครรู้….. ตอนนี้ขออย่าให้เฉินฮวนฮวนและเฉินเฟยหยางเห็นเข้าเลย

ตอนนี้เธอไปหาเฉินเฟยหยางไม่ได้ วิธีเดียวที่ทำได้คือคุยกับเฉินฮวนฮวนให้รู้เรื่องก่อน แต่ยังไม่สบโอกาส

หลิวเฟยเฟยรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเป็นเหมือนมดบนหม้อร้อน เธอกระวนกระวายแต่ก็ไม่มีทางออก

“เอาเถอะ ดูสิทำให้คุณประหม่า มีฉันอยู่คุณไม่เป็นไรหรอก รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” หลินอวี่หยางโบกมือให้หลิวเฟยเฟยกลับไปก่อน

หลิวเฟยเฟยทำหน้าบูดบึ้ง หาเหตุผลที่จะอยู่ต่อไม่ได้จริงๆ ดังนั้นเธอจึงก้าวเท้าเดินไปที่ประตูหอพัก

ณ เวลานี้ เฉินฮวนฮวนเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมาในขณะที่กำลังเช็ดผมของเธอ ประจันหน้ากับหลิวเฟยเฟยเข้าพอดี

ทั้งสองมองหน้ากันดวงตาเบิกกว้างทั้งสองคน

“คุณทำไมถึงมาที่นี่” เฉินฮวนฮวนถามขึ้น

“คุณออกมาแล้วเหรอ?” หลิวเฟยเฟยถามขึ้นพร้อมกัน

ในเวลานี้เฉินฮวนฮวนรู้สึก "สะดุดกึก" แป๊ปนึง เธอถูกหลิวเฟยเฟยสังเกตเห็นหรือ?

ไม่อย่างนั้นปกติหลิวเฟยเฟยไม่มีวันมาที่หอพักของเธอ

เธอไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เดิมคิดว่าจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ แต่ว่าหลิวเฟยเฟยเป็นคนเดินเข้ามาหาเธอ เธอก็จะยอมรับมัน

“หลิวเฟยเฟย อันที่จริงฉัน……” เฉินฮวนฮวนแค่อยากจะบอก แต่ถูกหลิวเฟยเฟยแอบถลึงตาให้

หลิวเฟยเฟยหันหลังให้กับคนอื่นๆ ดังนั้นมีเพียงเฉินฮวนฮวนเท่านั้นที่มองเห็นท่าทางของเธอ

เฉินฮวนฮวนตระหนักดีว่าหลิวเฟยเฟยไม่อยากให้เธอพูด ที่จริงเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกมา เธอแค่อยากบอกหลิวเฟยเฟยจากด้านข้างว่าเธอจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่ว่าท่าทางที่หลิวเฟยเฟยจ้องมองเธอ อยู่ในสายตาของเฉินฮวนฮวนและเธอไม่พอใจเล็กน้อย

ในมุมมองของเฉินฮวนฮวน หลิวเฟยเฟยเป็นพวกศีลธรรมเสื่อมทราม ไม่เพียงแต่หลิวเฟยเฟยจะไม่รู้สึกละอายใจ แม้แต่ต่อหน้าเธอก็ชอบทำตัวหยิ่งยโส แต่ตัวเธอเองที่บังเอิญเห็นความจริงเข้าโดยไม่ตั้งใจกลับกลายเป็นคนบาป

“ฮวนฮวน คนที่คุ้มกันคุณกลับมาคือเฉินเฟยหยางใช่ไหม? ฉันมาหาคุณเพื่อบอกว่าป้าหวังคิดว่าคุณกับเฉินเฟยหยางเป็นแฟนกันและแอบทำอะไรบางอย่างกันในตอนกลางคืน ดังนั้นฉันจึงมาเพื่อบอกคุณโดยเฉพาะ "แม้ว่าหลิวเฟยเฟยพูดกับเฉินฮวนฮวนด้วยรอยยิ้ม แต่มีคำข่มขู่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มนั้น

เฉินฮวนฮวนเข้าใจความหมายของเธอในทันที หลิวเฟยเฟยกำลังเตือนตัวเธอว่าอย่าบอกเรื่องเธอกับซวนเลี่ยง เรื่องที่ป้าหวังเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเฉินเฟยหยางเป็นข้อมูลที่หลิวเฟยเฟยนำมาใช้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับเธอ

“ขอบคุณที่บอกฉันเรื่องพวกนี้ ฉันจะหาโอกาสอธิบายกับป้าหวัง” เฉินฮวนฮวนตอบอย่างไม่แยแส

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดอะไรอีก หลิวเฟยเฟยก็หรี่ตาลง รู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนไม่น่าจะออกไปป่าวประกาศเรื่องของเธอ เธอจึงทิ้งท้ายด้วยคำว่า"ไม่ต้องขอบคุณ" แล้วเดินออกจากหอพัก

เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู เฉินฮวนฮวนก็ขมวดคิ้วอย่างไม่มีทางเลือก เมื่อสักครู่ที่หลิวเฟยเฟยพูดถึงเรื่องป้าหวัง ไม่น่าจะเป็นเท็จ

“เฉินฮวนฮวน เธอกับเฉินเฟยหยางจริงหรือไม่จริง?” จ้าวซีอดถามไม่ได้ เธอก็แค่ถามดูเท่านั้น หลินอวี่หยางจะทำอะไรเธอได้

“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องเท็จ” เฉินฮวนฮวนตอบโดยไม่ลังเล

ตอนนี้เธอรู้สึกปวดหัว เดิมทีอารมณ์ก็ไม่ค่อยดี อยากจะพักผ่อนเร็วหน่อย แต่กลับเจอปัญหาวุ่นวายขึ้น ดันถูกป้าหวังเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเฉินเฟยหยางว่ามีอะไรกัน

หากเรื่องนี้แพร่ออกไป มันจะเป็นผลเสียกับเธออย่างแน่นอน กองประกวดก็ต้องมีความเห็นต่อเธออย่างแน่

จ้าวซีมองเฉินฮวนฮวนตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่ในใจเธอไม่มีทางเชื่อ เธอตบปากของเธอสองครั้งและไม่ได้พูดอะไรอีก ดังกับว่าเฉินฮวนฮวนจะตอบหรือไม่ เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง

เฉินฮวนฮวนไม่อยากสนใจจ้าวซี แต่เธอต้องอธิบายให้ป้าหวังฟังให้ชัดเจน

"หยางหยางเธอลงไปชั้นล่างกับฉันหน่อยนะ" เธอหันไปพูดกับหลินอวี่หยาง

“ไม่มีปัญหา ฉันจะไปช่วยอธิบายกับป้าหวังให้ชัดเจนพร้อมกับเธอเดี๋ยวนี้เลย ฉันสนิทกับท่าน หลินอวี่หยางพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหาเฉินฮวนฮวน

เพียงแต่ว่า หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้ว หลินอวี่หยางไม่ได้พาเฉินฮวนฮวนไปหาป้าหวังโดยตรง แต่ดึงเธอไปหน้าบันได

“ฮวนฮวน เธอแอบบอกฉันสิว่า เธอมีความรู้สึกอย่างไรกับเฉินเฟยหยาง” หลินอวี่หยางถามเสียงเบา

"หยางหยาง คุณพูดอะไร? ฉันจะรู้สึกอะไรกับเฉินเฟยหยางได้อย่างไร ฉันกับเฉินเฟยหยางแค่ถูกป้าหวังเข้าใจผิดจริงๆ" เฉินฮวนฮวนรู้สึกทำอะไรไม่ถูก

หลังจากแยกกับเฟิงหานชวน เธอไม่อยากคิดเรื่องระหว่างเฟิงหานชวนกับหลีซืออวิ๋นอีกต่อไป เธอวางแผนที่จะจัดการเรื่องนี้เมื่อสิ้นสุดการฝึก

เดิมอยากกลับมาอาบน้ำแล้วพักผ่อน แต่ใครจะรู้ว่าพระเจ้าไม่ยอมปล่อยให้เธอผ่อนคลาย ถึงได้สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา

“อันที่จริง ฉันดูออกว่าเฉินเฟยหยางค่อนข้างสนใจเธอ” หลินอวี่หยางแอบยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันเห็นว่าเขาท่าทางไม่เลว เลยไม่รอเธอกรอกข้อมูลในอาคารเรียน ให้เขาส่งเธอกลับมา สร้างโอกาสให้พวกเธออยู่ตามลำพัง”

เฉินฮวนฮวนในตอนนี้ร้องไห้หรือหัวเราะก็ไม่ใช่ เธอรู้ว่าหลินอวี่หยางหวังดีต่อเธอ แต่คราวนี้หลินอวี่หยางได้สร้างปัญหาให้กับเธอจริงๆ

“หยางหยาง ตอนนี้ฉันแค่อยากจะฝึกฝนให้ดี และประกวดให้เต็มที่ ฉันไม่มีความรู้สึกอะไรกับเฉินเฟยหยางจริงๆ และฉันไม่ต้องการที่จะมีความรักแต่อย่างไร” เฉินฮวนฮวนพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ฮวนฮวน แต่ก่อนเธอเคยมองเฟิงหานชวนตาเป็นประกาย ฉันคิดว่าเธออยากจะมีความรักจริงๆ หรือว่าเรื่องที่เฟิงหานชวนมีแฟนกระทบต่อจิตใจเธอ”

หลินอวี่หยางเห็นเฉินฮวนฮวนร้อนรน ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้และพูดอย่างโศกเศร้าว่า: “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็แค่คิดว่าเฉินเฟยหยางไม่เลว ไม่รู้ว่าเธอชอบหรือเปล่า ดังนั้น ….."

“เฉินเฟยหยางเป็นคนดีมาก แต่ฉันไม่ได้ชอบเขา และฉันก็ถูกทำร้ายมามากพอแล้ว ต่อจากนี้ฉันอาจจะไม่คบหากับชายคนไหนอีกเลย” เฉินฮวนฮวนบอกตรงๆไม่คิดปกปิด

“ห๊า? ฮวนฮวน เธอถูกแฟนเก่าทำร้ายอย่างแสนสาหัสใช่ไหม?” หลินอวี่หยางปิดปากด้วยความประหลาดใจ จากนั้นแสดงความโกรธและพูดโดยเร็วว่า: “เจ้าหมอนั่นเป็นใคร เธอบอกฉันสิ ถ้าฉันออกไป ฉันจะลอกหนังเขาออกมา!"

ถึงเฉินฮวนฮวนรู้สึกอึ้ง แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาทำผิดศีลธรรม

แต่ว่า เรื่องแบบนี้เธอก็ไม่อยากยุ่งด้วย

"เฉินเฟยหยาง เรารีบไปกันเถอะ" เฉินฮวนฮวนหันไปพูดเสียงเบากับเฉินเฟยหยาง

เฉินเฟยหยางยังดึงสติกลับมาไม่ได้ ตาทั้งสองข้างก็เอาแต่จ้องไปทางหลังต้นไม้

"เฉินเฟยหยาง!" เฉินฮวนฮวนเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น แล้วไปสะกิดแขนเขา

เฉินเฟยหยางจึงดึงสติกลับมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนออกกำลังกายกลางแจ้งแบบนี้ จึงรู้สึกตื่นเต้น เลยดูจนเหม่อ

ตอนที่เขากำลังจะพยักหน้าให้ อยู่ๆผู้ชายหลังต้นไม้ก็ตะโกนว่า "ใครอยู่ที่นั่น!"

เฉินฮวนฮวนสะดุ้ง เธอมองไปทางนั้น เห็นแค่ทั้งสองกำลังรีบใส่กางเกง แล้ววิ่งมาทางพวกเขา

เฉินฮวนฮวนไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องบ้าๆพวกนี้ ทีแรกเธอจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่เฉินเฟยหยางไม่ยอมไปสักที จนพวกเขาสองคนรู้ตัวก่อน

ตอนนี้ ซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟยวิ่งมาทางนี้แล้ว เฉินฮวนฮวนปิ๊งไอเดีย แล้วรีบดึงเฉินเฟยหยางวิ่งไปทางหอพักหญิง

พอวิ่งไปถึงหน้าหอพักแล้ว เธอจึงรีบผลักเขาออกแล้วพูดว่า "นายรีบกลับไปสิ อย่าให้พวกเขาเห็น!"

พูดไปด้วย เฉินฮวนฮวนก็รีบพุ่งขึ้นไปบนบันได

ตอนที่หลิวเฟยเฟยวิ่งมาถึง เพราะเฉินฮวนฮวนวิ่งเร็วเกินไป เธอเลยไม่เห็นสองคนที่แอบดูเธอกับซวนเลี่ยงว่าเป็นใคร

เธอที่กำลังกระทืบเท้าอย่างโมโห อยู่ๆก็เห็นคุณน้าหวังดูแลหอพักชะโงกหน้าออก เธอหันมองไปมา แล้วรีบเดินไปหา

"น้าหวังคะ น้ากำลังดูอะไร?" หลิวเฟยเฟยสนิทกับน้าหวัง เพราะหลินอวี่หยางชอบมาตอแยขอโทรศัพท์จากน้าหวัง แล้วหลิวเฟยเฟยก็มาด้วยทุกครั้ง

"เปล่า วันนี้หนูกลับมาเร็วจัง ไม่วิ่งแล้วเหรอ?" น้าหวังเอ่ยถาม

"ค่ะ วันนี้เหนื่อยเกินไป เลยวิ่งน้อยๆหน่อย" หน้าหลิวเฟยเฟยแดง แล้วหน้าผากมีแต่เหงื่อ เสื้อผ้าก็ไม่ค่อยเรียบร้อย

ก่อนหน้านั้นที่เธอออกจากหอพักดึกๆ น้าหวังเคยถาม เธอเลยบอกว่าชอบวิ่งตอนกลางคืน เพราะฉะนั้นน้าหวังเลยคิดว่าเธอไปวิ่ง

แต่ความจริง เธอแอบไปหาซวนเลี่ยงทุกครั้ง

เมนเทอร์คนอื่นๆไม่พักในหอพักทีมงาน ตำแหน่งพวกเขาต่างกัน จึงพักอยู่โรงแรมสี่ดาวใกล้ๆ

ระหว่างการเป็นเด็กฝึกที่นี่ออกไปจากสถานที่ฝึกไม่ได้ เพราะฉะนั้นซวนเลี่ยงจึงต้องรอหลิวเฟยเฟยเลิกคลาสตอนดึก ทั้งสองคนค่อยทำอะไรแบบนั้น

ก่อนหน้านั้นอยู่ในห้องเรียนบ้าง ห้องทำงานเมนเทอร์บ้าง พอวันนี้อยู่นอกห้อง กลับโดนคนอื่นเห็น

"เฟยเฟยหนูขยันมาก น้าเห็นหนูผอมขนาดนี้แล้ว ตอนเช้าก็ถือว่าออกกำลังกายหนักพอแล้ว ตอนดึกรีบไปพักผ่อนดีกว่า" น้าหวังพูดอย่างเป็นห่วง

"ค่ะ ขอบคุณน้าหวังนะคะ" หลิวเฟยเฟยจัดผม พอมองไปที่บันไดชั้นแรก เห็นว่ายังเปิดอยู่ จึงถามอย่างไม่ตั้งใจว่า "น้าหวังคะ ผู้หญิงที่เพิ่งขึ้นไปเมื่อกี้คือใครเหรอคะ?"

"หนูก็เห็นเหรอ?" สีหน้าน้าหวังระแวง

"คะ?" หลิวเฟยเฟยอึ้งก่อน แล้วรีบพูดอ้อมว่า "น้าหวังคะ น้าพูดว่าเขา……"

"จะบอกว่าพวกเขาสองคนไม่ดีก็ไม่ได้ ยังเด็กกันอยู่ ชอบคอกันก็เป็นเรื่องปกติ แต่กลับมาดึกขนาดนี้ ไม่รู้ว่าไปทำเรื่องอะไรมาหรือเปล่า!" น้าหวังถอนหายใจไปด้วยพูดไปด้วย "ฝึกหนักขนาดนี้ ยังมีเวลาไปรักๆใคร่ๆกันอีก"

หลิวเฟยเฟยได้ยินแล้วงงมาก ถ้าไม่ใช่คำแรกที่น้าหวังพูด ฟังแค่ส่วนหลัง เธอคิดว่าน้าหวังแอบดูเธอกับซวนเลี่ยงซะอีก

แต่ว่า น้าหวังพูดว่า"พวกเขาสองคน" งั้นก็ต้องเป็นคนที่แอบดูเธอกับซวนเลี่ยงเมื่อกี้สิ

ใครกันแน่!

"น้าหวังคะ น้าพูดว่าพวกเขาสองคน คงไม่ใช่……" หลิวเฟยเฟยสายตาว่อกแว่ก แล้วหยุดพูด กำลังล่อเหยื่อ

ตามคาด น้าหวังเป็นคนใสซื่อ เลยรีบพยักหน้า "ใช่ ใช่ ใช่ เฉินฮวนฮวนกับเฉินเฟยหยางนั่นแหละ!"

"เฉินฮวนฮวน!" หลิวเฟยเฟยอุทานอย่างตกใจ

เธอคิดไม่ถึงจริงๆ คนที่แอบดูเธอ คือเฉินฮวนฮวน!

ถ้าเฉินฮวนฮวนบอกเรื่องนี้กับหลินอวี่หยาง ด้วยนิสัยของหลินอวี่หยาง ต้องบอกเรื่องนี้กับเฉียนเจ๋อเฟยแน่ๆ

เฉียนเจ๋อเฟย แฟนคนรวยที่ช่วยเธอให้ได้เข้าหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

หลิวเฟยเฟยใจร้อนมาก แล้วไม่ทันบอกลาน้าหวัง รีบพุ่งขึ้นไปบนบันได เดินตรงไปที่ชั้นสองหอพักของเฉินฮวนฮวน

เห็นประตูห้องไม่ปิด หลิวเฟยเฟยจึงผลักประตูเข้าไป "เฉินฮวนฮวน แก……"

เธอเพิ่งเปิดประตู เห็นหลินอวี่หยางก็อยู่ที่นี่ด้วย สีหน้าจึงซีดขาวทันที

"เฟยเฟย เธอมาที่นี่ได้ยังไง? เธอหาฮวนฮวนมีอะไรหรือเปล่า? เขากำลังอาบน้ำอยู่!" หลินอวี่หยางเอ่ยตอบ

หลิวเฟยเฟยสนิทกับเธอมาหลายเดือน แล้วเธอก็ซัปพอร์ตตลอด หลินอวี่หยางเลยดีกับเธอ

"หยางหยาง ฉัน……" หลิวเฟยเฟยเดินไปหาหลินอวี่หยาง ไม่รู้ว่าควรพูดยังไง

เธอมองท่าทางหลินอวี่หยาง เหมือนยังไม่รู้เรื่องตัวเองกับซวนเลี่ยง ตอนนี้เฉินฮวนฮวนอาบน้ำอยู่ อาจจะเพราะกลับมาแล้วรีบอาบน้ำ เลยยังไม่ได้บอกหลินอวี่หยาง

หลิวเฟยเฟยในตอนนี้ ร้อนรนใจมาก แต่ยังแสร้งทำเป็นใจเย็น

"เธอยังไม่ได้บอกเลย ทำไมอยู่ๆถึงมาหาฮวนฮวน?" หลินอวี่หยางแปลกใจ จึงเอยถามอีกครั้ง

"ฉัน……" หลิวเฟยเฟยไม่อยากโป๊ะแตก คิดไปมา เลยพูดว่า "ฉันแค่อยากมาเตือนเฉินฮวนฮวนให้ระวังหน่อย น้าหวังเห็นเธอกับเฉินเฟยหยางแล้ว น้าหวังคิดว่าพวกเขาแอบคบกัน"

"อะไรนะ! เฉินเฟยหยาง? เฉินฮวนฮวนมีอะไรกับเฉินเฟยหยาง?" พอจ้าวซีได้ยิน จึงรู้สึกสนใจ แล้วทำหน้าตื่นเต้น

เธอเกลียดเฉินฮวนฮวนอยู่แล้ว ตอนนี้เฉินฮวนฮวนไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กฝึกงาน นี่เป็นข่าวใหญ่มาก

หลินอวี่หยางฟังความสะใจจากน้ำเสียงเธอออก เธอหันมองตาขวางใส่จ้าวซี แล้วพูดเสียงดังว่า "เธอหุบปากไปเลย ถ้ากล้าพูดออกไป ตอนที่อัดรายการเธออย่าหวังว่าจะอยู่เป็นสุข!"

จ้าวซีโดนหลินอวี่หยางขู่ เลยไม่กล้าพูดอะไร เพราะเธอจะหาเรื่องหลินอวี่หยางไม่ได้

"ฉันรู้ว่าเฉินเฟยหยางส่งฮวนฮวนกลับมา ฉันให้เขามาส่งเอง" หลินอวี่หยางพูดกับหลิวเฟยเฟย "เพราะฉะนั้น ไม่ต้องตกใจขนาดนี้"

"หยางหยาง เธอให้เฉินเฟยหยางส่งเฉินฮวนฮวนกลับมา?" หลิวเฟยเฟยงงมาก

ทันใดนั้น ติงเซียงจึงอธิบายว่า "ทีแรกเราอยากรอฮวนฮวนแล้วกลับมาด้วยกัน ตอนที่ไปหาฮวนฮวน เฉินเฟยหยางรออยู่ที่นั่น บอกว่าคุณหนีซวงให้เขารอฮวนฮวนกรอกข้อมูล เขาให้เรากลับมาอาบน้ำพักผ่อนกันก่อน เพราะเขาไม่ต้องฝึกอะไร เดี๋ยวเขาจะส่งฮวนฮวนกลับมาเอง"

พอติงเซียงอธิบายแบบนี้ ก็เหมือนเฉินเฟยหยางอยากส่งเฉินฮวนฮวนกลับมาเอง หลิวเฟยเฟยจึงเข้าใจ

ที่แท้เฉินเฟยหยางนั่น อยากตามจีบเฉินฮวนฮวน

อารมณ์ตอนนี้ของเฉินฮวนฮวนมั่นคงมาก เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ถึงเวลา คุณพูดความคิดคุณออกมาได้ ไม่ว่ายังไง ฉันเคารพการตัดสินใจของคุณ”

ผู้หญิงอย่างหลีซืออวิ๋น ผู้หญิงที่เพียบพร้อม คุณหนูตระกูลหลี เป็นไปได้ยังไงที่จะยอมเป็นกิ๊กของ

เฟิงหานชวนไปตลอด?

เพราะฉะนั้น เฉินฮวนฮวนที่บอกว่าเคารพการตัดสินใจของหลีซืออวิ๋น คือจะยกตำแหน่งตัวเองที่เป็นคุณหญิงที่สามของตระกูลเฟิงนี้ให้

ถึงอย่างไร เธอไม่ใช่คนที่เฟิงหานชวนแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องอยู่แล้ว แต่เป็นภรรยาที่นายท่านของ

ตระกูลเฟิงต้องการหามาให้เฟิงหานชวน ก่อนทำก็ไม่ได้ถามความคิดของเฟิงหานชวน

และเป็นเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นก่อนหน้านี้เฟิงหานชวนถึงได้รังเกียจเธอมาก หรืออาจจะเห็นใจเธอ หรืออาจจะละอายใจ เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาถึงได้ดีกับเธอขนาดนี้?

เฉินฮวนฮวนพูดประโยคนี้จบ ก็ไม่รอให้เฟิงหานชวนตอบ หันหลังเดินไปทางประตู

ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าเฟิงหานชวนจะตัดสินใจอย่างไร เธอทำได้แค่ยอมรับ พูดแบบนี้ก็ถือว่าให้เกียรติตัวเอง

ในเรื่องเฟิงหานชวน เธอไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธและไม่เห็นด้วย

เดินถึงประตู ชายหนุ่มยังคงไม่พูด แต่จู่ ๆ เฉินฮวนฮวนเหมือนคิดอะไรได้ หันมาพูดว่า “คุณรออีก 5 นาทีค่อยออกไปนะ ครั้งก่อนคุณออกค่ายไปตรงๆ ถูกเด็กฝึกมากมายเห็น สถานภาพของคุณเกือบเปิดเผย

ออกไป”

เธอเม้มริมฝีปาก เปิดประตูห้องทันที เดินออกไป ปิดประตูแล้วก็รีบเดินออกจากทางเดิน

มองประตูที่ปิดอยู่ เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน สำคัญกว่าคือความรู้สึกไม่สบายใจ

เขาไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนรู้เรื่องคืนนั้นได้ยังไง และท่าทีของเธอเหมือนต้องการห่างจากเขา เขาควรอธิบายกับเธอยังไงดี?

แล้วควรพูดตรงๆกับเธอยังไง?

เฉินฮวนฮวนเตรียมพร้อมที่จะจากเขาไปแล้วใช่ไหม ? ดังนั้นถึงได้สงบและเฉยเมยแบบนี้

….

เฉินฮวนฮวนกำลังจะลงบันได จู่ ๆข้อมือก็ถูกจับไว้

“ว้าย! ผีหลอก…”

เธอตกใจร้องเสียงแหลม รีบหันหน้าไปแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที

“ชู่! ฮวนฮวนผมเอง” มืออีกข้างของเฉินเฟยหยางรีบปิดปากเฉินฮวนฮวนไว้

เฉินฮวนฮวนรีบพยักหน้า เฉินเฟยหยางก็เอามือออก

“เฉินเฟยหยาง ทำไมคุณยังอยู่ตรงนี้ ?” เฉินฮวนฮวนเอ่ยถามสงสัย

“ฮวนฮวน คุณเขียนข้อมูลเสร็จแล้วสิ” เฉินเฟยหยางเหมือนเขินนิดๆ เกาศีรษะอย่างทำตัวไม่ถูก

“อืม เขียนเสร็จแล้ว” อารมณ์เฉินฮวนฮวนตอนนี้กลับเป็นปกติแล้ว พยักหน้าอีกครั้ง

“งั้นผมส่งคุณกลับหอนะ” เฉินเฟยหยางฉีกยิ้ม แสดงความเขินอายของผู้ชาย

เฉินฮวนฮวนนิ่งไปก่อน แล้วถามออกไปตรงๆ “คุณคงไม่ได้รอฉันอยู่ที่นี่ตลอดนะ?”

“ไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ คุณอย่าเข้าใจผิด…”เฉินเฟยหยางยังค่อนข้างเขินอยู่ ไม่อยากจะแสดงออกตรงเกินไป เขาอธิบายว่า“หลังจากที่คุณไปออฟฟิศ หลินอวี่หยางและผู้หญิงอีกหลายคนมาหาคุณที่นี่ ผมบอกพวกเธอว่าอย่าไปรบกวนคุณเขียนข้อมูล หลินอวี่หยาง เธอก็ข่มขู่ผม…”

“ข่มขู่คุณ? ข่มขู่อะไรคุณ ?” เฉินฮวนฮวนตกใจ นี่หลินอวี่หยางทำชั่วอีกแล้วใช่ไหม?

หากเป็นแบบนั้นจริง เธอจะกลับไปสั่งสอนหลินอวี่หยางเดี๋ยวนี้

“ไม่ใช่ คุณอย่าเข้าใจผิด เธอไม่ได้ข่มขู่ฉันแบบนั้น แต่ให้ฉันอยู่ที่นี่ รอคุณเขียนข้อมูลเสร็จแล้วส่งคุณกลับ” เฉินเฟยหยางยิ้มออกมา รอยยิ้มดูซื่อๆ พูดว่า “อันที่จริงฉันก็คิดแบบนั้นอยู่แล้ว ยังไงหอผมก็อยู่ข้างหอคุณ เลยถือโอกาสรอคุณไง”

“เป็นแบบนี้เอง ขอบคุณ คุณนะ งั้นพวกเรารีบกลับกันเถอะ” เฉินฮวนฮวนชี้บันได แล้วเดินลงไปก่อนเขาหนึ่งก้าว

เฉินเฟยหยางเห็น ก็รีบเดินตามฝีเท้าของเฉินฮวนฮวนไป

หลังจากพวกเขาเดินลงไปแล้ว หัวบันไดปรากฏรองเท้าหนังสีดำออกมา ตามออกมาด้วยร่างสูงใหญ่หนึ่ง มองไปทางบันไดตลอด

จนกระทั่งเสียงฝีเท้าทั้งสี่หายไป สีหน้าของเขายิ่งเข้มขึ้น สองเท้ารีบเดินลงไปทางบันได

เพียงแค่ไม่เจอกันหนึ่งสัปดาห์ ผู้หญิงของเขากลับถูกคนอื่นสนใจเข้าแล้ว

ดึกสงัด

กลางทาง เฉินฮวนฮวนกับเฉินเฟยหยางผ่านบริเวณพื้นที่สีเขียวด้วยกัน

ที่นี่ไม่มีไฟริมทาง ดูมืดมากๆ

“อือ…”

ทันใดนั้น เฉินฮวนฮวนได้ยินน้ำเสียงเบาของผู้หญิง เธอหยุดฝีเท้าลง

“ฮวนฮวน เมื่อกี้คุณพูดใช่ไหม?” เฉินเฟยหยางก็หยุดฝีเท้าลง ถามเฉินฮวนฮวนที่อยู่ข้างตัวเบาๆ

เฉินฮวนฮวนส่ายหน้า สีหน้าดูหวาดกลัวเล็กน้อย เมื่อกี้เธอคงไม่ได้หูฝาด และเฉินเฟยหยางก็ได้ยิน

ไม่งั้น เฉินเฟยหยางคงไม่ถามประโยคนั้นกับเธอ

หรือว่า…ที่นี่มีผี?

เฉินฮวนฮวนจับแขนเฉินเฟยหยาง กำลังจะลากเขาให้รีบเดิน แต่เฉินเฟยหยางกลับนิ่งไป สองขาไม่ก้าวไปข้างหน้า

เขารู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นของเฉินฮวนฮวน มองมือเล็กๆ ของเธอที่จับแขนตัวเองอยู่ เขารู้สึกหัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมา

“ว้าย…ไม่เอา…”

ในขณะนั้น ก็มีเสียงเพราะของผู้หญิง มีเสียงหอบผสมอยู่นิดๆ

เฉินเฟยหยางถึงได้สติกลับมา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เสียงของเฉินฮวนฮวน แถมตอนนี้เฉินฮวนฮวนอยู่ข้างหน้าตัวเอง ไม่ได้พูดอะไรเลยเสียงนี้ดังมาจากใกล้ๆนี้…

เฉินฮวนฮวนก็ได้ยินเหมือนกัน เธอกลัวมาก สายตามองตามเฉินเฟยหยางอย่างหวาดกลัว มองไปทางที่เกิดเสียงพร้อมกัน

ผลคือ พวกเขาเห็นใต้ต้นไม้ใหญ่กลางพื้นที่สีเขียว ไม่คิดว่าจะมีสองร่าง คือชายหนึ่งหญิงหนึ่งนัวเนียกันอยู่

ผ่านเงาดำ เฉินฮวนฮวนมองออก ผู้หญิงผมยาว ผู้ชายทรงผมสกินเฮด ตอนนี้พวกเขากำลังขยับอย่างบ้าคลั่ง

เธอปิดปากอย่างตกใจ ในค่ายฝึกอบรม ไม่คิดว่าเธอจะได้เห็นภาพแบบนี้ แต่ตอนนี้มืดมากแล้ว เธอเห็นไม่ชัดเลยว่าเป็นสองคนไหน

เฉินเฟยหยางตกใจเหมือนกัน สีหน้าเขาดูเขินเล็กน้อย แต่ดวงตาทั้งคู่ยังคงอดเหล่มองไปทางนั้นไม่ได้

เฉินฮวนฮวนนิ่งไปสักพัก คิดว่าข้างตัวยังมีเฉินเฟยหยางอีกคน ยิ่งเรื่องแบบนี้ เธอไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใคร กำลังจะเรียกเฉินเฟยหยางกลับกัน

ในขณะนั้น เสียงเบาของผู้หญิงและเสียงหอบต่ำของผู้ชายยิ่งเร็วขึ้น ตามมาด้วยเสียงแหลมหนึ่ง“ครูซวน…”

เฉินฮวนฮวนปิดปากด้วยความตกใจอีกครั้ง เธอรู้ว่าตัวละครหลักสองคนนั้นคือใครแล้ว

ครูซวน ก็คือครูซวนเลี่ยงสอนร้องเพลงห้องหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาเป็นนักร้องวงร็อกชื่อดังวงการบันเทิง ความสามารถไม่ธรรมดา แต่ตกยุคแล้ว ตอนนี้ทำเบื้องหลัง

และผู้หญิงคนนี้ เฉินฮวนฮวนจำเสียงของเธอได้ เป็นเพื่อนของหลินอวี่หยาง…หลิวเฟยเฟย

เธอไม่เคยคิดเลย นึกไม่ถึงหลิวเฟยเฟยและครูซวนพลอดรักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ของค่ายกลางดึก

และที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอรู้ว่าหลิวเฟยเฟยมีแฟน และครูซวนมีภรรยา ภรรยายังตั้งท้องลูกคนที่สอง

เฟิงหานชวนตกใจเล็กน้อย

เพราะเขาไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อหลีซืออวิ๋นจากปากของเฉินฮวนฮวน

“ทำไมจู่ๆ ถึงเอ่ยถึงเธอล่ะ?” สีหน้าของเฟิงหานชวนแปลกใจเล็กน้อย

“ไม่มีอะไร” เฉินฮวนฮวนแค่อยากจะกินสเต็กให้เสร็จไวๆ แล้วกลับไปพักผ่อน

เธอรู้สึกว่าคืนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคุยเรื่องแบบนี้กับเฟิงหานชวน

“เป็นเพราะเรื่องเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วหรือ? ผมกับอาเยี่ยนไปรับเธอที่สนามบินเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงของเธอ หรือเป็นเพราะเธอโทรมาหาเราในตอนดึกที่เรากำลัง……แล้วผมก็รับสาย?

เฟิงหานชวนรู้ว่าเฉินฮวนฮวนไม่เคยเห็นหลีซืออวิ๋น เพียงสิ่งเดียวที่น่าจดจำของหลีซืออวิ๋นน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว

ชายหนุ่มถามตรงเกินไป เฉินฮวนฮวนไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี

แต่ในเมื่อเธอเอ่ยถึงชื่อของหลีซืออวิ๋นแล้ว เฟิงหานชวนถามเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นแต่ไม่ได้พูดถึงงานเลี้ยงในคืนนั้น

“ไม่ใช่ทั้งนั้น” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร”

ในเมื่อเฟิงหานชวนต้องการปกปิด งั้นเธอก็จะไม่ถาม รวมถึงวันนี้เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดถึงเรื่องนี้กับเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน คุณกำลังปิดบังอะไรผมอยู่หรือเปล่า?” เฟิงหานชวนมองผู้หญิงที่อยู่ต่อหน้าเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อยและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เฉินฮวนฮวนไม่ได้แสดงทีท่าแบบนี้กับเขา

“ฉันจะมีเรื่องอะไรปิดบังคุณ? ฉันฝึกฝนที่นี่ทุกวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จะมีเรี่ยวแรงที่ไหนไปคิดถึงเรื่องอื่น” เฉินฮวนฮวนตอบโดยไม่ลังเล

เฟิงหานชวนก็รู้สึกว่าเธอพูดถูก เขารู้ว่าเวลาฝึกที่ฐานฝึกถูกจัดเต็มและเขาก็ไม่เคยได้ยินว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเฉินฮวนฮวน

“เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?” เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้เพียงเพราะเหตุนี้เท่านั้น

“ใช่” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอย่างแรง

“รีบทานแล้วกลับไปพักผ่อนที่หอพัก ฉันมารบกวนคุณแล้ว” จู่ๆ เฟิงหานชวนรู้สึกผิดขึ้นมา ตอนนี้เขากำลังกินเวลาพักผ่อนของเฉินฮวนฮวน

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนแสดงความรู้สึกผิด เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกวิตกกังวล เขาเป็นห่วงเธอหรือเปล่า?

ดูเหมือนว่า เฟิงหานชวนไม่ได้ต้องการยุติการทดลองแต่งงานกับเธอ เพราะตอนนี้เขาดีกับเธอมากจริงๆ

แต่ว่า นี่สามารถพิสูจน์อะไรได้?

พิสูจน์ให้เห็นว่าเฟิงหานชวนต้องการเหยียบเรือสองลำหรือ?

เฉินฮวนฮวนก้มศีรษะลง ทานสเต็กคำสุดท้าย เธอเคี้ยวพร้อมทั้งลุกขึ้นยืน

“เฟิงหานชวน ขอบคุณที่เอาสเต็กมาให้ฉัน แต่วันต่อๆไปคุณไม่ต้องมาอีกก็ได้ และไม่ต้องเอาอะไรมาให้ฉัน” เธอมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามและพูดอย่างจริงจัง

เฟิงหานชวนมองไปที่หญิงสาว ดวงตาทั้งคู่สลด

เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะตอบหรือไม่ ก้าวเท้าเดินตรงไปยังประตูสำนักงาน เพียงแต่ว่าเธอเดินไปแค่สองสามก้าว ก็ถูกชายหนุ่มคว้าข้อมือไว้

ชายหนุ่มดึงตัวเธออย่างแรง เฉินฮวนฮวนถูกหมุนตัวกลับเข้าสู่อ้อมกอดของชายหนุ่ม

เธอเพิ่งกลืนสเต็กในปากลงไป ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มก็จับหัวเธอ แล้วจูบเธออย่างอบอุ่น

เดิมทีเฉินฮวนฮวนต้องการปฏิเสธ แต่เธอไม่มีแม้แต่โอกาส เธอถูกคุมตัวอยู่และไม่สามารถหลุดพ้นได้

แต่เมื่อคิดว่าริมฝีปากของเฟิงหานชวนอาจจะเคยจูบหลีซืออวิ๋น หรืออาจจะมีผู้หญิงคนอื่นอีก การต่อต้านของเฉินฮวนฮวนก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ปราศจากความโอนอ่อนผ่อนตามเช่นจูบครั้งก่อน

ดูเหมือนว่าเฟิงหานชวนก็รู้สึกเหมือนกัน เขายิ่งรู้สึกว่าวันนี้เฉินฮวนฮวนผิดปกติมากจริงๆ ไม่พบกันแค่หนึ่งสัปดาห์ เป็นไปได้ไหมที่เฉินฮวนฮวนจะเสียใจที่อยู่กับเขา?

เขาปล่อยตัวเฉินฮวนฮวนทันที ส่วนเฉินฮวนฮวนดูเหมือนจะโล่งใจ สูดอากาศบริสุทธิ์สองสามครั้ง และถอนหายใจด้วยความโล่งอก

การกระทำทั้งหมดของเธออยู่ในสายตาของเฟิงหานชวน รวมถึงวันนี้หญิงสาวคนนี้ไม่ได้เรียกเขาว่า "อาหาน" เลย ได้แต่เรียกชื่อเต็มของเขา——เฟิงหานชวนในทุกคำ

“คุณเสียใจที่แต่งงานกับผมหรือเปล่า” เขามองไปยังหญิงสาวตรงหน้าและถามด้วยน้ำเสียงที่เข้ม “ไม่ได้เจอกันเจ็ดวัน จู่ๆเธอก็เปลี่ยนไป หรือจะเป็นเพราะหนุ่มหน้ามนคนนั้น ?"

เฉินฮวนฮวนรู้ทันทีว่า เฟิงหานชวนหมายถึงเฉินเฟยหยาง เธอรู้สึกประหลาดใจและตอบอย่างเฉยเมย: "ฉันกับเขาพบกันแค่สองครั้ง โดยรวมแล้วพูดคุยกันได้ไม่กี่คำ ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา "

“ยิ่งกว่านั้น ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะเสียใจที่แต่งงานกับคุณ คุณช่วยฉันไว้มากมาย ฉันก็สมควรตอบแทนคุณด้วยตัวของฉัน”

เรื่องที่เฟิงหานชวนช่วยเธอ เธอสามารถนับออกมาได้หลายเรื่องทีเดียว ไม่ต้องพูดถึงความใจดีที่เขามีให้กับตัวเธอ เพียงเรื่องฝังศพยายของเธอ ช่วยเธอเอาสร้อยคอของแม่กลับมา และช่วยให้เธอได้บ้านของแม่กลับคืนมา…

เพียงแค่เรื่องเหล่านี้ ก็เพียงพอที่เธอจะตอบแทนบุญคุณเขาชั่วชีวิต

เพียงแค่ว่าสิ่งที่เธอรับไม่ได้คือการหลอกลวง ที่จริงเขามีผู้หญิงคนอื่น แต่แสร้งทำเป็นว่ามีเธอเป็นภรรยาเพียงคนเดียว

“งั้นเธอบอกฉันทีว่าทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?” ตอนนี้เฟิงหานชวนสับสนจริงๆ

เขาได้สอบถามสถานการณ์จากหนีซวงและเธอบอกว่าทุกวันนี้เฉินฮวนฮวนมีแต่ฝึกซ้อมกับฝึกซ้อม เธอยังบอกอีกว่าเฉินฮวนฮวนมักจะหาเรื่องมาได้เป็นพิเศษ เธอพึ่งเข้ามาก็ได้คุณหนูเป็นเพื่อนแล้ว

คุณหนูคนนั้นชื่อหลินอวี่หยางเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของหลินซื่อกรุ๊ป เฟิงหานชวนส่งคนตามสืบและได้รู้ว่าถึงแม้หลินอวี่หยางจะเป็นคนหัวดื้อ แต่มีนิสัยเรียบง่ายตรงไปตรงมา เป็นคนที่สามารถรับมีดแทนเพื่อนได้

เคยมีเพื่อนที่ชั่วร้ายทรยศเหมือนหลิวเยว่เอ่อร์ แต่ตอนนี้เฉินฮวนฮวนมีเพื่อนอย่างหลินอวี่หยางได้ ทำให้เฟิงหานชวนยินดีกับเธอ ทั้งยังเฝ้ารอว่าเมื่อพบเฉินฮวนฮวน เธอจะกระตือรือร้นที่จะแบ่งปันข่าวดีนี้กับเขาด้วยความสุข

เขาไม่ได้เอ่ยออกมา เพียงแค่หวังว่าเฉินฮวนฮวนจะพูดออกมาเอง หวังว่าเธอจะแบ่งปันความคิดและชีวิตของเธอกับเขา

แต่ตอนนี้ ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เฟิงหานชวนคิด

“เฟิงหานชวน ทำไมคุณถึงปิดบังฉันหล่ะ? คุณไม่จำเป็นต้องปิดฉันจริงๆ ฉันแค่อยากได้ยินจากปากของคุณเอง” เฉินฮวนฮวนยื่นมือออกไปเช็ดปาก เงยหน้าขึ้น มองดูชายหนุ่มที่สูงกว่าเธอมากด้วยดวงตาค่อนข้างแดงคู่นั้น

เฟิงหานชวนตะลึงในทันที สีหน้าของเขาตกใจ

ต้องการได้ยินจากปากเขา เรื่องที่เขามีเรื่องปิดบังเธอ?

หรือว่า……ฮวนฮวนรู้เรื่องทั้งหมดของเขาแล้ว?

“ฮวนฮวน เธอรู้เรื่องได้ยังไง!” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วถามอย่างไม่อยากเชื่อ

ทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เฉินฮวนฮวนอยู่ฝึกที่ฐานฝึก จู่ๆเธอจะรู้เรื่องบลูส์คลับในคืนนั้นได้อย่างไร?

เมื่อเห็นท่าทีของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนรู้สึกเจ็บปวดที่เบ้าตามาก จำเป็นต้องให้เธอพูดชัดเจนขนาดนี้เขาถึงจะยอมรับ!

“คุณไม่ต้องสนใจว่าฉันจะรู้ได้อย่างไร ยังไงฉันก็รู้เรื่องแล้ว” เฉินฮวนฮวนพยายามกลั้นน้ำตาไว้

เธอหายใจเข้าลึกๆ มองเฟิงหานชวนอย่างจริงจังและพูดว่า "วันนี้ฉันเหนื่อยมาก ตอนนี้ฉันอยากนอนหลับ"

“นอกจากนี้ ช่วงนี้ฝึกซ้อมหนักมาก ทุกวันหลังจากฝึกซ้อมแค่อยากกลับไปอาบน้ำและนอน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นจริงๆที่จะต้องมาพบฉันในตอนกลางคืน

“เกี่ยวกับเรื่องนั้นถ้าคุณต้องการคุยกับฉัน เมื่อการฝึกของฉันจบลงเราจะคุยกันอีกครั้ง”

หญิงสาวท่าทางไม่พอใจ ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกตกใจนิดๆ

“โกรธจริงเหรอ?” บนหน้าเฟิงหานชวนแสดงความผิดหวังออกมาทางสีหน้า ริมฝีปากพูดอย่างสบายๆ “อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องสนใจแบบนี้ เพราะตอนนี้พวกเราแอบคบกัน ไม่มีใครรู้เลยสักนิด”

แม้ว่าเขาจะพูดอย่างเย้ยหยัน แต่จนใจมากกว่า เขาแค่อยากเห็นหน้าภรรยาสักหน่อย แต่ฮวนฮวนของเขากลับไม่ดีใจเลยสักนิด

ถึงขั้นโกรธเขาอีก

เขาเสียใจจริงๆเลย

“เฟิงหานชวน ฉันไม่ต้องการให้คุณมาเยี่ยมฉัน จริงนะ ฉันไม่ต้องการ” ในหัวของเฉินฮวนฮวนรูปถ่ายนั้นโผล่ออกมาอีกครั้ง ลักษณะหลีซืออวิ๋นที่ตัวเล็กน่ารักโผล่ออกมา ภายในใจรู้สึกเพียงหงุดหงิดสุดขีด

เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ทะเลาะกับเฟิงหานชวน แต่เธออดพูดเสียงกระด้างไม่ได้

เฟิงหานชวนนิ่งไปในทันที คิ้วขมวดแน่น แสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมาทางใบหน้า

เวลาแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ทำไมท่าทีเฉินฮวนฮวนที่มีต่อเขากลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน?

“เป็นเพราะการฝึกอบรมลำบากมาก ผมรบกวนคุณเหรอ?” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าน่าจะเป็นสาเหตุนี้ ไม่อย่างงั้น เป็นไปไม่ได้ที่เฉินฮวนฮวนจะโหดร้ายกับเขาแบบนี้

เขาก็ไม่สนเฉินฮวนฮวนยินยอมหรือเปล่า จับมือของเธอไว้ สิบนิ้วประสานแน่น แล้วลากเธอเดินไปทางโต๊ะทำงานตัวใหญ่

เฉินฮวนฮวนอยากดึงมือตัวเองออก ไม่ตามเขาไป แต่เธอกลับดิ้นไม่หลุด ทำได้เพียงเดินไปตามที่เฟิงหานชวนดึงเธอไป

ท้ายที่สุด เธอโดนเฟิงหานชวนกดให้นั่งบนเก้าอี้ เบื้องหน้าเป็นกล่องบรรจุค่อนข้างใหญ่กล่องหนึ่ง ถึงขนาดที่ปลายจมูกได้กลิ่นหอมของอาหาร

ดมกลิ่นแล้ว เหมือนเป็นสเต๊กเนื้อ?

เฟิงหานชวนเห็นเฉินฮวนฮวนนั่งอย่างเชื่อฟัง ถึงยอมปล่อยเธอ ยื่นมือไปเปิดกล่องบรรจุ ตามมาด้วยเปิดฝากล่องบรรจุออก

เฉินฮวนฮวนเดาไม่ผิด ในกล่องบรรจุมีสเต๊กเนื้อที่ดูดีอยู่หนึ่งชิ้น ยังมีสปาเกตตีเส้นมะกะโรนีและบรอกโคลี ดูน่ากินมาก

เธอหิวจนท้องร้องมานาน จนปวดกระเพาะแล้ว ตอนนี้เห็นอาหารรสเลิศอย่างนี้ อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้จริงๆ

เธอเป็นคนปกติ ไม่ใช่นางฟ้าที่ดื่มน้ำค้าง ย่อมไม่มีทางเห็นอาหารรสเลิศแล้วไม่แยแส

“นี่คุณทำอะไร?” เฉินฮวนฮวนเงยหน้ามองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างตัวเอง หน้าของเธอดูงงนิดๆ

สำหรับเธอแล้ว ในเมื่อเฟิงหานชวนกับหลีซืออวิ๋นคบกันแล้ว ทำไมถึงต้องดีกับเธอขนาดนี้?

“หลังจากออกจากสนามบิน ผมก็ไปร้านอาหารบาบิโลนสั่งสเต๊กเนื้อหนึ่งที่ให้คุณ แล้วเอามาที่นี่ รอคุณเลิกเรียนอยู่ตรงนี่มาโดยตลอด” เฟิงหานชวนตอบไปพลาง แกะห่อตะเกียบออกไปพลาง

หลังจากนั้น เอาตะเกียบยื่นไปข้างมือเฉินฮวนฮวน แล้วพูดว่า“ผมช่วยคุณหั่นสเต๊กเนื้อแล้ว ใช้ตะเกียบคีบ ได้เลย”

เฉินฮวนฮวนมองตะเกียบเงินที่ยื่นมาหน้าตัวเอง จู่ ๆ ก็นิ่งอยู่ตรงนั้น สองตาไม่กะพริบ

“เป็นอะไรไป หรือยังโกรธอยู่?” เห็นเฉินฮวนฮวนไม่รับตะเกียบ เฟิงหานชวนใช้แรงหงายมือเธอขึ้น เอาตะเกียบยัดที่ฝ่ามือเธอ

พร้อมพูดกำชับ “รีบกินเถอะ ไม่งั้นเย็นแล้ว”

เฉินฮวนฮวนยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น มองชุดสเต๊กเนื้อที่น่าอร่อยตรงหน้า เธอไม่รู้ควรถามเฟิงหานชวนออกไปยังไงจริงๆ

เธอหายใจเข้าลึกๆ ลุกจากเก้าอี้วางตะเกียบไว้บนโต๊ะ แล้วหันกลับไปเผชิญหน้าเฟิงหานชวน

เธอเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้า ปวดเบ้าตา น้ำเสียงสะอึกสะอื้นนิดๆ “เฟิงหานชวน ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่กันแน่ คุณ…ทำไมคุณดีกับฉันขนาดนี้? อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องดีกับฉันขนาดนี้เลย”

ใช่แล้ว เธอรู้สึกเฟิงหานชวนไม่จำเป็นต้องดีกับเธอขนาดนี้ ถึงอย่างไรเฟิงหานชวนมีหลีซืออวิ๋นอยู่แล้ว ทำไมยังต้องดีกับเธอขนาดนี้?

เฉินฮวนฮวนในตอนนี้ แทบจะวุ่นวายอยู่ในหัว เธอไม่รู้เฟิงหานชวนคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ตัวเองคิดอะไรอยู่

เผชิญกับผู้หญิงที่ว่ากล่าว เฟิงหานชวนนิ่งไป ตามด้วยสองมือจับไหล่บางของหญิงสาว สีหน้าดูอ่อนโยนขึ้นมาก

เขาพูดเสียงเบา “เพราะคุณคือภรรยาของผม ผมดีกับภรรยาตัวเอง ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น คุณบอกว่าผมไม่จำเป็นต้องดีกับคุณขนาดนี้ คุณเป็นภรรยาของผม ผมไม่ทำดีกับคุณ ผมจะไปทำดีกับใครล่ะ?”

เขาพูดได้อ่อนโยนสุดๆ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เฉินฮวนฮวนก็หลงไปนานแล้ว แต่ว่าตอนนี้ ในหัวของเธอ ในใจของเธอ จิตใจสับสนวุ่นวายราวกับเส้นด้ายพันกัน

“เฟิงหานชวน ฉันจะถามคุณอีกครั้ง คุณมีผู้หญิงอื่นอยู่ข้างนอกหรือเปล่า? คุณจะต้องพูดความจริงกับฉัน” เฉินฮวนฮวนตาแดงนิดๆ มองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่กะพริบตา

“ไม่มี” เฟิงหานชวนพูดอย่างไม่ลังเล ถึงขนาดขมวดคิ้วขึ้นช้าๆ ทำไมเขารู้สึกวันนี้เฉินฮวนฮวนดูแปลกๆ?

“ไม่มีจริงเหรอ?” เฉินฮวนฮวนยืนยันกับเขาอีกครั้ง “หลายวันมานี้คุณไม่ได้อยู่กับผู้หญิงคนอื่นเหรอ?”

“ฮวนฮวน คุณสงสัยผมที่หลายวันไม่มาเยี่ยมคุณ เพราะไปหาผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม?” จู่ ๆ เฟิงหานชวนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ อารมณ์ที่หม่นหมองอยู่ก็สลายไป

เพราะจากความเข้าใจของเขา เฉินฮวนฮวนยืนยันไม่หยุดแบบนี้ ความเป็นจริงแล้วก็คือสนใจเขา สนใจมากๆอย่างนั้น

“ไม่ใช่สงสัย คือ…” เฉินฮวนฮวนกำลังจะพูด แต่กลับถูกเฟิงหานชวนขัด

เขาก้มตัว ยื่นหน้าไปตรงหน้าหญิงสาว แล้วใช้จังหวะที่เธอไม่ทันระวัง จุ๊บไปที่ปากเธอตรงๆ แล้วผละออกอย่างรวดเร็ว

เฉินฮวนฮวนนิ่งไปเลย

ตามมาด้วย ใบหน้าของชายหนุ่มยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า เห็นเพียงเขายกมุมปาก อ้าปากช้าๆ “ผมยุ่งราวกับลูกข่าง ไม่มีเวลาไปสนใจผู้หญิงคนอื่นแล้ว นอกจากคุณ”

เฟิงหานชวนยิ้มอย่างมีเสน่ห์ แต่เฉินฮวนฮวนกลับรู้สึกเจ็บในใจฉับพลัน ถ้าหากไม่มีเวลาไปสนใจผู้หญิงคนอื่น งั้นรูปถ่ายเขากับหลีซืออวิ๋นเรื่องมันยังไง?

เฉินฮวนฮวนหัวเราะออกมาเบาๆ เป็นการหัวเราะแบบเยาะเย้ยตัวเอง แต่สำหรับเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนหัวเราะออกเพราะเขา

“พอแล้ว คุณยังไม่วางใจ ทุกคืนผมมารอคุณที่นี่” เฟิงหานชวนวางมือบนศีรษะหญิงสาว ลูบเบาๆ พูดเสริมว่า “แบบนี้ละก็ คุณก็รู้ว่าผมไม่มีเวลาไปหาคนอื่นแล้ว”

“เฟิงหานชวน คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ฉันสำหรับคุณแล้ว ก็เป็นภรรยาที่ถูกซื้อมาคนหนึ่ง แม้ว่าคุณมีผู้หญิง ก็ไม่ต้องปิดบังฉัน” ถึงแม้เฉินฮวนฮวนจะคิดแบบนี้ แต่ข้างในใจยังรู้สึกทรมานนิดๆ

“ไม่มี เมื่อก่อนไม่มี หลังจากนี้ก็ไม่มี” เฟิงหานชวนปฏิเสธอีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนเห็นว่าเขายังไม่พูดออกมา ดวงตามองต่ำไม่รู้ตัว นั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ยื่นมือหยิบตะเกียบขึ้น คีบสเต๊กเนื้อมากิน

ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดี อาหารรสเลิศอยู่ตรงหน้า ไม่กินก็สิ้นเปลือง หยุดหัวข้อเมื่อกี้ได้พอดี

เฟิงหานชวนเห็นเธอกินสเต๊กเนื้อ ก็ไม่ถามเรื่องพวกนั้นที่ไม่มีอะไรอยู่แล้วอีก พร้อมเดินไปหน้าโต๊ะ นั่งลงในทิศตรงกันข้ามกับเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเฟิงหานชวนกำลังจ้องเธออยู่ด้านตรงข้าม เธอเม้มซอสบนริมฝีปาก พูดว่า“คุณไม่มองฉันได้ไหม?”

เธอแค่อยากกินสเต๊กเนื้อให้หมดอย่างเงียบๆ แล้วก็ออกจากห้องนี้ไป

“คุณไม่ให้ผมมองคุณ งั้นผมมองใคร?” เฟิงหานชวนนึกว่าเฉินฮวนฮวนเขินอยู่

“คุณมองหลีซืออวิ๋นได้” เฉินฮวนฮวนพูดโพล่งออกไปตามความนึกคิด

เฉินฮวนฮวนไม่อยากไปเลยสักนิด เพราะเธอไม่อยากเห็นเฟิงหานชวน

ฉากที่หลีซืออวิ๋นอยู่ในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน ยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงความทรงจำของเธอ

“เฉินฮวนฮวน มานี่เร็ว!” เมื่อเฉินเฟยหยางเห็นเฉินฮวนฮวนยังคงอึ้งอยู่ตรงนั้น จึงตะโกนเรียกเสียงดัง

เฉินฮวนฮวนจึงได้สติกลับมา จากนั้นก็เดินไปหาเฉินเฟยหยางภายใต้สายตาของทุกคน

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เธอต้องไปห้องทำงานของคุณหนีซวง ไม่อย่างนั้นต้องถูกทุกคนสงสัยอย่างแน่นอน

เธอ จำใจต้องไปเจอเฟิงหานชวน ไม่มีทางเลือกอื่น

หลังจากที่เธอก้าวตรงไปยังประตูห้องทำงานได้เพียงแค่ 2 ก้าว จู่ ๆ ก็เหมือนจะคิดอะไรได้ จึงหันหน้าไปพูดกับติงเซียงว่า : “เซียงเซียง เดี๋ยวหยางหยางจะมาหาพวกเรา คุณกลับไปกับเธอก่อนนะ ฉันไม่รู้ว่าต้องกรอกเอกสารถึงตอนไหน”

เฉินฮวนฮวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เธอเตรียมตัวเจรจากับเฟิงหานชวนเรียบร้อยแล้ว

ในเมื่อเฟิงหานชวนมีหลีซืออวิ๋นอยู่แล้ว สิ่งที่เรียกว่าการอยู่ก่อนแต่งหรือว่าการแต่งงานระหว่างพวกเขาสองคนควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว

เมื่อกำชับกับติงเซียงแล้ว เฉินฮวนฮวนก็รีบวิ่งไปหาเฉินเฟยหยางทันที และพูดกับเขาว่า : “เฉินเฟยหยาง ฉันไปเองได้ ดึกขนาดนี้แล้ว คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

พนักงานทุกคนจะอยู่ในหอพักของค่าย รวมทั้งทีมออกแบบท่าเต้น ทีมโลจิสติกส์และทีมกล้อง เป็นต้น ที่ต้องให้ทีมออกแบบท่าเต้นอยู่ประจำการก็เพื่อจะได้รู้ถึงสถานการณ์ของเด็กฝึกได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนทีมกล้องก็เพื่อจับภาพที่น่าสนใจของการฝึกในค่าย

ถึงแม้จะบอกว่าเด็กฝึกทั้งหมดจะมีแค่ 100 คนก็ตาม แต่ถ้ารวมครูฝึก ไหนจะพนักงานในทีมอื่น รวมทั้งคุณป้าทำความสะอาดและแม่ครัวทำในครัวบางส่วน รวม ๆ แล้วก็ประมาณ 200 คนเห็นจะได้ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะมากทีเดียว

“ผมกลัวว่าผู้อำนวยการหนีจะกล่าวหาว่าผมทำงานไม่ได้เรื่อง ผมถึงต้องไปส่งคุณ” เฉินเฟยหยางพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ผายมือออกไป

เฉินเฟยหยางยังอ่อนต่อโลกมาก แถมยังเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานด้วย เอกสารการฝึกงานจำเป็นต้องมีลายเซ็นของคุณหนีซวง ดังนั้นคุณหนีซวงจึงชอบไหว้วานให้เฉินเฟยหยางไปจัดการธุระต่าง ๆ มาโดยตลอด

ถึงแม้ว่าเขาจะกลัวคุณหนีซวงก็ตาม แต่ก็ไม่ถึงขนาดนี้ ที่เขามาส่งเฉินฮวนฮวนที่ห้องทำงาน เพียงแค่อยากจะหาโอกาสคุยกับเฉินฮวนฮวนสักสองสามประโยคเท่านั้น

จริง ๆ แล้วตอนที่เขาอยู่ในค่าย ก็ไม่ได้ยุ่งมาก บางครั้งก็ว่างเสียจนน่าเบื่อ แต่เฉินฮวนฮวนนั้นยุ่งมาก เพราะเด็กฝึกจะต้องเข้าฝึกซ้อมตามตารางทุกวัน เขาแทบจะหาโอกาสเข้ามาคุยกับเฉินฮวนฮวนไม่ได้เลย

“คุณส่งฉันแค่ตรงบันไดก็พอค่ะ” เฉินฮวนฮวนแค่คิดว่าเฉินเฟยหยางอาจจะถูกตำหนิ จึงอยากให้เขาส่งตัวเองที่ชั้น 5 ก็พอ

ห้องเรียนของเฉินฮวนฮวนอยู่บนชั้น 2 ห้องทำงานของคุณหนีซวงอยู่ชั้น 5 ดังนั้นขึ้นบันไดไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว

“เฉินเฟยหยาง ฉันไปเองได้ คุณรีบกลับไปเถอะ ดึกมากแล้ว” เมื่อเฉินฮวนฮวนเดินมาถึงหน้าบันไดของชั้น 5 ก็รีบหมุนตัวกลับมาโบกมือลากับเฉินเฟยหยางทันที

เฉินเฟยหยางพูดอย่างไม่ยอมลดละ : “ให้ผมอยู่รอคุณดีไหม ท้องฟ้าก็มืดแล้ว คุณกลับไปคนเดียวไม่กลัวเหรอครับ?”

ตึกเรียนและห้องพักของเด็กฝึก ใช้เวลาเดินเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งถูกคั่นกลางด้วยโรงอาหาร แล้วก็ยังมีพื้นที่สีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ เห็นได้ชัดว่าเวลากลางคืนมืดมากขนาดไหน

“ไม่เป็นไรหรอก ทางแค่นี้เอง ฉันไม่กลัวหรอก! ฉันเดินกลางคืนบ่อยจะตายไป แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าจะได้กลับตอนไหน คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฉินเฟยหยางนั้นใจดีมาก ดูแลเด็กฝึกผู้หญิงเป็นอย่างดี เป็นผู้ชายที่มีความสุภาพบุรุษมาก

แต่ว่า เธอไม่จำเป็นต้องให้เฉินเฟยหยางต้องมาปกป้อง เพราะเธอเคยทำงานพาร์ทไทม์ในรอบดึกมาก่อน จึงมักจะเดินทางในตอนกลางคืนบ่อย ๆ แต่ตอนนี้เธออยู่ในค่ายแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเรื่องคนโรคจิตอีกแล้ว

“คุณไปกรอกเอกสารก่อนเถอะ รีบกรอกให้เสร็จแล้วรีบกลับไปพักผ่อน คุณฝึกมาทั้งวันแล้วคงจะเหนื่อยแย่” เฉินเฟยหยางรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนในสัปดาห์นี้ ผอมลงมากทีเดียว

เขารู้ว่าความเข้มงวดในการฝึกของที่นี่นั้นโหดมาก อีกทั้งตอนนี้ก็ยังเหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์เท่านั้น ครูหลายท่านต้องเพิ่มระดับความยากให้กับเด็กฝึกมากขึ้น

และเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ เหล่าเด็กฝึกกินอะไรไม่ได้กลืนอะไรไม่ลง ต้องกินแต่ผักผลไม้ น้ำผลไม้ ข้าวต้ม และธัญพืชอะไรเหล่านั้น ไม่ผอมก็ให้มันรู้ไปสิ

“อื้อ รู้แล้ว ขอบใจมาก” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า แล้วหมุนตัวตรงไปยังห้องทำงานของคุณหนีซวงทันที

ครั้งนี้เธอไม่ได้วิ่งเหยาะ ๆ แต่อย่างใด แต่เดินเข้าไปอย่างช้า ๆ ราวกับเหยียบอยู่บนสิ่งของมีคม รู้สึกลำบากใจไม่น้อย

ในที่สุด เธอก็เดินมาถึงหน้าห้องทำงาน เธอมองไปยังประตูเหล็กที่ปิดสนิท ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาเตรียมจะเคาะประตู แต่แล้วเธอกลับหยุดค้างกลางอากาศ

คนที่อยู่ข้างใน เป็นผู้ชายที่ชื่อว่าเฟิงหานชวน เป็นผู้ชายที่เธอต้องพึ่งพา

แต่ในตอนนี้ จู่ ๆ เธอกลับไม่รู้เลยว่าจะเผชิญหน้ากับเขาได้ยังไง

เฉินฮวนฮวนยืนลังเลอยู่พักใหญ่ เธอยืนเงียบ ๆ อยู่หน้าประตูห้อง ไม่ได้เคาะ และก็ไม่ได้พูดอะไร

แล้วจู่ ๆ เธอก็คิดได้ ไปบอกว่าไม่อยากเจอเขา ไม่อยากเห็นหน้าเขา ให้เขากลับไปดีไหม?

เพราะวันนี้เธอเหนื่อยมากจริง ๆ อีกทั้งเธอเองก็ไม่รู้จะคุยกับเฟิงหานชวนยังไงด้วย

เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าห้องทำงานชั้นนี้มีครูอยู่ด้วยไหม ถ้าเธอไม่เข้าไปในห้องทำงาน พูดอยู่ข้างนอก คนอื่นก็อาจจะได้ยิน

เฉินฮวนฮวนทอดถอนใจอย่างหนักหน่วง จากนั้นก็อ้าปาก แล้วถามคนที่อยู่ในห้องว่า : “ครูหนีคะ ครูอยู่ข้างในด้วยรึเปล่าคะ?”

วินาทีต่อจากนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก ใบหน้าอันหล่อเหลวของผู้ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าของเธอ

เขาหล่อเหลาขนาดนี้ ออร่าอันเจิดจรัสได้แผ่ขยายออกมาจากร่างกายของเขา มิน่าล่ะถึงทำให้เหล่าเด็กฝึกคลุ้มคลั่งได้ขนาดนี้

เมื่อตระหนักได้ถึงความเหม่อลอยของผู้หญิง เฟิงหานชวนก็รีบดึงมือของเธอ ลากเธอเข้ามาในห้องทำงานทันที จากนั้นก็ปิดประตู ก่อนจะกดเธอบนผนังห้อง

“ทำไมถึงได้โง่แบบนี้? ผมคิดว่าคุณน่าจะเดาออกอยู่แล้วว่าผมมาหาคุณ” เพราะก่อนหน้านั้นเขามาหาคุณหนีซวง แล้วใช้การกรอกเอกสารเป็นข้ออ้าง

“ฉันเดาออกค่ะ” เฉินฮวนฮวนมองไปยังดวงตาสีดำทมิฬยากหยั่งถึงคู่นั้น ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบและแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้า

“เหนื่อยเหรอ?” เฟิงหานชวนสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าของเฉินฮวนฮวน เขาจึงอดเอื้อมมือออกไปแตะแก้มของผู้หญิงไม่ได้ ก่อนจะพูดด้วยความปวดใจ : “ผอมลงนะ”

เฉินฮวนฮวนผอมลงจริง ๆ ใน 7 วันที่ผ่านมา เธอพยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก ประกอบกับที่ไม่ได้กินของอร่อย ๆ ด้วย เนื้อหนังบนร่างกายจึงได้ดูซูบผอมลงอย่างเห็นได้

เดิมทีเธอเป็นคนตัวเล็กอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งซูบผอมเข้าไปใหญ่ ดูไปแล้วเหมือนคนขาดสารอาหารอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อรู้สึกถึงการสัมผัสของเฟิงหานชวน คิ้วของเฉินฮวนฮวนจึงขมวดเข้าหากันด้วยจิตใจ้สำนึก ก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น

การกระทำที่แปลกไปนี้ ทำให้เฟิงหานชวนชะงักไปในทันที

“เป็นเพราะผมไม่ได้มาดูคุณ 1 สัปดาห์ คุณก็เลยโกรธผมอย่างนั้นเหรอ?” เฟิงหานชวนไม่สนใจท่าทางไม่พอใจของเฉินฮวนฮวน เอื้อมมือไปแตะศีรษะของเธอ แล้วพูดเกลี้ยกล่อมเบา ๆ : “ก็คุณไม่ให้ผมมา ผมก็เคารพการตัดสินใจของคุณสิ”

“บังเอิญผมต้องไปคุยงานต่างประเทศพอดี ผมไปสองสามวัน เพิ่งถึงเมืองเป่ยเฉิงคืนนี้เอง” เฟิงหานชวนพยายามอธิบายอีกครั้ง : “เพราะคิดถึงคุณมาก ผมจึงอดใจที่จะมาที่นี่ไม่ได้”

เฉินฮวนฮวนพยายามเมินไปทางอื่น บังคับไม่ให้ตัวเองหันไปสบสายตาที่ยากหยั่งถึงคู่นั้นของผู้ชายคนนี้ เธอกลัวว่าถ้ามองแล้ว จะถูกความอ่อนโยนของเฟิงหานชวนกลืนกิน จากนั้นก็ลืมสิ้นแม้กระทั่งตัวเอง

“คุณไม่ต้องมาดูฉันหรอก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

เฉินฮวนฮวนรู้สีกว่าพระเจ้าไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น

หลังจากถูกทำร้ายจากเหตุการณ์ระหว่างเยี่ยจิ่งเฉินกับหลิวเยว่เอ๋อร์ เธอก็ถูกเฟิงหานชวนทำร้ายอีกครั้ง

เดิมทีคิดว่าในมุมของความรักและมิตรภาพ ไม่มีทางมีผลลัพธ์ที่ดีได้ แต่พระเจ้าก็ได้ส่งคนที่โง่ๆเซ่อๆอย่างหลินอวี่หยางมาอยู่ต่อหน้าเธอ

อย่างไรก็ตาม การที่ใช้วิธีโง่เขลาโดยการส่งข้อความซุบซิบทางโทรศัพท์มือถือให้เธอดูโดยไม่ถูกจับได้ เธอรู้สึกว่าหลินอวี่หยางไม่ได้ซื้อบื้อ

ตรงกันข้าม มันคือความจริงใจแบบหนึ่ง

หลินอวี่หยางปกป้องเธอต่อหน้าจ้าวซี และช่วยเหลือเธอทุกอย่าง เว้นแต่เรื่องขัดแย้งในห้องน้ำครั้งนั้น ที่เหลือทั้งหมดหลังจากนั้นหลินอวี่หยางทำเรื่องดีดีต่อเธอทั้งนั้น

"ฮวนฮวนพวกเราเป็นเพื่อนกัน เธอจะพูดขอบคุณฉันทำไม" หลินอวี่หยางทำปากบูดไม่พอใจและดูออกว่ารู้สึกเสียใจ

เฉินฮวนฮวนล็อคหน้าจอโทรศัพท์และส่งคืนให้หลินอวี่หยางพร้อมกับยิ้มและพูดว่า "ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้อยากจะเป็นเพื่อนกับคุณ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว จากนี้ต่อไปเราจะเป็นเพื่อนกัน"

หลินอวี่หยางตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าดูมีความสุข เธอกระโดดขึ้นและกอดร่างของเฉินฮวนฮวนไว้

เฉินฮวนฮวนตะลึงกับการกระทำของเธอ ทั้งหัวเราะและร้องไห้ไม่ออก เงยหน้าขึ้นและตะโกนว่า:"คุณรีบปล่อยฉันนะ ฉันจะถูกคุณรัดจนตายแล้ว"

"ออ คุณเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ฉันไม่มีทางรัดเธอจนตายอย่างเด็ดขาด" หลินอวี่หยางรีบกระโดดลงมากอดเฉินฮวนฮวนและปลอบว่า:"ฮวนฮวน หลังจากนี้ฉันจะปกป้องเธอเอง หากเธอมีอะไรให้ฉันช่วยเหลือรีบบอกเลย แล้วหากเธออยากจะสั่งสอนใครก็รีบบอกฉัน หากมีเรื่องอะไรฉันจะเป็นโล่กำบังให้เธอเอง!"

เฉินฮวนฮวนรู้สึกสายตาอ่อนหล้า ครั้งนี้ไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกเสียใจแต่ตื้นตันใจ

"ได้" เธอรับคำอย่างไม่ลังเล

ทั้งสองคนกอดกันมันทำให้เพื่อนร่วมห้องต่างอิจฉา โดยเฉพาะจ้าวซีที่แอบกระทืบเท้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสายตาที่จ้องมองเฉินฮวนฮวนว่าจะโกรธขนาดไหน

กอดกันอยู่ครู่หนึ่ง เฉินฮวนฮวนผลักหลินอวี่หยางออกแล้วบอกว่า"คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าเจอกัน"

"พรุ่งนี้เช้าเหรอ ดีดี พวกเรายังไม่เคยทานอาหารเช้าด้วยกันเลย!" หลินอวี่หยางกระโดดขึ้นอย่างมีความสุขอีกครั้ง

แต่เมื่อเธอหันหลังจะจากไปเหมือนเธอคิดอะไรออก หันศีรษะกลับมาแล้วถามว่า "ฮวนฮวน จู่ๆเธอดีกับฉัน ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะ…."

หลินอวี่หยางกำลังจะถามออกมาแล้วรีบเอามือปิดปาก เธอรู้ว่าเรื่องนี้จะพูดมากเกินไปไม่ได้ จะให้คนอื่นได้ยินไม่ได้

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอกำลังจะพูด แต่เธอก็เข้าใจความหมายของหลินอวี่หยางว่าหมายถึงอะไร เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า "ฉันไม่สนใจเขาแล้ว"

ฮวนฮวน ฉันจะแนะนำหนุ่มเอ๊าะๆให้เธอรู้จัก!" หลินอวี่หยางตบหน้าอกของตัวเอง ทำราวกับว่าให้ฝากความหวังไว้ที่ตัวเธอ

จากนั้นเธอก็ออกจากหอพักของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนส่ายหัว ใบหน้าแสดงออกถึงความยินดีพร้อมรอยยิ้ม

เธอคิดไว้ว่า เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเฟิงหานชวนกับตัวเธอ รอให้ค่ายฝึกสิ้นสุดลงค่อยบอกกับหลินอวี่หยาง

เฟิงหานชวนได้อยู่กับผู้หญิงที่ชื่อหลีซืออวิ๋นแล้ว ไม่แน่อาจจะเป็นเหมือนอย่างที่เธอคิดไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่การฝึกของเธอสิ้นสุดลงก็อาจถูกเฟิงหานชวนทิ้ง

อย่างไรก็ตามเธอก็ทำใจไว้แล้ว และมันก็ไม่สำคัญ

เดิมทีเธอก็เป็นคนที่ไม่มีอะไรอยู่แล้ว จะมีเฟิงหานชวนอีกคนหรือไม่ ก็ไม่มีผลอะไรกับเธอ

……

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์

เหลือเพียงสัปดาห์สุดท้ายที่ค่ายฝึก ความยากในการฝึกฝนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันเฉินฮวนฮวนรู้สึกว่านอกจากความเหน็ดเหนื่อยก็คือความเหน็ดเหนื่อย เธอไม่มีอารมณ์จะนึกถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เหล่านั้น .

จ้าวซีและพรรคพวก ก็ได้รับคำเตือนจากหลินอวี่หยาง ไม่อนุญาตให้ออกไปอ้างถึงตัวตนของเฟิงหานชวน ดังนั้นในเวลาหนึ่งสัปดาห์ จึงผ่านไปอย่างสงบสุข

ทุกคนถูกรายล้อมไปด้วยการฝึกอบรมเกือบทุกวัน การพูดคุยถึง "ชายหนุ่มลึกลับ" ก็น้อยลงเรื่อยๆ

วันนี้ ก็มาถึงชั้นเรียนสุดท้ายแล้ว เฉินฮวนฮวนหิวจนปวดกระเพาะ คิดเพียงว่าอยากจะรีบกลับไปพักผ่อน

ในขณะเดียวกันนี้ เฉินเฟยหยางปรากฏตัวที่ประตูห้องเรียนและตะโกนเข้ามาว่า: "เฉินฮวนฮวน อาจารย์หนีบอกว่าคุณยังกรอกข้อมูลไม่เสร็จ ให้คุณไปที่สำนักงานของเธอเพื่อกรอกข้อมูล"

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไม่ทันตั้งตัว ทั้งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

กรอกข้อมูล ที่สำนักงานของคุณหนีซวง…

เฟิงหานชวนมาอยู่ที่นี่หรือเปล่านะ?

เฉินฮวนฮวนเพียงรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเหมือนถูกบีบเค้น และรู้สึกหายใจไม่ออก

เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองน้ำตาไหล เธอรีบยกข้อมือขึ้น เพราะมือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยน้ำตา เธอทำได้เพียงใช้ข้อมือเช็ดน้ำตาเท่านั้น

เธอรู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขำเสียจริง นึกไม่ถึงเลยว่า เธอยังจะร้องไห้ให้กับผู้ชาย บทเรียนที่เยี่ยจิ่งเฉินให้ไว้กับเธอยังไม่พออีกอย่างนั้นเหรอ

อันที่จริงเธอไม่ปฏิเสธว่าเฟิงหานชวนดีกับเธอ ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ผู้ชายที่ดีเลิศเช่นนั้น จะเกาะติดอยู่กับผู้หญิงอย่างเธอเพียงคนเดียวได้อย่างไร

เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึก บังคับน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่บนขอบตาให้ไหลกลับเข้าไป เธอพยายามสงบสติอารมณ์ และซักเสื้อผ้าในกะละมังต่อไป

ภายในหอพัก เสียงพูดคุยของจ้าวซีและฉิวอิ๋งดังจอแจขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินฮวนฮวนไม่มีอารมณ์จะสนใจ และขี้เกียจเกินกว่าจะให้ความสนใจ

ไม่ง่ายเลยที่จะซักผ้าให้เสร็จ ขณะที่เธอกำลังยกกะละมังเดินไปที่ระเบียง “ปัง” จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก

  

เฉินฮวนฮวนหันกลับไปมอง พบว่าหลินอวี่หยางบุกเข้ามาอีกครั้ง เธอถามอย่างสงสัย “เธอมาทำไมอีก”

“ฮวนฮวน ฉันคิดว่าถ้าฉันปิดบังสถานะของเฟิงหานชวน เด็กฝึกหัดคนอื่นจะแอบเกลียดเธอได้นะ ฉันตัดสินใจจะบอกสถานะของเขา!” หลินอวี่หยางเดินไปหาเฉินฮวนฮวน และกล่าวอย่างกังวล

เฉินฮวนฮวนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะตอบกลับอย่างใจเย็น “เธอพูดออกไปแล้ว”

“อื้อ!” หลินอวี่หยางรีบปิดปากตัวเอง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ตอนแรกฉันจะมาถามความเห็นจากเธอ แต่สุดท้ายฉันเอง…”

หลินอวี่หยางกระทืบเท้าด้วยความเสียใจ

“หยางหยาง ผู้ชายคนนั้นชื่อเฟิงหานชวนเหรอ ชื่อนี้คุ้นหูมากเลยนะ!” จ้าวซีเดินเข้ามาอย่างตื่นเต้น

เฉินฮวนฮวนหันมามองหลินอวี่หยาง และกล่าวว่า “เธอไม่กลัวอาจารย์หนีว่าเหรอ”

ความจริงแล้ว เฉินฮวนฮวนกังวลว่าหนีซวงจะตำหนิเธอ ถึงขนาดที่ว่าโกรธมาก เธอจะพูดความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวนออกมาไหม

ก่อนหน้านี้เธอไม่ต้องการเปิดเผยความสัมพันธ์ เพราะเธอไม่ต้องการอยู่ภายใต้บารมีของเฟิงหานชวน เธอต้องการใช้ความพยายามของตัวเอง และเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างจริงจัง

ทว่าตอนนี้ เธอไม่คาดหวังให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์ของเธอและเฟิงหานชวน เพราะว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเฟิงหานชวนไม่ใช่ตัวเอง

“ฮวนฮวน นี่เธอกำลังเป็นห่วงฉันเหรอ” หลินอวี่หยางดูดีใจมาก เธอเอื้อมมือไปตบไหล่เฉินฮวนฮวน และกล่าวอย่างมั่นใจ “เธอไม่ต้องห่วง อาจารย์หนีว่าฉันไม่ได้หรอก ในเมื่อฉันหลุดปากไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันบอกรูมเมทของเธอนะ”

หลังจากนั้น หลินอวี่หยางมองไปที่จ้าวซี และกล่าวต่อว่า “ในเมื่อเธออยากรู้มาก ฉันก็จะบอกอีกรอบ ผู้ชายคนนั้นชื่อว่าเฟิงหานชวน”

“หยางหยาง เธอเพิ่งพูดว่าผู้ชายคนนั้นชื่อเฟิงหานชวน ฉันรู้สึกว่าชื่อของเขาคุ้นหูมาก แต่ก็คิดไม่ออกว่าเขาเป็นใครกันแน่” จ้าวซีรู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนสักแห่ง ทว่าภายในเวลาอันสั้นเธอคิดไม่ออกจริงๆ

ในตอนนี้เอง ฉิวอิ๋งยืนขึ้นทันที และสาวเท้าเดินเข้ามาถามว่า “หลินอวี่หยาง เฟิงหานชวนเป็นซีอีโอของRกรุ๊ปใช่ไหม ฉันจำได้ว่าเหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้ในข่าวเศรษฐกิจ!”

“อะไรนะ! Rกรุ๊ป?”

จ้าวซี หวังซูเหม่ย เฉินเจี๋ย และติงเซียง พวกเธอทั้งสี่คนต่างตะโกนเป็นเสียงเดียวกันด้วยความรู้สึกตกใจ

“ใช่ ซีอีโอของRกรุ๊ป ดังนั้นฉันจะบอกว่า ตำแหน่งของเฟิงหานชวนสูงมาก พวกเธอไม่สามารถเข้าถึงได้เลย ทำได้แค่ฟังชื่อเสียงเรียงนามเขา และมองเขาจากที่ไกลไกลเท่านั้นล่ะ” หลินอวี่หยางไม่ได้ตั้งใจจะเย้ยหยันจ้าวซีและคนอื่นๆ เธอเป็นคนที่ค่อนข้างจะตรงไปตรงมา และไม่ชอบพูดจาอ้อมค้อม

“นี่…” แม้ว่าจ้าวซีจะรู้สึกสะเทือนใจ ทว่าเธอกลับถอนหายใจด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

เพราะว่าหลินอวี่หยางพูดถูก คนธรรมดาอย่างพวกเธอ ปกติแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคบค้าสมาคมกับผู้ชายระดับเฟิงหานชวน

ทว่า…

“ทำไมเฟิงหานชวนมาปรากฏตัวที่เขตกิจกรรม เขาถือหุ้นของหวาเถิงใช่ไหม เขามาที่เขตกิจกรรมด้วยตัวเอง หรือว่าเขามาคุมงานอย่างนั้นเหรอ ดูไม่ค่อยเหมือนเลยนะ!” จ้าวซีถามด้วยความสงสัย

“ใช่ เธอพูดมีเหตุผล เฟิงหานชวนมาทำอะไรที่เขตกิจกรรม” หลินอวี่หยางเพิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

แม้ว่าจะเป็นการคัดเลือกครั้งยิ่งใหญ่ ทว่าจากความเข้าใจของเธอ พวกเขาไม่น่าปล่อยให้เฟิงหานชวนมาลงพื้นที่ด้วยตัวเองหรอก อย่างมากสุดก็แค่ลงทุนเท่านั้นแหละ

อยู่ดีๆ เฟิงหานชวนคนนี้ จะมาปรากฏตัวอยู่ในเขตกิจกรรมได้อย่างไรล่ะ

“ใช่ เขามาทำอะไรที่นี่ หยางหยาง เธอไม่ได้ถามอาจารย์หนีเหรอ” จ้าวซีร้อนใจเป็นอย่างมาก

“ฉันไม่ได้ถามจริงๆ” หลินอวี่หยางเกาศีรษะตัวเอง ก่อนจะมองไปที่เฉินฮวนฮวน และถามความคิดเห็นของเฉินฮวนฮวน “ฮวนฮวน เธอยังอยากรู้ไหม ถ้าเธออยากรู้ ฉันจะไปถามอาจารย์หนี”

“ฉันไม่อยากรู้” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้าเบาๆ แล้วยกกะละมังเดินไปที่ระเบียง

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนกำลังตากผ้าอยู่ที่ระเบียง จ้าวซีกัดฟันกรอด เธอดึงแขนของหลินอวี่หยางอีกครั้ง และกล่าวอย่างออดอ้อน “หยางหยาง เธอช่วยพวกเราถามดีไหม”

  

“ไม่ดี! เอามือเธอออกไป เธออย่าได้คืบจะเอาศอก!” หลินอวี่หยางสลัดมือของจ้าวซีออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด และกล่าวว่า “ฉันบอกสถานะของเฟิงหานชวนกับพวกเธอ ก็หวังว่าพวกเธอจะไม่พูดจาให้ร้ายเฉินฮวนฮวน ถ้าฉันรู้ พวกเธอได้เจอดี!”

มุมปากของจ้าวซีกระตุกขึ้น เธอได้แต่รีบปฏิเสธว่า “ไอหยา พวกเราไม่ได้พูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเฉินฮวนฮวนนะ แค่ร้อนใจเกินไปเท่านั้นเอง เราอยากรู้เรื่องของเฟิงหานชวนนี่”

“ยังไงฉันก็บอกสถานะของเฟิงหานชวนกับพวกเธอแล้ว พวกเธอก็อย่าหาเรื่องเฉินฮวนฮวนอีก ฉันพูดไว้ตรงนี้เลยนะ” ใบหน้าเหมือนกำลังซุบซิบนินทาของหลินอวี่หยางเมื่อสักครู่ พลันเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา

จ้าวซีไม่กล้าทำให้หลินอวี่หยางขุ่นเคือง เธอเบะปาก ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเราไม่ได้หาเรื่องเฉินฮวนฮวน มีเธออยู่ทั้งคน พวกเรากล้าที่ไหนล่ะ”

เมื่อหลินอวี่หยางได้ฟัง ใบหน้าของเธอผ่อนคลายลงไม่น้อย และพึงพอใจขึ้นมาบ้าง หลังจากนั้นเธอก็เดินไปที่ระเบียง

เมื่อเฉินฮวนฮวนตากเสื้อผ้าเสร็จ เธอยกกะละมังขึ้นแล้วหันกลับมาหาหลินอวี่หยาง และรีบกล่าวว่า “หลินอวี่หยาง เธอกลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ”

หลินอวี่หยางขยิบตาให้เธอ แล้วยัดโทรศัพท์มือถือใส่มือของเธอ

เฉินฮวนฮวนไม่เข้าใจ เมื่อเธอก้มลงมอง พบว่าบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือมีข้อความสองสามบรรทัด เธอจึงอ่านอย่างตั้งใจ

[ฮวนฮวน เธออย่าเศร้าเลยนะ

ฉันรู้ว่าจริงๆ แล้วเธอชอบเฟิงหานชวนมาก สายตาของเธอมันฟ้อง ฉันจะเล่าอะไรให้เธอฟัง

วันนี้ตอนเย็นพ่อของฉันไปร่วมงานเลี้ยง รูปที่ฉันให้เธอดูเป็นรูปที่ฉันให้พ่อแอบถ่ายที่งานเลี้ยง ฉันเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นมาก่อนนะ แต่ฉันลืมไปแล้วว่าใคร เมื่อกี้ฉันถามพ่อมาแล้ว

เธอเป็นคุณหนูใหญ่ของหลีซื่อกรุ๊ป อันที่จริงเธอเป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียงในแวดวงไฮโซ ชื่อว่าหลีซืออวิ๋น เธอรู้จักกับเฟิงหานชวนตั้งแต่เด็กแล้ว

สรุปแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันหรือเปล่า พ่อของฉันก็ไม่รู้ บางทีเธอยังมีหวังนะ รอจบการฝึกอบรม ฉันจะพาเธอไปหาเฟิงเฉินเหยี่ยน]

หลังจากเฉินฮวนฮวนอ่านจบ เธอนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย

เดิมทีเธอรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ และทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกถึงกระแสไออุ่นไหลเข้าสู่หัวใจของเธอ

เธอเงยหน้าขึ้นมองหลินอวี่หยางแล้วยิ้มน้อยๆ “ขอบใจนะ”

ใบหน้าที่ตกตะลึงของเฉินฮวนฮวนอยู่ในสายตาของจ้าวซีทั้งหมด

จ้าวซีกล่าวอย่างเย็นชาและยิ้มเยาะเย้ย: "พูดว่าไม่ได้สนใจผู้ชายคนนั้น หรือแค่อยากจะครอบครองไว้แค่เพียงคนเดียวกันแน่ สุดท้ายแล้วยังไงเขาคนนั้นก็มีแฟนแล้ว!"

แม้ว่าจากมุมมองของจ้าวซีผู้ชายคนนั้นจะมีแฟนและทำให้เธอผิดหวังมาก แต่ตอนนี้เธอก็รู้สึกตื่นเต้นมากกว่า

เพราะเธอสามารถมองเห็นเฉินฮวนฮวนเสียหน้า และเนื่องจากเธอไม่สามารถจับผู้ชายคนนั้นได้ เฉินฮวนฮวนก็ไม่มีทางที่จะครอบครองเขาไว้คนเดียวได้!

และตอนนี้พระเจ้าก็กำลังช่วยเธออยู่ ผู้ชายคนนั้นมีแฟนแล้วและยังเป็นคนดังอีกด้วย

"จ้าวซี ใครอนุญาตให้เธอมอง?"หลินอวี่หยางล็อกหน้าจอโทรศัพท์และจ้องมองไปที่เธอ

"หลินยวี่หยาง ฉันอยากรู้จริงๆ! ยิ่งไปกว่านั้นมันจะเป็นอย่างไรถ้าเรารู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้? "

จ้าวซีทำหน้าบึ้งตึงและพูดต่อว่า: "อย่างไรก็ตาม เขามีแฟนแล้วและเฉินฮวนฮวนก็ไม่มีทางจะเก็บเขาเอาไว้ได้คนเดียวหรอก ช่วยบอกตัวตนของผู้ชายคนนี้ให้เราฟังหน่อยได้ไหม"

"ที่เธอพูดน่ะไม่ผิดหนอก ฉันจะบอกให้นะว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะผู้ชายคนนี้คือคนที่เธอไม่มีวันเอื้อมถึงยังไงล่ะ!"หลินอวี่หยางโพล่งออกมาตรงๆ

จ้าวซีรู้สึกตกตะลึง จากนั้นจึงถามว่า: "เธอหมายถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้มีฐานะทางสังคมที่พิเศษหรือเปล่า?"

"ใช่ มันไม่ใช่แค่ฐานะทางสังคม แต่มันไม่มีวันที่จะเข้ากันได้เลย"แม้ว่าหลินอวี่หยางจะพูดอย่างนั้น แต่เธอก็ยังไม่ได้พูดถึงตัวตนที่แท้จริงของเฟิงหานชวน

เขาต้องใหญ่ขนาดไหนถึงทำให้หลินอวี่หยางพูดได้ขนาดนี้ เรื่องนี้ทำให้จ้าวซีรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจจริงๆ

เธอคว้าแขนของหลินอวี่หยางแล้วแล้วพูด: "หลินอวี่หยางบอกพวกเราหน่อยเถอะ! ถามพวกเธอสิ ทุกคนก็ล้วนอยากรู้ ยังไงก็บอกชื่อเทพบุตรคนนั้นให้พวกเรารู้หน่อยเถอะนะ?"

จ่าวซียังชี้ไปที่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ นอกเหนือจากเฉินฮวนฮวนแล้วก็มีเพื่อนร่วมห้องอีกสี่คนรวมถึงฉิวอิ๋งและติงเซียง

จ้าวซีเป็นคนหุ่นสูงและเธอต้องก้มหน้าเพื่อคุยกับหลินอวี่หยาง ซึ่งมันดูตลกอยู่หน่อยๆ

หลินอวี่หยางรู้สึกลังเล จริงๆแล้วเธอเป็นคนหูเบาและนอกจากนี้เธอยังชอบนินทาอีกด้วย

เธอรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อยและหันไปมองเฉินฮวนฮวน แต่กลับพบว่าเฉินฮวนฮวนยังคงใจลอย

"ฮวนฮวน เธอควรบอกเรื่องนี้กับทุกคน ฉันรู้สึกว่าถ้าเธอซ่อนมัน ทุกคนจะต้องมีความคิดเห็นที่ไม่พอใจเกี่ยวกับเธอแน่ๆ"หลินอวี่หยางคิดแทนเฉินฮวนฮวนและเธอพูดต่อว่า: "ฉันได้ยินมาว่ามีคนพูดว่าเธอต้องการที่จะครอบครองคนๆนั้นไว้เพียงคนเดียว แล้วตอนนี้คนๆนั้นก็มีแฟนแล้วด้วย ไม่แน่ว่าฉันอาจจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาเองก็ได้!"

หลินอวี่หยางยังคิดอีกว่าเฉินฮวนฮวนนั้นอยากจะครอบครองเขาไว้เพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามชื่อเรียกสาม รวมถึงดวงตาที่สดใสของเฉินฮวนฮวนในตอนกลางวันทำให้หลินอวี่หยางรู้สึกมั่นใจ

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินชื่อของตัวเอง เธอก็ได้สติกลับมาทันที ดวงตาของเธอดูสงบนิ่งและใบหน้าของเธอว่างเปล่า จากนั้นเธอก็ถามว่า: "เธอกำลังพูดถึงอะไร?"

"ฉันพูดว่า……"หลินอวี่หยางกำลังที่อยากจะพูดอีกครั้ง แต่ก็ถูกจ้าวซีขัดจังหวะไว้เสียก่อน

จ้าวซียิ้มเยาะเย้ย: "เฉินฮวนฮวน เธออึ้งไปเลยล่ะสิ?"

เธอรู้สึกว่าตอนนี้เฉินฮวนฮวนปากแข็งมาก แวบแรกก็รู้สึกทึ่งกับข้อเท็จจริงนี้จริงๆ

ความจริงข้อนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าพ่อเทพบุตรคนนั้นมีแฟนแล้ว และเฉินฮวนฮวนก็ไม่มีโอกาสที่จะครอบครองเขาไว้แค่เพียงคนเดียว

"ตอนที่ฉันเห็นรูปผู้ชายคนนี้เป็นครั้งแรก ก็อย่างที่เธอว่า เขาหล่อจริงๆ"เฉินฮวนฮวนมีสีหน้าที่สงบนิ่ง เธอเหลือบมองไปที่จ้าวซีและพูดว่า: "สิ่งที่เธอพูดมันไม่เกี่ยวข้องกับฉัน ฉันแค่ไม่ต้องการให้ครูหนีตำหนิฉัน"

ในขณะที่พูด เฉินฮวนฮวนก็โยนผ้าเช็ดตัวสำหรับเช็ดผมลงในกะละมัง แล้วนำกะละมังไปที่อ่างเพื่อซักผ้า

เมื่อเห็นท่าทางที่สงบนิ่งและไม่แยแสของเฉินฮวนฮวน หลินอวี่หยางก็แตะศีรษะของเธอและรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนนั้นเข้าใจได้ยากเสียจริง

เป็นไปได้ไหมว่าเฟิงหานชวนมีแฟนแล้ว เฉินฮวนฮวนเลยไม่สนใจเฟิงหานชวน?

หลินอวี่หยางไม่รู้ว่าเธอเดาถูกหรือเปล่า ยังมีคนมากมายที่นี่และเธอรู้สึกเกรงใจเกินกว่าที่จะถามเฉินฮวนฮวนไปตรงๆ

"หยางหยาง เฉินฮวนฮวนบอกว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย แถมคนนั้นก็มีแฟนด้วยแล้วด้วย เราแค่ต้องการรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรอื่นและจะไม่สร้างปัญหาใดๆให้เธอ"เมื่อเห็นว่าหลินอวี่หยางดูลังเลใจ จ้าวซีก็ใช้ประโยชน์จากตรงนี้เพื่อไล่ต้อนและถามซ้ำแล้วซ้ำอีก

"แต่ครูหนีพูดแค่ว่าให้ฉันบอกฮวนฮวน ห้ามให้ฉันบอกคนอื่น"หลินอวี่หยางลูบคางและพูดอย่างหนักแน่น: "ลืมไปเถอะ คนนั้นเขามีแฟนอยู่แล้ว พวกเราอย่ารู้เลยดีกว่า ฉันกลับละ"

หลินอวี่หยางกลัวว่าเธอจะถูกโน้มน้าวให้ตัวเองรู้สึกลังเลใจอีก เธอเลยรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

จ้าวซีกระทืบเท้าด้วยความโกรธ เธอเดินตรงไปที่อ่างและจ้องไปที่เฉินฮวนฮวน จากนั้นก็ตะโกนใส่เฉินฮวนฮวน: "เฉินฮวนฮวนแผนของเธอมันล้มเหลวแล้ว เธอรีบบอกตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นมาเดี๋ยวนี้นะ!"

"ในเมื่อหลินอวี่หยางไม่พูด ฉันก็ยิ่งพูดไม่ได้"เฉินฮวนฮวนวางเสื้อผ้าที่สกปรกลง เธอหันหน้าไปมองจ้าวซีอย่างเย็นชาและยิ้มเยาะเย้ย: "ฉันบอกเธอไปแล้วนะว่าฉันจะไม่ทำให้อาจารย์หนีขุ่นเคืองอีก?"

"เธอ…. เธอพูดออกมาเดี๋ยวนี้นะ คนในหอพักของเราสัญญาว่าจะไม่พูด และก็จะไม่ให้อาจารย์หนีรู้ด้วย"สามารถพูดได้เลยว่าจ้าวซีกำลังเป็นกังวลอยู่ในขณะนี้ เธออยากที่จะรู้ตัวตนของชายคนนั้นจนตัวสั่น

"ฉันไม่เชื่อคำพูดของเธอ"เฉินฮวนฮวนหันศีรษะกลับและก้มลงเพื่อซักผ้า น้ำเสียงของเธอดูไม่แยแส

จ้าวซีโกรธมากจนเธอต้องการที่จะเอาชนะเฉินฮวนฮวน แต่เธอไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเธอมากนัก และเฉินฮวนฮวนเองก็เป็นเพื่อนของหลินอวี่หยางอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าทำอะไร

เธอหันกลับมามองติงเซียงแล้วสบตากับเธอทันที

ติงเซียงเองก็รู้สึกหมดหนทาง เธอเหลือบมองไปที่เบื้องหลังของเฉินฮวนฮวนและส่ายหัวและแกล้งทำเป็นไม่กล้าถาม

จ้าวซีคิดไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจและเดินตรงไปข้างๆฉิวอิ๋ง จากนั้นก็พูดแขวะออกมาอยากเปิดเผย ใจความสำคัญของการแขวะก็คือการดูถูกถากถางเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนไม่ได้ฟังเลย ในขณะที่ซักผ้าไป จู่ๆภาพนั้นก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอ

ภาพถ่ายนั้นต้องถูกถ่ายไปเมื่อเร็วๆนี้แน่ๆ เพราะทรงผมปัจจุบันของเฟิงหานชวนเป็นแบบนั้น และช่วงเวลาก็น่าจะเป็นเร็วๆนี้อีกด้วย

เมื่อเธอเห็นภาพนั้นในใจเธอก็คิดว่าเฟิงหานชวนคงจะมีรักใหม่แล้ว และตอนนี้เธอก็คิดอย่างรอบคอบแล้วด้วย เธอหัวเราะกับตัวเอง…

เธอเพิ่งมาที่ค่ายฝึกสองวันและวันนี้เป็นวันที่สอง แถมวันที่สองก็ยังไม่จบเลย และเมื่อวานเฟิงหานชวนก็ยังมาที่ค่ายฝึกเพื่อพบเธออีก

ปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเฟิงหานชวนหาความสัมพันธ์ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แค่เพียงสองวันก็เจอใหม่แล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่าเธออาจจะเป็นผู้หญิงที่เฟิงหานชวนเคยคบก่อนหน้าที่จะแต่งงานหรือเปล่า?

หากเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เรียกว่าภรรยาคืออะไร?

ดวงตาของเธอฉายแววหดหู่ น้ำตาร่วงลงไปในอ่างนั้นและละลายลงไปในน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ…

ใจของเฉินฮวนฮวนเต้น "ตูบตูบ"

ก่อนที่เธอจะได้สติกลับมา หลินอวี่หยางรีบปิดปาก และยื่นมือออกมาปิดปากของตัวเอง

เฉินฮวนฮวนเห็นเช่นนี้ ก็รีบพาหลินอวี่หยางออกไปอย่างรวดเร็ว พาหลินอวี่หยางไปมุมที่ห่างออกไป

“หลินอวี่หยาง เธอสืบข้อมูลตัวตนของผู้ชายคนนั้นได้แล้วเหรอ?” เฉินฮวนฮวนถามอย่างเร่งรีบ

“ใช่ใช่” หลินอวี่หยางปล่อยมือที่ปิดปากออก เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า: “เกือบหลุดปากพูดออกไปแล้ว”

“หลุดปาดพูดอะไร?” เฉินฮวนฮวนงงงวย หรือว่าหลินอวี่หยางจะรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวนแล้ว?

“เฮ้อ ก็ครูหนีถามฉันช่วยใครสืบ ฉันตอบว่าช่วยเธอ ครูหนีเลยบอกว่านอกจากเธอก็ห้ามบอกคนอื่น” หลินอวี่หยางโพล่งออกมาโดยไม่ลังเล

ในหัวของเฉินฮวนฮวนเกิดเครื่องหมายคำถามสามตัว

ที่ค่ายฝึกนี้ มีเพียงคุณหนีซวงเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวน ตอนนี้คุณหนีซวงบอกหลินอวี่หยาง แต่ขอให้หลินอวี่หยางห้ามบอกคนอื่นนอกจากเธอ

ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนย้อนแย้งไปมา ยังไงก็มีแต่คุณหนีซวงและเธอเท่านั้นที่รู้ แต่ตอนนี้มีหลินอวี่หยางเพิ่มอีกคน

“ฮวนฮวน ฉันจะบอกให้ ผู้ชายที่มาค่ายฝึกวันนั้นชื่อ เฟิงหานชวน” หลินอวี่หยางตบริมฝีปากของเธอและพูดว่า : “ครอบครัวของฉันและครอบครัวตระกูลเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว พ่อของฉันเคยเป็นหุ้นส่วนของนายท่านเฟิง ฉันแค่ได้ยินชื่อเฟิงหานชวน ฉันก็ตบต้นขาทันทีและตะโกนออกมาคำหนึ่ง”

ในหัวของเฉินฮวนฮวนเกิดเครื่องหมายคำถามหกตัว

พ่อของหลินอวี่หยางเป็นหุ้นส่วนกับนายท่านเฟิง?

“เฟิงหานชวน เป็นคุณชายสามของตระกูลเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทอาร์ด้วยตัวเอง บริษัทอาร์เธอน่าจะรู้จัก? บริษัทอาร์ที่มีชื่อเสียงอันนั้นแหละ!” หลินอวี่หยางยังคงอธิบายต่อไปว่า "ฉันเคยเจอเฟิงหานชวนแล้ว แต่ไม่คุ้นเคย เขาดูเข้าถึงยาก แต่ฉันกับหลานชายเขาเฟิงเฉินเหยี่ยนมีความสัมพันธ์ที่ดี”

“คนที่เป็นข่าวช่วงหนึ่ง เฟิงเฉินเหยี่ยนที่ว่ากันว่าเล่นจนพัง” หลินอวี่หยางยังหัวเราะเยาะสองครั้ง ราวกับเยาะเย้ยเฟิงเฉินเหยี่ยนว่า "ไม่ได้เรื่อง"

“ฉันเคยไปมาหาสู่กับเขาช่วงหนึ่ง ช่วงที่รอฉันเข้าค่ายฝึก ไว้มีเวลาชวนพวกเขาออกมาสนุกกันดีกว่า ถามเขาว่าสรุปพังหรือไม่พัง! ถือโอกาส…”

หลินอวี่หยางจ้องมองเฉินฮวนฮวนด้วยรอยยิ้มที่ไม่สามารถอธิบายได้บนใบหน้าของเธอ

“ถือโอกาสอะไร?” เฉินฮวนฮวนถามทันที

ตอนนี้เธอกำลังจะฟุ้งซ่าน เพราะเธอไม่คิดว่าหลินอวี่หยางจะรู้จักเฟิงหานชวน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฟิงเฉินเหยี่ยน

ถ้าอย่างงั้นความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวน ควรบอกหลินอวี่หยางไหม?

แต่ตอนนี้เธอยังไม่สนิทกับหลินอวี่หยางเลย ถ้าเธอพูดไปแล้ว หลินอวี่หยางเอาไปแพร่กระจาย…

“ถือโอกาส แนะนำให้เธอรู้จักเฟิงหานชวนไง เธอชอบเขาไม่ใช่เหรอ? ฉันช่วยเธอได้ แต่ว่า…” หลินอวี่หยางหยุดพูด

เฉินฮวนฮวนเข้าใจว่าหลินอวี่หยางเข้าใจเธอผิด เธออยากรีบอธิบาย แต่ถูกหลินอวี่หยางขัดจังหวะ: "ฮวนฮวน ฉันได้ยินมาว่าเฟิงหานชวน ไม่ชอบผู้หญิง เขาอาจจะเป็นเกย์ เขาเล่นสนุกกับผู้ชายเท่านั้น มีเพื่อนผู้ชายสองสามคน ว่ากันว่าไม่มีใครเคยเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงเลย”

“จริงเหรอ?” เฉินฮวนฮวนดูมีความสุขในทันใด โพล่งออกมาโดยตรง

แต่ว่า เมื่อเธอถามเสร็จ เธอก็ตระหนักถึงความกระตือรือร้นของเธอ ดูเหมือนเธอสนใจเฟิงหานชวนจริงๆ

ทั้งๆที่ เฟิงหานชวนเป็นสามีของเธอแล้ว

“ฮวนฮวน เธอดีใจมากเหรอ ฉันเห็นดวงตาทั้งสองของเธอเปล่งประกายแล้ว!” หลินอวี่หยางอดไม่ได้ที่จะถามอย่างรวดเร็ว: “ฉันช่วยเธอขนาดนี้ เธอต้องเป็นเพื่อนที่ดีของฉันนะ ห้ามเมินเฉยใส่ฉัน ได้ไหม!"

“อันที่จริง ฉันไม่ได้จะถามเกี่ยวกับเรื่องของเฟิงหานชวน” เฉินฮวนฮวนยังคงต้องการอธิบายให้ชัดเจน

“ปฏิกิริยาของเธอเมื่อกี้ไม่ได้หมายความแบบนี้เลยนะ!” หลินอวี่หยางไม่เชื่อ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเธอไม่มีคำจะเถียงแล้ว

ในเวลานี้ ระฆังถึงเวลาเข้าเรียนก็ดังขึ้น ทั้งสองรีบไปที่ห้องเรียนของตัวเอง

คาบต่อมายังคงเป็นของกู้ไหว่ เฉินฮวนฮวนตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง แต่ในระหว่างนั้น เธออดไม่ได้ที่จะขำสิ่งที่หลินอวี่หยางพูดในใจของเธอ

เธอบอกว่า เฟิงหานชวนไม่ชอบผู้หญิงและเล่นสนุกแต่กับผู้ชายเท่านั้น ไม่มีใครเคยเห็นเขาอยู่กับผู้หญิง

นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เฟิงหานชวนบอกกับเธอก่อนหน้านี้เป็นความจริง?

นอกจากตอนที่เขาถูกวางยา แล้วซื้อผู้หญิงมาแก้ขัด เฟิงหานชวนก็มีแต่เธอเท่านั้นที่เป็นผู้หญิงที่เขาตั้งใจทำจริงๆ?

กู้ไหว่มองไปที่เฉินฮวนฮวนด้วยความงุนงง แต่ไม่ได้เตือน กลับเรียกเธอให้อยู่พบตอนเลิกเรียนตอนเที่ยง

“นักเรียนเฉิน ในเวลาเรียนเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ท่าทางมีความสุขมาก?” กู้ไหว่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับหลินอวี่หยางและเฉินฮวนฮวน

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนพาหลินอวี่หยางออกไป เขากลับไปที่ห้องเรียนและได้ยินเด็กฝึกบางคนดูถูกเฉินฮวนฮวนว่าเฉินฮวนฮวนอยากเก็บผู้ชายไว้คนเดียว

หลังจากทำความเข้าใจสั้นๆ กู้ไหว่รู้ว่าผู้ชายที่ซูเวยถามคุณหนีซวง หลินอวี่หยางสืบได้แล้วว่าเป็นใคร เฉินฮวนฮวนพาหลินอวี่หยางออกไป เพราะไม่อยากให้เด็กฝึกคนอื่นรู้

“ฉันขอโทษนะคะครูกู้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเหม่อลอย” เฉินฮวนฮวนไม่คิดว่ากู้ไหว่จะสังเกตเห็นเธอ ก้มศีรษะอย่างรวดเร็วเพื่อขอโทษ

"เมื่อคืนนี้ฉันได้เรียบเรียงโทนเสียงของเธอแล้ว ตั้งใจจะเล่นให้เธอฟัง แต่ฉันว่าเธอคงไม่จำเป็นต้องฟังแล้ว เพราะความตั้งใจของเธอที่มาค่ายฝึกนี้ เธอไม่ได้เห็นมันเป็นอาชีพเลย! " น้ำเสียงของกู้ไหว่จริงจังมาก

เดิมทีเขาสนใจเฉินฮวนฮวน แต่ไม่คาดคิดว่าเฉินฮวนฮวนจะมาที่นี่เพื่อจับผู้ชายที่หล่อและรวย ผู้หญิงประเภทนี้เขารังเกียจที่สุด

“ไม่ใช่อย่างนั้นครูกู้ ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ครั้งต่อไปฉันจะไม่เหม่อลอยในชั้นเรียนอีก ครูให้โอกาสฉันได้ไหม?” เฉินฮวนฮวนคิดว่าที่กู้ไหว่ว่ากล่าวเธอเพราะเรื่องเหม่อลอยในชั้นเรียน

เมื่อเห็นว่าคำขอโทษของเฉินฮวนฮวนนั้นจริงใจ ดวงตาที่ชัดเจนของเธอล้วนแสดงถึงความไร้เดียงสา กู้ไหว่อดไม่ได้ที่จะสงสัย เรื่องที่ผู้หญิงเหล่านั้นพูดเป็นความจริงหรือไม่?

“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องที่คุณเหม่อลอย ใครๆก็เหม่อลอยได้ มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเหม่อลอยหรอก” กู้ไหว่ลุกขึ้นจากเปียโน หันกลับมาและเผชิญหน้ากับเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ถ้ากู้ไหว่ไม่ได้ว่าเธอเรื่องเหม่อลอย แล้วมันเพราะอะไร?

“ผมได้ยินมาว่าคุณและหลินอวี่หยางไม่สนิทกัน แต่ตอนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว จริงไหม?”

เดิมที กู้ไหว่ชื่นชมเฉินฮวนฮวน เธอสามารถทำให้ผู้หญิงอย่างหลินอวี่หยางทำตามคำสั่งได้ เขารู้สึกว่ามองคนไม่ผิดจริงๆ รู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนเหมาะสมที่สุดสำหรับวงการบันเทิง

แต่เมื่อได้ยินว่าเฉินฮวนฮวนพยายามจับผู้ชาย แถมยังจะเก็บไว้คนเดียว กู้ไหว่ก็เริ่มสงสัยในความคิดของเขาอีกครั้ง

“ช่างมันเถอะ! ครูกู้ เพราะเรื่องนี้เหรอ? ฉันทำความรู้จักกับเพื่อน แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการฝึกของฉัน” เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่ากู้ไหว่หมายถึงอะไร

“ผมได้ยินเด็กฝึกคนอื่นๆบอกว่า คุณเป็นเพื่อนกับหลินอวี่หยาง เพื่อค้นหาตัวตนของผู้ชายคนนั้น แต่ไม่ยอมให้เด็กฝึกคนอื่นรู้ เพราะคุณอยากเก็บไว้คนเดียว เพื่อจะได้ผู้ชายที่หล่อและรวย แบบนี้ใช่ไหม?” กู้ไหว่ถามอย่างจริงจัง

“ไม่ใช่!” เฉินฮวนฮวนเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่กู้ไหว่หมายถึงคืออะไร

เธออธิบายทันที: “ฉันไม่ได้ใช้ประโยชน์ความเป็นเพื่อนของหลินอวี่หยาง แต่หลินอวี่หยางอยากเป็นเพื่อนกับฉัน เธอเข้าใจผิดคิดว่าฉันอยากรู้ตัวตนของผู้ชายคนนั้น เธอก็เลยช่วยฉันสืบหาอย่างกระตือรือร้น ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้วุ่นวาย ก็เลยไม่ให้หลินอวี่หยางบอกกับคนอื่น”

“อีกอย่าง ต่อให้ฉันไม่พาหลินอวี่หยางออกไป หลินอวี่หยางก็ไม่บอกหรอก เพราะครูหนีสั่งไว้แล้วว่าห้ามเธอบอกคนอื่น”

เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างตรงไปตรงมา กู้ไหว่รู้สึกว่าเขาเชื่อ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ แต่เขาเชื่อสิ่งที่เฉินฮวนฮวนพูด

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ผมเข้าใจคุณผิด” กู้ไหว่รู้สึกว่าเขาต้องระมัดระวังกว่านี้

เขาไม่ควรที่จะตัดสินคนเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำ แต่ตอนนี้ เขาเกือบจะเชื่อคำพูดของเด็กฝึกเหล่านั้น

“ครูกู้ ฉันจะตั้งใจฝึกฝนดีๆ และจะไม่เสียสมาธิอีก โปรดวางใจเถอะค่ะ” เฉินฮวนฮวนตอบอย่างหนักแน่น

ความมุ่งมั่นของเธอทำให้กู้ไหว่นิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แล้วแสดงท่าทางโล่งใจ

“มีทัศนคติแบบคุณ ผมรู้สึกดีใจมาก” กู้ไหว่ยิ้มและพยักหน้า จากนั้นนั่งลงอีกครั้งที่หน้าเปียโนและเริ่มเล่น

ในช่วงเวลาสั้นๆ กู้ไหว่และเฉินฮวนฮวนได้ทำการประสานเสียงในการเรียบเรียงใหม่สำหรับเพลง "ลม" กู้ไหว่พอใจกับสิ่งนี้มากและชื่นชม เฉินฮวนฮวนมากยิ่งขึ้นและรู้สึกว่าเธอเป็นเด็กมีอนาคตสอนได้

เขายืนขึ้นจากเปียโน มองไปที่เฉินฮวนฮวนที่เตี้ยกว่าเขา ยื่นมือออกมาโดยไม่รู้ตัวและแตะศีรษะของเธอ

มันเป็นการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่มีคนข้างนอกประตูเห็น

หนึ่งวันของการฝึกจบลงอีกครั้ง

หลังจากเฉินฮวนฮวนกลับไปตอนกลางคืน เธอก็เข้าแถวไปอาบน้ำตามปกติ

ทันทีที่เธอออกมา หลินอวี่หยางรีบวิ่งเข้ามาหาเธออย่างรีบร้อน และตะโกนว่า "ฮวนฮวน เกิดเรื่องแล้ว!"

“มีอะไรเหรอ?” เฉินฮวนฮวนถามอย่างสงสัยขณะที่เธอเช็ดผม

“ดูสิ นี่มันอะไรกัน!” หลินอวี่หยางยกโทรศัพท์ขึ้น ถือไว้ตรงหน้าเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนก้มศีรษะและเช็ดผมของเธอ แค่เหลือบมองโดยไม่สนใจภาพบนหน้าจอ และสงสัยว่า: "เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงถือโทรศัพท์ไว้?"

ในขณะนี้ สายตาของจ้าวซีนั้นเร็วมาก เธอรีบวิ่งเข้าไปด้วยขายาวของเธอ คว้ามือของหลินอวี่หยาง และจำชายในภาพได้ทันที ผู้ชายที่เธอเห็นเมื่อวานนี้!

“เป็นเขา! หลินอวี่หยาง เธอสืบเจอแล้ว!” จ้าวซีตื่นเต้นมาก แต่ในวินาทีถัดมา ใบหน้าของเธอก็แข็งทื่อ: “เขามีแฟนแล้ว?”

เฉินฮวนฮวนรีบโยนผ้าเช็ดผม คว้าโทรศัพท์ในมือของหลินอวี่หยางและเอามาดู คิดว่าเป็นรูปเซลฟี่ของเธอคู่กับเฟิงหานชวน

แต่ปรากฏว่าไม่ใช่

ภาพถ่ายจากมุมที่สวยงาม ในห้องจัดเลี้ยงอันงดงาม เฟิงหานชวนสวมสูทสีดำ แค่ยืนอยู่ที่นั่นก็สามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้

และข้างๆเขามีผู้หญิงหน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดระดับไฮเอนด์ กำลังจับแขนยาวของเขาและเอนศีรษะลงบนไหล่ของเขา

ผู้หญิงคนนั้นสวยมากและมีเสน่ห์ มองแวบแรกก็รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของคนดังที่มีชื่อเสียง ที่สำคัญกว่านั้นเฉินฮวนฮวนไม่เคยเห็นเธอมาก่อน

เธอเป็นใคร? ทำไมถึงดูสนิทสนมกับเฟิงหานชวน?

หรือว่า… เธอเป็นคนรักใหม่ของเฟิงหานชวน?

“เฉินฮวนฮวน ฉันด่าเธอเหรอ? หูข้างไหนของเธอได้ยินว่าฉันด่าเธอ?” จ้าวซี แกล้งทำเป็นหูหนวกตาบอด

“เธอ…” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเธอไม่มีทางปรับความสัมพันธ์กับจ้าวซีได้อีกแล้ว

เดิมทีความขัดแย้งระหว่างทั้งสองคน เป็นเพราะเกาเหวิน เธอไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับจ้าวซี

แต่ดูตอนนี้แล้ว เธอเองเริ่มเกลียดจ้าวซีแล้ว

“ฮวนฮวน เสี่ยวซีก็แค่โมโห ใครใช้ให้เธอใจแคบล่ะ!” เวลานี้ฉิวอิ๋งหัวหน้าหอพักลุกขึ้นพูด

ฉิวอิ๋งน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ “เธอกับหลินอวี่หยางสนิทกันขนาดนั้นแล้ว ก็แค่พูดคำเดียว ให้เธอช่วยสืบสถานะของผู้ชายคนนั้น ทำไมเธอถึงไม่ยินยอมนะ? ถือซะว่าช่วยทุกคน ให้สวัสดิการกับสาว ๆ ส่วนใหญ่!”

จากที่พวกเธอดู เฉินฮวนฮวนตั้งใจ ตั้งใจไม่ให้หลินอวี่หยางไปสืบ ไม่อยากให้ทุกคนรู้สถานะของผู้ชายคนนั้น

สาเหตุที่เฉินฮวนฮวนทำแบบนี้ ฉิวอิ๋งสงสัยอย่างมากว่าเฉินฮวนฮวนอยากจะกั๊กผู้ชายคนนั้นไว้

เฉินฮวนฮวนไปสืบหาเขาเป็นการส่วนตัว ไม่ให้คนอื่นแย่งกับเธอ มีเพียงแค่เหตุผลนี้เท่านั้น ไม่อย่างงั้นคงไม่จำเป็นต้องห้ามทุกคนไม่ให้ไปสืบสถานะผู้ชายคนนั้น

เมื่อเห็นฉิวอิ๋งจ้องมองตัวเองด้วยสายตาที่เฉียบแหลม เฉินฮวนฮวนสามารถเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เหมือนกับกำลังพูดว่าเธออยากจะกั๊กผู้ชายคนนั้นไว้

เป็นไปอย่างที่คิด จ้าวซีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมอีกครั้ง “อิ๋งอิ๋ง เธอพูดกับหล่อนเยอะแยะขนาดนั้นทำไม? หล่อนไม่อยากให้พวกเรารู้ ไม่แน่อยากจะกั๊กไว้เองล่ะ?

“จ้าวซี ตัวเธอเองคิดยังไง ก็คงรู้สึกว่าคนอื่นก็คิดแบบนั้น “เฉินฮวนฮวนขี้เกียจที่จะสนใจอีกต่อไป เธอพลิกตัว หันหลังให้พวกเธอแล้วหลับไป

ฉิวอิ๋งกับจ้าวซีสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นก็มองไปที่เฉินฮวนฮวนอย่างโมโห

ตอนนี้ฉิวอิ๋งก็เริ่มเกลียดเฉินฮวนฮวนขึ้นมาแล้ว เดิมทีเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเฉินฮวนฮวน ตอนนี้เฉินฮวนฮวนอยากจะเก็บผู้ชายคนนั้นไว้ ไม่อยากให้ทุกคนรู้สถานะของผู้ชายคนนั้น นี่ทำให้เธอเกลียดเป็นพิเศษ

ถึงแม้ติงเซียงจะเป็นคู่กับเฉินฮวนฮวน แต่อยู่ที่หอพักเธอมีท่าทางเป็นกลาง ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ กับทุกคน เธอมองเห็นสายตาของจ้าวซีกับฉิวอิ๋ง แต่กลับไม่พูดอะไร

เช้าวันต่อมา เฉินฮวนฮวนถูกนาฬิกาปลุกในหอพักทำให้ตื่น

ในตอนที่เธอลืมตาขึ้นมานั้น เธอตกใจจนเกือบขวัญหาย เพราะมีใบหน้าของคนคนหนึ่งอยู่ตรงหน้า ก็คือหลินอวี่หยาง

“หลินอวี่หยาง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!” เฉินฮวนฮวนลูบอก สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

“ฮวนฮวน ฉันทำให้เธอตกใจเหรอ? ฉันเห็นเธอหลับอยู่ ก็เลยไม่ได้เรียกเธอ” ครั้งนี้หลินอวี่หยางมาคนเดียว ไม่ได้พาผู้ติดตามมาด้วย เธอนั่งอยู่ข้างเตียงของเฉินฮวนฮวน

“เธอตื่นเช้าขนาดนี้เลยเหรอ? เฉินฮวนฮวนเห็นท่าทีพูดจาดีของหลินอวี่หยาง จึงถามแบบผ่าน ๆ

“วันนี้ฉันตื่นเต้น เพราะว่าฉันมีเพื่อนใหม่ ก็คือเธอฮวนฮวน!” หลินอวี่หยางดูดีใจมาก

“ฉันล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะ” เฉินฮวนฮวนจนปัญญา เธอลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง พูดไปด้วย หยิบชุดซ้อมเดินเข้าห้องน้ำไปด้วย

เมื่อเธอเข้าห้องน้ำไป จ้าวซีที่อยู่เตียงตรงข้ามลุกขึ้นนั่ง มองไปที่หลินอวี่หยาง แล้วพูดเสียงเบา “หลินอวี่หยาง เฉินฮวนฮวนได้ให้เธอไปสืบเรื่องผู้ชายคนนั้นไหม?”

“ผู้ชายคนนั้น?” หลินอวี่หยางส่ายหน้า แล้วก็นึกอะไรออก จึงรีบพูดขึ้น “เมื่อคืนเฉินฮวนฮวนพูดว่าอยากรู้สถานะของผู้ชายคนนั้นเหรอ?”

จ้าวซีตะลึง จากนั้นก็หัวเราะ มองไปทางห้องน้ำ แล้วพยักหน้า

“ฮะ งั้นฉันต้องช่วยฮวนฮวนสืบดู! ฉันจะไปตอนนี้แหละ!” พูดจบ หลินอวี่หยางก็วิ่งออกไปนอกหอพักด้วยความตื่นเต้น

เห็นแบบนี้ จ้าวซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักออกมา รอให้หลินอวี่หยางสืบสถานะของผู้ชายคนนั้นได้ บนโลกย่อมมีกำแพงกั้นน้ำเสมอ ถึงเวลาพวกเธอก็จะได้รู้แล้ว

เฉินฮวนฮวนล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นว่าหลินอวี่หยางไม่อยู่แล้ว แค่แวบเดียวก็ไม่เห็นเงาคนแล้ว

รอจนใกล้ถึงเวลาแล้ว หลินอวี่หยางก็ยังไม่มา เฉินฮวนฮวนจึงไปโรงอาหารพร้อมกับติงเซียง

ติงเซียงเห็นว่าหลุดพ้นจากพวกจ้าวซีกับฉิวอิ๋งแล้ว จึงรีบพูดกับเฉินฮวนฮวน “ฮวนฮวน เธอไม่ต้องรอหลินอวี่หยางแล้ว หล่อนไปสืบสถานะของผู้ชายคนนั้นแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าไปสืบที่ไหน”

“อะไรนะ!?” เฉินฮวนฮวนตกใจ

“ทำไมเธอตกใจขนาดนี้ล่ะ? หล่อนนึกว่าเธออยากรู้สถานะของผู้ชายคนนั้น ตื่นเต้นดีใจจนวิ่งออกไปนอกหอไปสืบดูแล้ว” ติงเซียงปิดบังเรื่องที่จ้าวซีหลอกหลินอวี่หยางไว้

ประเด็นคือเธอก็อยากจะรู้เรื่องของผู้ชายคนนั้น ดังนั้นจึงไม่อยากให้เฉินฮวนฮวนขัดขวาง

“หลินอวี่หยางได้บอกไหมว่าไปสืบที่ไหน? ไปหาครูหนีเหรอ?” เฉินฮวนฮวนถามขึ้นอย่างร้อนใจ

“ไม่น่าจะไปหาครูหนี เมื่อกี้ฉันบอกแล้วว่าหล่อนรีบวิ่งออกไป พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไปไหน!” ตอนที่ติงเซียงตอบ เธอเห็นท่าทางรีบร้อนของเฉินฮวนฮวน ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้

ก็แค่ไปสืบสถานะของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ทำไมท่าทางของเฉินฮวนฮวนถึงได้แปลกประหลาดขนาดนี้ เหมือนกับว่า…เหมือนกับว่าเธอกับผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้?

ติงเซียงไม่รู้ว่าลางสังหรณ์ของตัวเองถูกต้องหรือไม่ ตอนที่เธออยากจะถามขึ้น ก็ถูกเฉินฮวนฮวนตัดตอน

“เดี๋ยวรอให้เลิกเรียน ฉันไปคุยกับหลินอวี่หยาง อย่าไปสืบสถานะผู้ชายคนนั้นเพราะฉัน ฉันไม่ได้อยากรู้” เฉินฮวนฮวนจนปัญญาจริง ๆ

ทั้ง ๆ ที่เธอไม่อยากให้สถานะของเฟิงหานชวนถูกเปิดเผยออกมา สวรรค์ก็ส่งหลินอวี่หยางมาข้างกายเธอ ให้หลินอวี่หยางไปสืบเฟิงหานชวน?

นี่มันเรื่องอะไรกัน!

ตอนนี้ในหัวของเฉินฮวนฮวนยุ่งเหยิงไปหมด

“ฮวนฮวน หลินอวี่หยางไปสืบเรื่องผู้ชายคนนั้น ทำไมเธอกระวนกระวายขนาดนี้ล่ะ? เธอไม่ได้เป็นเหมือนที่จ้าวซีพูดแบบนั้นจริง ๆ หรอกนะ อยากจะเก็บไว้คนเดียว? ถ้าหากเธออยากจะเก็บผู้ชายคนนั้นไว้คนเดียว เธอก็สามารถให้หลินอวี่หยางไปสืบดูแล้วไม่ต้องบอกคนอื่น ไม่ใช่สิ เธอไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้นนี่…”

ติงเซียงอดไม่ได้ ที่อยากจะถามเฉินฮวนฮวนให้ชัดเจนว่าอยากจะเก็บผู้ชายคนนั้นไว้คนเดียวใช่ไหม แต่จู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเฉินฮวนฮวนไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้น อีกอย่างเมื่อวานทุกคนคุยเรื่องผู้ชายคนนั้นกันอย่างตื่นเต้น แต่เฉินฮวนฮวนกลับเฉยชามาก

แต่วันนี้ เมื่อได้ยินว่าหลินอวี่หยางไปสืบสถานะของผู้ชายคนนั้น ในทางตรงข้ามเฉินฮวนฮวนกลับเปลี่ยนไปไม่เหมือนปกติ

นี่ทำให้ติงเซียงอดสงสัยไม่ได้ เฉินฮวนฮวนรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร!

“ไม่ได้เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น แต่ถ้าหากหลินอวี่หยางไปช่วยฉันสืบเรื่องผู้ชายคนนั้น ถูกครูหนีรู้เข้า จะต้องหาว่าฉันยุยงหลินอวี่หยางแน่” เฉินฮวนฮวนพูดอย่างจริงจัง

ถ้าหากตัดเรื่องสถานะของเฟิงหานชวนออกไป หลินอวี่หยางบอกว่าช่วยเธอสืบ ถ้าหากถูกคุณหนีซวงรู้เข้า คุณหนีซวงบอกความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวนออกมา งั้นก็วุ่นวายแน่

“ก็จริงอยู่” ติงเซียงรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนพูดมีเหตุผล แต่ว่าเธอก็ยังพูดอย่างเห็นแก่ตัว “ถ้าหากครูหนีโทษเธอจริง ๆ เธอก็บอกว่าทุกคนให้หลินอวี่หยางไปสืบ หรือไม่เธอก็บอกกับหลินอวี่หยางว่าถ้าหากครูหนีถามขึ้น ก็อย่าเอ่ยถึงเธอ”

ติงเซียงยังอยากรู้สถานะของผู้ชายคนนั้น เธอเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ใฝ่ฝันถึงผู้ชายคนนั้น

“เฮ้อ ช่างเถอะ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกปวดหัว

ไม่ว่ายังไง ก็หลุดพ้นเรื่องที่หลินอวี่หยางไปสืบสถานะของเฟิงหานชวนไม่ได้แล้ว

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้ต่อความอีก ติงเซียงรู้สึกดีใจเล็กน้อย เมื่อเฉินฮวนฮวนไม่ห้ามหลินอวี่หยาง สถานะของผู้ชายคนนั้นก็น่าจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า!

เป็นไปอย่างที่คิด ในตอนที่เฉินฮวนฮวนกำลังพักระหว่างคาบเรียน เธออยากจะไปคุยกับหลินอวี่หยาง เกลี้ยกล่อมไม่ให้เธอไปสืบเฟิงหานชวน

แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอยังไม่ได้หาหลินอวี่หยางที่ห้องหนึ่ง หลินอวี่หยางก็มาหาเธอก่อนแล้ว

“ฮวนฮวน ฉันสืบได้แล้ว! สืบเจอแล้ว!” หลินอวี่หยางตื่นเต้นดีใจพุ่งเข้ามาในห้องเรียนของเฉินฮวนฮวน

หลินอวี่หยางดีกับเฉินฮวนฮวนมาก ทำให้เด็กฝึกผู้หญิงคนอื่น ๆที่อยู่ในเหตุการณ์เกิดความอิจฉามากอยู่ในใจ

เพราะหลินอวี่หยางดีกับเพื่อนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินฮวนฮวนเพื่อนที่หลินอวี่หยางยอมรับ ต่อไปคงจะไม่มีใครกล้ารังแกเฉินฮวนฮวนอย่างโจ่งแจ้งเป็นแน่

“หลินอวี่หยาง คุณมีหลายบุคลิกเหรอ?” เฉินฮวนฮวนมองไปยังเด็กฝึกผู้หญิงผมสั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง ก่อนจะถามออกไปด้วยความอึดอัดใจ

เด็กฝึกผู้หญิงผมสั้นตรงหน้าคนนี้มีประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่โดดเด่นมากบนใบหน้า ถึงแม้จะไม่ถึงกับดูดีมาก แต่กลับเผยให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างรุนแรง

แต่ความรู้สึกของเฉินฮวนฮวนในตอนนี้ คิดว่าสมองของหลินอวี่หยางต้องมีปัญหา หรือไม่ก็ความคิดมีปัญหาอย่างแน่นอน?

“ฉันไม่มีอยู่แล้ว! ฉันเป็นแค่คนธรรมดานะ!” หลินอวี่หยางรีบปฏิเสธทันใด

“คุณเป็นคนธรรมดา?” เฉินฮวนฮวนแสดงสีหน้ารังเกียจอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็ถามกลับไปว่า : “ฉันทำแบบนั้นกับคุณ คุณ…….คุณยังอยากเป็นเพื่อนกับฉันอีกเหรอ?”

ความหมายก็คือเธอเตะหลินอวี่หยาง แล้วใช้ไม้ถูพื้นในห้องน้ำมาละเลงหน้าของหลินอวี่หยางอีกด้วย

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ หลินอวี่หยางยังอยากเป็นเพื่อนกับเธอ ตอนแรกเฉินฮวนฮวนคิดว่าหลินอวี่หยางนั้นตั้งใจ แล้วหาโอกาสเข้ามาแก้แค้น แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าหลินอวี่หยางอยากเป็นเพื่อนกับเธอจริง ๆ

แต่ เธอกลับเกิดสงสัยในความคิดของหลินอวี่หยางเสียอย่างนั้น

“ฮวนฮวน คุณผิดแล้ว!” หลินอวี่หยางชูนิ้วชี้ส่ายไปมา ก่อนจะปฏิเสธออกไปว่า : “เพราะคุณทำแบบนั้นกับฉัน ฉันก็เลยอยากเป็นเพื่อนกับคุณ คุณเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย!”

เฉินฮวนฮวน : “………….”

โชคดีที่หลินอวี่หยางเป็นผู้หญิง ไม่อย่างนั้นเฉินฮวนฮวนคงคิดว่าตัวเองกำลังยั่วโมโหผู้ชายโรคจิตนิสัยหยาบช้าอย่างแน่นอน

“คุณนี่ก็แปลกพิลึกคนจริง ๆนะ” เฉินฮวนฮวนบ่นพึมพำกับตัวเอง

“ไม่ ๆ ฮวนฮวน คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิ ฉันไม่ได้แปลกพิลึกคนแบบนั้นนะ!” หลินอวี่หยางนั้นฉลาดมาก เธอเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเฉินฮวนฮวนทันใด

เธอรีบอธิบายต่อว่า : “ความหมายของฉันก็คือ คุณไม่กลัวฉัน กล้าต่อต้านฉันอย่างกล้าหาญ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนรอบตัว แล้วฉันต้องไปต่อกรกับคุณ คุณคงจะยอมให้ฉันทำร้ายคุณอย่างว่าง่ายไปแล้ว ไม่เหมือนแบบนี้…..ดังนั้น ฉันจึงรู้สึกว่าคุณพิเศษ!”

“ขอโทษนะ คนแบบนี้ ไม่มีค่ามากพอจะเป็นเพื่อนของฉัน”

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินคำพูดของหลินอวี่หยาง ก็รีบตัดบททันที สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม แล้วพูดสั่งสอนว่า : “คุณมีภูมิหลังครอบครัวที่ดี รังแกคนอื่นไปกี่คนแล้วล่ะ? คุณเคยคิดถึงใจของคนอื่นบ้างไหม? คนที่ชอบทำร้ายคนอื่นโดยตามใจชอบแบบคุณ ไม่เหมาะจะมีเพื่อนด้วยซ้ำ!”

เดิมทีเธอแค่ไม่ชอบในความจุ้นจ้านของหลินอวี่หยางเท่านั้น แต่สำหรับในตอนนี้ ถ้าตอนนั้นตัวเองไม่กล้าจะต่อต้านหลินอวี่หยาง ก็คงจะถูกหลินอวี่หยางพร้อมด้วยเด็กฝึกผู้หญิงอีก 3 คนเข้ามารุมทำร้ายจนหน้าปูดบวมอยู่ในห้องน้ำไปนานแล้ว?

“คุณมันก็เป็นพวกขยะสังคม!” เฉินฮวนฮวนโกรธฉุนเฉียวทันใด จากนั้นก็ตำหนิหลินอวี่หยางออกไปตรง ๆ

ทันทีที่เธอโพล่งออกมา เด็กฝึกผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต่างไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ส่วนหลินอวี่หยางก็ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง พร้อมกับสายตาที่จ้องเขม็งไปยังเฉินฮวนฮวนอย่างไม่ลดละ

เมื่อหลิวเฟยเฟยเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็รู้สึกดีอยู่ในใจ เธอแทบอยากจะให้เฉินฮวนฮวนยั่วโมโหหลินอวี่หยางจนเกลียดมองหน้าไม่ติดไม่ไหว ถ้าเป็นแบบนี้หลินอวี่หยางไม่มีทางเอาเฉินฮวนฮวนมาเป็นเพื่อนอย่างแน่นอน

ไม่มีเพื่อนใหม่ เธอก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหลินอวี่หยาง และยังได้รับผลประโยชน์ที่หลินอวี่หยางให้กับเธอเหมือนเดิม

ไม่เพียงแค่หลิวเฟยเฟยเท่านั้น แม้แต่เด็กฝึกผู้หญิงคนอื่นก็ไม่คิดแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ยังอยากเห็นเฉินฮวนฮวนถูกหลินอวี่หยางเฉดหัวทิ้งแทบจะอดใจไม่ไหว รอดูเฉินฮวนฮวนอับอายขายขี้หน้า

“ฮวนฮวน คุณรู้ไหมว่าการที่คุณพูดแบบนี้เป็นการล่วงเกินฉัน?” หลินอวี่หยางมองไปยังเฉินฮวนฮวน แล้วเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ทันทีที่หลินอวี่หยางโพล่งคำนี้ออกมา เหล่าเด็กฝึกผู้หญิงด้านหลังของเธอก็มองหน้ากัน ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวัง หวังจะให้เฉินฮวนฮวนถูกทำร้าย

“ฉันล่วงเกินคุณในห้องน้ำขนาดนั้น คุณคิดว่าฉันกลัวไหมล่ะ?” เฉินฮวนฮวนยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า : “ตอนนี้ ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ฉันแค่ไม่ชอบคนที่ชอบรังแกคนอื่นแบบนี้!”

เฉินฮวนฮวนเกลียดคนแบบนี้ที่สุด เพราะตอนที่อยู่ในตระกูลเฟิง เธอถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอดเช่นกัน

เมื่อเด็กฝึกผู้หญิงเหล่านั้นเห็นเฉินฮวนฮวนไม่ได้แสดงท่าทางเสียใจแต่อย่างใด แต่ละคนจึงเยาะเย้ยอยู่ในใจว่าเธอรนหาที่ตายเอง

ในเวลานี้ หลินอวี่หยางก็ร้องไห้ออกมา : “ฮวนฮวน ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ได้รังแกใครเลยจริง ๆนะ ฉันให้ความเคารพครูกู้ ไม่อยากให้เขาหลงรักใครจนหัวปักหัวปำ ฉันได้ยินมาว่าคุณตั้งใจหลอกล่อเขา ที่ฉันบีบบังคับคุณเข้าไปในห้องน้ำ ก็เพื่อจะตักเตือนคุณเท่านั้น”

“เพราะสถานะของฉัน คนอื่นก็เลยไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งฉัน แต่ฉันไม่เคยไปยุ่งใครก่อนเลยนะ ไม่เชื่อคุณก็ไปถามเฟยเฟยได้เลย ปกติแล้วฉันไม่ได้รังแกใครเลย แถมฉันยินดีที่จะช่วยเหลือคนอื่นด้วย ถึงแม้ว่าฉันจะดูโหดร้ายมากก็ตาม แต่จิตใจของฉันดีมากเลยนะ!”

เฉินฮวนฮวนมองไปยังหลินอวี่หยางที่นั่งร้องไห้ไร้คาบน้ำตามาครึ่งค่อนวัน พร้อมกับเครื่องหมายคำถามที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผาก

“ใช่ ๆ หยางหยางเป็นคนดีจะตายไป ปกติแล้วเธอไม่เคยรังแกใครเลยนะ ไม่เคยรังแกใครเลยจริง ๆ ” หลิวเฟยเฟยได้สติกลับมา จากนั้นก็รีบคล้อยตามคำพูดของหลินอวี่หยางทันที ก่อนจะอธิบายให้กับเฉินฮวนฮวน

แต่เธอกลับหมดคำพูดอยู่ในใจ นึกไม่ถึงว่าหลินอวี่หยางไม่เพียงแต่จะไม่ตำหนิเฉินฮวนฮวนแล้วเท่านั้น อีกทั้งยังอธิบายไปร้องไห้ไปให้กับเฉินฮวนฮวนฟังอีกด้วย

หลินอวี่หยางตกหลุมพรางของเฉินฮวนฮวนแล้วใช่ไหม?

เด็กฝึกคนอื่น ๆ ก็คิดแบบนี้เช่นกัน ก่อนจะพากันแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา

เฉินฮวนฮวนเล่นมายากลอะไรกันแน่เนี่ย? ถึงขนาดทำให้จอมเผด็จการตระกูลหลินก้มหัวยอมรับผิดได้?

“ช่างเถอะ ๆ ฉันไม่เข้าใจความจริงเอง แค่ไม่อยากให้คุณไปรังแกคนอื่น” เฉินฮวนฮวนโบกมือไปมา ขี้เกียจจะจัดการเรื่องนี้แล้ว

เธอส่งเสียงเหอะเล๋กน้อย แล้วพูดว่า : “ฉันง่วงแล้ว พวกคุณก็รีบไปนอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้า”

“ฮวนฮวน งั้นพรุ่งนี้ฉันไปหาคุณแต่เช้านะ พวกเราจะได้ไปกินโจ๊กที่โรงอาหารด้วยกัน?” หลินอวี่หยางมองไปยังเฉินฮวนฮวนด้วยแววตาเปล่งประกาย

เฉินฮวนฮวนอยากปฏิเสธ ประกอบกับที่เธอไม่มีแรงจะจู้จี้กับหลินอวี่หยางอีกแล้ว จึงได้แต่พยักหน้า จากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนหมอน

“อ๊าก! ฮวนฮวน คุณตกลงที่จะเป็นเพื่อนกับฉันแล้ว ถือว่าพวกเราตกลงกันแล้วนะ เจอกันพรุ่งนี้!” หลินอวี่หยางเองก็ไม่อยากได้ยินคำตอบของเฉินฮวนฮวน จึงรีบกระโดดออกจากหอพักของพวกเธออย่างมีความสุขทันที

เฉินฮวนฮวน :???

เธอตอบรับที่จะไปกินอาหารเช้ากับหลินอวี่หยาง แต่ไม่ตอบตกลงจะเป็นเพื่อนกับเธอ!

เมื่อเสียงประตูปิดลง ภายในหอพักกลับสู่ความเงียบสงบอีครั้ง ได้ยินเพียงแค่ “ชิ” อย่างเยาะเย้ยเท่านั้น

เฉินฮวนฮวนยังไม่หลับ ย่อมฟังออกว่านี่เป็นเสียงเยาะเย้ยที่มาจากจ้าวซี เลยขี้เกียจจะอธิบาย

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ จ้าวซีจึงเอ่ยปากพูดตีวัวกระทบคราดออกไปตรง ๆ ว่า : “บางคนอ่านะ ปากบอกปฏิเสธ แต่ในความเป็นจริงคงจะดีใจจนตัวสั่น! อย่างที่คาดคิดไว้ไม่มีผิด อันธพาลตัวน้อยยอมให้คนอื่นจับเหมือนดั่งลูกไก่ในกำมือไปแล้ว!”

เฉินฮวนฮวนรู้ในทันที ว่าอันธพาลตัวน้อยในที่นี่ก็คือหลินอวี่หยาง ส่วนคนที่จ้าวซีด่าก็คือเธอเอง

“ไอหยา วิธีการนี้โคตรฉลาดไปเลย แถมยังได้เรียกใช้เหล่าเด็กฝึกตามใจตัวเองได้อีกด้วย แต่ก็ไม่รู้นะว่าเคยใช้ผู้ชายมาก่อนหน้านั้นแล้วกี่คน? พวกคุณว่าไงล่ะ?” จ้าวซีเห็นเฮวนฮวนไม่พูด จึงยังคงแสดงท่าทางรังเกียจเธอต่อ

“จ้าวซี คุณพอได้แล้ว! นอกจากฉันจะเป็นรุ่นน้องของเกาเหวินแล้ว ฉันไปล่วงเกินเธอตรงไหนไม่ทราบ? ถึงได้พูดจาใส่ร้ายคนอื่นเขาแบบนี้?” เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นมานั่งด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะใช้สายตาที่แสนดุร้ายกวาดมองไปทางจ้าวซี

เดิมเฉินฮวนฮวนหลับตาอยู่ รู้สึกมึนๆและเผลอหลับไป

ทันใดนั้น เธอได้ยินเพื่อนร่วมห้องหลายคนตะโกนชื่อเธอ และดูเหมือนว่าพวกเธอพึ่งจะหารือกันถึงเฟิงหานชวน

เฉินฮวนฮวนลืมตาขึ้นมาทันที หรือว่าทุกคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงหานชวน?

“พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” เฉินฮวนฮวนถามอย่างระแวดระวัง

“ฮวนฮวน พวกเรามีเรื่องจะรบกวนคุณ” ฉิวอิ๋งไม่มีความแค้นอะไรกับเฉินฮวนฮวน ดังนั้นเธอจึงหัวเราะและพูดกับเฉินฮวนฮวนว่า “ฉันคิดว่าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไรกับคุณ”

“หัวหน้าหอพัก คุณหมายความว่าอะไร?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกงุนงง

“อะแฮ่ม คือว่าพวกเราทุกคนอยากรู้จักตัวตนของชายหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นที่ฐานเมื่อค่ำวันนี้ พวกเราคิดว่าบางทีหลินอวี่หยางอาจจะรู้ เธอต้องการจะเป็นเพื่อนกับคุณไม่ใช่เหรอ? คุณไปสอบถามกับเธอให้หน่อยได้ไหม? " ฉิวอิ๋งถือว่าลดตัวลงมาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงวิงวอน

เธออยากรู้ตัวตนของชายหนุ่มคนนั้นจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหนีซวงบอกกับซูเวยว่า ชายหนุ่มคนนั้นมีเกียรติมาก มันยิ่งทำให้ฉิวอิ๋งรู้สึกสนใจมากขึ้น

ที่จริงไม่ใช่แค่ฉิวอิ๋งเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่น ๆ เพียงแค่ได้พบเห็นเฟิงหานชวนไม่มีใครที่จะไม่สนใจ?

เฉินฮวนฮวนแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้เมื่อครู่ที่พวกเธอเพิ่งเรียกชื่อตัวเธอก็เพื่ออยากให้เธอไปหาหลินอวี่หยางเพื่อสอบถามถึงตัวตนของเฟิงหานชวน ไม่ใช่ว่าค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงหานชวน

“ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนกับหลินอวี่หยางและไม่คิดที่จะเป็นเพื่อนกับเธอ เกรงว่าไม่สามารถช่วยคุณได้” เฉินฮวนฮวนปฏิเสธโดยไม่ลังเล

ประการที่หนึ่ง เธอไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเพื่อนกับหลินอวี่หยางจริงๆ ประการที่สอง มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไปสอบถามเกี่ยวกับตัวตนของเฟิงหานชวน

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้จักเฟิงหานชวนดีไปกว่าเธอ ดังนั้นเธอจะเป็นคนเริ่มสอบถามเกี่ยวกับตัวตนของเฟิงหานชวนได้อย่างไร?

"เฉินฮวนฮวน คุณ… คุณไม่ควรทำอย่างนั้น หลินอวี่หยางอยากเป็นเพื่อนกับคุณ คุณยังหลอกให้เธอตายใจ* เธอไม่ใช่ผู้ชายซะหน่อย" จ้าวซีเบ้ปาก เธอแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม และน้ำเสียงของเธอก็ผิดแปลกเป็นพิเศษ

"จ้าวซีฉันไม่เคยมีเรื่องกับคุณ ความแค้นระหว่างคุณกับเกาเหวิน ถูกโยนมาที่ฉันเหรอ" เฉินฮวนฮวนตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าแล้วพูดอีกว่า "ยิ่งไปกว่านั้น ฉันจะคบใครเป็นเพื่อนหรือไม่ ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับคุณเลย”

“เธอ!” จ้าวซีจ้องเฉินฮวนฮวนตาเขม็งด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่สามารถพูดตอบโต้ได้

ในใจเธอก็อยากรู้จักตัวตนของชายหนุ่มมากเป็นธรรมดา แต่เธอกับหลินอวี่หยางไม่รู้จักกันเลย ไม่มีทางที่จะสอบถามและก็ไม่สามารถล้วงข้อมูลอะไรจากทางหนีซวงได้

อันที่จริง เธอเองก็กังวลใจมากเช่นกัน

“ใครกล้ารังแกฮวนฮวนของพวกเรา!”

ในขณะเดียวกัน เสียงหยาบกระด้างของผู้หญิงดังขึ้นที่ประตู

ทันทีหลังจากนั้นประตูถูกเปิดออก หลินอวี่หยางและผู้ติดตามทั้งสามของเธอก็เดินเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่

"หลินอวี่หยางคุณมาที่นี่ได้ยังไง" จ้าวซีแสดงสีหน้าประหลาดใจทันทีและคิดว่านี่เป็นโอกาสที่เหมาะเจาะยิ่ง

“ฉันมาหาฮวนฮวนของพวกเรา เมื่อกี้คุณรังแกเธอหรือ?” หลินอวี่หยางกอดอกพร้อมทั้งเดินเข้ามาใกล้เตียงของจ้าวซีอย่างขุ่นเคือง

จ้าวซีรีบยิ้มและโบกมือของเธออธิบายว่า: "ฉันรังแกเธอที่ไหน ฉันพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฮวนฮวนเป็นเพื่อนกับคุณต่างหาก! ฮวนฮวน เธอว่าใช่ไหม"

จ้าวซีส่งสายตาให้เฉินฮวนฮวนเป็นพิเศษ เธอไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าหลังจากที่เฉินฮวนฮวนให้บทเรียนแก่หลินอวี่หยาง กลับทำให้หลินอวี่หยางปกป้องเธอขนาดนี้

“ฮวนฮวน คุณไม่พิจารณาที่จะเป็นเพื่อนกับฉันจริงๆหรือ?” หลินอวี่หยางถามขณะที่เดินตรงไปที่เตียงและนั่งลงข้างเตียงของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นนั่งกำลังคิดที่จะปฏิเสธ แต่ถูกขัดจังหวะด้วยคำพูดของจ้าวซี: "อวี่หยาง นี่คุณรู้หรือเปล่าว่าหนุ่มหล่อที่ทุกคนกำลังพูดถึงคือใคร"

จ้าวซีรู้สึกเคืองเฉินฮวนฮวนเป็นอย่างมาก เธอจงใจขัดจังหวะการสนทนาระหว่างเฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยาง รวมทั้งเธออยากใช้โอกาสนี้ถามหลินอวี่หยางด้วย

“หมายถึงชายหนุ่มรูปหล่อที่พวกคุณกำลังพูดถึงคนนั้น?”หลินอวี่หยางรู้ว่าจ้าวซีต้องการถามอะไรและพูดว่า “ที่จริงแล้วมีฉันอยู่ทั้งคน ตัวตนของผู้ชายคนนั้นค้นหาง่ายจะตาย!”

“จริงเหรอ?” ดวงตาของจ้าวซีเป็นประกาย

ผู้หญิงทุกคนในที่นี้ยกเว้นหลินอวี่หยางและเฉินฮวนฮวน ต่างก็จ้องมองชายหนุ่มตาเป็นมัน

“ฮวนฮวนเธอต้องการทราบตัวตนของชายคนนั้นหรือเปล่า? เพียงแค่เธอพูดว่าต้องการมาคำเดียว ฉันก็สามารถสืบหาให้เธอได้!” หลินอวี่หยางมองไปที่เฉินฮวนฮวนอย่างตื่นเต้นและรอคำตอบของเฉินฮวนฮวนอย่างใจจดใจจ่อ

“ฉันไม่ต้องการ” เฉินฮวนฮวนตอบโดยไม่ลังเล

เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการแน่นอน เพราะนั่นคือสามีของเธอ ไม่ว่าเธอจะใจกว้างแค่ไหน เธอก็ไม่ต้องการให้ผู้หญิงมากมายพูดถึงสามีของเธอ

ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเธอค้นพบจริงว่าชายคนนั้นคือเฟิงหานชวน แล้วล้วงลึกเรื่องส่วนตัวของเฟิงหานชวน แล้วก็มาถึงตัวเธอเอง มันจะกลายเป็นปัญหาจริงๆ

“ทำไมหล่ะ เธอไม่สนใจผู้ชายคนนั้นเหรอ?” หลินอวี่หยางคิดว่าพบวิธีเข้าหาเฉินฮวนฮวน แต่คิดไม่ถีงว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่สนใจอะไรเลย

“ไม่” เฉินฮวนฮวนตอบอย่างเฉยเมยอีกครั้ง

หลังจากที่จ้าวซีได้ยิน เธอยิ้มเจื่อนๆและพูดประชดว่า: "เธอยังไม่เคยเห็นลักษณะท่าทางของชายคนนั้นถึงไม่สนใจ ถ้าเธอได้เห็นจริงๆ ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะอยู่เฉยได้!"

“ใครบอกว่าฉันไม่เคยเห็นลักษณะท่าทางของผู้ชายคนนั้น?” เฉินฮวนฮวนมองไปที่จ้าวซีด้วยดวงตาใสซื่อที่สงบนิ่งและน้ำเสียงที่เรียบเป็นพิเศษ

“เฉินฮวนฮวน เธอเคยเห็นหรือ?” จ้าวซีรู้สึกแปลกใจทันทีทันใด

เธอทำไมถึงจำได้ว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของชายคนนั้น? ในบรรดาเด็กฝึกหญิงในเวลานั้น ไม่มีแม้แต่เงาของเฉินฮวนฮวน!

“ฉันไม่เคยเห็น” เฉินฮวนฮวนรีบกลับคำทันที

เมื่อกี้ใจของเธอร้อนรุ่มและเธอต้องการอยู่เหนือจ้าวซี สุดท้ายเธอเกือบพลั้งปากซะแล้ว

“ฉันก็ว่า เธอไม่เคยเห็นถึงนิ่งได้แบบนี้ ถ้าเธอเห็นฉันคิดว่าเธอจะเป็นคนแรกที่ติดแจ!” จ้าวซียิ่งอยู่ยิ่งไม่พอใจเฉินฮวนฮวน น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการประชดประชัน

“จ้าวซี เธอพูดกับฮวนฮวนของบ้านฉันแบบนี้ได้ยังไง!” หลินอวี่หยางลุกขึ้นยืนมือเท้าเอวจ้องมองที่จ้าวซีอย่างดุดัน

จ้าวซีขี้ขลาดขึ้นมาทันที เธอเบ้ปากแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย ใครใช้ให้เธอไม่ทำตามคำขอของคุณ บอกคุณว่าไม่ต้องสืบหาชายคนนั้น พวกเราเลยร้อนใจ!”

“ไม่ว่ายังไง ห้ามเธอปฏิบัติต่อเฉินฮวนฮวนแบบนี้ ไม่เช่นนั้นฉันจะไม่เกรงใจเธอ” หลินอวี่หยางชี้ไปที่จ้าวซีและข่มขู่อย่างดุ

เฉินฮวนฮวนพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก เธอรู้สึกว่าหลินอวี่หยางคนนี้กลายเพื่อนกับเธอแล้ว?

แต่ละคำก็ฮวนฮวนของบ้านฉัน!

“หลินอวี่หยาง ฉันกับคุณไม่ใช่เพื่อนกัน คุณไม่จำเป็นต้องเรียกชื่อเล่นของฉัน” เฉินฮวนฮวนทำอะไรไม่ถูกจริงๆ

“ฮวนฮวน ฉันจะพูดไว้ที่นี่เลยนะ เพื่อนอย่างคุณฉันคบหาแน่นอน ฉันไม่สนว่าคุณจะเห็นด้วยหรือเปล่า ฉันจะปกป้องคุณในฐานตั้งแต่นี้เป็นต้นไป!” หลินอวี่หยางหันหน้าไปหาเฉินฮวนฮวน ตบหน้าอกตัวเองกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

เฉินฮวนฮวน: "…"

พอเฉินฮวนฮวนกับติงเซียงกลับไปถึงห้องเรียน เฉินชิงอวิ้นก็เริ่มสอนแล้ว

เฉินฮวนฮวนเคาะประตู แล้วพูดอย่างรู้สึกผิด "ขอโทษนะคะครูเฉิน หนูมีธุระนิดหน่อย เลยมาเรียนสายค่ะ"

"ไม่เป็นไร ครูรู้ เข้ามาเถอะ" เฉินชิงอวิ้นพยักหน้าให้ ไม่ได้ถามอะไรมาก แต่ในใจกลับรู้สึกสงสัย

เรื่องของเฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยาง เธอได้ยินฉินฟางพูดแล้ว แต่ที่เธอสงสัยคือ ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างเฉินฮวนฮวน กล้าทำแบบนั้นกับหลินอวี่หยางได้ยังไง?

ไม่กลัวโดนไล่ออกเหรอ?

เฉินฮวนฮวนก้มหน้า รู้สึกไม่สบายใจที่มาสาย จึงรีบลากติงเซียงกลับไปที่ตัวเอง แล้วเริ่มเรียน

กับเรื่องของหลินอวี่หยาง จัดการผ่านไปง่ายๆแบบนี้ เฉินฮวนฮวนรู้สึกมหัศจรรย์มาก เหมือนโชคชะตากำลังช่วยเธอ

นี่ดวงเธอเริ่มดีแล้วเหรอ?

แต่ว่า เธอเพิ่งสบายใจได้ไม่นาน พอเลิกคลาสสุดท้าย เธอจึงโดนหลินอวี่หยางดักหน้าห้องเรียนอีกครั้ง

"หลินอวี่หยาง เธอจะทำอะไรกันแน่?" สีหน้าเฉินฮวนฮวนไม่ดีเลย รู้สึกว่าหลินอวี่หยางจงใจหาเรื่อง

"ฉันไปถามครูกู้มาแล้ว เขาบอกว่าเขากับเธอแค่แลกเปลี่ยนความรู้กัน ฉันเข้าใจผิดเอง เธอพูดถูก ฉันไม่แยกแยะอะไรเลยแล้วใส่ร้ายเธอ" ท่าทางหลินอวี่หยางอ่อนน้อมมาก ยังโค้งให้เฉินฮวนฮวนอีก

เฉินฮวนฮวนจับหน้าผาก พูดอย่างหมดคำพูดว่า "ในเมื่อเธอรู้ว่าตัวเองผิดแล้ว งั้นก็ช่างเถอะ อีกหน่อยทางใครทางมัน คิดซะว่าเราไม่รู้จักกัน"

กับคุณหนูที่เอาแต่ใจชอบใช้ความรุนแรงแบบนี้ เฉินฮวนฮวนไม่อยากเกี่ยวข้องด้วยเลย

"ไม่ได้!" หลินอวี่หยางขวางทางเธอไว้ แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ "ฉันบอกแล้วไง ฉันจะเป็นเพื่อนกับเธอ เธอจะให้ฉันคิดว่าไม่รู้จักได้ยังไง?"

"ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ" เฉินฮวนฮวนเหลือบมองเธอด้วยสีหน้าเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น

"เธอ……" หลินอวี่หยางโดนคนอื่นตบครั้งแรก แล้วโดนปฏิเสธเป็นเพื่อนครั้งแรกด้วย

"ถอยหน่อย ฉันจะกลับไปพักแล้ว" เฉินฮวนฮวนไม่ได้ออกกำลังหนักขนาดนี้นานแล้ว ตอนนี้ปวดเมื่อยมาก

หลินอวี่หยางไม่ยอมถอยให้ แต่กลับถามอย่างไม่อยากเชื่อ "ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอจริงๆ เธอแน่ใจเหรอว่าจะไม่เป็นเพื่อนกับฉัน เธอไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร?"

"ฉันรู้ว่าเธอเป็นใคร คุณหนูตระกูลหลิน แต่ที่ฉันมาที่นี่ คือมาร่วมรายการ ไม่ได้มาหาเพื่อน ระหว่างฝึกอบรม ฉันแค่อยากตั้งใจฝึก" สีหน้าเฉินตามตื๊อฮวนเข้มงวดมาก

พูดจบ เธอก็จับมือติงเซียงไว้ เดินอ้อมหลินอวี่หยาง กำลังจะกลับไปที่หอพัก

หลินอวี่หยางไม่ยอม เธอดึงแขนเฉินฮวนฮวนไว้ แล้วพูดตรงๆว่า "ฉันรู้ว่าความสามารถเธอไม่เก่ง ถ้าเธอเป็นเพื่อนกับฉัน อย่างน้อยจากซีนของตัวฉันเอง ฉันก็พาเธอเข้าสามสิบอันดับแรกได้"

"ไม่ต้อง ฉันแค่อยากพึ่งตัวเอง เข้าไปถึงรอบไหน นั่นเป็นทางที่ฉันเดินเอง ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น" เฉินฮวนฮวนปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นจริง งั้นเธอคงยอมให้เฟิงหานชวนช่วยแล้ว ไม่รอถึงตอนนี้หรอก

สำหรับเธอ เธออยากพึ่งสมองกับความสามารถตัวเอง แล้วเข้ารอบให้ได้

เฉินฮวนฮวนปฏิเสธ ทำให้หลินอวี่หยางอึ้งไปเลย แล้วรู้สึกชื่นชมเธอมากกว่าเดิม

เฉินฮวนฮวนไม่สนใจเธอ แล้วรีบดึงติงเซียงไปด้วยกัน

ตอนที่กลับหอพัก ติงเซียงกลับร้อนใจแทน "ฮวนฮวน เธอปฏิเสธหลินอวี่หยางทำไม? เขามีแฟนคลับ มีประเด็นร้อน แถมที่บ้านยังรวยอีก เขาจะเป็นเพื่อนกับเธอ มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสียนะ!"

ที่เฉินฮวนฮวนสู้กลับหลินอวี่หยาง ติงเซียงก็เตรียมใจแล้วว่าเธอต้องโดนไล่ออก แต่เฉินฮวนฮวนกลับได้อยู่ต่อ แล้วหลินอวี่หยางยังมาตามตื๊ออีก

แล้วตอนนี้ ถ้าเฉินฮวนฮวนตกลงเป็นเพื่อนกับหลินอวี่หยาง ถ้าอย่างนั้น เธอเป็นเพื่อนเฉินฮวนฮวน ก็จะได้ตีสนิทหลินอวี่หยางด้วย แล้วจะได้เป็นเพื่อนเขาด้วย

ถ้าได้เป็นเพื่อนกับหลินอวี่หยาง ก็ถือว่าเธอได้เกาะบริษัทหวงเทียนด้วย นั่นเป็นความฝันของผู้หญิงหลายๆคนเลยล่ะ

แต่ว่า เฉินฮวนฮวนปฏิเสธ!

ตอนนี้ติงเซียงงงมาก ไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนคิดอะไรอยู่!

"เซียงเซียง ฉันแค่อยากพึ่งตัวเอง ไม่อยากพึ่งคนอื่น ไม่ว่าจะเพื่อน หรือว่าใครก็ตาม" เฉินฮวนฮวนถอนหายใจ แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า

บนท้องฟ้า มีแต่ความมืดมน ไม่มีดาวเลยสักดวง แม้แต่พระจันทร์ก็ไม่เห็น

อยู่ดีๆ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกเศร้า

สิ่งที่คุณยายเกลียดที่สุดคือดนตรี แต่หลังจากที่คุณยายเสียไปแล้ว เธอกลับมาเดินเส้นทางนี้

เขาว่ากันว่า ถ้าคนเราตายไปแล้วจะกลายเป็นดาวบนท้องฟ้าแล้วมองคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เธอไม่เห็นดาวเลย เพราะคุณยายไม่อยากมามองเธอเหรอ?

"ฮวนฮวน เธอเป็นอะไร?" ติงเซียงรู้สึกว่าเธอผิดปกติ จึงถามอย่างสงสัย "เธอดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุข หลินอวี่หยางจะเป็นเพื่อนกับเธอ ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะ!"

"ไม่ใช่เพราะหลินอวี่หยาง ฉันไม่เป็นอะไร แค่คิดถึงบ้านมั้ง" เฉินฮวนฮวนแอบเช็ดหางตา พยายามควบคุมน้ำตาไว้ จากนั้นจึงยิ้ม "เรากลับไปอาบน้ำนอนกันเถอะ"

พูดตามตรง เธอเหนื่อยมากๆ

ติงเซียงไม่ได้ถามอะไรอีก เธอรู้สึกว่าในใจเฉินฮวนฮวนแอบซ่อนเรื่องอะไรอยู่ เหมือนหมอกควัน ที่จับต้องไม่ได้

……

พอกลับไปถึงหอพัก ต่อแถวอาบน้ำเสร็จแล้ว เฉินฮวนฮวนจึงนอนลงบนที่นอนที่เคยเป็นของเกาเหวิน

ตอนที่เธอกำลังจะหลับตานอน แต่ผู้หญิงคนอื่นในหอพักกลับเม้าท์มอยกัน

"ฉันจะบอกพวกเธอ วันนี้ครูซูไปขอภาพกล้องวงจรจากคุณหนีซวง บอกว่าจะเช็กผู้ชายที่ไปจากที่นี่ตอนเย็นคนนั้น แต่ว่า……" จ้าวซีหยุดพูด

"แต่ว่าอะไร? เธอรีบพูดสิ!" หัวหน้าหอพักฉิวอิ๋งรีบถาม เพราะผู้ชายคนนั้นตรงสเปกเธอเลย

"ใช่ เสี่ยวซี เธออย่าเสียเวลาเลย ฉันอยากรู้มากว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร" หวังซูเหม่ยก็ถามอย่างใจร้อน

ติงเซียงกับเฉินเจี๋ยก็อยู่ในวงด้วย ทั้งหอพัก มีแค่เฉินฮวนฮวนคนเดียวที่ไม่พูดอะไรเลย

พวกเธอก็ไม่ได้สนใจเฉินฮวนฮวน เพราะความสัมพันธ์จ้าวซีกับเฉินฮวนฮวนไม่ค่อยดี เพราะจ้าวซีเป็นคู่อริของเกาเหวิน เพราะฉะนั้นพอเฉินฮวนฮวนมาแทน พวกเธอจึงไม่ชอบด้วย

พูดตรงๆก็คือ เฉินฮวนฮวนไม่ได้ทำอะไรเลย ก็ทำให้จ้าวซีขัดหูขัดตาแล้ว

เพราะฉะนั้น เฉินฮวนฮวนจึงไม่ร่วมวงด้วย นี่ก็ถือว่าปกติ

"แต่ว่า เช็กอะไรไม่ได้เลย! คุณหนีซวงบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนสำคัญ ไม่ให้ครูซูดู ยังบอกอีกว่าผู้ชายคนนั้นลบภาพกล้องวงจรหมดแล้ว" จ้าวซีรีบพูดอย่างตื่นเต้น "ดูเหมือนว่า ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นคนมีอำนาจแน่ๆ"

"พวกเธอว่า หลินอวี่หยางรู้จักผู้ชายคนนั้นไหม? เธอเป็นถึงคุณหนูตระกูลหลิน โตมาในสังคมผู้ดี อาจจะรู้จักก็ได้?" หวังซูเหม่ยเสนอ

"นิสัยอย่างหลินอวี่หยาง ใครจะกล้าไปยุ่งด้วย เดี๋ยวหาเรื่องเปล่าๆ แล้วเหมือนหลินอวี่หยางก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วย!" ฉิวอิ๋งคิดไปมา แล้วส่ายหน้า

จ้าวซีมองไปมา ชี้เฉินฮวนฮวนที่อยู่ตรงข้าม แล้วพูดกับทุกคนว่า "ที่นี่มีแหล่งข่าวตัวเป็นๆแล้วไม่ใช่เหรอ?"

"เฉินฮวนฮวน?" ผู้หญิงคนอื่นๆพูดพร้อมกัน

ยังไงหลินอวี่หยางก็โตมาในสังคมผู้ดีชั้นสูง ถึงนิสัยจะเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ ยังพอมีสมองอยู่

ตัวเองเป็นใครก็เห็นๆอยู่ แต่เฉินฮวนฮวนกลับไม่กลัวเธอเลย เธอจึงเริ่มสงสัยเฉินฮวนฮวน

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเข้าใจสถานการณ์แล้ว ที่แท้หลินอวี่หยางขอโทษเธอ เพราะกังวลเบื้องหลังของเธอ

"พูดตามตรง เธอคิดผิดแล้วล่ะ ฉันเป็นแค่คนธรรมดา เพราะไม่มีอะไรเลย ฉันเลยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น" ท่าทางเฉินฮวนฮวนใจเย็นมาก

เพราะตอนนี้เธอไม่มีจุดอ่อนแล้ว คุณยายเสียแล้ว เธอได้ส่งคุณยายขึ้นฟ้าไปแล้ว เธอในตอนนี้ ไม่กลัวใครทั้งนั้น

ความจริงก่อนหน้านั้นเธอยังกลัวหลิวตงรุ่ย กลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอ เหมือนกับเรื่องที่ซูเสวี่ยเจอ แต่หลังจากนั้นหลิวตงรุ่ยคืนสร้อยกลับมาแล้ว เฟิงหานชวนยังปกป้องเธอ คงไม่กล้าทำอะไรเธออีกแน่นอน

"คนธรรมดา?" หลินอวี่หยางหรี่ตาลง มองสำรวจเฉินฮวนฮวน แล้วพูดอย่างไม่ค่อยเชื่อ "เธอไม่ใช่ลูกคนรวย?"

"ฉันไม่ใช่ ถ้าฉันใช่ จะมาเป็นตัวสำรองคนอื่น แล้วมาร่วมรายการแทนรุ่นพี่ได้ยังไง?" เฉินฮวนฮวนพูดตามความจริง

เธอไม่ใช่ลูกคนรวย ไม่อยากแสแสร้งเป็นคนรวยด้วย เธอควรเป็นคนยังไง ก็แค่ยอมรับ แล้วไม่ใช่เพราะหลินอวี่หยางเป็นลูกคนรวย เลยปล่อยให้เธอรังแก

"เรื่องนี้ เป็นความผิดของเธอ" เฉินฮวนฮวนเห็นหลินอวี่หยางไม่พูดอะไร จึงพูดต่อว่า "อย่างแรก เธอไม่แยกแยะอะไรเลยแล้วมาดักฉันที่ห้องน้ำ ให้พวกเขาสามคนจับฉันไว้ อยากจะสั่งสอนฉัน เพื่อปกป้องตัวเอง ฉันเลยถีบเธอออก"

"หลังจากนั้น เธอตบหน้าฉัน ฉันเลยจะตอบโต้เธอ เลยเอาไม้ถูพื้นขึ้นมา สถานการณ์ต่างๆ ฉันแค่ปกป้องตัวเอง สมควรแล้วที่เธอต้องขอโทษฉัน"

"ในเมื่อเธอขอโทษแล้ว ฉันก็ไม่อยากอะไรมาก เราถือว่าหายกัน อีกหน่อยก็คิดซะว่าเป็นคนแปลกหน้า เธอไม่ยุ่งกับฉัน ฉันก็จะไม่ยุ่งกับเธอ"

พอพูดอย่างเข้มงวดเสร็จ เฉินฮวนฮวนจึงหันหลังจะเดินไป แต่กลับโดนหลินอวี่หยางดึงแขนไว้

เธอหันกลับไป มองหลินอวี่หยางขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยถาม แต่หลินอวี่หยางพูดแทรกก่อน

"ทำไมเธอเท่ขนาดนี้!" พอหลินอวี่หยางพูดแบบนี้ ผู้หญิงอีกสี่คนจึงรู้สึกอึ้ง

คนหนึ่งคือติงเซียง อีกสามคนเป็นหางของหลินอวี่หยาง เป็นเด็กฝึกบริษัทเดียวกัน

"อะไรนะ?" เฉินฮวนฮวนก็งงเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าหลินอวี่หยางคิดอะไรอยู่

"ฉันถามเธอแค่คำเดียว เธอได้ยั่วคุณครูกู้หรือเปล่า?" สีหน้าหลินอวี่หยางจริงจัง แล้วเอ่ยถามเฉินฮวนฮวน

"……" เฉินฮวนฮวนหมดคำพูด เธอถามกลับว่า "เธอไปฟังมาจากไหน? ฉันไม่ได้ยั่วคุณครูกู้"

"ฉันได้ยินคนห้องเธอซุบซิบกัน ในเมื่อเธอบอกว่าไม่ งั้นได้ ฉันเชื่อเธอ" แววตาหลินอวี่หยางมั่นใจมาก ดูเหมือนไม่ได้โกหก

เฉินฮวนฮวนงงกว่าเดิม ผู้หญิงที่ตบเธอคนนี้ บอกว่าเชื่อเธอ ยังบอกว่าเธอเท่อีก?

"ขอโทษนะ ฉันไม่ต้องการความเชื่อใจจากเธอ เธออยากคิดยังไงก็เรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับฉัน" เฉินฮวนฮวนพูดแค่นี้ แล้วเดินไปต่อ

เธอเพิ่งเดินได้สองก้าว หลินอวี่หยางก็ตามมาอีก กางแขนออกขวางทางเธอไว้

"เธอเป็นคนแรกที่กล้าตบฉัน!" ดวงตาคู่นั้นของหลินอวี่หยางจ้องเฉินฮวนฮวน

"ทำไมเธอยังจะดื้อด้านอีก? ฉันไม่ได้ตบเธอ ฉันแค่ป้องกันตัวเอง ฉันแค่ถีบเธอ ใช้ไม้ถูพื้นจิ้มหน้าเธอ ไม่ได้ตบเธอ" เฉินฮวนฮวนกอดอกไว้ มองผู้หญิงดื้อด้านตรงหน้า แล้วถอนหายใจ

นี่เป็นปีชงของเธอเหรอ เพิ่งมาฝึกวันแรก ก็เจอเรื่องพวกนี้แล้ว

"ไม่ว่ายังไง ฉันไม่โทษเธอ" หลินอวี่หยางพูดอย่างหนักแน่น

พอเธอพูดแบบนี้ ผู้หญิงอีกสี่คนข้างๆจึงทำหน้าอึ้ง แล้วตั้งสติไม่ได้

หลินอวี่หยางที่นิสัยไม่ดี แต่กลับทำดีแบบนี้กับเฉินฮวนฮวน?

"หยางหยาง เธอโดนไม้ถูพื้นฟาดจนเบลอหรือเปล่า?" มีผู้หญิงคนหนึ่งรีบมาดึงแขนของหลินอวี่หยาง

"เปล่า ฉันไม่ได้เบลอ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกับเฉินฮวนฮวน!" หลินอวี่หยางพูดออกมาเสียงดัง

เฉินฮวนฮวน:???

"ขอโทษนะ ฉันไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับเธอ" เฉินฮวนฮวนถึงขั้นหมดคำพูด จนรู้สึกว่าที่หลินอวี่หยางมาตีสนิทเธอ เพราะอยากหาโอกาสแก้แค้น

พอพูดคำนี้ไปแล้ว เธอจึงจับมือติงเซียง แล้วรีบเดินไปที่ห้องเรียน

ครั้งนี้หลินอวี่หยางไม่ได้ตามมาอีก แต่กลับยิ้มแล้วมองตามแผ่นหลังของเฉินฮวนฮวน

ผู้หญิงที่จับแขนเธอไว้หมดคำพูด "หยางหยาง เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? มันทำกับเธอแบบนั้น เธอยังจะเป็นเพื่อนกับมันอีก?"

"เฟยเฟย ฉันรู้สึกว่าเขาเท่มาก ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน! แล้วอีกอย่าง เขาบอกว่าเขาไม่ได้ยั่วครูกู้ เดี๋ยวฉันจะไปเช็กกับคุณครูกู้ตรงๆเลย!" หลินอวี่หยางเท้าสะเอว แล้วทำสีหน้าตื่นเต้น

หลิวเฟยเฟยเบิกตากว้างอึ้งอีกครั้ง มองหลินอวี่หยางอย่างไม่อยากเชื่อ ผู้หญิงอีกสองคนก็เป็นเหมือนกัน

"พอแล้ว พวกเธอกลับไปเรียนก่อนเถอะ! ฉันกลับหอไปสระผมก่อน เดี๋ยวค่อยตามไป ช่วยลากับครูกู้ให้ฉันด้วยนะ" หลินอวี่หยางพูดเสร็จ จึงวิ่งไปทางบันได

รอหลินอวี่หยางไปแล้ว หลิวเฟยเฟยจึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "พวกแกดูสิ หยางหยางบ้าไปแล้วใช่ไหม?"

"หยางหยางไม่ได้บ้า เธอก็แค่ไม่เคยโดนคนอื่นทำแบบนี้มานาน เลยรู้สึกสนใจ" เฉินเสี่ยวอวี่รู้จักหลินอวี่หยางมานาน จึงรู้จักเธอดี

ที่บ้านเฉินเสี่ยวอวี่ทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อ แต่เทียบกับธุรกิจตระกูลหลินไม่ได้ ก็เลยตัวติดหลินอวี่หยางตลอด

"เฉินฮวนฮวนคนนี้ กล้ามากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะสมองหยางหยางเบลอ คงต้องอาละวาดแน่ๆ เฉินฮวนฮวนคงโดนไล่ออกไปนานแล้ว!" จางถิงเม้มปาก แล้วหยิบกระจกออกมาทาลิปสติก

พวกเธอสามคนเป็นเพื่อนของหลินอวี่หยาง พูดง่ายๆก็แค่หางของเธอ บ้านของเฉินเสี่ยวอวี่กับจางถิงมีฐานะ แต่หลิวเฟยเฟยไม่

หลิวเฟยเฟยมีแฟนรวย ที่ได้เข้าหวงเทียนก็เพราะแฟนเธอช่วย บ้านเธอฐานะธรรมดา พอเข้าบริษัทแล้ว เธอจึงเล็งหลินอวี่หยางที่บ้านรวยที่สุด เป็นเพื่อนกับหลินอวี่หยาง อยากจะหาคนหนุนหลังตัวเองในบริษัท

เฉินเสี่ยวอวี่กับจางถิงก็ไม่อะไรที่หลินอวี่หยางมีเพื่อนใหม่ แต่หลิวเฟยเฟยกลับกังวล ถ้าเฉินฮวนฮวนเป็นเพื่อนกับหลินอวี่หยางจริงๆ ถึงเวลาถ้าเธอไม่เล่นกับตัวเอง ตำแหน่งในบริษัทของเธออาจสั่นคลอน

เพราะยังไง ตอนนี้เธออยู่ในบริษัทราบรื่นได้เพราะหลินอวี่หยาง แฟนเธอก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น นอกจากช่วยส่งเธอเข้าบริษัท ก็ช่วยอย่างอื่นไม่ได้แล้ว

“คุณจบเห่แล้วเหรอ? ฉันว่าคุณคงจบเห่จริง ๆ แล้วล่ะ!”

ฉินฟางอวดเก่งอย่างสุดกำลังอยู่ข้าง ๆ เชิดปลายคางขึ้นสูง พร้อมกับชำเลืองตามองไปยังเฉินฮวนฮวน ก่อนจะพูดด้วยท่าทางเยาะเย้ยว่า : “ล่วงเกินหลินอวี่หยางไปแล้ว ต่อไป คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาในแวดวงนี้อีก”

“ฉินฟาง ฮวนฮวนไม่ได้ล่วงเกินคุณสักหน่อย คุณอย่าเอาเปรียบกันแบบนี้สิ” ติงเซียงโต้แย้งฉินฟาง

“ฉันจะทำยังไงกับเธอ เกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ?” ฉินฟางเองก็กลอกตาไปยังติงเซียง

“เอาละ พวกคุณอย่าทะเลาะกันเลย มาดูกันว่าครูหนีจะจัดการยังไง!” อันเยว่ทำตัวเหมือนทูตสันติภาพ เมื่อเธอพูดกับติงเซียงและฉินฟางจบ ก็ดึงมือของเฉินฮวนฮวน ก่อนจะพูดด้วยความจริงใจ : “ฮวนฮวน คุณวางใจเถอะ พวกเราจะช่วยพูดแทนคุณ ให้คุณได้อยู่ที่นี่ต่อ”

“เยว่เอ่อร์ คุณจะไปช่วยเธอทำไม คุณคิดจะล่วงเกินหลินอวี่หยางด้วยใช่ไหม? เธอไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าไปยุ่งได้นะ!” ฉินฟางรีบโน้มน้าวอันเยว่

เฉินฮวนฮวนไม่ได้สนใจฉินฟาง เธอพูดกับอันเยว่ด้วยความซาบซึ้งใจ : “ขอบคุณนะ อันเยว่”

ในเวลานี้ คุณหนีซวงก็เดินแทรกตัวเข้ามาในกลุ่ม และเดินมาตรงหน้าของเฉินฮวนฮวน ก่อนจะถามขึ้นว่า : “มันเกิดอะไรขึ้น? ได้ยินมาว่าเธอทำร้ายหลินอวี่หยางเหรอ?”

ทันทีที่คุณหนีซวงได้รับข่าวนี้ ก็รีบวิ่งมาด้วยความเร็วยิ่งกว่าใคร เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน

ถึงแม้เบื้องบนจะกำชับว่าห้ามปฏิบัติกับฮวนฮวนแตกต่างจากคนอื่น ทำแบบไหนก็ทำแบบนั้น เท่าเทียมและยุติธรรม แต่เฉินฮวนฮวนเป็นคนของเฟิงหานชวน ซึ่งคืนนี้เฟิงหานชวนเพิ่งจะมาดูการแสดงของเฉินฮวนฮวนด้วย

ส่วนหลินอวี่หยาง แก้วตาดวงใจของตระกูลหลิน ถึงแม้จะดูท่าทางเหมือนเด็กผู้ชายก็ตาม แต่ก็เป็นลูกคุณหนูผู้มั่งคั่งที่ถูกโอ๋จนเสียเด็ก นิสัยก็แย่และยากจะจัดการ แต่ตระกูลหลินก็ไม่ใช่คนที่ใคร ๆ จะเข้าไปล่วงเกินได้ง่าย ๆ

ตอนนี้ เฉินฮวนฮวนและหลินอวี่หยางบาดหมางต่อกัน ทำให้คุณหนีซวงไม่รู้จะจัดการยังไง

ถ้าเฉินฮวนฮวนไม่มีเบื้องหลังจริง ๆ เธอคงจะเลือกยืนอยู่ข้างหลินอวี่หยางอย่างไม่ลังเลแน่นอน แต่ตอนนี้เฉินฮวนฮวนมีเฟิงหานชวนอยู่เบื้องหลัง ระหว่างนั้นคุณหนีซวงก็ไม่รู้จะทำยังไง

“ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอ” เฉินฮวนฮวนหันหน้าที่แดงก่ำไปมองคุณหนีซวง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“มีคนรายงานเรื่องเธอกับฉันแล้ว” คุณหนีซวงโกรธฉุนเฉียวจริง ๆ

ในเวลานี้ หลินอวี่หยางถูกผู้ติดตามของเธอประคองตัวออกมา เฉินฮวนฮวนมองไปยังหลินอวี่หยาง ซึ่งก็เห็นว่าเธอกำลังออกแรงถูแก้มและขยี้ผม เหลือไว้แค่หยดน้ำเต็มใบหน้า และเส้นผมที่เปียกชื้น

ถึงอย่างไร ถ้าเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา หลังจากถูกไม้ถูพื้นละเลงหน้าแบบนั้น ก็คงจะสะอาดสะอ้านไปแล้ว

ตอนที่หลินอวี่หยางเห็นเฉินฮวนฮวนกำลังมองไปยังเธอนั้น สายตาคู่นั้นแฝงไปด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ดวงตาของหลินอวี่หยางแดงก่ำ ก่อนจะสาวเท้าไปยังตรงหน้าของเฉินฮวนฮวนและคุณหนีซวง

“หลินอวี่หยาง มันเกิดอะไรขึ้น?” คุณหนีซวงเปลี่ยนไปถามหลินอวี่หยางแทน ถึงอย่างไรหลินอวี่หยางก็อยู่ที่นั่นด้วย เธออยากเข้าใจทัศนคติของหลินอวี่หยางก่อน

“ครูหนี เฉินฮวนฮวนเธอ——” หลินอวี่หยางนึกถึงประสบการณ์ที่ลำบากใจเมื่อสักครู่ ซึ่งเป็นฝันร้ายครั้งแรกในชีวิตของเธอ

“เธอพูดดี ๆ นะ ถ้าเฉินฮวนฮวนทำร้ายเธอจริง ๆ ฉันจะช่วยออกหน้าแทนเธอเอง” เมื่อคุณหนีซวงเห็นหลินอวี่หยางหน้าเสียลง เธอจึงเกิดความมั่นใจขึ้นมาในใจ ก่อนจะหันไปจ้องเฉินฮวนฮวนอีกครั้ง

สำหรับเธอ หลินอวี่หยางเป็นอันธพาลตัวน้อยจอมก้าวร้าว แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้มีช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจแบบนี้ด้วย?

ดังนั้น คุณหนีซวงจึงมั่นใจ ว่าเฉินฮวนฮวนต้องทำร้ายหลินอวี่หยางแน่นอน มิเช่นนั้นหลินอวี่หยางไม่มีทางถูกเด็กฝึกผู้หญิงในห้องทั้ง 3 คนประคองออกมาหรอก

“ครูหนี ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรทำร้ายเฉินฮวนฮวน ฉันต้องเป็นฝ่ายขอโทษเฉินฮวนฮวน!” หลินอวี่หยางพูดประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึงอย่างมาก

รวมทั้งคุณหนีซวง แล้วก็รวมทั้งเฉินฮวนฮวนด้วย

เฉินฮวนฮวนคิดว่าวันนี้ดวงอาทิตย์จะต้องขึ้นทางทิศตะวันตกอย่างแน่นอน เดิมทีเธอตั้งใจจะมาคุยกับหลินอวี่หยางให้รู้เรื่อง ใครจะไปรู้ล่ะว่าหลินอวี่หยางจะมาขอโทษเธอเอง?

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?

“เธอพูดอะไร? เธอทำร้ายเฉินฮวนฮวน แล้วยังจะขอโทษเธออีกเหรอ?” คุณหนีซวงเองก็งุนงงเช่นกัน เรื่องที่เกิดขึ้นมันต่างจากที่เธอได้รับรายงานโดยสิ้นเชิง

ถึงแม้จะบอกว่าเธอเห็นรอยนิ้วมือบนใบหน้าของเฉินฮวนฮวนก็ตาม แต่เพื่อเปรียบเทียบกับหลินอวี่หยางแล้ว เฉินฮวนฮวนถือว่าได้รับบาดเจ็บเบามาก ดูท่าทางหลินอวี่หยางจะน่าเวทนายิ่งกว่า ดูท่าทางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากกว่าด้วย

“ใช่ ฉันไม่ชอบเฉินฮวนฮวน ดังนั้นจึงบีบเธอให้เข้าไปในห้องน้ำ ฉันตบเธอไปฉากหนึ่ง แล้วก็ยังบีบบังคับให้เธอคุกเข่าลง เธอไม่ยอมคุกเข่า และเล่นงานฉัน” หลินอวี่หยางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดออกไป

“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง งั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ พวกเธอทั้งสองฝ่ายเคลียร์กันให้ชัดเจนก็พอ” เมื่อได้ยินว่าเป็นความรับผิดชอบของหลินอวี่หยาง อีกทั้งหลินอวี่หยางก็ยังยอมรับอย่างสมเหตุสมผลแล้ว คุณหนีซวงจึงไม่อยากถามอะไรอีก

ถึงอย่างไร หลินอวี่หยางก็เป็นเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลหลิน เธอคงจะไล่ถามความรับผิดชอบของหลินอวี่หยางไม่ได้ ส่วนเฉินฮวนฮวนที่ได้รับความไม่เป็นธรรมกลับไม่เป็นไร ตรงกันข้ามกลับเป็นเฟิงหานชวนที่เรียกร้องความยุติธรรม

พูดตามจริง ก็คือเฟิงหานชวนไม่อยากให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉินฮวนฮวน ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นเพียงแค่เมียเก็บ คุณหนีซวงจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเฉินฮวนฮวนด้วย

“ขอบคุณนะคะครูหนี” หลินอวี่หยางเช็ดใบหน้า อย่างไร้มารยาท

ถึงแม้เฉินฮวนฮวนจะรู้สึกอึดอัดก็ตาม แต่ในเมื่อหลินอวี่หยางไม่ซักไซ้ไล่ถามต่อ เธอกลับรู้สึกวางใจ ไม่อย่างนั้นถ้าคนแบบหลินอวี่หยางโวยวายขึ้นมา เธออาจจะถูกรายการประกวดไล่ออกก็ได้

กลุ่มเด็กฝึกผู้หญิงที่เดิมทีแค่อยากเห็นเรื่องสนุก ๆ ก็ต่างทยอยกันแสดงสีหน้าผิดหวัง พวกเธออยากเห็นคนอื่นตบตีกัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะได้เห็นหลินอวี่หยางหลายเป็นผู้อ่อนโยนเสียอย่างนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉินฟาง กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจอยู่เงียบ ๆ เพราะรู้สึกว่าไม่มีความหมายอะไรเลยสักนิด!

เธอยื่นหน้ามาข้างหูของอันเยว่ แล้วพูดด้วยความไม่พอใจว่า : “เอาเปรียบเฉินฮวนฮวนจริง ๆ”

จากนั้นเธอก็พาอันเยว่ไปยังห้องเรียนทันที

คุณหนีซวงตบไปบนไหล่ของหลินอวี่หยางและเฉินฮวนฮวนเบา ๆ เพื่อบอกให้พวกเธอคืนดีกัน จากนั้นก็รีบออกจากที่นี่ไป เรื่องนี้ต่อให้ใหญ่แค่ไหนก็เปลี่ยนเป็นเรื่องเล็กได้ เธอเองก็โล่งใจเช่นกัน

ทันทีที่คุณหนีซวงจากไป พวกเด็กฝึกคนอื่น ๆ ก็รีบกลับไปเข้าเรียนในห้องเรียนของตัวเอง ทุกคนกระจายกระจายไปตามทางของตัวเอง เหลือไว้แค่หลินอวี่หยางและเฉินฮวนฮวน แล้วก็ติงเซียงและผู้ติดตามทั้ง 3 คนของหลินอวี่หยาง

“เฉินฮวนฮวน เธอโล่งใจมากใช่ไหม?” หลินอวี่หยางกัดฟันกรอดพร้อมกับถามเฉินฮวนฮวน

“ก็ไม่นี่” เฉินฮวนฮวนมองไปทางเธอด้วยสายเย็นเยียบ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอย่างไม่แยแสว่า : “คุณทิ้งฉันไว้ที่นี่ เพราะกำลังคิดกลอุบายอื่นมาเล่นงานฉันล่ะสิ”

“ฉลาดนี่!” ทันทีที่หลินอวี่หยางได้ยิน ก็ยิ่งฮึกเหิม จากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้น แล้วปรบมือ

เฉินฮวนฮวนแสยะยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า : “ฉันใช้ไม้ถูพื้นละเลงบนหน้าของคุณขนาดนั้น เกิดคุณใจกว้างไว้ชีวิตฉัน ไม่ก็ขอโทษฉัน วันนี้ดวงอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกจริง ๆ ”

เมื่อได้ยินคำว่าไม้ถูพื้น หลินอวี่หยางแสดงท่าทางอาเจียน ก่อนจะยื่นมือออกมาตบหน้าอกของตัวเอง พยายามให้อารมณ์ของตัวเองกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ 2 ครั้ง ดวงตาคู่นั้นได้แฝงไปด้วยแววตาที่ยากหยั่งถึง : “เฉินฮวนฮวน คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นเด็กฝึกในหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ยังกล้ามาทำกับฉันแบบนี้ เกรงว่าคุณคงจะมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาละสิ?”

“พวกเธอยังรออะไร รีบลากหล่อนออกจากฉัน” ผู้หญิงผมสั้นร้องตะโกนขึ้น

ผู้สมรู้ร่วมคิดอีกสามคน รีบเดินไปด้านหลังเฉินฮวนฮวน คนหนึ่งดึงเอวของเธอ อีกสองคนดึงแขนทั้งสองของเธอ ในที่สุดสองคนที่ดึงกันอยู่ก็แยกออกจากกัน

เฉินฮวนฮวนถูกผู้หญิงอีกสามคนจับไว้ นอกจากเท้าทั้งสองที่ขยับได้ แขนกับร่างกายโดนดึงไว้

“นึกไม่ถึงว่าจะกล้าดึงเส้นผมของฉัน เธอมันต่ำ วันนี้ฉันจะทำให้เธอได้เห็น” ผู้หญิงผมสั้นเดินเข้าใกล้เฉินฮวนฮวนทีละก้าว

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้ว เห็นป้ายชื่อชุดฝึกบนหน้าอกของหญิงสาว หวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์——

หลินอวี่หยาง

หลินอวี่หยางเดินไปถึงหน้าเธอ ลูบผมสั้นของตัวเอง ริมฝีปากยกยิ้มอย่างได้ใจ ตามมาด้วยการยกฝ่ามือขึ้น

เห็นสถานการณ์นี้ เฉินฮวนฮวนยกเท้าขึ้นทันที ขาข้างหนึ่งยกสูง เท้าเตะไปที่หน้าอกหลินอวี่หยาง

อย่างแข็งแรง หลินอวี่หยางร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เอนตัวถอยหลังไปหลายก้าว

“หยางหยาง” ผู้หญิงทั้งสามคนต่างตะโกนออกมา

“รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ นี่ถือว่าพวกเธอกลั่นแกล้ง ยังอยากอยู่ในค่ายฝึกอบรมต่อไหม?” เฉินฮวนฮวนตะโกนไปทางหลินอวี่หยางกับผู้หญิงอีกสามคน

“อยู่ต่อ? เหอะๆ เธอรู้ว่าฉันเป็นใครไหม?” หลินอวี่หยางหัวเราะเยาะออกมา ชี้ไปที่ป้ายของตัวเอง พูดว่า“ฉันอยู่หวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เธอตาบอดใช่ไหม? นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเตะฉัน”

หวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เฉินฮวนฮวนเคยได้ยินเป็นธรรมดา เป็นบริษัทด้านความบันเทิงที่ดีมากแห่งหนึ่ง

สำคัญที่สุดก็คือ เด็กฝึกของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เป็นทายาทเศรษฐีหรือไม่ก็ลูกหลานข้าราชการทั้งหมด พวกเขาไม่รับเด็กทั่วไป

ขอเพียงแค่เป็นเด็กฝึกของหวงเทียน คนอื่นก็จะมองพวกเขาอย่างอิจฉา เพราะเบื้องหลังครอบครัวของพวกเขา หรือความมีอำนาจ หรือมีเงิน หรือทั้งมีเงินและอำนาจ

“หวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แล้วทำไม? ฉันยืนตรงนี้นิ่งๆให้เธอตี ? ฉันกับเธอ ไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน ทำไมต้องโดนเธอรังแก ?” เฉินฮวนฮวนตำหนิหลินอวี่หยางพร้อมกับพยายามสลัดผู้หญิงอีกสามคนที่จับเธอไว้

อย่างไรก็ตามเธอไม่มีอะไรอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่มีวันยอมให้คนอื่นรังแกอีก

เมื่อก่อน เธอถูกเฉินซินโหรวกับเฉินเหม่ยเจวียน เพราะเธอยังมีคุณยายที่ต้องดูแล ตอนนี้ไม่มีใครจะรังแกเธอได้อีกแล้ว

“ไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน ? นึกไม่ถึงว่าเธอจะกล้ายั่วยวนครูกู้ อย่าโทษว่าถูกพวกเราเล่นงาน ”หลินอวี่หยางพุ่งไป นิ้วชี้ไปที่จมูกของเฉินฮวนฮวน

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” เฉินฮวนฮวนเสียงต่ำลง เธอจ้องหลินอวี่หยางด้วยความโกรธ “ไม่ว่าจะเป็นมือของเธอ หรือมือของพวกเธอ รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”

ด้านในที่ทะเลาะกัน ทำให้เด็กฝึกผู้หญิงที่เข้ามาในห้องน้ำถอยออกไป ตอนนี้สถานการณ์ในห้องน้ำ ไม่มีใครกล้าเข้ามา

ข่าวถูกแพร่อย่างรวดเร็ว ไม่ช้าเด็กฝึกคนอื่นก็หลบอยู่ด้านนอก แอบฟังสถานการณ์ด้านใน

“ปล่อยเธอ? ไม่มีทาง เธอขอโทษฉัน คุกเข่าขอโทษ” หลินอวี่หยางพูดข่มขู่เฉินฮวนฮวนอย่างโหดเหี้ยม

ตั้งแต่เด็กเธออยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีใครกล้ารังแกเธอ ไม่ว่าจะตอนเรียน หรือว่าเข้าเป็นเด็กฝึกของบริษัท ทุกคนต่างประจบสอพลอเธอ

นึกไม่ถึงว่าตอนนี้เธอจะถูกเฉินฮวนฮวนเตะ หลินอวี่หยางทนไม่ได้จริงๆ

เธอรู้ด้านนอกมีคนรุมล้อมอยู่มากแน่นอน เพราะฉะนั้นเธอจำเป็นวางอำนาจกับเฉินฮวนฮวนหน่อย

“หลินอวี่หยาง เธอผิดปกติใช่หรือเปล่า? ทำไมฉันต้องคุกเข่าขอโทษเธอ?” เฉินฮวนฮวนยิ้มเยาะ พูดว่า “ฉันถือว่าเป็นการป้องกันตัว”

“เธอ…”หลินอวี่หยางโกรธจนอวัยวะภายในใกล้จะระเบิดออกมาแล้ว

เธอกวาดตามองไปรอบห้องน้ำ สุดท้ายเห็นไม้ถูพื้นวางอยู่ในมุมห้อง แววตายิ่งดูชั่วร้ายขึ้นทันที

มองตามสายตาของหลินอวี่หยาง เฉินฮวนฮวนก็เห็นไม้ถูพื้นด้ามนั้น เธอระแวงขึ้นทันที ยกเท้าเตะไปด้านหลังอย่างแรง

ผู้หญิงที่ยืนด้านหลังเธอ กรีดร้องออกมา เจ็บจนกุมเท้าไว้ ใช้โอกาสนี้ เฉินฮวนฮวนเตรียมสลัดให้หลุด

เสียงดัง“เพียะ” เธอรู้สึกได้ยินเสียงวิ้งๆ ในหู บนใบหน้าเจ็บแสบ

“ฮ่าๆ …”ในที่สุดหลินอวี่หยางก็ได้ตบเฉินฮวนฮวน หัวเราะจนตัวงอ

หน้าด้านข้างของเฉินฮวนฮวนบวมแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาแหลมคมของเธอเปลี่ยนเป็นดำมืดลง

มองใบหน้าหัวเราะของหลินอวี่หยางที่อยู่หน้าตัวเอง เฉินฮวนฮวนผลักผู้หญิงสองคนข้างๆ ออกทันที พุ่งไปถึงมุมห้องน้ำอย่างว่องไว หยิบไม้ถูพื้นด้ามนั้นขึ้น

หลังจากนั้น เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็ว ยกไม้ถูพื้นพุ่งไปหน้าหลินอวี่หยาง เหวี่ยงไม้ถูพื้นนั้นที่หน้าของหลินอวี่หยางแรงๆ

“กรี๊ด ! ! !” หลินอวี่หยางร้องเสียงแหลมขึ้น ร้องเหมือนวิญญาณเกือบหลุดอย่างนั้น

ไม้ถูพื้นด้ามนี้ ป้าแม่บ้านใช้มาทำความสะอาดห้องน้ำทุกวัน ด้านบนเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกทุกชนิด

หลินอวี่หยางรู้สึกว่ามีกลิ่นฉี่เต็มหน้าไปหมด

สมุนอีกสามคนที่เหลือ ยืนโง่ๆอยู่ที่เดิม มองภาพหลินอวี่หยางถูกไม้ถูพื้นกดบนหน้าหลินอวี่หยางยังไง

“เอาออกไป เอาออกไปจากฉัน” หลินอวี่หยางถูกปิดจนมึน ตาทั้งสองลืมไม่ขึ้น พยายามใช้มือกันไม้ถูพื้น

เฉินฮวนฮวนเหวี่ยงไปบนหน้าหลินอวี่หยางแรงๆหลายครั้ง ถึงโยนไม้ถูพื้นไปข้างๆ เหนื่อยจนหอบเล็กน้อย การกระทำเมื่อกี้ ยังๆก็ถือเป็นการออกกำลังกาย

เสียงดัง “โครม” หลินอวี่หยางถอยหลังอย่างรีบร้อน เท้าลื่นก้นกระแทกบนพื้น

“โอ๊ย ก้มของฉัน ช่วยด้วย เด็ก ๆ แหวะ… ” หลินอวี่หยางพยายามตะโกนสุดขีด อีกทั้งยังถูกกลิ่นเหม็นบนหน้าทำให้อาเจียน

เฉินฮวนฮวนไม่กลัวอะไรแล้ว เธอเดินไปทางหลินอวี่หยาง มองหลินอวี่หยางที่นั่งอยู่บนพื้น พูดออกมาทีละคำ “หลินอวี่หยาง หากเธอยังกล้าหาเรื่องฉันอีก ฉันจะไม่เกรงใจเธอเหมือนอย่างวันนี้”

พูดจบ เธอยกเท้าก้าวเดินออกจากห้องน้ำ

เธอเพิ่งเดินออกมา ก็เห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งล้อมอยู่ด้านนอก บนใบหน้าทุกคนดูสอดรู้สอดเห็น

“ฮวนฮวน เธอ…เธอตีหลินอวี่หยาง?”ติงเซียงรีบเดินมาทางเฉินฮวนฮวน จับแขนเธอไว้ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

“เป็นเธอที่ตีฉันก่อน” เฉินฮวนฮวนตอบ เหมือนไม่มีความเกรงกลัวใดๆ

“ฮวนฮวน หลินอวี่หยางเธอไม่ใช่คนธรรมดา เธอ…บ้านของเธอรวยมาก” ติงเซียงพูดเสียงเบาข้างหู

เฉินฮวนฮวนอย่างรีบร้อน ท่าทางเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเฉินฮวนฮวน

แม้เธอจะพูดเสียงเบา แต่ฉินฟางที่อยู่ข้างๆ ได้ยิน เธอกุมท้องหัวเราะเสียงดัง “เฉินฮวนฮวน คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าตีหลินอวี่หยาง เธอรอโดนไล่ออกได้เลย”

อันเยว่ก็เดินเข้ามา เอ่ยเตือนอย่างเป็นกังวล “ฮวนฮวน เธอรีบไปขอโทษหลินอวี่หยาง แตะต้องหล่อนไม่ได้จริงๆ หากเธอไม่ขอโทษ ไม่แน่ว่าจะโดนไล่ออกจริงๆ”

“ครูหนีมากแล้ว! ครูหนีมาแล้ว!” ในเวลานี้ คนที่อยู่หลังสุดในกลุ่มตะโกนขึ้นมา

“ครูหนีมาเร็วขนาดนี้ ต้องมีคนไปฟ้องแน่ๆ” ติงเซียงพูดอย่างมั่นใจ “ฮวนฮวน เธอจบเห่แน่”

เฉินชิงอวิ้นคิดว่ามันน่าสนุก

เดิมทีเธอก็รู้สึกสนใจคนที่ชื่อเฉินฮวนฮวนอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อได้เห็นตัวจริงเธอถึงเข้าใจ

สถานการณ์มากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นความเกลียดของซูเวย คำถามของจ้าวซี หรือความสำคัญที่กู้ไหว่มีให้ เฉินฮวนฮวนเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบตัวได้

หญิงสาวทั้งหลายที่อยู่ด้านหน้า ทุกคนแสดงออกให้เห็นอย่างสิ้นเชิง เว้นแต่เฉินฮวนฮวนเท่านั้น

“เฉินฮวนฮวน คุณเป็นเด็กฝึกใหม่ใช่ไหม? ” เฉินชิงอวิ้นมองไปที่เฉินฮวนฮวนและยิ้มอย่างนุ่มนวล: “พวกเรานามสกุลเฉินเหมือนกัน ถือว่ามีวาสนาต่อกัน”

“สวัสดีค่ะอาจารย์เฉิน” เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวและโค้งคำนับให้เฉินชิงอวิ้น

เฉินชิงอวิ้นยังคงยิ้มและพูดว่า "อย่ากังวลไปเลย ฉันแค่ทักทายคุณเท่านั้น อันดับต่อไปทุกคนหยุดพูดซุบซิบแล้วเริ่มเรียนได้

“ค่ะอาจารย์เฉิน” ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกคนพูดพร้อมกัน

เมื่อเฉินฮวนฮวนอยู่ในห้องเรียน ในสมองของเธอมีแต่ภาพของเฟิงหานชวนบินว่อนเต็มไปหมด เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนไม่ได้มาพบเธอเป็นพิเศษ แต่มาเลือกนางสนมของเขา!

อย่างว่ามีเด็กฝึกสาวเป็นร้อยคนที่นี่ หญิงสาวทุกคนล้วนมีข้อเด่นของตัวเอง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกขัดใจ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงผิดปกติแบบนี้ หลังกลับจากฐานฝึก เธอคงต้องถามเฟิงหานชวนให้กระจ่างอย่างแน่นอน

“เฉินฮวนฮวน ทำไมคุณถึงฟุ้งซ่าน?”

ทันใดนั้น เสียงอ่อนโยนของหญิงสาวก็ดังเข้ามาในหูของเธอ เฉินฮวนฮวนหันศีรษะมองเป็นเฉินชิงอวิ้นที่ยืนอยู่ข้างเธอ

ส่วนเธอมองไปรอบๆ สักพักและพบว่าทุกคนทำท่าทางแบบอื่น มีเพียงเธอเท่านั้นที่ยังคงทำท่าทางเช่นเดิม

“ขอโทษค่ะอาจารย์เฉิน ฉัน…ฉันขอโทษ” เฉินฮวนฮวนขอโทษอย่างรวดเร็ว และรีบทำท่าทางของขณะนี้

“ต่อไปห้ามฟุ้งซ่านอีก คุณเป็นคนที่เข้ามาเรียนกลางคัน จะต้องฝึกฝนหนักกว่าเด็กฝึกคนอื่นๆถึงจะถูก” ใบหน้าขอเฉินชิงอวิ้นดุดันและน้ำเสียงจริงจัง

“ค่ะ อาจารย์เฉิน ฉันขอโทษจริงๆค่ะ” เฉินฮวนฮวนทำหน้าบึ้ง รู้สึกละอายใจต่อเฉินชิงอวิ้นจริงๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงหานชวนรบกวนสมาธิของเธอ เธอก็คงไม่ฟุ้งซ่านในเวลาเรียน ตอนนี้กลายเป็นว่าทำให้ผู้ฝึกสอนรู้สึกไม่ดีกับเธอแทน

“คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษฉัน เพราะคุณต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง นอกจากว่าคุณมาที่นี่เพื่อเล่นๆ ไม่เช่นนั้นคุณต้องจริงจังกับการประกวดนี้” แม้ว่าเฉินชิงอวิ้นจะสอนเฉินฮวนฮวน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกถึงความดุร้าย ยังคงใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยน

“อืม ขอบคุณค่ะอาจารย์เฉิน” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

“ฝึกต่อเถอะ” หลังจากที่เฉินชิงอวิ้นพูดจบ เธอก็บอกให้ทุกคนเริ่มทำท่าต่อไป

เฉินฮวนฮวนไม่กล้าคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องของเฟิงหานชวนอีก เธอจึงตั้งใจเรียนคาบนี้ให้เสร็จอย่างจริงจัง

ในช่วงพักเฉินฮวนฮวนไปเข้าห้องน้ำ ทันทีที่เธอก้าวออกจากห้องฝึกซ้อม ฉินฟางและอันเยว่พร้อมด้วยคนอื่นๆก็รวมตัวกัน

หลังจากที่พวกเธอหารือพูดถึงรูปปั้นที่เดินได้อันน่าทึ่งอย่างเฟิงหานชวน พวกเธอก็เริ่มพูดถึงเฉินฮวนฮวน

“พวกเธอคิดว่าเฉินฮวนฮวนทำให้อาจารย์เฉินเคืองหรือเปล่า? แม้ว่าอาจารย์เฉินจะเป็นคนอารมณ์ดี แต่เธอเกลียดชังนักเรียนที่ไม่จริงจังที่สุด”

“คนอย่างเฉินฮวนฮวน เต้นก็ไม่เก่ง ยังจะสามารถฝึกร่างกายให้ดีได้เหรอ?”

“ใจของเธอไม่ได้อยู่กับการเต้นเลย แต่พยายามที่จะเอาใจอาจารย์กู้ต่างหาก!”

“นี่เป็นครั้งแรกที่อาจารย์กู้พูดคุยกับนักเรียนหญิงเพียงลำพัง และเขายังช่วยเฉินฮวนฮวนแต่งเพลงอีกด้วย ฉันเห็นทุกอย่างที่ห้องเรียนตอนช่วงค่ำหลังเลิกเรียน”

“น่าเกลียดจริงๆ เฉินฮวนฮวนเหมือนสาวโคมเขียวทั่วๆ ไป มักทำให้ครูผู้ชายชอบและทำให้ครูผู้หญิงเกลียดชัง สุดท้ายแล้วก็มีแต่ผู้หญิงที่จะสามารถมองผู้หญิงด้วยกันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง!”

“ฉันคิดว่าครั้งแรกที่อาจารย์กู้เห็นเธอ ก็ชื่นชมเธอขนาดนั้น อีกหน่อยคงจะคอยปกป้องเธออย่างแน่นอน เฉินฮวนฮวนนี่เก่งเรื่องประจบสอพลอจริงๆ”

“ประจบสอพลอ? เธอแน่ใจเหรอ? ฉันไม่คิดว่าเธออยากประจบสอพลอเธอพยายามจะยั่วยวนอาจารย์กู้ต่างหาก!” ฉินฟางพูดแทรกขึ้นมาทันที

อันเยว่ทำตัวเป็นคนดีขยิบตาให้ฉินฟางแสร้งทำเป็นว่ากล่าวตำหนิ: "ฟางฟาง อย่าพูดจาใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้สิ"

"เยว่เอ๋อ คุณยังจะช่วยพูดแทนเฉินฮวนฮวนเหรอ? " พอฉินฟางเห็นเฉินชิงอวิ้นเดินเข้ามาจงใจพูดเสียงดังในห้องเรียนว่า: "เธอต้องการเป็นเพื่อนกับคนอื่น คนอื่นไม่คิดที่จะใส่ใจเธอด้วยซ้ำ!"

อันเยว่ก็เห็นเฉินชิงอวิ้น เธอรีบพูดกับฉินฟางว่า "พอแล้วพอแล้ว อย่าพูดเรื่องไร้สาระเลย"

แต่เฉินชิงอวิ้นกลับได้ยินการสนทนาของพวกเธออย่างชัดเจน เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกแปลกใจ

เฉินฮวนฮวนผู้นี้ดูไม่เหมือนคนหัวสูง อันเยว่ต้องการเป็นเพื่อนกับเธอ แต่เธอกลับไม่ใส่ใจเหรอ? เฉินชิงอวิ้นยิ่งอยู่ยิ่งสงสัยในตัวเฉินฮวนฮวนมากขึ้นเรื่อยๆ

“อาจารย์เฉิน ยังไม่ถึงเวลาเรียน ทำไมคุณไม่ไปพักผ่อนสักหน่อย” ฉินฟางลุกขึ้นจากพื้น รีบมุ่งไปข้างเฉินชิงอวิ้น จับมือเธออย่างตื่นเต้นและถามว่า “คุณได้เรื่องเกี่ยวกับชายคนนั้นแล้วใช่ไหม?

เฉินชิงอวิ้นยิ้มจาง ๆ และพูดอย่างตรงไปตรงมา: “ฉันช่วยพวกคุณถามอาจารย์ซูแล้วจริงๆ แต่อาจารย์ซูก็ไม่มีเบาะแสอะไร ในฐานฝึกนี้คนที่หล่อที่สุดก็คืออาจารย์กู้ของพวกคุณ เธอยังไม่เคยเห็นใครรูปหล่อกว่าเขาเลย”

“ห๊ะ! เป็นไปไม่ได้ ชายคนนั้นเป็นใคร เขาหล่อจริงๆ!” ฉินฟางรู้สึกผิดหวังมากเมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีเบาะแส

“ฟางฟาง คุณไม่ต้องเสียใจ อาจารย์ซูของพวกคุณมีหรือจะปล่อยชายหนุ่มรูปงามคนนี้ไป? เธอไปหาผู้อำนวยการหนีเพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว!” เฉินชิงอวิ้นตบที่ไหล่ของฉินฟางเพื่อปลอบเธอ

ในเวลานี้ ห้องเรียนทั้งห้องก็เสียงดังกระหึ่ม

……

เฉินฮวนฮวนล้างมือและกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่ถูกหญิงสาวสี่คนขวางประตูไว้

จะว่าไปแล้วเธอก็รู้จักเด็กฝึกในชั้นเรียนของเธอเกือบทั้งหมด แต่สี่สาวที่อยู่ต่อหน้าไม่ค่อยคุ้น เธอไม่รู้จักพวกเขาเลย

“รบกวนหลีกทางหน่อย” เฉินฮวนฮวนคิดเพียงว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจขวางทางไว้

“เธอก็คือเฉินฮวนฮวนใช่ไหม” เด็กสาวหัวโจกผมสั้นดูเหมือนเด็กผู้ชาย น้ำเสียงของเธอค่อนข้างห้วน มือเธอเท้าที่เอว ดูแล้วค่อนข้างแข็งแรง

“ฉันคือเฉินฮวนฮวน พวกคุณเป็นใคร ดูเหมือนพวกเราจะไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนเดียวกัน?” เมื่อเห็นสี่สาวจ้องมองมาที่ตัวเธอ เฉินฮวนฮวนมีความรู้สึกไม่ค่อยดี

แต่ว่า เธอเพิ่งมาที่ฐานฝึก เธอไม่เคยมีความแค้นกับคนเหล่านี้ พวกเขาจะขวางทางเธอเพื่ออะไร?

“ที่แท้เธอก็คือเฉินฮวนฮวน!”

สาวหัวโจกตะโกนใส่ พร้อมเดินเข้าหาเฉินฮวนฮวนและจับผมหางม้าของเธอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะ จากนั้นเมื่อหญิงสาวใช้แรง ศีรษะของเธอก็ถูกดึงไปด้วย ผมหางม้าถูกคู่ต่อสู้ดึงไว้แน่น

“เธอมันนังตัวแสบ กล้าที่จะยั่วยวนอาจารย์กู้ ถ้าฉันไม่แสดงอะไรให้เธอดูละก็!” เด็กหญิงผมสั้นกัดฟันกรอดแล้วพูด

ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นเฉินฮวนฮวนเหยียดมือออกไป จับผมสั้นของอีกฝ่ายแน่นแล้วดึงอย่างแรง

"โอ๊ย–" หญิงสาวร้องด้วยความเจ็บปวด

“รีบปล่อยมือของคุณเร็ว ไม่เช่นนั้นฉันจะดึงผมของคุณออก” เฉินฮวนฮวนจ้องไปที่อีกฝ่ายและพูดตะโกนออกไป

“หลงตัวเองมาก…” เฉินฮวนฮวนกระซิบ

“ฮวนฮวน คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าผมเป็นผู้ชายที่ดี ถ้าคุณชอบไม่ชอบ คุณจะไปชอบใครได้อีก? “เฟิงหานชวนวางมือบนไหล่เธอ จับเธอหันไปอีกทิศทาง

จากที่เธอหันหลังให้เขา หันกลับมาตรงหน้าเขา

เฉินฮวนฮวนลืมตาโตทั้งสองข้างและมองไปยังชายที่อยู่ข้างหน้าเธออย่างแน่วแน่ รู้สึกว่าที่เฟิงหานชวนพูดก็มีเหตุผล?

“เราไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ ฉันต้องไปเรียนแล้ว” ทันใดนั้นเธอจับมือเฟิงหานชวน และเหลือบมองดูนาฬิกาของเขา

เหลือเวลาอีกห้านาที เธอกำลังจะไปสายในอีกห้านาที!

ห้องเรียนของเธออยู่ชั้นสอง แม้ว่าเธอจะรีบวิ่งเร็วแค่ไหน ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งนาทีในการไปถึงห้องเรียน!

“ไม่ทันแล้วแน่ๆ เหลือแค่ห้านาที ฉันจะต้องเข้าห้องเรียนแล้ว ลาก่อน” เฉินฮวนฮวนปล่อยมือเฟิงหานชวน กำลังจะหันหลังกลับ แต่ร่างกายของเธอก็ถูกกอดไว้อีกครั้ง

ผู้ชายกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ยกคางขึ้นด้วยปลายนิ้ว ก้มศีรษะลงจูบที่ริมฝีปากเธอ

เขาจูบแรงมาก ราวกับเป็นจูบสุดท้ายของพวกเขา

เฉินฮวนฮวนไม่ได้ปฏิเสธในตอนแรก เมื่อเธอรู้สึกว่ากำลังจะสาย ขณะที่กำลังจะผลักเฟิงหานชวนออก เฟิงหานชวนก็ปล่อยเธอพอดี

“คุณ…ไม่ต้องห่วง เมื่อฉันกลับจากค่ายฝึก เรามี…มีเวลาอีกเยอะ ฉันไปก่อนนะ” เฉินฮวนฮวนหน้าแดง พูดจบก็รีบวิ่งออกจากห้อง

ก่อนที่เฟิงหานชวนจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว เขาถอนหายใจ แต่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของเขา

เธอเพิ่งบอกว่า ยังมีเวลาอีกเยอะ อืม เขาจะรอ

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็หัวเราะอีกครั้ง ปรับเนคไทแล้วก้าวออกจากห้องทำงานของผู้กำกับ

เมื่อเฉินฮวนฮวนวิ่งเข้าไปในห้องเรียน มีคนมารอก่อนแล้วสองสามคน

เธอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาในห้องเรียน ได้เวลาเรียนแล้ว ทำไมคนอื่นยังไม่มา?

ในขณะที่เธอกำลังสงสัย คนหลายสิบคนที่ยังไม่มา ก็เดินเข้ามาในห้องเรียนทีละคน แต่ละคนมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและเขินอาย

ติงเซียงเดินไปหาเธอและกล่าวอย่างตื่นเต้น: " ฮวนฮวน น่าเสียดายจัง! เมื่อกี้เธอไม่ได้มากับพวกเรา มีผู้ชายคนหนึ่งหล่อมาก!"

“ห้ะ? อะไรนะ?” เฉินฮวนฮวนถามอย่างสงสัย

ผู้ชาย? หล่อมาก?

หรือ…หรือว่าผู้ชายหล่อที่เด็กฝึกทุกคนเห็นจะเป็นเฟิงหานชวน?

ทำไมเฟิงหานชวนถึงดึงดูดความสนใจขนาดนี้ รออีกไม่กี่นาทีค่อยออกไปไม่ได้หรือไง?

“เป็นผู้ชายร่างสูง สวมสูทสีดำ ฉันไม่รู้ว่าเป็นใคร ดูเหมือนว่าเขาจะมาตรวจสอบ เกือบทำให้พวกเราหลงละลาย” ติงเซียงกล่าว กระทืบเท้าด้วยท่าทางตื่นเต้น

“จริงด้วยจริงด้วย ผู้ชายคนนั้นหล่อมาก ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายหล่อขนาดนี้มาก่อนเลย หรือเขาจะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทหวาเถิง?” เด็กฝึกหญิงข้างๆกล่าวขึ้น

“ฉันรู้สึกว่าท่าทางเขาเหมือนผู้บริหาร ยังมาที่นี่อีก อาจจะเป็นตำแหน่งสูงของบริษัทหวาเถิงก็ได้นะ!”

“โอ้พระเจ้า ฉันแค่เห็นด้านข้างของเขา ก็จะตายแล้ว ถ้าฉันเห็นหน้าเขาตรงๆ ฉันคงตายจมกองดินแน่!”

“ฉันเห็นหน้าเขาแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์ หล่อมาก! ถ้าฉันตายในอ้อมแขนของเขา ถึงตายก็ไม่เสียใจ!”

เมื่อพูดถึงเรื่องเพศตรงข้ามเช่นนี้ ทุกคนรวมตัวกันสนทนาอย่างสามัคคี พูดคุยกันถึงพริกถึงขิง

เฉินฮวนฮวนฟังพวกเขาพูดคุยกันโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ สีหน้าก็ไม่ค่อยดีนัก กัดฟันตัวเองด้วยความโกรธ

เฟิงหานชวนรู้ทั้งรู้ว่ากำลังจะถึงเวลาเรียน และจะมีเด็กฝึกหลายคนเดินมา เขาไม่รอแม้แต่นาทีเดียว อยากเป็นที่สนใจ อยากดึงดูดผู้คน?

เธอจะบ้าตาย!

ตอนที่อยู่ในห้องทำงานของหนีซวง เขาเอาแต่พูดว่าเขาคิดถึงเธอ เขากอดเธอและจูบเธอ ราวกับว่าขาดเธอไม่ได้

แต่ปรากฏว่ารีบกลับไปเร็วกว่าใคร แถมยังถูกผู้หญิงคนอื่นเห็นเยอะขนาดนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่ในห้องเรียนของเธอเห็นหมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีกสี่ห้องเรียน คงเห็นไม่น้อยกว่าห้าสิบหกสิบคน

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกโชคดีมาก โชคดีที่เธอปฏิเสธการเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวนต่อสาธารณะ ไม่เช่นนั้น ตอนนี้เธออาจจะตายโดยไม่ทราบสาเหตุ

ผู้หญิงเหล่านี้ อาจจะเหยียบเธอจนตายในไม่กี่นาที

“ฮวนฮวน ทำไมเธอไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?” เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนยืนเงียบ ติงเซียงหันศีรษะถามอย่างสงสัย

ทุกคนตื่นเต้นมาก แต่ดูเหมือนว่าเฉินฮวนฮวนจะเฉยเป็นพิเศษ หรือว่าเฉินฮวนฮวนไม่ชอบผู้ชาย?

“ปฏิกิริยา?” เฉินฮวนฮวนประหลาดใจ เธอต้องมีปฏิกิริยายังไง?

ปฏิกิริยาต่อเพศตรงข้าม?

“อืมจริงสิ เธอไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของผู้ชายคนนั้น เป็นเรื่องปกติที่จะไม่ตื่นเต้น ถ้าครั้งหน้าเจออีก ฉันจะชี้ให้เธอดู” ติงเซียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ไม่ใช่แค่เพียงติงเซียง แต่ผู้หญิงคนอื่นๆก็เป็นเช่นนี้

เฉินฮวนฮวนมองดูพวกเขาคุยกันและถอนหายใจอย่างเงียบๆในใจ

ในขณะนี้ เสียงรองเท้าส้นสูงดังมาจากประตู และทุกคนก็เงียบลงอย่างรวดเร็ว

เฉินชิงอวิ้นสวมชุดฝึกรัดรูปสีดำ รูปร่างสูง สวมรองเท้าส้นสูงสีดำยิ่งทำให้ดูสูงขึ้นอีก

“ครูเพิ่งเดินผ่านทางเดิน พบว่ามีเด็กผู้หญิงในทุกชั้นเรียนกรีดร้อง เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เฉินชิงอวิ้นรู้สึกประหลาดจึงถามด้วยรอยยิ้ม

เฉินฮวนฮวนเคยได้ยินติงเซียงบอกว่า เฉินชิงอวิ้น เป็นครูสอนบัลเลต์ หนึ่งในครูที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สามารถเข้ากับเด็กฝึกได้ ไม่ถือตัวเลย

“ครูเฉิน พวกเรากำลังจะถามคุณ!” ฉินฟางและเฉินชิงอวิ้นมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก และเธอก็ถามทันที: “ครูรู้จักผู้บริหารระดังสูงของบริษัทหวาเถิงไหมคะ เป็นผู้ชายที่หล่อมาก อายุน่าจะประมาณสามสิบกว่าๆ!”

แม้ว่าฉินฟางจะดูก้าวร้าวมากและมีอารมณ์ที่ไม่ดี แต่เธอก็ยังเป็นเด็กสาวที่มีหัวใจสดใส

ขณะที่เธอถามสิ่งนี้ ใบหน้าทั้งสองข้างเขินแดง ความเย่อหยิ่งตามปกตินั้นหายไป ถึงแม้จะดูผิดปกติเล็กน้อย แต่มองแล้วก็รู้สึกปลื้มปิติ

“ถ้าพูดถึงหนุ่มหล่อ ครูซูน่าจะรู้ดีกว่า แต่…” เฉินชิงอวิ้นคิดอย่างรอบคอบและส่ายหัวเล็กน้อย: “เท่าที่ครูรู้ ไม่มีผู้บริหารระดับสูงของหวาเถิงหล่อและอายุประมาณสามสิบ ถ้ามีจริงๆ ป่านนี้คงไม่เหลือแล้ว”

“ห้ะ! ไม่มี ถ้าอย่างนั้น…ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” ฉินฟางตกอยู่ในสภาพสงสัยในทันใด

ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้หญิงคนอื่นๆด้วย

“ครูเฉิน ผู้ชายคนนั้นหล่อมาก และเขาดูเจ้าอารมณ์ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขาไม่ใช่พนักงานธรรมดา นั่นคือเหตุผลที่ฟางฟางคิดว่าเขาเป็นผู้บริหารระดับสูงของหวาเถิง” อันเยว่และเฉินชิงอวิ้นก็มีความสัมพันธ์ดี จึงพูดตรงๆได้

ยิ่งไปกว่านั้น เธอเองก็อยากรู้ตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้น

อันเยว่เป็นคนที่อยู่ในวงการบันเทิง เธอเคยเจอผู้คนมากมาย เคยเจอทายาทเศรษฐีหลายคน และดาราชายไอดอลหลายคน แต่เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่ทำให้เธอทึ่งเช่นนี้

ดังนั้น หัวใจของเธอจึงเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับเด็กฝึกคนอื่นๆ เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะอยากจะรู้จักผู้ชายคนนั้น

“ครูไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ ถ้าเป็นคนในบริษัทหวาเถิง ก็อาจจะเป็นคนมาใหม่ เอาอย่างงี้ เดี๋ยวถึงเวลาพัก ครูจะไปถามครูซูให้” เฉินชิงอวิ้นยิ้มแห้งๆ

“ว้าว!!! ขอบคุณครูเฉิน!” ผู้หญิงทุกคนในห้องปรบมือ

มีเพียงเฉินฮวนฮวนที่ไม่มีการแสดงออกใดๆ มองแวบเดียวเฉินชิงอวิ้นก็สังเกตเห็น

เฉินฮวนฮวนเกือบจะร้องเสียงดังออกมา

รอเธอได้สติกลับมา ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนก้มหน้ามองเธอพอดี

“เฟิงหานชวน คุณทำอะไร!” เฉินฮวนฮวนพูดเสียงดังและโมโหนิดๆ ออกมาหนึ่งประโยค

เมื่อกี้เธอเกือบตกใจตาย จู่ ๆ โดนดึงจากข้างหลัง หากไม่ใช่ว่าล้มอยู่บนตัวเฟิงหานชวน หากล้มอยู่บนพื้น แล้วบาดเจ็บจะทำยังไง ?

นี่เฟิงหานชวนกำลังลงโทษเธอใช่ไหม?

“เรียกชื่อเต็มผมอีกแล้ว?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วช้าๆ ยื่นหน้าเข้าใกล้เธอ ปลายจมูกชนกับปลายจมูกของเธอ

เฉินฮวนฮวนเอียงศีรษะ หลบสัมผัสของชายหนุ่ม พูดอย่างรีบร้อน “คุณรีบปล่อยฉัน!”

เฟิงหานชวนมองเธอกระหาย และไม่รู้ว่ามีผู้หญิงมากไปหรือเปล่า หรือเพราะไม่เคยลิ้มรสผู้หญิงอะไร เหมือนเอาแต่ต้องการแสดงความรักออกมาตลอดเวลา

เหมือนอย่างตอนนี้ เฉินฮวนฮวนกังวลมากว่าเขาจะทำอะไรในห้องทำงาน อีกเดี๋ยวเธอยังต้องไปเรียนนะ

“ผมเคยบอก เรียกชื่อเต็มต้องถูกทำโทษ” ริมฝีปากของเฟิงหานชวนแนบหูเฉินฮวนฮวน พ่นไอร้อนออกมาช้าๆ

เฉินฮวนฮวนตัวสั่น หันหน้ากลับไปจ้องเฟิงหานชวนด้วยความโกรธ โกรธจนยื่นมือไปทุบหลังเขา “คุณเป็นบ้าอะไร? ที่นี่ไม่ใช่บ้านตระกูลเฟิง คือค่ายฝึกอบรม หากคุณกล้าทำอะไรกับฉันที่นี่…ต่อไปฉันจะไม่สนใจคุณอีกแล้ว”

เห็นเฉินฮวนฮวนโกรธ เฟิงหานชวนก็ไม่กล้าจะล้อเล่นกับเธอแล้ว เขาปล่อยเธอออก กอดเธอไว้ข้างๆ แล้วตัวเองก็นั่งตัวตรง

“ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณ” น้ำเสียงของเขาเย็นชาเล็กน้อย คงเพราะถูกภรรยาตำหนิ ดังนั้นอารมณ์เลยไม่ค่อยดี

“คุณ เมื่อกี้คุณทำแบบนั้นแท้ๆ…ช่างเถอะ คุณกลับไปเถอะ” เฉินฮวนฮวนตามองต่ำเล็กน้อย ในน้ำเสียงแสดงความหม่นหมองนิดๆ

เดิมเฟิงหานชวนมาหาเธอ บอกคิดถึงเธอแล้ว เธอนอกจากประหลาดใจแล้ว อันที่จริงภายในใจมีความสุขมาก

แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะเข้าใจผิดเธอกับเฉินเฟยหยาง แล้วยังทำกับเธอในห้องทำงาน…

“ฮวนฮวน คุณโกรธเหรอ?” จู่ ๆ เฟิงหานชวนรู้สึกเสียใจที่ตัวเองวู่วาม

เฉินฮวนฮวนหันหน้าหนี ไม่อยากสบตากับเฟิงหานชวน และไม่อยากตอบเฟิงหานชวนอีก

“ฉันไม่ได้โกรธ คุณมาเยี่ยมฉัน ในใจฉันมีความสุขมาก ใกล้ถึงเวลาแล้ว ฉันต้องไปเข้าเรียน” ระหว่างที่พูด เฉินฮวนฮวนลุกขึ้น หันหลังให้เฟิงหานชวน

ตอนนี้เฟิงหานชวนร้อนใจแล้ว เขารีบลุกขึ้นไม่กล้าจะดึงมือของเฉินฮวนฮวน แต่กอดเธอไว้จากด้านหลัง สองมือล้อมอยู่บนเอวบางของเธอ กอดเธอไว้ใกล้ตัวแน่นๆ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหลังตัวเอง ถูกก้อนความอบอุ่นหนึ่งล้อมไว้

“อาหาน ค่ายอบรมครึ่งเดือนนี้ ฉันอยากทุ่มสุดตัว เพราะฉะนั้น…ต่อจากนี้ คุณไม่ต้องมาเยี่ยมฉันแล้ว” เฉินฮวนฮวนรู้สึกไม่ควรดุเฟิงหานชวนแบบนี้ เธอพยายามทำอารมณ์ตัวเองให้สงบ พูดออกมาด้วยเสียงเบา

รู้สึกถึงห่างเหินของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนรู้สึกว่าอารมณ์ยิ่งแย่ลง เขารู้สึกตัวเองทำการพบเจอครั้งนี้พัง ดังนั้นถึงทำให้เฉินฮวนฮวนไม่อยากให้เขามาเยี่ยมอีก

“ขอโทษ ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนก้มหน้า วางคางไว้บนไหล่ของหญิงสาว สีไปมาเบาๆ ถึงขนาดสีไปที่คอและแก้มเธอไม่หยุด

เฉินฮวนฮวนได้ยินเฟิงหานชวนขอโทษ นิ่งไปหลายวินาที รู้สึกบริเวณคอทั้งคันทั้งร้อนตามมา เธอย่นคอ

“คุณไม่ต้องขอโทษฉัน และไม่จำเป็นต้องขอโทษฉัน” ในการแต่งงานครั้งนี้ของพวกเขา เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวเองไม่มีสิทธิ์มีเสียงเลย

ว่าตามจริง เธอคือภรรยาคนหนึ่งที่ถูกซื้อมา อีกทั้งเฟิงหานชวนยังช่วยเธอมากมายขนาดนั้น เธอจะโกรธเฟิงหานชวนได้อย่างไร?

“ฮวนฮวน คุณพูดประโยคเมื่อกี้นี้ ผมดีใจมาก” เฟิงหานชวนรู้สึกตัวเองแคร์เฉินฮวนฮวนมาก กลับเป็นว่ามองข้ามความรู้สึกของเฉินฮวนฮวน

“อะไร?” เฉินฮวนฮวนเอ่ยถาม

“คุณว่า มีผู้ชายที่เพียบพร้อมขนาดนี้แบบผม คุณไม่มีวันชอบคนอื่น” อันที่จริงตอนที่เฟิงหานชวนได้ยินประโยคนี้ ตอนแรกยังไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้ย้อนคิด เขารู้สึกแค่ในใจถูกเติมเต็มด้วยความสุข

“…” เฉินฮวนฮวนแก้มแดงทันที

เมื่อกี้ที่เธอพูดประโยคนั้นออกมา ก็เพียงหวังเฟิงหานชวนอย่าคาดเดาความสัมพันธ์เธอกับคนอื่นมั่วๆ ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยจิ่งเฉินก่อนหน้านี้ หรือว่าเฉินเฟยหยางที่เพิ่งคุยกันไม่กี่ประโยค

แต่ตอนที่เฟิงหานชวนประมวลผลประโยคนั้นออกมา นึกไม่ถึงว่าเธอจะมีความรู้สึกเขินแปลกๆ

“ไม่ใช่ ความหมายของฉันก็คือ…”เฉินฮวนฮวนเปิดปาก อยากอธิบายกลับถูกชายหนุ่มขัด

“ไม่ใช่? คุณไม่ชอบผม?” เฟิงหานชวนก็จิตใจหดหู่ทันที

“ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ไม่ชอบคุณ ความหมายของฉันคือ ฉันไม่มีทางมีอะไรกับคนอื่น ฉันคุยกับเพศตรงข้ามไม่ได้รึไง?” เฉินฮวนฮวนรีบพูด

“ไม่ใช่ไม่ชอบผม งั้นก็คือชอบผม?” มุมปากของเฟิงหานชวนยกขึ้นเหมือนอยากยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

“ไม่ใช่ ใจความหลักที่ฉันอยากพูดก็คือ ระหว่างเรามีความสัมพันธ์แบบการแต่งงาน ตอนที่พวกเรารักษาความสัมพันธ์นี้ ฉันไม่มีทางนอกใจ…”เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวเองถูกเฟิงหานชวนปั่นหัวจนมึนงง

“ฮวนฮวน งั้นคุณชอบหรือไม่ชอบผมกันแน่?”เฟิงหานชวนถามออกไปทันที

“เอ๊ะ?” เฉินฮวนฮวนมึนไปทันที

เรื่องที่พวกเขาคุยกัน ควรเป็นเรื่องที่เธอคุยเล่นกับผู้ชายคนอื่น แสดงการนอกใจหรือไม่ ทำไมถึงกลายเป็นคำถามว่าเธอชอบหรือไม่ชอบเฟิงหานชวนกัน?

“เมื่อคืน สิ่งที่ควรทำพวกเราก็ทำกันแล้ว คุณไม่ชอบผมจริงๆ?”

เฟิงหานชวนก้มหน้า ริมฝีปากแนบอยู่บนไหล่ของหญิงสาว เวลาที่พูดริมฝีปากขยับช้าๆ ทำให้

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่ามีกระแสไฟแล่นเข้าไปในร่างกาย

มีความรู้สึกใจสั่น

“ฉันไม่ใช่ไม่ชอบคุณ แต่คือฉัน…ฉันก็พูดว่าชอบคุณไม่ได้เหมือนกัน ฉันไม่อยากโกหกคุณ” เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดออกมาอย่างจริงจัง

ก่อนการทดลองการแต่งงานกับเฟิงหานชวน ตัวเธอไม่ได้มีความรู้สึกหญิงชายกับเฟิงหานชวนแม้แต่นิด เธอเห็นเขาเป็นอาสามของเฟิงเฉินเหยี่ยนเท่านั้น

สองคนนอกจากขัดแย้งกัน ทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างเกลียดกัน เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกไม่มีอย่างอื่นแล้ว

ความสัมพันธ์ทั้งสองกำลังจะดีขึ้นมาหน่อย คงเป็นเฟิงหานชวนช่วยเธอเอาสร้อยกลับมาจากหลิวตงรุ่ย ขอโทษกับเธอ และพาเธอไปกินอาหารฝรั่ง ตอนนั้นเธอรู้สึกซาบซึ้งใจเฟิงหานชวนมาก

เพียงแต่ไม่คิดว่า ตอนเธอพักผ่อนอยู่ที่ห้องทำงานของเฟิงหานชวน คิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนกับปฏิบัติกับเธอ…แล้วเธอก็ทะเลาะกับเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนกลับเปิดเผยความจริงว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากัน

พวกเขารู้จักกันไม่นาน กลับผ่านเหตุการณ์มามากมาย เพียงแต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องดี แม้ว่าตอนนี้เธอพึ่งพาเฟิงหานชวน แต่ซาบซึ้งใจมากกว่า

พูดถึง“ชอบ”คำนี้ ตัวเธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน

“ไม่เป็นไร คุณจะต้องชอบผมแน่” มือทั้งสองของเฟิงหานชวนที่ล้อมเอวของหญิงสาว ใช้แรงขึ้นบางส่วน พาร่างกายของเธอแนบชิดร่างตัวเองมากขึ้น

น้ำเสียงของเฟิงหานชวนดูมั่นใจมาก ทำให้เฉินฮวนฮวนนิ่งไปอีกครั้ง

เธอต้องชอบเขาแน่?

เขาเป็นพยาธิในท้องเธอรึไง?

หรือว่าเขาคาดเดาอนาคตได้ ?

เรื่องที่เธอเองยังไม่มั่นใจ ทำไมเฟิงหานชวนถึงมั่นใจขนาดนี้?

"ฉัน……" เฉินฮวนฮวนกลับรู้สึกว่ามีเหตุผล

เธอเม้มปาก ใช้ดวงตากลมโตมองผู้ชายตรงหน้า แล้วถามเสียงเบาว่า "อาหาน ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณโกรธ?"

เพราะสัมผัสที่หกของผู้หญิงแม่นมาก เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าน้ำเสียงของเฟิงหานชวน แอบแฝงไปด้วยการตำหนิ

"เปล่า ผมจะโกรธคุณได้ยังไง" เฟิงหานชวนปฏิเสธ

"แต่ว่า……ฉันปฏิเสธน้ำใจคุณ คุณไม่โกรธเลยเหรอ?" เฉินฮวนฮวนก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด

ถ้าเธอเป็นคนที่เหมาะสมกับเฟิงหานชวน ไม่ว่าเฟิงหานชวนจะช่วยเธอยังไง เธอก็โอเค แต่ตอนนี้ เธอแค่อยากใช้ความสามารถของตัวเอง

"คุณมีความคิดของคุณ ผมเคารพในความคิดคุณ" เฟิงหานชวนไม่ได้ถามอะไรอีก กลัวว่าถ้าตัวเองถามเยอะ เฉินฮวนฮวนจะไม่มั่นใจในชีวิตคู่ของพวกเขา

"คุณดีที่สุดเลย" เฉินฮวนฮวนรู้สึกอบอุ่นใจ เหมือนมีน้ำพุร้อนโอบล้อมเธอไว้ รู้สึกสบายใจมาก

"ยังไง เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง" เฟิงหานชวนเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง

ที่เขาดูมา ที่เฉินฮวนฮวนไม่อยากเปิดตัว อาจจะเพราะยังไม่แน่ใจกับชีวิตคู่ หรือว่าเธอยังไม่ได้ชอบตัวเอง หรือว่าเธอกลัวว่าเขาจะไปชอบคนอื่น

ไม่ว่ายังไง พวกเขาเพิ่งอยู่ด้วยกัน เขาจะใจร้อนไม่ได้ ต้องเคารพการตัดสินใจของเธอ เดี๋ยวเวลานานไป ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

"เวลา?" เฉินฮวนฮวนเหม่อ พอดึงสติกลับมา จึงอดถามกลับไม่ได้ "คุณพูดว่า เวลาจะพิสูจน์ความดีของคุณ?"

เธอเพิ่งพูดว่าเฟิงหานชวนดีที่สุด เฟิงหานชวนบอกว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เธอเลยเอามารวมกัน เฉินฮวนฮวนเข้าใจแบบนี้

"ใช่" เฟิงหานชวนตอบอย่างไม่ลังเล

ถึงเขาไม่ได้ตอบที่เฉินฮวนฮวนพูดชม แต่เขาหมายถึงความรู้สึกระหว่างพวกเขา ชีวิตคู่ของพวกเขา แต่เฉินฮวนฮวนเข้าใจแบบนี้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร

ไม่ว่ายังไง เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจที่เขามีต่อเธอ

"งั้นคุณหมายความว่า จะอยู่กับฉันไปนานๆ?" ตอนนี้เธอเกร็งมาก เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆถึงถามแบบนี้

หรือว่าในก้นบึ้งหัวใจ เธอก็ไม่รู้ว่าจะอยู่กับเฟิงหานชวนไปได้นานแค่ไหน เลยรู้สึกหวั่นไหวกับคำว่าเวลา

"ใช่" เฟิงหานชวนตอบ แล้วยื่นมือไปแตะศีรษะเธอเบาๆ "อย่าคิดมาก"

"ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว ชีวิตผมก็จะไม่มีคำว่าหย่า นอกจากจะเสียอีกคนไป"

เขาพูดอย่างหนักแน่น ซึ่งมีผลกระทบกับหัวใจเธอมาก ใจที่ยังเต้นปกติกลับเต้นแรงขึ้นมาทันที

"ฉัน ฉัน ฉัน……" เฉินฮวนฮวนลนลานจนทำอะไรไม่ถูก

ทำไมเฟิงหานชวนถึง มั่นใจกับชีวิตคู่นี้ ถ้าแก่ไปด้วยกันไม่ได้ล่ะ?

"คุณ……คุณเคยคิดหรือเปล่าว่า คุณอาจจะชอบผู้หญิงคนอื่น?"

เฉินฮวนฮวนเกาหัวอย่างทำตัวไม่ถูก แล้วพูดอีกว่า "คุณเพอร์เฟคขนาดนี้ ข้างตัวต้องไม่ขาดผู้หญิงสวยๆแน่ๆ ชีวิตคู่ของฉันกับคุณ อาจจะเพราะแค่นายท่านใจร้อนเกินไป"

เธอไม่ใช่คนที่หลงตัวเอง เธอรู้ว่ามีเรื่องพวกนี้ แล้วก่อนหน้านั้นเธอยังทำให้เขารังเกียจด้วย

เธอในตอนนี้ ไม่รู้สึกว่าเฟิงหานชวนชอบเธอมากมายอะไร เธอแค่รู้สึกว่าที่เฟิงหานชวนทำดีกับเธอ เพราะคิดว่าเธอเป็นภรรยา แล้วตั้งใจกับชีวิตคู่นี้

แต่ชีวิตคู่นี้จะดำเนินต่อไปได้หรือเปล่า ตอนนี้เธอไม่แน่ใจเลย

"เฉินฮวนฮวน ผมพูดไปแล้ว" เฟิงหานชวนรู้ว่าตัวเองทำให้เธอสบายใจไม่ได้ เขาจึงจับมือเธอไว้ แล้วจ้องสบตากับเธอเอ่ยว่า "ผมจะไม่หย่ากับคุณ"

"……" เฉินฮวนฮวนมองผู้ชายตรงหน้า สีหน้าเขาเข้มงวดมาก หนักแน่นมาก

เขาไม่ได้พูดว่าชอบเธอ แต่เขาบอกว่าจะไม่หย่า งั้นเขาก็หมายความว่า เป็นแค่ภรรยาคนแรก?

ตอนนี้สมองเฉินฮวนฮวนตีกันวุ่นไปหมด แต่เธอรู้ว่าตอนนี้ดึกแล้ว เดี๋ยวยังต้องไปเข้าคลาสร่างกาย เรื่องของความรู้สึก ตอนนี้เธอยังไม่อยากคิดอะไรมาก

"อื้อ ฉันรู้แล้ว" เฉินฮวนฮวนพยักหน้า แล้วจับแขนของเขาไว้เอ่ยว่า "ฉันต้องไปเรียนแล้ว คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ"

เฟิงหานชวนก้มมองนาฬิกา สีหน้าจึงเข้มขรึม เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ยังอีกยี่สิบนาที คุณจะรีบไล่ผมไปทำไม? อยากจะไปคุยกับไอ้หน้าอ่อนตอนเช้าอีกเหรอ?"

"หา? ไอ้หน้าอ่อนอะไร?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกงง

"ไอ้หน้าอ่อนที่พาคุณมาไง ทีมงานคนนั้น ผมเห็นพวกคุณเดินมาจากโรงอาหารพร้อมกัน ยังคุยเล่นยิ้มให้กันอีก" เฟิงหานชวนไม่อยากพูดถึง แต่เฉินฮวนฮวนไล่เขาไป เขาจึงไม่พอใจ

"นั่นเป็นทีมงานที่พาฉันมา คุณหนีซวงให้เขาไปหาฉัน บอกให้ฉันมากรอกข้อมูล ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา" เฉินฮวนฮวนอธิบาย

เฟิงหานชวนปล่อยเธอ หันเดินไปที่โซฟา แล้วนั่งไขว่ห้างอย่างขี้เกียจ ท่าทางดูเย็นชามาก

เห็นสีหน้าเขาเข้มขรึม ในหัวเฉินฮวนฮวนจึงมีคำว่าหึงลอยเข้ามา

เฟิงหานชวนหึงงั้นเหรอ?

เธอรีบเดินไปนั่งลงข้างเขา แล้วใช้นิ้วจิ้มแขนเขา เม้มปากเอ่ยว่า "ฉันเจอกับเขาครั้งแรก ก็แค่คุยเป็นมารยาท ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย!"

เฟิงหานชวนก็ยังทำหน้าเย็นชา ไม่พูดตอบอะไร จนรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องจากยี่สิบกว่าลดลงมาถึงศูนย์องศา

"นี่ เฟิงหานชวน ฉันมีสามีที่เพอร์เฟคอย่างคุณแล้ว ฉันยังจะชอบคนอื่นอีกเหรอ?" เห็นเฟิงหานชวนไม่สนใจตัวเอง เฉินฮวนฮวนจึงพูดตรงๆ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าถ้าเธอพูดแบบนี้ เฟิงหานชวนอาจจะไม่หึงไม่โมโหอีก?

แต่ว่า เธอคิดไม่ถึงจริงๆ พูดจบไปแล้ว แต่เฟิงหานชวนก็ยังเงียบอยู่

เธอจึงทำตัวไม่ค่อยถูกแล้วเม้มปาก รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จึงลุกขึ้นจากโซฟา

"ฉันไปเรียนก่อนนะ อีกหน่อยคุณไม่ต้องมาเยี่ยมฉันอีก ถ้าคนอื่นเห็นจะอธิบายยาก ฉันไปก่อนนะ บ๊ายบาย……" เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เฟิงหานชวนกลับชักสีหน้าใส่เธอ

เธอน้อยใจมาก เลยไม่อยากสนใจผู้ชายคนนี้

ตอนที่เธอยกเท้าจะก้าวออกไป กลับโดนมือของเขาดึงไว้ จนตัวเธอเซไปข้างหลัง

"อ๊าย……"

ตัวเธอเซลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว จากนั้น จึงล้มลงไปบนตัวของผู้ชายคนนั้น

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เฉินฮวนฮวนถูกชายหนุ่มโอบกอดไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากชายหนุ่ม

  

ทว่า ใบหน้าของเธอยังฉายแววตกใจไม่หาย เธอถามเฟิงหานชวนอีกครั้ง

  

“คิดถึงคุณแล้ว ก็เลยมาหาคุณ” เฟิงหานชวนตอบอย่างตรงไปตรงมามาก

  

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก

เฟิงหานชวนบอกว่า…คิดถึงเธอแล้ว?

  

“พวกเรา ตอนเช้าพวกเราเพิ่งแยกกันเองนะ!” เฉินฮวนฮวนถูกเฟิงหานชวนกอดเอาไว้ เธอหันหลังให้ประตูสำนักงาน ทว่าเธอกำลังหันหน้าไปทางหน้าต่าง

เธอเห็นว่าท้องฟ้าข้างนอกสลัวลงไปมากจนเกือบมืดแล้ว ทว่า เธอและเฟิงหานชวนเพิ่งจะห่างกันเพียงหนึ่งวันเท่านั้นเอง

แยกกันตอนเช้า เจอกันตอนเย็น ผู้ชายคนนี้ยังบอกว่าคิดถึงเธอ?

  

“ไม่ว่าจะแยกกันตอนเช้าหรือแยกกันนานแค่ไหน ต่อให้แยกกันแค่หนึ่งวินาที ผมก็คิดถึงคุณ” เฟิงหานชวนกอดร่างเล็กของหญิงสาวเอาไว้แน่น ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเธอ

  

“ถ้าอย่างนั้นคุณบอกฉันมา คุณเข้ามาได้ยังไง” เฉินฮวนฮวนไม่ได้ตั้งคำถามว่าแยกกันนานแค่ไหนอีกต่อไป สิ่งที่เธอกังวลตอนนี้คือ เฟิงหานชวนเข้ามาได้อย่างไร

  

“วางใจเถอะ เรื่องที่คุณให้ผมทำ ผมทำแล้ว” เฟิงหานชวนรู้ว่าเฉินฮวนฮวนต้องการถามอะไร เขาเอ่ยบอกตามตรง “ตอนกลางวันผมบอกทางหวาเถิงแล้วว่า ผมกับคุณเป็นแค่เพื่อนทั่วไป คุณอยู่ในรายการทุกอย่างจะเป็นไปตามปกติ ไม่ต้องมีอภิสิทธิ์ใดๆ เป็นพิเศษ และห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผม”

  

“ฮวนฮวน หลังจากคุณโทรหาผม ผมก็รีบพูดกับเขาเลย แบบนี้คุณพอใจไหม” อันที่จริงเฟิงหานชวนรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ทว่าเขาก็ยังเลือกเคารพการการตัดสินใจของเฉินฮวนฮวน

  

เฉินฮวนฮวนไม่เต็มใจ เขาจะไม่บังคับ

  

“อาหาน ฉัน…” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนไม่ค่อยพอใจเรื่องนี้

เห็นได้ชัดว่าเขาใจดีช่วยเธอ ทว่าเธอไม่เพียงแต่ไม่ซาบซึ้งในสิ่งที่เขาทำ เธอยังขอให้เขาไปอธิบายว่าพวกเขาทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกัน

หากเธอเป็นเฟิงหานชวน เธอต้องไม่มีความสุขอย่างแน่นอน

  

“ขอโทษนะ อาหาน ฉันรู้สึกขอบคุณคุณมากจริงๆ แต่ว่าฉันไม่อยากใช้ความสัมพันธ์ใดๆ เพื่อมาอยู่ในรายการ” เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม และเอ่ยบอกอย่างจริงใจ

  

“คุณไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์กับผมใช่ไหม” การไม่ใช้ความสัมพันธ์ที่เฟิงหานชวนเข้าใจคือ เฉินฮวนฮวนไม่ยินยอมเปิดเผยความสัมพันธ์

  

“ฉันคิดว่าพวกเรา…พวกเราอย่าเพิ่งเปิดเผยเลย…” เฉินฮวนฮวนคิดเช่นนั้น

เธอไม่ชอบโอ้อวด และตอนนี้เธอเป็นนักศึกษา แถมยังเป็นเด็กฝึกหัดของรายการแสดงความสามารถ แม้ว่าเธอจะแต่งงานแล้ว ทว่าสถานการณ์ของเธอ ไม่เหมาะสมกับการเปิดเผยความสัมพันธ์

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เธอไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเดินไปกับเฟิงหานชวนได้นานแค่ไหน และการแต่งงานครั้งนี้จะประคองชีวิตคู่ไปได้นานแค่ไหน

  

“โอเค ผมตามใจคุณทั้งนั้น” เฟิงหานชวนไม่ได้ถามอะไรมาก และไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาเพียงตอบกลับง่ายๆ

  

หลังจากนั้น เขาก็ปล่อยหญิงสาวในอ้อมแขนของเขา

“คุณยังไม่บอกฉันเลย คุณเข้ามาได้ยังไง” ทันใดนั้น เฉินฮวนฮวนก็นึกถึงตอนหนีซวงเรียกเธอมากรอกข้อมูล เธอรีบถามขึ้นว่า “คุณติดสินบนอาจารย์หนีเหรอ”

“ผมขอให้กรรมการบริษัทของหวาเถิงออกสำสั่งให้หนีซวงคนนั้นปิดบังอำพรางผมแล้ว ไม่มีใครมาเจอผมกับคุณหรอก” เฟิงหานชวนอธิบาย

  

เขารู้ว่า หากเขาไม่อธิบาย กลัวว่าหญิงสาวคนนี้จะไม่สบายใจ

  

“ปิดบังอำพราง?” เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ฟังคำพูดของเฟิงหาน ใบหน้าของเธอเริ่มหงิกงอ ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “แบบนี้มันเหมือนลักลอบคบกันเลยนะ!”

  

“เราไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ คุณก็ไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของเรา ดังนั้น…คุณก็รู้ว่าเราทำแบบนี้ เป็นการลักลอบคบกัน?” เฟิงหานชวนเข้ามาประชิดตัวเธอ และดันเธอเข้ากับกำแพงอีกครั้ง

ที่ติงเซียงดึงเฉินฮวนฮวนไปทีมเต้น ความจริงเธอมีเหตุผล

หนึ่งคือ เธอจะได้อยู่กับเฉินฮวนฮวน สองคือ นี่เป็นเหตุผลที่สำคัญมาก ถ้าเฉินฮวนฮวนเป็นเพื่อนร่วมทีมเธอ งั้นเธอก็จะมีคู่แข่งน้อยลง

เพราะว่า ความสามารถการเต้นของเฉินฮวนฮวนก็งั้นๆ

เหตุผลของติงเซียง เฉินฮวนฮวนไม่รู้ เธอจึงส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า "ยังเร็วไป! ตอนนี้แค่ฝึกอบรม ฉันขอคิดดูก่อน"

เธอถนัดการเต้น แต่ร้องเพลงไม่ค่อยเพราะ เฉินฮวนฮวนเลยลังเล

ทั้งสองเพิ่งกินมะเขือเทศในโรงอาหารเสร็จ ก็มีทีมงานคนหนึ่งเดินมาหาเฉินฮวนฮวน เป็นผู้ชายคนหนึ่ง

"เธอคือเฉินฮวนฮวนใช่ไหม?"

ที่หน้าอกเขามีบัตรพนักงาน เขียนว่าเป็นทีมงาน ชื่อเฉินเฟยหยาง

เฉินฮวนฮวนรีบลุกขึ้นแล้วถามอย่างสงสัย "สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?"

"ผู้อำนวยการหนีบอกว่าเอกสารของเธอกรอกไม่ครบ ตอนนี้เชิญไปที่ห้องทำงานครับ" เฉินเฟยหยางตอบ

"ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันไปตอนนี้เลย" เฉินฮวนฮวนรีบพยักหน้า แล้วหันไปพูดกับติงเซียง "เซียงเซียง เธอกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ"

"อื้อ งั้นเธอไปเถอะ ถ้าถึงเวลาเธอไม่ทันกลับหอ ก็ไปที่ห้องเรียนเลยนะ" ติงเซียงพยักหน้า แล้วโบกมือกับเธอ

"โอเค" พอเฉินฮวนฮวนตอบแล้ว จึงเดินพุ่งตรงไปที่ประตูโรงอาหาร

เฉินเฟยหยางอึ้ง แล้วรีบตามไป "เฉินฮวนฮวน เธอรอก่อน"

เฉินฮวนฮวนรีบหยุดฝีเท้า แล้วหันไปมองเฉินเฟยหยางที่วิ่งตามด้วยสีหน้างง

"คืออย่างนี้ครับ ผู้อำนวยการหนีให้ผมพาไป ผมต้องส่งไปถึงที่ครับ" เฉินเฟยหยางเกาหัวอย่างอายๆ

ความจริงเขาไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ แต่แว็บแรกที่เขาเห็นเฉินฮวนฮวน เขาก็รู้สึกใจเต้นแรง

"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้จักห้องทำงานคุณหนีซวง" เฉินฮวนฮวนไม่อยากรบกวนคนอื่น

"ผมพาไปดีกว่าครับ เพราะผู้อำนวยการหนีให้ผมมารับ" เฉินเฟยหยางก็ยังดื้อดึงจะตามเธอไป

เฉินฮวนฮวนจึงต้องตอบตกลง เธอพยักหน้าให้แล้วเดินไปต่อ

ระหว่างทาง เฉินเฟยหยางมองใบหน้าด้านข้างของเธอ ยิ่งดูยิ่งหวั่นไหว เขาจึงพูดว่า "สวัสดีครับ ผมชื่อเฉินเฟยหยาง เป็นเด็กฝึกงานฝ่ายการเขียนและกำกับ ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยครีเอทีฟมีเดียคณะการเขียนและกำกับ จบปีนี้ครับ"

เฉินฮวนฮวนงงเล็กน้อย ไม่คิดว่าอยู่ๆเฉินเฟยหยางจะแนะนำตัว เธอจึงยิ้มตอบอย่างมีมารยาท "สวัสดีค่ะ"

"ฮวนฮวน ชื่อเธอเพราะมาก! เธอเรียนมหาวิทยาลัยไหนเหรอ? อายุเท่าไหร่แล้ว?" เฉินเฟยหยางไม่เห็นข้อมูลของเฉินฮวนฮวน จึงแปลกใจมาก

"ปีนี้ฉันยี่สิบค่ะ เรียนมหาวิทยาลัยA ตอนนี้เรียนปีสอง" เฉินฮวนฮวนตอบอย่างมีมารยาท

"เธอเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์เหรอ? คณะนี้ของมหาวิทยาลัยAเจ๋งมาก" เฉินเฟยหยางชวนคุย อยากคุยกับเฉินฮวนฮวนอีก

เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า "เปล่า ฉันเรียนคณะครีเอทีฟมีเดีย สาขาออกแบบโฆษณา เพราะสาขานี้หางานง่ายกว่า"

"ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นสาขาเราก็คล้ายๆกันน่ะสิครับ ครีเอทีฟมีเดียเหมือนกัน ใช่สิ เธอไม่ใช่เด็กศิลปกรรม ทำไมถึงมาร่วมรายการล่ะ?" เฉินเฟยหยางถามอย่างสงสัย

"ที่ฉันมาร่วมรายการ ความจริงเพราะรุ่นพี่ฉัน……"

ทั้งสองคุยไปด้วย แล้วเดินไปที่อาคารห้องเรียน

บนตึก ข้างหน้าต่าง มีผู้ชายร่างสูงยืนอยู่ที่นั่น แล้วสายตาก็มองตามแผ่นหลังของเฉินฮวนฮวน

……

ไม่นาน ก็มาถึงชั้นห้าแล้ว

"เฉินเฟยหยาง ถึงห้องทำงานคุณหนีซวงแล้ว นายกลับไปพักเถอะ ขอบใจนะ!" เฉินฮวนฮวนรู้สึกขอบคุณเฉินเฟยหยาง ระหว่างทางเขาพูดเรื่องในรายการกับเธอไม่น้อย

"ไม่ต้องเกรงใจ งั้นผมไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่ครับ" เฉินเฟยหยางตื่นเต้นมาก โบกมือกับเธออย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วหันหลังเดินลงตึก

เฉินฮวนฮวนเดินไปหน้าห้องทำงานคุณหนีซวง แต่ประตูปิดอยู่ เธอจึงยกมือขึ้นเคาะประตู "คุณหนีซวงคะ หนูเฉินฮวนฮวนนะคะ หนูมาแล้วค่ะ"

ผ่านไปหลายวินาทีแล้ว แต่ข้างในไม่มีเสียงตอบรับอะไรเลย

เฉินฮวนฮวนจึงรู้สึกงง คุณหนีซวงเรียกเธอมากรอกข้อมูลไม่ใช่เหรอ? หรือว่าเขาไปแล้ว?

งั้นเอกสารเธอจะทำยังไง?

"คุณหนีซวงคะ คุณอยู่หรือเปล่าคะ?" เฉินฮวนฮวนเคาะประตูอีกครั้ง

ตอนนี้พวกเธอใช้โทรศัพท์ไม่ได้ จึงไม่สามารถติดต่อคุณหนีซวง เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอจึงยืนอยู่หน้าประตู จะเข้าก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่ได้

ทันใดนั้น เธอนึกอะไรได้ หรือว่าคุณหนีซวงวางเอกสารไว้บนโต๊ะ ไม่ได้รอเธอมากรอก แต่ให้เธอกรอกเองเลย?

พอคิดได้แบบนี้ เฉินฮวนฮวนจึงรวบรวมความกล้า แล้วยื่นมือไปจับด้ามประตู

ตอนที่เธอจะลองเปิดประตู แต่อยู่ๆด้ามประตูก็หมุนจากข้างใน แล้วประตูก็เปิดออก มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาดึงตัวเธอเข้าไปในห้องทำงาน

เธอยังตั้งสติไม่ได้ ประตูก็ปิดลงแล้ว เธอถูกดันไปที่ผนัง จนรู้สึกเย็นแผ่นหลัง

"ฮวนฮวน ผมเอง" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

มีความเย็นชา มีความทุ้มต่ำ แล้วแฝงไปด้วยความคิดถึง

เฉินฮวนฮวนรีบเบิกตาโต มองไปที่ผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ จะอ้าปากพูด แต่ตัวเองกลับพูดติดๆขัดๆ

"เฟิง……เฟิงหานชวน……"

เธอตกใจมาก จนสงสัยว่าตัวเองกำลังฝันหรือเปล่า ตาฝาดหรือเปล่า หรือว่าสมองเบลอไปแล้ว!

เป็นไปได้ยังไง เฟิงหานชวนยืนอยู่ตรงหน้าเธอได้ยังไง!

ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว ถึงจะไม่มืดสนิท แต่ในห้องทำงานไม่ได้เปิดไฟ จึงดูมืดมัว

เฉินฮวนฮวนคิดว่าตัวเองตาฝาดจริงๆ ผู้ชายตรงหน้าไม่พูดอะไรเลย เธอรีบยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง จากนั้น……

เธอยื่นมือออกไป วางลงที่หน้าของเขา

แก้มของเขาเย็นมาก แต่รู้สึกได้ว่ามือสัมผัสผิวหน้า เพราะฉะนั้นคนที่ยืนอยู่หน้าเธอ เป็นคนเป็นๆ!

เฟิงหานชวนก็ยังไม่พูดอะไรเหมือนเดิม ดวงตาที่มืดมัวของเขาจ้องมองผู้หญิงตรงหน้า

"เฟิงหานชวน คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง!" เฉินฮวนฮวนอึ้งมาก จึงรีบเอ่ยถาม

แต่ว่า คำถามของเธอ ไม่ได้รับคำตอบจากเขา แต่กลับได้การจุมพิตที่ดุเดือดแทน

ฝ่ามือของเขาจับศีรษะเธอไว้ เธอจึงดิ้นไม่ได้เลย ทำได้แค่ให้เขาจูบ จูบอย่างดุเดือด

เธอรู้สึกว่า เหมือนเฟิงหานชวนใช้แรงทั้งหมดที่มี

สติของเฉินฮวนฮวนเริ่มเลือนราง แต่เธอก็คิดได้ว่าตอนนี้พวกเธอไม่ได้อยู่ตระกูลเฟิง แต่เป็นห้องทำงานของคุณหนีซวง

เธอรีบยันมือทั้งสองข้างที่หน้าอกเขา แล้วออกแรงผลัก ริมฝีปากก็เริ่มไม่ให้ความร่วมมือ

เฟิงหานชวนรู้สึกได้ว่าเธอต่อต้าน จึงปล่อยตัวเธอทันที จากนั้นค่อยดึงเธอเข้ามากอดแน่นๆ

"คิดถึง" เสียงเขาทุ้มต่ำมาก

“ที่ผมขอให้คุณมาตามลำพัง ผมอยากถามความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับการแต่งเพลงร้องเอง”

กู้ไหว่นั่งลงท่าทีเคร่งขรึมบนเก้าอี้สำนักงานและทำท่าแนะให้เฉินฮวนฮวนนั่งลงเช่นกัน

เฉินฮวนฮวนนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามโต๊ะของเขา

“แต่งเพลงร้อง? ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้” เฉินฮวนฮวนกล่าวถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเขาหรี่ลง และเขาส่ายหัวอย่างเงียบ ๆ

"ฉันชอบการดัดแปลง 《เพลงสายลม》 ของคุณมาก และฉันคิดว่าการปรับเปลี่ยนของคุณทำให้มันดีขึ้น" กู้ไหว่ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อยบนใบหน้าของเขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

เมื่อได้ยินคำชมของกู้ไหว่ เฉินฮวนฮวนรู้สึกปลาบปลื้มใจ เธอโค้งคำนับอย่างรวดเร็วและกล่าวขอบคุณ: “ขอบคุณค่ะอาจารย์กู้ ฉันคิดว่าเพลงต้นฉบับของคุณดีกว่า แต่อารมณ์ในใจของฉันนั้นแต่งต่าง ฉันเลยอยากใช้แบบฉบับของฉันร้องเพลงนี้” "

“อันที่จริง ฉันรู้สึกคุ้นเคยในทำนองของคุณ คุณเคยฝึกเปียโนมาก่อนไหมคะ? มีทำนองที่ดูเหมือนเปียโน” กู้ฮวยคิดอย่างถี่ถ้วนในใจและเริ่มฮัมเพลงขึ้น

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนซีดกะทันหัน เธอรีบปกปิดความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเธอ ส่ายหัวแล้วพูดว่า: "อาจารย์กู้! ฉัน… ฉันไม่เคยได้ยินมันมาก่อน บางทีอาจเป็นแค่ความบังเอิญ"

“อย่าตกใจเลย ผมไม่ได้หมายความว่าคุณลอกเลียนแบบ ผมแค่อยากถามว่าคุณเคยได้ยินเพลงทำนองเปียโนนี้หรือเปล่า ”กู้ไหว่คิดเพียงว่าเฉินฮวนฮวนถูกตัวเองทำให้ตกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะปลอบว่า : "การเป็นศิลปินต้องหนักแน่น!"

“ค่ะ อาจารย์กู้” เฉินฮวนฮวนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

“ที่ผมโทรหาคุณเป็นการส่วนตัวนอกจากพูดถึงเพลงนี้แล้ว ผมอยากแนะนำคุณว่าระหว่างที่คุณประกวดคุณควรเลือกกลุ่มแต่งเพลงร้อง” กู้ไหว่ทำท่าครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งร้อยคน คนที่ร้องเพลงได้ดีมีมาก แต่ร้องเพลงและแต่งเพลงนั้นมีน้อย และผมคิดว่าคุณมีพรสวรรค์"

เฉินฮวนฮวนเข้าใจทันทีว่า ที่กู้ไหว่เรียกเธอมาที่สำนักงานเพื่อพูดคุยเพื่อให้คำแนะนำแก่เธอ

เธอรู้ว่าหลังจากเข้าประกวดในรายการแล้ว จะมีการแบ่งกลุ่มออกเป็นทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ กลุ่มร้อง กลุ่มเต้น และกลุ่มแต่งเพลงร้อง

“อาจารย์กู้คะ ฉันไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ ฉันขอคิดดูก่อน” เฉินฮวนฮวนยังไม่แน่ใจในทิศทางของเธอเองได้ในขณะนี้

“ได้ ผมแค่แนะนำ” กู้ไหว่มองดูนาฬิกาแล้วพูดว่า “คุณกลับไปก่อน สักครู่ผมจะเข้าสอน”

“ค่ะอาจารย์กู้ เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและออกจากห้องทำงานของอาจารย์

ทันทีที่เธอจากไป ซูเวยก็เดินเข้ามา ใบหน้าของเธอดูไม่ดีและเธอยังล็อคประตูอีกด้วย

“กู้ไหว่ คุณหมายความว่าอย่างไร ฉันพึ่งสารภาพคุณก็ปฏิเสธ แล้วคุณก็พานักเรียนหญิงมาที่สำนักงาน” ซูเวยตรงดิ่งไปที่กู้ไหว่ พูดด้วยน้ำเสียงของเธอโกรธมาก

ใช่แล้ว วันนี้เธออารมณ์ไม่ดีเพราะกู้ไหว่

เธอชอบกู้ไหว่และสารภาพกับกู้ไหว่เมื่อเช้านี้ แต่กู้ไหว่กลับปฏิเสธเธออย่างไม่ปราณี บอกว่าเรื่องของเราสองคนมันเป็นไปไม่ได้

ซูเวยไม่เคยสารภาพกับใครมาก่อน และเธอไม่เคยรู้สึกอายเช่นนี้

“ซูเวย ระวังคำพูดของคุณด้วย ผมกับเฉินฮวนฮวนเป็นแค่อาจารย์กับลูกศิษย์” สีหน้าของกู้ไหว่เคร่งขรึมขึ้น

เขารู้ว่าซูเวยถูกเขาปฏิเสธ แน่นอนว่าเธอจะรู้สึกไม่ดีกับเขา แต่เขาไม่อนุญาตให้ซูเวยพูดจาใส่ร้ายป้ายสี

“ความสัมพันธ์อาจารย์กับลูกศิษย์? เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณดูแลศิษย์ผู้หญิงดีขนาดนี้ คุณเคยพาลูกศิษย์ผู้หญิงมาที่สำนักงานด้วยตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซูเวยมั่นใจว่ากู้ไหวรู้สึกไม่ธรรมดากับเฉินฮวนฮวน

“พอแล้ว! ซูเวย ถ้าคุณยังยุ่งวุ่นวายแบบนี้ อย่าโทษที่ผมไม่เกรงใจ” ดวงตาของกู้ไหว่แสดงถึงความโกรธ เขาเป็นคนเรียบง่าย แต่ใช่ว่าเขาจะเป็นคนไร้อารมณ์

“ฉัน… ฉันแค่อยากจะถาม ฉันไม่ได้เอาไปพูดเรื่อยเปื่อยสักหน่อย เฉินฮวนฮวนคนนั้นมีดีอะไร คุณชอบผู้หญิงแบบเธอหรือ?” ท่าทีของซูเวยอ่อนลง เธอก็ไม่ต้องการทำให้กู่ไหว่ขุ่นเคือง ไม่ต้องการทำให้เรื่องบานปลาย

แต่เธอไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เธอจะแพ้ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีอย่างเฉินฮวนฮวนได้อย่างไร?

“ซูเวย คุณบ้าหรือเปล่า” กู้ไหว่โกรธจนหายใจติดขัด และพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมจะต้องพูดอีกกี่ครั้ง ความสัมพันธ์ของผมกับคุณเป็นแค่อาจารย์กับลูกศิษย์”

“จริงเหรอ?” ซูเวยสงสัย

กู้ไหว่ไม่อยากสนใจเธอ เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำแล้วก้าวออกจากสำนักงาน

เมื่อมองคล้อยหลังกู้ไหว่ ซูเวยก็รู้สึกโกรธ ขณะเดียวกันหญิงสาวในชุดเต้นรำรัดรูปสีดำเดินเข้ามา

หญิงสาวเกล้าผม รูปร่างสูงโปร่ง อายุประมาณ 30 ปี เธอดูมีอัธยาศัยดีมาก แค่มองก็รู้ว่าเธอเป็นนักเต้นบัลเลต์

"ชิงอวิ้น ฉันจะอกแตกตายเพราะกู้ไหว่!" เมื่อเห็นเฉินชิงอวิ้นซูเวยรีบคว้ามือของเธอและเบ้ปาก

“เวยเวย เกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของเฉินชิงอวิ้นพูดขึ้น เช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ

เธอเป็นครูสอนบัลเล่ต์ แต่ทีมประกวดหญิงไม่จำเป็นต้องฝึกบัลเล่ต์ เธอมีหน้าที่หลักในการฝึกฝนร่างกายของลูกศิษย์เป็นหลัก

เธออยู่ที่สำนักงานข้างๆ และได้ยินเสียงทะเลาะกันที่นี่ เธอเลยมาดูโดยเฉพาะ

“กู้ไหว่พาเด็กฝึกคนใหม่มาที่สำนักงาน คนที่ชื่อเฉินฮวนฮวน ฉันบอกว่าเขาชอบเธอ เขาเลยตะคอกใส่ฉัน” ซูเวยพูดถึงเฉินฮวนฮวนด้วยความรู้สึกโกรธ

“เฉินฮวนฮวน…” เฉินชิงอวิ้นเอ่ยชื่อของเธอ ทันใดนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “ฉันรู้จักเธอ”

“ชิงอวิ้น!” ซูเวยร้องเสียงหลงอย่างกะทันหันราวกับคิดอะไรบางอย่างออก: “คุณนามสกุลเฉิน และเธอก็นามสกุลเฉินด้วย พวกคุณเป็นญาติกันหรือเปล่า?”

“เปล่า แค่บังเอิญนามสกุลเหมือนกัน ตอนเที่ยง ฉันนั่งเล่นกับ หนีซวง มีเด็กฝึกคนหนึ่งถามหนีซวงเกี่ยวกับสถานะของเฉินฮวนฮวน ฉันเลยได้ยินชื่อเธอ” น้ำเสียงของเฉินชิงอวิ้นไพเราะมากพูดแบบไม่ช้าไม่เร็วเกินไป

“ออ ฉันก็ไปถามมาด้วย เป็นแค่เด็กฝึกธรรมดา ไม่มีพื้นหลังพื้นฐานแย่มาก” เมื่อพูดถึงเฉินฮวนฮวน ใบหน้าของซูเวยเต็มไปด้วยการดูถูก

เฉินชิงอวิ้นตบไหล่ซูเวยยิ้มจางๆ แล้วกล่าวว่า “อย่าโกรธเลย อาไหว่กับฉันเป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว เขาแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ ไม่มีทางที่เขาจะเอาเรื่องงานมาอ้างเพื่อพาผู้หญิงเข้ามาคุยในสำนักงาน คงต้องพูดคุยเกี่ยวกับความรู้ทางวิชาชีพ"

“ชิงอวิ้น วันนี้ฉันถูกเขาปฏิเสธ เธอยังเข้าข้างเขาอีก?” ซูเวยพูดด้วยสีหน้าที่ดูแย่มาก

“เธอเป็นเป็นเพื่อนของฉัน เขาก็เป็นเพื่อนของฉัน เรื่องของพวกเธอสองคนฉันจะไม่ก้าวก่าย ฉันแค่พูดถึงเรื่องเขากับเฉินฮวนฮวน” เฉินชิงอวิ้นพูดอย่างมีหลักการ

ซูเวยรู้ว่าเธอเสียเปรียบและพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ช่างเถอะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่สนใจกู้ไหว่อีกแล้ว ฉันไปเรียนก่อนนะ”

“อืม ไปเถอะ” เฉินชิงอวิ้นส่งซูเวยถึงที่ประตู ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้

……

ในห้องเรียน

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนกลับไป ก็ถูกติงเซียงจับมือไว้ "ฮวนฮวน อาจารย์กู้เรียกเธอไปหาเขาพูดอะไรกับเธอ?"

เธอรู้อยู่แล้วว่าเฉินฮวนฮวนเป็นเด็กฝึกธรรมดา ดังนั้นเธอถึงมีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อเฉินฮวนฮวน เธอต้องการคนที่ดีอย่างเฉินฮวนฮวนเพื่อยืนเคียงข้างเธอ

“ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ถามฉันว่าเคยเรียนแต่งเพลงหรือเปล่า เขาต้องการให้ฉันเข้าร่วมกลุ่มแต่งเพลงร้อง” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปิดเรื่องนี้กับติงเซียง

ขณะที่เธอตอบติงเซียง ฉินฟางและคนอื่นๆ ได้ยินพอดี ฉินฟางถึงกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

“เฉินฮวนฮวน มีไม่กี่คนหรอกที่จะยินดีเข้าร่วมกลุ่มแต่งเพลงร้อง มันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจและยากที่จะทำให้พอใจ ดูเหมือนว่าอาจารย์กู้จะยอมแพ้ในตัวคุณแล้ว” ฉินฟางกล่าวและหัวเราะอย่างมีความสุขมาก

ติงเซียงได้ยินดังนั้น เธอกอดแขนของเฉินฮวนฮวนและกระซิบที่หูของเธอว่า: "ฮวนฮวน ฉินฟางพูดถูก นอกจากแร็ปเปอร์สองคนในห้องเรียนที่หนึ่ง และเด็กฝึกอีกคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ในชั้นเรียนที่ห้า ก็ไม่มีใครอยากจะเข้าร่วมกลุ่มแต่งเพลงร้อง มันยากที่ได้เดบิวต์และมันไม่ง่ายเลยที่จะดึงดูดแฟนๆ”

“โธ่เอ๊ย อย่างมากก็มีเพียงคนเดียวในกลุ่มแต่งเพลงร้องที่จะสามารถเดบิวต์ได้ และมักจะได้เป็นแร็ปเปอร์ เฉินฮวนฮวนคุณร้องแร็พไม่ได้ใช่ไหม” ฉินฟางพูดเสริมขึ้น

เฉินฮวนฮวนมองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอและตอบอย่างใจเย็น: "ร้องไม่เป็น"

"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…" ฉินฟางยังคงหัวเราะต่อไปหลังจากที่ได้ฟัง

คนอื่นๆ ก็เริ่มพูดคุยถกเถียงกันอย่างเงียบๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเฉินฮวนฮวนเป็นตัวรับกระสุนที่ถูกกำหนดไว้แล้ว

ไม่มีความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเฉินฮวนฮวน เธอนิ่งสงบและเงยหน้าขึ้น ฝึกฝนบทเรียนของชั้นเรียนที่แล้วและไม่สนใจฉินฟางอีก

ฉินฟางรู้สึกเบื่อและพึมพำว่า: "ฉันก็ไม่อยากใส่ใจตัวรับกระสุนแบบเธอ"

เฉินฮวนฮวนได้ยินแต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง กู้ไหว่เข้ามาในชั้นเรียนและเริ่มเรียนบทเรียนที่สองของช่วงบ่าย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาค่ำก็มาถึง ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนและติงเซียงกำลังจะออกจากห้องเรียน กู้ไหว่ก็เรียกเธออีกครั้ง: "นักเรียนเฉิน"

เฉินฮวนฮวนหันศีรษะและเดินไปหากู้ไหว่ถามว่า: "อาจารย์กู้"

กู้ไหว่กำลังนั่งอยู่หน้าเปียโนไฟฟ้า เขาไม่ได้พูดอะไร แต่วางมือบนแป้นเปียโนและเล่นเพลงขึ้นช้าๆ

เฉินฮวนฮวนก็ตระหนักขึ้นมาว่าเพลงที่กู้ไหว่เล่นนั้นเป็นเพลงที่เธอดัดแปลง และดวงตาของเธอก็สว่างขึ้นในทันใด

“อาจารย์กู้ คุณแต่งเพลงท่อนนี้หรือ?” เฉินฮวนฮวนเพียงแค่ดัดแปลงและร้องสบายสบายในแบบของเธอเท่านั้น

ในขณะนั้น เพลงที่เธอร้องก็ถูกเล่นขึ้นอย่างเป็นทางการ ทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกตื่นเต้นมาก

“ฉันวางแผนที่จะแต่งเพลงนี้ใหม่และใช้การดัดแปลงของคุณ คุณอนุญาตได้ไหม” กู้ไหว่ยิ้มอ่อนๆ คำว่านุ่มนวลอ่อนโยนคำนี้ยังไม่สามารถเปรียบเทียบในสิ่งที่เขาแสดงออกมาได้

“โอ้พระเจ้า!” เฉินฮวนฮวนไม่คิดว่ากู้ไหว่จะชอบการดัดแปลงของเธอมากขนาดนี้ เธอพยักหน้าทันที: “ได้สิ ได้แน่นอน!”

“ดี ฉันจะพยายามแต่งให้เสร็จในคืนนี้” กู้ไหว่พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า: “พวกคุณรีบไปทานอาหารเย็นกันเถอะ ตอนดึกยังมีชั้นเรียนสรีระอีก! ลำบากหน่อยนะ”

“ขอบคุณอาจารย์กู้” เฉินฮวนฮวนรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก

ระหว่างทางไปโรงอาหาร ติงเซียงกลอกตาและพูดประชดว่า: "ฮวนฮวนดูเหมือนว่าอาจารย์กู้จะให้ความสำคัญกับเธอมาก เขาดึงคุณไปร่วมกลุ่มแต่งเพลงร้อง เขาคงอยากจะฝึกฝนเธอไม่ใช่ยอมแพ้ในตัวเธออย่างที่เฉินฟางและคนอื่นพูด

“เดิมทีฉันอยากเลือกกลุ่มเต้น แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกลังเลเล็กน้อย ฉันไม่มีประสบการณ์ในการร้องแต่งเพลง” เฉินฮวนฮวนถอนหายใจเล็กน้อยรู้สึกไม่มั่นใจ

"กลุ่มเต้น?" ติงเซียงจับมือเธอทันทีและพูดว่า: "ฉันก็เลือกกลุ่มเต้น เธอเข้ากลุ่มกับฉันสิ! ถ้าเธอไม่เป็นจริงๆ ฉันสอนเธอได้! กลุ่มแต่งเพลงร้อง ไม่มีอะไรก้าวหน้าจริงๆ … "

เฉินฮวนฮวนยกมือขึ้น จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นจากพื้นแล้วมองไปที่กู้ไหว่ที่ยืนอยู่แถวหน้าด้วยสายตาที่ว่องไวกระฉับกระเฉง

เธอตื่นเต้นมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นตัวเป็นๆของกู้ไหว่

"คุณชื่ออะไรครับ?"กู้ไหว่ไม่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติต่อเฉินฮวนฮวนเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงจัดการกับเธอแบบปกติ

"ฉันชื่อเฉินฮวนฮวน"ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะไอดอลอยู่ตรงหน้าของเธอ เธอเริ่มรู้สึกว่ามีเหงื่อออกบนฝ่ามือของเธอ

"เอาล่ะ ร้องเพลงเถอะ"ขณะที่พูดกู้ไหว่ก็นั่งลงตรงหน้าเปียโนไฟฟ้าและถามต่อว่า: "คุณต้องการร้องสดแบบไม่มีดนตรี หรือต้องการดนตรี"

"ฉัน……ฉันขอร้องสด"เฉินฮวนฮวนมักจะแอบฮัมเพลงกับตัวเองและบางครั้งก็ปรับเสียงของเธอด้วยตัวเธอเอง หากมีดนตรีประกอบเธออาจจะไม่สามารถตามจังหวะได้

"รายงานชื่อเพลงมา แล้วเริ่มกันเลย"แม้ว่ากู้ไหว่จะมีรอยยิ้มจางๆ แต่เขาก็ดูจริงจังและเข้มงวดมาก

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตื่นเต้นมาก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆและขยับมือไปข้างหน้า จากนั้นก็เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า: "ฉันจะร้องเพลงที่คุณแต่ง เพลงลม"

หลังจากรายงานชื่อเพลงเสร็จ เฉินฮวนฮวนก็เริ่มร้องเพลง เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของเธอ และช่วงกลางเพลงเธอก็เรียบเรียงดนตรีใหม่ด้วยตัวของเธอเอง ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากเพลงต้นฉบับเล็กน้อย

ในขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังร้องสดแบบไม่มีเสียงดนตรี ฉินฟางก็อดไม่ได้ที่จะดึงแขนของอันเยว่และกระซิบเบาๆว่า: "เธอร้องเพลงของครูกู้ มันชัดเจนเลยว่าเธอต้องการทำให้ครูกู้พอใจ"

"ฟางฟาง อย่าพูดเรื่องไร้สาระ"อันเยว่เหลือบมองไปทางกู้ไหว่ที่กำลังฟังเฉินฮวนฮวนร้อเพลง และแกล้งทำเป็นเตือนฉินฟาง

"ฉันพูดผิดซะที่ไหน เฉินฮวนฮวนกำลังพยายามทำให้ครูกู้พอใจ เธอดูครูกู้สิยังไม่เรียกให้เธอหยุดร้องเลย"

ฉินฟางกัดฟันกรอด และเธอรู้สึกอารมณ์เสียมาก: "วันแรกที่พวกเราอยู่ในคลาสและตอนที่ทุกคนร้องเพลง ครูกู้ฟังเพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็บอกให้พวกเราหยุดร้องแล้ว"

"โอเคๆ เธอไม่ต้องพูดแล้ว ระวังครูกู้ได้ยินเข้านะ"อันเยว่ห้ามเธอ

คนอื่นๆเองก็มีความคิดแบบเดียวกันกับฉินฟาง ทั้งหมดล้วนคิดว่าเฉินฮวนฮวนตั้งใจเลือกเพลงของกู้ไหว่เพื่อทำให้กู้ไหว่รู้สึกพอใจ อย่างไรก็ตามคนฉลาดๆอย่างกู้ไหว่อันที่จริงก็ได้เพ่งเล็งไปยังเด็กฝึกบางคนแล้ว

อายุของเด็กฝึกส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 18-28 ปี อันที่จริงก็ไม่ต่างจากกู้ไหว่มากนัก

เฉินฮวนฮวนเพลิดเพลินไปกับการร้องเพลงของเธอ เธอร้องเพลงโดยหลับตาและไม่ได้สนใจสีหน้าของผู้อื่นเลย ในช่วงเวลานี้เธอเป็นเพียงแค่คนๆหนึ่งที่หลงใหลในเสียงดนตรี

หลังจากที่เธอร้องเพลงจบและลืมตาขึ้น เธอก็ได้พบกับแววตาที่แสดงความชื่นชมของกู้ไหว่ จากนั้นเธอก็เห็นกู้ไหว่ยืนขึ้นมองมาที่เธอและปรบมือ

แม้ว่าส่วนลึกๆของหัวใจเด็กฝึกหัดคนอื่นๆจะรู้สึกไม่พอใจ แต่พวกเธอยังคงทำตามกู้ไหว่และปรบมือให้กับเฉินฮวนฮวน

"ขอบคุณค่ะครูกู้ ขอบคุณค่ะทุกๆคน"เฉินฮวนฮวนโค้งคำนับ

ในส่วนของการร้องเพลงเธอไม่ได้ปิดบังความสามารถอะไรเลย พลังเสียงของเธอไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เธอจึงแสดงให้เห็นว่าตัวเธอน่ะเป็นอย่างไร

"ร้องได้ดีมาก การเรียบเรียงดนตรีใหม่ก็ดีมากอีกด้วย ยกเว้นแค่ทักษะเฉพาะบางอย่างเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการร้องเพลงเพราะ"

กู้ไหว่ยิ้มเบาๆ สีหน้าของเขาดูอ่อนโยน: "แต่ผมอยากจะถามคุณว่าทำไมคุณถึงเลือกเพลงลม?"

เฉินฮวนฮวนผงะไปครู่หนึ่งและไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง

"อาจเป็นเพราะทำนอง หรืออาจเป็นเพราะเนื้อเพลง จริงๆแล้วฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันฟังเพลงนี้มาเป็นสิบๆปีแล้วและก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย"เฉินฮวนฮวนตอบอย่างใจเย็น: "แม้ว่าชีวิตจะอยู่ในความมืด แต่เพลงนี้ก็ทำให้ฉันรู้สึกมีความหวังเสมอ และมันช่วยทำให้ฉันเติบโตขึ้น"

คำพูดของเธอกระตุ้นความไม่พอใจของเด็กฝึกคนอื่นๆ เด็กฝึกบางคนบ่นว่าเธอประจบประแจงกู้ไหว่

"นี่เป็นเพลงแรกในสายอาชีพนี้ของผมที่ถูกบริษัทซื้อไป และยังเป็นเพลงที่ถูกปล่อยออกไปเป็นเพลงแรกอีกด้วย"เสียงของกู้ไหว่ฟังดูอ่อนโยนมาก เสียงของเขาราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่าถึงช่วงเวลาแห่งความสงบในหัวใจ

"ที่จริงคนที่ฟังเพลงนี้ไม่ได้มีเยอะมากนัก และเพลงนี้ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นที่นิยม แต่คุณก็ยังจำมันได้ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ"

"นั่งลงเถอะ ผมจะเริ่มคลาสแล้ว"

กู้ไหว่ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่หัวใจของเขาที่มองเฉินฮวนฮวนมีมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เฉินฮวนฮวนเรียบเรียงดนตรีใหม่ เขารู้สึกว่ามันดีกว่าเวอร์ชั่นเดิมของเขา และเขารู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนมีพรสวรรค์ที่สามารถสร้างได้

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่ากู้ไหว่กำลังคิดอะไร เธอนั่งลงบนพื้นและเริ่มฟังคลาสเรียนของกู้ไหว่อย่างตั้งใจ

ในช่วงพัก อันเยว่ถูกล้อมรอบไปด้วยเด็กฝึกครึ่งหนึ่งในคลาส โดยเฉพาะฉินฟางที่ตัวเกาะติดอยู่กับอันเยว่

เฉินฮวนฮวนและติงเซียงยืนอยู่ข้างๆ เธอจิบน้ำและพยายามทบทวนวิธีการร้องเพลงที่กู้ไหว่สอนในคลาสเมื่อครู่นี้

เมื่อได้ยินเสียงของเฉินฮวนฮวน ฉินฟางก็ปล่อยมือของอันเยว่และตรงไปที่เฉินฮวนฮวนทันที เธอพ่นน้ำเสียงอย่างเย็นชาว่า: "ครูกู้ไม่ชอบคนประจบสอพลอ ดังนั้นเขาไม่สนใจเธอหรอก"

เฉินฮวนฮวนมองไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธออย่างงุนงงและสงสัยว่าฉินฟางกำลังคุยกับเธออยู่หรือไม่

"อย่ามามองฉันแบบนั้น ฉันก็พูดกับเธอนั่นแหละ"ฉินฟางมองไปที่เธอด้วยสายตาเยาะเย้ย: "มาถึงก็ทำให้ครูวีวี่เคืองแล้ว เลยรีบไปเอาใจครูกู้สินะ?"

"ฉินฟาง พวกเราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกัน ฉันไปทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจตอนไหน?"เฉินฮวนฮวนเดิมทีที่นั่งอยู่บนพื้นก็ยืนขึ้น และมองตรงไปยังสายตาที่เยาะเย้ยของฉินฟาง

ไม่ได้มีความรู้สึกกลัวเลย

"โอ๊ะ! เธอไม่ได้ทำให้ฉันไม่พอใจเลย! ฉันก็แค่…ไม่ถูกชะตากับเธอ! "ฉินฟางพ่นลมหายใจและหันหลังเดินกลับไปหาอันเยว่

เฉินฮวนฮวนพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง

"ฮวนฮวน อย่าไปสนใจเลย ฉินฟางก็เป็นคนแบบนี้แหละ เธอคิดตัวเองเต้นเก่งและพยายามเกาะอันเยว่ แถมเธอยังชอบดูถูกคนอื่น"

ติงเซียงตบไหล่เฉินฮวนฮวน เธอกระซิบเบาๆข้างหูเฉินฮวนฮวน: "เธอร้องเพลงได้ไม่ค่อยดีนักและเธอก็ชอบครูกู้ แต่ครูกู้ไม่ค่อยสนใจเธอมากนัก ดังนั้นฉินฟางเลยรู้สึกอิจฉาเธอ"

"เอาเถอะ"เฉินฮวนฮวนแสดงออกอย่างหมดหนทางและส่ายหัวเบา ๆ

ในขณะเดียวกันกู้ไหว่ก็เดินเข้ามา และเด็กฝึกคนหนึ่งก็พูดว่า: "ครูกู้ เวลาพักของเรายังไม่หมดเลย!"

"พวกคุณพักกันต่อเลย เฉินฮวนฮวน คุณมาที่ห้องทำงานของผมสักครู่"กู้ไหว่ยืนอยู่ตรงประตู เขากวักมือเรียกเฉินฮวนฮวนที่อยู่มุมด้านในสุด

เฉินฮวนฮวนที่กำลังคุยกับติงเซียงและเมื่อเห็นกู้ไหว่เรียกตัวเอง เฉินฮวนฮวนก็กระตือรือร้นและรีบเดินออกไปหาทันที

"ครูกู้ คุณเรียกหาฉันเหรอคะ?"

"มากับผม ผมต้องการสอบถามข้อมูลพื้นฐานของคุณ"กู้ไหว่กล่าวสั้นๆ จากนั้นก็หันหลังและเดินออกจากประตูไป

เฉินฮวนฮวนรีบเดินตามไปทันที ในใจของเธอรู้สึกมีความสุขอย่างมาก

หลังจากที่พวกเขาออกไป บรรยากาศในชั้นเรียนก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง

"เยว่เอ่อร์ เธอไม่ได้คุยกับครูกู้เกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนตามลำพังเหรอ ทำไมเฉินฮวนฮวนถึงถูกเรียกให้ไปคุยตัวต่อตัวล่ะ?"ฉินฟางรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมแทนอันเยว่ อันที่จริงในใจของเธอตอนนี้รู้สึกโกรธมากๆ

เธอเพิ่งจะแซะการประจบสอพลอของเฉินฮวนฮวนไป และในชั่วพริบตาจู่ๆครูกู้ก็เรียกเฉินฮวนฮวนไปคุยตัวต่อตัว เธอรู้สึกโกรธจะตายอยู่แล้วจริงๆ!

"ฟางฟาง เฉินฮวนฮวนเป็นเด็กใหม่และเป็นเรื่องปกติที่ครูกู้ต้องการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของเธอ"อันที่จริงแล้วอันเยว่รู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกันเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้แสดงมันออกมา

"อ้อ ฉันถามไปแล้วตอนเที่ยง ครูหนีและเฉินฮวนฮวนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เธอบอกว่าเฉินฮวนฮวนเป็นแค่เด็กฝึกธรรมดาๆคนหนึ่ง เธอแค่ให้เฉินฮวนฮวนกรอกข้อมูลเฉยๆ"จ้าวซีพูดขึ้น เธอเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ไม่เห็นด้วยกับเกาเหวิน

เกาเหวินและจ้าวซีเป็นเด็กฝึกประเภทเดียวกัน พวกเธอทั้งขายาวและตัวสูง พวกเธอมีเสน่ห์เล็กน้อยและมีคาแรคเตอร์คล้ายๆนางแบบ

คนประเภทเดียวกันมักจะไม่ถูกกันเสมอเพราะว่าต้องแข่งขันกัน ทั้งเกาเหวินและจ้าวซีเป็นคนประเภทที่ยุได้ยากอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่

"จ้าวซี ครูหนีพูดอย่างนั้นเหรอ? แล้วทำไมเธอถึงดีต่อเฉินฮวนฮวนนัก แถมยังเธอยังจับแขนของเฉินฮวนฮวนอีก ครูหนีต้องไม่ใช่คนดีขนาดนั้นแน่ๆ! "

"ใช่ๆ ท่าทางแบบนั้นมันน่ากลัวนะ!"

จ้าวซีหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: "ครูหนีอารมณ์ดีเลยจับแขนของเฉินฮวนฮวน ไม่ได้มีความหมายอะไรแอบแฝงหรอก"

"จ้าวซี ตอนเที่ยงเธอได้ไปถามครูหนีหรือเปล่า?"อันเยว่ยืนขึ้น มันเป็นเรื่องยากที่เธอจะเป็นคนเอ่ยถามเองก่อน เพราะเธอไม่เคยทำตัวซุบซิบนินทา

"แน่นอน และฉันค่อนข้างมั่นใจ"จ้าวซีเยาะเย้ย: "สรุปแล้วเกาเหวินเป็นคนส่งเธอเข้ามา พวกเธอก็รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเกาเหวิน ฉันไปสืบถามมาละ"

เมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวซีพูด ทุกคนก็เริ่มมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและพุ่งเป้าไปที่เฉินฮวนฮวน

เดิมทีคิดว่าเฉินฮวนฮวนมีแค่ภูมิหลังนิดหน่อย ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไร

อันเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในความเงียบ

……

ณ ห้องทำงานของครู

เมื่อกู้ไหว่พาเฉินฮวนฮวนเข้ามา ซูเวยที่กำลังดื่มน้ำอยู่เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนน้ำก็พุ่งออกมาจากปากของเธอทันที

"คุณพาเธอมาที่นี่ทำไม?"ซูเวยขมวดคิ้วและจ้องไปที่เฉินฮวนฮวน

เดิมทีเธอคิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นเด็กฝึกที่มีภูมิหลัง หรือไม่ก็เป็นญาติของหนีซวง ดังนั้นหนีซวงเลยใจดีกับเฉินฮวนฮวน

แต่ใครจะไปรู้เมื่อตอนเที่ยงที่เธอไปถามหนีซวง แต่หนีซวงก็กลับปฏิเสธ และเมื่อพูดถึงเฉินฮวนฮวนเธอก็แอบดูถูกเฉินฮวนฮวนอยู่หน่อยๆ โดยพูดเพียงว่าเฉินฮวนฮวนเป็นเพียงแค่เด็กฝึกธรรมดาๆ

ซูเวยกลัวว่าจะขัดใจหนีซวง เธอเลยให้คำแนะนำทุกอย่างแก่เฉินฮวนฮวนในคลาสเรียนสุดท้ายในตอนเช้า ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยจริงๆ

ดังนั้นเมื่อเธอเห็นเฉินฮวนฮวนในตอนนี้ เธอจึงรู้สึกอารมณ์เสียมากๆ เด็กฝึกธรรมดาๆถึงกับได้รับคำแนะนำแบบตัวต่อตัวของเธอ ช่างสิ้นเปลืองพลังงานของเธอเสียจริง

"ทำไม? คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเด็กฝึกเฉินไหม? "กู้ไหว่มองออกว่าซูเวยไม่ชอบเฉินฮวนฮวน เขาจึงถามลองเชิง

"กู้ไหว่ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณพาเด็กฝึกมาที่ห้องทำงาน คงจะรู้สึกพอใจกับเธอสินะ?"ซูเวยอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยพูดอย่างตรงไปตรงมา

สีหน้าของกู่ไหว่ดูน่ากลัว เขาพูดอย่างจริงจังว่า: "ซูเวย เรื่องระหว่างคุณกับผมอย่าเอาอารมณ์มาใส่นักเรียนที่ไร้เดียงสาแบบนี้"

“……”ซูเวยถูกกู่ฮ่วยทำให้รู้สึกแค้น สีหน้าของเธอกลายเป็นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอก้าวขาออกจากห้องทำงานทันที

เฉินฮวนฮวนดูสับสนงุนงงและไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น

ซูเวยปฏิบัติต่อเธออย่างดีในคลาสสุดท้ายในตอนเช้าไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆสีหน้าของเธอดูเปลี่ยนไป เป็นไปได้ไหมที่ซูเวยจะมีสองบุคลิก?

อย่างไรก็ตามเธอไม่ต้องการสนใจเกี่ยวกับทัศนคติของซูเหวยที่มีต่อตัวเอง ตอนนี้ไอดอลของเธอเรียกตัวเองมาที่ห้องทำงานโดยไม่รู้ว่าต้องการที่จะถามอะไรกับเธอ?

"คุณกู้ คุณ…"เฉินฮวนฮวนกำลังจะพูด แต่ก็ถูกกู้ไหว่ขัดจังหวะเสียก่อน

"หานชวน เป็นอะไร ? ฉันเห็นคุณหน้านิ่วคิ้วขมวด คุณไม่ชอบให้ฉันถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้ใช่ไหม? "

หลีซืออวิ๋นมองไปที่ใบหน้าที่ไม่พอใจของเฟิงหานชวนและรู้สึกน้อยใจขึ้นมา เธอเดาความคิดของเฟิงหานชวนไม่ออกจริงๆ

เธอเป็นเพื่อนกับเฟิงหานชวนมาเป็นเวลาหลายปี การถามคำถามเหล่านี้มันน่าจะเป็นเรื่องที่ปกติมากไม่ใช่เหรอ ?

คงไม่ถึงกับทำให้เฟิงหานชวนไม่พอใจหรอกมั้ง ?

“ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของบริษัท” เฟิงหานชวนวางโทรศัพท์และค่อยๆผ่อนปรนคิ้วที่ขมวดลง

“ก็ดี ฉันคิดว่าคุณอยากปกปิดผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อเฉินฮวนฮวนเสียอีก ” หลีซืออวิ๋นพูดหยอกล้อ

“แน่นอนว่าไม่ได้ปกปิด” เฟิงหานชวนตอบกลับในทันทีและสะดุ้งเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว

จริงๆ แล้วเขาไม่ได้อยากปกปิดเฉินฮวนฮวน แต่เฉินฮวนฮวนต่างหากที่…

“เมื่อเธอกลับมาจากค่ายฝึก ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักอย่างเป็นทางการ เหวินโจวก็ยังไม่เคยเจอเธอเช่นกัน” เฟิงหานชวนกล่าวเบาๆ

“ค่ายฝึก?” หลีซืออวิ๋นถามอย่างสงสัย

“เธอไปเข้าร่วมรายการโชว์ที่แสดงความสามารถ เธอต้องไปค่ายฝึกเพื่อถ่ายทำเป็นเวลาครึ่งเดือน หลังจากกลับมารายการถึงจะออนแอร์ ” นี่คือสิ่งที่เฉินฮวนฮวนบอกเขาเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เขายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎกติกาและเงื่อนไขของรายการหวาเติง และเขารู้จักรายการนี้ดีกว่าเฉินฮวนฮวนเสียอีก

แม้ว่าเขาจะรู้จักเป็นอย่างดี แต่เขาไม่สามารถทำอะไรให้เฉินฮวนฮวนได้ เพราะเธอไม่ยอมและเธอจะโกรธ

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เฟิงหานชวนก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ! พวกเด็กสาวสมัยนี้เป็นแบบนี้กันสินะ ชอบลงแข่งอะไรแบบนี้กันจริงๆ ถ้าเธอชนะการแข่งขันขึ้นมา คุณจะยอมให้เธอเป็นศิลปินไหม ? ” หลีซืออวิ๋นรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนไม่น่าจะผ่านเข้ารอบ

ในบรรดาครอบครัวที่มั่งคั่งเหล่านี้โดยเฉพาะครอบครัวที่มั่งคั่งอย่างตระกูลเฟิง คงจะกลัวคนในบ้านไปเป็นศิลปินมากที่สุด คนที่เข้าไปอยู่ในวงการบันเทิงย่อมมีพวกปาปารัสซี่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องที่เสื่อมเสีย คนคงจะได้รู้กันไปทั่ว

ถ้าเป็นข่าวที่ดีก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นข่าวที่เสื่อมเสียมันจะส่งผลกระทบต่อตระกูลเฟิงเป็นอย่างมาก

“ถ้าเธอชอบ ฉันจะสนับสนุนเธอ” เฟิงหานชวนตอบอย่างหนักแน่น

“ก็ดี ฉันแค่อยากจะเตือนว่าในวงการบันเทิงในวุ่นวายมาก ดูอายันกับดาราสาวสิ มีแต่ข่าวเชิงลบ ไม่มีดาราสาวคนไหนกล้าแต่งงานกับเขาอีก ” หลีซืออวิ๋นพูดอย่างจริงจัง และมองไปที่เฟิงหานชวนที่กำลังนึกคิด

“เธอจะไม่ทำ” เฟิงหานชวนพูดอย่างมั่นใจ

เขาเชื่อว่าเฉินฮวนฮวน ไม่ใช่ผู้หยิงแบบนั้นแน่นอน

“ดูแล้ว คุณจะเชื่อมั่นในตัวเธอมากเลยนะ ” หลีซืออวิ๋นดูเหมือนกำลังพูดกับเฟิงหานชวน แต่ก็ดูเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า ร่องรอยความเกลียดชังเกิดขึ้นในแววตาของเธอ

ฐานค่ายฝึก.

การเรียนเต้นในตอนเช้าจบลงอย่างรวดเร็วและเป็นเวลาอาหารกลางวัน

ทันทีที่ซูเวยพูดว่า "เลิกเรียน " ทุกคนต่างก็ร้องตะโกนออกมาว่า " หิว "

การซ่อมเต้นของพวกเธอถือเป็นการออกกำลังกายไปด้วย และอาหารของพวกเธอเป็นอาหารคลีน มันเลยทำให้พวกเธอหิวมากเป็นพิเศษ

เมื่อซูเวยจากไป มีบางคนตะโกนร้องออกมา " กินสลัดผักอีกแล้วเหรอ? พระเจ้าช่วย !"

“ มีให้กินก็บุญแล้ว พวกเขาไม่ได้ให้กินแต่น้ำสักหน่อย ”

“มันยากเกินไป เมื่อการฝึกฝนสิ้นสุดลง สิ่งแรกที่ฉันจะทำคือกินไก่ทอด”

"ฉันจะกินหม้อไฟ บาร์บีคิว ฮือออออ …"

คนอื่นๆ ต่างพูดคุยกันและเดินออกจากห้องเรียนไป

ตำแหน่งของติงเซียงอยู่ห่างกับเฉินฮวนฮวนมาก เธอเอนตัวไปข้างหน้าและถามว่า " ฮวนฮวน อาจารย์หนีซวงเรียกเธอไปคุยอะไร ? ทำไมเขาถึงปฏิบัติกับเธอดีขนาดนี้ ? "

ติงเซียงรู้สึกสงสัยเป็นพิเศษ เธอคิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นแค่ตัวแทนชั่วคราวและไม่น่าจะมีเบื้องหลัง และเกาเหวินก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอ

แต่อาจารย์หนีซวงปฏิบัติต่อเฉินฮวนฮวนดีเป็นอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเฉินฮวนฮวนไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

“เขาแค่พูดคุยกับเกี่ยวกับกฎกติกาและเงื่อนไขของรายการและไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากนี้ เขาดีกับฉัน อาจจะเป็นเพราะวันนี้เขาอารมณ์ดีหรือเปล่า ” เฉินฮวนฮวนไม่ได้โกหกอะไรจริงๆ คุณหนีซวงเพียงแค่เรียกเธอไปคุยเกี่ยวกับกฎกติกาบางอย่างและเงื่อนไขสำหรับเธอ

เธอเพียงปิดบังเรื่องที่เกี่ยวกับเฟิงหานชวนเท่านั้น

“จริงเหรอ เธออย่าโกหกฉันนะ ! อาจารย์หนีเป็นปีศาจสาวเลือดเย็นที่ใครๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดี แค่ยิ้มให้อันเยว่ยังยากเลยจะมาจับมือเธอได้ยังไง ? ” ติงเซียงมองไปที่เฉินฮวนฮวน ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็ง เขากดดันเธอด้วยการพูดทีละคำราวกับว่าต้องการขุดความจริงออกจากปากของเฉินฮวนฮวนให้ได้

“ติงเซียง เราไปทานข้าวกันเถอะ” เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการตอบคำถามเหล่านี้ เธอเพียงตอบกลับสั้นๆ ว่า “ถ้าฉันมีเบื้องหลังจริงๆ ฉันจะไม่แค่มาแทนที่พี่เหวินชั่วคราว ”

สิ่งที่เฉินฮวนฮวนพูดนั้นไม่ผิด ก่อนพบกับเฟิงหานชวนเธอเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย แม้แต่ค่าผ่าตัดของคุณยายเธอยังไม่มีให้

ถ้าเธอได้พบกับเฟิงหานชวนเร็วกว่านี้ คุณยายของเธอจะไม่ตายใช่ไหม ?

“เอาล่ะ เราไปทานข้าวกันเถอะ” ติงเซียงมีความเชื่อเพียงครึ่งเดียว แต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้มากนัก เธอจึงปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป

เพราะเธอรู้สึกว่าสิ่งที่เฉินฮวนฮวนพูดนั้นมีเหตุผล แต่ปฏิกิริยาของคุณหนีซวงนั้นเปลี่ยนไปมาก เธอจะต้องหาความจริงให้ได้ !

หลังอาหารกลางวัน พวกเขางีบหลับกันสักครู่ และต้องรีบไปเรียนร้องเพลงต่อ

ยังคงเป็นห้องเรียนเดิม ตำแหน่งเดิม ทุกคนนั่งอยู่บนพื้นรอครูสอนร้องเพลงมา

ติงเซียงเคยบอกกับเฉินฮวนฮวนแล้วว่า ครูสอนร้องเพลงในชั้นเรียนของพวกเธอนั้นคือ กู่ฮวาเป็นอดีตนักดนตรีที่มีชื่อเสียง สิ่งนี้ทำให้เฉินฮวนฮวนประหลาดใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่ากู่ฮวาจะไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงแล้ว แต่เขาก็มีแฟนคลับเป็นจำนวนมาก เขามีความสามารถและแต่งเพลงดีๆ มากมาย

หนึ่งในนั้นคือเพลงที่เฉินฮวนฮวนชอบมากๆ ในตอนนั้น เป็นเพลงจบของละครย้อนยุคชื่อเรื่องว่า " ลม " แม้จะผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว แต่เธอก็ยังจำมันได้เป็นอย่างดีและมักจะฟังเพลงๆ นี้อยู่เป็นประจำ

กู่ฮวาเป็นเหตุผลที่เธอต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสาขาวิชาดนตรี แต่ถูกคุณยายของเธอบังคับไม่ให้เล่นดนตรีทุกชนิดและทุบวัตถุที่เกี่ยวข้องกับดนตรีทิ้งทั้งหมด

เธอรู้ว่าคุณยายของเธอจะไม่ยอมให้เธอแตะต้องดนตรี และยิ่งไม่ยอมให้เธอเดินตามเส้นทางของดนตรีอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดว่าตอนนี้เธอจะขัดความต้องการของคุณยายในที่สุด

อีกไม่ช้า เธอจะได้พบกับกู่ฮวานักดนตรีเก่าที่เธอชื่นชมมาโดยตลอด

หลังจากเรียนมหาวิทยาลัย คุณยายของเธอเริ่มมีสุขภาพไม่ดี เธอจึงยุ่งอยู่กับการทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาเงินเลยไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารของกู่ฮวา และเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เป็นลูกศิษย์ของกู่ฮวา

ขณะนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกตื่นเต้นมาก

ในที่สุด ก็มีรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่หนึ่งปรากฏขึ้นที่ประตู ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างขึ้นทันที

หลังจากนั้น ชายคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าลำลอง แม้ว่าเขาจะสูงไม่มากนักและเขาสวมแว่นตาสีดำ มันทำให้เขาดูเท่และมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก

แม้ว่ากู่ฮวามีอายุครบ 32 ปีในปีนี้ แต่เขายังคงดูเด็กเหมือนนักศึกษาวิทยาลัยในวัยยี่สิบต้นๆ

“อาจารย์กู่! อาจารย์กู่!”

เด็กในชั้นเรียนดูเหมือนจะชื่นชอบกู่ฮวามาก และเขาดูเป็นกันเองมาก ซึ่งแตกต่างจากบรรยากาศในตอนเรียนคาบเรียนของซูเวย

เฉินฮวนฮวนรู้อยู่แล้วว่า กู่ฮวาต้องเข้ากันได้ดีกับทุกคนในชั้นเรียนอย่างแน่นอน เพราะเธอรู้ว่ากู่ฮวาเป็นคนที่อัธยาศัยดี

“ผมได้ยินมาว่าชั้นเรียนของเรามีนักเรียนมาใหม่? เชิญออกมาแนะนำตัวหน่อย ” กู่ฮวาพูดเสียงต่ำ เสียงนั้นทำให้นักเรียนต่างตกอยู่ในภวังค์

เฟิงหานชวนอึ้งเล็กน้อย

วันเสาร์ที่เขาพาฮวนฮวนมาที่ห้องทำงาน เขายังไม่ได้บอกความจริงกับเธอ ตอนนั้นฮวนฮวนคิดว่าเขาเป็นไอ้ลามก แล้วยกเข่าใส่เขา

จากนั้น เธอก็รีบหนีออกไป

พอนึกย้อนถึงตอนนั้น เฟิงหานชวนจึงอดยิ้มอ่อนไม่ได้

น่าตลกจริงๆ

พอได้ยินเสียงหัวเราะเฟิงหานชวน เซี่ยฉิงจึงหันมองเขา เห็นมุมปากเขาเลิกขึ้น เหมือนกำลังเคลิ้มอยู่

ถึงเฟิงหานชวนไม่ตอบคำถามเธอ แต่เธอแน่ใจคำตอบแล้ว ผู้หญิงครั้งก่อน เป็นแฟนของประธานเฟิง

ที่แท้เป็นเรื่องจริง แล้วตอนนี้เจ้าตัวก็ยอมรับแล้ว แต่ว่า……ประธานเฟิงยังลังเลว่าจะเปิดตัวหรือเปล่า หรือว่ายังไม่มั่นใจที่จะคบกัน?

เซี่ยฉิงนึกถึงแฟนเก่าที่เลิกไปนาน ถ้าประธานเฟิงเลือกที่จะไม่เปิดตัว จะรอวันหนึ่งถ้าเล่นจนเบื่อแล้ว จะได้ทิ้งเธอง่ายๆ?

ถ้าเป็นแบบนั้น ประธานเฟิงไม่เปิดตัว งั้นตัวเองก็ยังมีโอกาสสิ!

"ประธานเฟิงคะ ฉันคิดว่าถ้าคุณมีแฟน อย่าเปิดตัวดีกว่าค่ะ" แววตาเซี่ยฉิงมีเลศนัย ริมฝีปากสีแดงขยับเอ่ยไปด้วย พร้อมทัดผมไปด้วย

"ทำไม?" เฟิงหานชวนถามกลับทันที

"เพราะว่า……"

เซี่ยฉิงกำลังจะพูดต่อ แต่กลับมีคนเคาะประตูห้องทำงานก่อน

"หานชวน นายอยู่หรือเปล่า?" เสียงที่อ่อนโยนของผู้หญิงดังมาจากนอกประตู

เซี่ยฉิงรู้สึกว่าเสียงคุ้นๆ ฟังแล้วไม่เหมือนเสียงสาวๆ เธอจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าควรไปเปิดประตูหรือเปล่า

"เข้ามา" เฟิงหานชวนตอบ เขารู้ว่าใครมา

หลีซืออวิ๋นได้ยินเสียงตอบของเฟิงหานชวน จึงเปิดประตูเข้าไป ตอนเดินเข้าไป เลยเห็นว่าเลขาของเฟิงหานชวนก็อยู่ด้วย

เธอเหลือบมองเซี่ยฉิง จากนั้นค่อยยิ้มเก้อกับเฟิงหานชวน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ "หานชวน ฉันรบกวนเวลางานนายหรือเปล่า?"

"ทำไมอยู่ๆถึงมา?" เฟิงหานชวนแปลกใจเล็กน้อย

"งานเลี้ยงเมื่อคืน นายไปก่อน แล้วฉันก็ผ่านมาที่บริษัทนายพอดี ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว เลยจะมาชวนนายไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน" หลีซืออวิ๋นยิ้มอย่างเป็นกันเอง ทั้งเนื้อทั้งตัวดูเป็นผู้ดีมาก

ไม่มีทีท่าแสแสร้งอ่อนแอเลย

เซี่ยฉิงรู้จักหลีซืออวิ๋น เธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลหลี เป็นเพื่อนกับประธานมานาน

เธอเป็นผู้หญิง เธอมองออกว่าประธานเฟิงไม่รู้สึกอะไรกับหลีซืออวิ๋น แต่ท่าทางของหลีซืออวิ๋น เธอมองไม่เคยออกเลย

เธอรู้สึกว่าหลีซืออวิ๋นอาจจะชอบประธานเฟิง แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมือน ถ้าชอบจริงๆ ทำไมถึงใช้ความเป็นเพื่อนอยู่กับเขาตลอด แล้วไม่ลงมืออะไรเลย?

เซี่ยฉิงไม่เข้าใจจริงๆ

"ได้" เฟิงหานชวนไม่ได้คิดอะไรมาก จึงลุกขึ้นเดินไปหาหลีซืออวิ๋น

เขาหันหลังมาเอ่ยสั่งเซี่ยฉิง "ประเด็นเมื่อกี้ยังไม่จบ ทำเป็นรายงานมาส่งผม"

เฟิงหานชวนพูดเป็นทางการมาก พอสั่งงานเซี่ยฉิงเสร็จ จึงเดินตามหลีซืออวิ๋นออกจากห้องทำงาน

เซี่ยฉิงเห็นว่าพวกเขาไปแล้ว แต่เธอยังยืนนิ่งอยู่กับที่ ทำเป็นรายงานส่งประธาน?

งั้นก็แสดงว่าเธอจะคุยกับประธานต่อหน้าไม่ได้อีก?

พอคิดได้แบบนี้ เซี่ยฉิงจึงถอนหายใจ ในหัวมีความสงสัยลอยเข้ามา

ถ้า แฟนตอนนี้ของประธานคือเด็กผู้หญิงคนนั้น แล้วประธานก็กำลังลังเลว่าจะเปิดตัวหรือเปล่า งั้นเหตุผลที่ไม่อยากเปิดตัว เป็นเพราะหลีซืออวิ๋นหรือเปล่า?"

สมองเซี่ยฉิงตีกันวุ่นไปหมด เธอคิดว่าไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่หน้าสวยหน้าเด็กคนนั้น หรือว่าคุณหนูหลีซืออวิ๋น คนหนึ่งน่ารักกว่าเธอ อีกคนก็ดูดีกว่าเธอ แถมยังเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่อีก

ไม่ว่าจะคิดยังไง เธอก็ไม่มีโอกาส?

ความจริง ถึงแม้จะเป็นแค่หนึ่งในผู้หญิงของประธานเฟิงที่เปิดเผยไม่ได้ เธอก็ยอม!

ขอแค่ ขอแค่ประธานเฟิงยอมมองเธอสักครั้งก็พอ

รอเธอดึงสติกลับมาแล้ว นึกถึงงานที่เฟิงหานชวนสั่ง เธอจึงเดินกลับไปที่ทำงานตัวเอง แล้วรีบทำรายงานเหตุผลที่เธอไม่สนับสนุนให้เปิดตัว

……

ลานจอดรถใต้ดิน

"หานชวน ฉันไม่ได้ขับรถมา ฉันให้คนขับกลับไปก่อนแล้ว เดี๋ยวนายต้องส่งฉันกลับไปนะ!" หลีซืออวิ๋นยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วพูดตรงๆ

เฟิงหานชวนรู้จักกับเธอมานานแล้ว จึงไม่อะไรกับการไปส่งเธอ เลยพยักหน้าตกลง "ได้ อยากไปกินมื้อเที่ยงที่ไหน?"

"อือ ฉันคิดก่อนนะ งั้นไป……ร้านอาหารบาบิโลน?" หลีซืออวิ๋นรู้สึกว่าที่นั่นโรแมนติกมาก บรรยากาศเหมาะกับคู่รัก

กว่าเธอจะมีโอกาสกินข้าวสองต่อสองกับเฟิงหานชวน เลยไม่อยากไปที่ที่ไม่โอเค

พอพูดถึงร้านอาหารบาบิโลน เฟิงหานชวนจึงแปลกใจเล็กน้อย

ตอนวันเสาร์ ก่อนที่จะพาเฉินฮวนฮวนไปพักที่บริษัท เขาพาเธอไปที่ร้านอาหารบาบิโลนเหมือนกัน

"ได้ ขึ้นรถเถอะ" เฟิงหานชวนตอบตกลง

ไม่นาน ก็ไปที่ร้านอาหารบาบิโลนแล้ว

เจียงเม่ยเห็นเฟิงหานชวนตั้งแต่ไกลๆ ผู้ชายท่ามกลางผู้คนที่มองเห็นตั้งแต่แว็บแรก

เธอรีบเดินไปต้อนรับ วันเสาร์อาทิตย์ก่อน เธอเป็นคนดูแลโต๊ะเขา

แต่ว่า ตอนเธอเดินไปถึงหน้าประตูแล้วเปิดประตู กลับเห็นว่าเฟิงหานชวนเปลี่ยนผู้หญิงที่พามา

ผู้หญิงครั้งนี้ กับผู้หญิงครั้งก่อน สไตล์ต่างกันสิ้นเชิง

ผู้หญิงครั้งก่อน เหมือนเรียกเขาว่าอาสาม น่าจะไม่ใช่แฟนของเขา แล้วผู้หญิงวันนี้ หรือว่าจะเป็นแฟนตัวจริง?

พอเจียงเม่ยคิดได้แบบนี้ จึงรู้สึกเป็นศัตรูกับหลีซืออวิ๋น แต่เธอไม่ได้แสดงออกมา ยังทำตามหน้าที่ แล้วเดินนำทั้งสองไปที่โต๊ะ

เฟิงหานชวนรู้สึกบังเอิญมาก โต๊ะครั้งนี้ เป็นโต๊ะเดียวกับที่เขาพาเฉินฮวนฮวนมาครั้งก่อน

"หานชวน นายอยากกินอะไร?" หลีซืออวิ๋นยิ้มเอ่ย

"ฉันเหมือนเดิม" เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องอาหารมากนัก

พอได้ยินเฟิงหานชวนเอ่ย เจียงเม่ยจึงรู้ว่าเขาสั่งสเต๊กออสเตรเลีย จึงรีบจดไว้

"งั้นฉันเอาเหมือนนาย" หลีซืออวิ๋นฉีกยิ้ม จึงเห็นฟันขาวๆของเธอ

แค่มองก็รู้ว่าฟันของเธอผ่านมือทันตแพทย์มา มีร่องรอยของการครอบฟัน จึงดูไม่เป็นธรรมชาติมากนัก

เจียงเม่ยมองเขาสองคน ไม่เห็นความผิดปกติอะไร ดูแล้วเหมือนเพื่อนกัน ไม่เหมือนแฟน

เธอไม่กล้าคิดต่อ จึงรีบไปรอที่โซนครัว

เห็นพนักงานหญิงที่เกะกะไปแล้ว หลีซืออวิ๋นจึงดื่มน้ำมะนาว แล้วเอ่ยว่า "หานชวน ภรรยาคนนั้นของนายพ่อนายยัดให้ นายจะอยู่กับเขาจริงๆเหรอ?"

"ตาแก่ไม่ได้ยัดให้ฉัน เขาเป็นผู้หญิงที่ฉันเลือกเอง" เฟิงหานชวนตอบตรงๆ

นี่เป็นคำตอบที่หลีซืออวิ๋นไม่เคยได้ยิน เธอจึงอึ้งเล็กน้อย แต่ก็รีบปรับสีหน้าเป็นปกติ แล้วยิ้มเอ่ยว่า "ผู้หญิงที่นายเลือก? ฉันก็ยังตกใจอยู่ดี ฉันคิดว่านายจะไม่ชอบผู้หญิงซะอีก!"

"ฉันกับเขา ถือว่าเป็นรักแรกพบ" เฟิงหานชวนไม่ค่อยอยากพูดเรื่องเขากับเฉินฮวนฮวน จึงตอบอย่างกำกวม

เขากับเฉินฮวนฮวน เขาหลงรักเธอเพราะคืนนั้น ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอกลับดึงดูดเขาได้

เพราะฉะนั้น เขาจึงสรุปว่าความรู้สึกนั้นเป็นรักแรกพบ ก็ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล

"รักแรกพบ?" หลีซืออวิ๋นไม่เคยรู้สึกตกใจขนาดนี้มาก่อน

เป็นไปได้ยังไง!

เพื่อนในสังคมเดียวกันมั่นใจว่าเฟิงหานชวนจะโสดไปตลอดชีวิต แต่กลับมีแรกรักพบ?

เฉินฮวนฮวนคนนี้ มีเวทมนตร์อะไรกันแน่!

เธอเคยเห็นรูปของเฉินฮวนฮวน เธอแอบให้คนไปสืบมา เฉินฮวนฮวนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยA เธอเห็นรูปจากบัตรนักศึกษาของเฉินฮวนฮวน

เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ก็ถือว่าน่ารักอยู่ แต่ไม่เด่นอะไรมาก ทำไมถึงทำให้เฟิงหานชวนรักแรกพบได้?

หรือว่าตัวจริงน่าดึงดูดมากกว่า?

"ใช่" กับความตกใจของหลีซืออวิ๋น เฟิงหานชวนรู้สึกว่าปกติมาก

คนที่รู้จักเขา รู้นิสัยเขา ก็จะรู้สึกตกใจเพราะคำพูดคำนี้ของเขา

เพราะก่อนที่จะเจอเฉินฮวนฮวน เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย ไม่เคยแม้แต่นิดเดียว

คำว่า"ไม่สนใจผู้หญิง" เป็นตราประทับบนตัวเขา

"ไม่ใช่ หานชวน ฉันตกใจจริงๆ คนอย่างนาย จะรักแรกพบกับผู้หญิง? ฉันคิดว่านายแค่……" หลีซืออวิ๋นไม่ปิดบังความสงสัยกับความตกใจเลย

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็อาจจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน

เธอคิดว่าที่เฟิงหานชวนอยู่กับเฉินฮวนฮวน เป็นเพราะนายท่านเฟิงยั่วยุ เพราะงานเลี้ยงระหว่างเพื่อน เฟิงหานชวนก็ไม่ได้พาเฉินฮวนฮวนไป

แต่เมื่อคืนที่เธอโทรไปหา ความเอ็นดูที่เฟิงหานชวนมีต่อเฉินฮวนฮวนเอ่อล้นออกมาจากโทรศัพท์แล้ว เธอนอนไม่หลับทั้งคืน วันนี้จึงรีบมาเช็กให้แน่ใจ

ตามคาด เฟิงหานชวนมีผู้หญิงแล้ว เป็นผู้หญิงที่รักแรกพบด้วย

หลีซืออวิ๋นไม่เคยรู้สึกเจ็บใจขนาดนี้มาก่อน!

"จิ่นซิวกับเหวินโจวก็ตกใจเหมือนกัน ความจริง ฉันเองก็ตกใจ" เฟิงหานชวนพูดอย่างเปิดเผย

ทันใดนั้น โทรศัพท์เขาก็สั่น พอเปิดดู จึงเห็นรายงานที่เซี่ยฉิงส่งมา

[ ประธานเฟิง เหตุผลที่ฉันแนะนำให้คุณอย่าเพิ่งเปิดตัว มีดังนี้:

หนึ่ง ตำแหน่งของคุณจะทำให้คนอื่นมาสนใจความสัมพันธ์นี้ อาจจะมีผลกระทบต่อการพัฒนาความรู้สึกระหว่างคุณกับอีกฝ่าย

สอง ถ้าอีกฝ่ายอยากเปิดตัว คุณต้องเข้าใจก่อนว่าฝ่ายหญิงคิดยังไง อยากจะคบกับคุณจริงๆ หรือว่ามีเหตุผลอื่น

สาม ถ้าคุณเปิดตัว นักข่าวด้านธุรกิจกับนักข่าวบันเทิงต้องคอยมาดักที่บริษัท แล้วข่าวของคุณ ก็จะมีผลกระทบต่อพนักงานในบริษัท

สี่ เป็นข้อที่สำคัญที่สุด คุณอยากเปิดตัวกับอีกฝ่ายหรือเปล่า?

นี่เป็นข้อสรุปของฉันค่ะ เซี่ยฉิง ]

พอเฟิงหานชวนอ่านรายงานนี้เสร็จ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย รายงานที่เซี่ยฉิงส่งมาอยู่ในขอบเขตที่ว่าเขาอยากเปิดตัวหรือเปล่า นี่ไม่มีประโยชน์กับเขาเลย

เพราะว่า คนที่ไม่อยากเปิดตัว คือเฉินฮวนฮวน ไม่ใช่ตัวเขาเอง

บริษัทอาร์

ห้องทำงานประธาน

เซี่ยฉิงเคาะประตู และได้ยินเสียงเย็นชาสองคำ “เข้ามา”

เธอชินกับนิสัยแบบนี้ของเฟิงหานชวนแล้ว เปิดประตูเดินเข้าไป เดินตรงไปหน้าโต๊ะทำงาน นำเอกสารปึกหนึ่งวางบนโต๊ะ

เวลานี้เฟิงหานชวนไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน แต่ยืนอยู่ข้างหน้าหน้าต่าง ในมือยังจับมือถืออยู่ เหมือนเพิ่งวางสายไป

หลังจากที่เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นเมื่อสองวันก่อน สภาพการทำงานของเธอในวันนี้ก็แย่มาตลอด

ในหัวเธอเต็มไปด้วยเรื่องของเด็กผู้หญิงคนนั้น เป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวนหรือเปล่ากันแน่ ทำไมถึงปรากฏตัวห้องทำงานประธาน ทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้องอะไรกันแน่

คำตอบเป็นที่แน่ชัดแท้ๆ แต่เธอกลับไม่ยอมรับความจริงมาตลอด ถึงขนาดยังคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเฟิงหานชวน

“ประธานเฟิง เอกสารที่คุณต้องการ วางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว” เซี่ยฉิงเม้มริมฝีปาก มองด้านหลังของชายหนุ่ม พูดรายงาน

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง เป็นตอนที่แสงแดดเจิดจ้าที่สุดของวัน แสงแดดส่องอยู่บนตัวของเฟิงหานชวน เสริมให้เขาดูสูงใหญ่ขึ้น

เซี่ยฉิงเหมือนมองจนเคลิบเคลิ้มไป

เธอรู้ประธานเฟิงหลายปีมานี้ เป็นโสดมาตลอด ไม่เคยคบกับผู้หญิง ถึงขั้นไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้

แม้ว่าวันธรรมดาเธอก็ไม่สามารถเข้าใกล้เขา ทำงานทุกครั้ง เขาเพียงแค่สั่งอย่างเย็นชา ไม่มีคำพูดมากเกิน เซี่ยฉิงผิดหวังทุกครั้ง

ถ้าหากวันใด เฟิงหานชวนพูดกับเธอมากขึ้นหนึ่งประโยค วันนั้นเธอก็จะมีความสุขมากๆ มีความสุขจนนอนไม่หลับ

แต่ความน่าจะเป็นนี้ เหมือนหลังจากเธอเข้าทำงาน เคยมีแค่สองถึงสามครั้งมั้ง

“ออกไปเถอะ” เฟิงหานชวนมองไปที่ไกลๆ น้ำเสียงยังเย็นชาเหมือนเดิม

ปฏิบัติติต่อคนอื่น เขาไม่เคยพูดอะไรมาก เฉินฮวนฮวนเป็นข้อยกเว้นเดียว

เขาก็ไม่เคยคิด วันหนึ่งตัวเองจะตกอยู่ในกำมือของผู้หญิง

แต่เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจภายหลัง แต่กลับมีความสุขมาก เพียงแต่วันนี้เฉินฮวนฮวนตัดไมตรี ทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น คบกับเขา กลายเป็นภรรยาของเขา ควรจะอยากประกาศให้โลกรู้จนทนไม่ไหวสิ

แต่เฉินฮวนฮวนต่างออกไป เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น เฟิงหานชวนไม่เข้าใจความคิดของเธอ มีความรู้สึกพ่ายแพ้ลึกๆ

เดิมนึกว่าเขาช่วยเธอ เธอจะมีความสุข เธอจะมาขอบคุณเขาเหมือนลูกแมว เหมือนที่เขาพาเธอไปแย่งคฤหาสน์ตระกูลเฉิน เวลาที่สั่งสอนคนในตระกูลเฉิน

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน

“ค่ะ ประธานเฟิง” เซี่ยฉิงรู้ตัวเองส่งเอกสารเสร็จ จะได้รับแค่สามคำนี้ เคยชินจนเห็นเป็นเรื่องปกติ

เธอปกปิดความหงอยเหงาไว้นัยน์ตา หมุนตัวเตรียมจะออกไป กลับถูกเฟิงหานชวนเรียกไว้กะทันหัน

“เลขาเซี่ย รอเดี๋ยว” เฟิงหานชวนหันกลับมา มองไปทางเซี่ยฉิง

มือทั้งสองของเขาล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงสแล็ค ยืนย้อนแสงกลับดูหล่อขึ้น แสงแดดสาดอยู่บนหน้าด้านข้างของเขา คนทั้งคนเหมือนมีกลิ่นอายของการเป็นมนุษย์

เซี่ยฉิงมองอย่างตื่นตะลึง

เฟิงหานชวนเมื่อก่อน ก็เหมือนประติมากรรมชิ้นหนึ่ง มองไม่เห็นพลังชีวิตใดๆ แต่ครั้งนี้ต่างไป เธอรู้สึกเฟิงหานชวนเหมือนจากเทพกลายเป็นมนุษย์แล้ว

และเมื่อกี้เฟิงหานชวนเรียกเธอไว้ ยังให้เธอ “รอเดี๋ยว?”

คำนี้ เฟิงหานชวนไม่เคยพูดกับเธอมาก่อน ตอนนี้หัวใจของเซี่ยฉิงถูกกระชากขึ้นสูง รอคำพูดหลังจากนี้ของเฟิงหานชวนด้วยใบหน้าคาดหวัง

“ประธานเฟิงมีเรื่องอะไรเหรอคะ?” เธอรอไม่ไหว เอ่ยถามอย่างร้อนอกร้อนใจ

“คุณเคยมีแฟนไหม ?” จู่ ๆ เฟิงหานชวนถามประโยคนี้ออกไป

หลังจากถามเสร็จ เขาหุนหันพลันแล่นไปหน่อย ถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องแบบนี้กับลูกน้อง ดูไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า ?

“อุ๊ย ประธานเฟิง คุณ…ทำไมจู่ ๆ คุณถามคำถามนี้กับฉัน?” เซี่ยฉิงตะลีตะลานขึ้นทันที หัวใจเริ่มเต้นแรง

หรือว่าเฟิงหานชวนจะสนใจเธอ ? เพราะงั้นถึงถามคำถามนี้กับเธอ ?

“ไม่มีอะไร เดิมมีเรื่องอยากขอคำแนะนำหน่อย” น้ำเสียงเฟิงหานชวนเฉยชามาก

เขาเดินไปที่โต๊ะทำงาน พร้อมกับพูดว่า “ออกไปเถอะ”

หัวใจของเซี่ยฉิง เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ถูกสองประโยคของเฟิงหานชวนทำให้ไม่สบายใจอย่างมาก

แต่เธอเข้าใจความหมายของเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนไม่ได้สนใจเธอ แต่อยากหาคนมาซักถาม

“ฉันเคยมีแฟน ประธานเฟิง คุณอยากถามอะไร สอบถามได้ค่ะ” เซี่ยฉิงพูดออกไปอย่างกังวล “ฉันสามารถนำสิ่งที่ฉันรู้ บอกคุณทั้งหมด”

เธอฉลาดมาก เธอเข้าใจเฟิงหานชวนหมายถึงอะไร ดังนั้นตามความหมายของเฟิงหานชวน เธอรู้ว่าตัวเองควรตอบกลับยังไง

เดิมเฟิงหานชวนไม่คิดจะถาม แต่เซี่ยฉิงเอ่ยปาก เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยถาม “เวลาที่คุณกับแฟนอยู่ด้วยกัน คิดอยากจะเปิดเผยไหม?”

“เปิดเผย?” รูม่านตาของเซี่ยฉิงขยายใหญ่ แสดงสีหน้าตกใจออกมาบนใบหน้า

แต่เธอปกปิดสีหน้าไว้อย่างรวดเร็ว พยายามทำตัวนิ่ง ตอบกลับว่า “เรื่องนี้ต้องดูสถานการณ์ แต่ฉันรู้สึก ถ้าหากคบกันจริงจังละก็ จะเลือกเปิดเผย ให้คนใกล้ตัวและเพื่อนๆ ได้รู้ แม้แต่คนอื่นก็รับรู้”

“คุณเคยเจอแฟนที่ไม่ยอมเปิดเผยไหม?” เฟิงหานชวนถามอีก สีหน้าดูจริงจังอย่างเห็นได้ชัด

“แฟนที่ไม่ยอมเปิดเผย?” เซี่ยฉิงนิ่งไป ตามมาด้วยการพยักหน้า พูดตรงไปตรงมา “ฉันเคยเจอ ตอนเรียนมหาลัยที่ต่างประเทศ ตอนแฟนเก่ากับฉันคบกัน ไม่ยอมเปิดเผย”

เธอไม่มีความจำเป็นต้องปกปิด ความสัมพันธ์ครั้งนั้น เพื่อนในชั้นหลายคนของเธอก็รู้

“เหตุผลที่เขาไม่ยอมเปิดเผยคืออะไร ?” เฟิงหานชวนถาม

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนกับเขาก็เป็นแบบนี้ เฉินฮวนฮวนไม่ยอมเปิดเผย ไม่อยากยอมรับความสัมพันธ์กับเขา

“เพราะเขาไม่มั่นใจจะคบกับฉัน ท่าทีเริ่มต้นอาจจะเพียงแค่อยากทดลอง เพราะฉะนั้นตอนนั้นเขายื่นข้อเสนอว่าจะแอบคบกัน ยังไม่เปิดเผย ฉันเลยรับปาก”

“ต่อมา ฉันรู้สึกตัวเองชอบเขามาก และรู้สึกความรู้สึกพวกเราค่อนข้างมั่นคง ฉันอยากเปิดเผย และเพื่อนของฉันก็รู้ว่าเราคบกันอยู่ ฉันก็เลยเสนอเขา หลังจากนี้ไม่ต้องแอบเดทกันแล้ว หรือทำเหมือนเป็นเพื่อนอะไรแบบนั้น”

“ใครจะรู้เขาทะเลาะอย่างรุนแรงกับฉัน ถ้าหากฉันต้องการเปิดเผย เขาก็จะเลิกกับฉัน ภายหลังฉันถึงรู้ ในใจเขามีแฟนเก่าเขาอยู่เสมอ แฟนเขานอกใจเขา เขาถึงเลิกกัน”

“เพื่อจะได้เขากลับมา ฉันจงใจหาเรื่องเลิก เพราะรู้ว่าเขากลับไปหาแฟนเก่าคนนั้น ฉันผิดหวังในตัวเขามาก เดิมคิดอยากเลิกกันเล่นๆ ผลคือเลิกกันจริงๆ”

ประสบการณ์รักนี้ เซี่ยฉิงไม่ได้แต่งขึ้นมามั่วๆ นี่เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นกับเธอ ดังนั้นตอนเฟิงหานชวนถาม เธอพูดออกมาจากใจ

เธอไม่รู้เฟิงหานชวนถามพวกนี้กับเธอเพราะอะไรกันแน่ ตอนนี้ เธอเอาตัวเองเป็นแค่เด็กสาวที่เคยเจ็บคนหนึ่ง ระบายความในใจกับเฟิงหานชวน

แต่ ที่เธอได้มาไม่ใช่การปลอบใจจากเฟิงหานชวน แต่เป็นใบหน้าผู้ชายที่มืดมนสุดขีด

“พอแล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนยังคงเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีความรู้สึกเห็นใจหรือสงสารเลย

เซี่ยฉิงรู้สึกว่าในใจกระตุกไปทีหนึ่ง หรือว่าเพราะตัวเองเคยมีแฟน ดังนั้นเฟิงหานชวนเลยไม่ชอบเธอ?

เขาไม่ชอบผู้หญิงที่เคยผ่านความรักมาเหรอ?

หรือว่า เขาไม่ได้ตั้งใจถามประสบการณ์ความรักของเธอ แต่แค่อยากฟังประสบการณ์คนอื่นมาอ้างอิงเท่านั้น ?

จู่ ๆเซี่ยฉิงก็ค้นพบ คำตอบอาจจะเป็นอย่างหลัง

“ประธานเฟิง ทำไมจู่ ๆ คุณถามพวกนี้? คุณมีแฟนแล้ว กำลังลังเลจะเปิดเผยหรือเปล่า?” เซี่ยฉิงเรียกความกล้า เอ่ยถามอย่างกล้าหาญ “ใช่เด็กผู้หญิงที่ปรากฏตัวในห้องทำงานคุณเมื่อวันเสาร์คนนั้นไหม?”

“ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่แฟนของเขาค่ะ” เฉินฮวนฮวนพูดออกมาทันที

เธอไม่ได้เป็นแฟนของเฟิงหานชวนจริง ๆ แต่เป็นภรรยาของเฟิงหานชวน พวกเขามีทะเบียนสมรสกัน

แต่ว่าถ้าหากเธอพูดออกมา แบบนั้นจะ…

“ไม่ใช่เหรอ?” คุณหนีซวงสีหน้าผิดหวังในทันที น้ำเสียงของเธอยังแฝงไปด้วยความดูถูก

ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าที่แท้เฉินฮวนฮวนก็แค่ผู้หญิงที่เฟิงหานชวนเลี้ยงดูคนหนึ่งเท่านั้นแหละ งั้นก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว

ก็แค่ผู้หญิงที่พาไปออกหน้าออกตาไม่ได้

“ค่ะ ไม่ใช่ค่ะ” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้าช้า ๆ และก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากเกินไป

ตอนนี้เธอสับสนมาก สับสนมากจริง ๆ

เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนดีกับเธอ แต่ความดีแบบนี้ เธอไม่ต้องการ

ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ผิดชอบชั่วดี แต่เธอมีเหตุผลของตัวเอง

“ครูหนีคะ ฉันขอไปเอาโทรศัพท์มือถือที่คุณน้าคุมหอโทรหาเฟิงหานชวนได้ไหมคะ?” เธอมีเรื่องจะคุยกับเฟิงหานชวนให้ชัดเจน

“อืม ก็ได้ เธอจำไว้ว่าอย่าให้คนอื่นเห็น ไม่อย่างงั้นคนอื่นจะพูดได้ว่าฉันไม่ยุติธรรม เพราะตามหลักแล้วไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์” รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณหนีซวงหายไปนานแล้ว สีหน้าของเธอเคร่งขรึมขึ้นเยอะ

“คุณวางใจได้ค่ะ ฉันจะรีบคุยให้เสร็จ” เฉินฮวนฮวนรีบออกจากห้องทำงาน แล้ววิ่งไปทางหอพัก

ได้รับการยินยอมจากคุณหนีซวง คุณน้าหวังคนคุมหอพักเอาโทรศัพท์ของเฉินฮวนฮวนให้เธอ เฉินฮวนฮวนป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็น จึงหลบไปโทรศัพท์อยู่ตรงมุมหนึ่ง

ในไม่ช้าก็ต่อสายติด

“อาหาน ฉันเองค่ะ” น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนรีบร้อนมาก

“ผมรู้” เฟิงหานชวนหัวเราะเบา ๆ แน่นอนว่าเขารู้ว่าเป็นเฉินฮวนฮวน ถึงแม้จะไม่ได้ดูชื่อ แค่ได้ยินเสียงก็สามารถฟังออกได้

“คุณโทรหาผู้อำนวยการของหวาเถิงให้ทีมงานดูแลฉันเป็นพิเศษใช่ไหมคะ?” เฉินฮวนฮวนพูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม

บริษัทหวาเถิงคือผู้จัดการแข่งขันของการคัดเลือกไอดอลในครั้งนี้ เป็นบริษัทบันเทิงชั้นนำของจีน

“ใช่ ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อย ดังนั้นจึงบอกพวกเขาไป” ประเด็นหลักก็คือเฉินฮวนฮวนเข้าไปเป็นตัวสำรองชั่วคราว เฟิงหานชวนเกรงว่าจะมีเรื่องที่ไม่ค่อยสะดวก

“อาหาน ฉันขอบคุณคุณมากค่ะที่ช่วยฉัน แต่ว่าฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ และฉันก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะช่วยฉัน” เฉินฮวนฮวนรู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้ใจดำเกินไป แต่ท่าทางของเธอเด็ดเดี่ยวมาก

เธอรู้สถานะของเฟิงหานชวน และก็รู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นผู้ชายที่ดีเลิศขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้ว่าเพียงแค่คำพูดประโยคเดียวของเฟิงหานชวน เธอก็สามารถมีชื่อเสียงในรายการคัดเลือกไอดอลได้

แต่ว่าที่เธออยากได้มันไม่ใช่แบบนี้

เธออยากใช้ความพยายามของตัวเอง อยากเป็นคนที่ดีเลิศ แทนที่จะเป็นเหมือนเหล่าศิลปินหญิงที่ขายร่างเพื่อเงิน พึ่งพาผู้ชายแลกกับตำแหน่ง

เธออยากที่จะให้ตัวเองเก่งขึ้น แบบนี้ตัวเองถึงจะมีสิทธิ์ยืนอยู่ข้างเฟิงหานชวน แน่นอนว่าเธอไม่ได้เพียงแค่เข้าร่วมการคัดเลือกไอดอลเพื่อที่จะได้คู่ควรกับเฟิงหานชวน

ดังนั้นถ้าเฟิงหานชวนเข้าแทรกการคัดเลือกของเธอ แบบนั้นเธอจะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ด้วยความสามารถของตัวเอง เพราะว่าไม่ว่าจะมากหรือน้อย เธอจะขาดความช่วยเหลือจากเขาไม่ได้อีก

แบบนั้นแล้ว ถึงเธอจะพยายามยังไง ถึงสุดท้ายแล้วเธอมีชื่อเสียง งั้นเธอจะไม่รู้สึกถึงความสำเร็จใด ๆ จะไม่มีทางรู้สึกว่าตัวเองเก่ง

“ฮวนฮวน การกระทำของผม ทำให้คุณโกรธมากใช่ไหม?” เฟิงหานชวนเข้าใจความหมายของเฉินฮวนฮวน จู่ๆ ก็อารมณ์เสียเล็กน้อยที่เข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้

เขาพูดเบา ๆ น้ำเสียงแสดงความขอโทษ “ผมแค่เป็นห่วงคุณ”

“อาหาน เมื่อกี้ครูหนีถามฉัน ว่าฉันเป็นแฟนของคุณใช่ไหม ฉันตอบว่าไม่ใช่ แต่ฉันก็ไม่ได้พูดว่าตัวเองเป็นภรรยาของคุณ”

เฉินฮวนฮวนเม้มปาก แล้วพูดต่อ “เธอไม่ได้ถามต่อ คุณบอกว่าพวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน ให้รายการปฏิบัติต่อฉันอย่างยุติธรรม ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ”

ศอกของเฟิงหานชวนวางอยู่บนโต๊ะทำงาน เขาบิดจมูก สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วตอบกลับ “ตกลง เอาตามที่คุณว่า”

“ฉันคุยกับคุณนานเกินไม่ได้ ฉันวางสายก่อนนะคะ เจอกันอีกครึ่งเดือนหลัง” เฉินฮวนฮวนถึงแม้ว่าจะรู้สึกเศร้า แต่เธอไม่สามารถคุยกับเฟิงหานชวนได้อีกต่อไป

เธอตัดไฟตั้งแต่ต้นลมดีกว่า ไม่ได้รอให้เฟิงหานชวนตอบกลับ เธอก็วางสายโทรศัพท์ไป แล้วปิดมือถือ ยื่นให้กับคุณน้าหวังคนคุมหอพัก

ฟังเสียง “ตู๊ดตู๊ดตู๊ด” ที่ปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ เฟิงหานชวนสีหน้าเคร่งขรึมลง

เดิมทีเขานึกว่าเฉินฮวนฮวนจะดีใจ แต่คิดไม่ถึงว่าเขายังรู้จักเธอไม่มากพอ

แต่เวลาที่พวกเขารู้จักกันก็สั้นเกินไปจริง ๆ เขาไม่รีบร้อน เรื่องพวกนี้ค่อยเป็นค่อยไป

ในเมื่อเฉินฮวนฮวนไม่อยากให้เขาเข้าแทรกเรื่องนี้ งั้นเขาก็ทำในสิ่งที่เฉินฮวนฮวนต้องการ เขาเปิดบันทึกรายชื่อขึ้น โทรหาผู้อำนวยการของหวาเถิงอีกครั้ง

ในตอนที่เฉินฮวนฮวนเดินเข้าห้องเรียนนั้น เดิมทีทุกคนที่ตั้งใจเต้นกันอยู่ จู่ ๆ แต่ละคนก็หยุดเคลื่อนไหว สายตานับไม่ถ้วนมองมาทางเธอ

เธอมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในทันที หรือว่าทุกคนรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวนแล้ว?

“เฉินฮวนฮวน ผู้อำนวยการหนีพาเธอไปห้องทำงาน คุยอะไรกับเธอเหรอ?” ซูเวยหยุดเพลงแจ๊ซลง แล้วเดินไปทางเฉินฮวนฮวน ถึงแม้จะจี้ถาม แต่น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

ในเมื่อเป็นนักเรียนฝึกหัดที่หนีซวงยิ้มรับ ซูเวยไม่กล้าชี้นิ้วสั่งเฉินฮวนฮวนอีก

“ครูหนีคุยกับฉันเกี่ยวกับเรื่องการคัดเลือก ฉันมาใหม่ ดังนั้นครูหนีจึงอธิบายกับฉันเพียงลำพังค่ะ” เฉินฮวนฮวนอธิบายคลุมเครือ

ดูท่าว่าทุกคนไม่รู้ว่าหนีซวงเรียกหาเธอเพราะอะไร อาจจะแค่สงสัยเฉย ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความประหลาดใจต่อเธอ

“จริงเหรอ? งั้นเธอได้พูดนินทาฉันกับหล่อนไหม?” ซูเวยหรี่ตามองเธอไปที่เฉินฮวนฮวน

ตอนเฉินฮวนฮวนเพิ่งเข้ามา เธอมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเฉินฮวนฮวน แต่ว่าเด็กที่ไม่รู้จักหนักเบาคนนี้ จะถือโอกาสไปฟ้องหนีซวง

“ครูซูคะ ฉันจะไปนินทาครูได้ยังไงคะ?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกตลกมา

เธอนึกว่าซูเวยกร่างขนาดนี้ ไม่กลัวนรกสวรรค์ คิดไม่ถึงว่าจะกลัวหนีซวง

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันก็แค่ถามเฉยเฉย เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ร้ายกับเธอไปหน่อย เธออย่าเก็บไปใส่ใจนะ” จู่ ๆ ซูเวยก็หัวเราะขึ้นมา แล้วยื่นมือออกมาตบบ่าของเฉินฮวนฮวน เหมือนกับสนิทสนมกับเธอ

สำหรับการเปลี่ยนแปลงของซูเวย เฉินฮวนฮวนรู้สึกระแวงเล็กน้อย

ซูเวยมองดูเธอ ไม่เห็นมีอะไรแปลกไป จึงให้เฉินฮวนฮวนกลับไปตำแหน่งของตัวเอง

เธออยากจะรู้ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นใคร เป็นไปไม่ได้ที่หนีซวงจะต้อนรับนักเรียนฝึกหัดคนใหม่ด้วยความยินดีอย่างไร้ที่มาที่ไป ไม่แน่เฉินฮวนฮวนอาจจะมีเบื้องหลังอะไรอยู่จริง ๆ

ตอนนี้ซูเวยไม่กล้าละเลยเฉินฮวนฮวนอีกต่อไป ในชั่วโมงถัดไปของการเรียน เธอดูแลเฉินฮวนฮวนเป็นพิเศษอีกด้วย

เฉินฮวนฮวนถูกซูหนิงจ้องมอง แต่ก็ไม่คิดจะอวดฝีมือของตัวเอง ดังนั้นจึงแกล้งทำเป็นเรียนรู้ ในความเป็นจริงเหนื่อยมาก

เพราะว่าเธอต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้เรียนรู้มากเกินไป บางครั้งยังต้องตั้งใจทำท่าทางผิด

“เฉินฮวนฮวน ความสามารถในการเรียนรู้ของเธอค่อนข้างดีนี่ พัฒนาได้เร็วมาก ดีมาก สู้ ๆ แล้วกัน!” ซูเวยพูดให้กำลังใจบางครั้งคราว

ในความเป็นจริง ในใจของเธอดูถูกเฉินฮวนฮวนเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย

ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีเส้นสาย เธอมั่นใจว่าเฉินฮวนฮวนจะต้องกลับไปแน่นอน

“ขอบคุณค่ะครูซู” เฉินฮวนฮวนยิ้มอ่อน จากนั้นก็เต้นตามจังหวะต่อ

เด็กฝึกหัดคนอื่นเหลือบมองเฉินฮวนฮวน บางคนก็แอบมองเฉินฮวนฮวนในกระจก บางคนก็หันไปมองโดยตรง เฉินฮวนฮวนแทบจะเป็นจุดเด่นในห้องเรียน

พวกเธอมองเฉินฮวนฮวนเต้นไปด้วย แอบแสดงความรังเกียจทางสายตาไปด้วย

บางคนถึงกับแอบพูดประโยคหนึ่ง “เต้นบ้าบออะไร!”

เฉินฮวนฮวนได้ยินแล้ว แต่ท่วงท่าของเธอไม่ได้หยุดลง และก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา

(ผู้เขียนพูดนอกเรื่อง) : วันนี้เป็นวันศุกร์ คนน่ารักทั้งหลายหยุดงานกันแล้วยัง?

วันนี้นักเขียนวางแผนจะอัปเดตอีกหนึ่งตอน น่าจะประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ขอตั๋วเงินสนับสนุนหน่อย!

ฮวนฮวนมีแผนของตัวเอง เธอจะแกล้งทำไขสือ

“ฮวนฮวน คุณยังจะไปทักทายอีกเหรอ? ไม่จำเป็น!”

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนมาถึง ก็ถูกติงเซียงลากแขนไป ติงเซียงชำเลืองตามองไปยังอันเยว่ ก่อนจะพึมพำว่า: “ที่เธอช่วยคุณไม่ใช่เพราะอยากช่วยคุณจริง ๆ หรอก เพียงแค่อยากประจบครูเท่านั้น เธอทำแบบนั้นกับคนอื่นเหมือนกัน ท่าทางดูใจดีเป็นพิเศษ ในความเป็นจริงฉันกับเธอ…….”

ยังไม่ทันที่ติงเซียงจะพูดฉีกหน้าจบ กลับถูกเฉินฮวนฮวนตัดบทเสียก่อน เธอจึงทำได้แค่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “ไม่ว่ายังไง เธอก็ช่วยฉันแล้ว ฉันก็ต้องขอบคุณเธอ”

ตอนนี้เธอและติงเซียงกลายเป็นเพื่อนกันแล้ว คงดูไม่ดีแน่ถ้าจะโต้กลับติงเซียง ตอนที่เธอถูกซูเวยสั่งสอนไปก่อนหน้านั้น ก็มีแค่อันเยว่เท่านั้นที่ออกหน้าช่วยพูดให้กับเธอ ถ้าเธอจะรู้สึกขอบคุณย่อมเป็นเรื่องปกติ

“ก็ได้ ๆ แม้ว่าคุณจะขอบคุณเธอ แต่เธอก็ถูกรายล้อมไปด้วยคนเหล่านั้น คงจะพาคุณไปเล่นด้วยไม่ได้” น้ำเสียงของติงเซียงละคนไปด้วยความอิจฉาเล็กน้อย

จริง ๆ แล้วเธอแอบอิจฉาอันเยว่อยู่ในใจ แต่เธอไม่อยากประจบอันเยว่ ในกรณีที่ไปอยู่ข้างกายของอันเยว่ ต่อให้เธอจะโดดเด่นแค่ไหน ก็เป็นเพียงแค่ใบไม้ที่ร่วงโรยเพื่อขับให้ดอกไม้ดูสง่าเท่านั้น

เพราะไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่ชวนหลงใหล นิสัย ศักยภาพ หรือเบื้องหลังของอันเยว่ ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว

ตรงกันข้าม เฉินฮวนฮวนกลับแตกต่าง ไม่มีเบื้องหลัง และไม่มีศักยภาพ นอกจากหน้าตาที่ใช้ได้ ก็ไม่มีอะไรที่สามารถหยิบยกออกมาทำการแสดงได้ แต่เธอก็ยังยอมเป็นเพื่อนกับเฉินฮวนฮวนเลย

แบบนี้ ถ้าหลังจากนี้ได้อยู่ทีมเดียวกับเฉินฮวนฮวน แล้วถ้ายิ่งไม่มีผู้ที่มีศักยภาพกล้าแกร่งกว่านี้มาร่วมทีมด้วย ตัวเองก็คงจะถูกตัดสินให้เป็นตัวหลัก

“อื้อ ฉันรู้” เฉินฮวนฮวนเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะประจบประแจงอันเยว่หรอก เธอมองออก อันเยว่ไม่มีทางขาดผู้ติดตามแน่ ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น จุดประสงค์ที่มาแข่งขัน ไม่ได้คาดหวังจะประจบประแจงคนอื่นเพื่อให้ได้รับรางวัล เธอแค่อยากใช้ศักยภาพของตัวเองมาแข่งขันเท่านั้น

ในเวลานี้ ซูเวยเพิ่งเข้ามา กำลังเตรียมคาบสุดท้ายในช่วงเช้า จู่ ๆ คุณหนีซวงก็ถลันเข้ามาตัดบทของเธอ

“ครูซู พวกคุณเรียนต่อเถอะ แต่ให้เฉินฮวนฮวนไปคุยกับฉันที่ห้องทำงาน” สีหน้าลำบากใจของคุณหนีซวงได้ปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกงุนงงไม่น้อย ก่อนจะทยอยกันหันไปมองเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเองก็สงสัยเช่นกัน แต่ก็ยังเดินออกมาจากทีม ไปยังตรงหน้าของคุณหนีซวง แล้วเอ่ยเรียกว่า : “ครูหนี”

เฉินฮวนฮวนเพิ่งจะรับได้กับคำพูดที่แสนเย็นชาของคุณหนีซวงเมื่อช่วงเช้า แต่คุณหนีซวงกลับไม่สนใจท่าทางของเธอ แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงได้อยากคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวกะทันหันแบบนี้?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจเป็นเพราะตอนนี้ศักยภาพของตัวเองแย่เกินไป จึงถูกซูเวยรายงานต่อคุณหนีซวง เพื่อจะไล่เธอออก?

ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ เธอก็คงทำได้แค่แสดงศักยภาพออกมา ไม่ว่าจะเป็นยังไง ขอแค่ได้อยู่ก่อนก็พอ

“ฮวนฮวน ตามฉันมา” ทันทีที่คุณหนีซวงเห็นเฉินฮวนฮวนมาถึง รอยยิ้มนั้นก็ยิ่งกว้างขึ้น ก่อนจะดึงแขนของเธอแล้วลากเธอออกจากห้องไป

ทันทีที่กลุ่มคนข้างหน้าออกไป กลุ่มคนข้างหลังก็เริ่มส่งเสียงฮือฮาภายในห้อง ทุกคนต่างแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“พระเจ้า พวกคุณเห็นไหม? ครูหนียิ้มให้กับเฉินฮวนฮวน แถมยังดึงมือของเฉินฮวนฮวนอีกด้วย!” มีคนเริ่มพูดขึ้นมาเสียงดัง

“ใช่ ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าเฉินฮวนฮวนเป็นญาติของครูหนี? ถึงขนาดทำให้ครูหนีไม่เห็นแก่หน้าของอันเยว่ถึงขนาดนี้!”

“ใช่ ๆ ขนาดอันเยว่เป็นเด็กฝึกที่เตรียมมาเป็นตัวหลักของรายการประกวด ครูหนียังไม่ยิ้มให้กับอันเยว่แบบนี้เลยนะ”

“พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนนะว่าเฉินฮวนฮวนเป็นญาติของครูหนี เฉินฮวนฮวนถูกยัดเยียดเข้ามาแทนเกาเหวินไม่ใช่เหรอ? บอกว่าเป็นรุ่นน้องของเกาเหวิน ถ้ามีความสัมพันธ์กันจริง ๆ ไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้หรอกมั้ง!”

“ถูกต้อง ถ้ามีความสัมพันธ์กันจริง ๆ ทำไมถึงต้องเข้ามาแทนที่ด้วย? แล้วก็ไม่น่าจะเข้ามาเร็วขนาดนี้ด้วย?”

…………

ทุกคนเริ่มทยอยกันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยท่าทางตกตะลึง มีเพียงสีหน้าของซูเวยและอันเยว่เท่านั้นที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

วันนี้ซูเวยอารมณ์ไม่ดี ศักยภาพของเฉินฮวนฮวนก็มาแย่อีก จึงถูกเธอสั่งสอนไปฉากหนึ่ง ไม่ได้ไว้หน้าแก่เฉินฮวนฮวนเลยสักนิด

ถ้าเฉินฮวนฮวนเป็นคนของซูหนีจริง ๆ งั้นเธอไม่เป็นการล่วงเกินคุณหนีซวงหรอกเหรอ?

ในเวลานี้ซูเวยยืนต่อไปไม่ได้ จะนั่งก็นั่งไม่ติด สุดท้ายก็สาวเท้าก้าวออกไป ไม่เรียนต่ออีกแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับอันเยว่ที่แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ เกิดความอิจฉาต่อเฉินฮวนฮวนอยู่ในใจ คิดว่าเธอเป็นเพียงแค่เด็กฝึกแทนที่ไร้คู่แข่ง นึกไม่ถึงว่าจะมีความสัมพันธ์กับคุณหนีซวง

อันเยว่ก็เคยประจบคุณหนีซวงมาก่อนเช่นกัน แต่คนอย่างคุณหนีซวง ผู้อยู่ในแวดวงนี้มาแรมปี ดูแคลนสิ่งของธรรมดาไร้ราคา อันเยว่ไม่มีศักยภาพมากมายถึงขนาดซื้อของที่ดีกว่านี้ได้ จึงซื้อได้แค่กระเป๋าแบรนด์เนม 2 ใบให้กับคุณหนีซวง

ถึงแม้คุณหนีซวงจะรับไว้ แต่เธอก็ไม่ได้ยินดีปรีดาแต่อย่างใด อย่างมากสุดก็ดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย เมื่ออันเยว่อยู่ต่อหน้าของคุณหนีซวงก็ตัวสั่นงันงกไม่แพ้กัน กลัวว่าจะสร้างความไม่พอใจให้กบคุณหนีซวง

คุณหนีซวงเป็นผู้อำนวยการรายการ และก็เป็นผู้บริหารของบริษัทที่อยู่เบื้องหลังรายการแข่งขัน พูดตามตรง ถ้าเธอชอบใครแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็จะต้องรีบออกหน้าอย่างแน่นอน

แต่เธอก็โหดไม่ใช่เล่น เด็กฝึกทั้งหมดเป็นแค่พวกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่ค่อยกล้าจะเอาใจโดดเด่นเกินไป กลัวว่าจะถูกคุณหนีซวงเกลียด

ทัศนคติในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าคุณหนีซวงสนใจเฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนคนนี้มาจากไหนกันแน่?

………

เฉินฮวนฮวนเองก็งุนงงมากเช่นกัน ถูกคุณหนีซวงพาตัวไปห้องทำงานของเธอ

เมื่อเช้าเธอเพิ่งมาที่นี่ เพียงแต่มาพร้อมกับเกาเหวิน ตอนนี้เธอต้องเผชิญหน้ากับคุณหนีซวงเพียงคนเดียว

“ครูหนี ครูเรียกฉันมาคุยเพราะเรื่องศักยภาพของฉันใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนถามขึ้นเอง

“นั่งก่อนสิ อย่าเพิ่งร้อนใจ” คุณหนีซวงดึงตัวของเฉินฮวนฮวนมานั่งบนโซฟาที่เธอจัดเตรียมไว้ และยังรินน้ำชาให้กับเฉินฮวนฮวนอีกด้วย

เฉินฮวนฮวนยังคงสงสัยไม่หยุด วันนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกรึไง?

“แค่ก แค่ก ฮวนฮวน ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันก่อน?” คุณหนีซวงนั่งลงข้างกายของเฉินฮวนฮวน จากนั้นก็กุมมือของเธอ ก่อนจะตบไปบนหลังมือของเธอเบา ๆ ด้วยท่าทางสนิทสนม

“อะ อะไรคะ? ครูหนี ครูพูดเรื่องอะไรคะเนี่ย?” เฉินฮวนฮวนแสดงท่าทางงุนงง

“ไอหยา เธอคิดจะปิดบังเรื่องนี้ แต่ครอบครัวของเธอไม่คิดจะปิดบังหรอกนะ!” คุณหนีซวงยิ้มอย่างจริงใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าทุ้มต่ำ : “ฉันได้รับโทรศัพท์แล้ว คุณชายสามตระกูลเฟิงเน้นย้ำ ให้เราช่วยดูแลเธอเป็นอย่างดี”

“คุณชาย…….” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างทันใด

นี่ นี่ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?

เฟิงหานชวนแทรกแซงเข้ามาในรายการประกวดของเธอแล้วเหรอ?

“ฮวนฮวน เธอเป็นแฟนของคุณชายสามตระกูลเฟิงเหรอ? ชื่อเสียงของคุณชายสามตระกูลเฟิงโด่งดังมากเลยนะ ฉันได้รับสายโทรศัพท์ของคณะกรรมการของบริษัท ตกใจแทบแย่เลย” คุณหนีซวงแกล้งแสดงท่าทางตกใจ พร้อมกับตบไปบนหน้าอกของตัวเอง

เธอนึกไม่ถึงจริง ๆ เวลานี้ ตัวแทนชั่วคราวของเกาเหวินคนนี้จะเป็นแฟนของเฟิงหานชวนประธานบริษัทอาร์

ดูไม่ออกเลยจริง ๆ !

โชคดีที่เมื่อเช้าเธอไม่ได้พูดอะไรที่มันเกินเลย แค่ขี้เกียจไปหน่อย ไม่น่าจะถึงขนาดล่วงเกินเฉินฮวนฮวน

“ฉัน………” เฉินฮวนฮวนแสดงสีหน้าสับสนขึ้นมาทันใด

เธอเคยพูดกับเฟิงหานชวนแล้ว ห้ามเขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการประกวดเด็ดขาด นึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะแทรกแซงเข้ามาแบบนี้

ทำให้เธอไม่รู้จะอธิบายกับคุณหนีซวงยังไง?

“ฮวนฮวน เธอเป็นแฟนของคุณชายสามตระกูลเฟิงใช่ไหม?” เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนไม่ตอบ พร้อมกับแสดงท่าทางไม่รู้จะอธิบายยังไง คุณหนีซวงจึงอดสงสัยขึ้นไม่ได้ จึงถามย้ำอีกครั้ง

นั้นมันผู้หญิงที่แต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ?

ดังนั้น เฉินฮวนฮวนจึงไม่กล้ายอมรับสถานะนี้?

เฉินฮวนฮวนทำหน้างง รู้สึกไม่เข้าใจ

เธอเพิ่งมา ยังไม่ค่อยชินก็เป็นเรื่องปกติ ทำไมคุณครูซูเวยต้องตะคอกใส่เธอด้วย?

แต่ว่า เธอก็รู้สึกหนักใจ เพิ่งเริ่มก็มีปัญหากับครูฝึกสอนแล้ว อีกหน่อยยังจะอยู่เป็นสุขเหรอ?

ตอนที่เธอกำลังคิด มีผู้หญิงหน้าหวานแถวหน้ารีบหันมาพูดกับเฉินฮวนฮวน "ตอนที่ครูวีวี่จะเริ่มคลาส เราทุกคนต้องโชว์การเต้นเพื่อแสดงความสามารถของเรา แล้วครูจะจัดการสอนตามพื้นฐานของแต่ละคน"

"ได้ยินหรือยัง?" ซูเวยมองเฉินฮวนฮวนตาขวาง แล้วเอ่ยว่า ""นี่อันเยว่ เป็นเด็กฝึกแนวหน้าของเหวินหรานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อีกหน่อยถ้าเธอมีอะไรไม่เข้าใจก็ถามเธอ เข้าใจไหม?"

ซูเวยรู้ตัวว่าวันนี้อารมณ์ร้อนเกินไป เธอก็แค่คนรับเงินมาแล้วทำงานให้ เธอก็ไม่อยากโดนเด็กฝึกคนอื่นร้องเรียน

"เข้าใจแล้วค่ะ" เฉินฮวนฮวนเพิ่งมาวันแรก ไม่อยากทำให้คุณครูอารมณ์เสีย จึงพยักหน้าให้

จากนั้น เธอจึงหันไปหาอันเยว่ ยิ้มขอบคุณเธอ "ขอบใจนะ"

"ในเมื่อเข้าใจแล้ว งั้นก็รีบออกมาเต้นให้ทุกคนดู อย่ารีรอได้ไหม ไม่ต้องให้ครูบอกหลายรอบ มันเสียเวลาคลาสเรียน" ซูเวยอารมณ์ขึ้นจนถอดหมวกออก แล้วโยนไปที่หน้ากระจก

เด็กฝึกที่อยู่ในห้องก็เกร็งกันมาก ถึงปกติซูเวยจะเข้มงวดอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ดุขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเด็กใหม่คนนี้ไปก่อเรื่องอะไรไว้?

"ค่ะครูซู หนูจะโชว์ตอนนี้เลยค่ะ" เฉินฮวนฮวนเม้มปาก ไม่เถียงอะไร ไม่ได้พูดอะไรมากด้วย

เธอยืนหันหน้าเข้าหาเด็กฝึกสิบเก้าคน แล้วหลับตาลง ในหัวก็คิดสิ่งที่เกาเหวินพูด แล้วพยายามตั้งสติ

จากนั้น ตอนที่เธอลืมตาขึ้น จึงเริ่มเต้นท่าเพลงเชียร์ที่เคยเต้นในโรงเรียน

เฉินฮวนฮวนพยายามควบคุมท่าเต้นของตัวเอง ให้ดูเหมือนตัวเองเป็นเด็กใหม่ที่มีแค่พื้นฐาน เธอทนกับสายตาที่แปลกใจแล้วเปลี่ยนมาเป็นดูถูกของเด็กฝึกคนอื่นได้

"พอแล้ว!" ซูเวยตะคอกเสียงดัง แล้วพูดเสียดสี "เต้นอะไรเนี่ย? ความสามารถแค่นี้ ยังมาร่วมรายการอีก?"

"ครูวีวี่คะ เธอมาแทนเกาเหวินกะทันหันค่ะ ไม่ได้เรียนด้านนี้มาโดยเฉพาะ ครูอย่าคาดหวังกับเธอมากเลยค่ะ คิดซะว่าเกาเหวินไม่อยากเสียโควตาก็พอค่ะครู" จ้าวซีพูดเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้

พอจ้าวซีพูดแบบนี้ เด็กฝึกคนอื่นค่อยทำสีหน้าเข้าใจ ทุกคนเข้าใจว่าทำไมเฉินฮวนฮวนไม่มีความสามารถ แต่มาร่วมรายการได้

ก็แค่ตัวแทนที่โดนยัดเยียดเข้ามากะทันหัน อยู่รอดแค่รอบเดียวแน่นอน ไม่ใช่คู่แข่งพวกเธอหรอก

แต่เฉินฮวนฮวนกลับไม่พูดอะไรเลย แค่ยืนนิ่งๆอยู่กับที่ แล้วเชิดคางขึ้น บนใบหน้าไม่มีความอายใดๆทั้งสิ้น

"ลงไป ครึ่งเดือนนี้ก็ตั้งใจเรียน รอบแรกอย่าถ่วงเพื่อนในทีมก็พอ!" ซูเวยพูดอย่างไม่สบอารมณ์

เฉินฮวนฮวนแค่พยักหน้าให้ สีหน้านิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไร แล้วยิ้มอ่อนเอ่ยว่า "ค่ะ"

จากนั้น เธอจึงเดินกลับไปที่ของตัวเอง

หลังจากนั้น ซูเวยก็เริ่มคลาส เธอนำทุกคนเต้นแจ๊สที่เพิ่งเรียนเมื่อสองวันก่อน ทุกคนเต้นเป็นแล้ว คลาสนี้มาเก็บรายละเอียดท่าต่างๆ

เฉินฮวนฮวนไม่เคยดูท่าเต้นนี้ ไม่เคยเรียนเต้นด้วย ตอนที่เสียงดนตรีดังขึ้น เธอจึงตามคนอื่นไม่ทัน แล้วมือไม้ลนลานไปหมด

ซูเวยเหลือบมองเธอ ไม่สนใจเธอ แล้วสอนทุกคนเต้นต่อ เหมือนมองข้ามเฉินฮวนฮวน คิดว่าไม่มีเด็กฝึกคนนี้

พอถึงรอบที่สาม เฉินฮวนฮวนก็จำท่าเต้นได้แล้ว แต่เธอแค่ไม่แสดงออกมา

หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป ถึงเวลาพัก

เด็กฝึกคนอื่นๆก็นั่งล้อมกันเป็นกลุ่ม ดูเหมือนว่ามีกลุ่มของตัวเองแล้ว

เฉินฮวนฮวนกับติงเซียงยืนดื่มน้ำอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วได้ยินคนอื่นซุบซิบเรื่องตัวเอง

"เฉินฮวนฮวนคนนั้นน่ารักนะ พวกเธอคิดว่าเขาอาจจะไม่ผ่าน แต่ฉันรู้สึกว่าเขาไม่ตกตั้งแต่รอบแรกแน่นอน!" เสียงของอันเยว่ แต่เธอพูดเสียงเบามาก

"น่ารักแล้วมีประโยชน์อะไร? ไม่มีความสามารถ ไม่สะดุดตา ยิ่งไม่มีคนหนุนหลังอีก" ฉินฟางที่อยู่บริษัทเดียวกับอันเยว่พูด

ฉินฟางเก่งมาก มีประสบการณ์ไปฝึกต่างประเทศ แต่ไม่ค่อยสูง แล้วผิวคล้ำด้วย หน้าตาก็งั้นๆ เธอจึงเกลียดผู้หญิงที่มีแค่เปลือก

"ใช่ ฉันคิดว่าฟางฟางพูดถูก เฉินฮวนฮวนเป็นแค่ตัวแทนคนอื่น ทางรายการไม่ให้ความสำคัญหรอก คนสวยๆไม่ใช่มีแค่เขาคนเดียวสักหน่อย อันเยว่เธอน่ารักกว่าเขาอีก!"

"ฉันก็ว่างั้น พวกเธอดูสิว่าครูซูเกลียดเธอแค่ไหน อีกหน่อยเฉินฮวนฮวนไม่มีทางได้ซีนหรอก"

"อันเยว่ ฉันว่าเธอได้เดบิวต์แน่นอน เธอทั้งสวยทั้งเก่ง แล้วยังมีแฟนคลับอีก ต้องเป็นตัวเลือกเซนเตอร์แน่นอน"

อันเยว่ฟังแล้วอารมณ์ดีมาก แต่เธอก็โบกมือให้ แล้วแสร้งพูดอย่างถ่อมตัว "พอแล้ว พอแล้ว อีกหน่อยจะเป็นยังไงยังไม่รู้เลย ตอนนี้เราตั้งใจฝึกซ้อมก็พอแล้ว"

"เธอทำได้แน่นอน!"

"ใช่ ใช่ พวกเราเชียร์เธอ ถึงเวลาอย่าลืมเลือกเราเข้าทีมด้วยนะ!"

"ได้ ถ้าฉันได้เลือกเพื่อนร่วมทีม ฉันจะเลือกพวกเธอแน่นอน" อันเยว่ยิ้มหวาน

……

เฉินฮวนฮวนกับติงเซียงอยู่ใกล้พวกเธอ จึงได้ยินที่พวกเธอคุยกัน

ติงเซียงสะกิดแขนเฉินฮวนฮวน แล้วพูดเสียงเบาว่า "อันเยว่คนนั้น เป็นดาวเด่นที่บริษัทดัน เคยแสดงละครเป็นตัวประกอบ มีแฟนคลับด้วย ทุกคนเอาแต่เอาใจเขา เพราะอยากอยู่ทีมเดียวกัน"

"เขาก็เป็นคนดี ยังช่วยฉันอีก" เฉินฮวนฮวนรู้สึกขอบคุณอันเยว่

แล้วเมื่อกี้ด้วย ผู้หญิงคนอื่นนินทาเธอ แต่อันเยว่กลับชมเธอ

พอคิดได้แบบนี้ เฉินฮวนฮวนจึงวางแก้วน้ำลง แล้วเดินไปหาอันเยว่ เอ่ยทักทายเธอก่อน "สวัสดีอันเยว่ เมื่อกี้ในคลาสไม่ค่อยสะดวกคุยกับเธอ ฉันชื่อเฉินฮวนฮวนนะ"

พูดแล้วเธอก็ยื่นมือไปหาอันเยว่

อันเยว่อึ้งเล็กหน่อย ทีแรกเธอคิดว่าเฉินฮวนฮวนโดนคนอื่นดูถูกอาจจะน้อยใจ แต่เฉินฮวนฮวนในตอนนี้ กลับดูใจกว้างเป็นกันเองมาก

ยังไงเธอก็เป็นคนที่ผ่านสังคมมาเยอะ แค่เด็กใหม่คนหนึ่ง เธอไม่ไว้ในสายตาหรอก จึงยื่นมือออกไปจับมือเฉินฮวนฮวน

"สวัสดี สวัสดี ชื่อเธอเพราะจังเลย เธอเรียกฉันว่าเยว่เอ่อร์ก็ได้ ทุกคนเรียกฉันแบบนี้" อันเยว่ยิ้มหวาน การกระทำต่างๆดูเหมือนเป็นดารามาก

เยว่เอ่อร์?

พอได้ยินชื่อนี้ เฉินฮวนฮวนจึงเหม่อไปชั่วขณะ

เพื่อนสนิทเธอหลิ่วเยว่เอ่อร์ เพื่อนที่เธอคิดว่าจะคบไปตลอดชีวิต กลับทำแบบนั้นกับเธอ

ชื่อนี้ เธอไม่อยากเรียกอีก เพราะจะทำให้เธอนึกถึงเยว่เอ่อร์อีกคน

"ฉันเรียกเธออันเยว่ดีกว่า ขอบใจที่เธอช่วยฉันในคลาสนะ" เฉินฮวนฮวนขอบคุณอีกครั้ง

"ไม่เป็นไรหรอก" อันเยว่ไม่ได้พูดอะไรมาก น้ำเสียงก็เย็นชาไม่น้อย

พอเฉินฮวนฮวนทักทายเสร็จ จึงเดินกลับไปหาติงเซียง

ฉินฟางเห็นเธอเดินไปแล้ว จึงพูดกับอันเยว่ว่า "เธอดีกับคนอื่น คนอื่นอาจจะไม่ดีกับเธอก็ได้ ไม่อยากเรียกชื่อเล่นเธอ คิดว่าปากตัวเองติดทองไว้มั้ง?"

"พวกเธออย่าพูดอย่างนี้สิ เขาอาจจะแค่ไม่สนิทกับฉัน ก็เลยไม่อยากเรียกชื่อเล่นฉัน ไม่เป็นไรหรอก" อันเยว่ยังยิ้มหวานเหมือนเดิม

“ฮวนฮวน เธอเป็นอะไรไปเหรอ ? ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ ?” ติงเซียงวางถ้วยลง มองสีหน้าแปลกไปของเฉินฮวนฮวนที่อยู่ตรงข้าม เอ่ยถามอย่างรีบร้อน

เฉินฮวนฮวนได้สติกลับมา ลูบไปที่แก้มอย่างไม่ตั้งใจ แล้วส่ายหน้าทันที พูดว่า “ฉันไม่เป็นไร ก็แค่ร้อนนิดหน่อยเท่านั้น”

คุณพระ เมื่อกี้เธอคิดอะไรอยู่กันแน่ ? เธอมาค่ายฝึกอบรม ไม่ใช่มาคิดถึงผู้ชายนะ

เธอบ้าไปแล้วจริงๆ

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันกินเสร็จแล้ว ใกล้จะถึงเวลาแล้ว พวกเราไปเข้าเรียนเถอะ” ติงเซียงระหว่างที่พูดก็ลุกขึ้นยืน

ตลอดทาง เฉินฮวนฮวนเห็นผู้หญิงหลายรูปแบบ ทุกคนต่างสวมชุดฝึกอบรมเหมือนกัน แต่กลับมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนกัน

เธอรู้อยู่ค่ายฝึกอบรมแห่งนี้ รวมทั้งหมดมีผู้หญิงที่เป็นเด็กฝึกอยู่100คน ถึงเวลาจะเข้าร่วมบันทึกรายการพร้อมกัน

ในผู้หญิงที่ฝึก100คน มีเพียง 9 คนจะได้จัดเป็นทีมเข้าวงการบันเทิง เป็นการคัดเลือกที่ยากมากๆ

ตอนอยู่ในโรงอาหาร ติงเซียงบอกกับเธอมากมาย เด็กฝึกทั้งหมดโดยพื้นฐาน ทั้งหมดเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว ถึงขนาดบางคนมีประสบการณ์ด้านการคัดเลือกมามากมาย

ติงเซียงบอกเป็นนัยก็คือ ตัวเองไม่ควรคาดหวังสูงเกินไป เพราะสำหรับเด็กฝึกพวกนี้แล้ว เธอก็แค่มือสมัครเล่นคนหนึ่ง

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าติงเซียงพูดความจริง เป็นความจริงหากเทียบกับเด็กฝึกคนอื่น เธอไม่มีประสบการณ์อะไรเลย และไม่มีฐานแฟนคลับ ก็แค่กระดาษขาวแผ่นหนึ่ง

แต่ว่า เธอไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ ไม่พอใจที่ยังไม่ได้เริ่ม ก็เลือกความล้มเหลว

เกาเหวินคาดหวังในตัวเธอมาก และเธอเองก็เช่นกัน

ถึงแม้สุดท้ายเธอไม่ได้เข้าวงการ แต่เธอต้องใช้โอกาสครั้งนี้ ในการคัดเลือก ให้ทุกคนได้เห็น

เข้าชั้นเรียนพร้อมกับติงเซียง คนอื่นๆ พูดคุยอยู่ก็พูดคุย ฝึกอยู่ก็ฝึก ไม่มีใครมองเฉินฮวนฮวนเลย

ติงเซียงเคยบอกเธอ พวกเธออยู่ห้องเรียนหมายเลข 4 รวมทั้งหมดมีห้องเรียน 5 ห้อง ทุกห้องมี 20 คน

ค่ายฝึกอบรมครั้งนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับรายการบันทึก เพียงแค่รายการรวบรวมเด็กฝึกมารวมกัน เข้าร่วมการฝึกอบรมแบบเร่งรัดหนึ่งครั้ง เสริมทักษะของทุกคน

ถึงแม้ว่า ส่วนใหญ่ในนี้ทั้งหมดจะมีความสามารถมาก แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนมาเข้าเรียนกับคุณครู

เฉินฮวนฮวนและติงเซียงเพิ่งเดินเข้าไป ผู้หญิงสวมเสื้อกั๊กและกางเกงรัดรูปเข้ามา บนศีรษะยังสวมหมวกปีกกว้างใบหนึ่ง

หน้าตาของเธอจัดอยู่ในระดับกลาง สีหน้าดูจริงจังมาก เดินไปยืนตำแหน่งกลางหน้ากระจกบานใหญ่ มองมาที่พวกเธอเด็กฝึก20คน

“ฮวนฮวน เธอคือครูสอนเต้นของพวกเรา ซูเวย ทุกคนเรียกเธอว่า วีวี่” ติงเซียงพูดเสียงเบาข้างหูเฉินฮวนฮวน

ในตอนนี้ ซูเวยมองมาทางเฉินฮวนฮวน ชี้เธอแล้วพูดว่า “มาใหม่ ?”

“ค่ะ ครูซู ฉันมาเป็นเด็กฝึกแทนเกาเหวิน ฉันชื่อเฉินฮวนฮวน” เฉินฮวนฮวนตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบกลับอย่างใจกล้า

“มานี่” ซูเวยพูดเสียงเย็น

เฉินฮวนฮวนไม่ได้ถามมาก เดินไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟัง มาถึงตรงหน้าซูเวย

“แสดงการเต้นท่อนหนึ่งให้ทุกคนดู” ซูเวยหลบไปด้านข้าง ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มแม้แต่นิด

“เอ๊ะ?” เฉินฮวนฮวนนิ่งอึ้งไปทันที หรือว่าซูเวยจะรู้ระดับการเต้นของเธอ

“เอ๊ะอะไรเอ๊ะ เธอมาทำอะไรกัน ? แสดงต่อหน้าคน20คนไม่ได้ ภายหลังเธอจะขึ้นเวทีแสดงได้ยังไง”ซูเวยถลึงตา ตะคอกไปที่เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วช้าๆ พูดอย่างหนักแน่น “ครูซู ฉันเป็นเด็กใหม่ เพิ่งเข้ามาคุณก็ให้ฉันแสดงการเต้น ฉันไม่เข้าใจความหมายของคุณ ดังนั้นถึงแสดงความสงสัยออกมา”

เธอรู้สึกซูเวยที่เป็นคุณครู ปฏิบัติกับนักเรียนใหม่คนนี้ ไม่ควรดุขนาดนี้

“ความหมายของเธอคือ ฉันยังต้องพูดเจาะจงให้เธอเข้าใจคนเดียว? หลังจากที่เธอมา ก็ไม่ได้ถามเด็กฝึกคนอื่นเหรอ ?” ซูเวยอารมณ์ไม่ดี หลักๆคือ วันนี้เธอสารภาพรักแล้วถูกปฏิเสธ อารมณ์ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

เฉินฮวนฮวนยังเถียงเธอแบบนี้ เธอยิ่งพาลโกรธไปใหญ่

เฟิงหานชวนไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ที่เดิมไปนานแค่ไหน

จนกระทั่งเขาดึงสติกลับมา ค่อยหันเดินไปที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิง

พอเข้าห้องรับแขก หลิวหลี่ถงก็รีบเดินมาหาด้วยรอยยิ้มเขินอาย "คุณชายสามคะ คุณยังไม่ได้ทานมื้อเช้าใช่ไหมคะ อยากทานอะไรคะ? เดี๋ยวฉันไปทำให้ ฝีมือฉันอร่อยนะคะ"

เธอเห็นเฟิงหานชวนกินมื้อเช้ากับเฉินฮวนฮวน แต่เฟิงหานชวนไม่ได้กินเลย เธอจึงถามแบบนี้

เขาว่ากันว่า ถ้าอยากมัดใจผู้ชาย ก็ต้องมัดใจกระเพาะเขาให้ได้ก่อน นี่เป็นโอกาสที่ดี หลิวหลี่ถงรู้สึกตื่นเต้นมาก

แต่ว่า ความหวังของเธอกลับดับสลายทันที

"ไม่ต้อง" เฟิงหานชวนไม่อยากกินมื้อเช้าเลย

นึกถึงต้องแยกกับเฉินฮวนฮวนตั้งครึ่งเดือน อารมณ์เขาเลยไม่ค่อยดี สีหน้าจึงเข้มขรึม

เขาเดินอ้อมหลิวหลี่ถง แล้วเดินขึ้นบันไดไป

หลิวหลี่ถงมองแผ่นหลังเฟิงหานชวนที่เดินขึ้นไป เธอโกรธจนกระทืบเท้า

"คุณชายสาม ฉันต้องทำให้คุณชอบฉันให้ได้!" เธอพูดในใจ

……

พอเฟิงหานชวนขึ้นไปชั้นบนแล้ว เพิ่งเปิดประตูห้อง ก็เห็นเฟิงเหลยถิงเดินออกมาจากห้องพวกเขาอย่างรีบร้อน

"พ่อครับ พ่อเข้าไปในห้องเราทำไมครับ?" เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว

"เปล่า ไม่มีอะไร พ่อก็แค่มาดู เมื่อคืนเรา……" สายตาเฟิงเหลยถิงว่อกแว่ก แล้วไอเสียงเบาเอ่ยว่า "นานาบอกว่า เมื่อคืนฮวนฮวนเห็นพ่อกับนานาที่ระเบียง……"

เฟิงเหลยถิงพูดไม่จบประโยค แต่สีหน้ากลับดูมีความสุข ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลย

เฟิงหานชวนหัวเราะในลำคอแล้วเอ่ย "ผมจะพาฮวนฮวนย้ายออกไป ต่อไปพ่ออยากทำอะไรก็ทำเลยครับ จะทำอะไรกลางวันแสกๆก็ไม่มีใครว่าแล้วครับ"

"ได้ ได้ ได้ พวกเราย้ายออกไปใช้ชีวิตสองคน พ่อสนับสนุน แต่ว่า……" เฟิงเหลยถิงเม้มปากเอ่ย "ทำไมลูกยังใช้ถุงกับฮวนฮวน?"

"……" มุมปากเฟิงหานชวนกระตุก แล้วสีหน้าก็เข้มขรึมมาก

ของสกปรกพวกนั้นเขาโยนลงถังขยะในห้องน้ำตั้งนานแล้ว หรือว่าตาแก่ไปค้นถังขยะ?

"เฟิงเหลยถิง ออกไปเลย!" เฟิงหานชวนชี้ไปที่ประตู แล้วพูดเสียงดัง

นายท่านเฟิงยิ้มคิกคักอย่างหน้าด้าน ตบไหล่เฟิงหานชวนแล้วเริ่มสั่งสอน "อยากมัดผู้หญิงคนหนึ่งไว้ ก็ต้องให้เธอคลอดลูกของตัวเอง ตอนนี้ลูกป้องกันแบบนี้ ถ้าถึงเวลาเรื่องนั้นโป๊ะแตก เธอไม่มีลูก แล้วจะไปจากลูกทำยังไง?"

เฟิงเหลยถิงรู้เรื่องที่บลูส์คลับคืนนั้น ก็เลยรีบพูดสอนลูกชายตัวเอง แต่ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เขาอยากจะอุ้มลูกของเจ้าสาม

พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าเฟิงหานชวนจึงเย็นชามาก "เรื่องนี้ พ่อกลืนลงท้องไปเลย อย่าพูดถึงอีก!"

"ก็ได้ ก็ได้ พ่อก็เห็นว่าฮวนฮวนไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ไว้ใจได้ ปากของพ่อเรา ลูกยังไม่รู้อีกเหรอ? ปิดแน่นสนิทมาก!" เฟิงเหลยถิงพูดไปด้วย แล้วทำท่าซิปปาก

เฟิงหานชวนอารมณ์ขึ้น จึงจับแขนเฟิงเหลยถิง แล้วดึงเขาออกไปที่ทางเดิน

"กลับชั้นสามพ่อไปเถอะครับ อย่ายุ่งเรื่องของผมกับฮวนฮวน" เฟิงหานชวนจะอาละวาดแล้ว

แต่อยู่ต่อหน้าพ่อตัวเอง แล้วพ่อก็ดีกับเขามากด้วย เขาจึงพยายามควบคุมอารมณ์ไว้

"เด็กคนนี้นี่ ถ้าไม่ใช่พ่อ ลูกจะได้สมหวังกับฮวนฮวนเหรอ?" เฟิงเหลยถิงเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี "ที่พ่อพูดถึง ไม่ใช่แค่สมหวังกันต่อหน้า เมื่อวานพ่อพานานาไปที่ระเบียง ก็แค่อยากสะกิดเราสองคน พ่อเสียสละจนถึงขั้นนี้แล้วนะเนี่ย!"

เฟิงเหลยถิงบ่นไปด้วย แล้วหันหลังเดินขึ้นบันได

เฟิงหานชวนอารมณ์เสียมาก จึงปิดประตูเสียงดัง"ปัง"

แล้วตอนนั้น ที่หน้าบันไดชั้นหนึ่ง หลิวหลี่ถงได้ยินที่พ่อลูกคุยกันชัดเจน

จากที่พวกเขาคุยกัน หลิวหลี่ถงแน่ใจแล้วว่า เฉินฮวนฮวนโกหก เฉินฮวนฮวนมีอะไรกับคุณชายสามแล้ว แต่ยังโกหกเธอว่าไม่อีก

แล้วอีกอย่าง เหมือนคุณชายสามมีเรื่องปิดบังเฉินฮวนฮวน แล้วนายท่านก็รู้เรื่องนี้ด้วย ยังบอกอีกว่าถ้าเฉินฮวนฮวนรู้ อาจจะไปจากคุณชายสาม?

หลิวหลี่ถงหรี่ตาลงแล้วเริ่มคิด เอาแต่คิดว่าเป็นเรื่องอะไร เธอต้องรู้ให้ได้!

"หลี่ถง พื้นที่ห้องคนใช้สกปรกมาก เธอไปกวาดสิ" แม่บ้านหลี่เดินเข้ามา แล้วเห็นหลิวหลี่ถงยืนบื้ออยู่หน้าบันได้ จึงเอ่ยสั่ง

แม่บ้านหลี่เป็นคนรับใช้ตระกูลเฟิงมานานเหมือนผู้ดูแลจาง ถือว่าเป็นคนดูแลคนใช้ทั่วๆไป

หลิวหลี่ถงสะดุ้งเฮือก เธอรีบดึงสติกลับมา ไม่กล้าเถียง แล้วพยักหน้าพูดว่า "จะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"

พูดไปด้วย เธอจึงออกไปจากบ้านใหญ่อย่างไม่สบอารมณ์

……

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น สถานที่ฝึกอบรม

ห้องทำงานผู้อำนวยการ

"ฮวนฮวน นี่เป็นผู้อำนวยการที่รับผิดชอบรายการอบรมของเรา คุณหนีซวง" เกาเหวินทักทายกับคุณหนีซวง แล้วแนะนำให้เฉินฮวนฮวนรู้จักด้วย

เฉินฮวนฮวนมองไปที่คุณหนีซวง เธอเป็นผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบ แต่งหน้าดูดี แล้วใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดัง ดูแล้วเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก

เธอหันไปโค้งให้คุณหนีซวง แล้วเอ่ยทักทาย "คุณหนีซวง สวัสดีค่ะ"

"อื้อ" คุณหนีซวงตอบอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยว่า "เฉินฮวนฮวน หลังจากนี้เธอจะมาแทนที่ของเกาเหวิน แล้วร่วมรายการครั้งนี้ อย่างอื่น ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว"

คุณหนีซวงยุ่งอยู่แล้ว แล้วเธอก็รู้ว่าเฉินฮวนฮวนไม่มีคนหนุนหลังอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะขาของเกาเหวินบาดเจ็บ แล้วเอารุ่นน้องมาแทน เด็กอย่างเฉินฮวนฮวนคงไม่มีทางได้ร่วมรายการหรอก

หน้าตาก็สวย ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดู แต่คนที่ไม่มีคนหนุนหลัง เธอก็ไม่ค่อยอยากสนใจ

ในวงการนี้ ถ้าไม่มีคนหนุนหลัง ก็คงไม่เด่นไม่ดัง เพราะฉะนั้นคุณหนีซวงจึงคิดว่าคนแบบนี้ ไม่มีผลประโยชน์อะไรกับตัวเอง

"คุณหนีซวง งั้นขอบคุณนะคะ รบกวนช่วยดูแลฮวนฮวนด้วยนะคะ" เกาเหวินเหมือนผู้ปกครองที่ส่งเด็กมาเรียน แล้วตีสนิทคุณหนีซวง

คุณหนีซวงยกน้ำชาขึ้นจิบ แล้วเอ่ย "ซีนที่ควรให้ก็จะให้ หลังจากนั้นจะเป็นยังไง อยู่ที่ตัวเธอเอง"

"ฮวนฮวน ยังไม่ขอบคุณคุณหนีซวงอีก" เกาเหวินตบหลังเฉินฮวนฮวนเบาๆ แล้วส่งสายตาให้

เฉินฮวนฮวนเข้าใจทันที จึงเอ่ยขอบคุณ "ขอบคุณคุณหนีซวงมากนะคะ"

"พอแล้ว ฉันก็คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เกาเหวินพาเธอไปที่หอพักสิ ให้เธอเรียนรู้ลำดับการอบรมด้วย" คุณหนีซวงโบกมือให้พวกเธอออกไปได้

เกาเหวินจึงพาเฉินฮวนฮวนไปที่หอพัก หอพักจะอยู่ที่ตึกสุดท้าย

นี่เป็นที่ที่ทางรายการเช่าไว้ แต่ก่อนเป็นโรงเรียนอนุบาล พอตกแต่งใหม่ เลยเปลี่ยนมาเป็นที่ฝึกอบรม

ทุกค่ำคืน?

จู่ๆ ก็เกิดคำถามขึ้นในสมองของเฉินฮวนฮวน ทำไมไม่เป็นตอนกลางวันแต่เป็นตอนกลางคืนล่ะ?

จากนั้นเธอก็เข้าใจทันที เพราะเฟิงหานชวนต้องทำงานตอนกลางวัน!

เนื่องจากยุ่งกับงานตอนกลางวัน เพราะฉะนั้นจะสามารถดูรูปของเธอในตอนกลางคืน

เมื่อสังเกตเห็นท่าทางนึกขึ้นได้ของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็รู้ว่าเธอไม่เข้าใจความหมายของเขา

ดังนั้นเขาจึงพูดเสริมอย่างเคร่งขรึม: "ผมหมายถึงดูรูปถ่ายของคุณทุกคืน จะได้จดจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราเมื่อคืนนี้ เพราะเป็นยามค่ำคืน หรือคุณคิดว่าอย่างไร"

เฉินฮวนฮวนถึงกับตกตะลึง

เธอได้ยินอะไร? เธอได้ยินว่าอะไรนะ?

เธอเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ และพึมพำในใจ: ถ้ารู้ฉันคงไม่ถ่ายรูปไว้! ! !

“ฉันไม่มีอะไรจะพูด” เฉินฮวนฮวนแสร้งทำเป็นจริงจัง อย่าหันศีรษะไปมองเขา

เธอพบว่าถ้าเฟิงหานชวนพาลขึ้นมา ไม่มีใครเทียบได้

ในขณะนั้น รถสีแดงจอดอยู่ข้างถนนตรงหน้าทั้งสองคนพอดี

ทันใดนั้น ประตูรถก็ถูกเปิดออก แล้วสตรีร่างสูงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยใบหน้าประหลาดใจ

“โอ้พระเจ้า! ฮวนฮวน นี่คือเฟิงหานชวน คุณชายสามใช่ไหม?” เกาเหวินประหลาดใจและยิ่งกว่านั้นเธอตื่นเต้นมาก

แม้ว่าเธอจะเห็นเฟิงหานชวนพาเฉินฮวนฮวนออกจากไนท์คลับในวันนั้น แต่นั่นเพียงแค่เห็นเฟิงหานชวนไกลๆเท่านั้น แต่วันนี้เฟิงหานชวนยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

จางฟานได้บอกเธอเกี่ยวกับเฟิงหานชวนแล้ว เฟิงหานชวนเป็นถึงคุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงที่มีชื่อเสียง ถ้าอยู่ที่เมืองเป่ยเฉิงเพียงแค่เขากระทืบเท้าทั้งปฐพีก็จะสั่นสะเทือน

เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนต้องมีความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวน ไม่เช่นนั้นวันนั้นเฟิงหานชวนก็คงจะไม่พาตัวเธอไป แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะอธิบายให้เธอฟังในภายหลังว่า เฟิงหานชวนเป็นเพียงญาติห่าง ๆ ของเธอ เป็นอาสามของเธอ แต่เธอมาวิเคราะห์กับจางฟานในภายหลัง แล้วรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะเป็นผู้หญิงที่เฟิงหานชวนเลี้ยงดูอยู่

"ใช่ ใช่ ใช่" เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและแนะนำให้เฟิงหานชวน: "อาหาน คนนี้ก็คือคนที่ฉันเคยบอกคุณ รุ่นพี่ของฉันเธอชื่อเกาเหวิน ตอนนี้เธอเป็นเจ้านายของฉันด้วย"

“สวัสดีครับต้องรบกวนคุณดูแลฮวนฮวนด้วยนะครับ เฟิงหานชวนพยักหน้าเล็กน้อยและทักทายเกาเหวินอย่างสุภาพ

เกาเหวินอยากจะจับมือเฟิงหานชวนเพื่อเป็นการทักทาย แต่เฟิงหานชวนไม่ได้ดูเหมือนจะยื่นมือออกมา เธอจึงไม่ได้ยื่นมือออกไป

“สวัสดีค่ะคุณชายสาม แฟนของฉันเคยพูดถึงคุณ ที่จริงแล้วเราเคยพบคุณที่ไนท์คลับวันก่อน… แฟนของฉันจางฟานเป็นผู้จัดการทั่วไปของหยางไท่กรุ๊ป” เกาเหวินต้องการใกล้ชิดกับเฟินหานชวน และจางฟานก็หวังที่จะร่ววมงานกับเฟิงหานชวน

ถ้าตัวเธอเองสามารถแนะนำจางฟานให้รู้จักกับเฟินหานชวนได้ ต่อไปจางฟานก็จะไม่มีทางทิ้งเธออย่างแน่นอน

“อืม” เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา จากนั้นยกมือขึ้นและเหลือบมองนาฬิกาของเขาแล้วพูดว่า “ถึงเวลาแล้ว”

เขาอยู่ในสนามรบเป็นเวลานานและเข้าใจความหมายของเกาเหวิน เขาไม่ต้องการเสียเวลามากเกินไปกับคนไม่สำคัญ

ดังนั้นเขาจึงจบหัวข้อสนทนานี้

เกาเหวินถือได้ว่าเป็นคนฉลาดและเธอก็เข้าใจในทันทีว่าเฟิงหานชวนไม่ต้องการสนทนามากไปกว่านี้ เธอก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ใจร้อนไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น เฉินฮวนฮวนเป็นเพียงผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูอย่างไม่ออกหน้าออกตาของเฟิงหานชวน ไม่อย่างนั้นเฉินฮวนฮวนก็คงไม่ต้องลำบากทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียว หลังเลิกเรียนเธอทำงานนอกเวลา และยายของเธอก็ไม่มีเงินสำหรับการผ่าตัด…

สัญญาณหลายๆอย่างแสดงให้เห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ดีต่อเฉินฮวนฮวนมากนัก และเขาก็ไม่ได้ให้เงินแก่เฉินฮวนฮวน

เกาเหวินรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่โง่เขลา ไม่รู้จักหาเงินจากเขาเข้ากระเป๋าตัวเอง เธอไร้เดียงสาเกินไป เธอถึงถูกจิ้งจอกเฒ่าอย่างเฟิงหานชวนหลอก

ยิ่งกว่านั้น เมื่อเธอมองไปที่เฟิงหานชวนในตอนนี้ เธอรู้สึกสมเพช ผู้ชายที่รวยขนาดนี้กลับขี้เหนียวกับผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ยอมให้เงินแม้แต่น้อยหลังจากหลับนอนด้วยกัน

ไม่น่าแปลกใจที่จางฟานบอกว่า เฟิงหานชวนเป็นคุณชายสามตระกูลเฟิงที่น่าสะพรึงกลัว คำกล่าวดูเหมือนจะเป็นจริง เขาดูเป็นคนเลือดเย็นไร้ความปราณี

เกาเหวินรู้สึกสงสารเฉินฮวนฮวนขึ้นมา เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนเผชิญความยากลำบากมาก่อน เธอยินยอมที่จะติดตามเฟิงหานชวน คิดว่าเธอก็คงต้องการหาเงินเพื่อมีชีวิตที่ดี แต่คิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะตระหนี่เช่นนี้

คาดว่าเฉินฮวนฮวนก็คงรู้ถึงนิสัยของเฟิงหานชวน ถึงได้ตอบตกลงที่จะไปประกวด โดยคิดว่าจะเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อหาเงินแทนที่จะเสียเวลากับชายเลือดเย็นแบบนี้

“ใช่ใช่ใช่ หากไม่รีบไปจะไปสายแล้ว” แม้ว่าในใจเกาเหวินจะสบประมาทเฟิงหานชวน แต่เธอก็ยังต้องยิ้มเพื่อเอาใจเขา

เธอคว้ากระเป๋าเดินทางของเฉินฮวนฮวน ยกขึ้นแล้วเดินไปที่กระโปรงท้ายรถของเธอ

เฉินฮวนฮวนเดิมอยากจะหยุด แต่เกาเหวินเคลื่อนไหวเร็วมาก ดังนั้นเธอจึงรีบตามให้ทันและกล่าวขอบคุณ: “พี่เหวิน ฉันขอโทษที่ทำให้คุณลำบาก”

“เกรงใจอะไร เธอดีฉันดีทุกคนถึงจะดี ”เกาเหวินยังหวังว่าเฉินฮวนฮวนจะสร้างผลกำไรให้กับเธอได้ เธอรีบพูดว่า: “ขึ้นรถเถอะ

“ค่ะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า พร้อมหันหลังกลับและโบกมือให้เฟิงหานชวน

ใบหน้าของเฟิงหานชวนหม่นหมองมาก ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย เขาไม่ต้องการที่จะโบกมือให้เฉินฮวนฮวน เพราะเขาไม่ต้องการบอกลาเฉินฉวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเห็นว่าเขาไม่ได้โบกมือ เกาเหวินนั่งลงบนที่นั่งคนขับด้วยความเร่งรีบ เธอจึงต้องเปิดประตูและรีบไปที่เบาะหลังอย่างรวดเร็ว

เกาเหวินเป็นผู้หญิงที่ละมุนละม่อม แม้ว่าเธอเพิ่งจะถูกเฟิงหานชวนปฎิเสธ แต่เธอก็ยังยิ้มและกล่าวคำอำลากับเฟิงหานชวน: “คุณชายสาม ถ้าอย่างนั้นฉันพาเฉินฮวนฮวนไปก่อนนะ แล้วเจอกันเมื่อมีโอกาส "

หลังจากพูดจบ เกาเหวินก็สตาร์ทรถและขับไปข้างหน้า

เฉินฮวนฮวนมองผ่านหน้าต่างรถไปที่เฟิงหานชวน เธอรู้สึกอาลัยอาวรณ์ รู้สึกว่างเปล่าแล้วโบกมือให้กับเฟิงหานชวนที่ยืนอยู่ข้างถนนอีก

เพียงแต่ว่า เกาเหวินขับรถเร็วมาก พอเธอโบกมือ รถก็แล่นไปไกลแล้ว จากมุมของเธอมองไม่เห็นเฟิงหานชวนแล้ว

เฉินฮวนฮวนได้แต่หันหลังกลับและนั่งตัวตรง ใบหน้าของเธอผิดหวังเล็กน้อย

“ฮวนฮวน เธอเนี่ยนะ!” เกาเหวินถอนหายใจเมื่อเห็นว่าระยะทางนั้นไกลออกไปแล้ว

“พี่เหวิน…” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเกาเหวินน่าจะเดาได้ เธอเม้มปาก แต่ก็ไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร

เธอเคยบอกเกาเหวินก่อนหน้านี้ว่าเฟิงหานชวนเป็นอาสามของเธอ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนในตอนนี้ เหมือนลุงกับหลานที่ไหน?

“ฉันไม่สนใจเรื่องชีวิตส่วนตัวของเธอ ตราบใดที่เธอสามารถรับประกันได้ว่าเธอจะไม่ถูกขุดคุ้ยหลังจากเข้าวงการ… ช่างมันเถอะ ฉันกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์” เกาเหวินสะบัดมือราวกับว่าเธอไม่ได้พูดถึงมัน

สีหน้าของเฉินฮวนฮวนงงงวยเล็กน้อย

“คนอย่างเฟิงหานชวนดูก็รู้ว่าไม่ปล่อยให้คนอื่นมาขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวหรอก” เกาเหวินกล่าวอย่างมั่นใจ

ไม่เช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะให้เฉินฮวนฮวนบอกคนอื่นว่าเขาเป็น "อาสาม" หรืออะไรทำนองนั้น

“อืม ฉันก็คิดเช่นนั้น” เฉินฮวนฮวนเห็นด้วยกับคำพูดของเกาเหวิน เธอก็รู้สึกว่าเฟิงหานชวนไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมให้คนอื่นยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเขา

“พอแล้ว ฮวนฮวน เธอก็อย่าเสียใจไปเลย อีกหน่อยพี่จะช่วยเธอหาเงิน ” เกาเหวินตบหน้าอกของเธอและพูดอย่างมั่นใจ

เฉินฮวนฮวนไม่ได้สนใจความหมายของเกาเหวิน คิดเพียงว่าาที่เธอบอกว่าอย่าเศร้า หมายถึงความโศกเศร้าที่ได้แยกห่างกับเฟิงหานชวน

เธอก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย เพียงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อีกหน่อยฉันยังจะต้องพึ่งพาพี่เหวินให้ดูแลฉันมากขึ้น”

“ฉันสิยังต้องพึ่งพาเธอเพื่อช่วยให้ฉันหาเงินได้มากขึ้น!” เกาเหวินหัวเราะ

เฉินฮวนฮวนก็หัวเราะออกมาเช่นกัน ความรู้สึกสูญเสียและไม่สบายใจที่ต้องจากลาก็คลายลงอย่างมาก

……

ณ เวลานี้ที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์

ณ ตำแหน่งเดิมเมื่อสักครู่ เฟิงหานชวนยังคงยืนอยู่ที่นั่นและไม่จากไปไหน

สายตาของเขาจ้องมองไปไกล แต่รถสีแดงคันนั้นได้หายไปนานแล้วไม่เห็นแม้แต่เงา

เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นและโบกมือเบาๆ

“ฮวนฮวน รอคุณกลับมานะ”

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนคิดยังไง เธอเพียงพูดอธิบาย “ก่อนหน้านี้ที่ฉันไม่คิดจะย้ายออกไป เพราะกลัวพ่อจะเสียใจอยู่เหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าคนสูงวัยจะกลัวการโดดเดี่ยว ชอบความครื้นเครงมากกว่า”

“แต่ตอนนี้ฉันรู้สึก พวกเราย้ายออกไปล่ะก็ พ่อกับพี่นานาคงสะดวกกว่านี้” เธอลูบหน้าผากเงียบๆ นึกถึงภาพเมื่อคืนที่เห็นบนระเบียง สีหน้าดูอึดอัดเล็กน้อย

“หลังจากกลับมา คุณอยากพักที่ไหน? บ้านเฉินหรืออยากหาที่อยู่ใหม่?” เฟิงหานชวนขอความเห็นจากเธอ

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น มองไปบนท้องฟ้า เหมือนกำลังคิดอะไร แล้วเธอก้มหน้าลงเล็กน้อย ส่ายหน้าเบาๆ

“บ้านเฉิน ฉันยังไม่อยากกลับไปตอนนี้”

ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากพักที่บ้านเฉิน แต่ว่าบ้านเฉินตอนนี้ ไม่ใช่การตกแต่งที่แม่จัดในปีนั้นอีกแล้ว เต็มไปด้วยข้าวของของเฉินเหม่ยเจวียนกับเฉินซินโหรว

รอเธอหาเงินได้แล้ว เธอคิดจะตกแต่งบ้านเฉินใหม่สักครั้ง เอาร่องรอยทั้งหมดที่เฉินเจี้ยนหมิน เฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรวทิ้งไว้ ทำความสะอาดทั้งหมด

เพราะฉะนั้น ตอนนี้เธอไม่อยากกลับไปอาศัยที่นั่น แต่วันหลัง รอเธอตกแต่งเสร็จแล้ว เธอจะกลับไปอยู่ที่นั่น

“ทั้งเมืองเป่ยเฉิง คุณสนใจพื้นที่ตรงไหน บอกผม ชอบการตกแต่งบ้านแบบไหน อยากอาศัยอยู่บนคอนโด บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ อพาร์ทเมนท์สองชั้น หรือว่าคฤหาสน์?”เฟิงหานชวนถามออกมาเป็นพรวน

เฉินฮวนฮวนเกือบมึนไปกับเขา อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“เฟิงหานชวน คุณเหมือนมหาเศรษฐีคนหนึ่งจัง” เธอหัวเราะไปพลาง คิดไปพลาง พูดว่า “อันที่จริงฉันไม่มีความต้องการอะไร คุณชอบก็พอ ฉันรู้สึกเลือกตำแหน่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างกึ่งกลางระหว่างบ้านเฟิงกับบริษัทของคุณ ตรงเขตปั้นเต่านั้น ? ”

“แบบนั้นละก็ จะสะดวกสำหรับคุณที่ไปบริษัททุกวัน แล้วพวกเราก็สามารถกลับไปพักที่บ้านเฟิงตลอดเวลา และไม่ห่างไกลกันมาก คุณรู้สึกว่าไง?”

จู่ ๆ เฟิงหานชวนก็สังเกตเห็น อันที่จริงเฉินฮวนฮวนไม่ใช่ผู้หญิงที่โง่คนหนึ่ง เธอมีความคิดครอบคลุม และคิดถึงความรู้สึกของทุกคน

เพียงแต่เธอไม่ได้คิดถึงตัวเองเลย

“เขตปั้นเต่าห่างจากมหาลัยของคุณค่อนข้างไกล” เฟิงหานชวนพูด “ถ้าหากหลังจากคุณกลับมาแล้วยังต้องไปเรียน พวกเราก็พักตรงชานเมืองฝั่งตะวันตกก่อน”

“ฉันยังคงต้องเข้าร่วมบันทึกรายการ ฉันไม่ค่อยแน่ใจในเวลาเท่าไหร่ แต่ต้องไปเรียนแน่นอน แต่ตอนที่ฉันไม่อยู่ คุณพักตรงชานเมืองตะวันตกคงไม่สะดวกมั้ง…”เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะ เข้าสู่สภาวะที่สับสน

เฟิงหานชวนอดหัวเราะไม่ได้ พูดตัดบท “พอแล้ว คุณไม่ต้องคิดแล้ว ผมให้คนเก็บกวาดบ้านหลายๆแห่ง ถึงเวลานั้นพวกเราดูตามสถานการณ์ เปลี่ยนที่พัก”

“วิธีการนี้ของคุณเยี่ยมมาก” ในที่สุดเฉินฮวนฮวนก็รู้ ตัวเองมีปัญหาตัดสินใจไม่ได้อยู่

เพราะฉะนั้น เฟิงหานชวนคิดวิธีการนี้มา เดี๋ยวเดียวก็ขจัดความสับสนของเธอไปได้

แต่เธอพูดขึ้นอีก “วิธีการนี้ดีก็ดีอยู่หรอก แค่เกินจำเป็นไปหน่อย”

เมืองเป่ยเฉิงแห่งนี้ เป็นพื้นที่ราคาแพง เปลี่ยนที่พักไปหลายๆแห่ง เธอไม่เคยมีความคิดนี้มาก่อน

“คุณมีความสุขก็พอ สามีของคุณรวย” ฝ่ามือใหญ่ของเฟิงหานชวนใช้แรงบางส่วน ดึงเธอมากอดแน่น

เฉินฮวนฮวนกลั้นยิ้มเอาไว้ ซบบนไหล่ของชายหนุ่มอย่างเขินอาย

เธอคิดเงียบๆ อยู่ในใจ เฟิงหานชวนเพียบพร้อมขนาดนี้ เธอก็ต้องกลายเป็นคนที่เพียบพร้อมเหมือนกัน แบบนี้ถึงมีคุณสมบัติยืนเคียงข้างเขา

เธอไม่อยากจะพึ่งพาแต่เฟิงหานชวน ใช้ชีวิตสุขสบายแบบนั้น เธอต้องกลายเป็นคนที่เก่งถึงจะใช้ได้

เพียงแต่ ความคิดนี้ของเธอ เป็นความคิดเงียบๆ อยู่ในใจ ไม่ได้พูดออกมา

พวกเขาเพิ่งเดินถึงประตูใหญ่ของพื้นที่คฤหาสน์ มือถือของเฉินฮวนฮวนก็ดังขึ้น เธอล้วงมือถือออกมาดู เกาเหวินโทรเข้ามา

เฉินฮวนฮวนรีบกดรับ “พี่เหวิน”

“โอ๊ย ฮวนฮวน เธออยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ ฉันขับเข้าไปรับเธอเลยดีกว่า ฉันใกล้ถึงแล้ว” น้ำเสียงของเกาเหวินดังขึ้น

“พี่เหวิน ตอนนี้ฉันถึงประตูใหญ่แล้ว” เฉินฮวนฮวนตอบกลับ

“อ้อๆ เธอถึงแล้ว งั้นเธอรอฉันสักสองสามนาทีแล้วกัน ฉันยังเหลืออีกแยกหนึ่ง วางสายก่อน ” เกาเหวินพูดเสร็จ ก็กดตัดสายทิ้งเลย

เฉินฮวนฮวนเอามือถือเข้ากระเป๋า หมุนตัวยื่นมือจับที่ถือกระเป๋าของตัวเองไว้ ดึงกระเป๋าจากข้างตัวเฟิงหานชวน มาที่ข้างตัวเอง

เธอเงยหน้า มองใบหน้าหล่อของผู้ชายตรงหน้า คิดไม่ถึงว่าภายในใจจะมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่นิดๆ

“อาหาน รุ่นพี่ของฉันใกล้ถึงแล้ว คุณกลับไปเถอะ อีกครั้งเดือนพวกเราค่อยพบกันใหม่ ” เฉินฮวนฮวนโบกมือให้เฟิงหานชวน เอ่ยอำลากับเขา

เฟิงหานชวนจับที่ถือไว้อีกครั้ง ดึงกระเป๋ามาข้างตัวเอง นึกถึงพวกเขาสองคนต้องห่างกันครึ่งเดือน สีหน้าเขาดูแย่เล็กน้อย

เฉินฮวนฮวนกะพริบตาแปลกใจเล็กน้อย กับการกระทำของเฟิงหานชวน พูดกึ่งถามกึ่งล้อเล่น “คุณคงไม่อยากให้ฉันไปสินะ?”

“ใช่” เฟิงหานชวนตอบกลับอย่างไม่ลังเลใจเลย

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนคิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะตอบกลับอย่างหนักแน่นแบบนี้ ใบหน้าเล็กเริ่มแดงขึ้นอีกแล้ว

“ครึ่งเดือน หรือก็คือสองสัปดาห์ ไม่นานหรอก” ดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นของเธอ มองไปทางผู้ชายตรงหน้า พูดเสียงเบา

“ครึ่งเดือน นานมาก รวมเวลาทั้งหมดที่พวกเราอยู่ร่วมกัน ยังไม่ถึงครึ่งเดือนเลย” เฟิงหานชวนอยากจะรั้งผู้หญิงคนนี้ไว้ แต่ว่าเขาไม่อยากช่วงชิงอุดมคติของเธอ

เพราะฉะนั้น ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี แสดงสีหน้าหม่นลงเรื่อย ๆ

ได้ยินเฟิงหานชวนพูดถึงปัญหาเรื่องเวลานี้ เฉินฮวนฮวนนิ่งอึ้งไปสักพัก ยื่นมือเกาศีรษะ ตอนนี้ถึงรับรู้ถึงสถานการณ์นี้

เวลาที่เธออยู่ร่วมกันกับเฟิงหานชวน ยังไม่ถึงครึ่งเดือนจริงๆ แล้วพวกเขาสองคนก็ต้องห่างกันครึ่งเดือน

ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้าบ้านเฟิง ถึงตอนนี้ยังไม่ถึงสองสัปดาห์จริงๆ แต่เธอรู้สึกเหมือนผ่านไปนานแล้ว

ความสัมพันธ์ของคน เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เรื่องหนึ่งจริงๆ ไม่แปลกที่จะมีคำพูดที่ว่ารักแรกพบ

แต่เธอและเฟิงหานชวนไม่ถือว่าเป็นรักแรกพบ เพราะฉะนั้นแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา เป็นเรื่องหนึ่งที่มหัศจรรย์มากกว่า

“งั้นพวกเราถ่ายรูปกันไหม ?” ระหว่างที่พูด เฉินฮวนฮวนล้วงเอามือถือตัวเองออกมาอีกครั้ง เลือกโหมดถ่ายรูปออกมา

ถึงแม้เธอกับเฟิงหานชวนแต่งงานกันแล้ว แต่ว่าพวกเขาสองคนกลับไม่เคยถ่ายรูปด้วยกันมาก่อน รวมไปถึงรูปบนบัตรแต่งงาน ก็ว่างอยู่เหมือนกัน

อย่าพูดถึงรูปชุดแต่งงานเลย

เฉินฮวนฮวนยกมือถือขึ้น แล้วไปยืนข้างตัวเฟิงหานชวน เขย่งปลายเท้าเอียงศีรษะเข้าใกล้ศีรษะของเขา แล้วกดปุ่มถ่ายรูป

มือถือของเธอราคาถูกมาก ดังนั้นคุณภาพที่ถ่ายออกมา ไม่ค่อยดี แต่ก็คือว่าชัดเจนอยู่ เธอเปิดวีแชต ส่งรูปใบนี้ไปที่ไอดีของเฟิงหานชวน

“เสร็จแล้ว พวกเรามีรูปถ่ายแล้ว ถ้าหาก…แค่กๆ คุณสามารถมองรูปถ่ายได้ ” เฉินฮวนฮวนหยุดพูดไป เขินอายเล็กน้อย ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ

เดิมทีเธออยากพูดกับเฟิงหานชวนก็คือ ถ้าหากเขาคิดถึงเธอแล้ว สามารถมองรูปถ่ายของเธอได้

เฟิงหานชวนก็เอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงสแล็คเหมือนกัน เปิดไปที่วีแชต เห็นรูปถ่ายที่เฉินฮวนฮวนส่งมา มุมปากเขายกขึ้นช้าๆ

“ผมจะดูมันทุกคืน”

ยังไม่รอให้เธอรู้สึกตัว เฟิงหานชวนก็จับข้อเท้าของเธอไว้ แล้วสวมรองเท้าให้เธอ

มืออีกข้างพยุงเท่าของเธอไว้ เขาไม่มีความรังเกียจเธอแม้แต่น้อย แถมยังดึงปากรองเท้าให้เธอเรียบร้อย

ในตอนที่เขากำลังจะสวมรองเท้าอีกข้างให้เฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนจึงได้ตอบสนองขึ้น เธอรีบถอยเท้ามาด้านข้าง หน้าแดงระเรื่อพูดขึ้น “ฉัน ฉันสวมเองได้ค่ะ ฉันมีมือ…”

ตอนนี้หลิวหลี่ถงยังคงทำความสะอาดอยู่ในห้องรับแขก จึงทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกเขิน เธอไม่เคยใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยแม้แต่จะมีผู้ชายคนไหนทำดีกับเธอขนาดนี้

เฟิงหานชวนไม่ได้รังเกียจเท้าของเธอเลยสักนิด แถมยังช่วยเธอสวมรองเท้าด้วยตัวเอง

เมื่อก่อน เธอเคยคบกับเยี่ยจิ่งเฉินเป็นแฟนเพียงคนเดียว อีกอย่างเธอกับเยี่ยจิ่งเฉินก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันเกินไป พูดได้ว่าใกล้ชิดกันมากที่สุดก็คือจับมือ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหัวใจดวงน้อยของตัวเอง ไม่ค่อยเชื่อฟังสักเท่าไหร่ เดี๋ยวเต้นเร็ว เดี๋ยวเต้นช้า

“อย่าดื้อ ยกเท้าขึ้นมา ยังไงก็สวมให้คุณข้างหนึ่งแล้ว “เฟิงหานชวนไม่ยอมแพ้ ยื่นมือออกไปจับข้อเท้าข้างที่ไม่ได้สวมรองเท้าของเธอไว้

สัมผัสเย็น ทำให้เฉินฮวนฮวนสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นก็เชื่อฟังไม่ขยับเขยื้อนอีก ปล่อยให้เฟิงหานชวนช่วยสวมรองเท้าอีกข้างหนึ่งให้เธอจนเสร็จ

ตลอดเวลา หลิวหลี่ถงแอบดูอยู่ในห้องรับแขก จนกระทั่งทั้งสองออกไป สายตาของเธอดุร้ายมากขึ้น

จากตัวคฤหาสน์ไปจนถึงประตูใหญ่ของคฤหาสน์ มีระยะทางช่วงหนึ่ง

มือข้างหนึ่งของเฟิงหานชวนลากกระเป๋าเดินทาง อีกข้างหนึ่งจับมือของเฉินฮวนฮวนไว้แน่น เหมือนกับสามีที่มาส่งภรรยาไปที่ไกลลับ

เมื่อเห็นว่าห่างจากตัวคฤหาสน์ช่วงหนึ่งแล้ว เฉินฮวนฮวนเม้มปาก แล้วพูดขึ้น “อาหาน ไม่อย่างงั้น…ไม่อย่างงั้นรอให้ฉันกลับมา แล้วถ้าคุณยังอยากจะลองแต่งงานอีก พวกเราย้ายออกไปอยู่ที่อื่นเถอะ”

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยิน ก็หยุดเดิน สีหน้าเคร่งขรึมในทันที

จู่ ๆ ในใจของเฉินฮวนฮวนก็สะดุ้งขึ้นมา หรือว่า…เฟิงหานชวนไม่คิดจะลองแต่งงานกับเธอแล้ว?

วันนี้ตอนเช้า เขาทำดีกับเธอขนาดนี้ ก็เพื่อชดใช้เรื่องเมื่อคืน และก็เพื่อบอกลาเธอ?

ไม่ใช่การบอกลาธรรมดา แต่เป็นการบอกลาอีกแบบหนึ่ง?

“คุณ…ฉัน งั้นฉันฝึกอบรมเสร็จ ก็ไม่กลับมาแล้ว ฉันไม่มีสัมภาระอะไรที่ต้องกลับมาเอา งั้นพวกเราก็…บอกลากันตรงนี้เถอะ” เฉินฮวนฮวนสีหน้าไม่ค่อยดี

เธอไม่รู้ว่าทำไมเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ดีกับเธอขนาดนั้น ทั้งหมดก็เพื่อบอกลาเธอ ดังนั้นถึงได้ดีขนาดนี้เหรอ?

หรือว่าจะเป็นเพราะเมื่อคืนเธอไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้? ดังนั้นเขาไม่อยากลองแต่งงานกับเธอแล้ว?

ได้ยินแบบนี้ เฟิงหานชวนหน้าเข้มยิ่งกว่าเดิม เขาหันตัวมามองหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผมทำให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัยเหรอ?”

“คะ?” เฉินฮวนฮวนเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไมถึงพูดออกมาว่า รอคุณกลับมา ถ้าหากผมยังอยากจะลองแต่งงานอีก?” เฟิงหานชวนเข้าใกล้เธอ ร่างกายแทบจะแนบชิดกับหญิงสาวตรงหน้า จากนั้นก็พูดเสียงเบา “คุณรู้สึกว่าพวกเรายังจำเป็นต้องลองแต่งงานอีกเหรอ?”

“หา?” เฉินฮวนฮวนตกใจจนอ้าปากค้าง

คำตอบแบบนี้ ไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้เมื่อครู่สักนิด

“ยังมีอีก คุณฝึกอบรมเสร็จ ก็จะบอกลาผม? คุณจะไปไหน? จะแยกจากสามีของคุณเหรอ?” เฟิงหานชวนเข้าใกล้เธอยิ่งกว่าเดิม

เฉินฮวนฮวนหน้าแดงขึ้น อารมณ์แทบจะเรียกได้ว่าขึ้น ๆ ลง ๆ เธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเข้าใจเฟิงหานชวนผิด

“ฉัน…เมื่อกี้ฉันเสนอว่าจะย้ายออกไปกับคุณ จู่ ๆ สีหน้าของคุณก็แย่ขนาดนั้น ฉันนึกว่า…นึกว่าเปลี่ยนใจแล้ว” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองคาดเดาความคิดของเฟิงหานชวนไม่ถูกจริง ๆ

“เป็นเพราะคำพูดประโยคนั้น ของคุณ ดังนั้นสีหน้าถึงได้แย่” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนดูโมโหเล็กน้อย

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น ฉันแค่ไม่แน่ใจ…” เฉินฮวนฮวนก้มหน้าพูดเสียงเบา

เฟิงหานชวนยื่นมือออกไปจับไหล่เรียวบางของเธอไว้ แล้วพูดอย่างจริงจัง “ต่อไป ไม่ต้องพูดขอโทษกับผม และอย่าไม่มั่นใจในตัวเอง คุณก็คือภรรยาในสำเนาทะเบียนบ้านของผม ยังจะกลัวอะไรอีก?”

“แหะ ๆ!” จู่ ๆ เฉินฮวนฮวนร่าเริงขึ้นมา เธอยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาว

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าความคิดของเฟิงหานชวนที่มีต่อเธอว่าเป็นยังไง แต่ว่าเขาคงจะเห็นเธอเป็นภรรยาตัวน้อยที่ต้องดูแลอย่างจริงจังแหละ?

งั้นเธอก็ต้องปฏิบัติต่อเขาเป็นเหมือนสามีที่สามารถพึ่งพาได้ถึงจะถูก!

“ดังนั้นฮวนฮวน ตอนนี้ผมเตือนคุณไว้ ถ้าต่อไปยังพูดมั่ว ๆ อีก อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ” เฟิงหานชวนก้มตัวลง เข้าใกล้ใบหูของเธอ แล้วพูดเสียงเบา “วิธีการลงโทษของผม คุณน่าจะรู้ดี”

ได้ยินแบบนี้ เฉินฮวนฮวนหน้าแดงขึ้นอีก

เธอหันหน้ากลับ แล้วยกเท้าวิ่งไปข้างหน้าอย่างเร็ว ให้ลมเย็นพัดหน้า เพราะอยากให้อุณหภูมิหน้าลดลงเร็ว ๆ

เฟิงหานชวนวิ่งตามไป แล้วยื่นมือออกไปโอบรัดเอวบางของเธอ จากนั้นพาเธอเดินไปข้างหน้าไปด้วย ถามไปด้วย “ทำไมถึงอยากย้ายออกไป? ก่อนหน้านี้เพิ่งจะปฏิเสธไปไม่ใช่เหรอ?”

พูดถึงเรื่องนี้ เฉินฮวนฮวนคิดถึงสิ่งที่หลิวหลี่ถงพูด เธอสีหน้าอึดอัดขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบพูดเรื่องนี้กับเฟิงหานชวน

“ฉันรู้สึกว่านานาน่าจะอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงระยะยาว ถ้าหากต่อไปเธอกับนายท่านทำเรื่องน่าตื่นเต้นแบบนี้บ่อย ๆ งั้นพวกแม่บ้านจะคิดว่าเป็นเสียงของฉัน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันเสียหน้ามาก!” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้

เธอเป็นคนหน้าบาง ถ้าหากถูกคนอื่นเข้าใจผิดเรื่องแบบนี้ เธอยากที่จะทำใจรับจริง ๆ

เดิมทีเธอคิดว่าอยู่ที่คฤหาสน์เฟิงก็ดีมาก สะดวกมากในทุกด้าน แม่บ้านหลี่ดีกับเธอมาก ที่สำคัญคือฝีมือการทำอาหารของแม่บ้านหลี่ยอดเยี่ยมมาก

แต่ว่าจู่ ๆ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำให้เธอขายหน้าจริง ๆ อีกอย่างเมื่อคืนเธอเห็นเรื่องแบบนั้นของเฉินนานากับนายท่านเฟิง แถมเฉินนานายังกะพริบตากับเธอ

คิดอยู่พักหนึ่ง เธอรู้สึกว่ามันจะดีกว่าถ้าเธอกับเฟิงหานชวนย้ายออกไป

“ผมเข้าใจ อันที่จริงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมก็กะจะพาคุณย้ายออกไป เพียงแต่คุณไม่ค่อยอยากออกไป ผมจึงไม่ได้บังคับ” เฟิงหานชวนเดิมทีมีความคิดนี้อยู่แล้ว ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเสนอขึ้น เขาแค่คิดไม่ถึง

เขารู้สึกว่าถ้าหากพวกเขาสองคนอยู่กันตามลำพัง จะบ่มเพาะความรู้สึกได้ง่าย นอกจากนี้ยังสะดวกที่จะทำเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากขึ้น

ที่สำคัญก็คือเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ภายใต้สายตาของนายท่าน

ถ้าหากพวกเขาอยู่ที่คฤหาสน์ต่อไป เขาคิดว่าต่อไปฮวนฮวนกลับมาจากการฝึกอบรม นายท่านจะต้องหาวิธีเร่งพวกเขาให้มีลูก ยังไงซะเขาก็อยู่กับนายท่านมาหลายปีขนาดนี้ เขารู้นิสัยของนายท่านดี

อีกอย่างเขาเพิ่งจะอยู่ด้วยกันกับเฉินฮวนฮวน ไม่อยากจะให้ฮวนฮวนตั้งท้องเร็วขนาดนั้น ยังอยากจะใช้ชีวิตแบบไม่มีลูกก่อนสักสองปี

พอมีลูก หลาย ๆ เรื่องจะไม่ค่อยสะดวก

ตอนนี้ฮวนฮวนยังเรียนมหาลัยอยู่ อายุยังน้อย เรื่องลูกค่อยวางแผนกันหลังจากเธอเรียนจบ

เรื่องพวกนี้เฟิงหานชวนคิดไว้เรียบร้อยแล้ว

“เสียงนั้นไม่ใช่ของฉัน เธอเข้าใจผิดแล้ว” "เฉินฮวนฮวนมองไปที่หลิวหลี่ถง และรีบอธิบาย

“ไม่ใช่เสียงคุณ?” หลิวหลี่ถงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจและกล่าวต่อ: “บ้านหลังนี้เป็นเรือนหอของคุณกับคุณชายสามไม่ใช่เหรอ…”

“ฉันกับเขาไม่ได้ทำ เมื่อคืนฉันก็ได้ยินเสียงนั้นเหมือนกัน มันเป็นเสียงของนานากับนายท่าน” เฉินฮวนฮวนโบกมืออย่างรวดเร็ว ปฏิเสธไม่ใช่ตนเองกับเฟิงหานชวน

เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของเธอจริงๆ เธอถูกเข้าใจผิด เรื่องเข้าใจผิดนี้ร้ายแรงเกินไป เธอจึงรีบปฏิเสธโดยเร็ว

“อ๋อ! ที่แท้เป็นคุณเฉิน? ฉันคิดว่าเป็นคุณนายสามซะอีก!” หลิวหลี่ถงพูดด้วยความประหลาดใจ

ในเวลานี้ เฟิงหานชวนออกมาพร้อมกับนม เห็นหลิวหลี่ถงยืนอยู่ข้างเฉินฮวนฮวน พึมพำอะไรบางอย่าง และขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

“ยังไม่กินเหรอ?” เขาถามเฉินฮวนฮวน

“อืมอืม ฉันกำลังจะกิน กำลังรอนมของคุณอยู่” เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เฟิงหานชวน เผยให้เห็นฟันเรียงขาวราวสีเม็ดข้าว

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าหัวใจของเขาที่ถูกแช่แข็งมานานหลายปีได้ละลายไป เขาวางแก้วลงบนโต๊ะ เอื้อมมือออกไปและลูบหัวของเฉินฮวนฮวน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่มีต่อเธอ

เมื่อเห็นทั้งสองเข้ากันได้อย่างกลมกลืน หลิวหลี่ถงซึ่งยืนอยู่ข้างๆพวกเขารู้สึกอิจฉาอย่างยิ่ง เธอเป็นสาวใช้ในบ้านตระกูลเฟิงนานเป็นปีแล้ว แต่ เฟิงหานชวนไม่เคยแลเธอเลย

เฉินฮวนฮวนมีดีอะไร? ก็เป็นแค่ผู้หญิงที่ซื้อมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้รับความดูแลเอาใจใส่จากคุณชายสามขนาดนี้?

เฟิงหานชวนนั่งตรงข้ามกับเฉินฮวนฮวน เตรียมทานอาหารเช้าพร้อมผู้หญิง แต่เขาตระหนักขึ้นว่ามีคนอื่นอยู่ที่นี่

“อย่ามายืนอยู่ตรงนี้ มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ” เขาพูดกับหลิวหลี่ถง

หลิวหลี่ถงรู้ดีนอกจากเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน ก็มีเพียงเธอคนเดียวที่อยู่ในห้องอาหาร

เธอดูต่ำต้อยกว่าคนอื่น ทั้งๆที่เฉินฮวนฮวนไม่ได้ดีไปกว่าเธอ แต่เธอก็ขึ้นไปที่สูงสุดและกลายเป็นคุณนายสาม

นายท่านจะซื้อผู้หญิงให้คุณชายสาม ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก เธอจะได้เสนอตัวเอง!

“ค่ะ คุณชายสาม ” หลิวหลี่ถงไม่กล้าพูดมาก ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงจากไป หยิบผ้าขี้ริ้วและไปทำความสะอาดห้องนั่งเล่น

อันที่จริง เธอมาทำความสะอาดห้องนี้เพื่อจะได้แอบดูข้างในห้องอาหาร

เมื่อเห็นหลิวหลี่ถงจากไป เฉินฮวนฮวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก สิ่งที่เธอควรอธิบายเธอก็ได้อธิบายไปแล้ว หลิวหลี่ถงน่าจะเข้าใจแล้ว

“คุณเรียกหาเธอมีธุระอะไรเหรอ?” เฟิงหานชวนเพิ่งไปเทนมในห้องครัว จึงไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้เรียกหาเธอ ไว้ฉันจะบอกคุณทีหลัง” เฉินฮวนฮวนนึกถึงสิ่งที่คุยกับหลิวหลี่ถงเมื่อกี้ รู้สึกอายและก้มหน้าลง

เกือบไปแล้ว เธอคิดว่าจะมีคนได้ยินเสียงเธอจริงๆซะแล้ว ถ้าได้ยินจริงๆ เธอคงอยากจะกระโดดลงจากตึก

“ก็ได้” เฟิงหานชวนไม่รีบ เขามองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา และกินแซนวิช

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าในขณะที่กำลังเคี้ยว ดวงตาทั้งสองเป็นประกาย ดูแล้วมีความสุขมาก

“อร่อยมาก! อาหาน ฝีมือการทำอาหารของคุณดีมาก!” หลังจากที่เธอชมเสร็จ เธออ้าปากกว้างและกัดคำโต

เดิมทีเธอรู้สึกง่วงและเหนื่อยเล็กน้อย แต่หลังจากกินของอร่อยเหล่านี้แล้ว ดูเหมือนจะมีชีวิตชีชวาขึ้นและเต็มไปด้วยพละกำลัง

เมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขบนหน้าผู้หญิง ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็แสดงรอยยิ้มออกมา หลิวหลี่ถงเองก็เห็นทั้งหมด

หลิวหลี่ถงจับผ้าขี้ริ้วแล้วบีบแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่หลังมือ สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

ทำไมโอกาสนี้ถึงถูกเฉินฮวนฮวนพรากไป? ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอที่เป็นภรรยาของคุณชายสาม คุณชายสามเองก็คงจะดีกับเธอแบบนี้เช่นกันสินะ!

ทำไมพระเจ้าถึงไม่ยุติธรรมกับเธอ?

อย่างไรก็ตาม หลิวหลี่ถงเหมือนจะคิดอะไรออก ค่อยๆปล่อยมือที่กำแน่นของเธอ

เธอเพิ่งไปทดสอบว่าเฉินฮวนฮวนเคยมีอะไรกับคุณชายสามแล้วหรือยัง พูดมาคำหนึ่งว่า “ฉันกับเขาไม่ได้ทำ” ความหมายก็คือ

เฉินฮวนฮวนยังไม่เคยมีอะไรกับคุณชายสาม!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิวหลี่ถงเหมือนจะมีความหวังริบหรี่ และเธอก็รู้ว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่อยู่ครึ่งเดือน

ในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้ ไม่แน่ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป

เฉินฮวนฮวนกินอาหารเช้าที่เฟิงหานชวนทำให้เธอจนหมดเกลี้ยง

นมสักหยด ผักสักใบ แม้แต่เกล็ดขนมปัง และซอสพริกไทยดำของสเต็กก็ไม่เหลือ

ปฏิบัติการกินเรียบ!

“ให้เกียรติผมขนาดนี้เลยเหรอ?”

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนกินเรียบจนซอสหยดสุดท้าย เฟิงหานชวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ไม่ใช่ให้เกียรติคุณ แต่มันอร่อยมากจริงๆ” เฉินฮวนฮวนกล่าว

ไม่ใช่เพราะเฟิงหานชวนเป็นคนลงมือทำเอง แต่เหตุผลที่เธอกินจนเกลี้ยง เพราะรสชาติอร่อย

“แต่ว่า อาหาน คุณเก่งมากจริงๆ” เฉินฮวนฮวนจ้องไปที่เฟิงหานชวน และโพล่งออกมา: “คุณเคยเป็นพ่อครัวหรือเปล่า?”

เฉินฮวนฮวนทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกขบขัน

“คุณดูท่าทางผมแล้ว เหมือนพ่อครัวเหรอ?” เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ไม่เหมือน” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างจริงจัง เพราะมันดูไม่เหมือนจริงๆ

แต่ ฝีมือการทำอาหารของเฟิงหานชวนนั้นดีจริงๆ

“ถ้าคุณชอบกิน ผมจะทำให้กินอีก” เฟิงหานชวนยิ้มจางๆ

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงในทันที รู้สึกว่าหัวใจของเธอหยุดเต้นทันที ดวงตาทั้งสองข้างมองไปยังชายตรงหน้าโดยไม่กระพริบตา

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เฟิงหานชวนถามเมื่อเห็นท่าทางที่เฉื่อยชาของเธอ

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” เฉินฮวนฮวนกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง หลับตาลง เขินจนแก้มแดงทั้งสองข้าง

“เจ็ดโมงแล้ว ผมจะส่งคุณไปที่ประตู อาหารจะได้ย่อยหน่อย” เฟิงหานชวนลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยกกระเป๋าเดินทางข้างโต๊ะ แล้วเดินออกไปที่ประตูห้องนั่งเล่น

เฉินฮวนฮวนรีบเดินตามหลังเขา เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนกำลังเปลี่ยนรองเท้า เธอจึงรีบพูดว่า: "คุณพักผ่อนที่บ้านเถอะ ฉันจะไปรอรุ่นพี่ที่ประตูเอง”

เฟิงหานชวนหันหลังกลับมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ และกล่าวว่า: “ภรรยาจะไม่อยู่บ้านตั้งครึ่งเดือน ผมแค่ไปส่งเธอก็ไม่ได้งั้นเหรอ?”

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนรู้สึกพูดไม่ออก แต่ภายในรู้สึกอบอุ่น

รู้สึกถึงความอบอุ่นใจ

ทั้งๆที่ระหว่างพวกเขาเป็นเพียงการทดลองอยู่ก่อนแต่ง อีกอย่างวันนี้เป็นเพียงวันที่3 ถ้าพูดถึงในแง่เวลา มันก็แค่ประมาณ30กว่าชั่วโมง

แต่เธอรู้สึกว่าเหมือนทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่อยู่กันมานานจนแก่

เฉินฮวนฮวนเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ กำลังจะก้มลงเปลี่ยนรองเท้า ทันใดนั้น รองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเท้าของเธอ

นี่คือรองเท้าผ้าใบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ใหม่เอี่ยมและทันสมัยมาก

เธอเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย ระยะสายตาสบกับสายตาผู้ชายพอดี เธอรีบถามทันที: “นี่คือ?”

“รองเท้าคู่เก่าผมโยนทิ้งแล้ว นี่คือคู่ใหม่” เฟิงหานชวนตอบ ก่อนจะนั่งลงและจับข้อเท้าของผู้หญิงไว้ในมือแล้วพูดว่า: "ยกเท้าขึ้น"

ยกเท้าขึ้น?

เฉินฮวนฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง เฟิงหานชวนกำลังจะสวมรองเท้าให้เธอ?

"อาหาน ฉัน……" เฉินฮวนฮวนรีบเปลี่ยนคำพูด

เฟิงหานชวนเดินมาตรงหน้าเธอ แล้วใช้นิ้วเชิดคางเธอขึ้น พูดอย่างไม่พอใจว่า "ฮวนฮวน แค่คืนเดียว คุณเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย"

เขาชอบฮวนฮวนเมื่อวาน ทั้งกระตือรือร้นทั้งเขินอาย

ฮวนฮวนวันนี้ เหมือนห่างเหินกับเขา ให้เขารู้สึกไม่มั่นใจ

"เปล่า ฉัน……ฉันคิดว่า ฉันคิดว่าฉันฝัน ตอนตื่นมาแล้วไม่เจอคุณ ฉันก็เลยไม่รู้ว่าเรื่องเมื่อคืน เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า……" เฉินฮวนฮวนอธิบาย

"ฝัน?" เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว ก้มลงไปใกล้เธอ "ดูเหมือนว่าผมยังขยันไม่พอ เลยทำให้คุณรู้สึกว่ากำลังฝัน? ไม่รู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องจริง?"

เฉินฮวนฮวนมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา แล้วคำพูดที่เขาพูดเมื่อกี้ หน้าเธอจึงเริ่มแดง

"ฉัน……" เฉินฮวนฮวนอยากร้องไห้ อายจนพูดอะไรไม่ออก

ทันใดนั้น เฟิงหานชวนก็ก้มลงมาแย่งกระเป๋าเดินทางไปจากเธอ แล้วเอามาถือเอง

เขาถือกระเป๋าเดินทางเดินไปด้วยแล้วเอ่ยว่า "ผมทำอาหารเช้าไว้ให้คุณ กินเสร็จแล้วเดี๋ยวจะไปส่ง"

"ไม่ต้อง ไม่ต้อง วันนี้เดี๋ยวรุ่นพี่จะส่งฉันไป เรานัดเจอกันที่หน้าประตูตอนเจ็ดโมงครึ่ง" เฉินฮวนฮวนตอบตามความจริง

แต่ว่า พอเธอเริ่มก้าวลงบันได กลับรู้ว่าตัวเองข้ามสิ่งที่เฟิงหานชวนพูด จึงรีบถามว่า "คุณ คุณ คุณ……คุณทำอาหารเช้าให้ฉัน? คุณทำให้ฉัน? ที่เมื่อกี้คุณไม่อยู่ในห้อง เพราะไปทำอาหารเช้า?"

เฉินฮวนฮวนแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ

เฟิงหานชวนหันกลับไป เพราะเขาเดินอยู่ข้างหน้า เฉินฮวนฮวนเลยยืนอยู่ที่สูงกว่าเขา จึงมองเธอตรงๆได้

ปกติเฉินฮวนฮวนต้องเงยหน้ามองเฟิงหานชวน ไม่ก็เฟิงหานชวนก้มมองเธอ แต่ตอนนี้ ทั้งสองยืนตัวตรง ไม่มีใครต้องเงยหน้าหรือก้มหน้า

"ทำไมอยู่ๆคุณถึงทำอาหารเช้าให้ฉันล่ะ?" เฉินฮวนฮวนเม้มปาก มองลงด้วยสีหน้าเขินอาย

ปกติแม่บ้านหลี่เป็นคนเตรียมอาหารเช้า เฉินฮวนฮวนแอบเดาในใจว่า ต้องเพราะเรื่องเมื่อคืน เฟิงหานชวนก็เลยทำอาหารเช้าให้เธอ?

เฟิงหานชวนมองเธอที่หน้าแดง เขาจึงเข้าไปใกล้หูเธอแล้วเอ่ยว่า "เมื่อวานกดขี่คุณ ก็เลยต้องให้รางวัล จะได้บำรุงร่างกายดีๆ"

เขาพูดเสียงอ่อนโยนมาก จนเฉินฮวนฮวนมองว่อกแว่กอย่างไม่รู้ตัว แล้วหลิวหลี่ถงก็เดินเข้ามาพอดี ไม่รู้ว่าได้ยินหรือเปล่า

"หยุดพูดได้แล้ว" เฉินฮวนฮวนกดเสียงต่ำเอ่ยกับเฟิงหานชวน จากนั้นจึงเดินอ้อมเขาลงไป

เฟิงหานชวนหันมองเธอเดินลงไป ค่อยเห็นว่าหลิวหลี่ถงยืนอยู่หน้าประตู ไม่น่าล่ะอยู่ๆเฉินฮวนฮวนถึงวิ่งลงไป

ที่แท้ กลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน

คฤหาสน์ตระกูลเฟิงกว้างมาก แยกส่วนของเจ้าของออกจากห้องคนรับใช้ แล้วยังจ้างคนรับใช้กับคนสวนด้วย

บวกกับเมื่อคืนที่เฉินฮวนฮวนเห็นเฉินนานากับนายท่านทำแบบเรื่องนั้น เฟิงหานชวนเลยรู้สึกว่าที่คฤหาสน์คนเยอะเกินไป

เขารีบตามเฉินฮวนฮวนไป ดึงมือเธอไว้แล้วยิ้มอ่อน "รอคุณกลับมา เราย้ายออกไปด้วยกัน"

"หรือว่า ถ้าคุณชอบบ้านโซนไหน บอกผมได้ ผมจะได้สั่งให้คนไปจัดการล่วงหน้า ใช้เวลาครึ่งเดือนนี้"

เฉินฮวนฮวนอึ้งไปชั่วขณะ เฟิงหานชวนจะให้เธอย้ายออกจากคฤหาสน์?

แต่ว่า นายท่านเฟิงดีกับเธอมาก ถ้าอยู่ๆเธอกับเฟิงหานชวนย้ายออกไป อาจจะดูใจดำเกินไปหรือเปล่า?

แล้วอีกอย่าง ที่นี่ก็ดีมากด้วย

"ไม่ต้องหรอก" เฉินฮวนฮวนส่ายหน้า

"คุณชอบอยู่ที่นี่?" เฟิงหานชวนถาม

"อื้อ ที่นี่ก็โอเค" เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

"ได้ ในเมื่อคุณชอบ งั้นผมก็โอเค" เฟิงหานชวนจูงมือเธอไปที่โต๊ะอาหาร จากนั้นจึงกดไหล่เธอให้นั่งลง

เขาเอ่ยอย่างอ่อนโยน "กินมื้อเช้าก่อน เดี๋ยวผมไปเอานมมาให้"

พูดจบ เขาก็หันเดินไปทางห้องครัว

เฉินฮวนฮวนมองจานตรงหน้า บนนั้นมีแซนด์วิชหนาๆ แล้วยังมีสเต๊กพริกไทยดำ ข้างๆยังมีสลัดผักอีก

เธอประหลาดใจเล็กน้อย เฟิงหานชวนเป็นคนทำให้เธอหมดเลยเหรอ?

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนหิวมาก แล้วอารมณ์ดีมากด้วย จนใจเธอก็เริ่มเต้นแรง เธออยากชิมฝีมือของเขาแล้ว

ตอนที่เธอหยิบส้อมกับมีดขึ้นมา หลิวหลี่ถงหาจังหวะได้รีบเดินมาหา จากนั้นก็โค้งทักทาย "คุณหญิงสาม อรุณสวัสดีค่ะ เมื่อกี้คุณกับคุณชายสามคุยกันอยู่ ก็เลยไม่ได้ไปรบกวน"

"อรุณสวัสดีค่ะ" เฉินฮวนฮวนตอบอย่างทำตัวไม่ถูก

เธอรู้จักหลิวหลี่ถง เหมือนกี่วันก่อนเธอไม่อยู่คฤหาสน์ ที่ทั้งสองได้เจอกัน ก็คือวันที่เธอเพิ่งมาคฤหาสน์ตระกูลเฟิงนี้

นายท่านสั่งให้คนซื้อชุดชั้นในเซ็กซี่กับของเล่นมา หลิวหลี่ถงเป็นคนเอาไปที่ห้องเธอ พอนึกถึงตรงนี้ เธอเลยรู้สึกทำตัวไม่ถูก

"คุณหญิงสาม เมื่อคืนเสียงคุณ……" หลิวหลี่ถงขยับมาใกล้เธอ แล้วพูดเตือนเสียงเบา "เสียงดังมากเลยค่ะ โซนคนรับใช้เราได้ยินหมดเลยค่ะ"

"อะไรนะ?" เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างอย่างตกใจ

เสียงเธอดัง? ดังจนไปถึงโซนห้องรับใช้? ไม่……ไม่มั้ง!

สีหน้าเฉินฮวนฮวนแดงทันที เธอจำได้ว่าเธอควบคุมเสียงให้เบาที่สุดแล้ว รู้สึกเกรงใจจนไม่ค่อยส่งเสียงด้วยซ้ำ

จนสุดท้าย เธอทนไม่ไหวจริงๆ แค่ส่งเสียงเล็กน้อย แต่แค่ครู่เดียว ไม่ถึงขั้นดังไปถึงโซนคนรับหรอกมั้ง?

หลิวหลี่ถงเห็นสีหน้าเฉินฮวนฮวน ในใจไม่โอเคมาก เธอรู้ว่าเสียงเมื่อคืนเป็นของเฉินนานา แล้วตอนนั้นเธอก็เดินเล่นในสวนพอดี จึงแอบดูเฉินนานากับนายท่าน

แต่ว่า เธอแค่อยากใช้โอกาสหลอกถามว่าเฉินฮวนฮวนมีอะไรกับคุณชายสามหรือยัง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้คำตอบแบบนี้

เห็นเฉินฮวนฮวนที่หน้าแดงเหมือนโดนไฟเผา หลิวหลี่ถงไม่ต้องคิดก็น่าจะรู้ เมื่อคืนเฉินฮวนฮวนมีอะไรกับคุณชายสามแน่นอน

เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณชายสามจะชอบผู้หญิงแบบนี้!

"คุณหญิงสาม คุณอย่าโกรธเลยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจพูด ฉันแค่รู้สึกว่าเสียงคุณดังจนทุกคนได้ยิน อาจจะไม่ค่อยดี ก็เลยมาบอกคุณ" หลิวหลี่ถงแสร้งทำเป็นมีน้ำใจ

เฉินฮวนฮวนยังอึ้งอยู่ เสียงเธอไม่มีทางดังไปถึงที่นั่น นี่อะไรกันแน่?

ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงเฉินนานาที่ระเบียงเมื่อคืน ระเบียงเป็นแบบเปิด ไม่มีผนังกันเสียง เพราะฉะนั้น……

“เด็กดี ผมออกไปก่อน”

หลังจากเฟิงหานชวนสัมผัสเบาๆ ตามด้วยการปล่อยเฉินฮวนฮวนออก ลูบไปที่ศีรษะเธอเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องน้ำ

เฉินฮวนฮวนมองประตูฝ้าปิดลง ปลายนิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกเพียงแค่ริมฝีปากชาๆ

ร่างกายปวกเปียกไปหมด ไม่มีแรงแม้แต่น้อย

เธอมองใบหน้าตัวเองที่แดงในกระจก ส่ายหน้าไปมาทันที รีบไปอาบน้ำ

เฟิงหานชวนพิงอยู่บนโซฟา ฟังเสียงน้ำที่ดังมาจากในห้องน้ำ เหมือนฟังดนตรีที่ไพเราะเข้าถึงใจคนท่อนหนึ่ง ทำให้คนฟังสบายอกสบายใจ

เหตุผลที่ไม่อยู่ห้องน้ำต่อ เพราะเขากลัวห้ามตัวเองไม่ได้ ดังนั้นถึงต้องการมารอข้างนอก

อันที่จริง เฉินฮวนฮวนน่ารักเกินไปจริงๆ เขากังวลว่าตัวเองจะควบคุมไม่อยู่

เขาค้นพบตัวเองที่เก่งเรื่องการควบคุมตัวเอง อยู่ต่อหน้าเฉินฮวนฮวน กลับสลายไปไม่เหลือ

เฉินฮวนฮวนอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เพราะเธอคิดอยากไปนอนเร็วๆ ไม่งั้นเวลานอนไม่พอ คงมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของพรุ่งนี้แน่นอน

ตอนเธอออกมา เห็นเฟิงหานชวนนั่งอยู่บนโซฟา เธอก้าวเดินไป พูดเสียงเบา “ฉันอาบเสร็จแล้ว คุณไปเถอะ”

เธอไม่กล้าสบตาเฟิงหานชวน ก้มหน้าพูดเสร็จ ก็พุ่งตัวไปที่เตียงใหญ่ แล้วเข้าไปในผ้าห่มอย่างรวดเร็ว

เห็นการกระทำทั้งหมดของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนหัวเราะออกมาเบาๆ มีความสุขไปถึงก้นบึ้งในใจ

รอเธอกลับจากค่ายอบรม เขาจะไม่ปล่อยเธอง่าย ๆ แน่นอน วันนี้เขาอดทนไว้ก่อน

ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนที่หลบอยู่ในผ้าห่มปิดตาแน่น หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง

เธอรู้สึกแปลกๆ ลุกขึ้นนั่ง มองเฟิงหานชวนที่กำลังลุกจากโซฟา พูดด้วยความโมโหหน่อยๆ “คุณ…ทำไมคุณหัวเราะแบบนั้น ?”

รู้สึกว่าเธอตลกมากเหรอ ? หรือว่ารู้สึก…

“คุณรู้สึกว่าฉันดูง่ายใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนเหล่มองเขาแวบหนึ่ง นอนลงไปอีกครั้ง มุดเข้าไปในผ้าห่ม

อันที่จริงเฉินฮวนฮวนรู้สึกเสียใจทีหลังเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าตัวเองวู่วามเกินไป เพราะซาบซึ้งใจและขอบคุณเฟิงหานชวนมาก แล้วเธอก็ใจร้อน เชิญชวนเขาเอง

มาคิดตอนนี้ พวกเขาทั้งสองคนเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ทำไมเธอถึงยกตัวเองให้เร็วขนาดนี้ ดูง่ายมากจริงๆ

ไม่เหมือนผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเลยสักนิด

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากหลบอยู่ในผ้าห่มเงียบๆ สีหน้าเผยความเสียใจ ในเวลานั้น ผ้าห่มถูกเปิดออกกะทันหัน เธอสบตาเข้ากับดวงตาดำลึก

“คุณ…ทำไมคุณไม่ไปอาบน้ำ?” เฉินฮวนฮวนพูดออกมาอย่างประหลาดใจ

“คุณโกรธแล้ว ผมจะมีอารมณ์ไปอาบน้ำได้ที่ไหน ?” เฟิงหานชวนยกมุมปาก พูดยิ้มๆ “แน่นอนว่าต้องง้อภรรยาก่อน”

“คุณอย่าพูดเลย วันนี้ฉันวู่วามเกินไปหน่อย ฉันรู้สึกตัวเองง่ายเกินไป ฉัน…ฉันนอนก่อนแล้ว แค่ครั้งนี้ก็พอ” เฉินฮวนฮวนพูดจบ ก็หลับตาลงทันที

แต่เธอเพิ่งหลับตาลง เอวเล็กก็ถูกจับทันที เธอรีบลืมตาขึ้น ยื่นมือคิดอยากเอามือใหญ่ออกจากเอวเธอ แต่ข้อมือกลับถูกจับไว้กะทันหัน

“ฮวนฮวน คุณไม่ได้ง่าย” น้ำเสียงทุ้มต่ำและแหบแห้งของเฟิงหานชวน พูดออกมาอย่างช้าๆ

เฉินฮวนฮวนไม่อยากฟัง เพราะเธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนหัวเราะเยาะเธอ ถึงแม้จะไม่พูดว่าเธอง่ายออกมาตรงๆ แต่ในใจคงคิดแบบนั้นแน่นอน

เห็นเฉินฮวนฮวนไม่ตอบ เฟิงหานชวนก็รู้ว่าเธอกำลังคิดมากแน่นอน เขาช่วยเธอสางผมบนหน้าผาก พูดอย่างจริงจัง “จริงนะ ในสายตาผม คุณไร้เดียงสามาก ไม่ง่ายเลยสักนิด”

“คุณในคืนนี้ ไม่เรียกง่าย แต่เป็นความกระตือรือร้น ผมชอบที่คุณกระตือรือร้น ชอบมากๆ”

เฉินฮวนฮวนนิ่งอึ้งไปทันที เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินจากคำพูดหวานและลึกซึ้งแบบนี้จากปากของ

เฟิงหานชวน เขาไม่เหมือนผู้ชายที่จะพูดคำพูดพวกนี้ได้เลยสักนิด

“แต่เมื่อคืนพวกเราเพิ่งยืนยันความสัมพันธ์ในการทดลองการแต่งงาน วันนี้ก็…” เฉินฮวนฮวนหน้าแดงไม่หาย ไม่รู้ว่าเขินอาย หรือเพราะว่าอุณหภูมิในห้องสูง

“คุณยังจำคืนแรกที่คุณเพิ่งมาถึงบ้านเฟิงได้ไหม ? คืนนั้น เดิมควรเป็นคืนแต่งงานของพวกเรา เป็นวันแรกที่พวกเราแต่งงานกัน” เฟิงหานชวนลูบแก้มของเธอเบาๆ พูดเสียงเข้ม “พวกเราเพียงแค่ดำเนินการช้าไป”

“พอแล้ว พอแล้ว คุณไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะนอน” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้น กลับกลายเป็นตัวเองที่อายเรื่อย ๆ

เฟิงหานชวนกุมมือเธอไว้ พูดกำชับ “ผมขอพูดต่อท้ายอีกหน่อย ผมหัวเราะ ไม่ใช่เป็นการเยาะเย้ย แต่เป็นการหัวเราะอย่างมีความสุข”

“คุณนอนเถอะ เหนื่อยขนาดนี้แล้ว คงนอนหลับได้ไว” ขณะที่พูด เฟิงหานชวนปล่อยมือของหญิงสาวออก ลุกเดินไปทางห้องน้ำ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกประโยคสุดท้ายที่เฟิงหานชวนพูดเมื่อกี้ จริงๆเลย…อะไรเรียกว่าเหนื่อยขนาดนี้ ไม่ใช่เป็นการบอกเป็นนัยถึงเรื่องนั้นอยู่เหรอ?

เธอรีบหลับตาลง ไม่คิดถึงเรื่องเมื่อกี้อีก เธอเหนื่อยมากจริงๆ เหมือนแค่หนึ่งนาทีก็เข้าไปในความฝันแล้ว

เฟิงหานชวนอาบน้ำเสร็จออกมา เห็นเฉินฮวนฮวนหลับไปแล้ว เขาพอเดาได้ เพราะเขามองออกว่า

เฉินฮวนฮวนเหนื่อยมากแล้ว

เขานอนลงข้างตัวเธอ ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด กอดเธอไว้แน่น

นอนหลับฝันดี

เช้าตรู่วันที่สอง

“กริ๊ง ๆ กริ๊ง ๆ…”

เฉินฮวนฮวนตั้งนาฬิกาปลุกไว้แล้ว ตอนที่เสียงนาฬิกาดังขึ้น เธอตกใจตื่นทันที รีบยื่นมือไปกดนาฬิกาปลุกไว้

เธอจำได้เมื่อคืนเธอหลับสบายมาก เหมือนถูกคนกอดหลับไป เธอรู้สึกได้ว่าเป็นเฟิงหานชวนกอดเธอไว้

แต่ตอนเธอหันไปมอง คิดไม่ถึงว่าข้างตัวกลับว่างเปล่าไม่มีคน ทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหลาดใจมาก

หรือว่า…หรือว่าทุกอย่างเมื่อคืน เป็นเพียงแค่ความฝันหนึ่งรึไง?

เธอมองแสงสว่างรำไรนอกหน้าต่าง พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ชั่วพริบตา จู่ ๆ เธอแยกไม่ค่อยออกว่าเป็นความฝันหรือความจริง

เฉินฮวนฮวนยื่นมือไปลูบผ้าปูเตียงข้างตัว มันเย็นอยู่ เธอคงไม่ได้ฝันหวานไปหรอกนะ

ไม่สนแล้ว ไม่สนแล้ว เฉินฮวนฮวนโดดลงจากเตียงทันที วิ่งไปทางห้องน้ำ เธอต้องไปค่ายอบรม ไม่มีเวลามาคิดมากแบบนี้แล้ว

ฝันก็เป็นฝันไปเถอะ ถ้าเห็นเป็นเพียงความฝันก็ดีเหมือนกัน ยังไงเรื่องเมื่อคืนพวกนั้น คิดแล้วก็ไม่น่ามองเท่าไหร่

ไม่เพียงแค่เธอกับเฟิงหานชวน เธอยังเห็นเฉินนานากับนายท่านเฟิง อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องยุ่งเหยิงพวกนั้น ถ้าหากเป็นเพียงแค่ฝัน ถ้างั้นเธอก็ถอนหายใจโล่งอกได้แล้ว

อาบน้ำเสร็จออกมา ภายในห้องว่างเปล่าไม่มีคนเหมือนเดิม เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนชุดเสร็จ ลากกระเป๋าเตรียมเปิดประตูออกไป

ในเวลานั้น ประตูถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านนอกกะทันหัน ต่อจากนั้น ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวต่อหน้าเฉินฮวนฮวน

“เฟิง เฟิงหานชวน”

จู่ ๆ เห็นเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนตกใจมาก อุทานออกมาอย่างตกใจ

เฟิงหานชวนหน้าเข้มขึ้นทันที น้ำเสียงเหมือนไม่พอใจ “เมื่อคืนแสดงความรักไปแล้วรอบหนึ่ง วันนี้กลับมาเรียกชื่อเต็มผมอีกแล้ว?”

“อ๋า!” เฉินฮวนฮวนปิดปากอุทานออกมาอย่างตกใจอีกครั้ง

เธอ เธอ เธอ…พวกนั้น ไม่ใช่ฝัน?

ถ้างั้นเช้าตรู่แบบนี้ เฟิงหานชวนไปที่ไหนมา ?

เฉินฮวนฮวนปิดตาตัวเองไว้แน่น พูดไม่ออกสักคำ

สายลมเย็นพัดผ่านตัวเธอ แต่ในไม่ช้า เมื่อขยับปลายนิ้ว อุณหภูมิผิวของเธอก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ

ในที่สุดเฉินฮวนฮวนก็ทนไม่ไหว ร้องไห้ออกมา

มองดูร่างเล็กที่สั่นเทาในอ้อมแขน เฟิงหานชวนกอดเธอไว้แน่น ปลายนิ้วปาดน้ำตาออกจากหางตาของเธอ จากนั้นก็จูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน

“นอนเถอะ”

“ฉัน…แค่กแค่ก ฉันอยากอาบน้ำ…” เธอร้องจนไอขึ้นมา

เธอนอนทั้งแบบนี้ ต้องนอนไม่หลับแน่นอน

“ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยอาบ” เฟิงหานชวนไม่อยากแยกจากเธอในตอนนี้ ดังนั้นเขาก็ไม่ได้ไปอาบน้ำ

“แต่ว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ฉันกลัวว่าจะไม่ทัน…” เฉินฮวนฮวนคร่ำครวญ จากนั้นก็พูดต่อ

เผชิญหน้ากับดวงตาแดงก่ำของหญิงสาว เฟิงหานชวนอดใจไม่ไหว รู้สึกเหมือนตัวเองทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยได้

ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามเป็นอย่างมากที่จะควบคุมตัวเอง แต่ก็ยังทำให้เฉินฮวนฮวนร้องไห้อยู่ดี

เธอในคืนนี้ เหมือนกับคืนนั้นในห้องเก็บของที่บลูส์คลับ แม้แต่เสียงร้องก็ยังเหมือนกัน แต่ภายในห้องเก็บของในตอนนั้น เฉินฮวนฮวนร้องไห้เพราะหวาดกลัว

ส่วนเฉินฮวนฮวนในคืนนี้ ไม่ได้เป็นเพราะความกลัว นี่คือจุดที่เฟิงหานชวนปลื้มใจที่สุด

อย่างน้อยตอนนี้เขารู้แล้วว่า เฉินฮวนฮวนไม่ได้กลัวเฟิงหานชวน แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว

“งั้นก็ไปสายหน่อย” จากเหตุการณ์ในคืนนี้ จู่ ๆ เฟิงหานชวนก็ไม่อยากให้เฉินฮวนฮวนไปฝึกอบรมแล้ว

หลังจากคืนนี้ ทั้งสองจะต้องแยกจากกันครึ่งเดือน เขายิ่งคิดยิ่งใจไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ

“ไม่อย่างงั้น อย่าไปเลย” เฟิงหานชวนพูดเสริมอีกครั้ง

“ไม่ได้!” เฉินฮวนฮวนรีบพูด “รุ่นพี่หวังกับฉันไว้สูงมาก อีกอย่างฉันก็อยากได้โอกาสครั้งนี้มาก อยากจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ฉันจำเป็นต้องเข้าร่วมการฝึกอบรม!”

เสียงของเธอหนักแน่นเป็นพิเศษ ตัดความคิดในใจของเฟิงหานชวนไปในทันที

เดิมที เขาคิดว่าเพื่อที่จะได้ตัวติดอยู่กับเฉินฮวนฮวนทุกวัน เขาเตรียมจะคว่ำหม้อรายการแข่งขันอะไรนี่ไปซะ แต่ว่า…

เมื่อเห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวนที่ตั้งหน้าตั้งตารอขนาดนี้ เฟิงหานชวนคิดด่าตัวเองไม่ควรทำลายความฝันของเธอ ไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ทำลายความหวังของเธอ

“ตกลง ในเมื่อคุณอยากไป ผมก็สนับสนุนคุณ” เฟิงหานชวนลูบไรผมที่เปียกเหงื่อบนหน้าผากของเธอ แล้วพูดเสียงแหบเล็กน้อย “หากคุณต้องการความช่วยเหลือ บอกผมนะ”

“ฉัน…ฉันไม่มีอะไรให้ช่วย ฉันอยากจะพยายามด้วยตัวของฉันเอง ไม่อยากใช้เส้นสาย!” เฉินฮวนฮวนเข้าใจความหมายของเฟิงหานชวน

เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนพูดว่า ถ้าหากเธอต้องการตั้งกลุ่ม อยากมีชื่อเสียง เขาสามารถช่วยเธอได้

แต่ว่าเธอไม่อยากได้ชื่อเสียงที่เป็นแบบนี้ เธออยากจะใช้ความสามารถของตัวเองยืนอยู่ตรงตำแหน่งนั้น

ดังนั้นเธอไม่ต้องการให้เฟิงหานชวนช่วยเธอ และก็ไม่มีทางขอร้องให้เฟิงหานชวนช่วย

“ผมเคารพความคิดของคุณ ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ” เฟิงหานชวนจูบดวงตาที่เปียกชื้นของเธอ น้ำเสียงของเขานุ่มนวลเป็นอย่างมาก

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหัวใจเต้นช้าลง ดวงตาสองข้างกะพริบปริบ ๆ แล้วจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

เธอพบว่าเฟิงหานชวนในตอนฟ้าหลังฝน เหมือนว่ามีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม

และก็อ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม

“ขอบคุณค่ะ” เฉินฮวนฮวนเขินอายจนหน้าแดง จนหน้าซบอกของชายหนุ่ม

เห็นเฉินฮวนฮวนเป็นฝ่ายเข้าใกล้ตัวเอง เฟิงหานชวนอารมณ์ดีมาก เมื่อนึกได้ว่าเธอบอกว่าจะอาบน้ำแล้วค่อยนอน เขาจึงก้มหน้าพูดข้างหูเธอ “จะนอนอยู่ในอ้อมอกของผมต่อ หรือจะไปอาบน้ำ?”

เฉินฮวนฮวนได้ยินแล้วรีบลุกขึ้นนั่ง เธอหน้าแดงก่ำ แล้วรีบเร่งลงจากเตียง เตรียมจะไปอาบน้ำ

ยังไม่ทันจะยืนขึ้น ก็ถูกจับข้อมือไว้ เมื่อหันหน้าไปดูร่างกายท่อนบนของชายหนุ่มเปลือยเปล่า ข้อศอกค้ำอยู่บนหมอน หลังมือค้ำหัว นอนตะแคงมองเธออยู่

ในตอนนี้ เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่า เฟิงหานชวนเหมือนเทพเจ้าที่มีชีวิตอยู่ในภาพวาด

ภาพแบบนี้สวยงามมาก

แต่แปลกตรงที่ จู่ ๆ เธอก็คิดถึงภาพที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ขึ้น เธอรู้สึกอีกว่าเฟิงหานชวนไม่ใช่เทพเจ้า เพราะว่าเทพเจ้าจะไม่มีทาง…

เธอรีบหันหน้าไปทางตู้เสื้อผ้า รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา

คืนนี้เธอกับเฟิงหานชวน…แล้ว อีกอย่างนี่เป็นชั่วโมงที่ 24 หลังจากที่พวกเขาเริ่มลองแต่งงานกัน

ความคืบหน้านี้ เร็วเกินไปจริง ๆ เธอสงสัยว่าตัวเองถูกความชั่วร้ายครอบงำแล้ว!

“คิดอะไรอยู่?”

จู่ ๆ แผ่นหลังร้อนขึ้น เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มกรอกข้างใบหูฉัน

เฉินฮวนฮวนหันหน้ามาอีกครั้ง เธอถูกดูดเข้าไปในดวงตาล้ำลึกคู่นั้นของเฟิงหานชวนในทันที จู่ ๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้น

เดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวช้า เธอแทบจะถูกทรมานจนตายแล้ว!

“ฉัน…ฉันไม่ได้คิดอะไรค่ะ!” เฉินฮวนฮวนหันหน้ากลับไปอีกครั้ง หันหลังศีรษะไปทางเฟิงหานชวน

ที่สำคัญคือเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถมองไปที่เฟิงหานชวนได้โดยตรง เธอไม่กล้าสบตาเฟิงหานชวน

ในเมื่อเมื่อกี้พวกเขาเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น

“ฮวนฮวน คุณเขินเหรอ?” เฟิงหานชวนกัดติ่งหูของเธอ ตั้งใจถามขึ้น

“ฉัน…ฉัน…คุณอย่าถามเลย อย่าถาม…” เฉินฮวนฮวนก้มหน้า แทบอยากให้หูของตัวเองปิดกั้นเสียงของเฟิงหานชวน

เธอไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวนยังไงจริง ๆ

“ทำไมถึงถามไม่ได้? พวกเราทำ…ก็ทำไปแล้ว ยังมีอะไรที่ถามไม่ได้อีก?” เฟิงหานชวนพูดตรงไปตรงมา

“คุณ!” เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปาก พูดเสียงเบา “ฉันเป็นเด็กผู้หญิง เรื่องแบบนี้ฉันจะกล้า…ได้ยังไง”

“เด็กผู้หญิง?” มือของเฟิงหานชวนวางลงบนขาของเธอ แล้วลูบไปด้านบน “คุณแน่ใจว่าตัวเองยังเป็นเด็กผู้หญิงอยู่?”

“คุณเลื่อนขั้นเป็น…หญิงสาวแล้ว”

เสียงแผ่วเบาของชายหนุ่มส่งผ่านใบหูของเฉินฮวนฮวน เธอกรีดร้อง แล้วปิดหูตัวเองวิ่งไปทางห้องน้ำ จากนั้นก็ล็อกประตูในทันที

แผ่นหลังของเธอพิงเข้ากับประตูห้องน้ำ จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างแรง พยายามสงบอารมณ์ของตัวเอง

เฟิงหานชวน…ทำไมถึงไม่อายเลยสักนิด ผู้ชายอายไม่เป็นเหรอ?

เธอรู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าสูงเกินไป เฉินฮวนฮวนหันหน้าไปทางอ่างล้างหน้า ก้มตัวลง ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ถึงได้ผ่อนคลายเล็กน้อย

“ปังปังปัง…”

ในตอนนี้เอง ประตูห้องน้ำดังขึ้น

“ฉัน…ฉันจะอาบน้ำ คุณรอไปก่อน!” เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเป็นเฟิงหานชวนที่เคาะประตู จึงรีบพูดขึ้น

“ผมมาทิ้งขยะ” เฟิงหานชวนน้ำเสียงเฉยเมย

เฉินฮวนฮวนยืนงุ่นง่ามอยู่ที่เดิม สีหน้าสับสนมาก ไม่รู้ว่าควรจะเปิดประตูดีไหม จึงถามขึ้นอีก “ห้องนอนก็มีถังขยะนี่คะ!”

“คุณแน่ใจว่าของสิ่งนี้ ทิ้งในถังขยะด้านนอกได้? หือ?” เสียงของชายหนุ่มสูงขึ้น เหมือนกับกำลังถามกลับ

เฉินฮวนฮวนรู้แล้วว่าเฟิงหานชวนหมายถึงอะไร จึงรีบเปิดประตูออก

เฟิงหานชวนยักคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร เขาเดินตรงไปข้างชักโครก ทิ้งของในมือลงถังขยะ

เฉินฮวนฮวนหันหลังให้เขาอยู่ตลอด ไม่กล้าดูขั้นตอนการทิ้งขยะ เพราะว่าขยะพวกนั้น จะปลุกความทรงจำในหัวของเธอ

ในตอนที่เธอเหม่อลอย หน้าอกร้อนรุ่มของชายหนุ่มแนบกับแผ่นหลังของเธอ

เฉินฮวนฮวนถลึงตาโต ลำคอเหมือนกับมีของติดอยู่ จนส่งเสียงออกมาไม่ได้

“เฟิง…”

เธอเพิ่งจะพูดออกมาคำหนึ่ง ไหล่เรียวสองข้างถูกฝ่ามือของชายหนุ่มจับไว้ จากนั้นเธอก็ถูกหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวน

วินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็ก้มหน้าประกบริมฝีปากแดงอิ่มของเธอ

เริ่ม เริ่ม?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนทันที

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะปฏิเสธ แต่หลังจากผ่านไปครึ่งค่อนวัน เขาก็กลับเห็นด้วย?

ไม่ ว่าไปแล้ว เฟิงหานชวนไม่ได้ปฏิเสธ แต่เธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาปฏิเสธ

เฉินฮวนฮวนพบว่าเฟิงหานชวนจ้องมองเธอด้วยดวงตาคู่ดำเข้ม ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นทันที ราวกับว่าเธอเป็นเหยื่อของชายหนุ่ม

“หรือไม่…หรือไม่วันนี้ช่างมันเถอะ?” เธอรู้สึกขี้ขลาดขึ้นมา ขี้ขลาดขึ้นจริงๆ

สุดท้ายแล้ว ยกเว้นในคืนที่บลูส์คลับ นอกจากหลิงตงรุ่ย เธอยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครเลย ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกกลัว รู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเอง

“คนดี ในเมื่อคุณเป็นคนเริ่มก่อน ผมจะไม่แสดงออก แล้วรู้สึกผิดต่อคุณได้อย่างไร?” เฟิงหานชวนในตอนนี้สมองเต็มไปเรื่องลามก แล้วเขาก็เอื้อมมือยกผ้าโปร่งสีลาเวนเดอร์บนชุดนอนของเธอขึ้น ดวงตาของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง

เฉินฮวนฮวนเบือนหน้าหนี มือทั้งสองข้างขัดขืนอย่างเร็ว เฟิงหานชวนปล่อยมือของเธออย่างอารมณ์ดี และเมื่อมือของเธอว่าง เธอก็รีบหยุดการเคลื่อนไหวของเฟิงหานชวนทันที

เฟิงหานชวนรู้ว่าเฉินฮวนฮวนกลัวเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงกุมมือเธอและพูดเบา ๆ ว่า "ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะควบคุมเอง … "

ขณะที่เขาพูด เขาก้มศีรษะลงและค่อยๆ จุมพิตริมฝีปากของหญิงสาว ด้วยความตึงเครียดเฉินฮวนฮวนคว้าคอเสื้อที่ชุดนอนของเขาไว้แน่น

เขาจูบอย่างดูดดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ เฉินฮวนฮวนก็ค่อยๆ ซึมซับความอ่อนโยนของเขา ฝ่ามือใหญ่ของเฟิงหานชวนค่อยๆ ยื่นเข้าไปในขอบชั้นในของเธอ

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนแดงขึ้นทันที เธอจับมือของชายหนุ่มโดยสัญชาตญาณ แต่ถูก เฟิงหานชวนขวางไว้

มือของชายหนุ่มรุกเร้าอย่างไม่ลังเล เฉินฮวนฮวนตกใจจนร้องไห้ไม่ออก รู้สึกราวกับว่ามีเลือดพุ่งออกจากใบหน้า

"เสียงโทรศัพท์สั่น"

ในขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นขึ้นในห้องนอนที่เงียบเชียบ

“จะบ้าตาย!” เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา

ตอนนี้เป็นเวลาที่บรรยากาศเป็นใจที่สุดแล้ว ถ้าเขารู้ล่วงหน้าเขาคงปิดโทรศัพท์มือถือไว้ก่อนแล้ว

เขาไม่อยากที่ใส่ใจกับมัน และยังคงขยับมือต่อไป แต่เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างกะทันหัน เสียงหอบเล็กน้อย: "คุณ…คุณไปรับโทรศัพท์สิ…"

โทรศัพท์วางอยู่บนโต๊ะกาแฟ สั่นตลอดเวลาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มันยากที่จะสามารถทำภารกิจต่อในตอนนี้

“รอฉันเดี๋ยว” เฟิงหานชวนทำได้เพียงปล่อยเฉินฮวนฮวนก่อน ลุกจากเตียงทันที ไปที่โต๊ะกาแฟ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

เมื่อดูหมายเลขที่โทรเข้า เขาตัดสายโทรศัพท์เลย และเมื่อเขากำลังจะปิดโทรศัพท์ ก็มีสายเรียกเข้าจากอีกฝ่าย โทรศัพท์ยังคงสั่นอยู่ในมือของเขา

ยังไงมันก็ถูกหยุดกลางคัน เฟิงหานชวนเชื่อมต่อสายโทรศัพท์

“หานชวน ทำไมคุณกลับเร็วจัง ฉันไม่ได้กลับมาตั้งนาน คุณไม่ต้อนรับฉันเหรอ” เสียงออดอ้อนของหญิงสาว เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์

เฉินฮวนฮวนซึ่งนอนอยู่ตรงนั้น แอบได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดได้อย่างชัดเจน และจู่ๆ ก็มีคำถามผุดขึ้นในสมองของเธอ ผู้หญิงคนนี้คือใคร?

ดูเหมือนว่าเธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฟิงหานชวน

“ขอโทษนะซืออวิ๋น ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย ภรรยาของผมกับผมถกเถียงกัน ผมเลยกลับมาง้อเธอ” เฟิงหานชวนตอบขณะที่เขาเดินไปหาเฉินฮวนฮวน

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างด้วยความตกใจ เฟิงหานชวนกำลังพูดถึงอะไร?

เขามีเรื่องทะเลาะกับภรรยาจึงกลับมาง้อภรรยา ภรรยาคนนี้หมายถึงเธอหรือ?

เมื่อเห็นท่าทีที่ประหลาดใจของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็นั่งข้างเตียงมองเธอและเม้มที่มุมปากเล็กน้อย เหมือนจะใบ้ว่า "ภรรยา" ที่เขาพูดถึงคือเธอ

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนแดงขึ้นกว่าเดิม

“อ้าว! คุณแต่งงานแล้วจริงเหรอ? ฉันได้ยินทั้งอาเยี่ยน และ จิ่นซิว พูดว่านายท่านจัดการเรื่องผู้หญิงให้คุณ ผู้หญิงคนนั้นก็คือภรรยาของคุณเหรอ?” หลีซืออวิ๋นแกล้งทำเป็นประหลาดใจและไม่รู้เรื่อง

“ใช่ เธอชื่อเฉินฮวนฮวน วันหลังฉันจะแนะนำให้พวกคุณรู้จักกัน” เฟิงหานชวนตอบตามปกติ

“ดีเลย แต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะแต่งงานเร็วขนาดนี้ เร็วกว่าพวกเราทุกคน” หลีซืออวิ๋นไม่ยอมเลิกราและพูดต่อ: “ฉันยังคิดว่ารอจนลูกของพวกเราทุกคนสามารถวิ่งได้ คุณก็ยังไม่แต่งงาน แต่ไม่คิดว่าคุณ…"

“บางทีลูกของผมสามารถวิ่งได้แล้ว พวกคุณก็อาจยังไม่แต่งงาน” เฟิงหานชวนเจตนาพูดตลก ซึ่งเขาตั้งใจพูดกับหญิงสาวตรงหน้าเขาโดยเฉพาะ

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างอีกครั้งและมองไปที่เฟิงหานชวนอย่างไม่น่าเชื่อ เขากำลังบอกใบ้ว่าต้องการมีลูกกับเธอหรือ?

“ฮ่าฮ่าฮ่า หานชวน นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่คุณจะพูดตลก ไม่ได้เจอคุณซะนาน คุณเปลี่ยนไปมากเลยนะ!” หลี่ซืออวิ๋นรู้สึกว่าการคุยเรื่อยเปื่อยนี้มีความหมาย แต่ก่อนแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่เข้าหาเฟิงหานชวน ทั้งสองคนก็คุยกันได้ไม่กี่คำ

เนื่องจากเฟิงหานชวนเป็นนักตัดบทตัวจริง แต่วันนี้แตกต่างกัน เฟิงหานชวนกลับเป็นคนเริ่มต้นสนทนา

แม้ว่าหลีซืออวิ๋นไม่มีความสุขใจในตอนนี้ แต่การพูดเยาะเย้ยของเฟิงหานชวน ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอยังมีความหวัง

“ก็ไม่นานเท่าไหร่ เราไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่เดือน” เฟิงหานชวนไม่คาดคิดว่าจู่ๆ เขาก็ตกลงไปในดินแดนที่นุ่มละมุนของเฉินฮวนฮวน

จะบอกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เขาก็ยอมรับ

“แต่ฉันรู้สึกว่าคุณเปลี่ยนไปมากจริงๆ เพราะว่าคุณมีภรรยาแล้ว?” หลีซืออวิ๋นแกล้งทำเป็นหยอกล้อ แต่จริงๆ แล้วเธอรู้สึกราวกับว่าเธอถูกแทงที่หัวใจ

เธอไม่ต้องการที่จะเอ่ยถึงผู้หญิงที่ชื่อเฉินฮวนฮวน เธอยังไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของ เฉินฮวนฮวน เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ถึงสามารถดึงดูดเฟิงหานชวนได้

“ใช่ แต่ตอนนี้ฉันมีธุระสำคัญที่ต้องทำกับภรรยา ฉันวางสายก่อนนะ ” เฟิงหานชวนพูดเกริ่นและวางสายทันที

หลีซืออวิ๋นยังต้องการหาหัวข้อที่จะพูดคุยและสอบถามเรื่องเกี่ยวกับเฉินฮวนฮวนจากปากของเฟิงหานชวน แต่คิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะพูดเช่นนั้นและวางสายโทรศัพท์เลย

เขากลับบอกว่า เขามีธุระสำคัญที่ต้องทำกับภรรยาของเขา? คิดไม่ถึงว่าเขา…เฟิงหานชวนจะเคยนอนกับเฉินฮวนฮวนแล้ว!

ไม่น่าหล่ะ ไม่น่าแปลกใจที่เขาเพิ่งพูดว่าลูกของเขา เฟิงหานชวนวางแผนที่จะมีลูกกับ เฉินฮวนฮวนจริงๆหรือ?

หลีซืออวิ๋นตกตะลึงอย่างมาก กำโทรศัพท์แน่นจนเห็นเส้นเลือดที่หลังมือ สีหน้าของเธอดูไม่ได้เลย

"อะไร–"

เธอตะโกนและโยนโทรศัพท์ในมือกระแทกกับผนัง

“โครม!”

เสียงดังกังวาล

……

หลังจากที่เฟิงหานชวนวางสายโทรศัพท์ เขาก็โยนโทรศัพท์ลงบนชั้นวางข้างเตียง

ทันใดนั้น เขารังแกเฉินฮวนฮวนอีกครั้ง และจงใจกดที่ปลายจมูกของเธอ หายใจออกด้วยอากาศที่อุ่น: “เมียจ๋า รอไม่ไหวแล้วมั้ง?”

“ทำไม จะเป็นไปได้ยังไง!” เฉินฮวนฮวนคาดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะถามแบบนั้น เธอกัดริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า: “ฉันไม่ ฉันไม่ได้รีบ!”

“ผมไม่อยากให้คุณรอนาน ผมก็เลยรีบวางสายไป” เฟิงหานชวนคว้าผ้าทั้งสองข้างของเธอด้วยมือทั้งสอง แล้วดันตัวเธอขึ้น

โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างกายของเฉินฮวนฮวนเปลือยกลางอากาศ เธออายมากจนต้องปิดตาด้วยมือทั้งสองข้าง

เฟิงหานชวนคิดว่าเธอน่ารักมากและพูดติดตลกว่า: "จะปิดตาตัวเองทำไม คุณควรจะปิดตาผมไม่ใช่หรือ"

เฟิงหานชวนตัวเกร็งขึ้นทันที คนทั้งคนนิ่งอึ้งอยู่กับที่

เขาฟังผิดไปหรือเปล่า ? นึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนกำลังเชิญชวนเขาเอง?

เขาถึงขนาดสงสัยว่าตัวเองหูฝาด

เห็นเฟิงหานชวนไม่ยอมตอบเสียที เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกทั้งอึดอัดและเขินอาย

“อาหาน คุณ…ทำไมคุณไม่พูดอะไรเลย…”เธอรู้สึกบรรยากาศภายในห้องเงียบสงบเกินไปแล้ว เธอไม่รู้การเสนอตัวเอง จะแลกมากับการที่เฟิงหานชวนดูถูกหรือเปล่า

เพราะเฟิงหานชวนไม่ตอบเธอเลย ไม่พูดสักคำ

ในขณะนี้ เฟิงหานชวนถึงได้สติ ดึงมือของเฉินฮวนฮวนที่อยู่บนเอวเขาออก ก้าวเท้ายาวเปิดประตูห้อง จังหวะก้าวเดินออกไปค่อนข้างรีบร้อน เหมือนรีบมาก

เฉินฮวนฮวนมองประตูที่ไม่ได้ปิด คนทั้งคนเอ๋อไป

เดิมทีเธออยากจะขอบคุณเฟิงหานชวนที่ดีกับเธอ คิดอยากเข้าใกล้เขามากขึ้นอีกขั้น แต่ว่า…

เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกแค่เพียงขายหน้ามาก ใช้โอกาสที่เฟิงหานชวนยังไม่กลับมา เธอรีบมุดเข้าไปในผ้าห่ม

คิดว่าหลังจากนี้ เธอคงไม่มีหน้าไปเจอเฟิงหานชวนแล้ว

อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้เช้าตรู่เธอก็ต้องจากตระกูลเฟิงไปค่ายฝึกอบรมแล้ว อย่างน้อยไม่ต้องเจอกันครึ่งเดือน นึกถึงพวกนี้ ภายในใจเธอก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

แต่ว่า กลับมาหลังจากครึ่งเดือนควรทำยังไงดีล่ะ ?

เฉินฮวนฮวนขยี้เส้นผมอย่างเสียใจ เมื่อกี้สมองเธอบกพร่องหรือว่ายังไง คิดไม่ถึงว่าจะกอดเฟิงหานชวนก่อน ยังพูดคำพูดอย่างนั้นออกไป

แต่กลับโดนเฟิงหานชวนปฏิเสธตรงๆ

การปฏิเสธของเขาทำให้คนเสียหน้ามากอีกด้วย คือไม่ตอบกลับเธอสักคำ ก็เดินลงชั้นล่าง โดยไม่สนใจเธอ

เธอนึกว่าเฟิงหานชวนดีกับเธอขนาดนี้ ถ้าหากเธอตอบสนองเขาด้วย เขาคงดีใจ แต่คิดไม่ถึงว่า…

เฉินฮวนฮวนดึงผ้าห่มมาปิดหน้า ขาเตะเสียงดังตุบๆ อยู่หลายที แทบอยากจะให้มีหลุมหนึ่งให้เธอมุดเข้าไปอยู่ได้จริงๆ

เธอไม่รู้อีกเดี๋ยวหลังจากเฟิงหานชวนกลับมา เธอควรเผชิญหน้าเขายังไงจริงๆ ควรอยู่ร่วมกับเขายังไง

ในตอนที่เฉินฮวนฮวนสับสนเสียใจสุดขีดนั้น เสียงเร่งฝีเท้าดังมาจากหน้าประตูห้อง เธอรีบปิดตา เอาหน้ามุดไว้ในผ้าห่ม

ต่อจากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงประตูถูกปิด หลังจากนั้นคือเสียงล็อกประตู หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ

เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เหมือนหยุดลงที่ข้างเธอ เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า ยื่นมือจับผ้าห่ม โผล่ตาคู่นั้นของตัวเองออกมา อยากสำรวจสถานการณ์ข้างนอกสักหน่อย

ผลคือ เธอสบตาเข้ากับดวงตาลึกลับคู่นั้นของเฟิงหานชวน สีหน้าเขาผ่อนคลาย มุมปากยกขึ้น จ้องมองเธออยู่พอดี

เฉินฮวนฮวนรีบเอาผ้าห่มมาปิดตาตัวเองอีก ปิดบังใบหน้าไว้หมด เธออยากร้องแต่ไม่มีน้ำตา พูดว่า “ฉัน…เมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น คุณก็ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแล้วกัน…”

นอกจากเธอจะพูดแบบนี้ ก็อธิบายอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ยิ่งไม่มีทางปฏิเสธได้ เพราะเมื่อกี้เธอตั้งใจจะเสนอตัวจริงๆ เสียดายอีกฝ่ายไม่รู้สึกเหมือนกัน

“ฮวนฮวน แต่จะทำยังไง ผมได้ยินอย่างชัดเจน ได้ยินเต็มหู” เฟิงหานชวนดูเหมือนปกติ น้ำเสียงยังจริงจัง แล้วพูดทวนอีกครั้ง “คุณบอก คุณต้องการบอกผม คุณทำได้”

“ฉัน…ฉันทำไม่ได้” เฉินฮวนฮวนรู้สึกเฟิงหานชวนกำลังตั้งใจล้อเธอเล่น เธอแทบอยากจะออกจากห้องนี้ไปทันที

“เฟิงหานชวน ฉันไม่อยากเห็นคุณอีกแล้ว” เธอพูดออกไปอย่างไม่ได้ยั้งคิด

สีหน้าของเฟิงหานชวนหม่นลงทันที ไม่ได้พูดอีก

ภายในห้องเงียบสงบมาก เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากอยู่ในผ้าห่ม เห็นผู้ชายไม่ได้พูดอีก เธอก็จับผ้าห่มแล้วโผล่ตาคู่นั้นออกมา เห็นเฟิงหานชวนยังนั่งย่องๆ อยู่ข้างเตียงของเธอ

แต่สีหน้าเขาดูหม่นลง ตาดำคู่นั้นยังจ้องเธอเหมือนเดิม

“คุณวางใจ ฉันจะไม่เกาะแกะคุณ ความหมายคำนั้นที่ฉันเพิ่งพูด เพียงแค่คิดจะขอบคุณที่ดีกับฉัน ”

“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ตื๊อไม่เลิกแบบนั้น พรุ่งนี้ฉันก็ไปค่ายอบรมแล้ว พวกเราไม่เจอหน้ากันครึ่งเดือน ถ้าหากคุณถูกใจผู้หญิงคนอื่น ฉันกลับจากค่ายอบรม ก็จะย้ายออกจากที่นี่”

“สรุปคือ ฉันขอบคุณ คุณที่ช่วยฉันไว้มาก ยังช่วยฉันเห็นธาตุแท้ของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ขอบคุณ”

นี่เป็นคำพูดภายในใจของเฉินฮวนฮวนในตอนนี้ เป็นความจริงที่สลักไว้ในใจเธอ เธอเอาคำพูดที่แท้จริงทั้งหมดพวกนี้พูดออกมาให้เฟิงหานชวน

ที่เธออยากอธิบายก็คือ ที่เธอเสนอตัวไม่ใช่เพื่อเกาะแกะเขา ยิ่งไม่ใช่แค่แสดงความขอบคุณ หรือว่า ภายในใจเธอหวังให้การทดลองแต่งงานนี้สำเร็จ ดังนั้นถึงพูดเสนอตัวพวกนั้นออกมา

แต่เฟิงหานชวนปฏิเสธเธอแล้ว เพราะฉะนั้นเธอถึงพูดอธิบายออกมา

“ฮวนฮวน คุณกำลังเลี่ยงสิ่งสำคัญไป” เฟิงหานชวนยื่นมือออกมาเปิดผ้าห่มเธอออก

ลมเย็นพัดผ่านตัวของเฉินฮวนฮวนไป เธอรู้สึกตกใจ สองมือปิดตัวก่อน ตาคู่นั้นมองผู้ชายตรงหน้าอย่างประหลาดใจและสับสน

ตอนนี้เขาจะทำอะไร ? ไม่ใช่ปฏิเสธเธอไปแล้วเหรอ ? ทำไมถึงเอาผ้าห่มเธอออก ?

ไม่รอให้เฉินฮวนฮวนได้เอ่ยปาก เฟิงหานชวนพุ่งเข้าไปแล้ว กดเธออยู่ใต้ร่าง ข้อมือทั้งสองของเธอถูกมือใหญ่จับไว้ พาดอยู่เหนือศีรษะของเธอ

“เมื่อกี้เธอบอกว่าไม่อยากเห็นผมอีก เธออธิบายมากมายขนาดนั้นเมื่อกี้ กลับไม่ได้อธิบายประโยคนั้น” เฟิงหานชวนก้มหน้าลง ริมฝีปากบางอยู่ข้างหูหญิงสาว น้ำเสียงทุ้มต่ำมาก

เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนเล่นอะไร เป็นเขาที่ปฏิเสธเธอก่อน ทำไมตอนนี้ถึงทำตัวแบบนี้

“ความหมายคำนั้นของฉัน เพียงเพราะฉันเองรู้สึกทำตัวไม่ถูก ดังนั้นถึงพูดว่าไม่อยากเห็นคุณ ไม่ได้หมายความว่าเกลียดคุณ” เธอเม้มริมฝีปาก ตอบตามความจริง

“โอ๋ ? ทำไมรู้สึกทำตัวไม่ถูก ?” ”เฟิงหานชวนจงใจถาม ยังเจาะจงกัดติ่งหูเธอเบาๆ หนึ่งที

กระแสไฟแล่นเข้าไปในร่างกาย เฉินฮวนฮวนหดตัว อยากจะผลักเฟิงหานชวนออก แต่มือทั้งสองข้างถูกจับไว้เหนือศีรษะ

เธอเขินอายสุดขีด รีบตอบ “ทำไมฉันถึงทำตัวไม่ถูก คุณรู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากไม่ใช่คุณปฏิเสธฉัน ฉันคงไม่อึดอัดแบบนี้”

“ฮวนฮวน ผมพูดว่าปฏิเสธคุณเหรอ ?” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

“คุณปฏิเสธฉันไปแล้ว ไม่อย่างงั้นหลังจากที่ฉันพูดคำนั้นออกมา คุณ…คุณวิ่งหนีเร็วขนาดนั้น” น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนเหมือนฟ้องอยู่

เฟิงหานชวนยิ่งสนุกขึ้น พูดหยอกล้อต่อ “โอ๋ ? คุณกำลังโทษผมอยู่ ?”

“ฉันไม่ได้โทษคุณ ฉันเพียงแค่ทำตัวไม่ถูกเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกอึดอัด” เฉินฮวนฮวนหันหน้าหนี พยายามหลีกเลี่ยงเฟิงหานชวนหยอกล้อเธอ

“ฮวนฮวน ผมวิ่งไปเร็วขนาดนั้น เพราะผมเอาแก้วลงไปล้างชั้นล่าง ไม่ได้เป็นการปฏิเสธ” เฟิงหานชวนเห็นเฉินฮวนฮวนไม่อยากมองตัวเองแล้ว รีบยื่นมือจับคางของเธอไว้ จับศีรษะเธอให้ตรง

ทำให้เธอสบตากับเขา

ได้ยินคำนี้ของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนตาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ

“ฮวนฮวน ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้ว ผมจะปฏิเสธได้ยังไง ?” นิ้วเรียวยาวของเฟิงหานชวนกดไปที่คางหญิงสาวเบาๆ เขายกริมฝีปาก พูดว่า “งั้นผมจะเริ่มแล้วนะ…”

ดังนั้น เฉินฮวนฮวนแย้มยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวซี่เล็กเรียงตัวสวย เธอยิ้มอย่างมีความสุข

เธอจับแก้วเซรามิกอุ่นๆ ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะยกแก้วขึ้นจรดปลายจมูกเพื่อสูดดมกลิ่น

หอมมากจริงๆ อยากดื่ม…

เธออ้าปากแตะขอบแก้วทันที และกระดกดื่มเข้าไปหนึ่งอึก ซึ่งอุณหภูมิกำลังพอดี

“อร่อยมากเลย!” ตอนนี้เฉินฮวนฮวนมีความสุขเป็นพิเศษ เธอไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้ดื่มนมร้อนมานานแค่ไหนแล้ว

ดังนั้น เธอเริ่มกระดกดื่มเอือกๆ อีกครั้ง สามารถใช้คำว่าตะกละตะกลามมาบรรยายได้เลยทีเดียว เพียงไม่นานในแก้วก็ว่างเปล่า

เฉินฮวนฮวนมองแก้วเซรามิกที่ว่างเปล่า เหลือเพียงคราบน้ำนมติดแก้วไว้เท่านั้น เธอกลืนน้ำลายอย่างเสียดายอยากดื่มอีก

“อาหาน นมที่คุณชงอร่อยมากจริงๆ” เฉินฮวนฮวนยิ้มตาหยีด้วยท่าทางมีความสุข เธอยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้า

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าเขา ดูเหมือนจะเปลี่ยนจากเด็กสาวเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอดูน่ารักมาก

“ถ้าคุณชอบ ต่อไปผมชงให้คุณดื่มทุกวันได้นะ” เฟิงหานชวนกล่าวอย่างจริงจัง

ในใจของเฉินฮวนฮวนรู้สึกดีใจมาก เธอพยักหน้าทันที กำลังจะอ้าปาก ทันใดนั้น เธอพบว่าตัวเองเข้าใจคำพูดของเฟิงหานชวนผิดแล้ว

“คุณบอกว่า คุณชงให้ฉันดื่มได้ทุกวัน?” เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะยื่นนิ้วไปเชยคางของเฟิงหานชวนขึ้น แล้วหัวเราะเบาๆ “คุณพูดแบบนี้ ฉันก็เหมือนเป็นเศรษฐีนี คุณเป็นหนุ่มน้อยแสนน่ารัก…”

เฟิงหานชวนหัวเราะอย่างอดไม่ได้ เขาพบว่าเฉินฮวนฮวนตรงหน้าเขา เปลี่ยนจากเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่มีความสุขเป็นหญิงสาวพราวเสน่ห์ที่ยังคงโปรยเสน่ห์ได้เฉพาะตัว

โดยเฉพาะมุมปากของเธอ ยังคงมีรอยคราบน้ำนมหลงเหลืออยู่

“อย่าขยับ” เฟิงหานชวนจับมือของเธอออก

เฉินฮวนฮวนนิ่งไปครู่หนึ่ง หรือว่าเฟิงหานชวนไม่ชอบเธอที่เป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ เดิมทีเธอคิดว่าตัวเองพูดเล่นแบบนี้ เฟิงหานชวนจะไม่ถือสา

เธอเพียงอยากเปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้นเอง

ขณะที่เธอกำลังรู้สึกผิดหวัง จู่ๆ ใบหน้าของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ใบหน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันเกือบหนึ่งเซนติเมตร

“คุณ คุณ คุณ…” เฉินฮวนฮวนพูดไม่ออก

เฟิงหานชวนเหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเบา “มีนมอยู่ที่มุมปากคุณ”

เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่สนใจคำตอบของเฉินฮวนฮวน ริมฝีปากบางแตะลงบนมุมปากของหญิงสาว ไล่เลียคราบน้ำนมที่ติดค้างมุมปากของเธออย่างแผ่วเบา

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวเกร็งแข็งทื่อไปทั้งตัว ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเลยด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนช่วยเธอ…

เขาไม่ได้เช็ดมันด้วยมือ และไม่ได้ใช้กระดาษทิชชู่เช็ด แต่เขาใช้ริมฝีปากบางอันเซ็กซี่ของเขา

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนยากที่จะผ่อนคลายลง ไฟเริ่มลุกโชนขึ้นมา “พรึบ พรึบ พรึบ” อีกครั้ง อุณหภูมิบนใบหน้าของเธอยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

เฟิงหานชวนเอาใจใส่มาก ไล่เลียจากมุมปากซ้ายผ่านจุดที่สองริมฝีปากประกบกัน ก่อนจะเคลื่อนไปยังมุมปากขวา ไม่ปล่อยให้ตกหล่นแม้สักบริเวณเดียว

สุดท้าย หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีตกหล่น เขาก็ผละปากออกจากริมฝีปากเธออย่างไม่เต็มใจนัก

“โอเค ดื่มนมเสร็จแล้ว เข้านอนเร็วหน่อยนะ” เฟิงหานชวนไม่ได้ทำเกินเลยอย่างอื่น เขายืนขึ้น และลูบศีรษะเล็กๆ ของเฉินฮวนฮวนอย่างแผ่วเบา

หลังจากนั้น เขาหยิบแก้วเซรามิกออกจากมือของเฉินฮวนฮวน และกล่าวว่า “ผมจะลงไปวางแก้วที่ชั้นล่าง คุณนอนก่อนนะ”

หลังจากที่เฟิงหานชวนกล่าวกำชับ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป ทว่าเขาเพิ่งเดินเพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆ เขาก็ถูกใครสักคนกอดรัดจากด้านหลัง

แขนเรียวขาวผ่องทั้งสองข้างโอบกอดรอบเอวของเขา เธอกอดเขาเอาไว้แน่น

ภายในห้องนี้ไม่มีคนอื่น ดังนั้นเฟิงหานชวนไม่ต้องหันกลับมา ก็รู้ว่าเป็นเฉินฮวนฮวนที่กำลังกอดเขาเอาไว้

“ฮวนฮวน นี่คุณ?” ร่างของหญิงสาวแนบติดกับเขา เฟิงหานชวนรู้สึกฝืดเฝื่อนลำคอเล็กน้อย

“อาหาน ฉัน…” แก้มแดงระเรื่อของเฉินฮวนฮวนกำลังอิงแอบแนบแผ่นหลังของชายหนุ่ม เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะกล่าวเสียงเบาราวกระซิบว่า “ฉันอยากบอกคุณว่า ฉัน…”

เฉินฮวนฮวนไม่กล้าที่จะรู้สึกอีกต่อไป เธอรีบดึงมือของเธอกลับมาและส่ายหัวอย่างแรง

"ไม่ ไม่ ไม่จำเป็นต้องรู้สึก คุณพูดถูก ถูกมากๆ…"เธอพูดตะกุกตะกัก ดวงตาสีแอปริคอทของเธอเปียกชื้นจนดูน่ารังเกียจ

"คุณรู้สึกจริงใจ หรือว่า…"เฟิงหานชวนอยากจะพูดต่อแต่ก็หยุดเสียก่อน

เฉินฮวนฮวนตอบกลับไปทันที: "ฉันจริงใจจริงๆ ฉันคิดว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นถูกต้อง ถูกต้องจริง ๆ และฉันจะไม่ปฏิเสธคุณอีก!"

เธอเครียดจะตายอยู่แล้วจริงๆ ถ้าหากเฟิงหานชวนเลือกที่จะจับมือเธอจริงๆ งั้น…งั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรอีก เธอคาดว่าเธอคงจะช็อกไปเลยแน่ๆ

"ต่อไปไม่อนุญาตให้เรียกผมว่าคุณอาอีกแล้วนะ เข้าใจไหม?"เฟิงหานชวนกอดเธอไว้ในอ้อมแขน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการขู่

เฉินฮวนฮวนรู้สึกได้ถึงการขู่ของเขา และเธอทำได้เพียงแค่พยักหน้าในอ้อมกอดของเขา และพูดอย่างคลุมเครือว่า: "รู้ รู้ ฉันรู้"

เธอคงไม่กล้าเรียกเฟิงหานชวนว่า "คุณอา" อีกแน่นอน มันชัดอยู่แล้วที่เธอเรียกชื่อนี้เธอเพราะแค่ต้องการแขวะเฟิงหานชวน แต่สุดท้ายมันก็เปลี่ยนไปแล้ว….

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนเชื่อฟังขนาดนี้ เฟิงหานชวนก็ปล่อยเธอด้วยท่าทางที่มีความสุข

เฉินฮวนฮวนขยับตัวออกอย่างรวดเร็วและสูดอากาศหายใจอยู่สักครู่ เมื่อกี้เฟิงหานชวนกอดเธอแน่นไว้ในอ้อมแขนของเขา จนทำให้เธอรู้สึกหายใจลำบาก

"ที่ผมปล่อยมือคุณ คุณแทบรอไม่ไหวที่จะไปไกลๆจากผมแล้วใช่ไหม?"เฟิงหานชวนทำปากบึ้งตึงและเอ่ยถามอย่างเย็นชา

แต่เฉินฮวนฮวนได้ยินคำขู่เล็กน้อยภายในน้ำเสียงของเขา

"ฉันแค่หายใจ"หลังจากเฉินฮวนฮวนอธิบายไปแล้ว เธอก็ล้มตัวลงนอนทันที เธอรีบเอาผ้าห่มคลุมตัวเองแล้วพูดว่า: "ฉันจะนอนแล้ว"

จากนั้นเธอก็หลับตาลงโดยไม่สนใจว่าเฟิงหานชวนต้องการจะพูดอะไรอีกหรือไม่ก็ตาม

หลังจากนั้นไม่นานภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ เฟิงหานชวนเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนเฉินฮวนฮวนเองที่พยายามจะนอนให้หลับอย่างไรเธอก็นอนไม่หลับสักที

ขณะที่เธอหลับตาลง จิตใจของเธอก็เต็มไปด้วยภาพที่ทั้งสองจูบกันบนโซฟา ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินนานา พวกเขาก็คงจะ…

เฟิงหานชวนมองไปที่เฉินฮวนฮวนตลอดเวลา เขาต้องการรอจนกว่าเธอจะหลับไป แต่เมื่อมองไปยังเปลือกตาที่สั่นเทาของหญิงสาว เขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะนอนไม่หลับแน่ๆ

ดังนั้นเขาจึงเอนตัวลงและถามเสียงเบาๆข้างหูของเธอว่า: "นอนไม่หลับเหรอ?"

"อ๊าย!"เฉินฮวนฮวนลืมตาทันที เธอหันศีรษะและมองไปที่เฟิงหานชวน

"กำลังคิดอะไรอยู่? มองดูแล้วเหมือนว่าคุณกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัวของคุณ "เฟิงหานชวนถามด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง

"ฉัน……ฉันไม่ได้คิดอะไร ฉันแค่ยังไม่หลับ "แน่นอนว่าเฉินฮวนฮวนไม่กล้าพูดว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในตอนนี้

ถ้าเป็นเช่นนั้นมันจะเป็นการเตือนเฟิงหานชวน และเป็นไปได้ว่าเฟิงหานชวนคงอยากจะรีบๆจบเรื่องนี้โดยเร็ว

ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว และมันก็คงน่าจะดึกแล้วด้วย เธอต้องรีบพักผ่อน

"ถ้านอนไม่หลับอย่างนี้ บางทีอาจจะเป็นอาการนอนไม่หลับ"สีหน้าของเฟิงหานชวนดูจริงจัง เขาพูดต่อว่า: "อาการนอนไม่หลับมันเป็นโรคและต้องได้รับการรักษา"

"มันไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ จริงๆแล้วฉันสามารถหลับได้เร็วมาก ฉันไม่จำเป็นต้องรับการรักษา"เนื่องจากเฟิงหานชวนดูเหมือนจะพูดอย่างจริงจัง เฉินฮวนฮวนก็ตอบกลับไปอย่างจริงจังเช่นกัน

"ในเมื่อไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ ทำไมคุณถึงไม่นอนสักทีล่ะ"เฟิงหานชวนถามเธออีกครั้ง

"ฉัน……ฉันแค่ยังไม่หลับ ฉันเพิ่งหลับตาไปไม่นานเองนะ "เฉินฮวนฮวนยังคงตอบอย่างจริงจัง

เฟิงหานชวนลุกขึ้นนั่งในเวลานี้ เขาลงจากเตียงอีกด้านแล้วเดินไปที่ประตูห้อง

เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย เฟิงหานชวนกำลังจะทำอะไร?

เธอหยุดเขาทันที: "เดี๋ยวก่อน เฟิง…หานชวน คุณจะไปไหน? "

คืนนี้เฟิงหานชวนจะออกไปข้างนอกโดยไม่นอนน่ะเหรอ?

"ผมจะไปอุ่นนมร้อนๆให้คุณดื่ม ดื่มแล้วจะได้หลับสบายๆ"เฟิงหานชวนพูดประโยคนี้ทิ้งไว้ จากนั้นก็ปิดประตูห้องแล้วเดินออกไป

เมื่อมองไปยังประตูที่ถูกปิด เฉินฮวนฮวนก็ตกอยู่ในความงุนงง เธอได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?

เฟิงหานชวนอาสาไปทำนมร้อนๆให้เธอ เพื่อที่เธอจะได้นอนแต่หัวค่ำ?

เฉินฮวนฮวนมีอาการง่วงนอนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วตอนนี้ก็รู้สึกหายง่วงแล้วด้วย เฟิงหานชวนเอาใจใส่เธอจริงๆและเป็นห่วงเป็นใยเธอมาก

อย่างไรก็ตามเธอเพิ่งจะเข้าใจเขาผิดโดยคิดว่าเขาอารมณ์ร้อนมากหรืออะไรสักอย่าง ที่จริงเขาน่าจะอยากพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอให้เร็วขึ้นเท่านั้นใช่ไหม?

เฉินฮวนฮวนนึกถึงคำพูดข้างเดียวของหลิ่วเยว่เอ่อร์และเธอก็ปักใจเชื่อ ทำให้เธอเข้าใจเฟิงหานชวนผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนแรกก็ชัดเจนว่าจะไม่เข้าใจเขาผิดอีก แต่ก็กลับมาสงสัยในตัวของเขาอีกครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้นเฟิงหานชวนไม่เพียงแต่ไม่โกรธเธอ แถมยังอาสาไปอุ่นนมร้อนๆให้เธออีก ยกเว้นยายและแม่ของเธอก็ไม่มีใครปฏิบัติต่อเธอด้วยความกรุณาแบบนี้อีกแล้ว

ห้านาทีต่อมา

เฟิงหานชวนถือแก้วนมร้อนๆเดินมาหาเฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนนั่งอยู่ข้างเตียง สีหน้าของเธอดูซีเรียสมาก

"เป็นอะไรไป?"เขาเอื้อมมือไปแตะศีรษะของเธอ แล้วยื่นแก้วใบนั้นให้กับเธอ

เฉินฮวนฮวนมองดูนมร้อนๆสีขาวที่อยู่ข้างหน้าเธอ ไอร้อนที่โชยขึ้นมาทำให้เธอสามารถได้กลิ่นหอมของนมอย่างชัดเจน

เธอรีบเอื้อมมือออกไปหยิบแก้วนมร้อนๆ ดวงตาของเธอฉายแววหดหู่ เธอเพียงรู้สึกว่าตอนนี้ดวงตาของเธอเริ่มพร่ามัว

เนื่องจากเฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างหน้าของเฉินฮวนฮวน เขาจึงไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของเฉินฮวนฮวนในขณะนี้ได้ จนกระทั่งเฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาจึงพบว่ามีน้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตาของเฉินฮวนฮวน

"คุณเป็นอะไรไป?"เฟิงหานชวนย่อตัวลง มองดูผู้หญิงตรงหน้าที่ดูเจ็บปวด เขาเอานิ้วลูบแก้มเธอเบาๆ น้ำเสียงของเขาดูเป็นกังวลมาก

ตอนที่เขาลงไปอุ่นนมข้างล่าง ทำไมจู่ๆเฉินฮวนฮวนถึงร้องไห้ได้ มันเกิดอะไรขึ้น?

"อาหาน ทำไมคุณถึงดีกับฉันนัก ทำไมถึงอุ่นนมให้ฉันล่ะ?"เฉินฮวนฮวนรู้สึกประทับใจจริงๆ เธอพูดพึมพำกับเขาราวกับว่ากำลังพึมพำกับตัวเอง

"ซื่อบื้อ!"เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะตอบกลับไปว่า: "คุณเป็นภรรยาของผม ถ้าผมไม่ทำดีกับคุณ แล้วจะให้ผมไปทำดีกับใคร?"

ประโยคนี้ราวกับคลื่นไฟฟ้าอันทรงพลัง มันส่งผลกระทบต่อหัวใจดวงน้อยๆของเฉินฮวนฮวนโดยตรง เธอเพียงรู้สึกว่าหัวใจของเธอหยุดเต้นไปในทันที

เธอมองไปที่เฟิงหานชวนที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างไร้เดียงสา ตัวของเธอแข็งทื่อไปโดยปริยาย

"ทำไมถึงนิ่งไป ไม่เชื่อที่ผมพูดเหรอ?"ตอนนี้เฟิงหานชวนกังวลเกี่ยวกับสิ่งๆหนึ่งเสมอ นั่นคือเฉินฮวนฮวนไม่เชื่อเขา

ท้ายที่สุดแล้วมีความเข้าใจผิดและมีความขัดแย้งมากมายระหว่างเขากับเธอ

"ไม่ ฉันเชื่อคุณ ฉันไม่ใช่ไม่เชื่อคุณ ฉันแค่…"เฉินฮวนฮวนหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามกลั้นน้ำตา

มันควรจะมีความสุขสิที่มีคนมารัก ทำไมเธอถึงยังอยากร้องไห้อยู่อีก? เธอไม่ควรจะร้องไห้ในเวลานี้

ควรจะยิ้มสิ!

วินาทีต่อมาสีหน้าของเฉินฮวนฮวนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

เธอเบิกตากว้างและมองไปที่ชายตรงหน้าของเธออย่างไม่เชื่อสายตา เธอนึกไม่ออกว่าประโยคนี้ถูกพูดโดยเฟิงหานชวนจริงๆ

“คุณ คุณ คุณ… คุณมันอันธพาล!” เฉินฮวนฮวนพูดจาตะกุกตะกักและคำพูดเหล่านี้ก็หลุดออกมาจากปากของเธอ

“อะไรนะ ?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว ในใจคิดอยากจะแกล้ง “ฮวนฮวน คุณเข้าใจผิดหรือผมเข้าใจผิด?”

“อะไรนะ คุณ… คุณไม่ได้หมายความว่า…” เฉินฮวนฮวนสับสนกับคำพูดของเฟิงหานชวนอีกครั้ง

“ผมหมายความว่ายังไง? เมื่อกี้คุณคิดว่าคืออะไร ?” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลงเอาปลายจมูกของเขาถูกับปลายจมูกของเฉินฮวนฮวนเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกคันที่จมูก

เฉินฮวนฮวนหน้าแดง เธอจ้องไปที่เขาด้วยความโกรธอย่างขีดสุดและกล่าวว่า "สิ่งที่คุณหมายถึงเป็นสิ่งที่ฉันคิดอย่างแน่นอน"

เธอไม่เข้าใจความหมายที่เฟิงหานชวนจะสื่อได้ไง เขาหมายความว่าอย่างงั้นแน่นอน และเธอไม่ได้เข้าใจผิด

“ที่ผมหมายถึงมันแค่ผิวเผิน คุณคิดว่าผมหมายถึงอะไร” เฟิงหานชวนจงใจพูดวกไปวนมากับเธอ

เฉินฮวนฮวนโกรธเขาจนหน้าแดง เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนจงใจไม่ยอมรับและเขาหมายความอย่างนั้นแน่นอน !

“สิ่งที่คุณหมายถึงคือ …” เฉินฮวนฮวนจ้องมาที่เขา จากนั้นสีหน้าของเธอก็อ่อนลง และแกล้งถามกลับไปว่า “คุณแน่ใจว่าคืนนี้คุณมีความสามารถพอที่จะทำให้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน ?”

เนื่องจากเฟิงหานชวนต้องการปรับทัศนคติของเธอ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้โดยง่ายๆ ไม่งั้นคงได้คิดว่าเธอเป็นคนหัวอ่อนที่จะแกล้งยังไงก็ได้

เฟิงหานชวนตกตะลึง หยามเกินไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนจ้องมองมาที่เธอโดยไม่ขยับเขยื้อน เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นคงไม่ใช่เรื่องจริงสินะ ? เฟิงหานชวนแค่พูดไปอย่างงั้นแหละ เขาไม่มีความสามารถแบบนั้นด้วยซ้ำ?

เมื่อคิดเช่นนี้ เฉินฮวนฮวนจึงรู้สึกผิดขึ้นมา พวกผู้ชายนั้นศักดิ์ศรีสำคัญที่สุด เธอมาว่าเฟิงหานชวนแบบนี้ เขาอาจจะเสียใจก็ได้ ?

ช่วยไม่ได้ ใครบอกให้เขาแกล้งปรับทัศนคติของเธอล่ะ เธอถึงพูดแบบนี้ออกไป

“อาหาน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่าคุณไม่ดี ฉันแค่…เอ่อ…”

ขณะที่เฉินฮวนฮวนพูดคำว่าขอโทษยังไม่ทันจบ ริมฝีปากของเธอก็ถูกประกบเข้าอย่างจัง ฝ่ายตรงข้ามกัดปากเธออย่างแรงหนึ่งครั้งก่อนจะคลายริมฝีปากของเธอออก

“ฮวนฮวน คุณกำลังดูถูกความสามารถของผม ?” เฟิงหานชวนเลียริมฝีปากของเขาเบา ๆ และเขาก็พ่นลมหายใจอันชั่วร้ายออกมา

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเหมือนว่าเธอจุดเชื้อเพลิงขึ้นมาเสียวแล้ว

“ฉันไม่ได้ดูถูกคุณ ฉันแค่ล้อเล่น…” เธอเริ่มเกลี้ยกล่อมและเกลี้ยกล่อมอย่างจริงจัง

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเธอไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ เพราะแรงกดทับของเฟิงหานชวนนั้นมหาศาลมาก เธอได้แต่ยอมจำนนให้กับเขา

“ในเมื่อคุณพูดแบบนั้นแล้ว ผมต้องแสดงให้คุณเห็นสักหน่อย?” เฟิงหานชวนขดริมฝีปากและพูดเน้นออกมาทีล่ะคำ

คำพูดที่ถูกเน้นเป็นทีละคำเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่หัวใจของเฉินฮวนฮวนทีละเล็กทีละน้อย ทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น

“ไม่ ไม่ต้อง ฉันเชื่อในความสามารถของคุณ…” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหัวไปมา

เสียงเรียกของเฉินนานาขัดจังหวะทั้งคู่ ดังนั้นเฉินฮวนฮวนจึงตั้งใจว่าจะนอนหลับดีๆ สักหน่อยและลืมเรื่องนี้ไปก่อน

เพราะพรุ่งนี้จะต้องไปค่ายฝึก เธอควรจะพักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า

“ฮวนฮวน คุณไม่ได้คิดเช่นนี้แน่นอน คุณไม่ได้เชื่อ ดังนั้นคุณถึงพูดออกมาแบบนี้ ” เฟิงหานชวนแค่อยากแกล้งเธอ ยิ่งเขาแกล้งให้เธอรู้สึกเขินอายมากเท่าไหร่ ? เขาก็ยิ่งชอบมากเท่านั้น

แน่นอนว่าเฉินฮวนฮวนอายจนแทบอยากจะร้องไห้ เธอส่ายหัวอีกครั้ง พูดพลางกัดริมฝีปาก“เมื่อกี้ฉันล้อเล่นจริงๆ คุณหน้าตาดีขนาดนี้…แน่นอน…คุณต้องเก่งมากแน่ๆ…”

หลังจากพูดจบ เธออายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี

เธอเป็นผู้หญิง แต่กลับพูดคำเหล่านี้กับเฟิงหานชวน เธอรู้สึกอายจนไม่กล้ามองหน้าเขา

เฟิงหานชวนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ จนในที่สุดก็หัวเราะออกมา

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่ทุ่มแบบนี้ของผู้ชาย เธอจึงรู้สึกได้ถึงหน้าอกของเขาที่แนบชิดกับเธอ และร่างกายของเขาก็สั่นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะพึงพอใจอย่างมากกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไป

“คุณ… หยุดหัวเราะได้แล้ว ฉัน…” เฉินฮวนฮวนไม่สามารถพูดเป็นประโยคออกมาได้จริงๆ เธอกังวลจนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนหยุดหัวเราะและมองเธอด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“คุณ คุณต้องการจะพูดอะไร” เฉินฮวนฮวนถามด้วยความสงสัย แต่เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวน สายตาเธอมองไปที่ตู้เสื้อผ้า

“สิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้ ผมหน้าตาดียังไง…และดีขนาดไหน คุณถึงได้บอกว่าผมเก่งมากแน่ๆ ?” เฟิงหานชวนเอียงศีรษะไปด้านข้าง ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาแนบชิดกับใบหูของเฉินฮวนฮวนและพูดอย่างนุ่มนวล

เฉินฮวนฮวนหลับตาแน่น ใบหน้า หู และคอของเขาแดงไปหมด เธอปิดปากแน่นไม่ยอมพูดอะไร

“ฮวนฮวน ถ้าคุณไม่ตอบคำถามผม ผมก็ยากที่จะบังคับไม่ให้ตัวเองแสดงความสามารถให้คุณเห็น” เฟิงหานชวนกลั้นยิ้ม และฝ่ามืออันใหญ่ก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นไปด้านบน

เฉินฮวนฮวนคว้ามือเขาอย่างรวดเร็ว เธอเบิกตากว้างหันศีรษะมาเล็กน้อยเพื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่ลึกล้ำของเฟิงหานชวน เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังจะถูกเขาสูบกินเข้าไปทั้งตัว

เขาแกล้งคนเก่งจริงๆ!

“คุณ … คุณเป็นตาแก่หัวรั้นผู้ที่มากประสบการณ์ !” เฉินฮวนฮวนผลักเขาออกและลุกขึ้นนั่งโดยไม่ยอมให้ตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชาย

“ตา แก่ หัว รั้น ?” เฟิงหานชวนก็ลุกขึ้นนั่งเช่นกัน ใบหน้าถอดสีในทันที และมุมปากของเขากระตุกสองสามครั้ง

“ใช่ แม้ว่าคุณจะมีประสบการณ์เพียงครั้งเดียว แต่เรื่องแกล้งผู้หญิงนั้น แน่นอนว่าคุณต้องมากประสบการณ์ ไม่อย่างนั้นคุณจะทำแบบนี้ได้อย่างไร !” เฉินฮวนฮวนแค่อยากจะด่าว่าเขาเป็นจิ้งจอกเฒ่า

ทรยศและร้ายกาจแถมมีอุบายมากมาย แกล้งจนเธอนั้นงุนงงไปหมด

“แก่ ? ผมยังอายุไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ มากประสบการณ์ ? นอกจากคุณ ผมก็ไม่เคยแกล้งผู้หญิงที่ไหนอีก สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดผมไม่มีทางยอมรับ เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ว่าความใหญ่ …”

เฟิงหานชวนเหยียดแขนยาวๆ ของเขาออกดึงเฉินฮวนฮวนเข้ามาไว้ในอ้อมแขนและกระซิบที่หูของเธอว่า "ผมยอมรับ"

เฉินฮวนฮวนอยู่ในอ้อมแขนของเฟิงหานชวน เมื่อฟังคำตอบของเขาเธอรู้สึกว่าหัวของเธอกำลังจะลุกเป็นไฟ

เฟิงหานชวนทำไมเป็นแบบนี้…! หลงตัวเอง! ไร้ยางอาย!

“คุณ คุณ คุณ…” เฉินฮวนฮวนพูดพลางร้องไห้อย่างไม่มีน้ำตา “ ฉันเถียงไม่ไหวตาแก่หัวรั้นอย่างคุณจริงๆ !”

สำหรับเฟิงหานชวนแล้ว เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกแกะตัวน้อยที่รอการฆ่าอย่างหน้าน่าสงสาร

“ฮวนฮวน หรือสิ่งที่ผมพูดมันไม่จริง ? ” เฟิงหานชวนกลั้นหัวเราะ เขากัดติ่งหูของเธอเบาๆ และเตือนสติเธอว่า “ ในคืนนี้นี่แหละ ก่อนถึงหนึ่งชั่วโมง คุณเตรียมรับมือไว้ให้ดีๆ คุณจะได้ลิ้มรสชาติที่แท้จริง ? "

เฉินฮานฮวนกัดริมฝีปากของเธอแน่น หน้าแดง เธอพูดไม่ออก

"ในเมื่อคุณไม่ยอมตอบ งั้นก็ลองลิ้มรสอีกครั้งเป็นไง?" เฟิงหานชวนรวบมือที่เรียวเล็กของเธอไว้แน่น

การพูดนอกเรื่องของผู้เขียน ขอคะแนนโหวตด้วยนะคะ!

จะได้ไปต่อหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับคะแนนโหวตของทุกคนนะคะ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินนานาที่กำลังตะโกนเรียกอย่างคลุ้มคลั่ง ทำให้เฉินฮวนฮวนทำลายความคิดของเธอ

สำหรับเรื่องนี้ เมื่อปีที่แล้วเฉินฮวนฮวนเคยเจอเยี่ยจิ่งเฉินและเฉินซินโหรวในโรงแรมกับตาของตัวเอง

เพียงแต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับนายท่านของตระกูลเฟิงและเฉินนานา ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเยี่ยจิ่งเฉินและเฉินซินโหรวค่อนข้างอนุรักษนิยมมากกว่า

ในตอนที่เฉินฮวนฮวนกำลังตกตะลึงนั้น เฉินนานาได้หันมาสบตากับเธอ กะพริบตาให้เธอ พร้อมทั้งตั้งใจกัดริมฝีปาก แสดงท่าทางเซ็กซี่

เฉินฮวนฮวนยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ ตกใจถึงขนาดกระโดดหนีเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว เธอพรวดพราดเข้ามา และโผเข้าไปในอ้อมกอดของเฟิงหานชวนทันที

“ไอหยา!” หน้าผากของเธอกระแทกเข้ากับหน้าอกของผู้ชายอย่างหนักหน่วง

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เฟิงหานชวนดึงตัวของเฉินฮวนฮวนออก แล้วรีบก้มหน้าลงเป่าลมร้อนใส่บนหน้าผากของเธอทันที

เขาดึงเธอไปนั่งบนโซฟาอีกครั้ง จากนั้นก็รีบสาวเท้าเข้าไปในห้องน้ำโดยเร็ว

เฉินฮวนฮวนยังอยู่ในอาการตกใจ ในสมองเต็มไปด้วยความรู้สึกนั้นของเฉินนานา เวลาผ่านไปก็ยังไม่ได้สติ

ทันใดนั้น หน้าผากก็แผ่ขยายความรู้สึกอุ่น ๆ ออกมา ทันทีที่เธอปรายตามอง ก็เห็นเฟิงหานชวนใช้ผ้าอุ่นประคบหน้าผากให้เธออยู่

“เฟิงหานชวน” เธอตะโกนเสียงเบา ๆ

“อือ?” เฟิงหานชวนตอบรับ

เฉินฮวนฮวนใช้มือข้างหนึ่งป้องปากไว้ และใช้อีกข้างหนึ่งดึงแขนของเฟิงหานชวน เพื่อบอกให้เข้าโน้มตัวลงมา ซึ่งเฟิงหานชวนเองก็ทำตาม

เธอยื่นหน้าเข้าไปข้างหูของเขา จากนั้นก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อย และบอกว่า : “เมื่อกี้ฉันเห็นนานาและนายท่าน บนระเบียงนั้น………..”

เธอรู้สึกลำบากใจที่จะพูดต่อ จากนั้นก็ยืดตัวขึ้น ด้วยสีหน้าที่อึดอัดใจ

“ผมเดาออกนะ” เฟิงหานชวนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ

เมื่อสักครู่เขาตั้งใจจะไปลากเฉินฮวนฮวนกลับมา แต่เฉินฮวนฮวนก็โผเข้ามาราวกับกระต่ายที่ตื่นตูม

“อ่า? ก่อนหน้านั้นคุณเองก็เห็น……..” เฉินฮวนฮวนกะพริบตาทั้งสองข้าง ก่อนจะซุบซิบนินทาด้วยน้ำเสียงในเชิงถามออกไป

เท่าที่เธอรู้มา ก่อนหน้าเฉินนานา นายท่านไม่เคยขาดผู้หญิงเลย ดังนั้น ที่เฟิงหานชวนแสดงท่าทางนิ่งสงบแบบนี้ นั้นเป็นเพราะว่าเห็นจนกลายเป็นเรื่องปกติแล้วใช่ไหม?

“ไม่เคยเจอภาพที่คุณเห็นหรอก แต่ก็รู้เรื่องเหล่านี้” เฟิงหานชวนไม่ปิดบัง

เขายื่นมือออกไปช่วยลูบผมของเฉินฮวนฮวน นึกถึงสีหน้าตกตะลึงและประหลาดใจเมื่อสักครู่ของเธอ จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า : “ตกใจเหรอ?”

“เอ่อ อื้อ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าในขอบเขตที่จำกัด ก่อนจะเม้มปากและพูดว่า : “ภาพเมื่อกี้ มันเหนือจินตนาการไปมาก”

“แต่ ฉันไม่เห็นอะไรของนายท่านนะ ฉันเห็นแค่นานา……” จู่ ๆ เธอก็ดูเหมือนจะคิดอะไรได้ จึงรีบอธิบาย

ถ้าเห็นอะไรของนายท่าน ก็คงจะอึดอัดใจไม่น้อย ถึงอย่างไรนายท่านก็เป็นสามีในนามตอนนี้ของเธอ และก็เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเฟิงหานชวนด้วย

ทันทีที่เธออธิบายจบ เสียงร้องแหลมของผู้หญิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระชั้นชิดขึ้น มันคลุ้มคลั่งกว่าเสียงเมื่อสักครู่

หลังจากที่เสียงร้องครวญครางติดต่อกันยืดยาวนั้นดังขึ้น ทุกอย่างก็ตกสู่ความเงียบ

เฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนต่างมองหน้ากัน เผยสีหน้าลำบากใจอย่างชัดเจน

เฟิงหานชวนโกรธฉุนเฉียวมาก เขานึกไม่ถึงว่าคืนนี้นายท่านจะเล่นกับเฉินนานาคนนั้นได้เอิกเกริกขนาดนี้ ทำลายความงดงามที่เขาสร้างขึ้นอย่างยากลำบากจนไม่เหลือชิ้นดี และยังสร้างภาพไม่ดีให้กับเฉินฮวนฮวนอีกด้วย

ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงเหลยถิงนั้นอายุเยอะแล้ว เขาก็คงจะวิ่งขึ้นไปบนชั้นสาม แล้วต่อยนายท่านคนนี้สักฉาดไปแล้ว

เฉินฮวนฮวนรออย่างเงียบ ๆ หลายนาที จนพบว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรแบบนั้นแล้ว เธอจึงได้ถอนหายใจออกมายาว ๆ

“พวกเขาน่าจะจบแล้ว” เฉินฮวนฮวนกะพริบตาสองครั้ง จากนั้นก็พูดกับเฟิงหานชวนที่อยู่ตรงหน้า

เฟิงหานชวนหยิบผ้าที่ประคบอยู่บนหน้าผากของเฉินฮวนฮวนออก จากนั้นก็เคาะไปบนศีรษะของเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า : “ไปนอนเถอะ ผมจะเอาผ้าไปเก็บในห้องน้ำ”

เนื่องจากเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นฉับพลัน ในเวลานี้เฉินฮวนฮวนจึงดูโง่ทันใด ทำได้แค่พยักหน้า จากนั้นก็เดินไปยังเตียงนอน

หลังจากที่เธอเอนตัวลงนอนแล้ว เธอก็หันไปมองห้องน้ำที่ยังเปิดไฟอยู่ แล้วจู่ ๆ ก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้

เห็น ๆ อยู่ว่าเธอและเฟิงหานชวนกำลังเตรียมจะ…… แต่เพราะเสียงของเฉินนานา จึงหยุดลงฉับพลัน จากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ทำต่อ?

เธอยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ ดูเหมือนเมื่อสักครู่เฟิงหานชวนก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้? ยังบอกให้เธอไปนอนด้วย?

เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเธอเหรอ?

ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดนั้น ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก เฟิงหานชวนเดินมายังข้างเตียง จากนั้นก็เอนตัวนอนลงข้างกายของเฉินฮวนฮวน

ต่อจากนั้น เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอด เฟิงหานชวนกำลังกอดเธอไว้แน่น

เธอกระวนกระวายใจไม่กล้าจะขยับตัว ไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนจะทำเรื่องนั้นต่อไหม แต่หลังจากที่เธอรอไปแล้วสักพักใหญ่ เฟิงหานชวนก็ได้แค่กอดเธอ ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น

“เฟิงหานชวน คุณ…….” เฉินฮวนฮวนอ้าปากเล็กน้อย แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

ทันใดนั้น ภาพเบื้องหน้าก็ถูกเงาดำขวางไว้ วินาทีต่อจากนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาของผู้ชายก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ

มือทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนรีบขยำผ้าห่มไว้แน่น นี่….นี่กำลังจะเริ่มแล้วใช่ไหม?

“ฮวนฮวน ผมกำชับหลายครั้งแล้วนะ แต่คุณไม่ใส่ใจเลย” เฟิงหานชวนแสดงสีหน้าเหมือนไม่พอใจ

“หา? ทำ ทำไมเหรอ?” เฉินฮวนฮวนแสดงสีหน้างุนงง หรือว่าเฟิงหานชวนไม่ได้อยากทำอะไรเธอ?

“ผมเคยบอกแล้ว ว่าไม่อนุญาตให้เรียกชื่อเต็มของผม ให้เรียกผมว่าอาหาน ไม่ก็เรียกว่าสามี ครั้งนี้คุณจำได้แล้วใช่ไหม?” เฟิงหานชวนอยากจะลงโทษสาวน้อยคนนี้แทบขาดใจ ทุกครั้งที่เขาพูด เธอฟังหูซ้ายทะลุหูขวาตลอด

เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง ที่แท้เฟิงหานชวนต้องการกำชับเรื่องนี้กับเธอ เธอจึงรีบพยักหน้าทันที และตะโกนออกไปว่า : “อาหาน ฉันจะเรียกคุณว่าอาหาน”

ถึงอย่างไร การเรียกว่าสามี ดูเหมือนจะเร็วเกินไป? เพราะทั้งสองคนกำลังอยู่ก่อนแต่งเท่านั้น

ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่าการอยู่ก่อนแต่งมันไม่ได้มีประโยชน์อะไร จนกระทั่งแต่งงานกับเฟิงหานชวนเธอก็ทำได้ เพียงแต่เฟิงหานชวนน่าจะไม่คิดแบบนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ขออยู่ก่อนแต่งก่อนหรอก?

เฟิงหานชวนโดดเด่นขนาดนี้ ย่อมมีตัวเลือกอื่น ตัวเองเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่นายท่านของตระกูลเฟิงยัดเยียดให้เขา

“ดีมาก ไหนเรียกอีกสิ” เฟิงหานชวนยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มของผู้หญิง พร้อมทั้งฉายแววตาที่อ่อนโยน

“อาหาน อาหาน….” เฉินฮวนฮวนเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นก็เรียกชื่อเขาสองสามครั้ง

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าทันทีที่ได้ยินเฉินฮวนฮวนเรียกแบบนี้แล้ว ร่างกายที่กว่าจะสงบลงดูเหมือนกำลังร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง

“ถ้าต่อไปเรียกผิดอีก จะทำยังไงดี?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนค่อย ๆ ทุ้มต่ำลง

“ฉัน….” เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปาก ก่อนจะพูดอย่างไร้เดียงสาว่า : “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง”

บางครั้งเธอก็พลั้งปาก ไม่ก็รีบร้อนเกินไป จนโพล่งเรียกชื่อเต็มของเขาออกมา

“งั้นผมจะบอกคุณไว้ ถ้าเรียกผิดอีกจะถูกทำโทษ……” เฟิงหานชวนก้มหน้าลงมาข้างหูของเธอ จากนั้นก็เป่าลมร้อน ๆ ออกมา : “ผมจะไม่ให้คุณนอนทั้งคืนเลย”

“ห๊า?”

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงก่อน แล้วจึงเข้าใจว่าเฟิงหานชวนหมายถึงอะไร

เขาหมายถึงว่า…

ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อยในทันที แดงขึ้นยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่าเลือดกำลังจะไหลออกมา

ยิ่งไปกว่านั้น เธอพบว่ามือของเธอยังคงกอดที่คอของเฟิงหานชวน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะถามคำถามเช่นนี้กับเธอ

เฉินฮวนฮวนดึงมือของเธอกลับอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองบีบกระโปรงแน่น อย่าลืมตานะ ไม่กล้ามองตรงไปที่ดวงตาที่แหลมคมของเฟิงหานชวน

“ไม่ได้หรือ?” เฟิงหานชวนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีปฏิเสธของเฉินฮวนฮวน

แต่เขาไม่ได้ตำหนิเฉินฮวนฮวน ท้ายที่สุดแล้วเขายอมรับความสัมพันธ์ในการแต่งงานระหว่างทั้งสอง แต่นี่พึ่งจะผ่านไปเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น จะให้เธอยอมรับตัวเขาในทันที ดูจะเร็วเกินไป

“ฉัน…ฉัน…” เฉินฮวนฮวนหน้าแดง หลบตา และพูดติดขัดพูดไม่ออก

เฟิงหานชวนเข้าใจความหมายของเธอ ปล่อยเธอ เอื้อมมือไปแตะหัวเธอ และพูดว่า: "ลุกขึ้นเถอะ เราพักผ่อนกันก่อน ผมจะไม่บังคับคุณ"

“ผมบอกแล้วว่า จะไม่ทำอะไรโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ” เสียงของเขาทุ้มและจริงใจ

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเชื่อในคำพูดของเฟิงหานชวนแล้ว สิ่งที่เขาพูด เขาทำได้จริง ถ้าเธอไม่ตกลง เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ

แม้ว่าเขาจะทำตัวสนิทสนมกับเธอ หรือแม้กระทั่งจับมือเธอ… แต่ว่า เขาไม่ได้แตะต้องเธอ

ขณะที่เฟิงหานชวนกำลังจะหันไปเข้าห้องน้ำ มือเล็กๆ ก็คว้าข้อมือของเขาไว้ เขาหันศีรษะไปทันที และพบกับดวงตาคู่โตที่เป็นประกาย

“ฉัน…ฉันไม่ได้บอกว่าไม่ได้…” เฉินฮวนฮวนพูดตะกุกตะกัก และหลังจากพูดจบ ก็ก้มหัวลงต่ำ

เธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่เธอไม่ได้วางแผนที่จะตอบตกลงกับเฟิงหานชวนเร็วขนาดนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ทั้งสองอยู่ในช่วงทดลองแต่งงานเท่านั้น

แต่ว่า เมื่อเห็นเฟิงหานชวนหันหลังกลับด้วยความผิดหวัง เธอกังวลและดึงเขาไว้ ราวกับว่าสมองของเธอคิดไม่ทัน เธอจึงพูดประโยคนั้นออกไป

แต่ทันทีที่เธอพูดจบ เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ทำเช่นนี้ดูราวกับว่าเธอไม่ได้รักตัวเองเลย ยอมรับคำขอของผู้ชายอย่างง่ายดาย

“คือว่า คือว่า คุณคิดซะว่าฉันไม่ได้พูดอะไรเลยละกัน…” เฉินฮวนฮวนไม่กล้าสบตาเฟิงหานชวนอีกแล้ว เธอรีบปฏิเสธอย่างมึนงง มือเล็กๆ ของเธอพัดไปพัดมาข้างๆ แก้ม

เธอรู้สึกราวกับว่าใบหน้าของเธอถูกไฟไหม้

ในวินาทีต่อมา มือเล็ก ๆ ที่พัดอยู่ถูกจับ จากนั้นนิ้วเรียวก็ยกคางขึ้น เฉินฮวนฮวนถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น และพบกับดวงตาที่คมเข้มพอดี

ดวงตาคู่นั้นดังกับซ่อนวังวนสีดำไว้ ราวกับว่าจะดูดเธอเข้าไปได้

“ในเมื่อคุณตอบตกลงแล้ว จะกลับคำไม่ได้” เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังก้องอยู่ในหูของเธอ

เฉินฮวนฮวนเขินอายจนแทบจะร้องไห้ ทำไมเธอถึงตกลง เธอต้องการจะทำลายระยะห่างระหว่างเธอและเฟิงหานชวนในคืนนี้หรือ?

ในคืนที่บลูส์คลับ เธอถูกหลิวตงรุ่ยข่มเหง นอกจากความกลัวและความเจ็บปวด เธอมีความรู้สึกอื่นๆ เต็มไปหมด

นอกจากครั้งนั้น เธอก็ไม่เคยมีประสบการณ์ใดอีก ประสบการณ์เดียวที่นับว่ามี ก็คือในวันที่นายท่านกลับมา เธอกับเฟิงหานชวนได้พบกันอย่างเปิดเฉย

วันนั้นเกือบจะ… แล้วจู่ๆ นายท่านเฟิงก็กลับมา

“ฉัน พรุ่งนี้ฉันจะตื่นแต่เช้าเพื่อไปซ้อม” เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าของเธอดูยุ่งเหยิง

ถ้าเธอตอบตกลงกับเฟิงหานชวน พรุ่งนี้เธอจะยังตื่นได้หรือ? ยังฝึกได้อยู่หรือ?

“ผมรู้ ผมจะยับยั้งมันไว้” เฟิงหานชวนกัดติ่งหูของเธอเบา ๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหลอกล่อ: “เพียงครั้งเดียว ผมจะทำอย่างเร็ว”

เขาได้ตัดสินใจแล้วว่า ในเมื่อเฉินฮวนฮวนยอมเขาแล้ว เขาจะไม่มีวันปล่อยโอกาสนี้ ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองจะถูกแยกจากกันเป็นเวลาครึ่งเดือน

แต่ว่า เนื่องจากเฉินฮวนฮวนจะเข้ารับการฝึกอบรมในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเฟิงหานชวน ไม่ได้ตั้งใจจะกดดันเธอ เพียงตั้งใจจะเพียงเชยชมเท่านั้น

หลังจากที่เขาพูดแบบนี้ ดวงตาของเฉินฮวนฮวนก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมา: "คุณยังสามารถควบคุมความถี่และเวลาได้หรือ"

“…” เฟิงหานชวนตลกขบขันกับคำพูดเธอ

เดิมทีมันเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและมีมนต์เสน่ห์ คำพูดที่โง่เขลาและน่าเอ็นดูของเฉินฮวนฮวนก็ทำลายบรรยากาศลงเล็กน้อย

“ได้สิ” หลังจากที่เขาตอบ เขาก็กดลงบนริมฝีปากของหญิงสาวทันที

ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะมีเวลาคิดเกี่ยวกับปัญหานี้ เธอก็ตกอยู่ในความรู้สึกสับสนอีกครั้ง

ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม ห้องเงียบเป็นพิเศษ และอุณหภูมิดูเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องของผู้หญิงก็ดังขึ้น ดึงความคิดของเฉินฮวนฮวนกลับมา เธอผลักเฟิงหานชวนออกโดยสัญชาตญาณและถามว่า "คุณได้ยินเสียงอะไรไหม"

เสียงร้องของผู้หญิงเมื่อสักครู่ ไม่ได้มาจากเธอ เพราะเธอกำลังถูกจูบโดยเฟิงหานชวน แน่นอนว่าปากของเธอไม่สามารถส่งเสียงได้

หลังจากที่เธอถามเฟิงหานชวนจบ เสียงแหลมของหญิงสาวก็ดังขึ้น เสียงอืมอืมอาอา ฟังดูแปลกยิ่งนัก

เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เพื่อยืนยันว่าเป็นเสียงในห้องหรือไม่ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ ราวกับว่าเสียงดังมาจากระเบียง

จู่ๆ เธอก็รู้สึกหนาวสั่นด้วยความตกใจ

“เฟิงหานชวน ไม่ใช่ว่ามีผีผู้หญิงอยู่ที่ระเบียงนะ?” ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนซีดและรีบโผลเข้าไปในอ้อมแขนของชายหนุ่ม

เธอกอดเอวของเฟิงหานชวนแน่นและยังคงได้ยินเสียงนั้นข้างๆหู บางทีเสียงสูง บางทีเสียงแหลม และเหมือนจะพึมพำเป็นภาษาอังกฤษด้วย

เฉินฮวนฮวนยิ่งฟังยิ่งรู้สึกแปลก เสียงนั้นฟังดูคุ้นเคย เหมือนกับเสียงของเฉินนานา

“เฟิ่งหานชวนดูเหมือนเสียงของนานา อยู่ที่ระเบียง นานาคงไม่ได้ซ่อนอยู่ที่ระเบียงห้องของเราและสอดแนมเราหรอกนะ?” เฉินฮวนฮวนใบหน้ามึนงง

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าถ้าเขาเดาไม่ผิด เขารู้ว่าเสียงนี้กำลังทำอะไรกัน เพียงแต่บ้านเก่าแก่นี้ก็ยังเก็บเสียงได้ดี ทำไมมันถึงเสียงดังมาถึงที่ห้องของพวกเขา?

และตาเฒ่าเฟิงเหลยถิง อายุก็ปูนนี้แล้ว กลางคืนยังมีเรียวแรงขนาดนี้อีกหรือ?

ที่สำคัญคือ เรื่องของเฟิงเหลยถิงและเฉินนานาจะเป็นยังไง ก็ไม่ใช่ธุระกงการของเขา แต่พวกเขาทำอย่างนี้ มีผลกระทบอย่างมากต่อความคืบหน้าของเขาและเฉินฮวนฮวน !

“เฟิงหานชวน ฉันจะไปดู” เฉินฮวนฮวนปล่อยเฟิงหานชวนทันที ยกเท้าขึ้นและก้าวไปที่ระเบียง

เธอเดินเขย่งไปที่ระเบียง แต่พบว่าไม่มีใครอยู่ที่ระเบียง ไม่มีแม้แต่เงาของเฉินนานา แต่เสียงแปลก ๆ ของเฉินนานากลับดังขึ้นเรื่อยๆ

เฉินฮวนฮวนตระหนักได้ในทันทีว่า เสียงนั้นมาจากเหนือศีรษะของเธอ เธอเงยศีรษะขึ้นโดยไม่รู้ตัว และจากนั้นร่างของเธอก็แข็งทื่อในทันที

ที่ระเบียงชั้นสาม เฉินนานายืนตัวเปล่าสองมือจับราวระเบียงไว้ และข้างหลังของเฉินนานาคือนายท่านเฟิงในชุดนอน

เธอเห็นเพียงศีรษะและขาของนายท่านเฟิง ไม่เห็นอย่างอื่น แต่ลักษณะที่บ้าคลั่งของเฉินนานาถูกจ้องมองโดยสายตาของเธอ

เฉินฮวนฮวน ปิดปากของเธอด้วยความตกใจ

เธอไม่เคยคิดว่าเฉินนานา และ นายท่านเฟิง ทั้งสองจะอยู่ที่ระเบียง…

“ไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษผม เพราะคุณไม่รู้ความจริงของเรื่องนี้ คุณก็เลยถูกหลอก”

น้ำเสียงที่อ่อนโยนของเฟิงหานชวน ปลอบเฉินฮวนฮวน ผู้หญิงคนเดียวของเขา

เฉินฮวนฮวนกอดคอของเฟิงหานชวนแน่น วางศีรษะของเธอไว้ที่ไหล่ น้ำตาไหลไม่หยุด

“ฉัน… ฉันรู้สึกผิดจริงๆ… เฟิงหานชวน ขอโทษจริงๆ…”

“โอ๋ หยุดร้องได้แล้ว” เฟิงหานชวนฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวด เขาไม่อยากได้ยินเฉินฮวนฮวนร้องไห้

แต่เฉินฮวนฮวนก็ร้องไห้ไม่หยุด จนไหล่ของเฟิงหานชวนเปียกไปด้วยน้ำตา

เฟิงหานชวนรู้สึกเจ็บปวดใจมาก และปลอบโยนอย่างรวดเร็ว: "พรุ่งนี้จะไปค่ายฝึกแล้วไม่ใช่เหรอ? อยากตาบวมป่องทั้งสองข้างไปหรือไง?"

เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนก็ตระหนักถึงทันที ถ้าเธอยังร้องไห้ต่อไป พรุ่งนี้ตาทั้งสองข้างของเธอต้องบวมอย่างแน่นอน

เธอรีบปล่อยเฟิงหานชวน เช็ดน้ำตาด้วยมือของเธอและหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง จากนั้นก็พยายามสงบสติอารมณ์

เมื่อมองผู้หญิงร้องไห้จนตาแดง จมูกแดงตรงหน้าเขา เฟิงหานชวนรู้สึกเจ็บปวดแล้ว เจ็บปวดอีก

เขายื่นมือออกไป เอานิ้วถูแก้มเธอเบาๆ เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ

“ห้ามร้องแล้วนะ” แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะดูเคร่งขรึม แต่เขาก็อ่อนโยนเป็นพิเศษ

เฉินฮวนฮวนพยักหน้า ดวงตาของเธอเปียกไปด้วยน้ำตา ดูเป็นเด็กดีและน่าสงสาร

โดยเฉพาะปากของเธอที่เธอกัด มีความวาวเป็นชั้นๆใต้แสงจ้า

เฟิงหานชวนอยู่ใกล้เธอมาก ร่างกายของเธอยังคงสั่นเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะร้องไห้หนักมาก ก็เลยยังไม่สงบลงในทันที

“คราวหน้าอย่าสงสัยผมอีก เข้าใจไหม?” เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปแตะศีรษะของเฉินฮวนฮวน และเตือนอีกครั้ง: “ชีวิตส่วนตัวของผมเรียบง่ายมาก ไม่มีอะไรพิเศษ และไม่มีวันไปทำอะไรกับคนอื่น…”

เฟิงหานชวนยังไม่ทันพูดจบ นิ้วเรียวยาวก็ถูกกดลงบนริมฝีปากของเขา

“เฟิงหานชวน คุณไม่ต้องอธิบายแล้ว ฉันเข้าใจคุณแล้ว” เฉินฮวนฮวนหยุดคำพูดของเฟิงหานชวน จ้องมองเขาด้วยแววตาอ้อนวอน

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นช้าลง เขามองไปที่ใบหน้าของผู้หญิงและเอามือของเธอออกจากริมฝีปาก

ในขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง ฝ่ามือขนาดใหญ่ก็จับศีรษะของเธอ จากนั้นริมฝีปากของเธอก็รู้สึกร้าวร้อน

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอ… เธอถูกเฟิงหานชวนจูบ?

เธอยังไม่ทันตั้งสติกลับมา ชายคนนั้นได้จูบอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก เธอไม่ขัดขืน และเริ่มที่จะตอบสนองเขา

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทั้งสองจะไม่เคยจูบกัน ดังนั้น เธอจึงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เธอมีความผิด

เฉินฮวนฮวนเกี่ยวคอของเฟิงหานชวนด้วยมือทั้งสอง เธอไม่มีประสบการณ์ ทำให้การกระทำนั้นไม่ราบรื่น แต่สิ่งนี้ทำให้เฟิงหานชวนตื่นเต้นอย่างมาก

ไม่คาดคิดว่าความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะทำให้เฉินฮวนฮวนยอมรับเขา และผลที่ได้นั้นได้ผลดีกว่าปกติร้อยเท่า

เดิมทีเฟิงหานชวนนั่งยองๆ และเมื่อจูบนั้นร้อนแรงเกินไป เขาก็ค่อยๆลุกขึ้น วางเฉินฮวนฮวนไว้บนโซฟา เขาก็ก้มลงและค่อยๆจูบริมฝีปากของเธอ

เมื่อกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เขาก็มีความคิดผุดขึ้น…เฉินฮวนฮวนไม่ปฏิเสธจูบเขา กับคนอื่นก็คงไม่ปฏิเสธเช่นกันงั้นเหรอ?

เฟิงหานชวนค่อยๆปล่อยเฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนก็สูดหายใจลึกๆ เธอรู้สึกว่าเกือบจะขาดใจ

เธอจ้องมองตาของเฟิงหานชวน และเม้มริมฝีปาก เขินจนหน้าแดง

เฟิงหานชวนชอบการแสดงออกของเธอ ใช้นิ้วถูแก้มของเธอเบาๆ และถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา: "ฮวนฮวน ผมขอได้ไหม?"

"เฟิงหานชวน ถ้าคุณยังมีความดีหลงเหลืออยู่ คุณก็ปล่อยฉันกับเยว่เอ่อร์ซะ!" ตอนที่เฉินฮวนฮวนพูด แม้แต่ฟันก็ยังสั่น

เธอไม่รู้ว่าหลังจากนี้ตัวเองจะเจอกับอะไรบ้าง

เห็นท่าทางที่หวาดกลัวของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนไม่โอเคเลย จนเขาอยากจะพูดความจริงออกมา

ทันใดนั้น โทรศัพท์ที่เขาโยนไว้ที่โซฟาก็สั่น

เฟิงหานชวนยื่นมือไปเอาโทรศัพท์มา แต่ก็ยังนั่งอยู่หน้าเฉินฮวนฮวนเหมือนเดิม จากนั้นจึงกดเปิดกล้องวงจรตอนบ่าย

เฉินฮวนฮวนเห็นตัวเองจากหน้าจอ แต่มองเห็นไม่ค่อยชัด แต่ว่า สิ่งที่เธอคุยกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ กลับได้ยินชัดเจน

ชัดมากไม่ตกหล่นสักคำเลย

เฟิงหานชวนตั้งใจฟัง จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ที่เฉินฮวนฮวนเข้าใจผิด เป็นเพราะวันนั้นซูอวี่ส่งหลิ่วเยว่เอ่อร์ไปมหาวิทยาลัยนี่เอง

ระหว่างนั้นทั้งสองไม่ได้พูดถึงชื่อเขาเลย แต่ลูกค้าที่พูดถึงคนนั้น ก็คือเขา–เฟิงหานชวน

ตอนนี้เฟิงหานชวนโมโหมาก ดูเหมือนว่าเขาใจดีกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เกินไป ตกอับขนาดนี้แล้ว แต่ยังกล้ามาพูดยั่วยุความจริงแบบนี้อีก!

ตอนที่เขาโมโหจนอยากขว้างโทรศัพท์ทิ้ง ทันใดนั้น ในโทรศัพท์กลับมีเสียงดัง"เพล้ง"

เฟิงหานชวนสงสัยว่าตัวเองโยนโทรศัพท์ทิ้งไปหรือเปล่า แต่พอก้มหน้าดู โทรศัพท์ยังอยู่ในมือ แล้วเสียงก็ดังออกมาจากโทรศัพท์

กล้องวงจร จับภาพห้องของหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้

ทันใดนั้น โทรศัพท์ในมือโดนมือเล็กๆแย่งไป เขาเงยหน้าขึ้น จึงเห็นเฉินฮวนฮวนเลื่อนหน้าจอ เหมือนกำลังย้อนดูกล้องวงจร

หลังจากนั้น ก็มีเสียงดัง"เพล้ง"เหมือนเดิม เฟิงหานชวนเห็นสีหน้าเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนไปทันที

"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไม……" เธอเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เหมือนกำลังสงสัยสิ่งที่ตัวเองเห็น

เฟิงหานชวนเห็นเธอขมวดคิ้ว สีหน้าไม่โอเคเลย เขาจึงดึงโทรศัพท์กลับมา แล้วย้อนดูอีกครั้ง

ภาพในกล้องวงจร หลังจากที่เฉินฮวนฮวนไปแล้ว หลิ่วเยว่เออร์หยิบกล่องข้าวสปาเกตตีขึ้นมา แต่ไม่ได้จะกิน กลับขว้างปาไปที่ผนัง

สปาเกตตีหกเต็มพื้น เละเทะไปทั่ว

หลิ่วเยว่เอ่อร์ดูความสกปรกที่พื้น แล้วแสดงสีหน้าอาฆาต จากนั้นก็เหมือนได้รับข่าวดีบางอย่าง แล้วหัวเราะเสียงดัง

แล้วในปากเธอก็เอาแต่พึมพำว่า"ไอ้โง่""โง่เหมือนควาย"อะไรสักอย่าง

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วแน่น เธอไม่คิดเลยว่าพอตัวเองไปแล้ว หลิ่วเยว่เอ่อร์จะแสดงปฏิกิริยาแบบนี้

"นี่เหรอหลิ่วเยว่เอ่อร์ เพื่อนที่คุณเอาแต่ปกป้อง" เฟิงหานชวนรู้ว่าตัวเองยังไม่โป๊ะแตก ในใจจึงโล่งอกไปหน่อย แต่ก็รู้สึกไม่คุ้มแทนเฉินฮวนฮวน

เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนจริงใจกับเพื่อน แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์กลับไม่จริงใจกับเธอ

"ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้……งั้น งั้นสิ่งที่เธอพูด เป็นความจริงเหรอ?" ในหัวเฉินฮวนฮวนตีกันวุ่นไปหมด

ทำไมหลิ่วเยว่เอ่อร์ถึงเกลียดเธอขนาดนี้?

เธอจริงใจกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์กลับทิ้งสปาเกตตีที่เธอเอาไปให้

"คนแบบนี้ จะพูดความจริงกับคุณเหรอ?" แววตาเฟิงหานชวนเย็นชา "ความเกี่ยวข้องของผมกับเขา ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เขาไม่ใช่ผู้หญิงของผม"

"แล้วอีกอย่าง เขาโหดเหี้ยมมากกว่าที่คุณคิดอีก"

เฟิงหานชวนพูดอย่างมั่นใจ จนเฉินฮวนฮวนงงไปชั่วขณะ

เธอไม่รู้ว่าเบื้องหลังยังมีเรื่องอะไรที่เธอยังไม่รู้อีก

"หลิ่วเยว่เอ่อร์เอาสร้อยคุณไปเรียกเงินจากหลิวตงรุ่ย ตอนนั้นหลิวตงรุ่ยเลยบอกว่าไม่รู้จักคุณ"

"สร้อยของแม่คุณ ผมไม่ได้เอามาจากหลิวตงรุ่ย แต่เอามาจากหลิ่วเยว่เอ่อร์ เขาหลอกคุณ เอาภาพวาดสร้อยคุณไปขอบ้านจากหลิวตงรุ่ย"

"เธอโดนส่งเข้าคุก ผมเป็นคนสั่งเอง ทำไปก็เพราะช่วยคุณลงโทษเขา ผมไม่อยากให้คุณเสียใจ ก็เลยปิดบังเรื่องนี้ไว้

นี่เป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่เฟิงหานชวนเพิ่งคิดได้

ให้เฉินฮวนฮวนเห็นธาตุแท้ของหลิ่วเยว่เอ่อร์ แล้วไม่ให้ตัวเองโป๊ะแตกด้วย เขาจะได้อยู่กับเธอไปอย่างสงบสุข

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูด แต่นิสัยของเฉินฮวนฮวน ถ้าเขาพูดความจริงไป เธออาจจะไม่ให้อภัยเขาก็ได้

"คุณ……คุณพูดว่าอะไรนะ?" เฉินฮวนฮวนคิดไม่ถึงเลยว่าความจริงจะเป็นแบบนี้

จนเธอสงสัยว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ จึงลองหยิกแขนตัวเอง

เจ็บ……นี่ไม่ใช่ความฝัน!

เพื่อนรักจอมปลอมแบบนี้ เธอเจอกับตัวแล้ว?

หลิ่วเยว่เอ่อร์เอาภาพวาดสร้อยเธอ ไปขอบ้านจากหลิวตงรุ่ย?

แล้วเธอ ยังเป็นห่วงว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์อยู่ในคุกเป็นยังไงบ้าง?

เฟิงหานชวนที่คอยเป็นห่วงเธอ แต่เพราะคำพูดของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ทำให้เธอเข้าใจผิดว่าเขาคือไอ้ปีศาจไอ้ลามก?

เฉินฮวนฮวนยืนบื้ออยู่กับที่ เธอไม่รู้ว่าควรอธิบายอารมณ์ตอนนี้ยังไง

สร้อยของแม่เธอ ของที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ แล้วค่ำคืนที่เธอทุลักทุเล กลับอยู่ที่หลิ่วเยว่เอ่อร์ กลายเป็นของที่เอาไปแลกเงิน?

"เฟิงหานชวน ทำไมคุณไม่รีบบอกฉันล่ะ?" เฉินฮวนฮวนจะร้องไห้แล้ว

เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะเพื่อนตัวเองหักหลัง แต่เพราะเฟิงหานชวน เธอเลยอยากร้องไห้

เฟิงหานชวนคอยช่วยเหลือเธอขนาดนั้น แต่แค่เพราะคำพูดไม่กี่คำของหลิ่วเยว่เอ่อร์ แล้วเข้าใจเขาผิด แถมยังด่าเขาว่าเป็นปีศาจอีก

เฟิงหานชวนต้องรู้สึกว่า ทำดีไม่ได้ดี เขาช่วยเธอ แต่กลับโดนเธอด่า โดนเธอรังเกียจ

เฉินฮวนฮวนลนลานจนร้องไห้ เธออดยื่นมือไปกอดผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอไม่ได้

"ขอโทษ ฉันเข้าใจคุณผิด ขอโทษ……" เฉินฮวนฮวนรู้สึกผิดมาก

เฟิงหานชวนช่วยเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอเอาแต่เข้าใจเขาผิด เข้าใจน้ำใจเขาผิด เข้าใจผิดทุกอย่าง

"เฟิงหานชวน คุณให้อภัยฉันได้ไหม? ต่อไปฉันจะไม่เข้าใจคุณผิดอีก ขอโทษ ขอโทษจริงๆ……" น้ำตาของเฉินฮวนฮวนไหลออกมาไม่หยุด

เธอไม่ต้องคิดอะไรมากก็น่าจะรู้ หลิ่วเยว่เอ่อร์ใส่ร้ายเฟิงหานชวน ให้เธอกับเฟิงหานชวนเข้าใจผิดกัน แต่เมื่อก่อนเธอไม่รู้อะไรเลย เธอโดนหลิ่วเยว่เอ่อร์หลอก

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนโมโหมาก แต่ก็รู้ผิดกับเขามากกว่า เธอจึงกอดเขาไว้แน่น แล้วเอาแต่ขอโทษ

เฟิงหานชวนไม่ได้พูดอะไร เขาจะให้เฉินฮวนฮวนระบายอารมณ์

เพราะเขานั่งอยู่ ตอนที่เฉินฮวนฮวนกอดเขา จึงอยู่สูงกว่าเขา เพราะฉะนั้นหน้าของเขาเลยอยู่ที่ไหลปลาร้าเธอ

เธอเพิ่งอาบน้ำ ปลายจมูกเขามีแต่กลิ่นหอมๆจากตัวเธอ

เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง แล้วสะดุ้งตกใจ

เฟิงหานชวนเดาออก เขาเดาเรื่องของหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ เขาคงไม่ลงมือกับหลิ่วเยว่เอ่อร์หรอกมั้ง?

เพราะว่าเธอโป๊ะแตก แล้วจะทำให้หลิ่วเยว่เอ่อร์โดนทารุณ ถ้าอย่างงั้นเธอคงไม่สบายใจไปตลอดชีวิตแน่

"ไม่ใช่ ไม่ใช่เธอ นี่เกี่ยวอะไรกับเธอ? คุณมีอะไรก็ลงที่ฉันเลย!" เฉินฮวนฮวนรวบรวมความกล้า แล้วตะโกนออกมา

เฟิงหานชวนอึ้งเล็กน้อย

เพราะหลิ่วเยว่เอ่อร์สินะ ผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรกับเฉินฮวนฮวนกันแน่?

"เขาพูดอะไรกับเธอ?" เฟิงหานชวนจี้ถามอย่างใจร้อน

เพราะเฉินฮวนฮวนรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่บลูส์คลับหรือเปล่า ก็เลยกลัวเขาขนาดนี้?

แต่ว่า ถ้าเฉินฮวนฮวนรู้จริงๆ ทำไมไม่ถามเขาล่ะ?

"เปล่า เธอไม่ได้พูดอะไรกับฉัน" เฉินฮวนฮวนรีบปฏิเสธ แล้วดึงชายเสื้อเฟิงหานชวนไว้ "เธอไม่ได้พูดอะไรกับฉันจริงๆ ขอร้องคุณปล่อยเธอไปเถอะ เธอไม่ได้ทำผิดอะไรกับคุณ คุณทำกับเธอแบบนี้ เดี๋ยวเวรกรรมจะตามสนอง"

"กรรมตามสนอง?" แววตาเฟิงหานชวนมืดมน

เขากำลังรู้สึกไม่แฟร์กับเธอ หลิ่วเยว่เอ่อร์มาแย่งที่เธอไป เห็นแก่เงินแล้วโกหกเธอ ตอนนี้เธอยังขอร้องแทนหลิ่วเยว่เอ่อร์อีก?

นอกเสียจาก ตอนนี้เฉินฮวนฮวนยังไม่รู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ทำอะไรเธอบ้าง

"คุณกับเพื่อนคุณทำกับผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไง ทีแรกฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี แต่คุณไม่ใช่ คุณน่ากลัวมาก คุณมีอะไรก็มาลงที่ฉัน อย่าไปยุ่งกับเธอ!" เฉินฮวนฮวนจะร้องไห้แล้ว

ได้ยินเธอพูดแบนี้ เฟิงหานชวนรู้สึกงงมาก

เขากับเพื่อนเขา? ทำกับหลิ่วเยว่เอ่อร์? อะไรวะเนี่ย

"เขาพูดกับเธอว่ายังไง?" เฟิงหานชวนต้องถามให้เคลียร์

เฉินฮวนฮวนมองเขาอย่างหวาดกลัว เฟิงหานชวนกำลังจี้ถามเธอเรื่องหลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอจึงส่ายหน้าสุดชีวิต "เธอไม่ได้พูดอะไรกับฉัน คุณปล่อยเธอไปได้ไหม? พวกคุณทำแบบนี้มันผิด! พวกคุณมันปีศาจ……"

ทีแรกเธอยังใจเย็นอยู่ แค่คิดว่าถ้าฝึกอบรมเสร็จแล้วก็คิดว่าวิธีไปจากบ้านนี้ แต่เฟิงหานชวนเอาแต่จี้ถาม สติเธอเลยเริ่มกระเจิง

"พวกคุณ?" เฟิงหานชวนงงมากๆ ไม่ใช่เขา แต่เป็นพวกเขา?

"คุณยังไม่ยอมรับอีกเหรอ? คุณพาเพื่อนคุณ แล้วทำกับเยว่เอ่อร์……ทำไมคุณถึงทำเรื่องแบบนั้นได้? ทีแรกฉันคิดว่าคุณเป็นคนดีซะอีก แต่ว่า……" เฉินฮวนฮวนทนไม่ไหวแล้ว จึงร้องไห้ออกมา

สีหน้าของเฟิงหานชวนเย็นชามาก

ถึงเฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดเคลียร์ๆ แต่เขาก็เดาได้คร่าวๆแล้ว ไม่คิดเลยว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะกล้าขนาดนี้ กล้าพูดเรื่องใส่สีตีไข่แบบนี้!

เขาปล่อยเฉินฮวนฮวน แล้วก้าวเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนคุมขัง

"หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดเรื่องบ้าๆพวกนั้น ทำไมพวกแกไม่รายงานฉัน?" เฟิงหานชวนตะคอก

ผู้คุมขังตกใจจนฉี่จะราด แล้วรีบถามว่า "คุณชายสาม คุณ คุณ คุณ……คุณเป็นอะไรครับ? ผม ผม ผม……พวกผม"

"ผู้คุมขังที่เข้าไปกับคุณหนูเฉินท้องเสียครับ เราก็กลัวว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ตอนที่คุณหนูเฉินไปแล้ว เราเช็กกล้องวงจรแล้วครับ"

"หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้พูดชื่อคุณเลยครับ เราแน่ใจว่าเธอไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูด ก็เลยไม่ได้รายงาน……"

คนคุมขังพูดติดๆขัดๆ ฉี่เขาจะราดอยู่แล้ว

เวลานั้น เฉินฮวนฮวนที่อยู่ในห้องอาบน้ำได้ยินเสียงตะคอกของเฟิงหานชวน มีชื่อของหลิ่วเยว่เอ่อร์ด้วย แล้วเหมือนกำลังคุยกับคนคุมขัง

สีหน้าเธอซีดขาวเหมือนกระดาษ เฟิงหานชวนต้องสั่งคนลงโทษเยว่เอ่อร์แน่ๆ

เธอลุกออกจากห้องอาบน้ำอย่างไม่ต้องคิด แล้วพุ่งไปหาเฟิงหานชวน คุกเข่าลงต่อหน้าเขา

"ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรเยว่เอ่อร์เลย เธอโดนพวกคุณทารุณมามากพอแล้ว คุณปล่อยเธอไปเถอะ……" เฉินฮวนฮวนจับขากางเกงเขาไว้ เอาแต่ขอร้องเขา

คนคุมขังได้ยินเสียงของเฉินฮวนฮวน จึงรู้สึกงง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไร จึงทำได้แค่เงียบรอคำสั่งจากคุณชายสาม

เฟิงหานชวนเห็นน้ำตาเธอเต็มหน้า เขาเป็นห่วงมาก แต่เรื่องนี้ต้องรู้ให้เคลียร์ก่อน เขาถึงจะอธิบายกับเธอได้

เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่สนคำขอร้องของเธอ แล้วพูดกับผู้คุมขังว่า "ส่งกล้องวงจรมาเดี๋ยวนี้"

"ครับ ครับ!" ผู้คุมขังรอคำสั่งอย่างหวั่นใจ พอได้รับคำสั่งแล้วจึงรีบพยักหน้าตกลง

เฟิงหานชวนกดวางสาย แล้วโยนโทรศัพท์ไปบนโซฟา จากนั้นจึงนั่งลงไปพยุงแขนเธอขึ้นมา

เฉินฮวนฮวนขาสั่นตัวสั่น ไม่มีแรงเลย ในแววตามีแต่ความหวาดกลัว

"ลุกขึ้นก่อน ที่พื้นเย็น" เฟิงหานชวนเอ่ยอย่างอดทน

แต่พอเฉินฮวนฮวนได้ยิน รู้สึกว่าเสียงเขาเหมือนยมทูตที่จะมาเอาชีวิต น้ำตาเธอจึงไหลไม่หยุด จนมองเห็นอะไรไม่ชัดเลย

เธอทำให้หลิ่วเยว่เอ่อร์ซวย ตอนนี้จะทำยังไงดี?

เฉินฮวนฮวนไม่ยอมลุกขึ้น เฟิงหานชวนทำอะไรไม่ได้ จึงอุ้มตัวเธอขึ้นมา เธอกรีดร้องแล้วเอาแต่ดิ้น

เธอกลัว กลัวว่าเฟิงหานชวนจะทำเรื่องที่น่ากลัวแบบนั้นกับเธอ

แต่ว่า สิ่งที่เธอคิดไม่ได้เกิดขึ้น เฟิงหานชวนแค่วางเธอลงบนโซฟาอย่างเบามือ

เพราะเธอวิ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว รองเท้าเลยหลุด ตอนนี้ตัวนั่งอยู่บนโซฟา แล้วขาเหยียบพื้นเท้าเปล่าอยู่

ที่เท้า เย็นมาก เหมือนอารมณ์เธอตอนนี้ เป็นความรู้สึกของความสิ้นหวัง

เฟิงหานชวนวางเธอลงแล้ว ค่อยยื่นมือไปทัดผมให้เธอ จากนั้นจึงลุกขึ้น แล้วเดินไปทางห้องอาบน้ำ

แต่ว่า เขาไม่ได้เข้าไป แค่หยุดลงที่หน้าประตู แล้วก้มลงไปเก็บรองเท้าให้เธอ จากนั้นค่อยเดินกลับมาหาเธอ

เขาจับข้อเท้าเธอไว้ แล้วยกขาเธอขึ้นมา จากนั้นจึงสวมรองเท้าให้เธออย่างอ่อนโยน

แต่เฉินฮวนฮวนกลับไม่รู้จะทำตัวยังไง เธอรู้ว่าความอ่อนโยนของเขาในตอนนี้ ก็เหมือนความสงบก่อนที่สึนามิจะเข้า

ต่อจากนี้ คงเหมือนตกนรกทั้งเป็น

เฟิงหานชวนมองสีหน้าที่ซีดขาวของเธอ แล้วมีเหงื่อที่หน้าผาก แววตาที่กลัวเขาแบบนั้น เขาเห็นแล้วรู้สึกไม่โอเคเลย

"ฮวนฮวน" เขากุมมือเธอไว้

มือเธอเย็นมาก ในอุ้มมือมีแต่เหงื่อ เหมือนกับสีหน้าเธอที่กำลังบอกเขาว่า เธอกลัว

"ผมเคยบอกแล้ว ผมจะไม่ทำอะไรคุณ" เสียงเขาอ่อนโยน เหมือนกำลังปลอบใจเธอ

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนไม่เชื่อฟังเลย

บอกแล้วว่าอย่าเรียกชื่อเต็ม แต่ยังเรียกชื่อเต็มเขาอีก

ทุกครั้งเอาแต่เรียก"เฟิงหานชวน เฟิงหานชวน" ทำลายอารมณ์เขาจริงๆ

เขาชอบเสียงที่นุ่มนวลของเธอเรียก "อาหาน" หรือว่า "คุณสามี" ก็ได้

แต่เรียกว่าคุณสามี อาจจะใจร้อนเกินไป เพราะฉะนั้นเรียกอาหานเหมาะสมที่สุด

"คุณ……คุณจะทำอะไร?" เฉินฮวนฮวนตกใจมาก อยากดึงมือกลับ แต่ดึงกลับมาไม่ได้สักที

"คุณคิดว่าอะไรล่ะ?" เฟิงหานชวนเอียงหัว แล้วกัดติ่งหูเฉินฮวนฮวนเบาๆ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อต จนตัวเธอสั่น จากนั้นก็รู้สึกถึงความหวาดกลัว

เพราะเธอหลับตาอยู่ จึงมีแต่ความมืด บวกกับความหวาดกลัว จึงทำให้เธอกลัวมากกว่าเดิม

เธอรีบลืมตาขึ้น พอเห็นภาพตรงหน้า รู้สึกแค่ว่าเหมือนตาโดนทิ่มจนบอด

มือของเธอ จับ……

"รีบเรียกชื่อผม" เสียงของเฟิงหานชวนทุ้มต่ำ

"ฉัน……ฉัน……" เฉินฮวนฮวนจะร้องไห้แล้ว

แววตาที่คลุมเครือของเธอ บวกกับสีหน้าจะร้องไห้ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว

เขาจับมือเธอไว้ แล้วหยุดลงไม่ได้อีก

……

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น

เฉินฮวนฮวนยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้า แล้วน้ำก็ไหลลงมาไม่หยุด

แต่เธอกำลังเหม่อมองตัวเองในกระจก มือที่อยู่ในอ่างล้างหน้าหงายขึ้น อุ้มมือเธอแดงมาก

เหตุการณ์เมื่อกี้เอาแต่วนเวียนในหัวเธอ หน้าเธอก็เริ่มแดงมากขึ้นเรื่อยๆ

ทำได้ยังไง เฟิงหานชวนเอามือเธอไปทำ……เรื่องแบบนั้นได้ยังไง

เฉินฮวนฮวนยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด

……

ก็แค่ไปล้างมือ เฟิงหานชวนเห็นเฉินฮวนฮวนไม่ออกมาสักที จึงเริ่มใจร้อน

หรือว่า เธอไม่อยากเจอเขา ก็เลยไม่ยอมออกมา?

ไม่งั้น แค่ล้างมือทำไมต้องนานขนาดนี้ นี่ผ่านไปจะเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

เฟิงหานชวนอยู่ไม่นิ่ง จึงก้าวเดินไปที่ห้องอาบน้ำ จากนั้นเขาจึงดึงเปิดประตู

เฉินฮวนฮวนกำลังเหม่อ เสียงเปิดประตูอย่างฉับพลันทำให้เธอดึงสติกลับมา เธอหันไป จึงเห็นเฟิงหานชวนเดินมาหาเธอแล้ว

"คุณ……คุณอย่าเข้ามา!" เฉินฮวนฮวนอยากหลบไปข้างหลัง แต่หลบไม่ได้เลย

เพราะเฟิงหานชวนเดินมาตรงหน้าเธอ แล้วตรึงตัวเธอไว้ที่อ่างล้างหน้า

"ทำไมเอาแต่หลบไม่ยอมออกมา?" เสียงของเฟิงหานชวนกลับไปเป็นปกติแล้ว ไม่ได้ทุ้มต่ำเหมือนเมื่อกี้

"คุณไม่รักษาคำพูด!" เฉินฮวนฮวนพูดพรวดออกมา

ทั้งๆที่เฟิงหานชวนพูดว่าจะไม่ทำอะไรเธอ แต่ก็ยัง……เขาไม่ใช่คนแล้ว!

ปีศาจแบบนี้ จะรักษาคำพูดได้ยังไง!

"ผมไม่รักษาคำพูดยังไง?" เฟิงหานชวนก้มลงไปแตะปลายจมูกเธอ แล้วยิ้มมุมปาก

เห็นเขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เฉินฮวนฮวนรู้สึกหวั่นใจมาก เธอเม้มปาก แล้วเอ่ยอย่ากล้าๆกลัวๆ "คุณเคยพูดว่าจะไม่ทำอะไรกับฉัน แต่คุณ……"

"ผมก็ไม่ได้ทำอะไรคุณสักหน่อย แต่คุณต่างหากที่ทำกับผม" เฟิงหานชวนตอบอย่างจริงจัง

"คุณ!" เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง ไม่รู้จะพูดยังไง

เธอ……เธอเจอคนที่หน้าด้านมาก!

"ผมพูดผิดเหรอ?" เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก ริมฝีปากที่เซ็กซี่กำลังยั่วยวนหูเธอ แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "คุณลองคิดดูดีๆสิ ผมรักษาคำพูดหรือเปล่า"

ทันใดนั้น หน้าของเฉินฮวนฮวนแดงมากกว่าเมื่อกี้อีก

แล้วอีกอย่าง แสงไฟนวลๆในห้องอาบน้ำ แล้วผิวเธอก็อมชมพู ดูแล้วน่าดึงดูดมาก

อยู่ๆเฟิงหานชวนก็รู้สึกว่า เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว

ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองตั้งสติได้แล้ว แต่พอมาคุยกับเฉินฮวนฮวน ใจเขาก็เริ่มสั่นอีกครั้ง

ผู้หญิงคนนี้ เป็นจุดอ่อนของเขาจริงๆ เขาโสดมาตั้งนาน ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นเลย

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น จึงสบตากับสายตาที่ดุดันของเขาพอดี จนเธอสะดุ้งเฮือก

เธอรู้สึกว่าแววตาของเฟิงหานชวนเหมือนอยากจะกลืนกินเธอลงไป เธอจึงรีบพยักหน้า "รักษาคำพูด! รักษาคำพูด!"

เธอไม่กล้าต่อกรกับเฟิงหานชวน

"ฉันล้างมือเสร็จแล้ว คุณจะใช้อ่างล้างหน้าเหรอ? ฉันยกให้คุณ งั้นฉันออกไปก่อน?" เฉินฮวนฮวนแค่อยากให้เฟิงหานชวนปล่อยเธอไป

เฟิงหานชวนรู้สึกว่า ทำไมวันนี้แยกจากกันแล้ว เฉินฮวนฮวนกลับดูอายกว่าเดิม?

เหมือนกำลังกลัวเขา?

แต่ถ้าตัวเองอยากทำอะไรเธอ ก็จะโดนเข่า โดนตบ ไม่เคยราบรื่นเลย

ครั้งที่ราบรื่นที่สุด ก็เป็นตอนเช้าที่เขาช่วยเธอสั่งสอนคนตระกูลเฉิน แล้วจูบเธอที่ร้านกาแฟ เธอไม่ได้ปฏิเสธอะไรมาก

แต่ว่า ฮวนฮวนในตอนนั้น กลับดูเหมือนดื่มด่ำ แต่ไม่ใช่เหมือนตอนนี้ เหมือนเขินอาย แต่ก็แฝงไปด้วยความกลัว?

เธอกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอ? หรือว่ากลัวเรื่องอื่น?

"คุณเป็นอะไรกันแน่?" เฟิงหานชวนจับแขนเธอไว้ แล้วจ้องสบตากับเธอ

"หา? ฉัน……ฉันเปล่า……" เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า แกล้งทำเหมือนปกติ

"คุณกำลังกลัวผม?" เฟิงหานชวนพูดออกมาตรงๆ

"กลัวคุณ? ฉัน……ฉันจะกลัวคุณทำไม……" เฉินฮวนฮวนก็ยังส่ายหน้าเหมือนเดิม แต่กลับใจสั่นมาก

เฟิงหานชวนรู้แล้ว เขารู้ว่าเธอกำลังโกหก เพราะเธอพูดติดๆขัดๆ เธอกำลังกลัวเขาจริงๆ

เมื่อก่อนเขาคิดว่าเขาใจร้ายกับเธอ เลยทำให้ฮวนฮวนเป็นแบบนี้ แต่เขานึกได้ว่าเธอไม่ใช่คนที่อ่อนแอขนาดนี้ ถึงเมื่อก่อนตัวเองจะใจร้ายกับเธอยังไง เธอก็ยังให้อภัยเขา

แต่ตอนนี้ ท่าทางเธอที่กลัวเขาจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรด้วย พูดง่ายๆคือ ก่อนที่จะเกิดเรื่องเมื่อกี้ เธอก็เริ่มกลัวเขาแล้ว

เหมือนตอนที่เขาเดินเข้ามาที่ห้องรับแขก เธอถอยหลังหนี ตั้งแต่ตอนนั้น เธอก็กลัวเขาแล้ว

เฟิงหานชวนรู้สึกถึงความผิดปกติสักที

"บอกผม เกิดเรื่องอะไรกันแน่" ถึงเขาจะถามแบบนี้ แต่เขาเริ่มสงสัยหลิ่วเยว่เอ่อร์แล้ว

ทางเยี่ยจิ่งเฉิน เฉินฮวนฮวนปฏิเสธแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ใช่เพราะชอบเยี่ยจิ่งเฉิน หรือว่าเขาให้คนไปซ้อมเยี่ยจิ่งเฉิน เธอเลยกลัวเขา

เพราะฉะนั้น พอคิดไปคิดมา ตอนบ่ายเฉินฮวนฮวนยังไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่เรือนจำสามหนึ่งสามด้วย

"เปล่า ไม่มีอะไร……" เฉินฮวนฮวนก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ ยังส่ายหน้าเหมือนเดิม

แต่ว่า ที่เฉินฮวนฮวนไม่รู้คือ ยิ่งเธอแกล้งทำ ก็ยิ่งชัดเจนกว่าเดิม

ตอนนี้เฟิงหานชวนแน่ใจแล้ว ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน

"เพราะหลิ่วเยว่เอ่อร์หรือเปล่า!?" เขาถามอย่างใจร้อน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตกใจเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาอันแสนร้อนแรงของเฟิงหานชวน เธอไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่เฟิงหานชวนพูดเลย

เธอเม้มริมฝีปากแน่นและจ้องไปยังดวงตาอันลึกล้ำของเฟิงหานชวน ราวกับว่าเธอถูกไฟฟ้าช็อต เธอหันตัวกลับไปที่เตียงทันที

จากนั้นก็ขึ้นไปบนเตียงทันทีและห่อตัวเองด้วยผ้าห่มอย่างหนาแน่น ทำให้เห็นแค่เพียงดวงตาของเธอเท่านั้น

เฉินฮวนฮวนที่มีท่าทางที่ดูต่อต้านเขา ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกพ่ายแพ้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกที่ไม่อยากจะยอมแพ้อยู่ดี

"ดูเหมือนคุณจะลืมอะไรไปนะ"เฟิงหานชวนเอ่ยเบาๆและมองไปที่เฉินฮวนฮวนที่ตอนนี้เห็นแค่เพียงสองตาของเธอเท่านั้น

"ลืมอะไร?"เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนและเครียดมากขึ้นกว่าเดิม เธอกลัวว่าเฟิงหานชวนจะสารภาพผิด

ถ้าเขาอยากจะทำอะไรเพื่อตัวเองจริงๆ ที่นี่คือบ้านตระกูลเฟิงและคือพื้นที่ของเฟิงหานชวน ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องใดๆได้

"เรื่องถุงมือที่ใช้แล้วทิ้ง"เฟิงหานชวนไม่ได้อธิบายให้ชัดเจน เรื่องนี้สามารถเข้าใจได้แต่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

เฉินฮวนฮวนเข้าใจในทันที แก้มของเธอที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดง

เขา เขา เขา…เขาคงไม่ได้อยากให้เธอทายาให้เขาใช่ไหม?

แม้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยคิดที่จะทายาให้เขา แต่พอเมื่อเธอได้เรียนรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่โหดร้าย เธอจึงไม่กล้าที่จะทายาให้เขาจริงๆ

ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอ?

"ฉัน ฉัน ฉัน…พรุ่งนี้ฉันต้องตื่นแต่เช้า คุณทาเองได้ไหม?"เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากแน่นและเอ่ยเสียงเบา

สีหน้าของเขามืดมนลงในทันใด เฟิงหานชวนรู้ว่าเฉินฮวนฮวนจะต้องรู้สึกเห็นใจ เฉินฮวนฮวนเห็นท่าทางของเขาในตอนนี้ราวกับพายุที่กำลังพัดโหมกระหน่ำใส่

ตอนนี้เธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของเฟิงหานชวนแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าทำให้เขารู้สึกขุ่นเคือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธออยู่ลึกเข้าไปในถ้ำหมาป่าแล้ว

"ฉัน……ก็ได้"หัวใจดวงน้อยของเฉินฮวนฮวนเต้นอย่างบ้าคลั่ง

เดิมที่เฟิงหานชวนตั้งใจจะลืมเรื่องนี้ และไม่ได้คิดจะบังคับเฉินฮวนฮวนเลย แต่เขาก็ไม่คิดว่าเฉินฮวนฮวนจะตอบตกลง

"ถุงมืออยู่ในลิ้นชักของอ่างล้างมือ ยาก็อยู่ตรงนั้นเหมือนกัน"เฟิงหานชวนวางแผนที่จะปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้จัดการทุกอย่างเอง

เฉินฮวนฮวนเข้าใจทันทีเธอจึงพยักหน้า เธอเลิกผ้าห่มขึ้นและลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ

เธอยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้าและมองตัวเองในกระจก ผิวของเธอมีสีอมชมพูระเรื่อๆ เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังประหม่าหรือกำลังกลัว หรือว่ากำลังรู้สึกอะไรกันแน่

เธอสะบัดหัวและพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นก็ก้มลงหยิบถุงมือและยาออกมาจากลิ้นชัก

เฉินฮวนฮวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพึมพำกับตัวเอง: "ต้องรีบคิดต้องรีบทำ แค่คิดว่ามันก็เหมือนกับการนวดแป้งก็ได้"

ขณะที่พูดเธอก็สวมถุงมือและหยิบยาเดินออกมาจากห้องน้ำ

เธอคิดในใจอย่างเงียบๆว่านี่เป็นคืนสุดท้ายที่เธอจะอยู่กับเฟิงหานชวนเพียงลำพัง เธอต้องสงบสติอารมณ์ ห้ามให้เฟิงหานชวนเห็นจุดอ่อนของเธอ และห้ามทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกไม่พอใจเด็ดขาด

เธอไม่สามารถจินตนาการถึงผลที่ตามมาได้เลย

เฉินฮวนฮวนพยายามควบคุมมือที่สั่นเทาของเธอ เธอเดินไปหาเฟิงหานชวนซึ่งกำลังเอนหลังพิงอยู่บนเตียง ท่าทางสบายๆของเขามองดูแล้วดูเหมือนจะมีความสุขมาก

เขาถอดชุดนอนออกจนเผยให้เห็นกางเกงบ็อกเซอร์และขาที่แข็งแรงของเขา ดวงตาของเฉินฮวนฮวนพร่ามัว

เธอไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เธอคุกเข่าลงตรงข้างเตียง บีบยาลงบนฝ่ามือของเธอและหลับตาแน่น

เฉินฮวนฮวนหายใจเข้าลึก ๆ และหลังจากที่บีบยาลงบนมือแล้ว เธอก็ยื่นมือไปจับขอบกางเกงบ็อกเซอร์ของเฟิงหานชวน

เพียงเพราะเธอหลับตา เธอเลยจับไม่โดนขอบกางเกง แต่ดันจับไปโดนบางอย่างที่กลมๆแทน

"อื้ม"

เสียงครางอู้อี้ของผู้ชายดังก้องอยู่ในห้องที่เงียบสงบ

เฉินฮวนฮวนตกใจและลืมตาขึ้นทันที เธอพบว่าตัวเอง… เธอรีบชักมือออกทันที ใบหน้าของเธอแดงก่ำยิ่งกว่าลูกพลับสีแดงเสียอีก

"ขอโทษๆ เมื่อกี้ฉันมองไม่เห็น ฉันแค่อยากช่วยดึงกางเกงของคุณ"เฉินฮวนฮวนขอโทษซ้ำๆ มันคงจะดีกว่าถ้าเธอลืมตาดึงขอบกางเกงของเขา

หลังจากจับขอบกางเกงได้แล้ว เฉินฮวนฮวนก็หลับตาลงอีกครั้ง เฟิงหานชวนพยายามความคุมอารมณ์ของตัวเองและเธอคงจะไม่เห็นการแสดงออกของเขาตอนนี้แน่ๆ

เธอหลับตาแน่น เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนมีอารการเช่นนั้น เฟิงหานชวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลก

อย่างไรก็ตามเขาเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงพยายามกลั้นยิ้มและรอดูว่าเฉินฮวนฮวนจะทำอย่างไรต่อไป

เฉินฮวนฮวนแน่ใจแล้วว่าเธอได้ดึงกางเกงลงแล้ว อีกมือหนึ่งของเธอมียาที่บีบเตรียมไว้อยู่แล้ว เธอค่อยๆยื่นมือออกไปและสัมผัสมันอย่างรวดเร็วด้วยมือของเธอเพื่อให้แน่ใจว่ายานั้นได้ถูกทาลงไปแล้ว

เพราะเธอหลับตาแน่นทำให้ในใจของเธอรู้สึกมืดมนไปหมด เธอคิดเพียงแค่ว่าต้องรีบทายาที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในนาทีต่อมาอุณหภูมิของฝ่ามือของเธอเปลี่ยนจากอุ่นๆจนกลายเป็นร้อน เมื่อเห็นว่าทายาเกือบจะเสร็จแล้ว เฉินฮวนฮวนก็สะบัดมือออกไปด้วยความตกใจ

"โอเคๆ ทาเสร็จแล้ว!"เธอยังคงหลับตาและไม่กล้าลืมตา เธอพูดตะกุกตะกักว่า: "คุณสวมกางเกงเองนะ"

เฟิงหานชวนไม่พูดราวกับเป็นใบ้ การทายาเมื่อสักครู่นี้เป็นการทรมานเขาอย่างช้าๆ

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ตอบ เฉินฮวนฮวนก็เตรียมตัวที่จะหันหลังกลับและเดินออกไป แต่เมื่อเธอกำลังจะหันหลังกลับไป ข้อมือของเธอก็ถูกฝ่ามือใหญ่จับไว้เสียก่อน

เฟิงหานชวนถอดถุงมือของเธอออกทันที

เนื่องจากเมื่อสักครู่เธอรู้สึกตื่นเต้นเกินไป จึงทำให้มือทั้งสองข้างในถุงมือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ เมื่อถอดถุงมือออกมาเหงื่อบนฝ่ามือก็ระเหยและเกิดความหนาวเย็นขึ้นที่มือทันที

เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนใจดีช่วยเธอถอดถุงมือหรือเปล่า เธอกางมือของเธอออกและเอ่ยเสียงเบาๆว่า: "คุณเอาถุงมือมาใส่ไว้บนมือฉันสิ ฉันจะเอาไปทิ้ง"

เธอยังคงหลับตาแน่น ไม่กล้าลืมตาเลยแม้แต่น้อย หัวใจของเธอเต้นรัวมากและแก้มของเธอก็รู้สึกร้อนผ่าว

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่พูดเกินจริงที่สุดเท่าที่เธอเคยทำมาในชีวิต

เธอทำได้เพียงแค่ปลอบใจตัวเอง มันก็แค่เหมือนกับการนวดแป้งเท่านั้น นวดแป้ง นวดแป้ง…

แม้ว่าเธอจะไม่อยากทำอย่างนั้นจริงๆ แต่เธอก็รู้ว่าเฟิงหานชวนคือปีศาจร้าย ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำอะไรถ้าหากเธอไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา?

ดังนั้นถ้าทำเพื่อความอยู่รอดแล้ว การนวดแป้งเฉยๆก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรสักหน่อย

เมื่อเธอเลิกคิด เธอก็พบว่าเฟิงหานชวนยังไม่ได้วางถุงมือใส่ในมือของเธอ เธอขมวดคิ้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และถามว่า: "เฟิงหานชวน คุณเอาถุงมือมาให้ฉันสิ"

เฟิงหานชวนพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหักห้ามใจตัวเอง แต่เสียงที่นุ่มนวลของผู้หญิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง และด้ายในใจของเขาดูเหมือนจะขาดออกจากกันทันที

เขาจับมือเธอแล้ววาง…

อุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ฝ่ามือของเฉินฮวนฮวนเหงื่อออกอีกครั้ง และคราวนี้มันถูกสัมผัสโดยที่เธอไม่ได้สวมถุงมืออีกด้วย

"เด็กดี เรียกว่าอาหานสิ"เสียงของชายผู้นี้ดังก้องอยู่ในหูของเธอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกงง ตู้เสื้อผ้าก็แค่นั้น ทำไมถึงหาชุดนอนไม่เจอสักที?

"เฟิงหานชวน ถ้าหาในตู้เสื้อผ้าไม่เจอ คุณก็ลองไปดูที่ระเบียง ฉันตากชุดสายเดี่ยวไว้ที่นั่น น่าจะแห้งแล้ว" เฉินฮวนฮวนพูดอย่างใจร้อน

ตอนนี้เธอแค่อยากรีบใส่เสื้อผ้าสะอาดๆ

"หาชุดนอนเจอแล้ว" เสียงของเฟิงหานชวนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

จากนั้น เฉินฮวนฮวนก็เห็นหน้าประตูห้องน้ำมีเงา เฟิงหานชวนเดินมาแล้ว

"เปิดประตูสิ ไม่งั้นผมจะเอาให้คุณยังไง?" เฟิงหานชวนชูของในมือขึ้น

เฉินฮวนฮวนเห็นว่าเขาถือเสื้อไว้จริงๆ แต่เธอก็ยังเกร็งจนเม้มปาก จากนั้นจึงยื่นมือไปปลดล็อกประตู แล้วค่อยเปิดช่องเล็กๆอย่างระมัดระวัง

จากนั้น จึงยื่นมือออกไป

"เอาชุดนอนให้ฉัน" เธอโบกมือ แล้วรีบเอ่ย

เฟิงหานชวนเห็นแขนเรียวยาวแกว่งไปมาต่อหน้า แววตาก็เริ่ม ลึกลับ มองชุดสีม่วงอ่อนในมือแล้วเริ่มเหม่อ

อีกครู่เดียว ก็จะเห็นเฉินฮวนฮวนใส่ชุดนอนกระโปรงออกมาแล้ว

ต้องสวยมากแน่ๆ

"เฟิงหานชวน เอาชุดนอนให้ฉัน" เฉินฮวนฮวนยังไม่ได้รับชุดนอน จึงเริ่มร้อนใจ

เฟิงหานชวนดึงสติกลับมา แล้วเอาชุดในมือวางลงบนมือเธอ แล้วเอ่ยว่า "เอาเข้าไปเถอะ"

พอเฉินฮวนฮวนสัมผัสโดนเนื้อผ้า เธอค่อยโล่งอกไปหน่อย

เฟิงหานชวนก็แค่ยื่นชุดนอนให้เธอ ไม่ได้ทำอะไรตุกติก

แต่ว่า พอเธอดึงมือกลับไปแล้ว กลับเห็นว่าในมือเป็นสีชุดนอนที่เธอไม่เคยเห็น

ชุดนอนของเธอ รวมกับของที่นายท่านเฟิงให้ ไม่มีสีม่วงอ่อน

อีกอย่าง เนื้อผ้านี้ดีมาก เป็นเนื้อผ้าสองชั้น แต่กลับดูเบาสบาย เธอรีบเปิดดู จึงเห็นว่าเป็นชุดนอนกระโปรงที่สวยมาก

ชุดนี้มาจากไหน?

ทันใดนั้น มีป้ายหล่นลงมา เธอรีบหยิบขึ้นมาดู จึงเห็นว่าเป็นชุดนอนของแบรนด์วีวี่

ที่แท้เฟิงหานชวนบอกว่าหาชุดนอน คือกำลังหาชุดนอนในถุงช้อปปิ้งพวกนั้น

ตอนนี้ไม่ว่ายังไง เธอรู้สึกสบายใจแล้ว ยังดีที่เธอไม่เปลือยกาย ได้ใส่ชุดนอนแล้ว

แต่ว่า พอเธอใส่ชุดนอนกระโปรงแล้วยืนหน้ากระจกล้างหน้า หน้ากลับแดงทันที

ซับในสีขาวของชุดสั้นมาก แล้วแนบตัวด้วย แถมยังบางอีก ข้างนอกเป็นแค่เนื้อผ้าตาข่ายสีม่วงอ่อนบางๆ เหมือนมองทะลุได้

ทีแรกคิดว่าเป็นชุดนอนที่สวยมาก แต่พอลองใส่แล้ว เหมือนรู้สึกเปลี่ยนไปทันที

สีหน้าเฉินฮวนฮวนลังเลมาก ถ้าเธอใส่แบบนี้ออกไป อาจจะอันตรายกว่าเปลือยกายหรือเปล่า?

แต่ว่า เสื้อคลุมเธออยู่ในตู้เสื้อผ้า เดี๋ยวเธอรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อน แล้วเอาเสื้อคลุมมาใส่

ถ้าแบบนี้ ก็จะไม่โป๊แล้ว แถมยังไม่ให้โอกาสเฟิงหานชวนเห็นเธอใส่ชุดนอนนี้ด้วย

พอคิดแผนไว้แล้ว เฉินฮวนฮวนใช้มือข้างหนึ่งบังตัวไว้ อีกข้างก็จับด้ามประตู เอาขาถอยหลังไปหนึ่งข้าง ทำท่าเตรียมพร้อมจะวิ่ง

สาม สอง หนึ่ง……

รอเธอเปิดประตูแล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปทางตู้เสื้อผ้า

แต่ว่า อาจจะเพราะเร็วเกินไป ระหว่างทางที่เป็นตู้เสื้อผ้า เธอกลับลื่นล้มสักก่อน

"โอ๊ย……" เฉินฮวนฮวนหกล้มหน้าทิ่ม

ภาพเหตุการณ์ หยุดชะงักไปชั่วขณะ

แล้วเฉินฮวนฮวนก็เหมือนหยุดนิ่งอยู่ที่พื้น

จนกระทั่งเฟิงหานชวนเดินมา แล้วพยุงตัวเธอขึ้น เฉินฮวนฮวนก็อยากวิ่งพุ่งชนอีกครั้ง แต่กลับโดนเฟิงหานชวนดึงมือไว้ก่อน

"นี่คุณกำลังทำอะไร?" เฟิงหานชวนขมวดคิ้วถาม

เมื่อกี้เขาเห็นเธอวิ่งออกมาจากห้องอาบน้ำ แล้วเธอก็ลื่นล้ม รู้สึกว่าเธอเหมือนผีเข้า

"ฉัน……ฉัน……" เฉินฮวนฮวนบิดตัวไปมา มืออีกข้างที่ไม่โดนดึงไว้ก็พยายามปกปิดร่างกายตัวเอง

การกระทำของเธอแบบนี้ ทำให้เฟิงหานชวนเข้าใจ เธอไม่อยากให้เขาเห็นเธอใส่ชุดนอนกระโปรงนี้

"มองผม!" เฟิงหานชวนพูดเสียงเข้ม

เฉินฮวนฮวนสยบกับความเกรงขามของเขา จึงยอมมองสบตาเฟิงหานชวน ดวงตาที่ไร้เดียงสาคู่นั้นเหมือนกำลังเขียนไว้ "คุณอยากทำอะไร?"

"ผมเป็นใครสำหรับคุณ?" เขาเอ่ยถาม

เฉินฮวนฮวนอึ้งไปชั่วขณะ กำลังจะตอบคำถามเฟิงหานชวน แต่กลับรู้สึกว่านั่นไม่ใช่คำตอบ

เพราะ เฟิงหานชวนถามว่า เขาเป็นใครสำหรับเธอ

ใครงั้นเหรอ?

"คุณเป็น……สามีทดลองของฉัน?" เฉินฮวนฮวนตอบอย่างกำกวม ไม่แน่ใจว่าเฟิงหานชวนอยากได้คำตอบนี้หรือเปล่า

"ในเมื่อเป็นสามีคุณ งั้นคุณก็แค่ใส่ชุดนอนต่อหน้าผม ทำไมต้องปิดบังด้วย?" เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเธออาย เขาเข้าใจ แต่ปฏิกิริยาของเธอเมื่อกี้ กลับเหมือนโจรอย่างนั้น

เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่ค่อยสบอารมณ์

"ฉัน……ฉัน……" เฉินฮวนฮวนโดนเขาดักทางจนไม่รู้จะพูดยังไง

เธออยากพูดกับเขาว่า คุณเป็นปีศาจ ฉันกลัวว่าคุณจะทำอะไรฉัน ก็เลยไม่กล้าใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นต่อหน้าคุณ

แต่ว่า เธอพูดไม่ได้ ทำได้แค่พึมพำกับตัวเอง

"ในเมื่อผมสัญญากับคุณแล้ว ถ้าคุณไม่อนุญาต ผมก็จะไม่ทำอะไรคุณ งั้นผมก็ต้องรักษาคำพูดแน่นอน คุณไม่เชื่อใจผมเลยเหรอ?"

เฟิงหานชวนถามอย่างโมโห แล้วปล่อยมือเฉินฮวนฮวน หันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า จากนั้นจึงเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ในนั้นนอกจากชุดสูทของเขา ก็เหลือแค่ชุดนอนขาดๆกับเสื้อคลุมขาดๆของเธอ

เหมือนที่เฉินฮวนฮวนทำ เธออยากวิ่งพุ่งมาที่ตู้เสื้อผ้า แล้วเอาเสื้อคลุมมาใส่ทับชุดนอนกระโปรงไว้

ความคิดของเธอ เขาเดาออกด้วยซ้ำ

เฟิงหานชวนเอาเสื้อคลุมออกมา แล้วโยนไปให้เฉินฮวนฮวน จากนั้นค่อยก้าวเดินไปที่เธอ ในแววตามีความโมโหเล็กน้อย

"คุณ……คุณจะไม่ทำอะไรฉันจริงๆใช่ไหม?" เฉินฮวนฮวนเห็นว่าตัวเองเชื่อคำพูดของเฟิงหานชวน จนรู้สึกว่าเขาไม่ได้โกหกเธอ

ถ้าเขาพูดจริง เพราะว่าเธออยู่ตระกูลเฟิง เขาเลยไม่กล้าทำอะไร?

"คุณจะให้ผมยืนยันอีกกี่ครั้ง?" เฟิงหานชวนโมโหจริงๆ แต่เขาพยายามควบคุมอารมณ์ไว้

"ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เมื่อกี้ฉันแค่กังวล ก็เลย……งั้นฉันเชื่อคุณ ฉันขอตัวไปนอนก่อนแล้วกัน" เฉินฮวนฮวนเม้มปาก พูดอย่างติดๆขัดๆจนจบ จากนั้นจึงเอาเสื้อคลุมไปที่ตู้เสื้อผ้า

เธอแขวนเสื้อคลุมกลับไปที่เดิม แล้วปิดประตูตู้เสื้อผ้า พอหันกลับมา จึงเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวน แล้วสบตากับเขาพอดี

อยู่ๆเขาก็เริ่มเสียใจที่พูดไปอย่างนั้น

เขาพูดว่า ถ้าฮวนฮวนไม่อนุญาต ก็จะไม่ทำอะไรเธอ แต่ตอนนี้……

เฟิงหานชวนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ แล้วบวกกับผ้าตาข่ายสีม่วงอ่อนนี้ ให้ความรู้สึกคลุมเครือที่เหมือนมองทะลุได้ สะกิดต่อมอารมณ์เขามาก

เขารู้สึกคอแห้งมาก

หลังจากเฉินฮวนฮวนได้ยิน เธอก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

เฟิงหานชวนเป็นคนที่ชอบควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือ แม้แต่เธอไปที่ไหน ทำอะไร ก็จะตรวจสอบ

ถ้าเธอขยับตัวไปที่ไหน เขาก็จะรู้ได้ในทันที แบบนี้เธอก็ไปจากบ้านตระกูลเฟิงไม่ได้แล้วสินะ?

“ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจติดตามคุณ” เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเฉินฮวนฮวนเริ่มไม่ค่อยดีนัก เฟิงหานชวนจึงรีบกล่าวออกไปว่า “เพราะว่าจิ่นซิวบอกว่า หลี่ซูฉินเป็นแม่แท้ๆ ของลูกชายคนสุดท้องของตระกูลเยี่ย ผมรู้ว่าลูกชายคนสุดท้องของตระกูลเยี่ยชื่อเยี่ยจิ่งเฉิน ดังนั้นจึงให้เขาตรวจสอบกล้องวงจรปิด"

“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เมื่อกี้ผมอยากถามคุณว่า คุณยังรู้สึกอะไรกับเยี่ยจิ่งเฉินหรือเปล่า”

ขณะที่เฉินฮวนฮวนฟังคำอธิบายของเฟิงหานชวน ฟันของเธอกัดริมฝีปากแน่น เหงื่อไหลออกมาจากฝ่ามือ เธอรู้สึกได้ถึงเพียงความกดดันเท่านั้น

“ไม่ ฉันไม่รู้สึกอะไรกับเยี่ยจิ่งเฉินมาเป็นเวลานานแล้ว ฉันจะเอาผู้ชายแบบนั้นมาไว้ในใจได้อย่างไร ? ” ยังไง เฉินฮวนฮวนก็ไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้เป็นเด็ดขาด

ในใจเธอไม่ได้มีเยี่ยจิ่งเฉินเลยสักนิด และไม่ได้เป็นเพราะเยี่ยจิ่งเฉิน เธอถึงไปเยี่ยมหลี่ซูฉิน

“เมื่อก่อนป้าหลี่ดีกับฉันมาก เธอบอกว่าเธอเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งเต้านม และหวังว่าฉันจะไปเยี่ยมเธอ ฉันถึงไปหาเธอ หลังจากที่ฉันไปถึง ฉันพบว่าเธออยู่โรงพยาบาลคนเดียวและไม่มีคนดูแล ฉันจึงโทรไปต่อว่าเยี่ยจิ่งเฉิน”

“อาจเป็นเพราะเยี่ยจิ่งเฉินและเฉินซินโหรวถูกทำร้ายเลยเข้ามาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน หลังจากที่โทรหาเยี่ยจิ่งเฉินแล้ว เขาก็มาถึงห้องของป้าหลี่ในทันที นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด”

“ถ้าไม่เชื่อที่ฉันพูด คุณสามารถย้อนไปตรวจสอบบทสนทนาของฉันกับป้าหลี่ได้ สำหรับคุณแล้ว มันเป็นเรื่องง่ายมากไม่ใช่เหรอ ”

“เหตุผลที่ฉันไม่ได้บอกคุณเพราะฉันขี้เกียจอยากอธิบาย การอธิบายมากเกินไปก็ไม่ดี”

“อย่างไรก็ตาม ฉันไม่มีเยี่ยจิ่งเฉินอยู่ในใจ ฉันไม่จำเป็นต้องโกหกคุณในเรื่องนี้”

“ถ้าฉันยังชอบเยี่ยจิ่งเฉิน ฉันจะยอมให้คนของคุณทำร้ายเขาจนได้รับบาดเจ็บขนาดนี้เหรอ ?”

ในประโยคสุดท้ายที่เฉินฮวนฮวนถามกลับ มันทำให้เฟิงหานชวนหวนคิดขึ้นมาในทันที

สิ่งที่เฉินฮวนฮวนพูดก็ไม่ผิด ถ้าเธอยังชอบเยี่ยจิ่งเฉินอยู่ เธอคงไม่ยอมให้คนของเขาทุบตีเยี่ยจิ่งเฉินอย่างแน่นอน

“เป็นเพราะผมคิดมากเกินไป ” เฟิงหานชวนรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาจับมือเฉินฮวนฮวนขึ้นมาและกำลังจะจูบหลังมือของเฉินฮวนฮวน

แต่ว่าเฉินฮวนฮวนดึงมือของเธอกลับด้วยความตกใจ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดระแวง

เฟิงหานชวนรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเมื่อกี้ที่เขาใช้ความรุนแรงกับเธอ เธอคงไม่ระแวงเขามากขนาดนี้

“คุณไปอาบน้ำเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปค่ายฝึกอีกใช่ไหม ?” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเขาและเฉินฮวนฮวนต้องค่อยเป็นค่อยไป จะรีบร้อนไม่ได้

ตอนนี้ ทั้งสองต้องแยกกันเป็นเวลาครึ่งเดือนและดีกว่าที่ทั้งคู่ต้องไปแต่งงานใหม่ รอให้เฉินฮวนฮวนกลับมาหลังจากครึ่งเดือน คงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป

ถึงเวลานั้นพวกเขาจะได้นอนบนเตียงเดียวกันทุกวันและความสัมพันธ์ก็คงจะค่อยๆกระชับมากขึ้น

“อืม ” เฉินฮวนฮวนเพียงแค่พยักหน้า จากนั้นรีบลุกขึ้นและเข้าห้องน้ำไป

เธอกลัวว่าเฟิงหานชวนจะเข้ามาทำอะไรบางอย่างจึงล็อกประตูห้องน้ำเป็นอย่างดี แต่เธอก็กลัวว่าเฟิงหานชวนจะมีกุญแจ เธอจึงรีบถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำ

อย่างไรก็ตาม เธอกังวลมากจนเกินไป หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอจึงพบว่าตัวเองไม่ได้หยิบชุดนอนเข้ามาด้วย อีกอย่างในห้องน้ำมีแต่ผ้าเช็ดหน้า ไม่มีผ้าเช็ดตัวสำหรับเธอ

เสื้อผ้าที่สกปรกของเธอถูกโยนลงบนพื้น และมันเปียกไปด้วยน้ำ และไม่มีทางที่เธอจะสวมมันได้อีก

เฉินฮวนฮวนกังวลมากจนเหงื่อออกที่หน้าผาก

เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนยังอยู่ในห้องนี้ เขาน่าจะยังไม่ได้ย้ายไปนอนที่ห้องนอนแขก แต่ถ้าเธอออกไปเอาเสื้อผ้าในสภาพนี้ แน่นอนว่าไม่ได้เด็ดขาด

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ นอกจากจะต้องเดินไปที่ประตูห้องน้ำด้วยก้าวเล็กๆ ของเธอ เธอเคาะประตูจากด้านใน แล้วถามอย่างเสียงเบาว่า “เฟิงหานชวน คุณอยู่หรือเปล่า?”

เฟิงหานชวนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาและดูข่าวสารบนโทรศัพท์มือถือของเขา แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงยุงร้อง มันเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นนั้นเอง ถ้าไม่ใช่เพราะหูที่ดีของเขา เขาก็คงฟังไม่เข้าใจ

ดูเหมือนว่าเมื่อกี้เธอจะถามว่าเขาอยู่หรือเปล่า ?

ผู้หญิงคนนี้กำลังอาบน้ำอยู่ข้างใน และบังเอิญเรียกหาเขา มันเป็นไปได้ไง…

ขณะที่เฟิงหานชวนกำลังคิดสงสัยอยู่ เฉินฮวนฮวนรู้สึกเหมือนจะรอเก้อ เธอคิดในใจเฟิงหานชวนไม่ได้ตอบเธอ หรือว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว ?

หรือว่าเขากลับไปที่ห้องข้างๆ แล้ว?

แต่ว่าเฉินฮวนฮวนก็ไม่กล้ายืนยัน เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเพิ่มระดับเสียงและถามขึ้นอีกครั้งว่า "เฟิงหานชวนคุณอยู่ในห้องนอนหรือไม่ ? "

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนถาม เขาก็หลับตาแน่น สวดภาวนาในใจเงียบๆ และหวังว่าอย่าได้มีเสียงใครตอบกลับมา

“ว่าไง” จู่ๆ เสียงผู้ชายก็ดังขึ้น

เฉินฮวนฮวนตกใจ เธอลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว และเห็นเงาดำของชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ เขาคือเฟิงหานชวน!

“คุณ คุณ… คุณอยู่ในห้องนอนหรือเปล่า” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างรุนแรง

“คุณเรียกผมไม่ใช่เหรอ?” เฟิงหานชวนรู้สึกงงงวย

“เอ่อ…” เฉินฮวนฮวนเพิ่งจะนึกคำพูดแรกของเธอได้ พูดออกไปด้วยความจำใจ “ฉันลืมหยิบชุดนอนมา คุณช่วยหยิบชุดนอนจากตู้เสื้อผ้ามาให้หน่อยได้ไหม”

เธอไม่กล้าปล่อยให้ปีศาจอย่างเฟิงหานชวนหยิบชุดนอนให้ แต่เธอก็ไม่สามารถรออยู่แบบนี้ได้ ถ้าไม่ให้เฟิงหานชวนหยิบชุดนอนมาให้ เธอก็ออกจากที่นี่ไม่ได้

เฟิงหานชวนเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง

“แป๊บหนึ่ง” เฟิงหานชวนตอบเบา ๆ จากนั้นหันหลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า

ในตู้เสื้อผ้า เหลือเพียงชุดนอนตัวเดียวที่ชำรุด ดูแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่าเฉินฮวนฮวนเอามาจากบ้านตระกูลเฉิน

เมื่อคืนเขาจำได้ว่าชุดที่เฉินฮวนฮวนใส่เป็นชุดเดรส แต่ชุดเดรสนั้นซักไปแล้ว และชุดนอนที่นายท่านให้มา เธอก็ยกให้เฉินนานาหมดแล้ว

เฟิงหานชวนหลับตาลงแล้วคิดแล้วคิดอีก ไม่ง่ายที่จะมีโอกาสแบบนี้ และมันเป็นคืนสุดท้ายในการแยกกันนอนของทั้งสอง… เป็นไปได้เหรอที่เขาจะอยากเห็นเฉินฮวนฮวนห่อตัวเองเหมือนข้าวต้มมัด

ดังนั้น เฟิงหานชวนจึงมองไปที่เป้าหมายของเขา มีกองถุงช้อปปิ้งอยู่ในมุมห้อง

เขาให้คนส่งเสื้อผ้าผู้หญิงไซส์ S ของแบรนด์วีวี่ทั้งหมดไปที่บ้านตระกูลเฟิง ชุดของแบรนด์วีวี่ เป็นชุดสำหรับสตรีที่ให้ความหรูหราและก็เบาสบาย มีสินค้าตั้งแต่เครื่องประดับยันเสื้อผ้าและชุดนอน ฯลฯ

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เฟิงหานชวนเดินไปที่มุมห้อง นั่งลงแล้วหยิบเสื้อผ้าในถุงช้อปปิ้งออกมามองหาชุดนอน

เฉินฮวนฮวนกอดร่างกายของตัวเอง เธอยืนอยู่ข้างประตูและรออยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่ได้รับชุดนอนจากเฟิงหานชวนสักที เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล

เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนกำลังคิดเล่นอะไรอยู่ เขาคงไม่ได้กำลังคิดวางแผนแกล้งเธอใช่ไหม?

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนซีดและเธอถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา "เฟิงหานชวน คุณ… คุณหยิบชุดนอนให้ฉันหรือยัง ? "

เธอกำลังสงสัย หรือว่าเฟิงหานชวนรู้ว่าเธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลยตั้งใจไม่หยิบชุดนอนให้เธอ ?

“รอแป๊บหนึ่ง กำลังหาอยู่ ” เฟิงหานชวนกำลังยุ่งอยู่กับการรื้อถุงช้อปปิ้ง

ขณะที่เขากำลังตอบเฉินฮวนฮวน เขาเจอกระโปรงตัวเล็กๆ หนึ่งตัวจึงรีบหยิบขึ้นมาดู

นี่คือกระโปรงชุดเดรสสีลาเวนเดอร์ที่มีสีสดใสมาก แต่กระโปรงสั้นมากข้างในมีซับในและข้างนอกถูกออกแบบด้วยผ้าชีฟอง

เฟิงหานชวนหยิบป้ายขึ้นมาดูแป๊บหนึ่งและแน่นอนว่ามันคือชุดนอน

เมื่อสบตากับดวงตาดำขลับฉายแววเคร่งขรึมดุดันคู่นั้น พร้อมกับคำถามของเขา เฉินฮวนฮวนมั่นใจว่าเขารู้แล้ว

ทันใดนั้น เธอร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ น้ำตาไหลไม่ยอมหยุด ร่างกายสั่นระริกไปทั้งร่าง ราวกับว่าอีกไม่นานตัวเองจะพบสิ่งเดียวกันกับหลิ่วเยว่เอ่อร์และซูเสวี่ย

“คุณจะร้องทำไม!” เฟิงหานชวนมองหญิงสาวที่น้ำตาคลอเบ้าตรงหน้าเขา ความกรุ่นโกรธทั้งหมดก็หายไปในทันที แม้กระทั่งหัวใจของเขาก็บีบแน่นจนรู้สึกเจ็บ

เขาแค่ถามเธอ เธอก็ร้องไห้หนักขนาดนี้เลย?

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเห็นเธอร้องไห้ เขาทนไม่ได้ที่จะถามเธออีก

“คุณรู้แล้วใช่ไหม เฟิงหานชวน คุณอย่าทำอะไรเธอได้ไหม คุณปล่อยเธอได้ไหม ฉันขอร้องคุณล่ะ เราไม่เคยยุ่งกับคุณ ทำไมคุณต้องทำกับเธอขนาดนี้…” เฉินฮวนฮวนร้องไห้สะอึกสะอื้น

เธอเห็นใจหลิ่วเยว่เอ่อร์ และปีศาจร้ายก็อยู่ตรงหน้าเธอ ตัวเธอเองก็กลัวจนพูดจาไม่เป็นขั้นเป็นตอน นอกจากขอความเมตตาจากเขา เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

แต่เฟิงหานชวนกลับนิ่งไป

อย่าทำอะไรเธอได้ไหม ปล่อยเธอไปได้ไหม เธอหมายถึงเรื่องที่ส่งคนไปทำร้ายเยี่ยจิ่งเฉิน?

นึกแล้วเชียว เธอสงสารเยี่ยจิ่งเฉินเข้าแล้ว

ผู้ชายคนนั้น ทั้งไม่เอาไหนทั้งไร้ความสามารถ แถมยังนอกใจอีก แม้กระทั่งถ่ายรูปของพวกเขามาข่มขู่ ทำไมเฉินฮวนฮวนยังคิดถึงเขาอยู่

“คุณบอกว่าขอบคุณผมไม่ใช่เหรอ คุณมีความสุขมากไม่ใช่เหรอ” เฟิงหานชวนกำลังโกรธเหมือนไฟสุมอก เขาตะคอกใส่เฉินฮวนฮวน

เมื่อออกจากบ้านตระกูลเฟิง เขารู้สึกได้ว่าเธอมีความสุข หรือว่าทั้งหมดนี้เธอเสแสร้งอย่างนั้นเหรอ

หรือบางที สิ่งที่เธอมีความสุขคือการได้คฤหาสน์ของแม่กลับมา และลงโทษคนตระกูลเฉิน ทว่าความจริงแล้วในใจเธอสงสารเยี่ยจิ่งเฉินมาโดยตลอด

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินเสียงตะคอกที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธของเฟิงหานชวน เธอนิ่งชะงักไปทันที

เฟิงหานชวนพูดขอบคุณเรื่องอะไร เขาหมายความว่า เขาช่วยเธอลงโทษคนตระกูลเฉิน และช่วยเธอแย่งคฤหาสน์กลับคืนมา ดังนั้นเธอต้องขอบคุณเขา?

“คุณ…คุณอยากให้ฉันขอบคุณคุณยังไง” เสียงของเฉินฮวนฮวนสั่นเครือเล็กน้อย

เดิมทีในใจเธอรู้สึกขอบคุณเฟิงหานชวนมาก ทว่าหลังจากรู้สิ่งที่เขาทำกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอก็เหลือเพียงความหวาดกลัวให้กับเฟิงหานชวนเท่านั้น

ดังนั้นตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนพูดเรื่องขอบคุณขึ้นมา เขาต้องการทำอะไร

“ขอบคุณทำไม” ใบหน้าของเฟิงหานชวนอึมครึมยิ่งกว่าเดิม

มากจนกระทั่งคุกรุ่นเป็นพิเศษ

เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นสีหน้าของเขา ร่างกายของเธอสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เธอรีบหลับตาลง

เฟิงหานชวนเพียงรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ เขาช่วยเธอ และปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี แต่เธอกลับไม่อยากมองเขาสักนิดเลยเหรอ

เขาหัวเราะเย้ยหยันตัวเองออกมา เฟิงหานชวนปล่อยหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะหมุนตัวเดินไปที่ห้องน้ำ

เมื่อเห็นแผ่นหลังของเฟิงหานชวน ทันทีที่ประตูปิดลงดัง “ปัง” ขาทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนอ่อนปวกเปียก และทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้นด้วยความหวาดกลัว

……

เฟิงหานชวนอาบน้ำเย็นในห้องน้ำ พยายามระงับอารมณ์หงุดหงิดและความเดือดดาลภายในใจ

เขาทำได้เพียงปลอบใจตัวเองว่า เมื่อคืนเฉินฮวนฮวนเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นสามีของเธอ จะให้เธอตกหลุมรักเขาเพียงชั่วข้ามคืน ความเป็นไปได้แทบจะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเอาเสียเลย

ดังนั้น เขาไม่สามารถรุนแรงกับเธอขนาดนั้น และยิ่งไม่สามารถโมโหใส่เธอ

ยิ่งโมโหและรุนแรงมากเท่าไร ก็ยิ่งผลักเฉินฮวนฮวนให้ไกลออกไปมากขึ้นเท่านั้น

เยี่ยจิ่งเฉินเป็นเพียงคนหนึ่งที่บังเอิญพบเฉินฮวนฮวนก่อนเขาเท่านั้นเอง เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะแพ้ให้กับเยี่ยจิ่งเฉิน

หลังจากสวมชุดคลุมอาบน้ำออกมา เฟิงหานชวนเห็นเฉินฮวนฮวนนั่งเหม่ออยู่บนพื้นหน้าประตู เขาสาวเท้าเดินไปหา และก้มลงช้อนตัวเธออุ้มขึ้นมา

เมื่อเฉินฮวนฮวนกลับมารู้สึกตัว เธอก็ถูกอุ้มลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อเห็นใบหน้าของเฟิงหานชวน เธอถึงกับกรีดร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ

เฟิงหานชวนไม่สนใจเธอ เขาอุ้มเธอมานั่งบนโซฟา จากนั้นเขาจึงย่อตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าเธอ

เฉินฮวนฮวนคิดว่าตัวเองจะถูกเฟิงหานชวน…แต่ใครจะรู้ เฟิงหานชวนกลับไม่ได้ทำอะไรเกินเลย แถมยังเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน

สีหน้าของเขาอ่อนโยนลงมาก ไม่เคร่งขรึมดุดันเหมือนก่อนหน้านี้ แม้แต่เฉินฮวนฮวนยังสงสัยว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเธอได้เปลี่ยนจิตวิญญาณไปแล้ว

“ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมไม่ควรโมโหใส่คุณ” เฟิงหานชวนพยายามใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลมากที่สุด เขาแตกต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง

เฉินฮวนฮวนนิ่งไป และตกใจเล็กน้อย ตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังขอโทษเธอเหรอ

นี่คือเฟิงหานชวนคนที่หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดจริงๆ เหรอ

“คุณ…” เฉินฮวนฮวนอ้าปากจะถาม แต่ก็ไม่กล้าถามเรื่องนี้

เธอไม่สามารถถามได้ หากเรื่องนั้นเป็นความจริง ถ้าเธอถามออกไปจะทำร้ายหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้

“เพราะว่าคุณหลอกผม ผมก็เลยโกรธมาก ตอนนี้ผมจะถามคุณตามตรง ในใจคุณยังมีเยี่ยจิ่งเฉินอยู่ใช่ไหม” เฟิงหานชวนรู้สึกอึดอัดที่เก็บมันไว้ในใจ เขาจึงถามออกไปตามตรง

เรื่องนี้จำเป็นต้องหาทางออก ยิ่งยืดเวลาออกไปมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่ดีมากเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่อยากพูดถึงชื่อเยี่ยจิ่งเฉิน แต่เขาจำเป็นต้องให้เฉินฮวนฮวนพูดออกมาด้วยตัวเอง

“หะ? เยี่ยจิ่งเฉิน?” เฉินฮวนฮวนตกตะลึงในทันที ในหัวสมองสับสนวุ่นวายไปหมด

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ หรือว่าเรื่องที่เฟิงหานชวนหมายถึงหลอกเขา ไม่ใช่เรื่องหลิ่วเยว่เอ่อร์

ทำไมจู่ๆ เขาพูดถึงเยี่ยจิ่งเฉินขึ้นมา

“ทำไมตอนบ่ายคุณไปเยี่ยมแม่ของเยี่ยจิ่งเฉิน แต่กลับปิดบังผม แถมยังไม่ยอมให้ซูอวี่ตามไป” คำพูดของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความหึงหวง

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนตกใจ ที่แท้เรื่องถูกหลอกที่เฟิงหานชวนหมายถึงคือเรื่องนี้นี่เอง

“หรงจิ่นซิวบอกว่าเห็นคุณที่โรงพยาบาล พบว่าชื่อของคนไข้ที่คุณมาเยี่ยมคือหลี่ซูฉิน แม่แท้ๆ ของเยี่ยจิ่งเฉิน” ใบหน้าของเฟิงหานชวนอึมครึมลง น้ำเสียงก็ทุ้มต่ำลงมากเช่นกัน “เขานอกใจไปกับเฉินซินโหรวตั้งนานแล้ว คุณกลับยังไปเยี่ยมแม่ของเขา ถึงขนาดอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขาด้วยกัน คุณยังมีเขาอยู่ในใจ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำมาพร้อมกับความผิดหวัง

เฟิงหานชวนเพียงเกลียดตัวเองที่ไม่ได้พบเฉินฮวนฮวนเร็วกว่านี้ และไม่ได้ครอบครองพื้นที่ในหัวใจเธอก่อนเยี่ยจิ่งเฉิน

“ไม่ ไม่ใช่นะ” เฉินฮวนฮวนโผล่งออกไป นี่เป็นปฏิกิริยาแรกของเธอ

ในใจของเธอยังมีเยี่ยจิ่งเฉินได้อย่างไร เธอเห็นเยี่ยจิ่งเฉินก็แทบจะอาเจียนออกมาแล้ว

“ไม่ว่าจะทดลองแต่งกันหรือไม่ ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ระหว่างสามีภรรยาไม่ควรมีความลับต่อกัน” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนปากไม่ตรงกับใจ น้ำเสียงของเขาจริงจังมากยิ่งขึ้น

เฉินฮวนฮวนไม่สนว่าเฟิงหานชวนเป็นคนอย่างไร แต่เธอตั้งใจจะอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดว่า ในใจของเธอไม่มีเยี่ยจิ่งเฉินแล้วจริงๆ

ทว่า เมื่อเธออ้าปากจะอธิบาย จู่ๆ เธอก็สังเกตเห็นบางอย่าง เธอขมวดคิ้วเข้ากันทันที และถามขึ้นว่า “คุณส่งคนสะกดรอยตามฉัน?”

ไม่อย่างนั้น เฟิงหานชวนจะรู้ได้อย่างไรว่า เธอกับเยี่ยจิ่งเฉินอยู่เป็นเพื่อนหลี่ซูฉินด้วยกัน

ขณะที่เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เธอบังเอิญพบกับหรงจิ่นซิวที่หน้าประตู หรงจิ่นซิวคงไม่ตรวจสอบบันทึกการเยี่ยมของเธอ และไม่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหรอกใช่ไหม

นี่คงไม่วุ่นวายกับเธอมากเกินไป หรือว่ามีวัตถุประสงค์อื่นกับเธอหรอกใช่ไหม

“ผมเปล่า” เฟิงหานชวนปฏิเสธ แต่เขายอมรับว่า “ผมไม่ได้ส่งคนสะกดรอยตามคุณ แต่ผมให้หรงจิ่นซิวตรวจสอบกล้องวงจรปิดคุณที่โรงพยาบาล

เมื่อเฉินฮวนฮวนกลับถึงบ้าน ก็พบว่านายท่านเฟิงกับเฉินนานาไม่อยู่บ้าน มีเพียงแม่บ้านหลี่ที่กำลังทำความสะอาดห้องรับแขก

เธอทักทายแม่บ้านหลี่และขึ้นไปบนห้องเพื่อเก็บสัมภาระ

เมื่อเธอเปิดกระเป๋าเดินทางออก เห็นเสื้อผ้าเก่าอยู่ข้างใน เธอหันศีรษะและมองไปที่กองถุงช้อปปิ้งที่อยู่มุมห้อง

เธอลืมไปว่าไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้า

ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ไปห้างสรรพสินค้าตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วลังเลใจว่าจะรับของของเฟิงหานชวนดีไหม

เธอตัดสินใจแล้วว่า หลังจากกลับจากค่ายฝึกเธอจะย้ายออกจากบ้านตระกูลเฟิง เธอไม่อยากมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเฟิงหานชวนมากไปกว่านี้

แต่ว่า ถ้าเธอไม่สวมเสื้อผ้าแบรนด์วีวี่ สวมเสื้อผ้าของตัวเอง เธอต้องทำให้เกาเหวินอับอายแน่ๆ

หลังจากคิดแล้วคิดอีก เฉินฮวนฮวนก็ตัดสินใจหยิบเสื้อผ้าสามชุดใส่ลงในกระเป๋าเดินทาง แล้วเตรียมของใช้จำเป็น

แม้ว่าเธอจะไม่ได้พกอะไรไปมาก แต่เธอก็ใช้เวลาจัดกระเป๋าไปสักพัก บวกกับวันนี้ที่เดินทั้งวัน เธอเหนื่อยล้าจนนั่งลงกับพื้น

สิ่งที่เหนื่อยที่สุดไม่ใช่ความเหนื่อยล้าทางกาย แต่เป็นความกลัวทางใจ

ไม่รู้ว่าเธอนั่งไปนานแค่ไหน จนกระทั่งประตูถูกเคาะ เฉินฮวนฮวนกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และมองที่ประตูด้วยสายตาที่ตกใจ

เธอไม่รู้ว่าใช่เฟิงหานชวนกลับมาหรือเปล่า เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา…

“ฮวนฮวน มื้อเย็นเสร็จแล้ว คุณเก็บของเสร็จหรือยัง” เสียงที่อ่อนโยนของแม่บ้านหลี่ดังขึ้น

เฉินฮวนฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว เดินไปที่ประตู เปิดประตูและกล่าวว่า: "ฉันเพิ่งเก็บของเสร็จ แม่บ้านหลี่ นายท่านกับนานากลับมาหรือยัง?”

“พวกเขาไม่กลับมาทานมื้อเย็นที่บ้าน คุณชายสามก็เช่นกัน” แม่บ้านหลี่ยิ้ม

“โอเค งั้นเราลงไปทานข้าวพร้อมกันเถอะ” เฉินฮวนฮวนรีบพยักหน้าตอบ

หลังทานเสร็จ เฉินฮวนฮวนช่วยแม่บ้านหลี่ล้างจาน เดินออกจากห้องครัว กำลังจะขึ้นไปอาบน้ำแล้วพักผ่อน ทันใดนั้นก็เจอเฟิงหานชวนที่กลับมาพอดี

เฉินฮวนฮวนเหลือบมองนาฬิกาในห้องนั่งเล่นอย่างไม่รู้ตัว เพิ่งสองทุ่ม ทำไมเฟิงหานชวนถึงกลับมาแล้ว?

เขาไปงานเลี้ยงตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอ? งานเลี้ยงน่าจะกลับมาตอนดึกๆไม่ใช่เหรอ?

ทำไมเฟิงหานชวนถึงกลับมาอย่างกะทันหัน?

คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของเฉินฮวนฮวน เธอมองไปที่เฟิงหานชวนที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องนั่งเล่นด้วยสายตาตื่นตระหนกและก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของเฉินฮวนฮวน อารมณ์ที่ไม่ดีของเฟิงหานชวนเริ่มโกรธมากขึ้น

ตอนแรกเฉินฮวนฮวนยอมรับเขาแล้ว แต่เมื่อตอนบ่ายไปหาหลี่ซูฉิน พอมาเจอตอนค่ำอีกที ราวกับว่าเธอเปลี่ยนเป็นคนละคน

เธอรู้สึกเสียใจต่อเยี่ยจิ่งเฉินงั้นเหรอ?

เมื่อเฟิงหานชวนนึกถึงเรื่องนี้ ก็เดินไปหาผู้หญิงที่ยืนอยู่บนบันได เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเขากำลังเดินเข้ามาหา เธอรีบหดตัวลงด้วยความกลัว

แต่ว่า เท้าทั้งสองข้างดูเหมือนจะแข็ง ไม่สามารถก้าวไปได้สักก้าว ยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม จนกระทั่งเฟิงหานชวนยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

“คุณ… คุณกลับมาแล้วเหรอ?” เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามแกล้งทำเป็นสงบ

เธอรู้เกี่ยวกับความลับของเขา ห้ามให้เฟิงหานชวนรู้ ไม่งั้นเฟิงหานชวนต้องเดาออกว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์เป็นคนบอกเธอ เพราะเฟิงหานชวนรู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์คือเพื่อนของเธอ อีกอย่างวันนี้คนที่เธอไปเยี่ยมก็คือหลิ่วเยว่เอ่อร์

ดังนั้น เธอต้องห้ามตื่นตระหนก มิฉะนั้นหลิ่วเยว่เอ่อร์จะตกอยู่ในอันตราย

“ทานข้าวเสร็จแล้วเหรอ?” เฟิงหานชวนไม่พูดอะไรมาก และถามอย่างแผ่วเบาเหมือนปกติ

“อืม เพิ่งทานเสร็จ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถาม: “คุณไปงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอ? ทำไมกลับมาเร็วจัง?”

“ผมรีบกลับมาอยู่กับคุณ ดีใจไหม?” เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนไม่ดีใจ

“ห้ะ?” เฉินฮวนฮวนตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นหัวใจของเธอก็เต้นแรงอย่างกะทันหันเพราะความกลัว และใบหน้าก็ซีดลง

ถ้าเฟิงหานชวนพูดกับเธอแบบนี้ก่อนที่เธอจะรู้ความจริง เธอคงจะเขินอายจนหน้าแดง แต่ตอนนี้ ความหมายของคำว่า “อยู่กับเธอ” เธอไม่กล้าคิดไปไกล

“ทำไม ไม่ดีใจเหรอ?” เฟิงหานชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตาที่เย็นชา

เธอมีความสุขตอนอยู่กับเยี่ยจิ่งเฉินที่โรงพยาบาล? เขากลับมาแต่เร็วพื่ออยู่กับเธอ เธอกลับปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้?

“ไม่ ไม่ใช่ ฉันแค่กลัวว่าจะทำให้คุณเสียเวลา คุณกลับมาดึกๆก็ได้ ฉันโตขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องมีคนอยู่ด้วยหรอก” เฉินฮวนฮวนพูดอย่างตะกุกตะกะ ในคำพูดเต็มไปด้วยความห่างเหิน

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและจ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา

เฉินฮวนฮวนถูกจ้องจนขนลุก เธออยากหนีจากบรรยากาศแบบนี้ รีบถามว่า: "คุณ…คุณทานมื้อเย็นหรือยัง?"

“ยัง” เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา

เขาจะมีอารมณ์ทานข้าวได้อย่างไร? เขาดีกับเฉินฮวนฮวนขนาดนี้ แต่ในใจผู้หญิงคนนี้ยังคงคิดถึงแต่เยี่ยจิ่งเฉิน!

“ฉันเพิ่งทานพร้อมแม่บ้านหลี่ คุณอยากทานอะไรไหม? เดี๋ยวฉันไปทำให้” เฉินฮวนฮวนถามอย่างระมัดระวัง

“ผมไม่หิว” เฟิงหานชวนยังคงมีน้ำเสียงเย็นชา

“ถ้างั้น…ถ้างั้น…” เฉินฮวนฮวนไม่รู้จะพูดอะไรเลย

“ขึ้นไปข้างบนเถอะ” เฟิงหานชวนมองเธออย่างเฉยเมย จากนั้นเดินผ่านเธอและเดินขึ้นบันได

เฉินฮวนฮวนมองไปที่แผ่นหลังของเฟิงหานชวน หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น เมื่อนึกถึงพวกเขาสองคนต้องอยู่ในห้องเดียวกัน เธอกลัวเฟิงหานชวนจะทำอะไร…

แต่ว่า เธอไม่สามารถแสดงสิ่งที่เธอรู้สึกได้ เธอต้องไม่แสดงความกลัวออกมา เพราะพวกเขากำลังเข้ากันได้อย่างกลมกลืน เธอสงบสติอารมณ์

ที่นี่คือบ้านตระกูลเฟิง ไม่ใช่บลูส์คลับ ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะนายท่านเฟิงอยู่ เฟิงหานชวนจึงไม่กล้าทำอะไรเธอ ไม่งั้นคงมาพูดถึงการทดลองอยู่ก่อนแต่ง

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฉินฮวนฮวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและสาวเท้าขึ้นบันได

เมื่อเธอเข้าไปในห้องและปิดประตู ทันใดนั้นเงาสีดำก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอ จากนั้นก็ถูกต้อนไปที่ประตู ความรู้สึกกลัวก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเธอในทันที

“เฟิงหานชวน คุณ…คุณคิดจะทำอะไร?” เสียงของเฉินฮวนฮวนสั่น

ในขณะนี้ หน้าอกที่ร้อนระอุของผู้ชายได้แนบแผ่นหลังของเธอแน่นโดยไม่มีช่องว่างใดๆ แก้มของเธอถูกกดลงที่ประตู รู้สึกทรมานมาก

เกือบจะหายใจไม่ออก

“เฉินฮวนฮวน ผมไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆ!” เฟิงหานชวนแทบจะกัดฟันพูด

เดิมทีคิดว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเยี่ยจิ่งเฉินมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงความเกลียดชัง อย่างน้อยก็ไม่มีความรู้สึกใดๆแล้ว เขาเป็นคนขี้ขลาดที่นอกใจผู้หญิง

แต่คิดไม่ถึง เฉินฮวนฮวนยังคงปล่อยเยี่ยจิ่งเฉินไปไม่ได้

“ไม่…ไม่เข้าใจ? คุณ…คุณหมายความว่าอะไร?” เฉินฮวนฮวนหน้าซีดด้วยความตกใจ

หรือว่าเรื่องที่หลิ่วเยว่เอ่อร์บอกเธอ เฟิงหานชวนรู้แล้ว?

เขารีบกลับมาจากงานเลี้ยง เพื่อจะมาลงโทษเธอ?

“ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ถึงแม้จะเป็นการทดลองอยู่ก่อนแต่ง ผมเคยบอกแล้วว่าระหว่างเราจะไม่มีความลับต่อกัน ทำไมคุณต้องโกหกผม?” เฟิงหานชวนจับไหล่ของผู้หญิง จับเธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา

โรงพยาบาลรุ่ยเอิน ห้องพักผู้ป่วยทั่วไป

เยี่ยจิ่งเฉินไปตักข้าวให้หลี่ซูฉินกลับมา จึงเห็นเฉินซินโหรวนั่งอยู่ข้างเตียงหลี่ซูฉินด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

"เธอมาทำไม!" เยี่ยจิ่งเฉินพุ่งเข้าไป วางกล่องข้าวลงบนโต๊ะ แล้วดึงตัวเฉินซินโหรวออกไป

เขารู้ว่าเฉินซินโหรวรังเกียจแม่เขา ไม่อยากให้ตัวเองสนิทกับหลี่ซูฉินมากนัก เพราะฉะนั้นที่เฉินซินโหรวมาหาแม่ตัวเอง ไม่ใช่แค่มาเยี่ยมแน่นอน

เฉินซินโหรวจะยอมได้ยังไง จึงสะบัดมือเยี่ยจิ่งเฉินออก "เยี่ยจิ่งเฉิน นายมันต่ำ!"

"เฉินซินโหรว เธอห้ามด่าลูกชายฉัน!" สีหน้าหลี่ซูฉินโมโห แล้วชี้หน้าสั่งสอนเฉินซินโหรว

"หลี่ซูฉิน แกต่ำกว่าอีก!" เฉินซินโหรวจ้องผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้า แล้วพูดกัดฟันแน่น "เฉินฮวนฮวนให้คนซ้อมลูกชายตัวเองขนาดนี้ แต่แกยังเรียกมันมา? แล้วยังให้ลูกชายไปส่งมันอีก? แกไม่คู่ควรกับการเป็นแม่ของเยี่ยจิ่งเฉิน แกมันคนต่ำต้อย!"

เสียงดังเปี๊ยะดังสนั่นลั่นห้อง

"อ๊ายยยย เยี่ยจิ่งเฉิน นายกล้าตบฉันเหรอ!" เฉินซินโหรวจับหน้าไว้ แล้วกรี๊ดเสียงดัง

"เฉินซินโหรว เธออย่ามาทำตัวน่าอับอายที่นี่ได้ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันจะโดนซ้อมเหรอ?" เยี่ยจิ่งเฉินนึกถึงหน้าที่บวมช้ำของตัวเอง แล้วสิ่งที่เฉินซินโหรวพูดกับเฟิงหานชวน เขาเก็บกดจนจะเป็นบ้าแล้ว

ก็เหมือนที่เฉินฮวนฮวนพูด บนหัวเขาโดนสวมเขา

"นาย……นายโทษฉันเหรอ?" เฉินซินโหรวยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วชี้หน้าด่าเขา "ถ้าไม่ใช่นายปอดแหก แล้วทำอะไรเฟิงหานชวนไม่ได้ ฉันต้องทนแบบนี้เหรอ?"

"เธอบ้าไปแล้วจริงๆ! เพราะตระกูลเฉินไม่ยุติธรรมกับฮวนฮวนก่อน แล้วเฟิงหานชวนมาแก้แค้นให้ฮวนฮวน จะโทษก็โทษว่าเธอซวย แล้วมาอยู่กับคนอย่างฉัน" เหมือนเยี่ยจิ่งเฉินจะดูถูกตัวเอง แต่ความจริงกำลังพูดเสียดสีเธออยู่

เฉินซินโหรวจะฟังไม่ออกได้ยังไง ตาเธอแดงทั้งสองข้าง แล้วพุ่งไปหาเยี่ยจิ่งเฉินเหมือนคนบ้า เหมือนอยากจะฆ่าเขา

หลี่ซูฉินเป็นห่วงลูกชายตัวเอง เธอจึงลงจากเตียงไปห้ามเฉินซินโหรว แต่เฉินซินโหรวกลับผลักเธอออก

"โอ๊ย!"

หลี่ซูฉิยล้มลงไปกับพื้น เพราะเพิ่งทำการผ่าตัด เธอจึงสลบไปทันที

……

บลูส์คลับ ห้องวีไอพี

หลีซืออวิ๋นเห็นหรงจิ่นซิวกับเฟิงหานชวนคุยกันอยู่ เธอจึงเดินไปหา

เธอนั่งลงข้างเฟิงหานชวน แล้วเอียงตัวไปยิ้มกับทั้งสองคน "พวกนายคุยอะไรกันน่ะ?"

หลีซืออวิ๋นเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลหลี เด็กกว่าเฟิงหานชวนหนึ่งปี เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของโม่เหวินโจว พวกเขารู้จักกันนานแล้ว

"ซืออวิ๋นเธอยังไม่รู้ใช่ไหม?" หรงจิ่นซิวนึกขึ้นได้จึงเอ่ยถาม

"รู้อะไร?" หลีซืออวิ๋นไม่เข้าใจ

ความจริง ถึงพี่ชายโม่เหวินโจวไม่ได้บอกเธอ แต่เธอก็ได้ข่าวคราวมาบ้าง ไม่งั้นคงไม่รีบกลับมาจากต่างประเทศหรอก

อยู่ๆเฟิงหานชวนก็ลุกขึ้น พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ฉันออกไปสูบบุหรี่ก่อน"

ไม่รอพวกเขาตอบ เฟิงหานชวนก็ก้าวเดินออกไปแล้ว

หรงจิ่นซิวขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความผิดปกติ

เมื่อกี้เขายังคุยกับเฟิงหานชวนไม่จบ แล้วอยู่ๆหลีซืออวิ๋นก็มาหา แต่ที่ชัดเจนไปกว่านั้น ตอนที่เขาพูดถึงลูกชายคนเล็กตระกูลเยี่ย สีหน้าเขาก็เริ่มผิดปกติแล้ว

หรือว่าเฉินฮวนฮวนกับลูกชายคนเล็กตระกูลเยี่ย เกี่ยวข้องกัน?

"จิ่นซิว หานชวนเป็นอะไร? ทำไมอยู่ๆเหมือนอารมณ์ไม่ดี? ปกติเขาไม่สูบบุหรี่นะ" สีหน้าหลีซืออวิ๋นเหมือนแย่ลง แต่ความจริงในใจดีใจมาก

หูเธอดี เมื่อกี้ได้ยินที่พวกเขาสองคนคุยกัน อาจจะเป็นภรรยาตอนนี้ของเฟิงหานชวน

ถ้าเป็นแบบนี้ เฟิงหานชวนน่าจะไม่ค่อยพอใจภรรยาคนนั้น? ไม่งั้น อารมณ์ก็คงไม่เสีย

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไร อาจจะทะเลาะกับเมียมั้ง วันนี้มันเลยไม่ได้พาเมียมาด้วย" หรงจิ่นซิวยักไหล่ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

ถึงเขาจะรู้เรื่องของเฟิงหานชวนกับเฉินฮวนฮวน แต่พวกเขาพัฒนาไปถึงขึ้นไหนแล้ว เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

แต่ดูจากตอนนี้ คงไม่ค่อยราบรื่นมากนัก

"ฉันรู้สึกว่านายท่านเฟิงใจร้อนไปหน่อยหรือเปล่า? หานชวนยังไม่สามสิบเลย ท่านยังใจร้อนให้หานชวนแต่งงาน แล้วยังแต่งกับผู้หญิงแบบนั้นอีก?" ตอนที่หลีซืออวิ๋นพูด น้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่พอใจ

หรงจิ่นซิวดันกรอบแว่นขึ้น ฟังออกว่าเธอหมายความว่ายังไง เขาจึงถามกลับว่า "เธอรู้เรื่องนี้?"

"ใช่ สองวันก่อนฉันได้ยินมาจากฉืออวี่ถิง ทีแรกฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน" หลีซืออวิ๋นทัดผม การกระทำดูเป็นผู้ดีมาก

ฉืออวี่ถิงเด็กกว่าเธอสองปี เป็นคุณหนูตระกูลฉือ อยู่ชนชั้นสังคมเดียวกับเฟิงเฉินเหยี่ยน

"ความจริงเรื่องเป็นอย่างนี้ นายท่านเฟิงไปสู่ขอภรรยาให้เฮียสาม ชื่อเฉินฮวนฮวน" หรงจิ่นซิวคิดว่านี่เป็นความจริง ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้

"วันนี้หานชวนไม่พาเธอมาด้วย?" หลีซืออวิ๋นจงใจถาม

"ไม่รู้ว่ายังไงเหมือนกัน" หรงจิ่นซิวยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แล้วส่ายหน้า

เรื่องระหว่างสามีภรรยา เขาไม่อยากยุ่ง แต่ดอกไม้อย่างเฮียสามที่ไม่ได้เบ่งบานมานาน คงไม่โดนขยี้ตายตอนยังเป็นต้นอ่อนมั้ง?

"ถึงจดทะเบียนสมรสแล้ว แต่ก็หย่ากันได้ ในเมื่อหานชวนไม่ชอบ นายท่านก็ไม่ควรบังคับ" หลีซืออวิ๋นจิบไวน์ แล้วรู้สึกไม่แฟร์แทนเฟิงหานชวน

หรงจิ่นซิวไม่ได้ตอบอะไรอีก

หลีซืออวิ๋นรู้สึกเบื่อ จึงไปคุยกับคนอื่นแทน

ทีแรกเธออยากไปถามเฟิงเฉินเหยี่ยน เพราะปากเขาไม่มีซิป แต่เสียดายเขาไม่อยู่ที่นี่ แล้วเจอเพื่อนคนอื่นก่อน จึงโดนลากไปดื่มด้วย

หลีซืออวิ๋นเพิ่งไป หรงจิ่นซิวก็ได้รับสายจากเฟิงหานชวนพอดี บอกให้เขาส่งกล้องวงจรที่เฉินฮวนฮวนไปเยี่ยมคนไข้มาให้

หรงจิ่นซิวก็ต้องช่วยเพื่อนตัวเองอยู่แล้ว จึงรีบสั่งโรงพยาบาล สิบนาทีหลังจากนั้นจึงส่งบันทึกกล้องวงจรไปให้เฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนกำลังนั่งพักอยู่บนโซฟาห้องรับรอง ในมือคีบบุหรี่ไว้ แล้วในห้องก็มีแต่ควัน

เขากดเปิดวิดีโอ แล้วดูตั้งแต่ต้นจนจบ

กล้องวงจรบันทึกได้แค่ที่ทางเดิน ไม่เห็นในห้องผู้ป่วย เขาจึงเห็นแค่ เฉินฮวนฮวนเข้าไปในห้องหลี่ซูฉิน จากนั้นไม่นานก็ออกมา แล้วเดินไปโทรศัพท์หาใครบางคนด้วยสีหน้าโมโห

ไม่นาน พอเธอเข้าไปในห้องแล้ว เยี่ยจิ่งเฉินที่หน้าบวมช้ำก็รีบตามเข้าไปในห้อง

หลังจากนั้น ทั้งสองก็อยู่ในห้องพักของหลี่ซูฉินไปอีกประมาณสี่สิบนาที

ตอนที่เฉินฮวนฮวนออกจากห้อง เยี่ยจิ่งเฉินยังไปส่งเธออีก ส่งเธอไปหน้าลิฟต์ แล้วระหว่างรอลิฟต์ ทั้งสองก็คุยกันด้วย

แต่ว่า เพราะมุมของกล้องวงจร จึงไม่เห็นสีหน้าพวกเขา ไม่ว่าอารมณ์ดีหรือยังไง แต่หลังจากที่เฉินฮวนฮวนเข้าลิฟต์ไปแล้ว เยี่ยจิ่งเฉินค่อยกลับไปในห้อง

พอดูวิดีโอเสร็จ สีหน้าของเฟิงหานชวนก็เข้มงวดมาก จากนั้นก็ขยี้บุหรี่ด้วยมือจนดับ แล้วเห็นเส้นเลือดที่หลังมือด้วย

ตอนเช้าเขาเพิ่งช่วยเฉินฮวนฮวนสั่งสอนคนตระกูลเฉินกับเยี่ยจิ่งเฉิน แต่พอตกบ่าย เธอกลับวิ่งเข้าหาอ้อมกอดของเยี่ยจิ่งเฉิน

ดูเหมือนว่า เธอยังไม่ลืมเยี่ยจิ่งเฉินสินะ

คนที่เป็นรักแรกของเธอ

เฉินฮวนฮวนออกมาจากลิฟต์ แล้วเดินตรงไปทางประตูใหญ่ของโรงพยาบาล แต่กลับพบหรงจิ่นซิวเข้าโดยบังเอิญพอดี

เธอจึงนึกขึ้นได้ว่า โรงพยาบาลรุ่ยเอินก็คือโรงพยาบาลของหรงจิ่นซิว หรงจิ่นซิวคือรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลของที่นี่

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า โรงพยาบาลรุ่ยเอินที่ใหญ่โตขนาดนี้ ก็ยังจะมาเจอกันได้

“เฉินฮวนฮวน คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?” หรงจิ่นซิวรีบเลิกงาน ไปเตรียมตัวเข้าร่วมงานเลี้ยง เพื่อต้อนรับหลีซืออวิ๋น

เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะได้พบกับเฉินฮวนฮวนที่นี่

“เฮียสามไม่ได้พาคุณไปที่บลูส์คลับเหรอครับ?” เขาถามขึ้น

เดินทีเขาคิดว่าวันนี้เฟิงหานชวนจะพาเฉินฮวนฮวนไปร่วมงานเลี้ยง จากนั้นก็แนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก

“บลูส์ บลูส์คลับ?” ได้ยินชื่อนี้ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

ถึงแม้จะได้สร้อยคอของคุณแม่กลับมาแล้ว แต่คนอย่างหลิวตงรุ่ย ตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังไม่ได้รับการลงโทษใด ๆ เลย

เรื่องคืนนั้นยังเป็นเงามืดในใจของเธอ

“ใช่ครับ เฮียสามไม่ได้บอกคุณเหรอ? เขามีห้องส่วนตัวพิเศษอยู่ที่บลูส์คลับ วันนี้มีเพื่อนคนหนึ่งของพวกเรากลับมาจากต่างประเทศ ก็เลยนัดกันที่บลูส์คลับ” หรงจิ่นซิวรู้สึกแปลกใจขึ้นมา

ตามหลักแล้ว ตอนนี้เจ้าสามดีกับเฉินฮวนฮวนเป็นอย่างมาก ทำไมถึงไม่พาเฉินฮวนฮวนไปบลูส์คลับนะ?

เฉินฮวนฮวนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที สีหน้าดูแย่เป็นอย่างมาก

เธอได้ยินหรงจิ่นซิวพูดว่า เฟิงหานชวนมีห้องส่วนตัวพิเศษที่บลูส์คลับ ดูท่าแล้วหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้โกหก

คนที่โกหกจริง ๆ นั้นก็คือ เฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเป็นคนที่ชอบเรื่องแบบนั้นจริง ๆ และหลิ่วเยว่เอ่อร์ยังพูดอีกว่า เฟิงหานชวนกับพรรคพวกของเขา ทำแบบนั้นกับเธอพร้อมกัน…

ในพรรคพวกของเขา ก็คงจะรวมหรงจิ่นซิวด้วย?

เฉินฮวนฮวนมองไปที่หรงจิ่นซิวด้วยสายตาหวาดกลัว เธอรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรง จนเดินเซถอยหลังไปสองก้าว

“เฉินฮวนฮวน คุณเป็นอะไรครับ? สีหน้าไม่ค่อยดีเลย” หรงจิ่นซิวประคองเธอไว้

เธอเห็นท่าที่อ่อนโยนของหรงจิ่นซิว แต่ภาพแบบนั้นก็ปรากฏขึ้นในหัวเธอ มือเธอสั่นโดยไม่รู้ตัว

ความกลัวแบบนั้น

“คุณไม่สบายหรือเปล่า? ทำไมจู่ ๆ ถึงมาโรงพยาบาล? ไปครับ ผมพาคุณไปตรวจดูหน่อย” หรงจิ่นซิวค่อนข้างเป็นห่วงเฉินฮวนฮวน

ถึงยังไงผู้หญิงคนนี้ก็เปรียบเหมือนดอกท้อที่เบ่งบานเพียงดอกเดียวอยู่ในใจของคุณชายสาม หลังจากที่โสดมานานหลายปี

ในฐานะเพื่อนสนิทของเฮียสาม และก็เป็นหมอที่ช่วยกอบกู้โลก เขามีความจำเป็นต้องพาเฉินฮวนฮวนไปตรวจ

“ไม่ ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่น้ำตาลในเลือดต่ำนิดหน่อยค่ะ” เฉินฮวนฮวนโบกมือ พยายามแกล้งทำเป็นปกติ แล้วพูดปฏิเสธ

เธอไม่ได้ไม่สบาย ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่กล้าที่จะอยู่กับขยะสังคมแบบนี้ตามลำพัง เธอกลัวจริง ๆ ว่าเธอจะประสบเหตุร้ายเหมือนกับหลิ่วเยว่เอ่อร์

หรงจิ่นซิวที่ไม่รู้ความจริงอะไรเลย เมื่อรู้ว่าเฉินฮวนฮวนน้ำตาลในเลือดต่ำ สถานการณ์สอดคล้องกัน เขาจึงไม่ได้บังคับให้เธอไปพบแพทย์อีก

เพียงแต่ หรงจิ่นซิวอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้?”

“ฉัน…ฉันมาเยี่ยมผู้ป่วย ฉันต้องรีบกลับแล้วค่ะ” เฉินฮวนฮวนตอบอย่างคลุมเครือ แล้วโบกมือลาหรงจิ่นซิว จากนั้นก็รีบเดินออกไป

เขามองดูแผ่นหลังของเฉินฮวนฮวนที่รีบร้อนออกไป หรงจิ่นซิวขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าวันนี้เฉินฮวนฮวนแปลกประหลาดนิดหน่อยนะ?

ดูเหมือนไม่กล้าสบตาเขาตรง ๆ ท่าทางหวาดระแวงเหมือนทำความผิดมายังไงยังงั้น?

หรงจิ่นซิวรู้สึกว่าเรื่องมันแปลก ๆ เดิมทีเขาตั้งใจจะออกจากโรงพยาบาลไป ก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ ขอให้พยาบาลที่แผนกต้อนรับตรวจสอบบันทึกการเยี่ยมชมของเฉินฮวนฮวน

จากการตรวจสอบ เขาพบว่าคนที่เฉินฮวนฮวนมาเยี่ยมชื่อหลี่ซูฉิง เขาบังเอิญรู้สถานะของหลี่ซูฉิงคนนี้พอดี

ค่ารักษาพยาบาลและค่าผ่าตัดของหลี่ซูฉิน เป็นพ่อบ้านของตระกูลเยี่ยที่มาจ่ายเงิน เขาบังเอิญพบกับพ่อบ้านเข้าพอดี พ่อบ้านคนนั้นพูดปากพล่อยอยู่สองสามประโยค

หรงจิ่นซิวรู้ว่า หลี่ซูฉิงคือแม่แท้ ๆ ของคุณชายเล็กตระกูลเยี่ย

เพียงแต่ว่า จู่ ๆ เฉินฮวนฮวนมาเยี่ยมหลี่ซูฉิงนี่มันเรื่องอะไรกัน? ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกัน?

หรงจิ่นซิวครุ่นคิดอย่างละเอียดรอบคอบ แต่ก็ไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่ดี เขางุนงงไปหมด จึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย เขาออกจากโรงพยาบาลไป แล้วขับรถตรงไปยังบลูส์คลับ

เฉินฮวนฮวนนั่งรถเมล์กลับคฤหาสน์ตระกูลเฟิง

ตลอดทาง เธอสีหน้าหมองคล้ำ ดูแล้วไร้เรี่ยวแรง และรู้สึกว่าแผ่นหลังมีลมเย็น ๆ พัดมาตลอดเวลา

เธอกำลังหวาดกลัวอยู่ กลัวว่าตัวเองจะตกอยู่ในมือของปีศาจ

“ครืดครืดครืด…”

ในตอนที่เธอเหม่อลอยอยู่นั้น จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้น

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายของเฟิงหานชวน มือก็สั่นโดยไม่รู้ตัว เกือบจะจับโทรศัพท์ไว้ไม่นิ่ง

เฉินฮวนฮวนไม่อยากรับสายของเฟิงหานชวน แต่ว่าโทรศัพท์สั่นไม่หยุด

เธอกลัวว่าหากตัวเองตั้งใจไม่รับสายเฟิงหานชวน กลับจะทำให้เฟิงหานชวนเกิดความสงสัย จึงฝืนรับสายโทรศัพท์

“ฮัลโหล” เสียงของเธอเบามาก เผยความเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากออกมา

“กลับบ้านแล้วยัง?” ตอนที่เฉินฮวนฮวนออกมาจากคุก ซูอวี่ได้รายงานกับเขาแล้ว

ตอนนั้นเฉินฮวนฮวนบอกว่าจะไปที่ที่หนึ่ง ให้ซูอวี่กลับไปก่อน ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงโทรศัพท์มาตอนนี้ เพื่อที่จะถามสถานการณ์ “ค่ะ ใกล้ถึงแล้ว ฉันนั่งรถเมล์อยู่ค่ะ” เฉินฮวนฮวนตอบตามความจริง

“ทำไมไม่ให้ซูอวี่ไปส่งคุณ?” เฟิงหานชวนตั้งใจถามขึ้น

“ฉันไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ไม่อยากให้ซูอวี่รอนานเกินไป อีกอย่างกลางวันแสก ๆ ฉันไม่มีทางเจอคนโรคจิตได้หรอก” เฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดอะไรเยอะ

เธอไม่อยากบอกเฟิงหานชวนว่าเธอไปเยี่ยมหลี่ซูฉิง

“ญาติของคุณป่วยเหรอ?” เฟิงหานชวนอดที่จะถามไม่ได้ เขาอยากรู้ว่าเฉินฮวนฮวนไปเยี่ยมใคร

“ไม่ถือว่าเป็นญาติ เป็นคุณน้าท่านหนึ่งที่เมื่อก่อนดูแลฉันเป็นอย่างดี” เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างคลุมเครือ จากนั้นก็พูดขึ้น “ฉันใกล้ถึงป้ายแล้ว วางสายก่อนนะคะ คุณไปเลี้ยงฉลองดี ๆ ล่ะ”

พูดจบ ไม่ได้รอให้เฟิงหานชวนตอบกลับ เธอก็วางสายไป

มองดูหน้าจอที่มืดไป เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกว่าตัวเองแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว

ถ้าหากไม่ได้รู้ความจริงจากหลิ่วเยว่เอ่อร์ ไม่แน่เธออาจตกหลุมพรางความอ่อนโยนที่เฟิงหานชวนถักทอขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้

ในตอนที่เฟิงหานชวนวางโทรศัพท์ เขาขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

ทำไมเขารู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนเล่นละครตบตาเขาอย่างมาก? ทำเหมือนกับไม่อยากคุยกับเขา!

หรือว่าเขาคิดผิดไปเหรอ?

ในตอนนี้เอง ประตูห้องส่วนตัวถูกเปิดออก หรงจิ่นซิวเดินพุ่งตรงเข้ามาหาเฟิงหานชวน แล้วนั่งลงข้างเขา

“เฮียสาม นายทายสิว่าฉันเจอใครเข้าที่โรงพยาบาล?” หรงจิ่นซิวหันหน้ามาเลิกคิ้วใส่เฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนตอบโดยตรง

“นายรู้ว่าเธอไปโรงพยาบาล? ฉันนึกว่านายไม่รู้นะเนี่ย! เพราะว่าท่าทางของเฉินฮวนฮวนเหมือนกับกำลังหลบฉันอยู่” หรงจิ่นซิวนั่งไขว่ห้าง เบ้ปาก แล้วพูดขึ้น “หลี่ซูฉิงคนนี้ นายรู้จักไหม?”

“หลี่ซูฉิง?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

“นายไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนไปเยี่ยมใครเหรอ? เป็นหลี่ซูฉิงคนนี้แหละ แม่แท้ ๆ ของคุณชายเล็กตระกูลเยี่ยฉันกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเฉินฮวนฮวนของนายกับตระกูลเยี่ยอยู่ ว่ามีความสัมพันธ์อะไรกัน?” หรงจิ่นซิวใช้นิ้วลูบคาง

เฟิงหานชวนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

ลูกชายคนเล็กของตระกูลเยี่ย ก็คือเยี่ยจิ่งเฉินไม่ใช่เหรอ?

ผู้เขียนพูดนอกเรื่อง : 5 บทจบไปแล้ว เหนื่อยมากเหนื่อยมาก ขอทุกคนเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะคะ พรุ่งนี้ลุยกันต่อ!

"ใช่ ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน ถ้าคุณยังมีจิตสำนึก ก็รีบหาพยาบาลมาดูแลคุณน้า"

"เยี่ยจิ่งเฉิง คุณนี่สุดยอดเลย ทำไมถึงใจดำขนาดนี้! วันนี้ที่คุณโดนซ้อม สมควรแล้ว!"

"ทำไมไม่ซ้อมลูกอกตัญญูอย่างคุณให้ตายเลยนะ!"

เฉินฮวนฮวนเกลียดคนอกตัญญูที่สุด ตอนนี้ทิ้งหลี่ซูฉิงไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียว เธอรู้สึกอารมณ์ขึ้นมาก

"เปล่านะ ฮวนฮวน ฟังผมอธิบายก่อน……ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย……"

เยี่ยจิ่งเฉินยังพูดไม่จบ จากนั้นก็มีเสียงทะเลาะวุ่นวาย แล้วสายก็ตัดไป

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่า จึงกลับไปที่ห้องพักฟื้น แล้วนั่งลงข้างเตียงหลี่ซูฉิง

"ฮวนฮวน ช่วงนี้หนูเป็นยังไงบ้าง? ยังอยู่ที่ตระกูลเฉินหรือเปล่า?" หลี่ซูฉิงเห็นฮวนฮวนนั่งลง จึงเอ่ยถาม

"หนู………" เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันตอบ ประตูห้องพักฟื้นก็ถูกเปิดออก

เธอหันไปดู กลับเห็นเยี่ยจิ่งเฉินพุ่งเข้ามา หน้าของเขาเขียวช้ำ บวมช้ำเลยแหละ ไม่หล่อเหมือนวันทั่วไป

"อาเฉิน ลูกเป็นอะไร!" หลี่ซูฉิงตกใจมาก

"คุณอยู่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน?" เฉินฮวนฮวนลุกขึ้น แล้วมองเยี่ยจิ่งเฉิน

"แม่ ทำไมแม่เรียกฮวนฮวนมาล่ะครับ?" เยี่ยจิ่งเฉินเหลือบมองเฉินฮวนฮวน แล้วก้มลงไปพูดกับหลี่ซูฉิง "แม่ไล่คนดูแลออกเหรอครับ?"

"อาเฉิน แม่บอกแล้วว่าอย่าสิ้นเปลือง แม่อยู่คนเดียวได้ วันนี้แม่แค่รู้สึกเหงา นึกถึงฮวนฮวน เลยให้มาอยู่เป็นเพื่อน" หลี่ซูฉิงลุกขึ้นนั่ง พอพูดกับเขาเสร็จ จึงหันยิ้มไปทางเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนอึ้งไปชั่วขณะ

เมื่อกี้เธอด่าเยี่ยจิ่งเฉินในโทรศัพท์ ด่าว่าเขาไม่สนใจแม่ ไม่คิดเลยว่าเขาจ้างคนดูแลมาแล้ว

เขาไม่ได้ไม่สนใจแม่ตัวเอง

เฉินฮวนฮวนเพิ่งรู้ว่าเข้าใจผิด ตอนนี้จึงทำตัวไม่ค่อยถูก

อีกอย่าง ที่ยิ่งอึดอัดไปกว่านั้นคือ หลี่ซูฉิงเอาแต่ถามเรื่องแผลของเขา

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าลูกน้องของเฟิงหานชวนเป็นคนลงมือ

เยี่ยจิ่งเฉินแค่เหลือบมองเธอ จากนั้นก็พูดกลบเกลื่อนว่า "มีเรื่องกับพวกอันธพาลนิดหน่อยครับ"

จากนั้นหลี่ซูฉิงจึงตบมือเยี่ยจิ่งเฉินเสียงดัง แล้วต่อว่า "ลูกโตแล้ว ไปมีเรื่องกับอันธพาลได้ยังไง? ฮวนฮวนอยู่นี่ด้วย ลูกนี่ขายหน้าจริงๆ!"

เฉินฮวนฮวนยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกอึดอัดกว่าเดิม

"คุณน้าคะ ในเมื่อเยี่ยจิ่งเฉินมาแล้ว งั้นหนูกลับก่อนนะคะ" เธอไม่อยากอยู่ห้องเดียวกันกับเขา

"ฮวนฮวน!" หลี่ซูฉิงรีบจับมือเฉินฮวนฮวนไว้ แล้วเอ่ยว่า "ในเมื่อมาแล้ว จะรีบไปทำไมล่ะ? น้ารู้ว่าเราเกลียดอาเฉิน เพื่อน้า หนูคิดซะว่าเขาเป็นเพื่อนธรรมดาๆได้ไหม?"

"น้าหลี่คะ……" เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง

เธอหันมองเยี่ยจิ่งเฉิน กับเรื่องตอนนั้น เธอไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่กับเยี่ยจิ่งเฉินคนนี้ เธอก็ยังเกลียดอยู่ดี

เธอจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ เป็นเพื่อนกับเขา ยังทักทายเขา นี่เป็นไปไม่ได้

"ก็ได้ฮวนฮวน น้าไม่บังคับหนู เอาอย่างนี้ หนูอยู่กับน้าอีกสักพักได้ไหม?" หลี่ซูฉิงจับมือเธอไว้แน่น

เฉินฮวนฮวนก็ปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องอยู่ต่อ แล้วเยี่ยจิ่งเฉินก็อยู่ในห้องด้วย เอาแต่ยุ่งกับการเทน้ำ ปอกแอปเปิลให้หลี่ซูฉิง

เขาก็ทำให้เธอเหมือนกัน แต่เธอไม่ดื่มน้ำ ไม่กินแอปเปิลเลย

เฉินฮวนฮวนอยู่ไปอีกสักพัก รู้สึกว่าบรรยากาศอึดอัด เธอจึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า "คุณน้าคะ พรุ่งนี้หนูต้องไปฝึกอบรม ยังไม่ได้จัดของเลยค่ะ หนูต้องกลับแล้วค่ะ"

เธอไม่ได้โกหก เธอควรกลับไปเก็บของแล้ว

"ฝึกอบรม? หนูจะไปฝึกอบรมเหรอ?" หลี่ซูฉิงอดถามไม่ได้

"รุ่นพี่หนูบาดเจ็บค่ะ หนูเลยไปแทนพี่เขา" เฉินฮวนฮวนโบกมือให้หลี่ซูฉิง "ไว้เจอกันใหม่ค่ะคุณน้า"

หลี่ซูฉิงรั้งเธอไว้ไม่ได้จริงๆ จึงรีบส่งสายตาให้เยี่ยจิ่งเฉิน "อาเฉิน ลูกไปส่งฮวนฮวนสิ"

"ไม่ต้องหรอกค่ะ" เฉินฮวนฮวนรีบปฏิเสธ แล้วหันเดินออกไป

เยี่ยจิ่งเฉินรีบตามออกไปด้วย ทั้งสองจึงหยุดลงที่หน้าลิฟต์

"ฮวนฮวน เดี๋ยวผมส่งลงไปข้างล่างได้ไหม?" เยี่ยจิ่งเฉินไม่ยอมถอดใจ

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วถามกลับว่า "คุณยังโดนซ้อมไม่พอเหรอ?"

สีหน้าเยี่ยจิ่งเฉิงเปลี่ยนไปทันที เขาจับเบ้าตาที่เจ็บบวมของตัวเอง ในใจไม่โอเคมาก

"เธอกับเฟิงหานชวน เป็นสามีภรรยากันจริงๆ?" เขาเอามือลง แล้วถามเธอ

เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปาก ไม่ได้ตอบ

ทีแรกเธออยากตอบว่าใช่ แต่พอนึกได้ว่าเฟิงหานชวนเป็นผู้ชายที่น่ากลัวขนาดนั้น เธอจึงไม่กล้ายอมรับความสัมพันธ์นี้

เธอกลัว กลัวว่าตัวเองจะเป็นเหมือนหลิ่วเยว่เอ่อร์

"เพราะฉะนั้น ที่พวกเธอพูดที่ตระกูลเฉิน แค่แสดงละคร?" เยี่ยจิ่งเฉินถาม "เพราะผมถ่ายรูปพวกนั้น แล้วพวกเธอกลัวว่าตระกูลเฟิงจะเสียหน้า เลยบอกว่าเป็นสามีภรรยากัน?"

"เยี่ยจิ่งเฉิน คุณยังโดนสั่งสอนไม่พอเหรอ? พูดกับฉันได้ คุณกล้าพูดกับเฟิงหานชวนไหม?" เฉินฮวนฮวนรำคาญเขามาก

คนที่เธอไม่อยากพูดถึงตอนนี้ แต่เยี่ยจิ่งเฉินกลับเอาแต่ถาม

"ฮวนฮวน เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ก่อนเธอไม่ทำแบบนี้แน่นอน" เยี่ยจิ่งเฉินถอนหายใจ

"เหอะ" เฉินฮวนฮวนแค่ยิ้มอย่างเย็นชา นึกถึงคำพูดที่เฉินซินโหรวพูดตอนเช้า เธอรู้สึกเสียดสีมาก

เธอมองเยี่ยจิ่งเฉิน รู้สึกว่าบนหัวเขาโดนสวมเขา

เห็นว่าฮวนฮวนดูผมตัวเอง เยี่ยจิ่งเฉินจึงรีบส่องตัวเองจากแสงสะท้อนประตูลิฟต์ เห็นว่าไม่มีอะไร แล้วทรงผมก็ยังเป็นระเบียบอยู่

"บนหัวผมมีอะไร? ทำไมเธอเอาแต่มอง" เยี่ยจิ่งเฉินอดถามไม่ได้

"มีสิ" เฉินฮวนฮวนขำแล้วเอ่ย "มีเขา"

สีหน้าที่เริ่มดีขึ้นของเขา ตอนนี้กลับเขียวไปเลย

"ฉันกับคุณ ไม่มีความแค้นอะไรกัน ก็แค่คุณเป็นแฟนของเฉินซินโหรว เลยโดนลูกหลงไปด้วย เพราะฉะนั้นอีกหน่อยถ้าคุณเจอฉันก็เดินอ้อมด้วย จะได้ไม่โดนซ้อม"

ถึงในใจเธอไม่ค่อยมั่นใจ แต่กับเยี่ยจิ่งเฉิน เธอก็ยังเอ่ยขู่เขา

ทันใดนั้น ประตูลิฟต์ก็ค่อยๆเปิดออก

เฉินฮวนฮวนก้าวเดินเข้าไป แต่เหมือนนึกอะไรได้ ตอนที่หันหลังกลับมา จึงเห็นเขากำลังจะเดินเข้ามาพอดี

"หยุด! คุณอย่าเข้ามา!" เฉินฮวนฮวนพูดอย่างเข้มงวด "ฉันไม่ต้องให้คุณส่ง ถ้าคุณว่าง ก็ไปอยู่กับคุณน้าเถอะ"

พูดจบ เธอก็กดปิดประตูลิฟต์

เยี่ยจิ่งเฉินยืนมองประตูลิฟต์ปิดลง

พอกลับไปที่ห้องพักฟื้นแล้ว หลี่ซูฉิงจึงจับแขนลูกชายไว้แล้วเอ่ยถาม "ลูกขอโทษฮวนฮวนหรือยัง?"

"แม่ครับ ทำไมอยู่ๆถึงเรียกเธอมา?" เยี่ยจิ่งเฉินไม่ทันตั้งตัว หลี่ซูฉิงไม่ได้บอกเขาล่วงหน้า

"จะทำไมล่ะ? ตอนนี้ฮวนฮวนเป็นคนตระกูลเฟิง แล้วลูกก็โดนคนตระกูลเฟิงซ้อมขนาดนี้ แม่ก็ต้องเรียกเธอมาแล้วตีสนิทสิ!"

"ลูกไม่มีอำนาจสืบทอดตระกูลเยี่ย อีกหน่อยถ้าลูกจะตั้งบริษัท อาจจะต้องให้คนอื่นช่วย ไม่แน่ฮวนฮวนอาจจะช่วยลูกพูดกับตระกูลเฟิงก็ได้!"

หลี่ซูฉิงจับแขนเยี่ยจิ่งเฉินไว้แล้วเอ่ย "ลูกดูสิ ผู้หญิงที่ลูกไม่เอา แต่ตระกูลเฟิงกลับหวงมาก! เฉินซินโหรวนั่นมีอะไรดี?"

"ถ้าตอนนั้นลูกไม่เจ้าชู้ ฮวนฮวนจะเป็นของตระกูลเฟิงได้ยังไง? แม่ไม่สบายใจมาก!"

"ฮวนฮวนโดนตระกูลเฟิงแย่งไป แล้วลูกก็โดนซ้อมขนาดนี้ แล้วเฉินซินโหรวไม่เคยมองแม่ด้วยซ้ำ แม่ยังเป็นโรคแบบนี้อีก……"

หลี่ซูฉิงเอาแต่ระบายทุกข์ เยี่ยจิ่งเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งเก็บกด ยิ่งคิดยิ่งโมโห

ถ้าตอนนั้นเขาไม่นอกใจ อาจจะไม่เกิดเรื่องพวกนี้ก็ได้ ถึงความรู้สึกเขากับฮวนฮวนไม่ลึกซึ้งมาก แต่ก็ยังถือว่าคงที่อยู่

แล้วอีกอย่าง เฉินฮวนฮวนไม่มีทางสวมเขาเขาแน่นอน แต่เฉินซินโหรวทำ!

"ใช่ ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน ถ้าคุณยังมีจิตสำนึก ก็รีบหาพยาบาลมาดูแลคุณน้า"

"เยี่ยจิ่งเฉิง คุณนี่สุดยอดเลย ทำไมถึงใจดำขนาดนี้! วันนี้ที่คุณโดนซ้อม สมควรแล้ว!"

"ทำไมไม่ซ้อมลูกอกตัญญูอย่างคุณให้ตายเลยนะ!"

เฉินฮวนฮวนเกลียดคนอกตัญญูที่สุด ตอนนี้ทิ้งหลี่ซูฉิงไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียว เธอรู้สึกอารมณ์ขึ้นมาก

"เปล่านะ ฮวนฮวน ฟังผมอธิบายก่อน……ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย……"

เยี่ยจิ่งเฉินยังพูดไม่จบ จากนั้นก็มีเสียงทะเลาะวุ่นวาย แล้วสายก็ตัดไป

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่า จึงกลับไปที่ห้องพักฟื้น แล้วนั่งลงข้างเตียงหลี่ซูฉิง

"ฮวนฮวน ช่วงนี้หนูเป็นยังไงบ้าง? ยังอยู่ที่ตระกูลเฉินหรือเปล่า?" หลี่ซูฉิงเห็นฮวนฮวนนั่งลง จึงเอ่ยถาม

"หนู………" เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันตอบ ประตูห้องพักฟื้นก็ถูกเปิดออก

เธอหันไปดู กลับเห็นเยี่ยจิ่งเฉินพุ่งเข้ามา หน้าของเขาเขียวช้ำ บวมช้ำเลยแหละ ไม่หล่อเหมือนวันทั่วไป

"อาเฉิน ลูกเป็นอะไร!" หลี่ซูฉิงตกใจมาก

"คุณอยู่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน?" เฉินฮวนฮวนลุกขึ้น แล้วมองเยี่ยจิ่งเฉิน

"แม่ ทำไมแม่เรียกฮวนฮวนมาล่ะครับ?" เยี่ยจิ่งเฉินเหลือบมองเฉินฮวนฮวน แล้วก้มลงไปพูดกับหลี่ซูฉิง "แม่ไล่คนดูแลออกเหรอครับ?"

"อาเฉิน แม่บอกแล้วว่าอย่าสิ้นเปลือง แม่อยู่คนเดียวได้ วันนี้แม่แค่รู้สึกเหงา นึกถึงฮวนฮวน เลยให้มาอยู่เป็นเพื่อน" หลี่ซูฉิงลุกขึ้นนั่ง พอพูดกับเขาเสร็จ จึงหันยิ้มไปทางเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนอึ้งไปชั่วขณะ

เมื่อกี้เธอด่าเยี่ยจิ่งเฉินในโทรศัพท์ ด่าว่าเขาไม่สนใจแม่ ไม่คิดเลยว่าเขาจ้างคนดูแลมาแล้ว

เขาไม่ได้ไม่สนใจแม่ตัวเอง

เฉินฮวนฮวนเพิ่งรู้ว่าเข้าใจผิด ตอนนี้จึงทำตัวไม่ค่อยถูก

อีกอย่าง ที่ยิ่งอึดอัดไปกว่านั้นคือ หลี่ซูฉิงเอาแต่ถามเรื่องแผลของเขา

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าลูกน้องของเฟิงหานชวนเป็นคนลงมือ

เยี่ยจิ่งเฉินแค่เหลือบมองเธอ จากนั้นก็พูดกลบเกลื่อนว่า "มีเรื่องกับพวกอันธพาลนิดหน่อยครับ"

จากนั้นหลี่ซูฉิงจึงตบมือเยี่ยจิ่งเฉินเสียงดัง แล้วต่อว่า "ลูกโตแล้ว ไปมีเรื่องกับอันธพาลได้ยังไง? ฮวนฮวนอยู่นี่ด้วย ลูกนี่ขายหน้าจริงๆ!"

เฉินฮวนฮวนยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกอึดอัดกว่าเดิม

"คุณน้าคะ ในเมื่อเยี่ยจิ่งเฉินมาแล้ว งั้นหนูกลับก่อนนะคะ" เธอไม่อยากอยู่ห้องเดียวกันกับเขา

"ฮวนฮวน!" หลี่ซูฉิงรีบจับมือเฉินฮวนฮวนไว้ แล้วเอ่ยว่า "ในเมื่อมาแล้ว จะรีบไปทำไมล่ะ? น้ารู้ว่าเราเกลียดอาเฉิน เพื่อน้า หนูคิดซะว่าเขาเป็นเพื่อนธรรมดาๆได้ไหม?"

"น้าหลี่คะ……" เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง

เธอหันมองเยี่ยจิ่งเฉิน กับเรื่องตอนนั้น เธอไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่กับเยี่ยจิ่งเฉินคนนี้ เธอก็ยังเกลียดอยู่ดี

เธอจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ เป็นเพื่อนกับเขา ยังทักทายเขา นี่เป็นไปไม่ได้

"ก็ได้ฮวนฮวน น้าไม่บังคับหนู เอาอย่างนี้ หนูอยู่กับน้าอีกสักพักได้ไหม?" หลี่ซูฉิงจับมือเธอไว้แน่น

เฉินฮวนฮวนก็ปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องอยู่ต่อ แล้วเยี่ยจิ่งเฉินก็อยู่ในห้องด้วย เอาแต่ยุ่งกับการเทน้ำ ปอกแอปเปิลให้หลี่ซูฉิง

เขาก็ทำให้เธอเหมือนกัน แต่เธอไม่ดื่มน้ำ ไม่กินแอปเปิลเลย

เฉินฮวนฮวนอยู่ไปอีกสักพัก รู้สึกว่าบรรยากาศอึดอัด เธอจึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า "คุณน้าคะ พรุ่งนี้หนูต้องไปฝึกอบรม ยังไม่ได้จัดของเลยค่ะ หนูต้องกลับแล้วค่ะ"

เธอไม่ได้โกหก เธอควรกลับไปเก็บของแล้ว

"ฝึกอบรม? หนูจะไปฝึกอบรมเหรอ?" หลี่ซูฉิงอดถามไม่ได้

"รุ่นพี่หนูบาดเจ็บค่ะ หนูเลยไปแทนพี่เขา" เฉินฮวนฮวนโบกมือให้หลี่ซูฉิง "ไว้เจอกันใหม่ค่ะคุณน้า"

หลี่ซูฉิงรั้งเธอไว้ไม่ได้จริงๆ จึงรีบส่งสายตาให้เยี่ยจิ่งเฉิน "อาเฉิน ลูกไปส่งฮวนฮวนสิ"

"ไม่ต้องหรอกค่ะ" เฉินฮวนฮวนรีบปฏิเสธ แล้วหันเดินออกไป

เยี่ยจิ่งเฉินรีบตามออกไปด้วย ทั้งสองจึงหยุดลงที่หน้าลิฟต์

"ฮวนฮวน เดี๋ยวผมส่งลงไปข้างล่างได้ไหม?" เยี่ยจิ่งเฉินไม่ยอมถอดใจ

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วถามกลับว่า "คุณยังโดนซ้อมไม่พอเหรอ?"

สีหน้าเยี่ยจิ่งเฉิงเปลี่ยนไปทันที เขาจับเบ้าตาที่เจ็บบวมของตัวเอง ในใจไม่โอเคมาก

"เธอกับเฟิงหานชวน เป็นสามีภรรยากันจริงๆ?" เขาเอามือลง แล้วถามเธอ

เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปาก ไม่ได้ตอบ

ทีแรกเธออยากตอบว่าใช่ แต่พอนึกได้ว่าเฟิงหานชวนเป็นผู้ชายที่น่ากลัวขนาดนั้น เธอจึงไม่กล้ายอมรับความสัมพันธ์นี้

เธอกลัว กลัวว่าตัวเองจะเป็นเหมือนหลิ่วเยว่เอ่อร์

"เพราะฉะนั้น ที่พวกเธอพูดที่ตระกูลเฉิน แค่แสดงละคร?" เยี่ยจิ่งเฉินถาม "เพราะผมถ่ายรูปพวกนั้น แล้วพวกเธอกลัวว่าตระกูลเฟิงจะเสียหน้า เลยบอกว่าเป็นสามีภรรยากัน?"

"เยี่ยจิ่งเฉิน คุณยังโดนสั่งสอนไม่พอเหรอ? พูดกับฉันได้ คุณกล้าพูดกับเฟิงหานชวนไหม?" เฉินฮวนฮวนรำคาญเขามาก

คนที่เธอไม่อยากพูดถึงตอนนี้ แต่เยี่ยจิ่งเฉินกลับเอาแต่ถาม

"ฮวนฮวน เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ก่อนเธอไม่ทำแบบนี้แน่นอน" เยี่ยจิ่งเฉินถอนหายใจ

"เหอะ" เฉินฮวนฮวนแค่ยิ้มอย่างเย็นชา นึกถึงคำพูดที่เฉินซินโหรวพูดตอนเช้า เธอรู้สึกเสียดสีมาก

เธอมองเยี่ยจิ่งเฉิน รู้สึกว่าบนหัวเขาโดนสวมเขา

เห็นว่าฮวนฮวนดูผมตัวเอง เยี่ยจิ่งเฉินจึงรีบส่องตัวเองจากแสงสะท้อนประตูลิฟต์ เห็นว่าไม่มีอะไร แล้วทรงผมก็ยังเป็นระเบียบอยู่

"บนหัวผมมีอะไร? ทำไมเธอเอาแต่มอง" เยี่ยจิ่งเฉินอดถามไม่ได้

"มีสิ" เฉินฮวนฮวนขำแล้วเอ่ย "มีเขา"

สีหน้าที่เริ่มดีขึ้นของเขา ตอนนี้กลับเขียวไปเลย

"ฉันกับคุณ ไม่มีความแค้นอะไรกัน ก็แค่คุณเป็นแฟนของเฉินซินโหรว เลยโดนลูกหลงไปด้วย เพราะฉะนั้นอีกหน่อยถ้าคุณเจอฉันก็เดินอ้อมด้วย จะได้ไม่โดนซ้อม"

ถึงในใจเธอไม่ค่อยมั่นใจ แต่กับเยี่ยจิ่งเฉิน เธอก็ยังเอ่ยขู่เขา

ทันใดนั้น ประตูลิฟต์ก็ค่อยๆเปิดออก

เฉินฮวนฮวนก้าวเดินเข้าไป แต่เหมือนนึกอะไรได้ ตอนที่หันหลังกลับมา จึงเห็นเขากำลังจะเดินเข้ามาพอดี

"หยุด! คุณอย่าเข้ามา!" เฉินฮวนฮวนพูดอย่างเข้มงวด "ฉันไม่ต้องให้คุณส่ง ถ้าคุณว่าง ก็ไปอยู่กับคุณน้าเถอะ"

พูดจบ เธอก็กดปิดประตูลิฟต์

เยี่ยจิ่งเฉินยืนมองประตูลิฟต์ปิดลง

พอกลับไปที่ห้องพักฟื้นแล้ว หลี่ซูฉิงจึงจับแขนลูกชายไว้แล้วเอ่ยถาม "ลูกขอโทษฮวนฮวนหรือยัง?"

"แม่ครับ ทำไมอยู่ๆถึงเรียกเธอมา?" เยี่ยจิ่งเฉินไม่ทันตั้งตัว หลี่ซูฉิงไม่ได้บอกเขาล่วงหน้า

"จะทำไมล่ะ? ตอนนี้ฮวนฮวนเป็นคนตระกูลเฟิง แล้วลูกก็โดนคนตระกูลเฟิงซ้อมขนาดนี้ แม่ก็ต้องเรียกเธอมาแล้วตีสนิทสิ!"

"ลูกไม่มีอำนาจสืบทอดตระกูลเยี่ย อีกหน่อยถ้าลูกจะตั้งบริษัท อาจจะต้องให้คนอื่นช่วย ไม่แน่ฮวนฮวนอาจจะช่วยลูกพูดกับตระกูลเฟิงก็ได้!"

หลี่ซูฉิงจับแขนเยี่ยจิ่งเฉินไว้แล้วเอ่ย "ลูกดูสิ ผู้หญิงที่ลูกไม่เอา แต่ตระกูลเฟิงกลับหวงมาก! เฉินซินโหรวนั่นมีอะไรดี?"

"ถ้าตอนนั้นลูกไม่เจ้าชู้ ฮวนฮวนจะเป็นของตระกูลเฟิงได้ยังไง? แม่ไม่สบายใจมาก!"

"ฮวนฮวนโดนตระกูลเฟิงแย่งไป แล้วลูกก็โดนซ้อมขนาดนี้ แล้วเฉินซินโหรวไม่เคยมองแม่ด้วยซ้ำ แม่ยังเป็นโรคแบบนี้อีก……"

หลี่ซูฉิงเอาแต่ระบายทุกข์ เยี่ยจิ่งเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งเก็บกด ยิ่งคิดยิ่งโมโห

ถ้าตอนนั้นเขาไม่นอกใจ อาจจะไม่เกิดเรื่องพวกนี้ก็ได้ ถึงความรู้สึกเขากับฮวนฮวนไม่ลึกซึ้งมาก แต่ก็ยังถือว่าคงที่อยู่

แล้วอีกอย่าง เฉินฮวนฮวนไม่มีทางสวมเขาเขาแน่นอน แต่เฉินซินโหรวทำ!

เมื่อเฉินฮวนฮวนเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ของเรือนจำ เธอรู้ว่าตัวเองแทบจะยืนไม่อยู่

  

วันนี้อารมณ์ของเธอราวกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกาขึ้นลง จนกระทั่งเธอรู้สึกว่าหัวของตัวเองไม่ใช่ของตัวเองแล้ว

  

เธอได้รับข้อมูลมากเกินไปในคราวเดียว ราวกับในสมองตีกันวุ่นวายไปหมดแล้ว

  

“ครืน ครืน ครืน…”

  

ในเวลานี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อก็สั่นขึ้นมา

เฉินฮวนฮวนส่ายหัวไปมา ก่อนจะรีบล้วงโทรศัพท์ออกมา เดิมทีเธอคิดว่าเกาเหวินอาจจะโทรเข้ามา ทว่าเมื่อเห็นหมายเลขของสายที่กำลังโทรเข้ามา เธอก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

  

คนที่โทรมาหาเธอ คิดไม่ถึงว่าคือแม่ของเยี่ยจิ่งเฉิน นั่นคือหลี่ซูฉิน

หลี่ซูฉินคือแม่ผู้ให้กำเนิดของเยี่ยจิ่งเฉิน ทว่าไม่ใช่คุณผู้หญิงของบ้านตระกูลเยี่ย และหลี่ซูฉินก็ไม่นับว่าเป็นภรรยาน้อย

  

ตอนแรก เธอคิดว่าหลี่ซูฉินเป็นภรรยาน้อย ทว่าภายหลังเฉินเจี้ยนหมินได้ยินมาจากคนรอบข้างว่า เดิมทีหลี่ซูฉินเป็นเพียงสาวใช้ของบ้านตระกูลเยี่ย แอบปีนขึ้นเตียงของเจ้าบ้านตระกูลเยี่ย และหนีออกไปหลังจากเธอตั้งท้อง

ดังนั้น แม้ว่าเยี่ยจิ่งเฉินจะเป็นลูกนอกสมรส ทว่าหลี่ซูฉินก็ไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาน้อยจริงๆ เพราะว่าพ่อของเยี่ยจิ่งเฉินไม่เคยพึงพอใจหลี่ซูฉินเลย

  

ต่อมานายหญิงใหญ่ของตระกูลเยี่ย ก็คือย่าของเยี่ยจิ่งเฉิน เมื่อรู้ว่าเขาระหกระเหเร่ร่อนอยู่ข้างนอก ก็ไปรับเยี่ยจิ่งเฉินกลับมาอยู่บ้านตระกูลเยี่ย

  

แม้ว่าหลี่ซูฉินจะมีอดีตที่แสนสาหัสเช่นนี้ ทว่าเฉินฮวนฮวนปฏิเสธไม่ได้ว่า หลี่ซูฉินดีกับเธอมาก

  

หลังจากเธอเลิกรากับเยี่ยจิ่งเฉินในตอนนั้น หลี่ซูฉินยังสั่งสอนเยี่ยจิ่งเฉินอย่างหนัก

  

เธอนึกได้ว่าเยี่ยจิ่งเฉินถูกทำร้ายร่างกายตอนเช้า ตอนนี้หลี่ซูฉินก็โทรมาหาตัวเองอย่างกะทันหัน เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเธอต้องโทรมากล่าวโทษอย่างแน่นอน

  

ทว่าเธอก็ยังรับสาย เธอไม่อยากทำตัวขี้ขลาดเป็นเต่าหัวหด

  

“คุณน้าหลี่” เฉินฮวนฮวนเอ่ยเรียก

  

“ฮวนฮวน นานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงเธอ ช่วงนี้สบายดีไหมจ๊ะ” น้ำเสียงของหลี่ซูฉินนุ่มนวลมาก ความจริงเธอก็หน้าตาสะสวยมากเช่นกัน

  

ไม่เช่นนั้น เธอก็ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายที่หน้าหล่อเหลาอย่างเยี่ยจิ่งเฉินได้

  

ฮวนฮวนตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าหลี่ซูฉินไม่ได้กล่าวโทษ เธอรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ทว่าก็ยังตอบกลับ “ฉันสบายดีค่ะ แล้วคุณน้าล่ะคะ”

แม้ว่าเธอกับเยี่ยจิ่งเฉินจะแตกหักกันไปนานแล้ว ทว่าตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เธอและหลี่ซูฉินก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใดๆ ต่อกัน

ทว่าหลังจากเลิกรากับเยี่ยจิ่งเฉินตอนนั้น เธอก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับหลี่ซูฉินอีกเลย หลี่ซูฉินก็แทบไม่ติดต่อเธอมาเช่นกัน

  

“ฉัน…ฉันอยู่โรงพยาบาล เหงามากเลย วันนี้อาทิตย์นี้ ไม่รู้ว่าเธอจะว่างมาอยู่เป็นเพื่อนฉันไหม” เสียงของหลี่ซูฉินสั่นเครือเล็กน้อย และทำอะไรไม่ค่อยถูก

  

“คุณน้า คุณน้าเป็นอะไรไปคะ” เฉินฮวนฮวนซักถามทันที

  

“ฉันเป็นมะเร็งเต้านม เพิ่งผ่าตัดเมื่อไม่กี่วันก่อน เฮ้อ” หลี่ซูฉินถอนหายใจยาว และกล่าวอย่างปลงใจ “มันเป็นโรคร้าย ชีวิตนี้ฉันกลัวว่าจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว”

เดิมทีเฉินฮวนฮวนคิดว่าหลี่ซูฉินจะโทรมากล่าวโทษ ถึงอย่างไรวันนี้เยี่ยจิ่งเฉินถูกคนของเฟิงหานชวนทำร้าย แต่ไม่คิดว่าหลี่ซูฉินจะอยู่โรงพยาบาล และต้องการใครสักคนไปเยี่ยมเธอ

เธอรู้ว่าหลี่ซูฉินไม่มีญาติพี่น้อง พ่อแม่ของเธอก็ไม่อยู่แล้ว เยี่ยจิ่งเฉินสนใจเพียงความสุขของเฉินซินโหรว แน่นอนว่าคงไม่มาสนใจแม่ผู้ให้กำเนิดคนนี้นักหรอก

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเห็นใจหลี่ซูฉินเป็นอย่างมาก เธอจึงรีบเอ่ยถาม “คุณน้า คุณน้าอย่าพูดแบบนี้สิคะ ตอนนี้การแพทย์ก้าวหน้าแล้ว คุณน้าต้องหายขาดอย่างแน่นอนค่ะ! คุณน้าอยู่โรงพยาบาลไหนคะ ตอนนี้ฉันว่างพอดี ฉันจะไปเยี่ยมค่ะ”

  

“ฉันอยู่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน”

 

……

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฉินฮวนฮวนหิ้วตะกร้าผลไม้ เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยของหลี่ซูฉิน

  

“คุณน้าหลี่” เฉินฮวนฮวนนำตะกร้าผลไม้วางลงบนตู้ข้างเตียง

“ฮวนฮวน เธอมาแล้วเหรอ ทำไมยังเอาของมาด้วย ฉันไม่กินของพวกนี้หรอก อย่าสิ้นเปลืองเลย”

  

หลี่ซูฉินลุกขึ้นนั่ง และรีบจับมือของเฉินฮวนฮวนไว้ทันที ก่อนจะกล่าวทั้งน้ำตา “ฮวนฮวน เธอช่างดีกับฉัน ฉันอยู่โรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว เฉินซินโหรวไม่เคยมาเยี่ยมฉันเลย”

  

“คุณน้าหลี่…” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน และไม่ได้พูดอะไรมาก

  

คนอย่างเฉินซินโหรว ตาอยู่บนหน้าผากแบบนั้น จะชายตามองคนต่ำต้อยอย่างหลี่ซูฉินได้อย่างไร

  

ตามที่เฉินซินโหรวเคยพูดก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าแม่ของเยี่ยจิ่งเฉินเป็นคุณผู้หญิงของบ้านตระกูลเยี่ย ไม่ใช่หลี่ซูฉิน สำหรับเยี่ยจิ่งเฉินแล้ว หลี่ซูฉินก็เป็นเพียงแม่นม และแม่ที่อุ้มท้องคนหนึ่งเท่านั้น

  

“ฮวนฮวน เราไม่ได้เจอกันมาครึ่งปีแล้วใช่ไหม เธอผอมลงนะ ช่วงนี้มีเรื่องทุกข์ใจใช่หรือเปล่า คุณยายของเธอสุขภาพเป็นยังไงบ้าง” หลี่ซูฉินถามอย่างตั้งใจ

  

เฉินฮวนฮวนส่ายหน้าเบาๆ และเอ่ยตอบอย่างอ่อนแรง “คุณยายจากไปสักพักแล้วค่ะ”

  

“อ่า…เป็นอย่างนั้นได้ยังไง!” หลี่ซูฉินกุมหน้าอกของเธอไว้ หยาดน้ำตารินไหลลงมา “ทำไมคนดีไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีล่ะ ฉันยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณยายของเธอยังให้ผักดองที่เธอทำเองกับฉันอยู่เลย มันอร่อยมากจริงๆ”

  

“คุณน้าหลี่ อย่าร้องไห้เลยค่ะ” เฉินฮวนฮวนมองดูหลี่ซูฉินร้องไห้ เธอก็อยากร้องไห้ด้วย

  

ทำไมคนดีถึงไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีล่ะ

คุณยายและคุณแม่ต่างเป็นคนดีกันทั้งคู่ แต่กลับตายอย่างน่าสงสาร เธอคิดว่าตัวเองไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมพระเจ้ายังส่งเธอให้เจอกับปีศาจอย่างเฟิงหานชวน

  

ขอบตาของเฉินฮวนฮวนแดงก่ำ เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ วันนี้เธอมาเยี่ยมหลี่ซูฉิน ร้องไห้ในห้องผู้ป่วยจะไม่เป็นมงคล

เธอเอื้อมมือไปตบไหลหลี่ซูฉิน แล้วรีบกล่าวปลอบโยน “คุณน้า อย่าร้องไห้เลยค่ะ คุณน้ายังมีแผลผ่าตัด รีบนอนลงพักผ่อนนะคะ”

“ฉันตัวคนเดียว ไม่มีใครสนใจฉันหรอก ฉันคิดว่าถ้าตัวเองจะตายบนเตียงผ่าตัดก็ช่างเถอะ” หลี่ซูฉินดูน่าสงสารมาก

เฉินฮวนฮวนทนดูต่อไปไหวแล้วจริงๆ

แม้ว่าตอนนี้เยี่ยจิ่งเฉินเป็นคนของตระกูลเยี่ย ทว่าหลี่ซูฉินเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเขา และเลี้ยงดูเขามาจนถึงอายุ 7 ขวบ เขาตัดสินใจทิ้งหลี่ซูฉินไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียวได้อย่างไร

  

เฉินฮวนฮวนยืนขึ้น และกล่าวว่า “คุณน้าคะ ฉันออกไปโทรศัพท์ก่อน เดี๋ยวฉันมานะคะ”

เมื่อพูดจบ เฉินฮวนฮวนรีบวิ่งออกห้องผู้ป่วย และมาอยู่ตรงมุมบันได

  

เธอเปิดโทรศัพท์มือถือ และไม่ได้ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของเยี่ยจิ่งเฉินในสมุดรายชื่อ แต่เธอป้อนหมายเลขโดยตรง

  

เธอลบรายชื่อของเยี่ยจิ่งเฉินไปนานแล้ว ทว่าเธอกลับจำหมายเลขโทรศัพท์ของเยี่ยจิ่งเฉินได้ เบอร์ที่ทำให้เธอจำได้ขึ้นใจก่อนหน้านี้

  

ไม่นานก็มีคนรับสาย คนที่รับสายกลับไม่ใช่เยี่ยจิ่งเฉิน แต่เป็นเฉินซินโหรว

  

“เฉินฮวนฮวน! เธอโทรหาอาเฉินทำไม เธอทำร้ายพวกเราได้โหดร้ายมาก ผู้หญิงสารเลว จริงๆ แล้วเธอมันก็อสรพิษ เฉินฮวนฮวน…” เฉินซินโหรวกำลังแยกเขี้ยวยิงฟันตะคอกใส่เธอ

  

เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันด่าทอออกไป ดูเหมือนว่าปลายสายจะมีการโต้งเถียงกันเกิดขึ้น จากนั้นเสียงของเยี่ยจิ่งเฉินก็ดังขึ้น “ฮวนฮวน คุณโทรหาผมมีอะไรเหรอ”

  

“แม่ของคุณผ่าตัดมะเร็งเต้านม คุณรู้หรือเปล่า” เฉินฮวนฮวนโกรธแทนหลี่ซูฉินจนทนไม่ไหว และกล่าวอย่างโหดร้ายว่า “เธออยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว แม้แต่พยาบาลสักคนคุณก็ไม่หามาให้เธอ วันวันเอาแต่ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมากับเฉินซินโหรว คุณอย่าทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้ได้ไหม!”

  

เยี่ยจิ่งเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง แล้วถามว่า “คุณอยู่กับแม่ของผมที่นั่น?”

เฉินฮวนฮวนยังคงจำได้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์เคยพูดว่าเขาคนนั้นคือแฟนใหม่ของเธอ ซึ่งเป็นคนสำคัญและเนื่องจากเธอต้องเก็บไว้เป็นความลับ จึงบอกเธอได้ในภายหลัง

แต่ภายในเวลาไม่กี่วันหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็เข้าคุก

เมื่อเธอมาพบหลิ่วเยว่เอ่อร์ในคุก จู่ๆเธอก็เปลี่ยนคำพูดและบอกว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณ

ในเวลานั้นเฉินฮวนฮวนไม่เคยคิดเลยว่าชายคนนั้นจะเป็นเฟิงหานชวน

ถ้าเธอรู้เรื่องนี้เร็วกว่านี้ เมื่อคืนก่อนเธอก็จะไม่มีวันเห็นด้วยกับการทดลองแต่งงาน

"ช่วยฉันออกไปน่ะเหรอ? เหอะ"หลิ่วเยว่เอ่อร์หัวเราะอย่างเย็นชา

เธอถูกส่งเข้ามาโดยเฟิงหานชวน แล้วเขาจะมาช่วยทำไม?

"พวกเธอมีความสัมพันธ์เพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราวอย่างนั้นเหรอ? เขาช่วยเธอไม่ได้เหรอ? "เฉินฮวนฮวนต้องการรู้ว่าเฟิงหานชวนโกหกเธอหรือไม่?

เขาพูดครั้งเดียว สรุปแล้วใช่ครั้งเดียวหรือเปล่า

"ถ้าฉันบอกว่าเขาเป็นคนที่ส่งฉันเข้ามาล่ะ?"หลิ่วเยว่เอ่อร์สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติไป เลยจงใจถามออกไป

เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เธอสัมผัสได้ว่าเฉินฮวนฮวนกำลังทดสอบเธออยู่

เป็นไปได้ไหมว่าเฉินฮวนฮวนรู้อะไรบางอย่าง?

"เธอพูดว่าอะไรนะ?"เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วและถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ: "ผู้มีพระคุณของเธอส่งเธอเข้าคุกอย่างนั้นเหรอ? ทำไมล่ะ!"

การใช้เงินเพื่อซื้อผู้หญิงแบบนี้ก็ถือได้ว่าเป็นความสมัครใจ ทำไมเฟิงหานชวนถึงส่งหลิ่วเยว่เอ่อร์เข้าคุกล่ะ!

หลังจากฟังสิ่งที่เฉินฮวนฮวนพูดแล้ว หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ตระหนักได้ทันทีว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะยังไม่รู้อะไรเลย เพราะแม้แต่ชื่อของเฟิงหานชวนเธอก็ไม่ได้เอ่ยมันออกมา

เห็นได้ชัดว่าเฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าผู้มีพระคุณของเธอคือเฟิงหานชวน

"มันจะเป็นอะไรไปได้อีก? บริการไม่ดี เลยทำให้เขาไม่พอใจ! "ท่าทางของหลิ่วเยว่เอ่อร์ดูหดหู่

บริการไม่ดี เลยทำให้เขาไม่พอใจ…

การแสดงออกของเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนไป เธอเดินเซถอยหลังไปสองสามก้าว

หลิ่วเยว่เอ่อร์รับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าเฉินฮวนฮวนจะรู้อะไรบางอย่าง

เธอแอบเม้มริมฝีปากของเธอและอดไม่ได้ที่จะคิดเรื่องชั่วร้าย ไม่ว่าตอนนี้เฉินฮวนฮวนจะรู้หรือไม่รู้ แต่สุดท้ายยังไงเฉินฮวนฮวนก็ต้องรู้อยู่ดี

เฟิงหานชวนทำร้ายเธออย่างรุนแรง และเธอไม่ต้องการให้เฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนมีช่วงเวลาที่ดี!

"เธอยังจำวันที่ฉันนอนโรงพยาบาลสองวันนั้นได้ไหม ที่บอกว่าป่วยน่ะ? อันที่จริงฉันถูกเขาทำมิดีมิร้าย"หลิ่วเยว่เอ่อร์ถอนหายใจและแสร้งทำเป็นพูดอย่างน่าสงสาร

"ทำ มิดีมิร้าย?"เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่ามือของเธอสั่น

หลิ่วเยว่เอ่อร์ที่เห็นว่าผู้คุมเพิ่งออกไป เธอก็จ้องไปที่มือที่สั่นเทาของเฉินฮวนฮวนและแอบหัวเราะเยาะเย้ย

"ใช่ ตอนนี้ร่างกายของฉันไม่ค่อยดีแล้ว แถมยังทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอีก ไม่อย่างนั้นถ้าเธอบอกว่าแค่ขายตัว ทำไมถึงถูกจับ ถูกไหม?"ตอนนี้หัวใจของหลิ่วเยว่เอ่อร์มีแต่ออร่าของความมืดมน

"เธอ……เธอถูกทำมิดีมิร้ายไปกี่ครั้งแล้ว?"คิ้วของเฉินฮวนฮวนแถบจะผูกติดกัน ใบหน้าของเธอซีดมาก

"กี่ครั้ง? นับไม่ได้หรอกว่ากี่ครั้ง! "หลิ่วเยว่เอ่อร์หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า: "เรื่องของซูเสวี่ย เธอจำไม่ได้เหรอ? ฉันขอบอกเลยนะ ว่าฉันก็เจอแบบนั้นเหมือนกัน! แถมเขายังพาพี่น้องของเขาไปอีกด้วย ฮึ ฉันไม่มีทางเลือกเลย…"

"ฉันไม่สามารถทำให้พวกเขาพอใจได้ ตอนนี้ฉันก็เลยเป็นแบบนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะขายบริการ ฮวนฮวน เธอเห็นใจฉันหน่อยได้ไหม?"

"ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ ฉันรู้สึกเศร้าเหลือเกิน พอฉันเห็นเธอมีช่วงเวลาที่ดี แต่พอเมื่อฉันกลับมามองตัวเอง ฉัน…"

ขณะที่พูดหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็เอามือปิดหน้าของเธอและเริ่มร้องไห้เสียงดัง

เมื่อได้ยินเสียงร้องของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกว่าขาของเธออ่อนแรงและล้มกระแทกลงไปกับพื้นดัง "ตุ๊บ"

เฉินฮวนฮวนไม่เคยคิดเลยว่าเฟิงหานชวนจะไม่เพียงแค่หลอกเธอเท่านั้น แม้แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ที่นอนหลับอยู่เฉยๆก็ยังโดนเขากระทำเรื่องที่น่ากลัวเช่นนี้

เธอรู้สึกเพียงว่าตอนนี้มือของเธอสั่นตลอดเวลา ฝ่ามือของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อของเธอ แล้วเธอก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอไม่สามารถเต้นได้อีกต่อไป เธอรู้สึกหายใจไม่ออกอย่างรุนแรง

เมื่อเห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวน หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็รู้สึกมั่นใจจริงๆแล้วว่าดูเหมือนจะมีบางอย่างระหว่างเฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวน ไม่เช่นนั้นเฉินฮวนฮวนคงจะไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้

"ฮวนฮวน เธอเป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือเปล่า? ขอบคุณมากที่มาหาฉัน แต่รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ "

"ขอโทษนะ ถ้าสิ่งที่ฉันพูดไปมันทำให้เธอรู้สึกเสียใจ ฉันพูดไปเพราะฉันอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ พาสต้าที่เธอทำมาให้ฉัน ฉันจะกินมันให้อร่อย"

หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดจาให้รู้สึกน่าสงสาร ซึ่งทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอมากขึ้นกว่าเดิม

"เออใช่ ฮวนฮวน"มองๆดูแล้วเฉินฮวนฮวนน่าจะดูเชื่อเธอแล้ว หลิ่วเยว่เอ่อร์กระซิบเบาๆว่า: "เรื่องที่ฉันบอกเธอวันนี้ เธออย่าเอาไปบอกใครนะ รู้ไหม?"

"ฉันขออยู่อย่างเงียบๆสักครึ่งเดือนก่อนที่จะได้ออกไป ในตอนนั้นคนๆนั้นก็น่าจะปล่อยฉันไปแล้วแหละ แต่ถ้าหากเขารู้ว่าฉันพูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับเขาล่ะก็ เขาต้องลงโทษฉันอย่างรุนแรงแน่นอน ฉันกลัว"

"ฮวนฮวน อย่าบอกใครนะ โอเคไหม? สัญญากับฉันสิ!"

หลิ่วเยว่เอ่อร์เพิ่งคิดออกว่าถ้าเฉินฮวนฮวนไปหาเฟิงหานชวนเพื่อช่วยเธอล่ะก็ เรื่องที่เธอเพิ่งสร้างขึ้นจะต้องถูกเปิดเผย

ดังนั้นเธอจึงกลอกตาและออกคำสั่งเน้นย้ำกับเฉินฮวนฮวนเป็นพิเศษว่าอย่าบอกใคร

"ฉัน……ฉันสัญญา"เฉินฮวนฮวนพยักหน้ารัวๆ

เพื่อความปลอดภัยของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอคงไม่สามารถบอกเฟิงหานชวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้

เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่ามันจะเป็นแบบนี้ เฟิงหานชวนกลายเป็นปีศาจที่น่ากลัว!

เกือบแล้ว เธอเกือบตกหลุมพรางของเฟิงหานชวนเข้าซะแล้ว

ถ้าเธออยู่เคียงข้างเขาอีกสักสองสามวัน เขาก็คงจะปฏิบัติกับเธอเหมือนหลิวเยว่เออร์หรือเปล่า?

น่ากลัวเกินไปแล้ว….

ผู้ชายคนนี้ช่างน่ากลัวเกินไปจริงๆ!

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนซีดมาก เหงื่อมากมายผุดอยู่บนหน้าผากของเธอ การแสดงออกทั้งหมดของเธอเหมือนตกอยู่ในภวังค์

หลิ่วเยว่เอ่อร์เห็นทุกอย่างผ่านสายตาของเธอ มันทำให้เกิดความสุขขึ้นในใจของเธอ

เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่โง่มากและเชื่อคำพูดของคนอื่นได้ง่าย

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินฮวนฮวนโง่ เธอก็คงไม่เป็นเพื่อนกับเฉินฮวนฮวนหรอก

"ฮวนฮวน เธอรีบไปเถอะ! อยู่นานไปไม่ดีเท่าไหร่ ผู้คุมที่นี่ก็ถูกคนนั้นซื้อไปเหมือนกัน น่ากลัวมาก ชู่ว! "หลิ่วเยว่เอ่อร์ทำท่าทางส่งสัญญาณบอกให้เงียบๆ

เมื่อได้ยินว่ามีการซื้อตัวผู้คุมในเรือนจำ ทันใดนั้นเฉินฮวนฮวนก็จำฉากที่เฟิงหานชวนให้บอดี้การ์ดสั่งสอนตระกูลเฉินในวันนี้ขึ้นมาทันที

ผู้ชายคนนั้นมีอำนาจมาก อำนาจล้นฟ้าที่จะทำอะไรก็ได้

เธอ…ยังหนีทันไหม?

"เยว่เอ่อร์ ฉันกลับก่อนนะ"เฉินฮวนฮวนยังคงอยู่ในภวังค์: "ฉันอาจใช้โทรศัพท์มือถือไม่ได้ในระหว่างการเข้าฝึก เมื่อฉันฝึกเสร็จฉันจะติดต่อเธอไปนะ"

หลังจากพูดจบ เฉินฮวนฮวนก็เดินไปที่ประตูอย่างอ่อนแรง

หลังจากแน่ใจว่าเฉินฮวนฮวนออกไปแล้ว หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็หยิบกล่องที่ใส่พาสต้าปาไปที่กำแพงอย่างรุนแรง

"ปัง–" กล่องข้าวตกลงพื้นและแตกเป็นชิ้นๆ

ซอสเหนียวๆและเส้นพาสต้ากระจายไปทั่ว

"ฮ่าๆๆๆ…"

เสียงหัวเราะที่แหลมคมของหญิงสาวดังก้องในห้องขัง

เฉินฮวนฮวนจำได้ว่าตอนนั้นหลิ่วเยว่เอ่อร์โกหกว่าแฟนมาส่ง จนกระทั่งตอนที่ไปเรือนจำ เธอถามหลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอค่อยตอบว่า……

แค่คนขับรถของลูกค้ามาส่ง

ลูกค้า ลูกค้า เฟิงหานชวนซื้อผู้หญิง หรือว่าเป็นเยว่เอ่อร์?

ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงเรื่องบางเรื่อง สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที

เมื่อกี้ที่เฟิงหานชวนโทรเรียกซูอวี่มารับเธอ ให้พาเธอไปที่เรือนจำสามหนึ่งสาม แต่เธอไม่เคยพูดเลยว่าเพื่อนเธออยู่เรือนจำไหน

เพราะฉะนั้น เฟิงหานชวนรู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์อยู่เรือนจำสามหนึ่งสาม แล้วรู้ด้วยว่าเพื่อนที่เธอพูดถึง คือหลิ่วเยว่เอ่อร์?

ความสงสัยมากมายเอาแต่วนเวียนอยู่ในหัว จนเฉินฮวนฮวนเริ่มสับสน

เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ความสัมพันธ์ของเฟิงหานชวนกับหลิ่วเยว่เอ่อร์จะเป็นแบบนั้น

แล้วอีกอย่าง เฟิงหานชวนโกหกเธอ โกหกเธอจริงๆ

เฟิงหานชวนบอกว่าเคยยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นแค่ครั้งนั้น จากนั้นก็ไม่ติดต่อกันอีก แล้วยังเป็นก่อนที่พวกเธอรู้จักกันด้วย

แต่ว่า วันนั้นที่เขาส่งตัวเองไปเรียน เธอเห็นซูอวี่กับหลิ่วเยว่เอ่อร์ งั้นก็แสดงว่าก่อนที่เยว่เอ่อร์จะโดนจับ พวกเขายังติดต่อกันอยู่?

ไม่งั้น ทำไมซูอวี่ถึงส่งหลิ่วเยว่เอ่อร์ไปเรียนล่ะ?

แล้วพอเฟิงหานชวนรู้ความสัมพันธ์เธอกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ แต่กลับไม่พูดถึงเลย!

เฟิงหานชวนที่สั่งการซูอวี่เสร็จ ก้มลงมาจะบอกลากับเฉินฮวนฮวน กลับเห็นว่าเธอนั่งเหม่ออยู่

เขายิ้มมุมปาก แล้วเรียกเสียงเบา "ฮวนฮวน"

เฟิงหานชวนรู้สึกว่า ชื่อฮวนฮวนน่ารักมาก อีกหน่อยเขาอยากจะเรียกเธอว่าฮวนฮวนเพียงคนเดียว คนอื่นห้ามเรียกเด็ดขาด

แต่เขาก็รู้ว่า นี่อาจจะเพ้อฝันไป

เฉินฮวนฮวนยังคิดเรื่องพวกนั้นอยู่ จึงไม่สังเกตว่าเฟิงหานชวนกำลังมองเธอ แล้วเรียกเธอ

เฟิงหานชวนสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ เขาจึงเปิดประตูจะไปคุยกับเฉินฮวนฮวน

เพราะแบบนี้ เฉินฮวนฮวนจึงรู้สึกตัว ตอนที่เธอหันไป จึงชนกับปลายจมูกของเฟิงหานชวนพอดี

เธอตกใจแล้วเบิกตากว้าง

"เมื่อกี้ คิดอะไรอยู่?" ตอนนี้เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอไม่ใช่แค่เหม่อ แต่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

เฉินฮวนฮวนดึงสติกลับมา แล้วส่ายหน้าเบาๆ "เปล่า กำลังคิดเรื่องฝึกอบรมพรุ่งนี้"

อยู่ๆเธอก็ไม่อยากถามอะไรเลย

ทันใดนั้น เฟิงเฉินเหยี่ยนก็เดินมาหา "อาสามครับ อาอย่าอาลัยอาวรณ์เลยครับ อากับฮวนฮวนอยู่บ้านเดียวกันไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมทำเหมือนจะจากลากันอย่างนั้น!"

เฟิงหานชวนหันไป แล้วจ้องเฟิงเฉินเหยี่ยนตาขวาง

เฟิงเฉินเหยี่ยนจึงรีบอธิบาย "อีกชั่วโมงเดียวพี่อวิ๋นก็จะถึงแล้ว เราไปสนามบินตอนนี้พอดีเลยครับ แล้วฮวนฮวนก็จะไปเยี่ยมเพื่อนด้วย อาสามอย่ารีรอเลยครับ"

เฟิงเฉินเหยี่ยนเอือมกับอาสามตัวเองจริงๆ พอมีภรรยาแล้ว ก็ตัวติดกันเหมือนกาว ไม่เจอกันไม่กี่ชั่วโมงอารมณ์ก็ไม่ดีแล้ว

"คุณรีบไปรับเพื่อนคุณเถอะ ฉันจะไปเยี่ยมเยว่เอ่อร์" เฉินฮวนฮวนดันแขนของเขาออก

"ได้ เจอกันตอนดึก" เฟิงหานชวนก้มลงไปจูบหน้าผากเธอ ค่อยลุกออกไป

เขาปิดประตู แล้วมองไปที่เฉินฮวนฮวนอีกครั้ง จากนั้นค่อยไปเอารถกับเฟิงเฉินเหยี่ยนอย่างอาลัยอาวรณ์

มองแผ่นหลังของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่

ตอนที่เธอเริ่มรู้สึกพึ่งพาเขา เริ่มเชื่อใจเขา กลับรู้ความจริงอย่างไม่ทันตั้งตัว

……

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เรือนจำสามหนึ่งสาม

สองวันก่อนฮวนฮวนเพิ่งมา ผู้คุมขังรู้จักเธอ จึงพาเธอไปที่ห้องขังของหลิ่วเยว่เอ่อร์

เธอเห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์นอนปล่อยผมอยู่ที่พื้น ผมมันมาก แล้วยังมีรังแคอีก เหมือนไม่ได้สระผมมานาน

"เยว่เอ่อร์ ฉันมาแล้ว ฉันเอาพาสต้าที่เธอชอบมาด้วย" เฉินฮวนฮวนเคาะกรงเหล็กจนเกิดเสียงดัง

แต่หลิ่วเยว่เอ๋อร์กลับยิ้มอย่างเย็นชา เธอหันไปแล้วจ้องเฉินฮวนฮวนด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นจึงตะคอกเสียงดัง "แกยังมาอีกทำไม!"

"พรุ่งนี้ฉันจะไปอบรมแล้ว ตอนที่เธอออกจากคุกฉันอาจจะไม่ได้มารับ ฉันอาจจะอบรมเสร็จหลังจากที่เธอออกมาสองสามวัน วันนี้ฉันก็เลยมาเยี่ยม" เฉินฮวนฮวนพูดเสียงเรียบนิ่ง แล้วแฝงไปด้วยความจริงใจ

แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์กลับหัวเราะ แล้วพูดกัดฟันว่า "เฉินฮวนฮวน แกจะตอแหลทำเป็นคนดีทำไม? ตอนนี้แกใช้ชีวิตสุขสบาย แกมาเยาะเย้ยฉันเหรอ!"

"เยว่เอ่อร์! ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง แต่จากความเป็นเพื่อนของเรามาปีกว่า แล้วเธอยังให้ฉันยืมเงินรักษาคุณยาย ฉันจำบุญคุณได้ดี ถึงเธอจะทำเรื่องไม่ดีแบบนี้ก็ตาม"

"เธอยังสาว ความผิดที่เคยทำ เธอยังรีบกลับตัวกลับใจได้ ออกจากคุกแล้วตั้งใจเรียน หางานดีๆทำ อย่าทำเรื่องแบบนี้อีก!

ยังไงก็เคยเป็นเพื่อนที่สนิทกัน เฉินฮวนฮวนทนดูหลิ่วเยว่เอ่อร์ตกอับแบบนี้ไม่ได้

เธอนั่งลง แล้วเปิดกล่องพาสต้าแล้วดันเข้าไป "ไม่ว่าเธอจะกินหรือไม่กิน นี่ก็เป็นของที่ฉันเอามาให้"

หลิ่วเยว่เอ่อร์เหลือบมองกล่อง แล้วมองสำรวจการแต่งตัวของเฉินฮวนฮวน จึงพูดเสียดสีว่า "โอ๊ย ตอนนี้เป็นคุณหญิงตระกูลเฟิงก็ไม่เหมือนเดินแล้ว ใส่เสื้อผ้าแพงขนาดนี้ แต่กลับเอาแค่พาสต้ามาให้เพื่อนที่ตกอับ? แกทำไมไม่เอากุ้งล็อบสเตอร์ ปลาแซลมอนมาล่ะ!"

"หลิ่วเยว่เอ่อร์!" เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง กำลังสงสัยว่าตัวเองหูฝาด

เธอใจดีเอาพาสต้าที่หลิ่วเยว่เอ่อร์ชอบมาให้ แต่เธอกลับพูดอะไรแบบนั้นออกมา

เฉินฮวนฮวนคิดว่าตัวเองทำดีสุดแล้ว แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์กลับไม่แยแส ยังมาแขวะเธออีก เธอทำหน้าอึ้ง แล้วกำลังจะหันเดินไป

"ฮวนฮวน!" เห็นเฉินฮวนฮวนอารมณ์เสียจะไปเพราะตัวเอง แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ยังมีเรื่องจะถาม จึงเรียกตัวเธอไว้

เฉินฮวนฮวนหันไปด้วยสายตาเย็นชา ในเมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ทำกับเธอแบบนี้ เธอก็ไม่อยากสนใจเธออีก

"สร้อยคอของแม่ตัวเอง แกไปเอาที่หลิวตงรุ่ยหรือยัง?" หลิ่วเยว่เอ่อร์ลุกขึ้น ดวงตาที่มีเสน่ห์ไม่มีประกายแล้ว เหลือแค่ความเหม่อลอย

"เรื่องของฉัน ไม่จำเป็นต้องรายงานเธอ" เฉินฮวนฮวนไม่อยากพูดอะไรอีก

หลิ่วเยว่เอ่อร์หรี่ตา แล้วยิ้มมุมปากอย่างเสียดสี ดูท่าทางเฉินฮวนฮวนยังไม่รู้สินะ ดูเหมือนว่าเฟิงหานชวนยังไม่ได้บอกความจริงกับเธอ

เฉินฮวนฮวนเหลือบเห็นแววตาของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เหมือนกำลังสะใจ เธอจึงอดถามไม่ได้ "วันนั้นลูกค้าที่ให้คนส่งเธอไปเรียน ทำไมเธอไม่ให้เขามาช่วยล่ะ?"

"ทำไมล่ะ?" เฉินฮวนฮวนเห็นว่าเฟิงหานชวนห้ามตัวเอง จึงรู้สึกงง

เขากำลังจำกัดความอิสระของเธอเหรอ?

พอสบตากับเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนค่อยรู้ตัวว่าใจร้อนเกินไป เขาจึงอธิบายว่า "เพื่อนที่ติดคุก? ยังนับเป็นเพื่อนอีกเหรอ? เข้าคุก ก็ต้องทำเรื่องไม่ดีๆมาแน่นอน รีบตัดขาดกับเพื่อนแบบนี้เถอะ"

ยังไม่กล้ารับประกันว่าความรู้สึกระหว่างพวกเขาหนักแน่น เฟิงหานชวนจึงไม่กล้าพูดเรื่องคืนนั้น

ถ้าพูดออกไป เฉินฮวนฮวนอาจจะไปจากเขาก็ได้

เพราะผู้ชายคืนนั้น ในสายตาเฉินฮวนฮวน เขาคือปีศาจ คือฆาตกรฆ่าข่มขืน

"เธอทำเรื่องที่ไม่ถูกจริง แต่เธอไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีกับฉัน ตอนที่ฉันลำบาก เธอช่วยฉันไว้ ฉันจะออกห่างเธอเหมือนคนอื่นไม่ได้"

นี่เป็นความในใจของเฉินฮวนฮวน

ถึงในใจคนอื่นหลิ่วเยว่เอ่อร์จะเป็นผู้หญิงขายบริการที่ต่ำต้อย แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่เคยทำเรื่องไม่ดีกับเธอ

เธอช่วยอะไรหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้ ทำได้แค่ไปเยี่ยม แล้วซื้อของกินไปให้

"คุณแน่ใจได้ยังไงว่าเธอไม่เคยทำเรื่องไม่ดีด้วย?" เฟิงหานชวนอยากฉีกหน้ากากหลิ่วเยว่เอ่อร์

แต่ว่า เขาทำไม่ได้ เขาทำได้แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ แกล้งว่าไม่รู้จักหลิ่วเยว่เอ่อร์

ไม่งั้น เดี๋ยวเฉินฮวนฮวนต้องสงสัยแน่ๆ

"แต่ก่อนที่คุณยายป่วย เธอให้ฉันยืมเงินมารักษาคุณยาย" เฉินฮวนฮวนถอนหายใจยาวแล้วเอ่ย "ฉันแค่หวังว่าถ้าเธอออกจากคุกแล้ว จะกลับตัวกลับใจ"

หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ไม่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายอะไร แค่ขายร่างกายตัวเองเพื่อเงิน ถ้าเธอออกจากคุกแล้วทำตัวดีๆ เฉินฮวนฮวนก็ยังจะคิดว่าเธอเป็นเพื่อนอยู่

"ฮวนฮวน เพื่อนคุณฟังแล้วก็ดูเป็นคนดี ทำไมติดคุกล่ะ? ทำเรื่องอะไรผิดเหรอ?" เฟิงเฉินเหยี่ยนไม่รู้จักหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่เธอพูดถึง จึงถามอย่างสงสัย

"เธอ……" เฉินฮวนฮวนเคยได้ข่าวเกี่ยวกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ จึงเม้มปาก แล้วส่ายหน้า

เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอคิดอะไร เขาจึงพูดว่า "อาเหยี่ยน ให้คนมาห่อกลับ"

"ครับ ได้ครับ" เฟิงเฉินเหยี่ยนก็รู้ว่าเธอไม่ค่อยอยากพูด จึงไม่ได้ถามต่อ

รอเฟิงเฉินเหยี่ยนไปเรียกพนักงานแล้ว เฉินฮวนฮวนค่อยหันไปหาเฟิงหานชวน "อาหาน ตอนบ่ายคุณจะไปรับเพื่อนที่สนามบินไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวฉันโบกรถไปเรือนจำเอง เสร็จแล้วฉันก็กลับบ้านเลย"

ตอนที่เธออยู่ห้องรับรอง ได้ยินเฟิงเฉินเหยี่ยนพูดว่า ตอนดึกหลีซืออวิ๋นนัดพวกเขาไว้

"เดี๋ยวผมไปส่ง แล้วไปสนามบินพร้อมกัน ตอนดึกมีงานเลี้ยง เดี๋ยวเราไปด้วยกัน" เฟิงหานชวนคิดไว้แล้ว

งานเลี้ยงตอนดึก มีคนชนชั้นสังคมพวกเขา เขาจึงจะใช้โอกาสนี้แนะนำเฉินฮวนฮวนกับทุกคน

แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือ เฉินฮวนฮวนจะปฏิเสธ

"อาหาน ฉันไม่ไปดีกว่า ฉันเพิ่งลองใช้ชีวิตกับคุณ อะไรหลายๆอย่างยังไม่แน่นอน อาจจะไม่ค่อยสะดวก แล้วพรุ่งนี้ฉันต้องตื่นเช้าด้วย……" เธอเม้มปากแล้วเอ่ยปฏิเสธ

เธอไม่รู้จักคนที่เขารู้จักเลย อาจจะแค่รู้จักหรงจิ่นซิวกับเฟิงเฉินเหยี่ยน คนอื่นไม่เคยเจอหน้าเลย

ตอนนี้ เธอยังไม่ใช่ภรรยาของเฟิงหานชวน งานเลี้ยงแบบนั้น เธอไม่ค่อยอยากไป

เห็นสีหน้าเธอลังเล เฟิงหานชวนจึงเดาออกคร่าวๆ เขาก็ไม่อยากบังคับเธอมาก

เขายื่นมือไปตบหลังมือเธอเบาๆ แล้วเอ่ยว่า "งั้นเดี๋ยวผมให้คนไปส่ง"

"ไม่ต้อง ไม่ต้อง ฉันโบกรถไปเองได้" เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า

"ถ้าเจอโรคจิตล่ะ? คุณโบกรถไปคนเดียว ไม่กลัวเหรอ?" เฟิงหานชวนจงใจแกล้งเธอ

ความจริง หลังจากผ่านเรื่องครั้งนั้น เฟิงหานชวนเป็นห่วงเธอมาก เลยคิดจะหาคนขับรถให้เธอ

"คือ……" วิธีนี้ใช้ได้ผลกับเธอ สีหน้าเธอจึงลังเลมาก

กลัวรบกวนเฟิงหานชวน แล้วกลัวเจอโรคจิตด้วย

ตอนที่เธอกำลังลังเล เฟิงหานชวนก็โทรไปหาซูอวี่แล้ว

"ซูอวี่ ตอนนี้มาร้านกาแฟ แล้วส่งภรรยาฉันไปเรือนจำสามหนึ่งสาม" เขาเอ่ยสั่ง

หลิ่วเยว่เอ่อร์โดนคนของเขาสั่งสอนไปตั้งนานแล้ว อะไรที่ไม่ควรพูดก็น่าจะไม่กล้าพูด เขารู้ว่าฮวนฮวนเคยไปเยี่ยมเธอแล้ว

ครั้งนี้ที่อนุญาตฮวนฮวนไปอีกครั้ง อย่างแรกคือไม่อยากให้เธอสงสัย อย่างที่สองคือเขารู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่กล้าพูดอะไรแน่นอน

เฉินฮวนฮวนได้ยินที่เฟิงหานชวนพูด

ภรรยาฉัน……

คำคำนี้ ทำให้หน้าเธอแดงทันที

เธอรู้ว่าซูอวี่เป็นผู้ช่วยเฟิงหานชวน เคยเจอกันที่พอยเซิน ตอนนั้นเธอแค่เอาแต่ถามหลิวตงรุ่ย แล้วในห้องวีไอพีก็มืดมากด้วย เธอจึงไม่ได้สังเกตซูอวี่

ตอนที่เธอกำลังคิดเรื่องนี้ เฟิงหานชวนวางสายไปแล้ว เขาจับมือเธอมาที่ริมฝีปาก แล้วจูบหลังมือเธอ

เฉินฮวนฮวนตกใจแล้วรีบดึงมือกลับมา แล้วเอาแต่จ้องไปที่หน้าประตู "เดี๋ยวถ้าอาเหยี่ยนกลับมา คุณ……"

"กลัวอะไร ในสายตาเขา เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว" เฟิงหานชวนขยับไปใกล้เธอ แล้วขยับปากพูดว่า "ระหว่างสามีภรรยา โดยเฉพาะคู่ที่เพิ่งแต่งงานกัน หวานกันหน่อยก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?"

"แต่เราแค่ลอง……" เฉินฮวนฮวนเพิ่งรู้ว่าเขาหน้าด้านมาก

ไม่อายปากเลยสักนิด!

"ลองดู ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง?" เฟิงหานชวนกำลังเล่นเกมคำพูด

เฉินฮวนฮวนรู้ตัวว่าเธอพูดไม่เคยชนะเขาเลย

ตอนที่เธอกำลังอายจะเป็นบ้า เฟิงเฉินเหยี่ยนก็พาพนักงานมา ในมือพนักงานมีกล่อง แล้วรีบจัดของให้เฉินฮวนฮวน

ทั้งสามคนนั่งไปอีกสักพัก พอซูอวี่มาถึงแล้ว พวกเขาค่อยออกจากร้านกาแฟ

เฟิงหานชวนกอดเอวเฉินฮวนฮวนไว้ พาเธอไปที่รถของซูอวี่ แล้วพูดย้ำว่า "ห้ามนั่งข้างคนขับ ไปนั่งข้างหลัง"

"หา?" เฉินฮวนฮวนทำหน้างง

"ต้องอยู่บนรถผมถึงจะนั่งข้างคนขับได้ ข้างคนขับเป็นตำแหน่งของหวานใจเจ้าของ รู้ไหม?" เฟิงหานชวนก้มลงไปเอ่ยข้างหูเธอ

เฉินฮวนฮวนหน้าแดงมาก แล้วพยักหน้าเบาๆ "รู้แล้ว"

ซูอวี่ลงจากรถ วิ่งอ้อมไปหาทั้งสอง แล้วโค้งทักทาย "ประธานเฟิง คุณหญิง"

เฉินฮวนฮวนเงยหน้ามองซูอวี่ อยู่ๆก็รู้สึกคุ้นหน้าเขา อาจจะเพราะเคยเจอกันที่พอยเซิน

"สวัสดีค่ะ" โดนเรียกคุณหญิง เฉินฮวนฮวนยังไม่ค่อยชิน

"คุณหญิง เชิญครับ" ซูอวี่เปิดประตูหลังรถให้เธอ

เฉินฮวนฮวนโบกมือกับเฟิงหานชวน แล้วเข้าไปในรถ จนกระทั่งเธอเงยหน้า ค่อยเห็นโลโกที่พวงมาลัยรถ

จากนั้นเธอจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง ซูอวี่หันหลังให้เธอ เหมือนกำลังรายงานอะไรบางอย่างกับเฟิงหานชวน

หลังของเขา บวกกับการแต่งตัวแบบนี้ โลโกรถนี้ แล้วรถรุ่นนี้ด้วย……

ซูอวี่เป็นคนที่ส่งหลิ่วเยว่เอ่อร์ไปเรียนเช้านั้น เขาเป็นผู้ชายที่เธอเจอ!

เฉินฮวนฮวน ไม่ต้องการถามอะไรมากไปกว่านี้ แต่เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ในการทดลองแต่งงานกับเฟิงหานชวน เธออดไม่ได้ที่จะถามเพิ่มเติม

เธอต้องการรู้จักผู้คนรอบข้างเขา สิ่งต่างๆรอบตัวเขา ราวกับว่าเขาเป็นสามีของเธอจริงๆ

“เธอเป็นเพื่อนของฉัน เป็นลูกสาวของตระกูลหลีที่ติดต่อสัมพันธ์กับตระกูลเฟิงมานาน หลีซืออวิ๋น ” เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปแตะศีรษะของเฉินฮวนหวน ตอบคำถามของเธอ

เฉินฮวนฮวนตระหนักในทันใด พยักหน้าอย่างรวดเร็ว พูดว่า " ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปที่ห้องเถอะ? "

“โอเค” เฟิงหานชวนคว้าข้อมือของหญิงสาวแล้วพาเธอไปที่ห้อง

เมื่อพวกเขากลับมาที่ห้อง เฉินฮวนฮวนพบว่าอาหารเต็มโต๊ะแล้ว ทั้งพาสต้า สเต็ก พิซซ่า เฟรนช์ฟราย ทงคัตสึ อาหารชวนน่าลองแสนอร่อยทุกชนิด

เธอรู้สึกเหมือนมาที่ร้านกาแฟจำลอง

“ ในที่สุดเธอก็กลับมา ฉันไม่รู้ว่าเธออยากกินอะไร ฉันสั่งมาทุกอย่างเลย!” เฟิงเฉินเหยี่ยนหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างตื่นเต้นและกล่าวว่า “ฉันไม่ได้กินอาหารเช้า ฉันจะหิวตายอยู่แล้ว ฉันกินก่อนล่ะนะ!”

อย่างที่พูด เขาหยิบพอร์คชอปขึ้นมาชิ้นหนึ่ง แล้วกินอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเฟิงเฉินเหยี่ยนรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกหิว เธอจ้องไปที่เฟิงเฉินเหยี่ยน กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

เฟิงหานชวนเกือบจะขบขันกับท่าทางของเฉินฮวนฮวน เขากลั้นยิ้ม หยิบตะเกียบ คีบหมูสับแล้วจุ่มลงในซอสมะเขือเทศ

“อาสาม ไม่ใช่ว่าคุณไม่กินของทอดหรอ…”

ก่อนที่เฟิงเฉินเหยี่ยนจะพูดจบ เขามองดูอาสาม วางหมูสับที่เขาหยิบขึ้นมา ในชามต่อหน้าเฉินฮวนฮวน

“อาสาม ดูแลคนอื่นได้เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!” เฟิงเฉินเหยี่ยน อุทาน

ตั้งแต่รู้จักตัวตนของเฉินฮวนฮวน อาสามของเขาดูเหมือนจะเป็นคนละคน

ไม่หรอก พูดตรงๆ มันเป็นแค่ปฏิบัติต่อเฉินฮวนฮวนต่างไปจากคนอื่น

“เงียบ” เฟิงหานชวนเหลือบมองเขา

เฟิงเฉินเหยี่ยนปิดปากทันที

เฉินฮวนฮวนก้มศีรษะลงเหลือบมองที่หมูสับในชาม เธอหันศีรษะ แก้มของเธอแดงเล็กน้อย เธอเม้มปากกระซิบ "ขอบคุณ"

ก่อนที่เฟิงหานชวนจะตอบ เธอหันศีรษะกลับทันที หยิบตะเกียบ กินหมูสับ และเคี้ยวต่อ

“ อร่อยไหม? ” เสียงทุ้มต่ำของชายคนนั้นก็แว่วเข้ามาในหู

เฉินฮวนฮวนหันศีรษะของเธออีกครั้ง จ้องไปที่ดวงตาสีเข้มและลึกของชายคนนั้นทันที เธอหน้าแดง พยักหน้า แล้วตอบว่า "อร่อยมาก"

เธอไม่รู้ว่าทำไม ต่อหน้าเฟิงหานชวน เธอจึงเขินอายอยู่เสมอ

“ ถ้ามันอร่อย ก็กินเยอะหน่อย ผอมเกินไปแล้ว ” เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปโอบเอวเรียวของหญิงสาว อุทานในหูของเธอ “ ร่างกายของเธอไม่มีเนื้อแล้ว ”

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวน ร้อนผ่าว กลายเป็นสีแดง ราวกับว่าถูกไฟไหม้

“คุณ… คุณไม่ต้องพูดแล้ว…” เธอเขินจะจะตายแล้ว

ตอนนี้เฟิงเฉินเหยี่ยนนั่งตรงข้าม เฟิงหานชวนพูดคำที่โจ่งแจ้งขนาดนี้ได้อย่างไร!

และเฟิงเฉินเหยี่ยนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาทั้งสองกลมโต ร้องอุทานว่า "เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ?"

เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งต่อหน้าอาสาม เหตุผลก็คือว่า อาสามไม่เห็นร่างของฮวนฮวนอย่างชัดเจนเพราะแสงสีดำในคืนนั้น

อย่างไรก็ตาม อาสามตอนนี้บอกว่าฮวนฮวนไม่มีเนื้อในร่างกาย หรือว่าเมื่อคืนเขาสองคน สร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเหรอ

เฟิงเฉินเหยี่ยนรู้สึกว่าข่าวดังกล่าวน่าตื่นเต้นเหลือเกิน ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว ต่อมา เขาต้องหาโอกาสโทรหาปู่เพื่อรายงาน

“ไม่ ไม่!” เฉินฮวนฮวนโบกมืออย่างรวดเร็ว ปฏิเสธอย่างกังวลใจ

เธอกับเฟิงหานชวนไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นเลย แม้ว่าเกือบจะ…แต่ตอนนี้พวกเขากำลังทดลองอยู่ก่อนแต่งงานอยู่ พวกเขายังไปไม่ถึงขนาดนั้น

“กินข้าวกันเถอะ” เฟิงหานชวนเหลือบมองเฉินฮวนฮวนอย่างมีความหมาย ที่สีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความวิตกกังวล โดยไม่พูดอะไรมาก

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา อันที่จริง พวกเขามีกันและกันเป็นครั้งแรกแล้ว

“ อืม ” เฉินฮวนฮวนตอบพลาง ส่ายหัว แล้วรับประทานอาหารโดยไม่พูดอะไรสักคำ

บรรยากาศของอาหารกลางวันค่อนข้างแปลกไป ยกเว้นเสียงเคี้ยวเล็กน้อย ก็ไม่มีใครพูด

จนกระทั่งทั้งสามคนอิ่ม แต่ละคนก็วางตะเกียบ ส้อม และมีดลง เฉินฮวนฮวนพบว่ายังมีพาสต้าที่ยังไม่ถูกแตะอยู่บนโต๊ะ

เธอคิดว่า หลิ่วเยว่เอ่อร์ชอบพาสต้ามากที่สุด

“อาเหยี่ยน ขอฉันห่อพาสต้านี้ด้วยได้ไหม?” เฉินฮวนฮวนเป็นคนแรกที่พูดในสามคน

เธอรู้ว่าอาหารกลางวันนี้เป็นของเฟิงเฉินเหยี่ยน ดังนั้นเธอจึงถามเฟิงเฉินเหยี่ยน

“แน่นอน ได้!” เฟิงเฉินเหยี่ยนเช็ดปากของเขาด้วยทิชชู่ พูดอย่างกระตือรือร้น “ฮวนฮวน เธอจะแพ็คอะไร ก็ได้ตามต้องการ”

“ไม่ ไม่ แค่ต้องการอันนี้ก็ได้แล้ว ฉันจะเอาไปให้เพื่อนของฉัน” ?” เฉินฮวนฮวนกล่าวตามความจริง

แม้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะต้องติดคุกเป็นเวลาครึ่งเดือนเพราะขายตัว แต่เมื่อเธอไปเยี่ยมเธอครั้งนั้น การสนทนาระหว่างทั้งสองก็ไม่ค่อยดีนัก

แต่ยังไงแล้ว หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็เป็นเพื่อนที่ดีที่เธออยู่ด้วยมานานกว่าหนึ่งปี และแม้ว่าในยามที่เธอจะลำบากที่สุด หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ให้เธอยืมเงิน

เธอเก็บความประทับใจนี้ไว้ในใจเสมอ

พรุ่งนี้เธอจะเข้าค่ายฝึก เธอไปรับหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้ตอนออกจากคุก วันนี้จึงจะไปเยี่ยมเยว่เอ่อร์อีกครั้ง

“เอาล่ะ ต้องการอะไรอีกไหม” เฟิงเฉินเหยี่ยนยังคงถามต่อไป

“เธอมีความอยากอาหารน้อย และอาจจะทานอาหารกลางวันแล้ว พาสต้านี้น่าจะพอแล้ว” เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการรบกวนผู้อื่นมากเกินไป แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้ขาดแคลนเงินก็ตาม

"เพื่อนที่ไหน?"

ในเวลานี้ เฟิงหานชวนถามในทันที

เฉินฮวนฮวนหันศีรษะไป แล้วตอบว่า "เป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยของฉัน เธอชอบกินพาสต้ามากที่สุด ฉันเห็นว่าไม่มีใครกินพาสต้านี้เลย ฉันเลยจะเอาไปให้เธอ"

“คุณบอกว่าเขาทานอาหารกลางวันแล้วไม่ใช่เหรอ?” เฟิงหานชวนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพื่อนในความหายของเฉินฮวนฮวนอาจเป็นผู้หญิงคนนั้น

“เธอ…เธออยู่ในคุก ฉันคิดว่าอาหารในคุกไม่น่าจะดีนัก พรุ่งนี้ฉันจะไปค่ายฝึก ฉันวางแผนจะไปเยี่ยมเธอในตอนบ่ายและเอาพาสต้าให้เธอด้วย” เฉินฮวนฮวนถอนหายใจเล็กน้อย

อันที่จริงเมื่อเธอรู้ว่า หลิ่วเยว่เอ่อร์ติดคุกเพราะขายตัว ปฏิกิริยาแรกของเธอคือตกใจ จากนั้นเธอก็ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนหวังไว้. เธอคิดว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์มีมือและเท้า ทำไมยังต้องการทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้

จากนั้น เมื่อเธอไปเยี่ยมหลิ่วเยว่เอ่อร์ ทั้งสองก็มีปากเสียงกัน

“เข้าคุก?” เฟิงเฉินเหยี่ยนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม อุทาน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรพูดมาก เธอโบกมือ อธิบายว่า "เธอเพิ่งมีบางอย่างผิดปกติ จะออกมาในอีกไม่กี่วัน"

“อย่าไป!”เฟิงหานชวนรู้ว่าตัวเองเดาถูก เฉินฮวนฮวนต้องการพบ หลิ่วเยว่เอ่อร์จริงๆ

สำหรับผู้หญิงที่ชั่วร้ายที่ทรยศต่อเพื่อนที่ดี เฉินฮวนฮวนยกให้เธอเป็นเพื่อนที่รัก กังวลว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะกินข้าวได้ไม่อร่อยในคุก?

เฟิงหานชวนต้องการบอกความจริงกับเฉินฮวนฮวน เพื่อที่เธอจะได้รู้จักธาตุแท้ที่แท้จริงของหลิ่วเยว่เอ่อร์

เฉินฮวนฮวนอ้าปากเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไงจริง ๆ

“ฉัน ฉันไม่ได้เกลียดคุณ ฉันไม่ได้เกลียดคุณจริงๆ นะ ทำไมฉันต้องเกลียดคุณด้วย…..”

เธออยากจะอธิบาย แต่ทันทีที่อธิบาย ก็รู้สึกพูดสะเปะสะปะไม่รู้เรื่อง

“ถ้าคุณไม่ได้เกลียดผม แล้วทำไมคุณถึงยังสงสัยเหตุผลที่ผมอยู่ก่อนแต่งกับคุณตลอดเวลาด้วย?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเย็นเยียบ และไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“ฉัน….” เฉินฮวนฮวนกำลังครุ่นคิดว่าจะพูดออกไปยังไงดี

แต่เฟิงหานชวนกลับตัดบทของเธออีกครั้ง : “คุณไม่อยากแต่งงานกับผมใช่ไหม? เพราะคนที่เป็นสามีของคุณคือผม ไม่ใช่อาเยี่ยน ดังนั้นคุณจึงผิดหวังมาก?”

“ไม่ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แบบนี้” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า เธอไม่ได้หมายความว่าแบบนี้

และไม่ได้หมายความว่าอยากแต่งงานกับอาเยี่ยนด้วย

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนปฏิเสธอีกครั้ง เฟิงหานชวนเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งนั้นทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อย

เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนจึงตัดสินใจถามให้ชัดเจน

เธอหันมองไปรอบ ๆ ด้านจนมั่นใจว่าไม่มีคนอื่น แถมที่นี่ยังห่างไกลผู้คนด้วย จึงพูดเสียงเบา ๆ ว่า : “ก่อนหน้านั้นคุณเคยบอกฉัน คุณเคยมีประสบการณ์ด้านนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อคืนคุณกลับบอกฉันว่าไม่เคยมีแฟนมาก่อน แล้วครั้งนั้นที่คุณมี…. หมายความว่ายังไง?”

ความบริสุทธิ์แรกของเฉินฮวนฮวน ได้ถูกหลิวตงรุ่ยช่วงชิงไป และยังถูกบังคับฝืนใจอีกด้วย เรื่องนี้เฟิงหานชวนรู้ดี

แต่อดีตของเฟิงหานชวน เธอไม่เคยรู้เลย

จริงๆ แล้ว มีเรื่องเกิดขึ้นก่อนที่เฟิงหานชวนจะอยู่ก่อนแต่ง เธอไม่ควรถามมาก และก็ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความด้วย แต่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับเหตุผลที่เขาอยู่ก่อนแต่งกับเธอ ดังนั้นเธอจึงได้ถามออกไป

เฟิงหานชวนคิดได้ฉับพลัน ก่อนหน้านั้นเขาเคยบอกกับเฉินฮวนฮวนว่าเขาเคยมีประสบการณ์ด้านนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง

บนรถในคืนนั้น เขาเยาะเย้ยเฉินฮวนฮวน ตอนนั้นเขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่สำส่อน เฉินฮวนฮวนโกรธมากเธอเคยพลาดแค่ครั้งเดียว ต่อมาเขาก็โพล่งออกมาเองว่าเคยพลาดครั้งเดียวเหมือนกัน

ครั้งนั้น เป็นครั้งที่อยู่ในบลูส์คลับ ตอนนั้นเขาคิดว่า ผู้หญิงในคืนนั้นคือหลิ่วเยว่เอ่อร์

ตอนนั้น พวกเขาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในครั้งแรกให้กันและกัน แต่กลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก็คือคนในครั้งนั้น

เมื่อคิดได้ เฟิงหานชวนรู้สึกว่าตัวเองและเฉินฮวนฮวนมีชะตากรรมร่วมกันมาตั้งแต่ในอดีต เพียงแต่ว่า ชะตากรรมแบบนี้เขาพูดไม่ได้

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนเกิดความลังเลไม่ตอบ หัวใจของเฉินฮวนฮวนก็เต้นระทึกด้วยความเป็นกังวล

เพราะคำตอบนี้ยากจะพูดใช่ไหม? ทำไมเฟิงหานชวนถึงได้ลังเลไม่ยอมตอบเธอ?

“แค่…..แค่วันไนท์สแตนด์ใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะปรายตามองไปยังดวงตาที่ยากหยั่งถึงคู่นั้นของเฟิงหานชวน แล้วถามขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ

“ไม่เชิง” เฟิงหานชวนปฏิเสธ

เขาเพิ่งคิดได้ ว่าจะตอบคำถามแบบนี้ของเฉินฮวนฮวนว่ายังไง ถ้าปฏิเสธตอนนี้ว่าตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนั้นมาก่อน ก็คงจะดูโกหกเกินไป

แต่ถ้ายอมรับ ประสบการณ์ในครั้งนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็ยากจะอธิบายได้

ถึงอย่างไร เขาก็สารภาพไปแล้วว่าตัวเองไม่เคยมีแฟนมาก่อน

เฟิงหานชวนรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ตอนนั้นเขาไม่ควรบุ่มบ่ามบอกว่าตัวเองเคยมีประสบการณ์ด้านนั้นมาแล้ว ตอนนี้จึงจนปัญญาที่จะอธิบาย

“หรือว่าจะเป็น…..” เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นเฟิงหานชวนปฏิเสธคำถามเมื่อสักครู่ของตัวเอง จึงปรากฏอีกคำถามหนึ่งขึ้นมาในหัว

ใบหน้าของเธอตื่นตระหนกเล็กน้อย เพราะนึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะทำเรื่องแบบนั้น

ในเมื่อไม่เชิงว่าเป็นวันไนท์สแตนด์ นั้นก็แสดงว่าซื้อกิน หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า —— สาวบริการ

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนทำการตัดสินใจแล้ว เฟิงหานชวนก็รู้สึกว่านอกจากเหตุผลนี้แล้ว ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลอื่นที่ใช้อธิบายได้อีก

“ก็ตามนี้แหละ แต่ผมไม่ได้สมัครใจนะ” ริมฝีปากของเฟิงหานชวนเอ่ยตอบกลับไป

คำตอบนี้ของเฟิงหานชวน ทำให้เฉินฮวนฮวนงุนงง

เรื่องซื้อกิน ต้องสมัครใจด้วยเหรอ?

ตอนนี้สภาพจิตใจของเธอปั่นป่วนนิดหน่อย เพราะเฟิงหานชวนยอมรับเรื่องนี้ นั้นแสดงว่าเขาขาดผู้หญิงจริง ๆ ขาดถึงขั้นซื้อกินแบบนั้น

เธอคงโทษเฟิงหานชวนไม่ได้ ถึงอย่างไรเฟิงหานชวนก็อายุขนาดนี้แล้ว ย่อมต้องการเรื่องแบบนั้นแน่นอน

แต่เมื่อคิดดูบางทีอาจจะเป็นเพราะความต้องการ เฟิงหานชวนจึงอยากอยู่ก่อนแต่งกับเธอ ซึ่งทำให้เฉินฮวนฮวนผิดหวังและรู้สึกแย่อยู่ในใจ

“ไม่สมัครใจเรื่องนี้จริง ๆ เหรอ?” เฉินฮวนฮวนพูดเสียงเบา ๆ

ถึงแม้ว่าจะเสียงเบา แต่เฟิงหานชวนก็ได้ยินชัดเจน เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำว่า : “ใช่ ไม่สมัครใจแน่นอนอยู่แล้ว”

“หา?” เฉินฮวนฮวนอึ้งไป

“ผมถูกศัตรูอัดยาในปริมาณที่มาก ร่างกายจึงทนไม่ไหว จึงต้องซื้อสาวบริการมาแก้ขัด แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยคบหากันอีกเลย”

เฟิงหานชวนก้มหน้าลง สีหน้าดูเหมือนรู้สึกผิด จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “ฮวนฮวน คุณแคร์เรื่องนี้ไหม?”

เฉินฮวนฮวนโง่ไปในทันที

เรื่องนี้มันแตกต่างจากผลลัพธ์ที่เธอคาดคิดไว้โดยสิ้นเชิง เธอคิดว่าเฟิงหานชวนซื้อกินเอง เพราะเฟิงหานชวนขาดผู้หญิง กลับคิดไม่ถึงว่า ……..

เขาไม่ได้สมัครใจจริง ๆ แต่เพราะจนปัญญา

“ฉัน……ฉันไม่แคร์แน่นอน! คุณ คุณเองก็ไม่ได้แคร์เรื่องนี้ของฉัน ฉันก็ไม่ใช่ครั้งแรกเหมือนกันนะ!” เฉินฮวนฮวนก้มหน้า จู่ ๆ ก็รู้สึกผิดในใจฉับพลัน

เธอเองก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ยังจะไปถามคำถามแบบนี้กับเฟิงหานชวนอีก ถึงแม้ว่าจะเป็นความตั้งใจเดิมที่เธออยากถามคำถามนี้ก็ตาม แต่เธอก็ไม่ได้แคร์เรื่องครั้งแรกของเฟิงหานชวนเช่นกัน

แต่กลับแคร์เหตุผลเรื่องการอยู่ก่อนแต่งของเขา

“เฟิงหานชวน ที่ฉันถามเรื่องเหล่านี้กับคุณ ไม่ใช่เพราะรังเกียจคุณไม่ใช่เพราะครั้งแรกอะไรเลยนะ ฉันเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปรังเกียจคุณด้วย เพราะฉันเองก็ไม่ใช่ครั้งแรก ฉันแค่อยากรู้เหตุผลที่คุณอยู่ก่อนแต่งกับฉัน ไม่ได้รังเกียจคุณเลยจริง ๆ ” เฉินฮวนฮวนอธิบายด้วยความร้อนใจ

“แล้วตอนนี้ คุณได้คำตอบแล้วใช่ไหม?” เฟิงหานชวนพบว่าเฉินฮวนฮวนร้อนใจ ใบหน้าแดงระเรื่อ

มองไปแล้วก็น่ารักไม่เบา

“อื้อ อื้อ ฉันได้คำตอบแล้วล่ะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าทันใด แต่ก็ยังรู้สึกลำบากใจอย่างมาก

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนคือผู้ชายแบบนั้น ในความเป็นจริงเขาเองก็เจ็บปวด ไม่ต่างกับตัวเธอเอง

ที่แท้ครั้งแรกของเธอกับเฟิงหานชวนก็ไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น ที่แท้พวกเขาก็หัวอกเดียวกัน?

เหมือนกับจะมีชะตากรรมเดียวกันด้วย

“มีอะไรจะถามอีกไหม? ถามให้ชัดเจนไปเลย อย่าเก็บไว้ในใจ ผมก็จะตอบความจริงเช่นกัน” เฟิงหานชวนพูดต่อ

“ไม่ ไม่มีแล้ว” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้าทันที

ความเข้าใจผิดเฟิงหานชวนเมื่อสักครู่ ทำให้เธอเสียใจและอึดอัดใจมาก เธอไม่อยากถามอะไรเขาอีกแล้ว

“ไม่มีอะไรจะถามแล้วใช่ไหม?” เฟิงหานชวนถามอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “ต่อไปไม่อนุญาตให้สงสัยผมอีก ผมตั้งใจจะอยู่ก่อนแต่กับคุณจริง ๆ ไม่ได้มีเหตุผลไร้สาระแบบนั้น”

ความเคร่งขรึมของเฟิงหานชวน ทำให้เฉินฮวนฮวนแก้มแดงระเรื่อทันใด

เธอก้มหน้าลง และพยักหน้าในขอบเขตที่จำกัด ใช้ท่าทางตอบกลับ

เมื่อเห็นท่าทางนิ่งสงบอย่างเชื่อฟังของผู้หญิง เฟิงหานชวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คำอธิบายเมื่อสักครู่ถือว่าสมบูรณ์แบบมาก เฉินฮวนฮวนไม่ได้สงสัยอะไรอีก

อีกทั้งยังเชื่อเขาด้วย

“จริงสิ พี่อวิ๋นของอาเยี่ยนคนนั้น เป็นใครเหรอ?” เฉินฮวนฮวนโพล่งออกไปด้วยความอยากรู้

“ใช่ บอกว่าครั้งนี้จะไม่ไป เธอจะอยู่ในประเทศ ดูแลรับผิดชอบหลีซื่อกรุ๊ป”

เฟิงเฉินเหยี่ยนกล่าวต่อ: "อาช่วยโทรกลับหาเธอหน่อย เธอยังไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน"

“อืม” เฟิงหานชวนตอบและโทรหาหลีซืออวิ๋น

เฉินฮวนฮวนจ้องไปที่อากับหลาน ทั้งสองยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เธอไม่รู้จักผู้หญิงที่พวกเขากำลังพูดถึง

ทันใดนั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็สั่นพอดี เฉินฮวนฮวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเกาเหวินที่โทรมา

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือและรีบออกจากห้องรับรอง

หลังจากที่เดินไปสักพักก็ถึงมุมที่ไม่มีใคร เฉินฮวนฮวนรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

“พี่เหวิน”

“ฮวนฮวน ซื้อเสื้อผ้าหรือยัง? จัดกระเป๋าเดินทางเสร็จหรือยัง? การลาของเธอ ฉันคุยกับคณบดีแล้วและท่านอนุมัติ ไม่ต้องห่วง” เสียงของเกาเหวินเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเฉินฮวนฮวน และรู้สึกว่าเมล็ดพันธุ์ที่ดีอย่างเฉินฮวนฮวน จะเติบโตและเปล่งประกายในการแสดงอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นเธอกับจางฟานต้องทำเงินได้อย่างมหาศาล

“พี่เหวิน เสื้อผ้าซื้อแล้ว ฉัน… ฉันจะรีบเก็บกระเป๋าเดินทาง ขอบคุณนะคะ!” เฉินฮวนฮวนรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอยังอยู่ข้างนอกและยังไม่ได้จัดกระเป๋า

“อืม รีบๆนะ อย่าลืมของที่จำเป็น พรุ่งนี้ฉันจะเอาชุดฝึกมาให้” เกาเหวินเตือนแล้วถามว่า: “พรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอเอง เธออาศัยอยู่ที่ไหน?”

“ใช่สิฉันจำได้แล้ว บ้านเธอเหมือนจะเป็นคฤหาสน์ในระแวกเมืองซูหลิง ยังอาศัยอยู่ที่นั่นไหม?”

ตอนที่เฉินฮวนฮวนสมัครงานที่ร้านชานม เธอกรอกที่อยู่ในใบสมัครเป็นที่อยู่ของบ้านตระกูลเฉิน

“ไม่ ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่นแล้ว” เฉินฮวนฮวนปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเธออยากเปลี่ยนคำพูด มันก็สายไปแล้ว

“เธอบอกที่อยู่ตอนนี้มาเลย พรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอด้วยตัวเอง ฉันต้องไปคุยกับพวกเขาที่นั่นให้เข้าใจ” น้ำเสียงของเกาเหวินวิตกกังวล เห็นได้ชัดว่าคาดหวังในตัวเธอสูงมาก

เฉินฮวนฮวนไม่กล้าปกปิดอะไรมากนัก ดังนั้นเธอจึงบอกที่อยู่บ้านตระกูลเฟิง และถามว่า: “พี่เหวิน พรุ่งนี้ประมาณกี่โมง?”

“เจ็ดโมงครึ่ง” เกาเหวินไม่รู้ว่าที่เฉินฮวนฮวนบอกคือที่อยู่บ้านตระกูลเฟิง เธอคิดว่าเป็นที่อยู่ใหม่ของบ้านตระกูลเฉิน จึงไม่ได้ถามอะไรมาก

“โอเคค่ะ พี่เหวิน เมื่อถึงเวลาฉันจะไปรอพี่ที่หน้าประตู”

หลังจากนัดหมายกับเกาเหวินเสร็จ ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังจะหันกลับมา เธอก็เห็นเฟิงเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ข้างหลังเธอ

“อาเหยี่ยน ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?” เฉินฮวนฮวนถามโดยไม่รู้ตัว

“ฮวนฮวน คุณกับอาสามทะเลาะกันใช่ไหม?” เฟิงเฉินเหยี่ยนถามอย่างสงสัย

เมื่อกี้ตอนที่เขาอยู่ในห้องรับรอง เขาพบว่าบรรยากาศนั้นไม่ใช่บรรยากาศที่คลุมเครือ แต่เป็นอารมณ์ที่ฉุนเฉียว

ยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้สีหน้าของอาสามก็ดูแย่มาก แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่มีความสุข

“เปล่า ฉันกับเขาไม่ได้ทะเลาะกัน” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวและปฏิเสธ

เธอกับเฟิงหานชวนไม่ได้ทะเลาะกัน แต่…

“ฮวนฮวน ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณไม่มีความสุข? หรือว่า คุณไม่อยากแต่งงานกับอาสาม?” ใบหน้าที่หล่อเหลาของเฟิงเฉินเหยี่ยนแสดงท่าทางประหลาดใจ ลดเสียงลงเป็นพิเศษ เข้าหาเฉินฮวนฮวน และถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา

คำถามที่เฟิงเฉินเหยี่ยนถาม ทำให้เฉินฮวนฮวนตกตะลึง

ไม่อยากแต่งงานกับเฟิงหานชวนเหรอ?

เธอเองก็ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ พูดตามตรง ตอนนี้ในหัวของเธอวุ่นวายไปหมด เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่เฟิงหานชวนถึงทดลองอยู่ก่อนแต่งกับเธอ

แม้ว่าเฟิงหานชวนจะอธิบายว่าเป็นเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ใจดี แต่เฉินฮวนฮวนก็นึกถึงการประพฤติของเฟิงหานชวนในวันนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดมาก

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากแน่นและไม่ตอบเขา เฟิงเฉินเหยี่ยนรู้สึกว่าเธอยอมรับว่าใช่

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดอย่างตรงไปตรงมา: “ฮวนฮวน ถ้าคุณไม่ชอบอาสามและไม่อยากแต่งงานกับเขา คุณก็บอกตรงๆเลย อาสามไม่บังคับคุณหรอก”

“ห้ะ?” เฉินฮวนฮวนมองขึ้นไปที่เฟิงเฉินเหยี่ยน เขาสูงกว่าเธอ ในหัวของเธอสับสนไปหมด ไม่รู้จะตอบอย่างไร

ไม่เชิงว่าไม่ชอบเฟิงหานชวน แต่เธอรู้สึกขอบคุณ รู้สึกขอบคุณที่เขาช่วยตัวเอง ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถพูดได้ว่าเธอไม่ชอบเขา

ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับเฟิงหานชวน แต่ตอนนี้พวกเขาแค่เพียงทดลองอยู่ก่อนแต่ง จะแต่งหรือไม่แต่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ

"พวกคุณมาทำอะไรตรงนี้?"

ในขณะนี้ เสียงที่เย็นยะเยือก ขัดจังหวะการสนทนาระหว่างทั้งสองคน

เฟิงเฉินเหยี่ยนตัวแข็งทันที หันหลังกลับ หันหลังให้เฉินฮวนฮวน และเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวน เขาทำหน้าบึ้ง เหยียดมือออกและเกาหลังศีรษะ ราวกับเด็กหนุ่มที่ทำอะไรผิด

“อาสาม อากำลังคุยโทรศัพท์กับพี่อวิ๋น ผมก็เลยออกมาหาฮวนฮวน” เฟิงเฉินเหยี่ยนอธิบายทันที

“ทำไมจู่ๆถึงออกมา? โกรธเหรอ?” เฟิงหานชวนเดินผ่านเฟิงเฉินเหยี่ยน และยืนอยู่หน้าเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะถามตัวเองเช่นนี้ เธอแค่ส่ายหัวแล้วตอบว่า: "เมื่อกี้รุ่นพี่ของฉันโทรมา คุยเกี่ยวกับเรื่องที่จะมารับฉันไปค่ายฝึกพรุ่งนี้เช้า คุณกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ข้างใน ฉันก็เลยออกมารับโทรศัพท์ข้างนอก”

“คุณบอกอาเหยี่ยนว่าไม่ชอบผม ไม่อยากแต่งงานกับผมเหรอ?” ในขณะที่เฟิงหานชวนเดินมา เขาได้ยินเฟิงเฉินเหยี่ยนพูดเช่นนี้

“ฉัน…ฉัน…” เฉินฮวนฮวนรู้สึกถึงการกดดัน เธออ้าปากและหันไปมองเฟิงเฉินเหยี่ยน เธอหันกลับมาและมองไปที่เฟิงหานชวน พูดไม่ออกสักคำ

เธอไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี

“ไม่ใช่ครับอาสาม ฮวนฮวนไม่ได้บอก ผมเป็นคนถามเธอเองว่าอยากแต่งงานกับอาไหม ถ้าหากเธอไม่ชอบอา ไม่อยากแต่งงานกับอา อาเองก็คงไม่บังคับเธอ” เฟิงเฉินเหยี่ยนอธิบายอยู่ข้างๆ

แม้ว่าเขาจะรู้ บางทีในวินาทีถัดมา เฟิงหานชวนอาจจะโมโหขึ้นมา

"ไปให้พ้น!"

แน่นอนเป็นไปตามที่เขาคิด อาสามของเขาโมโหจริงๆ

เขารู้ว่าเขาซวยแล้ว จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา: “อาสาม บอกตามตรง วันนี้ผมรู้สึกว่าฮวนฮวนไม่มีความสุขเลย ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร ก็เลยถามไปสองสามคำ”

“นี่เป็นเรื่องของสามีภรรยา ผมจะไม่ยุ่งมาก ผมกลับห้องไปสั่งอาหารก่อนนะครับ”

พูดจบ เฟิงเฉินเหยี่ยนกะพริบตาให้เฉินฮวนฮวน และรีบเดินจากไป

ทิ้งความยุ่งเหยิงให้เฉินฮวนฮวน เมื่อมองไปที่เฟิงหานชวน ที่มีใบหน้าที่บูดบึ้ง ท้อแท้ในใจ

เธอรู้สึกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้กำลังจะช่วยเธอ แต่กำลังหาเรื่องมาให้เธอ

“ฉัน…ฉันไม่ใช่ไม่มีความสุข วันนี้คุณช่วยฉันลงโทษพวกเขา และช่วยฉันเอาบ้านคืนมาได้ ฉันมีความสุขมาก!” เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างกังวล

ในเรื่องนี้ เธอรู้สึกขอบคุณเฟิงหานชวนจริงๆ และรู้สึกโล่งใจมาก

“แต่ผมไม่เห็นท่าทางมีความสุขของคุณเลย” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและขยับเข้าไปใกล้เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนอยู่ที่มุมของกำแพง เธอเอื้อมมือออกไป ผลักหน้าอกของเฟิงหานชวน และกระซิบ: "นี่คือร้านกาแฟ ถ้ามีใคร…"

“ฮวนฮวน คุณไม่ชอบผมจริงๆใช่ไหม? ไม่อยากแต่งงานกับผม?” เฟิงหานชวนก้มศีรษะลง ใบหน้าที่หล่อเหลาของของเขาอยู่ตรงหน้าเฉินฮวนฮวน

เสียงของเขาดูเยือกเย็นเล็กน้อย: "คุณเกลียดผม?"

“อาหาน อาหาน”คำนั้นของเฉินฮวนฮวน มีเสน่ห์บางอย่างที่แตกต่าง

สรุปแล้ว เฟิงหานชวนรู้สึกว่าบนมือของตัวเองมีผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว

เขากอดเฉินฮวนฮวนเอาไว้แน่น และจูบเธออย่างละเมียดละไม มีความอ่อนโยนอย่างไร้ขีดจำกัดบางอย่าง

เฉินฮวนฮวนตึงไปทั้งตัว สองมือของเธอถูกกอดเอาไว้ ไม่มีหนทางที่จะขัดขืนได้ เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนเป็นอันธพพาลที่อยู่ภายใต้ของแสงอาทิตย์ที่เปลี่ยนไป

แต่ จูบนี้กับจูบเมื่อกี้นี้ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

จูบในครั้งนี้ มีความอ่อนโยนและอบอุ่นมาก ไม่เหมือนกับจูบที่รุนแรงเมื่อกี้นี้ มีความรู้สึกที่แตกต่าง

ตอนที่เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะซึมเข้าไปอยู่ในวังวนแห่งความรักนั้น เฟิงหานชวนก็ปล่อยเธอทันที

ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้า น้ำตาเปียกดวงตาทั้งสองข้าง สะท้อนความน่าสงสารออกมา เขาแทบอยากจะ………….

แต่ ตอนนี้พวกเขาแค่อยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวานเขาได้รับปากเธอเอาไว้ว่าจะไม่สามารถทำการกระทำที่ล่วงเกินต่อเธอ ดังนั้นต่อไปถ้าเขาคิดเรื่องนั้นขึ้นมา ก็จะรีบปล่อยเฉินฮวนฮวนทันที

“คุณ…คุณจูบฉันสองครั้งแล้ว คุณไม่รักษาสัญญา” แก้มทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนแดง ราวกับจะปะทุควันออกมา

แต่เธอนึกถึงคำพูดที่เฟิงหานชวนรับปากกับเธอไว้เมื่อวาน ก็ทำไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะฟ้องขึ้นมา

พูดกันเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุข เฟิงหานชวนยัง……..

“ฮวนฮวน ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมเสียการควบคุมไป” เฟิงหานชวนจับมือของเฉินฮวนฮวนเอาไว้แน่น แล้วยกมาไว้ด้านหน้าของปากตัวเอง แล้วเป่าลมร้อนลงบนมือเล็กๆของเธอ

เฉินฮวนฮวนถูกการกระทำแบบนี้ของเขาทำให้ตกใจ เธอรีบดึงมือกลับคืนมา และพูดด้วยความตกใจว่า “คุณ คุณทำอะไร”

การกระทำเมื่อกี้ของเฟิงหานชวน ช่างคลุมเครือเสียจริงๆ

เฉินฮวนฮวนรู้สึก….เฟิงหานชวนช่างเกี้ยวพาราสีผู้หญิงเป็นจริงๆ

เขาไม่เคยมีความรักจริงๆเหรอ? เขาไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงจริงๆเหรอ?

ไม่จริงมั้ง

เฉินฮวนฮวนพบเห็นทันทีว่าตัวเองละเลยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไป

เมื่อวานเฟิงหานชวนสารภาพว่าเขาเองไม่เคยมีความรักมาก่อน และไม่เคยมีแฟนและยิ่งไม่เคยมีรักแรก ดังนั้นในหัวของเธอคิดว่าเฟิงหานชวนเป็นผู้ชายบริสุทธิ์

บนความเป็นจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น เฟิงหานชวนเคยเปิดเผยมาก่อนว่าเขาเคยมีประสบการณ์อยู่ครั้งหนึ่ง

แต่ในเมื่อเฟิงหานชวนไม่เคยคบหาผู้หญิงมาก่อน ทำไมถึงมีครั้งแรกล่ะ?

หรือว่า……เป็นการนัดมีอะไรกัน?

เรื่องนี้ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง ถ้าไม่มีครั้งที่สอง ชี้ชัดได้หรือเปล่าว่าระยะเวลาครั้งแรกกับตอนนี้นั้นไม่นาน?

พูดแบบนี้แล้ว ตอนนี้เฟิงหานชวนขาดผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ?

ไม่น่าล่ะก่อนหน้านี้คุณท่านไม่กลับมา เขาไม่พูดความสัมพันธ์สามีภรรยาของทั้งสองคนเลย แต่ให้เธอเป็นผู้หญิงของเขา

ดังนั้น เขาแค่อยากจะนอนกับเธอเท่านั้น ไม่ได้อยากจะเป็นสามีภรรยากับเธออย่างแท้จริง

“ทำไมถึงมองผมแบบนี้?” เฟิงหานชวนพบว่าแววตาของเฉินฮวนฮวนมีความผิดปกติ

จากความกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูกและความเขินอายในเมื่อกี้นี้ จนถึงตอนนี้เต็มไปด้วยความผิดปกติและความครุ่นคิด เธอคิดอะไรอยู่กันแน่?

เฉินฮวนฮวนอ้าปาก อยากจะถามเขาให้ชัดเจน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะถามหรือไม่ถามดี

เธอไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของเฟิงหานชวน มีสิทธิ์อะไรที่จะไปถามเรื่องก่อนหน้านี้ของเฟิงหานชวนกันล่ะ?

ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนเพราะว่าขาดผู้หญิง ดังนั้นถึงได้พูดเรื่องการอยู่ก่อนแต่งกับเธอขึ้นมาใช่หรือเปล่า?

เหมือนก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ไม่ได้ถูกเปิดเผย เขาบอกว่าต้องการเธอมาเป็นผู้หญิงของเขา ก็เหมือนกับสาเหตุที่อยู่ก่อนแต่งนั้นแหละ

คำถามมากมาย ลอยอยู่ในหัวของเฉินฮวนฮวน

“คุณไม่ได้บอกเหรอว่า อยู่ก่อนแต่งแค่อยู่กันอย่างสันติสุข ทำไมเมื่อกี้……” คำพูดของเธอหยุดลง

“คุณโกรธเหรอ?” จูบของเฟิงหานชวนมีความระมัดระวัง

เขายอมรับว่าเมื่อกี้ตัวเองสูญเสียการควบคุมไป และไม่เคยขอโทษเฉินฮวนฮวนเลย หรือว่าเฉินฮวนฮวนไม่ยอมให้อภัยเขา?

“เฟิงหานชวน คุณอยากจะอยู่ก่อนแต่งกับฉันจริงๆเหรอ? หรือว่า……” เฉินฮวนฮวนสับสนมากจริงๆ เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะถามดีหรือเปล่า

ตอนนี้เฟิงหานชวนดีกับเธอ ยังช่วยเธอสั่งสอนคนตระกูลเฉิน แต่เธอไม่รู้ว่าการทำดีของเขา มีความหมายแบบไหนกันแน่

เห็นเฉินฮวนฮวนยังเรียกชื่อเต็มของตัวเอง ในใจของเฟิงหานชวนก็มีความไม่สบายใจจึงถามกลับไปว่า “คุณสามารถเรียกชื่อเล่นได้ แต่ทำไมถึงเรียกชื่อเต็มของผมทั้งที่ผมเป็นสามี?”

“ไม่ ไม่ใช่….”เมื่อกี้เฉินฮวนฮวนสับสนอยู่ จนลืมเปลี่ยนการเรียกชื่อ จึงได้เรียกชื่อผิด

เห็นสีหน้าที่หม่องหมนจนไม่มีอะไรเทียบได้ของเฟิงหานชวน ในใจของเฉินฮวนฮวนก็รู้สึกละอายใจ เธอยื่นมือเล็กๆออกไป จับที่แขนของเฟิงหานชวน

“อาหาน ที่จริงเมื่อกี้ฉันโกรธนิดหน่อย ฉันอยากจะถามคุณ ว่าคุณ….ว่าคุณขาดผู้หญิงดังนั้นถึงได้อยู่ก่อนแต่งกับฉัน ใช่หรือเปล่า?” เฉินฮวนฮวนรวบรวมความกล้าแล้วถามออกไป

เธออยากจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่างจริงๆ

ไม่อย่างนั้น การอยู่ก่อนแต่งของเธอก็จะไม่มีความชัดเจน

เฟิงหานชวนหลังจากได้ยินคำถามนี้ สีหน้าก็ยิ่งหม่นหมองขึ้น เขาลุกขึ้นมาแล้วเดินไปด้านหน้าของหน้าต่าง

ทั้งสองมือเท้าสะเอวเอาไว้ ทั่วร่างกายกระจายออร่าความน่ากลัวออกมา

เห็นเขาไม่พูดอะไร และยังมีท่าทีโกรธอยู่ เฉินฮวนฮวนรู้ว่าคำพูดของตัวเองนั้นผิดพลาดไปแล้ว แต่ใจก็ตัดสินใจความคิดของตัวเอง

เธอทายไม่ผิดหรือเปล่า เฟิงหานชวนถึงได้โกรธแบบนี้?

เฉินฮวนฮวนแค่รู้สึกว่าในใจมีความกระวนกระวายขึ้นมา ถ้าเฟิงหานชวนตอบว่า “ใช่” แล้วเธอควรจะทำอย่างไร?

เธอจะรับปากหรือว่าไม่รับปากดีนะ?

ตอนที่ในหัวของเฉินฮวนฮวนสับสนอยู่นั้น ประตูของห้องพักผ่อนถูกเคาะดังหลายครั้ง

“ก๊อกก๊อกก๊อก…..”

ต่อมา น้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนก็ดังเข้ามา “อาสาม ฮวนฮวน พวกคุณอยู่ด้านในหรือเปล่า?”

เวลานี้ บรรยากาศในห้องพักผ่อนตึงเครียดมาก

เห็นเฟิงหานชวนไม่พูดอะไร เฉินฮวนฮวนเม้มปากเอาไว้ จากนั้นลุกขึ้นมาจากโซฟาแล้วเดินไปที่ประตู เปิดประตูออก

เวลานั้นที่ประตูเปิดออก เฟิงเฉินเหยี่ยนก็พุ่งเข้ามา

“พวกคุณสองคนคุยกันเสร็จหรือยัง?” ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิงเฉินเหยี่ยนเต็มไปด้วยแสงสว่าง แล้วสังเกตทั้งสองคนที่อยู่ในห้องพักผ่อน

เฟิงหานชวนยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง เฉินฮวนฮวนยืนอยู่ข้างประตู

“ช่าง ช่างมันเถอะ” เห็นเฟิงหานชวนไม่ตอบอะไร เฉินฮวนฮวนจึงได้แค่ตอบอย่างติดขัด

ที่จริงไม่ได้เกี่ยวกับคุยกันเสร็จหรือว่ายังไม่เสร็จ เธอกับเฟิงหานชวนไม่ได้คุยกันอยู่ แต่เธอถามคำถาม เฟิงหานชวนยังไม่ตอบคำถาม

“งั้นก็ดี โชคดีที่ฉันไม่ได้รบกวนพวกเธอ” เฟิงเฉินเหยี่ยนแอบยิ้ม จากนั้นเดินไปข้างเฟิงหานชวน แล้วยื่นโทรศัพท์ในมือส่งไปด้านหน้าของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเงยหน้ามองไปอย่างขมวดคิ้ว

“อาสาม ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะมารบกวนคุณ เป็นโทรศัพท์ของคุณซึ่งคุณอวิ๋นใช้โทรมา” เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดรายงานตามความเป็นจริง “เธอกลับมาจากอเมริกาแล้ว กำลังเปลี่ยนเครื่องอยู่ที่ญี่ปุ่น วันนี้ตอนบ่ายก็ถึงสนามบินเมืองเป่ยเฉิง ให้คุณไปรับเธอและตอนเย็นคอยรับใช้เธอ ยังเชิญให้ผมไปด้วย”

“เธอเหมือนยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับฮวนฮวน” เขาเพิ่มเติมประโยคขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค

“เธอกลับมาแล้วเหรอ?” เฟิงหานชวนรับโทรศัพท์มา แล้วเปิดดูประวัติการโทร เพื่อยืนยันเหตุการณ์

ตอนนี้ เฉินฮวนฮวนที่อยู่ประตู ในใจนึกชื่อสองตัวนั้นอยู่

คุณอวิ๋น คงจะเป็นผู้หญิงสินะ?

เธอเป็นอะไรกับเฟิงหานชวน?

เฉินฮวนฮวนมองใบหน้าหล่อของชายหนุ่มใกล้ๆ ก็คิดถึงพฤติกรรมเขาขณะนี้ คนทั้งคนประหม่าขึ้นมา

“เฟิงหานชวน คุณ…คุณคิดจะทำอะไร?” เธอกลืนน้ำลายอย่างกังวล จ้องเฟิงหานชวนตรงหน้าตาไม่กะพริบ

วินาทีต่อมา เฟิงหานชวนก้มลงไปจูบปิดปากเธอไว้ บ้าอำนาจเอาแต่ใจ ไม่ยอมให้ปฏิเสธ และปฏิเสธไม่ได้

หลังจากนั้นสิบนาที เฉินฮวนฮวนถูกจูบจนเบลอ แยกทิศทางไม่ออก

“หลังจากนี้ห้ามเรียกชื่อของผม ” เฟิงหานชวนเอียงศีรษะ ไปที่ข้างหูเฉินฮวนฮวน พ่นลมหายใจอุ่นๆ ที่ข้างหูเธอ

เฉินฮวนฮวนได้สติขึ้นทันที ตอนนี้ถึงเพิ่งรู้ นึกไม่ถึงว่าเธอเพิ่งจะโดนเฟิงหานชวนจู่โจมจูบเข้า

“คุณ…ทำไมคุณ…”เฉินฮวนฮวนหน้าแดง เม้มริมฝีปาก จ้องผู้ชายตรงหน้าอย่างโมโห

คิดไม่ถึงว่าเขาไม่ผ่านความยินยอมของเธอ ก็ทำกับเธอ…ไม่ใช่คุยกันแล้วว่าทดลองแต่งงานกันอย่างสงบแค่นั้นเหรอ? ห้ามมีการกระทำที่แนบชิด

“ได้ยินไหม?” เฟิงหานชวนพูดเสียงดัง พูดจริงจัง “ผมจะพูดอีกครั้ง หลังจากนี้ห้ามเรียกผมด้วยชื่อเต็ม”

“ฉัน…งั้นฉันเรียกคุณว่าอะไร ?” เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นอะไรไป จู่ ๆ กลายเป็นคนดุร้าย

เธอเริ่มตั้งแต่เมื่อคืน ก็เรียกเขา เฟิงหานชวนมาตลอด เขาก็ไม่ได้โกรธ ทำไมห้ามเธอเรียกกะทันหันแบบนี้ล่ะ ?

“ผมเคยบอก คุณเรียกผมว่าอาหานก็ได้ ” สีหน้าของเฟิงหานชวนดูจริงจังกว่าปกติ

แต่ท่าทางของเขาแบบนี้ ทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกกลัวเล็กน้อย ในหัวก็คิดถึงเรื่องขัดแย้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ของเธอกับเฟิงหานชวนอย่างไม่รู้ตัว

เธออดจะขดตัวไม่ได้ บนใบหน้าแสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมา

เห็นเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนไปแบบนี้ เฟิงหานชวนคิดถึงท่าทีของตัวเองเมื่อกี้ทันที เขาปล่อยเธอออกทันที นั่งลงข้างตัวเธอ

“ขอโทษ เมื่อกี้ผมใจร้อนไป” เขาพูดอย่างรู้สึกผิด

วินาทีที่เฉินฮวนฮวนพูดเข้าข้างอาเยี่ยน ตัวเขาเหมือนถูกจุดไฟโมโหขึ้น สึกทรมานภายในใจ อารมณ์ก็เลยร้อนขึ้นมา

“คะ คะ คุณ …เมื่อกี้คุณเป็นอะไรกันแน่ ?” เฉินฮวนฮวนนั่งอย่างเก้ๆกังๆ สองมือเล็กบิดอยู่ข้างหน้า หันไปมองเฟิงหานชวนที่นั่งข้างตัวเอง ถามออกไปอย่างตะกุกตะกัก

“ฉันทำให้คุณโกรธเหรอ?”

เฟิงหานชวนหันไปมองเธอเหมือนกัน ทั้งสองตาประสานกัน เขาเปิดปากช้า ๆ เสียงขุ่น “ไม่ใช่”

พูดว่าไม่ใช่ แต่ความเป็นจริงคือใช่ เมื่อกี้เขาโกรธจริงๆ

แต่ไม่ใช่เพราะเฉินฮวนฮวนทำ แต่เพราะเขาเห็นท่าทีที่เฉินฮวนฮวนมีต่ออาเยี่ยน พวกเขาทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน ถึงขนาดที่เฉินฮวนฮวนยังเรียกเขาผิดเป็นอาสาม

หากพูดให้ถูกต้อง คงไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็น…

“แต่ ท่าทางของคุณดูโกรธมาก” เฉินฮวนฮวนได้ยินเฟิงหานชวนปฏิเสธ อันที่จริงภายในใจกลับรู้สึกไม่เชื่อ

“ผมไม่ได้โกรธ” เฟิงหานชวนจ้องเขม็งไปที่ผู้หญิงตรงหน้า ยื่นมือคว้ามือเล็กของเฉินฮวนฮวน กุมมือเล็กของเธอไว้ในฝ่ามือใหญ่ของตัวเอง

เฉินฮวนฮวนตกใจนิดๆ และเขินอายหน่อยๆ เม้มริมฝีปาก แต่ไม่ได้ดึงมือตัวเองกลับ ปล่อยให้

เฟิงหานชวนกุมไว้

“ผมแค่หึง” เฟิงหานชวนพูดเรียบๆ สีหน้าดูนิ่งๆ

แต่เฉินฮวนฮวนที่อยู่ข้างๆ กลับตกใจสุดขีด รูม่านตาเหมือนขยายใหญ่หลายเท่า ถามอย่างเหลือเชื่อ “คุณ หะ หึง…หึง ?”

เธอรู้สึกในหัวขาวโพลน เหมือนคิดอะไรไม่ออก เหมือนได้ยินข่าวคราวหนึ่งที่น่าตกใจสุดขีด

“อืม” เฟิงหานชวนรู้เฉินฮวนฮวนจะต้องตกใจ เขาแค่พูดอย่างเคร่งขรึม “หลังจากนี้ ห้ามดีกับอาเยี่ยนขนาดนั้น ห้ามเรียกอาสามอีก ห้ามปกป้องผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผม วางความสำคัญผมไว้เป็นอันดับแรก”

ไม่บ่อยที่เฟิงหานชวนจะพูดออกมายาวขนาดนี้ เพราะเดิมเขาเป็นคนพูดน้อย

แต่หลังจากเขาพูดจบ เห็นผู้หญิงตรงหน้า ใบหน้างงงวย มองเขาไม่กะพริบตา

“ไม่เต็มใจ ?” เขาถามต่อ

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนถึงได้สติกลับมา เธอส่ายหน้าทันที รู้สึกแปลกๆ แล้วพยักหน้าทันที และรู้สึกแปลกอีก

หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า แล้วพยักหน้าอีก สุดท้ายทำเอาตัวเธอมึนไป

ไม่ง่ายที่เธอจะสงบลงมา เอาเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดทั้งหมดทบทวนในหัวหนึ่งรอบ ได้บทสรุปออกมาเรื่องหนึ่ง

เพราะเธอพูดเข้าข้างเฟิงเฉินเหยี่ยน ดังนั้นเฟิงหานชวนเลยไม่พอใจ นึกว่าเธอปกป้องผู้ชายคนอื่น ไม่เห็นสามีอย่างเขาอยู่ในสายตา ?

ถึงขนาดที่เฟิงหานชวนคิดว่าภายในใจเธอเอนเอียงไปทางเฟิงเฉินเหยี่ยน ?

“เฟิงหานชวน คุณเข้าใจผิดแล้ว” เฉินฮวนฮวนพูดออกมาอย่างรีบร้อน

สีหน้าของเฟิงหานชวนเข้มขึ้นอีกครั้ง เน้นย้ำอีกครั้ง “ผมบอกแล้ว ห้ามเรียกชื่อเต็มผมอีก”

“แต่ อาหานชื่อเรียกนี้ เป็นชื่อที่แม่คุณเรียกคุณ ท่านไม่อยู่บนโลกแล้ว ฉันรู้สึกว่าฉันยังคง…”เฉินฮวนฮวนรู้สึกชื่อเรียกนี้ เป็นชื่อเรียกหนึ่งที่สำคัญ

ตอนนี้เธอกับเฟิงหานชวนมีความเกี่ยวข้องกันแค่ทดลองแต่งงาน เธอเรียกเฟิงหานชวนว่าอาหาน ดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก

“คุณอายุมากกว่าฉันขนาดนั้น ฉันก็เรียกคุณว่าคุณอาดีกว่าไหม”เฉินฮวนฮวนเอาแต่รู้สึกว่าเฟิงหานชวนแก่กว่าตัวเอง เธอเรียกชื่อเต็มดูไม่ดีจริงๆ เรียกชื่ออื่นก็เหมือนแปลกนิดหน่อยเหมือนกัน

“…”เฟิงหานชวนรู้สึกตัวเองใกล้จะบ้าเพราะผู้หญิงคนนี้จริงๆ

เห็นเฟิงหานชวนไม่พูด เฉินฮวนฮวนหันไปมองเขา เห็นสีหน้าเขาเข้มดูน่ากลัวนิดๆ

“เฉินฮวนฮวน มีภรรยาที่ไหนเรียกสามีว่าคุณอา ? คุณไม่รู้สึกว่ามันแปลกตรงไหน?” เฟิงหานชวนเข้าใกล้เธอ ปลายจมูกเกือบชนเข้ากับปลายจมูกของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนคิดอยากเอนตัวไปด้านหลัง แต่ท้ายทอยกลับถูกมือใหญ่ของชายหนุ่มควบคุมไว้ เธอทำได้แค่สบตาเฟิงหานชวนใกล้ชิดแบบนี้

“ฉัน…”เธอรู้สึกหัวใจเต้นเร็วมาก

แต่ปฏิเสธไม่ได้ ไม่มีภรรยาคนไหนเรียกสามีว่าคุณอาจริงๆ มันรู้สึกยุ่งเหยิงไปหน่อย

“งั้นฉันเรียกคุณ อาหานแล้วกัน เป็นคุณที่ให้ฉันเรียกนะ ฉันไม่ได้ไม่เคารพแม่ของคุณ” เฉินฮวนฮวนรีบพูดออกมา เพียงแค่อยากจะจบหัวข้อนี้กับเฟิงหานชวนให้เร็ว

เพราะตอนนี้ เฟิงหานชวนอยู่ใกล้เธอมาก เฟิงหานชวนเพียงยื่นหน้าอีกหนึ่งเซนติเมตร ปากของพวกเขาก็จะแนบกัน

นึกถึงภาพที่ทั้งสองคนจูบกันเมื่อกี้ ใบหน้าของเฉินฮวนฮวน ตอนนี้ร้อนจนต้มมันเทศได้แล้ว

“ลองเรียกให้ฟังหน่อย” เฟิงหานชวนล่อลวงเธอ

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก เห็นเฟิงหานชวนยังไม่ยอมรามือ เธอทำได้แค่กลั้นหายใจ พูดเสียงเบา

“อาหาน…”

เสียงนี้ พุ่งตรงไปที่หัวใจเฟิงหานชวนจริงๆ

“เรียกอีกครั้ง เรียกให้คุ้นเคย” เฟิงหานชวนล่อลวงผู้หญิงตรงหน้าต่อไป

“อาหาน อาหาน…” เฉินฮวนฮวนรู้สึกหากตัวเองยังไม่เรียกต่อไป คิดว่าเฟิงหานชวนคงไม่ยอมรามือ

ตอนที่เธอเพิ่งเรียกเสร็จ มีความร้อนบนริมฝีปากอย่างกะทันหัน

เฟิงหานชวนตกใจทันที

เมื่อเฉินฮวนฮวนถามเช่นนี้ออกมา ในใจเธอยังนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ใช่ไหม?

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ก่อนหน้านี้เขาทำกับเฉินฮวนฮวนเกินไปจริงๆ ตอนนี้เมื่อมองย้อนกลับไป เขาก็รู้สึกว่าเขาโหดร้ายกับเฉินฮวนฮวนขนาดนั้นได้อย่างไร

เมื่อนึกถึงตอนเธอถืออัฐิของคุณยาย และร้องไห้อย่างน่าสงสาร เขาก็ยังพูดจาหยาบคายกับเธอ

เมื่อนึกถึงตอนเธอมองหลิวตงรุ่ยด้วยหัวใจที่แตกสลาย เขายังสงสัยว่าเธอหลอกเขา และพูดจาดูถูกเธอทุกคำ

เมื่อนึกถึงการกระทำอันชั่วร้ายของตัวเองก่อนหน้านี้ เฟิงหานชวนรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ตอบ เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน และก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะถามเสียงเบาราวกับกระซิบว่า “คุณรู้สึกละอายใจต่อฉันใช่ไหม คุณถึงอยากทดลองแต่งงานกับฉัน?”

ถ้าจะว่ากันตามเหตุผลแล้ว เธอเป็นเพียงผู้หญิงที่นายท่านตระกูลเฟิงยัดเยียดให้เฟิงหานชวน ระหว่างเธอและเฟิงหานชวนไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อกัน แม้กระทั่งก่อนหน้านี้พวกเขายังมีปากเสียงกันจนไม่มีความสุข

เฟิงหานชวนเป็นฝ่ายอยากทดลองแต่งงานกับเธอก่อน ถ้าไม่รู้สึกละอายใจต่อเธอ ก็คงอยากชดเชยให้กับเธอ ถ้าไม่อยากขัดความตั้งใจนายท่านตระกูลเฟิง ก็คงเป็นทั้งสองเหตุผล

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนรู้สึกจุกแน่นอยู่ที่ลำคอเล็กน้อย

เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนต้องเคลือบแคลงใจอย่างแน่นอน อันที่จริงช่วงที่ผ่านมานี้ เขาปฏิบัติต่อเธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ เดิมทีเขาก็อยากเปิดเผยความสัมพันธ์กับเธอ และมาเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ แต่เขากลัวว่าเฉินฮวนฮวนจะสงสัย เขาถึงได้เสนอให้ทดลองแต่งงานกัน

“หลังจากช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมก็รู้ตัวเองว่าก่อนหน้านี้เอาแต่โทษคุณ ผมพบว่าคุณเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีมาก ไม่ใช่เพราะผมละอายใจต่อคุณ แต่ผมอยากทดลองแต่งงานกับคุณจริงๆ” เฟิงหานชวนตอบอย่างจริงจัง เขาจริงจังกว่าทุกช่วงเวลาก่อนหน้านี้

“ถ้าการทดลองแต่งงานระหว่างเราเข้ากันได้ดี มีผู้หญิงแบบคุณมาเป็นภรรยาของผม ผมจะรู้สึกเป็นเกียรติมาก”

เฉินฮวนฮวนถึงกับนิ่งอึ้งไป ในเวลาเดียวกันเธอก็เชื่อคำพูดของเฟิงหานชวน

ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้เธอเชื่อมั่นอย่างมาก ไม่ใช่การเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เธอเชื่อจริงๆ

ก่อนหน้านี้ เฟิงหานชวนเข้าใจผิดเธอ ดังนั้นเขาถึงร้ายกาจกับเธอขนาดนั้น ตอนนี้เรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดได้รับการอธิบายจนเข้าใจกระจ่างแล้ว เฟิงหานชวนก็ไม่เคยร้ายกาจกับเธออีกเลย

แม้กระทั่ง เขายังช่วยเธอแย่งคฤหาสน์กลับคืนมา และยังช่วยเธอสั่งสอนคนตระกูลเฉิน

จะเห็นได้ว่า เฟิงหานชวนอยากทดลองแต่งงานกับเธอจริงๆ

เฉินฮวนฮวนแอบมองเขาแวบหนึ่ง พบว่าเฟิงหานชวนกำลังจับจ้องเธออยู่ เธอรีบก้มหน้างุดอีกครั้ง เธอเพียงรู้สึกว่าพวงแก้มทั้งสองกำลังขึ้นสีแดงก่ำด้วยเลือดฝาด

ดูเหมือนว่าเธอจะเขินอายเล็กน้อย

ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ชายที่มีเสน่ห์มากอย่างเฟิงหานชวน เพิ่งจะกล่าวถ้อยคำจริงจังและให้เกียรติเธอออกมา ช่างยากเกินกว่าเธอจะต้านทานเขาไหว

ความรู้สึกแปลกๆ ที่อยู่ในใจส่วนลึกของเฉินฮวนฮวนได้พองฟูขึ้นมา

“ฮวนฮวน เชื่อผมไหม?” เฟิงหานชวนเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ตอบ อันที่จริงใจเขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย

สาเหตุที่เขาปฏิเสธที่จะบอกความจริงเรื่องบลูส์คลับคืนนั้น เป็นเพราะว่าเขากลัวจะทำลายความไว้วางใจที่ยากจะสร้างขึ้นระหว่างตัวเองกับเฉินฮวนฮวน

เขาต้องการปกปิดเรื่องนั้นไว้อย่างนั้น และเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเฉินฮวนฮวนในฐานะ “เฟิงหานชวน” อย่างสง่าผ่าเผย

ตอนนี้เขาเป็นสามีของเฉินฮวนฮวน ไม่ใช่อาชญากรในคืนนั้น

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาลึกล้ำที่ฉายแววจริงจังคู่นั้น เธอพยักหน้าน้อยๆ มือทั้งสองข้างสอดประสานเข้าด้วยกัน

เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึก และกล่าวว่า “ฉันเชื่อคุณค่ะ”

เสียงนุ่มละมุนราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านหัวใจ เฟิงหานชวนรู้สึกสดชื่น ราวกับว่าตัวโล่งเบาสบาย ไม่อึดอัด มากจนกระทั่งมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“ตอนนี้ผมเป็นสามีของคุณ ทุกเรื่องที่ผมพูดหรือทำ จะไม่มีการปิดบังคุณ” เฟิงหานชวนกล่าวด้วยความมั่นใจ

นอกจากเรื่องที่บลูส์คลับในคืนนั้น เขาจะไม่ปิดปังอะไรเฉินฮวนฮวนอีกแล้ว

“อืม ฉันก็เหมือนกัน ฉันก็จะไม่ปิดบังคุณค่ะ” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะตอบอย่างเขินอายเล็กน้อย

“ครับ” เฟิงหานชวนยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วสตาร์ทรถ

……

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ร้านกาแฟสุดโรแมนติกร้านหนึ่ง

ทันทีที่เฟิงหานชวนจูงมือเฉินฮวนฮวนเดินเข้าไป เฟิงเฉินเหยี่ยนก็รีบวิ่งเข้ามา

“อาสาม! ฮวนฮวน!” เขาตะโกนเรียกเสียงดัง ดึงดูดความสนใจจากสายตาของลูกค้าคนอื่นเป็นอย่างมาก

“หุบปาก” เฟิงหานชวนเอ่ยตำหนิ

เฟิงเฉินเหยี่ยนปิดปากทันที และเอ่ยบอกเสียงเบาว่า “ผมจองห้องไว้แล้ว พวกอาตามผมมา”

ขณะที่พูด เขาก็เดินนำทางไปข้างหน้า

ห้านาทีต่อมา ทั้งสามคนก็นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของร้านกาแฟ

“ฮวนฮวน ที่ผ่านมาผมขอโทษจริงๆ ผมไม่รู้จะทำยังไง คุณปู่ให้ผมแกล้งเป็นสามีคุณ ผมก็ได้แต่ทำตามคำสั่ง ผมขอโทษจริงๆ!”

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนนั่งลง เฟิงเฉินเหยี่ยนก็โค้งคำนับให้กับเธอที่อยู่ตรงหน้า ขอโทษเธอด้วยความจริงใจ

“คุณไม่ต้อง…ไม่ต้องขอโทษฉัน ฉัน…ฉันไม่โทษคุณหรอกค่ะ” เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นจากที่นั่ง รีบโบกมือไปมาเชิงไม่เป็นไร

แม้ว่าตอนนี้เธอเป็นอาสะใภ้สามของเฟิงเฉินเหยี่ยน ทว่าเธอก็ยังอายุน้อยกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนสี่ห้าปี เฟิงเฉินเหยี่ยนที่อายุมากกว่าตัวเองโค้งคำนับให้กับเธอ เธอรู้สึกประหม่าจนวางตัวไม่ถูกเลยจริงๆ

“จริงเหรอ? ผมคิดว่าคุณจะด่าผมซะอีก!” เฟิงเฉินเหยี่ยนหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาก็นั่งลง และกล่าวกับเฉินฮวนฮวนว่า “ฮวนฮวน รีบนั่ง รีบนั่ง อยากดื่มอะไรสั่งเต็มที่เลย กาแฟกับน้ำผลไม้ของที่นี่อร่อยมาก แถมยังมีของหวานกับอาหารอาหารตะวันตกเยอะมาก เรามาจัดมื้อกลางวันที่นี่กันเถอะ!”

“ฉันไม่ด่าคุณหรอกค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณ” เฉินฮวนฮวนอธิบายด้วยความประหม่าเล็กน้อย

“ฮวนฮวน ไม่ใช่ความผิดของเขา ถ้าอย่างนั้นเป็นความผิดของผมเหรอ?” เฟิงหานชวนขยับเข้าใกล้เฉินฮวนฮวน และถามอย่างมีเลศนัยที่ข้างใบหูของเธอ

เฉินฮวนฮวนเหลือบมองเฟิงเฉินเหยี่ยนที่อยู่ตรงข้าม พบว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนกำลังมองพวกเขาตาไม่กระพริบ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาทันที

เฟิงเฉินเหยี่ยนยังนั่งอยู่ตรงข้าม ทำไมเฟิงหานชวนต้องพูดกับเธออย่างมีเลศนัยขนาดนี้ด้วยนะ!

“ไม่ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ความผิดของคุณเหมือนกัน” เฉินฮวนฮวนเริ่มพูดจาสลับมั่วไปมาไม่เป็นขั้นเป็นตอน

“อาสาม อาลวนลามฮวนฮวนแบบนี้อีก เธอจะตกใจกลัววิ่งหนีได้นะ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนกล่าว พลางขยิบตาใส่เฉินฮวนฮวน และถามอย่างจงใจ “ฮวนฮวน ตอนนี้อาสามเกาะติดคุณเป็นพิเศษเลยใช่ไหม?”

“หะ?” ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะถามคำถามแบบนี้ออกมาโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว

ใบหน้าของเธอแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม เธออ้ำอึ้งไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไร

หากไม่ตอบก็ไม่มีมารยาท หากจะตอบกลับไป เธอก็ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร ถึงอย่างไรคำถามนี้ช่าง…แปลกมากจริงๆ

“อาเหยี่ยน อย่าทำเป็นไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ เรียกอาสะใภ้” ในเวลานี้เอง เฟิงหานเอ่ยขัดจังหวะบรรยากาศที่ชวนอึดอัดเล็กน้อย

“โอ้ ก็ได้ครับ งั้นต่อไปนี้ผมจะเรียกฮวนฮวนว่าอาสะใภ้” แน่นอนว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เขาไม่กล้าขัดใจอาสามของเขา อย่างไรเสียตอนเด็กเขาก็ได้รับการอบรมสั่งสอนจากอาสามมาไม่น้อย

ตรงกันข้าม คนที่เขาชื่นชมมาตั้งแต่เด็กกลับไม่ใช่พ่อของเขา ทว่าเป็นอาสามที่อายุมากกว่าเขาเพียงห้าปีเท่านั้น

“แต่ว่า…” เฟิงเฉินเหยี่ยนกลอกตาไปมา แล้วมองไปยังเฉินฮวนฮวน ก่อนจะถามขึ้นว่า “ฮวนฮวน ผมเรียกคุณว่าอาสะใภ้สาม จะทำให้คุณแก่ไหม?”

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินเฟิงเฉินหยี่ยนเรียกเธอว่าฮวนฮวน เธอเกาศีรษะ และตอบด้วยความประหม่าเล็กน้อย “ไม่อย่างนั้น คุณเรียกชื่อฉันก็ได้นะ”

สุดท้ายแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าการทดลองแต่งงานของตัวเองกับเฟิงหานชวนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เธอจึงไม่ให้เฟิงเฉินเหยี่ยนเปลี่ยนคำเรียก

อีกอย่าง อาสะใภ้สาม อาสะใภ้สาม เมื่อถูกเรียกเช่นนี้ดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นป้าไปเสียแล้ว

“อาสาม อาดูสิ ฮวนฮวนก็ให้เรียกเธอด้วยชื่อเธอ อาสะใภ้สามไม่น่าฟังเลย!” เฟิงเฉินเหยี่ยนมองไปยังอาสามของตนเอง และเลิกคิ้วอย่างอวดดี

นี่เป็นชัยชนะเดียวของเขา

ตั้งแต่เล็กจนโต เขาก็ไม่เคยเอาชนะเฟิงหานชวนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือเรื่องอะไรก็ตาม

เพียงครั้งนี้ ระหว่างคำเรียกสองคำนี้ “ฮวนฮวนกับอาสะใภ้สาม” เขาถือว่าเป็นชัยชนะแล้ว

เพราะว่า เฉินฮวนฮวนเลือก “ฮวนฮวน”

“หุบปาก!” เฟิงหานชวนตวาดเสียงเย็นเยือก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเล็กน้อย

เฟิงเฉินเหยี่ยนปิดปากของเขาทันที

เมื่อมองเฟิงหานชวนและเฟิงเฉินเหยี่ยน เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่มีความผิดเลยสักนิด เขาไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ทว่าเขากลับถูกเฟิงหานชวนว่ากล่าวเสียแล้ว

“เอ่อ…เฟิงหานชวน อาเหยี่ยนเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ คุณอย่าดุเขาขนาดนั้นเลย” เฉินฮวนฮวนยื่นนิ้วไปจิ้มที่แขนของเฟิงหานชวน ก่อนจะพูดโน้มน้าวเขาเสียงเบา

ทันใดนั้นเธอพบว่า ทัศนคติของเฟิงหานชวนที่มีต่อคนอื่นไม่ค่อยดีนัก รวมถึงตัวเองก่อนหน้านี้ด้วย

ทว่า หลังจากเธอทดลองแต่งงาน นอกจากเขาจะดีกับเธอมากแล้ว ดูเหมือนว่าเขายังเหมือนเดิมกับคนอื่นหรือเปล่า?

เธอคิดว่า เฟิงหานชวนต้องแก้ไขนิสัยไม่ดีนี้แล้ว!

“โอ้พระเจ้า ฮวนฮวน ตอนนี้คุณกับอาสามเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณยังเรียกชื่อจริงของอาสามล่ะ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ และชี้ไปที่ทั้งสองคน สีหน้าไม่อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

“เพราะฉันยังไม่คิดว่าจะเรียกอาสามยังไง” เฉินฮวนฮวนโพล่งออกไป และไม่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เธอเพียงคิดว่า เฟิงหานชวนบอกให้เธอคิดชื่อเรียกระหว่างพวกเขา ตอนนั้นเธอคิดชื่ออาหานขึ้นมาได้ ทำให้เฟิงหานชวนนึกถึงแม่ของเขา เรื่องชื่อเรียกจึงปล่อยไปก่อน

ทว่าเธอไม่ทันสังเกตเห็นว่า เฟิงหานชวนที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าของเขาพลันดำมืดลงแล้ว

แน่นอนว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนสังเกตเห็น สุดท้ายแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะแล้วหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

“ฮวนฮวน ทำไมคุณก็เรียกอาสามล่ะ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนมองใบหน้าบูดบึ้งของอาสาม เขาแทบจะหัวเราะออกมาเสียให้ได้

เมื่อเฉินฮวนฮวนนึกขึ้นมาได้ก็อ้าปากค้าง เธอเพิ่งเรียกอาสามตามเฟิงเฉินเหยี่ยน เพราะว่าในจิตสำนึกของเธอยังหลงเหลือความเคยชินในการเรียกเขาว่าอาสาม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนั้น

เฉินฮวนฮวนหันมามองเฟิงหานชวนที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาสักคำ ใบหน้าของเขาก็ดูแย่มากเช่นกัน เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแขนของเฟิงหานชวน

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากแน่น

แม้ว่าจะเป็นเพียงการทดลองแต่งงาน ทว่าตอนนี้เฟิงหานชวนเป็นสามีของเธอแล้ว หากเรียกเฟิงหานชวนว่าอาสามอีก ดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

เมื่อเธอกล่าวขอโทษจบ เฟิงหานชวนก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วก้มลงช้อนอุ้มเธอขึ้นมาในท่าเจ้าสาว ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง

“เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร?” เฉินฮวนฮวนคิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนยังอยู่ตรงนี้ เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เฟิงหานชวนก็อุ้มเธอ

อีกอย่าง เขาจะอุ้มเธอไปไหน?

ขณะที่เธอกำลังมึนงงและสังสัย เฟิงหานชวนก็อุ้มเธอเข้ามาในห้องรับรอง

หลังจากนั้น เขาก็วางเธอลงบนโซฟาหนังสีดำ…

อยู่ๆเฟิงหานชวนก็เพิ่งรู้ว่า สวรรค์ช่างดีกับเขาเหลือเกิน

สวรรค์ส่งนางฟ้าตัวน้อยคนนี้มาให้เขา

เขารู้ว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของเฉินฮวนฮวนไม่สุขสบาย แต่ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เขาจะรักเธอ ให้เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก

"เฟิงหานชวน คุณเข้าใจหรือยัง?" เห็นเฟิงหานชวนเหม่อไม่ตอบเธอ เฉินฮวนฮวนจึงสะกิดแขนเขา

เฟิงหานชวนดึงสติกลับมา แล้วขยี้หัวเธอ จากนั้นจึงยิ้มเอ่ย "ผมเข้าใจแล้ว อีกหน่อยคุณให้ผมทำอะไร ผมก็จะทำ อะไรที่ไม่ให้ทำ ผมก็ไม่ทำ"

"เอ๊ะ?" เฉินฮวนฮวนสงสัย พอได้สติจึงรีบโบกมือแล้วเอ่ย "ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันไม่ได้จะบังคับคุณ ฉันแค่พูดว่า เพื่อความสุขของคนในครอบครัว อีกหน่อยเราห้ามทำเรื่องไม่ดี ฉันหมายความว่าอย่างนี้"

เธอเชื่อว่าทำชั่วได้ชั่ว เวรกรรมของพวกเฉินเจี้ยนหมินมาถึงแล้ว

"ฮวนฮวน ที่ผมอยากบอกคือ……" เฟิงหานชวนจับมือเธอไว้แน่น แล้วแววตาก็จริงจังด้วย "ผมเชื่อฟังคุณทุกอย่าง"

เฉินฮวนฮวนกะพริบตา แล้วหน้าก็เริ่มแดง ทำไมเธอรู้สึกว่าคำพูดของเขา มีความคลุมเครือ

"คุณ……คุณไม่ต้องเชื่อฟังฉันก็ได้ เราเพิ่งลองใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ คุณ……คุณต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง" เฉินฮวนฮวนเกาหัว แล้วไม่รู้จะพูดอะไร

"ความคิดของคุณ ก็คือความคิดของผม" เฟิงหานชวนพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเลย

หน้าเฉินฮวนฮวนแดงกว่าเดิม ทำไมเธอรู้สึกว่าตอนที่เขาพูดจาหวานๆ ทำไมพูดลื่นปากขนาดนี้

ดูเหมือนว่า มีประสบการณ์มาก?

"เฟิงหานชวน คุณไม่เคยมีแฟนจริงเหรอ?" ในหัวเฉินฮวนฮวนสงสัย เธอจึงเอ่ยถาม

"ไม่เคยจริงๆ" เฟิงหานชวนตอบอย่างหนักแน่น

"แต่ว่า……" เฉินฮวนฮวนยังไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็โบกมือให้ "เรากลับกันเถอะ"

เสียงโอดครวญข้างใน เธอฟังมาพอแล้ว ไม่อยากเข้าไปอีก

ถึงจะเห็นท่าทางที่ทุกข์ทรมานของพวกเขา คุณยายกับคุณแม่ก็คงไม่กลับมา

เธอต้องมองไปข้างหน้า แล้วเธอก็มีความคิดว่า ความทรมานที่เธอจะให้คนพวกนั้นคงไม่แค่นี้หรอก

เรื่องฆ่าคนผิดกฎหมาย เธอไม่ทำหรอก เธอจะให้พวกเขาใช้ชีวิตภายใต้เสียงด่าทอ แล้วอยู่ไม่เป็นสุข

"แต่ว่าอะไร?" เห็นเฉินฮวนฮวนเดินนำไป เฟิงหานชวนจึงดึงข้อมือเธอไว้

เธอทำเหมือนจะพูด กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่เฟิงหานชวนจะถามให้ได้

"ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากพูดว่า ขอบคุณนะคะที่คุณช่วยฉัน" เฉินฮวนฮวนเม้มปาก แววตาแฝงไปด้วยความขอบคุณ "หลังจากนี้ ฉันอยากพึ่งตัวเอง"

"ได้สิ" เฟิงหานชวนแค่พยักหน้าให้

ภรรยาอยากทำอะไร เขาแค่ตกลงก็พอแล้ว เพราะเมื่อกี้เขาเพิ่งพูดว่า เชื่อฟังเธอทุกอย่าง

เขาเป็นผู้ชาย ต้องรักษาคำพูด

พอทั้งสองคุยกันเสร็จ จึงเดินไปที่รถของเฟิงหานชวนพร้อมกัน

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเฟิงหานชวนดัง เขาจึงล้วงออกมาแล้วหันไปรายงานกับเฉินฮวนฮวน "โทรศัพท์จากอาเหยี่ยน เดี๋ยวผมรับก่อน"

จากนั้น เขาจึงกดรับสาย

"มีอะไร?" น้ำเสียงเย็นชา ต่างกับที่คุยกับเธออย่างสิ้นเชิง

เฉินฮวนฮวนที่อยู่ข้างๆ ตอนที่ได้ยินชื่อของเฟิงเฉินเหยี่ยน จึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

แต่ก่อนเธอไม่รู้อะไรเลย แค่คิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นสามีตัวเอง แต่ตอนนี้นึกถึงช่วงเวลาที่อยู่กับเขา ความจริงเฟิงเฉินเหยี่ยนคิดว่าเธอเป็นอาสะใภ้ตลอด

ถึงเธอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่เคยมีอะไรกัน แต่อยู่ๆเป็นอาสะใภ้แบบนี้ เฉินฮวนฮวนก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่ดี

ไม่รู้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนพูดอะไรบ้าง แค่ได้ยินเฟิงหานชวนพูดว่า "ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านตระกูลเฉินกับฮวนฮวน อาจจะอีกครึ่งชั่วโมง"

พูดจบ เฟิงหานชวนกดวางสาย แล้วหันไปมองเธอ จึงเห็นเธอที่ทำหน้างงพอดี

ผู้หญิงคนนี้ ทำไมน่ารักขนาดนี้?

นึกได้ว่าพรุ่งนี้เธอก็ต้องไปฝึกอบรมแล้ว อาจจะไม่เจอกันตั้งครึ่งเดือน เฟิงหานชวนจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์

เพิ่งอยู่ด้วยกัน ก็ต้องห่างกันอีกครึ่งเดือน น่าปวดใจชะมัด!

ทันใดนั้น เขานึกขึ้นได้……เฉินฮวนฮวนยังไม่ได้ทายาให้เขา

"เฟิงหานชวน ตอนนี้เราจะกลับบ้านเหรอ?" เฉินฮวนฮวนถามอย่างสงสัย

เมื่อกี้เขาพูดว่าอีกครึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เธอเลยเอ่ยถาม

"ตอนนี้อาเหยี่ยนอยู่ที่บ้าน บอกว่าจะชวนเราดื่มกาแฟ เดี๋ยวเราไปที่ร้านกาแฟเลย" เฟิงหานชวนเอ่ย แล้วเปิดประตูให้เธอ

"เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราจะไปเจออาเหยี่ยน?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกทำตัวไม่ถูกอีกแล้ว

รู้สึกว่าเธอเกร็งๆ เฟิงหานชวนแค่ยิ้มอ่อน แล้วขยี้หัวเธอ "รู้สึกอึดอัดเหรอ?"

"อื้อ" เฉินฮวนฮวนก้มหน้า แล้วพูดเสียงเบา "ก่อนหน้านั้น ฉันคิดว่าเขาเป็นสามีฉัน”

เฟิงหานชวนหลุดขำออกมา

อยู่ๆเขาก็รู้สึกเสียใจ ทำไมตัวเองไม่รีบบอกเธอล่ะ?

"คุณ……คุณขำอะไร!" เฉินฮวนฮวนคิดว่าเขาเยาะเย้ยตัวเอง จึงโมโหเล็กน้อย

คนตระกูลเฟิงปิดบังเธอ สุดท้าย เธอโดนหลอกมาตลอด แล้วเพิ่งรู้ความจริงเมื่อคืน

เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก รู้สึกงงมาก

"เฉินฮวนฮวน คุณรู้หรือเปล่าว่าตัวเองน่ารักมาก?" เฟิงหานชวนพูดพรวดออกมาอย่างไม่ลังเล

"หา?" เฉินฮวนฮวนอึ้ง จากนั้นหน้าก็เริ่มแดง

เฟิงหานชวนชมเธอว่า……น่ารัก?"

เขา……ทำไมเขาถึงเอาใจผู้หญิงเก่งขนาดนี้!

แต่ก่อนมองไม่ออกเลย จนกระทั่งมาอยู่ตระกูลเฟิง เธอเกือบร้องไห้เพราะเขาทุกวัน

ผู้ชายคนนี้ ทำไมเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?

"อายสินะ" เฟิงหานชวนก้มลงไปใกล้หูของเธอ แล้วพ่นลมหายใจร้อนๆ

เฉินฮวนฮวนเกร็งอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกว่าหูเธอร้อนมาก

เธอไม่ได้อาย เธอ……เธอไม่ได้อาย

ยังไม่รอเธอตอบ เฟิงหานชวนก็ปล่อยเธอก่อน แล้วเดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับ

เฉินฮวนฮวนดึงสติกลับมา แล้วรีบตามขึ้นรถ พอปิดประตูรถแล้วก็รีบคาดเข็มขัดนิรภัย

เธอหันไปมองเฟิงหานชวน แล้วเม้มปาก แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าเอ่ย "เฟิงหานชวน"

"ว่า?" เฟิงหานชวนกำลังจะสตาร์ทรถ พอเธอเรียก จึงหันไปหาเธอ

"ทำไมคุณปฏิบัติต่อฉัน เปลี่ยนไปมากขนาดนั้น" เฉินฮวนฮวนจ้องมองผู้ชายข้างๆด้วยดวงตากลมโต

เฉินฮวนฮวนถูกเหตุการณ์แบบนี้ที่อยู่ด้านหน้าทำให้ตกตะลึง

อาเฉียงบอดี้การ์ดที่ดุร้าย เฟิงหานชวนที่ดุร้าย……..

เธอไม่เคยเห็นเวลาที่เฉินซินโหรวที่หมดสภาพแบบนี้มาก่อนเลย ไม่คิดเลยว่าจะมีความรู้สึกสบายอกสบายใจได้อย่างนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าการขัดขวางของเฉินเหม่ยเจวียนกับเฉินซินโหรว เธอคงเอาของของตัวเองมาไม่ได้ และทำร้ายจนคุณยายไม่มีหนทางจะผ่าตัดได้ จนป่วยและเสียชีวิตไป

คิดถึงเมื่อก่อนที่ถูกพวกเขาแม่ลูกกลั้นแกล้ง เฉินฮวนฮวนก็เดินออกมาและมาถึงด้านหน้าของเฉินซินโหรวอย่างไม่รู้ตัว

อาเฉียงเห็นเฉินฮวนฮวนเดินมา ก็ใช้สายตาสะกิดเฟิงหานชวน และเป็นฝ่ายหลีกทางให้จากนั้นก็ยืนอยู่ด้านข้าง

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนยืนอยู่ด้านหน้าของเฉินซินโหรว

“เฉินฮวนฮวน เธอบ้าไปแล้ว เธอกล้าจะตบฉัน” เฉินซินโหรวโกรธจนพูดจาสะเปะสะปะ เธอตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ฝากไว้ก่อนเถอะ…..”

น้ำเสียงที่ดุด่าของเฉินซินโหรวยังไม่ทันได้จบสิ้น เสียง "เพียะ" ก็ดังขึ้น การตบที่รุนแรงตบลงบนแก้มอีกด้านหนึ่งของเธอ

เธอถูกตบจนตาลาย แก้มทั้งสองบวมขึ้น รอยนิ้วมือทั้งห้าเป็นสีแดงอย่างชัดเจน

เฉินฮวนฮวนสะบัดมือ เพราะว่าออกแรงมากเกินไป ฝ่ามือจึงรู้สึกเจ็บ แต่เธอรู้สึกได้ระบายอารมณ์

แต่คิดถึงคุณยายที่กลับมาไม่ได้อีกแล้ว ความรู้สึกที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้นั้นก็โผล่เข้ามาที่หัวใจ

เธอตบเฉินซินโหรวแล้วจะช่วยอะไรได้ คุณยายกลับมาไม่ได้แล้ว ดังนั้น ความโกรธของเธอไม่สามารถหายไปได้

เฉินฮวนฮวนยกมือขึ้นมาอีกครั้ง เฉินเหม่ยเจวียนที่อยู่ด้านข้างเอ็นดูลูกสาว ดิ้นรนออกจากบอดี้การ์ด พุ่งเข้าไปอยากจะปะทะกับเฉินฮวนฮวน

เฟิงหานชวนตาไวมือไว เขาพุ่งเข้าไปดึงแขนของเฉินเหม่ยเจวียนเอาไว้ หลังจากนั้นก็สะบัดเธอล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง และปกป้องเฉินฮวนฮวนเอาไว้ด้านหลัง

“โอ้ย…” เฉินเหม่ยเจวียนล้มลงกับพื้น เจ็บจนใบหน้าบิดเบี้ยว

เฉินฮวนฮวนอึ้งไป

เธอตกใจไม่ใช่เพราะว่าเฉินเหม่ยเจวียนล้มลงกับพื้น แต่เป็นเฟิงหานชวนที่เป็นคนลงมือ เธอถูกเขาปกป้องไว้จากด้านหลัง เหมือนเขาเป็นสามีที่รักเธอคนหนึ่งจริงๆ

ทั้งที่เมื่อวานพวกเขาพึ่งจะอยู่ก่อนแต่งงานกับเธอ

ตอนที่เฉินฮวนฮวนอึ้งอยู่นั้น เฟิงหานชวนได้สั่งให้บอดี้การ์ดทั้งสองคนประคองเฉินเหม่ยเจวียนขึ้นมา

“ช่วยฉัน เจี้ยนหมิน รีบช่วยฉัน” ในหัวของเฉินเหม่ยเจวียนเกิดความมึนงงแล้ว ไม่ได้สนใจเฟิงหานชวนว่าเป็นใคร แค่ออกแรงขอความช่วยเหลือจากสามีของตัวเองเท่านั้น

เฉินเจี้ยนหมินจะกล้าลงมือกับเฟิงหานชวนซะที่ไหน เขาคุกเข่าด้วยอาการสั่นอยู่กับพื้น ไม่กล้าพูดออกมาสักคำ

เฉินซินโหรวนึกถึงตัวเองที่ถูกตบด้วยความเหยียบหยาม เธอมองที่เฉินเจี้ยนหมินกับเยี่ยจิ่งเฉิน พ่อที่ดีของเธอกับแฟนที่ดีของเธอ ไม่มีใครสักคนที่ช่วยเธอ

เธอหัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาที่แดงคู่นั้นมองไปยังเฟิงหานชวนและพูดตะโกนว่า “คุณชายสาม คุณสามารถชอบเฉินฮวนฮวนผู้หญิงแบบนี้ได้ แล้วฉันล่ะ? แค่คุณปล่อยพวกฉันไป ฉันยอมที่จะทำตามคุณ ร่างกายของฉัน คุณทำลงโทษอย่างไรก็ได้”

เยี่ยจิ่งเฉินยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น ตัวเองตบตีอยู่กับเฉินฮวนฮวนและบอดี้การ์ด แต่เขาไม่ช่วยเหลือตัวเองสักนิด เธอเป็นแฟนแบบนี้จะไว้หน้าเขาได้อย่างไร

เป็นเช่นนั้นจริงๆ เยี่ยจิ่งเฉินได้ยินคำพูดแบบนั้นของเฉินซินโหรว ใบหน้าก็ขรึมขึ้น ราวกับถูกนอกใจอย่างชัดเจน

“เฉินซินโหรว คุณพูดอะไรนะ ทำไมคุณถึงได้ไร้ค่าอย่างนี้” เยี่ยจิ่งเฉินก่นด่า

“ฉันไร้ค่าอย่างนั้นเหรอ? คุณมองดูฉันถูกตบ คุณไม่ช่วยฉัน ก็อย่ามาโทษที่ฉันจะช่วยเหลือตัวเอง” เฉินซินโหรวตะคอกเยี่ยจิ่นเฉิน

เฉินเหม่ยเจวียนก็ตะคอกขึ้นมาตามเฉินซินโหรว “เฉินเจี้ยนหมิน คุณมันโง่เง่า แม้แต่เฉินฮวนฮวนคุณก็จัดการไม่ได้ คุณทำร้ายฉันกับซินโหรวที่น่าสงสารแบบนี้ คุณรีบคิดหาวิธีสิ”

ในเหตุการณ์วุ่นวายมาก

คนตระกูลเฉินสามคน รวมถึงเยี่ยจิ่งเฉิน พวกเขาสี่คน อยู่ในเหตุการณ์ที่ทะเลาะกันไปมา

ความไร้ยางอายของพวกเขาได้เปลี่ยนความคิดของเฉินฮวนฮวนใหม่อีกครั้ง แต่เธอไม่ได้พูดอะไร พวกเขาทะเลาะกันอย่างรุนแรง เธอก็ยิ่งได้ระบายอารมณ์

“อาเฉียง เฉิงฟาน พาตัวเฉินเจี้ยนหมินไป” ตอนนี้เฟิงหานชวนได้พูดออกมา น้ำเสียงเย็นชาไม่มีอะไรเทียบเท่าได้ “คนอื่นให้อยู่ไว้ที่นี่”

หลังจากที่อาเฉียงกับเฉิงฟานได้รับคำสั่ง ก็เดินไปที่ด้านข้างของเฉินเจี้ยนหมินทั้งสองข้าง ประคองเขาขึ้นมาแล้วลากออกไปด้านนอก

“โอ้ย ช่วยด้วย ฮวนฮวน ช่วยพ่อด้วย ลูกอยากได้อะไรพ่อสามารถรับปากลูกได้ อย่าให้พวกเขาพาพ่อไปเลย ฮวนฮวน..” น้ำเสียงที่ขอร้องของเฉินเจี้ยนหมินค่อยๆเบาลง

เพราะว่า เขาได้ถูกลากออกไปแล้ว

“คุณภรรยา ต่อไปเหตุการณ์นองเลือดนี้ คุณไม่ต้องอยู่ ผมจะพาคุณออกไปก่อน” เฟิงหานชวนโอบเอวของเฉินฮวนฮวน แล้วพาเธอเดินไปยังประตู

เฉินฮวนฮวนถูกเฟิงหานชวนพาออกจากห้องรับแขก และเดินจากประตูห้องรับแขกมาถึงทางเดินที่ประตู เธอมองคราบน้ำที่อยู่ตามทางและยังสามารถได้กลิ่นปัสสาวะ

เธอไม่ต้องเดาก็สามารถรู้ได้ว่าตอนที่เฉินเจี้ยนหมินถูกลากไปนั้น จะต้องฉี่ราดกางเกงอย่างแน่นอน

ตอนที่เธอครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงตะโกนเห่าหอนก็ดังขึ้นมาจากในห้องรับแขก มีเสียงของเฉินเหม่ยเจวียน เสียงเฉินซินโหรว และเสียงของเยี่ยจิ่งเฉิน

นึกถึงคำพูดเมื่อกี้ที่เฟิงหานชวนพูดกับเธอ สักพักกลิ่นคาวเลือดในเหตุการณ์ทำให้เฉินฮวนฮวนตกใจ เธอรีบจับมือของเฟิงหานชวนเอาไว้

“เฟิงหานชวน คุณคุณคุณ….คุณจะไม่ฆ่าคนใช่หรือเปล่า? ห้ามทำผิดกฎหมายนะ” เฉินฮวนฮวนเกิดความตกใจ ดวงตาทั้งสองข้างตื่นกลัว

แม้ว่าเธออยากจะสั่งสอนคนชั่วร้ายเหล่านั้น แต่การฆ่าคนถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เธอไม่คาดหวังให้สามีของตัวเองฆ่าคนเพื่อล้างแค้นแทนเธอ

“วางใจได้” เฟิงหานชวนโอบเอวของเธอเอาไว้อย่างแน่น และพูดว่า “เฉินเจี้ยนหมินถูกลากไปโอนสิทธิการครอบครองคฤหาสน์ให้กับคุณแล้ว สามคนที่อยู่ด้านใน สั่งสอนสักหน่อยก็พอ”

“อืม งั้นก็ดี” ได้ยินเฟิงหานชวนพูดแบบนี้ ในใจของเฉินฮวนฮวนก็โล่งอก

แม้ว่าเธออยากจะให้พวกเขาชดใช้ชีวิต แต่พอพูดถึงการฆ่าคนเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เธอยิ่งไม่คาดหวังให้เฟิงหานชวนมือเปื้อนเลือดและทำผิดกฏหมายเพื่อตัวเอง

“ทำไมเหรอ คุณสงสารคนที่อยู่ในด้านในหรือว่าเป็นห่วงว่าผมจะฆ่าคน?” เฟิงหานชวนรู้ว่าเรื่องนี้ยังมีเยี่ยจิ่งเฉิน ซึ่งเป็นรักแรกของเฉินฮวนฮวน ดังนั้นยังมีความรู้สึกไม่สบายใจ

“ฉันสงสารคนที่อยู่ด้านในอย่างนั้นเหรอ? คุณกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนพูด “ฉันเกลียดพวกเขาจะตาย ฉันแทบอยากจะให้พวกเขาตาย แต่ฉันไม่คาดหวังให้มือของคุณเปื้อนเลือด”

“ศาสนาพุทธบอกเอาไว้ว่า เป็นคนชั่ว หลังจากตายไปแล้วจะถูกลงโทษในนรก และชาติหน้าเกิดมาก็จะใช้ชีวิตอยู่อย่างน่าสงสาร และครอบครัวจะติดร่างแหไปด้วย ดังนั้นผมไม่อยากจะเป็นชั่ว ไม่อยากให้คุณเป็นคนชั่ว”

“ดังนั้นฮวนฮวน คุณกำลังเป็นห่วงผมอยู่ใช่ไหม?” เฟิงหานชวนหันตัวไป สบตากับเฉินฮวนฮวน

ทั้งสองคนสบตากัน

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าด้วยความจริงจัง พูดว่า “คุณช่วยฉันสั่งสอนพวกเขา ยังช่วยฉันแย่งคฤหาสน์กลับมา ฉันขอบคุณคุณมากจริงๆ ก่อนหน้านี้คุณยังให้ฉันยืมเงิน ยังช่วยฉันจัดงานศพของคุณยาย ในใจของฉัน คุณเป็นผู้มีพระคุณของฉัน”

“ดังนั้น ฉันไม่คาดหวังให้คุณทำเรื่องไม่ดีเหล่านี้เพื่อฉัน ฉันหวังว่าคุณจะอยู่ดี พวกเราจะสามารถใช้ชีวิตดีๆได้”

ตอนที่เฉินซินโหรวพุ่งเข้าไปในห้องรับแขก เฉินฮวนฮวนก็เดินตามเข้าไปด้วย

จึงเห็นบอดี้การ์ดร่างใหญ่ เตะเข่าของเฉินเหม่ยเจวียน เฉินเหม่ยเจวียนเจ็บจนหน้าบิดเบี้ยว แล้วคุกเข่าลงพื้น

พอเห็นแบบนี้ เฉินฮวนฮวนยิ่งสะใจกว่าเดิม

"พวกแกทำอะไร! ปล่อยแม่ฉันนะ! โอ๊ย……" เฉินซินโหรวพุ่งไปหาบอดี้การ์ดคนนั้น ง้างมือจะตบเขา

แต่หลังจากนั้น บอดี้การ์ดกลับจับมือเธอไว้ แล้วหักล็อกแขนของเฉินซินโหรว

บอดี้การ์ดไม่ทะนุถนอมเลย แล้วใช้เข่ายันเอวของเฉินซินโหรวไว้ จนเธอคุกเข่าโอดครวญกับพื้น

เยี่ยจิ่งเฉินอึ้งไปเลย เขาเข้าใจแล้ว เฉินฮวนฮวนพาเฟิงหานชวนมาแก้แค้นตระกูลเฉิน

เวลาต่อมา เฉินเจี้ยนหมินก็กลิ้งลงมาจากบันไดอย่างทุลักทุเล แล้วข้างหลังเขาก็มีบอดี้การ์ดสองคน เหมือนโดนพวกเขาจับตัวออกมาอย่างนั้น

ตอนที่เขาเห็นเฉินฮวนฮวน เหมือนมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ แล้วรีบพุ่งไปหาเธอ คุกเข่าต่อหน้าเธอ พร้อมจับมือข้างหนึ่งของเธอไว้

"ฮวนฮวน หนูปล่อยพ่อไปเถอะ! พ่อไม่ได้จงใจจะไม่เจอหนู หลายวันมานี้บริษัทยุ่งมาก ยุ่งจนไม่มีเวลารับโทรศัพท์หนู หนูรีบให้พวกเขาปล่อยเหม่นเจวียนกับซินโหรวเถอะ" เฉินเจี้ยนหมินจับมือเธอไว้แน่น ตอนที่ขอร้อง ยังแอบเหลือบมองเฟิงหานชวนด้วย

เฟิงหานชวนส่งสายตาเยือกเย็นให้ จนเฉินเจี้ยนหมินสะดุ้งกลัว

เขารู้จักเฟิงหานชวน เคยเจอเขาที่งานเลี้ยง ตอนนั้นเขาได้ยินข่าวว่า คุณชายสามตระกูลเฟิงนิสัยเหี้ยมโหดมาก ไม่มีจุดอ่อนหรือช่องโหว่เลย

ไม่สนใจใครเลย ไม่สนใจผู้หญิงด้วย คนที่อยากรู้จักเฟิงหานชวน ไม่มีโอกาสไปตีสนิทเลย

หลายวันมานี้ ไม่ได้รับเงินทุนจากเฟิงซื่อกรุ๊ปสักที ทีแรกคิดไว้ว่าจะให้ฮวนฮวนไปคุยด้วย ให้เธอไปเร่งตระกูลเฟิง แต่เขายังไม่ทันลงมือ เฉินฮวนฮวนกลับพาคุณชายสามมาถึงที่ก่อน

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ลูกสาวตัวเองที่ดูหัวอ่อน แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น เพิ่งแต่งเข้าตระกูลเฟิงไม่นาน แต่กลับเชิญคุณชายสามมาได้

"เจี้ยนหมิน! เฉินเจี้ยนหมิน! คุณจะขอร้องมันทำไม? มันอยากจะให้เราตาย ยังพาพวกมาเฟียมาเยอะแยะ คุณรีบแจ้งตำรวจสิ!" เฉินเหม่ยเจวียนตะโกนใส่เฉินเจี้ยนหมิน

"อาเฉิน คุณรีบหนีไป รีบไปแจ้งตำรวจ! ให้ตำรวจมาช่วยเราเร็ว!" เฉินซินโหรวลนลานมาก เห็นเยี่ยจิ่งเฉินยืนบื้ออยู่หน้าประตู จึงตะโกนเสียงดัง

"พวกเธอบ้าไปแล้วเหรอ!"

เฉินเจี้ยนหมินหันไปตะคอกใส่สองแม่ลูก แล้วพูดว่า "นี่เป็นคุณชายสามตระกูลเฟิง เฟิงหานชวน ไม่ใช่มาเฟีย!"

"อะไรนะ!!!"

เฉินเหม่ยเจวียนกับเฉินซินโหรวอุทานพร้อมกัน แล้วทำหน้าอึ้ง

ถึงพวกเธอจะไม่เคยเจอตัวจริง แต่ก็เคยได้ข่าวเฟิงหานชวนมาบ้าง พวกเธอจึงรู้จักเขาดี

พวกเธอคิดไม่ถึงจริงๆ ผู้ชายที่เฉินฮวนฮวนพามาด้วย จะเป็นเฟิงหานชวน–อาสามของเฟิงเฉิเหยี่ยน

"พวกแกอยากทำอะไรกันแน่? อยากทำอะไรกันแน่!" เฉินซินโหรวเริ่มร้องไห้ ท่าทางเธอแบบนี้ น่าขายหน้าชะมัด

ทีแรกเธอคิดว่าผู้ชายที่เฉินฮวนฮวนพามาดูดี แต่ไม่คิดเลยว่าเขาไม่ใช่หัวหน้ามาเฟีย แต่กลับเป็นเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวน หล่อขนาดนี้เลยเหรอ!

แต่ว่า เฉินซินโหรวโกรธมาก เฟิงหานชวนช่วยนังเฉินฮวนฮวน เขายืนอยู่ข้างมัน

"คุณชาย คุณชายสาม ฉันต่างหากที่ควรเป็นหลานสะใภ้ของคุณ!" เฉินซินโหรวกัดฟันแน่น เห็นท่าทางที่ได้ใจของเฉินฮวนฮวน แต่ตัวเองกลับคุกเข่าอยู่ที่พื้น เธอจึงมีความคิดบางอย่าง

เธอจะให้เฟิงหานชวนเกลียดเฉินฮวนฮวน

เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว ยิ้มอย่างเย็นชา "ทีแรกคุณควรเป็นหลานสะใภ้ของผม? คุณหนูเฉิน พูดให้เคลียร์หน่อยดีกว่า"

เฉินซินโหรวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อหน้าทุกคนว่า "เรื่องที่ตระกูลเฟิงมาสู่ขอ คุณก็น่าจะรู้ดี ความจริงฉันเป็นลูกสาวคนโต ฉันควรจะแต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยน แล้วพ่อของฉันก็จะให้ฉันแต่งด้วย"

"แต่เฉินฮวนฮวน! เฉินฮวนฮวนมันแย่งไป!" เฉินซินโหรวชี้หน้าเฉินฮวนฮวน แล้วจ้องเธอไว้ "เฉินฮวนฮวนเอาแต่ร้องไห้จะฆ่าตัวตาย แล้วขอร้องให้พ่อแต่งมันเข้าตระกูลเฟิง ถ้ามันไม่ทำแบบนั้น คนที่จะเป็นหลานสะใภ้คุณ ควรจะเป็นฉัน"

ถึงเยี่ยจิ่งเฉินจะอยู่ด้วย แต่ถ้าเรื่องนี้ผ่านไปเธอจะอธิบายกับเขาเอง ตอนนี้ต้องให้เฟิงหานชวนเกลียดเฉินฮวนฮวน นี่เป็นเรื่องหลัก

"เหรอ? ฮวนฮวน? เรื่องเป็นอย่างนี้เหรอ?" เฟิงหานชวนหันไปหาเธอ แล้วถามอย่างมีเลศนัย

พอได้ยินเขาถามตัวเองแบบนี้ เฉินฮวนฮวนเลยอึ้ง หรือว่าเขาเชื่อเฉินซินโหรว?

เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อแต่งเข้าตระกูลเฟิง?

ตอนที่เฉินฮวนฮวนกำลังใจหาย เฟิงหานชวนกลับยิ้ม แล้วยื่นมือไปขยี้หัวเธอ "ผมไม่เชื่อว่าคุณเป็นคนแบบนั้น"

ทันใดนั้น ใจของเฉินฮวนฮวนเหมือนหยุดเต้น แล้วมองผู้ชายตรงหน้า เหมือนมีความอบอุ่นมาโอบล้อมตัวเองไว้

นี่เป็นความสบายใจที่ห่างหายไปนาน

"อะไรนะคะ? คุณไม่เชื่อเหรอคะ? คุณชายสามคะ มันเป็นคนแบบนั้น ไม่เชื่อคุณถามอาเฉินสิคะ!" เฉินซินโหรวลนลานจนชี้ไปหาเยี่ยจิ่งเฉิน

เมื่อกี้เยี่ยจิ่งเฉินเห็นเฟิงหานชวนขยี้หัวเฉินฮวนฮวนแบบนั้น ในแววตามีแต่ความเอ็นดู เขาเป็นผู้ชาย เขาต้องเข้าใจผู้ชายอยู่แล้ว

เขาไม่คิดเลยว่า ที่แท้เฟิงหานชวนเอ็นดูเฉินฮวนฮวน แถมยังชอบเธอด้วย

คืนนั้น เขาแค่เห็นว่าทั้งสองจูบกัน แต่เกิดเรื่องอะไรกันแน่ เขาก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน

แล้วตอนนี้……เยี่ยจิ่งเฉิยสงสัยว่า เฟิงหานชวนลงมือกับเฉินฮวนฮวนก่อน

เพราะในความทรงจำเขา เฉินฮวนฮวนไม่ใช่ผู้หญิงที่จะไปยั่วยวนผู้ชาย เพราะฉะนั้น เฟิงหานชวนต้องเป็นฝ่ายรุกก่อน

"อาเฉิน! ทำไมคุณไม่พูดล่ะ? คุณรีบพูดสิ!" เฉินซินโหรวคิดแค่จะให้เยี่ยจิ่งเฉินช่วยเธอ แล้วรีบให้เฟิงหานชวนเกลียดเฉินฮวนฮวน

เธอยังใส่ร้ายว่า "อาเฉินเป็นแฟนเก่าเฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนไม่สนใจความรู้สึกอาเฉิน แล้วจะแต่งเข้าตระกูลเฟิง อยากจะเป็นหนูตกถังข้าวสาร"

เฉินฮวนฮวนฟังที่เฉินซินโหรวพูด เธอรู้สึกขำมาก

เฉินซินโหรวเพื่อใส่ร้ายเธอ ถึงขั้นยอมสร้างเรื่องเลย!

"เฉินซินโหรว นานขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่เปลี่ยนวิธีการโกหกอีกเหรอ" เฉินฮวนฮวนยิ้มเอ่ย "เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะเชื่อง่ายๆเหมือนคุณครูของเธอเหรอ?"

การที่เฉินฮวนฮวนประกาศแบบนี้ เฟิงหานชวนรู้สึกพอใจมาก

"อะไรนะ!?" เฉินเหม่ยเจวียนเบิกตากว้าง แล้วพูดเสียงดังอย่างไม่อยากเชื่อ "แกแต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยนแล้วไม่ใช่เหรอ? อย่ามาล้อเล่นเลย!"

"คุณเปิดประตู ฉันอยากเจอเฉินเจี้ยนหมิน!" เฉินฮวนฮวนปล่อยเฟิงหานชวนแล้วยืนขึ้น แววตามีแต่ความโกรธ

เธอไม่อยากเสียน้ำลายกับเฉินเหม่ยเจวียน เธอรู้ว่าคฤหาสน์อยู่ภายใต้ชื่อของเฉินเจี้ยนหมิน เพราะฉะนั้นเธอจึงจะไปหาเขาตรงๆ

"เหอะ ฉันว่าแกคงหาบอดี้การ์ด แล้วมาก่อเรื่องตระกูลเฉินสิะ?" เฉินเหม่ยเจวียนหลุดหัวเราะ แล้วกอดอกไว้อย่างจองหอง "เปลี่ยนรหัสแล้ว แกอย่าคิดจะเข้ามา!"

"บอดี้! การ์ด?" เฉินฮวนฮวนอึ้ง แล้วหันกลับไปมองเฟิงหานชวน จากนั้นยิ่งงงไปใหญ่

เฟิงหานชวนเหมือนบอดี้การ์ดตรงไหน? ทั้งๆที่หล่อขนาดนี้ ดูเป็นผู้ดีขนาดนี้

"เฉินเหม่ยเจวียน คุณตาบอดไปแล้วเหรอ?" เฉินฮวนฮวนเอ่ยเยาะเย้ย

ตอนนี้เธอดูมั่นใจมาก อาจจะเพราะได้รับการสนับสนุนจากเฟิงหานชวน วันนี้เธอต้องแก้ความคันมือให้หาย

"เฉินฮวนฮวน แกกล้าด่าฉันเหรอ! ดูว่าฉันจะจัดการแกยังไง!" เฉินเหม่ยเจวียนด่าไปด้วย แล้วถลกแขนเสื้อขึ้นด้วย

เฉินฮวนฮวนเห็นท่าทางเธอแบบนี้ จึงอดหัวเราะไม่ได้

"แกหัวเราะอะไร?" เฉินเหม่ยเจวียนมองเธอตาขวาง

ใบหน้าเฉินฮวนฮวนมีความดูถูก "เฉินเหม่ยเจวียน คุณไม่รู้ว่าตัวเองเป็นมนุษย์ป้า? ที่คุณมีตำแหน่งทุกวันนี้ ได้ใส่เสื้อผ้าหรูๆแบบนี้ คุณคิดว่าคุณสมควรมีเหรอ?"

เธอพูดได้ไม่ผิดเลย

เฉินเหม่ยเจวียนมาจากชนบท ตอนนั้นลำบากมาก แล้วขยันทำงานในบริษัท แล้วคุณแม่ก็ช่วยเธอให้ได้เป็นเลขา แล้วดีกับเธอมาก

แต่เสียดาย นี่เป็นเหมือนนิทานชาวนากับงูเห่า

ตอนที่คุณแม่กำลังทุ่มเทให้กับงาน เฉินเหม่ยเจวียนกับเฉินเจี้ยนหมินกลับหักหลังคุณแม่ แล้วท้องก่อนคุณแม่อีกตั้งหลายเดือน

ตอนนั้นคุณแม่ถือครองเฉินซื่อกรุ๊ปอยู่ เฉินเหม่ยเจวียนจึงโกหกว่าเป็นลูกของแฟน แล้วแฟนทิ้งเธอหนีไปต่างประเทศ แถมคุณแม่ยังเพิ่งเงินเดือน วันหยุดให้เธออีก

ตอนนั้นแม่ของเธอดีกับเฉินเหม่ยเจวียนมาก แล้วเฉินซินโหรวยังได้ไปเรียนโรงเรียนดีๆ แล้วอยู่ห้องเดียวกับเธอด้วย แต่กลับไม่รู้ตัวว่านี่เป็นลูกชู้

เฉินซินโหรวปากหวาน พูดเก่งตั้งแต่เด็ก แล้วเจ้าเล่ห์ด้วย ตอนเรียนอนุบาล ก็เคยใส่ร้ายเฉินฮวนฮวนหลายครั้งแล้ว

หลังจากที่คุณแม่ซูอวิ้นเกิดอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตแล้ว ทั้งสองแม่ลูกก็มาแย่งที่ ตอนนั้นเฉินฮวนฮวนเพิ่งรู้ ที่แท้เฉินซินโหรวเป็นพี่น้องต่างแม่ของเธอ

"มนุษย์ป้า? เหอะ ถ้าฉันเป็นมนุษย์ป้า ตอนนั้นพ่อแกจะหลงฉัน แล้วทิ้งแม่แกได้ยังไง?" เฉินเหม่ยเจวียนเยาะเย้ย "เพราะในสายตาพ่อแก แม่แกต่างหากที่เป็นมนุษย์ป้า แต่ฉันเป็นคนดี อ่อนโยน มีเมตตา!"

"แก……หน้าไม่อาย!" เฉินฮวนฮวนโมโหจนจะระเบิด

ตอนที่เฉินฮวนฮวนกำลังอารมณ์ขึ้น กลับมีฝ่ามือมาตบหลังเธอเบาๆ

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น กลับตกลงไปในวังวนสายตาของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนกำลังปลอบใจเธอเหรอ?

"รออีกหนึ่งนาที" เขาพูดเรียบนิ่ง แล้วแฝงไปด้วยการปลอบใจ

"รอหนึ่งนาที?" เฉินฮวนฮวนไม่เข้าใจ

ตอนที่เธอกำลังสงสัย อยู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นข้างหู พอเธอหันมองไปทางถนน กลับเห็นรถคันสีดำหลายคันแล่นมาจอด

จากนั้น วินาทีต่อมา คนในรถก็ลงมายืนเรียงกัน แล้วทุกคนก็สวมใส่ชุดสีดำเป็นระเบียบ

"คุณชายสาม!"

พวกเขาโค้งเก้าสิบองศาพร้อมเพรียงกัน

เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่……อะไรกันเนี่ย?

"พวกแก! พวกแกเป็นพวกมาเฟียจริงด้วย! พวกแกไสหัวไปเลยนะ ฉันจะแจ้งตำรวจ!" เฉินเหม่ยเจวียนก็รู้สึกตกใจจนเสียงแหลมกว่าเดิม

พูดจบ เธอก็หันหลังพุ่งเข้าคฤหาสน์ แล้วเอาแต่ตะโกนว่า "เจี้ยนหมิน เจี้ยนหมินคุณรีบลงมาสิคะ……"

เห็นสีหน้าหวาดกลัวของเฉินเหม่ยเจวียน เฉินฮวนฮวนรู้สึกสะใจมาก

เธอหันไปกำลังจะถามเขา แต่เห็นเขาส่งสายตาให้บอดี้การ์ด จากนั้นพวกเขาก็เดินมางัดประตู จนประตูเปิด

จากนั้น บอดี้การ์ดพวกนั้นก็ยืนเรียงเป็นสองแถวตรงไปที่คฤหาสน์

พอเห็นแบบนี้ เฉินฮวนฮวนจึงเบิกตากว้างอีกครั้ง เธอหันไปหาเฟิงหานชวน แล้วชี้เข้าไปข้างใน พูดติดๆขัดๆว่า "คุณ คุณ คุณ……คุณเป็นมาเฟีย……"

"ไม่ใช่" เฟิงหานชวนยื่นมือไปกอดเอวของเฉินฮวนฮวนให้เข้ามาในอ้อมกอด

จากนั้น เขาก็กอดเธอเดินตรงเข้าไป

ทันใดนั้น ตอนที่พวกเขาเดินไปถึงหน้าห้องโถงคฤหาสน์แล้ว กลับมีรถแล่นตรงมาจอดหน้าคฤหาสน์

"เฉินฮวนฮวน!"

เมื่อกี้เฉินซินโหรวเห็นหน้าประตูมีรถหลายคัน จึงรู้สึกผิดปกติ รอเธอเดินเข้าไปแล้ว กลับเห็นเฉินฮวนฮวนกับผู้ชายอีกคนยืนอยู่ที่ห้องโถง

เธอรีบลงรถ แล้วตะคอกใส่หลังเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนหันกลับไป จึงเห็นเธอลงจากรถ แล้วเยี่ยจิ่งเฉินก็ลงรถมาด้วย ดูท่าทางทั้งสองคงไปค้างคืนข้างนอกด้วยกันสินะ

เฉินฮวนฮวนมองเห็นพวกเขาแล้วรู้สึกคลื่นไส้

"แกมาบ้านฉันทำไม? ผู้ชายคนนี้เป็นใคร? ทำไมข้างนอกมีรถเยอะขนาดนั้น?" เฉินซินโหรวเดินมาหาเฉินฮวนฮวน แล้วยืนถามเธอต่อหน้า

"ซินโหรว!" เยี่ยจิ่งเฉินยังไม่ทันคุยกับเฉินซินโหรว เธอก็รีบเดินไปอย่างใจร้อนแล้ว เขาก็วิ่งตามไปด้วย แล้วยืนอยู่ตรงหน้าเฟิงหานชวน

วินาทีนั้น ทั้งสองคู่กำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่

เยี่ยจิ่งเฉินรู้จักเฟิงหานชวน แล้วเห็นเฟิงหานชวนกับเฉินฮวนฮวนจูบกันในรถ แววตาที่เขามองไปที่พวกเขา แฝงไปด้วยตระหนก

พอเห็นสายตาของเยี่ยจิ่งเฉิน เฉินฮวนฮวนจึงยิ้มอย่างเย็นชาด้วยสายตาไม่แยแส

"เฉินฮวนฮวน ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?" เฉินซินโหรวชี้หน้าเฟิงหานชวน แล้วจ้องเฉินฮวนฮวน

"ซินโหรว เขา เขาคือ……" เยี่ยจิ้งเฉินรีบเอามือเธอลง กำลังจะอธิบาย

เฟินหานชวนเป็นคุณชายสามที่มีชื่อเสียง ถ้าเฉินซินโหรวยั่วโมโหเขา งั้นต้องซวยแน่ๆ

เฉินซินโหรวเป็นแฟนเขา เขาจึงต้องห้ามไม่ให้เธอทำอะไรไม่ดีเด็ดขาด

ไม่งั้น เขาก็จะซวยไปด้วย

"โอ๊ย……"

ทันใดนั้น ที่ห้องรับแขกก็มีเสียงโอดครวญ

เฉินซินโหรวฟังออกว่าเป็นเสียงแม่ตัวเอง เธอจึงผลักสองคนตรงหน้าออก แล้วรีบวิ่งไปหา

"แม่ แม่เป็นอะไรคะ?"

“เอ่อใช่ ฮวนฮวน เฟิงซื่อกรุ๊ปได้หยุดลุงทุนให้กับเฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว เงินทุนก่อนหน้านี้ที่ให้ไปไม่มีทางจะเก็บกลับมาได้แล้ว”

เฟิงเหลยถิงเหมือนมีความละอายใจอยู่บ้าง ตอนนั้นเขาได้ไปขอลูกสาวตระกูลเฉินแต่งงาน ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของเฉินฮวนฮวนและคนในบ้านว่าเป็นแบบนั้น

ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรก จะไม่ให้เงินทุนให้กับเฉินเจี้ยนหมินผู้ชายที่ชั่วร้ายแบบนี้

“พ่อค่ะ ขอบคุณ คุณพ่อนะคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ แค่ไม่สนับสนุนเงินทุนให้กับพวกเขาต่อก็พอแล้ว เฉินเจี้ยนหมินก็ไม่มีความสามารถในบริหารงานของบริษัทได้” เฉินฮวนฮวนพูดถึงพ่อผู้กำเนิดตัวเองคนนั้นขึ้นมา เธอก็รู้สึกเกลียดจนกัดฟัน

เธอไม่เคยเห็นคนที่ชั่วร้ายแบบนี้มาก่อนเลย ยังมีเฉินเหม่ยเจวียนกับเฉินซินโหรวที่อยู่ข้างกายของเขา ล้วนเป็นพวกที่มีความร้ายกาจ

“ได้ นอกจากนี้คฤหาสน์แม่ของเธอ ฉันคิดว่าจะซื้อจากเฉินเจี้ยนหมินมาลงทุน หลังจากนั้นถ้าเธอยังอยากจะกลับมาอยู่ เธอก็ย้ายกลับมาอยู่กับเจ้าสาม” เฟิงเหลยถิงสอบถามความคิดเห็นของฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนนิ่งไป ในใจของเธอมีความซาบซึ้งใจอย่างไร้ขีดจำกัดเกิดขึ้นมา

ไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่านายท่านของตระกูลเฟิงดีกับเธอมาก มองออกว่าเขาคาดหวังให้ตัวเองเป็นลูกสะใภ้ของเขาจริงๆ

ในระยะเวลาสั้นๆ เฉินฮวนฮวนเหมือนจะตั้งหน้าตั้งตารอ ให้ตัวเองอยู่ก่อนแต่งกับเฟิงหานซวนได้อย่างราบรื่น

แต่ไม่นานความคิดนี้ก็ถูกเธอยกเลิกไป

ความสัมพันธ์การแต่งงาน เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงหานซวน แม้ว่าเฟิงเหลยถิงจะดีกับเธอ แต่ถ้าเธอเข้ากันได้ไม่ดีกับเฟิงหานซวน งั้นคงจะไม่ได้

ถ้าเฟิงหานซวนไม่ต้องการเธอ งั้นเธอก็ทำได้แค่ถอยออกมาจากบ้านตระกูลเฟิง

“คุณพ่อไม่ต้องช่วยหนูซื้อกลับมาหรอก คฤหาสน์นั้นควรจะเป็นของของหนู หนูจะให้พวกเขาคายออกมาด้วยตัวเอง” ตอนที่เฉินฮวนฮวนพูดคำพูดนี้ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น

แม้ว่านายท่านของตระกูลเฟิงจะดีกับเธอ อยากจะเอาคฤหาสน์กลับมาให้เธอ แต่เธอไม่อยากจะใช้วิธีการเช่นนี้ ไม่อยากให้พวกเฉินเจี้ยนหมินเอาเงินไปอย่างเปล่าๆและขายคฤหาสน์ไปอย่างเบิกบานใจ

เธอไม่อยากจะคิดอย่างนี้

ดังนั้น เธอยอมไม่เอาคฤหาสน์ของแม่กลับมาในตอนนี้ และไม่หวังให้ตระกูลเฟิงส่งเงินให้กับมือของเฉินเจี้ยนหมิน

“ฮวนฮวน ถ้าพ่อของเธอล้มละลายแล้ว ก่อนที่ธนาคารจะตรวจสอบและระงับ เขายังคงจะต้องขายคฤหาสน์ทิ้ง ตอนนี้เป็นสังคมที่ถูกกฏหมาย พวกเราไม่มีวิธีการที่จะแย่งมา จึงได้แค่ใช้วิธีการซื้อขายเท่านั้น คนแบบเขา ไม่อาจจะเป็นฝ่ายส่งให้กับเธอได้” เฟิงเหลยถิงถอนหายใจ

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฉินฮวนฮวนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เป็นสังคมที่ชอบด้วยกฎหมาย จะโอนบ้านก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ถ้าเฉินเจี้ยนหมินไม่ได้เงินจะยอมโอนได้อย่างไร

“ใครบอกว่าไม่อาจจะเป็นฝ่ายส่งให้กับคุณได้?”

ตอนนี้ ประตูเปิดออกด้วยความรุนแรง ใบหน้าของเฟิงหานชวนเย็นชาก้าวเท้ายาวเข้ามา

ตอนที่อยู่ในห้องนอน เขารออยู่นานมาก แต่เฉินฮวนฮวนไม่กลับมาสักที เขายังคิดว่าผู้หญิงคนนี้หนีไปแล้วและไม่ยอมที่จะช่วยเขาทายา

ตอนที่เขาลงจากห้องไปหาเธอ แม่บ้านหลี่บอกว่าเธอถูกนายท่านเรียกเข้าไปในห้องหนังสือแล้ว เขาถึงรีบมาที่ห้องหนังสือ เมื่อกี้ยังไม่ได้เข้าไป ก็ได้ยินคำพูดนั้นของนายท่านดังออกมาจากด้านใน

“เจ้าสาม เฉินเจี้ยนหมินคนแบบนั้น ไม่ได้รับเงินจะโอนให้กับฮวนฮวนอย่างไม่เห็นแก่ตัวเหรอ? นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” เฟิงเหลยถิงไม่สนใจเงิน และไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาแค่คิดจะใช้เงินเพื่อจัดการทุกอย่างให้สงบ

“ผมจะให้เขาโอนมาอย่างไม่เห็นแก่ตัว” คำพูดนี้มีความเย็นชา เฟิงหานชวนดึงแขนของเฉินฮวนฮวน แล้วดึงเธอออกไปจากห้องหนังสือ

เฉินฮวนฮวนถูกดึงลงมาจากชั้นบนตลอดทั้งทาง หลังจากนั้นก็ดึงเข้าไปในห้อง หลังจากที่เฟิงหานชวนได้ใช้เท้าเตะประตู ก็พูดออกคำสั่งว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้า”

“ห๊ะ?” เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าเฟินหานชวนจะทำอะไรกันแน่

บทสนทนาของเธอกับนายท่านยังไม่เสร็จสิ้นเลย เขาก็จูงเธอออกมาแล้ว แบบนี้คงจะไม่ค่อยมีมารยาท

“คุณอยากจะไปบ้านตระกูลเฉินแบบนี้นะเหรอ?” เฟิงหานชวนชี้ไปที่เสื้อผ้าที่เก่าและขาดบนตัวของเธอ ถามกลับด้วยคิ้วที่ขมวดว่า “ผมไม่เคยบอกเหรอว่าไม่ให้คุณสวมเสื้อผ้าเก่าและขาดแบบนี้อีก?”

“ฉัน……ฉันแค่หยิบเสื้อมาด้วยความรีบร้อนและใส่เสื้อคลุมทับเอาไว้” เฉินฮวนฮวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองจะหยิบถุงมือมา สีหน้าในเวลานั้นก็เก้กังขึ้น

เธอสวมชุดกระโปรงนอน ค่อนข้างที่จะเปิดเผย ไม่สะดวกจะเดินไปเดินมา ดังนั้นจึงต้องใส่เสื้อคลุมไว้ด้านนอก

และเธอแค่จะลงมาจากห้องเพื่อเอาถุงมือ ทำไมถึงต้องใส่ชุดอย่างเป็นทางกันด้วย เฟิงหานชวนให้ความสำคัญกับเกียรติและหน้าตาเกินไปแล้วหรือเปล่า?

เดี๋ยวก่อน

ในสมองของเธอเมื่อกี้นี้คิดอยู่แต่กับเรื่องสวมเสื้อผ้า แต่ละเลยคำพูดแรกของเฟิงหานชวนไป

คุณอยากจะไปบ้านตระกูลเฉินแบบนี้นะเหรอ?

“คุณ คุณ คุณ…คุณจะไปบ้านตระกูลเฉินเหรอ? คุณจะพาฉันไปบ้านตระกูลเฉินเหรอ?” เฉินฮวนฮวนถามออกมาด้วยความตื่นตะลึง

“อยากจะได้คฤหาสน์ของแม่คุณหรือเปล่า?” เฟิงหานซวนถามด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์

“อยากสิ” นี่เป็นคำพูดในใจของเฉินฮวนฮวน

“แต่งตัวให้ดีๆ ผมจะพาคุณกลับไปที่ตระกูลเฉินอย่างเฉิดฉาย

……..

หลังจากนั้นสองชั่วโมง ณ ประตูใหญ่ของบ้านตระกูลเฉิน

เฉินฮวนฮวนตั้งใจที่จะสระผม เป่าอย่างเรียบง่ายแล้วม้วนเป็นทรง บนร่างกายสวมใส่เสื้อผ้าแบบสากลของVivi แบบสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ รูปทรงร่างกายของเธอดีมากๆ

มองดูทั้งตัวเหมือนกับคุณผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติ มั่งคั่งและร่ำรวย

ก่อนมาที่บ้านตระกูลเฉิน เธอส่องอยู่ด้านหน้ากระจก เหมือนมีความมั่นใจขึ้นมา คล้ายกับตัวเองย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน

เธอในตอนนั้น เป็นของล้ำค่าที่อยู่ในอ้อมกอดของแม่ เป็นลูกสาวที่มีความสุขที่สุดบนโลก

เห็นคฤหาสน์ที่เคยอยู่อาศัยตั้งแต่เด็กนี้อีกครั้ง ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาที่หัวใจ

เฉินฮวนฮวนหายใจเข้าลึกๆ เดินมาด้านหน้าของประตู ยื่นมือออกแรงกดกริ่งประตู

“มาแล้ว ใครกัน” เสียงที่คุ้นหูนั้นดังขึ้นมา

ตอนที่แม่บ้านหลิวออกมา ก็เจอเฉินฮวนฮวนพอดี และรีบหันตัววิ่งกลับไป ร้องตะโกนเสียงดังว่า “คุณนาย เฉินฮวนฮวนมาอีกแล้ว”

ได้ยินเสียงของแม่บ้านหลิวร้องเรียก เฉินฮวนฮวนก็ตัดสินใจทันที ตอนนี้เฉินเจี้ยนหมินกับเฉินเหม่ยเจวียนก็อยู่ในบ้าน

เฟิงหานซวนเห็นแม่บ้านหลิวตอบสนองแบบนี้ จึงขมวดคิ้วเอาไว้แน่น

อยู่ในบ้านหลังนี้ แม่บ้านเรียกชื่อของเฉินฮวนฮวน แม้แต่ “คุณหนู” คำเดียวก็ไม่พูดออกมา เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ที่เฉินฮวนฮวนอยู่ในบ้านหลังนี้ใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบาก

ก่อนหน้านี้ เฉินฮวนฮวนยังถูกแม่เลี้ยงตบตีต่อหน้าผู้คน ถ้าไม่ใช่หรงจิ่นซิวช่วยเธอเอาไว้ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็ยากที่จะคาดคิด

เขาเอ็นดูเฉินฮวนฮวน หัวใจเจ็บปวดมาก

ก่อนนี้ เขาอยากจะจัดการแก้ไขด้วยตัวเองลับหลังเฉินฮวนฮวน แต่วันนี้เขาเป็นฝ่ายพาเธอมา เพราะว่าเขาอยากจะให้เฉินฮวนฮวนเห็นด้วยตาของตัวเองถึงความดีที่เขามีให้ต่อเธอ

เขาสามารถช่วยเธอจัดการเรื่องราวต่างๆได้ เขาสามารถเป็นที่พึ่งของเธอได้

“ออกมาสิ เฉินเจี้ยนหมิน เฉินเหม่ยเจวียน พวกแกไสหัวออกมานะ” เฉินฮวนฮวนตะคอกไปยังในคฤหาสน์

ตอนนี้ เฉินเหม่ยเจวียนเดินเข้ามาอย่างช้าๆ สีหน้าที่เหยียดหยามได้เปลี่ยนไปทันที

เธอชี้ไปที่เฟิงหานชวน ถามไปยังเฉินฮวนฮวนว่า “ผู้ชายคนนี้เป็นใคร? มาจากไหน? เป็นผู้ช่วยที่แกพามาเหรอ? คงไม่ใช่ผู้ชายป่าเถื่อนของแกใช่ไหม”

เฉินเหม่ยเจวียนเคยเห็นเฟิงเฉินเหยี่ยนในข่าวมาก่อน เธอรู้ว่าผู้ชายที่อยู่ด้านหน้านี้ไม่ใช่เฟิงเฉินเหยี่ยน แต่ออร่าของผู้ชายคนนี้เต็มเปี่ยมมาก ทำให้เฉินเหม่ยเจวียนเกิดความหวาดกลัว

“เขาเป็นสามีของฉันเอง จะเป็นผู้ชายป่าเถื่อนได้อย่างไรกัน?” เฉินฮวนฮวนควงแขนของเฟิงหานชวนเอาไว้ แล้วใช้ศีรษะพิงไว้บนไหล่ของเขา

“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไรแล้ว”

เฟิงเหลยถิงโบกมือ พร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตา พยายามทำตัวเองให้นิ่ง ยังพูดเยาะเย้ย “ร้องไห้ต่อหน้าเด็กอย่างหนู คนแก่อย่างฉันรู้สึกขายหน้านิดหน่อย”

“ไม่เป็นไรค่ะ พ่ออยากร้องก็ร้อง ไม่ขายหน้าสักนิด ” อันที่จริงเฉินฮวนฮวนรู้สึกว่านายท่านเป็นคนจิตใจดี อย่างน้อยก็สำนึกผิด เสียใจเป็น เพียงแต่เป็นคนเจ้าชู้เกินไป

แต่เธอย้อนคิดไป ที่พูดกันว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น ถ้างั้นเฟิงหานชวน จะเป็นคนเจ้าชู้ตัวพ่อแบบนั้นหรือเปล่า ?

“ฮวนฮวน รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเลือกหนู ?” เวลานี้เฟิงเหลยถิงสงบลงแล้ว บนใบหน้ามีรอยยิ้มเผยออกมา

“เลือกหนู ?” เฉินฮวนฮวนมึนงงและสงสัยเล็กน้อย

ไม่ใช่เพราะสุ่มเหรอ?

ใครยอมแต่งก็คนนั้น ไม่ใช่เฉพาะเจาะจงเธอหรอกมั้ง ?

ถ้าหากพูดว่าเลือกเธอ ถ้าหากตอนนั้นเฉินซินโหรวยอมแต่งงาน ถ้างั้นก็เป็นเฉินซินโหรวไม่ใช่เหรอ ?

มองความคิดของเฉินฮวนฮวนออก เฟิงเหลยถิงยิ้มจางๆ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องเป็นหนู แต่มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นหนู”

“หา ?” เฉินฮวนฮวนมึนเข้าไปใหญ่

“แม่ของหนูเป็นผู้หญิงที่เก่งคนหนึ่ง” เฟิงเหลยถิงลุกขึ้นเอามือไขว้หลัง เดินไปข้างหน้าต่างช้าๆ

เฉินฮวนฮวนเดินตามไปด้วย เอ่ยถามอย่างรีบร้อน “คุณพ่อรู้จักแม่ของหนูเหรอคะ ?”

“ไม่ถึงกับรู้จัก” เฟิงเหลยถิงส่ายหน้า

เฉินฮวนฮวนเดิมที่รู้สึกตื่นเต้น แต่ชั่วพริบตาก็หม่นหมองลง ท่านแม่รู้จักแม่เธอมาก่อน

“ปีนั้น ฉันยังทำงานที่เฟิงซื่อกรุ๊ป ตอนยังไม่ได้ปลดเกษียณ ฉันรู้ว่ามีบริษัทเล็ก ๆ ชื่อเฉินซื่อกรุ๊ปแห่งหนึ่ง เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นหญิงสาวคนหนึ่งก่อตั้งขึ้น ชื่อซูอวิ้น” เฟิงเหลยถิงนึกย้อนไป

“ใช่ค่ะ แม่หนูชื่อซูอวิ้น ท่านชื่อซูอวิ้น”

ความสงบภายในใจของเฉินฮวนฮวนก็เด้งขึ้นมา เธอพยักหน้ารั่วๆ นัยน์ตาเอ่อล้น เหมือนอีกเดี๋ยวก็จะล้นออกมา

นานมากแล้ว ที่เธอไม่ได้ยินชื่อแม่จากปากของคนอื่น

คุณยายเธอชื่อซูหมิงจู แม่เธอชื่อซูอวิ้น

“ปีนั้น ฉันชื่นชมเฉินซื่อกรุ๊ปที่ซูอวิ้นก่อตั้ง ลูกน้องฉันถึงขั้นแนะนำให้ฉันร่วมงานกับพวกเขา แต่ฉันอยากจะสังเกตต่อไปอีกหน่อย ถึงอย่างไรเวลานั้นเฉินซื่อกรุ๊ปก็เป็นแค่บริษัทเล็ก คุณสมบัติยังไม่ถึงขั้นนั้น ”

“ฉันอยากรอให้เฉินซื่อกรุ๊ปใหญ่โตขึ้นอีกหน่อย ก็จะเอ่ยร่วมงานด้วย แต่คิดไม่ถึง ต่อมาผลประกอบการพวกเขาไม่ก้าวหน้า หลังจากนั้นก็ถดถอยลงเรื่อย ๆ ฉันให้ลูกน้องไปถามสถานการณ์มา”

“ใครจะไปคิด ที่แท้ซูอวิ้นตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ไปนานแล้ว บริษัทมีสามีของเธอ หรือก็คือเฉินเจี้ยนหมินดูแล สุดท้ายเฉินซื่อกรุ๊ปก็ไม่ดีขึ้นอีกเลย”

“ช่วงก่อนหน้านี้ ฉันได้ยินว่าเฉินซื่อกรุ๊ปใกล้ล้มละลาย ขอเงินลงทุนไปทั่ว ฉันรู้มาว่าเฉินเจี้ยนหมินมีลูกสาวสองคน เลยมีความคิดอะไรนิดหน่อย”

“ ตอนนั้นฉันคิด ลูกสาวของซูอวิ้น คงไม่แย่แน่นอน มีโอกาสนี้พอดี ขอมาเป็นลูกสะใภ้ฉันดีกว่า”

“จะว่าบังเอิญก็ได้ ฉันเพิ่งรู้ว่าเด็กสาวคนหนึ่งไม่ได้เกิดจากซูอวิ้น แต่ลูกสาวของซูอวิ้นแต่งเข้าตระกูลเฟิงจริงๆ”

เฟิงเหลยถิงจริงจังมาก และบอกเล่าเหตุผลเรื่องนี้อย่างจริงใจ ตอนที่เขาหันหลังกลับ พบว่าบนใบหน้าของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยน้ำตาแล้ว

“ฮวนฮวนร้องไห้ทำไม ?” เฟิงเหลยถิงตกใจเล็กน้อย รีบร้อนไปดึงกระดาษทิชชูสองสามแผ่น ยื่นให้เฉินฮวนฮวน พูดว่า “รีบเช็ดน้ำตา อย่าให้เจ้าสามเห็นเข้า”

เขารู้เจ้าสามตอนนี้ใส่ใจเฉินฮวนฮวนเป็นพิเศษ หากถูกเจ้าสามเห็นว่าเขาทำฮวนฮวนร้องไห้ คงมองพ่ออย่างเขาด้วยอารมณ์โมโห

“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ ขอบคุณ คุณพ่อมากๆ” เฉินฮวนฮวนเช็ดน้ำตา แต่น้ำตาก็ไหลมาไม่หยุด

มันทำให้เฟิงเหลยถิงร้อนใจมาก

เดิมทีอยากปลอบใจเฉินฮวนฮวน ให้เธอไม่ต้องโทษพวกเขา ให้เธออยู่ที่ตระกูลเฟิงอย่างสบายใจ

แต่คิดไม่ถึง เขากลับทำเฉินฮวนฮวนร้องไห้ ยังร้องไห้หนักขนาดนี้

“ไม่ต้องขอบคุณฉัน ฉันต้องขอบคุณหนู เป็นหนู เพราะเป็นหนู เจ้าสามของตระกูลเราถึงยอมแต่งงาน” เฟิงเหลยถิงรีบร้อนเกือบจะหลุดปากพูดออกไปแล้ว

รอรู้ตัวอีกที เขาก็รีบปิดปากตัวเองไว้

“เพราะหนู ?” เฉินฮวนฮวนนิ่งอึ้งไป

เธอคิดว่า ไม่ว่านายท่านจะจัดเตรียมผู้หญิงยังไง เฟิงหานชวนคงยอมทดลองแต่งงาน ไม่ใช่เป็นเพราะเธอหรอกมั้ง

เธอไม่มีตรงไหนที่ดึงดูดคนเป็นพิเศษ และไม่มีเสน่ห์อะไร หากมีเสน่ห์จริง เยี่ยจิ่งเฉินคงไม่นอกใจไปหาเฉินซินโหรวแล้ว

“ไม่ ๆ ไม่ ความหมายของฉันคือ หนูเป็นคนจิตใจดีมาก เห็นแล้วน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ เจ้าสามคงรู้สึกว่าเธอดีเหมือนกันถึงไม่ได้โต้แย้งอะไรฉัน”

เฟิงเหลยถิงตาล่อกแล่ก รีบพูดอธิบาย “ไม่อย่างงั้น ตามนิสัยของเจ้าสาม หากไม่พอใจเธอล่ะก็ ก็จะให้คนไปเอากระเป๋าของเธอโยนออกไปแล้ว”

“อุ๊บส์” เฉินฮวนฮวนขำ กับท่าทางเฟิงเหลยถิงที่รีบร้อนอธิบาย

เธอพยักหน้า พูดว่า “ที่จริงคุณพ่อเข้าใจลูกชายของพ่อดี”

ก่อนหน้านี้เฟิงหานชวนเกือบไล่เธอออกไปจริงๆ อีกนิดเดียวเธอก็จะเป็นคนพเนจรอยู่ข้างถนนแล้ว

“หะ ? ก่อนหน้านี้เขาเคยโยนกระเป๋าเธอ ?” เฟิงเหลยถิงขมวดคิ้ว ทำไมเขาไม่รู้เรื่องนี้ ?

“ปะ เปล่า เขาไม่เคยโยนกระเป๋าหนู” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้า

“งั้นก็ดี งั้นก็ดี หากโยนกระเป๋าเธอจริง ฉันกลัวว่าเธอจะแค้นใจเขา” เฟิงเหลยถิงรู้สึกเหมือนโรคหัวใจตัวเองกำเริบ

ตอนนี้เขาแค่อยากเห็นสองคนนี้เดินไปพร้อมกัน มีชีวิตที่ดี มีหลานชายตัวอ้วนหรือหลานสาวที่น่ารักให้เขา

แบบนั้น ซินหรุ่ยที่อยู่ยมโลกรับรู้ ก็คงจะชื่นใจเหมือนกัน

“ไม่มี ไม่มี ตอนนี้พวกเราถือได้ว่า…อยู่กันได้ดี”เฉินฮวนฮวนก็ไม่รู้ควรตอบยังไง พูดตะกุกตะกัก

ถึงอย่างไรเรื่องทดลองแต่งงานแบบนี้ ให้ท่านรู้แล้ว คงเสียใจแน่นอน

“ซินหรุ่ยรู้เข้า ต้องมีความสุขแน่นอน” เฟิงเหลยถิงยิ้มออกมาอย่างชื่นใจ

ซินหรุ่ย…เฉินฮวนฮวนเรียกในใจหนึ่งรอบ

นี่คงเป็นชื่อแม่ของเฟิงหานชวนมั้ง ?

ทำไมข้างในลึกๆ เธอรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูแปลกๆ

เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหน

เห็นสีหน้าสงสัยของเฉินฮวนฮวน เฟิงเหลยถิงพูดอธิบาย “ซินหรุ่ยเป็นชื่อแม่ของเจ้าสาม เรื่องของเธอเจ้าสามคงบอกหนูไปแล้ว ฉันก็ไม่พูดต่อแล้ว”

เฉินฮวนฮวนอ้าปากกำลังคิดจะถามให้แน่ชัด แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม

อันที่จริงเรื่องเกี่ยวกับแม่ของเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนไม่เคยบอกเธอ เพียงแค่ยอมรับสถานะลูกนอกสมรส เธอก็ไม่ได้ถามต่อ

ตอนนี้ เธอกับเฟิงหานชวนมีความสัมพันธ์แบบทดลองการแต่งงาน ดังนั้นเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องถามมากขนาดนั้น มันกลับทำให้ตัวเองดูกระตือรือร้น อยากอยู่ที่ตระกูลเฟิง

ในความเป็นจริง เธอคิดจะออกไปแล้ว

“ฮวนฮวน แม้ว่าซินหรุ่ยไม่อยู่แล้ว แต่เธออยู่ในยมโลก อวยพรให้พวกหนูมีความสุขแน่นอน ”

เฟิงเหลยถิงพูดถึงไป๋ซินหรุ่ย รู้สึกตื้นตันใจ เขาดึงมือเฉินฮวนฮวน น้ำเสียงสะอึกสะอื้นเล็กน้อย

เฉินฮวนฮวนนิ่งอึ้ง

ที่แท้ แม่ของเฟิงหานชวนตายไปแล้ว

ที่แท้ เธอกับเขาต่างเป็นเด็กที่สูญเสียแม่เหมือนกัน

หลังจากลงบันไดแล้ว เฉินฮวนฮวนก็หยุดชั่วคราว

เธอเกาหัว รู้สึกว่าตัวเองรุกแรงไปหรือเปล่า?

ตอนนี้เธอกับเฟิงหานชวนแค่ทดลองอยู่ก่อนแต่ง อีกอย่างตอนนี้ก็เพิ่งวันที่2 ยังไม่ถึง24ชั่วโมงเลย เธอก็ยอมทำเรื่องแบบนั้นให้เขาแล้ว?

เฉินฮวนฮวนส่ายหัวทันที ไม่ใช่ ไม่ใช่ เธอไม่ได้ยอม แต่เธอไม่มีทางเลือก อย่างไรก็ตามเธอเป็นคนเตะเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนเองก็ไม่ยอมทายาด้วยตัวเอง เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยเขา

ถึงยังไง เธอก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นของเฟิงหานชวนมาก่อน… หลังจากนั้นไม่นานเธอก็สวมถุงมือ หลับตาและทำราวกับว่าเธอกำลังนวดแป้งอยู่

เมื่อคิดแบบนี้ เฉินฮวนฮวนก็ผ่อนคลายเล็กน้อย จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องครัว

ในขณะที่กำลังเดินเข้าห้องครัว พบกับเฟิงเหลยถิงพอดี เฟิงเหลยถิงกำลังดื่มน้ำอยู่ในห้องครัว เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนเดินเข้ามา เขาก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม: "ฮวนฮวน อรุณสวัสดิ์!"

“นายท่าน อรุณสวัสดิ์!” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและทักทายเฟิงเหลยถิง

แต่ในความเป็นจริง เธอรู้สึกประหม่าในใจเล็กน้อย เรื่องที่เธอช่วยเฟิงหานชวนทายา เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้

ไม่อย่างนั้นจะน่าอายมาก!

“ฮวนฮวน เปลี่ยนคำเรียกได้แล้ว เรียกฉันว่านายท่าน ฟังดูห่างเหินมาก!” เฟิงเหลยถิงรู้ว่าเมื่อคืนเฟิงหานชวนนอนที่ห้องของเฉินฮวนฮวน รู้สึกแอบดีใจในใจมาก

เรื่องนี้เขาทำได้ดีมาก แต่เดิมเขาแค่อยากจะหาภรรยาให้เจ้าสามของเขา แต่ก็กลัวว่าเจ้าสามจะปฏิเสธ เขาจึงทำใบรับรองให้พวกเขาโดยตรง

แต่เขาไม่คาดคิดว่า เฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่เจ้าสามฉุดในวันนั้น เรื่องนี้เจ้าสามเป็นคนบอกเขาเอง

ดังนั้น เจ้าสามกำลังปกปิดเรื่องในคืนนั้น และตั้งใจจะเป็นสามีภรรยาที่ดีกับเฉินฮวนฮวน ตอนนี้เฟิงเหลยถิงรู้สึกพอใจมาก คิดเพียงจะได้อุ้มหลานในเร็วๆนี้

“คือ…นายท่าน หนู…” เฉินฮวนฮวนตะลึงเล็กน้อย เอื้อมมือไปเกาผม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยการแสดงออกที่ยุ่งเหยิง

เมื่อวันก่อนเธอเพิ่งเอ่ยปากเรียกเฟิงเหลยถิงว่าคุณปู่ วันนี้ต้องมาเปลี่ยนคำเรียก…สิ่งที่เกิดขึ้นในสองวันที่ผ่านมานั้นวุ่นวายมาก

เรื่องที่หนึ่งคือเธอถูกเกาเหวินพาไปเข้าร่วมแข่งขัน สองคือสถานะของเธอในบ้านตระกูลเฟิง จากนายหญิงกลายมาเป็นคุณนายสาม

“เรียกอะไรนายท่าน ให้เรียกว่าพ่อ” เฟิงเหลยถิงกังวลใจจริงๆ แต่เขาไม่โทษเฉินฮวนฮวนเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาทำให้วุ่นวายขึ้นมาเอง

เมื่อเห็นท่าทางที่กระตือรือร้นของเฟิงเหลยถิง เฉินฮวนฮวนก็ไม่กล้าลังเลอีกต่อไปและกระซิบออกมาเบาๆ: "พ่อ"

“หืม!” เฟิงเหลยถิงตอบกลับ แล้วกล่าวว่า: “ถ้าอย่างนั้นเธอดื่มน้ำก่อนเถอะ พ่อจะขึ้นไปอ่านหนังสือแล้ว”

“ค่ะคุณพ่อ” แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะพูดออกมาแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกอึดอัดใจ

เฟิงเหลยถิงเกือบจะเป็นรุ่นปู่ของเธอ เธอเคยเรียกเฟิงเหลยถิงว่าปู่ ก็ยังถือว่าโอเค ตอนนี้ต้องเรียกว่าพ่อ รู้สึกแปลกๆเล็กน้อย

“โอเค” เฟิงเหลยถิงได้ยินคำเรียกนี้ก็สดชื่นไปทั้งใจ จากนั้นเขาก็เดินออกไป

เมื่อเห็นเฟิงเหลยถิงจากไป เฉินฮวนฮวนรีบเปิดประตูตู้และเริ่มค้นหา เธอต้องการหาถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งหรือถุงมือพลาสติกก็ได้

เธอไม่อยากสัมผัสโดยตรงด้วยมือของเธอ

ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังหา เสียงของเฟิงเหลยถิงก็ดังขึ้นอีกครั้งที่ประตู: "ฮวนฮวน เธอกำลังหาอะไรอยู่? แม่บ้านหลี่คุ้นเคยกับห้องครัว ลองไปถามเธอดู”

“เออไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่อยากได้ถุงมือแบบใช้แล้วทิ้ง หนูจะ…” เฉินฮวนฮวนหยุด รีบคิดคำในหัวว่าจะใช้ข้อแก้ตัวอย่างไรดี

แต่ดูเหมือนว่าเธอจะหาข้อแก้ตัวใดๆไม่ได้ ไม่มีเหตุจำเป็นที่เธอจะต้องใช้ถุงมือแบบใช้แล้วทิ้ง

ในขณะที่เฉินฮวนฮวนรู้สึกอับอายกับการค้นหา คิดว่าตัวเองกำลังจะถูกเปิดเผย ก็ได้ยินเฟิงเหลยถิงกล่าวว่า: "เดี๋ยวฉันให้แม่บ้านหลี่หาให้ เธอตามฉันมาที่ห้องสมุดหน่อย”

“ห้ะ? อืมอืม ได้ค่ะ” เฉินฮวนฮวนตอบตกลงโดยไม่ถามสักคำ

หลังจากนั้น เฉินฮวนฮวนเดินตามเฟิงเหลยถิงไปที่ห้องสมุด ชั้น 3 เฟิงเหลยถิงเรียกเธอนั่งลงบนเก้าอี้ เขาเองก็นั่งลงเช่นกัน จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา

“พ่อมีธุระอะไรจะคุยกับหนูเหรอคะ?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงเหลยถิงมีอะไรอยากคุยกับเธอ ไม่งั้นคงไม่เรียกเธอมาที่ห้องสมุดนี้คนเดียว

“ฮวนฮวน เรื่องการเปลี่ยนสามีนี้ เมื่อคืนฉันก็ได้อธิบายให้เธอแล้ว มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันหวังว่าเธอจะไม่ไปโทษเจ้าสามนะ” เฟิงเหลยถิงยังคงกังวลเล็กน้อยและเรียกเฉินฮวนฮวนมาคุยเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง

“ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อคืนพ่อคุยกับหนูไปแล้ว หนูรู้ว่าพ่อทำเพื่อเขา” เฉินฮวนฮวนไม่กล้าบอกเฟิงเหลยถิงว่าเธอและเฟิงหานชวนอยู่ในช่วงทดลองอยู่ก่อนแต่ง

พูดไปก็กลัวจะทำร้ายใจผู้อาวุโส

เธอเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย แต่นายท่านเฟิงก็ไม่รังเกียจเธอ และยังทำดีกับเธอมาก

“อันที่จริง เจ้าสามเป็นคนที่ขาดความอบอุ่นมาก เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก ฉันไม่ได้อยู่ข้างๆเขา เพราะงั้นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของพวกเราจึงไม่ค่อยดีนัก” เมื่อเฟิงเหลยถิงกล่าวถึงเรื่องนี้ เขาก็ถอนหายใจลึกๆ

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่แปลกใจนักเพราะเธอเคยถามเฟิงหานชวนเมื่อคืนนี้ เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นลูกนอกกฎหมาย

เป็นเรื่องปกติที่ลูกนอกกฎหมายจะอาศัยอยู่นอกบ้าน สมัยที่เยี่ยจิ่งเฉินอายุ7ขวบ ถูกแม่ของเขาส่งไปที่ตระกูลเยี่ย คุณนายของตระกูลเยี่ยเองก็เรียกให้ส่งตัวเขากลับ ไม่ให้อยู่กับภรรยานอกสมรส

เธอเดาว่า บางทีเฟิงหานชวนก็น่าจะเป็นเช่นนี้

“พ่อคะ…ที่จริงเรื่องนี้หนูทราบแล้ว เมื่อคืนเฟิงหานชวนบอกหนูแล้ว” เฉินฮวนฮวนเม้มปากและเปิดปากพูด

“เจ้าสามเป็นคนบอกเธอเหรอ? ฉันคิดว่าเขาจะไม่พูดถึงมันอีกไปตลอดชีวิต” เฟิงเหลยถิงหลับตาลง และหรี่ตา: “ฉันรู้สึกผิดต่อแม่ของเขา ฮวนฮวน เมื่อคืนพวกเธอคุยเรื่องอะไรบ้าง?”

“เมื่อคืนเขาขอให้หนูคิดชื่อเรียกระหว่างเราสองคน เมื่อหนูพูดถึงอาหาน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนทันที เขาบอกว่านี่เป็นชื่อเรียกที่แม่ของเขาเรียก จากนั้นหนูก็ถามว่าทำไมอายุเขากับพี่ชายทั้งสองถึงห่างกันมาก เขาก็พูดสถานะตัวเองในฐานะลูกนอกกฎหมาย” เฉินฮวนฮวนไม่ได้ปิดบัง พูดออกมาทั้งหมด

นี่เป็นเรื่องของครอบครัวตระกูลเฟิง นายท่านเฟิงเองก็รู้ดี ถ้าเธอบอกนายท่านมันก็คงไม่เป็นไร

“มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ฉันทำไม่ดีกับพวกเขาทั้งสองแม่ลูกเอง ฉันทำไม่ดีกับทุกคน!” เมื่อเฟิงเหลยถิงได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด เขารู้สึกอายเล็กน้อย ปิดตาเพื่อไม่ให้เฉินฮวนฮวนเห็นน้ำตาของเขา

แต่เฉินฮวนฮวนก็เห็นแล้ว อีกอย่าง เฟิงเหลยถิงสะอื้นไม่หยุด แม้ว่าเขาจะหลับตาก็ตาม เฉินฮวนฮวนก็รู้ว่าเขากำลังร้องไห้

“พ่อคะ อย่าโทษตัวเองเลย เรื่องมันผ่านไปแล้ว” เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นยืน เดินไปข้างเฟิงเหลยถิง แล้วตบหลังเบาๆ

ที่จริงเธอเองก็สามารถเดาได้ นายท่านอายุมากขนาดนี้แล้วยังพาเฉินนานากลับมา สมัยเขายังเป็นหนุ่ม จะรักเดียวได้อย่างไร?

“วันที่สอง พวกเราควรฝ่าฟันให้ได้ถึงจะถูก”

เฟิงหานชวนยกมุมปาก น้ำเสียงมีความกระตุ้นอยู่เล็กน้อย

“ฝ่า ฟัน ?” เฉินฮวนฮวนมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง

เป็นอย่างที่คิดไว้ ศีรษะของชายหนุ่มก้มลงเรื่อย ๆ ริมฝีปากเซ็กซี่นั้นเหมือนใกล้ถึง

เฉินฮวนฮวนอยากหันหน้าหนี แต่กลับถูกมือของเฟิงหานชวนบีบคางไว้ ศีรษะของเธอขยับไปไหนไม่ได้เลย

ตอนที่เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะจูบเธอ บนหน้าผากรู้สึกถึงความอุ่นวงหนึ่ง เธอเงยหน้าไปมอง

เฟิงหานชวนเพียงแค่จูบบนหน้าผากเธอเบาๆ

ไม่ได้จูบที่ปากของเธอ

“คุณ…” เฉินฮวนฮวนมึนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนจะทำอะไรต่อจากนี้ไหม ดวงตาใสจ้องผู้ชายตรงหน้าอย่างสับสน

“ฮวนฮวน นี่คือฝ่าฟันที่ผมบอก” เฟิงหานชวนยื่นมือลูบผมของเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า “ วางใจ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ก่อนที่จะได้รับการยินยอมจากคุณ ผมจะไม่ทำเรื่องเกินเลยกับคุณ”

คำพูดนี้ของชายหนุ่ม ทำให้เฉินฮวนฮวนนิ่งไป แต่ในใจกลับมีความอบอุ่นไหลเข้าไปอย่างประหลาด เหมือนมีความสุขนิดๆ

“ขอบคุณคุณที่ให้เกียรติฉัน” เฉินฮวนฮวนกะพริบตา พูดอย่างเขินอาย

ตั้งแต่เมื่อคืนเขาไม่ได้บังคับให้เธอทายาให้ ถึงตอนนี้เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่เกินเลยไป อย่างมากก็คือกอด ถึงแม้จะจูบหน้าผากของเธอ แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

ดูออกว่าเฟิงหานชวนจริงจังกับเรื่องทดลองแต่งงานนี้มาก และเมื่อคืนเขายังบอก ไม่มีประสบการณ์ในด้านความรักมาก่อน

มันยืนยันว่าตัวเธออาจเป็นผู้หญิงคนแรกของเฟิงหานชวนใช่หรือเปล่า?

อันที่จริง เฟิงหานชวนบอกว่าไม่มีประสบการณ์ในด้านความรัก คงจะไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องด้านนั้นด้วยมั้ง ?

แต่ว่าความคิดนี้ถูกเฉินฮวนฮวนปัดทิ้งไป

ใครบอกว่าไม่เคยมีแฟน ก็ต้องเป็นผู้ชายบริสุทธิ์คนหนึ่ง ?

อีกทั้งสถานการณ์ก่อนหน้านี้ของเฟิงหานชวน ดูแล้วเหมือนชำนาญอยู่ ไม่เหมือนเด็กหนุ่มบริสุทธิ์ แม้เฟิงหานชวนไม่เคยคบใคร แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นหนุ่มบริสุทธิ์

อย่างไรก็ตามตัวเธอเองก็ไม่ได้สะอาด เธอไม่สนเรื่องพวกนี้หรอก

เฟิงหานชวนกลับไม่พูดอะไร เพราะตกใจกับคำพูดเมื่อกี้ของเฉินฮวนฮวน

ก่อนหน้านี้เขาไม่ให้เกียรติเธอจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่เธอขอยืมเงินเขา ถูกเขาดูถูกแบบนั้น

เฟิงหานชวนนึกขึ้นมาตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจเป็นหมื่นเท่า

“หลังจากนี้ ผมจะไม่ให้เรื่องก่อนหน้านี้เกิดขึ้นอีก” เฟิงหานชวนจ้องตาคู่นั้นของหญิงสาว พูดอย่างจริงจัง “คุณเป็นภรรยาของผม ผมให้เกียรติคุณเป็นสิ่งที่ควรทำ ไม่ต้องพูดขอบคุณผม”

“อืม” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก แต่มุมปากกลับมีองศาของรอยยิ้มอยู่

เธอรู้สึกเหมือนเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปเป็นอีกคน เมื่อคืนยังทำตัวอันธพาลแท้ๆ วันนี้เหมือนเป็นสุภาพบุรุษมาก

เห็นชัดว่าเฉินฮวนฮวนมีความสุขเพราะตัวเอง ตอนนี้อารมณ์ของเฟิงหานชวนก็ดีขึ้นเหมือนกัน ดูแล้ววิธีการนี้ของเขา ได้รับการชื่นชมจากเฉินฮวนฮวนมาก

“สิ่งนั้น คุณ…ตรงนั้นของคุณ…ยังดีใช่ไหม?” จู่ ๆ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกเมื่อคืนตัวเองใจร้ายไปหน่อย

เฟิงหานชวนได้รับบาดเจ็บแท้ๆ อยากขอร้องให้ช่วยก็มีเหตุผล เธอกลับรู้สึกว่าเขาเล่นลูกไม้ ทำท่าทางแย่ๆ กับเขา

“ตรงนั้น ? คุณหมายถึง…” เฟิงหานชวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยขึ้นมาทันที เขาคิดไม่ถึงว่า

เฉินฮวนฮวนจะห่วงเรื่องนั้น

“ก็คือ ก็คือ…” เฉินฮวนฮวนหน้าแดง หลบสายตา พูดเสียงเบา “ก็คือตรงนั้นของคุณที่โดนฉันเตะ คุณไม่ทายาไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”

เธอรู้สึกเฟิงหานชวนดีกับเธอมาก เพราะฉะนั้น เธอเลยถามสภาพของเขาด้วยความเป็นห่วง ยิ่งไปกว่าหากตรงนั้นของเฟิงหานชวนเจ็บเพราะเธอเป็นคนทำ

“จู่ ๆ ทำไมคุณถึงเป็นห่วงผม ?” เฟิงหานชวนมองเธอ เอ่ยถามออกไปตรงๆ

เขาอยากได้ยินเฉินฮวนฮวนพูดออกมาเอง

“ฉัน…ฉันไม่ได้เป็นห่วงคุณนะ” เฉินฮวนฮวนเขินไม่กล้ายอมรับตรงๆ เพราะเธอก็ไม่รู้ตัวเองว่าเป็นห่วงเฟิงหานชวนหรือเปล่า

เป็นห่วง หรือว่าเพราะไม่สบายใจและรู้สึกผิดกันแน่ เฉินฮวนฮวนเองก็ไม่รู้

“ผมไม่มีปัญหาอะไร มากสุดก็แค่เจ็บนิดหน่อยแค่นั้น” เฟิงหานชวนพูดอย่างไม่แยแส เหมือนไม่ใช่เรื่องตัวเอง

แต่ตอนนี้ เฉินฮวนฮวนกลับตกใจ เธอเบิกตากว้าง จี้ถาม “อะไร ! เจ็บ ? ยังเจ็บเหรอ? ”

“ไม่ต้องตกใจ ไม่เป็นอะไร” เฟิงหานชวนหัวเราะออกมาเบาๆ แสร้งทำตัวนิ่ง ๆ

ความจริงแล้ว เขากำลังล่อปลาติดเบ็ด

เดิมเขาไม่ได้คิดจะวางเบ็ด เป็นเฉินฮวนฮวนลูกปลาตัวน้อยตัวนี้ว่ายมาก่อนเอง ไปๆ มาๆอยู่ข้างเบ็ดตกปลา

“แต่ว่า คุณยังบอกว่าเจ็บอยู่ จะไม่เป็นไรได้ยังไง ? และถ้าหากคุณไม่เป็นไร คุณหรงจิ่นซิวคงไม่จ่ายยาให้คุณหรอก เพราะฉะนั้น…คุณรีบทายาเถอะ” น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนดูกังวลมาก

ตอนนี้เธอรับรู้ได้ถึงคำโบราณคำหนึ่ง อะไรเรียกว่า จักรพรรดิไม่กังวลขันทีกับกังวล

“ไม่เป็นไรจริงๆ” เฟิงหานชวนปฏิเสธเหมือนเดิม

“ไม่ได้ ทำยังไงคุณถึงจะยอมทายา ? เป็นเรื่องง่ายเรื่องหนึ่งแท้ๆ ทำไมคุณไม่ยอมทำ ?” ผู้ชายคนนี้ทำเฉินฮวนฮวนโมโหจริงๆ

ทำไมถึงไม่คิดถึงร่างกายตัวเองบ้าง ? ถึงแม้จะพูดว่าเป็นปัญหาด้านนั้น แต่ก็อยู่ในขอบเขตของความแข็งแรงของร่างกายเหมือนกัน

“เพราะมันกระอักกระอ่วน” เฟิงหานชวนตอบเรียบ ๆ คำหนึ่ง พร้อมปล่อยเฉินฮวนฮวน นอนราบอยู่ข้างตัวเธอ

คำตอบนี้ เขาไม่ได้โกหก รู้สึกว่าผู้ชายแมน ๆ คนหนึ่งอย่างตัวเอง ทายาตรงนั้นให้ตัวเอง เขาทำใจไม่ได้จริงๆ

“กระอักกระอ่วน?” เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นนั่ง หันไปมองเขา เกาศีรษะ พูดอย่างหมดคำพูด “เรื่องสำคัญแบบนี้ คุณยังสนใจเรื่องกระอักกระอ่วนไม่กระอักกระอ่วน”

เดิมเธอยังเป็นห่วงเฟิงหานชวน ตอนนี้โดนเฟิงหานชวนทำให้โมโหสุดขีด

“คุณไม่ใช่ไอดอลที่ไหน คุณยังมีเก๊กฟอร์มอะไรอยู่? อีกอย่างคุณทายาให้ตัวเอง ไม่มีใครเห็น คุณ…” เฉินฮวนฮวนหมดคำพูดจริงๆ

เฟิงหานชวนโดนเฉินฮวนฮวนตำหนิสักพัก เขาพลิกตัวหันหลังให้เฉินฮวนฮวน แสดงความต่อต้านของตัวเอง

เห็นเฟิงหานชวนมีทิฐิสูงแบบนี้ เฉินฮวนฮวนเองกลับกังวลมาก เพราะได้ยินเฟิงหานชวนบอกว่าเจ็บ เธอก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องแก้ไข

“ฉันช่วยคุณทายา คุณก็ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนแล้วใช่หรือเปล่า ?” ภายใต้ความร้อนใจ เธอเหมือนยอมพูดออกมา

เฟิงหานชวนที่ถูกเฉินฮวนฮวนหันหลังให้ ยกมุมปากขึ้นมาแวบหนึ่ง และกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปหลายวินาที ยังคงไม่ได้รับคำตอบ

“คุณเงียบทำไม ?” เฉินฮวนฮวนจี้ถามอย่างร้อนใจ

“หากผมบอกใช่ คุณคงด่าผมเล่นลูกไม้สกปรกอีก” เฟิงหานชวนพูดเหมือนน้อยใจเล็กน้อย เฉินฮวนฮวนได้ยินก็หน้าแดงขึ้น

เธอไม่สนอะไรมาก ลงจากเตียงหยิบเสื้อกันลมที่วางอยู่บนกระเป๋ามาสวม บอกกับเฟิงหานชวนว่า “ฉันไปเอาถุงมือใช้แล้วทิ้งในห้องครัว”

ตอนเดินถึงหน้าประตู เฉินฮวนฮวนหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เรียกความกล้าแล้วเปิดประตูห้อง

ได้ยินเสียงเดินลงชั้นล่างของหญิงสาว อารมณ์ของเฟิงหานชวนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เรื่องเมื่อคืนที่ทำไม่สำเร็จ คิดไม่ถึงว่าวันนี้เฉินฮวนฮวนจะฝ่ายเริ่มเอง

จิตใต้สำนึกของเฉินฮวนฮวน บอกให้เธอคว้าคอเฟิงหานชวนเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ

ร่างของเธอจึงไม่หงายหลังลงไป

“คุณดึงฉันทำไม?” เมื่อเธอได้สติกลับมาอีกครั้ง เธอปล่อยมือทั้งสองข้าง และจ้องเฟิงหานชวนแล้วเอ่ยถาม

เฟิงหานชวนไม่ตอบ เขาเพียงเอื้อมมือไปหยิบยาในมือของเธอ แล้วโยนลงบนตู้ข้างเตียง ก่อนจะเสียงแผ่วเบา “ไปนอนเถอะ”

  

ขณะที่พูด เขาอุ้มเฉินฮวนฮวนมายังอีกด้านหนึ่งของเตียง เดิมเป็นบริเวณที่เฉินฮวนฮวนนอน

“เดี๋ยวก่อน แต่ว่ายาของคุณ…” เฉินฮวนฮวนงุนงงเล็กน้อย และถามขึ้นว่า “คุณไม่ทาแล้วเหรอ?”

  

“ตอนนี้ยังไม่มีปัญหา พรุ่งนี้ค่อยดู” เฟิงหานตอบอย่างเรียบเฉย ก่อนจะตัวนอนลงไป และเอื้อมมือไปห่มผ้า

เฉินฮวนฮวน “???”

  

“ผมนับสาม นอนลงไปแล้วหลับ ไม่อย่างนั้นผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรออกมา” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนยังคงเจือความคุกคามและความอดกลั้น

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ฟังประโยคสุดท้ายก็รีบนอนลงแล้วห่มผ้า เธอเอ่ยถามอย่างอึ้งๆ “คุณไม่ทายา ไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ?”

  

ก่อนหน้านี้เฟิงหานชวนพูดเหมือนว่าร้ายแรงมาก ทว่าเขากลับฆ่าตัวตายโดยการไม่ทายา นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย?

  

เวลานี้เฉินฮวนฮวนถึงกับงงไปเลยจริงๆ

  

“พักฟื้นครึ่งเดือน รอคุณกลับมาจากฝึกอบรม คุณจะได้ทดลองประสิทธิภาพของมันหน่อย” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนไม่มีความหยอกล้อใดๆ เลยแม้แต่น้อย กลับจะพูดปกติเสียด้วยซ้ำ

ทว่าเฉินฮวนฮวนฟังออกว่า นี่ไม่ใช่คำพูดจริงจังอะไรเลย นี่…นี่มันลวนลาม! ชัดๆ!

  

“ฉันไม่ต้องการ!” เฉินฮวนฮวนตอบด้วยความโกรธเคือง แล้วพลิกตัวนอนตะแคง หันหลังให้เฟิงหานชวน

  

เดิมทีเธอยังเป็นห่วงสถานการณ์ของเฟิงหานชวนมาก ทว่าคำพูดของเฟิงหานชวนเมื่อสักครู่สกปรกโสมมเกินไป เธอไม่อยากพูดกับเขาแล้ว

  

เธอพบว่า เฟิงหานชวนก็เป็นผู้ชายผิดปกติคนหนึ่ง!

“โกรธแล้ว?”

  

ในเวลานี้เอง เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นข้างใบหูของเธอ จากนั้นเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอุ่นร้อน

  

“เฟิงหานชวน คุณออกไปหน่อย เตียงนี้ใหญ่มากนะ คุณไม่จำเป็นต้องเบียดฉัน!” เฉินฮวนฮวนใช้มือดันแผ่นอกของชายหนุ่ม

  

“คุณลืมแล้วเหรอ? ตอนนี้เราทดลองแต่งงานกัน จำเป็นต้องนอนกอดกันนอนนะ” เฟิงหานชวนจับมือของหญิงสาวเอาไว้ ริมฝีปากบางคลอเคลียอยู่บริเวณติ่งหูของเธอ และเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบว่า “นอนกอดกันกลมเกลียวได้หรือไม่ได้ คือกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการทดลองแต่งงาน”

  

“คุณ…” เฉินฮวนฮวนหมดคำพูดที่จะโต้แย้งเขาแล้วจริงๆ เธอพยายามยื่นศีรษะออกไปข้างหน้า เธอไม่อยากเข้าใกล้เฟิงหานชวน

  

ทว่า จนสุดท้ายลำคอของเธอก็ยาวมาก เธอเคลื่อนไปข้างหน้าหนึ่งนิ้ว เฟิงหานชวนก็ตามมาหนึ่งนิ้ว สุดท้ายเธอก็ถูกเฟิงหานชวนแอบอิงแนบแน่น

เฉินฮวนฮวนเลือกที่จะยอมแพ้ในที่สุด

  

“เด็กดี นอนเถอะ” เสียงของเฟิงหานชวนแหบแห้งลง

เฉินฮวนฮวนเงียบ จากนั้นเธอก็หลับตาแน่น

  

ผ่านไปไม่นาน หญิงสาวในอ้อมกอดของเขาก็หายใจอย่างสม่ำเสมอ เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอหลับไปแล้ว

เธอหลับไปแล้ว ทว่าเขาทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ ร่างนุ่มหอมอยู่ในอ้อมกอดของเขา ค่อนข้างยากที่จะทนได้

เดิมทีเขาอยากจะหลอกให้เธอช่วยทายาให้ตัวเอง ทว่าต่อมาเขาก็ล้มเลิกแผนการ เพราะว่าตอนนี้เขาไม่สามารถสัมผัสเธอได้ หากเธอยินยอมช่วยเขาทายาจริง เขากลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ

  

จนถึงตอนนี้ สถานการณ์ก็ยากเกินกว่าจะรับมือได้แล้ว

  

ดังนั้น เขาถึงได้พักเรื่องทายาเอาไว้ก่อน

  

นี่ถึงเป็นความสัมพันธ์ที่เปิดเผยของพวกเขา คืนแรกของการอยู่ด้วยกันในฐานะสามีภรรยา เขาใจร้อนเกินไปไม่ได้

  

โบราณกล่าวไว้ว่า ใจร้อนรีบกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้*

  

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฟิงหานชวนถอนหายใจเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นหอมแก้มของหญิงสาว หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลง

ค่ำคืนที่นอนหลับฝันดีคืนหนึ่ง

……

เช้าวันรุ่งขึ้น

เฉินฮวนฮวนถูกปลุกให้ตื่นจากความร้อน

  

เมื่อเธอตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองยังคงถูกเฟิงหานชวนกอดเอาไว้แน่น อิริยาบถนี้ทำให้เธอหายใจไม่ออกเล็กน้อย

ถือโอกาสขณะที่เฟิงหานชวนเหมือนยังหลับอยู่ เฉินฮวนฮวนไม่แม้แต่จะหันไปมอง ก็เอื้อมมือไปคว้าแขนของเฟิงหานชวนที่พาดอยู่บนเอวเธอ

  

เธอค่อยๆ ยกแขนของเฟิงหานชวนขึ้น กำลังจะเอามือของเขาออกไป ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มส่งผ่านมายังข้างใบหูของเธอ

  

“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงแหบพร่ามีเสน่ห์ของชายหนุ่มเพียงสองคำ ก็ยากที่จะต้านทานเสน่ห์ของเขาได้

ทว่า เฉินฮวนฮวนตะลึงตาค้าง เธอคิดว่าเฟิงหานชวนกอดเธอไม่ขยับเขยื้อน เพราะว่าเขายังไม่ตื่น คิดไม่ถึงว่าเขาจะตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน

  

เธอเอามือของเขาออกแล้วลุกขึ้นนั่ง

เธอหันกลับไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เฟิงหานชวนยังไม่ได้ลุกขึ้นนั่ง ทว่าเขานอนตะแคงมาทางเธอ มือข้างหนึ่งวางอยู่บนหมอน กำลังมองมาที่เธออย่างจดจ่อ

  

“วันนี้วันอาทิตย์ คุณอยากนอนก็นอนต่ออีกหน่อยเถอะ ฉันตื่นก่อน ฉันจะพยายามล้างหน้าบ้วนปากให้เสียงเบาที่สุด จะได้ไม่รบกวนคุณ” เฉินฮวนฮวนหันกลับไป แล้วเหยียดขาจะก้าวลงจากเตียง ทว่าแขนของเธอกลับถูกดึงไว้เสียก่อน

เฉินฮวนฮวนหันกลับมาอย่างไม่มีทางเลี่ยง กำลังจะถามเขาว่ามีเรื่องอะไร ทว่าเฟิงหานชวนกลับออกแรงดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมอกของเขา

  

ในขณะที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างทั้งร่างของเธอนอนคว่ำอยู่บนร่างของเฟิงหานชวน ทั้งสองคนแทบจะแนบชิดติดกัน

และทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็มองเห็นคางของเฟิงหานชวน เหนือคางเป็นจมูกที่โด่งเป็นสัน จากนั้นก็เป็นดวงตาลึกล้ำคู่นั้น

เมื่อเฉินฮวนฮวนกำลังจะลุกขึ้น มือทั้งสองข้างชายหนุ่มก็โอบรัดรอบเอวของเธอไว้แน่น หลังจากนั้นเธอก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้เลย

  

“คุณบอกว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ตื่นเช้าขนาดนี้มาทำอะไร? วันนี้มีธุระเหรอ?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และถามอย่างตั้งใจ

  

อันที่จริงเขาไม่ค่อยแน่ใจตารางงานของเฉินฮวนฮวน ดังนั้นเขาจึงอยากถามให้ชัดเจน

  

“เอ่อ…” เฉินฮวนฮวนนิ่งไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเธอก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวไปมาแล้วกล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ตื่นเช้า ฉันไม่มีนิสัยนอนขี้เกียจบนเตียง”

เดิมทีวันนี้เธอตั้งใจจะไปช้อปปิ้ง เพราะเธอต้องเตรียมเสื้อผ้า เธอไม่สามารถสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ของตัวเองไปฝึกอบรมได้อีก จะทำให้บริษัทและเกาเหวินขายหน้า

ทว่า เมื่อนึกถึงเสื้อผ้ามากมายที่เฟิงหานชวนให้เธอ เธอรู้สึกว่าแผนช้อปปิ้งนี้คงต้องยกเลิกเสียแล้ว

  

หลังจากนั้น ดูเหมือนว่าเธอไม่มีเรื่องอะไรต้องทำแล้ว เพราะเธอก็ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านชานมแล้ว

จู่ๆ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกไม่ค่อยชิน ชีวิตของเธอยุ่งอยู่กับงานมาโดยตลอด เธอแทบไม่มีเวลาพักเลยด้วยซ้ำ

  

“ในเมื่อไม่มีธุระ ก็นอนกับผมอีกสักหน่อย” เฟิงหานชวนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบา

เดิมทีเฉินฮวนฮวนตั้งใจจะตอบตกลง ทว่าเธอรู้สึกมาตลอดว่ามีบางอย่างแปลกๆ ในประโยคนี้ แต่เฟิงหานชวนก็พูดเป็นปกติ

  

น่าจะเป็นความหมายตามที่เขาพูดหรอกใช่ไหม?

“งั้นคุณปล่อยฉัน ฉันจะได้นอนหงาย ไม่อย่างนั้นฉันจะนอนยังไง” เฉินฮวนฮวนรีบเอ่ยบอก

  

“ฮวนฮวน วันนี้เป็นวันที่สองของการทดลองแต่งงานของเรา” เมื่อเฟิงหานชวนพูดประโยคนี้จบ เขาก็พลิกตัว แล้วจับเฉินฮวนฮวนกดให้อยู่ภายใต้ร่างของเขา

  

การเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เฉินฮวนฮวนไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ตรงหน้าเธอก็ปรากฏใบหน้าหล่อเหลาของเฟิงหานชวนแล้ว

“เป็น เป็นวันที่สอง มะ มีอะไรเหรอคะ?” เธอรู้สึกถึงแววตาที่แฝงไว้ด้วยความดุดันของเฟิงหานชวน เธอพูดติดอ่างขึ้นมาเล็กน้อย

*ใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้ หมายถึง ต้องอดทนรอคอย เพื่อที่จะทำบางสิ่งบางอย่างให้สำเร็จลงได้

หนึ่งนาทีต่อมา เฟิงหานชวนเดินไปที่ข้างเตียงของเฉินฮวนฮวน

จากนั้นเขาก็โยนยาขี้ผึ้งลงตรงหน้าเธอ

เฉินฮวนฮวนก้มศีรษะลงและมองอย่างตั้งใจ แต่เธอไม่รู้ว่าคำที่เขียนอยู่ในฉลากหมายความว่าอะไร

“นี่คือยาขี้ผึ้งที่จิ่นซิวให้ผม สำหรับทาภายนอก” เฟิงหานชวนมองลงมาที่เธอและพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา

เฉินฮวนฮวนเกาหัวของเธอด้วยความงุนงง ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนว่าเรื่องนี้มันร้ายแรง?

“ทาแล้วจะรักษาได้เหรอ?” เธอถามอย่างรวดเร็ว

ในเย็นวันนั้น ในห้องรับรองของบริษัท ตอนนั้นเธอใช้แรงมากไปจริงๆ ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกผิดเล็กน้อย

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เธอจะต้องรับผิดชอบ

แต่ถ้าเกิดขึ้นอีกครั้ง เธอก็จะยังคงทำเช่นนั้น ยังไงสถานการณ์ในตอนนั้น เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นสามีของเธอ

“ได้” เฟิงหานชวนซ่อนรอยยิ้มในดวงตาของเขาและกล่าวอย่างเคร่งขรึม: “ถึงแม้ว่าจะรุนแรง แต่ถ้าใช้ทุกวัน ก็จะหายภายในสองสามวัน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงหานชวน ทันใดนั้นเฉินฮวนฮวนก็รู้แจ้ง เงยหน้าขึ้นมองเขาและพยักหน้า: “ได้ก็ดี ได้ก็ดี ถ้ารักษาไม่ได้ ฉันซวยแน่”

เมื่อตอนที่เฟิงหานชวนไปเอายาในห้องน้ำ ทำเธอประหม่าไปหมด คิดว่ามันเรื่องร้ายแรงมากจริงๆ

“ถ้างั้นก็ช่วยผมทาดีๆ” เฟิงหานชวนยืนอยู่ท่าเดิมข้างๆเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนยังคงรู้สึกโล่งใจอยู่ในขณะนี้ เมื่อเธอได้สติ เธอก็ตระหนักสิ่งที่เฟิงหานชวนพูดนั้นไม่ถูก

ช่วยผมทาดีๆ?

เขาขอให้เธอช่วยทายา?

“ตอนที่คุณอยู่ในห้องน้ำ คุณยังไม่ได้ทาเองเหรอ?” ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

เรื่องแบบนี้จะให้เธอทำได้ยังไง?

น่า…น่าละอายเกินไป!

"เอื้อมไม่ถึง" ชายคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้านิ่ง: "คุณช่วยผม"

เฉินฮวนฮวน: "???"

นี่คือบังคับซึ่งๆหน้าเลยงั้นเหรอ?

“เปิดฝา” เฟิงหานชวนสั่งต่อไป

เฉินฮวนฮวนกัดฟัน เอื้อมมือไปหยิบยาขี้ผึ้งที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นทาลงมือของเฟิงหานชวน

“คุณไปทาเองในห้องน้ำ ฉันกลัวแสบตา” เฉินฮวนฮวนกัดฟันพูดและจ้องไปที่เฟิงหานชวน

เธอแค่ป้องกันตัว ไม่ได้เตะเขาโดยเจตนา ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงไม่มีสิทธิ์ขอให้เธอช่วย เธอเองก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเขา

“…” เฟิงหานชวนพบว่าใจของเฉินฮวนฮวนยังคงโหดร้ายมาก

จะทำให้เธอเชื่องดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก

เขาไม่พูดอะไรอีก หันกลับไป เดินไปปลายเตียง นอนตะแคง จากนั้นก็ห่มผ้านอนลงบนเตียง

“คุณไม่ไปทายาเหรอ?” เฉินฮวนฮวนหันศีรษะไปอีกฝั่งอีกครั้ง มองเฟิงหานชวนและถามด้วยความสงสัย

“ไม่ไปห้องน้ำ” เฟิงหานชวนพูดอย่างใจเย็น

“คุณ…เฟิงหานชวน ถ้าฉันไม่ทาให้ คุณก็จะไม่ทา? คุณตั้งใจแบบนี้ใช่ไหม? ถ้าคุณไม่ทาแล้วแผลอักเสบขึ้นมา ไม่เกี่ยวกับฉันนะ!” เฉินฮวนฮวนรู้สึกหดหู่อย่างมาก

เธอเคยคิดว่าเฟิงหานชวนนั้นไร้ความรู้สึก โหดร้าย และน่าขยะแขยงมาก่อน แต่ตอนนี้เธอพบว่าเฟิงหานชวนยังเป็นคนหน้าด้าน!

เฟิงหานชวนหันศีรษะมองเธอ ขดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วถามว่า: “ผมบอกไม่ทาเหรอ?”

“คุณเพิ่งบอกไง” เฉินฮวนฮวนมั่นใจมาก

“ผมบอกไม่ไปห้องน้ำ ไม่ได้บอกไม่ทา” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนยังคงนิ่ง

“ถ้าคุณไม่ไปห้องน้ำ คุณจะทายังไง…” เฉินฮวนฮวนยังพูดไม่จบ เธอก็หยุดพูด

จากนั้นดวงตาของเธอมองไปที่ใบหน้าของเฟิงหานชวนโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็หยุดนิ่งอยู่ที่ไหนสักแห่ง

หรือว่าเฟิงหานชวนหมายถึง จะทายาตรงนี้?

เมื่อตระหนักว่าในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็เข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง เฟิงหานชวนยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย หยิบยาขี้ผึ้งขึ้นและเปิดบางสิ่งออก

"กรี๊ด!!! อุจาดตา–"

เฉินฮวนฮวนกรี๊ดออกมา กระโดดลงจากเตียงและรีบไปที่ห้องน้ำ

เฟิงหานชวนที่อยู่ในห้องนอนก็เขินอายพูดไม่ออกทันที

สิบนาทีต่อมา

เฉินฮวนฮวนหลับตา เปิดประตูห้องน้ำ โผล่หัวออกมา แล้วถามเบาๆว่า: “เฟิงหานชวน คุณทาเสร็จหรือยัง?”

“ยัง” เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา

อันที่จริง ในขณะนี้ เขากำลังนอนพิงอ่านเอกสารในมืออย่างสบายๆบนเตียง

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยิน เธอก็รีบปิดประตูอีกครั้ง เธอนั่งอยู่ในห้องน้ำครู่หนึ่ง ประมาณสิบนาที

เธอโผล่หัวออกมาอีกครั้งและถามต่อไปว่า: “เฟิงหานชวน ทาเสร็จหรือยัง?”

“ยังเลย” เฟิงหานชวนมองเฉินฮวนฮวนในขณะที่เธอหลับตา ราวกับขโมย ท่าทางดูไม่สบายใจ

ผู้หญิงคนนี้ทำราวกับว่าเขาเป็นสิ่งชั่วร้าย ทำให้เขารู้สึกแม้แต่ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายก็ไม่มีแล้ว

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินสองคำนี้อีกครั้ง เธอก็ขมวดคิ้วทันที ตั้งนานแล้ว ทำไมเฟิงหานชวนยังทาไม่เสร็จอีก?

หรือว่า…เขาจะทาเองไม่ได้จริงๆ?

“คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า? นี่มันตั้งนานละนะ!” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากของเธอและถามออกไป

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว จะบอกผู้หญิงคนนี้ดีไหม?

ในขณะที่เฟิงหานชวนกำลังคิดที่จะเปิดปากบอกยังไงดี เฉินฮวนฮวนได้ลืมตาขึ้นเล็กน้อยแล้ว

จากนั้นเธอก็พบว่าเฟิงหานชวนนอนสบายๆ ไม่ได้มีท่าทางกำลังทายาเลย แสดงว่าเขาทาเสร็จนานแล้ว?

แต่เขาโกหกตัวเองว่ายังมาได้ทา!

“เฟิงหานชวน!” เฉินฮวนฮวนรีบวิ่งไปอย่างโกรธจัด ชี้ไปที่เขาแล้วถามว่า: “คุณบอกว่ายังทาไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ?”

เฟิงหานชวนปิดเอกสาร วางลงบนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นหยิบยาขี้ผึ้งที่โต๊ะข้างเตียงส่งให้เฉินฮวนฮวน

“ผมยังไม่ได้เปิด” น้ำเสียงเขาพูดอย่างไม่แยแส

อันที่จริง เขารู้สึกว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว ดังนั้นเรื่องที่น่าอึดอัดใจแบบนี้เขาไม่ทำหรอก ถ้าเขาต้องการจะทายาจริงๆ เขาคงไม่รอถึงตอนนี้

เฉินฮวนฮวนหยิบยาขี้ผึ้งขึ้นมา และพบว่าไม่มีวี่แววของการบีบยาเลย

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า เฟิงหานชวนไม่ได้ทายาขี้ผึ้ง

“ทำไมคุณไม่ทายา? คุณอยากให้มันอีกเสบเหรอ?” เฉินฮวนฮวนเริ่มวิตกกังวลโดยไม่รู้ตัว และพูดอย่างเคร่งขรึม: “คุณแค่ก้มลง บีบยาออกมาแล้วทาลงบนแผล! เรื่องง่ายๆแค่นี้ ทำไมถึงทำเองไม่ได้?”

“เฉินฮวนฮวน สิ่งที่คุณก่อไว้ แต่ให้ผมรับผิดชอบคนเดียว?” เฟิงหานชวนเงยหน้าขึ้นมองเธอและถามด้วยรอยยิ้ม

“ฉันไม่ได้ปล่อยให้คุณรับผิดชอบคนเดียว เรื่องนี้มันง่ายมากแต่คุณทำให้มันยุ่งยาก ฉันช่วยคุณเปิดฝาออกแล้ว คุณก็…”

ขณะที่เฉินฮวนฮวนพูดก็กำลังเปิดฝายาขี้ผึ้ง แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ จู่ๆข้อมือของเธอก็ถูกดึงออก แล้วเธอก็ถูกดึงไปข้างหน้า

โดยไม่ทันตั้งตัว เธอก็ล้มลงบนตักของเฟิงหานชวนอย่างกะทันหัน

“ฉัน….. ฉันไม่มีวันรังเกียจคุณ! คุณ…….คุณช่วยทำตัวปกติสักหน่อยได้ไหม!”

เฉินฮวนฮวนตกใจแทบหัวใจวายตาย เพราะเฟิงหานชวนยื่นหน้าเข้ามาในซอกคอของเธอแทบจะไม่ทันตั้งตัว

“ผมไม่เชื่อ คุณรังเกียจผม” เฟิงหานชวนกระตุกมุมปากเงียบ ๆ ริมฝีปากบางซุกไซ้ไปตามลำคอของเธอ จากนั้นก็เลื่อนขึ้นมาบนปลายคาง ก่อนจะยื่นหน้ามาตรงหน้าของเธอ

ปลายจมูกแตะปลายจมูก ริมฝีปากของทั้งคู่ห่างกันแค่ครึ่งเซนติเมตรเท่านั้น ดวงตาทั้งสี่ประสานกันและกัน บรรยากาศภายในห้องเหมือนจะเงียบสงัดลงทันตา

เฉินฮวนฮวนไม่กล้าจะหายใจ เธอรู้สึกสมองว่างเปล่า ลืมสิ้นแม้แต่จะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการนี้ อีกทั้งเฟิงหานชวนก็ไม่เคยทำเรื่องที่เกินเลยกับเธอด้วย

เพียงแต่ ริมฝีปากของผู้ชายขยับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากพูด

เธอไม่ได้รังเกียจเขาเพราะเขาเป็นลูกนอกสมรสจริง ๆ

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากไว้ แล้วส่ายหน้าเล็กน้อยอยู่ในขอบเขตที่จำกัด เพื่อแสดงคำตอบของตัวเอง

“ถ้าไม่ใช่เพราะรังเกียจ แล้วทำไมคุณถึงถามคำถามนี้กับผม หือ?” เฟิงหานชวนยังคงแสดงอากัปกิริยาเมื่อสักครู่ ด้วยการจูบคุกคามและเค้นถาม

ลมหายใจของเขาพ่นใส่แทบจะทั่วใบหน้าและในจมูกของเธอ อีกทั้งเธอยังได้กลิ่นมินต์จาง ๆ อีกด้วย ทำให้รู้สึกสบาย

เฟิงหานชวนเคยบอกว่าเขาเป็นโรคกลัวเชื้อโรค เฉินฮวนฮวนสัมผัสได้ เขาเป็นผู้ชายที่สะอาดมาก

เธออยากจะตอบกลับ แต่ก็ไม่กล้าพูด ยังคงเม้มปาก เลื่อนศีรษะออกไปด้านข้างเล็กน้อย ถ้าขยับแบบนี้ ริมฝีปากของเธอและริมฝีปากของเฟิงหานชวนก็ประกบกันแล้วนะสิ

“ฉัน…..ฉันแค่สงสัย ไม่ได้รังเกียจ ก็คุณบอกให้ทำความเข้าใจ ฉันก็เลยถามคำถาม” เฉินฮวนฮวนไม่กล้าอ้าปากมากนัก ได้แต่ขยับปากในพื้นที่ที่จำกัด พูดเสียงเบา ๆ

เธอจำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ ที่เธอถามเฟิงหานชวนไม่ใช่เพราะอยากถามอะไรนะ เพียงแค่สงสัยเฉย ๆ เท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาอื่นด้วย

“ในเมื่อคุณไม่ได้รังเกียจผม งั้นก็พิสูจน์ให้ผมดูสิ” เฟิงหานชวนอยากจะแกล้งสาวน้อยคนนี้ คงจะสนุกไม่น้อย

ดูท่าทางจะมีความสุขมากด้วย น่ารักเกินไปแล้ว

“พิ พิสูจน์?” เฉินฮวนฮวนแปลกใจ จึงถามอีกว่า : “พิสูจน์ยังไง?”

“จูบผม หรือไม่ก็ช่วยผมเรื่องหนึ่ง” เฟิงหานชวนพูดอย่างไม่อาย

เฉินฮวนฮวน : “………”

ความรู้สึกเมื่อสักครู่ที่เฟิงหานชวนพูดมากขนาดนั้น แถมยังใส่ร้ายเธอว่ารังเกียจเขาอีก เพียงเพื่อจะเล่นลูกไม้เจ้าเล่ห์นี้งั้นเหรอ?

“คุณถอยออกไปเลย!” เธอขมวดคิ้ว และพูดด้วยความไม่พอใจ

“ได้ คุณให้ถอยผมก็ถอย ผมจะถอย” เฟิงหานชวนปล่อยตัวเธอ ก่อนจะพลิกตัวนอนหงายอยู่ข้างกายของเธอต่อไป

เฉินฮวนฮวนหันไปมองเขา ไม่รู้ว่าทำไม เธอพบว่าใบหน้าของเฟิงหานชวนนั้นดูจะเต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ

หรือว่าเขาจะรู้สึกว่าเธอรังเกียจเขาจริง ๆ ?

“เฮ้ เฟิงหานชวน” เธอเรียกเขา และอธิบายอีกครั้งว่า : “ฉันไม่ได้รังเกียจคุณจริง ๆนะ คุณก็รู้จักแฟนคนเก่าของฉันเยี่ยจิ่งเฉินนี่ คุณเคยเจอเขาในร้านชานมแล้ว เขาเองก็เป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเยี่ยเหมือนกัน ถ้าฉันรังเกียจลูกนอกสมรสจริง ๆ เมื่อก่อนฉันก็คงจะไม่คบกับเขาหรอก และไม่มีทางมีรักครั้งแรกกับลูกนอกสมรสด้วย”

“ดังนั้น ฉันไม่ได้รังเกียจคุณจริง ๆ นะ และไม่ได้เลือกปฏิบัติกับคุณด้วย” เฉิวนฮวนฮวนอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง เธอกลัวว่าจะทำร้ายจิตใจของเฟิงหานชวนจริง ๆ

ถึงอย่างไร ถ้าเป็นคนที่จิตใจไม่เข้มแข็ง หรือเป็นเพราะฉายาอย่าง “ลูกนอกสมรส” แบบนี้ คงจะไร้เรี่ยวแรงไปเลย

“เฉินฮวนฮวน ผมรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม” สายตาของเฟิงหานชวนเหม่อมองไปบนเพดานห้อง แต่เขาพูดประโยคนี้กับเฉินฮวนฮวนที่อยู่ข้างกาย

เฉินฮวนฮวนเกิดความสงสัย จึงรีบถามว่า : “ทำไมจะไม่ยุติธรรมล่ะ?”

“คุณก็เคยมีแฟนมาก่อน เคยมีรักครั้งแรก แต่ประสบการณ์เรื่องความรักของผมนั้นว่างเปล่า คุณจะชดเชยให้ผมยังไง?” เฟิงหานชวนไม่ได้หันหน้าไป แต่กลับใช้สายตาเหล่มองไปยังเฉินฮวนฮวนที่อยู่ข้าง ๆ

“หา?” เฉินฮวนฮวนงุนงงทันใด ก่อนจะพูดอย่างหมดปัญญาว่า : “มีแบบนี้ด้วยเหรอ? ฉันเคยมีรักครั้งแรก คุณไม่เคยมีรักครั้งแรก ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยนี่? ทำไมฉันต้องชดเชยให้คุณด้วย?”

“เพราะคุณช่วงชิงรักแรกของผมไปนะสิ” เฟิงหานชวนลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นก็มองลงไปยังผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง

เฉินฮวนฮวนเองก็รีบลุกขึ้นมานั่งเช่นกัน จากนั้นก็สบตากับเฟิงหานชวน เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยความรู้สึกสับสน ก่อนจะพูดว่า : “ฉันไปแย่งชิงรักแรกของคุณยังไง? คุณจะเคยมีหรือไม่มีรักครั้งแรก เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?”

ตอนนี้เธอรู้สึกประหลาดใจจริง ๆ ผู้ชายแบบเฟิงหานชวน อายุมากขนาดนี้แล้วยังไม่เคยมีความรัก เธอเดาได้เลยว่าเฟิงหานชวนต้องมีอีคิวต่ำเกินไปแน่ ๆ

ไม่อย่างนั้น คนที่โดดเด่นแบบนี้อย่างเขา แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อน

“ตอนนี้เราอยู่ในช่วงอยู่ก่อนแต่ง ถ้าอยู่ก่อนแต่งสำเร็จแล้ว งั้นก็แสดงว่าเราเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ แล้วล่ะสิ?”

“ถ้าในกรณีที่เรากลายเป็นสามีภรรยากันจริง ๆแล้ว งั้นก็หมายความว่าต่อไปจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นแล้ว”

“ดังนั้น เฉินฮวนฮวน ถ้าอยู่ก่อนแต่งสำเร็จแล้ว คุณก็คือรักครั้งแรกของผม”

เฟิงหานชวนพูดแบบนี้ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและจริงจังมาก ทำให้เฉินฮวนฮวนที่อยู่ตรงหน้าตะลึงไม่น้อย

เมื่อเธอได้สติกลับมา ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าคำพูดนี้มันมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ก็พูดไม่ออกว่าไม่ชอบมาพากลตรงไหน

เห็น ๆ อยู่ว่าเฟิงหานชวนพูดสมเหตุสมผล แต่เธอดันรู้สึกไม่ชอบมาพากลตรงไหนก็ไม่รู้?

“งั้น งั้น งั้น ……. งั้น ………” เธอก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน

เธอพบว่า ตอนที่เฟิงหานชวนพูดนั้น บางอย่างในคำพูดนั้น เหมือนจะคลุมเครืออยู่เล็กน้อย

“ฮวนฮวน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นการอยู่ก่อนแต่ง แต่ในโหมดของสามีภรรยาก็เข้ากันได้ดี ดังนั้นระหว่างเราสองคนไม่ควรจะมีความลับใด ๆ ต่อกัน ใช่ไหม?” เฟิงหานชวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาฉับพลัน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าสมองของตัวเองนั้นไล่ตามไม่ทัน เธอรีบพยักหน้าโดยที่ยังไม่ทันได้คิด และตอบไปว่า : “อื้อ”

เธอเป็นคนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายและโปร่งใส เธอไม่มีความลับอะไรเลย ความลับเพียงเรื่องเดียวก็คือค่ำคืนที่น่าหวาดกลัวในบลูส์คลับคืนนั้น แต่เฟิงหานชวนก็รู้เรื่องนี้แล้ว

ดังนั้น ต่อหน้าเขา เธอก็ไม่มีความลับใด ๆ กับเขา

ตรงกันข้ามกลับเป็นเฟิงหานชวน เธอไม่เข้าใจเขา ไม่เข้าใจเลยสักนิด เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนดูยาก เดาไม่ออก

“ดี งั้นผมจะแชร์ความลับในวันนี้ ผมไปบำบัดรักษาด้านบุรุษเวช” เฟิงหานชวนมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง และพูดอย่างเคร่งขรึม

“บำบัด บำบัดรักษาด้านบุรุษเวช!?” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง จากนั้นก็โพล่งออกไปแทบจะทันใดว่า : “คุณใช้การไม่ได้จริงเหรอ?”

ตอนที่อธิบายอยู่หน้าประตูในตอนกลางคืน นายท่านบอกว่าเฟิงหานชวนใช้การไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงอ้างชื่อในนามของเฟิงเฉินเหยี่ยน แล้วก็ให้แต่งงานกับเฟิงหานชวน ผู้หญิงที่แต่งงานเข้ามาในบ้านจะได้ไม่ต้องรังเกียจที่เขาใช้การไม่ได้

ก่อนหน้านั้นฝั่งนั้นต่างก็เข้มงวดกับเฟิงหานชวนมาก ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นจนมาถึงช่วงสุดท้าย แต่เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกว่าเฟิงหานชวนนั้นปกติมาก

“ทุกอย่างเพราะคุณ” เฟิงหานชวนพูดทั้งสี่พยางค์ออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เฉินฮวนฮวนยิ่งสงสัยเข้าไปอีก จึงโต้แย้งกลับไปว่า : “คุณใช้การไม่ได้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?”

“ถ้าคุณไม่ใช้หัวเข่ากระแทกผม ผมต้องไปหาหมอไหมล่ะ?” เมื่อเฟิงหานชวนพูดประโยคนี้จบ ก็ลงจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำไป

หรงจิ่นซิวได้จัดยาทาแบบครีมให้เขา เขาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงสูท

แต่เฉินฮวนฮวนยังคงนั่งอยู่บนเตียง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความงุนงงและไม่รู้จะทำยังไง จนถึงขั้นกังวลใจด้วยซ้ำ

การกระแทกนั้น ทำร้ายเฟิงหานชวนจนบาดเจ็บเลยเหรอ?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนน่าจะชอบผู้หญิงคนนั้นมากแต่ไม่ได้ใช้เวลากับผู้หญิงคนนั้น

มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ชอบเฟิงหานชวน และเฟิงหานชวนเองก็จีบเธอไม่ติด

"ไอย่า!"

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนนึกไม่ออกและเธอก็รู้สึกปวดหัวไปหมด เธอเห็นเฟิงหานชวนเอามือแตะหน้าผาก

"ฉันพูดถึงอดีตที่น่าเศร้าของคุณ คุณจะแก้แค้นฉันคืนไหม?"เฉินฮวนฮวนใช้มือลูบหน้าผาก

"เฉินฮวนฮวน ผมชื่นชมจินตนาการของคุณนะ"น้ำเสียงของเฟิงหานชวนรู้สึกได้ถึงความหมดหนทางอธิบาย

อันที่จริงเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่อีกฝ่ายคือเฉินฮวนฮวน ยังไงเขาก็ต้องอธิบายให้เธอฟังให้ชัดเจน

"เอ่อ….."เฉินฮวนฮวนพูดไม่ออก

เธอรู้สึกว่าตัวเองแทงเข้าที่หัวใจของเฟิงหานชวนและนั่นคือเหตุผลที่เขาเอามือแตะหน้าผาก

เฟิงหานชวนถอนหายใจ ดวงตาสีดำของเขาเขาจ้องมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ภายใต้ร่างของเขา เขาเอ่ยอย่างเฉื่อยชาว่า: "อาหาน คือชื่อที่แม่เรียกผม"

"แม่ของคุณ?"ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างขึ้นในทันที ราวกับว่าจิตใจของเธอไม่สามารถหันหลังกลับไปอีกได้แล้ว

ไม่ใช่ป็อปปี้เลิฟ ไม่ใช่รักแรก ไม่ใช่แฟนเก่า แต่เป็นแม่ของเฟิงหานชวน?

นี่…..เธอกำลังเข้าใจผิดครั้งแล้วครั้งเล่า!

ในใจของเฉินฮวนฮวนแอบตัดสินใจไปก่อน ก่อนที่เธอจะรู้และเข้าใจความจริง เธอไม่พูดและไม่ถามอะไรเลย

หรือถ้าเธอพูดอะไรผิดไป มันจะน่าอายสำหรับเธอ

"อืม"เฟิงหานชวนตอบกลับแล้วพลิกตัวนอนข้างๆเฉินฮวนฮวนเหมือนเดิม

ตอนนี้ทั้งสองนอนเคียงข้างกันโดยหน้ามองขึ้นไปบนเพดาน

"อื้ม อะ โอเค"เฉินฮวนฮวนตอบกลับแบบตะกุกตะกัก

ตอนนี้เธอรู้สึกอายมากจริงๆ เธอเหมือนคนที่เห็นแก่ตัวเลย

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ได้พูดอะไร เฉินฮวนฮวนก็เม้มปากและอธิบายด้วยเสียงเบาๆว่า: "ที่ฉันเพิ่งพูดไปไม่ได้หมายความอย่างอื่นเลย ฉันคิดอย่างนั้นเลยพูดแบบนั้นออกไป เพราะฉันไม่รู้เรื่องของคุณ ดังนั้น…เพราะฉะนั้นอย่าถือสา…"

"คุณพูดว่าคุณไม่รู้เรื่องของผมเหรอ?"เฟิงหานชวนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เขาหันกลับมาอีกครั้งและนอนตะแคงหันหน้าไปทางเธอ

เฉินฮวนฮวนชำเลืองมองเขา ในใจของเธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนไปมองที่โคมไฟคริสตัลบนเพดาน เพื่อหลีกเลี่ยงการจ้องมองกับผู้ชายตรงหน้าของเธอ

เพราะว่าเธอรู้สึกอับอายเกินไป จึงไม่กล้ามองตรงๆไปที่เฟิงหานชวน

"อืม คุณอย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลย ผู้หญิงที่เป็นรักแรกอะไรนั่น ฉันก็พูดไปเรื่อย"เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากของเธอ

"ฮวนฮวน สิ่งที่คุณต้องการจะสื่อจริงๆ คือคุณต้องการที่จะเข้าใจและรับรู้เรื่องราวของผมใช่ไหม?"เฟิงหานชวนเม้มริมฝีปากของเขา เขายื่นมือออกมาและลูบผมที่ระอยู่ระหว่างหน้าผากของเธอเบาๆ

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินดังนั้นร่างกายและสีหน้าของเธอก็แข็งทื่อทันที

เขา เขา เขา….เฟิงหานชวนเขากำลังพูดถึงอะไร?

"ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องของคุณสักหน่อย!"เธอรีบแย้งกลับไปทันที

เฟิงหานชวนพูดอย่างกับว่าเธอชอบเขามาก จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเพียงแค่คู่ทดลองแต่งงานเท่านั้น

และก่อนที่ความจริงจะถูกเปิดเผย เธอเองก็เกลียดเฟิงหานชวนมากๆอยู่แล้ว เพราะตอนนั้นเธอคิดว่าเขาเป็นคนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี!

เธออยากจะไปรู้เรื่องของเขาได้อย่างไร?

"คำว่าทดลองการแต่งงาน มันก็คือการทดลองการแต่งงานจริงๆ ก็คือต้องเข้าใจและรู้เรื่องของอีกฝ่าย คุณอยากรู้เรื่องของผมมันก็เป็นเรื่องปกติ"เฟิงหานชวนพยายามระงับรอยยิ้มของเขาและพยายามพูดอย่างเคร่งขรึม

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเธอยากที่จะกำจัดความสัมพันธ์และหลีกเลี่ยงข้อสงสัยทั้งหมด

"ใช่ๆๆ คุณพูดอย่างไรก็อย่างนั้นแหละ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว"เฉินฮวนฮวนก่ายหน้าผาก เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกทำตัวไม่ถูก

"ไม่มีอะไรจะพูดก็แปลว่าอยากรู้ คุณอย่างรู้เรื่องอะไรก่อน คืนนี้ยังอีกยาว พวกเราค่อยๆคุยกันก็ได้…"เสียงทุ้มๆของเฟิงหานชวนมันดูคลุมเครือมากขึ้นเรื่อย ๆ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของเฟิงหานชวน เธอมองเขาอย่างระมัดระวังและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า: "ไม่เป็นไรที่จะพูดคุย แต่ก็แค่คุยกันนะ"

"แน่นอนว่าพูดคุยก็คือพูดคุย หรือว่าคุณคิดว่ามันเป็นการพูดคุยประเภทไหนกัน?"เฟิงหานชวนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องคิดอะไรลึกซึ้งแน่ แต่การจินตนาการของเธอก็ดูน่ารักดี

"เอ่อ….."เฉินฮวนฮวนหมดคำจะพูด ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอเป็นคนที่มีจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์เลย

อย่างไรก็ตามเธอก็ยังคงหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง: "ฉันจะไม่กลัวเลย ถ้าคุณไม่เคยทำแย่มาก่อน"

เฉินฮวนฮวนร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ดีของเฟิงหานชวนก่อนหน้านี้

"หลังจากนี้จะไม่ทำอีกแล้ว"เมื่อเฟิงหานชวนนึกถึงเรื่องที่เขาไม่ดีทำต่อเฉินฮวนฮวนก่อนหน้านี้ น้ำเสียงของเขาก็อ่อนลงมากกว่าเดิมทันที

"โอเคๆ ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้อีกแล้วเพราะมันน่าอาย

แม้ว่าทั้งสองจะเคยเห็นร่างกายของกันและกันทั้งหมดแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากนึกถึงความทรงจำที่สุดจะทนนั่น

มันน่าละอาย!

"เอาล่ะ เลิกสนใจเรื่องนี้ได้แล้ว"เฟิงหานชวนอยากจะยิ้ม แต่เขาก็ยังคงกลั้นไว้

ถ้าอยากจะเปลี่ยนเรื่องพูดก็เปลี่ยนสิ ทำไมยังพูดออกมาอยู่อีก ซื่อบื้อจริงๆ

"ความจริงฉันมีเรื่องจะถามคุณ"เฉินฮวนฮวนไม่รู้สึกเกรงใจและกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า: "พี่ชายคนโตและพี่รองของคุณแก่กว่าคุณหลายปี และอาเหยี่ยนก็เป็นหลานชายคนโตของคุณ ซึ่งเขามีอายุน้อยกว่าคุณเพียงแค่สี่หรือห้าปี คุณ…"

เธอรู้สึกนายท่านเฟิงดูๆแล้วน่าจะเจ้าชู้มาก เขาอายุเจ็ดสิบปีแล้ว แต่ก็ยังพานางแบบที่อ่อนกว่าในวัยยี่สิบต้นๆกลับมาด้วย และเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาไม่เคยขาดเลย

ยิ่งกว่านั้นเฟิงเจิ้งหมิงลูกคนโตของตระกูลเฟิงที่เธอเคยพบไปแล้ว เขาเป็นพ่อของเฟิงเฉินเหยี่ยนและเธอรู้สึกว่าเฟิงเจิ้งหมิงและเฟิงหานชวนไม่ค่อยเหมือนกันสักเท่าไหร่

อันที่จริง เธอมีข้อสงสัยนี้มาตลอด แต่เธอไม่เคยถามเรื่องนี้เลย

"ใช่"

ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะพูดจบเฟิงหานชวนก็ชิงตอบเธอเสียก่อน

"ฉัน……ฉันยังถามไม่จบ "เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย

"ผมรู้ว่าคุณอยากถามอะไร คุณอยากถามว่าผมเป็นลูกนอกสมรสหรือเปล่าใช่ไหม ใช่ผมเป็น"เฟิงหานชวนตอบอย่างตรงไปตรงมา

เพียงแต่ว่าพ่อเคยสั่งไว้นานมาแล้วว่าใครก็ตามที่กล้าพูดถึงเรื่องนี้ ใครคนนั้นก็จะโดนปิดปาก

ดังนั้นเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เฉินฮวนฮวนจะไม่รู้

"ห้ะ?"เฉินฮวนฮวนอ้าปากค้างแล้วตัวแข็งทื่อทันที

เธอเดาเรื่องนี้ไม่ผิด? เฟิงหานชวนเป็น…

"คุณภรรยา คุณจะรังเกียจผมไหม?"เฟิงหานชวนจงใจเลื่อนหน้าไปที่ด้านข้างของใบหน้าของเฉินฮวนฮวน ริมฝีปากของเขาเกือบจะแตะไปที่ใบหูของเธอ

หลังจากที่เขาถามคำเหล่านี้อย่างแผ่วเบา ลมหายใจร้อนๆก็พัดผ่านเข้าที่ใบหูของเธอ เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวของเธอเริ่มสั่น

ลมหายใจของเขานั้นใกล้มาก และเขาก็หายใจออกอีกครั้ง ลมหายใจของเขาเป่าไปที่ลำคอของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนหดศีรษะลงไปโดยไม่รู้ตัว เธอตั้งใจจะตอบเขาทันที แต่การกระทำของเฟิงหานชวนทำให้เธอลืมคำตอบที่จะตอบไปเลย ตอนนี้เธอทำได้แต่ก้มหน้าลงเท่านั้น

"ถ้าคุณไม่ตอบ แสดงว่าคุณรังเกียจที่ผมเป็นลูกนอกสมรส?"เฟิงหานชวนเข้าใกล้เธอมากขึ้น เขาแทบรอไม่ไหวที่จะใช้ริมฝีปากบางของเขาประทับลงไปที่คอขาวๆของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนรีบยื่นมือออกไปผลักเขา แต่เฟิงหานชวนก็คว้าข้อมือของเธอไว้เสียก่อน

“เหมือนว่าจะนานมากแล้ว ที่ไม่มีใครเรียกผมแบบนี้”

น้ำเสียงของเฟิงหานชวนค่อนข้างเรียบเฉย ออกจะเย็นชาและสงบนิ่งอยู่บ้าง ดูเหมือนยังแฝงไว้ด้วยร่องรอยของความโศกเศร้า

ตอนนี้ในใจของเฉินฮวนฮวนยิ่งมั่นใจ ผู้หญิงคนที่เรียกเฟิงหานชวนว่า “อาหาน” คือคนที่สำคัญที่สุดในส่วนลึกของหัวใจของเฟิงหานชวน

ทว่า เฟิงหานชวนบอกว่าไม่มีใครเรียกเขาเช่นนี้มานานมากแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไปจากเขาแล้วเหรอ?

วิเคราะห์ดูแล้ว ความรู้สึกเหมือนกับเรื่องราวความรักครั้งแรกที่จบลงด้วยความโศกเศร้า

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นคุณเก็บชื่อนี้ไว้ในความทรงจำ ให้มันเป็นความทรงจำดีๆ เถอะ” น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อสักครู่นี้แล้ว

สามีตามกฎหมายของตัวเองที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เสนอให้เธอทดลองแต่งงานกับเขา ทว่าความจริงเขายังมีรักแรกที่ลืมไม่ลงอยู่ในใจ อันที่จริง ความรู้สึกเช่นนี้สำหรับผู้หญิงแล้ว คงไม่สบายใจนักหรอก

เธอพลิกตัวนอนตะแคง หันหน้าไปทางตู้เสื้อผ้า และหันหลังให้เฟิงหานชวน ก่อนจะถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ฉันหลับก่อนนะคะ เรื่องชื่อเรียกพรุ่งนี้ฉันค่อยคิดใหม่แล้วกัน”

ความคิดของเฟิงหานชวนยังหยุดค้างอยู่ในความทรงจำในอดีต เวลานี้เขากลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง พบว่าน้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนผิดปกติไปเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้เธอยังเขินอายและจริงจังอยู่เลย แล้วทำไมจู่ๆ เหมือนไม่อยากสนใจเขาแล้ว?

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนหลับตาลง ความอุ่นร้อนแผ่กระจายมายังเอวของเธอ เมื่อเธอก้มลงมอง นึกไม่ถึงว่ามือของเฟิงหานชวนพาดอยู่บนเอวของเธอ

“คุณทำอะไร!” เธอรีบคว้ามือของเขาไว้ แล้วจับมือของเขาโยนไปด้านหลัง

น้ำเสียงของเธอยังเจือความกรุ่นโกรธนิดๆ เฟิงหานชวนฟังน้ำเสียงของเธอออก

เขาขยับตัวเคลื่อนเข้ามาใกล้เธอ อกแกร่งของเขาแนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ แขนของเขายื่นไปข้างหน้าแล้วโอบกอดเธอไว้แน่น

จู่ๆ เฟิงหานชวนขยับเข้ามาแนบชิดเธอเช่นนี้ ทำให้เฉินฮวนฮวนโมโหอย่างมาก เธออยากจะขัดขืน ทว่าอิริยาบถนี้ทำให้เธอไม่อาจขัดขืนเขาได้

“ไม่ใช่ว่าตกลงกันแล้วเหรอ? คุณ…ทำไมคุณถึงทำแบบนี้” ตอนนี้เฉินฮวนฮวนไม่ได้เขินอาย ทว่าเธอกำลังโมโห

“คุณภรรยา เมื่อกี้คุณโกรธใช่ไหม?” เฟิงหานชวนกลับไม่กลัวเธอเลยสักนิด เขายังกอดเธอเอาไว้แน่น

ยิ่งไปกว่านั้น น้ำเสียงของเขายังกรุ้มกริ่มอย่างมาก

ในเวลานี้ เฉินฮวนฮวนตกอยู่ในอุ้งมือเขา เธอเป็นลูกกระต่ายในกับดักที่เขาวางไว้

ทว่า ถ้าอยากให้ลูกกระต่ายเชื่อฟังก็ต้องง้อเธอเสียก่อน

“ฉันโกรธเหรอ? ฉันโกรธอะไร! คุณรีบปล่อยฉันเลยนะ!” เฉินฮวนฮวนรู้ว่าตอนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดี แถมเฟิงหานชวนยังรบเร้าเธอ ทำให้เธอยิ่งอารมณ์ไม่ดีขึ้นไปอีก

“ผมปล่อยคุณก็ได้ แต่คุณต้องตอบคำถามผมตามความจริง” เฟิงหานชวนกล่าวช้าลง น้ำเสียงฟังดูอ่อนโยนอย่างมาก

“คำถามอะไร? คุณรีบพูดมา!” ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเกร็งไปทั้งตัว กลัวว่าเฟิงหานชวนจะทำอะไรไปอีกขั้น

“ชื่ออาหาน คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?” เฟิงหานชวนเพิ่งรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่ชัดเจนของเฉินฮวนฮวน

ดังนั้น เธอต้องคิดอะไรบางอย่าง หรือเข้าใจอะไรผิดอย่างแน่นอน

“ฉันไม่ได้เข้าใจอะไรผิด อาหานคงเป็นชื่อที่แฟนคนแรกของคุณเรียก?” น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนหนักแน่นมาก

เธอรู้สึกว่าตัวเองเดาไม่ผิดอย่างแน่นอน เพราะว่าการแสดงออกของเฟิงหานชวน และปฏิกิริยาเช่นนั้นของเขา คงเป็นเพราะแฟนสาวคนแรกของเขาอย่างแน่นอน

“พรืด” เสียงหัวเราะดังมาจากข้างหลัง

และตามมาด้วยเสียงกลั้นหัวเราะ ร่างของชายหนุ่มข้างหลังยังคงสั่นเล็กน้อย ราวกับมีเรื่องน่าขำขันบางอย่างเกิดขึ้น

เฉินฮวนฮวนอยากหันไปดูเสียหน่อย สุดท้ายเรื่องน่าอายได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อเธอหันไป ปลายจมูกของเธอเฉียดกับริมฝีปากบางสุดเซ็กซี่ของเฟิงหานชวนพอดี

เธอรีบหันหน้ากลับไปทันที

“แฟนคนแรก?” เฟิงหานชวนรู้สึกว่ามันช่างน่าขำเสียจริง เขากลั้นยิ้ม และพยายามรักษาน้ำเสียงให้จริงจัง ก่อนจะถามว่า “ดังนั้น คุณคิดว่าชื่อเรียกนี้ คือชื่อเรียกระหว่างผมกับแฟนคนแรก?”

เฉินฮวนฮวนไม่ตอบ เธอขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเขา เธอจึงหันหลังให้เขา

เมื่อเห็นว่าเธอไม่สนใจตัวเอง เฟิงหานชวนกัดฟันกรอด เขาสวมบทคนใจร้าย กดเฉินฮวนฮวนให้อยู่ภายใต้ร่างของเขา

“คุณ…”

เมื่อเฉินฮวนฮวนยังไม่ทันได้มีท่าทีตอบสนองอะไร ไหล่ของเธอถูกตรึงเอาไว้ หลังจากเธอได้ถูกคร่อมทับร่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตรงหน้าเธอก็ปรากฏเงามืดเงาหนึ่งขึ้นมา

เมื่อสติกลับอีกครั้ง พบว่าใบหน้าของเฟิงหานชวนปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ อิริยาบถนี้…

“เพี๊ยะ!”

เฉินฮวนฮวนยกมือขึ้นตบบนตำแหน่งที่เธอเคยตบวันนี้ตอนเย็นอีกครั้ง…บนใบหน้าของเฟิงหานชวน

วินาทีต่อมา มือทั้งสองของเธอถูกตรึงไว้บนหมอน เธอไม่อาจตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย

“คุณปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน! เฟิงหานชวน คุณจะผิดคำพูดไม่ได้นะ!” เฉินฮวนฮวนจ้องเขา และตะโกนด้วยความโมโห

ทว่าเธอไม่กล้าตะโกนดังเกินไป กลัวว่าจะเรียกความสนใจของคนในบ้านตระกูลเฟิง ตอนนั้นกลับจะยิ่งน่าอายเสียด้วยซ้ำไป

“คุณฟังผมอธิบายนะ เพราะฉะนั้น คุณใจเย็นก่อน” เฟิงหานชวนไม่รู้สึกขุ่นเคืองใดๆ และไม่โมโหกับการต่อต้านของเฉินฮวนฮวน ตรงกันข้าม ตอนนี้เขากลับอารมณ์ดีเสียด้วยซ้ำ

เฉินฮวนฮวนกำลังสนใจ “แฟนสาวคนแรก” ของเขา ยืนยันได้แล้วว่า จริงๆ แล้วเฉินฮวนฮวนก็กำลังสนใจเขาใช่ไหม?

อย่างน้อยกำไรของเขาในคืนนี้ก็คือ ในใจลึกๆ ของเฉินฮวนฮวนกำลังสนใจเขา นั่นก็เพียงพอแล้ว

อย่างไรเสีย นี่เป็นเพียงคืนแรกของการยอมรับสถานะ ไม่สามารถข้ามขั้นเร็วเกินไป เขาก็ใจร้อนเกินไปไม่ได้

“โอเค ใจเย็น ฉันใจเย็นคุณจะปล่อยฉันใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนพยายามระงับความกรุ่นโกรธของตัวเอง ใบหน้าของเธอดูแย่มาก

สำหรับเธอแล้ว แฟนสาวคนแรกอะไรนั่น ไม่ใช่สิ่งที่เธอกำลังสนใจเลย สิ่งที่เธอสนใจที่สุดคือเฟิงหานชวนไม่ทำตามสัญญา!

เธอบอกชัดเจนแล้วว่าต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกัน ทว่าเขายัง…

“ผมไม่มีแฟนคนแรก” เฟิงหานชวนขัดจังหวะเธอ เสียงทุ้มต่ำของเขาแสดงการยืนยัน

เหมือนว่าเสียงเช่นนั้น เมื่อได้ฟังก็ไม่คิดว่าเขากำลังโกหก

“ไม่มีแฟนคนแรก?” ประโยคนี้ของเฟิงหานชวน ทำลายสิ่งที่เฉินฮวนฮวนเข้าใจเมื่อสักครู่

ก่อนหน้านี้เฟิงหานชวนเคยปฏิเสธว่าเขาไม่มีแฟนเก่าอยู่มหาวิทยาลัยA อย่างที่เธอเข้าใจ แถมเมื่อสักครู่เขาก็บอกว่าไม่มีแฟนคนแรก…

ตามที่เขาบอก ความหมายของเฟิงหานชวนคือ เขาไม่เคยมีความรัก?

“มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า” เฉินฮวนฮวนโพล่งออกมา นี่เป็นปฏิกิริยาแรกในความคิดของเธอ

เฟิงหานชวนอายุตั้ง 29 ปีแล้ว ผู้ชายที่อายุเกือบ 30 ปี เขาอายุมากขนาดนี้แล้ว แต่ไม่เคยมีแฟน จะเชื่อได้เหรอ?

แน่นอนว่าเชื่อไม่ได้!

“ไม่ผิดพลาด” เฟิงหานชวนเห็นความสงสัยของเฉินฮวนฮวน เขากล่าวต่ออย่างหนักแน่น “ความจริงผมไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ชื่อเรียกนั้นไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”

สมองของเฉินฮวนฮวนมึนงงเล็กน้อย

ในเมื่อเฟิงหานชวนปฏิเสธว่าเขาเคยมีความรัก ยืนยันได้แล้วว่า ชื่อเรียกนี้เป็นชื่อที่ผู้หญิงที่เขาแอบชอบตั้งให้เขาใช่ไหม?

ดูเหมือนว่า มีเพียงความเป็นไปได้นี้เท่านั้น

ผู้หญิงที่แอบรัก แฟนคนแรก แฟนเก่า ถ้าสองข้อหลังถูกตัดออกไป ถ้าอย่างนั้นก็เหลือเพียงคำตอบเดียวแล้วไม่ใช่เหรอ?

“ฉันเข้าใจแล้ว” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า และถามว่า “คุณจีบเธอไม่ติดใช่ไหม”

"เฟิงหานชวน ฉันหนาว"

เธอรู้ว่าตัวเองเพิ่งจะเข้าใจผิดไป ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าพูดอีกว่าเฟิงหานชวนมีแผนอื่น จึงพูดได้แค่ว่าเธอหนาวและต้องการห่มผ้าห่ม

น้ำเสียงที่อ่อนลงเนื่องจากความตึงเครียดทำให้เฟิงหานชวนควบคุมตัวเองได้ยากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความไว้วางใจที่เขาสร้างขึ้นมาให้กับเฉินฮวนฮวน เขาไม่สามารถทำลายด้วยมือของเขาเองได้ ดังนั้นเขาจึงต้องอดทนต่อแรงกระตุ้นและห่มผ้าห่มให้เธอ

เมื่อเฟิงหานชวนก้มลงไปเพื่อช่วยคลุมผ้าห่มให้เธอ เขาเลื่อนใบหน้าของเขามาตรงหน้าของเธอ เสียงทุ้มๆแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง: "วางใจได้ เราแค่นอนบนเตียงเดียวกัน ผมไม่ได้มีแผนอย่างอื่นหรอก"

"อื้มๆ"เฉินฮวนฮวนตอบเสียงเบาและพยักหน้าเล็กน้อย แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในเวลานี้เฟิงหานชวนช่างดูอ่อนโยน อบอุ่นมาก และดูแลดีมาก นอกจากนี้เขาห่มผ้าห่มให้เธอโดยปราศจากความรู้สึกที่อยากจะล่วงเกินเหมือนแต่ก่อน

เมื่อมองไปยังท่าทางที่เหมือนนกตัวน้อยๆของเฉินฮวนฮวนแล้ว ในใจของเฟิงหานชวนก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม การเสียสละที่เขาทำเริ่มมีผลแล้ว

เขายื่นมือออกไปลูบหน้าผากของเธอสองครั้งแล้วพูดดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆว่า: "ราตรีสวัสดิ์"

"ราตรีสวัสดิ์"เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากอย่างเขินอาย หัวใจของหญิงสาวดูเหมือนจะเริ่มเต้นแรงขึ้น

เฟิงหานชวนปล่อยเธอและนอนลงข้างๆ จู่ๆก็ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างออก จากนั้นเขาก็หันกลับมาทางเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนที่กำลังนอนอยู่ เธอหันหน้าไปบนเพดาน เธอตระหนักถึงการกระทำของเฟิงหานชวน เธอจึงตัดสินใจหันหน้าไปทางเขาและเธอก็ได้เห็นเฟิงหานชวนที่นอนอยู่ข้างๆกำลังมองมาที่เธออยู่

"ทะ ทำไมเหรอ?"เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเลยพูดติดอ่าง

ไม่ได้บอกว่าราตรีสวัสดิ์ไปแล้วเหรอ? ทำไมเฟิงหานชวนยังคงมองเธออยู่?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหม่าจริงๆ นับได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอนอนกับผู้ชายบนเตียงเดียวกัน?

ไม่สิ เธอปฏิเสธความคิดนี้ทันที

เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนนี้เธอเคยนอนเตียงเดียวกันกับเฟิงหานชวนไปแล้ว แต่เฟิงหานชวนแกล้งทำเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่ตอนนั้นในห้องไม่ได้เปิดไฟ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกประหม่าเหมือนในตอนนี้

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอนอนบนเตียงร่วมกับผู้ชายอย่างอย่างถูกต้องและเหมาะสม

"ฮวนฮวน แม้ว่าเราจะเป็นคู่ทดลองแต่งงานกัน แต่อย่างไรก็เป็นความสัมพันธ์แบบสามีและภรรยา คุณเรียกชื่อผมตลอด คิดว่ามันเหมาะแล้วเหรอ?"เฟิงหานชวนถามอย่างโน้มน้าวใจเพื่อให้เฉินฮวนฮวนเอาเรื่องนี้ไปคิดเอง

เฉินฮวนฮวนตกตะลึง เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนนั้นพูดถูก แต่เธอ…

"ฉันไม่รู้ว่าจะเรียกคุณว่าอะไรดี"เธอตอบตามความจริง

"คุณสามารถเอาไปคิดๆดูก็ได้ ใช้ชื่อที่มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้นเรียกเท่านั้น"เฟิงหานชวนยิ้มเล็กน้อยที่มุมริมฝีปาก เขาจ้องไปที่ดวงตาของเฉินฮวนฮวนและเอ่ยเบา ๆ

เฉินฮวนฮวนเกาหัว สิ่งนี้ทำให้เธอตกตะลึงจริงๆ สิ่งที่เฟิงหานชวนต้องการจะสื่อคือให้เธอช่วยเขาคิดชื่อเรียกกันและกันใช่ไหม?

เธอไม่เคยใช้มันมาก่อน และเธอเองก็ไม่มีประสบการณ์ด้วย เมื่อก่อนตอนที่เธอคบกับเยี่ยจิ่งเฉิน เธอก็แค่เรียกชื่อของเยี่ยจิ่งเฉินหรืออาเฉินเท่านั้น

"อาชวน?"เฉินฮวนฮวนโพล่งออกมา แต่หลังจากที่เธอพูดจบ เธอรู้สึกว่าชื่อนี้ฟังดูแปลกๆอยู่หน่อย

พูดตรงๆ มันดูฟังเรียกยาก

แน่นอนว่าสีหน้าของเฟิงหานชวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นดูเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบชื่อนี้

"ฉันขอคิดใหม่แล้วกัน"เฉินฮวนฮวนรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว

"คนอื่นเรียกผมว่า เฮียสาม คุณชายสาม หานชวน พี่สาม อาสาม…."เฟิงหานชวนพูดอย่างตั้งใจพูดอย่างละเอียด แล้วสุดท้ายก็พูดว่า: "สำหรับคุณ มันจะต้องแตกต่างออกไป"

เฉินฮวนฮวนเกือบจะพูดคำว่า "สามี" ไปแล้ว แต่คำพูดของเฟิงหานชวนเมื่อสักครู่ ดูเหมือนว่าไม่ต้องการให้เธอเรียกเขาว่าสามีอะไรทำนองนั้น

เขาน่าจะต้องการคำที่ใหม่ๆไม่เหมือนใคร

"ฉันจะคิดเกี่ยวกับมัน"เฉินฮวนฮวนใช้ความคิดและขมวดคิ้ว

อย่างไรก็ตาม สีหน้าครุ่นคิดของเธอทั้งหมดอยู่ในสายตาของเฟิงหานชวน ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกมีความสุข

เพราะสิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเฉินฮวนฮวนจริงจังกับเรื่องนี้มาก และยังพิสูจน์ได้อีกว่าเธอเห็นคุณค่าของเขา

"เฟิงหานชวน คุณ…คุณช่วยแนะนำฉันหน่อยได้ไหม?"เฉินฮวนฮวนคิดไม่ออกเลยพูดตามความจริง: "ฉันไม่มีประสบการณ์เรื่องชื่อเล่นจริงๆ อื้ม…"

เธอยังพูดไม่จบแต่ริมฝีปากของเธอก็ดันถูกกดด้วยนิ้วยาวๆของเขาเสียก่อน ทำให้เธอไม่สามารถพูดต่อได้อีก หลังจากนั้นเธอจึงมองไปยังผู้ชายตรงหน้าของเธอด้วยสายตาที่งุนงง

"ค่อยๆคิด ไม่ต้องรีบ"เฟิงหานชวนพูดอย่างใจเย็น: "ไม่ต้องนึกถึงอดีต เรียกว่าสามีไปก่อนก็ได้"

เฉินฮวนฮวน: "???"

*****

ทันใดนั้น ก็มีแสงสีขาวแวบเข้ามาในความคิดของเธอ จู่ๆความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวของเอ เธอรีบดึงมือของเฟิงหานชวนออกไปทันทีและถามว่า: "อาหาน ชื่อนี้เป็นอย่างไร?"

ในชื่อเฟิงหานชวนที่คนอื่นเรียกเขา ดูเหมือนว่าไม่มีชื่อดังกล่าว และ "อาหาน" ก็ฟังดูดีทีเดียว

สีหน้าของเฟิงหานชวนดูชะงักไปในทันที

เนื่องจากสายตาของเฉินฮวนฮวนที่จ้องมองไปที่ท่าทางของเฟิงหานชวน เธอจึงสังเกตเห็นสิ่งที่ผิดปกติของเฟิงหานชวน

ชื่อนี้ไม่เป็นไรใช่ไหม? หรือว่าชื่อนี้จะมีความหมายพิเศษกับเฟิงหานชวน หรือเป็นชื่อที่ไม่สามารถบอกใครได้?

อาหานไม่ใช่ชื่อที่เฟิงหานชวนเพิ่งจะพูดออกมาอย่างนั้นเหรอ แต่ทำไมเฟิงหานชวนถึงมีการแสดงออกเช่นนี้

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าจะถามเพิ่มดีไหม อย่างไรก็ตามเธอไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของเฟิงหานชวน แม้ว่าเธอจะมีทะเบียนสมรส แต่ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างทั้งสองก็เป็นเพียงแค่การทดลองแต่งงานเท่านั้น

ถ้าการทดลองแต่งงานมันไม่โอเค ก็ต้องไปที่สำนักทะเบียนเพื่อหย่า

"งั้นเปลี่ยนเถอะ ฉันจะคิดใหม่"เฉินฮวนฮวนหลับตาลง ใจเธอลอยเล็กน้อย

เฟิงหานชวนรับรู้ได้ว่าเฉินฮวนฮวนใจลอย เขารู้สึกได้ว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะชอบชื่อนั้นมาก

เขาต่อสู้กับความคิดในหัวของเขา จากนั้นในที่สุดเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และใบหน้าของเขากลับมาสงบอีกครั้ง: "งั้นก็อาหาน ชื่อนี้ดีแล้ว"

เฉินฮวนฮวนได้ยินว่าเสียงที่เฉยของเฟิงหานชวน มันไม่ใช่ความเฉยที่สงบนิ่ง แต่กลับเป็นความเฉยชาที่ดูเยือกเย็น

เธอสามารถมั่นใจได้ว่าเฟิงหานชวนในตอนนี้อารมณ์ไม่ดี

"ชื่อนี้มีความหมายกับคุณใช่ไหม? ถ้าคุณไม่ชอบก็เปลี่ยนดีกว่า ฉันจะไม่เรียกว่าอาหาน ช่างมันเถอะ"เธอรีบพูดด้วยความสงสัยและความอยากรู้ เลยถามออกไป

เฟิงหานชวนชะงักไปครู่หนึ่งและยื่นมือออกไปเพื่อจับแก้มของเฉินฮวนฮวน

เดิมทีเฉินฮวนฮวนต้องการที่จะหลบแต่เธอก็ไม่ได้ทำ เธอมองไปที่ชายตรงหน้าเธอโดยไม่กะพริบตา

ชื่อ "อาหาน" มีความหมายอย่างไรกับเฟิงหานชวน?

เหตุใดเฟิงหานชวนจึงรู้สึกไม่ดีเมื่อได้ยินสองคำนี้?

คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเฉินฮวนฮวนและดูเหมือนจะมีความรู้สึกไม่สบายเกิดขึ้นในใจของเธอ

ไม่น่าจะใช่เพราะผู้หญิงหรอก!

ผู้หญิงที่แอบชอบ?

แฟนคนแรก?

แฟนเก่า?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ และเหมือนจะได้ยินเสียงเต้น “ตุบตุบตุบ"

จังหวะการเต้นของหัวใจชัดเจนมาก

เธอรีบกำมือแน่นที่หัวใจ กัดริมฝีปากแน่น ก้มศีรษะเล็กน้อย และไม่ตอบ พยายามหลบ

เฟิงหานชวนไม่ชอบท่าทางพยายามจะหลบของเธอ เขาจับเอวเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ปล่อยให้เธอพิงตัวเองและถามต่อไปว่า: "ตอบผมสิ คุณจะให้คนอื่นไหม?”

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนลังเล เพราะเธอไม่รู้ว่าทำไมเฟิงหานชวนต้องจดจ่ออยู่กับคำถามนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คิดมานาน เธอรู้สึกว่าถ้าของที่ตัวเองให้คนอื่น แล้วเขาเอาไปให้อีกคนง่ายๆ เธอเองก็คงไม่มีความสุข

เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า ส่ายหัวเล็กน้อย และกระซิบว่า: "ไม่ให้"

“ผมไม่ได้ยิน” เฟิงหานชวนพูดทันที

อันที่จริงเขาได้ยิน แต่เสียงของเฉินฮวนฮวนเบามาก ทำให้เขารู้สึกว่าเธอมีอะไรในใจและขาดความมั่นใจ ดังนั้นเขาจึงบอกว่าเขาไม่เคยได้ยิน

เขาต้องการให้เฉินฮวนฮวนพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ฉันบอกว่า ไม่ให้” เฉินฮวนฮวนคิดว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ยินจริงๆ และขยายความพร้อมกับพูดเสียงให้ดังขึ้น: “สิ่งที่คุณให้ฉัน ฉันจะไม่ให้คนอื่น”

ในเวลานี้ เฟิงหานชวนพอใจ เขายกมุมริมฝีปากเล็กน้อยและจ้องไปที่ดวงตาที่สดใสของหญิงสาว

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่เฟิงหานชวนจ้องมอง

เธอหลับตาลงอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าสายตาของเฟิงหานชวนมีอารมณ์รุนแรงในการจู่โจม ทำให้เธอกลัวเล็กน้อย

บางทีอาจเป็นเพราะการกระทำบางอย่างที่เฟิงหานชวนเคยทำกับเธอมาก่อน เธอก็เลยกังวลเล็กน้อยว่าเฟิงหานชวนจะทำอะไรกับเธอ

“คุณเขินเหรอ?” เฟิงหานชวนมองเห็นความเขินอายของเฉินฮวนฮวน และมีรอยยิ้มลึกลงไปในคิ้วของเธอ

“ไม่ ไม่ใช่ ฉัน…ฉันกลัว” เฉินฮวนฮวนเอื้อมมือไปจับแขนที่เฟิงหานชวนจับเอวของเธอออก ยืนขึ้นตรงหน้าเขาอย่างเคร่งขรึม และพูดด้วยความกล้าหาญ

“กลัว?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาไม่พอใจเล็กน้อย และถามว่า: “ทำไมคุณถึงกลัวผม?”

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนยังไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายในบูลส์คลับคืนนั้น ดังนั้น เฉินฮวนฮวนไม่ควรมีอะไรที่กลัวเขา

หรือว่า เธอรู้อะไรบางอย่าง?

“พฤติกรรมบางอย่างของคุณก่อนหน้านี้ทำให้ฉันกลัว เพราะงั้นฉันต้องบอกคุณให้ชัดเจนก่อน ในระหว่างการทดลองอยู่ก่อนแต่งงาน คุณห้ามทำอะไรกับฉันหรือบังคับฉัน” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าบางครั้งเฟิงหานชวนก็ชอบทำตัวมีอำนาจเหนือกว่า

ดังนั้น เธอจึงต้องเน้นเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เธอเข้าใจว่าการทดลองอยู่ก่อนแต่งคือการที่เธอและเฟิงหานชวนต้องเข้ากันได้ก่อน หลังจากที่พวกเขาสามารถเข้ากันได้อย่างสงบสุขแล้ว จึงจะพัฒนาไปเป็นสามีภรรยาที่แท้จริงได้

ถ้าแม้แต่ความกลมกลืนยังเข้ากันไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงการเป็นสามีภรรยาที่ใกล้ชิดกันหรอก

“ตกลง” เฟิงหานชวนพยักหน้าและกล่าวว่า: “เรื่องนี้คุณเพิ่งเน้นไปเมื่อกี้ ผมก็รับปากกับคุณแล้ว เราพยายามเข้ากันได้ คุณไม่เชื่อใจผมเหรอ?”

“ฉัน…ฉันไม่ใช่ไม่เชื่อใจคุณ ฉันแค่ต้องการพูดให้ชัดเจนอีกครั้ง” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากของเธอ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปอาบน้ำก่อน คุณอาบแล้วใช่ไหม?” เฟิงหานชวนเห็นว่าเฉินฮวนฮวนสวมชุดนอน

“อืม ฉันอาบก่อนกินมื้อเย็นแล้ว คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ ฉันจะนอนแล้ว” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและพูด

เฟิงหานชวนก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นหันหลังเดินไปที่ห้องน้ำ จากนั้นปิดประตู

ไม่มีการกระทำอื่น ไม่มีคำพูดที่คลุมเครือ และเขาก็รับปากข้อตกลงที่เธอเพิ่งพูดไป เฉินฮวนฮวนก็หายใจออกด้วยความโล่งใจ

อย่างไรก็ตาม เฟิงหานชวนควรอยากแต่งงานกับเธอจริงๆ ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น

เฉินฮวนฮวนมองไปที่ประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท มองดูอยู่ครู่หนึ่ง มีความคิดอะไรผุดขึ้นมา จากนั้นก็รีบดึงสติ หันกลับมาและเดินไปที่เตียง จากนั้นถอดเสื้อกันหนาวและห่มผ้าห่ม

บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ดื่มไวน์ แม้ว่าเวลาจะยังไม่ดึก เฉินฮวนฮวนก็ง่วงนอนแล้ว ทั้งๆที่ตอนบ่ายเฉินฮวนฮวนได้นอนไปแล้วรอบหนึ่ง แต่เมื่อหัวถึงหมอน เธอก็หลับไปในทันที

"คลิก" เสียงประตูเปิดออก

เฉินฮวนฮวนอยู่ในความงุนงง ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ แต่เธอง่วงมากจึงไม่ลืมตาดูและหลับต่อ

แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา ลมเย็นพัดเข้ามาบนเตียงอีกฝั่ง ทำให้เฉินฮวนฮวนตื่นมาอย่างสะลึมสะลือเล็กน้อย

เธอลืมตา หันศีรษะและมองไปด้านข้าง พบว่าเฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างเตียง เขาสวมกางเกงบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียวและส่วนบนเปลือยกาย

ในขณะที่เธอจ้องมองเขาอยู่ เขาก็ยกผ้าห่มขึ้นและนอนลงบนเตียง

“เห้ย–” เฉินฮวนฮวนกลัวจนตื่น กรีดร้องออกมาเสียงดังและกระโดดลงจากเตียงทันที

เฟิงหานชวนทำหน้านิ่ง เขาลุกขึ้นนั่ง หันศีรษะและมองไปยังผู้หญิงที่ยืนอยู่อีกด้านของเตียงและถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “คุณกรี๊ดทำไม?”

“คุณ คุณ คุณ คุณเพิ่งตกลงกับฉันไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณ…ไม่ทำตามที่รับปากไว้!” เฉินฮวนฮวนไม่ง่วงอีกต่อไปและร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา

ตกลงกันไว้ว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างสันติ? ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงสวมแค่กางเกงแค่นี้มาหาเธอ?

“ผมไม่ทำตามที่รับปาก?” สีหน้าของเฟิงหานชวนบูดบึ้ง และกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “คุณตกลงว่าแค่ทดลองอยู่ก่อนแต่งไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันตกลงที่จะทดลองอยู่ก่อนแต่ง แต่ฉันไม่ได้ตกลงว่าจะทำเรื่องแบบนั้น!” เฉินฮวนฮวนโต้กลับอย่างกังวล

“ผมบอกว่าผมจะทำแบบนั้นกับคุณเหรอ? เมื่อกี้ผมจูบคุณ กอดคุณ หรือจับคุณด้วยเหรอ?” เฟิงหานชวนอารมณ์เสีย ผู้หญิงคนนี้ทำตัวห่างเหินกับเขามาก

แม้ว่าเขาอยากเข้าใกล้เธอสักนิด แต่เธอก็จะออกห่างอย่างรวดเร็วราวกับนกที่หวาดกลัว เกือบจะอยู่ห่างจากเขาหลายหมื่นไมล์

“คุณยังไม่ได้ทำอะไรฉัน…แต่ ทำไมคุณถึงสวมกางเกงบ็อกเซอร์แล้วมานอนข้างฉัน เห็นได้ชัดว่าคุณ…” เฉินฮวนฮวนกัดฟันและเธอก็พูดอะไรไม่ออก

“เห็นได้ชัดว่าผมคิดไม่ดี?” เฟิงหานชวนเย้ยหยัน น้ำเสียงของเขายังคงสงบ: “ตอนนี้เรากำลังทดลองอยู่ก่อนแต่ง คุณลืมไปแล้วเหรอ?”

เฉินฮวนฮวนเม้มปากและไม่พูดอะไร

“ผมรับปากคุณแล้วว่าจะไม่ทำอะไรคุณ แต่ในฐานะคู่ทดลองอยู่ก่อนแต่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือนอนบนเตียงเดียวกัน” เฟิงหานชวนถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: “ดูก็รู้ว่าคุณไม่เชื่อใจผมเลย”

“เอ่อ คือ…” เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เฟิงหานชวนแค่อยากนอนบนเตียงเดียวกัน ไม่ได้อยากทำอะไรแบบนั้น…

ผ่านไปแปปเดียว เธอก็เข้าใจผิดอีกแล้ว?

“ไม่ใช่ เฟิงหานชวน ฉันไม่รู้คิดว่าคุณจะคิดแบบนี้ คุณก็ไม่ได้บอกฉัน ฉันคิดว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไร ฉัน…ฉันขอโทษจริงๆ ฉันเข้าใจคุณผิดไป” เฉินฮวนฮวนรู้สึกเริ่มไม่มีความมั่นใจในตนเอง

“ผมให้อภัยคุณ” เฟิงหานชวนตบที่นอนและมองเฉินฮวนฮวน พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ขึ้นมาเถอะ พื้นมันหนาว”

“อืม อืมอืม” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าแล้วนอนลงอีกครั้ง

เฟิงหานชวนมองไปที่ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงนั้นสวมชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยว ร่างกายที่สง่างาม รูปร่างของเธอก็แสดงออกอย่างชัดเจน

เฉินฮวนฮวนสังเกตเห็นสายตาของเฟิงหานชวน รู้สึกประหม่าและรีบเอื้อมมือไปดึงผ้าห่ม แต่ถูกมือของเฟิงหานชวนขวางไว้

ความเอาแต่ใจของเฟิงหานชวน น้ำเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดูเหมือนว่าจะโน้มน้าวเฉินฮวนฮวนได้สำเร็จ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าสิ่งที่เฟิงหานชวนพูดก็ค่อนข้างมีเหตุผล ทดลองแต่งงาน? เหมือนว่ายังสามารถรับได้

ทว่า เธอยังงุนงงเล็กน้อยและไม่รู้จะรับมืออย่างไร เธอต้องทดลองแต่งงานกับเฟิงหานชวนจริงๆ เหรอ?

หากลองแล้วไม่เลวก็อยู่ต่อไป หากลองแล้วไม่ดี ถ้าเช่นนั้นไม่ใช่ว่าจะอึดอัดแย่เหรอ?

“งั้นก็ตกลงตามนั้น” เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนมีท่าทีลังเลอยู่บ้าง เฟิงหานชวนไม่ปล่อยโอกาสให้เธอปฏิเสธเลยสักนิด

เฉินฮวนฮวนอ้าปากค้างมองเขา ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “คุณอยากทดลองแต่งงานยังไง?”

“ลองคบกันและใช้ชีวิตเหมือนสามีภรรยา” เฟิงหานชวนตอบ

“ก็ต้องลองอยู่ร่วมกันอย่างสันติ…ใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนถามอย่างไร้เดียงสา เธอไม่ได้คิดมากในทางอื่น

“ใช่” เฟิงหานชวนพยักหน้าน้อยๆ ใบหน้าฉายแววจริงจังมากอย่างเห็นได้ชัด

เฉินฮวนฮวนก็พยักหน้าด้วยท่าทางเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

หากสามารถอยู่กับเฟิงหานชวนอย่างสันติได้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หากเฟิงหานชวนดีกับเธอมากขึ้น ก็คงจะอ่อนโยนมากเช่นกัน

“โอเค งั้นคุณก็ตกลงแล้ว พรุ่งนี้ผมจะให้คนส่งสัญญาการทดลองแต่งงานมา” เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปลูบผมของหญิงสาวเบาๆ และเสียงทุ้มต่ำของเขากล่าวขึ้นว่า “ถอดเสื้อคลุมออก”

“อะ อะไรนะ!?” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างทันที มือทั้งสองข้างรีบยกปิดตัวเองไว้ เธอมองเฟิงหานชวนอย่างระแวดระวัง และถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ “คุณอยากทดลองแต่งงานกับฉันเพื่อจุดประสงค์นี้เหรอ?”

“ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่ทำแล้ว ฉันคิดว่าคุณหมายถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ คือความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ให้เกียรติกันและกัน คุณ…คุณหื่นกระหายเกินไปแล้ว!”

เฟิงหานชวนรู้ว่าเฉินฮวนฮวนจะตอบโต้ด้วยอารมณ์โกรธเช่นนี้ เขาเหยียดยิ้ม ก่อนจะมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม และกล่าวว่า “ในฐานะภรรยาของผม คุณใส่เสื้อคลุมเก่าๆ แบบนี้ อยากให้ผมขายหน้าเหรอ”

“หะ?” เฉินฮวนฮวนงุนงง

“ผมให้คุณถอดเสื้อคลุม ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแบบนั้นหรอกนะ” เฟิงหานจูงมือเธอพาไปที่โซฟาอีกมุมหนึ่งของห้องนอน

เขาให้คนส่งถุงเสื้อผ้า กระโปรง และรองเท้าเหล่านี้มาวางกองไว้ให้เฉินฮวนฮวนที่นี่

“ของพวกนี้ผมให้คุณ” เฟิงหานชวนหันกลับมามองเฉินฮวนฮวน และเอ่ยบอกเสียงเรียบ “คราวหน้าไม่ต้องใส่เสื้อผ้าเก่าๆ พวกนี้แล้ว”

เฉินฮวนฮวนนิ่งไป ตั้งแต่เฟิงหานชวนบอกว่าเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เธอก็นิ่งไปเลย

ที่แท้เธอเข้าใจเฟิงหานชวนผิด เธอปล่อยไก่ตัวใหญ่ออกไปเสียแล้ว

เธอก้มหน้างุดด้วยความประหม่า และกล่าวว่า “ฉันยังติดหนี้คุณหนึ่งแสนหยวน ฉันรับน้ำใจของคุณไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมีค่าเสื้อผ้าที่บริษัทให้ฉัน ฉัน…”

เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันพูดจบ ปลายคางของเธอก็ถูกนิ้วเรียวยาวเชยขึ้น บังคับให้มองหน้าเขา

“ผมเป็นสามีของคุณ เงินของผมก็เหมือนเงินของคุณ” เฟิงหานชวนจ้องดวงตาของเธออย่างไม่ละสายตา และเอ่ยบอกอย่างเคร่งขรึม

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระแทกอย่างรุนแรง ม่านตาก็หดตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน

ในเวลานี้เอง เฟิงหานชวนก้มหน้าลงชิดใบหูของเธอ เสียงมีเสน่ห์ดึงดูดอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาเอ่ยบอกอย่างช้าๆ “ถ้าพูดเรื่องติดหนี้ผมอีก ระวังผมจะทำโทษคุณ”

“…” เฉินฮวนฮวนถึงกับพูดไม่ออก ทว่าใบหน้าของเธอกลับขึ้นสีแดงระเรื่อ

“จำได้แล้วใช่ไหม” เมื่อเห็นเธอไม่ตอบ เฟิงหานชวนถามเอาคำตอบจากเธออีกครั้ง

“จำ…จำได้แล้ว” เฉินฮวนฮวนตอบอ้อมแอ้มอย่างเขินอาย

ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว คำพูดมีนัยยะแอบแฝงของเฟิงหานชวน เธอเข้าใจดี

เมื่อเห็นท่าทางน่ารักของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนแทบรอไม่ไหวอยากอุ้มเธอขึ้นมาทันที ทว่าเขายังบังคับใจตัวเองได้

เฉินฮวนฮวนเพิ่งตกลงทดลองแต่งงานกับเขา เขาจะใจร้อนเกินไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาทำผู้หญิงคนนี้ตกใจจนวิ่งหนีไปจะทำอย่างไร?

“ผมจะไปอาบน้ำ” เขายืดตัวขึ้น ทิ้งประโยคหนึ่งให้เธอ แล้วหันหลังเดินไปที่ห้องน้ำ

อาบ อาบน้ำ?

เฉินฮวนฮวนงุนงงอยู่ที่เดิม ในสมองกำลังประมวลความหมายของประโยคนี้ไม่หยุด อาบน้ำจริงๆ หรือว่าอาบน้ำปลอมๆ ?

แม้ว่าจะอาบน้ำเหมือนกัน ทว่าความหมายไม่เหมือนกัน

อาบน้ำจริง คือการอาบน้ำธรรมดาทั่วไปจริงๆ อาบน้ำปลอม คือการบอกเป็นนัยว่าหลังอาบน้ำเสร็จจะ…

ทว่า เมื่อสักครู่เธอเพิ่งบอกกับเขาว่า พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ ดังนั้นเฟิงหานชวนน่าจะไปอาบน้ำจริงๆ

ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังคิดฟุ้งซ่าน เฟิงหานชวนก็หันหลังกลับมาอีกครั้ง เขาเดินมาสองก้าว และมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง

“มะ มีอะไรเหรอคะ?” เฉินฮวนฮวนเอ่ยตะกุกตะกักเล็กน้อย กังวลว่าเฟิงหานชวนจะทำเรื่องนั้น

แม้ว่าเธอตกลงทดลองแต่งงานกับเขา ทว่าทั้งสองคนยังต้องดูว่าสามารถเข้ากันได้ดีหรือไม่ และเธอไม่ได้อยากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับเฟิงหานชวนเร็วขนาดนี้

“ทำไมเอากระโปรงที่ผมให้คุณไปให้เฉินนานา?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนอึมครึมอย่างเห็นได้ชัด

เฉินฮวนฮวนยกมือสองข้างขึ้นกุมใบหน้าตัวเองโดยอัตโนมัติ ดวงตาทั้งสองกระพริบตาปริบๆ แล้วอ้าปากค้าง ทว่าไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ตอบผม” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเย็กเยือกลงหลายองศา “คุณไม่ชอบกระโปรงตัวนั้นเหรอ?”

ครั้งนี้ เฉินฮวนฮวนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอชอบกระโปรงตัวนั้น เธอสามารถเข้าใจได้ เพราะว่าเมื่อวานขณะที่เฟิงหานชวนกำลังให้บทเรียนกับอันฉีและหลิวเสี่ยวจิง เขาเฝ้าสังเกตในตอนนั้น

ดังนั้น ตอนนั้นเธอพึงพอใจกับกระโปรงตัวนั้นแล้ว เฟิงหานชวนรู้ดี

ทว่าสิ่งที่เฉินฮวนฮวนประหลาดใจก็คือ นึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะนำเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้มาใส่ใจ?

“ความจริง ความจริงก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ใบหน้าแสดงอาการประหม่าเล็กน้อย

เธอทำได้เพียงตอบเช่นนี้ ไม่เช่นนั้น เธอนำสิ่งของที่เฟิงหานชวนให้เธอไปให้เฉินนานา ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไร

“ไม่ได้ชอบขนาดนั้น?” เฟิงหานชวนเข้ามาประชิดตัวเธอ แล้วเอ่ยถามเสียงเย็น “ไม่ได้ชอบขนาดนั้น แต่คุณเถียงกับผู้หญิงสองคนนั้นในห้าง?”

“ฉันกับอันฉีเถียงกัน เพราะว่าเธอดูถูกลูกค้า ฉันเถียงกับหลิวเสี่ยวจิง เพราะเรื่องขัดแย้งกันสมัยมัธยมปลาย” เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอถึงได้รู้สึกผิดมาก และไม่มั่นใจในการตอบเลยสักนิด

อันที่จริงเธอชอบกระโปรงตัวนั้น ทว่าตอนเฉินนานามาหาเธอ เธอกำลังอารมณ์เสียพอดี เพราะเธอไม่เคยรู้ว่าเฟิงหานชวนคือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง

“คุณตั้งใจเอากระโปรงตัวนั้นให้เฉินนานา เพราะว่าคุณโกรธผม” เฟิงหานชวนโน้มตัวลงมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวในระยะประชิด และกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“ไม่ ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ตั้งใจให้เธอ” เฉินฮวนฮวนกังวลอยู่บ้าง ทว่าเธอไม่อยากถูกเข้าใจผิด เธอรีบกล่าวอธิบาย “นานามาหาฉันแล้วบังเอิญเห็นถุงช้อปปิ้งพวกนี้พอดี เธอหยิบกระโปรงตัวหนึ่งมา บังเอิญว่าเป็นกระโปรงตัวนั้นพอดี เธอบอกว่าสวยมาก ฉันถึงได้ให้เธอไป”

ความจริงคือความจริง เฉินฮวนฮวนไม่ได้โกหก ตอนนั้นเธอไม่เคยเปิดถุงช้อปปิ้งเลย เธอไม่ได้ตั้งใจให้กระโปรงตัวนั้นกับเฉินนานา

“ผมถามคุณหน่อย ถ้าคราวหน้าผมส่งของให้คุณ คนอื่นบอกว่าสวย คุณยังจะเสียสละให้คนอื่นงั้นเหรอ?” เฟิงหานชวนจ้องดวงตาคู่นั้นของเฉินฮวนฮวนอย่างไม่ละสายตา และเอ่ยถามเสียงราบเรียบ

เฉินฮวนฮวนเงยหน้ามองเขา เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนไม่ได้โกหก แต่เธอไม่เชื่อคำพูดของเฟิงหานชวน

“คุณโกหก” เธอเม้มปากเล็กน้อย และพูดว่า : “คุณไม่เคยมีแฟนมาก่อน ทำไมถึงไม่พูดก่อนหน้านั้น? อีกอย่างคุณขับรถไปมหาวิทยาลัย A กลางดึก ฉันว่าคุณต้องส่งแฟนคุณกลับแน่ คุณก็ไม่โต้แย้งสักคำ”

“เด็กโง่!” เฟิงหานชวนยื่นมือออกไป ลูบศีรษะของเฉินฮวนฮวนเล็กน้อย

เฉินฮวนฮวนแสดงสีหน้างุนงง จากนั้นก็สลัดมือของเขาออก ขมวดคิ้วและพูดว่า : “คุณอย่ามาโกหกเลย”

“ผมไม่ได้โกหก วันนั้นผมไปหาคุณจริง ๆ” เฟิงหานชวนพูดออกมาตรง ๆ

ครั้งนี้เขาไม่ได้โกหก เดิมทีก็ไม่ได้มีแฟนคนเก่าอะไรนั้นหรอก ตอนนั้นเขาไปหาเฉินฮวนฮวนจริง ๆ

ก่อนหน้านั้นที่ถูกเฉินฮวนฮวนเข้าใจผิด เขาเองก็ขี้เกียจจะอธิบาย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างกัน ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว

ดังนั้นเขาไม่อยากให้เฉินฮวนฮวนเข้าผิดอีกต่อไป

“มาหาฉัน?” เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้น ด้วยสีหน้างุนงงและไม่อยากจะเชื่อ

เธอถูกเฟิงหานชวนกอดไว้แน่น เธออยากจะผลักเขาออก แต่มือทั้งสองข้างต่างถูกเขากอดเอาไว้ จึงไม่สามารถยื่นมือออกไปผลักผู้ชายคนนี้ได้

“จริง ๆ แล้วคืนนั้น ผมรู้ว่าคุณไปทำงานพาร์ทไทม์ในร้านชานมของมหาวิทยาลัยจากแม่บ้านหลี่ ผมก็เลยขับรถไปรอคุณ” เฟิงหานชวนไม่ได้พูดโกหก ตอนนั้นเขาไม่รู้ตัวตนของเฉินฮวนฮวน กลับคิดจะไปรับเฉินฮวนฮวน

ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ก็รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างจากสิ่งที่มองไม่เห็น ดึงดูดให้เขาเดินไปหาเฉินฮวนฮวน ตอนที่เขาไปหาหลิ่วเยว่เอ่อร์ ก็ไม่ได้รู้สึกมากขนาดนั้นแล้ว

ตรงกันข้าม ตอนนั้นเขามีความรู้สึกบางอย่างกับเฉินฮวนฮวน แต่ตอนนั้นเขาไม่รู้ตัวตนของเฉิวนฮวนฮวน

“คุณตั้งใจขับรถไปรอฉัน?” เฉินฮวนฮวนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก่อนจะถามอีกครั้งว่า : “ตอนนั้นคุณน่าจะเกลียดฉันมาก คุณขับรถไปรอฉันแบบนั้น คิดจะทำอะไร?”

เธอจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ เป็นคืนที่เฉิงโม่สารภาพกับเธอ

หลังจากที่เฉิงโม่หนีไป เธอก็พบกับเฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างทางฉับพลัน เฟินหานชวนเยาะเย้ยเธอว่าชอบยั่วยวนเฉิงโม่ จากนั้นก็ตักเตือนเธอและถือโอกาสพาเธอกลับไป

เพียงแต่ในเวลาต่อมา เฟิงหานชวนได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง จึงรีบร้อนออกไป

“คืนนั้นผมเห็นข่าว ๆ หนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องของคนวิปริตขึ้นบนรถประจำทาง ตอนที่ผมออกไป แล้วให้คุณเรียกรถกลับ” เฟิงหานชวนคิดแล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ที่ต้องทิ้งเฉินฮวนฮวนไว้ในตอนแรก

ถ้าเขาไม่ไป แต่เลือกจะพาเฉินฮวนฮวนกลับไป เฉินฮวนฮวนก็คงจะไม่พบกับคนวิปริตนั้น

เฉินฮวนฮวนในตอนนั้น เพิ่งจะผ่านค่ำคืนที่น่าหวาดกลัวในห้องเก็บของของบลูส์คลับ แล้วยังต้องมาเจอกับคนวิปริตนี้อีก สภาพจิตใจตอนนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังอย่างมาก

“ขอโทษนะ ฮวนฮวน ขอโทษจริง ๆ” เฟิงหานชวนยื่นมือทั้งสองข้างออกไปประคองใบหน้าของเฉินฮวนฮวน และขอโทษเธอ

ไม่ว่าจะเป็นคืนนั้นในบลูส์คลับ หรือว่าคืนที่ทิ้งเธอ แล้วตนไปพบหลิวเยว่เออร์ เขาก็รู้สึกผิดต่อเธอทั้งนั้น

เฉินฮวนฮวนมองออก เฟิงหานชวนเป็นห่วงเธอ เธอรู้สึกเหมือนว่าในส่วนลึกของจิตใจมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ และเธอสัมผัสได้

“คุณ……ไม่ต้องมาขอโทษฉันหรอก!” เฉินฮวนฮวนมองไปยังแววตาที่ยากหยั่งถึงของเฟิงหานชวนคู่นั้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง : “คุณไม่ต้องรู้สึกผิดกับฉันหรอก”

การที่เฟิงหานชวนต้องจากไปเพราะมีเรื่องด่วนนั้นเป็นเรื่องปกติมาก ตอนนั้นความสัมพันธ์ของเธอกับเขาแย่มาก เขาไม่จำเป็นต้องพาเธอกลับไปยังตระกูลเฟิงก็ได้

เธอโชคไม่ดี ดันไปเจอกับคนประเภทนั้น นั้นไม่ใช่เรื่องที่เฟิงหานชวนจะคาดคิดได้

ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องมาพูดขอโทษกับเธอ

“ฮวนฮวน ไม่ว่าก่อนหน้านั้นจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงผมก็ต้องขอโทษคุณ ตั้งแต่นี้ต่อไป เราสองคนจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข” เฟิงหานชวนไม่เคยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนในตอนนี้มาก่อน

เขามักจะเยือกเย็น จนกระทั่งพูดได้ว่าร้ความปรานี ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีช่วงเวลานี้เลย

ตอนนี้ เขาแพ้ทางให้กับเด็กสาวคนนี้แล้ว

“เฟิงหานชวน คุณ……..” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง

เมื่อกี้เธอฟังไม่ผิดใช่ไหม? ตั้งแต่นี้ต่อไป จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข?

ความหมายในประโยคนี้ของเฟิงหานชวนก็คือ ใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาอย่างมีความสุขกับเธอใช่ไหม?

แต่…….พวกเขาจะเหมาะสมกันจริง ๆ เหรอ?

“ผมทำไม?” เฟิงหานชวนยื่นนิ้วชี้ออกไป แตะบนริมฝีปากของเฉินฮวนฮวน เขาก้มหน้าลง จนปลายจมูกของเขาแตะปลายจมูกของเธอ

ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าที่ทุ้มต่ำและอ่อนโยนว่า : “ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธผมอีก”

เฉินฮวนฮวนตัวแข็งทื่อทันที

หัวใจ เต้นตึกตัก ๆ ราวกับจะทะลุออกมา

เดี๋ยวนะ นี่มันอะไรเนี่ย?

เธอ เธอ เธอ เธอกำลังถูกเฟิงหานชวนหลอกล่อใช่ไหม?

“เฟิงหานชวน เราไม่เหมาะสมกันจริง ๆ” เฉินฮวนฮวนสลัดมือของเขาออก ก่อนจะกัดริมฝีปากแน่น เมื่อพูดจบประโยคนี้ เธอก็ก้มหน้าลงทันที

เธอปวดใจมากที่ปฏิเสธเฟิงหานชวน เพราะเฟิงหานชวนในตอนนี้ ยากที่จะต้านทานได้

“คุณปฏิเสธผม?” สีหน้าของเฟิงหานชวนเย็นชาลง ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ดื้อรั้นแบบนี้!

“เฟิงหานชวน คุณคิดดี ๆ ก่อน ว่าคุณอยากให้ฉันเป็นภรรยาของคุณจริง ๆ ใช่ไหม? ฉันเด็กกว่าคุณ ตั้ง 9 ปีเต็ม ต่อไปเราจะต้องมีปัญหาช่องว่างระหว่างวัยแน่นอน!” เฉินฮวนฮวนไม่มั่นใจเลยจริง ๆ ว่าจะอยู่กับเฉินฮวนฮวนได้หรือปล่า

“คุณว่าผมแก่เหรอ?” เฟิงหานชวนกัดฟันกรอด สีหน้าฉายแววโกรธ

เขายังไม่ถึง 30 ปีเลยนะ อีกทั้งผู้ชายวัย 40 ปีค่อนข้างมีประสบการณ์ด้วย ปีนี้เขายังอายุไม่เกิน 29 ปีด้วยซ้ำ ทำไมถึงแก่แล้วล่ะ?

“ไม่ ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้ว่าคุณแก่นะ ฉันแค่รู้สึกว่าคุณบุ่มบ่ามเกินไปรึเปล่า? เพราะนายท่านเลือกฉัน ดังนั้นคุณเลยตัดสินใจจะเลือกฉัน?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสน

บางทีอาจจะเป็นเพราะเคยขัดแย้งกับเฟิงหานชวนมาหลายครั้ง ดังนั้นเธอจึงไม่สบายใจและทำอะไรไม่ถูกกับการแต่งงานที่กะทันหันนี้ เลยยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่

“เฉินฮวนฮวน คุณรู้ไหม? ผู้ชายที่แก่กว่า 9 ปี จะอยู่กินแบบสามีภรรยาชั่วฟ้าดินสลาย!” ภายใต้ความร้อนใจ เฟิงหานชวนจึงพูดมั่ว ๆ ออกมา : “ผู้ชายที่แก่กว่า 9 ปี จะครองรักไปชั่วฟ้าดินสลาย”

“หา?” เฉินฮวนฮวนงงงันไป

เธอเคยแต่ได้ยินว่า ภรรยาที่แก่กว่าสามี มีข้อดี 3 ประการ ดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินคำว่า ผู้ชายที่แก่ว่า 9 ปี จะครองรักไปชั่วฟ้าดินสลาย มาก่อนนะ

หรือเธอเป็นกบในกะลา?

“ดังนั้น ฮวนฮวน เราเป็นคู่ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว” เฟินหานชวนจนปัญญาแล้วจริง ๆ จึงยอมเทหมดหน้าตักเพื่อให้ได้เฉินฮวนฮวนมาครอบครอง

ถ้าเฉินฮวนฮวนยังปฏิเสธเขาอีก เขาต้องฆ่าเธอแน่ ๆ!

“เอ่อ นี่…….” เฉินฮวนฮวนเกิดความลังเลเล็กน้อย

“งั้นเอาแบบนี้ ลองอยู่ก่อนแต่งก่อน” เฟิงหานชวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“อยู่ก่อนแต่ง?” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง ก่อนจะมองไปยังผู้ชายตรงหน้าด้วยความสงสัย

“ถูกต้อง อยู่ก่อนแต่ง” เฟิงหานชวนโค้งตัวลงมา จากนั้นก็ยื่นหน้ามาตรงหน้าของเฉินฮวนฮวน และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ระยะเวลาอยู่ก่อนแต่งคือ 3 เดือน ตัดครึ่งเดือนในการฝึกซ้อมของคุณออกไป นับตั้งแต่ตอนนี้ไปเป็นต้น ก็เป็นระยะเวลา 3 เดือนครึ่ง”

“เดี๋ยวก่อน!” เฉินฮวนฮวนตัดบทของเขา

“คุณคิดจะพูดอะไร?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบให้ใครมาขัด แล้วยิ่งเฉินฮวนฮวนมาตัดบทเขาแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องดี

“หลังจากที่ฉันฝึกซ้อมแล้ว ฉันก็ต้องจะไปบันทึกรายการออดิชั่นสิ อย่างน้อยก็ต้องบันทึกรายการเป็นเวลา 1 เดือน……..” เฉินฮวนฮวนก้มหน้าลง ยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งเบาลง

เธอรู้ว่า ถ้าเฟิงหานชวนได้ยินเรื่องนี้ จะต้องอยากฆ่าเธอแน่ ๆ

แต่ เฉินฮวนฮวนเดาผิด

เฟิงหานไม่ได้ตำหนิเธอ แต่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “ก็เลื่อนออกไป หลังจากที่เธอออดิชั่นเสร็จแล้ว 3 เดือนหลังจากนั้น เป็นเวลาอยู่ก่อนแต่ง”

เขามองออก เฉินฮวนฮวนน่าจะยอมรับในการอยู่ก่อนแต่งนี้ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางบอกเวลาในการออดิชั่นกับเขาแน่นอน

ในความเป็นจริง ถึงภายนอกเขาจะแสดงอาการนิ่งเฉย แต่ภายในใจกลับตื่นเต้นเกินจะต้านทาน

อยู่ก่อนแต่งอะไรล่ะ มันเป็นแค่กลอุบายที่เขาเอาไว้หลอกเฉินฮวนฮวนเท่านั้น

เฟิงหานชวนดีใจที่ตัวเองปิดบังความจริงเรื่องนี้ไว้ได้

ไม่อย่างงั้นบางทีเรื่องอาจจะแย่ไปยิ่งกว่านี้

“ขอโทษ ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของคุณ ต่อไปผมจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว”

“ฮวนฮวน ตอนนั้นที่ผมถามคำถามคุณ ถึงแม้จะดูถูกคุณมาก แต่เป็นเพราะผมต้องการตรวจสอบคำสารภาพของหลิวตงรุ่ย ถึงได้เอาสร้อยกลับมาให้คุณได้”

เฟิงหานชวนโกหก ตอนนั้นที่เขาถามคำถามพวกนั้น เพื่อตรวจสอบว่าเฉินฮวนฮวนคือผู้หญิงในคืนนั้นใช่หรือไม่ เพื่อพิสูจน์ว่าเฉินฮวนฮวนกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ใครโกหกกันแน่

แต่ตอนนี้ เขาเอาเรื่องที่เฉินฮวนฮวนเสียใจ ทาบกับคำสารภาพของหลิวตงรุ่ย

แบบนี้บางทีเฉินฮวนฮวนอาจจะให้อภัยเขาแล้ว

“อะไรนะ?” เฉินฮวนฮวนตกตะลึง

เธอกะพริบตาปริบ ๆ สับสนงงงวย ความคิดในสมองของเธอยุ่งเหยิงไปหมด

“ตอนนั้นผมถามคำถามพวกนั้น ไม่ใช่เพราะดูถูกคุณ แค่เพียงต้องการแน่ใจว่าคุณไม่ได้โกหก” เฟิงหานชวนดูสีหน้าของเฉินฮวนฮวนออก เขาพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ถึงแม้ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจผิดกัน แต่ผมไม่จำเป็นต้องดูถูกคุณแบบนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจ”

เฉินฮวนฮวนเงยหน้ามองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เฟิงหานชวนพูดอย่างจริงจัง ท่าทางไม่เหมือนกับกำลังโกหกอยู่

อีกอย่าง สร้อยคอของเธอเป็นเฟิงหานชวนที่ช่วยเอากลับมาให้เธอจริง ๆ เป็นเขาที่ช่วยเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับตำหนิเขา

“งั้นฉันขอบคุณ คุณนะคะ” เฉินฮวนฮวนเม้มปาก สีหน้าเก้อเขิน

เธอก็ไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดอะไร ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ข้างหน้า คือสามีตามกฎหมายของเธอ

แต่เธอกลับคิดมาตลอดว่าเขาคืออาสามของสามีเธอ

ความสัมพันธ์แบบนี้มันซับซ้อนมากจริงๆ!

“ผมคือสามีของคุณ ช่วยคุณเอาสร้อยคอกลับมาเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว คุณขอบคุณผมทำไม?”

เขามั่นใจ เฉินฮวนฮวนมองเขาเปลี่ยนไปแล้ว อย่างน้อย เธอไม่ได้เกลียดเขาเพราะเรื่องก่อนหน้านี้แล้ว

ความเข้าใจผิดระหว่างทั้งสองถูกกำจัดไป

ชายหนุ่มเข้าใกล้จนเกินไป เฉินฮวนฮวนเป็นกังวลเล็กน้อย หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น เธอถอยหลังไปสองก้าว รักษาระยะห่างกับเฟิงหานชวนเล็กน้อย

“คือว่า อาสาม ไม่ใช่ เฟิงหานชวน ไม่ใช่ คือว่าฉัน…” เฉินฮวนฮวนพูดจาสลับไปมา

เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไร ควรจะทำยังไงดี

ถ้าหากเธออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงต่อไป งั้นต่อไปเธอก็คือภรรยาของเฟิงหานชวน? แต่ว่าแบบนี้แล้วเธอรู้สึกแปลกประหลาดมาก

ถ้าหากเธอออกจากคฤหาสน์ตระกูลเฟิง เฟิงหานชวนคือคนที่ช่วยเธอ นี่มันจะใจดำเกินไปหน่อยไหม?

“ผมรู้ว่าคุณรู้สึกสับสน คุณอยากพูดอะไร ค่อย ๆ พูด ไม่รีบร้อน” เฟิงหานชวนพูดกับเฉินฮวนฮวนอย่างใจเย็น

“คือว่า…เฟิงหานชวน ไม่ว่าคุณจะให้ฉันยืมเงิน หรือว่าช่วยฉันเอาสร้อยคอกลับมา ฉันรู้สึกขอบคุณคุณมาก แต่ว่า…” เฉินฮวนฮวนเม้มปาก แล้วก็หยุดพูด

เธอไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากยังไง

“แต่ว่าอะไร?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนเหมือนจะไม่เต็มใจเป็นภรรยาของเขา?

“ฉันรู้สึกว่าระหว่างพวกเรา ไม่ค่อยเหมาะสมกัน…หรือเปล่าคะ?” เฉินฮวนฮวนถามอย่างสุภาพ

ความหมายของเธอก็คือ ระหว่างพวกเขาเกิดเรื่องน่าขายหน้าเยอะแยะขนาดนี้ อีกอย่างยังมีเรื่องสถานะที่ค่อนข้างสับสนวุ่นวาย ต่อไปหากเป็นสามีภรรยากัน จะไม่ค่อยเหมาะสมไหม

ยิ่งไปกว่านั้น เธอเห็นเฟิงหานชวนเป็นอาสามมาโดยตลอด จู่ ๆ เปลี่ยนเป็นสามีของเธอ เธอรู้สึกแปลกประหลาดจริง ๆ

เมื่อเฉินฮวนฮวนพูดออกมา เฟิงหานชวนรู้ว่าลางสังหรณ์เมื่อครู่ไม่มีผิด สีหน้าของเขาผิดหวังในทันที

เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เธอไม่อยากเป็นภรรยาของเขา

เฟิงหานชวนโมโหแล้ว!

“เฉินฮวนฮวน คุณยอมเป็นภรรยาของอาเยี่ยน แต่กลับไม่ยอมเป็นภรรยาของผม?” เขาค่อย ๆ เดินเข้าหาหญิงสาวทีละก้าว

เฉินฮวนฮวนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความกรุ่นโกรธของเฟิงหานชวน เธอรู้สึกกลัวนิดหน่อย จึงเดินถอยหลังอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งชิดติดกับเตียงนอน

เธอไม่ทันระวัง จึงหงายหลังล้มลงไป แล้วนอนลงบนผ้าห่มทันที

“นี่คุณหมายความว่ายังไง?” เฟิงหานชวนเห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวน อดที่จะหยอกล้อไม่ได้ เขายิ้มมุมปาก หัวเราะแล้วพูดขึ้น “คุณกำลังเชื้อเชิญผม?”

“ไม่ ไม่ใช่สักหน่อย!” เฉินฮวนฮวนพลิกตัวกลับ รีบลุกขึ้นมา ยืนข้างเตียงตัวแข็งทื่อ

เมื่อกี้การกระทำของเธอเหมือนกับดักแด้ตัวน้อยที่กำลังดิ้นดุ๊กดิ๊ก ทำให้สัมผัสได้ถึงความสุข

ความโกรธที่เฟิงหานชวนมีอยู่ก็ลดลงไม่น้อย

เธอมองไปที่ใบหน้าขี้เล่นของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนคิดถึงความอับอายของตัวเองเมื่อครู่ เธอเม้มปาก กัดฟันพูด “ฉันไม่ระวังถึงได้ล้มลงบนผ้าห่ม คุณ คุณอย่าคิดไปไกล!”

รอยยิ้มมุุมปากของเฟิงหานชวนหายไป เพราะคิดได้ถึงเรื่องที่เฉินฮวนฮวนปฏิเสธเขา

“คุณยังไม่ตอบคำถามเมื่อครู่ของผม” เสียงเย็นชาของเขา ซักถามขึ้น

“คำถามของคุณเมื่อสักครู่?” เฉินฮวนฮวนเกาหัว แล้วพูดเสียงเบา “เมื่อกี้ฉันตอบไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อกี้เธอพูดไปแล้ว เธอไม่ตั้งใจล้มลงไป ไม่ใช่ว่าเชื้อเชิญเฟิงหานชวน

“ผมหมายถึงคำถามก่อนนั้นอีก” เฟิงหานชวนถูกผู้หญิงคนนี้ทำให้โมโห

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้ว คิดอยู่พักหนึ่ง ถึงได้คิดออก

เธอกัดริมฝีปาก เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเฟิงหานชวน แล้วพูดขึ้น “เพราะตอนแรกคิดว่าตัวเองแต่งงานกับอาเยี่ยน ทุกคนพูดว่าฉันคือภรรยาของอาเยี่ยน พวกแม่บ้านหลี่ก็เรียกฉันว่านายหญิง ในความทรงจำของฉัน ฉันแต่งงานเข้ามาคือแต่งกับอาเยี่ยน”

“แต่ไม่ใช่ว่าฉันยอมเขาไม่ยอมคุณ แต่แค่รู้สึกว่า คุณไม่ขาดแคลนผู้หญิง ระหว่างพวกเราก็มีความอึดอัดต่อกัน ไม่เหมาะสมจะเป็นสามีภรรยากัน คุณสามารถเลือกได้ดีกว่านี้”

ในเมื่อเรื่องนี้ซับซ้อนมากจริง ๆ เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง ทำได้เพียงคิดอะไรก็พูดอะไรออกมา

“เฉินฮวนฮวน ผมอยากได้เพียงคุณคนเดียว” เฟิงหานชวนโอบเธอไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง

เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เฉินฮวนฮวนไม่ได้เตรียมตัว จึงแนบเข้ากับอกของชายหนุ่ม

อีกอย่างเมื่อกี้เธอไม่ได้ฟังผิด เฟิงหานชวนพูดว่า…เขาอยากได้แค่เธอคนเดียว?

“คุณ คุณ คุณ…คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ฉันรู้ว่าคุณโดนแฟนเก่าของคุณนอกใจ ดังนั้นต้องการผู้หญิงปลอบใจ แต่บนโลกนี้ไม่ได้มีฉันเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว!” เฉินฮวนฮวนเขินอาย

“แฟนเก่า?” จู่ ๆ เฟิงหานชวนก็ยิ้มขึ้น

เฉินฮวนฮวนอึ้งไป ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วจริง ๆ เหรอ?

ดูท่าแล้ว แฟนเก่าคนนั้นคงจะทำร้ายจิตใจของเฟิงหานชวนมาก เฟิงหานชวนรักผู้หญิงคนนั้นมากใช่ไหม?

พูดกันว่ารักมาก ก็เกลียดมาก มีเพียงความรักที่แทงเข้ากระดูก ถึงทำให้คนบ้าคลั่งได้

“ผมคิดออกแล้ว พวกเรายังมีเรื่องที่เข้าใจผิดกันอยู่” ตอนนี้เฟิงหานชวนอารมณ์ดีมาก เขาก้มหน้าลง เข้าใกล้เฉินฮวนฮวน แล้วถามเสียงต่ำ “เป็นเพราะผู้หญิงที่อาจจะมีหรือไม่มีตัวตน ดังนั้นเธอจึงหึงหวง?”

“อะไรนะ? หึง? อาจจะมีหรือไม่มี?” คืนนี้เฉินฮวนฮวนในสมองสับสนไปหมด

“ไม่มีแฟนเก่า ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีผู้หญิงคนอื่น” เฟิงหานชวนน้ำเสียงเรียบง่าย ทั้งเข้มขรึมทั้งใจเย็น

ตอนนี้จิตใจของเฉินฮวนฮวนยุ่งเหยิงไปหมด

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ทุกคนบอกว่าเธอเป็นคุณนายของตระกูลเฟิง เธอเป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่ตอนนี้ความจริงก็คือเธอเป็นภรรยาของเฟิงหานชวน?

ตอนนี้ไม่มีใครตกตะลึงไปกว่าเฉินฮวนฮวน!

“ชายชรา เรื่องที่ท่านก่อขึ้นมาเองก็จัดการเอง” การแสดงออกของเฟิงหานชวนบูดบึ้ง ขัดจังหวะเฟิงเหลยถิงที่กำลังร้องไห้ไปบ่นไป

เฟิงเหลยถิงมองตรงไปข้างหน้าทันที มองไปที่เฉินฮวนฮวนตรงหน้าเขา ยิ้มเยาะและกล่าวว่า: “ฮวนฮวน อันที่จริงแล้วเธอเป็นลูกสะใภ้ของฉัน ไม่ใช่หลานสะใภ้”

“คุณปู่ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?” เฉินฮวนฮวนโพล่งออกมา

แต่หลังจากถาม เธอก็ตระหนักว่าเธอพูดบางอย่างผิดไป ถ้าเธอไม่ใช่ภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยน เธอก็ไม่มีสิทธิ์เรียกเฟิงเหลยถิงว่า "คุณปู่"

“ต้องเปลี่ยนคำเรียกแล้ว” เฟิงเหลยถิงรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เขาก็รู้สึกสับสนกับเรื่องที่ซับซ้อนนี้เช่นกัน

ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน แค่ใช้สถานการณ์ที่ “ไม่ได้เรื่อง”ของหลานชายเฟิงเฉินเหยี่ยน หาภรรยาให้ลูกชายคนที่สามของเขา หลังจากตรวจสอบว่าเหมาะสมแล้ว ก็ให้กลายเป็นคุณนายสามของตระกูลเฟิงเลย

แต่ไม่คาดคิดว่าจะต้องมาแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเช่นนี้ มันยากสำหรับชายชราผู้สูงวัยอย่างเขา

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากไม่พูด เธอไม่รู้ว่าต้องเปลี่ยนไปใช้คำเรียกอะไร

จนถึงตอนนี้ เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไมจากภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยนกลายมาเป็นภรรยาของเฟิงหานชวน

หรือว่าเพราะเฟิงหานชวนไม่อยากให้เธอทำร้ายเฟิงเฉินเหยี่ยน ก็เลยแต่งงานกับเธอเอง?

แต่ทันใดนั้นความคิดนี้ก็ถูกลบออกไปทันที เพราะเฟิงหานชวนเพิ่งกล่าวว่าห้องจัดงานแต่งนี้เป็นห้องจัดงานแต่งงานของพวกเขา

ดังนั้นตั้งแต่แรกเริ่ม นายท่านเฟิงตั้งใจที่จะหาภรรยาให้ลูกชายเฟิงหานชวนของเขาแต่แรกอยู่แล้ว?

แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงบอกว่าเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยน?

หลังจากมองดูท่าทางสับสนของเฉินฮวนฮวน และใบหน้าที่บูดบึ้งของลูกชาย เฟิงเหลยถิงก็ไอสองครั้งและอธิบายว่า: "ฮวนฮวน จริงๆแล้วฉัน…ฉันจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดี?"

“ก็คือ เจ้าสามเองที่ไม่ได้เรื่อง แล้วก็… แต่ฉันก็บอกทุกคนไม่ได้ว่าเจ้าสามไม่ได้เรื่อง ก็เลยอยากหาผู้หญิงที่ไม่สนใจความไม่ได้เรื่องของเขา…”

“มันเป็นช่วงเวลาที่อาเหยี่ยนไปทำเรื่องแบบนั้นไว้พอดี ฉันก็เลยเห็นโอกาสที่เหมาะสม ยืมชื่อเขามาใช้ พอดีกับช่วงเวลาที่เฉินซื่อกรุ๊ปอ้อนวอนขอความช่วยเหลือทุกที่ เฉินเจี้ยนหมินมีลูกสาวสองคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ฉันก็เลยไปทำข้อตกลงด้วย”

หลังจากที่เฟิงเหลยถิงพูดจบ เขาก็หันหลังและถอนหายใจลึกๆ

“โอเค…” เฉินฮวนฮวนเกือบจะเข้าใจแล้ว

ที่แท้ เธอก็เป็นภรรยาที่นายท่านหาให้เฟิงหานชวน

อีกอย่างเจรจามาครึ่งวัน เธอเป็นภรรยาของเฟิงหานชวน?

มันค่อนข้างยากสำหรับเธอที่จะยอมรับ พวกเขาเคยทะเลาะกันหลายครั้งก่อนหน้านี้

ที่สำคัญที่สุด เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนคิดยังไงกับเธอ และเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้บริสุทธิ์แล้ว

เหตุผลที่เฟิงหานชวนหาความจริงเรื่องนี้ ก็เพื่ออยากจะไล่เธอออกไปอย่างเป็นธรรม?

“ฮวนฮวน ฉันหวังว่าเธอจะไม่รังเกียจเจ้าสามของเรา เรื่องนี้ฉันเป็นคนบอกให้ทุกคนปิดบังเธอไว้ ไม่ใช่ความผิดของเจ้าสาม เป็นความผิดของฉันเอง” เฟิงเหลยถิงคว้ามือของเฉินฮวนฮวน เขาตบหลังมือของเธอเบาๆและพูดอย่างจริงจัง

“นายท่าน หนู…” เฉินฮวนฮวนดึงมือของเธอออกอย่างเงียบๆ เธอหลับตาลงและกล่าวเบาๆว่า: “หนูไม่ได้รังเกียจเขา เขาตางหากที่รังเกียจหนู พวกเราได้ทำข้อตกลงไว้แล้ว หลังจากครึ่งเดือนหนูจะออกไปจากตระกูลเฟิง”

“อะไรนะ!?” เฟิงเหลยถิงลืมตาและจ้องไปที่เฟิงหานชวนด้วยความโกรธ ชี้ไปที่เขาและด่า:: “เจ้าสาม แกทำอะไรของแก?”

“เฉินฮวนฮวน หุบปากเดี๋ยวนี้!” เฟิงหานชวนคว้าแขนของเฉินฮวนฮวนแล้วดึงเธอไปข้างหลัง

เขาทำข้อตกลงกับเธอให้เธอออกจากตระกูลเฟิงตั้งแต่เมื่อไหร่?

ผู้หญิงคนนี้พูดโกหกต่อหน้านายท่าน!

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดและอยากเถียงบางสิ่ง แต่นายท่านอยู่ด้วย เธอเกรงใจไม่กล้าด่าเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างหน้าเฉินฮวนฮวน มองพ่อของเขาด้วยสายตาที่เย็นชาและกล่าวว่า: " ชายชรา ผมจะได้เรื่องหรือไม่ได้เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านพูด อย่ามาใส่ร้ายผมแบบนี้”

ทันทีหลังจากนั้น มีเสียง "ปัง" ปิดประตู นายท่านเฟิงก็ถูกล็อกอยู่ข้างนอก

“แกเก่ง แกได้เรื่อง เจ้าสามถ้าเก่งจริง ก็รีบเอาหลานมาให้ฉันอุ้มสิ! จะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงก็ได้ คนแก่อย่างฉันไม่สนใจจะชายหรือหญิง” หลังจากที่เฟิงเหลยถิงตะโกนพูดจบ ก็รีบจากไป

เสียงฝีเท้าไกลออกไป และนอกประตูก็เงียบลง แต่ในห้องนอนกลับเงียบยิ่งกว่าเดิม

บรรยากาศแปลกๆ

เฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวน ยืนเกือบหันหน้าเข้าหากัน เขามองมาที่เธอ เธอมองเขา จ้องมองกันและกัน แต่ทั้งคู่ไม่คุยกัน

ในท้ายที่สุด เฟิงหานชวนที่อดกลั้นไม่ได้ เขาถามว่า: "ตอนนี้ คุณเชื่อหรือยัง?"

“อืม” เฉินฮวนฮวนตอบและกล่าวว่า: “ไม่ต้องห่วง อีกครึ่งเดือนฉันกลับมา จะรีบออกจากที่นี่”

“เฉินฮวนฮวน คุณ!” เฟิงหานชวนสำลัก

เจรจายังไง?

หลังจากเจรจามาครึ่งวัน สถานการณ์ของเรื่องก็เข้าใจอย่างชัดเจน แต่เฉินฮวนฮวนยังดื้อรั้นกับเขาอยู่?

“ตั้งแต่ตอนที่ฉันเข้าไปในบ้านเฟิง ความคิดของฉันคือ-คุณเป็นอาสามของอาเหยี่ยน นั่นคืออาสามของฉันด้วย”

เฉินฮวนฮวนมองไปที่ชายที่อยู่ข้างหน้าเธอและกล่าวต่อ: "ตอนนี้ คุณกลับกลายเป็นสามีของฉัน ฉันรู้สึกรับไม่ได้”

“ที่สำคัญกว่านั้น เรื่องนั้นคุณก็รู้ดี ฉันเชื่อว่าคุณยิ่งรับไม่ได้”

เธอกำลังพูดถึงเหตุการณ์ของหลิวตงรุ่ย

อีกอย่าง เฟิงหานชวนมีโอกาสที่จะบอกเธอ แต่ไม่เคยพูด เขาหลอกเธอมาตลอด และในนามของอาเหยี่ยน เขากลั่นแกล้งและดูถูกเธอมาตลอด

“เฉินฮวนฮวน!” เฟิงหานชวนกังวลเล็กน้อย

ตอนแรกเขาคิดว่าถ้าเขาพูดเรื่องนี้ไป เฉินฮวนฮวนก็คงจะให้อภัยเขา จึงเก็บไว้เงียบๆในใจ แต่ไม่คาดคิดนี่เขากำลังละลายความรู้สึกของเฉินฮวนฮวน

“ผมโอเคกับเรื่องนั้น” เขากัดฟันพูด

แน่นอนเขาต้องโอเค เพราะผู้ชายในคืนนั้นเป็นเขา

แต่เรื่องนี้ เขาจะพูดออกมาไม่ได้ ถ้าบอกเธอตอนนี้ เขากลัวว่าเฉินฮวนฮวนจะออกจากบ้านเฟิงตั้งแต่ตอนนี้ ไม่แม้แต่จะเก็บสัมภาระใดๆ

“คุณโอเค จริงๆแล้วคุณโอเคมาก!” เฉินฮวนฮวนโต้กลับเขาทันที

สายตาของเธอแดงก่ำ พูดอย่างเคร่งขรึม: “คุณรู้ตั้งแต่แรกว่าฉันเป็นภรรยาของคุณ ภรรยาที่นายท่านหามาให้คุณ ใช่ไหม?”

“ตราบเท่าที่คุณรู้ ในฐานะสามีของฉัน ฉันขอยืมเงินคุณแต่คุณทดสอบฉัน ฉันกล่าวหาหลิวตงรุ่ยแต่คุณดูถูกฉัน คุณยังถามอีกว่าตอนที่ฉันถูกหลิวตงรุ่ยข่มขืนท่าแรกคือท่าอะไร?”

“ฉันไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคุณโอเค”

“ก่อนหน้านี้ ผมเป็นอาสามของคุณ สิ่งที่คุณทำ ผมก็ถือว่าคุณทำเพื่ออาเหยี่ยน คุณขอโทษผม ผมก็รับไว้ ผมปลอบใจตัวเองว่าจะอยู่กับคุณได้อย่างสันติ”

“แต่ตอนนี้ ฉันรู้ว่าคุณเป็นสามีของฉัน และเรามีทะเบียนสมรส แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แค่เปลี่ยนสถานะของคุณในฐานะสามี ฉันรู้ดีว่าคุณคิดอย่างไร!”

“เฟิงหานชวน คุณมีความสามารถกว่านี้ คนดีๆแบบคุณสามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้ได้”

“คนบ้า! คนบ้า! คุณมันคนบ้า!”

เฉินฮวนฮวนแทบจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนผิดปกติ และผิดปกติอย่างมาก

มือเล็กๆ ทั้งสองข้างของเธอทุบตีอกแกร่งของเฟิงหานชวนไม่หยุด ทว่าสำหรับเฟิงหานชวนแล้วเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอ เขาเหมือนคันยุบยิบและจั๊กจี้เท่านั้นเอง

จากนั้น ข้อมืออีกข้างหนึ่งของเธอก็ถูกคว้าเอาไว้ หลังจากนั้นร่างทั้งร่างของเธอก็ถูกดึงถลาไปข้างหน้า

วินาทีต่อมา เธอก็ถลาเข้ามาอยู่อ้อมอกของชายหนุ่ม

  

“เงียบหน่อย ผมจะไปหยิบหลักฐานมาให้คุณดู”

เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นข้างใบหูของเธอ

หลักฐาน?

  

เฉินฮวนฮวนนิ่งไป

  

ยังไม่ทันให้การตอบสนองของเธอกลับมา เฟิงหานชวนก็ปล่อยเธอ และก้าวขายาวออกจากห้องนี้ไป

เฉินฮวนฮวนรีบเดินไปที่ประตูห้องแล้วปิดประตู เธอกำลังจะล็อกประตู ทว่าเธอนึกถึงคำที่เฟิงหานชวนเพิ่งพูดขึ้นมาอีกครั้ง

  

เขาไปหยิบหลักฐาน? หลักฐานอะไรกันแน่?

  

เฟิงหานชวนกำลังทำบ้าอะไรอยู่กันแน่?

สุดท้ายเฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้ล็อกประตู เธอเพียงปิดประตู หลังจากนั้นเธอก็ก้าวเท้าเล็กๆ ไปที่ข้างเตียง และนั่งรอไปพลางๆ

ทว่า เมื่อคิดว่าเฟิงหานชวนจะมา เธอก้มลงมองชุดนอนสายเดี่ยวของตัวเอง แล้วรีบหยิบเสื้อคลุมจากกระเป๋าเดินทางมาห่อหุ้มตัวเองเอาไว้

  

เมื่อก้มลงดูว่าตัวเองห่อหุ้มอย่างมิดชิดดีแล้ว เฉินฮวนฮวนถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

  

ในเวลานี้เอง ประตูถูกบิดเปิดออก ชายหนุ่มเปิดประตูแล้วเดินเข้ามา

เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นยืนทันที ดวงตากลมโตรูปเมล็ดซิ่งจับจ้องชายหนุ่มที่เดินเข้ามาอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะถามขึ้นเสียงดัง “คุณเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ หลักฐานอะไร?”

  

“หลักฐานอยู่นี่” เฟิงหานชวนเอื้อมมือไปคว้ามือของเฉินฮวนฮวนเอาไว้ แล้วหยิบสมุดสีแดงที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเขาออกมา และวางลงบนฝ่ามือของเธอ

เฉินฮวนฮวนมองสมุดสีแดงบนฝ่ามือของตัวเอง ตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่สามตัว “ทะเบียนสมรส” กำลังส่องแสงเจิดจ้าภายใต้แสงไฟ

เธอเอื้อมมืออีกข้างเปิดสมุดสีแดง เมื่อเห็นชื่อและข้อมูลของบุคคลในสมุด เฉินฮวนฮวนถึงกับต้องเบิกตากว้างทันที

  

หลังจากนั้น เธอขยี้ตาตัวเองแรงๆ แล้วพยายามกะพริบตาถี่ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองมองไม่ผิด

ทว่า เธอมองไม่ผิด ข้อมูลของสามีภรรยาในทะเบียนสมรสคือเธอ และข้อมูลของสามีไม่ใช่เฟิงเฉินเหยี่ยน แต่เป็น…เฟิงหานชวน

นี่ นี่ นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

  

“นี่มันของปลอม!” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างหนักแน่น

“…” ริมฝีปากของเฟิงหานชวนกระตุกขึ้นหลายครั้ง

เดิมทีเขาคิดว่าเอาหลักฐานมาจากนายท่าน เฉินฮวนฮวนจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาทันที ไม่คิดเลยว่าประโยคแรกของเธอ กลับกลายเป็น…

“ของปลอม?” ใบหน้าของเขาเรียบนิ่ง และเอ่ยถามต่อ “คุณคิดว่ามันเหมือนของปลอม? ไม่อย่างนั้นผมจะพาคุณไปตรวจสอบ?”

  

“ไม่ต้องตรวจสอบก็รู้ว่า นี่มันของปลอม ในสมุดมีแค่ข้อมูลของพวกเรา แต่ไม่มีรูปถ่าย แถมฉันกับคุณก็ไม่ได้ไปจดทะเบียนด้วย!” เฉินฮวนฮวนกล่าวอีกครั้งอย่างมั่นใจ

  

“คุณคิดว่าคนในตระกูลเฟิงของพวกเราต้องไปจดทะเบียนสมรส หรือว่าต้องไปเข้าแถวที่สำนักงานกิจการพลเรือนเหรอ?” เฟิงหานชวนเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ภายในใจกำลังรู้สึกโมโหเฉินฮวนฮวนอย่างมาก

ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ต่อปากต่อคำขนาดนี้ล่ะ?

  

“…” ในเวลานี้ เฉินฮวนฮวนถึงกับพูดไม่ออก

เฟิงหานชวนหยิบสมุดสีแดงสองเล่มขึ้นมาแล้วโยนลงบนโต๊ะข้างเตียง เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นท้าวเอวพลางมองลงไปยังเฉินฮวนฮวนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง

  

“เฉินฮวนฮวน สถานะที่แท้จริงของคุณคือคุณนายสามของตระกูลเฟิง ไม่ใช่นายหญิง เข้าใจไหม?” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม และแก้ไขตำแหน่งของเฉินฮวนฮวนอีกครั้ง

นับจากนี้เป็นต้นไป เขาไม่ยอมให้หลานชายตัวเองใช้ชื่อเสียงของตัวเองอีกแล้ว รวมถึงสมุดสีแดงที่เขาเอามาจากนายท่านเล่มนั้น คือการประกาศว่าเขายอมรับเฉินฮวนฮวนแล้ว

“ไม่ เข้า ใจ” เฉินฮวนฮวนช้อนตามองเฟิงหานชวนแล้วกลอกตาใส่เขา

เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนกำลังเล่นตลกกับเธอ เธอถูกเฟิงหานชวนทารุณมาโดยตลอด หลังจากเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนัก เธอก็จิตใจสงบขึ้นมาก

ดังนั้น ตอนนี้เฟิงหานชวนเป็นแบบนี้ ในสายตาของเธอก็เป็นเพียงลูกไม้ของผู้ชายเท่านั้น

  

“เฉินฮวนฮวน คุณยังไม่เข้าใจ?” เฟิงหานชวนถึงกับปวดหัวขึ้นมาทันที

“อยากแกล้งฉันอีกใช่ไหม? คุณเห็นฉันเป็นของเล่น? ฉันจะไม่เชื่อคุณอีกแล้ว” ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความจริงจัง

  

“แค่ก แค่ก แค่ก…”

  

ในเวลานี้เอง เสียงไอค่อกแค่กดังมาจากหน้าประตู

  

เฉินฮวนฮวนจำเสียงนี้ได้ เสียงของเฟิงเหลยถิงนายท่านของตระกูลเฟิง

  

เธอลุกขึ้นยืนทันที และรีบเดินไปที่ประตูแล้วเปิดประตู เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด เฟิงเหลยถิงยืนอยู่หน้าประตู

  

“คุณปู่” เฉินฮวนฮวนเอ่ยเรียกอย่างสุภาพ

  

เฟิงเหลยถิงอยู่ในชุดนอนพิมพ์ลาย นับว่าดูวัยรุ่นอย่างเห็นได้ชัด ทว่ายังให้ความรู้สึกหรูหรามีระดับ

  

“ฮวนฮวน เรื่องที่พวกเธอเพิ่งคุยกันฉันได้ยินหมดแล้ว” เฟิงเหลยถิงเหลือบมองเฟิงหานชวนแวบหนึ่ง เขาเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจแล้วส่ายหัวไปมา

  

เขารู้สึกว่าลูกชายคนที่สามของตัวเองคนนี้รับมือกับผู้หญิงไม่ได้ เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด เขาเดาไม่ผิดจริงๆ

หลักฐานทั้งหมดถูกหยิบมา แต่ยังไม่ได้พาฮวนฮวนไปจัดการให้เรียบร้อย

  

“คุณปู่ ฉัน…” จู่ๆ เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าไม่สามารถหลบหนีได้ ราวกับว่ากำลังหารูมุดดินหนีไป

  

สิ่งที่เธอพูดเมื่อสักครู่ตรงไปตรงมาอย่างมาก นายท่านตระกูลเฟิงเป็นอีกคนที่สั่งสมประสบการณ์มาอย่างคับแน่น แน่นอนต้องเดาได้ว่าระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนมีเรื่องขุ่นเคืองกัน

  

ไม่อย่างนั้น เมื่อสักครู่เขาก็คงไม่จงใจไอขึ้นมาเช่นนั้น

  

“ฮวนฮวน เรื่องที่เจ้าสามพูดไม่ผิดหรอกนะ จริงๆ แล้วเธอเป็นภรรยาของเขา ทะเบียนสมรสก็เป็นของจริง ฉันให้คนไปจดทะเบียนแทนพวกเธอเอง” ใบหน้าของเฟิงเหลยถิงค่อนข้างจริงจัง น้ำเสียงของเขาก็เช่นกัน

  

“หะ?” ครั้งนี้เฉินฮวนฮวนสับสนแล้วจริงๆ

  

เธอหันหน้ากลับมาอย่างไม่พูดไม่จา มองเฟิงหานชวนแวบหนึ่ง แล้วหันหลับมามองเฟิงเหลยถิงอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวตะกุกตะกักว่า “คุณปู่ คุณปู่ไม่ได้บอกว่า…อาเหยี่ยน…แล้วฉัน…”

  

เฉินฮวนฮวนพูดออกมาเป็นคำพูดปกติทั้งประโยคไม่ได้เสียแล้ว

ไม่ใช่ว่าให้เธอมาเป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยนเหรอ? แล้วกลายมาเป็นเฟิงหานชวนได้อย่างไร?

  

นี่ นี่ นี่…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

  

“ไอหยา ทั้งหมดเป็นความคิดโง่ๆ ของคนแก่อย่างฉันเอง ทำเรื่องนี้ให้มันซับซ้อน!” เฟิงเหลยถิงทุบหัวตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดโมโห

  

ในตอนนี้เอง เสียงเค้นหัวเราะที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างหลังเฉินฮวนฮวน

  

เธอหันกลับไป เห็นว่าเฟิงหานชวนยืนอยู่ข้างหลังเธอแล้ว สีหน้าของเขามืดครึ้ม สายตากำลังมองไปที่พ่อของเขาเฟิงเหลยถิง

  

“ตาเฒ่า คราวหน้าไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องของผม” เฟิงหานชวนกล่าวอย่างเย็นเยือก “ถ้าไม่ใช่เพราะตอนแรกพ่อร้องไห้โวยวายจะผูกคอตาย ผมก็ไม่อยู่กับพ่อจนถึงตอนนี้หรอก”

“เจ้าสาม แก แก แก…ฮวนฮวนยังอยู่ตรงนี้นะ แกพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง!” เฟิงเหลยถิงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาทันที

เฉินฮวนฮวนยืนอยู่ระหว่างทั้งสองคน เธอไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง

  

“โอเค โอเค โอเค ฉันรู้ว่าแกไม่อยากอยู่บ้าน ไม่อยากอยู่กับตาเฒ่าอย่างฉัน ก่อนหน้านี้แกโสด แกอยู่นอกบ้านคนเดียว เหงาจะตายไป!”

  

“ได้ ได้ ได้ ตอนนี้แกมีเมียแล้ว แกอยากไปอยู่ข้างนอกกับฮวนฮวน ฉันไม่เป็นไรหรอก ยังไงตอนนี้ฉันก็มีนานาแล้ว”

  

“ลูกผู้ชายโตแล้วก็รั้งไว้ไม่ได้!”

  

เฟิงเหลยถิงพูดเรื่อยเจื้อยไม่หยุด ทว่าใบหน้าของเฉินฮวนฮวนยังคงเต็มไปด้วยความสับสน

ทว่า เธอได้รับเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง

  

เธอเฉินฮวนฮวน จริงๆ แล้วเป็นภรรยาของเฟิงหานชวนเหรอ?

"ที่จริงคุณรังเกียจฉัน คุณคิดว่าฉันไม่คู่ควรกับอาเหยี่ยนเพราะว่าฉันไม่บริสุทธิ์"

เฉินฮวนฮวนมองไปที่ชายตรงหน้าเธอด้วยสายตาที่แน่วแน่พร้อมกับน้ำเสียงที่หนักแน่น เธอเดาไม่ผิดและไม่มีทางเดาผิด

"ไม่ใช่!"เฟิงหานชวนปฏิเสธทันที

เขายังพูดไม่ทันจบ แต่เฉินฮวนฮวนก็ชิงพูดเสียก่อน เธอยังคงพูดเหมือนกับว่าเขารังเกียจเธอมาก

"โอเค ฉันจะออกห่างจากอาเหยี่ยน แต่คงต้องรออีกครึ่งเดือนหลังจากนี้"เฉินฮวนฮวนสูดลมหายใจและพูดอย่างจริงจัง: "ฉันจะต้องเข้าฝึกในเช้าวันรุ่งขึ้น ฉันจะไปฝึกครึ่งเดือน และพรุ่งนี้ฉันต้องเตรียมสัมภาระแล้ว ตอนนี้ฉันเลยไม่มีเวลาไปหาห้องเช่า"

"ดังนั้น เฟิงหานชวน เมื่อฉันกลับมาจากค่ายฝึก ฉันจะออกไปหลังจากหาห้องเช่าได้ แบบนี้โอเคไหม?"

"แบบนี้คุณพอใจหรือยัง?”

เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนพุ่งเป้ามาที่เธอตลอด มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงต่อไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอจะเข้าร่วมแข่ง และถ้าเธอออกมา และหลังจากที่เธอโด่งดังจนร่ำรวยแล้ว เธอก็จะสามารถจัดการกับคนตระกูลเฉินได้ด้วยตัวของเธอเองได้

ทั้งนายท่านเฟิง เฟิงเฉินเหยี่ยน เฉินนานาและแม่บ้าหลี่ ทุกคนปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี ที่จริงแล้วเธอค่อนข้างสบายใจที่จะอยู่ที่นี่

แต่เฟิงหานชวนไม่ยอมให้เธออยู่ต่อ

เนื่องจากเขาไม่อนุญาตให้เธออยู่ เธอก็ต้องออกไป ไม่เช่นนั้นคงจะเกิดความขัดแย้งมากมายขึ้นในอนาคต

เฟิงหานชวนตะลึง

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? เธอจะไปมะรืนนี้ แถมยังต้องออกไปเป็นเวลาครึ่งเดือน?

ยิ่งไปกว่านั้นหญิงเจ้ากรรมคนนี้ยังบอกว่าเมื่อเธอกลับมาจากค่ายฝึก เธอจะออกจากบ้านตระกูลเฟิง แถมยังมาถามเขาอีกว่าเขาพอใจหรือยัง?

"เฉินฮวนฮวน คราวหน้าเวลาที่ผมพูด คุณอย่าขัดจังหวะได้ไหม?"เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูโกรธเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปและคว้าหมอนจากแขนของผู้หญิงตรงหน้าทันที

เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์โกรธไว้และโยนหมอนลงบนพื้น

ทันใดนั้นสายลมเย็นก็พัดผ่านร่างกายของเธอ เธอกอดตัวเองโดยไม่รู้ตัว

"อาสาม คุณแก่กว่าฉันมาก ฉันคิดว่าการที่ฉันเรียกชื่อคุณคงไม่ดี ฉันตกลงที่จะไปแล้ว ดังนั้นช่วยโปรดกลับไปที่ห้องของคุณเถอะ"เฉินฮวนฮวนหลับตาลง น้ำเสียงของเธออ่อนลง ความสุภาพของเธอแสดงถึงความเหินห่าง

สำหรับเธออยู่ที่ไหนก็มีค่าเท่าเดิม เพราะอย่างไรเธอก็ไม่มีญาติอยู่แล้ว

เธอไม่ต้องการทะเลาะกับเฟิงหานชวนอีกแล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยเกินไป ตั้งแต่มาที่บ้านตระกูลเฟิง ความขัดแย้งระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนก็ไม่เคยหยุดเลย

เธอคิดว่าความเข้าใจผิดระหว่างพวกเธอนั้นได้รับการแก้ไขแล้ว และก็สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ แต่เฟิงหานชวนก็ยังคงไม่ปล่อยเธอ

"กลับห้อง? จะให้ผมไปไหน ที่นี่คือห้องของผม"เมื่อเห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวนแล้ว เฟิงหานชวนก็รู้สึกไม่สบายใจ

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้ว เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย ใบหน้าของเธอดูกระสับกระส่ายเล็กน้อย: "อาสาม ฉันสัญญาไปแล้วว่าจะออกไปจากที่นี่ คุณยังต้องการอะไรอีก?"

"ถัดไปเป็นห้องรับรองแขก ที่นี่คือห้องของผม บ้านหลังเก่าเองก็ไม่มีห้องของอาเหยี่ยน"เฟิงหานชวนจ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างแน่วแน่

อยากวิ่งหนีเหรอ? ไม่มีทาง!

เขาจะบอกความจริงกับเธอตอนนี้

"อะไร?"เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วแน่นมากขึ้น ใบหน้าของเธอดูว่างเปล่า เธอไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่เฟิงหานชวนต้องการจะสื่อได้สักนิดเลย

นี่ไม่ใช่ห้องหอสำหรับอาเหยี่ยนหรอกเหรอ? ทำไมไม่มีห้องสำหรับอาเหยี่ยน?

"เฉินฮวนฮวน ที่นี่มันคือห้องของผม มันคือห้องหอของผมกับคุณตั้งแต่แรกแล้ว"ในที่สุดเฟิงหานชวนก็พูดออกมา

ในตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนมากกว่าเดิม เธอคิดว่าเฟิงหานชวนรู้สึกร้อนรนมากจนเริ่มพูดเรื่องไร้สาระ?

"คุณคิดว่าครึ่งเดือนที่ฉันพูดไปเป็นข้ออ้างสำหรับการผัดวันประกันพรุ่งเหรอ?ฉันจะไปครึ่งเดือนจริงๆ แล้วอีกครึ่งเดือนถึงจะกลับมา คฤหาสน์ของแม่เองฉันก็ไม่ต้องการแล้ว แถมยังต้องผิดสัญญาระหว่างฉันกับนายท่านเฟิงอีก หรือคุณต้องการให้ฉันไปตอนนี้เลย? "

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเฟิงหานชวนถึงเลือดเย็นได้ขนาดนี้ ยอมทนหน่อยสักหน่อยก็ไม่ได้เหรอ?

เฟิงหานชวนกุมหน้าผากของเขา

เขารู้สึกว่าเขาและเฉินฮวนฮวนไม่ได้ไปในทางเดียวกันกับเขาเลย

"เฉินฮวนฮวน คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ?"เขาก้มตัวเข้าไปใกล้ๆเธออีกครั้ง เกือบจะเอนเข้าไปใกล้ตัวเธอแล้ว เขาค่อยๆพูดทีละคำทีละประโยค: "นี่คือห้องหอของผมกับคุณ ดังนั้นแล้วมันหมายความว่าอะไรล่ะ?"

"ความหมายของประโยคนี้ก็คือคุณกับผมเป็นคู่แต่งงานกันไง"

"บ้า! คุณมันบ้าจริงๆ!"เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอพูดแต่เรื่องไร้สาระ

เธอสงสัยว่าเฟิงหานชวนเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า? นี่มันบ้าชัดๆ!

"คุณไม่เชื่อผม ใช่ไหม?"เฟิงหานชวนคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว

แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เฉินฮวนฮวนเชื่อในทันที ดังนั้นเขาจึงต้องอธิบายให้ชัดเจน

"คุณมันบ้า ฉันแนะนำให้คุณไปที่โรงพยาบาลบ้า"

"ฮวนฮวน เมื่อคืนคุณก็ดูมีความสุขกับผมนี่ แต่วันนี้คุณกลับมาเรียกผมว่าคนบ้าน่ะเหรอ?"เฟิงหานชวนเปลี่ยนน้ำเสียงให้นิดหน่อย

เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ: "คุณ…คุณพูดอะไร?"

เมื่อคืนที่ผ่านมาในคืนที่มืดมิด ผู้ชายที่นอนอยู่กับเธอ

กลับเป็นเฟิงหานชวน!

เธอคิดว่าเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยน จะเป็นเฟิงหานชวนไปได้อย่างไร?

ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอรู้สึกว่าความรู้สึกนั้นมันคุ้นเคยมาก เพราะเขาคือเฟิงหานชวน

"คุณก็รู้ว่าอาเหยี่ยนไม่ได้กลับบ้านตอนกลางคืน?"เฟิงหานชวนเหยียดมือออกไปและลูบผมของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนยังคงตกตะลึง เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไปสักคำ

เธอตกตะลึงกับความไร้ยางอายของเฟิงหานชวน!

"คุณทำแบบนี้ได้ยังไง……"เฉินฮวนฮวนได้สติกลับมาและน้ำตาก็เริ่มล้นเต็มดวงตาของเธอ

เมื่อคืนเธอมองว่าเขาเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยนและปฏิบัติกับเขาอย่างดี เมื่อคิดถึงตอนนั้นเธอก็รู้สึกอับอายมาก

เฟิงหานชวนเห็นเธอเป็นอะไร? แกล้งเธอแบบนี้ได้อย่างไร?

น่าเสียดายที่เธอคิดว่าเฟิงหานชวนเป็นคนดี!

"ร้องไห้ทำไม?"เมื่อมองดูท่าทางที่ไม่พอใจของเธอ เฟิงหานชวนก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย เขาใช้นิ้วหัวแม่มือของเขาเช็ดน้ำตาจากมุมตาของเธอเบา ๆ

แต่ตอนนี้เฉินฮวนฮวนร้องไห้หนักมากขึ้นกว่าเดิม

เธอผิดไปแล้ว ทำผิดไปแล้วจริงๆ

เธอคิดว่าทำไมตัวเองจะต้องมาทุกข์ทรมาณอย่างนี้ด้วย!

หลังจากกำจัดหลิวตงรุ่ยออกไปได้แล้ว เงาในคืนนั้นก็สว่างขึ้นด้วยการเอาสร้อยคอของแม่เธอกลับคืนมาได้

แต่ตอนนี้…

มันทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งออกจากถ้ำหมาป่าและตอนนี้ก็กลับมาเข้าถ้ำเสือแทน

"เฟิงหานชวน คุณกับอาเหยี่ยนเป็นญาติกัน ความสัมพันธ์เป็นอาและหลานกัน ทำไมความผิดชอบชั่วดีของคุณถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้?"เฉินฮวนฮวนร้องไห้และบ่นพึมพำ

แม้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะมีข่าวลือมากมาย แต่เมื่อเธอได้เจอกับเขา เธอก็รู้สึกสบายใจมาก เพราะเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่เคยล่วงเกินเธอและดูใส่ใจเธอด้วยคำพูดและทุกการกระทำ

เขาดูสดใสและมีชีวิตชีวา ทุกๆการกระทำของเขาก็ดูเป็นสุภาพบุรุษมาก แม้ว่าเขาจะมีผู้หญิงมากมาย แต่อย่างน้อยในแง่ของชีวิต อย่างน้อยเฟิงเฉินเหยี่ยนก็ยังรู้จักผิดชอบชั่วดี

ตรงกันข้าม เฟิงหานชวนกลับ…

"เฉินฮวนฮวน คุณเป็นภรรยาของผมและเป็นอาสามของอาเหยี่ยน!"เฟิงหานชวนยื่นมือออกไปจับไหล่ที่เรียวยาวของหญิงสาวแล้วถอนหายใจ

เขาไม่มีเวลามาสนใจว่าเฉินฮวนฮวนจะยังคงร้องไห้อยู่หรือไม่ เขาเพียงแค่ต้องรีบพูดเรื่องนี้ออกไปสักที

“เจ้าสามกลับมาแล้ว! มา ๆ มากินมื้อค่ำด้วยกันมา” เฟิงเหลยถิงกลอกตามองไปรอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็โบกมือไปทางเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนชำเลืองตามองไปทางเฉินฮวนฮวนด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะอาหาร

เฉินฮวนฮวนเพิ่งสังเกตเห็นสายตาของเฟิงหานชวน เธอเม้มปากเล็กน้อย ก้มหน้าและเดินเข้าไป

“เจ้าสาม แก้มซ้ายไปโดนอะไรมา? มันแดง ๆ เหมือนจะบวมหน่อย ๆ ด้วย นายโดนตบมาเหรอ?”

เฉินฮวนฮวนที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ได้ยินเฟิงเหลยถิงถามเฟิงหานชวนพอดี เธอตกใจจนเกือบทรงตัวไม่อยู่

ฝ่ามือนั้นเป็นรอยที่เธอทิ้งไว้เอง ดูเหมือนจะทิ้งรอยไว้อย่างหนักหน่วงด้วย

เธอแอบปรายตาช้อนขึ้น และมองไปยังเฟิงหานชวนที่อยู่ตรงข้าม ซึ่งแสงไฟในร้านอาหารกระทบลงมาบนใบหน้าของเขาพอดี ทำให้เห็นรอยนิ้วทั้งห้าแดงจาง ๆ

ตอนนี้เอง เฟิงหานชวนก็ได้มองมาทางเธอเช่นกัน ทั้งสองคนสบตากัน เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหัวใจนั้นหยุดเต้นไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบเบนสายตาไปทางอื่น

ทำไมเธอถึงได้รู้สึกขาดความมั่นใจขนาดนี้ละ?

เห็น ๆ อยู่ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ทำผิดคือเฟิงหานชวนต่างหาก เขาถือโอกาสตอนที่ตัวเองหลับ จู่โจมเธอ!

แต่ตอนนี้ เธอกลับไม่กล้ามองหน้าผู้ชายคนนี้

“โดนกระต่ายตัวหนึ่งตบมาแค่นั้น” เฟิงหานชวนจ้องเขม็งไปทางเฉินฮวนฮวนที่อยู่ตรงข้ามอย่างไม่ลดละ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

กระต่าย!?

เฉินฮวนฮวนรีบเบนสายตามาทางเฟิงหานชวนทันที จากนั้นเธอก็พบว่า เฟิงหานชวนกำลังมองมาทางเธอเช่นกัน อีกทั้งคำพูดเมื่อสักครู่ก็เหมือนจะหมายถึงเธอด้วย

เฟิงหานชวนแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ ตั้งใจใช่ไหม?

“แค่ก แค่ก” หลังจากที่เฟิงเหลยถิงได้ยิน ก็ไอแห้งออกมา ราวกับสำลักอะไรสักอย่าง ก่อนจะรีบพูดว่า : “กินข้าว ๆ!”

เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นเฟิงเหลยถิงไม่ถามต่อ จึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในใจ

เธอคิดว่าเรื่องนี้จะจบแบบนี้ แต่ใครจะไปรู้ หลังจากที่กินข้าวเสร็จ เธอกลับมาถึงห้องได้ไม่นาน เฟิงหานชวนก็พังประตูถลันตัวเข้ามา

เธอรู้ก่อนแล้ว จึงล็อกประตูไว้!

สิ่งสำคัญก็คือในตอนนี้ เธอเปลี่ยนเป็นชุดนอนสายเดี่ยวเรียบร้อยแล้ว เตรียมจะนอน ด้วยชุดที่ค่อนข้างเปิดเผย

“เฟิงหานชวน คุณเข้ามามั่ว ๆ ไม่ได้นะ!” เฉินฮวนฮวนยืนอยู่ข้างเตียงพอดี เธอหยิบหมอนขึ้นมากอดไว้ด้านหน้าของตัวเอง เพื่อปกปิดผิวหนังเรือนร่างของตัวเอง

เฟิงหานชวนปิดประตูเรียบร้อย แต่เขาทำเหมือนไม่ได้ยิน สาวเท้าก้าวไปหาเฉินฮวนฮวนทีละก้าว ๆ

เฉินฮวนฮวนถูกเบียดเข้าไปในมุมผนัง หลบหลีกยังไงก็หลบหลีกไม่พ้น

“เฟิงหานชวน ที่นี่คือบ้านตระกูลเฟิง ไม่ใช่อาณาเขตของคุณ ถ้าคุณกล้าทำอะไรฉัน อย่ามาโทษฉันละกันว่าฉันตะโกนเสียงดัง!” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างมองไปยังผู้ชายตรงหน้า พร้อมกับพูดขู่ด้วยเสียงทุ้มต่ำ

เธอไม่เชื่อ ว่าเฟิงหานชวนจะไม่ละอายแก่ใจจริง ๆ ถึงขนาดกล้ามาทำลวนลามกับหลานสะใภ้ตระกูลเฟิงเชียวเหรอ?

เพียงแต่ความถูกต้อง ความยุติธรรม ศีลธรรมและเกียรติยศก็ควรจะมีสักนิด

เฟิงหานชวนมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังโกรธลมออกหู แต่กลับรู้สึกว่าเธอน่ารักแทบใจละลาย ต่อให้เธอจะอยู่ในช่วงระเบิดอารมณ์อยู่ก็ตาม

เข้าโค้งตัวลงมา กักกันตัวเธอไว้อย่างแน่นหนา กำราบเธอให้อยู่ในอาณาเขตที่เขาสร้างขึ้น

“เฉินฮวนฮวน ถ้าเรากำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม แล้วคุณตะโกนเรียกคนอื่นมา คุณคิดว่าคนที่รู้สึกอึดอัดมีแค่ผมเหรอ?” ในขณะที่เขาพูด มุมปากก็ได้กระตุกขึ้น เผยเสียหัวเราะเยาะเบา ๆ

“ฉันไม่มีวันจูบอย่างดูดดื่มกับคุณเด็ดขาด คุณบังคับฉัน ฉันไม่ได้ยินยอม ฉัน……….” เฉินฮวนฮวนกำลังอ้าปากโต้แย้ง แต่กลับถูกปิดปากไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว

คำพูดเมื่อสักครู่ ทำให้เธอนึกถึงค่ำคืนที่น่าหวาดกลัวในบลูส์คลับนั้น

หลิวตงรุ่ยบังคับฝืนใจเธอ เธอขัดขืนไม่ไหว เธอไม่ได้ยินยอม แต่สุดท้ายก็ถูกชิงความบริสุทธิ์แรกไป

ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้เข้า เธอจะต้องถูกคนอื่นจับผิด ใช้ชีวิตอยู่ในวังวนแห่งความมืดมิดอย่างแน่นอน

ดวงตาร้อนผ่าว ปล่อยให้น้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ทำไมโลกใบนี้ถึงไม่ยุติธรรมกับคนอ่อนแอเลยล่ะ!

เธอไม่อยากกลายเป็นคนอ่อนแอ เธออยากเป็นคนเข้มแข็ง แต่เธอกลับไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น

เมื่อเฟิงหานชวนเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเฉินฮวนฮวน เขารู้สึกบีบหัวใจทันที จากนั้นก็รีบพูดว่า : “ไม่ได้รับความเป็นธรรม? ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรคุณ แค่ล้อคุณเล่นก็เท่านั้นเอง”

เขาเป็นกังวลว่าเฉินฮวนฮวนจะคิดถึงเรื่องในวันนั้น เขาไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่า แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ การแสดงออกแบบนั้นของเฉินฮวนฮวน ชัดเจนมาก

“ล้อฉันเล่นเหรอ?” เฉินฮวนฮวนปาดน้ำตา ก่อนจะตำหนิออกไป “เฟิงหานชวน ถ้าคุณแค่ล้อเล่นฉัน ก็อย่ามาทำกับฉัน……”

อย่ามาทำเรื่องแบบนั้นกับเธอ จูบเธอ กอดเธอ สัมผัสเธอ……….

เฟิงหานชวนพูดไม่ออก

เวลาแบบนี้ เขากล้าบอกความจริงไหมล่ะ? ถ้าพูดออกมา เฉินฮวนฮวนจะรับได้ไหม?

“เฟิงหานชวน ฉันถามคุณหน่อย” เฉินฮวนฮวนปรายตาขึ้นมามองเฟิงหานชวน จากนั้นก็ถามว่า : “คุณไม่ได้อยากให้ฉันเป็นภรรยาของอาเยี่ยนใช่ไหม ดังนั้นจึงมาทำกับฉันแบบนี้?”

ก่อนหน้านั้นเฟิงหานชวนไล่เธอออกมาจากตระกูลเฟิง ทำเรื่องที่เกินไปกับเธอ

แต่นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่ทั้งสองคนคืนดีกัน เฟิงหานชวนยังลงมือกับเธอ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้โหดร้ายเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ระรานเธอมากทีเดียว

“ใช่” เฟิงหานชวนตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา

เธอเป็นภรรยาของเขา เขาไม่หวังให้เธอเป็นภรรยาของอาเยี่ยน

“ว่าแล้วเชียว” เฉินฮวนฮวนรู้ว่าตัวเองเดาไม่ผิด เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และถามอีกครั้งว่า : “เพราะคิดว่าฉันไม่เหมาะสมกับอาเยี่ยนใช่ไหม?”

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เขานึกไม่ถึงว่าเฉินฮวนฮวนจะถามแบบนี้

“ไม่ใช่” เขาปฏิเสธ

“แล้วเพราะอะไรละ?” เฉินฮวนฮวนแทบจะเป็นบ้า เฉินฮวนฮวนถูกเฟิงหานชวนบังคับจนแทบบ้า

เธอแค่อยากมีชีวิตดี ๆ มีชีวิตที่สงบสุข มีชีวิตที่เป็นระบบระเบียบ มีชีวิตที่กระตือรือร้น มีชีวิตเพื่อแก้แค้น

เฟิงหานชวนต่างหาก ที่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเธอตลอด

“คุณอยากรู้จริง ๆ เหรอว่าเพราะอะไร?” เฟิงหานชวนยืดตัวตรง จากนั้นก็มองไปยังผู้หญิงตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ

จมูกที่แดงระเรื่อ ริมฝีปากที่แดงอวบอิ่ม น้ำตาคลอหน่วยไหลรินออกมาจากดวงตาโตใสแป๋ว แก้มทั้งสองข้างยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือ

“ใช่ ฉันอยากรู้จริง ๆ ฉันอยากรู้ว่าฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมคุณถึงเมินเฉยกับฉันแบบนี้?” เฉินฮวนฮวนสูดน้ำมูกเล็กน้อย กลั้นหยดน้ำตา เห็นแล้วเจ็บปวดใจอย่างมาก

น่าจะเพราะหลิวตงรุ่ย

คำถามนี้ เธอไม่กล้าถาม เธอกลัวที่จะถาม

เพราะเธอถูกข่มขื่นมาก่อน ดังนั้นเฟิงหานชวนจะไม่ต้องการให้ผู้หญิงแบบเธอมาแต่งงานกับหลานชายของเขา?

ถึงแม้ว่าเฟิงหานชวนจะช่วยเธอ ช่วยนำสร้อยคอมาคืนเธอได้ และยังขอโทษเธอ แต่ไหนแต่ไรมา ก็ยังแคร์เรื่องนี้อยู่ดี!

“ผมไม่ได้เมินเฉยกับคุณ” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนแบบนี้ทำให้น่าปวดใจมากในสายตาของเขา

ต่อให้เฉินฮวนฮวนจะไม่มีทางรับได้ แต่เขาก็ตั้งใจจะพูดออกมา ให้เธอเข้าใจความจริง บางทีอาจจะดีกว่าปกปิดไว้ก็ได้?

เฟิงหานชวนหยุดพูดอีกครั้ง ทำให้เฉินฮวนฮวนยากจะรับได้

เขาบอกว่าไม่ได้เมินเฉยเธอ แต่กลับไม่บอกว่าทำไมถึงไม่เมินเฉยเธอ เพราะเรื่องนั้นเขาไม่กล้าพูดตรง ๆ เลยเหรอ?

“ฮวนฮวน มองตาผม” เฟิงหานชวนพูดเสียงทุ้มต่ำ แต่กลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยน

เฉินฮวนฮวนเบนสายตาไปทางอื่น ไม่ฟังเขา

เฟิงหานชวนรู้ว่าตอนนี้เธอเกลียดเขามาก เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและแข็งกร้าวเล็กน้อย : “ผมกลัวว่าคุณจะรับไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่พูด”

“ฮวนฮวน จริง ๆ แล้ว …..”

เมื่อเฟิงหานชวนออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับยาทาในมือ

หรงจิ่นซิวบอกเขาอาการแบบนี้น่าจะไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ จะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขาถ้าใช่ยาทาภายนอก

เพราะเฉินฮวนฮวน เลยทำให้เขารู้สึกอับอายต่อหน้าพี่น้องของเขา

……

ในอีกด้านหนึ่งเฉินฮวนฮวนถึงที่บ้านตระกูลเฟิงและกลับไปที่ห้องของตัวเอง

แต่ทันทีที่เธอเข้าไปเธอก็ตกใจทันที เพราะในห้องนั้นเต็มไปด้วยถุงช้อปปิ้งทั้งถุงเล็กและถุงใหญ่ และโลโก้บนกระเป๋านั้นชัดเจนมากคือแบรนด์ "วีวี่"

เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อยและรีบลงไปข้างล่างเพื่อพบแม่บ้านหลี่ทันที

"แม่บ้านหลี่ ทำไมในห้องของฉันถึงมีถุงช้อปปิ้งเยอะเต็มไปหมดล่ะ?"

"มันถูกส่งมาจากคนของห้างอวิ๋นตวน และเขาบอกว่ามันเป็นเสื้อผ้าของคุณฮวนฮวนทั้งหมด"แม่บ้านหลี่ตอบอย่างจริงจัง

"เสื้อผ้าของฉัน?" แต่ฉันไม่ได้ซื้อนี่"เฉินฮวนฮวนเกาหัวตัวเองอย่างงงๆ

"คุณชายสามให้คนส่งมาให้ คุณรับไว้เถอะ"แม่บ้านหลี่ยิ้มอย่างใจดี

"เฟิงหานชวน?"ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างขึ้นทันที เธอตกใจจนปิดปากของเธอ เธอเปลี่ยนคำพูดของเธอในทันที: "ไม่คิดว่าอาสามจะให้คนส่งมันมาให้ฉัน"

ต่อหน้าแม่บ้านหลี่ มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักถ้าเธอจะเรียกเฟิงหานชวนด้วยชื่อนั้น

แต่เมื่อพูดถึงเฟิงหานชวนเธอยังคงรู้สึกโกรธ

ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้กล้าขนาดนี้?

เฉินฮวนฮวนกลับมาที่ห้องและมองดูถุงช้อปปิ้งทั้งใบใหญ่และใบเล็ก เธอแทบไม่อยากมองมันด้วยซ้ำ

เฟิงหานชวนให้คนส่งเสื้อผ้าจำนวนมากมายมาให้เธอ เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?

ชดเชยให้กับเธอ? หรือเพื่อปิดปากเธอ? หรือไม่อยากให้เธอฟ้อง?

อย่างไรเธอก็ไม่ได้ต้องการเสื้อผ้าพวกนี้อยู่แล้ว!

"ปังปังปัง!"

ในขณะเดียวกันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เฉินฮวนฮวนเดินไปที่ประตูและเปิดออก และพบว่าเป็นเฉินนานานั่นเองที่เคาะประตู

"ฮาย นานา”เฉินฮวนฮวนทักทายเธอ

เฉินนานายิ้มและพูดว่า: "ฮวนฮวน ขอโทษนะที่วันนี้ฉันออกไปกะทันหัน เธอได้ไปช้อปปิ้งเองได้หรือเปล่า?"

"ไม่เป็นไร หลังจากคุณไปฉันก็ไม่ได้ไปซื้อของหรอก พรุ่งนี้ไปกับฉันได้ไหม?"เฉินฮวนฮวนถามอย่างคาดหวัง

เธอรู้สึกว่าการที่ได้ไปกับเฉินนานานั้นค่อนข้างรู้สึกสบายใจเพราะพวกเธอเข้ากันได้ดี

"ได้สิ!” ทันทีที่เฉินนานาตอบตกลง เธอก็เหลือบไปเห็นกองถุงช้อปปิ้งที่อยู่ข้างในห้อง เธอจึงตะโกนทันทีว่า: "ว้าว! ฮวนฮวน เธอซื้อมาเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ? "

เฉินฮวนฮวนหันกลับไปมองด้วยความเขินอาย

มีถุงช้อปปิ้งจำนวนมากอยู่ในห้องของเธอ แต่เธอเพิ่งบอกเฉินนานาว่าเธอไม่ได้ไปช้อปปิ้ง เฉินนานาคงไม่คิดว่าเธอกำลังโกหกใช่ไหม?

"นานา ฉันไม่ได้เป็นคนซื้อ!"เฉินฮวนฮวนเกาหัวและตอบปฏิเสธ

"แล้วทำไมถึงมีถุงช้อปปิ้งเยอะขนาดนี้?"เฉินนานาเดินเข้ามาหยิบถุงช้อปปิ้งและดูโลโก้ที่อยู่บนนั้น เธอพูดด้วยความประหลาดใจว่า: "นี่ของแบรนด์วีวี่ เสื้อผ้าของแบรนด์นี้สวยดีนะ"

"ชะ ใช่"นอกจากพยักหน้าแล้ว เฉินฮวนฮวนก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ

"ถ้าเธอไม่ได้ซื้อของพวกนี้ แล้วใครเป็นคนซื้อกันล่ะ?"เฉินนานาถามอีกครั้ง

"เอ่อ คือ…คืออาสามเป็นคนซื้อ "เฉินฮวนฮวนเม้มปาก แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการที่จะพูดถึงชื่อเฟิงหานชวนแต่อย่างไรแม่บ้านหลี่ก็รู้เรื่องนี้ เธอคงไม่สามารถปิดบังเฉินนานาได้อยู่ดี

เฉินนานารู้เรื่องของเธอและเฟิงหานชวน เธอเพิ่งจะอธิบายกับเฉินนานาไปในตอนเช้าและเฉินนานาก็ดันกลับมาและพบว่าเฟิงหานชวนซื้อเสื้อผ้าให้เธอในตอนเย็น?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยชัดเจน

"ว้าว~" เฉินนานาท่าทางเหมือนรู้

เฉินฮวนฮวนรีบโบกมือและอธิบายว่า: "นานา มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ระหว่างฉันกับเขามันไม่มีอะไรแล้วจริงๆ…”

เสียงของเฉินฮวนฮวนเงียบลงและระดับเสียงก็ค่อยๆหายไป

เธอกับเฟิงหานชวนมีเหตุการณ์ที่น่าอับอายเมื่อชั่วโมงก่อน แต่ตอนนี้เธอกลับมาบอกเฉินนานาว่าไม่มีอะไรระหว่างพวกเขา มันช่าง…

เฉินฮวนฮวนรู้สึกปวดหัว!

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเฟิงหานชวนถึงต้องทำอย่างนี้!

อย่างที่พวกเขาคุยกันไปก่อนหน้านี้ ต่อจากนี้เขาจะทำดีกับเธอแต่ก็น่าจะไม่ถึงกับดีขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเฟิงหานชวนถึงต้องทำแบบนี้?

"เขาน่าจะอยากชดเชยให้เธอแหละ"เฉินนานาดูจริงจัง จากนั้นก็หยิบชุดเดรสออกมาจากถุงช้อปปิ้งของเธอ

ชดเชย?

เมื่อได้ยินคำนี้เฉินฮวนฮวนก็ตกตะลึงเล็กน้อย

ถ้าเขาทำก่อนหน้านี้ เธอคงคิดว่าเขาคงอยากจะชดเชยให้เธอจริงๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนต้องมีแผนการชั่วร้ายอะไรบางอย่างแน่!

"ชุดเดรสตัวนี้สวยมาก!"เฉินนานามองไปที่กระโปรงที่เธอหยิบออกมาและอุทานออกมา

เมื่อเฉินฮวนฮวนมองดู เธอกลับพบว่าชุดเดรสตัวที่เฉินนานากำลังถือคือรุ่นลิมิเต็ดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ

"นานา ถ้าชอบก็เอาไปสิ"เฉินฮวนฮวนกล่าวทันที

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ต้องการของที่เฟิงหานชวนส่งมาให้อยู่แล้ว ห้างอวิ๋นตวนเป็นธุรกิจของบ้านตระกูลเฟิง ส่งต่อให้เฉินนานาก็ไม่นับว่าส่งให้คนนอก

"ในเมื่อเธอเต็มใจให้ฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะรับมันไว้"เฉินนานาขยิบตาให้เธอ

"อื้มๆ"เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

เฉินนานาอยู่ได้ไม่นานก็ออกจากห้องของเฉินฮวนฮวนไป

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์เล็กน้อยบนร่างกายของเธอ เธอจึงเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดก่อนที่จะถูกแม่บ้านหลี่เรียกเพื่อไปทานอาหารเย็น

บนโต๊ะอาหาร นายท่านเฟิงนั่งอยู่ที่ที่นั่งหลักแล้ว และเฉินนานาเองก็นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยโดยสวมชุดเดรสลิมิเต็ดที่ออกมาเป็นพิเศษชุดนั้น

"ฮวนฮวน เธอคิดว่าฉันสวมชุดเดรสตัวนี้สวยไหม? ฉันว่ามันเล็กไปหน่อยสำหรับฉัน ชุดเดรสก็เลยดูสั้นไปหน่อย "เฉินนานาที่เห็นเฉินฮวนฮวนกำลังเดินมา เธอจึงลุกขึ้นทันทีและเดินไปข้างหน้าของเธอ

เฉินนานาเป็นนางแบบที่มาจากทางยุโรป เธอค่อนข้างสูงและน่าจะสูงอย่างน้อย 175 เซนติเมตร

สำหรับเฉินฮวนฮวนที่สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ถ้าหากสวมชุดเดรสตัวนี้ ปลายกระโปรงอย่างน้อยก็น่าจะอยู่ที่ประมาณหัวเข่า แต่ชุดเดรสที่เฉินนานาสวมใส่อยู่ตอนนี้สามารถปกปิดได้เฉพาะส่วนสำคัญของเฉินนานาเท่านั้น

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเฉินนานาใส่ชุดนี้แล้วดูเซ็กซี่มาก

"สวยมากนะนานา ฉันคิดว่ามันเหมาะกับคุณมาก คุณใส่แล้วสไตล์ดูเปลี่ยนไปเลย"เฉินฮวนฮวนปรบมือชื่นชม

นายท่านที่นั่งอยู่ก็พยักหน้า เขายิ้มและพูดว่า: "เฉินนานาบอกว่าเธอเป็นคนให้ชุดนี้ เฉินนานาแทบรอไม่ไหวเลยที่จะเปลี่ยนมัน"

เฉินฮวนฮวนยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเพราะกลัวว่าเธออาจจะพลั้งปากอะไรไป

เพราะท้ายที่สุดเธอไม่ได้เป็นคนที่ซื้อกระโปรงตัวนี้ แต่เป็นเฟิงหานชวนต่างหากที่มอบมันให้กับเธอ

แต่ดูเหมือนว่านายท่านเฟิงจะไม่รู้ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะเอ่ยปากพูด?

ในขณะเดียวกันก็มีการเคลื่อนไหวมาจากทางประตู เฉินฮวนฮวนมองไปและพบว่าเป็นเฟิงหานชวนนั่นเองที่กำลังเปลี่ยนรองเท้าและเดินเข้ามา

เมื่อเขาเห็นชุดที่เฉินนานาใส่ ใบหน้าของเขาก็มืดลงไปทันที

อยากตายหรืออย่างไรเฉินฮวนฮวน!

ชุดที่เขาให้เธอ เธอกลับเอาไปให้เฉินนานาอย่างนั้นเหรอ?

"อาสาม สวัสดีตอนเย็น"เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นเฟิงหานชวน เธอก็โค้งทักทายอย่างสุภาพ

อย่างไรก็ตามรู้สึกได้ถึงความห่างเหิน

“……..”มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย

เมื่อนึกถึงความใจร้ายของเฉินฮวนฮวนที่มีต่อเขา เขาก็รู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง

ความรู้สึกที่คุ้นเคยพุ่งเข้ามา

เฟิงหานชวนเคยปฏิบัติต่อเธอด้วยวิธีนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าไม่แปลก

แต่ว่า เฉินฮวนฮวนไม่ยอมให้ตัวเองถูกกระทำเช่นนี้อีกต่อไป เธอหลับตาแน่น และคุกเข่า

"เอ่อ.."

การกระทำของเฟิงหานชวนหยุดลงทันที ใบหน้าของเขาซีดไปทั้งหน้า

ตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว

ใช้โอกาสนี้ เฉินฮวนฮวนใช้กำลังทั้งหมดของเธอผลักเฟิงหานชวนออกไป

“ไร้ยางอาย!”

เธอด่าออกมาแล้วรีบวิ่งออกจากห้องรับรอง

หลังจากที่เธอรีบออกจากห้องรับรอง เธอก็วิ่งไปที่ประตูห้องทำงาน เมื่อเธอเปิดประตู ก็มีผู้หญิงตัวสูงยืนอยู่ข้างนอก

เฉินฮวนฮวนผงะไปครู่หนึ่ง

ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธอสวมชุดทางการแบบสบายๆ กระโปรงเสริมสะโพกของเธอทำให้ขาและเอวที่ยาวของเธอดูสง่างามมาก

ถ้าเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นพนักงานบริษัท อาจจะเป็นเลขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ว่าเฟิงหานชวนจะตามทัน เฉินฮวนฮวนจึงไม่ได้กล่าวทักทาย รีบเลี่ยงผู้หญิงคนนั้นและวิ่งไปที่ลิฟต์

เซี่ยฉิงหันศีรษะมองเฉินฮวนฮวนเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะหันกลับมาและขมวดคิ้วเล็กน้อย

เมื่อเธอมองเข้าไปในห้องทำงาน เธอพบว่าเฟิงหานชวนออกมาจากห้องรับรอง ท่าทางดูเขินอายเล็กน้อย

ดวงตาของเซี่ยฉิงหรี่ลง เธอสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ

ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใคร?

“ประธานเฟิง” เธอกลับมายิ้มเหมือนเดิม เดินไปที่โต๊ะและวางกองกระดาษในมือของเธอไว้บนโต๊ะ

เฟิงหานชวนไม่ได้พูด แต่นั่งลงบนเก้าอี้ ศีรษะของเขาเอียงไปข้างหลัง หลับตาลง นิ้วบีบจมูกของเขา

ปวดหัวและดูทำอะไรไม่ถูก

“ประธานเฟิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ไม่สบายหรือเปล่า? ให้ฉันเรียกหมอไหมคะ?” เซี่ยฉิงรีบเดินไปหาเฟิงหานชวน โน้มตัวเข้าไปใกล้เขาและถามอย่างเร่งรีบ

“ออกไปก่อน” เสียงของเฟิงหานชวนเย็นชา ไม่มีอารมณ์ขึ้นหรือลงใดๆ

สิ่งที่เซี่ยฉิงได้ยินคือคำที่คุ้นเคยเหล่านี้อีกครั้ง-ออกไป

วันนี้เป็นวันเสาร์ ควรจะเป็นวันหยุดของเธอ แต่เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนมักจะทำงานในบริษัทช่วงสุดสัปดาห์ ดังนั้นเธอจึงอยู่ที่นี่ทำงานนอกเวลา

เพียงเพื่ออยากให้เฟิงหานชวนประทับใจ

อย่างไรก็ตาม เธอก็จะมองโลกในแง่ดีทุกครั้ง แต่เฟิงหานชวนยังคงไม่แยแส

บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยเฟิงหานชวน บริษัทอาร์ ซึ่งพัฒนาอย่างรวดเร็วและสามารถแข่งขันกับเฟิงซื่อกรุ๊ปได้ภายในเวลาไม่กี่ปี

เฟิงซื่อกรุ๊ปถูกควบคุมโดยนายท่านเฟิง ลูกคนโตและคนที่สองดูแล หากพวกเขาประสบปัญหาพวกเขามักจะขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวน

แต่ธุรกิจหลักของเฟิงหานชวนยังอยู่ในบริษัทของเขาเอง

เซี่ยฉิงรู้จักตัวตนของเฟิงหานชวน ดังนั้นเมื่อเธอกลับมาจากการศึกษาในต่างประเทศ เธอถอนตัวออกจากตำแหน่งที่มีรายได้สูงในบริษัทต่างประเทศและไปสมัครตำแหน่งเลขาที่บริษัทอาร์

จากเลขาตำแหน่งเล็กๆ จนตอนนี้เป็นเลขาใหญ่ หัวหน้ากลุ่มเลขา เธอหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้การทำงานนอกเวลาจึงเป็นเรื่องปกติ

เธอทำขนาดนี้ ก็เพื่ออยากเข้าไปอยู่ในสายตาของเฟิงหานชวน…

“ประธานเฟิง คุณผู้หญิงที่เดินออกไปอย่างรีบร้อนเมื่อกี้ คุณรู้จักหรือเปล่าคะ? ฉันสงสัยว่าเธอเป็นสายลับเชิงพาณิชย์” เซี่ยฉิงยังไม่ได้ออกไป แต่ยังคงยืนนิ่งและถามถึงเฉินฮวนฮวน

“เธอเป็นคนของผม” ดวงตาของเฟิงหานชวนค่อยๆเปิดขึ้น

เมื่อเซี่ยฉิงได้ยินคำนี้ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง

เธอ… เธอไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?

เธอเป็นเลขาของเฟิงหานชวนมาห้าปี รู้ว่าเฟิงหานชวนไม่เคยมีผู้หญิงรอบข้าง ถ้างั้นความสัมพันธ์ก็คงจะเป็นแค่เพื่อน

แต่ตอนนี้ เฟิงหานชวนบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของเขา?

ถ้าอย่างนั้นนี่ก็หมายความว่าเธอเป็นแฟนของเขาอย่างชัดเจน

เฟิงหานชวนเหลือบมองเอกสารบนโต๊ะ พูดด้วยเสียงที่เย็นชา: "เซี่ยฉิง วันนี้เป็นวันหยุดของคุณ ต่อไปถ้าไม่มีงานเร่งด่วนก็ไม่ต้องมาทำงานนอกเวลา”

“อืม ค่ะ ฉันอาสามาทำงานนอกเวลาเอง ไม่มีอะไรทำพอดี” เซี่ยฉิงตอบกลับด้วยท่าทีดื้อรั้น

แต่ความคิดของเธอไม่ถูกดึงกลับ ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ

แต่งตัวไม่สุภาพเรียบร้อย ผมก็ยุ่งเหยิง มีดีแค่หน้าตา ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหนเลย

รสนิยมของเฟิงหานชวนเป็นอย่างนั้นเหรอ?

จริงสิ ยังสาวอยู่!

ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมากและดูยังสาว อายุมากสุดก็คงแค่20กว่าๆ มีผิวที่อ่อนโยนและขาว

แต่ตัวเอง ตอนนี้อายุ28แล้ว

เมื่อเซี่ยฉิงอยู่ในภวังค์ เฟิงหานชวนลุกขึ้นจากเก้าอี้และก้าวออกจากห้องทำงาน

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนวิ่งออกจากห้อง เธอหันศีรษะและเหลือบมองป้าย มีคำใหญ่สามคำเขียนอยู่ที่ประตู

บริษัทอาร์

เธอรู้จักบริษัทนี้ เป็นบริษัทที่ได้รับแรงผลักดันมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและมีส่วนร่วมในธุรกิจด้านต่างๆ

หรือว่า…นี่คือบริษัทของเฟิงหานชวน?

อย่างไรก็ตาม เฉินฮวนฮวนไม่ได้เก็บมาคิด ตอนนี้เธออยากหนีจากที่นี่และหลบหนีจากกรงเล็บที่อันตรายถึงตายของเฟิงหานชวน

เธอเรียกแท็กซี่กลับไปบ้านตระกูลเฟิง นอกจากบ้านเฟิงแล้ว เธอก็ไม่รู้จะไปที่ไหน

เพราะที่บ้านตระกูลเฟิงมี นายท่าน นานา แม่บ้านหลี่ และคนรับใช้อีกหลายคน เฟิงหานชวนไม่กล้าอาละวาดใส่เธอแน่นอน

เฉินฮวนฮวนนั่งเบาะหลังของแท็กซี่ ในหัวเต็มไปด้วยฉากที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้องรับรอง แม้แต่ความรู้สึกก็ค่อยๆปรากฏขึ้น

เธอยิ่งคิด ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดง จากนั้นเธอก็ด่าเฟิงหานชวนในใจ

ในเวลานี้ ที่ลานจอดรถของบริษัทอาร์ เต็มไปด้วยเสียงจาม ราวกับว่ามีใครกำลังนินทา

เมื่อเฟิงหานชวนขึ้นรถ ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก รู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณหนึ่ง แถมยังจามตลอดเวลา เขารู้ว่าต้องเป็นเฉินฮวนฮวนที่กำลังด่าเขา

หลังจากหลับตาลง เขาก็สตาร์ทรถและขับไปที่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน

หรงจิ่นซิวกำลังจะเลิกงาน ก็มีแขกคนหนึ่งเดินเข้ามา

“เฮ้ย เฮียสาม ลมอะไรหอบนายมาที่นี่?” หรงจิ่นซิวดันกรอบแว่นสีทองและยิ้ม: “สองคนที่นายจัดการก็ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ทำไมถึงมีเวลามาที่นี่?”

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย เขานั่งลงบนโซฟาโดยตรง ใบหน้าของเขาบูดบึ้ง

“ตกลงเกิดอะไรขึ้น?” หรงจิ่นซิงงุนงง

แม้ว่าเฟิงหานชวนมักจะมีใบหน้าเหมือนคนตาย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าวันนี้อารมณ์แย่มาก สามารถสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นได้

“ถูกคนขัด” เฟิงหานชวนหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดคำเหล่านี้ออกมา

“อะไรนะ?” หรงจิ่นซิวไม่เข้าใจ เขานั่งข้างเฟิงหานชวน ตบขาของเขาแล้วถามว่า: “มีคนขัดใจงั้นเหรอ? ใครกัน กล้ามาขัดใจคุณชายสามผู้มีชื่อเสียง?”

“…” สีหน้าของเฟิงหานชวนยิ่งบูดบึ้ง

เขากัดฟันและพูดอย่างเคร่งขรึม: "ฉันถูกเฉินฮวนฮวนกระแทกด้วยเข่าของเธอ"

หรงจิ่นซิวตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วตะโกนออกมา: "เชี่ย!"

“หุบปาก!” เฟิงหานชวนคำราม

หรงจิ่นซิวปิดปากของเขาทันที

“มันจะมีผลกระทบไหม?” เฟิงหานชวนถามอีกครั้ง

เขาไม่เคยคาดคิดว่า เฉินฮวนฮวนจะทำให้เขามาถึงจุดๆนี้

นี่คือความสุขครึ่งชีวิตที่เหลือของเธอ!

ไม่กี่วินาทีต่อมา เฟิงหานชวนไม่ได้ยินคำตอบของหรงจิ่นซิว หันศีรษะ ขมวดคิ้วและถามว่า: "ในฐานะหมอ นายไม่รู้เหรอ?"

หรงจิ่นซิวปิดปากแน่น เขาไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้ในท้ายที่สุด เขาเอามือออกและหัวเราะออกมาดังๆ

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…"

เสียงหัวเราะดังก้องไปทุกมุมของห้อง

ประตูถูกปิดลง เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นนั่ง แล้วหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง

มองผ่านหน้าต่างกระจกไป ด้านนอกเป็นอาคารสูงใหญ่ ตรงนี้เป็นที่ที่เจริญที่สุดในเมือง

เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีจิตใจจะชื่นชมความเจริญรุ่งเรืองเหล่านี้ เมื่อหัวถึงหมอนก็หลับไปเลย

ก่อนหลับไป เธอพูดพึมพำประโยคหนึ่ง ถ้ารู้แต่แรกจะไม่ดื่มไวน์เยอะขนาดนี้เลย คิดไม่ถึงว่าจะออกฤทธิ์แรงขนาดนี้

เฟิงหานชวนนั่งอยู่คนเดียวในห้องประชุม

บนจอคอมที่อยู่ด้านหน้า เป็นใบหน้าที่กำลังหลับใหลของเฉินฮวนฮวน เธอหายใจสม่ำเสมอ แก้มแดงระเรื่อ ปากเผยอเล็กน้อย ดูแล้วยั่วยวนคนยิ่งนัก

เฟิงหานชวนพับหน้าจอคอมลง เขากลัวว่าถ้าดูต่อไป การควบคุมตัวเองที่เหลือเพียงเล็กน้อย ก็สามารถพังทลายลงได้

จากนั้นเขาก็รีบจัดแจงเอกสาร

เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง

ตกกลางคืน

เฟิงหานชวนเปิดประตูลับ เดินเข้าไปในห้องพัก เฉินฮวนฮวนนอนหลับสนิท

เขาเดินย่องเข้าไป นั่งลงข้างเตียง จ้องมองผู้หญิงคนนี้

“อาสาม…” เฉินฮวนฮวนพึมพำ

เฟิงหานชวนคิดว่าเธอตื่นแล้ว จึงพูดเสียงเบา “อืม ตื่นแล้วเหรอ? ลุกขึ้นเถอะ”

แต่เมื่อเขาพูดจบ หญิงสาวก็ยังคงปิดตาอยู่ ไม่มีการตอบสนองใด ๆ ทั้งสิ้น และก็ไม่ได้ตอบเขา

เฟิงหานชวนมองดูเฉินฮวนฮวน พบว่าเธอไม่ได้ตื่นมา งั้นทำไมเมื่อกี้เธอเรียกชื่อเขา?

หรือว่าผู้หญิงคนนี้ฝันเห็นเขาเหรอ?

“อาสาม อาสาม ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” เฉินฮวนฮวนร้องเบา ๆ

เธอพูดพึมพำ ทำให้เฟิงหานชวนตัวแข็งทื่อ

ให้ตายเถอะ!

ผู้หญิงคนนี้กำลังฝันอะไรกันอยู่แน่?

เฉินฮวนฮวนกำลังฝันอยู่จริง ๆ เธอฝันถึงฉากก่อนหน้านี้ที่เฉินนานาพบเจอเหตุการณ์ในคืนนั้น เฟิงหานชวนบังคับจูบเธอ เธอต่อต้านไม่หยุด

จู่ ๆ ภาพก็เปลี่ยนไป ด้านหน้าเธอมืดสนิท ร่างกายที่อบอุ่นของชายหนุ่มโอบรัดเธอไว้

เมื่อคืนเฟิงเฉินเหยี่ยนอยู่กับเธอ

“อาเยี่ยน…” เฉินฮวนฮวนหัวเราะคิกคัก ใบหน้าเขินอาย “ถึงแม้ฉันรู้ว่าคุณไม่มีน้ำยา แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจคุณ”

เฟิงหานชวนเดิมทีมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จู่ ๆ สีหน้าก็เคร่งขรึมในทันที

คำพูดละเมอของเฉินฮวนฮวน เขาสามารถเดาได้ว่าเธอกำลังฝันอะไรอยู่

ตอนนี้เขาโมโหมาก

เดิมทีคิดว่าเฉินฮวนฮวนฝันเห็นแค่เขา แต่คิดไม่ถึงว่าคนสำคัญที่เธอฝันถึงก็คืออาเยี่ยน!

เฟิงหานชวนควบคุมตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป เขาก้มหน้าลง แล้วประทับจูบลงอย่างร้อนแรงบนริมฝีปากของเฉินฮวนฮวน

“อู้…”

เธอรู้สึกสมจริงมาก

เฉินฮวนฮวนคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ เธอยื่นมือออกไปโอบลำคอของชายหนุ่ม แล้วตอบรับจูบแบบนี้

ในฝันของเธอ เฟิงเฉินเหยี่ยนสามีของเธอกำลังจูบเธออยู่ เธอที่เป็นภรรยาก็ต้องจูบกลับ

เพียงแต่โลกของเธอว่างเปล่า เธอรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่ด้านหน้ากลับมืดมิดไปหมด ไม่ได้ปรากฏใบหน้าของเฟิงเฉินเหยี่ยน

เฟิงหานชวนไม่คิดว่าเฉินฮวนฮวนจะตอบสนองต่อตัวเองในความฝัน เขารู้สึกดีใจ จนจูบล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม

เฉินฮวนฮวนแทบจะหายใจไม่ออก เธอผลักชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าออก เฟิงหานชวนจึงปล่อยเธอออกอย่างไม่เต็มใจ

“อาเยี่ยน” เฉินฮวนฮวนพึมพำ

เหมือนกับน้ำเย็นกะละมังหนึ่งสาดลงบนหัวของเฟิงหานชวน ความร้อนแรงในตอนแรก ถูกดับสนิท

ผู้หญิงคนนี้เห็นเขาเป็นอาเยี่ยน เมื่อกี้ยังจูบเขากลับอย่างกระตือรือร้น

คิดได้ถึงตรงนี้ เฟิงหานชวนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เขาเลิกผ้าห่มออก ฝ่ามือใหญ่สอดขึ้นไปด้านบนจากบริเวณเอวของหญิงสาว…

สัมผัสที่เยือกเย็น ทำให้เฉินฮวนฮวนสะดุ้ง เธอลืมตาขึ้นอย่างแรง แต่กลับพบแสงสว่างตรงหน้า

วินาทีต่อมา เธอก้มหน้ามอง แล้วก็ถลึงตาโตในทันที

เธอเธอเธอ…เธอเห็นมือของเฟิงหานชวน วางไว้อยู่บน…ของเธอ

“ว้าย!!!”

เฉินฮวนฮวนกรีดร้อง เธอลุกขึ้นนั่ง ง้างมือออก ตบลงบนแก้มของเฟิงหานชวนอย่างแรง

เฟิงหานชวนไม่คิดว่าเฉินฮวนฮวนจะตื่นขึ้นมากะทันหัน เขาอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอามือออก สีหน้าไม่ดีเป็นอย่างมาก

ความเจ็บปวดบนฝ่ามือแผ่ความแสบร้อนออกมา เฉินฮวนฮวนมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างหวาดกลัว เธอหดตัวในทันที

“คุณ…ทำไมคุณถึงได้…” เธอตกใจจนพูดไม่ออก

เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนที่ตัวเองตื่นมานั้น จะได้เห็นภาพแบบนั้น

อีกอย่างเฉินฮวนฮวนคิดถึงความฝันที่สมจริงเมื่อครู่ แล้วมองดูริมฝีปากของเฟิงหานชวนภายใต้แสงเงา

ทันใดนั้นเธอตกใจจนเหงื่อออกหน้าผาก

ถ้าหากเมื่อกี้เธอไม่ตื่นขึ้นมา เฟิงหานชวนจะทำแบบนั้นกับเธอใช่ไหม…เธอไม่กล้าคิดต่อ

ท่าทางหวาดกลัวของหญิงสาว ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกไม่ดี เขาก้มหน้า แล้วพูดอย่างเย็นชา “ขอโทษ”

“เฟิงหานชวน นี่ไม่ใช่ปัญหาของการขอโทษ แต่เป็น…เป็น…” เฉินฮวนฮวนสับสนวุ่นวาย เธออ้าปาก แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง

“เป็นคุณที่ยั่วยวนผมก่อน” เฟิงหานชวนโต้กลับ

“อะไรนะ!?” เฉินฮวนฮวนงงไปหมด เธอชี้ตัวเอง แล้วพูดอย่างตกใจ “ฉันยั่วคุณ?”

ตอนนี้เธอไม่ได้แค่โดนแหย่เล่น แต่ยังถูกผู้ชายคนนี้ใส่ความอีก

เฉินฮวนฮวนคิดไม่ถึงเลยว่า เฟิงหานชวนจะไร้ยางอายขนาดนี้!

“คุณมันคือสัตว์เดรัจฉานวางมาด” เฉินฮวนฮวนกลั้นน้ำตาพูดขึ้น

เฟิงหานชวนลุกขึ้นยืน หันหลังให้กับเฉินฮวนฮวน สองมือเท้าเอว จากนั้นก็จับผม สีหน้าหงุดหงิดแต่เฉินฮวนฮวนมองไม่เห็น

“ผมมาปลุกคุณ เป็นคุณที่โอบคอผมไว้ แล้วจูบผม” เฟิงหานชวนหันหน้ากลับมา เขาพูดอย่างเต็มปาก

ถ้าหากเขายอมรับว่าตัวเองทำอะไรเฉินฮวนฮวน เดาว่าต่อไปเฉินฮวนฮวนคงไม่สนใจเขาอีกต่อไป

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องปัดความรับผิดชอบ

“ไม่…เป็นไปไม่ได้!” เฉินฮวนฮวนไม่ค่อยแน่ใจ แต่เธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนแบบนี้

เธอก็กระโดดลงจากเตียง ยืนคุมเชิงอยู่ข้างเตียงกับเฟิงหานชวน แล้วพูดขึ้น “ถึงฉันจะยั่วคุณก่อน คุณก็ควรจะผลักฉันออก ฉันกำลังฝันอยู่ ฉันไม่รู้ว่านี่มันคือความจริง แต่คุณรู้…”

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนสับสนไปหมด เธอไม่สามารถนึกถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้เลย

“ผมเป็นผู้ชาย อดกลั้นไม่ไหว” เฟิงหานชวนพูดได้เต็มปากเต็มคำ

“คุณ…” เฉินฮวนฮวนโมโหอย่างมาก

“ไป กลับกันเถอะ” เฟิงหานชวนกลับมาแสดงท่าทางเฉยเมย

แต่ว่าเฉินฮวนฮวนเฉยเมยไม่ได้

เมื่อกี้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธอจะเฉยเมยได้ยังไง แต่เฟิงหานชวนกลับเฉยเมยเป็นอย่างมาก!

เฉินฮวนฮวนกุมขมับจับผมเป็นมัด ๆ จากนั้นก็ชี้ไปที่เฟิงหานชวน แล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง “อาสาม คุณรีบหาแฟนเถอะ!”

“ห้ะ?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว

“ฉันเข้าใจความวู่วามของคุณ เรื่องนี้พวกเราถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แต่ครั้งหน้าห้ามทำแบบนี้อีก!” เฉินฮวนฮวนไม่มีวิธีอื่นแล้วจริง ๆ

นอกจากทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอยังสามารถไปฟ้องนายท่านหรือเฟิงเฉินเหยี่ยนได้เหรอ?

เธอจึงทำได้แค่กลืนความคับข้องใจลงท้องไป

“ยังมีอีก ถ้าหากคุณรู้สึกวู่วาม และก็หาแฟนที่เหมาะสมไม่ได้ ก็สามารถพิจารณาความสัมพันธ์แบบข้ามคืนหรือสาวบริการก็ได้!” เฉินฮวนฮวนพูดอย่างโมโห “ฉันเป็นหลานสะใภ้ของคุณ คุณไม่สามารถทำแบบนี้กับฉันได้!”

“นี่มันไม่ยุติธรรม!”

เฟิงหานชวนหัวเราะเบา ๆ หมุนตัวกลับเดินเข้าไปใกล้เฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนรีบก้าวถอยหลัง เขาก็ยิ่งเข้าใกล้ไปอีก สุดท้ายบีบบังคับจนเฉินฮวนฮวนชนเข้ากับมุมกำแพง

“รู้ไหม? ผมเป็นคนที่ไม่ยุติธรรมตั้งแต่ไหนแต่ไร” เขายื่นนิ้วมือออกมา เสยคางของเฉินฮวนฮวน น้ำเสียงเลื่อนรอยมาก

“เฟิงหานชวน คุณ…” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าตัวเองถูกหยอกล้อแล้ว เธอโมโหอย่างมาก จึงง้างมือขึ้นอีกครั้ง

แต่ว่าข้อมือทั้งสองข้างถูกจับไว้ในทันที จากนั้นก็ถูกประกบไว้ด้านบนหัว

วินาทีต่อมา ชายหนุ่มจูบลงอย่างเผด็จการยิ่งกว่าเดิม

เฉินฮวนฮวนไม่อยากจะสิ้นเปลือง และตัดใจทิ้งไม่ลง

ดังนั้น เธอจึงกินอาหารและสเต็กที่เฟิงหานชวนสั่งมาจนหมด ไวน์แดงก็ดื่มจนหมดเช่นกัน

เธอกินอิ่มมากจนพุงป่องขึ้นมา

เมื่อเธอลุกขึ้นยืน จู่ๆ เธอก็รู้สึกเวียนศรีษะ และมึนเบลอจากฤทธิ์แอลกอฮอล์

เห็นได้ชัดว่าไวน์แดงแอลกอฮอล์ไม่แรงมาก ไม่น่าจะทำให้เมาได้ ทำไมเหมือน…

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว ทว่าเธอยังมีสติดี

“อาสาม ฉันต้องไปแล้วค่ะ” ตอนนี้เธอง่วงนอนมาก เธอรู้สึกว่าในอีกวินาทีต่อมาตัวเองจะล้มลงไปกองกับพื้นเสียให้ได้

“ไปที่รถกับผมก่อน” เฟิงหานชวนลุกขึ้นยืน และเดินนำหน้าไป

เฉินฮวนฮวนเดินตามหลังเขาไปจนมาถึงรถของเขา สติของเฉินฮวนฮวนถึงได้กลับมาอีกครั้ง

“อาสาม คุณจะไปไหนเหรอคะ ถ้าคุณไม่กลับ ฉันจะไปเรียกแท็กซี่กลับ” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวไปมา เสียงของเธอฟังดูอ้อแอ้คล้ายคนเมาเล็กน้อย

เฟิงหานชวนมองใบหน้ารูปไข่ของหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา พวงแก้มทั้งสองข้างของเธอขึ้นสีแดงเลือดฝาดจากฤทธิ์แอลกอฮอล์

เพราะว่าเธอดื่มไวน์แดง ริมฝีปากของเธอจึงแดงจัดและฉ่ำวาวเช่นนี้

เมื่อเฟิงหานชวนเห็นเธอเช่นนี้ เขาก็รู้สึกลำคอแห้งเผือดจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมา

“ขึ้นรถ” เขาเอ่ยบอกด้วยเสียงทุ้มต่ำ และเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ

เฉินฮวนฮวนคิดว่าเฟิงหานชวนให้เธอขึ้นรถ เพราะต้องการกลับบ้านตระกูลเฟิงด้วยกัน เธอจึงตะเกียกตะกายขึ้นมานั่งบนเบาะอย่างเชื่อฟัง

เฟิงหานชวนมองพฤติกรรมของเธอ ดวงตาของเขาฉายแววลึกล้ำยิ่ขึ้น ก่อนจะปิดประตูลงจากรถ และเดินอ้อมหน้ารถเข้าไปนั่งบนที่นั่งคนขับ

เฉินฮวนฮวนนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเบาะ ภาพตรงหน้าค่อนข้างเลือนราง หัวสมองของเธอก็หนักอึ้งเป็นพิเศษ เธอหลับตาลงโดยอัตโนมัติ ทว่าเธอยังคงพอมีสติหลงเหลืออยู่

ทันใดนั้น เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นข้างๆ เธอ เมื่อหันไปมอง ใบหน้าของชายหนุ่มก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ ริมฝีปากของทั้งสองแทบจะชนกันอยู่แล้ว

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไปชั่วขณะ สติที่เดิมทีหลุดหายไปก็ถูกดึงกลับมาอีกครั้ง

“อา อาสาม!” เธอรีบแหงนหน้าขึ้นมองข้างบน

“คุณไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ผมเห็นคุณหลับไปแล้ว ก็เลย…” เฟิงหานชวนชะงักไป และไม่ได้พูดอะไรต่อ

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน และเอาแต่นั่งก้มหน้างุด “ขอบคุณค่ะอาสาม ฉันคาดเองก็ได้ค่ะ”

ดังนั้น เธอจึงเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัย เสียง “คลิ๊ก” ดังขึ้น บ่งบอกว่าเธอคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว

เมื่อสักครู่ทำเอาเธอตกใจแทบตาย เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะเล่นตลกกับเธออีก หลายครั้งก่อนหน้านี้ เขาจูบเธออย่างดุเดือนทุกครั้งที่อยู่บนรถ

เมื่อคิดถึงภาพเหล่านั้น เฉินฮวนฮวนรีบสะบัดศีรษะไปมา ทว่าเธอกลับรู้สึกมึนศีรษะยิ่งกว่าเดิม

เมื่อเฟิงหานชวนเห็นเธอเช่นนี้ ริมฝีปากของเขายกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มลุ่มลึก หลังจากนั้นเขาหันกลับไปมองข้างหน้าแล้วสตาร์ทรถ

เฉินฮวนฮวนเพียงคิดว่าตัวเองกำลังจะกลับถึงบ้านตระกูลเฟิงแล้ว เธอจึงเอนหัวพิงกับเบาะพร้อมหลับตาลง

ในขณะที่เธอกำลังสะลึมสะลือ เธอได้ยินเสียงเปิดประตูรถ ลมเย็นๆ พัดเข้ามากระทบผิวแก้มของเธอ

เธอขยี้ตาเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น แต่กลับพบว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านตระกูลเฟิง แต่เป็นที่จอดรถชั้นใต้ดิน และเฟิงหานชวนก็ยืนอยู่ข้างประตูรถทางฝั่งที่นั่งคนขับ

“อาสาม ที่นี่คือ?” เฉินฮวนฮวนงุนงงเล็กน้อย

“บริษัทของผม” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ผมมีประชุมด่วน คุณรอผมที่ห้องรับรองสักพัก เราค่อยกลับด้วยกัน”

“หะ?” เฉินฮวนฮวนมึนงงขึ้นมาทันที

ให้เธอรอเขาประชุมอยู่ที่บริษัท?

แบบนี้…ไม่ค่อยดีหรือเปล่า

เฉินฮวนฮวนลงรถ และรีบโบกมือไปมาเป็นเชิงปฏิเสธเฟิงหานชวน และกล่าวว่า “อาสาม ฉันเรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ค่ะ”

“คุณเป็นแบบนี้ จะเรียกรถยังไง” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเขาพลันมืดครึ้มลง และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าเจออันตรายจะทำยังไง!”

“นี่…” เฉินฮวนฮวนยิงยิ่งรู้สึกงุนงงขึ้น

นี่เฟิงหานชวนเป็นห่วงเธอใช่ไหม เขาเป็นห่วงที่เธอจะนั่งรถกลับคนเดียว?

“ไม่มีธุระอะไรต้องทำ คุณก็รอผมก่อน” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนบ่งบอกว่าเธอไม่อาจปฏิเสธได้

เฉินฮวนฮวนหมดหนทางจะโต้แย้ง เธอก็ไม่มีอะไรต้องทำจริงๆ เธอเพียงพยักหน้ารับแล้วกล่าวว่า “งั้นก็รบกวนอาสามแล้วค่ะ”

“อืม” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหมุนตัวเดินนำหน้าไป และหันมาพูดเชิงออกคำสั่ง “ตามมา”

เฉินฮวนฮวนเพียงเดินตามเขาไปเท่านั้น

ทว่าเธอไม่ทันระวัง เท้าสะดุดเข้ากับที่ล็อกล้อรถบนพื้น เสียงดัง “ตุ๊บ!” ร่างทั้งร่างล้มลงไปกองกับพื้น

เมื่อเฟิงหานชวนหันกลับมา ก็เห็นว่าเฉินฮวนฮวนล้มหงายหลังลงไปกับพื้นเสียแล้ว เขาถึงกับยกมือขึ้นกุมหน้าผาก ก่อนจะรีบเดินไปดึงเธอลุกขึ้น

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเจ็บจากการล้มเล็กน้อย ทว่าไม่กล้าพูดออกไป เธอกัดเม้มริมฝีปาก หน้าตาน่าสงสารทำให้คนเห็นรู้สึกสงสาร

“เจ็บไหม” เฟิงหานชวนก้มลงช่วยปัดฝุ่นออกจากเธอ

“ไม่ ไม่เจ็บค่ะ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และเอ่ยปฏิเสธ

“เสียงดังเมื่อกี้ นอกจากคุณก็เป็นเหล็กแล้วล่ะ” เฟิงหานชวนมองเธอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเขาก้มลงช้อนตัวเธออุ้มขึ้นมา

เฉินฮวนฮวนลอยขึ้นกลางอากาศทันที เธอตกใจเอื้อมมือไปคล้องคอเฟิงหานชวนโดยอัตโนมัติ

ทว่าเธอรู้ตัวว่าทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เธอปล่อยมือแล้วดึงแขนเสื้อของเฟิงหานชวน และรีบกล่าวว่า “อาสาม คุณปล่อยฉันลงเถอะ แบบนี้ดูไม่ค่อยดี ถ้าคนอื่นมาเห็น…”

เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนต้องการช่วยเหลือเธอ ทว่าเฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม

“ไม่มีใครเห็นหรอก” เฟิงหานชวนเกลียดท่าทีบ่ายเบี่ยงพยายามรักษาระยะห่างกับเขาของเฉินฮวนฮวน เขากล่าวอย่างราบเรียบ และอุ้มเธอเดินเข้าไปในลิฟต์

เฉินฮวนฮวนถึงกับพูดไม่ออกทันที

ปัญหาไม่ใช่ว่ามีคนเห็นหรือไม่เห็น ปัญหาคือสถานะของทั้งสอง!

เมื่อเข้ามาในลิฟต์ เฉินฮวนฮวนพยายามดีดดิ้น เธอเม้มปากแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “อาสาม คุณอุ้มฉันแบบนี้ไม่เหมาะสม ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ”

“เฉินฮวนฮวน คุณคิดมากเกินไปแล้ว” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบเธออย่างไม่สบอารมณ์นัก

“หะ?” เฉินฮวนฮวนเบิกตาค้างพูดอะไรไม่ออก

เฟิงหานชวนพูดถูก เธอคิดมากไปแล้ว ฉะนั้น…ความจริงแล้ว เขาแค่ดูแลเธอที่หกล้มในฐานะผู้ใหญ่เท่านั้นเอง

เฉินฮวนฮวนหันหน้าหนี และมองไปที่เฟิงหานชวนอีกครั้งอย่างขัดเขิน ตอนนี้เธอเป็นคนเดียวที่รู้สึกประหม่า

ไม่สิ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนเดียวที่รู้สึกประหม่าตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้

จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออก เฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดอะไรหรือพยายามดีดดิ้นอีกตลอดทาง จนกระทั่งเฟิงหานชวนอุ้มเธอเข้ามาในห้องทำงานขนาดใหญ่

ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีดำขาวเทา หน้าต่างกระจกใสสูงจากพื้นจรดเพดาน แสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามา เผยให้เห็นถึงรสนิยมที่เรียบหรูมีระดับของเจ้าของห้อง

เฉินฮวนฮวนไม่ต้องถามก็คาดเดาได้ว่า นี่เป็นห้องทำงานของเฟิงหานชวน

จากนั้น เฟิงหานชวนก็อุ้มเธอเดินเข้าไปด้านใน จนกระทั่งเดินมาถึงกำแพงห้อง เขากระแทกเข้ากับกำแพงแล้วประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา

เฉินฮวนฮวนประหลาดใจที่พบว่า ประตูลับบานนี้มีห้องนอนกว้างขวางอยู่ข้างใน

“นี่เป็นห้องรับรองของผม คุณพักผ่อนที่นี่สักพักก็แล้วกัน” เฟิงหานชวนวางหญิงสาวในอ้อมแขนลงบนเตียงหนังสุดหรู

“อาสาม ฉันนอนได้ไหมคะ” เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนรักความสะอาดมาก ทว่าตอนนี้เธอรู้สึกง่วงนอนมากจริงๆ

เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะนอนบนเตียงนี้ได้ไหม

“ได้” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบเสียงเบา และเดินออกไปจากห้องรับรอง

เฟิงหานชวนนำทางเฉินฮวนฮวนด้วยน้ำเสียงที่เชิญชวน

เขาไม่ต้องการให้เฟิงเฉินเหยี่ยนยึดเขาเป็นหลักอีกเพราะมันชัดอยู่แล้วว่าเขาเป็นสามีของเฉินฮวนฮวน

ถ้าคืนนั้นไม่มีเรื่องที่บลูส์คลับ เขาอาจจะพูดไปนานแล้ว แต่ตอนนี้…

เฉินฮวนฮวนจ้องไปที่ดวงตาสีดำและลึกล้ำของเฟิงหานชวน เธอไม่เคยดูออกเลยว่าเฟิงหานชวนคิดอะไรอยู่ รวมถึงคำพูดที่เขาพูดในตอนนี้ด้วย

เธอรู้สึกสับสนและไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนต้องการจะสื่อถึงอะไร

ไม่ใช่แค่เป็นนายหญิงของตระกูลเฟิงแต่รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฟิงอีกด้วย สรุปแล้วมันหมายความว่าอะไรกันแน่?

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเฟิงหานชวนกีดกันไม่ให้เธอพัฒนาความรู้สึกต่อเฟิงเฉินเหยี่ยน เขายังคงไม่เต็มใจที่จะยอมรับเธอเป็นหลานสะใภ้ของเขาใช่ไหม?

เพราะพวกเขาเคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก่อนเหรอ?

"อาสาม ฉัน…อันที่จริงฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างเห็นแก่ตัว ฉันเต็มใจที่จะเป็นภรรยาของอาเหยี่ยนแต่ก็ไม่ใช่เพราะฉันชอบเขา"เฉินฮวนฮวนเม้มปากและตอบตามความเป็นจริง

เธออาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงไม่ใช่เพราะเธอชอบเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่เพราะเธอได้ทำข้อตกลงกับนายท่านว่าถ้าเธอเป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยน นายท่านจะช่วยเธอลงโทษตระกูลเฉินและช่วยทำให้เธอได้คฤหาสน์ของแม่กลับมา

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเฟิงเฉินเหยี่ยนปฏิบัติต่อเธออย่างดี เธอจึงมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป

"ข้อตกลงระหว่างคุณกับพ่อ ผมจะช่วยคุณเอง"เฟิงหานชวนพูดอย่างเคร่งขรึม

"ไม่ต้องหรอกอาสาม"เฉินฮวนฮวนปฏิเสธเฟิงหานชวนโดยไม่ลังเลและพูดอย่างจริงจังว่า: "คุณปู่สัญญาว่าจะช่วยฉันและฉันก็ตอบตกลงกับเขาไปแล้วด้วย มันไม่เหมาะที่จะมาขอความช่วยเหลือจากคุณ"

“……”มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย

"อาสาม หรือเป็นเพราะก่อนหน้านั้นพวกเรา…ดังนั้นคุณเลยต้องการให้ฉันออกห่างจากอาเหยี่ยนใช่ไหม?"เฉินฮวนฮวนรวบรวมความกล้าเพื่อเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เย็นชาและน่ากลัวของเฟิงหานชวนและตัดสินใจถามเขาไป

เดิมทีเธอตั้งใจจะเอ่ยถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่คลุมเครือและน่าอายระหว่างพวกเขา แต่เห็นได้ชัดว่าเฟิงหานชวนดูเหมือนจะไม่ได้คิดเช่นนั้น

คำพูดของเฟิงหานชวนเมื่อสักครู่ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้เธอออกห่างจากเฟิงเฉินเหยี่ยนและไม่ต้องการให้เธอชอบเฟิงเฉินเหยี่ยน

นอกจากเหตุผลจากเรื่องเหล่านั้นแล้ว เฉินฮวนฮวนก็ไม่สามารถคิดถึงเหตุผลอื่นๆได้เลย อย่างไรก็ตามในตอนนี้เฟิงหานชวนดีต่อเธอมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นเหตุผลที่ว่าเขาเกลียดเธอ

ในขณะเดียวกันเจี่ยงเม่ยเดินมาพร้อมกับรถเข็นขนาดเล็กสำหรับเสิร์ฟอาหารและเสิร์ฟอาหารให้กับเฟิงหานชวน

ทำให้การสนทนาระหว่างทั้งสองถูกขัดจังหวะพอดี

เจี่ยงเม่ยเสิร์ฟสเต๊กสามชิ้น เป็นสเต๊กลูกวัวคุณภาพเยี่ยมจากออสเตรเลียสองชิ้น และสเต๊กเนื้ออีกหนึ่งชิ้น เธอไม่รู้ว่าควรจะวางอาหารไว้ตรงไหน เธอจึงยิ้มและถามเฟิงหานชวนว่า: "คุณเฟิง ขออนุญาตถามค่ะว่าให้เสิร์ฟกี่จานคะ? "

เฟิงหานชวนไม่ตอบแต่เอื้อมมือออกไปเพื่อชี้ตำแหน่ง ตอนนี้อาหารตรงหน้าเฉินฮวนฮวนมีสเต๊กสองชิ้น

อย่างไรก็ตามเขาวางจานสเต๊กลูกวัวออสเตรเลียไว้ข้างหน้าเฉินฮวนฮวนและวางสเต๊กที่ถูกที่สุดไว้อีกข้าง

เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมที่เฟิงหานชวนสั่งให้เขาสองที่และสั่งอีกที่หนึ่งให้เธอ?

เป็นเพราะเธอสั่งอันที่ถูกที่สุด เฟิงหานชวนจึงช่วยสั่งอีกจานที่ดีกว่าให้เธอ?

"เปิดไวน์"เฟิงหานชวนสั่งเจี่ยงเม่ย

แม้ว่าเจี่ยงเม่ยจะมองว่าเป็นเพียงการกระทำปกติในการเสิร์ฟอาหาร แต่เฟิงหานชวนก็สามารถแสดงให้เธอเห็นถึงออร่าอันสูงส่งของเขาได้

"ได้ค่ะ"เจียงเหม่ยพยักหน้าทันที หลังจากนั้นก็เปิดไวน์แดงและเตรียมรินให้กับเฟิงหานชวนก่อน

เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชา: "สุภาพสตรีก่อน"

เจี่ยงเม่ยเม้มริมฝีปากของเธอ เธอจึงต้องรินไวน์ให้กับเฉินฮวนฮวนก่อน จากนั้นจึงค่อยรินไวน์ให้กับเฟิงหานชวน ตอนที่เธอช่วยรินไวน์ให้กับเฟิงหานชวน เธอจงใจโค้งตัวลงไปเข้าใกล้กับเฟิงหานชวนและตั้งใจยั่วเขา

ในขณะเดียวกันเฉินฮวนฮวนซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เธอพบว่าเจี่ยงเม่ยจงใจยั่วยวนเขา พนักงานเสริฟหญิงคนนี้พยายามยั่วเฟิงหานชวน

แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายอย่างเฟิงหานชวนจะดึงดูดความสนใจของผู้หญิง ไม่ผิดที่เจี่ยงเม่ยจะต้องการอยู่ในสายตาของเขาเพื่อยั่วยวนเฟิงหานชวน

อย่างไรก็ตามเฟิงหานชวนไม่ได้มองสิ่งที่เจี่ยงเม่ยทำเลย

จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็อดนึกถึงอดีตแฟนสาวของเฟิงหานชวนไม่ได้ นักศึกษาสาวในมหาวิทยาลัย A ที่ทิ้งเฟิงหานชวนไป น่าจะเป็นสาวใสซื่อ

ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงไม่น่าจะสนใจผู้หญิงแบบเจี่ยงเม่ย

เจี่ยงเม่ยรินไวน์เสร็จแล้วก็หมดหน้าที่ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่เดินออกไป

อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้ละสายตาจากพวกเขา เธอกลับยืนเฝ้าอยู่ไม่ไกลและคอยเฝ้าดูทุกการกระทำของ เฟิงหานชวนกับเฉินฮวนฮวน

"อาสาม จริงๆแล้วฉันดื่มไม่เป็น แก้วนี้ฉันยกให้คุณละกัน"เมื่อเห็นว่าพนักงานเสิร์ฟออกไปแล้วเฉินฮวนฮวนก็ยื่นแก้วไวน์ให้กับเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนดันแก้วไวน์กลับไปอีกครั้ง จากนั้นก็หยิบมีดและส้อมขึ้นมาเพื่อหั่นสเต๊กแล้วพูดว่า: "ไวน์ต้องกินคู่กับสเต๊ก"

ความพยายามของเฟิงหานชวนทำให้เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร

เธอจึงหยิบมีดและส้อมขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มหั่นสเต๊กอย่างระมัดระวัง แต่เธอไม่ได้กินสเต๊กมานานแล้ว ดังนั้นสกิลการหั่นสเต๊กของเธอจึงเป็นเป็นลบ

ดูๆแล้วท่าทางของเธอดูตลกนิดๆ เหมือนท่าทางของคุณยายเวลาไปสวน

เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง เธอพยายามแสร้งทำเป็นนิ่งเฉยและแอบสังเกตเฟิงหานชวนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และแอบดูวิธีการหั่นสเต๊กจากเขา

เธอสังเกตุเห็นว่าเฟิงหานชวนยังคงไม่กิน แต่ยังคงหั่นสเต๊กให้เป็นชิ้นๆต่อไปเรื่อยๆ และเธอก็พยายามทำตาม

เธอก้มหน้าลงเพื่อหั่นสเต๊กอย่างจริงจัง แต่จู่ๆจานในมือของเธอก็ถูกหยิบขึ้นมา เธอเงยหน้าขึ้นและเฟิงหานชวนก็วางจานของเขาไว้ตรงหน้าของเธอ

มันเป็นจานที่เขาหั่นเสร็จแล้วจานนั้น

"อาสาม…."เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เธอก็เดาว่าเฟิงหานชวนหมายถึงอะไร

"กินเถอะ"เฟิงหานชวนกล่าวอย่างใจเย็น

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก ใบหน้าของเธอดูอายๆเล็กน้อย และเธอกระซิบบอกกับเขาว่า: "ขอบคุณค่ะอาสาม"

เฟิงหานชวนไม่ตอบอะไรและหั่นสเต๊กเนื้อที่เฉินฮวนฮวนสั่งต่อ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเกรงใจอยู่หน่อยๆ เธอทำได้แต่กล่าวขอบคุณ

ครึ่งทางของมื้ออาหาร เฉินฮวนฮวนรู้สึกกระหายน้ำ เธอจึงหยิบแก้วไวน์ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาจิบ

ทันใดนั้นรสชาติความหวานของไวน์ก็คละคลุ้งเข้าไปในปากของเธอ ซึ่งต่างจากไวน์ที่เธอจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง

ใบหน้าของเธอดูประหลาดใจและเธอก็ดื่มเข้าไปอีกหลายอึก

เฟิงหานชวนมองเธอเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่ขโมยอาหารด้วยความน่ารัก

เขายื่นมือออกมาหยิบขวดไวน์แดงที่อยู่ด้านข้างและรินใส่แก้วอีกใบให้กับเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเห็นว่าปริมาณไวน์ในขวดไวน์ยังเหลืออีกเยอะ ถ้าเธอกับเฟิงหานชวนดื่มไม่หมด มันคงไม่สะดวกเท่าไหร่ที่จะเอากลับไปและมันจะเป็นการฟุ่มเฟือยอีกด้วย

"อาสาม ไวน์แดงขวดนี้แพงไหม?"เธอถามด้วยความสงสัย

"ไม่แพง"เฟิงหานชวนหัวเราะคิกคักและพูดเบาๆว่า: "แต่อย่าฟุ่มเฟือยดีกว่า"

"โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะดื่มเยอะๆ อาสามเองก็ดื่มด้วยสิ"เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

เฟิงหานชวนเม้มริมฝีปากของเขาและยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มด้วยใบหน้าที่พึงพอใจ

เขารู้ผลของการดื่มไวน์ชนิดนี้เป็นอย่างดี หลังจากดื่มแล้วมันจะออกฤทธิ์แรงมาก

จากที่เฉินฮวนฮวนดู เฟิงหานชวนอบรมพนักงานไม่ถือว่ามีอะไร แต่เลี้ยงอาหารเที่ยงเธอ เห็นได้ชัดว่าต้องการชดเชยต่อเธอ

สำหรับก่อนหน้านี้ที่รังแกเธอ เข้าใจเธอผิด เฟิงหานชวนรู้สึกติดค้างในใจ เฉินฮวนฮวนสามารถเข้าใจได้

เพียงแต่เฟิงหานชวนเคยขอโทษเธอแล้ว เธอยอมรับความหวังดีของเฟิงหานชวนหลายครั้งต่อหลายครั้ง เธอก็รู้สึกติดค้างเช่นเดียวกัน

ในเมื่อเธอยังติดเงินเฟิงหานชวนอยู่

“เงินพวกนั้น เธอไม่ต้องใช้คืนแล้ว” เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนกำลังดื้อกับเขา ในใจรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

เงินหนึ่งแสน พูดติดปากอยู่ตลอดเวลา เขาก็แค่เลี้ยงข้าวเธอ ยังจะเบี่ยงเบนอีก

ถ้าเปลี่ยนเป็นอาเยี่ยนเลี้ยงข้าวเธอ คิดว่าเฉินฮวนฮวนคงไม่มีท่าทางแบบนี้

ตอนนี้เฟิงหานชวนยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห น้ำเสียงทุ้มต่ำลงมาก เขาค่อย ๆ ขมวดคิ้ว

รู้สึกได้ถึงบรรยากาศเยือกเย็นรอบตัวของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบา “อาสาม ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะเป็นหลานสะใภ้ของคุณ แต่ฉันติดเงินคุณ เป็นคนละเรื่องกัน จำเป็นต้องคืน ฉันจะใช้ให้คุณโดยเร็วค่ะ”

หลานสะใภ้?

ได้ยินสามคำนี้ เฟิงหานชวนก็สีหน้าเปลี่ยน

“เฉินฮวนฮวน คุณพอได้แล้ว!” เขาตะคอกเสียงต่ำ

เสียงตะคอกนี้ ทำให้เฉินฮวนฮวนตกใจ เธอกะพริบตาอยู่หลายครั้ง อ้าปากค้าง แต่กลับพูดไม่ออกสักคำ

เธอถูกเฟิงหานชวนตะคอกใส่?

เมื่อครู่เฟิงหานชวนอ่อนโยนมากไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ดุขนาดนี้?

เป็นเพราะเรื่องที่เธอจะคืนเงินเหรอ?

รู้สึกได้ถึงอารมณ์ของตัวเอง เฟิงหานชวนถอนหายใจเล็กน้อย แล้วพูดอธิบาย “ผมไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่คุณ คุณเป็นคนของตระกูลเฟิงแล้ว ทำไมต้องเกรงใจผมขนาดนี้?”

“ไม่สำคัญว่าจะคืนเงิน หรือทานข้าว คุณไม่ต้องขีดเส้นแบ่งจนชัดเจนขนาดนี้”

ได้ยินเฟิงหานชวนพูดแบบนี้ เฉินฮวนฮวนเชื่อว่าเขาพูดจากใจจริง ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองระวังตัวเกินไปหน่อย

“แต่ว่า อาสาม…” เฉินฮวนฮวนเม้มปาก พูดด้วยความจริงใจ “คุณให้ฉันยืมเงินแสนหนึ่ง แถมยังช่วยฉันทำพิธีฝังศพให้คุณยาย เงินก้อนนี้ ฉันอยากจะคืนให้คุณจริง ๆ ค่ะ”

“ฉันรู้ว่าคุณไม่ขาดแคลนเงิน งั้นเอาแบบนี้ ฉันค่อยให้ของขวัญคุณในภายหลัง?”

เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกาย ยิ้มมองชายหนุ่มตรงหน้า แล้วรีบพูดขึ้น

เฉินฮวนฮวนคิดว่านี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดหรือเปล่า?

“ให้ของขวัญฉัน?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วนิดหน่อย

“ค่ะ ถ้าหากไม่ตอบแทนบุญคุณนี้กับคุณ ฉันก็จะรู้สึกติดค้าง ในเมื่อคุณไม่ให้ฉันคืนเงินคุณ งั้นฉันก็ให้ของขวัญคุณ ได้ไหมคะ?” เฉินฮวนฮวนดวงตาคมโต ตื่นเต้นจนกะพริบตาปริบ ๆ

ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้า เหมือนกับกระต่ายน่ารักตัวหนึ่ง ทำให้คนรู้สึกมันเขี้ยวอยากรังแกเป็นอย่างมาก

“ได้สิ” แน่นอนว่าเฟิงหานชวนยินยอมอยู่แล้ว

ผู้หญิงของตัวเองมองของขวัญให้ตัวเอง ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ?

“งั้นก็เอาอย่างว่าแล้วกันค่ะ แบบนี้พวกเราจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดต่อกันและกัน” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า รู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก

“ทำไมถึงอึดอัด?” เฟิงหานชวนถามกลับ

“เอ่อ ก็คือ…” เฉินฮวนฮวนคิดว่า เธอกับเฟิงหานชวนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

เมื่อครู่ที่เธออธิบายเยอะแยะขนาดนั้น เฟิงหานชวนไม่เข้าใจเลยเหรอ?

“คุณชายเฟิงคะ ไม่ทราบว่ารับอะไรดีคะ?” สาวเสิร์ฟเซ็กซี่คนหนึ่งรีบเดินเข้ามา

เฟิงหานชวนเป็นแขก Vip ของร้านนี้ พนักงานเสิร์ฟหญิงคนนี้ชื่อเจียงเม่ย เธอรู้สถานะของเฟิงหานชวน

เจียงเม่ยตั้งใจแกะกระดุมคอเสื้อของตัวเอง เมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงหานชวนก็ก้มตัวลง วางเมนูอาหารลงบนโต๊ะ ส่วนที่เป็นลูกคลื่นนั้นผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่

เฉินฮวนฮวนนั่งอยู่ตรงข้าม สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เธอใสซื่อมาก ในสมองมีเพียงความคิดเดียวคือ พนักงานเสิร์ฟสาวคนนี้รูปร่างดีมาก

เรื่องอื่นกลับไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะ

เฟิงหานชวนหมุนเมนูอาหารและดันไปด้านหน้าเฉินฮวนฮวน แล้วพูดอย่างเฉยชา “ดูว่าอยากทานอะไร”

เฉินฮวนฮวนพยักหน้า แล้วเปิดเมนูอาหาร จากนั้นก็อึ้งไปเลย

ราคาอาหารร้านนี้ เธอค่อนข้างรับไม่ได้ แต่ในเมื่อเฟิงหานชวนพาเธอมา ถ้าหากพูดต่อหน้าคนอื่นว่าแพงเกินไป จะทำให้เฟิงหานชวนเสียหน้าได้

ดังนั้นเฉินฮวนฮวนทำได้เพียงเม้มปาก แล้วเลือกสเต๊กที่ราคาถูกที่สุด “ฉันเอาสเต๊กเนื้อที่หนึ่งก็พอแล้วค่ะ”

พูดจบเธอก็ส่งเมนูอาหารให้เฟิงหานชวน

“คุณชายเฟิงคะ คุณล่ะคะ?” เจียงเม่ยไม่ได้สนใจเฉินฮวนฮวนแม้แต่น้อย แต่ยังคงกระตือรือร้นถามเฟิงหานชวนต่อไป

เมื่อครู่เธอไม่ได้ยินที่ทั้งสองพูดคุยกัน แต่ดูจากคำพูดและการกระทำ เฉินฮวนฮวนที่อยู่ตรงข้ามไม่ใช่ผู้หญิงของเฟิงหานชวน

ดังนั้นเธอไม่มีความเกลียดชังต่อเฉินฮวนฮวนเท่าไหร่นัก

ในเมื่อข่าวซุบซิบของเฟิงหานชวนเธอได้ยินมาอยู่บ้าง สิ่งที่มีชื่อเสียงหนึ่งในนั้นก็คือ…ไม่เข้าใกล้ผู้หญิง

แต่เจียงเม่ยคิดว่า เหตุผลหลักที่ไม่เข้าใกล้ผู้หญิง เพียงเพราะว่าเฟิงหานชวนได้เห็นผู้หญิงมาเยอะแยะมากมาย ยังไม่พบคนที่จะทำให้เขามีความรู้สึกได้

เพราะเธอไม่เชื่อว่าเฟิงหานชวนเป็นเกย์ เขาไม่เหมือนสักนิด แถมเธอก็มีสัญชาตญาณ

“เอาตามมาตรฐานของผมก่อนหน้านี้สองชุด” เฟิงหานชวนรู้ว่าเฉินฮวนฮวนเกรงใจ จึงสั่งเจียงเม่ยที่อยู่ด้านข้าง

“สองชุด?” เจียงเม่ยอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามต่อ “งั้นสเต๊กเนื้อยังจะรับไหมคะ?”

“อืม” เฟิงหานชวนมองดูเฉินฮวนฮวนที่อยู่ตรงข้าม แล้วตอบรับ

“ค่ะ คุณชายเฟิงรอสักครู่นะคะ ฉันจะรีบเอาอาหารมาเสิร์ฟให้คุณ” เจียงเม่ยพูดอย่างหยาดย้อย แล้วรีบไปสั่งอาหารที่ห้องครัว

เฉินฮวนฮวนสีหน้าประหลาดใจ

สเต๊กเนื้อคืออาหารกลางวันของเธอ แต่เฟิงหานชวนสั่งอาหารกลางวันไปสองชุด เขาจะทานสองชุด หรือว่ายังมีคนอื่นมาอีก?

“อาสาม ยังมีคนมาอีกเหรอคะ?” เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้จึงถามขึ้น

“ไม่มี” เฟิงหานชวนตอบ

“อืม” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า มีคำตอบในใจแล้ว

นั่นก็คือเฟิงหานชวนทานข้าวเยอะ

“เฉินฮวนฮวน”

ในตอนที่เธอกำลังเหม่อลอยอยู่ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามก็เรียกเธอ

เฉินฮวนฮวนรีบเงยหน้ามอง แล้วถามขึ้น “อาสาม มีอะไรเหรอคะ?”

“คุณ…คิดยังไงกับอาเยี่ยน?” เฟิงหานชวนเก็บไว้ไม่อยู่แล้ว เขาอยากถามให้ชัดเจน

“ฉัน?” เฉินฮวนฮวนถูกถามแบบนี้ ในหัวก็อดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้

เธอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนคือสามีภรรยากัน แต่เมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่นอนเตียงเดียวกัน เขาจูบเธออย่างเร่าร้อนมาก แถมยังนอนกอดเธอ

นึกได้ถึงเรื่องพวกนี้ เฉินฮวนฮวนรู้สึกหน้าเริ่มร้อนขึ้นมา

เฟิงหานชวนที่อยู่ตรงข้าม สีหน้ากลับเคร่งขรึมขึ้นมา

“อาเยี่ยนไม่มีทางชอบเธอ” เขาพูดเย็นชา

นี่ก็เหมือนน้ำเย็นกะละมังหนึ่ง ที่จู่ ๆ ก็สาดลงหัวของเฉินฮวนฮวน เธอถลึงตาโต งุนงงไปหมด

“แต่ว่า เมื่อคืนเขา…” เฉินฮวนฮวนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดชะงักไป

เมื่อคืนเฟิงเฉินเหยี่ยนอ่อนโยนกับเธอขนาดนั้น ตอนเช้าก็ทำดีกับเธอมาก น่าจะอยากเป็นคู่สามีภรรยาที่ดีกับเธอ?

“เขาทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน” ถึงแม้เฉินฮวนฮวนไม่ได้พูด แต่เฟิงหานชวนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

ดังนั้นน้ำเสียงของเขาแน่วแน่มาก

คำพูดประโยคนี้ของเฟิงหานชวน ตีลงบนหัวเฉินฮวนฮวนอีกครั้ง ถึงแม้จะรู้ประวัติร้าย ๆ ของเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่เฉินฮวนฮวนก็ยังรู้สึกตกใจ

สังเกตได้ถึงความเงียบของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนใจคอไม่ดีเท่าไหร่

“อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิง เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฟิง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิง” เขาจ้องมองดวงตาที่น่าสงสารคู่นั้นของหญิงสาว และพูดอย่างจริงจัง

ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลง ในลิฟต์พื้นที่เล็กๆมีเพียงพวกเขาสองคน

“อาสาม เมื่อกี้ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ช่วยฉัน” เฉินฮวนฮวนเม้มปากและหันไปขอบคุณเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนก็หันกลับมา หันหน้าเข้าหาเฉินฮวนฮวน แค่เพียงยกริมฝีปากเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเขาดูจริงจังมาก: "ผมควรขอบคุณคุณมากกว่า"

“หืม?” เฉินฮวนฮวนประหลาดใจ

“คุณทำดีมาก คนอย่างสองคนเมื่อกี้สมควรได้รับโทษ” เฟิงหานชวนยังคงมีน้ำเสียงจริงจัง

เฉินฮวนฮวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบ: “อืมใช่”

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนเป็นคนประเภทที่ไม่สนใจโลก ตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอ เขามักจะทำตัวเย็นชาไม่แยแส

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เฟิงหานชวนพูดออกมาเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเธอจะมองเขาผิดไป

“อืม ถ้าต่อไปมีเรื่องแบบนี้อีก มาหาผมเดี๋ยวผมจัดการให้” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ โดยหันไปทางประตูลิฟต์

เฉินฮวนฮวนมองไปที่ข้างหน้าเขาด้วยความงุนงง

ถ้าต่อไปมีเรื่องแบบนี้อีก ให้ไปหาเขา?

เฟิงหานชวนดูเฉยเมย แต่จริงๆแล้วเขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะเขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนกำลังจ้องมองเขา ดังนั้นเขาจึงต้องรักษาภาพลักษณ์ที่หล่อเหลานั้นไว้

แต่ทว่า เมื่อนึกถึงเฉินฮวนฮวน การริเริ่มก่อนคงเขินอาย เพราะงั้นเขาไม่ควรที่จะเย็นชาแบบนี้ต่อไป?

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ร่องรอยขุ่นมัวปรากฏบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็หันศีรษะและกำลังจะพูด

“ติ๊งต๊อง” เสียงประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก

เมื่อกี้เฉินฮวนฮวนไม่ได้สังเกต ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกก็อยู่ที่ลานจอดรถใต้ดิน

เธอยังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้า เฟิงหานชวนจะพาเธอออกไปแล้วงั้นเหรอ?

ช่างมันเถอะ ออกไปก็ออก เธอเดินช้อปปิ้งคนเดียวก็ไม่สนุก พรุ่งนี้ค่อยชวนเฉินนานามาเป็นเพื่อน

จริงๆแล้วในเวลานี้ เธอสามารถโทรหาหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ทำเรื่องวุ่นวายพวกนั้นจึงถูกกักขังไว้ครึ่งเดือน

อีกอย่าง ตอนเธอไปเยี่ยมที่เรือนจำ ทั้งสองก็มีการทะเลาะวิวาทกัน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เฉินฮวนฮวนก็ถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนต่างก้าวออกจากลิฟต์ แต่ผู้หญิงคนนั้นเดินตามเขาไปและถอนหายใจ ดังนั้นเขาจึงหยุดและหันไปถามเธอ

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวและพูดว่า: “อาสาม คุณกำลังจะกลับบ้านใช่ไหม?”

ถ้าเฟิงหานชวนกำลังจะกลับ เธอจะขอติดรถไปด้วย แต่ถ้าเฟิงหานชวนจะไปที่อื่น เธอจะนั่งแท็กซี่กลับ

เฟิงหานชวนจ้องไปที่ดวงตาของเฉินฮวนฮวนและก้าวไปข้างหน้าเธอ

เฉินฮวนฮวนไม่ทันตั้งตัว เธอกับเฟิงหานชวนใกล้กันมาก ก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ ทันทีที่ก้าวขาก็มีมือมากอดเอวเธอไว้

“อาสาม คุณ…” เฉินฮวนฮวนลืมตากว้าง

เฟิงหานชวนคิดจะทำอะไร?

“บอกผมมา ถอนหายใจทำไม” เขาอยากรู้เหตุผลที่เธอถอนหายใจ

“ไม่มีอะไรจริงๆ” เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอีกครั้ง เรื่องของเธอกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ มันไม่จำเป็นต้องบอกเฟิงหานชวน

ยังไงเฟิงหานชวนก็ไม่รู้จักหลิ่วเยว่เอ่อร์ และเรื่องอื้อฉาวที่หลิ่วเยว่เอ่อร์ทำ เธอก็ไม่อยากพูดถึง

การปฏิเสธของเฉินฮวนฮวน ทำให้ใบหน้าของเฟิงหานชวนบูดบึ้ง

ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ไว้ใจเขาขนาดนั้น มีอะไรในใจก็ไม่บอกเขา ซึ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมาก

“ถ้าอาเหยี่ยนเป็นคนถาม คุณจะบอกไหม?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเย็นลง

“ห้ะ? ฉัน…” เฉินฮวนฮวนตกตะลึง เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะถามเช่นนี้

“คุณไม่ตอบ ก็แสดงว่ายอมรับ เพราะงั้นคุณมีเรื่องในใจแต่ปิดบังผม แต่จะไม่ปิดบังอาเหยี่ยนใช่ไหม?” การแสดงออกของสีหน้าเฟิงหานชวนแย่มาก กลายเป็นโหดร้าย

“ไม่ใช่ อาสาม ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น เรื่องนี้เกี่ยวกับชื่อเสียงของเพื่อนฉัน เพราะงั้นฉันเลยบอกไม่ได้” เฉินฮวนฮวนรู้ว่าตัวเองกำลังยั่วโมโหเฟิงหานชวน

เธอไม่ได้ตั้งใจจะลำเอียงจริงๆ แต่เธอแค่ไม่อยากพูดถึงหลิ่วเยว่เอ่อร์

“ชื่อเสียงของเพื่อนคุณ?” เฟิงหานชวนดูเหมือนจะเดาอะไรบางอย่างออก

“อืม ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งเคยทำเรื่องไม่ดีไว้ จู่ๆฉันก็นึกถึงเธอ ฉันก็เลยถอนหายใจ ไม่มีอะไรจริงๆ และฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณ” เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างกังวล: “อาสาม คุณอย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉันปฏิบัติต่อคุณและอาเหยี่ยนเท่ากัน”

ในความคิดของเธอ ตราบใดที่คนปฏิบัติดีต่อเธอ เธอจะปฏิบัติตอบอย่างจริงใจ

“ไปกันเถอะ ขึ้นรถ” เฟิงหานชวนพูดเบาๆ ก่อนจะดึงเฉินฮวนฮวนไปข้างหน้า

ยืนอยู่หน้าประตู เฉินฮวนฮวนรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่เฟิงหานชวนอยู่ในที่นั่งคนขับแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องขึ้นรถ

“อาสาม คุณจะกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิงใช่ไหม? ถ้าคุณมีธุระไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ ฉันจะหารถกลับเอง” เฉินฮวนฮวนเม้มปากและหันไปพูดทางเฟิงหานชวน

“คาดเข็มขัดนิรภัย” เฟิงหานชวนหันศีรษะมองใบหน้าที่สะอาดสะอ้านของหญิงสาว และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

ในที่สุดก็มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาจะปล่อยให้เธอกลับไปได้ง่ายๆได้อย่างไร?

“อืมอืม โอเค” เฉินฮวนฮวนสับสนทำได้เพียงพยักหน้า แล้วรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว

เฟิงหานชวนขับรถออกจากที่จอดรถทันที รถก็แล่นไปตามถนน

เฉินฮวนฮวนนั่งตัวตรงตลอดทาง เมื่อกี้เฟิงหานชวนไม่ได้ตอบคำถามเธอ เธอก็เลยคิดว่าเฟิงหานชวนกำลังจะกลับบ้าน

ไม่คาดคิด ผ่านไป 20 นาที รถก็ไปจอดอยู่ที่ลานจอดรถกลางแจ้ง

“อาสาม ที่นี่ที่ไหน?” เฉินฮวนฮวนไม่รู้

“ลงจากรถ ไปกินข้าว” เฟิงหานชวนพูดแล้วลงจากรถก่อน

จากนั้น เฉินฮวนฮวนก็เห็นเฟิงหานชวนเดินไปด้านหน้ารถ และเดินมาที่ประตูที่นั่งข้างคนขับและเปิดประตู

ทันใดนั้นสมองของเธอก็ว่างเปล่า

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เฟิงหานชวนพาเธอมากินอาหารกลางวัน?

“จะให้ผมพูดอีกรอบ หรือจะให้ผมอุ้มลงมา?” เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนยังมึนงง เฟิงหานชวนพิงประตูรถและถามด้วยความสนใจ

อุ้ม…อุ้มลงไป!?

เฉินฮวนฮวนตกตะลึง รีบปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็วและกระโดดลงจากรถทันที

“อาสาม ฉันกลับดีกว่า ฉัน…” ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะพูดจบ ข้อมือของเธอก็ถูกจับไว้และเดินไปข้างหน้า

ไม่มีจังหวะสำหรับการปฏิเสธเลย

ทันทีหลังจากนั้น เฉินฮวนฮวนถูกเฟิงหานชวนดึงเข้าไปในร้านอาหารตะวันตก ในขณะที่กำลังเข้าไปในหัวของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความว่างเปล่า

เธอเหม่อลอยไม่มีสติ จนกระทั่งเธอนั่งลง

“อาสาม ทำไมคุณถึงพาฉันมากินอาหารในร้านอาหารที่หรูหราเช่นนี้…” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะของเธอ ไม่รู้จะทำอย่างไร อึดอัดและเขินอายไปทั้งตัว

“อยากกินอะไรก็สั่งเลย” เฟิงหานชวนนั่งลงตรงข้ามกับเธอแล้วปลดกระดุมสูทออก พฤติกรรมช้าๆไม่เร่งรีบของเขาเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์

เฉินฮวนฮวนตะลึง

เธอตั้งสติ ส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดว่า: “อาสาม คุณไม่จำเป็นต้องดีกับฉันขนาดนี้ ฉันยังเป็นหนี้คุณและเอาเสื้อผ้าแบรนด์ที่คุณซื้อไป ฉันรับความกรุณาของคุณไม่ได้แล้วจริงๆ”

“แม้ว่าเราจะเคยมีเรื่องเข้าใจผิดกันมาก่อน แต่ฉันไม่ได้เกลียดคุณแล้ว เราก็ดีกันแล้ว เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องชดเชยให้ฉันอีก ไม่จำเป็นต้องพาฉันมากินข้าว”

น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาอ่อนหวานละมุนละไม แฝงไว้ด้วยความหวานเลี่ยนจนขนลุก

อีกอย่าง เขายังบอกว่า ทุกอย่าง…ฟังเธอทุกอย่าง?

น้ำเสียงเช่นนี้ ช่างเหมือนแฟนหนุ่มพูดกับแฟนสาวไม่มีผิด

เฉินฮวนฮวนรู้สึกมึนงงงัน ราวกับหัวสมองขาวโพลนไปหมด เธออ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

เธอคิดมากไปหรือเปล่า

เธอคิดมากไปใช่ไหม!

เธอน่าจะคิดมากเกินไป

ใช่ เธอต้องคิดมากเกินไปแน่นอน!

“อันฉี ตอนนี้ห้างอวิ๋นตวนไล่คุณออกอย่างเป็นทางการแล้ว และเคาน์เตอร์Vivi ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้จ้างคุณอีกต่อไป รวมถึงสายงานทั้งหมดด้วย” เฟิงหานชวนมองหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่บนพื้น สายตาของเขาไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อสักครู่ ทว่าเต็มไปด้วยความเย็นชาไร้ความรู้สึก

หลังจากที่อันฉีได้ฟัง เธอก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นทันที แววตาว่างเปล่า จิตใจล่องลอยราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์

โดนไล่ออกก็ช่างเถอะ ทว่า นึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะแบนเธอ?

เธอเป็นพนักงานขายมาหลายปีแล้ว นอกจากพนักงานขายแล้ว เธอก็แทบไม่มีคุณสมบัติสำหรับงานอื่นอีกแล้ว ทว่านึกไม่ถึง เพราะเธอทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่พอใจ เธอจึงถูกแบน!

“ไม่นะ…ประธานเฟิง ฉันขอร้องคุณล่ะ ขอร้องอย่าแบนฉันเลยนะคะ ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว ฉันจะไม่ทำแบบนี้กับลูกค้าอีกแล้ว ฉันจะไม่ทำแล้ว คุณให้โอกาสฉันสักครั้งนะคะ…” อันฉีร้องไห้อย่างเสียสติ เธอร้องไห้ขอความเมตตาจากเขาไม่หยุด

เมื่อเฉินฮวนฮวนกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เธอถึงได้รู้ว่าเมื่อสักครู่เฟิงหานชวนพูดอะไร เธอยังคงเงียบ ทว่ามือเล็กๆ ของเธอดึงแขนเสื้อของเฟิงหานชวน

เฟิงหายชวนโน้มตัวลงมาที่ข้างใบหูของเธอ และเอ่ยถามเสียงเบา “มีอะไรเหรอ”

“อย่าแบนเธอเลยค่ะ ให้บทเรียนกับเธอ…ก็พอแล้วค่ะ” เสียงของเฉินฮวนฮวนเบามาก เธอพูดไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก

เพราะว่า มือของเฟิงหานชวนยังคงวางอยู่บนไหล่ของเธอ ร่างของเขาแนบชิดติดเธอ ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย

ทว่า เธอไม่กล้าผลักเขาออก อย่างไรเสียเฟิงหานชวนก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับเธอ แค่เธอคิดมากไปเท่านั้นเอง

หากเธอจงใจเว้นระยะกับเขา กลับจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่สันติของพวกเขาทั้งสอง

“ไม่แบน แล้วจะให้บทเรียนยังไง” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย และกล่าวแย้งคำพูดของหญิงสาว

ในความคิดของเขา เฉินฮวนฮวนเป็นคนจิตใจดีเกินไป หากไม่ให้บทเรียนกับพนักงานคนนี้เสียหน่อย คราวหน้าเธอต้องทำผิดอีกแน่นอน

“นี่…” เฉินฮวนฮวนสบตากับดวงตาลึกล้ำคู่นั้นของเฟิงหานชวน ในขณะนั้นเธอพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว

กระแสน้ำวนปรากฏขึ้นในแววตาของเขา ราวกับกำลังจะดูดเธอเข้าไปเสียอย่างนั้น

“คุณเฉิน ได้โปรดช่วยฉันขอร้องด้วย ฉันไม่กล้าทำอีกแล้วค่ะ ฉันสาบาน ครั้งนี้ฉันได้รับบทเรียนแล้ว ฉันจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว…” อันฉีเห็นว่าเฉินฮวนฮวนยังคงมีคุณธรรมอยู่บ้าง เธอรีบถลาเข้าไปจับข้อเท้าของเฉินฮวนฮวน และขอความเมตตาอย่างร้อนรน

เฉินฮวนฮวนมองอันฉีที่หมอบอยู่ตรงหน้าตัวเอง ความโกรธและความเสียใจทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ราวกับว่ามันได้มลายหายไปหมดแล้ว

เธอรู้ว่าอันฉีทำเกินไป ทว่าไม่ถึงขนาดว่าเฟิงหานชวนต้องลงโทษอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ เพียงสั่งสอนเป็นบทเรียนก็พอแล้ว

ดังนั้น เธอหันกลับมามองเฟิงหานชวนแล้วเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะกล่าวว่า “อาสาม ให้บทเรียนสักหน่อยก็พอแล้ว ปล่อยเธอไปเถอะค่ะ”

เสียงนุ่มละมุนของหญิงสาว ทำให้เฟิงหายชวนรู้สึกอ่อนปวกเปียก เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทว่าเธอกลับขอร้องแทนคนอื่นเสียอย่างนั้น

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้จิตใจดีเหมือนคุณ” เฟิงหานชวนจ้องดวงตารูปเมล็ดซิ่งอันสดใสแวววาวคู่นั้นของเฉินฮวนฮวนด้วยความสนใจ ก่อนที่มุมปากของเขาจะกระตุกขึ้นเล็กน้อย

เฉินฮวนฮวนเบิกตาค้าง เธอไม่ใช่คนจิตใจดี เธอเพียงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องตัดขาดอย่างไร้เยื่อใยขนาดนั้น

ถึงอย่างไร อันฉีก็ไม่ได้ทำผิดถึงขนาดว่าเป็นเรื่องเลวร้ายที่แหกกฎฟ้าดิน

“อาสาม…” เฉินฮวนฮวนกัดเม้มริมฝีปาก เธอรู้ดีว่า เฟิงหานชวนไม่ต้องการปล่อยอันฉีไป

ทว่า เมื่อเห็นอันฉีที่กำลังตัวสั่นระริกหมอบอยู่กับพื้น เธอถึงกับเบิกตากว้างอีกครั้ง ก่อนจะหันไปกระซิบถามเฟิงหานชวน “คุณบอกฉันว่า คุณจะฟังฉันทุกอย่างไม่ใช่เหรอคะ”

เฟิงหานชวนเพิ่งบอกกับเธออย่างเงียบๆ ว่า เขาฟังเธอทุกอย่าง ตอนนี้เธอตัดสินใจปล่อยอันฉีไป เฟิงหานชวนจะฟังคำของเธอไหม

เฟิงหานชวนผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมารู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว ไม่คิดเลยว่าเฉินฮวนฮวนเด็กสาวคนนี้ จะอ่อยคนอื่นโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว

ทำเอาเขารู้สึกคันยุบยิบในใจ

เฟิงหานชวนเอาแต่มองเธออย่างเงียบๆ ประมาณหนึ่งนาที ก่อนจะมองไปที่อันฉีที่กำลังหมอบอยู่กับพื้น และกล่าวอย่างเย็นเยือก “ครั้งนี้ฉันจะปล่อยเธอไป ถ้ายังมีครั้งหน้า จะไม่มีใครขอร้องแทนเธอได้แล้ว”

“ฉันจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ จะไม่ทำอีกแล้ว ขอบคุณประธานเฟิง ขอบคุณคุณเฉิน ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ…” อันฉียังคงคุกเข่าโค้งคำนับขอบคุณทั้งสองคนไม่หยุดจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ท่าทางดูน่าเวทนาเป็นอย่างมาก

หลิวเสี่ยวจิงที่อยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกับตาของตัวเอง ดวงตาของเธอนิ่งค้างด้วยความตะลึง เธอแทบไม่เชื่อความจริง

เฟิงหานชวนปฏิบัติต่อเฉินฮวนฮวนดีเป็นพิเศษ เฉินฮวนฮวนก็เรียก “อาสาม” อย่างออดอ้อนทุกคำ เห็นได้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองดีมาก

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเธอก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเฉินฮวนฮวนอยู่สองปี ทำไมเธอไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนมีญาติที่สุดยอดแบบนี้ล่ะ

ตอนนี้จะทำอย่างไรได้บ้าง หลังจากนี้พวกเขาจะจัดการกับเธอไหม

ทว่าเธอไม่ใช่พนักงานของห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวน เธอเพียงพูดสบประมาทเฉินฮวนฮวนเท่านั้นเอง อย่างมากขอโทษเธอสักคำก็พอแล้ว ไม่ถึงขนาดว่าต้องทำตัวน่าเวทนาจนดูต่ำต้อยเหมือนกับอันฉี

“ฮวนฮวน เมื่อกี้ฉันขอโทษเธอจริงๆ นะ! เมื่อก่อนสมัยมอปลายพวกเราไม่ค่อยลงรอยกัน ดังนั้นฉันก็เลยพูดจาไม่ดีไปบ้าง ฉันขอโทษเธอด้วยนะ” หลิวเสี่ยวจิงเดินเข้ามาขอโทษเฉินฮวนฮวนพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

ทันใดนั้น เธอส่งสายตาไปทางเฟิงหานชวน และมองเขาอย่างเหนียมอาย ก่อนจะกล่าวอย่างขวยเขิน “ฮวนฮวน ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะมีอาสามที่สุดยอดแบบนี้ ทำไมเธอไม่เคยบอกเลยล่ะ”

หลิวเสี่ยวจิงไม่อยากปล่อยโอกาสใดๆ หลุดลอยไป แม้ว่าเธอและเฉินฮวนฮวนจะมีเรื่องขุ่นเคืองกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีโอกาส

ไม่แน่ใจว่า ประธานเฟิงคนนี้อาจจะชอบเธอก็ได้?

“หลิวเสี่ยวจิง เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับเธอ ไม่จำเป็นต้องบอกเธอ” เฉินฮวนฮวนคร้านจะพูดเรื่องไร้สาระกับหลิวเสี่ยวจิงอีกแล้ว เธอเอื้อมมือไปดึงแขนของเฟิงหานชวน ตั้งใจจะเดินออกไปจากร้านพร้อมกับเฟิงหานชวน

ทว่า เฟิงหานชวนกลับยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน

“อาสาม เราไปกันเถอะ” เฉินฮวนฮวนออกแรงดึงเขา

เฟิงหานชวนเอื้อมมืออีกข้างไปลูบหัวเฉินฮวนฮวน และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จะไปอย่างนี้เหรอ”

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ความมึนงงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเธอคนนี้ ปัจจุบันเป็นเด็กของผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของติ่งเสิงกรุ๊ป ฉันให้คนส่งข้อมูลของเธอไปให้ภรรยาของผู้อำนวยการคนนั้นแล้ว” เฟิงหานชวนเพียงยิ้มเยาะ ก่อนจะคว้าข้อมือของเฉินฮวนฮวนแล้วลากเธอเดินออกไป

“ปัง” เสียงดังมาจากด้านหลัง

เฉินฮวนฮวนตกใจหันกลับไปมอง หลิวเสี่ยวจิงทรุดตัวนั่งลงกับพื้น และขว้างไม้แขวนเสื้อทั้งหมดลงบนพื้น

เธอไม่คิดเลยว่า หลิวเสี่ยวจิงอายุยังน้อย เธอยังเป็นนักศึกษาปีสอง อีกทั้งฐานะทางบ้านของเธอค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทว่าเธอกลับทำลายครอบครัวของคนอื่นเช่นนี้

เมื่อเฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวอีกที เธอก็ถูกเฟิงหานชวนพาเข้ามาในลิฟต์แล้ว

ในเวลานี้ไม่เพียงแต่ ชายวัยกลางคนที่ยืนขึ้นเท่านั้นแต่รวมถึงคนทั่วไปที่อยู่ข้างหลังด้วย แม้แต่ดวงตาของเฟิงหานชวนเองก็เบิกกว้างขึ้นเช่นกัน

ใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ากำลังตกตะลึง

คุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงผู้ซึ่งเย็นชาอยู่เสมอ ตอนนี้เขาดูอ่อนลงกับเด็กสาวคนนี้!

นอกจากนี้น้ำเสียงยังเผยให้เห็นถึงความอดทนที่กลั้นไว้อยู่

แน่นอนว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้สนใจการแสดงออกของคนเหล่านั้น แต่กลับครุ่นคิดว่าจะอธิบายให้เฟิงหานชวนอย่างไรดี เธอเกาหัวและพูดว่า "ฉันอยากจะร้องเรียนเกี่ยวกับพนักงานขายของแบรนด์วีวี่ ชื่ออันฉี"

"นำคลิปกล้องวงจรปิดของวีวี่มาให้ฉันที"เฟิงหานชวนหันไปหาชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเขาและสั่ง

หลังจากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและจับมือเฉินฮวนฮวนออกมาเพื่อพาเธอไปที่ร้านวีวี่

ชายวัยกลางคนยังคงยืนนิ่งๆ เขาเป็นคนดูแลห้างอวิ๋นตวน เขาคือผู้จัดการเกา

ผู้จัดการเกาถูกผู้ช่วยที่อยู่ข้างหลังเขาสะกิดก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาลดเสียงลงแล้วพูดว่า: "รออะไรอยู่ล่ะ รีบไปทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเร็วเข้า!"

กล้องวงจรปิดของห้างอวิ๋นตวนมีอยู่ในทุกๆร้าน และในขณะเดียวกันบันทึกของกล้องวงจรปิดของทุกๆร้านก็ต้องส่งให้กับทางห้างอวิ๋นตวนด้วย

……

เฉินฮวนฮวนถูกลากเข้าไปในร้านวีวี่จนกระทั่งเฟิงหานชวนปล่อยให้เธอนั่งลงบนโซฟา เธอก็ค่อยใจเย็นขึ้นมาหน่อย

ในฝ่ามือยังมีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่

เธอรู้สึกหน้าแดงเล็กน้อยที่เมื่อสักครู่เฟิงหานชวนจับมือเธอ?

"คุณคือใคร?" เสี่ยเลี้ยงของเฉินฮวนฮวนอย่างนั้นเหรอ? "หลิวเสี่ยวจิงมองไปที่เฟิงหานชวน ดวงตาของเธอเป็นประกาย เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้มาก่อน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามจับมือเฉินฮวนฮวนมา หลิวเสี่ยวจิงรู้สึกโกรธมากจนเธอไม่สามารถต่อสู้ได้

"ฉันจะบอกคุณว่าเฉินฮวนฮวนน่ะมีปัญหาในชีวิตตั้งแต่มัธยมแล้ว คนอย่างเธอไม่คู่ควรกับคุณหรอก"หลิวเสี่ยวจิงจงใจพูดใส่ร้ายเฉินฮวนฮวนต่อหน้าเฟิงหานชวน เพียงเพื่อให้ผู้ชายคนนี้ทิ้งเฉินฮวนฮวน

ฝ่ามือของอันฉีที่ยืนอยู่ข้างๆเริ่มมีเหงื่อออกเพราะรู้สึกประหม่าและขาของเธอก็เริ่มอ่อนแรง

เธอรู้จักเฟิงหานชวนดีเพราะเธอเป็นพนักงานเก่าของห้างอวิ๋นตวน เฟิงหานชวนเป็นน้องคนสุดท้องของตระกูลเฟิง และเป็นคุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงที่มีชื่อเสียง

แต่เธอไม่เคยคิดว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉินฮวนฮวนคนนี้?

"อย่าล่วงเกินคนของตระกูลเฟิงของพวกเรา"เฟิงหานชวนเหลือบมองหลิวเสี่ยวจิงด้วยสายตาที่ทิ่มแทง เขาไม่ได้แยแสกับคำพูดของเธอแต่พูดออกมาเป็นเชิงเตือนเธอมากกว่า

เสียงหัวใจของหลิวเสี่ยวจิงตอนนี้ดัง "ตึกๆ" เธอเริ่มรู้สึกกระวนกระวายในใจเข้าเสียแล้ว

คนของตระกูลเฟิง?

นามสกุลของเฉินฮวนฮวนไม่ใช่เฉินเหรอ? ตระกูลเฟิง ตระกูล…เฟิง?

"เอ่อ ประธานเฟิง ฉันรู้น้อยเกินไป ฉันไม่รู้ว่าคุณเฉินคือคนของตระกูลเฟิง ฉันผิดไปแล้ว…"ทันใดนั้นอันฉีก็คุกเข่าลงต่อหน้าเฟิงหานชวนและตัวสั่นด้วยความตกใจ

ด้วยสิ่งที่หลิวเสี่ยวจิงพูด เธอคิดว่าเฉินฮวนฮวนมีคุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงคอยเป็นแบ็ค แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าเฉินฮวนฮวนจะเป็นคนของตระกูลเฟิง

เมื่อเฉินฮวนฮวนมองไปที่ท่าทางที่เหมือนสุนัขของอันฉี เธอหัวเราะเยาะเย้ยและถามว่า: "อันฉี ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้มีท่าทางแบบนี้เลยนี่หน่า"

"คุณเฉิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ! ฉันรู้เท่าไม่ถึงการ ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ฉันมันก็แค่คนขี้ขลาดและน่ารังเกียจ ฉันจะชดใช้ให้คุณ…”อันฉีขอร้องต่อเฉินฮวนฮวน

"เฉินฮวนฮวน แล้วสรุปเธอคือใคร? เธอยากจนมาก ทำไมถึงไปเป็นคนของบ้านตระกูลเฟิงได้? "หลิวเสี่ยวจิงเบิกตากว้างและถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเฉินฮวนฮวนจะกลายเป็นคนของบ้านตระกูลเฟิง แต่ความจริงตอนนี้ก็ดันมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว

อันฉีเรียกผู้ชายคนนี้ว่าประธานเฟิง ถ้าอย่างนั้นแล้วชายผู้นี้ก็ต้องเป็นประธานของเฟิงซื่อกรุ๊ปใช่ไหม?

เฉินฮวนฮวนรู้จักผู้ชายที่มีอำนาจขนาดนี้เลยเหรอ?

"หลิวเสี่ยวจิง ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!"เฉินฮวนฮวนยืนขึ้นและเดินไปหาหลิวเสี่ยวจิง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เธอเน้นเสียง: "ฉันมีปัญหาตั้งแต่มัธยมน่ะเหรอ? ถ้าเธอเก่งเรื่องปล่อยข่าวลือนักล่ะก็ ทำไมไม่ไปเขียนนิยายซะล่ะ? "

"เธอ……"หลิวเสี่ยวจิงถอยหลังกลับไปสองก้าว จู่ๆเธอก็พูดไม่ออก

ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ท่าทางของเฉินฮวนฮวนก็ดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และแม้แต่สถานการณ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็กลับกันโดยสิ้นเชิง

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ

ในขณะเดียวกันเฟิงหานชวนก็กำลังนั่งอยู่บนโซฟา และได้รับวิดีโอกล้องวงจรปิดส่งมาในโทรศัพท์ของเขา จากนั้นเขาก็คลิกมันเพื่อเปิดดูทันที

เสียงของวิดีโอดังขึ้น

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินเสียงว่าเฟิงหานชวนกำลังดูวิดีโอกล้องวงจรปิดอยู่ เฉินฮวนฮวนก็รีบวิ่งเข้าไปและนั่งลงข้างๆเฟิงหานชวน เธอยื่นหน้าเข้าไปเพื่อดูวิดีโอกับเขา

กลิ่นหอมของผู้หญิงที่ติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขาทำให้เฟิงหานชวนหลุดโฟกัสนิดหน่อย ร่างกายของเขารู้สึกร้อนขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล

"อาสาม ดูสิ พนักงานอย่างเธอจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้างานได้อย่างไร? ถ้ามันแพร่กระจายออกไปมันจะทำลายภาพลักษณ์ของบริษัทแน่นอน! "

ฉากที่ฉายอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เป็นเหตุการณ์ที่อันฉีพูดอย่างภาคภูมิใจว่าเธอกำลังจะเลื่อนขั้น เฉินฮวนฮวนจึงใช้โอกาสนี้รายงานเฟิงหานชวนทันที

ด้วยความเร่งรีบนี้เธอจึงเรียกชื่อ "อาสาม" โดยไม่ได้ตั้งใจ

ตอนนี้หลิวเสี่ยวจิงและอันฉีเชื่ออย่างแท้จริงแล้วว่าเฉินฮวนฮวนเป็นสมาชิกในครอบครัวของตระกูลเฟิงจริงๆ เธอเป็นหลานของเฟิงหานชวน

เพราะเฉินฮวนฮวนเรียกเฟิงหานชวนว่า "อาสาม"

"คุณเฉิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ได้โปรดอย่าไล่ฉันออกเลย ได้โปรด ฉันจะไม่กล้าทำแบบนี้อีก ได้โปรดให้โอกาสฉัน…"อันฉีร้องไห้น้ำตาไหลพรากและดูอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างน่าสมเพช

เธอคาดไม่ถึงจริงๆว่าผู้หญิงอย่างเฉินฮวนฮวนที่แต่งตัวธรรมดาจะกลับกลายเป็นคนของบ้านตระกูลเฟิง

เฟิงหานชวนกดล็อกโทรศัพท์และหันไปถามเฉินฮวนฮวน แต่ทันทีที่เขาหันกลับมา เฉินฮวนฮวนยังคงอยู่ใกล้ๆใบหน้าของเขา ทำให้ปลายจมูกของพวกเขาเกือบจะแตะกัน

ทันใดนั้นบรรยากาศที่คลุมเครือก็ปะทุขึ้น

เฉินฮวนฮวนตกใจและหันหน้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว แก้มของเธอขึ้นสีแดงอีกครั้ง "ซ่า"

"ฮวนฮวน คุณจะจัดการกับเธออย่างไร?"เมื่อมองไปที่ท่าทางเขินอายของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็ยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย เขาเข้าไปใกล้ๆใบหูของเธอและถามเสียงต่ำ

เสียงอู้อี้และเหมือนแม่เหล็กรวมกับลมหายใจอุ่นๆทำให้ใบหูของเฉินฮวนฮวนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง

"ทำให้…ไล่ออกเธอก็พอแล้ว"เธอเอียงคอและพูดติดๆขัดๆ

หากไม่ใช่เพราะเฟิงหานชวนอยู่ใกล้เธอมากเกินไป เธอก็คงจะไม่รู้สึกประหม่าเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะได้เตรียมคำพูดและวางแผนดีๆที่จะสอนบทเรียนให้กับอันฉี

"แค่ไล่ออกเองเหรอ?"เฟิงหานชวนเหยียดมือออกและโอบไปที่ไหล่เล็กๆของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนตัวแข็งทื่อและพูดไม่ออก สมองของเธอว่างเปล่าไปในทันที

นี่ถือได้ว่าเป็นที่สาธารณะ ทำไมเฟิงหานชวนถึงทำตัวเหมือนจะสนิทสนมกับเธอมากเกินไปหรือเปล่า?

เธอคิดมากไปหรือเปล่า?

"อาสาม ฉันคิดว่า ฉัน……พวกคุณต้องเตือนพนักงานทุกคนด้วยว่าอย่าทำแบบนี้…"เฉินฮวนฮวนพูดตะกุกตะกัก

เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆและยังคงพูดข้างๆหูของเธอโดยใช้เสียงที่ได้ยินเพียงแค่สองคนว่า: "โอเค ผมจะฟังคุณ"

ได้ยินชื่อนี้ เฉินฮวนฮวนก็นึกขึ้นมาได้

หลิวเสี่ยวจิงเป็นเพื่อนร่วมชั้นตอนมัธยมปลายจริง ๆ เพื่อนร่วมชั้นตอนม.4และม.5 แต่ตอนม.6 หลิวเสี่ยวจิงก็ได้ย้ายโรงเรียนไปแล้ว

เมื่อครู่ที่จำไม่ได้ ก็เพราะหลิวเสี่ยวจิงที่อยู่ตรงหน้า เปลี่ยนไปเยอะมาก จมูกโด่งขึ้นมาก คางก็แหลมขึ้น เปลือกตายังกลายเป็นตาสองชั้นสไตล์ยุโรปอีกด้วย เหมือนกับออกมาจากโรงงาน

ความสัมพันธ์ของเธอกับหลิวเสี่ยวจิงไม่ดีเท่าไหร่นัก เป็นเพราะเดือนของห้องเรียนข้าง ๆ ที่หลิวเสี่ยวจิงชอบมาชอบตนเอง ดังนั้นในตอนนั้นหลิวเสี่ยวจิงหาเรื่องเธออยู่ไม่น้อย

“หลิวเสี่ยวจิง ขอโทษด้วย เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก ฉันเลยจำไม่ได้” เฉินฮวนฮวนพูดตามตรง

ตอนนั้นเธอโดนหลิวเสี่ยวจิงเอาเปรียบอยู่ไม่น้อย เป็นธรรมดาที่จะไม่ไว้หน้าผู้หญิงคนนี้

“เฉินฮวนฮวน คิดไม่ถึงว่าไม่ได้เจอกันนานหลายปีขนาดนี้ เธอก็ยังยากจนอยู่เหมือนเดินนะ!” หลิวเสี่ยวจิงพยายามกลั้นหัวเราะ ดูภูมิใจมาก

“หึ” เฉินฮวนฮวนหัวเราะในลำคอ ไม่อยากจะสนใจผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป

ความสัมพันธ์ของพวกเธอก่อนหน้านี้ไม่ดีมาก ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลังจากนี้เจอกันแล้วจะยังยิ้มให้กันได้อีก ความเป็นไปได้คงจะน้อยมาก

ในตอนที่เฉินฮวนฮวนกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป หลิวเสี่ยวจิงก็เรียกเธอไว้อีก “เฉินฮวนฮวน เธอชอบกระโปรงตัวนี้ไม่ใช่เหรอ? ฉันยกให้เธอ เธอมีปัญญาซื้อเหรอ?”

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าหลิวเสี่ยวจิงกำลังดูถูกเธอ เธอมองไปที่หลิวเสี่ยวจิงด้วยความใจเย็นเป็นอย่างมาก แล้วตอบกลับ “ชอบกระโปรงตัวเดียวกับเธอ ฉันรู้สึกว่าสายตาของฉันต้องได้รับการซ่อมแซมดี ๆ สักหน่อยแล้ว”

“เฉินฮวนฮวน เธอหมายความว่ายังไง!” หลิวเสี่ยวจิงชี้หน้าเธอ ถลึงตาโตอย่างโมโห เปลือกตาสองชั้นสไตล์ยุโรปคู่นั้น ดูแปลกประหลาดอย่างมาก

“ไม่ได้หมายความว่าอะไร ก็แค่หัวเราะเยาะกับรสนิยมแย่ ๆ ของเธอ” เฉินฮวนฮวนกระแทกกลับ แล้วเดินไปทางประตู

“เธอหยุดอยู่ตรงนั้นนะ! ฉันดูแล้วว่าเธอไม่มีเงินซื้อ ในสายตาของฉัน แม้แต่ธาตุอากาศเธอก็ไม่ใช่! อย่าคิดว่าหน้าตาสะสวย แล้วจะหยิ่งยโสไปหน่อยเลย ตอนนี้ไม่มีเงิน แม้แต่ขี้เธอก็ไม่ใช่!” หลิวเสี่ยวจิงตะโกนปาวปาวอยู่ด้านหลังเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนคับอกคับแค้นใจ เธอกำหมัดแน่น แล้วก็หมุนตัวกลับเดินไปทางหลิวเสี่ยวจิง

“ทำไม จะตบฉันเหรอ? ฉันพูดผิดเหรอ? เฉินฮวนฮวน เธอดูตัวเธอเอง มหาลัยปีสองแล้ว ยังจะใส่ชุดที่ยาจกขนาดนี้ ขายขี้หน้าคน!” หลิวเสี่ยวจิงพูด แล้วตั้งใจเอากระเป๋าแบรนด์เนมของตัวเองออกมาสะพายอยู่หน้าเฉินฮวนฮวน

“ไม่มีเงินก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่กลัวพวกที่ไม่มีเงินแต่แสร้งทำว่ามีเงินนี่สิ ไม่มีเงินแล้วยังจะอยากใส่เสื้อผ้าดี ๆ ผู้หญิงประเภทที่รักชื่อเสียงเกียรติยศเงินทอง ฉันเกลียดที่สุด!” อันฉีเหลือบตามองเฉินฮวนฮวน แล้วพูดเสริมหลิวเสี่ยวจิง

เฉินฮวนฮวนโมโหจนเส้นเลือดปูด ผู้หญิงสองคนนี้รังแกคนอื่นมากไปแล้ว!

ตัวเองมีคุณสมบัติทางจิตใจที่ดี ถ้าหากเป็นผู้หญิงคนอื่น การเงินขัดสนแต่อยากจะดูชุดสวย ๆ งาม ๆ แล้วถูกดูถูกแบบนี้ ก็ไม่ต้องเก็บกดพอดีกันเหรอ?

รักสวยรักงามไม่ผิด ไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาแล้วก็ซื้อของได้ตามใจชอบ

"อันฉี นิสัยแบบนี้ของเธอ ไม่คู่ควรจะเป็นพนักงานขายเลยนะ"เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเธอรับไม่ได้เป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่หลิวเสี่ยวจิงแต่เป็นอันฉี

เธอกับหลิวเสี่ยวจิงมีความบาดหมางกัน ดังนั้นหลิวเสี่ยวจิงดูถูกเธอ เธอจะคิดบัญชีเป็นการส่วนตัวกับหลิวเสี่ยวจิง แต่อันฉีที่เป็นพนักงานแนะนำ ดูถูกเธอแบบนี้ ก็สามารถทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นได้เช่นกัน

เธอจำเป็นจะต้องสั่งสอนพนักงานแนะนำคนนี้สักหน่อย เธอจะยื่นฟ้องอันฉี!

“ฉันไม่คู่ควร? ขอโทษด้วยนะคะคุณเฉิน เดือนหน้าถ้าไม่เกิดข้อผิดพลาดฉันจะเลื่อนขั้นเป็นรองหัวหน้าแล้ว เพราะผลคะแนนการทำงานของฉันคือที่หนึ่งของปี!” ตอนที่อันฉีพูดประโยคนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส

ร้านแบรนด์เนมแบบนี้ เป็นพนักงานแนะนำไม่มีอะไรที่น่าอวดดี แต่ว่าสามารถเป็นถึงหัวหน้าร้านได้ ก็เทียบเท่ากับพนักงานออฟฟิศได้แล้ว เงินเดือนก็ค่อนข้างดีมาก

ดังนั้น อันฉีตอนนี้ภูมิใจในชีวิตที่รุ่งเรือง ไม่แม้แต่จะมองดูนักศึกษาหญิงที่ยากจนอย่างเฉินฮวนฮวน

“ฉันจะยื่นฟ้องเธอ เธอไม่เหมาะกับการเลื่อนขั้น” เฉินฮวนฮวนมองอันฉีอย่างใจเย็น ค่อย ๆ พูดออกมาทีละคำ

อันฉีหัวเราะเยือกเย็น เดิมทีเธอยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรมากแล้ว แต่เฉินฮวนฮวนคนนี้ยั่วยุเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอหน้าบึ้งพูดขึ้น “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? จำนวนคนได้กำหนดไว้แล้ว คนจนแบบเธอที่แม้แต่เสื้อผ้าตัวเดียวของร้านเราก็ไม่เคยซื้อ ยื่นฟ้องฉันจะมีประโยชน์อะไร?”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” หลิวเสี่ยวจิงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะอย่างหนัก หัวเราะจนท้องขดท้องแข็ง

เฉินฮวนฮวนสีหน้าเปลี่ยน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่อันฉีพูดก็ไม่ผิด เธอไม่เคยซื้อเสื้อผ้าของแบรนด์วีวี่ จะมีสิทธิ์อะไรยื่นฟ้องอันฉี?

ยิ่งไปกว่านั้น ถึงเธอจะยื่นห้อง อันฉีจะถูกปลดเหรอ? คำตอบก็เห็นได้ชัดแล้วว่าไม่มีทางแน่นอน

“ฉันบอกเธอนะ กระโปรงลิมิเต็ดอิดิชั่นตัวนี้ ราคาแปดหมื่นแปดพัน เธอมีปัญญาซื้อเหรอ? เธอยินยอมที่จะซื้อเหรอ?” อันฉีถลึงตา พูดฉอด ๆ ใส่เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนแทบจะพูดไม่ออก เธอไม่ยินยอมที่จะซื้อจริง ๆ

งบทั้งหมดหนึ่งแสน แต่มากสุดเธออยากใช้มันแค่เพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งเก็บเอาไว้เพื่อที่จะคืนให้เฟิงหานชวน เธอยังติดหนี้เฟิงหานชวนหนึ่งแสน

กระโปรงตัวนี้ แค่ตัวเดียวก็แทบจะใช้เงินงบประมาณทั้งหมดของเธอเกือบหมด เธอไม่มีทางซื้อมันแน่ ต่อให้ชอบขนาดไหนก็เถอะ

ต่อหน้าเงินทอง เธอไม่มีสิทธิ์พูดอะไร

“เฉินฮวนฮวน อย่าเย่อหยิ่งเกินไป รู้ไหม? ไม่อย่างงั้นจะขายหน้ามากกว่าเดิม!” หลิวเสี่ยวจิงหัวเราะไม่หยุด พูดน้ำเสียงดูถูก “ชั้นล่างมีร้านแฟชั่นอยู่สองร้าน ดูเหมือนจะลดราคาอยู่ ตัวละร้อยสองร้อย ค่อนข้างเหมาะสมกับเธอ”

เฉินฮวนฮวนหมดความหยิ่งยโส หน้าม่อยคอตก ดูน่าอนาถเป็นอย่างมาก

“รีบไสหัวไปเถอะ! ท่าทางยาจก ทำให้คนรู้สึกรังเกียจ!” อันฉีเบะปาก สีหน้าดูถูกเหยียดหยาม

เฉินฮวนฮวนถึงแม้จะโมโห แต่นอกจากจะต่อปากต่อคำกลับ ก็ทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอกกลับอะไรแล้ว

ในตอนที่เธอหมดหนทางอยู่นั้น ทันใดนั้นก็เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ทางเดินด้านนอก ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าร่างกายสูงใหญ่ สวมใส่ชุดสูทสั่งตัดสีดำ คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างมาก

เฟิงหานชวน!

แถมด้านหลังของเขา ก็มีคนกลุ่มหนึ่งติดตามมาด้วย

เธอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เฟิงหานชวนมาประชุมที่นี่ ห้างอวิ๋นตวนเป็นธุรกิจของตระกูลเฟิง

ตอนนี้เฟิงหานชวนพากลุ่มคนเดินอยู่ในห้าง น่าจะกำลังสำรวจตรวจสอบอยู่?

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงในทันที เธอรีบพุ่งตัวไปหาชายหนุ่ม แต่ว่าเห็นใบหน้าเย็นชาของเฟิงหานชวนแล้ว เฉินฮวนฮวนก็หยุดชะงักในทันที

คำเรียก “อาสาม” ก็กลืนลงท้องไป

ถึงแม้เธอจะเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิง ภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่ตระกูลเฟิงก็ยังไม่เคยเปิดเผยสถานะของเธอ เธอไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต

ดังนั้นเธอน้อมตัวให้กับเฟิงหานชวน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ประธานเฟิงคะสวัสดีค่ะ! ฉันอยากจะยื่นฟ้องพนักงานในห้างของพวกคุณค่ะ!”

ประธานเฟิง?

เฟิงหานชวนยักคิ้ว ผู้หญิงคนนี้กำลังเล่นอะไรอยู่?

“บังอาจมาก!! เธอเป็นใคร? อย่ามาก่อกวนไม่มีเหตุผลอยู่ตรงนี้ ตอนนี้พวกเรากำลังสำรวจห้างอยู่!” ชายวัยกลางคนเดินออกมา แล้วชี้หน้าสั่งสอนเฉินฮวนฮวน

“เอ่อ…” เฉินฮวนฮวนเกาหัว แต่ก็ไม่ได้สนใจเขา แล้วมองอย่างมีหวังไปที่เฟิงหานชวน

เป็นครั้งแรกที่เฟิงหานชวนเห็นท่าทางแบบนี้ของเฉินฮวนฮวน เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เธออยากจะยื่นฟ้องใคร?”

"หึ–"

เฉินนานาอดหัวเราะไม่ได้

เธอมองไปที่เฉินฮวนฮวนที่กำลังอับอายตรงหน้า รู้สึกว่ามันตลกมาก

ทำไมถึงมีผู้หญิงที่น่ารักเช่นนี้? จนถึงตอนนี้ยังติดกับคนในตระกูลเฟิง

"นานา คุณ…คุณคิดว่าฉัน…ไร้ยางอายใช่ไหม?" เฉินฮวนฮวนเห็นเฉินนานาหัวเราะ ยิ่งทำให้เธอหน้าแดงและเขินอายมากขึ้น

เธอเองก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้นั้นไร้ยางอายจริงๆ แต่เธอไม่ได้ตั้งใจมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเฟิงหานชวน

ในเวลานั้น เธอคิดว่าเธอจะออกจากตระกูลเฟิง จะไม่ใช่ภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยนอีก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้มากนัก

“ไม่ใช่! สิ่งที่เธออธิบายเมื่อกี้ฉันเข้าใจหมดแล้ว ฉันแค่รู้สึกว่าเธอน่ารักมาก ก็เลยหัวเราะออกมา” เฉินนานาพูด ยิ้มและจับแขนของเฉินฮวนฮวน: “ไปเถอะ ไปช้อปปิ้งกัน ฉันอยากซื้อเครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า!"

ในวินาทีต่อมา เฉินฮวนฮวนถูกเฉินนานาลากไปข้างหน้า

หลังจากหนึ่งชั่วโมง

มือของเฉินนานาเต็มไปด้วยถุงช้อปปิ้ง มือของเฉินฮวนฮวนก็มีเช่นกัน แต่ถุงช้อปปิ้งในมือของเธอเป็นของที่เฉินนานาซื้อทั้งหมด

เมื่อเฉินนานากำลังจะเข้าไปในร้านถัดไป โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอวางสิ่งของลงบนพื้น จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเสื้อและรับโทรศัพท์

“ห้ะ! เป็นไปได้ยังไง? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ คุณรอฉันอยู่ที่นั่น” การแสดงออกของเฉินนานาประหม่ามาก เธอวางสายหลังจากที่เธอพูดจบอย่างรวดเร็ว

หันกลับมามองเฉินฮวนฮวนและอธิบายว่า: "เหลยถิงเกิดปัญหานิดหน่อย ฉันต้องรีบไป ของพวกนี้ฉันจะให้คนส่งไปบ้านตระกูลเฟิง เธอช้อปปิ้งคนเดียวก่อนนะ”

พูดจบ เฉินนานาก็รีบวิ่งไปที่ทางเข้าลิฟต์

เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันถามว่าเกิดอะไรขึ้น เฉินนานาก็หายไปแล้ว

เธอเหลือบมองที่กองถุงช้อปปิ้งบนพื้นและยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางมึนงง

ขณะที่เธอกำลังสับสน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนก็เข้ามาโค้งคำนับเธอและถามว่า: “คุณคือ คุณเฉินหรือเปล่าครับ? นี่คือของที่คุณเฉินจะส่งกลับบ้านตระกูลเฟิงใช่ไหมครับ?”

“ใช่ใช่ใช่” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าซ้ำๆ

"โอเคครับ ของพวกนี้ให้พวกผมจัดการเอง" ขณะที่พวกเขาพูด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองก็ก้มลงยกถุงช้อปปิ้งทั้งหมด แล้วหันหลังเดินจากไป

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าไม่มีถุงช้อปปิ้งพวกนี้แล้ว ตัวเธอโล่งและสบายมาก แต่ก็รู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่าง

เธอไม่เคยช้อปปิ้งคนเดียว มีความรู้สึกเหงาหงอย

อย่างไรก็ตาม วันมะรืนนี้ เธอต้องเข้ากลุ่มฝึก เธอไม่มีเสื้อผ้าที่จะออกงาน เกาเหวินบอกให้เธอซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมและไม่ต้องลังเลที่จะจ่ายเงิน 100,000 หยวนสำหรับเครื่องแต่งกาย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินฮวนฮวนก็ก้าวไปข้างหน้าและเดินไปที่ร้านขายเสื้อผ้าด้านหน้า

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนเข้าไปในร้าน เฉินนานาที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมก็เดินออกมา เธอวางโทรศัพท์ไว้ที่ปากแล้วพูดว่า:" เหลยถิง ฮวนฮวนไปช้อปปิ้งคนเดียวแล้ว ถ้างั้นฉันไปหาคุณละนะ~”

ร้านแฟชั่นแบรนด์วีวี่

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนเดินเข้ามา เธอถูกดึงดูดโดยเสื้อผ้าที่ออกแบบมาเฉพาะตัวในทันที

เธอมักจะแต่งตัวเรียบง่าย จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าเธอไม่รักสวยรักงาม แต่ว่าเธอลังเลที่จะใช้เงินซื้อเสื้อผ้า เพราะสำหรับเธอเงินเป็นสิ่งที่กดดันและมีค่ามาก

อันที่จริง ผู้หญิงทุกคนรักสวยรักงาม เฉินฮวนฮวนรีบวิ่งไปที่หุ่นนางแบบที่ตั้งอยู่กลางร้านอย่างมีความสุข เพราะชุดของนางแบบนั้นสวยมาก

พนักงานร้านมองเฉินฮวนฮวนหัวจรดเท้า ด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยาม ผู้หญิงหลายคนมาที่นี่วิ่งไปหาชุดที่สวยงาม สวมมันและถ่ายรูป แต่ไม่ซื้อ เธอจึงไม่ได้สนใจมากนัก

“สวัสดี กระโปรงตัวนี้มีแค่ในหุ่นนางแบบเหรอ?” เฉินฮวนฮวนเหลือบมองไปรอบๆ ไม่เห็นกระโปรงรุ่นนี้ห้อยอยู่ เธอจึงถามพนักงาน

เธอชอบชุดนี้มากและอยากจะซื้อมัน

"มีแค่ตัวนี้เท่านั้น รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ราคาแพงมาก ไม่มีปัญญาซื้อก็ไม่ต้องลอง" พนักงานมองเล็บตัวเองที่เพิ่งทำมาและพูดอย่างดูถูก

เฉินฮวนฮวนไม่ใช่คนโง่ เธอรู้สึกว่าพนักงานปฏิบัติต่อเธออย่างดูถูก เธอเหลือบมองที่ป้ายบนหน้าอกของพนักงาน มีคำว่า "อันฉี" เขียนอยู่

“ชื่ออันฉีใช่ไหม? ฉันเป็นลูกค้าของร้านคุณ ต่อให้ฉันไม่มีปัญญาซื้อ คุณก็ต้องเอามันมาให้ฉันลอง เว้นแต่ว่าชุดนั้นจะไม่อนุญาตให้ลองจริงๆ” เฉินฮวนฮวนยกคางขึ้น ท่าทางไม่ยอม

เธอเกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทอง ก่อนที่แม่ของเธอจะจากไป เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนแม่ ชุดเจ้าหญิงของเธอแทบจะไม่ซ้ำกันเลยสักวัน

ดังนั้นเธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมาดูหมิ่นได้

“เหอะ ถ้าฉันบอกว่ากระโปรงตัวนี้ไม่สามารถลองได้ล่ะ?” เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนหัวเราะเยาะตัวเอง พนักงานที่ชื่ออันฉีก็เย้ยหยัน

“เรียกผู้จัดการร้านของคุณมา ฉันจะถามเองว่ากระโปรงตัวนี้สามารถลองได้ไหม!” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าอันฉีโกหกตัวเอง เธอดูถูกและคิดว่าเธอไม่มีปัญญาซื้อ ดังนั้นจึงไม่ยอมให้เธอลอง

แต่ยิ่งอันฉีทำเช่นนี้ เธอก็ยิ่งต้องการซื้อกระโปรงตัวนี้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเธอจะไม่ยอมจากไปง่ายๆ

ตอนนี้เธอมีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายกับของพวกนี้ เธอจึงมีความมั่นใจ!

“ทำไมเสียงดังจัง?”

ในขณะนี้ เสียงของหญิงสาวที่มีเสน่ห์ดังมาจากประตู เสียงแหบแห้งแบบนั้น

ทันทีที่อันฉีได้ยิน ก็จ้องไปที่เฉินฮวนฮวน หันหลังกลับและทักทายผู้หญิงที่เข้ามาด้วยรอยยิ้มที่เอาใจใส่บนใบหน้าของเธอ: "คุณหลิว มาแล้วเหรอคะ! มีสินค้าใหม่เพิ่งเข้าร้าน คุณลองเลือกดูนะคะ มีตัวไหนที่ชอบไหม"

เฉินฮวนฮวนมองไปทางนั้น ผู้หญิงที่เดินเข้ามาสวมชุดแบรนด์หรูและมีสไตล์มาก แทบจะมีทุกแบรนด์ที่สวมอยู่บนตัวเธอ

เธอสวมแว่นกันแดด ดังนั้นเฉินฮวนฮวนจึงมองไม่เห็นหน้าเธอ

แต่ท่าทางที่อันฉีพยักหน้าและโค้งคำนับ ทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกพูดไม่ออกมาก

ผู้หญิงที่สวมแว่นกันแดดไม่ได้สังเกตเฉินฮวนฮวนยืนอยู่ข้างใน แต่เดินตรงไปยังหุ่นนางแบบที่อยู่ตรงกลาง ชี้ไปที่กระโปรงของนางแบบแล้วพูดว่า: "ฉันอยากลองกระโปรงตัวนี้"

“ได้เลยค่ะ คุณหลิว ฉันจะเอามาให้เดี๋ยวนี้” อันฉีรีบเข้าไปเตรียมที่จะหยิบกระโปรงออกมาจากหุ่นนางแบบ

ในเวลานี้ เฉินฮวนฮวนโกรธและเดินไปอย่างรวดเร็ว ถามอันฉี:"คุณบอกว่ากระโปรงตัวนี้ลองไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?"

“คุณหลิวเป็นวีไอพีของเรา แน่นอนว่ามันไม่ใช่มาตรฐานเดียวกับคุณ” อันฉีเหลือบมองเฉินฮวนฮวนและหยิบกระโปรงต่อไป

เมื่อเฉินฮวนฮวนเริ่มโมโห ผู้หญิงที่เธอเรียกคุณหลิวก็ถอดแว่นกันแดดออก เธอมองไปที่เฉินฮวนฮวน ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา

เฉินฮวนฮวนมองดูอย่างสงสัย ทันใดนั้นก็พบว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงข้ามคุ้นเคยมาก แต่เธอจำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน

“เฉินฮวนฮวน ไม่เจอกันนาน!” มือของหญิงสาวที่ทาเล็บสีแดงสะบัดผมของเธอขึ้น และพูดอย่างภาคภูมิใจว่า: “ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายของเธอไง หลิวเสี่ยวจิง!”

เฉินฮวนฮวนรออยู่ตรงโต๊ะอาหารอยู่สักพัก เพราะยังไม่รู้ว่าเฉินนานาจะตื่นตอนไหน

เธอรู้สึกเบื่อนิดหน่อยจึงลุกขึ้นและเดินขึ้นไปบนห้องของเธอ

ผ้าปูที่นอนยังไม่ได้เก็บ เธอจึงรีบไปที่เตียงและจัดเตียง เธอยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยแล้วนั่งลงบนเตียง

พรุ่งนี้ยังเหลืออีกหนึ่งวันให้เธอได้พัก และเธอจะต้องไปเข้าค่ายฝึก เดิมทีระยะเวลาของรายการฝึกคือหนึ่งเดือน แต่เกาเหวินได้เข้าร่วมไปแล้วครึ่งเดือน ถ้าหากเธอผ่านเข้าไปเธอก็จะต้องฝึกต่ออีกเพียงครึ่งเดือน

ครึ่งเดือนที่จะว่านานก็ไม่นานจะว่าสั้นก็ไม่สั้น และเธอเองก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคนในตระกูลเฟิงเลย

"ปังปังปัง…"

ในเขณะเดียวกันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เฉินฮวนฮวนรีบลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู และเป็นเฉินนานาที่ยืนอยู่ตรงประตู

"ฮวนฮวน เราไปช้อปปิ้งกันเถอะ?"ใบหน้าลูกครึ่งของเฉินนานานั้นดูพิเศษ

"โอเค"เฉินฮวนฮวนพยักหน้า พอดีเลยเพราะเธอเองก็ต้องซื้อเสื้อผ้าเหมือนกัน

เกาเหวินเคยบอกเธอไปแล้วว่า ถ้าเธอไปเข้าร่วมรายการก็คือเธอจะเป็นตัวแทนของบริษัท และต้องวางตัวดีๆ

"งั้นพวกเราไปกันเถอะ"เฉินนานามีความสุขมากและจับมือเฉินฮวนฮวน

ทั้งสองเดินไปที่บันไดด้วยกัน จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็นึกอะไรบางอย่างออก เธอหยุดแล้วหันกลับมาถาม: "นานา คุณปู่ตื่นแล้วเหรอ?"

"เหลยถิงไปฟิตเนส เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"เฉินนานาเสยผมของเธอและถามด้วยความสงสัย

"ฉันมีเรื่องบางอย่างต้องคุยกับท่าน แต่ถ้าท่านไม่อยู่ ถ้าอย่างนั้นก็รอพวกเรากลับมาก่อนก็ได้ "เฉินฮวนฮวนตอบกลับ

เฉินนานาเพียงแค่พยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอไม่ได้สนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของคนอื่นอยู่แล้ว

เมื่อพวกเธอเดินไปที่ประตูก็เห็นว่าผู้ดูแลหวังได้รออยู่แล้ว แต่จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็นึกถึงคำพูดของเฟิงหานชวนที่บอกว่าเขาจะไปที่ห้างอวิ๋นตวนเพื่อเข้าร่วมประชุม

"นานา เราจะไปซื้อของกันที่ไหน?"เฉินฮวนฮวนถามอย่างรวดเร็ว

"เหลยถิงให้พวกเราไปห้างอวิ๋นตวน เธออยากไปที่ไหนล่ะ?"เฉินนานาตอบด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่ค่อยพอใจ

"ถ้าเราจะไปที่ห้างอวิ๋นตวน เราไม่ต้องรบกวนผู้ดูแลหวังก็ได้ ฉันจะไปเรียกอาสาม"หลังจากเฉินฮวนฮวนพูดจบก็หันหลังกลับและวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์อีกครั้ง

เธอได้ยินว่าเฟิงหานชวนเรียกเฟิงเฉินเหยี่ยนไปที่ห้องสมุด ดังนั้นเธอจึงรีบตรงไปที่ห้องสมุดบนชั้นสอง จากนั้นก็เคาะประตู

พอดีกับการสนทนาระหว่างผู้ชายทั้งสองในห้องสมุดใกล้จะจบลงแล้ว แต่มันก็ไม่ได้จบจริงๆเพราะมันแค่ไปต่อไม่ได้แล้ว

"ใคร?"เฟิงหานชวนพูดก่อน

"อาสาม นี่ฉันเอง นานากับฉันกำลังจะไปห้างอวิ๋นตวน ฉันมาเพื่อถามคุณว่ายังจะไปอยู่ไหม?"เฉินฮวนฮวนเม้มปากและถามอย่างรีบร้อน

วินาทีถัดมาประตูก็ถูกเปิดออก "กริ๊ก"

สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคือใบหน้าที่เคร่งขรึมของเฟิงหานชวน ซึ่งเผยให้เห็นออร่าอันสูงส่งราวกับพระเจ้าที่ลงมายังโลก

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนหล่อที่สุดในตระกูลเฟิงอย่างปฏิเสธไม่ได้

"ฉันไปเอารถก่อน"เฟิงหานชวนตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาและเดินไปที่บันได

เฟิงเฉินเหยี่ยนเองก็เดินออกมาเช่นกัน เขายิ้มและมองเฉินฮวนฮวน จากนั้นจึงกล่าวว่า "ให้อาสามไปส่งพวกคุณนะ"

"อืม"เฉินฮวนฮวนยิ้มและพยักหน้า

……

ห้านาทีต่อมา

เฉินฮวนฮวนและเฉินนานานั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ ส่วนเฟิงหานชวนก็นั่งอยู่ในที่นั่งคนขับและกำลังขับรถอยู่

ภายในรถนั้นค่อนข้างเงียบ

เฉินนานาก้มหน้าลงเล่นโทรศัพท์มือถือของเธอและไม่ได้พูดอะไร เฉินฮวนฮวนเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเช่นกัน เธอได้แต่มองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างไปเรื่อยเปื่อย

อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเธอเพิ่งนึกได้ว่าเฉินนานาบังเอิญเข้ามาเห็นเธอและเฟิงหานชวนจูบกันในวันนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย

เธอหันหน้าและมองไปที่เฉินนานา การแสดงออกของเธอดูสับสน

เฉินนานาสังเกตเห็นการจ้องมองของเฉินฮวนฮวน เธอเงยหน้าขึ้นและหันไปมองเฉินฮวนฮวน จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัย:"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"

"เอ่อ……นานา คือฉัน…ฉัน….."เฉินฮวนฮวนตะกุกตะกักและพูดอะไรไม่ออก

เฉินนานารู้ว่าเฉินฮวนฮวนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง เธอปิดปากและหัวเราะ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่เฟิงหานชวนตรงที่นั่งคนขับ แล้วก็หันกลับมามองที่เฉินฮวนฮวน เธอกะพริบตาและพูดว่า "ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้พูดอะไรหรอกหน่า ~"

เฉินฮวนฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและอธิบายอย่างรวดเร็วว่า: "นานา เหตุการณ์วันนั้นเป็นความเข้าใจผิด อาสามและฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์ในเชิงแบบนั้น"

อันที่จริงพวกเขาเกือบจะได้พัฒนาความสัมพันธ์แล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะการกลับมาอย่างกะทันหันของนายท่าน เฟิงหานชวนและเธอก็ถือว่าเกือบจะเดินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วด้วยซ้ำ

ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะกำหนดให้เธอและเฟิงหานชวนกลับเข้าสู่ความสัมพันธ์แบบปกติ

"เรื่องของพวกเธอฉันพูดไม่ได้หรอกแล้วก็จะไม่ถามอีกด้วย ฉันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกเธอ ก็เพียงแค่ต้องการใช้เวลาอย่างมีความสุขกับเหลยถิงเท่านั้น"เฉินนานาเสยผมของเธอและยิ้มอย่างอย่างมีเสน่ห์

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธอมีเสน่ห์มาก ทั้งใจกล้า ทั้งน่าสนใจ และไม่ได้แคร์ใคร

"ขอบคุณนะ"เฉินฮวนฮวนยิ้มกลับ

เฟิงหานชวนซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับเองก็ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองคนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าของเขาดูโกรธเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธจริงๆ

การกระทำของเฉินฮวนฮวนในตอนนี้ไม่ผิด แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่หน่อยแต่เขาก็จะไม่ทำให้เธอโกรธ

ไม่นานรถก็เข้าไปจอดในลานจอดรถใต้ดินของห้างอวิ๋นตวน ทั้งสามคนเข้าไปในลิฟต์และแยกกันที่ชั้นหนึ่ง

เฉินฮวนฮวนและเฉินนานาเข้าไปในห้างที่ชั้นหนึ่ง ในขณะที่เฟิงหานชวนเองก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุดต่อ

พอเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่อยู่แล้ว เฉินนานาไม่ได้ไปช้อปปิ้งก่อนแต่กลับพาเฉินฮวนฮวนไปที่มุมหนึ่งแล้วถามว่า: "ฮวนฮวน เธอบอกว่าเธอสองคนไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ฉันเห็นพวกเธอจูบกันด้วยตาของฉันเอง!"

ในขณะที่พูดเฉินนานาก็ยื่นสองนิ้วออกมาแล้วชี้ไปที่ดวงตาของเธอ

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไปในทันที เธอไม่คิดว่าเฉินนานาจะถามเรื่องนี้ต่อ แค่คิดว่าเธอจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป

"นานา จริงๆแล้ว…เดิมทีฉันคิดว่าฉันจะออกจากบ้านตระกูลเฟิง แต่เขาก็บังเอิญถูกแฟนสาวทิ้งพอดี และต้องการคนปลอบใจ ดังนั้นฉันจึงสัญญากับอาสามไป ฉัน…”เฉินฮวนฮวนอธิบายคำสองสามคำอย่างคลุมเครือ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ

เฉินนานาพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วถามต่อว่า: "ดังนั้นก็พูดได้ว่าเวลาที่เธอและเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้มีความสัมพันธ์กันในเชิงนั้น เธอก็เห็นด้วยกับการที่เฟิงหานชวนจีบเธอใช่ไหม?"

"เอ้ย ไม่ใช่สิ!"เฉินฮวนฮวนรีบโบกมือและอธิบายว่า: "เขาไม่ได้จีบฉัน เขาแค่…แค่ต้องการผู้หญิงปลอบใจ…"

หลังจากพูดจบ ในหัวของเฉินฮวนฮวนก็รู้สึกเซ็งเต็มที เธออายจริงๆที่จะมองไปที่เฉินนานาตรงๆ

เธอรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงใจง่าย ใกล้ชิดกับผู้ชายตามใจชอบ

"ฉันเข้าใจ"เฉินนานายังคงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็เอนตัวไปที่หูของเฉินฮวนฮวนและถามเสียงเบาๆว่า: "นอกเหนือจากการจูบแล้ว พวกเธอได้ทำอย่างอื่นอีกไหม?"

"ไม่ ไม่มี!"เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอดูเขินมาก เธอแทบอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก: "ฉันกับเขากลับมาเป็นปกติแล้วและฉันเองก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเขาเลย ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของอาเหยี่ยน นานาคุณช่วยฉันเก็บความลับนี้ไว้ได้ไหม?"

"ฉันและอาสามจะไม่ทำเรื่องเกินเลยอะไรแบบนั้นอีกแล้ว"

เฉินฮวนฮวนช้อนตาขึ้นสบตากับดวงตาคู่นั้นของเฟิงหานชวนที่สามารถทำลายก้อนน้ำแข็งให้แหลกละเอียดได้ เธอรู้สึกหวาดหวั่นในใจขึ้นมาทันที

หรือว่าเธอทำให้เฟิงหานชวนขุ่นเคืองอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ

“อาสาม นานาเหมือนจะยังไม่ตื่นนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณไปก่อนไหมคะ” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างลังเลเล็กน้อย

“คุณกำลังไล่ผม?” เฟิงหานชวนมองเธออย่างไม่ละสายตา และเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามไล่เขาไป แล้วให้อาเหยี่ยนไปส่งพวกเธอ?

เมื่อคืน เธอไม่ปฏิเสธ “อาเหยี่ยน” เลยสักนิด!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฟิงหานชวนสะกดกลั้นความโมโหภายในใจ และรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก

“ไม่ ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้จะไล่อาสามแน่นอน ฉันแค่ไม่อยากทำให้อาสามเสียเวลาค่ะ” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า

“ฮวนฮวน คุณอย่ากังวลไปเลย อาสามไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณหรอก เขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ” เฟิงเฉินเหยี่ยนกล่าวอธิบายด้วยรอยยิ้มกริ่ม “อีกอย่าง อาสามเป็นถึงประธาน เขาอยากประชุมตอนไหน จะไปเมื่อไร ก็เป็นเขาตัดสินใจทั้งนั้น คุณไม่ต้องกังวลแทนเขาหรอก”

“อาเหยี่ยน ฉันได้ยินมาว่ามีดาราเด็กคนหนึ่งไปโวยวายกับนาย เกิดอะไรขึ้น” เฟิงหานชวนเอ่ยขัดจังหวะเฟิงเฉินเหยี่ยนด้วยน้ำเสียงของผู้อาวุโส น้ำเสียงฟังดูเหมือนตำหนิ

“ชู่!” เฟิงเฉินเหยี่ยนจุ๊ปากแล้วกล่าวว่า “อาสาม อาไม่ใจดีเลยอ่ะ! ฮวนฮวนยังอยู่ที่นี่นะ!”

อันที่จริงเฟิงเฉินเหยี่ยนรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร เขาตั้งใจล้อเล่นเท่านั้น

ทว่าเฉินฮวนฮวนกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมองชายหนุ่มทั้งสองด้วยสายตางุนงง

“เธอบอกว่าตั้งท้องลูกของนายใช่ไหม รีบไปเอาออก” เฟิงหานชวนกล่าวอย่างราบเรียบ ก่อนจะหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบกาแฟดำอย่างช้าๆ

“ลูก!?” ดวงตาทั้งสองของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้าง

เฟิงเฉินเหยี่ยนทำดาราเด็กคนนั้นท้องป่องอยู่ข้างนอก?

เดี๋ยวก่อน เฟิงเฉินเหยี่ยนใช้การไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นเขาจะมีลูกได้อย่างไร

โอ้ ใช่สิ เธอคิดขึ้นมาได้ว่า เรื่องที่เฟิงเฉินเหยี่ยน “ใช้ไม่ได้” เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน หากตรวจพบการตั้งครรภ์ อย่างน้อยอายุครรภ์ก็ต้องหนึ่งเดือนกว่าแล้ว

ดังนั้น เด็กคนนั้นก็คือหนี้สินของความเจ้าชู้ที่ทิ้งไว้ให้เขา ก่อนที่เฟิงเฉินเหยี่ยนจะ “ใช้ไม่ได้” นั่นเอง

“แค่ก แค่ก แค่ก ฮวนฮวน ความจริงเรื่องนี้…” เฟิงเฉินเหยี่ยนชำเลืองมองเฟิงหานชวนแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมามองเฉินฮวนฮวน เขากำลังจะกล่าวอธิบายก็ถูกเฉินฮวนฮวนขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

“อาเหยี่ยน เด็กคนนั้นเอาออกไม่ได้นะ คุณ…เก็บเขาไว้เถอะ” เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยออกไป

“อะไรนะ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนงุนงงเล็กน้อย

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตอนนี้เขาเป็น “สามี” ของเฉินฮวนฮวน เขาทำผู้หญิงท้องป่องอยู่ข้างนอก คิดไม่ถึงเลยว่าเฉินฮวนฮวนยังขอให้เขาเก็บเด็กเอาไว้?

นี่เฉินฮวนฮวนสมองกลับ ดูแปลกไปหน่อยหรือเปล่า

“อาเหยี่ยน ตอนนี้คุณไม่ใช่ว่า…ดังนั้น เด็กคนนี้อาจเป็นความหวังเดียวของคุณนะ ฉันคิดว่าคุณเก็บเขาไว้เถอะ!” เฉินฮวนฮวนพยายามกล่าวอย่างมีมารยาท เธอไม่อยากทำลายความมั่นใจของเฟิงเฉินเหยี่ยน

เมื่อคืนเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้ทำอะไรเธอ ดังนั้นเธอจึงมั่นใจว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนใช้การไม่ได้ ในอนาคตเฟิงเฉินเหยี่ยนอาจไม่สามารถรักษาให้หายดีได้ ดังนั้นเด็กคนนี้อาจเป็นลูกหลานเพียงคนเดียวของเฟิงเฉินเหยี่ยน

ถ้าเขาเอาเด็กออก เฟิงเฉินเหยี่ยนอาจจะไม่มีลูกหลานสืบสกุลเลย

“ฮวนฮวน คุณ…” เฟิงเฉินเหยี่ยนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก

เขาโตจนป่านนี้ ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่จิตใจดีเช่นนี้มาก่อน เธอไม่นึกถึงสถานะของตัวเองเลยด้วยซ้ำ เธอกลับนึกถึงเขา

“ฮวนฮวน ถ้าดาราคนนั้นคลอดลูกของอาเหยี่ยน คุณยังจะอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันนี้ได้เหรอ คุณทบทวนตัวเองให้ดี” ตอนนี้เฟิงหานชวนรู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

พูดกันตามตรงว่า ไม่ใช่อารมณ์ไม่ค่อยดี แต่อารมณ์ไม่ดีมาก

เดิมทีเขาแต่งเรื่องของดาราคนนี้ขึ้นมา เพียงต้องการให้เฉินฮวนฮวนรู้ว่าอาเหยี่ยนเป็นคนเจ้าชู้ เพื่อให้เธอไม่คิดเลยเถิดกับอาเหยี่ยน

ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่า เฉินฮวนฮวนยังคงนึกถึงอาเหยี่ยนขนาดนี้ และไม่สนใจสถานะของตัวเองเลย

“ความจริงฉันกับอาเหยี่ยนถูกนายท่านจับคู่ให้ ถ้าอาเหยี่ยนมีผู้หญิงที่ชอบ ฉันถอยออกมาได้อยู่แล้วค่ะ” แม้ว่าเฉินฮวนฮวนมีข้อตกลงกับนายท่านตระกูลเฟิง ทว่าเธอก็ไม่อยากทำลายความรู้สึกของคนอื่น

เพราะว่าเฟิงเฉินเหยี่ยน “ใช้ไม่ได้” แถมยังไม่มีแฟนสาวเป็นตัวเป็นตน ดังนั้นก่อนหน้านี้เธอถึงได้ยอมแต่งงานเข้ามา และยอมรับเงื่อนไขของนายท่านตระกูลเฟิง

และตอนนี้ ถ้าดาราเด็กคนนั้นตั้งท้องลูกของเฟิงเฉินเหยี่ยนจริงๆ เธอคิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนก็ควรรับผิดชอบ

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฟิงเฉินเหยี่ยนรู้สึกราวกับถูกสะกิดส่วนลึกของหัวใจ หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้นมาทันที

เขามองเฟิงหานชวนแวบหนึ่ง และหันกลับมามองเฉินฮวนฮวน ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง “ฮวนฮวน ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ท้อง มันไม่จริง! ดังนั้น คุณอยู่บ้านตระกูลเฟิงได้อย่างไม่ต้องกังวลนะ”

ความจริงไม่มีดาราเด็กคนไหนมาสร้างปัญหาให้เขาเลย ทั้งหมดเป็นเรื่องที่อาสามของเขาเขียนขึ้นและกำกับเองทั้งนั้น

เดิมทีเขาต้องโอนอ่อนผ่อนตามคำพูดของอาสาม เผยให้เห็นภาพลักษณ์เจ้าชู้ของตัวเอง ทว่าตอนนี้เขาอยากปฏิเสธ

ยิ่งไปกว่านั้น เขาปฏิเสธจริงๆ แล้ว

ในเวลานี้เอง ใบหน้าของเฟิงหานชวนอึมครึมยิ่งขึ้น

เขาลุกขึ้นยืนทันที มองหลานชายของตัวเอง ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นเยือก “ไปที่ห้องหนังสือ”

เฟิงเฉินเหยี่ยนเข้าใจความหมายของเฟิงหานชวน เขาลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก และเดินตามหลังเฟิงหานชวนไป

เมื่อเห็นแผ่นหลังของทั้งสองเดินขึ้นไปชั้นบน เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนวุ่นวายอยู่ในหัวสมอง

สรุปว่าดาราเด็กคนนั้นท้องหรือเปล่า

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่เฟิงเฉินเหยี่ยนบอกกับเธอว่า ให้เธออยู่บ้านจระกูลเฟิงอย่างไม่ต้องกังวล นี่เป็นการยอมรับเธอกลายๆ ในฐานะภรรยาใช่ไหม

เธออดคิดไม่ได้ว่าเมื่อคืนพวกเขาทั้งสองนอนกอดกันและผล็อยหลับไป หากเป็นไปได้จริงๆ มีผู้ชายที่ให้เกียรติเธอไปตลอดชีวิตก็คงดีไม่น้อย

เพราะว่าเขาใช้การไม่ได้ ดังนั้นในอนาคตเขาก็จะไม่สามารถออกนอกลู่นอกทางได้

……

ห้องหนังสือ

“ปัง” เฟิงหานชวนปิดประตูลงทันที

เฟิงเฉินเหยี่ยนตกใจจนสั่นไปทั้งตัว ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันอย่างหวาดกลัว

“อาสาม อาอย่าใส่ร้ายผมสิ เดี๋ยวฮวนฮวนคิดว่าผมมั่วไปทั่วจริงๆ หรอก” เฟิงเฉินเหยี่ยนกล่าวอย่างน้อยใจ

แม้ว่าเขาจะมีเพื่อนนิสัยเสเพลเหลวไหลมากมาย ชอบเที่ยวเล่นสนุกไปทั่ว ทว่าเขาไม่ได้มั่วกับผู้หญิงจริงๆ

ข่าวก่อนหน้านี้ ความจริงเขาไปร่วมงานสังสรรค์แล้วเมา เขาไม่ทันระวังจึงตกบันได และบาดเจ็บที่เท้า เขาถึงได้ไปทำแผลที่โรงพยาบาล

เพราะว่าเขาเดินกะเผลก เขาจึงโดนสื่อมวลชนถ่ายรูปไว้ และปล่อยข่าวใส่ร้ายว่าเขา “ใช้ไม่ได้”

คุณปู่กลับจับจุดอ่อนของเขามาใช้ และไม่ให้คนอื่นแก้ต่างให้เขา ใช้ชื่อเสียงที่ “ใช้ไม่ได้” ของเขา เพื่อสู่ขอภรรยากลับมาให้อาสามคนเย็นชาที่โชคดีของบ้าน

เฟิงหานชวนยืนท้าวสะเอวด้วยมือทั้งสองข้าง ใบหน้าของเขาเรียบนิ่งอย่างมาก รังสีความน่าเกรงขามและความน่ากลัวแผ่ออกมาจากตัวของเขา

“อาเหยี่ยน นายชอบเฉินฮวนฮวนใช่ไหม” เขาหันกลับมามองเฟิงเฉินเหยี่ยน และเอ่ยถาม

“ชอบ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบโบกมือปฏิเสธ “อาสาม อาอ่อนไหวเกินไปแล้ว! ผมแค่รู้สึกว่าฮวนฮวนจิตใจดีเกินไป ผมไม่อยากทำให้เธอรู้สึกว่าผมห่วยแตก เธอเป็นภรรยาของอา ผมจะชอบเธอได้ยังไง”

ต้นกล้าต้นน้อยๆ ที่กำลังเติบโตภายในใจ ถูกถอนทิ้งให้ตายในทันที

“แบบนี้ดีที่สุด จำไว้ว่าเธอเป็นอาสะใภ้ของนาย” เฟิงหานชวนกล่าวอย่างเย็นเยือก

เฟิงเฉินเหยี่ยนพยักหน้า ก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่

“อาสาม อายังจะปิดบังเธอนานแค่ไหนเหรอ”

เสียงที่หวานๆของร่างบางทำให้ทั้งตัวของเฟิงหานชวนรู้สึกชา

แค่นึกถึงตอนที่เธอที่เรียกชื่อเขา ก็เหมือนกับเขาถูกถังน้ำเย็นสาดใส่ในใจของเขา

เขาวางเธอลงนอนด้านข้างโดยเอามือข้างหนึ่งโอบเอวเธอและกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ส่วนมืออีกข้างก็วางไว้บนศีรษะของเธอ

เฉินฮวนฮวนตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นโดยไม่คาดคิด อ้อมกอดของผู้ชายตรงหน้าของเธอนั้นอบอุ่นมาก ตัวของเขามีกลิ่นมิ้นต์จางๆ ซึ่งเป็นกลิ่นหอมสบายมาก

แต่กลิ่นแบบนี้มันเหมือน…เหมือนกลิ่นของเฟิงหานชวน

อ้อมกอดนี้ทำให้รู้สึกสบายมาก แต่ความรู้สึกมันเหมือนกับอ้อมกอดของเฟิงหานชวน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกแปลกใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ? ทำไมเธอถึงคิดถึงเฟิงหานชวนตลอดเวลา?

ไม่ เธอไม่สามารถคิดถึงเฟิงหานชวนได้อีกต่อไป ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยนแล้ว เธอจะมาคิดถึงเฟิงหานชวนได้อย่างไร!

เธอบ้าไปแล้วหรือไง?

"อาเหยี่ยน คุณ…."เฉินฮวนฮวนเปิดปากของเธอเพื่ออยากที่จะถามอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไร

วินาทีถัดมาชายหนุ่มกอดเธอแน่นขึ้น ลมหายใจสม่ำเสมอราวกับอยากจะบอกเธอว่าให้รีบนอน

เฉินฮวนฮวนหลับตาลงและไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

……

เมื่อเฉินฮวนฮวนตื่นขึ้นในตอนเช้า เธอก็พบว่าไม่มีใครอยู่ข้างๆเธอแล้ว

เธอเอื้อมมือไปแตะที่ว่างข้างๆตัวเธอ เธอรู้สึกหนาวเล็กน้อย และดูเหมือนว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะตื่นแล้ว

เฉินฮวนฮวนนึกได้ว่าเธอต้องออกไปซื้อของกับเฉินนานาในวันนี้ เธอไม่สามารถนอนต่อได้ ดังนั้นเธอจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อเธออาบน้ำเสร็จและลงไปข้างล่าง เธอก็บังเอิญเจอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนที่กลับเข้ามาจากข้างนอก เมื่อเธอนึกถึงจูบและอ้อมกอดในเมื่อคืน ใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงก่ำ

"อาเหยี่ยน อรุณสวัสดิ์"เธอหลบตาอย่างเขินอาย เธอโบกมือให้เฟิงเฉินเหยี่ยนและเอ่ยทักทายเสียงเบา

"อรุณสวัสดิ์ ฮวนฮวน!"เฟิงเฉินเหยี่ยนยิ้มด้วยใบหน้าที่สดใสและกำลังจะขึ้นไปชั้นบน แต่เขากลับพบว่าใบหน้าของเฉินฮวนฮวนนั้นแดงลามจนไปถึงใบหู

เขารีบคว้าแขนของเฉินฮวนฮวนและถามด้วยความเป็นห่วง: "ฮวนฮวน ทำไมหน้าแดงจัง? เป็นไข้หรือเปล่า มาเร็วเข้า มาวัดไข้เถอะ! "

นี่เป็นอาสะใภ้สามของเขาและเขาเองก็มองว่าเฉินฮวนฮวนก็เป็นคนที่น่ารักคนหนึ่ง เขาเลยมีความคิดที่อยากจะปกป้องเธอเช่นกัน

"ไม่ ไม่มีไข้"เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เธอเงยหน้าขึ้นมองเฟิงเฉินเหยี่ยน เธอเม้มริมฝีปากของเธอและพูดอย่างเขินอาย: "ฉันสบายดี แค่รู้สึกร้อนนิดหน่อย"

"เป็นอย่างนี้นี่เอง ผมก็คิดว่าคุณป่วย ถ้าร้อนเดี๋ยวผมไปเอาน้ำเย็นๆมาให้"เมื่อพูดจบ เฟิงเฉินเหยี่ยนก็เดินไปที่ห้องครัว

เฉินฮวนฮวนรู้สึกอบอุ่นในใจ และปฏิเสธไม่ได้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนนั้นดีต่อเธอจริงๆ และการกระทำของเขาในตอนนี้สามารถกล่าวได้ว่าเขาเป็นห่วงเป็นเธอใย

ยิ่งไปกว่านั้นเฟิงเฉินเหยี่ยนได้ใกล้ชิดกับเธอเมื่อวานนี้ เป็นการพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าเขารู้สึกพอใจกับภรรยาของเขาแล้ว?

ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังอยู่ในภวังค์ เฟิงเฉินเหยี่ยนเองก็เดินมาพร้อมกับน้ำเย็นหนึ่งแก้วแล้วยื่นให้เฉินฮวนฮวน จากนั้นก็พูดว่า: "ดื่มน้ำน้ำเย็นๆสักหน่อย จะได้ไม่ร้อน"

"ขอบคุณค่ะ"เฉินฮวนฮวนยกยิ้มมุมปาก เธอรับแก้วน้ำเย็นมาจิบสองอึกและรู้สึกว่าร่างกายเบาสบายขึ้นมาก

"ไม่ต้องสุภาพกับผมมากหรอก ถ้ามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยก็รีบบอกนะ"เฟิงเฉินเหยี่ยนขยับเข้าหาเฉินฮวนฮวนด้วยรอยยิ้มและตบไหล่ของเธอ

เฉินฮวนฮวนหดคอลงทันที ใบหน้าของเธอเปลี่ยนสีเป็นสีแดงมากกว่าเดิม

"อืม"เธอพยักหน้าและตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

ในขณะเดียวกันเฟิงเฉินเหยี่ยนก็เงยหน้าขึ้นและเหลือบไปเห็นร่างสูงปรากฏขึ้นที่ด้านบนสุดของบันไดบนชั้นสอง มุมปากของเขายกขึ้น เขาถามเฉินฮวนฮวนว่า: "ฮวนฮวน เมื่อคืนคุณนอนหลับสบายไหม?"

"เมื่อวาน เมื่อคืน?"เฉินฮวนฮวนคาดไม่ถึงว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะพูดตรงๆแบบนี้ เธอตอบอย่างลนๆว่า: "ก็ ก็โอเค"

สิ่งที่เธอคิดก็คือเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นเพลย์บอย ดังนั้นทำไมถึงได้ดูสุภาพและอ่อนโยนขนาดนี้?

"แล้วคืนนี้…"เฟิงเฉินเหยี่ยนลังเลที่จะพูด จากนั้นเขาก็ยืดตัวตรงและมองขึ้นไปตรงบนบันได: "อาสาม อรุณสวัสดิ์!"

เฉินฮวนฮวนตกใจและรีบหันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว เธอเห็นเฟิงหานชวนกำลังเดินลงบันไดมา ใบหน้าของเขาดูน่ากลัวมากและท่าทางของเขาก็ดูเย็นชาเสียเหลือเกิน

"อาสาม อรุณสวัสดิ์"เธอทักทายเฟิงหานชวนตามเฟิงเฉินเหยี่ยน

ราวกับว่าเขาจงใจพยายามแกล้งเฟิงหานชวน เฟิงเฉินเหยี่ยนเหยียดมือออกจับไหล่ของเฉินฮวนฮวนและหันไปหาเธอ จากนั้นก็พูดว่า "ฮวนฮวน ไปกันเถอะ ไปทานอาหารเช้ากัน"

จากนั้นเฉินฮวนฮวนก็ถูกเฟิงเฉินเหยี่ยนพาไปที่โต๊ะอาหาร

เมื่อมองไปที่ด้านหลังของทั้งสองคน ปากของเฟิงหานชวนก็กระตุกอยู่หลายครั้งและเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง แต่หลังจากนั้นก็เดินตามพวกเขาไป

บรรยากาศในการอาหารเช้าค่อนข้างแปลกๆ

เหตุผลที่เฉินฮวนฮวนรู้สึกแปลกๆก็เพราะสีหน้าเฟิงหานชวน สีหน้าของเขาแสดงออกมาได้อย่างน่ากลัว ราวกับว่าเธอและเฟิงหานชวนเป็นหนี้เขาห้าล้านเสียอย่างนั้น

"ฮวนฮวน คุณมีแพลนสำหรับวันเสาร์นี้ไหม?"เฟิงเฉินเหยี่ยนวางแซนด์วิชในมือลงและถามเฉินฮวนฮวน เขาหันไปหาเธอแล้วยิ้ม

เฉินฮวนฮวนผงะไปครู่หนึ่ง เมื่อสักครู่เฟิงเฉินเหยี่ยนถามเธอเพราะต้องการชวนเธอไปเดทอย่างนั้นเหรอ?

"ฉัน……วันนี้ฉันกับนานานัดไปช้อปปิ้งกัน "เธอตอบตามความจริง

"แฟนของคุณปู่น่ะเหรอ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนลดเสียงลง เขาขยับไปใกล้ๆหูของเฉินฮวนฮวนและถาม

"อืม"เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปส่งพวกคุณเอง"เฟิงเฉินเหยี่ยนเสนอตัว

"ไม่ต้องหรอกอาเหยี่ยน รบกวนคุณเปล่าๆ"เฉินฮวนฮวนรู้สึกเกรงใจ

"จะรบกวนอะไรกันล่ะ ผมยินดีที่จะไปส่งสาวๆช้อปปิ้งอยู่แล้ว"ตอนที่เฟิงเฉินเหยี่ยนพูด เขาก็เหลือบมองเฟิงหานชวนที่อยู่ตรงข้ามตลอด

ใบหน้าของเฟิงหานชวนนั้นน่ากลัวมากกว่าเดิม

ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะพยักหน้าตกลง เฟิงหานชวนก็วางตะเกียบลงอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้ผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามสะดุ้งตกใจ

เฉินฮวนฮวนเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่หวาดกลัว เธอมองไปที่ชายตรงข้ามด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

วันนี้เฟิงหานชวนไปกินระเบิดมาหรือยังไง?

เมื่อวานเขาไม่ได้เพิ่งพูดไปเหรอว่าต่อจากนี้จะทำดีกับเธอ แล้วทำไมเฟิงหานชวนถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้น?

"ฉันจะไปส่งพวกเธอเอง"ดวงตาที่เย็นชาทั้งสองข้างของเฟิงหานชวนมองไปทางผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและเอ่ยเสียงต่ำ

"ห้ะ?"เฉินฮวนฮวนผงะไปครู่หนึ่ง

เฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นสามีของเธอ เขาไปส่งเธอช้อปปิ้งก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ทำไมเฟิงหานชวนถึงเสนอตัวเองว่าจะไปส่งเธอล่ะ?

เป็นเพราะอยากที่จะชดเชยเธอหรือเปล่า?

แต่ในเวลาแบบนี้มันไม่จำเป็นสักหน่อย

หากเฟิงหานชวนยืนยันที่จะไปส่ง มันจะทำให้อาเหยี่ยนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน

"ยังไงก็เถอะ เช้านี้ฉันจะไปประชุมที่ห้างอวิ๋นตวนอยู่แล้ว"เฟิงหานชวนสามารถมองออกว่าเฉินฮวนฮวนกำลังคิดอะไร แต่การแสดงออกที่สับสนเล็กน้อยของเฉินฮวนฮวนก็ทำให้เขารู้สึกอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย

เขาสามารถมองออกว่าตอนนี้ความคิดของเฉินฮวนฮวนอยู่ที่อาเหยี่ยน

"อาสาม เนื่องจากอาต้องไปประชุมพอดี อย่างนั้นผมจะส่งฮวนฮวนให้อาละกัน แต่อาอย่าใจร้ายกับฮวนฮวนของพวกเราล่ะ!"หลังจากที่เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดจบ เขาก็ขยิบตาให้เฟิงหานชวนอย่างซุกซน

ฮวนฮวนของพวกเรา…คำพูดของเฟิงเฉินเหยี่ยนทำให้ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนแดงขึ้นอีกครั้ง

เมื่อมองไปที่ท่าทางที่ขี้อายของเฉินฮวนฮวน ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำทันที

ตอนพลบค่ำ เฉินฮวนฮวนกลับมาถึงบ้านตระกูลเฟิง

สองวันที่ผ่านมานี้ เกิดหลายสิ่งหลายอย่างขึ้นมากมาย ชีวิตของเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกัน

อาทิตย์หน้าวันจันทร์ เธอก็จะเข้าร่วมฝึกอบรมอย่างเป็นทางการแล้ว

เธอหยุดทำงานที่ร้านชานมชั่วคราว เกาเหวินจ้างเด็กสาวชั้นปีหนึ่งมาทำงานพาร์ทไทม์แทนเธอแล้ว และเธอต้องจดจ่อกับการเตรียมตัวเข้ารับคัดเลือกในการฝึกอบรมครั้งนี้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ เกาเหวินจึงโอนเงินโบนัสหนึ่งแสนหยวนให้เธอเป็นพิเศษ และบอกให้เธอใช้ซื้อเสื้อผ้าบ้าง

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…”

ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง จากนั้นเสียงของแม่บ้านหลี่ก็ดังขึ้น “นายหญิง ลงมาทานอาหารเย็นเถอะค่ะ”

“ค่ะ แม่บ้านหลี่” เฉินฮวนฮวนรีบเดินไปเปิดประตู แล้วลงไปชั้นล่างพร้อมกับแม่บ้านหลี่

เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร เฟิงเหลยถิงก็นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะก่อนแล้ว ด้านข้างของเขาเป็นเฉินน่าน่า เฉินฮวนฮวนนั่งลงบนที่นั่งข้างๆ เฉินน่าน่า

“นายท่าน สวัสดีคอนค่ำค่ะ” เฉินฮวนฮวนกล่าวทักทายเฟิงเหลยถิง จากนั้นก็โบกมือกล่าว “สวัสดี” ทักทายเฉินน่าน่า

เหตุผลหลักคือเธอไม่รู้ว่าจะเรียกเฉินน่าน่าอย่างไร เรียกชื่อเธอโดยตรงก็ฟังดูไม่ค่อยดี ถึงอย่างไรเฉินน่าน่าก็เป็นแฟนสาวของนายท่านตระกูลเฟิง ทว่าเฉินน่าน่าอายุยังน้อย เธอไม่สามารถเรียกว่า “คุณย่า” ได้ ดังนั้นเธอเพียงกล่าวทักทายโดยทั่วไปเท่านั้น

“นายท่าน?” เมื่อเฟิงเหลยถิงได้ยินเธอเรียกเช่นนี้ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที ใบหน้าเผยให้เห็นความไม่พอใจ

ทันใดนั้น เฉินฮวนฮวนเริ่มระมัดระวังตัวขึ้นมา ฝ่ามือทั้งสองข้างเริ่มเหงื่อออก เธอมองไปที่เฟิงเหลยถิงด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย ใบหน้าของเธอเผยให้เห็นความงุนงงเล็กน้อย

เธอไม่น่าจะเรียกผิดนะ? ทำไมนายท่านตระกูลเฟิงดูเหมือนไม่ค่อยชอบใจ

“ฮวนฮวน ไม่ใช่ว่าควรพูดใหม่เหรอ ทำไมเธอยังเรียกฉันว่านายท่าน สงสัยว่าฉันยังแก่ไม่พอใช่ไหม” เฟิงเหลยถิงรัวคำถามใส่เธอเป็นชุด

เมื่อเฉินฮวนฮวนคิดถึงเรื่องเมื่อวานตอนเช้า เรื่องที่นายท่านตระกูลเฟิงให้เธอแก้คำพูด เธอรีบพยักหน้า และเอ่ยเรียกขึ้นว่า “คุณปู่”

“เอ๊ะ!” เฟิงเหลยถิงตอบรับเสียงดัง แล้วหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง

เพียงแต่ว่า ดวงตาอันเฉียบแหลมคู่นั้น แอบกลอกตาไปมาอยู่หลายครั้ง

เมื่อเห็นท่าทางชอบอกชอบใจของนายท่านตระกูลเฟิง เฉินฮวนฮวนก็ยิ้มขึ้นมา เธอรู้สึกเหมือนได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโส

“ใช่สิ ฮวนฮวน พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ เธอว่างไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อนฉันไหม” เฉินน่าน่าหันมา ริมฝีปากแดงแย้มยิ้มเผยให้เห็นฟันขาวเรียงตัวสวย ก่อนจะเอ่ยถามเฉินฮวนฮวนด้วยรอยยิ้ม

เฉินฮวนฮวนมองเฉินน่าน่า ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงภาพที่เฉินน่าน่ามาเห็นเธอกับเฟิงหานชวนอยู่ด้วยกันในห้อง

จู่ๆ ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นมา เธอไม่คิดเลยด้วยซ้ำ รีบพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบ “ฉันว่าง ฉันว่าง!”

ตอนนี้ นายท่านตระกูลเฟิงดีกับเธอมาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องนั้น ดังนั้นเฉินน่าน่าคงจะไม่ได้พูดเรื่องนั้นออกไป

วันพรุ่งนี้ เมื่อเธอและเฉินน่าน่าไปช้อปปิ้ง เธอต้องการคุยกับเฉินน่าน่าตามลำพัง

“ว้าว งั้นก็เยี่ยมเลย พรุ่งนี้เราไปช้อปปิ้งด้วยกันนะ!” เฉินน่าน่ากล่าวอย่างดีใจ

“โอเค” เฉินฮวนฮวนเอ่ยตอบ

……

หลังอาหารเย็น เฉินน่าน่าและเฟิงเหลยถิงกลับไปที่ห้องก่อนแล้ว

เฉินฮวนฮวนช่วยแม่บ้านหลี่เก็บกวาดห้องครัว แล้วกลับมาที่ห้องของตัวเอง

นับตั้งแต่เธอมาอยู่บ้านตระกูลเฟิง เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ไม่เคยกลับมา แม้ว่าตอนนี้นายท่านตระกูลเฟิงกลับมาแล้ว เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ไม่เคยกลับมาอยู่ที่นี่เลย

ดังนั้น หลังจากนี้ไปห้องนี้ก็จะเป็นของเธอเพียงคนเดียว

เธอรู้ว่า ตัวเองยังอยู่ในตำแหน่งนายหญิงของตระกูลเฟิง อันที่จริงระหว่างเธอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้สนิทสนมอะไรกันเลย

ความจริงเป็นเช่นนี้ก็ดี เธอก็สบายใจ ไม่อย่างนั้นเธอและเฟิงเฉินเหยี่ยนต่างก็ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกัน หากบังคับให้อยู่ด้วยกัน ก็คงจะอึดอัดไม่น้อย

ชีวิตแต่งงานที่ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ก็ไม่เลวเลยทีเดียว

เฉินฮวนฮวนหยิบชุดนอนจากตู้เสื้อผ้า และรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ ในที่สุดวันนี้ตอนเย็นเธอก็ไม่ต้องทำงานพาร์ทไทม์ เธอสามารถนอนเร็วขึ้นได้แล้ว

ขณะอาบน้ำ เฉินฮวนฮวนลูบสร้อยทองที่อยู่บนคอของตัวเอง

ตอนรับประทานอาหารมื้อเย็น เฟิงหานชวนไม่ได้กลับมา แม่บ้านหลี่บอกว่าเขาประชุมล่วงเวลาอยู่ที่บริษัท เดิมทีเธออยากจะขอบคุณเขาอีกครั้ง

ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงหานชวน ตอนนี้เธอก็ไม่ได้สร้อยของของคุณแม่เธอ

วันนี้เธอมีความสุขมาก ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคาดหวังไว้

……

กลางดึก

ในช่วงเวลากำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น เฉินฮวนฮวนสัมผัสได้ถึงฝ่ามือบนใบหน้าของเธอ

เธอลืมตาขึ้นมาทันที ทว่าภายในห้องมืดสนิท แม้แต่แสงจากภายนอกก็ถูกผ้าม่านหนาทึบปิดบังไว้

วินาทีต่อมา มือบางของเธอถูกมือใหญ่กอบกุมเอาไว้ ทันใดนั้น เธอรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่ฝ่ามือ

นี่เป็นมือของผู้ชาย

“อาเหยี่ยน? อาเหยี่ยนเหรอ” เฉินฮวนฮวนรีบถามขึ้น

ดึกขนาดนี้แล้ว ผู้ชายที่ปรากฏตัวในห้องนี้ นอกจากเฟิงเฉินเหยี่ยนแล้ว ต้องไม่มีคนอื่นอย่างแน่นอน

เฟิงหานชวนชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา เขาเอื้อมมือไปประคองใบหน้าของเฉินฮวนฮวน แล้วก้มลงประกบปิดริมฝีปากของเธอ

การจุมพิตอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้เฉินฮวนฮวนตกตะลึงอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดี

เธอรู้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนใช้การเรื่องนั้นไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำกิจกรรมระหว่างสามีภรรยาได้ ทว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากัน ดังนั้นความใกล้ชิดทั่วไป เฟิงเฉินเหยี่ยนสามารถทำได้

เช่น การจูบหรือการกอด

เมื่อนึกถึงชายหนุ่มหน้าตาหล่อและสดใสคนนั้นกำลังจูบตัวเอง เฉินฮวนฮวนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หัวใจของเธอเต้นตึกตักสั่นไหว

เดิมทีเธอคิดว่า หลังจากนี้ไปเธอจะยึดห้องนี้มาเป็นของตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะกลับมาคืนนี้

เฟิงหานชวนใช้สองมือประคองใบหน้าของเฉินฮวนฮวน แล้วบรรจงจูบเธออย่างละเมียดละไม จูบนั้นอ่อนโยนอย่างมาก ราวกับกำลังปฏิบัติต่อเธออย่างสมบัติอันล้ำค่า

เฉินฮวนฮวนกำผ้าปูที่นอนแน่นด้วยความประหม่า แม้ว่าหัวใจของเธอยังคงต่อต้านอยู่บ้าง ทว่าเธอรู้ว่าตัวเองไม่สามารถผลักเฟิงเฉินเหยี่ยนออกไปได้

ถึงอย่างไร ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยน ภรรยาอย่างถูกต้องของเขา

เมื่อรับรู้ถึงอาการประหม่าของหญิงสาว ภายในร่างกายของเขาราวกับมีเปลวไฟอันร้อนแรง ทว่าเขายับยั้งเอาไว้ได้

ในสายตาของเฉินฮวนฮวน ตอนนี้เขาคือเฟิงเฉินเหยี่ยน ไม่ใช่เฟิงหานชวน

เฟิงเฉินเหยี่ยน ในสายตาของเธอเป็นคนใช้การไม่ได้ ดังนั้น เขาไม่สามารถทำอะไรกับเฉินฮวนฮวน

อีกอย่าง เขาก็ไม่อยากใช้สถานะของหลานชายตัวเองมาทำอะไรกับเฉินฮวนฮวน

เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาพบเธอ แต่เขากลับอดคิดถึงเธอไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงแอบเข้ามา แต่เธอกลับคิดว่าเขาเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยน

“อื้อ…” เฉินฮวนฮวนถูกจูบจนแทบหายใจไม่ออก

เมื่อเฟิงเฉินเหยี่ยนได้ยินเสียงของเธอ เขารีบปล่อยเธอเป็นอิสระ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ แล้วค่อยจูบลงบนหน้าผากของเธอ

การกระทำของเขาช่างอ่อนโยนเหลือเกิน เฉินฮวนฮวนไม่เคยสัมผัสจูบที่แสนอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน หัวสมองของเธอพร่ามัวไปหมด ทว่าเธอกลับรู้สึกวางใจที่ได้รับการดูแล

“อาเหยี่ยน คุณ…ทำไมจู่ๆ คุณกลับมา” แก้มทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนขึ้นสีแดงระเรื่อ ทว่าในความมืด เธอรู้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนมองไม่เห็น

ทว่า เธอก็ยังรู้สึกเขินอายมาก

เฟิงหานชวนฟังออกว่า น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความเขินอายอย่างมาก เขามองใบหน้าของเธอได้ไม่ชัดเจนนัก ทว่าเขาจินตนาการถึงพวงแก้มที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อของเธอได้

เขาเอื้อมมือไปลูบไล้แก้มของเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด แก้มของเธอร้อนผ่าวมาก

เฉินฮวนฮวนกำลังเขินอาย “เฟิงเฉินเหยี่ยน” ทำให้เฟิงหานชวนอารมณ์เสียอย่างมาก

เขาก้มหน้าลงมาอีกครั้ง แล้วกัดริมฝีปากของหญิงสาวอย่างแรง

“ฟู่…” เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเบาอย่างไม่พอใจ “อาเหยี่ยน คุณ…คุณอย่าทำแบบนี้!”

เฟิงเฉินเหยี่ยนเมื่อสักครู่ จู่ๆ เหมือนว่าเขาจะก้าวร้าวขึ้นมา ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเหมือน…เหมือนกับเฟิงหานชวน

“ใช่ ฉันสมัครใจเอง แล้วทำไม?”

“เธอก็แค่โชคดีกว่าฉัน ถูกนายท่านเลือกให้เป็นนายหญิงของตระกูลเฟิง”

“เพื่อมีชีวิตที่ดี ฉันยอมขายร่างกายของฉัน มันผิดตรงไหน?”

หลิ่วเยว่เอ่อร์ยังคงอยู่ที่เดิม แต่สายตาจ้องอย่างเดือดดาล

เฉินฮวนฮวนไม่อยากจะเชื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์จะพูดเช่นนี้ เธอก้าวถอยหลัง ส่ายศีรษะและถามว่า: "เยว่เอ่อร์ เธอมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอทำแบบนี้ไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอ?”

“แฟนงั้นเหรอ? แค่แฟนปลอม! ฉันโกหกเธอ” หลิ่วเยว่เอ่อร์เยาะเย้ยและพูดว่า: “เป็นแค่คนขับรถใจดีที่ส่งฉันไปมหาลัย”

แม้ว่าเธออยากบอกเฉินฮวนฮวนว่าผู้ชายที่ขืนใจเธอในคืนนั้นคือเฟิงหานชวน แต่เธอไม่กล้า

เธอเองก็รู้ซึ้งถึงการถูกเฟิงหานชวนจัดการ ความสิ้นหวังและความสยดสยองแบบนั้นคือเงาที่ติดตัวเธอไปตลอดชีวิต

“เยว่เอ่อร์ เธอ…” เมื่อได้ยินคำตอบของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วแน่นขึ้น เธอถามอย่างเหลือเชื่อ: “ทำไมเธอถึงทำเช่นนี้? เงินเดือนที่บูลส์คลับก็เพียงพอแล้วสำหรับค่าครองชีพของเธอ!”

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลิ่วเยว่เอ่อร์ถึงขายร่างกายของเธอ ทั้งๆที่ชีวิตของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ยังไม่ถึงขั้นจนตรอก

“เพราะฉันอยากรวยขึ้นอีก ฉันคิดว่าฉันไม่ผิด คนที่ผิดคือพวกเธอ!” หลิวเยว่เอ่อร์หน้าซีด และตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

เฉินฮวนฮวนสับสนและรู้สึกอึดอัดมาก

หลิ่วเยว่เอ่อร์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอในมหาวิทยาลัย ทั้งสองคบกันมานานกว่าหนึ่งปี แต่สุดท้าย หลิ่วเยว่เอ่อร์กลับกลายเป็นคนแบบนี้

เธอส่ายหัวเงียบ และหันหลังกลับเพื่อจากไป แต่เสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เฉินฮวนฮวน อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่ง เธอยอมแต่งไปตระกูลเฟิง ก็เพราะสมบัติของตระกูลเฟิงไม่ใช่เหรอ? ไม่อย่างงั้น เธอจะยอมเป็นภรรยาเขาเหรอ?” น้ำเสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

เฉินฮวนฮวนหยุดเดิน ไม่หันศีรษะกลับมา ไม่ตอบคำใดๆ และเดินต่อไปข้างหน้า

เมื่อเฉินฮวนฮวนจากไป คนจากเรือนจำโทรศัพท์หาเฟิงหานชวน

มหาวิทยาลัย A ร้านชานม

เฉินฮวนฮวนออกจากเรือนจำและกลับมาที่มหาลัย จากนั้นรีบไปหาเกาเหวิน

เกาเหวินรออยู่ที่ร้านแล้ว เฉินฮวนฮวนเดินเข้าไปในร้าน เกาเหวินโบกมือให้เธอทันที

“ฮวนฮวน มานั่งสิ”

เฉินฮวนฮวนรีบเดินไปและนั่งตรงข้ามเกาเหวิน เกาเหวินเตรียมชานมไว้ให้เธอหนึ่งแก้ว

“รุ่นพี่ ขอโทษนะ เสื้อผ้าของพี่เมื่อคืนนี้…เสื้อผ้าพวกนั้นราคาเท่าไหร่ ฉันจะชดใช้ให้พี่เอง” เฉินฮวนฮวนรู้สึกผิดมาก

เมื่อเกาเหวินได้ยิน เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนมีอะไรกัน เสื้อผ้าถึงกับขาด ไม่ต้องจินตนาการเลยว่าเมื่อคืนนี้มันเข้มข้นขนาดไหน

อีกอย่าง เฉินฮวนฮวนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปมาก ทั้งตัวดูดีขึ้นและเต็มไปด้วยของแบรนด์เนม

เมื่อก่อนเฉินฮวนฮวนเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ เป็นผู้หญิงที่สวยมาก

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง มันแค่ของราคาถูก แถมยังเป็นเสื้อผ้าเก่า ไม่ต้องชดใช้หรอก ไม่เป็นไร!” เกาเหวินแสดงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของเธอ และรีบถามว่า: “ฮวนฮวน อย่าปิดบังฉันนะ เธอกับเฟิงหานชวนเป็นอะไรกัน?”

“ฉัน… เขาเป็นอาสามของฉัน รุ่นพี่ มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด” เฉินฮวนฮวนโบกมืออย่างรวดเร็ว

“อาสาม?” เกาเหวินตกตะลึงเล็กน้อย

เมื่อคืน เธอเองก็ดูเหมือนจะได้ยินเฉินฮวนฮวนเอ่ยคำว่าอาสาม แต่เธอไม่ได้สนใจ

อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย เธอรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวของเฉินฮวนฮวน แต่ไม่เคยรู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นญาติของเธอ!

“อืม เขาเป็นญาติห่างๆของฉัน เพิ่งรู้เหมือนกัน” เฉินฮวนฮวนไม่อยากบอกเธอเกี่ยวกับการแต่งงานของเธอกับเฟิงเฉินเหยี่ยน

เมื่อเอ่ยถึงชื่อตระกูลเฟิง ถ้าเธอเอาออกมาพูดข้างนอก นายท่านกับเฟิงเฉินเหยี่ยนคงไม่มีความสุข

พูดตรงๆก็คือ เธอเป็นแค่เจ้าสาวที่ถูกซื้อมา ตระกูลเฟิงไม่ได้สู่ขอเธอโดยตรง

เพราะงั้นเธอจึงพยายามปกปิดเอาไว้ แค่ปกปิดมันไว้

เมื่อมองไปที่ท่าทางของเฉินฮวนฮวน เกาเหวินเองทำไมจะดูไม่ออก คงเป็นเพราะเฉินฮวนฮวนไม่อยากให้ใครรู้ ดังนั้นจึงไม่พูดออกมา

พูดได้อีกอย่าง เฟิงหานชวนกลัวว่าจะเสียชื่อเสียง ดังนั้นเฉินฮวนฮวนจึงพูดไม่ได้ ทำได้เพียงบอกว่าเป็นญาติ

ผู้ชายยิ่งรวยยิ่งมีอุบายมากขึ้น

เกาเหวินหยุดตั้งคำถาม แต่เธอรู้ดีอยู่ในใจ เธอรู้ว่าตอนนี้เฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่เฟิงหานชวนเลี้ยงดูอยู่

“ฮวนฮวน ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่ฉันอยากถามเธอ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับการเต้นของเธอ? มันทำให้ฉันตกใจมาก!” สิ่งที่เกาเหวินบอกว่าตกใจมันหมายถึงการทำให้ผู้ชมตกตะลึง

เธอไม่ได้คาดหวังเฉินฮวนฮวนสูงขนาดนี้ แค่เพียงอยากป้องกันไม่ให้ซงหลิงเอ่อร์ไปแข่ง แต่ไม่คิดว่าจะเจอสมบัติล้ำค่าแบบนี้

ตั้งแต่จางฟานเห็นเฉินฮวนฮวนเต้นเมื่อคืน เขาก็เอาแต่บอกกับเธอว่าต้องทำให้เฉินฮวนฮวนเซ็นสัญญา

ตอนนี้ สถานะของเธอกับจางฟานดีขึ้นมาก ซงหลิงเอ่อร์เกือบจะไม่เป็นที่โปรดปรานแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ต่อให้จานฟางจะสนใจเฉินฮวนฮวน เขาก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวน และเธอก็เชื่อในตัวของเฉินฮวนฮวน

ตอนนี้เกาเหวินอารมณ์ดีมาก

“รุ่นพี่ จริงๆแล้วฉันเรียนเต้นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่สองปีมานี้ไม่ค่อยได้เต้น” เฉินฮวนฮวนตอบตามความจริง

เรื่องนี้เฉินฮวนฮวนไม่ได้โกหก

แม่ของเธอส่งไปเรียนเต้นตั้งแต่เธอยังเด็ก และเธอก็มีความสามารถมาก ครูชื่นชมเธอมาก แต่หลังจากแม่จากไป เฉินเหม่ยเจวียนก็หักค่าเรียนเต้นของเธอไป

แต่ครูเสียดายจึงให้เธอไปเรียนฟรีๆ พอเข้ามัธยมศึกษาปีที่ 3 ครูขอให้เธอสมัครเรียนคณะศิลปกรรม แต่คุณยายบอกให้เธอหยุดเรียน

ในท้ายที่สุด ครูกับคุณยายก็ทะเลาะกัน และเฉินฮวนฮวนก็ยอมและหยุดเรียน

ตั้งแต่นั้นมา เพื่อไม่ให้คุณยายของเธอเสียใจ เฉินฮวนฮวนไม่กล้าเต้นอีก

คุณยายบอกว่าเด็กผู้หญิงอย่าเข้มแข็งเกินไป ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต

เฉินฮวนฮวนถามว่าเป็นเพราะแม่ใช่ไหม แม่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง แต่แม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์

ถ้าแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ เฉินเหม่ยเจวียนคงไม่ใช่ปัญหา

คุณยายเคยเล่าเหตุการณ์ในอดีตให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว

“ที่แท้เธอก็เป็นนักเต้นนี่เอง แล้วทำไมไม่กลับไปเรียนเต้นล่ะ? ” เกาเหวินรู้สึกสงสัย

“คุณยายไม่อนุญาต เธอคิดว่าผู้หญิงควรหางานดีๆงานที่มั่นคง และใช้ชีวิตปกติง่ายๆ” เมื่อนึกถึงคุณยายของเธอ เฉินฮวนฮวนก็น้ำตาคลอ

“อ่อ คุณยายไปสบายแล้ว ถ้าฉันขอ เธอจะ…” เกาเหวินก็รู้สึกไม่สบายใจ ถ้าหากเธอให้เงินเฉินฮวนฮวนตั้งแต่ตอนเข้าค่ายฝึก เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

“รุ่นพี่ อย่าโทษตัวเองเลย พี่ดีกับฉันมาก การจากไปของคุณยายไม่เกี่ยวกับพี่” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหัวและอธิบายอย่างกังวล

“ฮวนฮวน เชื่อฉันเถอะ ฉันจะไม่ให้เธอลำบากอีกต่อไป อยู่กับฉัน ฉันจะผลักดันเธอเอง!” เกาเหวินยื่นมือของเธอมาจับหลังมือของเฉินฮวนฮวนแล้วพูดว่า: “เราสองคนต้องเฉิดฉายในวงการด้วยกัน"

"นี่เสื้อผ้าใหม่และรองเท้าใหม่ ชุดกระโปรงของเธอถูกทิ้งไปแล้วเมื่อคืนนี้…"

ขณะพูดเฟิงหานชวนก็ยื่นถุงในมือให้กับเฉินฮวนฮวน

ก่อนหน้านี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่พอพูดถึงเรื่องชุดกระโปรงถักของเธอ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยและใบหน้าของเธอก็เริ่มแดง

ใบหน้าของเธอบูดบึ้งอย่างรวดเร็วเพราะฉากที่น่าอับอายเหล่านั้นก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ

เมื่อรับรู้ได้ถึงการหลีกเลี่ยงของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนจึงกระแอมไอและกล่าวว่า: "ฉันขอโทษสำหรับเรื่องก่อนหน้านี้"

เขารู้สึกเสียใจต่อเฉินฮวนฮวน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหนี้เธอ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ความจริง เขาจึงได้กระทำต่อเธอมากเกินไปหลายครั้ง

"อาสาม คุณขอโทษฉันไปแล้ว เรื่องก่อนหน้านี้มันจบลงไปแล้ว สมมุติไปแล้วกันว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น"เฉินฮวนฮวนยังคงทำหน้าบูดบึ้งและเอ่ยเสียงเบา ส่วนใหญ่คือเธอรู้สึกอายจนไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับชายตรงหน้าของเธออย่างไร

แค่คิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น…

เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเธอ เฟิงหานชวนก็รู้สึกเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่ถูกขวางกั้นอยู่ในหัวใจของเขาจนทำให้หายใจลำบาก

"อาสาม ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ขอบคุณนะ"เฉินฮวนฮวนเม้มปากพูดเสียงต่ำและรีบเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับถุงเสื้อผ้า

เมื่อมองไปที่ประตูห้องน้ำที่ถูกปิดลง เฟิงหานชวนก็นั่งลงบนโซฟาและใช้มือไปแตะที่หน้าผากของเขา สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความเสียใจ

อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่ยอมปล่อย

เขารู้ว่าเมื่อเขาบอกความจริงในตอนนี้ เฉินฮวนฮวนคงจะไม่ยกโทษให้เขา แต่เขาสามารถค่อยๆเริ่มใหม่กับเธออย่างค่อยเป็นค่อยไปได้

อย่างน้อยตอนนี้เฉินฮวนฮวนก็ไม่ปฏิเสธเขาอีกต่อไป

……

ในห้องน้ำ

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้าของเขาเธอ เธอยืนอยู่หน้ากระจกมองตัวเองและรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเปลี่ยนไป

เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ไม่สามารถพูดได้ว่ามันสวยงามเลิศหรูขนาดนั้น แต่การออกแบบนั้นค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และดูสะดุดสายตาเป็นพิเศษด้วยความรู้สึกที่หรูหราและเรียบง่าย

เธอหันหน้าและมองดูถุงเสื้อผ้าที่อยู่บนโต๊ะ บนถุงเสื้อผ้ามีโลโก้โดดเด่นซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นแบรนด์หรู

เสื้อผ้าบนตัวเธอก็มีตัวอักษรของแบรนด์นั้นอยู่

เธอรู้ว่านี่คือการชดเชยของเฟิงหานชวน

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอเดินออกจากห้องน้ำและเดินไปหาเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาและมองโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่ เขารับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวบางอย่าง เขาจึงเงยหน้าขึ้นและเห็นเฉินฮวนฮวนสวมเสื้อผ้าที่เขาเลือกให้เป็นการส่วนตัว เขาเริ่มมีความรู้สึกใหม่ของการเปลี่ยนแปลง

ผู้หญิงของเขาสวยจริงๆ

"อาสาม เสื้อผ้าพวกนี้แพงไหม? หลังจากนี้คุณไม่จำเป็นต้องซื้อให้ฉันแล้วนะ"เฉินฮวนฮวนกล่าวด้วยความเขินอาย

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อยและเพียงแต่ตอบรับเพียงเบาๆ จากนั้นก็เดินนำหน้าเฉินฮวนฮวนไป

เฉินฮวนฮวนตามเขาไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อนั่งรถของเฟิงหานชวนมาถึงสี่แยกเฉินฮวนฮวนก็ลงจากรถ ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยสักคำ สักนิดก็ไม่มี

หลังจากลงจากรถแล้วเฟิงหานชวนก็ขับรถออกไป และเฉินฮวนฮวนเองก็รีบมุ่งไปที่ร้านชานมทันที

เมื่อคืนกระเป๋าของเธอยังคงอยู่ที่ร้านชานม เธอต้องมาเอากระเป๋าที่นี่ก่อนเพื่อไปที่ห้องเรียน

ทันทีที่เธอมาถึงร้านชานม เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากเกาเหวินทันที

ไม่มีทางที่จะพูดคุยและอธิบายได้ชัดเจนผ่านทางโทรศัพท์เพราะเธอต้องรีบไปที่ห้องเรียน ทั้งสองจึงตกลงที่จะค่อยพบกันอีกทีในตอนเที่ยง

หลังจากมาถึงห้องเรียนแล้ว เพื่อนร่วมชั้นต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องบางอย่าง ซึ่งต่างจากบรรยากาศสบายๆแบบเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง

"ฮวนฮวน ในที่สุดเธอก็มา!"ฉินเจียลี่กล่าวทักทายเธอทันที เธอเอ่ยว่า: "หลิ่วเยว่เอ่อร์ทำให้ห้องของเราเสียหน้าไปหมดแล้ว!"

"เจียลี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"เฉินฮวนฮวนไม่รู้ เธอจึงรีบถามอย่างรวดเร็ว

เมื่อวานเธอและหลิ่วเยว่เอ่อร์อยู่ในห้องเรียนด้วยกัน ทำไมฉินเจียลี่ถึงพูดถึงว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ทำให้ห้องเราเสียหน้า?

"เธอไม่ได้อ่านบอร์ดกระทู้ของโรงเรียนเหรอ? มันน่าขยะแขยงมาก มันน่าขยะแขยงจริงๆ! "ฉินเจียลี่แสดงท่าทางรังเกียจและพูดต่อว่า: "ฉันคิดว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะรักศักดิ์ศรี ฉันไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะทำตัวแบบนี้!"

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจสิ่งที่ฉินเจียลี่พูดเลยสักนิด เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและเปิดเข้าบอร์ดกระทู้ของมหาวิทยาลัยทันที

เธอก็ตกใจและตกตะลึงกับการพาดหัวข่าวด้านบนของกระทู้ข่าว

[นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัย A ขายตัว ผู้หญิงคนเดียวกับผู้ชายอีกหลายคน ตอนนี้ได้ถูกควบคุมตัวแล้ว!]

เฉินฮวนฮวนรีบคลิกเข้าไปในโพสและพบว่ายังมีรูปภาพอยู่หลายรูป มีผู้ชายอยู่หลายคนแต่หน้าถูกเบลอไว้หมด แต่ผู้หญิงคนเดียวที่ไม่ได้ใช้ภาพโมเสกก็คือหลิ่วเยว่เอ่อร์

ช่วงบนของหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้ถูกเผย ส่วนหลักๆถูกโมเสคแต่ไม่ปิดบังส่วนใบหน้าของเธอ

"นี่…..นี่….."เฉินฮวนฮวนตกใจจนพูดไม่ออก

"ฮวนฮวน ฉันจะบอกเธอให้นะว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี เธอถูกจับได้ว่าขายตัวและถูกส่งไปที่โรงพัก มหาวิทยาลัยของเราก็อับอายเช่นกัน ครูประจำชั้นเองก็ถูกคณบดีเรียกไปแล้ว!"ฉินเจียลี่ส่ายหัว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการดูถูก

เฉินฮวนฮวนสับสนไปหมดแล้ว เธอกับหลิ่วเยว่เอ่อร์แทบจะคุยกันทุกเรื่อง เมื่อวานหลิ่วเยว่เอ่อร์ยังคุยกับเธอเรื่องแฟนของเธอคนนั้นอยู่เลย จู่ๆวันนี้ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

เธอแทบไม่คิดอะไรแล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าตอนนี้กำลังจะเริ่มเรียน เธอหันกลับออกไปจากห้องเรียนทันที

เฉินฮวนฮวนรีบไปที่โรงพักเพื่อจะได้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอรีบไปที่โรงพักเพื่อพบกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ด้วยตัวของเธอเอง

ในภาพเหล่านั้นดูเหมือนว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะไม่เต็มใจ และเธอเองก็ยังสงสัยว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ถูกบังคับหรือเปล่า

เพราะก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับซูเสวี่ยที่บลูส์คลับมาก่อน เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกเสมอว่างานพาร์ทไทม์ของหลิวเยว่เอ่อร์ในบลูส์คลับนั้นอันตราย

และตอนนี้เรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นกับหลิ่วเยว่เอ่อร์อีกคนแล้ว

"คุณเฉินใช่ไหม? คุณสามารถพบกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ แต่แค่เพียงสิบนาทีเท่านั้น "เจ้าหน้าที่ในโรงพักอธิบายให้เฉินฮวนฮวนฟังและพาเธอไปยังห้องขัง

ตรงข้ามกรงเหล็กเฉินฮวนฮวนเห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์ถูกขังอยู่ในนั้น เธอนอนบนพื้น ผมของเธอยุ่งฟูกระจาย เธออยู่ในชุดนักโทษสีฟ้า

"เยว่เอ่อร์ มันเป็นเรื่องจริงเหรอ? เธอขายตัวจริงๆหรือเธอถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น? "เฉินฮวนฮวนถามอย่างกังวล

หลิ่วเยว่เอ่อร์เพิ่งรู้ว่าเฉินฮวนฮวนมา เธอมองไปที่เพดานและแสยะยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองผู้หญิงที่อยู่นอกกรงขัง

"เฉินฮวนฮวน เธอมาที่นี่เพื่อหัวเราะเยาะเย้ยฉันหรือไง?"ใบหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์ซีดเซียวและผมของเธอก็ยุ่งเหยิงกระจายเต็มหน้าเธอไปหมด เธอดูเสียขวัญ

เฉินฮวนฮวนตกใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลิ่วเยว่เอ่อร์ถึงพูดอย่างนั้น

"ฉันจะมาเพื่อหัวเราะเยาะเธอทำไม? เพื่อนสนิทของฉันติดคุกเพราะเกิดเรื่องใหญ่ ฉันมาก็เพราะเป็นห่วงเธอ ฉันมาเพื่อที่จะรู้ความจริง!"เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเธอรู้สึกเป็นห่วงมาก

"อ๋อ รู้ความจริงเหรอ? ความจริงอะไรมันก็น่าจะเข้าใจได้ง่ายๆนะ มันก็เป็นอย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ! "หลิ่วเยว่เอ่อร์หัวเราะอย่างขมขื่น

ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินฮวนฮวนเธอคงไม่ได้รับโทษร้ายแรงถึงเพียงนี้ อย่าว่าแต่เข้าคุกเลย

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเฉินฮวนฮวน

"ก็คือสิ่งที่ฉันเห็นอย่างนั้นเหรอ? เยว่เอ่อร์ เธอขายตัวด้วยความสมัครใจเหรอ? เธอเต็มใจขายให้กับผู้ชายมากมายเหล่านั้น … "ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างและถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ใบหน้าฉายแววหงุดหงิดออกมาแวบหนึ่ง

หากก่อนหน้านี้เขาไม่ประมาทเลินเล่อ หากก่อนหน้านี้เขาไม่ทึกทักเอาเอง แล้วตัดสินเฉินฮวนฮวนตามอำเภอใจ เขาไม่ตรวจสอบอะไร ก็คิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจเช่นนั้น

  

ถ้าเขามีสติสัมปชัญญะสักนิด สถานการณ์ก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้

“เฉินฮวนฮวน เธออยู่บ้านตระกูลเฟิงต่อไปได้นะ” เขารู้สึกจุกอยู่ที่ลำคอเล็กน้อย เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ

  

“หะ?” ดวงตาทั้งสองของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้าง ใบหน้าของเธอฉายแววความไม่อยากจะเชื่อ

เมื่อสักครู่เธอฟังผิดไปหรือเปล่า

“ฉัน…ฉันเคยโดนฝืนใจ ฉันอยู่บ้านตระกูลเฟิงได้ต่อจริงๆ เหรอคะ”

  

ท่าทางระแวดระวังของเธอ ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกปวดใจ ราวกับเธอเป็นคนทำผิด แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

  

“เธอเป็นเหยื่อ ไม่ควรรู้สึกกดดันอะไร นี่ไม่ใช่เรื่องอื้อฉาวของตระกูลเฟิง และไม่ใช่เรื่องอื้อฉาวของเธอ”

  

“ฉันจะช่วยเธอเก็บเป็นความลับ เหมือนกับเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อยู่บ้านตระกูลเฟิงต่อไปเถอะ”

เฟิงหานชวนกล่าวเสียงเบา น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนเป็นอย่างมาก เขามองเด็กสาวไร้เดียงสาตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ

  

เฉินฮวนฮวนถึงกับนิ่งไป

ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่

เพราะว่าเฟิงหานชวนเข้าใจเธอผิด ดังนั้นเขาจึงช่วยเธอเก็บเรื่องในคืนนั้นเป็นความลับ เธอยังสามารถอยู่ในบ้านของตระกูลเฟิงได้ต่อไป?

  

“จะ…จริงเหรอคะ” เฉินฮวนฮวนแทบไม่อยากจะเชื่อ

ในสมองของเธอตอนนี้ เฟิงหานชวนควรเป็นคนที่ต้องการขับไล่เธอมากที่สุด ทว่าตอนนี้…

“จริง” เฟิงหานชวนยืนยัน และกล่าวต่อเสียงเบา “พักผ่อนให้มากๆ ล่ะ”

  

เขายืนขึ้น จับไหล่ของเฉินฮวนฮวนให้เธอนอนลง และยังช่วยห่มผ้าให้เธอ

  

เฉินฮวนฮวนยอมรับการกระทำของเฟิงหานชวนด้วยความงุนงง ในหัวสมองของเธอแทบจะขาวโพลนไปหมด

  

ดังนั้น เธอไม่เพียงแต่จะได้สร้อยคอของคุณแม่ เธอยังสามารถอยู่บ้านของตระกูลเฟิงได้ต่อไป และทำตามข้อตกลงของนายท่านตระกูลเฟิง

  

ยิ่งไปกว่านั้น ความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนก็ได้รับการแก้ไขแล้ว?

เฟิงหาชวนช่วยเฉินฮวนฮวนห่มผ้า และหันหลังเตรียมเดินออกไป ทว่า จู่ๆ เขากลับสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่ข้อมือของเขา

  

เขาก้มลงมอง พบว่าเฉินฮวนฮวนคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังจ้องมองเขา

หัวใจของเขานั้น ราวกับกำลังบีบรัดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

  

“อาสาม หลังจากนี้ไปเราจะ…เข้ากันได้ดีแล้วใช่ไหมคะ” แววตาของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความคาดหวัง เธอมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียง และเอ่ยถามเสียงเบา

  

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าหัวใจของเขาราวกับถูกบีบเค้น ทว่าสีหน้าของเขายังคงผ่อนคลาย และพยักหน้าเบาๆ “อืม”

เมื่อได้ยินคำยืนยันของเฟิงหานชวน รอยยิ้มที่ยากจะได้เห็นของเฉินฮวนฮวนแย้มออกมาจนเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก นี่คงเป็นข่าวดีที่สุดที่เธอได้รับในช่วงเวลานี้แล้ว

  

“ขอบคุณนะคะ อาสาม หลังจากนี้ไปเราสนิทกันแล้ว ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากแน่นอน ฉันจะพยายามรีบคืนเงินคุณนะคะ!” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างตื่นเต้น เธอยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นเส้นเรียว ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก

จากบรรยากาศที่เคยอึมครึมเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาทันตา

เฟิงหานชวนรู้สึกปลื้มปริ่มใจกับการเปลี่ยนแปลงของเฉินฮวนฮวนอย่างมาก ทว่าในใจของเขากลับรู้สึกขมขื่นโดยที่ไม่อาจพูดออกมาได้

  

ตอนนี้ในสายตาของเฉินฮวนฮวน เขาก็เป็นเพียง “อาสาม” ของเธอ เธอแค่มองเขาในฐานะผู้อาวุโสเท่านั้น

  

“พักผ่อนเถอะ” เฟิงหานชวนไม่ได้ตอบอะไรอีก และก้าวขายาวๆ ของเขาเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย

  

เมื่อมองไปยังประตูห้องที่ถูกปิดลง อารมณ์ของเฉินฮวนฮวนดีขึ้นมากในตอนนี้ แถมยังรู้สึกดีอกดีใจมากเป็นพิเศษ

  

ราวกับปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้ว

  

เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปเรียน เฉินฮวนฮวนก็คลุมโปงทันทีแล้วรีบหลับตาลง

นอกประตูห้องผู้ป่วย เฟิงหานชวนมองผ่านกระจกบนบานประตู เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของหญิงสาวด้านใน สุดท้ายเมื่อมั่นใจว่าเฉินฮวนฮวนหลับไปแล้ว เขาถึงยอมเดินออกไป

……

  

เช้าวันต่อมา เมื่อเฉินฮวนฮวนตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร

  

เธอลุกขึ้นนั่ง พบว่าบนโต๊ะกลางที่อยู่ไม่ไกล มีอาหารว่างมื้อเช้าจัดวางไว้สองสามอย่าง

เมื่อคืนเฉินฮวนฮวนไม่ได้กินข้าวเย็น ตอนนี้เธอจึงรู้สึกหิว เธอไม่รอช้ารีบเลิกผ้าห่มแล้วลุกจากเตียง ก่อนจะวิ่งไปนั่งบนโซฟา แล้วเอื้อมมือไปหยิบซาลาเปา

ขณะที่เธอกำลังอ้าปากจะกัดซาลาเปา ประตูห้องน้ำในห้องก็เปิดออก ชายหนุ่มในชุดสูทสั่งตัดสีดำก็เดินออกมา

เมื่อเฟิงหานชวนหันกลับมาบังเอิญเห็นเฉินฮวนฮวนพอดี แถมตอนนี้เฉินฮวนฮวนกำลังอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น

  

“อา อาสาม!” เฉินฮวนฮวนรีบวางซาลาเปาลง แล้วเช็ดปากอย่างรีบร้อน ก่อนจะรีบลุกขึ้นทักทายเฟิงหานชวน

  

“กินเถอะ” เฟิงหานชวนรู้ว่าการตัดสินใจซื้ออาหารเช้าล่วงหน้าของตัวเองนั้นถูกต้องแล้ว

  

“อาสาม ทั้งหมดนี้คุณซื้อให้ฉันเหรอคะ” เฉินฮวนฮวนไม่ได้กินทันที และยังถามด้วยความสงสัย

  

ไม่อย่างนั้น เป็นไปไม่ได้ว่าพยาบาลจะนำขึ้นมา?

เช้านี้เฟิงหานชวนก็ปรากฏตัวในห้องผู้ป่วยพอดิบพอดี ดังนั้นเฉินฮวนฮวนคิดว่าเฟิงหานชวนน่าจะเป็นคนซื้อมา

“อืม” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบเสียงเบา และกล่าวต่อว่า “อาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม อยากพักผ่อนอีกสักหน่อยหรือว่าจะไปมหา’ลัยเลย”

  

“ฉันดีขึ้นแล้วค่ะ กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ฉันต้องไปมหาลัย และยังต้องไปหารุ่นพี่อีก” เฉินฮวนฮวนรีบเอ่ยตอบ

เมื่อคืนเธอถูกเฟิงหานชวนพาเธอมาเช่นนั้น เธอต้องไปอธิบายเรื่องนี้ให้เกาเหวินฟังเสียหน่อย

  

“กินมื้อเช้าเสร็จ ฉันจะไปส่งเธอที่มหาลัย” เฟิงหานชวนเอ่ยบอกพร้อมกับเดินไปที่โซฟา แล้วนั่งลงข้างเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เช้านี้เฟิงหานชวนตั้งใจมาที่นี่ เพื่อไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยเหรอ

“อาสาม ความจริงฉันไปมหาลัยเองก็ได้ค่ะ ไม่ต้องรบกวนคุณ…” เฉินฮวนฮวนก้มศีรษะลงเล็กน้อย เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแล้วเอ่ยบอก

เธอพบว่าตั้งแต่เธอหมดสติแล้วตื่นขึ้นมา เฟิงหานชวนก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหมือนว่าเขาจะดีกับเธอขึ้นมาหน่อย

  

พูดตามตรงว่า ไม่ใช่ดีหน่อย แต่ดีมากเชียวล่ะ

ตามที่เฟิงหานชวนบอกตอนเช้ามืด เพราะว่าเขาเข้าใจเธอผิด ดังนั้นเขาจึงรู้สึกละอายใจ ตอนนี้เขาน่าจะอยากชดเชยให้กับเธอนั่นแหละ

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนคิดๆ ดูแล้ว พบว่าเฟิงหานชวนเป็นคนจิตใจดีมากคนหนึ่ง หากเป็นคนอื่นเข้าใจผิดก็เข้าใจผิดไป คงไม่มาทำอะไรชดเชยเช่นนี้

“ทางผ่านน่ะ” เฟิงหานชวนยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

  

“ก็ได้ค่ะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนต้องการชดเชยให้ตัวเอง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดอีก

อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นความตั้งใจของเฟิงหานชวน เธอก็จะรับน้ำใจไว้ เช่นนี้แล้วเฟิงหานชวนจะได้สบายใจขึ้นมาบ้าง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินฮวนฮวนก็ไม่ถามอะไรอีก เธอหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดกินต่อ และยังกินเกี๊ยวอีกหนึ่งถ้วยกับน้ำเต้าหู้อีกหนึ่งแก้ว

พอจะกล่าวได้ว่า อิ่มมากจนไม่อาจกินเพิ่มลงไปได้อีกแล้ว

เมื่อเธอลุกขึ้นยืน เธอกลับพบเรื่องน่าอายบางอย่าง เธอยังคงสวมชุดคนไข้ และไม่มีเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วเธอจะออกไปข้างนอกอย่างไร

ชุดเดรสไหมพรมถักที่เกาเหวินให้เธอสวมเมื่อคืนถูกเฟิงหานชวนฉีกขาดไปแล้ว และดูเหมือนว่าจะถูกทิ้งไปแล้วเช่นกัน เธอไม่เห็นมันในห้องเลย

เมื่อเห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ฉันเอาเสื้อผ้ามาให้เธอแล้ว ฉันลืมไว้ในรถ เธอรอหน่อยแล้วกัน”

ดังนั้น เขาจึงรีบเดินออกจากห้องผู้ป่วยทันที

  

ห้านาทีต่อมา เฟิงหานชวนเดินถือถุงแบรนด์เนมเข้ามาสามใบ

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนไม่อยากเห็นหน้าเฟิงหานชวน

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยังเป็นหนี้เฟิงหานชวน100,000หยวน เธออาจจะตะคอกและไล่เฟิงหานชวนไปไกลๆ

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนรังเกียจเขาขนาดนี้ เฟิงหานชวนรู้สึกถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ในใจ ตื่นตระหนกและไม่สบายใจ

“บอกผมมา เมื่อกี้คุณกำลังจะโดดตึกใช่ไหม?” เฟิงหานชวนคุกเข่าลงบนพื้น มองขึ้นไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา เสียงของเขาเบามากและรู้สึกพูดไม่ออก

เฉินฮวนฮวนนั่งอยู่ที่ข้างเตียง หันหน้าไปทางอื่น เธอไม่อยากเห็นชายที่คุกเข่าตรงหน้าเธอ

“ถ้าผมบอกว่า สร้อยคอของคุณผมเอาคืนมาแล้ว” เฟิงหานชวนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

ประโยคนี้ทำให้เฉินฮวนฮวนตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันศีรษะไปรอบๆ ก้มศีรษะลงและมองลงไปที่เฟิงหานชวน ด้วยการแสดงออกที่น่าทึ่งบนใบหน้าของเธอ

“คุณ…คุณพูดว่าอะไรนะ? คุณได้สร้อยคอแล้ว?” เฉินฮวนฮวนกระโดดลงจากเตียงและคุกเข่าต่อหน้าเฟิงหานชวนโดยตรง จับมือเขาแล้วพูดอย่างกังวล: “เอาสร้อยคอมาให้ฉัน เอามันมาให้ฉัน… "

ตอนนี้ ระยะตัวทั้งสองคนประชิดเกือบจะชนกัน

เฟิงหานชวนมองดูท่าทางกังวลใจของหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเขา หายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์ของเขา และพูดว่า: “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผม”

“คำถามของคุณ?” เฉินฮวนฮวนนึกไม่ออก แล้วหัวเราะเบาๆ : “ทำไม คุณกลัวฉันตายเหรอ?”

รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวัง

ก่อนที่เฟิงหานชวนจะพูด เธอพูดต่อ: “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ฆ่าตัวตายหรอก ฉันยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย!”

ใช่ ต่อให้เธอจะเหนื่อยอีกแค่ไหน เธอก็จะยึดมั่นและอดทน

เธอไม่ปล่อยให้คนที่ทำร้ายเธอมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขหรอก

ดังนั้นไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะยากแค่ไหน เธอก็จะยืนหยัดและอดทนอยู่เสมอ

มีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้น

“แล้วเมื่อกี้คุณ…” เฟิงหานชวนหยุดพูด

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินฮวนฮวนถึงไปเหยียบเก้าอี้บนระเบียง

“เพราะว่าแม่และยายของฉันอยู่บนสวรรค์ ฉันจึงยืนบนเก้าอี้เพื่ออยากเข้าใกล้พวกท่านมากขึ้น” เมื่อเฉินฮวนฮวนตอบ เธอก็น้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว

เธอตาแดงมองไปยังชายที่อยู่ตรงหน้า ยื่นฝ่ามือไปข้างหน้าเขา แล้วถามว่า: “คืนสร้อยคอให้ฉันได้ไหม?”

เธอขอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อม ศีรษะแทบจะก้มลงถึงพื้น

เฟิงหานชวนทนมองเฉินฮวนฮวนทำแบบนี้ไม่ได้ เขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไปจับข้อมือของเธอ และดึงเธอลุกขึ้น

จากนั้น มืออีกข้างของเขาหยิบสร้อยคอทองคำออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้ววางไว้บนฝ่ามือของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเย็นที่ฝ่ามือของเธอ เธอก้มศีรษะลงและมองไปที่มือ จี้รูปดอกบัวสีทอง เป็นสร้อยคอของแม่!

ทันใดนั้น เธอยิ้มด้วยความประหลาดใจและเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาสีแดงของเธอมองไปที่เฟิงหานชวน เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

“คุณช่วยฉันเอาคืนมาเหรอ?” เฉินฮวนฮวนรีบถาม

เรื่องคืนนั้นต่อให้ตีหลิวตงรุ่ยให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับ ไม่ยอมรับว่าเอาสร้อยคอของเธอไป เพราะงั้นหลิวตงรุ่ยไม่น่าคืนมันเอง

ตอนนี้เฟิงหานชวนนำสร้อยคอมาคืนเธอ ดังนั้นเป็นไปได้ที่เฟิงหานชวนจะไปเอามาจากหลิวตงรุ่ย

เฟิงหานชวนมองไปที่ใบหน้าของเธอที่มีความประหลาดใจและความซาบซึ้ง หัวใจของเฟิงหานชวนเต้นรัวโดยไม่รู้ตัว ชั่วขณะหนึ่ง ความจริงทั้งหมดที่เขาต้องการจะบอกก็ถูกกลืนลงท้อง

ถ้าบอกเธอตอนนี้ว่าผู้ชายในคืนนั้นคือเขา เฉินฮวนฮวนจะยังมีความรู้สึกดีๆแบบนี้ต่อเขาไหม?

“ใช่” เขาหยุดและตอบกลับเพียงคำสั้นๆคำเดียว

เฉินฮวนฮวนคิดว่าเธอไม่ได้เข้าใจผิด เฟิงหานชวนต้องไปเอาสร้อยคอมาจากหลิวตงรุ่ย แต่เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อยและรู้สึกประหลาดใจ

ทำไมจู่ๆเฟิงหานชวนถึงดีกับเธอขนาดนี้? ช่วยเธอเอาสร้อยคืน?

“คุณเฟิง ฉัน… คุณเกลียดฉันไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณถึงช่วยฉัน?” เฉินฮวนฮวนเม้มปากยังคงถามต่อ เรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องที่ว้าวุ่นในใจเธอ

“ผมไม่ได้เกลียดคุณ ผมแค่ต้องการความจริง” เฟิงหานชวนพูดด้วยสายตาลึกล้ำและพูดอย่างเย็นชา: “ชื่อที่คุณเรียกเมื่อกี้ มันไม่เหมาะกับความสัมพันธ์ของเรา”

คุณเฟิง คำเรียกที่ดูเฉยชาและห่างเหิน เขาฟังแล้วไม่เข้าหู

“อืม พรุ่งนี้ฉันจะออกจากบ้านเฟิงแล้ว เพราะงั้นฉันคิดว่าเรียกอาสามมันก็ไม่เหมาะเหมือนกัน” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างใจเย็น: “ดีกว่าเรียกคุณว่าคุณเฟิง”

อาจเป็นเพราะเธอได้สร้อยคอของแม่คืน ตอนนี้เธอก็เลยอยู่ในอารมณ์ที่สงบ

หลิวตงรุ่ยคืนสร้อยคอกลับมา ก็แสดงว่าเขาได้พรากความบริสุทธิ์ของเธอไปจริงๆ เฉินฮวนฮวนรู้ว่าพรุ่งนี้เธอจะต้องถูกไล่ออกจากบ้านหลังนี้

“ใครบอกจะให้คุณไปจากบ้านนี้?” สีหน้าของเฟิงหานชวนบูดบึ้ง

ผู้หญิงคนนี้อยากออกไปจากบ้านนี้เร็วๆงั้นเหรอ?

ได้สร้อยคอคืน ก็เตรียมที่จะออกไป?

“เรื่องของหลิวตงรุ่ยก็ถูกเปิดเผยแล้ว ฉัน…” เฉินฮวนฮวนหยุดพูด เรื่องแบบนี้เธอเองก็ไม่อยากอธิบายชัดเจนขนาดนั้น

สำหรับผู้หญิงมันคือเงาที่ติดตัวไปตลอดชีวิต

แม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดของเธอ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ท้ายที่สุด เรื่องแบบนี้กลับกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวของเธอ

“จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ มันผ่านไปแล้ว คนที่รู้ก็จะปิดปากเงียบ” เฟิงหานชวนเห็นว่าเฉินฮวนฮวนกังวลเรื่องนี้มาก เขาเอื้อมมือไปจับไหล่เธอ และพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

ถ้าเธอฟังไม่ผิด เฟิงหานชวนหมายถึง…เขาสั่งให้ทุกคนเงียบไว้?

แต่ว่า ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้?

เขารังเกียจตัวเองมากไม่ใช่เหรอ ทั้งๆที่ควรใช้โอกาสนี้กำจัดเธอ นำเรื่องทั้งหมดไปบอกนายท่านเฟิงจากนั้นก็ไล่เธอออกจากตระกูลเฟิง!

เธอเองก็เก็บข้าวของเตรียมตัวถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว

“ผมบอกแล้ว ผมไม่ได้เกลียดคุณ ผมแค่ต้องการความจริง” เมื่อเฟิงหานชวนรู้ว่าเฉินฮวนฮวนกำลังคิดอะไรอยู่ เขากระแอมและกล่าวว่า: “เรื่องก่อนหน้านี้ผมขอโทษ ผมเข้าใจคุณผิด”

เขาขอโทษเธอ

ในตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจะยังไม่บอกความจริงเกี่ยวกับคืนนั้น

ตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องทำคือทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเฉินฮวนฮวนดีขึ้น

แต่เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนขึ้นมา ตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังขอโทษเธอ?

เฟิงหานชวนที่เกลียดเธอมาตลอด กำลังขอโทษเธอจริงๆเหรอ?

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้าง ใหญ่เท่ากับระฆังทองแดง ราวกับว่าสิ่งที่เฟิงหานชวนพูดนั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เฟิงหานชวนจ้องไปที่ดวงตาของเธอ และกล่าวเบาๆว่า: “สิ่งที่ผมทำกับคุณก่อนหน้านี้ ผมผิดเอง คุณบอกเงื่อนไขอะไรก็ได้ ผมจะชดใช้ให้คุณ”

เขากล่าวอย่างอ้อมค้อม ช่วงเวลาที่ยังไม่รู้ตัวตนของเขา เขาต้องการใช้วิธีนี้เพื่อชดเชยเฉินฮวนฮวนให้มากที่สุด

“ฉัน…ฉันไม่ต้องการการชดเชยของคุณ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอส่ายหัว รู้สึกว่าเฟิงหานชวนดูเหมือนเป็นคนละคน

เมื่อเห็นการหดตัวของเธอ ดวงตาที่สดใสเหล่านั้นจ้องมองเขา เฟิงหานชวนเองก็รู้สึกอึดอัดในใจ

ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนเขาจะโหดร้ายกับเธอ เธอจึงกลัวเขามาก

"อะไรนะ? เฉินฮวนฮวนเป็นภรรยาของคุณ เป็นไปได้ยังไง! "

หลิ่วเยว่เอ่อร์ตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เฟิงหานชวนพูด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ

เธอกล่าวต่อว่า: "เฉินฮวนฮวนบอกฉันเป็นการส่วนตัวว่านายท่านเฟิงขอให้เธอแต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยนเพื่อปกป้องคฤหาสน์ของแม่เธอไว้ และเธอต้องอยู่ในบ้านตระกูลเฟิง!"

"เฟิงหานชวน คุณตั้งใจพูดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นภรรยาของคุณเพราะฉันรู้เรื่องนี้และกลัวว่าฉันจะออกไปป่าวประกาศใช่ไหม?"

ตอนนี้หลิ่วเยว่เอ่อร์เริ่มคลั่ง แผนของเธอนั้นพังไม่เป็นท่าและเธอก็ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกขัดใจอีกด้วย เธอรู้เลยว่าเธอจะต้องไม่มีชีวิตที่ดีต่อไปอย่างแน่นอน

ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เธอสามารถหาฟางช่วยชีวิตเธอได้ เธอก็จะคว้ามันไว้แน่นและจะไม่ยอมปล่อยไปอย่างเด็ดขาด

เช่นเดียวกับตอนนี้ฟางช่วยชีวิตเธอก็คือความสัมพันธ์ระหว่างเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน เธอรู้ถึงความสัมพันธ์ที่ผิดจรรยาบรรณของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อข่มขู่เฟิงหานชวนได้และบางทีมันอาจจะส่งผลดีกับตัวเธอ

"คุณหลิ่ว คุณคิดว่าคุณจะมีโอกาสได้เอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศเหรอ?"เฟิงหานชวนหัวเราะเยาะ เขาคิดแค่ว่ามันไร้สาระ

เขาเคยถูกหลอกโดยผู้หญิงโง่ๆแบบนี้

ตั้งแต่ต้นจนจบเฉินฮวนฮวนไม่เคยโกหกเขา แต่เป็นหลิ่วเยว่เอ่อร์ต่างหากที่โกหกเขา

ถ้าไม่ใช่เพราะหลิ่วเยว่เอ่อร์ปลอมตัว เขาก็คงจะไม่เข้าใจเฉินฮวนฮวนผิดมากมายขนาดนี้ และก็คงจะไม่รู้ความจริงจนถึงตอนนี้

"ฉัน….."เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ยินคำถามของเฟิงหานชวน ใบหน้าของเธอก็ซีดลงจนถึงขีดสุด

ราวกับว่าฟางช่วยชีวิตสุดท้ายนั้นถูกดึงออกมา เธอปีนลงมาจากเตียงเหมือนคนบ้าโดยไม่ได้สนใจกลุ่มคนที่ตรงหน้าของเธอเลย เธอลงจากเตียงมาตรงหน้าของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนไม่ต้องการเห็นผู้หญิงบ้าๆคนนี้อีก เขาหันหลังกลับและกำลังจะเดินจากไป แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็รีบวิ่งเข้าไปขวางเขาไว้เสียก่อน

เธอนอนลงบนพื้นและใช้มือทั้งสองข้างจับข้อเท้าของเฟิงหานชวนแน่น เธอตะโกนด้วยเสียงที่สั่นเทา: "ฉันผิด ฉันผิดจริงๆ คุณชายสาม โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย ฉันไม่มีวันกล้า…

"ถ้าคุณให้อภัยฉัน ฉันจะขอโทษเฉินฮวนฮวน ฉันจะทำดีกับเธอให้เหมือนพี่น้อง เธอคงไม่มีทางลงโทษฉันแน่ๆ ได้โปรด…"

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและสะบัดเท้าใส่ผู้หญิงที่น่าขยะแขยงตรงหน้า

"อ๊าย!"หลิ่วเยว่เอ่อร์ล้มลงและกรีดร้อง

"พี่น้องที่ดีอย่างนั้นเหรอ?"เสียงของเฟิงหานชวนเย็นชา: "เธอไม่ต้องการพี่น้องเช่นคุณ"

"ซูอวี่ พาเธอออกไป!"

……

ณ โรงพยาบาลรุ่ยเอิน ห้องพักผู้ป่วยVVIP

เมื่อเฉินฮวนฮวนลืมตาขึ้น เธอมองไปรอบ ๆ และพบว่าสภาพแวดล้อมตรงหน้าที่คุ้นเคย

จู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ว่านี่คือโรงพยาบาลของหรงจิ่นซิว?

เธอเข้าโรงพยาบาลอีกแล้วเหรอ?

เฉินฮวนฮวนวางมือลงบนเตียง เธอพยายามลุกขึ้นนั่ง เธอส่ายหัวและพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

หลังจากนั้นสีหน้าของเธอก็ซีดลงกว่าเดิม

ให้ตายยังไงหลิวตงรุ่ยก็ปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องในคืนนั้น ในขณะที่เฟิงหานชวนเองก็เชื่อว่าเธอหลอกเขาแถมยังพูดดูถูกเธออีก

จนเธอล้มลงและหมดสติไป

คิดไปคิดมาเฟิงหานชวนน่าจะเป็นคนส่งเธอมาที่โรงพยาบาล

เฉินฮวนฮวนรู้สึกวิงเวียนศีรษะมาก แต่เธอไม่ได้ต้องการนอนอีกต่อไป เธอตัดสินใจเลิกผ้าห่มขึ้นและลุกขึ้นจากเตียง เธอพยายามลากขาหนักๆของเธอแล้วเดินไปที่หน้าต่าง

เธอถูกเปลี่ยนเป็นชุดผู้ป่วย ชุดถักที่เกาเหวินมอบให้เธอถูกเฟิงหานชวนฉีกขาดไปหมดแล้วเมื่อคืนนี้ และก็ไม่รู้ว่ามันถูกโยนทิ้งไปหรือเปล่า

ท้องฟ้าข้างนอกยังคงมืดมากแต่ท้องฟ้าก็ยังคงเผยแสงสีขาวจางๆเล็กน้อย เฉินฮวนฮวนหันหน้าไปและเหลือบมองดูเวลา ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาตีสองแล้ว

ทันทีที่รุ่งสางเธอก็จะถูกไล่ออกจากบ้านอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน

ตอนนี้สร้อยคอของแม่เธอก็ยังไม่ได้คืน และข้อตกลงของเธอกับนายท่านเฟิงก็กำลังจะสิ้นสุดลง เธอถูกเฟิงหานชวนพาออกมาจากเวทีและไม่รู้ว่าเกาเหวินยังอยากจะใช้เธออีกหรือไม่

ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคาดไว้

ในชีวิตของเธอยกเว้นการตายของแม่เธอมีความสุขมาก แต่ตั้งแต่ที่แม่ของเธอเสียชีวิตลง เธอกับยายของเธอก็มีชีวิตที่ยากลำบากมาก มันเป็นความรู้สึกที่ก้าวเดินต่อไปได้อย่างยากลำบาก

เฉินฮวนฮวนเคยคิดมาก่อนว่าถ้าเธอตาย เรื่องๆทุกอย่างก็คงจะไม่วุ่นวายขนาดนี้ใช่ไหม?

เธอหัวเราะอย่างเศร้าโศก เธอเปิดประตูกระจกแล้วเดินไปที่ระเบียง

ที่นี่คงน่าจะมีสิบถึงยี่สิบชั้นอย่างต่ำ เมื่อมองลงไปข้างล่างสิ่งต่างๆด้านล่างก็ดูเล็กไปหมด

เช่นเดียวกับเธอ การใช้ชีวิตในโลกนี้ช่างเล็กเหลือเกิน

"คุณแม่ คุณยาย ถ้าฮวนฮวนไปอยู่ด้วยดีไหม?"เฉินฮวนฮวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ก็ไม่พบดวงดาวบนท้องฟ้าสักดวง

เธอไม่รู้ว่าแม่กับยายจะได้ยินหรือเปล่า เธอได้แต่พึมพำกับตัวเอง

หลังจากที่เฟิงหานชวนจัดการหลิ่วเยว่เอ่อร์และเกาจวินเซวียนเสร็จแล้วเขาก็รีบตรงมาที่โรงพยาบาลทันที เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปที่ห้องพักผู้ป่วยเขาก็เห็นว่าผ้าห่มถูกพับขึ้นและเตียงก็ว่างเปล่า

และเขาเลื่อยสายตาไปและเห็นว่าเฉินฮวนฮวนยืนอยู่ตรงระเบียง เธอกำลังยกเท้าขึ้นเหยียบบนเก้าอี้

ข้างหน้าเป็นราวระเบียง

การแสดงออกของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและเขาก็รีบวิ่งเข้าไปเหมือนคนบ้า

"อ๊าย!"

ข้อมือของเฉินฮวนฮวนถูกใครบางคนคว้าไว้อย่างกะทันหัน จากนั้นเธอก็ถูกดึงให้ล้มลงและตกลงไปในอ้อมกอดอันอบอุ่น

"เธอกำลังทำอะไร!"เฟิงหานชวนใจเต้นรัวและตะคอกใส่เสียงดัง

เฉินฮวนฮวนเห็นใบหน้าของชายตรงหน้าอย่างชัดเจน ใบหน้าที่วิตกกังวลและมันไม่เหมือนเฟิงหานชวนในเมื่อก่อนเลย

ก่อนหน้านี้เฟิงหานชวนเกลียดเธอมาก แม้แต่ความอดทนเล็กๆน้อยๆที่มีต่อเธอ มันก็เป็นเพียงแค่เพราะเขาต้องการที่จะเล่นกับเธอเท่านั้น

เธอไม่รู้ว่าเธอไปกวนใจเขาตรงไหน เขาแค่มองเธออย่างไม่ค่อยพอใจนับตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน เขาเกลียดเธอมาโดยตลอด

"ฉันไม่ได้ทำอะไร คุณมาที่นี่ทำไม?"การแสดงออกของเฉินฮวนฮวนสงบนิ่งมาก แต่ไม่มีสีสันอยู่บนใบหน้าของเธอเลยสักนิด เสียงของเธอเบาราบเรียบราวกับลมพัด และเขาแทบไม่ได้ยินมันเลย

"ยังจะมาพูดอีกเหรอว่าไม่ได้ทำอะไร? เมื่อกี้เธอเหยียบขึ้นไปบนเก้าอี้ เธอต้องการจะทำอะไร? ด้านหน้าคือราวระเบียง เธอจะกระโดดตึกหรือยังไง? "เฟิงหานชวนใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกที

ผู้หญิงคนนี้ต้องการที่จะฆ่าตัวตายโดยไม่ต้องคิดเลย!

"คุณปล่อยฉันลงก่อน"เฉินฮวนฮวนไม่ได้ไปมองเขา เธอเลี่ยงการสบสายตาและพูดอย่างเย็นชาว่า: "ตอนนี้มันตีสองแล้ว คุณเฟิงมีเรื่องอะไรหรือเปล่า? หรือแค่อยากมาถามว่าฉันถูกข่มเหงอย่างไรหรือต้องการให้ฉันทำอะไร? "

เมื่อมองไปที่ร่างบางที่มีท่าทางที่เฉยเมยและเหินห่างกับเขา เฟิงหานชวนก็ขมวดคิ้วทันที เขารู้สึกราวกับว่ามีหินก้อนใหญ่กำลังขวางหัวใจของเขาไว้อยู่

เขาทำร้ายเธอหรือเปล่า

เขาไม่ตอบอะไร เขาหันกลับมาและอุ้มเธอเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย จากนั้นก็วางเธอลงบนเตียง

เมื่อเฉินฮวนฮวนถูกวางลงบนเตียงในห้องพักผู้ป่วย เธอนั่งอยู่ที่ขอบเตียงโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ หรือพูดคุยอะไรอีก

เมื่อมองไปที่ท่าทางของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกกระชาก หากไม่ใช่เพราะความใจร้ายของเขาก่อนหน้านี้เธอคงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

"บอกฉันมา เมื่อกี้ต้องการจะทำอะไร?"เฟิงหานชวนนั่งลงและเอื้อมมือไปจับมือเฉินฮวนฮวน น้ำเสียงของเขานุ่มนวลลง

เฉินฮวนฮวนดึงมือของเธอออกทันทีและวางไว้ข้างๆ เธอพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกันกับผู้ชายคนนี้

"เรื่องของฉันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเฟิง"เธอพูดเบาๆ

หลิ่วเยว่เอ่อร์เอนตัวนอนพักผ่อน ในหัวกำลังคิดว่าจะกำจัดเกาจวิ้นเซวียนอย่างไร

ในตอนนี้เอง จู่ๆ ประตูก็ถูกถีบออก เธอไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน และตะโกนขึ้นว่า “คุณเบาเสียงหน่อยได้ไหม อยากให้แม่บ้านตื่นหรือไง!”

เดิมทีเธอคิดว่าต่อไปคงจะเป็นเสียงเลี่ยนๆ ของเกาจวิ้นเซวียน ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมา ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

หลิ่วเยว่เอ่อร์เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงประตู เธอไม่คิดเลยว่าจะเป็นเฟิงหานชวน

เธอถึงกับตะลึงตาค้างเลยทีเดียว!

บนผ้าปูที่นอนยังทิ้งร่องรอยจางๆ เอาไว้ บนพื้นยังมีชุดที่ใช้แล้ว ภายในบ้านยังคงตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเช่นนั้น

เธอยังไม่ได้จัดการสิ่งเหล่านี้

“คุณชายสาม คุณ…ทำไม จู่ๆ คุณ…” หลิ่วเยว่เอ่อร์มึนงงไปหมดแล้ว เธอพูดตะกุกตะกัก ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

ซวยแล้ว!

ครั้งนี้มันจบแล้ว!

เธอและเกาจวิ้นเซวียนแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันในคฤหาสน์ของเฟิงหานชวน นั่นยืนยันแล้วว่า เธอกับเฟิงหานชวนไม่มีโอกาสแล้วใช่ไหม

เฟิงหานชวนไม่มีทางต้องการผู้หญิงสกปรกอย่างเธอ!

ถ้าไม่ใช่เกาจวิ้นเซวียน เธอยังมีโอกาส ทว่าตอนนี้…

“คุณชายสาม ฉัน…ฉัน…” หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงฉลาดหลักแหลม ทว่าในเวลาเช่นนี้ เธอก็ไม่สามารถแก้ตัวได้เลยสักนิด

แม้ว่าตอนนี้เกาจวิ้นเซวียนไม่อยู่ตรงนี้ แต่เธออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับเธอถูกจับได้บนเตียง

แน่นอนว่าเฟิงหานชวนไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ตรงหน้า เขาก็รู้แล้วว่ากิจกรรมดุเดือดเพิ่งเกิดขึ้นที่นี่

สายตาของเขาเย็นเยือกอย่างมาก น้ำเสียงของเขาก็เช่นกัน “เกาจวิ้นเซวียน?”

หลิ่วเยว่เอ่อร์ใจเต้นตึกตัก สีหน้าของเธอดูแย่มาก

“คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เกาจวิ้นเซวียนเปิดห้องพักที่โรงแรมม่านรูด วันนั้นเป็นวันครบรอบสองร้อยวันของพวกคุณ แม้ว่าคุณจะไม่ได้แสดงบัตรประชาชน แต่กล้องวงจรจับภาพคุณตอนเข้ามาในล็อบบี้จนกระทั่งขึ้นลิฟต์ไป” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนทุ้มต่ำ ไม่มีเสียงขึ้นลงเลยแม้แต่น้อย ทว่าเผยให้เห็นว่าเขาพยายามอดกลั้นความเดือดดาลที่อยู่ภายในใจ

เพราะว่าก่อนหน้านี้หลิ่วเยว่เอ่อร์จัดเตรียมภาพสร้อยทองไว้ ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงไม่ได้ตรวจสอบเธอให้ละเอียด เขาไม่คิดว่า จะมีคนทำเรื่องย้อมแมวขายเช่นนี้

และเขาไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองเข้าใจผิดผู้หญิงที่รังเกียจคนนี้มาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าคือคนที่ทำให้ตัวเองรู้สึกผิดมากที่สุด

เดิมทีหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้สิ้นหวังขนาดนั้น ทว่าคำพูดของเฟิงหานชวน ทำให้เธอถึงกับตกตะลึงเลยทีเดียว

เรื่องที่เธอสวมรอยเป็นเฉินฮวนฮวนถูกจับได้แล้ว?

เดิมทีเธอรับเงินชดเชยจากเฟิงหานชวนมาแล้ว แม้ว่าเธอจะมีความสัมพันธ์กับชายอื่น มันก็ไม่สำคัญหรอก อย่างไรเสียเฟิงหานชวนก็ไม่ต้องการเธออยู่แล้ว

ทว่าตอนนี้ เรื่องที่เธอสวมรอยเป็นเฉินฮวนฮวนถูกเปิดโปงแล้ว!

จู่ๆ เฟิงหานชวนรู้ได้อย่างไร? หรือว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนพูด?

ความคิดในหัวสมองของหลิ่วเยว่เอ่อร์ตีกันวุ่นวายจนแทบจะขาวโพลนไปหมด เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว

ในเวลานี้เอง หน้าประตูมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง จากนั้นร่างเปลือยเปล่าของเกาจวิ้นเซียนถูกซูอวี่และคนอื่นควบคุมตัวให้เดินเข้ามา

ต่อจากนั้น ซูอวี่ยื่นเท้าไปเตะที่เข่าของเกาจวิ้นเซวียนอย่างเต็มแรง เกาจวิ้นเซวียนคุกเข่าลงกับพื้นทันที เขาเจ็บจนร้องโอดโอยอยู่หลายครั้ง

ขณะที่เกาจวิ้นเซวียนกำลังดื่มน้ำอยู่ในห้องครัว เขาได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ประตู และพบว่าเฟิงหานชวนพาคนของเขาเข้ามาที่นี่

แม้ว่าเฟิงหานชวนสนับสนุนให้เขากลับไปคืนดีกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ ทว่าเฟิงหานชวนมาเจอเขาที่นี่ กลัวว่าหลิ่วเอว่เอ่อร์คงจะตีเขาจนตาย

อีกอย่าง หากไม่มีฉากกำบังอย่างเฟิงหานชวน หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็จะควบคุมได้ยาก ดังนั้นเขาไม่อยากให้เฟิงหานชวนพบเขาในตอนนี้

เพราะเขายังคงสนุกกับการควบคุมหลิ่วเยว่เอ่อร์!

เขาเห็นเฟิงหานชวนเดินตรงขึ้นไปชั้นบน เดิมทีเขาตั้งใจจะแอบออกไป แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะถูกซูอวี่จับกุมได้พอดี

“ประธานเฟิง คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ! ผม…ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ทำร้ายคุณนี่?” เกาจวิ้นเซวียนถูกบังคับให้คุกเข่าลงบนพื้นต่อหน้าหลิ่วเยว่เอ่อร์ ทำให้เขารู้สึกขายหน้าอยู่บ้าง

อีกอย่าง เห็นได้ชัดว่าเฟิงหานชวนให้เงินเขาเพื่อคืนดีกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ ตอนนี้เขาก็ “ปฏิบัติตาม” คำสั่งของเฟิงหานชวนแล้ว ทำไมเฟิงหานชวนยังส่งลูกน้องมาทำแบบนี้กับเขา

ใบหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์ขาวซีด มือของเธอขยุ้มผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เธอพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

“เกาจวิ้นเซวียน คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกับหลิ่วเยว่เอ่อร์อยู่ที่โรแมนติกคลาวด์ทั้งคืนใช่ไหม” เฟิงหานชวนมองเกาจวิ้นเซวียนที่คุกเข่าลงกับพื้นด้วยสายตาที่เป็นประโยชน์ต่อเขา น้ำเสียงของเขาเย็นเยือกจนเสียดแทงเข้าลึกถึงกระดูก

เกาจวิ้นเซวียนสั่นระริกไปทั้งตัว เขาถึงได้รู้ตัวว่าเขาลืมตัวจนเสียกริยาไปแล้ว

ที่แท้เฟิงหานชวนก็รู้แล้ว!

สุดท้ายเขาก็รู้แล้ว!

เกาจวิ้นเซวียนหวาดกลัวอย่างมาก เขาไม่กล้าปิดบังอะไร และยอมรับทันทีว่า “ใช่ครับ ประธานเฟิง ใช่แล้ว คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมกับหลิ่วเยว่เอ่อร์อยู่ที่โรแมนติกคลาวด์ด้วยกันทั้งคืนในห้อง 513 ครับ”

โรงแรมโรแมนติกคลาวด์คือโรงแรมม่านรูดที่เขาตั้งใจจองเป็นพิเศษในตอนนั้น เพื่อฉลองครบรอบ 200 วันของพวกเขาทั้งสอง ความจริงความรักระหว่างพวกเขาจืดชืดมาสักพักแล้ว เขาแค่หาข้ออ้างดึงหลิวเยว่เอ่อร์มาทำอะไรเท่านั้นเอง

เกาจวิ้นเซวียนพูดความจริงออกไป ทำให้ใจของหลิ่วเยว่เอ่อร์รู้สึกเย็นวาบ เธอดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้แน่น สีหน้าของเธอคล้ายกับสติสตังเริ่มหลุดลอยไปแล้ว

“ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉัน ฉันเป็นผู้หญิงในคืนนั้น เป็นฉัน เป็นฉัน…” เธอพึมพำกับตัวเอง

ทันใดนั้น เธอจ้องเขม็งไปที่เกาจวิ้นเซวียนด้วยความโกรธเคือง และตะโกนขึ้นว่า “เกาจวิ้นเซวียน ถ้าไม่ใช่คุณ ฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะคุณปากพล่อย เป็นเพราะคุณ…”

ถ้าคืนนี้เกาจวิ้นเซวียนไม่ได้อยู่ที่นี่ จะทำให้เรื่องนี้ดีขึ้นไหม

ทว่า ตอนนี้จะพูดอะไรก็สายเกินไปแล้ว เฟิงหานชวนรู้ความจริงแล้ว เธอจนปัญญาจะอธิบายแล้ว

“ซูอวี่ เอาเงินและสมบัติที่พวกเขาสองคนได้กลับคืนมา แล้วก็ส่งหลิ่วเยว่เอ่อร์เข้าคุกสักสองสามวัน” คิ้วของเฟิงหานชวนขมวดเข้าหากันแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจเต็มที

เขาไม่แม้แต่จะมองหลิ่วเยว่เอ่อร์เลยด้วยซ้ำ เขาหันหลังเตรียมจะออกไป

หลิ่วเยว่เอ่อร์มองแผ่นหลังของเฟิงหานชวน ทันใดนั้น เธอก็ตะโกนเรียกเขาเสียงดัง “เฟิงหานชวน คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

“คุณรู้แล้วว่าผู้หญิงในคืนนั้นคือเฉินฮวนฮวนใช่ไหม”

เฟิงหานชวนหยุดฝีเท้าลง ทว่าเขาไม่ได้หันกลับไป ใบหน้าของเขาอึมครึมอย่างมาก เขาไม่ได้พูดอะไร และไม่คิดจะสนใจหญิงสาวในห้องเลยสักนิด

“ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเป็นภรรยาของหลานชายคุณ เฟิงเฉินเหยี่ยน เธอเป็นหลานสะใภ้ของคุณ เรื่องของพวกคุณในคืนนั้นก็ไม่ควรถูกแพร่งพรายออกไป มันเป็นเรื่องอื้อฉาวของตระกูลเฟิง!”

“คุณชายสาม ฉันยอมรับว่าฉันสวมรอยเป็นผู้หญิงในคืนนั้นแทนเฉินฮวนฮวน แบบนี้คนอื่นก็จะไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนคือผู้หญิงในคืนนั้น เรื่องอื้อฉาวระหว่างคุณกับเฉินฮวนฮวนจะได้ไม่ถูกแพร่งพรายออกไป ไม่ดีเหรอคะ”

“ฉันสวมรอยเป็นเฉินฮวนฮวนเพื่อมาอยู่ข้างๆ คุณ ฉันทำแบบนี้ก็ดีแล้วนี่!” หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดฉอดๆ อย่างคิดว่าตัวเองมีเหตุผลเต็มที

ซูอวี่ที่อยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะจนท้องขัดท้องแข็ง

เขาเก็บกวาดผู้หญิงแทนประธานเฟิงมาไม่รู้กี่คนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้หญิงหน้าหนาหน้าทนขนาดนี้!

“คุณขำอะไร หรือว่าฉันพูดไม่ถูกงั้นเหรอ” หลิ่วเยว่เอ่อร์จ้องซูอวี่ตาเขม็ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย

เธอเกลียดซูอวี่ เพราะตั้งแต่วันแรกที่เธอมาอยู่ข้างๆ เฟิงหานชวน เธอก็รู้สึกว่าซูอวี่มองเธอด้วยสายตาดูถูก

“สิ่งที่คุณพูดมันไม่ถูก” เฟิงหานชวนหันกลับมา ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ทว่าไม่ฉายแววเดือดดาลอย่างเมื่อสักครู่

ดูเหมือนว่าเขาได้รู้ความจริงแล้ว ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลายขึ้นมาก ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เฉินฮวนฮวนเป็นภรรยาของผม”

สิ่งที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่เขาได้ยินไม่ผิด

คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาและสร้อยคอทองคำพร้อมจี้รูปดอกบัวในห้องเก็บของของบลูส์คลับ

หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่ตัวเขา

"อ้าวคุณ พูดอะไรเนี่ย? ผมอยู่ที่ญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและผมไม่ได้ไปที่บลูส์คลับเลย ยังไงก็ไม่สามารถไปที่ห้องเก็บของอะไรนั่นได้ด้วย! "หลิวตงรุ่ยกำลังจะร้องไห้จริงๆ

"คุณเป็นผู้ชายหรือเปล่า คุณกล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับสิ" เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นว่าหลิวตงรุ่ยปฏิเสธที่จะยอมรับ อารมณ์ของเธอก็เหมือนถูกพังทลายถึงขีดสุด

เธอทรุดตัวลงกับพื้นในทันใด ความเย็นกัดกินเธอไปทั้งตัว

ซูอวี่ที่ยืนอยู่ที่ประตูยังอ้าปากค้างตกใจ จิตใจของเขารู้สึกสับสนไปชั่วขณะ

เขากลับมารู้สึกตัวและมองไปที่เฟิงหานชวนที่เหมือนถูกแช่แข็งเช่นกัน เขารู้เลยว่าเฟิงหานชวนก็ต้องมีความคิดแบบเดียวกันกับเขาแน่นอน

สิ่งที่เฉินฮวนฮวนกำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องเมื่อตอนนั้นใช่ไหม?

แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หลิ่วเยว่เอ่อร์หรอกเหรอ?

"ซูอวี่ พาหลิวตงรุ่ยออกไป"ณ ตอนนี้ เสียงทุ้มๆของเฟิงหานชวนค่อยๆพูดอย่างช้า ๆ ราวกับมีหมอกหนามาปกคลุมรอบๆตัว

เขาไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งความสับสนเช่นนี้มาก่อน และตอนนี้เขาก็ไม่สามารถโล่งใจอะไรได้เลย

"คุณชายสาม ผมไม่รู้จริงๆว่าผมทำอะไรผิด ผมไม่ได้ไปบลูส์คลับ ผมไม่ได้ไปบลูส์คลับเมื่อสัปดาห์จริงๆ ได้โปรดเถอะ!"

เมื่อหลิวตงรุ่ยได้ยินว่าเขากำลังจะถูกพาตัวไป เขาก็กลัวว่าตัวเองจะได้พบกับเรื่องที่น่ากลัวกว่านี้ เขาจึงร้องขอความเมตตาเหมือนคนบ้า

อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดเขาก็ถูกพาตัวออกไป จากนั้นประตูก็ปิดลงและทำให้ห้องส่วนตัวนั้นเงียบกริบ

เหลือเพียงแต่เฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนเท่านั้น

ยิ่งกว่านั้นแสงไฟในห้องนั้นสลัวมาก ทำให้เฉินฮวนฮวนขดตัวด้วยความกลัว

เมื่อมองดูเธอที่เป็นเช่นนี้ เฟิงหานชวนก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้แกล้งทำ ดังนั้นเขาจึงค่อยๆเดินไปหาผู้หญิงที่นั่งอยู่บนพื้น

"อ๊ะ!" อย่าเข้ามานะ" ลมหายใจที่อันตรายดูเหมือนจะใกล้เข้าตัวเธอมา เฉินฮวนฮวนจึงเอามือทั้งสองข้างปิดหูแล้วกรีดร้อง

"เฉินฮวนฮวน มองฉันสิ!” เฟิงหานชวนกดเสียงต่ำ แต่น้ำเสียงก็อ่อนโยนกว่าเมื่อก่อนมาก

ไม่มีความเย็นชาและความโกรธใดๆ

เฉินฮวนฮวนได้ยินแต่ก็ยังคงก้มหัวและหดตัวต่อ

"บอกฉันทีว่าคืนวันศุกร์ที่แล้ว เธออยู่ในห้องเก็บของของบลูส์คลับและถูกข่มเหงหรือเปล่า?"เฟิงหานชวนย่อตัวลงเกือบจะเท่าๆระยะของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนกอดขาของตัวเองและเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ก็ยิ่งก้มหัวต่ำลงไปอีก

เธอรู้ว่าถ้าเธอพูดแบบนี้เธออาจจะไม่สามารถอาศัยอยู่บ้านตระกูลเฟิงได้อีกต่อไป เพราะเฟิงหานชวนนั้นเกลียดตัวเธอมากและยังไงเขาก็คงจะบอกนายท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน

ตำแหน่งของนายหญิงที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลเฟิงจะไม่มีวันถูกมอบให้กับผู้หญิงที่เคยผ่านเรื่องแบบนั้นมาแน่นอน

แต่เธอก็ไม่มีวิธีแล้ว ตอนนั้นเธอก็รู้สึกแหลกสลายมากพอแล้วและหุนหันพลันแล่นมากเกินไป เธอเพียงหวังให้หลิวตงรุ่ยคืนสร้อยคอให้เธอเท่านั้น

แต่สุดท้ายชายคนนั้นก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับ

"ตอบฉันมา!"เมื่อเฟิงหานชวนเห็นว่าเธอตอบช้า เขาก็รู้สึกร้อนรนมากกว่าเดิม

เขาต้องการได้ยินเธอสารภาพ

"ใช่ ฉันถูกข่มเหงจากใครบางคน ซึ่งนั่นก็คือหลิวตงรุ่ยคนเมื่อกี้ที่อยู่ในห้องเก็บของในบลูส์เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับ!"

“เฟิงหานชวน คุณทำให้เขายอมรับเถอะ! เพราะอย่างไรคุณก็เกลียดฉันมากขนาดนี้อยู่แล้ว ตราบใดที่เขายอมรับ คุณสามารถไปบอกนายท่านเฟิงเลยว่าฉันเป็นผู้หญิงที่มีมลทินไปแล้ว และฉันก็ไม่สมควรที่จะอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงอีกต่อไป! "

"ตราบใดที่หลิวตงรุ่ยยอมรับ ตราบใดที่เขาส่งสร้อยคอคืนมา…”"

เฉินฮวนฮวนร้องไห้ ใบหน้าของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา

"เฉินฮวนฮวน มองตาฉัน!"เฟิงหานชวนเอื้อมมือออกไปและจับไหล่ของเธอเพื่อบังคับให้เธอมองเขา

เฉินฮวนฮวนหลุดอยู่ในภวังค์ เธอเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ แต่ดวงตาของเธอนั้นพร่ามัวไปหมดเพราะดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา

"บอกฉันทีว่าสิ่งแรกที่เขาทำกับเธอคืออะไร? เขาเริ่มต้นขู่บังคับเธออย่างไร? "น้ำเสียงของเฟิงหานชวนดูร้อนรนเป็นพิเศษ

เขาจะเป็นจะต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้ชัดเจน ดังนั้นเขาจึงต้องถามเฉินฮวนฮวนอย่างละเอียดและชัดเจน

"เฟิงหานชวน อย่าทำให้ฉันรู้สึกอับอายมากไปกว่านี้เลยได้ไหม…"เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเสียงเหล่านี้รุนแรงเป็นพิเศษ และคำถามของเฟิงหานชวนนั้นก็ช่างน่ารังเกียจเสียเหลือเกิน

เธอเอื้อมมือออกไปผลักผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเธออย่างสุดกำลังแล้วรีบวิ่งออกไปเหมือนคนบ้า

อย่างไรก็ตามเฉินฮวนฮวนที่เพิ่งจะวิ่งออกไปเพียงแค่ไม่กี่ก้าว และยังไม่ทันที่จะถึงประตูดวงตาของเธอก็เริ่มพร่ามัวและทรุดตัวลงไปกับพื้นในทันใด

เฟิงหานชวนรีบวิ่งเข้าไปรับเธอไว้ทันที

ผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาไม่ได้สวมรองเท้า ผมของเธอยุ่งเหยิง ตาและจมูกของเธอเป็นสีแดง ลำคอของเธอก็เป็นรอยจนเผยให้เห็นผิวที่ขาวซีดจาง ๆ

……

คฤหาสน์แถบชานเมืองตะวันตก

ในห้องนอนใหญ่ที่หรูหรา เตียงขนาดใหญ่ที่หรูหราโอบล้อมด้วยชายหญิงสองสามคน

"อ่าห์!"

เสียงร้องดังผ่านท้องฟ้าในยามค่ำคืน

หลิ่วเยว่เอ่อร์พลิกตัวบนเตียงนอน เสียงหายใจหอบเหนื่อย สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขสม

"เยว่เอ่อร์ เรามาพักกันสักหน่อยไหม หรือจะต่ออีกรอบ?"เกาจวินเซวียนที่อยู่ข้างๆมองไปที่ท่าทางของหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่ดูเหมือนยังไม่เสร็จ

หลิ่วเยว่เอ่อร์สูดลมหายใจ การแสดงออกที่พึงพอใจแต่เดิมของเธอเปลี่ยนไป เธอหยิบหมอนขึ้นมาแล้วตีไปที่ใบหน้าของเกาจวินเซวียนอย่างดุเดือด

"ไปให้พ้นจากฉันซะ รีบออกไปจากที่นี่!"เธอจ้องไปที่เกาจวินเซวียนด้วยความโกรธ

คืนนี้เธอวางแผนที่จะพักผ่อนหลังจากอาหารเย็น แต่ใครจะรู้ว่าเกาจวินเซวียนจะส่งข้อความมาหาเธอและมาหาเธอ

หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้วางแผนที่จะติดต่อกับเกาจวินเซวียนไปมากกว่านี้ เธอไม่สามารถรับมือกับผู้ชายอย่างเกาจวินเซวียนได้อีกต่อไป แต่ใครจะรู้ว่าเกาจวินเซวียนจะยังไม่ยอมปล่อยเธอไป และถ้าเธอไม่ปล่อยให้เขามาที่ที่อยู่อาศัยปัจจุบันของเธอ เขาก็จะเล่าความจริงให้เฟิงหานชวนฟังเกี่ยวกับเรื่องในคืนนั้น

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบอกที่อยู่ของคฤหาสน์แถบชานเมืองตะวันตกกับเกาจวินเซวียน แถมยังวางยานอนหลับใส่ป้าหวัง ซึ่งทำให้เธอผล็อยหลับไป

ดังนั้นจึงมีเพียงแค่คนสองคนในคฤหาสน์ขนาดใหญ่แห่งนี้

หลังจากจบกิจกรรม ตอนนี้หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้สึกเหมือนเธอเป็นโจร เธอตื่นขึ้นและแทบรอไม่ไหวที่จะกำจัดความสัมพันธ์กับเกาจวินเซวียนให้อย่างรวดเร็ว

"ผมไม่ไป! ในที่สุดผมก็ได้มาที่นี่สักที นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้อยู่ในคฤหาสน์หรูๆ แบบนี้ ผมอยากอยู่ที่นี่และค่อยไปพรุ่งนี้เช้า! "เกาจวินเซวียนกล่าวอย่างไร้ยางอาย

"เกาจวินเซวียน ทำไมคุณถึงหน้าด้านได้ขนาดนี้!"หลิ่วเยว่เอ่อร์อยากจะบ้าตาย

"ผมหน้าด้าน?"เกาจวินเซวียนยื่นมือออกมาและบีบไหล่หลิ่วเยว่เอ่อร์อย่างรุนแรงและเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า: "ไม่ว่าผมจะหน้าด้านขนาดไหน แต่ผมก็คงไม่ได้หน้าด้านเท่าคุณหรอกหลิ่วเยว่เอ่อร์ อย่าลืมนะว่าคุณแย่งสถานะนี้จากคนที่แสนดีของคุณมา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณหน้าด้านพอ คุณจะได้มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ไหม? "

"หลิ่วเยว่เอ่อร์ คนที่ควรจะอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้จริงๆคือเฉินฮวนฮวน!"เขาโน้มตัวไปที่หูของเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับการเยาะเย้ย

ใบหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์ซีดลงทันที

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูโง่เขลาของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา เกาจวินเซวียนก็รู้สึกได้ถึงความสำเร็จของตัวเอง เขาตบไปที่ขาของหลิ่วเยว่เอ่อร์เบาๆแล้วยิ้ม: "ผมจะไปที่ห้องครัวเพื่อดื่มน้ำสักแก้วแล้วเดี๋ยวเราค่อยมาต่อเรื่องของเรากันนะ"

พูดจบเขาก็ลุกจากเตียงโดยไม่ใส่อะไรเลย และเปิดประตูออกจากห้องไป

เมื่อมองไปที่ประตูที่ถูกปิดลง หลิวเยว่เออร์ก็กำผ้าปูที่นอนแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ในใจของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ

เกาจวินเซวียนคนนี้คือหายนะ!

เมื่อเห็นสีหน้าที่น่าสะพรึงกลัวของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนตกใจจนร้องไห้ออกมา

“เฟิงหานชวน ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน!”

“ฉันจะไม่ทำตามข้อตกลงกับคุณ ฉันได้เจรจากับนายท่านแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของอาเหยี่ยน ฉันไม่ออกจากตระกูลเฟิงแล้ว ดังนั้นคุณเป็นอาสามของฉัน คุณทำแบบนี้ไม่ได้!”

“ได้โปรดปล่อยฉันเถอะ…”

ผู้หญิงร้องไห้และขอความเมตตาอย่างต่อเนื่องทำให้เฟิงหานชวนทำอะไรไม่ได้ แต่ใบหน้าของเขาดูบูดบึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ

เขากลิ้งตัวลงจากเตียง มองลงไปผู้หญิงที่นอนอยู่ที่นั่นด้วยสายตาที่เย็นชา กัดฟันของเขาแล้วพูดว่า: "เฉินฮวนฮวน เธอเป็นผู้หญิงที่พูดโกหก ไม่สมควรที่จะอยู่ในบ้านตระกูลเฟิง!"

“ฉันจะเปิดเผยนิสัยไม่ดีของเธอกับนายท่าน”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและกำลังจะจากไป เฉินฮวนฮวนรีบลุกจากเตียงทันที

“อาสาม ฉันไม่ได้โกหก ฉันไม่ได้โกหกจริงๆ!” เฉินฮวนฮวนรีบลุกขึ้นและคว้าแขนของเฟิงหานชวน

สีหน้าของเฟิงหานชวนบึ้งตึง เขาหันศีรษะกลับมาและสะบัดมือของเฉินฮวนฮวน เข้าหาเธอและกล่าว่า: "ไม่ได้พูดโกหก? สัปดาห์ที่แล้วหลิวตงรุ่ยอยู่ที่ญี่ปุ่น คุณไปถึงญี่ปุ่นเพื่อมีอะไรกับเขาเลยงั้นเหรอ?"

“อะไรนะ…” เฉินฮวนฮวนตกตะลึง

สัปดาห์ที่แล้ว หลิวตงรุ่ยอยู่ที่ญี่ปุ่นงั้นเหรอ?

แต่ว่า คืนวันศุกร์ที่แล้วในห้องเก็บของของบลูส์คลับ ฝันร้ายอันน่าสยดสยองนั้น…

“เธอโกหกฉันว่าครั้งแรกของเธอถูกหลิวตงรุ่ยพรากไป เขายังเอาสร้อยคอของคุณไปเพื่อขู่คุณ ตอนนั้นฉันเองก็ใจอ่อนหลงเชื่อคำหลอกลวงของเธอ!”

เฟิงหานชวนเข้าใกล้เธอ กดดันเธออย่างแรง เฉินฮวนฮวนรู้สึกแทบจะหายใจไม่ออก ก้าวถอยหลังและในที่สุดก็ถูกต้อนไปที่มุม

“เป็นไปไม่ได้! หลิวตงรุ่ยอยู่ที่นี่เมื่อสัปดาห์ก่อน อยู่ที่นี่จริงๆ เขากำลังโกหก กำลังโกหก!” เฉินฮวนฮวนเอามือจับศีรษะของเธอ และเธอก็ยังคงส่ายหัว การแสดงออกของเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์

ในหัวของเธอว่างเปล่าและโลกรอบตัวเธอดูเหมือนจะมืดมนไปทั้งหมด ความรู้สึกการกดขี่นี้เหมือนหวนคืนสู่คืนอันเลวร้ายคืนนั้น

เฟิงหานชวนจ้องไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้ามองดูทุกการเคลื่อนไหว ขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทางที่ผิดปกติของเธอ

"ตุ๊ดตุ๊ดตุ๊ด… "

ในขณะนี้ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นขึ้นมา

เฟิงหานชวนมองโทรศัพท์และรับสายทันที ได้ยินเพียงเขาออกคำสั่งกับอีกสายว่า: "พาเขาไปที่ห้องพิเศษ”

หลังจากออกคำสั่งเสร็จ เขาก็วางสาย

เมื่อมองไปผู้หญิงที่อยู่ในภวังค์ตรงหน้าเขา เฟิงหานชวนเอื้อมมือออกไปและจับคอของเธอ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา

“หลิวตงรุ่ย ถูกพาตัวไปที่โรงแรมพอยเซินแล้ว”

“ในเมื่อเธอบอกว่าเขาโกหก ถ้างั้นฉันก็จะให้พวกเธอเผชิญหน้ากัน”

เขาใช้น้ำเสียงที่เย็นชาพ่นคำพวกนี้ออกมา จากนั้นจับมือของเฉินฮวนฮวนและลากเธอออกจากห้อง

เฉินฮวนฮวนก้มตัวไม่ยอมก้าวไปข้างหน้า เฟิงหานชวนออกแรงลากเธอ ไม่เช่นนั้นเธอก็จะถอยกลับไป

“ไม่เอา ไม่…” เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ใบหน้าซีดขาวและพึมพำ: “ฉันไม่อยากเจอเขา อย่า อย่าพาฉันไป…”

ผู้ชายที่น่ากลัวคนนั้น เธอไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากเห็นรูปร่างของเขา ไม่อยากได้ยินเสียงของเขา เธอกลัว…

“ไม่? เผชิญหน้ากับหลิวตงรุ่ย กลัวว่าคำโกหกทั้งหมดของเธอจะถูกเปิดเผยเหรอ?” เฟิงหานชวนหยุดหันไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเขาและอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย

ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ วันนี้เขาต้องสั่งสอนเธอให้หลาบจำ

“ฟังฉันนะ เฉินฮวนฮวน ถ้าหลิวตงรุ่ยบริสุทธิ์ เธอต้องคุกเข่าและขอโทษเขา!” น้ำเสียงของเขาเย็นชาเต็มไปด้วยการคุกคามและไม่แยแส

หลังจากพูดจบ เฟิงหานชวนลากเฉินฮวนฮวนออกไป เฉินฮวนฮวนถูกลากไปที่ห้องหนึ่ง

มองไปที่ประตูห้องที่ปิดอยู่ เฉินฮวนฮวนคิดว่าชายที่น่ากลัวคนนั้นอยู่ข้างใน เธอนึกถึงฉากที่น่ากลัวในคืนนั้น เหงื่อออกและตัวสั่นอยู่ตลอดเวลา

เฟิงหานชวนจับมือเฉินฮวนฮวนไว้แน่น และเขาสัมผัสได้ถึงความเย็นของฝ่ามือของเฉินฮวนฮวน

ผู้หญิงคนนี้เริ่มกลัวแล้ว?

ถ้ารู้ว่าจะมีวันนี้ เธอยังจะพูดโกหกแบบนั้นอีกไหม?

เฟิงหานชวนอารมณ์เสียมาก ด้วยอารมณ์เชิงลบทุกประเภทปะปนอยู่ในใจของเขา

“ไม่ ฉันไม่อยากเจอเขา ฉันไม่อยาก…” เฉินฮวนฮวนร้องไห้จนตาแดงและบวม

เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวนอกประตู ซูอวี่ก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเปิดประตูทันที เขาเห็นเฟิงหานชวนยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับจับเฉินฮวนฮวน

พูดให้ถูกคือ เฟิงหานชวนยืนตัวตรง แต่เฉินฮวนฮวนก้มตัวใช้มือปิดตัวเองและตัวสั่นตลอดเวลา

ซูอวี่ไม่รู้จะอธิบายฉากนี้อย่างไร เขาแค่โค้งคำนับและกล่าวว่า: “ประธานเฟิง หลิวตงรุ่ยอยู่ข้างในครับ”

เมื่อได้ยินสามคำนี้ หลิวตงรุ่ย เฉินฮวนฮวนก็ตกตะลึงในทันที สีหน้าของเธอซีดไปทั้งหน้า

เมื่อมองไปที่ท่าทางที่โง่เขลาของเธอ เฟิงหานชวนผลักเธอเข้าไปในห้อง เฉินฮวนฮวนถูกผลักไปข้างหน้าอย่างกะทันหันและเห็นชายคนหนึ่งคุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะน้ำชา

เฉินฮวนฮวนเหลือบมองเห็นเป็นช่วงเวลาที่เธอไม่ทันตั้งตัว

ในวินาทีต่อมา เธอหันกลับมาทันทีและหันหลังให้หลิวตงรุ่ย ร่างกายของเธอสั่นสะท้านอีกครั้ง

“คุณผู้หญิง ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย! ผมไม่ได้ทำอะไรคุณจริงๆ ผมไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำ! คุณใส่ร้ายผมแบบนี้ไม่ได้…”

หลิวตงรุ่ยรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาต้องเป็นเฉินฮวนฮวน เขาคลานไปทางเฉินฮวนฮวนโดยไม่คิด คว้าข้อเท้าของเธอและรีบอ้อนวอนขอความเมตตา

อุณหภูมิที่หนาวเย็นรอบข้อเท้าของเธอ เฉินฮวนฮวนตะโกนด้วยความตกใจ กระโดดขึ้นทันที และรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเฟิงหานชวน

“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย…” เฉินฮวนฮวนรู้สึกถึงความอบอุ่นและพึมพำกับตัวเองด้วยความกลัว

แต่แล้วเธอก็ถูกผลักล้มลงกับพื้นโดยตรง เธอเงยหน้าขึ้น และพบกับดวงตาที่ไม่แยแสของเฟิงหานชวน

ในห้องมืดมาก เหมือนบรรยากาศในคืนนั้น เธอขดตัวด้วยความกลัว กอดขาของตัวเองด้วยมือของเธอ

“คุณเฉินฮวนฮวน ผมไม่ได้เอาสร้อยคอของคุณไปจริงๆ คุณใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้ไม่ได้!” หลิวตงรุ่ยเห็นท่าทางประหม่าของเฉินฮวนฮวน เขาแทบจะทรุดตัวลง

เขากำลังยั่วโมโหผู้หญิงสติไม่ดีคนนี้หรือเปล่า? แถมผู้หญิงสติไม่ดีคนนี้ยังเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวน!

เขาโชคร้ายไปแปดชั่วโครตแน่ๆ!

“สร้อยคอ…” เฉินฮวนฮวนพึมพำอีกครั้ง ทันใดนั้นราวกับว่ามีความแข็งแกร่งขึ้น คว้ามือของหลิวตงรุ่ยและตะโกนอย่างกังวล: “เอาสร้อยคอของแม่ฉันคืนมา เอาคืนมา…”

“ผมไม่รู้จักคุณจริงๆ และผมไม่ได้เอาสร้อยคอของคุณไป ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ!” หลิวตงรุ่ยสับสนจริงๆ

“คุณรู้จักฉัน คุณรู้จักฉัน! คุณเอาสร้อยคอของแม่ฉันไป คุณต้องคืนมันให้ฉัน คุณรีบคืนมันมาให้ฉัน!” เฉินฮวนฮวนอารมณ์เสียมาก ถึงกับคว้าคอของหลิวตงรุ่ยด้วยมือทั้งสองข้าง และตะโกนว่า: "ถ้าคุณไม่คืนให้ฉัน ฉันจะบีบคอคุณ บีบคอคุณ–"

หลิวตงรุ่ยรู้ว่าเขากำลังเผชิญกับผู้หญิงสติไม่ดี เขากลัวมากจนขาสั่น เขารีบหันไปหาเฟิงหานชวนเพื่อขอความช่วยเหลือและร้องไห้: "คุณชายสาม ผมไม่ได้เอาสร้อยคอของแม่เธอไปจริงๆ จิตใจของผู้หญิงคนนี้อาจจะมีความผิดปกติ…”

“หลิวตงรุ่ย ฉันไม่ได้ผิดปกติ และฉันก็ไม่ได้โกหก คุณต่างหากที่โกหก!” เฉินฮวนฮวนยืนขึ้นอย่างเซ ชี้นิ้วไปชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้น น้ำตาไหลอาบใบหน้า

เธอถอยหลังไปสองก้าวด้วยความงุนงง และตะโกนด้วยเสียงที่ทรุดโทรม: “คืนวันศุกร์คืนนั้น ในห้องเก็บของของบูลส์คลับ คุณยังกล้าพูดว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ?”

“สร้อยคอแม่ของฉัน สร้อยคอทองคำพร้อมจี้รูปดอกบัว คุณกล้าบอกว่าไม่ได้เอาไปเหรอ?”

เฟิงหานชวนมองไปที่เฉินฮวนฮวนที่กำลังร้องไห้เสียงดัง ร่างกายของเขาก็แข็งอึ้งทันที

ดีเจในไนท์คลับก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่เคยเห็นการเต้นเช่นนี้มาก่อน

เมื่อเขากลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขารู้สึกว่าเพลงแบบนี้ไม่เข้ากับบุคลิกของเฉินฮวนฮวน เขารีบเปลี่ยนเป็นดนตรีเบาๆ ทำนองไพเราะให้กับเฉินฮวนฮวน

เมื่อได้ยินเสียงดนตรีที่เปลี่ยนไป เฉินฮวนฮวนที่กำลังมีความสุขกับการเต้นรำ เธอถอดรองเท้าบูทส้นสูงออก แล้วเหยียบบนแท่นด้วยเท้าเปล่า การเคลื่อนไหวของเธอก็ช้าลงตามจังหวะดนตรี และเธอก็เริ่มเขย่งเท้าขึ้นเต้นบัลเล่ต์

จากหงส์ดำที่มีเสน่ห์ จู่ๆ ก็กลายเป็นหงส์ขาวที่สง่างาม ทุกคนไม่สามารถละสายตาจากเธอไปได้เลย ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เฉินฮวนฮวนเป็นตาเดียว

ซ่งหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หยุดเต้นไปก่อนแล้ว เธอยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม มองตรงไปยังเฉินฮวนฮวนที่อยู่บนแทนฝั่งตรงข้าม

เธอรู้ว่าตัวเองแพ้แล้ว แถมยังพ่ายแพ้อย่างราบคาบเสียด้วย เธอพ่ายแพ้อย่างชัดเจน

ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังเต้นช่วงที่น่าตื่นเต้นที่สุด ทว่าดนตรีก็หยุดลงอย่างกะทันหัน

  

  

……

ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าอุปกรณ์ดนตรีเสียหรือเปล่า ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งก็ก้าวขึ้นไปบนแท่น

เขาตัวสูงมาก อยู่ในชุดสูทสั่งตัดสีดำขับให้เขาดูสูงสง่าขึ้นไปอีก

ยิ่งรังสีของเขาด้วยแล้ว แม้ว่าเขาแค่เดินอย่างปกติ ทว่าเขากลับมีรังสีที่ไม่ให้ใครเข้าใกล้ รังสีที่น่าเกรงขามนั้น ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างไม่กล้าปริปากพูดอะไร

เฉินฮวนฮวนที่กำลังมีความสุขกับการเต้น จู่ๆ ดนตรีก็หยุดลง ไม่นานเธอก็หยุดเต้นแล้วกลับสู่สภาวะปกติ

เมื่อเธอหมุนตัวกำลังจะก้าวลงจากแท่น เธอกลับเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ และชายหนุ่มคนนี้กลับกลายเป็นเฟิงหานชวน

  

เฉินฮวนฮวนตกใจ ก้าวถอยหลังสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว

เธอไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอเฟิงหานชวนที่นี่

  

“อา อาสาม…” เฉินฮวนฮวนไม่กล้าสบตาชายหนุ่มตรงๆ เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วมาก และเต็มไปด้วยความกังวล

ตัวเองเต้นอยู่ในไนท์คลับ แถมเฟิงหานชวนยังมาเห็นอีก เขาต้องคิดว่าเธอกำลังทำลายภาพลักษณ์ของตระกูลเฟิงอย่างแน่นอน

เพราะว่า ตอนนี้ใบหน้าของเฟิงหานชวนน่ากลัวมากจริงๆ

วินาทีต่อมา เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันตอบสนอง ร่างของเธอก็ลอยขึ้นกลางอากาศ เมื่อเธอก้มลงมอง ก็พบว่าตัวเองถูกเฟิงหานชวนจับอุ้มพาดบ่าโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว

“อ๊า! อาสาม รีบปล่อยฉันลง คนมองตั้งเยอะแยะ…” เฉินฮวนฮวนดิ้นขลุกขลัก และตะโกนร้องอย่างตื่นตระหนก

  

ทว่าเฟิงหานชวนไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขาอุ้มเฉินฮวนฮวนลงจากแท่น และเดินไปยังด้านในสุด

เหล่าชายหนุ่มที่มองเฉินฮวนฮวนอยู่ด้านล่างต่างก็อยากตามขึ้นไปดูสถานการณ์ ทว่าพวกเขาถูกบอดี้การ์ดสองสามคนขวางเอาไว้

เมื่อเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนหลุดพ้นจากสายตาของทุกคน บรรยากาศที่เดิมทีเงียบกริบไม่มีใครกล้าซุบซิบนินทา เหมือนว่าจะระเบิดขึ้นในทันที

  

“คนสวยคนนั้นถูกพาไปแล้ว เธอเต้นสวยมากเลย ฉันยังดูไม่เต็มอิ่มเลยนะ!”

  

“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครอ่ะ คงไม่ใช่พวกอันธพาลหรอกนะ พวกเราต้องไปช่วยคนสวยคนนั้นหรือเปล่า”

  

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักกันนะ เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะเรียกผู้ชายคนนั้นว่าอาสาม อาจจะเป็นอาที่มาเห็นหลานสาวเต้นในที่แบบนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ต้องสั่งสอนเด็กไงล่ะ!”

  

“พวกนายดูผู้ชายคนนั้นสิ มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเขารวยมาก เขาดูดีขนาดนั้น ครอบครัวแบบนี้จะปล่อยลูกสาวออกมาได้ยังไง”

“แต่เสื้อผ้าที่ผู้หญิงคนนั้นใส่เยินมากเลยนะ ฉันยังคิดว่าเธอจนเลย!”

  

“เป็นไปได้ยังไง พวกนายดูทักษะการเต้นของเธอสิ เจ๋งขนาดนั้น เธอไม่ได้มาจากครอบครัวธรรมดาแน่นอน อย่าตัดสินคนด้วยเสื้อผ้าเลย”

  

“ใช่ ฐานะครอบครัวพวกเราถือว่าค่อนข้างดี ยังไม่ยอมให้ฉันเรียนศิลปะเลย! ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นลูกคนรวยแน่ๆ”

“ผู้ชายคนนั้นดูคุ้นๆ นะ เหมือนว่าฉันเคยเห็นเขาในช่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ!”

  

“โอ้ นายดูช่องเศรษฐกิจด้วยเหรอ ดูไม่ออกเลยนะ!”

  

“ผู้ชายบุคลิกแบบนี้ออกรายการช่องเศรษฐกิจดูเป็นเรื่องปกติมากนะ เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน”

……

ทุกคนในไนท์คลับยังคงพากันซุบซิบเรื่องนี้กันอยู่ แต่เฟิงหานชวนพาเฉินฮวนฮวนเข้ามาในห้องบนชั้นแปดของ Poison

หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว เขาก็โยนหญิงสาวที่อยู่บนบ่าลงบนเตียงนอนคิงไซส์

ร่างของเฉินฮวนฮวนลอยขึ้นกลางอากาศ จากนั้นเธอก็ตกลงบนที่นอนนุ่มๆ จนร่างของเธอกระเด้งกระดอนบนเตียงสองสามครั้ง

ทว่า การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้เธอหัวสมองของเธอมึนงง เธอรีบหลับตาลงเพื่อให้ตัวเองสงบนิ่ง

“เหอะ เฉินฮวนฮวน เธอเก่งเกินไปแล้ว!”

เฟิงหานชวนเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นแทบจะเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน เขายกมือขึ้นดึงเนคไทของตัวเอง เผยให้เห็นลำคอที่มีลูกกระเดือกสุดเซ็กซี่ของเขา

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินเสียงของเฟิงหานชวน เธอก็รีบลืมตาขึ้น และพยายามตะเกียกตะกายเพื่อจะลุกขึ้น

เธอกำลังจะลุกขึ้น ทว่าวินาทีต่อมา ข้อมือทั้งสองข้างของเธอถูกคว้าเอาไว้ ชายหนุ่มกดร่างเธอแนบไปกับผ้าปูที่นอน

“อาสาม! นี่คุณจะทำอะไร” เฉินฮวนฮวนออกแรงบิดข้อมืออย่างสุดกำลัง พยายามจะหลุดพ้นจากเขา

  

“เฉินฮวนฮวน เธอสมควรตาย!” เฟิงหานชวนแทบจะกัดฟันกรอดอย่างหัวเสีย

เมื่อคิดว่าเขาถูกผู้หญิงคนนี้หลอกครั้งแล้วครั้งเล่า เขาถูกเธอหลอกจนหัวปั่น เฟิงหานชวนแทบอยากจะลงโทษเธอเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ

  

เพียงแต่ เมื่อนึกถึงเรื่องสกปรกของเธอ เขาก็อดกลั้นเอาไว้

  

“อาสาม ฉันเต้นในไนท์คลับแค่วันนี้เองนะคะ อีกอย่างคนอื่นก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิงด้วย ฉันจะไม่ทำให้ตระกูลเฟิงต้องแปดเปื้อนค่ะ” เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างรีบร้อน

  

เธอคิดว่า ตอนนี้เฟิงหานชวนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ เป็นเพราะเธอเต้นในสถานที่อย่างไนท์คลับ ทำให้ตระกูลเฟิงต้องอับอายขายหน้า

อย่างไรเสียตระกูลเฟิงก็เป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง หากเรื่องที่นายหญิงของตระกูลเฟิงเต้นในไนท์คลับถูกแพร่งพรายออกไป คนในตระกูลเฟิงต้องเสียหน้าอย่างแน่นอน

เดิมทีเธอก็ไม่ได้อยากเต้น แต่เธอไม่มีทางเลือก เธอจำเป็นต้องเต้น

  

“แค่ครั้งเดียว? เฉินฮวนฮวน เธอบอกว่าครั้งเดียว ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!” ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นของเฟิงหานชวนจ้องเฉินฮวนฮวนตาเขม็ง ก่อนจะกล่าวเย้ยหยัน

ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้ก็บอกว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว แถมยังบอกอีกว่าหลิวตงรุ่ยบังคับเธอ แต่มันกลับเป็นเพียงคำหลอกลวง

เฉินฮวนฮวนนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอไม่เข้าใจคำพูดของเฟิงหานชวน

  

“อาสาม แค่วันนี้ครั้งเดียวจริงๆ คราวหน้าฉันจะไม่เต้นที่ไนท์คลับแล้ว ไม่เต้นอีกแน่นอน…” ตอนนี้เฉินฮวนฮวนกลัวมาก เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนในตอนนี้ เหมือนอยากจะกลืนกินเธอเสียให้ได้

ทว่าในจังหวะที่เธออธิบายอย่างร้อนรน คอเสื้อของเธอถูกฉีกออกโดยไม่ทันตั้งตัว เผยให้เห็นเนื้อเนียนขาวผ่องของเธอ ความหนาวเย็นปะทะเข้ากับผิวกายของเธอ

“อ๊ะ…”

เฉินฮวนฮวนกรีดร้องด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะทำแบบนี้กับเธอ มือทั้งสองข้างพยายามขัดขืน

เธอออกแรงขัดขืนอย่างสุดกำลัง เนื่องจากการหมุนเวียนของเลือดภายในร่างกายของเธอ ทำให้ผิวขาวของเธอที่ถูกปกคลุมด้วยความเย็นจนเป็นสีแดงก่ำ ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีอมชมพูแล้ว

ภายใต้แสงสีส้มสลัวของหลอดไฟ ทำให้เธอดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ

เฟิงหานชวนจ้องเธออย่างไม่ละสายตา เดิมทีเขาแค่ต้องการให้ผู้หญิงคนนี้อับอายเท่านั้น ทว่า เมื่อเขาเห็นเช่นนี้ ราวกับมีเปลวไฟที่พวยพุ่งออกมาจากภายในร่างกายของเขา

และเขายิ่งรู้สึกร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟกำลังลุกโชนอยู่ภายใน

ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เสียงจากชั้นล่างก็ดังขึ้นมา

"ทำไมข้างล่างเสียงดังจัง?" โม่เหวินโจวตะโกน

"เฮ้ย นี่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!"หรงจิ่นซิวถีบปิดประตู เขาเดินเข้ามาและวางไวน์แดงสองขวดไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา

"ถ้าอย่างนั้นหมอหรงก็บอกมาว่าอะไรคือประเด็นสำคัญ? นายเห็นใคร? "โม่เหวินโจวยักไหล่และเอื้อมมือไปเปิดขวดไวน์

หรงจิ่นซิวเอนหลังพิงโซฟาและมองไปที่เฟิงหานชวนแล้วหัวเราะเบา ๆ : "เจ้าสาม"

ตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังหงุดหงิดอย่างมากและไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

"เจ้าสาม นายไม่อยากรู้เหรอว่าฉันเห็นใคร?"หรงจิ่นซิวจงใจลองเชิง เลยยังไม่ได้พูดออกไป

"ไอ้ห่า เจ้าสองหรง ช่วยบอกหน่อยได้ไหม!”โม่เหวินโจวเป็นคนใจร้อน เขาลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวและชี้ไปทางหรงจิ่นซิวแล้วเอ่ยถาม

"มันไม่ใช่เรื่องของนาย เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าสามของพวกเราเท่านั้น"หรงจิ่นซิวเหลือบมองโม่เหวินโจวแล้วจากนั้นก็มองไปที่เฟิงหานชวน เขาเลิกคิ้วแล้วพูดว่า: "เจ้าสาม นายไม่อยากรู้เหรอ?"

"พูดมา"เฟิงหานชวนรู้ว่าหรงจิ่นซิวไม่ใช่คนประเภทที่พูดเล่นๆ เขาลองเชิงมาขนาดนี้แสดงว่าเขาคงต้องเห็นคนสำคัญบางคนแน่ๆ

"อะแฮ่ม ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะพูด แต่หลังจากที่ฉันพูดไปแล้วก็อย่าโกรธล่ะ"หรงจิ่นซิวระงับรอยยิ้มของเขาและแสร้งทำเป็นจริงจังจากนั้นก็พูดว่า: "ฉันเห็นเฉินฮวนฮวน ภรรยาตัวน้อยของนายคนนั้นและดูเหมือนว่าเธอกำลังจะแข่งเต้นกับผู้หญิงอีกคนอยู่ บางทีตอนนี้น่าจะเริ่มกันแล้ว"

"เฉินฮวนฮวน!"โม่เหวินโจวอุทานและพูดด้วยความตื่นเต้นทันที: "เป็นภรรยาที่นายท่านเฟิงให้แต่งงานกับเจ้าสามน่ะเหรอ? เป็นนายหญิงที่บ้านมันแย่ถึงกับต้องหนีมาเต้นที่นี่เลยอย่างนั้นเหรอ? "

โม่เหวินโจวเองก็รู้เรื่องของเฉินฮวนฮวนเช่นกัน แต่เขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนคงจะถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเฟิงในไม่ช้านี้ ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงไม่ได้สนใจเธอมากนัก

"ฉันรู้แล้ว เจ้าสาม นายกำลังพยายามไล่เขาออกไปใช่ไหม เลยทำให้เฉินฮวนฮวนมาที่นี่เพื่อตามล่าหารักแท้งั้นเหรอ?"โม่เหวินโจวพูดติดตลก แต่เมื่อเขาหันไปมองเฟิงหานชวนคำพูดที่กำลังจะพูดต่อก็ถูกกลืนกลับลงไปหมดทันที

เพราะเมื่อเขาเห็นใบหน้าของเฟิงหานชวนที่น่ากลัวจนถึงขั้นสุด

"นายต้องแสดงสีหน้าขนาดนี้เลยเหรอ? นายก็ไม่ได้ต้องการเธออยู่แล้วนี่ เป็นเรื่องปกติที่เธอมาที่นี่เพื่อยั่วยวนผู้ชาย! "โม่เหวินโจวยักไหล่ แต่เขาก็ยังอยากจะหัวเราะอยู่ดี

แต่เมื่อเขากำลังจะหัวเราะ เฟิงหานชวนก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วและเสียงหัวเราะของโม่เหวินโจวก็หยุดลงทันที

……

บนเวที

เพลงเต้นไสตล์ยุโรปดังขึ้น ด้านล่างเวทีผู้ชมต่างกรีดร้องและเสียงเชียร์เสียงดัง

เฉินฮวนฮวนยืนอยู่ที่นั่น เธอรู้สึกหมดหนทางและคนที่อยู่ตรงข้ามเธอก็คือซ่งหลิงเอ่อร์ที่ซึ่งกำลังเริ่มเต้น

ซ่งหลิงเอ่อร์มีประสบการณ์ในการด้านการเต้น เธอมักจะไปเต้นที่ไนต์คลับอยู่เสมอๆ เธอสะบัดหัวและใช้ท่าเต้นของเธอเล่นกับเสาอย่างมีเสน่ห์

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ขยับ ทุกคนในกลุ่มผู้ชมก็เริ่มหันมาสนใจซ่งหลิงเอ่อร์ ซึ่งทำให้ซ่งหลิงเอ่อร์เริ่มเต้นแรงขึ้นเห็นได้จากรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เมื่อมองไปที่เฉินฮวนฮวนที่ยืนอยู่ตรงข้าม เธอก็ทำท่าทางดูถูกใส่เฉินฮวนฮวน

เกาเหวินที่นั่งอยู่บนโซฟาเห็นเหตุการณ์แบบนี้ เธอเริ่มนั่งไม่ติดอยู่กับที่และในใจของเธอก็เริ่มวิตกกังวล

เฉินฮวนฮวนไม่ขยับเลยสักนิด เธอควรจะเต้นให้เหมือนแต่ก่อนตอนที่เต้นเป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่โรงเรียนสิ ไม่ใช่มายืนโง่ๆแบบนี้!

จางฟานหันไปมองเกาเหวิน เขาถอนหายใจและพูดว่า: "เหวินเหวิน คุณทำให้ผมผิดหวัง! ตอนแรกผมคิดว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะมีพื้นฐานที่ดีกว่านี้ แต่สรุปก็ไม่มีความสามารถอะไรเลย! ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบซ่งหลิงเอ่อร์ แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องพิจารณาถึงโอกาสของบริษัทด้วย "

เกาเหวินไม่สามารถพูดโต้แย้งอะไรได้ เธอมองลงไปที่เสื้อผ้าที่ฉีกขาดบนร่างกายของเธอ มันเป็นเสื้อผ้าของเฉินฮวนฮวน เพื่อให้เฉินฮวนฮวนชนะเธอจึงเปลี่ยนเสื้อผ้ากับเฉินฮวนฮวน

แต่สุดท้ายเฉินฮวนฮวนก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนโง่ มันทำให้เกาเหวินรู้สึกโกรธจริงๆ

เฉินฮวนฮวนมองไปที่บนเวทีและเห็นว่าแทบจะทุกคนมองไปที่ซ่งหลิงเอ่อร์ และเธอยังเห็นจางฟานกำลังโต้เถียงกับเกาเหวินอีกด้วย สีหน้าของเกาเหวินดูผิดหวังเอามากๆ

เมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้เธออดรู้สึกหดหู่ไม่ได้

เธอเต้นเป็นไม่ใช่ว่าเธอเต้นไม่เป็นเลย ทั้งยังเต้นเก่งอีกด้วย แต่นานแล้วที่เธอไม่ได้เต้นข้างนอกแบบนี้ ตอนนี้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดที่จะเข้าสู่เส้นทางศิลปะมาก่อน แต่คุณยายของเธอไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด

ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคุณยาย เธอก็คงเข้าสู่เส้นทางศิลปะไปนานแล้วและคงใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ คงไม่ได้เป็นเหมือนอย่างตอนนี้

เมื่อนึกถึงที่เกาเหวินพูดในห้องล็อกเกอร์ว่าตอนนี้ความนิยมของรายการแสดงความสามารถนั้นสูงมาก ถ้าเธอสามารถเปล่งประกายในการแสดงความสามารถหรือได้เดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ป เส้นทางของเธอในวงการบันเทิงก็จะไปต่อได้อีกไกล

ถ้าเธอโด่งดังแล้วเธอจะเปิดเผยความชั่วของตระกูลเฉินได้ใช่ไหม? ทำให้สามคนนั้นได้ลิ้มรสชาติที่ถูกคนทั้งโลกทอดทิ้ง?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ในที่สุดเฉินฮวนฮวนก็ตัดสินใจได้ เธอต้องการเข้าไปแทนเกาเหวิน!

ขอโทษนะคะคุณยาย ฮวนฮวนต้องขัดใจคุณยายเสียหน่อย

เฉินฮวนฮวนหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ เธอเอื้อมมือไปคว้าเสาที่อยู่ด้านข้าง และหมุนรอบเสาเป็นวงกลม ราวกับนางฟ้าที่กำลังบินลงมาจากพื้นโลก

เนื่องจากตำแหน่งของเธอนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ การเคลื่อนไหวแบบนี้จึงดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที

เมื่อเกาเหวินเห็นท่าทางที่เป็นมืออาชีพและท่าเต้นที่ดูยากของเฉินฮวนฮวน ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

ท่าทางของเธอในตอนนี้ทรงพลังมากและเก่งมาก เหมือนคนที่เรียนเต้นมาตั้งแต่เด็กๆ แม้แต่คนที่มีพรสวรรค์ก็คงเต้นออกมาไม่ได้ดีขนาดนี้

แต่เฉินฮวนฮวนเต้นออกมาได้อย่างเป็นผู้เชี่ยวชาญ คาดไม่ถึงเลย…

"อาฟาน คุณเห็นไหม? คุณเห็นไหม?"เกาเหวินคว้าแขนของจางฟานทันทีและชี้ไปทางเฉินฮวนฮวนให้เขาดู น้ำเสียงของเธอนั้นตื่นเต้นมาก

จางฟานยังคงจ้องมองไปที่ซ่งหลิงเอ่อร์และยังคงเพลิดเพลินโดยไม่สนใจสิ่งที่เฉินฮวนฮวนทำ เขายังไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับเกาเหวิน หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนโฟกัสไปจ้องมองที่เฉินฮวนฮวนและเห็นเฉินฮวนฮวนกำลังเริ่มเต้น

จางฟานอ้าปากค้างและพูดอะไรไม่ออก

ในกลุ่มผู้ชมสายตาของทุกคนถูกดึงดูดโดยเฉินฮวนฮวน จนพวกเขาลืมที่จะส่งเสียงร้องและเชียร์ไปเลย

เฉินฮวนฮวนกำลังเต้นอยู่บนเวที ราวกับว่าเป็นคนละคน ทุกอิริยาบถ ทุกการเต้นนั้นเพอร์เฟ็ค ไลน์เต้นที่เรียบร้อยเก็บทุกจุดมันดีมากจนไม่รู้ว่าจะตำหนิตรงไหนเลย

บางครั้งเธอก็ดูสง่างาม บางครั้งก็มีเสน่ห์ แม้ในบรรยากาศยามค่ำคืน แม้ว่าจะเป็นเพลงเต้นที่เซ็กซี่แต่ก็ไม่เห็นข้อบกพร่องของเธอเลยแม้แต่น้อย

ปกติแล้วเวทีนี้เป็นเวทีของนักเต้นรูดเสา หรือเรียกได้ว่าเป็นเวทีที่แสดงเพลงสากลเป็นส่วนใหญ่

แต่ตอนนี้เฉินฮวนฮวนกำลังเต้นราวกับหงส์ดำที่กำลังส่องแสงเจิดจ้า

“อาฟาน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันปฏิเสธคุณ ฉันคิดว่าเฉินฮวนฮวนจะดีกว่าซงหลิงเอ่อร์ ฉันยืนยันที่จะใช้เธอ” น้ำเสียงของเกาเหวินกล่าวในเชิงคัดค้าน

จางฟานตกตะลึงและพูดอย่างตรงไปตรงมา “คุณพาเธอมาที่โรงแรมพอยเซินตอนนี้ ผมอยู่ในห้องหมายเลขสอง ผมต้องทดสอบเธอโดยส่วนตัวว่าผ่านหรือไม่! ”

“ได้ ฉันจะพาเธอมาเดี๋ยวนี้” เกาเหวินตอบแล้ววางสายโทรศัพท์ เฉินฮวนฮวนได้ยินทั้งหมด เธอได้ยินจางฟานพูดว่าต้องการทดสอบเธอ?

ทดสอบยังไง?

นอกจากนี้ โรงแรมพอยเซินยังเป็นไนต์คลับที่มีชื่อเสียง เธอไม่ค่อยอยากไปสถานที่แบบนี้

“รุ่นพี่ ฉันไม่อยากไปโรงแรมพอยเซิน…” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากร่องรอยของ ความตะขิตตะขวงใจปรากฏบนใบหน้าของเธอ

“อย่ากังวล มีฉันอยู่ จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้” เกาเหวินพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ในที่สุด เฉินฮวนฮวนก็ถูกเกาเหวินพาไปที่ไนต์คลับ

เมื่อไปถึงห้องหมายเลขสอง ก็เห็นผู้ชายและผู้หญิงสี่ห้าคนนั่งอยู่ตรงนั้น จางฟานนั่งอยู่ ตรงกลาง เฉินฮวนฮวนเคยเห็นรูปถ่ายของเขามาก่อน

“เกาเหวิน นี่คือเฉินฮวนฮวนที่ทำงานในร้านของคุณเหรอ?” จางฟานลุกขึ้นยืนและถาม เฉินฮวนฮวน

“ใช่ เป็นยังไงบ้าง? สายตาของฉันไม่มีพลาด” เกาเหวินตอบอย่างมั่นใจ เหตุผลที่เธอต้องการใช้เฉินฮวนฮวนมาก คือรูปลักษณ์ของเฉินฮวนฮวนนั้นเหมาะสมมาก ฐานะครอบครัวของเฉินฮวนฮวนก็ค่อนข้างพิเศษ ง่ายต่อการควบคุม

เฉินฮวนฮวนมองไปที่จางฟาน โค้งคำนับและแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ "สวัสดี ฉันชื่อ เฉินฮวนฮวน"

จางฟานพยักหน้า มองเธอขึ้นลง จากนั้นยื่นมือไปแตะคางของเขาพูดอย่างครุ่นคิด “ทรง หน้ารูปไข่ รูปร่างไม่มีปัญหา แต่พรสวรรค์…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆก็ยืนขึ้นทันที กระทืบเท้าของเธออย่างไม่มีพอใจและ คร่ำครวญ“พี่จางฟาน คุณบอกว่าให้ฉันแทนที่พี่เกาเหวินไม่ใช่เหรอ?”

“พี่เกาเหวิน ฐานะของฉันไม่ดีกว่าเธอเหรอ?” ซงหลิงเอ่อร์ชี้ไปที่เฉินฮวนฮวนและพูด ด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ฉันร้องเพลงและเต้นรำตั้งแต่ช่วงวัยประถมและฉันยังอยู่ใน สาขาการแสดงอีกด้วย พี่จางฟานบอกว่าเธอเป็นนักศึกษาธรรมดาๆ ทำไมคุณไม่ใช้ฉัน แต่ต้องใช้เธอ?”

ซงหลิงเอ่อร์รู้ดีว่าทำไมเกาเหวินไม่ใช้เธอ แต่เธอไม่พอใจในใจของเธอ ดังนั้นต่อหน้า ทุกคน เธอจึงถามออกไปตรงๆ เพื่อทำให้เกาเหวินอับอาย

เพื่อที่จะครอบครองจางฟาน เกาเหวินใช้ผู้หญิงที่ไม่มีความสามารถอะไรเลยเพื่อแทนที่ เธอ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอไป ซึ่งทำให้หล่อนไม่มีความสุขจริงๆ

“ไม่มีเหตุผล เธอดีกว่าคุณ” เกาเหวินกอดอกของเธอ มองซงหลิงเอ่อร์อย่างใจเย็นและ ตอบ

“คุณ…” ซงหลิงเอ่อร์กำลังจะระเบิดความโกรธ

จางฟานรักเกาเหวินจริงๆ แต่เขารวย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมุ่งความสนใจไปที่เกาเหวินผู้หญิงคนเดียว ด้านนอกก็มีพวกผู้หญิงมากมายตามเขา

แต่พูดถึง ก็มีความแตกต่างระหว่างผู้หญิงที่เล่นๆทั่วไปและผู้หญิงที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจ ดังนั้นจางฟานจึงยังคงอยู่เคียงเกาเหวิน

“เกาเหวิน ในเมื่อคุณบอกว่าเฉินฮวนฮวนดี งั้นก็ให้เธอมาแทนที่” จางฟานคิดในมุมมอง ของประธานของบริษัท

เขาก็ถูกใจซงหลิงเอ่อร์เช่นกัน ซงหลิงเอ่อร์เก่งในการให้บริการเขา แต่สิ่งสำคัญซงหลิงเอ่อร์ก็มีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมในรูปลักษณ์ของเธอเช่นกัน

แต่เห็นได้ชัดว่าเกาเหวินต่อต้านซงหลิงเอ่อร์ จึงส่งเฉินฮวนฮวนไป แต่จางฟานถาม ความสามารถของเฉินฮวนฮวนและขอให้ทั้งสองแข่งขันกัน

“แข็งขันยังไง?” เกาเหวินถาม

“ให้พวกเธอร้องเพลงและเต้นบนเวที ให้ผู้ชมโหวตและเลือกว่าใครเป็นที่นิยม ก็เลือก คนนั้น โดยไม่ลำเอียง” จางฟานแนะนำ

“เอาล่ะ งั้นก็จัดการเลย” เกาเหวินทำได้เพียงตกลง เพื่อรักษาหน้าตาของเธอไว้ ถ้าไม่แข็งขันกัน ปฏิเสธซงหลิงเอ่อร์โดยตรง ก็ดูเหมือนว่าใจแคบ

อย่างไรก็ตาม เกาเหวินเห็นด้วยแล้ว แต่เฉินฮวนฮวนสับสน เธอไม่เคยอยู่ในสถานที่อย่างไนต์คลับ เต้นรำและร้องเพลงท่ามกลางฝูงชน

“พี่เกาเหวิน ฉัน…ฉันทำไม่ได้…” เฉินฮวนฮวนกระสับกระส่าย

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนเช่นนั้น ซงหลิงเอ่อร์ก็ยืนขึ้นเยาะเย้ย “ความกล้าแสดงออกก็ไม่มียัง จะไปเป็นตัวแทน? ให้ตายเถอะ! ”

สีหน้าของเกาเหวินทรุดลงเมื่อเธอได้ยิน ซงหลิงเอ่อร์ ตำหนิตัวเองในที่สาธารณะ เธอดึงแขนของเฉินฮวนฮวน และพูดอย่างเคร่งขรึม“ ฮวนฮวน เธอทำได้ เธอต้อง! ”

……

ในท้ายที่สุด เฉินฮวนฮวน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขึ้นเวทีกับซงหลิงเอ่อร์

การแข่งขันรอบแรกเป็นการเต้นแบบกะทันหัน

ทั้งสองยืนบนแท่นสูงทั้งสองข้าง หันหน้าเข้าหากัน แต่ห่างกันมาก

ชายหญิงในกลุ่มผู้ชมต่างส่งเสียงกัน กฎของเกม จากที่พวกเขามองคือ ผู้หญิงสองคนที่อวด เสน่ห์ของตัวเองเพื่อแข่งขันแย่งผู้ชาย พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นการทดสอบความสามารถเพื่อเข้ารายการไอดอลเท่านั้น

ทันใดนั้น เพลงเพลงถูกระงับ และเสียงคำรามก็หยุดลง

“ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ต่อไป สองสาวจะแสดงท่าเต้นสุดร้อนแรงให้พวกเราดู หลังจากการแสดงจบลง คุณจะต้องลงคะแนนให้คนที่คุณชอบมากที่สุด แล้วเราจะให้ พนักงานเสิร์ฟส่งบัตรลงคะแนน” หลังจากพิธีกรพูดว่า สถานการณ์ก็ตกอยู่ในตื่นเต้น

โดยเฉพาะผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มผู้ชมต่างตื่นเต้นกันมาก เพราะผู้หญิงสองคนบนเวทีก็สวย ทั้งคู่

ดูสาวสวยเต้นก็มีความสุขและเต็มใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้

เพียงเพราะรูปลักษณ์ใสๆและเสื้อผ้าธรรมดาของเฉินฮวนฮวน ทำให้ผู้คนใน กลุ่มผู้ชมงงงวยเล็กน้อยและอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

เมื่อได้ยินการสนทนาบางอย่าง เกาเหวินก็ตระหนักว่าเธอมองข้ามประเด็นสำคัญไป ตอนนี้เฉินฮวนฮวนสวมรองเท้าผ้าใบเก่า กางเกงยีน และเสื้อนอกสีขาว

ในทางกลับกัน ซงหลิงเอ่อร์ กลับตรงกันข้ามทั้งเสื้อและกางเกงยีนที่เข้ารูป รวมทั้งรองเท้าส้นสูงแบรนด์หรูคู่หนึ่งซึ่งอินเทรนด์มากๆ

มองแค่ชุดเท่านั้นก็พอมองออกว่า เมื่อการแข่งขันจบลง ซงหลิงเอ่อร์จะเป็นผู้ชนะอย่าง แน่นอน

เกาเหวิน ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เดินตรงไปที่เวที ดึงเฉินฮวนฮวน ลงมาพาเธอไปที่ห้อง ล็อกเกอร์ของพนักงาน และถอดรองเท้าบูทสูงและชุดถักนิตติ้งของเธอ

“ฮวนฮวน สวมเสื้อผ้าของฉัน!”

การกระทำของเกาเหวิน ทำให้เฉินฮวนฮวนตะลึง ตอนนี้เธอรู้สึกประหม่ามาก และตอนนี้เธอกำลังสับสนในใจ

“อย่าดื้อ รีบเลย เธอแพ้ไม่ได้!”

ภายใต้แรงกดดันของเกาเหวิน เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนเสื้อผ้าของเกาเหวิน ทันใดนั้น อารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไป

แม้แต่เกาเหวินยังตกตะลึงเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าเฉินฮวนฮวนจะมีด้านที่มีเสน่ห์เช่นนี้

“เร็วๆ ฮวนฮวน ไปเถอะ เต้นให้สุดกำลังของเธอ ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ !”

ภายใต้คำแนะนำซ้ำ ๆ ของเกาเหวิน เฉินฮวนฮวน ถูกพาไปที่แท่นสูงอีกครั้ง ซงหลิงเอ่อร์ ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตอนแรก แต่เมื่อเธอเห็นเฉินฮวนฮวน ที่แตกต่างจากตอนนี้ อย่างสิ้นเชิงเธอเกือบจะคิดว่ามันเป็นการสับเปลี่ยนคน"

ก่อนที่ซงหลิงเอ่อร์จะมีเวลาคิดดีเจก็เริ่มร้องเพลง เป็นเพลงแดนซ์ที่ดังมากของยุโรป และอเมริกา

ผู้คนในกลุ่มผู้ชมต่างกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

……

ในขณะนี้ ที่นั่งชั้นวีไอพี

ชายคนนั้นเอนกายลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง เขย่าแก้วไวน์แดงในมือ แต่ใบหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก

เมื่อคิดถึงการถูกหลอกครั้งแล้วครั้งเล่าเฟิงหานชวนยกแก้วของเขาขึ้นและเทไวน์แดงอีกแก้วหนึ่ง

“เฮียสาม เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? ผมถามคุณเป็นเวลานาน คุณก็ปฏิเสธที่จะเปิดเผยคำพูด ” โม่เหวินโจวอดหัวเราะไม่ได้ เขาแทบไม่เคยเห็นอาการนี้ของเฟิงหานชวน

ตามที่หรงจิ่นซิวพูด ฉันเกรงว่าเฮียสามจะสะดุดล้มในครั้งนี้

“ไม่ต้องถาม รำคาญ!” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่อดทน

“อะไรกัน คุณชวนเราออกไปดื่ม แต่ไม่ให้พูดอะไร ผมหงุดหงิดแล้วนะ!” โม่เหวินโจวลูบขมับ แสร้งทำเป็นว่าอารมณ์เสียมาก

ในเวลานี้ ที่นั่งชั้นวีไอพี ถูกเปิดออกและหรงจิ่นซิวกำลังถือไวน์สองขวดในมือของเขา แต่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ที่มุมริมฝีปากของเขา

“เฮียสาม ทายดูว่าฉันเจอใคร? ”

ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง

เฉินฮวนฮวนกำลังยุ่งอยู่ในร้านชานม

ทันใดนั้น ผู้หญิงที่คุ้นเคยเดินเข้ามาจากประตู ตัวสูง หน้าตาเย็นชา และแต่งหน้าอ่อนๆ รองเท้าบูทส้นสูงสีดำคู่หนึ่งทำให้ขายาวทั้งสองดูโดดเด่น

“รุ่นพี่!” เฉินฮวนฮวนลืมตาโตด้วยความประหลาดใจและอุทานออกมา

“ฮวนฮวน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เกาเหวินเดินไปหาเธอ ยืนอยู่หน้าเครื่องคิดเงินเหมือนลูกค้า แล้วพูดอย่างเกียจคร้าน: “สองแก้ว เธอหนึ่งแก้ว ฉันหนึ่งแก้ว”

“ห้ะ? รุ่นพี่ ฉันด้วยหรอ?” เฉินฮวนฮวนชี้มาที่ตัวเองอย่างงุนงง

เธอเป็นพนักงานของร้าน เกาเหวินเป็นเจ้าของร้านชานม ทำไมถึงสั่งให้ตัวเองอีกแก้ว?

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ เป็นเรื่องสำคัญมาก เกี่ยวกับชีวิตในอนาคตของเธอ” เกาเหวินพูดอย่างจริงจังและพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น: “งานให้จินตั่วทำแทนก่อน”

“ได้ค่ะ” จินตั่วยืนอยู่ข้างๆและตอบรับ

หลังจากสั่งการเสร็จ เกาเหวินก็นั่งลงที่นั่งสองคนริมหน้าต่าง และฝั่งตรงข้ามเหลือไว้ให้เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนไม่เคยเห็นเกาเหวินจริงจังขนาดนี้มาก่อน ในฐานะเจ้านายของพวกเธอ เกาเหวินเป็นกันเองมาก

แต่ตอนนี้ เกาเหวินอยากคุยเรื่องสำคัญกับเธอ เกี่ยวกับอนาคต?

หรือว่า กำลังจะไล่เธอออก?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหม่าขึ้นมา หลังจากชงชานมสองแก้วเสร็จ เธอรีบเดินไปหาเกาเหวิน และนั่งลงตรงข้ามกับเกาเหวิน

“รุ่นพี่ อยากคุยอะไรกับฉันเหรอคะ?” เฉินฮวนฮวนอดใจไม่ได้รีบถามทันทีหลังจากนั่งลง

เธอคุ้นเคยกับกระบวนการทำงานที่นี่ แถมร้านยังอยู่ที่มหาลัย เธอไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง สำหรับเธอที่นี่คืองานพาร์ทไทม์ที่สะดวกที่สุด

"ฉันอยากให้เธอเป็นตัวแทนฉัน เข้าร่วมการคัดเลือกไอดอล100คะแนน" การแสดงออกของเกาเหวินนั้นจริงจังและเสียงของเธอก็จริงจังมากเช่นกัน

เฉินฮวนฮวนตกตะลึง

เธอรู้ว่าไอดอล100คะแนนเป็นการแสดงความสามารถเกิร์ลกรุ๊ปที่เกาเหวินไปเข้าร่วม เกาเหวินและแฟนของเธอที่เป็นลูกคนรวยเปิดบริษัทเล็กๆด้วยกัน เกาเหวินเป็นทั้งศิลปินของบริษัทและเป็นคุณนายของบริษัท

“รุ่นพี่ พี่ไปฝึกอบรมแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆ…” หัวของเฉินฮวนฮวนรู้สึกว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเกาเหวินกำลังจะทำอะไร

“ขาของฉันได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถทนฝึกต่อได้ ช่วงหลังๆนั้นฝึกหนักมาก ฉันเลยต้องลาออก มิฉะนั้นหมอบอกว่าถ้าฉันยังฝึกต่อไปเรื่อยๆ ขาฉันจะเป็นง่อย” เกาเหวินพูดตรงๆเกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอ

“ห้ะ! ถ้าอย่างนั้น…” เฉินฮวนฮวนอุทานออกมา แต่ไม่รู้จะพูดอะไร

เธอรู้ดีว่าเกาเหวินให้ความสำคัญกับงานนี้มากและยังลงทุนในบริษัทไปมากด้วย หากเธอสามารถมีชื่อเสียงได้ บริษัทที่เธอและแฟนของเธอเปิดจะมีโอกาสเติบโตได้ดี

“ฮวนฮวน ฉันคิดมานานแล้ว เธอเป็นคนเดียวที่เหมาะสม เพราะฉันเชื่อในตัวเธอ เธอจะไม่ทรยศฉัน” เกาเหวินพูดอย่างจริงจัง เอื้อมมือออกไปจับมือเฉินฮวนฮวน มองตรงไปที่เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอกล่าวว่า : “รุ่นพี่ ฉันไม่ใช่ศิลปิน อีกอย่างถ้าเข้าร่วมงานนี้ฉันต้องลาเรียนเป็นเวลานาน ฉัน…”

เฉินฮวนฮวนต้องการมุ่งเน้นที่การศึกษาของเธอ

“ฉันรู้จักคณบดีของเธอ แค่ขอลาเป็นเพียงเรื่องเล็ก ฉันเคยเห็นเธอเต้นเชียร์ลีดเดอร์มาก่อนรู้สึกว่าเธอมีจังหวะ การเรียนเต้นและร้องเพลงนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก หลังจากเธอไปค่ายฝึก เราจะส่งอาจารย์มาสอนเธออีก"

“ฉันรู้ว่าคุณยายของเธอป่วย ตราบใดที่เธอตกลงไปแข่ง ฉันจะออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง ค่าเสื้อผ้า ค่าแต่งหน้า ค่าอาหาร และค่าเดินทาง แถมฉันจะให้เงินเดือนที่สูงมากด้วย ถ้าเธอตกลง ฉันจะให้เธอก่อน 100,000 หยวน”

“ถ้าเธอสามารถมีชื่อเสียงได้ อย่าว่าแค่ 100,000 ยังจะมีค่าธรรมเนียมโฆษณาจำนวนมากอีกด้วย และฉันมีอำนาจในบริษัท ฉันจะไม่มืดมนเหมือนบริษัทอื่น ฉันจะให้เธออัตราส่วน 70% บริษัทเอาแค่ 30% เท่านั้น"

“การแข่งขันนี้แค่ลา2เดือน ไม่ใช้เวลามากไปกว่านี้หรอก และเราจะทำให้เธอติดท็อป30อันดับ ที่เหลือขึ้นอยู่กับความโชคดีของเธอเองในระยะหลัง ถ้าเธอสามารถผ่านการคัดเลือกได้ เราจะให้รางวัลเธออีก 1,000,000"

“อีกอย่าง ในช่วงสองเดือนของการแข่ง เงินเดือนเดือนละ 100,000 หยวน รวมเป็น 300,000 หยวน ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆบริษัทจะจ่ายเองทั้งหมด!!”

น้ำเสียงของเกาเหวินเป็นกังวล เธอดึงเฉินฮวนฮวนและพูดอย่างจริงจัง เฉินฮวนฮวนไม่มีโอกาสที่จะขัดจังหวะ

แม้ว่าเงื่อนไขเหล่านี้จะน่าดึงดูดเป็นพิเศษ แต่หัวของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เธอถามว่า: “รุ่นพี่ โรงเรียนของเรามีคณะศิลป์ด้วย ทำไมพี่ไม่ไปที่คณะศิลป์การแสดงแล้วเลือกล่ะ?”

มีสาวสวยมากมายในคณะศิลป์ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเกาเหวินถึงมาหาเธอ

“ฉันไม่รู้จักผู้หญิงพวกนั้น แต่ฉันรู้จักเธอ ฮวนฮวน” เกาเหวินจับมือเฉินฮวนฮวนแน่นแล้วพูดว่า: “ถ้าฉันออกจากการแข่งขัน บริษัทของเราก็จะเสียชื่อ เพราะงั้นเราเลยต้องส่งคนใหม่เข้าไปแทนที่ฉัน"

“เหตุผลที่ฉันมาหาเธอเพราะว่าฉันเชื่อใจเธอได้ บอกตรงๆ ฉันไม่มีเวลาไปหาคนอื่นแล้ว ถ้าเธอไม่ไป แฟนของฉันจะให้คนที่เขาเลือกไป”

มันเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก เกาเหวินไม่สนใจศักดิ์ศรีของเธอ จึงบอกเฉินฮวนฮวนไปทั้งหมด

หากเฉินฮวนฮวนไม่ไปแทนเกาเหวิน แฟนหนุ่มจางฟานของเกาเหวินจะให้ "เพื่อน" ของเขาไปแทนเกาเหวิน เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งในสถาบันการแสดง

เกาเหวินเคยพบกับผู้หญิงคนนั้นและเธอก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นเพื่อนร่วมเตียงของจางฟาน เพื่อป้องกันความสัมพันธ์ของจางฟานกับผู้หญิงคนนั้น เกาเหวินต้องให้คนของตัวเองเข้ามาในบริษัทเท่านั้น

“ฮวนฮวน ตกลงกับฉันเถอะ เธอก็รู้จักนิสัยของฉัน ฉันไม่มีทางเอาเปรียบเธอในอนาคตแน่นอน!” ใบหน้าของเกาเหวินดูกังวลมาก

เฉินฮวนฮวนดูออกว่าเกาเหวินกังวลเรื่องจางฟานมากกว่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบริษัทและออกตัวแรง ก็อาจจะทำให้เกาเหวินถูกทิ้งได้

“ฉันตกลงค่ะ รุ่นพี่” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

“จริงเหรอ?” เกาเหวินแสดงความดีใจขึ้นมาทันที หินก้อนใหญ่ในใจของเธอดูเหมือนจะตกลงไปที่พื้น

ในขณะนี้ โทรศัพท์ที่เธอวางบนโต๊ะก็สั่น เธอเหลือบมองชื่อผู้โทร ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป

ต่อหน้าเฉินฮวนฮวน เกาเหวินเปิดสปีกเกอร์โฟนโดยตรง

“อาฟาน ฉันเจอผู้สมัครแล้ว และเธอก็ตกลงแล้ว!”

“ เฉินฮวนฮวนที่คุณเคยบอกเหรอ? เธอตอบตกลงแล้ว? เธอทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัย เธอจะเข้าร่วมการคัดเลือกได้อย่างไร?” เสียงของจางฟานแสดงความไม่พอใจดังขึ้น: “คุณอย่าลืมสิ ผมต้องลงทุนเงิน ค่าเข้าร่วมต้องจ่าย ค่ากล้องก็จ่าย แล้วก็มีค่าโหวต ถ้าเป็นคุณ คุณเป็นแฟนของผม ผมจ่ายให้ได้ไม่เป็นไร นี่จะให้ผมไปเสียเงินกับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาเหรอ?"

“ผมเคยบอกคุณแล้ว ผมรู้สึกว่าซงหลิงเอ่อร์มีโอกาสมากกว่า ดูดีและเป็นมืออาชีพในการแสดง แค่จัดการดูแลเล็กน้อยก็ให้เธอไปขึ้นกล้องได้ แบบนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไม่ใช่เหรอ?

เฉินฮวนฮวนเพิ่งได้ยินคำอธิบายของเกาเหวิน ดังนั้นเธอจึงเข้าใจสิ่งที่จางฟานพูดได้

ซงหลิงเอ่อร์น่าจะเป็นผู้หญิงที่เกาเหวินกลัว

"ขอโทษนะเยว่เอ่อร์ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเธอ ฉันคิดว่าฉันจะออกจากบ้านตระกูลเฟิงในไม่ช้านี้"

"แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว และมีแผนที่จะอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงต่อ ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่ฉันจะพูดก็คือ…"

เมื่อเห็นท่าทางตกใจของหลิ่วเยว่เอ่อร์และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เฉินฮวนฮวนจึงคิดว่าเป็นเพราะเธอปิดบังหลิ่วเยว่เอ่อร์ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงได้รู้สึกโกรธมากขนาดนี้

แต่เมื่อเธออธิบายไปแล้วการแสดงออกของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ไม่ได้ดูดีขึ้นเลย

"เธอ……เฉินฮวนฮวน! เธอ……" พอหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้สติ ตอนนี้เธอก็แทบจะคลั่งเพราะความโกรธ

เธอปิดบังเฉินฮวนฮวนหลายเรื่อง แต่เฉินฮวนฮวนกลับได้เข้าไปอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงก่อนเรียบร้อยแล้ว แต่ตัวเธอเองกลับ…

อย่างไรก็ตามเฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดอะไรเลยก่อนหน้านี้ เธอปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดี ปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นลิงโง่ๆอย่างนั้นน่ะเหรอ?

ดังนั้นเหตุผลที่เฟิงหานชวนไม่ต้องการเธอก็เป็นเพราะว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นตัวปลอมใช่ไหม?

"เยว่เอ่อร์ อย่าโกรธเลยโอเคไหม?" เมื่อเห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์ดูโกรธมาก เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที

เธอกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เป็นเพื่อนที่ดีมาเป็นเวลานาน เธอไม่อยากเลิกเป็นเพื่อนกับเธอเพราะเหตุการณ์นี้

"เฉินฮวนฮวน เธอ…เธอแต่งงานแล้วหรือยัง? "หลิ่วเยว่เอ่อร์ระงับความโกรธของเธอและชี้ไปที่เฉินฮวนฮวนแล้วถามด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง

"อืม"เฉินฮวนฮวนทำได้เพียงแค่พยักหน้าแล้วอธิบายว่า: "มันก็ไม่เชิงว่าแต่งงาน ฉันถูกขายให้พวกเขา"

"ขาย?"ประโยคนี้ทำให้หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้สึกสับสน

เป็นไปได้ไหมว่าเฉินฮวนฮวนเข้าไปอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงเหตุผลไม่ใช่เพราะคืนนั้น?

"เยว่เอ่อร์ ตระกูลเฟิงมายื่นข้อเสนอแต่งงาน เพราะเรื่องของเฟิงเฉินเหยี่ยนและเฉินซินโหรวเองก็มีเยี่ยจิ่งเฉินอยู่แล้ว เธอเลยไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยน พ่อที่น่ารังเกียจของฉันก็เลยข่มขู่ฉันด้วยคฤหาสน์ของแม่ ดังนั้นฉันจึงต้องยอมตกลงที่จะแต่งงาน … "

"ฉันคิดว่าฉันสามารถออกจากบ้านตระกูลเฟิงไปได้หลังจากที่นายท่านกลับมา แต่ฉันคาดไม่ถึงว่านายท่านเฟิงจะเจรจาข้อตกลงกับฉันอีกครั้ง ดังนั้นฉันจึงวางแผนที่จะอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงไปสักพักก่อน"

เฉินฮวนฮวนอธิบายหลิ่วเยว่เอ่อร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องของเฟิงหานชวน

เพราะส่วนนั้นมันซับซ้อนเกินไป และตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้วเธอจึงขอไม่พูดถึงเรื่องนั้น

"ตอนนี้เธอแต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยน และกลายเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิงแล้วอย่างนั้นเหรอ?"หินก้อนใหญ่ในหัวใจของหลิ่วเยว่เอ่อร์ดูเหมือนจะตกลงไปที่พื้นในทันที

"อืม อย่างนั้นแหละ"เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าในอนาคตเธอจะสามารถออกจากที่นั่นได้ไหม ดังนั้นเธอจึงตอบได้เพียงแค่เท่านี้

"เป็นอย่างนี้นี่เอง เธอเองก็ตกเป็นเหยื่อ ฉันคิดว่าเธอจงใจปกปิดฉันเพราะกลัวว่าฉันจะอิจฉาเธอ! โอเคๆ ไปเรียนกันเถอะ! "เมื่อพูดจบหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็จับมือเฉินฮวนฮวนและลากเธอไปทันที

เมื่อรู้ว่าเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนไม่มีความเกี่ยวข้องกัน หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็รู้สึกโล่งใจ แต่จริงๆในใจของเธอก็ยังคงรู้สึกอารมณ์เสียอยู่มาก

ฝูงมดขี้อิจฉายังคงไต่เข้าไปในอกของเธอ

เธอยังไม่ได้เฟิงหานชวน แต่เฉินฮวนฮวนกลับได้เป็นนายหญิงของตระกูลเฟิงแล้ว?

แม้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะไม่ได้ดีพอแต่เฟิงเฉินเหยี่ยนนั้นก็หล่อเหลาอยู่พอควร และแม้ว่าเขาจะเป็นเป็นหนุ่มโสดที่รักสนุกไปวันๆ แต่ตำแหน่งนายหญิงของตระกูลเฟิงนั้นก็ไม่มีใครเทียบได้อยู่ดี!

อย่างไรก็ตามเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นหลานชายคนโตของตระกูลเฟิงรุ่นที่สามและปัจจุบันเขาก็เป็นหลานชายรุ่นที่สามเพียงคนเดียวอีกด้วย

……

ณ หลิวซื่อกรุ๊ป สำนักงานผู้จัดการ

หลิวตงรุ่ยคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าของเขาบวมช้ำจนเป็นสีเขียว เขาจ้องไปยังชายร่างสูงที่อยู่ข้างหน้าเขา

"คุณชายสาม ผมไม่ได้ขู่บังคับผู้หญิงคนไหนเลย แม้ว่าผมจะหลายใจและใช้ชีวิตสนุกไปวันๆแต่ผู้หญิงเหล่านั้นก็เต็มใจเสมอ!"หลิวตงรุ่ยร้องไห้ไม่หยุด

เขากำลังทำงานอยู่ในบริษัทของเขาอย่างมีความสุขและกำลังคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แต่จู่ๆคุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงก็ได้นำคนเข้ามารุมกระทืบเขา

ใบหน้าของเฟิงหานชวนนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา เขายกเท้าขึ้นและใช้รองเท้าหนังของเขาเหยียบไปที่มือของผู้ชายตรงหน้า และจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงโหยหวนของหลิวตงรุ่ย

"ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว ส่งสร้อยคอของเฉินฮวนฮวนมา"น้ำเสียงเยือกเย็นและใบหน้าที่มืดมนของเขาราวกับผุดมาจากขุมนรก

"อ๊าก!" คุณชายสาม ผมไม่รู้จักเฉินฮวนฮวนจริงๆ ผมไม่รู้จริงๆ…"หลิวตงรุ่ยน้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวด ต่อให้เขาคิดเท่าไหร่เขาก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าเขาเคยก่อกวนผู้หญิงที่ชื่อเฉินฮวนฮวนตอนไหน

"ฉันจะให้โอกาสนายครั้งสุดท้าย" ไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของเฟิงหานชวน แต่ใบหน้านั้นก็ชวนทำให้คนรู้สึกขนลุกได้

เมื่อหลิวตงรุ่ยได้ยินประโยคนี้ทำให้เขาตกใจมากจนฉี่ราดกางเกง

"(เสียงฉี่)" ดังขึ้นภายในห้อง

ในขณะเดียวกันเสียง "กริ๊ก" ประตูก็ถูกเปิดออก

ซูอวี่รีบวิ่งไปกระซิบที่หูของเฟิงหานชวนและรายงานว่า: "ประธานเฟิงครับ หลิวตงรุ่ยเดินทางไปญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อไปซื้อโมเดล เขาไปที่นั่นประมาณสิบวันและเพิ่งกลับมาเมื่อวันก่อน"

แม้ว่าเสียงของซูอวี่จะเบามากแต่หลิวตงรุ่ยก็ได้ยินมัน เขารีบตะโกนว่า: "ใช่ครับ ผมเพิ่งกลับมาเมื่อวันก่อน เมื่อวานผมนอนที่บ้านและวันนี้พ่อของผมก็โทรเพื่อให้ผมมาที่บริษัทเพื่อเช็ครายชื่อ ไม่มีใครชื่อเฉินฮวนฮวนและผมก็ไม่เคยเอาสร้อยคอผู้หญิงไปด้วย ผมจะเอาสร้อยคอของผู้หญิงไปทำไม?"

"คุณชายสาม ผมไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้จริงๆ ผมไม่รู้อะไรเลย ผมถูกใส่ร้าย…"

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็มืดมนยิ่งกว่าเก่าราวกับว่าเขาสามารถกินคนทั้งคนเข้าไปได้

หลิวตงรุ่ยตกใจมาก เป้ากางเกงของเขาเปียกแฉะไปหมดจนกางเกงสีขาวของเขากลายเป็นสีเหลือง ดวงตาของเขาบวมจากการร้องไห้และตอนนี้เขาก็รู้สึกอับอายมาก

เขาสั่นไปทั้งตัวและไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะเขากลัวจะโดนกระทืบอีก

"กลับบริษัท"

ในตอนนี้เสียงที่เย็นชาของเฟิงหานชวนดังขึ้นอย่างช้าๆ เขาพูดเพียงแค่สามคำเท่านั้น

เฟิงหานชวนเตะเข้าไปที่ประตูสำนักงานของหลิวตงรุ่ยอีกครั้งก่อนจากไป

……

บนถนน ซูอวี่ขับรถอย่างสั่นๆและไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอประธานเฟิงได้ยินข่าวการเดินทางของหลิวตงรุ่ย เขาก็เลยปล่อยหลิวตงรุ่ยไปและออกจากหลิวซื่อกรุ้ปทันที

นอกจากนี้ใบหน้าของประธานเฟิงยังดูน่ากลัวมากอีกด้วย

ซูอวี่คิดว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่รู้จักเฟิงหานชวนดีที่สุด และเขารู้สึกว่าน่าจะมีโอกาสที่เฉินฮวนฮวนอาจจะหลอกประธานเฟิงและเป็นสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้

อันที่จริงซูอวี่เดาถูก

เฟิงหานชวนพบว่าเฉินฮวนฮวนหลอกเขาและเขาถูกเฉินฮวนฮวนเล่นกับเขาอีกครั้งเสียแล้ว

วันที่เข้าบ้านตระกูลเฟิงในวันนั้นตามร่างกายของเฉินฮวนฮวนมีร่องรอยตามตัวเต็มไปหมด ดังนั้นสิ่งที่เฉินฮวนฮวนพูดเพียงครั้งเดียวในตอนนั้น เรื่องคงจะต้องเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแน่นอน

และหลิวตงรุ่ยยังบอกอีกว่าเขาอยู่ที่ญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และไม่มีเฉินฮวนฮวนอยู่ในลิสต์รายชื่ออีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเฉินฮวนฮวนโกหก

เฟิงหานชวนหัวเราะ น้ำเสียงของเขานั้นเย็นชามาก

ผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งจริงๆ

อย่างไรก็ตามเฟิงหานชวนไม่ได้เป็นคนที่ถูกยั่วโมโหได้ง่ายนักแต่เธอกลับกล้ายั่วโมโหเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะทำให้เฉินฮวนฮวนต้องจ่ายในราคาที่เธอสมควรจะต้องจ่าย!

ผู้หญิงที่กล้าโกหกเขา เธอคือคนแรกและคือคนสุดท้าย!

เฟิงหานชวนกำหมัด เส้นเลือดที่หลังมือของเขาถูกเผยให้เห็น และเปลวเพลิงแห่งความโกรธก็แผดเผาไปทั่วร่างกายของเขา

เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูมหาลัย เฉินฮวนฮวนก็เห็นร่างสวยงามที่คุ้นเคย

หลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังลงจากรถหรู เธอแต่งตัวสวยมาก ดูไม่เหมือนคนป่วยเลย

“เยว่เอ่อร์!” เฉินฮวนฮวนเห็นเธอ รีบเดินเข้าไปหา

ใบหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นเฉินฮวนฮวน แต่ในไม่ช้าเธอก็ยิ้มด้วยท่าทางดีใจ: "ฮวนฮวน บังเอิญจังเลย!"

“ว่าแต่ ทำไมเธอถึงมาจากทางนี้?” หลิ่วเยว่เอ่อร์พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ ป้ายรถเมล์ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่

“เอ่อ ฉัน…จริงๆแล้ว…” เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเกี่ยวกับเรื่องตระกูลเฟิง แถมตรงนี้ยังเป็นหน้าประตูมหาลัย เธอวางแผนไว้ว่าจะเล่าให้หลิ่วเยว่เอ่อร์ฟังในตอนพักเที่ยง

“เยว่เอ่อร์ คือ”

เฉินฮวนฮวนชี้ไปที่รถหรูสีดำข้างหน้า เอียงศีรษะเล็กน้อยและเหลือบมองไปทางที่นั่งคนขับ

เธอรู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์เลิกกับเกาจวิ้นเซวียนแล้ว ตอนนี้ยังนั่งรถหรูมามหาลัยอีก ถ้างั้นผู้ชายที่นั่งที่คนขับก็คงจะเป็นแฟนใหม่ของหลิ่วเยว่เอ่อร์

แต่เธอมองไม่เห็นหน้าชายคนนั้น ชายคนนั้นหันศีรษะไปทางอื่น เธอมองเห็นแต่ด้านหลังศีรษะของชายคนนั้น

เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์เห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวน ใบหน้าเธอก็ก้มลง ดึงมุมปากและกล่าวว่า: "ไปกันเถอะ"

ทันใดนั้น เธอก็ดึงเฉินฮวนฮวนเดินเข้ามหาลัย

เมื่อซูอวี่เห็นด้านหลังของทั้งสองคนจากไป ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

เมื่อเช้าเขาไปโรงพยาบาลเพื่อมอบใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ให้กับหลิ่วเยว่เอ่อร์ คฤหาสน์ในเขตชานเมืองด้านตะวันตกถูกโอนย้ายให้หลิ่วเยว่เอ่อร์ ใครจะไปรู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ยังหน้าด้าน ขอให้เขามาส่งเธอที่มหาลัย

ซูอวี่เองก็ปฏิเสธไม่ลง ดังนั้นเขาจึงไปส่งหลิ่วเยว่เอ่อร์โดยดี แต่ไม่คิดว่าจะพบกับเฉินฮวนฮวน

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่รู้จักเขา แต่เขาก็เป็นผู้ช่วยที่ใกล้คุณชายสามที่สุด และไม่ช้าก็เร็วเธอจะรู้จักเขา ดังนั้นเขาทำได้เพียงหลบหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ให้เฉินฮวนฮวนเห็นรูปร่างหน้าตาของเขา

นึกถึงตรงนี้ ซูอวี่ก็รีบโทรหาเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ รับสายซูอวี่ก่อนที่จะสตาร์ทรถ

“ประธานเฟิง ผมได้มอบใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ให้กับคุณหลิ่วแล้ว และเธอก็ขอให้ผมมาส่งเธอที่มหาวิทยาลัย A จากนั้นผมก็…” ซูอวี่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเฟิงหานชวนขัดจังหวะ

“นายอยู่มหาลัยAหรอ?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว

“ใช่ครับ ผมอยู่ที่หน้าประตู เมื่อกี้คุณนายเกือบเห็น!” ซูอวี่ดันแว่นของเขาและพูดอย่างระมัดระวัง

“หมายความว่าอย่างไร?” เฟิงหานชวนถามอย่างเย็นชา

“คือคุณเฉินฮวนฮวน คุณเฉิน เมื่อกี้จู่ๆเธอก็ปรากฏตัวหน้าประตูมหาลัย เธอเห็นคุณหลิ่วลงจากรถพอดี เธอยังมองมาทางที่นั่งคนขับด้วย โชคดีที่ผมหันหน้าหลบทัน เธอจึงไม่เห็นหน้าผม” ซูอวี่พูดทุกอย่างที่เกิดขึ้น

สีหน้าของเฟิงหานชวนมีความโกรธเล็กน้อย แต่เสียงของเขานิ่งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น: "ซื้อรถและหาคนขับส่งไปให้หลิ่วเยว่เอ่อร์"

“นี่…ประธานเฟิง คุณให้คฤหาสน์กับเธอ ยังให้เงินอีกตั้งมากมาย แถมยังให้คุณเกาจวิ้นเซวียนสิบล้าน และหาแม่บ้านให้ด้วย เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ?” ซูอวี่รู้สึกว่าซื้อผู้หญิงบริสุทธิ์ ยังไม่จำเป็นต้องจ่ายมากขนาดนี้

“ฉันคิดว่านายไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้ นายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของฉัน ไม่ใช่คนขับรถของคนอื่น” เฟิงหานชวนว่ากล่าว

“ขอโทษครับ ประธานเฟิง ครั้งหน้าผมจะไม่ทำอีก” ซูอวี่รู้สึกประหม่า เกร็งจนเหงื่อไหลออกมา

“ฉันอยู่ที่สี่แยกข้างหน้า ไปหลิวซื่อกรุ๊ปกับฉันหน่อย” เฟิงหานชวนสั่ง

“ประธานเฟิง คุณอยู่ที่นี่? เดี๋ยวนะครับ หลิวซื่อกรุ๊ป? เราไม่ได้ร่วมมือกับหลิวซื่อกรุ๊ป?” ซูอวี่งุนงง

“อย่ามัวพูดเหลวไหล รีบมา!”

"ครับครับครับ!"

ระหว่างทางไปห้องเรียน เฉินฮวนฮวนอ้าปากอยากถาม แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์เอ่ยปากพูดก่อน

“ผู้ชายคนเมื่อกี้ไม่ใช่แฟนของฉัน เธออย่าเข้าใจผิดนะ”

“เยว่เอ่อร์ เมื่อกี้คือรถที่ขอติดมาด้วยหรอ?” เฉินฮวนฮวนอ้าปากถามด้วยความประหลาดใจ คิดในใจตัวเองเกือบเข้าใจผิดแล้ว

เธอเองก็ไม่คิดว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะเร็วขนาดนี้ ไม่นานก็หาแฟนใหม่ได้

“ไม่ใช่รถที่ขอติดมาด้วยหรอก เขาเป็นผู้ช่วยของแฟนฉัน” ขณะที่หลิวเยว่เออร์พูดเช่นนี้ ใบหน้าของเธอดูภาคภูมิใจและคางของเธอก็ยกขึ้นสูง

แต่ในใจของเธอเองก็รู้สึกผิดเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าผู้ชายในคืนนั้นคือเฟิงหานชวน หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เออ เยว่เอ่อร์ เธอมีแฟนใหม่แล้วจริงๆหรอ?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนในใจ

ทำไมถึงมีแฟนใหม่ได้เร็วขนาดนี้ ความสัมพันธ์ครั้งก่อนเพิ่งจบไปไม่นานนี้เอง หรือว่าก่อนที่หลิ่วเยว่เอ่อร์จะเลิกกับเกาจวิ้นเซวียน เธอได้หาคนใหม่ไว้ก่อนแล้ว?

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ช่วยยังขับรถหรู แฟนของหลิ่วเยว่เอ่อร์ต้องเป็นตระกูลทายาทที่ร่ำรวยแน่ๆ

เฉินฮวนฮวนนึกถึงคำพูดของเกาจวิ้นเซวียนที่คำรามใส่เธอ: "เฉินฮวนฮวน เธอจะเสียใจ!"

ตอนนั้นเธอไม่เข้าใจความหมายของเกาจวิ้นเซวียน ตอนนี้ลองมองย้อนกลับไป หรือว่าเกาจวิ้นเซวียนเองก็รู้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์มีความสัมพันธ์กับชายอื่น?

ดังนั้น เกาจวิ้นเซวียนก็เลยบอกว่าเธอจะเสียใจ เพราะเธอไม่ควรหาความอยุติธรรมให้หลิ่วเยว่เอ่อร์?

“ใช่แล้ว ฉันเลิกกับเกาจวิ้นเซวียนแล้ว ทำไมถึงมีแฟนใหม่ไม่ได้? ฮวนฮวน เธอคงไม่ได้อิจฉาฉันหรอกนะ?” หลิ่วเย่วเออร์อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยท่าทางตกใจของเฉินฮวนฮวน

รถที่ซูอวี่ขับเมื่อกี้ แท้จริงแล้วเป็นของเฟิงหานชวน เป็นรถแบรนด์ที่มีราคาแพงมาก มีมูลค่ามหาศาล

มันก็เป็นแบบนี้ หลิ่วเยว่เอ่อร์จึงจงใจขอให้ซูอวี่มาส่งเธอที่หน้าประตูหลักของมหาลัย

อีกอย่าง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะยังจับเฟิงหานชวนไม่ได้ แต่เธอก็ได้คฤหาสน์ของเฟิงหานชวน ได้เงินอีกมากมาย อาหารและเครื่องดื่มแถมยังมีแม่บ้านอีกด้วย อย่าไปพูดถึงความสุขเลย

อันที่จริงบางครั้งเธอเองก็คิด ถึงแม้เธอจะจับเฟิงหานชวนไม่ได้ แต่ชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ของเธอก็ไม่เลว

อย่างไรก็ตาม หลิ่วเยว่เอ่อร์เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะพอใจกับอะไรได้ง่ายๆ สำหรับเฟิงหานชวน เธอยังคงไม่ยอมแพ้

“ไม่ใช่ เยว่เอ่อร์ ฉันไม่ได้อิจฉาเธอ ฉันแค่ไม่คิดว่าเธอจะหาแฟนใหม่ได้เร็วขนาดนี้…” เฉินฮวนฮวนโบกมืออย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากให้หลิ่วเยว่เอ่อร์เข้าใจผิด

เธอแค่สงสัยพฤติกรรมของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ไม่ได้อิจฉาหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่มีแฟนเป็นทายาทร่ำรวย

"ฉันรู้จักกับเขาที่บลูส์คลับ เขาตกหลุมรักฉันและตามจีบฉัน หลังจากที่ฉันเลิกกับเกาจวิ้นเซวียน ฉันก็ตอบตกลงคบกับเขา แค่นี้เอง " หลิ่วเยว่เออร์ยักไหล่และโกหกโดยไม่มีข้อบกพร่อง

เฉินฮวนฮวนเชื่ออย่างไม่สงสัย

“เขาเป็นคนใหญ่คนโตและมีชื่อเสียงมาก ตอนนี้ก็เลยยังพามาแนะนำให้เธอรู้จักไม่ได้ รอให้ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาดีกว่านี้ค่อยบอกเธอนะว่าเขาเป็นใคร” หลิ่วเยว่เอ่อร์ปิดปากของเธอและยิ้มอย่างเขินอาย ราวกับผู้หญิงตัวเล็กๆที่กำลังมีความรักอันลึกซึ้ง

เมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เฉินฮวนฮวนไม่ได้ถามอะไรมาก และตอบว่า: “เธอมีความสุขก็พอแล้ว ขอแค่เขาดีกับเธอ”

“แน่นอน เขาดีกับฉันมาก เขาซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ให้ฉัน จ้างแม่บ้านให้ฉัน และให้เงินค่าขนมฉันเยอะมาก!” หลิ่วเยว่เออร์หยิบใบรับรองอสังหาริมทรัพย์จากกระเป๋าแล้วยื่นให้เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเห็นคฤหาสน์ในเขตชานเมืองด้านตะวันตกมีเจ้าของภายใต้ชื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์

“ใช่สิฮวนฮวน ห้องเดี่ยวที่ฉันเช่าอยู่สัญญายังไม่หมด แต่ฉันจะไม่อยู่ที่นั่นแล้ว เธอเคยบอกว่าจะย้ายออกจากบ้านเฉินแล้วเช่าห้องอยู่ใช่ไหม? ฉันจะให้กุญแจ เธอไปอยู่ที่นั่นก็ได้นะ ยังเหลืออีกสามเดือน เธอไปอยู่ได้เลย ฉันไม่เก็บค่าเช่า”

ในขณะนี้หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดความรู้สึกที่แสดงออกมา ราวกับว่าเธอให้รางวัลแก่เฉินฮวนฮวน เป็นความรู้สึกของจักรพรรดินีที่มีต่อสาวใช้

“ เยว่เอ่อร์ ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันไม่ได้เช่าห้อง แต่ฉันมีที่อาศัยอยู่” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าไม่ควรปิดบังหลิ่วเยว่เอ่อร์ จึงกล่าวตามความจริง: "ตอนนี้ฉันอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง"

หลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังหยิบกุญแจจากกระเป๋าของเธอ และเธอก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้

เธอเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน ใบหน้านั้นซีดเผือด

“เธอ…..เธอพูดว่าอะไรนะ!”

แม้แต่เสียงก็ยังสั่น

#สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน ขออภัยในความล่าช้าของวันนี้ด้วยค่ะ พรุ่งนี้จะรีบลงนิยายให้เร็วขึ้น

โครงสร้างของครอบครัวตระกูลเฟิง เฉินฮวนฮวนได้ยินแม่บ้านหลี่เล่าว่า

นายท่านของตระกูลเฟิงมีลูกชายสามคนคือ เฟิงเจิ้งหมิง เฟิงเจิ้งซวิน และเฟิงหานชวน

เฟิงเจิ้งหมิงมีลูกชายหนึ่งคน ก็คือเฟิงเฉินเหยี่ยน

ลูกสาวของเฟิงเจิ้งซวิน ชื่อเฟิงหย่า ปีนี้เธอก็อายุยี่สิบปีแล้ว กำลังศึกษาอยู่ต่างประเทศ

ปัจจุบันเฟิงหานชวนโสด ยังไม่แต่งงาน

แต่ว่า สิ่งที่ทำให้เฉินฮวนฮวนสงสัยก็คือ อายุของเฟิงหานชวนนั้นห่างจากพี่ชายสองคนของเขาประมาณยี่สิบปี

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเฉินฮวนฮวนที่จะไม่สงสัยว่า เฟิงหานชวนไม่ได้เกิดจากภรรยาคนแรกของนายท่านตระกูลเฟิง

ทว่า เธอไม่ได้ถามอะไรเรื่องพวกนี้มากนัก และเธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ด้วย

ใครให้กำเนิดเฟิงหานชวน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ

  

“อะไรเกินไปไม่เกินไป เรื่องของฉัน พวกแกต้องมาวุ่นวายด้วยเหรอ” เฟิงเหลยถิงกระแทกไม้เท้าที่ถือในมือลงกับพื้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างมาก

เฉินฮวนฮวนเห็นว่าไม้เท้านั้นเป็นเพียงเครื่องประดับเท่านั้น เพราะว่านายท่านตระกูลเฟิงยังเดินเหินได้อย่างคล่องแคล่วมาก

“นี่แฟนใหม่ของพ่อเหรอ” ทันใดนั้น เฟิงเจิ้งหมิงก็สังเกตเห็นหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ข้างของเฟิงเหลยถิง

เฉินฮวนฮวนพบว่า สายตาของเฟิงเจิ้งหมิงกำลังมองมาที่ตัวเอง หรือว่าเฟิงเจิ้งหมิงเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนรักใหม่ของนายท่านตระกูลเฟิง?

  

“ถุย!” เฟิงเหลยถิงถุยน้ำลายใส่หน้าเฟิงเจิ้งหมิง และกล่าวด้วยความโมโห “นานาหลับอยู่ในห้องของฉัน เจ็ตแล็กอยู่!”

  

“แล้วคนนี้คือ?” เฟิงเจิ้งหมิงเช็ดน้ำลายบนใบหน้าอย่างเงียบๆ และมองไปที่เฉินฮวนฮวนอย่างสงสัย

เฉินฮวนฮวนถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ เรื่องที่เธอแต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยน ไม่นึกเลยว่าเฟิงเจิ้งหมิงจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย?

  

“สวัสดีค่ะ คุณอา ฉันชื่อเฉินฮวนฮวนค่ะ” เฉินฮวนฮวนออกจะประหม่าอยู่บ้าง เธอทำได้แค่ทักทายเฟิงเจิ้งหมิง

“เธอคือ…” เฟิงเจิ้งหมิงมองหญิงสาวตรงหน้า แล้วมองเฟิงหานชวนที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยความประหลาดใจทันที “ฉันรู้แล้ว เธอเป็นแฟนของเจ้าสาม?”

เฉินฮวนฮวนได้แต่แข็งค้าง นิ่งเป็นหินอยู่ตรงนั้น

  

“พ่อครับ เราไปบริษัทกันเถอะ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนดึงแขนของเฟิงเจิ้งหมิง และลากเฟิงเจิ้งหมิงออกไป

  

ด้านนอก ได้ยินเพียงเสียงตวาดของเฟิงเจิ้งหมิง “ฉันยังไม่ได้ถามนายท่านให้ชัดเลยนะ!”

  

“ตอนเย็นพวกเรากลับมากินข้าว ตอนกินข้าวค่อยถาม!” จากนั้นก็เป็นเสียงตะโกนของเฟิงเฉินเหยี่ยน

ทันใดนั้น รถหรูที่จอดอยู่ในลานบ้านก็ขับออกไป

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนยังคงมีสีหน้างุนงง เธอเกาศีรษะเงียบๆ อย่างไม่เข้าใจ

  

เธอรู้สึกว่าทุกคนในบ้านของตระกูลเฟิงช่างแปลกเหลือเกิน

  

“เอาล่ะ เอาล่ะ ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ! แค่เรื่องไร้สาระน่ะ” เฟิงเหลยถิงโบกมือ แล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร

เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก เธอเพียงเดินตามไปเท่านั้น

เดิมทีเฟิงหานชวนตั้งใจจะออกไปเลย ทว่าเขากลับหยุดฝีเท้าลง และเดินตามไป

หลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย เฉินฮวนฮวนกล่าวทักทายเฟิงเหลยถิง และกำลังจะไปเรียน ทว่าเฟิงเหลยถิงเรียกเธอเอาไว้ “ฮวนฮวน ให้ผู้ดูแลจางไปส่งเธอ ไม่ต้องนั่งรถเมล์ไปเองแล้ว”

เฉินฮวนฮวนหันกลับมา กำลังจะเอ่ยปฏิเสธ เธอเห็นเฟิงหานชวนลุกจากเก้าอี้ยืนขึ้น

  

“ผมไปส่งเธอเอง” เขากล่าวอย่างราบเรียบ

  

เฉินฮวนฮวนรีบเอ่ยขึ้นว่า “อาสาม ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันนั่งรถเมล์ไปเองก็ได้”

  

เธอไม่กล้าอยู่ตามลำพังกับเฟิงหานชวนแล้ว เรื่องเมื่อคืนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนวางตัวไม่ถูกจริงๆ

อีกอย่าง เธอกับนายท่านตระกูลเฟิงได้ตกลงกันไว้แล้ว ดังนั้น เธอจึงต้องอยู่ห่างจากเฟิงหานชวน

“ฮวนฮวน ให้เจ้าสามไปส่งเธอที่มหาลัยสิ ยังไงก็ทางผ่านอยู่แล้ว” ในตอนนี้เอง เฟิงเหลยถิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

เฉินฮวนฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอมองเฟิงเหลยถิง ท่าทางดูไม่โกรธเลยสักนิด หรือว่าเขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนจริงๆ?

  

“ฉัน…” เธออ้าปากจะพูด ทว่าเธอกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

  

“ไปเถอะ” เฟิงหานชวนเดินผ่านเธอไป น้ำเสียงของเขายังคงเรียบนิ่ง

  

ราวกับเปลี่ยนไปเป็นอีกคน เห็นได้ชัดว่าเขายังโกรธเรื่องเมื่อคืน

  

ตอนนี้ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับว่าทั้งสองคนเป็นคนแปลกหน้า

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอเพียงมองแผ่นหลังของเฟิงหานชวน เดิมทีเธอตั้งใจจะออกไปเลย แต่ไม่คิดว่า จู่ๆ นายท่านก็ออกมาส่งพวกเขา

ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก เฉินฮวนฮวนทำได้เพียงนั่งในรถของเฟิงหานชวน ไม่อย่างนั้นเธอจะดูเหมือนกินปูนร้อนท้อง

  

ระหว่างทางบรรยากาศภายในรถเงียบมาก ไม่มีใครปริปากพูดอะไรสักคำ

จนกระทั่งเฟิงหานชวนจอดรถตรงปากทางด้านหน้ามหาวิทยาลัยA เฉินฮวนฮวนถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจอย่างเงียบๆ

บรรยากาศของเมื่อสักครู่ เธอรู้สึกว่าตัวเองแทบจะหยุดหายใจเสียแล้ว

  

“ขอบคุณค่ะ อาสาม” นี่เป็นประโยคแรกที่เธอพูดหลังจากเธอขึ้นรถมา

  

หลังจากพูดประโยคนี้จบ เธอก็ลงจากรถ

ทว่า ขณะที่เธอเอื้อมมือไปวางบนที่จับประตู กำลังจะเปิดประตู เธอกลับพบว่าประตูรถยังล็อกอยู่ เธอจึงเปิดประตูไม่ได้

  

“อาสาม รบกวนคุณปลดล็อกด้วยค่ะ” เฉินฮวนฮวนเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้ามองดวงตาคู่นั้นของเฟิงหางชวน

เธอไม่กล้ามองไปที่เฟิงหานชวน อย่างไรเสียระหว่างพวกเขาทั้งสองก็เกิดเรื่องน่าอายขึ้นหลายครั้งแล้ว

ทว่าโชคดีมากที่ทุกครั้งไม่ได้พัฒนาไปถึงขั้นสุดท้าย

ดังนั้น นี่อาจจะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า พระเจ้าขัดขวางไม่ให้เธอพัฒนาความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวน เพราะต้องการช่วยเธอรักษาตำแหน่งนายหญิงของตระกูลเฟิง?

ท่ามกลางความมืดมิด คุณแม่กับคุณยายกำลังช่วยเธออยู่ใช่ไหม

เพื่อให้ได้ครอบครองคฤหาสน์ เพื่อแก้แค้นตระกูลเฉิน เธอจะทำตามความต้องการของนายท่าน ทุกอย่างจะคืบหน้าอย่างมั่นคง

  

“เฉินฮวนฮวน นับวันฉันก็ยิ่งมองเธอไม่ออกจริงๆ” เฟิงหานชวนเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ

ก่อนนายท่านจะกลับมาเป็นอีกอย่าง หลังจากนายท่านกลับมาก็เปลี่ยนเป็นอีกอย่าง

พูดตามตรงว่า เฟิงหานชวนรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยเห็นผู้หญิงที่กลับกลอกเช่นนี้มาก่อน!

  

“อาสาม ขอโทษนะคะ เรื่องที่ฉันรับปากคุณไว้ก่อนหน้านี้ ฉันเป็นคนผิดสัญญาก่อน ฉันขอโทษค่ะ!” อันที่จริงเฉินฮวนฮวนก็รู้สึกผิดในใจเล็กน้อย ถ้าเธอเป็นเฟิงหานชวน เธอก็คงจะโกรธมากเช่นกัน

เธอรับปากอย่างดีว่าจะเป็นผู้หญิงของเขา รับปากว่าจะออกไปจากตระกูลเฟิง และไปจากเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่ตอนนี้เธอกลับผิดสัญญาเสียแล้ว

  

ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้เฟิงหานชวนจะโกรธเธอมาก หรือเกลียดเธอมากก็ตาม เธอก็เข้าใจทุกอย่าง

  

“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ คำพูดแบบนี้เป็นคำติดปากของเธอ แผนการของเธอ!” เฟิงหานชวนชี้ไปที่เฉินฮวนฮวน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล

ตอนนี้เขาเกลียดท่าทางยอมจำนนต่อเขาของเฉินฮวนฮวนมาก เพราะทุกครั้งที่เฉินฮวนฮวนทำแบบนี้กับเขา เขาจะหัวหมุนได้ทุกครั้ง

เฉินฮวนฮวนสบตาเข้ากับดวงตาที่มีแววกรุ่นโกรธของเฟิงหานชวน ขอบตาของเธอร้อนผ่าว สำหรับคำตำหนิของเฟิงหานชวน เธอไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้น

เธอไม่อยากจะอธิบายอะไรมากแล้ว

เพราะถึงแม้ว่าเธอจะอธิบาย เฟิงหานชวนก็ไม่เชื่อเธออีกแล้ว

ภายในรถเงียบไปชั่วขณะ

เฟิงหานชวนไม่รอคำอธิบายของเฉินฮวนฮวน เธอเหมือนกับลูกแกะดื้อรั้น ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ

เขาเพียงรู้สึกโกรธจนร้าวรานไปถึงทรวงใน เสียง “คลิ๊ก” ดังขึ้น หลังจากที่เขากดปุ่มปลดล็อก

  

“ไป!” เขาตวาดขึ้นเสียงดัง

เฉินฮวนฮวนรีบเปิดประตูรถ และรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

เฟิงหานชวนใช้โอกาสนี้ก้มศีรษะลงและปิดปากผู้หญิงตรงหน้าเขาทันที

จูบนั้นราวกับพายุที่รุนแรง

"อื้ม…."

เฉินฮวนฮวนตอบโต้ทันทีและพยายามขัดขืน

ในขณะเดียวกัน ด้านนอกประตู

หญิงร่างสูงเพรียวยืนอยู่ที่ประตูโน้มตัวโดยเอาหูแนบบานประตูเพื่อพยายามฟังเสียงข้างในห้อง

เธอได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวบางอย่างจึงตัดสินใจเอื้อมมือออกไปจับที่ลูกบิดประตูทันที

"กริ๊ก" ประตูถูกเปิดออก

"ฮวนฮวน เธอมีชุดนอนใหม่…ไหม?" เมื่อเฉินนานาเปิดประตูเข้ามา เธอก็บังเอิญเห็นฉากนี้พอดี

เธอชะงักไปครู่หนึ่ง เธอยักไหล่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: "ขอโทษที่รบกวนพวกคุณ ฉันจะจำไว้ว่าคราวหน้าต้องเคาะประตูก่อน"

หลังจากพูดจบเธอก็หันหลังเดินออกไป เฉินฮวนฮวนก็เรียกเธอไว้ทันที

"นานา เดี๋ยวฉันจะไปเอาชุดนอนมาให้!" เฉินฮวนฮวนหน้าแดงมาก เธอเดินผ่านเฟิงหานชวนและเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ

ชุดนอนที่อยู่ในตู้เธอแทบจะไม่ได้ใส่เลย เธอจึงหยิบมาสองสามตัวแล้วยัดใส่มือของเฉินนานา เธอหลบสายตาและพูดอย่างอายๆว่า: "ทั้งหมดเป็นเสื้อใหม่"

"ขอบคุณนะฮวนฮวน ฉันรีบมาเลยไม่ได้พกอะไรมาสักอย่าง" เฉินนานายิ้ม เธอถือชุดกระโปรงบางและเดินออกจากห้องไป

พอประตูปิดลงขาของเฉินฮวนฮวนก็อ่อนยวบและล้มลงกับพื้นทันที

เธอตายแน่ๆ!

เฉินนานาเป็นผู้หญิงของนายท่านเฟิง อีกไม่นานนายท่านเฟิงก็คงจะรู้เรื่องระหว่างเธอกับเฟิงหานชวน จากนั้นเธอก็คงจะถูกขับไล่ออกจากบ้านตระกูลเฟิงแน่นอน

เมื่อเธอถูกไล่ออก เธอก็จะทำอะไรไม่ได้แล้ว

เมื่อเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของผู้หญิงตรงหน้า เฟิงหานชวนก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ

ความโกรธเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากที่นายท่านกลับมา ผู้หญิงคนนี้ก็ปฏิเสธเขาและทำตัวเป็นนายหญิงตระกูลเฟิง!

เขาเกือบจะต้องการให้เธอเป็นผู้หญิงของเขาจริงๆ และถ้ามันลงตัวเธอก็สามารถอยู่ในทะเบียนบ้านต่อไปได้

แต่ตอนนี้…

ใบหน้าของเฟิงหานชวนมืดลง เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำและใช้ขายาวๆของเขาเดินออกจากห้องไป

เฉินฮวนฮวนมองไปที่แผ่นหลังของร่างสูง ในใจของเธออยากจะรั้งเขาไว้แต่เธอสุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

ตอนนี้เธอสับสนมาก อะไรๆก็ยากที่จะเข้าใจไปหมด

อาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงในฐานะนายหญิง นายท่านเฟิงก็จะสามารถช่วยพาเธอกลับไปที่บ้านของแม่ได้ และก็คงจะช่วยเธอลงโทษพวกตระกูลเฉินอีก แต่ว่า…

แต่ถ้าฟังจากคำพูดของนายท่านเฟิงแล้ว เธอก็คงจะไม่สามารถเอาสร้อยคอของแม่ของเธอกลับมาได้แน่นอน เพราะถ้านายท่านเฟิงรู้ว่าเธอถูกหลิวตงรุ่ยขู่บังคับเธอ เขาจะต้องเปลี่ยนหลานสะใภ้แน่ๆ

บ้านตระกูลเฟิงที่สง่างามหลังนี้ก็คงไม่ต้องการให้ผู้หญิงที่ผ่านเรื่องแบบนั้นมาและไม่มีทางรับเธอไปเป็นนายหญิงอย่างแน่นอน

แถมตอนนี้เธอยังไปทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกขุ่นเคืองอีก เฟิงหานชวนคงจะไม่ช่วยเธอตามหาหลิวตงรุ่ยอีกแน่นอน เธอควรจะทำอย่างไรดี

……

ห้องนอนใหญ่บนชั้นสี่

การตกแต่งสไตล์จีนเต็มไปด้วยความหรูหรา

บนเตียงไม้มะฮอกกานีอันหรูหรา บรรยากาศที่ดูไม่เข้ากับหญิงสาวลูกครึ่งที่กำลังนอนอยู่ข้างๆเฟิงเหลยถิงอยู่บนเตียง

"เป็นอย่างไรบ้าง?" เฟิงเหลยถิงถามอย่างกังวล

"เหลยถิง ฉันอาย" เฉินนานาหน้าบึ้งตึง เธอเอนศีรษะไปซบที่แขนของเฟิงเหลยถิงและกล่าวต่อว่า: "พวกเขาสองคนกำลังพลอดรักกันอยู่ คุณบอกให้ฉันเปิดประตูเข้าไปได้เลยโดยไม่ต้องเคาะประตู ฉันไปขัดจังหวะพวกเขา ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี ฉันเหมือนคนไม่มีมารยาทเลย"

"เธอพูดว่าอะไรนะ?" เฟิงเหลยถิงดันเฉินนานาออก สีหน้าของเขาดูตกตะลึง

สีหน้าของเขาแสดงความแปลกใจ เขาถามอย่างเร่งรีบว่า: "พูดใหม่สิ ทั้งสองคนกำลังพลอดรักกันอยู่อย่างนั้นเหรอ?"

"ใช่ พวกเขาเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่เหรอ? การพลอดรักกันในช่วงกลางดึกของคู่รักก็น่าจะเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณต้องให้ฉันเข้าไปขัดขวางพวกเขาด้วยล่ะ? "การแสดงออกทางสีหน้าของเฉินนานาดูว่างเปล่า

"แน่ใจเหรอว่าพวกเขากำลังพลอดรักกัน?" เฟิงเหลยถิงยังคงไม่เชื่อ

ลูกชายคนที่สามของเขาไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาไม่เคยเห็น เฟิงหานชวนเข้าใกล้ผู้หญิงเลย แม้กระทั่งเวลาที่เขาคุยกับผู้หญิงเขาก็ยังเว้นระยะห่าง

คำว่าพลอดรักเกิดขึ้นกับเฟิงหานชวน มันทำให้เฟิงเหลยถิงไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย

"แน่ใจสิ ฉันไม่ได้ตาบอดนะ! พอฉันเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นทั้งสองคนกำลังจูบกันอยู่! "เฉินนานาแตะคอเฟิงเหลยถิงด้วยมือของเธอ ขยับร่างกายของเธอเข้าไปใกล้ๆเขาแล้วถามว่า: "หรือจะให้ฉันแสดงให้คุณดูไหม?"

เฟิงเหลยถิงมองไปที่ร่างบางที่มีเสน่ห์และแสนจะเซ็กซี่ตรงหน้าเขา เขากรอกตาสองสามครั้งแล้วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ค่ำคืนนั้นแสนยาวนานและช่างร้อนแรง

……

เฉินฮวนฮวนนอนไม่หลับทั้งคืน

หลังจากตื่นนอนตอนเช้า เธอก็ลงไปชั้นล่างพร้อมกับอารมณ์ที่หดหู่และเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร

เธอต้องทานอาหารเช้าแล้วต้องรีบไปเรียน

ในขณะเดียวกันก็มีการเคลื่อนไหวมาจากชั้นบน เธอคิดว่าจะต้องเป็นเฟิงหานชวนที่กำลังจะลงไปชั้นล่างแน่ๆ แต่เมื่อเธอหันกลับไปมอง กลับกลายเป็นว่าคนนั้นคือนายท่านเฟิง

"อรุณสวัสดิ์ค่ะนายท่าน"เฉินฮวนฮวนเอ่ยทักทายอย่างกล้าๆกลัวๆ

เมื่อนึกถึงคำพูดของเฉินนานาเมื่อคืน เฟิงเหลยถิงก็หัวเราะออกมาจากนั้นเขาก็ทำหน้าจริงจังแล้วพูดว่า: "ยังเรียกฉันว่านายท่านอยู่อีก? จะไม่เปลี่ยนหน่อยหรือไง? "

"เปลี่ยน?" เฉินฮวนฮวนตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยความงุนงงว่า: "คุณปู่"

เธอสับสนเล็กน้อย เฉินนานาไม่ได้บอกนายท่านเฟิงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอและเฟิงหานชวนเมื่อคืนนี้หรอกเหรอ?

ทำไมนายท่านเฟิงถึงยอมให้เธอเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกท่าน?

"คุณปู่!?" เมื่อได้ยินดังนั้นเฟิงเหลยถิงก็รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด เขาถามด้วยสีหน้างุนงงว่า: "นี่ นี่ นี่…นี่มันอะไรกันเนี่ย?"

ท่าทางที่ดูเกินจริงของเฟิงเหลยถิงยังสร้างความสับสนให้กับเฉินฮวนฮวน เธอพูดไม่ออกด้วยความสับสน

ไม่ควรเรียกว่า "คุณปู่" หรอกเหรอ?

แต่ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นหลานชายของเฟิงเหลยถิง เพราะฉะนั้นเฟิงเหลยถิงก็ต้องเป็นปู่ของเฟิงเฉินเหยี่ยน และเธอเป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยน ดังนั้นเธอก็ควรเรียกเฟิงเหลยถิงว่า "คุณปู่"

ไม่ผิดใช่ไหม? ทำไมเฟิงเหลยถิงถึงดูตกใจขนาดนั้น?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนจริงๆ เธอไม่กล้าที่จะพูดอะไรเลย เธอมองไปที่เฟิงเหลยถิงด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า

"ฮวนฮวน เธอแน่ใจเหรอว่าจะเรียกฉันว่าคุณปู่?" เฟิงเหลยถิงชี้มาที่ตัวเองและถามยืนยันอีกครั้ง

"นายท่าน ท่านเป็นปู่ของอาเหยี่ยน ฉัน…ฉันควรเรียกท่านว่าคุณปู่ไม่ใช่หรอคะ?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนไปหมดแล้ว

"คุณชายสามไม่ได้บอกเธอเหรอ?" เฟิงเหลยถิงรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ

คุณชายสาม?

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นลูกชายคนที่สามของเฟิงเหลยถิง ดังนั้นคุณชายสามก็น่าจะหมายถึงเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนไม่ได้บอกอะไรเธออย่างนั้นเหรอ?

ในขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังอยากที่จะเอ่ยถาม ทันใดนั้นก็มีการเคลื่อนไหวมาจากตรงบันได และเสียงต่ำๆของผู้ชายก็ดังขึ้น: "ผมไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ"

ในขณะเดียวกันจู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งวิ่งเข้ามาจากประตู

"คุณปู่!?" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

เฉินฮวนฮวนเห็นเฟิงเฉินเหยี่ยนวิ่งเข้ามาและหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเฟิงเหลยถิงด้วยรอยยิ้ม: "คุณปู่ ผมได้ยินมาว่าคุณปู่พานางแบบสาวอายุประมาณยี่สิบต้นๆกลับมาด้วยเหรอ?"

ทันทีที่คำพูดไร้สาระของเฟิงเฉินเหยี่ยนจบลง เสียงหนาๆอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางประตู เสียงออกแนวตำหนิหน่อยๆ: "พ่อ ครั้งนี้พ่อเล่นมากเกินไปแล้ว!"

เฉินฮวนฮวนมองตามไปที่เสียงทางประตูก็พบเข้ากับชายวัยกลางคนกำลังเดินเข้ามา เขาไม่ได้สูงเท่ากับเฟิงหานชวน และแม้ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะไม่ได้โดดเด่นอะไรขนาดนั้น แต่ออร่าของเขาก็ยังสามารถฆ่าสาวๆทั้งหมดได้ภายในพริบตา

ระหว่างคิ้วและตาของเขาคล้ายๆกับนายท่านเฟิง แต่เขาคงน่าจะเหมือนแม่ของเขามากกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้หล่อเท่านายท่านเฟิงและเฟิงหานชวน

นอกจากนี้เขามาพร้อมกับเฟิงเฉินเหยี่ยน เฉินฮวนฮวนกำลังคำนวณถึงสถานะของเขา

ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นลูกชายคนโตของนายท่านเฟิงและต้องเป็นพ่อของเฟิงเฉินเหยี่ยนแน่ๆ

ในรูปภาพ เป็นภาพของผู้หญิงที่สวยงานดึงดูดใจ แล้วก็อุ้มเด็กผู้ชายไว้คนหนึ่ง

และผู้ชายคนนี้ก็คือ เฟิงหานชวน

"ซินหรุ่ย ฉันยิ่งอยู่ยิ่งไม่เข้าใจหานชวนแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นหมัน หรือว่าชอบผู้ชาย อายุป่านนี้แล้วยังไม่เคยเห็นถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงเลย ฉันก็คงจะมีแค่วิธีนี้แล้วล่ะ ลองให้เขาทดสอบเด็กผู้หญิงคนนี้ดู"

เฟิงเหลยถิงถอนหายใจยาวๆเฮือกหนึ่ง แล้วเอารูปภาพทาบไว้ที่อกของตัวเอง

วินาทีต่อมา ประตูถูกเปิดออก จากนั้นก็มีเสียงปิดประตูดัง"ปัง"

เฟิงหานชวนเดินก้าวยาวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา

"ทำอะไรกันแน่ พรุ่งนี้ก็ให้หล่อนออกไปเลย"เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชา

"ใบทะเบียนสมรสของพวกเธออยู่ในตู้เซฟของฉัน รหัสแกก็ไม่รู้ เธอเป็นภรรยาของแก แล้วแกยังจะใจดำกับเธออย่างนี้อีกหรอ" เฟิงเหลยถิงเม้มปาก บนใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่มีต่อลูกชายสามคนนี้

"ภรรยาของผมหรอ คนทั้งบ้านตระกูลเฟิงต่างก็เรียกเธอว่านายหญิง ในสายตาของผู้คน รวมถึงในสายตาของเฉินฮวนฮวนเองด้วย หล่อนเป็นภรรยาของอาเหยี่ยนนี่"เฟิงหานชวนพูดด้วยความเย็นชาคำหนึ่ง

"เหอะ"เฟิงเหลยถิงก็พูดออกมาคำหนึ่ง ชี้ไปหาเขา"ถ้าไม่ใช่เพราะฉันปิดบังเรื่องที่แกทำไม่ได้แล้ว ยังต้องให้อาเหยี่ยนมาเป็นแพะรับบาปแทนแกหรอ"

"……"เฟิงหานชวนกัดริมฝีปากไปหลายที

นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

"ถ้าหล่อนไม่รังเกียจที่อาเหยี่ยนเป็นหมัน หลังจากที่รู้ว่าตัวเองเป็นภรรยาของแก ก็จะไม่รังเกียจที่คุณไร้สมรรถภาพไง ฉันยังสามารถรักษาชื่อเสียงของแกไว้ได้ด้วย อาเหยี่ยนยอมเสียชื่อเสียงขนาดนั้นแล้ว แกจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับฮวนฮวนหน่อยไม่ได้หรอ"

เฟิงเหลยถิงพูดต่อเป็นเรื่องเป็นราว แต่คิ้วของเฟิงหานชวนกลับขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

อันนี้มันเล่นเกมอะไรกันแน่เนี่ย

"ตาเฒ่า เรื่องนี้คุณเป็นคนก่อขึ้นมาเอง คุณรับผิดชอบเองเถิด"เฟิงหานชวนเอามือสองข้างเท้าเอวไว้ ชี้ไปยังเฟิงเหลยถิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่มาอย่างไร้ทิศทาง

"ฉันรับผิดชอบ จะให้ฉันรับผิดชอบยังไง แกอยากให้ภรรยาของตัวเองกลายเป็นแม่เลี้ยงของแกหรอ"เฟิงเหลยถิงโต้ตอบทั้งทำมือแล้วก็กระทืบเท้า

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินก็แทบจะกระอักเลือดออกมา

"ตาเฒ่า คุณอธิบายให้ผมหน่อยว่า เฉินนานาคนนั้นมันมาได้ยังไง ครั้งนี้คุณพาหล่อนเข้ามาอยู่ในบ้าน นี่คุณคิดจะแต่งเป็นครั้งที่สามหรอ"ใบหน้าของเฟิงหานชวนแสดงการดูถูกเหยียดหยามออกมา ทุกคำล้วนแล้วแต่เป็นคำถามทั้งสิ้น

"ฉันอายุป่านนี้แล้วยังจะแต่งอะไรอีกล่ะ หล่อนอยากจะกลับมากับฉันจากที่ไกลขนาดนั้น ฉันก็เลยให้หล่อนกลับประเทศด้วยน่ะสิ"ใบหน้าที่เหมือนจะไร้ยางอายของเฟิงเหลยถิง กับเรื่องแบบนี้แล้วเหมือนกับหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก(ไม่สะดุ้งสะเทือน)

"ผมน่ะไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น แต่ว่าลูกคนโตกับลูกคนรองของคุณ พี่ชายคนโตกับพี่ชายคนรองสองคนของผม……ตาเฒ่า พรุ่งนี้บ้านตระกูลเฟิงไม่มีวันสงบแน่ๆ"

เฟิงหานชวนหัวเราะเยาะคำหนึ่ง แล้วก็หันหลังผลักประตูเดินออกไปทันที

ขณะที่มองประตูห้องหนังสือที่ถูกปิดลง เฟิงเหลยถิงถอนหายใจยาวๆเฮือกหนึ่ง แล้วพูดพึมพำว่า"ทุกบ้านก็มีคัมภีร์ที่อ่านยากเล่มหนึ่งเหมือนกันแหละ"

……

เฟิงหานชวนเดินกลับไปห้องรับแขกด้วยความโมโหสุดขีด

เขาอารมณ์แย่มาก เป็นความรู้สึกรำคาญและโมโหที่มาจากหลายสาเหตุมารวมกัน

คิดได้ว่าเฉินฮวนฮวนพักอยู่ข้างๆ เฟิงหานชวนเดินตรงไปยังหน้าห้องของเธอ จับลูกบิดประตูเตรียมจะเปิดเข้าไป

แต่ว่า ประตูล็อกไว้

"ใคร" เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูขยับ เฉินฮวนฮวนที่กำลังเปลี่ยนชุดนอนอยู่ก็รีบถามกลับไปทันที

"ฉันเอง เปิดประตู"เฟิงหานชวนตอบอย่างไม่สบอารมณ์

นัยต์ตาของเฉินฮวนฮวนค่อยๆขยายกว้างขึ้น เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนมาอีกทำไม เขาไม่กลัวว่าจะมีคนเห็นเข้าหรอ

เธอรีบเดินไปยังประตูแต่ว่าไม่ได้เปิดประตู กลับถามด้วยเสียงเบาๆว่า"อาสาม คุณมีเรื่องอะไรหรอ"

เมื่อได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็รู้ทันทีว่าเธอกลัวจะมีคนเห็นเข้า เขาพูดอย่างเย็นชาว่า" เฉินฮวนฮวน ฉันจะพูดอีกครั้ง เปิดประตู "

เฉินฮวนฮวนได้ยินเสียงของเฟิงหานชวนที่แฝงด้วยความโกรธ หรือว่าเรื่องที่เธอคิดจะอยู่ต่อที่บ้านตระกูลเฟิง ถูกเฟิงหานชวนรู้เข้าแล้ว

เพราะอย่างนี้ เขาถึงได้โมโหหรอ

เขาต้องการให้เธอออกจากบ้านตระกูลเฟิงมาก แต่ตอนนี้เธอกลับจะอยู่ต่อ เลยทำให้เขาโมโหหรอ

คิดถึงตรงนี้ เฉินฮวนฮวนรู้สึกกลัวเล็กน้อย ยิ่งไม่กล้าเปิดประตู เธอไม่รู้ว่าจะสู้หน้าผู้ชายคนนี้ยังไงดี

"เฉินฮวนฮวน ฉันจะนับ หนึ่งถึงสาม ถ้าไม่เปิดประตู ฉันจะพังเข้าไปแล้วนะ"

" 1 "

" 2 "

เสียง"แกร๊ก"เสียงหนึ่ง เฉินฮวนฮวนรีบเปิดประตู

เธอเงยหน้าสบตาเฟิงหานชวนทีหนึ่ง เห็นใบหน้าที่เหมือนกับว่าจะกินเธออย่างนั้น เธอรีบก้มหัวลงไม่กล้าสบตาเฟิงหานชวนตรงๆ

เฟิงหานชวนเดินเข้าไป แล้วก็เดินเข้าใกล้ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า

แต่ว่าเขาเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง เฉินฮวนฮวนก็จะเดินถอยหลังก้าวหนึ่ง ทุกๆก้าวเหมือนกับว่ากำลังหลบหนีเขา

เฟิงหานชวนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ยื่นมือออกไปจับแขนของเธอแล้วดึงเธอเข้ามาหาตัวเอง เฉินฮวนฮวนไม่ทันได้ตั้งตัวเลยซบลงไปในอ้อมกอดของผู้ชายทันที

"อาสาม อย่าค่ะ……"

เฉินฮวนฮวนสะดุ้งตกใจ ผลักเขาออกไปทันที เหมือนกับกระต่ายที่ตกใจกลัว ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาระยะห่าง กับเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเห็นการขัดขืนของผู้หญิง บอกได้เลยว่าสีหน้าของเขาดำสนิทเลย

"อย่าหรอ"สายตาเย็นชาคู่นั้นจ้องไปยังผู้หญิงที่อยู่ห่างจากเขาประมาณหนึ่งเมตร

เฉินฮวนฮวนก็สู้สายตาของเขา เธอรู้สึกว่าในตาของเฟิงหานชวน เหมือนกับว่าเกิดแท่งน้ำแข็งได้อย่างนั้น แล้วรู้สึกว่าแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นกำลังพุ่งเข้ามาทางเธอ

เธอรู้สึกว่าร่างกายแข็งทื่อไป อดไม่ได้ที่จะค่อยๆถอยหลังไปเล็กน้อย

เห็นว่าผู้หญิงเริ่มจะถอยหลังกลับไปอีกแล้ว เฟิงหานชวนจึงยื่นมือมาดึงคอเสื้อ ถามว่า "เธอพูดอะไรกับนายท่านบ้าง"

เห็นเฟิงหานชวนดึงคอเสื้อไปมา เฉินฮวนฮวนก็คิดถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับนายท่านตระกูลเฟิงอีก ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยน จากนี้ต้องเป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยน ฉะนั้นจากนี้ไปเธอจะต้องไม่เกิดเรื่องอะไรกับเฟิงหานชวนอีก

เพื่อขับไล่ผู้บุกรุกสามคนนั้นออกจากคฤหาสน์ของคุณแม่ เพื่อเป็นบทลงโทษบ้านตระกูลเฉิน เธอได้ตอบรับคำขอของนายท่านแล้วว่าจะเป็นนายหญิงของบ้านตระกูลเฟิงแต่โดยดี

ดังนั้นเธอจำเป็นที่จะต้องรักษาระยะห่างกับเฟิงหานชวน

"อาสาม ฉันจะไม่ออกไปจากบ้านตระกูลเฟิงแล้ว " เฉินฮวนฮวนถอนหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง สบตามองเฟิงหานชวนด้วยความกล้าหาญ

แค่คำพูดประโยคนี้ เฟิงหานชวนก็พอจะรู้ความหมายคร่าวๆแล้ว เขาเดินก้าวยาวเข้าไปหาเฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวนรีบเดินถอยหลังด้วยความตกตะลึง

ในที่สุด เธอถูกบีบจนมุม ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

"อาสาม จากนี้เป็นต้นไป ฉันคือภรรยาของอาเหยี่ยน พวกเราไม่สามารถจะ……"

คำพูดของเฉินฮวนฮวนยังพูดไม่จบ คางก็ถูกขึ้น ใบหน้าที่สง่างามของเฟิงหานชวนขยายใหญ่อยู่ตรงหน้าเธอ

เห็นสีหน้าที่เอาจริงเอาจังของผู้หญิงข้างหน้า ในใจของเฟิงหานชวนเกิดไฟแห่งความโกรธที่มาอย่างไม่มีสาเหตุ มืออีกข้างหนึ่งเปิดชายกระโปรงชุดนอนของเฉินฮวนออก

"ไม่ได้ อาสาม อย่าค่ะ……"

เฉินฮวนฮวนยื่นมือออกไปจับมือของเฟิงหานชวนไว้ หยุดการกระทำของเขา

เฟิงหานชวนเห็นการขัดขืนของเธอ ใช้มือทั้งสองข้างล็อกแขนของเธอไว้ เอามือทั้งสองข้างของเธอพาดไปบนหัวเตียง

"ในเมื่อเธอตกลงจะอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง ก็แสดงว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถเป็นไปได้"เสียงที่เย็นเฉียบของเฟิงหานชวนดังก้องอยู่ข้างหูของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไปอย่างไม่รู้ตัว

"ว้าว——"

เสียงแหลมที่ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ทำให้เฉินฮวนฮวนสะดุ้งเล็กน้อย

จากนั้นเสียงเล็กแหลมของเฉินนานาก็พูดต่อว่า "ที่รัก นี่คือลูกชายคนที่สามของคุณหรอ"

เฉินฮวนฮวนเดินไปข้างหน้าเล็กน้อย เห็นเฟิงหานชวนเดินลงบันไดแล้วก็กำลังเดินมาทางพวกเขา

เวลานี้ ใบหน้าของเฉินนานาเต็มไปด้วยความหลงใหล เหมือนกับสาวน้อยที่บ้าคลั่งเมื่อเห็นเน็ตไดดอลของตัวเอง

"นานา เธอทำแบบนี้ฉันก็หึงเป็นเหมือนกันนะ" เฟิงเหลยถิงยื่นมือไปแตะปลายจมูกของเฉินนานา

ชั่วขณะนั้น เฉินนานาก็ยื่นมือไปคล้องแขนเฟิงเหลยถิงไว้ด้วยความเคอะเขิน แล้วเข้าไปหาเขาด้วยท่าทางกระชดกระช้อย "เหลยถิงสุดที่รักคะ ฉันก็แค่ถามเฉยๆแหละ สำหรับฉันแล้วคุณถึงจะเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลก"

เมื่อพูดจบ เฉินนานาก็หอมแก้มเฟิงเหลยถิงทีหนึ่ง

เฉินฮวนฮวนเห็นฉากนี้อยู่ข้างๆ ทำตาโตด้วยความตะลึง ในสมองเกิดความสับสนวุ่นวายอีกครั้ง

"ตาเฒ่า คุณยังคงนิสัยเหมือนเดิมเลยนะ"เฟิงหานชวนจ้องพวกเขาด้วยความเย็นชาทีหนึ่ง บนใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา

เห็นท่าทางที่เย็นชาของเฟิงหานชวนบวกกับประโยคสนทนาที่พวกเขาคุยกันเมื่อครู่ เฉินฮวนฮวนพอจะเดาได้ว่า นายท่านของตระกูลเฟิงคนนี้น่าจะเป็นคนที่มีประสบการณ์รักที่โรแมนติก

"ฉันเป็นพ่อของแก ทุกครั้งแกยังเรียกฉันว่าตาเฒ่า กำลังหัวเราะเยาะว่าฉันแก่น่ะสิ"เฟิงเหลยถิงชี้ไปยังเฟิงหานชวนด้วยอารมณ์โกรธที่มาจากหลายสาเหตุ

เฉินนานายื่นมือที่มีเล็บสีแดงตบเบาๆบนอกของเฟิงเหลยถิง พูดด้วยความอ่อนหวานว่า" เหลยถิง คุณไม่แก่เลยสักนิด คุณเป็นคนที่ยิ่งแก่ยิ่งดูแข็งแรงน่ะ"

เมื่อเฉินฮวนฮวนฟังจบ ก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่

ไม่รู้ว่าเฉินนานาไม่เข้าใจความหมายในภาษาจีน หรือว่าเข้าใจความหมายในภาษาจีน แต่ว่าภาษิตนี้มันใช้ได้……เหมาะสมจริงๆ

"ป้าหลี่ คุณพานานาไปห้องส่วนตัวของฉันก่อน ฉันกับฮวนฮวนจะไปคุยกันที่ห้องหนังสือหน่อย"เฟิงเหลยถิงออกคำสั่งให้ป้าหลี่คำหนึ่ง แล้วก็กวาดสายตามองมายังเฟิงหานชวน

เฟิงเหลยถิงส่งสายตาที่เดาไม่ออกว่าหมายถึงอะไรให้กับเฟิงหานชวนแล้วก็พาเฉินฮวนฮวนเดินไปยังห้องหนังสือ

ห้องหนังสือที่เงียบงัน มีแค่เขาสองคนอยู่ข้างในนั้น

"นายท่าน ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณจริงๆ ถึงแม้ว่าคุณเพิ่งจะมาถึง แล้วก็ต้องการพักผ่อน แต่ว่าฉันอยากจะพูดกับคุณให้เข้าใจกันเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"เฉินฮวนฮวนรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วก็อ้าปากพูด

"พูดสิ เธออยากพูดอะไรกับฉันหรอ"นายท่านของตระกูลเฟิงนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สีแดงตัวหนึ่ง แล้วถามอย่างเป็นกันเอง

แต่ว่าสีหน้าและท่าทางจริงจังกว่าเมื่อกี้มาก

ทำให้เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะระมัดระวังเล็กน้อย เธอหายใจลึกๆทีหนึ่ง แล้วก็อ้าปากถามว่า" ฉันอยากจะออกจากบ้านตระกูลเฟิง คุณเอาค่าสินสอดสิบล้านกลับมาจากบ้านตระกูลเฉิน แล้วก็หยุดการให้ทุนกับเฉินซื่อกรุ๊ปได้ไหม"

"เธอเป็นคนอยากแต่งเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิงไม่ใช่หรอ ผู้ดูแลจางไม่ได้มัดเธอมานี่ ทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนใจล่ะ"เฟิงเหลยถิงยักไหล่ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ

"นายท่าน ตอนแรกที่ฉันยอมแต่งเข้ามาบ้านตระกูลเฟิง ก็เพราะว่าเฉินเจี้ยนหมินได้เสนอเงื่อนไขให้ฉัน เขารับปากกับฉันว่า ถ้าฉันแต่งเข้ามาแล้ว เขาจะแบ่งเงินให้ฉันหนึ่งแสน แล้วก็จะคืนคฤหาสน์ของคุณแม่ให้ฉันด้วย……แต่ว่า เขาไม่รักษาสัญญา เพราะอย่างนี้……"

เฉินฮวนฮวนยังพูดไม่จบ ก็ถูกเฟิงเหลยถิงขัดขึ้นมา "เพราะอย่างนี้ เธอจึงตัดสินใจออกจากบ้านตระกูลเฟิงหรอ"

"ใช่ ใช่"เฉินฮวนฮวนรีบพยักหน้าตอบรับ

"ประการแรก ค่าสินสอดสิบล้านนั้นเราให้ไปแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าบ้านตระกูลเฉินใช้หมดไปแล้วหรือยัง ถ้าพวกเขาไม่มีเงินจะคืนให้ล่ะ ประการที่สอง ตระกูลเฟิงได้ให้เงินทุนกับเฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว การจะเอาทุนคืนมานั้นมันไม่เหมาะสม มันจะเป็นการผิดกฏของการลงทนในตลาด แล้วก็จะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของเฉินซื่อกรุ๊ปด้วย" ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเฟิงเหลยถิงเปลี่ยนเป็นใบหน้าเคร่งขรึมแทน

ได้ฟังคำพูดของเฟิงเหลยถิงแล้ว ความกดดันสายนั้นที่เหมือนกับความรู้สึกที่เฟิงหานชวนได้ให้กับเธอ ทำให้เฉินฮวนฮวนกำมือทั้งสองข้างแน่น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น

"ขอโทษค่ะ นายท่าน แต่ว่าฉัน……ฉันกับอาเหยี่ยนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย พวกเรา……"เฉินฮวนฮวนเริ่มจะพูดติดๆขาดๆ

เมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงเหลยถิง เธอพบว่าสิ่งที่เธอคิดไว้นั้นถูกขัดขวางทุกช่องทาง เวลาสั้นๆอย่างนี้เธอคิดไม่ออกว่าจะเอาอะไรไปแก้ต่างกับเขา

เธอไม่มีพื้นฐานอะไรเลย เป็นแค่ของชิ้นหนึ่งที่ถูกขายเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิง ในเวลาแบบนี้เธอยิ่งไม่มีอะไรจะไปต่อกรกับบ้านตระกูลเฉินเลย

"ฮวนฮวนเอ๋ย จริงๆแล้วได้ยินสิ่งที่เธอพูด ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบมาก ในเวลาที่เธอรู้สึกโกรธและเกลียดตระกูลเฉินที่รู้ว่าตัวเองถูกขาย เธอก็ยังไม่หนีออกไป แต่กลับรอให้ฉันกลับมาเจรจา

ทำให้ฉันเห็นว่าเธอเป็นเด็กดีนะ"

เฟิงเหลยถิงเป็นคนที่ไปไปมามาทั่วทุกที่ ได้พบเจอผู้คนมากมาย แน่นอนว่ามองครั้งเดียวก็ดูนิสัยของคนคนหนึ่งออก

"ขอบคุณค่ะ นายท่าน"ในหัวของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความสับสน นอกจากจะตอบกลับแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรอีกแล้ว

เวลานั้น เฟิงเหลยถิงลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาเธอ ตบลงบนไหล่ของเธอเบาๆ พูดว่า "ขอแค่เธออยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงดีๆ แล้วก็ให้ลูกหลานกับบ้านตระกูลเฟิง ศัตรูของเธอก็จะเป็นศัตรูของบ้านตระกูลเฟิงของเราด้วย"

เมื่อพูดจบ ใบหน้าของเฟิงเหลยถิงก็เผยรอยยิ้มออกมา ดูแล้วก็รู้สึกดีกว่าเมื่อกี้มาก

เฉินฮวนฮวนพบว่า นายท่านตระกูลเฟิงเป็นผู้ชายที่เปลี่ยนอารมณ์ได้ตลอด ทำให้คนอื่นคาดเดาไม่ได้เลย

ทันใดนั้นเธอก็ได้คำตอบว่าเฟิงหานชวนเหมือนใคร ที่แท้ก็เหมือนพ่อแท้ๆนี่เอง

ไม่เพียงแต่บุคลิกเหมือนเท่านั้น แต่ในเรื่องของผู้หญิงก็เหมือนกันด้วย เหมือนกับว่าจะเจ้าชูเหมือนกัน

แต่ว่า ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่เฉินฮวนฮวนต้องคิดในตอนนี้ ประเด็นสำคัญคือ……

"นายท่าน ความหมายของคุณคือ.."เฉินฮวนฮวนยังไม่แน่ใจ จึงถามต่อไปอีกครั้ง

"เด็กดี เธอเข้าใจความหมายของฉันแหละ เธออยู่ในบ้านตระกูลเฟิงดีๆก็แล้วกัน ฉันขอสังเกตเธอสักครึ่งเดือนก่อน ถ้าเธอทำได้ดี ฉันก็จะช่วยเธอเอาคฤหาสน์ของแม่เธอกลับมาก่อน" ขณะที่เฟิงเหลยถิงพูดประโยคนี้ออกมานั้น ใบหน้ามีสายตาแห่งการทดสอบผ่านไปสายหนึ่ง

เขาต้องการทดสอบผู้หญิงคนนี้เข้าไปอีกระดับหนึ่ง

"คุณ……จะช่วยฉันเอาคฤหาสน์คืนมาหรอ"สีหน้าของเฉินฮวนฮวนตื่นตระหนกตกใจ แม้แต่เสียงก็สั่นเล็กน้อยเหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างนั้น

"ฉันเอาตัวเองเป็นประกันอย่างนี้ จะโกหกเธอได้ยังไง เธอตกลงไหมล่ะ"เฟิงเหลยถิงยิ้มเจือนเจือน

เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนใจทันที

เพื่อเอาคฤหาสน์ของคุณแม่คืนมา เพื่อเป็นบทลงโทษตระกูลเฉิน เธอต้องอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงแล้วล่ะ

"ฉันตกลง"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าทันที

"ฮาฮาฮาฮา……"เฟิงเหลยถิงหัวเราะดังๆออกมา พูดด้วยความดีใจว่า"ต่อจากนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของเธอแล้ว ถ้าเธออุ้มท้องหลานของบ้านตระกูลเฟิง มีความต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย ฉันจะทำให้คุณสมหวังแน่นอน"

ลูกหลานหรอ

สีหน้าเฉินฮวนฮวนตกใจมาก เธอเตือนด้วยเสียงเล็กๆพร้อมกับความเคอะเขินว่า "นายท่าน แต่ว่าอาเหยี่ยน เขา……"

เธอไม่ได้อยากอุ้มท้อง แต่ว่าอยากให้นายท่านเข้าใจสภาพความเป็นจริง

ทางด้านของเฟิงเฉินเหยี่ยนนั้นไม่ได้แล้ว จะให้เธออุ้มท้องเป็นหลานได้ยังไง

"ออ ใช่ใช่ใช่ ไอ้เด็กน้อย อาเหยี่ยนตอนนี้คงทำไม่ได้แล้ว วันหลังค่อยว่ากัน ค่อยว่ากัน "เมื่อเฟิงเหลยถิงพูดประโยคนี้จบ ก็สะบัดมือ พูดว่า "เธอกลับไปพักผ่อนเถิด"

"ค่ะ ขอบคุณ นายท่าน "เฉินฮวนฮวนโค้งคำนับเฟิงเหลยถิง แล้วก็ออกจากห้องหนังสือไป

รอให้เธอออกไปแล้ว เฟิงเหลยถิงนั่งลงไปบนเก้าอี้ หยิบรูปภาพภาพหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก

บรรยากาศที่ร้อนอบอ้าว ได้กระจายออกไปเรื่อยๆในห้องที่เงียบงัน

เฉินฮวนฮวนหลับตาแน่น แล้วฟังเสียงการเคลื่อนไหวเล็กๆที่ผ่านมาข้างหู ทั้งใบหูและแก้มก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ

"ก๊อกๆๆ……"

เวลานี้ เสียงคนเคาะประตูดังขึ้น

เฉินฮวนฮวนสะดุ้งทีหนึ่ง เบิกตากว้างขึ้นมาทันที แล้วหยิบผ้าห่มขึ้นมาด้วยความรีบร้อน เอามาคลุมร่างกายของตัวเองไว้

สีหน้าของเฟิงหานชวนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หยุดการกระทำของตัวเอง

ทั้งสองคนสบตากัน ใครก็ไม่ยอมปริปากพูด

"นายหญิง คุณนอนหรือยัง"เสียงของป้าหลี่ดังเข้ามาจากข้างนอก

เฉินฮวนฮวนตกใจจนไม่กล้าตอบกลับ เฟิงหานชวนผงกหัวเป็นการส่งสัญญาณให้เธอ

" ยัง ยังไม่นอน ป้าหลี่ คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย มันเป็นเสียงสั่นที่เกิดจากความตื่นเต้น

ตอนนี้เธอกังวลใจเป็นพิเศษ เพราะถ้าหากความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงหานชวนถูกป้าหลี่รู้เข้า ถูกคนของตระกูลเฟิงรู้เข้า มันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ

"เมื่อกี้นายท่านโทรมาบอกว่า เขากำลังจะมาถึงบ้านแล้ว อยากจะพูดคุยกับคุณหน่อย คุณสะดวกไหม"ป้าหลี่ถามกลับไปอีก

เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างทันที นายท่านของตระกูลเฟิงกลับมาแล้วหรอ

"ฉัน……สะดวกอยู่ ขอเปลี่ยนชุดสักครู่แล้วจะลงไป"เฉินฮวนฮวนรีบตอบกลับไป

"โอเค"ป้าหลี่พูดจบ หันหลังแล้วก็เดินจากไปทันที

เมื่อไม่ได้ยินเสียงขยับจากหน้าประตูแล้ว เฉินฮวนฮวนก็ยื่นมือไปกระตุกชายแขนเสื้อของเฟิงหานชวน พูดด้วยเสียงเล็กว่า "อาสาม นายท่านกลับมาแล้ว……"

"ฉันได้ยินแล้ว"เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูแย่มาก

นายท่านกลับมาบังเอิญจริงๆ กลับมาในเวลาที่สำคัญอย่างนี้พอดิบพอดี

จะให้เขาไม่อารมณ์เสียได้ยังไง

"อืม……" เฉินฮวนฮวนตอบกลับด้วยเสียงที่เบาลง พูดต่อว่า"ถ้างั้นฉันขอไปสวมเสื้อผ้าก่อนนะ"

พูดจบเฉินฮวนฮวนก็เอาผ้าห่มออก ผิวขาวเนียนใสเผยให้เห็นในอากาศ เท้าของเธอยังไม่ทันได้แตะพื้น ผู้ชายที่อยู่ข้างๆก็ชิงยืนขึ้นมาก่อน

เฟิงหานชวนจัดเสื้อผ้าหน้าผมแล้วก็หันหลังเดินออกไปข้างนอกด้วยฝีก้าวที่ยาว จากนั้นก็ปิดประตูเดินจากไป

ทุกอย่างจัดการได้อย่างไม่มีที่ติ เหมือนกับว่าเมื่อกี้ระหว่างเขาสองคนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

ข้างในห้องเหลือเพียงเฉินฮวนฮวนคนเดียว

เธอรู้สึกว่าเมื่อกี้ตื่นเต้นจนแทบจะหายใจไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นตอนที่อยู่สองต่อสองกับเฟิงหานชวนหรือว่าตอนที่จู่ๆป้าหลี่ก็เข้ามาขัดจังหวะ

ไม่ว่ายังไง คืนนี้เหมือนจะเอาชีวิตของเธออย่างนั้นเลย

เมื่อคิดได้ว่านายท่านของตระกูลเฟิงจะกลับมาถึงในเร็วๆนี้ เธอก็ไม่กล้าล่าช้า รีบลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อผ้าจากกระเป๋าเดินทางออกมาชุดหนึ่ง รีบเปลี่ยนใส่

หลังจากที่เดินลงบันไดมาอย่างรีบร้อนแล้ว เฉินฮวนฮวนก็ต้องสะดุ้งตกใจทีหนึ่ง

เหมือนกับว่าคนใช้ของบ้านตระกูลเฟิงได้มารวมกันในห้องรับแขกห้องนี้ทั้งหมด ทุกคนยืนด้วยความเคารพ คนใช้ที่ปกติเธอไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ยืนอยู่ข้างหน้าประตูห้องรับแขก

จะเห็นได้ว่า อิทธิพลของนายท่านตระกูลเฟิงที่มีต่อบ้านหลังนี้นั้นมันน่าเกรงขามจริงๆ

หัวใจของเฉินฮวนฮวนเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัว ในใจคิดแต่เพียงว่านายท่านของตระกูลเฟิงจะเป็นคนที่น่ากลัวมากคนหนึ่งหรือเปล่า เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะไปสู้หน้าเขายังไง

เธอยังไม่ทันได้คิดจบ ก็มีเสียงแตรออกมาจากหน้าประตู จากนั้น หัวหน้าคนใช้สองคนก็ไปเปิดประตูใหญ่ แล้วก็มีรถโรลลอยด์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาในบริเวณบ้าน

เฉินฮวนฮวนไม่คิดอะไรก็เดินไปยังประตูรถด้วยความรีบร้อน

ทันทีที่ประตูรถเปิดออก ก็มีขาที่เรียวยาวสีน้ำผึ้งของผู้หญิงก้าวออกมา ที่เท้าสวมรองเท้าคริสตัลส้นสูงคู่หนึ่ง

เฉินฮวนฮวนสะดุ้งไปทีหนึ่ง หรือว่ารถคันนี้ไม่ใช่รถที่นายท่านนของตระกูลเฟิงนั่งกลับมา

จากนั้นผู้หญิงก็ลงจากรถ ร่างที่สูงเหมือนจะสูงกว่าเฉินฮวนฮวน เธอดูเซ็กซี่อย่างไม่มีใครเทียบได้ สวมกางเกงยีนรัดรูปทรงสามเหลี่ยม ท่อนบนเป็นเสื้อเย็บที่มองเห็นสะดือ

ขาคู่นั้น หน้าอกนั้น กับรูปร่างนั้น มันเป็นอะไรที่เพอร์เฟคสุดๆ

ผู้หญิงจ้องมองเฉินฮวนฮวน ถอดแว่นตากันแดดออก นัยต์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นจ้องมองเฉินฮวนฮวน ถามว่า "เธอเป็นใครหรอ"

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนถึงเห็นหน้าผู้หญิงได้อย่างชัดเจน เป็นรูปร่างหน้าตาแบบชาวยุโรปอเมริกัน การแต่งหน้าก็เป็นสไตล์ชาวยุโรปอเมริกัน

แต่ก็ไม่ได้เป็นชาวยุโรปอเมริกันไปเลยทีเดียว ดูๆแล้วก็เหมือนกับเป็นลูกผสม

"ฉัน……ฉันชื่อฮวนฮวน" เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าหล่อนเป็นใคร ได้แต่บอกชื่อของตัวเองออกไป

เธอหันหน้ากลับไปดู เห็นว่าคนใช้ทุกคนยืนอยู่อย่างสุขุม แต่ก็ไม่เห็นมีใครทักทายผู้หญิงคนนี้เลย

เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เฉินฮวนฮวนยังเดาฐานะของผู้หญิงไม่ออก

"ฮวนฮวนหรอ ที่แท้เธอก็คือฮวนฮวนนี่เอง" เวลานี้ มีเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยดังออกมาจากข้างในรถ แต่เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความซุกซน

จากนั้นก็มีคนลงจากรถอีกคนหนึ่ง ดูจากใบหน้าแล้วเป็นคนที่ย่างเข้าวัยชรา แต่ก็ยังสามารถเห็นความสง่างามของเขาเมื่อยามเป็นหนุ่มได้ รูปร่างก็ถือว่ารักษาได้ดีไม่ได้อ้วน

อีกอย่าง ประสาทสัมผัสทั้งห้าของผู้ชายคนนี้ก็มีความคล้ายคลึงกับเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนมองครั้งเดียวก็พอจะเดาออกว่า คนแก่คนนี้ก็คือนายท่านของตระกูลเฟิง

"สวัสดีค่ะ คุณคือนายท่านของตระกูลเฟิงใช่ไหมค่ะ"เฉินฮวนฮวนรีบโค้งตัวคำนับ

"ใช่นะสิ ไม่เหมือนใช่หรือเปล่า เพราะปีนี้ฉันอายุ 70 ปีแล้ว แต่ว่าฉันเหมือนกับคนอายุ 40 ใช่ไหมล่ะ"ตัวที่สวมเสื้อลายดอกกับกางเกงขาสั้นลายดอก ยังหมุนตัวไปมาต่อหน้าเฉินฮวนฮวนหลายรอบ เหมือนกับกำลังโชว์ความหล่อของตัวเองอย่างนั้นเลย

เหมือนกับว่ามีอีกาดำบินผ่านหน้าผากของเฉินฮวนฮวนไปหลายตัว แต่เธอก็พยักหน้าแล้วรีบตอบกลับไปว่า "ใช่ ใช่ค่ะ"

นอกจากการไหลไปตามน้ำ เธอก็ไม่รู้ว่าจะทักทายนายท่านของตระกูลเฟิงยังไงแล้ว

"โอ้พระเจ้า เหลยถิง หล่อนไม่ใช่ลูกสะใภ้ของคุณหรอ"ผู้หญิงมองดูเฉินฮวนฮวนจากข้างๆด้วยความตกใจ เสียงที่พูดออกมาไม่ได้คล่องมาก ฟังออกว่าน่าจะไม่ได้คุ้นเคยกับภาษาจีนมากนัก

ลูกสะใภ้หรอ

หัวของเฉินฮวนฮวนมีเครื่องหมายคำถามขึ้นมาทันที ไม่ใช่เป็นหลานสะใภ้หรอ

ผู้หญิงคนนี้ดูก็รู้ว่าเป็นคนต่างประเทศ ภาษาจีนก็พูดได้แย่มาก น่าจะสื่อสารผิดละมั้ง

นายท่านของตระกูลเฟิงกอดเอวของเฉินนานาไว้ แล้วหันไปพูดกับเฉินฮวนฮวนว่า "ฮวนฮวน ฉันขอแนะนำหน่อย นี่คือแฟนสาวของฉัน

เฉินนานา นางแบบอเมริกัน เราเจอกันที่ฮาวายแล้วก็คบกันที่นั่น"

"เฉินนานา นี่คือฮวนฮวน ที่ฉันเคยบอกเธอ หล่อนอายุน้อยกว่าเธอปีหนึ่ง พวกเธอถือว่าเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน น่าจะมีหัวข้อสนทนาที่เหมือนๆกันนะ"ระหว่างคิ้วของนายท่านตระกูลเฟิงแฝงด้วยความสุข

แต่เฉินฮวนฮวนกลับตัวแข็งทื่อไปด้วยความตกตะลึง

เฉินนานาอายุมากกว่าเธอแค่ปีเดียว แต่กลับเป็นแฟนของนายท่าน

ของตระกูลเฟิงหรอ

นี่มัน……

"สวัสดีฮวนฮวน ฉันคือนานา จากนี้เราสามารถไปเดินเล่นด้วยกันได้นะ" เฉินนานายื่นมือออกไปหาเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนก็ไม่กล้าลังเลอะไรมาก จึงรีบสัมผัสมือกับเฉินนานาก่อน

เรื่องที่เธออยากจะพูดกับนายท่านของตระกูลเฟิง เอาไว้อยู่ด้วยกันสองต่อสองค่อยพูดดีกว่า

จากนั้น เธอก็มองไปยังเฟิงเหลยถิง ถามว่า "นายท่าน คุณว่ามีอะไรจะพูดกับฉันหน่อยไม่ใช่หรอ"

"ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก เพิ่งกลับมาเลยอยากจะเจอหน้าเธอสักครั้ง ช่วงนี้อยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงรู้สึกเคยชินบ้างหรือยัง"นายท่านของตระกูลเฟิงเดินเข้ามาหาเธอแล้วถามด้วยรอยยิ้มหวานๆ

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าด้วยความเคอะเขิน แล้วถามด้วยความลังเล "นายท่านของตระกูลเฟิง ฉันขอคุยกับคุณสองต่อสองได้ไหม"

เรื่องนี้เธอไม่อยากให้มันยืดเยื้อนาน ฉวยโอกาสตอนนี้อยากพูดกับนายท่านให้มันเข้าใจกัน

"ออ ได้แน่นอน เราไปห้องหนังสือกันเถิด"นายท่านของตระกูลเฟิงพยักหน้า แล้วถือไม้เท้าเดินไปยังห้องรับแขก

เฉินฮวนฮวนเดินตามหลังของเฉินนานา ทันใดนั้น เฉินนานาที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็กริ๊ดขึ้นมาเสียงหนึ่ง

"ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่……"

เฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยสับสน ในตอนนี้ในหัวสมองของเธอคิดแต่เรื่องที่ไม่ได้กินยา

จะทำยังไงดี

แค่ครั้งเดียวเองคงจะไม่ตั้งท้องหรอกมั้ง

แต่ว่าถ้าหากตั้งท้องขึ้นมาจริงๆล่ะ จะทำยังไงดี

เธอไม่มีเงินมากมายขนาดที่ว่าจะไปทำแท้งได้ และก็ไม่มีเงินในการรักษาตัวด้วย สีหน้าของเฉินฮวนฮวนในตอนนี้ เหมือนกับว่าจะซีดจางไปทั้งใบหน้า

"เธอเป็นอะไรหรอ" เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแล้วถามทันที

ตอนแรกเขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนกำลังคิดแผนอะไรอีกหรือเปล่า แต่พอเห็นท่าท่างที่เหมือนกับวิญญาณไม่อยู่กับร่างของเธอ และสีหน้าก็ดูแย่มากอย่างนั้น ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย

"ฉัน……ฉัน……ไม่ได้เป็นอะไร……"เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหัว พยายามทำให้ตัวเองไม่มีอะไรผิดสังเกต

เธอต้องไม่ตั้งท้อง ต้องไม่ตั้งท้อง

แค่ครั้งเดียวเอง อีกอย่างก็เป็นครั้งแรกของเธอด้วย ไม่นะจะติดนะ

"เฉินฮวนฮวน เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่"เฟิงหานชวนเห็นว่าเฉินฮวนฮวนพูดติดๆขาดๆ เหมือนกับว่ากำลังเหม่อลอยคิดอะไรสักอย่าง จึงอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงคนนี้มีเรื่องปิดบังจากเขา

"อาสาม ฉัน……ฉันไม่ได้อยากตั้งท้องลูกของคุณสักหน่อย ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น คุณอย่าเข้าใจฉันผิด……"เฉินฮวนฮวนเม้มปากอย่างแน่น เธอไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องของหลิวตงรุ่ยอีก

เพราะอย่างนี้เธอจึงได้เปลี่ยนหัวข้อกลับมาหัวข้อนี้อีก

"เป็นเพราะเรื่องนี้จริงหรอ"เฟิงหานชวนขมวดคิ้วแน่น เขาเห็นอยู่ว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนมีอะไรผิดปกติ

แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้กลับไม่ยอมพูดอะไรออกมา

"อืม เมื่อกี้คุณเข้าใจฉันผิด เลยทำให้ฉันตกใจไปสักพัก……"เฉินฮวนฮวนพยายามที่จะอธิบาย นอกจากจะอธิบายอย่างนี้แล้วเธอก็ไม่มีวิธีอื่นอีก

"ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถิด"เฟิงหานชวนมองเธอด้วยสายตาเย็นชาทีหนึ่ง แล้วก็สตาร์ทรถ

เวลาผ่านไปได้ไม่นาน รถก็เข้าไปจอดในโรงจอดรถ

ตอนที่เฉินฮวนฮวนลงจากรถ ทั้งตัวยังมีอาการภวงค์อยู่ แต่ว่ามีสติมากกว่าเมื่อกี้เล็กน้อย

ตอนนี้เธอจะคิดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่หวังว่าตัวเองจะไม่ตั้งท้องจริงๆ นอกจากทำอย่างนี้เธอก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว

เฟิงหานชวนเดินอ้อมหน้ารถ มายืนอยู่ข้างหน้าของเฉินฮวนฮวน เห็นมือของเธอยังถือถุงสีขาวขุ่นใบนั้น สีหน้าเคร่งขรึมทันที

"ใส่เข้าไปในกระเป๋า" เขาขมวดคิ้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉินฮวนฮวน ณ ตอนนี้ยังไม่อยากให้คนของบ้านตระกูลเฟิงรับรู้

"โอ้ โอเค"เฉินฮวนฮวนรีบดึงสติกลับมา แล้วก็เอาถุงยัดเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง

จากนั้นเธอก็ตามหลังเฟิงหานชวน เดินเข้าไปในประตูใหญ่ของห้องรับแขก

เมื่อเข้าไปในบ้าน ก็เปลี่ยนรองเท้า จากนั้นทั้งสองคนก็เดินตามกันขึ้นไปบนชั้นสอง

เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้อง เฉินฮวนฮวนหันหลังกลับไป เม้มปาก เงยหน้าจ้องไปยังผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า แล้วพูดเบาๆว่า "อาสาม ฉันขออาบน้ำก่อน"

เฟิงหานชวนเปิดประตูห้องของเธออย่างตรงไปตรงมา แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง

เฉินฮวนฮวนอ้าปากค้างด้วยความตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง

เห็นว่าตามทางเดินไม่มีคนเดินไปมา เธอก็รีบเดินตามเข้าไปในห้อง แล้วก็ปิดประตูทันที

"อาสาม คุณ……"เฉินฮวนฮวนรู้สึกเริ่มมีความตื่นเต้น

ตกลงเฟิงหานชวนคิดจะอยู่ในห้องนี้ ไม่ไปที่ห้องของเขาหรอ

แต่ว่า ห้องนี้เป็นถึงห้องแต่งงานของเฟิงเฉินเหยี่ยน ถ้าพวกเขาอยู่ในห้องนี้ มันเป็นอะไรที่……

"ไปอาบน้ำ" นัยต์ตาสีดำสนิทคู่นั้นของเฟิงหานชวน จ้องมองใบหน้าเล็กๆของเฉินฮวนฮวน แล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่น

เฉินฮวนฮวนเอามือทั้งสองข้างประสานกันแน่น ในกำมือเต็มไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้เธอรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเฟิงหานชวน

ยิ่งกว่านั้นก็คือว่าเขารับปากกับเธอแล้วว่า จะช่วยเธอเอาสร้อยคอกลับคืนมา

ดังนั้น เฉินฮวนฮวนจึงได้แต่เดินเข้าไปข้างหน้าตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบชุดเดรสกระโปรงที่ถือได้ว่ามิดชิดตัวนั้นออกมา ค่อยๆเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ

เห็นภาพด้านหลังของเฉินฮวนฮวนที่เดินไปด้วยบิดไปด้วย มุมปากเฟิงหานชวนยกขึ้นเล็กน้อย แล้วนั่งลงไปบนโซฟาที่อยู่ข้างๆ ตั้งหน้าตั้งตารอด้วยความตั้งใจ

……

เฉินฮวนฮวนไม่กล้าอาบน้ำนาน เธอกลัวว่าเฟิงหานชวนจะรอจนหัวร้อน

เธอล้างหน้าล้างตาเสร็จ ส่องตัวเองในกระจก ทั้งๆที่เรื่องยังไม่ได้เกิดขึ้น ใบหน้าของเธอก็แดงด้วยความเคอะเขิน ใบหน้าเล็กๆของเธอนั้น ดูๆแล้วก็เหมือนกับผลแอปเปิ้ลแดงผลหนึ่ง

แต่ว่าตอนเธอเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ แล้วก็เห็นของที่เฟิงหานชวนถืออยู่บนมือ สีหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นอย่างรวดเร็ว เทียบกับความแดงก่ำเมื่อกี้แล้วมันแดงกว่ามากเลยทีเดียว

"อาสาม อันนี้……"เฉินฮวนฮวนรีบพุ่งเข้าไป หยิบของจากมือของเฟิงหานชวนภายในพริบตาเดียว แล้วรีบอธิบายว่า "อันนี้ฉันไม่ได้ใช้ ไม่ใช่ของ……"

ขณะที่พูด เธอก็รีบเอาของสิ่งนั้นใส่เข้าไปในกระเป๋าที่วางอยู่บนผ้าปูที่นอน จากนั้นก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาเตรียมที่จะยัดเข้าไปใต้เตียง

แต่ว่าเธอยังทำไม่ทันเสร็จ ข้อมือก็ถูกเฟิงหานชวนจับไว้

"ของเล่นเยอะเยะอย่างนี้ เอามาจากไหนหรอ" เฟิงหานชวนแฝงด้วยการกลั่นแกล้ง และถามด้วยใจที่คิดไม่ดีไม่ร้าย " ของอยู่ใต้เตียงของเธอ แต่เธอกลับบอกว่าคุณไม่ได้ใช้ ฉันไม่ค่อยเชื่อหรอกนะ"

"มันไม่ใช่จริงๆนะ" เฉินฮวนฮวนจะบ้าตายอยู่แล้ว เธอรีบตอบ "มันเป็นของที่หลิวหลี่ถงส่งมาให้ในคืนแรกที่ฉันเข้ามา ยังมีชุดนอนกระโปรงยาวสีแดงตัวใหญ่อีกตัวหนึ่ง มันเป็นของที่เตรียมไว้สำหรับคืนเข้าหอในงานแต่งของฉันกับอาเหยี่ยน……"

ตอนที่พูดจบ เฉินฮวนฮวนมึนหัวมาก อยากจะหารูรูหนึ่งแล้วก็มุดเข้าไปหลบอยู่ในนั้น

"นายท่านเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดจริงๆนะเนี่ย"เฟิงหานชวนหัวเราะเยาะคำหนึ่ง

พ่อของเขาก็คงคิดว่าเขาเป็นคนที่เย็นชาและไร้อารมณ์มั้ง ถึงได้ส่งของเล่นพวกนี้มาให้ลูกสะใภ้

"นายท่านของตระกูลเฟิงก็คงจะทำเพื่อการใช้ชีวิตที่สุขสบายของอาเหยี่ยนแหละ แม้ว่าอาเหยี่ยนจะทำไม่ได้แล้ว แต่ว่าเขาก็ยังหวังที่จะให้อาเหยี่ยนมีคืนเข้าหอที่สวยงานเหมือนกัน……"เฉินฮวนฮวนพูดไปพูดไป เสียงก็ค่อยๆเงียบลง แล้วก็เงียบไปในที่สุด

เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองพร่ำเพ้ออะไรอยู่ แต่อย่างน้อย ที่เธอทำไปก็เพื่อจะอธิบายว่า ของพวกนั้นไม่ใช่ของของเธอ ก็ถือว่าดีแล้ว

"เอาของพวกนี้เก็บเข้าที่เดิมเถิด"เฟิงหานชวนคลายมือของเฉินฮวนฮวน ยักคิ้วทีหนึ่ง แฝงด้วยความคิดที่เดาไม่ออก "อยู่กับฉันไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้หรอก"

มือของเฉินฮวนฮวนกระตุกทีหนึ่งด้วยความตกใจ ทำให้กระเป๋าใบนั้นตกลงพื้นทันที มีของหลายอย่างกระเด็นออกมาจากกระเป๋า

เธอรีบก้มลงแล้วก็เก็บของพวกนั้นที่กลิ้งไปมาอยู่บนพื้น ใส่เข้าไปในกระเป๋าแล้วก็ดันเข้าไปใต้เตียง

ณ เวลานั้น เฉินฮวนฮวนคลานอยู่บนพื้น บวกกับความบางของชุดนอนกระโปรงยาวผ้าไหม ทำให้เห็นส่วนโค้งงอของร่างกายอย่างชัดเจน

เฟิงหานชวนมองลงไปยังข้างล่างอย่างตั้งใจ จ้องมองทุกการกระทำของเธอ รู้สึกเพียงว่าในร่างกายเหมือนกับมีไฟกองหนึ่ง กำลังลุกโชนด้วยความบ้าคลั่ง

เฉินฮวนฮวนกำลังจะลุกขึ้น แขนรู้สึกเจ็บนิดหนึ่งทั้งตัวก็ถูกยกขึ้นมา

เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยความมึนงง จ้องมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แต่ว่าวินาทีต่อมาเธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว

เพราะว่า ปากถูกอุดไว้แล้ว

……

อุณหภูมิในห้อง ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกอบอ้าว

เฉินฮวนฮวนถูกวางไว้บนผ้าปูที่นอนสีฟ้า เธอรู้สึกเพียงว่าหัวใจได้หยุดเต้นไปชั่วครู่

เฟิงหานชวนจ้องมองผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง ทั้งหมดที่มีไม่ได้ละสายตาเลยแม้แต่น้อย

เขาหันหลังกลับไป แล้วหยิบกระเป๋าสะพายข้างของเฉินฮวนฮวนขึ้นมา จากนั้นก็หยิบกล่องใส่ของออกมาอันหนึ่ง

ในห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบ ได้ยินเสียง "แควก" คำหนึ่ง มันเป็นเสียงของกล่องกระดาษที่ถูกฉีก

"หลิวตงรุ่ยเอาสร้อยคอของฉันไปเส้นหนึ่ง ฉันไม่อยากจะเจอหน้าของเขา ฉันหวังว่าคุณจะช่วยฉันเอามันกลับมา"

ตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา นัยต์ตาของเฉินฮวนฮวนดูมืดมนมาก หล่อนไม่อยากจะพูดถึงผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ชื่อว่าหลิวตงรุ่ย

แต่ว่า เธอจำเป็นต้องพูดถึงเขาจริงๆ

ของสิ่งนั้นเป็นของที่ระลึกจากคุณแม่ เป็นของเพียงสิ่งเดียวที่คุณแม่เหลือไว้ให้กับเธอ เธอจำเป็นต้องเอามันกลับมาให้ได้

"เอาสร้อยคอของเธอไปเนี่ยนะ"เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินคำพูดของ

เฉินฮวนฮวน ขมวดคิ้วอย่างอารมณ์ไม่ดี ระหว่างคิ้วเผยให้เห็นถึงความสงสัย

"ใช่ๆ ฉันไม่มีคำขอร้องอะไรอีกแล้ว นอกจากหวังว่าคุณจะช่วยเอาสร้อยคอของฉันกลับมาคืนให้ฉัน"เฉินฮวนฮวนยกสายตาขึ้นมาจ้อง

เฟิงหานชวน แล้วพูดอย่างเอาจริงเอาจัง

นัยต์ตาที่สดใสคู่นั้น บอกกับความชุ่มชื่น และเบ้าตาที่แดงก่ำเล็กน้อย

ดูเธอแล้วเหมือนกับกำลังลำบากใจ และน่าสงสารมากด้วย แต่ว่าแฝงด้วยความมุ่งมั่นที่แรงกล้า

ในหัวของเฟิงหานชวนกลับเหมือนบ่อน้ำที่ขุ่นมัว มองอะไรไม่เห็น และรู้สึกว่าเกิดความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องของเฉินฮวนฮวนกับหลิวตงรุ่ย

"ทำไมเธอไม่ไปถามเขาด้วยตัวเองล่ะ"เฟิงหานชวนไต่ถามต่อ

เขาต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของเธอ ต้องการรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยนกับเธอ

"ฉันไม่อยากจะเจอเขา เพราะว่ามันไม่ได้เป็นความยินยอมของฉัน และที่เขาเอาสร้อยคอของฉันไว้ก็เพื่อจะบีบคั้นฉันให้ไปหาเขา ฉันถึงได้ต้องการคนช่วยไง" เฉินฮวนฮวนพยายามกั้นน้ำตาไว้ เสียงก็เริ่มหวั่นไหว ทั้งตัวก็ค่อยๆสั่นไปด้วย

ความรู้สึกที่กำลังตกใจกลัวของเธอนั้นไม่ได้เป็นการแกล้ง แต่เป็นความกลัวที่ธรรมชาติจริงๆ

ในใจลึกๆของเฟิงหานชวนได้รับการสัมผัสอย่างไม่รู้สึกตัว เขาเหมือนกับว่า ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเขาเข้าใจเฉินฮวนฮวนผิด

หล่อนไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เที่ยวเตร่ไปมั่วซั่ว แต่ว่าถูกหลิวตงรุ่ยบีบคั้น ฉะนั้นเรื่องต่างๆที่ผ่านมา รวมทั้งที่หล่อนเคยบอกว่าเคยแค่ครั้งเดียว ก็เพราะถูกหลิวตงรุ่ยทำร้ายนี่เอง

เขาเริ่มรู้สึกเห็นใจขึ้นมาบ้างแล้ว

"ได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปเอาสร้อยคอกลับมา" เฟิงหานชวนรับปากทันที ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกตะลึง บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงความดีใจ ด้วยความดีใจสุดขีดเธอจับแขนของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดด้วยความดีใจว่า "จริงๆนะ"

"ฉันเคยโกหกไหมล่ะ รับมือกับหลิวตงรุ่ย เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย"เฟิงหานชวนกัดริมฝีปาก สายตาทั้งสองข้างก็จ้องไปยังผู้หญิงข้างหน้า

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าหัวใจเต็นเร็วมาก จริงๆเมื่อก่อนเธอรู้สึกรำคาญเฟิงหานชวนไม่น้อยเลย ต่อมารู้ว่าเขาคอยดูแลตัวเอง ทำให้ท่าทีที่มีต่อเขาได้เปลี่ยนไป

และในตอนนี้ น้ำเสียงที่จริงจังของผู้ชายทำให้ ในใจของเธอเกิดความรู้สึกปลอดภัย

เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขของผู้หญิง ทำให้เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะมีความคิดที่ชั่วร้าย น้ำเสียงที่เจือนๆของเขามีความคิดแง่ลบซ่อนอยู่ "ยังมีเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง เธอลองคิดดูดีๆนะว่า จะขอบคุณฉันยังไง"

จะขอบคุณเขายังไงหรอ ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงหรอ

ถ้ารถไม่ติดแล้วก็ขับรถได้เร็ว ทางจากที่นี้ถึงบ้านตระกูลเฟิงก็ประมาณครึ่งชั่วโมง

ความหมายของเฟิงหานชวนคือว่า……

เฉินฮวนฮวนรู้สึกอุดอู้ขึ้นมาทันที ตอบเบาๆคำหนึ่งว่า " อืม"

ได้ยินเสียงพูดที่เบาเหมือนกับเสียงยุงบินของผู้หญิง เฟิงหานชวนรู้สึกอารมณ์ดีมาก รีบสตาร์ทรถแล้วก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว

รอพวกเขาขับรถออกไปแล้ว มีรถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งขับออกมาจากมุมมุมหนึ่ง

เยี่ยจิ่งเฉินคอยจับตามองไปตามทางที่พวกเขาไป มองเป็นเวลานานมากและบนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเปิดดูรูปภาพที่เพิ่งถ่ายได้เมื่อกี้

ในภาพเป็นภาพของเฟิงหานชวนกับเฉินฮวนฮวนที่อยู่ข้างในรถ มีความใกล้ชิดสนิทสนม การจูบกันด้วยความเร่าร้อนเป็นเวลานาน ท่าทางที่น่าสงสารของเฉินฮวนฮวน กับความเสน่ห์หาที่หาที่เปรียบไม่ได้ของเธอ

แต่แววตาของเฟิงหานชวนที่มองเฉินฮวนฮวน เป็นความหึงหวงที่รุนแรงมากสายหนึ่ง เหมือนกับว่าอยากจะกลืนกินเฉินฮวนฮวน

เยี่ยจิ่งเฉินตกใจจนกระทั่งมือที่ถือโทรศัพท์ก็สั่นเล็กน้อย

หลังจากที่เขาออกมาจากร้านชานมก็รู้สึกว่ามีเรื่องอะไรไม่ปกติ เฟิงหานชวนเป็นถึงลุงของเฟิงเฉินเหยี่ยน ทำไมถึงมารับเฉินฮวนฮวนด้วยตัวคนเดียวล่ะ

เยี่ยจิ่งเฉินเลยขับรถไปจอดไว้ในมุมมุมหนึ่งที่ลับตา แต่ว่าเส้นสายตาสามารถมองเห็นทางด้านร้านชานม เขารอเป็นเวลานานมาก แต่เฟิงหานชวนก็ไม่ยอมออกมา

เขายังเห็นว่าเฟิงหานชวนนั่งอยู่ข้างๆหน้าต่าง และก็ไม่ได้สั่งชานม เหมือนกับว่ากำลังรอคน เหมือนกับว่ากำลังรอเฉินฮวนฮวน

ตามที่คาดการณ์ไว้ เขานั่งรอในรถด้วยความอดทน จนกระทั่งเห็นพวกเขาออกมาด้วยกัน แล้วก็ขึ้นรถยนต์สีดำที่จอดไว้ข้างหน้าไปด้วยกัน

ตอนนั้น เขาคิดว่าเฟิงหานชวนน่าจะมารับเฉินฮวนฮวนกลับไปเฉยๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น จะทำให้เขาตกตะลึงโดยทันที

เฟิงหานชวนไม่ได้เป็นอาสามของเฟิงเฉินเหยี่ยนหรอ และเฉินฮวนฮวนไม่ได้เป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยนหรอ

ถ้าอย่างนั้น พวกเขาสองคนก็ต้องเป็นการแอบรักกันละสิ

และยังเป็นการแอบรักที่มันชุลมุนวุ่นวายด้วย

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือว่า เฟิงหานชวนรอเฉินฮวนฮวนจนดึกถึง

ปานนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสองคนต้องไปทำอะไรที่มันอธิบายไม่ได้ต่อจากนี้แน่ๆ

เยี่ยจิ่งเฉินเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาเข้าใจขั้นตอนอะไรพวกนี้ดี

แต่ว่าเขาคิดไม่ถึงว่า ผู้หญิงที่เป็นรักแรกของเขา ผู้หญิงที่เขาเคยชอบ จะกลายเป็นผู้หญิงของคุณชายสามตระกูลเฟิง

และพวกเขาสองคนยังเป็นความสัมพันธ์อะไรที่มันไม่ได้เป็นไปตามจารีตประเพณีด้วย

……

ตลอดทางเฟิงหานชวนขับรถเร็วมาก เหมือนกับว่าจะรีบร้อนเป็นพิเศษ

เฉินฮวนฮวนก้มหน้าอย่างเดียว จากความเร็วของรถเธอก็รู้สึกได้ถึงความรีบร้อนของเฟิงหานชวน

ตลอดทางเธอไม่กล้าปริปากพูดเลยสักคำ

ตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปปฏิเสธเฟิงหานชวน ยิ่งกว่านั้นคือว่าเฟิงหานชวนรับปากว่าจะช่วยเธอเอาสร้อยคอกลับมาแล้ว ดังนั้นเฟิงหานชวนอยากให้เธอทำอะไร เธอก็ต้องทำสิ่งนั้น

"เอี๊ยด——"

รถหยุดกะทันหัน

เฉินฮวนฮวนคิดว่าถึงบ้านตระกูลเฟิงแล้ว หันหน้าเพื่อจะดู แต่กลับเห็นว่าที่นี่มันไม่ใช่บ้านตระกูลเฟิง แต่เป็นทางข้างๆร้านแถวหนึ่ง

"ฉันขอไปซื้อของหน่อย"เฟิงหานชวนเปิดประตูลงจากรถไป

แล้วเธอก็เห็นว่าเฟิงหานชวนเดินเข้าไปร้านขายยาด้วยฝีก้าวที่ยาว

เฉินฮวนฮวนรู้สึกงุนงง เฟิงหานชวนเข้าไปซื้อยา เขาป่วยหรอ

แต่ว่า ดูเขาอารมณ์ดีจะตายไป อีกอย่างทั้งหัวก็เต็มไปด้วยเรื่องพวกนั้น ไม่เห็นจะเหมือนคนป่วยเลยสักนิด

รอจนกระทั่งเฟิงหานชวนเดินออกมาจากร้านขายยา มือของเขาหิ้วถุงสีขาวใบหนึ่ง แต่เป็นถุงสีขาวขุ่น ดังนั้นเฉินฮวนฮวนจึงมองไม่เห็นของที่อยู่ข้างใน

เมื่อเฟิงหานชวนเข้ามาในรถ เขาก็โยนถุงลงข้างๆของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเหลือบตาเข้าไปข้างในด้วยความสงสัย ชั่วนาทีนั้นก็อึ้งไปทีหนึ่ง

มันเป็น…..

"ทำไม ตกใจมากหรอ" เห็นท่าทางที่ตกใจแทบฉี่ราดของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขำ

ผู้หญิงคนนี้ ท่าทางซื่อบื้ออย่างนี้ เขาก็ยังรู้สึกว่าน่ารักดี

"ไม่ ไม่หรอก"เฉินฮวนฮวนรีบมัดปากถุงไว้ แล้วก็ก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม ไม่กล้าสบตากับผู้ชาย

"กินยาไม่ดีต่อสุขภาพ เธอยังเด็กอยู่ และฉันก็ยังไม่อยากเป็นพ่อคนด้วย"เฟิงหานชวนพูดอย่างมีเหตุผล จากนั้นก็สตาร์ทรถ

กินยา……

เฉินฮวนฮวนร้องตะโกนออกมาคำหนึ่ง ทั้งตัวมึนงงไปหมด

หล่อน หลังจากที่หล่อนถูกหลิวตงรุ่ยขืนใจ แล้วก็ได้ข่าวการจากไปของคุณยาย จึงรีบไปโรงพยาบาล

เพราะว่าช่วงหลายวันนั้นกดดันเธอมาก ทำให้เธอลืมกินยา ถ้าอย่างนั้นเธอจะตั้งท้องหรือเปล่า

"เธออยากอุ้มท้องลูกของฉันหรอ"คิ้วของเฟิงหานชวนกระตุกทีหนึ่ง ทำเอาเฉินฮวนฮวนประหลาดใจอย่างนี้ รู้สึกสับสนเล็กน้อย

เฉินฮวนฮวนหยิบผ้าขี้ริ้วเดินออกจากเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เริ่มเช็ดโต๊ะ

และเฟิงหานชวนก็นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น มองร่างที่กำลังทำงานของหญิงสาว

ตอนแรกเช็ดโต๊ะ หลังจากนั้นก็กวาดพื้น ต่อมาก็ถูพื้น และสุดท้ายก็ทิ้งขยะ

หลังจากทำงานเสร็จ ก็มีการแจ้งเตือนรายการสั่งซื้อ เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ก็วิ่งไปที่เคาน์เตอร์เพื่อทำเครื่องดื่มอีกครั้ง

หลังจากลูกค้ามารับเครื่องดื่มไป ก็จวนจะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เฉินฮวนฮวนปิดอุปกรณ์ และเก็บวัตถุดิบที่ใช้ไม่หมดเข้าตู้เย็น

ขั้นตอนการทำงานทั้งหมดดูยุ่งและอัดแน่น เฟิงหานชวนอยากจะพูดอะไรเสียหน่อย ก็ไม่มีโอกาสพูดแทรกได้เลย

  

“อาสาม ฉันเสร็จแล้วค่ะ” เฉินฮวนฮวนเดินสะพายกระเป๋าออกมาจากห้องเก็บของ

เธอมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา โครงหน้าที่เด่นชัด พูดตามตรงว่า เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่มีสัดส่วนสมบูรณ์แบบเช่นนี้มาก่อน

แถมคืนนี้ เธอและผู้ชายคนนี้ก็จะ…

เฟิงหานชวนหันกลับมามองเฉินฮวนฮวน เห็นว่าเธอหยิบกระเป๋ามาแล้ว เขาจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง

  

“ไปกันเถอะ” เขาเพียงตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนจะก้าวขายาวเดินไปยังประตูแล้วเดินออกไป

เฉินฮวนฮวนเดินตามเขามาติดๆ เมื่อมาถึงประตู เธอก็ปิดประตูร้าน

หลังจากที่เธอปิดประตูแล้วหันกลับมา จมูกของเธอแทบจะชนกับแผงอกของชายหนุ่ม เธอถึงได้รู้ว่าเฟิงหานชวนยืนอยู่ด้านหลังเธอ

  

“อา อาสาม พวกเรากลับกันเลยไหมคะ” เฉินฉวนฮวนเงยหน้าขึ้นถามชายหนุ่มตรงหน้า

  

“อือ” เฟิงหานชวนเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีเหนื่อยล้า และเดินไปยังรถที่จอดอยู่ริมถนน

เฉินฮวนฮวนมองแผ่นหลังของเฟิงหานชวน ในขณะเดียวกันในใจก็เริ่มกังวล และอดไม่ได้ที่จะสงสัย

ทำไมเธอถึงรู้สึกว่า วันนี้เฟิงหานชวนดูเหมือนจะอดทนเป็นพิเศษ เขาอยู่รอเธอเลิกงานที่ร้านชานมแบบนี้

หรือเพียงเพราะ…เขาไม่จำเป็นต้องรออยู่ที่นี่ อย่างไรเธอก็ต้องกลับไปอยู่ดี

เฟิงหานชวนนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับแล้ว ทว่าเฉินฮวนฮวนยังยืนงุนงงอยู่ตรงนั้น เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแตร

เสียงบีบแตรทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวแล้วรีบวิ่งไปที่รถ จากนั้นเธอก็เปิดประตูรถเบาะหลังทันที

  

ในตอนนี้เอง เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นว่า “มานี่ มานั่งเบาะข้างคนขับ”

  

“หะ?” เฉินฮวนฮวนกำลังจะเข้าไปนั่งเบาะหลัง ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงคำสั่งของเฟิงหานชวน จึงตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ

  

“ฟังไม่เข้าใจหรือไง” คิ้วของเฟิงหานชวนขมวดเข้าหากัน ใบหน้าเผยให้เห็นความไม่พอใจ

  

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ทำได้เพียงปิดประตูเบาะหลัง จากนั้นเธอก็เดินอ้อมท้ายรถมาที่เบาะข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่ง

ตอนนี้เธอประหม่าเป็นอย่างมาก มือทั้งสองข้างกุมกันแน่นอยู่บนตัก ฝ่ามือเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปสบตากับเฟิงหานชวน

ทว่าผ่านไปสักพัก เฟิงหานชวนก็ยังไม่สตาร์ทรถ ขณะที่เฉินฮวนฮวนตัดสินใจเงยหน้าขึ้น ข้างกายเธอกลับมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง

เธอหันไปมอง เฟิงหานชวนโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอแล้ว แผงอกอุ่นๆ ของเขาแทบจะแนบชิดกับท่อนแขนซ้ายของเธอ

  

“อา อาสาม คุณ คุณ คุณ…” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ร่างทั้งร่างชะงักนิ่งไปเสียอย่างนั้น

เฟิงหานชวนอดใจรอไม่ไหวที่ต้องอยู่บนรถ…เป็นไปได้อย่างไร!

ขณะที่เฉินฮวนฮวนยื่นมือออกไปผลักชายหนุ่ม เฟิงหานชวนก็คว้าสายเข็มขัดนิรภัยแล้วดึงเข้ามา

เฉินฮวนฮวนถึงกับตะลึงงันไปในทันที

“คุณคิดว่าผมจะทำอะไร” เฟิงหานชวนยกสายเข็มขัดนิรภัยขึ้นตรงหน้าเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนหันหน้ากลับไปด้วยความอับอาย ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ สีแดงของความอับอาย

  

เธอเกือบจะคิดไปว่าเฟิงหานชวนอยากจะ…เธอไม่คิดว่า เธอไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย เฟิงหานชวนทนมองไม่ไหว จึงช่วยเธอคาดเข็มขัดนิรภัย

  

“คลิ๊ก” เสียงรัดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น

เฉินฮวนฮวนถอนหายใจอย่างโล่งใจ แต่จู่ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนข้างใบหู จากนั้นเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้น “เมื่อกี้กำลังคิดอะไรอยู่ ถึงไม่ยอมคาดเข็มขัด”

  

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนพูดอะไรไม่ออก

  

“กำลังคิดว่าหลังจากกลับไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น…ใช่ไหม” นิ้วเรียวยาวของเฟิงหานชวนเอื้อมไปเชยคางของหญิงสาวขึ้นเบาๆ

ในเวลานี้เอง ใบหน้าเล็กที่แดงก่ำปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าเขา เขามองด้วยความพึงพอใจ ราวกับกำลังมองสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง

  

“ไม่ ไม่ใช่นะ…” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า แล้วหันไปมองด้านข้าง ไม่กล้ามองไปที่ชายหนุ่ม

ถ้าเธอตอบว่าใช่ ไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนจะดูถูกเธออย่างไร เขาคงจะเยาะเย้ยเธออย่างแน่นอน

  

ดังนั้น เธอต้องปฏิเสธ

  

“มองตาผม” เฟิงหานชวนไม่พอใจกับคำตอบเมื่อสักครู่นี้อย่างมาก

เฉินฮวนฮวนทำได้เพียงมองเฟิงหานชวน และสบตากับเขา ทว่าหัวใจของเธอกลับอยู่ไม่เป็นสุข หัวใจดวงนั้นราวกับกำลังเต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่ง

เฟิงหานชวนมองดวงตาคู่สวยใสตรงหน้า เขารู้สึกได้ถึงความผันผวนภายในส่วนลึกของหัวใจ ใบหน้ารูปไข่สวยหมดจด ปราศจากเครื่องสำอางใดๆ บริสุทธิ์ราวกับแก้วใส

ภายในรถมีเพียงแสงไฟสลัวๆ บรรยากาศเงียบงันเกินจะบรรยาย

ใบหน้ารูปที่ไข่แดงก่ำ และแววตาที่สับสน ทำให้เขารู้สึกมีแรงกระตุ้นเป็นพิเศษ เฟิงหานชวนก้มลงประกบปิดริมฝีปากของหญิงสาวทันที

สัมผัสอันอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ทำให้เฉินฮวนฮวนตกใจ ทว่าเธอกลับไม่กล้าขยับตัวหรือขัดขืน

เมื่อรับรู้ถึงความตื่นตระหนกของหญิงสาว เฟิงหานชวนก็จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอ เพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนีไปไหน

ตอนนี้ในหัวของเฟิงหานชวนไม่ได้คิดอะไรอีก มีเพียงความหอมหวานของหญิงสาวที่ห้อมล้อมปลายจมูกของเขา ช่างดึงดูดเสียเหลือเกิน

จูบนั้นลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งหญิงสาวในอ้อมกอดของเขาดูเหมือนจะหายใจไม่ออกเสียแล้ว เฟิงหานชวนถึงได้ปล่อยเธออย่างไม่เต็มใจนัก

เฉินฮวนฮวนไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เธอเพียงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะมองเฟิงหานชวน

ท่าทีน่าเอ็นดูเช่นนี้ ทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกพึงพอใจเป็นพิเศษ ใบหน้าของเขาดูมีความสุขไม่น้อย เขาถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ

ทว่าเสียงหัวเราะนี้ เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยิน เธอกลับรู้สึกว่าเป็นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน เธอยิ่งก้มหน้าต่ำลงด้วยความอับอาย

ในความคิดของเธอ เฟิงหานชวนทำสิ่งเหล่านี้กับเธอ มีเพียงสองสามเหตุผลเท่านั้น

เขาแค่คิดจะเล่นๆ กับเธอ และกีดกันให้เธอออกห่างจากเฟิงเฉินเหยี่ยน รวมทั้งตอนนี้เฟิงหานชวนต้องการเดินออกจากเงามืดของหมวกสีเขียว* และต้องการผู้หญิงคนใหม่

  

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนจูบเธอ ไม่ใช่เพราะชอบเธอ และเธอก็ไม่ได้ชอบเฟิงหานชวนเช่นกัน เธอเพียงต้องการความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวนเท่านั้น

เมื่อพูดถึงการช่วยเหลือ เฉินฮวนฮวนรีบเงยหน้าขึ้น และคว้าข้อมือของเฟิงหานชวนเอาไว้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลใจ

เฟิงหานชวนแทบรอไม่ไหวที่จะขับรถกลับไป แต่ถูกหญิงสาวคว้ามือของเขาเอาไว้ เขาหันกลับมา และถามด้วยความสงสัย “มีอะไร”

  

“อาสาม หลังจากกลับไป ฉันจะไม่หนีอีกแล้ว แต่ว่าฉันมีหนึ่งเงื่อนไข…” เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างประหม่า

เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนจะช่วยเธอหรือเปล่า ดังนั้นก่อนจะกลับไป เธอควรถามให้เข้าใจจะดีที่สุด

ถ้าเฟิงหานชวนไม่ยินยอม เธอก็ไม่อยากพลีกายโดยไม่จำเป็น

สุดท้ายแล้วสำหรับเรื่องเช่นนี้ อันที่จริงในใจเธอรู้สึกต่อต้านเรื่องนี้มาก เพราะว่าเงาในคืนนั้น และเธอกับเฟิงหานชวนก็ไม่ได้ชอบพอกัน

ในมุมมองของเธอ คนสองคนที่รักกันจนสุกงอม จึงจะสามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้

  

“พูด!” เฟิงหานชวนกล่าวเสียงเย็น

*หมวกสีเขียว หมายถึง ผู้ชายที่ถูกแฟนหรือภรรยานอกใจไปมีชู้กับผู้ชายคนอื่น

ผู้ชายในคืนนั้น ฝันร้ายที่น่ากลัวนั่น

 

ความทรงจำเหล่านั้นผุดขึ้นมาในหัวของเธออีกครั้ง

และจนกระทั่งตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหลิวตงรุ่ยหน้าตาเป็นอย่างไร

เธอไม่อยากไปสืบหาผู้ชายคนนั้น เพราะเธอกลัวจะเห็นหน้าตาชั่วร้ายของผู้ชายคนนั้น เธอแค่ต้องการสร้อยคอของคุณแม่เธอ

  

นอกจากสร้อยคอเส้นนั้น เธอไม่อยากนึกถึงเรื่องราวในคืนนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ความจริงฉัน…” เฉินฮวนฮวนกลั้นน้ำตาเอาไว้ ตัดสินใจจะพูดเรื่องสร้อยคอออกไป

  

“หลิวตงรุ่ย?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนดูอึมครึม คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น

  

ชื่อของผู้ชายคนนี้ เขาเคยได้ยิน เหมือนว่าจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลิว เขาเป็นที่รู้จักดีในแวดวงไฮโซ

  

“อือ เป็นเขา” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าทันที

ในเวลานี้เอง จู่ๆ หญิงสาวสามคนก็เดินเข้ามาที่ประตู เฉินฮวนฮวนจำได้ว่าพวกเธอเป็นลูกค้าประจำของร้าน

  

“อ๊าก!!!”   

เมื่อพวกเธอเห็นเฟิงหานชวนยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ชำระเงิน แต่ละคนเบิกตากว้าง และร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้มหลงใหล

“หล่อจังเลย!”

  

“ใช่เลย เขาหล่อมากจริงๆ!”

“มีเสน่ห์จัง หล่อกร้าวใจมาก ไม่ใช่นักศึกษาของมหา’ลัยเราแน่ๆ”

  

“ไร้สาระ เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้น ต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!”

หญิงสาวสามคนยืนอยู่หน้าประตู ไม่กล้าเดินเข้ามาด้านใน พวกเธอกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ ทว่าเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนกลับได้ยินอย่างชัดเจน

  

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนมีอิทธิพลต่อธุรกิจในร้านเข้าแล้ว

  

เธอเอียงศีรษะทักทายหญิงสาวทั้งสาม “สวัสดีค่ะ! รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”

  

“สวัสดีค่ะ!” หญิงสาวทั้งสามทักทายเฉินฮวนฮวนด้วยท่าทีเขินอาย ทว่าดวงตาสามคู่นั้น แทบจะจับจ้องอยู่แต่เฟิงหานชวน

ใบหน้าของเฟิงหานชวนดูแย่มาก ไม่ใช่เพราะหญิงสาวเหล่านี้กล่าวถึงเขา อันที่จริงตั้งแต่เด็กจนโต เขาก็ใช้ชีวิตท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายที่จับจ้องเขา

  

สิ่งที่เขาเบื่อหน่ายคือ หญิงสาวเหล่านี้เข้ามาผิดเวลา ขัดจังหวะการสนทนาระหว่างเขากับเฉินฮวนฮวน

  

เฟิงหานชวนหันตัวกลับ พบว่ามีที่นั่งตรงมุมข้างหน้าต่าง เขาจึงนั่งไปพลางๆ

หญิงสาวสามคนนั้นสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเขา พวกเธอต่างรู้สึกเกรงใจ พวกเธอค่อยๆ เดินไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน และหันไปมองเฟิงหานชวนเป็นครั้งคราว

เฉินฮวนฮวนมองออกว่าเฟิงหานชวนค่อนข้างโมโห แต่ถึงอย่างไรหญิงสาวสามคนนี้ก็เป็นลูกค้า เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ เธอทำได้เพียงรอพวกเธอสั่งเครื่องดื่มอย่างเงียบๆ

หญิงสาวสามคนซุบซิบกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดหญิงสาวหัวหน้ากลุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า “ชานมไข่มุกสี่แก้ว ไม่เอาน้ำแข็งค่ะ”

  

“ค่ะ” เฉินฮวนฮวนไม่ได้คิดมาก เธอรับเงินมาแล้วเริ่มลงมือชงชานม

หลังจากชงชานมทั้งสี่แก้วเสร็จ ทันใดนั้น เธอก็พบว่ามีเพียงพวกเธอสามคนเท่านั้น แก้วที่สี่เป็นแก้วที่คนอื่นฝากซื้อหรือเปล่า

  

เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอเริ่มหยิบถุงมาใส่แก้วชานม ในตอนนี้เอง หญิงสาวหัวหน้ากลุ่มเอ่ยขัดขึ้นว่า “ไม่ต้องใส่ถุงค่ะ พวกเราจะดื่มที่นี่”

“อ้ออ้อ ได้ค่ะ” เฉินฮวนฮวนวางถุงกลับเข้าไปที่เดิม

  

ในตอนนี้เอง เธอเห็นหญิงสาวที่สวยที่สุดหัวหน้ากลุ่มคนนั้น หยิบแก้วชานมกับหลอดขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปหาเฟิงหานชวน

หลังจากนั้น หญิงสาวคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าเฟิงหานชวน และวางชานมกับหลอดลงบนโต๊ะตรงหน้าเฟิงหานชวนด้วยรอยยิ้ม และกล่าวด้วยเสียงหวานหยาดเยิ้ม “สุดหล่อ ฉันเลี้ยงชานมคุณค่ะ”

  

ทั่วทั้งร้านตกอยู่ในความเงียบทันที เฉินฮวนฮวนถึงกับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดด้วยความตกใจ

แม้ว่าบนโลกนี้จะมีเรื่องเช่นนี้มากมาย ทว่าอีกฝ่ายเป็นเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนถึงกับตกใจอย่างมาก

  

เพราะหลังจากนั้น เป็นไปได้สูงว่าจะ…

“ไม่ต้องครับ” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหากัน และเอ่ยตอบอย่างเรียบเฉย

  

เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่า เฟิงหานชวนไม่ใช่ผู้ชายโสดปกติ

หากเป็นผู้ชายโสดทั่วไป เขาจะต้องรับแก้วชานมด้วยรอยยิ้มอย่างแน่นอน และทั้งสองก็แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกัน

เฉินฮวนฮวนอดสงสัยไม่ได้ว่า เฟิงหานชวนจีบแฟนสาวคนก่อนของเขาได้อย่างไร

เขานั่งตรงนั้น ราวกับภูเขาน้ำแข็งตั้งอยู่ตรงนั้น หากตอนนี้เป็นฤดูร้อน ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศภายในร้านเลย

  

“อันที่จริงฉันก็ไม่ได้ความว่าอย่างนั้น ก็แค่เห็นคุณนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ได้สั่งชานม ฉันแค่อยากเลี้ยงชานมคุณสักแก้ว คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ” หญิงสาวคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม และดึงผมตัวเองเล่นอยู่เป็นระยะๆ แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเขินอาย แต่สัมผัสได้ถึงความใจใหญ่ของเธอ

  

“ฉันชื่อซูหนานซีนะคะ ฉันเป็นนักศึกษาปีสอง สาขาวิชาดนตรี เอกเปียโนค่ะ” เมื่อซูหนานซีกล่าวแนะนำตัวเอง น้ำเสียงฟังดูภาคภูมิใจเหลือเกิน

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินชื่อซูหนานซี เธอก็จำได้ทันทีว่า หญิสาวคนนี้ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในสาขาวิชาดนตรี เล่ากันว่าเธอเล่นเปียโนเก่งมาก มีคนมาจีบไม่ขาดสาย ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะมั่นใจและใจใหญ่ขนาดนี้

  

“ผมไม่ดื่มชานม” เฟิงหานชวนไม่แม้แต่จะมองเธอ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เพียงรู้สึกว่าช่างหนวกหูเสียจริง

  

“เอ่อ…” ซูหนานซีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เธอเพิ่งเคยพบปัญหาเช่นนี้เป็นครั้งแรก

ในเวลานี้เอง บรรยากาศทั่วทั้งร้านยิ่งเย็นลง

ซูหนานซีที่ทำอะไรก็ราบรื่นมาโดยตลอด ก็เผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

เพื่อนของเธอสองคนยังยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน ทั้งสองคนมองหน้ากัน และหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นว่า “สุดหล่อ คุณอยากดื่มอะไรคะ พี่หนานซีของพวกเราจ่ายเองเลยนะ! คุณสั่งอีกแก้วสิ!”

  

“ไม่ต้องยุ่งกับผม ผมไม่ได้สนใจผู้หญิง” เฟิงหานชวนกวาดสายตามองพวกเธออย่างเย็นชา คำพูดของเขาที่ออกมาไม่ไว้หน้าเธอเลยแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น ใบหน้าของซูหนานซีพลันเปลี่ยนไป เธอมองเฟิงหานชวนอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็หันหลังกลับ และวิ่งออกจากร้านชานมไปอย่างรวดเร็ว

“หนานซี!”

หญิงสาวอีกสองคนก็รีบหยิบชานมสามแก้วที่เคาน์เตอร์ชำระเงินแล้วรีบออกไป

เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั่วทั้งร้านเหลือเพียงเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนสองคนเท่านั้น

  

“อาสาม คุณบอกว่าคุณไม่ได้สนใจผู้หญิง ประโยคนี้จริง…” เฉินฮวนฮวนเบ้ปากอย่างอดไม่ได้ เธอพูดอะไรไม่ออก

ตอนนี้เฟิงหานชวนต้องการผู้หญิงมาปลอบใจเขามากที่สุดไม่ใช่เหรอ คิดไม่ถึงว่าเขายังพูดประโยคเมื่อสักครู่ออกไปอย่างไม่ยี่หระ

  

หรือว่าเขาถูกแฟนเก่าสวมเขาจนเกิดเงามืดในใจ เขาจึงไม่กล้าเดทกับนักศึกษาหญิงอีก?

“เฉินฮวนฮวน คุณเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก็จะเลิกงาน เก็บของได้แล้ว” เฟิงหานชวนหลุบตามองนาฬิกาข้อมือของเขา ก่อนจะทอดสายตาเย็นเยือกไปยังหญิงสาวที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ชำระเงิน

เฉินฮวนฮวนเหลือบดูนาฬิกาบนผนัง พบว่าวันนี้เวลาผ่านไปเร็วอย่างน่าประหลาด ผ่านไปไม่นานก็จะสี่ทุ่มเสียแล้ว

  

“โอ้ ฉันทำความสะอาดก่อนนะคะ ยังต้องรอว่ามีออเดอร์อีกหรือเปล่า” ขณะที่เฉินฮวนฮวนกล่าวประโยคเหล่านี้ แม้จะฟังดูสงบนิ่งมาก ทว่าเธอกลับกำลังว้าวุ่นใจ คอยหลบเลี่ยงสายตาของเฟิงหานชวน

เธอรู้ว่าเมื่อเธอเลิกงาน จะต้องพบกับอะไร

เฟิงหานชวนรอเธออยู่ที่นี่ ไม่ใช่แค่มารับเธอหลังเลิกงานแล้วกลับไป แต่เพื่อ…

เมื่อกลับถึงบ้าน เฟิงหานชวนและเธอ ก็จะ…

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ไม่กล้าคิดอีกต่อไป แม้ว่าเธอไม่อยากทำเช่นนี้ ทว่าเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

เยี่ยจิ่งเฉินหันกลับไป เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาดูเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา จนกระทั่งเดินมาหยุดตรงหน้าเขา

  

ผู้ชายคนนี้สูงกว่าเขาครึ่งศีรษะ ใบหน้าของเขาอึมครึมอย่างมาก ทำให้คนรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างรุนแรง

  

อีกอย่าง เขารู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าดูคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างมาก สมองของเขาเอาแต่คิดเรื่องนี้ไม่หยุด

เป็นเขา!

  

“คุณชายเยี่ย สิ่งที่คุณเพิ่งทำเมื่อสักครู่ คือการล่วงละเมิดนะครับ” เฟิงหานชวนเหลือบมองเยี่ยจิ่งเฉินแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

  

“คุณชายเฟิงที่สาม ผม…ผมแค่อยากช่วยส่งเสียฮวนฮวน ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินตระกูลเฟิงนะครับ” เยี่ยจิ่งเฉินตื่นตระหนกตกใจขึ้นมาทันที และเอ่ยอธิบายออกมารวดเดียว

เขาจำได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้า คือเฟิงหานชวนคุณชายสามของตระกูลเฟิง เขาเป็นสุดยอดนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และมีระเบียบแบบแผนเป็นอย่างมาก

  

และเฟิงหานชวนก็เป็นอาสามของเฟิงเฉินเหยี่ยนด้วย กล่าวได้ว่า เฉินฮวนฮวนเป็นหลานสะใภ้ของเฟิงหานชวน

  

“โอ้? ช่วยส่งเสีย?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่สายตาของเขากลับมองไปยังเฉินฮวนฮวนที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ชำระเงิน

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดออกไป “อาสาม เขาบอกว่าตระกูลเฟิงไม่ดีกับฉัน ไม่ได้ให้เงินฉัน ฉันเป็นถึงนายหญิงของตระกูลเฟิง เขาบอกว่าฉันลำบาก นี่มันดูถูกตระกูลเฟิงชัดๆ!”

  

ความจริงเธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ตัวเองกำลังจะออกไปจากบ้านของตระกูลเฟิง ทว่าเธอกลับไม่ต้องการให้เหยี่ยจิ่งเฉินดูถูกเธอ

  

ดังนั้น เธอจึงแสร้งทำเป็นฟ้องกับเฟิงหานชวน ทว่าเมื่อพูดจบ ฝ่ามือของเธอแทบเต็มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนจะเปิดโปงเธอหรือเปล่า

  

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ ผมหวังดีอยากช่วยคุณ คุณอย่าใส่ร้ายผมสิ!” เยี่ยจิ่งเฉินกังวลขึ้นมา เขามองไปที่เฟิงหานชวนด้วยท่าทีนอบน้อม และกล่าวเอาใจ “คุณชายสาม ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกตระกูลเฟิงจริงๆ นะครับ”

  

”เท่าที่ผมรู้มา ฮวนฮวนเป็นแฟนเก่าของคุณ?” นิ้วเรียวยาวของเฟิงหานชวนเคาะเบาๆ ที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน

เสียงแผ่วเบา ทว่าราวกับเคาะบนหัวใจของเยี่ยจิ่งเฉิน เขาเริ่มอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นผุดพราย

แม้ว่าเฟิงหานชวนเพียงถามเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทว่าเยี่ยจิ่งเฉินรู้สึกกดดันและหวาดหวั่นอย่างมาก ทำให้เขาสั่นระริกไปทั้งตัว

  

“ครับ ครับ…” เขาเหลือบมองเฉินฮวนฮวนเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า

ตระกูลเฟิงมีระเบียบแบบแผนขนาดนั้น ตรวจสอบอดีตของเฉินฮวนฮวนก็เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร

  

“ในเมื่อเป็นแฟนเก่าไปแล้ว คุณมีน้ำใจขนาดนี้ อยากกลับมาคืนดี?” ขณะที่พูดประโยคนี้ สายตาของเฟิงหานชวนยังคงจ้องใบหน้าของเฉินฮวนฮวน

  

เฉินฮวนฮวนเห็นสายตาพินิจพิเคราะห์ของเฟิงหานชวน ในใจของเธอรู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก

  

สายตาคู่นั้นของเขาราวกับกำลังเตือนเธอว่า ไม่อนุญาตให้เธอเหลือเยื่อใยกับแฟนเก่า ทว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเลย

เยี่ยจิ่งเฉินเป็นฝ่ายมาวุ่นวายกับเธอก่อน

  

“ไม่ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ คุณชายสาม คุณอย่าเข้าใจผิดนะครับ!”

  

เยี่ยจิ่งเฉินหวาดกลัวจนเหงื่อท่วมตัว เขายกมือขึ้นเช็ดเหงื่อ และรีบเอ่ยอธิบาย “ฮวนฮวนเป็นภรรยาของหลานชายคุณแล้ว ผมจะคิดอะไรกับเธอได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้น ผมก็ชอบแฟนคนปัจจุบันของผม ถ้าพวกคุณเคยเช็กประวัติของฮวนฮวน น่าจะรู้ว่า แฟนของผมคือเฉินซินโหรวพี่สาวของเธอ ผมกับเฉินซินโหรวอยู่ด้วยกันตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วครับ”

  

“อืม เรื่องนี้ผมรู้ คุณนี่เก่งไม่เบาเลยนะ ทั้งพี่ทั้งน้องเลย” มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน

สีหน้าของเยี่ยจิ่งเฉินพลันเปลี่ยนไป มือที่สั่นเทาดึงกระดาษทิชชู่ แล้วเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขา

แม้ว่าเฟิงหานชวนไม่ได้กล่าวอะไร และไม่ได้โกรธ ทว่าเขากลับรู้สึกกลัวอย่างมาก

ตรงกันข้ามเฉินฮวนฮวนไม่ได้รู้สึกกลัว ทว่าสีหน้าของเธอก็ดูไม่ดีเอามากๆ

  

ในความคิดของเธอ ทุกคำพูดของเฟิงหานชวนล้วนทำให้เธออับอาย

  

“ไม่ ไม่ใช่นะครับ คุณชายสาม ตอนนั้นผมแค่คบซ้อน ไม่ได้…ไม่ได้ทำด้วยกัน…” เยี่ยจิ่งเฉินเข้าใจความหมายของเฟิงหานชวนผิด เขาอ้ำอึ้งไม่สามารถพูดทั้งประโยคออกมาได้

  

“พอแล้ว!” เฉินฮวนฮวนทนไม่ไหว เธอตะโกนออกไปทันที

เดิมทีเยี่ยจิ่งเฉินก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่แล้ว เมื่อถูกเฉินฮวนฮวนตะโกนใส่เช่นนี้ เขาก็สั่นระริกขึ้นมาทันที

เมื่อเห็นท่าทางปอดแหกของเหยี่ยจิ่งเฉิน สายตาของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม เขาเอ่ยบอกเสียงเย็นว่า “ออกไป”

“คุณชายสาม คุณอย่าเข้าใจผิด ผมไม่เคยแตะต้องเฉินฮวนฮวนเลยนะครับ พวกคุณวางใจได้ ผมเคยแค่กับเฉินซินโหรวคนเดียว จริงๆ นะครับ!” เยี่ยจิ่งเฉินกังวลว่าเฟิงหานชวนจะออกหน้าแทนเฟิงเฉินเหยี่ยน ดังนั้นเขากลัวจนอธิบายเป็นชุด “ผมไม่ได้แตะต้องเฉินฮวนฮวนเลยจริงๆ ผมจะออกไป ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย…”

ด้วยเหตุนี้เอง เยี่ยจิ่งเฉินแทบจะวิ่งหัวซุกหัวซุนออกจากร้านชานมไป

เมื่อเห็นเยี่ยจิ่งเฉินไปแล้ว ขอบตาของเฉินฮวนฮวนเปียกชื่นขึ้นมาทันที รอยยิ้มเย้ยหยันตัวเองปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

  

ตอนแรก ทำไมเธอถึงชอบผู้ชายคนนี้ แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถลืมเรื่องของเขาได้

เธอเกลียดเยี่ยจิ่งเฉิน เมื่อเห็นเยี่ยจิ่งเฉินก็รู้สึกสะอิดสะเอียน ทว่าถึงอย่างไรผู้ชายคนนี้ก็เป็นรักแรกของเธอ เธอไม่อาจทำใจให้สงบนิ่งได้เลย

เมื่อเห็น แววตาของเฟิงหานชวน สีหน้าของความไม่สบายใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาแวบหนึ่ง

เขามองออกว่า เฉินฮวนฮวนเสียใจเพราะเยี่ยจิ่งเฉิน ผู้ชายห่วยแตกขนาดนี้ แถมยังคบซ้อนกับพี่สาวของเธออีก เฉินฮวนฮวนยังชอบเขาอยู่เหรอ

“ครั้งแรกของคุณ ไม่ใช่เยี่ยจิ่งเฉิน?” เสียงเย็นเยือกของเฟิงหานชวนทำลายความเงียบภายในร้าน

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้าง ความคิดของเธอถูกดึงกลับมาทันที เธอมองไปที่เฟิงหานชวนอย่างไม่อยากจะเชื่อ ความรู้สึกอัปยศนั้นพรั่งพรูขึ้นมาในใจทันที

  

“ไม่ใช่!” เธอกล่าวปฏิเสธทันที

  

ราวกับว่าในใจของผู้ชาย ครั้งแรกคือสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ หรือว่าเนื้อเยื่อแผ่นหนึ่งก็ตัดสินความประพฤติของผู้หญิงได้อย่างนั้นเหรอ

  

“เท่าที่ผมรู้มา คุณเคยคบแค่เยี่ยจิ่งเฉินเป็นแฟนคนเดียว งั้นก่อนหน้านี้คุณ…” เฟิงหานชวนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่พูดออกมา เขาหวังว่าเฉินฮวนฮวนจะสารภาพกับเขาด้วยตัวเอง

เฉินฮวนฮวนมองชายหนุ่มตรงหน้า เพียงรู้สึกว่าร้อนผ่าวที่ขอบตาเหลือเกิน ในสายตาของเฟิงหานชวน เธอเป็นคนอย่างไรกันแน่

เธอรู้สึกขอบคุณเฟิงหานชวนเป็นอย่างมากที่เขาดูแลเธอที่โรงพยาบาล แต่บางครั้งสิ่งที่เขาพูดก็ทำให้เธอเจ็บปวดรวดร้าวจริงๆ

เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจแบบนั้น ผู้หญิงที่หยิ่งยโสแต่กลับสกปรก เพียงเพราะตอนนี้เขาต้องการผู้หญิงสักคนมาปลอบประโลมเขา ดังนั้นเขาถึงได้เลือกเธอ!

ที่สำคัญกว่านั้น…เธอคิดว่า จุดประสงค์ที่เฟิงหานชวนเลือกเธอ เพราะว่าต้องการกำจัดเธอออกจากชีวิตเฟิงเฉินเหยี่ยน

“ฉันเคยบอกคุณแล้วครั้งหนึ่ง แถมคุณยังบอกว่าไม่รังเกียจที่ฉันไม่บริสุทธิ์แล้ว แล้วทำไมถึงยังเค้นถามขนาดนี้”

ดวงตาแดงก่ำของเฉินฮวนฮวนกำลังมองที่เฟิงหานชวน เธอถามเขาเสียงปนสะอื้น

  

เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของหญิงสาวตรงหน้า เฟิงหานชวนรู้สึกจุกแน่นตีบตันอยู่ในลำคอ สิ่งที่อยากจะถามกลับพูดไม่ออกเสียแล้ว

  

“อันที่จริง ฉันบอกคุณได้นะ ผู้ชายคนนั้นชื่อ…หลิวตงรุ่ย” เฉินฮวนฮวนหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง สุดท้ายเธอก็เอ่ยชื่อออกไป

เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็รู้สึกโล่งใจ

  

ขอเพียงไม่ใช่เรื่องของเฟิงหานชวน เกาจวิ้นเซวียนรุ่นน้องอะไรนั่น ไม่เกี่ยวกับเธอทั้งนั้น

“โอ้ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงฉันก็เลิกกับเขาแล้ว เขาอยากอยู่กับใคร ก็ให้เขาอยู่กับคนนั้น” หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดอย่างนั้น ทว่าในใจกลับรู้สึกรังเกียจเกาจวิ้นเซวียนมากยิ่งขึ้น

เดิมทีเธออยากจบกันด้วยดี เกาจวิ้นเซวียนไม่ได้สนใจอะไรเธอเลย ทว่าเขาดันกุมความลับของเธอไว้ และบังคับให้เธอปรนนิบัติดูแลรับใช้เขาอย่างดี

เมื่อนึกถึงท่าทางที่พึงพอใจของเกาจวิ้นเซวียน มือทั้งสองของหลิ่วเยว่เอ่อร์กำหมัดแน่น ความโกรธในใจก็เพิ่มมากขึ้น

  

ยิ่งเกาจวิ้นเซวียนมีความสุขมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกอัปยศอดสูมากขึ้นเท่านั้น!

  

“เยว่เอ่อร์ เธอรู้ว่าเกาจวิ้นเซวียนกับเฉินเสี่ยววานมีความสัมพันธ์คลุมเครือกันนานแล้วใช่ไหม” เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินน้ำเสียงสงบนิ่งของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ในใจก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้

  

“ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม” หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่อยากเอ่ยถึงเกาจวิ้นเซวียน

  

เรื่องที่เธออยากถามคือเรื่องของเฉินฮวนฮวน ไม่ใช่เรื่องของตัวเธอเอง

  

“ไม่มีแล้ว” เฉินฮวนฮวนส่ายหน้า

  

“งั้นเธอไปเรียนเถอะ ฉันจะวางแล้ว” เมื่อพูดจบ หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ตัดสายไปทันที

  

เมื่อมองหน้าจอโทรศัพท์สีดำ เฉินฮวนฮวนก็ถอนหายใจเงียบๆ

เธอเหมือนกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ เจอผู้ชายห่วยๆ และถูกนอกใจ พวกเธอต่างก็ประสบเหตุการณ์เดียวกัน

  

เธอล้มลงกับพื้น ขณะที่เฉินเหม่ยเจวียนกำลังเตะเธออย่างบ้าคลั่ง เหยี่ยจิ่งเฉินก็ยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทีเฉยเมยไม่สนใจเธอ

ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูเลือนราง เธอยังหวังว่าเขาจะช่วยเธอได้ ทว่าความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าหรงจิ่นซิวไม่ผ่านมา ไม่แน่ว่าเธออาจจะถูกเฉินเหม่ยเจวียนตีจนหมดสติไปจริงๆ

เมื่อเฉินฮวนฮวนนึกถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอเรียบนิ่งดูเย็นเยือกเป็นอย่างมาก ความเกลียดชังของเธอที่มีต่อตระกูลเฉินได้ซึมซับเข้าสู่กระแสเลือดของเธอแล้ว

……

เมื่อถึงเวลาเที่ยง เฉินฮวนฮวนอยู่คนเดียว ฉินเจียลี่และคนอื่นลากเธอไปนั่งกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน

ขณะกำลังกินข้าวกันอยู่นั้น ฉินเจียลี่นินทาขึ้นอย่างอดไม่ได้ “หลิ่วเยว่เอ่อร์เลิกกับเกาจวิ้นเซวียนคนนั้นแล้วเหรอ”

  

“อืม ใช่” เฉินฮวนฮวนตอบตามความจริง

ผู้หญิงทุกคนในชั้นเรียนต่างก็รู้จักเกาจวิ้นเซวียน เกาจวิ้นเซวียนค่อนข้างเป็นที่รู้จักในมหาวิทยาลัย ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่หลิ่วเยว่เอ่อร์คบกันเกาจวิ้นเซวียนก่อนหน้านี้ ก็ยิ่งดังกระฉ่อนไปทั่วมหาวิทยาลัย

  

ตอนนี้ เธอก็ไม่สามารถช่วยหลิ่วเยว่เอ่อร์ปิดบังอะไรได้เลย ถึงอย่างไรเกาจวิ้นเซวียนก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับรุ่นน้องอย่างเปิดเผยมาก

  

“ฉันรู้นานแล้วว่า ผู้หญิงอย่างหลิ่วเยว่เอ่อร์ คบกับเกาจวิ้นเซวียนได้ไม่นานหรอก ไม่ช้าก็เร็วเธอต้องทิ้งเกาจวิ้นเซวียน!” เฉินเจียลี่กล่าวอย่างตื่นเต้น “ฉันเดาไม่ผิดเลยจริงๆ!”

  

หญิงสาวอีกสองก็พากันพยักหน้า

 

“ไม่ใช่นะ เจียลี่ เยว่เออร์ไม่ได้ทิ้งเกาจวิ้นเซวียน เธอ…” เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันได้อธิบายจบ ก็ถูกคำพูดของฉินเจียลี่เอ่ยขัดจังหวะเสียก่อน

  

“ฮวนฮวน ฉันว่าเธอควรอยู่ห่างจากหลิ่วเยว่เอ่อร์หน่อยนะ เธอดูสิ หล่อนเหมือนกับปีศาจจิ้งจอก แถมยังทำงานในที่แบบนั้นอย่างบลูส์คลับอีก ถ้าหล่อนไม่อยากเป็นเกาะคนรวยกิน มันก็แปลกแล้ว!” เมื่อฉินเจียลี่กล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของเธอแฝงไว้ด้วยความรังเกียจเหยียดหยาม

  

“เจียลี่ เยว่เอ่อร์ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ เธอทำงานที่บลูส์คลับ เพราะเธอต้องหาเงินมากหน่อย ฐานะทางบ้านเธอไม่ดี เธอต้องจ่ายค่าเทอมเอง” เฉินฮวนฮวนรีบอธิบายให้หลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอรู้สถานการณ์ของหลิ่วเยว่เอ่อร์เป็นอย่างดี

  

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ พวกเราเห็นว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่อยู่ ถึงได้บอกเธอเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเธอก็ตัวติดหล่อนเหมือนเงาตามตัวทุกครั้ง พวกเราก็ไม่มีโอกาสได้พูด” ฉินเจียลี่ส่วยหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยบอก “อีกอย่าง ฉันก็หวังดีเตือนเธอนะ ถ้าหล่อนไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับเธอ พวกเธอจะเป็นเพื่อนกันก็ไม่เป็นไร”

“เยว่เอ่อร์จะไม่ทำเรื่องเลวร้ายกับฉัน” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างหนักแน่น

  

“ฉันว่าหล่อนไม่เหมือนคนดีนะ ใครจะรู้ล่ะ” ฉินเจียลี่เพียงรู้สึกขัดหูขัดตากับหลิ่วเยว่เอ่อร์

  

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าฉินเจียลี่ไม่ชอบหลิ่วเยว่เอ่อร์ ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยมีเรื่องขัดแย้งกันเล็กน้อยระหว่างการฝึกทหาร ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ใส่ใจ

……

  

หลังจากเลิกเรียนตอนบ่าย เฉินฮวนฮวนไปทำงานที่ร้านชานม

เมื่อจินตั่วเห็นเธอเข้ามา เธอจึงเก็บของลงกระเป๋า แล้วเลิกงานกลับไป

  

ร้านชานมทั้งร้านถูกส่งต่อให้เฉินฮวนฮวนดูแลคนเดียว

  

รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดไปแล้ว

  

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนทำเครื่องดื่มเสร็จไปหลายรายการ เธอกำลังจะนั่งลงพักผ่อน จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าประตูมา

  

คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน สีหน้าของเธอดูแย่มาก

“คุณมาทำอะไร” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบเฉย

  

เหยี่ยจิ่งเฉินเดินไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน ดวงตาคู่นั้นจ้องเฉินฮวนฮวนอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะถามขึ้นว่า “คุณ…ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”

  

“คุณชายเหยี่ย ไม่ทราบว่าจะสั่งอะไรดีคะ” เฉินฮวนฮวนไม่สนใจคำพูดของเขา เธอใช้น้ำเสียงของพนักงานเอ่ยถามเขา

  

“ฮวนฮวน ผมไม่ได้มาดื่มชานม ผมแค่เป็นห่วงคุณ ก็เลยมาดูคุณ” คิ้วของเหยี่ยจิ่งเฉินขมวดเข้าหากันครู่หนึ่ง ทว่าไม่นานสีหน้าก็กลับมาสงบนิ่งเช่นเดิม แต่น้ำเสียงยังแสดงถึงความเป็นห่วง

  

เฉินฮวนฮวนรู้สึกอยากจะอาเจียน เธอพยายามอดอดทนกลั้น และกัดฟันกรอด ก่อนจะถามกลับว่า “ดูฉัน? ถ้าคุณไม่ได้มาดื่มชานมก็ออกไป!”

สีหน้าของเหยี่ยจิ่งเฉินพลันเปลี่ยนไปทันที ทว่าไม่นานก็เอ่ยบอกอย่างใจเย็น “งั้นผมสั่งชานมสักแก้ว ได้ไหม”

  

“คุณสั่งอันไหน” เฉินฮวนฮวนเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก

  

“ชานมเมนูแนะนำของร้านก็แล้วกัน” เดิมทีเหยี่ยจิ่งเฉินไม่ได้อยากดื่มอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสั่งอย่างขอไปที

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนคิดเงินเสร็จ เธอก็ไปทำชานมที่เคาน์เตอร์ทำเครื่องดื่ม ในตอนนี้เอง เสียงของเหยี่ยจิ่งเฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ฮวนฮวน ก่อนหน้านี้ผมขอโทษคุณด้วย ถ้าคุณลำบากอะไร มาหาผมได้นะ ตอนนี้ผมกำลังลงทุนอยู่ข้างนอก ผมมีเงินสำรองอยู่บ้าง”

  

“คุณหมายความว่า ฉันยืมเงินคุณได้เหรอ” เฉินฮวนฮวนปิดฝาชานม และยื่นให้ตรงหน้าเหยี่ยจิ่งเฉิน ก่อนจะเค้นเสียงหัวเราะในลำคอออกมา

  

“อืม ผมได้ยินมาว่าคุณยังไม่มีเงินค่าทำพิธีฝังศพคุณยายของคุณ ผมสามารถ…” เหยี่ยจิ่งเฉินยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเฉินฮวนฮวนขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

  

“คุณชายเหยี่ย คุณลืมสถานะของฉันตอนนี้แล้วเหรอ ตอนนี้ฉันเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิง ฉันจำเป็นต้องยืมเงินคุณเหรอ” เฉินฮวนฮวนปิดบังความจริง เธอไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าผู้ชายห่วยแตกอย่างเหยี่ยจิ่งเฉิน

  

ในเมื่อเขากับเฉินซินโหรวรักกันดีแล้ว ก็ไม่ต้องปรากฏตัวต่อหน้าเธอ ทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน

  

“ฮวนฮวน ฉันรู้ว่าเธออยู่บ้านตระกูลเฟิงน่าจะลำบาก ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่ไปขอเงินที่บ้านตระกูลเฉิน แล้วก็ไม่ต้องทำงานอีกแล้ว ไม่ใช่เหรอ”

ตระกูลเฟิงมอบเงินสิบล้านให้กับตระกูลเฉิน ซื้อลูกสาวคนหนึ่งกลับไปเป็นภรรยาของคนที่ “ใช้ไม่ได้” อย่างเฟิงเฉินเหยี่ยน แล้วจะให้เงินกับเฉินฮวนฮวนอีกได้อย่างไร

  

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าตระกูลเฉินให้ความสำคัญกับเฉินฮวนฮวนสักหน่อย เฉินฮวนฮวนก็ไม่จำเป็นต้องทำงานหาเงินที่ร้านชานมอีก

  

เมื่อเหยี่ยจิ่งเฉินพูดกับเฉินฮวนฮวนเช่นนั้น เธอแทบพูดไม่ออกเลยทีเดียว

เธออยากดูมีหน้ามีตาในสังคมต่อหน้าเขาเสียหน่อย ทว่าผู้ชายห่วยแตกคนนี้กลับเปิดโปงเธอจนไม่เหลืออะไรเลย

  

“ใครว่าเฉินฮวนฮวนอยู่บ้านตระกูลเฟิงแล้วลำบากกัน”

  

ในตอนนี้เอง เสียงของชายหนุ่มที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นที่หน้าประตู

  

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นเฟิงหานชวนอยู่ในชุดสูทที่สั่งตัดเย็บเป็นพิเศษ ยิ่งทำให้รูปร่างของเขาดูสูงใหญ่และสง่าผ่าเผย

  

“เลิกกันแล้ว?” เฉินฮวนฮวนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

นี่เธอเข้าใจผิดหรือเปล่า

  

แต่ว่า ไม่กี่วันก่อนหลิ่วเยว่เอ่อร์ยังถามเธออยู่เลยว่า ควรเลิกกับเกาจวิ้นเซวียนไหม ตอนนั้นเธอแค่แนะนำหลิ่วเยว่เอ่อร์ให้ทำตามหัวใจตัวเอง

  

แต่เธอไม่คิดว่า ทั้งสองคนจะเลิกกันเร็วขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เกาจวิ้นเซวียนมีแฟนใหม่แล้ว?

  

“ใช่ค่ะ รุ่นพี่ อาเซวียนเลิกกับหลิ่วเยว่เอ่อร์แล้ว พี่เป็นเพื่อนของหลิ่วเยว่เอ่อร์ใช่ไหม ตอนนี้พี่ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของพวกเรานะคะ เมื่อกี้พี่ทำพวกเราตกใจหมดเลย!” เฉินเสี่ยววานมองไปยังเฉินฮวนฮวน แม้ว่าสีหน้าของเธอดูไม่ค่อยพอใจนัก ทว่าน้ำเสียงสะบัดสะบิ้งเป็นพิเศษ

  

คิ้วของเฉินฮวนฮวนขมวดเข้าหากัน มองคู่รักหนุ่มสาวที่หวานชื่นต่อกันตรงหน้า และเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พวกเธอรู้จักกันตอนไหน”

  

“รู้จัก?” เฉินเสี่ยววานนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองชายหนุ่มข้างๆ ก่อนจะกล่าวกับเกาจวิ้นเซวียนอย่างออดอ้อน “ฉันกับรุ่นพี่เซวียนรู้จักกันที่ชมรมค่ะ ช่วงเปิดเทอมตอนนั้น”

เปิดเทอมตอนนั้น?

ถ้าอย่างนั้นก็หนึ่งเดือนกว่าแล้ว

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นยิ่งกว่าเดิม เพิ่งจะเลิกราก็คบกับแฟนใหม่แล้ว เกาจวิ้นเซวียนก็เริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่เลย

  

ถ้าบอกว่าเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับรุ่นน้องคนนี้มาก่อน เธอไม่เชื่อเลยจริงๆ

“เกาจวิ้นเซวียน นายไม่ละลายใจต่อเยว่เอ่อร์เลยเหรอ นายคบซ้อนใช่ไหม” เฉินฮวนฮวนไม่ยอม และถามเขาขึ้นว่า “เยว่เอ่อร์ป่วยอยู่โรงพยาบาล นายกลับมาสวีทกับแฟนใหม่ เธอสิ้นเปลืองเวลาอยู่กับนายมาหนึ่งปี ผลที่ได้กลับมาเป็นแบบนี้เหรอ”

เธอยังจำได้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์บ่นกับเธอ บอกว่าเกาจวิ้นเซวียนไม่ใส่ใจเธอ ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่ชอบงานพาร์ทไทม์ของเธออีกด้วย

คาดว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์สังเกตเห็นเกาจวิ้นเซวียนและเฉินเสี่ยววานตั้งนานแล้ว ดังนั้นช่วงนี้เธอถึงได้อารมณ์ไม่ดีขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้นเธอยังโมโหจนล้มป่วยไปเลย

“เฉินฮวนฮวน ฉันกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เลิกกันด้วยดี ไม่เชื่อก็ไปถามหลิ่วยว่เอ่อร์!” เกาจวิ้นเซวียนไม่เพียงแต่ไม่โกรธ ทว่าใบหน้าของเขายังแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

ในความคิดของเขา เฉินฮวนฮวนที่ออกหน้าแทนหลิ่วเยว่เอ่อร์ ก็เหมือนกับคนโง่คนหนึ่ง คนโง่ที่ถูกซื้อไปแล้วยังนับเงินแทนอยู่อีก*

  

“ถึงจะเลิกกันด้วยดี นั่นก็เพราะเธอท้อแท้ใจกับนายไง ไม่อยากอยู่กับนายแล้ว เธอผิดหวังในตัวนายมาก!” เฉินฮวนฮวนเห็นว่าเกาจวิ้นเซวียนไม่เพียงแต่ไม่สำนึกผิด ทว่าเขาก็ยังยิ้มได้ ทันใดนั้นเอง ความเดือดดาลเกรี้ยวกราดก็ยิ่งพลุ่งพล่านออกมา

ในตอนนี้เอง เฉินเสี่ยววานรีบก้าวเข้าไปขวางหน้าเกาจวิ้นเซวียน เธอจ้องเฉินฮวนฮวนอย่างโกรธเคือง และกล่าวขึ้นอย่างเหลืออด “พี่คิดว่าเธอเป็นใครกัน อาเซวียนกับหลิ่วเยว่เอ่อร์จบกันด้วยดี พี่ยังจะวุ่นวายอะไรอีก หรือว่า พี่ชอบอาเซวียน? เห็นเขาอยู่กับฉันไม่ได้เหรอ”

ความน่ารักน่าเอ็นดูที่เฉินเสี่ยววานแสดงออกมาตั้งแต่แรกก็พังทลายลงในทันที เธอกล่าวเหน็บแนมทุกประโยค ราวกับนักเลงตัวน้อย

  

“ฉันชอบเกาจวิ้นเซวียน?” จู่ๆ เฉินฮวนฮวนรู้สึกขบขันขึ้นมา เธอโต้แย้งกลับทันที “ไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนเธอนะ ชอบผู้ชายสำส่อนแบบนี้”

เธอคิดว่าไม่จำเป็นต้องพัวพันกับชายหญิงสำส่อนคู่นี้อีกต่อไป เธอหันหลังเตรียมจะเดินออกไป ทว่าถูกเกาจวิ้นเซวียนเรียกไว้อีกครั้ง

“เฉินฮวนฮวน!”

เฉินฮวนฮวนหันกลับมา ใบหน้าที่เดือดดาลของเขากำลังมองเธออยู่

“เธอจะเสียใจทีหลัง” เมื่อเกาจวิ้นเซวียนกล่าวประโยคนี้จบ เขาก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความลำพองใจ

เฉินฮวนฮวนโกรธจนแทบอยากจะเข้าไปทุบเขาให้ตาย เสียงหัวเราะของเกาจวิ้นเซวียน ทำให้เธออยากจะอาเจียนออกมา

  

เธอจ้องเขม็งไปยังชายหนุ่ม เฉินฮวนฮวนรีบสาวเท้าออกจากโรงอาหาร ไม่อยากรู้สึกถึงบรรยากาศขุ่นมัวอีกต่อไป

หลังจากเฉินฮวนฮวนเดินไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเกาจวิ้นเซวียนพลันหายไปทันที

  

“อาเซวียน เมื่อกี้นายบอกว่าเธอจะเสียใจทีหลัง หมายความว่ายังไง” เฉินเสี่ยววานไม่เข้าใจ เธอรู้สึกว่าวันนี้เกาจวิ้นเซวียนค่อนข้างแปลกไปจากที่เคย

“ฉันหมายถึง เธอด่าฉันขนาดนี้ เธอจะต้องเสียใจทีหลัง!” เกาจวิ้นเซวียนอธิบายอย่างคลุมเครือ

……

เฉินฮวนฮวนไปที่ห้องเรียนด้วยความโมโห โมโหจนไม่ได้ซื้ออาหารเช้าเลยด้วยซ้ำ

เธอเห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่มา จึงรีบโทรหาหลิ่วเยว่เอ่อร์

ในเวลานี้เอง หลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรมา แววตาของเธอพลันมืดครึ้มลงทันที เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

ในเวลานี้ เฉินฮวนฮวนโทรหาเธอ…

เดิมทีหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่อยากรับสาย ทว่าเธออยากฟังว่าเฉินฮวนฮวนจะพูดอะไร เธอจึงรับโทรศัพท์

  

“เยว่เอ่อร์ เธอยังอยู่โรงพยาบาลเหรอ ฉันเห็นเธอไม่มาที่ห้องเรียน” น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความเป็นห่วงใย

เธอและหลิ่วเยว่เอ่อร์เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนฝึกทหาร ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งปีกว่าแล้ว ทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก

ก่อนหน้านี้คุณยายของเธอป่วย เธอขอยืมเงินหลิ่วเยว่เอ่อร์ หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็มีเงินไม่มากเท่าไรนัก ทว่ายังควักกระเป๋าช่วยเธออย่างใจกว้าง ให้เธอยืมถึงสองพันหยวน

แม้ว่าจำนวนจะไม่มาก ทว่าสำหรับนักเรียนคนหนึ่ง ยิ่งหลิ่วเยว่เอ่อร์ยังต้องจ่ายค่าเทอมเองด้วยแล้ว ดังนั้นบุญคุณนี้ เฉินฮวนฮวนจดจำไว้ในใจเสมอ

หลังจากนั้นคุณยายของเธอจึงขายต่างหูทองคู่หนึ่ง ให้เธอนำเงินไปคืนหลิ่วเยว่เอ่อร์ และยังบอกอีกว่าไม่ว่าอย่างไร ก็จะไม่ยอมให้เด็กคนหนึ่งต้องควักกระเป๋าออกเงิน

  

“ใช่ ฉันพักอีกสักวัน มีอะไรเหรอ” น้ำเสียงของหวิ่วเยว่เอ่อร์ฟังดูไม่สนิทสนมเหมือนแต่ก่อน ฟังดูเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะรู้สึกได้ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก เธอแค่คิดว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่สบาย ดังนั้นน้ำเสียงของเธอถึงได้เป็นเช่นนี้

  

“ไม่ ไม่มีอะไรหรอก แค่จะถามว่าเธอเป็นยังไงบ้าง เธอมีไข้สูงเหรอ ช่วงนี้อากาศแปรปรวนหน่อย เธอต้องระวังหน่อยนะ ฉันก็มีไข้สูงแล้วเหมือนกัน แต่ฉันกินยาลดไข้กับยาแก้หวัดของยี่ห้อxx ก็ดีขึ้นแล้ว ฉันรู้สึกว่ามันได้ผลดีมาก เธอลองดูได้…” เฉินฮวนฮวนเอ่ยบอกอย่างจริงจังอยู่พักหนึ่ง

ทว่าอีกด้านหนึ่ง หลิ่วเยว่เอ่อร์กลอกตาพลางยกมือแคะหู ราวกับตัวเองกำลังได้ยินอะไรที่สกปรก

  

“ฮวนฮวน ถ้าไม่มีอะไรฉันวางสายก่อนนะ ฉันง่วงแล้ว” หลิ่วเยว่เอ่อร์คร้านจะพูดอะไรอีก

  

“อืม โอเค งั้นเธอพักผ่อนเถอะ” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

  

เรื่องของเกาจวิ้นเซวียนกับเฉินเสี่ยววาน เธอควรบอกหลิ่วเยว่เอ่อร์ตอนนี้ดีไหมนะ

เธอยังไม่พูดดีกว่า ถึงอย่างไรตอนนี้หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ไม่สบาย ถ้าเธอพูดเรื่องนั้นออกไปอีก จะทำให้หลิ่วเยว่เอ่อร์ทุกข์ใจยิ่งขึ้น

ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังจะวางสาย เสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ฮวนฮวน ช่วงนี้เธอเจอเรื่องอะไรบ้างไหม เรื่องพิเศษๆ คุยกับฉันหน่อยสิ ฉันเบื่อนิดหน่อย”

  

“เรื่องพิเศษ?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ หลิ่วเยว่เอ่อร์ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

  

ในเมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์อยากฟัง เธอก็พูดไปก่อนน่าจะดีกว่า

  

“อืม เรื่องดีหรือไม่ดีก็ได้ เล่าให้ฉันฟังเถอะ!” น้ำเสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ดีขึ้นมาก กลับคืนสู่ความสนิทสนมกันเหมือนเมื่อก่อน

  

“เยว่เอ่อร์ ฉันจะบอกเธอให้นะ เธออย่าเสียใจไปล่ะ” เฉินฮวนฮวนกล่าวเตือนเธอไว้ก่อน

อย่าเสียใจไปล่ะ?

  

สีหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์อึมครึมขึ้นมาทันที หรือว่าเรื่องของเธอถูกแล้วอย่างนั้นเหรอ

  

เมื่อสักครู่เฉินฮวนฮวนโทรมาปลอบโยนเธอ จริงๆ แล้วโทรมาโอ้อวดเหรอ

  

“เมื่อเช้านี้ตอนที่ฉันอยู่โรงอาหาร ฉันเห็นเกาจวิ้นเซวียนกับรุ่นน้องอยู่ด้วยกัน ท่าทางสวีทกันมาก แล้วยังจูบกันด้วย ฉันไปถามเขา เขาบอกว่ารุ่นน้องเป็นแฟนใหม่ของเขา และเขาก็เลิกกับเธอแล้ว” เฉินฮวนฮวนพูดทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น

*ถูกซื้อไปแล้วยังนับเงินแทน หมายถึง คนที่โง่มากๆ ซื่อบื้อมากๆ

ปลายจมูกของเขาได้กลิ่นหอมจางๆ ซึ่งเป็นกลิ่นกายที่เป็นธรรมชาติมาก

ไม่ใช่กลิ่นที่มาจากน้ำหอมหรือเครื่องสำอางแต่อย่างใด แต่เป็นกลิ่นที่หอมสดชื่นและทำให้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากจะสูดดมกลิ่น

ดวงตาของเธอปิดอยู่จึงทำให้เห็นขนตาที่ยาวมากของเธอ ตอนนี้เธอยังคงไม่ขยับและหลับลึกจนไม่รู้สึกตัว

มีบางอย่างดึงดูดเฟิงหานชวน ในขณะที่ร่างบางกำลังผล็อยหลับอยู่ เขาอยากจะ…

ในขณะเดียวกันเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน "ตึ๊ดๆ"

มันคือโทรศัพท์ที่เขาวางไว้อยู่ที่แผงรถด้านหน้า

เฟิงหานชวนจำเป็นต้องปล่อยเเฉินฮวนฮวนแล้วเดินไปที่ที่นั่งคนขับและหยิบโทรศัพท์ออกมา

เมื่อเห็นชื่อบนหมายเลขของผู้โทรเข้ามา ใบหน้าที่ผ่อนคลายแต่เดิมของเฟิงหานชวนก็กลับแปรเปลี่ยนไปในทันใด

แต่เขาก็ยังกดรับสาย

"คุณเฟิง ฉันคิดว่าคุณจะไม่รับสายฉันแล้วซะอีก~"

เสียงที่ละเอียดอ่อนของหญิงสาวดังมาจากปลายสาย

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว น้ำเสียงต่ำของเขาเริ่มหมดความอดทน: "คิดข้อแลกเปลี่ยนออกแล้วเหรอ?"

เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงหานชวนหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็หุบยิ้มลงทันที เธอบีบโทรศัพท์และกัดฟันแน่น

"ฉัน……พวกเราไปกันได้แค่นี้จริงๆเหรอ? ฉันไม่อยากพูดถึงเงื่อนไขใดๆเลย มันชัดอยู่แล้วว่าคุณเฟิงเป็นคนทำฉันก่อน…"หลิ่วเยว่เอ่อร์ยังคงเอ่ยถึงเรื่องในคืนนั้น

เธอไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว เฟิงหานชวนนั้นช่างเย็นชาจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะรับผิดชอบเลย

ในขณะเดียวกันเฟิงหานชวนก็ตื่นขึ้นมาในลักษณะที่มึนงงและสับสน เสียงเรียกเข้าและเสียงโทรศัพท์สั่นปลุกเธอเล็กน้อย พอได้ยินเสียงของเฟิงหานชวน เธอจึงบังคับตัวเองให้ลืมตาขึ้นตื่นขึ้น

แม้ว่าเธอจะง่วงนอนมาก แต่เธอก็พยายามเพ่งมองออกไปข้างนอกรถและพบว่าที่นี่คือสี่แยกหน้ามหาวิทยาลัย และเฟิงหานชวนเองก็ยืนอยู่ข้างประตูรถพร้อมกับถือโทรศัพท์

เขากำลังคุยโทรศัพท์

อย่างไรก็ตามเฉินฮวนฮวนสงสัยว่าทำไมประตูเบาะหลังของเธอถึงเปิด?

เฟิงหานชวนเปิดประตูอย่างนั้นเหรอ?

เมื่อเธอเหยียดตัวเองลุกขึ้นมานั่ง เฟิงหานชวนก็หันมามองที่เธอ ทำให้ทั้งสองคนบังเอิญสบตากัน

"อา…."เฉินฮวนฮวนอยากจะพูด แต่เธอเห็นว่าเฟิงหานชวนยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ ดังนั้นเธอจึงรีบปิดปากของเธอทันที

หลังจากนั้นเธอก็ชี้นิ้วไปทางด้านหลังและพูดว่า: "ฉันไปก่อนนะ!"

จากนั้นเธอจึงหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายและลงจากรถ เธอโบกมือลาเฟิงหานชวนก่อนจะหันเดินจากไป

แต่ทันใดนั้นเขาก็จับข้อมือเธอไว้เสียก่อน

เมื่อเฉินฮวนฮวนหันมาก็เห็นเฟิงหานชวนกำโทรศัพท์แล้วโยนทิ้งลงไปในเบาะที่นั่งคนขับ

"อาสาม คุณมีอะไรอีกหรือเปล่า?"เฉินฮวนฮวนเอ่ยถาม

"เลิกงานสี่ทุ่มใช่ไหม?"เฟิงหานชวนจ้องไปที่ดวงตาใสๆของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาและเอ่ยถาม

"อืม ใช่"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าเหมือนคนบื้อ ตอนนี้ในใจของเธอเริ่มรู้สึกสับสนมากขึ้นกว่าเดิม

เฟิงหานชวนถามเธอว่าเลิกงานกี่โมง เขาต้องการจะทำอะไร?

ในขณะที่เธอกำลังสงสัย เสียงของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง: "ตอนค่ำหลังจากเลิกงานฉันจะมารับเธอ"

"ห้ะ?"เฉินฮวนฮวนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

"ไม่ได้มีเรื่องอยากให้ฉันช่วยหรอกเหรอ?"เฟิงหานชวนเม้มริมฝีปากและพูดอย่างใจเย็น

จากนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปและปิดประตูเบาะหลังและเดินเข้าไปนั่งที่เบาะคนขับ แล้วก็ขับรถออกไปทันที

เมื่อรถหายไปแล้ว แต่เฉินฮวนฮวนยังคงตกตะลึงและสับสนวุ่นวายใจไปหมด

ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก นอกจากขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวนเท่านั้นใช่ไหม?

แถมยังต้องเอาร่างกายเข้าแลกแบบนั้นใช่ไหม?

……

อีกด้านหนึ่งของโรงพยาบาลรุ่ยเอิน

ห้องพักผู้ป่วยระดับวีไอพี

หลิ่วเยว่เอ่อร์จ้องมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์สีดำ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ

ทันทีที่เธอพูดถึงเรื่องเมื่อคืนนั้น เฟิงหานชวนก็เงียบและวางสายโทรศัพท์ใส่เธอทันที

ผู้ชายคนนี้ไร้ความรู้สึกขนาดนี้ได้อย่างไร?

หรือเริ่มคิดว่าเธอน่ารำคาญหรือเปล่า?

เธอกวนเขามากไปหรือเปล่า?

แต่เธออุส่าห์อดทน ไม่อย่างนั้นเธอคงโทรหาเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้วด้วยซ้ำ

เฟิงหานชวนทิ้งเธอไว้เพียงลำพังที่โรงพยาบาล เหลือแค่แม่บ้านที่ยังคงอยู่ดูแลเธอเท่านั้น นี่มันหมายความว่าเธอเป็นอะไรกับเขาอย่างนั้นเหรอ?

จะมาก็มาจะไปก็ไป?

เป็นไปได้ไหมที่เกาจวินเซวียนอาจจะพูดอะไรบางอย่างกับเฟิงหานชวนและต้องการทำลายหนทางที่เธออยากจะยกระดับของตัวเองให้สูงขึ้น?

แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็รีบลบความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าเกาจวินเซวียนพูดอะไรไปจริงๆ เฟิงหานชวนก็น่าจะถามเธอไปตั้งนานแล้ว

เมื่อนึกถึงความเย็นชาของเขา เธอก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที เธอไม่มีสเน่ห์ขนาดนั้นเลยเหรอ?

เลยไม่อยากรับผิดชอบ? ทำไมไม่รับผิดชอบเธอ!

หลิ่วเยว่เอ่อร์หงุดหงิดจนแทบรอไม่ไหวที่จะรีบไปที่บริษัทของเฟิงหานชวนและบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาให้ทั้งโลกได้รับรู้!

ขณะที่ป้าหวังกำลังไปซื้ออาหารเช้ามาให้เธอ หลิวเยว่เออร์ก็โทรหาเกาจวินเซวียนอีกครั้ง

"ฮัลโหล เกาจวินเซวียนคุณไม่ได้ไปหาเฟิงหานชวนใช่ไหม? ถ้าคุณกล้าพูดอะไรออกไป คุณกับฉันจบไม่สวยแน่! "หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้สึกไม่สบายใจเลยโทรมาเตือนเกาจวินเซวียนอีกครั้ง

"เยว่เอ่อร์ ไม่ต้องกังวลไปนะ ผมจะไม่พูดเรื่องไร้สาระแน่นอน ผมเองก็และไม่จำเป็นที่จะต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นด้วยใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้ผมกำลังทานอาหารเช้ากับรุ่นน้องในโรงอาหาร ผมอยากเสียเวลากับเรื่องของคุณ รู้ใช่ไหม? "

เกาจวินเซวียนอธิบายซ้ำแล้วยื่นโทรศัพท์มือถือไปที่รุ่นน้องผู้หญิงและสั่งเธอว่า: "มาๆ บอกเธอหน่อยว่าเราอยู่ด้วยกัน"

รุ่นน้องสาวสวยหัวเราะคิกคักและพูดว่า: "สวัสดีค่ะพี่เยว่เอ่อร์ ฉันเป็นแฟนของอาเซวียน ฉันชื่อเฉินเสี่ยววาน"

หลังจากที่เฉินเสี่ยววานกล่าวทักทาย เกาจวินเซวียนก็เอาโทรศัพท์มาพูดกับเธอต่อว่า: "เราเลิกกันด้วยดี ผมไม่จำเป็นไปต้องพูดเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับคุณ ขอวางสายก่อนนะ! คุณหาทางเอาเองก็แล้วกัน!"

เฉินเสี่ยววานยังคงอยู่ข้างๆเขา ดังนั้นเกาจวินเซวียนจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่มีประกายแสงบางอย่างวาบขึ้นมาในดวงตาของเขา และรอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของเขา

ทันทีที่เขาวางสาย เขาก็โอบผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขา และกอดเธอไว้ในอ้อมแขนทันที

"อาเซวียน แฟนเก่าของคุณคนนั้น โทรหาคุณมีเรื่องอะไรเหรอ?"เฉินเสี่ยววานพิงแขนของเกาจวินเซวียนและถามด้วยความสงสัย

"เธอชอบออกไปเที่ยว เธอกลัวว่าผมจะเอาเธอไปพูดในทางแย่ๆเกี่ยวกับเธอ เธอเลยมาเตือนผม ช่างเธอเถอะ!"เกาจวินเซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาก้มหน้าลงและจูบไปที่ริมฝีปากของเฉินเสี่ยววาน

เฉินเสี่ยววานซบอยู่ในอ้อมแขนของเกาจวินเซวียนอย่างเขินอาย ทั้งสองคนดูเป็นคู่รักที่หวานแหวว

เฉินฮวนฮวนที่กำลังเดินเข้าไปในโรงอาหารก็บังเอิญเห็นฉากนี้พอดี

เธอขยี้ตาและสงสัยว่าเธอตาฝาดไปหรือเปล่า แต่เธอไม่ได้ตาฝาดเพราะเกาจวินเซวียนกำลังกอดเด็กสาวคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนของเขา ทั้งสองดูสนิทสนมกันราวกับเป็นคู่รัก

"เกาจวินเซวียน ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร! คุณทำกับเยว่เอ่อร์แบบนี้ได้ยังไง? "เฉินฮวนฮวนเดินเข้ามาและตะโกนใส่เกาจวินเซวียน

เกาจวินเซวียนและเฉินเสี่ยววานต่างตกใจกับเสียงตะโกนของเฉินฮวนฮวน เมื่อเกาจวินเซวียนได้สติ เขาจึงโต้กลับไปทันที: "เฉินฮวนฮวน ผมกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เลิกกันแล้ว! นี่แฟนใหม่ของผม คุณอย่ามาเอะอะโวยวายแบบนี้! "

"ตกเป็นเหยื่อ?" มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกขึ้นหลายครั้ง

ความสามารถในการเข้าใจของเขานั้นสูงอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเข้าใจสิ่งที่เฉินฮวนฮวนพูดมา

ผู้หญิงคนนี้ช่างจินตนาการเหลือล้นเสียจริง!

"อาสาม อย่าเสียใจไปเลย เดี๋ยวก็มีผู้หญิงที่ดีกว่าเข้ามาหาคุณเอง อย่าเศร้าไปเลยนะ!"เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างจริงจัง แต่คำพูดของเธอนั้นล้วนเต็มไปด้วยการปลอบโยน

"……" เฟิงหานชวนพูดไม่ออก

ตอนนี้ในสายตาของเฉินฮวนฮวนเห็นเขาเป็นพระรองหรืออย่างไร?

"เฉินฮวนฮวน!" เฟิงหานชวนกัดฟันด้วยความโกรธ

"อาสาม ฉันเคยว่าคุณมาก่อน ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นเพราะ… คุณเลยต้องมาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแบบนี้ ตอนนั้นฉันคิดผิดว่าคุณเป็นคนแบบนั้น ฉันขอโทษจริงๆ "เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างรีบร้อนเพื่อที่จะพูดความคิดทั้งหมดในใจของเธอ

เธอเห็นว่าเฟิงหานชวนโกรธมาก ดังนั้นเธอจึงรีบขอโทษเขา

"ลงไปสักที!" เฟิงหานชวนรู้สึกปวกขมับ เขาเลยตะคอกออกไป

ผู้หญิงคนนี้เสียงดังเจื้อยแจ้วเกินไปจริงๆ!

"โอเค ฉันจะลงจากรถเดี๋ยวนี้ อาสามแต่ฉันอยากจะขอโทษคุณจริงๆนะ และฉันก็อยากขอบคุณคุณเช่นกัน สรุปสั้นๆคือฉันหวังว่าคุณจะไม่เสียใจอีกและหายดีจากความรักแบบนั้นสักทีนะ"เฉินฮวนฮวนไม่กล้าพูดอะไรเกี่ยวกับพระรองอีก เธอจึงรีบเปลี่ยนคำพูดอย่างแนบเนียน

เมื่อพูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปเพื่อเปิดประตู

ในขณะเดียวกัน เฟิงหานชวนก็เอ่ยเสียงต่ำว่า: "เฉินฮวนฮวน"

"เอ๊ะ? อาสาม คุณมีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า? "เฉินฮวนฮวนหยุดการกระทำและยื่นตัวไปข้างหน้าอีกครั้งและถามเฟิงหานชวน

"ตอนนั้นที่คุณพูดว่าและถามผมว่าตอนกลางคืนมีเวลาไหม มันหมายความว่าอะไร?" เฟิงหานชวนหันหน้ามาเล็กน้อย เขาจ้องไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเขาอย่างใกล้ชิด

ทั้งสองมองหน้ากัน

เฉินฮวนฮวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นทันที ใบหน้าของเธอแดงก่ำ

ตอนนั้นเธอกลัวเกินไปเธอจึงหนีกลับไปที่ห้องของเธอ แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็ยังดันมาพูดเรื่องนี้กับเฟิงหานชวนอีก

อย่างไรก็ตามคืนนั้นเธอไม่สามารถกลับไปหาเขาได้ เพราะเธอดันถูกหรงจิ่นซิวส่งไปที่โรงพยาบาลเสียก่อน

หลังจากนั้นเธอก็เข้าใจผิดคิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นคนที่เฝ้าเธอตลอดทั้งคืน ตอนนั้นเธอเลยวางแผนที่จะขอความช่วยเหลือจากเฟิงเฉินเหยี่ยนแทนและหลีกเลี่ยงสิ่งที่ตกลงกับเฟิงหานชวนไป

ตอนนี้เฟิงหานชวนเริ่มถามเธอเองก่อน ทำให้ให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกเขินอายและประหม่าจนไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร

เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนเข้าใจสิ่งที่เธอหมายถึง แต่เขาถามอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เฉินฮวนฮวนอธิบายออกมาเอง ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเลยทำอะไรต่อไม่ถูก

"อาสาม ฉัน…ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณยังรู้สึกเศร้าและสียใจอยู่เลยต้องหาผู้หญิงมาช่วยปลอบใจ คุณลองหาคนอื่นได้นะ"เฉินฮวนฮวนก้มหน้าหลบสายตาของเขา

เธอรู้ว่าถ้าเธอขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนต้องเข้าใจว่าหมายถึงเรื่องทำนองนั้นอย่างแน่นอน

เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกอับอายไปมากกว่านี้ เธอยังคงตั้งใจที่จะขอความช่วยเหลือจากเฟิงเฉินเหยี่ยนและหลีกเลี่ยงการติดต่อกับเฟิงหานชวน

แต่คำอธิบายของเฉินฮวนฮวนทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที

"ต้องการทำให้ผมตายใจก่อนหรือไง" เสียงของเขาเย็นชามาก

เฉินฮวนฮวนตัวสั่นเพราะสีหน้าที่เย็นชาของเขา

"อาสาม ฉันไม่ได้พยายามที่จะทำให้คุณตายใจ ก่อนหน้านั้นฉันจะมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากคุณ ฉันก็เลยไปหาคุณที่ห้องของคุณ แต่ตอนนี้…"เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากและหยุดพูด

ถ้าเธอบอกว่าเธอต้องการขอความช่วยเหลือจากเฟิงเฉินเหยี่ยนแทนแล้ว เธอจะทำให้เฟิงหานชวนโกรธอีกหรือเปล่า?

"แต่ตอนนี้อะไร?"เฟิงหานชวนพ่นลมหายใจออกมา น้ำเสียงของเขาเย็นชามากกว่าเดิม: "คุณต้องการขอความช่วยเหลือจากอาเหยี่ยนใช่ไหม"

"เอ่อ ฉัน……"เฉินฮวนฮวนนึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะฉลาดขนาดนี้ เธอพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

"เฉินฮวนฮวน อีกไม่นานคุณก็ต้องออกจาบ้านตระกูลเฟิงแล้ว และผมจะไม่อนุญาตให้คุณไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของอาเหยี่ยนเด็ดขาด"ในคำพูดของเฟิงหานชวนแฝงไปด้วยความโกรธ

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนซีดลงทันที

ไม่อนุญาตให้เธอไปรบกวนอาเหยี่ยนอย่างนั้นเหรอ? เธอไม่ได้รับอนุญาตให้พบเฟิงเฉินเหยี่ยนอีกอย่างนั้นเหรอ?

ถ้าเธอไม่ได้พบเฟิงเฉินเหยี่ยน แล้วเธอจะขอความช่วยเหลือจากเฟิงเฉินเหยี่ยนได้อย่างไรล่ะ?

"อาสาม ฉันจะออกจากบ้านตระกูลเฟิงจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจที่จะจะเกลี้ยกล่อมอาเหยี่ยนเลย ฉันแค่อยากจะขอความช่วยเหลือจากเขา มันไม่ได้ความหมายแบบอื่นเลย…"เฉินฮวนฮวนเป็นกังวลและอธิบายต่อไป

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เขาแค่รู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนในขณะนี้เป็นเหมือนแมลงหวี่ที่มีเสียงดังน่ารำคาญ เขาเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งเครื่องทันที

รถแล่นออกจากโรงรถและวิ่งไปบนท้องถนน

"อ๊าย!"

เฉินฮวนฮวนไม่ทันได้ตั้งตัว ตัวเธอก็เลยพุ่งไปติดที่เบาะหลังรถทันที

เธอตกใจและอุทานออกมา

"อาสาม คุณฟังฉันก่อนได้ไหม?" ฉันไม่ได้ต้องการที่จะเกลี้ยกล่อมอาเหยี่ยน ฉันแค่อยากจะ…”

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ก่อนที่เธอจะพูดจบเธอก็ถูกขัดจังหวะด้วยคำพูดที่เย็นชาของเฟิงหานชวน

"มีเรื่องอะไรก็มาหาผมสิ"

"ฉัน….."เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกแล้ว

ตอนนี้เฟิงหานชวนไม่อนุญาตให้เธอไปหาอาเหยี่ยน แต่อนุญาตให้เธอขอความช่วยเหลือจากเขาได้ ดังนั้นหากเธอขอความช่วยเหลือจากเขาก็แปลว่าเธอต้องให้บางอย่างเป็นการแลกเปลี่ยน

เฟิงเฉินเหยี่ยนคงไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่นอนและเขาเองก็เป็นคนมีเมตตา ถ้าเธอขอความช่วยเหลือจากเฟิงเฉินเหยี่ยน เฟิงเฉินเหยี่ยนคงไม่นิ่งดูดายแน่ๆ

แต่เฟิงหานชวนไม่ใช่

ถ้าเธอขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวนจริงๆ เธอจะต้องมีค่าตอบแทนให้เขาอย่างที่เขาบอกในคืนนั้น เธอต้องทำให้เขามีความสุขเขาถึงจะยอมช่วยเธอ

"เหอะ"เมื่อเห็นใบหน้าของเฉินฮวนฮวนที่ดูยุ่งเหยิงและไม่พูดอะไรเลย เฟิงหานชวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ

เรื่องอะไรที่จะให้ช่วย ไม่ใช่แค่เป็นข้ออ้างในการเข้าหาผู้ชายหรอกเหรอ!

ในขณะเดียวกันเฉินฮวนฮวนหันมองออกไปนอกหน้าต่าง และพบว่ารถแล่นผ่านป้ายรถเมล์อย่างรวดเร็วและไม่หยุดเสียด้วย

"อ๊าย!!! อาสาม เลยป้ายรถเมล์แล้ว! "เฉินฮวนฮวนยื่นมือออกไปตบที่นั่งตรงคนขับอย่างกังวลและตะโกนใส่เขา

ใบหน้าของเฟิงหานชวนเริ่มเคร่งขรึมขึ้นมากกว่าเดิม ในเวลานี้เธอจะยังมานึกถึงป้ายรถเมล์ไหนอีก?

"อยู่เงียบๆ ผมจะไปส่งคุณ"เขาตะคอกออกมาอย่างไม่อดทน

เฉินฮวนฮวนพูดไม่ออกครู่หนึ่ง เธอนั่งเงียบๆที่เบาะหลังอย่างเชื่อฟังและนึกถึงสิ่งที่เฟิงหานชวนเพิ่งพูดออกมา

ในระหว่างทางเธอไม่ได้พูดอะไรเลย

เนื่องจากระยะทางบนท้องถนนที่ไกลและเฉินฮวนฮวนยังรู้สึกอ่อนแรงอยู่เล็กน้อยทำให้เธอเผลอหลับไปบนเบาะหลังโดยไม่รู้ตัว

หลังจากนั้นไม่นานเฟิงหานชวนก็หยุดที่สี่แยกหน้าประตูมหาวิทยาลัย A เขาไม่พบสิ่งเคลื่อนไหวๆใดข้างหลังเขา หลังจากมองไปที่เบาะหลังเขากลับพบว่าเฉินฮวนฮวนกำลังนอนหลับอยู่

"เฉินฮวนฮวน ถึงแล้ว"เขาเอ่ยอย่างเย็นชา

อย่างไรก็ตาม ร่างบางไม่เคลื่อนไหวใดๆ

"เฉินฮวนฮวน ถึงมหาวิทยาลัยของคุณแล้ว!"เขาพูดเสียงดังอีกครั้ง

แต่คนข้างหลังก็ยังคงไม่ขยับ

เฟิงหานชวนเปิดประตูและลงจากรถ เขาเดินไปที่ประตูเบาะหลัง เขาเปิดประตูและก้มตัวเข้าไปในรถ

เขายกมือขึ้นเพื่อปลุกผู้หญิงที่อยู่ในรถ แต่มือของเขาก็หยุดอยู่กลางอากาศกะทันหัน ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าเล็กๆของเธอ เขามองลงไปที่ลำคอระหงขาวนวล…

เขาเคยเห็นร่างกายของเธอชัดๆตอนที่เธอเข้ามาบ้านตระกูลเฟิงในวันที่สอง

เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปปจับแก้มของร่างบาง ผิวของเธอนุ่มเหมือนผิวเด็ก ทำให้ริมฝีปากบางๆของเธอขยับเล็กน้อย

เมื่อมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา เฟิงหานชวนรู้สึกว่ามีบางอย่างดึงดูดเขา

เขาก้มศีรษะลงและค่อยๆขยับเข้าหาร่างบางช้าๆ…

ชั่วขณะหนึ่งเฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับผู้ชายตรงหน้าของเธออย่างไรดี

เฟิงหานชวนมองไปที่เฉินฮวนฮวนที่ไม่ได้แสดงความขอบคุณเขาแต่อย่างใด ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่ามีไฟลุกโชนอยู่ในหัวใจของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เขามองเธออย่างเย็นชา แล้วหันลงไปข้างล่างทันที

ผู้หญิงคนนี้ดูมีความสุขมากตอนที่ขอบคุณอาเหยี่ยน แต่ดูตอนนี้สิ…

"เหอะ!"เฟิงหานชวนหัวเราะเยาะตัวเอง

เมื่อเห็นเฟิงหานชวนลงไปข้างล่าง เฉินฮวนฮวนก็กัดริมฝีปากของเธอแน่น มือที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ตรงไหน ในใจของเธอมีเพียงแค่ความรู้สึกสับสน

เห็นได้ชัดว่าเธอควรจะขอบคุณเฟิงหานชวน แต่เธอกลับพูดไม่ออก

ทำไมเฟิงหานชวนถึงดูแลเธอทั้งคืน หรือว่าจะเขาชอบเธอจจริงๆ?

แล้วแฟนเก่าของเขาล่ะ จะทำอย่างไร?

ถึงขั้นฆ่าตัวตายด้วยการกรีดข้อมือ มันคงต้องหนักมาก!

เฟิงหานชวนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว แต่เฉินฮวนฮวนยังคงยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของขั้นบันไดบนชั้นสองและขมวดคิ้ว

ลักษณะท่าทางของเธออยู่ในสายตาของเฟิงหานชวนทั้งหมด

ผู้หญิงคนนี้ที่รู้ว่าอาเหยี่ยนไม่ได้เป็นคนที่ดูแลเธอเลยผิดหวังมากใช่ไหม?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความโกรธในหัวใจของเฟิงหานชวนก็แผดเผามากขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มเสียใจว่าทำไมเขาต้องมาดูแลหมาป่าขาวเจ้าเล่ห์ตัวนี้ด้วย!

เขาบ้าไปแล้วจริงๆ!

……

เฉินฮวนฮวนสับสนอยู่พักหนึ่ง

เมื่อเธอลงมาข้างล่างก็เห็นเฟิงหานชวนลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วเดินไปที่ประตูห้องนั่งเล่น

"อาสาม กินข้าวเช้าเสร็จแล้วเหรอ?"เฉินฮวนฮวนเรียกเพื่อหยุดเขา

เฟิงหานชวนเพียงแค่ชำเลืองมองเธออย่างเย็นชาโดยไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่เดินไปเปลี่ยนรองเท้าที่ประตู

เมื่อเห็นการกระทำของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้เดินตรงไปที่ห้องรับประทานอาหารทันที แต่กลับเดินตรงไปที่เฟิงหานชวนที่กำลังเปลี่ยนรองเท้าอยู่ที่หน้าตู้รองเท้าแทน

เฟิงหานชวนเปลี่ยนรองเท้าเสร็จแล้วก็เดินออกไปด้านนอก เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันที่จะเปลี่ยนรองเท้า เธอก็รีบเดินตามเฟิงหานชวนออกไปไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงโรงรถ

"เฉินฮวนฮวน เธอไม่มีสิทธิ์นั่งบนรถของฉัน"เฟิงหานชวนหันกลับมาและตะคอกใส่ผู้หญิงที่วิ่งตามเขามา

เฉินฮวนฮวนตกใจกับเสียงตะคอกของเขาทันที เมื่อได้สติเฟิงหานชวนก็เข้าไปนั่งที่เบาะคนขับเรียบร้อยแล้ว

เธอทุบไปที่ประตูรถทันทีและพูดอย่างกังวลว่า: "อาสาม ฉันต้องคุยกับคุณ"

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและสตาร์ทรถโดยไม่สนใจ

เมื่อเห็นท่าทางของเฟิงหานชวนที่หลีกเลี่ยงเธอ เหมือนว่าเขากำลังจะขับรถออกไปเฉินฮวนฮวนทำอะไรไม่ถูกจึงเปิดประตูเบาะหลังและเข้าไปนั่งทันที

เมื่อเห็นการกระทำของหญิงสาว สีหน้าของเฟิงหานชวนก็เปลี่ยนไป

"อาสาม ขอเวลาให้ฉันแปปหนึ่งได้ไหม? ขอคุยกับคุณสักหน่อยแล้วค่อยส่งฉันลงที่ป้ายรถเมล์ก็ได้ ฉันแค่อยากจะคุยกับคุณสักสองสามประโยค "เฉินฮวนฮวนยื่นศีรษะไปข้างหน้าโดยเอนตัวไปที่หูของเฟิงหานชวน น้ำเสียงของเธอดูกังวลมาก

เฟิงหานชวนรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆตรงคอของเขา เขาขมวดคิ้วและถามด้วยเสียงต่ำว่า: "คุณต้องการคุยอะไร?"

"ฉัน……ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณอาสามที่ดูแลฉันทั้งคืน ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจผิดว่าอาเหยี่ยนเป็นคนดูแลฉัน ขอโทษจริงๆ! คุณให้ยืมเงิน แถมยังช่วยฉัน และมาตอนนี้ก็ยังจะมาดูแลฉันอีกด้วย ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ "

เฉินฮวนฮวนจ้องไปที่ใบหน้าด้านข้างของเฟิงหานชวนอย่างจริงใจและพูดทุกอย่างที่เธอรู้สึกขอบคุณเขา

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินสิ่งนี้ ความโกรธที่มีก็หายไปอย่างรวดเร็ว

"ต้องการพูดแค่นี้น่ะเหรอ?"

แต่หลังจากถามออกไปเฟิงหานชวนก็รู้สึกเสียใจ นี่เขากำลังคาดหวังอะไรอยู่?

"พูดจบก็ลงจากรถได้แล้ว"เขาพูดต่อ

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากแน่น เธอส่ายหัวอย่างรวดเร็วและเอ่ยเสียงเบาว่า: "อาสาม ฉัน.ฉันยังพูดไม่จบ"

"คือว่า……คุณ…..ฉัน….."

เสียงของเธอเบามากราวกับเสียงของแมลง แถมพูดอย่างกระอั่กกระอ่วนๆ เธอพูดเพียงแค่คำสองคำแล้วก็หยุด

"เธอจะพูดอะไรกันแน่?"เฟิงหานชวนถามออกไปอย่างเริ่มไม่อดทน

"อาสาม ทำไมคุณถึงดูแลฉันทั้งคืน ที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องดูแลฉันเลย คุณ…คุณชอบฉันหรือเปล่า? "ในที่สุดเฉินฮวนฮวนก็รวบรวมความกล้าเพื่อคลายข้อสงสัยในใจของเธอ

เฟิงหานชวนแข็งทื่อไปในทันที

ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดถึงอะไร?

ชอบ….เธอ?

"เหอะ"เฟิงหานชวนอุทานแล้วถามว่า: "เฉินฮวนฮวน ผมจะชอบผู้หญิงแบบคุณน่ะเหรอ? "

"แต่ว่าคุณเคยพูดว่าฉันเป็นผู้หญิงของคุณ แล้วบอกว่า…ถ้าฉันทำตัวดีคุณก็จะทำตัวปกติกับฉัน…"เฉินฮวนฮวนรู้สึกหงุดหงิดและพึมพำเบา ๆ

ในตอนนั้นเธอแค่คิดว่าเฟิงหานชวนแค่ต้องการเล่นกับเธอ แต่ตอนนี้เธอได้เรียนรู้แล้วว่าเฟิงหานชวนเป็นคนที่ดูแลเธอที่โรงพยาบาลในคืนนั้น เธอก็อดที่จะคิดมากไม่ได้

"ฮะ คือเธอแค่ต้องการจะเตือนความจำฉันเกี่ยวกับเรื่องนั้นน่ะเหรอ?"เฟิงหานชวนหันไปพบกับดวงตาโตๆที่ไร้เดียงสาของร่างบาง ดวงตาของเขาเปลี่ยนไป เขาเอื้อมมือออกไปและจับคางของเธอขึ้นมา

"ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันแค่อยากจะเข้าใจ…"เฉินฮวนฮวนส่ายหัว

ไม่อย่างนั้นเธอก็จะไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมอาสามถึงเกลียดเธอแต่กลับมาดูแลเธอในโรงพยาบาล

นอกจากถ้าเขาชอบเธอแล้ว เธอคิดเหตุผลอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้นเพราะเธอเขาจึงทิ้งแฟนคนก่อนของเขา

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินฮวนฮวนก็ถามออกไปทันที: "อาสาม แฟนของคุณกรีดข้อมือเพื่อที่จะฆ่าตัวตายจริงๆ เหรอ?"

สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปทันที

"อาสาม สิ่งที่ฉันต้องการจะพูดก็คือถ้าหากมันเป็นเพราะฉัน ก็ได้โปรดรับผิดชอบแฟนสาวคนนั้นด้วย!"เฉินฮวนฮวนหายใจเข้าลึกๆและพูดออกมา

สิ่งที่เธอต้องการจะพูดกับเฟิงหานชวนจริงๆคือสิ่งนี้

หากแฟนสาวถูกทิ้งเพราะตัวเธอเองจริงๆ และเธอต้องมากรีดข้อมือเพื่อที่จะฆ่าตัวตายเพราะเธอ ยังไงเธอก็คิดว่าเฟิงหานชวนคงจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบ

นั่นคือชีวิตหนึ่งเลยนะ!

"ขึ้นรถฉันมาเพื่อจะพูดแบบนี้น่ะเหรอ?"เฟิงหานชวนพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา มีรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของเขา

"ใช่!"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

"เธอมีแฟนแล้ว"เสียงของเฟิงหานชวนเย็นชาจนน่ากลัว

"ห้ะ?"เฉินฮวนฮวนตกใจกับสิ่งที่เขาพูด

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

มีแฟนแล้ว?

แฟนใหม่เหรอ?

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเฟิงหานชวนไม่ได้ทิ้งแฟนสาวคนนั้น แต่เธอเป็นคนที่ทำให้เขาทิ้งเธอไปเองอย่างนั้นน่ะเหรอ?

ดังนั้นการฆ่าตัวตายโดยการกรีดข้อมือก็ไม่ใช่เพราะเขาแต่เพราะเธอมีแฟนใหม่หรอกเหรอ?

"ฉันขอโทษอาสาม ฉันเข้าใจผิด ฉันคิดว่าคุณทำร้ายผู้หญิงคนนั้น ฉันขอโทษ ฉันไม่คิดว่าคุณจะตกเป็นเหยื่อด้วย ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระตามใจตัวเองอีก …"เฉินฮวนฮวนขอโทษเฟิงหานชวนอย่างรวดเร็ว

จู่ๆเขาก็ขอให้เธอเป็นผู้หญิงของเขาหรืออะไรทำนองนั้น เพราะเขาอกหักและต้องการหาผู้หญิงคนใหม่เพื่อมาปลอบโยนเขาใช่ไหม?

เธอยังมีหน้าไปคิดอีกว่าเฟิงหานชวนชอบเธอ มันน่าอายจริงๆ!

"ใครใช้ให้คุณมาแอบฟัง?'

ดวงตาสีเข้มของเฟิงหานชวนจ้องไปที่เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนส่ายหัวทันที มือของเธอพันกันแน่น ใบหน้าของเธอดูกังวลแล้วพูดว่า: "ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง ฉันแค่เปิดประตูออกมา แล้วก็…ได้ยินมัน"

ตอนนี้สมองของเธอแทบจะว่างเปล่า และคำพูดที่เฟิงเฉินเหยี่ยนเพิ่งพูดก็ยังคงดังก้องอยู่ในใจของเธอ

อดีตแฟนสาวของเฟิงหานชวนต้องการที่จะฆ่าตัวตายด้วยการกรีดข้อมือของเธอ

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เฟิงหานชวนคงไม่ทิ้งผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็คงจะไม่กรีดข้อมือของเธอ

ดังนั้น ถ้าพูดกันตรงๆก็คือเธอเองที่ทำร้ายผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม?

"ฮวนฮวน!"เฟิงเฉินเหยี่ยนเดินออกมาเช่นกัน เมื่อเฟิงเฉินเหยี่ยนเห็นเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนกำลังเผชิญหน้ากัน เขาก็รู้สึกหน้าชาทันที

ดูเหมือนเขาจะทำเรื่องโง่ๆลงไปใช่ไหม?

เมื่อกี้เขาน่าจะปิดประตูห้องแล้วแอบถามอาสาม แทนที่จะตะโกนถามออกไปอย่างตื่นเต้นแบบนี้

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนคงจะเข้าใจผิดอย่างแน่นอนว่าอาสามเป็นผู้ชายร้ายๆ สิ่งนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแย่ลงหรือเปล่า?

เฟิงเฉินเหยี่ยนเกาศีรษะของเขา ตอนนี้เขากำลังเหงื่อตก

"ฮาย อาเหยี่ยน กลับมาแล้วเหรอ?"เฉินฮวนฮวนไม่กล้ามองตรงไปที่เฟิงเฉินเหยี่ยน พอเฟิงเฉินเหยี่ยนเดินออกมาเธอก็หันไปคุยกับเฟิงเฉินเหยี่ยนทันที

เมื่อเห็นหญิงสาวทักทายอย่างยิ้มแย้ม สีหน้าของเฟิงหานชวนก็ยิ่งมืดลงกว่าเดิม ดวงตาที่เย็นยะเยือกนั้นราวกับสามารถแช่แข็งคนจนตายได้เลยทีเดียว

เขาไม่พูดอะไรสักคำ เขาเดินตรงไปที่ขั้นบันไดและลงไปชั้นล่างโดยไม่มีเสียง

"ฮวนฮวน สิ่งที่ผมพูดเมื่อกี้มันคือการสร้างเรื่องทั้งหมด มันไม่จริงเลย อย่าคิดมากเลยนะ อาสามไม่ใช่คนแบบนั้นอย่างแน่นอน!"เฟิงเฉินเหยี่ยนรู้ว่าเฟิงหานชวนจะต้องโกรธเขาแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงจับไหล่ของเฉินฮวนฮวนทันทีและอธิบายให้เธอฟังอย่างกังวล

"เอ่อ ฉัน……"เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นน้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

สรุปแล้วเรื่องเมื่อสักครู่คือเรื่องไร้สาระอย่างนั้นเหรอ?

อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนไม่ใช่เลย เมื่อดูจากบทสนทนาของพวกเขาแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นแค่เรื่องแต่ง

เฟิงเฉินเหยี่ยนกังวลมากเขาอยากจะช่วยชี้แจงแทนเฟิงหานชวน

"ฮวนฮวน คุณมองตาผมสิ"เฟิงเฉินเหยี่ยนจ้องไปที่เฉินฮวนฮวนอย่างจริงจัง เขาต้องอธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจนเพื่ออาสามของเขา

"อาเหยี่ยน ทำไมเหรอ?"เฉินฮวนฮวนฟังคำพูดของเขาและมองตาเขาอย่างจริงจัง

"คุณฟังผมนะ เรื่องกรีดข้อมือน่ะมันเป็นเรื่องไร้สาระที่ผมแต่งขึ้นมาเองทั้งหมด!"หัวใจของเฟิงเฉินเหยี่ยนเต้นเร็วมากในขณะนี้ และเขาก็รู้สึกประหม่าอย่างมาก

หากนายท่านรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องถูกตีจนตายอย่างแน่นอน!

"อืมๆ"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอย่างเชื่องช้า

เนื่องจากเฟิงเฉินเหยี่ยนบอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เธอจะแกล้งทำเป็นเชื่อๆไปก็แล้วกัน

"แค่คุณเชื่อผมก็โอเคแล้ว จำไว้นะ อาสามไม่ใช่ผู้ชายประเภทแบบนั้น!"เฟิงเฉินเหยี่ยนย้ำกับเธออีกครั้ง จากนั้นเขาก็ปล่อยเฉินฮวนฮวนและเดินไปที่ขั้นบันได

เฉินฮวนฮวนตามเขาไปและตะโกนเรียกเขา: "อาเหยี่ยน รอแปปหนึ่ง"

ทันทีที่เฟิงเฉินเหยี่ยนเดินไปถึงบันได เขาก็หันกลับมามองเฉินฮวนฮวนที่ตามเขามาและถามด้วยความสงสัยว่า: "ฮวนฮวน คุณมีอะไรจะถามอีกเหรอ?"

"ฉัน….."ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนแดงเล็กน้อย เธอเม้มริมฝีปากและกระซิบบอกเขาว่า: "อาเหยี่ยน ขอบคุณนะ"

ในขณะเดียวกันในคฤหาสน์นั้นเงียบมาก ดังนั้นแม้ว่าเสียงของเฉินฮวนฮวนจะเบา แต่เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ยังคงได้ยินมันอย่างชัดเจน

"ขอบคุณผม?"ถึงคราวของเฟิงเฉินเหยี่ยนที่ต้องตกใจบ้าง

"เมื่อคืนก่อนคุณมาดูแลฉันที่โรงพยาบาลทั้งคืน ขอบคุณมากนะ คุณเป็นคนดีมากๆเลย คุณแตกต่างจากที่ข่าวบอกอย่างสิ้นเชิง พวกเขาใส่ร้ายคุณชัดๆ"ดวงตาสีแอปริคอทที่สดใสของเฉินฮวนฮวนมองไปที่ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้างหน้าเธออย่างรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ

เฟิงเฉินเหยี่ยนมองดูใบหน้าที่ไร้เดียงสาของผู้หญิงตรงหน้าเขา เขากำลังที่จะอ้าปากพูดแต่จู่ๆก็พูดไม่ออกเสียอย่างนั้น

คืนก่อนเขายังสนุกสนานอยู่ในไนท์คลับกับเพื่อนๆอยู่เลย เขาไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลเลย และเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่ดูแลเฉินฮวนฮวนด้วย

คนที่เฝ้าเธอในโรงพยาบาลไม่ใช่เขา

ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเข้าใจว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะเข้าใจผิด และเฉินฮวนฮวนก็เข้าใจผิดว่าอาสามเป็นเขา

"ฮวนฮวน ที่จริงผม … "เฟิงเฉินเหยี่ยนเม้มริมฝีปากของเขา มีร่องรอยความยุ่งเหยิงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

เขาจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดี?

เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้อธิบายยากขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรอยู่ดี

"อาเหยี่ยน ฉันขอบคุณมากจริงๆ ฉันจะตอบแทนคุณอย่างแน่นอนในอนาคต ฉันอยากจะถามคุณได้ไหมว่า…"เฉินฮวนฮวนต้องการที่จะขอความช่วยเหลือจากเฟิงเฉินเหยี่ยน

เธอหวังว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะช่วยเธอไปเอาสร้อยคอคืนมาจากหลิวตงรุ่ยได้

ในขณะเดียวกันเฟิงเฉินเหยี่ยนก็เห็นเฟิงหานชวนกำลังเดินขึ้นบันไดมาและท่าทางของเขาตอนนี้เหมือนอยากจะกินหัวเขาซะอย่างนั้น เขารีบขัดเฉินฮวนฮวนอย่างรวดเร็ว

"ฮวนฮวน ผมไม่ได้อยู่โรงพยาบาลเมื่อคืนก่อน ผมไม่ได้เป็นคนที่ดูแลคุณ!"เฟิงเฉินเหยี่ยนประหม่าจนเหงื่อไหลออกมาที่หน้าผากของเขา

"คุณไม่ได้ดูแลฉันเหรอ?" ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ในใจของเธอเริ่มสับสน

แต่พยาบาลเสี่ยวอู่บอกว่าคุณเฟิงเป็นคนดูแลเธอตลอดทั้งคืน

ถ้าคุณเฟิงไม่ใช่เฟิงเฉินเหยี่ยน ถ้าอย่างนั้นก็…

เฉินฮวนฮวนชะงัก จากนั้นเฟิงเฉินเหยี่ยนก็อธิบายอีกครั้งว่า: "เขาคืออาสาม อาสามดูแลคุณตลอดทั้งคืน ไม่ใช่ผม คนที่คุณควรขอบคุณคืออาสาม!"

"อา อาสามเหรอ….."เฉินฮวนฮวนพึมพำด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ

"ใช่ ถูกแล้ว คืออาสาม คืออาสามที่ดูแลคุณในคืนนั้น"เฟิงเฉินเหยี่ยนเหลือบไปที่เฟิงหานชวนแล้วก็พยักหน้ารัวๆให้เฉินฮวนฮวน

ตอนนี้หัวสมองของเฉินฮวนฮวนรู้สึกว่างเปล่าไปหมด เธอก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัวแต่ก็ถูกจับไว้เสียก่อน

เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอกำลังเอนไปข้างหลัง

เธอหลับตาแน่นและคิดว่าตัวเธอกำลังจะล้มลง แต่ในวินาทีถัดมาเธอก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น

มีคนจับเธอไว้

เฉินฮวนฮวนลืมตาขึ้นทันทีและใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ เป็นเฟิงหานชวนเองที่เข้ามาจับเธอไว้

"อา อาสาม!"เฉินฮวนฮวนยืดตัวขึ้นทันที ใบหน้าของเธอประหม่าเล็กน้อยและเสียงของเธอก็ดูอึดอัด

เมื่อเห็นฉากดังกล่าวเฟิงเฉินเหยี่ยนก็แอบปรบมือเงียบๆ เขากล่าวอย่างรวดเร็วว่า: "ผมต้องไปก่อนนะ แล้วเจอกันใหม่!"

หลังจากนั้นเขาก็รีบวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว

ตรงบันไดบนชั้นสองเหลือเพียงแค่เฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวน

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฟิงเฉินเหยี่ยนพูด เป็นเฟิงหานชวนที่ดูแลตัวเธอเองตลอดทั้งคืนในโรงพยาบาลคืนนั้นและเธอเองก็เข้าใจผิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นคนที่ดูแลเธอ แถมเธอยังโทรไปหาเฟิงหานชวนเพื่อขอบคุณเฟิงเฉินเหยี่ยนอีกด้วย

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เฟิงหานชวนจะโกรธมากจนวางสายใส่เธอเมื่อเช้าวานนี้ ถ้าเป็นเธอเองเธอก็คงรู้สึกโกรธเหมือนกัน

อย่างนี้เรียกว่าทำดีแต่ไม่ได้ดี

"อาสาม ฉัน…"เฉินฮวนฮวนเอ่ยและมองไปที่ร่างสูงตรงหน้าของเธออย่างระมัดระวัง แต่สุดท้ายเธอก็พูดไม่ออก

เธอไม่คิดเลยจริงๆว่าคนที่ดูแลเธอในโรงพยาบาลคือเฟิงหานชวน

ร่างกายของเธอถูกปกคลุมไปด้วยร่ม

เฉินฮวนฮวนตกตะลึง ใบหน้าที่ว่างเปล่าของเธอเงยขึ้นและมองไปยังร่างสูงที่อยู่ข้างหน้าเธอ

เฟิงหานชวนกางร่มให้เธอ?

เขาไม่ได้เกลียดเธอหรอกเหรอ? เมื่อเช้านี้เขาวางสายโทรศัพท์ใส่เธอ

"ไม่ได้ดูพยากรณ์อากาศเหรอ?" เมื่อเห็นตัวเธอสั่น เฟิงหานชวนก็รู้สึกโกรธไปหมด

เมื่อวานไข้สูงแล้วยังไม่รู้จักจำ อาการป่วยเมื่อวานก็ยังไม่หายดีแล้วยังมาเดินตากฝนอยู่แบบนี้อีก

"ฉัน….."เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากของเธอและตอบว่า: "เช้านี้ฉันรีบออกจากโรงพยาบาลและรีบตรงไปมหาวิทยาลัยเลย ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนกลางคืนฝนจะตก"

ที่จริงแล้ว สิ่งที่เธอต้องการจะสื่อคือเธอรีบจนไม่มีโอกาสได้พกร่มไปด้วย เพราะร่มมันอยู่ในกระเป๋าเดินของเธอที่บ้านตระกูลเฟิง

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาดูไม่พอใจอย่างมาก เขาพูดอย่างเย็นชาว่า: "เข้ามา"

ขณะที่เขาพูดเขาก็หันกลับไปพร้อมกับร่ม

แต่ในขณะที่กำลังเดินไป พอเขาหันกลับมาก็ยังคงเห็นเธอยืนงงอยู่ที่เดิม

สีหน้าของเฟิงหานชวนนิ่งเรียบ เขาเอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือของเธอและดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาโอบเธอและพาไปที่ห้องนั่งเล่น

จนกระทั่งพาเธอเข้ามาในห้องนั่งเล่นและปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน เฉินฮวนฮวนถึงค่อยได้สติกลับมา

"อาสาม ขอบคุณ…ขอบคุณ…"ตอนนี้จิตใจของเฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนนิดหน่อย เธอเอ่ยออกมาเสียงเบา

เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเฟิงหานชวนก็ใจดีกับเธอ กางร่มให้เธอและพาเธอเข้ามา

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เกลียดเธอ?

เฟิงหานชวนชำเลืองมองเธอ จากนั้นก็เอาร่มไปวางไว้ข้างๆ เขาเปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนทันที

เฉินฮวนฮวนหันไปมองที่แผ่นหลังของเฟิงหานชวน จู่ๆเธอก็เกิดความสงสัยขึ้นมา

เฟิงหานชวนไม่ได้จะออกไปข้างนอกหรอกเหรอ? ทำไมถึงขึ้นไปข้างบนอีกล่ะ?

ช่างเถอะ เธอไม่อยากคิดอะไรมาก เธอรีบเปลี่ยนรองเท้าและเดินขึ้นบันไดไป

เมื่อเธอขึ้นมาก็เห็นว่าเฟิงหานชวนได้เข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว เธอเองก็รีบเข้าไปในห้องเหมือนกัน หลังจากปิดประตูแล้วเธอก็ต้องการที่จะถอดเสื้อที่เปียกออกทันที

เธอหนาวจนตัวสั่น

ในขณะที่เธอกำลังจะเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำอุ่นๆ แต่จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน

"ก๊อกๆ…."

เฉินฮวนฮวนรีบเดินไปที่ประตู ในขณะที่เปิดประตูจากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างทันที

เป็นเฟิงหานชวนที่ยืนอยู่ที่ประตู

"อาสาม มี…มีอะไรหรือเปล่า?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกประหม่า

คืนนี้จู่ๆเฟิงหานก็ชวนมาหาเธอ ไม่ใช่เพราะเขาต้องการจะทำสิ่งที่เขาไม่ได้ทำในคืนก่อนใช่หรือเปล่า

ใช่แล้ว ตอนนั้นเธอได้บอกเขาไปว่าเขาว่างตอนกลางคืนไหม เธอเคยเชื้อชวนเขาไปแบบนั้น

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอไม่ได้มีความคิดแบบนั้นอีกแล้ว

เธอรู้สึกว่าการขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวนไม่น่าจะเหมาะเท่าขอความช่วยเหลือจากเฟิงเฉินเหยี่ยน เพราะว่าเธอน่าจะเข้ากันได้ดีกับเฟิงเฉินเหยี่ยนมากกว่าเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนไม่ได้แสดงออกอะไรผ่านสีหน้า เมื่อเขามองไปที่เฉินฮวนฮวนและเมื่อเห็นการแสดงออกของเธอที่ดูประหม่า เขารู้สึกได้เลยว่าทักษะการแสดงของเธอนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ

ในขณะที่เธอคลุมเครือกับเขา และในขณะเดียวกันก็วางแผนที่จะเข้าใกล้อาเหยี่ยน เขาชื่นชมวิธีการของเฉินฮวนฮวนจริงๆ

สายตาของเขาค่อยๆมองต่ำลงไป ตอนนี้เธอสวมเสื้อแขนยาวถักแบบเรียบๆ เพราะฝนเลยทำให้เสื้อผ้าของเธอเปียกโชก เผยให้เห็นโครงร่างของเธออย่างเต็มตา

เฟิงหานชวนเริ่มนึกถึงคืนก่อน ตอนที่เธอสวมชุดนอนผ้าไหมสายเดี่ยวและไปที่ห้องของเขาเพื่อยั่วยวนเขา พอเขาจะเล่นกับเธอ เธอก็วิ่งหนีไปเลย…

"อา อาสาม คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ตอบ เฉินฮวนฮวนก็เงยหน้าขึ้นและถามเขาอีกครั้ง

แต่เธอก็ต้องพบว่าดวงตาของเฟิงหานชวนดูเหมือนจะมองมาที่เธอ…

"อ๊าย!"เธอเอามือปิดตัวเองทันทีและรีบพูดว่า: "อาสาม สิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ คุณลืมมันไปเถอะนะ!"

"……" มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกสองสามครั้ง

ผู้หญิงคนนี้คิดว่าเขามาหาเธอเพื่ออะไร?

"เอานี่ไป!"เขาเอื้อมมือออกไปและโยนกล่องยาสองกล่องให้เธอ

จากนั้นก็เดินออกไป

เฉินฮวนฮวนมองไปที่กล่องยาลดไข้และยาแก้หวัดสองกล่องในมือของเธอ เธออ้าปากค้างและพูดไม่ออก

ก่อนที่จะได้พูดขอบคุณเขาก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาได้เดินไปแล้ว

"ทำยังไงดีล่ะเนี่ย!"เฉินฮวนฮวนเกาหัวของตังเองอย่างหงุดหงิด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

เธอเข้าใจเฟิงหานชวนผิดไป เฟิงหานชวนอุส่าห์เอายามาให้เธอ เธอกลับไปคิดว่าเขา…

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินฮวนฮวนก็รีบออกจากห้องและเดินไปที่ห้องถัดไป และพูดกับคนข้างในห้องผ่านประตูว่า: "อาสาม ขอบคุณสำหรับยาแก้หวัด ฉันจะกินมันเดี๋ยวนี้แหละ"

เธอไม่ได้เคาะประตูด้วยซ้ำ เมื่อเธอพูดจบเธอก็รีบลงไปข้างล่างทันที

เธอรู้สึกว่าถ้าเธอเคาะประตูและคุยกับเฟิงหานชวนแบบเห็นหน้ากัน มันจะต้องเหมือนว่าเธอสื่อความหมายโดยเจตนาในแง่นั้นอย่างแน่นอน เธอจึงขอบคุณเฟิงหานชวนผ่านประตูแทน

เมื่อเฟิงหานชวนเปิดประตูออกมา ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่ประตูแล้ว แต่เขาได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าเดินลงบันไดไปเท่านั้น

ผู้หญิงคนนี้อยากตายหรืออย่างไร!

ขอบคุณที่ทำตัวงี่เง่าอย่างนั้นเหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ไม่ใช่สิ่งนี้ที่ทำให้เขาโกรธมากที่สุด แต่มันคือเรื่องที่เฉินฮวนฮวนคิดว่าอาเหยี่ยนเฝ้าเธอที่โรงพยาบาลตลอดทั้งคืน

แต่เป็นเขาต่างหาก!

……

หลังจากที่เมื่อคืนกินยาและหลับไป พอตอนเช้าที่เธอตื่นขึ้นมา นอกจากเจ็บคอนิดหน่อยเธอก็ไม่ได้มีอาการอะไรไปมากกว่านี้

ถ้าหากไม่ได้ยาของเฟิงหานชวนแล้วล่ะก็ วันนี้เธอคงจะเป็นหวัดอีกแน่นอน เธอคงต้องลาเรียนและลาทำงานแน่ๆ

ตอนนี้เธอไม่ควรป่วย เธอจำเป็นต้องแข็งแรง

หลังจากลุกขึ้นและเก็บที่นอน เฉินฮวนฮวนก็เปิดประตูและเดินออกไป แต่กลับได้ยินเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนดังมาจากห้องถัดไป

"อาสาม อาทำผมตกใจจริงๆ ทำไมถึงเล่นกับชีวิตคนแบบนี้ล่ะ? ผู้หญิงกรีดข้อมือเพื่อฆ่าตัวตายเพราะอา มันทำให้ผมโคตรตกใจเลย! "

ฆ่าตัวตายด้วยการกรีดข้อมือ?

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นทันที เธอผงะไปครู่หนึ่ง

เธออดไม่ได้ที่จะเดินไปใกล้ๆห้องถัดไป และตอนนี้เสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนและเฟิงหานชวนก็ค่อยๆดังชัดเจนขึ้น

"หยุดพูดเรื่องไร้สาระสักที"เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา

"อาสาม นี่มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระสักหน่อย หลักฐานชัดเจนขนาดนั้น แถมผู้หญิงคนนั้นก็ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลรุ่ยเอินอยู่เลย อาจะรับผิดชอบอย่างไรล่ะ?"น้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ

"ฉันให้เงินไปแล้ว"เฟิงหานชวนยังคงมีน้ำเสียงที่เย็นชา

"ผมยอมเลย อาให้ไปเท่าไหร่? ถ้าผู้หญิงคนนั้นรับเงินไปจริง ๆ เธอก็ไม่น่าจะกรีดข้อมือ หรือเพราะอาให้น้อยเกินไป หรือว่า…เธอไม่ยอมไปก็เพราะอา? "น้ำเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนทั้งประหลาดใจแต่ก็ผสมไปด้วยการล้อเลียน

ข้างนอกประตู เฉินฮวนฮวนตกใจมาก เธอปิดปากแน่นด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

หญิงสาวที่เฟิงเฉินเหยี่ยนพูดถึงเป็นแฟนที่เฟิงหานชวนเพิ่งทิ้งไปหรือเปล่า?

ผู้หญิงคนนั้นกรีดข้อมือเพื่อฆ่าตัวตาย

"เฟิงเฉินเหยี่ยน ดูแลเรื่องตัวเองให้ดี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย!"เฟิงหานชวนไม่อยากที่จะพูดคุยเรื่องนี้อีกต่อไป ขายาวๆของเขาเดินก้าวออกจากห้องไปทันที

แต่ทันทีที่เขาก้าวขาออกจากห้อง การเดินของเขาก็หยุดลงทันที เขามองไปที่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา สีหน้าของเขาปลี่ยนไป

เมื่อเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ในใจของเกาจวินเซวียนก็เริ่มรู้สึกถึงความสุข

เขายังคงถามต่อไปว่า: "แล้วคุณไม่มีอะไรจะบอกกับผมเหรอ? เกี่ยวกับเฉินฮวนฮวน…"

หลิ่วเยว่เอ่อร์คว้าคอเสื้อเกาจวินเซวียนอีกครั้ง ใบหน้าของเธอซีดเผือก เธอจ้องไปที่เขาและกัดฟันพูดว่า: "คุณบอกเฟิงหานชวนอย่างนั้นเหรอ?"

"ไม่นี่!" เกาจวินเซวียนยักไหล่ เขาหัวเราะดังๆแล้วพูดว่า: "ผมยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย แล้วผมจะไปบอกเฟิงหานชวนได้ยังไง?"

หลิ่วเยว่เอ่อร์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของเกาจวินเซวียน เธอรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

เห็นได้ชัดว่าเกาจวินเซวียนพูดว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แถมยังเอ่ยชื่อของเฉินฮวนฮวนอีก ทำไมเขาถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?

"เยว่เอ่อร์ ผมรู้ว่าคุณมีบางอย่างปิดบังผมอยู่ ตอนนี้คุณแค่ต้องบอกความจริงกับผม แล้วผมจะช่วยคุณเก็บความลับนี้ไว้"ร่องรอยของแสงชั่วร้ายส่องประกายผ่านดวงตาของเกาจวินเซวียน

เขารู้สึกถึงบางอย่างแต่เขาก็ยังไม่แน่ใจนัก ถ้าเขาเปิดเผยเรื่องของหลิ่วเยว่เอ่อร์เขาก็อาจจะไม่ได้รับเงินสิบล้าน

หลิ่วเยว่เอ่อร์จ้องไปที่ผู้ชายตรงหน้าเธอและพยายามหาร่องรอยของการโกหกในดวงตาเขา แต่สุดท้ายเธอก็คิดว่าเกาจวินเซวียนคงน่าจะไม่รู้ความจริง

เมื่อเห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่ดูลังเล เกาจวินเซวียนก็จับเอามือของเธอออกไป เขาลดศีรษะลงและจูบเธออย่างรุนแรง จากนั้นก็ยิ้มกว้างให้กับเธอ

หลิ่วเยว่เอ่อร์ตกใจและผลักเขาออกไปทันที เธอพูดด้วยความตกใจว่า: "คุณกำลังทำอะไรอยู่? อย่าลืมว่าฉันเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวนแล้ว! "

"หลิ่วเยว่เอ่อร์ ถึงผมจะพูดไปเท่าไหร่คุณก็ไม่สนใจอยู่ดี อย่าทำเหมือนผมเป็นคนโง่เลย!" เกาจวินเซวียนชี้ไปที่เธอ เขาลดเสียงลงแล้วพูดว่า: "คุณช่วยบอกกับผมให้ชัดเจนหน่อยได้ไหมล่ะ"

หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้สึกเพียงว่าในขณะนี้หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความกังวล ถ้าหากเธอยังคงปิดบังเกาจวินเซวียน เกาจวินเซวียนก็จะไปหาเฟิงหานชวนเพื่อพูดเรื่องไร้สาระนี้และทุกอย่างมันก็จะจบลง!

"คุณน่าจะเดาได้ไม่ใช่เหรอ?"หลิ่วเยว่เอ่อร์กัดริมฝีปากของเธอและพูดว่า: "คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ตอนที่เฉินฮวนฮวนมาทำงานแทนฉัน เธอถูกเฟิงหานชวนบังคับและฉันก็โกหกว่าเป็นผู้หญิงในคืนนั้น ดังนั้น…เฟิงหานชวนต้องรับผิดชอบฉัน"

"ฮ่าๆ " เกาจวินเซวียนยิ้มทันทีหลังจากได้ยิน

เมื่อเห็นเกาจวินเซวียนหัวเราะออกมา หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็รู้สึกอับอายมากขึ้นกว่าเดิม และมันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก

เดิมทีแผนของเธอกำลังไปได้สวย แต่ดันมาถูกเกาจวินเซวียนจับได้อีก และยิ่งไปกว่านั้นความคืบหน้าเกี่ยวกับเฟิงหานชวนก็ยิ่งไม่ค่อยดีอยู่ด้วย

ตอนนี้ในหัวสมองหลิ่วเยว่เอ่อร์วุ่นวายไปหมด

"เกาจวินเซวียน คุณไม่ได้รับอนุญาตให้บอกเฟิงหานชวน! คุณต้องการอะไรก็บอกฉันมา! "หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดอย่างกังวลใจ เธอจับมือของเกาจวินเซวียนไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างและขอร้อง: "เห็นแก่ความรักของเรา ถ้ามันสำเร็จฉันก็จะรวยมากขึ้นในอนาคตและฉันจะไม่ลืมคุณอย่างแน่นอน"

"จะไม่ลืมผมอย่างนั้นเหรอ? แล้วคุณตัดสายโทรศัพท์ผมทำไม หืม? "เดิมทีเกาจวินเซวียนก็ไม่ต้องการอยากที่จะทำตัวน่าเกลียดเกินไปกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ แต่เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อถูกหลิ่วเยว่เอ่อร์ตัดสาย

เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจะเตะแฟนเก่าของเธอทิ้งไปเพื่อยกตัวเองให้สูงขึ้น

สีหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก เธอกัดริมฝีปากแน่นพูดอะไรไม่ออก

"เยว่เอ่อร์ ที่จริง…ยังไงซะสุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้มีข้อขัดแย้งอะไรนี่ ตอนนี้ผมเองก็มีรุ่นน้องที่คุยด้วยอยู่แล้ว จริงๆผมไม่ได้ต้องการที่เปิดเผยความลับของคุณหรอก"เกาจวินเซวียนก้มตัวลงและเอนตัวไปกระซิบที่หูของหลิ่วเยว่เอ่อร์

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอถามอย่างตื่นเต้นว่า: "จวินเซวียน คุณสัญญาว่าจะปิดบังต่อไปเพื่อฉันใช่ไหม?"

เกาจวินเซวียนมองไปที่ใบหน้าของเธอ ดวงตาของเขาค่อยๆเลื่อนมองลงไปที่หน้าอกของเธอ

"จวินเซวียน ป้าหวังน่าจะกลับมาเร็วๆ นี้…"หลิ่วเยว่เอ่อร์มองออกว่าเกาจวินเซวียนต้องการอะไร

นับตั้งแต่ที่เธอมุ่งเป้าไปที่เฟิงหานชวน เธอก็ไม่เคยมองเกาจวินเซวียนหรือผู้ชายคนอื่นอีกเลยและเธอเองก็ไม่ต้องการมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับผู้ชายคนอื่นนอกจากเฟิงหานชวน

อย่างไรก็ตามเฟิงหานชวนไม่เคยแตะต้องแม้แต่ปลายนิ้วของเธอเลยด้วยซ้ำ

"ผมรอไม่ไหวแล้ว!"เกาจวินเซวียนเลิกผ้าห่มของหลิ่วเยว่เอ่อร์ออก

ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดและต้องการแค่เล่นสนุกกับเธอ เขาไม่สนใจความรู้สึกของหลิ่วเยว่เอ่อร์เลยสักนิด เขาเพียงแค่ต้องการเล่นสนุกและบีบผู้หญิงคนนี้ให้จนมุมเท่านั้น

"จวินเซวียน อย่า…"หลิ่วเยว่เอ่อร์จับข้อมือของเกาจวินเซวียนไว้ และส่ายหัวอย่างเขินอาย

ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรกับเกาจวินเซวียนในห้องพักของผู้ป่วยได้จริงๆ ถ้าป้าหวังกลับมาล่ะ

อย่างไรก็ตาม หากเธอทำให้เกาจวินเซวียนไม่พอใจ และถ้าเกาจวินเซวียนบอกความจริงออกไป เธอจะสูญเสียมากกว่าที่เธอจะได้รับ

ดังนั้นหลิ่วเยว่เอ่อร์จึงตัดสินใจขึ้นคร่อมเกาจวินเซวียน

……

ในขณะเดียวกันป้าหวังก็กลับมาและเกาจวินเซวียนก็กำลังรูดซิปกางเกงของเขาขึ้นพอดิบพอดี

หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที

เกาจวินเซวียนรู้สึกตื่นตระหนก เขากำลังจะเตรียมตัวเดินออกไป แต่ป้าหวังก็เรียกเขาไว้ก่อน: "คุณคะ ทานผลไม้ไหมคะ?"

"ไม่ล่ะ ลาก่อนครับ"พูดจบเกาจวินเซวียนก็เดินออกไปทันที

หลังจากที่หลิ่วเยว่เอ่อร์ล้างปากและเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ไม่เห็นเกาจวินเซวียนในห้องอีกแล้ว มีแค่ป้าหวัง

หัวใจของเธอยังคงเคว้งอยู่ในอากาศ

ตอนนี้เธอดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้ว เกาจวินเซวียนคงจะไม่ทรยศเธอใช่ไหม?

เมื่อนึกถึงหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็แอบรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

"คุณหลิ่ว อยากทานผลไม้เพิ่มไหมคะ?" ป้าหวังถามด้วยรอยยิ้ม

หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย เธอส่ายหน้าและกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: "ฉันอยากนอน"

……

เกาจวินเซวียนเดินออกจากตึกของโรงพยาบาลและยิ้มอย่างมีชัย

เขาหยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋าของเขา เขาจูบลงไปที่บัตรเครดิตและนึกถึงท่าทางที่เหมือนทาสของหลิ่วเยว่เอ่อร์แล้วมันทำให้เขารู้สึกสนุกอย่างช่วยไม่ได้

ตอนนี้เขาได้ทั้งเงินของเฟิงหานชวน และทั้งได้หลิ่วเยว่เอ่อร์มาอยู่ในกำมือของเขา เขาสามารถเล่นสนุกกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เมื่อไหร่ก็ได้ที่เขาต้องการ

มันช่างลงตัวอะไรเช่นนี้?

ในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เกาจวินเซวียนก็เดินออกไปพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋าอย่างสบายใจ

……

ตกดึก

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนลงจากรถเมล์ ท้องฟ้าก็เริ่มครึ้มราวกับพายุกำลังจะมา

เธอไม่ได้พกร่มมาด้วย เธอกอดกระเป๋าไว้แน่นและวิ่งไปยังบ้านตระกูลเฟิง

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินเสียงฝนตกข้างนอก เขาก็เหลือบมองนาฬิกาของเขาและลุกจากเตียงเดินไปที่ระเบียง

เขามองไปยังตามถนนแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาคน เขาหันหลังกลับเพื่อเดินออกไปจากห้อง แต่ฝีเท้าของเขาก็หยุดชะงักลงเสียก่อน

เฟิงหานชวนกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นบ้า?

เขากังวลเกี่ยวกับเฉินฮวนฮวนอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ?

……

เมื่อเฉินฮวนฮวนวิ่งมาถึงที่ประตูบ้านตระกูลเฟิง เธอก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่เดินออกมาพร้อมกับร่มพอดี

ร่างของผู้ชายคนนั้นคุ้นตาเธออย่างมาก แม้ว่าร่มสีดำจะปิดบังหน้าของเขา แต่เธอก็ยังจำได้อยู่ดีว่าเขาคือเฟิงหานชวน

"อาสาม!" เฉินฮวนฮวนตะโกนและวิ่งไปทางเขา

เฟิงหานชวนหยุดชะงักเพราะเสียงของเธอ และพบว่าเฉินฮวนฮวนกำลังวิ่งมา เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขา

"อาสามนี่มันดึกมากแล้ว คุณจะไปไหน?" เฉินฮวนฮวนโพล่งถามออกมาอย่างสงสัย

แต่หลังจากที่เธอรู้สึกตัว เธอก็เอามือขึ้นมาปิดปากของเธอโดยไม่รู้ตัว เธอรู้สึกเสียใจกับการกระทำของเธอเมื่อครู่

เกิดเรื่องน่าอายมากมายระหว่างเธอกับเฟิงหานชวน เฟิงหานชวนคงไม่อยากพบเธอในตอนนี้และเธอก็ยังคงหน้าด้านไปทักทายเขาอีก

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและมองไปที่ผู้หญิงที่เปียกโชกอยู่ข้างหน้าเขา ฝนยังคงตกลงกระทบผม ใบหน้า และร่างกายของเธอ แต่เธอก็ยังคงยืนตากฝนอยู่เหมือนคนบื้อ

เขายื่นมือเอาร่มไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว

เฟิงหานชวนมองเกาจวินเซวียนอย่างนิ่งเรียบ เขานั่งลงแทนที่จะจับมือกับเขา

เกาจวินเซวียนดึงมือของตัวเองกลับมาอย่างอายๆ เขายิ้มแห้ง

"ประธานเฟิง ผมไม่รู้ว่าทำไมวันนี้คุณถึงมาหาผม มีอะไรหรือเปล่าครับ?" เกาจวินเซวียนถามอย่างใจร้อน

หลิ่วเยว่เอ่อร์เลิกกับเขาไปแล้วและเธอเตือนเขาไว้ว่าถ้ามีคนถามอะไรเขาห้ามพูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับเธอเด็ดขาด

หลังจากที่เขาต้อนถามเธอจนมุม เธอเล่าว่าตอนที่เธอทำงานพาร์ทไทม์ในบลูส์คลับ เธอได้เผลอไปหลับนอนกับเฟิงหานชวน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คุณชายสามแห่งตระกูลเฟิง เขาทำให้เกาจวินเซวียนไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหลิ่วเยว่เอ่อร์อีก มันพอดีที่ช่วงนี้เขาเพิ่งได้ติดต่อกับสาวคนหนึ่งในมาวิทยาลัย ดังนั้นเขาจึงเลิกกับหลิ่วเยว่เอ่อร์โดยง่ายดาย

เกาจวินเซวียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเฟิงหานชวนต้องการพบเขา

"คุณเป็นแฟนของหลิ่วเยว่เอ่อร์ใช่ไหม?"ไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของเฟิงหานชวน เขาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา: "เธอพูดว่า เพราะผมคุณเลยทิ้งเธอ"

"ห้ะ?"เกาจวินเซวียนผงะไปครู่หนึ่งแล้วเกาหัวของเขาด้วยความสับสน เขายิ้มอย่างกระตือรือร้นและตอบว่า: "ไม่นับว่าผมทิ้งเธอนะ พวกเราต่างคนต่างต้องการเลิกกัน เพราะตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของคุณแล้ว ผมไม่กล้าแย่งผู้หญิงจากคุณหรอก!”

เฟิงหานชวนมองไปที่ชายหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาข้างหน้าเขา

"พวกคุณก็คบกันมาตั้งนาน น่าจะมีความรู้สึกหลงเหลือกันอยู่บ้าง"เฟิงหานชวนดูจริงจัง

"ผมไม่กล้าครับไม่กล้า ประธานเฟิง ตอนนี้เยว่เอ่อร์เป็นผู้หญิงของคุณแล้ว ผมจะไม่คิดมากเกี่ยวกับเธออีกต่อไปแล้ว"เกาจวินเซวียนมองไปที่การแสดงออกที่ดูน่ากลัวของเฟิงหานชวน มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด

เฟิงหานชวนเรียกเขาออกมาคุยสองต่อสอง เฟิงหานชวนต้องการมาแค่เตือนเขาหรือเปล่า?

เขาจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับหลิ่วเยว่เอ่อร์อีกต่อไปแล้วจริงๆ!

"คุณเกา เธอไม่ใช่ผู้หญิงของผม ผมเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา"เฟิงหานชวนพูดเบา ๆ เขาเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าและหยิบบัตรเครดิตออกมาใบหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นให้เกาจวินเซวียน

เกาจวินเซวียนดูประหลาดใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่านี่มันคือเรื่องอะไร!

"คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา?"เขาถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 200 วันของเขาและหลิ่วเยว่เอ่อร์ เขาจองห้องพิเศษในโรงแรมเพื่อเธอและทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันทั้งคืนในวันนั้น

ในวันนั้นเขารู้ว่าเป็นเฉินฮวนฮวนที่เข้าไปทำงานแทนหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่บลูส์คลับ

"ถ้าคุณกลับไปคืนดีกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ ผมสามารถให้เงื่อนไขที่เอื้อเฟื้อแก่คุณได้ สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดของผม" เฟิงหานชวนเอ่ยอย่างเย็นชาว่า: "ในบัตรมีสิบล้าน"

"สิบล้าน!"เกาจวินเซวียนอุทานออกมา

แต่ในขณะเดียวกันมันทำให้เกาจวินเซวียนตกใจมาก นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?

เฟิงหานชวนจะให้เงินเขาสิบล้านเพื่อให้เขากลับไปคืนดีกับหลิ่วเยว่เอ่อร์อย่างนั้นน่ะเหรอ?

หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้เป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวนหรอกเหรอ? หรือเพราะว่าเฟิงหานชวนเบื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์จึงทำเช่นนี้?

แต่นี่มันก็เพียงแค่ไม่กี่วันเอง!

นอกจากนี้แล้วเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา?

เกาจวินเซวียนอยากจะถามออกไป แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้เลยไม่ได้เอ่ยถาม มันต้องมีอะไรแปลกๆแน่นอน เขายังไม่อยากพูดออกไปก่อน

เขาต้องถามหลิ่วเยว่เอ่อร์เป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้

"งั้นผมจะรับมันไว้แล้วกัน ประธานเฟิง คุณแน่ใจหรือว่าต้องการแบบนี้?" เกาจวินเซวียนยัดบัตรเครดิตลงในกระเป๋าของเขาทันที

เมื่อมองดูท่าทางที่รีบร้อนของเขา เฟิงหานชวนหัวเราะในใจ

เมื่อเงินมาวางอยู่ตรงหน้า เรื่องยุ่งยากก็กลับแก้ไขได้อย่างง่ายดาย

"ตอนนี้เธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรุ่ยเอิน ห้องพักผู้ป่วยหมายเลข V505 ตึก B"เฟิงหานชวนลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาทิ้งไว้เพียงแค่คำเหล่านี้แล้วก็หันหลังเดินจากไป

หลังจากที่เฟิงหานชวนจากไป เกาจวินเซวียนก็หยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋าอีกครั้ง เขาถือไว้ในฝ่ามือและจ้องมองไปที่มัน

สักพักเขาก็นึกถึงสิ่งที่เฟิงหานชวนพูดอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาหลิ่วเยว่เอ่อร์ทันที

แต่ใครจะไปคิดว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะตัดสายเขา

เกาจวินเซวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเล็กน้อย เขาปฏิบัติต่อหลิ่วเยว่เอ่อร์อย่างดีมาตลอด และทั้งสองก็เลิกกันด้วยดี ดูสิว่าผู้หญิงคนนี้ถึงกับตัดสายเขา!

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เกาจวินเซวียนก็รีบออกจากร้านกาแฟและเรียกรถไปโรงพยาบาลรุ่ยเอินทันที

เมื่อเกาจวินเซวียนเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย เขาก็เห็นว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังกินผลไม้อยู่

หลิ่วเยว่เอ่อร์ตกใจทันทีที่เธอเห็นเกาจวินเซวียน มีดและส้อมในมือของเธอหลุดออกจากมือตกลงไปกับพื้น

จานผลไม้ในมือของเธอตกลงบนผ้าห่ม

"เยว่เอ่อร์ คุณอยู่ที่นี่จริงๆด้วย!" เกาจวินเซวียนเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม

"คุณคะ คุณคือใคร?"ป้าหวังถามด้วยความสงสัย

"ป้าหวัง เขาเป็นเพื่อนของฉันเอง เขามาเยี่ยมฉัน คุณช่วยไปซื้อผลไม้มาเพิ่มให้ฉันหน่อยนะ" หลิ่วเยว่เอ่อร์จงใจที่จะหันเหความสนใจของป้าหวัง

เมื่อป้าหวังได้ยินสิ่งที่หลิวเยว่เออร์บอก เธอก็เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยทันที

ในขณะนี้มีเพียงแค่หลิ่วเยว่เอ่อร์และเกาจวินเซวียนเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในห้องพักผู้ป่วยอันแสนเงียบสงบ

"เยว่เอ่อร์ คุณกำลังปิดบังอะไรผมอยู่หรือเปล่า?" เกาจวินเซวียนเดินไปทางหลิ่วเยว่เอ่อร์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความต้องการที่จะรู้ความจริง

เขาพบว่าเขาเริ่มที่จะไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆเข้าไปทุกที

ในตอนแรกหลิ่วเยว่เอ่อร์เข้าหาเขาก่อน และเขาก็เห็นว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์นั้นน่าสนใจเขาเลยตัดสินใจคุยกับเธอ ต่อมาเขาเริ่มหลงใหลในเสน่ห์ของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ

ต่อมาในฐานะผู้ชาย เขาจึงเลือกที่จะสารภาพรักเธอก่อน และพวกเขาก็คบกันอย่างเป็นทางการ

ถ้าให้เปรียบผู้หญิงเหมือนดั่งดอกไม้ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์เป็นดั่งดอกไม้ที่งดงามมาก แต่หลังจากที่เวลาล่วงเลยไปเขารู้สึกว่าเธอก็เป็นเพียงดอกไม้ข้างถนน นั่นเลยทำให้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เหมือนอย่างเคย

นอกจากนี้หลิ่วเยว่เอ่อร์ยังทุ่มเทให้กับการทำงานพาร์ทไทม์ในสถานที่ระดับไฮเอนด์อย่างบลูส์คลับเป็นอย่างมาก ซึ่งมันทำให้เขาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

"เกาจวินเซวียน คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่!"หลิ่วเยว่เอ่อร์จ้องไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงและเอ่ยถาม

"แน่นอนว่าเฟิงหานชวนเป็นคนบอกผม ไม่อย่างนั้นผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณพักอยู่ในห้องพักผู้ป่วยระดับวีไอพีขนาดนี้?"เกาจวินเซวียนยกมุมริมฝีปากของเขา

ใบหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์ซีดลงทันที เธอเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของเกาจวินเซวียนและจ้องเขม็งไปที่เขา: "คุณไปหาเขาเหรอ? แล้วคุณได้บอกอะไรเขาหรือเปล่า?"

"ผมจะไปเจอเฟิงหานชวนได้ยังไง เขานั่นแหละที่มาหาผม"เกาจวินเซวียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาได้คืนความหงุดหงิดนี้ให้กับหลิ่วเยว่เอ่อร์แทนแล้ว

แม้ว่าทั้งสองจะเลิกรากัน แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์บอกว่าเธอกลายเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวนและถูกเฟิงหานชวนลักหลับ ทำไมเกาจวินเซวียนคิดว่าเธอถึงดูร้อนรนได้ขนาดนี้?

"เขาไปหาคุณ? ทำไมเขาถึงไปหาคุณ?"หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้สึกกังวลและถามเขาไปทันที: "พวกคุณคุยอะไรกัน?"

เมื่อเห็นท่าทางกังวลของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เกาจวินเซวียนก็เอื้อมมือไปแตะคางของเธอและพูดว่า: "เยว่เอ่อร์ ผมจำได้เมื่อวันศุกร์ที่แล้วเราไปค้างคืนที่โรงแรมด้วยกันไม่ใช่เหรอ?"

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ช็อคไปทันที

เรื่องถูกเปิดเผย!

เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์อารมณ์ไม่ค่อยดี เฉินฮวนฮวนจึงไม่คิดที่รบกวนเธอต่ออีก

วันนี้เธอดีขึ้นมากและเธอต้องทำงานพาร์ทไทม์ต่ออีกในช่วงบ่าย ถ้ากลับบ้านตระกูลเฟิงก็คงจะดึกมากๆแล้วตอนนั้น

เมื่อวานเธอไม่ได้ไปทำงาน และหลังจากไปบ้านตระกูลเฉินเธอก็วางแผนจะกลับไปบ้านตระกูลเฟิงเพื่อคุยกับเฟิงหานชวน แต่เนื่องจากเธอมีไข้สูง แผนที่เธอวางไว้จึงล่ม

เมื่อนึกถึงเฟิงเฉินเหยี่ยนที่มาเฝ้าเธอที่โรงพยาบาลทั้งคืนเมื่อคืนที่ผ่านมา เฉินฮวนฮวนก็แอบรู้สึกผิดเล็กน้อย เธออยากจะขอบคุณเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นการส่วนตัว แต่เธอไม่มีข้อมูลที่จะติดต่อเฟิงเฉินเหยี่ยนได้เลย

หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน เธอก็ตัดสินใจกดโทรออกไปที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือของเฟิงหานชวนทันที

ทันทีที่เฟิงหานชวนมาถึงออฟฟิศ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้นั่งลง

เขาหยิบมันขึ้นมาและพบว่าเป็นเฉินฮวนฮวนที่โทรเข้ามา เขาขมวดคิ้วทันที

"มีอะไร?"เฟิงหานชวนถามออกไป แต่ในใจเขาก็แอบสงสัยว่าเฉินฮวนฮวนจะโทรมาขอบคุณเขาหรือเปล่า?

แต่วินาทีถัดมา คำพูดของผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาแทบโกรธจนเป็นบ้า

"อาสาม ฉันอยากขอเบอร์มือถือของอาเหยี่ยน คุณช่วยส่งมาทางข้อความให้ฉันหน่อยได้ไหม?" เฉินฮวนฮวนถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเหมือนอ้อนวอน

เฟิงหานชวนกัดฟันแน่น มือของเขาเองก็ถูกกำไว้แน่นจนเห็นเส้นเลือด และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

อยากตายหรือยังไงผู้หญิงคนนี้!

เขาดูแลเธอทั้งคืนและแทนที่เธอจะขอบคุณเขาก็ไม่มีเลยสักคำ แถมยังมาขอเบอร์โทรศัพท์อาเหยี่ยนกับเขาอีก?

"ทำไม วางแผนที่จะยั่วยวนอาเหยี่ยนหรือยังไง? เฉินฮวนฮวน ฉันเดาไม่ผิดเลย สุดท้ายเธอก็ไม่อยากทิ้งตำแหน่งสะใภ้ตระกูลเฟิงที่อายุน้อยที่สุดไป! "เฟิงหานชวนกัดฟันพูดด้วยความโมโห

"ไม่ใช่นะอาสาม ฉันแค่อยากขอบคุณอาเหยี่ยนเฉยๆ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดเลย" เฉินฮวนฮวนป้องปากของเธอและพูดด้วยเสียงเบาเพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน

"ขอบคุณ?" น้ำเสียงของเฟิงหานชวนดูแดกดัน

ต้องไปขอบคุณอะไรเขา ทำไมต้องขอบคุณอาเหยี่ยน?

ผู้หญิงคนนี้กำลังเล่นอะไรอยู่!

"อาสาม เมื่อวานอาเหยี่ยนเฝ้าฉันทั้งคืน ฉันรู้สึกเกรงใจ ฉันเลยอยากจะขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัว ฉันไม่ได้หมายความอย่างที่คุณคิดนะ ฉันไม่มีความคิดที่จะยั่วยวนอาเหยี่ยนอย่างแน่นอน" เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างจริงจัง

เรื่องน่าอึดอัดใจที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเฟิงหานชวน เดิมทีเธอก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวนอย่างไร จึงได้แต่พูดคําเหล่านี้อย่างกระอักกระอ่วน

สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่ได้ยิน

ในวินาทีถัดมา เฉินฮวนฮวนก็ได้ยินเสียง "ติ๊ดๆ" จากโทรศัพท์

เธอมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์และปรากฏว่าเฟิงหานชวนได้วางสายไปแล้วจริงๆ

"เฮ้อ!" เธอถอนหายใจหนึ่งครั้ง เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรอยู่พักหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าเฟิงหานชวนเข้าใจเธอผิดอย่างมาก แม้ว่าเธอจะอธิบายอย่างจริงจัง เขาก็ไม่คิดที่จะฟังหรือคิดที่จะเชื่อเธอเลย

ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เฟิงหานชวนคงต้องเกลียดเธออย่างกับอะไรดี

เนื่องจากเฟิงหานชวนเกลียดเธอมาก คาดว่าต่อจากนี้เฟิงหานชวนคงจะไม่ช่วยเธอแล้วไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม

เธอคิดว่าถ้าเธอน่าจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเฟิงเฉินเหยี่ยนได้ เฟิงเฉินเหยี่ยนก็น่าจะใจดีช่วยเธออย่างแน่นอน!

อย่างไรก็ตามเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ค่อยกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิง และเธอไม่มีช่องทางการติดต่อของเฟิงเฉินเหยี่ยนเลยและเฟิงหานชวนไม่ยอมเอาเบอร์เขาให้เธอด้วย เธอไม่สามารถติดต่อเฟิงเฉินเหยี่ยนได้

สักพักหนึ่งเฉินฮวนฮวนก็ค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย

เพราะว่าไม่ว่าอย่างไรเฟิงเฉินเหยี่ยนก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิงแน่นอน เมื่อเขากลับมาเธอจะขอบคุณเขาและขอร้องให้เขาช่วยไปเอาสร้อยคอกับหลิวตงรุ่ยให้เธอ

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนตั้งความหวังไว้ที่เฟิงเฉินเหยี่ยน

……

ณ สำนักงานใหญ่

เฟิงหานชวนโยนโทรศัพท์ลงกับพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

เมื่อซูอวี่เข้ามาส่งเอกสาร เขาเดินเข้าแบบแทบไม่กลัวตายเลย วันนี้ประธานเฟิงกินระเบิดมาเหรอ?

สีหน้าที่ทำให้คนรู้สึกกลัวแบบนั้น!

"ท่านประธานเฟิง มี…มีเรื่องอะไรหรอครับ? "ซูอวี่ก้มหัวแล้วถาม: "เป็นเพราะคุณหลิ่วหรือเปล่าครับ?"

"เปล่า"เฟิงหานชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

"ยังไงก็ตาม ท่านประธานเฟิงครับ คุณเคยอ่านข้อมูลของคุณหลิ่วหรือเปล่า เพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอที่มหาวิทยาลัย A คือภรรยาคนปัจจุบันของคุณ คุณเฉินฮวนฮวน" ซูอวี่เพิ่งค้นพบมันในวันนี้

"นายพูดว่าอะไรนะ?" เฟิงหานชวนตกใจ เขาขมวดคิ้วและถามว่า: "เฉินฮวนฮวนเป็นเพื่อนสนิทของหลิ่วเยว่เอ่อร์เหรอ? "

"ช่ะ ใช่ครับ"ซูอวี่พยักหน้ารัวๆ เฟิงหานชวนยังอ่านข้อมูลก่อนหน้านี้ไม่จบ เพราะเขาไม่ชอบหลิ่วเยว่เอ่อร์สักเท่าไหร่

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เขาเปิดลิ้นชักและหยิบเอกสารออกมาแล้วพลิกไปที่หน้าหลังทันที

ด้านหลังของข้อมูลหลิ่วเยว่เอ่อร์เขียนไว้ว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดในมหาวิทยาลัย A ก็คือเฉินฮวนฮวน

นักสืบที่ไม่รู้ลึกถึงข้อมูลของเฉินฮวนฮวน ทำให้เขามองเฉินฮวนฮวนเป็นแค่นักศึกษาหญิงธรรมดาคนหนึ่ง ข้อมูลที่หามาก็อธิบายเกี่ยวกับเธอเพียงแค่ไม่กี่ประโยค

ข้อมูลข้างต้นบอกว่าเพื่อนของหลิวเยว่เอ๋อร์คือเฉินฮวนฮวนที่เป็นนักศึกษาหญิงที่ขยันเรียนและเป็นนักเรียนที่ดีเด่นในห้องเรียน ผลการเรียนของเธอก็ดีมากอีกด้วย ถือว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ดีเลยคนหนึ่ง

"เหอะ"

เมื่อเห็นคำไม่กี่คำเหล่านี้ เฟิงหานชวนก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

ข้างนอกเธอแสร้งทำเป็นคนดี แต่จริงๆแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่อยากจะอัพเกรดตัวเองให้สูงขึ้น

เมื่อได้ยินคำเย้ยหยันของเฟิงหานชวน ซูอวี่ก็คิดเพียงแค่ว่าเฟิงหานชวนคงเห็นข้อมูลบางอย่างที่ไม่ดีเกี่ยวกับหลิ่วเยว่เอ่อร์แน่นอน เขากล่าวออกไปอย่างรวดเร็วว่า: "ชื่อเสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ในมหาวิทยาลัย A ไม่ค่อยดีนัก ว่ากันว่าเธอชอบไปกับพวกคนรวยๆ และดูจะภูมิใจมากที่ได้ทำงานพาร์ทไทม์ที่บลูส์คลับ เพราะคงคิดว่าสักวันเธอคงจะได้ตกถังข้าวสาร"

เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูอวี่พูดเฟิงหานชวนก็พลิกกลับไปที่หน้าแรกของข้อมูลหลิ่วเยว่เอ่อร์และอ่านมันอย่างจริงจัง จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

หลังจากอ่านแล้ว เขาก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชาและพูดว่า: "แน่นอนว่าคนประเภทเดียวกันก็มักจะอยู่ด้วยกัน"

"ประธานเฟิง ท่านหมายความว่าอย่างไร?"ซูอวี่รู้สึกสับสนเล็กน้อย

"ออกไปก่อน แล้วก็เตรียมตัวประชุมด้วย" หลังจากที่เฟิงหานชวนพูดจบ เขาก็โยนกองเอกสารทิ้งลงถังขยะทันที

เมื่อเห็นการกระทำของเฟิงหานชวนและใบหน้าบึ้งตึงของเขา ซูอวี่ก็เข้าใจความหมายของเฟิงหานชวนทันทีและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

เฟิงหานชวนคิดอะไรบางอย่างออกจึงเรียกซูอวี่ไว้ก่อน

"ซูอวี่ จัดตารางให้ฉันด้วยฉันต้องการพบเกาจวินเซวียนในช่วงบ่ายนี้"

"เกาจวินเซวียน?"ซูอวี่หันกลับมาครู่หนึ่งแล้วตอบสนองทันที

เกาจวินเซวียนเป็นแฟนของหลิ่วเยว่เอ่อร์และในข้อมูลที่สืบมาพบว่าทั้งสองยังคงคบกันอยู่

จู่ๆประธานเฟิงก็ต้องการพบเกาจวินเซวียน มันหมายความว่าอย่างไร?

"ประธานเฟิง ต้องการจะทำลายพวกเขาเหรอครับ?" ซูอวี่ถามด้วยความประหลาดใจ

เป็นไปได้ไหมที่ประธานเฟิงยังคงอยากที่จะรับผิดชอบหลิ่วเยว่เอ่อร์?

"พวกเขาเลิกกันแล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา" เฟิงหานชวนหรี่ตาและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

ซูอวี่ไม่ถามเพิ่มและตอบรับอย่างรวดเร็ว

ในช่วงบ่าย

เฟิงหานชวนขับรถไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆมหาวิทยาลัย A

เกาจวินเซวียนรออยู่ที่นั่นอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อเขาเห็นเฟิงหานชวนที่เดินเข้ามา เขาก็ยื่นมือไปหาเฟิงหานชวนอย่างกระตือรือร้น: "ประธานเฟิง สวัสดีครับๆ"

ท่าทางของเขาดูสุภาพมาก

เมื่อเห็นฉากนี้หรงจิ่นซิวก็สบถในใจ

เฟินหานชวนจับปลาสองมือเหรอ?

เมื่อเห็นแบบนี้แล้วมันเหมือนกับว่าเขากำลังเล่นกับใจของผู้หญิง แถมยังไม่อยากยอมรับอีก?

ไม่แปลกใจเลยที่สาวคนนี้จะกรีดข้อมือฆ่าตัวตายเพราะเขา!

"เฮียสาม ทำไมถึงไม่จริงใจเลย บอกฉันทีว่านี่มันเหยียบเรือ…" ก่อนที่หรงจิ่นซิวจะพูดจบ แขนของเขาก็ถูกคว้าเอาไว้ก่อนทันที

หลังจากนั้นเฟิงหานชวนก็ดึงเขาออกมาจากห้องนั้น

เมื่อมองไปที่ประตูห้องที่ถูกปิดลง หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ขมวดคิ้วแน่น

แม้ว่าหรงจิ่นซิวจะยังพูดไม่จบ แต่เธอก็เดาได้ว่าหรงจิ่นซิวกำลังจะพูดอะไรต่อ ต่อจากคำว่าเหยียบเรือก็ต้องต่อด้วยคำว่า "สองแคม" ไม่ใช่หรือ

เรือสองแคม…

นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ได้โกหก เขามีแฟนแล้วแน่ๆ

อย่างไรก็ตามหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ไม่ยอม เนื่องจากเฟิงหานชวนได้ "หลับนอน" กับเธอแล้วและสัญญาว่าจะรับผิดชอบก็คือต้องรับผิดชอบ!

……

หรงจิ่นซิวพาเฟิงหานชวนไปที่ห้องพักของเขา

"เฮียสาม นายต้องเล่ามาเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?" เมื่อวานหรงจิ่นซิวก็ตกใจมากพอแล้ว วันนี้ยังจะต้องมาตกใจอีก

แต่เรื่องของเฉินฮวนฮวนนั้นเขาเคยได้ยินเฟิงเฉินเหยี่ยนเล่าให้ฟังแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้หญิงที่ชื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์

"อย่างที่เห็น เธอกรีดข้อมือเพราะฉัน" เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก

"แล้วนายไปทำอะไรให้ผู้หญิงคิดที่จะกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย? นายโกหกความรู้สึกหรือไปหลอกพวกเธอหรือเปล่า? "ปกติแล้วหรงจิ่นซิวไม่ได้เป็นที่พูดเยอะ แต่วันนี้เขาตกใจมากจนมีคำถามมากมายออกมาไม่หยุด

เฟิงหานชวนถูจมูกของตัวเองอย่างหงุดหงิด เขานั่งลงบนโซฟาข้างๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: "คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ฉันได้ไปร่วมงานเลี้ยงทางธุรกิจที่บลูส์คลับและฉันได้ยา…"

เฟิงหานชวนบอกหรงจิ่นซิวว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลิ่วเยว่เอ่อร์

หลังจากฟังแล้วหรงจิ่นซิวก็เงียบและแสดงออกสีหน้าอย่างครุ่นคิด

"เรื่องของนายมันค่อนข้างยาก!"หรงจิ่นซิวเลียริมฝีปากของเขาและวิเคราะห์: "นายทำให้เธอแข็งข้อขึ้น นายบอกว่านายจะรับผิดชอบแต่กลับบอกเธอว่ามีแฟนแล้ว นายเลยจะให้เงินเพื่อถึบหัวส่งเธอ ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะคิดฆ่าตัวตาย!"

"……" มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกหลายครั้งก่อนจะถามว่า: "นายจะเน้นสิ่งที่ฉันพูดไปแล้วทำไม?"

หรงจิ่นซิวจะพูดซ้ำสิ่งที่เขาพูดทำไม?

"ถ้าอย่างนั้นมีแผนไหมล่ะ?" หรงจิ่นซิวหยุดล้อเล่น ใบหน้าของเขาเริ่มจริงจังและเขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า: "ตอนนี้ เฉินฮวนฮวนเป็นภรรยาของนายแล้ว ฉันเห็นว่านายดูจะให้ความสำคัญกับเธอมากแต่หลิ่วเยว่เอ่อร์คนนี้ก็ดูจะจัดการได้ยากมากเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น … "

"ไม่อย่างนั้นอะไร?" เฟิงหานชวนถามกลับไปทันที

"ไม่อย่างนั้นก็เลี้ยงดูอีกคนไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง อีกคนก็เลี้ยงดูไว้อีกบ้านหลังหนึ่ง" หรงจิ่นซิวพยายามที่จะไม่หัวเราะออกมา

เฟิงหานชวนมองเขา

"อันที่จริงเฟิงหานชวน ความคิดในใจของนายเพิ่งถูกเปิดเผยออกมาเมื่อกี้เลย"หรงจิ่นซิวยักไหล่และเอนตัวพิงกำแพงพลางกอดหน้าอก เขาวิเคราะห์อย่างใจเย็นว่า: "ฉันบอกไปว่านายให้ความสำคัญกับเฉินฮวนฮวน และนายเองก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อนี้"

"ที่จริงแล้วในใจของนาย นายไม่อยากให้เธอออกจากบ้าน ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าเธอทั้งคืนใช่ไหมล่ะ?"

สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไป

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นของเขาดูน่ากลัว เขาพูดอย่างเย็นชาว่า: "ผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาของฉัน"

"นายกำลังโกหกอีกแล้ว"หรงจิ่นซิวหันมาและเม้มริมฝีปากเล็กน้อย: "ในเมื่อนายต้องการที่จะทิ้งเฉินฮวนฮวน ถ้าอย่างนั้นก็ไปรับผิดชอบหลิ่วเยว่เอ่อร์เถอะ"

หลังจากพูดจบ เขาก็โบกมือและเดินออกจากห้องพักไป

เขาไม่อยากพูดถึงปัญหาที่ยุ่งยากแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เรื่องของใครก็จัดการเอาเองแล้วกัน

ทันใดนั้นทั้งห้องก็เงียบลง เหลือเพียงเฟิงหานชวนเท่านั้น เขานั่งลงคิดอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไป

ทันทีที่เขาเดินออกจากห้องพัก เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากหรงจิ่นซิว

ตอนแรกคิดว่าเขาจะโทรมาหัวเราะเยาะเขาเสียอีก เฟิงหานชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปรากฏว่าเป็นข้อความจากหรงจิ่นซิว

[หมอหลิวบอกฉันว่าอาการบาดเจ็บของหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้รุนแรงอะไร น่าจะแค่ต้องการเรียกร้องความสนใจและทำให้นายตกใจกลัว คงไม่ได้คิดที่จะอยากฆ่าตัวตายจริงๆ นายเก็บไปคิดเอาเองละกัน]

ดวงตาของเฟิงหานชวนฉายความโกรธ

เขาเกลียดผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์ที่สุดในชีวิต แต่ทั้งสองคนที่เขาพบเจอในตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนประเภทนั้น

……

หลิ่วเยว่เอ่อร์ที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยกำลังรอเฟิงหานชวนกลับเข้ามา เธอไม่รู้ว่าเฟิงหานชวนคุยอะไรกับหรงจิ่นซิวบ้าง

จนกระทั่งมีเสียง "กริ๊ก" แล้วประตูก็ถูกเปิดออก

ขาที่เรียวยาวและร่างสูงโปร่งของเฟิงหานชวนก้าวเข้ามาในห้อง

เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์เห็นเฟิงหานชวนกลับเข้ามา เธอคิดว่านี่ก็น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่ได้ทิ้งเธอ ดังนั้นเธอจึงลุกออกจากเตียงและวิ่งไปหาเขาทันที

"คุณเฟิง ฉันคิดว่าคุณจะทิ้งฉันไปแล้วซะอีก"หลิ่วเยว่เอ่อร์กล่าวอย่างน่าสงสาร ดวงตาของเธอเริ่มชื้นไปด้วยน้ำตา

"คุณหลิ่ว ผมคิดว่าผมได้อธิบายไว้ชัดเจนแล้ว นอกจากการเป็นผู้หญิงของผม คุณยังสามารถเสนอเงื่อนไขข้ออื่นๆมาได้" ใบหน้าที่หล่อเหลาของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

การแสดงออกของหลิ่วเยว่เอ่อร์เปลี่ยนไป เธอเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าวและล้มลงกับพื้นไปทันที

เธอส่ายหัวด้วยความงุนงง สายตาของเธอฉายความหงุดหงิดและในที่สุดเธอก็ร้องไห้ออกมา: "คุณเฟิง คุณบอกว่าคุณจะรับผิดชอบฉันไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้? "

ความรู้สึกผิดและความอดทนของเฟิงหานชวนต่อผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาค่อยๆถูกชำระล้างออกไปทีละนิด

"อย่าใช้อุบายฆ่าตัวตายกับผมอีก"เขาทิ้งคำเหล่านี้เอาไว้และก้าวออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

ตอนนี้ในใจของเธอรู้สึกหงุดหงิดมาก

หลิ่วเยว่เอ่อร์ตกใจมากเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูดัง "ปัง"

ตอนแรกเธอคิดว่าการใช้กลอุบายอันขมขื่นนี้อาจจะทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกผิดมากขึ้นและเขาจะได้รู้สึกสงสารเธอ

ไม่คาดคิดเลยว่าเฟิงหานชวนจะยิ่งเย็นชามากกว่าเดิม!

เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?

จะทำอย่างไรดี!

……

ณ ห้องเรียน มหาวิทยาลัย A

เฉินฮวนฮวนเข้าเรียนแล้ว แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ยังไม่มาสักที

ได้ยินว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ขอลา แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์เองก็ไม่ได้ส่งข้อความบอกเธอเลยสักนิด

เธอเป็นห่วงหลิ่วเยว่เอ่อร์มาก ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจโทรหาหลิ่วเยว่เอ่อร์อีกครั้ง

คราวนี้เธอต่อสายติด

"โทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่า?" หลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของเธอนั้นน่ากลัวมาก

เธออุส่าห์เข้ามาแทนที่เฉินฮวนฮวนแล้ว ทำไมเฟิงหานชวนถึงไม่อยากจะรับผิดชอบเธอ?

หรือว่าเฟิงหานชวนรู้แล้วว่าเธอเป็นตัวปลอม

"เยว่เอ่อร์ ฉันได้ยินมาว่าเธอขอลา เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?"เมื่อได้ยินเสียงที่ดูจะไม่แยแสของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เฉินฮวนฮวนรู้สึกสับสนนิดหน่อยและถามออกไปอย่างกังวล

"ฉันป่วยและต้องพักให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล วันนี้ฉันเลยไม่ได้ไปเรียน ถ้าเธอไม่มีอะไร ฉันวางสายก่อนนะ " หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้สึกหงุดหงิดที่ได้ยินเสียงของเฉินฮวนฮวน

"เยว่เอ่อร์ เธอป่วยเป็นอะไรเหรอ? เธออยู่โรงพยาบาลไหน เป็นหนักหรือเปล่า? " เฉินฮวนฮวนส่งความเป็นห่วงเป็นใยผ่านคำพูดไปสองสามประโยค แต่หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายได้วางสายไปแล้ว

เธอมองไปที่หน้าจอสีดำด้วยความสงสัยเล็กน้อย ทำไมหลิ่วเยว่เอ่อร์ดูแปลกๆ?

เป็นเพราะอาการป่วยหรือเปล่า?

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเคย

ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม เขาจะไม่มีวันโดนผู้หญิงอย่างเฉินฮวนฮวนหลอกอีกอย่างแน่นอน!

ครั้งหรือสองครั้งก็เพียงพอแล้ว ถ้าหากเขาถูกหลอกอีกเป็นครั้งที่สาม เขาก็คือคนโง่ดีๆนี่เอง

ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนี้เขาก็เดินไปที่ห้องพักผู้ป่วยของเฉินฮวนฮวนด้วยสีหน้าที่เย็นชา

……

แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง

เฟิงหานชวนกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้โดยหลับตา แต่จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

ด้วยความกลัวที่จะปลุกผู้หญิงที่กำลังนอนอยู่บนเตียง เขาจึงเดินไปที่ขอบหน้าต่างและกดรับสายโทรศัพท์

"มีอะไร?"เฟิงหานชวนเอ่ยเสียงเบา

เป็นซูอวี่ที่โทรมา คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบริษัท

"ประธานเฟิง มีเรื่องแล้ว คุณหลิ่วกรีดข้อมือของเธอครับ ซูอวี่รายงานเขา: "ป้าหวังเพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เองครับ และตอนนี้ได้เรียกรถพยาบาลแล้ว และน่าจะอยู่ระหว่างทางไปโรงพยาบาล"

"โรงพยาบาลอะไร?" สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้ว

"โรงพยาบาลรุ่ยเอินครับ"

หลังจากฟังจบเฟิงหานชวนวางสาย เขาหันกลับมาและเหลือบมองไปยังร่างบางที่ยังคงหลับอยู่บนเตียง หลังจากนั้นเขาก็รีบออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

ตอนที่ประตูถูกปิดลง เฉินฮวนฮวนเองก็ตื่นขึ้นมาพอดี เธอขยี้ตาและมองไปรอบๆ

แปลกจัง เมื่อกี้ดูเหมือนเธอจะได้ยินเสียงของเฟิงหานชวน เธอเข้าใจผิดไปเองหรอกเหรอ?

แต่พอมาคิดๆดู เธอคงจะเข้าใจผิดไปเองนั่นแหละ

คนอย่างเฟิงหานชวนจะมาเฝ้าเธอได้อย่างไร?

เขาเกลียดเธอนี่!

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาเกลียดเธอ เฉินฮวนฮวนก็หวนนึกถึงเรื่องนั้นอีกครั้ง เธอเกาหัวของเธอเบาๆ

ในขณะเดียวกันประตูของห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกกะทันหัน และพยาบาลหญิงที่ชื่อเสี่ยวอู๋ก็เดินเข้ามา

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนตื่นแล้ว เธอจึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า: "คุณเฉินคุณแล้วเหรอคะ? ต้องการรับอาหารเช้าแบบไหนดี เดี๋ยวจะให้คนจัดเตรียมให้ค่ะ"

"อ่า ไม่ต้องๆ ฉันดีขึ้นมากแล้ว แล้วตอนนี้ก็ต้องไปเรียนแล้วด้วย!"เฉินฮวนฮวนโบกมือ เธอดันผ้าห่มออกทันทีและลุกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำ

เธอเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็หันไปหาเสี่ยวอู๋และถามว่า: "เอ่อ ฉันต้องการถามเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล…"

"คุณเฟิงเป็นเพื่อนของรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล และคุณเป็นเพื่อนของคุณเฟิง แน่นอนว่าไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ" เสี่ยวอู๋ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

"ขอบคุณค่ะ"เฉินฮวนฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้สึกอายเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่กล่าวขอบคุณเบาๆ

เธอรีบเข้าไปแปรงฟันและล้างหน้าล้างตา

ขณะที่เธอกำลังแปรงฟันอยู่นั้น เธอก็เหลือบไปเห็นแปรงสีฟันที่ถูกใช้แล้ววางอยู่บนโต๊ะและถ้าสังเกตดีๆคือห้องอาบน้ำได้ถูกใช้ไปแล้ว แต่เมื่อวานเธอไม่ได้อาบน้ำเลยนี่หน่า มีคนมาเฝ้าเธอที่นี่ตอนกลางคืนหรือเปล่า?

เธอมองไปรอบๆ อีกครั้งและพบว่ามีผ้าเช็ดตัวที่ใช้แล้วอยู่บนพื้น และผ้าเช็ดตัวข้างอ่างล้างหน้าก็เปียกเช่นกัน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตกใจเลยรีบออกจากห้องน้ำไปเพื่อถามเสี่ยวอู๋ แต่กลับต้องพบว่าเสี่ยวอู๋ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปห้องน้ำอีกครั้งและทำความสะอาดร่างกายของตัวเองต่อ

เมื่อเสร็จธุระและกำลังจะออกไปจากโรงพยาบาล เธอเดินผ่านโต๊ะพยาบาลและพบว่าเสี่ยวอู๋กำลังกรอกแบบฟอร์มบางอย่างอยู่

แม้ว่าเธอไม่ต้องการที่จะรบกวน แต่เธอก็ก้าวไปข้างหน้าและถามเสียงเบาว่า: "สวัสดีค่ะคุณพยาบาลอู๋ ฉันอยากจะถามว่าเมื่อคืนมีคนมาเฝ้าฉันที่ห้องพักผู้ป่วยหรือเปล่า?"

"อ๋อใช่ค่ะ คุณเฟิงมาเฝ้าคุณ เขาเฝ้าคุณทั้งคืนเลย และเมื่อเช้าเหมือนว่าเขาจะได้รับโทรศัพท์จากใครบางคน ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องด่วน จากนั้นเขาก็รีบออกไปเลยค่ะ"เสี่ยวอู๋ตอบด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่สุภาพ

เฉินฮวนฮวนเองก็พยักหน้าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

เธอไม่ต้องคิดอะไรเลย คุณเฟิงที่ถูกกล่าวถึงไม่ใช่เฟิงหานชวนอย่างแน่นอน จะต้องเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยนแน่ๆ

ไม่คิดเลยว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะเป็นห่วงเธอ แต่…

อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นภรรยาของเขา

บางทีในอีกไม่กี่วัน หรือในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า นานสุดก็คงจะไม่เกินหนึ่งเดือน อย่างไรเธอก็ต้องออกจากบ้านตระกูลเฟิงอยู่แล้ว

เฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นคนดีและคนอย่างเธอไม่ควรเป็นตัวถ่วงเขา

……

ณ อีกตึกหนึ่งของโรงพยาบาลรุ่ยเอิน

ในห้องพักผู้ป่วยที่หรูหรา หลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังนอนหน้าซีดอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลโดยมีผ้ากอซหนาพันรอบๆข้อมือของเธอ

เธอจ้องไปที่เพดานด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและเธอก็ไม่ตอบสิ่งที่หมอกำลังถามเธออีกด้วย

จนกระทั่งเฟิงหานชวนเดินเข้ามา เธอก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่

เมื่อเขาเห็นเธอเป็นเช่นนี้ เฟิงหานชวนก็ขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เขาหันไปหาแม่บ้านหวังและถามว่า: "เกิดอะไรขึ้น?"

"คุณเฟิง ตอนเช้าฉันไปปลุกคุณหลิวตอบอยู่นานมากแต่เธอไม่ ฉันเลยเข้าไปดูและพบว่าเธอกรีดข้อมือตัวเอง" ป้าหวังพูดอย่างสั่นๆเพราะกลัวว่าจะถูกเฟิงหานชวนตำหนิ

"ทำไมถึงกรีดข้อมือ?"เฟิงหานชวนถามผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง

หลิ่วเยว่เอ่อร์เหลือบมองเขานิดนึง ตอนแรกเธอไม่ได้แสดงออกอะไรเลย แต่ทันใดนั้นเธอก็เริ่มร้องไห้ออกมา

"คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง! คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!"หลิ่วเยว่เอ่อร์ร้องไห้เสียงดังและพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา

หมอหลิวที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เธอรู้จักเฟิงหานชวนเพราะเขาเป็นเพื่อนกับหรงจิ่นซิว

เฟิงหานชวนไม่เคยสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนเลย เขาเป็นคนเย็นชา เหตุใดจึงมีผู้หญิงคิดอยากที่จะฆ่าตัวตายด้วยการกรีดข้อมือเพราะเขา?

เป็นไปได้ไหมที่เฟิงหานชวนจะบีบบังคับอะไรสักอย่างกับผู้หญิงคนนี้?

หมอหลิวก้าวถอยหลังออกจากห้องพักผู้ป่วยไปอย่างเงียบๆและรีบกดโทรหาหรงจิ่นซิวอย่างรวดเร็ว

"เฟิงหานชวน คุณทำแบบนั้นกับฉันได้ยังไง คุณไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณทำร้ายฉัน…"หลิ่วเยว่เอ่อร์ร้องไห้หนักกว่าเดิม

เธอจำเป็นจะต้องใช้วิธีการที่รุนแรง ไม่เช่นนั้นเฟิงหานชวนจะไม่รับผิดชอบเธอแล้วจริงๆ!

เฟิงหานชวนยังคงเงียบ หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ยิ่งร้องไห้เสียงดังมากกว่าเดิม: "ฉันก็จะตายๆไปซะดีกว่า!"

พูดจบเธอก็ลุกจากเตียงและรีบวิ่งไปที่ขอบหน้าต่าง

เฟิงหานชวนไวพอที่จะคว้าแขนของเธอไว้ได้ทัน เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์เห็นท่าทางของเขาแล้วก็รีบหันหลังกลับไปและพุ่งเข้าไปซบในอ้อมแขนของเขาทันที

หลิ่วเยว่เอ่อร์หลงใหลในกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายคนนี้

ในขณะนั้นประตูของห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน

เฟิงหานชวนกำลังที่จะผลักหลิ่วเยว่เอ่อร์ออกไป เขาหันไปมองที่ประตูทันทีและเห็นว่าเป็นหรงจิ่นซิวที่เดินเข้ามา

"เฮียสาม นี่มันอะไรกัน?"หรงจิ่นซิวรู้สึกตกใจกับภาพตรงหน้า

ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ารับการรักษาที่ตึกด้านหน้า และตอนนี้มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งมาเข้ารับการรักษาที่ตึกด้านหลัง

และเมื่อเขาเข้ามาก็มาเห็นเฟิงหานชวนยืนกอดผู้หญิงคนนี้อยู่

เฟิงหานชวนผลักหลิ่วเยว่เอ่อร์ออกไปทันที สีหน้าของเขาไม่ดีนัก แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ยังคงดื้อรั้นที่จะยืนอยู่ข้างๆเขา เธอแกล้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอว่า: "คุณเฟิง นี่ใคร?"

"สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของเฟิงหานชวนและเป็นรองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลรุ่ยเอิน ผมชื่อ หรงจิ่นซิว" หรงจิ่นซิวก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับหลิ่วเยว่เอ่อร์

หลิ่วเยว่เอ่อร์รีบจับมือกับหรงจิ่นซิวทันที ริมฝีปากซีดของเธอเผยให้เห็นความรู้สึกที่น่าสงสาร: "สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ ฉันเป็น … "

เธอต้องการจะพูดแต่ก็หยุดเว้นไว้และมองไปที่เฟิงหานชวนราวกับถามความเห็นของเขา

“อาสาม อาก็มาเหรอ! ดูเหมือนว่า อาก็เป็นห่วงเฉินฮวนฮวนมากเหมือนกันนะ!”

เฟิงเฉินเหยี่ยนยืนตัวตรง และขยิบตาให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนจะกล่าวหยอกล้อ

ใบหน้าของเฟิงหานชวนเรียบนิ่งอย่างมาก เขาสาวเท้าเดินไปหาเฉินฮวนฮวนที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้ และเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนแดงก่ำ เพราะการมาของเฟิงหานชวน ทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเฟิงหานชวน

  

ยิ่งเฟิงเฉินเหยี่ยนยังอยู่ตรงนี้ด้วยแล้ว

  

เรื่องที่เธอและเฟิงหานชวนเคยทำผุดขึ้นมาในหัวของเธอทันที ตอนนี้เฟิงเฉินเหยี่ยนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอจึงรู้สึกหวาดผวา

“ฉันเล่าเหตุการณ์ให้นายฟังทางโทรศัพท์แล้วไม่ใช่เหรอ” หรงจิ่นซิวตบบ่าเฟิงหานชวน และกล่าวว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรง ก็แค่มีไข้สูงกับรอยฟกช้ำเล็กน้อยตามร่างกายเท่านั้นเอง”

ใบหน้าของเฟิงหานชวนเรียบนิ่งยิ่งกว่าเดิม คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ก่อนจะถามสียงทุ้มต่ำ “นายตรวจร่างกายให้เธอแล้วเหรอ”

  

หลังจากถามประโยคนี้ เฟิงเฉินเหยี่ยนและเฉินฮวนฮวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

เฉินฮวนฮวนไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะถามตรงขนาดนี้ ราวกับเธอเป็นผู้หญิงของเขา น้ำเสียงของเขาทำให้เธอวางตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที

อาการตกใจของเฟิงหานชวนแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ เขามองออกว่าอาสามของเขาเอาใจใส่เฉินฮวนฮวน

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน รวดเร็วขนาดนี้เชียว ตอนนี้นายท่านคงดีใจจนบ้าไปแล้วล่ะ!

“ฉัน…แน่นอนฉันไม่ได้ตรวจ” หรงจิ่นซิวจงใจลากเสียงยาว มุมปากของเขายกขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า “พยาบาลเป็นคนตรวจ”

เมื่อได้ฟังประโยคนี้ เฉินฮวนฮวนก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

แม้ว่าหรงจิ่นซิวจะเป็นหมอ ไม่ว่าจะเป็นหมอผู้ชายหรือหมอผู้หญิง พวกเขาต่างก็เป็นหมอ ในสายตาของหมอทุกคนล้วนเป็นคนไข้

ทว่ากล่าวกันตามตรง หมอผู้ชายก็คือผู้ชาย ถ้าหรงจิ่นซิวตรวจร่างกายของเธอจริงๆ เธอคงเคอะเขินจนวางตัวไม่ถูก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหรงจิ่นซิว เฟิงเฉินเหยี่ยนและเฟิงหานชวน พวกเขาต่างก็สนิทสนมกันมาก

  

“นายมาพาเธอมาโรงพยาบาลได้ยังไง เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เฟิงหานชวนเอ่ยถามต่อด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง

  

ตอนเขาคุยโทรศัพท์ เขารู้แค่ว่าเฉินฮวนฮวนอยู่โรงพยาบาลแล้ว เขายังไม่ได้ถามอะไรมากนักก็รีบตรงมาที่นี่เลย

“เรื่องนี้ฉันเล่าให้อาเหยี่ยนฟังแล้ว ให้อาเหยี่ยนเล่าอีกรอบแล้วกันนะ” หรงจิ่นซิวโยนประเด็นร้อนนี้ให้เฟิงเฉินเหยี่ยน

  

เห็นได้ว่าเฟิงหานชวนให้ความสำคัญกับเฉินฮวนฮวนมาก ทว่ากล่าวกันตามตรง ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเป็น หลานสะใภ้ ของเขา!

หรงจิ่นซิวดันกรอบแว่นขึ้น แววตาของเขาทอประกายวูบหนึ่ง ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้แน่นอน

“เรื่องมันเป็นแบบนี้ พี่จิ่นซิวไปตรวจอาการคุณครูคนหนึ่งที่บ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน บังเอิญเห็นเหตุการณ์ตบตีกัน เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งถูกตบตี เหมือนภรรยาของอา…ไม่ใช่สิ เหมือนเฉินฮวนฮวนภรรยาของผม เขาก็เลยเป็นฮีโร่ช่วยเหลือสาวงาม!” เฟิงเฉินเหยี่ยนเล่ามาอย่างยืดยาว

เฉินฮวนฮวนมองผู้ชายสามคนคุยเรื่องของเธออย่างงงงวย ไม่ว่าจะนั่งหรือนอน เธอก็รู้สึกอึดอัดวางตัวไม่ถูก หัวสมองของเธอยังคงรู้สึกมึนงง

  

“ฉันขอนอนก่อนนะคะ” เธอหดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ไม่ว่าพวกเขาจะคุยอะไรกันต่อ เธอแค่อยากพักเสียหน่อย

  

เธอเหนื่อยเหลือเกิน

  

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนเช่นนี้ เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหากัน และส่งสายตาไปหาเฟิงเฉินเหยี่ยน ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ออกไปพูดข้างนอก”

ดังนั้น ชายหนุ่มทั้งสามจึงออกมาจากห้องพักผู้ป่วย

ไม่นานภายในห้องพักผู้ป่วยก็สงบลง

  

หัวของเฉินฮวนฮวนรู้สึกหนักอึ้ง สติเลื่อนลอย ไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง

ด้านนอกห้องพักผู้ป่วยตรงระเบียงทางเดิน หลังจากเฟิงหานชวนฟังเฟิงเฉินเหยี่ยนเล่าจบ เขาก็เหลือบมองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยผ่านกระจกประตูโดยไม่รู้ตัว

“อาสาม คืนนี้ผมมีนัด ให้อาดูแลเฉินฮวนฮวนได้ใช่ไหม” เฟิงเฉินเหยี่ยนลอบยิ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเฟิงหานชวนอย่างวางมาดจริงจัง

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมลึก และถามขึ้นว่า “นายจะไปมั่วที่ไหนอีก”

  

“ผม ผมไม่ได้ไปมั่วนะ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนกล่าวด้วยสีหน้าน้อยใจ “ผมปาร์ตี้กับเพื่อนไม่กี่คนเอง”

  

“ช่วงนี้มีคนมุ่งเป้ามาที่ตระกูลเฟิง ออกไปกับคนที่ไว้ใจได้ล่ะ อย่าไปดื่มนอกบ้านง่ายๆ” ใบหน้าของเฟิงหานชวนฉายแววจริงจัง

ปกติเฟิงหานชวนไม่ได้สนใจเขามากนัก วันนี้ออกจะแปลกไปเสียหน่อย เฟิงเฉินเหยี่ยนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “อาสาม เกิดเรื่องอะไรกับอาใช่ไหม”

  

“จำที่ฉันพูดไว้!” เฟิงหานชวนไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก เขาเพียงตวาดขึ้นเสียงดัง

เฟิงเฉินเหยี่ยนชะงักไปทันที ก่อนจะพยักหน้าซ้ำๆ “เข้าใจแล้วครับ”

  

ในบ้านของตระกูลเฟิง สองคนที่เขากลัวที่สุด คนแรกคือนายท่าน อีกคนหนึ่งก็คืออาสามของเขาเฟิงหานชวน

  

“ไปเถอะ” เฟิงหานชวนเหลือบมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

  

เมื่อได้ยินสองคำนี้ ดวงตาของเฟิงเฉินเหยี่ยนพลันทอประกายขึ้นมา เขารีบคว้าแขนของเฟินหานชวนเอาไว้ และถามขึ้นว่า “อาสาม อายอมดูแลเฉินฮวนฮวนแล้วเหรอ”

“ดูแลเฉินฮวนฮวน? เธออยู่ที่นี่ไม่มีพยาบาลดูแลหรือไง” เฟิงหานชวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

  

“แต่ว่า เธอยังมีไข้สูงนะ! ผมไม่วางใจ ถ้ามีคนในครอบครัวอยู่ต้องดีกว่า ผมก็วางใจได้หน่อย!” เฟิงเฉินเหยี่ยนดึงแขนของเฟิงหานชวน และยิ้มจนตาหยีใส่เขาอย่างออดอ้อน

เฟิงหานชวนไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยเฟิงเฉินเหยี่ยนไป ทว่าใบหน้าของเขากลับอึมครึมยิ่งขึ้น เขาหันกลับไป และมองเฟิงเฉินเหยี่ยนอย่างไม่วางตา ก่อนจะถามขึ้นว่า “ฉันไม่เคยเห็นนายใส่ใจผู้หญิงคนไหนขนาดนี้เลย นายชอบเธอเหรอ”

  

“หะ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนไม่คิดว่าอาสามของเขาจะถามประโยคนี้ขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เขารีบส่ายหน้า และเอ่ยตอบ “อาสาม ฮวนฮวนเป็นอาสะใภ้ของผมนะ ผมจะชอบเธอได้ยังไงล่ะ อีกอย่าง ถ้าคุณปู่รู้ว่าพวกเราทำแบบนี้กับฮวนฮวน คุณปู่ต้องโกรธแน่”

  

“รอนายท่านกลับมา ไม่นานผู้หญิงคนนี้ก็ออกไปจากบ้านของตระกูลเฟิงแล้ว” ดวงตาลึกล้ำเย็นชาของเฟิงหานชวนฉายแววเย็นเยือก

 

ดูเหมือนว่า เขาไม่มีหัวจิตหัวใจเลยสักนิด

บรรยากาศเย็นเยือกทำให้เฟิงเฉินเหยี่ยนตัวสั่นเทา เขาเกาศีรษะ และถามด้วยความแคลงใจ “คุณปู่ชอบฮวนฮวน ท่านไม่ยอมให้เธอไปหรอก อาสามเกลียดเธอมากเลยเหรอ ผมคิดว่าฮวนฮวนดีมากเลยนะ!”

  

“เรื่องที่ไม่เข้าใจ ก็อย่ารีบด่วนสรุป” เฟิงหานชวนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเรียบเฉย

  

“พูดแบบนี้ อาสามกับฮวนฮวนเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งแล้วเหรอ” เฟิงเฉินเหยี่ยนอ้าปากค้างทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

เร็วขนาดนี้เลยเหรอ นี่ขับจรวดหรือเปล่า

  

“มีนัดไม่ใช่หรือไง ยังไม่รีบไปอีก” เฟิงหานชวนเอ่ยเสียงดุ

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของอาสามพลันเปลี่ยนไป เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ไม่กล้าถามอย่างละเอียด เขาจึงวิ่งหายไปอย่างรวดเร็วราวกับหมอกควัน

  

เฟิงหานชวนกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทว่าด้านหลังเขากลับมีเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา

  

เขาหันกลับมา พบว่าเป็นหรงจิ่นซิวยังยืนอยู่ที่นี่ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นายไปแล้วไปใช่เหรอ”

“ฉันไม่ได้ไปไหน ฉันแค่ไม่ได้พูดอะไรเท่านั้นเอง” หรงจิ่นซิวก้าวไปด้านหน้า และตบไหล่เฟิงหานชวน ก่อนจะหัวเราะเสียงต่ำ “เหล่าเฟิง ตอนนี้นายแพ้แล้ว”

  

“พูดเหลวไหล” เฟิงหานชวนกล่าวปฏิเสธ

  

“งั้นเรามารอดูกัน” หรงจิ่นซิวกลั้นรอยยิ้มของเขาเอาไว้ ก่อนจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันไปก่อนนะ”

  

เฟิงหานชวนมองด้านหลังของหรงจิ่นซิวที่เดินจากไป ดวงตาทั้งสองยิ่งฉายแววลึกล้ำขึ้น เขาแสดงออกว่าเป็นห่วงเฉินฮวนฮวน ชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ

ห้องพักผู้ป่วยวีไอพีที่ถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา

หรงจิ่นซิวมองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เตรียมจะโทรหาเฟิงหานชวน

ในเวลานี้เอง พยาบาลคนหนึ่งเข้ามาเอ่ยรายงาน “ท่านรองคะ คุณชายเฟิงมาแล้วค่ะ”

  

“อาเหยี่ยน?” คิ้วของหรงจิ่นซิวคลายออก มุมปากของเขายกยิ้มขึ้น และกล่าวว่า “โอเค ผมจะไปหาเขา”

  

จากนั้น เขาก็เอ่ยกำชับกับพยาบาลข้างๆ เขาว่า “ดูแลคุณเฉินให้ดี”

พยาบาลเสี่ยวอู๋พยักหน้าซ้ำๆ “ค่ะ ท่านรอง”

หลังจากกล่าวกำชับ หรงจิ่นซิวก็สาวเท้าออกจากห้องพักผู้ป่วย และเดินไปที่ห้องทำงานของตัวเอง

ทันทีที่ก้าวเข้ามา เฟิงเฉินเหยี่ยนก็สวมกอดเขา และกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่รองหรง วันนี้ตอนผมมาที่โรงพยาบาล นักข่าวตั้งหลายคนมาถ่ายรูปผม พรุ่งนี้ผมต้องเป็นที่หนึ่งของคำค้นหายอดนิยมอีกแน่!”

“…” มุมปากของหรงจิ่นซิวกระตุกขึ้น สายตาของเขามองลงไป และกล่าวอย่างเรียบเฉย “แค่บาดเจ็บที่ขา ทำอย่างกับตัวเองไม่ไหวแล้วจริงๆ นายต้องการให้ทางโรงพยาบาลช่วยนายแถลงข่าวไหม”

  

“ไม่ต้องไม่ต้อง ตอนนี้ผมก็แค่คน ‘ใช้ไม่ได้’ คนหนึ่ง อย่าให้ผมต้อง ‘ใช้ได้’ เลย” เฟิงเฉินเหยี่ยนโบกมือปฏิเสธ

  

“ทำไมล่ะ นายท่านของบ้านนายยังไม่ให้นาย ‘ใช้ได้’ อีกเหรอ” หรงจิ่นซิวรู้สึกขบขัน และชี้ไปที่เตียงคนไข้แบบเคลื่อนที่ด้านข้างแล้วเอ่ยบอก “ไปนั่ง ฉันจะล้างแผลให้นาย”

  

“งั้นก็รบกวนพี่รองแล้ว ท่านรองผู้อำนวยการลงมือทำเองแบบนี้ ผมเกรงใจจริงๆ ครั้งหน้าผมจะเลี้ยงข้าวนะครับ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนยิ้มกว้าง

หรงจิ่นซิวดันกรอบแว่นขึ้น เขาหันไปรับยา พร้อมกับถามขึ้นว่า “คราวก่อนนายบอกกับฉันว่า นายท่านของพวกนายหาภรรยาให้หานชวน ชื่อว่าเฉินฮวนฮวน?”

  

“ใช่ ใช่! ผมไปเจอผู้หญิงคนนั้นมาแล้ว พี่อย่าพูดไป ผมชอบมากเลยนะ! ผมดูแล้วเธอไม่เลวเลยล่ะ แต่ว่าเหมือนอาสามจะไม่ชอบเธอ แต่เขาก็เป็นแบบนั้นแหละ ไม่ชอบใครทั้งนั้น!” เฟิงเฉินเหยี่ยนเอ่ยแขวะขึ้น “ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเย็นชาแบบนั้น คุณปู่ก็ไม่สร้างแผนหลอกล่อเขาแบบนี้หรอก!”

  

“ฉันล้างแผลให้นายก่อน แล้วจะพานายไปเยี่ยมเฉินฮวนฮวน” หรงจิ่นซิวหยิบผ้าพันแผลและยา ก่อนจะเดินไปหาเฟิงเฉินเหยี่ยน

“อะไรนะ” เฟิงเฉินเหยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความงุนงง “เฉินฮวนฮวนอยู่ที่นี่เหรอ”

  

“เรื่องมันยาวน่ะ ตอนนี้เธอมีไข้สูง ยังไม่ได้สติ”

……

เฉินฮวนฮวนตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง พบว่าหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เธอ

และหญิงสาวคนนี้อยู่ในชุดพยาบาล

เธอรีบขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่ง แต่กลับพบว่ามีเข็มน้ำเกลือเสียบอยู่ที่มือของเธอ

การกระทำของเฉินฮนฮวน ทำให้เสี่ยวอู๋รู้สึกตัว เธอวางโทรศัพท์มือถือลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ “คุณเฉิน คุณตื่นแล้ว!”

“คุณคือ?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก

  

เธอไม่ได้อยู่ที่ประตูบ้านของตระกูลเฉินเหรอ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกัน

  

“ฉันเป็นพยาบาลของโรงพยาบาลรุ่ยเอินค่ะ คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวอู๋ก็ได้ค่ะ คุณมีไข้สูง ตอนนี้ยังให้น้ำเกลือขวดที่แขวนอยู่ไม่เสร็จ คุณพักผ่อนก่อนนะคะ” เสี่ยวอู๋เอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว

  

“โรงพยาบาลรุ่ยเอิน?” เฉินฮวนฮวนตกใจ และรีบดึงเข็มบนมือออกทันที

  

“คุณเฉิน นี่คุณทำอะไรคะ” เสี่ยวอู๋ตกใจกับการกระทำของเฉินฮวนฮวน

  

เฉินฮวนฮวนหันมองรอบๆ ครู่หนึ่ง นี่เป็นห้องพักผู้ป่วยระดับวีไอพี และโรงพยาบาลรุ่ยเอินก็เป็นโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายของที่นี่แพงหูฉี่เลยทีเดียว

เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เธอไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลนะ!

  

“ฉัน…ฉันไม่ต้องให้น้ำเกลือหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันไม่ได้เป็นทั้งนั้น ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ ใครพาฉันมาส่งที่นี่” เฉินฮวนฮวนถามอย่างกังวล

  

เธอคาดเดาในใจ หรือว่าเฉินเหม่ยเจวียนทุบตีเธอ แล้วพาเธอมาทิ้งที่โรงพยาบาลรุ่ยเอินอย่างนั้นเหรอ

“คุณเป็นแขกที่ท่านรองของพวกเราพามาค่ะ ตอนนี้คุณมีไข้สูง อย่างอแงเลยนะคะ ฉันจะช่วยคุณแขวนน้ำเกลือให้คุณโอเคไหมคะ” เสี่ยวอู๋รู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนมีอาการตื่นตระหนก ดังนั้นเธอจึงพยายามใช้น้ำเสียงอ่อนโยนกล่าวโน้มน้าวเธอ

  

“ท่านรอง?” จู่ๆ ใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเฉินฮวนฮวน

เหมือนว่าก่อนที่เธอจะหมดสติไป เธอเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่ง

“ใช่ค่ะ ท่านรองผู้อำนวยการของพวกเรา คุณหมอหรงจิ่นซิว” เสี่ยวอู๋เอ่ยตอบทันที

  

“คนที่สวมแว่นตากรอบสีทองคนนั้นหรือเปล่าคะ คนที่ผิวขาวๆ หน้าตาหล่อๆ ผู้ชายคนที่สุภาพเรียบร้อยคนนั้นใช่ไหมคะ” เฉินฮวนฮวนรีบถามขึ้น

เสี่ยวอู๋กำลังจะพยักหน้า ในเวลานี้เอง ประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกอย่างไม่ทันตั้งตัว

  

“คนที่สุภาพเรียบร้อย?” หรงจิ่นซิวที่อยู่ในชุดคลุมสีขาว เดินเข้ามาพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมใจดีช่วยคุณ ในสายตาคุณ ผมก็กลายเป็นคนสุภาพเรียบร้อยแล้วเหรอครับ”

  

“คุณ…คุณคือรองผู้อำนวยการคนนั้นที่ช่วยฉัน…” เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันพูดจบ เธอถึงกับต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

  

เพราะว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามายืนด้านหลังหรงจิ่นซิว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยน

  

“อา อาเหยี่ยน! คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เฉินฮวนฮวนถามขึ้นด้วยความตกใจ

  

ดูท่าทางแล้ว ผู้ชายสองคนนี้เหมือนจะรู้จักกันเป็นอย่างดี

เฟิงเฉินเหยี่ยนเดินไปที่ข้างเตียงของเฉินฮวนฮวน มุมปากของเขาแย้มยิ้มขึ้น เผยให้เห็นฟันขาวเรียงสวย จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่หรงจิ่นซิว และกล่าวแนะนำ “นี่หรงจิ่นซิวลูกชายคนรองของตระกูลหรง แล้วก็เป็นรองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลรุ่ยเอินด้วย เขากับอาสามเป็นพี่ชายที่ดีของผม และยังเป็นพี่ชายคนสนิทของผมด้วย”

  

“คุณหมอหรง สวัสดีค่ะ” เฉินฮวนฮวนยื่นมือไปจับมือกับหรงจิ่นซิว และถามขึ้นว่า “คุณช่วยฉันไว้เหรอคะ”

  

“ครับ ถ้าผมไม่อยู่ตรงนั้น คุณอาจจะโดนตีจนตายเลยนะครับ” หรงจิ่นซิวเอ่ยออกมาอย่างติดตลก และเอ่ยถามด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก “นั่นคนในครอบครัวของคุณเหรอครับ”

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินคำถามนี้ เธอหลับตาลง ทว่าสายตาของเธอกลับแฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นชิงชังไร้ที่สิ้นสุด

ทว่าไม่นาน เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง และกล่าวอธิบาย “พวกเขาไม่ใช่คนในครอบครัวของฉันหรอกค่ะ พวกเขาเป็นศัตรูของฉัน”

  

“ยังไงก็ ขอบคุณคุณหมอหรงมากนะคะที่ช่วยฉัน” เฉินฮวนฮวนเริ่มแสดงท่าทีจริงจัง และโค้งคำนับให้เหรงจิ่นซิว

  

ตามที่หรงจิ่นซิวกล่าว ถ้าเขาไม่อยู่ตรงนั้น ตัวเองอาจจะโดนเฉินเหม่ยเจวียนตีจนตาย

  

“โอเค โอเค ฮวนฮวน คุณไม่ต้องเกรงใจพี่รองขนาดนั้นหรอก ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น!” เฟิงเฉินเหยี่ยนเอ่ยทำลายบรรยากาศจริงจัง และกล่าวอย่างหยอกล้อ

ครอบครัวเดียวกัน…

เมื่อได้ยินสามคำนี้ เฉินฮวนฮวนก็นิ่งไปครู่หนึ่ง หรือว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนยังถือว่าเธอเป็นภรรยาอย่างนั้นเหรอ

  

ทว่า เธอกำลังจะไปจากบ้านของตระกูลเฟิงแล้ว

  

“อาเหยี่ยน คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เฉินฮวนฮวนถามอย่างสงสัย

หรือว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ จึงตั้งใจรีบมาที่นี่อย่างนั้นเหรอ

  

“ฉัน…” เฟิงเฉินเหยี่ยนกลอกตา ก่อนจะลอบยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็โน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูของเฉินฮวนฮวน “ผมมาพบพี่รองเพื่อรับการรักษา ผมมีนัดรักษาบางอย่างน่ะ”

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขึ้นสีแดงระเรื่อทันที เธอเข้าใจในสิ่งที่เฟิงเฉินเหยี่ยนพูด เธอไม่คิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะยอมแพ้ เขายังคงยืนหยัดในการรักษาตัวเองต่อไป

ในตอนนี้เอง ผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย

เมื่อเฟิงหานชวนเดินเข้ามา เห็นท่าทีสนิทชิดเชื้อกันของเฟิงเฉินเหยี่ยนและเฉินฮวนฮวน โดยเฉพาะใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอายของเฉินฮวนฮวน ทำให้สีหน้าของเขาดำอึมครึมขึ้นมา

  

ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงทันที ทั่วทั้งร่างแผ่รังสีความน่ากลัวออกมา

หน้าประตูคฤหาสน์ที่คุ้นเคย เฉินฮวนฮวนเอื้อมมือไปกดกริ่ง

รหัสผ่านประตูถูกเปลี่ยนแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเข้าไปได้ เธอทำได้เพียงกดกริ่งเท่านั้น

ไฟในคฤหาสน์ยังเปิดอยู่ ดังนั้นต้องมีคนอยู่ในบ้านอย่างแน่นอน

ตามที่คาดไว้ ผ่านไปไม่ไม่นานนัก เฉินเหม่ยเจวียนที่อยู่ในชุดเดรสกำมะหยี่ ท่วงท่าที่ยักย้ายบิดสะโพกอย่างติดจริตของเธอกำลังเดินเข้ามาหาเฉินฮวนฮวน

“โอ้ นี่นายหญิงของตระกูลเฟิงใช่ไหม ทำไมวันนี้ถึงมีเวลากลับมาบ้านได้ล่ะ” เฉินเหม่ยเจวียนกลอกตา และกล่าวอย่างไม่จริงใจนัก

  

“เฉินเหม่ยเจวียน เฉินเจี้ยนหมินอยู่บ้านหรือเปล่า ให้เขาออกมาพบฉัน!” เฉินฮวนฮวนไม่มีเรี่ยวแรงมากนัก เธอแทบจะแผดเสียงลั่นอย่างสุดกำลัง

  

“เฉินฮวนฮวน ตั้งแต่เธอเป็นคางคกขึ้นวอ คำพูดคำจาไม่เหมือนเดิมเลยนะ ไม่คิดว่าเธอจะกล้าเรียกชื่อของพ่อตัวเอง เธอไม่มีความกตัญญูสักนิดเลยจริงๆ !” เฉินเหม่ยเจวียนตบปากเธอ เผยให้เห็นท่าทีเหยียดหยาม

  

“พ่อของฉัน? เขามีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อด้วยเหรอ” เมื่อนึกถึงเฉินเจี้ยนหมินที่หลอกเธอ ขายเธอราวกับเป็นสินค้า เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกว่าร่างของเธอใกล้จะระเบิดเต็มที

  

ในเวลานี้เอง แสงไฟสาดส่องเข้ามาแต่ไกล จากนั้น รถคันหนึ่งก็มาจอดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนพร่ามัวไปชั่วขณะ เธอจำได้ว่ารถคันนี้เป็นของเหยี่ยจิ่งเฉิน ตอนนี้เอง เหยี่ยจิ่งเฉินและเฉินซิวโหรวกำลังนั่งอยู่ในรถ

  

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนอยู่ตรงนั้น เฉินซินโหรวก็ลงจากรถทันที เมื่อนึกถึงชานมเหนียวเหนียวที่เลอะตัวเองเมื่อวาน เธอก็ถลาเข้าไปตบหน้าเฉินฮวนฮวนด้วยความโกรธแค้น

  

เสียง “เพียะ!” ดังขึ้นสนั่น

เดิมทีเฉินฮวนฮวนมีไข้อยู่แล้ว หัวสมองของเธอรู้สึกมึนงง การตอบสนองค่อนข้างช้า ขณะที่เธอถูกซินโหรวตบ เธอยังไม่ทันตอบสนองอะไร

ในเวลานี้ เธอรู้สึกว่ามีเสียงหึ่งๆ ดังอื้ออึงในหู และปวดแสบปวดร้อนที่แก้มของเธอ

“นังตัวแสบ ใครให้เธอกล้ากับฉันแบบนี้! ไม่คิดว่าเมื่อวานเธอจะกล้าเทชานมใส่ฉัน!” จนกระทั่งตอนนี้อารมณ์กรุ่นโกรธของเฉินซินโหรวก็ยังไม่จางหาย

ถ้าเมื่อวานไม่อยู่ในที่สาธารณะอย่างร้านชานม เธอกลัวจะถูกคนอื่นเห็น ไม่อย่างนั้นเธอคงจะถลาไปฉีกกระชากเฉินฮวนฮวนออกเป็นชิ้นๆ นานแล้ว

อดใจรอไม่ไหวแล้ว!

  

“ซินโหรว ลูกว่าอะไรนะ เฉินฮวนฮวนเทชานมใส่ลูก?” เนื่องจากเมื่อคืนเฉินซินโหรวไม่ได้กลับมา ดังนั้นเฉินเหม่ยเจวียนจึงไม่รู้เรื่องนี้

เสียง “เพียง!” ดังขึ้น

  

เฉินซินโหรวยังไม่ทันได้เอ่ยตอบแม่ของเธอ ใบหน้าของเธอก็ถูกตบจนหันไปอีกด้าน เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และหันกลับมาทันที

  

“เฉินฮวนฮวน เธอกลับตบฉันเหรอ!” เฉินซินโหรวร้องขึ้นเสียงแหลม

  

“ฉันก็ตบเธอไง!” เฉินฮวนฮวนรู้สึกเวียนศรีษะมาก ทว่าเธอยังคงแข็งใจเอาไว้ และตะโกนใส่หญิงสาวตรงหน้า

  

ในตอนนี้เอง ประตูก็เปิดออก เฉินเหม่ยเจวียนพรวดพราดเข้ามาหาเธอและผลักเธอลงไปกองที่พื้น

  

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตรงหน้าเธอเป็นภาพทับซ้อน ราวกับทุกอย่างรอบตัวเธอพร่ามัวไปหมด

จากนั้น ร่างกายของเธอก็ถูกเตะอย่างแรง ราวกับกระดูกจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

  

“คุณน้า หยุดเตะได้แล้วครับ ถ้าเตะอีกถึงตายเลยนะ!” เหยี่ยจิ่งเฉินห้ามการกระทำของเฉินเหม่ยเจวียน

  

“อาเฉิน ซินโหรวของพวกเรารักเธอจนสุดหัวใจ ถ้าตอนนี้เธอยังทำให้ซินโหรวเสียใจ เธอมันก็ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีแล้วจริงๆ ! เธอไม่เห็นเหรอว่า เมื่อกี้เฉินฮวนฮวนรังแกซินโหรวยังไง มันไม่เพียงแต่ตบซินโหรว ยังเทชานมใส่อีก มันก็สมควรตาย!” เฉินเหม่ยเจวียนเตะเฉินฮวนฮวน พร้อมกับกล่าวสั่งสอนเหยี่ยจิ่งเฉิน

คิ้วของเหยี่ยจิ่งเฉินขมวดเข้าหากันแน่น มองเฉินฮวนฮวนที่กำลังนอนอยู่บนพื้น ทว่าภายในใจกลับมีความรู้สึกที่พูดไม่ออก

  

เฉินฮวนฮวนได้ยินการสนทนาของพวกเขา ทว่าเธอไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้านเลยสักนิด เธอรู้สึกเพียงภาพตรงหน้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ดูเหมือนเธอจะค่อยๆ ไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว

ไม่ไกลนัก รถเก๋งสีดำเรียบหรูคันหนึ่งค่อยๆ เคลื่อนตัวใกล้เข้ามา

เมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นนอนอยู่บนพื้น เขาดันกรอบแว่นสีทองขึ้น คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันอย่างห้ามไม่ได้ จากนั้นเขาก็เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ

ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

แม้ว่าเขาจะคิดไม่ออกว่า ผู้หญิงที่นอนอยู่บนพื้นเป็นใครกันแน่ ทว่าเวลากลางวันแสกๆ คนสามคนรังแกผู้หญิงอ่อนแอคนเดียว เขาในฐานะหมอจึงทนดูไม่ไหวอีกแล้ว

หรงจิ่นซิวเปิดประตูลงจากรถ และเดินไปทางเฉินเหม่ยเจวียน รังสีความน่าเกรงขามของเขา ทำให้เฉินเหม่ยเจวียนแทบไม่กล้าขยับเท้า

“ปล่อยเธอ!” เสียงเย็นของเขาตะโกนใส่หญิงวัยกลางคนตรงหน้า

  

“คุณเป็นใคร” เมื่อเฉินเหม่ยเจวียนตั้งสติกลับมาได้ เธอก็โต้กลับอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่เป็นเรื่องในครอบครัวเรา ไม่เกี่ยวกับคุณ!”

“พวกคุณกำลังทำผิดกฎหมายนะ ถ้าเด็กผู้หญิงคนนี้ทำอะไรผิด ก็มีกฎหมายลงโทษเธอ แทนที่พวกคุณจะทำแบบนี้ สิ่งที่พวกคุณทำเมื่อสักครู่นี้ ผมเรียกตำรวจมาจัดการได้นะ” หรงจิ่นซิวกล่าวอย่างเคร่งขรึม ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีทองคู่นั้น เต็มไปด้วยความเฉียบคม

  

“คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่ายขนาดนี้ หรือว่าคุณเป็นชู้ของเฉินฮวนฮวน” เฉินเหม่ยเจวียนเอ่ยขึ้นหยาบคาย

  

“เฉินฮวนฮวน?” หรงจิ่นซิวคิดครู่หนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นภรรยาของเฟิงหานชวนคนนั้น

  

ทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้ ถูกคนทุบตีเหรอ

  

“คุณไม่รู้จักเธอเหรอ คุณแค่ผ่านมาช่วย? ฉันจะบอกคุณให้นะ พวกเราคือตระกูลเฉิน ประธานของบริษัทเฉินซื่อกรุ๊ปคือสามีของฉันเอง คุณควรรู้บ้างนะว่าอะไรควรไม่ควร หลีกไปให้พ้น!” เฉินเหม่ยเจวียนพับเสื้อขึ้น ยกเท้าขึ้นจะถีบเฉินฮวนฮวนต่อ

หรงจิ่นซิวเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ แค่คิดว่าคำขู่ของเธอช่างน่าขันเหลือเกิน

“ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงปากคอเราะร้ายแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ” เขาก้าวไปประชิดเธอสองก้าว

เฉินเหม่ยเจวียนรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก เธอถอยไปด้านข้าง ในตอนนั้นเอง เฉินซินโหรวก้าวออกมาชี้เขาแล้วถามขึ้นว่า “คุณเป็นใครกันแน่ นี่เป็นเรื่องของครอบครัวเรานะ คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของชาวบ้าน”

“กระผมเดินไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ นั่งไม่ยอมเปลี่ยนแซ่* รองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลรุ่ยเอิน หรงจิ่นซิว” หรงจิ่นซิวดันแว่นตาขึ้น ดวงตาของเขาทอประกายวูบหนึ่ง

ทันใดนั้น เฉินเหม่ยเจวียนกลั้วหัวเราะจนท้องแข็ง และกล่าวเย้ยหยัน “แค่รองผู้อำนวยการไม่ใช่เหรอ ไปอวดดีกับผีสิ!”

ในตอนนี้เอง เหยี่ยจิ่งเฉินรีบดึงเฉินเหม่ยเจวียนออกไป เขาเดินเข้าไปหาหรงจิ่นซิวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะครับ รองประธานหรง เรื่องขัดแย้งภายในบ้านของพวกเขา ตบตีกันแค่เดี๋ยวเดียวเองครับ”

เหยี่ยจิ่งเฉินเคยได้ยินชื่อของหรงซิวจิ่นมาก่อน ลูกชายคนที่สองของตระกูลหรง เขามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม และเชี่ยวชาญด้านการแพทย์

เบื้องหลังของหรงจิ่นซิว ไม่เพียงแต่โรงพยาบาลรุ่ยเอิน แต่ยังรวมถึงตระกูลหรงทั้งเมืองเป่ยเฉิงทั้งหมดด้วย

  

“พ่อหนุ่มรู้จักฉันเหรอ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ ผมจะพาเด็กคนนี้ไป” เมื่อหรงจิ่นซิ่วพูดจบ เขาก็ย่อตัวลงนั่งยอง มองหญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้น และตบแก้มเธอเบาๆ

สติของเฉินฮวนฮวนเลือนรางเต็มที เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย และยังได้ยินเสียงแว่วๆ ว่าใครสักคนกำลังเรียกชื่อเธอ

“เฉินฮวนฮวน เฉินฮวนฮวน คุณตื่นสิ…”

คิ้วของเฉินฮวนฮวนขมวดเข้าหากัน เสียงนี้ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ใครกำลังเรียกเธอกัน

เธอพยายามปรือตาขึ้น ภาพตรงหน้าช่างดูพร่ามัวไปหมด ทว่าไม่นานใบหน้าของชายแปลกหน้าก็ปรากฏขึ้น

เขาสวมแว่นตากรอบสีทอง หน้าตาหล่อเหลามาก แต่ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน

หรือว่า พระเจ้าพาเธอไปสวรรค์แล้วอย่างนั้นเหรอ

  

“ฉัน…ฉันตายไปแล้วเหรอ”

หลังจากถามประโยคนี้จบ เฉินฮวนฮวนก็หมดสติไป

"在下行不更名坐不改姓" *เดินไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ นั่งไม่ยอมเปลี่ยนแซ่ หมายถึง ภาคภูมิใจในตัวเอง กล้าเปิดเผยตัวเองอย่างองอาจ ไม่หลบซ่อนชื่อเสียงเรียงนามของตนเอง

  

“อา! อา…ชิ่ว…”

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนพูดประโยคนั้นจบ จากนั้นเสียงจามก็ดังลั่นไปทั่วห้อง

อีกทั้งเสียงจามนี้ก็ดังเสียจนน้ำมูกของเธอกระเด็น และน้ำลายก็กระเด็นใส่หน้าของเฟิงหานชวน

เฉินฮวนฮวนยืนนิ่งเป็นหินไปแล้ว และเฟิงหานชวนก็นิ่งเป็นหินไปแล้วเช่นเดียวกัน

“อ่า…” เมื่อเฉินฮวนฮวนได้สติกลับมา เธอปิดจมูกและปากทันที ก่อนจะกรีดร้องเสียงแหลม

หลังจากนั้น เธอรีบหันกลับไปเปิดประตู และรีบวิ่งออกไปพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวาย

เมื่อกลับมาที่ห้อง หัวใจของเฉินฮวนฮวนเต้นโครมคราม ใจสั่นราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก

  

เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า ช่วงเวลาสำคัญเช่นนั้น เธอจะควบคุมตัวเองไม่ได้ และจามเสียงดังอย่างนั้น

จามไปแล้วก็ช่างเถอะ แต่เธอนึกไม่ถึงว่า…น้ำมูกจะกระเด็นออกมา

เฉินฮวนฮวนรีบเข้าไปในห้องน้ำ ยืนอยู่หน้ากระจกตรงอ่างล้างมือ เธอยกมือขึ้นปิดจมูก น้ำมูกสีเหลืองยังคงไหลย้อยออกจากรูจมูกของเธอ

“ฮือ…” เฉินฮวนฮวนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา

เธอไม่คิดเลยว่า ช่วงเวลาสำคัญเช่นนั้นจะเกิดเรื่องน่าอายเช่นนี้

เธอหยิบกระดาษทิชชู่มา แล้วรีบเช็ดน้ำมูกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก้มลงล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

หลังจากเช็ดทำความสะอาดเสร็จ มองตัวเองที่สะอาดแล้วอยู่หน้ากระจก เธอก็เกาศีรษะด้วยความหงุดหงิด

  

ตอนนี้ เธอไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวนอย่างไร

อีกอย่าง เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นพวกรักความสะอาดมาก น้ำลายของเธอกระเด็นใส่หน้าเฟิงหานชวน นี่…

เฉินฮวนฮวนไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำอย่างไร หัวสมองของเธอว่างเปล่า จากนั้นเธอก็เดินกลับเข้ามาในห้อง

  

เมื่อคิดอยู่สักครู่ เธอก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วออกจากห้อง ทว่ากลับต้องชะงักฝีเท้าลงทันที

เฟิงหานชวนก็เพิ่งเปิดประตูออกมาพอดี

เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว สีหน้าของเขาเรียกได้ว่าดูไม่ดีเอาเสียเลย ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ

  

“อาสาม ฉัน…” เฉินฮวนฮวนย่างเท้าเข้าไปหาเขา

ทว่า เฟิงหานชวนไม่ได้ตอบสนองอะไร เขาเดินตรงไปที่บันได เพื่อหลีกเลี่ยงเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากตั้งสติกลับมาได้ เธอก็รีบลงไปชั้นล่าง และเดินตรงไปที่ห้องอาหาร

เฟิงหานชวนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขายังคงนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมที่เคยนั่ง เขาแค่ไม่ได้มองที่เธอเลย

  

เฉินฮวนฮวนนั่งลงตรงข้ามเขา มือเล็กๆ ทั้งสองข้างบีบเข้าหากันแน่น เธอเหลือบมองเฟิงหานชวนอยู่บ่อยๆ ทว่าชายหนุ่มไม่แม้แต่จะปลายตามองเธอเลยแม้แต่น้อย

น้ำมูกของเธอ ทำให้เขาไม่อยากเจอเธออีกหรือเปล่า หรือเป็นน้ำลายของเธอ ทำให้เขาไม่อยากเจออีก

ตอนนี้เฟิงหานชวนหมดความสนใจในตัวเธอแล้วหรือยัง

  

“อา…อาชิ่ว…” ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังคิดเรื่องนี้ เธอก็จามออกมาอีกอย่างห้ามไม่ได้

คราวนี้เธอมีประสบการณ์แล้ว เธอรีบหันหน้าหนีไปอีกด้านแล้วจามออกมา ไม่ได้กระเด็นใส่หน้าเฟิงหานชวนอีก

หลังจากจามแล้ว เธอก็รู้สึกคอแห้งเล็กน้อย เธอจึงไอขึ้นอย่างห้ามไม่ได้

เมื่อคืนเธอเผลอหลับไปบนพื้นแล้วก็คงเป็นหวัด ดังนั้นเช้านี้เธอถึงได้จามและไอเช่นนี้

  

แม้ว่าเฟิงหานชวนเหมือนไม่ได้มองเฉินฮวนฮวนอยู่ก็ตาม ทว่าความจริงเขากลับแอบสังเกตเฉินฮวนฮวน เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้แสดงได้ยอดเยี่ยมจริงๆ

  

“แค่กๆๆ…” เฉินฮวนฮวนกลั้นเอาไว้ไม่ไหว แล้วก็ไอขึ้นมาหลายครั้ง

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหากัน เสียงเย็นของเขาตวาดขึ้น “หุบปาก ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว!”

เขามองไม่ออกจริงๆ ผู้หญิงคนนี้กำลังเล่นลวดลายอะไรอยู่กันแน่!

ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!

  

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนกำลังจะเอ่ยอธิบาย ทว่าเธอเริ่มรู้สึกคันคอขึ้นมาอีก เธอทำได้เพียงกลั้นอาการอยากไอเอาไว้ และยื่นมือขึ้นมาบีบคลึงคอของตัวเอง

ตลอดมื้อเช้า เฉินฮวนฮวนแทบอดกลั้นไว้ไม่ไหว

  

เมื่อวางตะเกียบลง เดิมทีเธออยากจะออกไปทันที แต่ราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ เธอจึงรีบวิ่งไปหาแม่บ้านหลี่ในห้องครัว

“แม่บ้านหลี่ คุณเห็นชุดนอนของฉันที่ตากอยู่ตรงระเบียงไหมคะ ชุดนอนลูกไม้สีขาว” เมื่อคืนเธอหาชุดนอนตัวเก่าไม่เจอ เพราะเธอไม่อยากรบกวนแม่บ้านหลี่ตอนกลางคืน เธอจึงไม่ได้ไปถามแม่บ้านหลี่

  

“ชุดนั้นเก่าเกินไปแล้วค่ะ นายท่านให้คนส่งชุดใหม่มาหลายชุดเลย ฉันเอาไปวางในตู้เสื้อผ้าของคุณแล้ว เมื่อคืนคุณใส่หรือยังคะ” แม่บ้านหลี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

  

“อา เมื่อคืนฉันใส่ไปแล้วชุดหนึ่งค่ะ แม่บ้านหลี่ ชุดนอนตัวเก่าของฉัน คุณเอาไปวางไว้ที่ไหนเหรอคะ” เฉินฮวนฮวนยังคงถามไม่หยุด

  

  

แม่บ้านหลี่กลอกตา สุดท้ายเธอก็เอ่ยตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เอ่อ…นายท่านให้พวกเราเอาไปทิ้งแล้วค่ะ บอกว่าในฐานะที่คุณเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิง จะใส่เสื้อผ้าเก่าๆ แบบนั้นไม่ได้แล้ว”

“แบบนี้นี่เอง…” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะด้วยความประหม่า เพียงยอมรับว่าตัวเองโชคไม่ดีเข้าแล้ว

เธอกำลังจะไปจากบ้านของตระกูลเฟิงแล้ว เสื้อผ้าเหล่านี้ที่ตระกูลเฟิงซื้อให้เธอ เธอก็ไม่สามารถเอาไปด้วยได้

ดังนั้น ชุดนอนของเธอหายไปหนึ่งชุด เธอต้องซื้อใหม่อีก ช่างปวดใจเสียเหลือเกิน

เดี๋ยวก่อน…จู่ๆ เฉินฮวนฮวนก็ฉุกคิดคำถามขึ้นมา

“แม่บ้านหลี่ เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดถึงนายท่าน? นายท่านของตระกูลเฟิงกลับมาแล้วอย่างนั้นเหรอ” เธอรีบถามขึ้น

  

“ยังเลยค่ะ นายท่านให้พวกเรารายงานเรื่องของคุณ ดังนั้นท่านถึงได้รู้เรื่องของคุณอย่างละเอียด” แม่บ้านหลี่ยังคงตอบคำถามด้วยรอยยิ้มจนตาหยี

“ค่ะ” เฉินฮวนฮวนเพียงพยักหน้า

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เธอคิดว่านายท่านของตระกูลเฟิงกลับมาแล้วเสียอีก

  

“ฮวนฮวน คุณอยากเจอนายท่านมากเลยเหรอคะ นายท่านบอกว่า ท่านก็อยากเจอคุณมากเลยค่ะ!” แม่บ้านหลี่จับมือของเฉินฮวนฮวน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

เฉินฮวนฮวนไม่รู้ควรตอบอย่างไร เธอยังคงพยักหน้าอย่างเงียบๆ

หลังจากกล่าวลากับแม่บ้านหลี่ เฉินฮวนฮวนก็สะพายกระเป๋าเป้เดินออกไปข้างนอก และเดินไปตามริมถนนเพื่อไปยังป้ายรถเมล์

เธอรู้สึกคัดจมูก และเวียนศีรษะเล็กน้อย แต่เธอยังยืนกรานจะเดินต่อไปข้างหน้า

เวลานี้เอง รถคันหนึ่งวิ่งผ่านเธอไปอย่างรวดเร็วราวลมกรรโชก

  

เมื่อเธอตั้งสติกลับมาได้ พบว่ารถคันนั้นเป็นของเฟิงหานชวน และรถคันนั้นก็หายวับไปกับตาแล้ว

เมื่อนึกถึงเรื่องของทั้งสองคนเมื่อคืนและเรื่องน่าอับอายที่เกิดขึ้นตอนเช้า เฉินฮวนฮวนหยุดฝีเท้าลง สีหน้ายุ่งเหยิงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

ตอนนี้เฟิงหานชวนต้องรังเกียจเธอมากอย่างแน่นอน เธอควรทำอย่างไรดี

  

หากเธอขอความช่วยเหลือจากเขาโดยตรง เขาคงไม่สนใจเธอแน่นอน ถ้าเธอเป็นฝ่ายอุทิศตัวให้กับเขาก่อน เฟิงหานชวนอาจจะไม่สนใจในตัวเธออีกต่อไป

สุดท้าย เธอที่อยู่ในความทรงจำของเขาตอนนี้ ต้องเป็นหนอนน้ำมูกตัวหนึ่งอย่างแน่นอน

เฉินฮวนฮวนขยุ้มเส้นผมตัวเองแรงๆ ด้วยความรู้สึกมึนศีรษะ

……

การเรียนของวันสิ้นสุดลงแล้ว เฉินฮวนฮวนแทบจะไม่รู้สึกตัวแล้ว

เมื่อเธอตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดลงแล้ว

เธอรีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เธอถึงได้รู้ว่าเพิ่งเลิกเรียนไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ห้องเดียวกันต่างหายกันไปหมดแล้ว มีเพียงเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่รู้จักสองสามคนกำลังทบทวนบทเรียนอยู่ที่นี่

โชคดีที่วันนี้เธอลาหยุดกับจินตั่วแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องไปร้านชานม

เฉินฮวนฮวนรีบเก็บของลงกระเป๋า และเตรียมไปบ้านของตระกูลเฉิน

###หนอนน้ำมูก หมายถึง ทาก คนจีนเห็นว่ารูปร่างของทากคล้ายกับน้ำมูก จึงเรียกมันว่า “ปี๋ตี้ฉง” (鼻涕虫) หมายถึง หนอนน้ำมูก และยังใช้คำนี้เรียกคนที่มีอาการน้ำมูกไหลอีกด้วย

อิริยาบถเช่นนี้ เหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องเก็บของคืนนั้นทุกอย่าง

ทันใดนั้น ความทรงจำในคืนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว

ความหวาดกลัว ความหวาดระแวง ความสิ้นหวัง ความรู้สึกที่หมดสิ้นหนทางพลันแผ่ซ่านไปทั้งร่างทันที

ฝ่ามือใหญ่เย็นเฉียบสัมผัสกับผิวของเธอ เฉินฮวนฮวนก็ร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาว เขาชะงักมือทันที คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงงงวย

ผู้หญิงคนนี้ คิดจะทำอะไรอีก

ทว่าเขายังคิดไม่ออก เฉินฮวนฮวนก็หันกลับมาแล้วผลักเขาออกไป ก่อนจะเปิดประตูรีบวิ่งหนีไป

เมื่อมองไปที่ประตูที่เปิดอยู่ สีหน้าของเฟิงหานชวนมืดครึ้มอย่างถึงที่สุด

เฉินฮวนฮวนกลับมาที่ห้องข้างๆ

แผ่นหลังของเธอพิงบานประตูแล้วค่อยๆ ลดเลื่อนลงมา ร่างทั้งร่างทรุดตัวลงนั่งกับพื้น

สองมือของเธอกอดขาทั้งสองข้างของตัวเองไว้ขณะร้องไห้ ร่างทั้งร่างกำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

ภาพฝันร้ายในคืนนั้นฉายขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นปะทะเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ราวกับเธอเป็นเพียงลูกแกะที่โดนข่มเหงรังแก

อีกอย่างผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ชื่อหลิวตงรุ่ย เธอไม่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เธอรู้ว่าเขากำลังตามหาเธอ

เขามีสร้อยคอของคุณแม่เธออยู่ในมือ จุดประสงค์ที่เขาต้องการตามหาเธอ เขาอาจจะตั้งใจเก็บเธอไว้…เฉินฮวนฮวนหลับตาแน่น ไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป

เหมือนที่หลิ่วเยว่เอ่อร์บอก เธอควรเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ไม่ต้องพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แต่สร้อยคอของคุณแม่ควรทำอย่างไรล่ะ

นั่นเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่คุณแม่ของเธอทิ้งไว้ให้

บางทีถ้าเธอทำให้เฟิงหานชวนพอใจ เธอสามารถขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวนได้ ทว่าตอนนี้เธอกลัว เธอจึงหนีออกมาจากห้องของเขา

เธอกอดตัวเองไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงเบา น้ำตาไหลออกจากหางตาไม่ขาดสาย หยดน้ำตาไหลลงมาตามร่างกายจนแทบเปียกชุ่มไปทั่วทุกตารางนิ้ว

เมื่อเฟิงหานชวนเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู ทว่าเขากลับได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาว และเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด

คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเป็นรอยกดลึก อารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าของเขา ทั้งรังเกียจทั้งสับสน

ผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้ เริ่มเป็นฝ่ายมายั่วเขาก่อน ตอนนี้แสร้งทำเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำ เธอกำลังเล่นลูกไม้อะไรใส่เขากันแน่

แต่ไม่รู้ว่าทำไม บางทีนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ไม่คิดว่าเขาจะเป็นห่วงเฉินฮวนฮวนขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล

เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่

เขาทำเรื่องเกินเลยกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ไปแล้ว เขาควรสงสารหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ใช่เหรอ ทำไมเขารู้สึกสงสารเฉินฮวนฮวน

เดิมทีเฟิงหานชวนคิดจะพังประตูเข้าไปถามเฉินฮวนฮวน ทว่ามือของเขากลับคลายลงอย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับแล้วกลับไปที่ห้องรับแขก

เฉินฮวนฮวนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากความเหน็บหนาว

เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นว่าฟ้าสางแล้ว เธอพบว่าเมื่อคืนตัวเองร้องไห้อยู่ดีๆ ไม่คิดว่าจะหลับไปบนพื้นอย่างนั้น

เธอรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งร่าง เธอลุกขึ้นจากพื้นด้วยร่างที่สั่นเทา จากนั้นเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่

หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เธอซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วนั่งลงบนขอบเตียง ใบหน้าของเธอขาวซีด และสีหน้าก็ดูมึนงงมาก

เมื่อคืน เธอวิ่งหนีกลับมาแบบนี้ เฟิงหานชวนต้องโกรธอย่างแน่นอน

ต่อจากนี้ เธอจะเผชิญหน้ากับเฟิงหานชวนอย่างไร

ไม่รู้ว่าตอนนี้เฟิงหานชวนตื่นหรือยัง ไม่เช่นนั้น เธอจะไปขอโทษเฟิงหานชวน!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินฮวนฮวนก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปล้างหน้าบ้วนปากในห้องน้ำ หลังจากนั้นก็รีบไปที่หน้าประตูของห้องข้างๆ

เธอเกรงว่าจะรบกวนเฟิงหานชวน เธอจึงเอาหูแนบบานประตูเพื่อฟังว่าข้างในมีความเคลื่อนไหวหรือไม่ หากไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร นั่นแสดงว่าเฟิงหานชวนยังไม่ตื่น

“เธอกำลังทำอะไร”

ทันใดนั้นเอง เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังมาจากด้านหลัง

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนหันหน้าไปก็พบกับดวงตาสีดำขลับคู่หนึ่ง ใบหน้าของชายหนุ่มอึมครึมถึงขีดสุด ทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่นอย่างอดไม่ได้

“อา อาสาม” เฉินฮวนฮวนเอ่ยเรียกเขาอย่างตะกุกตะกัก

ใบหน้าของเฟิงหานชวนเรียบนิ่ง ไม่ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว เขาเดินเลี่ยงเฉินฮวนฮวน และเปิดประตูเดินเข้าห้องไป

ไม่รอให้เฉินฮวนฮวนพูดต่อ ประตูก็ถูกปิดลงทันที

เฉินฮวนฮวนมองออกว่า เฟิงหานชวนโกรธจริงๆ แล้ว และโกรธมากด้วย

ตอนนี้เธอร้อนใจมาก ร้อนใจจนต้องวนไปวนมา ถ้าเธอทำให้เฟิงหานชวนไม่พอใจ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะไม่สามารถเอาสร้อยคอของคุณแม่มาได้อีกแล้ว

ช่วงเวลาที่กำลังกระวนกระวายอยู่นั้น เฉินฮวนฮวนจับลูกบิดประตู แล้วเปิดประตูพุ่งเข้าไป

จากนั้น เธอก็ถึงกับตะลึงตาค้างเลยทีเดียว

ตอนนี้เฟิงหานชวนไม่ได้สวมอะไรบนร่างกายเลย แม้แต่กางเกงบ๊อกเซอร์ก็ถูกโยนลงบนพื้น

“อ๊าย…” เฉินฮวนฮวนรีบปิดตาทั้งสองข้าง แล้วกรีดร้องเสียงแหลม

เธอกำลังจะเป็นตากุ้งยิง!

ใบหน้าของเฟิงหานชวนดำครึ้ม เขามือไวตาไวถือโอกาสก่อนที่คนรับใช้จะขึ้นมา รีบพุ่งไปที่ประตูห้องล็อกประตู

และเฉินฮวนฮวน ก็ถูกขังอยู่ในห้องของเขาเช่นกัน

“หยุดร้องได้แล้ว!” เสียงเย็นของเฟิงหานชวนตวาดขึ้น

เฉินฮวนฮวนถึงได้หุบปาก เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าเฟิงหานชวนสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ทว่ากางเกงบ๊อกเซอร์ยังคงกองอยู่ตรงนั้นอย่างโดดเดี่ยว

หลังจากนั้น ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมด้วยเงามืด ความเย็บวาบแล่นทั่วแผ่นหลัง ร่างทั้งร่างของเธอชนเข้ากับบานประตู

“อาสาม ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะ…” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง เงยขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยอธิบายด้วยความกังวลใจ

“หึ” เฟิงหานชวนเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกล่าวถากถาง “เธอบอกว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ เธอพูดคำเหล่านี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เพราะความประหม่าและไม่รู้จะรับมืออย่างไร เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น มือเล็กๆ เอื้อมไปหยิกชายหนุ่มหนึ่งที ก่อนจะกล่าวกระซิบว่า “อาสาม ฉันอยากมาขอโทษคุณ ดังนั้นฉันถึงได้บุ่มบ่ามตามคุณเข้ามา…”

เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะถอดเสื้อผ้า และไม่คิดว่าเขาจะเคลื่อนไหวเร็วเช่นนี้ ตอนนี้เรื่องน่าอายได้เกิดขึ้นแล้ว เธอไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรดี

สายตาของเธอเหลือบมองลงไปโดยไม่รู้ตัว เธอไม่คิดว่าจะเห็น…เห็นของเฟิงหานชวน…

นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอได้เห็นของจริง ครั้งแรกตอนอยู่ในโรงแรมปีที่แล้ว เธอเห็นตอนที่เหยี่ยจิ่งเฉินอยู่กับเฉินซินโหรวในตอนนั้น เธอเคยเห็นของเหยี่ยจิ่งเฉินกับตาตัวเอง

เมื่อเทียบกันแล้ว หากเหยี่ยจิ่งเฉินอยู่ตรงหน้าเฟิงหานชวน ดูเหมือนว่าจะเล็กไปหน่อย

“ขอโทษ?” สายตาเย็นชาคู่นั้นของเฟิงหานชวน จ้องหญิงสาวที่ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างไม่วางตา

คำพูดที่ย้อนถามกลับมาอย่างง่ายๆ เพียงสองคำ ทว่ากลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด

เฉินฮวนฮวนก้มหน้าลง เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี แม้กระทั่งเมื่อสักครู่ก็ยังเกิดเรื่องน่าอายขึ้นแล้ว

“ไม่พูดล่ะ?” เฟิงหานชวนยื่นมือออกไปเชยคางของหญิงสาวขึ้น ก่อนจะเค้นถามเอาคำตอบ

เฉินฮวนฮวนถูกบังคับให้เงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้า และสบตากับเขา เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น ในใจของเธอยังรู้สึกหวาดผวาอยู่บ้าง

เห็นได้ชัดว่าเฟิงหานชวนไม่ใช่หลิวตงรุ่ย ทว่าไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเขาดันเธอเข้ากับกำแพง ความรู้สึกถึงได้เหมือนกับในคืนนั้นเหลือเกิน

เธอรู้สึกหวาดระแวงมาก และหวาดกลัวมาก ดังนั้นเธอถึงได้วิ่งหนีเตลิดออกไป

“อาสาม คืนนี้…คุณว่างไหมคะ” เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าถามออกไป

“คิดจะเล่นลวดลายแล้วหลอกให้ฉันตายใจอีกหรือไง ฉันไม่มีเวลาเล่นกับเธอหรอกนะ” เฟิงหานชวนสะบัดมือออก ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นเยือก

เมื่อคืนเขาโดนผู้หญิงคนนี้หลอกไปแล้ว วันนี้ยังคิดจะหลอกเขาอีกเหรอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเจ็บแปลบที่คาง เธอจำใจฝืนเอ่ยอย่างยากเย็นว่า “เมื่อคืนฉันเหนื่อยมาก แล้วนึกถึงเรื่องวิปริตนั่นขึ้นมาอีก ฉันกลัวนิดหน่อยก็เลยวิ่งหนีไป”

“คืนนี้ ฉัน…ฉันจะไม่วิ่งหนีอีกแน่นอน…”

เห็นท่าทางที่เขินอายของผู้หญิง เฟิงหานชวนกลับไม่รู้สึกสนใจเลยสักนิด

เป็นเขาเองที่เลือกคนผิด

คิดไปเองว่า เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น

"เธอแต่งตัวถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่ใช่จะมาอ่อยฉันหรอกนะ" เฟิงหานชวนยื่นนิ้วมือออกไปยกคางของผู้หญิงขึ้นมา

เฉินฮวนฮวนพยายามจะก้มหน้าลงไปดู แต่ว่าเธอก้มหน้าลงไปไม่ได้แล้ว ทำได้แต่สบตาเฟิงหานชวนด้วยความฝืนใจ

จากสายตาของเฟิงหานชวน เธอเหมือนจะเห็นแววตาแห่งการดูถูกเหยียดหยามสายหนึ่ง

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าลำบากใจเล็กน้อย แต่เธอก็พยักหน้าด้วยความหน้าด้านแล้วตอบเบาๆว่า " อืม คุณเป็นคนบอกเองนะว่าให้ฉันเป็นผู้หญิงของคุณ……"

ในเมื่อเฟิงหานชวนเลิกกับแฟนแล้วก็แสดงว่าเขายังโสดอยู่ ตัวเองก็ไม่ถือว่าเป็นกิ๊กหรอก เฉินฮวนฮวนได้แต่ปลอบใจตัวเองด้วยความคิดเหล่านี้ในใจ

"ปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่หรอ"เฟิงหานชวนจ้องเธอด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ ทั้งเสียงและสีหน้าก็เย็นชาไปด้วย

"ฉัน……ฉันรู้สึกเสียใจที่ได้ทำไป คุณยัง……ยังรับฉันไว้ได้ไหม"เฉินฮวนฮวนเม้มปากแน่น ทั้งๆที่รู้สึกอับอายขายหน้าแต่ก็รวบรวมความกล้าแล้วก็พูดออกมา

"เมื่อกี้ฉันบอกไปแล้วไงว่า ขอแค่ทำให้ฉันพอใจ" เฟิงหานชวนคลายมือลง ปล่อยคางของเฉินฮวนฮวนลง

เขามองดูใบหน้าเล็กๆที่น่าเห็นใจอย่างมาก แล้วก็กวาดสายตาลงไปดู เห็นร่างที่มีทั้งปกปิดไว้และที่เผยออกมาให้เห็น มันมีความเป็นไปได้ที่จะมาอ่อยเขาอยู่หลายส่วนเหมือนกัน

"ถ้าอย่างนั้น……ฉัน ฉันอยู่ค้างคืนก้วยก็ได้"เฉินฮวนฮวนตอบอย่างติดๆขาดๆ

นัยต์ตาของเฟิงหานชวนมีแสงสีดำที่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ฉายผ่านไป เขาหรี่ตาเล็กน้อย พูดอย่างเย็นชาว่า "ถ้าอย่างนั้น เธอต้องออกแรงหน่อยแล้วล่ะ"

" ฉัน ออกแรงหรอ" เฉินฮวนฮวนตะลึงอ้าปากค้าง แล้วทำตาโต

"ไม่เต็มใจหรอ"เฟิงหานชวนยิ้มหัวเราะทีหนึ่ง แล้วก็พูดเหมือนดูถูกว่า "ในเมื่อจะเป็นผู้หญิงของฉัน ความสามารถในการทำให้ฉันมีความสุขก็ไม่มีสักนิด เป็นแจกันประดับกายฉันหรือไง"

คำพูดอย่างนี้ออกจากปากของเขา มือทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนกำชายชุดนอนไว้แน่น มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้สายหนึ่งบนหน้า ท่าทางเหมือนกับลำบากใจมาก

ในด้านนี้ เธอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แม้ว่าเธอจะมีประสบการณ์ครั้งหนึ่งคือตอนที่เกิดเรื่องในคืนนั้น แต่ว่าทุกขั้นตอนเธอเป็นคนที่ถูกกระทำ มันก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ไม่ได้หรอก

เพราะฉะนั้น สมองของเธอเต็มด้วยความว่างเปล่าทันที เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีจริงๆ

"เออ อาสาม" เธอเหมือนกับว่าจะคิดอะไรได้ รีบพูดต่อ"เรื่องของเราสองคน ขออย่าเพิ่งบอกให้คนบ้านตระกูลเฟิงรู้ได้ไหม"

สีหน้าของเฟิงหานชวนยิ่งเคร่งขรึมเข้าไปใหญ่ บนใบหน้าเหมือนจะมีการแซวเล่นเผยออกมาด้วย คิ้วของเขายกขึ้นมาเล็กน้อย ถามว่า "ทำไม ยังคิดถึงการเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิงหรอ"

"ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน "เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหัวอย่างแรง พูดว่า "ฉันรู้ว่าคุณก็แค่อยากเล่นๆกับฉันเท่านั้น ฉันก็มีเรื่องจะขอร้องคุณเหมือนกัน เพราะอย่างนี้ฉัน……ฉันถึงได้มาหาคุณ……"

"ในตอนนี้ฉันยังมีสถานะเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิงอยู่ เรื่องของเราสองคนเก็บไว้เป็นความลับ ทั้งต่อคุณและต่อฉัน ต่อชื่อเสียงของเราสองคน ถือว่าเป็นการป้องกันอย่างหนึ่งก็แล้วกัน"

"อีกอย่าง รอให้นายท่านของตระกูลเฟิงกลับมาก่อน ฉันก็จะได้ออกจากบ้านตระกูลเฟิงแล้ว ถึงตอนนั้น เราสองคนก็อาจจะ……จากกันแต่โดยดี"

เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย เสียงของเฉินฮวนฮวนก็เบาลงเรื่อยๆ เหมือนกับเสียงกระพือปีกของยุง

แต่สีหน้าของเฟิงหานชวนยิ่งดูก็ยิ่งน่ากลัว

เขาแค่เล่นๆกับเธอหรอ

เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขำขึ้นมา ตกลงเขาเป็นคนที่ดูเหมือนเล่นๆกับเธอ หรือว่าหล่อนต่างหากที่กำลังล้อเล่นเขาอยู่

ตอนนี้เฟิงหานชวนรู้สึกว่า ตัวเองถึงจะเป็นคนที่ถูกเฉินฮวนฮวนแกล้งแล้วก็ต้องวิ่งวนไปวนมา

ผู้หญิงคนนี้ มีวิธีการที่โหดมาก ตอนนี้หยิบคำพูดที่น่าสงสารพวกนี้ออกมาอีกแล้ว ยังบอกว่ามีอะไรต้องการให้เขาช่วยอีก ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการของเธอทั้งนั้น

"มีเรื่องจะขอให้ฉันช่วยหรอ"เฟิงหานชวนถามเธอด้วยแววตาที่เย็นชา

เฉินฮวนฮวนพยักหน้า อ้าปากกำลังจะพูด ตอนที่เธอกำลังลังเลอยู่นั้นเฟิงหานชวนก็พูดขึ้นมาขัดเธอ

"ทำให้ฉันมีความสุขก่อน ฉันถึงจะเอาไปคิดดูอีกที " เฟิงหานชวนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่น่าขำสิ้นดี ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผู้หญิงคนนี้กำลังหาข้อแก้ตัวซึ่งเป็นวิธีการของเธอ แต่เขาก็ยังถูกวิธีการของเธอทำให้ใจอ่อน

เขาหลงกลเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้เขาจะต้องไม่หลงกลเพราะความน่าสงสารของเธอเด็ดขาด

"ฉัน ฉันจะพยายามเต็มที่ " เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงหานชวนยืนกรานอย่างนี้ ทำเหมือนกับว่าเธอเป็นผู้หญิงขายตัวอย่างนั้นเลย

แต่จะว่าไปแล้ว สภาพของเธอในตอนนี้มันก็ไม่ได้ต่างกับผู้หญิงขายตัวไม่ใช่หรอ

เป็นผู้หญิงที่กำลังเอาใจผู้ชายเหมือนกัน

แต่ว่า เธอยอมมาเอาใจเฟิงหานชวน ก็ยังดีกว่าไปหาหลิวตงรุ่ย เพราะเธอกลัวผู้ชายคนนั้นถึงขั้นสุดขีดแล้ว

อีกอย่างตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็กำลังตามหาเธออยู่ เธอไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าเธอถูกหลิวตงรุ่ยจับได้ เขาจะทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายกับเธออีกหรือเปล่า

ตัวอย่างจากคนที่ชื่อซูเสวี่ย ฝังปมความกลัวไว้ในใจลึกๆของเธอ

เพราะฉะนั้น เธอจึงต้องขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวนเท่านั้น เขาเป็นความหวังเดียวของเธอ

เฉินฮวนฮวนเขย่งปลายเท้าทั้งสองข้าง มือทั้งสองข้างคล้องคอของเฟิงหานชวนไว้ ใบหน้าที่แดงก่ำอยู่ต่อหน้าต่อตาผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้า

การเคลื่อนไหวของเธออย่างนี้ ทำให้ความกังวลต่างๆของ

เฟิงหานชวน มลายหายไปในพริบตา สิ่งที่ขึ้นมาแทนนั้นเป็นความรู้สึกเร่าร้อนที่เกิดขึ้นเองตามสัญชาตญาณ

เขาเห็นผู้หญิงตรงหน้า กัดริมฝีปากไว้แน่น ริมฝีปากที่แดงก่ำอยู่แล้วถูกเธอกัดจนแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม บนริมฝีปากยังมีแสงที่สดใสเปล่งประกายอยู่

เขารู้สึกเพียงว่าลูกกระเดือกไหลไปมาหลายครั้ง เป็นความรู้สึกอึดอัดใจ

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะรวบรวมความกล้าแล้วทำถึงขั้นนี้ แต่ต่อจากนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ รู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

สายตาก็ไม่กล้าจ้องมองผู้ชายตรงหน้าตลอด สายตาวอกแวกไปมา

เฟิงหานชวนรอต่อไปพักหนึ่ง แต่ผู้หญิงที่คล้องคอของเขาไว้ก็ไม่ยอมทำขั้นตอนต่อไป

เขารู้สึกร้อนรน พูดตรงๆไปว่า "จูบฉันต่อสิ"

"อ๋อ"เฉินฮวนฮวนดึงสติกลับมาได้ ทำตาโต

"ทำไม ไม่ยินยอมหรอ"เฟิงหานชวนเห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวนอย่างนี้ ในใจรู้สึกไม่พอใจทันที

ในเมื่อคิดจะเป็นคนเลว แล้วทำไมต้องสร้างวัดด้วยล่ะ

"ไม่ ไม่ใช่นะ คือฉัน……"เฉินฮวนฮวนส่ายหัวเบาๆ แก้มยิ่งแดงกว่าเดิม เธอเขย่งเท้าอีกครั้ง ยื่นริมฝีปากไปข้างหน้า

แต่ว่า เรื่องเคอะเขินเกิดขึ้นอีกแล้ว

เฟิงหานชวนยืนยืดตัวตรง เธอเขย่งเท้าจนสุดปลายเท้า แต่ว่า กลับจูบไม่ถึงริมฝีปากของเขาสักที

เห็นการเคลื่อนไหวของผู้หญิงหยุดอยู่กลางทาง เฟิงหานชวนยิ้มอย่างเย็นชาพูดออกมาคำหนึ่ง "อ่อยแล้วจะให้ฉันลงมือเองหรอ"

"ไม่ใช่นะ อาสาม คุณ……คุณโค้งตัวลงหน่อยไม่ได้หรอ ฉัน ฉันเอื้อมไม่ถึง….. คุณ"เฉินฮวนฮวนหนีสายตา ไม่กล้าสบตากับเฟิงหานชวนโดยตรง

สถานการณ์แบบนี้ เฉินฮวนฮวนรู้สึกละอายใจเป็นพิเศษ อยากจะหาหลุมซักหลุมหนึ่งแล้วก็มุดตัวเข้าไปหลบในนั้น

ในตอนนี้เฟิงหานชวนก็อึ้งไปสักพัก ถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วเป็นตัวเขาเองที่มีปัญหา

ความร้อนรนที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้ของเขาตอนนี้ ขี้เกียจรอให้ผู้หญิงลงมือเองแล้ว ก้มหน้าลงไปแล้วก็จูบลงไปบนปากของผู้หญิงทันที

"อืม"

เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกผู้ชายจูบเข้าแล้ว

จะให้เธอเป็นคนลงมือเองไม่ใช่หรอ

ทำไม……

เธอยังไม่ทันได้รู้สึกตัว จูบของผู้ชายที่มาอย่างหาดฝนตกระหน่ำ มาเป็นระลอกๆ

ตอนที่เธอถูกจูบอย่างดูดดื่มนั้น ทุกอย่างกำลังวุ่นวาย จู่ๆเฟิงหานชวนก็ปล่อยเธอออก

เฉินฮวนฮวนลืมตาสองข้างที่เลือนราง มองผู้ชายข้างหน้าด้วยความว่างเปล่า เวลานั้น เฟิงหานชวนกลับเอามือจับไหล่ของเธอไว้ แล้วหมุนเธอหันไปอีกทางหนึ่ง

แล้ว เธอก็ถูกกดลงบนผนังข้างประตูห้อง หันหลังให้กับเขา

ต่อด้วยชุดนอนของเธอก็ถูกเฟิงหานชวนเปิดออก……

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกเคลียดมากเป็นพิเศษ ทำไมเมื่อกี้เธอคิดไม่ได้แบบนี้นะ

เมื่อกี้ หล่อนมัวแต่คิดเรื่องการไปเป็นกิ๊กของคนอื่น ไม่อยากใส่ใจความบ้าบอของเฟิงหานชวน ทำให้เธอลืมคิดเรื่องนี้

ในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ทำไมไม่ใช้ตัวเองเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเฟิงหานชวนล่ะ

ต่อให้เฟิงหานชวนแค่หยอกเล่นกับเธอก็ตาม ขอแค่ได้สร้อยคอของคุณแม่กลับมา เธอไม่ได้ใส่ใจความบริสุทธ์ของตัวเองแล้ว

เพราะว่า เธอเองไม่ได้บริสุทธ์อยู่แล้ว

แต่ว่า……

แต่ว่าเฟิงหานชวนบอกแล้วนี่ว่า เมื่อกี้เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเธอ ถ้าตอนนี้เธอไปหาเขาอีก จะต้องถูกเขาดูถูกจนไม่เหลือส่วนดีแน่ๆ

เหมือนกับที่ผ่านมา ที่เขาคิดว่าเธอเป็นเหมือนผู้หญิงที่ทำเป็นอ่อยผู้ชาย

คิ้วทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนชนกันแน่น เธอถอนหายใจทีหนึ่ง ค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองไปยังท้องฟ้าที่มืดสนิท ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เศร้าหมอง

……

ชีวิตที่วุ่นวายได้ผ่านไปแล้วอีกวันหนึ่ง

เมื่อถึงเวลาสี่ทุ่ม เฉินฮวนฮวนปิดร้านเลิกงาน เดินไปตามทางเดิมจนถึงที่รอรถสาธารณะ

เมื่อขึ้นไปนั่งในรถแล้ว เธอก็มองชมวิวนอกหน้าต่างรถด้วยอาการเหม่อลอย

ในเมื่อเธอได้ยั่วโมโหเฟิงหานชวน กลับไปถึงบ้านเธอก็หลบเฟิงหานชวนได้แล้วนี่ แต่ว่า……

ถ้าหากเธอไปขอร้องเฟิงหานชวนโดยตรง เฟิงหานชวนต้องไม่แยแสเธอแน่ๆ และก็คงไม่ใจดีช่วยเธอหรอก

แต่ว่าถ้าหากเธอจะไปตอบรับเขา ทั้งๆที่เขาบอกว่าเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายและเธอก็ได้ปฏิเสธเขาไปแล้วด้วย ยังจะไปหาเขาอีก เขาต้องมองเธอผิดไปอีกแน่ๆ

เวลานี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าในสมองเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เวลาสั่นๆแบบนี้ เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีจริงๆ

ไม่รู้ว่าคิดไปมาด้วยความสับสนในรถเมล์นานขนาดไหน ในที่สุดเธอก็ถึงที่หมาย หลังลงจากรถ เธอก็เดินตรงไปยังคฤหาสน์

ตามทางเดินแทบจะไม่พอเจอผู้คนเลย บางทีก็มีรถวิ่งผ่านไปสองสามคัน ล้วนแล้วแต่เป็นรถส่วนตัวของเศรษฐีในพื้นที่คฤหาสน์แถวๆนั้น

ตอนที่เฉินฮวนฮวนเดินมาถึงคฤหาสน์นั้นขาสองข้างของเธอปวดเมื้อยไปหมด

ยิ่งกว่านั้นคือว่า ตั้งแต่เที่ยงของวันนี้ เธอก็ยืนอยู่ที่ร้านชานมจนถึงกลางคืน แล้วเดินกลับมาจากที่ลงรถจนมาถึงบ้านตระกูลเฟิง ถือได้ว่าเธอก็ลำบากมากเหมือนกัน

เธอเดินเข้าไปข้างในแบบเบามือเบาเท้าจนมาถึงห้องของเธอ

ยืนอยู่หน้าประตู เธอมองไปห้องข้างๆอย่างไม่รู้สึกตัว จ้องมองประตูที่ปิดสนิทบานนั้น เธออดไม่ได้ที่จะเม้มปาก มีความรู้สึกที่ว้าวุ่นสายหนึ่งผ่านไป

เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนพักอยู่ห้องข้างๆนี้ แต่เธอไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากเขาอย่างไรดี

อีกอย่าง ตอนเย็นที่ผ่านมาพวกเขาเพิ่งจะผ่านเรื่องที่ตะขิตตะขวงมาด้วยกัน

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วแล้วก็เปิดประตูห้องของตัวเองเดินเข้าไป แม้ว่าจะเป็นห้องที่เธอพักอาศัยอยู่ แต่ว่าเธอไม่ได้เป็นเจ้าของของมันจริงๆ

ในเร็วๆนี้ เธอก็จะออกจากที่นี่แล้ว

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเมื้อยไปทั้งตัว ในเวลานี้เธอต้องการแค่การแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาในตลอดทั้งวัน

ตอนที่เดินออกไปหน้าระเบียง เธอกลับหาชุดนอนที่ตัวเองตากไว้ไม่เจอ ตอนแรกเธอคิดว่าแม่บ้านหลี่น่าจะเก็บใสตู้เสื้อผ้าให้เธอแล้ว แต่เธอกลับเข้ามาเปิดดูตู้เสื้อผ้าก็ยังหาชุดนอนของตัวเองไม่เจอเหมือนเดิม

ทางกลับกัน ในตู้เสื้อผ้ากลับมีชุดนอนที่สวยประณีตของผู้หญิงแขวนอยู่หลายชุด

ดึกดื่นปานนี้ เธอก็ไม่อยากจะไปรบกวนแม่บ้านหลี่ถามเรื่องชุดนอนพวกนี้ จึงเลือกชุดที่ยาวที่สุดจากชุดนอนในตู้ เป็นชุดที่ดูแล้วปกปิดร่างกายได้มิดชิดที่สุด

ตอนที่เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ เฉินฮวนฮวนก้มหน้าลงไปดู บนพื้นห้องอาบน้ำเหมือนยังเปียกๆอยู่ มองไปข้างๆบ่ออาบน้ำยังมีผ้าขนหนูสีเทาทิ้งไว้อยู่ผืนหนึ่ง

ดูแล้วก่อนที่เธอจะกลับมานั้นเฟิงหานชวนเคยอาบน้ำในนี้

เวลานั้น ระเบียงข้างๆห้องมีผู้ชายที่สวมชุดนอนหมุนตัวเดินเข้ามาในห้อง

เมื่อกี้เขาจ้องมองเฉินฮวนฮวนเดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยมือเท้าที่เขย่งเดินเบาๆ ท่าทางที่กลัวว่าจะส่งเสียงรบกวน ดูๆแล้วก็เหมือนกับกระต่ายน้อย

เขาเหลือบตาไปมองนาฬิกาทีหนึ่ง แล้วก็เดินเข้าไปข้างๆเตียง เปิดผ้าห่มออกแล้วพิงอยู่ที่หัวเตียง

ทันใดนั้น เขาเหมือนจะคิดอะไรออก คิ้วค่อยๆขมวดขึ้นมา

เมื่อกี้เขากำลังทำอะไรหรอ

ยืนโง่ๆอยู่หน้าระเบียงดูนาฬิกา เพื่อคำนวณเวลาในการเดินทางกลับมาของเฉินฮวนฮวนเนี่ยนะ

เฟิงหานชวนเกาหัวด้วยความงุนงง เขากำลังทำอะไรกันแน่

เขาหยิบหนังสือจากข้างๆมาวางไว้ข้างหน้าตัวเอง

……

เฉินฮวนฮวนอยู่ในห้องน้ำแช่น้ำอุ่นอยู่เป็นเวลานาน

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เธอก็ส่องกระจกหน้าอ่างล้างหน้าทีหนึ่ง

เวลานี้เฟิงหานชวนอยู่แค่ข้างห้องนี้เอง ไม่รู้ว่านอนหลับหรือยัง เธอควรจะไปหาเขาหรือเปล่า

คำถามพวกนี้ วนเวียนอยู่ในหัวสมองของเฉินฮวนฮวน

แต่ว่า ไม่มีอะไรจะสำคัญกว่าสร้อยคอของแม่แล้วล่ะ ศักดิ์ศรีหรอ หรือว่าจะเป็นความมีหน้ามีตา มันไม่ได้สำคัญอะไรเลย

เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมด แล้วเดินออกไปข้างนอก เดินจนถึงหน้าประตูห้องข้างๆ

"ก๊อกๆๆ" เฉินฮวนฮวนยื่นมือออกไป เคาะประตูเบาๆ

เฟิงหานชวนอ่านหนังสือเป็นเวลานานมาก แต่ว่าตัวหนังสือไม่เข้าหัวเลยสักตัว ทั้งหัวของเขาเต็มไปด้วยการปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าของเฉินฮวนฮวน

ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นแทบจะพุ่งเข้าไปกอดเขาด้วยซ้ำ แต่ทำไมเฉินฮวนฮวนต้องปฏิเสธเขาด้วยนะ

เขาคิดยังไงก็คิดไม่ตก

ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรกันแน่

เวลานั้น เขาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ถามด้วนน้ำเสียงกระด้าง "ใครน่ะ "

"อาสาม ฉันเอง เฉินฮวนฮวน " เฉินฮวนฮวนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เม้มปากด้วยความเขินอายแล้วตอบกลับไป

เมื่ออยู่ในบ้านตระกูลเฟิง เธอเรียกเฟิงหานชวนว่า "อาสาม" รู้สึกว่าเหมาะสมกว่า

ได้ยินว่าเป็นเสียงของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนรีบลงจากเตียง เดินไปยังประตู แล้วยื่นมือไปเปิดประตู

ใบหน้าเล็กๆที่สวยเพรียว ปรากฎอยู่ตรงหน้าของเขา แต่ว่า……

สายตาที่มองลงไปของเฟิงหานชวนไม่เห็นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ชุดนอนที่เป็นสไตล์โบราณนั้นได้หายไปแล้ว แทนที่ด้วยชุดนอนอันสวยงามตามยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา

ชุดนอนที่ทำด้วยผ้าไหมละเอียด เนื้อผ้าบางเบา อะไรที่ควรจะโพล่ออกมาให้เห็นก็โพล่ออกมาอย่างชัดเจน

เฟิงหานชวนรู้สึกว่ากล่องเสียงเหมือนจะแหบเล็กน้อย แต่ว่าแววตาของเขากลับค่อยๆมืดมนไป น้ำเสียงกระด้างถามขึ้นมาว่า "เธอมาทำอะไร "

มือเล็กๆของเฉินฮวนฮวนกำชายแขนเสื้อชุดนอนไว้แน่น เธอไม่กล้าสบตาโดยตรงกับสายตาที่เย็นชาของเฟิงหานชวน ทำได้แต่เม้มปาก แล้วก็เดินมาข้างหน้าสองสามก้าว

เธอหดตัวเล็กน้อย อ้อมรอบร่างที่สูงใหญ่ของเฟิงหานชวน แล้วก็เข้ามาข้างในห้อง จากนั้นก็ยื่นมือไปปิดประตู

เห็นการกระทำของเฉินฮวนฮวนอย่างนี้ แววตาของเฟิงหานชวนยิ่งมืดมนเข้าไปใหญ่ เขาทำเสียงกระแอมทีหนึ่ง สายตาทั้งสองจ้องมองผู้หญิงข้างหน้า รอคำพูดต่อจากนี้ของเธอ

"อา อาสาม คือว่าฉัน……คำพูดที่คุณพูดตอนอยู่ในร้านชานมพวกนั้น ยัง……ฉันยังมีโอกาสแก้ตัวไหม"หัวที่มืนงงของเฉินฮวนฮวน ถามด้วยน้ำเสียงที่ติดๆขาดๆ

บนใบหน้าของเฟิงหานชวน ปรากฎสีหน้าที่เยาะเย้ยขึ้นมาทันที

เขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น แต่คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเหมือนกัน แต่ว่า……

แต่ว่าถ้าจะเอาเฉินฮวนฮวนเทียบกับผู้หญิงเหล่านั้นแล้ว เธอมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่า

"มี"เฟิงหานชวนยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับสายตาที่เยือกเย็น ค่อยๆโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของเธอว่า "ถ้าคืนนี้เธอทำให้ฉันพอใจ เธอก็จะมีโอกาส"

คำพูดที่ตรงไปตรงมาของเขา ทำให้เฉินฮวนฮวนหน้าแดง

"คุณชายเฟิง ฉันว่าเรียกคุณแบบนี้เหมาะสมดีนะ คุณว่าไหม "เฉินฮวนฮวนยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเป็นทางการว่า "รบกวนจ่ายเงินด้วย ฉันถึงจะทำชานมให้คุณได้"

"……"มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกอีกหลายที แล้วก็หยิบกระเป๋าเงินออกมา สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อจ่ายเงิน

เมื่อได้รับข้อความเงินเข้าแล้ว เฉินฮวนฮวนก็หันตัวกลับไปที่โต๊ะทำงาน เริ่มทำการชงชานม

เห็นสีหน้าที่เอาจริงเอาจังกับการชงชานมของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนเกิดความรู้โกรธที่มาอย่างไม่มีทิศทาง เฉินฮวนฮวนยังคงไม่ได้สนใจคำถามของเขาเหมือนเดิม

สีหน้าที่ทั้งเคร่งขรึมและซีดจางของเขาดูแย่มาก เขาหันหลังกลับไปแล้วก็หาที่นั่งใกล้ๆริมหน้าต่างนั่งลงทันที

เมื่อชงชานมเสร็จแล้ว เฉินฮวนฮวนกะจะหันกลับไปถามเขาว่า "คุณจะเอากลับไปหรือว่าจะดื่ม……"

คำพูดยังไม่ทันพูดจบ เธอก็หยุดค้างไว้ เพราะว่าเธอเห็นเฟิงหานชวนหาที่นั่งนั่งเรียบร้อยแล้ว อย่างนี้ก็แสดงว่าต้องดื่มที่ร้านแล้วแหละ

"คุณชายเฟิง ชานมของคุณเสร็จแล้ว ขอเชิญคุณมารับหน่อย "เฉินฮวนฮวนพูดให้กับเขาด้วยความเกรงใจและความสุภาพ

"เอามาเสิร์ฟหน่อย"สายตาเย็นชาคู่นั้นของเฟิงหานชวนมองออกไปทางหน้าต่าง แฝงด้วยความไม่แยแส

เฉินฮวนฮวนเม้มปากทีหนึ่ง แม้ว่าร้านจะไม่ได้มีกฏว่าต้องไปเสิร์ฟให้ลูกค้า แต่เธอก็ไม่อยากมีปัญหากับเฟิงหานชวน จึงยกชานมแล้วเดินไปยืนอยู่ข้างโต๊ะของเขาเพื่อเสิร์ฟให้เขาแต่โดยดี

เธอนำชานมกับหลอดวางข้างหน้าเฟิงหานชวนแล้วบอกว่า "ดื่มให้อร่อยนะคะ"

กำลังจะหันตัวจากไป ข้อมือก็ถูกมือที่ใหญ่ของชายหนุ่มดึงเอาไว้ เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันได้หันกลับไปมอง ก็มีแรงสายหนึ่งดึงเธอไปด้านหลัง

เวลานั้นเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หงายหลังล้มลงไปทันที ล้มลงไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ตามด้วยความรู้สึกร้อนที่เอว เพราะมือที่ใหญ่ของชายหนุ่มได้จับบริเวณเอวของเธอไว้

เฉินฮวนฮวนทำตาโตทันที

กลางวันแสกๆ เฟิงหานชวนกลับกล้าทำกับเธออย่างนี้

"ปล่อยฉัน คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลย"เฉินฮวนฮวนกัดฟัน รีบด่าว่าเขา

"เฉินฮวนฮวน เวลาฉันโทรหาเธอ เธอบอกว่ายุ่งอยู่ เวลานี้เหมือนจะไม่ได้ยุ่งแล้วนี่ เรื่องนั้น เธอคิดใคร่ครวญไปถึงไหนแล้ว" เฟิงหานชวนจ้องมองเธออย่างเอาเป็นเอาตาย ถามด้วยเสียงที่หนักแน่น

"เฟิงหานชวน คุณปล่อยฉันก่อน "เฉินฮวนฮวนตื่นเต้นมาก ร่างกายของเธอก็กำลังขัดขืนอย่างสุดฤทธิ์

ตอนนี้เธอยังเป็นพนักงานร้านอยู่ ถ้าหากว่ามีลูกค้าเดินเข้ามากะทันหัน เห็นเธอกำลังลูบๆกอดๆกับผู้ชายในร้านแบบนี้ มันจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมได้

ช่วงเวลานั้น มีร่างคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาในร้านพอดี คนนั้นหยุดตรงเสี้ยวเวลานั้น แล้วจ้องมองเขาสองคนด้วยสายตาที่อึ้งตะลึง

เฉินฮวนฮวนโฟกัสสายตามอง ที่แท้ก็เป็นเฉิงโม่

"หัวหน้าห้อง……"เฉินฮวนฮวนสะดุ้งไปทีหนึ่ง

"พวกคุณตามสบายเลย" เฉิงโม่ก็เหมือนกับว่าสะดุ้งไปด้วยเหมือนกัน ดึงเท้ากลับแล้วก็วิ่งออกจากร้านชานมไปอย่างกับควันบุหรี่ที่จางหายไป

มองออกไปทางหน้าต่าง เฉินฮวนฮวนเห็นร่างที่วิ่งกระโดดไปของเฉิงโม่ มันเหมือนกับนกที่กำลังบินหนีลูกธนู

เธอถอนหายใจยาวทีหนึ่ง

"ทำไม ถูกคนที่กำลังตามจีบเห็นเธออยู่กับฉันแบบนี้ เจ็บใจหรอ"เฟิงหานชวนจ้องมองใบหน้าของผู้หญิงที่อยู่บนตัก โดยเฉพาะลูกปัดหูที่กลมกลิ้งของเธอ ดูแล้วน่ารักเป็นพิเศษ

เขาโน้มตัวเข้ามาด้วยความอดไม่ได้ กัดลงที่ติ่งหูของเธอเบาๆ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเพียงว่าทั้งตัวเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตทีหนึ่ง ตัวสั่นไปหลายที เสี้ยวนาทีที่เธอหันหน้ากลับมา เธอจ้องมองผู้ชายที่อุ้มเธอไว้ด้วยความโกรธ

"เฟิงหานชวน คุณมันไร้ยางอายจริงๆ" เธอโกรธจนเหมือนกับว่าฟันกำลังกระตุกอยู่

"เธอกำลังจะโทษฉัน ที่ไล่คนที่ตามจีบเธอไปหรอ"สีหน้าของเฟิงหานชวนกลับรู้สึกผ่อนคลาย ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด ยิ่งกว่านั้นคือรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นเยอะด้วย

เฉินฮวนฮวนเห็นเฟิงหานชวนที่ไม่รู้สึกละอายใจ และยิ่งกว่านั้นคือเหมือนจะยิ่งไร้ยางอายด้วย เธอโมโหจนหน้าแดง พูดด้วยอารมณ์โกรธ"ตอนนี้เราสองคนไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับฉัน อีกอย่าง คุณก็ลงไม้ลงมือกับฉันไม่ได้หรอก"

"ถ้าอย่างนั้น เธอก็รับปากตอนนี้เลยสิ" ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเฟิงหานชวน ยากมากที่จะเห็นรอยยิ้มอย่างนี้

แต่ว่าเฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้เห็นเหมือนกัน เพราะหน้าของเธอมองออกไปข้างหน้า เธอกัดฟันแน่นอยู่อย่างนั้น พูดว่า"ฉันจะไม่รับปาก"

"เรื่องสามวันอะไรนั่นของคุณ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน ฉันก็จะไม่รับปาก"

คำปฏิเสธของเฉินฮวนฮวน ทำให้สีหน้าที่ยากจะแสดงออกมาว่ามีความสุขของเฟิงหานชวนนั้นกลายเป็นสีหน้าที่ผิดหวังทันที สายตาที่เย็นชาคู่นั้นเหมือนกับว่าจะมีเกล็ดหิมะโผล่ออกมาได้อย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ กลับปฏิเสธเขาอย่างนี้เลยหรือ

"เฉินฮวนฮวน เธอคิดดีๆนะ"เขาขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น"ถ้าได้เป็นแฟนของฉันแล้วล่ะก็ เธอก็ไม่ต้องทำงานในที่แบบนี้อีก ถึงขั้นที่ว่าเธอต้องการอะไร ฉันก็จะให้เธอได้ทุกอย่าง"

"ไม่จำเป็นหรอก ขอบคุณที่คุณชายเฟิงอุตส่าห์ให้ความรัก"เฉินฮวนฮวนแทบไม่คิด ก็ตอบกลับไปโดยไม่ลังเลอีกครั้ง

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ทำไมจู่ๆเฟิงหานชวนถึงกลายเป็นแบบนี้ แต่เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นหญิงชู้ของคนอื่นเด็ดขาด กลายเป็นกิ๊กที่เป็นมือที่สามเข้าไปทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่น

แม้ว่าตอนนี้เฟิงหานชวนจะเป็นโสด แต่อาจจะเป็นเพระาเธอจึงทำให้แฟนคนนั้นถูกเฟิงหานชวนทิ้งก็เป็นไปได้

เวลานี้ เธอรู้สึกว่าร่างกายของผู้ชายนิ่งไปสักพัก จากนั้นเธอก็ถูกเขาผลักออกมา

เธอเดินเซไปข้างหน้าได้สองก้าว ยังดีที่ไหวพริบของเธอดี ถ้าไม่อย่างนั้นเธออาจจะชนกับขาโต๊ะที่วางขวางอยู่ข้างหน้า

เฉินฮวนฮวนหันตัวกลับมาด้วยความโกรธ จ้องไปยังเฟิงหานชวน เป็นเวลาที่เฟิงหานชวนลุกจากเก้าอี้พอดี นัยต์ตาสีดำเข้มสนิทคู่นั้น จ้องเธอไว้ไม่ขยับไปไหน

"เมื่อกี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอ"เฟิงหานชวนลูบคอทีหนึ่ง ใบหน้าที่นิ่งเงียบของเขาเหมือนยังมีความโกรธแฝงด้วยเล็กน้อย

ทั้งชีวิตที่ผ่านมาของเขาไม่เคยถูกผู้หญิงปฏิเสธมาก่อน แต่ตอนนี้เขากลับถูกเฉินฮวนฮวนปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า

เขา เฟิงหานชวนก็เป็นคนที่รักศักดิ์ศรีเหมือนกัน ในเมื่อเฉินฮวนฮวนไม่รู้จักของดี ก็ปล่อยไปเถิด

เขาก็ไม่ใช่ว่าจะขาดเฉินฮวนฮวนไม่ได้สักหน่อย

เฉินฮวนฮวนได้ยินประโยคนี้แล้ว ก็เหลือบตามองเฟิงหานชวนทีหนึ่ง แล้วก็ตรงไปยังเคาน์เตอร์ทำงาน

เห็นแผ่นหลังที่เดินจากไปของเฉินฮวนฮวน สีหน้าของเฟิงหานชวนยิ่งดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่

ผู้หญิงบ้าคนนี้ ถึงกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยหรอ

เฟิงหานชวนโมโหถึงสุดขีด ก้าวขาอันยาวออก แล้วก้าวยาวๆเดินออกจากร้านชานมไป

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนเดินเข้าไปในเค้าน์เตอร์ทำงานแล้ว หันหน้ากลับไปมองที่นั่งของเฟิงหานชวน ถึงได้รู้ว่าเขาได้จากไปแล้ว แต่ว่าชานมแก้วนั้นยังวางไว้อยู่บนโต๊ะ

หล่อนถอนหายใจทีหนึ่ง ตอนนี้เธอได้ทำผิดต่อเฟิงหานชวนแล้วหรอ

แต่ว่า เธอไม่รู้จริงๆว่าเฟิงหานชวนกำลังบ้าคลั่งอะไรกันแน่ อาจเป็นไปได้ว่ากำลังหาวิธีใหม่ในการดูถูกเธอ เธอไม่มีกะจิตกะใจจะเล่นเกมนี้ด้วยจริงๆ

ในสถานการณ์ตอนนี้ แม้แต่สิ่งสุดท้ายที่คุณแม่เหลือไว้ให้เธอ เธอยังเอากลับมาไม่ได้ ได้แต่ใช้ชีวิตด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างนี้ จะมีใจไปสนใจเรื่องความร่ำรวยได้ยังไง

เอ๋ เดี๋ยวนะ……

เวลานี้ เฉินฮวนฮวนทำตาโตอีก รีบอ้อมออกไปจากเคาน์เตอร์ทำงาน วิ่งออกไปทางหน้าประตู

ตอนเธอวิ่งออกมา ก็เห็นรถของเฟิงหานชวนขับออกไปพอดี

ตอนนี้ เฉินฮวนฮวนเกาผมไปมาด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจ

ถ้าเมื่อกี้เธอรับปากเฟิงหานชวนไป เธอก็จะกลายเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวน ถ้าเป็นอย่างนี้เฟิงหานชวนก็สามารถช่วยเธอเอาสร้อยคอของแม่คืนจากหลิวตงรุ่ยแล้วไม่ใช่หรือ

หลิ่วเยว่เอ่อร์เหมือนจะคิดอะไรออก แววตาของเธอเปลี่ยนเป็นแววตาที่โหดร้ายขึ้นมาทันที

ในเมื่อเฟิงหานชวนสามารถสืบได้ว่าแฟนของเธอคือเกาจวินเซวียน ถ้าอย่างนั้นก็รู้ว่าเพื่อนสนิทของเธอคือเฉินฮวนฮวนแน่ๆ

เป็นไปได้ไหมว่าเฟิงหานชวนจะรู้เรื่องเฉินฮวนฮวน หรือไม่ก็รู้อะไรสักอย่าง ถึงได้เย็นชาไร้เยื่อใยกกับเธออย่างนี้

ถ้าไม่อย่างนั้น อารมณ์ของเขาคงไม่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้หรอก ทั้งๆที่เมื่อคืนเขายังบอกว่าจะรับผิดชอบเธอและก็สนิทสนมกับเธอขนาดนั้น

เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็เอาโทรศัพท์ออกมา รีบโทรไปหาเฉินฮวนฮวนอย่างไม่รอช้า

"ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ……"

ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังชงชานมอยู่นั้น โทรศัพท์ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ก็เกิดเสียงสั่นขึ้นมา เธอคิดว่าคงไม่มีใครโทรมาหาเธอหรอก และก็คงจะเป็นเฟิงหานชวน

ดังนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจโทรศัพท์ ปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้น

จนกระทั้งให้บริการลูกค้าเสร็จหมด จึงหันไปดูโทรศัพท์ทีหนึ่ง ปรากฎว่าเป็นสายของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอจึงรีบโทรกลับทันที

หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่มีกะจิตกะใจในการทานข้าวเย็น อาหารหลายเมนูที่ตัวเองตั้งใจเตรียมไว้ ก็ถูกเธอโยนทิ้งลงในถังขยะ แล้วก็เดินขึ้นบันได้ไปอาบน้ำ

ตอนที่ออกมาจากห้องอาบน้ำนั้น พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอคิดว่าเป็นสายของเฟิงหานชวน แต่เมื่อไปดูกลับเป็นสายของเฉินฮวนฮวน สีหน้าผิดหวังขึ้นมาทันที

"ฮัลโหล" หล่อนฝืนเก็บความโมโหไว้ในใจ แล้วพูดด้วยเสียงนิ่งๆ

"เยว่เอ่อร์ ต้องขอโทษด้วยเมื่อกี้ฉันยุ่งอยู่ เธอโทรมามีอะไรหรอ" เฉินฮวนฮวนถามด้วยความร้อนรน

หลิ่วเยว่เออร์ไม่ใช่ผู้หญิงที่ติดเพื่อนมาก ดังนั้นถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรจริงๆ หลิ่วเยว่เออร์ก็จะไม่โทรหาเธอ

"อ๋อ ไม่มีอะไร ไม่สิ จริงๆแล้ว……"ตอนแรกหลิ่วเยว่เออร์ไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับเฉินฮวนฮวน แต่ว่าเหมือนจะคิดอะไรออกอย่างหนึ่ง รีบถามกลับไปว่า "ช่วงสองสามวันมานี้ มีคนมาถามเรื่องบลูส์คลับกับเธอหรือเปล่า"

"ไม่มีนะ"เฉินฮวนฮวนสะดุ้งเล็กน้อย รีบส่ายหัวไปมา แล้วรีบถามต่อไปว่า "เยว่เออร์ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า"

"ฉันอยากบอกเธอว่า ถ้ามีคนมาถามเรื่องเกี่ยวกับบลูส์คลับ เธออย่าบอกเขาว่าเธอเคยไปที่บลูส์คลับ และอย่าบอกว่าเคยทำงานแทนฉันนะ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็พอ เข้าใจไหม"หลิ่วเยว่เอ่อร์ย้ำเตือนเธอ

เวลานี้ในใจของเฉินฮวนฮวนยิ่งตกใจกลัวเข้าไปใหญ่ เธอรีบถามกลับไปว่า "เยว่เอ่อร์ ตกลงเกิดเรื่องอะไรกันแน่ เธออย่าทำให้ฉันตกใจสิ"

"จะเป็นเรื่องอะไรอีกล่ะ ฉันจะบอกให้นะว่าหลิวตงรุ่ยคนนี้ เมื่อคืนก็ถามหาเรื่องที่เกิดขึ้นที่ห้องเก็บของในคืนนั้นอีกแล้ว ถ้าเธอตกในกำมือของเขา ต่อไปต้องหมดอนาคตแน่ๆ"หลิ่วเยว่เอ่อร์ข่มขวัญเฉินฮวนฮวนอีก

เฉินฮวนฮวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น กับความบ้าคลั่งของชายคนนั้น ความทรงจำที่น่ากลัววันนั้นยังส่งผลกระทบต่อเธอจนถึงวันนี้ แม้กระทั่งความเจ็บปวดบนร่างกายของคืนนั้นก็ยังคงมีอยู่

"สร้อยคออยู่ในมือของเขาจริงๆหรอ" เฉินฮวนฮวนอ้าปากถาม ด้วยเสียงสั่นเพราะความกลัว

"ใช่ ดังนั้นเธอต้องทำเป็นเหมือนกับว่าสร้อยคอเส้นนั้นไม่มีแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ถ้าเธอพูดออกมา ไม่เพียงแต่จะเอาสร้อยคอกลับมาไม่ได้ แม้แต่ความอ่อนเยาว์และร่างกายของเธอก็อาจถูกฝังไปด้วย" แม้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะพูดด้วยความเคร่งเคลียด แต่ริมฝีปากเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ได้ใจ

ต่อให้ตอนนี้เธอไม่ได้ใจเฟิงหานชวน เธอก็ไม่ยอมให้ความจริงของเรื่องนี้ถูกเปิดโปง ไม่ว่าจะพูดยังไง ในตอนนี้เธอ หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็คือผู้หญิงที่อยู่ในห้องเก็บของในคืนนั้น

เฉินฮวนฮวนไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น

หลิ่วเยว่เอ่อร์เตือนหล่อนไปด้วย แล้วก็เดินไปยังตู้ที่อยู่บนหัวเตียงไปด้วย เธอก้มตัวลง เปิดลิ้นชักเอาสร้อยคอสีทองเหลืองที่ค่อนข้างโบราณออกมา

"ฮวนฮวน ฉันไม่พูดกับเธอมากกว่านี้แล้วนะ ฉันก็แค่กลัวเธอจะรีบร้อน ไปหาสร้อยคอ ดังนั้นจึงมาย้ำเตือนเธออีกครั้ง อย่ารีบร้อนเด็ดขาด ถ้าเดินผิดก้าวแรก ก้าวต่อๆไปก็……….." หลิ่วเยว่เอ่อร์มองดูสร้อยคอที่อยู่บนมือ แววตาเย็นชาลง พูดต่อไปว่า " ฉันจะรีบไปทำงานต่อแล้วล่ะ วางสายแล้วนะ"

ได้ยินเสียงวางสาย "ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด "จากปลายสาย เฉินฮวนฮวนก็น้ำตาคลอเบ้าทันที

นัยต์ตาสองข้างของเธอไร้ความรู้สึก ค่อยๆเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู วางลงบนหน้าเคาน์เตอร์ทำงาน

"เมนูเด็ดของร้านคุณคืออะไรหรอ" เวลานี้ ข้างหลังมีน้ำเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่ง

น้ำเสียงสายนั้น เผยให้เห็นถึงความเย็นชา มันเป็นเสียงของเฟิงหานชวน

เฉินฮวนฮวนสะดุ้งไปทีหนึ่ง รีบเช็ดน้ำตาออกแล้วหันตัวกลับมา เดินมายังเคาน์เตอร์

เฟิงหานชวนเห็นเบ้าตาสีแดงก่ำของเฉินฮวนฮวน เขาขมวดคิ้วไปทีหนึ่ง ถามด้วยเสียงทุ้มว่า "เธอร้องไห้หรอ"

"ไม่ ฉันไม่ได้ร้องไห้"เฉินฮวนฮวนใช้ชายเสื้อเช็ดดวงตาอีกครั้ง แล้วจ้องตามองมาทางเฟิงหานชวน ถามด้วยความสงสัยว่า"คุณมาทำไมหรอ"

"ทำไมล่ะ หรือว่าฉันไม่มีสิทธิ์กินชานม"เฟิงหานชวนได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ได้ต้อนรับของเฉินฮวนฮวน ในใจเหมือนจะมืดมนไป รู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างทำให้ไม่สบายใจ

เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆตัวเองก็ขับรถมาที่นี่ จอดอยู่ข้างทาง มองไปยังร่างที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ของเฉินฮวนฮวน เห็นว่าเธอว่างแล้ว ถึงได้เดินเข้ามายังร้าน

เวลานั้น ในร้านไม่มีลูกค้าสักคน มีแค่เขาและเธอเพียงสองคนเท่านั้น

"ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณจะดื่มอะไรล่ะ " เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่า เฟิงหานชวนน่าจะมารับแฟนสาวของเขา

เพราะว่าตอนเช้าเธอนั่งรถมากับเขา แล้วก็ได้ยินเขาคุยกับแแฟนสาว เหมือนจะพูดประมาณว่า คืนนี้เจอกัน อะไรประมาณนี้

"ฉันเพิ่งจะถามเธอว่า เมนูเด็ดของร้านคืออะไร" เฟิงหานชวนถามด้วยความไม่สบอารมณ์ ทุกคำแฝงด้วยการทิ่มแทง

คำพูดของเขา เฉินฮวนฮวนเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด

"เมนูเด็ดของร้านเราคือ ชานมไข่มุก แล้วก็เป็นเมนูที่ขายดีที่สุดของร้านในแต่ละวัน จะเอาสองแก้วไหม จะเอาเย็นหรือว่าเอาแบบร้อนดี " เฉินฮวนฮวนพยายามที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะตอนนี้เธอเป็นพนักงานร้าน ยังไงก็ต้องแสดงออกถึงความเป็นพนักงานหน่อย

"เอาแก้วเดียว ขอเป็นแบบเย็น" เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชา

"เอาแค่แก้วเดียวหรอ" เฉินฮวนฮวนตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง ถามต่อไปว่า "คุณจะไม่ซื้อให้แฟนด้วยหรอ"

"ฉันไม่มีแฟน"สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

เฉินฮวนฮวนค่อยๆทำตาโตขึ้นมา ในใจเกิดความรู้สึกที่งุนงง เวลาในการควงผู้หญิงของเฟิงหานชวนนี่ก็เร็วเกินไปแล้วมั้ง

เลิกกันเร็วขนาดนี้เลยหรอ

เมื่อเช้ายังนัดเดทกับแฟนสาวในคืนนี้ไม่ใช่หรอ ทำไมแยกทางกันแล้วล่ะ

อีกอย่าง ตอนนี้เขาก็มาถึงมหาวิทยาลัย Aแล้ว หรือว่าตอนที่กำลังจะไปรับแฟน ถูกแฟนบอกเลิก ณ ตอนนั้นเลยหรอ

หรือว่า……หรือว่าจะเป็นเพราะเธอ

ตอนเช้าเขาบอกว่าให้เวลาเธอสามวันในการคิดใคร่ครวญ เรื่องที่จะเป็นแฟนของเขาไหม ถ้าเธอทำได้ดี ก็จะได้เลื่อนขั้นกลายเป็นแฟนตัวจริงของเขา

หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ ทำให้เฟิงหานชวนทิ้งแฟนตัวจริง

ความสงสัยถ่าโถมเข้ามา กำลังเต้นไปมาในหัวสมองของเฉินฮวนฮวน เธอเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง

เห็นเฉินฮวนฮวนกำลังเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น เฟิงหานชวนยิ้มหัวเราะทีหนึ่ง "ได้ยินข่าวนี้ มีความสุขมากเลยหรอ"

"คุณชายเฟิง ข่าวนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลยสักนิด"เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวขึ้นมาได้ แล้วก็ทำอะไรไปบนเคาน์เตอร์สักพัก จากนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเขา พูดว่า "สิบหยวน รบกวนจ่ายด้วย"

"คุณชายเฟิงหรอ" เฟิงหานชวนเคลียดจนริมฝีปากขยับไปมา

หล่อนเคยเรียกเขาว่า "อาสาม" ยังเคยเรียกเขาว่า "เฟิงหานชวน" แต่คำเรียก "คุณชายเฟิง" อย่างนี้ เป็นคำเรียกที่ไม่สนิทสนมกันเลยสักนิด

เธอกลับเรียกเขาแบบนี้ ในเวลาอย่างนี้ เนี่ยน่ะ

เฉินฮวนฮวนเงียบไปสักพัก

เวลานี้ มีผู้หญิงสองคนเดินมาที่เคาน์เตอร์จะสั่งเมนู เธอรีบตอบโทรศัทพ์อย่างขอไปทีว่า " ตอนนี้ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาตอบคำถามของคุณ"

เมื่อพูดจบ เธอไม่ได้รอคำตอบจากเฟิงหานชวน เธอวางสายทันทีแล้วก็รีบทำงานต่อ

"ตู๊ดๆ……"เสียงวางสายดังออกมาจากหูฟังโทรศัพท์

เฟิงหานชวนชำเลืองดูหน้าจอที่ปิดลงทีหนึ่ง สีหน้าแย่ลงทันที รู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก

เขาเข้าไปถามเฉินฮวนฮวนด้วยตัวเอง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับ….กลับไม่เห็นคุณค่าของเขาเลยสักนิด

ยังบอกว่าไม่มีเวลาตอบอีก

เฟิงหานชวนกำมือถืออย่างแน่น จากนั้นก็ขับรถออกจากที่จอดรถ

หลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ยินเฟิงหานชวนบอกว่าต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง เธอจึงไปรอที่หน้าประตูใหญ่แต่เนิ่นๆ เอางานเบ็ดเตล็ดพวกนั้นให้หวางเสิ่นเอ่อร์เป็นคนจัดการเอง

หวางเสิ่นเอ่อร์เป็นคนที่ซูอวี่ส่งมาดูแลเธอ และก็เป็นคนที่เฟิงหานชวนออกเงินค่าจ้างให้ แน่นอนว่าเธอต้องใช้หล่อนทำงานอยู่แล้ว

เธอรอเขาด้วยความคาดหวัง ในที่สุดเฟิงหานชวนก็มาถึง

ทันทีที่เฟิงหานชวนลงจากรถ ก็เห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่แต่งตัวสวยอย่างมาก เป็นเดรสทอมือเข้ารูป ซึ่งเข้ากันได้กับเธออย่างไม่มีที่ติ บนใบหน้าก็แต่งหน้าบางๆอย่างประณีต

"รอนานแล้วเหรอ" เฟิงหานชวนพูดด้วยน้ำเสียงที่เรื่อยเฉื่อย แล้วก็เดินตรงเข้าไปยังห้องรับแขก

เขาตั้งใจจะทานอาหารที่เรียบง่าย แล้วก็พูดคุยกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ให้เข้าใจตรงกัน ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่นาน

แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์นั้นมีความสุขอย่างบ้าคลั่ง รีบเดินตามหลังเฟิงหานชวนเข้าไป แทบจะเอาตัวเองติดเข้าไปกับเขาแล้ว

เฟิงหานชวนถูกหลิ่วเยว่เอ่อร์จัดให้นั่งหัวโต๊ะ และเธอก็นั่งที่นั่งข้างซ้ายของเขา แล้วก็ตั้งใจเอาเก้าอี้เอียงเข้าไปหาเฟิงหานชวนด้วย

"คุณชายสาม คุณลองชิมดู อันนี้เป็นผัดไข่ใส่มะเขือเทศที่ฉันทำเอง ฝีมือของฉันไม่ดีนัก แต่คุณอย่าถือสาเลยนะ" หลิ่วเยว่เอ่อร์ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ กับน้ำเสียงตุ้งติ้ง เหมือนกับกำลังพูดคุยกับแฟนของตัวเองอยู่อย่างนั้น

ใบหน้าของเฟิงหานชวนไร้ซึ่งความรู้สึก เขาส่งเสียงตัดบทพูดของของหลิ่วเยว่เอ่อร์ พูดอย่างหนักแน่น "ก่อนทานข้าวเย็น ฉันมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งอยากจะปรึกษากับเธอหน่อย"

"อ๋า คุณชายสาม คุณอยากจะปรึกษากับฉันเรื่องอะไรหรอ" ใจของหลิ่วเยว่เอ่อร์เกิดความกังวลทันที ในใจลึกๆเหมือนกับว่ามีความรู้สึกที่ไม่ดีอะไรสักอย่างหนึ่ง

เฟิงหานชวนหยิบกระเป๋าเงินออกมา แล้วก็เอาบัตรเครดิตธนาคารออกมาใบหนึ่ง ยื่นไปตรงหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์ พูดว่า "คฤหาสน์นี้ฉันจะโอนเป็นชื่อของเธอ บัตรเครดิตนี้มีเงินฝากอยู่สิบล้าน เพียงพอกับการใช้ชีวิตต่อจากนี้ของเธอ"

เขาคิดว่าเงื่อนไขที่ตัวเองให้นั้นดีพอแล้ว

แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ฟังเขาพูดจบ กลับเป็นเสียงร้อง"ฮือฮือ "พร้อมน้ำตาตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย

"เธอเป็นอะไรหรอ ถ้าคิดว่ายังน้อยเกินไป ฉันให้เธออย่างไม่มีเงื่อนไขได้นะ"เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องเงินสำหรับเขาแล้วไม่ใช่ปัญหา

"ฉันไม่ได้เห็นว่ามันน้อยเกินไป ฉันไม่ได้มองว่ามันน้อยจริงๆ" อาการร้องไห้ของเธอหนักกว่าเดิม เธอมองไปยังเฟิงหานชวนด้วยสายตาที่ปั่นป่วนและน้ำตาคลอ เอ่ยถามเขา "คุณชายสาม คุณเป็นคนบอกว่าจะรับผิดชอบฉันไม่ใช่หรอ คุณจะใช้เงินไล่ฉันออกไปแบบนี้จริงๆหรอ เรื่องที่คุณทำกับฉันแบบนั้น ก็จะให้มันจบง่ายๆแบบนี้เลยหรอ"

แม้ว่าดูจากสีหน้าแล้วหลิ่วเยว่เอ่อร์เป็นคนที่อ่อนแอและน่าสงสาร แต่ในใจลึกๆแล้วนั้นเธอกำลังโกรธเป็นไฟ เธอคิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างไร้เยื่อใยอย่างนี้

"ที่ฉันบอกว่าจะรับผิดชอบ ก็หมายถึงอย่างนี้ไง"สีหน้าของเฟิงหานชวนยังคงเย็นชาเหมือนเดิม

"แต่ว่า แต่เยว่เอ่อร๋คิดว่าเป็นความหมายแบบนั้น คุณพาฉันเข้ามายังคฤหาสน์ของคุณ แล้วยังได้เตรียมพี่เลี้ยงให้ฉันอีก ฉันคิดว่าคุณจะให้ฉันเป็นผู้หญิงของคุณ……"ตอนนี้หลิ่วเยว่เอ่อร์เหมือนกับหมาจนตรอก ใช้แรงทั้งหมดควบคุมอารมณ์แล้วก็เรียกร้อง

ตอนแรกเธอตั้งใจจะใช้กลยุทธแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่อยากเปิดโปงตัวเองตรงๆ อยากให้เฟิงหานชวนเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน

แต่ว่าในสถานการณ์ข้างหน้านี้ เธอจำเป็นต้องพูดออกไปตรงๆแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นเฟิงหานชวนต้องไม่คิดจะรับผิดชอบเลยสักนิด อย่างแน่นอน

"ขอโทษ"เฟิงหานชวนมองดูผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขาพูดอย่างเย็นชา " ตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว ใช้ชีวิตกับเขาดีๆ ฉันสามารถให้ชีวิตที่ดีกว่านี้กับพวกคุณได้"

สีหน้าของหลิ่วเยว่เอ่อร์เปลี่ยนไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เธอก็คาดเดาได้แต่แรกแล้วว่า คนอย่างเฟิงหานชวนจะต้องส่งคนไปสืบเรื่องราวของเธอแน่นอน ฉะนั้นเธอจึงได้เตรียมคำอธิบายไว้ก่อนแล้วว่าจะพูดยังไง

"คุณชายสาม ฉันกับแฟนเลิกกันไปตั้งนานแล้ว"หลิ่วเยว่เอ่อร์ร้องไห้ฟูมฟายออกมาอีกครั้ง เธอเอามือสองข้างปิดหน้าไว้ พูดอย่างอนาถว่า "วันนั้นหลังจากที่ฉันหนีออกมาจากห้องเก็บของ เพราะความกลัว ฉันจึงไปสารภาพกับแฟน แต่ว่าเขา……"

"เขารู้ว่าฉันถูกคนอื่นขืนใจ ก็รังเกียจฉันที่ไม่ได้บริสุทธ์อีกต่อไปแล้ว เลยคบซ้อนกับผู้หญิงคนอื่น ดังนั้นเราสองคนเลยแยกทางกัน"

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยินอย่างนั้น ขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม

เขาได้ดูเอกสารของหลิ่วเยว่เอ่อร์แค่หน้าแรก ไม่ได้ดูทั้งหมด เขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้ ทำให้ต้องเลิกกัน

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า เขาเป็นคนที่ทำให้หลิ่วเยว่เอ่อร์ถูกทิ้งหรอ

"เธอจะตั้งเงื่อนไขอะไรก็ได้"เฟิงหานชวนอึ้งไปสักพักแล้วพูดตอบอย่างอ่อนโยน

เมื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ยิน ใจถูกแช่แข็งไปครึ่งหนึ่ง เธอน่าสงสารขนาดนี้แล้ว ถึงแม้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ถูกทิ้ง แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่รู้สึกเห็นใจสักนิดเลยหรอ

เป็นเพราะเธอไม่มีเสน่ห์ หรือว่าเป็นเพราะเฟิงหานชวนเย็นชาเกินไป

"คุณชายสาม ฉัน……ฉันมีแค่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น"หลิ่วเยว่เอ่อร์รวบรวมความกล้าทั้งหมด นัยต์ตาสองข้างจ้องไปที่เขา จากนั้นก็ลุกขึ้น แล้วกอดไปยังเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนนั้นตาเร็วมือไว ขยับตัวทีหนึ่ง ทำให้หลิ่วเยว่เอ่อร์กอดกับความว่างเปล่า แล้วล้มลงไปกับพื้น

"เธอจะทำอะไรน่ะ"

กลิ่มที่ไม่คุ้นเคยผ่านหน้าไป สีหน้าของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยความโกรธ

"คุณชายสาม ในเมื่อคุณเอาจากฉันไปแล้วครั้งหนึ่ง จากนี้ไปฉันจะเป็นผู้หญิงของคุณ คุณว่าดีไหมล่ะ" หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา ตั้งใจใช้น้ำเสียงที่เย้ายวน "ฉันไม่ต้องการเงิน ฉันไม่ต้องการบ้าน ฉันแค่ต้องการให้คุณรับผิดชอบฉัน จากนี้ไปเยว่เอ่อร์ก็จะรักเดียวใจเดียวกับคุณแน่นอน"

"หลิ่วเยว่เอ่อร์ ฉันมีแฟนแล้ว "สีหน้าของเฟิงหานชวนค่อยๆเคร่งขรึมขึ้น แต่ในความคิดกลับมีใบหน้าของเฉินฮวนฮวนโผล่ออกมา

เป็นใบหน้าที่เหมือนกับกระต่ายขาวตัวน้อย ที่ทำให้คนอยากจะแกล้ง และทำให้คนเกิดความรู้สึกอยากจะปกป้องด้วย

"อะไรนะ"หลิ่วเยว่เอ่อร์ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกคำหนึ่ง

หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่า เฟิงหานชวนจะมีแฟนแล้ว แต่ว่า ดูจากภายนอกเห็นได้ชัดว่าเขายังเป็นโสดไม่ใช่หรอ

แล้วแฟนสาวนี้ เป็นใครกันแน่

"ฉันกับหล่อนเพิ่งจะคบหากันได้ไม่นาน ดังนั้นฉันไม่อยากให้หล่อนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้" เฟิงหานชวนคิดว่าตัวเองทำได้ดีพอแล้ว เขาพูดอย่างเย็นชา "เธอกลับไปคิดดีๆแล้วกันว่าต้องการเงื่อนไขอะไร"

พูดจบ เขาก็ก้าวออกไปจากห้องรับแขกด้วยก้าวที่ยาว เดินออกไปหน้าประตู

หลิ่วเยว่เอ่อร์ยังนั่งอยู่บนพื้น เธออยู่ในสภาพที่งุนงง ยังตกใจเพราะเรื่องที่ได้ยินเมื่อกี้ เพียงเวลาสั้นๆแบบนี้เธอยังทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

รอเธอทำใจได้แล้ว ลุกขึ้นมาจากพื้น รีบวิ่งตามออกไป อยากจะถามเฟิงหานชวนให้มันชัดเจนกว่านี้

แต่ว่าตอนที่เธอพุ่งออกไปนั้น เฟิงหานชวนกำลังขับรถออกไปพอดี

หลิ่วเยว่เออร์มองไปยังรถที่ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั้งหายไป เธอกระทืบเท้าทั้งสองข้างอย่างแรง โกรธจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เธอได้ทุ่มเทแรงใจมากขนาดนี้ เพื่อจะได้อยู่ข้างกายเฟิงหานชวนแทนเฉินฮวนฮวน แต่เฟิงหานชวนกลับไร้เยื่อใยต่อเธออย่างนี้

"เฉินฮวนฮวน ตอนนี้เธออย่างกับหมาจนตรอกเลยนะ? "เฉินซินโหรวปิดปากของเธอและหัวเราะเบา ๆ

เธอมองไปที่เยี่ยจิ่งเฉินและพูดอย่างหนักแน่นว่า: "ในใจของฉันมีแค่อาเฉินและอาเฉินก็ชัดเจนกับฉัน เธอไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ของเราได้หรอก"

"หรือเพราะตอนนี้เธอโสด เลยรู้สึกเจ็บปวด? จริงๆแล้วเธอสามารถใช้เงินของเฉินเฟิงเหยี่ยนหาเลี้ยงผู้ชายโง่ๆก็ได้นะ! " เฉินซินโหรวหันมองไปที่เฉินฮวนฮวนและกล่าวว่าอย่างเยาะเย้ย

เสี้ยววินาทีต่อมา เฉินฮวนฮวนรู้สึกไม่ทนอีกต่อไป เธอสาดแก้วชานมที่ยังไม่ได้ปิดฝาไปบนใบหน้าของเฉินซินโหรว

"อ๊าย–" เฉินซินโหรวร้องเสียงดัง

เยี่ยจิ่งเฉินที่กำลังโอบเฉินซินโหรวอยู่นั้นก็โดนลูกหลงไปด้วยเช่นกัน ชานมกระเด็นใส่เต็มเสื้อของเขา

เขามองดูท่าทางที่รู้สึกขายหน้าของเฉินซินโหรวและจ้องไปที่เฉินฮวนฮวนอย่างโกรธเคืองแล้วตะโกนใส่เธอว่า: "เฉินฮวนฮวน คุณบ้าไปแล้วเหรอ? คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?"

"เหอะ! พวกคุณช่วยอยู่ให้ห่างจากฉันได้ไหม ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างพวกคุณ! "เฉินฮวนฮวนขู่ใส่เยี่ยจิ่งเฉิน

เฉินซินโหรวเช็ดใบหน้าของเธอพร้อมกับความอับอาย เยี่ยจิ่งเฉินหยิบกระดาษทิชชู่ที่เคาท์เตอร์ขึ้นมาเช็ดชานมบนเสื้อผ้าของเฉินซินโหรวทันที

"เฉินฮวนฮวน!" เฉินซินโหรวกำมือทั้งสองข้างแน่น ตอนนี้เธอโกรธจนเส้นเลือดขึ้นหน้า เธอกัดฟันกรอดและพูดว่า: "ฉันจะร้องเรียนเธอ! ฉันจะให้เจ้านายไล่เธอออก! "

"ขออภัยนะ เธอไม่สามารถติดต่อเจ้านายของพวกเราได้ ตอนนี้เธอกำลังยุ่งอยู่และไม่ว่างมารับโทรศัพท์หรอก"เฉินฮวนฮวนหัวเราะเยาะและหันไปทำชานมต่อ เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกต่อไป

ร้านชานมที่มหาวิทยาลัย A แห่งนี้เปิดโดยรุ่นพี่ของเธอ และตอนนี้รุ่นพี่ได้ไปเข้าร่วมรายการออดิชั่นวงไอดอลอยู่ เธอกำลังฝึกในค่ายและไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือของเธอได้หนึ่งเดือน

เพราะสถานการณ์นี้เธอเองก็ติดต่อพี่สาวไม่ได้เช่นกัน ขนาดตอนที่คิดจะขอยืมเงินรุ่นพี่สำหรับค่าผ่าตัดของยายยังติดต่อไม่ได้เลย

"เธอ! เธอ! เธอ! "เฉินซินโหรวโกรธมากจนพูดไม่ออก

เยี่ยจิ่งเฉินรีบปลอบเธอ: "ซินโหรว อย่าโกรธเลยนะ เดี๋ยวผมพาคุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงแรมใกล้ๆ แล้วพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าใหม่"

คำพูดที่อ่อนโยนของเยี่ยจิ่งเฉินทำให้ความโกรธของเฉินซินโหรวลดลงไป เธอจับใบหน้าที่เหนียวไปหมดของเธอและมองไปที่เฉินฮวนฮวน ตอนนี้ความโกรธถูกแทนที่ด้วยความพึงพอใจ

เธอจับผมที่เปียกของเธอและพูดอย่างยั่วยวนกับเยี่ยจิ่งเฉินว่า: "อาเฉิน คืนนี้ฉันจะไม่กลับบ้าน โอเคไหม?"

"โอเค!"แน่นอนว่าเยี่ยจิ่งเฉินเห็นด้วยโดยไม่มีความลังเลเลย

เขาเหลือบมองเฉินฮวนฮวนนิดเดียว จากนั้นก็มองไปที่เฉินซินโหรวอย่างอ่อนโยนและพูดว่า: "คืนนี้ผมจะทำให้คุณไม่มีแรงเลย"

"คุณใจร้ายจังเลย ฉันกลัวนะ อ่อนโยนกับฉันหน่อยสิ!" เฉินซินโหรวจงใจพูดให้เฉินฮวนฮวนได้ยิน

เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสอง เฉินฮวนฮวนก็ยังคงไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาและยังตั้งอกตั้งใจคงชงชานมในมือของเธอต่อไป

อีกไม่นานคนส่งอาหารก็จะมารับออเดอร์ของเธอแล้ว เธอไม่อยากเสียเวลากับคนสองคนนี้

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่มีการตอบสนองเฉินซินโหรวก็รู้สึกเซ็งและจับมือเยี่ยจิ่งเฉินออกจากร้านชานมไปทันที

ก่อนจากไป เธอจงใจพูดอีกครั้งว่า: "เฉินฮวนฮวน ตอนนี้เธอเป็นคนของบ้านตระกูลเฟิงแล้ว รบกวนอย่ากลับมายุ่งวุ่นวายที่บ้านของเราอีก!"

"เฉินซินโหรว เธอเอาสินสอดตั้งสิบล้านไป อีกไม่นานก็จะถูกทวงคืน" เฉินฮวนฮวนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ใจของเฉินซินโหรวหล่นดัง "ตุ๊บ" ความเย่อหยิ่งที่มีอยู่ได้หายไปทันที เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน

"เฉินฮวนฮวน เธอไม่ต้องมาขู่ฉัน เพราะตอนนี้ตระกูลเฟิงได้ลงทุนให้ตระกูลเฉินแล้ว และตอนนี้เฉินซื่อกรุ๊ปก็ทำงานกันหนักมาก ยิ่งกว่านั้นสิบล้านคือสิ่งที่พ่อควรจะรับไว้อยู่แล้ว อุส่าห์เลี้ยงลูกมาตั้ง 20 ปี ได้รับสินสอดไปมันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ? "เฉินซินโหรวรีบพูดและรีบพาเยี่ยจิ่งเฉินออกไปทันที

ในร้านน้ำชาที่เงียบสงบมีเพียงเฉินฮวนฮวนเท่านั้นที่กำลังหัวเราะกับตัวเอง

เฉินเจี้ยนหมิน เฉินเหม่ยเจวียน และเฉินซินโหรว

เธอจะไม่มีวันปล่อยให้สามคนนี้อยู่อย่างมีความสุขแน่!

ฆาตกรที่ฆ่าคุณยาย เธอจะไม่ไม่มีวันให้พวกเขาได้ดี!

……

ตกกลางคืน

เฟิงหานชวนเพิ่งเสร็จจากการประชุมและกำลังจะกลับ แต่ก็ได้รับโทรศัพท์จากหลิ่วเยว่เอ่อร์เสียก่อน

"คุณชายสาม เยว่เอ่อร์ได้เตรียมอาหารไว้ให้คุณแล้ว คุณจะกลับมากี่โมงเหรอคะ?"หลิ่วเยว่เอ่อร์ตั้งใจดัดเสียง

เสียงของเธอจริงๆนั้นไม่ได้หวานแบบนี้ แม้ว่าเธอจะสวยและมีหุ่นที่ดี แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือเสียงของเธอนั้นธรรมดามาก

ดังนั้นเธอจึงจงใจดัดเสียงของเธอและจงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน เพื่อพยายามเลียนแบบเสียงของเฉินฮวนฮวน

แต่เสียงที่นุ่มนวลและเหมือนน้ำผึ้งหวานของเฉินฮวนฮวนนั้นมันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์นั้นไม่ใช่เลย ดังนั้นเสียงที่เธอจงใจดัด มันทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกประหลาดๆอยู่เล็กน้อย

"ผมเพิ่งประชุมเสร็จ อีกครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึง"เฟิงหานชวนเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ

วันนี้เขาไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยสักเท่าไหร่ รวมถึงตอนที่เข้าประชุมเขาก็หลุดโฟกัสอยู่บ่อยๆ

เพราะใจหัวเอาแต่คิดถึงเฉินฮวนฮวน ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ ริมฝีปากสีชมพูที่นุ่มนิ่มของเธอ และการแสดงออกที่น่าสงสารของเธอ

แม้ว่าเขาจะให้เวลาเธอสามวันในการคิด แต่เฉินฮวนฮวนจะโอเคไหมก็ไม่รู้?

เขามัวแต่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

"อ๊าย!"หลิ่วเยว่เอ่อร์กรีดร้อง เธอระงับความตื่นเต้นของเธอและพูดต่อว่า: "ถ้าอย่างนั้นเยว่เอ่อร์จะรออยู่ที่บ้านนะคะ รอให้คุณกลับมา"

"อืม"เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชาและวางสายเธอไป

เขาลุกขึ้นเดินไป ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เขากลับไปที่โต๊ะและหยิบบางอย่างออกมาจากลิ้นชัก

นี่คือข้อมูลของหลิ่วเยว่เอ่อร์ที่ซูอวี่ส่งมาให้เมื่อเช้านี้ แต่เขายังไม่ได้อ่านมันเลย

อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจข้อมูลของหลิ่วเยว่เอ่อร์ ทั้งหมดเป็นเพียงเพราะเขารู้สึกผิด กระทั่งตอนที่บอกไปว่าจะรับผิดชอบ แต่ในใจของเขากลับไม่ได้ต้องการที่จะรับผิดชอบจริงๆ

เขาสามารถให้ชีวิตที่ดีกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้และสามารถชดเชยให้เธอได้มากกว่านี้ แต่เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เลยสักนิด

เมื่อพลิกกลับมาที่หน้าแรก เขาอ่านวนมันอยู่สองสามครั้งและทันใดนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

หลิ่วเยว่เอ่อร์มีแฟนแฟนอยู่แล้ว เขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย A เช่นกัน เขาเป็นรุ่นพี่ของหลิ่วเยว่เอ่อร์และชื่อของเขาคือเกาจวินเซวียน และหลิ่วเยว่เอ่อร์เองก็ชอบเกาจวินเซวียนมาก ทั้งสองคบกันมานานกว่าครึ่งปีแล้วด้วย

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฟิงหานชวนรู้สึกว่าภาระบนไหล่ของเขาหายไปในพริบตา เขาเดินออกไปจากออฟฟิศของบริษัททันที

หลังจากไปเอารถที่ลานจอดรถใต้ดินแล้ว เฟิงหานชวนขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับ แต่ไม่ได้ขับรถออกไปในทันที เขาเอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัท์

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดเขาก็กดโทรออก

ในขณะเดียวกันตอนนี้เป็นช่วงที่ในร้านกำลังวุ่นวายอยู่พอดี มีคนมากมายภายในร้านชานมจนทำให้เฉินฮวนฮวนยุ่งมาก

จู่ๆโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ และเมื่อเห็นหมายเลขผู้โทรเข้ามา เธอก็อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก

แม้ว่าเธออยากจะวางสายแต่นิ้วของเธอกลับกดรับสายเสียอย่างนั้น

"คุณมีอะไรหรือเปล่า?"

"เฉินฮวนฮวน วันนี้วันสุดท้ายแล้ว คุณได้ไปคิดมาบ้างหรือยัง?"

"ฮวนฮวน ดูท่าทางของเธอตอนนี้สิ โสดแล้วดูสิ้นหวังกับชีวิตนะ" เฉินซินโหรวหัวเราะเยาะ

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนสี เธอกำหมัดแน่น

วันนี้จินตั่วลาพักและตอนนี้มีแค่เธอคนเดียวในร้าน ดังนั้นเฉินซินโหรวจึงกล้าพูดอย่างไร้ยางอายเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเหล่านั้น

ก่อนหน้านั้นเวลาเธออยู่ข้างนอกเฉินซินโหรวจะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ และแน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ได้สนใจที่อยากจะคุยกับเฉินซินโหรวเช่นกัน

"เฉินซินโหรว เธอตั้งใจมาหาฉันถึงที่นี่เลยเหรอ ตอนแรกฉันวางแผนว่าจะไปหาเธอที่บ้านพรุ่งนี้" ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนดูโกรธมาก

เมื่อนึกถึงพฤติกรรมที่ไร้ยางอายของทั้งสามคนในตระกูลเฉินที่ขายเธอให้กับตระกูลเฟิงและไม่แม้แต่จะให้เงินเธอเลยด้วยซ้ำ ช่างน่ากลัวเสียจริงๆ

บนโลกนี้คงจะหาคนที่หน้าด้านแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว

"ตอนนี้เธอเป็นคนของตระกูลเฟิงแล้ว จะกลับมาทำอะไรที่บ้านตระกูลเฉินมิทราบ? เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งทุกอย่างในตระกูลเฉินอีกแล้ว เฉินฮวนฮวน" เฉินซินโหรวยิ้มมุมปากอย่างยั่วยุ

เฉินฮวนฮวนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ

"คนของตระกูลเฟิงอะไร?" เยี่ยจิ่งเฉินถามด้วยสีหน้างุนงง

เฉินซินโหรวหันไปมองเยี่ยจิ่งเฉินและยิ้มให้เขา เธอรีบอธิบายไปว่า: "ใช่แล้ว อาเฉิน ฉันไม่มีเวลาจะบอกคุณ ตอนนี้ฮวนฮวนได้แต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยนของตระกูลเฟิงแล้ว เฟิงเฉินเหยี่ยนที่เป็นข่าวอยู่ตลอดเวลาคนนั้นไง!"

"อะไรนะ!"การแสดงออกของเยี่ยจิ่งเฉินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

เขาเคยเห็นเฟิงเฉินเหยี่ยนในงานปาร์ตี้ของเพื่อนมาก่อน เฟิงเฉินเหยี่ยนนั้นทั้งสดใสและร่าเริงซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้หญิง

แม้ว่าในข่าวล่าสุดจะมีเกี่ยวกับข่าวลือที่ไม่ดีของเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่เขารู้สึกว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ เพราะเฟิงเฉินเหยี่ยนดูไม่เหมือนคนแบบนั้นจริงๆ

และตอนนี้จู่ๆเขาก็เพิ่งจะมาได้ยินว่าเฉินฮวนฮวนแต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยนน่ะเหรอ?

"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ฮวนฮวนจะแต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยนได้อย่างไร? เมื่อก่อนพวกเขาเคยคบกันหรอ? "เยี่ยจิ่งเฉินถามคำถามเป็นชุด

เฉินซินโหรวหุบยิ้มลงและดวงตาของเธอก็แปรเปลี่ยนดุร้ายทันที

"ผมก็แค่อยากรู้" เยี่ยจิ่งเฉินเห็นว่าเฉินซินโหรวดูโกรธ ดังนั้นเขาจึงอธิบายออกไปเพื่อไม่ให้เธอเข้าใจผิด

แต่จู่ๆเฉินฮวนฮวนที่อยู่ตรงเคาท์เตอร์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

"ฮ่าๆ……".

เฉินฮวนฮวนไม่เคยคิดเลยว่าเฉินซินโหรวยังจะสนใจเรื่องของเธออยู่อีก หรือเป็นเพราะว่าเธอเป็นรักแรกของเยี่ยจิ่งเฉินอย่างหรือเปล่า?

แม้ว่าเยี่ยจิ่งเฉินจะนอกใจเธอ แต่เธอก็เป็นรักแรกของเยี่ยจิ่งเฉิน ตอนสมัยที่เธอเรียนโรงเรียนมัธยมเยี่ยจิ่งเฉินนั้นแอบชอบเธอและตามจีบเธอมาเป็นเวลานาน

ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ของเธอจึงเป็นเหมือนหนามในหัวใจของเฉินซินโหรวแน่นอน

"เฉินฮวนฮวน เธอหัวเราะอะไรมิทราบ!" เมื่อรู้สึกถึงการเยาะเย้ยของเฉินฮวนฮวน เฉินซินโหรวก็พร้อมแยกเขี้ยวและกางกรงเล็บของเธอออกมาด้วยความโกรธ

เดิมทีเธอคิดจะพาเยี่ยจิ่งเฉินมาที่นี่เพื่อมาเยาะเย้ยและทําให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกพ่ายแพ้ แต่คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจิ่งเฉินจะเป็นห่วงเฉินฮวนฮวนมากขนาดนั้น และตอนนี้เขาทําให้เธอรู้สึกขายหน้าต่อหน้าเฉินฮวนฮวน

"ฉันหัวเราะที่คุณเฉินยอมให้ฉันแต่งงาน เพราะจริงๆแล้วคุณเฉินต้องแต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยนเองไม่ใช่เหรอ?" เฉินฮวนฮวนถามด้วยรอยยิ้ม

ถ้าไม่ใช่เพราะข่าวลือของเฟิงเฉินเหยี่ยน เฉินซินโหรวคงจะไม่พลาดโอกาสดีๆและปล่อยให้เธอแต่งงานกับตระกูลเฟิงหรอกใช่ไหม?

ถึงจะใช้นิ้วเท้าคิดยังไงก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง

"ยอมให้เธอ? ฉันไม่ต้องการแต่งงานกับตระกูลเฟิงเลย เพราะฉันก็มีแฟนที่ดีอย่างอาเฉินอยู่แล้ว ทำไมฉันถึงต้องอยากแต่งงานกับตระกูลเฟิงด้วย? ตรงกันข้ามเธอต่างหากที่อยากจะรีบไปแต่งงาน คนของบ้านตระกูลเฟิงมาหาได้ไม่นาน เธอก็รีบแจ้นตามพวกเขาไปเลยนี่! "เฉินซินโหรวกล่าวอย่างก้าวร้าวและใส่ร้ายเฉินฮวนฮวน เธอพยายามกดเฉินฮวนฮวนให้ต่ำลงและยกตัวเองให้สูงขึ้น

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินได้ยินเขาก็ถามทันทีว่า: "ซินโหรว เพราะผมเหรอ คุณถึงไม่แต่งงานกับคนตระกูลเฟิง?"

"แน่นอนสิ! อาเฉิน คุณไม่เข้าใจหัวใจของฉันที่มีเพื่อคุณเหรอ? "เฉินซินโหรวมองเยี่ยจิ่งเฉินด้วยดวงตาที่น่าสงสาร

เยี่ยจิ่งเฉินรู้สึกว่าเฉินซินโหรวมีศักดิ์เป็นพี่สาวของเฉินฮวนฮวน และในแง่ของความอาวุโสเฉินซินโหรวก็ควรจะแต่งงานก่อน

คงเพราะเฉินซินโหรวคบกับเขา เธอถึงไม่ยอมแต่งงานกับคนของตระกูลเฟิง

"นี่พวกคุณกำลังแสดงละครน้ำเน่าอยู่หรือเปล่า?"เฉินฮวนฮวนมองไปยังคู่รักที่น่าสมเพชตรงหน้า และรู้สึกว่าอาหารที่เพิ่งกินตอนเที่ยงกำลังจะขะย้อนออกมา

เธอเยาะเย้ยและมองไปที่เฉินซินโหรว และพูดประชดประชันว่า: "คุณเฉิน บ้านตระกูลเฟิงเชียวนะ ดูๆแล้วก็อยากจะแต่งกับเขาไม่ใช่เหรอ? แต่จะว่าไปในใจคุณเฉินดูจะให้ความสำคัญกับของนอกกายซะมากกว่านะเลยไม่อยากแต่งงานกับเขาเพราะข่าวลือนั่น เพราะยังไงเขาก็ไม่มีทางที่จะทำให้เธอพอใจได้ใช่ไหม? "

"เฉินฮวนฮวน เธอ……" เฉินซินโหรวกำลังโกรธมาก

"ฉัน ฉันทำไม? ดูสิตอนนี้เหมือนฉันกำลังจะเห็นคนบางคนกำลังจะกลายร่างซะงั้น ท่าทางก็เหมือนคนเมา เหมือนกับลิงยักษ์ขี้โมโห จะเต็มใจแต่งงานกับผู้ชายที่หมดสมรรถภาพได้อย่างไร" เฉินฮวนฮวนยังคงหัวเราะต่อไป

เฉินซินโหรวกำลังโกรธมาก แต่ทันใดนั้นเองเอวของเธอก็รู้สึกอุ่นขึ้นมา เธอมองลงไปที่เอวของเธอและพบว่าเยี่ยจิ่งเฉินกำลังโอบเอวของเธออยู่

เยี่ยจิ่งเฉินดูเหมือนจะปลอบโยนเธอแล้วมองไปที่เฉินฮวนฮวน สีหน้าของเขาเริ่มไม่ค่อยดีและน้ำเสียงของเขาจริงจังมาก: "เฉินฮวนฮวน ซินโหรวเป็นพี่สาวของคุณนะ พวกคุณเป็นผู้หญิง ทำไมถึงยกเรื่องแบบนั้นมาหัวเราะเยาะใส่เธอแบบนั้น?"

"ยิ่งไปกว่านั้นเหตุผลที่ผมและซินโหรวทําเรื่องแบบนั้น เป็นเพราะคุณไงเรื่องถึงเป็นแบบนั้น มันถึงทำให้เราได้รักกัน เธอไม่ได้แย่แบบที่คุณพูด คุณไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้ไปใส่ร้ายซินโหรวได้!"

"เฉินฮวนฮวน เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายและผู้หญิงที่โตแล้วจะมีความต้องการในเรื่องแบบนั้น ไม่มีใครเหมือนคุณ โตแล้วก็ยังใช้ชีวิตเหมือนกับแม่ชี!"

"ผมและซินโหรวไม่ละอายใจที่ทำแบบนั้นเลย! คุณไม่มีสิทธิที่จะหัวเราะเยาะเธอนะ! "

ความจริงแล้วตอนแรกเขาชอบเฉินฮวนฮวนมาก ชอบมากจนอยากจะทะนุถนอมเธอ และทำดีกับเธอมากๆ

อย่างไรก็ตามเฉินฮวนฮวนไม่ยอมให้เขาแตะต้องอะไรเลย เธอบอกว่าพวกเขายังเด็กอยู่และไม่ควรอยู่ใกล้เกินไป เขาทำได้แค่หอมเธอแม้แต่จะจูบเธอก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

ตั้งแต่มัธยมจนเข้ามหาวิทยาลัย จนกระทั่งสิ้นสุดการเข้าฝึกอบรมของปีหนึ่ง และจนจบปีหนึ่งเขาก็ยังไม่มีสิทธิได้แตะต้องตัวเธอด้วยซ้ำ

ทั้งคู่โตแล้ว แต่เฉินฮวนฮวนก็ยังคงปฏิเสธเขาตลอดเวลา ตอนนั้นในงานปาร์ตี้เขาและเฉินซินโหรวได้ดื่มไวน์ด้วยกันและได้มีอะไรกันลับหลังเฉินฮวนฮวน

เฉินซินโหรวรู้วิธีที่จะเติมเต็มความสุขของเขา จนทำให้เขาได้พบความรู้สึกระหว่างชายและหญิงอย่างแท้จริง

"ไม่ละอายใจอย่างนั้นเหรอ?" เฉินฮวนฮวนสูดลมหายใจหนึ่งครั้ง และพบว่านี่มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยเจอมา

ตอนนั้นที่เธอยังเป็นแฟนของเขาและเฉินซินโหรวก็เข้ามาเป็นกิ๊ก เป็นกิ๊กแล้วไม่รู้สึกละอายใจสักนิดเลยเหรอ?

"เฉินฮวนฮวนคุณน่ะอย่างกับแม่ชี และคุณไม่รังเกียจเลยที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่หมดสมรรถภาพไปแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะเหมือนกับคุณนี่!"เยี่ยจิ่งเฉินกล่าวความคับข้องใจทั้งหมดของเขาที่มีในตอนแรก และพูดต่ออย่างภาคภูมิใจว่า: "ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะไม่ได้มีปัญหา ยังไงซินโหรวก็ไม่คิดที่จะแต่งงานกับเขาแน่นอน เพราะเธอมีผม!"

เฉินฮวนฮวนมองไปที่ผู้ชายตรงหน้าและเยาะเย้ย: "เยี่ยจิ่งเฉิน คุณแน่ใจหรอว่าเฉินซินโหรวจะรักคุณจริงๆ?"

"ไม่มีอะไรหรอก! ฉันแค่เหนื่อย ฉันแค่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแล้วก็เท่านั้น! "หลิ่วเยว่เอ่อร์กอดอก ท่าทางดูเย่อหยิ่ง

เมื่อเฉินฮวนฮวนมองไปที่ท่าทางของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ทำให้เธอก็รู้สึกแปลกใจ

ในตอนแรกหลิ่วเยว่เอ่อร์นั้นดูน่ารักและขึ้อายมาก ต่อหน้าเกาจวินเซวียนเธอจะดูน่าเอ็นดูเสมอ แต่ตอนนี้…

ทำไมเธอถึงได้ดูเปลี่ยนไปขนาดนี้?

"เยว่เอ่อร์ เกาจวินเซวียนทำอะไรไม่ดีใช่ไหม?" เฉินฮวนฮวนคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้

ถ้าไม่อย่างนั้นก็…

หลิ่วเยว่เอ่อร์ทำงานพาร์ทไทม์ในคลับระดับไฮเอนด์อย่างบลูส์คลับทุกวัน และผู้ชายที่เข้าออกที่นั่นส่วนใหญ่ก็เป็นถึงระดับเศรษฐี เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะ… แต่เฉินฮวนฮวนไม่กล้าคิดต่อ

เธอคิดว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่น่าจะเป็นผู้หญิงแบบนั้น

"เขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดี มันก็แค่นั้น! ก่อนวันวาเลนไทน์เขาให้แค่ลิปสติกYSLมาให้ฉันแท่งเดียวเท่านั้น แต่ผู้ชายของคนอื่นๆให้เป็นเซ็ท! เขาไม่ใช่ไม่มีเงิน แต่เขาแค่ขี้งกกับฉัน กลางวันฉันก็ทำงานและยังทำพาร์ทไทม์ตอนกลางคืนอีก ฉันไม่มีเวลาให้เขา ฉันเลยคิดว่าเขาคงจะไม่มีความสุข… นี่ฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันได้แฟนหรือลูกชาย เหมือนฉันไปขโมยลิปสติกเขามาใช้ ฉันไม่เหมาะที่จะคบกับเขาจริงๆ…"

หลิ่วเยว่เอ่อร์บ่นยาวมาก ทุกคำพูดเต็มไปด้วยความโกรธ

เฉินฮวนฮวนก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่ออยู่ดี

แม้ว่าสิ่งที่หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดจะดูสมจริงเกินและดูหน้าเงินไปหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์คงจะเหนื่อยกับเกาจวินเซวียนจริงๆ

ครอบครัวของหลิ่วเยว่เอ่อร์นั้นไม่ค่อยดีนักเพราะเธอถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อเพียงคนเดียว และเฉินฮวนฮวนเองก็รู้เรื่องนี้ดี

หากแฟนของเธอไม่เข้าใจการทำงานพาร์ทไทม์ของเธอและดูแลเธอไม่ดีพอ ทางที่ดีก็ควรจะรีบเลิกกับเขาซะ

"ฮวนฮวน ทำไมจู่ๆถึงเงียบไป? เธอคิดว่าฉันไม่ชอบลิปสติกของเกาจวินเซวียนและหน้าเงินมากไปใช่ไหม? " หลิ่วเยว่เอ่อร์เหลือบมองเฉินฮวนฮวน เธอพูดออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

เฉินฮวนฮวนเป็นแบบนี้มาตลอด เธอไม่แต่งหน้าและไม่ใช้อะไรเลย เธอไม่ใช้ลิปสติกหรือเครื่องสำอางเลยด้วยซ้ำ เธอมักจะทำให้ผู้หญิงคนอื่นดูเยอะเกินไปเสมอ

ในใจลึกๆของหลิ่วเยว่เอ่อร์เองก็ไม่ค่อยพอใจเธอสักเท่าไหร่

"ไม่ใช่นะเยว่เอ่อร์ ฉันแค่คิดว่าถ้าเป็นเพราะเหตุผลที่เธอบอกมา เธอก็ควรเลิกกับเขาจริงๆ ฉันว่าเธอทำถูกแล้ว"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและมองไปที่หลิ่วเยว่เอ่อร์อย่างจริงจัง

"จริงเหรอ?" หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่อยากจะเชื่อ เฉินฮวนฮวนดูเป็นคนจริงจังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

"จริงสิ"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอีกครั้ง

"โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะฟังเธอ" หลิ่วเยว่เอ่อร์จับแขนของเฉินฮวนฮวนและซบลงบนไหล่ของเธอ

เฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดอะไร แต่คำที่หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดก่อนหน้านี้จุู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัวเธอ

ผู้ชายที่ชื่อหลิวตงรุ่ยกำลังตามหาเธอ สร้อยคอทองคำของแม่อยู่ในมือของเขา…

ไม่นานช่วงเช้าก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เสร็จแล้ว เฉินฮวนฮวนก็ไปที่ร้านชานมเพื่อทำงานพาร์ทไทม์ ในขณะเดียวกันหลิ่วเยว่เอ่อร์เองก็บอกกับเธอว่าเธอจะกลับไปที่หอพักเพื่องีบหลับและจะไปทำงานพาร์ทไทม์ที่บลูส์คลับในตอนกลางคืน แต่ที่จริงแล้วเธอกลับไปที่คฤหาสน์ในเขตชานเมืองด้านตะวันตกต่างหาก

……

ในตอนบ่ายดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสงสดใส

หลังจากช่วงเที่ยงผ่านไป ในร้านชานมก็แทบจะไม่เหลือใคร จะมีก็แต่เฉินฮวนฮวนที่ยังคงยุ่งอยู่กับการทำออเดอร์

ขณะที่เธอกำลังง่วนอยู่กับการชงชานมที่เคาท์เตอร์ จู่ๆเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากทางประตู

"โห บังเอิญจัง! ฮวนฮวน เธอทำงานพาร์ทไทม์เร็วไปหรือเปล่า? ฉันคิดว่าเธอจะมาทำงานในร้านชานมแค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น! "

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นและพบเข้ากับเฉินซินโหรวที่เดินจับมือของเยี่ยจิ่งเฉินเข้ามา ภายใต้แสงของดวงอาทิตย์ทั้งสองดูเหมาะสมกันจริงๆ

แม้แต่นักเรียนที่ผ่านไปก็อดไม่ได้ที่จะมองเพราะพวกเขาดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน

"ฮวนฮวน ไม่เจอกันนานเลยนะ"เยี่ยจิ่งเฉินก็เดินเข้ามาด้วย สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ เขาเอามือปิดปากและไอ ดวงตาของเขาหลบสายตาเธอเล็กน้อย

ดูเหมือนเขาจะอายเกินกว่าที่จะมองตรงๆไปที่เฉินฮวนฮวน

ท่าทางเยาะเย้ยค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินฮวนฮวน

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เห็นสองคนนี้พร้อมกันเป็นเวลานานแล้ว และเธอก็อดนึกถึงสิ่งที่เธอเห็นในโรงแรมปีที่แล้วไม่ได้

ตอนนั้นเธอทำงานอยู่ในร้านชานมแห่งนี้ด้วย วันนั้นพอเลิกงานเธอก็ได้รับข้อความจากเขา

เป็นข้อความที่เยี่ยจิ่งเฉินส่งมาและขอให้เธอไปพบเขาที่โรงแรม

เพราะวันถัดมานั้นเป็นวันเกิดของเธอและเธอก็เชื่อใจเยี่ยจิ่งเฉินพอสมควรว่าเขาคงจะไม่ได้นัดเธอไปโรงแรมเพื่อทำสิ่งนั้น

ในตอนนั้นเธอคิดว่าเยี่ยจิ่งเฉินคงจะเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้เธอ

ตอนนั้นเธอรีบไปหาเขาอย่างมีความสุข เธอค่อยๆเปิดประตูห้องในโรงแรมอย่างเงียบๆ แต่ก็ดันได้พบกับคนสองคนที่กำลังมีอะไรกันอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์

การเคลื่อนไหวของพวกเขารุนแรงเต็มไปด้วยกามอารมณ์ เยี่ยจิ่งเฉินอ้าปากครางและสบถคำหยาบออกมาอย่างมีความสุข

คนที่อยู่ใต้เยี่ยจิ่งเฉินไม่ใช่คนอื่นคนไกลแต่เป็นพี่สาวต่างแม่ของเธอ เฉินซินโหรว

ในตอนนั้นเฉินซินโหรวเห็นเธอแล้วแต่ก็ไม่ได้บอกเยี่ยจิ่งเฉินแต่อย่างใด กลับกันเธอก็เริ่มยั่วยวนเยี่ยจิ่งเฉินมากขึ้นกว่าเดิม

เฉินซินโหรวมองเธอด้วยสายตายั่วยุและถามเยี่ยจิ่งเฉิน: "อาเฉิน ใครมีเสน่ห์มากกว่ากัน ระหว่างเฉินฮวนฮวนกับฉัน?"

"ซินโหรว คุณนั้นแหละ คุณมีเสน่ห์มากที่สุดเลย ผมรักคุณนะ.." ขณะที่พูดเยี่ยจิ่งเฉินก็ยิ่งเพิ่มแรงมากขึ้น

เฉินฮวนฮวนยังคงจำได้ว่าในตอนนั้นเธอพูดอะไรไม่ออกเลย แม้แต่ตอนที่น้ำตาไหลลงมาก็แทบไม่มีเสียงด้วยซ้ำและเธอไม่รู้ด้วยว่าเธอยืนมองอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน

เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินเสร็จภารกิจของเขา เขาก็หันร่างของเขามาและกำลังจะนอนพักผ่อน แต่ดวงตาของเขาก็พบเข้ากับแฟนสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

"ฮวนฮวน คุณ…ทำไมคุณถึงมาที่นี่! คุณ…มานานเท่าไหร่แล้ว? "ดวงตาของเยี่ยจิ่งเฉินเบิกกว้างขึ้น ใบหน้าของเขาดูตกใจมาก

เฉินฮวนฮวนยิ้มอย่างน่าสังเวช ใบหน้าของเธออาบไปด้วยน้ำตาและเอ่ยถามเขาว่า: "นานเท่าไหร่แล้ว? นานเท่าไหร่แล้วที่พวกคุณแอบทำแบบนี้? "

เฉินซินโหรวไม่ได้สวมใส่อะไรบนร่างกายของเธอเลย เธอลุกขึ้นนั่งและเกี่ยวคอของเยี่ยจิ่งเฉินเข้าไปใกล้ๆ เธอเล่นหูเล่นตาจงใจจะยั่วยุเฉินฮวนฮวนและกล่าวว่า: "อาเฉิน บอกเธอไปสิ!"

"ฉัน….."เยี่ยจิ่งเฉินแข็งทื่อเหมือนคนโง่

"อาเฉิน ถ้าคุณไม่พูด งั้นฉันพูดเอง! ฉันก็ไม่อยากจะแอบทำอะไรลับหลังเธอหรอกนะแต่เราทำแบบนี้มาครึ่งปีแล้ว เธอคงรู้จักตัวฉันดี ยังไงเธอก็ต้องชดใช้! "เฉินซินโหรวพูดออกมาโดยไม่รู้สึกละอายสักนิดเลย

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินเช่นนั้นเธอก็แทบทรุดลงไป ดวงตาของเธอพร่ามัวไปหมด

เธอทิ้งไว้แค่เพียงประโยคเดียวว่า "เราเลิกกันเถอะ" แล้วรีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่นั้นมาเฉินซินโหรวและเยี่ยจิ่งเฉินก็เปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขา

กลับมาที่ปัจจุบันเยี่ยจิ่งเฉินสวมเสื้อกันลมสีเบจดูสดใสและดูหล่อเหลาเป็นพิเศษ การแต่งกายของเขาทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกคลื่นไส้

ข้างนอกดูดีแต่ข้างในเน่าเฟะ ตอนที่เขามีอะไรกับคนอย่างเฉินซินโหรว เธอจะไม่มีวันลืมมันไปชั่วชีวิต!

"คุณเยี่ย คุณเฉิน รับอะไรดีคะ?"เฉินฮวนฮวนถามอย่างเย็นชา

"พระเจ้า! เฉินฮวนฮวนมีแฟนใหม่แล้วเหรอ? "

ตอนนี้ทุกคนในชั้นเรียนเริ่มให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น ทุกคนล้วนดูตกอกตกใจมาก

เฉินฮวนฮวนเป็นหนึ่งในสาวสวยที่สุดในชั้นเรียน แต่เนื่องจากปกติเธอเป็นคนค่อนข้างเงียบ ไม่ว่าจะเวลาเรียนหรือเวลาทำงานพาร์ทไทม์ เธอแทบจะไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆเลย เธอไม่ได้ทำตัวเด่นทุกคนเลยไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับเธอมากนัก

ครั้งสุดท้ายที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นพิเศษคือเมื่อปีที่แล้วตอนที่เธอเข้ามาใหม่ๆ ตอนที่เยี่ยจิ่งเฉินแฟนคนแรกของเธอมาหาเธอ

เยี่ยจิ่งเฉินเป็นผู้ชายที่หล่อ แม้ว่าเขาจะเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเยี่ย แต่เขาก็เป็นคนรวยเหมือนกัน

ด้วยเหตุนี้เรื่องราวเกี่ยวกับเธอและเยี่ยจิ่งเฉินจึงแพร่สะพัดออกไปในช่วงเวลานั้น และในบางครั้งก็มีเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงชอบแซวว่าเธอนั้นได้แฟนที่เพอร์เฟ็ค

แต่ก่อนเวลาที่เธอถูกแซวเกี่ยวกับเยี่ยจิ่งเฉิงเธอก็มักจะเขินอายเสมอ แต่หลังจากเลิกกันเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้ว

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนกำลังตกใจ เธอตกใจที่เฉิงโม่พูดเรื่องนี้

ระหว่างทางเดินไปห้องเรียน เธอเตือนเขาอย่างชัดเจนแล้วว่าอย่าพูดเรื่องนี้ แต่ทำไมเขาถึงพูดออกมาอย่างนั้นล่ะ?

เธอกับเฟิงหานชวนจริงๆไม่ใช่แฟนกัน เหตุผลที่เธอโกหกก็เพราะเธอแค่หวังว่าเฉิงโม่จะไม่พูดใส่ร้ายและไล่ตามจีบเธออีก

แต่ก็ไม่คิดว่า …

"ฮวนฮวน เธอมีแฟนแล้วจริงหรอ?"หลิวเยว่เอ๋อร์เห็นท่าทางที่งุนงงของเฉินฮวนฮวน เธอดึงแขนของเฉินฮวนฮวนแล้วถามอย่างร้อนรน

เธอสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้าเฉินฮวนฮวนมีแฟนก็คงจะบอกเธอสิ แต่นี่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ยิ่งกว่านั้นเฉินฮวนฮวนก็ค่อนข้างที่ยุ่งมากในตอนนี้ คุณยายก็เพิ่งจะเสียไปด้วยแล้วจะไปมีเวลาหาแฟนได้อย่างไร?

"เยว่เอ่อร์ ฉันไม่มีแฟน"เฉินฮวนฮวนปฏิเสธทันที

เฉิงโม่กังวลมาก ตอนแรกเขาแค่พยายามที่จะอธิบายแต่เขาก็เผลอพลาดพลั้งพูดออกไป

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนหน้าเสีย เขาก็รีบกล่าวออกไปทันทีว่า: "ไม่ใช่ว่าพวกคุณเคยพูดไปเหรอ? แฟนของฮวนฮวนหล่อเหลาหรืออะไรทำนองนั้น เพราะฉะนั้นก็อย่ามาล้อผมกับฮวนฮวนสิ"

"อะไรกัน! หัวหน้า ฮวนฮวนเลิกกับแฟนคนนั้นไปนานแล้ว! ฮวนฮวนโสดมานานแล้ว! "ฉินเจียลี่พูดเสียงดัง น้ำเสียงของเธอดูผิดหวังเล็กน้อย ตอนแรกเธอคิดว่าจะมีข่าวดีเสียอีก

ฉินเจียลี่เป็นเพื่อนร่วมห้องที่น่ารักคนหนึ่ง เธอเป็นคนที่เข้าสังคมได้ง่ายและเป็นที่นิยมในหมู่เพื่อนๆอย่างมาก

"ใช่ ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่!" เฉิงโม่เกาศีรษะและเหลือบมองเฉินฮวนฮวน

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเฉินฮวนฮวนค่อยๆผ่อนคลายลง ท้ายที่สุดเฉิงโม่ก็สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้และไม่ได้เปิดเผยเรื่องระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนออกไป

"หัวหน้าของพวกเราโตเป็นหนุ่มแล้ว ถ้าอย่างนั้นเมื่อวานนายให้ดอกกุหลาบกับใครล่ะ?" ฉินเจียลี่ยังคงถามต่อหน้าเพื่อนๆร่วมชั้นของเธอ

หน้าของเฉิงโม่เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เขาเม้มปากและขบคิด จากนั้นก็เอ่ยออกไปว่า: "ผมถูกปฏิเสธ แต่ผมจะไม่บอกนะว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตามเธอไม่ใช่คนในห้องเรียนของเรา เธออยู่สายศิลป์!"

"แล้วทำไมจู่ๆนายถึงซื้อเครื่องดื่มให้ฮวนฮวนของเราล่ะ ถูกคนอื่นปฏิเสธเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ฮวนฮวนเหรอ? หัวหน้า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆนายก็เป็นคนที่แย่มากนะ! "ฉินเจียลี่พูดตรงๆ

"ไม่ใช่นะ เมื่อวานตอนที่ผมไปซื้อชานมที่ร้านชานม ผมไปถามฮวนฮวนเรื่องวิธีจีบสาวๆสองสามวิธีและขอให้เธอช่วยแนะนำผม เลยเป็นเหตุผลที่ผมซื้อเครื่องดื่มมาขอบคุณเธอ แม้ว่าจะไม่สำเร็จก็ตาม แต่ผมก็ต้องขอบคุณฮวนฮวน ใช่ไหมล่ะ?"หลังจากเฉิงโม่พูดจบ เขามองไปที่เฉินฮวนฮวนเพื่อยืนยันกับเธอต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น

เฉินฮวนฮวนเข้าใจทันทีว่าเฉิงโม่หมายถึงอะไร เธอรู้สึกได้เลยว่าเฉิงโม่นั้นฉลาดมากและอธิบายออกไปดีมาก นอกจากนี้เธอยังเข้าใจความหมายของคำพูดของเฉิงโม่อีกด้วย

เขากำลังบอกเป็นนัยๆว่าแม้ว่าเขาจะสารภาพรักกับเธอไปแล้วแต่เขาก็ยังอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ และทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้มีอุปสรรคมาขัดขวางต่อความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่างพวกเขาทั้งสองคน

"ใช่! ฉันให้คำแนะนำกับหัวหน้าไปเยอะเลย" เฉินฮวนฮวนตอบด้วยรอยยิ้ม

"ฮวนฮวน ถ้าอย่างนั้นก็บอกเรามาสิว่าใครคือคนที่หัวหน้าไปสารภาพรักด้วย?" เพื่อนร่วมชั้นหลายๆคนเริ่มถาม

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน และหัวหน้าก็ไม่ได้บอกฉันด้วย เขาแค่ขอคำแนะนำจากฉันเฉยๆ"เฉินฮวนฮวนส่ายหัว

"เฮ้อ ไม่สนุกเลย หัวหน้าแอบสารภาพรักไม่บอกใครเลย"ฉินเจียลี่อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ

ในขณะเดียวกันครูก็เข้ามาและเรื่องนี้ก็จบลง

เฉิงโม่อดไม่ได้ที่จะหันมามองเธอ เขาขยับแว่นกรอบสีดำและยิ้มให้เฉินฮวนฮวนและเฉินฮวนฮวนก็ยิ้มตอบเขาไป

หลิ่วเยว่เอ่อร์มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ยิ่งเธอคิดมากเท่าไหร่ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เห็นได้ชัดว่าเฉิงโม่น่าจะชอบเฉินฮวนฮวนแต่ทําไมถึงให้เฉินฮวนฮวนแนะนำและช่วยเขาสารภาพรักกับผู้หญิงคนอื่นได้ล่ะ?

เป็นไปได้ไหมว่าสาวสายศิลป์นั้นคือเฉินฮวนฮวน…

ปังอะไรเบอร์นี้!

"ฮวนฮวน หัวหน้าคนนั้นก็ไม่ได้แย่นะ! ถ้าเขาจีบตามเธอจริงๆ เธอน่าจะลองพิจารณาดูนะ"หลิ่วเยว่เอ่อร์เอนตัวไปกระซิบกับเฉินฮวนฮวน

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและหันไปมองหลิ่วเยว่เอ่อร์ ทำไมดูเหมือนว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์จะรู้เรื่องทั้งหมด

"เยว่เอ่อร์ เธอดูออกเหรอ?"เฉินฮวนฮวนถามอย่างรวดเร็ว

"เธอปิดบังฉันได้ด้วยเหรอ? เธอปฏิเสธเขา ใช่ไหม? ดังนั้น ถึงได้มีคำอธิบายเหล่านั้นจากเฉิงโม่ออกมา"หลิ่วเยว่เอ่อร์เม้มริมฝีปากของเธออย่างผู้ชนะ ราวกับว่าได้แสดงสติปัญญาของเธอออกมา

เฉินฮวนฮวนรีบบอกกับเธอว่าให้เงียบ "ชู่ว" และพูดเสียงเบาๆว่า "เยว่เอ่อร์ อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ เรื่องนี้มันจบไปแล้ว"

"เธอไม่ได้คิดอะไรเขาจริงๆเหรอ?" หลิ่วเยว่เอ่อร์หวังว่าเฉินฮวนฮวนและเฉิงโม่จะลงเอยกัน และทำให้เธอเลืกคิดเกี่ยวกับสร้อยคอของเธอไปเลย

เฟิงหานชวนน่ะ เธอจองไว้แล้ว!

เธอจะไม่เสียเฟิงหานชวนให้กับเฉินฮวนฮวนแน่ๆ แม้ว่าผู้หญิงในคืนนั้นคือเฉินฮวนฮวนก็ตามแต่ก็จะไม่ใช่อีกต่อไป

ตอนนี้หลิ่วเยว่เอ่อร์คือผู้หญิงในคืนนั้น

เธอได้อยู่ในคฤหาสน์ของเฟิงหานชวนอย่างสง่างาม!

"ไม่คิด"เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างเงียบ ๆ

"โอเค!"หลิ่วเยว่เอ่อร์เม้มริมฝีปากของเธออย่างเงียบ ๆ และเธอก็ขี้เกียจจะพูดอะไรต่อไปอีก

เธอยังไม่อยากให้ความสนใจกับเรื่องยุ่งเหยิงของเฉินฮวนฮวนในตอนนี้ เพราะสิ่งที่เธอต้องทำคือคิดวิธีจัดการกับเฟิงหานชวนให้เร็วที่สุด

คืนนี้เป็นโอกาสที่ดี

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

เมื่อเห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์อารมณ์ดีในช่วงสองวันที่ผ่านมา เฉินฮวนฮวนเลยถามออกไปด้วยความสงสัย: "เยว่เอ่อร์ ช่วงนี้เธอกับเกาจวินเซวียนกำลังไปได้สวยใช่ไหม?"

ถ้าไม่ใช่เขาแล้ว หลิ่วเยว่เอ่อร์จะดูมีความสุขแบบนี้ได้อย่างไร

"เขา?" หลิ่วเยว่เอ่อร์สีหน้าเปลี่ยนทันที และแสดงออกมาอย่างเหลืออด: "ฉันไม่ได้ติดต่อเขามาสองวันแล้ว ฉันว่าจะเลิกกับเขา"

"อะไรนะ!"เฉินฮวนฮวนอุทาน

ก่อนหน้านี้เธอจำได้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ชอบเกาจวินเซวียนมาก แถมยังเป็นคนขอวีแชทเกาจวินเซวียนก่อนด้วย

หลิ่วเยว่เอ่อร์ดูกระตือรือร้นมากมาตลอด และตอนนั้นเกาจวินเซวียนก็เป็นคนที่สารภาพรักและขอคบกับเธอก่อนเพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย และทั้งสองก็คบกันมาเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วด้วย

ถ้าอิงตามหลักเหตุผลแล้วความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองนั้นค่อนข้างความมั่นคงมาก แล้วทำไมจู่ๆถึงจะเลิกกันล่ะ?

"เยว่เอ่อร์ เกิดอะไรขึ้นกับเธอและเกาจวินเซวียนเหรอ?

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนซีดลงทันที

เธอไม่คิดว่าหัวหน้าชั้นเรียนที่อ่อนโยนจะพูดแบบนี้จริงๆ

"เฉินฮวนฮวน ถ้าคุณขายจริงๆ ผมก็จะซื้อคุณ บอกผมมาว่าค่าตัวคุณเท่าไหร่เพราะผมอยากได้คุณ!" ฟังจากน้ำเสียงของเฉิงโม่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาล้อเล่นหรือจริงจัง

"เพี๊ยะ" เฉินฮวนฮวนตบไปที่หน้าของเขาทันที

"หัวหน้า ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้!"เฉินฮวนฮวนพูดอย่างเย็นชาและเดินออกไป

เฉิงโม่กำหมัดแน่น เขาหันกลับไปแล้วตะโกนใส่เฉินฮวนฮวนว่า: "ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกผมมาสิว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณคืออะไร?"

เฉินฮวนฮวนชะงักทันที

ใช่ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนคืออะไร?

หากไม่มีเฟิงเฉินเหยี่ยนเธอก็จะไม่มีวันได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับเฟิงหานชวนอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ก็ดันมากอดกันในโรงรถ ไม่ผิดที่เฉิงโม่จะรู้สึกสงสัยในตัวพวกเขา

เฉินฮวนฮวนสูดลมหายใจและหันหลังกลับไปหาเขา เธอจับสายกระเป๋าของเธอแน่น เธอเม้มริมฝีปากและมองไปที่เฉิงโม่

"เขาเป็นแฟนฉัน ฉันก็แค่ไม่อยากพูดให้คนอื่นรู้ ฉันหวังว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ"เธอโกหก เธอแค่ไม่อยากให้คนมองเธอไม่ดี

เมื่อเฉิงโม่ได้ยินดังนั้น เขาก็เดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว เขาส่ายหัวและพึมพำกับตัวเอง: "ผมไม่เชื่อ ผมไม่เชื่อ…"

"หัวหน้า แฟนของฉันคือคุณชายสามตระกูลเฟิง ถ้าหากคุณเอาไปพูดล่ะก็ ฉันไม่รับประกันนะว่าเขาจะทำอะไรกับคุณบ้างเพราะทั้งเขาและฉันอยากเก็บทุกอย่างให้เป็นความลับ พวกเราไม่อยากให้ใครรับรู้ " เฉินฮวนฮวนพูดอย่างมั่นใจ

แต่จริงๆแล้วมือของเธอนั้นเย็นเฉียบและมีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด ในหัวของเธอกำลังเครียดราวกับเชือกตึงที่กำลังจะขาดออกจากกัน

"เฟิง ตระกูลเฟิง…" เฉิงโม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลเฟิงที่อยู่ในเมืองเป่ยเฉิงมาก่อน ตอนนี้ภายในหัวของเขารู้สึกว่างเปล่า

เขาไม่คิดเลยว่าเฉินฮวนฮวนจะมีความสัมพันธ์กับคนตระกูลเฟิง ถึงว่าทำไมเธอถึงไม่ชายตามองเขาเลยสักนิด!

พอคิดได้เขาก็รีบเดินเข้าไปจับและลูบใบหน้าของเฉินฮวนฮวนและเอ่ยขอโทษทันที: "ฮวนฮวน ผมขอโทษ ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เลยพูดอะไรแบบนั้นออกไป เอ่อ … อย่าบอกคุณชายสามตระกูลเฟิงได้ไหม? และคุณไม่ต้องกังวลไปนะ เพราะผมจะไม่เข้ามารบกวนคุณอีก ผมไม่อยากมีปัญหากับคนของตระกูลเฟิง..”

เฉินฮวนฮวนหลับตาลงเล็กน้อย เธอมองดูมือที่สั่นเทาของเฉิงโม่และตอนนี้เธอรู้สึกอึดอัดมาก

เธอไม่ได้อยากจะโกหกเขาแบบนี้ แต่เธอก็ไม่อยากให้คนอื่นดูถูกเธอและคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงขายตัว

"หัวหน้า ฉันจะไม่บอกเขา เรื่องเมื่อกี้ฉันจะไม่เก็บไปใส่ใจละกัน พวกเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะ! "ในความเป็นจริงเธอยังรู้สึกขอบคุณเฉิงโม่อยู่เหมือนกัน ขอบคุณที่เขารู้สึกชอบเธอ

แต่ตอนนี้สถานการณ์ของเธอไม่เหมาะที่จะตอบรับความรู้สึกของเขา

"โอเค ดีมากๆเลย! ฮวนฮวน คุณไม่ต้องกังวลนะ ต่อจากนี้ไปผมจะทำดีกับคุณ แต่อย่าเข้าใจผมผิดนะ ผมไม่ได้หมายในเชิงชู้สาวแบบนั้น ผมหมายถึงปฏิบัติต่อคุณให้ดีในแบบเพื่อน เราเป็นเพื่อนกันถูกไหม? "เฉิงโม่พูดอย่างประหม่า

"อืม เราเป็นเพื่อนกัน"เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอย่างมีความสุข

หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปที่ประตูมหาวิทยาลัยด้วยกัน และเฉิงโม่ก็ไม่พูดถึงเฟิงหานชวนอีกเลย

หลังจากมาถึงห้องเรียน ในตอนแรกเฉิงโม่ต้องการนั่งที่จะกับเฉินฮวนฮวน แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์ดันนั่งอยู่ก่อนแล้ว เธอจึงได้นั่งข้างๆหลิ่วเยว่เอ่อร์

"ฮวนฮวน ฉันเห็นเธอกับหัวหน้าเดินเข้ามาและพูดคุยหัวเราะคิกคักกัน พวกเธอเป็น…"ก่อนหน้านี้หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็สังเกตเห็นอยู่ว่าเฉิงโม่นั้นชอบเฉินฮวนฮวน แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เธอไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้ เพราะเธอโฟกัสแค่เรื่องจ้องจะจับแต่คนรวยๆเท่านั้น

"แค่บังเอิญเจอกันตรงทางเดิน เราเลยเข้ามาพร้อมกัน เออใช่ เยว่เอ่อร์ เธอพบสร้อยคอของฉันหรือเปล่า"เฉินฮวนฮวนถามอย่างกังวล

เมื่อคืนเธออยากจะโทรหาหลิ่วเยว่เอ่อร์แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์นั้นต้องทำงาน เธอจึงไม่อยากรบกวนเลยมาถามเอาตอนนี้แทน

"เรื่องนี้มันยาว ทำใจดีๆนะ ฉันจะเล่าให้ฟังว่า…"หลิ่วเยว่เอ่อร์กวักมือเรียกเธอให้เข้าไปใกล้ๆ

หัวใจของเฉินฮวนฮวนเริ่มตึงเครียด เธอรีบขยับหน้าเข้าไปใกล้หลิวเยว่เอ่อร์แล้วฟังเธอกระซิบบอกว่า: "ให้ทำเหมือนกับว่าสร้อยคอเส้นนั้นมันหายไปแล้วเถอะนะ ต่อไปอย่าได้พูดถึงมันอีกเลย!"

"เยว่เอ่อร์ เธอพูดอะไรน่ะ? ทำไมล่ะ?"เฉินฮวนฮวนถามอย่างรวดเร็ว

ถ้าไม่เจอก็แปลว่าไม่เจอ แต่เธอดันมาบอกว่าให้ทำเป็นเหมือนว่าสร้อยคอเส้นนั้นมันหายไปแล้ว นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

"สร้อยของเธอ มีคนกำลังตามหาเจ้าของอยู่ ซึ่งนั่นก็คือเศรษฐีที่ชื่อว่าหลิวตงรุ่ย "หลิ่วเยว่เอ่อร์แสร้งทำเป็นกลัว หดคอของเธอลงและพูดด้วยน้ำเสียงกลัว

เฉินฮวนฮวนรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เธอจึงรีบถามไปว่า: "หลิวตงรุ่ยเป็นคนยังไงเหรอ?"

คนที่ชื่อหลิวตงรุ่ยเป็นคนที่อยู่ในคืนนั้นกับเธอน่ะหรอ?

ผู้ชายคนนั้นกำลังตามหาเธอ?

ทำไมถึงอยากตามหาเธอ อยากคืนสร้อยคอ หรือว่า… เธอไม่กล้าคิดเรื่องนี้ต่อ

"เขาน่ากลัวมาก น่ากลัวมากจริงๆ!"หลิ่วเยว่เอ่อร์ส่ายหัวของเธอทันทีและพูดว่า: "ฮวนฮวน เธอไม่เคยพูดเลยว่าเธอทำสร้อยคอหายใช่ไหมล่ะ?"

"หลิวตงรุ่ยคนนั้น…."เฉินฮวนฮวน อดไม่ได้ที่จะถาม

"หลิวตงรุ่ยน่ะ ฉันจะบอกให้นะ เขาน่ะน่าเกลียดมาก ทั้งหัวโตแล้วก็หูกาง ชอบเล่นกับผู้หญิงไปทั่ว แถมยังหลอกผู้หญิงมานับไม่ถ้วนเลย !"หลิ่วเยว่เอ่อร์ลดเสียงของเธอและกระซิบ: "ดังนั้นตอนนี้ฉันจึงทำเพื่อประโยชน์ของตัวเธอเองนะ เธอแค่ทำเป็นว่าไม่มีสร้อยคออยู่จริงๆ ไม่ต้องมองหามันอีกต่อไป โอเคไหม?"

"หลิวตงรุ่ยคนนั้นกำลังมองหาเธอ แล้วก็ต้องการพาเธอกลับไปด้วยอย่างแน่นอน แล้วก็จะ…"

เฉินฮวนฮวนหน้าซีดด้วยความตกใจ

ทันใดนั้นก็มีคนตีเข้าที่หลังเธอ และความทรงจำอันเลวร้ายของคืนนั้นก็ฉายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอกรีดร้องออกมา

"อ๊าย!"

เมื่อเธอหันไป เธอก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากของเธอทันที

เป็นเฉิงโม่นั่นเองที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ

เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเฉิงโม่ เฉินฮวนฮวนก็รีบอธิบายทันที: "ขอโทษนะหัวหน้าห้อง เมื่อกี้ฉันตกใจนิดหน่อย เลย…"

เมื่อเธอมองไปรอบๆและเห็นสายตาของทุกคนในชั้นเรียนกำลังจ้องมองมาที่เธออยู่ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายขึ้นมาทันที

"ฮวนฮวน ผมซื้อเครื่องดื่มเกินมาขวดหนึ่ง อ่ะผมให้คุณ" เฉิงโม่เกาหัวและเดินไปที่ที่นั่งของเขาอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังตกตะลึง คนในชั้นเรียนหลายคนก็ส่งเสียง "ว้าว"

"หัวหน้า นี่นายจีบเฉินฮวนฮวนหรอ?" นักเรียนชายถามเสียงดัง

หลังจากนั้นทุกคนในชั้นเรียนก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น

"เมื่อคืนหัวหน้าห้องของเราซื้อช่อกุหลาบขนาดใหญ่กลับมาที่หอและรีบวิ่งออกไป แต่พอเขากลับมาดอกกุหลาบก็หายไปแล้ว" รูมเมทของเฉิงโม่เริ่มสร้างข่าวเสียๆหายๆและหัวเราะเยาะ

"หัวหน้าที่เป็นเด็กเนิร์ดกำลังมีความรักเหรอ?"

"หัวหน้าห้องได้ที่หนึ่ง เฉินฮวนฮวนได้ที่สอง เธอดูเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกับเขามากนะ!"

……

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เฉินฮวนฮวนก็หน้าแดงและรู้สึกอายทันที

เธอยืนขึ้นและกำลังที่อยากจะอธิบาย แต่เฉิงโม่ก็ก้าวไปข้างหน้าเธอก่อนและตบโต๊ะอย่างแรง เขาตะโกนใส่พวกเพื่อนๆว่า: "เงียบ!"

"ผมกับฮวนฮวนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันและเพื่อนที่ดีต่อนกัน อย่าพูดแบบนี้! ยิ่งไปกว่านั้นคือฮวนฮวนมีแฟนแล้ว "

ความรู้สึกเย็นสบายเช่นนั้น

ทว่าไม่นานก็เปลี่ยนเป็นอุ่นร้อน จากนั้นรู้สึกร้อนจนแผดเผา

เฉินฮวนฮวนตกตะลึง หลังจากเธอรู้สึกตัว เธอยื่นมือไปผลักหน้าอกของชายหนุ่ม ทว่าเธอกลับสัมผัสได้ถึงความเย็นบนริมฝีปาก

เขาปล่อยเธอเป็นอิสระ

ทว่าวินาทีต่อมา เสียงทุ้มต่ำแฝงความคลุมเครือของเขาดังเข้าหูของเธออีกครั้ง “คุณไม่ปฏิเสธ พอใจกับมันมากใช่ไหมล่ะ”

 

“คนบ้า! เฟิงหานชวน คุณมันคนบ้า!” เฉินฮวนฮวนกำลังจะยกมือขึ้น ทว่าข้อมือของเธอกลับถูกเขาคว้าเอาไว้เสียก่อน

ก่อนหน้านี้เฟิงหานชวนมีประสบการณ์แล้ว เขาเคยถูกเฉินฮวนฮวนตบหน้ามาแล้วครั้งหนึ่ง และจะไม่ยอมให้เธอตบหน้าตัวเองอีกเป็นครั้งที่สอง

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลย” เฟิงหานชวนขยับเข้าไปใกล้เธอ และเค้นเอาคำตอบจากเธออีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนรีบหันหน้าหนีไปอีกทาง ตอนนี้เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับชายหนุ่มโดยตรง

  

“เมื่อกี้ฉันตกใจ หลังจากรู้สึกตัว คุณ…” เมื่อการตอบสนองของเธอกลับมา เฟิงหานชวนก็ปล่อยเธอเป็นอิสระพอดี

  

“อย่าหาข้ออ้างให้ตัวเองเลย ความจริงคุณก็เต็มใจ” เฟิงหานชวนเอ่ยบอกอย่างมั่นใจ “ภายในเวลาสามวัน คุณต้องให้คำตอบผม ถ้าคุณทำตัวดี ผมจะตกลงให้คุณเป็นตัวจริง”

  

  

อันที่จริง สิ่งที่เขาไม่ได้บอกเธอก็คือ เธอเป็นภรรยาตัวจริงของเขาแล้ว

นายท่านส่งคนไปจัดการเรื่องทะเบียนสมรสให้เรียบร้อยแล้ว

“คุณ…” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเข้าหากัน ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างถึงขีดสุด เธอรู้สึกนับถือความหน้าไม่อายของเฟิงหานชวนเสียจริง

  

“เฉินฮวนฮวน อย่าได้คืบจะเอาศอก ฉันไม่รังเกียจที่เธอไม่บริสุทธิ์แล้วหรอกนะ” ใบหน้าของเฟิงหานชวนพลันอึมครึมขึ้น ก่อนจะเอ่ยบอกเธอเสียงเย็น

อันที่จริง เขาก็สงสัยอยู่ว่า ผู้ชายที่รักความสะอาดมากอย่างเขา ทำไมถึงสนใจผู้หญิงอย่างเฉินฮวนฮวนที่เคยมีความสัมพันธ์กับใครมาก่อนแล้ว

  

“รังเกียจ?” เฉินฮวนฮวนอึ้งจนพูดไม่ออก อดไม่ได้ที่จะกล่าวสั่งสอนเขา “เฟิงหานชวน คุณไม่มีสิทธิ์รังเกียจที่ฉันไม่บริสุทธิ์หรอกนะ เพราะคุณก็ไม่บริสุทธิ์แล้วเหมือนกัน พวกเราเสมอกัน ดังนั้นอย่าใช้คำพูดแบบนั้น!”

“…” มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย

เขาพบว่าบทสนทนาระหว่างเขากับเฉินฮวนฮวน ไม่ได้อยู่ในเรื่องเดียวกันเลยแม้แต่น้อย

  

“อีกอย่างนะ ฉันเคยแค่ครั้งเดียว! แล้วคุณล่ะ เดาว่าผู้หญิงน่าจะเยอะ คงจะเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว! ถ้าเทียบกับจำนวนครั้ง ฉันสะอาดกว่าคุณมาก!” เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างโกรธเคือง

เธอเกลียดน้ำเสียงที่ฟังดูเหนือคนอื่นของเฟิงหานชวน ราวกับในสายตาของเขา เธอไม่บริสุทธิ์แล้ว เธอต้องเป็นผู้หญิงที่สกปรกคนหนึ่ง

ถ้าหากจำนวนครั้งเป็นเช่นนั้นจริง นั่นหมายความว่าเธอสะอาดกว่าเฟิงหานชวนมาก

“…” ในเวลานี้ ใบหน้าของเฟิงหานชวนยิ่งอึมครึมเข้าไปอีก

ที่แท้ในสายตาของผู้หญิงคนนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นพวกหลับนอนกับใครมานับครั้งไม่ถ้วน?

  

“ครั้งเดียว” เขาเอ่ยบอกเสียงต่ำ

เดิมทีเฉินฮวนฮวนรู้สึกโมโหอยู่แล้ว ทันใดนั้น เฟิงหานชวนก็พูดมาสองคำ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้นไปอีก

  

“ทำไม ฉันเคยแค่ครั้งเดียว คุณไม่เชื่อหรือไง แล้วแต่คุณจะเชื่อหรือไม่ เชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ! เรื่องนั้นที่คุณพูด ไม่ต้องสามวันหรอก ฉันให้คำตอบคุณตอนนี้ได้เลย ฉัน…”

เฉินฮวนฮวนยังพูดไม่จบ ทว่าถูกขัดจังหวะด้วยคำพูดของชายหนุ่ม เธอได้ยินเสียงเย็นเยือกของเขากล่าวว่า “ผม…เคยแค่ครั้งเดียว”

  

“หะ?” เฉินฮวนฮวนพลันตกตะลึงอ้าปากค้างในทันที

ใบหน้าของเธอฉายแววตกใจออกมาอย่างปิดไม่มิด

ไม่ผิดใช่ไหม

เฟิงหานชวนเคยแค่ครั้งเดียว?

“คุณหลอกผีหรือไง!” เฉินฮวนฮวนโพล่งพูดออกไป

ใบหน้าของชายหนุ่มอึมครึมยิ่งกว่าเดิม

เขาบีบปลายคางของเฉินฮวนฮวน บังคับให้เธอสบตากับตัวเอง ดวงตาสีดำสนิทลึกล้ำคู่นั้น จ้องเธออย่างไม่วางตา

ทันใดนั้น เฉินฮวนฮวนรู้สึกหวาดกลัวในใจ เขาคงไม่คิดจะบังคับจูบตัวเองอีกใช่ไหม

  

“ผมไม่ได้โกหก” ชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยเสียงทุ้มต่ำ

เมื่อมองใบหน้าเคร่งขรึมและน่ากลัวของเฟิงหานชวน ครั้งนี้เฉินฮวนฮวนเชื่อแล้วจริงๆ

หรือว่า เมื่อคืนเป็นครั้งแรกของเฟิงหานชวนเหรอ

น่ากลัวเกินไปแล้ว ชายแก่วัย 29 ปีเพิ่งจะมีประสบการณ์เรื่องนี้เป็นครั้งแรก ไม่แปลกใจเลยที่เขาหิวกระหายขนาดนั้น

บางทีแฟนสาวของเขาอาจจะรีบกลับหอพัก เขาทำได้แค่ไปส่งแฟนสาวของเขาเท่านั้น ดังนั้นอาจจะไม่ถึงอกถึงใจของเขา สุดท้ายจึงสะสมความเก็บกดมา 29 ปี

ดังนั้น ตอนนี้เขาถึงได้บ้าคลั่งขนาดนี้ และยังอยากมีผู้หญิงอีกคน เขาตั้งใจจะเหยียบเรือสองแคม

เมื่อนึกถึงตรงนี้ จู่ๆ เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกขนลุกขนพอง ผู้ชายที่เก็บกดมาหลายปีแบบนี้ เขาต้องมีความผิดปกติทางจิตอย่างแน่นอน

เธอต้องอยู่ห่างจากเขา

“อาสาม ฉันเชื่อคุณ ฉันเชื่อคุณแล้วโอเคไหม ฉันจะสายจริงๆ แล้วนะ เรื่องที่คุณบอกฉันจะไปคิดดู คุณให้ฉันไปเรียนก่อน โอเคไหม” ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกกลัวมาก เกรงว่าจะทำให้ผู้ชายคนนี้โมโห เธอเอ่ยถามชายหนุ่มพร้อมกับยิ้มจนตาหยี น้ำเสียงพลันหวานขึ้นเป็นพิเศษ

เสียงนุ่มละมุนของหญิงสาวดังเข้ามาในหูของเขา เขารู้สึกราวกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านหัวใจ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เฉินฮวนฮวนทำให้เขารู้สึกแตกต่างออกไปจริงๆ

วินาทีต่อมา ประตูรถถูกปลดล็อก

เฉินฮวนฮวนเห็นเช่นนั้น เธอรีบเปิดประตูลงรถทันที

ทันทีที่ประตูรถปิดลง เธอก้าวเท้าเตรียมจะวิ่ง ทว่าเธอหันกลับมา หันหน้าไปทางประตูรถ ก่อนจะโค้งคำนับและโบกมือให้เฟิงหานชวน

“เดินทางระวังด้วยนะคะ” เธอฝืนยิ้มอย่างอารมณ์ดี

เฟิงหานชวนเห็นท่าทางเอาใจใส่เช่นนั้นของหญิงสาว เขาแอบยกยิ้มมุมปาก จากนั้นเขาก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไป

เมือเห็นของเฟิงหานชวนขับออกไปไกลแล้ว เฉินฮวนฮวนถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

คนแก่คนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!

เธอคิดในใจว่า การอยู่บ้านของตระกูลเฟิงไม่มีทางเป็นไปได้จริงๆ และไม่รู้ว่านายท่านของตระกูลเฟิงจะกลับมาจากฮาวายตอนไหน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ พรุ่งนี้เฉินฮวนฮวนจะลาหยุดงานกับร้านชานม และไปที่บ้านของตระกูลเฉิน

ตระกูลเฉินทั้งสามคนนั้น เธอไม่ปล่อยไปแน่!

ขณะกำลังคิดเรื่องนี้ เธอจึงเดินไปข้างหน้า ทว่ากลับโดนเงาดำของใครคนหนึ่งขวางทางไว้

เฉินฮวนฮวนเงยหน้ามอง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเฉิงโม่ หัวหน้าห้องคนที่สารภาพรักกับเธอเมื่อคืนนี้

  

“ฮาย หัวหน้าห้อง” เฉินฮวนฮวนรู้สึกวางตัวไม่ถูกอยู่บ้าง แต่ยังทักทายเขาตามมารยาท

แต่จู่ๆ เธอนึกขึ้นมาได้ว่า ดอกกุหลาบที่หัวหน้าห้องให้เธอ เธอลืมไว้บนรถเมล์

น่าเสียดาย ดอกกุหลาบช่อนั้นสวยมาก คงจะจ่ายเงินไม่น้อยเลย

เธอไม่ตอบรับคำสารภาพรักของเขา อันที่จริงก็ไม่ควรรับดอกไม้ของเขา แต่เมื่อคืนเขาวิ่งมาเร็วมาก ดังนั้นเธอจึงรับดอกไม้ของเขาอย่างไม่มีทางเลือก

“เฉินฮวนฮวน ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใคร” สีหน้าของเฉิงโย่ดูแย่มาก ใบหน้าของเขาดูเขียวคล้ำ เขาเอ่ยถามอย่างดุดัน

“เมื่อกี้…” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างทันที

หรือว่าเฉิงโม่เห็นแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอและเฟิงหานชวนในรถ?

  

“ผมเห็นคุณโผเข้าไปกอดเขาและจูบกับเขา ท่าทางของพวกคุณดูคลุมเครือมาก เขาเป็นแฟนของคุณเหรอ” เฉิงโม่ยังคงเค้นถามต่อ   

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก เธออยากปฏิเสธออกไป เพราะความจริงแล้วเฟิงหานชวนไม่ใช่แฟนหนุ่มของเธอ

แต่ถ้าปฏิเสธ เธอจูบกับผู้ชายที่ไม่ใช่แฟน ยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย

  

ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังว้าวุ่นใจ เฉิงโม่เห็นสีหน้าของเฉินฮวนฮวน เขาก็เค้นเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความโกรธ “ดูท่าทางของคุณแล้ว เขาเป็นแฟนของคุณใช่ไหม”

เฉินฮวนฮวนจับปลายผมตัวเองม้วนเล่นด้วยความประหม่า ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร

“เฉินฮวนฮวน ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ ผมมองคุณผิดไปจริงๆ !”

เฉิงโม่แสดงท่าทางรังเกียจ และกล่าวว่า “เพื่อเงินคุณถึงยอมขายตัว เงินสำคัญขนาดนั้นจริงๆ เหรอ เขาให้อะไรคุณบ้างล่ะ รถ บ้าน หรือจ่ายคุณครั้งละเท่าไร”

“อาสาม ขอร้องล่ะ คุณอย่าคิดว่าฉันจะอ่อยคุณได้ไหม ฉันไม่ได้หมายความว่าจะอ่อยคุณ!”

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนเต็มไปด้วยความงุนงง

อะไรคือเป็นผู้หญิงของเขา เขากำลังทดสอบเธออีกครั้ง ยังคิดว่าเธออาลัยอาวรณ์ตำแหน่งนายหญิงของตระกูลเฟิงเหรอ

ดูเหมือนว่าไม่ว่าเธอจะอธิบายอย่างไร เฟิงหานชวนก็จะเข้าใจผิดเกี่ยวกับเธอ คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หลงใหลในเกียรติยศอันจอมปลอมแบบนั้น

  

“…” มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกขึ้น

ตอนเขาพูดเรื่องจริงจัง ผู้หญิงคนนี้กลับไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น

ในเมื่อเธอฟังไม่เข้าใจ ก็ช่างเถอะ

ดังนั้น เฟิงหานชวนไม่ได้พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เขาหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อ

ภายในรถกลับสู่บรรยากาศเงียบเชียบอีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนแอบหันหน้ากลับไป และเหลือบมองเฟิงหานชวนแวบหนึ่ง ใบหน้าของเขาเรียบนิ่ง ท่าทางจริงจัง กำลังขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจ

ดูเหมือนว่า คำอธิบายของเธอเมื่อสักครู่ น่าจะได้รับการยอมรับจากเฟิงหานชวนแล้วใช่ไหม ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่เงียบเช่นนี้

หรือว่าเขาขี้เกียจเกินกว่าจะแก้ตัว?

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้าเขาไม่พูดจาไร้มารยาทอีก เธอก็สบายใจแล้ว

ไม่นาน เฟิงหานชวนก็จอดรถที่ประตูของมหาวิทยาลัย A และเอ่ยบอกเสียงเย็น “ถึงแล้ว”

เมื่อคืนเฉินฮวนฮวนนอนไม่ค่อยหลับ เธอจึงใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อได้ยินเสียงของเฟินหานชวน เธอถึงได้รู้สึกตัว หันไปมองก็เห็นว่ามาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยแล้ว

  

ในเวลานี้ หน้าประตูมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยผู้คนเดินเข้าออกกันอย่างขวักไขว่ ดูคึกคักเป็นอย่างมาก

เธอเหลือบมองแบรนด์รถยนต์บนป้ายโลโก้อย่างอดไม่ได้ เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เกาหัวแกรกๆ ด้วยความลำบากใจ ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเบา “อาสาม คุณช่วยขับไปข้างหน้าแล้วปล่อยฉันลงที่ปากทางข้างหน้าได้ไหมคะ”

  

“คุณไม่ได้อยู่มหาลัย A หรือไง” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วทันที

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ฉันอยู่มหาลัย A ฉันแค่…ถ้าฉันลงรถที่หน้าประตูแล้วคนรู้จักมาเห็น พวกเขาจะเข้าใจผิดได้” เฉินฮวนฮวนกล่าวอธิบายอีกสองสามประโยค

อย่างไรเสียนักศึกษาผู้หญิงบางคนก็ “ทำงานพิเศษ” แบบนั้นข้างนอก และยังมีรถหรูมารับส่งอีกด้วย ถ้าเธอลงจากรถของเฟิงหานชวน เธออาจจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแบบนั้น

เธอยังแคร์ชื่อเสียงของตัวเองอยู่บ้าง เธอเป็นนักศึกษาที่ดีของมหาวิทยาลัย คนอื่นจะเห็นเธอไม่ได้

เฟิงหานชวนมองใบหน้าที่ตีหน้ายุ่งของเฉินฮวนฮวน บวกกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดเมื่อสักครู่ เขายิ่งเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร

ห่วงโซ่ธุรกิจเช่นนั้นของนักศึกษาหญิง เขาก็รู้จัก ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรมาก สตาร์ทรถแล้วขับไปตรงปากทางข้างทาง

บนทางแยกตรงปากทาง เฉินฮวนฮวนหันมองหน้าหลังแวบหนึ่ง เห็นว่าไม่มีใคร ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

เธอหันกลับมา ก่อนจะยิ้มจางๆ ส่งให้เฟิงหานชวนแล้วพูดว่า “อาสาม ขอบคุณที่มาส่งฉันที่มหา’ลัยนะคะ”

แม้ว่าระหว่างพวกเขาจะเกิดเรื่องไม่น่าพึงพอใจนัก แต่เฉินฮวนฮวนก็ยังรักษามารยาทพื้นฐานกับเขา

หลังจากกล่าวขอบคุณ เธอเอื้อมมือไปจับประตูรถ เตรียมจะเปิดประตู ทว่าข้อมืออีกข้างหนึ่งของเธอกลับถูกคว้าเอาไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว

“เฉินฮวนฮวน ผมจะให้เวลาคุณพิจารณา สามวันพอไหม” เฟิงหานชวนเอ่ยถาม

เฉินฮวนฮวนมองไปที่ใบหน้าเคร่งขรึมของชายหนุ่ม ความฉงนสงสัยปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอถามขึ้นอย่างงุนงง “อาสาม คุณกำลังพูดเรื่องอะไรคะ”

พิจารณาเรื่องอะไรกัน สามวัน?

ทั้งหมดนี้คือเรื่องอะไรกัน

  

“คุณไม่ใช่ภรรยาของอาเหยี่ยนแล้ว ดังนั้นคุณสามารถเป็นผู้หญิงของผมได้” เฟิงหานชวนยื่นมือออกไป นิ้วเรียวยาวของเขายกคางของเฉินฮวนฮวนขึ้น ก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งขรึมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “จัดการความสัมพันธ์ทั้งหมดของคุณด้วย เมื่อคุณอยู่กับผมแล้ว คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับผู้ชายคนอื่นอีก”

  

ทันใดนั้น ดวงตาของฉินฮวนฮวนเบิกกว้างยิ่งกว่าระฆังทองแดงเสียอีก

ดังนั้น เขาจอดรถกลางทางตอนนั้น สิ่งที่เฟิงหานชวนพูดไม่ได้ดูถูกเธอ แต่เขาตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริงๆ อย่างนั้นเหรอ

เขาต้องการเลี้ยงดูเธออย่างนั้นเหรอ

“อาสาม คุณไม่ได้พูดผิดใช่ไหม คุณมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอคะ คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง พวกผู้ชายเหม็นโฉ่แบบนี้ทุกคนหรือเปล่า” เฉินฮวนฮวนประหลาดใจ และยิ่งโมโหยิ่งขึ้นกว่าเดิม

เธอรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย เธอกล่าวต่อว่า “ฉันไม่สนหรอกว่าที่คุณเพิ่งพูดไปเป็นเรื่องล้อเล่นหรือเรื่องจริง แต่ฉันบอกคุณไว้เลยว่า ฉันเฉินฮวนฮวนชีวิตนี้จะไม่มีวันเป็นเมียน้อย เพราะว่าฉันเกลียดเมียน้อยที่สุด!”

เดิมทีเฉินเหม่ยเจวียนเป็นเลขาที่ทำงานเก่งและมีความสามารถของคุณแม่ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะสมคบกับเฉินเจี้ยนหมิน แม้แต่เวลาเกิดของเฉินซินโหรวก็เร็วกว่าเธอตั้งหลายเดือน

ไม่ใช่เมียน้อย แล้วมันคืออะไรล่ะ

“หึ” เฟิงหานชวนหัวเราเย้ยหยันทันที เขาหันไปมองเธอ ก่อนจะพูดจาถากถาง “เธอหมายความว่า ถ้าเป็นแฟนจริงๆ เธอจะยอมใช่ไหม”

  

สีหน้าของเฉินฮวนฮวนพลันเปลี่ยนไป เธอไม่คิดเลยว่าเฟิงหานชวนยังคงเข้าใจเธอผิด

เขาดูถูกเธอขนาดนี้เชียวเหรอ

“ขอโทษนะคะ แฟนจริงๆ ฉันก็ไม่สนใจหรอก!” เฉินฮวนฮวนคร้านที่จะอธิบายอะไรอีก เธอกล่าวต่ออีกว่า “อาสาม คุณแก่เกินไปแล้ว! ฉันไม่สนใจหรอกค่ะ!”

“เฉินฮวนฮวน คุณ…” ในตอนนี้เอง ใบหน้าของเฟิงหานชวนพลันเปลี่ยนเป็นดำอึมครึมทันที

  

“ผู้ชายยิ่งอายุมาก ความสามารถแต่ละอย่างก็ค่อยๆ หายไป ดังนั้น คุณมีแฟนเป็นนักศึกษาก็ดูแลไว้ให้ดี! อย่าคิดมากเลย ตอนนี้นักศึกษาผู้หญิงต่างก็ชอบแฟนเด็กแนวลูกสุนัขขี้อ้อน หรือแฟนเด็กแนวลูกหมาป่าที่ดูแบดบอยกันทั้งนั้น เด็กหนุ่มที่เหมือนน้องชายน่ะ คุณไม่เป็นที่นิยมหรอกค่ะ!”

  

“ดังนั้นอาสาม คุณก็ควรทำดีกับแฟนของคุณไว้นะคะ ผู้หญิงที่ยอมรับคนอายุเยอะแบบคุณได้ หาจากไหนไม่ได้อีกแล้ว!”

แม้ว่าเธอจะเป็นหนี้เฟิงหานชวน แต่เธอบอกว่าจะจ่ายคืนให้เขา เธอไม่ปฏิเสธ

เธอไม่สามารถปล่อยให้เฟิงหานชวนพูดจาดูถูกถากถางเธอ เพียงเพราะเธอเป็นหนี้เขา ดังนั้นเธอจำเป็นต้องตอบโต้ ให้เฟิงหานชวนรู้ตัวว่า เขาไม่ได้เนื้อหอมขนาดนั้น

อย่าคิดว่ามีเงินแล้วยิ่งใหญ่ เขาก็แค่ผู้ชายแก่ที่มีเงินคนหนึ่งเท่านั้นเอง

เธอต้องการให้เขารับรู้ความจริง!

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกไป ใบหน้าของเฟินหานชวนเต็มไปด้วยความสงบนิ่งเย็นเยือก

เฉินฮวนฮวนรู้สึกหวาดกลัวในใจ เธออยากเปิดประตูออกไป แต่กลับพบว่าประตูยังไม่ได้ปลดล็อก เธอจึงเปิดประตูรถไม่ได้

 

“อาสาม ฉันต้องไปเรียนแล้ว! ถ้ายังไม่ลงรถอีก ฉันกลัวว่าจะสายนะคะ” เฉินฮวนฮวนพยายามปั่นหน้าฝืนยิ้มพูดกับเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเดือดดาลถึงขีดสุด คำพูดยั่วโทสะประโยคนั้นของเฉินฮวนฮวน ราวกับสายจุดชนวนระเบิด จุดเข้าที่ชนวนระเบิดของเขา

เขาเอื้อมมือไปคว้าตัวเฉินฮวนฮวนเข้ามาหาเขา

เฉินฮวนฮวนปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว และไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย เธอจึงถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน

เธอยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกไปตามสัญชาตญาณ พยายามดันตัวออกจากอ้อมกอดของเขา แต่คิดไม่ถึงด้วยความรีบร้อน มือของเธอที่วางอยู่ตรงนั้น คือต้นขาของเขา

มือของเธออยู่ใกล้กับตรงนั้นมาก

เธอตกใจรีบชักมือออกอย่างรวดเร็ว ทำไมเกิดเรื่องบังเอิญแบบนี้อีกแล้ว!

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นจะอธิบาย ทว่าชายหนุ่มกลับก้มลงมองเธอพอดี ปลายจมูกของทั้งสองชนกันโดยบังเอิญ ริมฝีปากของพวกเขาห่างกันเพียงหนึ่งมิลลิเมตร

ทั้งสองคนเบิกตากว้าง

เฉินฮวนฮวนกำลังจะหันกลับไป ทว่าเธอกลับถูกมือใหญ่รั้งท้ายทอยของเธอไว้

ทันใดนั้น ความเย็นประทับลงมาบนริมฝีปากของเธอ

“อาสาม แบบนี้…ไม่ดีมั้ง” เฉินฮวนฮวนปฏิเสธอย่างนิ่มนวล

เรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำไมเฟิงหานชวนไม่รู้สึกละอายใจเลยแม้แต่น้อย

เขาไม่รู้สึกผิดกับแฟนสาวของตัวเองสักนิดเลยเหรอ

“ไม่ดียังไง เราจะได้คุยกันสะดวก” เฟิงหานชวนยังคงกล่าวอย่างเรียบเฉย

เราจะได้คุยกันสะดวก…

ประโยคนี้ ทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง หวาดกลัวจนตัวสั่น

“อาสาม แฟนของคุณก็อยู่มหาลัยA นะ ตอนนี้คุณมีแฟน ที่นั่งข้างคนขับควรเป็นที่นั่งของแฟนคุณนะคะ กฎข้อนี้ ฉันจึงนั่งข้างคนขับไม่ได้ค่ะ”

เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างมีเหตุผล ความจริงทุกคำทุกประโยคของเธอกำลังเตือนเฟิงหานชวน เตือนสติว่าเขามีแฟนแล้ว อย่าทำอะไรออกนอกลู่นอกทางอีก

“อย่าพูดจาไร้สาระ” สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมมาก เขาปิดประตูที่นั่งด้านหลัง และเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ

จากนั้น เขาก็จับมือของเฉินฮวนฮวน และลากเธอไปนั่งบนที่นั่งข้างคนขับ

เฉินฮวนฮวนถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว สุดท้ายเธอทำได้เพียงขึ้นไปนั่งบนรถอย่างเชื่อฟัง นั่งลงบนที่นั่งข้างคนขับ

เธอคาดเข็มขัดนิรภัย และนั่งเบียดชิดริมประตู จนแทบจะหนีจากที่นั่งข้างคนขับหลายพันไมล์

เฟิงหานชวนเดินอ้อมไปด้านหน้ารถ เมื่อเปิดประตูรถทางฝั่งคนขับ เขาก็เห็นท่าทางเช่นนั้นของเฉินฮวนฮวน อารมณ์โมโหพลันพลุ่งพล่านขึ้นในใจ

เธอรังเกียจเขาขนาดนี้เชียวเหรอ

หรือว่า เธอยังคิดเรื่องตำแหน่งนายหญิงของตระกูลเฟิง ดังนั้นเธอจึงอยากอยู่ห่างจาก ‘อาสาม’

เฟิงหานชวนยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโกรธ คิดไม่ถึงว่าตัวเองรู้สึกอะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนนี้เข้าแล้ว เมื่อคืนเขายังจูบเธออย่างดุเดือดด้วยความหุนหันพลันแล่น

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฟิงหานชวนก็เหยียบคันเร่ง และขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

เฉินฮวนฮวนสะดุ้งตกใจ รีบคว้าที่จับไว้แน่น หัวใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นกลัว

รถขับออกไปได้สักพัก ทว่าภายในรถกลับเงียบเชียบอย่างมาก ไม่มีใครปริปากเอ่ยอะไรทั้งสิ้น

ในใจของเฉินฮวนฮวนรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เขาบอกว่าต้องการคุยกับเธอไม่ใช่เหรอ

เธอคิดว่าเฟิงหานชวนจะขอโทษเธอ ใครจะรู้ว่าเขาทำหน้าตาย ราวกับเธอติดหนี้เขา

ทว่า เมื่อคิดดูแล้ว ความจริงเธอก็ติดหนี้เขาหนึ่งแสนหยวน และเขายังช่วยเธอเอาไว้ นับว่าเธอเป็นหนี้บุญคุณเขาแล้ว

  

“อาสาม ฉัน…” เฉินฮวนฮวนเอ่ยปาก เธอรวบรวมความกล้าพูดออกมาไป “เงินที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันจะพยายามคืนคุณให้เร็วที่สุด แต่เพราะฉันเป็นหนี้คุณ คุณจะมาทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้…”

เมื่อเฟิงหานชวนได้ยิน มุมปากของเขาก็กระตุกขึ้น

 

ผู้หญิงคนนี้คิดว่าเขาให้เธอขายตัวเพื่อชดใช้หนี้เหรอ

เขากำลังจะเอ่ยปากไป โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ในรถก็สั่นขึ้นมา

“อาสาม โทรศัพท์…” เฉินฮวนฮวนชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือของเฟิงหานชวน

  

เฟิงหานชวนใส่หูฟังบลูทูธแล้วรับสาย เสียงอ่อนเสียงหวานก็เข้ามาในหูของเขาทันที

“คุณชายสาม ฉันเยว่เอ่อร์นะคะ ฉันโทรหาคุณเวลานี้ ไม่รบกวนคุณใช่ไหมคะ” หลิ่วเยว่เอ่อร์หัวเราะอย่างเหนียมอาย

“มีอะไรครับ” เขาเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย

“ฉันจะถามคุณว่า ตอนเย็นคุณว่างไหมคะ ฉันลงมือทำกับข้าวเอง คุณมาที่ซีเจียวได้ไหมคะ ฉันอยากเชิญคุณมาทานข้าวค่ะ” หลิ่วเยว่เอ่อร์อดรนทนรอไม่ไหวที่จะเอ่ยถาม

  

“ตอนเย็น…” เฟิงหานชวนเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เขาโดยไม่รู้ตัว และเฉินฮวนฮวนก็กำลังจ้องเขาอยู่เช่นกัน

หลิ่วเยว่เอ่อร์เห็นว่าเฟิงหานชวนลังเลไม่ยอมตอบ เธอใช้เสียงอ่อนเสียงหวานพูดทันที “คุณชายสาม เรื่องคืนนั้นทำฉันกลัวจนถึงตอนนี้อยู่เลยค่ะ คุณไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันแค่เชิญคุณมาทานข้าว ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นเลยค่ะ แค่อยากนั่งคุยกันเท่านั้น บางทีฉันอาจจะลดความกลัวลงได้บ้าง”

คิ้วของเฟิงหานชวนขมวดเข้าหากัน และเอ่ยตอบ “ได้ครับ”

เรื่องนี้เป็นความผิดของเขาเอง ดังนั้นเขาไปพบหลิ่วเยว่เอ่อร์ ก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ

ก่อนหน้านี้ เขายังวางแผนจะรับผิดชอบ แต่ว่า…

ไม่รู้ว่าทำไม เขาไม่รู้สึกอะไรกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เลยแม้แต่น้อย บางทีอาจเป็นฤทธิ์ของยาในคืนนั้น

แต่เขาทำร้ายหลิ่วเยว่เอ่อร์ ดังนั้นเขาก็ต้องชดเชยให้เธออย่างสุดความสามารถ

  

“จริงเหรอคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณช่างเป็นคนดีจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่น ฉันคงต้องทนทรมานอยู่คนเดียว…คุณชายสาม คุณช่างเป็นคนดีเหลือเกิน…” หลิ่วเยว่เอ่อร์กล่าวอย่างน่าสงสาร ราวกับหญิงสาวที่โดนทำร้ายอย่างแสนสาหัส

  

ทว่าฟังดูเหมือนว่า ทำให้คนกระอักกระอ่วนใจ น่าสงสารเกินไป ผลลัพธ์จึงตรงกันข้ามกับที่คาดหวังไว้ไปหน่อย

“งั้นเจอกันตอนเย็นนะครับ” เฟิงหานชวนพูดจบ ใบหน้าฉายแววหงุดหงิดแวบหนึ่ง จากนั้นเขาก็วางสาย

แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะไม่ได้ยินสิ่งที่คนปลายสายพูด แต่คำตอบของเฟิงหานชวนคือ “ตอนเย็นได้ครับ” หรือ “เจอกันตอนเย็นนะครับ” แค่ฟังก็รู้ว่าเป็นสายจากแฟนสาวของเขา

  

“อาสาม ตอนเย็นคุณมีนัดเหรอคะ” เฉินฮวนฮวนถามขึ้น และกล่าวต่อว่า “ขอให้มีความสุขกับการเดทค่ะ!”

  

“อันที่จริงโรงเรียนของเรา ไม่ต้องกลับหอพักตอนเย็นก็ได้นะ ทางหอพักไม่ตรวจ ดังนั้นคุณกับแฟนจะค้างคืนข้างนอกก็ได้ ยังไงพวกคุณก็โตๆ กันหมดแล้ว ถูกไหม!” เธอกล่าวเสริมอีกสองสามประโยค

เธอต้องการเตือนสติเฟิงหานชวน ในเมื่อเขามีแฟนแล้ว ตอนเย็นพวกเขายังสามารถค้างคืนด้วยกันได้ ถ้าอย่างนั้นเขาควรใช้เวลากับแฟนสาวของเขา อย่าคิดออกนอกลู่นอกทาง

ทว่า เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้จากเฉินฮวนฮวน ใบหน้าของเฟิงหานชวนก็ดำอึมครึมขึ้น

ผู้หญิงคนนี้ อยากให้เขาไปค้างคืนกับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ ใช่ไหม

หรือว่า เธอไม่รู้สึกหึงสักนิดเลยเหรอ

ตอนนี้ เฟิงหานชวนเริ่มสงสัยเสน่ห์ของตัวเองอย่างจริงจัง

เขาจอดรถตรงข้างทาง ก่อนจะตวาดเสียงดังลั่น “เฉินฮวนฮวน!”

เฉินฮวนฮวนงุนงงกับการหยุดรถอย่างกะทันหันของเฟิงหานชวน คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน เธอเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “อาสาม คุณเป็นอะไรเหรอคะ”

  

“คำก็อาสามอีกคำก็อาสาม หรือว่าคุณยังนึกถึงตำแหน่งนายหญิงของตระกูลเฟิงอยู่?” ใบหน้าของเฟิงหานชวนปรากฏอาการเย้ยหยัน

สีหน้าของเฉินฮวนฮวนพลันเปลี่ยนไปทันที เธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะดูถูกเธออีก

  

“อาสาม คำนี้หมายถึงฉันเคารพคุณ! คุณแก่กว่าฉันตั้งหลายปี หรือว่าจะให้ฉันเรียกชื่อคุณ? เฟิงหานชวน เฟิงหานชวน ฉันเรียกคุณว่าเฟิงหานชวนอีกคำก็เฟิงหานชวนแบบนี้ คุณชอบไหมล่ะ”

เฉินฮวนฮวนรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก และกล่าวต่อว่า “อีกอย่าง ก่อนหน้านี้เราเคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ รอให้นายท่านกลับมา ฉันจะออกไปจากบ้านของตระกูลเฟิง ฉันจะไม่อาลัยอาวรณ์ตำแหน่งนายหญิงของตระกูลเฟิง”

“ดี ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นคุณต้องเข้าใจให้ดี ตอนนี้คุณไม่ใช่นายหญิงของตระกูลเฟิงแล้ว คุณเป็นเพียงผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในบ้านของตระกูลเฟินชั่วคราวเท่านั้น” เฟิงหานชวนกล่าวด้วยคำพูดเฉียบคม

  

“ฉันรู้ค่ะ คุณไม่ต้องเตือนฉันหรอก” เฉินฮวนฮวนเข้าใจเป็นอย่างดี

ดังนั้น ตอนนี้เธอกำลังตำหนิเฟิงหานชวน ไม่ต้องพูดถึงต้องว่าเขาเป็นอาของเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่เน้นย้ำว่าเขามีแฟนแล้ว คำพูดและการกระทำของเขาอย่ามากเกินไป

“เฉินฮวนฮวน คุณเต็มใจที่จะไปจริงๆ เหรอ” เฟิงหานชวนจ้องเธออย่างไม่วางตา มุมปากของเขายกยิ้มอย่างเย้ยหยัน

  

ครั้งนี้เฉินฮวนฮวนแทบจะอาเจียนเป็นเลือดจริงๆ เธออ้าปากกำลังจะเอ่ยโต้แย้ง เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มกลับดังขึ้นอีกครั้ง

“ความจริง ผมให้โอกาสคุณได้อีกครั้งนะ มาเป็นผู้หญิงของผม”

เฟิงหานชวนอุ้มเฉินฮวนฮวนเดินไปที่โต๊ะอาหาร

เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง เขาอุ้มตัวเองแบบนี้ในห้องโถงของตระกูลเฟิงได้อย่างไร

ถ้าคนรับใช้ของตระกูลเฟิงมาเห็นจะอธิบายอย่างไร!

ในตอนนี้เอง สิ่งที่เฉินฮวนฮวนกำลังคิดก็เกิดขึ้นจนได้

แม่บ้านหลี่ยกถ้วยเดินออกมา และเจอพวกเขาอยู่ตรงหน้า

เสียง “เพล้ง” ดังขึ้น ถ้วยและตะเกียบตกลงบนพื้น เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ดวงตาทั้งสองของแม่บ้านหลี่เบิกกว้างยิ่งกว่าระฆังทองแดงเสียอีก เฉินฮวนฮวนรีบดิ้นรนลงจากอ้อมแขนของเฟิงหานชวน และยืนบนพื้น

ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ เธอรีบเดินไปหาแม่บ้านหลี่ และหยิบถ้วยกับตะเกียบบนพื้นขึ้นมา ก่อนจะอธิบายว่า “แม่บ้านหลี่ คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันกับคุณชายสามไม่ใช่อย่างที่คุณคิด…”

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกทั้งอึดอัดทั้งกังวลใจ ในใจของเธอราวกับมดบนหม้อร้อนๆ กระวนกระวายใจอย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

ความคิดของเธอกำลังตีกันในหัวอย่างวุ่นวายไปหมด เธอคิดหาเหตุผลที่จะอธิบายตอนนี้ไม่ได้จริงๆ

ในตอนนี้เอง เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังมาจากด้านหลัง “เฉินฮวนฮวนเพิ่งเป็นลม ผมก็เลยจะอุ้มเธอไปที่เก้าอี้”

“เป็น เป็นลม?” เฉินฮวนฮวนเอ่ยขึ้น ทันทีที่เธอหันหน้าไป ก็สบตากับสายตาอึมครึมของเฟิงหานชวนพอดี

เธอพยักหน้าทันที จากนั้นหันไปอธิบายกับแม่บ้านหลี่ว่า “แม่บ้านหลี่ มันเป็นแบบนี้นะคะ ฉันน้ำตาลในเลือดต่ำ ฉันเพิ่งเป็นลมอยู่ที่พื้นในห้องรับแขกน่ะค่ะ”

“อ๋อ อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง! ฮวนฮวน งั้นคุณรีบไปนั่งเถอะค่ะ ฉันจะไปล้างถ้วยกับตะเกียบใหม่” แม่บ้านหลี่หยิบถ้วยและตะเกียบในมือของเธอ และหันหลังเดินเข้าไปในห้องครัว

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากแน่น และยกมือขึ้นขยุ้มศีรษะย่างอดไม่ได้ จากนั้นเธอก็หันหน้ากลับมาอีกครั้ง และมองเฟิงหานชวนอย่างเดือดดาล

เดิมทีเธอคิดจะหนีออกไปเลย แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้ตัวเองเป็นโรค “น้ำตาลในเลือดต่ำ” จำเป็นต้องกินข้าวเช้าก่อนออกไป ไม่อย่างนั้นแม่บ้านหลี่คงไม่เชื่อคำอธิบายเมื่อสักครู่

ดังนั้น เฉินฮวนฮวนทำได้เพียงกัดฟันเดินไปข้างหน้า เมื่อเดินเพียงสองก้าว ในใจของเธอก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคิดถึงเรื่องที่ผู้ชายคนนี้จูบเธออย่างดุเดือดเมื่อคืน

ยิ่งไปกว่านั้น เขามีคนรักแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้กับเธอ น่ารังเกียจที่สุด!

ยิ่งเธอคิดเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เฉินฮวนฮวนหันกลับมาอีกครั้ง และยืนอยู่ตรงหน้าของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเห็นท่าทางของเธอ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ความงงงวยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

ขณะที่เขากำลังคิดว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไร เขาก็รู้สึกเจ็บบนบริเวณหลังเท้า เมื่อเขาก้มลงดู ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเหยียบเท้าของเขา

เฉินฮวนฮวนกัดฟันกรอดมองเขา เธอกดเสียงต่ำพูดลอดไรฟันออกมา “คนแก่หน้าไม่อาย!”

เมื่อพูดจบ เธอก็หันกลับไป และเดินไปที่โต๊ะอาหาร จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้

เฟิงหานชวนยืนอยู่ที่เดิม มองรองเท้าหนังของเขาที่เปื้อนรอยรองเท้า คำพูดเมื่อสักครู่ยังดังก้องในหูของเขา จากนั้นมุมปากของเขาก็กระตุกขึ้น

คนแก่หน้าไม่อาย?

พูดว่าเขาหน้าไม่อาย แต่พูดว่าเขาแก่ไม่ได้!

เฟิงหานชวนสาวเท้าไปข้างหน้า และนั่งตรงข้ามกับเฉินฮวนฮวน เขาจ้องหน้าเธออย่างไม่วางตา

เฉินฮวนฮวนรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองเธออย่างโจ่งแจ้งของเขา อย่ามองไป มองไปนอกหน้าต่าง อย่ามองเขา เธอเมินเฉยต่อสายตาคู่นั้น

“อะแฮ่ม!” เฟิงหานชวกระแอมไอขึ้น ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ผมแก่กว่าคุณแค่เก้าปีเองนะ”

ปีนี้เขาอายุ 29 เฉินฮวนฮวนอายุ 20 พวกเขาต่างก็อายุขึ้นเลข 2 เธอพูดว่าเขา “แก่” ได้อย่างไร

เอะอะอะไรก็เรียกเขาว่าคนแก่ เฟิงหานชวนโกรธจนเจ็บปวดรวดร้าวไปถึงตับไตไส้พุงเลยทีเดียว

  

แม้ว่าเมื่อคืนตัวเองจะทำเรื่องผิดศีลธรรมจริงๆ เขาหุนหันพลันแล่นจูบผู้หญิงคนนี้อย่างดุเดือด แต่เขาก็ขอโทษเธอไปแล้ว ทำไมเธอถึงยังค้างคาใจอีก

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนอื่นแทบอยากจะปีนขึ้นบนเตียงของเขาจะตายไป เขาจูบเธอ เธอควรจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจถึงจะถูก

“ว้าว อาสามอายุตั้งยี่สิบเก้าแล้วนะ! ปีหน้าคุณก็สามสิบแล้วไม่ใช่เหรอคะ คุณแก่มากจริงๆ!” เฉินฮวนฮวนกลอกตาจนเห็นตาขาวใส่เขา และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณหาแฟนยังเป็นเด็กมหา’ลัย a แม้ไม่รู้ว่าอยู่ปีหนึ่ง ปีสอง ปีสามหรือว่าปีสี่ แต่จะว่าไป คุณก็วัวแก่กินหญ้าอ่อนนั่นแหละ”

  

เมื่อได้ยินน้ำเสียงปลิ้นปล้อนเช่นนี้ของเธอ อารมณ์ของเฟิงหานชวนกำลังโกรธจัด ฝ่ามือหนาทุบลงบนโต๊ะอาหารจนเกิดการกระทบเสียงดัง

เฉินฮวนฮวนสะดุ้งตกใจทันที เธอมองไปที่เฟิงหานชวน ใบหน้าของชายหนุ่มอึมครึมจนน่ากลัว

ทันใดนั้น เธอรู้สึกปอดแหกขึ้นมาเสียแล้ว!

“มาแล้ว มาแล้ว มาแล้ว น้ำเต้าหู้มาแล้วค่ะ เช้านี้กินแพนเค้กไข่นะ!” ในตอนนี้เอง เสียงของแม่บ้านหลี่เอ่ยขึ้นขัดจังหวะพวกเขา

ทันใดนั้น หัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่ก็เงียบลง ทั้งสองคนเริ่มรับประทานอาหารเช้า บรรยากาศของมื้อเช้านี้นิ่งสงบจนน่าอึดอัด

  

เฉินฮวนฮวนต้องการหลุดพ้นจากบรรยากาศเช่นนี้ เธอยัดทุกอย่างลงท้องจนอิ่ม ก็วางตะเกียบลง จากนั้นก็รีบวิ่งไปยังประตูห้องรับแขกแล้วเปลี่ยนรองเท้าทันที

ทว่า คาดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ข้างเธอ ทำให้เธอถึงกับสะดุ้งตกใจ

“อา อาสาม คุณมาตั้งแต่ตอนไหนคะ” เธอไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวใดๆ เลยแม้แต่น้อย

เธอยังสงสัยว่า เฟิงหานชวนเป็นผีหรือเปล่า!

เฟิงหานชวนไม่ตอบ เขาสวมรองเท้าหนัง เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรองเท้าเลยด้วยซ้ำ ทว่าเขาดึงกระดาษสองแผ่น และเช็ดรอยรองเท้าที่ประทับบนรองเท้าหนังของเขาอยู่ตรงหน้าเฉินฮวนฮวนอย่างจงใจ

เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นการกระทำเช่นนี้ของเฟิงหานชวน เดิมทีเธอวางแผนจะแอบหนีเอาตัวรอด ทว่าเธอกลับหยุดอยู่กับที่โดยไม่รู้ตัว

รอยรองเท้านี้ เป็นรอยที่เธอจงใจเหยียบเท้าของเฟิงหานชวน และทิ้งรอยไว้บนรองเท้าหนังของเขา

  

“ฉันขอโทษ” เธอเม้มริมฝีปาก ก่อนจะทิ้งประโยคนั้นไว้กับเขาแล้วหมุนตัวกลับเดินออกไป

ทว่าเธอก้าวเท้าเดินไปเพียงหนึ่งก้าว ข้อมือของเธอก็ถูกมือข้างหนึ่งคว้าเอาไว้ เธอหันกลับมา สบตากับดวงตาสีดำสนิทลึกล้ำของเฟิงหานชวนคู่นั้น ราวกับสามารถดึงเธอเข้าสู่วังน้ำวนที่ลึกล้ำไร้ที่สิ้นสุด

เฟิงหานชวนเป็นคนแบบไหนกันแน่ เธอมองไม่ออกจริงๆ

บางครั้งเธอรู้สึกว่าคนเป็นคนดีมาก บางครั้งเธอก็รู้ว่าเขาน่ารำคาญมาก เขาเหมือนเป็นคนที่มีสองบุคลิก

ตอนเขาปกป้องเธอ ตอนเขาช่วยเหลือเธอ เขาเหมือนกับเทวดาที่ลงมาจากฟ้า แต่ตอนเขาพูดเย้ยหยันเธอ ตอนเขารังควานเธอ เขาเหมือนกับผู้ชายที่มีกลิ่นเหม็นเน่าจนน่ารังเกียจคนหนึ่ง

  

“ผมจะไปส่งคุณที่โรงเรียน” เฟิงหานชวนมองใบหน้าเรียวเล็กหมดจดของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้พลันนึกถึงท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูกของเธอเมื่อคืน ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบในส่วนลึกหัวใจ

“ไปส่งฉันที่โรงเรียน?” เฉินฮวนฮวนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก สงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดไป

“ผมมีธุระ ผ่านทางนั้นพอดี” เฟิงหานชวนยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปาก ในใจรู้สึกอยากจะปฏิเสธเขา ตอนนี้เธอไม่อยากอยู่กับเฟิงหานชวนตามลำพัง เธอกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเมื่อคืนจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

แม้ว่าเขาจะช่วยชีวิตเธอเมื่อคืน และเธอขอบคุณเขาไปแล้ว ทว่าเธอก็ยังกลัว

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนลังเลว่าจะปฏิเสธอย่างไร

  

“ถือโอกาสพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วย” ขณะเฟิงหานชวนพูด เขาก็ดึงเฉินฮวนฮวนตรงไปที่โรงจอดรถ

เธอไม่มีช่องว่างให้ปฏิเสธเขาได้เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเดินมาถึงที่รถ เธอตั้งใจเปิดประตูด้านหลัง และเข้าไปนั่งเบาะหลัง เพื่อเธอจะได้รักษาระยะห่างกับเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเห็นการกระทำเช่นนี้ของเฉินฮวนฮวน ใบหน้าของเขาหงิกงอบึ้งตึง และเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ไปนั่งข้างหน้า!”

“อื้ม…”

  

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างขึ้นทันที

  

สมองของเธอแทบจะขาวโพลนไปในทันที จนเธอไม่อาจต่อต้านการกระทำของเขาได้แล้ว

การเชื่อฟังของหญิงสาว ทำให้เฟิงหานชวนได้รับรสสัมผัสของเธอ ยิ่งทำให้เขาจู่โจมเธอหนักหน่วงขึ้นไปอีก

  

ความเจ็บที่ริมฝีปาก ทำให้เฉินฮวนฮวนตอบสนองทันที เธอโดนเฟิงหานชวนจูบ และยังเป็นรสจูบที่ร้อนแรงมาก

ขณะที่เธอตกใจ เธอรีบยื่นมือออกไปที่หน้าอกของเฟิงหานชวน เธอออกแรงดันเขา พยายามผลักเขาออกไป

ทว่า เฟิงหานชวนหลงใหลในรสสัมผัสอันแสนหวานนี้ไปเสียแล้ว เขาไม่สนใจอาการต่อต้านของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย ฝ่ามือใหญ่กดรั้งท้ายทอยของเฉินฮวนฮวนเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอหนีจากรสจูบที่เขากำลังมอบให้

  

เฉินฮวนฮวนตกใจเป็นอย่างมาก การขัดขืนของเธออยู่ภายใต้การควบคุมของเฟิงหานชวน ราวกับปุยฝ้ายเจอกับบล็อกเหล็ก โดยเธอไม่มีเรี่ยวแรงจะโต้ตอบแม้แต่น้อย

 

ความรู้สึกนี้ ช่างเหมือนกับคืนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน เธอเหมือนกับลูกแกะที่กำลังรอถูกเชือด

  

กลิ่นอายความน่ากลัวของเขาโอบล้อมตัวเธอเอาไว้ ทำให้เธอร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง

รสชาติหอมหวานภายในปากของเขาเปลี่ยนเป็นรสเค็มในทันที สติของเฟิงหานชวนถูกดึงกลับมา เขารีบปล่อยหญิงสาวตรงหน้า แต่เขากลับเห็นแก้มของเธอ เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบเต็มแก้มทั้งสองข้าง

เขาลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะยกมือขยุ้มศีรษะของตัวเองอย่างแรง เมื่อสักครู่นี้เขาทำอะไรลงไป

  

ไม่คิดว่าเขากับเฉินฮวนฮวนจะ…

  

เขาบ้าไปแล้วเหรอ

  

“อาสาม ทำไมคุณถึงทำแบบนี้…” เฉินฮวนฮวนเอ่ยประท้วงเฟิงหานชวน

  

ถ้าเธอไม่ร้องไห้อย่างหนัก เฟิงหานชวนจะทำเรื่องแบบนั้นกับเธอต่อไปอย่างบ้าคลั่งไร้สติ

  

ทำไมผู้ชายถึงใช้วิธีแบบสัตว์เช่นนั้น

  

เฟิงหานชวนรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนี้เพิ่งประสบเหตุการณ์วิปริตที่น่ากลัวมาเมื่อคืน ตัวเองยังปฏิบัติต่อเธออย่างป่าเถื่อนเช่นนี้อีก

“ผมขอโทษ ผมควบคุมตัวเองไม่ได้” เฟิงหานชวนสูดหายใจเข้าลึก เมื่อกล่าวขอโทษเสร็จ เขาก็สาวเท้าออกจากห้องไป

  

เสียงปิดประตูดัง “ปัง” ขาทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนสั่นระริกโดยไม่รู้ตัว

  

เธอขดตัวด้วยความกลัว มือทั้งสองกอดเข่าเอาไว้แน่น รู้สึกราวกับเป็นผู้รอดชีวิตมาได้

  

เดิมทีเธอได้เปลี่ยนมุมมองของเธอที่มีต่อเฟิงหานชวนแล้ว เธอคิดว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ทว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว เขายังทำเรื่องเมื่อสักครู่นั้นกับตัวเอง

  

เฉินฮวนฮวนเช็ดน้ำตาด้วยความเสียใจ จากนั้นเธอก็ตกอยู่ในภวังค์ความเงียบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

  

เฟิงหานชวนกลับไปที่ห้องรับแขกที่อยู่ติดกัน และปิดประตูอย่างกระวนกระวายใจ

  

เขานั่งบนโซฟา ก่อนจะขยุ้มศีรษะของตัวเองอีกครั้ง สีหน้าร้อนอกร้อนใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าทำไมตัวเองถึงจูบเฉินฮวนฮวนอย่างดูดดื่มเช่นนั้น

ราวกับความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ ทำให้เขานึกถึงความรู้สึกในคืนนั้นอย่างร้อนใจ

  

เมื่อนึกถึงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเฉินฮวนฮวนเมื่อสักครู่นี้ เธอคงเกลียดเขาจนตายอย่างแน่นอน

  

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะสั่นขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เฟิงหานชวนหยิบโทรขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นสายจากซูอวี่

“ท่านประธานเฟิงครับ พวกเราช่วยคุณหลิ่วย้ายบ้านเสร็จแล้วครับ คุณหลิ่วเลือกอยู่ห้องนอนใหญ่ครับ” ซูอวี่กล่าวรายงานตามความจริง

  

เฟิงหานไม่มีอารมณ์ใดๆ เขาเพียงเอ่ยตอบเสียงเบา “อืม งั้นนายก็กลับไปเถอะ”

  

“ครับ” ทันทีที่ซูอวี่พูดจบ ปลายสายอีกด้านก็มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น “ผู้ช่วยซู คุณชายสามใช่ไหมคะ ให้ฉันคุยกับคุณชายสามสักสองประโยคได้ไหมคะ”

  

“นี่ครับ…” ซูอวี่รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็ส่งโทรศัพท์มือถือให้หลิ่วเยว่เอ่อร์

  

หลังจากนั้น เสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ดังขึ้นในโทรศัพท์ “คุณชายสาม ฉันเองค่ะ เยว่เอ่อร์”

  

“พอใจกับคฤหาสน์ไหมครับ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนยังคงเรียบเฉย เอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจนัก

  

“พอใจค่ะ พอใจอย่างแน่นอน ฉันอยู่คฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้คนเดียว ฉันไม่ชินเลยค่ะ!” หลิ่วเยว่เอ่อร์ตั้งใจดัดเสียงเล็กเสียงน้อย และเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจีบปากจีบคอ

  

“พอใจก็ดีครับ มีอะไรที่ต้องการก็ไปหาซูอวี่ได้” เฟิงหานชวนเพียงเอ่ยตอบอย่างเรียบเฉย

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ได้หมายความอย่างนั้น หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอรีบเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณชายสามคะ ฉันยังไม่มีเบอร์มือถือของคุณเลยค่ะ ฉันขอเบอร์ของคุณจากผู้ช่วยซูได้ไหมคะ”

  

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยตอบเสียงเบา “ได้ครับ”

“ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณคุณชายสามนะคะ คุณไม่ต้องกังวล หลิ่วเอ่อร์จะไม่รบกวนคุณค่ะ แค่อยากบันทึกข้อมูลการติดต่อของคุณเท่านั้น” หลิ่วเยว่เอ่อร์หน้าตายิ้มแย้ม และตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

  

“ครับ” เฟิงหานชวนพูดจบก็วางสาย

  

หลิ่วเยว่เอ่อร์ยังไม่ทันพูดจบ เสียง “ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด” จากปลายสายก็ดังขึ้น คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันทันที

  

เฟิงหานชวนเย็นชาเกินไปแล้ว!

เมื่อเห็นว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ทำปากมุ่ยไม่พอใจ ซูอวี่ก็ยื่นมือไปที่เธอ และเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มกริ่ม “คุณหลิ่วครับ มือถือของผมครับ”

สติของหลิ่วเยว่เอ่อร์กลับมาอีกครั้ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าซูอวี่ยังอยู่ที่นี่ เธอจึงตัดสินใจยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้เขา

  

ทว่าเธอชักมือกลับเข้ามาอีกครั้ง

  

“เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันขอบันทึกเบอร์ของคุณชายสามหน่อย”

ขณะที่พูดหลิ่วเยว่เอ่อร์หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา และดูหมายเลขโทรศัพท์บนมือถือของซูอวี่ ก่อนจะพิมพ์ลงโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างรวดเร็ว หลังจากบันทึกเรียบร้อยแล้ว เธอก็คืนโทรศัพท์มือถือให้ซูอวี่

ซูอวี่หันหลังกลับเตรียมจะเดินไป ราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ เขาจึงหันกลับมา และกล่าวเตือนอย่างสุภาพ “คุณหลิ่วครับ ท่านประธานเฟิงรักความสงบ ไม่ชอบให้ใครรบกวน คุณพยายามอย่าโทรไปบ่อยเกินไปนะครับ”

  

“ผู้ช่วยซู คุณสบายใจได้ ฉันจะไม่รบกวนคุณชายสามค่ะ” หลิ่วเย่วเอ่อร์ปิดปากยิ้ม และแสร้งเอ่ยตอบอย่างอ่อนโยนด้วยท่าทีราวกับเป็นนายหญิง

  

ซูอวี่พยักหน้า ก่อนจะเดินออกไป

เมื่อเห็นด้านหลังของซูอวี่ที่เดินออกไป ใบหน้ายิ้มแย้มแต่เดิมของหลิ่วเยว่เอ่อร์ พลันเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นทันที

ซูอวี่คนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเธอนัก หลังจากเธอได้เลื่อนฐานะ เธอจะหาวิธีกำจัดซูอวี่ออกไป!

  

แต่ว่า เฟิงหานชวนไม่ได้ให้บัตรกับเธอ และไม่ได้ให้เงินเธอ ทำไมเขาถึงขี้เหนียวแบบนี้ล่ะ

  

  

แค่ให้เธออาศัยในคฤหาสน์หลังนี้ และคฤหาสน์หลังนี้ก็ไม่ใช่ชื่อของเธอ ถ้าอย่างนั้นเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะแอบอ้าง และไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลยอย่างนั้นเหรอ

ไม่ได้ เธอไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่!

เธอต้องหาวิธี ทำให้เฟิงหานชวนหมอบราบคาบแก้วอยู่ใต้ชายกระโปรงของเธอ!

วันรุ่งขึ้น ยามเช้าตรู่

สมองของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยใบหน้าน่าสงสารของเฉินฮวนฮวน เขาแทบรู้สึกละอายใจจนไม่ได้นอนทั้งคืน

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว เขาจึงจัดการเก็บทุกอย่าง และลงไปรับประทานอาหารเช้าที่ชั้นล่าง

หลังจากนั้น เฉินฮวนฮวนก็ลงมาข้างล่างเช่นกัน เมื่อเธอลงมาถึงชั้นหนึ่ง เธอก็เห็นเฟิงหานชวนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร

  

เธอรีบก้มหน้าลง และเดินก้มหน้าก้มตาไปที่ประตูห้องรับแขก

“เดี๋ยวก่อน!” เสียงเย็กเยือกของชายหนุ่มดังก้องไปทั่วทั้งห้องโถง

  

เฉินฮวนฮวนหยุดฝีเท้าลง ในหัวของเธอพลันนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืนอย่างอดไม่ได้ แก้มของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที

“มากินข้าวเช้า” เฟิงหานชวนเอ่ยสั่ง

  

“ฉัน ฉันไม่หิว ฉันจะไปเรียนแล้วค่ะ เดี๋ยวจะสาย…” เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างอ้ำอึ้งไม่กี่ประโยค เธอยังคงก้มหน้าลง ไม่กล้ามองชายหนุ่มตรงๆ

หลังจากพูดจบ เธอก็รีบพุ่งไปที่ประตูห้องรับแขก เตรียมตัวเปลี่ยนรองเท้า

วินาทีต่อมา เธอยังไม่ทันได้เปลี่ยนรองเท้า จู่ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกคว้าเอาไว้

เธอเงยหน้าขึ้นมอง คนที่จับข้อมือของเธอคือเฟิงหานชวน

“อาสาม คุณ คุณ คุณ…” คิ้วของเฉินฮวนฮวนขมวดเข้าหากัน เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก พยายามสลัดมือของเขาออกอย่างสุดความสามารถ

เมื่อเห็นท่าทางขัดขืนตัวเองของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในใจ เขาย่อตัวลงแล้วอุ้มเธอในท่าเจ้าสาว

เฉินฮวนฮวนรู้สึกสงสัย

แต่เธอก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะไม่คิดอะไรมาก เธอหยิบชุดสามชุดออกมาและกำลังจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ออกไป แต่จู่ๆประตูห้องน้ำเปิดออกมาอย่างกะทันหัน

ชายร่างหนาออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับพันผ้าขนหนูแค่ช่วงล่างออกมา กล้ามหน้าท้องเซ็กซี่ของเขาและผมที่เปียกโชกมีหยดน้ำเกาะตามร่างกายของเขา กลิ่นของเขาพุ่งตรงเข้ามาจนทำให้เธอได้กลิ่น

"พรึ่บ" เสียงหนึ่งดังขึ้น

ชุดทั้งสามในมือของเฉินฮวนฮวนพร้อมกับไม้แขวนเสื้อร่วงหล่นจากมือของเธอและตกลงไปกองอยู่ที่พื้น

เธอถึงกับผงะ เธอก้มลงและหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา เธอก้มตัวและโค้งคำนับแล้วรีบขอโทษ: "อาสาม ฉันขอโทษ ฉันปล่อยเสื้อผ้าของคุณตกลงบนพื้น ฉันขอโทษ … "

เหตุผลหลักก็คือตอนนี้เธอรู้สึกตกใจเพราะจู่ๆเฟิงหานชวนก็ออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งมันค่อนข้างที่จะเปิดเผย

แม้ว่าคืนแรกที่เธอเข้ามาที่บ้านของตระกูลเฟิงเธอจะเห็นกล้ามท้องของเฟิงหานชวนไปแล้ว แต่ครั้งนี้ …

เมื่อเห็นท่าทางที่หลบหลีกของผู้หญิงตรงหน้าเขา พอเขาก้มมองลงสภาพตอนนี้ของเขา เฟิงหานชวนก็รู้เลยว่าเพราะอะไรเธอถึงดูลุกลี้ลุกลนขนาดนี้ เขากระแอมไอและพูดเบาๆว่า: "ในห้องน้ำไม่มีเสื้อคลุมอาบน้ำ ดังนั้น… เธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรอก"

"อื้ม" เฉินฮวนฮวนทำหน้าบูดบึ้ง เธอพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกระซิบบอก: "อาสาม ถ้าอย่างนั้นฉันจะเอาเสื้อผ้าของคุณไปไว้ที่ห้องคุณนะ"

"ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง"ในขณะที่พูดเฟิงหานชวนก็เดินตรงไปที่เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนหลับตาและไม่กล้าสบตากับผู้ชายตรงหน้าเธอ เธอส่งเอาเสื้อผ้าให้เฟิงหานชวน

"นี่ค่ะอาสาม"เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูด

เมื่อมองไปที่ท่าทางเขินอายของผู้หญิงตรงหน้า จู่ๆเฟิงหานชวนก็รู้สึกจุกในลำคอ ยิ่งเมื่อนึกถึงตอนที่เธอร้องไห้ในขณะที่กอดเขาอยู่ที่ข้างถนนในตอนนั้น

"อืม"เฟิงหานชวนตอบและกำลังจะออกไป

ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไป เฉินฮวนฮวนรวบรวมความกล้าของเธอและเรียกเขา:"อาสาม!"

"มีอะไรเหรอ?"เฟิงหานชวนมองไปที่ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม

"เอ่อ ฉันเห็นว่า …ในตู้เสื้อผ้าดูเหมือนจะมีแต่เสื้อผ้าของคุณ … " เธอกระอึกกระอั่กเล็กน้อย สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรเขาต่อ

ดวงตาของเฟิงหานชานเปลี่ยนไปทันทีเพราะดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะระวังตัวดีเหลือเกิน

ทันใดนั้นความสงสารที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็หายไปในพริบตา

"อาเหยี่ยนไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี่ ที่นี่เป็นห้องหอชั่วคราวที่จัดไว้ให้เขา ผมเคยอยู่ห้องนี้มาก่อน"หลังจากตอบเฟิงหานชวนก็หันหลังเดินกลับไปที่ประตู

เฉินฮวนฮวนคิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้

เธอพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่เธอกำลังเงยหน้าขึ้นมองเธอก็พบว่าเฟิงหานชวนได้เดินไปแล้ว เมื่อเธอมองไปที่ด้านหลังของเขาเธอก็สังเกตเห็นว่าหลังของเขามีรอยแผลเต็มไปหมด

"ว๊าย!" เธอตะโกน

เธอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เธอกอดเขาไว้ตรงริมถนนแล้วไม่ยอมปล่อยเขา จนทำให้ชายโรคจิตคนนั้นก็ใช้กิ่งไม้ฟาดเข้าไปที่หลังของเฟิงหานชวนอย่างแรง

มันต้องเป็นแผลเป็นที่เกิดจากสิ่งนี้แน่นอน

นั่นคือความรับผิดชอบของเธอ!

"เป็นอะไรไป?"เฟิงหานชวนหันมาอย่างเหลืออด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

จู่ๆเธอก็ตะโกนร้องใส่เขา แต่พอหันกลับไปกลับก็เห็นเธอยืนตัวแข็งทื่อ

เธอทำบ้าอะไร?

"อาสาม หลังของคุณ…."เฉินฮวนฮวนก้าวไปหาเขา เธอกุมมือเล็กๆทั้งสองข้างของตัวเองเบาๆและเม้มริมฝีปากของเธอแน่น เธอเอ่ยออกมาออย่างรู้สึกผิดว่า: "คุณมีแผลหลายแผลเลยที่หลังของคุณ เป็นเพราะไอ้โรคจิตนั่นใช้ไม้ตีคุณ ฉันต้องรับผิดชอบ"

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเพราะแผลที่หลังของเขา

ตอนที่เขากำลังอาบน้ำเขาก็เห็นผ่านกระจกว่ามีรอยช้ำยาวๆหนึ่งแผลเพราะโดนกิ่งไม้ฟาด

สำหรับรอยขีดข่วนอื่นๆ น่าจะเป็นเพราะหลิ่วเยว่เอ่อร์ได้ข่วนหลังของเขาด้วยเล็บของเธอในคืนนั้น

"ขอโทษนะอาสาม ตอนนั้นฉันกลัวมากเลยไม่ยอมปล่อยคุณ คุณเลยต้องมาถูกไม้ฟาดเข้าที่หลังแบบนี้ ดูเหมือนจะมีกล่องยาอยู่ในตู้เสื้อผ้า ให้ฉันทายาให้คุณนะ? "เฉินฮวนฮวนถามอย่างระมัดระวัง

เฟิงหานชวนอยากจะตอบว่าไม่ แต่เป็นเพราะอะไรเข้าสิงเขาไม่รู้ถึงตอบคำว่า "ได้" ออกไป

"อาสาม งั้นนั่งบนเตียงก่อนนะ ฉันจะไปเอายามาให้"ขณะพูดเฉินฮวนฮวนก็เดินไปที่ตู้และหยิบยาออกมา

ตอนที่เธอเข้ามาใหม่ๆแล้วจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ เธอสังเกตเห็นว่ามียาอยู่ในตู้

เฉินฮวนฮวนเอายาหยดลงบนสำลีและเริ่มทายาให้เฟิงหานชวน

เธอมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มพลางถอนหายใจ เฟิงหานชวนรูปร่างไม่ธรรมดาจริงๆ รู้สึกว่าจะเพอร์เฟ็คกว่าพวกนายแบบด้วยซ้ำ

เฟิงหานชวนไม่ได้พูดอะไรและปล่อยให้เฉินฮวนฮวนช่วยเขาทายา เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและเริ่มรู้สึกเพลินไปกับมัน

ในขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังทายาให้เขาอย่างตั้งใจ หลังจากนั้นต่อมาก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคำ

แต่ตอนที่เธอทายาแล้วพบว่ารอยแผลเป็บนหลังของเฟิงหานชวนดูเหมือนจะไม่ได้เกิดจากไอ้โรคจิตนั่นเพียงอย่างเดียว

มีรอยช้ำเป็นทางยาวซึ่งดูเหมือนว่าจะเกิดจากกิ่งไม้ แต่ก็ยังมีรอยขีดข่วนมากมายที่เหมือนเกิดจากรอยเล็บของคน

ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงตอนที่เฟิงหานชวนไปปรากฏตัวที่มหาวิทยาลัย A เพื่อไปส่งแฟนสาวของเขาในคืนนี้ มาส่งกันซะดึกขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าไปทำเรื่องอย่างว่ากันมาหรอ?

ตามพวกนิยายโรแมนติกชอบเขียนว่าตอนที่ผู้ชายและผู้หญิงทำเรื่องอย่างว่ากัน เมื่อผู้หญิงรู้สึกเจ็บก็จะข่วนไปที่ด้านหลังของผู้ชาย

จู่ ๆเฉินฮวนฮวนก็หวนนึกถึงคืนในวันศุกร์อีกครั้ง

ผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้นอุ้มเธอไปที่โซฟา ในตอนนั้นเธอทำได้แค่ใช้เล็บจิกและข่วนไปที่หลังของชายคนนั้น

เรื่องคืนนั้นมันเป็นเงาที่ติดตามชีวิตเธอจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถลืมมันได้เลย ไม่ว่าจะอย่างไรความรู้สึกของการอยู่บนเส้นชีวิตและความตายนั้นสร้างความหวาดกลัวให้กับหัวใจของเธอเป็นอย่างมาก

การกระทำของหญิงสาวหยุดลงอย่างกะทันหัน เฟิงหานชวนหันมามองและเห็นว่าเฉินฮวนฮวนกำลังดูสับสนและดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้

เขานึกถึงตอนที่เธอสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง ตอนนั้นร่างเล็กๆของเธอกอดเขาไว้แน่น

"หยุดทำไม?"เฟิงหานชวนอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป

ทันใดนั้นความคิดของเฉินฮวนฮวนก็ถูกดึงกลับมอีกมาอีกครั้ง เธอเพิ่งเห็นว่าเฟิงหานชวนหันหน้ามาหาเธอ เธอเช็ดน้ำตาด้วยหลังมือของเธอโดยไม่รู้ตัวแล้วรีบพูดออกไปว่า: "ขอโทษนะอาสาม ฉันแค่มึนๆนิดหน่อย ฉันยังทายาไม่เสร็จเลย คุณหันกลับไปเร็ว! "

"ถ้ามีปัญหาอะไรเธอสามารถบอกฉันได้"เมื่อมองไปที่ท่าทางที่บอบบางของเธอ เฟิงหานชวนสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

ตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่เขาอยากจะรู้จริงๆ

"เปล่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร"เฉินฮวนฮวนส่ายหัวและมองไปที่ผู้ชายตรงหน้าของเธอ

ท่าทางน่าสงสารของเธอทําให้เฟิงหานชวนรู้สึกร้อนผุดขึ้นมาทั่วทั้งร่าง เขากลืนน้ำลายไปหนึ่งครั้งและจ้องไปที่เฉินฮวนฮวน

เมื่อเฉินฮวนฮวนต้องเผชิญหน้ากับการจ้องมองที่ร้อนแรงของเฟิงหานชวน ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาทันที เธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เธอรู้สึกว่าสายตาของเฟิงหานชวนดูแปลก ๆ มันเหมือนกับ …เหมือนอยากจะกินเธออย่างนั้นแหละ

เฟิงหานชวนมองไปที่เธอและมองไปที่ริมฝีปากของเธอ

เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ หลังจากนั้นก้มหน้าลงไปและปิดปากของร่างบางทันที …

"อาสาม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉัน…ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่ช่วยฉัน"

เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างจริงจัง

"ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงฉันเลย"เฟิงหานชวนไม่ได้มองไปที่เธอตรงๆ เขาหลีกเลี่ยงที่จะสบตากับเฉินฮวนฮวน เพราะว่ามันทำให้หัวใจของเขารู้สึกอ่อนแออย่างอธิบายไม่ได้

ดวงตาของผู้หญิงคนนี้ดูมีเสน่ห์เฉพาะตัว เขาแค่รู้สึกว่าถ้าเขาจ้องเธอแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเขาคงจะถูกดึงดูดด้วยสายตาที่สุดแสนจะล้ำลึกในดวงตาของเธอแน่ๆ

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย เธอก้มหน้าลงเพราะเขินเกินกว่าที่จะมองไปที่เฟิงหานชวนโดยตรง เธอเดินออกไปข้างๆแทน

"อยู่ห่างฉันขนาดนั้น กลัวว่าฉันจะกินเธอหรือไง?" คำพูดของเขาโพล่งออกมาทันทีเมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนเดินออกไปเพื่อรักษาระยะห่างจากเขาแบบนี้

เฉินฮวนฮวนโบกมือปฏิเสธเขาอย่างรวดเร็วและพูดออกไปอย่างกังวลว่า: "ไม่ใช่นะ อาสาม ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันคิดว่าคุณน่าจะไม่ค่อยชอบฉันสักเท่าไหร่ ฉันเลยเดินออกมา"

เธอพูดแบบอ้อมค้อม ในความคิดของเธอคิดว่าความจริงแล้วเฟิงหานชวนไม่เพียงแต่จะไม่ชอบเธอแต่น่าจะเกลียดเธอเสียมากกว่า

อย่างไรก็ตามถ้าหากเฟิงหานชวนไม่ได้ช่วยเธอไว้ในวันนี้ เธอไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ที่จะตามมาเลย

แม้ว่าเธอจะหนีเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่เร็วเท่าชายโรคจิตนั่นแน่นอนและเธออาจถูกเขาจับได้อีกครั้ง

เฟินหานชวนเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้

"ไม่ค่อยชอบเธองั้นเหรอ?"เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เขาคิดในใจว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะดึงดูดเพศตรงข้าม

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นเธอคุยกับผู้ชายในชั้นเรียนเดียวกันตอนนั้น และถ้าเธอไม่รับดอกกุหลาบมา เขาก็คงไม่ทิ้งเธอไว้หรอก

บางทีเขาอาจจะไปส่งเธอก่อนแล้วค่อยไปที่บลูส์คลับ

"อาสาม คุณ …คุณอย่าเกลียดฉันได้ไหม?"มือทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนอยู่ไม่สุขในขณะที่เธอพูดประโยคนี้ เธอก้มหน้าลง น้ําเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวลใจ

กระทั่งฝ่ามือของเธอก็ยังมีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับพวกเขา แต่เฟิงหานชวนก็ช่วยเธอไว้ เธออยากให้ความสัมพันธ์ของเขาดีขึ้น

เฟิงหานชวนที่กำลังนึกถึงเรื่องของเฉินฮวนฮวนและเฉิงโม่อยู่จึงไม่ทันได้ยินที่เธอพูด เขาขมวดคิ้วและถามเธอว่า: "คุณพูดว่าอะไรนะ?"

เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากของเธอแน่น

เธอคิดว่าสิ่งที่เธอขอเฟิงหานชวนไป และคำถามที่เขาถามกลับมาน่าจะเป็นคำตอบ และเธอเชื่อว่าประโยคนี้เป็นการปฏิเสธของเฟิงหานชวน

เฉินฮวนฮวนหน้าเสียและไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก เฟิงหานชวนก้าวไปข้างหน้าและต้องการที่จะถามให้ชัดเจนกว่านี้

แต่จู่ๆเสียงแตรของรถตำรวจก็ดังขึ้นเสียก่อน

พวกเขาสองคนมองไปที่รถตำรวจที่หยุดที่ด้านหลังรถของเฟิงหานชวน

ในไม่ช้าชายโรคจิตก็ถูกตำรวจนำตัวไป เนื่องจากเส้นสายของเฟิงหานชวน ทั้งสองคนจึงไม่ต้องไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้คำให้การ

เฉินฮวนฮวนขึ้นรถของเฟิงหานชวนและกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิง

และแล้วรถก็มาจอดอยู่ในโรงรถ ซึ่งตอนนี้ภายในรถยังคงเงียบกริบ

เฉินฮวนฮวนกำลังอยากที่จะเปิดประตูลงจากรถ แต่ทันใดนั้นเสียง "โครก" ก็ดังก้องไปทั่วรถ

แม้ว่าเธอจะนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แต่เฟิงหานชวนในที่นั่งคนขับก็ยังได้ยินเสียงมันอย่างชัดเจน

เฉินฮวนฮวนหน้าแดงและเอามือกุมท้องของเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดประตูและลงจากรถทันที

เฟิงหานชวนรีบลงจากรถตามไปขวางเฉินฮวนฮวน

"เฉินฮวนฮวน กินข้าวเสร็จแล้วค่อยขึ้นไปข้างบน"เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม

เฉินฮวนฮวนมองไปที่นาฬิกาของเธอโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็หันมาถามด้วยความประหลาดใจ: "อาสาม นี่มันเกือบๆจะเที่ยงคืนแล้ว ยังมีอาหารมื้อดึกอยู่อีกหรอ?"

"มี บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไง"

สิบนาทีต่อมา

ห้องรับประทานอาหารของบ้านตระกูลเฟิง เฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนนั่งตรงข้ามกัน

ข้างหน้าทั้งสองคนมีชามบะหมี่เนื้อตุ๋นวางอยู่คนละถ้วย

"อาสาม ไม่คิดเลยว่าคุณจะชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วย ปกติคุณกินมื้อดึกไหม?"พอเห็นว่าเริ่มเงียบ เฉินฮวนฮวนทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบๆนี้

"เปล่า"เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา

"งั้น……งั้นทำไมวันนี้ถึงกินมื้อดึกล่ะ หรือเพราะว่า … "เฉินฮวนฮวนมองเขาอย่างเงียบ ๆ

หรือพราะเขาอยากกินมื้อดึกกับเธอ?

"ก็หิวเหมือนเธอไง"น้ำเสียงยังคงเย็นชาเหมือนเดิม

เฉินฮวนฮวนเกาหัวของเธออย่างอึดอัด เธอแกล้งทำเป็นว่าเข้าใจและพยักหน้า

เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนก็ยังเป็นคนที่เข้าใจได้ยากอยู่ดี

แต่เธอไม่ได้เกลียดเขา เพราะอย่างน้อยเขาก็ช่วยเธอไว้

ไม่ว่าจะตอนที่ฝังศพยาย หรือช่วยเธอจากชายโรคจิต ทั้งหมดเธอรู้สึกขอบคุณเขามาก

ภายในห้องรับประทานอาหารยังคงเงียบมาก มีเพียงแค่เสียงของการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น

หลังจากกินเสร็จแล้วทั้งสองก็กลับไปที่ห้องของพวกเขา

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนออกมาจากห้องอาบน้ำเธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

"ใคร?"

"ฉันเอง เฟิงหานชวน"

"อาสาม?"เฉินฮวนฮวนเดินไปที่ประตูทันทีและเปิดประตู เธอถามอย่างสงสัยว่า: "อาสาม คุณมีอะไรหรือเปล่า?"

เฟิงหานชวนมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้า ผมของเธอพันด้วยผ้าขนหนูและเธอยังคงสวมชุดนอนแบบเดิม เห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งสระผมมา

"ห้องรับรองแขก….ฝักบัวในห้องของฉันเสีย จะขอยืมห้องน้ำ สะดวกไหม? "เฟิงหานชวนยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

"แน่นอน แน่นอนว่าได้"ตอนแรกเฉินฮวนฮวนยังตกใจอยู่นิดหน่อย แต่สักพักเธอก็พยักหน้าตอบกลับไป

จู่ๆคืนนี้เฟิงหานชวนก็ดูสุภาพขึ้นหรือเป็นเพราะสัญญาที่เธอขอเขาไว้

ใช่แล้ว พอพูดถึงคำสัญญา เธอยังไม่มีเวลาไปจัดเสื้อผ้าของเฟิงหานชวนเลย

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนยอมให้เขาเข้าไป เฟิงหานชวนจึงเดินไปที่ห้องน้ำ แต่เฉินฮวนฮวนก็หยุดเขาเอาไว้ก่อน

"อาสาม เอ่อ…บอกฉันก่อนได้ไหมว่าเสื้อผ้าของคุณมีอะไรบ้าง? ฉันจะได้จัดการแล้วเอาไปไว้ที่ห้องของคุณ "เฉินฮวนฮวนชี้นิ้วไปที่ตู้เสื้อผ้าและถามเขาอย่างระมัดระวัง

ใบหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปทันที ผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องการพบเขาเลยหรือไง? ไม่อยากให้เขามาที่ห้องนี้อีกแล้วเหรอ?

ยิ่งคิดเท่าไหร่เฟิงหานชวนก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเท่านั้น

เธอเต็มใจที่จะคุยกับเด็กผู้ชายใส่แว่นโง่ๆคนนั้น แต่เธอไม่คิดอยากจะยั่วเขาบ้างเลยหรืออย่างไร?

เขาไม่มีสเน่ห์ขนาดนั้นเลยเหรอ?

"ชุดสามชุดทางขวาสุดและชุดกีฬาสามชุด"เฟิงหานชวนพูดจบก็เดินตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที

ไม่นานเสียงน้ำก็ดังออกมาจากห้องน้ำ

เฉินฮวนฮวนไม่มีเวลาเป่าผมแล้วในตอนนี้เพราะเธอต้องไปจัดเสื้อให้เขาก่อน เธอเปิดตู้เสื้อผ้าและจัดเตรียมเสื้อผ้าของเฟิงหานชวนเพื่อเอาไปไว้ไปที่ห้องของเขา

แต่เธอสังเกตเห็นสิ่งที่แปลกมากๆคือเสื้อผ้าทางขวาสุด ซึ่งดูๆแล้วขนาดของมันก็เท่ากับเสื้อผ้าตัวอื่นๆด้วย

แต่ร่างกายของเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้สูงและสมส่วนเหมือนกับเฟิงหานชวน และเฟิงเฉินเหยี่ยนก็น่าจะผอมกว่าเขา ถ้าดูตามข่าวต่างๆแล้วเขาน่าจะเป็นคนตัวเล็ก

เธอเคยเห็นเขาอยู่สองครั้งบวกกับรูปถ่ายในข่าวต่างๆ สไตล์การแต่งตัวของเฟิงเฉินเหยี่ยนนั้นค่อนข้างแตกต่างจากเสื้อผ้าภายในตู้นี้

ดังนั้นเสื้อผ้าในตู้น่าจะไม่ใช่ของเฟิงเฉินเหยี่ยน

มันคือของเฟิงหานชวนทั้งหมด!

ทำไมเสื้อผ้าของเฟิงหานชวนถึงอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องหอของเฟิงเฉินเหยี่ยนล่ะ?

ขณะที่เธอกําลังจะวิ่งหนี คนโรคจิตก็คว้าแขนเธอเอาไว้ก่อนและยื่นมือไปปิดปากเธอ แล้วลากเธอเข้าไปในพุ่มหญ้าสีเขียวข้างๆ ถนน

ตรงบริเวณพุ่มหญ้านั้นทั้งมืดและมีต้นไม้และดอกไม้ปลูกอยู่เต็มไปหมด จนทำให้ผู้คนบนถนนด้านนอกแถวนั้นจะไม่ได้สังเกตเห็นเลย

"ฮือๆ…."

เฉินฮวนฮวนพยายามขัดขืนอย่างเต็มที่ และภาพที่เลวร้ายในคืนนั้นก็ปรากฏขึ้นมาทันที

ทำไมเธอต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้ว?

ในขณะนี้ชายโรคจิตคนนี้ดูเหมือนจะมีกำลังมากมายมหาศาล ไม่ว่าเฉินฮวนฮวนจะดิ้นสะบัดแค่ไหนเธอก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้

เขาแสยะยิ้มสองครั้งและผลักเฉินฮวนฮวนลงบนพื้นหญ้า …

"ช่วยด้วย ช่วย ฮือ … "

เฉินฮวนฮวนเริ่มตะโกนทันทีที่เธอเป็นอิสระ พอมือของชายโรคจิตยื่นออกมาเพื่อปิดปากเธออีกครั้ง เธอก็ตัดสินใจกัดเข้าไปที่มือของเขาทันที

"อ๊าก!….."ชายโรคจิตคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวด

พอได้จังหวะเฉินฮวนฮวนก็ใช้พละกำลังทั้งหมดผลักเขาออกไป

ชายโรคจิตเซและล้มลงไปที่พื้น จากนั้นเฉินฮวนฮวนก็เตะไปที่เขาอย่างแรงและร้องกรี๊ดอีกครั้ง

ผมของเธอยุ่งฟูเหมือนคนบ้า เธอหันไปรอบๆและวิ่งออกไปพร้อมกับความหวาดกลัว ในขณะที่เธอกำลังวิ่งหนีออกมา เพียงอีกนิดเดียวเท่านั้นที่เธอเกือบจะถูกรถชน

โชคดีที่รถคันนั้นเบรคได้ทัน ทำให้รถคันนั้นอยู่ห่างจากเธอออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

"ช่วยฉันด้วย ช่วย ช่วยฉันที" เฉินฮวนฮวนที่ยืนอยู่ข้างหน้ารถ เธอตัวสั่นด้วยความตกใจและปิดหูของเธอด้วยมือทั้งสองข้างแน่น

เธอร้องไห้อย่างหมดหนทาง รู้สึกเพียงแค่ว่าโลกของเธอเริ่มมืดลง ไม่มีมีแม้แต่เรี่ยวจะยืน ขาทั้งสองข้างของเธอสั่นระริก

ในขณะเดียวกันดวงตาของเฟิงหานชวนเบิกกว้างขึ้นทันที เขามองไปที่ฉากตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เขาเปิดประตูทันทีและลงจากรถทันที เขาวิ่งไปข้างหน้าและคว้าแขนของเฉินฮวนฮวนไว้

"เฉินฮวนฮวน มองฉันสิ! ฉันคือเฟิงหานชวนไง เธอมาทำอะไรที่นี่? "เฟิงหานชวนถามผู้หญิงตรงหน้าเขา

เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความหวาดกลัวและทันทีที่เธอเห็นเฟิงหานชวน เธอก็ปล่อยโฮออกมาและรีบมุดเข้าไปในอ้อมแขนของเฟิงหานชวนทันที เธอกอดเอวของเฟิงหานชวนไว้แน่น

นี่คือปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของเธอในการเอาชีวิตรอด

เฟิงหานชวนผงะไปชั่วขณะ ทำไมความรู้สึกนี้เขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้

มันเหมือนในคืนนั้น …เสียงร้องของผู้หญิงที่สั่นเล็กน้อยคนนั้นดูเหมือนกับเสียงของเฉินฮวนฮวนในตอนนี้เลย

การแสดงออกที่เย็นชาของเขาอ่อนลงทันทีและเมื่อเขากำลังจะถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นเสียงของเธอก็ดังขึ้นมาก่อน

"อาสาม ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย มีคนตามฉันมา ช่วยฉันด้วย……"เฉินฮวนฮวนกำเสื้อของเฟิงหานชวนแน่น ตัวของเธอสั่นระริกในอ้อมแขนของเขา

ในขณะเดียวกัน ชายโรคจิตก็รีบดึงกางเกงของเขาและรีบวิ่งตามมา แต่ก็มาเห็นเฉินฮวนฮวนที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนหนึ่งเสียก่อน

เขาโกรธมากจนหยิบกิ่งไม้จากด้านข้างแล้วเดินเข้าไปหาเฟิงหานชวน

"ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแก!"ชายโรคจิตโบกกิ่งไม้อย่างบ้าคลั่งใส่พวกเขาทั้งสองคน

เฟิงหานชวนผลักเฉินฮวนฮวนออกไป ตั้งใจที่จะต่อสู้กับชายโรคจิต แต่เฉินฮวนฮวนก็จับเขาไว้แน่นและร้องออกมา: "อาสาม ช่วยฉันด้วย อย่าทิ้งฉันไป อย่า … "

เธอเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเพราะความกลัว

เฟิงหานชวนรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกและต้องการที่จะปลอบโยนเธอ แต่จู่ๆก็มีอาการปวดแปล๊บขึ้นมาที่หลังของเขากะทันหัน

เขาหันหน้ากลับไปและเห็นว่าหลังของเขาถูกชายโรคจิตฟาดลงมาอย่างแรงด้วยกิ่งไม้

"ฮวนฮวน เธอปล่อยฉันก่อน ฉันต้องไปจัดการเขาแล้วเธอจะปลอดภัย"เฟิงหานชวนอดทนต่อความเจ็บปวดที่หลังของเขาและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปลอบประโลมเฉินฮวนฮวนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

เฉินฮวนฮวนที่กำลังสั่นอยู่ด้วยความกลัวนั้นผงะ ในใจของเธอนั้นเชื่อมั่นในตัวเขาอยู่แล้วเธอจึงปล่อยมือที่จับเฟิงหานชวนอยู่ออก

ตอนนี้เฟิงหานชวนกำลังเผชิญหน้ากับชายโรคจิต

"คุกเข่าลงไม่อย่างนั้นคืนนี้ฉันจะฆ่าแก!"ชายโรคจิตชี้ไปที่เฟิงหานชวนอย่างหวาดกลัว

สีหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปทันทีและเขาก็หัวเราะเยาะใสชายคนนั้น: "งั้นมาดูกันว่าใครจะตายก่อนกัน"

ขณะที่เขาพูดเขาก็เตะไปที่ใบหน้าของชายโรคจิตอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นกรีดร้องและล้มลงกับพื้นอย่างแรง

เพียงแค่รอบเดียวเขาก็แพ้อย่างราบคราบ

เฉินฮวนฮวนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธอก็รู้สึกตกตะลึงและเธอไม่คาดคิดว่าเฟิงหานชวนจะมีพละกำลังมากมายขนาดนี้

ความกลัวเมื่อสักครู่นี้ดูเหมือนจะหายไปในทันที

"เฉินฮวนฮวน โทรแจ้งตำรวจ"เฟิงหานชวนออกคำสั่งและรีบไปเอาเชือกที่ท้ายรถมามัดมือของชายโรคจิตนั่นทันที

ชายโรคจิตเฝ้าอ้อนวอนขอความเมตตาและบอกว่าจะให้เงินกับพวกเขา แต่ก็น่าเสียดายที่เฟิงหานชวนไม่ได้สนใจและใส่ใจเขาเลยสักนิดแถมยังถีบเข้าไปที่จุดสงวนของเขาอย่างแรง

"อ๊าก" ชายโรคจิตกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแทบจะขาดใจตาย

เขาทั้งถูกมัดมือและถูกเท้าของเฟิงหานชวนเหยียบให้เขานอนลงไปบนพื้น เขาไม่สามารถหลบหนีได้เลย

เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว เฟินหานชวนจึงเดินไปหาเฉินฮวนฮวน เขารู้สึกปวดใจทันทีเมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ

ถ้าเขาไม่ทิ้งเธอไป เธอก็คงไม่ต้องเจอกับความวิปริตเช่นนี้

"ไม่ใช่ว่าให้เธฮเรียกแท็กซี่กลับเหรอ?"เฟิงหานชวนแทบไม่ต้องคิดเลย เฉินฮวนฮวนนั่งรถเมล์กลับมาแน่ๆ

หากนั่งรถแท็กซี่กลับมาก็คงจะไม่เจอโรคจิตตามนอกบริเวณคฤหาสน์ได้

เมื่อพูดถึงแท็กซี่ เฉินฮวนฮวนก็รีบหยิบแบงค์สีแดงออกมาจากกระเป๋าของเธอ เธอยื่นมันให้กับเฟิงหานชวน

"อาสาม ฉันเอาเงินของคุณไปไม่ได้ ฉันยังเป็นหนี้คุณอยู่เลยตั้งสิบล้าน"เฉินฮวนฮวนยังคงตกใจอยู่ เสียงของเธอเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาและพูดติดๆขัดๆ

แต่เฟิงหานชวนได้ยินมันอย่างชัดเจน เขาขมวดคิ้วและใบหน้าของเขาฉายแววหงุดหงิด: "มันก็แค่หนึ่งร้อยหยวน ยังต้องคืนให้ฉันอยู่อีกอย่างนั้นหรอ? แล้วทำไมไม่นั่งแท็กซี่ล่ะ? ถ้าเธอนั่งแท็กซี่คุณจะไม่เจอไอ้โรคจิตนี้! "

"อย่างไรก็ตามการนั่งแท็กซี่ก็อาจจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ได้ ถ้าคนขับเป็น … "เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากและก้มศีรษะลง

การประหยัดเงินเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผล แต่จริงๆแล้วเธอกลัวการนั่งแท็กซี่คนเดียวมาก หลังจากที่ข่าวของสาวโสดที่ถูกฆ่าตายในรถแท็กซี่ และมันไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองราย

"…" เฟิงหานชวนพูดไม่ออก เพราะจริงๆแล้วเฉินฮวนฮวนก็พูดถูก

ถ้าเธอนั่งแท็กซี่คนเดียวบางทีอาจจะเจอคนขับรถโรคจิต ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวเช่นกัน

"จากนี้ไปให้ผู้ดูแลจางไปรับคุณ"เฟิงหานชวนจับมือของเธอและพูดว่า: "ฉันจะไปส่งเธอกลับไปพักผ่อนก่อน"

"เดี๋ยวก่อนอาสาม แล้วเขาล่ะ"เฉินฮวนฮวนชี้ไปที่ชายคนที่นอนอยู่บนพื้น

"ฉันจะมาจัดการทีหลังและรอให้ตำรวจพาตัวเขาไป"เฟิงหานชวนตอบ

"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปส่งฉัน พวกเรารอตำรวจด้วยกันก็ได้"เธอเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับเฟินหานชวน

"ตามใจ"เฟิงหานชวนรู้สึกว่าตัวเองตอบกลับไปได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเขาตอบกลับไปด้วยความโมโหล้วนๆ

ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบขึ้นอีกครั้ง

ไม่มีใครเดินผ่านไปมาเลย มันเงียบมาก จะมีก็แค่เพียงชายโรคจิตที่ร้องคร่ำครวญอยู่ด้วยความเจ็บปวด

ครู่หนึ่งที่เฉินฮวนฮวนหันหน้าไปมองผู้ชายที่พิงอยู่ที่ด้านหน้าของรถ จู่ๆความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นในความคิดของเธอ

ความรู้สึกบางอย่างก็ระเบิดออกมาในความคิดของเธอ ความเรียบง่ายและความมีเสน่ห์ของเขา

เธอเดินเข้าไปใกล้เขาทีละก้าวและค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเธอด้วยดวงตาสีแอปริคอทที่สดใสของเธอ

"อาสาม ขอบคุณนะคะ'เฉินฮวนฮวนขอบคุณเขาอย่างจริงจัง

เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจเขากำลังถูกสะกด

"คุณจะรับผิดชอบฉันเหรอ?"

เฟิงหานชวนมองไปที่ผู้หญิงขี้อายตรงหน้าเขา มีแสงสลัวๆส่องผ่านเข้ามาในดวงตาของเขา เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มๆ: "คืนนั้นผมบอกไปแล้วว่าจะรับผิดชอบ"

"อ่า….."หลิ่วเยว่เอ่อร์อุทาน

เฉินฮวนฮวนไม่เคยบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยและเธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะพูดมันออกมา!

กล่าวอีกนัยหนึ่งถ้าหากเธอแค่พยักหน้าตอบรับไป เธอจะสามารถแต่งงานกับเฟิงหานชวนและกลายเป็นภรรยาของคุณชายเฟิงได้หรือเปล่า?

หลิ่วเยว่เอ่อร์แทบจะบ้าคลั่งเพราะความตื่นเต้นของตัวเอง!

"คุณลืมแล้วเหรอ?"พอเห็นท่าทางที่ดูประหลาดใจของหลิ่วเยว่เอ่อร์ มันทำให้เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

"ไม่ ไม่ใช่ ตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจประโยคที่คุณพูดเลย เพราะว่าคืนนั้นฉันกลัวมาก ฉันจำอะไรไม่ได้เลย… " หลิ่วเยว่เอ่อร์กำมือตัวเองแน่นและแกล้งทำเป็นตกใจ

"ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คุณคิดอย่างไร?"เฟิงหานชวนพูดตรงๆ

"ฉัน….."หลิวเยว่เอ่อร์เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เฟิงหานชวน เธอแสร้งทำเป็นเขินและพูดว่า: "คุณชายสามฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ฉันกลัวว่าฉันจะไม่คู่ควรกับคุณ … "

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าพูด เฟิงหานชวนก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง

"เพราะคุณช่วยผมไว้ ถ้าคุณต้องการอะไรก็ขอผมมาเลย"

หลิ่วเยว่เอ่อร์มองไปที่เฟิงหานชวนและสังเกตการแสดงออกของเขาอย่างระมัดระวัง เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเธอสักเท่าไหร่?

เธอแสดงได้แย่ไปหรือเปล่า?

บอกว่าจะรับผิดชอบ แต่ดูๆแล้วความต้องการที่อยากจะรับผิดชอบเธอก็ดูเหมือนจะไม่มีเลยสักนิด เหมือนเขาอยากจะแค่จ่ายเงินให้เธอและส่งๆเธอออกไปอย่างนั้นแหละ?

ในเมื่อถ้าเธอสามารถแกล้งเนียนทำเป็นเฉินฮวนฮวนได้อยู่ เธอจะไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆแน่นอน

"คุณชายสาม ฉันรู้ว่าฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะให้คุณรับผิดชอบ สัญญาห้องที่ฉันเช่าอยู่ก็ใกล้จะหมดแล้ว ดังนั้น … "หลิ่วเยว่เอ่อร์ลังเลที่จะพูดออกไป

เธอเว้นประโยคไว้เพื่อให้เฟิงหานชวนคิดเอง

เนื่องจาก "พวกเขา" มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นเฟิงหานชวนจะพาเธอกลับบ้านไปด้วยหรือเปล่า?

หรือจะให้เธอไปอยู่ที่พักส่วนตัวของเขา?

"ตอนนี้คุณเป็นนักเรียนใช่หรือเปล่า?" เฟิงหานชวนยังคงนิ่งเฉยและเอ่ยออกมาเบาๆว่า: "คุณทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่แสดงว่าคุณน่าจะยังเรียนไม่จบสินะ"

"ค่ะ ฉันเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย A และฉันทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่"หลิ่วเยว่เอ่อร์พยักหน้าซ้ำ ๆ และอธิบายว่า: "หลังจากเลิกงานที่นี่ก็ดึกแล้ว จะกลับไปหอพักในมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว ฉันเลยต้องเช่าห้องอยู่ข้างนอก"

"มหาวิทยาลัย A…"เฟิงหานชวนบ่นพึมพำพูดกับตัวเอง

"ใช่ ฉันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย A ปีนี้ขึ้นปีสองแล้ว"หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดอย่างภูมิใจ

เนื่องจากมหาวิทยาลัย A อยู่ในเมืองเป่ยเฉิง มหาวิทยาลัยนี้จึงเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีมาก ช่วงที่เธอสอบแอดมิดชั่นนั้นเธอทำมันออกมาได้ดีเลยทีเดียวและตัวเธอเองก็อยากมาอยู่เมืองใหญ่อย่างเมืองเป่ยเฉิงอยู่แล้วด้วย สุดท้ายเธอก็ได้ตัดสินใจเข้าเรียนที่วิทยาลัยในเมืองเป่ยเฉิงโดยไม่สนด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอจะขัดขวางเธอหรือไม่

ใช่แล้ว เธออยู่ในครอบครัวที่มีพ่อเลี้ยงเธอมาคนเดียวเพราะแม่ของเธอจากไปก่อนในวัยอันควร เป็นเพราะภูมิหลังของครอบครัวที่คล้ายคลึงกันทำให้เธอและเฉิงฮวนฮวนคบกันและกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

"ซูอวี่ พาคุณหลิ่วไปที่คฤหาสน์อีกหลังหนึ่งของฉันที่ชานเมืองทางตะวันตก แล้วให้แม่บ้านมาดูแลเธอ"

เฟิงหานชวนออกคำสั่งกับซูอวี่ที่ยืนอยู่ตรงประตูและพูดกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ว่า: "ผมมีธุระ ขอตัวก่อน"

หลังจากพูดเสร็จเขาก็เดินออกจากห้องส่วนตัวไป

ขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์เฟิงหานชวนก็ต่อสายโทรหาแม่บ้านหลี่และถามว่า: "แม่บ้านหลี่ เฉินฮวนฮวนกลับมาแล้วหรือยัง?"

"ฮวนฮวนยังไม่กลับมาเลยค่ะ ทำงานจนดึกจนดื่นขนาดนี้ได้ยังไง" แม่บ้านหลี่พึมพำ

"คุณพูดว่าอะไรนะ!"การแสดงออกของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

……

ในขณะเดียวกันภายในห้องส่วนตัว

คฤหาสน์อย่างนั้นเหรอ?

หลิ่วเยว่เอ่อร์ทวนคำพูดของเฟิงหานชวนในใจอีกครั้ง

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือคืนนี้เธอจะได้พักอยู่ที่คฤหาสน์!

อย่างไรก็ถึงเธอจะตื่นเต้นแต่เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีสักเท่าไหร่

เพราะว่าตอนนี้เฟิงหานชวนดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเธอมากนัก เขาออกไปหลังจากที่คุยกับเธอเพียงแค่ไม่กี่คำ แม้ว่าจะมีคฤหาสน์ให้สำหรับเธอแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้ต้องการเธอสักเท่าไหร่

"คุณชายสามให้เกียรติ์ฉันมากจริงๆ ที่จริงแล้วฉันอยู่แค่คนเดียว ฉันไม่ต้องการคฤหาสน์อะไรขนาดนั้นหรอก ฉันต้องการแค่คอนโดเล็กๆเพียงเท่านั้น"หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้ว่าซูอวี่เป็นคนสนิทของเฟิงหานชวน ดังนั้นเธอจึงจงใจพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าซูอวี่

เธอหวังว่าซูอวี่จะไปเล่าเรื่องนี้ให้เฟิงหานชวนฟังบ้าง ถึงตอนนั้นเขาจะได้คิดว่าเธอไม่ได้เรียกร้องอะไรกับเขามากเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้นเธอเน้นคำว่า "อยู่คนเดียว"เป็นพิเศษ ประการแรกก็เพื่อบ่งบอกว่าเธอนั้นโสดและประการที่สองก็เพื่อสื่อความหมายเป็นนัยๆให้เฟิงหานชวนได้รับรู้

เรื่องนี้เธอยังไม่ต้องรีบร้อนสักเท่าไหร่ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปน่าจะดีกว่า

อย่างน้อยเธอก็สามารถเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของเฟิงหานชวนได้แล้วและเรื่องนี้มันก็จะเป็นปัญหาเล็กน้อยเท่านั้นที่จะเอาชนะใจเฟิงหานชวนในอนาคตได้

"คุณหลิ่ว คุณชายสามไม่มีคอนโดเล็กๆหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคฤหาสน์ทั้งหมด"หลังจากที่ซูอวี่ตอบเธอ เขาก็ทำท่าทาง "เชิญ" และพูดว่า: "คุณหลิ่วครับ ผมจะพาคุณไปที่คฤหาสน์ชานเมืองทางตะวันตกนะครับ?"

"ค่ะ รบกวนคุณผู้ช่วยซูอวี่ด้วย"หลิ่วเยว่เอ่อร์ยิ้มและพูดกับซูอวี่ด้วยน้ำเสียงที่วางท่า

ทำตัวเหมือนเป็นนายหญิง

ซูอวี่มองไปที่ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดตรงหน้าของเขา ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกขนลุกแปลกๆ

เพราะคุณชายสามบอกว่าเขาต้องรับผิดชอบผู้หญิงคนนี้

แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์คนนี้จะไว้ใจได้จริงๆหรือ?

……

เมื่อรถเมล์หยุดเฉินฮวนฮวนก็ตื่นขึ้นมาทันที

เธอขยี้ตาด้วยความงุนงงและมองออกไปนอกรถเมล์ ซึงตอนนี้รถเมล์จอดที่ป้ายซึ่งเป็นป้ายก่อนที่จะถึงป้ายสุดท้าย

ป้ายต่อไปเธอก็ต้องลงแล้ว

ในขณะเดียวกันก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนรถเมล์ เขามองไปรอบๆรถเมล์แล้วเดินตรงไปที่เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตกใจและรู้สึกแปลกๆ หลังจากนั้นชายคนนั้นก็มานั่งลงที่เบาะข้างๆเธอ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เธอตกใจมากขึ้นไปอีก

ตอนนี้ในรถมีแค่สองคนเอง ที่ว่างตั้งเยอะแยะทำไมผู้ชายคนนี้ถึงต้องมานั่งใกล้ๆเธอด้วย

ไม่ใช่โรคจิตใช่ไหม?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกกลัว เธอลุกขึ้นยืนทันทีและพูดกับชายคนนั้นอย่างสุภาพว่า: "สวัสดีค่ะ ขอทางหน่อยนะคะฉันกำลังจะลงป้ายถัดไปค่ะ"

ชายคนนั้นแอบมองเธอนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ก้าวออกไปจากที่นั่งข้างๆเฉินฮวนฮวนและออกไปยืนอยู่ที่หน้าประตูรถ

ระหว่างทางถึงป้ายสุดท้าย เฉินฮวนฮวนจ้องมองไปที่ทิวทัศน์นอกหน้าต่างด้วยความสับสน

วันนี้เป็นวันที่เลวร้ายเพราะเธอถูกเข้าใจผิดโดยเฟิงหานชวนอีกครั้ง

เธอไม่รู้ว่าทำไมเฟิงหานชวนถึงได้ต่อต้านเธอมากขนาดนี้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่เลวร้ายเลยนะ!

ในขณะที่เธอกำลังลูบผมของเธออยู่ สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นว่าชายคนนั้นกำลังจ้องมองมาที่เธอ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกกลัวมากกว่าเดิม เธอแสร้งทำเป็นไม่เห็นมันและหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาจากกระเป๋าของเธอ แล้วแสร้งทำเป็นกดเล่นโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ดันเห็นข่าวหน้าฟีดพอดี

ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างกะทันหัน เหงื่อของเธอเริ่มไหลออกมา เธอมองไปที่ชายคนนั้นด้วยความกลัว

คือเขา!

เขาคนนั้น!

เธอจะโชคร้ายขนาดนี้ได้ยังไงถึงต้องบังเอิญมาเจอกับคนโรคจิตบนรถเมล์คนนั้น

เฉินฮวนฮวนกลัวมากจนมือของเธอสั่น ทำไมเวลามันช่างนานเสียเหลือเกินกว่าจะมาถึงป้ายสุดท้าย เธอรีบตะโกนบอกคนขับรถไปทันที: "คุณลุงคะ ชายคนนี้เป็นโรคจิตที่เป็นข่าว! รีบแจ้งตำรวจเลยค่ะ!"

หลังจากพูดแล้วเธอก็รีบวิ่งออกไปทันที

เฉินฮวนฮวนวิ่งไปจนสุดแรงเกิดและวิ่งเข้าไปในถนนที่มีต้นไม้เรียงรายตรงบริเวณรอบๆคฤหาสน์ เธอหยุดวิ่งแล้วเธอหันไปชำเลืองมองและเธอก็ช็อคไปทันที

เพราะว่าชายคนนั้นวิ่งตามเธอมา

เฉินฮวนฮวนตกใจมาก เธอเบิกตากว้างและเดินเซถอยหลังไปสองก้าว

นี่เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?

ประโยคที่เฟิงหานชวนพูดมันหมายความว่าอย่างไร?

เขามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ?

"ทำไม ตกใจเหรอ? เธอแกล้งทำแต่จริงๆแล้วกำลังมีความสุขสินะ ? "เฟิงหานชวนก้าวเข้าไปหาผู้หญิงตรงหน้าของเขา

เฉินฮวนฮวนส่ายหัวและอธิบายว่า: "อาสาม คุณจะล้อเล่นหรืออะไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเข้าใจฉันผิดหรือจะหัวเราะเยาะเย้ยฉันอย่างไรก็ได้ แต่คุณก็ไม่ควรพูดแบบนั้น"

"จะใช้อาเหยี่ยนเป็นข้ออ้างอีกแล้วเหรอ?"เฟิงหานชวนหัวเราะเยาะ และคราวนี้เขาไม่ได้หลงกลเธออีกแล้ว

"อาสาม คืนนี้คุณมาส่งแฟนกลับหอพักในมหาวิทยาลัยใช่ไหม? แฟนของคุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าเธอมาได้ยินสิ่งที่คุณเพิ่งจะพูดไปเมื่อกี้? "เฉินฮวนฮวนถามเขากลับ

"แฟน?" เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว

ผู้หญิงคนนี้คงจะกลัวสินะ ถึงกับต้องสร้างเรื่องว่าเขามีแฟนแล้ว

"อาสาม ไม่ว่าคุณจะเกลียดฉันแค่ไหน แต่เมื่อไหร่ที่นายท่านกลับมาฉันก็จะออกจากบ้านตระกูลเฟิงทันที ดังนั้นช่วงนี้คุณช่วยเลิกยุ่งกับฉันได้ไหม?"เฉินฮวนฮวนรู้สึกทำอะไรไม่ถูกจริงๆ

เธอรู้ว่าเฟิงหานชวนเกลียดเธอ แต่เธอก็ไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดีกับเขาเลยนะ!

เฟิงหานชวนพูดไม่ออก

ผู้หญิงตรงหน้าพูดถูก เมื่อนายท่านกลับมาปัญหาก็จะคลี่คลาย

และก็คงจะอีกไม่นานนี้ แล้วทำไมเขาจะต้องมากังวลว่าเธอจะทำอะไรกับใครที่ไหนด้วยล่ะ?

"ขึ้นรถ" เฟิงหานชวนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เขารู้ว่าในใจของเขาก็ยังอารมณ์เสียอยู่ดี

เขาขับรถมาตั้งไกลเพื่อมาเห็นเธอคุยอยู่กับผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นน่ะหรอ นั่นมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก

ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมีอิทธิพลกับเขาแบบนี้มาก่อน

"ขึ้น ขึ้นรถ?"เฉินฮวนฮวนถามอย่างไม่เชื่อ

"ผมกำลังจะกลับแล้ว หรือคุณนัดผู้ชายคนไหนไว้อีก?"เฟิงหานชวนเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา

"อาสาม คุณหมายถึงให้ฉันขึ้นรถไปกับคุณหรอ?"ทันใดนั้นดวงตาของเฉินฮวนฮวนก็เบิกกว้างขึ้น ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความประหลาดใจ

เฟิงหานชวนกำลังจะตอบเธอ แต่เสียงของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้นเสียก่อน

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเห็นว่าเป็นสายจากผู้ช่วยของเขาซูอวี่

"มีอะไร?"เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและถามออกไป

"ประธานเฟิง ผมพบผู้หญิงคนนั้นแล้ว!"ซูอวี่รายงาน น้ำเสียงของเขาดูตื่นเต้นมาก: "เราได้ภาพวาดที่เหมือนกับสร้อยคอทองคำแล้วครับ"

"ตอนนี้พวกนายอยู่ที่ไหน?"เฟิงหานชวนถามทันที คิ้วที่ขมวดของเขาก็ค่อยๆคลายลง หัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น

"ตอนนี้พวกเราอยู่ที่บลูส์คลับ เธอเป็นพนักงานหญิงที่ทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ ตอนแรกเธอกลัวว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียง เธอจึงไม่กล้ายอมรับครับ"ซูอวี่ยังคงรายงานต่อ

"อยู่ที่นั่นห้ามไปไหน ฉันกำลังจะไป"หลังจากพูดจบเฟิงหานชวนก็วางสายโทรศัพท์

เขาเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งของคนขับและรีบขึ้นรถทันที เฉินฮวนฮวนอึ้งไปเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะขึ้นรถดีไหม

สายที่เฟิงหานชวนเพิ่งวางสายไปเหมือนกับว่าเขาจะต้องไปที่ไหนสักแห่ง น่าจะไม่ได้ตรงกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิง

เฟิงหานชวนที่กำลังจะสตาร์ทรถ ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเฉินฮวนฮวนนั้นยืนอยู่ข้างๆรถของเขา เขาหยิบเงินหนึ่งร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าสตางค์ของเขาและโยนมันออกไปนอกหน้าต่างรถ

"เรียกแท็กซี่กลับเองนะ"

เขาทิ้งประโยคไว้เพียงแค่หนึ่งประโยค แล้วจากนั้นเขาก็ขับรถออกไปเลย

เมื่อเฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวก็เธอรีบหยิบแบงค์หนึ่งร้อยหยวนที่ตกอยู่บนพื้นและพยายามที่จะคืนเงินให้เฟิงหางชวนทันที แต่รถก็ถูกขับออกไปก่อนเสียแล้ว

เมื่อมองไปที่แบงค์หนึ่งร้อยหยวนในมือของเธอ เธอก็เม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาของเธอฉายแววเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

เธอเงยหน้าขึ้นพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าไปที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน

หลังจากรอประมาณสิบนาทีรถเมล์ก็มา

รถเมล์สายที่ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยนั้นไม่ได้ตรงไปยังบ้านตระกูลเฟิง เธอยังคงต้องเปลี่ยนสายรถเมล์อีกคันหนึ่ง

เมื่อขึ้นมาบนรถก็พบว่าเธอเป็นคนเดียวที่อยู่บนรถเมล์ เธอจึงเลือกที่จะนั่งตรงไหนก็ได้

และเพราะเธอเหนื่อยล้าเกินไปด้วย ไม่นานนักเธอก็หลับไป

……

เฟิงหานชวนขับรถออกมาอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็ถึงหน้าประตูของบลูส์คลับ

จากนั้นเขาตรงไปที่ห้องหมายเลข808ทันที

นี่คือห้องส่วนตัวของเขาในบลูส์คลับและเขาได้สั่งให้ซูอวี่พาผู้หญิงคนนั้นมาที่นี่

หลิ่วเยว่เอ่อร์นั่งอยู่บนโซฟาอย่างรู้สึกประหม่า มือของเธออยู่ไม่สุขเลย เพราะว่าเธอทั้งตื่นเต้นและกลัว

สิ่งที่น่าตื่นเต้นก็คือเฉินฮวนฮวนทำให้เฟิงหานชวนร้อนรนได้ขนาดนี้เชียวหรอ หากเธอสามารถแทนที่เฉินฮวนฮวนได้สำเร็จในครั้งนี้ เธออาจกลายเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวนก็ได้

แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือเธอไม่ใช่ผู้หญิงในคืนนั้น เธอไม่ใช่เฉินฮวนฮวน ถ้าเฟิงหานชวนถามเธอขึ้นมาแล้วถูกจับได้ว่าไม่ใช่ตัวจริงเธอจะทำอย่างไร?

เธอก็แค่อยากตกถังข้าวสาร แม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

ในขณะเดียวกันเสียงประตูก็ถูกเปิดออกดัง "กริ๊ก"

หลิ่วเยว่เอ่อร์ลุกยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงและหล่อเหลาเดินเข้ามา ใบหน้าของเขานั้นเรียบนิ่ง

เขาคือเฟิงหานชวน! เขาคนนั้น!

เธอเคยเจอเฟิงหานชวนเมื่อตอนที่เขามาเลี้ยงฉลองกับเพื่อนที่ห้องส่วนตัวของเขาที่นี่ และตอนนั้นเธอก็เป็นคนที่เสิร์ฟเหล้าให้กับเขา

ตอนนั้นเธอตกหลุมรักเขาทันที เพราะว่าเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์มากและเธอก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้รีบๆไกล้ชิดกับเขา

อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอจะมามัวแต่คิดแบบนี้ไม่ได้ ในตอนแรกเธอเพียงแค่ตื่นเต้นเท่านั้นแต่ตอนนี้เธอเริ่มกังวลเข้าแล้วสิ เธอรู้สึกประหม่าและไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่เขาเลย

เฟิงหานชวนมองไปที่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงโซฟา เขาก้าวเข้าไปหาเธอและถามเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ: "คุณเป็นผู้หญิงเมื่อคืนวันศุกร์เหรอ? นี่คือสร้อยคอของคุณใช่ไหม?"

เขาหยิบสร้อยคอทองคำออกมาจากกระเป๋าและส่งให้หลิวเยว่เอ่อร์

เมื่อเห็นสร้อยคอทองคำ หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็รีบเงยหน้าขึ้นและแสร้งทำเป็นตกใจทันที เธอแสร้งทำเป็นเอามือขึ้นมาปิดปากและร้องออกมาอย่างตกใจ

เธอปิดปากและจงใจดัดเสียงร้องออกมาให้เหมือนกับเฉินฮวนฮวน

เพราะเวลาเฉินฮวนฮวนร้องไห้ เสียงของเฉินฮวนฮวนนั้นค่อนข้างดูที่จะอ่อนแอจนน่าสงสาร และเธอก็เคยได้ยินมันมาก่อน

"คุณร้องไห้ทำไม?"เมื่อเฟิงหานชวนเห็นเธอเป็นแบบนี้เขาก็ถามทันที: "ผมทำให้คุณกลัวเหรอ?"

"ไม่ ไม่ใช่ค่ะ คุณชายสาม นี่เป็นของที่แม่ให้กับฉัน ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว"หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดไปพลางเช็ดน้ำตาไป

เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าเสียงร้องไห้ของผู้หญิงคนนี้ดูแปลกๆ

แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะว่าตอนนี้ผู้หญิงคนนี้กำลังร้องไห้อย่างน่าสงสาร

หรือเพราะว่ากลัวตัวตนที่แท้จริงของเขา เธอกลัวเขาอย่างนั้นเหรอ?

"คุณรู้จักผมเหรอ?"เขายังคงถามต่อไป

เพราะเมื่อกี้เธอเรียกเขาว่าคุณชายสาม

"ห้ะ? ฉัน….." หัวใจของหลิ่วเยว่เอ่อร์หล่นดัง "ตุ๊บ" หลังจากได้สติเธอก็ได้อธิบายไปว่า: "คนของคุณเป็นคนบอกฉันว่าคุณคือเฟิงหานชวนหรือคุณชายสามแห่งตระกูลเฟิง"

เฟิงหานชวนหันหน้าไปมองซูอวี่ที่ยืนอยู่ที่ประตูและพยักหน้า

เขาหันหน้ากลับมาอีกครั้งมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าแล้วถามว่า "คุณต้องการให้ผมชดเชยให้คุณอย่างไร?"

"ชดเชย?" หลิ่วเยว่เอ่อร์แอบดีใจ

เธอเดาถูก เฟิงหานชวนตามหาเฉินฮวนฮวนก็เพื่อชดเชยสิ่งที่เขาได้ทำกับเธอลงไป

"คุณชายสาม ฉันไม่ได้ต้องการอะไร เหตุผลที่ฉันมาก็เพียงเพื่อมาเอาสร้อยคอของแม่คืน"หลิ่วเยว่เอ่อร์มองชายตรงหน้าเธอด้วยสายตาที่น่าสงสาร

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนรู้สึกตกใจและทำอะไรไม่ถูก

"หัวหน้า คุณ …ฉัน……"เธอพูดไม่ออก

"ฮวนฮวน ผมหลงรักคุณตั้งแต่ที่ผมได้เห็นคุณครั้งแรก ตอนนั้นผมได้ยินมาว่าคุณมีแฟนแล้วผมก็เลยไม่กล้าที่จะพูดออกไป"

"ในช่วงที่เราเข้าฝึกอบรม แม้ว่ามันจะเหนื่อยมากๆแต่คุณก็ไม่เคยบ่นเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆเลย คุณจิตใจดีมากเลย จะเหนื่อยแค่ไหนคุณก็ยังคงไปหาน้ำมาให้ทุกๆคน"

"ผมได้ยินมาว่าคุณกับแฟนเก่าเลิกกันไปนานแล้ว ดังนั้นวันนี้ผมเลยคิดเรื่องนี้อยู่หลายวันเลยว่าควรจะสารภาพความในใจกับคุณดีไหม"

"ถ้าผมยังขืนเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจต่อไป ผมก็จะกลายเป็นผู้ชายขี้ขลาด ฉะนั้นแล้วผมอยากจะบอกว่าผมชอบคุณ นั่นมันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะบอกกับคุณมานานแล้ว"

เฉิงโม่ร่ายยาวอย่างไม่รู้จบ ซึ่งมันทำให้เฉินฮวนฮวนยิ่งรู้สึกแปลกใจมากยิ่งขึ้น เพราะว่าตัวเธอเองก็ยังจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างการเข้าฝึกอบรมในตอนนั้น

คิดไม่ถึงว่าเฉิงโม่จะยังคงจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

"แต่ หัวหน้า ฉันคิดกับคุณ … "เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร และเธอไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเฉิงโม่ได้อย่างไรเช่นกัน

เฉิงโม่เป็นคนดีและเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาก แต่เธอก็คิดกับเขาแค่เพียงในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย

"ฮวนฮวน หรือคุณไม่ชอบครอบครัวของผม? ผมมาจากชนบท พ่อแม่ของผมก็เป็นเพียงแค่ข้าราชการในชนบทระดับรากหญ้าเท่านั้น บ้านของผมไม่ได้มีเงินทองมากนัก ดังนั้น … "เฉิงโม่หรี่ตาลงด้วยความผิดหวัง

"ไม่ใช่นะหัวหน้า ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น!"เฉินฮวนฮวนรู้สึกร้อนรน เธอจะปฏิเสธเขาเพราะเพียงแค่เหตุผลแบบนั้นได้อย่างไร

เพราะตัวของเธอเองก็ยังเทียบไม่เท่าเฉิงโม่เลย

"แล้วทำไมคุณถึงไม่อยากเป็นแฟนกับผมล่ะ?"เฉิงโม่ถามเชิงบังคับ และพูดต่อว่า: "ฮวนฮวน ผลการเรียนของผมตอนนี้ก็ดีมาก และความสามารถของผมก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน หลังจากที่เรียนจบ อย่างไรผมก็คงสามารถหางานดีๆทำในเมืองเป่ยเฉิงได้ และผมมั่นใจว่าจะต้องทำให้คุณมีความสุขอย่างแน่นอน! "

"แค่คุณให้โอกาสผม ได้ไหม?"เขาขยับกรอบแว่นสีดำของเขาและถามผู้หญิงที่มีเสน่ห์ตรงหน้าเขาอย่างจริงจัง

เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนพื้นที่ อย่างไรเธอก็ต้องมีบ้านอยู่ที่เมืองเป่ยเฉิงแน่นอน ถ้าเขาและเฉินฮวนฮวนได้คบกันและได้อยู่ด้วยกัน และถ้าเขามีโอกาสได้ทำงานในเมืองเป่ยเฉิง ในอนาคตเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัยอีกต่อไป

แม้ว่าเงินเดือนในการทำงานที่เมืองเป่ยเฉิงนั้นจะสูงมาก แต่ราคาที่พักที่อยู่อาศัยก็สูงเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะหางานดีๆได้แต่ก็ยากที่จะซื้อบ้านในเมืองเป่ยเฉิงได้ และอีกหนึ่งอย่างก็คือเขาไม่ต้องการที่จะเช่าบ้านไปตลอดชีวิต

ผลการเรียนของเฉินฮวนฮวนก็ดีมากเช่นกัน เธอทั้งสวยและอ่อนโยนมาก แถมยังขยันทำงานพาร์ทไทม์อีกด้วย เธอเหมาะสมมากกับตัวเลือกที่จะเป็นภรรยาในอนาคตของเขา

"หัวหน้า ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆที่คุณชอบฉัน แต่ว่าฉัน …ฉันขอโทษ ฉันไม่สามารถคบกับคุณได้จริงๆ "เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากของเธอ และยังคงปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว

เธอรู้สึกประทับใจในความรักของเฉิงโม่ที่มีต่อเธอ แต่ความจริงคือเธอไม่ได้รู้สึกกับเฉิงโม่ไปมากกว่าเพื่อนเลย และเธอไม่ต้องการที่จะเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น เธอจึงเลือกที่จะปฏิเสธเขาตรงๆ

เธอค่อนข้างที่จะงุ่มง่ามในเรื่องความรัก

อาจเป็นเพราะรักครั้งแรกของเธอนั้นเจ็บปวดมาก ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างเข็ดหลาบในเรื่องของความรัก

"ผมเข้าใจแล้ว คงเป็นเพราะเรื่องครอบครัวของผมแน่ๆเลย ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าฐานะทางบ้านของผมมันไม่ดี ผมคงไม่มีสิทธิไคว่คว้าผู้หญิงจากเมืองเป่ยเฉิงได้หรอก"น้ำเสียงของเฉิงโม่เบาลง เขายัดช่อดอกกุหลาบไปไว้ในอ้อมแขนของเฉินฮวนฮวนและพูดว่า: "อย่างไรก็ตามผมเลือกช่อดอกกุหลาบนี้เป็นพิเศษสำหรับคุณ คุณรับมันไปเถอะ ต่อไปนี้ผมจะไม่มารบกวนคุณอีกแล้ว"

"หัวหน้า ฉันไม่ได้ไม่ความว่าอย่างนั้นจริงๆ อย่าเข้าใจฉันผิดสิ"เฉินฮวนฮวนรีบอธิบาย

"ในเมื่อคุณไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วสิว่าผมยังพอมีโอกาส"ดวงตาของเฉิงโม่เป็นประกายขึ้นอีกครั้ง

เฉินฮวนฮวนรู้สึกพูดไม่ออก เธอไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรไม่ให้ทำร้ายความรู้สึกของเฉิงโม่

"ฮวนฮวน งั้นรับดอกไม้ช่อนี้ไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ"พอพูดจบเฉิงโม่ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป เขาหมุนตัวและวิ่งหนีไปในทันที

เฉินฮวนฮวนยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกไป เขาก็ได้หายตัวไปแล้วเรียบร้อย

เฉินฮวนฮวนยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอมองไปที่ช่อดอกกุหลาบในมืออย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป

ความจริงคือผู้ชายมักจะมอบดอกกุหลาบให้กับผู้หญิงที่ชอบเสมอ

ตอนนี้เธออาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง ถ้าเธอกลับไปพร้อมกับดอกกุหลาบและมีคนที่บ้านตระกูลเฟิงเห็น พวกเขาคงจะมองเธอไม่ดีแน่ๆ

แต่ก็แอบน่าเสียดายที่จะต้องทิ้งดอกไม้ที่สวยงามเช่นนี้ไป

เฉินฮวนฮวนหันมองไปรอบๆ เธอก้มหน้าและกำลังคิดว่าจะจัดการกับช่อดอกไม้นี้อย่างไรดี ในขณะที่เธอกำลังก้าวเท้าเดินไปข้างหน้านั้น

ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นอะไรบางอย่างที่สายตาเธอเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นและฝีเท้าของเธอหยุดลงในทันที

รถของเฟิงหานชวนจอดอยู่ริมฟุตบาทข้างๆร้านชานม และเขาเองก็กำลังยืนพิงประตูรถอยู่ สีหน้าของเขายังคงเย็นชาเหมือนเคย แต่ก็มีสายตาที่ค่อนข้างออกแนวประชดประชันส่งมาที่เธอ

เฉินฮวนฮวนรีบเดินเข้าไปหาเขาและกล่าวทักทาย: "อาสาม สวัสดีค่ะ"

นี่มันดึกแล้ว ทำไมเฟิงหานชวนถึงมาที่มหาวิทยาลัย A ได้?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกงงเล็กน้อยแต่ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา หรือว่าเฟิงหานชวนจะมาส่งแฟนของเขากลับหอพักในมหาวิทยาลัย?

เธอรู้มาว่าเฟิงหานชวนยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นความเป็นไปได้ก็คงจะมีเพียงเท่านี้

ไม่น่าเชื่อว่าแฟนของเฟิงหานชวนเองก็เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย A ด้วย

"หาบ้านใหม่ได้เร็วจัง?"เฟิงหานชวนมองใบหน้าที่ไร้ซึ่งความละอายใจของหญิงสาวตรงหน้า และหัวเราะเย้ยหยันใส่เธอ

"บ้านใหม่อะไร? อาสามกำลังพูดถึงอะไร? "เฉินฮวนฮวนไม่ค่อยเข้าใจ

"แล้วผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใคร? เอาดอกกุหลาบมาให้เธอด้วย? "สายตาของเฟิงหานชวนเลื่อนลงจากใบหน้าของเฉินฮวนฮวนลงมาและมองไปที่ช่อดอกกุหลาบในอ้อมแขนของเธอ

"ห้ะ? เขา……เขาเป็นหัวหน้าห้องในคลาสเรียนของพวกเราและช่อดอกไม้นี้ก็ คือ … "เฉินฮวนฮวนกระอึกกะอัก เป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดี

เพราะมันค่อนข้างที่จะอธิบายยาก

เฟิงหานชวนยื่นมือออกไป นิ้วเรียวยาวของเขาจับไปที่คางมนสวยของผู้หญิงตรงหน้า เขายกคางเล็กๆขึ้นและบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา

"เฉินฮวนฮวน คุณนี่เก่งในการยั่วยวนผู้ชายจริงๆ"น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเต็มไปด้วยการดูถูกและเยาะเย้ย

ทันใดนั้นใบหน้าของเฉินฮวนฮวนก็ซีดลง เธอปัดมือของเฟิงหานชวนออกทันที เธอเม้มริมฝีปากของเธอแน่นและอธิบายออกไปว่า: "ฉันไม่ได้ยั่วยวนใคร หัวหน้าเขามาสารภาพรักกับฉันเอง แล้วฉันก็เพิ่งปฏิเสธเขาไปด้วย"

ปกติแล้วเธอก็ไม่ค่อยได้คุยกับเฉิงโม่อยู่แล้ว และเธอเองก็ไม่รู้จริงๆว่าเฉิงโม่นั้นชอบเธอมาตั้งแต่ตอนที่เข้าฝึกอบรมนั่นแล้ว

เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นมันเลย

"ปฏิเสธ? รับดอกไม้ของคนอื่นเรียกว่าปฏิเสธเหรอ? "เฟิงหานชวนอยู่ตรงนั้นมาสักพักหนึ่งแล้วและเขาก็ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

ดูเหมือนว่าเฉินฮวนฮวนจะปฏิเสธ แต่ในความเป็นจริงมันดูเหมือนว่าเป็นการเล่นตัวเสียมากกว่า เพราะสุดท้ายแล้วหัวหน้านั่นก็ไม่รู้ตัวอยู่ดีว่าถูกเฉินฮวนฮวนปฏิเสธ

"ฉัน……"เฉินฮวนฮวนพูดไม่ออกในทันที

"เฉินฮวนฮวน ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีเล่ห์เหลี่ยมเยอะขนาดนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกสนใจเธอขึ้นมานิดๆนะ"เฟิงหานชวนเองก็สงสัยว่าเขาจะรีบมาที่มหาวิทยาลัย A ดึกๆดื่นๆเพื่อมารับเธอทำไม

ตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะได้เห็นนักเรียนที่ขยันขันแข็งทำงานพาร์ทไทม์ แต่ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะได้มาเห็นสาวน้อยที่ชอบเล่นตัวแบบนี้

"เยว่เอ่อร์ ฉันขอบคุณเธอนะ"

เฉินฮวนฮวนรู้สึกขอบคุณเธอมาก เมื่อเธอเห็นว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังดูภาพวาดอย่างใจจดใจจ่อโดยคิดว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์เองก็คงอยากที่จะช่วยเหลือเธอ

"โอเคๆ ฉันเข้าใจแล้ว จะมาเกรงใจฉันทำไม? เธอไม่ต้องกังวลนะ คืนนี้ฉันจะไปที่ห้องเก็บของเพื่อช่วยเธอหาสร้อย ไม่เพียงแต่ห้องเก็บของเท่านั้น ฉันจะหาตามห้องล็อกเกอร์ของพนักงานตรงทางเดินและที่อื่น ๆ แล้วก็จะช่วยเธอถามคนอื่นให้ด้วย โอเคไหม? "

หลิ่วเยว่เอ่อร์ร่ายยาว ๆ ทำเหมือนเธอดูกระตือรือร้น แต่ในความเป็นจริงแล้วคือเธอก็แค่ต้องการเล่นสนุกเท่านั้น

"ขอบคุณนะ เยว่เอ่อร์"เฉินฮวนฮวนรู้สึกขอบคุณเธอมากๆ

"เออใช่ฮวนฮวน เธออยากหาห้องเช่าใช่ไหม? เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอถามเจ้าของบ้านของฉันดูให้นะ เหมือนว่าเธอจะยังมีห้องว่างอยู่! "หลิ่วเยว่เอ่อร์พับภาพวาดอย่างเรียบร้อยและเก็บใส่ลงในกระเป๋า

เฉินฮวนฮวนไม่ได้คิดที่จะปิดบังอยู่แล้วจึงเอ่ยปากขึ้น: "คุณยายฉันเสียแล้ว เสียไปเมื่อคืนวันศุกร์นี้เอง ฉันวางแผนว่าจะย้ายออกมาหาที่อยู่สักพัก"

เธอไม่ได้บอกว่าจะย้ายออกไปอยู่ที่ไหนและเธอไม่กล้าพูดอะไรมากเกี่ยวกับตระกูลเฟิง ดังนั้นเธอจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

"ห่ะ….."หลิ่วเยว่เอ่อร์ปิดปากของเธอและอุทานออกมา จากนั้นก็แสร้งทำเป็นปลอบโยนเธออย่างอ่อนโยน: "ฮวนฮวน ไม่ต้องเสียใจไปเลยนะ ยายของเธอทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยและการจากไปก็น่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของท่านได้เช่นกัน"

"อืม"เฉินฮวนฮวนเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ

บางทีคุณยายอาจต้องการที่จะจากไปจริงๆ

……

คลาสของวันนี้จบลงตอนสี่โมงเย็น

เมื่อเสร็จแล้วเฉินฮวนฮวนก็รีบไปที่ร้านชานมในโรงเรียนที่เธอทำงานพาร์ทไทม์อยู่

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนเข้ามาในร้าน ก็พบเพียงผู้หญิงที่ชื่อจินตั่วอยู่ในร้าน

จินตั่วกล่าวทักทายเธอในขณะที่กำลังชงชานมอยู่: "ฮวนฮวน เธอมาแล้วเหรอ นี่คือออเดอร์สองรายการที่ยังไม่ได้ทำ เธอรีบมาช่วยหน่อย"

"โอเค ฉันมาช่วยแล้ว"เฉินฮวนฮวนวางกระเป๋าลงและรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดทำงาน หลังจากนั้นเธอก็เริ่มวุ่นกับการทำงานทันที

ตกกลางคืน

การเปิดร้านในช่วงเย็นนั้นเป็นไปด้วยดีเพราะทุกวันนี้คนหนุ่มสาวชื่นชอบชานมกันมาก

ในขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังยุ่งอยู่ อีกด้านหนึ่งเฟิงหานชวนก็กำลังนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะอาหาร ใบหน้าของเขานั้นดูนิ่งเรียบ

แม่บ้านหลี่เดินถือผักมาและวางไว้บนโต๊ะ

"แม่บ้านหลี่ เฉินฮวนฮวนยังไม่กลับมาอีกเหรอ?" ที่นั่งตรงข้ามของเขานั้นว่างเปล่า ซึ่งมันทำให้เฟิงหานชวนรู้สึกอึดอัด

ก่อนหน้านี้เขาก็มักจะกินข้าวคนเดียวอยู่เสมอ

"คุณชายสาม คุณไม่รู้หรอคะ? ฮวนฮวนเธอจะทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงเรียนในช่วงค่ำๆและก็จะกลับมาในช่วงดึกๆ " แม่บ้านหลี่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน แต่ผู้ดูแลจางเป็นคนบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้

"พาร์ทไทม์?"เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและถามอีกครั้ง: "งานพาร์ทไทม์อะไร? เสริฟ ล้างจานเหรอ? "

"ไม่ใช่ค่ะ เธอทำงานในร้านชานม"แม่บ้านหลี่รายงานเจ้านายตามความเป็นจริง

เฟินหานชวนขมวดคิ้มและอดไม่ได้ที่จะถามว่า: "ร้านชานมไหน?"

"คือ…..คือฉันก็ไม่รู้ค่ะ ฮวนฮวนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย A ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นร้านชานมในมหาวิทยาลัย Aนะคะ "แม่บ้านหลี่ส่ายหัวเล็กน้อย

"ช่างมันเถอะ เธอกับฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว"เฟิงหานชวนรู้สึกประหลาดใจในตัวเองเล็กน้อย ที่จู่ๆก็มาสนใจหลานสะใภ้ในบ้าน

เฉินฮวนฮวนคนนั้นจะทำอะไรที่ไหนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอยู่ดี

แม่บ้านหลี่เม้มปากของเธอ เธอไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่เธอก็พูดอย่างจริงจังว่า: "คุณชายสามคะ เรื่องของฮวนฮวนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณได้อย่างไร? นายท่านตั้งใจจะดูแลผู้หญิงคนนี้ ฉันอยู่กับฮวนฮวนได้สองวันแล้ว ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่จิตใจดีจริงๆและฉันมองไม่เห็นความชั่วร้ายในตัวเธอเลยสักนิด ฉันคิดว่า … "

"แม่บ้านหลี่" เฟิงหานชวนขัดจังหวะคำพูดของแม่บ้านหลี่และพูดอย่างเย็นชาว่า: "นายท่านไม่ได้เป็นเจ้านายของผม ผมไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ เขาจะต้องกลับมาจัดการกับเรื่องนี้ด้วยตัวของเขาเอง"

"เอ่อ…..หมายถึงคุณต้องการให้ฮวนฮวนรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วใช่ไหมคะ? "แม่บ้านหลี่อดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง

"ใช่"เฟิงหานชวนจิบชาและตอบเพียงแค่คำเดียว

แม่บ้านหลี่ถอนหายใจและส่ายหัว แล้วจากนั้นเธอก็เดินออกไป

เหลือเพียงแค่เฟิงหานชวนที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องรับประทานอาหาร

เวลาเริ่มค่อยๆดึกขึ้นเรื่อยๆ

เฟิงหานชวนนั่งอยู่คนเดียวที่หน้าโต๊ะทำงานในห้องรับรองแขก โดยที่เขายังคงถือสร้อยคอทองคำสีหมองอยู่ในมือ

ผู้หญิงในคืนนั้น เธออยู่ที่ไหนกันนะ?

ในขณะเดียวกันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นกะทันหัน เขามองและเห็นว่ามันเป็นข้อความข่าวแจ้งเตือน

ในช่วงค่ำที่ผ่านมาบนรถบัสหมายเลข 12 โดยมีผู้โดยสารเพียงแค่ผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคน ชายโรคจิตใช้ช่วงเวลาที่คนขับไม่ได้สังเกตใช้ยามอมผู้โดยสารหญิงคนนั้นจนมึนและสลบไป เขากล้าลงมือกระทำไปแบบนั้นได้อย่างไร

หลังจากที่คนขับหยุดรถเขาก็ออกจากรถและหลบหนีไปทันที ตอนนี้ยังไม่ทราบที่อยู่ของเขา ตามรายงานเขามีแนวโน้มที่จะแอบเข้าไปในรถบัสคันอื่นๆและก่ออาชญากรรมอีก

ข่าวนี้เด้งขึ้นมาในโทรศัพท์หลายๆครั้งพร้อมกัน และทำให้ทุกสายตาสนใจไปที่ชายสวมชุดบอลสีดำคนนั้น

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว และเฟิงหานชวนคิดว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะไม่มีเงินและคงจะนั่งรถบัสกลับมาแน่ๆ

ในบริเวณรอบๆคฤหาสน์บอกตามตรงเลยว่าไม่ได้มีผู้คนเดินควั่กไคว่สักเท่าไหร่

ยิ่งไปกว่านั้นสถานีรถบัสยังอยู่ห่างจากบ้านตระกูลเฟิงไปอีกไกล

เธอบอบบางขนาดนั้น ถ้าเธอเจอผู้ชายโรคจิตนั้นจริงๆ กลัวว่าจะไม่มีเรี่ยวแรงร้องให้คนช่วยแน่ๆ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฟิงหานชวนก็ลุกขึ้นยืนและเปิดประตูห้องออกไปทันที

……

เวลาสี่ทุ่มหลังจากเสร็จสิ้นการทำออเดอร์สุดท้าย เฉินฮวนฮวนก็เปลี่ยนชุดทำงานและเดินออกจากร้านชานม

จินตั่วทำงานยุ่งมากในช่วงกะกลางวัน เฉินฮวนฮวนจึงต้องรับผิดชอบการปิดร้านในช่วงดึก

หลังจากปิดประตูร้านเมื่อเธอหันกลับมา เฉินฮวนฮวนก็พบกับผู้ชายที่คุ้นเคย ดวงตาของเธอเบิกกว้างและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

"ฮวนฮวน คุณเลิกงานแล้วหรอ?"ชายคนนั้นยิ้มและถาม

"อืม ใช่ หัวหน้าห้อง มาที่นี่เพื่อซื้อชานมหรอ? ขอโทษนะเก็บของไปหมดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกันนะ?"เฉินฮวนฮวนมองไปที่ชายตรงหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

ชายคนนี้ชื่อเฉิงโม่เป็นหัวหน้าในคลาสเรียน

เฉิงโม่เกาหัวอย่างเขินอาย เขาโบกมือแล้วพูดว่า: "ผม ผมไม่ได้มาซื้อชานม ที่จริงผม …คือผม…."

เขาลังเลและประหม่า

"คุณแค่เดินผ่านมาอย่างนั้นหรอ?"เฉินฮวนฮวนถามออกไป

ในเมื่อไม่ได้มาซื้อชานม แล้วเขาแค่เดินผ่านมาแถวนี้พอดีอย่างนั้นหรอ

"ไม่ ไม่ใช่" เฉิงโม่ยังคงส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้ง

"เอ่อ….."เฉินฮวนฮวนไม่รู้จะพูดอะไร เธอจึงพูดไปว่า: "หัวหน้าน่าจะมีเรื่องยุ่งๆต้องทำใช่ไหม ฉันเลิกงานแล้ว ฉันต้องกลับแล้ว"

คนในชั้นเรียนรู้ว่าเธอเป็นคนพื้นที่และไม่ได้พักอยู่ที่หอพักในมหาวิทยาลัย ตกเย็นเธอจึงต้องกลับบ้าน

"ฮวนฮวน หะ ให้ผมปะ ไปส่งคุณนะ?" เฉิงโม่ขวางเธอไว้

เฉินฮวนฮวนที่กำลังเดินไปข้างหน้าได้เพียงสองก้าวก็ต้องหยุดอีกครั้ง เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและกำลังสงสัยว่าเมื่อสักครู่เธอคงจะได้ยินผิด

"ฮวนฮวน ที่จริงผม …" เฉิงโม่เดินเข้ามาหาเธอและทันใดนั้นดอกกุหลาบที่ถูกซ่อนไว้ด้านหลังของเขาก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเธอ เขายื่นมันให้เธอ

ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างขึ้น

เฉิงโม่สูดหายใจเข้าลึก ๆ และรวบรวมความกล้าที่จะสารภาพว่า: "จริงๆแล้ว ฮวนฮวนผมชอบคุณมานานแล้ว เป็นแฟนกับผมได้ไหม?"

"พบอะไรอย่างนั้นเหรอ?"หลิ่วเยว่เอ่อร์หรี่ตาของเธอและถามอย่างจงใจ: "ฮวนฮวน เธอทำอะไรหายอย่างนั้นเหรอ? ในคืนนี้ตอนที่ฉันไปทำพาร์ทไทม์จะช่วยถามให้นะ! "

"ฉันไม่รู้ว่ามันหายไปในบลูส์คลับหรือเปล่า มันคือสร้อยคอทองคำ"เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากของเธอและพูดด้วยเสียงที่สับสน: "เยว่เอ่อร์ เธอช่วยฉันไปหามันที่ห้องเก็บของคืนนี้ได้ไหม? บางทีอาจจะทำหายที่นั่น "

"ห้องเก็บของหรอ?"หลิ่วเยว่เอ่อร์เบิกตาขึ้นและเธอก็รีบถามออกไปว่า: "ฮวนฮวน สำหรับงานพาร์ทไทม์ของฉันมันไม่จำเป็นต้องไปที่ห้องเก็บของไม่ใช่เหรอ หรือมีคนบังคับให้เธอไป?"

"ไม่ ไม่ใช่ ฉัน … " เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่ามันยากที่จะบอก

เธออยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ

"ฮวนฮวน เธอมีเรื่องอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า? ทำไมเธอถึงทำของหายในห้องเก็บของ? "เมื่อเห็นความลังเลของเฉินฮวนฮวน หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็แอบรู้สึกโกรธเล็กน้อย

สำหรับเฉินฮวนฮวนแล้ว เธอไม่ต้องการพูดถึงเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายออกไปได้ และเธอกลัวว่าเรื่องนี้จะถูกพูดถึงถ้ามันถูกแพร่กระจายออกไป

เธอไม่เพียงแต่กลัวตัวตนของอีกฝ่าย เลยทำให้เธอไม่กล้าที่จะโทรแจ้งตำรวจ และยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกด้วย

คนที่สามารถเข้าและออกจากบลูส์คลับได้แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าเธอโทรแจ้งตำรวจเธอคงไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้แน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นคืนนั้นในห้องเก็บของก็มืดมาก เธอมองไม่เห็นหน้าของชายคนนั้นและชายคนนั้นก็น่าจะมองไม่เห็นหน้าของเธอเช่นกัน

เธอไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เธอแค่อยากจะลืมมันไปให้เร็วๆ

"ฮวนฮวน บอกฉันมาเร็วๆ! ทำไมสร้อยคอของเธอถึงหายในห้องเก็บของ เกิดอะไรขึ้นกับเธอในห้องเก็บของหรอ? เธอเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนหรือเปล่าเนี่ย? "หลิ่วเยว่เอ่อร์นึกถึงสิ่งที่ผู้จัดการพูดเมื่อคืน นั่นทำให้เธอรู้สึกกังวลมากขึ้น ทำให้เธอยังคงเค้นถามเฉินฮวนฮวนต่อ

ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ นั่นคือเหตุผลที่เฉินฮวนฮวนดูกังวลมาก

ผู้จัดการกล่าวว่าเฟิงหานชวนกำลังมองหาคนที่ทำสร้อยคอทองคำหายไปในคืนวันศุกร์

พนักงานหญิงทุกคนได้รับการตรวจสอบแล้วและพบว่าไม่มีใครมีสร้อยคอทองคำเลย ผู้หญิงหลายคนพยายามแสร้งทำเป็นว่าพวกเธอเป็นคนที่ทำสร้อยคอหายไปเพื่อที่จะได้เข้าใกล้เฟิงหานชวน แต่ก็ถูกขอให้วาดรูปสร้อยคอนั้นเสียก่อน

ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครมีคุณสมบัติอย่างที่เฟิงหานชวนตามหาเลยสักคน

หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้อยู่ที่บลูส์คลับในวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ดันเป็นเฉินฮวนฮวนที่มาทำงานแทนเธอในวันนั้น พนักงานหญิงคนอื่น ๆ ทั้งหมดถูกตรวจสอบหมด จะเหลือก็เพียงแค่เฉินฮวนฮวนเท่านั้น

และคนอื่นๆก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าเฉินฮวนฮวนมาทำงานแทนที่เธอในวันนั้น วันนั้นเธอจึงโทรหาเฉินฮวนฮวนในตอนเช้ามืดเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินฮวนฮวน

อย่างไรก็ตามเธอวางสายเพราะเธอไม่ต้องการให้เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนกำลังมองหาเธออยู่

เธอต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวน

"เยว่เอ่อร์ ฉัน….."มันเป็นเรื่องยากที่เฉินฮวนฮวนจะบอกได้และเธอไม่ต้องการพูดถึงเรื่องในคืนนั้นอีก

"ฮวนฮวน คืนนี้ฉันจะต้องไปเข้ากะเพื่อทำงานพาร์ทไทม์ ฉันสามารถไปที่บลูส์คลับก่อนเพื่อช่วยเธอหาสร้อยคอในห้องเก็บของได้ แต่เธอต้องบอกฉันมาก่อนว่าทำไมสร้อยของเธอถึงถูกทิ้งไว้ในห้องเก็บของ?"หลิ่วเอ่อร์ยังคงถามไม่หยุดและเกือบจะแสดงอาการหงุดหงิดออกไปแล้ว

จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้องแน่ๆ!

อย่างไรก็ตามเฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้พูดมันออกไป

"ฉัน ฉันถูกบังคับ"เฉินฮวนฮวนมองไปรอบ ๆ และกระซิบไปที่หูของหลิ่วเยว่เอ่อร์

ไม่ควรให้คนอื่นได้ยินสิ่งนี้

"เธอพูดว่าอะไรนะ!"ดวงตาของหลิ่วเยว่เอ่อร์เบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหันและเธอก็อุทานออกมาว่า "จริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้น!"

ใบหน้าของเธอดูไม่เชื่อเพราะเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเฟิงหานชวนจะทำกับเฉินฮวนฮวนแบบนี้ได้ …

"ชู่ว!"เฉินฮวนฮวนปิดปากของหลิ่วเยว่เอ่อร์ทันที เธอส่ายหัวและพูดด้วยเสียงเบา: "เยว่เอ่อร์ อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ฉันยังไม่อยากเป็นที่รู้จัก"

หลิ่วเยว่เอ่อร์จับมือของเธอออกไปพยักหน้าทันทีและถามต่อไปว่า: "บอกฉันสิว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น! เธอรู้ไหม…….ว่าอีกฝ่ายรู้เป็นใคร? "

ตามหลักแล้ว ถ้าเฟิงหานชวนเห็นหน้าตาของเฉินฮวนฮวน อย่างไรก็คงไม่มีทางส่งคนมาตามหาคนที่เป็นเจ้าของสร้อยคอแน่ๆ

ดังนั้นเฟิงหานชวนต้องไม่รู้ว่าเป็นเฉินฮวนฮวนอย่างแน่นอนและเขาก็ไม่รู้แน่ๆว่าผู้หญิงในคืนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

จากการคำนวณของเธอแล้วเฉินฮวนฮวนเองก็ไม่น่าจะรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายคือเฟิงหานชวน!

"ฉัน……ฉันไม่รู้ ตอนนั้นฉันกำลังเดินไปตามทางเดินพร้อมกระเป๋าและกำลังจะเดินออกไป แต่หลังจากนั้นก็มีมือดึงฉันเข้าไปในห้องเก็บของ แล้วจากนั้นก็ …ข้างในมันมืดมากเลยมองไม่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง … "

เฉินฮวนฮวนพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามาก ดวงตาของเธอค่อยๆหรี่ลงและดูหดหู่มาก

เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดและอึดอัดของเฉินฮวนฮวน หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลก เธอช่างโง่เสียจริง!

ถูกเฟิงหานชวนขืนใจ แถมยังถูกมองว่าเป็นผู้หญิงคนอื่นและเฉินฮวนฮวนยังต้องมานั่งบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่อย่างนี้ ช่างน่าขันเสียจริง

อย่างไรก็ตามเฉินฮวนฮวนยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครและอาจคิดว่าเขาคือผู้ชายโรคจิตคนหนึ่ง หากเฉินฮวนฮวนรู้ว่าอีกฝ่ายคือเฟิงหานชวน เธอจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน

หลิ่วเยว่เอ่อร์พยายามกลั้นหัวเราะไว้และรีบขมวดคิ้วทันที เธอยื่นมือไปตบหลังเฉินฮวนฮวนแล้วแสร้งทําเป็นปลอบใจ: "ฮวนฮวน เธออย่ารู้สึกเศร้าไปเลย เรื่องนี้มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านๆไปเถอะ! อย่าเศร้าไปเลย อย่าทำหน้าเหมือนถูกหมากัดสิ ไม่เป็นไรนะ …เออใช่แล้ว!"

จู่ๆหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ร้องออกมา

"เป็นอะไรไป?"เฉินฮวนฮวนหันหน้าไปมองหลิ่วเยว่เอ่อร์และถามด้วยความสับสน

"ฮวนฮวน เธอโทรแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง? เธอห้ามแจ้งตำรวจเด็ดขาดนะ! คนที่ไปบลูส์คลับเป็นคนมีเงินทั้งนั้น ถ้าเธอแจ้งตำรวจไปยังไงก็แพ้คดี… "หลิวเยว่เอ่อร์แสร้งทําเป็นกลัวและกล่าวว่า: "ครั้งก่อนมีคนรวยชอบพนักงานพาร์ทไทม์ที่นั่น ฉันน่าจะเคยบอกเธอไปแล้วนะ ชื่อซูเสวี่ย แต่ซูเสวี่ยไม่ยอมเขา เขาเลย…"

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวชาไปหมด เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว: "ฉันรู้เรื่องนี้ เธอเคยบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันน่ากลัวมาก! ฉันไม่ได้โทรแจ้งตำรวจและฉันก็ไม่กล้าแจ้งตำรวจด้วย ดังนั้นฉันก็เลยไม่พูดอะไรออกไป ฉันจะแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น … "

คนที่ชื่อซูเสวี่ยแม้ว่าเธอจะไม่รู้จักก็ตาม แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์เคยบอกกับเธอว่าตอนนั้นซูเสวี่ยถูกมัดโดยพวกคนรวยนั่นและพวกของเขาหลายๆคนก็รุมทำร้ายซูเสวี่ยทั้งคืน

ต่อมาซูเสวี่ยก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและก็ไม่ได้กลับมาที่บลูส์คลับอีกเลย หลังจากนั้นก็ไม่รู้ข่าวคราวของเธออีกเลย

"ใช่ แบบนั้นและ ต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น! ฮวนฮวน เธอทำได้ดีมาก! "หลิ่วเยว่เอ่อร์แอบกลอกตาของเธอ ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความเจ้าเล่ห์และเธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า: "ฮวนฮวน คืนนี้ฉันจะช่วยเธอหาสร้อยคอ แต่ฉันไม่รู้ว่าสร้อยคอของเธอหน้าตาเป็นอย่างไร เธอช่วยวาดให้ฉันดูได้ไหม ?”

"โอเค เดี๋ยวฉันจะวาดให้ดู"เฉินฮวนฮวนไม่ได้คิดอะไรมาก เธอหยิบสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าทันทีและฉีกกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น เธอเริ่มวาดมันด้วยปากกา

ในไม่ช้าภาพวาดสร้อยคอทองคำก็เสร็จสมบูรณ์

เมื่อเห็นงานศิลปะนี้ดวงตาของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็เป็นประกายทันที

ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะส่งมันให้กับเธอ แต่เธอก็รีบคว้าภาพวาดนั้นมาไว้ก่อนทันที

"อาสาม คุณ …คุณต้องการอะไร?"

เฉินฮวนฮวนมุดตัวลงไปใต้ผ้าห่มและถามออกไปอย่างระมัดระวัง

"ผมมาเอาเสื้อผ้า"เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา

"งั้น……คุณก็เข้ามาเถอะ "เฉินฮวนฮวนมองไปที่ชุดนอนแบบปกปิดมิดชิดของเธอเองและพูดกับคนที่อยู่ตรงหน้าประตู

จากนั้นก็มีเสียง "กริ๊ก" แล้วประตูก็ถูกเปิดออก

ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาในชุดคลุมอาบน้ำ เขาเหลือบมองไปที่เฉินฮวนฮวนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเตียง ชุดนอนที่ร่างบางสวมใส่ดูเก่าแต่ก็ดูเรียบร้อย

แตกต่างจากชุดที่เธอสวมใส่ในคืนวันแรกที่ดูเปิดเผยและเซ็กซี่ แทบจะเหมือนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าด้วยซ้ำ

แต่เพียงแวบเดียวเขาก็หันหน้าไปทางตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดออกกำลังกายและชุดสูทออกมา

ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไปก็มีเสียงของหญิงสาวเอ่ยขึ้นมาเบาๆว่า

"อาสาม" เฉินฮวนฮวนมองไปที่ร่างสูงและเรียกเขาเบา ๆ

เฟิงหานชวนหันกลับมาและขมวดคิ้วเล็กน้อย: "มีอะไรหรอ?"

"นั่น……สิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือแม้ว่าฉันอาจจะได้ออกไปเร็วๆนี้ก็ตาม แต่ในระหว่างที่ฉันยังอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง คุณช่วยเอาเสื้อผ้าไปไว้ที่ห้องของคุณได้หรือเปล่า? "เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากของเธอและพูดด้วยความลำบากใจ

แม้ว่าเธอจะไม่มีสิทธิที่จะขอให้เฟิงหานชวนทำอะไรก็ตามและเธออาจจะได้อยู่ที่นี่อีกไม่นาน แต่ตอนนี้ที่นี่คือห้องที่เธออาศัยอยู่

และตอนนี้ชื่อของเธอคือภรรยาของเฟิงเฉินเยี่ยน และเป็นสะใภ้ของตระกูลเฟิง

ในฐานะอาสามของเฟิงเฉินเหยี่ยน ถ้าหากเฟิงหานชวนยังคงเข้าออกจากห้องนี้อยู่ล่ะก็ มันจะให้ยิ่งดูไม่ดี

"นอกจากนั้นช่วงนี้คุณสามารถอยู่ในห้องของตัวเองไปก่อนได้ไหม" เธอก้มหน้าต่ำลงและกัดริมฝีปากแน่น

"…แล้วเรื่องอาบน้ำล่ะ?"

ใบหน้าของเฟิงหานชวนดูเย็นชา

นี่คือห้องของเขา เขาเคยชินกับการอาบน้ำในห้องของตัวเอง มันมีอะไรผิดปกติหรืออย่างไร?

เพียงแค่ตอนนี้เขาไม่รู้วิธีที่จะโต้แย้งกับเฉินฮวนฮวน

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ตอบ เฉินฮวนฮวนก็เงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวังและเอ่ยถามเขาด้วยเสียงเบา "อาสาม ถ้าคุณคิดว่ามันลำบาก ฉันสามารถช่วยคุณเก็บข้าวของของคุณได้นะ คุณบอกฉันก็ได้ว่าอันไหนเป็นเสื้อผ้าของคุณ แล้วฉันจะได้ช่วยเอามันไปแขวนไว้ที่ห้องของคุณ โอเคไหม?"

"เธอคิดที่จะออกไปจากบ้านนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมยังดูใส่ใจเกี่ยวกับชื่อเสียงของคุณในตระกูลเฟิงอยู่อีกล่ะ? " เฟิงหานชวนเลิกคิ้ว น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นถึงการถากถาง

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนไป เธอยืนขึ้นทันที เธอส่ายหัวและพูดว่า: "ฉันทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากจะอยู่ที่นี่ ฉัน …นี่ฉันทำดีกับคุณนะ "

"ดีกับฉัน?"เฟิงหานชวนยิ้มเยาะ

ผู้หญิงคนนี้สามารถใช้ข้ออ้างได้หมดจริงๆ

"แม้ว่าอีกไม่นานฉันจะต้องออกไป และหลังจากที่หลานชายของคุณแต่งงานกับภรรยาคนใหม่ คุณก็จะยังเข้าออกในห้องนี้อยู่อย่างนั้นหรอ?"

เฉินฮวนฮวนพูดออกไปอย่างเคร่งเครียด: "คุณอยู่ในห้องของหลานชายและหลานสะใภ้ ทั้งยังเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำทั้งๆที่หลานสะใภ้ก็ยังอยู่ในห้อง คนในตระกูลเฟิงจะคิดอย่างไรถ้ามาเห็นเข้า"

หลังจากที่ได้ยินใบหน้าของเฟินหานชวนก็เปลี่ยนสีทันที

"ฉันรู้ว่าฉันจะทำให้คุณขุ่นเคืองถ้าฉันพูดแบบนี้ แต่อาสามฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจว่าคุณมีสถานะอะไร" เฉินฮวนฮวนยังคงยืนยันหนักแน่น

หลังจากนั้นผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เมื่อเฉินฮวนฮวนคิดว่าตัวเองจะได้รับการสั่งสอนจากเฟิงหานชวนอีกแน่ๆ แต่เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้นมาก่อน: "โอเค ฉันจะไม่เข้ามาอีก"

หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป

เมื่อมองไปที่ประตูถูกปิดลง เฉินฮวนฮวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง

ดูๆแล้วเฟิงหานชวนไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่มีเหตุผล เขายังพอจะเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ

ตอนนี้เธอยังคงต้องอยู่ที่บ้านของตระกูลเฟิงไปก่อน และเธอจะสามารถออกไปได้ก็ต่อเมื่อนายท่านกลับมาและจากนั้นก็คืนสินสอดให้กับตระกูลเฟิง

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกผ่อนคลายลง

……

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและลงไปชั้นล่างเพื่อทานอาหารเช้า

เมื่อเธอเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร เธอก็เห็นเฟิงหานชวนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนอยู่แล้ว เขาสวมชุดออกกำลังกายและเขาดูมีออร่ามากๆ

หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ผมของเขานั้นเปียกเล็กน้อยและร่างกายของเขาก็ดูเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อ

เฉินฮวนฮวนเดินลงมาจากบันได จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามกับเฟิงหานชวนและเอ่ยเบาๆว่า "อาสาม อรุณสวัสดิ์ค่ะ"

เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วหลังที่พวกเขาได้คุยกันที่ห้องก่อนหน้านี้

เฟิงหานชวนเหลือบมองเธอ เขาไม่ได้ตอบอะไรเธอและเอื้อมมือไปหยิบถ้วยกาแฟที่ด้านข้างขึ้นมาจิบเล็กน้อย

พอรู้ว่าเฟิงหานชวนดูจะไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่ เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายและทานอาหารเช้าที่แม่บ้านหลี่เตรียมไว้ให้อย่างเงียบ ๆ

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็สะพายกระเป๋าและเดินออกจากประตูห้องนั่งเล่นไป

ในขณะเดียวกันผู้ดูแลจางก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูรั้วและโค้งคำนับให้เธอ

เฉินฮวนฮวนตกใจและรีบโค้งคำนับให้กับผู้ดูแลจางและถามอย่างสงสัยว่า: "ผู้ดูแลจาง คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?"

ผู้ดูแลจางเป็นชายวัยกลางคนและว่ากันว่าเขาเป็นมือขวาของนายท่านเฟิง

"นายหญิง วันนี้เป็นวันที่ต้องไปมหาลัย ผมจะไปส่งที่มหาวิทยาลัยครับ"ผู้ดูแลจางพูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพ จากนั้นก็ทำท่าเชิญให้เธอขึ้นรถ

เฉินฮวนฮวนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่เขาผายมือเชิญให้เธอขึ้นรถ เธอส่ายหัวและพูดอย่างรวดเร็วว่า: "ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง ผู้ดูแลจางคะ ฉันสามารถไปโรงเรียนได้ด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องรบกวนคุณ ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ…."

พอเฉินฮวนฮวนพูดจบ เธอก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกันที่ระเบียงบ้าน เฟิงหานชวนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและนั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังมองดูเธอ

เขามองเธอจากไกลๆและดูร่างเล็กที่วิ่งอยู่กลางแดดจนกระทั่งลับหายไป

ไม่ใช่ว่าต้องการเงินอย่างนั้นหรอ?

แถมไม่ยอมขึ้นรถฟรีๆอีก จะออกไปนั่งแท็กซี่ นั่งรถเมล์หรือนั่งรถไฟใต้ดิน?

เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่

……

เฉินฮวนฮวนขึ้นรถเมล์และเปลี่ยนสายรถเมล์ไปสองรอบ และในที่สุดเธอก็มาถึงโรงเรียน

เมื่อเดินไปที่ประตูห้องเรียนก็เห็นหลิ่วเยว่เอ่อร์กำลังกวักมือเรียกเธออยู่

เฉินฮวนฮวนรีบตรงเข้าไปพร้อมกระเป๋าของเธอและนั่งลงที่นั่งที่ว่างข้างๆหลิ่วเยว่เอ่อร์ เธอเอ่ยถามว่า: "เยว่เอ่อร์ ครั้งสุดท้ายที่เธอบอกว่าบ้านที่เธอเช่ามีห้องเดี่ยวว่างใช่ไหม เจ้าของห้องได้ปล่อยเช่าไปแล้วหรือยัง?”

บ้านที่หลิ่วเยว่เอ่อร์เช่าอยู่มีราคาค่อนข้างถูกและอยู่ใกล้กับมหาลัย เธอต้องการที่จะหาเงินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหลังจากออกจากบ้านตระกูลเฟิงแล้ว เธอก็ต้องการจะเช่าห้องที่อยู่ในละแวกเดียวกับหลิ่วเยว่เอ่อร์

"ห้องเดี่ยวนั้นถูกปล่อยเช่าไปแล้ว แล้วทำไมเธอถึงถามแบบนี้? เธอต้องการย้ายออกไปอยู่กับยายของเธอหรอ? "ในขณะที่พูดหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าของเธอและหยิบเงินสามร้อยหยวนออกมาและส่งให้เฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนกำลังจะพูดเกี่ยวกับการตายของคุณยายเธอ แต่เมื่อเธอเห็นเงินสามร้อยหยวนนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะ

"ฮวนฮวน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเธอไปทำงานแทนฉันและนี่คือเงินที่ได้จากงานพาร์ทไทม์ ชั่วโมงละหนึ่งร้อยหยวน สามชั่วโมงก็เท่ากับสามร้อยหยวน เธอรับไปนะ"หลิ่วเยว่เอ่อร์ยัดเงินสามร้อยหยวนใส่มือของเฉินฮวนฮวนแล้วพูดว่า "อย่าอายที่จะรับเลย นี่คือสิ่งที่เธอควรรับไป ถ้าไม่ใช่เพราะเธอฉันคงจะถูกไล่ออกแน่ๆ"

เมื่อนึกถึงห้องเก็บของในบลูส์คลับ จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว มือของเธอสั่นสะท้านด้วยความกลัว

ชายคนนั้นน่ากลัวเหมือนสัตว์ดุร้ายที่จ้องจะกัดเธอ

ในคืนที่เลวร้ายนั้นเธอสูญเสียความบริสุทธิ์ของเธอไป และยังสูญเสียคุณยายของเธออีก ทั้งยังสูญเสียสมบัติของแม่เธอที่มอบไว้ให้เธออีก

"เออใช่เยว่เอ่อร์ ฉันขอถามเธอได้ไหมว่า ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันจะทำของที่สำคัญมากหายไปในตอนที่อยู่ในบลูส์คลับ" เฉินฮวนฮวนจำสร้อยคอทองคำเส้นนั้นได้เลยรีบถามออกไป: "มีใครพบอะไรที่นั่นบ้างไหม?"

เธอรู้สึกว่าเธอคุ้นเคยกับเขานิดหน่อย

เฟิงหานชวนเองก็รู้สึกว่าตัวเองต้องเคยพบกับเฉินฮวนฮวนที่ไหนสักแห่งมาก่อนแน่ๆ แต่เขาก็นึกไม่ออก

"เธอไปหาผู้ดูแลจาง แล้วจะช่วยอะไรได้?"เฟิงหานชวนหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า: "ตระกูลเฉินได้รับสินสอดจำนวนสิบล้านของตระกูลเฟิงไปแล้ว ถ้าเธอต้องการออกจากตระกูลเฟิง ก็ให้ตระกูลเฉินจ่ายเงินค่าสินสอดคืนมา"

"คุณพูดว่าอะไรนะ!"ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างขึ้นในทันทีและทำให้เธอเดินเซถอยหลังไปสองสามก้าว

"มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกที่เธอจะออกไปจากตระกูลเฟิง" เฟิงหานชวนหรี่ตามองเล็กน้อยและเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ "ไม่อย่างนั้นตระกูลเฉินก็ต้องคืนสินสอดหรือไม่อย่างนั้นก็รอจนกว่านายท่านจะกลับมา"

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเฉินเจี้ยนหมินขายตัวเองให้ตระกูลเฟิง และถึงแม้จะขายเธอไปแล้วอย่างไรเธอก็ไม่มีเงินแม้กระทั่งห้าแสนหรือกระทั่งมีคฤหาสน์คืนตามสัญญาหรอก

แม้กระทั่งเงินหนึ่งแสนเธอก็ไม่มีด้วยซ้ำ

เธอหายใจเข้าลึก ๆ โดยนึกถึงใบหน้าเย้ยหยันของเฉินเหม่ยเจวียนและเฉินซินโหรว รู้สึกได้ถึงความประชดประชันและแดกดันจากคนเหล่านั้น

"ถ้านายท่านกลับมา ถ้าฉันต้องการหย่า และถ้าเขาตอบตกลง พวกคุณก็จะไปที่บ้านของตระกูลเฉินและขอสินสอดคืนอย่างนั้นหรอ?"เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเย็นชาของชายตรงหน้าและถามด้วยเสียงต่ำ

"อย่างนั้นแหละ"น้ำเสียงของเฟิงหานชวนยังคงสงบ

"โอเค อย่างนั้นฉันจะรอนายท่านกลับมา เมื่อวานแม่บ้านบอกว่าเขาไปพักร้อนที่ฮาวาย ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันก็จะอยู่ที่นี่ต่อไปแบบชั่วคราวแล้วกัน"เฉินฮวนฮวนรู้สึกอึดอัดมาก

แม้ว่าเธอจะมีที่พักพิง แต่ในสายตาของตระกูลเฟิงเธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ถูกขายมาเพื่อเงิน

อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้รับเงินเลยด้วยซ้ำ เงินทั้งหมดอยู่ในมือของทั้งสามคนในตระกูลเฉิน

เมื่อเห็นเธอนั่งลง เฟิงหานชวนก็ตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงเธอ ขายาวๆของเขาก็ก้าวเดินออกไปที่ประตู

"อา อาสาม!"จู่ๆเฉินฮวนฮวนก็เรียกเขา

เมื่อเฟิงหานชวนหันกลับมาและเห็นผู้หญิงตัวเล็กและน่าสงสารกำลังมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่เอ่อคลอ

"จะเล่นอะไรอีก?" สีหน้าของเขามืดมนลง

"อาสาม ทำไมคุณใจร้ายกับฉันขนาดนี้ หรือเพราะคุณคิดว่าฉันกับตระกูลเฉินร่วมมือกัน? เพื่อสินสอดราคาสิบล้านแล้วจะทำอะไรอย่างที่คุณคิดน่ะหรอ?" เฉินฮวนฮวนมองผู้ชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลและถามด้วยเสียงต่ำ

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและไม่ได้ตอบอะไร อันที่จริงตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจในคำตอบเช่นกัน

ในความคิดของเขาเฉินฮวนฮวนไม่น่าจะได้รับแม้กระทั่งเงินหนึ่งแสนด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าตระกูลเฉินไม่ได้จัดสรรเงินค่าสินสอดให้กับเธอเลย

แต่นั่นก็เป็นความขัดแย้งภายในของตระกูลเฉิน ตามสัญญาแล้วตระกูลเฟิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

ถ้าเฉินฮวนฮวนไม่ได้รับเงื่อนไขที่เพียงพอกับตัวเธอเอง แล้วเธอจะเต็มใจแต่งงานกับคนตระกูลเฟิงและแต่งงานกับผู้ชายที่เธอ "ไม่ได้รัก" ได้อย่างไร

ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็เต็มใจที่จะแต่งงาน และอยากจะเป็นนายหญิงของตระกูลเฟิง

"ฉันไม่รู้จริงๆว่าตระกูลเฟิงจะให้สินสอดถึงสิบล้าน ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลเฉินนั้นแย่มาก เฉินเจี้ยนหมินคุยข้อตกลงกับฉันและบอกฉันว่าถ้าฉันแต่งงานกับอาเหยี่ยน ตระกูลเฟิงก็จะอัดฉีดเงินทุนช่วยเหลือเฉินซื่อกรุ๊ป"แม้ว่าเธอจะเคยบอกเขามาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ใส่ใจกับมันเลยสักนิด

"ฉันไม่สนใจเงินหรอก ฉันได้ทำตามแค่สัญญากับเฉินเจี้ยนหมินว่าจะแต่งงาน ฉันไม่ได้สนใจตระกูลเฟิงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว"

เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างใจเย็น แต่การแสดงออกของเฟิงหานชวนกลับดูน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะยิ่งเขาตั้งใจมองเธอมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

"ดึกแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ" เขาไม่ใส่ใจที่จะฟังเธอเลยสักนิด

ทุกครั้งที่เธอพูดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเขาจะเริ่มหวั่นไหว

ดังนั้นเฟิงหานชวนจึงเปิดประตูและออกจากห้องไป

เมื่อมองไปที่ประตูที่ถูกปิดลง เฉินฮวนฮวนก็ขยี้ไปที่ตาของเธอแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที

พรุ่งนี้เช้าเธอมีเรียนและเธอก็วางใจเรื่องฝังศพคุณยายแล้ว เธอได้แต่หวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้จะดีขึ้น

……

เฟิงหานชวนเดินเข้าไปในห้องรับรองแขกบนชั้นสอง

เขามองดูห้องรับรองแขก ยิ่งมองดูก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด

แต่ตอนนี้ห้องนอนของเขาถูกครอบครองโดยเฉินฮวนฮวนไปแล้ว และเขาก็นอนได้แค่ในห้องรับรองแขกเท่านั้น

ในห้องที่มืดสลัวเขาไม่ได้เปิดไฟ มีแต่เพียงแสงไฟจางๆที่ส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่างเพียงเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่ตู้เซฟและใส่รหัสเปิดมันออกมา

เขาหยิบสร้อยคอทองคำออกมาจากด้านใน

แสงสีส้มส่องไปที่สร้อยคอทองคำ สร้อยเส้นนี้ดูล้าสมัยมาก สีดูหมองและเห็นได้ชัดว่าเป็นของเก่า

และเป็นสร้อยที่ไม่มียี่ห้อ มันอาจจะทำโดยช่างฝีมือส่วนตัว

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาที่มาของสร้อยคอเส้นนี้

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ความรู้สึกของคืนนั้นสะท้อนอยู่ในจิตใจของเขา เธอจะต้องเป็นหญิงสาววัยรุ่นแน่ๆ

นอกจากนี้เขาก็กล้าที่จะสรุปว่าที่เธอสวมสร้อยคอทองคำเก่านี้เส้นนี้ มันจะต้องมีความหมายสําหรับเธอเป็นแน่

แล้วตอนนี้ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ไหน? แถมยังไม่รู้ว่าสร้อยคอเส้นนี้หายไปอย่างนั้นหรอ?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฟิงหานชวนจึงโทรไปหาผู้ช่วยของเขา ซูอวี่ และเอ่ยว่า: "ให้ใครบางคนไปหาผู้หญิงที่เป็นเจ้าของสร้อยคอเส้นนี้ ถ้าใครยืนยันว่าเป็นเจ้าของมันก็ให้วาดรูปของสร้อยเส้นนี้มา"

……

เฉินฮวนฮวนรู้สึกเหนื่อยมาก หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอก็นอนหลับไปทันที

เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่านาฬิกาปลุกยังไม่ดังปลุกเธอด้วยซ้ำ และในตอนนี้ก็เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว

เธอต้องเข้าเรียนตอนแปดโมงเช้า ดังนั้นเธอจึงมีเวลาลุกขึ้นมาทำความสะอาดได้ในตอนนี้

เธอดูไปที่การแจ้งเตือนและพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากหลิ่วเยว่เอ่อร์

ตอนตีสามครึ่ง

ทำไมเยว่เอ่อร์ถึงโทรหาเธอตอนนั้น? หรือจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น?

เฉินฮวนฮวนจึงโทรกลับไปทันที แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากปลายสาย

เฉินฮวนฮวนโทรอีกครั้งและสักพักก็รับสาย

"เยว่เอ่อร์ มีอะไรหรือเปล่า? ฉันเห็นว่าเธอโทรหาฉันตอนตีสามครึ่ง" เธอถามอย่างร้อนรน

หลิ่วเยว่เอ่อร์ที่ยังคงงัวเงีย เมื่อเธอได้ยินเสียงของเฉินฮวนฮวนเธอก็พึมพำตอบกลับไปว่า: "ฮวนฮวน ฉันอยากจะถามเธอ เธอ… "

ก่อนที่เธอจะพูดจบเธอก็เพิ่งจะรู้สึกตัว ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นและเธอก็เปลี่ยนคำพูดของเธอทันที: "ไม่มีอะไร ฮวนฮวน ฉันแค่ไม่ค่อยได้นอนเลยกดโทรผิด"

"เยว่เอ่อร์ เมื่อกี้เธอจะพูดอะไร ที่เธอบอกว่าเธออยากจะถามอะไรฉันน่ะ?" เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าน้ำเสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ดูแปลกๆ

"ฉันอยากถามเธอว่าฉันควรอยู่กับเกาจวิ้นเซวียนต่อไปดีไหม ช่างเถอะ เจอกันที่ห้องเรียนนะ"หลิ่วเยว่เอ่อร์กลอกตาและหาข้ออ้างเพื่อหยุดเธอ

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและพูดว่า: "โอเค ค่อยพูดต่อหน้า ฉันก็มีบางอย่างอยากจะขอความช่วยเหลือจากเธออยู่พอดี"

"โอเค"

หลังจากคุยโทรศัพท์กับหลิ่วเยว่เอ่อร์เสร็จแล้ว เฉินฮวนฮวนก็ลุกขึ้นจากเตียง แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากตรงประตู

หลังจากนั้นลูกบิดประตูก็ถูกบิดเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังจับมันอยู่ เธอหดตัวลงโดยไม่รู้ตัวและมุดเข้าไปในผ้าห่ม

เธอกำลังคิดว่าคนข้างนอกจะเปิดประตูเข้ามา แต่วินาทีถัดมามีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

"นั่นใคร?"เฉินฮวนฮวนถาม

ใบหน้าของเฟิงหานชานดูประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะตื่นเช้าขนาดนี้

"ฉันเอง เฟิงหานชาน"เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม

เฉินฮวนฮวนหันหน้าไป ก็เห็นเฟิงเฉินเจี่ยนเดินมาทางพวกเขา

เธอสะดุ้งตกใจทีหนึ่ง เฟิงเฉินเหยี่ยนเห็นเธออยู่ด้วยกันกับเฟิงหานชวน จะเข้าใจอะไรเธอผิดหรือเปล่า

แม้ว่าตอนนี้เธอจะฝังคุณยายเรียบร้อยแล้ว แต่เธอยังไม่มีค่าเช่าหอพัก ดังนั้นเธอยังไม่อยากถูกไล่ออกไปในเร็วๆนี้

ยิ่งกว่านั้นคือว่า ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเฟิงเฉินเหยี่ยน ถ้าถูกเฟิงเฉิน

เหยี่ยนเข้าใจผิดละก็ เธอจะรู้สึกผิดต่อเฟิงเฉินเหยี่ยน

เธอไม่อยากให้เฟิงเฉินเหยี่ยนเข้าใจเธอผิด

"อาเหยี่ยน คืนนี้คุณกลับมาหรอ"เฉินฮวนฮวนเดินมาข้างหน้า อธิบาย "ฉันเพิ่งจะแต่งงานกับคุณ เลยอยากไปบอกกับคุณแม่กับคุณยายหน่อย พอดีอาสามก็จะผ่านไปทางนั้น เลยไปส่งฉัน"

เธอไม่กล้าบอกว่าเธอเอากล่องใส่อัฐิของคุณยายเข้าไปในห้องแต่งงานของพวกเขา ถ้าไม่อย่างนั้นเฟิงเฉินเหยี่ยนต้องโมโหแน่ๆ

"โอ้ อาสาม ทำไมจู่ๆก็ใจดีขึ้นมาล่ะ ถึงขั้นไปส่งฮวนฮวนด้วยตัวเองเลยหรอ"เฟิงเฉินเหยี่ยนมองไปยังเฟิงหานชวนพร้อมกับยักคิ้วทีหนึ่ง พูดต่อไปว่า "เป็นไง แม่และยายของฮวนฮวนใจดีเหมือนเธอหรือเปล่า"

เฉินฮวนฮวนอึ้งไปชั่วครู่ ดูๆแล้วเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่รู้เกี่ยวกับครอบครัวของเธอเลยสักนิด

มือข้างหนึ่งของเฟิงหานชวนสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทางทิศตะวันออก ก้าวขาที่ยาวออกไปข้างหน้าเดินเข้าไปหาเฟิงเฉินเหยี่ยน กับเฉินฮวนฮวน

ตอนที่เดินผ่านไหล่ของเฟิงเฉินเหยี่ยน เขาใช้เสียงที่แฝงด้วยความเย็นชาไร้ความรู้สึกตอบกลับไปว่า "แม่ของหล่อนและยายของหล่อน เป็นคนตาย "

จากนั้น เขาก็เดินเข้าไปทางห้องรับแขก หายไปตรงหน้าประตูของห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว

เฟิงเฉินเหยี่ยนอ้าปากกว้าง จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาตบปากของตัวเองทีหนึ่ง เขาหมุนตัวกลับไปมองเฉินฮวนฮวน เกาหัวไปด้วยพูดด้วยความรู้สึกผิดไปด้วย "ต้องขอโทษด้วยนะฮวนฮวน ฉันไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้"

"ไม่เป็นไรหรอกอาเหยี่ยน"เฉินฮวนฮวนส่ายหัวอย่างจริงใจ

จริงๆแล้ว แค่การได้พบเจอกันเป็นเวลาสั้นๆสองครั้ง เธอกลับรู้สึกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่เหมือนกับข่าวคราวที่แถลงออกมาเลยสักนิด

ตัวจริงของเฟิงเฉินเหยี่ยน เป็นคนพูดสุภาพ ร่าเริงแจ่มใส ทุกครั้งที่พูดก็จะมีรอยยิ้มที่สว่างสดใส ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกความผ่อนคลาย

เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ทำให้เธอรู้สึกว่าความเจ็บปวดในจิตใจก็ได้มลายหายไปไม่น้อยเลย

"เอ๋ โอ้พระเจ้า " เฟิงเฉินเหยี่ยนร้องออกมาเสียงดัง

"อาเหยี่ยน เกิดอะไรหรอ" เฉินฮวนฮวนสะดุ้งทีหนึ่ง รีบถามต่อไปว่า

"ฮวนฮวนจ๋า ทำไมตาของเธอถึงได้บวมขนาดนี้ ทำให้ผมตกใจหมด เหมือนกับก้อนแป้งสาลีที่พองออกมาเลย "

เฉินฮวนฮวนรีบใช้มือจับตาดู แล้วอธิบายว่า "ตอนที่อยู่ที่สุสาน ฉันร้องไห้ ดังนั้น……"

"มานี่มา ฉันจะช่วยเธอประคบตา"ขณะที่พูด เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ยื่มมือไปจับแขนของเฉินฮวนฮวน แล้วดึงเธอเข้าไปในบ้าน

เมื่อถึงห้องที่อยู่บนชั้นสอง เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ให้เฉินฮวนฮวนนั่งอยู่ที่ข้างๆเตียง แล้วตัวเองก็พุ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำ เริ่มปล่อยน้ำ

เฉินฮวนฮวนได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ ในใจเหมือนกับว่ามีสายน้ำอุ่นสายหนึ่งกำลังไหลออกมา

ผ่านไปไม่นาน เฟิงเฉินเหยี่ยนก็ถือผ้าขนหนูออกมา ยื่นมือออกมาจะเอาผ้าขนหนูปิดลงไปบนตาของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเห็นสีของผ้าเช็ดหน้าอย่างชัดเจน รีบเอามือขึ้นมาหยุดการกระทำของเฟิงเฉินเหยี่ยน รีบพูดขึ้นมาว่า "อาเหยี่ยน อันนี้เหมือนจะเป็นของอาสามของคุณน่ะ"

ผ้าขนหนูของเธอเป็นสีแดงผืนใหญ่ เป็นของที่บ้านตระกูลเฟิงมอบให้ เป็นผืนสีแดงใหญ่ที่เป็นสีแดงมงคลในงานแต่งงาน

ในห้องน้ำนอกจากผ้าขนหนูของเธอแล้ว ยังมีผ้าขนหนูสีเทา ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นของเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่ผลปรากฏว่าเฟิงหานชวนเป็นคนใช้

"ของอาสามหรอ ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ช่วยเธอประคบตาหน่อยเท่านั้นเอง" เฟิงเฉินเหยี่ยนยิ้มหัวเราะ ฮิฮิ แล้วก็ใช้กำลังเอาผ้าขนหนูสีเทาปิดลงไปบนตาของเฉินฮวนฮวน

ตาทั้งสองข้างรู้สึกสบายขึ้นมาทันที เหมือนกับว่าได้เอาความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดที่มากเกินบรรยายออกไปหมด

แต่ว่า พอคิดได้ว่าตัวเองใช้ผ้าขนหนูของเฟิงหานชวนประคบตา ถ้าเฟิงหานชวนรู้เข้า จะโมโหตายไหมน่ะ

จะคิดว่าเป็นความตั้งใจของเธออีกไหมน่ะ

ไม่กล้าประคบนานเกินไป เฉินฮวนฮวนกำลังคิดจะเอาผ้าขนหนูออก เวลานั้น เสียง "แกร๊ก แกร๊ก"ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออก

"อาเหยี่ยน คุณกลับมาแล้วหรอ" เธอถามด้วยความเคยชิน

เมื่อกี้เฟิงเฉินเหยี่ยนบอกว่าจะลงไปดื่มน้ำหน่อย อีกอย่างเฉินฮวนฮวนยังปิดตาไว้อยู่ จึงคิดว่าต้องเป็นเฟิงเฉินเหยี่ยนกลับมาแน่ๆ

วินาทีต่อมาเสียงที่เย็นชาของผู้ชายก็ดังขึ้นมาจากบนหัว "เฉินฮวนฮวน ทำไมไม่ใช้ผ้าขนหนูของตัวเองล่ะ"

น้ำเสียงที่ถามยังแฝงด้วยความไม่พอใจด้วย

"อ๋า"เฉินฮวนฮวนร้องออกมาคำหนึ่งด้วยความตกใจ รีบเอาผ้าขนหนูที่ประคบตาออกทันที

สายตาที่พร่ามัวค่อยๆชัดขึ้น จากนั้นก็ปรากฏใบหน้าที่คุ้นเคยของผู้ชาย

"อา อาสาม……"เฉินฮวนฮวนรีบพยุงตัวขึ้นมา แล้วก็โค้งไปทางเฟิงหานชวนอย่างไม่หยุด พร้อมกล่ายคำขอโทษ "ขอโทษจริงๆอาสาม ผ้าขนหนูนี้อาเหยี่ยนเป็นคนเอามาประคบตาให้ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะใช้ผ้าขนหนูของคุณจริงๆ……"

"เป็นเพราะว่าไม่ได้ตั้งใจอีกแล้วหรอ" เฟิงหานชวนยิ้นหัวเราะเยาะทีหนึ่ง ตอบอย่างเย็นชา "ครั้งสองครั้งอาจจะทำให้คนอื่นเชื่อได้ แต่ว่าจำนวนครั้งมากขึ้น แสดงว่าตั้งใจจริงแล้วแหละ"

เขาตั้งใจจะมาอาบน้ำ แต่พอเข้ามา กลับเห็นเฉินฮวนฮวนใช้ผ้าขนหนูของตัวเองอยู่ เวลานั้นก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที

เขาไม่ชอบให้คนอื่นมาใช้ของของเขาโดยพละการมากที่สุด เพราะเขาเป็นคนรักความสะอาดและไม่ชอบให้ใครมาใช้ของของเขา

"ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ อาสาม อาเหยี่ยนลงไปดื่มน้ำ รอให้เขาขึ้นมาคุณก็ลองถามเขาดู เขาเป็นคนเอาผ้าขนหนูของคุณประคบหน้าให้ฉันเอง "เฉินฮวนฮวนอธิบายอย่างรีบร้อน

"เฮ่อ คราวนี้แม้แต่อาเหยี่ยนก็ถูกเอาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว เขาออกไปแล้ว จะเป็นพยานให้เธอได้ยังไง"เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็แย่งผ้าขนหนูจากมือของเฉินฮวนฮวนมา

แล้ว หันหลังเดินไปข้างๆถังขยะ เอาผ้าขนหนูโยนเข้าไปในถังขยะทันที

เห็นสายตาที่รังเกียจอย่างไม่มีใครเทียบได้ของผู้ชาย เฉินฮวนฮวนรู้สึกมึนหัวชั่ววูบ กัดริมฝีปากอย่างแน่น คำอธิบายอะไรก็พูดไม่ออกอีก

เฟิงเฉินเหยี่ยนจากไปอีกแล้ว จะเห็นได้ว่าข้างนอกมีผู้หญิงมากมายจริงๆ ตัวเองอยู่ข้างในนี้กลับถูกเฟิงหานชวนเข้าใจผิดมาตลอด

เธอตัดสินใจออกจากบ้านตระกูลเฟิง

เฟิงหานชวนหน้าก็ไม่หันกลับไปมอง ตรงไปยังห้องอาบน้ำ สักครู่ก็ได้ยินเสียงเปิดน้ำ

เฉินฮวนฮวนนั่งอยู่ข้างเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กะว่าจะโทรหาเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่ก็ไม่รู้เบอร์โทรของเฟิงเฉินเหยี่ยน

เธอเป็นคนที่ผู้ดูแลจางพามา ถ้างั้นเป็นไปได้ไหมว่าเธอหาผู้ดูแลจางก็สิ้นเรื่อง

คิดอย่างนี้ขึ้นมาได้ เฉินฮวนฮวนยืนขึ้น ตัดสินใจจะไปหาผู้ดูแลจาง แต่เธอก็ไม่รู้ว่าผู้ดูแลจางอยู่ที่ไหน

ดังนั้น เธอจึงกลับไปนั่งข้างเตียงเหมือนเดิม รอจนกระทั่งเฟิงหานชวนออกมาจากห้องอาบน้ำ เธอจึงรีบพุ่งออกไป ยืนอยู่ข้างหน้าของเฟิงหานชวน

เฟิงหานชวนเห็นเธอพุ่งเข้ามาอย่างนี้ มุมปากเกิดรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์

"อาสาม คุณรู้จักเบอร์มือถือของผู้ดูแลจาง หรือ คุณรู้ว่าผู้ดูแลจางพักอยู่ห้องไหนของบ้านตระกูลเฟิงหรือเปล่า" เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นมา ถามไปยังผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า

"ผู้ดูแลจางหรอ"เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร

"ฉันตัดสินใจจะออกจากบ้านตระกูลเฟิงแล้ว ดังนั้นวันหลัง อาสามก็ไม่ต้องเข้าใจฉันผิดอีก ฉันจะออกจากสายตาของคุณ แต่ว่าเงินที่ยืมคุณ ยังไงฉันก็จะคืนให้แน่นอน"

นัยต์ตาสีแดงบวมคู่นั้นของเฉินฮวนฮวน กลับเผยให้เห็นแสงที่สว่างสดใสอย่างหนึ่ง ทำให้เฟิงหานชวนเกิดความมึนงงเล็กน้อยชั่วขณะหนึ่ง

เฟิงหานชวนเห็นผู้หญิงที่อยู่บนป้ายหลุมฝังศพ เหมือนจะยังเป็นสาวอยู่ ดูๆแล้วก็แค่สามสิบกว่า

เขาคิดไม่ถึงว่า จริงๆแล้วแม่ผู้ให้กำเนิดของเฉินฮวนฮวน จะจากโลกนี้ไปเร็วขนาดนี้

เพราะฉะนั้น นายหญิงที่อยู่ในบ้านตระกูลเฉินตอนนี้เป็นแม่เลี้ยงของเธอหรอ

"แม่ค่ะ หนูพาคุณยายมาแล้ว"เธอพูดเบาๆ จากนั้นก็หยิบกล่องใส่อัฐิ เดินไปยังหลุมข้างๆ

หลังจากที่เธอวางกล่องใส่อัฐิเสร็จแล้ว ก็หยิบรูปถ่ายของคุณยายติดลงไปยังบนป้ายหลุมฝังศพ

หลังจากที่ติดรูปเสร็จแล้ว เธอคุกเข่าอยู่หน้าป้ายหลุมฝังศพ แล้วก็กราบลงไปหลายครั้ง ไม่รู้ว่ากราบลงไปกี่ครั้ง

เห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวนแบบนี้ เฟิงหานชวนขมวดคิ้วอย่างแน่น ในใจมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารจริงๆ

อายุยังน้อยก็ต้องส่งแม่ไปแล้ว ตอนนี้อายุยังไม่มากก็ต้องส่งคุณยายไปอีกคน

ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่น เขาจึงปล่อยพื้นที่ว่างไว้ให้กับเฉินฮวนฮวน ตัวเองเดินไปยังทางเดินอีกข้างหนึ่ง แล้วก็รับโทรศัพท์

"ประธานเฟิง เรายังสืบหาตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลย"น้ำเสียงของซูอวี่แฝงด้วยความรู้สึกลำบากใจ

"พวกไม่ได้เรื่อง"เฟิงหานชวนด่าตรงๆไปคำหนึ่ง แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการรบกวนเฉินฮวนฮวนที่กำลังไว้อาลัยอยู่ จึงลดเสียงลงถามว่า "แล้วกล้องวงจรปิดล่ะ"

"พอดี……พอดีคืนนั้น กล้องวงจรปิดของทั้งงานถูกปิดลงแล้ว น่าจะเป็นฝีมือของพวกที่ทำร้ายคุณทำ"ซูอวี่เกาหัว ยังคงไม่มีวิธีอะไรเหมือนเดิม

"พนักงานหญิงก็ตรวจหมดแล้วหรอ"เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว

แม้ว่าบลูส์คลับจะใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าสองวันกว่าแล้วยังหาผู้หญิงที่ถูกขืนใจไม่ได้หรอกมั้ง

ยิ่งกว่านั้นก็คือว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ไปฟ้องศาลด้วย

"ถามหมดแล้วไม่มีใครทำของหายเลย ผมกลัวว่าถ้าบอกออกไปตรงๆว่าเป็นสร้อยคอ อาจจะมีคนที่เห็นแก่เงินแล้วยอมรับว่าเป็นของตัวเอง"ซูอวี่บอกตามความเป็นจริง

"วิธีของนายไม่เลว ไม่ควรจะถามไปตรงๆจริงๆ แล้วลูกค้าที่เป็นผู้หญิงในคืนนั้นล่ะ"เฟิงหานชวนรู้สึกปวดหัว แต่ก็ยังถามต่อ

"มีคนหนึ่งบอกว่าทำของหาย คนของเราถามหล่อนว่าเป็นอะไร หล่อนบอกว่าเป็นโทรศัพท์…… "ซูอวี่พูดต่อไปด้วยความอดทน

"พอแล้ว ตามหาต่อไป ฉันรู้สึกว่าน่าจะเป็นพนักงานหญิงมากกว่า เพราะว่าทางเดินแบบนั้นไม่น่าจะมีลูกค้าหญิงเดินผ่าน"เฟิงหานชวนจับสันจมูกไปมา หัวคิ้วทั้งสองข้างชนเข้าหากัน

"ครับ ประธานเฟิง ผมจะให้พวกเขาถามละเอียดกว่าเดิม"ซูอวี่ผงกหัวตอบ

เฟิงหานชวนตัดสายโทรศัพท์ ในขณะที่หันหน้ากลับไป กลับเห็นเฉินฮวนฮวนยืนอยู่ตรงหน้า ผมบนหัวที่ยุ่งเหยิง ดูแล้วเหมือนกับเป็นผีสาว

ยังดีที่เขาเป็นคนขวัญแข็ง ถ้าไม่อย่างนั้นในที่ๆแบบนี้เห็นผู้หญิงสภาพนี้ อาจจะตกใจตายได้

"เธอมายืนอยู่ที่นี่ทำไม"เฟิงหานชวนพูดเสียงดังแต่กลับแฝงด้วยความเย็นชา

"ฉัน……"เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นมา เธอเม้มปาก แล้วพูดเบาๆ "ฉันก็แค่อยากจะพูดกับคุณว่า ขอบคุณมากที่ช่วย"

"ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก"เฟิงหานชวนมองไปยังป้ายหลุมฝังศพ แล้วหันกลับมามองเฉินฮวนฮวน "ในเมื่อเสร็จแล้ว ก็กลับไปกันเถอะ"

"ค่ะ" เฉินฮวนฮวนผงกหัวเบาๆ

ตอนที่ตามหลังเฟิงหานชวนกลับไปนั้น เธอหันหลังกลับไปมองด้านหลังตลอด จนกระทั่งมองเห็นป้ายหลุมฝังศพทั้งสองป้ายนั้นไม่ชัด

เมื่อมาถึงข้างรถsuv เฉินฮวนฮวนเดินไปข้างคนขับด้วยตัวเอง เปิดประตูรถแล้วก็เข้าไปนั่ง

เห็นการกระทำของเฉินฮวนฮวนแล้ว เฟิงหานชวนหลับตาทีหนึ่ง มีแสงสีดำพาดผ่านไปสายหนึ่ง

เขาไม่ได้พูดอะไร หันตัวไปจากข้างหน้ารถไปยังทางด้านคนขับ แล้วเข้าไปนั่งในรถ

รอให้เฟิงหานชวนนั่งเข้ามาข้างในรถ เฉินฮวนฮวนก็บีดตัวไปมองเขา เธอเต็มไปด้วยความสับสน เหมือนมีอะไรที่ไม่อยากจะอ้าปากพูด "อาสาม เงินค่าหลุ่มฝังศพ ฉัน……"

"ไม่ต้องคืนแล้ว ถือว่าฉันทำความดีก็แล้วกัน" เขาเป็นถึงคุณชายสามตระกูลเฟิงผู้เลื่องชื่อ จะไปถือสากับเงินแค่แสนหนึ่งได้ยังไง

"ไม่ ฉันไม่ได้ ฉันไม่ได้หมายถึง……"เฉินฮวนฮวนรีบทำมือ แล้วรีบอธิบายต่อว่า "ฉันหมายความว่า ค่าหลุมฝังศพ ที่ฉันเป็นคนยืมคุณ แต่ว่าตอนนี้ฉันกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ทำได้แต่งานพาร์ทไทม์ เงินทำพาร์ทไทม์ไม่ได้สูงมาก แต่ว่าฉันจะรีบออม อาจจะต้องรอให้ฉันเรียนจบก่อน แล้วถึงจะคืนเงินก้อนนี้กับคุณได้"

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คุณยายสอนเธอไว้ ต่อให้คนอื่นมีเงินมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็รับเงินของคนอื่นมั่วซั่วไม่ได้

ถ้ามีเรื่องด่วนแล้วต้องยืมเงินจริงๆ ต่อไปก็ต้องขยันทำงานมากกว่าเดิม แล้วก็ต้องคืนเงินให้ได้ ยังไงก็ติดเงินคนอื่นไม่ได้

แม้ว่าถึงเธอจะรู้ว่าสำหรับเฟิงหานชวนแล้วเงินก้อนนี้ไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก แต่ว่าเธอก็จำเป็นที่จะต้องคืน

ต่อให้ต้องใช้เวลาหลายปีก็ตาม

แต่เธออยากบอกให้เฟิงหานชวนเข้าใจ ต่อให้ต้องใช้เวลานานกว่านี้ เธอก็จะหาเงินมาคืนเขาอย่างแน่นอน

"เฉินฮวนฮวน ฉันบอกแล้วไงว่า เธอไม่ต้องคืน" เฟิงหานชวนมองไปทางเธอ สายตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นจับจ้องเธอ "ที่เธอยืนยันที่จะคืนเงินให้ได้ หรือว่าคิดอะไรไม่ดีไม่ร้ายกับฉันหรือเปล่า"

"อีกอย่าง เธอเปลี่ยนจากนั่งข้างหลัง แล้วก็ขึ้นมานั่งข้างคนขับ หรือคิดว่าอยากจะเข้าใกล้ฉันมากว่านี้หรอ"

เฉินฮวนฮวนหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่า เฟิงหานชวนจะเข้าใจเธอผิดอีกแล้ว

"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ อาสาม ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดจริงๆ ที่ฉันขึ้นมานั่งข้างคนขับก็เพราะอยากจะพูดคุยกับคุณหน่อย ฉันรู้สึกว่านั่งข้างหลังจะทำให้รู้สึกว่าห่างเหินกับคุณ……"เธอพยายามที่จะอธิบาย

เธออยากจะพูดเรื่องการยืมเงินกับเฟิงหานชวน แล้วก็อยากจะพูดเกี่ยวกับการติดต่อกันของเธอกับเฟิงหานชวนต่อจากนี้

"รู้สึกห่างเหินหรอ ถ้างั้นเธอหมายความว่า อยากจะใกล้ชิดกับฉันนะสิ"

"ไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆ" เฉินฮวนฮวนยื่นมือออกไป กดลงไปบนบริเวณอกของเขา ดันเขาออกไป พูดอย่างเคร่งขรึม "อาสาม จะว่าไปแล้วตอนนี้ฉันก็เป็นหลานสะใภ้ของคุณนะ ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ตลอดเลย"

ตั้งแต่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น เฟิงหานชวนก็เหมือนจะมีมุมมองที่กว้างกับเธอ รู้สึกว่าเธอเหมือนจะมีความคิดที่จะดึงดูดเขาตลอด

แต่ว่า เธอไม่มีจริงๆ

"อาเหยี่ยนน่าจะไม่ได้แล้ว เธอคงไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นหญิงม่ายหรอก มั้ง ดังนั้น……"เฟิงหานชวนพูดอย่างเย็นชา

เป็นผู้หญิงที่ยังสาวก็มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายอย่างเฉินฮวนฮวน เขารู้สึกว่าผู้หญิงอย่างนี้ต้องรับความโดดเดี่ยวไม่ไหวแน่ๆ ได้ยินว่าอาเหยี่ยน "ไม่ได้" คงต้องหาวิธีติดต่อกับผู้ชายคนอื่นแน่นอน

"อาสาม ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงคิดแบบนี้กับฉัน เป็นเพราะว่าฉันไปที่ของคุณอย่างไม่ได้ตั้งใจหรอ ฉันก็อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"เฉินฮวนฮวนรู้สึกลำบากใจมาก

เป็นเพราะว่าเธอไม่ระวัง ทำให้เฟิงหานชวนเข้าใจเธอผิดมาตลอด

"อีกอย่าง ฉัน……ฉันไม่ได้เป็นครั้งแรกก็จริง แต่ฉันก็เคยมีประสบการณ์แค่ครั้งเดียว อีกอย่าง ผู้หญิงที่ยังไม่เสียพรหมจรรย์เป็นผู้หญิงที่ดี แล้วคนที่ไม่ใช่ก็ต้องเป็นผู้หญิงเลวเลยหรอ"

เธอลืมตาที่กรอกด้วยน้ำตาออก จ้องมองไปยังผู้ชายแล้วร้องเรียนต่อ"ในเมื่อฉันได้แต่งงานกับอาเหยี่ยนแล้ว ต่อให้อาเหยี่ยนไม่ได้ ฉันก็ไม่คิดจะออกนอกลู่นอกทาง ยิ่งไม่คิดจะไปเกลี่ยกล่อมอาของ

อาเหยี่ยน—-คุณ เฟิงหานชวน "

"ถ้าคุณคิดว่าฉันไม่คู่ควรกับอาเหยี่ยน อยากให้ฉันไสหัวไป ฉันก็จะไม่ตอบโต้สักคำ เงินหนึ่งแสนหยวนที่คุณช่วยฉัน วันหลังฉันจะคืนคุณแน่นอน"

เฉินฮวนฮวนพูดไปตั้งเยอะ แต่เฟิงหานชวนยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิด

ทุกครั้งที่เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ดี เธอก็จะรีบแสดงท่าทางที่ถูกเอาเปรียบออกมา ทำให้เขาสงสัยการคาดเดาของตัวเอง

"พอแล้ว การจะไปหรืออยู่ของเธอฉันไม่สนใจ รอให้นายท่านกลับมาแล้วค่อยว่ากันอีกที " เฟิงหานชวนตัดบทสนทนาอย่างเย็นชา จากนั้นก็สตาร์ทรถ

ในที่สุด รถก็ได้เข้าไปจอดในโรงจอดรถของบ้านตระกูลเฟิง ทั้งสองลงจากรถพร้อมกัน

"อาสาม ฮวนฮวน พวกคุณไปไหนกันหรอ" ในเวลานี้ เสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน

"เฟิงหานชวน คุณให้อภัยฉันเถอะนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันไม่ได้……"

เฉินฮวนฮวนโหยไห้อย่างหนัก เธอไม่ได้ตั้งใจจะนำกล่องใส่อัฐิเข้ามายังบ้านตระกูลเฟิง แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ

ในสายตาของเธอนั้นเห็นเฟิงหานชวนจับเธอไว้ แสดงว่าต้องลงโทษเธอแน่ๆ

"ขึ้นรถ" เฟิงหานชวนจับมือของเธอไว้ ลากเธอไปข้างหน้า

เฉินฮวนฮวนพยายามขัดขืน แต่ว่าพละกำลังของผู้ชายเยอะจริงๆ พื้นรองเท้าของเธอขูดกับพื้นเกิดเป็นเสียง เป็นเสียงที่ดังมาก

เธอไม่รู้ว่าหลังจากที่ตัวเองถูกลากกลับไปแล้วจะต้องเจอกับอะไรบ้าง กล่องใส่อัฐิของคุณยายจะถูกคนบ้านตระกูลเฟิงจัดการหรือเปล่า เรื่องอย่างนี้แค่คิดเธอก็ไม่กล้าที่จะคิด

ดังนั้น ภายใต้อารมณ์ที่ว้าวุ่นของเฉินฮวนฮวน เธอก้มหน้าลงแล้วกัดลงไปบนมือของผู้ชายอย่างไม่ใยดี

"ซรือ"

เฟิงหานชวนรู้สึกว่าบนมือเจ็บขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วสูบอากาศเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง จึงปล่อยมืออย่างไม่ได้ตั้งใจ

เห็นว่าได้โอกาส เฉินฮวนฮวนจึงรีบจับกระเป๋าเดินทางแล้ววิ่งไปทางตรงกันข้าม เธอวิ่งไปอย่างกับว่าจะบินได้อย่างนั้น และเหมือนจะวิ่งสุดกำลังที่มีด้วย

ในหัวของเฟิงหานชวนเป็นภาพของผู้หญิงที่หายไปเร็วอย่างควันบุหรี่ เขาจ้องมองไปยังรอยฟันที่อยู่บนมือ เห็นรอยเลือดช้ำออกมาเล็กน้อย ผสมกับน้ำลาย

เขาขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ

ตอนเแรกคิดจะไม่สนใจผู้หญิงบ้าคนนี้แล้ว แต่พอคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดไป เขาจึงเข้าไปในรถ แล้วขับรถไปตามเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนเดินมาจนถึงทางม้าลายใหญ่ เห็นข้างหลังไม่มีคนตามมา เธอรู้สึกว่าเหนื่อยมาก รีบเดินไปยังที่รอรถบัส แล้วนั่งลงไปยังม้านั่งสาธารณะ

เธอหายใจหอบด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ

เธอมองออกไปไกลด้วยความสับสน แล้วก็มองไปยังบอร์ดเลขที่ ที่ติดอยู่ที่รอรถบัส รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง

โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างนี้ แต่เธอกลับไม่รู้จะไปที่ไหน

สองวันนี้ เธอผ่านเรื่องมามากมาย คุณยายสุดที่รักของเธอได้จากเธอไป ความบริสุทธิ์ของตัวเองก็เสียไปอีก บวกกับของที่ระลึกของแม่ก็ถูกเธอทำหายไป

มันเป็นสร้อยคอทองเหลืองเส้นหนึ่ง ตอนแรกเธอคิดจะขายมัน ดูว่าพอจะเป็นค่ารักษาให้คุณยายได้ไหม แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงคุณยายก็ไม่ยอมให้ขาย

เมื่อคืนตอนอาบน้ำ เธอถึงรู้ว่าสร้อยคอเส้นนั้นได้หายไปแล้ว เธอไม่รู้ว่าทำหายที่ไหน อาจจะทำตกในห้องเก็บของ

หรือว่า อาจจะทำตกในห้องพี่เลี้ยงของบ้านตระกูลเฉิน

เอ่อใช่นี่ เธอต้องกลับไปยังบ้านตระกูลเฉินแล้วล่ะ

เธอจะกลับไปหรอ

ดึกๆดื่นๆอย่างนี้ พวกเฉินเจี้ยนหมินต้องกลับมาแล้วแน่ๆ

เธอได้ตัดสินใจยอมถอยไปก้าวใหญ่ โดยการแต่งงานกับคนบ้านตระกูลเฟิง แต่พ่อที่แสนดีของเธอคนนั้น กลับเล่นเกมหายตัวกับเธออย่างนั้น

กำลังคิดจะเปิดโทรศัพท์ ค้นหาว่าจะมีรถบัสสายไหนไหมที่จะผ่านบ้านตระกูลเฉิน ทันใดนั้น ก็เห็นรถsuv ที่คุ้นเคยคันหนึ่งมาจอดอยู่ข้างทางที่รอรถบัส

เสียงโทรศัพท์ดัง "ปัง" ตกลงไปบนพื้น

เฉินฮวนฮวนทำตาโตอึ้ง เธอวิ่งมาไกลขนาดนี้แล้ว ทำไมผู้ชายคนนี้ยังตามมาไม่หยุดอีก

"คุณต้องการอะไรกันแน่—–"เธอร้องตะคอกใส่รถsuvที่อยู่ข้างหน้าคันนั้น

ประตูรถทางฝั่งของคนขับถูกเปิดออก ขาที่ยาวของผู้ชายก้าวออกมาจากรถ ตามด้วยตัวที่สูงใหญ่ เดินเข้ามาทางเธอ

มือทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนเย็นเฉียบ นิ้วมือสั่นไม่หยุด ผู้ชายข้างหน้าเหมือนกับเป็นยมบาลเจ้าแห่งความตาย ทำให้เธอกลัวถึงสุดขีด

"เธอคิดจะเก็บกล่องใส่อัฐิของคุณยายไว้ในกระเป๋าเดินทางตลอดหรือไง"เฟิงหานชวนยกคิ้วขึ้น แล้วชี้ไปยังกระเป๋าเดินทางที่อยู่ข้างๆ

เบ้าตาของเฉินฮวนฮวนแดงขึ้นมาอีกครั้ง จมูกก็แดงเหมือนจะร้องไห้ สายตาคู่นั้นยิ่งบวมอย่างไม่ต้องพูดถึงเลย

"ฉันไม่มีเงินจะฝังคุณยาย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเอากล่องใส่อัฐิเข้าไปในบ้านตระกูลเฟิงจริงๆ……"เฉินฮวนฮวนนั่งลงไปกับพื้น ใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าไว้ ร้องไห้จนพูดไม่เป็นคำ

ก้มหน้ามองผู้หญิงที่นั่งอยู่บนพื้น ในใจของเฟิงหานชวนกลับมีแต่ความรู้สึกหงุดหงิด อ้าปากถามว่า "แล้วมีสุสานที่อยากจะฝังหรือยัง"

เฉินฮวนฮวนเห็นท่าทางที่น่าอับอายอย่างนั้นของเขาแล้ว ก็เม้มปาก ไม่พูดอะไร

ความอับอายของเฟิงหานชวนถูกเธอเห็นเข้า มันคืออะไรที่เรียกว่าความอับอายอย่างแท้จริงนั่นเอง

"ของที่ซ่อนอยู่ข้างหลังเธอ มันคืออะไร" เฟิงหานชวนรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติสักอย่างตั้งนานแล้ว กล่องสีดำอันนั้น มันดูแปลกๆ

เหมือนกับ…..เหมือนกับกล่องที่เอาไว้ใส่อัฐิของคนตาย

"นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน เป็นของของฉัน ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วยล่ะ ทำไมฉันต้องบอกให้ผู้ชายเฒ่าที่ใจร้ายอย่างนี้ด้วย"เฉินฮวนฮวนปกป้องกล่องสีดำอันนี้อย่างดี เอามันซ่อนไปยังข้างหลัง แล้วตอบเหมือนเสียงคำรามกับผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า

ผู้ชายเฒ่า ที่ใจร้ายหรอ

เฟิงหานชวนกัดริมฝีปากหลายที

ใจร้ายและเฒ่า ไม่ควรจะเป็นคำหรือประโยคที่จะมาบ่งบอกถึงตัวตนของเขา

"ที่นี่เป็นบ้านของตระกูลเฟิง ถ้าเธอซ่อนของอะไรที่ไม่ดีไม่ร้าย ฉันมีสิทธิ์ที่จะให้เธอออกจากบ้านนี้" ในสายตาทั้งสองข้างของเฟิงหานชวนเหมือนจะก่อให้เกิดเศษหิมะแตกที่คมกรีดได้

ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนซีดขาวไปชั่วขณะหนึ่ง

แต่ว่าพอเธอลองกลับมาคิดดูอีกที ในเมื่อทางด้านตระกูลเฉินปิดประตูไม่ยอมให้เข้าพบ ก็แสดงว่าพวกเขาผิดสัญญาก่อน

ตัวเองก็ไม่คิดที่จะอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงแล้ว ไม่ใช่หรือ

แต่เป็นเพราะว่าต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย เธอเรียนมหาลัยแต่ไม่มีเงินจ่ายค่าหอพัก เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย A ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในพื้นที่ ทุกวันจึงนั่งรถประจำทางกลับไปพักที่บ้านตระกูลเฉิน

ถ้าถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเฟิง เธอก็ไม่มีที่ที่จะไปอีกแล้ว ยิ่งกว่านั้นในตอนนี้อัฐิของคุณยายก็ยังไม่ได้ฝัง เธอกับคุณยายก็จะกลายเป็นคนเร่ร่อนที่ไม่มีที่ซุกหัวนอน

เธออยู่ที่บ้านตระกูลเฟิง ทั้งอาหารการกินและเครื่องดื่มก็ไม่ได้ขาด เฟิงเฉินเหยี่ยนเองก็ไม่ได้คิดที่จะกลับมาบ้าน เธอจึงไม่จำเป็นต้องรับมือกับสามีคนนี้

จริงๆแล้ว ก็ไม่ได้เลวเท่าไหร่

"เป็นแค่ของเล่น เป็นของเล่นที่ฉันซ่อนไว้ คุณไม่ต้องดูหรอก……"เธอแกล้งทำเป็นเขินอาย แล้วตอบคำถามของเฟิงหานชวน

เธอจะบอกกับเฟิงหานชวนไม่ได้ว่า ข้างหลังของเธอเป็นกล่องใส่อัฐิ ถ้าเธอพูดออกมา คนบ้านตระกูลเฟิงต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ

ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะอารมณ์โมโหชั่ววูบ แล้วไล่เธอออกไปจริงๆก็เป็นไปได้

"ของเล่นหรอ" เฟิงหานชวนขมวดคิ้วชั่วขณะหนึ่ง

เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ย่อมเข้าใจว่าของเล่นที่ว่านั้นไม่ใช่ของเล่นของเด็กแน่นอน

"เป็นของที่คนใช้หญิงส่งมาให้เมื่อวาน บอกว่านายท่านเป็นคนให้ส่งมา เมื่อกี้ฉันกำลังคิดว่าจะ……"คำอธิบายของเฉินฮวนฮวนยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกผู้ชายพูดแทรกขึ้นมา

"เธอก็เลยคิดว่าตอนกลางคืนจะใช้เองหรอ"เฟิงหานชวนยิ้มหัวเราะเยาะคำหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหาเธอ เข้าใกล้เธอ พูดด้วยเสียงหนักแน่น "ถ้าไม่อย่างนั้น ก็ให้ฉันเป็นคนสนองเธอไหมล่ะ"

ขณะที่พูด เขาก็ยื่นมือไปจับแขนของเฉินฮวนฮวน ใช้แรงเฮือกหนึ่ง เหวี่ยงเธอลงไปนอนกับเตียง

ขณะนั้นเฉินฮวนฮวนยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้กล่องบนมือหลุด ตกลงไปกับพื้น ผงกระดูกในกล่องกระเด็นออกมา

ทำให้เธอตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว

เฟิงหานชวนก้มหน้าลงไปดู เห็นผงเถ้ากองอยู่บนพื้นกองหนึ่ง ขมวดคิ้วทันที บนใบหน้าเหมือนมีสีหน้าที่อธิบายไม่ถูกแวบผ่านไป

"นี่คืออะไร"เขาชี้ไปยังผงเถ้ากองนั้น แม้ว่าในใจจะเดาออกแล้วบางส่วน แต่ว่าสถานการณ์แบบนี้เขาก็ตกใจเหมือนกัน

"คุณยาย——"

นัยต์ตาสีแดงคู่นั้นของเฉินฮวนฮวน มีน้ำตาคลอเบ้าทันที เธอลุกขึ้นมาจากเตียง ตรงเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้ากองเถ้ากระดูกกองนั้นทันที

เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจ ใช้มือทั้งสองข้างคลุมลงไปบนกองเถ้ากระดูก จากนั้นก็โกยขึ้นมาอย่างไม่คิดเสียดายชีวิต ใส่เข้าไปในกล่องเหมือนเดิม

มองดูผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้า สีหน้าของเฟิงหานชวนดูไม่ดีเลย เขาตำหนิอย่างแรงว่า " เธอเอาอัฐิของคนตายเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิงของเรา แล้วก็เอาเข้ามาในห้องแต่งงานนี้เนี่ยน่ะ"

เป็นผู้หญิงอะไรกันเนี่ย เป็นผู้หญิงบ้าหรอ

"คุณยาย คุณยาย ……"

เฉินฮวนฮวนไม่ได้ตอบคำพูดของชายหนุ่ม เธอเหมือนกับว่าจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ได้แต่ร้องไห้อย่างหนัก โกยผงอัฐิที่กระเด็นอยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างไม่คิดเสียดายชีวิตแล้วใส่เข้าไปในกล่อง

"เฉินฮวนฮวน เธอลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ มาอธิบายให้ฉันฟังอย่างละเอียดหน่อย"เฟิงหานชวนยื่นแขนที่ยาวทั้งสองข้างออกไป จับแขนของหญิงสาว พยุงเธอขึ้นมา

ในตาของผู้หญิงที่กรอกไปด้วยน้ำตา ทำให้คนที่เห็นเกิดความรู้สึกเห็นใจ

"ช่วยหรอ" ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเฟิงหานชวน คิ้วขยับไปทีหนึ่ง

"ใช่ ใช่ คุณให้ฉันยืม……ให้ฉันยืมหนึ่งแสนหยวนได้ไหม ฉันมีเรื่องสำคัญมากๆเรื่องหนึ่งต้องทำ ฉันต้องการ…..ต้องการหนึ่งแสนหยวน……"

เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าการเอ่ยปากขอยืมเงิน เป็นเรื่องที่ยากและลำบากใจมาก แต่หล่อนก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ

เธอร้องไห้สะอึ้งไปด้วยขอร้องผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าไปด้วย

เธอจะเก็บกล่องใส่อัฐิของคุณยายไว้ในกระเป๋าเดินทางตลอดไม่ได้ เธอต้องหาที่ฝังคุณยายก่อนถึงจะดีที่สุด

แต่เธอไม่มีเงินติดตัวเลย พวกเฉินเจี้ยนหมินก็เล่นเกมหายตัว นอกจากการขอยืมเงินจากคนของบ้านตระกูลเฟิงแล้ว เธอก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว

"ต้องการแค่หนึ่งแสนหยวนหรอ"เฟิงหานชวนยิ้มหัวเราะเยาะทีหนึ่ง บนใบหน้าแสดงการดูถูกออกมา

เฉินฮวนฮวนก้มหน้าอยู่ เธอมองไม่เห็นการหัวเราะเยาะของผู้ชายคนนี้ ได้แต่พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ตอบว่า "ฉันต้องการแค่หนึ่งแสนหยวนจริงๆ คุณให้ฉันยืมก่อนได้ไหม จากนี้ไปฉันจะขยันทำงานมากกว่านี้ ฉันสัญญาว่าจะรีบคืนเงินให้คุณแน่นอน……"

คนของบ้านตระกูลเฟิงน่าจะมีเงินเยอะกันทุกคนแหละ เธอขอยืมหนึ่งแสนหยวน คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง

"ได้ ฉันให้เธอได้ หลังอาหารเย็นรอฉันอยู่ที่ห้อง"พูดจบ เฟิงหานชวนก็เอามือของเธอออก แล้วก้าวขาอันยาวของเขาขึ้นบันไดไป

เฉินฮวนฮวนมองร่างของเขาที่เดินจากไป รีบเอามือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออก บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงความดีใจ

เฟิงหานชวนตกลงที่จะให้ยืมเงินแล้วหรอ

เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้ ในใจของเฉินฮวนฮวนก็รู้สึกว่าได้รับการปลอบประโลม พรุ่งนี้เธอก็จะได้ไปฝังอัฐิของคุณยายแล้ว

ในระหว่างที่ทานอาหารเย็น ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย

หลังทานอาหารเย็นเสร็จ เฉินฮวนฮวนก็กลับไปรอในห้องแต่โดยดี รอให้เฟิงหานชวนมาหา

เฟิงหานชวนบอกแล้วนี่ว่า หลังอาหารเย็นให้เธอรอเขาอยู่ในห้อง อีกเดี๋ยวเดียวเขาก็คงจะเอาเงินมาให้เธอยืมแล้วล่ะ

แต่ว่าเวลาผ่านไปเนินนาน เธอก็ยังไม่เห็นเฟิงหานชวนมา

ท่ามกลางใจที่ร้อนรน เฉินฮวนฮวนคิดจะออกไปตามหาเฟิงหานชวน เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู ประตูกลับถูกเปิดออกทันที

ใบหน้าที่เคร่งขรึมใบนั้น ปรากฏต่อหน้าต่อตาเธอทันที

"อาสาม คุณเอาเงินมาให้ฉันยืมใช่ไหม"สายตาคู่นั้นที่ใสบริสุทธิ์ของเฉินฮวนฮวน เต็มไปด้วยความหวัง จ้องไปยังผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า

เฟิงหานชวนก้มตาต่ำลง ยื่นมือไปปิดประตู จากนั้นก็ดันเธอเข้าไปติดกับผนังห้อง

เฉินฮวนฮวนทำตาโตทันที ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง

"หนึ่งแสน ขอน้อยไปหรือเปล่า ฮื้ม" เฟิงหานชวนเข้าไปใกล้เธอ เสียงที่ทุ้มต่ำอยู่ข้างๆหูของเธอ เป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการดูถูก

เฉินฮวนฮวนเข้าใจความหมายของเฟิงหานชวนขึ้นมาทันที เขาคิดว่าเธออ้างเงินหนึ่งแสน เพื่อล่อเขา

"อาสาม คุณ……คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันต้องการยืมเงินจริงๆ ฉันไม่ใช่……"เธอจะบ้าตายอยู่แล้ว เพราะความตื่นเต้นทำให้ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง

"ผู้หญิงแบบเธอ ฉันเห็นมาเยอะแล้ว"สายตาที่เย็นชาของเฟิงหานชวน มองไปยังรอยสีแดงบนคอของเธอ

เขายิ้มหัวเราะเยาะทีหนึ่ง แล้วยื่นมือเข้าไปในชายกระโปรงของ

เฉินฮวนฮวน ลวนลามอย่างตรงไปตรงมา

"อาสาม ฉันไม่ได้อยาก……อ้า……"เฉินฮวนฮวนยังอยากจะอธิบายให้เข้าใจ แต่ว่าถูกลวนลามอย่างกะทันหันอย่างนี้ ทำให้เธอตัดสินใจร้องกรี๊ดออกมา

เธอพยายามดิ้นรน แต่การกระทำของผู้ชายก็ไม่ได้หยุดลง กลับยิ่งรุนแรงกว่าเดิม

ความปวดเมื่อย ทำให้เธอขมวดคิ้ว ความรู้สึกที่ขมขื่นบวกกับความโกรธที่สุดขีด

เธอยื่นมือออกไป ตบลงบนใบหน้าของผู้ชายเต็มๆ

เสียง"เพี้ยะ"ดังขึ้นมาทีหนึ่ง ดังก้องไปทั่วห้อง

ตอนที่เฟิงหานชวนหยุดอยู่อย่างนั้น เฉินฮวนฮวนก็ใช้แรงทั้งหมดผลักเขาออกไป น้ำตาไหลออกมา

บรรยากาศรอบตัวหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

  

เฟิงหานชวนมองพินิจพิเคราะห์หญิงสาวตรงหน้า เธอยืนไหล่ลู่คอหด ดูเหมือนเธอจะกลัวจนหัวหด ท่าทางตัวลีบคอหดหมดแล้ว

ไม่รู้ว่าเสแสร้งหรือว่านิสัยเดิมของเธอเป็นแบบนี้ ดูไม่มีความกล้าเลยสักนิด

  

เฉินฮวนฮวนเห็นว่าชายหนุ่มไม่ตอบกลับ เธอจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แอบมองว่าเฟิงหานชวนกำลังทำอะไร ทว่าทันใดนั้นเธอก็สบตากับดวงตาสีดำสนิทที่ดูลึกล้ำคู่นั้น

เธอกำลังถูกเขามองอยู่ สายตาที่พินิจพิเคราะห์เช่นนั้น เหมือนว่าจะสามารถมองทะลุทะลวงผ่านตัวเธอไปได้

  

“หุ่นก็งั้นๆ” มุมปากของเฟิงหานชวนยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มเยาะหยันปรากฏขึ้นให้เห็น

  

เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้าง และมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว แม่บ้านหลี่กำลังยุ่งอยู่ในห้องครัว ไม่มีใครอยู่ตรงนี้เลยสักคน

โชคดี โชคดีแล้ว โชคดีที่ไม่มีใครได้ยิน

“อาสาม ทำไมคุณถึงไร้ยางอายแบบนี้” เฉินฮวนฮวนกดเสียงต่ำลง และจ้องชายหนุ่มตรงหน้า

  

เธอใกล้จะเป็นบ้าแล้วจริงๆ!

ชื่อเสียงของเฟิงเฉินเหยี่ยนแย่จนเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว คิดไม่ถึงว่าอาของเฟิงเฉินเหยี่ยนก็เป็นเช่นเดียวกัน

  

คนของตระกูลเฟิงไร้ศีลธรรมแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า

“อาสาม ผมกลับมาแล้ว…”

  

ในตอนนี้เอง เสียงสดใสร่าเริงของชายหนุ่มดังมาแต่ไกล ร่างสูงวิ่งไปยังโต๊ะอาหาร

  

เฟิงเฉินเหยี่ยนรีบไปที่โต๊ะอาหาร เมื่อเห็นหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งนั่งอยู่ จู่ๆ คำสั่งของคุณปู่ก็ผุดขึ้นมาในหัว

  

เขาเอ่ยถามทันที “คุณคือเฉินฮวนฮวนใช่ไหม”

  

“ใช่ค่ะ ฉันเอง” เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เธอจำได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเธอคือเฟิงเฉินเหยี่ยนนายน้อยของตระกูลเฟิง

  

“คุณคือภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามาของผม!” เฟิงเฉินเหยี่ยนกะพริบตาปริบๆ และเหลือบมองเฟิงหานชวนแวบหนึ่ง จากนั้นเขาก็นั่งลงบนที่นั่งด้านข้างของเฉินฮวนฮวนทันที

  

“อืม ใช่ค่ะ”

  

เฟิงเฉินเหยี่ยนเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา แต่เขาพูดถูก ดังนั้นขณะที่เฉินฮวนฮวนเอ่ยตอบ เธอจึงพยักหน้ารับ

“ผมแนะนำตัวอีกครั้งนะ ผมชื่อเฟิงเฉินเหยี่ยน คุณเรียกผมว่าอาเหยี่ยนก็ได้ หลังจากนี้ผมก็เป็นสามีของคุณแล้ว” เฟิงเฉินเหยี่ยนยื่นมือไปตรงหน้าของเฉินฮวนฮวน และยิ้มอย่างสดใส

  

เฉินฮวนฮวนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เฟิงเฉินเหยี่ยนดูสดใสร่าเริงมาก ช่างแตกต่างกับภาพลักษณ์ในข่าวราวกับฟ้าดิน

  

“สวัสดี อาเหยี่ยน” เธอยื่นมือออกไปจับมือกับเฟิงเฉินเหยี่ยน

  

“สวัสดี ฮวนฮวน คุณน่ารักจัง!” เฟิงเฉินเหยี่ยนยิ้มหวานเผยให้เห็นฟันขาวเรียงสวย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อว่า “คุณไม่รังเกียจที่ผมมีผู้หญิงหลายคนใช่ไหม”

“หะ?” เฉินฮวนฮวนไม่คิดว่าเขาจะถามโดยไม่ทันตั้งตัว

  

เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า และเอ่ยตอบว่า “ฉัน…ฉันไม่รังเกียจค่ะ”

“งั้นก็ดี คุณใจดีจัง” เฟิงเฉินเหยี่ยนเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเฉินฮวนฮวนด้วยท่าท่างอ่อนโยน

  

หัวใจของเฉินฮวนฮวน เหมือนจะหล่นวูบลงไปทันที

  

เฟิงเฉินเหยี่ยนดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี และไม่ต่อต้านเธอซึ่งเป็นผู้หญิงที่ผู้ใหญ่ของเขาจัดการให้มาเป็นภรรยา

  

ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่า เธอสามารถอยู่ในบ้านของตระกูลเฟิงได้แล้วใช่ไหม

  

“ใจดีเหรอ อาเหยี่ยน ผู้หญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน นายเรียกว่าใจดีเหรอ” เฟิงหานชวนมองการกระทำของพวกเขาทั้งสองคน ก่อนจะเค้นเสียงหัวเราะออกมา

  

เฉินฮวนฮวนมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้าม สีหน้าของเธอพลันเปลี่ยนไป มือทั้งสองข้างกำขยุ้มปลายเสื้อเอาไว้แน่น

  

เขาไม่รู้จักเธอ เขาพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร

  

อีกอย่าง ความอึดอัดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและเมื่อเช้า ทั้งหมดเป็นเพราะเขาบุกเข้ามาในห้อง ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยสักนิด

ทว่าตอนนี้ เฟิงหานชวนเอาอารมณ์โกรธทั้งหมดมาลงที่เธออย่างเห็นได้ชัด

  

เฉินฮวนฮวนเพียงรู้สึกกล้ำกลืนกับความไม่เป็นธรรม และรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก

  

“อาสาม ทำไมอาถึงพูดไม่น่าฟังเลยล่ะ ผมว่าฮวนฮวนใจดีมากเลยนะ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนไม่สนใจสิ่งที่เฟิงหานชวนพูด เขายังช่วยเธอพูดอีกด้วยซ้ำ

  

เฉินฮวนฮวนรู้สึกได้ถึงกระแสความอบอุ่นที่ไหลเข้ามาในหัวใจ

  

เธอเคยมีอคติกับเฟิงเฉินเหยี่ยนมาก่อน ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่า แม้ว่าชีวิตของเขาจะวุ่นวาย แต่เขาก็น่าจะเป็นคนที่จิตใจดีมาก

ในช่วงกลางดึก ภายในห้องกำลังเกิดความวุ่นวาย

คำพูดของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

  

“คุณอยากเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นผมงั้นเหรอ หืม?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วถาม คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความประชดประชัน

  

เฉินฮวนฮวนรู้สึกได้ว่าถูกสบประมาท เธอยื่นมือไปผลักเฟิงหานชวนออกไปอย่างเต็มแรง ใบหน้าเล็กรูปไข่ของเธอเต็มไปด้วยความโกรธและความกล้ำกลืนฝืนทนกับความไม่เป็นธรรม

“กรุณาระวังคำพูดด้วย!” เธอดึงผ้าห่มสีแดงทั้งหมดมาพันรอบตัว และจ้องเขม็งชายหนุ่มตรงหน้าเธอ

  

“ระวังคำพูด?” มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกขึ้น ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “ผมให้โอกาสคุณยั่วผมตอนนี้ได้นะ”

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ! นี่ไม่ใช่ห้องของคุณนะ คุณบุกเข้ามาเอง ยังบอกว่าฉันยั่วคุณอีก…” เฉินฮวนฮวนขบฟันเข้าหากันแล้วกล่าวอย่างมีเหตุผล

สีหน้าของเฟิงหานชวนยิ่งอึมครึมขึ้น

“คุณบอกว่าฉันยั่วคุณ ฉันว่า คุณต่างหากอยากจะยั่วฉัน!” เฉินฮวนฮวนขบฟันกรอดแล้วเอ่ยโต้แย้ง

  

เวลานี้ ใบหน้าของเฟิงหานชวนพอจะกล่าวได้ว่าดำอึมครึมขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว

เฉินฮวนฮวนปิดปากอย่างลืมตัว อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มตรงหน้านี้คือคนของตระกูลเฟิง ตอนนี้เธอทำให้เขาไม่พอใจแล้วใช่ไหม

ถ้าตัวเองถูกไล่ออกจากบ้านของตระกูลเฟิง ก็ไม่มีเงินทำพิธีฝังศพของคุณยาย

เพื่อคุณยาย เธอจะทำเป็นอวดดีไม่ได้

ในตอนนี้เอง เฟิงหานชวนหันกลับไปแล้วลงจากเตียง และเดินออกไปจากห้อง

“เดี๋ยวก่อน!” เฉินฮวนฮวนรีบถลาเข้าไปหาเขา และเอื้อมมือไปจับมือของเฟิงหานชวนเอาไว้

  

“เปลี่ยนใจแล้วหรือไง” เฟิงหานชวนหันกลับมา และมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

“ไม่ ไม่ใช่แน่นอน ฉันแค่จะบอกคุณว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มีแค่ฉันกับคุณที่รู้เรื่องนี้ คุณไม่พูดออกไปได้ไหมคะ” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกล่าวกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

เฟิงหานชวนเค้นเสียงหัวเราะออกมา

เธอไม่อยากถูกไล่ออกจากบ้านของตระกูลเฟิง

เพื่อคฤหาสน์ของคุณแม่ เพื่อสุสานของคุณยาย เธอต้องอยู่ที่นี่ อยู่ที่บ้านของตระกูลเฟิง

  

เฟิงหานชวนมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิด แต่เหมือนว่าเขาจะเห็นรอยอะไรบางอย่างเป็นสีแดงคล้ำ เหมือนกับ…

เหอะ ผู้หญิงสกปรก

  

นายท่านหาผู้หญิงคนนี้มาจากไหน ไม่ได้ตรวจร่างกายพื้นฐานเลยหรือไง

  

หน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องบริสุทธิ์เสมอไป

  

เฟิงหานชวนสลัดมือของเธอออก และออกจากห้องไปทันที

  

เสียง “ปัง” ดังขึ้น เมื่อมองประตูที่ปิดสนิท เฉินฮวนฮวนตกอยู่ในอาการว้าวุ่นใจจนไม่รู้จะทำอย่างไร

  

ถ้าผู้ชายคนนี้พูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ออกไป เธอต้องถูกไล่ออกไปอย่างแน่นอน

เรื่องนี้ควรทำอย่างไรดี

เฉินฮวนฮวนกังวลจนนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน และคืนนี้เธอก็ไม่ได้รอเฟิงเฉินเหยี่ยนกลับมา

ในห้องขนาดใหญ่เช่นนี้ มีเพียงเธอคนเดียว

  

จนกระทั่งรุ่งสาง เธอมองดวงอาทิตย์ขึ้นนอกหน้าต่าง ทว่าฝ่ามือของเธอกลับเย็นเฉียบ

  

เมื่อคืนเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้กลับมา เดิมทีเขาไม่อยากแต่งงานกับเธอ หรือว่าผู้ชายคนนั้นเอาเรื่องของพวกเขาแพร่งพรายออกไปแล้ว

  

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…”

  

ในตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง

  

“ใครคะ” เฉินฮวนฮวนถามอย่างกังวล

“นายหญิงคะ ฉันเองค่ะ แม่บ้านหลี่” แม่บ้านหลี่ที่อยู่หน้าประตูเอ่ยตอบ

หลังจากการเจรจา เฉินฮวนฮวนก็ถูกพามาส่งที่คฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลเฟิง

  

หลังจากเข้าประตูมา หญิงชราท่าทางใจดีคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม “คุณคือคุณหนูจากตระกูลเฉินใช่ไหมคะ”

“ใช่ค่ะ ฉันชื่อเฉินฮวนฮวน” เฉินฮวนฮวนพยักหน้ารับ

  

“ฮวนฮวน เป็นชื่อที่ดีจริงๆ นายท่านเห็นต้องชอบแน่นอน” หญิงชรายิ้มแล้วกล่าวต่อว่า “ฮวนฮวน คุณเรียกฉันว่าแม่บ้านหลี่ก็ได้ค่ะ ฉันเป็นแม่บ้านของตระกูลเฟิง”

  

“แม่บ้านหลี่” เฉินฮวนฮวนเอ่ยเรียกอย่างเชื่อฟัง

“ฉันจะพาคุณไปที่ห้องก่อนนะคะ” เธอเอ่ยบอก แม่บ้านหลี่จูงมือเฉินฮวนฮวนเดินไปที่ชั้นสอง

  

เฉินฮวนฮวนเดินตามแม่บ้านหลี่มาด้วยความงุนงง เมื่อมาถึงห้องขนาดใหญ่ ภายในห้องมีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน และมีห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วน ดูหรูหราฟุ้งเฟ้อเป็นอย่างมาก

คาดว่า นี่คือห้องของเฟิงเฉินเหยี่ยน

  

“นี่ห้องหอของคุณกับนายน้อยค่ะ” แม่บ้านหลี่แนะนำอย่างกระตือรือร้น

  

เฉินฮวนฮวนเพียงพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด เธอคาดเดาได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจอะไรมาก

เมื่อเห็นว่าเธอไม่สนใจ แม่บ้านหลี่ก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้อีก เธอปล่อยให้เฉินฮวนฮวนอยู่ในห้องนี้ตามลำพัง

เดิมทีเฉินฮวนฮวนจะเก็บสัมภาระของตัวเอง แต่เมื่อเธอเปิดตู้เสื้อผ้า ด้านในกลับมีชุดสุทผู้ชายเรียงกันเป็นแถว เธอไม่สามารถหาพื้นที่ว่าง เพื่อวางสิ่งของของตัวเองได้เลย

ดังนั้น เธอทำได้เพียงวางกระเป๋าสัมภาระไว้ตรงมุมห้องเท่านั้น

  

เธอนั่งยองๆ อยู่หน้ากระเป๋าสัมภาระ ก่อนกระซิบเสียงเบาว่า “คุณยาย ทนอีกหน่อยนะคะ ฮวนฮวนจะรีบพาคุณยายไปพบคุณแม่ค่ะ”

เฉินเจี้ยนหมินบอกว่า รอเธอทำให้เฟิงเฉินเหยี่ยนพึงพอใจ ตระกูลเฟิงจะเริ่มออกเงินทุนให้เฉินซื่อกรุ๊ป เขาจะให้เงินเธอทันที จากนั้นเขาจะย้ายออกจากคฤหาสน์ และโอนคฤหาสน์มาเป็นชื่อของเธอ

นั่นคือคฤหาสน์ที่แม่ของเธอซื้อไว้ เธอต้องเอาคืนมาให้ได้!

ตอนเย็นภายในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ มีเพียงเธอคนเดียวที่รับประทานอาหารมื้อเย็น

  

หลังจากเธอเข้ามาในคฤหาสน์ของตระกูลเฟิง ตลอดทั้งวัน เธอไม่เห็นคนของตระกูลเฟิงเลย

  

เธอรออยู่ในห้องเป็นเวลานาน จนกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะกลับมา

  

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…” ตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง

  

เธอรีบลุกขึ้นจากพื้น และรีบเดินไปที่ประตูห้องแล้วเปิดประตู

  

เดิมทีเธอคิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนเป็นคนเคาะประตู เมื่อเห็นว่าเป็นสาวใช้ยืนอยู่หน้าประตู เธอก็ถึงบางอ้อทันที

เฟิงเฉินเหยี่ยนเข้าห้องของตัวเอง ทำไมยังต้องเคาะประตูด้วยล่ะ

  

“สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือป่าวคะ” เฉินฮวนฮวนมองไปที่สาวใช้ และถามด้วยความงุนงงเล็กน้อย

  

สาวใช้ชื่อว่าหลิวอวี่ถง ในใจของเธอรู้สึกอิจฉาเฉินฮวนฮวนเป็นอย่างมาก เธอเดินตรงเข้าไปในห้อง และวางถุงในมือลงบนเตียงใหญ่ที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีแดง

“ในนี้คือชุดนอนที่คุณต้องใส่ตอนกลางคืน และของที่คุณต้องใช้ตอนกลางคืนค่ะ นายท่านให้คนส่งมาให้คุณ” ท่าทีของหลิวอวี่ถงดูเกียจคร้านมาก และเธอไม่มีท่าทีเคารพเฉินฮวนฮวนเลยด้วยซ้ำ

“นายท่าน? ฉันถามหน่อยว่า นายท่านเฟิงอยู่ที่นี่ไหมคะ” เฉินฮวนฮวนออกจะกลุ้มใจอยู่บ้าง

ผู้ดูแลจางบอกว่า การแต่งงานครั้งนี้นายท่านของตระกูลเฟิงเป็นคนจัดการแทนหลานชายที่ไม่เป็นโล้เป็นพายของเขา ทว่าเธออยู่บ้านของตระกูลเฟิงทั้งวัน ก็ไม่เห็นนายท่านของตระกูลเฟิงเลย

“นายท่านพักผ่อนอยู่ที่ฮาวาย ไม่อยู่บ้าน” หลิวอวี่ถงตอบอย่างเบื่อหน่ายอีกครั้ง และรีบออกจากห้องไป

  

เธอไม่อยากเห็นเฉินฮวนฮวน ยิ่งมองเธอมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกรำคาญมากขึ้นเท่านั้น ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ดวงดีแบบนี้นะ

เฉินฮวนฮวนถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก ในเมื่อนายท่านของตระกูลเฟิงไม่อยู่บ้าน เขาสั่งการจากทางไกลได้อย่างไร

หรือว่าเขารู้แล้วว่าหลานชายของตัวเองไร้แก่นสารจนคาดหวังอะไรไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงร้อนอกร้อนใจรีบหาผู้หญิงมาแต่งงานกับหลานชาย?

เฉินฮวนฮวนไม่อยากคิดมากแล้ว เธอหันหลังกลับเดินไปที่เตียง และเอื้อมมือเปิดถุงที่สาวใช้เพิ่งนำมาให้

  

  

“นังเด็กเลว ยายของเธอก็ตายไปแล้ว ยังคิดจะขอเงินจากพวกเราอีกเหรอ”

  

เฉินเหม่ยเจวียนยื่นมือออกไปผลักเฉินฮวนฮวน เธอเค้นเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะพูดกับเฉินเจี้ยนหมินว่า “เจี้ยนหมินคะ ฉันบอกแล้วว่า ลูกสาวของคุณเป็นหนอนดูดเลือด เธอกับยายของเธอคนนั้นอาศัยอยู่ที่บ้านของเรา จะกินดื่มอึฉี่ก็อยู่ในบ้านเราทุกอย่าง ป่วยก็ให้เราจ่ายเงิน ตายไปแล้วยังจะให้เราจ่ายเงินอีกเหรอ!”

“ฉันไปกินดื่มอึฉี่ในบ้านของพวกเธอ?” ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขาวซีด ทว่ารอยยิ้มเย้าหยอกกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“เฉินเหม่ยเจวียน คฤหาสน์หลังนี้แม่ของฉันซื้อไว้นะ ทำไมฉันกับคุณยายจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ตั้งแต่เธอพาเฉินซินโหรวเข้ามา เฉินซิวโหรวก็แย่งห้องของฉันไป ส่วนเธอก็เอาห้องของคุณยายฉันเปลี่ยนเป็นห้องเก็บเสื้อผ้า ทำให้ฉันกับคุณยายต้องอยู่ห้องแม่บ้านแคบๆ นั่น!”

“พวกเธอไม่ยอมให้ฉันกับคุณยายกินกับข้าวที่แม่บ้านทำ ยอมให้พวกเราซื้อของมาทำกับข้าวกินเองเท่านั้น ถือโอกาสตอนคุณพ่อไม่อยู่ พวกเธอก็มาแย่งเงินคุณยาย บอกว่าต้องจ่ายค่าน้ำไฟ!

 

“พอแล้ว!”

  

ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังฟ้องอยู่นั้น เฉินเจี้ยนหมินก็ตะเบ็งเสียงขึ้นขัดจังหวะเธอ

  

“ฮวนฮวน ตอนนี้บริษัทกำลังลำบาก คนของธนาคารก็ทวงหนี้ทุกวัน พ่อเคยบอกลูกไปหมดแล้วนี่!” เฉินเจี้ยนหมินถอนหายใจอย่างจนปัญญา และกล่าวต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น คุณน้าดูแลตระกูลเฉินมาเป็นสิบปีแล้ว มันไม่ง่ายสำหรับเธอเลยนะ”

  

“พ่อคะ หนูรู้ว่าตอนนี้เฉินซื่อกรุ๊ปกำลังลำบาก แต่ยังไงพ่อก็มีเงินแสนหยวนอยู่แล้วนี่ เสื้อผ้าของเฉินซินโหรวชุดหนึ่งก็หลายหมื่น สกินแคร์ชุดหนึ่งของเฉินเหม่ยเจวียนก็ราคาเป็นหมื่นแล้ว แม้แต่เงินแสนหยวน พ่อก็จ่ายไม่ได้เลยเหรอ” เฉินฮวนฮวนแผดเสียงใส่ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ

เธอรู้ว่า เฉินเจี้ยนหมินมักจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่แม่ลูกเฉินเหม่ยคู่นี้ทำ แต่เมื่อคิดว่าเขาคือพ่อของเธอ เธอก็พยายามคิดถึงเขาในด้านที่ดีเสมอ

  

ทว่าตอนนี้ เธอทนไม่ไหวแล้วจริงๆ คุณยายจากไปแล้ว แม้แต่เงินทำสุสานหนึ่งแสนหยวน ทำไมถึงให้เธอไม่ได้

  

นี่พ่อของเธอจริงๆ เหรอ ไม่ใช่ นี่มันปีศาจ!

  

“ฮวนฮวน! ทำไมลูกพูดกับพ่อแบบนี้ ถ้าพ่อให้ได้ ทำไมจะไม่ให้ลูกล่ะ” เฉินเจี้ยนหมินกล่าวราวกับตัวเองมีเหตุผลเต็มที จนกระทั่งเขาโมโหขึ้นมา

  

เฉินฮวนฮวนรู้ว่า เธอไม่มีทางได้เงินแล้ว

  

วันนี้เธอคร้านจะทะเลาะกับพวกเขา และเธอไม่อยากทะเลาะแล้วด้วย เวลานี้เธอต้องหาวิธีฝังศพคุณยายของเธอก่อน

  

เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เธอหันกลับไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง และเดินไปห้องแม่บ้านที่อยู่ด้านในสุดของชั้นหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มเก็บสัมภาระ

  

แม้ว่าเธอต้องหิวตายข้างถนน เธอก็ไม่คิดจะอยู่บ้านหลังนี้อีกต่อไป

เธอและคุณยายแทบไม่มีสัมภาระอะไรเลย ไม่นานเธอก็เก็บเสร็จ สุดท้ายเธอก็นำโกศวางลงในกระเป๋าเดินทาง จากนั้นก็ปิดฝากระเป๋า

ขณะที่เธอลากกระเป๋าเดินทางออกไป เธอกลับเห็นคนแปลกหน้าหลายคนในห้องรับแขก

  

“มานี่สิ ฮวนฮวน รีบเข้ามา” ใบหน้ายิ้มแย้มของเฉินเจี้ยนหมินยิ้มให้เฉินฮวนฮวน

  

เฉินฮวนฮวนมองเขาอย่างระแวดระวัง แล้วมองคนแปลกหน้าเหล่านั้นอีกครั้ง จู่ๆ เธอก็รู้สึกกังวลขึ้นมา

คนเหล่านี้คือใครกัน ทำไมเฉินเจี้ยนหมินอยากให้เธอเข้าไป

  

เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ยอมมา เฉินเจี้ยนหมินจึงลุกจากโซฟาเดินไปหาเฉินฮวนฮวนเองเสียเลย ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างหูของเธอ “นี่คือคนที่มาสู่ขอจากตระกูลเฟิง”

  

“แล้วเกี่ยวอะไรกับหนูล่ะ” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเข้าหากัน และตัดสินใจเดินออกไป

  

เฉินเจี้ยนหมินรีบดึงมือของเธอไว้ และกล่าวว่า “แค่ลูกตอบรับการสู่ขอจากตระกูลเฟิง แต่งงานเข้าตระกูลเฟิง ไม่ว่าจะเงินแสนหยวนหรือเท่าไรก็ตาม พ่อก็ยอมให้ลูกทั้งนั้น”

  

“พ่อบ้าไปแล้วเหรอคะ ตระกูลเฟิงอะไร หนูไม่รู้จัก!” ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังโมโห เธอก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก

  

“คุณเฉิน นี่ลูกสาวของคุณใช่ไหมครับ” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขา เขาโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าตระกูลเฉินไม่ยินยอม ผมก็จะกลับไปบอกนายท่านว่าพวกคุณปฏิเสธ”

กลางดึก

  

บลูส์คลับ

  

หลังจากที่เฉินฮวนฮวนเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องล็อกเกอร์พนักงานเสร็จแล้ว เธอก็เตรียมพร้อมจะออกไป

  

คุณยายของเธอยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล เธอต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อดูแลคุณยาย

  

เธอรีบเดินไปทางประตูด้านหลังของคลับเฮ้าส์

  

ทันใดนั้น ประตูห้องเก็บของถูกเปิดออก แขนเรียวยาวข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้าเธอเอาไว้ และลากเธอเข้าไป

  

“อื้อ!”

เฉินฮวนฮวนอยากจะกรีดร้อง ทว่าริมฝีปากของเธอกลับถูกปิดเอาไว้ เธอพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่พละกำลังของชายหนุ่มคนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

  

เธอไม่อาจต้านทานแรงของเขาได้…

  

เดิมทีเธอไม่ได้เป็นพนักงานของบลูส์คลับ เธอแค่มาเข้าเวรแทนเพื่อนเท่านั้น แต่กลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

  

“ฉันจะรับผิดชอบเอง”

  

เสียงแหบแห้งของชายหนุ่มดังขึ้นในโสตประสาทของเธอ เพื่อแลกกับเสียงร้องตะโกนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ ของเธอ

  

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว

  

หลังจากตื่นขึ้นมาบนโซฟาเก่าที่ขาดรุ่งริ่งตัวหนึ่ง เฉินฮวนฮวนสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มข้างเธอหลับไปเสียแล้ว

เวลานี้ภายในห้องมืดสนิท ทำให้เธอไม่เห็นแม้แต่หน้าตาของเขา

  

เธอไม่กล้าเปิดไฟ เธอได้แต่ลูบคลำควานหาทางเดินท่ามกลางความมืด เมื่อแตะลูกบิดประตู เหมือนว่าเธอได้พบความหวังของชีวิตเข้าแล้ว

  

เฉินฮวนฮวนไม่สนใจความเจ็บส่วนล่างของร่างกาย เธอวิ่งไปที่ระเบียงทางเดินอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเธอก็ออกไปทางประตูด้านหลังของคลับเฮ้าส์จนได้

  

เธอกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะตามเธอทัน จนกระทั่งเธอมานั่งรถเมล์ไปโรงพยาบาล เธอถึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

  

ข้างนอก จู่ๆ ฝนก็ตกลงมา

เสื้อผ้าบนตัวเธอยังอยู่ในสภาพดี เธอแค่รู้สึกปวดบางส่วนของร่างกายเท่านั้น ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองได้สูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว

น้ำตาของเฉินฮวนฮวนไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว

ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายของเธอก็สั่นขึ้น

เฉินฮวนฮวนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา พบว่าเป็นคุณหมอที่โทรเข้ามา เธอจึงรีบกดรับสายทันที

  

“คุณเฉิน อาการคุณยายของคุณทรุดลงกะทันหัน ท่านเพิ่งจากไปครับ”

  

โทรศัพท์มือถือหลุดจากมือของเธอ หล่นลงบนรถเมล์เสียงดัง “ตุ๊บ!”

“คุณยาย…”

  

บนรถเมล์ เสียงร้องไห้ของเด็กสาวดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย

  

ภายในห้องเก็บของ

  

เมื่อเฟิงหานชวนตื่นขึ้นมา เขาก็รู้สึกปวดศีรษะราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

  

ฝ่ามือของเขาค้ำยันบนโซฟาเก่าที่ขาดรุ่งริ่ง ขณะกำลังลุกขึ้นนั่ง ทันใดนั้น เขาก็คลำเจออะไรบางอย่าง

  

เขาหยิบขึ้นมาดู คิดไม่ถึงว่ามันคือสร้อยคอทองคำที่ดูโบราณคร่ำครึเส้นหนึ่ง นี่เป็นของที่ผู้หญิงคนนั้นทำหล่นไว้เหรอ

  

เฟิงหานชวนมองไปรอบๆ ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีแม้แต่เงาของใครสักคน

  

ผู้หญิงคนเมื่อคืนไปแล้วเหรอ

“ปัง ปัง ปัง…”

  

ตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นอยู่หลายครั้ง จากนั้นเสียงจากนอกประตูก็ดังขึ้นมาอีก “ประธานเฟิง ผมเองครับซูอวี่”

  

“เข้ามา” เฟิงหานชวนเอ่ยตอบเสียงเย็นพลางหยิบสร้อยคอทองคำเส้นนั้นใส่ลงในกระเป๋ากางเกงของเขา

  

ประตูถูกเปิดออก ซูอวี่เดินเข้ามา และโค้งคำนับให้เฟิงหานชวนที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่สภาพผุพัง

“ท่านประธานเฟิงไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” ซูอวี่ส่งเอกสารหนึ่งปึกให้เฟิงหานชวน และรายงานว่า “เมื่อคืนมีคนวางแผนทำร้ายท่านประธานครับ เดิมทีห้องบาร์ของท่านประธานต้องส่งผู้หญิงที่ติดเชื้อHIVเข้าไปคนหนึ่ง แต่ท่านประธานออกไปจากห้องบาร์ก่อน ดังนั้นแผนของพวกเขาจึงไม่สำเร็จครับ”

เฟิงหานชวนอ่านเอกสารในมือของเขา เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยสั่งด้วยเสียงกดต่ำ “หาผู้หญิงคนที่ฉันลากเข้ามาเมื่อคืนนี้หน่อย เธอน่าจะออกไปตั้งแต่ตอนเช้ามืด”

  

“ครับ” ซูอวี่พยักหน้ารับทันที

  

เฟิงหานชวนลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป จู่ๆ ซูอวี่ก็เบิกตากว้าง และชี้ไปที่กางเกงของเขา

  

เขาก้มศีรษะดู บนกางเกงสแล็คสีเทาของเขามีคราบเลือดติดอยู่

Options

not work with dark mode
Reset