อยากกินไหมล่ะ 899 ความหวังของเว็บไซต์

ตอนที่ 899 ความหวังของเว็บไซต์

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 899 ความหวังของเว็บไซต์

จะว่าไปแล้วเจียงฉางซี่ หลิงหงและแม้แต่อู๋ไห่ต่างก็เป็นหัวกะทิในสาขาวิชาชีพของพวกเขา แต่ในร้านหยวนโจว พวกเขากลับรู้สึกผ่อนคลายในแบบของตัวเองแล้วก็เปิดเผยตัวตนภายในออกมา แต่กระนั้นพวกเขาก็มีความเชี่ยวชาญในงานของพวกเขาอย่างแท้จริง

ยกตัวอย่างเช่นหลิงหง ในร้านหยวนโจวนั้น เขามักจะดูเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญที่ไม่เคยกินอาหารที่มีส่วนลดและไม่มีอะไรจะทำอยู่ทุกวี่ทุกวัน แต่ความจริงแล้วหลิงหงเป็นถึงประธานที่บริหารจัดการบริษัทลงทะเบียน

พวกเขาทั้งสามคนเริ่มทำเว็บไซต์นักชิมด้วยความพยายามร่วมกัน แต่หยวนโจวก็ยังคงรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อยเมื่อได้ยินคำอธิบายของหลิงหง

“ถูกต้อง” เจียงฉางซี่ตอบเพื่อแสดงความเห็นด้วยของเธอ “ถ้าหากเถ้าแก่หยวนเป็นตัวแทนของเราก็จะทำให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น”

“ถึงอย่างไรคณะกรรมการควบคุมระเบียบแถวของเราก็ค่อนข้างเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว” หลิงหงกล่าวอย่างเอาจริงเอาจัง

หยวนโจวเลยตั้งคำถามขึ้นมาว่า “งั้นเว็บไซต์อาหารนี้จัดทำขึ้นเพื่ออะไรกันแน่?”

เมื่อได้ยินหยวนโจวถามขึ้นมาเช่นนั้น เจียงฉางซี่ก็เริ่มอธิบายให้เขาฟัง เว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นเพื่อแสดงถึงความเป็นมืออาชีพของคณะกรรมการควบคุมระเบียบแถวในร้านหยวนโจวและเพื่อจัดการงานแทนสมาชิกคณะกรรมการ

จากนิสัยของอวี้ฉู่ เขาจะต้องประเมินทุกร้านในเฉิงตูด้วยหน่วย “หยวนโจว” และ “หนึ่งหยวนโจว” ก็คือคะแนนเต็ม เขาลิ้มลองอาหารอร่อยมามากมายและมักจะเข้าชมฟอรั่มนักชิมต่างๆอยู่เสมอ บางทีเขาถึงกับวางแผนที่จะขอความคิดเห็นตามความเป็นจริงของลูกค้าในร้านหยวนโจวเสียด้วยซ้ำไป

นอกจากนี้เขายังวางแผนที่จะสร้างเว็บไซต์บทวิจารณ์อาหารที่เชื่อถือได้มากที่สุดอีกด้วย ในฐานที่ร้านหยวนโจวเป็นต้นแบบและมี “หนึ่งหยวนโจว” เป็นหน่วยหนึ่ง เว็บไซต์จึงได้รับการตั้งชื่อว่า “เว็บไซต์บทวิจารณ์อาหารของหยวนโจว” และโปรดิวเซอร์ก็ต้องมาจากคณะกรรมการควบคุมระเบียบแถวด้วย

“ฉันเชื่อว่าสักวัน บทวิจารณ์ของหยวนโจวจะมีอิทธิพลเหนือกว่าบทวิจารณ์ของมิชลินและเว็บไซต์ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนเชื่อถือและร้านอาหารทุกร้านยึดเป็นสำคัญ” หลิงหงถามขึ้นมาว่า “นายคิดว่าไงล่ะ เถ้าแก่หยวน? นายรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนั้นไหมเล่า?”

“อืม แน่นอนสิ ฉันต้องรู้สึกตื่นเต้นอยู่แล้วล่ะ” สิ่งที่หยวนโจวรู้สึกอยู่ในใจก็คือคนพวกนี้น่าจะเสียสติกันไปแล้ว

อย่างที่รู้ๆกันแหละนะ การจัดการและสร้างเว็บไซต์ต้องใช้กำลังคน ทรัพยากรและแหล่งเงินทุนมากทีเดียว เพียงเพื่อพิสูจน์ให้ผู้อื่นเห็นถึงการมีอยู่ของคณะกรรมการควบคุมระเบียบแถว พวกเขาถึงกับวางแผนที่จะสร้างเว็บไซต์ดังกล่าวขึ้นโดยไม่นึกถึงเรื่องการหาเงินเลยสักนิด ไม่มีใครจริงๆนอกจากพวกเขาที่จะสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้

แต่จะว่าไปแล้วยังมีร้านอื่นที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญมากมายเอาไว้เพื่อเริ่มทำเว็บไซต์นอกเหนือไปจากร้านหยวนโจวอีกงั้นรึ?

“ในเมื่อนายตอบตกลงแล้ว พรุ่งนี้พวกเราก็จะได้เริ่มต้นทำกันอย่างเป็นทางการเสียที” เมื่อเห็นหยวนโจวตอบตกลงแล้ว เจียงฉางซี่จึงตัดสินใจเลือกช่วงเวลาที่ทุกคนยังคงมีไฟอยู่

อันที่จริงแล้วไม่มีใครคาดคิดว่าความคิดเพ้อฝันของหลิงหงจะกลายเป็นจริงในอีกหลายปีให้หลัง รวมทั้งร้านหยวนโจวยังพิชิตยุโรปและอเมริกาได้สำเร็จจนกลายมาเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่ง นอกจากนี้เว็บไซต์บทวิจารณ์ของหยวนโจวก็ได้กลายเป็นเว็บไซต์บทวิจารณ์อาหารที่เชื่อถือได้มากที่สุดอีกต่างหาก

แน่นอนว่าเว็บไซต์นี้ย่อมมีหยวนโจวเป็นตัวแทน ไม่มีใครสามารถแทนที่เขาในตำแหน่งนี้ได้

หลังจากเจียงฉางซี่บอกว่าจะเริ่มต้นทำวันพรุ่งนี้เลย พวกเขาก็ต่างรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้วอู๋ไห่ก็กล่าวขึ้นเป็นคนแรก

“ไม่มีปัญหา ฉันจะไปร่างโฮมเพจเว็บไซต์” อู๋ไห่กล่าวขึ้น

“ฉันจะไปวางแผนประชาสัมพันธ์” หลิงหงกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

“ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะ” หยวนโจวครุ่นคิดอยู่สักครู่แล้วกล่าวขึ้นมา

“ไม่เป็นไร ฉันจะให้ช่างภาพไปถ่ายรูปนายแล้วอัพโหลดขึ้นเว็บไซต์เอง เจียงฉางซี่สรุป

“ช่วยถ่ายจากทางด้านข้างทีนะ” หยวนโจวรีบมองกระจกบนโต๊ะจากทุกทิศทางแล้วกล่าวขึ้นเมื่อได้ยินว่าต้องถ่ายภาพ

“ไม่มีปัญหา ยังไงก็ได้” เจียงฉางซี่ตัดสินใจขั้นสุดท้าย

“มันดึกมากแล้วนะ วันนี้พอเท่านี้ก่อนเถอะ” หลิงหงเสนอขึ้นเป็นคนแรก

“โอเค” หยวนโจวตอบแล้ววางสายไป

โทรศัพท์ถูกวางลงบนโต๊ะแล้วหน้าจอก็ดับไป

“คนพวกนี้ช่างสร้างเรื่องปวดหัวให้ฉันจริงๆ” หยวนโจวถอนหายใจแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คาดหวังและประทับใจอยู่นิดหน่อย

“ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้อ่านหนังสือเสียแล้วล่ะ” หยวนโจวตรวจสอบเวลาแล้วเตรียมลงไปที่ชั้นล่าง

จวนจะได้เวลาปิดผับแล้ว หยวนโจวต้องออกไปโผล่หน้าเสียหน่อย

หยวนโจวเพิ่งจะลงไปชั้นล่างแล้วเปิดประตูเมื่อพวกนักดื่มกำลังเดินออกจากทิวทัศน์ที่เป็นกำแพงงดงามตระการตา

“กลับมาแล้วเหรอ เถ้าแก่หยวน?” เฉินเหว่ยกล่าวทักทายเขาเป็นคนแรก

“อืม แล้วเจอกันนะ” หยวนโจวกล่าวพลางพยักหน้า

“แล้วเจอกัน”

“ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะ”

“คราวหน้ามาดื่มเหล้าอีกนะ”

“ดูแลตัวเองดีๆนะ” หยวนโจวมายืนส่งลูกค้าอยู่ที่ประตู

“ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” เซินหมินเองก็มายืนส่งพวกเขาอยู่ทางด้านข้างเช่นกัน

วันนี้มีพวกนักดื่มไม่เยอะ ไม่นานพวกเขาก็กลับกันไปจนหมด

“เถ้าแก่หยวน คุณโอเคมั้ยคะ?” ทันทีที่พวกนักดื่มกลับไปแล้ว เซินหมินก็หันหน้ามาถามหยั่งเชิง

“อืม” หยวนโจวกล่าวอย่างแน่ชัด

“อีกอย่างพี่จงมาหาคุณด้วยนะคะ ฉันเลยบอกเธอไปว่าคุณออกไปข้างนอกแต่เธอก็บอกว่าจะรอคุณ ได้เจอเธอไหมคะ?” จู่ๆเซินหมินก็หันมามองที่โต๊ะแล้วกล่าวขึ้นมา

“อืม ผมเจอเธอแล้วล่ะ” หยวนโจวพยักหน้า

“งั้นก็ดีค่ะ พี่จงมาเอาตอนที่คุณเพิ่งจะออกไป” เซินหมินกล่าวขึ้น

“อืม ผมรู้แล้วล่ะ คุณกำลังจะตกรถเมล์แล้วนะ” หยวนโจวเตือนเธอ

“ฮ้า… จริงด้วย งั้นฉันกลับแล้วนะคะ เถ้าแก่หยวน ลาก่อนค่ะ ไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะคะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ทันใดนั้นเซินหมินก็ไม่มีเวลามาละเอียดรอบคอบตามปกติอีก เธอรีบวิ่งออกนอกประตูไปที่ป้ายรถเมล์ด้วยความรวดเร็ว

หยวนโจวก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วพอเขาเห็นเซินหมินขึ้นรถเมล์ไปอย่างรีบเร่งและรวดเร็ว เขาก็กลับร้านไปอีกครั้ง

“ตอนนี้ฉันก็ขึ้นชั้นบนไปอ่านตำราได้แล้วสินะ” หยวนโจวเตรียมตัวปิดประตู

“เถ้าแก่หยวน” ในตอนนั้นเองจู่ๆก็มีเงาสายหนึ่งปรากฏขึ้นใกล้ๆโคมสีแดงแล้วกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“อะไรนี่ ผีงั้นรึ?” หยวนโจวรู้สึกสะดุ้งตกใจ เขาบังคับฝีเท้าตนเองมิให้ก้าวถอยหลังและแสดงสีหน้าแตกตื่นออกมาก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า

“จ้าวซิน มีอะไรเหรอครับ?” หลังจากเขาทราบแน่ชัดแล้วว่าบุคคลในเงามืดคือผู้ใด หยวนโจวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกโดยไร้ร่องรอยแล้วถามขึ้นมา

“โทษทีนะ เถ้าแก่หยวน” จ้าวซินก้าวออกมาจากเงามืดแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าหยวนโจว เขาก้มศีรษะให้หยวนโจว

“โอ้ ไม่เป็นไรครับ” หยวนโจวกล่าวเบาๆ

“นายไม่กลัวเลยหรือไง?” จ้าวซินถามโดยไม่ทราบว่าเป็นห่วงหรือจงใจกันแน่

“กลัวอะไรงั้นหรือครับ?” หยวนโจวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันมาขอโทษสำหรับคำพูดที่ไม่เหมาะไม่ควรเมื่อวันนั้นน่ะ” จ้าวซินส่ายหน้าแล้วก้มศีรษะให้เขาอีกครั้ง

“โอ้” หยวนโจวพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขารับรู้แล้ว

หยวนโจวไม่อยากรู้หรอกว่าเขากลับมาขอโทษหลังจากคุณเฉิงตีเขาหรือเฉาจื่อซูสั่งให้เขาทำเช่นนั้น ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเรื่องนั้นมาตั้งแต่ต้น

จ้าวซินก้มศีรษะให้สักพักแล้วค่อยยืนตัวตรงต่อหน้าหยวนโจวเมื่อเขาพบว่าหยวนโจวหาได้มีท่าทีตอบสนองเป็นพิเศษแต่อย่างใด

ทันใดนั้นทั้งสองคนก็หาได้พูดอะไรอีก

เรื่องนั้นไม่แปลกหรอก ก็พวกเขาไม่คุ้นเคยกันจริงๆนี่นา จ้าวซินไม่อยากพูดอะไรอีกเพราะเขาอิจฉาหยวนโจวและหยวนโจวเองก็ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ

“ดึกมากแล้ว ลาก่อนครับ” หยวนโจวเตรียมตัวที่จะปิดประตูต่อไป

“หัวเชฟเฉาอาจารย์ของฉันฝากข้อความให้ฉันมาบอกนาย” จู่ๆจ้าวซินก็กล่าวขึ้นมา

“หัวหน้าเชฟเฉางั้นรึ?” หยวนโจวรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ในสายตาของหยวนโจว เฉาจื่อซูเป็นคนสุภาพมีมารยาทมากเลยทีเดียว ถ้าหากเขาอยากบอกอะไรก็คงจะมาบอกด้วยตัวเองอย่างแน่นอน เขาจะฝากลูกศิษย์มาบอกงั้นรึ?

“อาจารย์ของฉันบอกว่าอาหารที่เตรียมขึ้นสำหรับการคัดเลือกสุดยอดร้านอาหารไม่อาจเผ็ดชาจนเกินไปนัก ผู้ชนะสามคนก่อนหน้านี้ต่างก็ได้ตำแหน่งชนะเลิศมาเพราะแบบนั้นแหละ” จ้าวซินกล่าวขึ้น

“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” หยวนโจวพยักหน้า

หลังจากจ้าวซินบอกข้อความและกล่าวขอโทษหยวนโจวไปสองครั้ง ในที่สุดเขาก็กลับไปแล้วหยวนโจวก็ปิดประตูลง

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset