อยากกินไหมล่ะ 870 ลับมีดฟรี

ตอนที่ 870 ลับมีดฟรี

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 870 ลับมีดฟรี

ในขณะที่หยวนโจวมัวแต่ครุ่นคิดอยู่นั้น คุณเฉิงก็วางกล่องเอาไว้ข้างๆเนื่องจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ค่อนข้างกีดขวางการจราจรไปสักหน่อย

“ตุ้บ”

คุณเฉิงปลดกระดุมกล่องออกเผยให้เห็นมีดสวยหรูทั้งหกเล่มที่อยู่ข้างใน

มีดกลุ่มแรกที่หยวนโจวสังเกตเห็นเป็นมีดโกนที่มีขนาดเล็กและเบา ด้ามจับของมีดพวกนี้มีเนื้อไม้ตามธรรมชาติด้วย

มีอยู่สามเล่มที่ตัวมีดค่อนข้างบางทั้งยังมีคมมีดอันคมกริบ ในพวกนั้น มีดซางใช้หั่นเนื้อกับผัก มีดเพี่ยนใช้แล่เนื้อให้บางเฉียบ ส่วนมีดเหวินอู่ใช้แหวกเนื้อที่มีกระดูกอยู่ภายใน

ในพวกนั้น มีดซางเป็นมีดที่ใช้บ่อยที่สุด ด้ามจับมันแผล็บเห็นได้ชัดว่านี่คือด้ามจับที่ถูกใช้งานอยู่บ่อยครั้ง

“อาจารย์หยวน นี่คือมีดที่ผมใช้บ่อยที่สุดเลยครับ” คุณเฉิงชี้ไปที่มีดซาง

“อืม” หยวนโจวพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรอีก

มีดเล่มอื่นๆเป็นมีดปังตออีกสองเล่มอันประกอบไปด้วยมีดเลาะกระดูกกับมีดจิ่วเจียง ส่วนมีดเล่มสุดท้ายเป็นมีดปังตอแบบผสมผสานอันเป็นมีดที่ค่อนข้างธรรมดา

มีดจิ่วเจียงสามารถนำมาใช้จัดการกับอาหารทะเลและเนื้อสัตว์ได้จึงถูกนำมาใช้บ่อยครั้งมากเช่นเดียวกัน ด้ามจับของมีดเล่มนี้จึงมันแผล็บเช่นกัน

ส่วนมีดเลาะกระดูกผลิตขึ้นมาจากมีดเหล็กกล้าบริสุทธิ์ที่ทั้งหนักและคมกริบ สามารถหั่นแฮมจินฮัวให้เป็นสองซีกก็ยังได้เลย แต่นี่เป็นมีดที่กลับไม่ค่อยได้ใช้ในคอลเล็กชั่นของคุณเฉิง

“ถึงแม้ว่ามีดของผมจะไม่ดีเท่าของคุณ แต่พวกมันก็อยู่กับผมมาสองปีแล้ว ผมคุ้นกับพวกมันเสียแล้วล่ะครับ” คุณเฉิงกล่าวพลางมีรอยยิ้มซื่อๆและถ่อมตัวประดับบนใบหน้า

“อืม แต่ถึงเวลาต้องลับมีดแล้วล่ะ” หยวนโจวกล่าวหลังจากมองไปที่คมมีด

“ใช่แล้วครับ คุณพูดถูกเลยล่ะ ผมไม่ได้ลับมีดมาตั้งนานแล้ว” คุณเฉิงพยักหน้า

“วางลงมาได้เลยครับ พวกเราจะลับมีดกันล่ะ” หยวนโจวบอกให้คุณเฉิงวางกล่องลง

“โอ้ เดี๋ยวผมจะไปลับมีดเองทีหลังนะครับ” คุณเฉิงลองหยั่งเชิงดู

“ไม่ต้องหรอกครับ แค่ดูก็พอแล้ว” หยวนโจวส่ายหน้า

“งั้นก็ได้ครับ” คุณเฉิงพยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเหลือบมองหยวนโจวด้วยดวงตาคู่ที่ลุกโชนไปด้วยความตื่นเต้น เขากำลังรอคอยให้หยวนโจวเริ่ม เนื่องจากเขาเป็นแฟนตัวยงของหยวนโจว เขาจึงเชื่อว่าเถ้าแก่หยวนสามารถทำได้ทุกอย่าง แม้ว่าฝีมือการลับมีดของเขาจะต่างไปจากผู้อื่นก็ตามที

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเตรียมที่จะเริ่มลับมีดกันอยู่นั้น ผู้คนก็รู้สึกสับสนกับมีดมากมายหลายชนิดโดยสิ้นเชิง

“ฉันคิดว่าในอาหารจีน เชฟจะใช้มีดแค่เล่มเดียวเสียอีกนะ” บุรุษในเสื้อแขนยาวสีขาวกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“ฉันก็ด้วย ฉันเห็นว่าเถ้าแก่หยวนใช้มีดทำครัวของเขาระหว่างที่กำลังแกะสลักน้ำแข็งด้วยล่ะ ทำไมคุณเฉิงถึงได้มีมีดเยอะมากขนาดนี้กันเล่า?” สตรีวัยกลางคนกล่าวขึ้น

“ที่จริงเถ้าแก่หยวนก็มีมีดเยอะเหมือนกันนะ” สตรีผู้มีสายตาเฉียบคมผู้หนึ่งกล่าวพลางชี้ไปที่มีดแถวหนึ่งที่จัดเรียงอยู่ข้างๆหยวนโจว

“คุณพูดถูกเลยล่ะ ผมดันมองข้ามเรื่องนั้นไปเสียได้เพราะผมมักจะเห็นเถ้าแก่หยวนใช้แค่มีดทำครัวเท่านั้นเอง” บุรุษในเสื้อยืดสีขาวกล่าวพลางพยักหน้า

หยวนโจวหยิบแปรงขึ้นมาแช่ภายใต้สายตาของทุกคนแล้วขัดหินลับมีดสองในสามส่วน

เขาทำให้หินลับมีดเปียกเพื่อเตรียมการลับมีด

ถึงแม้ว่าเทคนิคการลับมีดของหยวนโจวจะไม่ตรงตามตำราไปเสียทีเดียวก็ตามที แต่การลับมีดของเขาก็ลื่นไหลด้วยความเป็นธรรมชาติและราบลื่นไม่มีสะดุดแต่อย่างใด

เสียงลับมีดดังขึ้นกลางอากาศไม่หยุดเนื่องจากหยวนโจวเปลี่ยนมุมของมีดในมือโดยไม่ลังเล

หยวนโจวจะลับมีดแต่ละด้านเพียงแค่ห้าครั้งก่อนที่จะยกมีดขึ้นมาดู

หยวนโจวสายตาดีมากทีเดียวและด้วยการปรับเปลี่ยนที่เจ้าระบบจัดเตรียมเอาไว้ให้ เขาสามารถมองเห็นลวดลายที่เล็กมากๆบนใบมีดได้เลย โดยแต่ละลวดลายล้วนอยู่ในที่ที่ควรจะเป็น

ขวับ! หยวนโจวเปลี่ยนไปใช้หินลับมีดสีเหลืองอีกก้อนแล้วลับมีดต่อไป

คราวนี้เขาแค่หยุดหลังจากลับมีดไปอีกสองครั้ง รวมทั้งหมดแล้วลับมีดแค่เล่มเดียวไปถึง 14 ครั้ง คราวนี้เมื่อเขายกมีดขึ้นมาดู สีหน้าของเขาก็ดูผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียว

หยวนโจวหาได้หยุดมือลงแต่อย่างใดไม่ เขาเปลี่ยนไปใช้หินลับมีดอีกก้อนที่เป็นสีน้ำเงินเทาหม่นซึ่งมีรูปทรงคล้ายลูกบาศก์อันทำให้หินลับมีดดูงามวิจิตรเป็นอย่างยิ่ง

คราวนี้หยวนโจวยังคงลับมีดต่อไปด้วยแรงที่น้อยลงไปมาก this time, with much lesser force behind it.

หลังจากสับเปลี่ยนหินลับมีดไปสี่ก้อนแล้ว การลับมีดเล่มหนึ่งก็เสร็จสิ้นลงในที่สุด

“ดูสิครับ” หยวนโจวยื่นมีดให้คุณเฉิง

“ครับ” คุณเฉิงก้มศีรษะแล้วรับมีดมาในทันที จากนั้นเขาก็เริ่มวิเคราะห์มันอย่างจริงจัง

อันที่จริงแล้ว นี่ก็คือมีดซางนั่นเอง มันมีคมมีดอันบางเฉียบจากการออกแบบ ก่อนที่หยวนโจวจะเอามันไปลับคมก็ดูเหมือนว่าจะคมมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หลังจากลับมีดแล้วกลับไม่ดูเป็นมันเงาอีกต่อไปแล้ว

“รู้สึกว่ามันจะคมขึ้น แต่กลับไม่เงาวับอีกแล้วล่ะครับ” คุณเฉิงกล่าวขึ้นมา

“ถึงจะเป็นมันเงาก็แค่ตอนที่ส่องเป็นเส้นตรงนับจากตรงนี้ไปเท่านั้นแหละ ลวดลายจะหายไปหมดเหลือเพียงแค่คมมีดที่แท้จริงเอาไว้เท่านั้นแหละ” หยวนโจวกล่าวขึ้น

เมื่อแสงสะท้อนจากวัตถุก็จะเกิดขั้นตอนที่เรียกกันว่าการสะท้อนแสง และถ้าหากพื้นผิวเรียบและเป็นมันเงาราวกับกระจก แสงก็จะสะท้อนที่มุมเดียวกับที่กระทบกับพื้นผิวอันส่งผลทำให้เกิดการสะท้อนที่ดูเหมือนเส้นตรง

หลังจากนั้นหยวนโจวก็ลับมีดทั้งหมดที่เขาใช้อยู่บ่อยๆ มีดแต่ละเล่มแสดงให้คุณเฉิงเห็นหลังจากลับคมแล้ว เห็นได้ชัดว่าหยวนโจวกำลังสอนเขาอยู่

ระหว่างนั้นหยวนโจวก็ยังคงท่าทีจริงจังเป็นอย่างยิ่งเอาไว้ เขาจริงจังมากเสียจนลืมเลือนสิ่งรอบตัวไปแล้วและต้องให้คุณเฉิงเตือนเขาว่าได้เวลาเตรียมอาหารกลางวันแล้ว

หยวนโจวในตอนนี้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการทำอาหารอยากเรียนรู้ทุกสิ่งอย่าง

“อาจารย์หยวน ผมจะช่วยเก็บของพวกนี้ให้เองครับ คุณไปเตรียมวัตถุดิบเถอะครับ” คุณเฉิงยื่นข้อเสนอ

“ไม่เป็นไรครับ เก็บแค่มีดของคุณไปก็พอแล้วครับ” หยวนโจวกล่าวพลางยื่นมีดเล่มสุดท้ายให้คุณเฉิง

จากนั้นหยวนโจวก็รีบจัดการทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว เขาเคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่วว่องไวเสียจนคุณเฉิงไม่มีโอกาสได้หยิบยื่นความช่วยเหลือให้เลยเสียด้วยซ้ำไป

ระหว่างที่กำลังลับมีดอยู่นั้น คุณเฉิงก็รีบลับมีดของตัวเองไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาทราบดีว่าหยวนโจวเป็นคนที่ยึดมั่นใจคำพูดของตัวเอง ในเมื่อหยวนโจวบอกให้คุณเฉิงไม่ต้องลับมีดก็ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว

“ดูเหมือนว่าหลังจากกลับไปแล้วฉันคงได้แต่ต้องทดสอบเสียแล้วล่ะ” คุณเฉิงคิดในใจ

ถูกต้องแล้วล่ะ คุณเฉิงได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการดูหยวนโจวลับมีด ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องหาได้ยากที่เขาจะมีโอกาสมาสังเกตดูหยวนโจวทำงานจากระยะใกล้ถึงขนาดนี้ ยิ่งได้มาเรียนรู้แบบตัวต่อตัวยิ่งยากเข้าไปกันใหญ่เลย

ในสายตาของคุณเฉิง นี่นับได้ว่าเป็นการเรียนรู้แบบตัวต่อตัว

ระหว่างเวลาอาหารกลางวัน หยวนโจวล้างมีดทั้งหมดก่อนที่จะเริ่มทำอาหาร

“อืม ตอนนี้รู้สึกว่าพวกมันดีขึ้นเยอะเลยแต่รู้สึกว่าควบคุมไม่ค่อยอยู่ ดูเหมือนว่าฉันยังต้องฝึกอีกเยอะเลย” หยวนโจวคิดพลางเปรียบเทียบความแตกต่างในช่วงก่อนและหลังการลับมีด

หยวนโจวทำอาหารได้ยอดเยี่ยมอย่างน่าเหลือเชื่อระหว่างมื้อกลางวันเช่นเคย หลังจากสิ้นสุดเวลาอาหารกลางวันลง หยวนโจวก็บอกให้คุณเฉิงรออยู่ก่อน

และเมื่อลูกค้าทุกคนกลับไปหมดแล้ว หยวนโจวก็เริ่มเตรียมลับมีดอีกครั้ง

คราวนี้หยวนโจวให้คุณเฉิงนำป้ายสำรองออกมา

ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้มีดของพวกเขาทั้งสองคนก็คมกริบแล้ว ถึงเวลาลับมีดให้ผู้อื่นบ้างแล้วล่ะ

ป้ายเพิ่งจะถูกนำออกมาแถมยังมีคนเดินเท้าไม่มากสักเท่าไหร่นักอยู่แถวนี้ ผู้ที่มองเห็นก็จะค่อยๆเดินเข้ามาและหลังจากเห็นป้ายแล้ว เขาก็รีบวิ่งออกไป

คนผู้นี้ก็คือเฉาจื่อซูรองชนะเลิศการประเมินสุดยอดร้านอาหารตำหรับเสฉวนซึ่งเคยเป็นเชฟในร้านอาหารส่วนตัวของจางกวังอู่และตอนนี้เป็นหัวหน้าเชฟอยู่ที่ร้านซูที่โด่งดังไปทั่วประเทศนั่นเอง

เมื่อเฉาจื่อซูมาถึง ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรกับหยวนโจว เขาก็เห็นป้ายเข้าเสียก่อน

“ลับมีดฟรีงั้นรึ? น่าสนใจดีนี่นา” เฉาจื่อซูคิดพลางหันหลังเดินจากไป

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset