อยากกินไหมล่ะ 818 ได้รับของขวัญ

ตอนที่ 818 ได้รับของขวัญ

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 818 ได้รับของขวัญ

อู๋ไห่หาได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านหยวนโจวแต่อย่างใดไม่ ถึงอย่างไรสัญญาณโทรศัพท์ในหุบเขาก็ย่ำแย่สุดจะทน ดังนั้นเขาจึงไม่ใช้โทรศัพท์และเอาแต่จดจ่ออยู่กับการเขียนภาพเท่านั้น

“ไห่น้อย วันที่สามแล้วนะ นายดื่มแค่น้ำผึ้งไปเมื่อสองสามวันก่อนเอง ถ้านายยังไม่กินอะไรอีก ฉันเกรงว่าร่างกายของนายจะรับไม่ไหวเอานะ” เจิ้งเจียเว่ยกล่าวด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่ตายหรอก” อู๋ไห่เหลือบมองเจิ้งเจียเว่ยก่อนที่จะหันเหสายตาไปยังหุบเอาอันไกลโพ้นอีกครั้งพลางขมวดคิ้วนิ่วหน้า

“ทำไมพวกเราไม่กลับไปกันเสียตั้งแต่ตอนนี้แล้วกินอาหารของเถ้าแก่หยวนเพื่อเติมพลังให้ร่างกายของนายเสียหน่อยเล่า” เจิ้งเจียเว่ยเกลี้ยกล่อม

“ไม่ล่ะ ขอบใจ” อู๋ไห่ส่ายหน้า

แต่หลังจากอู๋ไห่ส่ายหน้าแล้ว ความมืดก็พลันบดบังทัศนวิสัยการมองเห็นของเขาก่อนที่จะหมดสติไป

“ไห่น้อย ไห่น้อย นายเป็นอะไรไปน่ะ? โอ้พระเจ้า นายเป็นลมไปแล้วงั้นรึ?” เจิ้งเจียเว่ยกดร่องริมฝีปากบนของอู๋ไห่เมื่อจู่ๆอู๋ไห่ก็ตาเบิกกว้างขึ้นมาทันทีสร้างความตื่นตกใจให้แก่เจิ้งเจียเว่ยเป็นอันมาก

“ฉันไม่เป็นไร” อู๋ไห่พึมพำ

“เอางี้นะ โจ๊กที่ครอบครัวของกวงน้อยทำอร่อยมากเลยนะ นายเองก็เคยกินมาก่อนแล้วนี่นา นายอยากกินไหมล่ะ?” เจิ้งเจียเว่ยยังคงเกลี้ยกล่อมต่อไป

“นายอยากจะวาดภาพเมื่อไหร่ก็ได้แล้วแต่นายเลย แต่ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับนาย หลินหลินก็คงจะเศร้ามากเลยล่ะ” เจิ้งเจียเว่ยยังเกลี้ยกล่อมต่อไปด้วยความรู้สึกยินดีเมื่อเขาเห็นว่าสีหน้าของอู๋ไห่ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว

“พักนี้สิ่งต่างๆช่างเป็นเรื่องที่แสนยากเย็นสำหรับหลินหลิน ถ้าหากเธอต้องมาคอยกังวลใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายบ้างก็คงแย่แน่ๆ” เจิ้งเจียเว่ยกล่าว

“ก็ได้ๆ ฉันจะกินโจ๊กก็แล้วกัน ไปเอามาสิ” อู๋ไห่กล่าวหลังจากเงียบไปสักครู่

“โอเค ฉันจะไปเอามาเดี๋ยวนี้แหละ อย่าไปไหนเสียล่ะ ถ้ารู้สึกไม่สบายก็ดื่มน้ำผึ้งสักหน่อยนะ” เจิ้งเจียเว่ยกล่าวขึ้นทันทีที่ได้ยินคำตอบตกลงของอู๋ไห่ จากนั้นเขาก็หายตัวไป

“ถึงเวลากลับแล้วสินะ” อู๋ไห่พึมพำด้วยความเศร้าหมองพลางเหลือบมองไปทางเมฆหมอกอันไกลโพ้นและหมู่บ้านบนเขาที่ราวกับสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน

หลังจากนั้นไม่นานนัก เจิ้งเจียเว่ยก็กลับมาพร้อมหม้อ ถ้วยกระเบื้องและช้อน

อู๋ไห่กินโจ๊กไปสามถ้วยภายใต้สายตาของเจิ้งเจียเว่ย

“วันนี้ไห่น้อยเป็นเด็กดีจังกินโจ๊กได้ตั้งหลายถ้วยเลยแน่ะ” เจิ้งเจียเว่ยเอ่ยปากชมราวกับเขากำลังชมเด็กน้อยคนหนึ่งเลย

“อืม” อู๋ไห่พยักหน้าโดยไม่แยแส

“งั้นไห่น้อย นายจะพักอยู่ที่นี่เพื่อแสวงหาแรงบันดาลใจหรือเที่ยวเล่นต่อไหมล่ะ?” เจิ้งเจียเว่ยถามขณะที่เก็บถ้วยออกไป

“ไม่อยู่แล้วล่ะ ไปกันเถอะ ไปกันตอนนี้เลย” อู๋ไห่ลุกขึ้นแล้วยกขากระดานวาดภาพไปด้วย

“เอาล่ะ ฉันจะไปซื้อตั๋วแล้วกัน พวกเราจะกลับเฉิงตูกันวันนี้แหละ” เจิ้งเจียเว่ยตอบตกลงโดยไม่ถามอะไรอีก

เจิ้งเจียเว่ยทราบว่าหลังจากออกเดินทางมาแล้ว อู๋ไห่ก็จะไม่กลับมาที่นี่อีก ถึงอย่างไรอู๋ไห่ก็เคยบอกว่าถ้าหากเขาไม่พบแรงบันดาลใจในครั้งแรก เขาก็จะไม่ค้นหาเป็นครั้งที่สองอีก ถึงแม้ว่าเขาจะพบมันก็คงไม่เหมือนกันอยู่ดีนั่นแหละ ดังนั้นถ้าหากอู๋ไห่ไม่สามารถหาแรงบันดาลใจจากทำเลที่ตั้งนั้นได้ เขาก็ย่อมไม่คิดจะกลับไปอีก

เจิ้งเจียเว่ยแน่ใจในเรื่องนี้มากทีเดียว

“อืม” อู๋ไห่พยักหน้า จากนั้นเขาก็หยิบอุปกรณ์วาดภาพของตัวเองขึ้นมาแล้วจากไปพร้อมเจิ้งเจียเว่ย

พวกเขาตัดสินใจที่จะออกเดินทางช่วงเที่ยงวัน แต่เมื่อพวกเขามาถึงเฉิงตูก็ปาเข้าไปเที่ยงวันถัดมาแล้ว

หมู่บ้านบนเขาอยู่ห่างไกลมากจึงทำให้เมื่อตอนที่พวกเขาเข้ามาใกล้ตัวเมืองก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรอจนถึงวันรุ่งขึ้น

ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น เจิ้งเจียเว่ยก็เลยพาอู๋ไห่ขึ้นเครื่องบินกลับเฉิงตูเสียเลย

“ไม่ ฉันนอนไม่ได้ ฉันต้องโทรศัพท์” หยวนโจวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีขณะที่กำลังหลับตานอนแล้วโทรหาโจวเจีย

“โจวเจีย ผมหยวนโจวเองนะ” หยวนโจวกล่าว น้ำเสียงของเขาแหบแห้งขณะที่พูดไปพลางไอไปพลาง

“เถ้าแก่หยวนไม่สบายเหรอคะ? ไปหาหมอหรือยังคะ?” โจวเจียถามเมื่อเธอได้ยินเสียงของหยวนโจว

“ไม่เป็นไร ช่วยติดหนังสือลาหยุดบอกทุกคนด้วยนะว่าวันนี้ผมขอลาหยุดน่ะ ยังไงเธอก็ยังได้รับค่าจ้างของวันนี้อยู่นะ” หยวนโจวสูดหายใจลึกๆก่อนที่จะพูดออกมา

“อืม อืม โอเคค่ะ ไปหาหมอหรือยังคะเนี่ย?” โจวเจียยังคงเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของหยวนโจว

“ไม่เป็นไร ผมกินยาแล้วล่ะ พรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้นแล้ว เอาล่ะงั้นแค่นี้นะ” หยวนโจวพูดมากกว่าปกติ หลังจากตอบอย่างจริงจังไปแล้ว เขาก็วางสายลง

“ฉันล่ะสงสัยจริงๆเชียวว่าเถ้าแก่หยวนจะทำยังไง” โจวเจียรู้สึกเป็นห่วงขณะที่ออกมาปิดประกาศ

“ฉันน่าจะไปดูสักหน่อยเผื่อจะช่วยอะไรเขาได้บ้างนะ” โจวเจียตัดสินใจว่าเธอจะไปที่นั่นทันทีที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จแทนที่จะออกไปตอนแปดโมงอย่างที่เคย

ในขณะที่หยวนโจวกำลังนอนซมอยู่บนเตียงนั้น อู๋ไห่ก็มาถึงสนามบินเฉิงตูแล้ว

หยวนโจวมอบหนังสือลาหยุดเป็นพิเศษสองวันให้โจวเจียและเซินหมินนำกลับมาใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน เท่าที่หยวนโจวเข้าใจ หนังสือลาหยุดจะต้องเขียนด้วยตนเองเพื่อแสดงความจริงใจ

แต่เนื่องจากมีเพียงลายมืออยู่บนหนังสือลาหยุดที่เขาใช้ลาหยุดเพราะมีสิ่งที่ต้องทำ เขาจึงต้องการให้โจวเจียเป็นคนให้คำอธิบายแก่บรรดาลูกค้าด้วยตนเอง

โจวเจียจัดการเรื่องนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมเพื่อปลอบโยนบรรดาลูกค้าที่เพิ่งจะมาถึงแถมยังให้คำอธิบายที่เหมาะสมอีกต่างหาก

เป็นผลทำให้ได้รับของมาเป็นกองพะเนิน ของพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลไม้หรือของขวัญที่บรรดาลูกค้ามอบให้เธอมาเมื่อได้ยินว่าเถ้าแก่หยวนไม่สบาย

บรรดาเพื่อนบ้านละแวกข้างเคียงเองก็นำของขวัญเป็นกองพะเนินมาให้เช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรนี่ก็นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่หยวนโจวไม่สบาย ทุกคนจึงเป็นห่วงเขามากทีเดียว

จากสถานการณ์ในตอนเช้า น่าจะมีคนมาที่นี่เพื่อเยี่ยมหยวนโจวอีกในวันถัดมา

ตลอดช่วงเช้า โจวเจียรับของขวัญมาเป็นจำนวนมากแล้วจนถึงจุดที่เธอไม่สามารถรับไว้ได้อีกต่อไปแล้ว

“แม่สาวน้อย เอามาไว้ที่ร้านฉันก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพอหยวนน้อยหายดีแล้วฉันจะช่วยขนเข้าร้านไปให้เอง” เถ้าแก่หวังจากร้านขายเครื่องเสนอตัว

เขาเองก็มาเยี่ยมหยวนโจวเพราะอยากรู้ว่าเมื่อไหร่เขาถึงจะมีโอกาสได้เห็นว่าร้านปิดสักที และเมื่อเขาได้ยินมาว่าหยวนโจวไม่สบาย เขาก็เลยตัดสินใจที่จะมาดูสักครั้ง

ทันทีที่เขามาถึง เขาก็เห็นโจวเจียกำลังจ้องมองของขวัญเป็นกองพะเนินด้วยท่าทีกังวลใจ นั่นก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเสนอตัวออกไปเช่นนั้น

“โอเค ขอบคุณเถ้าแก่หวังด้วยนะคะ ฉันคงต้องรบกวนคุณเสียแล้วสิ” โจวเจียรู้ว่าเถ้าแก่หวังเป็นคนอย่างไร ถึงอย่างไรเธอก็ทำงานมาที่นี่ได้สักระยะหนึ่งแล้ว

“ไม่เป็นไรเลย หยวนน้อยเป็นยังไงบ้างเล่า? เขาไปหาหมอแล้วหรือยัง?” เถ้าแก่หวังถามขณะช่วยยกของขวัญออกไป

“เถ้าแก่บอกว่าเขากินยาแล้วค่ะ ฉันคิดว่าตอนนี้เขาน่าจะนอนไปแล้วแถมยังไม่ได้ไปหาหมออีกต่างหากด้วยค่ะ” โจวเจียกล่าว เธอเองรู้สึกเป็นห่วงมากเช่นกัน

“หยวนน้อยก็ชอบทำเป็นเก๋าไปอย่างนั้นแหละ แค่กินยาเพียงอย่างเดียวจะไปพอได้ยังไงกันเล่า? อย่างน้อยเขาก็น่าจะไปหมอสักหน่อยนะ” เถ้าแก่หวังกล่าวพลางเหลือบมองไปทางหน้าต่างชั้นสองที่ปิดสนิท

“ฉันจะอยู่ที่นี่ทั้งวันเองค่ะ” โจวเจียกล่าว

“จริงด้วยสิ ยังไงมีคนคอยดูแลเขาอยู่ที่นี่ก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้วล่ะ” เถ้าแก่หวังกล่าว

อู๋ไห่มาถึงถนนเถ่าซือตอบสิบโมงเช้า แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวันดังนั้นอู๋ไห่จึงหาได้รีบร้อนแต่อย่างใดไม่ ทว่าแทนที่จะถือกระเป๋าใบใหญ่ เขากลับเดินไปทางถังขยะในตรอก

“ไห่น้อย นายกำลังจะไปไหนงั้นเหรอ?” เจิ้งเจียเว่ยถามพลางลากกระเป๋าเดินทางอยู่ข้างหลังเขา

“ฉีนจะไปเยี่ยมเจ้าบรอธน่ะสิ” อู๋ไห่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“โอเค งั้นฉันจะไปทำความสะอาดสตูดิโอก่อนนะ นายจะตรงไปสตูดิโอเลยหรือว่าจะไปร้านของเถ้าแก่หยวนดีล่ะ? ขอกุญแจฉันด้วยสิ” เจิ้งเจียเว่ยกล่าว

“แน่นอนว่าฉันต้องไปร้านของเจ้าเข็มทิศอยู่แล้วล่ะ” อู๋ไห่กล่าวโดยไม่คิดมากเลยสักนิด

เขาอยู่ในหุบเขามาสักระยะหนึ่งจึงทำให้อู๋ไห่ไม่มีอุปนิสัยชอบเช็คโทรศัพท์ ดังนั้นเขาก็เลยไม่รู้ว่าวันนี้ร้านหยวนโจวไม่เปิด

“โอเค” เจิ้งเจียเว่ยพยักหน้าแล้งมุ่งหน้าไปที่สตูดิโอ

ส่วนอู๋ไห่ เขาก็มุ่งหน้าไปหาเจ้าบรอธพร้อมกระเป๋าใบใหญ่

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset