อยากกินไหมล่ะ 801 ทำอาหารเยอะเกินไป

ตอนที่ 801 ทำอาหารเยอะเกินไป

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 801 ทำอาหารเยอะเกินไป

ดูเหมือนบะหมี่เย็นนึ่งจะกระตุ้นความอยากอาหารได้มากทีเดียว

เนื่องจากน้ำนมข้าวนึ่งมีความบางมากโดยมีความหนาน้อยกว่า 2 มิลลิเมตรเท่านั้น หลังจากหั่นน้ำนมข้าวนึ่งออกเป็นห้าชิ้นแล้วก็จะได้บะหมี่ที่เพียงพอถึงหนึ่งชามเต็มๆ

บะหมี่เย็นสีขาวน้ำนมเรียงตัวอยู่ในชามสีน้ำเงินแกมเขียวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เนื่องจากสีสันของชาม บะหมี่จึงดูมันวาวมากยิ่งขึ้น น้ำมันพริกที่เพิ่งจะทำเสร็จหมาดๆถูกราดลงบนบะหมี่ซึ่งตอนนี้ปลดปล่อยกระไอออกมาเป็นชั้นๆเล็กน้อย เมื่อวิเคราะห์บะหมี่ดูแล้วก็จะเห็นว่าแต่ละเส้นล้วนชุ่มไปด้วยน้ำมันพริกสีแดงวาววับพร้อมโรยเมล็ดงามาด้วย ทั้งจานดูแล้วน่าจะเผ็ดและอร่อยทีเดียว

น้ำมันพริกค่อยๆชุ่มอยู่ก้นชาม จากนั้นหยวนโจวก็ตักน้ำกระเทียมขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วเทลงในชาม ทันใดนั้นกลิ่นกระเทียมที่ผสมกับกลิ่นเผ็ดร้อนก็กระจายไปทั่วร้าน

“กลิ่นหอมจังเลย” บรรดาลูกค้าต่างพากันพึมพำ

ตุ้บ หยวนโจววางชามลงขณะที่กล้องซูมเข้ามา

ชามสีเขียวเข้มเต็มไปด้วยบะหมี่เย็นเส้นเรียวบาง บะหมี่แต่ละเส้นต่างถูกเคลือบด้วยน้ำมันพริกสีแดงวาววับโดยมีเมล็ดงาโดยเอาไว้ และมีตะเกียบสีน้ำตาลคู่หนึ่งอยู่ข้างชาม

ภาพของบะหมี่เย็นนึ่งชามนั้นพาให้เกิดภาพลวงตาราวกับว่าสามารถได้กลิ่นผ่านหน้าจอเลยทีเดียว

เมื่อกล้องซูมเข้ามากลับเป็นการกระตุ้นให้หยิบตะเกียบแล้วเริ่มกินเพื่อให้รู้ว่ารสชาติดีอย่างที่เห็นและได้กลิ่นหรือไม่

“เฮ้ สูตรต้นตำหรับหรือเปล่าล่ะ?” เฉินเว่ยถองใส่ฟางเหิงแล้วถามขึ้นมา เมื่อเขาหันมาก็เห็นว่าลูกตาของฟางเหิงแทบจะพลัดหลุดออกจากเบ้าอยู่แล้ว ดูเหมือนเขาจะเกร็งไปทั้งตัวแล้วราวกับว่าเขากำลังจะกระโจนใส่ชามบะหมี่ก็ไม่ปาน

เฉินเว่ยถามขึ้นอีกครั้ง “นายบอกว่าเถ้าแก่หยวนไม่มีทางทำบะหมี่เย็นสูตรต้นตำหรับได้อย่างแน่นอนไม่ใช่หรือไง? แล้วปฏิกิริยาแบบนี้มันคืออะไรกันเล่า?”

“ต่อให้ฉันต้องพูดซ้ำสักกี่ครั้ง ฉันก็มีความมั่นใจในตัวเถ้าแก่หยวนอย่างเต็มเปี่ยมนั่นแหละ เพียงแต่ฉันเชื่อว่าถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาทางด้านภูมิศาสตร์ได้ เถ้าแก่หยวนก็คงไม่สามารถทำบะหมี่เย็นนึ่งสูตรต้นตำหรับได้หรอก แต่ที่สำคัญกว่านั้นไม่ว่าแบบของเถ้าแก่หยวนจะเป็นสูตรต้นตำหรับหรือไม่ย่อมต้องอร่อยมากเป็นแน่” ฟางเหิงกล่าว

เจียงฉางซี่กับเฉินเว่ยพยักหน้า คราวนี้พวกเขาต่างก็เห็นด้วย

อาจเป็นเพราะชิวชิวก็เป็นตากล้อง เขาจึงมองเห็นชามบะหมี่ได้ชัดเจนกว่า ตอนนี้น้ำลายเอ่อเต็มปากเขาแล้ว จู่ๆเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชามตรงหน้าเขาค่อนข้างใหญ่ทีเดียว ตอนท้องว่างหากได้กินบะหมี่ชามนี้เข้าไปเพียงชามเดียวก็คงจะอิ่มเป็นแน่

แต่มีคนอยู่ที่นี่ถึงเจ็ดคน ดังนั้นชามนี้จึงดูเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาทุกคนเสียแล้ว

ชิวชิวเป็นผู้ที่เคยกินอาหารที่ร้านหยวนโจวมาก่อน เขาเข้าใจพื้นอารมณ์ของเถ้าแก่หยวนดี ดังนั้นชิวชิวจึงคิดว่าหยวนโจวน่าจะแบ่งบะหมี่ชามนี้แทนที่จะทำเพิ่ม

แน่นอนว่าใครๆก็คงหวังว่าวันนี้เถ้าแก่หยวนจะใจดีเตรียมบะหมี่เพิ่มเป็นสองชาม แต่ชิวชิวไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นได้หรอก ถ้าหากพวกเขาต้องแบ่งบะหมี่ชามนี้กันจริงๆ เช่นนั้นความเร็วที่คนผู้หนึ่งจะสามารถกินได้ก็น่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว

เมื่อตอนอยู่โรงเรียนประถม ชิวชิวเป็นแชมป์วิ่งผลัด เขาจึงมั่นใจว่าตนเองสามารถแย่งชิงบะหมี่ส่วนใหญ่มาได้ ชิวชิวเริ่มขยับตัวเข้าไปใกล้ๆชามบะหมี่อย่างไร้สุ้มไร้เสียงเพื่อชิงความได้เปรียบในสงครามที่กำลังจะมาถึง ในฐานที่เคยเป็นลูกค้าของหยวนโจวมาครั้งหนึ่งทำให้เขาได้เปรียบมากกว่าเพื่อนร่วมงานของตนเองมากนัก

ส่วนสมาชิกอีกหกคนของทีมนอกจากไป๋ลี่ที่ยืนเหม่ออยู่ข้างๆแล้ว คนอื่นๆต่างกำลังกระสับกระส่าย อาเขิ่นกำลังกลืนน้ำลายไม่หยุด ถึงอย่างไรเขาก็กินอาหารมื้อค่ำได้ไม่มากสักเท่าไหร่นัก ส่วนเซียวหลงเหรินก็กำลังรอให้ต้าไห่สั่ง “คัต” เพื่อให้เขาสามารถกระโจนเข้าใส่อาหารได้เลย

ทุกขั้นตอนการทำอาหารของหยวนโจวเป็นไปอย่างลื่นไหลมาก ไม่จำเป็นต้องถ่ายใหม่เลย แต่หยวนโจวกลับหาได้รู้สึกผ่อนคลายลงเลยเมื่อถ่ายทำเสร็จ เนื่องจากสัญญากับโจวซื่อเจี๋ยไว้แล้ว เขาก็ต้องทำให้สำเร็จ ถึงอย่างไรหยวนโจวก็มีความสุขมากที่ได้ช่วยโปรโมตอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีของประเทศจีน

“ผมคงไม่กินอาหารมื้อค่ำแล้วนะครับ” หยวนโจวพูดก่อนที่จะยกชามและตะเกียบคู่หนึ่งขึ้นมาภายใต้สายตาของทุกคน

ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวยกชามและตะเกียบขึ้น เห็นได้ชัดเลยว่านี่คือการกระทำอย่างหนึ่งที่จะต้องทำก่อนกิน พวกเขาทุกคนต่างจับจ้องไปที่หยวนโจวด้วยความประหลาดใจ

“อาหารจานนี้คือบะหมี่เย็นนึ่งอันเป็นของว่างประจำเมืองกวางหยวน โดยทำขึ้นด้วยการแช่เมล็ดข้าวที่เติบโตเฉพาะที่ในน้ำแร่จากหุบเขาลึกของเมืองกวางหยวนนั่นเอง” หยวนโจวเริ่มคนบะหมี่ขณะที่เขาแนะนำไปด้วย

ในขณะที่แนะนำอยู่นั้น หยวนโจวก็ถอดหน้ากากอนามัยออกเผยให้เห็นสีหน้าจริงจังของเขา

จากนั้นหยวนโจวก็คีบบะหมี่อันอ่อนนุ่มที่ถูกอาบย้อมจนเป็นสีแดงด้วยน้ำมันพริกขึ้นมาแล้วยัดเข้าปาก

ทันใดนั้นเองรสชาติเผ็ดชาก็ปะทุขึ้นในปากของเขา หยวนโจวรีบเคี้ยวแล้วกลืนบะหมี่ลงไปก่อนที่จะพูดอีกครั้ง

“เพื่อทำบะหมี่เย็นนึ่งให้มีรสชาติแบบดั้งเดิมจะต้องใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นของกวางหยวนด้วย บะหมี่เย็นก็จะนุ่มมากแถมยังเด้งขณะที่เคี้ยวอีกต่างหาก น้ำมันพริกจะทำหน้าที่ผสมผสานความรู้สึกที่ให้ความเผ็ดร้อน ความชา ความสดใหม่และความหอมนั้นได้อย่างลงตัว” หยวนโจวอธิบายอย่างจริงจัง

เขากำลังอธิบายถึงรสชาติอย่างจริงจังมากทีเดียว

“เนื่องจากผสมน้ำส้มสายชูลงน้ำมันพริก ตอนที่กินอาจจะมีรสเปรี้ยวนิดหน่อย แต่รสเปรี้ยวกลับผสมผสานเข้ากับรสชาติของข้าวได้อย่างลงตัว บะหมี่เย็นแบบนี้รสชาติอร่อยกว่าบะหมี่เย็นที่ทำขึ้นด้วยแป้งเสียอีกแถมยังไม่รู้สึกว่าเป็นผงเลยสักนิดเดียว” หยวนโจวอธิบายรายละเอียด

“ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากใช้วัตถุดิบเพียงอย่างเดียว รสชาติเดิมของข้าวจึงแสดงออกมาแล้วผสมเข้ากับรสชาติเผ็ดร้อนอย่างลงตัวโดยมีรสชาติที่ยังกรุ่นอยู่ในปากหลังจากกินเข้าไปคำหนึ่ง” หยวนโจวพูดต่อ

หลังจากอธิบายเสร็จ หยวนโจวก็เงยหน้ามองทุกคนที่กำลังจับจ้องมาทางเขาด้วยความประหลาดใจ เขาเริ่มสงสัยว่าคำอธิบายของตนเองไม่ละเอียดพอหรือเปล่า เขาลอบคร่ำครวญอยู่ในใจว่าการถ่ายวิดีโอช่างวุ่นวายเหลือเกิน แต่เขาก็ให้เหตุผลว่าเพื่อบรรดาผู้ชมทั้งกลายแล้วจำเป็นต้องมีคำอธิบายรายละเอียดเพื่อช่วยให้พวกเขาทราบถึงรสชาติที่แท้จริงของบะหมี่ เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ที่เขาต้องการที่จะอธิบายให้มากขึ้น

ดังนั้นหยวนโจวจึงเริ่มให้คำอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับรสชาติของบะหมี่

หลังจากเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาก็สังเกตพบว่าทั้งร้านต่างถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด

ทำไมสมาชิกในทีมถึงได้พากันตกตะลึงจนพูดไม่ออกน่ะเหรอ? เป็นเพราะไม่มีใครคาดว่าหยวนโจวจะกินบะหมี่เสียเองน่ะสิ

เกิดอะไรขึ้นกันนะ?

แม้แต่ชิวชิวก็ยังตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปแล้ว ในฐานที่เคยเป็นลูกค้าที่นี่มาครั้งหนึ่ง เขาตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิงเสียแล้ว ซ้ำยังรู้แล้วว่าหยวนโจวประหลาดกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

ถ้าหากเขาเป็นคนประหลาดที่ตัดสินใจกินบะหมี่เสียเอง แล้วทำไมถึงได้ให้คำอธิบายรายละเอียดของรสชาติเช่นนั้นกันเล่า? เขาทำเช่นนี้มีเจตนาอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่านะ?

นั่นเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวเกินไปแล้ว

หลังจากหยวนโจวอธิบายจบก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป ถึงแม้ว่าบะหมี่จะอร่อยมาก แต่หยวนโจวก็ทานอาหารมื้อค่ำมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงยากที่จะกินบะหมี่ชามนี้ได้หมด

“ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันน่าจะทำให้น้อยลงหน่อยก็ดี ฉันรู้สึกเหมือนจะกินไม่หมดเลย” หยวนโจวโอดครวญ

คนส่วนใหญ่จะรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ขณะที่กำลังสบถอยู่ในใจ แต่ตอนนี้สมาชิกในทีมกลับไม่สามารถรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่หยวนโจวครวญออกมาก็เริ่มสบถอยู่ในใจไม่รู้จักจบจักสิ้น

อยากกินไหมล่ะ

อยากกินไหมล่ะ

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 896 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )

ณ ประเทศตะวันออกที่ห่างไกลมีร้านอาหารเล็ก ๆ แปลก ๆ แห่งหนึ่งที่อาจหาญกล้า ‘ปฏิเสธการจัดอันดับสามดาว‘ โดย Michelin Guide อยู่หลายครั้ง อาหารที่นี่ราคาแพงมากข้าวผัดธรรมดาจานหนึ่งกับซุปหนึ่งชาม ราคาก็ปาเข้าไป 288 หยวนแล้ว (ประมาณ 1500 บาท) เคี่ยวขนาดนี้ก็ยังมีคนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะรอกิน อ้อ… ที่นี่เขาไม่รับจองคิวด้วยนะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเพื่อจองคิวอีก! ทำไมต้องนั่งเครื่องบินน่ะเหรอ ก็เขาไม่มีที่จอดรถให้น่ะสิ ที่นี่บริการแย่ ลูกค้ากินแล้วต้องล้างจานเช็ดโต๊ะเอง ไม่รู้เจ้าของร้านคิดอะไรอยู่… สงสัยคงเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

Options

not work with dark mode
Reset