องค์หญิงหมอเทวะ 58 : ความไม่สงบ

ตอนที่ 58 : ความไม่สงบ

“อ้า! สัตว์ประหลาด!”

 

เซี่ยโฮวหยิน เซถอยหลังด้วยความตกใจและล้มลงบนพื้น

 

เซี่ยโฮวซีตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของซูมู่เกอและไม่สามารถพูดได้ชั่วขณะ

 

ด้วยตาที่น่าสยดสยอง  ซูมู่เกอมองที่เซี่ยโฮวหยินแต้มรอยยิ้มที่น่ากลัว

 

“องค์หญิงเพค่ะ  พระองค์ทรงพอพระทัยกับสิ่งที่เห็นหรือไม่?”  ในขณะที่พูด  นางเดินเข้าหาพวกเขาช้าๆ

 

เซี่ยโฮวหยินกลัวมากจนนางหดตัวกลับ  “เจ้า  เจ้าเป็นสัตว์ประหลาด  มาเร็ว  เร็วเข้าจับสัตว์หระหลาดตัวนี้!”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง  นางกำนัลในวังที่รออยู่ด้านนอกก็รีบเข้ามาในศาลา  พวกเขาตกใจเช่นกันที่เห็นใบหน้าของซูมู่เกอ  แต่พวกเขาไม่ขลาดกลัวเช่นองค์หญิงและรีบวิ่งไปหาซูมู่เกอ

 

ซูมู่เกอก้าวถอยหลังหลบผู้คนทั้งหมดที่มาจับนาง และตรงไปที่ศาลา

 

“เมื่อองค์หญิงทรงไม่เป็นอะไรร้ายแรง  หม่อมฉันขอประทานอภัย  กราบทูลลาเพค่ะ”

 

“เจ้า  เจ้าสัตว์ประหลาด  เจ้ากล้าหนีไปได้อย่างไร?”  เมื่อซูมู่เกอจากไป  เซี่ยโฮวหยินก็กล้ามากขึ้น

 

“พวกเจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่?  จับนาง! เร็วเข้า!”

 

“ท่านพี่แปด  พอ!  พวกเจ้าทุกคนกลับมา!”  เซี่ยโฮวซีรู้สึกตัวและหยุดสาวใช้ที่กำลังจะจับซูมู่เกอ

 

มันเป็นตำหนักของเซี่ยโฮวซี  ดังนั้นนางกำนัลส่วนใหญ่จึงอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาง  เมื่อได้ยินคำสั่งของนางพวกเขาจึงไม่กล้าขยับตัวต่อ

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้  เซี่ยโฮวหยินก็แสดงออกอย่างรุนแรง  “เซี่ยโฮวซี  เจ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่งของข้าได้เยี่ยงไร?”

 

เซี่ยโฮวซีดูเฉยเมยและดูเหมือนจะไม่กลัวการคุกคามของเซี่ยโฮวหยิน  “ท่านพี่  ข้าไม่ได้ตำหนิท่านที่ทำลายแผนของข้า  อย่างไรท่านพี่ถึงจะโทษข้าได้?”

 

“ฮึ! สัตว์ประหลาดน่าเกลียดตัวนี้สามารถทำอะไรได้?  เช่นเดียวกับเจ้าที่อ่านหนังสือแพทย์มาหลายปีและเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จากรองสำนักหมอหลวงในวังหลวงเจ้าก็ยังไม่สามารถรักษาแม้กระทั่งอาการเป็นไข้หวัดของเสด็จแม่ได้  เจ้าทำให้ตัวเองเป็นเช่นเดียวกับคนที่ตายไปแล้วด้วยซ้ำ  ถ้าข้าไม่บอกความจริงกับเจ้า  เจ้ายังคิดว่าเจ้าเก่งเรื่องยาอยู่งั้นหรือ!?”

 

ใบหน้าของเซี่ยโฮวซีซีดลงและเซี่ยโฮวหยินก็เสียงดังอย่างภาคภูมิใจ

 

“กลับตำหนักของข้ากันเถอะ”

 

“เพค่ะ”

 

เมื่อออกจากตำหนักของเซี่ยโฮวซี  เซี่ยโฮวหยินวางใบหน้าเฉยเมยอีกครั้ง

 

“แม้กระทั่งลูกสาวของขุนนางชั้นต่ำยังกล้าที่จะทำให้ข้าขุ่นเคือง  ข้าจะสอนบทเรียนสำหรับการกระทำที่สิ้นคิดของเจ้า!”

 

ซูมู่เกอถูกนางกำนัลพาออกจากวังและมุ่งหน้ากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลซู  สำหรับความขัดแย้งกับองค์หญิงทั้งสอง  นางไม่ได้ใส่ใจจริงจังกับมันนัก

 

ในห้องทรงอักษรขององค์จักรพรรดิ

 

หลังจากซูหลุนและซูมู่เกอจากไป  เซี่ยโฮวรุยเอนหลังพิงบัลลังก์มังกรอย่างอ่อนแรง

 

ขันทีอีที่รออยู่ด้านข้างบัลลังก์ยกน้ำชาร้อนๆถวยให้กับองค์จักรพรรดิหนึ่งถ้วย

 

จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ  ในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาในอก

 

“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ พระองค์ทรงรู้สึกดีขึ้นหรือไม่พะย่ะค่ะ?”

 

จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยลุกขึ้นยืนและแย้มสรวล  “ชาที่เจ้านำมาให้ข้าดื่มนั้นทำให้ข้ารู้สึกสบายขึ้นมาก”

 

“หม่อมฉันรู้สึกยินดียิ่งฝ่าบาท  เป็นพระมหากรุณาธิคุณของหม่อมฉันที่ได้รับใช้พระองค์พะย่ะค่ะ”

 

จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยถอนหายใจเบาๆ  “ข้ากลัวว่าร่างกายของข้าจะอยู่ได้อีกไม่นาน”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น  ขันทีอีก็เปลี่ยนการแสดงออกของเขาหลายครั้ง  “ฝ่าบาท อย่าทรงตรัสเช่นนั้นพะย่ะค่ะ   พระองค์คือจักรพรรดิ  จะเป็นเยี่ยงไรถ้าพระองค์…”

 

จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยขัดจังหวะเขาด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ  “เหล่าขุนนางในราชสำนักทั้งหลายปรารถนาให้ข้ามี ‘อายุยืนยาวครองราชน์ชั่วกัลป์’ แต่ข้าจะอยู่ตลอดไปได้อย่างไร?”

 

“ฝ่าบาท  เนื่องจากคุณหนูสามารถรักษาโรคระบาดได้  ทำไมไม่ให้นางลองดูพะย่ะค่ะ?”

 

ให้เด็กคนนั้นรักษาเขา?  เซี่ยโฮวรุยส่ายศีรษะก่อนจะคิดด้วยซ้ำ  “ลืมมันซะ  อย่างทำให้เด็กตกใจ  ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้เห็นซูหลุน  ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กจากชนบทจะมีทักษะเช่นนั้น”

 

ขันทีอียังจำได้ว่าเหตุใดซูหลุนจึงถูกส่งไปนอกเมืองหลวงเพื่อเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

 

“พะย่ะค่ะ  ฝ่าบาท  ใต้เท้าซูต้องพยายามอย่างมากในการปลูกฝังคุณหนูคนโตของตระกูลซูในปีนี้”

 

ใช้ความพยายามอย่างมากในการปลูกฝังนาง?

 

เซี่ยโฮวรุยไม่มั่นใจนัก  เด็กที่ทำร้ายศักดิ์ศรีของบิดดาทางอ้อมและเป้าหมายใหม่ไม่สามารถทำให้ซูหลุนปลูกฝังนางด้วยความพยายามอย่างเต็มที่

 

“จริงๆ?  มันเหมือนว่าซูหลุนจะก้าวหน้าไปมาก”  จากนั้น  เซี่ยโฮวรุยก็หลับตาและหยุดพูด

 

ขันทีอีฮึ่มฮั่มในลำคอ  แต่ในที่สุดก็ไม่พูดอะไร

……………………….

 

จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยไม่ทำให้ซูหลุนรอนานเกินไปหลังจากที่เขามาถึงเมืองหลวง  คำสั่งแต่งตั้งขององค์จักรพรรดิก็ประกาศในไม่กี่วัน

 

ซูหลุนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับ 9  ของกระทรวงการงาน  หลังจากที่ซูหลุนได้รับคำสั่งแต่งตั้งขององค์จักรพรรดิและส่งคนจากวังหลวงกลับไป  ซูมู่เกอรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของเขาอย่างชัดเจน

 

เขาได้รับการเลื่อนขั้นเพียงระดับเดียว  และเป็นตำแหน่งที่ไม่สำคัญ  เขายังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งเสนาบดีว่าการกระทรวงการงาน!

 

ไม่พอใจอย่างที่เขาเป็น  ซูหลุนไม่กล้าแสดงอารมณ์ของเขา  แต่ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นสนุกสนานและไปราชสำนักในตอนเช้า

………………………….

 

“คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ  ใต้เท้าขอให้ท่านและนายหญิงใหญ่ไปที่โถงหยงเหอเพื่อรับอาหารค่ำเจ้าค่ะ”

 

ปิดหนังสือทางการแพทย์ในมือของนาง  ซูมู่เกอมองไปที่เยว่รู่และพูดว่า  “ได้ ข้าจะไป”

 

อาศัยอยู่ที่เมืองหลวงมานานกว่าหนึ่งเดือน  นางแทบจะไม่ได้ออกจากลานดอกท้อบานเลยและดูแลนางจ้าวและตัวนางเองอย่างพิถีพิถัน

 

วันนี้  นางขอให้เยว่รู่หาหนังสือทางการแพทย์ให้นาง  เพื่อที่นางจะได้รู้เกี่ยวกับพัฒนาการทางการรักษาในยุคนี้  น่าเสียดายที่หลายวันมานี้  เยว่รู้พบเพียงเล่มเดียวซึ่งอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับโรคและอาการที่พบบ่อยๆ  ยิ่งไปกว่านั้นคำอธิบายในหนังสือยังคลุมเครือมาก  ดังนั้นมันจึงช่วยนางได้แค่เพียงเล็กน้อย

 

“รายงานท่านแม่ของข้าและเตรียมตัวให้พร้อม”

 

“เจ้าค่ะ”

 

ก่อนเวลาอาหารค่ำ  ซูมู่เกอขอให้เยว่รู่ช่วยนางสวมชุดสีขาวนวลของดวงจันทร์ให้นาง

 

ด้วยรูปร่างที่เพรียวบางของนางและสีขาวราวดวงจันทร์ของชุด  นางจึงดูเหมือนความสวยที่สง่างาม

 

เมื่อนางแต่งตัวเสร็จและเดินออกจากห้องไป  นางจ้าวรออยู่ที่ด้านนอกแล้ว  ในแวบแรกนางจ้าวมีรูปร่างอวบและดวงตาของนางทอประกาย

 

แม่และลูกสาวจับมือกันเดินไปที่โถงหยงเหอ

 

ก่อนเข้าห้องโถง  พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะอันร่าเริงและดังกึกก้อง

 

“ท่านพ่อ  ท่านชอบแกล้งข้ามาก…..

 

ทันทีที่ซูมู่เกอเดินผ่านม่านประตูที่ปักด้วยดอกไม้เข้ามา  เสียงหัวเราะในห้องก็หยุดลงทันที

 

ซูมู่เกอมองไปรอบๆ  พบว่ามีคนจำนวนมากยืนอยู่ในห้อง  นอกจากนางอันและลูกสาวของนางแล้ว  ยังมีนางสนมสามคนของซูหลุนและลูกสาวสองคนของนางสนม  ซูยู่รั่ว  คุณหนูคนที่สามและ ซูยู่ม้าน คุณหนูคนที่สี่

 

นางจ้าวมีโอกาสได้ร่วมโต๊ะอาหารกับซูหลุนในช่วงเทศกาลเท่านั้น  ดังนั้นนางจึงดูอึดอัดเล็กน้อยในเวลานี้

 

“ใต้เท้า”

 

“ท่านพ่อ”

 

ซูหลุนเหลือบมองทั้งสองอย่างรวดเร็ว  สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ซูมู่เกอสองสามวินาทีและพยักหน้า

 

“นั่งเถอะ”

 

ทันที่ที่ซูมู่เกอนั่งลง  ซูจิงเหวินซึ่งนั่งอยู่ข้างนางอันเดินมาข้างหน้าและจับมือซูมู่เกอไว้

 

“ท่านพี่  ทำไมวันนี้ท่านไม่มาหาข้าล่ะ?  ท่านดูถูกข้าเพราะข้าไม่เข้าใจหนังสือทางการแพทย์หรือ?”

 

ตั้งแต่ซูมู่เกอได้รับการยกย่องในการรักษาโรคระบาดในเมืองโจว  ชื่อเสียงของนางในด้านทักษะทางการแพทย์จึงแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวางในเมืองหลวง

 

มีสตรีจากตระกูลชั้นสูงหลายพันคนในเมืองหลวง แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับยกย่องจากองค์จักรพรรดิ  ดังนั้นซูมู่เกอจึงมีชื่อเสียง

 

อย่างไรก็ตาม  มันเป็นเรื่องแปลกที่ตั้งแต่พวกเขาตั้งถิ่นฐานในเมืองหลวงเป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือน  ไม่มีใครสักคนเดียวที่มาหาซูมู่เกอเพื่อรับการรักษา

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูจิงเหวิน  สายตาของซูหลุนที่มองซูมู่เกอดูเคร่งขรึมเล็กน้อย

 

เป็นความจริงที่ซูมู่เกอน่าจะมีประโยชน์มากกว่านี้  แต่ถ้านางไม่เชื่อฟังและยังดูหมิ่นครอบครัวของนางดังที่ซูจิงเหวินกล่าว….นางจะไม่ช่วยเหลืออะไรเขา!

 

“มู่เกอ  เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆ รึ?”

 

ซูมู่เกอดึงมือของนางออกจากซูจิงเหวินอย่างใจเย็นและลดสายตาลง  เพื่อปกปิดรูปลักษณ์ที่เยือกเย็นและเฉยเมยของนาง

 

“ไม่แน่นอนเจ้าค่ะ  ท่านพ่อ  เราคือครอบครัว  ข้าจะดูถูกน้องสาวของข้าได้อย่างไร? ข้ากลัวจะเป็นการรับกวนเจ้าเมื่อเจ้าพักผ่อน  ข้าไม่คาดคิดว่าน้องสาวคนที่สองของข้าจะเข้าใจผิดและตำหนิข้า”

 

“มู่เกอพูดถูก  ใต้เท้า  มันค่ำมากแล้ว  มาทานอาหารเย็นกันเถอะเจ้าค่ะ”

 

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เชื่อฟังและถ่อมตัวของซูมู่เกอ  ซูหลุนก็ยอมทิ้งประเด็นนี้ไป  “อืม”

 

อาหารค่ำจืดชืดและน่าเบื่อ  แม้ว่าอาหารจะดีกว่าที่ลานดอกท้อบานมาก  ซูมู่เกอไม่สามารถเพลิดเพลินกับมันต่อหน้าโต๊ะที่เต็มไปด้วยผู้คนที่น่ารังเกียจ

 

“เกือบลืมไปเจ้าค่ะ  ใต้เท้า  ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงแปดวางแผนที่จะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่ทะเลสาบพระจันทร์และต้องการหาเพื่อนร่วมชื่นชมร่วมกัน  เมื่อพิจารณาว่าเหวินเอ๋อร์และคุณหนูใหญ่ยังไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย  ข้าขอพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าสำหรับสองคำเชิญนี้เจ้าค่ะ  แล้วจะให้เหวินเอ๋อร์กับคุณหนูใหญ่ไปร่วมงานกับองค์หญิงแปดได้หรือไม่?”

 

ลูกสาวของเขาสามารถปรากฎตัวต่อหน้าองค์หญิงแปดซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการแต่งงานในอนาคตของพวกเขา  แน่นอน  ซูหลุนจะไม่คัดค้าน

 

“ได้สิ  เจ้าต้องปฏิบัตตามกฎระเบียบต่อหน้าองค์หญิงแปดในวันพรุ่งนี้  อย่าทำให้ตระกูลซูต้องอับอาย  เจ้าเข้าใจไหม?”

 

ซูยู่รั่วและซูยู่ม้านที่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆมองไปมี่ซูหลุน  จากนั้นก็ลดสายตามองลงอย่างผิดหวัง

 

จากทัศนคติที่ดีขึ้นของซูหลุนที่มีต่อซูมู่เกอ  นางอันทำให้ซูจิงเหวินไปกับซูมู่เกอ  อย่างน้อยที่สุด มองอย่างผิวเผิน  นางไม่ได้เป็นศัตรูกัน

 

ซูมู่เกอทำให้นางหายใจไม่ออกแล้ว  ดังนั้นนางจึงไม่สนใจลูกสาวที่เกิดจากสนมทั้งสองคน

 

“เจ้าค่ะ”

 

ก่อนออกจากโถงหยงเหอ  ซูจิงเหวินเดินไปหาซูมู่เกอและหัวเราะเบาๆ  “พี่สาว  ท่านต้องแต่งตัวอย่างพิถีพิถันและเป็นทางการในวันพรุ่งนี้นะเจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายสองจะอยู่ที่นั่นด้วย”  ทันทีที่นางพูดจบ  นางก็หมุนตัวกลับและเดินไปที่ห้องพักของนาง

 

องค์ชายสอง….

 

ซูมู่เกอไม่อยากไปจริงๆ!

…………………………………

 

เมืองหลวงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเมืองของแคว้นฉู่  ถนนขยายออกไปทุกทิศทุกทาง  นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบไหลผ่านเมือง  ทะเลสาบพระจันทร์  ในทะเลสาบ มีเรือหลายลำล่องผ่านตลอดทั้งปี

 

ฤดูร้อนในตอนนี้  ทะเลสาบเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี  และกิ่งใบหลิวกำลังร่ายรำไปกับสายลม  สร้างทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม

 

“คุณหนู  เราถึงแล้วเจ้าค่ะ”

 

รถม้าหยุดที่ริมทะเลสาม  ทันทีที่ซูมู่เกอลงจากรถม้า  นางเห็นเรือที่สวยงามในทะเลสาบ

 

ในการลงจากรถม้า  ซูจิงเหวินขึ้นเรือโดยมีสาวใช้รายล้อม  จากนั้นนางก็เข้าร่วมกลุ่มหญิงสาวที่แต่งกายอย่างปราณีตทันที

 

มันดูเหมือนซูจิงเหวินจะยุ่งอยู่กับการสังสรรค์ในแวดวงตระกูลขุนนางในเมืองหลวงตลอดเวลานี้

 

ในเมืองชุนหยาง เนื่องจากการเกิดที่ต่ำต้อยของนางจ้าวและนางถูกซูจิงเหวินข่ม  ซูมู่เกอมีโอกาสเข้าร่วมงานสังสรรค์ดังกล่าวน้อยกว่าน้องสาวที่เกิดจากนางสนมทั้งสอง  ในตอนนั้น  นางแทบจะไม่มีเพื่อนเลยและตอนนี้ในเมืองหลวงก็ไม่มีใครรู้จักนางเลยแม้แต่คนเดียว

 

เรือค่อนข้างใหญ่  บนดาดฟ้ามีโต๊ะกลมและโต๊ะน้ำชาขนาดเล็กหลายตัว  สุภาพสตรีที่คุ้นเคยเหล่านั้นรวมกลุ่มกันเป็นสองหรือสามคนคุยกันและหัวเราะ  ตอนนี้ซูมู่เกอดูเหงาเล็กน้อยและไม่เหมาะกับสถานที่

ซูมู่เกอไม่สนใจและหาที่นั่งให้ตัวเองได้  จากนั้นนางก็เริ่มดื่มชาและกินของว่า’

 

อย่างไรก็ตาม  คนบางคนแค่อยากให้นางรู้สึกอึดอัดใจ

 

“จิงเหวิน  นี่คือพี่สาวของเจ้าหรือ?”

องค์หญิงหมอเทวะ

องค์หญิงหมอเทวะ

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ซูมู่เกอ หญิงสาวที่พระเจ้าโปรดปรานในวงการแพทย์ กลายเป็นเด็กสาวขี้เหร่เนื่องจากการเดินทางข้ามเวลา  พ่อของเธอเกลียดเธอและแม่ของเธอก็ขี้ขลาดเกินกว่าที่จะปกป้องเธอ!  เซี่ยโฮวโม่ หมาป่าผู้โดดเดี่ยวผู้หยิ่งผยองและเคยมีชัยชนะในสนามรบถูกจักรพรรดิขอให้แต่งงานกับหญิงสาวที่ไร้ประโยชน์และอัปลักษณ์!

 

ในวันแต่งงานของพวกเขา มีนักฆ่าเข้ามาลอบสังหารและเขาใช้เธอเป็นโล่  ผลที่ตามมา เธอได้รับบาดเจ็บ  ซูมู่เกอยิ้มน้อยๆพร้อมดวงตาสีแดงเข้ม  “เซี่ยโฮวโม่ ข้าเป็นหนี้ท่านและข้าจะชดใช้ให้ท่านเดี๋ยวนี้แล้ว”  เมื่อเห็นเลือดสีแดงไหลนองของนาง หัวใจของเขาก็เจ็บปวด…..”ซูมู่เกอ เจ้าเป็นหนี้ข้าอย่างมากและเจ้าต้องจ่ายคืนข้าหลังให้กำเนิด!

 

ตัวนางไม่สวยและไม่มีอำนาจใดทั้งสิ้น แต่นางมีแสงสีทองและมือวิเศษ

Options

not work with dark mode
Reset