องครักษ์เสื้อแพร 990 การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้น

ตอนที่ 990 การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้น

กระสุนปืนใหญ่ลอยเข้าใส่กองกำลังร่วมเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกล ผู้ที่ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงผ่านก็ถูกกระสุนปืนใหญ่กวาดสะสมเลือดเนื้อและร่างกายไปพร้อมกันกองโตทันที

หลังจากสังหารไปได้สิบกว่าคน กระสุนปืนใหญ่ตกลงพื้น  ในหน้าหนาวบนพื้นแข็งมาก กระสุนปืนใหญ่ทรงกำลังกระแทกกับพื้น เดิมชาวเผ่าหนี่ว์เจินกับชาวมองโกลคิดว่าหลบพ้นวิถีกระสุนปืนใหญ่ หากไม่พ้น ครึ่งท่อนล่างถูกฉีกขาด ขาข้างหนึ่งหายไป พริบตาเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดก็ดังกลบเสียงกระสุนปืนใหญ่แหวกอากาศและเสียงสังหารบนสนามรบ

เบื้องหน้าแตกกระเจิง  กองกำลังแตกตื่นตกใจ ปืนใหญ่กระสุนสามชั่งและหกชั่งฉีกร่างศัตรูเป็นแนวโลหิตยาวสายหนึ่ง กระสุนปืนหนักเก้าชั่งไม่เหมือนกัน

กระสุนเก้าชั่งกระเด้งลงพื้น ดินแตกกระจาย ดินแข็งกระเด็นเข้ากระแทกร่างคน เกราะหนังและเกราะผ้าหนาถูกฉีกขาดกระจุยทะลุด้วยเศษดินแข็งเหล่านี้ จากนั้นก็กระดอนไปอีกไกล ชนชั้นสูงที่หลบอยู่หลังกองรถศึกถูกกระสุนปืนใหญ่สังหารทันที

ยิ่งน่าตกใจก็คือ กระสุนปืนใหญ่หนึ่งลูกยิงแม่นโดนม้าตัวหนึ่ง กระสุนปืนใหญ่ไม่ทันได้ฉีกร่างม้าขาด แต่ม้าก็ทะยานตัวขึ้น เหยียบคนรอบๆ ราบเป็นแถบ

 ทัพเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลแตกตื่นมารวมกันเป็นก้อน ผู้ใดจะไปรู้ว่าปืนใหญ่กองกำลังหมิงอานุภาพยิ่งใหญ่เพียงนี้ สามารถยิงได้ไกลเพียงนี้

ยิงปืนใหญ่มาหนึ่งระลอก ชนชั้นสูงที่นี่ทุกคนล้วนไม่สนใจสถานการณ์ตรงหน้า มีคนแหกปากร้องดังจะหนี มีคนรีบตะโกนสั่งอย่างสุดชีวิตว่า

“รีบส่งคนไปแย่งปืนใหญ่มา อีกไม่ไกล พวกเขาเพิ่งยิง บรรจุกระสุนไม่ทัน!”

คนที่กล่าววาจาเหล่านี้ได้เป็นคนที่เรียกได้ว่าสงบนิ่งหาได้ยาก พวกเขาเคยเห็นปืนใหญ่เมืองเสิ่นหยางพวกนั้นตอนยิง พอยิงปืนใหญ่ไปแล้ว ก็ต้องใช้เวลานานมากในการเตรียมยิงอีกรอบ

แต่วาจานี้กล่าวจบไม่นาน ก็มีเสียงดังกัมปนาทอีกครา ปืนใหญ่ระลอกสองถึงกับยิงอีกแล้ว เป็นภาพราวกับนรก เลือดเนื้อซากศพกระจัดกระจาย แขนขาปลิวว่อน ถึงกับยิงถล่มติดๆ กัน จะไปสู้ได้อย่างไร ทุกคนล้วนไม่มีใจคิดสู้ คิดแต่หลบหนี

……

“แม่ทัพใหญ่!! ปืนใหญ่บนกำแพงดังแล้ว!!”

ซุนเผิงจวี่ในที่สุดก็ได้เห็นปืนใหญ่บนกำแพงดัง ความจริงนั้นเขาเองไม่แน่ใจว่าตนเองได้ยินหรือไม่ แต่เพราะเห็นควันขาวลอยคลุ้ง  เป็นภาพหลังจากการยิงปืนใหญ่ และยังไม่ยิงแค่ครั้งเดียว

หวังทงสีหน้าเผยรอยยิ้ม กล่าวเสียงดังว่า

“ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป หยุดยิงปืนใหญ่ ทหารราบทุกหน่วยบุก ขบวนทัพม้ากับทหารม้า ‘ผู้กล้า’ทุกหน่วยบุก อย่าได้ปล่อยศัตรูไปแม้แต่คนเดียว!!”

ซุนเผิงจวี่ได้ยินก็รับคำเสียงดัง เขาเรียนรู้ที่จะชินในการรับคำสั่งแล้ว รีบกระตุกม้าวิ่งออกไปถ่ายทอดคำสั่ง ก่อนจะได้สติคิด การโจมตีถล่มของกองกำลังหู่เวยเช่นนี้ ศัตรูแตกกระเจิงไปหมดแล้ว วิ่งหนีรอบทิศกระจัดกระจาย เหตุใดไม่ปล่อยให้หนีรอดได้แม้แต่คนเดียวอีก

เขายังไม่ทันถ่ายทอดคำสั่ง ก็เห็นสองข้างเมืองเสิ่นหยาง ทหารม้าตะลุยสังหารมา เป็นธงศึกกองกำลังหมิง  เขายังคิดว่าเป็นธงศึกตระกูลหลี่ แต่พริบตาก็เข้าใจได้ ว่าทหารม้าหมื่นกว่าไปตามเส้นทางแม่น้ำเพื่ออะไร

ซุนเผิงจวี่ยังเห็นประตูทางใต้ของเมืองเสิ่นหยางกำลังค่อยๆ เปิดออก ทหารบนกำแพงล้วนวิ่งออกลงมาที่หน้าประตูเมือง พวกเขาเตรียมออกรับศึก

ยามนี้ซุนเผิงจวี่รู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะระเบิดออก ชัยชนะใหญ่ ชัยชนะใหญ่   ชัยชนะใหญ่แท้จริง

ทหารราบหน่วยขึ้นหน้าประจัญศึก ทุกหน่วยเว้นระยะห่างกัน พลปืนไฟเริ่มคุ้มกันสองปีกพลทวนยาว พลทวนยาวท่ามกลางเพื่อนทหารฮึกเหิม ก้าวขึ้นหน้าไปอย่างไม่กลัวเกรง

ทหารม้าศัตรูแตกกระเจิง ทัพศัตรูแตกกระเจิง  ศัตรูส่วนใหญ่ล้วนหันหลังชนกันสู้กับตน พวกเขาล้วนกำลังหนี

มีพวกกล้าหาญเห็นเช่นนี้ก็ไม่คิดจะหนีอีก ไม่สนใจดึงม้าตะลุยใส่หน่วยทหารราบหน่วย แต่ชะตาชีวิตพวกเขานั้นไม่แตกต่าง มีเพียงหนึ่งสถาน ตายเท่านั้น

ท่ามกลางทวนยาวราวกับป่าทึบเบื้องหน้าพวกเขา ไม่อาจตะลุยผ่านไปได้ ได้แต่ถูกแทงตาย มีคนยิ่งมากตายภายใต้กระสุนปืนไฟ

บรรดาทหารม้าเริ่มบีบสองปีกข้างเข้ามา ยามนี้ทหารราบหน่วยกับทหารม้ากองกำลังหมิงรวมกันแม้จะน้อยกว่าทัพเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกล แต่พวกนอกด่านยามนี้ไร้ขวัญกำลังใจรบสิ้นเชิงแล้ว หัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินแต่ละเผ่าเล็กเผ่าน้อยก็ถูกลูกน้องทิ้ง ขุนพลทหารมองโกลแต่ละคนพยายามจะควบคุมกำลังตนไว้เต็มที่ คิดจะสยบสถานการณ์ตอนนี้ให้นิ่ง

 หน่วยทหารราบทางใต้ค่อยๆ  บีบเข้ามา ทหารม้าแผ่นดินหมิงสองข้างก็กระชับพื้นที่เข้ามา ทหารม้าเป็นดังค้อนทหารราบเป็นดังแท่นบด ไล่ต้อนศัตรูไปยังพื้นที่ทหารราบ จากนั้นก็บดให้ละเอียด

ทหารราบเผ่าหนี่ว์เจินแต่ละเผ่ามีมาก พวกเขาแต่ไรไม่เคยได้เห็นปืนใหญ่อานุภาพยิ่งใหญ่เช่นนี้  หัวหน้าพวกเขาไม่ตายก็หนีเอาตัวรอด พวกเขาสูญเสียการบัญชาการ ในใจก็แตกตื่นหวาดกลัว บนสนามรบทุกทิศทางล้วนถูกบีบเข้ามา ศัตรูได้เปรียบ ไม่รู้หนีไปทางใด ได้แต่แตกตื่นราวกับแมลงวันไร้หัว

ทหารราบเช่นนี้ เป็นเป้าหมายที่ดีที่สุดของทหารม้า บนสนามรบทหารม้าแผ่นดินหมิงก็แค่ยกอาวุธค้างไว้ วิ่งให้อาวุธตัดคอและหัวของศัตรูด้านล่างไปทีละคน

พอประตูเมืองเปิด ทหารม้ากับทหารราบกองกำลังหมิงในเมืองบุกออกมา สถานการณ์ก็ยิ่งแน่นอน  ได้ผลการรบที่เรียกว่าในนอกประสานกำลังโจมตี

ทหารกองกำลังหมิงแต่ละนายไม่ได้กำลังต่อสู้ พวกเขาเคยสังหารกวาดล้าง วิ่งไล่ตามหลังชาวเผ่าหนี่ว์เจินกับพวกมองโกลที่หนีกระเจิง ก่อนลงมือสังหาร

เลี้ยงคนๆ หนึ่งให้เติบโตก็ต้องใช้เวลาสิบยี่สิบปี สังหารคนหนึ่งใช้เวลาเพียงแค่พริบตาเท่านั้น ศัตรูบนสนามรบที่หนาแน่นดำทะมึนก็ค่อยๆ เหลือกระปริดกระปรอย การสิ้นหนทางเช่นนี้ทำให้มีคนบ้าคลั่งหันมาสู้  คิดจะพาพวกไปตายมากยิ่งขึ้น คนมากยิ่งขึ้นแตกกระเจิงไปหมด ไม่คิดสู้แล้ว แม้แต่หนีก็ยังไม่มีแรง ได้แต่คุกเข่าร่ำไห้ร้องของชีวิตและยอมแพ้

ถูกล้อมมาหลายเดือน หลังแพ้ไปเมื่อครึ่งปีก่อน ในใจทหารม้ากับทหารราบเมืองเหลียวโจวล้วนมีแต่ความแค้นและความเดือดดาลสั่งสม ยามนี้ได้ระบายออกมา พวกเขาทุกคนล้วนสังหารจนตาแดงก่ำ แม้ศัตรูคุกเข่าร้องขอชีวิต พวกเขาก็ไม่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย สังหารอย่างไม่รู้สึกอะไร

สนามรบถึงกับเกิดภาพวนเวียนไปมา พวกที่คุกเข่ายอมจำนนพบว่าตนเองไร้หนทางรอด อย่างไรก็ได้แต่จับดาบลุกขึ้นสู้จนตัวตาย

แต่ทว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดต่อภาพรวม สนามรับกลายเป็นสนามสังหาร คนมากได้เปรียบเริ่มเป็นกองกำลังหมิง

……

“แม่ทัพใหญ่ ชัยชนะใหญ่ ชัยชนะใหญ่!!”

ซุนเผิงจวี่ข้างหวังทงตื่นเต้นดีใจจนตัวสั่ว วาจาล้วนไม่เป็นภาษา การต่อสู้ที่น่าเป็นห่วงจบลง ใช้กำลังน้อยทลายกำลังมาก เดิมคิดว่าอันตรายมาก กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นชัยชนะใหญ่หอมหวานเช่นนี้ ตัดหัวได้นับหมื่นเป็นเรื่องง่ายทันที สถานการณ์ตอนนี้ทัพศัตรูอาจตายหมดไม่มีเหลือก็เป็นได้

ซุนเผิงจวี่เป็นลูกหลานทหาร ได้เห็นการสังหารบนสนามรบมามาก แต่ไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่สู้เก่งเช่นนี้ ไม่เคยเห็นทหารแผ่นดินหมิงได้รับชัยชนะเด็ดขาดเช่นนี้มาก่อน

หวังทงยิ้ม หันไปกล่าวว่า

“เจ้าดูรอบๆ สิ มีผู้ใดดีใจเหมือนเจ้าไหม?”

ซุนเผิงจวี่อึ้งไป มองไปรอบๆ พบว่าทุกคนสีหน้าแม้ว่าตื่นเต้นยินดี แต่ไม่มีผู้ใดแสดงออกเช่นตน กำลังจะรับคำหวังทงหวังทงก็ชี้แส้ม้าไปที่สนามรบกล่าวว่า

“เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีหลายกลุ่ม พร้อมกับพวกเคอเอ่อร์ชิ่นเผ่ามองโกลและเผ่ามองโกลอื่นอีกหลายสิบกลุ่ม ทหารพวกนี้เคยร่วมซ้อมรบไหม เคยอยู่ในวินัยไหม ด้วยกำลังรบกองกำลังหู่เวย ระดับเช่นพวกนกกานี้จะไปกระไรนัก ชนะพวกเขา ไม่ควรค่าแก่การดีใจ”

ซุนเผิงจวี่เดิมคิดว่าหวังทงกำลังลองใจ แต่พอลอบมองสีหน้าหวังทงกลับไม่เป็นเช่นนั้น จึงได้แต่ใจเต้นแรง เดิมที่เคยสงสัยลังเลในชัยชนะใหญ่ที่ผ่านมาพวกนั้นของหวังทงก็ล้วนหายไปจากความคิด ติ้งเป่ยโหวมีชื่อเสียงสมดังคำร่ำลือ ตนเองสละสถานะคุณชายเหลียวหนานมาอยู่ที่นี่ นับว่าถูกต้องแล้ว

“หน่วยกองบริการเก็บกวาดสนามรบ! หน่วยเจ็ด หน่วยผู้คุ้มกัน ออกช่วย!”

หวังทงออกคำสั่งท่าทางนิ่งเรียบ ทหารถ่ายทอดคำสั่งวิ่งออกไปถ่ายทอดคำสั่ง หวังทงกล่าวอีกว่า

“ขบวนทัพม้าติดธงทัพเรา ไปสนามรบถ่ายทอดคำสั่ง ตอนนี้พวกที่ยอมจำนน สิ่งของจากสงครามทั้งหมดให้กองกำลังหู่เวยรวมไว้รอแจกพร้อมกัน”

ได้ยินคำสั่ง ก็มีทหารออกไปถ่ายทอดคำสั่งอีก  ขบวนทัพม้ากองกำลังหู่เวยที่ไม่ได้ขยับมาตลอดก็ออกไปสู่สนามรบซุนเผิงจวี่ได้ยินก็อยู่ๆ คิดได้ว่า ทรัพย์สินที่ทัพใหญ่พวกนอกด่านปล้นชิงมาจากรอบทิศล้วนอยู่ไม่ไกลจากนี้  ตอนนี้อยู่ในครอบครองของทหารหลายฝ่าย หวังทงสั่งการเช่นนี้ก็เท่ากับให้รวบทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดมาเป็นของกองกำลังตนก่อน จากนั้นค่อยแจกจ่าย

บนสนามรบล้วนเป็นชายนิสัยหยาบกระด้าง ทุกคนเสี่ยงชีวิตมาเพื่อให้ท้องอิ่ม ให้มีเงินทองมากอีกหน่อย ย่อมเห็นทรัพย์สินหลังสงครามเป็นเรื่องสำคัญ การแย่งชิงเช่นนี้ แม้ทหารค่ายเดียวกันก็ยังถือดาบออกสังหารกันเอง อย่าว่าแต่ตอนนี้ที่บนสนามรบทุกคนสังหารศัตรูหน้ามืดตาแดงก่ำ  และมาจากค่ายทหารต่างกัน นี่จะเกิดการปะทะกันเองแล้ว

ซุนเผิงจวี่คิดเตือน แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีที่ให้เขาได้แสดงความคิดเห็น จึงอดไม่ได้กล่าวออกไป แต่ในใจก็ยังเป็นห่วง

สถานการณ์บนสนามรบไม่ไปตามที่ซุนเผิงจวี่คาดไว้ ทหารม้าล้วนเป็นพวกกล้าหาญไม่เกรงกลัวผู้ใด ทหารติดตามจากเมืองเหลียวโจวเหล่านี้เป็นเช่นไร ซุนเผิงจวี่ยิ่งรู้ดี แต่คำสั่งหวังทง ทุกคนล้วนเชื่อฟังแต่โดยดี ไม่กล้าต่อต้านขัดขืนแม้แต่น้อย

ซุนเผิงจวี่เข้าใจได้ทันที ทหารม้าแต่ละกองล้วนเห็นพลังการต่อสู้อันเข้มแข็งของกองกำลังหู่เวยบนทุ่งหญ้ามาแล้ว ทหารม้าจากเหลียวหยางเมืองเหลียวโจวก็ได้เห็นกองกำลังหู่เวยกวาดล้างในเมืองมาแล้ว ในเมืองเสิ่นหยางทหารก็ได้เห็นอานุภาพปืนยิ่งใหญ่เกรียงไกรกันมาแล้ว

ขุนนางบู๊ยอมให้ผู้แข็งแกร่งกว่า ทหารทุกหน่วยล้วนรู้ว่าควรทำเช่นไร ทำตามคำสั่งกองกำลังหู่เวย รับการจัดการทุกอย่าง

 พอคำสั่งลงไปถึง กองกำลังหมิงที่สังหารศัตรูกันหน้ามืดดวงตาแดงก่ำจึงได้หยุดมือ พวกเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลที่หนีกระเจิงกระเจิงก่อนหน้าตอนนี้ล้วนกองเต็มพื้น

หน่วยทหารราบกองกำลังหู่เวยตอนนี้เริ่มออกเก็บกวาดสนามรบ หากเป็นศัตรูบาดเจ็บก็ฟันทิ้งดาบเดียว แผ่นดินหมิงไม่ได้มีหน้าที่ดูแลรักษาศัตรู

“ยินดีด้วย…”

“การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้น กล่าวยินดีเร็วไปสักหน่อย รวมพลทหารแต่ละหน่วยไปหารือในเมือง!”

หวังทงออกคำสั่งราบเรียบ!

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset