องครักษ์เสื้อแพร 984 ต้านนอก ในต้องสงบก่อน

ตอนที่ 984 ต้านนอก ในต้องสงบก่อน

ทหารเมืองเหลียวโจวกับเมืองชายแดนอื่นไม่เหมือนกัน เบี้ยหวัดและเสบียงมีพอเพียง  ไม่เคยพ่ายศึก กอปรกับเมืองเหลียวโจวเป็นมณฑลทหารอย่างเดียวมานาน ไม่มีระบบขุนนางบุ๋น ดังนั้นกองกำลังเมืองเหลียวโจวแต่ไรมาก็หัวสูง วางอำนาจไม่เกรงผู้ใด

พอพ่ายศึกมา ทหารเมืองเหลียวโจวก็เหมือนไร้ความห้าวหาญ แต่ละคนเอาแต่โกรธแค้นเต็มที่ พร้อมกับความรู้สึกอัดแน่นในใจ แม้แต่ทหารเมืองเหลียวโจวที่ได้ชื่อว่าอันดับหนึ่งยังพ่าย เมืองเหลียวโจวถูกพวกเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลนอกด่านตีเข้ามาได้แล้ว หรือว่าวันเวลาของทุกคนจบสิ้นแล้ว?

เมื่อมีความคิดเช่นนี้ ทางหนึ่งก็เอาไประบายความโกรธแค้นใส่หัวชาวบ้าน ทางหนึ่งก็คิดแย่งชิงสินค้าเงินทองแล้วหลบหนีออกจากเมืองเหลียวโจว แน่นอนมีคนคิดว่าอย่างไรสถานการณ์ก็พังพินาศแล้ว รีบเร่งมีความสุขกันสองสามวันเป็นเรื่องสำคัญ

ทหารในเมืองนอกเมืองทำร้ายราษฎร อันธพาลไร้กฎหมาย พวกขุนพลทหารก็ไม่มีใจคิดจัดการ พ่ายศึกกลับมา แต่ละคนเสียหายกันหนักมาก จิตใจทุกคนไม่สงบ ทุกคนล้วนคิดกุมกำลังที่มีอยู่ตอนนี้ไว้ คิดหาทางซื้อใจไว้เป็นพวกกันต่อ อย่าว่าจะควบคุม ถึงกับมีคนรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้กระทำด้วยซ้ำไป

 แน่นอนที่ต้องโชคร้ายก็คือราษฎร พวกที่มาอาศัยในเหลียวหยางล้วนเป็นตระกูลร่ำรวย ภาษีที่เมืองเหลียวโจวน้อยกว่าที่อื่นบนแผ่นดินหมิง โอกาสร่ำรวยก็มาก วันเวลาของทุกคนล้วนไม่เลว  กิจการไม่ใหญ่โตมาก ก็สามารถมีชีวิตที่สุขสบายได้ ผู้ใดจะคิดว่าจะมีวันที่ภัยหายนะจะมาถึงตัวเช่นนี้

สำหรับตระกูลร่ำรวย เป็นเรื่องที่เมืองเหลียวโจวรู้ดีแต่ไม่พูด คหบดีร่ำรวยมาถึงระดับนี้ได้ ก็ย่อมเป็นที่จับตาของตระกูลหลี่ อย่างไรก็ต้องแย่งสมบัติพวกเจ้ามาให้ได้……

ตอนพ่ายศึกใหม่ ทหารยังไม่ใจกล้ามากนัก ก็แค่แอบนายออกแตะๆ ต้องๆ ยังมีคนคิดไปถึงโกดังเสบียง ก็แอบลงมือกัน ทำไปหลายครั้งก็พบว่าไม่มีคนสนใจ  ยังมีเพื่อนทหารที่ถูกจับได้ขัดขืนต่อสู้ ทำร้ายชาวบ้าน นายยังถึงกับทำเป็นเลอะเลือนไป

เพราะท่าทีปล่อยปละเช่นนี้ ทำให้ทหารทุกคนนับวันยิ่งใจกล้า ถึงตอนนี้ มีคนถึงกับกล้าบุกพังประตูกลางวันแสกๆ ขูดรีดปล้นชิงเงินทอง ถึงกับย่ำยีสตรี  เหิมเกริมยิ่ง มีราษฎรต่อต้าน ถูกสังหารทิ้งทั้งครอบครัว ตัวอย่างเลวร้ายเช่นนี้ไม่น้อย

ราษฎรในเมืองไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าทำการค้า ถึงกับไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียว บางคนมารวมกันสิบกว่าครอบครัว รวมกำลังผู้ชายปกป้องกันเอง มีคนควักเงินก้อนหนึ่งให้ทหารในละแวกใกล้เพื่อซื้อความปลอดภัย มีคนออกนอกเมืองไปกันหมดทั้งครอบครัว ห่างไกลจากที่นี่ได้ก็ย่อมปลอดภัย

เรื่องอื่นไม่ว่า กลางวันแต่ละบ้านไม่กล้าออกมา ผู้หญิงในบ้านสีหน้าหมองเศร้าหลบกันอยู่แต่ห้องใต้ดินในบ้าน มีคนปืนมองลอดช่องกำแพงคอยสอดส่องด้านนอกตลอดเวลา ระมัดระวังรอบคอบอย่างที่สุด

ตอนพวกหวังทงเข้าเมืองมา หลายคนล้วนแอบมองลอดช่องประตูมาดู ไม่รู้สึกว่าเป็นเทพมาช่วยเหลือ กลับรู้สึกหวาดกลัวมากกว่า ตอนนี้ในเมืองพวกทหารพ่ายศึกเหล่านี้กลายเป็นพวกทรชนไปแล้ว หากยังมีทหารนอกพื้นที่มาอีก ก็ช่างราวกับเติมน้ำค้างแข็งบนพื้นหิมะที่หนาวเหน็บ ทหารแผ่นดินหมิงจากนอกพื้นที่แต่ไรก็ล้วนเป็นเภทภัย

จิตใจไม่สงบหวาดกลัวกันสองสามชั่วยาม เห็นพระอาทิตย์ค่อนไปทางตะวันตก แต่ละครอบครัวก็พากันแปลกใจ เดิมถนนที่เคยมีทรชนเตร็ดเตร่วุ่นวาย อวดเบ่งบารมี อยู่ๆ หายไปหมด มีคนรู้จักคนมาก บอกว่าเห็นพวกที่หนีกันไปหมดนี้ล้วนเป็นทหารติดตามลูกหลานสายรองตระกูลหลี่

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ประตูเมืองหลายแห่งก็มีเสียงเป่าเขาสัญญาณ เสียงยาวนานหดหู่ แต่เสียงแบบนี้ ชาวเมืองเหลียวหยางไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่รู้สัญญาณอันใด

ไม่นาน ก็เห็นทหารพ่ายศึกที่ไม่ได้จากไปเริ่มเหมือนกับแมลงวันไร้หัว พากันแตกตื่น  มีคนตกใจตะโกนดังว่า

“ประตูเมืองปิดแล้วๆ ทัพใหญ่ราชสำนักเข้าเมืองมาแล้ว!”

ทหารแตกตื่นพวกนี้พากันวิ่งเข้าหาบ้านชาวบ้านหลบซ่อนตัว ยามนี้ไม่เหมือนตอนเริ่มต้น ชาวบ้านมีใจสู้ตายแล้ว และชาวบ้านเมืองนี้ล้วนมีอาวุธ ทุกคนสู้ตาย ทำให้สถานการณ์ในเมืองยิ่งวุ่นวาย

เริ่มจากประตูเมืองเหลียวหยางแต่ละแห่ง มีเสียงฝีเท้าก้าวพร้อมกันและเสียงเกราะเหล็กดังมา ไม่นาน ก็มีเสียงสังหารดังไปทั่วเมือง

การค้าร้านสามธารากับเครือข่ายสามธารา มีสาขาสิบกว่าแห่งในเมืองเหลียวหยาง การค้าใหญ่โตมาก  แต่หลังพ่ายศึกกลับถึงเหลียวหยาง การค้าพวกนี้ก็พลอยโดนไปด้วย ขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทหารพ่ายศึกเล็งเป้าหมายพวกนี้ไว้แล้ว

ร้านสามธาราก็มีผู้คุ้มกัน แต่มีทรัพย์สินเงินทองมา และยังมีความแค้นไม่น้อย ทหารเลวล้อมร้านสามธารา ไม่ได้ลงมือจู่โจมเบาไปกว่าสู้กับพวกนอกด่านเลย

คนงานหลายร้านมีทั้งบาดเจ็บล้มตาย เถ้าแก่ใหญ่เครือข่ายสามธาราที่นี่จึงให้ทุกคนรวมกำลังที่ร้านสาขาที่ใหญ่ที่สุด ขณะเดียวกันก็ขอความช่วยเหลือจากหลี่เฉิงเหลียง หลังหลี่เฉิงเหลียงป่วย ก็ปล่อยปละสถานการณ์เมืองเหลียวโจวไปหมด  แต่เขาอยู่วงการขุนนางมานานปี หนักเบาย่อมพอรู้กระจ่างอยู่ จึงมีคำสั่งไปให้ส่งผู้คุ้มกันไปดูแลร้านเครือข่ายสามธารา จึงสงบลงได้

ครั้งนี้กองกำลังหู่เวยเข้าเมืองกวาดล้าง ร้านสามธารารีบส่งคนมานำทาง  ไปที่แรกสุดก็คือร้านสาขาร้านสามธารา เพราะในร้านไม่มีคนแล้ว มีแต่พวกทหารที่ไม่ใช่สังกัดตระกูลหลี่พากันมาจับจอง

ไม่ต้องรอไปถึงที่ ครึ่งทางก็เปิดฉากสังหารแล้ว รับรู้คำสั่งจัดการแล้ว ตอนนี้ยังกล้ามาก่อเรื่องบนท้องถนน ต้องไม่ใช่ชาวบ้านบริสุทธิ์แน่ ทุกหน่วยกองกำลังหู่เวยเปิดฉากสังหาร

อย่าเห็นว่ากองหนึ่งไม่ถึง 200 คน แต่แค่พลทวนยาว 100 พลปืนไฟ 60 เดินมาตามถนน ก็สามารถเป็นดังเทพสังหารได้แล้ว

เห็นเช่นนี้ ทหารที่กระจัดกระจายก็ไม่กล้าต่อกร ล้วนหันหลังเผ่นแนบ คิดจะหนี พลปืนไฟบรรจุกระสุนปืนพร้อมก้าวหน้าสองสามก้าว ยิงทันที  มีพวกสู้ตายเห็นว่าหนีไม่พ้น กวัดแกว่งดาบเข้าปะทะ ก็เท่ากับรนหาที่ตายแท้ๆ  ถูกทวนยาวแทงทะลุสิ้นใจ

ถนนในเมืองเหลียวหยางเป็นทิศเหนือใต้แบบตารางหมาก  ไม่นาน ทหารพ่ายในเมืองก็เริ่มถูกไล่ล่ามารวมกันกลางเมือง ที่นี่เป็นพื้นที่ทหารของลูกหลานและคนสนิทตระกูลหลี่ พวกเขาได้รับคำสั่งไว้ก่อนหน้าแล้ว ประตูใหญ่ปิดแน่นหนา ทหารติดตามด้านในให้รักษาป้องกันให้แน่นหนา

ทหารในเมืองกระทำการเหิมเกริม เริ่มลนลานไม่เลือกหนทาง คิดจะเข้าไปในบ้านใหญ่เหล่านี้ แต่พอเข้าไปก็พบว่าถูกคนจับสังหารโยนออกมาทันที อย่างไรก็ตาย ความกล้าหาญต่อสู้ของทหารแตกพ่ายพวกนี้ ได้แสดงให้เห็น ณ ป้อมเจี้ยฝานไจ้แล้วว่าต่ำยิ่ง ที่นี่ยิ่งไร้ประโยชน์

ทหารพ่ายศึกรวมตัวกันบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น คนมากก็ยิ่งเริ่มใจกล้า ในนั้นมีนายกองพัน มีผู้นำทหาร กอปรกับเมื่อครู่เพื่อนทหารด้วยกันถูกสังหารไปน่าอนาถ แม้แต่คุกเข่าร้องขอชีวิตก็ยังถูกสังหารทิ้ง ทำให้พวกเขารู้ว่าไร้ทางรอดแล้ว

เช่นนี้ก็ย่อมสู้ตาย ‘พี่น้องเรา สู้ตาย พวกป่าเถื่อนในด่านพวกนี้ไม่เหลือทางรอดให้พวกเรา!!’ ‘หลายวันนี้กินดีอยู่ดี ยังได้หลับนอนสตรีไม่น้อย ชีวิตนี้คุ้มค่าแล้ว สู้ตาย บุกออกไป พวกเราไปหาพวกนอกด่าน ก็พอมีทางรอดได้!!!’

ทั่วพื้นที่เต็มไปด้วยเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งราวสัตว์ป่า แต่อย่างไรก็เป็นทหารทางการ ในเวลาคับขันสามารถรวมกำลังเช่นนี้ได้ กองกำลังหู่เวยแต่ละหน่วยที่ไล่ตามมาก็ค่อยๆ บีบเข้ามาทีละก้าวอย่างไม่เร่งร้อน บรรยากาศเช่นนี้ยิ่งทำให้คนรู้กดดันขาดอากาศหายใจ

ที่นี่เดิมทีเป็นจวนหลี่เฉิงเหลียงกับลูกหลานคนสนิทตระกูลหลี่ พวกเขาล้วนได้เห็นปฏิบัติการกองกำลังหู่เวยครั้งแรก ทหารในสังกัดบนกำแพงและประตูคอยระวังคุ้มกัน พวกหลี่หรูป๋อปืนไปยืนบนกำแพง พวกเขาคิดจะดูว่าสู้อย่างไร

“ทหารวุ่นวายมากมายเช่นนี้ จัดการบีบพื้นที่ให้เล็กลงได้อย่างไรกัน พวกเขาไม่รู้หรือว่ากักขังสัตว์ป่าให้ผลเช่นไรหรือ?”

มีคนกล่าวหลักการเช่นนี้ แต่กองกำลังหู่เวยร้อยคนหนึ่งกอง จากกองรวมเป็นหน่วย เต็มถนนทุกสาย  ถนนไม่ได้กว้าง ขุนพลทหารยังจัดเป็นกองเล็ก แม้แต่ซอกซอยหรือบ้านชาวบ้านก็เข้าตรวจค้น เพื่อไม่ให้เล็ดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว

“พี่น้อง บุกออกไป บุกไปถึงหน้า ปืนพวกเขาก็ใช้การไม่ได้แล้ว!!”

มีคนตะโกนดัง ทหารไร้ระเบียบพยายามตั้งแนวรบ มีคนตะโกนบ้าคลั่ง ทุกคนก็วิ่งกรูไปทางใต้

 พวกทหารไร้ระเบียบนี่ก็ยังมียุทธวิธี หลายทิศทางถูกขวางไว้ แต่พวกเขาถึงกับรู้ว่าไปทิศทางเดียวกัน รู้ว่าไม่บุกออกไปมีแค่ตาย บุกออกไปอาจมีทางรอด พวกร้องตะโกนบ้าคลั่งพุ่งเข้าใส่ทหารราบกองกำลังหู่เวย

“สองแถวยิงพร้อม ระลอกแรก ยิง!!!”

 หัวหน้ากองกำลังหู่เวยบนกำแพงตะโกนดัง ปืนไฟที่เตรียมไว้แล้วระดมยิงทันที เสียงปังๆ ดังไปทั่ว ถนนแคบ พลปืนไฟกองกำลังหู่เวยแน่นหนาเรียงแถวเต็มพอดี เพื่อรับประกันประสิทธิภาพการยิง จึงเรียงแถวยิงพร้อมกัน

ทหารไร้ระเบียบบุกออกมาราวกับเสียสติ เข้าสู่รัศมียิงของปืนไฟ  ไม่อาจถอยได้ ปืนไฟไม่ใช่ปืนสามหัวแบบที่กองทัพพวกเขาใช้กัน แต่เป็นปืนที่อานุภาพสังหารได้จริง ไม่ได้ยิงติดต่อกัน พลปืนไฟถอยหลังบรรจุกระสุนยากลำบากสักหน่อย แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ทหารไร้ระเบียบถูกกำราบอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอยไปเบียดกันด้านหลัง รู้ว่ามีทางรอดจึงคิดไปเสี่ยงตาย แต่การไปมีจุดจบตายแน่นอนนี้ ผู้ใดก็ไม่โง่บุกเข้าไปรนหาที่ตาย

“……แต่ทว่าเป็นปืนไฟร้ายกาจ ได้ประโยชน์จากการยิงระยะไกล ทหารหวังทงย่อมไม่เข้าใกล้ปะทะ ขอเพียงเข้าใกล้มา ก็ย่อมยิงกระจัดกระจาย……”

จู่เฉิงซวิ่นที่ยืนดูอยู่บนกำแพงเห็นเช่นกัน ก็หน้าซีดขาว แต่ก็ยังทำเป็นผู้รู้พึมพำวิจารณ์ ปืนไฟระลอกแรกยิงจบ ล้วนถอยหลัง กลับไม่เข้ายิงต่อ พลปืนไฟกองกำลังหู่เวยถอยไปอยู่กองหลัง หัวหน้าทหารสั่งการต่อว่า

“พลทวนยาวบุกขึ้นหน้าสังหาร!!”

พลทวนยาวกองกำลังหู่เวยแต่ละกองในมือถือทวนยกระนาบ ก้าวขึ้นหน้า ทหารเมืองเหลียวโจวที่ชมสถานการณ์อยู่ ล้วนตั้งใจดู ไม่มีเวลากล่าวอันใด

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset