องครักษ์เสื้อแพร 974 ผู้ใดกล่าวว่าพวกป่าเถื่อนไม่รู้การทหาร

ตอนที่ 974 ผู้ใดกล่าวว่าพวกป่าเถื่อนไม่รู้การทหาร

สองทัพปะทะกัน ทัพใหญ่ออกปะทะตรง ส่งทหารอีกหน่วยจู่โจมศัตรูสองปีกข้าง สถานการณ์เช่นนี้ง่ายแก่การโจมตีศัตรู ได้ผลดียิ่ง อย่างไรก็ทัพใหญ่ออกศึก สองข้างยากจะรับมือได้

พวกเผ่าหนี่ว์เจินทางตะวันออกครั้งนี้แม้ว่าสู้เต็มที่ แต่อย่างไรก็น้อยปะทะมาก คิดจะเกิดผลตาลปัตรนั้น ก็ต้องใช้ยุทธวิธีรบที่เหนือความคาดหมายเท่านั้น

หลี่เฉิงเหลียงนำทัพนานปี รู้ดีว่าชาวเผ่าหนี่ว์เจินตั้งใจปิดบังข่าวตนเต็มที่เพื่อการใด ก็เพื่อให้ทางตนไม่อาจได้ข่าวมามาก ถึงสนามรบไม่อาจเตรียมป้องกันได้ เผ่าหนี่ว์เจินประกาศว่ามีทัพนับหมื่น แต่ดูตอนนี้แล้ว ย่อมมากกว่าที่ว่า

ทัพใหญ่เมืองเหลียวโจวเตรียมการล่วงหน้า เผ่าหนี่ว์เจินออกทัพ ทหารราบเมืองเหลียวโจวเข้าตีปีกข้าง ‘แตกกระจัดกระจาย’ แต่แตกกระจัดกระจายเป็นระเบียบ ให้ทหารศัตรูไล่ล่าได้

ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินปะทะเข้ามา กองกำลังหมิงโอบล้อมไว้ ปืนธนูยิงพร้อมกัน

ปืนสามหัวพวกนี้ปกติใช้การในสนามรบไม่ดีนัก กองกำลังหมิงมักยิงมั่วนอกระยะยิง ศัตรูเข้ามาใกล้ ตนเองก็ไร้กระสุนแล้ว กระบอกปืนก็ร้อนมาก หากระยะยิงใกล้ก็จะทำลายล้างได้ดี  กองกำลังหมิงครั้งนี้เตรียมตัวมาดี ล้วนยิงในระยะยิง

พริบตาที่เสียงปืนดังสนั่น ควันดินปืนลอยคละคลุ้ง ประสิทธิภาพดีมาก ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวพากันส่งเสียงร้อยโอดโอยล้มลง ม้าก็ส่งเสียงร้องแตกตื่นท่ามกลางควันดินปืนและเสียงร้องวุ่นวาย ทำเอาคนและม้าล้มระเนระนาดเหยียบย่ำกันไปหมด

แต่ทว่าพวกป่าเถื่อนก็ยังคงเป็นพวกป่าเถื่อน พอเสียเปรียบใหญ่ ทุกคนก็ถึงกับหนีกลับฐานเดิม และรวมกำลังกับมาสู้อีกครั้ง

จากเริ่มรบถึงตอนนี้  เครื่องมือรบเผ่าหนี่ว์เจินไม่ได้ได้เปรียบนัก กลับเป็นว่าการโจมตีปีกข้างครั้งนี้สังหารได้มากที่สุด พริบตา เผ่าหนี่ว์เจินก็ตายไปสี่ร้อยกว่า ดูท่าแล้ว อย่างน้อยน่าจะมีนายกองตายไปสอง

ข่าวนี้แพร่ไปทั่วกองกำลังหลี่เฉิงเหลียง ทัพใหญ่เมืองเหลียวโจวขวัญกำลังใจฮึกเหิม และชาวเผ่าหนี่ว์เจินก็เห็นชัดว่าเอาไม่อยู่แล้ว มองออกว่า พวกเขามุ่งเน้นรับมือการโจมตีจากปีกข้าง ครั้งนี้ไม่ไหว รับมือการโจมตีหนักไม่ได้

สำนวนที่กล่าวว่า สัตว์ป่าดิ้นรนเอาตัวรอดในสถานการณ์อันตราย ก็คงเป็นเช่นนี้ ทหารเผ่าหนี่ว์เจินในกองทัพเริ่มทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมด พยายามตีโต้กองกำลังหมิงให้ถอยกลับ จากนั้นก็เปิดประตูค่าย พริบตาทหารสี่พันกว่านายก็บุกออกมา

จากการวิเคราะห์ของเมืองเหลียวโจว ทัพใหญ่ตนมาถึง  เผ่าหนี่ว์เจินไม่ว่ายิ่งใหญ่เพียงใดก็ต้องแตกพ่ายกระจัดกระจาย ระมัดระวัง ไม่กล้าเสี่ยงภัยกันบุก คิดไม่ถึงอีกฝ่ายจะกล้าเปิดศึกบนสนามรบเช่นนี้

กองกำลังสี่พันกว่า รอบนอกล้วนสวมเกราะผ้าหนาและเกราะขดลวด คนด้านในล้วนสวมชุดหนังหมู ในมือถือดาบใหญ่และทวนยาว มองออกว่าเป็นทหารราบผู้กล้าแห่งเผ่าหนี่ว์เจินเจี้ยนโจว พวกเขาบุกออกมามีจุดประสงค์ชัด ก็คือปะทะผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวแม่ทัพใหญ่หลี่เฉิงเหลียง

การรบยุคสมัยนี้ บัญชาการสังเกตการรบอาศัยเพียงแค่การคาดเดา รายงานจากทุกที่ล้วนไม่อาจนำมาอ้างอิงได้โดยตรง ดังนั้นแม่ทัพจึงมักอยู่ใกล้สนามรบแนวหน้าที่สุด หลี่เฉิงเหลียงอยู่ห่างจากแนวรบเผ่าหนี่ว์เจินเพียงแค่ห้าร้อยก้าวเท่านั้น

กองกำลังเผ่าหนี่ว์เจินที่บุกออกไปคิดการใด สองฝ่ายล้วนเข้าใจ ตีกองหลักของหลี่เฉิงเหลียงแตก สามารถสังหารหลี่เฉิงเหลียงได้แน่นอนย่อมดีที่สุด หากทำไม่ได้ ก็บีบให้หลี่เฉิงเหลียงถอย ธงประจำแม่ทัพถอยร่น ทัพใหญ่ย่อมถอย ตอนนี้แต่ละด้านล้วนบีบเข้ามา ฝั่งเจี้ยนโจวเริ่มทานไม่อยู่ หากบีบกองกำลังหมิงให้ถอยร่น อย่างน้อยก็พอมีโอกาสได้หายใจ

หลี่เฉิงเหลียงวิเคราะห์การเคลื่อนไหวนี้ได้แล้ว เขาอยู่ทัพกลาง หนึ่งเพื่อบัญชาการ สองเพื่อล่อศัตรู เพื่อสมดุลกำลังเมืองเหลียวโจว แนวหน้าบัญชาการโดยบรรดาบุตรชายหลี่เฉิงเหลียงกับหม่าหลิน ทั้งหมดล้วนจัดการได้

วิเคราะห์ได้แล้ว แต่หลี่เฉิงเหลียงพบว่าตนประเมินพวกเผ่าหนี่ว์เจินต่ำไป ทหารสี่พันของเผ่าหนี่ว์กล้าหาญชาญศึกมาก ตีแตกด่านป้องกันที่หนึ่งพ่ายอย่างรวดเร็ว

พูดให้ถูกก็คือ ตีแนวหน้ากองกำลังหมิงแตก สามารถออกมาบุกเช่นนี้ และตีกองกำลังหมิงแห่งเหลียวโจวแตกได้ ก็มีใจคิดสู้จนตัวตายแล้ว กองกำลังหมิงฮึกเหิมลำพอง และยังโจมตีแบบกดดันด้วยกำลัง ในใจก็ยากจะไม่รู้สึกว่าออกรบสบายๆ

พอสู้กันตัวตัวต่อ พวกเผ่าหนี่ว์เจินถึงกับชนะได้มากกว่า อย่างน้อยตั้งแต่ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 1 มา เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวก็รบกับหลายฝ่ายมาเรื่อย

กองกำลังหมิงหน้าสุดแตกแล้ว แขนขวาหลี่หรูจางที่นำทัพถูกธนูยิงเข้าหนึ่งดอก เดิมหลี่หรูจางสวมเกราะหู่เวย ธนูนี้น่าจะรับอยู่ แต่เพื่อให้สมศักดิ์ศรีแม่ทัพใหญ่ จึงได้คลุมเสื้อคลุมสีแดงแทน ปลดปลอกเกราะด้านขวาออก ผลปรากฏถูกยิงเข้า ทหารในสังกัดประคองให้ถอยกลับมาได้

ทหารราบสู้ไม่ไหว ถูกต้อนถอยร่นราวกับฝูงแพะ ชาวเผ่าหนี่ว์เจินวางแผนได้ดี ทำให้ทหารราบกองกำลังหมิงแตกกระจัดกระจายยามปะทะกองกลาง แต่ทว่าหลี่เฉิงเหลียงก็เตรียมตัวมาดี ทัพกลางกลับสองปีกข้างมีที่ว่าง เป็นที่ให้ทหารแตกพ่ายหนีกลับมาได้ จากนั้นก็รวมกำลังทหารม้าห้าพันนาย เตรียมบุกโต้ศัตรูคืน

ทหารที่บุกเข้ามากระจัดกระจายถูกสังหารทิ้ง ทหารม้าที่บุกเข้ามาถูกสังหารเช่นกัน ไม่นานก็แตกกระจัดกระจาย แต่พวกป่าเถื่อนเช่นเผ่าหนี่ว์เจินกลับไม่ยอมหยุด เห็นด้านหน้าตนได้เปรียบก็บุกเข้าไปต่อ พวกเขายังคงเสริมกำลังบุก

ขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวยามนี้เห็นแล้วก็พากันตกใจ เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงกับต่อสู้เช่นนี้ได้ บุกขึ้นหน้ามาได้ราวสามร้อยก้าว รูปทัพเริ่มมาประสานกำลังกันได้ และยังเป็นพวกไม่กลัวตาย มีคนกำลังคิด ศึกนี้ได้ชัยแล้ว ตนเองจะรับชาวเผ่าหนี่ว์เจินมาเป็นลูกน้อง

แต่มีคนที่หัวไวเริ่มคิดได้ ว่าเหตุใดพวกเผ่าหนี่ว์เจินจึงไม่ถอยกลับ แต่ยังเสริมกำลังขึ้นมา ตอนนี้จะถอย ย่อมเปิดที่ว่างให้ทหารม้าเมืองเหลียวโจวไล่ล่า ให้ทหารม้าเมืองเหลียวโจวควบม้าย่ำ การเสริมกำลังบุกเช่นนี้ทำให้เกิดเป็นแรงคลื่นเบาๆ ที่ทหารม้าไม่อาจปะทะแตกได้ สองฝ่ายพยายามรักษาระยะใกล้ชิด เข้าปะทะกันชุลมุน

หากทหารม้ากับทหารราบปะทะกัน ทหารม้าแม้ว่าได้เปรียบจากการสังหารมุมสูง แต่ก็มีข้อเสียเปรียบที่เคลื่อนไหวได้ยาก นี่เป็นยุทธวิธีรบสู้ตายแบบหาทางรอด

ทหารกระจัดกระจายกันไปพอสมควร สองฝ่ายเข้าใกล้กันระยะ 20 ก้าว ทหารม้าเมืองเหลียวโจวล้วนยิงธนูได้ ทหารเผ่าหนี่ว์เจินเองก็ใช้โล่บัง พวกด้านหลังร้องตะโกนดัง ก่อนจะยิงธนูเข้าใส่

สองฝ่ายส่งเสียงตะโกนดังเข้าปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง ระยะห่างนี้ธนูยิงออกไปย่อมยิงเข้า มีคนส่งเสียงร้องดังโหยหวน เลือดสาดกระเซ็น ทหารเมืองเหลียวโจวล้วนถูกนายเลี้ยงดูมาอย่างดี รู้ว่ายามนี้เป็นเวลาแห่งการตอบแทนด้วยชีวิต เผ่าหนี่ว์เจินอยู่ในภาวะไร้หนทาง ถูกบีบจนไม่อาจไม่สู้ได้แล้ว ล้วนบุกเข้ามาอย่างกล้าหาญ

ธนูยิงไปสองระลอก ผู้ใดล้วนไม่สนใจความเป็นความตาย  หากยังบุกเข้ามาไม่กลัวตาย ทหารราบเผ่าหนี่ว์เจินบางคนถูกทหารม้าชนล้ม ทหารเมืองเหลียวโจวเองก็ถูกเผ่าหนี่ว์เจินลากลงจากหลังม้าเช่นกัน

พริบตา เสียงสังหารดังก้องทั่วฟ้า ขุนพลเมืองเหลียวโจวสบตากัน ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าพวกนอกด่านเช่นเผ่าหนี่ว์เจินทางตะวันออกจะสามารถเช่นนี้

เห็นสถานการณ์เช่นนี้ หลี่เฉิงเหลียงก็ถอนหายใจ แม้ว่าเปิดศึกปะทะ ทหารม้าเหมือนไม่ได้เปรียบอันใด แต่ข้อได้เปรียบอย่างไรก็เป็นข้อได้เปรียบ เผ่าหนี่ว์เจินรักษาที่มั่นด้วยชีวิต ทุกคนหากค่อยๆ ทุ่มกำลังรบช้าๆ  กล้าเข้าสังหาร ย่อมทำให้พวกเขาสูญเสียใหญ่

“ให้พวกเราอย่าได้บีบคั้นมากไป ล้อมไว้ หลี่หรูเหมยเจ้านำกำลังทหารไปรอ รอทหารจากในค่ายออกมาช่วย เจ้าไปรับศึกไว้ กองกำลังกองนี้ออกศึก ถึงกับมีคนสนิทของหัวหน้าโจรชั่ว เจ้าซูเอ่อร์ฮาฉี นำกองกำลังออกมาเอง ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ออกมาช่วย!”

หลี่เฉิงเหลียงออกคำสั่งอย่างมั่นใจ ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังมาจากทางป้อมเจี้ยฝานไจ้ ดูท่าหลี่หรูป๋อเริ่มนำปืนใหญ่ออกมายิงแล้ว ขอเพียงใช้ปืนใหญ่ระดมยิงป้อมได้ เสริมกำลังเข้าไปเพียงพอ ก็จะยึดได้

หลังเริ่มปะทะกันไป พวกทหารม้าค่อยๆ ล้อมทหารราบที่บุกออกมาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ เข้าสังหาร เป็นไปตามคาดของหลี่เฉิงเหลียง ทางเผ่าหนี่ว์เจินไม่อาจทนดูกองกำลังถูกกินรวบไปเช่นนี้โดยไม่ทำอะไรได้ ไม่นาน ก็มีกองกำลังสองพันกว่าบุกออกมา กองกำลังสองพันกว่านายนี้เป็นทหารม้าหลายร้อย

กองกำลังนี้บุกออกมาทำให้สีหน้าขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวล้วนลิงโลด สถานการณ์เริ่มอยู่ในการควบคุมของกองกำลังหมิงทีละน้อย ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม

พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว ตามการวิเคราะห์หลี่เฉิงเหลียง การรบหากเป็นเช่นนี้ต่อไป พรุ่งนี้ก็คงต่อสู้กันเรียบร้อย ถึงตอนนั้นค่อยปล่อยทหารที่ต่อสู้เต็มที่ในวันนี้ได้พักสักสองสามวัน ให้พวกเขาไปสนุกกันในเจี้ยนโจวสักหน่อย และจะให้พวกเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลชนเผ่าต่างๆ ได้เห็นว่า เป็นศัตรูกับแผ่นดินหมิง เป็นปรปักษ์กับเมืองเหลียวโจวนั้น มีจุดจบเช่นไร

“แม่ทัพใหญ่ ทางเหนือมีควัน…”

ในตอนนั้นเอง ทหารข้างกายหลี่เฉิงเหลียงก็ตะโกนดัง ทุกคนล้วนสนใจแต่สนามรบที่กำลังล้อมสังหาร พอมีเสียงตะโกนดัง ก็พบว่าตอนเหนือมีควันหนา ควันลอยปกคลุมทั่วฟ้า น่าจะอยู่ไกลออกไป

“พวกนอกด่านจะยกทัพใหญ่มาแล้ว!!”

มีคนตะโกนดัง ที่ตั้งค่ายเผ่าหนี่ว์เจินเริ่มเคลื่อนไหว กองกำลังหมิงที่เพิ่งรวมกำลังเข้าบุกก็ถูกตีกลับมา ครั้งนี้พวกเผ่าหนี่ว์เจินไม่ป้องกันค่ายแล้ว หากพากันตีฝ่าออกมา

เดิมทีเป็นโอกาสดีในการปราบเจี้ยนโจวให้สิ้น แต่ยามนี้หลี่เฉิงเหลียงกลับยิ้มไม่ออก ในตอนนี้เอง ทัพใหญ่เมืองเหลียวโจวตอนเหนือ ทางปีกซ้ายทัพใหญ่เริ่มแตกตื่น ไม่นาน หลี่หรูหนานประจำปีกซ้ายก็ส่งทหารติดตามม้าเร็วมารายงานว่า

“แม่ทัพใหญ่ ทางเหนือมีทัพม้าศัตรู ทัพม้าใหญ่…”

ตอนมารายงาน เสียงดังสั่นหวั่นไหวของพื้นดินก็รู้สึกได้ ทัพม้าใหญ่เพียงนี้ ย่อมไม่น้อยกว่าหมื่นนาย และเข้ามาระยะใกล้ที่เรียกได้ว่าอันตราย

จัดระเบียบทหารเตรียมออกรับศึก แต่ทหารกล้าเมืองเหลียวโจวกำลังติดพันกับเผ่าหนี่ว์เจิน แม้ว่าได้เปรียบ แค่กลับไปอาจกินรวบอีกฝ่ายได้ ยังถูกดึงยืดเยื้อมาถึงตอนนี้

ทหารราบปีกซ้ายเห็นกำลังทหารม้ากองใหญ่แล้วก็เริ่มลนลานไร้ระเบียบ ความกล้าหาญแตกกระเจิง หากไม่ใช่ขุนพลทหารระงับไว้ เกรงว่าคงหนีกันแตกกระจัดกระจายไปแล้ว

ตอนนี้ทางปีกข้างกองกำลังทหารม้าเมืองเหลียวโจวเป็นทหารม้ามองโกล จำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่น ตั้งพักอยู่ข้างแม่น้ำหุนเหอจัดกระบวนทัพครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มเข้าปะทะทัพใหญ่เมืองเหลียวโจว จากนั้นกองกำลังทหารเมืองเหลียวโจวก็แตกพ่าย

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset