องครักษ์เสื้อแพร 958 การเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย

ตอนที่ 958 การเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย

ข่าวจากที่ต่างๆ ไม่ได้ทำให้แปลกใจ ล้วนเป็นไปตามคาดของหวังทง ตั้งแต่บุกเบิกเทียนจินมา ด้วยความแข็งแกร่งของการค้าเทียนจิน กองกำลังหู่เวยก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้น กองกำลังหู่เวยปราบเผ่าอันต๋าบนทุ่งหญ้า ทำลายสมดุลแผ่นดินหมิงกับมองโกล เรื่องนี้เริ่มสร้างผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้แผ่นดินหมิงเปลี่ยนแปลงไปในหลายด้าน

เช่น หลายปีนี้กรมอากรราชสำนักจับตาภาษีการค้ามากยิ่งขึ้นทุกวัน พวกขุนนางบุ๋นที่เดิมทีละอายกับการเก็บภาษี คิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย แม้กรมอากรก็คิดเช่นนี้ แต่ทว่าตอนนี้ขุนนางที่มีหน้าที่ทางนี้ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ เหตุใดเทียนจินจึงเก็บภาษีได้มาก แผ่นดินหมิงตั้งด่านภาษีเจ็ดด่านบนคลองส่งน้ำ เหตุใดจึงเก็บได้น้อยกว่า

กรมโยธาส่งคนไปโรงช่างเทียนจิน ทุกคนล้วนทำงานตามหน้าที่ เหตุใดโรงช่างเทียนจินของหวังทงจึงทำได้ดี ที่อื่นล้วนมีแต่เสียงด่าทอไม่หยุด

ตอนนี้กองทหารตอนเหนือรับอาวุธไป ก็อยากจ่ายเงินมากหน่อยไปซื้อที่เทียนจิน ไม่อยากจะรับอาวุธที่ได้จัดสรรจากคลังอาวุธ

อาวุธที่ผลิตไม่ดีเช่นนี้นำออกสู่สนามรบก็มีแต่ทำให้ขายหน้า อาวุธชุดเกราะเทียนจินสามารถทำให้ทุกคนรักษาชีวิตรอดและสร้างผลงานได้ แน่นอนเหล่านี้ยังคงมีแค่ทหารส่วนตัวสังกัดขุนพลทหารตนเท่านั้นที่จะมีได้ ค่าใช้จ่ายมากมายเช่นนี้พวกเขาตัดใจจ่ายไม่ลง

กระแสชาวบ้านก็เริ่มเปลี่ยนทิศ เมื่อก่อนผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในพื้นที่ก็คือขุนนางบุ๋น จากนั้นก็เป็นบัณฑิต พ่อค้าแม้มีเงินก็ต้องไปขอพึ่งพาอาศัย หรือไม่ก็ต้องคบหาสมาคมขุนนางทางการ ไม่ก็ต้องหาลูกเขยเป็นบัณฑิตรู้หนังสือ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้ แต่ตอนนี้รอบเทียนจิน หรือแม้แต่หลายเมืองในเขตปกครองเหนือที่ได้รับผลกระทบจากเทียนจิน มีตำแหน่งบัณฑิตไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เป็นขุนนางบุ๋นไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่หากเทียบกับพ่อค้าใหญ่มีหน้ามีเกียรติในเทียนจินพวกนั้นแล้ว ก็ล้วนเทียบไม่ติด

ที่เทียนจินมีคนที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นที่สนใจแม้แต่น้อย ตอนนี้ล้วนรุ่งเรือง มีการค้าชายแดน มีการค้าทะเล ยังมีพวกหัวไว มีการค้าที่เทียนจิน คนพบโอกาสมากมาย คนเหล่านี้ไม่ได้มีตำแหน่งบัณฑิต ไม่อาศัยอิทธิพลหาเงินทอง แต่ยังคงร่ำรวยอย่างเปิดเผย ตัวอย่างนี้มีค่าอย่างมาก

แม้สอบได้ตำแหน่งบัณฑิตซิ่วไฉ ครอบครัวเสียภาษีน้อยลง แต่ในหนึ่งปีก็ยังไม่ได้กินอาหารดีๆ อันใด ได้ตำแหน่งบัณฑิตจวี่เหริน หากไม่เป็นขุนนาง ครอบครัวอาศัยที่ดินเพาะปลูก ก็พอให้กินอิ่มเท่านั้น แต่พวกสามารถสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉจะมีสักกี่คนกัน สอบได้จวี่เหรินกี่คนกัน หากพวกช่างและคนงานในเทียนจิน กินอิ่มมีอยู่  หากฉลาดหน่อย ยังสามารถมีอนาคตรอพวกเขาอยู่

เรื่องเหล่านี้ทำให้ทุกคนคิดได้ เรียนหนังสือกับทำงานทำการค้าอันไหนดีกว่ากัน คนส่วนใหญ่ล้วนเห็นแต่ผลประโยชน์ตรงหน้า ไปเทียนจินไม่ว่าทำการค้าหรือทำงาน ก็กลายเป็นทางเลือกของคนมากมาย

สำหรับคนเรียนหนังสือแล้ว  นอกจากพวกบัณฑิตสมองตายไปแล้ว ที่เหลือก็ล้วนคิดได้เร็วกว่าชาวบ้าน พวกเขาก็คิดได้ ว่าตนเองลำบากลำบน หลายคนที่สู้ตนไม่ได้ไปร่ำรวยมีหน้ามีตากันที่เทียนจินหมดแล้ว ตนเองเหตุใดไม่ทำ  ซิ่วไฉหรือตำแหน่งใดก็ได้มาไม่ง่าย แม้ได้ตำแหน่งมา ไม่มีที่พึ่งเบื้องหลังยิ่งใหญ่จริง ก็ได้แต่เป็นขุนนางท้องถิ่นห่างไกล หรือหากจะเป็นขุนนางมือสะอาดดังคำสอน ก็ไม่สู้ไปทำการค้าหากำไรดีกว่า ทำให้ครอบครัวเป็นอยู่ดีขึ้น ทำให้ตนเองมีชีวิตที่มีความสุข

พวกที่มีที่นาให้ทำให้เช่า ก็พบว่างานนี้ไม่อาจทำได้ง่ายเหมือนก่อน หากให้เงินเท่ากับที่เคยให้ก็ไม่อาจรั้งคนไว้ได้ คนที่หัวไวคิดได้ก็ล้วนไปทำงานกันที่เทียนจิน  ทำรายได้มากกว่าทำนามากนัก และที่นาทุกปีลงทุนไปก็กำไรเรียกว่าน้อยมาก หากนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนการค้าที่เทียนจิน ไม่แน่อาจทำกำไรให้มากมายมหาศาลก็ได้

บัณฑิตและราษฎรล้วนคิดเช่นนี้ ขุนนางและชนชั้นสูงก็คิดเช่นนี้ ก่อนปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 10 ที่ทุกคนต้องทำก็คือกอบโกยที่นามาให้มากที่สุด ไปเมืองหลวงกับทางใต้เปิดร้านค้า โรงบ้านตนเองก็เปิดโรงสี โรงน้ำมัน โรงทอ เป็นต้น มีเพียงที่นาที่มีค่าที่สุด แต่ตอนนี้ทุกคนมีเงินก็ล้วนอยากนำไปลงทุนที่เทียนจิน ป้อมจางเจียโข่ว ซานซี และต้าถง  มีพวกใจกล้าหน่อยก็คิดจะไปลงทุนที่เมืองกุยฮว่าเฉิง การค้าทางทะเล หนังสัตว์ เลี้ยงสัตว์ ผงฟู พวกเขาเองยังงง ตนเองเมื่อก่อนทำไมไม่พบเส้นทางร่ำรวยนี้กัน หากรู้ก่อน ตนเองไปครอบครองก่อน จะดีสักเพียงใด

 เสียใจภายหลังก็เสียใจไป แต่ก็ต้องขายที่นาดีส่วนหนึ่งไป รวบรวมเงินได้ก้อนหนึ่ง นำไปลงทุนที่เทียนจิน ปลอดภัยที่สุดก็คือเอาเงินไปลงทุนกับร้านเงินสามธาราและร้านประกันภัยสามธาราเพื่อกินดอก รายได้นี้ล้วนดีกว่าเปิดโรงบ้านหรือให้เช่าเสียอีก แม้ว่าไม่อยากไปเสี่ยงภัยข้างนอก ก็อาจไปเปิดร้านที่เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ หรือเปิดโรงช่างโรงทออะไรสักอย่าง กำไรก็ดีกว่าการทำนามาก

แน่นอน คิดจะหาเงินทองก็ต้องเรียนรู้ธรรมเนียมเทียนจิน โดยเฉพาะธรรมเนียมร้านสามธารา ที่นั่นธรรมเนียมเข้มงวด  ทำงานรอบคอบ ยากเปิดช่อง

ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป เทียนจินส่งอิทธิพลไปถึงเขตปกครองเหนือ  การค้าทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป พ่อค้าทางใต้ที่เดิมคิดว่ามาตอนเหนือทำการค้าง่ายมาก กำไรหาได้ง่าย เพราะคนทางเหนือไม่เข้าใจการค้า มีช่องทางมากมายเปิดทางไว้ พอเพียง มีแต่ทางซานซีที่พ่อค้าคบหายากเท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ทุกคนทำการค้าอยู่ๆ ก็มีหัวทางนี้ขึ้นมา ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะเอาเปรียบกันได้ง่ายๆ แน่นอน โอกาสทางการค้าก็ย่อมมากกว่าเดิมมาก

จากระดับบนถึงระดับล่าง ล้วนเริ่มคิดว่าจะหาเงินทำกำไรอย่างไร  เมืองหลวงกับแต่ละเมืองในเขตปกครองเหนือเป็นครั้งแรกที่ต้นฤดูกาลก็เกิดความวุ่นวาย เจ้าของที่หาคนงานไม่ได้ ไม่ว่าชั่วคราวหรือถาวร  หลายคนเปิดร้านค้าโรงงานเอง ให้คนงานทำนาของตนไปทำงานกัน เริ่มมีคนไปจ้างแรงงานจากเหอหนานกับซานตงมาทำนา

หลังดำเนินนโยบายเก็บภาษีและแรงงานของจางจวีเจิ้ง ภาษีที่เก็บเป็นสิ่งของกับแรงงานล้วนสามารถจ่ายด้วยเงินสด ตอนนี้นโยบายเก็บภาษีและแรงงานของจางจวีเจิ้งแม้ว่าทำลายระบบชั่วร้ายเดิมลงไปได้ แต่เงินที่ต้องจ่ายก็ยังต้องจ่าย ชาวนาเล็กไปถึงระดับกลาง เพื่อหาเงินจ่ายภาษี ล้วนต้องขายผลผลิตตนเอง เข้าเมืองออกเมืองก็ถูกด่านเก็บเงินอีก ขายสินค้ายังถูกพ่อค้าขูดรีด  ที่ผ่านมาดังนี้ ทำให้มีเจ้าของที่มากมายล้มละลาย มีชาวนาเล็กๆ มากมายต้องสูญเสียที่นา

ที่อื่นเกิดเหตุเช่นนี้ แต่เขตปกครองเหนือกลับไม่มี เพราะทุกคนมีเงินกันง่ายมาก เพราะการค้ารุ่งเรือง เงินทองมากมี คนทำงานค่อยๆ ลดลง แต่ไม่ทำให้ภาษีลดลง

ผลปรากฏเจ้าของที่ขนาดกลางและเล็กในเขตปกครองเหนือกับซานซีและมณฑลโดยรอบ รวมทั้งชาวนาที่เคยถูกนโยบายเก็บภาษีและแรงงานทำครอบครัวล่มสลาย พวกเขาเดิมทีกลายเป็นชาวอพยพกันมาก กลายเป็นภัยแห่งการปกครอง  แต่เพราะการค้าเขตปกครองเหนือรุ่งเรือง ชาวนาไม่พอ ทำให้รับชาวนามาเพิ่มได้มาก ทำให้แผ่นดินหมิงมากวาสนาขึ้นทันที

การเปลี่ยนแปลงนี้ก็ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งนั้น ความแตกต่างระหว่างบุ๋นบู๊เริ่มเปลี่ยนไป ตั้งแต่ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิงจูหยวนจางสร้างแผ่นดิน หลังฮ่องเต้จูตี้ยกทัพขึ้นเหนือมา แผ่นดินหมิงก็ไม่อาจมีการทหารที่เข้มแข็งอีก ฮ่องเต้อู่จงพ่ายแพ้ที่วิกฤตป้อมถู่มู่และพ่ายแพ้อีกหลายคราหลังจากนั้นมา แผ่นดินหมิงก็อยู่ในสถานะใช้นโยบายป้องกันเป็นหลัก ในแผ่นดินยังคงสงบมาตลอด

ผลเช่นนี้ทำให้เป็นทหารย่อมเสี่ยงภัย ในแผ่นดินต้องระวังป้องกันอย่างมาก ขุนพลทหารเลี้ยงดูคนงานตนดังทหารส่วนตัว ปฏิบัติกับทหารผู้น้อยราวกับแรงงานทาส

สภาวะในและนอกที่เน่าเฟะ ผู้ใดก็ย่อมไม่อยากไปเป็นทหารกินเบี้ยหวัด ล้วนกล่าวว่าเป็นความอัปยศ  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกที่ไม่มีตำแหน่งบัณฑิต ทว่าตอนสมัยฮ่องเต้เจียจิ้งที่รบกับโจรสลัด เรื่องพวกนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว

ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว คนนอกมองมา สถานะชื่อเสียงเกรียงไกรเช่นหวังทง ได้มาได้อย่างไร  หากไม่ใช่อาศัยความดีความชอบทางการทหารค่อยๆ สั่งสมมา ล้วนเคยกล่าวกว่าขุนนางบุ๋นสูงส่งกว่าขุนนางบู๊ แต่ขุนนางใหญ่ราชสำนักมากมายเพียงนั้น พวกที่มีชื่อเสียง  หรือแม้แต่พวกที่เป็นเชื้อพระวงศ์มีหน้ามีตาในและนอกวัง ปกติก็เสียงดังเอะอะ แต่พอทัพใหญ่มา ยังไม่ทันชักดาบ ก็สงบเสงี่ยมเงียบกริบ

ได้ยินว่าการประชุมราชสำนักครั้งนั้น หวังทงนำทหารมาแต่ไม่ได้สังหารผู้ใด แต่พวกขุนนางบัณฑิตก็พากันตกใจปัสสาวะรดกางเกงไปหมด ไม่กล้าผายลมสักคนเดียว เปรียบเทียบแล้ว ผู้ใดยังกล้ากล่าวว่า ขุนนางบุ๋นสูงส่งกว่าขุนนางบู๊

มีอีกเรื่อง ตอนนั้นฝ่าบาทถูกขุนนางบุ๋นล่วงเกินอย่างที่สุด ดังนั้นจึงทรงใกล้ชิดกับขุนพลทหารขุนนางบู๊มาก ตอนนั้นขุนพลทหารที่มาจากลานฝึกหู่เวย ตอนนี้ตำแหน่งที่ต่ำที่สุดยังได้เป็นขุนพลประจำการ วันหน้าอาจเป็นรองแม่ทัพ หรือผู้บัญชาการก็ได้ พวกเขารุ่งเรืองแล้ว และยังจะกดบรรดาขุนนางบุ๋นไว้แน่นหนา ตอนนี้เป็นทหาร ไม่แน่อาจตามกระแสนี้ทัน

และตอนนี้บนทุ่งหญ้ากับบนทะเลก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เดิมคิดว่าพวกนอกด่านเหมือนเสือร้าย แต่ตอนนี้บนทุ่งหญ้าเป็นพื้นที่ทหารม้าฮั่น บนทุ่งหญ้าชาวฮั่นน้อย ร้านค้าสมัครคนล้วนให้ค่าจ้างสูง หากยอมเป็นผู้คุ้มกันเสี่ยงชีวิต ก็ยิ่งได้เงินมาก สามารถเข้าร่วมสังหารปล้นชิงได้ จะร่ำรวยได้อีก

ลูกหลานชนชั้นสูงเมืองหลวงมากมายที่ยังไม่ได้กลายเป็นเศษสวะที่วันๆ เอาแต่ร้องรำทำเพลง เดินเล่นอวดบารมีคุณชายสำราญไปวันๆ ก็ล้วนอยากออกไปเปิดหูเปิดตาบนทุ่งหญ้า

ตอนนี้เมืองชายแดนแต่ละแห่ง ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงแต่ละตระกูล ล้วนคิดออกไปบุกเบิกกิจการ เลี้ยงสัตว์เร่ร่อน บุกเบิกพื้นที่บนทุ่งหญ้า กำลังต้องการกำลังผู้คุ้มกันจำนวนมาก กำลังขาดแคลนชายฉกรรจ์ขี่ม้ายิงธนูได้ และมีข่าวว่า มีคนกราบทูลฮ่องเต้ถึงเรื่องราวบนทุ่งหญ้า ฮ่องเต้ทรงชมเชยไม่ขาด ยังตรัสว่าไปบุกเบิกบนทุ่งหญ้า กลับมาก็จะให้นำทหารออกรบ เป็นเสาหลักของแผ่นดิน หวังทงบอกด้วยว่า หากอยู่บนทุ่งหญ้า เคยผ่านการต่อสู้มา ล้วนสามารถได้จารึกชื่อมีความชอบทางการทหาร

มีโอกาสได้เสี่ยงภัยตื่นเต้น มีโอกาสสังหารปล้นชิง มีโอกาสร่ำรวย มีโอกาสได้จารึกความชอบ เรื่องเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ลูกหลานชนชั้นสูงชอบที่สุด มีชายหนุ่มในเมืองหลวงไม่น้อยอยากทำ หรือพวกหนุ่มน้อยที่มีชีวิตสุขสบาย อยากออกไปเติมเต็มความฝันกัน ก็อยากไปกัน

ผลปรากฏแถบเมืองหลวงและเทียนจิน ทุกระดับชั้น ทุกคนก็ล้วนอยากเป็นทหาร อยากออกสู่ทุ่งหญ้า แต่ละร้านค้าก็หาผู้คุ้มกันกันได้ง่านมากขึ้น โดยเฉพาะผู้คุ้มกัน ร้านสามธารา เลือกได้คนไม่เลวไปจำนวนมาก

กระแสนี้ยังทำให้การค้าชุดเกราะกับอาวุธของโรงช่างสามธารายิ่งดีขึ้น หากต้องการสู่ทุ่งหญ้า อย่างไรก็ต้องเตรียมอาวุธให้พร้อม

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset