องครักษ์เสื้อแพร 852 ก่อนจากไปได้ของขวัญใหญ่

ตอนที่ 852 ก่อนจากไปได้ของขวัญใหญ่
ตอนที่ 852 ก่อนจากไปได้ของขวัญใหญ่

“ผู้บัญชาการ ข้าน้อยผิดอันใด?”

เมิ่งเซี่ยนฮุยที่สงบนิ่งมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะมีคำสั่งเช่นนี้ เดิมคิดว่ามารับคำสั่งสอนตำหนิไม่กี่คำ ผู้ใดจะคิดว่ามาถูกปลดเสียได้ วาจาหวังทงกระจ่างมาก แม้แต่สถานะองครักษ์เสื้อแพรก็ไม่เหลือให้

เมิ่งเซี่ยนฮุยร้อนใจยิ่ง เงยหน้าคิดโต้ตอบ สีหน้าหวังทงนิ่งเรียบกล่าวว่า

“ข้าเป็นผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร มีอำนาจนี้ เจ้ามีที่มาไม่ชัดเจน  จากตำแหน่งพลทหารเจ้าเลื่อนมาถึงตอนนี้ หลายอย่างน่าสงสัย คนเช่นนี้ไหนเลยจะสามารถอยู่ในตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ได้ ปลดเจ้าก็สมควร”

“ผู้บัญชาการใต้เท้า ข้าน้อยทำตามหน้าที่ เหตุใด!”

“จับตัวไว้ ขังคุก!”

หวังทงสั่งเสียงเยียบเย็น ทหารข้างกายหวังทงรีบเข้ามาจับตัว เมิ่งเซี่ยนฮุยที่ลนลานถูกจับกุมตัวมัดไว้ได้ จางเหลียนเซิงกับอวี๋ชิงกั๋วคิดไม่ถึงว่าจะจัดการเช่นนี้ พากันคุกเข่าอย่างหวาดกลัว หวังทงลุกขึ้นเดินไปยังหน้าเมิ่งเซี่ยนฮุย กล่าวอ่อนโยนว่า

“บอกมาว่าใครส่งเสริมเจ้าสู่ตำแหน่งนี้ เรื่องนี้อาจยังยั้งได้?”

เมิ่งเซี่ยนฮุยลังเลครู่หนึ่ง  ก็ส่ายหน้า เงียบไปพัก ไม่กล่าวอันใดต่อ หวังทงโบกมือให้คนนำตัวออกไป เดินไปยังหน้าอวี๋ชิงกั๋วกับจางเหลียนเซิง ยิ้มกล่าวว่า

“องครักษ์เสื้อแพรเป็นทหารในพระองค์ ไม่ใช่บ่าวรับใช้ตระกูลใหญ่ เมิ่งเซี่ยนฮุยกับตระกูลใหญ่ในพื้นที่มีสัมพันธ์ใด ก็ย่อมสืบได้ในไม่ช้า พวกเจ้าดูไว้เป็นตัวอย่าง เมิ่งเซี่ยนฮุยผู้นี้มอบให้จางเหลียนเซิงจัดการคุมตัวไว้”

กล่าวจบ ก็โยนเอกสารลงพื้นกล่าวอีกว่า

“นี่คือเอกสารมอบให้จางเหลียนเซิงดูแลกองพันเจ้าแทน เก็บให้ดี  บ่ายนี้ข้าจะไปเมืองซงเจียงแล้ว ขากลับ หวังว่าเจ้าจะจัดการที่นี่ให้ดีได้!”

จางเหลียนเซิงโขกศีรษะแรง ตะโกนตอบดังว่า

“ขอผู้บัญชาการวางใจ ข้าน้อยจะต้องจัดการให้เข้มงวด แสดงให้ผู้บัญชาการได้เห็น”

เช้ามาเว่ยกั๋วกงก็มาโบยบุตรชายที่หน้าที่พักหวังทง จากนั้นขณะคุยกันดีๆ หวังทงก็ปลดนายกองพันไปคนหนึ่ง ข่าวแพร่ไปอย่างรวดเร็ว กอปรกับการเผาเรือไป๋หลันคืนวาน ทำเอาเมืองหนานจิงอึ้งไปทั้งเมือง

เมืองหนานจิงมีข่าวแพร่ได้เร็วไม่แพ้เมืองหลวง โรงเตี๊ยมหนึ่งห่างจากที่พักหวังทงไปเพียงสองช่วงถนน มีสองคนกำลังอึ้งมองหน้ากัน ในห้องเงียบไปนาน คนหนึ่งกล่าวน้ำเสียงแหบพร่าว่า

“นายท่านไม่ได้บอกหรือว่า หากจดหมายนี้หย่อนเข้าไปในจวนชนชั้นสูง ทุกคนก็จะมองหวังทงเป็นศัตรู เหตุใดตอนนี้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ได้…..”

“ชนชั้นสูงเมืองหนานจิงมีอำนาจในมืออยู่บ้าง แต่กลับหัวหดเหมือนพวกไร้สามารถในเมืองหลวง!!”

“จดหมายพวกนั้นเผาแล้วใช่ไหม ตอนนี้ไม่มีทางได้โยนเข้าไปอีกแล้ว ระวังภัยมาถึงตัว…”

“ไม่อาจเผาที่โรงเตี๊ยมนี่ ไปหาที่เผาก่อน จะได้ไม่มีคนเห็น”

ไม่พูดถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ในโรงเตี๊ยมนี้แล้ว หันไปดูทางพวกหวังทงที่เริ่มเก็บของเตรียมออกเดินทาง แดนใต้เส้นทางน้ำและเส้นทางบกขนานกัน จากหนานจิงไปเมืองซงเจียง เดินทางเส้นทางน้ำก็ได้ เรือก็ไปได้มาจากหลินชิงที่ซานตง พวกเขาจอดไว้นอกเมืองหนานจิง

ไม่มีผู้ใดมาส่ง แต่ทุกคนในเมืองหนานจิงล้วนพากันหวาดกลัวหวังทงพอแล้ว มีคนจูงม้ามา หวังทงโดดขึ้นม้า ยิ้มกล่าวว่า

“ว่ากันว่าพื้นที่ห่างไกลไม่เกรงกลัวอาญาฮ่องเต้ เมืองหนานจิงเป็นดังศูนย์กลางแผ่นดินหมิง มีคนมากมายไม่รู้จักสถานะตนเอง ยังคิดไปเองจริงๆ ว่าสามารถไร้ขื่อไร้แปได้”

************

พูดถึงเรือทางการจากไปทงโจว นั่งเรือจากหนานจิงง่ายมาก หลังออกจากเมืองไม่ไกลก็จะมีท่าเรือ ไปขึ้นเรือที่นั่นได้

พอพวกหวังทงออกจากเมืองไปก็จะไปพักกินอาหารง่ายๆ ที่ร้านอาหารท่าเรือ เตรียมขึ้นเรืออกเดินทาง แต่พอไปถึง กลับเห็นขบวนคนและม้ากลุ่มใหญ่รออยู่

เมืองหนานจิงแม้สงบสุข ทว่าพวกหวังทงก็ไม่อาจชะล่าใจ บรรดาทหารติดตามอารักขาล้อมรอบหวังทงไว้ มีคนก้าวขึ้นหน้าไปตรวจสอบ ไม่นานก็กลับมารายงาน

“เป็นคนเฉิงหย่งป๋อ บอกว่ามาส่งท่านโหว”

หลังเว่ยกั๋วกงโบยบุตรชายไปน่อมไม่คิดมาต้อนรับอันใด เว่ยกั๋วกงตระกูลสวีสืบทอดกันมาเกือบ 200 ปี ย่อมต้องมีเกียรติของตน

แต่เฉิงหย่งป๋อรุ่นก่อนได้บรรดาศักดิ์มาเพราะออกรบ รุ่นนี้ลดลงไปหน่อย ก่อนจะหาเส้นสายได้จึงได้ก้าวขึ้นมามีหน้ามีตาได้ พวกเขาไม่กล้าทำตัวเหมือนเว่ยกั๋วกง เส้นสายที่พึ่งพาของพวกเขานั้นก็ไม่กล้าล่วงเกินหวังทง แล้วพวกเขาจะไปกล้าได้อย่างไร เมื่อคืนวานเรือไป๋หลันถูกเผา พวกเฉิงหย่งป๋อแม้จะไม่โต้แย้ง แต่ในใจนั้นแสนเคียดแค้น

แต่เช้านี้ได้ยินเว่ยกั๋วกงโบยบุตรชาย จึงได้พบว่า หวังทงใหญ่กว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก ไม่อาจล่วงเกิน จึงได้รีบเตรียมตัวมาให้ทัน

พอเห็นหวังทงขี่ม้ามา เฉิงหย่งป๋อเยว่เจียงหนานรีบคำนับ ยิ้มกล่าวว่า

“ข้าน้อยขอให้ท่านโหวไปเมืองซงเจียงราบรื่นสวัสดิภาพ”

หวังทงเพียงแค่ยิ้มพยักหน้าตอบ เห็นบรรดาทหารติดตามอารักขาขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นเรือกันคล่องแคล่ว คนที่เฉิงหย่งป๋อพามาด้วยเห็นธนูและดาบทวนของหวังทงแล้วไม่ต้องพูดถึง  ปืนไฟกับเกราะแต่ละชุดขนย้ายขึ้นไป นี่มันผู้แทนพระองค์ลงใต้มาปฏิบัติภารกิจหรือมาสังหารคนกันแน่

อาวุธพวกนี้ดูแล้วกลิ่นอายสังหารรุนแรง ทำเอาหนังตากระตุกไม่หยุด ยามนี้เฉิงหย่งป๋อรู้สึกดีใจ ในใจแอบคิดว่าเมื่อคืนดีนะที่ตนไม่ได้ล่วงเกินมากเกินไป วันนี้มาแก้ตัวให้ดี แต่ก็ดูเหมือนไม่ดีนัก

“ขอบคุณเฉิงหย่งป๋อ ทว่าครั้งนี้มาส่งยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”

หวังทงไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เฉิงหย่งป๋อถูกถามตรงจนอึ้งไป ทว่ายังคงยิ้มตอบว่า

“ท่านโหวตรากตรำมาสิบกว่าปี ตรากตรำมาโดยตลอด ลงใต้มาปฏิบัติหน้าที่ก็มีแต่ทหารติดตาม ไม่มีคนคอยปรนนิบัติจะได้อย่างไร”

กล่าวถึงตรงนี้ ก็เอียงตัวไปอีกทาง หวังทงไม่ทันสังเกตว่าท่าเรือมีศาลาที่มีสาวใช้หลายคนอยู่ คนที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลางนั้นย่อมเป็นซิ่วเอ๋อร์

“ท่านโหว ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ผู้นี้หน้าตาไม่เลว ชำนาญดนตรี อักษร หมาก และภาพวาดครบทุกด้าน ทำอาหารยังไม่เลว ขอมอบให้ท่านโหวไว้ปรนนิบัติข้างกาย เป็นน้ำใจจากข้าน้อย”

“หืม?”

หวังทงลากเสียงยาว สีหน้ายิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ออก  เฉิงหย่งป๋อเยว่เจียงหนานกลับรู้สึกงง เข้าไปใกล้กระซิบว่า

“บอกท่านโหวไว้ก่อน ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ผู้นี้เป็นหญิงบริสุทธิ์ของแท้  ตอนแรกเลี้ยงดูไว้ก็เพื่อมอบให้จางจวีเจิ้ง จางจวีเจิ้งล้มลง เดิมคิดจะมอบให้คุณชายรองหรือคุณชายสามจวนเว่ยกั๋วกงเป็นภรรยาน้อย ทว่าหญิงงามเช่นนี้ ก็มีแต่ท่านโหวผู้เป็นดังวีรบุรุษจึงเหมาะสม”

“เห็บหมัดมากไม่กลัวคันเสียจริง เรื่องเยอะแล้วก็เยอะไป ไม่กลัว”

หวังทงยิ้มสัพยอก มองเยว่เจียงหนานพยักหน้ากล่าวว่า

“ในเมื่อท่านมีความตั้งใจเช่นนี้ ตระกูลเยว่ก็มีกิจการอยู่บ้างกระมัง ก็สามารถแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้ วันหน้าอีกยาวไกล วันหน้าวันเวลาคบหากันยังมีอีกมาก มาส่งของถึงเรือ เช่นนั้นเรื่องต่างๆ ท่านก็วางใจได้ ผ่านแล้วก็ผ่านไป”

ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ เยว่เจียงหนานอึ้งไป ตามด้วยรอยยิ้มกว้าง สถานะเช่นเขาย่อมรู้ว่าหากได้ร่วมมือกับร้านสามธารา ร่วมเป็นหนึ่งกับหวังทงก็ย่อมมีผลประโยชน์มากมายเพียงใด ครั้งนี้เรือไป๋หลันถูกเผา สมบัติล้ำค่าหายไป แม้จะเจ็บเนื้อ แต่การค้าทำขึ้นมาได้ ก็นับว่าคืนกำไรแล้ว และอาจมากกว่าอีกด้วย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้ซิ่วเอ๋อร์ขึ้นเรือได้!”

ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์พร้อมสาวใช้กำลังลงเรือ เดินไปด้านข้าง คุกเข่าให้หวังทงพร้อมโขกศีรษะ จากนั้นก็โขกศีรษะให้เยว่เจียงหนาน ก่อนจะเดินลงเรือไปเงียบๆ สาวใช้สามคนกับหญิงมีอายุอีกคน มีหีบของไม่น้อย ทหารติดตามหวังทงรีบจัดการเรือใหม่

เห็นเช่นนี้ เกรงว่าคงมอบให้ทั้งคนและข้าวของเครื่องใช้

***************

อำเภออู๋เมืองซูโจวมีคนมาก  มีทั้งคนหาเช้ากินค่ำที่ริมคลองส่งน้ำ มีคนเป็นช่างทำมาหาเลี้ยงชีพในเมือง ยังมีพวกต้มตุ๋น อีกทั้งพวกนางคณิกาที่ไม่อาจเปิดเผยตัวตน หรือไม่ก็อาชีพที่ไม่สุจริตต่างๆ เกือบทั้งหมดอยู่ใต้การควบคุมของห้าเสือตระกูลเจ้า  ห้าเสือตระกูลเจ้าก็คือคุณชายจากห้าตระกูลที่ล่มจมจากหมู่บ้านนอกอำเภออู๋

มีวันหนึ่งได้ร่วมสาบานกันที่ศาลเทพเจ้าเงินทอง จึงได้ร่วมใช้แซ่เจ้าตามเทพเจ้าเงินทอง เจ้ากงหมิง ก็นับว่ามีวาสนาต่อกัน ในนั้นสองคนถึงกับได้เข้าไปเป็นมือปราบได้ ที่เหลือก็เป็นพวกห้าวหาญ ค่อยๆ มีชื่อเสียงในอำเภออู๋เมืองซูโจวแถบนี้.

คลองส่งน้ำคึกคัก หลายโรงเตี๊ยมใหญ่ ยังมีร้านน้ำชา ล้วนเป็นกิจการของห้าเสือตระกูลเจ้า ล้วนอยู่ใต้ชื่อของห้าเสือตระกูลเจ้า ตอนนี้แต่ละแห่งมีข่าวลือว่าผู้แทนพระองค์จะมาที่นี่ แต่ร้านของห้าเสือกลับไม่คุยกันเรื่องนี้ ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ วันนี้ห้าเสือมารวมตัวกัน เหตุใดยังเชิญพระมาด้วยสองรูป ห้าเสือไม่ได้กินเจเสียหน่อย

ในเรือนเดี่ยวของร้านอาหารห้าเสือ พี่ใหญ่ห้าเสือสีหน้ายิ้มแย้มเปิดประตูออก บนโต๊ะมีสุราอาหารจัดวางไว้พร้อม ยังมีสาวงามหน้าตาไม่เลวหลายนางยิ้มลุกขึ้นคำนับ

“ไต้ซือทั้งสองโปรดอภัย ที่นี่ไม่ได้เตรียมการอันใดนัก ไม่ทราบว่าไต้ซือทั้งสองไม่กินเนื้อสัตว์”

“อมิตาภพุทธ อาตมาไม่ฉันเจ ดื่มสุราได้นิดหน่อย”

พระรูปหนึ่งกล่าวขึ้น หากไม่ใช่ว่าสวมจีวรและหัวโล้น พระสองรูปนี้ไม่ได้ต่างอันใดกับพวกชายฉกรรจ์มีฝีมือ พอนั่งลงก็โอบกอดหญิงสาวอย่างไม่เกรงใจ  มือไม้ลูบคลำตามอำเภอใจยามร่ำสุรา ทำเอาหญิงสาวหัวเราะคิกคักไม่หยุด

“ไต้ซือผู่หยวนได้ยินข่าวพวกท่าน ก็ส่งเราพี่น้องมาที่นี่ ที่อยู่คนผู้นั้นสืบมาได้ความแล้วหรือยัง?”

พี่ใหญ่ตระกูลเจ้ายิ้มตอบกล่าวว่า

“ไต้ซือเจี้ยงหลง ที่พักคนผู้นั้นอยู่ที่ตรอกปลาแห้งนอกอำเภออู๋  หญิงหม้ายกับเด็กยังไม่โตดีเท่าไรใช้ชีวิตด้วยกัน เด็กนั่นมักไปขายถั่วห้ารสที่ริมน้ำ หญิงนั่นก็รับปะเสื้อผ้าให้คนข้างบ้าน หกปีก่อนเพิ่งย้ายมา สำเนียงพูดถิ่นไหนไม่รู้ แต่เด็กนั่นเคยไปสืบข่าวผู้แทนพระองค์ที่คลองส่งน้ำ หากว่าว่างไปก็เข้าใจได้ แต่ถามมากไป คนงานข้ารายงานว่า พอดีรู้ว่าทางท่านกำลังสืบข่าวเรื่องนี้จึงได้ส่งคนไปแจ้งข่าว”

พระหนึ่งในนั้นกำลังป้อนสุราให้หญิงในอ้อมกอด พอได้ยินเช่นนี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ผลักหญิงสาวออก ยืนขึ้นกล่าวว่า

“เราพี่น้องไปสะสางเรื่องราวก่อน กลับมาค่อยมาดื่มกับพี่เจ้าละกัน”

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset