องครักษ์เสื้อแพร 849 สอนด้วยการกระทำ

ตอนที่ 849 สอนด้วยการกระทำ
ตอนที่ 849 สอนด้วยการกระทำ

หวังทงลงมือไปและตรงเป้าที่หน้าพอดี รู้สึกพอใจมาก อันนี้ถานเจียงคอยสอนเขามาเป็นพิเศษ ในสนามรบดาบก็เรื่องหนึ่ง ปืนไฟกับธนูก็อีกเรื่องหนึ่ง ยังมีการขี่ม้า และอะไรอีกมากมาย แต่นอกจากพวกนี้แล้ว การปาเป้าก็เป็นศิลปะแขนงหนึ่ง แต่ไม่ค่อยได้ใช้เท่านั้น

ในห้องรับรองใหญ่เพียงนี้ เป้าก็ใหญ่ ปาไม่โดนนั้นไม่ง่าย หวังทงปาไปสองอย่าง ในใจก็รู้สึกพอใจกับความสำเร็จ เดินไปหน้าชายหนุ่มที่กุมใบหน้ากระโดดร้องเสียงดัง ถามเสียงเย็นขึ้น

บานประตูที่ถูกกระเบื้องแตกโดน ก็เริ่มขาด ชายหนุ่มพอเห็นก็รู้ว่าเป็นผู้ที่ดูแลผิวพรรรณมาดี ไหนเลยจะสนใจตอบ หากเอาแต่กุมใบหน้าส่งเสียงร้อง

ในห้องรับรองเงียบมาก นอกจากเสียงร้องแล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นอีก หวังทงถามไปอีก เงียบจนน่าแปลกใจ มองซ้ายมองขวา ก็พบว่าไม่ว่าจางเหลียนเซิงหรือซิ่วเอ๋อร์ ล้วนทำหน้าตะลึงค้างอย่างตกใจ

ส่วนบรรดาทหารติดตามอารักขาหวังทงในห้องรับรอง ใต้เท้าตนลงมือคนอื่นแล้วอย่างไร ผู้ใดจะสนใจ กลับเป็นพวกซาตงหนิงด้านนอกได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านใน ก็ชะโงกหน้าเข้ามาดูจากอีกประตูหนึ่ง

เมื่อครู่กาสุรานั้นแตกกระจาย ใบหน้าซิ่วเอ๋อร์ข้างชายหนุ่มผู้นั้นมีน้ำกระเซ็นโดนไปด้วย สตรีระดับนี้ ย่อมเห็นแก่ใบหน้าตนเองที่สุด ยามนี้ถึงกับอึ้ง และลืมเช็ดใบหน้าตน

หวังทงยิ้ม หันไปบอกสาวใช้ที่อึ้งไปเช่นกันว่า

“ใบหน้าคุณหนูเจ้าเลอะแล้ว ยังไม่รีบเช็ดอีก!”

วาจานี้ทำให้สาวใช้ได้สติทันที รีบควักผ้าเช็ดหน้าเข้าไปเช็ดให้ ยามนี้ชายหนุ่มกับหลายคนที่เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยเลือดหันมาตวาดว่า

“เจ้าคนสมควรตาย เจ้ากล้าลงมือกับข้า ข้าจะกวาดล้างเจ้าเก้า…”

กล่าวไม่ทันจบ ก็ถูกหวังทงถีบเข้าที่ท้องน้อยทีหนึ่ง หวังทงถีบไปครานี้แรงไม่น้อย ทำเอาคนทั้งคนกระเด็นออกไปยังระเบียงทางเดินด้านนอก เตะนี้ไม่มีเลือด แต่กลับหนักกว่ากาสุราเมื่อครู่นั้นมาก ชายหนุ่มผู้นั้นกุมท้องดิ้นไปมา ก่อนจะอ้าปากพะงาบๆ แม้แต่เสียงร้องเจ็บปวดก็ไม่อาจส่งเสียงออกมาได้

สาวใช้รีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้ ซิ่วเอ๋อร์กลับผลักสาวใช้ออกรีบกล่าวว่า

“นายท่านหวัง ท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว เพราะอารมณ์ชั่ววูบ นายท่านจางเป็นคนพื้นที่ ก็พลอยเดือดร้อนกับท่านไปด้วย!”

หวังทงหันไปหรี่ตามองจางเหลียนเซิงที่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นไก่ไม้ ถามเสียงเย็นขึ้น

“ข้าทำเจ้าเดือดร้อนหรือ?”

จางเหลียนเซิงพอได้ยินก็ตัวสั่น สีหน้าแปรเปลี่ยน แต่ก็ยังงง ส่ายหน้างงๆ ว่า

“เรื่องนี้…”

เมืองหนานจิงนี้เขาถูกรังแกจนชินแล้ว แต่พอมาคิดสถานะหวังทงให้ดี เหมือนว่า…จางเหลียนเซิงขัดแย้งกันในใจอยู่ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกดังมา ชายฉกรรจ์หลายคนบุกเข้ามาในห้อง ในมือมีดาบ ไม่พูดอันใด พอคนหนึ่งก้าวเข้ามา ก็เห็นหวังทงตวัดดาบฟันลงไป

ซาตงหนิงปฏิกิริยาไวสุด พอชายผู้นั้นยกแขน ดาบเขาก็เข้ารับทันที เสียง ‘ฉับ’ ดังขึ้น เลือดอุ่นสาดกระจาย ยามนั้นชายฉกรรจ์ที่เข้ามาส่งเสียงร้องโหยหวนดัง มือที่ถือดาบ ตั้งแต่ต้นแขนถูกฟันเลือดสาดกระจายสี่ทิศ

ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าเข้ามาก็ถึงกับเจอดาบฟันเลือดสาดได้ สาวใช้ในห้องส่งเสียงกรีดร้องดัง ยามนั้นซิ่วเอ๋อร์กลับไม่เหมือนกัน นางไม่เพียงไม่ส่งเสียงร้องดัง ยังกลับดึงแขนสาวใช้ไปหลบอีกมุม

ชายฉกรรจ์ผู้นั้นกุมแขนส่งเสียงร้องเจ็บปวด คนด้านหลังที่กรูเข้ามาสองสามคน คนหนึ่งแต่งกายเหมือนเป็นหัวหน้า รูปร่างกำยำ ท่าทางดุร้าย พอเข้ามาก็ตวาดดังว่า

“เจ้ากล้าทำร้ายนายน้อยเก้า มีโทษล้างตระกูล สับเป็นหมื่นชิ้น”

ยังพูดไม่ทันจบ กลับเห็นคนด้านหน้าง้างธนูขึ้น ในใจชายฉกรรจ์ตกใจยิ่ง ทว่าสถานที่เช่นนี้ไยมีคนมีธนูติดตัวมาได้กัน แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ อีกฝ่ายอาจไม่กล้ายิง ปากก็ตะโกนขึ้นว่า

“เจ้าคิดก่อการร้ายหรือ?”

ธนูดอกหนึ่งยิงออกมาแล้ว ในห้องรับรองที่ว่างมาก ระยะห่างไม่มาก ไหนเลยจะหลบทัน เร่งรีบเช่นนี้ได้แต่หลบศีรษะ ธนูปักลงที่หัวไหล่ เสียงร้องดังเจ็บปวดย่อมต้องมี ในใจก็ตกใจยิ่ง หากตนไม่หลบ ดอกนี้คงปักเข้ากลางศีรษะแล้ว

เฉินต้าเหอง้างอีกดอก ทหารหลายคนในห้องก็กระชับอาวุธพร้อม พวกที่เข้ามาคิดว่าตนเองกำลังเก่งกล้าแล้ว คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายก็ใช่ย่อย และฝีมือยังโหดกว่าอีกหลายเท่า อยู่ๆ ก็กลับต้องพากันนิ่งอึ้ง หวังทงรับดาบจากอู๋เอ้อร์มา ถามต่อขึ้น

“เมื่อครู่เจ้าหนังเขียวนั่นเป็นผู้ใด ตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดบอกข้าเลย?”

หวังทงหันกลับไปมอง เดินกลับไปนั่งที่ ยามนี้ได้ยินเสียงข้างนอกตะโกนขึ้นว่า

“เข้าไปสังหารพวกมันให้หมดๆ สังหารให้หมดๆ จับมันไปสับเป็นหมื่นๆ ชิ้น ล้างตระกูลมันให้หมด”

ได้ยินเสียงฝีเท้า สื่อชีออกไป กลับเข้ามารายงาน สีหน้าตระหนกหลายส่วน มากระซิบข้างหูหวังทงว่า

“บนเรือนี้เรามีคน 20 พวกเขาอย่างมากก็สิบกว่า ท่านโหวไม่ต้องกังวล”

“สง่าผ่าเผย ข้ากังวลอันใด!”

หวังทงกล่าวไม่ยี่หระ ชายฉกรรจ์หลายคนที่ปิดทางเข้าไว้ยามนี้กลับเปิดทาง มีชายวัยกลางคนหน้าตาดำคล้ำก้าวเข้ามา กวาดตามองรอบๆ มองไปที่จางเหลียนเซิงก่อน เขาเหล่มองจางเหลียนเซิง เสียงเย็นเยียบกล่าวว่า

“นายกองพันจาง วันนี้ช่างกล้าดี ทำร้ายนายน้อยเก้า เจ้ายังคิดมีชีวิตต่อหรือไม่?”

จางเหลียนเซิงร้อนใจ เห็นหวังทงกลับเอาแต่ก้มหน้าไม่พูด หวังทงส่ายหน้ายืนขึ้น ชายวัยกลางคนที่ก้าวเข้ามาในห้องเพิ่งพูด ดาบหวังทงในมือออกจากฝักแล้ว ฟันฉับลงไปทันที

ชายผู้นั้นตกใจ ผู้ใดจะคิดว่าไม่พูดอันใดก็ลงมือ ตกใจหลบไม่ทัน หวังทงบิดข้อมือ ใช้สันดาบตบหน้าชายผู้นั้นอย่างแรง

แรงแขนเขามาก ยังเป็นเหล็กตบใส่หน้า พอตบไป หน้าชายผู้นั้นก็บวมแดง ฟันร่วงหลายซีก พ่นออกมา เลือดกลบปาก หวังทงชักดาบกลับมาตั้งไว้ที่คอต่อ ถามเสียงเย็นเยียบขึ้น

“พวกเจ้าเป็นคนผู้ใดกัน เหตุใดจึงกล้ามากล่าววาจาเหิมเกริมเช่นนี้ได้ ทำไมไม่มีผู้ใดตอบสักคน!”

ชายกลางคนผู้นั้นคิดส่งเสียงสีหน้าเหมือนจะด่าหยาบคาย แต่เพราะดาบจ่ออยู่จึงไม่กล้าพูดเล็ดรอดออกมา ได้แต่กล่าวไม่เต็มเสียงนักว่า

“เจ้าทำร้ายคนจวนเว่ยกั๋วกง เจ้าทำร้ายคุณชายเก้าของจวนเว่ยกั๋วกง เจ้าอย่าคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆ พวกเจาจะไปฟ้องศาลเมืองอิ้งเทียน ศาลต้องส่งคนมา รู้ความแล้วก็ยังไม่วางอาวุธอีก อาจจะยังรักษาศพให้สวยได้อยู่!”

หวังทงอึ้งไป ดาบที่จ่ออยู่ที่คอก็เริ่มบิด ชายวัยกลางคนผู้นั้นคิดว่าหวังทงกลัว กำลังจะพูด หากดาบหวังทงกลับพลิกสะบัด ฟันอย่างแรงลงบนลำคอ ชายผู้นั้นไม่ทันได้ส่งเสียงก็สลบไปทันที

“เห็นท่าทางพวกเจ้าแล้ว คิดว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ใดเสียอีก ไปจับตัวเจ้าหนังเขียวด้านนอกเข้ามา คนที่เขาพามาก็จับตัวมาให้หมด มัดไว้!”

หวังทงออกคำสั่ง บรรดาทหารติดตามอารักขารับคำสั่งพร้อมเพรียง มีคนเปิดหน้าต่างห้องรับรองตะโกนออกไป ทั้งเรือสำราญเริ่มส่งเสียงดังอลหม่านไปหมด

นายน้อยเก้าจวนเว่ยกั๋วกงเดิมยังส่งเสียงตะโกนด่าดังอยู่ตรงระเบียงทางเดิน อยู่ๆ ก็เห็นมีทหารมากมายพร้อมอาวุธวิ่งขึ้นจากชั้นล่าง และคนของตนเองดูแล้วก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบรรดาชายหนุ่มฉกรรจ์เหล่านั้น ถูกจัดการล้มไปทีละคน

เห็นๆ ว่าบอกแล้วว่าเป็นจวนเว่ยกั๋วกง เหตุใดอีกฝ่ายยังไม่รามือ นี่เป็นหนานจิงนะ ระเบียงทางแคบ ไม่ยั้งมือ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว เลือดอุ่นๆ กระเด็นโดนใบหน้านายน้อยเก้า อยู่ ๆ เขาก็คิดได้ หรือว่ามีคนคิดสังหารตนกัน

คิดถึงตรงนี้ ความห้าวของนายน้อยเก้าก็มลายสิ้นไปทันที ส่งเสียงร้องดังโหยหวนขึ้น ร้องได้ไม่กี่คำ ก็ถูกหมัดอัดเข้าทีหนึ่ง ก่อนจะลากตัวเข้าไปในห้องรับรอง

ในห้องรับรอง ต่อสู้กันรวดเร็วยิ่งกว่า นายน้อยเก้าถูกจับเข้ามาโยนลงที่พื้นตอนนั้น ทุกคนก็ถูกบีบไปรวมอีกมุมหนึ่งแล้ว  นายน้อยเก้าถูกโยนไปกองที่เท้าหวังทง หวังทงถือดาบช้อนคางเขาขึ้น ยิ้มกล่าวว่า

“ข้าแม้มีบรรดาศักดิ์ แต่ก็ไม่ถึงขนาดพวกเจ้า เว่ยกั๋วกงยิ่งใหญ่มาก ข้าเป็นแค่โหว ไม่รู้ว่าจะได้สืบทอดไปกี่รุ่น”

ได้ยินเช่นนี้ นายน้อยเก้าแม้ว่าหน้ายังมีโลหิตไหล ก็เห็นได้ว่าสีหน้าซีดเผือด คุณชายเว่ยกั๋วกงกับผู้มีบรรดาศักดิ์มีเรื่องกัน ไม่ได้เปรียบอันใดนัก

หวังทงยิ้มกล่าวว่า

“ทว่าตำแหน่งงานข้าน่าจะดีกว่าเว่ยกั๋วกงสักหน่อย ข้าคือผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร อืม ครั้งนี้ลงใต้มาก็ยังมีสถานะผู้แทนพระองค์ด้วยนะ”

ในห้องคนจากจวนเว่ยกั๋วกงพากันตัวแข็งทื่อ  พวกที่มีสติไวก็ได้แต่ก่นด่าตนเอง หวังทงมาถึงหนานจิงแล้ว จางเหลียนเซิงเลี้ยงหัวหน้าตน ทำไมไม่รู้จักคิดบ้าง เว่ยกั๋วกงเป็นผู้นำชนชั้นสูงแดนใต้ แต่ติ้งเป่ยโหว ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรหวังทง ยังเป็นหวังทงผู้มีสถานะผู้แทนพระองค์ จะได้เปรียบอันใดกันได้ ผู้ใดล้วนรู้ว่าหวังทงลงใต้มาก็เพื่อสืบเรื่องชนชั้นสูง หากเกิดเป็นจริงล่ะ?

“…ท่านโหว…ใต้เท้าอย่าได้ถือสาข้าน้อย ข้าน้อยสวีจิ่วไม่มีตาดูให้ดี…”

หวังทงเห็นคุณชายเก้าแซ่สวีท่าทางลนลานยิ่ง ก็กลับยิ้ม กล่าวเพียงว่า

“คุณชายสวีสูงส่งนัก ข้าย่อมไม่ทำให้ท่านลำบากใจ ทว่าเรื่องวันนี้ที่ท่านไร้มารยาท ยังให้คนคิดสังหาร ไม่ได้รับการสั่งสอนย่อมไม่ได้ พวกเจ้านำคำข้าไปรายงานนายท่านพวกเจ้า พรุ่งนี้เช้าหน้าที่พักข้าต้องเห็นคุณชายเก้าพวกเจ้ามารออยู่หน้าประตู เลือกคนจวนพวกเจ้าออกมาลงแส้เฆี่ยน 50 เช่นนี้จึงจะจบเรื่อง ข้าอีกสองวันก็จะไปเมืองซงเจียงปฏิบัติหน้าที่ ไม่อาจเสียเวลาปฏิบัติงาน ไสหัวไปได้!”

หวังทงโบกมือ ทหารติดตามหวังทงเข้าไปตัดเชือกที่มัดตัวคนพวกนั้นไว้ คนพวนนั้นไม่กล้ากล่าวอันใดต่อ รีบเข้าไปประคองคุณชายเก้าพวกเขา ก่อนจะรีบล่าถอยออกไปทันที หวังทงหันไปมองจางเหลียนเซิงที่ยืนตาค้าง ยิ้มกล่าวว่า

“องครักษ์เสื้อแพรเราหากไม่แสดงบารมี ก็ย่อมเสียเกียรติฝ่าบาท ทำลายเกียรติราชสำนัก”

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset