องครักษ์เสื้อแพร 825

ตอนที่ 825

แผ่นดินหมิงประกอบด้วยสองนครคือปักกิ่งและหนานจิง และสิบสามมณฑล นับรวมเมืองฐานทัพทหาร เรียกได้ว่าประชากรมากมหาศาล แผ่นดินกว้างใหญ่

ในยุคสมัยนี้ พื้นที่ใหญ่เช่นนี้ทำให้เกิดปัญหาการข่าวไม่รวดเร็ว เมืองหลวงยังมาอยู่ตอนเหนือของแผ่นดินหมิง ฮ่องเต้เฝ้าป้องกันประตูสู่แผ่นดินอยู่ตอนเหนือ  แต่ก็ย่อมมีปัญหายุ่งยาก ก็คือเมืองหลวงส่งข่าวไปยังที่ต่างๆ ต้องใช้เวลานาน อย่างไรม้าเร็วก็มีความเร็วที่จำกัด

นี่ก็เป็นเหตุว่าทำไมนครหนานจิงจึงมีหกกรมกองแห่งหนานจิง ตั้งเสนาบดีกรมทหารหนานจิง ขันทีแห่งหนานจิงและผู้ตรวจการใหญ่แห่งหนานจิงสามตำแหน่งใหญ่ นับว่าตั้งศูนย์กลางแล้ว จะได้ไม่เป็นเพราะการข่าวล่าช้า ทำให้เสียระบบการปกครองทางใต้ไป

ข่าวเมืองหลวงไปหนานจิง ลงใต้ไปยังเมืองต่างๆ ก็มีม้าเร็วออกจากเมืองหลวงไป เพียงแค่เปลี่ยนม้า วิ่งไม่หยุด อย่างเร็วสุดก็ราวสิบกว่าวัน

งานบริหารแผ่นดินหมิง 11 วัน ก็หมายความว่า ส่งข่าวไปหนานจิง 11 วันเรียกว่าปกติ

ทว่าเมืองหลวงนั้นขุนนางมากมายมาจากใต้ การบริหารงานเมืองหลวงเกี่ยวพันกับทางใต้มากมาย  สินค้าขนส่งทางคลองส่งน้ำมาจากทางใต้จำนวนมาก

ทางการ ทางการค้า เรื่องราวการเมืองการปกครองและเงินทองมากมายต้องส่งไปมาตลอด  แต่เรื่องค้าเกลือแม่น้ำไหวเหอเหนือใต้ที่รุ่งเรืองใต้หล้านี้ กรมอากรให้ความสำคัญกับข่าวเรื่องเกลือมากที่สุด หากมีการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยก็หมายถึงเงินทองเข้าออกแสนหรือเป็นล้านตำลึง จะไม่ใส่ใจได้อย่างไร

ใช้ม้าที่ดีที่สุด ระหว่างทางไม่ให้มีการขวางกั้นใดๆ ระยะสามสิบลี้เปลี่ยนม้า ให้ม้าได้รักษาระดับความเร็วที่สุดมุ่งหน้าไปยังเมืองหลาง จากเมืองหลวงไปหนานจิงเร็วสุดก็ 8 วัน ว่ากันว่า 6 วันครึ่งก็ถึงได้

เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทางหลวง แต่เป็นเส้นทางที่คหบดีแดนใต้ลงขันกันสร้างขึ้น การค้าเกลือสองฝั่งน้ำ ตระกูลใหญ่แดนใต้ และอีกหลายฝ่ายล้วนได้รับประโยชน์

หวังทงจัดการเทียนจินมาสามปี จึงได้สร้างเส้นทางการส่งข่าวม้าเร็วจากเมืองหลวงไปเทียนจิน แต่พวกตระกูลใหญ่แดนใต้มีมาสองร้อยปีแล้ว

ข่าวใด ๆ ของราชสำนัก เมืองเป่าติ้งและเมืองเจิ้นติ้งที่ใกล้กับเมืองซุ่นเทียนย่อมต้องรู้ แดนใต้ก็ย่อมต้องเข้าใจกระจ่างเช่นกัน ถึงกับรู้เรื่องตระกูลสวีเมืองซงเจียงรุกครองที่นาคดีนี้ ตอนนี้ได้เกี่ยวพันถึงตระกูลใหญ่แดนใต้ เป็นตัวแทนของตระกูลใหญ่แดนใต้ไปเสียแล้ว คนไม่น้อยจับตาดูเรื่องนี้

เดือนหกหวังทงแต่งงานตามราชโองการ ตอนนี้กลางเดือนเจ็ดก็ออกจากเมืองหลวง แดนใต้จะไม่รู้ได้อย่างไร อย่างไรก็คงกระจ่างใจในท่าทีของฮ่องเต้ว่านลี่ หวังทงย่อมไม่ร้อนใจ

อย่างไรก็งานหลวง เช่นนี้ก็ทำไปตามงานหลวง ไปขึ้นเรือที่ทงโจว ล่องแม่น้ำลงใต้ ถึงตอนนั้นข้ามไปถึงแม่น้ำทางใต้ เส้นทางก็ราว 20 วัน ผ่อนคลายสักหน่อย

คนเมืองหลวงมาส่งไม่มาก ก็แค่หลี่เหวินหย่วนและหลี่ว์วั่นไฉกับคนสนิทอีกไม่กี่คน กำชับไปสองสามคำ ทุกคนก็กลับไป

ครั้งนี้ทหารติดตามหวังทงย่อมไปด้วย แต่หม่าซานเปียวให้อยู่เมืองหลวง ตอนนี้หม่าซานเปียวได้ตำแหน่งรองนายกองพันในสำนักองครักษ์เสื้อแพร หยางซือเฉินเป็นบัณฑิตทำอะไรไม่สะดวกนัก มีหม่าซานเปียวที่มีฝีมือไว้ข้างกาย ย่อมช่วยงานได้ไม่น้อย

จากทงโจวล่องเรือไปเทียนจิน หากทุกอย่างราบรื่นดี ก็ราวสามวันสองคืน หวังทงนำเรือไปด้วยทั้งหมด 13 ลำ ทหารร้อยกว่านายพร้อมอาวุธครบ เรียกได้ว่าอลังการอยู่

ด้วยความเคยชินของหวังทง ข้างกายไม่มีบ่าวรับใช้ ล้วนเป็นทหารติดตามดูแล ทว่าครานี้กับไม่เหมือนทุกครา มีบ่าวในชุดครามติดตามมาราวห้าคนมาช่วยงานยามอยู่บนเรือ

ทหารติดตามนอกจากถานต้าหู่และถานเอ้อร์หู่กับพี่น้องเขาไม่กี่คนแล้ว ที่เหลือล้วนผลัดเวรกัน มีคนมาอยู่ไม่นาน เห็นหวังทงนำคนใช้มาด้วยก็ตกใจ แอบวิพากษ์วิจารณ์

“ใต้เท้าเราเริ่มทำตัวเหมือนคนอื่นแล้ว!”

ทว่าถานต้าหู่กับถานเอ้อร์หู่กลับจำหนึ่งในคนรับใช้ได้ เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง ตอนแรกที่หวังทงกลับเมืองหลวง โดนขโมยของไปอย่างไม่รู้ตัว ก็คือสื่อชี เขาอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

*************

“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยไม่ค่อยคุ้นกับแดนใต้”

วันนั้นหวังทงถามสื่อชีเรื่องแดนใต้ สื่อชีตอบเช่นนี้ กว่าจะมีโอกาสได้แสดงความสามารถ อย่างไรก็ต้องพยายามแสดงออกให้มาก แต่ทว่าสื่อชีกลับตอบความจริง

“ใต้เท้า แดนใต้คหบดีมาก ลงมือยาก พวกคหบดีนั่นยังมีสายสัมพันธ์กับขุนนาง หากไม่มีก็ย่อมไม่กล้าทำการค้าที่นั่นกัน……”

ตามสื่อชีว่ามา สองฝั่งแม่น้ำสามารถลงมือได้ก็เป็นพวกพ่อค้าเกลือ  คหบดีใหญ่ล้วนเลี้ยงดูพวกมีฝีมือไว้ นั่นเป็นงานที่ดีอันดับหนึ่งของพวกนักเลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสายสัมพันธ์กับขุนนาง  หากล่วงเกินเข้า ทั้งฝ่ายทางการและฝ่ายนักเลงก็ย่อมร่วมมือกันมาสังหารทิ้งเป็นแน่ เรียกได้ว่าไม่อาจหนีได้พ้น

ส่วนเรื่องเส้นทางจากหนานจิงไปหังโจว มีแต่ชาวบ้านครอบครัวเล็กๆ ไม่มีเงินทองอันใด หากลงมือกับตระกูลใหญ่ ไม่ทันระวังล่วงเกินคนใหญ่คนโตเข้า ไม่ต้องพูดถึงว่าในจวนนั้นมีผู้คุ้มกันมากเท่าไร  จวนแดนใต้ทั้งหมดส่วนใหญ่ล้วนอาจแตกตื่นไปหมด ก็เท่ากับไร้หนทางหนี หมดสิ้นหนทาง

ตอนนั้นสื่อชีหากินอยู่แถวซานตงกับเหอหนาน ยังมีอีกพวกร่วมกันกับเขาลงใต้ ไปก่อคดีที่ฉางโจวไว้ ตุ๋นตระกูลหนึ่งไปหมื่นตำลึงได้  เดิมคิดว่าได้มาครอบครองแล้วสามารถเสพสุขร่ำสุราสบายใจ หลบซ่อนอยู่หลายเดือน สุดท้ายออกไปสำราญกันที่แม่น้ำฉินไหว  เดิมคิดว่าที่หนานจิงนี่ปลอดภัย คิดไม่ถึงว่ากำลังอยู่บนเรือก็โดนจับกุม กลับไม่ส่งทางการ หากนำส่งออกไปนอกเมือง

ลงโทษศาลเตี้ยหั่นเป็นหมื่นชิ้น จากนั้นก็โยนไปเล้าหมูถูกแทะจนเกลี้ยง  นี่ก็คือการจัดการ โหดเหี้ยมมาก คนพวกนี้ใช้เงินไปส่วนหนึ่ง ยังถูกคนส่งคนไปที่บ้าน ถึงกับสังหารครอบครัวหมดสิ้น

เรื่องนี้ใช่ว่าแค่คดีเดียว ได้ยินมากเข้า สื่อชีเองก็กลัว ไม่กล้าไปแตะต้องพิษร้ายเช่นนี้  พูดถึงเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง พวกนี้ยอมล่วงเกินทางการ แต่กลับไม่กล้าแตะต้องตระกูลใหญ่แดนใต้พวกนี้

ตามที่สื่อชีกล่าวมา กอปรกับความเข้าใจของหวังทง แดนใต้นี้ ใหญ่สุดไม่ใช่ทางการ หากเป็นตระกูลใหญ่

นอกจากสื่อชีว่ามาแล้ว หวังทงในฐานะผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรก็พอเข้าใจเรื่องราวอยู่มาก  เรื่องนี้ก็เพราะว่าการสอบขุนนางทำให้ตระกูลใหญ่ไม่เพียงแต่วางอำนาจเหิมเกริม หากในราชสำนักก็ยังค่อยๆ เป็นพวกเดียวกันกับพวกเขาอีกด้วย

ตั้งแต่เหยียนซงล้ม ขุนนางในราชสำนักก็เริ่มมาจากแดนใต้กันมาก และหลายเมืองแดนใต้ในเขตปกครองใต้ก็มาก พวกเขาย่อมให้การสนับสนุนกันและกัน ช่วยเหลือกัน เริ่มค่อยๆ กลายเป็นพรรคพวกกัน

ทางการมีพรรคพวกเช่นนี้ มีความสัมพันธ์เช่นนี้ ค่อยๆ เสริมสร้างฐานอำนาจตนเองให้ใหญ่ขึ้น พวกที่ไม่เกี่ยวกันก็จะระวัง ไม่กล้าล่วงเกิน

บางทีตั้งแต่สมัยฮ่องเต้หลงชิ่งมา แต่ละเมืองแดนใต้มีเพียงขุนนางที่มาจากเมืองเดียวกันรวมตัวกัน แต่เวลาผ่านไป มีคนก็คิดเห็นถึงผลประโยชน์ทางการเมือง ขอเพียงมีคนออกหน้าให้ร่วมกันเป็นหนึ่งได้ ก็ย่อมมีโอกาสเป็นพรรคพวกเดียวกันได้จริง

ตามที่หวังทงรู้มา คนเช่นนี้ปรากฏตัวแล้ว ก็คือกู้เซี่ยนเฉิงกับหลี่ซานไฉ สองคนแม้ว่าไม่ใช่ตำแหน่งขุนนางใหญ่ แต่ในเมืองหลวงทรงอิทธิพลมาก ขุนนางบัณฑิตชิงหลิวและขุนนางระดับล่างต่างก็ได้รับอิทธิพลไปด้วย

เพราะทุกคนร่วมพลังกันยื่นฎีกา ร่วมกันมากหลายคน ร่วมกันรุกถอย  เคลื่อนไหวมีจังหวะ ย่อมกลายเป็นพลังเหนียวแน่น รู้ผลดีของการรวมตัวเป็นพรรคพวกกัน

ปีนี้มีขุนนางจากหูโจวยื่นฎีกา ขุนนางจากซูโจว อู๋ซีและฉางโจวก็รวมกำลังออกหน้า ส่งผลต่อการสอบบัณฑิตและการรับขุนนางของกรมปกครอง ตอนนี้ไม่ว่ารับบัณฑิตหรือขุนนาง ล้วนค่อนข้างไปทางสามแหล่งนี้ นานวันเข้า เกรงว่าแผ่นดินหมิงคงเป็นแผ่นดินหมิงของสามเมืองนี้แล้ว

เมื่อก่อนหวังทงย่อมไม่สนใจเรื่องพวกนี้  ท่าทีตอนนี้ก็ไม่สนใจเท่าไร ขุนนางพรรคพวกพวกนี้ตอนนี้โจมตีหวังทงรุนแรงสุดก็คือเรื่องป้ายสงบสุขและเรื่องมาตรการต่าง ๆ ในเทียนจิน

เหตุผลก็ง่ายมาก ผลประโยชน์พวกเขาสะเทือน ทุกปีอาศัยตำแหน่งขุนนางได้รับการยกเว้นภาษี ซื้อของมาขายเมืองหลวงกำไรมาก ร้านค้าในเมืองหลวงล้วนเกี่ยวข้องกับขุนนาง  ตั้งด่านภาษีกับป้ายสงบสุขทำให้พวกเขาเหมือนโดนเฉือนเนื้อ

เปิดเส้นทางทะเลยิ่งยุ่ง จากแดนใต้ไปเหนือสินค้ามากมาย จากแดนใต้ขนออกสู่ท้องทะเล จากนั้นค่อยมาทางคลองส่งน้ำเข้าเมืองหลวงปลอดภาษี ตอนนี้เทียนจินเปิดทะเล ก็เท่ากับเดิมสินค้าจากใต้สามารถไปขายเทียนจินได้โดยตรง ทำให้รายได้แดนใต้น้อยลงไปมาก

ตั้งแต่เปิดทะเลมา เทียนจินกับหวังทงก็ถูกขุนนางใต้และขุนนางจากใต้โจมตีหนัก สาเหตุก็เพราะหวังทงกับเทียนจิน ทำให้ขุนนางแดนใต้ในราชสำนักโดยเฉพาะจากซูโจว อู๋ซี และฉางโจวรวมตัวกันเร็วยิ่งขึ้น และลึกซึ้งแนบแน่นยิ่งขึ้น

แต่พวกเขาจะโหวกเหวกอย่างไรก็ไร้ความหมาย ไม่ว่าหวังทงได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกัน ทุกปีล้วนมีเงินส่งเข้าวังก้อนโต สามารถทำให้ในวังและพระญาติได้ทำการค้ากำไรใหญ่ ที่เช่นนี้ จะยกเลิกได้อย่างไร พวกเจ้าต้องการกำไร คนอื่นก็ต้องการกำไร

***********

เทียบกับตอนไปเมืองหลวงอย่างเงียบเหงาแล้ว ตอนหวังทงมาถึงท่าเรือเทียนจิน  เรียกได้ว่าครึกครื้นมาก เรือหวังทงเพิ่มเข้าสู่แม่น้ำในเทียนจินก็มีเรือมารอรับแล้ว

เดือนเจ็ด น้ำในคลองส่งน้ำก็เชี่ยวมากที่สุด เรือย่อมค่อยๆ แล่น  แต่วันนี้เรือแน่นขยัด หรืออาจหยุดนิ่งบ้างที่ปลายน้ำ ให้ขบวนเรือหวังทงผ่านไปก่อน

ไช่หนาน หลี่หู่โถวกับซุนต้าไห่และนายกองเหรินย่วน ก็มาตอนรับบนเรือ พอมาถึงท่าเรือ หัวหน้าแต่ละสายงานของหวังทง พ่อค้าเทียนจินทั้งหลาย และบรรดาขุนนาง ตัวแทนราษฎร ก็ล้วนมารอกันอยู่พร้อมหน้า เสียงกลองดังกระหึ่มก้องฟ้า ประดับประดาด้วยผ้าแดงไม่ต้องพูดถึง

หวังทงในชุดเครื่องแต่งกายติ้งเป่ยโหวก้าวออกจากเรือ กำลังจะลงจากเรือ ก็มีเสียงประทัดดัง บรรดาขุนนางและผู้มีตำแหน่งพากันคำนับ พวกชาวบ้านพากันคุกเข่าลง

“อย่างไรบ้านเกิดก็ดีกว่า!”

หวังทงพึมพำเบาๆ

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset