องครักษ์เสื้อแพร 783

ตอนที่ 783
ขจัดเสียงนกกา ไม่มีประโยชน์อื่น

หวังทงไปมณฑลซานซีตรวจสอบเบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์  ขุนนางใหญ่ในราชสำนักไม่พอใจ  ขุนนางบัณฑิตเองไม่ต้องพูดถึง เรื่องเช่นนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของขุนนางบุ๋น รองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรยื่นมือมาข้องเกี่ยวทำไมกัน

แต่เบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์เรื่องนี้ก็เกี่ยวพันกับเรื่องราวไม่มาก ทุกคนไม่อยากยื่นมือไปยุ่งก็เป็นเรื่องที่รู้กัน หวังทงอยู่เมืองหลวง คนโปรดฮ่องเต้ว่านลี่ก็ย่อมเป็นเขา เขาจากเมืองหลวงไป  ทุกคนอาจจะมีช่องทางวางแผนอันใดได้บ้าง

เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ ตอนหวังทงอยู่เมืองหลวง  ที่หวังทงทำนั้นมีหลายคนขัดหูขัดตา แต่ทุกเรื่องก็ไม่ได้ทำผิดอันใด เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินทั้งสิ้น จึงทำให้ทุกคนทำอันใดไม่ได้

ให้หวังทงไปตรวจสอบเรื่องเบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์ หนึ่งให้คนขัดหูขัดตาออกไปไกลๆ  สองให้เขาไปโดนเรื่องเบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์ทำให้เสียท่าเสียบ้าง เรื่องเช่นนี้กระทบต่อสถานะของเขาต่อราชสำนักและฮ่องเต้

แต่เรื่องนี้ดำเนินไปเหนือความคาดหมายของทุกคน หวังทงไปมณฑลซานซีไม่กี่วัน มณฑลซานซีก็มีข่าวมาว่า หวังทงไม่รู้ตรวจสอบอย่างไร ถึงกับไปสอบถามเอากับลูกหลานเชื้อพระวงศ์แต่ละคน จนเป็นเรื่องเล่าขำขันกันไปหมด

ลูกหลานฮ่องเต้หนาวตายอดตาย ไม่เคยพบไม่เคยเห็น เรื่องนี้ใช่ว่าเป็นการทำให้พระองค์เสียหน้าหรอกหรือ ฮ่องเต้ขายหน้าหมดสิ้น หวังทงกล้าทำเช่นนี้ ใช่ว่าเจตนาไม่ดีต่อฝ่าบาทหรือ

ส่วนเรื่องเหตุใดขุนนางบุ๋นไม่แจกเบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์ เหตุใดขุนนางทั้งหลายไม่แก้ไขนโยบายเหลวไหลเช่นนั้น ในท้องที่ไม่มีเบี้ยแจก ลูกหลานเชื้อพระวงศ์อดอยากลำบาก ได้แต่ลักขโมยปล้นชิง  ล้อมที่ทำการต่างๆ ไม่มีคนเคยกล่าวถึง

แต่เมื่อมีขุนนางอยากกล่าวถึงเรื่องนี้ ก็ถูกขุนนางใหญ่หรือผู้ใหญ่ด่ายกใหญ่ ฎีกาเช่นนี้ถวายขึ้นไป เกรงว่าหวังทงคงไม่เป็นไร แต่ขุนนางในมณฑลซานซีคงได้พังไปทั้งแถบ ถึงตอนนั้นพวกชาวมณฑลซานซีที่เป็นขุนนางปฏิบัติงานในเมืองหลวงก็ย่อมต้องมีปฏิกิริยาไม่พอใจต่อฎีกานี้ สร้างความแค้นให้เกิดขึ้นเสียเปล่า ๆ

เรื่องนี้ดำเนินมาระยะหนึ่ง อยู่ๆ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป อยู่ ๆ กำแพงเมืองต้าถงก็มีกองโจรม้าออกปฏิบัติการเหิมเกริม พ่อค้าไปมาต่างถูกปล้นสังหาร

บรรดาขุนนางบุ๋นที่เดิมคิดจะหาเรื่องหวังทงในเรื่องเบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์นี้ ยามนี้มองออกแล้วว่าโชคดีที่ตอนแรกไม่ได้ออกตัว ขุนนางชาวมณฑลซานซีในเมืองหลวงกับขุนนางที่สนิทกันพากันยื่นฎีกาขอให้นำกำลังออกปราบกองโจร เสนาบดีกรมทหารจางเสวียเหยียนเองก็ถูกบีบจนร้อนใจ

ปกติมณฑลซานซีและส่านซีจะถูกทหารม้าพวกนอกด่านรุกราน สังหารชาวบ้าน กองกำลังถูกโจมตีพ่าย แต่ไรมาไม่เคยเห็นคนพวกนี้กล่าวอันใดหรือทำอันใด  ถึงกระทั่งมีคนยื่นฎีกาว่าฝึกกำลังไม่ดี ทหารอ่อนแอ และยังบอกว่าอย่าได้ลงมือพลการ ให้ยึดความสงบสุขเป็นสำคัญ เมื่อมีสนธิสัญญากับเผ่าอันต๋า ก็ต้องรักษาพันธะนั้นพันปีหมื่นปี รักษาชีวิตความเป็นอยู่อันสงบสุขของราษฎรให้คงอยู่ต่อไป นี่คือการกระทำของคนพวกนี้

ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ทุกคนพากันออกโรง กล่าวว่าอาณาเขตสามร้อยลี้แผ่นดินหมิงถึงกับมีกองโจรม้าออกก่อการเหิมเกริมได้ ศักดิ์ศรีแผ่นดินหมิงอยู่ที่ใดกัน หากไม่นำกำลังออกปราบ ย่อมไม่อาจปกครองทั่วหล้าได้

มีคนคิดว่า หรือว่าเรื่องกองโจรม้านี้เกี่ยวพันกับหวังทง ทว่าก็ช่างเหลวไหลยิ่งนัก หวังทงไปตรวจเรื่องเบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์ ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับกองโจรม้าแม้แต่น้อย กล่าวเช่นนี้ ใช่ว่าหาเรื่องให้ตนเองถูกหัวเราะเยาะหรือ

แต่ก็ไม่อาจกล่าวเช่นนี้ การสร้างความยุ่งยากให้หวังทง ให้เขารับผิดชอบมากขึ้นอีกหน่อย ถึงตอนนั้นเกิดข้อผิดพลาด ยื่นฎีกาโจมตีง่ายหน่อย มีคนคิดเช่นนี้

แต่หวังทงนำกำลังออกนอกด่านได้ชัยยิ่งใหญ่มากหลายครา หากหวังทงสร้างความชอบอีก ใช่ว่าเปรียบดังช่วยเขาตัดชุดแต่งงานหรอกหรือ ตนเองไม่ได้อันใดด้วย มีคนลังเลไม่ลงมือ ทว่าการลังเลไม่อาจทำให้การสำเร็จ มีคนตัดสินใจยื่นฎีกาทันที ว่าหวังทงกำลังอยู่ในมณฑลซานซี พอดีให้นำกำลังออกปราบกองโจรม้าได้

ในวังครั้งนี้ก็ช่าง ‘ตามน้ำ’ พอยื่นฎีกาไป ก็มีราชโองการไปยังมณฑลซานซีทันที ให้หวังทงรับหน้าที่นำกำลังออกปราบกองโจรม้า

ใต้หล้ามีเรื่องมากมาย ทว่ายามนี้มณฑลซานซีกับเมืองหลวงกลับกำลังร้อนใจยิ่ง ทุกวันมีม้าเร็วไปมา ทุกวันมีสารส่งไป  ขุนนางบัณฑิตในเมืองหลวงล้วนมีขุนนางใหญ่อยู่เบื้องหลัง ต่างติดต่อไปกันและรวมตัวกัน

ข่าวแพร่ไปอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ทางมณฑลซานซีนี้ทางเมืองหลวงก็เข้าใจอยู่มาก หวังทงนำกำลังออกปราบกองโจรม้า กองโจรม้ายังคงเคลื่อนไหวถี่ ทหารม้านอกด่านยังออกมาปราบ  ชายแดนมีรายงานระวังภัย

หวังทงปราบกองโจรม้าไร้ความชอบ หากไปหาเรื่องพวกนอกด่าน ใช่ว่าเป็นความผิดหรือ ไม่รู้ว่าเขาคิดทำเรื่องเหลวไหลอันใด จึงได้ไปก่อเรื่องเช่นนี้ได้  นี่เป็นสิ่งที่บรรดาขุนนางบัณฑิตอยากจะให้เกิด ฎีกากรูกันขึ้นทูลเกล้า

ยามนี้ยื่นฎีกาก็มักจะทำเพื่อชื่อเสียง บ้างก็อ้างว่าบุ๋นบู๊มีระดับต่างกัน  บ้างอ้างคุณธรรมใหญ่ หรือไม่ก็พวกเคยถูกหวังทงจัดการมากันพวกนั้น หากเป็นพวกขุนนางใหญ่ในราชสำนักกลับไม่มากนัก

บางเรื่องขุนนางระดับล่างอาจไม่รู้ แต่พอถึงสถานะหนึ่ง หลายเรื่องก็ย่อมกระจ่าง หวังทงอยู่นอกเมืองเซวียนฝู่ได้รับ ชัยชนะใหญ่สองครั้งนอกด่านกู่เป่ยโข่วเป็นเรื่องจริง มีความสามารถในการนำทัพอย่างยิ่ง กองโจรม้านอกด่านจะต้องนำกำลังไปมากมายเช่นนั้นทำไมกัน เบื้องหลังไม่รู้ว่าเหตุใดกันแน่

ยามอยู่ตำแหน่งสูง พูดจาหรือทำการใดก็ต้องรอบคอบให้มาก ไม่รู้ความจริง ผู้ใดก็ไม่กล้าลงมือพลการ นี่จึงทำให้กระแสเมืองหลวงในตอนนี้แปลกประหลาดยิ่ง

ปราบกองโจรม้าไม่สำเร็จก็ย่อมส่งผลเสียต่อการค้ามณฑลซานซี ขุนนางที่มาจากมณฑลซานซีกับพรรคพวกย่อมไม่ยอมง่ายๆ เสียงนกกาที่รุนแรงที่สุดก็คือพวกเขา แต่หลังจากนั้นสองสามวัน ก็เงียบกริบทันที คึกคักมีเรื่องอยู่หลายวัน อยู่ๆ ก็เงียบกริบลง ทำให้ผู้คนต่างประหลาดใจ

เดิมหลี่ซานไฉกับกู้เซี่ยนเฉิงคิดว่าวิเคราะห์ได้แม่นยำแล้ว หวังทงไม่อยู่เมืองหลวง เมืองหลวงวิพากษ์วิจารณ์รุนแรง หากสามารถกระพือโหมไฟได้ ก็สามารถล้มหวังทงได้เด็ดขาด

พวกเขารอดูอยู่สองสามวัน กำลังจะลงมือ เสียงวิพากษ์วิจารณ์เมืองหลวงอยู่ ๆ ก็เงียบลง  มีขุนนางสายมณฑลซานซีทูลในราชสำนักว่า

“ใต้เท้าหวังครั้งนี้ไปไม่ชำนาญเส้นทาง คิดจะจัดทัพออกปราบกองโจรม้าก็คงต้องใช้เวลาหลายวันสักหน่อย ทุกท่านเร่งรัดเช่นนี้ จะเป็นการทำให้เสียการแทน รอสักหน่อยละกัน”

วาจานี้มาจากผู้ที่ปกติไม่ได้พูดจาเป็นประโยชน์กับหวังทงเท่าไร มักคิดว่าหวังทงเป็นขุนนางชั่วทำลายชาติ วันนี้กลับกล่าวเช่นนี้ ข่างทำให้รู้สึกน่าแปลกยิ่ง ยิ่งทำให้รู้สึกแปลกใจมากก็คือ มีคนเห็นด้วยมาก

หลังจากหาคนมาสอบถามจึงได้รู้ความจริงไม่ยุ่งยากซับซ้อนอันใด มีพ่อค้าชายแดนเสียหายหนัก พ่อค้าสนิทกับหวังทงกำลังรับซื้อสินค้าในมณฑลซานซี แต่ละร้านตุนของไว้ขายได้ราคาไม่เลว หวังทงเริ่มแรกเป็นขุนนางชั่ว หากตอนนี้กลับเป็นดังเทพแห่งเงินทอง หากล่วงเกินมากไป ใต้เท้าหวังไม่ซื้อ จะไปหาผู้ใดมาซื้อ

คิดหาเรื่องก็ต้องเงียบไว้ก่อน ตอนนี้คิดจะโจมตีหวังทง อย่างไรก็คงต้องมีเรื่องกับขุนนางทั้งมณฑลซานซี จะมาหาเรื่องใส่ตัวกันทำไม ไม่ได้ประโยชน์อันใด  ยังหาเรื่องมาให้ตนเดือดร้อนอีก

แต่ตั้งแต่เดือนสิบปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 11 หวังทงรับราชโองการไปมณฑลซานซีตรวจสอบเบี้ยพระราชทานเชื้อพระวงศ์สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เรื่องกองโจรม้ายังไม่ทันจบดี อยู่ๆ ก็มีเรื่องด่วนรายงานมายังเมืองหลวงว่าทหารม้านอกด่านเคลื่อนไหวเข้าใกล้กำแพงเมือง เมืองต้าถงวิกฤต!!

สถานการณ์อยู่ ๆ เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ในเมืองหลวงพวกที่รู้การทหารนิดหน่อยกับพวกไม่รู้ก็ล้วนรู้ว่าเมืองต้าถงมีรายงานสถานการณ์เร่งด่วนมา ก็พากันร้อนใจทันที

ตั้งแต่ตั้งแผ่นดินหมิงมา ปฐมฮ่องเต้จูหยวนจางและฮ่องเต้หมิงไท่จู่ปราบใต้หล้าราบคาบ  ยังมีเรื่องความกล้าหาญจักรพรรดิจูตี้นำกำลังปราบชายแดนตอนเหนือหลายครั้ง นอกนั้นก็เหมือนว่าถูกโจมตีอยู่เรื่อย และพวกนอกด่านยังโจมตีมายังเมืองหลวงไม่เพียงแค่ครั้งเดียว เป็นความอัปยศไม่รู้กี่ครั้ง ก็ล้วนมาจากทางเมืองต้าถงทั้งสิ้น

ตอนนี้เมืองต้าถงมีรายงานด่วนมา ใช่ว่าตอนนี้เมืองหลวงวิกฤตหรือนี่ ชาวเมืองหลวงพากันตื่นตระหนก แต่อย่างไรก็เป็นแค่รายงานด่วน พวกนอกด่านมาเคลื่อนไหวแถวกำแพงเมืองทางนั้น แต่ยังไม่ได้โจมตี

เหตุใดปีหนึ่งมานี่ไร้เรื่องราว แต่พอหวังทงไปปราบกองโจรม้าก็มีเรื่องได้ นี่เป็นความผิดผู้ใดกัน ย่อมกระจ่างแล้ว มีขุนนางถวายฎีกาโจมตีหวังทงทันที หวังทงปฏิบัติงานไม่ดี ก่อให้เกิดปัญหาชายแดน นี่ไม่เท่าไร ยังมีคนวางแผนลึกกว่านั้นว่า ให้หวังทงรับหน้าที่ป้องกันต่อสู้กับพวกนอกด่าน ให้มีความรับผิดชอบยิ่งมาก

แม้ว่าหวังทงมีชัยชนะใหญ่ที่ด่านกู่เป่ยโข่วมา แต่นั่นเป็นผลงานแม่ทัพใหญ่ชีจี้กวงมากกว่า เมืองต้าถงไม่มีแม่ทัพเก่งกล้า ทหารชายแดนเมืองต้าถงแต่ไรมาก็อ่อนแอ พวกเขาเผชิญกับทหารเผ่าอันต๋า เผ่าอันต๋าเป็นใหญ่บนทุ่งหญ้านอกด่าน รบกับแผ่นดินหมิงมานานหลายปีเช่นนี้ไม่เคยแพ้มาก่อน

ถึงตอนนั้น ขอเพียงหวังทงผิดพลาดเพียงเล็กน้อย หรือมีเรื่องผิดพลาดอันใด ก็ย่อมต้องเกี่ยวพันกับชายแดน สร้างภัยให้แก่ชาติบ้านเมือง ความผิดเช่นนี้ย่อมต้องตัดหัวประหารชีวิต

ครั้งนี้ราชสำนักก็ทำตาม ‘ใจประชา’ มีราชโองการอย่างรวดเร็ว ให้หวังทงผู้บัญชาการมณฑลทหารเมืองต้าถงนำกำลังออกป้องกันพวกนอกด่าน ราชโองการเช่นนี้หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะเสนาบดีใหญ่ย่อมยากจะออกไปได้ แต่ชายแดนมีภัย เกี่ยวพันใต้หล้า สอบถามหาความรับผิดชอบ คณะเสนาบดีใหญ่ก็ย่อมหนีไม่พ้น

หากทางเมืองต้าถงมีคนสถานะสูงส่งเป็นผู้บัญชาการมณฑลทหาร ให้อำนาจเขาตัดสินใจ เช่นนี้ สุดท้ายไม่ว่าเป็นเช่นไร ก็สามารถผลักความรับผิดชอบไปได้ ฮ่องเต้ว่านลี่ที่ทุกคนรู้สึกว่าเจริญชันษาขึ้นไม่น้อย แต่ครั้งนี้ก็เหมือนกับไร้เดียงสา หากทรงเห็นหวังทงเป็นขุนนางคนสนิทจริง ก็ย่อมไม่ควรให้เขาได้รับผิดขอบตำแหน่งผู้บัญชาการมณฑลทหารนี้  แต่ที่ยิ่งทำให้แปลกใจก็คือ พวกจางเฉิงและจางจิงต่างไม่เตือนพระองค์

คณะเสนาบดีใหญ่ตั้งแต่เซินสือหังลงไปย่อมไม่มีความคิดเห็นต่อสิ่งที่ฮ่องเต้ว่านลี่ตัดสินพระทัยในครั้งนี้ ทว่าในใจก็ได้แต่ทอดถอนใจ แม้ฮ่องเต้คิดส่งเสริมหวังทงก็ไม่น่าใช่โอกาสนี้ ผู้บัญชาการมณฑลทหารเมืองต้าถง ตำแหน่งนี้ไม่เลวก็จริง หวังทงรับหน้าที่นี้ไป วันหน้าแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งก็ง่ายมาก แต่ในยามนี้มารับหน้าที่นี้ ไม่ใช่เป็นการช่วยหวังทง หากเป็นการทำร้ายหวังทงต่างหากเล่า

ในเมื่อเป็นราชโองการฮ่องเต้ ทุกคนก็ย่อมหาคนมารับหน้าไป ขันทีในวังเงียบไปหมด ทุกคนจะไปเตือนทำไมกัน

ลำดับต่อมาก็ต้องให้เทียนจินส่งกองกำลังสังกัดวังหลวง เมืองจี้โจวส่งกองกำลังไปช่วยเสริม กรมอากรส่งเงินไป กรมทหารมีเอกสารสั่งการไป เมืองหลวงเริ่มมีคนว่าเปลืองกำลังเปลืองเงินทอง

จากนั้นหวังทงนำกองกำลังออกปราบกองโจรม้า มีคนกล่าวว่าการนี้เหมือนความรู้สึกไวกันเกินไป ทัพใหญ่เคลื่อนง่ายไป หากไปกระทบกระเทือนชายแดน ก่อเกิดภัยใหญ่ ใช่ว่าจะทำให้เกิดการสูญเสียล้มตายมากมายหรอกหรือ

จากนั้น เมืองหลวงก็ได้รับข่าวการนำทัพรุกล้ำเข้าไปของหวังทง ก่อเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ยกใหญ่…….

องครักษ์เสื้อแพร

องครักษ์เสื้อแพร

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 1116 อ่านนิยาย


หากคุณชอบนิยายจีนย้อนเวลา เรื่องราวเข้มข้นสุดมันส์ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงอยู่ที่นี่แล้ว!

ชาตินี้ต้องตายเพราะโรคร้าย ทั้งๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจ

เขาไม่ยอม!!

ชาติหน้าเขาจะต้องมีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่าผู้ใด…

หวังทงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในราชวงศ์หมิงพร้อมความทรงจำของมนุษย์ทำงานในศตวรรษที่ 21

รัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง

และก็เป็นยุคสุดท้ายแห่งความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หมิง

หวังทงในฐานะ ‘องครักษ์เสื้อแพร’ จะนำความรู้สมัยใหม่ไปทำอะไรได้บ้าง

นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรในประวัติศาสตร์

…วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ก็เริ่มหมุนเปลี่ยนทิศ…

Options

not work with dark mode
Reset