หมอร้ายคลั่งรัก 8

ตอนที่ 8

“3 เดือนหรอ 3 เดือน ทำไมต้อง 3 เดือนด้วยวะ”

“โธ่เว้ย!!! แล้วทำไมกูต้องหงุดหงิดด้วยวะ แค่ผู้หญิงคนเดียวไม่ให้เอาก็ไม่เอาโว้ย!” ผมแม่งเหมือนคนบ้าพูดคนเดียวหงุดหงิดคนเดียวโวยวายคนเดียวอยู่ในรถเนี่ย ยิ่งหงุดหงิดไปใหญ่ก็ต้องมาติดไฟแดงที่ขึ้นเลขโชว์ 180 วินาทีเนี่ยแม่งเอ้ยไฟแดงมึงก็เร็วๆ หน่อยดิวะ ปกติก็รอได้แต่ตอนนี้เข้าใจมั้ยคนมันหงุดหงิด หงุดหงิดโว้ย

เอ๊ะ นั่นมัน ใช่ ใช่เธอคนที่ทำให้ผมกำลังหงุดหงิดอยู่ตอนนี้ เธอนั่งหลับหัวพิงกระจกอยู่บนรถเมล์คันใหญ่ที่จอดอยู่ข้างๆ ผม หึ เราต้องคุยกัน ผมขับรถไปจอดหน้ารถเมล์ที่จอดรับผู้โดยสารอยู่ เปิดประตูเดินขึ้นรถเมล์คนขับมองหน้าผมแต่ก็ไม่พูดอะไรเพราะหน้าผมตอนนี้พร้อมมีเรื่องมากชนิดที่ใครขัดกูสวนไม่ยั้ง แต่ผมไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นยังไงใครจะมองก็ช่างผมสนแค่เธอคนเดียวและต้องคุยกันให้รู้เรื่อง

พรึ่บ

“โอ้ย!!” ผมเดินไปดึงแขนเธอทั้งๆ ที่ยังหลับอยู่เธอคงร้องด้วยความเจ็บยอมรับว่าผมไม่ได้ออมแรงด้วยความโมโหมีแรงเท่าไหร่ผมใส่หมด

“คุณ” เธอตกใจตาโตที่เห็นหน้าผม

“…..” ผมได้แต่มองเธอนิ่งๆ แล้วกระตุกแขนอีกครั้งให้ลุกเดินตามผมมา

“โอ๊ะ”

ปัง!!!

เอ่อ ฉันตกใจมากที่อยู่เขาก็โผล่มาบนรถเมล์ แล้วก็กระชากลากฉันลงมาจากรถ หน้าตาน่ากลัวมากตั้งแต่รู้จักเขามาตั้งหลายเดือนฉันไม่เคยเห็นเขาน่ากลัวแบบนี้มาก่อนเลย ถึงเขาจะนิ่งจะเย็นชามากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยรุนแรงแสดงท่าทางน่ากลัวกับฉันแบบนี้เลย จะรอดมั้ยวะกูเนี่ย

เขาลากฉันลงจากรถเมล์แล้วโยนใส่รถหรูแถมปิดประตูดังมาก ดังจนฉันสะดุ้งสุดตัว รถซุปเปอร์คาร์หรูมากแต่ฉันไม่มีเวลามาตื่นเต้นหรอกนะในสมองตอนนี้คิดแค่ขอมีชีวิตรอดกลับไปเจอหน้าพ่อ แม่ น้องชายก็มีบุญมากแล้ว

ปัง

เสียงปิดประตูฝังคนขับดังแต่ไม่ดังมากเท่ากับที่เขาปิดให้ฉันเมื่อกี้หรอก ขึ้นมาได้ก็นั่งพิงเบาะหลับตาเฉย ง่วงทำไมไม่นอนต่อล่ะมานอนทำไมบนถนนเนี่ย

“จะไปไหน” เขาถามฉันเสียงเรียบแต่ฟังแล้วขนลุกทั้งๆ ที่เขายังหลับตาอยู่

“ปะ ไป บะ บริษัท สะ สุริคามหาจักรค่ะ” ฉันตอบตะกุกตะกักไม่เต็มเสียงนัก แต่เขาก็คงได้ยินแหละมั้ง แอบเห็นเขาขมวดคิ้วเบาๆ แต่แค่แปบเดียวเท่านั้น คนอะไรขนาดหลับตายังทำหน้านิ่งได้น่ากลัวมาก

“ไปทำไม” เขายังถามต่อ ขนาดหลับตายังน่ากลัวขนาดนี้ถ้าลืมตาขึ้นมาคงฆ่าฉันตายแน่ๆ

“ไปทำงานค่ะอิงฝึกงานที่นั่น” หึ้ย อิอิงอยากตบปากตัวเองเหลือเกินไปเผลอแทนตัวเองอย่างนั้นได้ไงดูหน้าเขาสิขบฟันแน่นคิ้วกระตุกใหญ่แล้วชะตาขาดแน่อิอิง ถ้าฉันไม่รอดออกไปฝากบอกพ่อ แม่ น้องชายฉันด้วยนะว่าฉันรักพวกเขามาก

“อืม” แล้วเขาก็ลืมตาทันทีที่เขาลืมตาฉันก็หลบสายตาเขามองมือตัวเองทันทีเหมือนกัน เขาค่อยๆ เคลื่อนรถออกไปช้าหรือเร็วไม่รู้รู้แต่ว่าในรถเงียบมากเงียบจนฉันไม่กล้าหายใจ ในใจก็คิดแต่คำว่า “อืม” อืมของเขาหมายความว่าไงแล้วคืออะไรแค่อืมคำเดียวและคำสุดท้ายที่ออกจากปากเขา คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกจะถามก็ไม่กล้า

“ไม่ลง” หะเขาว่าอะไรนะ รถหยุดเขาหยุดรถทำไมแล้วที่นี่ที่ไหน ฉันมองไปรอบๆ อ้าวนี่มันที่ฝึกงานฉันนี่ อย่างน้อยๆ เขาก็ยังมีน้ำใจมาส่งฉันล่ะวะ ไม่ต้องนั่งรถเมล์มาเองด้วยโชคดีของฉันจริงๆ

“ขอบคุณนะคะ” ฉันยกมือไหว้ยิ้มให้เขาแล้วรีบลงจากรถเขาวิ่งเข้าตึกตัวเบาไปเลยค่ะ วันนี้ฉันมาเช้าจร่า หวังว่าลิฟต์จะซ่อมเสร็จแล้วนะ

“อิงซื้อกาแฟให้หน่อย” ฉันได้แต่มองกระดาษแผ่นใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าฉัน วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่อิงชาคนนี้กลายเป็นเด็กวิ่งน้ำ มันคือหน้าที่ประจำของฉันไปแล้วแหละ ฉันหยิบกระดาษที่มีรายการสั่งซื้อยาวจนเต็มหน้ากระดาษแล้วเดินออกมาจากห้องทันที

“เห้อ!!!” ได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆ ฝึกงานที่นี่มาเกือบเดือนแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นเลยหน้าที่เดิมๆ ที่ฉันต้องทำคือ ซื้อกาแฟ เดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร เพิ่มเติมคือพิมพ์งาน จัดเรียงเอกสาร ทั้งหมดนี้ไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ได้เรียนมาเลย

Options

not work with dark mode
Reset