หมอร้ายคลั่งรัก 10

ตอนที่ 10

แกร๊ก แอ๊ด แกร๊ก ตุ๊บ

ได้ต้องคิดเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรที่ ทันทีที่เขาปิดประตูคอนโดร่างบาง ที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงของฉันก็โดนเหวี่ยงมาบนโซฟาตัวใหญ่อย่างไร้ความปราณี

“อ๊ะ เจ็บ” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแรงเหวี่ยงของเขาทำให้แขนของฉันกระทบกับโต๊ะกระจกอย่างแรง

“เธอไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้อง” เจ็บกว่าแขนก็คำพูดเขานี่แหละ ก็จริงอย่างที่เขาพูดฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องใดๆ ทั้งสิ้น

ในเมื่อขัดอะไรเขาไม่ได้ก็ต้องปล่อยให้เขาได้ระบายอารมณ์บนร่างกายฉันอย่างเต็มที่ตามที่เขาต้องการ

กริ้ง กริ้ง

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ฉันไม่รู้ มือบางควานหาโทรศัพท์มือถือตัวเองหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอได้ยินแต่เสียงปลุกดังอยู่ไกลๆ ฉันลุกขึ้นนั่งบนเตียงนุ่มขนาดใหญ่ ตอนนี้ฉันสัมผัสได้ว่าสิ่งมีชีวิตเดียวในห้องที่เหลืออยู่คือฉันอิงชา ไม่มีแม้แต่เงาของเขาเลย แบกร่างอันเปลือยเปล่าไม่มีสิ่งใดปกคลุมร่างกายเลยสักชิ้นเดียว ลุกขึ้นหยิบผ้าห่มผืนหนามาคลุมตัวแทนเสื้อผ้าที่ตอนนี้อยู่ตรงไหนฉันเองก็ไม่รู้ เดินตามหาเสียงโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้ จนมาเจอกับกระเป๋าที่ถูกเหวี่ยงไว้อยู่กลางห้อง เสื้อผ้าชุดนักศึกษากระจายไปทั่ว

“เห้อ” ได้แต่ถอนหายใจแรงๆ ตอนนี้เวลาตี 5 ชุดนักศึกษาก็ยับยู่ยี่ แทบไม่มีเวลาให้ฉันได้ตัดสินใจในตอนนี้แล้วจะกลับไปห้องเธอก็ไม่มีเวลาเหลือขนาดนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มีโอกาสมองสำรวจคอนโดเขา คอนโดหรูถูกทาสีด้วยโทนเทาทั้งเทาอ่อนเทาเข้ม เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นจะเป็นสีดำ เทา ทั้งหมด โซฟาชุดใหญ่สีเทาเข้มน่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ฉันใช้บริการบ่อยมากที่สุดรองลงมาจากเตียงนอน มองออกไปนอกระเบียงเจอกับเครื่องซักผ้าที่แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดาเหมือนกับเครื่องซักผ้าที่บ้านฉันแน่นอนฉันรีบตรงไปที่เครื่องซักผ้าโยนทุกอย่างลงไปก่อนจะวิ่งไปอาบน้ำ ถ้าช้ากว่านี้ได้ไปฝึกงานสายแน่ๆ ฉันรีบอาบน้ำพอดีกับชุดนักศึกษาซักอบแห้งเสร็จพอดีถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าเขาทุกตู้จนเจอเตารีดวางอยู่มุมในสุดบงบอกได้ว่าเขาไม่ใช่คนรีดผ้าเองแต่แค่มีติดห้องไว้ก็เท่านั้น จัดการทุกอย่างแล้วรีบออกมาจากห้องเขาในเวลาเกือบ 6 โมงเช้า กว่าจะฝ่าฟันการจราจรไปได้ก็เฉียดฉิวอีกแล้ว

“ดีจริงเป็นเด็กฝึกงานมาสายก็ได้” ฟังจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าประชด แต่ฉันไม่ได้มาสายนะอีกตั้ง 3 นาทีแน่ะกว่าจะถึงเวลาเข้างาน ฉันทำเป็นไม่สนใจเดินไปที่โต๊ะของตัวเองเตรียมทำงานที่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวาน งานที่ยิ่งใหญ่ของฉันคือการจัดเรียงเอกสาร

ด้านหมอนาคินที่พึ่งออกมาจากห้องผ่าตัด เขาถูกเรียกตัวมาตอนตี 1 ทั้งๆ ที่พึ่งนอนไปได้แค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นเอง ไม่ได้ปลดปล่อยมานานได้โอกาสก็ขอจัดหนักจัดเต็มสักหน่อย ใจจริงอยากจะจัดให้หนักกว่านี้แต่ได้แค่ 2 ยกแม่คุณก็สลบไปซะก่อน ผมไม่ได้เลวขนาดเอาผู้หญิงหลับหรอกนะเลยปล่อยให้พักไปก่อน “หึหึ” หลังจากอยู่ในห้องผ่าตัดนานถึง 4 ชั่วโมงเต็มผมขอพักหน่อยแล้วกันก่อนจะต้องออกตรวจอีกในตอนสาย

“คุณหมอนาคินคะคนไข้ห้องฉุกเฉินอุบัติเหตุแขนหักค่ะ”

“ครับ” พึ่งออกจากห้องผ่าตัดยังไม่ทันจะได้เข้าห้องพักตัวเองก็ต้องเปลี่ยนทิศไปยังห้องฉุกเฉินทันที อย่างนี้แหละครับชีวิตหมอเวลาส่วนตัวหายากครับ

“ฮือ ฮือ เจ็บ ฮือ ฮือ” เข้ามาในห้องฉุกเฉินก็จะดูวุ่นๆ เป็นเรื่องปกติ แต่ที่เด่นสุดในตอนนี้ก็คงเป็นเตียงที่มีทั้งญาติ หมอ และพยาบาลยืนมุงกันอยู่ แถมยังมีเสียงร้องไห้ออกมาด้วยสงสัยจะเจ็บมาก เป็นธรรมดามากครับที่เป็นแบบนี้ใครบ้างที่มาอยู่ในห้องนี้แล้วไม่เจ็บ แต่ไหนล่ะคนไข้ผมอยู่เตียงไหน ผมมองกวาดไปทุกเตียง แต่ละเตียงก็มีคนไข้นอนรอการรักษากันเต็มทุกเตียง

“เตียง 12 ค่ะคุณหมอนาคิน”

ผมพยักหน้ารับรู้ เตียงนั้นสินะเตียงที่คนรุมกันเยอะไปหมด หมอพวกนี้ไม่มีคนไข้คนอื่นให้ดูหรือไงมารุมคนไข้แค่คนเดียวกันทำไม

“ไม่ไม่เอา เจ็บ โอ้ย ไม่เอา” ผมเดินไปที่เตียงพยาบาลหันมาเห็นจึงหลีกทางให้ผม

ทันทีที่เห็นคนที่ร้องไห้อยู่บนเตียงใจผมหล่นวูบ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะมันปวดหนึบไปหมด เกิดอะไรขึ้น

Options

not work with dark mode
Reset